5. แหล่งเรยี นรูป้ ระเภทเทคนิค ส่งิ ประดิษฐค์ ิดค้น ไดแ้ ก่ ส่งิ ทแี่ สดงถึงความกา้ วหนา้ ทาง นวตั กรรม เทคโนโลยดี ้านตา่ ง ๆ ท่ไี ด้มีการประดิษฐค์ ิดคน้ หรือพัฒนาปรบั ปรุงข้ึนมาให้มนุษยไ์ ด้เรียนรู้ถึง ความกา้ วหนา้ เกิดจนิ ตนาการ แรงบนั ดาลใจ 6. แหล่งเรียนรู้ประเภทกิจกรรม ได้แก่ การปฏิบัตกิ ารด้านประเพณีวฒั นธรรม ตลอดจนการ ปฏิบัตกิ ารความเคล่ือนไหวเพ่ือแก้ปัญหา และปรบั ปรงุ พัฒนาสภาพต่าง ๆ ในท้องถนิ่ การที่มนุษยเ์ ข้าไปมสี ่วน ร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การรณรงค์ปอ้ งกนั ยาเสพตดิ การส่งเสรมิ การเลือกตัง้ ตามระบบประชาธปิ ไตย การ รณรงคค์ วามปลอดภยั ของเด็กและสตรใี นท้องถ่นิ แหลง่ เรยี นรู้ประเภทห้องสมดุ ห้องสมดุ เป็นแหลง่ เรยี นร้ทู ่ี สาคญั ประเภทหนึ่ง ท่จี ัดหา รวบรวมสรรพวิชาการต่าง ๆ ท่ีเกดิ ขน้ึ จากทวั่ โลกมาจัดระบบ และให้บริการแก่ กลมุ่ เปา้ หมายศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งตอ่ เน่ืองตลอดชวี ิตปจั จุบนั มีคาอืน่ ๆ ทหี่ นว่ ยงานตา่ ง ๆ ใช้ในความหมายของ คาว่า หอ้ งสมุด เช่น ห้องสมุดและศนู ย์สารสนเทศ สานกั บรรณาสารการพัฒนา สานกั บรรณสารสนเทศ สานกั หอสมดุ สานกั วทิ ยบรกิ าร เปน็ ตน้ ประเภทของแหลง่ เรียนรใู้ นชุมชนและแหล่งเรียนรใู้ กลต้ ัวแหล่งเรยี นรใู้ นชมุ ชนมกี ารแบ่งแยกตามลักษณะได้ 6 ประเภท ดังน้ี 1. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล ได้แก่ บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถด้านต่าง ๆ ที่สามารถถ่ายทอด ความรู้ ด้วยรูปแบบวิธีต่างๆที่ตนมีอยู่ ให้ผู้สนใจ หรือผู้ต้องการเรียนรู้ เช่น ผู้เช่ียวชาญในสาขาวิชาต่างๆ ผู้ อาวุโสท่ีมีประสบการณ์มามาก หรืออาจเป็นบุคคลที่ได้รับการแต่งต้ังเป็นทางการ มีบทบาทสถานะทางสังคม หรอื อาจเป็นบุคคลท่ีเป็นโดยการงานอาชีพ หรือบุคคลท่ีเป็นโดยความสามารถเฉพาะตัวหรือบุคคลท่ีได้รับการ แตง่ ตง้ั เป็นภูมิปญั ญา 2. แหล่งเรียนรู้ประเภทธรรมชาติ ได้แก่ สิ่งต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนโดยธรรมชาติและให้ประโยชน์ต่อมนุษย์ เช่น ดิน น้า อากาศ พืช สัตว์ ต้นไม้ แร่ธาตุ ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ อาจถูกจัดให้เป็นอุทยาน วนอุทยาน เขตรกั ษาพนั ธสุ์ ตั วป์ า่ สวนพฤกษศาสตร์ ศูนยศ์ ึกษาธรรมชาติ เปน็ ตน้ 3. แหล่งเรียนรู้ประเภทวัสดุและสถานที่ ได้แก่ อาคาร ส่ิงก่อสร้าง วัสดุอุปกรณ์ และสิ่งต่างๆท่ี ประชาชนสามารถศึกษาหาความรู้ให้ได้มาซึ่งคาตอบ หรือสิ่งที่ต้องการเห็น ได้ยิน สัมผัส เช่น ห้องสมุด ศาสน สถาน ศูนย์การเรียน พิพิธภัณฑ์ สถานประกอบการ ตลาด นิทรรศการ สถานท่ีทางประวัติศาสตร์ ชุมชนแห่ง การเรียนรตู้ า่ งๆ 4. แหล่งเรียนรู้ประเภทส่ือ ได้แก่ สิ่งท่ีทาหน้าที่เป็นส่ือกลางในการถ่ายทอดเนื้อหาความรู้สารสนเทศ ให้ถึงกัน โดยผ่านประสาทสัมผัสท้ังห้า ได้แก่ หู ตา จมูก ลิ้น กาย และใจ แหล่งเรียนรู้ประเภทน้ี ทาให้ ขบวนการเรียนรู้เปน็ ไปไดอ้ ย่างรวดเรว็ มปี ระสิทธภิ าพสงู ท้งั ส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์ สอ่ื สิ่งพิมพ์ สอ่ื โสตทัศนวสั ดุ 5. แหล่งเรียนรู้ประเภทเทคนิค สิ่งประดิษฐ์คิดค้น ได้แก่ ส่ิงที่แสดงถึงความก้าวหน้าทางนวัตกรรม เทคโนโลยีด้านต่างๆท่ีได้มีการประดิษฐ์คิดค้น หรือพัฒนาปรับปรุงข้ึนมา ให้มนุษย์ได้เรียนรู้ถึงความก้าวหน้า เกดิ จนิ ตนาการ แรงบันดาลใจ 6. แหล่งเรียนรู้ประเภทกิจกรรม ได้แก่ การปฏิบัติการด้านประเพณีวัฒนธรรม ตลอดจนการ ปฏิบัติการ ความเคลื่อนไหว เพื่อแก้ปัญหาและปรับปรุงพัฒนาสภาพต่างๆในท้องถ่ิน การที่มนุษย์เข้าไปมีส่วน ร่วมในกจิ กรรมต่างๆ เชน่ การรณรงค์ปอ้ งกนั ยาเสพตดิ การส่งเสริมการเลือกต้ังตามระบอบประชาธิปไตย
การรณรงค์ความปลอดภัยของเด็กและสตรีในท้องถิ่น ประเภทของแหล่งเรียนรู้แบ่งตามสาระลักษณะ กายภาพและวตั ถปุ ระสงค์ แบ่งได้เป็น 5 กลุม่ ดงั ต่อไปน้ี 1. กลุ่มบริการข้อมูล ได้แก่ ห้องสมุด อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์ ศูนย์การเรียนสถาน ประกอบการ 2. กลุม่ งานศลิ ปวัฒนธรรม ไดแ้ ก่ พิพิธภัณฑ์ อุทยานประวัติศาสตร์ อนสุ รณส์ ถาน อนสุ าวรีย์ศูนย์ วฒั นธรรม หอศลิ ป์ ศาสนสถาน เปน็ ตน้ 3. กลมุ่ ข้อมูลท้องถ่ิน ได้แก่ ภูมิปัญญา ปราชญ์ชาวบา้ น สอ่ื พืน้ บา้ น แหลง่ ท่องเทย่ี ว 4. กลุ่มสื่อ ได้แก่ วิทยุ วิทยุชุมชน หอกระจายข่าว โทรทัศน์ เคเบิลทีวี ส่อื อิเล็กทรอนิกส์อินเทอร์เน็ต หนังสืออิเล็กทรอนิกส์(e-book) กลุ่มสันทนาการ ได้แก่ ศูนย์กีฬา สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ ศูนย์ สันทนาการ เปน็ ต้น การศกึ ษาสารวจแหลง่ เรียนรใู้ นชุมชน/ใกลต้ ัว 1. ภูมิปญั ญา การจัดแบง่ ประเภท สาขาของภมู ปิ ัญญาไทย จากการศกึ ษา พบว่า ได้มีการกาหนดสาขาของภมู ิ ปัญญาไทยไว้อยา่ งหลากหลาย ข้นึ อยกู่ ับวัตถุประสงค์และหลกั เกณฑต์ ่างๆ ซ่ึงนักวิชาการแตล่ ะทา่ นได้กาหนด ไวใ้ นหนังสือสารานุกรมไทย โดยได้แบง่ ภูมปิ ัญญาไทย ได้เป็น 10 สาขา ดงั น้ี 1.1สาขาเกษตรกรรม หมายถึง ความสามารถในการผสมผสานองค์ความรู้ ทักษะและเทคนิคด้าน การเกษตรกบั เทคโนโลยี บนพ้ืนฐานคุณคา่ ดังเดมิ ซง่ึ ความสามารถพ่ึงพาตนเองในภาวการณ์ต่างๆได้ เช่น การ ทาการเกษตรแบบผสมผสาน วนเกษตร เกษตรธรรมชาติ ไร่นาสวนผสม และสวนผสมผสาน การแก้ปัญหา การเกษตรด้านการตลาด การแก้ปัญหาด้านการผลิต การแก้ไขปัญหาโรคและแมลงและการรู้จักปรับใช้ เทคโนโลยที ่ีเหมาะสมกบั การเกษตร เป็นตน้ 1.2สาขาอุตสาหกรรมและหัตถกรรม หมายถึง การรู้จักประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการแปร รูปผลิตผล เพ่อื ชะลอการนาเข้าตลาด เพ่ือแก้ปญั หาดา้ นการบรโิ ภคอย่างปลอดภัย ประหยัดและเป็นธรรม อัน เป็นขบวนการท่ีทาให้ชุมชนท้องถ่ินสามารถพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจได้ ตลอดทั้งการผลิตและการจาหน่าย ผลติ ผลทางหัตถกรรม เช่น การรวมกลุม่ ของกลมุ่ โรงงานยางพารา กลมุ่ โรงสีกลุ่มหตั ถกรรม เปน็ ต้น 1.3สาขาการแพทย์แผนไทย หมายถงึ ความสามารถในการจัดการป้องกันและรักษาสุขภาพของคน ในชุมชน โดยเน้นให้ชุมชน สามารถพึ่งพาตนเองทางด้านสุขภาพและอนามัยได้ เช่น การนวดแผนโบราณ การ ดแู ลและรักษาสขุ ภาพแบบพนื้ ฐาน การดูแลและรกั ษาสขุ ภาพแผนโบราณไทย เป็นตน้ 1.4 สาขาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมายถึง ความสามารถเก่ียวกับการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท้ังการอนุรักษ์ การพัฒนา และการใช้ประโยชน์จากคุณค่าของ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมอย่างสมดุลและย่ังยืน เช่น การทาแนวปะการังเทียม การอนุรักษ์ป่าชาย เลน การจดั การป่าต้นน้าและปา่ ชมุ ชน เป็นตน้
1.5 สาขากองทุนและธุรกิจชุมชน หมายถึง ความสามารถในการบริหารจัดการด้านการสะสมและ บริการกองทุน และธุรกิจในชุมชนทั้งท่ีเป็นเงินตราและโภคทรัพย์ เพื่อส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกใน ชมุ ชน เชน่ การจดั การเรือ่ งกองทุนของชมุ ชนในรปู ของสหกรณ์ออมทรัพย์และธนาคารหมบู่ ้าน เป็นต้น 1.6 สาขาสวัสดิการ หมายถงึ ความสามารถในการจัดสวัสดกิ ารในการประกนั คุณภาพชีวติ ของคนให้ เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เช่น การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลของชุมชน การจดั ระบบสวสั ดกิ ารบริการในชมุ ชน การจดั ระบบส่ิงแวดล้อมในชุมชน 1.7 สาขาศิลปกรรม หมายถึง ความสามารถในการผลิตผลงานทางด้านศิลปะสาขาต่างๆเช่น จิตรกรรม ประติมากรรม วรรณกรรม ทัศนศลิ ป์ คตี ศลิ ป์ ศิลปะมวยไทย เป็นตน้ 1.8 สาขาการจัดการองค์กร หมายถึง ความสามารถในการบริหารจัดการ ดาเนินงานขององค์กร ต่างๆ ให้สามารถพัฒนาและบริหารองค์กรของตนเองได้ตามบทบาทและหน้าที่ขององค์กร เช่นการจัดการ องคก์ รของกลมุ่ แม่บา้ น กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มประมงพ้ืนบ้าน เปน็ ตน้ 1.9 สาขาภาษาและวรรณกรรม หมายถึง ความสามารถด้านภาษา ท้ังภาษาถิ่น ภาษาโบราณ ภาษาไทย และการใช้ภาษาตลอดท้ังด้านวรรณกรรมทุกประเภท เช่น การจัดทาสารานุกรม ภาษาถิ่นการ ปรวิ รรตหนังสือโบราณ การฟ้ืนฟกู ารเรยี นการสอนภาษาถ่นิ ของท้องถน่ิ ต่างๆเปน็ ตน้ 1.10 สาขาศาสนาและประเพณี หมายถึง ความสามารถประยุกต์และปรับใช้หลักธรรมคาสอนทาง ศาสนา ความเช่อื และประเพณีด้ังเดิมที่มคี ุณค่า ใหเ้ หมาะสมต่อการประพฤติปฏิบตั ิ วิธกี ารศึกษาเรียนรู้จากภูมปิ ญั ญา 1. เรียนรูจ้ ากการเลา่ เร่ืองราว การเทศน์ 2. เรียนรจู้ ากการปฏบิ ัติจริง 3. เรยี นรู้จากการทาตาม เลยี นแบบ 4. เรียนร้จู ากการทดลอง ลองผดิ ลองถกู 5. เรยี นรู้จากการศกึ ษาด้วยตนเอง 6. เรียนรู้จากการต่อวิชา 7. เรียนรู้จากการสอนแบบกลมุ่ วิธกี ารถา่ ยทอดความรู้ของภูมิปัญญา อาจมีลักษณะแตกต่างกนั ตามเอกลกั ษณ์เฉพาะ ตัวการศึกษาเรียนรู้จากครูภูมิปัญญา จะช่วยทาให้ภูมิปัญญาความรู้หรือคุณค่าของท้องถ่ินได้รับการ สืบทอดและพัฒนาต่อไป ส่วนผู้ที่ศึกษาเล่าเรียนก็จะเห็นคุณค่าของส่ิงที่ดีงามในท้องถิ่นของตน ด้วยความรัก ความภาคภูมใิ จในท้องถนิ่ ของตน ภมู ิปญั ญาไทยจงึ ถือเป็นแหลง่ ข้อมลู การเรียนรทู้ ่ีสาคญั ของท้องถ่นิ 2. ศนู ย์การเรียนชมุ ชน ศูนย์การเรียนชุมชน สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเป็นแหล่งการ เรียนรู้สาคัญแห่งหน่ึง ท่ีสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยได้ดาเนินการจัดต้ัง ข้ึนในพื้นที่ระดับตาบลท่ัวประเทศ และเป็นแหล่งเรียนรู้ใกล้ตัวนักศึกษา เพ่ือให้เป็นแหล่งส่งเสริมการเรียนรู้
ตลอดชีวิตของประชาชนในชุมชน โดยเน้นการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของชุมชน มุ่งสร้างโอกาสและ ให้บริการการเรียนรู้อย่างหลากหลาย วิธีสนองความต้องการและเสนอทางเลือกในการพัฒนาตนเอง นาไปสู่ การพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยยึดหลักการชุมชนเป็นฐานของการพัฒนาศูนย์การเรียนชุมชน อาจแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ ไดแ้ ก่ 1. ศูนย์การเรียนชุมชน ได้แก่ สถานท่ีถ่ายทอดความรู้ ทาหน้าท่ีเป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในชุมชน เพ่ือสร้างโอกาสในการเรียนรู้ การถ่ายทอดและเป็น เวทแี ลกเปลีย่ นประสบการณ์ วทิ ยาการ ตลอดจนภูมปิ ัญญาของชุมชน 2. ศูนย์การเรียนชุมชนประจาตาบล ได้แก่ ศูนย์การเรียนชุมชนประจาตาบลท่ีได้รับคัดเลือกให้ทา หนา้ ท่ีเปน็ ศูนย์กลางประสานงานกับศนู ย์การเรียนชุมชนและหน่วยงาน หรือองค์กร หรือกล่มุ ตา่ งๆในชมุ ชน ใน การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในตาบลอีกหน้าที่หนึ่งนอกเหนือจากบทบาทหน้าท่ีของ ศนู ยก์ ารเรียนชมุ ชน วตั ถปุ ระสงค์ของศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน 1. เพื่อเป็นศนู ย์กลางการเรียนรแู้ ละจดั กิจกรรมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศัย เพ่ือใหป้ ระชาชนได้รับการสง่ เสริมใหเ้ รียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชวี ิต 2. เพื่อสรา้ งเสริมกระบวนการเรยี นรใู้ นชุมชน 3. เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้สาหรบั ประชาชนในชุมชน 4. เพ่ือใหช้ ุมชนมสี ่วนร่วมในการบริหารจัดการ และจัดการศึกษาใหก้ บั ชมุ ชนเอง 3. ห้องสมุดประชาชน ห้องสมุดประชาชน หมายถึง สถานที่จัดหา รวบรวมทรัพยากรสารสนเทศ เพื่อการอ่านการศึกษา ค้นคว้าทุกชนิด มีการจัดระบบหมวดหมู่ตามหลักสากลเพ่ือการบริการ และจัดบริการอย่างกว้างขวางแก่ ประชาชนในชุมชน สงั คม ในประเทศและตา่ งประเทศ โดยไมจ่ ากัดเพศ วัย ความรเู้ ชื้อชาติ ศาสนา รวมทง้ั การ จดั กิจกรรมสง่ เสรมิ การอา่ น การศกึ ษาคน้ คว้าโดยไมค่ ดิ มูลค่า โดยรฐั เป็นผู้สนบั สนุนทางการเงิน และมบี คุ ลากร ท่ีมีความรูท้ างบรรณารกั ษ์ศาสตรเ์ ป็นผ้ดู าเนนิ การ 4. พพิ ิธภณั ฑ์ ศาสนสถานและอุทยานแหง่ ชาติ พพิ ิธภัณฑ์ เปน็ แหลง่ เรียนรู้ทีร่ วบรวม รักษา คน้ คว้า วิจัย และจดั แสดงวตั ถสุ ่ิงของทีส่ ัมพันธ์กบั มนุษย์ และส่ิงแวดล้อม เป็นบริการการศึกษาท่ีให้ท้ังความรู้และความเพลิดเพลินแก่ประชาชนทั่วไป เน้นการจัด กิจกรรมการศึกษาที่เอ้ือให้ประชาชนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างอิสระเป็นสาคัญศาสนสถาน วัด โบสถ์ มัสยิด เป็นศาสนสถานที่เป็นรากฐานของวัฒนธรรมในด้านต่างๆ เป็นศูนย์กลางและส่วนประกอบที่สาคัญใน การทากิจกรรมท่ีหลากหลายของชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้ท่ีมีค่ามากในทุกด้าน เช่น การให้การอบรมตามคาส่ัง สอนของศาสนา การให้การศึกษาด้านวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรมต่างๆ นับว่าเป็นการให้ การศึกษาทางออ้ มแก่ประชาชน วัด โบสถ์และมัสยิด ที่เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่สาคัญ เช่น วัดพระเชตพุ นวิมลมัง
คลาราม ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย ที่เป็นแหล่งเรียนรู้สาคัญด้วยการนวดแผนโบราณเพื่อรักษาโรค ตารายาสมนุ ไพร วดั พระศรีรตั นศาสดารามเปน็ แหล่งเรียนรู้ ดา้ นจติ รกรรมฝาผนังเร่อื งรามเกียรติ์ 5. ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ คอมพิวเตอร์ (Computer) หมายถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหน่ึงท่ีสามารถรับโปรแกรมและ ข้อมูล ประมวลผล สอื่ สารเคลอื่ นย้ายข้อมูลและแสดงผลลัพธ์ได้ เทคโนโลยี (technology)หมายถึง การนาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์หรือความรู้ด้านอื่น ๆมา ประยกุ ตใ์ ช้งานดา้ นใดด้านหนึง่ เพื่อใหง้ านนั้นมีความสามารถและมีประสิทธิภาพเพ่ิมข้ึน สารสนเทศ (Information)หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านกระบวนการเก็บรวบรวม และเรียบเรียงที่เป็น ประโยชน์ตอ่ ผู้ใช้ หอ้ งสมุดโดยทว่ั ไปแบ่งออกเปน็ 5 ประเภท ดงั น้ี 1. หอสมดุ แหง่ ชาตินบั เปน็ หอ้ งสมดุ ท่ีใหญท่ สี่ ุดในประเทศดาเนนิ การโดยรฐั บาล ทาหนา้ ท่ีหลกั คือ รวบรวมหนังสือสงิ่ พิมพ์ และสื่อความรู้ ทกุ อย่างทผ่ี ลดิ ขนึ้ ในประเทศ และทุกอยา่ งท่เี กย่ี วกับประเทศ ไม่วา่ จะ จดั พิมพใ์ นประเทศใดภาษาใด ทัง้ นเ้ี ปน็ การอนรุ กั ษส์ ่ือความรู้ ซงึ่ เปน็ ทรพั ยส์ ินทางปญั ญาของชาติมิให้สญู ไป และใหม้ ีไว้ใช้ในอนาคต นอกจากรวบรวมส่ิงพิมพใ์ นประเทศแลว้ กม็ ีหน้าทีร่ วบรวมหนังสอื ที่มีคุณคา่ ซ่ึงพิมพ์ ในประเทศอืน่ ไว้เพื่อการคน้ ควา้ อ้างอิง ตลอดจนทาหน้าทเี่ ป็นศนู ย์รวบรวมบรรณานกุ รมต่าง ๆ และจดั ทา บรรณานกุ รมแห่งชาติออกเผยแพร่ใหท้ ราบท่วั กนั ว่ามีหนังสืออะไรบา้ งที่ผลิตข้ึนในประเทศ หอสมุดแห่งชาตจิ งึ เปน็ แหล่งใหบ้ รกิ ารทางความร้แู กค่ นท้ังประเทศ ชว่ ยเหลอื การคน้ ควา้ วจิ ยั ตอบคาถาม และให้คาแนะนา ปรึกษาเกย่ี วกับหนงั สอื 2. หอ้ งสมดุ ประชาชน ห้องสมุดประชาชนดาเนินการโดยรฐั อาจจะเปน็ รัฐบาลกลาง รัฐบาล ท้องถนิ่ หรอื เทศบาล แลว้ แต่ระบบการปกครอง ตามความหมายเดมิ ห้องสมดุ ประชาชนเปน็ หอ้ งสมุดท่ี ประชาชนต้องการใหม้ ีในชมุ ชนหรือเมอื งที่เขาอาศยั อยู่ ประชาชนจะสนบั สนนุ โดยยินยอมใหร้ ฐั บาลจ่ายเงนิ รายได้จากภาษีต่าง ๆ ในการจัดต้งั และดาเนนิ การห้องสมดุ ประเภทน้ใี ห้เปน็ บริการของรัฐ จึงมไิ ดเ้ รยี ก ค่าตอบแทน เช่น คา่ บารุงห้องสมดุ หรอื ค่าเช่าหนังสือท้ังนี้เพราะถอื ว่าประชาชนไดบ้ ารงุ แล้ว โดยการเสยี ภาษี รายได้ให้แกป่ ระเทศ หนา้ ที่ของห้องสมดุ ประชาชนก็คือ ให้บรกิ ารหนงั สือและสือ่ อนื่ ๆ เพ่อื การศึกษาตลอดชวี ิต บริการข่าวและเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ทป่ี ระชาชนควรทราบสง่ เสรมิ นิสยั รักการอ่านและการรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็น ประโยชน์ ใหข้ า่ วสาร ขอ้ มลู ท่ีจาเป็นต้องใชใ้ นการปฏบิ ตั ิงานและการพฒั นาดา้ นต่าง ๆ 3. หอ้ งสมดุ ของมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย เป็นหอ้ งสมุดท่ีตัง้ อยู่ในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา ทาหน้าทสี่ ง่ เสริมการเรียนการสอนตามหลักสตู รโดยการจัดรวบรวมหนงั สือและสอ่ื ความร้อู ื่น ๆ ในหมวดวชิ า ตา่ ง ๆ ตามหลกั สูตร ชว่ ยเหลือในการคน้ ควา้ วจิ ยั ของอาจารยแ์ ละผเู้ รียน สง่ เสริมพฒั นาการทางวิชาการของ อาจารยแ์ ละผู้เรียน และชว่ ยจัดทาบรรณานุกรมและดรรชนสี าหรับค้นหาเร่ืองราวที่ต้องการ แนะนาผเู้ รียนใน การใช้หนงั สอื อ้างองิ บตั รรายการและคู่มือสาหรบั การค้นเร่ือง 4. ห้องสมดุ โรงเรยี น เปน็ หอ้ งสมดุ ทต่ี ง้ั อยู่ในโรงเรียนมัธยมและโรงเรียนประถมศึกษา มหี นา้ ที่ สง่ เสริมการเรยี นการสอนตามหลักสตู ร โดยการรวบรวมหนังสอื และสื่อความรู้อื่น ๆ ตามรายวิชา แนะนา สอน การใชห้ อ้ งสมดุ แก่นักเรยี น จดั กจิ กรรมส่งเสรมิ นสิ ัยรักการอ่าน แนะนาให้รู้จกั หนังสือท่ีควรอา่ น ให้ร้จู ักวธิ ี ศกึ ษาค้นควา้ หาความรดู้ ว้ ยตนเอง ใหร้ จู้ กั รักและถนอมหนังสือ และเคารพสิทธิของผู้อ่ืนในการใช้หอ้ งสมุดและ
ยืมหนงั สือซง่ึ เป็นสมบัติของทุกคนร่วมกัน ร่วมมือกับครูอาจารยใ์ นการจัดชัว่ โมงใชห้ อ้ งสมดุ จัดหนงั สือ และสื่อ การสอนอ่ืน ๆ ตามรายวิชาให้แกค่ รูอาจารย์ 5. ห้องสมดุ เฉพาะ เป็นห้องสมดุ ซ่ึงรวบรวมหนงั สอื ในสาขาวชิ าบางสาขาโดยเฉพาะ มกั เป็นสว่ น หนงึ่ ของหน่วยราชการ องค์การ บริษทั เอกชน หรือธนาคาร ทาหน้าที่จัดหาหนงั สือและใหบ้ รกิ ารความรขู้ ้อมูล และขา่ วสารเฉพาะเรอ่ื งทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการดาเนินงานของหนว่ ยงานนั้น ๆ ห้องสมุดเฉพาะจะเน้นการรวบรวม รายงานการค้นควา้ วจิ ัย วารสารทางวชิ าการ และเอกสารเฉพาะเรื่องที่ผลติ เพื่อการใชใ้ นกลุ่มนกั วิชาการบรกิ าร ของห้องสมดุ เฉพาะจัดพมิ พ์ข่าวสารเก่ยี วกับส่งิ พมิ พเ์ ฉพาะเรอ่ื งส่งให้ถึงผู้ใช้จัดสง่ เอกสารและเรื่องย่อของ เอกสารเฉพาะเร่อื งใหถ้ งึ ผู้ใช้ตามความสนใจเป็นรายบุคคล หอ้ งสมุดประชาชน ในท่ีน้จี ะกล่าวถงึ ห้องสมดุ ประชาชนเป็นหลกั เนอื่ งจากเปน็ ห้องสมุดท่ใี หบ้ ริการ ในทุกอาเภอและใน กทม.บางเขต หรือใหบ้ ริการประชาชนทั่วไป และอยู่ในชมุ ชนใกลต้ ัวผู้เรียนมากท่สี ุด หอ้ งสมดุ ประชาชน หมายถงึ สถานทีจ่ ัดหา รวบรวมทรัพยากรสารสนเทศ เพื่อการอา่ นและการศึกษาค้นคว้า ทกุ ชนิด ทกุ ประเภท มีการจัดระบบหมวดหมู่ตามหลักสากล เพือ่ การบริการและจัดบริการอย่างกว้างขวางแก่ ประชาชนในชมุ ชน สงั คม โดยไม่จากัดเพศ วัย ความรู้ เชื้อชาตศิ าสนา รวมท้งั การจดั กิจกรรมส่งเสรมิ การอ่าน โดยมบี รรณารักษศาสตรเ์ ปน็ ผ้อู านวยความสะดวกห้องสมุดประชาชนดาเนินการโดยหน่วยงานตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ สานกั งาน กศน. (ห้องสมุดประชาชนทั่วประเทศ) กรุงเทพมหานคร (ห้องสมุดประชาชนในเขต กทม.) เทศบาล (ห้องสมดุ ประชาชนเทศบาล) เป็นต้น ประเภทของห้องสมดุ ประชาชน (สังกดั สานกั งาน กศน.) ห้องสมุดประชาชน แบง่ ตามขนาดไดเ้ ปน็ 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ 1. หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดใหญ่ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชนจงั หวดั ส่วนใหญต่ ัง้ อยใู่ นเขตอาเภอ เมือง และหอสมุดรชั มังคลาภิเษกพระราชวังไกลกังวล หวั หนิ ซ่งึ มลี กั ษณะอาคารส่วนใหญเ่ ปน็ 2 ชัน้ ชัน้ บน จดั บรกิ ารหนงั สือ เอกสาร และสอื่ เก่ียวกับการศึกษาตามหลักสูตรระดบั ตา่ ง ๆโดยจัดเป็นห้องการศึกษานอก โรงเรยี นและหอ้ งโสตทัศนศึกษา หอ้ งหรือมมุ หนงั สือมหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง และหอ้ งหรือมุมศนู ยข์ ้อมลู ชมุ ชนท้องถน่ิ เป็นตน้ สว่ นช้ันลา่ งจัดเปน็ ชน้ั หนังสอื และบริการหนงั สือ เอกสาร ส่ือ ความรู้ทางงวิชาการ สารคดโี ดยท่วั ไปและจัดบริการหนงั สือสาหรับเด็ก ส่ือสาหรับเด็ก เยาวชน มุมจัดกจิ กรรม สาหรับเดก็ 2. หอ้ งสมุดประชาชนขนาดกลาง ได้แก่ ห้องสมดุ ประชาชน “เฉลมิ ราชกุมารี” ลักษณะอาคาร เปน็ 2 ชน้ั มรี ปู แบบอาคารเหมือนกนั เกอื บทกุ แหง่ ชั้นบนจัดเป็นห้องศูนย์ข้อมูลท้องถิ่นบริการเก่ียวกบั ขอ้ มลู ชมุ ชน หอ้ งการศึกษานอกโรงเรยี น บริการสอื่ ความรหู้ ลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนทุกหลักสูตร ทกุ ประเภท ตลอดจนห้องโสตทัศนศึกษาและห้องการศึกษาดาวเทยี มไทยคม และห้องสาคัญทส่ี ดุ ห้องหนึง่ คอื ห้องเฉลิมพระ เกียรตฯิ จัดบริการข้อมูลเกี่ยวกับพระราชประวตั ิ พระราชกรณยี กิจโครงการในพระราชดาริหนังสือพระราช นิพนธข์ องสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและพระราชวงศ์ทเ่ี กี่ยวข้อง เป็นต้น ชัน้ ล่าง จดั บรกิ ารมมุ เด็กซึ่งประกอบด้วยส่ือความร้สู าหรับเด็กเครื่องเลน่ พัฒนาความพร้อม ส่ือความรู้ทุกประเภท รวม ทั้งเปน็ ทจ่ี ดั กจิ กรรมสาหรับเดก็ และจัดสื่อเอกสารหนังสือวชิ าการ สารคดี ความรทู้ ่วั ไปสาหรบั ผู้ใหญ่ ประชาชนทวั่ ไปห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” เปน็ ห้องสมดุ ที่ได้พระราชทานพระราชานุญาตจาก สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสทที่ รงมีพระชนมายุครบ 36 พรรษาและพระองค์ ทรงเสดจ็ เปิดห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ทุกแห่งดว้ ยพระองค์เอง
3. หอ้ งสมดุ ประชาชนขนาดเล็ก ได้แก่ ห้องสมุดประชาชนอาเภอทวั่ ไป จัดบรกิ ารหนงั สือ และสื่อความรูป้ ระเภทต่าง ๆ จัดมุมเด็กและครอบครัว มมุ วารสารหนังสอื พิมพ์ มุมการศึกษานอกโรงเรียนและ หนงั สือวิชาการ สารคดที ว่ั ไป รวมท้งั หนังสืออา้ งองิ เป็นต้น ทกั ษะการเข้าถงึ สารเทศของหอ้ งสมดุ ประชาชน ปจั จุบนั ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยี ช่วยลด ขัน้ ตอนการหาข้อมลู ของห้องสมดุ ประชาชนผเู้ รียนสามารถคน้ หาได้จากอินเทอร์เน็ต ว่ามีหอ้ งสมุดประชาชนที่ ใดบ้าง สถานท่ตี ั้ง เวลาเปดิ -ปิดหมายเลขโทรศัพท์ กจิ กรรมท่ีให้บริการ ชว่ ยใหผ้ ู้ใชส้ ะดวกและสามารถเข้าถงึ หอ้ งสมุดได้ง่ายห้องสมุดทุกประเภททุกชนดิ จะมีการจดั ระบบหมวดหมขู่ องสารสนเทศ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ สาคญั เพ่ือใหป้ ระชาชนเข้าถึงสง่ิ ทตี่ ้องการสนใจไดง้ า่ ย สะดวกรวดเรว็ และสะดวกในการบรหิ าร จดั การหอ้ งสมุดเพ่ือการบรกิ ารกลุม่ เปา้ หมายในระยะยาวระบบหมวดหมทู่ ี่ห้องสมดุ นามาใชจ้ ะเปน็ ระบบสากล ทท่ี ่ัวโลกใช้ และเหมาะกับกลุ่มเปา้ หมายเข้าถึงได้งา่ ย ระบบทน่ี ิยมใช้ในประเทศไทยเปน็ ส่วนใหญ่ มี 2 ระบบ ได้แก่ ระบบ ทศนยิ มของดิวอ้ี ซง่ึ ใชต้ วั เลขอารบกิ เป็นสญั ลักษณ์ แทนหมวดหมู่สารสนเทศ นิยมใชใ้ นหอ้ งสมุด ประชาชนกบั อีกระบบหน่ึง ไดแ้ ก่ระบบรัฐสภาอเมรกิ นั ใช้อกั ษรโรมนั (A-Z) เป็นสญั ลักษณ์ นยิ มใช้ในห้องสมดุ มหาวทิ ยาลยั ระบบทศนยิ มของดวิ อี้ แบ่งความรู้ในโลกออกเปน็ หมวดหมจู่ ากหมวดใหญ่ไปหาหมวดย่อย จาก หมวดยอ่ ยแบง่ เปน็ หมยู่ อ่ ย และหมยู่ ่อยๆ โดยใชเ้ ลขอารบิก0-9 เปน็ สัญลักษณ์ ดังน้ี 000 สารวิทยาความร้เู บด็ เตล็ดท่ัวไป 100 ปรัชญาและวชิ าที่เกย่ี วข้อง 200 ศาสนา 300 สงั คมศาสตร์ 400 ภาษาศาสตร์ 500 วทิ ยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์บรสิ ทุ ธิ)์ 600 เทคโนโลยี (วิทยาศาสตรป์ ระยกุ ต์) 700 ศลิ ปกรรมและการบันเทิง 800 วรรณคดี 900 ภมู ศิ าสตร์และประวตั ิศาสตร์ ระบบรัฐสภาอเมริกา (Library of Congress Classification)หอ้ งสมุดมหาวิทยาลัยในประเทศไทยสว่ นใหญใ่ ช้ ระบบหอสมดุ รัฐสภาอเมริกัน ซึง่ ปรบั ปรุงและพัฒนาโดย เฮอรเ์ บิรด์ พทั นัม (HerbirtPutnum) เม่อื ปี พ.ศ. 2445 ระบบหอสมุดรฐั สภาอเมริกันแบ่งหมวดหมู่วิชาออกเป็น 20 หมวด ใชอ้ กั ษรโรมันตวั ใหญ่A-Z ยกเว้นตัวอักษร I, O, W, X, Y เพอื่ สาหรบั การขยายหมวดหมูว่ ิชาการใหม่ ๆ ในอนาคตตารางการแบ่งหมวดหมู่หนังสอื ระบบ หอสมดุ อเมรกิ ัน แบ่งหมวดหมู่วิชาการเปน็ 20 หมวดใหญ่ ดังน้ี 1. หมวด A :ความรทู้ ั่วไป 2. หมวด B :ปรัชญา ศาสนา 3. หมวด C :ประวตั ศิ าสตร์ 4. หมวด D :ประวัติศาสตรส์ ากล 5. หมวด E-F :ประวัติศาสตรอ์ เมรกิ า 6. หมวด G :ภูมิศาสตร์ มานษุ ยวิทยา คติชนวิทยา 7. หมวด H :สงั คมศาสตร์
8. หมวด J :รัฐศาสตร์ 9. หมวด K :กฎหมาย 10. หมวด L :การศกึ ษา 11. หมวด M :ดนตรี 12. หมวด N :ศลิ ปกรรม 13. หมวด P :ภาษาและวรรณคดี 14. หมวด Q :วทิ ยาศาสตร์ 15. หมวด R :แพทยศาสตร์ 16. หมวด S :เกษตรศาสตร์ 17. หมวด T :เทคโนโลยี 18. หมวด U :วชิ าการทหาร 19. หมวด V :นาวิกศาสตร์ 20. หมวด Z :บรรณารกั ษศาสตร์ สาหรบั ห้องสมุดประชาชนซ่ึงผู้ใชบ้ ริการเป็นประชาชนทวั่ ไป การจดั หมวดหมู่หนงั สือ นอกจากระบบดังกลา่ วแลว้ ยงั มีชอ่ื หมวด หนงั สือและสอ่ื เพ่ือเพม่ิ ความสะดวกในการคน้ หา เช่น นวนิยาย เรอื่ งส้ันสาร คดี ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ กฬี า นันทนาการ เป็นต้น การเข้าถึงสารสนเทศห้องสมุดประชาชน ห้องสมดุ ประชาชนมหี ลากหลายสังกัด เชน่ สังกดั สานักงาน กศน. สังกดั กรงุ เทพมหานครสังกัด เทศบาล การจัดระบบการสืบค้นหอ้ งสมดุ ประชาชนได้อานวยความสะดวกในการสืบคน้ สารสนเทศ ดงั นี้ 1. การใช้โปรแกรมเพื่อการสืบค้น ในยคุ ปจั จบุ ัน สานกั งาน กศน. ได้พัฒนาโปรแกรมเพ่ือบริหาร จดั การงานหอ้ งสมดุ ให้ครบวงจร เชน่ ข้อมูลหนงั สอื สือ่ ข้อมลู สมาชิก ข้อมลู อ่นื ๆ ดงั นั้นหากผู้ใชบ้ รกิ าร ตอ้ งการรูว้ า่ มีหนังสอื หรือสื่อทต่ี ้องการในห้องสมุดแห่งนั้นหรอื ไม่ ก็สามารถคน้ หาได้ดว้ ยโปรแกรมดงั กล่าว ซ่งึ ห้องสมุดจะมคี อมพิวเตอร์ใหส้ บื ค้นไดด้ ้วยตนเอง โดยพมิ พ์คาทเ่ี กีย่ วข้องกบั หนงั สือ เช่น ประวัตศิ าสตร์ สตั ว์ เลย้ี งลูกด้วยนม การศึกษา โลกร้อน ฯลฯ สว่ น รายละเอยี ดวิธีการใช้โปรแกรม สามารถศึกษาไดจ้ ากหอ้ งสมุดประชาชนแหง่ นั้น 2. การสืบคน้ ข้อมูลสารสนเทศด้วยบัตรรายการห้องสมุดประชาชนบางแห่งอาจยังจดั บรกิ ารสบื คน้ ด้วยบัตรรายการ ซ่ึงมีลักษณะเป็นบัตรแข็ง เกบ็ ไว้ในล้ินชักในตู้บตั รรายการ การใช้แหล่งเรียนรผู้ า่ นเครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต มารจู้ กั อินเทอรเ์ น็ตกนั เถอะ 1. อนิ เทอรเ์ น็ต (Internet) คืออะไร 1ถ้าจะถามว่าอินเทอรเ์ นต็ (Internet) คอื อะไร ก็คงจะตอบไดไ้ ม่ชดั เจน คงตอบได้กวา้ งๆ วา่ คือ 1) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) ขนาดใหญ่ซงึ่ เกิดจากนาเอาคอมพิวเตอร์ และเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรจ์ ากทัว่ โลกมาเช่ือมต่อกันเป็นเครอื ขา่ ยเดยี วกนั โดยใช้ข้อตกลงในการสอ่ื สารระหว่าง คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายหรือใชภ้ าษาสือ่ สารหลัก (Protocol) เดียวกนั คือTCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol) 2) เป็นแหลง่ ข้อมูลขนาดใหญใ่ ชเ้ ปน็ เครื่องมอื ในการค้นหาข้อมูลทตี่ ้องการไดเ้ กอื บทกุ ประเภท เป็น เครอ่ื งมอื ส่ือสารของคนทุกชาตทิ ุกภาษาทว่ั โลก และ 3) เป็นเส่อื (Media) เผยแพรข่ ้อมูลไดห้ ลายประเภท เช่น ส่ือสิง่ พิมพ์, ส่ือโทรทศั น์ สื่อวิทยุ สอื่ โทรศพั ท์ เป็นต้น
2. อินเทอรเ์ นต็ สาคัญอยา่ งไร เทคโนโลยสี นเทศ (Information Technology) หลายประเทศท่วั โลกกาลงั ให้ความสาคัญ เทคโนโลยสี ารสนเทศ หรือเรียกโดยยอ่ วา่ “ไอที (IT) ซึง่ หมายถงึ ความร้ใู นวิธีการประมวลผล จดั เกบ็ รวบรวม เรียกใช้ และนาเสนอข้อมลู ด้วยวิธกี ารทางอเิ ล็กทรอนิกส์ เครื่องมือท่ีจาเปน็ ต้องใชส้ าหรับงานไอที คือ คอมพิวเตอร์ อปุ กรณ์ส่อื สาร โทรคมนาคม โครงสร้างพืน้ ฐานด้านการส่ือสาร ไมว่ ่าจะเป็นสายโทรศพั ท์ ดาวเทยี ม หรอื เคเบ้ลิ ใยแก้วนาแสง อินเทอร์เน็ตเปน็ เครอ่ื งมอื สาคัญอย่างหน่ึงในการประยุกต์ใช้ไอที หากเรา จาเปน็ ตอ้ งอาศยั ข้อมลู ขา่ วสารในการทางานประจาวนั อนิ เทอรเ์ นต็ จะเป็นชอ่ งทางที่ทาใหเ้ ราเข้าถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสารหรอื เหตุการณค์ วามเป็นไปต่างๆ ท่ัวโลกที่เกิดขึน้ ไดใ้ นเวลา อนั รวดเร็ว ในปัจจบุ นั สามารถสืบค้นข้อมูลไดง้ า่ ยๆ กว่าสื่ออ่ืนๆ อินเทอรเ์ น็ตเป็นแหล่งรวบรวมขอ้ มลู แหล่ง ใหญท่ ีส่ ุดของโลก และเป็นที่รวมทงั้ บริการเคร่อื งมือสบื ค้นข้อมลู หลายประเภท จนกระทั่งกล่าวไดว้ า่ อินเทอร์เนต็ เป็นเคร่ืองมือสาคญั อย่างหนงึ่ ในการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีสารสนเทศทัง้ ในระดับบคุ คลและองค์กร 3. ความหมายของอินเทอร์เนต็ อนิ เทอรเ์ น็ต(องั กฤษ : Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอรข์ นาดใหญ่ ท่ีมกี ารเชื่อมต่อ ระหวา่ งเครอื ขา่ ยหลายๆ เครือขา่ ยทว่ั โลก โดยใชภ้ าษาที่ใช้ส่ือการกนั ระหว่างคอมพิวเตอร์ทีเ่ รยี กว่า โพรโทร คอล (Protocol) ผใู้ ชเ้ ครือขา่ ยน้ีสามารถส่ือสารถึงกันได้ในหลายๆ ทาง อาทิเช่น อเี มล์(E-mail), เวบ็ บอรด์ (Web bord), แชทรูม (Chat room) การสบื ค้นข้อมลู และข่าวสารต่างๆ รวมทัง้ คัดลอกแฟม้ ขอ้ มูลและ โปรแกรมมาใช้ได้ อนิ เทอร์เนต็ ในลกั ษณะเปน็ แหล่งเรียนร้สู าคัญในโลกปัจจบุ นั ถา้ จะพูดถึงว่าอนิ เทอรเ์ นต็ มีความจาเป็นและเป็นแหล่งเรยี นรทู้ ่ีสาคัญทส่ี ุดคงจะไมผ่ ิดนักเพราะเรา สามารถใชช้ อ่ งทางน้ีทาอะไรได้มากมายโดยทเ่ี ราก็คาดไมถ่ งึ ถา้ อย่างน้ันลองมาดวู วิ ่าอนิ เทอรเ์ น็ตมีความสาคัญ อยา่ งไรกับเราในโลกปจั จบุ ัน 1. เหตุผลสาคัญทที่ าให้แหล่งเรยี นรู้ผ่านเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ไดร้ ับความนิยมแพรห่ ลาย คือ 1. การสื่อสารบนอนิ เทอร์เน็ตเป็นแหล่งเรยี นรู้ท่ไี มจ่ ากดั ระบบปฏบิ ัตกิ ารของเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์ที่ตา่ งระบบปฏบิ ัติการก็สามารถติดต่อสอ่ื สารกันได้ 2. แหลง่ เรียนร้ผู า่ นเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ตไม่มขี ้อจากัดในเร่ืองของระยะทาง ไม่วา่ จะอยู่ภายใน อาคารเดียวกันห่างกนั คนละมุมโลก ข้อมูลกส็ ามารถสง่ ผ่านถึงกนั ได้ดว้ ยเวลารวดเรว็ 3. อนิ เทอร์เน็ตไม่จากัดรูปแบบของขอ้ มลู ซงึ่ มีได้ทัง้ มลู มลู ทเี่ ป็นข้อความอยา่ งเดียว หรอื อาจมี ภาพประกอบ รวมไปถึงข้อมูลชนิดมลั ติมเี ดยี คือมีท้งั ภาพเคลือ่ นไหวและมเี สียงประกอบด้วยได้ 2. หนา้ ที่และความสาคญั ของแหล่งเรียนรู้อินเทอร์เนต็ การส่อื สารในยุคปจั จบุ นั ที่กลา่ วขานกันวา่ เป็นยุคไร้พรมแดนน้ัน การเข้าถงึ กลมุ่ เป้าหมายจานวนมากๆ ไดใ้ นเวลาอนั รวดเรว็ และใชต้ น้ ทนุ ในการลงทนุ ต่า เปน็ ส่ิงท่พี งึ ปรารถนาของทกุ หน่วยงานและอนิ เทอร์เน็ตเปน็ สือ่ ทสี่ ามารถตอบสนองตอ่ ความต้องการ ดงั กล่าวได้ จงึ เปน็ ความจาเป็นทท่ี ุกคนตอ้ งใหค้ วามสนใจและปรบั ตัวใหเ้ ข้ากับเทคโนโลยีใหมน่ ี้ เพื่อจะได้ใช้ ประโยชน์จากเทคโนโลยดี ังกล่าวอย่างเต็มท่ี อนิ เทอรเ์ นต็ ถือเปน็ ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรส์ ากลที่เช่ือมต่อเขา้ ดว้ ยกัน ภายใตม้ าตรฐานการส่ือสาร เดยี วกนั เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสอื่ สารและสบื ค้นสารสนเทศจากเครือข่ายตา่ งๆ ทั่วโลก ดังน้นั อนิ เทอร์เน็ตจงึ เปน็ แหล่งรวมสารสนเทศจากทกุ มมุ โลก ทุกสาขาวชิ า ทุกด้าน ท้งั บนั เทงิ และวิชาการตลอดจนการประกอบ ธุรกิจตา่ งๆ
3. ความสาคญั ของแหล่งเรียนรอู้ ินเทอรเ์ น็ตกับงานด้านต่างๆ ดา้ นการศกึ ษา 1. สามารถใช้เป็นแหลง่ ค้นคว้าหาข้อมลู ไม่วา่ จะเป็นข้อมลู ทางวิชาการ ขอ้ มูลดา้ นการเมืองดา้ น การแพทย์ และอ่ืนๆ ท่ีน่าสนใจ 2. ระบบเครือข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ จะทาหนา้ ทเ่ี สมือนเป็นหอ้ งสมุดขนาดใหญ่ 3. ผูใ้ ช้สามารถใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ตดิ ต่อกบั แหล่งเรียนรู้อ่นื ๆ เพ่ือค้นหาขอ้ มูลทก่ี าลังศกึ ษาอยู่ได้ทง้ั ที่ ข้อมลู ท่ีเป็นข้อความ เสียง ภาพเคลอื่ นไหวต่างๆ เป็นต้น ดา้ นธุรกจิ และการพาณิชย์ 1. ในการดาเนนิ งานทางธรุ กิจ สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ เพือ่ ชว่ ยในการตดั สนิ ใจทางธุรกจิ 2. สามารถซื้อขายสนิ คา้ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต 3. บรษิ ทั หรือองคก์ รต่าางๆ กส็ ามารถเปดิ ใหบ้ รกิ ารและสนบั สนุนลูกคา้ ของตนผา่ นระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ตได้ เช่น การใหค้ าแนะนา สอบถามปัญหาตา่ งๆ ใหแ้ ก่ลูกค้า แจกจา่ ยตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นตน้ ดา้ นการบันเทงิ 1. การพักผอ่ นหย่อนใจ สันทนาการ เชน่ การค้นหาวารสารตา่ งๆ ผา่ นระบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตท่ี เรยี กวา่ Magazine Online รวมท้ังหนังสอื พมิ พ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบที่จอคอมพวิ เตอร์ เหมือนกับวารสารตามรา้ นหนังสอื ท่ัวๆ ไป 2. สามารถฟังวิทยผุ า่ นระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ ได้ 3. สามารถดึงข้อมลู (Download) ภาพยนตรต์ วั อยา่ งท้งั ภาพยนตร์ใหม่และเก่ามาดูไดจ้ ากเหตุผล ดังกล่าว พอจะสรุปได้ว่ อินเทอร์เนต็ มคี วามสาคญั ในรูปแบบ ดงั น้ี 3.1 การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศท่ีทันสมยั 3.2 การติดตอ่ ส่อื สารที่สะดวกและรวดเร็ว 3.3 แหลง่ รวบรวมขอ้ มูลแหล่งใหญ่ท่ีสดุ ของโลก โดยสรุปอนิ เทอร์เน็ตไดน้ ามาใชเ้ ครื่องมือท่ี จาเป็นสาหรบั งานไอที ทาใหเ้ กดิ ชอ่ งทางในการเข้าถงึ ข้อมูลที่รวดเรว็ ช่วยในการตัดสินใจและบรหิ ารงานท้ัง ระดบั บุคคลและองค์กร 3. ความสาคัญของแหล่งเรียนร้ผู า่ นเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ต ความสาคัญของข้อมูลแหลง่ เรียนร้ผู า่ นเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต เป็นสิง่ ทีต่ ระหนักกันอย่เู สมอ 1. การจัดเกบ็ ข้อมลู จากแหล่งเรียนรู้ผา่ นเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ ได้ง่ายและสือ่ สารได้รวดเรว็ การ จดั เก็บข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ผ่านเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ ซง่ึ อยใู่ นรูปแบบของสญั ญาณอิเลก็ ทรอนิกส์ ผูเ้ รยี น สามารถจดั เกบ็ ไว้ในแผ่นบนั ทึกขอ้ มลู สามารถบนั ทึกไดม้ ากกว่า 1 ลา้ นตวั อักษรสาหรับการสื่อสารขอ้ มลู จาก แหล่งเรยี นรู้ผ่านเครอื ขา่ ยอินเทอร์เน็ตนัน้ ข้อมูลสามารถส่งผ่านสญั ญาณอิเล็กทรอนิกส์ ได้ด้วยอตั รา 120 ตวั อกั ษรต่อวินาที และสามารถส่งข้อมูล 200 หนา้ ได้ในเวลาเพียง40 นาที โดยท่ผี เู้ รียนไม่ต้องเสียเวลาน่ัง ป้อนข้อมูลเหล่านั้นช้าใหม่อีก 2. ความถูกต้องของขอ้ มลู จากแหล่งเรียนรูผ้ ่านเครอื ข่ายอินเทอรเ์ นต็ โดยปกติมกี ารสง่ ข้อมลู ดว้ ยสญั ญาณอเิ ล็กทรอนิกส์จากจุดหนึ่งไปยังจดุ หนึ่งดว้ ยระบบดิจติ อล วิธกี ารรับส่งขอ้ มูลจะมกี ารตรวจสอบ
สภาพของขอ้ มูล หากข้อมูลผิดพลาดก็มีการรับรูแ้ ละพยายามหาวิธีแกไ้ ขให้ข้อมูลท่ีไดร้ บั มคี วามถูกตอ้ ง โดย อาจใหท้ าการส่งใหม่ กรณีทผ่ี ิดพลาดไมม่ าก ผรู้ ับอาจใช้โปรแกรมของตนแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องไดด้ ว้ ยตนเอง 3. ความรวดเร็วของการทางานจากแหล่งเรยี นรผู้ า่ นเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยปกตสิ ญั ญาณ ทางไฟฟ้าจะเดนิ ทางดว้ ยความเรว็ เท่าแสง ทาให้การสง่ ผา่ นข้อมลู จากแหลง่ เรยี นรู้ผา่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ จากซกี โลกหนึ่งสามารถทาได้รวดเร็ว ถงึ แมว้ ่าข้อมลู จากฐานข้อมลู ของแหลง่ เรยี นรูน้ ั้นจะมีขนาดใหญ่ ก็ตาม ความรวดเรว็ ของระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ตจะทาให้ผูเ้ รยี นสะดวกสบายอยา่ งย่ิงเชน่ การทาบตั รประจาตัว ประชาชน ผูร้ บั บริการสามารถทาทใี่ ดก็ได้ เพราะระบบฐานขอ้ มลู จะเช่อื มต่อถึงกันได้ทุกทีท่ ัว่ ประเทศ ทาให้ เกดิ ความสะดวกกบั ประชาชนผรู้ บั บรกิ าร 4. แหลง่ เรียนรู้ผา่ นเครือขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ มตี ้นทนุ ประหยัด การเชอ่ื มตอ่ คอมพิวเตอร์เข้าหากัน เปน็ เครือข่ายเพ่ือรบั และส่งหรือสาเนาข้อมลู จากแหลง่ เรียนรผู้ ่านเครือข่ายอินเทอร์เนต็ ทาใหร้ าคาตน้ ทุนของ การใชข้ อ้ มูลประหยดั มาก เม่ือเปรียบเทียบกับการจัดส่งแบบอ่ืน ซง่ึ ผู้เรียนสามารถรับและส่ง ขอ้ มูลจากแหล่ง เรียนร้ใู หร้ ะหวา่ งกนั ผ่านทางสัญญาณอิเล็กทรอนกิ ส์ไดส้ ะดวก รวดเรว็ และถูกต้อง 5. ชอ่ื และเลขทอี่ ยไู่ อพขี องแหล่งเรียนรผู้ า่ นเครือขา่ ยอนิ เทอร์เน็ตคอมพิวเตอร์ทกุ เคร่อื งที่ต่ออยู่ บนเครอื ข่ายอินเทอร์เน็ตจะมีเลขท่อี ยู่ไอพี (IP address) และแตล่ ะเครื่องทว่ั โลกจะต้องมเี ลขที่อย่ไู อพีไมซ่ ้ากนั เลขท่ีอยู่ไอพนี ้ีจะได้รับการกาหนดเป็นกฎเกณฑใ์ ห้แต่ละองคก์ รนาไปปฏิบัติเพ่ือใหร้ ะบบปฏิบัตกิ ารเรียกชอื่ ง่าย และการบรหิ ารจัดการเครือข่ายทาได้ดี จึงกาหนดชอ่ื แทนเลขทอี่ ยู่ไอพี เรียกว่า โดเมน โดยจะมกี ารต้งั ชอื่ สาหรบั เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องท่ีอยู่บนเครือข่าย เช่น nfe.go.th ซ่งึ ใช้แทนเลขที่อยู่ไอพี 203.172.142.0 การกาหนดใหม้ ีการใช้ ระบบชอ่ื โดเมนมีการกาหนดรูปแบบเป็นลาดบั ชนั้ คอื หมายเลข 1 หมายถงึ เป็นมาตรฐานการส่อื สารในอินเทอร์เน็ต หมายเลข 2 หมายถึง เครือข่ายเวลิ ด์ไวดเ์ ว็บ หมายเลข 3 หมายถงึ ชอ่ื ของหน่วยงานหรอื เวบ็ ไซต์ หมายเลข 4 หมายถึง ประเภทของหนว่ ยงาน หมายเลข 5 หมายถึง ชือ่ ย่อของประเทศของเว็บไซต์ทจี่ ดโดเมน คือประเทศไทย ตารางโดเมนทป่ี ระเทศไทยใช้ ช่ือโดเมนหมายเลข 5 ความหมาย ac (academic) สถาบันการศึกษา co (company) บริษัท ห้างร้าน go (government) หน่วยงานของรฐั บาล or (organization) องค์กรทไ่ี ม่แสวงหากาไร
in (individual) ส่วนบคุ คล mi (military) หน่วยงานทางทหาร net (network) ผใู้ หร้ กิ ารเครือข่าย com (commercial) หนว่ ยงานเอกชน ธุรกจิ บรกิ ารจากอนิ เทอรเ์ น็ต 1. การสบื คน้ ขอ้ มูลความรู้จากเวบ็ ไซต์ต่าง ๆ เพยี งแต่พิมพค์ าสาคญั จากเนื้อหา หรือเร่ืองท่ีตอ้ งการ ค้นควา้ กจ็ ะได้ช่ือเว็บไซต์จานวนมาก ผู้เรียนสามารถเลอื กหาอ่านไดต้ ามความต้องการ เช่นกลว้ ยไม้ สตั ว์สงวน ขา่ วดว่ นวนั น้ี ราคาทองคา อุณหภมู ิวนั นี้ อัตราแลกเปล่ียนเงิน ฯลฯ (ผูเ้ รยี นสามารถฝึกการใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ จาก ห้องสมดุ ประชาชน หรอื เรียนร้ดู ้วยตนเองจากหนงั สือ) 2. ไปรษณยี ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ (E-mail) หรือทีเ่ รียกกันวา่ อเี มล์ เปน็ การติดต่อส่ือสารดว้ ยตัวหนังสือ แบบใหม่ แทนจดหมายบนกระดาษ สามารถรับสง่ ข้อมลู ระหว่างกนั ได้อยา่ งรวดเร็ว เปน็ ทนี่ ิยมในปัจจุบัน 3. การสนทนาหรือหอ้ งสนทนา (Chat room) เป็นการสนทนาผ่านอินเทอร์เน็ต สามารถโตต้ อบ กันไดท้ นั ที แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ถามตอบปัญหาได้หลาย ๆ คน ในเวลาเดียวกนั 4. กระดานขา่ ว (Web Board) ผใู้ ชส้ ามารถแลกเปล่ียนขอ้ มลู ข่าวสารต่าง ๆ การใหข้ ้อเสนอ ข้อคิดเหน็ อภปิ รายโตต้ อบ ทุกคนสามารถเขา้ ไปใหข้ ้อคิดเหน็ ได้โดยมผี ูใ้ ห้บรกิ ารเปน็ ผ้ตู รวจสอบเนือ้ หา และ สามารถลบออกจากข้อมูลได้ 5. การโฆษณาประชาสมั พันธ์ หน่วยงานต่าง ๆ จะมเี ว็บไซตใ์ ห้บริการข้อมลู และประชาสมั พนั ธ์ องค์กรหรอื หนว่ ยงาน เราสามารถเขา้ ไปใชบ้ รกิ าร เช่น สถานท่ตี ง้ั ของหอ้ งสมดุ บทบาทภารกจิ ของพิพธิ ภณั ฑ์ สวนสตั วอ์ ยู่ทใี่ ดบา้ ง แหล่งเรียนรู้มีทใ่ี ดบา้ ง ตารางสอบของผู้เรียน กศน.เป็นต้น 6. การอา่ นข่าว มีเวบ็ ไซต์บรกิ ารข่าว เชน่ CNN New York Time ตลอดจนข่าวจากหนังสือพิมพ์ ต่าง ๆ ในประเทศไทย 7. การอา่ นหนงั สือ วารสาร และนิตยสาร มีบริษัทท่ีผลิตสือ่ สง่ิ พมิ พ์จานวนมากจดั ทาเป็นนิตยสาร ออนไลน์ เชน่ นิตยสาร MaxPCนติ ยสาร Interment ToDayนิตยสารดิฉนั เปน็ ตน้ 8. การส่งการด์ อวยพร สามารถส่งการ์ดอวยพรอิเลก็ ทรอนกิ ส์ หรือ E-Card ผ่านอนิ เทอรเ์ น็ต โดย ไมเ่ สียค่าใชจ้ ่าย สะดวก รวดเรว็ 9. การซื้อสินคา้ และบรกิ าร เปน็ การซอื้ สนิ ค้าออนไลน์ โดยสามารถเลือกดสู ินค้าพร้อมท้ังคณุ สมบัติ ของสินค้า และสง่ั ซ้ือสินค้าพร้อมชาระเงนิ ดว้ ยบัตรเครดิตในทันที บรษิ ัทต่าง ๆ จึงมกี ารโฆษณาขายสนิ คา้ ผ่าน อนิ เทอรเ์ น็ต เปน็ การใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตเชงิ พาณิชย์ ซง่ึ ได้รับความนยิ มในต่างประเทศมาก 10. สถานีวทิ ยแุ ละโทรทศั นบ์ นเครอื ข่าย ปจั จบุ นั สถานวี ิทยบุ นเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ มีหลายร้อย สถานี ผใู้ ช้สามารถเลอื กสถานีท่.ี .และได้ยินเสยี งเหมือนการเปิดฟงั วทิ ยุ ขณะเดียวกนั กม็ ีการสง่ กระจายภาพ วิดโี อบนเครอื ข่ายดว้ ย แต่ยังมปี ัญหาตรงที่ความเรว็ ของเครือข่ายท่ยี ังไมส่ ามารถรองรับการสง่ ข้อมลู จานวน มาก ทาให้คณุ ภาพของภาพไมต่ ่อเน่ือง
ใบงาน เรื่อง ความหมายและความสาคัญของแหลง่ เรียนรู้ 1.ให้อธบิ ายความหมายของแหลง่ เรียนรู้ มาพอสังเขป .......................................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ 2.ใหอ้ ธบิ ายความสาคญั ของแหลง่ เรยี นรู้ มาพอสังเขป .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................ .............. 3.ใหอ้ ธบิ ายประวัตคิ วามเปน็ มาของแหลง่ เรียนรู้ มาพอสงั เขป .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................................... .... 4.ให้อธบิ ายประเภทของแหล่งเรียนร้มู าพอสังเขป .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................... .................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................. ................................................................................................................ . ............................................................................................................................................... ............................... ............................................................................................................................. ................................................ ชอื่ .............................................. นามสกลุ ................................................... รหัสนักศึกษา.................................
แผนการจัดการเรียนรูค้ รั้งท่ี ๕ (การเรยี นรู้ด้วยตนเอง) กลุ่มสาระทักษะการเรียนรู้ รายวชิ า ทักษะการเรยี นรู้ ทร๒1001 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรือ่ ง การใช้แหล่งเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ เร่ือง การใช้แหล่งเรยี นรผู้ า่ นเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ เวลาสอน ๑๕ ชว่ั โมง สอนวนั ท่.ี ........เดือน................................พ.ศ. .........................ภาคเรียนท.ี่ ............ปีการศกึ ษา................... มาตรฐานการเรียนรู้ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติที่ดตี ่อการใช้แหล่งเรียนรู้ ตวั ชวี้ ดั 1.จาแนกความแตกต่างของแหลง่ เรียนรู้ และตดั สนิ ใจเลอื กใชแ้ หล่งเรียนรู้ 2.เรยี งลาดับความสาคัญของแหล่งเรียนรู้ และจดั ทาระบบในการใช้แหลง่ เรียนรูข้ องตนเอง 3.สามารถปฏบิ ัตกิ ารใชแ้ หล่งเรียนรู้ ตามขนั้ ตอนได้อย่างถูกตอ้ ง สาระสาคัญ แหลง่ เรียนร้มู คี วามสาคัญในการพัฒนาความรู้ของมนุษยใ์ ห้สมบูรณ์มากยิ่งข้ึน นอกเหนือจากการ เรียนรู้ในชัน้ เรียน และเป็นแหล่งท่อี ยู่ใหส้ ังคมชุมชนลอ้ มรอบตวั ผูเ้ รียน สามารถเขา้ ไปศึกษาค้นควา้ เพอื่ การ เรียนรู้ได้ตลอดชีวติ เนื้อหา การใชแ้ หล่งเรียนรูผ้ า่ นเครือข่ายอินเทอร์เน็ต คณุ ธรรม 1. เพ่ือการพัฒนาตน 2. เพือ่ การพฒั นาการทางาน 3. เพือ่ การพฒั นาการอยู่ร่วมกันในสงั คม 4. เพ่อื การพฒั นาประเทศชาติ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขัน้ นา - การนาเข้าสบู่ ทเรยี นดว้ ยวธิ ีการ ทักทายผู้เรียน และช้แี จงบอกวตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ เร่ืองการใช้ แหลง่ เรียนร้ผู ่านเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ต ขัน้ สอน - ครอู ธบิ ายการใช้แหล่งเรยี นรู้ผา่ นเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ตและเปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รยี นซกั ถาม - ผเู้ รยี นใช้แบบเรียนวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ เปดิ เนื้อหา บทที่ 2 การใชแ้ หล่งเรยี นรู้ เร่ืองการใชแ้ หล่ง เรยี นร้ผู ่านเครอื ข่ายอนิ เทอร์เน็ต
- ครใู ห้ผู้เรยี นสแกน QR Code ใบความรเู้ รอื่ งการใช้แหล่งเรียนรู้ (เพ่มิ เติม) - ครูใหผ้ เู้ รียนทาใบงาน เร่ืองการใช้แหล่งเรียนรผู้ ่านเครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต - ครใู หผ้ เู้ รยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น คร้ังที่ 3 ขน้ั สรุป - ครูและผู้เรียนรว่ มกนั สรปุ หลงั จากทุกกลุม่ นาเสนอผลงานหน้าชั้นเรยี น - ครใู หค้ วามรู้เพ่ิมเติมในส่วนท่ียงั ไมส่ มบูรณ์ ส่อื และแหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือแบบเรียน 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมระหว่างการเรยี นรู้ 2. วดั ความรูจ้ ากการทากจิ กรรมในใบงาน 3. การนาเสนอผลการเรียนรู้ 4. แบบทดสอบ
แหล่งการเรียนร/ู้ สบื ค้นข้อมูลเพิม่ เติม 1. หอ้ งสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตาบล 3. แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ 4. Internet 5. ภมู ิปัญญา / แหลง่ เรยี นรู้ ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา พจิ ารณาแลว้ .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................. ลงช่ือ (นางสาวปรารถนา ชีโพธ์ิ) ผูอ้ านวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอบางระจัน วันที่ ........... เดือน ................. พ.ศ. ...........
บนั ทึกหลังการสอน ความสาเร็จในการจดั การเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หา / อปุ สรรค ในการจัดการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ...................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................... ..................................... .............................................................................................. ................................................................................ แนวทางการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .............................................ครูผสู้ อน (..............................................) คร.ู ........................................... วนั ท่.ี .........เดือน..........................พ.ศ. ........................ ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา .............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ ผบู้ งั คับบญั ชา (นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์) ผู้อานวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอบางระจัน
แบบทดสอบหลังเรียน เรือ่ งการใชแ้ หล่งเรยี นรู้ 1.ห้องสมดุ ประชานมีความสาคัญกบั นักศกึ ษาในขอ้ ใดมากท่ีสุด ก. การศึกษาตามอัธยาศัย ข. สรา้ งเสรมิ ประสบการณภ์ าคปฏิบัติ ค. แหล่งสง่ เสริมความรู้ ความคิด วิทยาการ ง. แหลง่ ปลกู ฝงั รักการอา่ น การศกึ ษาค้นควา้ แสวงหาความร้ดู ้วยตนเอง 2. หลงั จากศึกษาเลา่ เรยี นแล้ว ถ้าตอ้ งการเขา้ ถึงสารสนเทศของหอ้ งสมุดประชาชนเพื่อค้นควา้ ควรใช้วธิ ใี ด ก. ถามเพ่ือน ข. ศกึ ษาจากผปู้ กครอง ค. ยืมหนังสือจากเพ่ือนคนอนื่ มาอ่าน ง. ศกึ ษาจากแหลง่ เรียนรู้ ทางอินเทอร์เน็ต 3. ข้อใดเรยี งข้ันตอนโปรแกรมคน้ หา ได้ถกู ต้อง ก. เปดิ โปรแกรม – พมิ พ์ช่อื เว็ปไซต์ – เปิดหนา้ ตา่ งเวป็ ไซต์ – พมิ พ์สงิ่ ท่ตี อ้ งการค้นหา ข. เปิดโปรแกรม – เปดิ หนา้ ต่างเวป็ ไซต์ – พมิ พช์ ือ่ เวป็ ไซต์ - พิมพส์ งิ่ ท่ตี ้องการคน้ หา ค. เปิดโปรแกรม – พมิ พช์ อ่ื เว็ปไซต์ – พมิ พส์ ง่ิ ท่ีตอ้ งการค้นหา - เปดิ หนา้ ตา่ งเวป็ ไซต์ ง. เปิดโปรแกรม – พมิ พส์ ่งิ ท่ีต้องการค้นหา – พมิ พ์ชือ่ เวป็ ไซต์ - เปดิ หนา้ ต่างเวป็ ไซต์ 4. ขอ้ ใดเป็นแหล่งเรียนรทู้ ีจ่ ดั อยใู่ นประเภทเดียวกัน ก. พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ ศนู ย์การเรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพียง ข. อุทยานการศึกษา กลมุ่ ออมทรพั ย์ ค. วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ ง. แพทย์แผนไทย หอศลิ ป์ 5. ข้อใดคือการแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองจากแหล่งเรยี นรใู้ นท้องถนิ่ ก. นิศาชล ไปอ่านหนงั สือคมู่ ือฟสิ กิ ส์ที่ศนู ย์วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ข. ธนั ยา ไปเรยี นทาขนมไทยจากกลุ่มแมบ่ ้านวดั นวลจันทร์ ค. กมลและเพ่ือน ไปห้องคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื สบื ค้นข้อมลู มาทารายงาน ง. กมลา ไปศึกษาค้นควา้ เรือ่ งประโยชน์ของพชื สมุนไพรทส่ี วนสมนุ ไพรของโรงเรยี น 6. ห้องสมุดประเภทใดท่ใี ห้ความรคู้ น้ ควา้ วิจัยมากที่สดุ ก. ห้องสมดุ เฉพาะ ข. ห้องสมดุ โรงเรียน ค. ห้องสมุดประชาชน ง. หอ้ งสมุดมหาวทิ ยาลัย
7.บุคคลใดใชบ้ รกิ ารแหล่งเรียนรู้ไดถ้ กู ตอ้ งท่ีสุด ก. เอวา ใชแ้ หลง่ เรียนร้เู ปน็ สถานที่ฝกึ งานของตนโดยตรง ข. พวิ า รบั ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ทีต่ นเองตอ้ งการโดยตรงจากผู้รู้ ค. พิกลุ ใชอ้ ินเตอร์เนต็ เป็นแหลง่ เรียนร้ทู ีใ่ กลต้ ัว คน้ ควา้ หางา่ ย รวดเรว็ ง. พมิ พา ศึกษาหาความรจู้ ากหอ้ งสมุดประชาชนเพอ่ื ใหเ้ กดิ ประสบการณจ์ ริง 8. . ข้อใดคอื ความหมาย www ก. Word wide web ข. Work wide web ค.Word widk web ง.Word walk web 9.หากต้องการลงทะเบียนของ E-mail ฟรีและ Hotmail ใหค้ ลกิ ไปท่ใี ด ก. Login ข. Sing Up ค. ส่งจะหมาย ง. สมัครสมาชกิ 10. ชอ่ งทางใด ท่สี ามารถเช่อื มโยงไปแหล่งข้อมูลอืน่ ได้ในเว็บไซต์ ก. Link ข. Restore ค. Connect ง. Download
ใบงาน เรื่อง การใช้แหล่งเรียนรูผ้ ่านเครือข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ 1.ให้อธบิ ายความหมายของอินเทอร์เน็ต มาพอสังเขป .......................................................................................................................................................................... .... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2.ใหอ้ ธบิ ายความสาคัญของอินเทอร์เนต็ มาพอสงั เขป ......................................................................................................................................................................... ..... ....................................................................................... ....................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 3.ให้อธิบายความสาคัญของแหล่งเรียนรู้อนิ เทอร์เนต็ กบั งานด้านตา่ งๆ มาพอสงั เขป ......................................................................................................................................................................... ..... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 4.การบรกิ ารแหลง่ เรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีอะไรบ้าง อธิบายมาพอสังเขป .......................................................................................................................................................................... .... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................................ .. ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................................... .... ................................................................................................................................................................. ............. ชอ่ื ............................................ นามสกลุ .......................................................รหัสนกั ศึกษา.................................
แผนการจัดการเรียนรู้คร้ังที่ ๖ (การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง) กล่มุ สาระทักษะการเรยี นรู้ รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร๒1001 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรือ่ งการจัดการความรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ เร่อื ง ความหมาย ความสาคัญและหลกั การในการจัดการความรู้ เวลาสอน ๙ ชว่ั โมง สอนวันท่.ี .........เดือน...................................พ.ศ. .........................ภาคเรียนที่...........ปกี ารศึกษา................. มาตรฐานการเรียนรู้ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ การจดั การความรู้ ตวั ช้ีวัด 1.วเิ คราะหผ์ ลท่ีเกดิ ขนึ้ ขอบเขตความรู้ ตดั สินคุณค่า กาหนดแนวทางพัฒนา 2.เหน็ ความสาพนั ธข์ องกระบวนการจัดการความรู้ กับการนาไปใชใ้ นการพัฒนาชมุ ชน 3.ปฏิบัตติ ามกระบวนการการจัดการความรู้ไดอ้ ย่างเปน็ ระบบ สาระสาคัญ การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือของการพัฒนาคุณภาพของงาน หรือสร้างวัตกรรมในการทางาน การ จัดการความรู้จึงเป็นการจัดการกับความรู้และประสบการณ์ท่ีมีอยู่ในตัวคน และความรู้เด่นชัด นามาแบ่งปัน ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและองค์กรด้วยการผสมผสานความสามารถของคนเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม มี เป้าหมายเพอ่ื การพฒั นางาน พฒั นาคนและพฒั นาองคก์ รใหเ้ ป็นองคก์ รแห่งการเรียนรู้ เนอ้ื หา ความหมาย ความสาคัญและหลักการในการจัดการความรู้ คุณธรรม 1. เพ่ือการพฒั นาตน 2. เพอื่ การพฒั นาการทางาน 3. เพื่อการพัฒนาการอยู่รว่ มกนั ในสังคม 4. เพื่อการพัฒนาประเทศชาติ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้นั นา - การนาเข้าสูบ่ ทเรียนดว้ ยวธิ กี าร ทักทายผู้เรยี น และชีแ้ จงบอกวัตถุประสงค์การเรียนรู้ เรื่อง ความหมาย ความสาคัญและหลกั การในการจัดการความรู้ - ครใู หผ้ ู้เรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ครั้งท่ี 4
ข้ันสอน - ครูอธบิ ายความหมาย ความสาคญั และหลักการในการจัดการความรู้และเปดิ โอกาสให้ผู้เรียนซักถาม - ผูเ้ รียนใช้แบบเรียนวชิ าทกั ษะการเรียนรู้ เปิดเน้ือหา บทท่ี 3 การจัดการความรู้ เรื่องความหมาย ความสาคัญและหลกั การในการจัดการความรู้ - ครใู ห้ผเู้ รยี นสแกน QR Code ใบความรู้ เรอ่ื งการจดั การความรู้(เพิม่ เตมิ ) - ครูใหผ้ เู้ รียนทาใบงาน เร่ืองความหมาย ความสาคญั และหลกั การในการจดั การความรู้ ขั้นสรุป - ครูและผเู้ รียนรว่ มกันสรปุ หลังจากทุกกลุ่มนาเสนอผลงานหน้าชั้นเรยี น - ครใู หค้ วามรู้เพิ่มเติมในส่วนทย่ี งั ไมส่ มบูรณ์ สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ 1. หนังสอื แบบเรยี น 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน การวัดและประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรยี นรู้ 2. วัดความรจู้ ากการทากิจกรรมในใบงาน 3. การนาเสนอผลการเรยี นรู้ 4. แบบทดสอบ
แหล่งการเรียนรู้/สืบคน้ ข้อมูลเพมิ่ เตมิ 1. หอ้ งสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตาบล 3. แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ 4. Internet 5. ภมู ปิ ัญญา / แหล่งเรียนรู้ ความคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา พิจารณาแลว้ .......................................................................................................................................... ......................................................................................................... ...................................................... ลงชอ่ื (นางสาวปรารถนา ชีโพธ์ิ) ผอู้ านวยการศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบางระจัน วนั ที่ ........... เดือน ................. พ.ศ. ...........
บันทึกหลังการสอน ความสาเร็จในการจัดการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหา / อุปสรรค ในการจัดการเรียนการสอน .................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ...................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. แนวทางการแกป้ ัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ..............................................ครผู ู้สอน (.............................................) คร.ู ........................................... วนั ที่..........เดอื น...........................พ.ศ. ........................ ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ ผบู้ งั คับบัญชา (นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์) ผู้อานวยการศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอบางระจนั
แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่อื ง การจดั การความรู้ 1. การจดั การความรเู้ รยี กส้ันๆวา่ อะไร ก. MK ข. KM ค. LO ง. QA 2. เป้าหมายของการจัดการความรู้คอื อะไร ก. พฒั นาคน ข. พฒั นางาน ค. พัฒนาองคกร ง. ถกู ทกุ ขอ 3. ขอ้ ใดถูกตอ้ งมากทีส่ ุด ก. การจดั การความรู้หากไม่ทา จะไม่รู้ ข. การจัดการความรู้คอื การจัดการความรู้ของผู้เช่ยี วชาญ ค. การจัดการความร้ถู อื เปน็ เป้าหมายของการทางาน ง. การจัดการความรู้คอื การจัดการความรู้ท่ีมใี นเอกสาร ตารา มาจดั ใหเ้ ปน็ ระบบ 4. ขน้ั สูงสดุ ของการความเรยี นรูค้ อื อะไร ก.ปญั ญา ข.สรสนเทศ ค.ข้อมลู ง. ความรู้ 5. ชมุ ชนนกั ปฏบิ ตั ิ ( COP ) คอื อะไร ก. การจดั การความรู ข. เปาหมายของการจัดการความรู ค. วธิ กี ารหนึง่ ของการจดั การความรู ง. แนวปฏิบัติของการจดั การความรู้ 6. รปู แบบการจดั การความรูตามโมเดลปลาทู ส่วน ท้องปลา หมายถงึ อะไร ก. การกาหนดเป้าหมาย ข. การแลกเปล่ียนเรยี นรู้ ค. การจัดเก็บเปน็ คลงั ความรู้ ง. ความรู้ทีช่ ดั เจน 7. ผทู้ ี่ทาหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้คือใคร ก.คุณเออื้ ข.คณุ อานวย ค.คุณกิจ ง. คณุ ลิขติ
8. สารสนเทศเพ่ือเผยแพรค่ วามรู้ในปัจจุบนั มีอะไรบา้ ง ก. เอกสาร ข. วีซดี ี ค. เว็บไซต์ ง. ถูกทกุ ข้อ 9. การจัดการความรูด้ ้วยตนเองกับชุมชนแหง่ การเรยี นรู้มีความเก่ียวขอ้ งกันหรือไม่ อยา่ งไร ก.เกีย่ วขอ้ งกนั เพราะการจัดการความรูใ้ นบุคคลหลายๆคน รวมกนั เปน็ ชมุ ชน เรียกวา่ เปน็ ชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้ ข.เก่ียวขอ้ งกนั เพราะการจัดการความรูใ้ ห้กับตนเองก็เหมือนกับการจัดการความรใู้ ห้ชุมชนด้วย ค.ไมเ่ กีย่ วข้องกัน เพราะการจัดการความรดู้ ว้ ยตนเองเปน็ ปักเจกบุคคล ส่วนชมุ ชนแหง่ การเรียนร้เู ป็น เรือ่ งของชุมชน ง. ไมเ่ ก่ียวข้องกนั เพราะชมุ ชนแห่งการเรยี นรู้เปน็ การเรียนรเู้ ฉพาะกลุ่ม 10. ปจั จัยทท่ี าให้การจดั การความรู้การรวมกลุ่มปฏิบัติการประสบผลสาเรจ็ คอื อะไร ก .พฤติกรรมของคนในกลุ่ม ข.ผนู้ ากลุ่ม ค.การนาไปใช้ ง.ถกู ทุกขอ้
ใบงาน เร่อื ง ความหมาย ความสาคญั และหลักการในการจัดการความรู้ 1.ให้อธบิ ายของการจดั การความรู้มาพอสังเขป .......................................................................................................................................................................... .... ....................................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................ .................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................. ................. .................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................. ............................ ....................................................................................................... ....................................................................... 2.ใหอ้ ธบิ ายความสาคญั ของการจัดการความรู้มาพอสงั เขป ....................................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................. ................ ................................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................... .......................... ......................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. 3.ให้อธิบายหลักการของการจดั การความรู้ มาพอสังเขป ......................................................................................................................................................................... ..... .......................................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ ........................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ชื่อ........................................ นามสกลุ ........................................................ รหัสนกั ศึกษา.................................
แผนการจดั การเรยี นรูค้ ร้ังที่ ๗ (การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง) กลุ่มสาระทกั ษะการเรยี นรู้ รายวชิ า ทักษะการเรยี นรู้ ทร๒1001 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอื่ ง การจัดการความรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง รูปแบบและกระบวนการในการจดั การความรู้ เวลาสอน ๑๕ ช่ัวโมง สอนวนั ท.ี่ ......เดอื น.................................พ.ศ. .........................ภาคเรยี นท.่ี ............ปีการศึกษา.................... มาตรฐานการเรยี นรู้ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ่ีดีต่อการจัดการความรู้ ตวั ช้ีวัด 1.วิเคราะหผ์ ลทเ่ี กดิ ข้นึ ขอบเขตความรู้ ตัดสนิ คุณค่า กาหนดแนวทางพัฒนา 2.เหน็ ความสาพันธข์ องกระบวนการจัดการความรู้ กบั การนาไปใช้ในการพัฒนาชมุ ชน 3.ปฏิบัติตามกระบวนการการจดั การความรู้ได้อยา่ งเปน็ ระบบ สาระสาคัญ การจัดการความรู้เป็นเคร่ืองมือของการพัฒนาคุณภาพของงาน หรือสร้างวัตกรรมในการทางาน การ จัดการความรู้จึงเป็นการจัดการกับความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวคน และความรู้เด่นชัด นามาแบ่งปัน ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและองค์กรด้วยการผสมผสานความสามารถของคนเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม มี เป้าหมายเพื่อการพฒั นางาน พฒั นาคนและพฒั นาองคก์ รใหเ้ ป็นองคก์ รแห่งการเรยี นรู้ เนอ้ื หา รูปแบบและกระบวนการในการจัดการความรู้ คณุ ธรรม 1. เพ่ือการพฒั นาตน 2. เพ่อื การพัฒนาการทางาน 3. เพอ่ื การพัฒนาการอย่รู ว่ มกนั ในสังคม 4. เพอื่ การพฒั นาประเทศชาติ กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขน้ั นา - การนาเข้าสู่บทเรียนด้วยวธิ ีการ ทกั ทายผเู้ รยี น และช้ีแจงบอกวัตถุประสงค์การเรยี นรู้ เรือ่ รูปแบบ และกระบวนการในการจัดการความรู้ ขนั้ สอน - ครอู ธบิ ายรูปแบบและกระบวนการในการจัดการความรู้และเปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นซกั ถาม - ผเู้ รียนใชแ้ บบเรยี นวชิ าทักษะการเรยี นรู้ เปดิ เนื้อหา บทท่ี 3 การจัดการความรู้ เรื่องรปู แบบและ กระบวนการในการจดั การความรู้
- ครูใหผ้ ูเ้ รียนสแกน QR Code ใบความรู้ เร่อื งการจัดการความรู้(เพม่ิ เตมิ ) - ครูใหผ้ เู้ รียนทาใบงาน เร่ืองรูปแบบและกระบวนการในการจัดการความรู้ ขัน้ สรุป - ครแู ละผ้เู รยี นรว่ มกนั สรปุ หลงั จากทกุ กลุ่มนาเสนอผลงานหน้าชน้ั เรียน - ครใู ห้ความรู้เพ่ิมเติมในสว่ นท่ยี งั ไม่สมบูรณ์ สือ่ และแหล่งเรียนรู้ 1. หนงั สอื แบบเรียน 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน การวดั และประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมระหว่างการเรยี นรู้ 2. วดั ความรู้จากการทากจิ กรรมในใบงาน 3. การนาเสนอผลการเรยี นรู้ แหล่งการเรียนรู/้ สืบคน้ ข้อมูลเพิ่มเตมิ 1. หอ้ งสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตาบล 3. แหล่งข้อมลู สารสนเทศ 4. Internet 5. ภูมิปญั ญา / แหล่งเรยี นรู้
ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา พิจารณาแล้ว.................................................................................................................. ........................ ......................................................................................................... ...................................................... ลงชอ่ื (นางสาวปรารถนา ชีโพธิ์) ผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอบางระจัน วนั ท่ี ........... เดอื น ................. พ.ศ. ...........
บันทกึ หลังการสอน ความสาเรจ็ ในการจดั การเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................... ..................... .............................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................... ............................... ปัญหา / อปุ สรรค ในการจดั การเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. แนวทางการแกป้ ัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................. ............................ ....................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... ลงชื่อ..............................................ครผู ูส้ อน (.............................................) คร.ู ........................................... วันที่..........เดือน...........................พ.ศ. ........................ ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศึกษา ................................................................................................................................................................... ........... ........................................................................................................................ ...................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................... ..................... .............................................................................................................. ................................................................ ลงชือ่ ผบู้ งั คบั บัญชา (นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์) ผูอ้ านวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอบางระจัน
ใบงาน เรอ่ื ง รปู แบบและกระบวนการในการจดั การความรู้ 1.รปู แบบของการจัดการความรู้มอี ะไรบ้างและมลี ักษณะอยา่ งไร อธบิ ายมาพอสังเขป .......................................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ .......................................................................................................... .................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. 2.กระบวนการจัดการความรู้มกี ่ขี ั้นตอนอะไรบ้าง ......................................................................................................................................................................... ..... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................................... ........ ........................................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. ................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................. ............................. 3.จงยกตัวอยา่ งกลุ่ม หรือชมุ ชนทมี่ กี ารจดั การความรปู้ ระสบผลสาเรจ็ และอธิบายความสาเร็จอยา่ งไร เพราะ อะไร ......................................................................................................................................................................... ..... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ชื่อ................................................. นามสกลุ ................................................. รหสั นักศึกษา.................................
แผนการจัดการเรียนรู้ครั้งท่ี ๘ (การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง) กลุ่มสาระทกั ษะการเรยี นรู้ รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร๒1001 ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เร่ือง การจดั การความรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง การรวมกลุ่มเพอื่ ต่อยอดความรู้ เวลาสอน ๑๕ ชั่วโมง สอนวนั ท.่ี .........เดอื น..................................พ.ศ. .........................ภาคเรยี นท่.ี ........ปีการศกึ ษา.................... มาตรฐานการเรยี นรู้ มีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคติทีด่ ีตอ่ การจดั การความรู้ ตัวชีว้ ดั 1.วิเคราะหผ์ ลทเ่ี กดิ ขึ้นขอบเขตความรู้ ตดั สินคุณคา่ กาหนดแนวทางพัฒนา 2.เห็นความสาพันธข์ องกระบวนการจัดการความรู้ กับการนาไปใชใ้ นการพัฒนาชมุ ชน 3.ปฏิบัติตามกระบวนการการจดั การความรู้ได้อย่างเปน็ ระบบ สาระสาคัญ การจัดการความรู้เป็นเคร่ืองมือของการพัฒนาคุณภาพของงาน หรือสร้างวัตกรรมในการทางาน การ จัดการความรู้จึงเป็นการจัดการกับความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวคน และความรู้เด่นชัด นามาแบ่งปัน ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและองค์กรด้วยการผสมผสานความสามารถของคนเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม มี เป้าหมายเพื่อการพัฒนางาน พัฒนาคนและพฒั นาองคก์ รให้เป็นองคก์ รแห่งการเรียนรู้ เน้อื หา การรวมกลุ่มเพอ่ื ตอ่ ยอดความรู้ คุณธรรม 1. เพื่อการพฒั นาตน 2. เพ่ือการพัฒนาการทางาน 3. เพอ่ื การพัฒนาการอยูร่ ว่ มกนั ในสังคม 4. เพ่อื การพฒั นาประเทศชาติ กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขัน้ นา - การนาเข้าส่บู ทเรยี นดว้ ยวธิ ีการ ทกั ทายผ้เู รียน และชีแ้ จงบอกวตั ถุประสงค์การเรียนรู้ เร่ือง การ รวมกลมุ่ เพื่อต่อยอดความรู้ ขน้ั สอน - ครอู ธิบายการรวมกลุ่มเพ่ือต่อยอดความรู้ และเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนซกั ถาม - ผู้เรยี นใชแ้ บบเรยี นวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ เปิดเน้ือหา บทที่ 3 การจัดการความรู้ เรื่องการรวมกลุ่ม เพ่ือต่อยอดความรู้
- ครูใหผ้ ู้เรยี นสแกน QR Code ใบความรู้ เรอ่ื งการจัดการความรู้(เพ่ิมเติม) - ครใู หผ้ ้เู รียนทาใบงาน เรื่องการรวมกลมุ่ เพ่ือต่อยอดความรู้ ข้ันสรปุ - ครแู ละผ้เู รียนรว่ มกนั สรปุ หลงั จากทกุ กลุ่มนาเสนอผลงานหน้าชั้นเรยี น - ครูใหค้ วามรูเ้ พิ่มเตมิ ในส่วนทย่ี ังไมส่ มบรู ณ์ ส่ือและแหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือแบบเรียน 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมระหว่างการเรยี นรู้ 2. วดั ความรู้จากการทากจิ กรรมในใบงาน 3. การนาเสนอผลการเรียนรู้ แหล่งการเรยี นรู้/สบื ค้นข้อมูลเพม่ิ เติม 1. ห้องสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตาบล 3. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 4. Internet 5. ภูมปิ ัญญา / แหลง่ เรียนรู้
ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา พิจารณาแล้ว.................................................................................................................. ........................ ............................................................................................................................. .................................. ลงชอ่ื (นางสาวปรารถนา ชีโพธิ์) ผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบางระจนั วนั ท่ี ........... เดอื น ................. พ.ศ. ...........
บันทกึ หลังการสอน ความสาเร็จในการจัดการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหา / อปุ สรรค ในการจดั การเรยี นการสอน .................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ...................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. แนวทางการแกป้ ัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ..............................................ครผู ู้สอน (.............................................) คร.ู ........................................... วนั ที่..........เดือน...........................พ.ศ. ........................ ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา ............................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ ผ้บู ังคับบญั ชา (นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์) ผู้อานวยการศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอบางระจัน
ใบงาน เรอื่ ง การรวมกลุ่มเพ่ือต่อยอดความรู้ 1.บุคคลท่เี กีย่ วข้องกับการจดั การความร้มู ีใครบ้าง อธบิ ายมาพอสงั เขป ................................................................................................................................................... ........................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. ................................................. 2.ชุมชนนกั ปฏิบตั ิคืออะไร ......................................................................................................................................................................... ..... ....................................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 3.ชมุ ชนนักปฏบิ ัติมคี วามสาคัญอยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 4.ชมุ ชนนักปฏบิ ัตเิ กดิ ขนึ้ ได้อย่างไร ......................................................................................................................................................................... ..... ..................................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. 5.รปู แบบของเวทชี มุ ชนนักปฏิบัติ มีอะไรบา้ ง อธิบายมาพอสังเขป ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................... ........... 6.ตัวชีว้ ดั ระดบั กลุม่ มีอะไรบ้าง อธิบายมาพอสงั เขป .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................ ................................................................................... ............................... ............................................................................................................................. ................................................. ช่ือ............................................... นามสกุล....................................................รหัสนกั ศึกษา.................................
แผนการจดั การเรียนรคู้ ร้ังท่ี ๙ (การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง) กลมุ่ สาระทักษะการเรยี นรู้ รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร๒1001 ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรือ่ ง การจดั การความรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ เรอื่ ง การฝึกทักษะกระบวนการจัดการความรู้ เวลาสอน ๑๕ ชวั่ โมง สอนวันที่...........เดือน......................................พ.ศ........................ภาคเรียนที่.......ปกี ารศึกษา.................... มาตรฐานการเรยี นรู้ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ การจดั การความรู้ ตวั ช้วี ัด 1.วิเคราะห์ผลทเี่ กดิ ข้นึ ขอบเขตความรู้ ตดั สนิ คุณคา่ กาหนดแนวทางพัฒนา 2.เห็นความสาพนั ธ์ของกระบวนการจัดการความรู้ กบั การนาไปใช้ในการพฒั นาชุมชน 3.ปฏบิ ัติตามกระบวนการการจัดการความรู้ได้อย่างเปน็ ระบบ สาระสาคญั การจัดการความรู้เป็นเคร่ืองมือของการพัฒนาคุณภาพของงาน หรือสร้างวัตกรรมในการทางาน การ จัดการความรู้จึงเป็นการจัดการกับความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวคน และความรู้เด่นชัด นามาแบ่งปัน ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและองค์กรด้วยการผสมผสานความสามารถของคนเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม มี เปา้ หมายเพ่อื การพัฒนางาน พฒั นาคนและพฒั นาองค์กรใหเ้ ปน็ องคก์ รแห่งการเรยี นรู้ เนือ้ หา การฝึกทักษะกระบวนการจัดการความรู้ คุณธรรม 1. เพื่อการพฒั นาตน 2. เพ่ือการพัฒนาการทางาน 3. เพ่ือการพฒั นาการอยู่ร่วมกนั ในสงั คม 4. เพอ่ื การพัฒนาประเทศชาติ กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขน้ั นา - การนาเขา้ สบู่ ทเรียนด้วยวธิ ีการ ทักทายผู้เรียน และชแี้ จงบอกวตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ เร่ืองการฝึก ทกั ษะกระบวนการจดั การความรู้ ขัน้ สอน - ครูอธิบายการฝึกทักษะกระบวนการจดั การความรู้และเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นซกั ถาม - ผเู้ รียนใชแ้ บบเรยี นวชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ เปดิ เนื้อหา บทที่ 3 การจัดการความรู้ เรื่องการฝึกทักษะ กระบวนการจัดการความรู้
- ครูให้ผเู้ รยี นสแกน QR Code ใบความรู้ เรื่องการจัดการความรู้(เพิม่ เตมิ ) - ครใู หผ้ ู้เรยี นทาใบงาน เรื่องการฝึกทักษะกระบวนการจัดการความรู้ - ครใู หผ้ ู้เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน ครง้ั ท่ี 4 ขนั้ สรปุ - ครูและผู้เรียนร่วมกันสรปุ หลังจากทกุ กลมุ่ นาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน - ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมในสว่ นที่ยังไมส่ มบูรณ์ ส่อื และแหล่งเรยี นรู้ 1. หนังสือแบบเรียน 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน
การวัดและประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรยี นรู้ 2. วดั ความรู้จากการทากจิ กรรมในใบงาน 3. การนาเสนอผลการเรยี นรู้ 4. แบบทดสอบ แหล่งการเรียนร/ู้ สบื ค้นขอ้ มูลเพิ่มเตมิ 1. หอ้ งสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตาบล 3. แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ 4. Internet 5. ภูมปิ ญั ญา / แหลง่ เรียนรู้ ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา พจิ ารณาแล้ว.......................................................................................................................................... ......................................................................................................... ...................................................... ลงชอื่ (นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์) ผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอบางระจัน วนั ที่ ........... เดอื น ................. พ.ศ. ...........
บนั ทกึ หลังการสอน ความสาเร็จในการจดั การเรียนการสอน ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. ................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................. ............................ ปัญหา / อุปสรรค ในการจัดการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. แนวทางการแกป้ ญั หา ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................................... ......................... .......................................................................................................... .................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................... ................................... ลงชื่อ..............................................ครผู สู้ อน (.............................................) ครู............................................ วันท่.ี .........เดอื น...........................พ.ศ. ........................ ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ............................................................................................................................................................. ................. .................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ...................................................................... ลงชอ่ื ผู้บังคบั บญั ชา (นางสาวปรารถนา ชโี พธ์ิ) ผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอบางระจนั
แบบทดสอบหลังเรียน เรอื่ ง การจดั การความรู้ 1. การจดั การความรู้เรียกสัน้ ๆว่าอะไร ก. MK ข. KM ค. LO ง. QA 2. เปา้ หมายของการจดั การความรู้คืออะไร ก. พฒั นาคน ข. พฒั นางาน ค. พฒั นาองคกร ง. ถกู ทุกขอ 3. ขอ้ ใดถูกต้องมากท่ีสุด ก. การจดั การความรหู้ ากไม่ทา จะไมร่ ู้ ข. การจัดการความร้คู ือการจัดการความรู้ของผเู้ ชยี่ วชาญ ค. การจัดการความรู้ถือเปน็ เปา้ หมายของการทางาน ง. การจัดการความรู้คอื การจัดการความรูท้ ี่มีในเอกสาร ตารา มาจัดให้เป็นระบบ 4. ข้นั สูงสดุ ของการความเรยี นรู้คอื อะไร ก.ปัญญา ข.สรสนเทศ ค.ข้อมลู ง. ความรู้ 5. ชุมชนนักปฏิบัติ ( COP ) คืออะไร ก. การจดั การความรู ข. เปาหมายของการจัดการความรู ค. วิธีการหน่ึงของการจดั การความรู ง. แนวปฏบิ ตั ิของการจัดการความรู้ 6. รปู แบบการจดั การความรูตามโมเดลปลาทู สว่ น ท้องปลา หมายถงึ อะไร ก. การกาหนดเปา้ หมาย ข. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ค. การจัดเกบ็ เปน็ คลังความรู้ ง. ความร้ทู ี่ชดั เจน 7. ผทู้ ีท่ าหนา้ ที่กระตนุ้ ให้เกดิ การแลกเปลยี่ นเรยี นรูค้ ือใคร ก.คณุ เอ้ือ ข.คุณอานวย ค.คุณกิจ ง. คณุ ลิขติ
8. สารสนเทศเพื่อเผยแพร่ความรู้ในปัจจบุ นั มีอะไรบ้าง ก. เอกสาร ข. วีซีดี ค. เว็บไซต์ ง. ถูกทกุ ข้อ 9. การจัดการความรดู้ ้วยตนเองกับชมุ ชนแห่งการเรียนรมู้ ีความเก่ยี วขอ้ งกันหรือไม่ อย่างไร ก.เกยี่ วขอ้ งกนั เพราะการจัดการความรูใ้ นบุคคลหลายๆคน รวมกันเปน็ ชุมชน เรียกว่าเปน็ ชมุ ชนแห่ง การเรยี นรู้ ข.เกีย่ วขอ้ งกัน เพราะการจัดการความรูใ้ ห้กบั ตนเองกเ็ หมือนกบั การจัดการความร้ใู หช้ ุมชนดว้ ย ค.ไมเ่ ก่ียวข้องกนั เพราะการจัดการความรู้ด้วยตนเองเป็นปักเจกบคุ คล ส่วนชุมชนแห่งการเรยี นรู้เป็น เรื่องของชุมชน ง. ไมเ่ ก่ียวข้องกัน เพราะชุมชนแห่งการเรยี นรู้เป็นการเรยี นรู้เฉพาะกลุ่ม 10. ปัจจัยทที่ าให้การจดั การความรกู้ ารรวมกลุ่มปฏบิ ตั กิ ารประสบผลสาเร็จคืออะไร ก .พฤติกรรมของคนในกล่มุ ข.ผูน้ ากลมุ่ ค.การนาไปใช้ ง.ถูกทุกขอ้
ใบงาน เร่อื ง การฝึกทกั ษะกระบวนการจัดการความรู้ 1.ผ้เู รยี นจะตอ้ งพฒั นาตนเองเพอ่ื การเรียนร้ไู ด้อยา่ งไรบ้าง ..................................................................................................................................................................... ......... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2.ขั้นตอนการจดั การความร้ดู ้วยตนเองมีอะไรบา้ งอธบิ ายมาพอสังเขป ...................................................................................................................................................................... ........ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 3.ปัจจัยทีท่ าใหก้ ารจดั การความรู้ด้วยการรวมกล่มุ ปฏิบตั ิการประสบผลสาเร็จ อธิบายมาพอสังเขป ......................................................................................................................................................................... ..... .................................................................................................................................................................. ............ ....................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................ ...................... ............................................................................................................. ................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................. ................................ ................................................................................................... ........................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................... ........................................... ....................................................................................... ....................................................................................... ช่ือ.................................................. นามสกุล.................................................รหัสนักศึกษา.................................
แผนการจดั การเรยี นรคู้ รั้งท่ี 1๐ (การเรยี นรดู้ ้วยตนเอง) กล่มุ สาระทกั ษะการเรียนรู้ รายวิชา ทักษะการเรยี นรู้ ทร๒1001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 เร่ือง การคิดเปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ เรอื่ ง ทบทวนความเชื่อพน้ื ฐานทางการศกึ ษาผ้ใู หญฯ่ เวลาสอน ๑๐ ช่ัวโมงสอน วันที.่ .......เดือน......................................พ.ศ. .....................ภาคเรยี นที.่ .......ปกี ารศึกษา....................... มาตรฐานการเรยี นรู้ มมี ีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคติทดี่ ีต่อการคดิ เป็น ตัวชีว้ ัด 1.อธบิ ายหรอื ทบทวนปรัชญาคิดเปน็ และลักษณะของข้อมูลด้านวชิ าการ ตนเอง สังคม สงิ่ แวดลอ้ มท่ี นามาวเิ คราะหเ์ พ่ือประกอบการจดั การตัดสินใจแก้ปญั หา 2.จาแนกเปรยี บเทยี บ ตรวจสอบ ขอ้ มลู ดา้ นวิชาการ ตนเอง สงั คม สาระสาคัญ ทบทวนความเข้าใจความเช่ือพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่/การศึกษานอกโรงเรียนและการเชื่อมโยง ไปสู่การเรียนรู้เรื่องของการคิดเป็น ศึกษาวิเคราะห์ลักษณะของข้อมูลท้ังด้านวิชาการ ตนเอง และสังคม ส่งิ แวดล้อม เพื่อนาไปใช้ในการเลือกเก็บข้อมลู ดังกลา่ วมาใช้ประกอบการคิดตดั สินใจอย่างคนคิดเปน็ เนื้อหา ทบทวนความเช่อื พ้ืนฐานทางการศกึ ษาผใู้ หญ่/การศึกษานอกโรงเรยี นและการเชื่อมโยงสปู่ รชั ญาคิดเป็น คุณธรรม 1. เพ่ือการพัฒนาตน 2. เพื่อการพฒั นาการทางาน 3. เพือ่ การพัฒนาการอยูร่ ว่ มกันในสังคม 4. เพ่อื การพฒั นาประเทศชาติ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้นั นา - การนาเข้าสู่บทเรยี นด้วยวธิ กี าร ทักทายผ้เู รียน และชี้แจงบอกวัตถุประสงค์การเรียนรู้ เร่อื งทบทวน ความเชือ่ พื้นฐานทางการศึกษาผใู้ หญ/่ การศึกษานอกโรงเรยี นและการเช่ือมโยงสู่ปรชั ญาคิดเป็น - ครูใหผ้ ู้เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน ครง้ั ท่ี 5
ขั้นสอน - ครูอธบิ ายทบทวนความเชื่อพนื้ ฐานทางการศึกษาผใู้ หญ/่ การศึกษานอกโรงเรยี นและการเช่อื มโยงสู่ ปรัชญาคดิ เปน็ และเปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นซักถาม - ผเู้ รียนใช้แบบเรยี นวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ เปดิ เนื้อหา บทที่ 4 การคดิ เปน็ เรื่องทบทวนความเชอ่ื พื้นฐานทางการศึกษาผ้ใู หญ่/การศึกษานอกโรงเรียนและการเชอ่ื มโยงสปู่ รัชญาคดิ เป็น - ครูให้ผู้เรียนสแกน QR Code ใบความรู้ เรอ่ื งการคดิ เป็น(เพม่ิ เติม) - ครใู หผ้ ู้เรียนทาใบงาน เรื่องทบทวนความเชอื่ พืน้ ฐานทางการศึกษาผใู้ หญ/่ การศึกษานอกโรงเรยี น และการเช่ือมโยงสปู่ รชั ญาคดิ เป็น ขน้ั สรุป - ครูและผเู้ รียนร่วมกันสรปุ หลงั จากทกุ กลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียน - ครูใหค้ วามร้เู พ่ิมเตมิ ในส่วนท่ยี ังไมส่ มบรู ณ์ สือ่ และแหล่งเรียนรู้ 1. หนังสอื แบบเรยี น 2. ใบความรู้ 3. ใบงาน การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรยี นรู้ 2. วดั ความรูจ้ ากการทากจิ กรรมในใบงาน 3. การนาเสนอผลการเรียนรู้ 4. แบบทดสอบ
แหล่งการเรียนร/ู้ สบื ค้นข้อมูลเพิม่ เติม 1. หอ้ งสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตาบล 3. แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ 4. Internet 5. ภมู ิปัญญา / แหลง่ เรยี นรู้ ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา พจิ ารณาแลว้ .......................................................................................................................................... ......................................................................................................... ...................................................... ลงช่ือ (นางสาวปรารถนา ชีโพธ์ิ) ผูอ้ านวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบางระจัน วันที่ ........... เดือน ................. พ.ศ. ...........
บันทกึ หลังการสอน ความสาเร็จในการจดั การเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ ........................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................ .................................. ปญั หา / อุปสรรค ในการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................................ .. ............................................................................................................................. ................................................. แนวทางการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................... ............................... .................................................................................................... .......................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................... ......................................... ลงชื่อ..............................................ครผู ูส้ อน (.............................................) คร.ู ........................................... วันท่.ี .........เดือน...........................พ.ศ. ........................ ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................................................. ................. .................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ...................................................................... ลงช่อื ผู้บังคับบญั ชา (นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์) ผอู้ านวยการศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอบางระจัน
แบบทดสอบก่อนเรยี น ครัง้ ที่ 5 1. ข้อใดถูกตอ้ งทีส่ ุดในเร่ืองกระบวนการคดิ เป็น ก. การทาความเขา้ ใจดว้ ยกระบวนการคดิ ข. สรา้ งความเขา้ ใจดว้ ยตนเองเปน็ หลกั ค. สรา้ งความเขา้ ใจดว้ ยการรวมกลุ่มเปน็ หลกั ง. การทาความเข้าใจดว้ ยกระบวนการคดิ และสร้างความเข้าใจดว้ ยตนเองเปน็ หลัก 2. คนจะอย่ใู นสงั คมได้อยา่ งมีความสุขตอ้ งรู้จักการปรบั ตวั และใช้กระบวนการคดิ เป็นโดยยดึ หลักใด ก. หลักเหตุผล และ ความดี ข. หลักเท่ยี งธรรมและ ความดี ค. หลักคุณธรรมและจรยิ ธรรม ง. หลกั เหตผุ ลและเท่ียงธรรม ภายใต้กรอบแห่งคุณธรรม จริยธรรม 3. ข้อมูลตนเองหมายถึงขอ้ ใด ก. ขอ้ มูลเกี่ยวกับตนเอง ทัง้ ทางดา้ นกายภาพ สุขภาพอนามยั ความพร้อมต่าง ๆ และจิตสานึกของ ตนเอง ข. ซ่งึ เป็นข้อมูลเก่ียวกับสภาพแวดลอ้ ม ครอบครวั สงั คม วฒั นธรรม ความเชือ่ ประเพณี คา่ นิยม ตลอดจนกรอบคุณธรรม จรยิ ธรรม ค. คอื ความรู้ทีเ่ กยี่ วข้องกบั เร่ืองทตี่ ้องคิด ตดั สนิ ใจนนั้ ๆ วา่ มหี รือไม่เพียงพอท่จี ะนาไปใชห้ รือไม่ ง. ถกู ทุกขอ้ 4. ลักษณะของคนคิดเปน็ ตามปรชั ญาคิดเป็นคือลกั ษณะใด ก. ปญั หาท่เี กิดขึน้ เปน็ สง่ิ ธรรมดา สามารถแกไ้ ขได้ ข. เข้าใจว่าข้อมลู ทางวชิ าการเปลย่ี นแปลงอยเู่ สมอ ค. แก้ปญั หาชวี ติ ประจาวนั อย่างมีระบบ ง. ถูกทกุ ขอ้ 5. ข้อมลู วชิ าการ หมายถึง ก. ขอ้ มลู เกย่ี วกับตนเอง ทง้ั ทางด้านกายภาพ สขุ ภาพอนามยั ความพร้อมต่าง ๆ ข. ขอ้ มูลเกยี่ วกับสภาพแวดล้อม ครอบครัว สงั คม วฒั นธรรม ค. ความรู้ท่เี ก่ยี วข้องกบั เรอ่ื งทตี่ ้องคิด ตัดสนิ ใจน้นั ๆ ว่ามีหรือไมเ่ พียงพอท่ีจะนาไปใชห้ รอื ไม่ ง. ถกู ทุกข้อ 6. การใชก้ ระบวนการคิดเปน็ ตอ้ งกระทาโดยใคร เพื่อแกไ้ ขและการตัดสินใจ ก. ครู ข. เพือ่ น ค. ผนู้ าชมุ ชน ง. เจ้าของปญั หาเอง 7. เวลามปี ญั หาหรือขดั แย้งกับเพอื่ นร่วมงานอย่างแรกทเี่ ราควรมองเปน็ อนั ดับแรกคือ ก. เพ่อื นรว่ มงาน ข. มองทีต่ ัวเอง ค. อาจารย์ผู้สอน ง. พ่อแม่
8. หลกั การแก้ปัญหาที่ดคี ือ ก. ระบปุ ญั หา ระบุข้อจากดั ของปจั จยั การพัฒนาทางเลอื ก ข. การวเิ คราะห์ทางเลือก การเลือกทางเลอื กที่ดที ่ีสุด ค. การนาผลการตดั สนิ ใจไปปฏบิ ัติ การสรา้ งระบบควบคุมและประเมินผล ง. ถกู ทกุ ข้อ 9. ข้อใดทแี่ สดงความเปน็ ปญั ญาชนท่แี ท้จริง ก. ความเป็นตัวของตวั เอง ข. ความมีเสรีภาพในการใช้ความคิด ค. การยอมรับความคิดผู้อนื่ ง. ถูกทกุ ข้อ 10. ข้อใดคือคุณสมบตั ทิ ่ีเหมาะสมของข้อมูล ก. ความถกู ต้อง ข. ความหลากหลาย ค. ความเป็นระเบียบ ง. ความเปน็ สากล
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169