Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.ปลาย

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.ปลาย

Published by kittiwanthongaram, 2020-12-24 03:32:23

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.ปลาย

Search

Read the Text Version

๓๓ พอ่ื ชีวติ และสังคม รหัส พต 31001 จานวน ๕ หนว่ ยกติ กษาตอนปลาย น ภาษาต่างประเทศ ด้วยประโยคทีซ่ ับซอ้ นมากขึน้ ในชีวิตประจาวนั และงานอาชีพของตน วเิ คราะห์เนอ้ื หา จานวน รปู ผลการจดั การเรียนรู้ ชัว่ โมง ตนเอง ง่าย ปาน ยาก พบ เข้า อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ ค่าย  1 2 1  1  2

ต่าง ๆ จาก Internet ด้วยคาถามท่ี เป็น Wh-Question และ Yes/No Question การวเิ คราะหต์ ารางการจดั การเรียนรู้ วิชา ภาษาองั กฤษเพ ระดับมัธยมศึก มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดบั มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติเกี่ยวกบั ภาษาทา่ ทาง การฟัง พดู อ่าน เขียน ถกู ต้องตามหลักภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา หัวเร่อื ง ตวั ช้ีวดั เน้ือหา News & 1. เขา้ ใจและใช้ประโยคที่ 4.3 การถามและแสดงความคิดเหน็ วา่ News Headline ซับซ้อนใน สถานการณ์ เห็นดว้ ยหรอื ไมเ่ หน็ ดว้ ย เชน่ ตา่ ง ๆ - Do you agree with 2. ใช้ Tenses ทยี่ งุ่ ยาก this....................? และซบั ซ้อน - What do you think 3. ศกึ ษาค้นคว้าความรูแ้ ละ about.................. ขอ้ มลู จากสื่อหนงั สือพิมพ์ 4.4 Website ของหนังสือพิมพ์ The 4. แลกเปลย่ี นขอ้ มลู Nation หรอื Bangkok Post เพอ่ื ศึกษา ข่าวสารความรู้อย่างเป็น ขา่ วประเภทตา่ ง ๆ ท่สี นใจแลว้ วิเคราะห ทางการ โครงสรา้ งของพาดหัวขา่ วนั้น ๆ หรอื 5. สบื ค้นขอ้ มลู ในด้านต่าง บอกประเภทของข่าวน้นั ๆ ๆ จาก Internet

๓๔ พือ่ ชีวิตและสงั คม รหสั พต 31001 จานวน ๕ หนว่ ยกิต กษาตอนปลาย น ภาษาตา่ งประเทศ ด้วยประโยคทซี่ บั ซ้อนมากข้นึ ในชวี ิตประจาวัน และงานอาชีพของตน วเิ คราะห์เน้ือหา จานวน รปู ผลการจัดการเรียนรู้ ชัว่ โมง ตนเอง พบ เข้า อบรม โครงงาน งา่ ย ปาน ยาก กลมุ่ ค่าย กลาง 3   2 า ห์

การวเิ คราะห์ตารางการจดั การเรียนรู้ วิชา ภาษาอังกฤษเพ ระดับมัธยมศกึ มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติเกี่ยวกับ ภาษาทา่ ทาง การฟัง พูด อ ของตน ถกู ต้องตามหลักภาษาวฒั นธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา หัวเร่อื ง ตัวชี้วดั เน้ือหา Self -Sufficiency 1. ศกึ ษาคน้ คว้าความรแู้ ละ 7. บทความเกีย่ วกับเศรษฐกจิ Economy ข้อมลู จากสอื่ ตา่ ง ๆ พอเพียงจากหนังสือ หนงั สือพมิ พ์ 2. สบื คน้ ขอ้ มลู ในดา้ นต่าง ๆ หรือ Website ที่เก่ยี วข้อง จาก Internet 8. คาศัพท์ วลี สานวน ที่เก่ียวข้อง 3. เข้าใจและใช้ประโยค กับเศรษฐกจิ พอเพียง เช่น ซับซอ้ นใน moral , moderation, สถานการณ์ต่าง ๆ knowledge, savingเปน็ ต้น 4. การแลกเปลีย่ นข้อมลู 9. โครงสรา้ ง Conditional ขา่ วสารความรู้ sentence (If -clause) 10.โครงสรา้ ง Imperative 5. การนาเสนอการนาเศรษฐกิจ พอเพยี งมาใช้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การติดคาขวัญ การสมั ภาษณ์ 6. การเลน่ เกม Cross word การวเิ คราะห์ตารางการจดั การเรียนรู้ วิชา ภาษาอังกฤษเพ ระดบั มธั ยมศึก

๓๕ พอ่ื ชีวติ และสงั คม รหสั พต 31001 จานวน ๕ หน่วยกติ กษาตอนปลาย อ่าน เขียน ภาษาตา่ งประเทศ ด้วยประโยคท่ซี บั ซอ้ นมากข้นึ ในชวี ิตประจาวนั และงานอาชีพ วิเคราะหเ์ น้อื หา จานวน รปู ผลการจัดการเรยี นรู้ ช่ัวโมง ตนเอง งา่ ย ปาน ยาก พบ เข้า อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ คา่ ย  2 2 2  2  2 2 พอื่ ชีวิตและสังคม รหสั พต 31001 จานวน ๕ หนว่ ยกิต กษาตอนปลาย

มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตเิ ก่ียวกบั ภาษาท่าทาง การฟัง พูด อ ของตน ถกู ต้องตามหลักภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา การวเิ คราะห์ตารางการจดั การเรียนรู้ วชิ า ภาษาองั กฤษเพ ระดับมัธยมศึก หวั เรอื่ ง ตวั ชีว้ ดั เนือ้ หา Have you 1. ศกึ ษาค้นควา้ ความรแู้ ละขอ้ มลู จากสอื่ 1. แบบสอบถาม (Questionnaire) exercised today? ตา่ งๆ เก่ียวกบั การดแู ลสุขภาพจากหนังสอื หรือ 2. สบื ค้นข้อมลู ในด้านตา่ ง ๆ จาก Website เกีย่ วขอ้ ง Internet 2. การอา่ นออกเสยี ง คาศพั ท์ สานวน วลี 3. เขา้ ใจและใช้ประโยคซบั ซ้อนใน ทเี่ ก่ยี วข้องกับสขุ ภาพ เชน่ aerobics, สถานการณ์ต่าง ๆ once, relaxed, health, healthy, firm, 4. ใช้ Tense ทีย่ ุง่ ยากและซบั ซอ้ น have a headache เป็นตน้ 5. แลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสารความรู้ ท้งั 3. ประโยคทีเ่ ขยี นดว้ ย Modal Verb เชน่ อย่างเป็นทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ should, must, ought to, had better, will เปน็ ต้น 4. Present PerfectTense 5. การสารวจแบบสอบถามเกยี่ วกบั สุขภาพ บุคคลใกลช้ ดิ มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับ

๓๖ อ่าน เขยี น ภาษาต่างประเทศ ดว้ ยประโยคที่ซับซ้อนมากข้นึ ในชวี ติ ประจาวนั และงานอาชีพ พอ่ื ชีวิตและสังคม รหสั พต 31001 จานวน ๕ หน่วยกติ กษาตอนปลาย วิเคราะหเ์ น้ือหา จานวน รปู ผลการจัดการเรยี นรู้ โครงงาน ช่ัวโมง ตนเอง พบกล่มุ เข้าคา่ ย อบรม งา่ ย ปาน ยาก กลาง 2  2 3 3 2

มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติเก่ยี วกบั ภาษาท่าทาง การฟัง พูด อ่าน เขียน ถูกต้องตามหลักภาษาวฒั นธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา หัวเรื่อง ตวั ชีว้ ัด เนอื้ หา Shall we 1. ศกึ ษาคน้ คว้าความร้แู ละข้อมูล4. บทความเก่ียวกบั การประหยัด save the จากสือ่ ต่างๆ พลังงาน (Energy Saving) จาก energy? 2. สืบคน้ ขอ้ มลู ในด้านต่าง ๆ จาก หนงั สอื หนงั สอื พมิ พ์ หรือ Website Internet ที่เกี่ยวข้อง 3. เข้าใจและใช้ประโยคซบั ซอ้ นใน 5. เสียง คาศัพท์ วลี สานวนทีเ่ กี่ยวข้อง สถานการณต์ า่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง กับการประหยัดพลงั งาน เชน่ reuse, 4. ใช้ Tense ทย่ี งุ่ ยากและซบั ซ้อนได้ recycle, plug in, unplug, turn on, อย่างถกู ต้อง turn off, reduce เป็นตน้ 5. แลกเปลีย่ นข้อมูลขา่ วสารความรู้ 6. โครงสรา้ ง เรอื่ ง Imperative + ทง้ั อย่างเป็นทางการและไม่เปน็ ทางการ V1_________. Don’t + V1 + ........................... การวเิ คราะห์ตารางการจดั การเรยี นรู้ วิชา ภาษาองั กฤษเพ ระดบั มธั ยมศึก มาตรฐานการเรยี นร้รู ะดบั มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตเิ กย่ี วกับ ภาษาท่าทาง การฟัง พูด อ่าน เขียน ถูกต้องตามหลักภาษาวฒั นธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา หัวเรอ่ื ง ตัวชีว้ ัด เนอ้ื หา

๓๗ น ภาษาต่างประเทศ ด้วยประโยคทซี่ ับซอ้ นมากขนึ้ ในชวี ิตประจาวัน และงานอาชีพของตน วิเคราะห์เนอ้ื หา จานวน รูปผลการจดั การเรยี นรู้ ชั่วโมง ตนเอง พบ เข้า อบรม โครงงาน งา่ ย ปาน ยาก กลมุ่ คา่ ย กลาง 12  พือ่ ชวี ิตและสังคม รหัส พต 31001 จานวน ๕ หนว่ ยกติ กษาตอนปลาย น ภาษาต่างประเทศ ด้วยประโยคท่ซี ับซอ้ นมากข้ึนในชีวติ ประจาวนั และงานอาชีพของตน วิเคราะห์เนื้อหา จานวน รปู ผลการจัดการเรียนรู้

What have I done? 1. ศึกษาค้นคว้าความรู้ 1. บทสนทนาเกย่ี วกับการไปตัดเสอื้ และข้อมูลจากสอ่ื ต่างๆ 2. การอ่านออกเสียง คาศัพท์ วลี 2. อ่านออกเสยี ง สานวน ทเี่ กย่ี วข้องกบั การไปตัดเสอื้ คาศัพท์ วลี สานวน ได้ เช่น measure, sleeves, seam, อย่างถูกต้อง shorten เป็นตน้ 3. เข้าใจและใชป้ ระโยค 3. โครงสรา้ ง have something ซบั ซ้อนในสถานการณ์ done ต่าง ๆ 4. โครงสร้าง Reported Speech 4.. ใช้ Tense ทีย่ งุ่ ยาก 5. การเลา่ เร่อื ง (สถานการณ์) และซบั ซอ้ น 5.. แลกเปล่ียนข้อมูล ข่าวสารความรู้ การวเิ คราะหต์ ารางการจัดการเรียนรู้ วชิ า ภาษาองั กฤษเพ ระดบั มธั ยมศกึ มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติเกย่ี วกับ ภาษาท่าทาง การฟงั พดู อ ของตน ถกู ต้องตามหลักภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา หัวเร่ือง ตัวช้วี ดั เน้อื หา

๓๘ งา่ ย ปาน ยาก ชวั่ โมง ตนเอง พบ เขา้ อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ คา่ ย 2 2 3  3 2 พือ่ ชีวติ และสงั คม รหสั พต 31001 จานวน ๕ หนว่ ยกติ กษาตอนปลาย อ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศ ดว้ ยประโยคทซี่ ับซ้อนมากขึน้ ในชีวติ ประจาวัน และงานอาชีพ วิเคราะหเ์ นอ้ื หา จานวน รูปผลการจดั การเรยี นรู้ ง่าย ปาน ยาก ชวั่ โมง ตนเอง พบ เขา้ อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ คา่ ย

What is your 1. การสบื ค้นข้อมูลด้านต่าง ๆ 1. การขอมี e-mail e-mail address? จาก Internet และรบั สง่ e- 2. การเปดิ /ปดิ e-mail mail 3. ภาษา e-mail 2. ศึกษาค้นควา้ ความรู้และ 4. บทอา่ นแนะนาตนเองทพี่ ิมพ์มาจาก ข้อมลู จากส่ือต่าง ๆ e-mail 3. เข้าใจและใช้ประโยค 5. การสร้างประโยคคาถามจาก ซบั ซอ้ นในสถานการณ์ต่าง ๆ คาตอบที่ใหม้ า 4. แลกเปล่ยี นข้อมลู ข่าวสาร 6. การถามและการตอบข้อมูลการ ความรู้ ท้ังอย่างเป็นทางการ เปรียบเทยี บ และไมเ่ ป็นทางการ 7. การเขียนแนะนาตนเองถึง Pen pal โดยสง่ ทาง e-mail การวิเคราะห์ตารางการจัดการเรยี นรู้ วิชา ภาษาองั กฤษเพ ระดบั มธั ยมศึก มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติเกยี่ วกบั ภาษาท่าทาง การฟงั พดู อ ของตน ถูกต้องตามหลักภาษาวฒั นธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา วเิ ค หวั เรอ่ื ง ตวั ชวี้ ดั เนือ้ หา งา่ ย Natural 1. ศกึ ษา ค้นควา้ 1. บทอา่ นเกีย่ ว Earthquake, Tornado Disaster ความรู้ และข้อมลู จาก หรอื Flood จากหนงั สอื พิมพ์ หรอื ส่อื ต่างๆ Website ของหนังสือพิมพ์ The Nation 2. สบื ค้นขอ้ มูลในดา้ น หรือ Bangkok Post

๓๙  2  2  1 ก 1  1  1  2 พ่อื ชีวิตและสงั คม รหสั พต 31001 จานวน ๕ หน่วยกติ กษาตอนปลาย อ่าน เขยี น ภาษาต่างประเทศ ด้วยประโยคท่ีซับซ้อนมากขนึ้ ในชีวิตประจาวนั และงานอาชีพ คราะหเ์ นื้อหา จานวน รูปผลการจัดการเรียนรู้ ชวั่ โมง ตนเอง ปาน ยาก พบ เข้า อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ ค่าย  2 2

ต่าง ๆ จาก Internet 2. คาศพั ท์ วลี สานวนท่ีเก่ียวขอ้ ง 3. เขา้ ใจและใช้ 3. Past Simple Tense, Past ประโยคทีซ่ บั ซ้อนใน Continuous Tenseและ Past Perfect สถานการณ์ต่าง ๆ ได้ Tense. อย่างถูกต้อง 4. Compound Sentence และ 4. การใช้ Tense ที่ Complex Sentence ยงุ่ ยากและซบั ซ้อน 5. การถามและการตอบคาถามจากบท 5. แลกเปลี่ยนขอ้ มูล อา่ น ขา่ วสารความรู้ ทง้ั เป็น 6. การแสดงบทบาทสมมตุ ิ (Role Play) ทางการและ เปน็ ผู้สอ่ื ขา่ ว นาเสนอข่าวทเี่ ก่ียวกบั ไม่เปน็ ทางการ Natural Disaster การวิเคราะหต์ ารางการจดั การเรยี นรู้ วิชา ภาษาองั กฤษเพ ระดับมัธยมศึก มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตเิ กีย่ วกับ ภาษาทา่ ทาง การฟัง พดู อ่าน เขยี น ถูกต้องตามหลักภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของเจ้าของภาษา หวั เรอื่ ง ตวั ชว้ี ัด เนือ้ หา Let’s Travel 1. ศกึ ษาค้นควา้ ความรูแ้ ละ 1. ตารางเวลาของ Bus, Train, ขอ้ มูลจากสื่อต่างๆ Airplane, Boat หรือ Subway จาก 2. สบื ค้นขอ้ มูลในดา้ นต่าง ๆ ส่อื ต่าง ๆ เช่น แผน่ พบั หนังสือพิมพ์ จาก Internet และรบั ส่ง E-mail หรอื Website ท่เี กย่ี วข้อง 3. เข้าใจและใชป้ ระโยคท่ี 2. Asking & giving Information ซบั ซ้อนในสถานการณต์ ่าง ๆ 3. การบอกทิศทาง (Direction)เช่น 4. ใช้ Tense ท่ยี ุง่ ยากและ - Keep walking to.......................... ซับซอ้ นได้ 4. Past Simple Tense และ Past

๔๐  2 2 1  1  พื่อชวี ติ และสังคม รหัส พต 31001 จานวน ๕ หน่วยกติ กษาตอนปลาย น ภาษาตา่ งประเทศ ดว้ ยประโยคทซ่ี ับซ้อนมากขนึ้ ในชีวิตประจาวัน และงานอาชีพของตน วเิ คราะห์เนือ้ หา จานวน รูปผลการจัดการเรียนรู้ งา่ ย ปาน ยาก ชั่วโมง ตนเอง พบ เข้า อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ ค่าย 1  1 1

5. แลกเปลย่ี นขอ้ มูลขา่ วสาร Simple Tense ความรู้ 5. 5. การเขยี นเลา่ เร่ืองหรอื ประสบการณใ์ น การทอ่ งเทีย่ ว 6. การวางแผนการเดินทางท่องเทย่ี ง การวิเคราะห์ตารางการจดั การเรยี นรู้ วิชา ภาษาองั กฤษเพ ระดบั มัธยมศกึ มาตรฐานการเรียนรูร้ ะดบั มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตเิ กย่ี วกบั ภาษาทา่ ทาง การฟงั พูด อ่าน เขียน ถกู ต้องตามหลักภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา วเิ ค หวั เรือ่ ง ตัวชีว้ ัด เนอื้ หา งา่ ย The Weather 1. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้ 1. บทอา่ น การพยากรณ์อากาศ และข้อมลู จากส่ือตา่ งๆ (Weather Forecast) ท้งั ในประเทศ เชน่ หนงั สือพิมพ์ และตา่ งประเทศ ภาษาอังกฤษและ 2. การถาม-ตอบ คาถามจากบทอา่ น Website การพยากรณ์อากาศ 2. แลกเปลย่ี นข้อมลู 3. การถามและการขอข้อมูล (Asking & ขา่ วสารความรทู้ ั้งอย่าง Giving Information) เป็นทางการและไม่เปน็ เสียง คาศัพท์ วลี สานวนท่มี กั ใช้ ทางการ บอ่ ยๆ ในขา่ วพยากรณอ์ ากาศ 3. เข้าใจและใชป้ ระโยค เชน่ shower, windy, heavy, ทีซ่ ับซ้อนในสถานการณ์ 4. Parts of Speech การทาคานาม ตา่ ง ๆ ได้อย่างถูกต้อง Noun ให้เป็น Adjective

๔๑ 1 1 1 พอื่ ชวี ติ และสงั คม รหัส พต 31001 จานวน ๕ หน่วยกติ กษาตอนปลาย น ภาษาตา่ งประเทศ ด้วยประโยคทซี่ บั ซ้อนมากขึ้นในชวี ติ ประจาวัน และงานอาชีพของตน คราะหเ์ น้อื หา จานวน รูปผลการจดั การเรยี นรู้ ชัว่ โมง ตนเอง ปาน ยาก พบ เขา้ อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ ค่าย  1 1 1 1

4. สืบคน้ ข้อมลู ในด้าน 5. Website ทเี่ กยี่ วกบั การพยากรณ์ ต่าง ๆ จาก Internet อากาศ Role play เปน็ ผ้ปู ระกาศข่าว การพยากรณ์อากาศ การวิเคราะหต์ ารางการจัดการเรียนรู้ วชิ า ภาษาองั กฤษเพ ระดบั มัธยมศกึ มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตเิ กี่ยวกับ ภาษาทา่ ทาง การฟงั พดู อ่าน เขยี น ถกู ต้องตามหลักภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของเจ้าของภาษา หัวเร่ือง ตัวชว้ี ดั เนอ้ื หา Global 1. ศกึ ษาค้นคว้าความรู้และข้อมูล 1. บทความเกยี่ วกบั ภาวะโลกรอ้ น Warming จากสอื่ ตา่ ง ๆ (Global Warming) สาเหตุของภาวะ 2. สบื ค้นข้อมลู ในดา้ นต่างๆ จาก โลกรอ้ นหรอื ผลกระทบของภาวะโลก Internet รอ้ นจากหนังสือหรือหนังสือพิมพ์หรอื 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคซบั ซ้อนใน Website ทเ่ี กย่ี วข้อง สถานการณ์ต่าง ๆ 2. การอ่านออกเสียงคาศัพท์ วลี 4. ใช้ Tense ทย่ี ุง่ ยากและซับซอ้ น สานวน ท่ีเกีย่ วข้อง เช่น 5. แลกเปล่ยี นขอ้ มลู ข่าวสารความรู้ temperature, increase, melt, ท้งั อยา่ งเปน็ ทางการและไม่เป็น burn, earth, hot เปน็ ตน้ ทางการ 3. โครงสรา้ ง Passive Voice Subj + V to be + V3 4. บทสนทนาทเ่ี กยี่ วกับการป้องกนั หรือลดภาวะโลกรอ้ น 5. Mind map แสดงเหตผุ ลและ ผลกระทบของภาวะโลกร้อน

๔๒  2 พอื่ ชีวติ และสงั คม รหัส พต 31001 จานวน ๕ หน่วยกิต กษาตอนปลาย น ภาษาต่างประเทศ ดว้ ยประโยคที่ซบั ซ้อนมากขนึ้ ในชีวติ ประจาวนั และงานอาชีพของตน วิเคราะห์เน้ือหา จานวน รูปผลการจัดการเรียนรู้ ชั่วโมง ตนเอง ง่าย ปาน ยาก พบ เขา้ อบรม โครงงาน กลาง 2 กลมุ่ ค่าย  2 2 2 2

การวเิ คราะห์ตารางการจัดการเรียนรู้ วชิ า ภาษาอังกฤษเ ระดับมธั ยมศึก มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตเิ กี่ยวกบั ภาษาทา่ ทาง การฟงั พดู อ ของตน ถกู ต้องตามหลกั ภาษาวฒั นธรรม และกาลเทศะของเจ้าของภาษา หัวเร่อื ง ตัวช้วี ัด เนอื้ หา Urgently Wanted 1. ศกึ ษาค้นคว้าความรู้ 1. โฆษณาตาแหนง่ งาน (Job และข้อมูลจากส่ือต่าง ๆ Advertisement)จากหนังสือ 2. สบื ค้นขอ้ มูลในด้าน หนงั สือพิมพ์ หรอื Website ต่างๆ จาก Internet เกีย่ วข้อง และ รับสง่ e-mail 2. คาศัพท์ สานวนวลโี ครงสร้างท่ี 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยค เก่ียวข้อง เชน่ qualification, ซับซ้อนในสถานการณ์ salary, graduation, age, photo, ต่าง ๆ apple เป็นต้น 4. การแลกเปลย่ี นขอ้ มูล 3. การเขยี นประวตั ิ (Resume) ข่าวสารความรู้ ทงั้ อย่าง เพอื่ สมัครงานการส่ง e-mail สมคั ร เป็นทางการ งาน และไมเ่ ป็นทางการ การวิเคราะห์ตารางการจัดการเรียนรู้ วิชา ภาษาองั กฤษเพ ระดบั มธั ยมศึก มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ

๔๓ เพอ่ื ชีวิตและสงั คม รหัส พต31001 จานวน ๕ หน่วยกติ กษาตอนปลาย อ่าน เขยี น ภาษาต่างประเทศ ดว้ ยประโยคท่ีซับซอ้ นมากขึ้นในชวี ติ ประจาวนั และงานอาชีพ วเิ คราะหเ์ นื้อหา จานวน รูปผลการจัดการเรียนรู้ ชวั่ โมง ตนเอง งา่ ย ปาน ยาก พบ เขา้ อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ ค่าย  4 4 4 พื่อชีวติ และสงั คม รหัส พต 31001 จานวน ๕ หนว่ ยกติ กษาตอนปลาย

มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติเกี่ยวกบั ภาษาท่าทาง การฟงั พดู อ ของตน ถกู ต้องตามหลกั ภาษาวฒั นธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา หวั เรื่อง ตัวช้ีวดั เนอื้ หา ภาษาอังกฤษ 1. ใชค้ าศัพท์เกีย่ วกับการ 1. คาศัพทเ์ กี่ยวกบั การให้บริการนวด สาหรับ ใหบ้ รกิ ารนวดแผนไทยได้ถูกต้อง แผนไทย เชน่ massage, relax etc. พนกั งาน 2. ใชส้ านวนภาษาในการเชิญชวน 2. สานวนภาษาการกลา่ วเชิญชวน นวดแผนไทย นัดหมายลกู คา้ และการใหข้ ้อมูล ลูกคา้ การนัดหมายลกู ค้า การให้ เก่ยี วกับการนวดแผนไทย ข้อมลู เกี่ยวกับการบรกิ ารนวดแผน ไทย เชน่ Come this way to the massage room. Please straight out your foot. Please check your belongings before you leave. Would you like to return for another massage later? การวเิ คราะห์ตารางการจัดการเรียนรู้ วชิ า ภาษาองั กฤษเพ ระดับมธั ยมศึก มาตรฐานการเรียนร้รู ะดบั มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตเิ กยี่ วกับ ภาษาท่าทาง การฟงั พดู อ ของตน ถกู ต้องตามหลกั ภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา หัวเรื่อง ตวั ชี้วัด เนอื้ หา

๔๔ อ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศ ด้วยประโยคทซี่ บั ซ้อนมากขนึ้ ในชีวิตประจาวนั และงานอาชีพ วเิ คราะห์เนอ้ื หา จานวน รปู ผลการจดั การเรยี นรู้ ชวั่ โมง ตนเอง พบ เข้า อบรม โครงงาน ง่าย ปาน ยาก กลมุ่ คา่ ย กลาง 6  6 พ่ือชวี ติ และสังคม รหัส พต 31001 จานวน ๕ หนว่ ยกติ กษาตอนปลาย อ่าน เขยี น ภาษาต่างประเทศ ด้วยประโยคท่ซี ับซ้อนมากขึ้นในชวี ิตประจาวัน และงานอาชีพ วิเคราะหเ์ นอื้ หา จานวน รปู ผลการจัดการเรียนรู้ ง่าย ปาน ยาก ช่ัวโมง ตนเอง พบ เขา้ อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ ค่าย

ภาษาอังกฤษ 1. ผูเ้ รียนสามารถใชถ้ ้อยคา 1. การโต้ตอบและชกั ชวนลกู ค้า สาหรบั พนักงานขาย สานวน และประโยคตอบโตใ้ นการ เข้าชมรา้ นขายของที่ระลึก บอกข้อมูล ความประสงคใ์ นการซ้อื 2. การฝึกสนทนาในสถานการณท์ ่ี สนิ คา้ ได้ ในสถานการณ์ดังนี้ กาหนดและการฝึกเรียงลาดับ 1.1 การทกั ทาย เชญิ ชวนลกู คา้ ประโยค 1.2 เจรจาซอ้ื ขายและต่อรองราคา 3. การต่อรองราคาสินค้าในร้านคา้ สินค้าได้ 4. การฝึกเรยี งลาดบั บทสนทนา 1.3 โตต้ อบในการซ้ือขายตว๋ั 5. การจองตั๋วรถโดยสาร รถไฟ โดยสาร บอกจดุ หมายปลายทาง เครื่องบนิ สาหรบั รถโดยสาร รถไฟ และ 6. การฝกึ เรยี งลาดบั บทสนทนา เครือ่ งบินได้ 7. แบบทดสอบท้ายบท 1.4 มคี วามรู้ความเขา้ ใจและ สามารถนาความร้เู กี่ยวกับการ เจรจาซื้อขายไปใช้ไดท้ กุ สถานการณ์

๔๕ 2 2 2 2   1  2  1

46 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 (แผนการพบกลุ่ม) กลมุ่ สาระความรู้พนื้ ฐาน รายวิชา ภาษาองั กฤษเพือ่ ชีวิตและสังคม พต 31001 ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย แผนการจัดการเรยี นรเู้ รอื่ งที่ 1 การปฐมนเิ ทศนกั ศึกษา เวลา 4 ช่วั โมง สอนวันที่ ………เดอื น ………………..พ.ศ. .......... ภาคเรยี นที่ ......... ปีการศกึ ษา ................ มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ ความรูเ้ กี่ยวกับการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ตวั ชว้ี ัด 1. มีความรู้และเขา้ ใจการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 2. มีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับวิธเี รียน กศน. รปู แบบการเรยี นรู้ ตลอดจนการทากิจกรรม กศน. 3. นกั ศึกษาสามารถปฏบิ ตั ติ นในการเรยี น กศน. ได้ สาระการเรยี นรู้ 1. โครงสร้างหลักสตู ร 2. กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต (กพช.) 3. เกณฑ์การจบหลกั สูตร 4. การจัดการเรียนการสอน คุณธรรม 1. เพ่ือการพฒั นาการทางาน 3. เพอ่ื การพัฒนาการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คม กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครผู ู้สอนใหค้ วามรู้ ความข้าใจโครงสรา้ งหลกั สตู ร กจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ (กพช.) เกณฑ์การจบ หลักสตู ร การจดั การเรยี นการสอนการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 สื่อการเรยี นการสอน - ตารางการพบกลมุ่ - คู่มือนักศึกษา การวดั และประเมินผล - การเขา้ ร่วมกจิ กรรมของผู้เรียน ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา พจิ ารณาแลว้ .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................. ลงช่ือ..................................................... (นางสาวปรารถนา ชีโพธิ์) ผอู้ านวยการศูน กศน. อาเภอบางระจัน วันท่ี ........... เดือน ................. พ.ศ. ........... บันทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้ ผลท่ีเกดิ กับผู้เรียน ดา้ นกระบวนการจดั กิจกรรม

47 ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................... .............................................................................................. ................... ด้านการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ...................................................................... ...................... ด้านสอ่ื การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหา/อุปสรรค .................................................................................................................................................................. ............ ....................................................................................................................... ....................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................ .............................................. ลงช่อื .........................................ครผู ้สู อน (..............................................) ครู............................................ วนั ท่.ี .........เดอื น..........................พ.ศ. .................. ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................... ..................................................... ลงชื่อ.......................................................... (นางสาวปรารถนา ชโี พธ์ิ) ผอู้ านวยการ กศน. อาเภอบางระจนั วันท่ี ............ เดอื น ...................... พ.ศ. .............. แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 (แผนการพบกลุ่ม) กลุ่มสาระความรพู้ ื้นฐาน รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพ่อื ชีวิตและสังคม พต 31001 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย แผนการจดั การเรียนรู้เรื่องท่ี 2 Everyday English เวลา 12 ชัว่ โมง สอนวันที่ ………เดอื น ………………..พ.ศ. .......... ภาคเรยี นที่ ............. ปกี ารศึกษา ................... มาตรฐานการเรียนรู้

48 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตเิ กย่ี วกับ ภาษาทา่ ทาง การฟงั พูด อ่าน เขียน ภาษาตา่ งประเทศ ดว้ ยประโยคท่ซี บั ซ้อนมากข้นึ ในชวี ิตประจาวนั และงานอาชีพของตน ถกู ต้องตามหลักภาษา วฒั นธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา ตัวช้ีวดั ตีความหมายจากน้าเสยี งของผู้อ่ืนและรจู้ ักใชน้ ้าเสยี งในการแสดงความรู้สกึ ระหวา่ งการสนทนา ได้แก่ ดใี จ เสยี ใจ พึงพอใจ ไม่พึงพอใจ ซาบซ้งึ ผิดหวัง ปรารถนาดี ชื่นชมและเหน็ ใจ สาระสาคญั นา้ เสียงสาเนยี งเปน็ การแสดงออกถงึ ความรู้สกึ ในการสนทนาผ้เู รยี นตอ้ งเรยี นรูถ้ ึงการออกเสียงต้นคา ท้ายคาการออกเสยี งหนักเบาการออกเสียงสูงต่าการออกเสียงเชอื่ มโยงการใช้สานวนแสดงความดใี จพอใจไม่ พอใจแสดงความปรารถนาดแี สดงความต้องการความช่วยเหลือรวมทัง้ การตอบรับปฏิเสธตามโอกาสและ สถานที่ต่างๆซึ่งผเู้ รียนตอ้ งฝึกออกเสยี งใหถ้ ูกต้องตามเจ้าของภาษาเพื่อการสนทนาจะไม่ผิดพลาด จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ผู้เรยี นออกเสียงพยัญชนะคาการออกเสียงเชอื่ มโยงการออกเสยี งหนกั เบาสูงต่าได้ 2. ผู้เรียนใช้นา้ เสยี งในการแสดงความร้สู กึ และตีความหมายจากน้าเสยี งของผพู้ ูดได้ 3. ผู้เรียนสามารถพูดแสดงความปรารถนาในโอกาสต่างๆได้ สาระการเรียนรู้ การออกเสยี งพยญั ชนะคาการใชน้ ้าเสยี งในภาษาอังกฤษการพดู แสดงความรูส้ ึกและความปรารถนา คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่รูใ้ ฝเ่ รยี นศกึ ษาใบความรู้ จากแบบเรยี น 2. มวี ินัย ทางานตามท่ีครมู อบหมายได้ทนั เวลา 3. ขยนั มุง่ ม่นั ในการทางานทาใบงาน ทากิจกรรมกลมุ่ 4. มคี วามสามัคคี มนี ้าใจ มีความรบั ผดิ ชอบ ชว่ ยเหลอื กันทากิจกรรมกลมุ่ ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. ใบงาน 2. รายงาน กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้นั นาเข้าสบู่ ทเรยี น - ครูพูดถงึ ความจาเป็นของภาษาอังกฤษท่ีมีในชวี ิตประจาวนั ขัน้ สอน - ครูให้ผเู้ รียนศึกษาใบความรู้และรว่ มกันอภิปรายเนือ้ หา - ครูมอบหมายให้ผูเ้ รียนฝึกปฏิบัตดิ ้วยการทาแบบฝกึ หัด ขั้นสรุป ครผู สู้ อนสรปุ เนื้อหาและเตมิ เตม็ องคค์ วามรู้พรอ้ มมอบหมายงานใหไ้ ปศกึ ษาด้วยตนเอง เพิม่ เติมและให้ผเู้ รยี นทารายงานส่งในชว่ั โมงถัดไป ส่อื การเรียนการสอน 1. ใบความรู้ 2. หนังสือแบบเรียน 3. ใบงาน การวัดผลประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั 1. สงั เกตพฤติกรรมระหว่างการเรียนรแู้ ละกระบวนการกลมุ่ 2. วัดความรูจ้ ากการทากิจกรรมในใบงาน

49 เครือ่ งมอื 1. ใบงาน เกณฑ์การวัดผลประเมนิ ผล 1. ผูเ้ รียนมผี ลคะแนนในการทดสอบไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 50 2. การมีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมกล่มุ แหล่งการเรียนร/ู้ สบื คน้ ขอ้ มูลเพิม่ เติม 1. ห้องสมุดประชาชน 2. กศน.ตาบล 3. internet บันทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้ ผลท่เี กดิ กับผเู้ รียน ดา้ นกระบวนการจัดกจิ กรรม ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ...................................................................... ................... ด้านการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ด้านส่อื การเรยี นรู้ ................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ..................................................................... ปญั หา/อุปสรรค ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ..................................................................... .......................

50 ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ...................................................................... ...................... ลงช่ือ.........................................ครผู ูส้ อน (..............................................) ครู............................................ วนั ที.่ .........เดือน..........................พ.ศ. .................. ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................... ..................................................... ลงชือ่ .......................................................... (นางสาวปรารถนา ชโี พธ์ิ) ผูอ้ านวยการ กศน. อาเภอบางระจนั วนั ที่ ............ เดือน ...................... พ.ศ. .............. ใบความรู้ การออกเสียงพยัญชนะคา เร่อื งที่ 1 การออกเสียงพยัญชนะs z c h sh a) การออกเสยี ง sz การออกเสยี ง s และ z ในการออกเสยี ง s ทเี่ ปน็ พยัญชนะต้นคาจะออกเสยี งเหมือนตัวสระที่การออก เสียงตวั z จะออกเสยี งเหมือน ซ แต่จะตอ้ งออกเสียงก้องมกี ารส่ันของเสียง (Voice sound) โดยใช้ลนิ้ แตะที่ โคนฟันและออกเสยี งสอดแทรกออกมาดว้ ยเสียงผึ้งบิน b) การออกเสียงsh ch คาในภาษาองั กฤษทค่ี นไทยมีปญั หาในการออกเสยี งคาหนึ่งคอื คาทีม่ ีเสียง sh เชน่ She, English และ Shoes เปน็ ตน้ โดยสว่ นใหญม่ ักจะออกเสียงเป็นเสยี งตัว ช ช้างซึง่ มคี วามใกล้เคยี งกับเสียง ch มากกว่าจะไม่ เป็นปัญหาถา้ หากวา่ คานน้ั มีคาเดียวในภาษาอังกฤษแต่ความจรงิ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะว่าคาในภาษาอังกฤษที่ ออกเสียงเหมือนกนั แต่ตา่ งกนั ที่เสียง sh และ ch มอี ยหู่ ลายคา ใบงานท่ี 1หาความหมายของศพั ทแ์ ละฝึกออกเสียง คา ความหมาย คา ความหมาย Signal Zip Silk Zinc Skin Zebra Slice Zero Smooth Zigzag

51 Souvenir Zodiac Special Zone Standard Zoo Steak Zoom Suitcase Zeal ใบงานที่ 2 หาความหมายของศัพท์และฝกึ ออกเสียง ใหน้ ักศึกษาหาความหมายของคาตอ่ ไปนีโ้ ดยใช้พจนานุกรมถา้ สามารถเข้าถงึ อินเทอรเ์ นต็ ได้ลองเขา้ ไป คน้ หาคาท่ีเว็บไซด์ที่ใหบ้ ริการ dictionary เช่นwww.merriam-webster.cm และฟงั การออกเสียงของคาเป็น คๆู่ และสังเกตความแตกตา่ งพร้อมท้งั ลองพูดตามไปดว้ ย คา ความหมาย คา ความหมาย Ship Chip Shin Chin Cash Catch Mash Match Cash Catch Shoe Chew Shop Chop Share Chair ลองคดิ ดู ถ้าหากต้องการพดู วา่ My shin hurts. แตอ่ อกเสียงผิดเป็น My chin hurts. ผฟู้ ังจะเขา้ ใจตรงกับท่ีผู้ พดู ต้องการหรือไม่การส่ือสารครัง้ น้นั ประสบผลสาเรจ็ หรอื ไม่ การออกเสียงshและch เสียง sh ออกเสียงคลา้ ย ช ชา้ งแตต่ อ้ งห่อปากและพน่ ลมตลอดค่อนข้างยาว เสียง ch ออกเสียงคล้าย ช ชา้ งมากกวา่ เสียง sh มีการกักลมในปากกอ่ นออกเสียงและเสยี งพน่ ลมไมย่ าว เหมือนเสยี ง sh ข้อสงั เกต บางครัง้ เสยี ง sh หรอื ch อาจปรากฏในคาศัพท์อน่ื ที่ไม่ปรากฏรปู พยญั ชนะ sh หรอื ch แตอ่ อกเสียง เช่นเดียวกนั ตวั อยา่ ง ออกเสียงshออกเสียงch Mission (มิชช่นั ) Nature (เนเชอร์) Ocean (โอเชี่ยน) Measure (เมเชอร์) Tissue (ทชิ ช)ู

52 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 3 (แผนการพบกลุ่ม) กลมุ่ สาระความรพู้ ื้นฐาน รายวชิ า ภาษาองั กฤษเพื่อชีวิตและสังคม พต31001 ชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย แผนการจัดการเรยี นรเู้ รื่องที่ 3 What should you do ? เวลา 12 ชั่วโมง สอนวันท่ี ……….……เดือน …………………..พ.ศ. .......... ภาคเรยี นท่ี................. ปกี ารศกึ ษา ............. มาตรฐานการเรียนรู้ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตเิ กี่ยวกบั ภาษาท่าทาง การฟัง พดู อ่าน เขยี น ภาษาต่างประเทศ ดว้ ยประโยคทีซ่ บั ซ้อนมากข้ึนในชีวติ ประจาวัน และงานอาชีพของตน ถูกต้องตามหลักภาษา วัฒนธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา ตัวชวี้ ดั อา่ นและทาตามคาแนะนาในการใชค้ ูม่ ือ ปา้ ย คาแนะนา วธิ ีการปรุง ข้อควรระวงั และ ป้ายประกาศ สาระสาคัญ การหาความหมายการคน้ หาคาศัพท์และการออกเสียงการวิเคราะห์การสังเกตคาทรี่ ากศัพทจ์ าก พจนานุกรมคาศัพท์ (Dictionary) การอา่ นการปา้ ยประกาศสญั ลกั ษณ์คาแนะนาคาเตอื นต่างๆ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ผ้เู รียนสามารถคน้ หาความหมายคาศพั ท์จากพจนานุกรมคาศัพท์ (Dictionary)ได้ 2. ผูเ้ รียนสามารถวเิ คราะหค์ าศัพทจ์ ากรากศัพท์ได้ 3. ผเู้ รยี นสามารถเข้าใจความหมายของปา้ ยประกาศสัญลักษณค์ าแนะนาและตาเตือนได้ สาระการเรียนรู้ การใช้พจนานุกรมรากศพั ท์อุปสรรคปจั จัยสัญลักษณ์และป้ายประกาศ สลากยาและคมู่ ือการใช้ อุปกรณ์ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝ่รู้ใฝ่เรยี นศึกษาใบความรู้ จากแบบเรยี น 2. มวี นิ ัย ทางานตามที่ครมู อบหมายไดท้ นั เวลา 3. ขยัน มุ่งม่นั ในการทางานทาใบงาน ทากิจกรรมกลุ่ม 4. มีความสามัคคี มนี ้าใจ มีความรบั ผิดชอบ ช่วยเหลือกนั ทากิจกรรมกลุม่ ชิ้นงาน/ภาระงาน 1. ใบงาน 2. รายงาน กระบวนการจัดการเรียนรู้

53 ขัน้ นาเขา้ ส่บู ทเรยี น - ครพู ดู ถึงป้ายสญั ลักษณ์ภาษาองั กฤษท่ีพบเห็นในชวี ติ ประจาวัน ขนั้ สอน - ครูอธิบายเน้อื หาในหนงั สือแบบเรียน - ผูเ้ รียนศึกษาใบความรู้ - ครมู อบหมายให้ผ้เู รยี นฝกึ ปฏบิ ัตดิ ้วยการทาแบบฝกึ หดั ข้ันสรปุ ครูผสู้ อนสรปุ เนอ้ื หาและเตมิ เตม็ องคค์ วามรู้พร้อมมอบหมายงานใหไ้ ปศึกษาด้วยตนเองเพมิ่ เตมิ ส่ือการเรียนการสอน 1. ใบความรู้ 2. หนังสอื แบบเรียน 3. ตวั อยา่ งปา้ ย 4. ใบงาน การวัดผลประเมนิ ผล วิธกี ารวดั 1. สงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรียนรู้และกระบวนการกลุ่ม 2. วดั ความรูจ้ ากการทากจิ กรรมในใบงาน เครอื่ งมือ 1. ใบงาน เกณฑ์การวดั ผลประเมินผล 1. ผเู้ รียนมีผลคะแนนในการทดสอบไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50 2. การมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมกล่มุ แหล่งการเรียนรู้/สบื ค้นขอ้ มูลเพิ่มเตมิ 1. ห้องสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตาบล 3. internet

54 บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ ผลทเ่ี กดิ กบั ผูเ้ รยี น ด้านกระบวนการจดั กิจกรรม ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. .................................................................................... ด้านการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ......................................... ดา้ นส่ือการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ................................................. ปัญหา/อุปสรรค ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. .................................................................................... ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ......................................... ลงชื่อ.........................................ครผู สู้ อน (..............................................) ครู............................................ วนั ท่.ี .........เดือน..........................พ.ศ. .................. ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................... ..................................................... ลงชอ่ื .......................................................... (นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์) ผอู้ านวยการ กศน. อาเภอบางระจัน วันที่ ............ เดือน ...................... พ.ศ. ............... ใบความรู้ เร่ืองท่ี 1 การใช้พจนานกุ รม (Dictionary) พจนานุกรมเปน็ หนงั สอื ท่จี ะช่วยให้ผ้เู รยี นทราบความหมายของคาศัพทช์ ่วยผู้เรียนในการตรวจสอบ ตวั สะกดของคาศัพทภ์ าษาองั กฤษทีไ่ ม่แน่ใจและพจนานุกรมยงั แสดงการอ่านคาที่ถกู ต้องดว้ ยดงั นนั้ ผทู้ เ่ี รยี น ภาษาองั กฤษทกุ คนควรฝกึ การใช้พจนานกุ รมใหค้ ลอ่ งเพ่ือการศึกษาคาศัพท์ต่างๆให้เข้าใจคาท่บี รรจุอยู่ใน

55 พจนานกุ รมจะเรียงตามลาดับตัวอักษรหากเป็นพจนานุกรมอังกฤษ – ไทยจะเรียงคาจาก A – Z ถ้าเปน็ พจนานุกรมไทย – อังกฤษจะเรียงคาศัพท์ต้ังแต่ ก – ฮ ผูเ้ รียนตอ้ งทราบและจาไดว้ ่าตัวอักษรใดมาก่อนหรอื หลงั ตัวอักษรอน่ื เพื่อทจ่ี ะค้นหาความหมายของศัพท์ไดส้ ะดวกและรวดเรว็ ข้นึ การหาความหมายของคาศัพท์ (Finding the meaning of the words) 1. เปิดหาความหมายโดยเปิดเรยี งตามลาดบั ตัวอักษร A – Z 2. ผเู้ รียนอาจไม่พบรูปของคาศัพท์เหมือนดังทปี่ รากฏในหนงั สือทก่ี าลงั อา่ นเพราะคานั้นอาจอยู่ในรูป ต่างๆเช่นเตมิ –ing -ed -s หรอื อยูใ่ นการเปรยี บเทียบข้นั กว่า –er หรอื ขัน้ สงู สดุ –est เป็นตน้ ดงั นั้นผู้เรียน จะตอ้ งเปดิ หาจากคาศัพท์หลักจงึ จะพบความหมายของคาศัพท์ทต่ี อ้ งการ ตัวอย่าง watched มาจากคาวา่ watch funniest มาจากคาว่า funny 3. คาศัพทห์ นึง่ คาอาจทาหน้าท่ีได้หลายอยา่ ง เชน่ kick เปน็ ได้ทงั้ คากริยาและคานามและใน พจนานุกรมบางเล่มจะมีตัวอยา่ งประโยคใหด้ ้วย ตวั อยา่ ง kick (คคิ ) vt. เตะ, ถบี , ตีกลับ, เตะฟุตบอล -vi เตะ, ถบี , ต่อตา้ น, ตกี ลับ –n. การเตะ, การเตะลูก ออกนอกเส้น, การไล่ออกจากงาน king (คงิ ) n. กษตั รยิ ์, พระเจ้าแผ่นดิน, พระราชา, ประมุข –vt. ทาให้เปน็ กษัตริย์ –adj. ท่สี าคญั ท่ี เป็นหลกั (-s. ruler, sovereign, monarch) –ex. The lion is the king of the jungle. ผู้เรยี นต้องเขา้ ใจโครงสรา้ งของประโยคทต่ี ้องการค้นหาความหมายของคาศัพทด์ ้วยจงึ จะสามารถเลือกแปลได้ ถกู ต้องพจนานุกรมบางเลม่ จะให้คาทม่ี ีความหมายเหมอื นใกลเ้ คยี งกนั หรือตรงขา้ มกันใหด้ ้วยเชน่ ตัวย่อ S. ใน ทน่ี ี้คอื synonym แปลวา่ คาทม่ี ีความหมายเหมือนกัน 4.การใหค้ วามหมายของคาศพั ท์ในพจนานุกรม คาศัพท์หนง่ึ คาอาจจะมีความหมายหลายอย่างพจนานุกรมจะใหค้ วามหมายทง้ั หมดและเรยี ง ความหมายที่ใชค้ น้ โดยทัว่ ไปก่อนและตามความหมายทีใ่ ช้โดยเรียงลงไป ตวั อยา่ ง alike / อะไลค / adj, adv. เหมอื นกนั , คล้ายกัน, อยา่ งเดียวกนั - alikeness n. –ex. These things are alike. They (both) behaved alike. นอกจากนน้ั จะสงั เกตเห็นว่าพจนานกุ รมยงั ให้ข้อมลู เกย่ี วกับการอ่านและการเน้นคา (stress) โดยเฉพาะคาท่ี ทาหนา้ ท่ไี ด้หลายอย่างและเขียนเหมือนกนั แต่อ่านตา่ งกนั เช่นคาว่า present เป็นไดท้ ั้งคาคุณศัพท์คานามและ คากรยิ าจะมีการออกเสียงหนักเบาต่างกนั ได้สงั เกตการใชเ้ ครอ่ื งหมาย ′ บนเสียงอา่ น ตวั อย่าง present (เพรซ′เซนิ ท) adj. มีอยู่, ปรากฏอยู่, ปัจจบุ ัน, เดี๋ยวน้ี –n. เวลาปัจจุบนั , ขณะนี้, ของขวญั present (พรเี ซนท′ ) vt. เสนอ, ให้, ยืน, มอง, แสดงใหเ้ หน็ , แนะนา, นาตัว (-s. introduce) –ex. Mary presented her friend to the teacher. ให้ผู้เรยี นสงั เกตการณ์ออกเสียงหนักเบา (stress) ของคาศัพท์หากเป็นคานามและคุณศัพท์จะลงเสยี ง หนักที่พยางคห์ น้าแตห่ ากเป็นคากริยาจะลงเสียงหนกั ท่ีพยางค์หลังหากออกเสยี งผดิ กจ็ ะทาให้ความหมาย เปล่ียนไปดว้ ย 5. พจนานุกรมบางเลม่ จะอธิบายถึงโครงสรา้ งการใชค้ าศัพทค์ านน้ั ดว้ ยและหากเป็นคากริยาก็จะแสดง ใหเ้ ห็นถึงการเขยี นในรปู ชอ่ ง 2 และชอ่ ง 3 ดว้ ย ตัวอย่าง give / giv / verbs (pt gave; pp given)

56 1. [T] give sb sth; give sth to sb ใหส้ ง่ิ ทผ่ี ู้นน้ั ตอ้ งการ: I gave Jackic a book for her birthday. * Give me that book a minute – I just want to check something. *I gave my bag to my friend to look after. ตัวอยา่ ง Sit / sit / verb (pt, pp sat) 1. [I] นั่ง : We sat in the garden all afternoon. Idioms sit on the fence เหยยี บเรอื สองแคม ขอ้ สังเกต • คาที่อยใู่ นเคร่ืองหมาย / / เป็นคาอ่านของคาศัพท์ขา้ งหน้าซึง่ ในพจนานุกรมบางฉบับจะมีเสยี งอ่าน เทยี บเคยี งให้ศึกษาหากเปน็ ภาษาไทยคาอ่านจะอยูใ่ น ( ) • คาย่อในเครื่องหมาย [ ] [ I ] = กรยิ าทไี่ มต่ อ้ งมีกรรมมารบั (intransitive verb) [ T ] = กริยาท่ีตอ้ งมกี รรมมารบั (transitive verb) ใบงาน 1 1. Sort the following words alphabetically as in a dictionary. bill meaning extra glass democracy carport glad egg media law early soil boy gloom responsibility 1 6 11 2 7 12 3 8 13 4 9 14 5 10 15 ใบงาน 2 2. Write the meaning of the underlined words.

57 There are some people who seem to be more creative than others. This is because they enjoy and value creativity. As a result they spend more time trying to be creative.They build up confidence in their creative abilities. Doing this makes them more creative. It is a positivefeedback system. Some people seem more curiousthan others. Some people seem to enjoy creativity and new ideas more than others. 1. ………………………………………………………………………………….…………………………………………………. 2. ……………………………………………………………….……..…………………………………………………………….. 3. ……………………………………………………………….……………………………………………………………………… 4. …………………………………………………………….………………………………………………………………………… 5. ………………………………………………………….…………………………………………………………………………… 6. ………………….…………………………………….…..………………………………………………………………………… 7. ………………………………………………………..……..……………………………………………………………………… 8. ……………….……………..……………………..……..……………………………………………………………………… แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 4 (แผนการพบกลุ่ม) กลุ่มสาระความรพู้ นื้ ฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวติ และสังคม พต 31001 ชนั้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย แผนการจดั การเรยี นรู้เร่ืองท่ี 4 Hello, could you tell me..........? เวลา 12 ชัว่ โมง สอนวนั ท่ี ………เดือน ………………..พ.ศ. .......... ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 มาตรฐานการเรยี นรู้ มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติเกี่ยวกบั ภาษาทา่ ทาง การฟงั พดู อ่าน เขยี น ภาษาตา่ งประเทศ ดว้ ยประโยคท่ซี ับซ้อนมากข้ึนในชีวติ ประจาวัน และงานอาชีพของตน ถูกต้องตามหลักภาษา วฒั นธรรม และกาลเทศะของเจ้าของภาษา ตัวชีว้ ัด ตดิ ต่อส่ือสารทางโทรศัพท์ไดค้ ล่องแคลว่ สาระสาคัญ ปจั จบุ ันการติดต่อสือ่ สารทางโทรศพั ทม์ กี ารใชก้ ันอยา่ งกว้างขวางดังนนั้ มารยาทการใช้โทรศพั ท์ในการ ตดิ ต่อกับเพื่อนญาตหิ รือสอบถามข้อมูลจาเป็นต้องใช้สานวนภาษาทเี่ หมาะสมถูกต้องจะประสบความสาเร็จ ตามเป้าหมายของการสื่อสารในเรือ่ งท่ีต้องการ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ใช้สานวนภาษาท่ีเหมาะสมในการพดู โต้ตอบทางโทรศัพท์กบั เพ่ือนญาตพิ นี่ ้องและผคู้ ุ้นเคยได้ 2. ใชโ้ ทรศัพท์ในการสอบถามข้อมูลตา่ งๆได้ 3. ใช้โทรศัพท์ในการสอบถามหรอื ให้ข้อมลู ที่เก่ียวกบั งานอาชีพได้ สาระการเรียนรู้ 1. การติดต่อทางโทรศัพทก์ บั ผู้ทค่ี นุ้ เคยรจู้ ักวธิ กี ารพูดโต้ตอบทางโทรศัพท์กับเพ่ือนญาติ พี่นอ้ งและผทู้ ี่ คนุ้ เคยในเร่ืองตา่ ง ๆ โดยใชส้ านวนและภาษาท่ีเหมาะสม

58 2. การติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆการใช้สานวนภาษาทใี่ ช้พูดทางโทรศพั ทเ์ พ่ือ สอบถามข้อมูลต่าง ๆ ทตี่ ้องการทราบโดยใช้ รปู ประโยคขอร้อง /ขอรอ้ งอย่างสภุ าพ (request, polite, request) ประโยค direct/ indirect speech ประโยคคาถามลักษณะตา่ ง ๆประโยคแสดงความคดิ เห็นและการ ขอบคุณเช่น การสอบถามเสน้ ทางการเดินทางไปท่ตี า่ ง ๆ สอบถามตารางรถไฟ เคร่ืองบนิ สอบถามข้อมลู ด้าน การคุ้มครองผ้บู รโิ ภค/ สขุ ภาพอนามัย/พยากรณ์อากาศ เป็นต้น 3. การติดต่อทางโทรศพั ทเ์ พ่ือการประกอบอาชพี วธิ กี ารพูดโตต้ อบทางโทรศัพท์ เพ่ือถามใหข้ ้อมูล เก่ียวกบั การประกอบอาชพี โดยใช้สานวนและภาษาที่เหมาะสมในการสอบถามข้อมลู เกี่ยวการสมัครงาน การ ซอ้ื -ขายสนิ ค้า การให้ข้อมลู เกี่ยวกบั คณุ ภาพและราคาของสินค้า การสง่ เสรมิ การขาย การต่อรองราคา การรับ และสง่ ของตวั อย่างประโยคที่ใช้ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝ่รใู้ ฝเ่ รียน ศึกษาใบความรู้ จากแบบเรยี น 2. มวี ินัย ทางานตามที่ครูมอบหมายได้ทันเวลา 3. ขยนั มงุ่ มนั่ ในการทางานทาใบงาน ทากจิ กรรมกลุ่ม 4. มคี วามสามัคคี มีนา้ ใจ มีความรบั ผดิ ชอบ ช่วยเหลอื กันทากิจกรรมกล่มุ ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. ใบงาน 2. รายงาน กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรียน - ครพู ดู ถงึ ความจาเป็นในการสนทนาโตต้ อบทางโทรศพั ทใ์ นชวี ิตประจาวัน ข้นั สอน -ครแู ละผู้เรียนร่วมกันอภปิ รายเนอ้ื หาในหนงั สือแบบเรยี น - ผเู้ รียนศึกษาใบความรู้ - ครมู อบหมายใหผ้ เู้ รยี นฝกึ ปฏบิ ัติด้วยการทาแบบฝกึ หดั ขั้นสรปุ ครูผสู้ อนสรปุ เน้อื หาและเตมิ เต็มองคค์ วามรู้พร้อมมอบหมายงานใหไ้ ปศึกษาด้วยตนเอง เพิม่ เติม สือ่ การเรยี นการสอน 1. ใบความรู้ 2. หนงั สือแบบเรยี น 3. ใบงาน การวัดผลประเมนิ ผล วิธกี ารวดั 1. สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรียนร้แู ละกระบวนการกลุ่ม 2. วดั ความรูจ้ ากการทากจิ กรรมในใบงาน เคร่อื งมือ 1. ใบงาน เกณฑ์การวัดผลประเมนิ ผล 1. ผเู้ รยี นมผี ลคะแนนในการทดสอบไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 50 2. การมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมกลุ่ม แหล่งการเรียนรู้/สบื คน้ ขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ

59 1. หอ้ งสมุดประชาชน 2. กศน.ตาบล 3. internet บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ ผลท่ีเกดิ กบั ผเู้ รียน ดา้ นกระบวนการจดั กิจกรรม .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................. ดา้ นการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................. ดา้ นสือ่ การเรียนรู้ .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................. ปญั หา/อุปสรรค .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ................. ลงชื่อ.........................................ครูผ้สู อน (..............................................) คร.ู ........................................... วนั ที่..........เดือน..........................พ.ศ. .................. ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................................

60 ลงช่อื .......................................................... (นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์) ผู้อานวยการ กศน. อาเภอบางระจัน วันที่ ............ เดือน ...................... พ.ศ. ............... ใบความรู้ การตดิ ต่อโทรศัพทก์ บั ผ้คู ุ้นเคย ในการโทรศัพทม์ ีท้งั สถานการณ์ทโี่ ทรไปหาผทู้ ่ีคุ้นเคยติดตอ่ ธุระส่วนตัวและสถานการณ์ที่เปน็ ทางการ เชน่ การตดิ ต่อการงานเช่นการติดตอ่ ธรุ กิจการจองห้องพกั /ตัว๋ โดยสารภาษาทใี่ ชใ้ นสถานการณท์ ไี่ ม่เปน็ ทางการ ยอ่ มแตกตา่ งจากสถานการณ์ท่เี ป็นทางการ การโทรศพั ท์ถงึ ผู้ท่ีคุ้นเคย : จะใช้ภาษาแบบกนั เองทีไ่ มเ่ ป็นทางการหรอื ภาษาที่เปน็ กันเอง (informal) ในการโตต้ อบระหวา่ งผเู้ รยี กเขา้ (caller) กบั ผู้รบั สาย (receptionist) ตวั อย่างประโยค คาอธบิ ายภาษา Hello. Introduction: Good morning 02 2819090 ใช้สาหรับผู้รบั (receptionist) Can I speak to Jane, please? Asking for sentence May I speak to Jane, please? ผู้เรยี กสาย (caller) ใชข้ อพดู กบั ผพู้ ดู ปลายทาง Is Jane home? Is Jane there? O.K. ใชเ้ มอ่ื ผู้ทผ่ี เู้ รยี กต้องการจะพูดดว้ ยอยู่ Just a moment, please. He/she is out. When someone is not available: ใชเ้ ม่ือผู้ที่ Sorry, he/she’s not here right now. ผเู้ รยี กต้องการพูดด้วยหากต้นทางไม่อยู่ May I ask who’s call up, please? ใชเ้ มื่อถามชือ่ ผ้เู รียกต้นทาง It’s Jane. ใช้เมอื่ ผทู้ ตี่ น้ ทาง (Caller ) ตอ้ งการพดู ดว้ ยรับสาย Jane is speaking. เอง Would you like to leave a message? ใช้เมือ่ ผู้รบั สาย(receptionist)เสนอวา่ ตอ้ งการฝาก ขอ้ ความหรือไม่ Could I leave a message? ใชเ้ มื่อผเู้ รยี กเขา้ ต้องการฝากข้อความไว้ Please tell Jane that Susan called. ใชเ้ ม่อื ต้องการฝากข้อความให้โทรออก Please tell Jane to call me at 3 p.m. today Please tell Jane to call me at 02 – 2822222 Is Steve there? ศึกษาบทสนทนาทางโทรศัพท์ตอ่ ไปน้ีซึ่งเปน็ การสนทนาระหว่าง Jane และ Greg สถานทีค่ ือบ้านของ John เมือ่ มีเสียงโทรศพั ทด์ ังขึ้น John ไปรับสายพบว่ามีผู้โทรมาหา Steve ซง่ึ ขณะนัน้ ไมอ่ ยบู่ ้านจะกลับมา

61 ประมาณตอนเยน็ ประมาณ 5 โมงครงึ่ ดงั นนั้ John จึงถามชอื่ คนโทรศัพทแ์ ละจะบอก Steve ให้ทราบวา่ Greg โทรมาหา Rrrrrrrr…… John : Hello. Greg : Hello. Is Steve there? John : I’m sorry. He’s not here right now. Greg : What time will he be back? John : Around five thirty. Greg : This afternoon? John : Yes. May I ask who’s calling? Greg : This is his friend, Greg. John : Okay. I’ll tell him you called. Greg : Thanks. สานวนทีน่ ่าสนใจ I’m sorry. He’s not here right now. การบอกวา่ ผู้ทต่ี ้องการพูดด้วยไมอ่ ยู่แทนทีจ่ ะบอกเฉยๆว่า He’s not here right now. เราควรพูดคาว่า I’m sorry. เริ่มต้นดว้ ยทาให้ฟังดดู ีขนึ้ ไม่หว้ นและแสดงความรู้สึกเหน็ ใจผ้พู ูดทีต่ อ้ งผดิ หวงั ไม่พบคนท่ีตอ้ งการพดู ดว้ ย Around five thirty. คาว่า around เปน็ การกะโดยประมาณอาจจะใช้คาว่า about แทนก็ได้แตค่ าวา่ around ค่อนขา้ งเป็นภาษา พูด May I ask who’s calling? ถา้ ตอ้ งการถามช่ือคนโทรนี่เป็นคาพดู ท่คี วรใชน้ อกจากน้ีอาจจะถามอกี อย่างว่า May I tell him/her who’s calling? กไ็ ด้เป็นการถามโดยอ้อมๆวา่ จะให้บอกว่าใครโทรมา May I tell him/her who’s calling? Can I Could I (สุภาพมาก) This is his friend, Greg. การบอกช่อื แทนทจ่ี ะบอกชอื่ เฉยๆว่าThis is Greg. ก็มคี ามาขยายวา่ เปน็ เพ่ือนอยา่ งน้ีดูดีกวา่ บอกช่ือเฉยๆ

62 ใบงาน 1. Is Steve there? นาคาและสานวนในบทสนทนามาเติมลงในชอ่ งว่างตอ่ ไปนี้ Use the words or phrases in the dialogue to fill in the blanks. John : Hello. Greg : Hello. Is Suzan there? John : I’m sorry, She’s not …………(1)……….. right now. Greg : What time will ……….(2)………? John : Around six thirty. Greg : This afternoon? John : Yes. May I ask ………..(3)……….? Greg : This is her friend, Greg. John : Okay. I’ll tell her you ……….(4)………. . Greg : Thanks. 2. Fill in the blanks John : Hello. Greg : Hello. ……….(1)..…..….? John : ……..….(2)…….…. He’s not here right now. Greg : ……..….(3)……….. will he be back? John : Around ………(4)……….. Greg : This afternoon? John : Yes. May I ask …………(5)………….? Greg : This is ……………(6)……………….. John : Okay. I’ll tell him ………(7)………… Greg : Thanks. แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 5 (แผนการพบกลุ่ม) กลมุ่ สาระความรู้พนื้ ฐาน รายวิชา ภาษาองั กฤษเพื่อชีวติ และสังคม พต31001 ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนปลาย แผนการจัดการเรยี นรู้เรื่องท่ี 5 Cultural Difference เวลา 6 ช่ัวโมง สอนวันที่ ………เดือน ………………..พ.ศ. .......... ภาคเรียนท่ี …...... ปีการศกึ ษา ………. มาตรฐานการเรยี นรู้

63 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติเก่ียวกับ ภาษาท่าทาง การฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศ ด้วยประโยคที่ซบั ซ้อนมากขน้ึ ในชวี ติ ประจาวัน และงานอาชีพของตน ถูกต้องตามหลักภาษา วัฒนธรรม และกาลเทศะของเจ้าของภาษา ตัวชี้วดั 1. ปฏบิ ตั ิตนตามมารยาทวัฒนธรรมและประเพณีต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 2. เปรยี บเทียบความแตกตา่ งระหวา่ งวัฒนธรรมอังกฤษกับวัฒนธรรมไทย สาระสาคญั การเข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาเป็นเร่ืองจาเป็นสาหรับสภาวะในปัจจุบันของยุคโลกาภวิ ัตนท์ ่มี ี การติดต่อสือ่ สารอย่างสะดวกและรวดเรว็ นกั ศึกษาจาเป็นต้องศึกษาคาศัพทส์ านวนโครงสรา้ งภาษาและ วัฒนธรรมทีถ่ กู ตอ้ งและเหมาะสมกบั เจา้ ของภาษาและสามารถแสดงความคดิ เห็นต่อวฒั นธรรมความเปน็ อยู่ ของเจ้าของภาษาได้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. เขา้ ใจความแตกต่างทางวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา 2. ใช้คาศัพท์และโครงสร้างภาษาท่ีถูกต้องเหมาะสมกบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษาได้ 3. เปรยี บเทียบสานวนไทยกับภาษาอังกฤษได้ สาระการเรียนรู้ 1. การตดิ ต่อทางโทรศพั ทก์ ับผู้ท่ีคุ้นเคยรูจ้ ักวิธกี ารพูดโต้ตอบทางโทรศัพทก์ ับเพ่ือนญาติ พ่ีนอ้ งและผทู้ ่ี คนุ้ เคยในเร่ืองต่าง ๆ โดยใชส้ านวนและภาษาท่ีเหมาะสม 2. การตดิ ต่อทางโทรศัพท์เพ่ือสอบถามข้อมลู ต่าง ๆการใช้สานวนภาษาที่ใช้พดู ทางโทรศัพทเ์ พื่อ สอบถามข้อมลู ต่าง ๆ ที่ต้องการทราบโดยใช้ รปู ประโยคขอร้อง /ขอรอ้ งอย่างสุภาพ (request, polite, request) ประโยค direct/ indirect speech ประโยคคาถามลักษณะตา่ ง ๆประโยคแสดงความคิดเห็นและการ ขอบคุณ เชน่ การสอบถามเส้นทางการเดนิ ทางไปทต่ี า่ ง ๆ สอบถามตารางรถไฟ เคร่อื งบิน สอบถามข้อมูลด้าน การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค/ สขุ ภาพอนามัย/พยากรณ์อากาศ เปน็ ตน้ 3. การติดต่อทางโทรศพั ท์เพ่ือการประกอบอาชพี วธิ กี ารพูดโตต้ อบทางโทรศัพท์ เพ่ือถามใหข้ ้อมูล เก่ยี วกับการประกอบอาชีพ โดยใชส้ านวนและภาษาทเ่ี หมาะสมในการสอบถามข้อมลู เกย่ี วการสมัครงาน การ ซอ้ื -ขายสินคา้ การใหข้ ้อมลู เกี่ยวกับคุณภาพและราคาของสินค้า การส่งเสรมิ การขาย การตอ่ รองราคา การรบั และส่งของตัวอยา่ งประโยคที่ใช้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝร่ ูใ้ ฝเ่ รยี น ศึกษาใบความรู้ จากแบบเรียน 2. มีวนิ ยั ทางานตามที่ครมู อบหมายไดท้ นั เวลา 3. ขยนั มงุ่ มนั่ ในการทางานทาใบงาน ทากิจกรรมกลุ่ม 4. มคี วามสามคั คี มีน้าใจ มีความรับผดิ ชอบ ชว่ ยเหลอื กันทากิจกรรมกลมุ่ ช้ินงาน/ภาระงาน 1. ใบงาน 2. รายงาน กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขัน้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น - ครูพูดถงึ ความจาเปน็ ในการสนทนาโต้ตอบทางโทรศัพท์ในชวี ติ ประจาวนั ขั้นสอน -ครแู ละผ้เู รยี นรว่ มกนั อภปิ รายเนื้อหาในหนังสือแบบเรียน - ผูเ้ รียนศึกษาใบความรู้

64 - ครมู อบหมายใหผ้ เู้ รียนฝกึ ปฏบิ ตั ิด้วยการทาแบบฝึกหดั ขน้ั สรปุ ครูผสู้ อนสรุปเนื้อหาและเตมิ เต็มองค์ความรู้พรอ้ มมอบหมายงานใหไ้ ปศึกษาดว้ ยตนเอง เพมิ่ เติม ส่อื การเรียนการสอน 1. ใบความรู้ 2. หนงั สอื แบบเรยี น 3. ใบงาน การวดั ผลประเมินผล วธิ ีการวดั 1. สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรยี นรู้และกระบวนการกลุ่ม 2. วดั ความรู้จากการทากจิ กรรมในใบงาน เครอื่ งมอื 1. ใบงาน เกณฑ์การวดั ผลประเมินผล 1. ผเู้ รียนมีผลคะแนนในการทดสอบไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 50 2. การมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมกลมุ่ แหล่งการเรยี นร้/ู สืบคน้ ขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ 1. ห้องสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตาบล 3. internet บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ ผลท่เี กดิ กบั ผู้เรยี น ด้านกระบวนการจัดกิจกรรม .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................. ดา้ นการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................. ดา้ นส่ือการเรยี นรู้ .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ................. ปญั หา/อุปสรรค

65 .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ................. ลงช่ือ.........................................ครูผ้สู อน (..............................................) ครู............................................ วนั ที.่ .........เดือน..........................พ.ศ. .................. ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................... ..................................................... ลงชอื่ .......................................................... (นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์) ผอู้ านวยการ กศน. อาเภอบางระจัน วนั ที่ ............ เดอื น ...................... พ.ศ. ............... ใบงาน 1. การใช้ภาษาในการสื่อสารได้เหมาะสมตามมารยาททางสงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา การใชน้ า้ เสียงและภาษาทา่ ทางได้อย่างเหมาะสมกบั บุคคลสถานที่และโอกาสเชน่ การสมั ผัสมอื การโบกมือการ แสดงสีหนา้ การแสดงความรูส้ ึกในโอกาสต่างๆการแตง่ กายการรับประทานอาหารการรว่ มงานเลี้ยงและ กิจกรรมทางสังคม เช่น Blow a kiss. การสง่ จูบ Give me a big hug กอดฉันแน่นๆชาวตะวันตกมกั จะกอดกันในตอนเช้าก่อนออกไปทางานกอด เมื่อพบเจอหน้ากนั จากลาแสดงความยนิ ดใี นวนั เกิดวนั ทไ่ี ด้เล่ือนตาแหนง่ วันแตง่ งานและอน่ื ๆกอดเม่ือต้องการ ใหก้ าลงั ใจ (อาจจะมตี บหลงั เบาๆด้วย) http://www.gtoknow.org/blog/english101/271915 Check hand การทกั ทายนับเปน็ กา้ วแรกของการเปดิ ประตูสกู่ ารสรา้ งสมั พันธ์อนั ดีเม่อื เราตอ้ งปฏิสมั พนั ธ์กับ ชาวต่างชาติการทักทายตามวัฒนธรรมของเขาจะสรา้ งความประทบั ใจไดเ้ ปน็ อย่างดีเช่นการทกั ทายดว้ ยการจบั มอื การจบั มือโดยมารยาททัว่ ไปใหใ้ ชม้ ือขวาจับมือขวาของอีกฝ่ายแลว้ เขย่าขึ้นลงเบาๆเพียง 1 - 2 ครงั้ ดว้ ยสี หน้ายมิ้ แยม้ http://www.taa.or.th/index.php?components=articles&id_articles_main=13 การแนะนาตนเองเชน่ May I introduce myself? Let me introduce myself,……………….. การแสดงความยนิ ดเี ชน่ Congratulations on ………………………….

66 การแสดงความเสยี ใจเช่น I’m sorry for …………………………….. การขอความชว่ ยเหลอื เชน่ Would you please ………..…… Can you help me……..……….. 2. ความเชอ่ื ขนบธรรมเนยี มประเพณขี องเจ้าของภาษา ผู้เรยี นจะไดเ้ รียนรถู้ ึงเรอื่ งราวตา่ งๆทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ความสมั พันธ์ระหวา่ งวัฒนธรรมและภาษาขอให้ ผูเ้ รียนตง้ั ใจศึกษาและทาความเข้าใจอยา่ งละเอียดและทากิจกรรมตามท่กี าหนด “Cultural Diffences” Travelling to all corners of the word gets easier and easier. We live in a global community, we should learn their cultural differences. Here are some tips for travelers : - In Spain : Woman always kiss on both cheeks. (สตรีมกั จะจูบแก้มกนั ทงั้ 2 ข้าง) - Chinese children : children never call adults by their first name. (เดก็ จะไม่เรยี กผู้ใหญโ่ ดยใช้ช่อื แรกของผใู้ หญ่)) - in Canada and the U.S.A. : You do not arrive early if you’re invited to someone’s house. (ไม่ไปงานทีไ่ ด้รบั เชิญก่อนเวลา) In Indonesia : You never point to anything with your feet. (ไม่ใช้เทา้ ชี้ส่งิ ตา่ งๆ ) - The Korean do not pass something to another person or superior with only one hand. (ไมส่ ง่ สิ่งของให้ผู้อนื่ หรือผู้ทีเ่ หนือกวา่ ด้วยมือข้างเดยี ว) - Muslim Countries : Don’t eat with your left hand. (ไม่รับประทานอาหารดว้ ยมือซ้าย) - In France : You should not sit down in a café until you have shaken hands with everyone you you know . (ไมน่ ง่ั จนกวา่ จะได้ทาการทักทายกันกอ่ น) - In Thailand : you should not touch anyone on the head, except a child. (ไมส่ ัมผสั ศีรษะผูอ้ ื่นยกเวน้ เดก็ ) - The Japanese people do not emphasize eye contact. (ชาวญีป่ นุ่ ไมใ่ ห้ความสาคัญกบั การส่ือสารทางสายตา) คาศพั ท์ที่ควรรู้ (Word Studies) คาศพั ท์ หนา้ ท่ขี องคา ความหมาย difference n. ความแตกตา่ ง country n. ประเทศ culture n. วฒั นธรรม travelling n. การเดินทาง invite v. เชือ้ เชิญ arrive v. มาถงึ touch v. แตะ. สัมผัส kiss v. จูบ cheek n. แก้ม superior n. ผูท้ ่อี าวุโสกว่า except v. นอกเหนือจาก, ยกเว้น ใบงาน 1. จงโยงเสน้ จับคคู่ าศพั ท์กับความหมายให้ถกู ต้อง

67 difference การเดินทาง country ผู้ทีอ่ าวุโสกวา่ culture เชอื้ เชญิ travelling ประเทศ invite จูบ arrive วฒั นธรรม touch แก้ม kiss แตะ. สมั ผัส cheek ความแตกต่าง superior มาถึง แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 (แผนการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง) กล่มุ สาระความรู้พนื้ ฐาน รายวชิ า ภาษาองั กฤษเพอ่ื ชวี ติ และสังคม พต 31001 ช้นั มัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการจดั การเรยี นรูเ้ รือ่ งท่ี 6 Cultural Differenceเวลา 6 ชว่ั โมง สอนวนั ท่ี ………เดือน ………………..พ.ศ. .......... ภาคเรียนท่ี …... ปีการศกึ ษา ………. มาตรฐานการเรียนรู้ มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตเิ ก่ยี วกบั ภาษาทา่ ทาง การฟงั พดู อ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศ ดว้ ยประโยคทีซ่ ับซ้อนมากขนึ้ ในชวี ติ ประจาวัน และงานอาชีพของตน ถูกต้องตามหลักภาษา วฒั นธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา ตวั ช้ีวัด 1. ปฏบิ ตั ิตนตามมารยาทวฒั นธรรมและประเพณตี ่าง ๆ ไดอ้ ย่างถูกต้อง 2. เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งระหว่างวฒั นธรรมอังกฤษกับวฒั นธรรมไทย สาระสาคัญ การเขา้ ใจวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษาเป็นเร่ืองจาเปน็ สาหรับสภาวะในปจั จุบนั ของยุคโลกาภวิ ัตน์ท่ีมี การตดิ ต่อส่ือสารอย่างสะดวกและรวดเรว็ นักศึกษาจาเปน็ ต้องศึกษาคาศัพทส์ านวนโครงสร้างภาษาและ วัฒนธรรมที่ถกู ต้องและเหมาะสมกบั เจ้าของภาษาและสามารถแสดงความคิดเหน็ ต่อวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ของเจ้าของภาษาได้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. เขา้ ใจความแตกต่างทางวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา 2. ใชค้ าศัพท์และโครงสร้างภาษาทถ่ี ูกต้องเหมาะสมกับวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษาได้ 3. เปรยี บเทยี บสานวนไทยกับภาษาอังกฤษได้ สาระการเรียนรู้ 1. การตดิ ต่อทางโทรศพั ทก์ บั ผูท้ ี่คนุ้ เคยรู้จกั วิธกี ารพดู โตต้ อบทางโทรศัพท์กับเพ่ือนญาติ พน่ี อ้ งและผู้ที่ ค้นุ เคยในเร่ืองต่าง ๆ โดยใชส้ านวนและภาษาท่ีเหมาะสม 2. การตดิ ต่อทางโทรศัพท์เพ่ือสอบถามข้อมลู ตา่ ง ๆการใช้สานวนภาษาทใ่ี ช้พูดทางโทรศพั ทเ์ พ่ือ สอบถามขอ้ มลู ต่าง ๆ ทีต่ ้องการทราบโดยใช้ รปู ประโยคขอร้อง /ขอรอ้ งอยา่ งสุภาพ (request, polite, request) ประโยค direct/ indirect speech ประโยคคาถามลักษณะตา่ ง ๆประโยคแสดงความคิดเหน็ และการ

68 ขอบคุณ เช่น การสอบถามเส้นทางการเดินทางไปท่ตี า่ ง ๆ สอบถามตารางรถไฟ เครือ่ งบิน สอบถามข้อมลู ด้าน การคุม้ ครองผบู้ รโิ ภค/ สุขภาพอนามัย/พยากรณ์อากาศ เปน็ ตน้ 3. การตดิ ต่อทางโทรศพั ท์เพื่อการประกอบอาชพี วิธีการพูดโต้ตอบทางโทรศพั ท์ เพ่ือถามให้ข้อมลู เกีย่ วกับการประกอบอาชีพ โดยใชส้ านวนและภาษาทเี่ หมาะสมในการสอบถามข้อมลู เก่ียวการสมคั รงาน การ ซอ้ื -ขายสนิ ค้า การให้ข้อมลู เก่ียวกบั คณุ ภาพและราคาของสินคา้ การส่งเสริมการขาย การตอ่ รองราคา การรับ และสง่ ของตวั อยา่ งประโยคท่ีใช้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝร่ ู้ใฝ่เรยี น ศกึ ษาใบความรู้ จากแบบเรียน 2. มวี ินัย ทางานตามที่ครูมอบหมายไดท้ ันเวลา 3. ขยนั มงุ่ ม่นั ในการทางานทาใบงาน ทากิจกรรมกลุ่ม 4. มคี วามสามัคคี มนี า้ ใจ มีความรับผดิ ชอบ ชว่ ยเหลือกันทากิจกรรมกลุ่ม ช้นิ งาน/ภาระงาน 1. ใบงาน 2. รายงาน กระบวนการจดั การเรยี นรู้ - ครใู หน้ ักศึกษาศึกษาขอ้ มลู ด้วยตนเอง - ผู้เรยี นศึกษาใบความรู้ - ผ้เู รยี นฝึกปฏบิ ัตดิ ว้ ยการทาแบบฝกึ หดั - ครูผู้สอนใหน้ กั ศึกษาสง่ งานตามกาหนด สอื่ การเรยี นการสอน 1. ใบความรู้ 2. หนังสือแบบเรียน 3. ใบงาน การวัดผลประเมินผล วิธีการวัด 1. สงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรยี นรู้และกระบวนการกลุ่ม 2. วดั ความรจู้ ากการทากิจกรรมในใบงาน เครื่องมอื 1. ใบงาน เกณฑก์ ารวัดผลประเมินผล 1. ผูเ้ รยี นมผี ลคะแนนในการทดสอบไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 50 2. การมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมกลุ่ม แหล่งการเรียนร/ู้ สืบค้นขอ้ มูลเพมิ่ เติม 1. หอ้ งสมดุ ประชาชน 2. กศน.ตาบล 3. internet

69 บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้ ผลทเี่ กิดกบั ผูเ้ รยี น ด้านกระบวนการจดั กิจกรรม ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ...................................................................... ................... ดา้ นการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ด้านสอ่ื การเรียนรู้ ................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ..................................................................... ปญั หา/อุปสรรค ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ...................................................................... ...................... ลงชือ่ .........................................ครผู ู้สอน (..............................................) คร.ู ........................................... วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ. .................. ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ................................................................................................. ............................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................. ............................................ ....................................................................................... .................................................................................. ... ลงชอื่ .......................................................... (นางสาวปรารถนา ชโี พธิ์) ผอู้ านวยการ กศน. อาเภอบางระจนั วนั ที่ ............ เดอื น ...................... พ.ศ. ...............

70 ใบความ Thai culture can be divided into several aspects : beliefs, traditions, social values, and religious, etc. There are five regions in Thailand, each region has its unique culture such as a local language, customs, folk songs, or the way of living. Among those differences, kindness is the characteristic of Thais. The following are some ways to show Thai cultures to foreigners : Tradition : There are many traditional events showing Thai way of living. For example, on Songkran Festival, people pay their respect to the elders by pouring water on their hands, splash water at one another, make merit at the temple, or clean their houses. Religions : Buddhists go to the temple for making merit or meditation and praying. In the past, children enjoyed playing games taken place at the temple such as “jam jee mah kheo poe” Architecture : Classical Thai architecture can be found in monastic monuments such as pagodas and temples. Painting : Classical Thai painting reflecting the stories of Buddhism, Thai customs, and traditions is shown in Buddhist temples and palaces. It is very artful. Handicrafts : There are several handicrafts such as pottery, mutmi silk, and wood carving, ect. Thai literature : Thai literature reflects the beliefs of Buddhism such as the spirit after death depending on his action in the past. Thai songs, music and dance : Each region in Thailand has its own typical songs, music and dance. Occupation : Most of all Thais are connected with agriculture. The equipments used for their occupation are sickle or cart, etc. Tourism : There are many attractive places in Thailand. For example, Khon Kaen is famous for the local product mutmi silk or Chiangmai is well known for distinctive festival and handicrafts such as parasol and wood carving, etc. Food : Thai use only fork and spoon but not knife. Thai eat rice with dishes. Thai food is very spicy because chilly is used in a number of Thai dishes such as curry and even soups. Clothing : Dress neatly on a visit to a religious place.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook