Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยสภาพปัญหา สภาพที่คาดหวังและความต้องการจำเป็น

วิจัยสภาพปัญหา สภาพที่คาดหวังและความต้องการจำเป็น

Published by Wachiradon Khumsiriruk, 2021-03-27 08:31:09

Description: วิจัยสภาพปัญหา สภาพที่คาดหวังและความต้องการจำเป็น

Search

Read the Text Version

สภาพทเ่ี ป็นจรงิ สภาพทคี่ าดหวังและความตอ้ งการจำเป็น การบรหิ ารจดั การโรงเรียน ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล วชิรดล คำศิริรักษ์ สำนักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต ๒๑ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

การศกึ ษา เรอ่ื ง “สภาพทีเ่ ป็นจรงิ สภาพท่ีคาดหวงั และความต้องการจำเป็น การบรหิ ารจัดการ โรงเรยี น ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคณุ ภาพประจำตำบล” ไดร้ บั ทุนอดุ หนนุ โครงการวจิ ยั เพ่อื ทำการวิจยั จากสำนักพฒั นานวัตกรรมการจดั การศกึ ษา สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร ประจำปีงบประมาณ 2563

ประกาศคุณปู การ งานการศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ัยเล่มนสี้ ำเรจ็ ลลุ ่วงไปไดด้ ว้ ยดี กเ็ พราะผู้ศกึ ษาได้รับความกรณุ าดว้ ยดจี าก นายสมใจ วเิ ศษทกั ษิณ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 21 และ คณะท่ปี รึกษาทุก ท่าน ท่ีได้กรณุ าให้คำปรกึ ษา คำแนะนำ ดูแลเอาใจใส่ในการดำเนนิ การศึกษาทุกขัน้ ตอน ผู้ศกึ ษารู้สึกซาบซงึ้ ใน พระคุณนี้เป็นอย่างสงู ขอขอบพระคณุ นายวรายทุ ธ ชาเรืองเดช, นางชนานันท์ สุคันธา, นางปทิตตา พวงปญั ญา, นางศรีประภา สหี ไตร และนางสริ ิมา สอนคำหาญ ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบความเหมาะสมของเครือ่ งมอื ที่ใช้ในการศกึ ษา ขอขอบพระคณุ สำนกั พัฒนานวตั กรรมการจดั การศกึ ษา สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษา ขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร ที่ได้ให้ทุนอุดหนุนโครงการวจิ ัยในคร้ังนี้ ขอขอบพระคณุ ผูอ้ ำนวยการกลุ่มงาน ตลอดจนบุคลการทกุ คน ท่ีให้ความร่วมมอื ในการเก็บข้อมูล เพ่ือใช้ในการศึกษา คุณค่าและคุณประโยชนอ์ ันพึงมีจากเอกสารเลม่ น้ี ผ้ศู กึ ษาขอมอบและอุทิศแดบ่ ูรพาจารย์ ท่ีล่วงลับ ไปแลว้ ตลอดจนผู้มพี ระคุณทุกๆ ท่าน ที่ไดป้ ระสิทธ์ิประสาทวชิ าความร้แู ก่ผู้วจิ ัย และหวังเปน็ อย่างยิ่งว่า งานวิจัยเลม่ น้ีจะเปน็ ประโยชน์ และเปน็ แนวทางในการบริหารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาด โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล และผู้ทสี่ นใจท่ัวไปไม่มากก็ น้อย

ชอ่ื เรือ่ ง สภาพทีเ่ ป็นจรงิ สภาพทค่ี าดหวังและความตอ้ งการจำเป็น การบริหารจดั การโรงเรียน ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดโรคติด ผู้ศกึ ษา เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคณุ ภาพประจำ คณะท่ปี รกึ ษา ตำบล สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 21 หนว่ ยงาน นายวชิรดล คำศิริรกั ษ์ ปที พ่ี มิ พ์ นายสมใจ วเิ ศษทักษิณ ,นายวรายุทธ ชาเรืองเดช และคณะ สำนกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 21 2563 บทคัดยอ่ การศกึ ษาครงั้ นี้มีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศกึ ษาสภาพท่ีเป็นจรงิ สภาพที่คาดหวงั และความต้องการจำเปน็ ในการบริหารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของ โรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล สงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 21 กลุ่มประชากร ที่ใช้ใน การศึกษาครงั้ น้ี คือ ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล จำนวน 1,426 คน กลุ่มตวั อย่าง จำนวน 312 คน เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามเก่ยี วกบั การบริหาร จดั การโรงเรยี น ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียน คุณภาพประจำตำบล สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า 1. สภาพที่เปน็ จริง การบรหิ ารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคณุ ภาพประจำตำบล ทงั้ 6 มติ ิ อยู่ในระดับมาก ทกุ มิติ และสภาพท่ี คาดหวงั การบริหารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID- 19) ของโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ทงั้ 6 มิติ อยู่ในระดบั มากที่สดุ ทุกมติ ิ โดยภาพรวม สภาพที่เป็นจริง อยู่ในระดับมาก และ สภาพท่ีคาดหวังอย่ใู นระดบั มากท่ีสุด 2. ความต้องการจำเป็นเกี่ยวกบั การบริหารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล โดยภาพรวม 6 มิติ สูงสุด 3 อันดับ คือ 1) มิตทิ ่ี 4 สวัสดิภาพและการคมุ้ ครอง 2) มิติที่ 6 การบรหิ ารการเงิน และ 3) มิติท่ี 1 ความปลอดภยั จากการลดการแพร่เช้อื โรค (PNI = 0.20, 0.19 และ 0.18 ตามลำดับ) หมายความ วา่ มิตกิ ารบริหาร ดงั กลา่ วมีปญั หาต้องได้รับการเสรมิ สร้าง พฒั นา

3. ความต้องการจำเป็นเกีย่ วกบั การบริหารจดั การโรงเรียน ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดโรค ตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล รายข้อ สงู สุด 5 อนั ดับ คือ 1) นักเรียนแกนนำด้านสุภาพ จิตอาสา เป็นอาสาสมัครในการช่วยดแู ลสขุ ภาพเพอ่ื นนกั เรยี นด้วยกนั หรอื ดแู ลรุ่น นอ้ ง 2) จดั การความสะอาดบนรถรบั -ส่ง นักเรียน เวน้ ระยะห่างบคุ คล จดั ที่นั่งบนรถหรอื มีสัญลักษณจ์ ุด ตำแหนง่ ชัดเจน (กรณรี ถรบั สง่ นักเรยี น) 3) ห้องพยาบาลหรอื พ้นื ท่สี ำหรบั แยกผู้มอี าการเส่ียงทางระบบทางเดิน หายใจ 4) เตรียมแนวปฏบิ ตั ิดา้ นการจัดการความเครยี ดครูและบคุ ลากรทางการศึกษา และ 5) จัดหาบคุ ลากร เพมิ่ เติมในการดูแลนกั เรยี นและการจัดการสิ่งแวดลอ้ มในสถานศึกษา (PNI = 0.32, 0.26, 0.25, 0.24, และ 0.23 ตามลำดับ) หมายความวา่ ประเดน็ ดงั กล่าวมปี ัญหาท่ตี อ้ งไดร้ บั การแกไ้ ข ปรบั ปรุง สง่ เสริม คำสำคัญ สภาพที่เป็นจริง, สภาพที่คาดหวัง, การบริหารจัดการโรงเรียน

สารบัญ บทท่ี หนา้ 1 บทนำ ......................................................................................................... 1 ความเปน็ มาและความสำคัญ .................................................................. 1 วตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษา ..................................................................... 5 ขอบเขตของการศกึ ษา .............................................................................. 5 กรอบแนวคดิ ของการศึกษา .................................................................... 6 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ .................................................................................... 7 ประโยชน์ท่ีไดร้ ับ ...................................................................................... 7 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ ก่ยี วข้อง ................................................................... 8 แนวคดิ เกยี่ วกบั โรงเรียนคุณภาพประจำตำบล.......................................... 8 แนวทางการขับเคลือ่ นโรงเรยี นคณุ ภาพประจำตำบล .............................. 11 แนวทางการจัดการเรยี นการสอนในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรค ตดิ เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) .............................................. 12 18 แนวคิดเกย่ี วกบั การประเมนิ ความตอ้ งการจำเป็น .................................... 23 งานวิจัยท่เี กี่ยวขอ้ ง .................................................................................... 27 3 วธิ ดี ำเนินการศกึ ษา ....................................................................................... 27 ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง ....................................................................... 29 เคร่อื งมือทใ่ี ช้ในการศึกษา ........................................................................ 29 การสร้างแบบสอบถาม .............................................................................. 30 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ............................................................................... 30 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ....................................................................................

สารบญั (ตอ่ ) บทท่ี หนา้ 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 32 สว่ นที่ 1 ผลการศึกษาสภาพท่ีเป็นจรงิ และสภาพท่คี าดหวัง ในการบรหิ าร จัดการโรงเรียนในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรคตดิ เชอื้ ไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) .................................................... 32 สว่ นท่ี 2 ผลการศึกษาความต้องการจำเปน็ เก่ยี วกับการบรหิ ารจดั การ โรงเรยี นในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดโรคตดิ เชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ....................................................... 35 5 สรุปผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ ............................................................. 38 วัตถปุ ระสงคข์ องการศึกษา ........................................................................ 38 วิธีดำเนนิ การศึกษา .................................................................................... 38 สรุปผล ....................................................................................................... 39 อภิปรายผล ................................................................................................ 4๐ ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................. 4๑ บรรณานุกรม .................................................................................................... 4๒ ภาคผนวก ......................................................................................................... 4๕ ภาคผนวก ก รายนามผู้เช่ยี วชาญ ....................................................... 4๖ ภาคผนวก ข เครอื่ งมอื ที่ใชใ้ นการศกึ ษา ............................................. 48 ภาคผนวก ค การหาคุณภาพเครื่องมอื ................................................. 5๖ ประวัติผูว้ จิ ัย ๕๙

บัญชีตาราง ตาราง หนา้ 1 จำแนกกลุ่มตวั อย่าง ........................................................................................ 2๗ 2 สภาพที่เป็นจรงิ และสภาพท่ีคาดหวงั การบรหิ ารจดั การโรงเรยี น ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคตดิ เชอื้ ไวรัส 32 โคโรนา 2019 (COVID-19) ………………….……………………………….…………. 3 ความตอ้ งการจำเป็นเกยี่ วกบั การบรหิ ารจัดการโรงเรียน ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ภาพรวม...... 3๕ 4 ความต้องการจำเปน็ เกีย่ วกบั การบริหารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณ์ การแพรร่ ะบาดโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รายข้อ...... 3๖ 5 ความสอดคลอ้ งระหวา่ งข้อคำถามของแบบสอบถามกับการบริหารโรงเรียน ใน 6 มิติ .................................................................................................. 57

บัญชีภาพประกอบ ภาพประกอบ หนา้ 1 กรอบแนวคดิ ของการศกึ ษา ...................................................................... ๗

บทท่ี 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคญั การระบาดของเช้ือไวรสั โควดิ -19 ส่งผลตอ่ ระบบการศึกษาเป็นอยา่ งมาก ตงั้ แต่เชอ้ื ไวรสั เรมิ่ ระบาด ในประเทศจนี ปลายปีที่ 2562 จนถึงปัจจบุ ัน UNESCO รายงานว่ารัฐบาล 191 ประเทศทว่ั โลก ประกาศปิด สถานศึกษาทงั้ ประเทศ มีผ้เู รยี นได้รบั ผลกระทบกว่า 1.5 พันล้านคน (มากกวา่ รอ้ ยละ 90 ของผ้เู รียนท้ังหมด) สำหรับประเทศไทยสถานการณก์ ารระบาดเกดิ ขึ้นในชว่ งสถานศึกษาขัน้ พน้ื ฐานปดิ ภาคเรยี น โดยในช่วงต้น เดือนเมษายน คณะรฐั มนตรมี มี ตเิ หน็ ชอบให้เล่ือนวนั เปิดเทอมภาคเรยี นที่ 1 ไปเป็นวนั ท่ี 1 กรกฎาคม 2563 ไทยจึงมีโอกาสทบทวนบทเรยี นจากต่างประเทศเพ่อื เตรียมตวั ให้พร้อมในการจัดการเรียนการสอนรปู แบบใหม่ท่ี สอดรับกับมาตรการปอ้ งกนั การระบาด พรอ้ มกับเตรียมมาตรการต่าง ๆ เพอื่ ปอ้ งกันไม่ใหผ้ เู้ รียนได้รับผล กระทบจากรปู แบบการเรยี นทเ่ี ปลย่ี นไปในสถานการณ์โควิด-19 ระบาด เราควรเปลย่ี นให้ทุก ๆ ทก่ี ลายเป็น โรงเรยี น เพราะการเรียนรูย้ งั ตอ้ งดำเนินอยู่แมน้ กั เรียนไมส่ ามารถไปโรงเรยี นตามปกติ ในหลายประเทศที่ ประกาศมาตรการปิดโรงเรียน รัฐบาลมกั จะออกมาตรการด้านการเรยี นร้มู ารองรบั ดว้ ยการเรียนทางไกล รปู แบบตา่ ง ๆ โดยพิจารณาจากเง่ือนไขความพรอ้ มด้านอุปกรณ์ ความพร้อมของพอ่ แม่ และความพร้อมตาม ชว่ งวยั ของเด็ก (พงศท์ ัศ วนชิ านันท์, 2563 : ออนไลน)์ สำหรับประเทศไทย การเปล่ียนครั้งน้ีไม่ใชแ่ ค่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ ในสถานการณโ์ ควดิ -19 เท่าน้ัน แตค่ วรเป็นการ “เปลยี่ นวิกฤติให้เป็นโอกาส” ในการพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอนใหด้ ีกวา่ เดิม ดังนน้ั มาตรการการเรยี นรขู้ องไทยจึงไมค่ วรปรับแคก่ ระบวนการเรียนรูใ้ นหอ้ งเรียน แตต่ อ้ งปรับใหญท่ ้งั ระบบ การเรยี นรทู้ ี่ตอ้ งสอดคลอ้ งกันและเช่ือมโยงกบั การเรียนรูข้ องเดก็ โดยควรดำเนินการดังน้ี 1) กระชับหลักสตู ร ปรับให้สอดคลอ้ งกับสถานการณโ์ ควดิ -19 และส่ือสารให้ผู้เก่ยี วขอ้ งทกุ ภาคสว่ นทราบ หลกั สตู รการศกึ ษา พืน้ ฐานของไทยในปจั จบุ ัน เนน้ เนอ้ื หามาก ครูจำเปน็ ตอ้ งใช้เวลาเยอะเพ่อื สอนได้ครบถ้วน และไม่เออ้ื ให้ นกั เรยี นมสี ว่ นร่วม (Active Learning) เท่าทีค่ วร และหากยงั ใช้หลักสูตรเดมิ ในการเรียนการสอนภายใต้ สถานการณ์โควิด-19 ครจู ะตอ้ งใช้เวลาสอนมากขึ้นเพ่ือสอนใหค้ รบถว้ น การปรับหลักสตู รให้กระชับควบคไู่ ป กับจดั ลำดับความสำคัญ รวมท้งั ผอ่ นคลายตวั ช้ีวดั เร่ืองโครงสร้างเวลาเรยี นจะสามารถช่วยลดความกดดนั โดย ยงั คงคณุ ภาพขัน้ ต่ำไวไ้ ด้ ตัวอยา่ งของ มลรัฐ Alberta ประเทศแคนาดา ได้กระชบั หลักสูตรโดยเนน้ เน้ือหา จำเป็นตามมาตรฐานของแต่ละชว่ งวยั เพอ่ื ให้ครูสามารถนำไปวางแผนการสอนและใชเ้ วลาไดอ้ ย่างเหมาะสม รวมทงั้ ออกคูม่ ือหลักสูตรฉบบั ย่อสำหรับผ้ปู กครอง เพ่ือส่ือสารใหเ้ ข้าใจถึงหลักสูตรทเี่ ปลี่ยนแปลงไป หลกั สตู ร แกนกลางไทยจดั ประเภทตัวช้ีวดั แล้ว แต่ตอ้ งเพิ่มความชดั เจนในการส่ือสารแก่ครูและผู้ปกครอง หลกั สูตร

2 แกนกลางของไทยกำหนดตวั ช้วี ัด “ตอ้ งรู้” และ “ควรรู้” ในแตล่ ะสาระวชิ าแล้ว แต่ตอ้ งเพิม่ ความชัดเจน โดย ระบุเน้ือหาจำเปน็ ของแตล่ ะช่วงวัย และเปดิ ใหค้ รูมอี สิ ระในการจัดการเรยี นรเู้ นือ้ หาสว่ นอ่นื ๆ ตามความ เหมาะสม ในขณะเดยี วกนั กระทรวงศกึ ษาธกิ ารควรให้ศกึ ษานิเทศก์ทำหนา้ ท่ีเปน็ โคช้ ใหแ้ ก่ครู โดยใหค้ ำแนะนำ ในการเลือกตวั ช้วี ัดและเนอื้ หานอกเหนอื จากส่วนทจ่ี ำเปน็ เพือ่ ให้เหมาะกบั บรบิ ทและสถานการณข์ องพนื้ ที่ อกี ทงั้ กระทรวงศกึ ษาธิการควรออกค่มู อื หลกั สูตรฉบับยอ่ สำหรับผู้ปกครอง เพอ่ื ให้ผูป้ กครองเขา้ ใจบทบาทใหม่ และสามารถตดิ ตามการเรียนรขู้ องเด็กได้ นอกจากน้ี โรงเรียนต้องไม่ละเลยการใหค้ วามรู้แกน่ กั เรียนแตล่ ะช่วงวยั ในการปอ้ งกนั ตนเองจากโรค ระบาด ซึ่งองคก์ รอนามยั โลกได้จดั ทำค่มู อื ไว้แลว้ 2) เพิม่ ความยดื หยนุ่ ของโครงสรา้ งเวลาเรียนและความ หลากหลายของรปู แบบการเรยี นรู้ ความยดื หยนุ่ ในการใชเ้ วลาและการเลือกรปู แบบการเรียนจะทำให้ครู สามารถออกแบบหน่วยการเรยี นรทู้ ่ีเหมาะสมและส่งเสริมการเรียนรู้รายบุคคล (personalized learning) ได้ ดังตวั อย่างของมลรฐั Alberta ประเทศแคนาดา ซ่งึ มีแนวทางสนับสนนุ ให้ครูจัดการเรยี นรู้ด้วยแบบผสมผสาน (blended learning) โดยแนะนำการกำหนดจำนวนชวั่ โมงการเรยี นรูร้ ปู แบบตา่ ง ๆ ได้แก่ช่วั โมงเรยี นรู้ผ่านจอ สำหรบั เด็กแตล่ ะชว่ งวัย โดยคำนงึ ถึงพฒั นาการด้านรา่ งกาย (ปญั หาด้านสายตา) และพฒั นาการด้านสงั คม (ปฏิสัมพนั ธก์ บั ผู้อื่น)ช่วั โมงการเรียนร้ดู ้วยตนเองทบ่ี ้านจากการทำใบงาน ชิน้ งาน ค้นคว้าดว้ ยตวั เอง และชัว่ โมง ทีค่ รแู ละนักเรยี นทำกจิ กรรมเรยี นรู้ร่วมกัน สว่ นในกรณีของสหรัฐอเมริกา พบว่า ใหค้ วามสำคัญตอ่ การ ตอบสนองของผ้เู รียนแตล่ ะคนแตกต่างกัน โดยจดั ทำฐานขอ้ มูลของสอ่ื การเรยี นร้ตู ่าง ๆ ท่ีครูและนักเรียน สามารถเขา้ ถงึ ไดอ้ ยา่ งอสิ ระโดยไมเ่ สยี คา่ ใชจ้ า่ ย นอกจากน้ี ยังเปดิ ช่องใหห้ นว่ ยงานอืน่ ๆ และแหล่งเรียนรู้ใน พ้นื ท่ี เช่น พิพธิ ภณั ฑ์ หอ้ งสมุดชมุ ชน เข้ามามสี ว่ นร่วมในการสนบั สนุนการเรียนรูข้ องเด็ก ในขณะที่นวิ ซีแลนด์ เตรยี มชดุ การเรยี นรู้พืน้ ฐานใหน้ กั เรยี น ซงึ่ ประกอบดว้ ยคูม่ อื ออนไลน์ และชดุ การเรยี นรู้ (สื่อแหง้ ) เพ่ือให้ นักเรยี นทกุ คนทัง้ ที่สามารถเข้าถงึ และไม่สามารถเขา้ ถงึ ระบบเรียนออนไลน์สามารถใชเ้ รียนรู้ไดใ้ นกรณขี องไทย แมห้ ลกั สูตรแกนกลางของไทยเปิดใหม้ คี วามยืดหยุน่ ในการกำหนดชวั่ โมงเรยี น แต่ก็ยังมขี อ้ กำหนดเก่ียวกับ โครงสรา้ งเวลาเรยี นทค่ี อ่ นขา้ งแข็งตัว ดงั นั้นหากกระทรวงศกึ ษาธิการช่วยผ่อนคลายโครงสรา้ งเวลาเรียนลง และเปิดช่องทางการสอื่ สารให้ครไู ด้สอบถามขอ้ สงสยั ก็จะชว่ ยสร้างความม่นั ใจใหแ้ ก่ครอู อกแบบการเรียนรู้ อยา่ งยดื หยนุ่ นอกจากน้ี กระทรวงศึกษาธิการยังสามารถเปดิ ให้เอกชน และภาคประชาสงั คม ที่มีความ เชีย่ วชาญดา้ นระบบการเรยี นรแู้ ละสื่อการเรยี นรู้ เข้ามามีส่วนรว่ มพฒั นา แลกเปล่ียนเคร่อื งมอื และเทคนิค ใหมๆ่ ซง่ึ จะช่วยเพ่มิ ทางเลือกทหี่ ลากหลายและเหมาะสมกับเดก็ มากขึ้น 3) ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ และ สอนอยา่ งมีแผนท่เี หมาะสม ในสถานการณ์ที่เปล่ยี นไป ครูจะต้องเตรยี มความพรอ้ มกอ่ นการสอนแบบใหม่ วิธกี ารหน่งึ คอื การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ ซึง่ จะนำไปสกู่ ารจดั การเรยี นร้ฐู านสมรรถนะหลังการระบาดของโควดิ สิน้ สดุ ลง ท้ังนีค้ วรเร่มิ ตน้ โดยการจดั กล่มุ ตัวชว้ี ดั ให้เป็นหน่วยการเรียนรู้ ซึง่ จะทำให้แผนการเรียนรมู้ คี วามยืดหย่นุ ตาม สถานการณ์การระบาด เช่น ครูสามารถออกแบบหน่วยการเรยี นรู้หนว่ ยละ 2 สัปดาห์ เพ่ือให้สอดคล้องกับ

3 ระยะเวลาการประเมนิ สถานการณ์การระบาด ท้ังน้ี หากครูสามารถออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้แต่ละหนว่ ยให้ ร้อยเรียงกนั อยา่ งเปน็ ระบบทงั้ เทอมหรือทง้ั ปี ก็จะช่วยใหน้ กั เรียนสามารถพฒั นาตนเองตามศกั ยภาพไดด้ ีย่งิ ข้ึน และไดพ้ ฒั นาทักษะการเรยี นรู้ด้วยตนเอง ซงึ่ เป็นทักษะจำเป็นสำหรับการดำรงชีวติ ในอนาคต ในทางปฏิบัตกิ าร จดั หนว่ ยการเรยี นรสู้ ามารถจดั ตามเน้อื หาหรอื ตามประเดน็ ทีน่ ่าสนใจ และยงั สามารถบูรณาการขา้ มวิชาหรือใน วชิ าเดียวกนั หลังจากนนั้ ครคู วรกำหนดคำถามสำคัญของแตล่ ะหน่วย และวางแผนการตดิ ตามการเรียนรตู้ าม ตัวช้วี ัดดา้ นความรู้ ทักษะ และเจตคตอิ ยา่ งชัดเจน เลอื กสื่อการเรียนรู้ทีเ่ หมาะสมกบั เดก็ และสอื่ สารกบั พอ่ แม่ ให้ทราบถึงบทบาทท่จี ะเปลย่ี นไป การเสริมทักษะออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ ต้งั คำถาม เลือกใช้ส่อื อยา่ ง เหมาะสมจะทำใหค้ รูออกแบบหน่วยการเรียนรไู้ ดม้ คี ุณภาพมากข้นึ ดังน้ัน สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีควรจะสนบั สนุน การเพ่มิ ทกั ษะเหล่านต้ี ามความตอ้ งการของครใู นแต่ละพน้ื ท่ี โดยอาจจะเปดิ ให้ผูเ้ ชี่ยวชาญในภาครัฐภาคเอกชน และประชาสงั คม ช่วยพัฒนาศักยภาพครูให้ตรงกับทกั ษะท่ีต้องการ และสนบั สนุนใหม้ กี ารเพม่ิ ทกั ษะให้แก่ ศึกษานเิ ทศก์ เพือ่ เป็น “โค้ชหน้างาน” ใหแ้ กค่ รูต่อไป 4) ยกระดบั การประเมนิ เพื่อการพฒั นา (formative assessment) เพอื่ ไมใ่ หเ้ ด็กเสยี โอกาสพัฒนาความรูแ้ ละทักษะ เม่ือนักเรียนไปโรงเรียนตามปกติไมไ่ ด้ ครกู ับ นักเรยี นก็จะมีปฏสิ มั พนั ธ์ตอ่ กนั ลดลง ทำใหค้ รูไม่สามารถติดตามพฒั นาการของนกั เรียนไดเ้ ตม็ ท่ี อาจทำให้ไม่ สามารถรปู้ ญั หาของนักเรียนไดท้ นั เวลา โดยเฉพาะความรดู้ า้ นภาษาและการคำนวณ ซึง่ อาจจะส่งผลเสียต่อการ เรยี นรูร้ ะยะยาว การประเมินเพือ่ พฒั นาจงึ ไม่สามารถลดหรอื ละทิ้งไปได้ทั้งการประเมินเพ่อื การเรยี นรู้ (assessment for learning) ของเดก็ เพือ่ ให้ครทู ราบถงึ กระบวนการเรียนรู้ของเดก็ โดยจะสามารถให้ feedback กับเดก็ และปรับแผนการเรียนรไู้ ดต้ รงตามสถานการณ์ และการประเมนิ ซึง่ ทำใหเ้ กิดการเรยี นรู้ (assessment as learning) ของเด็ก โดยครูเปดิ โอกาสให้เด็กย้อนคิดถึงกระบวนการเรยี นของตนเอง กระบวนการนจ้ี ะทำใหเ้ ด็กมคี วามรบั ผิดชอบและเป็นเจ้าของการเรียนรขู้ องตนเองมากขน้ึ รวมถึงเมอ่ื เด็กเข้าใจ ตนเองกจ็ ะเปน็ โอกาสทจ่ี ะวางแผนการเรียนรขู้ องตนเองร่วมกับผู้ปกครองและครูไดก้ ารประเมนิ เพอ่ื พฒั นาทั้ง 2 ลกั ษณะจงึ ต้องอาศยั การทำงานร่วมกันระหว่างเดก็ ผปู้ กครองและครูมากข้นึ วิธีหนึง่ ทีท่ ำไดค้ ือ การประเมนิ เพอ่ื พัฒนาอยา่ งไม่เป็นทางการรายบคุ คล (personalized check-ins) เพอื่ ติดตามการเรียนรู้ สขุ ภาพกายและ สขุ ภาพจิตของนักเรียน โดยให้ผู้ปกครองเขา้ มามสี ่วนร่วมด้วย ในกรณขี องเด็กโต อาจจะเพ่มิ การประเมนิ ตนเองและการประเมินเพอ่ื น (self & peer assessment) เข้าไปด้วย ซึ่งจะมปี ระโยชนใ์ นการช่วยฝกึ ทักษะ การสะทอ้ นคิดให้เด็กได้อกี ทางหนึง่ ด้วยการประเมินเพือ่ พฒั นาจะประสบความสำเร็จก็ตอ่ เมอ่ื มีสภาพแวดลอ้ ม ทเี่ หมาะสม คอื (1) มกี ารเสริมศกั ยภาพครูในการใชแ้ ละออกแบบเครื่องมือประเมนิ (2) มกี ารให้เอกชน และ ภาคประชาสังคม ท่มี ีความเชี่ยวชาญด้านการประเมนิ เขา้ มาร่วมพฒั นาเครอ่ื งมอื การประเมินใหม่ๆ และ (3) มี การเปดิ เวที (platform) การแลกเปล่ียนเรียนรรู้ ะหวา่ งครกู ับผ้เู ชยี่ วชาญ 5) การประเมนิ เพ่อื รบั ผดิ รับชอบ (assessment for accountability) ยงั คงควรไว้ แต่ควรให้น้ำหนักการประเมินโอกาสทางการเรียนของเดก็ มากกว่าการวดั ความรูด้ ว้ ยคะแนนสอบ สถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบนั ทำให้ตอ้ งใช้รูปแบบการเรยี นการ สอนทีห่ ลากหลาย ดังน้นั คุณภาพการศึกษาทเ่ี ด็กจะได้รบั ในแต่ละพ้นื ที่จะไมเ่ หมือนกนั จงึ ไมส่ ามารถใช้

๔ คะแนนวัดความรูห้ รอื ทกั ษะแบบเดยี วกนั เพือ่ ให้เกิดความรบั ผิดรับชอบได้ มิฉะน้ันกอ็ าจสง่ ผลให้เกดิ ความ เหลื่อมล้ำมากขึน้ กระทรวงศกึ ษาธิการจงึ ควรปรับเกณฑข์ ้อสอบวัดความรู้ (test-based) มาสู่การให้น้ำหนกั กบั ตวั ช้ีวัดทีไ่ ม่ใช่ด้านวิชาการ (non-academic measure) มากข้ึน เช่น อตั ราการเขา้ เรยี น (attendance rate) หรอื อัตราการออกกลางคนั (drop-out rate) เปน็ ต้น โดยการเก็บข้อมูลตัวชีว้ ัดเหล่าน้ีท่สี ามารถใช้ เทคโนโลยเี ข้ามาช่วย เพื่อลดภาระครู เชน่ ใชร้ ะบบ Google Classroom บันทกึ การใชง้ าน ซ่ึงจะชว่ ยทำให้ เขตพื้นทีส่ ามารถตดิ ตามและใหก้ ารสนับสนุนโรงเรียนได้ตรงกับความตอ้ งการมากข้ึนดว้ ย (ภูษิมา ภิญโญ สินวัฒน์,2563,ออนไลน์) แนวทางการปอ้ งกันการแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในสถานศกึ ษา เปน็ สิ่งสำคัญที่ตอ้ งให้ความใส่ใจ สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการไดก้ ำหนด แนวทางแนวทางการจัดการเรียนการสอน ของโรงเรียนสังกดั สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน ใน สถานการณ์การระบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ปกี ารศึกษา 2563 เพอ่ื ใหโ้ รงเรยี นใช้ เปน็ แนวทางในการจดั การเรียนการสอนของโรงเรยี นใน สงั กดั อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ไดก้ ําหนดรปู แบบการ จดั การเรียนการสอนสาํ หรบั โรงเรยี น ใน 3 รปู แบบ ซ่งึ โรงเรยี นสามารถเลอื กรูปแบบการจดั การเรยี นการสอน โดยพิจารณาตามความเหมาะสมและบริบทของโรงเรยี น ดังนี้ 1) การเรยี นในชั้นเรียน (On-Site)การเรยี น การสอนทเ่ี นน้ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรใู้ นโรงเรียนหรอื ในชน้ั เรียนเป็นหลัก โดยครผู ้สู อนสามารถนํารูปแบบ การเรยี นการสอนอื่น ๆ มาบรู ณาการใช้กบั การเรียนในชัน้ เรยี นได้ เชน่ การเรยี นผา่ นโทรทัศน์ (On-Air) หรอื การเรียนผ่านอนิ เทอรเ์ น็ต (Online) เป็นต้น 2) การเรยี นผา่ นโทรทศั น์ (On-Air) การเรียนการสอนทางไกล ผ่านโทรทศั นใ์ นระบบดิจิทลั และระบบดาวเทยี มเพ่อื ให้นักเรยี นเขา้ ถึงการเรียนรูใ้ นทุกครัวเรอื น ทั้งน้ี มูลนิธิ การศกึ ษาทางไกลผา่ นดาวเทยี ม ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ได้อนุเคราะหใ์ นการส่งสัญญาณออกอากาศ 15 ชอ่ งสัญญาณ (อนบุ าล 1 –ม.6) พรอ้ มท้ังอนเุ คราะห์เน้ือหาสาระการเรียนรู้ในระดับชัน้ อนุบาลปีที่ 1 ถงึ ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ส่วนเนอื้ หาสาระการเรียนรู้ในระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ถงึ ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษา ปีท่ี 6 สํานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน เปน็ ผจู้ ดั ทําส่อื วดิ ทิ ัศน์การเรยี นการสอน 3) การเรียนการ สอนแบบออนไลน์ (Online) การเรยี นการสอนแบบออนไลน์ เปน็ การศกึ ษาผา่ นเครอื ข่ายอินเทอรเ์ นต็ โดย นกั เรยี นสามารถเลอื กเรียนตามความสนใจ หรอื ครูอาจกาํ หนดเน้ือหาการเรียนรู้เพอ่ื ให้นักเรยี นเขา้ ถงึ เนอื้ หา ด้วยตนเองไดท้ กุ ท่ที ุกเวลา เน้ือหาอาจประกอบดว้ ย ขอ้ ความ ,รูปภาพ , เสียง , วดิ ีโอ และสือ่ มัลติมเี ดียอน่ื ๆ ซ่งึ นักเรียน ครู และเพอ่ื นร่วมชน้ั เรยี นสามารถติดต่อ ส่ือสาร ปรึกษา หรอื แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ แบบ เดียวกบั การเรียนในช้นั เรยี นทั่วไป โดยใชช้ อ่ งทางการสือ่ สารผ่าน E-mail, Chat, Social Network เป็นตน้ (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, 2563 หน้า 6 ) โรงเรยี นเปน็ องค์กรทางการศึกษาทส่ี ำคญั ทสี่ ุดในการพัฒนาคณุ ภาพนักเรยี น แนวคดิ ในการพัฒนา คณุ ภาพโรงเรียนจึงเปน็ ความสำคัญสงู สุดในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโรงเรียนในทอ้ งถิ่น ชนบท โรงเรียนทไ่ี ด้รับการคัดเลอื ก ให้เข้ารว่ มโครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล จงึ เปรียบเสมอื นการ

๕ ได้รบั โอกาส การยกย่องเชิดชู เกยี รตยิ ศ และความรุง่ โรจน์ ท่ีจะมุ่งเนน้ การพฒั นาให้เปน็ หนง่ึ ในระดับตำบลมี ความเข้มแข็งและมคี วามพร้อมในการใหบ้ ริการทางการศกึ ษา ตามนโยบาย 1 ตำบล 1 โรงเรยี นคณุ ภาพ โดย จะได้รบั การส่งเสริมความรว่ มมือและสร้างการมสี ่วนรว่ มในกระบวนการบริหาร การจดั การสถานศึกษา ของ ภาคเี ครอื ข่ายทีเ่ ปรียบเสมอื น ดาว 5 ดวง ซ่ึงเปน็ ตวั แทนของ เอกชน บ้าน วัด รัฐ โรงเรียน ทั้งน้เี พอื่ พัฒนา นักเรียนให้มีคุณภาพ ตลอดจนมคี วามรูค้ วามสามารถตรงกับความต้องการและทศิ ทางในการพัฒนาประเทศ อันจะเปน็ การเตรียมความพรอ้ มในการวางรากฐานของประเทศไทย ใหม้ ีความมนั่ คงที่จะกา้ วไปสกู่ ารพฒั นาท่ี ยั่งยืน อีกท้งั เป้าหมายหลกั การพัฒนาคุณภาพของโรงเรียนคุณภาพตำบล นกั เรียนสามารถใช้ภาษาองั กฤษได้ รอ้ ยละ ๑๐๐ และสามารถใชภ้ าษาจีน ภาษาของกลมุ่ นักท่องเทีย่ ว ภาษามลายู เพอื่ การสือ่ สารได้ใช้ คอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การสือ่ สารเพ่อื การเรียนร้ไู ด้ดว้ ยตนเอง มีรายวชิ าสาระเพ่ิมเตมิ วิชาชีพที่หลากหลาย นกั เรยี นมรี ายไดร้ ะหว่างเรยี น นักเรยี นปลอดยาเสพติด โรงเรยี นมสี ่งิ อำนวยความสะดวก ให้เดก็ พิการ การพฒั นาคุณภาพนักเรียนควรตอบโจทย์ ทักษะศตวรรษท่ี 21 ภยั คุกคามระดบั สากล ยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี, ประเทศไทย 4.0,พระราชดำริดา้ นการศกึ ษาของ ร.9, พระบรมราโชบายด้าน การศึกษา ร.10 เพือ่ ให้นักเรยี นจบการศึกษาแล้วสามารถสอบเขา้ โรงเรยี นยอดนยิ มได้ นกั เรียนไดร้ ับโควตา ความสามารถพเิ ศษด้านกฬี า ดนตรี ห่นุ ยนต์ สง่ิ ประดิษฐ์ โรงเรยี นสามารถสง่ ต่อนกั เรยี นเพื่อพัฒนาอาชพี ใน สถานประกอบการ แบบทวภิ าคี จากสภาพและความสำคญั ที่กล่าวมาข้างต้น ผู้ศึกษาจึงเหน็ สนใจท่ีจะศึกษาสภาพทเ่ี ปน็ จรงิ สภาพที่ คาดหวังและความตอ้ งการจำเป็น ในการบริหารจัดการโรงเรียน ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคณุ ภาพประจำตำบล สังกดั สำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษา มัธยมศกึ ษา เขต 21 วตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษา เพือ่ ศกึ ษาสภาพที่เปน็ จริง สภาพท่ีคาดหวงั และความตอ้ งการจำเป็น การบรหิ ารจัดการโรงเรียน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคณุ ภาพประจำตำบล สังกัดสำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 21 ขอบเขตของการศึกษา การศกึ ษาครัง้ นี้ เป็นการศกึ ษาสภาพทเี่ ปน็ จรงิ สภาพท่คี าดหวังและความต้องการจำเป็น ในการ บริหารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของ โรงเรียนคุณภาพประจำตำบล สังกัดสำนักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 21 จำนวน 28 โรงเรียน

6 ตามประเดน็ 1) แนวทางการบริหารจัดการโรงเรียนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ได้แก่ การบรหิ ารจัดการโรงเรยี นภายใต้ 6 มิติ คือ ความปลอดภยั จาการลดการแพร่เชอ้ื โรค, มิตกิ ารเรยี นร,ู้ มิตกิ ารครอบคลุมถึงเดก็ ดอ้ ยโอกาส, มิติสวัสดภิ าพ และการคุ้มครอง,มิตินโยบาย และมติ กิ ารบริหารการเงนิ 1. ประชากร และกลุม่ ตัวอย่าง 1.1 ประชากรที่ใชใ้ นการศกึ ษา เปน็ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โรงเรยี น คณุ ภาพประจำตำบล จำนวน 28 แหง่ จำนวนท้งั สิ้น 1,426 คน 1.2 กลมุ่ ตวั อยา่ งที่ใช้ในการศกึ ษา เป็นข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียน คุณภาพประจำตำบล จำนวน 312 คน 2. ตัวแปรทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษา ประกอบดว้ ย 2.1 ตัวแปรอสิ ระ คือ 2.2.1 ความคิดเห็นสภาพที่เป็นจรงิ สภาพที่คาดหวังในการบรหิ ารจัดการโรงเรียน ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ 2.2.1 สภาพทีเ่ ปน็ จริง 2.2.2 สภาพท่ีคาดหวัง 2.2.3 ความต้องการจำเปน็ 3. เนือ้ หาทใี่ ชใ้ นการสอบถาม ดงั น้ี แนวทางการบรหิ ารจดั การโรงเรยี นในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล ไดแ้ ก่ การบริหารจดั การโรงเรยี นภายใต้ 6 มติ ิ คอื ความปลอดภยั จาการลดการแพรเ่ ช้ือโรค, มิติการเรยี นรู้, มติ ิการครอบคลุมถึงเดก็ ดอ้ ยโอกาส, มิติสวสั ดิภาพ และการคมุ้ ครอง,มิตินโยบาย และมิตกิ ารบริหารการเงิน 4. ระยะเวลาในการวิจัย คอื 1 กรกฎาคม – 31 สงิ หาคม 2563 กรอบแนวคิด จากการศกึ ษาแนวคดิ เกี่ยวกับแนวทางบริหารจดั การโรงเรยี นและแนวทางการจัดการเรยี นการสอนใน สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังกล่าว ผู้ศึกษาไดน้ ำมากำหนด เปน็ กรอบแนวคิดในการศกึ ษาสภาพท่ีเป็นจรงิ สภาพทคี่ าดหวังและความต้องการจำเป็น ในการบรหิ ารจดั การ โรงเรียน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคณุ ภาพ ประจำตำบล สังกดั สำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 21 ดังภาพประกอบ 2

7 ข้าราชการครูและบุคลา มคี วามคดิ เหน็ 1. สภาพที่เป็นจริง การทางการศกึ ษา ของ 2. สภาพท่ีคาดหวงั โรงเรียนคณุ ภาพประจำ 3. ความต้องการจำเปน็ ตำบล สงั กัดสำนกั งาน เขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา การบรหิ ารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณ์การแพร่ มัธยมศึกษา เขต 21 ระบาดโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล ภาพประกอบ 2 กรอบแนวคิดในการศกึ ษา นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ 1. สภาพท่ีเปน็ จรงิ หมายถึง มติ ิของการบริหารจดั การโรงเรียนของท่ปี ฏบิ ตั อิ ยใู่ นปัจจุบัน 2. สภาพทคี่ าดหวัง หมายถึง มิติของการบรหิ ารจัดการโรงเรียนในประเด็นตา่ ง ๆ ทค่ี าดหวังให้ เกดิ ขนึ้ กับโรงเรยี น 3. ความตอ้ งการจำเป็น หมายถงึ สิ่งทแ่ี ตกตา่ งระหว่างสภาพทเ่ี ปน็ จริงและสภาพท่ีคาดหวัง ของ ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล สงั กดั สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา เขต 21 ประโยชน์ที่ไดร้ บั ไดท้ ราบสภาพที่เป็นจริง สภาพที่คาดหวงั และความตอ้ งการจำเปน็ ในการบรหิ ารจัดการโรงเรียน ใน สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล สังกัดสำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 เพื่อเป็นแนวทางในการพฒั นา ส่งเสริม ตอ่ ไป

8 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกย่ี วข้อง การศกึ ษาการบรหิ ารจัดการโรงเรียน ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคณุ ภาพประจำตำบล สงั กดั สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 21 ใน ครัง้ นี้ผ้ศู กึ ษาไดศ้ กึ ษาเอกสารแเอกสารทีเ่ ก่ยี วข้อง ดงั ต่อไปน้ี 1. แนวคดิ เกี่ยวกับโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล 2. แนวทางการขับเคล่อื นโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล 3. แนวทางการจดั การเรยี นการสอนในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) 4. แนวคดิ เกย่ี วกับการประเมินความตอ้ งการจำเป็น 5. งานวิจัยที่เกีย่ วขอ้ ง แนวคิดเกยี่ วกับโรงเรยี นคณุ ภาพประจำตำบล แนวคิดการขบั เคลื่อนนโยบายโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พ้นื ฐานคอื 1.เพอ่ื พฒั นาโรงเรียนในท้องถ่ินระดับตำบลให้เป็น”โรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล”ใหม้ ีความ เข้มแข็งทางวชิ าการและมีความพร้อมในการพัฒนาด้านคุณธรรมจรยิ ธรรม งานอาชพี และการพฒั นาสุขภาพ อนามยั สามารถให้บรกิ ารการศึกษาแก่นกั เรยี นและชมุ ชน 2.เพอ่ื เพม่ิ โอกาสการเข้าถึงการศึกษาท่มี คี ุณภาพ ลดความเหล่ือมล้ำทางการศึกษา แกป้ ัญหาความ เหลอื่ มล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม สำหรบั นักเรียนในท้องถิ่นชนบท 3.เพอื่ สง่ เสรมิ ความรว่ มมอื และการมีส่วนร่วม ระหว่างโรงเรยี น ชุมชน และหน่วยงานอน่ื ๆ (สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน,2561 : ออนไลน์) โครงการโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล เปน็ โครงการที่เกดิ ข้ึนตามนโยบาย “1 ตำบล 1 โรงเรยี น คณุ ภาพ” เป้าหมายเพอื่ พฒั นาโรงเรียนในท้องถ่นิ ระดับตำบลให้เป็นโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ภายใต้ แนวคิด “1 ตำบล 1 โรงเรียนคณุ ภาพ” ใหม้ ีความเข้มแข็งทางวิชาการและมีความพร้อมในการพัฒนาด้าน คุณธรรม จริยธรรม งานอาชพี และสขุ ภาพอนามัย สามารถใหบ้ รกิ ารการศกึ ษาแก่นักเรยี นและชุมชน อีกทั้งยัง เปน็ การเพ่ิมโอกาสการเข้าถึงการศึกษาทม่ี คี ุณภาพ ลดความเหลือ่ มล้ำทางการศึกษา แกป้ ญั หาความเหลื่อมล้ำ ทางเศรษฐกจิ และสังคมสำหรับนกั เรียนในทอ้ งถ่นิ ชนบท และสง่ เสริมการมสี ว่ นร่วมของเอกชน บา้ น วัด รฐั โรงเรยี น เพอื่ พฒั นาผ้เู รียนให้มีคุณภาพ

9 ในปีงบประมาณ 2562 กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนนิ การคดั เลอื กโรงเรียนระดบั ประถมศกึ ษา เพอ่ื เข้าร่วมโครงการโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล โดยการพจิ ารณากล่นั กรองให้ความเหน็ ชอบผ่าน กระบวนการประชาคม 3 ระดับ คอื ระดบั ตำบล ระดับอำเภอ และระดับจังหวดั จำนวนทงั้ ส้ิน 6,843 โรงเรียน ซง่ึ มีคุณสมบัติตามที่กระทรวงศึกษาธกิ ารกำหนด คอื เปน็ โรงเรยี นในสงั กดั สำนักงานเขตพนื้ ท่ี การศกึ ษาประถมศกึ ษาท่มี ีความพรอ้ มเข้ารับการพัฒนา ตงั้ อยใู่ นพนื้ ท่ีท่ีเปน็ ศูนยก์ ลางของชุมชน การคมนาคม และการสื่อสารสะดวก มีพ้ืนที่เพียงพอตอ่ การจัดการเรียนรแู้ ละกิจกรรมตา่ งๆ สามารถรองรับการเพม่ิ จำนวน นกั เรยี นไดใ้ นอนาคต ตลอดจนมีองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินและชมุ ชนท่ยี นิ ดีให้ความรว่ มมือและสนับสนนุ เพอ่ื การพัฒนาคณุ ภาพทางการศกึ ษาและการบรหิ ารการจดั การโรงเรียนอย่างต่อเน่ือง และดำเนนิ การคดั เลอื ก โรงเรยี นระดับมัธยมศกึ ษาเพือ่ เข้ารว่ มโครงการโรงเรยี นคณุ ภาพประจำตำบล โดยการพิจารณากล่นั กรองให้ ความเห็นชอบผ่านกระบวนการประชาคมระดบั อำเภอและรายงานระดับจงั หวัด มจี ำนวนท้งั สน้ิ 1,140 โรงเรียน รวมทัง้ สน้ิ มีโรงเรยี นระดบั ประถมศกึ ษาและระดับมัธยมศกึ ษาท่เี ข้ารว่ มโครงการโรงเรยี นคุณภาพ ประจำตำบล จำนวน 7,983 โรงเรียน ในอนาคตโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบลจะส่งเสริมและสนบั สนุนให้ นักเรยี นเขา้ ถึงการบริการที่มีคุณภาพอย่างท่วั ถงึ และเปน็ ธรรม ไดร้ ับความรกู้ ระบวนการและทกั ษะท่จี ำเป็นตอ่ การดำรงชวี ิต และเปน็ พลเมืองทด่ี ีของประเทศ ในสว่ นของผบู้ ริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา กจ็ ะมี ความพร้อมทั้งสมรรถนะ ศกั ยภาพ และความสามารถในการบริหาร การจดั การเรยี นการสอนที่มปี ระสทิ ธภิ าพ โรงเรียนจะกลายเปน็ ตน้ แบบโรงเรียนคณุ ภาพท่มี ีความพร้อมในทุก ๆ ดา้ น และเป็นแหลง่ การเรยี นร้ขู องชมุ ชน ทุกภาคส่วนให้การยอมรับ เชื่อม่ัน และศรัทธาตอ่ คุณภาพของโรงเรยี น ทั้งหมดน้ีเพ่อื พฒั นานกั เรียนใหม้ ี คุณภาพตลอดจนมคี วามรู้ความสามารถตรงกับความต้องการและทศิ ทางในการพฒั นาประเทศ อันจะเปน็ การ เตรยี มความพร้อมในการวางรากฐานของประเทศไทยใหม้ คี วามมัน่ คงทีจ่ ะก้าวไปสกู่ ารพฒั นาที่ยัง่ ยืน พลเอก.สรุ เชษฐ์ ชยั วงศ์ รมช.ศธ. กล่าวว่า สำหรบั ภาพอนาคตของโครงการโรงเรยี นคณุ ภาพ ประจำตาํ บล ทเี่ ราจะพฒั นารว่ มกัน คือ เป็นโรงเรยี นทีใ่ ห้โอกาสทางการศกึ ษาทเ่ี ท่าเทียมกนั อยา่ งมีคณุ ภาพ ตามมาตรฐานการศึกษา มคี วามเข้มแข็งด้านวชิ าการ สมรรถนะสำคัญ และคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ รวมถึง กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ดนตรี กฬี า ศิลปะ และจติ สาธารณะ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน มี ความพร้อมทางด้านกายภาพ ส่ิงอำนวยความสะดวก วสั ดุครุภณั ฑ์ มีความสะอาดร่มรื่นปลอดภัย เป็นโรงเรียน ท่ีเน้นการพฒั นาพนื้ ฐานด้านอาชพี และการเปน็ โรงเรยี นของชุมชนทม่ี ีความร่วมมอื กับทอ้ งถ่ินในการใหบ้ รกิ าร โรงเรยี นเครอื ข่ายและชมุ ชนอย่างเขม้ แขง็ สำหรบั การสร้างเครือขา่ ยความรว่ มมือในการดำเนินโครงการโรงเรียน คุณภาพประจำตำบล ถือเปน็ เร่อื งสำคัญทจ่ี ะทำให้การดำเนินโครงการบรรลตุ ามเป้าหมาย จงึ จำเป็นตอ้ งอาศัย เครือข่ายและการมสี ่วนรว่ มทเ่ี ขม้ แขง็ จากเดมิ 7 หนว่ ยงาน ซงึ่ ประกอบด้วย กระทรวงศึกษาธกิ ารกระทรวง มหาดไทย กระทรวงดจิ ิทัลเพ่อื เศรษฐกจิ และสังคม กระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ สิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ในวันนไ้ี ดม้ ีการสรา้ ง เครอื ขา่ ยความร่วมมอื เพิ่มข้นึ 3 หน่วยงาน คอื กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวฒั นธรรม และ สำนกั งานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ โดยแตล่ ะหนว่ ยงานจะมีบทบาทหนา้ ท่ีตามภารกิจและความรับผิดชอบของ

10 ตนเอง ซ่งึ ลว้ นมคี วามสำคัญในการขบั เคลือ่ นโครงการใหเ้ กิดความเขม้ แขง็ และบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ เน่อื งจากโรงเรียนเปน็ องค์กรทางการศึกษาทส่ี ำคัญท่ีสุดในการพัฒนาคุณภาพนกั เรียน แนวคิดใน การพฒั นาคณุ ภาพโรงเรียนจงึ มีความสำคญั สงู สุดในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะอย่างยง่ิ การพัฒนาโรงเรียนใน ท้องถนิ่ ชนบท โรงเรยี นทไ่ี ดร้ ับการคัดเลอื กให้เขา้ ร่วมโครงการโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบลจึงเปรียบเสมอื น การได้รบั โอกาสการยกยอ่ งเชิดชูเกยี รตยิ ศและความรงุ่ โรจน์ ทจี่ ะมุ่งเน้นการพัฒนาให้เป็นหนึ่งในระดบั ตำบลมี ความเขม้ แข็งและมีความพรอ้ มในการใหบ้ รกิ ารทางการศกึ ษาตามนโยบาย 1 ตาํ บล 1 โรงเรียนคุณภาพ โดย จะไดร้ บั การส่งเสรมิ ความรว่ มมือและสร้างการมสี ่วนรว่ มในกระบวนการบรหิ ารการจดั การสถานศึกษาของภาคี เครือข่าย ทเ่ี ปรยี บเสมอื นดาว 5 ดวงซ่งึ เป็นตวั แทนของเอกชน บ้าน วดั รฐั โรงเรียน เพือ่ พฒั นานักเรียนให้มี คณุ ภาพ มีความรูค้ วามสามารถตรงกบั ความตอ้ งการและทิศทางในการพัฒนาประเทศ อนั จะเป็นการเตรียม ความพรอ้ มในการวางรากฐานของประเทศไทยใหม้ คี วามมน่ั คงเพือ่ ก้าวไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยนื ตอ่ ไป” นายบญุ รักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน กล่าวถงึ วตั ถปุ ระสงคข์ อง โครงการโรงเรยี นคณุ ภาพประจำตำบล เป็นโครงการท่เี กิดขนึ้ ตามนโยบาย \"1 ตำบล 1 โรงเรียนคณุ ภาพ” เพอื่ พัฒนาโรงเรียนในทอ้ งถน่ิ ระดบั ตำบลให้เป็นโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล มีความเข้มแขง็ ทางวิชาการและ ความพร้อมในการพฒั นาด้านคุณธรรม จริยธรรม อาชพี และสุขภาพอนามัย สามารถให้บรกิ ารการศกึ ษาแก่ นักเรยี นและชมุ ชนได้ ตลอดจนการเพม่ิ โอกาสการเขา้ ถึงการศกึ ษาที่มีคุณภาพ ลดความเหล่อื มล้ำทางการ ศึกษา แก้ปญั หาความเหล่อื มลำ้ ทางเศรษฐกิจและสงั คม สำหรับนักเรียนในท้องถ่นิ ชนบท และสง่ เสริมการมี ส่วนรว่ มของเอกชน บา้ น วดั รฐั โรงเรยี น เพือ่ พัฒนาผูเ้ รียนให้มคี ณุ ภาพ ดร.อโณทยั ไทยวรรณศรี ผู้อำนวยการสำนกั พัฒนานวตั กรรมการจดั การศกึ ษา กล่าวสรปุ ผลการ เตรียมความพร้อมของโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลวา่ จากการประเมินการเตรียมความพรอ้ มระยะที่ 2 สรปุ ผลได้ว่าการประเมินไดว้ า่ โดยแบง่ โรงเรียนออกเปน็ 4 กลุ่ม กล่มุ ที่ 1 โรงเรียนทมี่ ีความพรอ้ มแลว้ 7,245 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 90.76 กลมุ่ ที่ 2 โรงเรยี นที่มคี วามพร้อมกอ่ นเปดิ ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 331 โรงเรยี น คิดเปน็ ร้อยละ 4.15 กลุม่ ที่ 3 โรงเรยี นท่มี คี วามพร้อมในภาคเรยี นท่ี 1 จำนวน 27 โรงเรียน คดิ เปน็ ร้อยละ 0.34 กลุ่มที่ 4 โรงเรยี นท่ีไมม่ ีความพรอ้ ม จำนวน 273 โรงเรยี น คดิ เป็นร้อยละ 3.42 ถือไดว้ า่ โรงเรยี นสว่ นใหญ่มคี วามพร้อมแลว้ ส่วนโรงเรยี นทยี่ ังไมม่ ีความพรอ้ ม สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน และสำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษา จะเร่งดำเนนิ การเขา้ ช่วยเหลือโรงเรียนต่อไป เพอื่ ใหโ้ รงเรยี นเหล่านี้ เกดิ ความพร้อมภายในภาคเรียนที่ 1 ส่วนการประเมินผลการดำเนนิ งานโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระยะตอ่ ไป ดังน้ี - การวัดและประเมินความก้าวหน้าในการพัฒนานกั เรียน ตามตวั ชี้วดั รายช้นั ปี โดยมีครูผูส้ อนเปน็ ผปู้ ระเมิน พรอ้ มทง้ั มสี ำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานศกึ ษาธิการจงั หวดั ทำหนา้ ที่ การตดิ ตามผล โดยเนอื้ หาการประเมินพฒั นาการของนักเรียน ต้ังแตร่ ะดับปฐมวยั , ป.1 – ม.6 ใน 3 ดา้ น คอื 1) ทกั ษะวิชาการ/ทกั ษะการเรียนรู้ 2) ทักษะชีวติ และ 3) ทกั ษะอาชีพ/ทักษะการทำงาน - การประเมินความพงึ พอใจของผ้ปู กครองนกั เรยี น โดยมีผปู้ กครองนกั เรียนเป็นผ้ปู ระเมิน มี เนือ้ หาการประเมินความตอ้ งการและความพงึ พอใจของผู้ปกครอง จำนวน 4 ด้าน คอื นกั เรยี น, ครู, ผ้บู ริหาร,

11 โรงเรียน - การประเมินความสำเร็จและความกา้ วหน้าและรายงานสาธารณะ โดยมีสำนักตดิ ตามและ ประเมินผลการดำเนินงานโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล (สพฐ.) เปน็ ผู้ประเมิน มเี นื้อหาการประเมนิ ตาม มาตรฐานโรงเรียนคุณภาพ 4 ด้าน คือ 1) ด้านปัจจัย 2) ด้านกระบวนการ 3) ด้านความรู/้ ทักษะ และ 4) ดา้ น ผลลัพธ์ (สำนกั งานรัฐมนตร,ี 2563 : ออนไลน์) 2. แนวทางการขบั เคล่ือนโรงเรยี นคณุ ภาพประจำตำบล โรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล (1 ตำบล 1 โรงเรยี นคณุ ภาพ) มีความพรอ้ ม 5 ด้าน ได้แก่ ด้าน โครงสรา้ งพ้ืนฐาน ดา้ นผบู้ ริหารสถานศึกษา ด้านครู ด้านนกั เรยี น และการมสี ว่ นรว่ มในการพฒั นา ดา้ นท่ี 1 โครงสร้างพื้นฐาน มีองคป์ ระกอบ 7 เรอื่ ง คอื อาคารสถานที่ ระบบสาธารณูปโภค สภาพแวดล้อมและแหลง่ เรียนรู้ ระบบการปอ้ งกันและระบบความปลอดภัยภัยในโรงเรียน โภชนาการและสขุ ภาพ สง่ิ อำนวยความ สะดวก สำหรบั ผูพ้ กิ าร หรือผูม้ คี วามตอ้ งการพิเศษ และ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร ดา้ นที่ 2 ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา มอี งค์ประกอบ 5 เรื่อง คอื ภาวะผู้นำ ภาษาและการสื่อสาร (อย่างนอ้ ย 2 ภาษา ไทย/อังกฤษ) การบริหารสถานศึกษา การบริหารแบบมีสว่ นร่วม และการสรา้ งความสมั พนั ธ์และความรว่ มมือกบั ชุมชน ดา้ นท่ี 3 ครู และบุคลากรทางการศึกษา มีองคป์ ระกอบ 8 เร่ือง คือ ครคู รบชั้นเรียน ตรงสาขาวิชา มีบคุ ลากรธุรการ และนักการภารโรง และครูมที ักษะวิชาชพี หลกั สตู รการจัดการเรยี นรู้และการประเมินผลการเรยี นรู้ การจัดการชน้ั เรียน ภาษาและการส่ือสาร อย่างนอ้ ย 2 ภาษา (ไทย/องั กฤษ) การจดั ระบบดูแลชว่ ยเหลือ นักเรียน ครู มีศักยภาพในการแยกความสามารถของนักเรยี นในชน้ั ได้เป็นรายบุคคล การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน การพัฒนาตนเองแบบชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ ครสู ามารถใช้เทคโนโลยี ICT ในการจดั การเรียนการสอน และการค้นควา้ หาความรเู้ พมิ่ เติม ดา้ นท่ี 4 นักเรียน มีองคป์ ระกอบ 11 เรอ่ื ง คอื ความเป็นพลเมืองดี (Moral Quotient) ตามคา่ นิยม 12 ประการ ทกั ษะชีวิต (ผ่านกระบวนการลกู เสอื ) พฒั นาการทางสติปญั ญา (Intelligence Quotient) ความ ฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient) ทศั นคติ (Attitude) พัฒนาการดา้ นรา่ งกายสมวัย (Physical) จบการศึกษา-มีงานทำ สามารถประกอบอาชีพได้ (ได้รับการแนะแนวอยา่ งถกู ตอ้ งและรอบด้าน) ภาษาและการ สื่อสาร (อย่างน้อย 4 ภาษา ไทย องั กฤษ จนี ญ่ปี นุ่ /เกาหล/ี ฝร่ังเศส) เดก็ เกง่ ICT มีทกั ษะของผู้เรยี นใน ศตวรรษที่ 21 รักการเรียนรู้ มีความคดิ รเิ ร่ิมสร้างสรรค์ ด้านท่ี 5 การมีส่วนรว่ มการพัฒนา เอกชน บา้ น วัด/ศาสนสถานอ่ืน ๆ รฐั และโรงเรียน เขา้ มามีสว่ นรว่ มและสนับสนนุ ในการพัฒนา โรงเรยี นคณุ ภาพประจำตำบล

12 3. แนวทางการจดั การเรียนการสอนในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) 3.1 ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกี่ยวกบั โรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 โรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID -19 ) คืออะไร โรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (Coroavirus Coroavirus CoroavirusCoroavirusCoroavirusCoroavirusDisease Disease 2019 :COVID -19 ) เปน็ ตระกูลของไวรัสท่กี ่อให้เกดิ อาการป่วยต้ังแต่โรคไขห้ วัดธรรมดา ไปจนถงึ โรคทมี่ คี วามรุนแรงมาก เชน่ โรคระบบทางเดินหายใจในตะวันออกกลาง (MERS -CoV ) โรคระบบทางเดนิ หายใจเฉยี บพลันรนุ แรง (SARS -CoV ) เป็นตน้ ซ่ึงเปน็ สายพันธุ์ใหมท่ ่ีไมเ่ คยพบมาก่อนในมนษุ ย์ ก่อให้เกิดอาการป่วยระบบทางเดิน หายใจในคน และสามารถแพร่เชอื้ จากคนสูค่ นได้ โดยเชอื้ ไวรสั นพี้ บการระบาด ครั้งแรกในเมอื งอูฮ่ นั่ มณฑลหู เปย่ ์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในชว่ งปลายปี 2019 หลงั จากนั้น ได้มีการระบาดไปท่ัวโลก องคก์ ารอนามัยโลก จึงต้งั ชอื่ การติดเชอื้ ไวรสั โคโรนาสายพันธ์ุใหมน่ วี้ า่ โรค COVID -19 อาการของผปู้ ่วยโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID -19 ) อาการทัว่ ไป ไดแ้ ก่ อาการ ระบบทางเดินหายใจ มีไข้ ไอ มนี ้ำมูก เจ็บคอ หายใจลำบาก เหน่ือยหอบ ไม่ไดก้ ลิ่น ไมร่ ู้รส ในกรณที ีอ่ าการ รนุ แรงมาก อาจทำใหเ้ กิดภาวะแทรกซ้อน เชน่ ปอดบวม ปอดอกั เสบ ไตวาย หรืออาจเสียชีวิต โรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID -19 ) แพรก่ ระจายเชื้อได้อยา่ งไร โรคชนิดนี้มีความ เป็นไปได้ทม่ี สี ัตว์เปน็ แหล่งรงั โรค ส่วนใหญ่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสกบั ผ้ตู ดิ เชอ้ื ผ่านทางละอองเสมหะจาก การไอ น้ำมูก นำ้ ลาย ปจั จบุ นั ยังไมม่ หี ลักฐานสนับสนุนการแพรก่ ระจายเชอ้ื ผ่านทางพน้ื ผิวสมั ผัสท่ีมไี วรสั แลว้ มาสัมผัสปาก จมูก และตา สามารถแพรเ่ ช้ือผา่ นทางเชือ้ ที่ถกู ขบั ถา่ ยออกมากบั อุจจาระเข้าสู่อกี คนหนึ่งโดยผ่าน เข้าทางปาก ได้ด้วย โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19 ) รักษาไดอ้ ย่างไรยังไม่มยี าสำหรบั ป้องกันหรอื รกั ษาโรคโควดิ 19 ผู้ท่ีตดิ เชื้ออาจตอ้ งได้รบั การรกั ษาแบบประคับประคองตามอาการ โดยอาการท่ีแสดง แตกตา่ งกนั บางคนรนุ แรงไมม่ าก ลกั ษณะเหมอื นไขห้ วัดท่วั ไป บางคนรนุ แรงมาก ทำให้เกดิ ปอดอักเสบได้ ตอ้ ง สงั เกตอาการอยา่ งใกลช้ ิด ร่วมกบั การรกั ษาด้วยการประคบั ประคองอาการจนกว่าจะพ้นอาการชว่ งนัน้ และยงั ไมม่ ยี าตวั ใด ที่มีหลกั ฐานชัดเจนว่า รักษาโรคโควิด 19 ได้โดยตรง 3.2 สถานศึกษากับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID -19 ) สถานศึกษาเป็นสถานที่ทม่ี นี ักเรียนอย่รู วมกนั จำนวนมาก มกั จะมีความเสย่ี งสงู หากมรี ะบบ การจดั การท่ีไม่ดี อาจจะมีการแพรร่ ะบาดของเชอ้ื COVID -19 ไดใ้ นกลมุ่ เด็ก เนือ่ งจากพบว่าการติดเชอื้ COVID -19 สว่ นใหญ่จะไมค่ อ่ ยมีอาการหรอื มีอาการแสดง ค่อนขา้ งนอ้ ย ความรุนแรงจะน้อยมาก แต่เด็ก นักเรียนจะเอาเช้อื กลบั บ้าน อาจทำให้ การแพร่ระบาดเกดิ ขึน้ ไดอ้ ย่างรวดเรว็ (Super Super spread spread

13 ) ไปยงั บคุ คลในบ้าน หากมี การระบาดในกล่มุ เดก็ ขน้ึ จะมผี ลกระทบในสงั คมหรือผใู้ กล้ชดิ เช่น ครู พ่อแม่ ผู้สูงอายุ ที่ติดเชอ้ื จากเด็ก ดงั นั้น หากมกี ารเปดิ เรียน มโี อกาสสูงท่ีจะเกิดการติดเชอื้ ในกลมุ่ เดก็ เพ่ิมมากข้นึ ซึง่ เด็กเปน็ กล่มุ ท่ีตอ้ งได้รับการดแู ลและระมดั ระวงั ในการกระจายเชอื้ เป็นอย่างมาก มาตรการในการเปิดเทอม จึง มคี วามสำคญั มากในการควบคมุ การระบาด การวางแผนเปดิ เทอมจงึ ต้องมน่ั ใจวา่ สามารถควบคมุ ไมใ่ ห้เกิดการ ระบาดของโรค ในเด็กนกั เรยี นได้ 3.3 การประเมินความพร้อมของสถานศึกษาในการเปิดภาคเรียน ปกี ารศึกษา 2563 การประเมนิ ความพร้อมของสถานศกึ ษาในการเปิดภาคเรียนปกี ารศกึ ษา 2563มแี นวทางใน การดำเนนิ การ ดังนี้ 1. สถานศกึ ษาประเมินตนเองโดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษา ขัน้ พื้นฐาน ตามแบบประเมินตนเองสาหรบั สถานศกึ ษาในการเตรยี มความพร้อม กอ่ นเปดิ ภาคเรยี น เพ่ือเฝา้ ระวัง และป้องกันการแพรร่ ะบาดของโรคโควดิ 19 ที่ปรากฏใน “คู่มือการปฏิบัติสาหรบั สถานศกึ ษาในการป้องกัน การแพรร่ ะบาดของโรคโควดิ 19 ” ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ซ่ึงผลการประเมินสามารถแบ่งออก ได้เป็น 3 ระดับ ไดแ้ ก่ เขียว หมายถึง โรงเรยี นสามารถเปิดเรียนได้ เหลอื ง หมายถึง โรงเรียนสามารถเปิดเรยี นได้ แต่ตอ้ งดำเนนิ การปรบั ปรุงใหเ้ ป็นไปตาม มาตรฐานทีก่ ำหนด แดง หมายถงึ โรงเรยี นไมส่ ามารถเปดิ เรยี นได้ ตอ้ งดาเนินการปรับปรุงให้เปน็ ไปตาม มาตรฐานทีก่ ำหนด และ/หรอื ประเมินตนเองช้า 2. ในกรณที ส่ี ถานศึกษาทาการประเมินตนเอง และไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั สเี หลืองข้นึ ไปให้ สถานศกึ ษารายงานผลการประเมนิ ตนเอง พร้อมท้งั นาเสนอ รูปแบบการจัด การเรยี นการสอน(ตามที่ สถานศกึ ษาประเมนิ ตนเองใน ข้อที่ 9) ตอ่ คณะกรรมการตดิ ตาม ตรวจสอบ ประเมนิ ผลและนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) เพ่ือทราบ พร้อมทง้ั ให้ข้อเสนอแนะ และเสนอตอ่ คณะกรรมการศึกษาธิการจงั หวัด พจิ ารณา 3. คณะกรรมการศกึ ษาธิการจังหวัด (กศจ.) พจิ ารณาใหค้ วามเห็นชอบ และเสนอตอ่ ศนู ย์ ปฏบิ ตั กิ ารควบคุมโรคจงั หวัด (ศปก.จ.) พิจารณา 4. ศนู ย์ปฏิบตั ิการควบคุมโรคจงั หวัด (ศปก.จ.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ 5. สานกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวัด แจง้ ผลการพิจารณาของ ศปก.จ. ให้สานกั งานเขตพืน้ ท่ี การศึกษา เพื่อแจง้ ตอ่ สถานศกึ ษาทราบ 3.4 รูปแบบการจัดการเรยี นการสอน 3.4.1 การจดั การเรยี นการสอนแบบปกติ 1) การเรยี นในช้ันเรยี น (On -Site )

14 สาหรับสถานศึกษาทม่ี ผี ลการประเมนิ ตนเอง ตามแบบประเมินตนเองสาหรบั สถานศึกษาในการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรยี น เพื่อเฝ้าระวงั และปอ้ งกนั การแพร่ระบาดของโรค COVID -19 ในระดับ “ ” หรือ “ ” สามารถจดั การเรยี นการสอนแบบปกตใิ นชั้นเรียนได้ ทัง้ น้ีจะตอ้ งปฏบิ ัติ ตามมาตรการ 6 ขอ้ ปฏิบตั ิ ในสถานศึกษา ไดแ้ ก่ 1) วดั ไข้ 2) ใสห่ นา้ กาก 3) ลา้ งมอื 4) เวน้ ระยะห่าง 5) ทา ความสะอาด 6) ลดแออัด รวมถึง สถานศกึ ษาจะตอ้ งนาเสนอ รปู แบบการจดั การเรยี นการสอน(ตามที่ สถานศึกษาประเมนิ ตนเองใน ข้อที่ 9) และไดร้ ับความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการศึกษาธิการจงั หวดั (กศจ.) และศูนยป์ ฏิบัตกิ ารควบคุมโรคจังหวดั (ศปก.จ.) ใหโ้ รงเรียนสามารถเปิดเรยี นได้ท้ังโรงเรียน 2) การจัดการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน (Blended Learning) การจัดการเรยี นการสอนแบบผสมสาน คือ การจัดการเรียนรู้ ท่ีใชร้ ปู แบบการเรยี นร้หู ลากหลาย ไม่วา่ จะเป็น การเรียนรทู้ ีเ่ กิดข้ึนในหอ้ งเรียน ผสมผสานกับ การเรียนร้นู อกห้องเรยี นที่ครแู ละนักเรยี นไม่ไดเ้ ผชญิ หนา้ กนั หรือการใชแ้ หล่งเรียนรู้ ทีม่ อี ยอู่ ย่างหลากหลาย ซงึ่ มเี ป้าหมายอยทู่ ีก่ ารเรียนรู้ของนักเรยี นเปน็ สำคัญ โดย โรงเรยี นสามารถเลือกรปู แบบการจัดการเรียนการสอนไดด้ ังนี้ - การสลับช้ันมาเรียนของนักเรยี น แบบสลบั วันเรียน - การสลับชัน้ มาเรียนของนักเรยี น แบบสลับวนั คู่ วนั คี่ - การสลบั ชัน้ มาเรียนของนักเรยี น แบบสลบั วันมาเรยี น 5 วัน หยุด 9 วัน - การสลบั ช่วงเวลามาเรียนของนกั เรียน แบบเรยี นทุกวัน - การสลับกลุม่ นักเรียน แบบแบง่ นักเรียนในหอ้ งเรยี นเปน็ 2 กล่มุ - รูปแบบหรอื วธิ ีอ่ืน ๆ โรงเรยี นสามารถออกแบบวิธีการจดั การเรียนการสอนไดต้ ามความ เหมาะสมกบั บรบิ ทของโรงเรียน โดยจาเป็นตอ้ งคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรยี น ในการป้องกันการตดิ เชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ซ่งึ รูปแบบการจดั การเรียนการสอนดงั กลา่ วต้องผ่าน การพจิ ารณาจากคณะกรรมการ สถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน และคณะกรรมการตดิ ตาม ตรวจสอบ ประเมนิ ผลและนเิ ทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) รวมถงึ ต้องได้รบั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการศกึ ษาธิการจงั หวัด (กศจ.)และศูนยป์ ฏบิ ัตกิ ารควบคมุ โรค จงั หวดั (ศปก.จ.) ตามลำดับ บทบาทในการเรียนของนักเรยี น วนั ทมี่ าโรงเรียน ให้เขา้ เรียนตามตารางเวลาปกติ แต่เวน้ ระยะหา่ งประมาณ 1 - 2 เมตร วันทไี่ มม่ าโรงเรยี น เรยี นดว้ ยระบบการสอนทางไกลผ่านโทรทัศน์หรอื ช่องทางการเรียนอื่น ๆ เช่น Online การศึกษาจากแบบเรยี น ใบความร้หู รอื การทาใบกจิ กรรม ใบงาน และการบ้านที่ครูมอบหมาย บทบาทในการสอนของครู วนั ทน่ี กั เรียนมาโรงเรียน สอนนักเรยี นตามปกติ (ตามตารางสอนท่โี รงเรียนกำหนด) วันทน่ี ักเรียนไม่มาโรงเรยี น โรงเรียนและครอู อกแบบการเรยี นการสอนรวมถงึ ประสานกบั

15 นกั เรยี นและผปู้ กครอง เพือ่ ติดตามการเรียนดว้ ยระบบการสอนทางไกลผ่านโทรทศั นห์ รือชอ่ งทางการเรยี น อ่นื ๆ เชน่ Online 3.5 การจัดการเรยี นการสอนของโรงเรียน โรงเรียนควรจัดการเรียนการสอนให้ครบหลกั สูตรตามความเหมาะสม เช่น • กรณีมาเรียนท่ีโรงเรยี นเนน้ กิจกรรมการเรยี นรู้ทมี่ ีเน้ือหาซับซอ้ น และภาคปฏิบตั ิ ทตี่ ้องใช้ อุปกรณ์และมคี รดู แู ล กรณเี รียนอยทู่ บี่ า้ น เนน้ เนือ้ หา ที่สามารถเรยี นรไู้ ดด้ ว้ ยตนเอง และปฏบิ ตั ิงานตามที่ครู มอบหมาย เช่น เรียนรู้ จากแบบเรียน ใบความรู้ DLTVDLTVDLTVDLTVสอ่ื การสอนทางไกลผา่ นโทรทัศน์ หรือทาง Online • กลุม่ สาระการเรยี นร้ทู ีเ่ น้นการปฏบิ ัติ เช่น กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี ครูชแี้ จง วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรูก้ บั ผู้ปกครองและนักเรียน อาจเรียนรู้จากการช่วยผู้ปกครองทำงานบา้ นหรือประกอบ อาชีพเท่าทีท่ าได้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา อาจใหน้ กั เรียนดูแลสุขภาพและออกกาลังกายท่ี บ้าน แลว้ บันทึกการปฏิบัติสง่ ครู และกลุ่มสาระการเรยี นรศู้ ิลปะ บางภาระงานให้นักเรียนปฏบิ ัตทิ บ่ี ้าน เปน็ ต้น • กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ไดแ้ ก่ กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมนักเรยี น และกิจกรรม เพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ อาจปรับวิธีการจดั กจิ กรรมหรือบรู ณาการ กับกจิ กรรมการเรยี นการสอนท้ังน้ี การเรยี นรู้ นอกหอ้ งเรียน เชน่ การเรยี นด้วยระบบการสอนทางไกล ผ่านโทรทศั น์ หรือชอ่ งทางการเรียนอื่น ๆ เช่น Online การศึกษาจากแบบเรยี น หรอื ใบความรู้ สามารถนำมานับเวลาเรียนได้ การจดั การเรยี นการสอนของโรงเรยี น ให้นำกระบวนการจัดการเรยี นรู้ทเี่ น้นฝกึ กระบวนการคิด ให้นกั เรียนเรียนรู้จากการลงมือปฏบิ ตั มิ ากกว่าการฟังบรรยายเพียงอย่างเดยี ว จากเดมิ เร่ิมท่ีครูสอนในห้องเรยี น แล้วมอบการบ้านใหไ้ ปทาท่ีบ้าน อาจเปล่ียนเป็นครกู ำหนดประเด็นหรอื หัวข้อ พร้อมท้งั ใหแ้ หลง่ ขอ้ มูล นกั เรยี น ไปศึกษาคน้ คว้าด้วยตนเองลว่ งหนา้ เม่อื มาเรยี นในห้อง เป็นการอภิปราย ถกแถลง และแลกเปล่ยี นความ คิดเห็น โดยครเู ปน็ ผอู้ านวยความสะดวกใหเ้ กดิ การเรียนรู้ การตรวจสอบความเข้าใจการเรยี นรู้ของนักเรียน เปน็ ส่งิ สำคญั ควรดำเนินการเปน็ ระยะ สามารถดูจากการแสดงความคิดเหน็ การทากจิ กรรมระหวา่ งเรยี น การ ทำแบบฝกึ การสรปุ การเรยี นรู้ เชน่ Mind Map Mind Map เป็นต้น การจัดประสบการณ์สาหรับนกั เรียนระดับกอ่ นประถมศกึ ษา(อนบุ าล) ครูสามารถออกแบบ กิจกรรมตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย และอาจเลอื กใชเ้ ทคโนโลยีในการจดั กิจกรรม หรอื ผสมผสานกจิ กรรม แบบบูรณาการเพอื่ สง่ เสริมพัฒนาการนกั เรียนทกุ ด้าน โดยมคี รูผู้สอนเปน็ ผสู้ นบั สนุน และอำนวยความสะดวก สาหรบั การกำหนดตารางหรือกจิ วตั รประจำวันและสง่ิ แวดลอ้ มในห้องเรยี น ใหค้ ำนงึ ถงึ การรกั ษาความ ปลอดภัยของนกั เรียนเปน็ สำคัญ 3.6 แนวทางการดำเนินงานและบริหารงบประมาณการสนบั สนุนคา่ ใชจ้ ่ายในการจดั การศึกษาข้นั พื้นฐานในช่วงสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 การบริหารงบประมาณประจำปี โดยปกตแิ ลว้ รัฐบาลสนบั สนุนค่าใช้จ่าย ในการจดั การศกึ ษา ข้ันพื้นฐาน ใหก้ บั สถานศึกษา สังกดั สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน

16 งบเงินอุดหนนุ จำนวน 5 รายการ ดังน้ี 1. ค่าจัดการเรยี นการสอน 2. คา่ หนังสอื เรียน 3. ค่าอุปกรณ์การเรยี น 4. ค่าเคร่ืองแบบนักเรยี น 5. ค่ากจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน โดยในแต่ละรายการ มกี ารดำเนนิ การดงั นี้ 1. ค่าจัดการเรยี นการสอน (เงนิ อดุ หนุนรายหวั )สามารถใช้ในลักษณะ 3 ประเภทงบรายจา่ ย ดงั น้ี 1.1 งบบคุ ลากร ไดแ้ ก่ คา่ จ้างชัว่ คราว เชน่ จ้างครอู ัตราจ้างรายเดอื น พนักงานขบั รถ นักการ ภารโรง เป็นต้น 1.2 งบดาเนินงาน ไดแ้ ก่ คา่ ตอบแทน ค่าใชส้ อย คา่ วัสดุ และ ค่าสาธารณปู โภค 1.3 งบลงทุน ได้แก่ ค่าครภุ ัณฑ์ และค่าท่ดี นิ สิง่ กอ่ สร้าง รายการที่ 2, 3, 4 ดำเนินการตามระเบียบวธิ กี ารใช้งบประมาณ ในแต่ละประเภทรายการ 5. ค่ากิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน เดิม รายการคา่ กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น สถานศึกษามีการดำเนินการดังนี้ 1) กิจกรรมวชิ าการ 2) กิจกรรมคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ 3) กิจกรรมทัศนศกึ ษา 4) กจิ กรรมการบริการเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร (ICT ) เพม่ิ เตมิ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID COVID -19) สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ไดจ้ ดั ทำแนวทางการดำเนนิ งานรายการคา่ กิจกรรมพฒั นา คุณภาพผู้เรียนเพิม่ เตมิ เพือ่ สนบั สนนุ การจัดการเรียนการสอนทางไกลโดยเพม่ิ กิจกรรมท่ี 5 ดงั นี้ 5) กจิ กรรมการจัดการเรยี นการสอนทางไกลในช่วงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ ไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19) เช่น การผลิตส่อื การเรยี น การสอน ใบงาน แบบฝึกหัด และค่าใช้จา่ ยใน การติดตามและเยี่ยมบ้านนักเรียนทเี่ ป็นคา่ เบีย้ เล้ียง คา่ พาหนะ ค่าน้ามนั เชอ้ื เพลงิ ของขา้ ราชการครูและ บคุ ลากรทางการศึกษา เปน็ ต้น การป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID -19 กรณเี กิดการระบาด ในกรณีที่โรงเรยี นพบวา่ มนี ักเรียน ครู หรือบคุ ลากรอื่น ๆ ในโรงเรียน ที่อยู่ ในกลุ่มเสย่ี ง ให้ โรงเรียนดำเนนิ การตามมาตรการป้องกนั การแพรร่ ะบาดของโรคโควิด 19 กรณีเกดิ การระบาด ของกรม ควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ ดังต่อไปน้ี

/17 กรณเี กิดการระบาดในสถานศึกษาเหตุการณก์ ารระบาด หมายถงึ เมอื่ พบผปู้ ว่ ยยนื ยนั อย่างน้อย 1 ราย ท่คี ิดว่าอาจมี การแพรก่ ระจายเช้อื ในสถานศกึ ษา 1. ผปู้ ว่ ยท่ีเขา้ เกณฑ์ตอ้ งสอบสวน (PUI = Patient Under Investigation) หมายถึง ผูท้ ม่ี ี ประวัตไิ ข้ หรอื วัดอุณหภูมิกายไดต้ ง้ั แต่ 37.5 องศาเซลเซียส ขึ้นไป รว่ มกับอาการทางเดินหายใจอยา่ งใดอย่าง หนง่ึ (ไอ นำ้ มูก เจ็บคอ หายใจเร็ว หรือหายใจเหน่ือยหรือหายใจลำบาก) และมีประวัตสิ มั ผัสใกล้ชิดกับผู้ปว่ ย ยนื ยนั ในชว่ ง 14วันกอ่ นมีอาการ 2. ผปู้ ว่ ยยนื ยนั หมายถึง ผู้ทมี่ ีผลตรวจทางหอ้ งปฏิบัติการ พบวา่ ติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน, 2563, หน้า 1 - 44) 3. ผสู้ มั ผสั ท่ีมีความเส่ยี งต่อการติดเชื้อสูง (High risk contact) หมายถึง ผู้สมั ผัสใกล้ชดิ ตาม ลกั ษณะขอ้ ใดข้อหนึง่ ดังน้ี - ผ้ทู ี่เรียนรว่ มห้อง ผทู้ น่ี อนร่วมห้อง หรอื เพ่ือนสนทิ ท่คี ลกุ คลกี นั - ผู้สมั ผัสใกล้ชิดหรอื มกี ารพูดคุยกบั ผปู้ ่วยในระยะ 1เมตร นานกว่า 5นาที หรอื ถูกไอ จาม รด จากผู้ป่วย โดยไมม่ กี ารปอ้ งกนั เช่น ไมส่ วมหน้ากากอนามยั - ผทู้ อ่ี ยู่ในบรเิ วณทป่ี ิด ไมม่ ีการถา่ ยเทอากาศ เช่น ในรถปรบั อากาศ ในห้องปรับอากาศ รว่ มกบั ผ้ปู ่วยและอย่หู า่ งจากผู้ปว่ ยไมเ่ กิน 1เมตร นานกวา่ 15นาที โดยไม่มกี ารปอ้ งกนั 4. ผู้สัมผัสท่มี ีความเสย่ี งต่อการตดิ เชือ้ ตำ่ (Low risk risk contact) หมายถงึ ผู้ท่ีทำกจิ กรรม อ่นื ๆ ร่วมกับผู้ปว่ ย แตไ่ ม่เข้าเกณฑค์ วามเส่ยี ง 5. ผู้ไมไ่ ด้สัมผัส หมายถึง ผู้ท่ีอยูใ่ นสถานศึกษาแต่ไม่มีกิจกรรมหรอื พบผู้ปว่ ยในชว่ ง 14วันกอ่ น ป่วย 6. ผู้ท่ีมีภาวะเส่ยี งต่อการปว่ ยรุนแรง (Underlying condition ) หมายถงึ ผู้ทมี่ ี ภมู ติ ้านทาน ตำ่ หรือมีโรคประจำตวั หรอื ผสู้ งู อายุ กิจกรรมการเฝ้าระวังกอ่ นการระบาด 1) ให้มกี ารตรวจสอบการลาป่วยของนกั เรยี นและบุคลากรในสถานศึกษา หากพบว่า ปว่ ย มากผดิ ปกติ ใหร้ ายงานเจ้าหน้าทสี่ าธารณสุขในพื้นทท่ี ราบ 2) ให้มกี ารคัดกรองไขบ้ ริเวณทางเข้าสถานศกึ ษาทุกวนั หากพบว่า มีเดก็ ทม่ี ไี ข้จำนวนมาก ผิดปกติ ใหแ้ จง้ เจ้าหนา้ ท่ี 3) ห้องพยาบาลใหม้ ีการบันทึกรายช่อื และอาการของนักเรยี นท่ีป่วย กิจกรรมเมอ่ื มีการระบาด 1) ปดิ สถานศกึ ษา/ชน้ั ปี/ชั้นเรยี น เพ่ือทำความสะอาด เปน็ ระยะเวลา 3 วัน โดย ผู้อำนวยการสถานศึกษา มีอำนาจสง่ั ปิดดว้ ยเหตุพิเศษ ไมเ่ กิน 7 วัน ผูอ้ ำนวยการเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา ไม่เกิน 15 วัน เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน ไมเ่ กนิ 30วัน และรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร และปลดั กระทรวงศึกษาธิการ สั่งปดิ ได้ตามความเหมาะสม 2) สำรวจคดั กรองนกั เรียนและบคุ ลากรทุกคน บรเิ วณทางเขา้ สถานศกึ ษา โดยใชเ้ ครอ่ื งวดั

18 อณุ หภูมแิ บบมือถือ (Handheld thermometer )และดำเนินการตามแผนผัง • หากพบผู้เข้าเกณฑ์สอบสวน (PUI ) ใหเ้ ก็บตัวอยา่ ง NP swab สง่ ตรวจหาเชือ้ 3) ผสู้ ัมผัสกลุ่ม High risk High risk ให้ดำเนินการเกบ็ ตวั อยา่ ง NP swab สง่ ตรวจหาเชอ้ื 4) ผู้สัมผัสกลุม่ Low risk ไม่ตอ้ งเก็บตวั อย่าง แต่ให้แยกตวั อยทู่ ่บี ้าน และรายงานอาการ (Self-report) ทุกวนั หากพบวา่ มีอาการเข้าเกณฑ์ PUI ให้ดำเนินการแบบผู้ปว่ ย PUI 5) เมือ่ เปดิ เทอม ใหม้ ีการคัดกรองไขท้ กุ วนั หากพบมอี าการเข้าได้กับ PUI ให้เก็บตัวอยา่ ง และพจิ ารณาความเสี่ยงเพือ่ ตดั สนิ ใจว่าจะใหผ้ ู้ป่วยดูอาการทบี่ า้ น หรอื ต้องแยกตวั ในโรงพยาบาล 6) ทมี สอบสวนโรคทำการติดตามผสู้ ัมผสั ทุกวัน จนครบกำหนดการปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาด ของโรค COVID -19 การกำกบั ตดิ ตาม และรายงานผล สถานศึกษา ควรมีการกำกบั ติดตาม ทบทวนการดำเนินงานใหส้ อดคลอ้ งตามแนวปฏบิ ัติ สถานการณ์ และบรบิ ทพนื้ ท่ี อยา่ งต่อเนอื่ ง กรณีพบผมู้ อี าการเส่ียงหรอื ปว่ ย ต้องรีบรายงาน ตอ่ ผูบ้ รหิ าร และ แจ้งเจ้าหนา้ ที่สาธารณสขุ ทันที 4. แนวคดิ เก่ยี วกับการประเมนิ ความต้องการจำเปน็ การประเมินความต้องการจำเป็น เปน็ วจิ ัยท่ีมปี ระโยชน์อยา่ งมากในการทำให้มีการวางแผน มี ทิศทางตอ่ ไปได้ และมีโอกาสเกดิ เกิดผลสัมฤทธติ์ ามความมงุ่ หวัง นอกจากน้ียังใช้เปน็ หลกั เทยี บความสำเร็จของ การดำเนนิ งานทำให้นักประเมนิ สามารถวางแผนการปฏิบัติภายใต้ทางเลือกท่เี หมาสมเปน็ เทคนิคท่ีช่วยใหก้ าร ใช้ทรัพยากรในการดำเนนิ งานไดอ้ ย่ามีประสทิ ธภิ าพ ซ่งึ ผศู้ กึ ษาไดศ้ ึกษาความหมายของคำศัพท์ทั้งสองคำนี้ ความต้องการจำเป็น (Need) คำว่า การประเมิน (Assessment) วา่ หมายถึงบางส่ิงบางอยา่ งที่ เปน็ ความจำเป็นในอันทจี่ ะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามความปรารถนาหรอื ความต้องการได้ (Webster’s encyclopedic dictionary 1994, อา้ งถึงใน คมศร วงษ์รักษา, 2540, หนา้ 10) ความหมายของความ ตอ้ งการจำเป็นตามทัศนะของนกั การศึกษามหี ลากหลาย ในทีน่ ้ีผูศ้ กึ ษารวบรวมจากผ้ใู หค้ ำนิยามไวด้ ังนี้ 4.1 ความหมายของความต้องการจำเปน็ คมศร วงษร์ กั ษา (2540, หน้า 12) ใหค้ วามหมายของความตอ้ งการจำเป็นว่า สภาพตา่ งกนั หรือไม่สอดคล้องกันของเหตุการณห์ รอื ผลการปฏิบัติงานทค่ี วรจะเป็นและสภาพที่แตกตา่ งกนั นีจ้ ะก่อใหเ้ กดิ ผลเสยี กับหน่วยงานได้ แต่ถา้ ความตอ้ งการจำเป็นได้รับการสนองหรือปรบั ปรุงให้ดีขน้ึ นจะสง่ ผลให้หนว่ ยงานมี การพัฒนาขึน้ ไปดว้ ย ปิยมาภรณ์ โชคอวยชัย (2540, หน้า 17) ใหค้ วามหมายของความต้องการจำเปน็ วา่ สภาพ ปัญหาวิกฤติทพี่ บอยใู่ นสภาพทเ่ี ปน็ จรงิ ในปจั จุบันและต้องการไดร้ บั การแกไ้ ขตามการรบั ร้ขู องกลมุ่ ผใู้ หข้ อ้ มูล สว่ นใหญ่ซึง่ ถอื เป็นความต้องการจำเป็นตามความร้สู ึกหรอื การรับรู้

19 สุวิมล ว่องวานชิ (2542, หนา้ 12) ให้ความหมายของความต้องการจำเป็นไว้ว่า ความ แตกต่างระหวา่ งส่ิงที่มุง่ หวังหรือสงิ่ ทต่ี อ้ งการ (Expected or desired outcome) กับส่งิ ท่ีเป็นจรงิ ในปจั จุบนั (Current Outcome) โดยความแตกต่างทเี่ กิดข้นึ บอกสภาพปัญหาท่ีมอี ยู่ สุพกั ตร์ พบิ ูลย์ (2545 หนา้ 6) กล่าวว่า ความต้องการจำเป็น คือเง่อื นไข สภาพ ความไม่ สอดคล้องระหวา่ งสภาพท่ีเป็นจรงิ ในปจั จบุ นั (Actual Condition) กบั สภาพที่ควรจะเป็นหรือสภาพที่ตอ้ งการ (Desired Condition) เปน็ สภาพที่จำเปน็ ตอ้ งได้รบั การตอบสนองหรอื ดำเนนิ การแก้ไขประเดน็ ใด เร่อื งใด หรอื รายการใด เกิดสภาพความไมส่ อดคล้องในระดับมากกว่ากถ็ ือเปน็ รายการความตอ้ งการจำเปน็ ในระดบั เรง่ ดว้ ย วติ กิน้ (Witkin, 1984, p.5) ใหค้ วามหมายว่า สภาพหรือความต้องการทุก ๆ ส่งิ ท่ีคนต้องการ อยา่ งเพยี งพอทค่ี วรจะไดร้ ับตามเวลาท่มี ีความตอ้ งการจำเปน็ ในสิง่ นั้น สตปั เฟิลบีมและคณะ (Stufflebeam and others, 1985, p 5-7 อ้างถงึ ใน ดวงใจ กฤตากร , 2545, หน้า 12) ให้ความหมายวา่ สง่ิ ทจ่ี ำเปฯ็ ต้องไดร้ ับการตอบสนองหรือก่อใหเ้ กดิ ประโยชนเ์ มือ่ ไดร้ ับการ ตอบสนองโดยจำแนกความตอ้ งการจำเปน็ ตามมุมมอง (View) ท่แี ตกตา่ งกันได้ 4 มมุ มอง ดงั นี้ 1. มุมมองของความแตกตา่ ง (Discrepancy view) เป็นความต้องการจำเปน็ ทีก่ ล่าวถงึ ความ แตกตา่ งระหว่างการกระทำหรอื ผลการปฏิบตั ิงานทีต่ อ้ งการ (desired performance) กับการกระทำหรอื ผล การปฏิบตั งิ านทสี่ งั เกตได้จากการปฏิบัตจิ รงิ (observed performance) 2. มมุ มองของความเป็นประชาธปิ ไตย (Democratic view) เปน็ ความต้องการจำเป็นที่ กล่าวถงึ ความปรารถนาหรอื ความต้องการของคนส่วนใหญ่ ซ่งึ ถือว่าเปน็ กล่มุ อ้างองิ ที่เชอ่ื ถอื ได้ 3. มุมมองของการวิเคราะห์ (Analytic view) เป็นความตอ้ งการจำเปน็ ท่ีกล่าวถึงสารสนเทศ ของสิ่งหน่ึงสงิ่ ใดในหน่วยงานที่บุคลากรผู้มีความสามารถไดพ้ ิจารณาลงความเห็นวา่ มคี วามสำคญั ตอ่ หน่วยงาน และทำให้เกดิ การพฒั นาในหน่วยงาน 4. มุมมองของการวนิ จิ ฉัย (Diagnostic view) เปน็ ความต้องการจำเป็นที่ กล่าวถึงส่ิงทีบ่ คุ คล ใหพ้ จิ ารณาแล้วมีความบกพรอ่ งหรอื ขาดหายไป (deficiency or absence) และพสิ ูจน์ไดว้ า่ สง่ิ ที่ขาดไปน้นั จะ ทำให้เกิดความเสยี หาย (harmful) ต่อหนว่ ยงาน กบู า และลนิ คอน (Guba and Lincoln 1982 อา้ งถงึ ใน สุวมิ ล ว่องวานิช 2550, หนา้ 38) นิยามว่า ความตอ้ งการจำเปน็ เปน็ ผลต่างระหว่างสภาพท่ีควรจะเป็นกบั สภาพที่เป็นอยจู่ รงิ และจะเป็นความ ตอ้ งการจำเป็นตอ่ เม่อื สงิ่ ท่ีไดร้ ับนั้นก่อใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ ละหากไม่ได้รับการตอบสนองกจ็ ะอยูใ่ นสภาพที่เปน็ ทุกข์ อนั ตราย หรอื สภาพทไี่ ม่น่าพอใจ จากความหมายของความต้องการจำเปน็ ผู้ศกึ ษาสรปุ ได้ว่า ความต้องการจำเปน็ หมายถงึ ความแตกตา่ งหรือผลตา่ งระหวา่ งสภาพท่เี ป็นจริงและสภาพท่ีคาดหวังซ่งึ ช่องว่างดังกล่าวคือปัญหาหรอื ความไม่ สอดคลอ้ งท่เี กดิ ข้นึ ต้องได้รับการแก้ไข หากไม่ไดร้ ับการแก้ไขจะส่งผลให้อยู่ในสภาพทีเ่ ป็นทกุ ข์ อันตราย หรอื สภาพท่ีไมน่ ่าพอใจ

20 4.2 ความหมายของการประเมินความตอ้ งการจำเป็น มีผูใ้ หค้ วามหมายของการประเมนิ ความตอ้ งการจำเปน็ ไว้ ดงั นี้ คมศร วงษร์ ักษา (2540, หน้า 14) กลา่ วว่า การประเมินความต้องการจำเปน็ เป็น กระบวนการในการกำหนดช่องว่าง (gaps) หรอื ความแตกต่างระหว่างสิ่งท่ีเปน็ อยู่ในปัจจบุ ัน (Current stat or what is) กบั สง่ิ ทีค่ วรจะเปน็ (Desired state or what should be) โดยมกี ารนำช่องวา่ ง (graps) ท่ไี ด้รับจดั เรยี งลำดบั ความสำคัญก่อนที่จะเลือกชอ่ งวา่ งหรอื ความต้องการจำเปน็ (needs) ที่สำคัญท่ีสุดไปดำเนนิ การ แกป้ ัญหาต่อไป สุวิมล วอ่ งวานิช (2550, หนา้ 62) กลา่ ววา่ การประเมนิ ความต้องการจำเปน็ เปน็ กระบวนการประเมินเพื่อกำหนดความแตกต่างของสภาพทเี่ กิดขึ้นกบั สภาพที่ควรจะเปน็ โดยระบุสง่ิ ที่ ต้องการใหเ้ กิดวา่ มีลกั ษณะเชน่ ใด และประเมนิ สงิ่ ที่เกดิ ขน้ึ จริงวา่ มีลักษณะเช่นใด จากน้นั นำผลทไ่ี ด้มา วิเคราะหป์ ระเมินและสงิ่ ทเ่ี กดิ ขึ้นจรงิ ว่าสมควรเปลยี่ นแปลงอะไรบ้าง การประเมนิ ความต้องการจำเปน็ ทำใหไ้ ด้ ขอ้ มูลท่ีนำไปสกู่ ารเปล่ยี นแปลงกระบวนการจัดการศกึ ษา หรอื เปล่ยี นแปลงผลทเี่ กิดขึ้นปลายทาง การ เปลยี่ นแปลงอนั เนื่องมาจากการประเมนิ ความตอ้ งการจำเป็นจงึ เป็นการเปลีย่ นแปลงในเชิงสร้างสรรค์และเปน็ การเปลีย่ นแปลงทางบวก คอมแมน และอิงลิช (Kaufman and Englist, 1981 p. 8 อา้ งถึงใน ดวงใจ กฤดากร, 2545, หน้า 14) ให้ความหมายวา่ เปน็ กระบวนการทเ่ี ปน็ ทางการซึ่งกำหนดชอ่ งว่างระหว่างผลผลิตหรือ ผลลพั ธ์ในปัจจุบนั และผลลพั ธ์หรือผลผลิตที่เปน็ ที่ตอ้ งการและจดั วางช่องวา่ งเหลา่ นตี้ ามลำดับความสำคัญและ เลือกสิ่งท่ีเห็นวา่ สำคญั ที่สุดเพื่อแกไ้ ขปัญหา ดังนนั้ สรุปได้วา่ การประเมนิ ความตอ้ งการจำเป็น หมายถึง กระบวนการทีเ่ ปน็ ระบบวิเคราะห์ ความแตกต่างระหว่างสภาพท่เี ป็นจรงิ กบั สภาพท่ีคาดหวัง เพอื่ จดั ลำดับในการแกไ้ ขปญั หาตอ่ ไป และเพื่อให้ได้ ขอ้ มลู ในการตดั สินใจเลือกหรอื หาวธิ ีการแกไ้ ขปญั หาไดต้ รงกับสภาพทเ่ี ป็นอยู่จรงิ หรอื ความต้องการทแ่ี ท้จรงิ 4.3 จดุ มุง่ หมายของการประเมนิ ความต้องการจำเป็น คมศร วงษ์รกั ษา (2540, หนา้ 18) กลา่ วา่ จุดมุ่งหมายสำคัญของการประเมินความต้องการ จำเป็น คือการระบสุ ภาพปญั หาและความต้องการจำเปน็ การคน้ หาวิธีการแกป้ ญั หา การเลอื กวิธีการแก้ปญั หา และการตดั สินใจเลอื กทางเลือกในการแกป้ ญั หาท่ีมีลำดบั ความสำคญั สูงสดุ จะเห็นไดว้ ่ากระบวนการประเมนิ ความตอ้ งการจำเปน็ เป็นกจิ กรรมท่ที ำใหไ้ ด้ทกุ ขั้นตอนของวฎั จกั รนน้ั สุวิมล ว่องวานชิ (2542, หน้า 14) ได้กลา่ วว่า จุดมุง่ หมายของการประเมินความตอ้ งกร จำเปน็ คือความพยายามให้ได้ขอ้ มูลที่ชว่ ยเสรมิ การวางแผนการดำเนนิ งาน ทำให้การพัฒนากิจกรรมหรือการ แกไ้ ขปญั หาต่าง ๆ สดคล้องกับสภาพท่เี กิดข้นึ จรงิ น้นั ซูเรส (Suares 1991 อา้ งถงึ ใน คมศร วงษร์ กั ษา, 2540, หนา้ 17) ได้กล่าววา่ จดุ ม่งุ หมายทเี่ ป็นพืน้ ฐานสำคญั ของการประเมนิ ความตอ้ งการจำเป็น มี 4 ประการ ดงั นี้

21 1. เพอ่ื ใหไ้ ด้ขอ้ มูลเพือ่ การวางแผนซ่งึ จะสง่ ผลในการจำแนกเป้าหมาย การตัดสนิ ใจถึง ขอบเขตของเป้าหมาย วา่ จะทำได้แคไ่ หน 2. เพ่อื เปน็ การตรวจวเิ คราะหห์ รือการจำแนกแยกแยะปัญหาหรือหาจดุ ออ่ นของสิ่งที่ศึกษา อนั จะทำใหก้ ารวางแผนเปน็ ไปอยา่ งเหมาะสม 3. เพอ่ื ใช้ส่วนประกอบสำหรบั การประเมินหลายๆ รูปแบบ 4. เพื่อนำไปใชก้ บั การรบั รองสถาบันการศึกษา เช่นการประเมนิ ผลผลติ ภายในเรอื่ งของ นกั ศกึ ษา ผลการประเมินชนิดน้ีนำไปจำแนกความพยายามทางการศึกษาของโรงเรยี น ว่าเกดิ ประสทิ ธิผล หรอื ไม่ และยังใชจ้ ำแนกขอบเขตวชิ า หรือสถานท่ีต้ัง ซึง่ สัมฤทธิ์ผลทางการศกึ ษามีนอ้ ย วิทคิน และอัลเชลิ ์ด (Witkin and Altschuld, 1995, p. 10 อ้างถงึ ใน ดวงใจ กฤดากร ,2545, หน้า 14) ให้ความหมายของการประเมินความต้องการจำเปน็ ว่าเป็นกระบวนการทเี่ ป็นทางการซง่ึ กำหนดช่องว่างระหว่างผลผลติ หรอื ผลลพั ธ์ในปจั จุบนั และผลลัพธ์หรอื ผลติ ที่เป็นท่ตี ้องการและจดั ว่างชอ่ งวา่ ง เหล่านตี้ ามลำดับความสำคัญและเลอื กส่งิ ท่ีเห็นวา่ สำคญั เพอื่ แก้ปญั หา ดงั น้ันสรุปไดว้ ่า จดุ มุง่ หมายของการประเมนิ ความต้องการจำเป็น คอื ความพยายามให้ได้ขอ้ มูล ทช่ี ่วยระบุปญั หา เพ่ือเสริมการวางแผนการดำเนินงานแก้ปัญหานนั้ ท่เี ป็นระบบหรือเป็นกระบวนการทเ่ี ปน็ ทางการ 4.4 การจัดลำดบั ความสำคัญของความต้องการจำเป็น สุวมิ ล วอ่ งวานชิ (2549, หนา้ 277-279) กล่าวว่า การจัดเรยี งลำดับความสำคัญของความ ต้องการจำเปน็ การศึกษาวิเคราะห์ความต้องการจำเป็นแตล่ ะประเดน็ จากนั้นนำความต้องการจำเป็นมาจัด เรียงลำดับ (Sort) ตงั้ แต่ความสำคัญมากไปหานอ้ ย โดยมวี ัตถุประสงค์เพอ่ื ระบคุ วามตอ้ งการจำเป็นท่มี ี ความสำคญั มากทส่ี ุดและมีความเรง่ ดว่ นท่ีต้องได้รบั การพัฒนากอ่ นภายใต้เงอื่ นไขทรพั ยากรที่มีจำกดั ในปจั จุบนั การจัดเรยี งลำดบั ความต้องการจำเป็นโดยใชเ้ ทคนิคการจัดลำดับข้อมูลแบบการ ตอบสนองคู่ทมี่ ีพ้ืนฐานแนวคิดของการนิยามความตอ้ งการจำเปน็ ตามโมเดลความแตกตา่ ง (Discrepancy Model) วธิ ีการจดั เรียงลำดับความสำคญั ของความต้องการจำเปน็ สามารถกระทำได้ ท้ังน้ี ในการประเมนิ ความ ตอ้ งการจำเปน็ กลมุ่ วธิ ีท่ีใชห้ ลกั ประเมนิ ความแตกตา่ งเปน็ กลมุ่ วธิ ีทน่ี ยิ มใช้มากมีรากฐานมาจากการประเมิน ความตอ้ งการจำเป็นท่ีใชโ้ มเดลความแตกต่าง ซ่งึ มกี ารรวบรวมข้อมูลแบบการตอบสนองคูจ่ ากมาตรวัดทีแ่ สดง ระดบั ความสำคัญ (I = Importance) ของขอ้ ความนน้ั เปรียบเสมอื นค่าที่บอกระดับของ “What Should Be” และมาตรวัดทีแ่ สดงระดบั ทขี่ ้อรายการนนั้ ได้รบั การตอบสนองหรอื ระดับสมั ฤทธผิ ล (D = Degree of Success) ทีเ่ ปน็ อยใู่ นขณะน้ันเปรียบเสมือนค่าทีบ่ อกระดบั ของ “What is” โดยสตู รในการคำนวณระดบั ความตอ้ งการจำเปน็ แต่ละวิธีมรี ายละเอียด ดงั นี้

22 1) วิธี Mean Difference Method (MDF) กำหนดโดยหาผลตา่ งของค่าเฉล่ียของ I และ ค่าเฉล่ยี ของ D บางคนเรยี กวธิ ีนีว้ ่า Rank Order of Difference Scores MDF = I - D 2) วิธี Priority Needs Index (PNI) เปน็ วิธีการเรยี งลำดับความสำคัญของความตอ้ งการ จำเปน็ ซ่งึ พัฒนาขน้ึ มาโดยใช้คา่ สถติ ิในรปู ดัชนีทส่ี ามารถบอกค่าตำ่ สุดและสงู สุดได้ PNI = (I - D) x I 3) วิธี Priority Needs Index (PNI) แบบปรบั ปรุง เป็นสตู รทป่ี รบั ปรงุ จากสตู ร PNI ดง้ั เดมิ โดย นงลักษณ์ วิรัชชยั และสวุ มิ ล วอ่ งวาณชิ เป็นวิธีการท่ีหาคา่ ผลต่างของ (I - D) แล้วหารดว้ ยค่า D เพ่อื ควบคมุ ขนาดของความตอ้ งการจำเป็นให้อยู่ในพิสัยที่ไม่มชี ว่ งกวา้ งมากเกินไปและให้ความหมายเชิง เปรียบเทยี บ เมื่อใชร้ ะดบั ของสภาพที่เปน็ อยเู่ ป็นฐานในการคำนวณอัตราการพฒั นาเขา้ ส่สู ภาพทค่ี าดหวัง PNImodified = (I - D) D 4) การวิเคราะห์แมทริกซ์ (Matrix Analysis) เป็นวิธกี ารวเิ คราะหท์ เี่ น้นการเสนอผลการ ดำเนนิ งานของหน่วยงานในสว่ นทเี่ ป็นจดุ แขง็ และจดุ อ่อนที่ควรได้รบั การพฒั นา โดยการแบ่งตารางเปน็ 4 ช่อง แสดงความสัมพนั ธ์ระหว่างสภาพทีม่ ุ่งหวงั และสภาพทเี่ กดิ ข้นึ จริง จุดทใ่ี ช้แบ่งอาจเปน็ ค่าเฉลยี่ ของคะแนนสูง – ต่ำ ท่กี ำหนดหรอื เกณฑท์ ่ีผู้ประเมินเหน็ ว่าเหมาะสมเปน็ จุดตัด (Cut – off Score) จากการวธิ กี ารจดั เรียงลำดับความสำคัญของความต้องการจำเปน็ ทง้ั 4 แบบ น้ี ผู้ศกึ ษาเลือกใช้ แบบท่ี 3 วธิ ี Priority Needs Index (PNI) แบบปรับปรงุ เป็นสูตรที่ปรบั ปรงุ จากสตู ร PNI ดัง้ เดิม โดย นง ลักษณ์ วิรัชชยั และสุวมิ ล วอ่ งวาณชิ เปน็ วธิ ีการทหี่ าคา่ ผลต่างของ (I - D) แล้วหารด้วยคา่ D เพอื่ ควบคมุ ขนาดของความต้องการจำเป็นให้อยใู่ นพสิ ยั ทีไ่ มม่ ีช่วงกวา้ งมากเกินไปและใหค้ วามหมายเชิงเปรียบเทียบ เมือ่ ใช้ ระดับของสภาพทีเ่ ปน็ อยู่เปน็ ฐานในการคำนวณอัตราการพัฒนาเขา้ สสู่ ภาพทคี่ าดหวัง

23 5. งานวิจยั ท่ีเกยี่ วข้อง ชลอ สบื ศกั ด์ิ (2549, หน้า 95- 98) ได้ศึกษาสภาพปัจจุบนั และความคาดหวังตอ่ การพัฒนา บคุ ลากรของสถานศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานด้านหลกั สตู รและกระบวนการเรียนการสอนตามแนวปฏริ ปู การศึกษาสงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษากาญจนบุรี ผลการวิจัยพบวา่ 1) สภาพปจั จบุ นั ในการดา เนินงานพฒั นาบคุ คลากร ดา้ นหลักสตู รและกระบวนการเรยี น การสอนโดยรวมอยู่ในระดับมาก รายดา้ นอยู่ในระดับมาก 3 ด้าน เรยี ง ตามลาดบั คา่ เฉล่ยี จากมาก ไปน้อยคือ ดา้ นการพฒั นาบคุ ลากรโดยกระบวนการบรหิ าร ด้านกระบวนการ ปฏบิ ตั ิงานและด้าน การสง่ บุคลากรไปศึกษาอบรมหรือดงู าน ส่วนดา้ นการฝึกอบรมอยใู่ นระดบั ปานกลาง 2) ความคาดหวังในการดา เนินงานพฒั นาบคุ ลากร โดยรวมอยู่ในระดับมาก การพฒั นา บุคลากรโดยกระบวนการ บริหารอยู่ในระดับมาก 3 ดา้ น เรียงตามลาดับคา่ เฉล่ยี จากมากไปนอ้ ย คอื ดา้ นการฝึกอบรม ดา้ นการสง่ บคุ ลากรไปศกึ ษาอบรมหรือดูงาน และดา้ นการพฒั นาบคุ ลากร โดยกระบวนการปฏิบัติงาน 3) ผลการ เปรียบเทียบสภาพปจั จบุ นั และความคาดหวงั ในการดา เนนิ งานพฒั นาบคุ ลากร ด้านหลกั สูตรและกระบวนการ เรียนการสอนทัง้ ในภาพรวมและรายดา้ น แตกตา่ งกันอยา่ งมี นยั สำคัญทางสถติ ทิ รี่ ะดบั 0.01 โดยบุคลากรมี ความคาดหวังทีจ่ ะได้รับการพฒั นามากกวา่ สภาพ ปัจจบุ ัน 4. การเปรยี บเทยี บสภาพปจั จุบันในการดำเนนิ งาน พัฒนาบุคลากร จำแนกตามขนาดของ สถานศกึ ษา ในภาพรวมมีความแตกต่างกนั อย่างมนี ัยสำคญั ทางสถติ ิที่ ระดบั 0.01 และรายด้าน พบว่า ด้านการฝึกอบรมและด้านการสง่ บุคลากรไปศึกษาอบรมดงู าน มคี วาม แตกตา่ งกนั อย่างมี นยั สำคัญทางสถิติทรี่ ะดับ 0.01 ระหว่างสถานศึกษาขนาดใหญ่และขนาดเล็ก 5. เปรียบเทียบความคาดหวังในการดาเนินงานพฒั นาบคุ ลากร จำแนกตามขนาดของ สถานศึกษา โดยรวมมีความ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคญั ทางสถติ ิ ทร่ี ะดับ 0.05 สถานศกึ ษาขนาด ใหญแ่ ละขนาดเล็ก และเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการฝกึ อบรบรมและด้านการสง่ บคุ ลากรไปศกึ ษา อบรมหรือดูงาน และด้านการพฒั นาบคุ ลากรโดย กระบวนการปฏิบัติงาน มีความแตกต่างกันอย่าง มีนยั สำคญั ทางสถิติที่ระดับ 0.05 ระหวา่ งสถานศกึ ษาขนาด ใหญแ่ ละขนาดเล็ก ธีรภทั ร กางมลู (๒๕๕๕, หนา้ ๑๒๒ - ๑๒๕ )ไดศ้ ึกษาสภาพปัจจุบัน และความคาดหวงั ของการใช้ ระบบสารบรรณอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Office) สำนกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรสงคราม ผลการวจิ ัยสภาพ โดยรวมท้งั 7 ด้านมีค่าเฉลยี่ สภาพปัจจบุ ัน 4.01 และความคาดหวัง 4.26 และการใช้ ระบบสารบรรณ อิเล็กทรอนกิ ส์ สภาพปัจจุบนั พบวา่ ดา้ นการลงทะเบียนรบั มีค่าเฉลีย่ มากท่ีสุด 4.20 นอ้ ย ท่สี ุด คือ ด้านการบริหารจดั การระบบสารบรรณอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 3.61 ความคาดหวงั พบว่า ดา้ นการ ประเมนิ ผล การรบั - ส่ง เอกสารในดา้ นต่างๆมคี ่าเฉลย่ี มากทสี่ ดุ 4.39 นอ้ ยทส่ี ดุ คอื ด้านการบรหิ ารจดั การ ระบบ สารบรรณอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 4.12 เมอ่ื เปรยี บเทยี บบุคลากรท้ัง 3 หน่วยงานพบวา่ บคุ ลากรทางการศึกษา ของสำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม มคี ่าเฉลย่ี สภาพปัจจุบนั รวมทงั้ 7 ด้าน มากท่ีสดุ มคี า่ เฉลีย่ 4.02 รองมาคอื โรงเรยี นเอกชนในสงั กัด 4.02 และโรงเรยี นของรฐั ในสงั กดั 3.94 ความคาดหวัง พบว่า โรงเรียนของรฐั ในสังกดั มีค่าเฉลยี่ มากทส่ี ุด 4.26 รองลงมาคือ โรงเรยี นเอกชน ในสังกัด 4.17 และ บุคลากรทางการศกึ ษาของสำนกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาสมทุ รสงคราม มีค่าเฉล่ยี 4.15

24 เรืองรตั น์ ไมตรี (๒๕๕๕, หนา้ ๑๐๖ - ๑๐๘) ได้ศึกษาสภาพปจั จุบนั ความตอ้ งการและ ข้อเสนอแนะ ในการพัฒนาบุคลากรครู ในโรงเรยี นขนาดใหญ่พเิ ศษ สำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 29 ผลการวิจยั พบวา่ 1) สภาพปัจจุบนั ในการพัฒนาบคุ ลากรครใู นโรงเรียนขนาดใหญ่พเิ ศษ สำนกั งาน เขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 29 โดยภาพรวมพบวา่ มสี ภาพการปฏิบตั ิงานอยูใ่ นระดบั มาก เมื่อ พิจารณาเปน็ รายด้าน มีสภาพการปฏบิ ัติงานอยูใ่ นระดบั มากทกุ ด้าน คอื ด้านเจตคติ ด้านทกั ษะและดา้ น ความรู้ ตามลำดบั 2) ความต้องการในการพฒั นาบุคลากรครูในโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ สำนกั งานเขตพื้นท่ี การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 29 โดยภาพรวมพบว่า พบวา่ มคี วามตอ้ งการอยู่ในระดบั มาก เมือ่ พิจารณาเปน็ ราย ด้าน มคี วามตอ้ งการอย่ใู นระดบั มากทุกด้าน คอื ด้านเจตคติ ด้านทักษะและด้านความรู้ ตามลำดับ 3) สรปุ ขอ้ เสนอแนะของผูบ้ รหิ ารโรงเรยี นและบุคลากรครู เปน็ รายดา้ น คอื 3.1) ด้านความรู้ ควรมีการอบรมพัฒนา บุคลากรครู สง่ เสรมิ ใหบ้ คุ ลากรครูทำสอื่ นวัตกรรมและวิจยั ในชัน้ เรยี น จัดให้บคุ ลากรครูไดส้ อนตรงตามวุฒิ การศกึ ษา จัดใหม้ ีแหลง่ สบื คน้ ความรใู้ นทุกกลุ่มสาระ และมกี ารประเมินความร้ใู นการประกอบวิชาชพี ของ บคุ ลากรครู 3.2) ดา้ นทกั ษะ ควรจัดหาสอื่ อปุ กรณ์ในการสอนเหมาะสมและเพียงพอ ศกึ ษาดงู านในกลมุ่ สาระ ทกุ ภาคช้นั เรียน จัดทำและพัฒนาหลกั สูตร นเิ ทศ-ติดตามการปฏิบัตงิ านและใหส้ อนในระดบั ชัน้ เดิมอยา่ งนอ้ ย 5 ปี เพ่อื ใหเ้ กิดความชำนาญ 3.3) ด้านเจตคติ ควรให้บุคลากรครมู ีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นใน เกีย่ วกับการบริหารและแก้ปญั หาตา่ ง ๆ มากขน้ึ ปลกู ฝงั ใหบ้ ุคลากรครูตระหนกั ถึงภาระหน้าท่ีต้องรับผดิ ชอบให้ มากขน้ึ จัดกจิ กรรมเพอ่ื ใหค้ ณะครมู คี วามสามัคคีและสรา้ งขวัญกำลังใจในการปฏบิ ตั งิ าน สรุ ชัย โพธคิ์ ำ (๒๕๕๕, หนา้ 136 - 140 ) ได้ศึกษาสภาพปัจจุบนั และความคาดหวังเก่ียวกบั ระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตความเรว็ สูงของโรงเรยี นในสงั กดั สำนักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาบงึ กาฬ ผลการศึกษาพบว่า ในภาพรวมปญั หาของการบริหารจดั การเก่ยี วกับระบบเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ ความเร็วสูง คอื การบริการของผ้ใู ห้บรกิ ารอินเทอร์เน็ตความเรว็ สูง และเมอื่ พจิ ารณาเปน็ รายดา้ น พบว่า ด้านการบริหาร จัดการระบบเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต มีปัญหาเกย่ี วกับความพรอ้ ม คือ ระบบ เครอื ขา่ ยอินเทอร์เน็ต เช่น การ กำหนดสทิ ธก์ิ อ่ นการเขา้ ใช้งาน อุปกรณ์ (Hardware) เช่น อปุ กรณ์ กระจายสัญญาณเครือข่ายไรส้ าย (Wireless Access Point) โปรแกรม (Software) เชน่ โปรแกรมควบ คมุ การเข้าถึงเว็บไซด์ทไี่ ม่เหมาะสม บุคลากรม(Peopleware) เชน่ การแก้ไขปัญหาการใช้งานระบบ คอมพวิ เตอรแ์ ละเครอื ขา่ ยอินเทอร์เน็ตของ ผู้ดแู ลระบบ รวมทง้ั การบรกิ ารของผู้ให้บรกิ ารอินเทอร์ เน็ตความเรว็ สงู คือ การเพ่มิ ขดี ความสามารถของ อุปกรณ์ระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ ปัญหาดา้ นประสิทธิภาพและประสิทธิผลของระบบเครือขา่ ย อนิ เทอรเ์ นต็ ได้แก่ ระบบเครือข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ คือ ความเรว็ ของระบบเครอื ขา่ ย อุปกรณ์ (Hardware) คือ ความพอเพียง โปรแกรม (Software) คือ ลขิ สิทธ์ิของโปรแกรม บุคลากร (Peopleware) คือ ความพอเพียง ของผู้ดูแลระบบ และผู้ให้บรกิ ารระบบเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ คอื ความรวดเรว็ ในการซอ่ มและรับคนื อปุ กรณ์ที่ เกิด ความเสยี หาย นอกจากนี้ จากการเปรียบปญั หาเก่ียวกบั ระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ ความเรว็ สูงของ โรงเรยี นในสังกัดสำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ จำแนกตามขนาดของโรงเรียน พบว่า ใน ด้านการบรหิ ารจดั การเกี่ยวกบั ระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ ความเรว็ สงู โรงเรยี นขนาดใหญ่ พบปญั หาเกยี่ วกับ ความพรอ้ มระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ โรงเรยี นขนาดกลาง คือ การบริการของ ผู้ให้บรกิ ารอนิ เทอร์เน็ต

25 ความเรว็ สูง และโรงเรยี นขนาดเลก็ คอื ความพรอ้ มของอปุ กรณ์(Hardware) ส่วนด้านประสทิ ธิภาพและ ประสิทธิผล พบว่า โรงเรยี นขนาดใหญ่และโรงเรยี นขนาดกลาง พบ ปญั หาเก่ยี วกบั ผู้ให้บริการระบบเครือขา่ ย อนิ เทอร์เน็ต และโรงเรยี นขนาดเล็ก พบปัญหาเกี่ยวกบั ระบบเครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ต อนุศษิ ย์ รตั นศิริภรณ์ (2555, หน้า 48 - 57) ได้ศึกษาสภาพปจั จุบัน ปญั หา และความต้องการ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศของบคุ ลากรสายสนับสนุน มหาวทิ ยาลัยราชภฎั นครราชสีมา ผลการวจิ ัยพบว่า สภาพ ปจั จุบันการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศของบุคลากรสายสนับสนุน มหาวิทยาลยั ราชภัฎนครราชสมี า อยู่ในระดบั มาก (������̅ = 3.40, .S.D.=0.84) ปัญหาการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศของบุคลากรสายสนับสนุน มหาวิทยาลัย ราชภฎั นครราชสีมา อยใู่ นระดับปานกลาง (������̅ = 3.31, S.D.= 0.89) ความตอ้ งการใชเ้ ทคโน โลยีสารสนเทศ ของบุคลากรสายสนับสนนุ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา อยู่ในระดบั มาก (������̅ = 3.71, S.D. = 0.88) และ เมอ่ื เปรียบเทียบสภาพปญั หาและความตอ้ งการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ของบุคลากรสายสนับสนนุ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั นครราชสมี า พบว่า ในภาพรวมบุคลากรที่มีเพศตา่ ง กนั มสี ภาพปัจจุบนั ปัญหา และความ ต้องการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศแตกต่างกัน ณฐั พร ภธู ง (2562, หนา้ 112-113) ได้ศกึ ษาศึกษาสภาพปัจจบุ นั และความคาดหวังของครู ต่อการปฏบิ ตั ติ ามบทบาทด้านการบรหิ ารงานบคุ คลของคณะกรรมการศกึ ษาธิการจงั หวดั ขอนแก่น ผลการวจิ ัย พบว่า 1) สภาพปัจจุบันการปฏบิ ัตติ ามบทบาทดา้ นการบรหิ ารงานบุคคลของคณะกรรมการการศึกษาธิการ จังหวดั ขอนแก่นโดยรวมมคี ่าเฉล่ยี อยใู่ นระดบั มาก สว่ นความคาดหวงั ของครูโดยรวมมีคา่ เฉล่ยี อยู่ในระดบั มาก โดยเรียงลำดบั ตามค่าเฉลย่ี จากมากไปหาน้อย 3 ลำดับ ดังนี้ 1.1) การบรรจุแตง่ ตั้ง 1.2) การกำหนดนโยบาย การบรหิ ารงานบุคคล และ 1.3) การประเมินผลการบรหิ ารงานบุคคล ตามลำดับ สกาวเดือน พิมพศิ าล (๒๕๖๒,หนา้ ๑๓๒ - ๑๓๔) ไดศ้ กึ ษาสภาพปัจจบุ ันและความคาดหวัง ของนกั ศึกษาท่มี ีต่อการใหบ้ ริการในยุดดิจทิ ัลของสำนกั งานคณบดี คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยสี ขุ ภาพ มหาวิทยาลยั กาฬสินธ์ุ ผลการวจิ ยั พบว่า 1. สภาพปัจจุบันและความคาดหวงั ของนักศึกษาที่มตี ่อการให้บรกิ าร งานสำนักคณบดี คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีสุขภาพ มหาวิทยาลยั กาฬสินธุ์ พบวา่ สว่ นใหญ่เปน็ นกั ศึกษา เพศหญิง สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ มกี ารใช้บริการโดยเฉลย่ี เดอื นละ 1 ครัง้ มีการใหบ้ ริการ 4 ด้าน ได้แก่ ดา้ นบคุ ลากร ดา้ นการบริการ ด้านอาคารและสถานที่ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยภาพรวมนกั ศึกษามคี วาม พงึ พอใจการให้บรกิ าร อยู่ในระดบั ดี (������̅ = 3.61) และพบว่าสภาพปจั จุบันและความคาดหวงั ของนกั ศึกษาท่ีมี ตอ่ การให้บริการของสำนักงานคณบดี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสขุ ภาพ มหาวทิ ยาลัยกาฬสินธ์ุ โดย ภาพรวมของสภาพปัจจุบนั อยู่ในระดับดี (������̅ = 3.55) เมือ่ พิจารณาเป็นรายขอ้ พบว่า ด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ อยู่ในระดบั ดี (������̅ = 3.63) รองลงมาคือ ดา้ นการบริการ อยใู่ นระดบั ดี (������̅ =3.58) และดา้ น บคุ ลากร อยู่ในระดบั ดี ( ������̅ = 3.55) ตามลำดับ และโดยภาพรวมของความคาดหวงั อยูใ่ นระดับดมี าก (������̅ = 4.40) เมื่อพจิ ารณาเปน็ รายข้อพบว่า ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อยู่ในระดับดีมาก ( ������̅ = 4.48) รองลงมาคือ ดา้ นการบรกิ าร อยู่ในระดับดมี าก (������̅ = 3.39) และด้านอาคารและสถานท่ี อยใู่ นระดบั ดีมาก ( ������̅ = 4.43) ตามลำดบั 2. ความคิดเหน็ และแนวทางในการปรับปรุงคณุ ภาพการให้บรกิ ารงานคณะวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีสขุ ภาพ มหาวิทยาลัยกาฬสนิ ธุ์ พบวา่ 1) ด้านบคุ ลากร มีความตอ้ งการให้บคุ ลากร ที่ให้บริการไป

26 ประจำทอ่ี าคารฟ้าแดดสงยาง เพือ่ สะดวกต่อการตดิ ตอ่ และใหบ้ รกิ ารของนักศกึ ษา ในยามเรง่ ดว่ นอาจจะไมไ่ ด้ รับความช่วยเหลอื ทนั ที และควรมีการปฏิบัตหิ น้าท่ีนอกเหนอื เวลาราชการ 2) ดา้ นสถานที่ มีความต้องการห้อง ฝึกประสบการณว์ ชิ าชพี ด้านการปฐมพยาบาลเบ้อื งต้น ห้องเรยี นที่มขี นาดเล็กควรมีการติดตั้งแอร์ ห้องอบรม และสมั มนาควรควรมีพื้นท่ีและขนาดใหญ่ และให้มีหอ้ งจดั อบรมสัมมนาทส่ี ามารถบรรจนุ ักศึกษาได้เปน็ จำนวน มาก 3) ด้านพาหนะ มคี วามตอ้ งการท่ีจะใหค้ ณะ ฯ สนับสนนุ การใชย้ านพาหนะของรถหน่วยปฐมพยาบาล เบ้อื งตน้ เพ่ือให้ไดร้ บั การฝึกประสบการณว์ ิชาชพี ในสถานการณ์จริงตอ่ ไป 4) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บรเิ วณตกึ อาคารฟา้ แดดสงยาง ตึกอาคารคอมพิวเตอรแ์ ละภาษา ตึกอาคารปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ บางพนื้ ที/่ ชั้น สญั ญาอินเตอร์ไมถ่ งึ และไม่แรง

27 บทท่ี 3 วิธีดำเนนิ การศึกษา การศกึ ษาสภาพท่ีเป็นจรงิ สภาพท่ีคาดหวงั และความต้องการจำเป็น การบรหิ ารจัดการ โรงเรียน ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคุณภาพ ประจำตำบล สงั กดั สำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 21 มีรายละเอยี ดการดำเนนิ งาน ดงั น้ี 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง การศกึ ษาสภาพที่เปน็ จริง สภาพท่ีคาดหวงั และความตอ้ งการจำเปน็ การบรหิ ารจัดการ โรงเรียน ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคณุ ภาพ ประจำตำบล ประชากรท่ใี ชใ้ นการศึกษาวิจยั คร้งั นี้ ได้แก่ ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ผู้ศึกษาของ โรงเรียนคุณภาพประจำตำบล สังกดั สำนกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 1,426 คน กล่มุ ตวั อย่าง เพ่ือให้ได้กล่มุ ตวั อย่างที่เปน็ ตวั แทนของประชากร จงึ ไดก้ ำหนดขนาดของกลมุ่ ตัวอยา่ งโดยใช้ตารางเครจซแี ละมอรแ์ กน (Krejcie& Morgan อ้างถึงในสุภาเพญ็ จริยะเศรษฐ์ 2542, หน้า 84 ) จากจำนวน 1,426 คน เปิดตารางกำหนดกลุม่ ตวั อย่างได้จำนวน 312 คน ท่รี ะดับความเชื่อมนั่ ได้ 95 % (ฉตั รศริ ิ ปิยะพมิ ลสิทธิ,์ 2554, หนา้ 107) ด้วยวธิ กี ารสุ่มแบบแบง่ ช้ัน (Stratified random sampling) ศริ ชิ ัย กาญจนวาสี (2550,หน้า 130-131) โดยมีข้นั ตอนการเลอื ก ดังนี้ 1.1 แบง่ โรงเรยี นทงั้ หมดออกเปน็ 4 ขนาด ตามเกณฑ์การแบ่งขนาดของ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร คอื โรงเรียนใหญ่พเิ ศษ,โรงเรียนขนาดใหญ,่ โรงเรยี นขนาดกลาง และโรงเรียนขนาดเล็ก 1.2 เลือกทุกโรงเรยี น ทกุ ขนาด ซงึ่ ใหข้ นาดโรงเรยี นเปน็ ชัน้ (Strata) 1.3 เลอื กข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา จากทุกโรงเรยี น ซง่ึ โรงเรียนเปน็ หนว่ ย สุม่ (sampling unit) จากนั้นใช้ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาทุกคนทเ่ี ลอื กไดเ้ ปน็ หน่วยของการ วิเคราะห์ ซ่ึงรวมจำนวนกล่มุ ตวั อย่างทงั้ หมด 312 คน แยกเป็นตามขนาดโรงเรียน ดังตาราง 1 ตาราง 1 จำแนกกลุ่มตัวอยา่ ง ขนาดโรงเรยี น จำนวนโรงเรยี น จำนวนประชากร (คน) จำนวนกลมุ่ ตัวอยา่ ง ใหญพ่ ิเศษ 1 148 32 ใหญ่ 7 650 142 92 20 โรงเรยี น 1

28 ตาราง 1 (ต่อ) จำนวนโรงเรยี น จำนวนประชากร (คน) จำนวนกลมุ่ ตวั อย่าง ขนาดโรงเรียน โรงเรยี น 2 92 20 โรงเรยี น 3 102 23 กลาง โรงเรยี น 4 83 18 โรงเรียน 5 92 20 เล็ก โรงเรียน 6 64 14 โรงเรียน 7 125 27 รวม 11 438 96 โรงเรยี น 1 41 9 โรงเรยี น 2 34 7 โรงเรียน 3 37 8 โรงเรียน 4 49 11 โรงเรียน 5 30 7 โรงเรียน 6 34 7 โรงเรยี น 7 46 10 โรงเรยี น 8 35 8 โรงเรียน 9 43 9 โรงเรยี น 10 31 8 โรงเรยี น 11 58 12 9 190 42 โรงเรยี น 1 20 4 โรงเรียน 2 23 6 โรงเรยี น 3 28 6 โรงเรียน 4 19 4 โรงเรยี น 5 19 4 โรงเรียน 6 17 4 โรงเรียน 7 22 5 โรงเรียน 8 19 4 โรงเรียน 9 23 5 28 312 1,426

29 2. เครอื่ งมือในการวจิ ัย เคร่อื งมือท่ใี ช้ในการศกึ ษาสภาพท่ีเปน็ จรงิ และสภาพท่คี าดหวงั เกย่ี วกับในการบรหิ าร จัดการโรงเรียน ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียน คุณภาพประจำตำบล ได้แก่ แบบสอบถามเกย่ี วกับการบริหารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาด โรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ท่ีผู้วจิ ัยสรา้ งขน้ึ โดยปรบั ปรุง ประเดน็ จาก แบบประเมินตนเองของสถานศึกษาในการเตรยี มความพรอ้ มกอ่ นเปิดภาคเรยี น เพอื่ เฝ้าระวงั และ ปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของโรคโควดิ 19 ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเปน็ แบบมาตรส่วน ประมาณคา่ 5 ระดับ แบง่ เป็น 6 มิติ และมี 40 ขอ้ ยอ่ ย การตอบแบบสอบถามให้ผตู้ อบพิจารณาแตล่ ะ ข้อความว่า ตรงตามความคิดเหน็ เกยี่ วกบั การบรหิ ารจัดการโรงเรยี นมากน้อยเพยี งใดใน 5 ระดบั คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ ย หรือนอ้ ยทีส่ ดุ การให้คะแนนในแต่ละข้อความ มีนำ้ หนกั ตัง้ แต่ 1 ถึง 5 คะแนน 3. การสร้างแบบสอบถาม ผูว้ ิจัยดำเนนิ งาน ดังนี้ 3.1 ผวู้ จิ ัยปรบั ปรุงแก้ไขประเด็นจาก แบบประเมนิ ตนเองของสถานศกึ ษาในการ เตรียมความพร้อมกอ่ นเปดิ ภาคเรยี น เพ่ือเฝา้ ระวงั และป้องกนั การแพรร่ ะบาดของโรคโควดิ 19 ของกรม อนามัย กระทรวงสาธารณสุข เป็นแบบมาตรสว่ นประมาณคา่ 5 ระดับ แบง่ เปน็ 6 มิติ ให้มีความสมบูรณ์ และ นำไปใหก้ รรมการทป่ี รกึ ษาใหค้ วามเหน็ ชอบอีกคร้ังก่อนนำไปเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 3.2 นำแบบประเมนิ ทไ่ี ดป้ รบั ปรุง แกไ้ ข ตามข้อเสนอแนะของท่ปี รกึ ษา เสนอ ผเู้ ช่ยี วชาญ จำนวน 5 ท่าน เป็นผู้ประเมนิ ได้แก่ 3.2.1 นายวรายุทธ ชาเรืองเดช รองผูอ้ ำนวยการสำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษา มธั ยมศึกษา เขต 21 3.2.2 นางชนานนั ท์ สคุ ันธา ผู้อำนวยการกลุม่ นิเทศติดตามและประเมนิ ผล การจดั การศึกษา สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 21 3.2.3 นางสริ ิมา สอนคำหาญ ผ้อู ำนวยการกลมุ่ ส่งเสริมการจดั การศกึ ษา สำนักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 3.2.4 นางศรปี ระภา สหี ไตร ผอู้ ำนวยการกลมุ่ นโยบายและแผน สำนักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 21 3.3.5 นางปทิตตา พวงปญั ญา ผู้อำนวยการกลุ่มอำนวยการ สำนักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ประเมนิ โดยผเู้ ช่ยี วชาญตามเกณฑ์ ดังน้ี

30 +1 หมายถึง แน่ใจว่าเปน็ การปฏิบัติท่ตี อ้ งการประเมินท่สี อดคลอ้ งมติ ิการ บรหิ ารจดั การโรงเรียน ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 0 หมายถงึ ไม่แน่ใจวา่ เป็นการปฏิบัติทตี่ อ้ งการประเมินทจ่ี ะสอดคล้องมติ กิ าร บริหารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) -1 หมายถึง แน่ใจว่าเปน็ การปฏิบตั ิทตี่ อ้ งการประเมินท่ไี ม่สอดคล้องมติ กิ าร บริหารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 3.4 นำผลการประเมินความสอดคลอ้ งระหวา่ งแบบประเมนิ แต่ละข้อกับจุดประสงคก์ าร เรียนรู้ วิเคราะหค์ ะแนนความสอดคลอ้ งโดยใชส้ ูตร IOC (Index of Item Objective Congruence) (สมนึก ภทั ทิยธนี, 2546, หนา้ 166-167) ผลการพจิ ารณาของผูเ้ ชี่ยวชาญ พบว่า มีค่าความสอดคล้องระหวา่ ง 0.60–1.00 ซึง่ ผูเ้ ช่ียวชาญได้ใหข้ ้อเสนอแนะใหป้ รบั ภาษาให้สัน้ ชัดเจน ผวู้ จิ ยั ได้ปรบั ปรุงตามคำชี้แนะของ ผเู้ ชีย่ วชาญ 3.5 นำแบบประเมินที่ผา่ นการพิจารณาความสอดคล้องจากผเู้ ชย่ี วชาญ มาปรับปรุงให้ เปน็ ฉบบั สมบรู ณ์ แล้วนำไปใช้ตอ่ ไป 4. การเก็บรวบรวมขอ้ มูล ดำเนินการตามข้ันตอนตอ่ ไปน้ี 4.1 ผวู้ ิจัยนำแบบสอบถามทผี่ ่านการพัฒนาและปรบั ปรุงจนมคี วามสมบรู ณ์ พรอ้ มทัง้ นำ หนงั สือขออนญุ าตในการเก็บขอ้ มลู 4.2 ผู้วิจัยดำเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุม่ ตัวอย่าง โดยการใหผ้ ู้ตอบ แบบสอบถามดว้ ยตนเอง จนไดจ้ ำนวนครบตามสัดส่วนทีก่ ำหนดไว้ 4.3 ผู้วิจัยรวบรวมแบบสอบถามทีไ่ ด้จากการเก็บข้อมลู จากกล่มุ ตวั อย่างตรวจสอบความ สมบรู ณข์ องแบบสอบถาม โดยแบบสอบถามต้องมีข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์ 4.4 นำแบบสอบถามท้งั หมดมาจดั ระเบียบข้อมูล ลงรหสั ทำการวิเคราะห์ขอ้ มูล 5. การวเิ คราะห์ข้อมลู ด้านการบริหารจัดการโรงเรยี น ของผู้ตอบแบบสอบถามใชส้ ถิติรอ้ ย ละ (Percentage) และค่าเฉลย่ี (Mean) เป็นแบบมาตราส่วนประมาณคา่ (Rating Scale) จำนวน 6 มติ ิ ทง้ั หมด 40 ข้อยอ้ ย นำมาตรวจให้คะแนนตามเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ ดังน้ี ระดบั สภาพทเ่ี ป็นจริง สภาพทคี่ าดหวงั มากทส่ี ุด ให้ 5 คะแนน ระดบั สภาพทเี่ ป็นจรงิ สภาพที่คาดหวังมาก ให้ 4 คะแนน ระดับสภาพทเ่ี ป็นจริง สภาพที่คาดหวังปานกลาง ให้ 3 คะแนน ระดับสภาพที่เปน็ จรงิ สภาพท่คี าดหวงั นอ้ ย ให้ 2 คะแนน ระดับสภาพที่เปน็ จริง สภาพที่คาดหวงั นอ้ ยท่ีสุด ให้ 1 คะแนน

31 หลังจากนน้ั นำขอ้ มูลทไ่ี ด้มาวิเคราะหห์ าค่าสถติ ิต่างๆ เป็นรายขอ้ ใน แต่ละมิติ นำมาเปรยี บกบั เกณฑ์การประเมนิ ระดบั ความคิดเหน็ หาค่าเฉล่ียเป็นรายข้อและรายด้าน โดยใช้ เกณฑก์ ารแปลความหมายคา่ เฉลย่ี ดงั นี้ (พวงรัตน์ ทวรี ตั น์, 2540, หน้า 117) ค่าเฉลี่ย 4.51–5.00 หมายถงึ สภาพท่ีเปน็ จรงิ สภาพท่ีคาดหวังมากที่สดุ คา่ เฉลี่ย 3.51–4.50 หมายถงึ สภาพท่ีเปน็ จรงิ สภาพท่ีคาดหวังมาก คา่ เฉลี่ย 2.51–3.50 หมายถึง สภาพท่ีเปน็ จริง สภาพท่ีคาดหวงั ปานกลาง ค่าเฉล่ีย 1.51-2.50 หมายถงึ สภาพท่เี ปน็ จริง สภาพท่ีคาดหวงั นอ้ ย คา่ เฉล่ีย 1.00-1.50 หมายถงึ สภาพทเี่ ปน็ จริง สภาพท่ีคาดหวงั นอ้ ยท่ีสุด วเิ คราะหข์ อ้ มูลจากแบบสอบถามเก่ียวกบั ความต้องการจำเปน็ ของคณุ ลักษณะอันพึง ประสงคข์ องนักเรยี น โดยใช้วิธีเรียงลำดับความสำคัญของความตอ้ งการ ดชั นี PNI (Priority Needs Index) สุวิมล ว่องวาณชิ (2549, หน้า, 279) ใช้สูตร PNI = I–D D PNI คอื คา่ ดัชนคี วามตอ้ งการ I คือ ค่าเฉล่ยี ของสภาพที่คาดหวัง D คอื ค่าเฉล่ยี สภาพที่เปน็ จริง

32 บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล ผลการศึกษา การศึกษาสภาพท่ีเป็นจรงิ สภาพท่ีคาดหวังและความตอ้ งการจำเปน็ การบรหิ าร จดั การโรงเรยี น ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี น คุณภาพประจำตำบล สงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 21 ผู้ศกึ ษาได้วิเคราะห์ผล แบง่ เป็น 2 สว่ น มีรายละเอยี ด ดังต่อไปนี้ ส่วนท่ี 1 ผลการศึกษาสภาพท่เี ป็นจริง และสภาพทค่ี าดหวัง ในการบริหารจดั การโรงเรียน ใน สถานการณก์ ารแพร่ระบาดโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล สว่ นที่ 2 ผลการศึกษาความตอ้ งการจำเป็นเก่ยี วกบั การบรหิ ารจดั การโรงเรียน ในสถานการณก์ าร แพร่ระบาดโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล สว่ นที่ 1 ผลการศึกษาสภาพท่เี ปน็ จรงิ และสภาพที่คาดหวงั การบรหิ ารจัดการโรงเรียน ใน สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำ ตำบล การศึกษาสภาพท่ีเป็นจริง และสภาพท่ีคาดหวงั ในการบรหิ ารจดั การโรงเรียน ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล โดยจำแนก เป็นรายดา้ น ๆ ละ 6 มิติ ทั้ง 40 ขอ้ ยอ่ ย ผูว้ ิเคราะหโ์ ดยใชค้ ่าเฉลีย่ และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน ซงึ่ ผลการ วิเคราะห์ปรากฏรายละเอยี ดดงั ตาราง 2 ตาราง 2 สภาพทเ่ี ปน็ จริง และสภาพทีค่ าดหวงั การบริหารจดั การโรงเรียน ในสถานการณ์ การแพร่ระบาด โรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล สภาพท่ีเป็นจรงิ สภาพทค่ี าดหวัง มิติการบริหารจดั การโรงเรียน ������̅ S.D ระดบั ������̅ S.D ระดับ มิติท่ี 1 ความปลอดภยั จากการลดการแพรเ่ ชื้อโรค ข้อ 1 4.34 0.76 มาก 4.95 0.21 มากทีส่ ดุ ข้อ 2 4.11 0.94 มาก 4.92 0.26 มากทีส่ ุด ขอ้ 3 4.42 0.74 มาก 4.94 0.24 มากทส่ี ดุ

33 ตาราง 2 (ต่อ) สภาพท่เี ปน็ จรงิ สภาพที่คาดหวงั มิตกิ ารบริหารจดั การโรงเรยี น ������̅ S.D ระดับ ������̅ S.D ระดบั มิตทิ ่ี 1 ความปลอดภัยจากการลดการแพรเ่ ช้อื โรค ขอ้ 4 4.22 0.91 มาก 4.93 0.27 มากทส่ี ดุ ขอ้ 5 4.36 0.80 มาก 4.95 0.22 มากท่สี ุด ขอ้ 6 4.35 0.74 มาก 4.94 0.27 มากทส่ี ุด ขอ้ 7 4.14 0.76 มาก 4.94 0.23 มากทส่ี ุด ข้อ 8 4.19 0.78 มาก 4.94 0.25 มากท่สี ุด ข้อ 9 4.05 0.78 มาก 4.92 0.28 มากที่สุด ขอ้ 10 4.00 0.84 มาก 4.91 0.29 มากที่สุด ข้อ 11 4.17 0.82 มาก 4.92 0.28 มากที่สุด ข้อ 12 4.06 0.82 มาก 4.86 0.36 มากที่สุด ข้อ 13 4.14 0.72 มาก 4.85 0.40 มากที่สดุ ขอ้ 14 4.20 0.77 มาก 4.94 0.25 มากทส่ี ดุ ข้อ 15 4.25 0.84 มาก 4.92 0.31 มากทส่ี ดุ ข้อ 16 4.20 0.75 มาก 4.93 0.28 มากทส่ี ดุ ขอ้ 17 4.23 0.74 มาก 4.94 0.25 มากทส่ี ดุ ขอ้ 18 3.95 0.78 มาก 4.92 0.28 มากทส่ี ดุ ข้อ 19 3.71 0.87 มาก 4.91 0.34 มากทส่ี ดุ 4.93 0.29 มากทส่ี ุด รวม 4.17 0.82 มาก มิติที่ 2 การเรยี นรู้ 4.93 0.23 มากทส่ี ดุ ขอ้ 20 4.42 0.65 มาก 4.92 0.28 มากที่สดุ ขอ้ 21 4.33 0.61 มาก 4.94 0.22 มากทส่ี ดุ ข้อ 22 4.30 0.68 มาก 4.94 0.25 มากที่สดุ รวม 4.36 0.65 มาก 4.96 0.19 มากทส่ี ุด มติ ิที่ 3 การครอบคลมุ ถึงเด็กดอ้ ยโอกาส 4.92 0.29 มากที่สดุ ข้อ 23 4.29 0.77 มาก ขอ้ 24 4.28 0.75 มาก

34 ตาราง 2 (ต่อ) สภาพทเี่ ป็นจรงิ สภาพทีค่ าดหวัง ������̅ S.D ระดบั มิติการบริหารจดั การโรงเรียน ������̅ S.D ระดับ 4.92 0.30 มากทีส่ ดุ 4.93 0.27 มากที่สดุ ขอ้ 25 4.29 0.70 มาก 4.94 0.27 มากท่สี ดุ ขอ้ 26 4.15 0.74 มาก 4.91 0.33 มากที่สดุ 4.89 0.37 มากทส่ี ดุ รวม 4.26 0.75 มาก 4.92 0.32 มากทส่ี ุด 4.92 0.28 มากทส่ี ุด มิติที่ 4 สวัสดิภาพและการคมุ้ ครอง 4.90 0.33 มากทสี่ ุด 4.91 0.33 มากทส่ี ุด ขอ้ 27 4.13 0.81 มาก 4.94 0.27 มากที่สุด ขอ้ 28 4.10 0.77 มาก 4.92 0.30 มากที่สุด 4.93 0.25 มากทส่ี ุด ขอ้ 29 3.96 0.98 มาก 4.91 0.32 มากที่สุด 4.90 0.34 มากท่ีสุด ขอ้ 30 4.09 0.84 มาก 4.92 0.30 มากทีส่ ุด ข้อ 31 4.13 0.81 มาก 4.92 0.29 มากทส่ี ดุ 4.91 0.30 มากทีส่ ดุ รวม 4.09 0.84 มาก 4.90 0.34 มากท่สี ดุ 4.91 0.32 มากทีส่ ุด มติ ทิ ่ี 5 นโยบาย 4.91 0.32 มากทส่ี ดุ 4.93 0.29 มากที่สุด ข้อ 32 4.29 0.70 มาก ข้อ 33 4.33 0.65 มาก ข้อ 34 4.38 0.64 มาก ขอ้ 35 4.20 0.78 มาก ขอ้ 36 3.90 0.97 มาก รวม 4.22 0.78 มาก มติ ิที่ 6 การเรียนรู้ ขอ้ 37 4.13 0.76 มาก ขอ้ 38 4.25 0.70 มาก ข้อ 39 4.03 0.84 มาก ข้อ 40 3.98 0.93 มาก รวม 4.10 0.82 มาก โดยภาพรวม 4.18 0.80 มาก

35 จากตาราง 2 พบวา่ สภาพทีเ่ ปน็ จริง การบริหารจัดการโรงเรียน ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรค ติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล ทัง้ 6 มติ ิ อยู่ในระดับมาก ทกุ มิติ และสภาพที่คาดหวงั การบริหารจัดการโรงเรียน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล ทั้ง 6 มติ ิ อยใู่ นระดับ มากท่ีสดุ ทกุ มิติ โดยภาพรวม สภาพที่ เป็นจริง อย่ใู นระดับมาก และ สภาพที่คาดหวังอยใู่ นระดับมากทสี่ ดุ สว่ นท่ี 2 ผลการศึกษาความต้องการจำเปน็ เกย่ี วกบั การบรหิ ารจัดการโรงเรียน ในสถานการณ์ การแพรร่ ะบาดโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ความต้องการจำเปน็ เก่ียวกับการบริหารจัดการโรงเรียน ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล ซึ่ง ผลการวิเคราะหด์ ังตาราง 3 ตาราง 3 ความตอ้ งการจำเปน็ เกีย่ วกบั การบริหารจดั การโรงเรียน ในสถานการณ์การแพร่ ระบาดโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคณุ ภาพ ประจำตำบล โดยภาพรวม 6 มิติ มติ กิ ารบรหิ ารจัดการโรงเรียน คา่ เฉลย่ี ค่าเฉลี่ย มติ ทิ ่ี 1 สภาพท่ีเปน็ จริง สภาพที่คาดหวัง PNI ลำดบั มติ ทิ ่ี 2 มิตทิ ่ี 3 4.17 4.93 0.18 3 มิติที่ 4 4.36 4.94 0.13 6 มติ ทิ ี่ 5 4.26 4.94 0.16 5 มิติท่ี 6 4.09 4.91 0.20 1 4.22 4.92 0.17 4 4.10 4.91 0.19 2 จากตาราง 3 พบวา่ สงู สดุ 3 อนั ดับ คือ 1) มิตทิ ่ี 4 สวสั ดภิ าพและการคุม้ ครอง 2) มิติท่ี 6 การ บรหิ ารการเงิน และ 3) มติ ิท่ี 1 ความปลอดภยั จากการลดการแพร่เช้ือโรค (PNI = 0.20, 0.19 และ 0.18 ตามลำดับ) หมายความว่า มิติการบริหาร ดังกลา่ วมปี ัญหาต้องได้รบั การเสริมสรา้ ง พัฒนา ดังน้ันผศู้ กึ ษาจะ นำมาเปน็ แนวทางในการเสริมสร้าง พัฒนา แนวทางในการบริหารจัดการโรงเรียนตอ่ ไป

36 ตาราง 4 ความตอ้ งการจำเป็นเกยี่ วกบั การบริหารจัดการโรงเรียน ในสถานการณก์ ารแพร่ ระบาดโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล รายข้อ การบริหารจัดการโรงเรียนรายข้อ คา่ เฉลีย่ ค่าเฉลีย่ PNI ลำดบั ข้อท่ี 1 สภาพท่เี ป็นจรงิ สภาพท่คี าดหวงั 0.14 ขอ้ ท่ี 2 0.20 ข้อที่ 3 4.34 4.95 0.12 ข้อท่ี 4 4.11 4.92 0.17 ขอ้ ที่ 5 4.42 4.94 0.14 ขอ้ ที่ 6 4.22 4.93 0.14 ข้อท่ี 7 4.36 4.95 0.19 ข้อที่ 8 4.35 4.94 0.18 ข้อที่ 9 4.14 4.94 0.21 ขอ้ ท่ี 10 4.19 4.94 0.23 5 ข้อท่ี 11 4.05 4.92 0.18 ขอ้ ท่ี 12 4.00 4.91 0.20 ขอ้ ท่ี 13 4.17 4.92 0.17 ขอ้ ที่ 14 4.06 4.86 0.18 ขอ้ ที่ 15 4.14 4.85 0.16 ขอ้ ท่ี 16 4.20 4.94 0.17 ข้อที่ 17 4.25 4.92 0.17 ขอ้ ท่ี 18 4.20 4.93 0.25 3 ข้อท่ี 19 4.23 4.94 0.32 1 ข้อท่ี 20 3.95 4.92 0.12 ขอ้ ท่ี 21 3.71 4.91 0.14 ขอ้ ที่ 22 4.42 4.93 0.15 ขอ้ ที่ 23 4.33 4.92 0.16 ขอ้ ที่ 24 4.30 4.94 0.15 4.29 4.96 4.28 4.92

37 ตาราง 4 (ตอ่ ) การบรหิ ารจัดการโรงเรยี นรายขอ้ ค่าเฉล่ีย ค่าเฉลีย่ PNI ลำดับ ขอ้ ท่ี 25 สภาพท่เี ป็นจริง สภาพท่ีคาดหวัง 0.15 ข้อที่ 26 0.19 ข้อท่ี 27 4.29 4.92 0.19 ขอ้ ที่ 28 4.15 4.93 0.19 ขอ้ ท่ี 29 4.13 4.91 0.24 4 ขอ้ ท่ี 30 4.10 4.89 0.20 ข้อท่ี 31 3.96 4.92 0.19 ข้อที่ 32 4.09 4.92 0.15 ขอ้ ท่ี 33 4.13 4.90 0.14 ขอ้ ที่ 34 4.29 4.94 0.13 ขอ้ ที่ 35 4.33 4.92 0.17 ขอ้ ท่ี 36 4.38 4.93 0.26 2 ข้อที่ 37 4.20 4.91 0.19 ขอ้ ที่ 38 3.90 4.90 0.16 ข้อที่ 39 4.13 4.92 0.22 ข้อที่ 40 4.25 4.91 0.23 5 4.03 4.90 3.98 4.91 จากตาราง 4 พบว่า สูงสุด 5 อันดับ คอื 1) นักเรียนแกนนำด้านสภุ าพ จติ อาสา เป็นอาสาสมัคร ในการชว่ ยดูแลสุขภาพเพือ่ นนักเรียนด้วยกนั หรือดแู ลรุ่นน้อง 2) จดั การความสะอาดบนรถรับ-ส่ง นกั เรยี น เว้น ระยะหา่ งบุคคล จัดที่นง่ั บนรถหรือมีสัญลกั ษณจ์ ุดตำแหน่งชัดเจน (กรณรี ถรับส่งนักเรียน) 3) หอ้ งพยาบาลหรือ พนื้ ที่สำหรบั แยกผู้มีอาการเสยี่ งทางระบบทางเดนิ หายใจ 4) เตรยี มแนวปฏิบัติด้านการจัดการความเครียดครู และบุคลากรทางการศึกษา และ 5) จัดหาบุคลากรเพิ่มเตมิ ในการดูแลนกั เรยี นและการจดั การสง่ิ แวดลอ้ มใน สถานศกึ ษา (PNI = 0.32, 0.26, 0.25, 0.24, และ 0.23 ตามลำดับ) หมายความวา่ ประเดน็ ดังกลา่ วมี ปัญหาทตี่ ้องไดร้ ับการแกไ้ ข ปรบั ปรงุ สง่ เสริม ดงั น้ันผูศ้ ึกษา จงึ จะนำประเดน็ ท้งั 5 ประเดน็ มาเป็นแนวทาง ในการกำกบั ติดตาม และนเิ ทศ ตอ่ ไป

38 บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ การศกึ ษาสภาพทีเ่ ปน็ จรงิ สภาพที่คาดหวังและความต้องการจำเป็น การบริหารจัดการโรงเรียน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล สังกดั สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 21 ผ้ศู กึ ษาได้ดำเนินการศกึ ษาตามกระบวนการวิจัยเชงิ สำรวจ มีสาระสำคญั ของการศึกษา ดังต่อไปน้ี วตั ถุประสงคข์ องการศึกษา เพอ่ื ศึกษาสภาพทเ่ี ปน็ จริง สภาพท่ีคาดหวังและความต้องการจำเป็น สถานการณ์ การแพรร่ ะบาดโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล สังกัด สำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 วธิ ีดำเนินการศกึ ษา การศกึ ษาสภาพที่เปน็ จรงิ สภาพที่คาดหวงั และความตอ้ งการจำเป็น การบริหารจัดการโรงเรยี น ใน สถานการณก์ ารแพร่ระบาดโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล สังกดั สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ผู้ศกึ ษาดำเนนิ การ 1. ประชากรและกล่มุ ตัวอย่าง ผ้ศู ึกษากำหนดขนาดกลุ่มตัวอยา่ งเป็น 312 คน โดยเลอื กมาจากประชากร ขา้ ราชกาครู และบุคลากรทางการศกึ ษา ในโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 21 จำนวน 28 แห่ง จำนวนท้ังส้ิน 1,426 2. เครอื่ งมือในการวิจัย เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการศึกษาสภาพที่เป็นจรงิ และสภาพท่คี าดหวงั เกย่ี วกับการบรหิ ารจดั การ โรงเรียน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคณุ ภาพ ประจำตำบล ไดแ้ ก่ แบบสอบถามเก่ียวกบั การบริหารจดั การโรงเรยี น ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (Covid-19) ซงึ่ เปน็ แบบมาตรสว่ นประมาณค่า 5 ระดบั การสร้างแบบสอบถาม ผู้ศกึ ษาดำเนินงาน ดงั นี้ ผู้ศึกษาปรับปรุงแกไ้ ขประเดน็ จากแบบประเมนิ ตนเองของสถานศึกษาในการเตรยี ม ความพร้อมกอ่ นเปดิ ภาคเรียน เพ่อื เฝ้าระวงั และป้องกันการแพรร่ ะบาดของโรคโควิด 19 ของกรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข เปน็ แบบมาตรสว่ นประมาณคา่ 5 ระดบั แบง่ เปน็ 6 มิติ ใหม้ ีความสมบูรณ์ และนำไปให้ ที่ปรกึ ษา ให้ความเห็นชอบอีกครง้ั ก่อนนำไปเก็บรวบรวมข้อมลู

39 3. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปน้ี ผู้ศึกษานำแบบสอบถามที่ผ่านการพัฒนาและปรบั ปรงุ จนมคี วามสมบูรณ์ พรอ้ มท้งั นำหนงั สอื ขออนุญาตในการเกบ็ ขอ้ มูล ดำเนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากกล่มุ ตัวอย่าง โดยการให้ผูต้ อบแบบสอบถาม ด้วยตนเอง จนได้จำนวนครบตามสดั สว่ นท่ีกำหนดไว้ รวบรวมแบบสอบถามท่ไี ด้จากการเก็บข้อมูลจากกลุ่ม ตวั อย่างตรวจสอบความสมบรู ณ์ของแบบสอบถาม โดยแบบสอบถามต้องมขี อ้ มูลครบถ้วนสมบรู ณ์ และนำ แบบสอบถามทั้งหมดมาจดั ระเบียบขอ้ มูล ลงรหัส ทำการวิเคราะห์ข้อมูล 4. การวิเคราะห์ขอ้ มูล วเิ คราะห์ข้อมูลด้านมติ กิ ารบรหิ ารจัดการโรงเรยี น ของผ้ตู อบแบบสอบถามใช้สถิตริ ้อยละ (Percentage) และคา่ เฉลย่ี (Mean) เป็นแบบมาตราส่วนประมาณคา่ (Rating Scale) ดา้ นมิติการบรหิ าร จัดการโรงเรยี น และวิเคราะห์ข้อมลู จากแบบสอบถามเก่ียวกับความตอ้ งการจำเป็นของมิติการบริหารจดั การ โรงเรยี น โดยใช้วิธีเรยี งลำดับความสำคญั ของความต้องการ ดัชนี PNI (Priority Needs Index) สรุปผลการศกึ ษา จากการดำเนนิ การตามข้นั ตอนของการศกึ ษา ปรากฏผลการศกึ ษาดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ผลการศึกษาสภาพทีเ่ ปน็ จรงิ และสภาพทค่ี าดหวงั การบรหิ ารจดั การโรงเรียน ใน สถานการณ์การแพรร่ ะบาดโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล พบว่า สภาพท่ีเป็นจริง การบรหิ ารจดั การโรงเรยี น ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล ท้งั 6 มติ ิ อยใู่ นระดบั มาก ทกุ มติ ิ และสภาพท่ีคาดหวงั การบรหิ ารจัดการโรงเรยี นในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของ โรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล ท้ัง 6 มิติ อยู่ในระดับ มากที่สดุ ทุกมติ ิ โดยภาพรวม สภาพที่เปน็ จรงิ อยู่ใน ระดับมาก และ สภาพทค่ี าดหวังอยูใ่ นระดับมากท่สี ดุ 2. ผลการศกึ ษาความตอ้ งการจำเป็นเก่ยี วกบั การบรหิ ารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณก์ ารแพร่ ระบาดโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล พบว่า 2.1 ความต้องการจำเป็นเกย่ี วกับการบริหารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคณุ ภาพ ประจำตำบล โดยภาพรวม 6 มติ ิ สูงสุด 3 อันดบั คือ 1) มติ ิท่ี 4 สวสั ดภิ าพและการคุม้ ครอง 2) มิติท่ี 6 การบริหารการเงิน และ 3) มิตทิ ่ี 1 ความปลอดภัยจากการลดการแพรเ่ ช้อื โรค (PNI = 0.20, 0.19 และ 0.18 ตามลำดับ) หมายความ วา่ มิติการบรหิ าร ดังกลา่ วมีปญั หาตอ้ งได้รบั การเสริมสรา้ ง พัฒนา ดงั นั้นผ้ศู ึกษาจะนำมาเป็นแนวทางในการ เสรมิ สร้าง พฒั นา แนวทางในการบรหิ ารจัดการโรงเรยี นตอ่ ไป

40 2.2 ความตอ้ งการจำเป็นเก่ียวกับการบริหารจัดการโรงเรียน ในสถานการณ์ การแพรร่ ะบาดโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล รายข้อ พบวา่ สงู สดุ 5 อันดับ คอื 1) นักเรยี นแกนนำด้านสุภาพ จิตอาสา เป็นอาสาสมคั รในการช่วยดแู ลสุขภาพเพอื่ น นกั เรียนด้วยกันหรอื ดแู ลรนุ่ นอ้ ง 2) จดั การความสะอาดบนรถรบั -สง่ นักเรยี น เวน้ ระยะห่างบุคคล จัดทน่ี งั่ บน รถหรือมสี ญั ลกั ษณ์จดุ ตำแหนง่ ชัดเจน (กรณรี ถรบั ส่งนักเรยี น) 3) หอ้ งพยาบาลหรอื พน้ื ทีส่ ำหรบั แยกผู้มีอาการ เสี่ยงทางระบบทางเดินหายใจ 4) เตรยี มแนวปฏบิ ัตดิ ้านการจดั การความเครยี ดครูและบุคลากรทางการศกึ ษา และ 5) จัดหาบุคลากรเพ่ิมเติมในการดแู ลนกั เรยี นและการจัดการส่งิ แวดลอ้ มในสถานศกึ ษา (PNI = 0.32, 0.26, 0.25, 0.24, และ 0.23 ตามลำดับ) หมายความว่า ประเดน็ ดงั กล่าวมีปัญหาทต่ี ้องได้รับการแกไ้ ข ปรับปรุง ส่งเสรมิ ดงั นน้ั ผศู้ กึ ษา จงึ จะนำประเด็น ทงั้ 5 ประเด็นมาเปน็ แนวทางในการกำกับ ตดิ ตาม และ นิเทศ ตอ่ ไป อภิปรายผล จากการดำเนินการศกึ ษาสภาพทีเ่ ปน็ จริง สภาพท่ีคาดหวงั และความต้องการจำเป็น ในการบริหาร จัดการโรงเรยี น ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี น คณุ ภาพประจำตำบล สงั กดั สำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 มปี ระเดน็ ท่สี ำคัญสามารถ อภิปราย ดังน้ี สภาพท่ีเปน็ จริง สภาพที่คาดหวัง และความตอ้ งการจำเป็น เก่ยี วกบั การบริหารจัดการโรงเรียน ซงึ่ อภปิ รายได้ ดังนี้ 1. สภาพที่เป็นจริง และสภาพที่คาดหวัง ในการบรหิ ารจัดการโรงเรียน ในสถานการณ์การแพร่ ระบาดโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคณุ ภาพประจำตำบล โดยภาพรวมอยู่ใน ระดับมาก และมากที่สดุ ตามลำดบั ท้ังนี้ เนือ่ งมาจาก มิติ การบริหารจดั การโรงเรียน ทัง้ 6 มติ ิ ข้าราชการครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา มองวา่ สภาพที่เปน็ จริงของการบริหารจดั การโรงเรยี นมีการปฏบิ ตั ิอยู่แล้ว โดยการ สังเกตการปฏิบัติ การดำเนนิ การของโรงเรยี น และยังมคี วามคาดหวงั ทีจ่ ะให้โรงเรยี นดำเนนิ การบริหารจดั การ โรงเรยี นท้ัง 6 มิตเิ พ่ิมขึน้ เพราะในฐานะทเี่ ปน็ ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ยอ่ มตอ้ งการให้ โรงเรยี นบริหารจดั การใหด้ ี เพ่ือให้นกั เรียน บคุ ลากรในโรงเรยี น หรอื ผมู้ สี ่วนเกี่ยวข้อง ไดร้ บั การบริการทงั้ 6 มิติ สถานศกึ ษาเปน็ สถานทที่ ี่มีนกั เรียนอยู่รวมกนั จำนวนมาก มักจะมีความเสย่ี งสูง หากมรี ะบบการจัดการที่ไม่ ดี อาจจะมีการแพรร่ ะบาดของเชอ้ื COVID -19 ไดใ้ นกลมุ่ เด็ก เนื่องจากพบว่าการติดเชอ้ื COVID -19 ส่วน ใหญ่จะไม่ค่อยมีอาการหรือมอี าการแสดง ค่อนขา้ งนอ้ ย ความรุนแรงจะนอ้ ยมาก แตเ่ ดก็ นักเรยี นจะเอาเชอื้ กลับบา้ น อาจทำให้ การแพรร่ ะบาดเกดิ ขึ้นไดอ้ ย่างรวดเรว็ (Super Super spread spread ) ไปยงั บคุ คลใน บ้าน หากมี การระบาดในกลุ่มเดก็ ข้ึน จะมผี ลกระทบในสังคมหรือผู้ใกล้ชดิ เช่น ครู พอ่ แม่ ผสู้ ูงอายุ ที่ติดเช้ือ จากเดก็ ดงั นัน้ หากมกี ารเปดิ เรยี น มีโอกาสสูงท่ีจะเกิดการตดิ เชือ้ ในกลุ่มเด็ก เพิ่มมากขน้ึ ซง่ึ เดก็ เป็นกลุ่มท่ีตอ้ ง

41 ไดร้ ับการดูแลและระมดั ระวงั ในการกระจายเช้อื เป็นอย่างมาก มาตรการในการเปิดเทอม จงึ มคี วามสำคัญมาก ในการควบคมุ การระบาด การวางแผนเปิดเทอมจึงต้องม่ันใจว่า สามารถควบคมุ ไม่ให้เกดิ การระบาดของโรค ใน เดก็ นักเรียนได้ (สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน,2563, หน้า 2) 2. ความตอ้ งการจำเปน็ เกย่ี วกบั การบรหิ ารจดั การโรงเรยี น ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรคติด เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรยี นคุณภาพประจำตำบล พบวา่ ความต้องการจำเปน็ เกี่ยวกับ การบรหิ ารจดั การโรงเรียน ในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของ โรงเรยี นคุณภาพ ประจำตำบล โดยภาพรวม 6 มิติ สูงสุด 3 อนั ดับ คือ 1) มิตทิ ี่ 4 สวัสดภิ าพและการ คุม้ ครอง 2) มิติท่ี 6 การบริหารการเงิน และ 3) มติ ิท่ี 1 ความปลอดภัยจากการลดการแพร่เชื้อโรค และ ความตอ้ งการจำเป็นเกีย่ วกับการบรหิ ารจัดการโรงเรยี น ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล รายขอ้ พบว่า สงู สุด 5 อันดบั คอื 1) นักเรยี นแกนนำ ด้านสภุ าพ จิตอาสา เป็นอาสาสมัครในการชว่ ยดแู ลสขุ ภาพเพือ่ นนกั เรียนดว้ ยกนั หรือดูแลรนุ่ นอ้ ง 2) จัดการ ความสะอาดบนรถรบั -สง่ นกั เรยี น เวน้ ระยะห่างบุคคล จัดท่นี ่ังบนรถหรอื มสี ัญลักษณ์จุดตำแหนง่ ชัดเจน (กรณี รถรับส่งนกั เรียน) 3) หอ้ งพยาบาลหรอื พื้นท่สี ำหรับแยกผ้มู ีอาการเส่ียงทางระบบทางเดินหายใจ 4) เตรยี มแนว ปฏิบัติด้านการจดั การความเครยี ดครูและบุคลากรทางการศึกษา และ 5) จัดหาบุคลากรเพม่ิ เตมิ ในการดแู ล นักเรยี นและการจัดการสง่ิ แวดลอ้ มในสถานศกึ ษา เรยี งตามลำดับ ทงั้ นอ้ี าจะเปน็ เพราะ สวสั ดิภาพและการ คมุ้ ครอง การบริหารการเงนิ ความปลอดภยั จากการลดการแพรเ่ ชอ้ื โรค สง่ิ ท่ีจำเป็นที่โรงเรียนจำเปน็ เปน็ ต้อง บริหารจัดการให้ดีมีคุณภาพ โดยเฉพาะการบรหิ ารการเงนิ (สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน ,2563, หน้า ) ในช่วงสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID COVID -19) สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ได้จดั ทำแนวทางการดำเนนิ งานรายการคา่ กิจกรรมพฒั นา คุณภาพผู้เรียนเพมิ่ เติม เพอื่ สนับสนนุ การจดั การเรียนการสอนทางไกลโดยเพิม่ กิจกรรมการจัดการเรยี นการ สอนทางไกลในช่วงสถานการณ์ การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( COVID-19) เชน่ การ ผลิตสอื่ การเรยี น การสอน ใบงาน แบบฝกึ หดั และคา่ ใชจ้ ่ายในการตดิ ตามและเยย่ี มบ้านนกั เรยี นที่เปน็ ค่าเบีย้ เลย้ี ง คา่ พาหนะ ค่าน้ามันเชอ้ื เพลงิ ของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา เป็นตน้ อีกทัง้ สถานศึกษา ควรมีการกำกบั ตดิ ตาม ทบทวนการดำเนนิ งานให้สอดคลอ้ งตามแนวปฏิบตั ิ สถานการณ์ และบริบทพนื้ ท่ี อยา่ ง ตอ่ เน่อื ง กรณพี บผูม้ อี าการเสีย่ งหรือปว่ ย ตอ้ งรีบรายงาน ตอ่ ผบู้ รหิ าร และแจง้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที ข้อเสนอแนะ 1. ควรนำผลการศึกษา พัฒนา สง่ เสริม กำกับ ติดตาม และนเิ ทศ ต่อไป 2. ควรศกึ ษาสภาพทเ่ี ป็นจรงิ และสภาพท่ีคาดหวงั ทกุ โรงเรยี นในสังกัดสำนักงานเขตพ้นื ที่ การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ในการบรหิ ารจดั การโรงเรียนในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเช้ือไวรัสโค โรนา 2019 (COVID-19)