คูม่ อื การบริหารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) กลมุ่ ท่ี 11 ใสก่ าร์ดแลว้ ใบมดี ทตี่ ดั ลงแลว้ ชกั ขน้ึ กลบั ทเ่ี ดมิ --เครอื่ งตดั กระดาษทกี่ ารด์ โดยใชล้ ำ� แสงพรอ้ มสวติ ชก์ ดบงั คบั ดว้ ยมือสองข้างพร้อมกนั เพื่อความปลอดภัยอกี ชัน้ หนึง่ A.--สวิทช์กดบังคบั ด้วยมอื สองขา้ งพร้อมกัน B.--อปุ กรณก์ ารด์ โดยใชแ้ สง 110 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน
ค่มู อื การบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) กลุม่ ที่ 12 ประเภทเครอ่ื งปัม๊ ตัวอย่าง เช่น เคร่ืองปั๊มโลหะ เคร่ืองปั๊มข้ึนรูป เครื่องปั๊มไฮดรอลิกและ ปั๊มลม และเครื่องพับโลหะ เป็นต้น เคร่ืองจักรกลุ่มนี้อันตรายมาก ส่วนใหญ่ จะตัดมือและนิ้วของผู้ปฏิบัติงานอยู่เสมอ ๆ ลักษณะอันตรายจะอยู่ตรงบริเวณ ระหวา่ งหวั ปม๊ั และแบบปม๊ั ในขณะทปี่ ม๊ั ตดั หรอื ปม๊ั ขนึ้ รปู การตดิ ตง้ั การด์ ขนึ้ อยกู่ บั ประเภทหรือชนิดของเคร่ืองปั๊ม การติดตั้งและบ�ำรุงรักษาเคร่ืองปั๊มและการ์ด จำ� เปน็ ตอ้ งมคี วามรคู้ วามชำ� นาญในชนดิ ของเครอ่ื งปม๊ั นน้ั ๆ บางครงั้ แมจ้ ะใสก่ ารด์ เรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่อุบัติเหตุก็ยังคงเกิดขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากการปรับระยะของ การด์ ไม่ถูกตอ้ ง และขาดการบำ� รงุ รักษาท่ดี ี กลุ่มท่ี 12 ยังไมไ่ ดใ้ ส่การด์ แผน่ โลหะ แมป่ ๊มั บริเวณอันตราย กล่มุ ท่ี 12 ใสก่ าร์ดแลว้ แมแ่ บบ เครอื่ งปม๊ั โลหะ การ์ดท่ีติดตัง้ อยูก่ ับท่ี (ตวั อย่างท่ี 1) การด์ ทีต่ ดิ ตัง้ อยกู่ บั ที่ (ตวั อยา่ งที่ 2) กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดิการและค้มุ ครองแรงงาน 111
คู่มือการบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) กลุ่มท่ี 12 ใส่การด์ แลว้ เคร่ืองป๊มั โลหะ (ใส่การด์ ชนิดลอ็ คในตวั ) 112 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและค้มุ ครองแรงงาน
คมู่ ือการบริหารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) กลุม่ ที่ 13 ประเภทเคร่อื งเย็บ ตัวอย่าง เช่น จักรเย็บผ้า ท้ังชนิดเข็มเด่ียวและหลายเข็ม เป็นต้น จักรเย็บผ้าที่ต้องใช้แรงขับเคล่ือนหรือมอเตอร์ ท�ำให้มีความเร็วสูง จะก่อให้เกิด ความบาดเจบ็ ไดง้ า่ ย ความเรว็ ของการเยบ็ กบั นว้ิ ของผปู้ ฏบิ ตั งิ านใกลก้ บั จดุ อนั ตราย มากเกินไป เปน็ สาเหตใุ หญข่ องอุบัตเิ หตุ แม้ว่าการบาดเจ็บในกรณีนีไ้ มร่ ุนแรงนัก แต่ก็ก่อให้เกิดความเจ็บปวดได้ รูปประกอบแสดงถึงการป้องกันเข็มจากการ เย็บผ้าไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ กลมุ่ ท่ี 13 ใส่การด์ แลว้ เขม็ เด่ยี วหรือหลายเขม็ ของจกั รเยบ็ ผา้ อาจจะใสก่ าร์ดโดยตวั กั้นง่าย ๆ ดังได้แสดงไว้ ซึ่งเหมาะสมกบั งานเกือบทุกชนดิ โดยไม่ขัดขวางการทำ� งานปกติของจักรเย็บผ้า กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน 113
ค่มู อื การบริหารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) กลมุ่ ที่ 16 จุดหนบี ระหวา่ งจดุ ต่อของกา้ นเพลา ตวั อยา่ ง เชน่ ดา้ นขา้ งของแทน่ พมิ พท์ กี่ ำ� ลงั หมนุ สว่ นทห่ี มนุ ของเครอ่ื งทอผา้ เครื่องจักรปักฉลุ เป็นต้น จุดหนีบต่าง ๆ ในกลุ่นน้ี สามารถป้องกันได้โดยติดตั้ง การ์ดชนิดติดตั้งอยู่กับที่ หรืออาจจะใช้การ์ดชนิดล็อคในตัวเพ่ือสะดวกส�ำหรับ การหยอดนา้ํ มันหล่อลืน่ กไ็ ด้ กลุ่มท่ี 16 ยังไม่ได้ใส่การด์ กลุ่มที่ 16 ใส่การ์ดแลว้ การ์ดทตี่ ิดอย่กู บั ท่ี เปิด-ปดิ ได้ 114 กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
คมู่ อื การบรหิ ารงานความปลอดภัยและอาชวี อนามัย (Safe work Safe life for SMEs) กล่มุ ที่ 17 การเคลื่อนของเครอ่ื งกดั และเครอื่ งไส ตัวอย่าง เช่น เคร่ืองไส เครื่องกลึง เป็นต้น ส่ิงที่จะต้องระมัดระวัง คือ ระยะห่างระหว่างส่วนท่ีเคลื่อนท่ีไปมาของเครื่องจักร กับบริเวณท�ำงาน เช่น กำ� แพงหรอื เสา เป็นต้น เพื่อไม่ให้ระยะหา่ งน้เี ปน็ จุดทก่ี อ่ ให้เกดิ อันตรายได้ในการ กระทบกระแทกอวัยวะส่วนใดส่วนหน่ึงของผู้ปฏิบัติงานได้ การติดต้ังการ์ด บาร์ หรอื ฐานรองตดิ อยกู่ บั ทต่ี รงสว่ นทเ่ี คลอ่ื นทไ่ี ดข้ องเครอ่ื งจกั ร จะกนั้ มใิ หค้ นผา่ นไปมา ตรงบรเิ วณเขตรัศมีอนั ตรายเหล่านี้ กลุ่มที่ 17 ยังไม่ได้ใสก่ ารด์ ชอ่ งวา่ งท่เี กดิ ขน้ึ ระหวา่ งสว่ น เครอ่ื งจกั รทเ่ี คลอื่ นท่ี ไปมากบั ส่ิงท่ตี ิดต้งั อย่กู ับท่ี กำ� แพงหรอื เสา กลุ่มท่ี 17 ใสก่ าร์ดแล้ว กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและค้มุ ครองแรงงาน 115
ค่มู ือการบรหิ ารงานความปลอดภัยและอาชวี อนามัย (Safe work Safe life for SMEs) ความปลอดภัยในการท�ำงานเกี่ยวกบั สารเคมอี ันตราย ปัจจุบันน้ีประเทศไทยได้มีการน�ำเข้าวัตถุอันตรายเพ่ือเป็นวัตถุดิบ ในการผลติ สินคา้ ตา่ ง ๆ เป็นจ�ำนวนมาก แต่การจัดการดแู ลในเร่ืองความปลอดภัย ยังไม่ดีพอ ท้ังนี้เน่ืองจากผู้ประกอบการบางรายยังขาดความเข้าใจในพื้นฐาน เกี่ยวกับคุณสมบัติของวัตถุหรือสารเคมีอันตรายน้ัน ๆ ท�ำให้การจัดการในเรื่อง การเก็บ การขนส่งและการใช้งาน เป็นไปด้วยความเส่ียงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น เกิดการร่ัวของวัตถุหรือสารเคมีอันตรายออกจากภาชนะท่ีบรรจุ เกิดการท�ำ ปฏกิ ริ ยิ าของสารเคมที รี่ ว่ั เมอื่ นำ� ภาชนะของวตั ถหุ รอื สารเคมอี นั ตรายทเ่ี ขา้ กนั ไมไ่ ด้ มาวางไว้ใกล้กัน และอาจเป็นสาเหตุท�ำให้เกิดระเบิดและไฟไหม้ได้ ท�ำให้เกิด ความเสียหายต่อชวี ิตและทรัพยส์ นิ ตลอดจนส่งิ แวดล้อม ข้อมูลการจัดเก็บวัตถุอันตรายนอกจากที่ได้แนวทางการจัดเก็บวัตถุหรือ สารเคมีอันตรายในหนังสือนี้แล้ว ผู้ประกอบการควรศึกษาได้จากเอกสารข้อมูล ความปลอดภัย (Material Safety Data Sheet) ที่ขอได้จากผ้ผู ลติ และผูจ้ ำ� หน่าย อีกด้วย ท้ังนี้เพ่ือท่ีจะทราบรายละเอียดอันตรายปลีกย่อยอ่ืน ๆ ท่ีผู้ผลิตหรือ ผจู้ ำ� หน่ายมใี ห้ นยิ าม ความหมายของสารเคมี สารเคมี คือวัสดุใดๆ ท่ีสามารถระบุองค์ประกอบทางเคมีที่แน่นอนได้ เช่น น�ำ้ บริสทุ ธ์ิ (H2O) ประกอบด้วยธาตุ ไฮโดรเจน (H) 2 อะตอม และออกซเิ จน (O) 1 อะตอมรวมตวั กัน หรอื เกลือโซเดยี มคลอไรด์ (NaCl) กป็ ระกอบด้วยธาตุ Na สารเคมี มีค�ำจ�ำกัดความไดห้ ลากหลาย ดงั ตอ่ ไปนี้ สารเคมี ในความหมายกว้างๆ สารเคมีหมายถึงสารอนินทรีย์ หรือ สารอินทรีย์ท่ีมีสามารถระบุโมเลกุลของสารได้ อาจปรากฏอยู่ในธรรมชาติ หรือ ถูกสังเคราะห์ขึ้นจากปฏิกิริยาต่างๆ ก็ได้โดยท่ัวไปแล้ว สารเคมีจะมีสถานะอยู่ 3 สถานะเช่นเดียวกนั กับสสาร ไดแ้ ก่ ของแข็ง ของเหลว และกา๊ ซ หรือ พลาสมา 116 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
คู่มือการบริหารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) สามารถเปลีย่ นสถานนะไดเ้ มอื่ สภาวะหรอื เงอื่ นไขเปลี่ยนไป เชน่ เปลี่ยนอุณหภมู ิ ความดนั โดยใชป้ ฏกิ ริ ยิ าทางเคมี กส็ ามารถเปลยี่ นจากสารเคมหี นง่ึ ไปเปน็ สารเคมี ตัวใหมไ่ ด้ สว่ นพลังงาน เชน่ แสง หรือความร้อน ไม่จัดอยู่ในรปู ของสสาร จงึ ไมอ่ ยู่ ในกลุ่มของสารเคมใี นคำ� จำ� กัดความนี้ สารประกอบ เกดิ จากการรวมตัวกันของธาตมุ ากกวา่ 2 อะตอมข้ึนไป ในสดั ส่วนท่ีคงที่ ซ่ึงจะมีคณุ สมบัติแตกตา่ งจากธาตเุ ริม่ ตน้ ของผสม ประกอบด้วยสารผสมกันต้ังแต่ 2 ชนิดข้ึนไป เช่น นม อากาศ ซีเมนต์ เครื่องดื่ม ซ่ึงมีองค์ประกอบไม่คงท่ี ข้ึนอยู่กับสภาวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อากาศที่มีแตกต่างกัน ระหว่างบริเวณชานเมือง และในตัวเมือง ของผสมแบ่งย่อยได้อีก 2 ประเภท คือ ของผสมเนื้อเดียว (ทุกส่วนละลาย เปน็ เนอ้ื เดยี วกนั ทงั้ หมด) และของผสมเนอ้ื ผสม (ทกุ สว่ นไมล่ ะลายเปน็ เนอื้ เดยี วกนั ทั้งหมด) Popularity 49% ธาตุ ก็มีความหมายถึงสารเคมีเหมือนกัน ไม่สามารถท�ำลายหรือ เปลย่ี นรปู ไปเปน็ สารเคมตี วั อนื่ ๆ ดว้ ยการใชป้ ฏกิ ริ ยิ าทางเคมี แตส่ ามารถเปลย่ี นรปู โดยใชป้ ฏกิ ริ ยิ านวิ เคลยี ร์ เนอ่ื งจากอะตอมของธาตแุ ตล่ ะชนดิ จะมนี วิ ตรอน โปรตอน และอิเล็คตรอน หากเปล่ียนโดยการเพ่ิมนิวตรอนของธาตุเดิม ก็จะได้ไอโซโทป (isotope) ของธาตนุ ้ันเกดิ ขน้ึ ใหม่ เปน็ ต้น ปจั จุบนั มีการคน้ พบธาตเุ พิ่มขึ้นเรื่อยๆ อยู่ท่ีประมาณ 120 ธาตุ มี 80 ธาตุที่มีความเสถียร ธาตุหลักๆ จัดอยู่ในกลุ่ม ของโลหะ เช่น ทองแดง (Cu) เหลก็ (Fe) ทองค�ำ (Au) ซ่งึ มคี ุณสมบตั ิ น�ำไฟฟา้ และน�ำความร้อนได้ดี ส่วนธาตุอโลหะ เช่น คาร์บอน (C) ไนโตรเจน (N) และ ออกซเิ จน (O) จะมคี ณุ สมบตั ทิ แ่ี ตกตา่ งจะโลหะขา้ งตน้ นอกจากนนั้ ยงั มธี าตใุ นกลมุ่ กึ่งโลหะ (metalloids) เชน่ ซิลิกอน (Si) จะมีคณุ สมบัติเป็นทงั้ โลหะและอโลหะ และ Cl อย่างละ 1 อะตอม การจำ� แนกประเภทของสารเคมี และวตั ถุอันตราย เพอ่ื ความปลอดภยั ของผใู้ ชแ้ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ปี พ.ศ. 2499 คณะผเู้ ชย่ี วชาญ ด้านขนส่งสนิ ค้าอันตราย ซงึ่ ตงั้ ขนึ้ โดย Economic and Social Council. ของ กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดิการและคมุ้ ครองแรงงาน 117
คมู่ ือการบรหิ ารงานความปลอดภัยและอาชวี อนามัย (Safe work Safe life for SMEs) United Nations. ได้ก�ำหนดมาตรฐานเบ้ืองต้นในการขนส่งวัตถุอันตรายข้ึน โดยแบง่ วัตถุอนั ตรายออกเป็น 9 ประเภท เพอื่ ประโยชนใ์ นการขนส่ง การใช้และ การเกบ็ วตั ถอุ ันตรายให้มคี วามปลอดภัย ดงั นี้ ประเภท 1 วัตถุระเบิด (Explosives) เป็นวัตถุที่สามารถระเบิดได้ เมื่อได้รับความร้อน ประกายไฟ เปลวไฟ หรือเมื่อได้รับความกระทบกระเทือน การเสียดสี หรือถูกกระท�ำโดยตัวจุดระเบิด แบง่ ออกเปน็ 5 ประเภทย่อย ดังน้ี ประเภท 1.1 วัตถุและส่ิงของที่อาจก่ออันตรายโดยการระเบิด อยา่ งรุนแรงฉบั พลัน ประเภท 1.2 วัตถุและสิ่งของซ่ึงอาจก่ออันตรายโดยการกระจายของ สะเก็ดระเบิด แต่มิใชโ่ ดยการระเบดิ อยา่ งรุนแรงโดยฉับพลนั ประเภท 1.3 วัตถุและสิ่งของซึ่งอาจก่ออันตรายโดยเปลวไฟพร้อม กบั อนั ตรายจากการระเบดิ บา้ งเลก็ นอ้ ย แตม่ ใิ ชจ่ ากการระเบดิ อยา่ งรนุ แรงฉบั พลนั ประเภท 1.4 วัตถุและส่ิงของซึ่งไม่ก่ออันตรายมากนักอาจติดไฟได้ หรือปะทไุ ดใ้ นระหวา่ งการขนส่ง ประเภท 1.5 วตั ถซุ งึ่ ไมไ่ วตอ่ การเกดิ อนั ตรายโดยการระเบดิ จนโอกาส ที่จะจุดระเบิดมีน้อย หรือการเปล่ียนข้ันจากการลุกไหม้เป็นการจุดระเบิดมีน้อย ในขั้นการขนสง่ ปกติ แต่ถ้ามีการขนสง่ เปน็ จ�ำนวนมาก กท็ ำ� ใหก้ ารไหมน้ ้ันนำ� ไปสู่ การระเบิดได้ วัตถุระเบิด เช่น กระสุนปืน, ลูกระเบิด, ดินปืน, ไนโตรเซลลูโลส, ไนโตรกลเี ซอรีนเหลว, ไดนาไมท,์ แอมโมเนยี ไดโครเมท เปน็ ต้น ประเภท 2 ก๊าซ (Gases) เปน็ วตั ถทุ อี่ ยใู่ นสภาพกา๊ ซอดั ภายใตค้ วามดนั กา๊ ซเหลวอดั ภายใตค้ วามดนั หรอื กา๊ ซทผ่ี สมสารอนื่ ทอี่ ดั ภายใตค้ วามดนั ซงึ่ อาจมคี ณุ สมบตั อิ น่ื ทเี่ ปน็ อนั ตรายดว้ ย เช่น ไวไฟ เป็นก๊าซพิษ เป็นก๊าซที่ช่วยในการเผาไหม้หรือเป็นก๊าซที่มีฤทธิ์ในการ 118 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดกิ ารและค้มุ ครองแรงงาน
ค่มู อื การบริหารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามัย (Safe work Safe life for SMEs) กรัดกร่อน บางชนิดเป็นก๊าซเฉ่ือย บางชนิดสามารถท�ำให้ผู้ท่ีสูดดมเกิดอาการ ง่วงซึม และบางชนิดเมื่อเผาไหม้จะท�ำให้เกิดพิษสูงข้ึน ก๊าซทุกชนิดท่ีหนักกว่า อากาศหากปล่อยให้สะสมอยู่ในบริเวณที่ลุ่มจะมีอันตรายสูง เพื่อประโยชน์ ในการจัดเก็บและการขนส่งก๊าซอันตรายให้เกิดความปลอดภัย ได้แบ่งประเภท ของก๊าซออกเปน็ 3 ประเภทดงั น้ี ประเภท 2.1 ก๊าซไวไฟ (Flammable Gases) เป็นก๊าซที่ติดไฟ ได้ง่ายเม่ือได้รับความร้อน หรือมีเปลวไฟ ก๊าซประเภทน้ีได้แก่ อะเซทีลีน, โบรโมไตรฟล-ู ออโรเอททลี นี , บวิ ทาไดอนี , ไซโคลบวิ เทน, 1, 1-ไดฟลอู อโรเอททลี นี , ไดเมททิลอีเทอร์, อีเทน, เอททิลอามีน, เอททิลคลอไรด์, เอททีลีน, ไฮโดรเจน, มีเทน เป็นต้น ประเภท 2.2 ก๊าซไม่ติดไฟอัดภายใต้ความดัน (Nonflammable Compressed Gases) เป็นก๊าซที่อาจเกิดระเบิดได้หากถูกกระแทกอย่างแรง ตัวอย่างก๊าซประเภทน้ีได้แก่ อากาศอัดภายใต้ความดัน (Compresses Air) อาร์กอน, คาร์บอนไดออกไซด์, คลอโรไดฟลูออโรโบรโมมีเทน, คลอโรเพน- ตะฟลอู อโรอเี ทน เปน็ ตน้ ประเภท 2.3 ก๊าซพิษ (Poisonous Gases) เป็นก๊าซที่เม่ือสูดดม หรอื หายใจเขา้ ไปจะเปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพและอาจทำ� ใหเ้ สยี ชวี ติ ได้ กา๊ ซประเภทน้ี ไดแ้ ก่ โบรอนไดรฟลอู อไรด,์ คารบ์ อนฟลอู อไรด,์ คลอรนี , กา๊ ซผสมของคลอโรพคิ รนิ และเมททลิ โบรไมด์, แอมโมเนยี ชนดิ แอนไฮดรสั เป็นตน้ กา๊ ซบางชนดิ ท่ีอยใู่ นก๊าซประเภท 2.3 และมีคุณสมบัตทิ เี่ ป็นอันตราย อื่นด้วย เช่น อาร์ซีน, คาร์บอนมอนอกไซด์, คาร์บอนิลซัลไฟด์ ก๊าซดังกล่าว เป็นกา๊ ซพษิ และมคี ณุ สมบตั ไิ วไฟ มีสัญลกั ษณ์บนหบี หอ่ ท่ีใชข้ นส่ง ก๊าซประเภท 2.3 ท่ีเป็นก๊าซพิษและมีคุณสมบัติท่ีเป็นวัตถุออกซิไดซ์ และเปน็ วตั ถกุ ดั กรอ่ น เชน่ คลอโรเพนตะฟลอู อไรด,์ โบรมนี คลอไรด์ ซงึ่ มสี ญั ลกั ษณ์ ทปี่ รากฏบนหีบหอ่ ทใ่ี ช้ในการขนส่ง กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดิการและคมุ้ ครองแรงงาน 119
คู่มอื การบริหารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) ประเภท 3 ของเหลวไวไฟ (Flammable Liquids) เป็นวัตถุท่ีเป็นของเหลว หรือของเหลวผสม หรือของเหลวที่มีของแข็ง ผสมอยู่ (เช่น สี แลคเกอร์ วานิช เปน็ ตน้ ) ของเหลวเหล่านน้ั จะใหไ้ อระเหยท่ไี วไฟ สามารถตดิ ไฟได้ท่อี ุณหภูมิ 61 ํC (141 ํF) c.c..* หรือทอี่ ุณหภูมิต�่ำกว่า ของเหลว ไวไฟแบ่งเปน็ 3 ประเภท ดังน้ี ประเภท 3.1 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟต่�ำ (Low Flashpoint Group of Liquids) โดยมีจุดวาบไฟต่�ำกว่า -18 ํC (0 ํF) c.c* ได้แก่ กาว (Adhesives) ที่มีของเหลวไวไฟท่ีมีจุดวาบไฟต่�ำผสม, แอลลิลคลอไรด์, เอมิลไนไตรท์, เฮกเซน, เมททิลฟอร์เมท, คลอโรบิวเทน, ไซโคลเฮกเซน, ไดเอททิลอามีน, ไดเอททิลอเี ทอร์ เปน็ ต้น ประเภท 3.2 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟปานกลาง (Intermediate Flashpoint Group of Liquids) โดยมีจดุ วาบไฟ -18 ํC (0 ํF) c.c..* ถงึ 23 ํC (73 ํF) c.c.* ได้แก่ กาว (Adhesives) ท่ีมีของเหลวที่มีจุดวาบไฟปานกลาง ผสม, น้�ำมันอะซีโตน (Acetone Oil), แอลลิลอาซีเตท, แอลลิลแอลกอฮอลล์, แอลลลิ โบรไมด,์ นำ�้ มนั เบรค, ไอโซบวิ ทลิ อาซเี ตท, เบนซนี , 2-โบรโมบวิ เทน เปน็ ตน้ ประเภท 3.3 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟสูง (High Flashpoint Group of Liquids)โดยมีจุดวาบไฟ 23 ํC (73 ํF) c.c* ถึง 61 ํC (141 ํF) c.c..* ได้แก่ โบรโมเบนซีน, บิวทิลอาซีเตท, คลอโรเบนซีน, ไซโคลเฮกซิลอามีน, สไตรีนโมโนเมอร์, เอททลิ แอลกอฮอลล,์ สารละลายเรซิน, ไซลีน เป็นตน้ c.c.* = CLOSED CUP ประเภท 4 ของแข็งไวไฟ หรือวัตถุที่อาจลุกไหม้ได้เอง หรือวัตถุท่ี เม่ือสัมผัสกับน้�ำแล้วจะให้ก๊าซไวไฟ (Flammable Solids; Subtances Liable to Spontaneous Combustion; Substances Which, in Contact with Water, Emit Flammable Gases) 120 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน
ค่มู อื การบริหารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) วัตถุที่จัดไว้ในประเภทน้ี เป็นวัตถุที่เป็นอันตราย อาจเป็นสาเหตุให้เกิด อัคคีภยั ได้ แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท ดงั น้ี ประเภท 4.1 ของแข็งไวไฟ (Flammable Solids) ของแข็ง ประเภทนี้งา่ ยตอ่ การตดิ ไฟ เป็นอันตรายเม่อื อยูใ่ กลก้ ับแหลง่ ทท่ี �ำให้เกดิ การติดไฟ ได้แก่ บริเวณที่มีประกายไฟและเปลวไฟ ท�ำให้เกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ หากมีการเสียดสีก็สามารถท�ำให้เกิดไฟไหม้ได้ วัตถุหรือสินค้าประเภทนี้ ได้แก่ ไมข้ ดี ไฟ, การบรู , เซลลลู อยล,์ ผงกำ� มะถนั , ฟอสฟอรสั ไตรซลั ไฟด,์ ฟอสฟอรสั เพน- ตะซลั ไฟด,์ ฟอสฟอรัสแดง เปน็ ตน้ ประเภท 4.2 วัตถุที่อาจจะลุกไหม้ได้เอง (Substances Liable to Spontaneous Combustion) เป็นวัตถุที่อาจมีลักษณะเป็นของแข็งหรือ ของเหลวทีส่ ามารถให้ความร้อนและลุกไหมไ้ ด้เอง ได้แก่ อะลมู เิ นยี มอลั คิลเฮไลด์, อะลูมิเนียมอัลคิล, คาร์บอน (แอคติเวทเตท), ไดเมททิลซิงค์, ฟอสฟอรัสขาว หรือเหลือง, พลาสติกบางชนิดท่ีมีไนโตรเซลลูโลสผสม, โพตัสเซียมไฮโดรซัลไฟท์, โซเดยี มซัลไฟด์ เปน็ ตน้ ประเภท 4.3 วัตถทุ เี่ มอ่ื สมั ผัสกับนำ�้ แล้วให้ก๊าซไวไฟ (Substances Which, in Contact with Water, Emit Flammable Gases) วัตถนุ อ้ี าจเป็น ของแขง็ หรอื ของเหลวทมี่ คี ณุ สมบัติทีเ่ ม่ือสัมผสั กับน�ำ้ แลว้ ใหก้ า๊ ซไวไฟ ในบางกรณี กา๊ ซนส้ี ามารถจดุ ตดิ ไฟไดเ้ อง วตั ถนุ ไ้ี ดแ้ ก่ อลั คลิ เมททอลเอไมด,์ โลหะผสมอลั คาไลด์ เอธิ เมททอล, ผงอะลมู เิ นียม, อะลมู ิเนียมคารไ์ บด์, อะลูมเิ นยี ม-ไฮไดรด,์ แบเรยี ม, แคลเซียม, แคลเซียมซิลิไซด์ เปน็ ต้น ประเภท 5 วตั ถอุ อกซไิ ดซ์ (Oxidizing Substances) และออรแ์ กนนคิ - เปอร์ออกไซด์ (Organic Peroxides) โดยแบ่งเปน็ ประเภทย่อย 2 ประเภทไดแ้ ก่ ประเภท 5.1 วัตถอุ อกซไิ ดซ์ (Oxidizing Substances) เป็นวตั ถุที่ สามารถให้ออกซเิ จนออกมา โดยทีว่ ัตถุไมจ่ �ำเปน็ ต้องไหม้ หรอื เปน็ วตั ถุทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวสั ดิการและคุ้มครองแรงงาน 121
คมู่ ือการบริหารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) ขบวนการออกซเิ ดชน่ั ในลกั ษณะทคี่ ลา้ ยกนั ทำ� ใหเ้ พมิ่ ความเสย่ี งตอ่ การเกดิ ไฟไหม้ ตอ่ วตั ถุอื่นที่วางไวใ้ กล้เคียง และมีความรุนแรงยงิ่ ข้นึ วตั ถปุ ระเภท 5.1 ไดแ้ ก่ ประเภท 5.2 ออร์แกนนิคเปอร์ออกไซด์ (Organic Peroxides) เป็นวัตถุอินทรีย์ท่ีโครงสร้างโมเลกุลที่มีออกซิเจน 2 ตัว และอาจเป็นอนุพันธ์ (Derivatives) ของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โดยท่ีต�ำแหน่งของไฮโดรเจนหน่ึงตัว หรือสองตัวถูกแทนที่ด้วยอนุมูลของสารอินทรีย์ วัตถุออร์แกนนิคเปอร์ออกไซด์ เป็นวัตถุที่ไม่เสถียร สามารถสลายตัวให้ความร้อน ท�ำให้เกิดระเบิดสามารถไหม้ อยา่ งรวดเรว็ สามารถทำ� ปฏกิ ริ ยิ ากบั สารอนื่ อยา่ งรนุ แรงไวตอ่ การถกู กระแทกหรอื ได้รับการเสยี ดสี วตั ถปุ ระเภทนี้ เช่น - อะเซทิลอาซโี ตนเปอรอ์ อกไซด์ (สารละลายเข้มขน้ สงู สุด 40%) - อะเซทิลเบนโซอิลเปอรอ์ อกไซด์ (สารละลายเขม้ ขน้ สูงสุด 40%) - อะเซทลิ ไซโคลเฮกเซนซลั โฟนลิ เปอรอ์ อกไซด์ เปน็ ตน้ ประเภท 6 วัตถุมีพิษและวัตถุติดเช้ือ (Poisonous (Toxic) and Infectious Substances) แบง่ เปน็ 2 ประเภทได้แก่ ประเภท 6.1 วัตถุมพี ษิ (Poisonous (Toxic) Substances) วัตถุเหล่านี้อาจท�ำให้เสียชีวิตหรือท�ำให้เกิดการเจ็บป่วยอย่างรุนแรง เม่ือเข้าสู่ร่างกายโดยสัมผัสกับผิวหนัง หรือหายใจหรือรับประทานเข้าไป วัตถุประเภทนไ้ี ดแ้ ก่ อาร์เซนิคไดรออกไซด์, อาร์เซนิคไตรคลอไรด์, แบเรียมไซยาไนด์, คลอโรไนโตรเบนซนี , คอบเปอรไ์ ซยาไนด,์ เมอร์คิวรอี าร์ซิเตท, คลอโรฟอรม์ ไดโบรโมมเี ทน, ไดคลอโรมเี ทน, เมททลิ ไดคลอโรอาซเี ตท, แบเรยี ม- ออกไซด์ ผงโลหะเบรลิ เรียม คลอโรอาซโี ตไนไตรล์, เฮกซาเมททลิ ลีนอมิ ีน ประเภท 6.2 วัตถุติดเชื้อ (Infectious Substances) เป็นวัตถุที่มี 122 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน
คมู่ อื การบรหิ ารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) เชื้อจุลินทรีย์หรือมีพิษของจุลินทรีย์เหล่านั้น (Organism and Their Toxins) อันเปน็ สาเหตใุ ห้เกดิ โรคในมนุษยแ์ ละสตั ว์ ประเภท 7 วตั ถุกัมมนั ตรังสี (Radioactive Substances) เป็นวัตถุที่สลายตัวให้รังสีออกมาปริมาณเกินกว่า 0.002 ไมโครคูรี ตอ่ นำ้� หนักของวตั ถนุ ัน้ 1 กรมั รังสีนีไ้ ม่สามารถมองเหน็ ดว้ ยตาเปลา่ แต่สามารถ เป็นอันตรายต่อเน้ือเยื่อได้ เราสามารถรับรังสีได้ท้ังภายนอกและภายในร่างกาย การได้รับรังสีภายนอก เช่น เม่ืออยู่ในบริเวณท่ีใกล้วัตถุกัมมันตรังสีและได้สัมผัส กับรงั สที ีอ่ อกมา สว่ นการรับรังสภี ายใน เชน่ การรบั ประทานสารรงั สีเข้าไป หรือ รับประทานอาหารที่มีสารปนเปื้อนของสารรังสีเข้าไป คุณสมบัติกัมมันตรังสีมีอีก 2 ลักษณะ คือสามารถให้ความร้อนและท�ำให้เกิดอันตรายอย่างรุนแรง ลักษณะ ท่ีให้ความร้อนออกมาต่อเม่ือวัตถุกัมมันตรังสีมีในปริมาณมาก ส่วนอีกลักษณะ เกิดจากการท่ีวัตถุกัมมันตรังสีมีคุณสมบัติพิเศษ สามารถแตกตัวให้ไอโซโทป เช่น พลโู ตเนยี ม-238, พลโู ตเนยี ม-239, พลโู ตเนยี ม-241, ยเู รเนยี ม-233, ยเู รเนยี ม-235 หรือวัตถุใด ๆ ที่มีสารไอโซโทปเหล่าน้ีอยู่ จัดเป็นวัตถุกัมมันตรังสี เช่น เรเดียม, ยเู รเนียม เปน็ ต้น ประเภท 8 วตั ถุกดั กร่อน (Corrosives) เป็นวัตถุที่มีคุณสมบัติโดยท่ัวไปแล้วสามารถท�ำลายเน้ือเยื่อท่ีมีชีวิตได้ ท้ังท่ีให้ความรุนแรงและไม่มีความรุนแรงดังน้ัน วัตถุในประเภท 8 หากรั่วไหล ออกจากภาชนะบรรจุ อาจท�ำลายสินค้าหรือสารเคมีท่ีวางไว้ใกล้เคียงได้ วัตถุ กดั กรอ่ นบางชนิดมไี อระเหยทท่ี ำ� ใหเ้ กิดความระคายเคืองต่อจมกู และตา ตวั อยา่ ง วตั ถปุ ระเภท 8 ได้แก่ แอลลิลคลอโรฟอร์เมท, แอลลิลไตรคลอโรไซแลน, อะลูมิเนียมโบรไมด์ (แอนไฮดรัส), ไดโซโคลเฮกซิลลามีน, กรดซัลฟูริค, กรดฟอสฟอริค, กรดไนตริก ที่เข้มข้นไม่รวมชนิดท่ีมีควันสีแดง (Red Fuming), โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์, โซเดียมไฮดรอกไซด์ กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและค้มุ ครองแรงงาน 123
คมู อื การบริหารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) ประเภท 9 วัตถุอันตรายต่าง ๆ ท่ีอยู่นอกเหนือจากทั้ง 8 ประเภท ข้างต้น (Miscellaneous Dangerous Substances) เช่น ปุยแอมโมเนียมไนเตรทชนิด บี, แอสเบสตอส, ซิงค์ไฮโดรซัลไฟท์, พีซีบ ี (PCB’s) เป็นตน้ ตารางแสดงประเภทของวัตถุเคมที ี่เปน อันตรายแบง่ ตาม UN-Class ประเภทวตั ถุทเี่ ปน อนั ตราย รายละเอียด ประเภทท ี่ 1 คณุ สมบตั ิ วตั ถเุ คมที สี่ ามารถเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า ทางเคมีด้วยตัวเองแล้วท�าให้เกิดการ สารระเบดิ ได้ (Explosive) ระเบิด แบง่ ได ้ 6 ประเภทดังน้ี 1.1 วัตถุเคมีที่หลังเกิดปฏิกิริยาแล้ว ก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดอย่าง รนุ แรงแบบทนั ทที นั ใด (Mass Explosive) ตวั อย่างเชน่ ลูกระเบิด เปน็ ตน้ 1.2 วัตถุเคมีที่หลังเกิดปฏิกิริยาแล้ว เกดิ การแตกกระจาย ไมร่ ะเบดิ ทนั ทที นั ใด ตวั อยา่ งเชน่ กระสนุ ปนื ทนุ่ ระเบดิ ชนวน ปะท ุ เปน็ ต้น 1.3 วตั ถเุ คมที ห่ี ลงั เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าแลว้ แลว้ กอ่ ใหเ้ กดิ ความเสย่ี งตอ่ การเกดิ เพลงิ ไหม้ ตัวอยา่ งเช่น กระสนุ เพลิง เป็นต้น 1.4 วัตถุเคมีหลังเกิดปฏิกิริยาแล้วไม่ แสดงความเปน็ อนั ตรายอยา่ งชดั เจนเชน่ เกิดปะทุหรือปะทุในระหว่างการขนส่ง จะเกดิ ความเสยี หายเฉพาะภาชนะบรรจ ุ 124 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคมุ ครองแรงงาน
คมู ือการบริหารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) ประเภทวัตถทุ ีเ่ ปนอันตราย รายละเอยี ด ประเภทที ่ 2 ตัวอยา่ งเช่น พลุอากาศ เป็นตน้ แกส๊ (Gases) 1.5 วัตถเุ คมที ไี่ วต่อการระเบิด แตห่ าก เกิดการระเบิดจะระเบิดแบบท ี่ 1.1 1.6 วตั ถเุ คมที ไ่ี วตอ่ การระเบดิ นอ้ ยมาก และไม่ระเบิดทันทีทั้งหมด ถ้าหากเกิด การระเบิดกจ็ ะระเบิดอยู่ในวงจ�ากัด คณุ สมบัติ ติดไฟงา่ ยเม่ือถูกประกายไฟ และแบ่งประเภทของแก๊สได้เป็น 3 ประเภทดังน้ี - กา๊ ซไวไฟ (Flammable Gases) หมายถงึ กา๊ ซทส่ี ามารถตดิ ไฟไดเ้ มอื่ ผสม กับอากาศ 13% ที่อุณหภูมิ 20 องศา เซลเซียสและมีความดัน 101.3 กิโล ปาสกาล และมนี ้า� หนกั หนกั กว่าอากาศ ตัวอย่างของก๊าซกลุ่มน้ี เช่น อะเซทิลีน กา๊ ซหงุ ตม้ หรอื กา๊ ซแอลพจี ี เปน็ ตน้ - กา๊ ซไมไ่ วไฟและไมเ่ ปน็ พษิ (Non- flammable Non-toxic Gases) หมายถึง ก๊าซที่มีความดันไม่น้อยกว่า 280 กิโลปาสคาล ท่ีอณุ หภมู ิ 20 องศา เซลเซียส เป็นแก๊สที่ไม่ติดไฟและไม่ เป็นพิษแต่อาจแทนที่ออกซิเจนใน อากาศและท�าให้เกิดสภาวะขาดแคลน ออกซเิ จนได ้ ตวั อยา่ งของกา๊ ซกลมุ่ น ้ี เชน่ กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดิการและคมุ ครองแรงงาน 125
คมู ือการบริหารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) ประเภทวตั ถทุ ี่เปน อันตราย รายละเอียด ประเภทท ่ี 3 ไนโตรเจน คารบ์ อนไดออกไซด ์ อารก์ อน ของเหลวไวไฟ เปน็ ตน้ - ก๊าซพิษ (Poison Gases) (Flammable Liquids) หมายถึง กา๊ ซทเี่ ปน็ อันตรายตอ่ สขุ ภาพ อาจเสียชีวิตได้เมื่อสูดดม ตัวอย่างของ กา๊ ซในกลมุ่ น ้ี เชน่ คลอรนี เมทลิ โบรไมด์ เปน็ ตน้ คุณสมบัติ วัตถุเคมีท่ีพร้อมลุกติดไฟ เมอื่ ไอของของเหลวไวสมั ผสั กบั ประกายไฟ ตัวอย่างเช่น อะซีโตน น้�ามันเช้ือเพลิง ทินเนอร์ เปน็ ต้น ประเภทท ี่ 4 คุณสมบัติ วัตถุเคมีที่เมื่อสัมผัสกับน้�า ของแข็งไวไฟ แล้วเกิดการลุกไหม้ได้เองพร้อมกับให้ (Flammable Solids) กา๊ ซไวไฟ แบ่งได ้ 3 ชนิดดงั นี้ 4.1 ของแขง็ ไวไฟ (Flammable Solids) หมายถงึ ของแขง็ ทส่ี ามารถลกุ ตดิ ไฟงา่ ย เม่ือถูกเสียดสี หรือได้รับความร้อนสูง ภายใน 45 วินาที ตัวอย่างเชน่ ก�ามะถนั ฟอสฟอรสั แดง ไนโตรเซลลโู ลส เป็นต้น 126 กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและคุม ครองแรงงาน
คูมอื การบริหารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) ประเภทวตั ถทุ ่เี ปน อันตราย รายละเอยี ด ประเภทท่ ี 5 หรือวัตถุเคมีท่ีเมื่อสัมผัสกับน�้าแล้วเกิด สารออกซไิ ดซ์ ปฏกิ ริ ยิ าคายความรอ้ นทรี่ นุ แรง ตวั อยา่ ง เชน่ เกลือไดอะโซเนยี ม เปน็ ต้น (Oxidizing Substance) 4.2 วัตถุเคมีที่มีความแนวโน้มลุกไหม้ ได้เอง (Substances Liable to Spontaneous Combustion) หมายถงึ วัตถุเคมีท่ีมีแนวโน้มเกิดความร้อนจน เกดิ การลกุ ไหมไ้ ดเ้ องในสมั ผสั กบั อากาศ 4.3 วตั ถเุ คมที สี่ มั ผสั กบั นา�้ แลว้ ทา� ใหเ้ กดิ กา๊ ซไวไฟ (Substances which in Contact with Water Emit Flammable Gases) หมายถงึ วตั ถเุ คมีที่ท�าปฏิกิรยิ า กับน้�าแล้วแล้วท�าให้เกิดก๊าซไวไฟท่ีเป็น อันตรายอาจลุกไหม้ตดิ ไฟได้ คณุ สมบัต ิ วัตถุเคมีท่ีไม่ตดิ ไฟ ไมร่ ะเบิด แตช่ ว่ ยใหส้ ารอนื่ เกิดการลกุ ไหม้ไดด้ ีขึน้ แบง่ ได ้ 2 ชนดิ ดังน้ี 5.1 สารออกซิไดส์ (Oxidizing Sub- stances) คณุ สมบตั ขิ องสารเองไมต่ ดิ ไฟ แตจ่ ะใหอ้ อกซเิ จนชว่ ยใหว้ ตั ถอุ นื่ เกดิ การ ลุกไหม้และเม่ือสารออกซิไดส์สัมผัสกับ วัตถุท่ีลุกไหม้จะท�าให้เกิดการระเบิด ที่รุนแรง ตัวอย่างเช่น แคลเซียมไฮโป- คลอไรท ์ โซเดียมเปอร์ออกไซด์ โซเดยี ม คลอเรต เป็นตน้ กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดกิ ารและคมุ ครองแรงงาน 127
คมู ือการบริหารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) ประเภทวตั ถุท่เี ปน อนั ตราย รายละเอียด 5.2 สารอนิ ทรยี เ์ ปอรอ์ อกไซด ์ (Organic Peroxides) คณุ สมบตั ิโครงสรา้ งของสาร จะประกอบด้วยออกซิเจนสองอะตอม ซ่ึงจะช่วยในการเผาไหม้สารอ่ืนๆ และ เมอ่ื ภาชนะทบ่ี รรจสุ ารนไ้ี ดร้ บั ความรอ้ น อาจทา� ใหภ้ าชนะทบี่ รรจสุ ารนร้ี ะเบดิ ได้ ตัวอย่างเช่น อะซีโตนเปอร์ออกไซด์ เปน็ ต้น ประเภทที ่ 6 คุณสมบัติ วตั ถเุ คมีท่ีอาจท�าให้เสยี ชวี ติ สารพิษและสารตดิ เชอื้ หรอื บาดเจบ็ อยา่ งรนุ แรงจากการกนิ สดู ดม (Toxic and Infectious หรือสัมผัสทางผิวหนัง แบ่งได้ 2 ชนิด ดังน้ี Substances) 6.1 สารพิษ (Toxic Substances) หมายถึง วัตถุเคมีที่เป็นอันตรายต่อ สุขภาพของคน หากกลืน สูดดมหรือ หายใจรบั สารนเี้ ขา้ ไป และเมอื่ สารนเ้ี กดิ ลุกไหม้จะปล่อยก๊าซพิษ ตัวอย่างเช่น โซเดียมไซยาไนด์ กลุ่มสารก�าจัดแมลง ศตั รพู ชื และสัตว ์ เป็นต้น 6.2 สารตดิ เชอื้ (Infectious Substances) หมายถงึ สารทม่ี เี ชอ้ื โรคปนเปอ้ื นและกอ่ ใหเ้ กดิ โรคตา่ งๆ ตัวอย่างเชน่ แบคทเี รีย เพาะเช้ือ เป็นต้น 128 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุม ครองแรงงาน
คูมอื การบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามัย (Safe work Safe life for SMEs) ประเภทวตั ถทุ เ่ี ปนอนั ตราย รายละเอยี ด ประเภทท ่ี 7 คุณสมบัติ วัตถุเคมีท่ีสามารถแผ่รังสี ท่ีเป็นอันตรายต่อร่างกายโดยมีความ วสั ดกุ ัมมันตรงั สี เขม้ ข้นมากกวา่ 0.002 ไมโครครู ีต่อกรมั (Radioactive material) ตัวอย่างเช่น โมนาไซด์ ยูเรเนียม โคบอลต์-60 เป็นตน้ ประเภทท ี่ 8 คุณสมบัติ วัตถุเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน สารกดั กร่อน วัตถุอ่ืนๆ อย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น (Corrosive substances) กรดเกลือ กรดก�ามะถัน โซเดียม ไฮดรอกไซด ์ เป็นต้น ประเภทที่ 9 คุณสมบัติ วัตถุเคมีซึ่งไม่จัดอยู่ใน วัสดุอันตรายเบด็ เตล็ด ประเภทท ี่ 1 ถงึ ประเภทท ่ี 8 มคี ณุ สมบตั ิ (Miscellaneous Dangerous เป็นอนั ตรายในขณะขนส่ง ตวั อยา่ งเชน่ Substances and articles) ปุยแอมโมเนียมไนเตรต เป็นต้น และ ใหร้ วมถงึ สารทตี่ อ้ ง ควบคมุ ใหม้ อี ณุ หภมู ิ ไมต่ ่�ากวา่ 100 องศาเซลเซยี ส ในสภาพ ของเหลว หรือมีอุณหภูมิ ไม่ต่�ากว่า 240 องศาเซลเซยี สในสภาพของแข็งใน ระหว่างการขนส่ง กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและคุมครองแรงงาน 129
คมู ือการบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) 130 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุม ครองแรงงาน
คมู อื การบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดกิ ารและคุม ครองแรงงาน 131
คูม่ อื การบริหารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) แนวทางการจดั เกบ็ สารเคมอี ันตราย IMO ได้จัดแบ่งประเภทของวัตถุอันตรายเป็น 9 ประเภทเพื่อประโยชน์ ในการพิจารณาจัดแยกสินค้าอันตรายในการขนส่งทางทะเลให้เกิดความปลอดภัย ทำ� ใหท้ ราบวา่ สินค้าประเภทไหนควรเกบ็ อย่างไร เช่น ต้องแยกเกบ็ หรือต้องเกบ็ ให้ห่างจากสินค้าอันตรายประเภทไหนจึงจะเกิดความปลอดภัย สามารถน�ำมาใช้ ในการเกบ็ สนิ คา้ อนั ตรายในสถานทเ่ี กบ็ ได้ อยา่ งไรกต็ ามผปู้ ระกอบการควรหาขอ้ มลู ในเอกสารอน่ื เพิ่มเติมอีกด้วย ทัง้ นจี้ ะทำ� ให้ได้มาตรการในการจดั เก็บทถ่ี ูกตอ้ งและ ปลอดภยั ยงิ่ ข้ึน ดงั แนวทางในการจัดเกบ็ วตั ถุอนั ตรายแต่ละประเภท ดังน้ี ประเภทของวตั ถอุ นั ตราย การจัดเก็บ ประเภท 1 วัตถุระเบดิ เกบ็ แยกจากวตั ถอุ นั ตรายทกุ ประเภท ทำ� เลทเี่ กบ็ วตั ถรุ ะเบดิ ควรอยใู่ นทป่ี ลอดภยั หา่ งจากทอี่ ยอู่ าศยั หา่ งจากทางสาธารณะ ทางรถไฟ ในระยะทางทปี่ ลอดภยั โดย อาศยั หลกั เกณฑม์ าตรฐานเรอ่ื งระยะหา่ ง ระหว่างอาคารเก็บวัตถุระเบิดกับ สถานท่ีต่าง ๆ เช่น จากมาตรฐานการ เก็บสารระเบิดของสถาบันผู้ผลิตสาร ระเบิดในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะ ก�ำหนดระยะทางที่ปลอดภัยในการเก็บ วัตถุระเบิดขนาดไหนจะต้องอยู่ห่าง อาคารที่พักอาศัย ทางสาธารณะหรือ ทางรถไฟ และห่างจากอาคารเก็บวัตถุ ระเบิดอื่นเท่าไรจึงจะปลอดภัย ทั้งนี้ จะมีระยะทางท่ีมีเครื่องกีดขวางหรือ 132 กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดิการและคมุ้ ครองแรงงาน
คมู่ อื การบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) ประเภทของวัตถุอนั ตราย การจดั เก็บ ปราศจากเคร่ืองกีดขวางมาตรฐานน้ีได้ กำ� หนดระยะทางของวตั ถรุ ะเบดิ นำ้� หนกั ต้ังแต่ 2 ปอนดจ์ นถงึ 275,000 ปอนด์ เครื่องกีดขวางเป็นได้ท้ังเครื่องกีดขวาง ธรรมชาติได้แก่ ป่า ภูเขา แม่น้�ำ อ่าว แหลม เป็นต้น ส่วนเคร่ืองกีดขวางท่ี สรา้ งขนึ้ ไดแ้ ก่ เนนิ ดนิ เนนิ ทราย กำ� แพง อิฐ เข่ือน อ่างเก็บน้�ำ เป็นต้น สถานที่ เก็บวัตถุระเบิดควรติดป้ายสัญลักษณ์ วตั ถรุ ะเบดิ มกี ารเขม้ งวดในการเขา้ ออก ห้ามพกพาอุปกรณ์ในการท�ำให้เกิด ประกายไฟ เช่น ไมข้ ีดไฟ ไฟแชค เข้าไป เป็นต้น ประเภท 2 ก๊าซ การเก็บวัตถุอันตรายประเภทก๊าซ ประเภท 2.1 กา๊ ซไวไฟ ควรแยกเกบ็ เปน็ ประเภทดงั กลา่ ว แตต่ อ้ ง ประเภท 2.2 กา๊ ซไมต่ ดิ ไฟอดั ภายใต้ ดูรายละเอียดคุณสมบัติของก๊าซแต่ละ ความดนั ชนดิ ดว้ ยถงึ แมจ้ ะอยใู่ นประเภทเดยี วกนั ประเภท 2.3 กา๊ ซพษิ เช่น ก๊าซคลอรีนและแอมโมเนียชนิด แอนไฮดรัส เป็นก๊าซท่ีจัดไว้ในประเภท 2.3 กา๊ ซพษิ และเมอื่ พจิ ารณาคณุ สมบตั ิ เฉพาะของกา๊ ซแตล่ ะชนดิ แลว้ วา่ สามารถ ท�ำปฏิกิริยาอย่างรุนแรงไม่ควรเก็บไว้ ใกล้กัน ดังน้ันในการเก็บจะต้องแยก เก็บจึงจะปลอดภัย ก๊าซหลายชนิดที่มี กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดิการและคมุ้ ครองแรงงาน 133
คมู่ อื การบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามัย (Safe work Safe life for SMEs) ประเภทของวตั ถุอนั ตราย การจัดเกบ็ คุณสมบัติที่เป็นอันตรายอ่ืน ๆ ในการ จดั เกบ็ ตอ้ งแยกเกบ็ โดยทว่ั ไปแลว้ การเกบ็ ก๊าซอันตราย ควรเก็บในที่เย็น แห้ง มีการระบายอากาศที่ดี แสงแดดส่อง ไม่ถึง เก็บห่างจากแหล่งที่มีความร้อน และแหล่งท่ีมีเปลวไฟ และประกายไฟ ไมเ่ กบ็ ในบรเิ วณทพ่ี กั อาศยั เกบ็ แยกจาก วัตถุออกซิไดซ์ แหล่งที่มีสารฮาโลเจน การวางถังก๊าซควรวางในแนวต้ัง มีโซ่ คล้องยึดกับผนังที่แข็งแรง ผู้ประกอบ การควรมีแผนการป้องกันการร่ัวของ กา๊ ซและปอ้ งกันอุบตั ภิ ัยดว้ ย ประเภท 3 ของเหลวไวไฟ วัตถุอันตรายที่เป็นของเหลวไวไฟ ประเภท 3.1 ของเหลวทม่ี จี ดุ วาบไฟตำ่� ควรเกบ็ ในทเ่ี ยน็ แหง้ มอี ากาศระบายดี ประเภท 3.2 ของเหลวทม่ี จี ดุ วาบไฟ อาคารเกบ็ มโี ครงสรา้ งทำ� ดว้ ยวสั ดทุ นไฟ ปานกลาง ห้องเก็บหรือตู้เก็บวัตถุไวไฟควรสร้าง ประเภท 3.3 ของเหลวทมี่ จี ดุ วาบไฟสงู ดว้ ยวัสดทุ นไฟ ได้มาตรฐาน ในการเก็บ ต้องแยกเก็บจากวัตถุออกซิไดซ์ สาร อลั คาไลด์ กรด เกบ็ ใหห้ า่ งจากแหลง่ ทใี่ ห้ ความรอ้ น แหลง่ ทม่ี เี ปลวไฟ ประกายไฟ ไม่ควรเก็บในบริเวณที่พักอาศัย มีการ ปอ้ งกนั อคั คภี ยั ทเ่ี หมาะสม บรเิ วณทเ่ี กบ็ ควรมีปา้ ยสัญลกั ษณ์ของของเหลวไวไฟ 134 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคมุ้ ครองแรงงาน
คมู่ ือการบริหารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) ประเภทของวตั ถุอันตราย การจัดเกบ็ ประเภท 4 ของแข็งไวไฟ หรือวัตถุท่ี โดยทัว่ ไปแลว้ วัตถุประเภท 4 จะต้อง อาจจะลกุ ไหมไ้ ด้เอง หรือวัตถุทส่ี ัมผสั เกบ็ ในทเี่ ยน็ ทรี่ ม่ หา่ งไกลจากแหลง่ ทใี่ ห้ กบั น้�ำแล้วจะให้ก๊าซไวไฟ ความรอ้ น โครงสรา้ งอาคารเก็บทำ� ด้วย ประเภท 4.1 ของแขง็ ไวไฟ วัสดุทนไฟ เก็บแยกจากวัตถุออกซิไดซ์ ประเภท 4.2 วัตถุท่ีอาจจะลุกไหม้ ควรศึกษาคุณสมบัติเฉพาะของวัตถุ ได้เอง แต่ละชนิด ว่าในการเก็บมีข้อควรระวัง ประเภท 4.3 วตั ถทุ เี่ มอื่ สมั ผสั นำ้� แลว้ เปน็ พิเศษในเรอื่ งใดบา้ ง เช่น ในการเก็บ จะใหก้ า๊ ซไวไฟ ฟอสฟอรัสขาวหรือเหลืองท่ีเป็นวัตถุ ท่ีอยู่ในประเภท 4.2 จะเก็บในภาชนะ ท่ีมีน้�ำหรือเก็บภายใต้ก๊าซเฉ่ือย ส่วน โซเดียมซัลไฟด์ที่อยู่ในประเภท 4.2 เหมือนกันในการเก็บต้องระวังไม่ให้ ถูกน�้ำเพราะจะท�ำให้เป็นผลึก เป็นต้น การเก็บแคลเซียมที่อยู่ในประเภท 4.3 ต้องระวังไม่ให้ถูกน�้ำ เก็บแยกจากกรด และสารฮาโลเจน เปน็ ตน้ ประเภท 5 วัตถอุ อกซไิ ดซแ์ ละ เก็บแยกจากวัตถุอันตรายทุกชนิด ออรแ์ กนนคิ เปอร์ออกไซด์ โดยท่ีประเภท 5.1 ต้องเก็บแยกจาก ประเภท 5.1 วตั ถุออกซิไดซ์ ประเภท 5.2 เก็บในท่ีเย็น แสงแดด ประเภท 5.2 ออร์แกนนิคเปอร์- ส่องไม่ถึง ห่างจากแหล่งที่ให้ความร้อน ออกไซด์ ทม่ี เี ปลวไฟและประกายไฟ การเกบ็ ควร ศึกษาคุณสมบัติเฉพาะของวัตถุแต่ละ ชนดิ ดว้ ย เชน่ ในการเกบ็ ไฮโดรเจนเปอร-์ ออกไซด์ท่ีอยู่ในประเภท 5.1 จะต้อง กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน 135
คมู่ ือการบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามัย (Safe work Safe life for SMEs) ประเภทของวัตถุอนั ตราย การจัดเก็บ แยกเก็บจากวัตถุเปอร์แมงกาเนท เช่น ดา่ งทบั ทมิ (โปตสั เซยี มเปอรแ์ มงกาเนท) ซง่ึ เปน็ วตั ถปุ ระเภท 5.1 เหมอื นกนั และ แยกจากผงโลหะตา่ ง ๆ เปน็ ต้น ประเภท 6 วัตถมุ พี ษิ และวัตถตุ ิดเชื้อ การเกบ็ ตอ้ งเกบ็ ในทป่ี ลอดภยั แยกจาก ประเภท 6.1 วัตถมุ ีพิษ อาหาร ควรศกึ ษาคณุ สมบตั ทิ เ่ี ปน็ อนั ตราย ประเภท 6.2 วตั ถตุ ดิ เช้ือ อื่นด้วย เช่น วัตถุมีพิษที่มีคุณสมบัติ ไวไฟ ในการเก็บต้องแยกจากวัตถุไวไฟ ชนิดอ่ืน เก็บในบริเวณท่ีห่างจากแหล่ง ท่ใี หค้ วามร้อน ทมี่ ปี ระกายไฟ เปลวไฟ บริเวณที่เก็บต้องมีป้ายสัญลักษณ์ของ วัตถุมีพิษและวัตถุไวไฟ หากวัตถุมีพิษ เป็นวัตถุที่ไม่เสถียรในการเก็บต้องมี มาตรการที่ป้องกันไม่ให้เกิดการสลาย ตัวด้วย เช่น การเก็บในท่ีมีการควบคุม อณุ หภมู ใิ หต้ ำ่� บางชนดิ ตอ้ งเกบ็ แยกจาก กรด เชน่ สารประกอบไซยาไนด์ตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ ประเภท 7 วัตถุกัมมันตรงั สี การเก็บวัตถุกัมมันตรังสี แยกจาก วตั ถอุ นั ตรายทกุ ชนดิ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ วัตถุประเภท 1, ประเภท 2 (2.1), ประเภท 3 (3.1, 3.2, 3.3), ประเภท 4 (4.1, 4.2, 4.3), ประเภท 5 (5.2), 136 กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและค้มุ ครองแรงงาน
คมู่ อื การบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) ประเภทของวัตถอุ ันตราย การจดั เกบ็ ประเภท 8 วตั ถุกดั กรอ่ น ประเภท 8 สว่ นประเภทอน่ื นน้ั ในการเกบ็ ต้องให้อยู่ห่างกันอย่างน้อยระยะทาง 3 เมตรขน้ึ ไป ตอ้ งเกบ็ ไมป่ ะปนกบั อาหาร และเครอ่ื งด่มื ควรมเี ครือ่ งตรวจวดั รังสี ที่อาจร่ัวออกมาด้วย บริเวณท่ีเก็บควร แ ส ด ง ป ้ า ย สั ญ ลั ก ษ ณ ์ ข อ ง วั ต ถุ รั ง สี ไม่อนุญาตให้บุคคลท่ีไม่เกี่ยวข้องเข้าไป ในบรเิ วณที่มีการเก็บวตั ถกุ มั มนั ตรังสี เน่ืองจากวัตถุกัดกร่อนสามารถ ท�ำลายวัตถุใด ๆ ท่ีอยู่ใกล้เคียงได้เมื่อ เกดิ การรวั่ ไหล ดงั นั้นในการจัดเก็บตอ้ ง มีมาตรการท่ีดี ไม่เก็บภาชนะท่ีช�ำรุด ปะปนกับภาชนะท่ีดี บริเวณที่เก็บควร เป็นทีเ่ ยน็ มีอากาศระบายดี โครงสรา้ ง อาคารเกบ็ ถา้ เปน็ โลหะควรทาสปี อ้ งกนั การผุของโลหะเนื่องจากถูกไอกรด เกบ็ ให้หา่ งจากวัตถุประเภท 2, 3, 4, 6 เกบ็ แยกจากวัตถปุ ระเภท 1, 5 และ 7 การเก็บวัตถุประเภท 8 แยกจากกรด ซัลฟูริค กรดไนตริก และซัลเฟอร์ไดร- ออกไซด์ อย่างไรก็ตามควรศึกษา คุณสมบัติของวัตถุกัดกร่อนจากข้อมูล อื่นด้วย เพ่ือการจัดเก็บท่ีถูกต้องและ ปลอดภยั กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน 137
คมู ือการบริหารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) ประเภทของวัตถอุ นั ตราย การจัดเก็บ ประเภท 9 วตั ถุอันตรายอน่ื ในการเก็บเป็นไปตามคุณสมบัติ เฉพาะของวัตถอุ นั ตรายประเภทน้ี ระดับความรนุ แรงความเปน อันตรายของสารเคมี ระบบสัญลักษณ์แสดงอันตราย ของ NFPA (The National Fire Protection Association) ของสหรฐั อเมริกา 138 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวสั ดิการและคุมครองแรงงาน
ค่มู อื การบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามัย (Safe work Safe life for SMEs) ระบบ NFPA ก�ำหนดสัญลักษณ์แสดงอันตรายเป็นรูปเพชร (Dia- mond-shape) กล่าวคือเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่วางตั้งตามแนวเส้นทะแยงมุม ภายในแบ่งออกเป็นส่เี หลย่ี มย่อยขนาดเทา่ กนั 4 รูป ใชพ้ นื้ ทก่ี �ำกับ 4 สี ได้แก่ 1. สีแดง แสดงอนั ตรายจากไฟ (Flammability) 2. สนี �้ำเงิน แสดงอนั ตรายต่อสขุ ภาพ (Health) 3. สีเหลอื ง แสดงความไวตอ่ ปฏกิ ิริยาของสาร (Reactivity) 4. สีขาวแสดงคุณสมบัติพิเศษของสาร และใช้ตัวเลข 0 ถึง 4 แสดงถึง ระดบั ตารางสรปุ สญั ลกั ษณต์ า่ ง ๆ ของระบบ NFPA สี่เหลย่ี ม สีเ่ หล่ยี ม สเ่ี หล่ียม ส่เี หล่ียม พืน้ สีแดง พน้ื สนี �้ำเงนิ พ้ืนสเี หลอื ง พนื้ สขี าว ด้านบน ดา้ นซ้าย ดา้ นขวา ด้านลา่ ง แสดงอนั ตรายจากไฟ แสดงอันตรายต่อ แสดงความไวต่อ แสดงข้อควรระวัง (Flammability) สุขภาพ (Health) ปฏิกิริยาของสาร พิเศษ (Special (Reactivity) notice) ระดบั 4 ระดับ 4 ระดบั 4 เนอ่ื งจากสารบางชนดิ สารไวไฟมากได้แก่ สารที่ได้รับเพียง สารท่ีสามารถย่อย มีสมบัติเฉพาะตัว สารท่ีระเหยเป็นไอ เล็กน้อยจะท�ำให้ สลายตวั หรอื ระเบดิ ท่ีควรสนใจเพราะ ไดร้ วดเรว็ ทอี่ ณุ หภมู ิ ตายได้ หรือเป็น ไ ด ้ ด้วยตัวเองที่ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตราย ห ้ อ ง ที่ ความดัน อันตรายรุนแรงได้ อุณหภูมิห้องและ ได้ คุณสมบัติของ บรรยากาศเ ม่ื อ รวมทงั้ สารทจี่ ะเปน็ ความดนั ปกติรวมถงึ สารเหลา่ นจ้ี ะแสดง กระจายตวั ผสมกับ อันตรายอย่างมาก สารทไี่ วตอ่ ความรอ้ น ดว้ ยอักษรย่อ หรือ อากาศแลว้ ตดิ ไฟได้ ถ ้ า ใ ช ้ ง า น โ ด ย และแรงสน่ั สะเทอื น สญั ลักษณ์ ดงั น้ี หรือของเหลวท่ีมี ปราศจากอุปกรณ์ OX: เป็นสาร จุดวาบไฟ (Flash ป้องกนั ออกซไิ ดซ์สารเหลา่ นี้ point) ต�่ำกว่า เมอื่ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวสั ดิการและคุม้ ครองแรงงาน 139
ค่มู ือการบรหิ ารงานความปลอดภัยและอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) ส่ีเหล่ียม สี่เหลีย่ ม ส่ีเหล่ียม สี่เหลี่ยม พื้นสแี ดง พ้นื สีนำ�้ เงนิ พนื้ สเี หลือง พื้นสขี าว ดา้ นบน ดา้ นซ้าย ด้านขวา ด้านล่าง 22.8 oC จุดเดือด จะใหอ้ อกซเิ จนหรอื น้อยกว่า 37.8 oC อีเลคตรอน รวมท้ังสารที่ติดไฟ W: เป็นสารที่ท�ำ ได้เองเมอ่ื สมั ผสั กบั ป ฏิ กิ ริ ย า รุ น แ ร ง อากาศ กับน้ำ� ระดบั 3 ระดบั 3 ระดับ 3 ของเหลวหรือของ สารที่เมื่อสูดดม สารทส่ี ลายหรอื เกดิ แข็งท่ีติดไฟได้ใน ในเวลาสนั้ ๆ หรือ ระเบิดได้เม่ือได้รับ อากาศ ที่อุณหภูมิ สั ม ผั ส ผิ ว ห นั ง ความร้อนหรือแรง ปกติ ได้แก่สารท่ีมี ประมาณเล็กน้อย สน่ั สะเทอื นทสี่ งู พอ จุดวาบไฟน้อยกว่า จะเป็นอันตราย รวมถงึ ทเี่ กดิ ระเบดิ 22.8 oC และมี ร้ายแรงช่ัวคราว ไดเ้ มอ่ื ถกู น�้ำ จุดเดือดมากกว่า หรอื มีผลตกค้างได้ 37.8 oC ระดับ 2 ระดับ 2 ระดบั 2 ส า ร ที่ ต ้ อ ง ใ ช ้ สารท่ีเม่ือได้รับใน สารทจี่ ะเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า ความรอ้ นปานกลาง ปรมิ าณทม่ี ากพอจะ รุนแรงในอุณหภูมิ ก่อนจะติดไฟใน ทำ� ใหเ้ กดิ ทพุ พลภาพ และความดันปกติ อากาศถา้ มปี รมิ าณ ชวั่ คราว หรอื ถาวรได้ รวมถึงสารที่เกิด มากพออาจก่อให้ รวมถึงสารที่ต้อง ปฏิกิริยารุนแรงกับ เกิดบรรยากาศที่ ใช้เคร่ืองป้องกัน น้ำ� เป็นพิษได้ ได้แก่ อันตรายต่อระบบ ของเหลวที่มีจุด ทางเดนิ หายใจ วาบไฟสงู กวา่ 37.8oC แต่ไมเ่ กิน 93.4 oC 140 กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดิการและคมุ้ ครองแรงงาน
คู่มอื การบริหารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) สี่เหลีย่ ม สี่เหลย่ี ม สเ่ี หลย่ี ม สีเ่ หลี่ยม พืน้ สแี ดง พืน้ สนี �ำ้ เงิน พ้ืนสีเหลือง พืน้ สีขาว ดา้ นบน ด้านซ้าย ดา้ นขวา ดา้ นล่าง ระดบั 1 ระดับ 1 ระดบั 1 สารประเภทที่ต้อง สารที่เม่ือได้รับใน สารประเภทน้ี จะมี ใหค้ วามรอ้ นสงู กอ่ น ระยะเวลาสนั้ ๆจะเกดิ ความคงตวั ในสภาวะ จะตดิ ไฟและเผาไหม้ การระคายเคืองได้ ปกติ แต่ไม่มีความ ในอากาศได้ ได้แก่ คงตัวเมื่ออุณหภูมิ สารที่มีจุดวาบไฟ หรือความดันเพ่ิม สงู กวา่ 93.4 oC รวมถงึ สารทสี่ ลายตวั เมือ่ ถกู อากาศ แสง สวา่ งหรอื ความช้ืน ระดับ 0 ระดับ 0 ระดับ 0 วัตถุที่ไม่ติดไฟใน สารประเภทนไี้ มเ่ ปน็ สารประเภทนมี้ คี วาม อากาศแม้ว่าจะให้ อันตราย นอกจาก คงตัวสูง แม้ว่าจะ ความร้อนสูงถึง เวลาติดไฟ ไ ด ้ รั บ ค ว า ม ร ้ อ น 815.5 oC นานถึง ก็ตาม รวมถึงสารท่ี 5 นาที ไมท่ ำ� ปฏกิ ริ ยิ ากบั นำ�้ หลกั ในการควบคมุ และป้องกันอันตรายจากสารเคมี 1. การป้องกนั ท่แี หล่งก�ำเนดิ ของสารเคมี ใชส้ ารที่มพี ษิ น้อยกว่าแทน เปลี่ยนกระบวนการผลิตใหม่ เช่น ใช้ระบบเปียกแทนระบบแห้ง เพื่อมใิ หเ้ กิดฝ่นุ ฟุง้ กระจาย แยกกระบวนการผลิตท่มี อี นั ตรายออกตา่ งหาก สร้างที่ปกปิดกระบวนการผลิตให้มิดชิด มิให้สารเคมีฟุ้งกระจาย ออกไป กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดิการและคมุ้ ครองแรงงาน 141
คู่มือการบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) ตดิ ตงั้ ระบบดดู อากาศเฉพาะที่ การบำ� รุงรักษา เครอ่ื งมอื เครอื่ งจกั ร 2. การป้องกนั ทางผา่ นของสารเคมี การบ�ำรุงรกั ษาสถานที่ทำ� งานให้สะอาดเรยี บรอ้ ย การติดตง้ั ระบบระบายอากาศท่ัวไป เพิ่มระยะทางให้ผปู้ ฏิบัติงานหา่ งจากแหล่งสารเคมี การตรวจหาปริมาณสารเคมีเทียบกับค่ามาตรฐานความปลอดภัย จะตอ้ งปรบั ปรงุ แก้ไขหากสงู เกินกว่าคา่ มาตรฐานความปลอดภยั 3. การป้องกนั ทผ่ี ้ปู ฏิบัตงิ าน การให้การศึกษาและการฝึกอบรมให้ทราบถึงอันตรายและการ ปอ้ งกนั การลดชว่ั โมงการทำ� งานทเี่ กย่ี วกบั สารเคมที เี่ ปน็ อนั ตรายใหน้ อ้ ยลง การหมนุ เวียนหรือการสับเปลย่ี นหนา้ ที่การปฏบิ ตั งิ าน การให้ผู้ปฏิบัติงานทำ� งานอยู่ในหอ้ งทค่ี วบคมุ เปน็ พิเศษ การตรวจสขุ ภาพก่อนเข้าทำ� งาน การใช้เคร่ืองป้องกันอนั ตรายสว่ นบุคคล 142 กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดกิ ารและคมุ้ ครองแรงงาน
คมู อื การบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดกิ ารและคุม ครองแรงงาน 143
ค่มู ือการบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) 144 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุม้ ครองแรงงาน
คู่มือการบริหารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) บทที่ อุปกรณค์ ้มุ ครองความปลอดภยั สว่ นบุคคล (Personal Protection Equipment) ความส�ำคัญของอุปกรณค์ มุ้ ครองความปลอดภยั ส่วนบุคคล จากการขยายตัวเศรษฐกิจของไทยที่ดีขึ้นโดยมีแรงขับเคล่ือนจาก การส่งออกสินค้าที่ขยายตัวสูงสอดคล้องกับการขยายตัวของอุปสงค์ต่างประเทศ และราคาน้�ำมันดิบในตลาดโลก เช่นเดียวกับการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว ในเกือบทุกหมวดการใช้จ่าย ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว สอดคลอ้ งกนั การเตบิ โตดงั กลา่ วสง่ ผลใหก้ ารลงทนุ ภาคเอกชนมกี ารขยายตวั ในสว่ น ของเครื่องมือเคร่ืองจักรเป็นส�ำคัญ สะท้อนจากมูลค่าการน�ำเข้าสินค้าทุน และ นอกจากนี้ การลงทุนภาคเอกชนยังมีปัจจัยบวกเพ่ิมเติมจากการขยายตัวของ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะความชดั เจนของโครงการ EEC ทเี่ พมิ่ ขน้ึ หลงั พระราชบญั ญตั เิ ขตพฒั นาพเิ ศษภาคตะวนั ออกผา่ นการอนมุ ตั ใิ หเ้ ปน็ กฎหมาย อีกท้งั ประเด็นความกังวลเรื่องการขาดแคลนแรงงานไดค้ ลีค่ ลายลง จากภาวะความเจริญด้านเศรษฐกิจและสังคม ท�ำให้สภาพการท�ำงาน สาขาต่าง ๆ ที่เก่ียวเน่ืองกันเปลี่ยนไปท�ำให้ผู้ปฏิบัติงานหรือคนงานมีโอกาสเสี่ยง ต่ออันตรายมากขึ้น เช่น การท�ำงานในสถานประกอบการที่มีการออกแบบสร้าง ท่ีไม่ถูกต้อง การท�ำงานในสถานประกอบการที่มีกระบวนการผลิตท่ีไม่ปลอดภัย สภาพแวดล้อมของการท�ำงานท่ไี มป่ ลอดภัยทง้ั ทางด้านกายภาพ ชวี ภาพ ทางเคมี และจิตวิทยาสังคม ท�ำให้เกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิต รวมท้ัง เกิดโรคจากการท�ำงาน สง่ เหล่าน้ลี ้วนมีโอกาสเกิดขนึ้ ได้ตลอดเวลา ถึงแม้บางครั้ง สถานประกอบการจะได้มีการวางแผนโครงสร้าง มีการออกแบบด้านวิศวกรรม มาเปน็ อยา่ งดแี ลว้ กต็ าม แตก่ ารทำ� งานบางอยา่ งมขี อ้ จำ� กดั ทไี่ มอ่ าจใชห้ ลกั การทาง กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดิการและคมุ้ ครองแรงงาน 145
คู่มอื การบริหารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) วิศวกรรมมาใช้ในการแก้ปัญหาได้ ดังน้ันจึงจ�ำเป็นต้องป้องกันอันตรายที่อาจจะ เกิดข้นึ กบั ตัวบุคคล โดยการสวมใส่อุปกรณ์คุม้ ครองความปลอดภยั ส่วนบคุ คล นยิ าม อปุ กรณค์ ุ้มครองความปลอดภยั ส่วนบุคคล หรอื อปุ กรณป์ ้องกันอันตราย ส่วนบุคคล หรือ Personal Protective Equipment (PPE) หมายถงึ อปุ กรณ์ ส�ำหรับผู้ปฏิบัติงานสวมใส่ขณะท�ำงานเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดข้ึนจาก เคร่ืองมือ เคร่ืองจักร หรือสภาพแวดล้อมในการท�ำงานที่ไม่ปลอดภัย รวมท้ัง ปัจจัยที่อาจจะเกิดจากตัวบุคคลท่ีอาจจะเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุจาก การท�ำงานได้ ดังนั้นจึงต้องให้ผู้ปฏิบัติงานสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย ส่วนบุคคลท่ีเหมาะสมกับสภาพการทำ� งานตลอดเวลาการทำ� งาน เพอื่ ช่วยป้องกนั อวัยวะของร่างกายในส่วนท่ีต้องสัมผัสงานหรือป้องกันระบบทางเดินหายใจ มิให้ ประสบอนั ตรายจากภาวะอันตรายทอ่ี าจเกดิ ขึ้นไดต้ ลอดเวลาขณะทท่ี ำ� งาน ประเภทของอุปกรณ์ค้มุ ครองความปลอดภยั สว่ นบคุ คล 1. อุปกรณ์ป้องกันศรี ษะ (Head Protection Devices) อปุ กรณป์ อ้ งกนั ศรี ษะ (Head Protection Devices) หรอื หมวกนริ ภยั (Safety Helmet) เป็นอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลท่ีออกแบบมา เพ่ือป้องกันการกระแทก การเจาะทะลุจากวัสดุท่ีจะตกลงมากระทบกับศีรษะได้ และยังสามารถต้านทานต่อกระแสไฟฟ้า ทนการไหม้ไฟ ซ่ึงคุณสมบัติต่างๆ ขึน้ อยกู่ ับชั้นคุณภาพ (Class) ของหมวกนิรภยั ซ่ึงอปุ กรณป์ อ้ งกันศีรษะนีเ้ ป็นเพียง การลดแรงเทา่ นนั้ ไมใ่ ชใ่ หส้ ามารถกนั ไดอ้ ยา่ งสมบรู ณจ์ ากการกระแทกอยา่ งรนุ แรง หมวกนิรภัยควรจะสามารถทนได้ต่อการตกใส่ของเครื่องมือเล็ก ๆ น็อต สกรู ชนิ้ ส่วนของไม้ เปน็ ตน้ 146 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและคุม้ ครองแรงงาน
คูมอื การบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) หมวกนิรภยั แบง่ ตามคุณสมบตั ิของการใช้งาน ได ้ 4 ประเภท ดงั น้ ี 1. ประเภท A ท�ามาจากพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาส มีน�้าหนักเบา เหมาะส�าหรับใช้งานทั่วไป เช่น คนก่อสร้าง โยธา เครื่องจักรกล เหมืองแร่ และ งานที่ไมเ่ สีย่ งกบั กระแสไฟฟา้ แรงสูง เปลือกนอกปอ้ งกันน�้าไดแ้ ละไหม้ไฟช้า 2. ประเภท B ท�ามาจากวัสดุสังเคราะห์ประเภทพลาสติก หรือ ไฟเบอรก์ ลาส และไมม่ รี ทู ห่ี มวก เหมาะสา� หรบั การใชง้ านทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั กระแสไฟฟา้ แรงสูง เช่น ช่างเดินสายไฟ ในสถานไี ฟฟ้าและในโรงไฟฟ้า 3. ประเภท C ทา� มาจากวสั ดทุ เ่ี ปน็ โลหะ เหมาะสา� หรบั การใชง้ านปอ้ งกนั การกระแทก แรงเจาะ และใชใ้ นงานที่ไม่เส่ียงกบั กระแสไฟฟา้ 4. ประเภท D ท�ามาจากวัสดุสังเคราะห์ประเภทพลาสติก และ ไฟเบอรก์ ลาส ออกแบบเพื่อใช้ในงานดับเพลงิ หรอื งานปอ้ งกนั อคั คภี ัย ต้องมีความ ทนทานไม่ไหมไ้ ฟ และไม่เป็นตัวนา� ไฟฟ้า กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและคมุ ครองแรงงาน 147
คมู ือการบรหิ ารงานความปลอดภัยและอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) สว่ นประกอบหมวกนริ ภัย หมวกนริ ภยั สว่ นใหญผ่ ลติ จากพลาสตกิ ชนดิ อะครโี ลไนทรายลบ์ วิ ตาไดอนี - สไตรีนเทอร์โพลิเมอร์ (Acrylonitrile Butadiene-Styrene Terpolymer) โดยมีสว่ นประกอบที่สา� คัญทจี่ ะชว่ ยปอ้ งกนั อนั ตรายให้แกผ่ ู้สวมใส ่ ดงั น้ี ตวั หมวก ทา� มาจากพลาสตกิ โลหะ หรือ ไฟเบอร์กลาส รองใน แผ่นซับเหง่ือ ท�ามาจากใยสังเคราะห์ใช้ส�าหรับซับเหง่ือและ ใหอ้ ากาศผา่ นได้ กระบังหมวก แถบป้องกันการกระแทก และหมวกนิรภัยท่ีได้มาตรฐาน จะไม่ท�าใหผ้ ูส้ วมใส่ถูกจ�ากัดหรือลดขอบเขตการมองในทางกวา้ ง อปุ กรณย์ ดึ เหนยี่ ว เชน่ แถบโยง แถบรดั เบาะรองแผน่ ปดิ ห ู แผน่ ปดิ หลงั คอ สายรดั ศรี ษะ และสายรดั ดา้ นหลงั ศรี ษะ ซง่ึ สามารถปรบั ใหเ้ หมาะสมกบั ผสู้ วมใสไ่ ด้ สายรัดคาง คอื สายรดั ใตค้ างเพอื่ ให้การสวมหมวกนริ ภัยกระชบั ยงิ่ ขน้ึ 148 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคมุ ครองแรงงาน
คูมอื การบริหารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) การเลือกใช้หมวกนริ ภยั หมวกนริ ภยั มมี าตรฐานสากลสา� หรบั ควบคมุ คณุ ภาพ สา� หรบั ประเทศไทย การผลิตหมวกนิรภัยภายใต้มาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.368/2524 และจะต้อง มีค�าอธิบายอยดู่ า้ นในของหมวก มีเครอ่ื งหมายการค้าช่อื ผผู้ ลติ สินคา้ วนั เดือน ปี ท่ีผลิต บอกประเภท ชนิดของสินค้า วัสดุที่ใช้ในการผลิต จะต้องมีการทดสอบ ดา้ นไฟฟา้ โดยเฉพาะหมวกนริ ภยั ประเภท B โดยการใชแ้ รงเคลอื่ นไฟฟา้ กระแสสลบั ขนาด 20,000 โวลท ์ ท ่ี 50-60 ไซเกลิ ต่อวนิ าท ี เป็นเวลา 3 นาท ี และจะมกี ระแส ไฟฟ้าร่ัวไม่เกิน 9 มิลลิแอมป ส่วนประเภทอ่ืน จะมีความต้านทานกระแสไฟฟ้า นอ้ ยกวา่ จะอยทู่ ่ี 2,200 โวลท ์ ท ี่ 50-60 ไซเกลิ ตอ่ วนิ าท ี ในเวลา 1 นาท ี และกระแส จะรัว่ ไมเ่ กนิ 1 มิลลิแอมป มีการทดสอบความทนตอ่ การไหม้ไฟ และการทดสอบ ความคงทนต่อแรงกระท�า ซึ่งหมวกนิรภัยทุกชนิดน้ันจะช่วยลดอันตรายจากการ ถกู วัสดตุ กมากระทบกระแทกศรี ษะได้มาก หากมีการใช้อยา่ งถกู วธิ แี ละถูกตอ้ ง นอกจากนี้ยังมีหมวกนิรภัยส�าหรับสตรีท่ีท�างานสัมผัสกับเคร่ืองจักรกล สายพาน ใบพดั ทมี่ กี ารเคลอื่ นไหว เพอ่ื ปอ้ งกนั เสน้ ผมมใิ หถ้ กู ดดู เขา้ ไปกบั เครอื่ งจกั ร ซึ่งบางชนิดท�าด้วยวัสดุทนไฟเพ่ือใช้ในการท�างานที่มีความร้อนจากงานเช่ือม หรือหลอมโลหะ กับหมวกชนิดปัมขึ้นรูปมีลักษณะของหมวกบางและเบา เพื่อใช้ ส�าหรับงานเบาในโรงงานบางชนิดเท่าน้ัน และมีข้อจ�ากัดเข้มงวดในการใช้ จะใช้ แทนหมวกนิรภยั ไม่ได้เด็ดขาด กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุมครองแรงงาน 149
คูม อื การบริหารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) การดูแลรกั ษาหมวกนิรภยั การดูแลรักษาหมวกนิรภัย โดยการท�าความสะอาดท้ังตัวหมวกและ อุปกรณ์ด้วยน้�าอุ่นกับสบู่ หรือด้วยน�้ายาฆ่าเช้ือท่ีเหมาะสมอย่างสม�่าเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้งานของหมวกที่มีการผลัดเปลี่ยนกันใช้ พร้อมท้ัง การตรวจสอบดแู ล ชน้ิ สว่ นท่มี กี ารช�ารดุ ทส่ี ามารถเปล่ยี นแปลงแกไ้ ขได ้ หรอื ช�ารุด จนไม่สามารถเปลยี่ นแปลงแกไ้ ขได้ใหเ้ ปลี่ยนชดุ ใหม่ หรือการเสอ่ื มสภาพตามอายุ การใชง้ าน รวมทง้ั การจดั เก็บ การเลอื กสหี มวกนิรภัย หมวกนิรภัยนี้ส่วนใหญ่จะมีสีเข้มสดหรือมีแถบสะท้อนแสงท้ังนี้ เม่ือเวลาสวมใส่จะสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ซึ่งในแต่ละสีมีความหมาย ในการใชง้ านทแี่ ตกตา่ งกนั ซงึ่ เปน็ สญั ลกั ษณท์ ส่ี ามารถบง่ บอกไดถ้ งึ ตา� แหนง่ หนา้ ท่ ี และมีความหมาย ดังน้ี หมวกนิรภัยสขี าว ส�าหรบั วิศวกร ผู้บริหาร หัวหน้างาน ผูเ้ ยยี่ มชม และคณะกรรมการความปลอดภยั อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการทา� งาน หมวกนิรภัยสีนํา้ เงิน สา� หรับช่างไฟฟ้า ชา่ งไม้ และเจา้ หนา้ ทเ่ี ทคนคิ อื่นๆ 150 กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวสั ดิการและคมุ ครองแรงงาน
คูม ือการบริหารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) หมวกนริ ภยั สเี หลือง ส�าหรบั พนกั งานทัว่ ไป หมวกนิรภัยสีเขยี ว สา� หรับเจา้ หนา้ ท่คี วามปลอดภยั ในการทา� งาน หมวกนริ ภยั สีแดง สา� หรับการท�างานที่เกย่ี วกบั ความร้อน เช่น ช่างเชอ่ื ม หมวกนิรภัยสสี ม้ ส�าหรับการทา� งานทเี่ กีย่ วกับความร้อน เชน่ ช่างเชื่อม กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดิการและคมุ ครองแรงงาน 151
คมู อื การบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามยั (Safe work Safe life for SMEs) หมวกนิรภัยสีแดง สา� หรบั เจา้ หน้าทง่ี านดับเพลิง หมวกนริ ภัยสเี หลอื ง สา� หรับเจ้าหนา้ ท่ีงานดับเพลงิ 2. อุปกรณ์ป้องกนั ตา (Eye Protection Devices) เปน็ อปุ กรณค์ มุ้ ครองความปลอดภยั สว่ นบคุ คลสา� หรบั ชว่ ยปอ้ งกนั เพอื่ ลดอนั ตรายอนั อาจจะเกดิ ขนึ้ ในขณะทา� งานทอ่ี าจมเี ศษวสั ด ุ สารเคม ี หรอื รงั ส ี ทจี่ ะ ท�าใหใ้ บหน้าและดวงตาเป็นอนั ตรายได้ แบง่ ออกเป็น แว่นตานิรภัย (Protective Spectacles or Glasses) รปู รา่ งลกั ษณะคล้ายกับแวน่ ตาโดยท่ัวไป แต่จะแตกต่างกันในส่วนของความทนทาน แข็งแรง และวัสดุท่ีใช้ท�าแว่นกับเลนส์ที่ใช้ตามความจ�าเป็นของ ลักษณะงานแต่ละชนิด เช่น ป้องกันแสงจ้า ป้องกัน ความร้อน ป้องกันสารเคมี รังสี กันลม หรือต้าน แรงกระแทก ซง่ึ มที ง้ั ชนดิ ทมี่ กี ระบงั ดา้ นขา้ ง ชว่ ยปอ้ งกนั เศษส่ิงของวัสดุกระเด็นเข้าทางด้านข้างกับชนิดไม่มี กระบังด้านข้างใช้ส�าหรับป้องกันอันตรายเข้าทางด้านหน้าเท่าน้ัน ซึ่งมีทั้งแบบที่ สามารถปรับให้เหมาะสมกับการใชง้ านได้กับแบบท่ีคงที ่ วัสดุทใ่ี ช้ท�ากรอบแว่นนนั้ 152 กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดกิ ารและคมุ ครองแรงงาน
คมู่ ือการบริหารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) มีทั้งที่ท�ำมาจากโลหะและพลาสติก และชนิดผสมระหว่างโลหะกับพลาสติก ท่ีมี คุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อน ดูดซึม เพื่อป้องกันการติดเช้ือต่าง ๆ ได้ง่าย ไม่มี กลิ่นหรือเป็นพิษกับผู้ใช้ นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์ป้องกันตาชนิดอื่น ๆ อีก เช่น ครอบแว่น (Cover goggles) ใช้สวมทับแว่นสายตาเพื่อป้องกันทั้งตาและแว่นตา ผู้สวมในขณะท�ำงาน ครอบป้องกันสารเคมี (Chemical goggles) เป็นแว่นชนิด ทีม่ ีเลนสป์ ระเภทผ่านการอบความรอ้ น หรอื เลนส์พลาสตกิ ชนิดทนกรด ทนด่างได้ ใช้ในการป้องกันสารเคมีในรูปของฝุ่นละออง หรือของเหลวกระเด็นเข้าตาทั้งทาง ด้านตรงและด้านข้าง โดยมีกระบังด้านข้าง ครอบตาส�ำหรับท�ำงานหลอมโลหะ หรืองานเหมืองแร่ ส่วนเลนส์อาจท�ำมาจากพลาสติก หรือแก้วขึ้นอยู่กับความ ตอ้ งการใชง้ านแตล่ ะชนดิ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ไป โดยจะตอ้ งคำ� นงึ ถงึ ปจั จยั เกย่ี วขอ้ งตอ่ ไปน้ี 1. วัสดุที่ใช้ต้องไม่ท�ำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นอันตราย ต่อดวงตา 2. มกี ารหกั เหทเี่ หมาะสมกบั การใชง้ าน (ไมเ่ กนิ 1/11 ปรซิ มึ ไดออฟเตอร)์ 3. ก�ำลังการหักเหในตัวกลางใด ๆ และความแตกต่างของก�ำลัง การหกั เหในตวั กลางทีต่ ่างกันทง้ั สองชนดิ ตอ้ งไม่เกนิ 1/16 ไดออฟเตอร์ 4. วัสดทุ ้ังสองชนิดทใ่ี ชต้ อ้ งทนความรอ้ นไดใ้ กล้เคยี งกัน 5. เลนส์พลาสติกบางชนิดอาจเส่ือมคุณภาพเน่ืองจากปฏิกิริยา จากสารเคมีบางอย่างได้ 6. เลนสพ์ ลาสตกิ จะทนทานต่อวัสดทุ ่แี หลมคมได้มากกวา่ 7. เลนส์พลาสตกิ จะทนตอ่ วัสดเุ ลก็ ท่เี คลือ่ นไหวไดด้ ีกว่าเลนสแ์ ก้ว 8. เลนสพ์ ลาสตกิ จะทนทานกบั การขดี ขว่ นไดด้ ขี นึ้ ดว้ ยการเคลอื บผวิ หนา้ ด้วยสารบางอยา่ ง 9. การฝ้ามวั ของเลนสแ์ ก้วจะหายไปเรว็ กว่าเลนส์พลาสตกิ 10. เลนส์ท้ังสองชนิดจะมีความทนทานต่อแรงกระแทกมากข้ึน เม่อื มีความหนาที่เหมาะสม กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดิการและคุ้มครองแรงงาน 153
คมู อื การบรหิ ารงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) การเลอื กใชแ้ ว่นนริ ภยั 1. ควรเลือกชนิดที่มีกรอบกระชับ แข็งแรง เหมาะกับการสวมใส่ ในการทา� งาน 2. ควรเลือกชนิดท่ีมีคุณสมบัติในการป้องกันอันตรายได้สูงสุดและ ใช้งานได้ตลอดเวลา 3. มขี นาดทก่ี วา้ งใหญพ่ อดกี บั ขนาดของรปู หนา้ และจมกู โดยวดั ระยะ ห่างของช่วงตาลบด้วยความกว้างของจมูกจะเท่ากับเส้นผ่าศูนย์กลางที่ยาวของ เลนสท์ ่จี ะใช ้ 4. สามารถท�าความสะอาดได้ง่ายเพ่ือให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ ทันทีและไมต่ ดิ เช้อื ไดง้ ่าย 5. ทนความร้อนไมต่ ิดไฟงา่ ย 6. ราคาถกู 154 กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดิการและคมุ ครองแรงงาน
คมู่ อื การบริหารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) การดูแลรักษาแวน่ นิรภยั 1. ทำ� ความสะอาดดว้ ยการลา้ งดว้ ยสบกู่ บั นำ้� อนุ่ แลว้ แชใ่ นนำ้� ยาฟนี อล นำ้� ยาไฮโดรคลอไรด์ หรือน้ำ� ยาแอมโมเนียนานประมาณ 10 นาที แลว้ ทงิ้ ไว้ใหแ้ หง้ หรอื ใชเ้ ครอ่ื งเป่าให้แหง้ 2. เกบ็ ไวใ้ นทที่ ไ่ี มม่ ีฝ่นุ และความชืน้ สูง 3. เม่ือมีการช�ำรุดเสียหายควรซ่อมแซมปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้ อย่างปกติและควรใชเ้ ปน็ อปุ กรณ์ส่วนตัว ไมค่ วรใช้รว่ มกันแบบของสว่ นรวม 3. อปุ กรณ์ป้องกันใบหน้า (Face Protection) การท�ำงานบางอย่างต้องเส่ียงต่ออันตรายที่อาจจะเกิดข้ึนกับบริเวณ ใบหน้า ดังน้ันอุปกรณ์ป้องกันใบหน้าจึงจ�ำเป็นส�ำหรับการป้องกันความร้อน การแผ่รังสีทีม่ ีความเข้มสงู หรือเปน็ อันตราย การหลอมเหลวโลหะ การเช่ือมโลหะ การตัดโลหะด้วยการใชก้ ๊าซ ได้แก่ กระบงั ป้องกนั ใบหนา้ (Face Shield) หนา้ กาก กรองแสง หมวกครอบกันกรด หมวกครอบแบบจ่ายอากาศ และอุปกรณ์ป้องกัน แบบใชม้ อื ถอื มลี กั ษณะโคง้ ครอบใบหนา้ แผงวสั ดมุ ที ง้ั ประเภททบึ แสงและมชี อ่ งใส่ แผน่ กรองแสงส�ำหรับการมองเหน็ ในส่วนตากบั แผงวัสดุโปรง่ แสง โดยจะยดึ ติดกบั หมวกครอบศีรษะหรือสายรัด ซึ่งจะต้องท�ำมาจากวัสดุชนิดทนไฟ ป้องกันแสง ท่ีเป็นอันตราย และทนต่อการใช้น้�ำยาฆ่าเช้ือในการท�ำความสะอาด น้�ำหนักเบา (ไม่ควรหนักเกิน 800 กรัม) การติดวัสดุเข้าด้วยกันไม่ควรให้มีหมุดยื่นมาสัมผัส ศีรษะได้ แผ่นกรองแสงควรเป็นแบบท่ีถอดเปลี่ยนได้ เมื่อเกิดการช�ำรุดหรือ เสอื่ มสภาพ อปุ กรณป์ อ้ งกนั ใบหนา้ ทด่ี คี วรมสี ดั สว่ นเมอื่ สวมใสแ่ ลว้ มคี วามเหมาะสม และสามารถปรับให้กระชับได้ แผ่นกรองแสงเรียบเป็นเงาไม่มีรอยขูดขีด และ ปิดคลุมทงั้ หมดใบหนา้ ไม่ท�ำปฏิกิรยิ ากบั ของเหลว สามารถทำ� ความสะอาดได้ง่าย สว่ นชนดิ ทเ่ี ปน็ แบบจา่ ยอากาศ จะมคี ณุ สมบตั พิ เิ ศษทสี่ ามารถจา่ ยอากาศเพมิ่ เขา้ ไป ขณะท�ำงานเกี่ยวข้องในบริเวณที่มีฝุ่นละออง ไอ ฟูม ละอองของสารเคมี หรือ กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดกิ ารและค้มุ ครองแรงงาน 155
คมู ือการบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) สารพิษฟุ้งกระจาย เพ่ือให้ผู้สวมใส่ในการปฏิบัติงานมีความสะดวก ไม่อึดอัด ไม่หายใจเอาละอองตา่ ง ๆ เข้าไป หนา้ กากป้องกนั ใบหน้า (Face Shield) หน้ากากป้องกันใบหน้ามีแผงใสโค้งครองใบหน้าเพ่ือป้องกันการ กระเดน็ กระแทกของแขง็ หรอื แมก้ ระท่งั สารเคมแี ละวสั ดุท่มี ีความร้อน หน้ากาก ป้องกันใบหน้าจึงเหมาะสมส�าหรับท่ีจะใช้งานเจียรใน สกัดและงานที่เกี่ยวข้อง กับสารเคมี แผงใสกรอบใบหน้าท�าด้วยโพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate) หรือ พลาสติกใสและต้องผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน เช่น ความต้านทานต่อแรง กระแทก แรงเจาะ สารเคมี และความร้อน เปน็ ตน้ หน้ากากเช่ือมแบบตดิ กบั หมวกนริ ภัย บางครัง้ จา� เป็นตอ้ งสมหนา้ กากเช่อื มป้องกันใบหน้าควบค่ไู ปกับหมวก นิรภัยก็ให้ใช้หน้ากากเชื่อมแบบติดกับหมวกนิรภัย สะดวกสบายในการใช้และ ปลอดภยั 156 กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวสั ดิการและคุมครองแรงงาน
คมู ือการบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามัย (Safe work Safe life for SMEs) 4. อุปกรณ์ป้องกนั ห ู (Ear Protection) การทา� งานในสถานทที่ มี่ เี สยี งดงั มากเกนิ กวา่ ทห่ี ขู องคนเราจะรบั ไดน้ น้ั คอื มเี สยี งดงั เกนิ กวา่ 85 เดซเิ บล จะตอ้ งหาวธิ กี ารทจ่ี ะลดความดงั ของเสยี งนน้ั และ ถา้ หากวา่ มคี วามดงั เกนิ กวา่ 90 เดซเิ บลตลอดเวลาการทา� งานจะทา� ใหเ้ กดิ อนั ตราย ต่อระบบการได้ยิน ส�าหรับช่วงเวลาท�างานท่ีไม่เกินวันละ 8 ช่ัวโมง หากมีระดับ เสยี งดงั อยทู่ ี่ 130 เดซเิ บล ถอื วา่ เปน็ อนั ตรายตอ่ การไดย้ นิ ของห ู (กรมอนามยั , มปป. 99) ซ่ึงท่ีมาของเสียงอาจจะเน่ืองมาจากการท�างานกับเคร่ืองจักรกลต่าง ๆ หรือ เสียงจากแรงกระแทกของวัตถุท่ีเป็นโลหะรุนแรง ดังนั้น การลดระดับความดัง ของเสียงเพื่อให้อยู่ในช่วงท่ีไม่เป็นอันตรายกับหูหรือการควบคุมท่ีจุดก�าเนิด ของเสยี ง เพอื่ หลกี เลยี่ งมใิ หเ้ สยี งมาปะทะกบั สว่ นการไดย้ นิ ของคนนน้ั เปน็ สงิ่ จา� เปน็ อย่างย่ิง ท่ีจะต้องมีการก�าหนดมาตรการที่จะช่วยลดอุบัติเหตุหรือความเสียหาย กองความปลอดภัยแรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและคมุ ครองแรงงาน 157
คูมือการบรหิ ารงานความปลอดภยั และอาชีวอนามัย (Safe work Safe life for SMEs) ที่จะเกิดกับหูในการได้ยิน โดยการใช้อุปกรณ์ป้องกันหูเพ่ือลดความดังของเสียง ที่ผ่านมากระทบในส่วนของอวัยวะภายในหู คือ กระดูกหูและแก้วหู ซึ่งจะต้อง เลอื กใชใ้ นแบบทมี่ คี วามเหมาะสม มมี าตรฐานกา� หนดเกย่ี วกบั ความถข่ี องเสยี งจาก การแนะน�าของผูท้ ม่ี ีความรู้ และมกี ารทดสอบ ทดลองกบั การใช้งานจริง เพอ่ื ให้ได้ อุปกรณท์ ี่มคี ุณภาพ มีความเหมาะสมกบั การใชง้ าน ประกอบดว้ ย 4.1 ท่อี ดุ ห ู (Ear plug) เปน็ วสั ดทุ ่ที �ามาจากยางพลาสติกออ่ น ข้ผี ึ้ง และฝ้าย หรือสาลี ที่ผู้ผลิตออกแบบให้มีขนาดพอเหมาะกับรูหู เพ่ือให้สามารถ ป้องกันเสียง ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปท้ังชนิดอุดหูท้ังสองข้างจะป้องกันเสียงได้ ดีกว่าชนิดท่ีใช้ชั่วคราว ที่อาจจะท�าจาก ส�าลี ฝ้าย จะช่วยป้องกันเสียงได้เพียง ระดับหนึ่งเท่านั้น นอกจากน้ันยังมีชนิดท่ีท�ามาจากวัสดุประเภทไฟเบอร์กลาสก็ จะป้องกันเสียงได้ดี เช่นกัน แต่มีข้อเสียคือจะแข็งเม่ือใช้จะท�าให้เกิดการระคาย เคืองกับผิวของหูได้ ดังนั้นในการเลือกใช้วัสดุป้องกันเสียงแบบอุดหู จึงควรเลือก ชนิดที่มีความเหมาะสมกับการใช้งาน เหมาะสมกับแต่ละคนและสามารถถอด ท�าความสะอาดได้ง่าย ซึ่งในวัสดุแต่ละชนิดน้ันจะช่วยลดความดังของเสียงที่ แตกต่างกันดังน้ ี - สา� ลีหรือฝ้ายธรรมดาช่วยลดความดงั ของเสยี งได้ 8 เดซิเบล - อะคริลคิ (acrylic) จะช่วยลดความดังได ้ 18 เดซเิ บล - ใยแกว้ ช่วยลดความดงั ของเสียงได ้ 20 เดซิเบล - ยางซลิ โิ คน (silicon rubber) ชว่ ยลดความดงั ได ้ 15-30 เดซเิ บล - ยางออ่ นและยางแขง็ ชว่ ยลดความดงั ของเสยี งได ้ 18-25 เดซเิ บล 158 กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดิการและคุม ครองแรงงาน
คูมอื การบริหารงานความปลอดภยั และอาชวี อนามยั (Safe work Safe life for SMEs) 4.2 ท่ีครอบห ู (Ear muff) เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้ส�าหรับป้องกันเสียงดังท่ีเป็นอันตรายต่อระบบ การไดย้ นิ ของห ู ซง่ึ จะมลี กั ษณะคลา้ ยหฟู งั ทใี่ ชค้ รอบใบหทู ง้ั สองขา้ ง โดยมกี า้ นโคง้ ครอบศีรษะและใช้วัสดุท่ีมีความนุ่มหุ้มทับ ส่วนตัวครอบหูน้ันมีการออกแบบ ให้แตกต่างกันตามลักษณะของการใช้งาน ซ่ึงจะประกอบด้วยวัสดุป้องกันเสียง (acoustic) อยภู่ ายในทคี่ รอบห ู สว่ นตวั รองรอบนอกนน้ั อาจจะบดุ ว้ ยโฟม พลาสตกิ ยางหรือบรรจุของเหลวไว้ เพื่อช่วยดูดซับเสียง ท�าให้พลังงานของเสียงลดลง ในบางชนิดยังมีการออกแบบใช้ส�าหรับงานท่ีต้องมีการสื่อสารกันโดยการติด เคร่ืองมือส่ือสาร หรือโทรศัพท์ภายในท่ีครอบหูด้วย เพ่ืออ�านวยความสะดวกใน การตดิ ต่อสอื่ สารกับสว่ นงานอื่นได้โดยสะดวก ทค่ี รอบหูแตล่ ะชนดิ จะมคี ณุ สมบตั ิ ท่ีแตกต่างกัน ตั้งแต่ชนิดที่ใช้กับงานหนักความดังเสียงมากจะช่วยลดความดังได้ ประมาณ 40 เดซเิ บล และชนดิ ปานกลางจะชว่ ยลดความดงั ไดป้ ระมาณ 35 เดซเิ บล ชนิดใช้ในงานเบาจะช่วยลดความดังได้ประมาณ 30 เดซิเบล ส่วนชนิดที่ช่วย ดูดซับและลดพลังงานของเสียงลงได้มากกว่าคือชนิดที่บรรจุของเหลวในตัว กองความปลอดภยั แรงงาน กรมสวัสดิการและคมุ ครองแรงงาน 159
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 474
Pages: