Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทัศนศิลป์ ม.3

ทัศนศิลป์ ม.3

Published by niyommusic, 2021-07-27 04:05:10

Description: ทัศนศิลป์ ม.3

Search

Read the Text Version

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Engage Explain Expand Evaluate สาํ รวจคน หา (ยอ จากฉบับนกั เรียน 30%) ใหนกั เรียนศึกษาเทคนคิ วิธีการ ระบายสีโปสเตอร ข้นั ตอนการเก็บ รายละเอียดของผลงาน จนภาพมี ความสมบูรณและสามารถสอ่ื ความหมายและบอกเลาเหตุการณ ไดอยางทีอ่ อกแบบไว เกรด็ แนะครู ขัน้ ที่ ๖ ลงสโี ปสเตอร์ จะใชส้ โี ปสเตอรน์ า� มาตกแตง่ และเกบ็ รายละเอยี ดของภาพ ในส่วนท่ีระบายมาเกิน หรือปดทับส่วนท่ีต้องแก้ไข รวมท้ังแต่งแต้มบางจุดให้เห็น ครูแนะนําวิธีการระบายสโี ปสเตอร เดน่ ชดั โดยเฉพาะสว่ นทส่ี า� คญั ของภาพทต่ี อ้ งการสอ่ื คอื การมอบสงิ่ ของชว่ ยเหลอื ใหน กั เรียนฟงวา วิธีการระบายสี เม่ือดแู ลว้ สามารถส่อื ความหมายได้ชดั เจนว่าเปน็ เหตกุ ารณ์ใด โปสเตอรสามารถระบายดวยพูกัน ซ้าํ ๆ กัน ในบรเิ วณเดมิ ได ซ่ึงจะมี ความแตกตา งจากสนี ้ํา ถา ระบาย ถูกนั ซํ้าๆ ไปมาหลายๆ ครั้ง จะทาํ ใหสชี ํ้า สกปรก กระดาษจะเปนขยุ ดแู ลวไมส วยงาม สาํ หรบั สโี ปสเตอร นอกจากจะใชพ ูกันเกลยี่ สซี า้ํ ไดแลว ยังนยิ มนํามาผสมกบั สขี าว เมอ่ื ตอ งการใชส อี อน ซึ่งจะขนึ้ อยูกบั ปรมิ าณสีขาวที่นํามาผสม และเมือ่ ตอ งการใชส ที ี่เขมขึ้นกผ็ สมสีดาํ ลงไปในปริมาณมากนอยตาม ความตองการ นักเรยี นควรรู ข้นั ท่ี ๗ ตรวจความสมบูรณ์เรยี บร้อยของผลงาน ซึ่งจะใช้สีนา�้ สโี ปสเตอร์ และ ดนิ สอสมี าเพม่ิ เตมิ ตกแตง่ แกไ้ ขในสว่ นทย่ี งั ไมส่ มบรู ณ์ ปลอ่ ยทง้ิ ไวใ้ หส้ บี นกระดาษ สโี ปสเตอร กรณีท่ีตอ งใชสี แห้งดแี ลว้ จงึ ลอกกระดาษกาวออก จากนั้นจงึ น�าผลงานไปใช้ประโยชน์ต่อไป โปสเตอรจาํ นวนมากเพือ่ ประหยดั คาใชจาย อาจทําขน้ึ ใชเองไดง า ยๆ 54 ดวยการนําแปงมันมาผสมกบั กาวลาเทก็ ซแ ละน้ําสี ในอตั ราสว น 15 : 20 : 20 ก็จะไดส ีโปสเตอรท ม่ี ี คณุ ภาพไมแ พท่จี าํ หนายเปน ขวด ในทองตลาด 54 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore ๓. แนวทางการวเิ คราะห์ผลงานทศั นศลิ ป์ อธิบายความรู วเิ คราะห์การใช้ทัศนธาตุและหลกั การออกแบบ ผลงานทัศนศลิ ปช์ ิ้นนี้ ถา้ ไมน่ บั เรื่องพ้นื ผิวแล้ว จะเห็นถึง ใหนักเรียนชวยกันอธิบายขั้นตอน การนา� องคป์ ระกอบต่างๆ ทางทัศนธาตุมาใช้อยา่ งครบถว้ น ทั้งจุด เส้น รปู รา่ ง รปู ทรง น้�าหนกั ออ่ น - แก่ พ้นื ท่ีวา่ ง การสรางสรรคผลงานจิตรกรรมท่ีใช และทเี่ ด่นชดั กค็ ือ สี เทคนิคและวิธีการที่หลากหลาย เพ่ือ สอื่ ความหมายและบอกเลา เหตกุ ารณ การออกแบบ ผู้สร้างสรรคม์ จี ดุ มงุ่ หมายท่จี ะวาดภาพทสี่ อ่ื ความหมาย โดยใชเ้ ทคนคิ การนา� สีหลายประเภทมา จากผลงานตวั อยา ง โดยเนน ถงึ เทคนคิ ผสมผสานกนั และเนน้ ใหค้ วามสา� คญั กบั เรอื่ งราวในภาพทตี่ อ้ งสอ่ื ความหมายออกมา ซงึ่ การออกแบบทา� ไดอ้ ยา่ งลงตวั ทน่ี าํ มาใช มคี วามเป็นเอกภาพ โดยน�าจดุ ส�าคัญของภาพท่ีตอ้ งการสอื่ สารใหม้ าอยู่ทางดา้ นหน้า การจัดวางองคป์ ระกอบตา่ งๆ มีความกลมกลืนกัน ไม่มีส่วนใดที่ขัดแย้ง ส่วนความสมดุลเห็นได้ชัดเจนถึงการวางน้�าหนักของภาพให้สมดุลกันท้ัง ขยายความเขาใจ ด้านซา้ ยและด้านขวา ใหนกั เรียนแบงกลุม กลมุ ละ 5 คน วิเคราะห์รูปแบบ เน้ือหา และคุณค่าในผลงานทัศนศิลป์ ผลงานช้ินน้ีเป็นศิลปะรูปลักษณ์แบบ ๒ มิติ สรางสรรคผลงานจิตรกรรมเพื่อสื่อ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ใหภ้ าพสอื่ ความหมาย หรอื เหตกุ ารณอ์ อกมาได้ แตไ่ มเ่ นน้ การแสดงรายละเอยี ดของภาพ และการใหส้ ี ความหมาย บอกเลาเหตุการณ หรือ ตอ้ งมีลักษณะเหมอื นจริงตามธรรมชาติ ถายทอดประสบการณ จินตนาการ มากลุมละ 1 ชิ้น โดยแสดงออกถึงการ เน้ือหา สื่อถึงเหตุการณ์การเกิดอุทกภัย มีความล�าบาก เดือดร้อนและมีผู้น�าสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ท่ีประสบ ใชเทคนิค วิธีการทีห่ ลากหลายในการ อุทกภยั เนื้อหาของภาพสะท้อนถึงความมนี า้� ใจ การชว่ ยเหลอื เกอ้ื กูล ไมท่ อดท้งิ กนั ของคนไทย สรางสรรค พรอมทั้งวิเคราะหผลงาน ดวย เสร็จแลวนําผลงานสงครูผูสอน คุณค่าของผลงานช้ินน้ี นอกจากจะให้เทคนิค วิธีการในการสร้างสรรค์ผลงานที่น�าสีหลากหลายประเภทมา และสงตัวแทนออกมาบรรยายสรุป ผสมผสานกนั มกี ารออกแบบจดั วางอยา่ งลงตวั และเปน็ การเขยี นภาพท่ไี ม่ตอ้ งเน้นรายละเอยี ดแล้ว ยงั เปน็ ภาพทม่ี ี ผลงานทีห่ นาชั้นเรียน เรอื่ งราว มวี ฒั นธรรม สามารถบอกเลา่ เหตกุ ารณไ์ ดโ้ ดยตรง ดแู ลว้ เขา้ ใจงา่ ย และสามารถสอ่ื ความหมายไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ตรวจสอบผล กจิ กรรม ศิลปป์ ฏิบตั ิ ๓.๒ ครพู ิจารณาจากการสรา งสรรค กจิ กรรมท่ี ๑ ใหนกั เรียนสรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปแ บบ ๒ มติ ิ และ ๓ มิติ หรือแบบจติ รกรรมไทย โดยมีสาระ ผลงานทัศนศลิ ปเ พ่อื สอื่ ความหมาย กิจกรรมท่ี ๒ เกี่ยวของกบั การถายทอดประสบการณ หรือจนิ ตนาการมา ๑ ช้นิ เสรจ็ แลวสงครผู ูส อน และเหตุการณ โดยพจิ ารณาจาก ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ ๕ คน ใหแ ตล ะกลมุ เลอื กสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปเ พอื่ สอื่ ความหมาย แนวคิดการใชเ ทคนคิ วธิ ีการท่ี กิจกรรมที่ ๓ เปน เรือ่ งราว หรือเพ่ือบรรยายเหตุการณตางๆ มา ๑ ชิ้น เสรจ็ แลว ใหแตล ะกลมุ นําผลงานมาแสดง หลากหลายในการสรา งสรรค และสง ตวั แทนออกมาสรปุ แนวคดิ และความหมายทตี่ อ งการสอื่ สารหนา ชนั้ เรยี น กลมุ ละไมเ กนิ ๕ นาที การออกแบบ ความประณีตเรียบรอย จงตอบคําถามตอ ไปน้ี และการวเิ คราะหผ ลงาน การบรรยาย ๑. กอนลงมือปฏิบตั ผิ ลงานทัศนศิลป ผสู รา งสรรคควรทาํ ส�ิงใดเปนลาํ ดับแรก ผลงานทเี่ สรจ็ สมบูรณแ ลว ๒. ผลงานทศั นศลิ ปแบบ ๒ มติ ิ และ ๓ มติ ิ มคี วามเหมอื นหรอื แตกตางกันอยา งไร ๓. จงวเิ คราะหร ปู แบบ เนอ้� หา และคณุ คา ในผลงานทศั นศลิ ปข องตนเองและผอู น่ื มาอยา งละ ๑ ผลงาน 55 เกร็ดแนะครู (แนวตอบ กิจกรรมศิลปป ฏิบัติ 3.2 กจิ กรรมท่ี 3 1. ใชความคิดวา จะสรา งสรรค ผลงานใด จะใหผ ลงานออกมา เปน แบบใด จากนน้ั กร็ า งแบบเพอ่ื ถา ยทอดความคดิ จนิ ตนาการใหอ อกมาเปน เคา โครงทเ่ี ปน รปู ธรรม ปรบั ปรุงแกไขแบบรา งใหสมบูรณ จากนั้นกจ็ ัดเตรียมวสั ดุ อุปกรณทจ่ี ะใชกอ นลงมอื ปฏิบตั ิจรงิ 2. มคี วามแตกตา งกัน คอื ผลงานทศั นศลิ ปแบบ 2 มติ ิ จะมเี ฉพาะความกวา งและความยาว สวนแบบ 3 มิติ จะมีความกวา ง ความยาว และความลกึ 3. พิจารณาจากการวิเคราะหผ ลงานของนกั เรียน โดยอยใู นดลุ ยพินจิ ของครูผูส อน) คูมือครู 55

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate แหสลดกั งฐผานลการเรยี นรู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 30%) 1. ผลงานทัศนศิลปแบบสื่อผสม เราสามารถจะน�าทัศนธาตุและหลักการออกแบบมาสร้างสรรค์เป็นผลงานทัศนศิลป์ได้อย่างหลากหลาย ทใี่ ชวัสดอุ ยางหลากหลาย และการวเิ คราะหผลงาน รูปแบบ เทคนิค วิธีการ ท้ังทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม สื่อผสม และอื่นๆ ตลอดจนสามารถใช้ ผลงานทศั นศลิ ปเ์ ปน็ สอ่ื เพอ่ื ถา่ ยทอดประสบการณ์ จนิ ตนาการ เพอื่ สอื่ ความหมายเปน็ เรอื่ งราว หรอื บรรยาย 2. ผลงานทัศนศิลปแ บบ 2 มติ ิ เหตุการณ์ตา่ งๆ ได้ ซงึ่ ผูท้ ี่จะสร้างสรรคผ์ ลงานไดด้ ี นอกจากจะศึกษาหาความรู้ในทางทฤษฎแี ล้ว หากหมนั่ และ 3 มติ ิ และการวเิ คราะห ฝก ฝนหาประสบการณจ์ รงิ อยา่ งสมา่� เสมอ กย็ อ่ มจะประสบความสา� เรจ็ ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทมี่ คี วามงาม ผลงาน มีคุณคา่ อยา่ งทีต่ อ้ งการได้ในทสี่ ุด 3. ผลงานทศั นศลิ ปแ บบจติ รกรรมไทย หรอื จติ รกรรมไทยประยกุ ต และการวิเคราะหผลงาน 4. ผลงานทศั นศลิ ปแ บบจติ รกรรมเพอื่ ส่ือความหมายและเหตกุ ารณ ทีใ่ ชเ ทคนิค วิธกี ารท่หี ลากหลาย และการวเิ คราะหผลงาน 56 56 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate เปา หมายการเรยี นรู การวิเคราะหและอภิปรายรูปแบบ เนื้อหา และคุณคาในงานทัศนศิลป ของตนเองและผูอน่ื หรอื ของศิลปน ๔หน่วยที่ กระตุนความสนใจ การวิเคราะห์ผลงานทศั นศลิ ป์ ตวั ชี้วัด ก ารพิจารณาผลงานทัศนศิลป์นอกเหนือไปจาก ครูใหนักเรียนดูภาพจากในหนังสือ เรียน หนา 57 จากน้ันครูตั้งคําถาม ■ การวิเคราะห์และอภิปรายรูปแบบ เน้ือหา และคุณค่าในงาน ความงามทส่ี ามารถจะสมั ผสั ไดแ้ ลว้ ในผลงานยงั มเี นอื้ หาสาระ กบั นักเรียนวา ทศั นศลิ ปข์ องตนเองและผู้อน่ื หรือของศลิ ปิน (ศ ๑.๑ ม.๓/๘) เทคนคิ วธิ กี าร รปู แบบ และอน่ื ๆ ปรากฏอยอู่ กี มากมาย การศกึ ษา • ภาพนเี้ ปน ผลงานประเภทใด ถงึ แนวทางการวเิ คราะหผ์ ลงานทัศนศิลป์ จะชว่ ยทา� ให้ผเู้ รียนมี (แนวตอบ งานประติมากรรม เปน ผลงานการสรา งสรรคข อง สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ความรู้ ความเขา้ ใจ เกดิ ทกั ษะทจี่ ะนา� ไปใชใ้ นการวเิ คราะหร์ ปู แบบ ประตมิ ากร ช่อื เฮนรี มวั ร) เนอื้ หา และคณุ คา่ ของผลงานทศั นศลิ ปท์ งั้ ทต่ี นเองสรา้ งสรรค์ หรอื ■ การวเิ คราะห์รปู แบบ เนอ้ื หา และคณุ ค่าในงาน ผอู้ นื่ สรา้ งสรรค์ รวมทง้ั ผลงานของศลิ ปนิ ตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ • ภาพน้ีบอกเลาเร่ืองราวเก่ยี วกับ ทัศนศิลป์ มากย่ิงขึ้น ส่ิงใด (แนวตอบ ขึ้นอยูกับจินตนาการ ของผูชม ผลงานชิ้นนี้มีลักษณะ เปน กง่ึ ไรร ปู ลกั ษณ โดยศลิ ปน ได ตดั ทอนรปู รา งตามธรรมชาตขิ อง คนใหผิดสัดสวน แตยังพอมอง ออกวาเปนรูปรางคนกําลังน่ังก่ึง เอนกาย) เกรด็ แนะครู การเรียนการสอนในหนว ยนี้ ครคู วรสรปุ ใหนักเรยี นฟง วา เนอื้ หา สาระในหนว ยน้ี มุงใหนกั เรยี นรูจัก วิธกี าร วิเคราะหรปู แบบ เนอ้ื หา และคุณคา ในผลงานทศั นศลิ ป ดังนัน้ การจดั กิจกรรมจงึ ควรมงุ เนน ใหน ักเรยี นไดนําผลงานทศั นศลิ ป หลากหลายประเภทมาทาํ การ วิเคราะห คูมอื ครู 57

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate สาํ รวจคน หา (ยอ จากฉบับนักเรียน 30%) ใหนักเรียนไปสืบคนขอมูลเก่ียวกับ ñ. ¡ÒÃÇÔà¤ÃÒÐˏ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔŻРความสาํ คญั และเหตผุ ลทจี่ ะตอ งมกี าร วิเคราะหผลงานทัศนศิลป คุณสมบัติ การคิดวิเคราะห หมายถึง ความสามารถในการจําแนก แยกแยะองคประกอบตางๆ ของสิ่งใดส่ิงหน่ึง ของผวู เิ คราะห จากหนงั สอื ในหอ งสมดุ ซง่ึ อาจเปน วตั ถุ สงิ่ ของ เรอ่ื งราว หรือช้ินงาน และหาความสมั พันธเชงิ เหตุผลระหวางองคประกอบตางๆ เพ่ือคน หา เว็บไซตในอินเทอรเน็ต และแหลง สิ่งทตี่ อ งการตามสภาพความเปน จริง การเรียนรูตางๆ รวมท้ังตัวอยางผล การวิเคราะหเทา ท่ีสามารถจะหาได ๑.๑ ความสาํ คัญ การศกึ ษาในรายวชิ าทศั นศลิ ป นอกจากจะเรยี นรเู กยี่ วกบั องคค วามรทู เี่ ปน เนอ้ื หาสาระและการปฏบิ ตั งิ าน อธิบายความรู เชิงสรางสรรคแลว สิ่งจําเปนและสําคัญอีกประการหนึ่งในการพัฒนาการเรียนรูใหครบถวนสมบูรณ ทั้งความรูและ ทักษะ คือ การฝกใหผ ูเรยี นไดม คี วามสามารถในการอภิปราย อธบิ าย แสดงความคิดเห็น วิพากษ วจิ ารณผลงาน ครูสุมนักเรยี น 2 - 3 คน ออกมา ทศั นศิลปท ี่ตนเองสรางสรรค และผอู น่ื สรา งสรรค ตลอดจนผลงานของศิลปน ตางๆ ไดอ ยา งถูกตอ งเหมาะสม อธบิ ายขอมูลเกีย่ วกับความสําคญั การสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปไ มว า จะเปน งานจติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปต ยกรรม และภาพพมิ พ มนษุ ย และเหตผุ ลทจ่ี ะตอ งมีการวเิ คราะห ไดส รา งสรรคข น้ึ บนพนื้ ฐานของความตอ งการทจี่ ะถา ยทอดความรสู กึ นกึ คดิ ทมี่ ตี อ ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ มใหป รากฏ ผลงานทัศนศลิ ป เปน ผลงาน โดยใชแ นวคดิ และการออกแบบสรา งสรรค ดงั นนั้ การไดร บั รแู นวคดิ ของศลิ ปน ยอ มสามารถเชอื่ มโยงไปถงึ เหตผุ ลของการเลอื กรปู แบบในการสรา งสรรคผ ลงาน ความตอ งการทจี่ ะสอื่ เนอ้ื หาเรอื่ งราวออกมาใหม คี วามเหมาะสม กลมกลนื กบั รปู แบบที่เลอื กใช ตลอดจนสง ผลถงึ ระดับคุณคา ของผลงาน เกร็ดแนะครู ดวยเหตุท่ีผลงานทัศนศิลปเปนงานที่มีความมุงหมายในการถายทอดอารมณ ความรูสึก และความคิด ของศิลปนไปยังผูดู ผูชม จึงสามารถถายทอดปรัชญา ความรูสึกนึกคิด และการรับรูไดหลายลักษณะ มีอิทธิพล ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนฟง ในการชกั จงู โนม นา วใหผ ชู มมคี วามรสู กึ นกึ คดิ คลอ ยตามไปกบั ศลิ ปน ขณะเดยี วกนั กส็ รา ง วา การวิจารณผลงานทัศนศิลปเปน ความสงสัยในผลงานดวยวา ศิลปน จะสือ่ สารเร่ืองใดและมคี วามหมายใดซอ นอยู วัฒนธรรมใหมของสังคมไทย ท่ีมี ความขัดแยงกับประเพณีด้ังเดิม ที่มี ๑.๒ คณุ สมบัตขิ องผวู เิ คราะห กรอบทางความคิด ความเช่ือ และ คานิยมแบบออนนอมถอมตน หรือ ในการวเิ คราะหผ ลงานทัศนศลิ ป ปจจัยประการแรกทต่ี อ งมี คอื ตวั ผลงาน ซ่ึงจะเปนงาน เชื่อฟงผูอยูฐานะสูงกวาตน ปจจุบัน จติ รกรรม ประตมิ ากรรม ภาพพมิ พ หรอื งานประดษิ ฐส รา งสรรคต า งๆ กไ็ ด จากนน้ั จะตอ งมเี กณฑ แ บ บ ค ว า ม คิ ด เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร แ ส ด ง การวเิ คราะห ซง่ึ ในระดบั ชนั้ นจี้ ะเนน เรอื่ งการวเิ คราะหร ปู แบบ เนอื้ หา และคณุ คา ในผลงาน ความคิดเห็นและการวิจารณได ทศั นศลิ ป เกณฑก ารวเิ คราะหจ ึงเปนเรื่องของการวเิ คราะหร ปู แบบของงานและโครงสราง เปล่ียนแปลงไปจากเดิมมาก เปด ทางการมองเห็น ซึ่งจะประกอบไปดวยคุณคาทางเนื้อหาและคุณคาทางสุนทรียภาพ โอกาสใหม กี ารแสดงทศั นะอยา งกวา ง นอกจากองคประกอบดังกลาวแลว ตัวผูวิเคราะหยังเปนปจจัยสําคัญของการวิเคราะห ผูท จี่ ะทาํ การวิเคราะหผ ลงานทศั นศิลปไ ดอ ยางมคี ณุ ภาพ ควรมคี ณุ สมบัติดังตอไปนี้ ขวางและหลากหลายเพ่ิมมากข้ึน โดยเฉพาะเรื่องของศิลปะสมัยใหม ที่มีการพัฒนาอยางไมหยุดย้ัง ท้ัง รูปแบบ เนื้อหา และเทคนิค ผูศึกษา “Spoonbridge and Cherry” (ค.ศ. ๑๙๘๗) ผลงาน ของแคลส โอลเดนเบิรก (Claes Oldenburg) จาํ เปน ตอ งเขา ใจความหมาย ความคดิ ๕๘ และการแสดงออกจากผลงานเหลา นน้ั ซึ่งแนนอนวาการวิจารณผลงาน ทัศนศิลปจะเปนวิธีการหนึ่งท่ีจะ เชื่อมตอการรับรูระหวางผูสรางสรรค ผลงานทัศนศิลปกับผูชมผลงานทัศนศิลปได โดยผูวิจารณจะตองมีคุณสมบัติของ นกั วจิ ารณผ ลงานทศั นศลิ ปอ นั เหมาะสม เขา ใจแนวทางการวจิ ารณผ ลงานทศั นศลิ ป ไดอยางเปนข้ันเปน ตอน รวมทั้งสามารถนาํ เสนอความคิดเพิ่มเตมิ ไดโ ดยปราศจาก อคติลําเอียง 58 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Explain Engage ๑) มคี วามรทู างดา นทศั นศลิ ป โดยจะตอ งมคี วามรพู นื้ ฐานพอสมควรทางดา นทศั นศลิ ป เขา ใจหลกั การ อธิบายความรู ออกแบบ มปี ระสบการณใ นการสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปใ นดา นตา งๆ มาบา ง รวมทงั้ เขา ใจหลกั เกณฑท จี่ ะนาํ มาใช ใหน ักเรยี นรวมกนั อธบิ ายเกี่ยวกับ ในการประเมิน คณุ สมบัตขิ องผทู าํ การวิเคราะห ผลงานทัศนศิลปท ด่ี วี าจะตอ งมี ๒) มคี วามสามารถในการวเิ คราะห รวมทงั้ การตคี วามและประเมนิ คา เนอื่ งจากผลงานทศั นศลิ ปห ลายชนิ้ คณุ สมบตั อิ ยา งไร โดยนําตวั อยา ง การวิเคราะหผ ลงานทัศนศลิ ป ศิลปนอาจมิไดสื่อความหมายออกมาโดยตรง นอกจากน้ี ยังตองเปนคนชางสังเกต คนหา แยกแยะรายละเอียด มาแลกเปลย่ี นกันศกึ ษา ทซ่ี อ นอยใู นผลงานได เกรด็ แนะครู ๓) มีความสามารถในการบูรณาการความรู โดยสามารถเช่ือมโยงความรูจากการวิเคราะหของตน ครูอธิบายเสริมวา ผูท่ีจะวิเคราะห ใหเ ขากบั สาระความรูอืน่ เชน สงั คม การเมอื ง ศาสนา ภูมปิ ญ ญา ความรูทวั่ ไปทง้ั ไทยและสากล เปนตน เพอื่ จะได ผลงานทศั นศลิ ปไ ดด นี นั้ ควรมคี วามรู บรรยายเชือ่ มโยงคุณคาของผลงานทศั นศลิ ปนน้ั ๆ ใหผอู ืน่ เขา ใจไดมากย่ิงขึ้น ในเร่ืองการเขียนวเิ คราะห วจิ ารณ และแสดงความคดิ เห็นอยางถูกตอง ๔) มคี วามสามารถในการบรรยาย โดยใชภ าษาทท่ี าํ ใหผ อู นื่ เขา ใจงา ย เหน็ ภาพตามทตี่ อ งการจะสอ่ื สาร ซ่ึงนกั วจิ ารณผ ลงานทศั นศิลปทีด่ ีจะ ตอ งมคี ุณสมบตั ดิ ังตอ ไปน้ี ไมควรใชค ําศัพทย าก หรือเปน ภาษาวิชาการเฉพาะดาน ทัง้ น้ี ควรบอกถงึ เทคนคิ วิธีการที่ศิลปน ใชในการสรางสรรค ผลงานชน้ิ นน้ั 1. ควรมีความรเู กี่ยวกับศลิ ปะ ท้งั ศลิ ปะประจําชาติและศลิ ปะ ๕) มคี วามเปน ประชาธปิ ไตย ยอมรบั ฟง ความคดิ เหน็ ทแี่ ตกตา งออกไปจากตน เนอ่ื งจากผลงานทศั นศลิ ป สากล ชน้ิ เดยี วกนั สามารถมองไดห ลายแงม มุ โดยจะขน้ึ อยกู บั ประสบการณ อารมณ ความรสู กึ นกึ คดิ ภมู หิ ลงั ของผวู เิ คราะห 2. ควรมคี วามรเู กีย่ วกับ จงึ ไมอ าจใชแนวทางใดทเ่ี ฉพาะเจาะจงได ความงามของสงั คมหน่งึ อกี สังคมหนึง่ อาจจะเหน็ วาไมง ามกไ็ ด ประวตั ศิ าสตรศลิ ปะ ๖) ทนั ตอ โลกยคุ ขอ มลู ขา วสาร ปจ จบุ นั โลกมกี ารเปลย่ี นแปลงไปอยา งรวดเรว็ มแี นวคดิ เทคนคิ วธิ กี าร 3. ควรมคี วามรเู ก่ียวกบั สนุ ทรยี ศาสตร เรื่องราวใหมๆ ทางดานทัศนศิลปเกิดขึ้นอยูตลอดเวลา ผูที่ทันตอเหตุการณความเปนไปของโลก ยอมจะสามารถ ทาํ การวเิ คราะหผลงานไดม ปี ระสิทธิภาพมากย่งิ ขน้ึ 4. ตองมวี ิสัยทศั นก วา งขวางและ ไมคลอ ยตามคนอนื่ ไดงา ย เกรด็ ศิลป 5. กลา ท่ีจะแสดงออกทงั้ ท่ีเปน การวิเคราะหผ ลงานทัศนศิลปก ับการวจิ ารณผ ลงานทศั นศลิ ป ไปตามหลักวิชาการ ตาม คาํ ทง้ั ๒ คาํ ขา งตน มคี วามหมายใกลเ คยี งกนั มาก หรอื เปน สว นหนง่ึ ของกนั และกนั ซง่ึ มกั จะ ความรสู ึก และประสบการณ พบเห็นบอยๆ วาจะเรียกรวมกันไปวา “การวิเคราะหวิจารณศิลปะ” อันท่ีจริงคําทั้ง ๒ คําน้ี มคี วามหมายทแ่ี ตกตา งกนั กลาวคือ นักเรียนควรรู การวเิ คราะหผ ลงานทศั นศิลป หมายถึง การศึกษาองคร วมของผลงานทศั นศลิ ปอ ยา ง แยกแยะเปน สวน เปนประเด็น ท้ังในดานทัศนธาตุ องคป ระกอบศิลป และความสมั พันธต างๆ ความรทู างดา นทัศนศิลป ถอื เปน รูปแบบ เนื้อหา คุณคา เทคนคิ วธิ ีในการสรา ง เพอ่ื นาํ ขอมลู ทีไ่ ดม าประเมนิ ผลงานทศั นศลิ ปว ามี คุณสมบัตขิ อแรกทสี่ ําคัญท่ีสดุ ซงึ่ ผู รูปแบบ เนอ้ื หา คณุ คา ทางดา นความงาม อารมณ และความรูส กึ อยา งไร วเิ คราะหผ ลงานทัศนศลิ ปจะตองมี การวิจารณผลงานทัศนศิลป หมายถึง การแสดงความคิดเห็นตอผลงาน และถา เปน ผปู ฏิบัตงิ านทศั นศลิ ปใ น ทัศนศิลปต ามความรู ความเขาใจของผูวิจารณ โดยใชหลักเกณฑและหลักการของศลิ ปะ สาขาน้นั ๆ ดวยแลว ก็ยง่ิ จะทาํ ให ดวยการติชม เสนอแนะ เพื่อใหไดขอคิดนําไปปรับปรุงและพัฒนาผลงาน หรือใชเปน ผูฟงเกดิ ความเช่ือมน่ั ตอขอมูลการ ขอมลู ในการประเมนิ ตัดสินผลงานทศั นศลิ ป วเิ คราะหม ากยง่ิ ข้ึน เพราะสามารถ จะอธบิ ายผลงานไดอ ยา งลมุ ลกึ ให ๕๙ สาระความรทู ่ีเปน ประโยชนมากกวา ผทู ร่ี ทู ฤษฎเี พยี งอยางเดยี ว นกั เรยี นควรรู คมู อื ครู 59 การวิเคราะหผลงานทัศนศิลป เปนการพิจารณาแยกแยะศึกษาองครวมของผลงานทัศนศิลป ออกเปนสว นๆ ทีละประเดน็ ท้งั ในดา นของทัศนธาตุ องคประกอบศิลป และความสัมพันธต างๆ รวมถงึ ดานเทคนคิ วธิ กี ารแสดงออก เพ่ือนาํ ขอ มูลทไ่ี ดนั้นมาประเมินผลงานทัศนศลิ ปว ามีคุณคา ทางดานความงาม ทางดา นสาระ และทางดานอารมณค วามรูสึกอยา งไร

กระตนุ ความสนใจ สาํ Eรxวpจloคrน eหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Engage Explain Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอ จากฉบบั นกั เรยี น 30%) ครูนาํ ภาพผลงานทศั นศิลป ò. ÃٻẺ¢Í§¼Å§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š หลายๆ ประเภท มาใหน ักเรียนดู แลวใหนกั เรียนชวยกนั จาํ แนกวา รปู แบบของผลงานทศั นศลิ ปท ศ่ี ลิ ปน ไดส รา งสรรคข น้ึ มานน้ั มอี ยดู ว ยกนั หลายลกั ษณะ หลายเทคนคิ วธิ กี าร ภาพใดเปน ศลิ ปะแบบรปู ลักษณ การส่ือสารผานทางผลงานทัศนศิลปของศิลปนแตละแขนงไปสูผูชม จะมีรูปแบบเปนลักษณะเฉพาะอยาง มีความ ศิลปะแบบไรรูปลกั ษณ และศลิ ปะ หลากหลายของการแสดงออก ไมวา จะเปนเนื้อหาดา นความรัก ความงาม ความสุข ความนา กลัว ความเกลียดชงั แบบก่ึงไรรปู ลกั ษณ จากนน้ั ครู ความหดหู ความเศราหมอง ลว นเปน การสรา งสรรคดวยหลักการทางศิลปะทง้ั สน้ิ โดยใชอ งคประกอบของทศั นธาตุ ตง้ั คําถามกระตุน ความสนใจวา นาํ มาจัดวางตามหลกั การจัดองคประกอบศลิ ป ทําใหเกดิ ผลงานทีม่ คี ุณคา ทางสุนทรียภาพ • ภาพใดดเู ขาใจงายท่ีสดุ ผลงานทัศนศลิ ปเ ปรยี บไดก บั รสชาตขิ องอาหาร ซ่งึ จะมีรสชาติท่แี ตกตางกนั ไปตามลักษณะของเชอื้ ชาติ เพราะเหตุใด ภาษา ศาสนา ความเชอื่ วถิ ชี วี ติ ตลอดจนธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม และดว ยเหตทุ งี่ านทศั นศลิ ปม รี ปู แบบหลากหลาย (แนวตอบ ภาพศลิ ปะแบบรปู ลกั ษณ์ จึงเปน การยากทีจ่ ะทาํ ความเขา ใจลกั ษณะรูปแบบตา งๆ ไดท ง้ั หมด จงึ มกี ารนาํ ลักษณะรวมบางประการของผลงาน เน่อื งจากเรามปี ระสบการณอยู มาเปนเกณฑในการแยกประเภทและจัดหมวดหมูใหชัดเจน เพื่อใหสะดวกแกการศึกษาทําความเขาใจ ซึ่งสามารถ แลว วา รปู รา ง รูปทรงแบบนีค้ ือ จัดแบงได ๓ ประเภท ดังตอไปน้ี สง่ิ ใด) ๒.๑ ศลิ ปะรปู ลักษณ (Figurative Art) • การจําแนกประเภทรูปแบบของ ผลงานสามารถดไู ดจ ากสง่ิ ใด ศลิ ปะรปู ลักษณ หรือศิลปะแบบรปู ธรรม เปน ศลิ ปะทแี่ สดงลักษณะของรูปรา ง รปู ทรงอยางชัดเจน เชน (แนวตอบ ใชส ายตาสัมผัสกับ รปู ลกั ษณะของคน สตั ว และสงิ่ อนื่ ๆ ทพี่ บเหน็ ในธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม เปน ตน ศลิ ปะรปู ลกั ษณเ กดิ จากประสบการณ ผลงาน แลว ประเมินวา ผลงาน ทศ่ี ลิ ปน ไดพ บเหน็ สรรพสงิ่ ตา งๆ แลว นาํ มาเสนอเปน ผลงานทศั นศลิ ปโ ดยไมม กี ารเปลย่ี นแปลง หรอื บดิ เบอื นความเปน จรงิ ดังกลาวมีรูปราง รปู ทรงท่ี เห็นและถายทอดรูปลักษณไปตามนั้น เพียงแตเพิ่มเติมแนวคิดสรางสรรคลงไปในผลงาน มีการปรับเปล่ียนเพ่ือให เหมือนจรงิ ตามธรรมชาติ เกิดความสวยงาม ซ่งึ อาจเปน สี แสงเงา หรือบรรยากาศของภาพ มากนอยเพียงใด) รปู แบบทสี่ รา งสรรคเ ปน การนาํ เสนอความจรงิ และ สาํ รวจคนหา ขอ เทจ็ จรงิ ตา งๆ ในสง่ิ ทศี่ ลิ ปน เหน็ ตามธรรมชาติ ตลอดจน วถิ ชี วี ติ ความเปน อยขู องผคู นในสงั คม เชน ภาพจติ รกรรม ใหน ักเรยี นไปสืบคนขอมลู เกี่ยวกับ พระอาทิตยตกที่ชายทะเล ตลาดนํ้า บา นเมอื ง หรืองาน รปู แบบของผลงานทัศนศลิ ป ประติมากรรมรปู เหมือนคน สตั ว สิ่งของตา งๆ เปนตน จากหนังสอื ในหองสมดุ เว็บไซต ในอินเทอรเน็ต และแหลง ๒.๒ ศลิ ปะไรร้ ปู ลกั ษณ (Non-Figurative Art) การเรียนรตู า งๆ “Still Life - Fruits” (ค.ศ. ๒๐๐๗) ผลงานของอิศรา (Isra) ศิลปะ ศิลปะไรรูปลักษณ หรือศิลปะแบบนามธรรม อธบิ ายความรู รูปลักษณ์ (Figurative Art) จะเน้นการถ่ายทอดรูปร่างลักษณะของ เปนศิลปะที่แสดงออกทางสุนทรียภาพ ไมเนนความ สง่ิ ตา่ งๆ ที่เหมอื นจรงิ ตามธรรมชาติ เปน จรงิ ของรปู รา ง รปู ทรงตามธรรมชาติ แตเ นน ทอ่ี ารมณ ใหนักเรียนนําขอมูลจากการสืบคน ความรสู กึ โดยผูชมสามารถรบั รูแ ละเกิดความซาบซง้ึ ได มาอธบิ ายลกั ษณะของศิลปะแบบ มากนอยไมเทากัน ข้ึนอยูกับความรูสึกของแตละบุคคล รูปลกั ษณและศลิ ปะแบบไรรูปลกั ษณ โดยไมจ ําเปน ตอ งสอดคลอ งกับศลิ ปน พรอ มแสดงภาพตวั อยางประกอบ การอธบิ ายดวย ๖๐ 60 คูมอื ครู เกรด็ แนะครู ครูควรอธิบายเพ่ิมเติมวา การดูงานศิลปะแบบไรรูปลักษณ เร่ิมแรกผูชมจะตองตัดใจ ไมพ ยายามดใู หร วู า เปน รปู รา ง รปู ทรงใด เพราะจะทาํ ใหด ไู มร เู รอื่ ง เนอ่ื งจากศลิ ปน ผสู รา งมไิ ดใ ช รูปแบบ หรือกฎเกณฑของธรรมชาติมาสรา ง ผชู มจงึ ไมสามารถใชพ ื้นฐานประสบการณเดิม ที่เคยพบเห็นมาตีความได การดูศิลปะรูปแบบนี้ใหใชจินตนาการ หรือความรูสึกนึกคิดของ ผชู ม และตีความตามท่ีตนเขาใจ ซง่ึ ไมจ ําเปน ตองเหมือนกับศิลปนก็ได

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Explain Engage Evaluate ลักษณะของผลงานศิลปะแบบไรรูปลักษณ อธิบายความรู มกั จะสะทอนแรงบันดาลใจ ความรู ความสามารถ และ ใหนักเรียนอธิบายขอมูลเกี่ยวกับ ลกั ษณะของศลิ ปะแบบกง่ึ ไรร ปู ลกั ษณ บุคลิกภาพของศิลปน ไมใหความสําคัญกับธรรมชาติ โดยเปรยี บเทยี บกบั ศลิ ปะรปู แบบอน่ื ๆ วา มีความแตกตางกนั อยา งไร ส่ิงแวดลอมตามท่ีตามองเห็น แตจะใหความสําคัญกับ นักเรยี นควรรู ทศั นธาตุ เชน เสน สี รปู รา ง รปู ทรงตา งๆ เปน หลกั บางครงั้ ศิลปะแบบไรรูปลักษณ หรือ Non- ผลงานอาจมีตนแบบมาจากรูปทรงท่ีเปนของจริง หรือ Figurative art ซึ่งสามารถสังเกตได จากภาพที่ศิลปนตองการส่ือความ เรอื่ งราวท่เี กิดขึน้ จรงิ แตศ ลิ ปน จะใชค วามคดิ สรางสรรค หมาย กลา วคอื ศลิ ปะแบบไรร ปู ลกั ษณ เปนแบบอยางที่แยกความรูสึก หรือ ดดั แปลงใหม คี วามแตกตา งออกไปจากเดมิ เชน ดดั แปลง อารมณจ ากรปู ทรงทเี่ ปน จรงิ แสดงให เห็นถึงสุนทรียภาพ จัดเปนทัศนศิลป รปู ทรงเดมิ ใหบ ดิ เบย้ี ว วาดภาพใหพ รา มวั ไมช ดั เจน เปน ตน ท่ีสามารถรับรูและซาบซ้ึงไดตาม เอกตั ภาพ โดยไมจ าํ เปน ตอ งเปน อยา ง หรอื ใชจ งั หวะของรปู ทรงจดั วางใหม ลี ลี าซา้ํ ๆ กนั ตดั ทอน เดียวกับความตั้งใจของผูสรางสรรค ผลงาน ศลิ ปะแบบไรร ปู ลกั ษณ จงึ เปน “Number 1” (ค.ศ. ๑๙๕๐) ผลงานของพอล แจก็ สัน พอลลอ็ ก (Paul รูปทรงท่ีสลับซับซอนใหเปนรูปทรงงายๆ จนแทบจํา ลกั ษณะทศั นศลิ ปท สี่ กดั ความรสู กึ โดย Jackson Pollock) ผลงานศลิ ปะแบบไรรปู ลักษณ (Non - Figuretive รูปทรงเดิมไมได เชน ผลงานศิลปะแบบสื่อผสม ภาพ รวมจากสภาพ หรอื สง่ิ แวดลอ มอนั เปน Art) ผูชมสามารถตีความเรื่องราวของภาพไดอยางกวางขวางตาม จิตรกรรมทสี่ อื่ ถงึ ความเปนนามธรรมตางๆ เปนตน โลกภายนอก นํามาแสดงใหปรากฏ จินตนาการของตนเอง ดวยส่ือ และวัสดุตางๆ ความรูสึกท่ี สัมผัสผลงานไดนั้น จะผานคุณภาพ ๒.๓ ศลิ ปะกง่ึ ไรรปู ลักษณ (Semi-Figurative Art) และบุคลิกภาพของผูสรางสรรคออก มาการถา ยทอดผลงานทศั นศลิ ปจ ะไม ศิลปะกึ่งไรรูปลักษณ หรือศิลปะแบบก่ึงนามธรรม เปนผลงานทัศนศิลปท่ีมีการตัดทอนรูปทรงบางสวน สนใจในเร่ืองธรรมชาติตามท่ีตาเห็น แตจ ะใหความสําคัญกับสว นประกอบ ออกไปจากรปู ทรงที่ปรากฏจริง โดยตดั ทอน หรือดดั แปลงใหมีความแตกตางไปจากรปู ราง รปู ทรงทม่ี องเห็นตามที่ การเหน็ หรือทัศนธาตเุ ปนหลัก เปน จริงในธรรมชาติ หรอื กลา วไดอีกอยา งหนึ่งวา “เปนผลงานทศั นศลิ ปที่อยรู ะหวางรูปธรรมและนามธรรม” โดยรปู แบบอาจจะเปลย่ี นแปลงจาก รูปทรงธรรมชาติไปเพียงเล็กนอย หรืออาจ เปล่ียนแปลงไปมากจนไมสามารถจดจํา รปู ทรงเดมิ ได มลี กั ษณะเปน นามธรรม มากหรอื นอ ยกไ็ ด ซง่ึ อตั ราสว นของ ความเปน รปู ธรรมกบั นามธรรมจะมี มากนอยเพยี งใดนั้น จะข้ึนอยูก บั แนวคดิ ของศลิ ปนเปน หลกั ตวั อยา งผลงานประติมากรรมของเฮนรี มัวร (Henry Moore) ท่แี สดงรูปรางและทา ทางของมนุษย โดยตัดทอน รายละเอียดลงไปมาก แตก ย็ งั สามารถส่อื ความหมายออกมาใหผชู มเขาใจได ๖๑ นกั เรยี นควรรู คมู อื ครู 61 เฮนรี มัวร (Henry Moore) เปนประติมากรชื่อดังชาวอังกฤษ ผลงานท่ีโดดเดนของเขาจะเปน ผลงานศิลปะแบบกึ่งไรรูปลักษณ หรือก่ึงนามธรรม เปนรูปราง รูปทรงของมนุษยที่ลดทอนจาก สภาพจรงิ ตามธรรมชาตใิ หม ลี กั ษณะเปน นามธรรมมากขนึ้ และแสดงทา ทางอยใู นอริ ยิ าบถตา งๆ ซง่ึ สามารถมองดผู ลงานไดโ ดยรอบ อนั ไดก ลายเปน เอกลกั ษณเ ฉพาะทที่ าํ ใหผ คู นจดจาํ ผลงานของเขาได เปน ศลิ ปน อกี คนหนงึ่ ท่พี พิ ธิ ภณั ฑสําคญั ของโลกนําผลงานไปตัง้ แสดง

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขาใจ (ยอ จากฉบับนกั เรียน 30%) 1. ใหนกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ “Blue Segment” (ค.ศ. ๑๙๒๑) ผลงานของวาซลี ี คนั ดนิ สก ี (Wassily การทําความเขาใจเก่ียวกับงานศิลปะแบบ 3 คน ใหแตล ะกลุมหาภาพ Kandinsky) จากภาพเปนผลงานจิตรกรรมแบบก่ึงไร้รูปลักษณ ์ กงึ่ ไรร ปู ลกั ษณ หรอื กง่ึ นามธรรมคอ นขา งมคี วามซบั ซอ น ตัวอยา งผลงานศิลปะแบบ (Semi - Figurative Art) ในแบบท่ดี เู ขา้ ใจงา่ ย เพราะสอ่ื เรอ่ื งราวของ เพราะตองแปลความหมายดวยการสังเกต เปรียบเทียบ รูปลกั ษณ ศลิ ปะแบบไรร ูปลกั ษณ ภาพออกมาโดยตรง อัตราสวนของรูปธรรมและนามธรรมใหเขาใจชัดเจนวา และศิลปะแบบกึง่ ไรรูปลักษณ อัตราสวนท่ีลดตัดทอนลงไปในการถายทอดรูปแบบทาง แบบละ 3 ตวั อยา งติดลงกระดาษ รูปธรรมกับนามธรรมหนักไปในทิศทางใดมากกวากัน แลว เขยี นสรุปลกั ษณะของศิลปะ โดยปกติศิลปน ผสู รา งสรรคผ ลงาน มักจะเรม่ิ สรางสรรค รูปแบบนน้ั รวมทงั้ ความรสู ึกและ ผลงานของตนจากรูปธรรมกอน เม่ือมีทักษะฝมือและ ความเขา ใจ เม่อื ชมผลงานรปู แบบ ประสบการณ มคี วามเขา ใจโลกมากขน้ึ จงึ คอ ยๆ คลค่ี ลาย ดังกลา ว กา วสผู ลงานแบบนามธรรม 2. ใหน กั เรียนแตล ะคนเลือก สรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ป ในรูปแบบใดรูปแบบหน่ึงมา 1 ผลงาน สง ครผู สู อน ตรวจสอบผล กจิ กรรม ศิลป์ปฏบิ ัติ ๔.๑ ครพู จิ ารณาจากการสรางสรรค กจิ กรรมที่ ๑ ใหนกั เรยี นแบง กลุม กลมุ ละ ๓ คน ใหน ักเรยี นแตล ะกลมุ หาภาพถา ยผลงานทัศนศิลปใน ๓ รูปแบบ ผลงานทศั นศิลปข องนกั เรยี น กิจกรรมท่ี ๒ ไดแ ก ศลิ ปะแบบรปู ลกั ษณ ศลิ ปะแบบไรร ปู ลกั ษณ และศลิ ปะแบบกงึ่ ไรร ปู ลกั ษณ อยา งละ ๓ ผลงาน ติดลงบนกระดาษ A4 แลวเขียนสรุปวา เมื่อดูผลงานทัศนศิลปในแตละแบบ นักเรียนมีความรูสึก 1. ตวั อยางผลงานศิลปะแบบ อยา งไร เสร็จแลวสงครผู ูสอน รปู ลักษณ ศิลปะแบบไร ใหน กั เรยี นสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปในรปู แบบใดรปู แบบหนงึ่ มา ๑ ผลงาน โดยใชอ งคป ระกอบทาง รปู ลักษณ และศิลปะแบบกึง่ ทศั นธาตแุ ละใหส อดคลอ งกบั หลกั การออกแบบทางศลิ ปะ พรอ มเขยี นบอกวตั ถปุ ระสงค หรอื แนวคดิ ไรร ปู ลักษณ โดยพิจารณาถึง ทเ่ี ลอื กใชแ บบนน้ั ในการสรา งสรรคผ ลงาน เสรจ็ แลว สง ครผู สู อน เพอ่ื คดั เลอื กผลงานทสี่ รา งสรรคไดด ี การจําแนกรปู แบบของผลงาน จาํ นวน ๑๐ ชน้ิ นาํ ไปติดแสดงท่ีปา ยนิเทศ ไดอ ยางถกู ตอ งและมีความ เขาใจ ó. à¹×éÍËҢͧ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔŻР2. การเลือกรูปแบบมาสรางสรรค เม่ือกลาวถึงเนื้อหาของผลงานทัศนศิลป จะพบเร่ืองราวตางๆ ที่ศิลปนถายทอดออกมาเพื่อส่ือใหผูชม เปนผลงานทศั นศิลปไดอ ยา ง ไดรับรู ไมวาจะเปนอารมณ ความรูสึกดานความงาม หรือความหดหู นาหวาดกลัว ตลอดจนการส่ือสารใหรับรู เหมาะสมสอดคลองกบั เร่ืองราว นักเรยี นควรรู แนวคิดเก่ียวกับชีวิต ทัศนะของศิลปนท่ีมีตอสังคม การเมือง เศรษฐกิจ จริยธรรม หรืออื่นๆ ผลงานทัศนศิลปที่ ศลิ ปนสรางสรรคขนึ้ ไมว ายุคสมัยใดกต็ าม หากวเิ คราะหเ น้ือหาของผลงานแลว สามารถจัดกลมุ ของเนอื้ หาไดเ ปน ๒ ลักษณะ ไดแ ก วาซลี ี คันดินสกี (Wassily ๖๒ Kandinsky) ผใู หกําเนดิ ศิลปะ แอบสแตรกอารต (Abstract Art) และศลิ ปะเอก็ ซเพรสชันนสิ ม หรอื ลทั ธสิ าํ แดงพลงั อารมณ (Expressionism) ผลงานของเขาสว นใหญ เกดิ จากการผสมผสานเรอ่ื งของเทววิทยาและทฤษฎีวัฒนธรรม นกั เรียนควรรู นิยมใชส ีท่ีหลากหลายและใชเ สนทีไ่ มไ ดสือ่ ถึงรปู ทรงใดๆ ภายใต แนวความคิดท่ีวา “ศิลปะ คือ ส่ิงทไี่ มแสดงใหเ ห็นวา เปน ภาพ ศิลปะแบบกึ่งไรรูปลักษณ หรือ Semi - fiFigurative Art เปน ผลงาน ของอะไรเลย สอื่ ความรสู กึ เทา น้นั ” ทัศนศิลปที่มีการทัดทอนรูปทรงบางสวนออกไปจากความจริง หรือ ดดั แปลงไปจากธรรมชาติแตถ า การตดั ทอนนน้ั กระทาํ จนไมห ลงเหลอื รูปทรงจรงิ ใหเ หน็ ไดเ ลย เราจะเรยี กวา “Non - Objective” 62 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๓.๑ เน้อื หาสว่ นตัว (Personal functions) กระตนุ ความสนใจ เนอื้ หาของผลงานทศั นศลิ ปท แ่ี สดงออกดา นสว นตวั โดยปกตศิ ลิ ปน จะสรา งสรรคผ ลงานทเี่ รม่ิ ตน จากชวี ติ ครูหาภาพผลงานจิตรกรรมที่มี เนอ้ื หาหลายๆ ดา น นาํ มาใหน กั เรยี นดู สวนตัวกอน แลวจึงขยายไปสูเร่ืองราวท่ีเกี่ยวกับสังคม ซ่ึงมนุษยทุกคนตางมีชีวิต เลือดเนื้อ และความรูสึก แลว ตงั้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ ดงั น้ี เม่ือศิลปนสื่อสาร หรือเปดเผยเร่ืองราวตางๆ ผูชมซ่ึงก็เปนมนุษยยอมจะสัมผัส หรือรับรูอารมณรวมดังกลาวได • ภาพน้มี เี รื่องราว หรือมีเนอื้ หา เกย่ี วขอ งกับสิง่ ใด แตจะมากหรือนอยนั้นเปนอีกเรื่องหน่ึง ความเปนไปของชีวิตมีเรื่องราวมากมายท่ีสามารถนํามาสื่อสารถึงกันและ (แนวตอบ ความรกั ความประณตี งดงาม การเมอื ง เสยี ดสสี งั คม ไมวาจะเปน เน้อื หาในลักษณะใดกต็ าม เม่อื เปน ผลงานทศั นศลิ ป นอกจากเนื้อหาสาระแลว ยงั ปรากฏความงามและ และอ่ืนๆ แลว แตภ าพ) สุนทรยี ภาพใหส มั ผสั ไดอีกดวย ผลงานทัศนศิลปท่ีมเี น้อื หาสวนตวั สามารถแยกเปน หมวดหมยู อ ยๆ ไดด งั ตอไปน้ี • นกั เรียนมีความรสู ึกนกึ คดิ อยางไรกับภาพดังกลา ว ๑) การแสดงออกทางจติ สาํ นกึ เปน การแสดงใหเ หน็ อารมณ ความรสู กึ ลกึ ๆ ทางจติ ใจ เชน ความเหงา (แนวตอบ แลวแตทัศนะมุมมอง ของนกั เรยี นคาํ ตอบไมม ถี กู -ผดิ ) ความเศราหมอง ความเจบ็ ปวดรวดราว เปนตน อันเปน สาํ รวจคนหา ผลมาจากความเกบ็ กดภายในจติ สาํ นกึ ซง่ึ เปน ผลสะทอ น ใหนักเรียนไปสืบคนขอมูลเก่ียวกับ มาจากการดํารงชีวิตในสังคมท่ีเปล่ียนแปลงไปอยาง เนื้อหาของผลงานทัศนศิลป รวมท้ัง ภาพตัวอยางท่ีเปนเนื้อหาสวนตัวกับ รวดเร็ว เชน ประติมากรรมรูปคนที่แสดงอารมณเหงา เน้ือหาเพ่ือสังคมวามีความแตกตาง กันอยางไร จากหนังสือในหองสมุด เปลาเปลย่ี ว อาการครนุ คิด เงยี บเหงา ภาพทิวทัศนท ี่ให เว็บไซตในอินเทอรเน็ต และแหลง การเรยี นรตู างๆ ความรสู ึกสันโดษ อางวา ง เปนตน อธบิ ายความรู ๒) การแสดงออกทางชีวิตและความรัก ครูขออาสาสมัครนกั เรยี น 2 - 3 คน เปนการส่ือถึงชีวิตสวนตัวอีกมุมหน่ึงของมนุษย โดย “The Old Guitarist” (ค.ศ. “แมอ ุม ลกู ” (พ.ศ. ๒๕๒๙) ออกมาอธบิ ายขอมูลเกยี่ วกับลกั ษณะ เนื้อหาสาระอาจแสดงถึงความเปนจริงของชีวิตในแงมุม ๑๙๐๓) ผลงานของปาโบล รยุ ซ์ ผลงานของประหยดั พงษ์ดาํ ของผลงานทศั นศลิ ปท ส่ี อื่ ถึงเน้ือหา ตา งๆ ตลอดจนความรกั ของชายหนุมหญิงสาว ความรัก ปกัสโซ (Pablo Ruiz Picasso) สวนตัว หรอื เนอ้ื หาสวนบคุ คล โดย นาํ ภาพตวั อยา งมาประกอบการ ของคนในครอบครวั ความเออ้ื อาทรทม่ี ตี อ มนษุ ยชาติ เชน อธิบายดวย ภาพวาดเกย่ี วกบั ความรนื่ เรงิ ในงานวนั เกดิ ภาพความรกั ความหวงใยระหวา งแมแ ละลูก เปนตน ๓) การแสดงออกทางความตายทนี่ า่ กลวั สัจธรรมหน่ึงของวงจรชีวิตที่มนุษยทุกคนไมสามารถ หลกี เลย่ี งได คอื ความตาย การเขา ใจถงึ ความตายจะเปน เคร่ืองชวยเตือนใจผูคนใหปลอยวางความมีกิเลสตัณหา ซ่ึงมิใชสิ่งท่ีจีรังยั่งยืน ศิลปนอาจสรางสรรคผลงานท่ีสื่อ ออกมาใหผ ชู มเขา ใจ ลดละการกระทาํ ทเ่ี อารดั เอาเปรยี บ เพอื่ นมนษุ ย หรอื ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม เชน ภาพวาด ท่ีแสดงถึงความตายของคน สัตว ภาพวาดที่แสดงถึง บรรยากาศท่วี งั เวงนา กลวั เปนตน “Dead Game” (ค.ศ. ๑๖๔๖) ผลงานของแฟร์ดีนนั ด ์ โบล (Ferdinand Bol) @ มมุ IT ๖๓ นกั เรียนควรรู สามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกย่ี วกบั ประวตั ิของประหยัด พงษดาํ ประหยดั พงษด าํ ศิลปนแหง ชาติ ไดจ าก http://www.dooqo.com/dooqo_page.php?sub_id=3358 สาขาทัศนศลิ ป (ภาพพมิ พ) ประจาํ ป พ.ศ. 2541 ทา นไดค ดิ คนเทคนคิ วธิ กี ารสรางสรรคภ าพพิมพใ นหลากหลายรูปแบบท่ศี ิลปน ทานอ่ืนๆ จะนํามาใชเปนแนวทางในการสรา งสรรคผลงาน ของตนเองได เชน การผสมผสานระหวางภาพพิมพก บั งาน จิตรกรรมใหเ ปน ภาพเดยี วกนั การถายทอดลายไมจาก แผนหน่ึงไปผสมกับงานจิตรกรรม เปน ตน คมู อื ครู 63

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบับนักเรยี น 30%) ใหนักเรียนอธิบายขอมูลเพิ่มเติม ๔) การแสดงออกทางดา้ นความประณตี งดงาม ผลงานทศั นศลิ ปป ระเภทนส้ี ว นใหญศ ลิ ปน จะยดึ ถอื เกี่ยวกับลักษณะผลงานทัศนศิลปที่ มีเนื้อหาแสดงออกถึงความประณีต ความรูสึกของตนเองเปนหลัก โดยมีความรูสึกชื่นชม ชื่นชอบตอรูปทรงของวัตถุ หรือรูปแบบที่เห็นวางดงาม งดงามกบั เนอื้ หาทแ่ี สดงออกถงึ ความ ศรัทธา พรอมยกตัวอยางประกอบ แลว สอ่ื สารออกมาใหผ ูอ น่ื เขา ใจถงึ ความงามนนั้ โดยใชเ ทคนิค วธิ กี ารตา งๆ ตามทศี่ ลิ ปน มคี วามถนดั ซงึ่ ความงามน้ี การอธิบาย โดยมากมกั จะสอื่ ออกมาเปน ผลงานรปู ธรรมทผี่ คู นสว นใหญเ หน็ แลว เขา ใจไดง า ย เชน ภาพวาดววิ ทวิ ทศั นท างธรรมชาตทิ ี่ เหมอื นจรงิ ของศลิ ปน ตา งๆ ภาพผลงานทม่ี คี วามละเอยี ดประณตี ใชค วามวริ ยิ ะอตุ สาหะมาก เปน ตน ผลงานในลกั ษณะน้ี มักจะมีความเปนสากลที่ผูชมไมวาจะเปนเช้ือชาติใดก็ เกรด็ แนะครู สามารถรบั รคู วามงามดงั กลา วนไ้ี ดและเขา ใจตรงกัน ๕) การแสดงออกทางความศรทั ธา ความ ครูควรอธบิ ายใหน ักเรียนเขาใจวา การจดั แบงเน้ือหาเปน 2 ลักษณะ ศรทั ธาในทน่ี ี้ สามารถแสดงออกมาไดทงั้ ความศรัทธาใน แบบนี้ เพ่อื สะดวกแกก ารทําความ เขาใจเทานน้ั ในการวเิ คราะห คตคิ วามเชอื่ ลทั ธิ ศาสนาทตี่ นเองนบั ถอื การเคารพบชู า ไมจ ําเปนตอ งจัดแบง เปน ประเภท อยา งละเอียด ประเดน็ สาํ คญั คือ รวมไปถงึ ความศรทั ธาทม่ี ตี อ ธรรมชาติ ศลิ ปน จาํ นวนมาก นกั เรียนจะตองทราบวาผลงานน้ัน มีเน้ือหาเก่ยี วกับส่งิ ใด และเน้ือหา มักแสดงออกถึงความศรัทธาอันแรงกลาตอสิ่งใดส่ิงหนึ่ง นน้ั ใหค ุณคาแงค ิดใดกบั ผชู มบา ง เพื่อจะไดนําขอ มลู มาบรรยาย ซึ่งความศรัทธาสวนตัวน้ีอาจเปนผลมาจากครอบครัว ใหผ ูอื่นเกิดความเขาใจได สง่ิ แวดลอ ม หรือประสบการณสว นตัวท่ีถูกหลอหลอมมา โดยศิลปนจะถายทอดความคิดสื่อสารออกมาเปน ผลงานประเภทตางๆ ทั้งท่ีเปนผลงานแบบรูปธรรมและ “The Japanese Bridge” (ค.ศ. ๑๘๙๕) ผลงานของอ็อสการ์ โกลน แบบนามธรรม เชน ภาพจิตรกรรมเรื่องราวที่เปนคติ มอแน (Oscar Claude Monet) ความเชื่อ ประติมากรรมรูปเคารพทางศาสนา เปนตน เกรด็ แนะครู “Holy Trinity (Pala della Convertite)” (ค.ศ. ๑๔๙๑) ผลงานของ “TheLastJudgement”(ค.ศ.๑๕๓๔) ผลงานของมเี กลนั เจโล ด ีโลโดวโี ก ซานโดร บอตตเิ ซลล ี (Sandro Boticelli) บโู อนารโ์ รตี ซีโมน ี (Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni) ครแู นะนาํ นักเรียนวา วัดจัดเปน สถานท่ีท่ีใชป ระกอบพิธีกรรมตาม ๖๔ ความเชื่อทางศาสนาพุทธ ซึ่งในเร่ือง ของความศรัทธาน้ี สามารถแสดง นักเรียนควรรู ออกมาในเรื่องของความเชือ่ ลัทธิ การเคารพบูชา ฯลฯ โดยศิลปน จะ ประติมากรรมรูปเคารพทางศาสนา จัดเปนผลงานทัศนศิลปที่แสดงออกถึง แสดงออกถงึ ความมศี รัทธาแรงกลา ความเชื่อทางศาสนา โดยเฉพาะอยางยิ่งในพระพุทธศาสนา ผลงานสวนใหญท่ี ทางศาสนาออกมาเปน ผลงาน ไดส รา งสรรคข นึ้ จะใชเปน ตวั แทนสิ่งที่ตนเคารพนบั ถอื เปนหลัก ทศั นศิลป เชน อาจารยเฉลมิ ชยั โฆษิตพิพัฒน ไดอุทศิ ตนสรา ง วัดรองขนุ ขน้ึ ณ ต.ปาออ ดอนชัย อ.เมอื ง จ.เชียงราย โดยมี แรงบนั ดาลใจมาจากชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ  เปน ตน 64 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Explore Explain Engage Evaluate ๓.๒ เน้อื หาเพ่อื สังคม (Social funcitons) สํารวจคน หา ลักษณะของผลงานทัศนศิลปประเภทน้ี จะมีเน้ือหาสาระเกี่ยวของกับสังคมเปนหลัก โดยอาจเปนไดทั้ง ใหนักเรียนดูภาพประกอบจากใน หนังสือเรียน หนา 65 ทั้ง 2 ภาพ ความประทบั ใจ หรอื ความหดหู โดยตอ งการทจ่ี ะใหส งั คมของตนดขี น้ึ ซง่ึ ประเภทหลงั จะเปน ผลงานทพ่ี ยายามกระตนุ แลว ใหนกั เรยี นวิเคราะหว า จติ สาํ นกึ ใหผ ชู มอยากเขา มามสี ว นรว มในการสรา งสรรคส งั คม ซงึ่ ผลงานทศั นศลิ ปท สี่ อื่ สารเนอ้ื หาทเ่ี กยี่ วขอ งกบั สงั คม • ภาพดังกลาวตอ งการบอกเลา สามารถแยกเปน หมวดหมูยอยได ดังตอ ไปนี้ เรอื่ งราวเกย่ี วกบั สงิ่ ใด และมี เนื้อหาสาระสะทอ นใหเหน็ ถึง ๑) ลัทธิความเช่ือและการเมือง ศิลปนท่ี สิง่ ใด สรางสรรคผลงานทัศนศิลปในแนวทางนี้มีความเชื่อวา อธิบายความรู นอกจากความงดงามแลว ผลงานทัศนศิลปท่ีดีจะตองมี ใหนกั เรยี นรวมกนั อธิบายขอมูล เกยี่ วกบั ลกั ษณะของผลงานทศั นศลิ ป ความรบั ผดิ ชอบตอ สงั คม ดวยการใหแ งคิด มุมมองทาง ทมี่ เี นอื้ หาเพอ่ื สงั คมวา สว นใหญเ นอ้ื หา ดา นลทั ธคิ วามเช่ือ หรอื สะทอ นภาพสงั คมทม่ี ีผลมาจาก จะบอกเลา เรอื่ งราวเกยี่ วกบั สง่ิ ใด โดย ครูชว ยเสรมิ ขอ มลู การเมอื งในขณะนนั้ เพราะถอื วา ปญ หาตา งๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ใน นักเรยี นควรรู สงั คมเปนผลมาจากการเมืองทัง้ สน้ิ ถา การเมืองมีความ มนั่ คง นกั การเมอื งมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ หนา ทดี่ ว ยความ เนือ้ หาเพ่ือสงั คม ลักษณะของ เอาใจใส ไมฉ อราษฎรบ งั หลวง บา นเมืองกจ็ ะสงบรมเยน็ ผลงานทัศนศิลปประเภทน้ีจะนิยม บอกเลาเรื่องราวเกี่ยวกับสังคมเปน ผลงานทัศนศิลปในแนวทางน้ีตองการสะทอนภาพสังคม “The Shootings of May Third” (ค.ศ. ๑๘๐๘)ผลงานของฟรนั ซสิ โก หลัก ซ่ึงอาจเปนภาพความประทับใจ เพื่อนําไปสกู ารปรบั ปรงุ แกไ ขใหดียิ่งขึ้น โกยา (Franciso Goya) ที่สะทอนความปาเถอ่ื น โหดรา ยของสงคราม หรือความหดหูใจท่ีพบเห็นในสังคม ที่มนษุ ยกระทําตอกนั ของตนเอง โดยสวนมากจะเปนเรื่อง ๒) บรรยายสังคม ดวยเหตุท่ีเร่ืองราวทาง เกีย่ วกบั ลทั ธิความเชื่อ การเมือง และ สังคมเปน หลัก สงั คมมขี อบเขตทกี่ วา งและครอบคลมุ วถิ ชี วี ติ ของผคู นใน นักเรยี นควรรู หลายๆ ดาน ศิลปนอาจจะแสดงทัศนะ หรือมุมมองของ ตนทม่ี ตี อ เหตกุ ารณท างสงั คมในขณะนน้ั ผา นทางผลงาน เนนเรื่องราวเปนหลัก ผลงาน ทัศนศิลปที่มีเนื้อหาเพ่ือสังคม ศิลปน ทศั นศลิ ป เพอ่ื ใหเ รอ่ื งราวในผลงานสะทอ นทศั นะ มมุ มอง จะใหความสําคัญกับการส่ือเรื่องราว เพ่ือกระตุนความรูสึกนึกคิดของผูชม หรอื ตอ งการใหผ คู นตระหนกั ในปญ หาทเ่ี กดิ ขนึ้ หรอื อยาก ตอ งการบอกเลา เรอื่ งราวทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ใหสังคมใสใจในเรื่องคุณธรรม จริยธรรมที่เส่ือมถอยลง ดังนัน้ จึงจะไมเ นนความงดงามของ ภาพ จึงจะเอาเกณฑความงามมาใช เรือ่ งราวในผลงานสว นใหญจ ะเปนการสรา งจิตสํานกึ เพอื่ ในการประเมินผลงานลักษณะเชนนี้ มไิ ด สว นรวม หรอื เสนอเรอ่ื งราวในลกั ษณะเสยี ดสสี งั คม อยาก ใหส งั คมมกี ารเปลย่ี นแปลงในลกั ษณะทดี่ ขี นึ้ กวา เดมิ ทง้ั นี้ การแสดงออกทางทศั นะผา นผลงานทศั นศลิ ปใ หผ ชู มเกดิ การรบั รู เขา ใจโดยใชก ระบวนการคดิ จะทาํ ใหผ ชู มมคี วาม “La liberte´ guidant le peuple” (ค.ศ. ๑๘๓๐) ผลงานของแฟรด ีน็อง เขา ใจประเดน็ ทต่ี อ งการจะสอ่ื สารไดล กึ ซงึ้ มากกวา การพดู วกิ เตอร เออแฌน เดอลาครวั (Ferdinand Victor Eugen� e Delacroix) บอกกลาวออกมาโดยตรง ลักษณะผลงานทัศนศิลปใน สะทอนใหเ หน็ ถึงสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ลกั ษณะบรรยายสงั คมจะเนน เรอ่ื งราวเปน หลกั สว นความ งามในตัวผลงานจะเปนเร่ืองรอง ๖๕ คูมือครู 65

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate สาํ รวจคนหา (ยอ จากฉบับนักเรยี น 30%) ใหนักเรียนศึกษาขอมูลจากกรอบ เสรมิ สาระในหนงั สอื เรยี น หนา 66 - 67 เสรมิ สาระ เก่ียวกับขั้นตอนการวิเคราะหผลงาน ทศั นศลิ ปว า มกี ขี่ นั้ ตอน แตล ะขนั้ ตอน มหี ลกั การอยางไร ขัน้ ตอนการวิเคราะหผลงานทัศนศลิ ป การวิเคราะหผลงานทัศนศิลปใหถูกตองตาม หลักการและไดสาระประโยชน ท้ังตอตัวของศิลปน ผสู รา งสรรคผลงานเอง ผชู มผลงาน และผูท ่จี ะวิเคราะห อธบิ ายความรู สามารถใชแนวทางดังตอไปน้ี ซ่ึงมีอยู ๔ ข้ันตอน ดว ยกนั นาํ ไปใชป ฏบิ ตั ิ เพอื่ ใหก ารวเิ คราะหเ ปน ไปอยา ง ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายขอมูล สรา งสรรค ไดแก เกี่ยวกับขั้นตอนการวิเคราะหผลงาน ทัศนศลิ ป โดยครูชวยเสริมขอ มลู และ ๑. ข้ันบรรยาย (Description) สรปุ ทบทวนขน้ั ตอนทงั้ หมด หลังจากที่ผูวิเคราะหไดชมผลงาน เขาใจถึง รูปแบบ เนื้อหา และคุณคาในผลงานทัศนศิลปท่ีชม แลว ผูวิเคราะหควรใชการบรรยาย หรือพรรณนา หรอื อธิบายสิ่งท่ีตนพบเห็นต้ังแตแรกเร่ิมไดชมผลงานเพื่อ ใหผูอ่ืนเขาใจ โดยจะเปนการบรรยายสิ่งทีส่ ะดุดตาท่ไี ด เห็นในทนั ทที นั ใด เพ่ือใหผ ูชมไดมองเห็นภาพรวมของ เกร็ดแนะครู ตัวผลงานกอน เชน ลักษณะของภาพวาเปนภาพใด “The Siesta” (ค.ศ. ๑๘๙๐) ผลงานฟนเซนต วิลเลียม ฟาน ก็อกฮ (Vincent มีลักษณะอยางไร สีเปนเชนไร ลักษณะใดที่เห็นได Willem Van Gogh) ครูควรเนน ย้าํ ใหน กั เรยี นเห็นวา อยางสะดดุ ตา เปน ตน เหน็ สิ่งใดกอ็ ธบิ ายไปอยางนนั้ ซ่ึงเปน การบอกเลา ขอมูลทวั่ ๆ ไป โดยยงั ไมไ ดน าํ เอาหลักการ ทฤษฎีทางศิลปะมาจบั กอ นการศึกษาวิเคราะหท ัศนศิลป ไมม กี ารแสดงทศั นะ ความคดิ เหน็ หรอื มุมมองของผูว เิ คราะหทีม่ ตี อ ผลงาน นักเรียนควรศึกษาแนวคิดและทฤษฎี การแสดงออกทางทัศนศิลปท่ีศิลปน ๒. ขัน้ วิเคราะห (Analysis) ในข้ันตอนนี้ ผูวิเคราะหจะตองอธิบายเชื่อมโยงคุณสมบัติตางๆ ในตัวผลงานท่ีไดชมและบรรยายไปแลว ซ่ึงอาจอธิบายลักษณะ รปู แบบของผลงาน เนื้อหาทีผ่ ลงานตอ งการจะสื่อ เทคนคิ วธิ กี ารที่ศิลปน ใชใ นการสรา งสรรคผลงาน เพอ่ื ใหผชู มเขาใจรายละเอียดของผลงานที่ วิเคราะหม ากย่งิ ขน้ึ โดยอาจอางองิ หลักการ แนวคิด ทฤษฎีทางศลิ ปะตางๆ ซง่ึ จะ นาํ มาสรา งสรรคผ ลงานทัศนศลิ ป ชว ยทาํ ใหการวเิ คราะหมคี ุณภาพนา เชอื่ ถือ ไมใ ชวิเคราะหจ ากอารมณ ความรสู กึ ซง่ึ สามารถแบง ออกเปน 4 ลกั ษณะ คอื ทั้งน้ี การวิเคราะหอาจจะพิจารณาจากความสัมพันธของคุณสมบัติในดานตางๆ 1. นิยมการเลียนแบบ (Imitation- ดงั ตอไปน้ี alism Theory) เปนการเห็น ๒.๑ ดา นสว นประกอบการรบั รู เปน การวเิ คราะหก ารนาํ เอาคณุ สมบตั ิ ความงามในธรรมชาตแิ ลว ขององคประกอบทางทัศนธาตุมาสรางสรรคผลงานทัศนศิลปวาทําไดดีมากนอย เพยี งใด ไดแ ก จดุ เสน รปู รา ง รปู ทรง นาํ้ หนกั ออ น - แก พน้ื ทว่ี า ง พน้ื ผวิ และสี นาํ มาเลยี นแบบไวใ หเ หมอื นทั้ง ๒.๒ ดานโครงสราง เปนการวิเคราะหลักษณะการออกแบบผลงาน รปู รา ง รูปทรง สีสนั ฯลฯ ทัศนศิลป วามีความเปนเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุลกนั หรือไม หรอื 2. นิยมสรางรปู ทรงที่สวยงาม ทาํ ไดดมี ากนอ ยเพียงใด (Formalism Theory) เปนการ สรางสรรครูปทรงขน้ึ มาใหม ๒.๓ ดานเทคนิค วิธีการ เปนการวิเคราะหการใชเทคนิค วิธีการ ใหม ีความสวยงามดวยการนาํ ที่ทําใหผลงานมีความนาสนใจ โดดเดน และสะทอนถึงเอกลักษณสวนบุคคล ทศั นธาตุและเทคนิควธิ กี าร ของศิลปน เชน การใชฝแปรงท่ีฉับไว การใชสีท่ีหนา การนําวัสดุธรรมชาติ ตา งๆ มาใช มาสรา งสรรคเปนผลงาน เปน ตน ๒.๔ ดานเนอื้ หา เปน การวิเคราะหว า ผลงานในภาพ ศลิ ปน ตอ งการ “Tete d’ une Femme Lisant” (ค.ศ. ๑๙๕๓) จะบอกเน้ือหาสาระเก่ียวกับสิ่งใด หรือกระตุนความคิดใดกับผูชม เชน สะทอน ผลงานของปาโบล รยุ ซ ปก สั โซ (Pablo Ruiz Picasso) ความขัดแยงทางการเมือง ตอตานการคามนุษย การใหความรวมมือกันเพื่อลด ภาวะโลกรอ น เปน ตน 3. นิยมแสดงอารมณ (Emotional ๖๖ Theory) เปนการสรา งงานให ดูมคี วามรูสกึ ท้ังทเ่ี ปน อารมณ อนั เนือ่ งมาจากเรื่องราวและ อารมณข องศิลปนทีถ่ ายทอด ลงไปในผลงาน 4. นยิ มแสดงจนิ ตนาการ (Imagination Theory) เปน งานทแี่ สดง ภาพจนิ ตนาการ แสดงความคดิ ฝน ทแ่ี ตกตา งไปจากธรรมชาติ และสงิ่ ที่พบเห็นอยูในชีวิตประจาํ วัน 66 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Elaborate Engage Explore Evaluate ๒.๕ ดานอารมณ ความรูสึก เปนการวิเคราะหวา ถาผูชมไดใชเวลาชมผลงานช้ินนี้แลว สวนใหญจะเกิดอารมณ ความรูสึก ขยายความเขา ใจ อยา งไร เชน ความเศราสะเทือนใจ ความอม่ิ เอมใจ ความปติ เปนตน ครูนาํ ผลงานทศั นศิลปมาให ๓. ขน้ั ตีความ (Interpretation) นกั เรยี นดู 1 ภาพ แลว ใหน กั เรยี นสาธติ เปน การคน หาความหมายทซ่ี อ นอยภู ายในภาพ เพราะบางผลงานภาพทเี่ หน็ อาจจะไมใ ชค วามหมายทแี่ ทจ รงิ ทศี่ ลิ ปน ตอ งการจะสอ่ื การวิเคราะหผลงานทัศนศิลปอยาง สน้ั ๆ โดยครูชว ยชี้แนะปรบั ปรงุ หรอื บอกเลา โดยเฉพาะผลงานทไ่ี รร ปู ลกั ษณ หรอื นามธรรม การตคี วามอาจยงุ ยากซบั ซอ น ดงั นนั้ การไดศ กึ ษาภมู หิ ลงั แนวทางการสรา งสรรค การวเิ คราะหข องนกั เรยี น ผลงานทัศนศลิ ปข องศลิ ปน เอกลกั ษณข องศิลปน รวมทงั้ ไดเหน็ ผลงานของศิลปนทา นนนั้ บอยครัง้ จะมีสว นชวยทาํ ใหการตคี วามทาํ ไดถูกตอง ใกลเคยี งมากย่ิงขน้ึ สาํ หรับการตีความควรอา งอิงดวยวา เหตุผลทตี่ คี วามเชน นี้เนื่องมาจากเหตุใด มีแนวคดิ หลักการใดรองรับบา ง เกรด็ แนะครู ๔. การประเมิน (Evaluation) ครูสรปุ ใหน กั เรยี นฟง วา การที่ได เปนขั้นสรุปการตัดสินวา ผลงานชิ้นท่ีทําการวิเคราะห มีคุณคา มีความงามอยางไร หรือมีส่ิงใดท่ีควรปรับปรุงแกไขบาง ท้ังน้ี วิเคราะหผลงานทัศนศิลป เปนการ แลกเปลี่ยนความรูสึกกับบุคคลอื่นที่ อาจจะเปรียบเทียบผลงานแบบเดียวกัน หรือใกลเคียงกัน วามีความแตกตางกันอยางไร โดยตองใชหลักวิชาในการประเมินอยางยุติธรรม สมั ผสั กบั ผลงานทศั นศลิ ปช นิ้ เดยี วกนั ปราศจากอคติ ไมใชอารมณ ความรูสึก นอกจากนี้ ควรอธิบายสิ่งดีท่ีปรากฏอยูในผลงานและเสนอแนะส่ิงที่พึงปรับปรุง จะชวยทําให เปนการคนหาคณุ คา ในสิ่งทเี่ ปน การประเมินดูมคี วามนา เชอื่ ถอื มากยงิ่ ข้นึ ความงามและเปน การอธิบาย หรือ ตดั สินคณุ คาของผลงานชน้ิ นนั้ ๆ วาดี หรอื มขี อบกพรอ งอยา งไร ซึ่งทง้ั น้ี จะตอ งอางอิงกับหลักวชิ าการทาง ดา นทศั นศิลปผ นวกกับความรูและ ประสบการณข องผูวิจารณเ ปน หลัก นักเรยี นควรรู เอกลักษณของศลิ ปน ลักษณะ เฉพาะตวั ของศลิ ปน ในการสรา งสรรค ผลงานทศั นศิลป เชน รูปแบบของ ผลงาน ลีลาของเสน สัญลกั ษณท่ี นยิ มใช วสั ดุ เทคนคิ และอน่ื ๆ เปน ตน ซงึ่ มีความแตกตา งจากศิลปนทาน อืน่ ๆ เม่ือเหน็ ผลงานแลว สามารถ ตคี วามไดวานา จะเปน ผลงานของ “La Grenouillère” (ค.ศ. ๑๘๖๙) ผลงานของปแ ยร โอกสุ ต เรอนัว (Pierre Auguste Renoir) ศลิ ปนทา นใด ในการวิเคราะหผ ลงาน ๖๗ ทศั นศิลป ถา ผูวิเคราะหส ามารถ อธบิ ายใหผ ชู มเกิดความเขาใจไดว า เอกลกั ษณข องศลิ ปนท่สี รา งสรรค ผลงานมีลักษณะเปนอยางไร มีส่ิงใด เปน จดุ เดน กจ็ ะเปน ประโยชนท จ่ี ะชว ย ใหผูชมไดรูจักและจดจําเอกลักษณ ของศลิ ปน ทา นนัน้ เอาไว คูม ือครู 67

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบับนกั เรยี น 30%) ครูหาตัวอยางภาพทีด่ ูแลวสามารถ ô. ¤Ø³¤‹Ò¢Í§¼Å§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÔŻРใหอารมณ ความรูสึกท่ีนาประทับใจ มาใหน ักเรยี นดู 2 - 3 ภาพ จากนั้นตัง้ การวิเคราะหคุณคาของผลงานทัศนศิลปจะขึ้นอยูกับศักยภาพทางการมองเห็น ซึ่งผลของการวิเคราะห คาํ ถามเชิงกระตุนกับนกั เรียน ดังน้ี จะมีคุณภาพมากนอยเพียงใด ความรูและประสบการณของผวู เิ คราะหนับเปนปจ จัยสําคญั โดยการวิเคราะหผ ลงาน ทัศนศลิ ปท ้ังในดา นรูปแบบ เน้อื หา และคุณคาของผลงานจะมีความสมั พันธเช่อื มโยงกนั ในแตละสว น ดังตอ ไปนี้ • ความรูสึกของนักเรียนเมอ่ื ได ดภู าพดังกลาว ๔.๑ คณุ ค่าทางโครงสรา้ ง • ภาพดังกลาวมีคุณคา ทางดา น โครงสรา งของผลงานทศั นศลิ ปท จี่ ะพจิ ารณา คอื เมอ่ื มองในดา นรปู แบบตอ งวเิ คราะหไ ดว า ศลิ ปน สามารถ เน้ือหา หรอื คณุ คา ทางดา น ถา ยทอดผลงานทศั นศลิ ปอ อกมาในรปู แบบทต่ี อ งการไดห รอื ไม เชน เมอื่ มวี ตั ถปุ ระสงคจ ะสรา งสรรคผ ลงานทเี่ ปน ศลิ ปะ สนุ ทรียภาพหรือไม อยางไร รปู ลกั ษณ (Figurative Art) ผลงานกต็ อ งแสดงออกมาในลกั ษณะทเ่ี ปน รปู ธรรม หรอื ตอ งการใหเ ปน ศลิ ปะไรร ปู ลกั ษณ (Non-Figurative Art) ผลงานก็ตองส่ือออกมาในลักษณะทเ่ี ปนนามธรรม เปน ตน สํารวจคน หา ๔.๒ คณุ ค่าทางการมองเหน็ ใหนักเรียนไปสบื คน ขอ มูลเกีย่ วกับ คณุ คาของผลงานทัศนศลิ ป จาก คุณคา ทางการมองเหน็ ทม่ี ีตอผลงานทัศนศิลป เกดิ ข้ึนไดจากตัวผลงานเองวา สามารถนาํ เสนอ หนงั สือในหอ งสมดุ เว็บไซตใ น เร่ืองราวตอ ผชู มไดอยางสอดคลอ งกบั วตั ถุประสงคหรือไม ซึ่งสามารถแบงออกเปน ๒ สวน ไดแ ก อนิ เทอรเ น็ตและแหลง การเรียนรู ตางๆ ๑) คุณค่าทางเน้ือหา เมื่อวิเคราะหวาศิลปนไดสรางสรรคผลงานไดตรงตาม อธบิ ายความรู วัตถุประสงคแลว ขั้นตอนตอมา คือ พิจารณาวาเนื้อหาที่ศิลปนตองการส่ือความหมายให ผูอ่ืนไดรับรู เปนไปตามเจตนาท่ีตั้งไวมากนอยเพียงใด หากการนําเสนอเร่ืองราวทําให ใหนกั เรยี นรวมกันอธบิ ายขอ มูล ผชู มรบั รไู ดต รงตามความตอ งการ แสดงวา การสอ่ื สารเพอื่ บอกคณุ คา ทางดา นเนอ้ื หา เก่ียวกบั แนวทางการประเมนิ คณุ คา เปน ไปอยางมคี ณุ ภาพ ของผลงานทัศนศลิ ปในดา นคณุ คา ทางโครงสรา งและคณุ คาทางการ ๒) คุณค่าทางสุนทรียภาพ พิจารณาเร่อื งการใช มองเห็น องคประกอบของทัศนธาตุวาเปน อยางไร การออกแบบถูกตองตาม หลักการมากนอยเพียงใด โดยยึด หลกั เกณฑเ รอ่ื งความเปน เอกภาพ ความกลมกลนื และความสมดุล ท้ังน้ี คุณคาทางเนื้อหาและคุณคาทาง สนุ ทรยี ภาพเมอื่ รวมกันแลว คือ “คุณคาทางการมองเห็น” นักเรียนควรรู ๖๘ คณุ คาของผลงานทศั นศิลป นกั เรยี นควรรู อยทู ีก่ ารส่อื ความคิดของศิลปน ซง่ึ มองเหน็ ผานทางทศั นธาตุที่นํา คณุ คา ทางการมองเหน็ สามารถเกดิ ขึ้นไดจากตวั ของผลงานเอง วา สามารถนาํ เสนอเรอื่ งราว มาใช ไมว า จะเปนเสน สี แสงเงา ใหผชู มเขาใจไดสอดคลองกับวตั ถปุ ระสงคหรือไม ซง่ึ คณุ คา ทางการมองเหน็ สามารถแบง ออกเปน รูปราง รูปทรง ฯลฯ โดยเฉพาะ 2 สว น คือ คุณคาดานเน้ือหาและคณุ คาทางสนุ ทรียภาพ การเลอื กใชสีทด่ี ูแลว ทาํ ใหเกดิ ความโศกเศรา ในการจัด องคประกอบศิลป มีการเลือกใชสี ใหเปน จุดเดน การจัดภาพมี ความเปนเอกภาพ ความกลมกลนื และความสมดลุ ทเี่ หมาะสมลงตัว 68 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ตัวอยา งท่ี ๑ การดนิ้ รนของส่ิงมชี ีวิต สาํ รวจคน หา ดานเน้อื หา ครูสมุ นักเรยี น 2 - 3 คน ชว ยกัน อธบิ ายขอมลู เกี่ยวกับแนวทาง เน้ือหา หรือเร่ืองราวในภาพที่ศิลปนตองการส่ือ การวิเคราะหผ ลงานทัศนศลิ ป ใหผูชมไดรับรู เปนเน้ือหาท่ีตองการแสดงออกทาง ตามตัวอยา งท่ี 1 และนกั เรยี นมี จิตสํานึกที่ดีตอภาวะการใชชีวิตในสังคม การเลา ความคดิ เหน็ เพิม่ เติมอยา งไร เรอื่ งราวดว ยภาพของศลิ ปน สอดคลอ งกบั วตั ถปุ ระสงค ศลิ ปน ใชป ลาเปน รปู ทรงจากธรรมชาตทิ เี่ ปน ตวั แทนของ อธิบายความรู ส่งิ มชี ีวติ แตปลาไดถ ูกตัดทอนใหค งเหน็ แตส วนหัวปลา ในบางตําแหนงของภาพ สวนลําตัวปลาจะแทนดวย ใหนักเรียนศกึ ษาแนวทางการ สีสันรอยแปรงและพูกัน มีลีลาของความรวดเร็วให วิเคราะหผ ลงานทศั นศิลปจาก ความรูสกึ ของการไมห ยดุ น่งิ แตมกี ารเคล่อื นไหวอยาง ตวั อยา งในหนงั สอื เรยี น หนา 69 - 71 ตอ เนอื่ งในบรรยากาศทศี่ ลิ ปน ตอ งการใหม กี ารกลนื กนั ซงึ่ จะเนนการวเิ คราะหร ปู แบบเนือ้ หา ของรูปและพ้ืนหลัง และคณุ คาของผลงานทัศนศลิ ป “การดิ้นรนของสิ่งมีชีวิต” (พ.ศ. ๒๕๔๖) ดา นคุณคา ในผลงานทศั นศิลป เกรด็ แนะครู ผลงานของพชิ ัย นิรนั ต เทคนคิ ภาพวาด สีอะครลิ กิ บนผืนผา ใบ ศลิ ปน สรา งสรรคผ ลงาน “การดนิ้ รนของสง่ิ มชี วี ติ ” ครูชีแ้ นะเก่ียวกับการเขียนบรรยาย ไดตรงตามวัตถุประสงคที่กําหนดเปนช่ือภาพ เปน ในการวเิ คราะหผลงานทัศนศลิ ป ดา นรูปแบบ ความตอ งการของศลิ ปน ทอ่ี ยากถา ยทอดใหผ คู นไดร บั รู ใหพยายามใชค าํ ศพั ทท างทัศนศลิ ป และตระหนักถึงความจริงของชีวิตท่ีตองตอสูด้ินรน ในการบรรยายและควรใชข อ ความ ศิลปนไดสรางสรรคผลงานจิตรกรรมสีอะคริลิก การส่ืออารมณ ความรูสึก ใชเสนและสีมาแทน ทีก่ ระชับ ไมฟุมเฟอย บนผนื ผา ใบขนาด ๘๐ × ๑๐๐ เซนติเมตร เปนศลิ ปะกง่ึ ไร การเคล่ือนไหวอยางรวดเร็ว โดยไมตองใชรูปทรง รปู ลกั ษณ หรอื ศลิ ปะกงึ่ นามธรรม (Semi - Figurative Art) ของการเคลื่อนไหวที่เปนจริงตามธรรมชาติ เปนการ นักเรียนควรรู ศิลปนมีการตัดทอนรูปทรงบางสวนออกไปจากรูปทรง นําเสนอรูปแบบศิลปะกิ่ึงไรรูปลักษณผสมผสานกับ ตามธรรมชาติจริงที่ปรากฏ จนเหลือบางสวนที่ยังพอ ความเปน ศลิ ปะรปู ลกั ษณใ นบางสว นของปลา เปน การ การดนิ้ รนของสง่ิ มชี วี ติ ผลงานของ ปรากฏใหเห็นรปู ทรงวาเปน รปู ใด นอกจากนี้ ศิลปน ยงั ได สรางสรรคผลงานทางโครงสรางและใหคุณคาทาง พชิ ยั นริ นั ตจดั เปน งานศลิ ปะแบบกงึ่ ไร เพมิ่ เตมิ ตกแตง ทศั นธาตตุ ามความคดิ และความรสู กึ เขา ไป เน้อื หาไดอ ยา งลงตวั รูปลักษณ (Semi - Figurative Art) ในผลงานอีกดว ย หรือ ศิลปะแบบก่ึงนามธรรม (Semi ในดานการจัดองคประกอบศิลป ศิลปนเลือกเอา Abstract) เพราะจากภาพไดแ สดงให ตําแหนงของจุดสนใจอยูบริเวณก่ึงกลางภาพเปน เห็นถึงรูปแบบของงานเปนศิลปะท่ีมี แนวตั้ง และเปนกลุมกอนของสีวรรณะอุน สอดรับ การบดิ เบอื นไปจากศลิ ปะแบบเหมอื น กับความรูสึกของการเคล่ือนไหวดิ้นรน สีของพ้ืนหลัง จริง ดวยการตัดทอนรูปทรงของจริง เปนสีวรรณะเย็นท่ีชวยขับใหจุดเดนของภาพมี ใหม คี วามเรยี บงา ย แตย งั คงมเี คา โครง ความหมายมากยิง่ ข้นึ ท้ังภาพมีความเปนเอกภาพและ ที่เหมือนจริงเหลืออยู เพื่อสื่อใหรูวา มคี วามสมดลุ เปน คณุ คา ทางสนุ ทรยี ภาพจากการสมั ผสั เปน รปู ใด ดว ยการมองเห็น รวมเปนคุณคาในผลงานทัศนศิลปที่ ศลิ ปนไดส รางสรรคข ึน้ ๖๙ นกั เรยี นควรรู พิชัย นิรนั ต เปนศิลปน คนสําคัญดานจิตรกรรมรว มสมยั ของวงการศิลปกรรมไทย เปน ผูท่ีมคี วาม มงุ มนั่ ในการสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปท มี่ เี อกลกั ษณเ ฉพาะตวั ผลงานสว นใหญเ นน ไปทางปรชั ญา ของพทุ ธศาสนา โดยเฉพาะในเรื่องของสัจธรรม คมู อื ครู 69

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Explain Engage Explore อธิบายความรู (ยอจากฉบับนักเรยี น 30%) ครขู ออาสาสมคั ร 2-3 คน ใหช ว ยกนั ตัวอย่างท่ี ๒ ตรวจยามกลางคนื อธิบายขอมูลเกยี่ วกบั แนวทาง การวเิ คราะหผลงานทศั นศิลปตาม ตัวอยางท่ี 2 และแสดงความคดิ เหน็ เพ่มิ เตมิ เกร็ดแนะครู ในการวิเคราะหผลงานทัศนศิลป “ตรวจยามกลางคนื ” (ค.ศ. ๑๖๔๒) ผลงาน ของสากล หรอื ตะวนั ตก ครคู วรแนะนาํ ของแรมบรังด์ ฮาร์เมนซูน ฟาน ไรยน์ ใหนักเรียนเลือกวิเคราะหจากผลงาน (Rembrandt Harmenszoon Van Rijn) ของศลิ ปน ทมี่ ชี อ่ื เสยี ง หรอื เปน ผลงาน เทคนคิ ภาพวาดสีนา้� มนั บนผนื ผา้ ใบ ที่โดดเดน เน่ืองจากมีขอมูลใหสืบคน ดานรปู แบบ มากมาย บางผลงานอาจจะมผี อู ธบิ าย ผลงานช้นิ นี้ เปนงานจิตรกรรมสนี า้� มนั บนผืนผา้ ใบ ขนาด ๓๘๗ × ๕๐๒ เซนติเมตร มชี อื่ วา่ “ตรวจยามกลางคืน” ไวบางแลววาลักษณะเดนของผลงาน (The Night Watch) ลักษณะผลงานเปนศิลปะรูปลักษณ์ (Figurative Art) เปนรูปทรงจริงตามธรรมชาติ กล่าวคือ เปน อยา งไรมกี ารจดั องคป ระกอบศลิ ป กลุ่มของคนมีความเหมือนจริง ท้ังรูปทรงและเงาในเวลาค่�าคืน ศิลปินแสดงออกทางสุนทรียภาพที่เกิดจากความรู้สึก อยา งไร ประทับใจ ถา่ ยทอดออกมาเปนรปู แบบงานเขียนทีง่ ดงามดว้ ยสีและแสงเงา ดานเน้ือหา เนื้อหาในภาพจัดเปนเนื้อหาเพ่ือสังคม ศิลปินต้องการบรรยายเรื่องราวท่ีเกิดข้ึนจริงในชุมชน โดยน�าเหตุการณ์ ที่ดูเปนปกติ คือ การเตรียมตัวของกลุ่มยามรักษาการณ์มาน�าเสนอ เปนเรื่องราวของกลุ่มยามรักษาการณ์ที่ก�าลัง จัดแถว และมหี วั หนา้ ชดุ ก�าลงั เดนิ คยุ กับผูช้ ว่ ย ศลิ ปนิ ตอ้ งการจะสอื่ วา่ ความสงบเรยี บร้อยทส่ี ังคม หรอื การทผ่ี ูค้ นมี นกั เรยี นควรรู ชีวิตท่ีเปนปกติสุขน้ัน ส่วนหน่ึงเกิดจากการท�าหน้าท่ีดูแลสังคมของคนกลุ่มหนึ่งท่ีเรียกว่า “ยามรักษาการณ” ท่ีคอย ท�าหน้าทต่ี รวจตราเหตุการณ์ในยามค�า่ คนื ตรวจยามกลางคนื ภาพนีก้ ลมุ ยาม รักษาการณท่ีกรุงอัมสเตอรดัมวาจาง ดานคุณคา ในผลงานทศั นศลิ ป ใหแรมบรังด ฮารเมนซูน ฟาน ไรยน ศิลปินสร้างสรรค์ผลงาน “ตรวจยามกลางคืน” ท่ีดูแล้วสื่อความหมายได้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยเนื้อหาเปน เปนจิตรกร เปนภาพเหมือนบุคคล เหตุการณ์จริง เปนภาพเหมือนของบุคคล จึงเลือกใช้รูปทรงเหมือนจริงตามธรรมชาติ การเลือกใช้ทัศนธาตุเน้นท่ี หรือภาพแบบ Portrait ภาพนี้เขาได แสงเงาและสี ซึ่งศิลปินเลือกใช้บรรยากาศท่ีมืดสลัว เพื่อส่ือความหมายถึงช่วงเวลายามราตรี มีการคุมโทนสีให้เปน ลกั ษณะเดียวกนั ตลอดท้งั ภาพ กําหนดจุดเดนอยูที่รอยเอกฟรังส การจัดองค์ประกอบศิลป์ เน้นให้มีความเปนเอกภาพ ให้มีกลุ่มคนกลุ่มเดียวอยู่รวมกัน แต่ถ่วงน�้าหนักด้านซ้าย แบนนิง คอค สวนคนอ่ืนๆ ใหความ และดา้ นขวาให้สมดุล การใหส้ ี รูปของคน รวมทงั้ เนื้อหาโดยรวมสอดรบั กลมกลนื กนั ดี จุดสนใจอย่บู รเิ วณกลางภาพ สําคัญลดหล่ันกันออกไป โดยใหแสง ท่ีศิลปินใชแ้ สงสว่างจับตอ้ งมากท่สี ดุ เทคนิคในการน�าเสนอ ศิลปินได้เปลี่ยนวิธีการน�าเสนอ แทนท่ีจะเปนน�าทุกคนมายืนรวมกัน เปนท่าทางน่ิงๆ จับท่ีใบหนาของแตละคนและฉาก แต่ให้ทุกคนแสดงอิริยาบถต่างๆ ตามที่เปนอยู่จริง ท�าให้ดูแล้วมีความรู้สึกว่ามีความเคล่ือนไหว ท�าให้ภาพมีชีวิตชีวา หลงั มืดสลวั ซึ่งการใหแ สงในลักษณะ การใหแ้ สงเปน แบบเนน้ บางจดุ (Spot Light) โดยเฉพาะใบหนา้ ของแตล่ ะบคุ คล และเลอื กใชบ้ รรยากาศทม่ี ดื สลวั เพอื่ สอ่ื นี้ถือเปนลักษณะเดนของเขา แตเมื่อ ช่วงเวลาของเหตุการณ์ ผลงานเสร็จแลว กลุมคนผูจางกลับ ๗๐ เห็นวาภาพไมมีความโดดเดน มองดู มืดมัว เม่ือนาํ ไปตดิ ทศี่ าลาประชาคม เมอื งอมั สเตอรด มั กถ็ กู ทง้ิ ไวอ ยา งขาด การดูแลนานนับรอยป จนภาพชํารุด เสียหายหลายแหง คน 2 คน ทางดานขวาของภาพถูกตัดออก จนภายหลงั เม่ือผคู นเขาใจ ถึงผลงานของเขา จึงเห็นถึงอัจฉริยภาพของเขาในผลงานชิ้นนี้ และไดทําการฟนฟูบูรณะ ภาพจนสมบรู ณ ปจ จบุ นั ผลงานตรวจยามกลางคนื ถกู เกบ็ รกั ษาและตง้ั แสดงอยทู พ่ี พิ ธิ ภณั ฑ ไรก กรงุ อมั สเตอรด ัม ประเทศเนเธอรแลนด 70 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Explain Explore Evaluate ตัวอยางที่ ๓ จันทรเ จา ขอขาวขอแกง อธบิ ายความรู ดา นรูปแบบ ครูคัดเลือกนักเรยี น 2-3 คน ที่ยงั ไมไ ดปฏบิ ัตกิ จิ กรรมในตวั อยางท่ี 1 ศิลปนไดสรางสรรคผลงานช้ินน้ี สรางขึ้นมาตั้งแต และ 2 ออกมาอธิบายเกยี่ วกบั พ.ศ. ๒๕๑๘ เปน งานจิตรกรรมสีน้าํ มันบนผืนผา ใบขนาด แนวทางการวเิ คราะหผ ลงาน ๑๓๗ x ๑๕๔ เซนตเิ มตร รปู แบบเปน ศลิ ปะกงึ่ ไรร ปู ลกั ษณ ทัศนศลิ ปต ามตวั อยา งที่ 3 หรือกึ่งนามธรรม (Semi - Figurative Art) โดยศิลปน ไดนํารูปทรงธรรมชาติมาดัดแปลงใหดูแตกตางออกไป นกั เรยี นควรรู จากความเปน จรงิ แตโ ดยรวมแลว สามารถสอ่ื สารกบั ผชู ม ไดในทันที ภาพตองการส่ือความหมาย กระตุนความคิด จนั ทรเ จาขอขา วขอแกง ของผชู มแทนการส่อื ดว ยความงาม เปน ผลงานของประเทือง เอมเจรญิ ทนี่ าํ ออกแสดงในนิทรรศการเมอ่ื ดานเนื้อหา “จนั ทรเ จาขอขา วขอแกง” (พ.ศ. ๒๕๑๘) ผลงานของ เดือนตลุ าคม พ.ศ. 2518 ทห่ี อศลิ ป ประเทอื ง เอมเจริญ เทคนิคภาพวาดสีนํา้ มนั บนผืนผา ใบ พีระศรี กรุงเทพมหานคร ผลงาน ศลิ ปน นําบทกลอนทค่ี นไทยรจู กั กันดีที่วา “จันทรเอย ช้นิ นี้ บางคนกต็ คี วามวา ศิลปน นํา จันทรเจาขอขาวขอแกง” มาเปนแนวคิดในการนําเสนอ ดวงจนั ทรมาใชเ ปนสญั ลักษณแ ทน เรื่องราวท่ีสะทอนภาพสังคมในชวงเวลาขณะนั้น เกิด ความเมตตา เปน การเรยี กรอ งให ปญ หาเศรษฐกจิ สนิ คา ขาดแคลน มรี าคาสงู ผคู นอดอยาก ผคู นในสงั คมไทยมคี วามเมตตาชว ย ศิลปนใชเด็กที่ดัดแปลงรูปทรงใหหัวโต ตัวผอม พุงโร เหลอื เกอ้ื กลู กนั ถา เราไมช ว ยเหลอื กนั กระดูกรูปรางบิดเบี้ยวจากความเปนจริง สื่อใหเห็นถึง ความหวังก็เหมอื นจานขาวที่วา ง ความอดอยาก ภาพเด็กเปนตัวแทนของคนยากจนท่ีไมรู เปลา อีกนยั หนงึ่ กเ็ หมือนการประชด จะไปขอความชว ยเหลอื จากใคร จงึ ตอ งขอจากพระจันทร ประชนั วา ถา ไมมีใครชว ย ผทู กุ ขย าก โดยหวังวาพระจันทรจะชวยได อยางกลอนที่ทองกันมา ตอ งไปขอจากพระจันทรเ ทานน้ั เนอื้ หาของภาพผชู มสามารถเขา ใจไดง า ย วา ศลิ ปน ตอ งการ ซงึ่ เปน ผลงานทศั นศิลปช ้นิ หนึง่ จะสือ่ ถงึ สง่ิ ใด ทไ่ี ดร ับการวพิ ากษ วจิ ารณพ อสมควร ในชวงเวลานนั้ บางคนกใ็ หท ศั นะวา ดา นคณุ คาในผลงานทัศนศลิ ป ศลิ ปน ส่ือความหมายตรงเกนิ ไป จนผชู มไมไ ดจ นิ ตนาการ หรอื คนหา ศลิ ปน สรา งสรรคผ ลงาน “จนั ทรเ จา ขอขา วขอแกง” ไดต รงตามชอื่ ของภาพอยา งทตี่ ง้ั วตั ถปุ ระสงคไ ว คณุ คา ของผลงาน ความคดิ แตบ างคนก็เหน็ วา เปน อยทู ก่ี ารสื่อความคิด ใหผชู มไดตระหนกั ถงึ ความเดือดรอนของผคู นในสงั คม ท้ังท่รี อบตวั ของเดก็ ไมม สี ิ่งใดเลย แมแ ต แนวศิลปะเพือ่ ชีวิต ดูแลวเขา ใจงาย เสอ้ื ผา แตส ิ่งทีข่ อ คือ อาหารเพื่อประทังชีวิต ทัศนธาตทุ ่นี าํ มาใชท่โี ดดเดนจะเปนเสน สี แสงเงา รปู รา ง และรูปทรง เขา ถงึ ผูชมไดดี โดยเฉพาะการใชส ที ่ีดูแลว ทาํ ใหเ กดิ ความรสู ึกเศรา และรันทดใจ ในการจัดองคป ระกอบศลิ ป ศลิ ปนไดนําเสนอจุดเดนของภาพเพยี งจุดเดียว คอื รูปทรงของเด็กหวั โตกับจานขา ว มีการใหแ สงเงาเพิม่ ความสวา งในบรเิ วณดังกลา วเพือ่ ใหเ ปน จุดสนใจ การเลอื กใชสี การบอกเลา เน้ือหา ความหมายท่ี ตอ งการส่ือ มีความเปน เอกภาพ ผชู มดูแลวเขา ใจงาย แมจะเปน ภาพแบบกง่ึ นามธรรมกต็ าม การจัดวางภาพหลักจดั ไว ตรงกลางอยา งโดดเดน และมรี ปู วงกลมอยทู างซา ยเปน แบบเกาะกลมุ กนั ชว ยทาํ ใหภ าพมคี วามสมดลุ ขณะทกี่ ารเลอื ก ใชสีตําแหนงของแสงเงา รูปทรงที่ใชเพ่ือส่ือความหมายก็มีความกลมกลืนสอดรับกันดี การจัดวางองคประกอบตางๆ ทาํ ไดดี ชวยทําใหภาพน้มี ีคณุ คาในทางทศั นศิลปท่ีดูแลว ไดท ัง้ ความประทับใจและใหแ งคดิ แกสังคม @ มุม IT ๗๑ นกั เรียนควรรู สามารถศกึ ษาเพ่ิมเติมเก่ยี วกับประวัติของประเทือง เอมเจริญ ไดจ าก ประเทอื ง เอมเจรญิ ศลิ ปน แหง ชาติ http://www.dooqo.com/dooqo_page.php?sub_id=3319 สาขาทัศนศิลป (จิตรกรรม) ประจําป พ.ศ. 2548 ศลิ ปนผูสรา งสรรคผ ลงาน ทัศนศิลปในรูปแบบการผสมผสาน ระหวางส่ิงท่ีรับรูจากธรรมชาติและ อารมณค วามรสู กึ ของตนเองเปน หลกั คูมือครู 71

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain ขยายความเขาใจ (ยอจากฉบับนกั เรยี น 30%) ใหนักเรียนจับคูกัน แลววิเคราะห กจิ กรรม ศลิ ปป ฏิบัติ ๔.๒ ผลงานทศั นศลิ ปใ นดา นรปู แบบเนอื้ หา และคุณคา โดยเปนผลงานทัศนศิลป กจิ กรรมที่ ๑ ครเู ชิญผูรูมาบรรยายและสาธติ การวเิ คราะหผลงานทัศนศิลปใหนกั เรียนไดศกึ ษา หรอื หาตัวอยา ง ในคขู องตน 1 ชน้ิ และของศลิ ปน 1 ชน้ิ กจิ กรรมที่ ๒ การวิเคราะหผ ลงานทศั นศิลปจ ากแหลงเรียนรตู างๆ มาใหน กั เรียนไดศ กึ ษาเพ่ิมเติม เสร็จแลวนําผลงานสงครผู สู อน ใหนกั เรยี นจับคกู ัน แลววเิ คราะหรูปแบบ เน้ือหา และคณุ คา ในผลงานทัศนศิลปจ ํานวน ๒ ช้นิ กิจกรรมที่ ๓ โดยวิเคราะหผลงานทัศนศลิ ปข องตนเอง ๑ ชิน้ และผลงานท่ีผอู ่ืน หรอื ทีศ่ ิลปนสรางสรรคขึ้น ๑ ช้ิน ตรวจสอบผล แลวนําผลงานการวิเคราะห สงครูผสู อน 1. ครพู ิจารณาจากการวเิ คราะห จงตอบคําถามตอ ไปนี้ รปู แบบ เนื้อหาและคุณคา ของ ๑. เพราะเหตุใดเราจึงตองรูจกั วิเคราะหผ ลงานทศั นศิลป ผลงานทัศนศิลปของตนเอง ๒. เน้�อหาที่ปรากฏอยูในผลงานทัศนศิลป ถานํามาจัดหมวดหมู จะสามารถแยกไดเปนก่ีประการ 2. ครูพจิ ารณาจากการวเิ คราะห ซ�งึ ประกอบดวยสิง� ใดบาง รปู แบบ เน้อื หา และคณุ คา ของ ๓. จงวิเคราะหถึงความสัมพันธระหวางรูปแบบ เน้�อหา และคุณคาที่อยูในผลงานทัศนศิลปวา ผลงานทศั นศลิ ปข องศิลปน มีความเชอื่ มโยงกันอยา งไร เกร็ดแนะครู การศึกษาเรียนรูเก่ียวกับทัศนศิลป นอกจากจะเรียนรูทักษะปฏิบัติเพ่ือนําไปใชสรางสรรคผลงาน (แนวตอบ กิจกรรมศิลปป ฏบิ ตั ิ 4.2 ทศั นศลิ ป ความรทู จี่ าํ เปน อกี ประการหนงึ่ คอื การรจู กั คดิ วเิ คราะหผ ลงานทศั นศลิ ป โดยตอ งใหม คี วามรทู สี่ ามารถ กจิ กรรมท่ี 3 จะบรรยายไดว าผลงานทศั นศิลปช ้ินน้นั ๆ มรี ูปแบบใด เน้อื หาสาระของผลงานเปนเชนใด และมีคณุ คา อยา งไร ซึ่งความรูที่ไดน้ีสามารถจะนําไปใชวิเคราะหทั้งผลงานของตนเอง ผลงานท่ีผูอื่นสรางสรรค และผลงานของ 1. จะชว ยทาํ ใหน กั เรยี นสามารถชม ศลิ ปน ทา นอน่ื ๆ อนั จะเปน ประโยชนต อ การเกดิ ความรู ความเขา ใจ และนาํ ไปใชพ ฒั นาผลงานทศั นศลิ ปข องตน ผลงานทศั นศลิ ปด ว ยความเขา ใจ ใหม คี ุณภาพไดมากย่ิงขึ้น มากขึ้น เพราะสามารถส่ือถึง รูปแบบ เนื้อหา และคุณคาของ ๗๒ ผลงานช้ินน้ัน นอกเหนือจาก ดานความงามเพียงอยางเดียว แหสลดกั งฐผานลการเรยี นรู รวมท้ังยังสามารถนําความรูไป บรรยายใหผูอ ื่นเขา ใจไดอีกดวย 1. ผลงานทัศนศิลปแบบใดแบบหน่ึงที่เปนศิลปะแบบรูปลักษณ หรอื ศิลปะแบบไรรูปลกั ษณ หรือศิลปะแบบก่งึ ไรร ูปลกั ษณ 2. แยกเปน 2 ประเภทใหญๆ ไดแ ก เน้ือหาสวนตัวและเนื้อหาเพื่อ 2. การวิเคราะหผ ลงานทัศนศิลปของนกั เรยี นและของศลิ ปน สงั คม 3. ดูท่ีความเปนเหตุเปนผลในตัว ผลงานเชน รปู แบบเปน ศลิ ปะแบบ ไรรูปลักษณ เน้ือหาก็ควรเปน เรื่องราวที่เปนนามธรรม และ คณุ คา ของผลงานเมอ่ื ไดเ หน็ แลว ผูชมสามารถใชจ นิ ตนาการ ตีความดว ยตนเองได) 72 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate เปา หมายการเรยี นรู ระบอุ าชพี ทเ่ี กยี่ วขอ งกบั งาน ทศั นศลิ ปแ ละทักษะทจี่ ําเปน ในการประกอบอาชีพ ๕หนว่ ยที่ กระตนุ ความสนใจ ทศั นศิลปก์ บั การประกอบอาชพี ครพู ดู คุยกับนักเรียนเก่ยี วกับ ผลงานทัศนศิลป์ที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น นอกจากจะ ตลาดนดั ทส่ี ําคัญๆ เชน ตลาดนดั ตัวชว้ี ดั จตุจกั รท่กี รงุ เทพมหานคร นา� ไปใชเ้ พอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการทางดา้ นรา่ งกายและจติ ใจ ตลาดไนทบ าซารที่ จ.เชยี งใหม ■ ระบุอาชีพท่ีเกี่ยวข้องกับงานทัศนศิลป์และทักษะที่จำาเป็น ตลาดนํ้าอัมพวาท่ี จ.สมุทรสงคราม ในการประกอบอาชพี (ศ ๑.๑ ม.๓/๑๐) เปน ตน หรือตลาดนัดทสี่ าํ คญั ในจงั หวดั จากนน้ั ครตู ง้ั คาํ ถาม แลว้ ผทู้ รี่ กั และสนใจในงานทศั นศลิ ปย์ งั สามารถนา� ไปประยกุ ต์ กระตุนความสนใจของนักเรยี น ดังนี้ ใช้ในการประกอบอาชีพได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการผลิตผลงาน • มีสินคาใดบางที่เปนผลงานทาง ดานทศั นศิลป สาระการเรียนร้แู กนกลาง ออกมาจา� หนา่ ยในรูปแบบตา่ งๆ โดยตรง หรอื น�าไปประยกุ ต์ใช้กับ งานอื่นๆ เพื่อสร้างความพงึ พอใจใหแ้ ก่ผบู้ รโิ ภค การศกึ ษาเกีย่ วกบั • สนิ คา ดงั กลาวไดร บั ความสนใจ ■ การประกอบอาชพี ทางทัศนศลิ ป์ ทศั นศลิ ปท์ น่ี า� มาใชก้ บั การประกอบอาชพี จะทา� ใหม้ องเหน็ คณุ คา่ และ จากผูซ้อื มากนอยเพียงใด เขา้ ใจแนวทางในการเลอื กประกอบอาชพี โดยใชค้ วามรทู้ างทศั นศลิ ปไ์ ด้ เกรด็ แนะครู อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม การเรยี นการสอนในหนว ยนี้ ครคู วร อธบิ ายใหน ักเรยี นฟงวา มอี าชีพ หรอื สนิ คา จํานวนมากที่ตองนาํ ความรู ทางดา นทัศนศลิ ปไ ปประยุกตใช โดยตรง เชน การเขยี นภาพเหมอื น การวาดรปู เพอ่ื ประดบั ตกแตง การทาํ ผลงานประติมากรรม การผลิตสินคา แฮนดเ มด (Handmade) เปน ตน หรอื โดยออม เชน การวาดลวดลายลงบน เครื่องเซรามิก การทาํ ปายโฆษณา ประชาสัมพนั ธ เปนตน คูมือครู 73

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Explore Elaborate Evaluate สํารวจคนหา (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 30%) ใหนักเรียนสังเกตสภาพแวดลอมท่ี ñ. ·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š¡ÑºªÇÕ µÔ »ÃШÓÇѹ อยรู อบตวั แลว เกบ็ ขอ มลู มาพจิ ารณาวา มสี ง่ิ ของใดบา งทเี่ ปน ผลงานทศั นศลิ ป การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ของมนุษย์ หรือเกิดจากการนําความรูทางดาน เรม่ิ มีขนึ้ นับต้งั แตย่ คุ หินเกา่ (Paleolithic Age) หรอื เมอื่ ทศั นศิลปไ ปใชป ระโยชน ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ปี กอ่ นครสิ ตกาล โดยปรากฏหลกั ฐาน เป็นภาพวาดบนผนังถ�้าและงานแกะสลักเคร่ืองมือหิน นักเรียนควรรู อันประณีต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของมนุษย์ ตวั อยา่ งภาพจติ รกรรมรปู สตั วท์ อ่ี ยใู่ นถา้ำ ลาสโ์ กซ ์ (Lascaux Cave) ทาง ด้านศิลปะได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ จากก้อนหินธรรมดา ตอนใต้ของประเทศฝรง่ั เศส สันนษิ ฐานว่าวาดโดยมนุษยโ์ ครมันยอง ถ้าํ ลาสโกซ (Lascaux Cave) ได้มีการสร้างสรรค์ดัดแปลงให้เป็นเคร่ืองมือเครื่องใช้ ตั้งอยบู ริเวณหบุ เขาทางตะวันตก ส�าหรับการล่าสัตว์ที่มีรูปทรง มุ่งเน้นประโยชน์เพ่ือการ เฉยี งใตข องประเทศฝร่ังเศส สาํ รวจ ใชส้ อยเปน็ หลกั ตอ่ มาจงึ พฒั นาไปสกู่ ารออกแบบตกแตง่ พบเม่ือป ค.ศ. 1940 ภายในถํา้ รปู ทรง ประดบั ลวดลายตา่ งๆ ใหม้ คี วามสวยงามมากยง่ิ ขนึ้ มภี าพวาดจติ รกรรมสมยั กอน ซึ่งเป็นการน�าความรู้ทางด้านทัศนศิลป์มาใช้ให้สัมพันธ์ ประวัตศิ าสตร มีอายตุ ัง้ แต 15,000 กบั การดา� เนนิ ชวี ติ ประจา� วนั หรอื ทเ่ี รยี กวา่ “ประยกุ ตศ์ ลิ ป” กอ นครสิ ตศ ักราช เปน ภาพวาด (Applied Art) รปู สัตวใ นลักษณะตา งๆ ซง่ึ เปน รูปทีว่ าดข้นึ อยางงายๆ ไมมีความ สลบั ซบั ซอ นมากนัก เชน มา กวาง กระทงิ วัว เปน ตน และภาพวาด อื่นๆ อีกประมาณ 2,000 ภาพ วัสดุ ที่นํามาใชเขียนนนั้ จะใชไขมันสตั ว และดนิ สีตางๆ มาเปน อุปกรณใน การวาดภาพ นักเรียนควรรู ปจจุบนั เทคนิค วิธกี ารทางดา้ นทัศนศิลปไ์ ดถ้ ูกนำามาใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง เพ่อื สรา้ งความประทับใจให้กบั ผู้บริโภค ประยุกตศิลป (Applied Art) 7๔ ผลงานทัศนศิลปท่ีสรางสรรคขนึ้ เพือ่ ตอบสนองประโยชนใชสอย หรือ เพอ่ื นาํ ไปใชป ระโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วนั เปน สง่ิ สาํ คญั มากกวา มงุ ความงามทาง ศลิ ปะ ซงึ่ ประกอบไปดว ยมณั ฑนศลิ ป (Decorative Art) อุตสาหกรรมศิลป (Industrial Art) พาณชิ ยศลิ ป (Commercial Art) หตั ถศลิ ป (Crafts) และการออกแบบ (Design) 74 คมู อื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Explain Engage การด�าเนินชีวิตประจ�าวันของมนุษย์มีความ ผลงานประติมากรรมที่นำามาประดับตกแต่งสวนสาธารณะ ช่วยเพิ่ม อธบิ ายความรู เก่ียวข้องกบั สภาพแวดลอ้ ม ในธรรมชาตมิ สี ง่ิ ตา่ งๆ ทั้งที่ ความนา่ สนใจให้กับส่ิงแวดล้อมและตอบสนองความงดงามทางจิตใจ มองเห็นและสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสของมนุษย์ ซึ่ง ใหนกั เรียนรว มกนั อภปิ รายวา เปน็ ทงั้ แหลง่ ความรแู้ ละแรงบนั ดาลใจใหม้ นษุ ยส์ รา้ งสรรค์ • ในการดาํ เนินชวี ติ ประจาํ วัน ส่ิงต่างๆ เพ่ือพัฒนาชีวิตให้มีความสะดวกสบาย โดย นอกจากจะตอบสนองความตอ้ งการทางดา้ นรา่ งกายแลว้ ของเราเก่ยี วขอ งกับผลงาน ยังค�านึงถึงความสวยงามเพื่อตอบสนองความต้องการ ทัศนศิลปอ ยางไร ทางด้านจิตใจอกี ดว้ ย โดยใหน กั เรยี นยกตวั อยา งประกอบ ทัศนศิลป์ช่วยให้มนุษย์มีโอกาสแสดงผลงาน เกร็ดแนะครู โดยผ่านเสน้ สี รูปรา่ ง รูปทรง ฯลฯ โดยนา� มาจดั วางให้ มีความสวยงามและเกิดประโยชน์ใชส้ อย การแสดงออก ครคู วรอธิบายเสรมิ ใหน ักเรยี น ดังกลา่ วจะต้องอาศัยความคดิ สตปิ ญั ญา อันเปน็ พน้ื ฐาน เขา ใจวา รูปลกั ษณแ ละสสี ันท่ีสะดดุ ของงานทัศนศลิ ปท์ ั้งสิน้ ดงั นัน้ ทศั นศลิ ป์จงึ เป็นสง่ิ ที่ให้ ตาเปนปจ จยั ดึงดูดลําดบั แรกๆ ท่ี คุณค่าท้ังด้านอารมณ์และจิตใจ เป็นส่ิงที่มีความประณีต ชว ยเรา ความสนใจใหกบั มนษุ ย ละเอียดอ่อน งดงาม และชว่ ยยกระดับจติ ใจของมนุษย์ ดวยเหตนุ ้ี ในการออกแบบผลติ ภณั ฑ หรอื การประดบั ตกแตง นอกจากจะ การออกแบบห้อง โดยใช้ภาพศลิ ปะและสีสนั มาตกแต่ง ชว่ ยใหห้ ้องดนู ่าพกั อาศัยอยา่ งมคี วามสุข เป็นตวั อยา่ งหนง่ึ ทีม่ นุษย์ได้นาำ ความร้ทู างดา้ น ใหม คี ุณคาทางดานการใชส อยแลว ทัศนศิลป์มาประยกุ ต์ใช้กบั การดำาเนินชีวติ ประจำาวนั ผูผลิตยงั ใหค วามสําคญั กับการทําให ผูบ รโิ ภคเกิดความประทับใจต้ังแต แรกเห็นดว ย โดยเราจะสงั เกตไดวา รอบๆ ตวั เรา ลว นมกี ารนาํ เอาความรู ทางดา นทศั นศลิ ปม าประยกุ ตใช ทัง้ สิน้ ไมว าจะเปนรูปแบบและสีสัน ของรถยนต รูปรางของโทรศพั ท มือถอื การประดับตกแตง รา นคา รปู ลกั ษณข องบรรจภุ ณั ฑ ปายโฆษณา อาหาร และอนื่ ๆ อีกมากมาย ดงั นน้ั งานทศั นศลิ ปจ งึ มีบทบาทกับชีวติ ประจําวนั ของเราอยางมาก ซง่ึ มีงาน อยางหลากหลายท่เี ปดโอกาสใหผูทม่ี ี ฝม ือทางทัศนศลิ ป สามารถเลือกนาํ ไปประกอบอาชพี ได 7๕ นักเรียนควรรู มนษุ ยสรา งสรรคสิง่ ตางๆ เพือ่ พัฒนาชีวิตใหมีความสะดวกสบาย การท่มี นุษยรจู กั สรางสรรคและรูจกั ดัดแปลงส่ิงตางๆ ที่มีอยูในธรรมชาติและส่ิงแวดลอมมาประยุกตใหสอดคลอง กับวิถีการดําเนินชีวิต นับเปนความสามารถของมนุษยท่ีรูจักพัฒนาชีวิตใหมี ความสขุ สะดวก สบาย คณุ คา ของงานทศั นศลิ ปท น่ี าํ มาประยกุ ตใ ชใ หเ หมาะสม สิ่งที่สาํ คัญทีส่ ุด คอื เพอ่ื ตอบสนองความตอ งการทางกาย เพ่อื ประโยชนใ นการ ดํารงชีวิต นอกจากจะเนนในเรื่องประโยชนใชสอยและความงามแลว ยังคํานึง ถึงความสขุ ทางดา นจติ ใจอีกดว ย คูมือครู 75

กระตุน ความสนใจ สาํ Eรxวpจloคrน eหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Explain สํารวจคนหา Evaluate ใหน ักเรยี นสืบคนขอ มูลเก่ียวกับ ความสําคญั ของสินคาทางดา น (ยอ จากฉบับนกั เรียน 30%) ทศั นศลิ ปใ นปจ จบุ นั และทกั ษะพน้ื ฐาน ของผทู ี่จะประกอบอาชีพทางดาน ò. ·ÈÑ ¹ÈÔÅ»¡Š Ѻ¡ÒûÃСͺÍÒªÕ¾ ทัศนศิลป จากการสัมภาษณ สืบคน ขอ มูลจากเวบ็ ไซตในอินเทอรเ น็ต ในอดีตสังคมไทยเปนสังคมเกษตรกรรมท่ีมี และแหลง การเรยี นรูตางๆ การผลติ และการบริโภคหมนุ เวยี นภายในชุมชนเปน หลกั โดยความงามทางดา นทศั นศลิ ปไดถ กู นาํ เขา ไปผสมผสาน อธิบายความรู กบั สงิ่ ของเครอื่ งใชต า งๆ ตามความพงึ พอใจ หรอื รสนยิ ม ของคนในชุมชน โดยเลอื กใชวสั ดุ อปุ กรณที่หาไดภ ายใน ใหน ักเรียนอภิปรายถึงความสาํ คญั ทอ งถน่ิ ซงึ่ สามารถสงั เกตไดจ ากสงิ่ ตา งๆ เชน เครอ่ื งมอื ของสินคา ดานทศั นศิลปวา มีลักษณะ ที่ใชประกอบอาชีพ การสรางอาคารบานเรือน เคร่ือง เปน อยา งไร แนวโนมสนิ คา ประเภทนี้ ประดับตกแตง ส่ิงของเครื่องใชในชวี ิตประจําวนั เปน ตน การขยายตัวของตลาดเปนอยางไร และทักษะพื้นฐานที่ผูจะไปประกอบ ปจจุบันสังคมไทยไดมีการพัฒนาไปสูสังคม อาชีพตอ งมี โดยครูชวยเสรมิ ขอมูล พาณิชยกรรมและสังคมอุตสาหกรรม การผลิตส่ิงของ เพื่อการอุปโภคและบริโภคในครัวเรือนพัฒนาไปสูการ เกร็ดแนะครู ผลติ ในจาํ นวนทม่ี ากขน้ึ เพอ่ื จาํ หนา ย ซง่ึ การขยายตวั ทาง เศรษฐกิจทําใหมีผูผลิตจํานวนมากที่ผลิตสินคาประเภท ความสวยงามและความละเอยี ดประณตี มสี ว นสาํ คญั อยา งมากทท่ี าํ ให ครูอาจเสริมขอ มลู เกี่ยวกบั ตลาด เดยี วกันเพอ่ื ตอบสนองความตองการของผูบ ริโภค กอให ผลงานทศั นศลิ ปเ ปนที่ยอมรับของตลาด สินคาทางดา นทัศนศลิ ปวา ตลาด เกิดการแขงขันทางการคา ดังนั้น จึงมีความจําเปนที่ผูผลิตจะตองพยายามสรางความพึงพอใจใหกับผูบริโภค ยงั ขยายตวั อยางตอเนอื่ ง แตต อง โดยรปู ลักษณของสินคาและบรรจภุ ณั ฑล ว นเปนปจจยั สําคญั ทช่ี วยดึงดดู ความสนใจของลกู คา ใหม าซือ้ สินคา ดังนนั้ เปน สินคาท่ีมรี าคาไมสงู มากและ สินคานอกจากจะตอบสนองดานประโยชนการใชสอยแลว ความสวยงามทางดานรูปทรง สีสันก็มีอิทธิพลตอ ตอ งหม่ันพัฒนาสินคา ใหมคี วาม การตัดสินใจซอ้ื ผลติ ภัณฑน้ันๆ อีกดวย แปลกใหมอ ยเู สมอ ซึง่ ความแปลก ใหมจ ะชว ยดึงดดู ผซู ือ้ การทําตลาด นอกจากวางขายตามตลาดนดั แลว ปจจบุ ันยังนยิ มซอ้ื ขายออนไลน ผา นทางอินเทอรเนต็ อกี ดวย นักเรยี นควรรู สนิ คาดา นทัศนศลิ ปม ีรูปแบบหลากหลายและตลาดยังเปดกวา งสาํ หรบั ผทู จ่ี ะยดึ ไปประกอบเปน อาชพี ทง้ั ในฐานะเปน ผูผ ลติ และผูจดั จาํ หนา ย พาณิชยกรรม การดําเนินธุรกิจที่ ๗๖ เกยี่ วขอ งกบั การคา ขาย ไมว า จะเปน พอคาคนกลางท่ีอยูในชวงของการ @ มมุ IT จดั จาํ หนา ยสนิ คา ไปยงั ผบู รโิ ภค หรอื พอคาปลีกและสงขายสินคาใหกับ สามารถนําสินคาทางดานทัศนศิลปและสินคาอ่ืนๆ ไปโฆษณาขาย ผบู รโิ ภค เชน หา งสรรพสนิ คา รา นคา ไดที่ http://www.shopping2online.com/index.php สหกรณ รานขายของชาํ เปนตน 76 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Explain Engage Evaluate สง่ิ ของเครอ่ื งใชใ้ นชวี ติ ประจา� วนั จงึ ตอ้ งมกี าร อธบิ ายความรู ออกแบบสร้างสรรค์ให้มีความงดงามในด้านต่างๆ ด้วย ครใู หน กั เรยี นอธบิ ายขอ มลู เกยี่ วกบั ทกั ษะพน้ื ฐานทผ่ี จู ะไปประกอบอาชพี ความคิดและจินตนาการของผู้สรา้ งสรรค์ ซง่ึ ผู้ทส่ี ามารถ ทางดานทัศนศิลปตองมี โดยครูชวย เสรมิ ขอ มูล จะสร้างสรรค์ได้ดีและมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องเป็นผู้ท่ี เกร็ดแนะครู มคี วามรู้ มปี ระสบการณ์ หรอื มคี วามรทู้ างดา้ นทศั นศลิ ป์ ครูควรอธบิ ายใหนกั เรียนเขาใจวา โดยตรง ดังนัน้ การศกึ ษาเรยี นรเู้ ก่ียวกบั วชิ าศลิ ปะ หรอื การมีความรอบรใู นงาน หรืออาชพี ทีต่ นทํา ยอมจะทาํ ใหป ระสบความ ทศั นศลิ ป์ นอกจากจะได้รบั ความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับ สําเรจ็ ไดไมย าก ดังนน้ั ผูทจี่ ะไป ประกอบอาชพี ทางดานทศั นศิลป ศาสตร์แห่งความงาม มองเห็นคุณคา่ แห่งธรรมชาตแิ ละ ก็ตอ งพยายามฝก ฝนตนเอง เพ่มิ พนู ประสบการณ เพ่อื ใหมคี วามรูท าง สิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถน�าความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน การสรา้ งสรรคผ์ ลงานอยา่ งสมา่ำ เสมอ จะทาำ ใหเ้ กดิ ความเชยี่ วชาญและ ดา นทัศนศิลปอยางถองแท เพราะจะ การประกอบอาชพี ได้อีกดว้ ย มีประสบการณ์ในการสรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ สามารถสรางสรรคผ ลงานออกมาได ประทบั ใจผซู อ้ื ดงั คํากลา วทวี่ า ทั้งน้ี บุคคลที่จะประกอบอาชีพทางด้าน “อนั ความรรู กู ระจา งแตอยางเดียว แตใ หเชย่ี วชาญเถิดคงเกดิ ผล” ทัศนศิลป์ให้ประสบความสา� เรจ็ จา� เปน็ ต้องอาศัยทักษะพื้นฐานท่เี หมอื นกนั หลายประการ ได้แก่ ๑) มคี วามรทู้ างดา้ นทศั นศลิ ป ์ หมายความวา่ จะตอ้ งมคี วามรใู้ นการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ปท์ จ่ี ะปฏบิ ตั ไิ ด้ อย่างลุ่มลึก มีประสบการณ์ตรง รู้เทคนิควิธีที่จะถ่ายทอดจินตนาการของตนจากนามธรรมออกมาเป็นรูปธรรมให้ ผอู้ น่ื ไดเ้ หน็ หรอื สมั ผสั เขา้ ใจหลกั การจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ เพอ่ื ใหส้ ามารถจดั องคป์ ระกอบของผลงานโดยรวมไดอ้ ยา่ ง สวยงามเหมาะสม รูท้ ฤษฎีสี รู้ว่าสมี ีความสา� คัญต่ออารมณ์และความรู้สกึ ของมนุษย์อย่างไร ต้องสามารถเลือกสีได้ เหมาะสมกบั ลกั ษณะของผลงานทจี่ ะสรา้ งสรรค์ นอกจากน้ี ยงั ตอ้ งขยนั หาความรเู้ พมิ่ เตมิ หมนั่ ตดิ ตามวทิ ยาการทางดา้ น ทัศนศลิ ปอ์ ยา่ งสมา�่ เสมอ เพ่อื จะไดท้ ันต่อการเปลย่ี นแปลงของโลกและเทคโนโลยี บุคคลท่ีจะประกอบอาชพี ทางดา้ นทศั นศลิ ปไ์ ดป้ ระสบความสำาเร็จ ต้องมคี วามรู้ทางด้านทศั นศลิ ป์อยา่ งล่มุ ลกึ นกั เรยี นควรรู การจัดองคประกอบศิลป หรอื Composition เปน การนาํ เอา องคป ระกอบตา งๆทางทศั นธาตมุ าจดั วางใหม คี วามเหมาะสมลงตวั และเกดิ ความสวยงาม ซึ่งตองคํานึงถึงความ มีเอกภาพ ความสมดุล ความขัดแยง สัดสวน จังหวะ และความกลมกลนื 77 นักเรยี นควรรู บคุ คลทจี่ ะประกอบอาชพี ทางดา นทศั นศลิ ป จาํ เปน ตอ งมคี ณุ สมบตั สิ าํ คญั คอื ตอ งเปน ผทู ม่ี คี วามซอื่ สตั ย มีวินัยในตนเอง มีความคิดสรางสรรค มีความรอบรูทางดานทัศนศิลป มีความอดทน มานะ พยายาม มีทัศนคติท่ีดีตอการประกอบอาชีพ มีมนุษยสัมพันธที่ดีตอคนรอบขาง มีความรูพ้ืนฐานในการเริ่มตน ประกอบอาชพี และมกี ารพฒั นาตนเองใหม คี ณุ ลกั ษณะเหมาะสมกบั การประกอบอาชพี ทางดา นทศั นศลิ ป คูม อื ครู 77

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Elaborate Evaluate Explain อธิบายความรู (ยอ จากฉบบั นักเรียน 30%) ครใู หนกั เรยี นอธบิ ายขอ มลู ๒) มคี วามคดิ สรา้ งสรรค ์ กระบวนการทสี่ า� คญั ทสี่ ดุ ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ คอื ความคดิ สรา้ งสรรค์ เกีย่ วกบั ทักษะพน้ื ฐานสําหรบั ผปู ระกอบอาชพี ทางดานทศั นศิลป ดงั นนั้ ผทู้ จ่ี ะประกอบอาชพี ทางดา้ นทศั นศลิ ปจ์ งึ ตอ้ งหมนั่ ศกึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง หรอื ดผู ลงานของผอู้ นื่ เปน็ แบบอยา่ ง โดยเนน การมคี วามคิดสรางสรรค และมีความอดทนมานะพยายาม รจู้ กั ทดลอง คดิ คน้ เทคนคิ วธิ กี ารใหมๆ่ ในการทา� งาน มคี วามมงุ่ มนั่ ทจี่ ะสรา้ งสรรคผ์ ลงานทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณข์ องตนขน้ึ มา เปน็ ผไู้ มห่ ยดุ นงิ่ รวมทงั้ ตอ้ งพยายามสรา้ งสรรคผ์ ลงานออกมาอยา่ งสมา่� เสมอ เพอื่ เพมิ่ พนู ประสบการณ์ใหก้ บั ตนเอง เกร็ดแนะครู ตัวอยา่ งสินคา้ ทใ่ี ช้ความคดิ สรา้ งสรรค์และความรูท้ างดา้ นทศั นศิลปม์ าประยกุ ต ์ ผลิตเปน็ สนิ คา้ ประเภทของทีร่ ะลกึ เพ่ือจาำ หนา่ ย ครูอาจแนะนาํ วงจร PDCA หรือ ๓) มคี วามอดทน มานะพยายาม การจะประสบความสา� เรจ็ ในการประกอบอาชพี จา� เปน็ ตอ้ งใชเ้ วลา ดงั นน้ั วงจรเดมิงที่จะนําไปสกู ารทาํ งานให ประสบความสาํ เร็จมาใหนักเรียนดู ผทู้ จี่ ะยดึ อาชพี ทางดา้ นทศั นศลิ ป์ จงึ ตอ้ งเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามอดทน ไมเ่ ปน็ คนใจรอ้ น มคี วามมงุ่ มนั่ ทจ่ี ะทา� ใหผ้ อู้ น่ื ยอมรบั Plan : มกี ารวางแผนตามเปาหมาย ในฝมี อื และผลงานของตน เมอ่ื พบอปุ สรรคกพ็ รอ้ มทจ่ี ะเผชญิ และแก้ไขปัญหาโดยไม่ท้อถอย ทไ่ี ดกาํ หนดข้ึน Do : การปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนในแผน ส�าหรับอาชีพที่สามารถน�าความรู้ทางด้าน งานที่ไดกําหนดไวอยางเปนระบบ และตอเน่อื ง ทัศนศิลป์ไปประยุกต์ใช้เป็นอาชีพได้น้ัน ในสังคมไทย Check : การตรวจสอบผลการ ดําเนนิ งานในแตล ะขัน้ ตอนวา มี ปัจจุบันมีอยู่เป็นจ�านวนมาก โดยสังเกตได้จากสภาพ ปญ หาใดเกดิ ขน้ึ บา ง และจําเปน ตอ งเปล่ียนแปลงแกไ ขแผนงาน แวดล้อมใกล้ตัว ล้วนมีสินค้า หรือผลงานจ�านวนมาก ในขน้ั ตอนใดหรอื ไม Action : ปรับปรุงแกไ ขสวนทม่ี ี ทส่ี รา้ งสรรคข์ น้ึ จากความรทู้ างดา้ นทศั นศลิ ป์ ผทู้ จ่ี ะปฏบิ ตั ิ ปญ หา หรือถาไมม ีปญ หา กน็ ํา แนวทางนี้ไปใชในการทํางาน ได้ดี นอกจากจะมคี วามรกั ในงานทศั นศลิ ป์แลว้ ยังต้อง คร้ังตอ ไป มีทักษะและความรู้ทแี่ ตกต่างกนั ออกไปตามลักษณะของ นกั เรยี นควรรู ผลงานอีกด้วย เช่น ผทู้ ่จี ะเป็นนกั ออกแบบเครอ่ื งประดับ ความคดิ สรา งสรรค หรอื Creative Thinking ในทางทัศนศิลป จะมี ย่อมจะต้องมีคุณลักษณะแตกต่างไปจากนักออกแบบ ลักษณะเปนการสรางสรรคผลงาน ทัศนศิลป หรือการนําเสนอผลงาน อาคารสถานท่ี หรอื ออกแบบแฟชน่ั เป็นตน้ ในที่นี้จะขอ ทัศนศิลปท่ีมีพัฒนาการเปล่ียนแปลง ไปจากเดิม หรือทําของเดิมใหดีขึ้น การวาดลวดลายบนเครื่องเซรามิกถือเป็นงานจิตรกรรมประเภทหนึ่ง ยกตัวอย่างอาชีพที่สามารถใช้ความรู้ทางด้านทัศนศิลป์ หรอื มีความแปลกใหม หรอื ทําในสงิ่ ท่ี ซ่ึงผทู้ ่ีมที กั ษะฝม อื ทางด้านจิตรกรรมสามารถจะยดึ เปน็ อาชีพได ้ คนอน่ื ไมเ คยทาํ มากอ นกไ็ ด ซง่ึ ผลงาน ไปประกอบอาชพี ได้ ดงั ต่อไปนี้ นน้ั ควรมคี ณุ คา ตอ ตวั ผสู รา งสรรคเ อง รวมท้ังสังคมและวัฒนธรรมดว ย 78 78 คมู อื ครู นกั เรยี นควรรู เซรามกิ เปน ผลิตภัณฑท ที่ ําขน้ึ มาจากอนนิ ทรียสารจาํ พวกอโลหะ ไดแ ก แรธาตุ ดนิ และหนิ ตางๆ โดยการนาํ มาบดยอ ยแลว ผสมดวยน้าํ จากน้นั จึงนาํ ไปขึน้ รูปตามวธิ กี ารตางๆ ผงึ่ ใหแหง แลวนาํ ไป ผา นกระบวนการใหค วามรอ นจนไดเ ปนผลติ ภัณฑต ามท่ีตองการ เชน หมอ ถว ย ชาม แกว อิฐ เครอื่ งเคลอื บดนิ เผา กระเบื้องเคลอื บ วัสดุประเภทซเี มนต วสั ดทุ นไฟ เปน ตน

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๒.๑ นักออกแบบผลิตภณั ฑ์ กระตนุ ความสนใจ การออกแบบ หมายถึง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่เพ่ือประโยชน์และความงาม โดยการน�าทัศนธาตุ ได้แก่ ครูนําบรรจุภัณฑที่เปนกระปองมา จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง นา้� หนักออ่ น - แก่ พื้นผิว พืน้ ทว่ี า่ ง และสี มาผนวกเขา้ กบั หลกั การจดั องค์ประกอบศิลป์ 2 กระปอง ดงึ ฉลากที่ตดิ รอบกระปอ ง สร้างสรรค์เป็นผลงาน รวมไปถึงการปรับปรุงดัดแปลงของเดิมให้มีความสวยงามและเหมาะสมมากยิ่งข้ึน ซึ่งการ ใบหนงึ่ ออก แลว นาํ มาวางเปรยี บเทยี บ สร้างสรรค์ส่ิงใดๆ กต็ าม ลว้ นเรม่ิ ต้นจากการออกแบบท้งั สน้ิ กบั กระปอ งทม่ี ฉี ลากตดิ อยา งสมบรู ณ จากนั้นครูต้ังคําถามกระตุนความ การออกแบบที่ดีต้องท�าแบบจ�าลอง โดยให้มีขนาดสัดส่วนที่ถูกต้อง สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน สนใจ ดงั น้ี การออกแบบทางทัศนศลิ ป์สามารถแบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ได้แก่ สาขาวจิ ติ รศิลป์ (Fine Art) เป็นผลงานที่สรา้ งขน้ึ เพอื่ ชื่นชมความงามของผลงานทศั นศลิ ป์ มไิ ดม้ งุ่ ประโยชน์อยา่ งอนื่ และสาขาประยุกต์ศลิ ป์ (Applied Art) จะเนน้ • กระปองใบใดดึงดูดความสนใจ ไปที่ประโยชน์ใช้สอย ซึ่งงานออกแบบจัดเป็นงานทัศนศิลป์ท่ีจัดอยู่ใน ของผูบ รโิ ภคไดมากกวา กัน ประเภทของงานประยกุ ตศ์ ิลป์ เพราะเหตุใดจงึ เปนเชนนน้ั (แนวตอบ กระปองท่ีมีฉลากอยู ปัจจุบันการออกแบบผลิตภัณฑ์จ�านวนมากมีจุดมุ่งหมาย เพราะมสี สี นั รปู ภาพและขอ ความ ในการน�าความรู้ทางด้านทัศนศิลป์มาประยุกต์ใช้กับงานเชิงพาณิชย์ ท่สี รา งความสนใจไดด ีกวา) เนอื่ งจากการแขง่ ขนั ทางการคา้ มสี งู ขน้ึ ทา� ใหผ้ อู้ อกแบบตอ้ งพยายาม คิดค้นรปู แบบ เทคนคิ วิธีการต่างๆ เพ่อื สรา้ งสรรคผ์ ลงานให้มีความสอดคลอ้ งกับ • บรรจุภัณฑดังกลาวนําผลงาน ความต้องการของผู้บริโภคท่ีนิยม ทั้งในเรื่องของประโยชน์ใช้สอยและความงาม ทศั นศลิ ปไ ปใชป ระโยชนอ ยา งไร ทา� ใหอ้ าชพี นกั ออกแบบผลติ ภณั ฑเ์ ปน็ ทต่ี อ้ งการของตลาดและอยากไดน้ กั ออกแบบ (แนวตอบ นําไปออกแบบประดับ ทม่ี คี วามรู้ ความชา� นาญเฉพาะทาง เชน่ การออกแบบอาคารบา้ นเรอื น ตกแตง ผลติ ภัณฑ เพือ่ ดึงดดู เครอื่ งประดบั เครอ่ื งนงุ่ หม่ สอื่ สง่ิ พมิ พ์ เซรามกิ โฆษณา ความสนใจของผบู ริโภค) เครอ่ื งเรอื น เคร่ืองใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เปน็ ตน้ สํารวจคนหา ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเก่ียวกับ ตัวอยางอาชีพที่สามารถจะนําความรู ทางดานทัศนศิลปไปประกอบอาชีพ ไดและทกั ษะที่ผปู ฏิบตั ิงานพึงมี จากหนงั สอื ในหอ งสมุด เวบ็ ไซตใ น อินเทอรเนต็ และแหลง การเรียนรู ตา งๆ 7๙ อธิบายความรู เกร็ดแนะครู ครูใหน กั เรยี นชว ยกนั อภปิ ราย ขอ มลู เก่ียวกบั ลักษณะของงาน ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ เกย่ี วกบั คณุ สมบตั ิของผูประกอบอาชีพนกั ออกแบบผลิตภณั ฑ วาจะตอง ออกแบบผลิตภัณฑ วา นาํ ความรู เปนคนชางคิด มีจินตนาการ รักการเรียนรู ชางสังเกต มีเหตุผล เขาใจการเปล่ียนแปลง ทางดานทัศนศลิ ปไ ปใชประโยชน ในสถานการณต า งๆ ของสงั คม และมคี วามเขา ใจในงานออกแบบเฉพาะดานเปนอยา งดี ไดอ ยางไร โดยใหห าตัวอยางการ ออกแบบผลิตภัณฑท ี่นา สนใจมาใช ประกอบการอธิบายดว ย คมู อื ครู 79

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบับนกั เรียน 30%) ใหน ักเรยี นอภปิ รายขอมูลเก่ียวกบั กระบวนการการทา� งานของนกั ออกแบบผลิตภณั ฑ์แตล่ ะประเภท คุณลกั ษณะ หรือทกั ษะทีน่ กั ออกแบบ ผลติ ภัณฑพงึ มี โดยครชู ว ยเสรมิ เมื่อลงรายละเอียดจะมคี วามแตกตา่ งกันออกไป แต่โดยรวม ขอมูลเพิ่มเติม ผทู้ จ่ี ะเป็นนกั ออกแบบ นอกจากคุณลกั ษณะพน้ื ฐานทาง เกรด็ แนะครู ดา้ นทศั นศลิ ปแ์ ลว้ ควรมคี ณุ ลกั ษณะ หรอื ทกั ษะอยา่ งอน่ื ครูอธบิ ายเสรมิ วา วจิ ติ รศิลป (Fine Art) เปน ผลงานทศั นศิลปท ี่ เพ่มิ เตมิ ดังตอ่ ไปน้ี เนน การนาํ เสนอในดา นของความงาม ๑) มคี วามรหู้ ลกั การออกแบบ การออกแบบ ความพอใจมากกวาประโยชนใชสอย สามารถเรียกอีกอยางหนึ่งวา “ศิลปะ เพอ่ื ใหม้ คี ณุ คา่ ทางความงามและประโยชน์ใชส้ อย บริสทุ ธ์ิ” (Pure Art) เพราะศิลปน จะสรา งสรรคผ ลงานขึ้นมาจาก นักออกแบบจะต้องมีความรู้เก่ียวกับโครงสร้าง ความพอใจและเนน ความละเอยี ดลออ เพอ่ื ใหไดผ ลงานท่มี ีความสวยงาม ของชนิ้ งาน มคี วามเปน็ เอกภาพ ความสมดลุ และ วิจติ รตระการตา ซึ่งวจิ ิตรศลิ ป สามารถแบง ออกเปน 8 ประเภท ความกลมกลืน การสร้างจุดสนใจ มีสัดส่วนท่ีถูกต้อง การออกแบบผลติ ภณั ฑแ์ ละบรรจภุ ณั ฑท์ มี่ คี วามคดิ สรา้ งสรรค ์ นอกจาก คือ จติ รกรรม ประติมากรรม เหมาะสม เพื่อให้สามารถออกแบบผลงานที่ดึงดูด จะช่วยดงึ ดดู ผบู้ รโิ ภคแล้ว ยงั ช่วยสรา้ งมลู คา่ เพ่มิ ให้กบั ตัวสินคา้ ดว้ ย สถาปต ยกรรม ภาพพิมพ สื่อผสม ความสนใจของผู้บรโิ ภคไดม้ ากทีส่ ดุ ศลิ ปะภาพถาย วรรณกรรม ดนตรี และนาฏศลิ ป ๒) มีความคิดสร้างสรรค์ นักออกแบบที่ดีควรเป็นคนช่างคิด กล้าแสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์ นกั เรยี นควรรู รู้จักปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม หรือสร้างสรรค์ช้ินงานขึ้นใหม่ให้มีความแตกต่างออกไปจากของเดิมท่ีมีอยู่ กระบวนการการทํางานของ ซึ่งผลงานที่สร้างสรรคข์ ึ้นจะตอ้ งเปน็ ไปในทางทด่ี งี าม ก่อให้เกดิ การพฒั นา ซ่งึ ความคดิ สรา้ งสรรคส์ ามารถเกิดขน้ึ ได้ นกั ออกแบบผลติ ภัณฑ ทาํ หนา ที่ ออกแบบผลติ ภณั ฑทม่ี ีลกั ษณะ จากการศกึ ษาคน้ คว้าเรยี นร้จู ากผลงานของผูอ้ ื่น หรอื การสรา้ งผลงานดว้ ยตนเองออกมาอยา่ งตอ่ เนื่อง และรูปแบบการใชง านทแ่ี ตกตางกัน ๓) มคี วามเขา้ ใจการเปลยี่ นแปลงของสงั คม นกั ออกแบบทดี่ จี ะตอ้ งตดิ ตามการเปลย่ี นแปลงของสงั คม เชน เฟอรนิเจอร เคร่อื งมอื เครอ่ื งใช ของตกแตง บา น เครอื่ งประดบั เปน ตน วา่ กา� ลงั ด�าเนินไปในทศิ ทางใด หรอื แนวโน้มสังคมมีรสนยิ มแบบใด เพื่อใหก้ ารออกแบบผลงานมคี วามสอดคลอ้ งกับ นอกจากนี้ ยงั ทาํ หนา ทใี่ นการเขยี นแบบ พัฒนาผลติ ภณั ฑ และควบคุมดูแล ความต้องการของผูบ้ ริโภค มเิ ชน่ น้ันการออกแบบจะไม่สมั พันธก์ บั สภาพความเป็นจริง ไม่ดึงดดู ความสนใจ และใช้ การผลิตใหเ ปน ไปตามแบบที่ถกู กําหนดไว เพ่อื ใหไดง านทม่ี ลี ักษณะ ประโยชน์ไดน้ ้อย ๔) มคี วามเขา้ ใจงานออกแบบเฉพาะดา้ น ถูกตองตรงตามความตองการของ ผูบริโภค แม้การออกแบบโดยภาพรวมจะมีหลักการบางประการท่ี 80 คมู ือครู เหมอื นกนั แตเ่ มอื่ ปฏบิ ตั งิ านลกึ ลงไปเฉพาะดา้ น จะพบวา่ มรี ายละเอยี ดทแี่ ตกตา่ งกนั เชน่ การออกแบบเครอ่ื งประดบั กบั การออกแบบเครอื่ งเรอื นจะใชพ้ น้ื ฐานความรู้ หลกั การ ออกแบบ และแนวคดิ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไป เพราะผลงาน แต่ละประเภทจะมีวัสดุ อุปกรณ์ และกระบวนการผลิต เฉพาะตวั ดงั นัน้ นักออกแบบผลติ ภัณฑ์ท่ีดีจงึ ต้องศึกษา หาความรู้ในงานออกแบบท่ีตนต้องการสร้างสรรค์โดย เฉพาะ เพ่ือให้การออกแบบเป็นไปอย่างถูกต้องและ การออกแบบตกแต่งภายใน เปน็ งานท่ตี ้องใชท้ ักษะฝม ือเฉพาะด้าน สามารถน�าไปใช้สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้จริงและ มีต้นทนุ ไม่สงู 8๐ นักเรียนควรรู มีสัดสวนท่ีถูกตองเหมาะสม กับผูบริโภคสวนใหญในตลาดท่ีเปนกลุมเปาหมาย เชน สรีระของ คนยุโรปกับคนไทยไมเ หมือนกัน การออกแบบเกา อ้ีนัง่ ผูออกแบบก็จะตองกําหนดสัดสว นใหเ หมาะ กับตลาดที่จําหนาย ต้ังแตขนาดเกาอี้ ความสูงจากพ้ืน เพื่อใหสอดคลองกับสรีระของผูใชงานจริง รวมทัง้ สตี ามความนิยมของแตล ะวัฒนธรรมดว ย เปน ตน

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตุนความสนใจ ครตู ั้งคาํ ถามกบั นกั เรียนวา ๒.๒ ครสู อนศลิ ปะ • มีนักเรียนคนใดบางท่ีในอนาคต อยากเปน ครสู อนศลิ ปะ ครูศิลปะ หมายถึง บุคคลท่ีมีหนาที่จัดประสบการณทางดานศิลปศึกษาใหแกผูเรียน ซึ่งครูศิลปะควรมี ความรูพื้นฐานทางดานทัศนศิลปเปนอยางดี มีประสบการณในการสรางสรรคผลงานทัศนศิลป รวมไปถึงมีความ • เพราะเหตใุ ดนกั เรยี นถงึ สนใจ สามารถในการถายทอด อธิบายสิ่งที่ยากใหเขาใจไดงาย มีความอดทน และเขาใจพัฒนาการของเด็กแตละชวงวัย ทอี่ ยากจะเปนครสู อนศลิ ปะ ตองตระหนักวาการศึกษาทางดานทัศนศิลปมิไดมุงหวังใหผูเรียนเปนศิลปน แตมุงใหมีความคิดในเชิงสรางสรรค กลาแสดงออกในส่ิงท่ีถูกตอง และมีพัฒนาการทางดานอารมณที่ดี เพื่อการมีชีวิตอยูอยางมีความสุข ซ่ึงบุคคลท่ี สาํ รวจคนหา ตอ งการเปน ครศู ิลปะ นอกจากจะรักในอาชพี ครแู ละงานทัศนศิลปแ ลว ยงั ควรมีทกั ษะดงั ตอไปน้ี ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเก่ียวกับ ๑) มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร นอกจาก คณุ สมบตั ขิ องผทู จ่ี ะเปน ครสู อนศลิ ปะ โดยอาจไปสัมภาษณครูสอนศิลปะ จะสื่อความหมายดวยผลงานแลว ครูสอนศิลปะตองมี ทา นอืน่ ๆ สบื คนจากเวบ็ ไซตใน ความสามารถในการสอื่ สารใหผ เู รยี นเกดิ ความรู ความเขา ใจ อนิ เทอรเนต็ และแหลง การเรยี นรู ในองคค วามรขู องทศั นศลิ ป สอื่ สารไดค รบถว น ตรงประเดน็ ตา งๆ เขา ใจงาย ชว ยกระตนุ ใหเ กิดกระบวนการการเรยี นรแู ละ ความรกั ในงานทัศนศลิ ป ๒) รูจิตวิทยาเด็ก ครูสอนศิลปะตอ งทํางาน รวมกับเด็กที่มีพัฒนาการทางดานรางกายและอารมณท่ี อธิบายความรู เปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว ครูสอนศิลปะจึงตองมีความ ครูและนกั เรยี นรวมกนั อภปิ ราย ขอมูลเก่ียวกับคณุ สมบตั ขิ องผทู ีจ่ ะ อดทนสูง พรอมท่ีจะทํางานเพื่ออบรมสั่งสอนเยาวชน ยึดอาชพี เปน ครูสอนศิลปะ โดยครู ชว ยอธบิ ายเสรมิ วา คณุ ลกั ษณะแตล ะ ใหเติบโตเปนบุคลากรท่ีมีคุณภาพของสังคม มีความ ครูสอนศิลปะเปนอีกทางเลอื กหน่ึงทีผ่ มู ใี จรกั ในงานทัศนศลิ ป รวมท้ัง อยา งมคี วามสาํ คญั อยางไร เพอ่ื ให เมตตากรณุ า พรอ มจะชว ยแกไ ขปญ หาตางๆ ใหก บั ศษิ ย รักในการสอนเดก็ ซ่งึ สามารถยดึ เปน อาชีพได นักเรยี นเกดิ ความเขาใจมากยิ่งขึน้ นอกเหนือจากการถา ยทอดความรู ๓) รกั ในการสอน กระบวนการทส่ี าํ คญั ทสี่ ดุ ของการสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ป คอื ความคดิ สรา งสรรค ดังนน้ั ครศู ิลปะจงึ ควรมีความคดิ สรา งสรรคเ พอ่ื จดั กระบวนการเรยี นการสอน คนหาเทคนิคทางทศั นศลิ ปแบบตางๆ มาถา ยทอด สรรหาวสั ดุ เพอ่ื ถา ยทอดความรใู หแ กเ ดก็ ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพและสอดคลอ งกบั เปา หมาย นอกจากน้ี ยังตองมีความสามารถในการเก็บรวบรวมตัวอยางผลงานทัศนศิลปของผูอื่น หรือท่ีสรางสรรคขึ้นเอง ไมวาจะเปน เกรด็ แนะครู งานจาํ ลองแบบ รปู ถาย สไลด บทความทางวิชาการ ผลงานของนกั เรยี น เพราะมีความจําเปน ตอการสรางแรงจงู ใจ ครูควรยกตัวอยางลักษณะท่ีดีของ ครู โดยการอญั เชญิ พระราชดาํ รสั ของ ใหกบั เด็ก เพอ่ื ดาํ เนินรอยตาม หรืออาจใชเปน ตัวอยา งประกอบคาํ อธบิ ายการเรียนการสอนเพื่อใหเ ขา ใจงา ยยิง่ ข้นึ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯ ซ่ึง พระราชทานแกครูอาวุโส ประจําป ๔) มบี คุ ลกิ ลักษณะทเ่ี หมาะสม กลา วคอื มบี ุคลกิ นา เชือ่ ถือ เขาถงึ ไดงาย มีความพรอมท้งั ทางดาน พ.ศ. 2522 เมอื่ วันองั คารที่ 28 ตลุ าคม รางกายและจิตใจ มีทัศนคติท่ีดี มองโลกในแงบวก มีวิจารณญาณในการรับรู รับฟง มีความอดทนที่จะชวยแกไข ปญ หาและคน หาความสามารถเฉพาะบุคคลของผเู รยี นแตละคน เพือ่ สง เสริมและสนบั สนนุ ใหไ ดแ สดงฝม อื ทางดา น ทศั นศลิ ป พ.ศ. 2523 มีขอความเก่ียวของกับ ลักษณะครูที่ดีตอนหนึ่งวา “ครูท่ี ๘๑ แทนั้นตองเปนผูกระทําแตความดี ตองขยันหมั่นเพียรและอุตสาหะ พากเพียร ตอ งเออ้ื เฟอ เผื่อแผและเสยี สละ ตองหนักแนนอดกล้นั และอดทน ตอ งรกั ษาวนิ ัย สาํ รวม ระวังความประพฤตขิ องตนใหอ ยูใ นระเบยี บแบบแผนอนั ดงี าม ตองปลีกตวั ปลกี ใจจาก ความสะดวกสบายและความสนุกรื่นเริงท่ีไมสมควรแกเกียรติภูมิของตน ตองตั้งใจใหมั่นคงและแนวแน ตอง ซ่ือสัตย รักษาความจริงใจ ตองมีเมตตา หวังดี ตองวางใจเปนกลาง ไมปลอยไปตามอํานาจอคติ ตองอบรม ปญญาใหเพ่ิมพูนสมบูรณข้ึน ทั้งในดานวิทยาการและความฉลาดรอบรูในเหตุและผล” ซึ่งจะทําใหนักเรียน มคี วามรู ความเขาใจเกยี่ วกับลักษณะทีด่ ขี องครไู ดดีย่งิ ขนึ้ คูมือครู 81

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นกั เรียน 30%) ใหน ักเรียนรว มกนั อภปิ รายขอ มูล ๒.๓ ศิลปนิ อิสระ เกยี่ วกบั อาชพี ศลิ ปน อสิ ระวา มี ลกั ษณะอยา งไร ผทู จี่ ะยดึ อาชพี นค้ี วร ไมม่ ีใครสามารถสอนมนุษย์ให้เปน็ ศลิ ปินได้ บางคนมีคณุ ลกั ษณะ หรือฝมี ือที่สามารถเปน็ ศิลปินไดต้ ้ังแต่ มคี ณุ สมบตั เิ ชนใด โดยครูเสริมขอมูล เยาวว์ ยั หรือมีพรสวรรค์ แตศ่ ิลปินจ�านวนมากก็สรา้ งช่ือเสียงจากความมมุ านะและเพยี รพยายามสรา้ งสรรคผ์ ลงาน และใหนกั เรียนชว ยกันยกตัวอยา ง จนเป็นทีย่ อมรับ ปัจจุบันมีผูป้ ระกอบอาชีพเป็นศลิ ปินอสิ ระ สรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ออกมาจ�าหนา่ ย ทง้ั ภาพวาด บุคคลทยี่ ดึ อาชพี เปน ศิลปนอสิ ระ งานแกะสลกั ไม้ หรอื กอ้ นหนิ งานหล่อวัสดุต่างๆ เปน็ ต้น ซึ่งศลิ ปนิ อสิ ระควรมที กั ษะดงั ต่อไปนี้ ท่เี ปน คนไทย 4 - 5 ทาน ๑) มคี วามเชยี่ วชาญในงานทศั นศลิ ป ์ ตอ้ งรลู้ กึ ในงานทศั นศลิ ปท์ ตี่ นตอ้ งการสรา้ งสรรค์ มคี วามมมุ านะ เกร็ดแนะครู ในการสร้างสรรค์ผลงานใหส้ ังคมยอมรับ ซง่ึ อาจตอ้ งใช้เวลานานหลายปกี วา่ ที่ผูค้ นจะยอมรับในผลงาน ตอ้ งมีความ ครคู วรเชญิ ศลิ ปนอสิ ระทีม่ ี ตง้ั ใจอทุ ศิ ตนใหก้ บั การทา� งานทศั นศลิ ป์ มคี วามพยายามทจี่ ะเพม่ิ พนู ประสบการณด์ ว้ ยการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ ความรู ความสามารถในการสรา ง ออกมาอยา่ งตอ่ เน่อื ง สรรคผ ลงานทศั นศลิ ปท่อี าศัยอยู ภายในทองถนิ่ หรือจงั หวดั ใกลเ คียง ๒) มีความเชือ่ ม่ันในตนเอง การสร้างสรรคผ์ ลงานในฐานะศลิ ปนิ อสิ ระ ยอ่ มไดร้ บั ทง้ั ค�าช่ืนชมและคา� มาเปนวทิ ยากรใหค วามรเู ก่ยี วกบั งานทศั นศิลปกับนักเรียน ในดาน วจิ ารณ์ ผทู้ จี่ ะประกอบอาชพี เปน็ ศลิ ปนิ อสิ ระจงึ ตอ้ งมคี วามเชอ่ื มน่ั ในแนวทางศลิ ปะทต่ี นเองยดึ ถอื ไมท่ อ้ ถอย ในขณะ การผลิตผลงานทศั นศิลปทมี่ ีคณุ คา เดยี วกันตอ้ งมีใจเปดิ กว้างยอมรับแนวคิดใหมๆ่ ที่จะช่วยพัฒนาผลงานของตนให้มีคุณภาพมากยง่ิ ขน้ึ ทางความงาม สะทอนแนวความ คดิ สรา งสรรค เพ่อื นําเสนอผลงาน ๓) มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ศลิ ปนิ อสิ ระตอ้ งมจี นิ ตนาการ ชา่ งคดิ ฝนั มคี วามมงุ่ มนั่ ศกึ ษาคน้ ควา้ ทดลอง ตอสาธารณชน หรือพานกั เรยี นไป ทัศนศกึ ษาเยีย่ มชมการแสดงผลงาน เทคนิค วธิ ีการ เลอื กใช้วสั ดุ หรือรูปแบบในการสร้างสรรค์ผลงานใหมๆ่ ตอ้ งไม่ยึดตดิ กบั เทคนิควิธกี ารเดมิ ๆ เพราะ ทัศนศลิ ปข องบรรดาศลิ ปน ทัศนศิลป เทคโนโลยแี ละวทิ ยาการมกี ารพัฒนาไปอยา่ งรวดเรว็ ทง้ั นี้ เพื่อใหไ้ ด้แนวทางในการสรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศลิ ป์ทม่ี ี ทีจ่ ดั ไวในสถานทต่ี า งๆ เพ่ือที่จะได ลักษณะเด่นเฉพาะของตนเอง นําความรมู าใชใ นการพัฒนาผลงาน ทัศนศิลปข องตนเองตอ ไปในอนาคต บเศูรรณษาฐกกาจิ รพอเพียง การประกอบอาชีพทางดา น ทัศนศิลป เปนอาชพี ของผูท ี่มีความ ศลิ ปนิ อสิ ระเปน็ อกี อาชพี หนง่ึ ทส่ี งั คมใหก้ ารยกยอ่ ง ซงึ่ ผทู้ ตี่ อ้ งการจะเดนิ ตามแนวทางน ี้ จะตอ้ งมคี วามคดิ สรา้ งสรรค ์ มคี วามมานะอดทน และผลติ สามารถและมีความถนดั ในงาน ผลงานทศั นศลิ ป์ออกมาอยา่ งสม่าำ เสมอ ทศั นศิลปสาขาตางๆ เพอ่ื เปนการ 82 สง เสรมิ ใหน กั เรยี นไดเ ลง็ เห็นถงึ ความสามารถและความถนัดในงาน ทศั นศิลปของตนเอง ครใู หนกั เรียน แบง กลมุ กลมุ ละ 5 คน เลอื กอาชีพท่ตี นเองชืน่ ชอบมา 1 อาชพี แลว ใหเพือ่ นในกลมุ ประเมนิ วาเพือ่ นคนดังกลาว มีคณุ สมบัติตามอาชีพทเ่ี ลือกหรอื ไม พรอ มสงตวั แทนท่มี คี ณุ สมบตั ิตรงตามอาชีพทไ่ี ดเ ลอื กออกมาอภิปราย หนาช้ันเรียน โดยการประเมินนั้นควรคาํ นึงถงึ หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในดา นความมเี หตผุ ลและความเปน จรงิ เพอ่ื ใหผ ลทีไ่ ดรับสามารถนํามาใชป ระโยชนใ นการดํารงชีวติ ตอ ไปได 82 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Elaborate Explore Explain Engage Evaluate ๒.๔ ชา่ งศลิ ป์ สาํ รวจคน หา ประเทศไทยเปน็ ประเทศทมี่ คี วามงดงามและอดุ มสมบรู ณ์ไปดว้ ยมรดกทางธรรมชาติ ใหน ักเรยี นสืบคน ขอ มูลเก่ียวกบั และวัฒนธรรม ดังปรากฏหลกั ฐานเป็นจ�านวนมาก ซ่งึ มกี ารสั่งสม ถา่ ยทอด สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ชางศลิ ปไ ทย หรอื ชา งสิบหมู จาก หนังสือในหอ งสมุด เว็บไซตใน จนกระทั่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าและเป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทย หรือที่เรียกว่า อนิ เทอรเนต็ และแหลงการเรยี นรู ตางๆ “มรดกชา่ งศลิ ปไทย” ซงึ่ ปจั จบุ นั ยงั ขาดชนรนุ่ หลงั ทจ่ี ะสบื ทอดเปน็ ชา่ งศลิ ปอ์ กี เปน็ จา� นวนมาก อธิบายความรู ชา่ งศลิ ป์ โดยรวมหมายถงึ ผทู้ ผี่ ลติ ผลงานทเ่ี กดิ จากฝมี อื ความสามารถ และความรู้ ใหน กั เรยี นรวมกันอธบิ ายขอมลู เฉพาะทางของชา่ งแตล่ ะคน ซง่ึ ชา่ งศลิ ปไ์ ทยถกู แบง่ ออกเปน็ หลายสาขา รวมเรยี กวา่ “ชา่ งสบิ หม”ู่ เกีย่ วกับลักษณะของชางศิลปไ ทย หรือชา งสบิ หมูวาประกอบไปดว ยชา ง เป็นช่างหลวงที่มีความรู้ ความช�านาญในงานช่างประณีตศิลป์และวิจิตรศิลป์ ซ่ึงจะ ใดบา ง ประกอบไปด้วยช่างเขียน ช่างปั้น ช่างแกะ ช่างสลัก ช่างหล่อ ช่างกลึง ช่างหุ่น นกั เรยี นควรรู ช่างรัก ช่างบุ และช่างปูน ซ่ึงบุคคลที่จะประกอบอาชีพเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงาน ชา งสบิ หมู เปน ชอ่ื ของกลมุ งานทไ่ี ด รวบรวมชา งตา งๆ เอาไวด ว ยกนั 10 หมู ทศั นศิลป์ประเภทงานช่างศิลป์ได้ดีนั้น นอกจากจะมฝี ีมือทางดา้ นทัศนศิลป์แลว้ ต้อง โดยเขาใจวาชางสิบหมูนั้นมีมาตั้งแต สมัยอยุธยา แตไมไดมีการจดบันทึก มีความอดทนในการท�างานหนกั มีความคิดสร้างสรรค์ และยงั ต้องพงึ มคี ุณลกั ษณะ เปน หลกั ฐานจนมาถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทร ตอนตน จึงมีการจําแนกชางออกเปน และทกั ษะดังต่อไปน้ี หมวดหมตู ามลกั ษณะงานชา งสบิ หมนู ี้ ๑) ยดึ มน่ั ในแบบแผนทกี่ าํ หนด เนอื่ งจากงานชา่ งศลิ ปไ์ ทยมแี บบแผน จดั เปน ชา งหลวง จะทาํ งานสนองพระ- ราชประสงค หรอื พระบรมราชโองการ ที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งจะต้องรักษาไว้ ผู้ท่ีจะปฏิบัติงาน ของพระเจาแผนดิน ชางสิบหมูจะ ประกอบดว ยชา งเขยี นชา งปน ชา งแกะ ทางดา้ นน้จี ึงต้องมคี วามเข้าใจและยอมรับ ชางสลัก ชางหลอ ชางกลึง ชางหุน ๒) รจู้ กั วสั ด ุ เครอื่ งมอื และอปุ กรณ ์ ชา่ งฝมี อื ทส่ี รา้ งสรรคง์ านชา่ งศลิ ปไ์ ทย ชางรัก ชางบุ และชางปูน มีอยู่ด้วยกันหลากหลายแขนง โดยจะมีความแตกต่างของวัสดุ เคร่ืองมือ และอุปกรณ์ นกั เรียนควรรู ซึ่งเคร่ืองมือและอุปกรณ์ท่ีจ�าเป็น จะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละสาขา ดังน้ัน โกลนหุน เปนการข้ึนรูปหุนโดยใช เคร่ืองมืองานปน ขูดแตงเน้ือดินเอา ผู้ที่จะประกอบอาชีพเปน็ ช่างศิลป์ ตอ้ งจดจ�าชอื่ และรายละเอยี ดของอุปกรณ์แตล่ ะชนิด หวั โขน : ทศกณั ฑ์ สวนที่ไมตองการออก เพ่ือใหไดหุนท่ี มีรปู ราง รูปทรง และขนาดที่ใกลเ คียง ใหไ้ ด้ เพอื่ ให้สามารถใชง้ านไดอ้ ย่างถกู ต้องและมีประสิทธภิ าพ กบั แบบทร่ี า งไว ๓) รู้วิธีการและข้ันตอน ช่างฝีมือ หรือ ชา่ งศลิ ปท์ ด่ี ตี อ้ งจดจา� วธิ กี ารและขนั้ ตอนในการปฏบิ ตั งิ าน ในสาขาของตนเองได้เป็นอย่างดี เพ่ือให้การปฏิบัติงาน สามารถด�าเนินไปได้อย่างถูกต้อง เช่น ช่างปั้น ก่อนท่ี ผลงานอันสวยงามจะปรากฏแก่สายตาของสาธารณชน ต้องเรม่ิ รา่ งแบบ หรือกา� หนดแบบเสยี ก่อน จากนัน้ จึง เตรยี มพนื้ ทส่ี า� หรบั งานปน้ั ขนึ้ รปู หรอื โกลนหนุ่ การปน้ั รปู การปน้ั สว่ นทเี่ ปน็ รายละเอยี ดและสดุ ทา้ ย คอื การตกแตง่ เพมิ่ เตมิ งานช่างศิลปท์ ุกประเภทของไทยเป็นงานที่ต้อง งานช่างศิลป์ไทยยังขาดแคลนเยาวชนรุ่นใหม่ที่จะสืบสานมรดก ใช้ทักษะเฉพาะด้าน ปฏิบัติงานด้วยความประณีตและ ภมู ปิ ญญาไทยทางด้านน้ีอยู่อกี มาก ละเอียดออ่ นในทุกข้ันตอน เปน็ ตน้ 8๓ นักเรียนควรรู ชา งบุ เปน ชา งฝม อื ประเภทหนงึ่ จดั อยใู นจาํ พวกชา งสบิ หมู ทไ่ี ดใ ชฝ ม อื ทางการชา งตกแตงผิวภายนอกของงานประเภทศิลปภัณฑ ครภุ ณั ฑ และ สถาปต ยกรรมบางประเภท ใหมคี วามสวยงาม แข็งแรง และมนั่ คงถาวร คูม อื ครู 83

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 30%) ใหน กั เรียนรว มกันอธิบายขอมลู ประสบการณใ์ นการทาำ งาน จะชว่ ยทาำ ใหร้ อบรเู้ ทคนคิ เฉพาะดา้ นในการ ๔) รอบรูเ้ ทคนิคเฉพาะด้าน ชา่ งศิลปค์ วร เก่ยี วกบั ทักษะและคณุ ลักษณะของ สรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ให้มีความงดงามและมีลกั ษณะโดดเดน่ ผูที่จะประกอบอาชพี เปนชา งศลิ ป เรยี นรเู้ ทคนคิ พเิ ศษเฉพาะดา้ น เพอ่ื ชว่ ยในการทา� งานของ โดยครูชวยอธิบายขอมูลเสริม ตน เช่น ช่างจ�าหลกั ไมต้ อ้ งรอบรูว้ ่า งานประเภทใดควร ใชไ้ ม้ชนิดใด เชน่ ไมต้ ะเคยี นนยิ มใช้แกะสลักโขนหวั เรือ เกร็ดแนะครู ไม้ขนุน ไม้ฉ�าฉา ไม้สักนิยมใช้ในงานแกะสลักประเภท เครื่องเรอื น งานหัตถกรรม ของที่ระลกึ ตลอดจนเคร่อื ง ครชู ว ยเสรมิ ขอ มลู วา ปจ จบุ นั ตลาด ประดับภายในอาคาร ช่างหล่อจะต้องรอบรู้ว่างานหล่อ แรงงานยังตองการชางศิลปอีกมาก ประเภทใดควรใช้วัสดุ อุปกรณ์ประเภทใด จึงจะมีความ นอกจากรับราชการแลว ก็ยังเปนที่ เหมาะสม เชน่ ใชข้ ้ผี ้ึงในการหล่อเทียน ใชโ้ ลหะในการ ตอ งการของบรษิ ทั เอกชนทผ่ี ลติ สนิ คา หล่อพระพทุ ธรปู เป็นต้น ท่ีเปนงานประณีตศิลป หรือจะเปน ศลิ ปน อิสระก็ได ในการผลิตงานช่างศิลป์แต่ละแขนง ถ้าช่าง รู้จักจดจ�าเทคนิคพิเศษเฉพาะด้านท่ีถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น กจ็ ะสามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งราบรนื่ เนอ่ื งดว้ ยมเี ทคนคิ ทที่ า� ใหส้ ามารถปฏบิ ัติงานได้อยา่ งรวดเรว็ เกร็ดแนะครู เกร็ดศลิ ป์ ครูอธิบายความแตกตางของชาง ชา่ งสิบหมู ่ เป็นกลมุ่ ช่างหลวงทมี่ ฝี ม อื และมคี วามชาำ นาญในการสร้างสรรค์ผลงานทศั นศลิ ป์ของไทย ซึ่งจะประกอบไปด้วยชา่ งสกลุ แกะและชางสลักใหนักเรียนฟงวา ต่างๆ ดงั คาำ ประพนั ธ์ดงั ตอ่ ไปนี้ การทาํ งานของชา งทง้ั 2ประเภทน้ีจะมี ความแตกตางกันตรงท่ีวัสดุ อุปกรณ “ ชา่ งเชี่ยวชาญเปน งานชา่ ง ชา่ งสรา งช่างสรรค์เปน งานศิลป ที่นํามาใชและลักษณะของผลงาน ชา่ งควรช่างเคยี งคธู่ านินทร์ ช่างสบื มิสญู สิน้ งานโบราณ กลาวคือ ชางแกะ เปนผูที่สรางสรรค คอื ชา่ งเขียน ปน ห่นุ แกะ สลัก อีกชา่ งรัก กลึง หล่อ บุ ปนู ประสาน ผลงานใหมีลวดลาย หรือเปนรูปภาพ เปน ตาํ นานชา่ งไทยมาแตก่ าล ชนประชาเรียกขานชา่ งสิบหมู่ ” ดว ยวธิ กี าร “แกะ” โดยมเี ครอ่ื งมอื ทใี่ ช คอื “มดี แกะ” งานทนี่ ยิ มนาํ มาแกะจะ ตวั อยา งผลงานสกลุ ชา งสบิ หมบู างชา ง เปน งานทมี่ ขี นาดเลก็ ทตี่ อ งการความ ละเอียดและความประณีต เชน ไม หมชู่ า่ งเขียน หมู่ชา่ งแกะ หมูช่ ่างปน งาชาง หิน ฟกทอง เปนตน ประเภท ของงานแกะจะแบง ออกตามวสั ดทุ นี่ าํ 8๔ มาใชท าํ เปน สอื่ ทางการแกะ ซ่งึ มอี ยู 2 ประเภท คอื งานแกะเคร่ืองสด และ นกั เรียนควรรู @ มมุ IT งานแกะเครอ่ื งวตั ถถุ าวร สว นชา งสลกั เปนผูท่ีสรางสรรคผลใหมีลวดลาย ชา งสบิ หมู จัดเปน ชา งหลวงทีท่ ํางานสนอง สามารถศึกษาเพ่มิ เตมิ เก่ียวกับชา งสิบหมู หรือเปนรูปภาพดวยวิธีการ “สลัก” พระราชประสงค หรอื พระบรมราชโองการ ไดจาก http://www.youtube.com โดย โดยมีเครอ่ื งมือทีใ่ ช คอื “สว่ิ ” งาน ของพระเจา แผน ดนิ ดงั นนั้ ผลงานแตล ะชนิ้ search คาํ วา ชา งสิบหมู หรอื http://www. ของชางสลักนยิ มนําไม หิน หนงั ท่ีถูกสรางขึ้นมายอมมีความประณีตและ changsipmu.com กระดาษ ฯลฯ มาเปน สือ่ สาํ หรบั สวยงามเปนพิเศษ ถายทอดความคิด ความเช่ือ และ ความงาม 84 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๒.๕ ผู้ผลิตผลติ ภัณฑ์ทําด้วยมือ กระตุนความสนใจ ผลิตภัณฑ์ท�าด้วยมือ หรือสินค้าแฮนด์เมด ครูใหน ักเรียนชว ยกันนาํ สินคา ท่ีเปนผลิตภณั ฑท าํ มือ หรอื สนิ คา (Handmade) เปน็ อีกอาชพี หนง่ึ ท่สี ามารถนา� ความรทู้ าง แฮนดเมดท่นี กั เรยี นมีมาแสดง จากนั้นครูตัง้ คาํ ถามกระตนุ ดา้ นทศั นศลิ ปม์ าประยกุ ต์ใชเ้ พอ่ื สรา้ งรายได้ ซงึ่ ในปจั จบุ นั ความสนใจวา มีผู้คนจ�านวนมากประกอบอาชีพนี้ โดยการผลิตสินค้า • สนิ คา ดังกลา วคอื สง่ิ ใด นกั เรยี น ซ้อื มาในราคาเทา ไร รูปแบบต่างๆ ออกมาจ�าหน่าย สามารถพบเห็นได้ง่าย • สนิ คา ดงั กลา วมีความนา สนใจ ตามแหล่งท่องเทย่ี วในจงั หวดั ตา่ งๆ และตลาดนัดท่ัวไป อยางไร ลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์ท�าด้วยมือ คือ • ในทองถิ่นของนกั เรียนมีสนิ คา แฮนดเ มดที่เดนๆ ใดบาง ใช้แรงงานคนเป็นหลัก หรือท�าด้วยมือ โดยใช้วัสดุจาก สํารวจคน หา ธรรมชาติท่ีหาได้งา่ ยในแต่ละทอ้ งถ่ิน หรอื เศษวัสดุแต่ละ ใหน ักเรยี นสบื คน ขอมลู เก่ียวกบั ชน้ิ ทมี่ ลี กั ษณะเฉพาะ แมเ้ ปน็ สนิ คา้ ประเภทเดยี วกนั แตถ่ า้ ลักษณะของสนิ คาแฮนดเมด ความตอ งการของผูบ ริโภค จาก คนท�าต่างกัน รูปลักษณ์และลวดลายก็จะมีความต่างกัน การสัมภาษณ สอบถาม หรือสบื คน จากเว็บไซตใ นอนิ เทอรเน็ต และ และถา้ ตา่ งทอ้ งถน่ิ ลกั ษณะและวสั ดทุ นี่ า� มาทา� กจ็ ะตา่ งกนั ผลิตภัณฑ์ทำาดว้ ยมอื มกั เปน็ ที่สนใจของนักท่องเทยี่ ว ทาำ ให้โอกาสเปิด แหลง การเรียนรตู า งๆ สะท้อนกลิ่นอายทางวัฒนธรรมท่ีแทรกอยู่ในผลงาน ซ่ึง กวา้ งสาำ หรบั ผู้สนใจ โดยเฉพาะในยา่ นที่เป็นศนู ยก์ ลางการทอ่ งเทย่ี ว เกร็ดแนะครู ถือเป็นเสน่ห์อยา่ งหนง่ึ ของผลิตภณั ฑท์ า� ด้วยมือ ครคู วรเชญิ ผทู ีจ่ ดั ทํา หรอื ดว้ ยเหตทุ ผี่ ลติ ภณั ฑท์ า� ดว้ ยมอื สรา้ งขนึ้ ภายใน จัดจาํ หนา ยสนิ คา แฮนดเมดมาเลา ประสบการณแ ละโอกาสทางธรุ กจิ ทอ้ งถน่ิ สามารถผลติ ไดใ้ นปรมิ าณทก่ี ารลงทนุ ไมส่ งู ผผู้ ลติ ของสินคา ประเภทนี้ รวมถงึ สินคา แฮนดเมดท่เี หมาะกบั ทอ งถิ่น หรอื สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ สินค้าจึงมี ความสามารถของนกั เรยี นที่จะผลิต รวมท้งั ทกั ษะของผูทจี่ ะประกอบ ความหลากหลายทั้งชนิดและปริมาณ ซ่ึงบุคคลท่ีมีฝีมือ อาชีพน้ี ทางด้านทัศนศิลป์สามารถผลิตออกมาจ�าหน่ายได้และ เปน็ สนิ คา้ ทต่ี ลาดยงั มคี วามตอ้ งการ ผทู้ จ่ี ะผลติ ผลติ ภณั ฑ์ ทา� ดว้ ยมอื ออกจา� หน่าย ควรมที กั ษะดังต่อไปน้ี ๑) มที กั ษะในการจดั การ เนอ่ื งจากผลติ ภณั ฑ์ ท�าด้วยมือเป็นสินค้าท่ีผลิตได้ไม่ยาก ส่วนใหญ่มีราคา จา� หนา่ ยตอ่ ชนิ้ ไมส่ งู การจา� หนา่ ยใหไ้ ดป้ รมิ าณมากๆ และ ตอ่ เนอื่ งจงึ เปน็ สงิ่ สา� คญั ซงึ่ ผผู้ ลติ ผลติ ภณั ฑท์ า� ดว้ ยมอื จะ ตอ้ งมที กั ษะการจดั การทดี่ ี ทง้ั ในดา้ นการหาวสั ดทุ ่ีใชผ้ ลติ การออกแบบสินค้าให้มีจุดเด่น การควบคุมดูแลต้นทุน หรือในกรณที ่ีผลติ ในปริมาณมาก ตอ้ งมีการควบคมุ ด้าน ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทำาด้วยมือที่สามารถผลิตออกมาได้อย่างสวยงาม คณุ ภาพใหส้ นิ คา้ แตล่ ะชนิ้ มคี ณุ ภาพเทา่ เทยี มกนั ตลอดจน และมรี ูปแบบที่หลากหลาย การบริหารรายได้ 8๕ นกั เรยี นควรรู คูม ือครู 85 แฮนดเมด (Handmade) ส่ิงของท่ีถูกผลิต หรือสรางข้ึน โดยมีเอกลักษณโดดเดนเฉพาะตัว ที่เปน สินคาทท่ี าํ จากมอื ไมไ ดผานการผลติ ในโรงงานอตุ สาหกรรม ความสวยงามของงานแฮนดเ มด จะขึน้ อยูกับจินตนาการของผูผลิต หรือผูสราง คุณคาของงานแฮนดเมดปรากฏอยูในงานแตละชิ้นงาน คือ ไมเ หมอื นกนั 100 เปอรเ ซน็ ต เพราะไมใ ชเ ครอื่ งจกั รในการทาํ งาน ดงั นน้ั สนิ คา จงึ ออกมาดเู ปน ธรรมชาติ มากกวาและมีราคาคอนขา งสูง

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Explain Engage Explore อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรียน 30%) ใหน ักเรยี นรว มกนั อภปิ รายขอ มูล เกย่ี วกบั ทักษะของผทู ีจ่ ะประกอบ อาชพี เปน ผผู ลิตสินคา แฮนดเมด และถา ในช้ันเรยี นมีนกั เรียนที่มี ประสบการณเ กย่ี วกบั เรอื่ งนคี้ วรให นักเรียนมาบอกเลาประสบการณตรง ใหเพือ่ นฟง ดวย เกรด็ แนะครู ครูอาจอธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกับ การผลิตสนิ คาแฮนดเ มด ดังนี้ 1. พยายามดสู นิ คา แฮนดเ มดทม่ี อี ยู ในทองตลาดใหมาก เพ่ือจะได เกิดมมุ มองวา ควรผลิตส่ิงใด 2. ควรผลิตสินคาที่ตนมีความถนัด ผลิตภัณฑ์ทำาด้วยมือที่มีลักษณะเฉพาะเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ถือว่าเป็นจุดเด่นท่ีช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค เช่น ร่มบ่อสร้าง ถา สอ่ื เอกลกั ษณข องทอ งถน่ิ หรอื จงั หวัดเชยี งใหม่ เปน็ ตน้ ซงึ่ ผซู้ อื้ สามารถนำาไปใช้ประโยชนไ์ ด้โดยตรงและใช้เปน็ ของท่ีระลกึ จังหวดั ดว ยกจ็ ะเปน การดี ๒) มคี วามคดิ สรา้ งสรรค ์ เนอื่ งจากการผลติ ผลติ ภณั ฑท์ า� ดว้ ยมอื สามารถทา� ไดง้ า่ ย ตน้ ทนุ ไมส่ งู สนิ คา้ ท่ี 3. ใชว ัตถุดิบท่สี ามารถหาไดงา ย ภายในทอ งถน่ิ เปนหลกั และใช ไดร้ บั ความนยิ มมากจะมกี ารแขง่ ขนั ทางการตลาดสงู มผี ผู้ ลติ สนิ คา้ ออกมาจา� หนา่ ย ผผู้ ลติ ผลติ ภณั ฑท์ า� ดว้ ยมอื จงึ ตอ้ ง เงินลงทนุ ในการผลติ ไมสงู มคี วามคดิ สรา้ งสรรคม์ าก โดยออกแบบสนิ คา้ ใหม้ คี วามแปลกใหม่ มคี วามนา่ สนใจแตกตา่ งออกไปจากสนิ คา้ ของผอู้ น่ื 4. พยายามพฒั นาสินคา ใหม ี อยู่เสมอ มีต้นทุนไม่สูง หรือเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความแปลกใหมอยเู สมอ ที่ผอู้ นื่ ทา� ตามได้ยาก 5. หาชอ งทางการจดั จาํ หนายที่ ๓) เข้าใจเร่ืองการตลาด สามารถจะวิเคราะห์ได้ว่า สนิ คา้ ประเภทใดทตี่ ลาดตอ้ งการ ควรวางตลาดชว่ งใด การแขง่ ขนั หลากหลาย เชน ผา นทางเวบ็ ไซต เป็นแบบใด ราคาจ�าหน่ายควรต้ังไว้เท่าไรจึงจะเหมาะสม เพ่ือขยายตลาด เปน ตน ควรใช้ช่องทางการจ�าหน่ายแบบใดบ้าง หรือควรใช้ 6. สํารวจความตองการของตลาด แนวทางใดท่ีจะท�าใหส้ นิ ค้ามีจุดเดน่ นา่ สนใจ เพ่อื จงู ใจ อยเู สมอ เพือ่ จะไดวิเคราะห ผูบ้ รโิ ภคใหม้ าซือ้ สนิ คา้ ความตองการไดอยา งถูกตอง การมีความรู้เร่ืองการตลาดจะช่วยท�าให้การ ตุกตาเซรามิก เป็นผลงานท่ีผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทำามือต้องใช้ความคิด สร้างผลิตภัณฑ์มีความสอดคล้อง หรือตรงกับความ สร้างสรรค์เป็นอย่างมากในการสร้างสรรค์ผลงาน (จากภาพ) ตุกตา เซรามกิ ทสี่ ร้างสรรค์ออกมาเปน็ รปู ผีตาโขน ต้องการของผู้บริโภค ซึ่งช่วยท�าให้จ�าหน่ายสินค้าได้ นักเรยี นควรรู งา่ ยยิง่ ขึน้ รมบอสราง สินคาพื้นเมืองที่ไดรับ 8๖ ความนยิ มอยา งมากจากนักทองเท่ยี ว ทั้งชาวไทยและชาวตางชาติ ซึ่งรม ชนิดน้ีจะผลิตกันมากที่บานบอสราง อ.สันกําแพง จ.เชียงใหม การวาดลวดลายและ ระบายสีจะมีการนําเอาแปงเปยกผสมนํ้ามะโกติดผา หรือกระดาษเขากับรม เพราะจะ ทําใหมีความแข็งแรง ทนทาน และสีน้ํามันที่นํามาระบายจะตองผสมกับน้ํามันมะเยา หรือนา้ํ มนั ตงั อ๊ิว ก็จะชวยใหร มทนแดด ทนฝน สามารถใชง านไดจรงิ 86 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Explain Explore Evaluate เสริมสาระ อธิบายความรู มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลรตั นโกสนิ ทร์ วทิ ยาเขตเพาะชา่ ง ใหนักเรยี นรวมกันอธบิ ายขอมูล เกย่ี วกบั ความสาํ คญั ของมหาวทิ ยาลยั มีผู้เรียนหลายคนมีแนวคิดว่า ต่อไปภายหน้าอยากไปศึกษาต่อ เทคโนโลยีราชมงคลรตั นโกสินทร ทางดา้ นทศั นศลิ ป์ เพอื่ จะไดน้ าำ ความรไู้ ปประกอบอาชพี หรอื ผลติ ผลงานทาง วิทยาเขตเพาะชา ง เพอื่ เปน ขอมูล ด้านทัศนศิลป์ตามท่ีตนเองมีใจรัก สถาบันที่เปิดสอนด้านศิลปะมีอยู่หลาย สําหรับนักเรยี นทม่ี ีใจรกั ในงาน แห่ง และหนึ่งในสถาบันทางด้านทัศนศิลป์ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปศึกษา ทัศนศิลปและสนใจทจ่ี ะไปศกึ ษาตอ ตอ่ กค็ อื “มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสนิ ทร์ วทิ ยาเขตเพาะชา่ ง” ทางดา นนีใ้ นอนาคต จะไดทราบ ขอ มูลเบ้ืองตน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสนิ ทร์ วทิ ยาเขตเพาะชา่ ง องคพ์ ระวษิ ณกุ รรม ตง้ั อยภู่ ายในมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี ตั้งอยู่ที่ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ราชมงคลรตั นโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะชา่ ง นักเรียนควรรู คาำ วา่ “เพาะชา่ ง” ไดร้ บั พระราชทานนามจากพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี ๖) ในวาระทไ่ี ดเ้ สดจ็ พระราชดาำ เนนิ มาทรงเปดิ โรงเรยี น เพาะชาง เปนมหาวิทยาลัยท่ีเปด เม่ือวันท่ี ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๖ เนื่องจากทรงมีพระราชดำาริห่วงใยใน สอนศลิ ปะการชา ง ตราประจาํ สถาบนั ศิลปะการช่างของไทย เกรงว่าจะถูกอิทธิพลของศิลปะตะวันตกเข้าครอบงำา เปนรูปวงกลม มีองคพระวิษณุกรรม อาจถึงคราวเสื่อมสูญลงได้ จึงทรงมีพระราชประสงค์ให้จัดตั้งสถานศึกษา อยูตรงกลาง แสดงรัศมีที่สื่อถึงความ เพื่ออบรมให้ความรู้และฝึกหัดเยาวชนเกี่ยวกับงานช่าง เพ่ือให้ช่วยกันทำานุ รอบรูและปญญาของชางศิลปะ สี บาำ รงุ ศลิ ปะการชา่ งของไทย ประจําสถาบนั คือ สแี ดงและสดี าํ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่าง ได้เปิดหลักสูตรการสอนในระดับ นักเรียนควรรู ปรญิ ญาตรี ๔ ปี ทงั้ ภาคปกติและภาคสมทบ (บางสาขา) มีทั้งหมด ๔ กลมุ่ วิชา คือ ศลิ ปะประจำาชาติ ศิลปหตั ถกรรม วิจิตรศิลป์ และออกแบบ สงั กดั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ สำานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา เจาอยูหัว (รัชกาลท่ี 6) พระองคทรง โดยผู้ท่ีประสงค์จะเข้าศึกษาต่อจะต้องผ่านการสอบคัดเลือก (สอบตรง) โดยผู้มีสิทธิ์สมัครสอบต้องสำาเร็จการศึกษา หว งใยในศลิ ปะการชา งของไทย วา ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันต้น (ปวช.) หรือวุฒิการศึกษาใกล้เคียง ซึ่งสอบ จะไดร ับอิทธิพลของศิลปวฒั นธรรม ทงั้ วชิ าสามญั และวชิ าปฏิบัติ เช่น การวาดเส้น ความถนัดในสาขาทจ่ี ะศึกษา การสอบสมั ภาษณ์ เป็นต้น ตา งชาตเิ ขา ครอบงํา และอาจทาํ ให ศลิ ปะการชา งของไทยเสื่อมสญู สาขาวชิ าทเ่ี ปดิ สอน มี ๑๓ สาขา ได้แก่ ๘. ประติมากรรม (Sculpture) จงึ มีพระราชประสงคจ ะทาํ นบุ าํ รงุ ๑. จิตรกรรมไทย (Thai Painting) ศลิ ปะการชา งของไทย โดยการกอตั้ง ๒. ประติมากรรมไทย (Thai Sculpture) ๙. ภาพพมิ พ์ (Graphic Arts) มหาวทิ ยาลยั แหงนข้ี ึ้น ๓. หตั ถศิลป์ (Craft) ๑๐. การถา่ ยภาพ (Art of Photography) ๔. หัตถกรรม (Handicraft) ๑๑. ออกแบบนิเทศศลิ ป์ (Visual Communication Design) ๕. เคร่ืองป้ันดนิ เผา (Ceramics) ๑๒. ออกแบบภายใน (Interior Design) ๖. เครอื่ งโลหะและรูปพรรณอญั มณี (Metal work and Jewelry) ๗. จิตรกรรม (Painting) ๑๓. ออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสนิ ทร์ วทิ ยาเขตเพาะชา่ ง ไดผ้ ลติ ศลิ ปนิ และบคุ ลากรทางดา้ นทศั นศลิ ปม์ าอยา่ ง มากมาย เชน่ ถวัลย์ ดัชนี, เฉลิมชยั โฆษิตพิพัฒน์, อังคาร กลั ยาณพงศ์, ชาำ เรอื ง วเิ ชียรเขตต,์ กมล ทัศนาญชลี เป็นตน้ @ มุม IT 87 นกั เรยี นควรรู สามารถศกึ ษาเพิ่มเติมเกย่ี วกบั มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อญั มณี แรร ตั นชาตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ มาจาก รตั นโกสินทร ไดจาก http://www.pohchang.rmutr.ac.th ธรรมชาติ มีความสวยงาม แข็งแรง คงทน และหายาก อัญมณีของไทย จะแบง ออกเปน 9 ชนิด หรือท่เี รียกวา “นพรัตน” หรือ “นวรัตน” หรือ “แกว เกา ประการ” ซงึ่ ประกอบไปดว ยเพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย และไพฑูรย คมู อื ครู 87

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain ขยายความเขา ใจ (ยอ จากฉบับนกั เรียน 30%) ใหน ักเรียนเลอื กปฏบิ ัติกิจกรรม กจิ กรรม ศลิ ปป ฏบิ ัติ ขอ ใดขอ หน่งึ ตอ ไปนี้ กจิ กรรมที่ ๑ ใหนกั เรยี นแบง กลุม กลมุ ละ ๕ คน ใหไปสัมภาษณบ ุคคลท่มี อี าชีพเกยี่ วของกับงานทัศนศลิ ป หรอื 1. แบง กลมุ 5คนไปสมั ภาษณบ คุ คล ผลิตสินคาประเภทผลิตภัณฑทําดวยมือ โดยศึกษาข้ันตอนการผลิตช้ินงาน ชองทางการจําหนาย ท่ีมอี าชพี ทางดา นทศั นศิลป กจิ กรรมท่ี ๒ ความมนั่ คง และความกา วหนา ของอาชพี จากนัน้ นาํ ขอ มลู มาจดั ทําเปน รายงานพรอ มภาพประกอบ หรอื ผลิตสินคาแฮนดเ มด โดย กิจกรรมที่ ๓ แลวสงครูผูสอน ศกึ ษาข้นั ตอนการผลิตสินคา เชญิ วทิ ยากรมาบรรยายและแนะแนวทางในการเลอื กศกึ ษาตอ หรอื ประกอบอาชพี ที่ใชค วามรทู างดา น การจดั จาํ หนา ย ความมน่ั คง และ ทัศนศิลป แลวใหน กั เรยี นแตล ะคนสรุปสาระความรจู ากการบรรยายของวิทยากร แลวสง ครูผสู อน ความกาวหนาของอาชีพ จัดทํา จงตอบคาํ ถามตอไปน้ี เปน รายงาน พรอมภาพประกอบ ๑. จงวเิ คราะหถ ึงคณุ ประโยชนท ี่บคุ คลจะไดร บั จากการศึกษา หรอื ปฏิบตั งิ านทางดานทศั นศลิ ป สง ครูผูสอน ๒. ใหย กตวั อยา งและอธบิ ายถงึ อาชพี ทส่ี ามารถใชค วามรทู างดา นทศั นศลิ ปในการสรา งสรรคผ ลงาน 2. ใหนกั เรยี นระบุอาชพี ทีเ่ กยี่ วขอ ง มา ๑ อาชพี กับงานทัศนศลิ ปแ ละทักษะที่ จาํ เปนตอ การประกอบอาชีพ ดงั กลาวอยางนอย 5 อาชพี จดั ทาํ เปน รายงาน สงครผู ูสอน ตรวจสอบผล การศกึ ษาเรยี นรทู างดา นทศั นศลิ ป นอกจากจะชว ยทาํ ใหเ กดิ ความรู ความเขา ใจ มสี นุ ทรยี ภาพ รจู กั ชนื่ ชม ครูพิจารณาจากการระบุอาชีพที่ ความงามของผลงานทัศนศลิ ปท ีศ่ ลิ ปนไดสรา งสรรคข้ึน หรอื สามารถออกแบบสรา งสรรคผ ลงานทัศนศิลปตาม สามารถนาํ ความรทู างดา นทศั นศิลป ความคดิ และจนิ ตนาการของตนไดแ ลว ประสบการณแ ละความรพู นื้ ฐานทไ่ี ดร บั ยงั สามารถนาํ ไปใชใ นการประกอบ ไปใชประโยชนและทักษะท่ีจาํ เปน อาชพี ไดอ กี ดว ย ซงึ่ ปจ จบุ นั มอี าชพี จาํ นวนมากทต่ี อ งใชค วามรทู างดา นทศั นศลิ ปแ ละความตอ งการตลาดแรงงาน ในการประกอบอาชพี นน้ั ของนักเรียน ทางดา นนย้ี งั เปด กวา งอกี มาก ซงึ่ ถา นกั เรยี นสนใจ รกั ในงานทศั นศลิ ปแ ละมฝี ม อื ทางดา นน้ี กส็ ามารถยดึ เปน อาชพี สรา งรายไดเ ล้ียงตนเองและครอบครวั ใหมีความสขุ ได แหสลดักงฐผานลการเรยี นรู 1. รายงานการสัมภาษณบ ุคคลท่ี มอี าชีพทางดานทศั นศิลป หรือ ผลิตสินคาแฮนดเมด 2. รายงานระบอุ าชีพท่เี ก่ยี วขอ งกับ งานทัศนศิลป ๘๘ เกร็ดแนะครู (แนวตอบ กจิ กรรมศลิ ปป ฏิบัติ กิจกรรมท่ี 3 1. มีความรู ความเขา ใจ รจู ักชนื่ ชมในผลงานทศั นศลิ ป สามารถสรางสรรคผลงานทศั นศลิ ป ตามประเภทท่ีตนพึงพอใจ และนําความรทู างดา นทศั นศิลปไปใชประกอบอาชพี ได 2. พิจารณาจากคําตอบของนักเรียน โดยอยูใ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู ูส อน) 88 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate เปา หมายการเรยี นรู เลือกงานทัศนศิลปโดยใชเ กณฑที่ กําหนดข้นึ อยางเหมาะสมและนาํ ไป จัดนทิ รรศการ ๖หนว่ ยท่ี กระตุน ความสนใจ การจัดนทิ รรศการทางทศั นศลิ ป์ กตวั ช้วี ัด ารจัดนิทรรศการเป็นความรู้อีกแขนงหน่ึงท่ีผู้ศึกษา ครูหาภาพตวั อยางการจดั ■ เลอื กงานทศั นศลิ ปโ์ ดยใชเ้ กณฑท์ ก่ี าำ หนดขนึ้ อยา่ งเหมาะสมและ ทศั นศิลป์จา� เป็นต้องเรยี นรู้ เพราะนทิ รรศการเปรียบเสมือน นิทรรศการทางทศั นศิลปม าให นำาไปจัดนทิ รรศการ (ศ ๑.๑ ม.๓/๑๑) เวทีท่ีจะได้มีโอกาสนา� ผลงานทัศนศิลป์ไปจัดแสดง ซ่ึงอาจเป็น นักเรียนดู และต้งั คําถาม ดังนี้ ผลงานท่ีผู้เรียนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้สร้างสรรค์ข้ึน หรือ • ใครเคยไปชมนิทรรศการทาง เป็นผลงานของศิลปินก็ได้ แต่การจัดนิทรรศการทางทัศนศิลป์ ทัศนศิลปท่ีจัดขน้ึ ภายนอก จะเกิดข้ึนได้ต้องอาศัยผลงานทัศนศิลป์ ซึ่งต้องมีท้ังปริมาณและ โรงเรยี นบา ง ถาเคย ลักษณะ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง คุณภาพ ดงั น้นั จงึ ควรทราบหลกั เกณฑ์ทใี่ ช้สา� หรับคัดเลอื กผลงาน ของนทิ รรศการเปน อยางไร ทัศนศิลป์เพื่อน�าไปใช้จัดนิทรรศการ และน�าความรู้น้ีไปใช้ประโยชน์ ■ การจัดนิทรรศการ • นักเรยี นไดรับประโยชนอ ยางไร จากการไปชมนิทรรศการ ในชีวติ จรงิ ได้ (แนวตอบ ขน้ึ อยูก บั ทัศนะของ นักเรยี น คาํ ตอบไมมีถูก-ผดิ ) เกรด็ แนะครู การเรียนการสอนในหนวยน้ี ครูอธิบายใหน ักเรยี นเขาใจวา นิทรรศการทางทัศนศิลปใหค วามรู ใหค วามรนื่ รมยท างใจแกผ ชู ม เปน เวที สําหรับผูสรางสรรคและผูที่รักในงาน ทศั นศลิ ป ผชู มจาํ นวนมากคาดหวงั จะ ไดเห็นผลงานทัศนศิลปที่หลากหลาย เหน็ ถงึ ความคดิ สรา งสรรค พฒั นาการ ทางทัศนศิลป ดังนั้น จึงจําเปนตอง มีการคัดกรองผลงานที่จะนําไปจัด แสดง เพอื่ ใหน ทิ รรศการทางทศั นศลิ ป นน้ั เปนนทิ รรศการที่มีคุณภาพ คูมือครู 89

กระตนุ ความสนใจ สาํ รEวxpจloคre21น 38/ห0Ja6าn/1u0ary อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage 2016 11:14ExApMlain Elaborate Evaluate นร.ทัศนศลิ ป ม.3 N6 089-102_O.k กระตุนความสนใจ (ยอ จากฉบบั นกั เรยี น 30%) ใหนักเรียนชมคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ ñ. ¤ÇÒÁÊÓ¤ÞÑ ¢Í§¹·Ô ÃÃÈ¡Ò÷ҧ·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š การจัดนทิ รรศการทางทศั นศลิ ป แลว ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น หรือ การศึกษาวชิ าทัศนศลิ ป นอกเหนอื จากการเรียนรวู ิธีการสําหรับสรา งสรรคผ ลงานทศั นศิลปแ ลว ความรู ความรูสกึ ที่มตี อบรรยากาศของงาน และทกั ษะท่ผี ูเรยี นควรจะมอี กี ประการหนึง่ คอื การจัดนิทรรศการ (Exhibition) ทางทศั นศิลป ซ่ึงมแี นวทางการจดั ท่ี สํารวจคน หา หลากหลาย โดยขน้ั ตอนสาํ คญั ทจี่ ะทาํ ใหส ามารถจดั นทิ รรศการขนึ้ ได คอื การเกบ็ รวบรวมผลงานเพอ่ื นาํ มาจดั แสดง ใหน กั เรยี นไปสบื คนขอ มูล เกี่ยวกับความสําคัญของนิทรรศการ โดยตอ งมเี กณฑท เี่ หมาะสมสาํ หรบั นาํ มาใชค ดั กรองใหเ หลอื เพยี งผลงานทส่ี อดคลอ งกบั วตั ถปุ ระสงค หรอื เปน ผลงาน ทางทศั นศลิ ปแ ละขั้นตอนการจัด นทิ รรศการทางทศั นศิลป นบั ต้งั แต ทมี่ ีคณุ ภาพ เพ่อื นําไปจัดนทิ รรศการไดเทา นั้น ขน้ั วางแผนงาน ขั้นปฏบิ ัตงิ าน และขน้ั แสดงผลงาน การแสดงผลงานทางทศั นศลิ ป จะใชผ ลงานทศั นศลิ ปป ระเภทใดประเภทหนง่ึ เชน จติ รกรรมสนี า้ํ สนี าํ้ มนั อธิบายความรู งานประตมิ ากรรม งานภาพพมิ พ เปน ตน หรอื จะนาํ งานหลากหลายประเภทมาแสดงรวมกนั กไ็ ด สาํ หรบั ในระดบั ชนั้ ใหนักเรียนอภิปรายขอมูลเก่ียวกับ น้ีมีวัตถุประสงคเพ่ือนําผลงานที่ผูเรียนไดสรางสรรคขึ้นในการเรียนวิชาทัศนศิลป หรือผลงานของบุคคลอื่น หรือ ความสําคัญของงานทัศนศิลป โดย ใหน กั เรยี นทเ่ี คยมโี อกาสไปชมการจดั ของศิลปนนํามาจัดแสดง เพ่ือใหผูอ่ืนไดมีโอกาสช่ืนชมผลงานทัศนศิลปท่ีทําเสร็จสมบูรณแลว เพื่อสรางเสริม นทิ รรศการทางทศั นศลิ ปน อกโรงเรยี น ออกมาเลาประสบการณใหเพ่ือนฟง สนุ ทรยี ศลิ ป เผยแพรค วามรู และฝก ทกั ษะทางดา นการบรหิ ารจดั การ ซง่ึ ความสาํ คญั ของการจดั นทิ รรศการทางทศั นศลิ ป จากนั้นสรุปประเด็นสําคัญที่ผูชมจะ ไดรับจากการไปชมนิทรรศการ สามารถสรุปได ดงั ตอ ไปน้ี ๑) สง เสรมิ ความรู ความสนใจ เปน การสง เสรมิ ความรู ความสนใจทางทศั นศลิ ปไ ดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ นักเรยี นควรรู เพราะการเขาชมนิทรรศการทางทศั นศลิ ปผเู ขา ชมจะตอ งใชเ วลาและเดนิ ชมตามเสน ทางท่กี าํ หนดไว ซง่ึ เมอ่ื ชมจบ นิทรรศการ (Exhibition) การแสดง ผลงาน สนิ คา ผลติ ภณั ฑ หรอื กจิ กรรม ผชู มจะสามารถเขา ใจเรอ่ื งราว หรอื เน้ือหาที่ผูจัดตองการสือ่ สาร เสมือนเปน การเตมิ ความรูใหก ับตนเอง นอกจากนี้ ใหค นทั่วไปไดช ม ถอื เปน วธิ ีการ ประกาศ โฆษณา ประชาสัมพันธ การจัดนิทรรศการทางทัศนศิลปยังชวยฝกจินตนาการอยางเปนระบบและคิดออกมาเปนภาพ ซึ่งทักษะในดานน้ี อยา งหนง่ึ ทจี่ ําเปนตองมีสง่ิ ของ ภาพ ตลอดจนการแสดง เพ่อื ดึงดดู สามารถนําไปใชในการดําเนนิ ชีวติ ประจําวนั ดา นอืน่ ๆ ไดอ ีกดวย ความสนใจของผูท่จี ะเขามาชมงาน เชน การจัดนทิ รรศการทาง ๒) สง เสริมการแสดงออก การไดล งมอื จดั วิทยาศาสตร การจดั นิทรรศการ ทางทัศนศลิ ป การจดั นิทรรศการ แสดงนทิ รรศการทางทศั นศลิ ปเ อง ผเู รยี นจะไดน าํ ความรู ทางเทคโนโลยี เปนตน ซ่ึงเปน การ จดั เพื่อใหผ ชู มทราบถึงเรื่องราว ทผ่ี า นการศกึ ษาเลา เรยี นซงึ่ เปน ภาคทฤษฎมี าใชถ า ยทอด ประวตั ิความเปน มา และสงิ่ ท่ีผผู ลติ สรางขึ้น เปน ผลงานรปู ธรรมซงึ่ เปน ภาคปฏบิ ตั ิ ถอื เปน การไดล งมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ ซงึ่ จะชว ยทาํ ใหเ กดิ ความรู ความเขา ใจสงิ่ ทไี่ ด เรยี นรมู ากยง่ิ ขนึ้ รวมทง้ั ประสบการณต รงเชน นจี้ ะมผี ลตอ ผูเรียนเม่ือตองไปประกอบอาชีพการงานในอนาคต ๓) สง เสรมิ ความสามคั คี การจดั นทิ รรศการ ทางทศั นศลิ ปจ ะประสบความสาํ เรจ็ ได จะตอ งอาศยั ความ รวมมือจากบุคคลหลายฝายที่จะตองรวมมือกันทํางาน ตามแผนท่ีไดกําหนดไว ดังนั้น การจัดนิทรรศการ การเขา ชมนทิ รรศการทางทศั นศลิ ป จะชว ยทาํ ใหผ ชู มเขา ใจความงาม ทางทัศนศิลปจึงชวยเสริมพลังความสามัคคีใหเกิดข้ึน ของผลงานทศั นศลิ ป สรา งความอมิ่ เอมใจ รวมทงั้ ไดค วามรดู า นตา งๆ ทางออมในระหวางลงมือปฏิบัติงาน รวมท้ังยังจะเปน ตามแตศิลปนจะถา ยทอดออกมา ประสบการณท ช่ี ว ยสอนใหเ รารจู กั การทาํ งานเปน หมคู ณะ ๙๐ @ มุม IT สามารถชมคลปิ วดิ ีโอเก่ยี วกบั การจัดนทิ รรศการทางทศั นศิลป ไดจาก http://www.youtube.com โดย search คําวา นิทรรศการ ทางทศั นศิลป หรอื Art Exhibition 90 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ นEรา.xทยpศั 1lนค5aศ iDวnิลeปาc์ eมมm.3รb eNูr6 2 008195ข- 2178ย0:2/209า_6 OP/ยE1M.0kxคpวaาnมdเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate อธบิ ายความรู ครูขออาสาสมัครนักเรยี นใหมา อธบิ ายขอ มลู เก่ยี วกบั ขั้นตอนการ วางแผนการจดั นทิ รรศการทาง ทัศนศลิ ปว ามขี ้นั ตอนยอ ยๆ ใดบา ง หรือมีหลักการดําเนนิ งานอยา งไร ๒. ขน้ั ตอนการจดั นิทรรศการทางทัศนศลิ ป์ เกร็ดแนะครู การจดั นทิ รรศการทางทศั นศลิ ปใ์ นแตล่ ะงาน อาจมคี วามแตกตา่ งกนั ในดา้ นวตั ถปุ ระสงค ์ ลกั ษณะของงาน ครูเนนย้ําใหนักเรียนเขาใจวา หาก ประเภทของงานท่นี า� มาจดั แสดง หรอื กลุม่ ผู้ชม แต่ข้นั ตอนในการดา� เนินงานจะมีลกั ษณะเดียวกัน ดงั ต่อไปน้ี ตองการใหการจัดนิทรรศการประสบ ผลสาํ เร็จ ควรดําเนินการดังตอไปน้ี ๒.๑ ขั้นการวางแผน 1. ควรมีการวางแผนไวล วงหนา เปน็ การเตรยี มการเพอ่ื กา� หนดขน้ั ตอนสา� หรบั เปน็ กรอบในการปฏบิ ตั งิ าน เพอื่ ใหบ้ คุ คลทเี่ กยี่ วขอ้ งมองเหน็ และมเี วลาในการเตรยี มตวั อยา ง ภาพรวมของงาน เขา้ ใจลักษณะของงานได้ตรงกัน ซึ่งการวางแผนจะตอ้ งมคี วามชัดเจนในประเดน็ ตา่ งๆ ดงั ต่อไปนี้ พอเพียง ๑) วัตถุประสงคใ์ นการจัด ตอ้ งระบุใหช้ ัดเจนว่าวัตถุประสงค์หลักในการจดั ตอ้ งการสงิ่ ใด เชน่ เพอ่ื ให้ 2. ควรแบงหนาที่ความรับผิดชอบ ในทมี โดยพจิ ารณาจากความ ผเู้ รยี นไดม้ โี อกาสแสดงผลงานทต่ี นสรา้ งสรรค ์ หรอื ใหเ้ หน็ ผลงานของศลิ ปนิ ทมี่ ชี อื่ เสยี ง เพราะวตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั ถนดั ของแตละบุคคล จะมีความสัมพันธ์กับการคัดเลือกผลงานที่น�ามาแสดง ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ไม่ควรก�าหนดให้มีหลายประการ ซ่ึง วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะช่วยท�าให้ผู้ปฏิบัติงานทั้งคณะมองเหน็ เปา้ หมายไดต้ รงกัน 3. ตดิ ตอ ประสานงานประชาสมั พนั ธ ขอความรวมมือจากบคุ คลท่มี ี ๒) สถานทจ่ี ัด ควรระบใุ หช้ ัดเจนวา่ จะใชพ้ ้ืนทบ่ี รเิ วณใดของโรงเรยี น ภายในหอ้ งเรยี น หรือภายนอก หนา ทเี่ กี่ยวของ หอ้ งเรียน ทั้งน ้ี สถานทส่ี า� หรับจดั นทิ รรศการทางทศั นศลิ ป์ควรเป็นพืน้ ทกี่ ว้างพอสมควร เพอ่ื ให้มีพืน้ ที่ติดตง้ั ผลงาน 4. การประชาสมั พันธก ารจดั และรองรับจา� นวนผู้ชมซงึ่ อาจมเี ปน็ จา� นวนมากและควรเปน็ พน้ื ทีโ่ ปรง่ อากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก มีแสงสว่างเพียงพอ นิทรรศการ ปราศจากสง่ิ รบกวนตา่ งๆ 5. คัดเลอื กผลงานทจ่ี ะนาํ มาจัด 91 แสดง โดยการพิจารณาอยาง รอบคอบและสมเหตุสมผล 6. จดั เตรยี มวสั ดุ อุปกรณ และ เคร่ืองมอื เพอื่ ใชในการจดั นทิ รรศการ 7. ดําเนนิ การจัดสรางตามขน้ั ตอน ท่ไี ดม กี ารวางแผนไว 8. วางส่ิงของทแี่ สดงในตําแหนง ทีก่ ําหนดไว โดยจดั ไวใ หอ ยู ในระดบั สายตาของผูช ม นกั เรยี นควรรู คูมอื ครู 91 วตั ถปุ ระสงคห ลกั เปน หวั ใจของการวางแผนงานและเปน เสมอื นเปา หมายหลกั ทจี่ ะทาํ ใหผ รู ว มงาน ทกุ ฝา ยเขา ใจวตั ถปุ ระสงคห ลกั ของการจดั นทิ รรศการ สาํ หรบั การจดั นทิ รรศการในระดบั ของนกั เรยี น อาจกาํ หนดใหม เี พยี ง 1 - 2 วตั ถปุ ระสงคก เ็ พยี งพอ ไมค วรมมี าก เพราะอาจจะทาํ ใหน ทิ รรศการมคี วาม หลากหลาย การควบคุมงานใหอยูในกรอบจะเกิดความยากลําบาก และเมื่อกําหนดวัตถุประสงค ไดแลว จะตอ งสือ่ สารและทาํ ความเขา ใจกับทมี งานทัง้ หมดใหเ ขา ใจตรงกนั

กระตุนความสนใจ สําEรxวpจloคr12นน e83ร/ห.0Jทa6ัศาn/น1u0ศaิลryป2 ม01.อ36Nธ161บิ:0189Eา9xAย-p1M0lคa2i_วnOา.kมรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Evaluate อธบิ ายความรู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 30%) ใหน กั เรยี นอภปิ รายขอ มลู เกย่ี วกบั ๓) ระยะเวลาในการจัด นิทรรศการทาง การวางแผนการจดั นทิ รรศการ โดย ครชู วยเสริมขอ มูล ทัศนศิลปอาจจัดข้ึนในชวงกอนปดภาคเรียนเทอมตน ชวงปลายป หรือจัดระหวางวันเทศกาลตางๆ การระบุ เกรด็ แนะครู เวลาทีแ่ นนอนและมีเวลาเตรียมการท่เี หมาะสม จะทําให สามารถคัดเลือกผลงานที่มีคุณภาพนํามาแสดงไดเปน ครคู วรอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี น จาํ นวนมาก เขาใจวา ขั้นตอนการวางแผนเปน สิ่งสําคัญมาก ตองระดมความคิด ๔) กลมุ เปา หมายในการจดั ตอ งใหม คี วาม จากทุกฝาย เพื่อสรุปความคิดเปน แผนงาน ซงึ่ ถา แผนมกี ารจดั ทาํ อยา ง ชดั เจนวา กลมุ บคุ คลทตี่ อ งการใหเ ปน เปา หมายหลกั ทจี่ ะ รอบคอบ รัดกุม และปฏิบัติงานไป ไดร บั ประโยชนจากการจดั นทิ รรศการคอื ใคร อาจจะเปน ตามแผนทวี่ างไว การจดั นทิ รรศการ ผูเรียนท่ีเปนเจาของผลงานทัศนศิลป ผูเรียนที่เปนผูชม ยอมจะสําเร็จไดไมยาก ท้ังน้ี หัวใจ การกาํ หนดกลมุ ผชู มเปน เปา หมายหลกั กอ นการจดั นทิ รรศการ เพราะ นทิ รรศการ การรูกลุมเปาหมายหลกั จะมคี วามสําคญั ตอ ในการทาํ งานประการหนง่ึ กค็ อื ตอ ง จะชว ยทาํ ใหจ าํ กดั ขอบเขตการเลอื กผลงานทจ่ี ะนาํ มาจดั แสดงไดง า ยขน้ึ การกาํ หนดปจ จยั อ่ืนๆ ของการจดั นิทรรศการ ทําใหผูเก่ียวของทุกฝายมองเห็น ภาพรวมของงานไดแ ละเขา ใจตรงกนั ๕) งบประมาณ เปน ปจ จยั สาํ คญั อยา งหนง่ึ ตอ ความสาํ เรจ็ ของงาน การจดั นทิ รรศการจาํ เปน ตอ งมคี า ใชจ า ย เหน็ เปน ภาพเดยี วกนั งานกจ็ ะดาํ เนนิ ไปอยา งมปี ระสทิ ธิภาพ ถึงแมจ ะมีจํานวนไมมาก แตกต็ องทําบญั ชีรายรับ - รายจา ย ทราบแหลงทีม่ าและจาํ นวนงบประมาณทจี่ าํ เปน ตอ งใช เชน ไดจ ากการสนับสนนุ ของโรงเรียน ผูเรยี นชวยกนั บรจิ าค เปนตน การใชจ ายเงนิ ตองระมัดระวงั พงึ จา ยเฉพาะ ส่ิงที่มคี วามจาํ เปน ท้ังนี้ ควรมงี บประมาณสาํ รองไวบาง เพอื่ ไวใ ชจ า ยสาํ หรบั การแกไขปญหาเฉพาะหนา ๖) วิธีการจัด จะจัดอยางไร ใครเปนผูจัด เชน ถาจัดเพียงหองเรียนเดียว อาจจัดบริเวณหนาหอง ใหผ เู รยี นในหอ งเปน ผจู ดั หรอื จะจดั ทงั้ ระดบั ชน้ั กต็ อ งใหผ เู รยี นในหอ งอนื่ ๆ เขา มารว มเปน คณะทาํ งาน เปน ตน ทงั้ นี้ ตองมีการแบงหนาท่ีวาใครจะรับผิดชอบงานสวนใด โดยอาจแบงเปนฝายๆ เชน ฝายการเงิน ฝายประชาสัมพันธ ฝา ยสถานที่ ฝา ยคดั เลือกและติดตั้งผลงาน ฝายประสานงาน ฝา ยพิธีการ ฝา ยประเมนิ ผล เปนตน นกั เรยี นควรรู พื้นที่จัดนทิ รรศการควรเปน พน้ื ที่โลง กวาง เพ่ือใหผ ูชมไดใชเ วลาชมผลงานไดอยางสะดวก กลมุ เปา หมาย หรอื Target Group ๙๒ เปนหัวใจสําคัญอยางหน่ึงของการ วางแผน การจัดนิทรรศการตอง นกั เรียนควรรู ประชุมและกําหนดเปาหมายท่ี แนน อนวา กลมุ เปา หมายหลกั คอื ใคร ฝายสถานท่ี จะตองพิจารณาในลักษณะของโครงสรางวามีความแข็งแรง กันแดด ฝน ลมหรือไม เพราะจะไดเตรียมงานและส่ิงตางๆ ท้งั นี้ จะตอ งเปน พ้ืนทโี่ ปรง กวา งขวาง มที างเขา - ออกสะดวก อากาศถายเทไดด ี อณุ หภมู ิพอเหมาะ รองรบั ไดถ กู เนอื่ งจากผชู มแตล ะกลมุ ไมรอน หรือเย็นจนเกินไป มีแสงสวางท่ีเพียงพอ ปราศจากเสียงท่ีดังรบกวน และสามารถควบคุม จะมีพฤติกรรมในการชมแตกตาง บรรยากาศ หรอื สภาพแวดลอมไดด ี กนั ออกไป สวนผูชมกลมุ อื่นๆ ใหถ อื เปนสวนเสริม ท้ังน้ี ไมควรกําหนด ผูชมกลุมเปาหมายหลักในลักษณะ ที่กวาง เชน ประชาชนทัว่ ไป บคุ คล ที่สนใจผลงานทัศนศลิ ป เปนตน เพราะจะทําใหเตรยี มงานไดล ําบาก 92 คูม อื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ นEรา.xทยpศั 1lนค5aศ iDวnิลeปาc ์ eมมm.3รb eNูr6 2 008195ข- 2178ย0:2/209า_6 OP/ยE1M.0kxคpวaาnมdเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate ๒.๒ ขัน้ ปฏบิ ตั งิ าน อธบิ ายความรู ข้ันตอนนี้เป็นการลงมือปฏิบัติงานให้นิทรรศการเกิดข้ึนจริง หลังจากท่ีวางแผนแบ่งภาระหน้าที่ให้แต่ละ ใหน ักเรียนรว มกันอภิปรายขอ มูล ฝ่ายน�าไปปฏิบัติแล้ว ควรมีการประชุมเพ่ือติดตามงานเป็นระยะๆ ว่าแต่ละงานมีความคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด เกี่ยวกบั ความสําคญั และลกั ษณะการ ภาระหน้าทท่ี ีส่ �าคัญในขน้ั ตอนน ้ี จะประกอบไปด้วย ออกแบบงานนทิ รรศการใหนาสนใจ โดยครชู วยอธบิ ายเสริม ๑) การออกแบบงาน การออกแบบถือเป็นหัวใจส�าคัญของการจัดนิทรรศการ เพราะช่วยท�าให้งานมี เกรด็ แนะครู ความโดดเดน่ กระตนุ้ ความสนใจของผชู้ ม หรอื ชมงานดว้ ยความเพลดิ เพลนิ มองเหน็ คณุ คา่ และความหมายของงาน นิทรรศการ การออกแบบงานนิทรรศการจะประกอบไปด้วยการออกแบบโครงสร้างท่ีเป็นภาพรวมของนิทรรศการ ครูควรอธิบายใหนักเรียนเขาใจวา พ้ืนท่ีท่ีใช้แสดงผลงานทัศนศิลป์ ซุ้มประตูทางเข้า - ออก และอื่นๆ การตกแต่งบริเวณงานให้มีสีสันที่น่าสนใจและ การออกแบบงานจะชวยดึงดูดความ มีความแตกต่างไปจากสภาพแวดล้อมใกล้เคียง อาจมีการจัดสวนหย่อม น้�าพุ สร้างทางเดินเล็กๆ จัดหามุมน่ัง สนใจของผชู ม ซง่ึ การจะออกแบบงาน พกั ผอ่ น ออกแบบแผ่นป้ายเพ่ือบอกข้อมลู สังเขปของผลงานแตล่ ะชิ้น นอกจากน ้ี ยงั หมายรวมไปถงึ การจัดแสงไฟ ใหไดดี ผูออกแบบตองไปชมแนวทาง สอ่ งสวา่ งใหม้ คี วามนมุ่ นวล หรอื การเปดิ เสยี งเพลงคลอเบาๆ เพอ่ื สรา้ งอารมณใ์ หก้ ารชมนทิ รรศการเกดิ ความรน่ื รมย์ การจัดนิทรรศการตางๆ ใหม าก เพอ่ื มากย่งิ ขน้ึ ท้งั น้ ี การออกแบบและตกแตง่ ภายในงานจะต้องมีความสัมพนั ธ์กลมกลืนกับเนอื้ หาของนิทรรศการดว้ ย จะไดเกิดความคิดสรางสรรค ท้ังน้ี ตอ งพงึ ระมดั ระวงั อยา ใหก ารออกแบบ เกรด็ ศลิ ป์ งานไปกลบความสําคัญและดึงความ สนใจออกจากผลงานทัศนศิลปท่ีนํา หอศิลปกรุงเทพมหานคร มาจัดแสดง มชี อ่ื เรยี กอยา่ งเปน็ ทางการวา่ “หอศลิ ปวฒั นธรรมแหง่ กรงุ เทพมหานคร” (Bangkok Art and Culture Centre) ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกปทุมวัน หัวมุมถนน นักเรียนควรรู พระรามท่ ี ๑ และถนนพญาไท ตรงข้ามศนู ย์การคา้ มาบญุ ครองและสยามดิสคัฟเวอรี ่ เร่มิ ก่อสรา้ งตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๗ แล้วเสร็จเม่ือ พ.ศ. ๒๕๕๑ ตวั อาคารสงู ๙ ชนั้ มีพ้นื ท่ี ขอ มลู สังเขปของผลงาน ใหระบุ จัดแสดง ๔,๐๐๐ ตารางเมตร สถาปนิกออกแบบให้เป็นทรงกระบอก ซ่ึงสามารถ เฉพาะขอมูลท่สี ําคัญ ไดแ ก เชอ่ื มตอ่ ระหวา่ งอาคารไดด้ ว้ ยทางเดนิ วนเปน็ แนวเอยี งขนึ้ เพอื่ ใหผ้ ชู้ มสามารถชมงาน ชอื่ ผสู รางสรรค พ.ศ. เทคนคิ วิธกี าร ทัศนศลิ ป์ในแตล่ ะชน้ั ไดอ้ ย่างตอ่ เนอื่ ง นอกจากนี้ ตวั อาคารยังสามารถรบั แสงสว่าง ขนาด ประเภทผลงาน และขอ มลู จากภายนอกได้ โดยที่แสงจะไม่มีผลกระทบต่อผลงานทัศนศิลป์ท่ีแสดงอยู่ภายใน สงั เขป พมิ พ หรือเขยี นบนกระดาษ โดยมหี อ้ งแสดงนทิ รรศการอยดู่ ว้ ยกนั หลายหอ้ ง เปดิ ใหเ้ ขา้ ชมตงั้ แตเ่ วลา ๑๐.๐๐ น. – พนื้ สอี อ นแลวนาํ ไปตดิ ใกลๆ ผลงาน ๒๑.๐๐ น. วันอังคารถึงวนั อาทิตย ์ (หยดุ ทุกวนั จนั ทร)์ นักเรยี นควรรู นอกจากหอศิลปกรุงเทพมหานครแล้ว ยังมีหอศิลป์อีกหลายแห่งกระจาย อยู่ตามจังหวัดต่างๆ มีท้ังของหน่วยงานของรัฐและเอกชนท่ีสามารถจะเข้าไปช่ืนชม การชมนทิ รรศการผชู มตอ งใชส มาธิ ผลงานทศั นศลิ ปไ์ ด ้ เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑส์ ถานแหง่ ชาต ิ หอศลิ ป กรงุ เทพมหานคร หอศลิ ป และจินตนาการ ดังน้ัน เสียงเพลง วัฒนธรรมมหาวิทยาลยั ขอนแกน่ จังหวดั ขอนแกน่ หอศลิ ปวฒั นธรรมเมอื งเชยี งใหม ่ ที่ใชควรเปนเพลงบรรเลงจังหวะชาๆ จงั หวดั เชยี งใหม ่ หอศลิ ปร์ มิ นา่ น จงั หวดั นา่ น หอศลิ ปน์ ครหาดใหญ ่ เฉลมิ พระเกยี รตฯิ และเปดคลอเบาๆ ซ่ึงจะชวยสราง จงั หวัดสงขลา หอศลิ ปะและวฒั นธรรมภาคตะวันออก จงั หวัดชลบุรี เป็นต้น ความเพลิดเพลินและสรางอารมณ สุนทรียะใหก บั ผชู มไดม ากยิง่ ข้ึน 9๓ คมู ือครู 93


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook