กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Engage Explain Expand Evaluate สาํ รวจคน หา (ยอ จากฉบับนกั เรียน 30%) ใหนกั เรียนศึกษาเทคนคิ วิธีการ ระบายสีโปสเตอร ข้นั ตอนการเก็บ รายละเอียดของผลงาน จนภาพมี ความสมบูรณและสามารถสอ่ื ความหมายและบอกเลาเหตุการณ ไดอยางทีอ่ อกแบบไว เกรด็ แนะครู ขัน้ ที่ ๖ ลงสโี ปสเตอร์ จะใชส้ โี ปสเตอรน์ า� มาตกแตง่ และเกบ็ รายละเอยี ดของภาพ ในส่วนท่ีระบายมาเกิน หรือปดทับส่วนท่ีต้องแก้ไข รวมท้ังแต่งแต้มบางจุดให้เห็น ครูแนะนําวิธีการระบายสโี ปสเตอร เดน่ ชดั โดยเฉพาะสว่ นทส่ี า� คญั ของภาพทต่ี อ้ งการสอ่ื คอื การมอบสงิ่ ของชว่ ยเหลอื ใหน กั เรียนฟงวา วิธีการระบายสี เม่ือดแู ลว้ สามารถส่อื ความหมายได้ชดั เจนว่าเปน็ เหตกุ ารณ์ใด โปสเตอรสามารถระบายดวยพูกัน ซ้าํ ๆ กัน ในบรเิ วณเดมิ ได ซ่ึงจะมี ความแตกตา งจากสนี ้ํา ถา ระบาย ถูกนั ซํ้าๆ ไปมาหลายๆ ครั้ง จะทาํ ใหสชี ํ้า สกปรก กระดาษจะเปนขยุ ดแู ลวไมส วยงาม สาํ หรบั สโี ปสเตอร นอกจากจะใชพ ูกันเกลยี่ สซี า้ํ ไดแลว ยังนยิ มนํามาผสมกบั สขี าว เมอ่ื ตอ งการใชส อี อน ซึ่งจะขนึ้ อยูกบั ปรมิ าณสีขาวที่นํามาผสม และเมือ่ ตอ งการใชส ที ี่เขมขึ้นกผ็ สมสีดาํ ลงไปในปริมาณมากนอยตาม ความตองการ นักเรยี นควรรู ข้นั ท่ี ๗ ตรวจความสมบูรณ์เรยี บร้อยของผลงาน ซึ่งจะใช้สีนา�้ สโี ปสเตอร์ และ ดนิ สอสมี าเพม่ิ เตมิ ตกแตง่ แกไ้ ขในสว่ นทย่ี งั ไมส่ มบรู ณ์ ปลอ่ ยทง้ิ ไวใ้ หส้ บี นกระดาษ สโี ปสเตอร กรณีท่ีตอ งใชสี แห้งดแี ลว้ จงึ ลอกกระดาษกาวออก จากนั้นจงึ น�าผลงานไปใช้ประโยชน์ต่อไป โปสเตอรจาํ นวนมากเพือ่ ประหยดั คาใชจาย อาจทําขน้ึ ใชเองไดง า ยๆ 54 ดวยการนําแปงมันมาผสมกบั กาวลาเทก็ ซแ ละน้ําสี ในอตั ราสว น 15 : 20 : 20 ก็จะไดส ีโปสเตอรท ม่ี ี คณุ ภาพไมแ พท่จี าํ หนายเปน ขวด ในทองตลาด 54 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore ๓. แนวทางการวเิ คราะห์ผลงานทศั นศลิ ป์ อธิบายความรู วเิ คราะห์การใช้ทัศนธาตุและหลกั การออกแบบ ผลงานทัศนศลิ ปช์ ิ้นนี้ ถา้ ไมน่ บั เรื่องพ้นื ผิวแล้ว จะเห็นถึง ใหนักเรียนชวยกันอธิบายขั้นตอน การนา� องคป์ ระกอบต่างๆ ทางทัศนธาตุมาใช้อยา่ งครบถว้ น ทั้งจุด เส้น รปู รา่ ง รปู ทรง น้�าหนกั ออ่ น - แก่ พ้นื ท่ีวา่ ง การสรางสรรคผลงานจิตรกรรมท่ีใช และทเี่ ด่นชดั กค็ ือ สี เทคนิคและวิธีการที่หลากหลาย เพ่ือ สอื่ ความหมายและบอกเลา เหตกุ ารณ การออกแบบ ผู้สร้างสรรคม์ จี ดุ มงุ่ หมายท่จี ะวาดภาพทสี่ อ่ื ความหมาย โดยใชเ้ ทคนคิ การนา� สีหลายประเภทมา จากผลงานตวั อยา ง โดยเนน ถงึ เทคนคิ ผสมผสานกนั และเนน้ ใหค้ วามสา� คญั กบั เรอื่ งราวในภาพทตี่ อ้ งสอ่ื ความหมายออกมา ซงึ่ การออกแบบทา� ไดอ้ ยา่ งลงตวั ทน่ี าํ มาใช มคี วามเป็นเอกภาพ โดยน�าจดุ ส�าคัญของภาพท่ีตอ้ งการสอื่ สารใหม้ าอยู่ทางดา้ นหน้า การจัดวางองคป์ ระกอบตา่ งๆ มีความกลมกลืนกัน ไม่มีส่วนใดที่ขัดแย้ง ส่วนความสมดุลเห็นได้ชัดเจนถึงการวางน้�าหนักของภาพให้สมดุลกันท้ัง ขยายความเขาใจ ด้านซา้ ยและด้านขวา ใหนกั เรียนแบงกลุม กลมุ ละ 5 คน วิเคราะห์รูปแบบ เน้ือหา และคุณค่าในผลงานทัศนศิลป์ ผลงานช้ินน้ีเป็นศิลปะรูปลักษณ์แบบ ๒ มิติ สรางสรรคผลงานจิตรกรรมเพื่อสื่อ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ใหภ้ าพสอื่ ความหมาย หรอื เหตกุ ารณอ์ อกมาได้ แตไ่ มเ่ นน้ การแสดงรายละเอยี ดของภาพ และการใหส้ ี ความหมาย บอกเลาเหตุการณ หรือ ตอ้ งมีลักษณะเหมอื นจริงตามธรรมชาติ ถายทอดประสบการณ จินตนาการ มากลุมละ 1 ชิ้น โดยแสดงออกถึงการ เน้ือหา สื่อถึงเหตุการณ์การเกิดอุทกภัย มีความล�าบาก เดือดร้อนและมีผู้น�าสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ท่ีประสบ ใชเทคนิค วิธีการทีห่ ลากหลายในการ อุทกภยั เนื้อหาของภาพสะท้อนถึงความมนี า้� ใจ การชว่ ยเหลอื เกอ้ื กูล ไมท่ อดท้งิ กนั ของคนไทย สรางสรรค พรอมทั้งวิเคราะหผลงาน ดวย เสร็จแลวนําผลงานสงครูผูสอน คุณค่าของผลงานช้ินน้ี นอกจากจะให้เทคนิค วิธีการในการสร้างสรรค์ผลงานที่น�าสีหลากหลายประเภทมา และสงตัวแทนออกมาบรรยายสรุป ผสมผสานกนั มกี ารออกแบบจดั วางอยา่ งลงตวั และเปน็ การเขยี นภาพท่ไี ม่ตอ้ งเน้นรายละเอยี ดแล้ว ยงั เปน็ ภาพทม่ี ี ผลงานทีห่ นาชั้นเรียน เรอื่ งราว มวี ฒั นธรรม สามารถบอกเลา่ เหตกุ ารณไ์ ดโ้ ดยตรง ดแู ลว้ เขา้ ใจงา่ ย และสามารถสอ่ื ความหมายไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ตรวจสอบผล กจิ กรรม ศิลปป์ ฏิบตั ิ ๓.๒ ครพู ิจารณาจากการสรา งสรรค กจิ กรรมท่ี ๑ ใหนกั เรียนสรางสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปแ บบ ๒ มติ ิ และ ๓ มิติ หรือแบบจติ รกรรมไทย โดยมีสาระ ผลงานทัศนศลิ ปเ พ่อื สอื่ ความหมาย กิจกรรมท่ี ๒ เกี่ยวของกบั การถายทอดประสบการณ หรือจนิ ตนาการมา ๑ ช้นิ เสรจ็ แลวสงครผู ูส อน และเหตุการณ โดยพจิ ารณาจาก ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ ๕ คน ใหแ ตล ะกลมุ เลอื กสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปเ พอื่ สอื่ ความหมาย แนวคิดการใชเ ทคนคิ วธิ ีการท่ี กิจกรรมที่ ๓ เปน เรือ่ งราว หรือเพ่ือบรรยายเหตุการณตางๆ มา ๑ ชิ้น เสรจ็ แลว ใหแตล ะกลมุ นําผลงานมาแสดง หลากหลายในการสรา งสรรค และสง ตวั แทนออกมาสรปุ แนวคดิ และความหมายทตี่ อ งการสอื่ สารหนา ชนั้ เรยี น กลมุ ละไมเ กนิ ๕ นาที การออกแบบ ความประณีตเรียบรอย จงตอบคําถามตอ ไปน้ี และการวเิ คราะหผ ลงาน การบรรยาย ๑. กอนลงมือปฏิบตั ผิ ลงานทัศนศิลป ผสู รา งสรรคควรทาํ ส�ิงใดเปนลาํ ดับแรก ผลงานทเี่ สรจ็ สมบูรณแ ลว ๒. ผลงานทศั นศลิ ปแบบ ๒ มติ ิ และ ๓ มติ ิ มคี วามเหมอื นหรอื แตกตางกันอยา งไร ๓. จงวเิ คราะหร ปู แบบ เนอ้� หา และคณุ คา ในผลงานทศั นศลิ ปข องตนเองและผอู น่ื มาอยา งละ ๑ ผลงาน 55 เกร็ดแนะครู (แนวตอบ กิจกรรมศิลปป ฏิบัติ 3.2 กจิ กรรมท่ี 3 1. ใชความคิดวา จะสรา งสรรค ผลงานใด จะใหผ ลงานออกมา เปน แบบใด จากนน้ั กร็ า งแบบเพอ่ื ถา ยทอดความคดิ จนิ ตนาการใหอ อกมาเปน เคา โครงทเ่ี ปน รปู ธรรม ปรบั ปรุงแกไขแบบรา งใหสมบูรณ จากนั้นกจ็ ัดเตรียมวสั ดุ อุปกรณทจ่ี ะใชกอ นลงมอื ปฏิบตั ิจรงิ 2. มคี วามแตกตา งกัน คอื ผลงานทศั นศลิ ปแบบ 2 มติ ิ จะมเี ฉพาะความกวา งและความยาว สวนแบบ 3 มิติ จะมีความกวา ง ความยาว และความลกึ 3. พิจารณาจากการวิเคราะหผ ลงานของนกั เรียน โดยอยใู นดลุ ยพินจิ ของครูผูส อน) คูมือครู 55
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate แหสลดกั งฐผานลการเรยี นรู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 30%) 1. ผลงานทัศนศิลปแบบสื่อผสม เราสามารถจะน�าทัศนธาตุและหลักการออกแบบมาสร้างสรรค์เป็นผลงานทัศนศิลป์ได้อย่างหลากหลาย ทใี่ ชวัสดอุ ยางหลากหลาย และการวเิ คราะหผลงาน รูปแบบ เทคนิค วิธีการ ท้ังทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม สื่อผสม และอื่นๆ ตลอดจนสามารถใช้ ผลงานทศั นศลิ ปเ์ ปน็ สอ่ื เพอ่ื ถา่ ยทอดประสบการณ์ จนิ ตนาการ เพอื่ สอื่ ความหมายเปน็ เรอื่ งราว หรอื บรรยาย 2. ผลงานทัศนศิลปแ บบ 2 มติ ิ เหตุการณ์ตา่ งๆ ได้ ซงึ่ ผูท้ ี่จะสร้างสรรคผ์ ลงานไดด้ ี นอกจากจะศึกษาหาความรู้ในทางทฤษฎแี ล้ว หากหมนั่ และ 3 มติ ิ และการวเิ คราะห ฝก ฝนหาประสบการณจ์ รงิ อยา่ งสมา่� เสมอ กย็ อ่ มจะประสบความสา� เรจ็ ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทมี่ คี วามงาม ผลงาน มีคุณคา่ อยา่ งทีต่ อ้ งการได้ในทสี่ ุด 3. ผลงานทศั นศลิ ปแ บบจติ รกรรมไทย หรอื จติ รกรรมไทยประยกุ ต และการวิเคราะหผลงาน 4. ผลงานทศั นศลิ ปแ บบจติ รกรรมเพอื่ ส่ือความหมายและเหตกุ ารณ ทีใ่ ชเ ทคนิค วิธกี ารท่หี ลากหลาย และการวเิ คราะหผลงาน 56 56 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate เปา หมายการเรยี นรู การวิเคราะหและอภิปรายรูปแบบ เนื้อหา และคุณคาในงานทัศนศิลป ของตนเองและผูอน่ื หรอื ของศิลปน ๔หน่วยที่ กระตุนความสนใจ การวิเคราะห์ผลงานทศั นศลิ ป์ ตวั ชี้วัด ก ารพิจารณาผลงานทัศนศิลป์นอกเหนือไปจาก ครูใหนักเรียนดูภาพจากในหนังสือ เรียน หนา 57 จากน้ันครูตั้งคําถาม ■ การวิเคราะห์และอภิปรายรูปแบบ เน้ือหา และคุณค่าในงาน ความงามทส่ี ามารถจะสมั ผสั ไดแ้ ลว้ ในผลงานยงั มเี นอื้ หาสาระ กบั นักเรียนวา ทศั นศลิ ปข์ องตนเองและผู้อน่ื หรือของศลิ ปิน (ศ ๑.๑ ม.๓/๘) เทคนคิ วธิ กี าร รปู แบบ และอน่ื ๆ ปรากฏอยอู่ กี มากมาย การศกึ ษา • ภาพนเี้ ปน ผลงานประเภทใด ถงึ แนวทางการวเิ คราะหผ์ ลงานทัศนศิลป์ จะชว่ ยทา� ให้ผเู้ รียนมี (แนวตอบ งานประติมากรรม เปน ผลงานการสรา งสรรคข อง สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ความรู้ ความเขา้ ใจ เกดิ ทกั ษะทจี่ ะนา� ไปใชใ้ นการวเิ คราะหร์ ปู แบบ ประตมิ ากร ช่อื เฮนรี มวั ร) เนอื้ หา และคณุ คา่ ของผลงานทศั นศลิ ปท์ งั้ ทต่ี นเองสรา้ งสรรค์ หรอื ■ การวเิ คราะห์รปู แบบ เนอ้ื หา และคณุ ค่าในงาน ผอู้ นื่ สรา้ งสรรค์ รวมทง้ั ผลงานของศลิ ปนิ ตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ • ภาพน้ีบอกเลาเร่ืองราวเก่ยี วกับ ทัศนศิลป์ มากย่ิงขึ้น ส่ิงใด (แนวตอบ ขึ้นอยูกับจินตนาการ ของผูชม ผลงานชิ้นนี้มีลักษณะ เปน กง่ึ ไรร ปู ลกั ษณ โดยศลิ ปน ได ตดั ทอนรปู รา งตามธรรมชาตขิ อง คนใหผิดสัดสวน แตยังพอมอง ออกวาเปนรูปรางคนกําลังน่ังก่ึง เอนกาย) เกรด็ แนะครู การเรียนการสอนในหนว ยนี้ ครคู วรสรปุ ใหนักเรยี นฟง วา เนอื้ หา สาระในหนว ยน้ี มุงใหนกั เรยี นรูจัก วิธกี าร วิเคราะหรปู แบบ เนอ้ื หา และคุณคา ในผลงานทศั นศลิ ป ดังนัน้ การจดั กิจกรรมจงึ ควรมงุ เนน ใหน ักเรยี นไดนําผลงานทศั นศลิ ป หลากหลายประเภทมาทาํ การ วิเคราะห คูมอื ครู 57
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate สาํ รวจคน หา (ยอ จากฉบับนักเรียน 30%) ใหนักเรียนไปสืบคนขอมูลเก่ียวกับ ñ. ¡ÒÃÇÔà¤ÃÒÐ˼ŧҹ·ÑȹÈÔŻРความสาํ คญั และเหตผุ ลทจี่ ะตอ งมกี าร วิเคราะหผลงานทัศนศิลป คุณสมบัติ การคิดวิเคราะห หมายถึง ความสามารถในการจําแนก แยกแยะองคประกอบตางๆ ของสิ่งใดส่ิงหน่ึง ของผวู เิ คราะห จากหนงั สอื ในหอ งสมดุ ซง่ึ อาจเปน วตั ถุ สงิ่ ของ เรอ่ื งราว หรือช้ินงาน และหาความสมั พันธเชงิ เหตุผลระหวางองคประกอบตางๆ เพ่ือคน หา เว็บไซตในอินเทอรเน็ต และแหลง สิ่งทตี่ อ งการตามสภาพความเปน จริง การเรียนรูตางๆ รวมท้ังตัวอยางผล การวิเคราะหเทา ท่ีสามารถจะหาได ๑.๑ ความสาํ คัญ การศกึ ษาในรายวชิ าทศั นศลิ ป นอกจากจะเรยี นรเู กยี่ วกบั องคค วามรทู เี่ ปน เนอ้ื หาสาระและการปฏบิ ตั งิ าน อธิบายความรู เชิงสรางสรรคแลว สิ่งจําเปนและสําคัญอีกประการหนึ่งในการพัฒนาการเรียนรูใหครบถวนสมบูรณ ทั้งความรูและ ทักษะ คือ การฝกใหผ ูเรยี นไดม คี วามสามารถในการอภิปราย อธบิ าย แสดงความคิดเห็น วิพากษ วจิ ารณผลงาน ครูสุมนักเรยี น 2 - 3 คน ออกมา ทศั นศิลปท ี่ตนเองสรางสรรค และผอู น่ื สรา งสรรค ตลอดจนผลงานของศิลปน ตางๆ ไดอ ยา งถูกตอ งเหมาะสม อธบิ ายขอมูลเกีย่ วกับความสําคญั การสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปไ มว า จะเปน งานจติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปต ยกรรม และภาพพมิ พ มนษุ ย และเหตผุ ลทจ่ี ะตอ งมีการวเิ คราะห ไดส รา งสรรคข น้ึ บนพนื้ ฐานของความตอ งการทจี่ ะถา ยทอดความรสู กึ นกึ คดิ ทมี่ ตี อ ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ มใหป รากฏ ผลงานทัศนศลิ ป เปน ผลงาน โดยใชแ นวคดิ และการออกแบบสรา งสรรค ดงั นนั้ การไดร บั รแู นวคดิ ของศลิ ปน ยอ มสามารถเชอื่ มโยงไปถงึ เหตผุ ลของการเลอื กรปู แบบในการสรา งสรรคผ ลงาน ความตอ งการทจี่ ะสอื่ เนอ้ื หาเรอื่ งราวออกมาใหม คี วามเหมาะสม กลมกลนื กบั รปู แบบที่เลอื กใช ตลอดจนสง ผลถงึ ระดับคุณคา ของผลงาน เกร็ดแนะครู ดวยเหตุท่ีผลงานทัศนศิลปเปนงานที่มีความมุงหมายในการถายทอดอารมณ ความรูสึก และความคิด ของศิลปนไปยังผูดู ผูชม จึงสามารถถายทอดปรัชญา ความรูสึกนึกคิด และการรับรูไดหลายลักษณะ มีอิทธิพล ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนฟง ในการชกั จงู โนม นา วใหผ ชู มมคี วามรสู กึ นกึ คดิ คลอ ยตามไปกบั ศลิ ปน ขณะเดยี วกนั กส็ รา ง วา การวิจารณผลงานทัศนศิลปเปน ความสงสัยในผลงานดวยวา ศิลปน จะสือ่ สารเร่ืองใดและมคี วามหมายใดซอ นอยู วัฒนธรรมใหมของสังคมไทย ท่ีมี ความขัดแยงกับประเพณีด้ังเดิม ที่มี ๑.๒ คณุ สมบัตขิ องผวู เิ คราะห กรอบทางความคิด ความเช่ือ และ คานิยมแบบออนนอมถอมตน หรือ ในการวเิ คราะหผ ลงานทัศนศลิ ป ปจจัยประการแรกทต่ี อ งมี คอื ตวั ผลงาน ซ่ึงจะเปนงาน เชื่อฟงผูอยูฐานะสูงกวาตน ปจจุบัน จติ รกรรม ประตมิ ากรรม ภาพพมิ พ หรอื งานประดษิ ฐส รา งสรรคต า งๆ กไ็ ด จากนน้ั จะตอ งมเี กณฑ แ บ บ ค ว า ม คิ ด เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร แ ส ด ง การวเิ คราะห ซง่ึ ในระดบั ชนั้ นจี้ ะเนน เรอื่ งการวเิ คราะหร ปู แบบ เนอื้ หา และคณุ คา ในผลงาน ความคิดเห็นและการวิจารณได ทศั นศลิ ป เกณฑก ารวเิ คราะหจ ึงเปนเรื่องของการวเิ คราะหร ปู แบบของงานและโครงสราง เปล่ียนแปลงไปจากเดิมมาก เปด ทางการมองเห็น ซึ่งจะประกอบไปดวยคุณคาทางเนื้อหาและคุณคาทางสุนทรียภาพ โอกาสใหม กี ารแสดงทศั นะอยา งกวา ง นอกจากองคประกอบดังกลาวแลว ตัวผูวิเคราะหยังเปนปจจัยสําคัญของการวิเคราะห ผูท จี่ ะทาํ การวิเคราะหผ ลงานทศั นศิลปไ ดอ ยางมคี ณุ ภาพ ควรมคี ณุ สมบัติดังตอไปนี้ ขวางและหลากหลายเพ่ิมมากข้ึน โดยเฉพาะเรื่องของศิลปะสมัยใหม ที่มีการพัฒนาอยางไมหยุดย้ัง ท้ัง รูปแบบ เนื้อหา และเทคนิค ผูศึกษา “Spoonbridge and Cherry” (ค.ศ. ๑๙๘๗) ผลงาน ของแคลส โอลเดนเบิรก (Claes Oldenburg) จาํ เปน ตอ งเขา ใจความหมาย ความคดิ ๕๘ และการแสดงออกจากผลงานเหลา นน้ั ซึ่งแนนอนวาการวิจารณผลงาน ทัศนศิลปจะเปนวิธีการหนึ่งท่ีจะ เชื่อมตอการรับรูระหวางผูสรางสรรค ผลงานทัศนศิลปกับผูชมผลงานทัศนศิลปได โดยผูวิจารณจะตองมีคุณสมบัติของ นกั วจิ ารณผ ลงานทศั นศลิ ปอ นั เหมาะสม เขา ใจแนวทางการวจิ ารณผ ลงานทศั นศลิ ป ไดอยางเปนข้ันเปน ตอน รวมทั้งสามารถนาํ เสนอความคิดเพิ่มเตมิ ไดโ ดยปราศจาก อคติลําเอียง 58 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Explain Engage ๑) มคี วามรทู างดา นทศั นศลิ ป โดยจะตอ งมคี วามรพู นื้ ฐานพอสมควรทางดา นทศั นศลิ ป เขา ใจหลกั การ อธิบายความรู ออกแบบ มปี ระสบการณใ นการสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปใ นดา นตา งๆ มาบา ง รวมทงั้ เขา ใจหลกั เกณฑท จี่ ะนาํ มาใช ใหน ักเรยี นรวมกนั อธบิ ายเกี่ยวกับ ในการประเมิน คณุ สมบัตขิ องผทู าํ การวิเคราะห ผลงานทัศนศิลปท ด่ี วี าจะตอ งมี ๒) มคี วามสามารถในการวเิ คราะห รวมทงั้ การตคี วามและประเมนิ คา เนอื่ งจากผลงานทศั นศลิ ปห ลายชนิ้ คณุ สมบตั อิ ยา งไร โดยนําตวั อยา ง การวิเคราะหผ ลงานทัศนศลิ ป ศิลปนอาจมิไดสื่อความหมายออกมาโดยตรง นอกจากน้ี ยังตองเปนคนชางสังเกต คนหา แยกแยะรายละเอียด มาแลกเปลย่ี นกันศกึ ษา ทซ่ี อ นอยใู นผลงานได เกรด็ แนะครู ๓) มีความสามารถในการบูรณาการความรู โดยสามารถเช่ือมโยงความรูจากการวิเคราะหของตน ครูอธิบายเสริมวา ผูท่ีจะวิเคราะห ใหเ ขากบั สาระความรูอืน่ เชน สงั คม การเมอื ง ศาสนา ภูมปิ ญ ญา ความรูทวั่ ไปทง้ั ไทยและสากล เปนตน เพอื่ จะได ผลงานทศั นศลิ ปไ ดด นี นั้ ควรมคี วามรู บรรยายเชือ่ มโยงคุณคาของผลงานทศั นศลิ ปนน้ั ๆ ใหผอู ืน่ เขา ใจไดมากย่ิงขึ้น ในเร่ืองการเขียนวเิ คราะห วจิ ารณ และแสดงความคดิ เห็นอยางถูกตอง ๔) มคี วามสามารถในการบรรยาย โดยใชภ าษาทท่ี าํ ใหผ อู นื่ เขา ใจงา ย เหน็ ภาพตามทตี่ อ งการจะสอ่ื สาร ซ่ึงนกั วจิ ารณผ ลงานทศั นศิลปทีด่ ีจะ ตอ งมคี ุณสมบตั ดิ ังตอ ไปน้ี ไมควรใชค ําศัพทย าก หรือเปน ภาษาวิชาการเฉพาะดาน ทัง้ น้ี ควรบอกถงึ เทคนคิ วิธีการที่ศิลปน ใชในการสรางสรรค ผลงานชน้ิ นน้ั 1. ควรมีความรเู กี่ยวกับศลิ ปะ ท้งั ศลิ ปะประจําชาติและศลิ ปะ ๕) มคี วามเปน ประชาธปิ ไตย ยอมรบั ฟง ความคดิ เหน็ ทแี่ ตกตา งออกไปจากตน เนอ่ื งจากผลงานทศั นศลิ ป สากล ชน้ิ เดยี วกนั สามารถมองไดห ลายแงม มุ โดยจะขน้ึ อยกู บั ประสบการณ อารมณ ความรสู กึ นกึ คดิ ภมู หิ ลงั ของผวู เิ คราะห 2. ควรมคี วามรเู กีย่ วกับ จงึ ไมอ าจใชแนวทางใดทเ่ี ฉพาะเจาะจงได ความงามของสงั คมหน่งึ อกี สังคมหนึง่ อาจจะเหน็ วาไมง ามกไ็ ด ประวตั ศิ าสตรศลิ ปะ ๖) ทนั ตอ โลกยคุ ขอ มลู ขา วสาร ปจ จบุ นั โลกมกี ารเปลย่ี นแปลงไปอยา งรวดเรว็ มแี นวคดิ เทคนคิ วธิ กี าร 3. ควรมคี วามรเู ก่ียวกบั สนุ ทรยี ศาสตร เรื่องราวใหมๆ ทางดานทัศนศิลปเกิดขึ้นอยูตลอดเวลา ผูที่ทันตอเหตุการณความเปนไปของโลก ยอมจะสามารถ ทาํ การวเิ คราะหผลงานไดม ปี ระสิทธิภาพมากย่งิ ขน้ึ 4. ตองมวี ิสัยทศั นก วา งขวางและ ไมคลอ ยตามคนอนื่ ไดงา ย เกรด็ ศิลป 5. กลา ท่ีจะแสดงออกทงั้ ท่ีเปน การวิเคราะหผ ลงานทัศนศิลปก ับการวจิ ารณผ ลงานทศั นศลิ ป ไปตามหลักวิชาการ ตาม คาํ ทง้ั ๒ คาํ ขา งตน มคี วามหมายใกลเ คยี งกนั มาก หรอื เปน สว นหนง่ึ ของกนั และกนั ซง่ึ มกั จะ ความรสู ึก และประสบการณ พบเห็นบอยๆ วาจะเรียกรวมกันไปวา “การวิเคราะหวิจารณศิลปะ” อันท่ีจริงคําทั้ง ๒ คําน้ี มคี วามหมายทแ่ี ตกตา งกนั กลาวคือ นักเรียนควรรู การวเิ คราะหผ ลงานทศั นศิลป หมายถึง การศึกษาองคร วมของผลงานทศั นศลิ ปอ ยา ง แยกแยะเปน สวน เปนประเด็น ท้ังในดานทัศนธาตุ องคป ระกอบศิลป และความสมั พันธต างๆ ความรทู างดา นทัศนศิลป ถอื เปน รูปแบบ เนื้อหา คุณคา เทคนคิ วธิ ีในการสรา ง เพอ่ื นาํ ขอมลู ทีไ่ ดม าประเมนิ ผลงานทศั นศลิ ปว ามี คุณสมบัตขิ อแรกทสี่ ําคัญท่ีสดุ ซงึ่ ผู รูปแบบ เนอ้ื หา คณุ คา ทางดา นความงาม อารมณ และความรูส กึ อยา งไร วเิ คราะหผ ลงานทัศนศลิ ปจะตองมี การวิจารณผลงานทัศนศิลป หมายถึง การแสดงความคิดเห็นตอผลงาน และถา เปน ผปู ฏิบัตงิ านทศั นศลิ ปใ น ทัศนศิลปต ามความรู ความเขาใจของผูวิจารณ โดยใชหลักเกณฑและหลักการของศลิ ปะ สาขาน้นั ๆ ดวยแลว ก็ยง่ิ จะทาํ ให ดวยการติชม เสนอแนะ เพื่อใหไดขอคิดนําไปปรับปรุงและพัฒนาผลงาน หรือใชเปน ผูฟงเกดิ ความเช่ือมน่ั ตอขอมูลการ ขอมลู ในการประเมนิ ตัดสินผลงานทศั นศลิ ป วเิ คราะหม ากยง่ิ ข้ึน เพราะสามารถ จะอธบิ ายผลงานไดอ ยา งลมุ ลกึ ให ๕๙ สาระความรทู ่ีเปน ประโยชนมากกวา ผทู ร่ี ทู ฤษฎเี พยี งอยางเดยี ว นกั เรยี นควรรู คมู อื ครู 59 การวิเคราะหผลงานทัศนศิลป เปนการพิจารณาแยกแยะศึกษาองครวมของผลงานทัศนศิลป ออกเปนสว นๆ ทีละประเดน็ ท้งั ในดา นของทัศนธาตุ องคประกอบศิลป และความสัมพันธต างๆ รวมถงึ ดานเทคนคิ วธิ กี ารแสดงออก เพ่ือนาํ ขอ มูลทไ่ี ดนั้นมาประเมินผลงานทัศนศลิ ปว ามีคุณคา ทางดานความงาม ทางดา นสาระ และทางดานอารมณค วามรูสึกอยา งไร
กระตนุ ความสนใจ สาํ Eรxวpจloคrน eหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Engage Explain Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอ จากฉบบั นกั เรยี น 30%) ครูนาํ ภาพผลงานทศั นศิลป ò. ÃٻẺ¢Í§¼Å§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š หลายๆ ประเภท มาใหน ักเรียนดู แลวใหนกั เรียนชวยกนั จาํ แนกวา รปู แบบของผลงานทศั นศลิ ปท ศ่ี ลิ ปน ไดส รา งสรรคข น้ึ มานน้ั มอี ยดู ว ยกนั หลายลกั ษณะ หลายเทคนคิ วธิ กี าร ภาพใดเปน ศลิ ปะแบบรปู ลักษณ การส่ือสารผานทางผลงานทัศนศิลปของศิลปนแตละแขนงไปสูผูชม จะมีรูปแบบเปนลักษณะเฉพาะอยาง มีความ ศิลปะแบบไรรูปลกั ษณ และศลิ ปะ หลากหลายของการแสดงออก ไมวา จะเปนเนื้อหาดา นความรัก ความงาม ความสุข ความนา กลัว ความเกลียดชงั แบบก่ึงไรรปู ลกั ษณ จากนน้ั ครู ความหดหู ความเศราหมอง ลว นเปน การสรา งสรรคดวยหลักการทางศิลปะทง้ั สน้ิ โดยใชอ งคประกอบของทศั นธาตุ ตง้ั คําถามกระตุน ความสนใจวา นาํ มาจัดวางตามหลกั การจัดองคประกอบศลิ ป ทําใหเกดิ ผลงานทีม่ คี ุณคา ทางสุนทรียภาพ • ภาพใดดเู ขาใจงายท่ีสดุ ผลงานทัศนศลิ ปเ ปรยี บไดก บั รสชาตขิ องอาหาร ซ่งึ จะมีรสชาติท่แี ตกตางกนั ไปตามลักษณะของเชอื้ ชาติ เพราะเหตุใด ภาษา ศาสนา ความเชอื่ วถิ ชี วี ติ ตลอดจนธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม และดว ยเหตทุ งี่ านทศั นศลิ ปม รี ปู แบบหลากหลาย (แนวตอบ ภาพศลิ ปะแบบรปู ลกั ษณ์ จึงเปน การยากทีจ่ ะทาํ ความเขา ใจลกั ษณะรูปแบบตา งๆ ไดท ง้ั หมด จงึ มกี ารนาํ ลักษณะรวมบางประการของผลงาน เน่อื งจากเรามปี ระสบการณอยู มาเปนเกณฑในการแยกประเภทและจัดหมวดหมูใหชัดเจน เพื่อใหสะดวกแกการศึกษาทําความเขาใจ ซึ่งสามารถ แลว วา รปู รา ง รูปทรงแบบนีค้ ือ จัดแบงได ๓ ประเภท ดังตอไปน้ี สง่ิ ใด) ๒.๑ ศลิ ปะรปู ลักษณ (Figurative Art) • การจําแนกประเภทรูปแบบของ ผลงานสามารถดไู ดจ ากสง่ิ ใด ศลิ ปะรปู ลักษณ หรือศิลปะแบบรปู ธรรม เปน ศลิ ปะทแี่ สดงลักษณะของรูปรา ง รปู ทรงอยางชัดเจน เชน (แนวตอบ ใชส ายตาสัมผัสกับ รปู ลกั ษณะของคน สตั ว และสงิ่ อนื่ ๆ ทพี่ บเหน็ ในธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ ม เปน ตน ศลิ ปะรปู ลกั ษณเ กดิ จากประสบการณ ผลงาน แลว ประเมินวา ผลงาน ทศ่ี ลิ ปน ไดพ บเหน็ สรรพสงิ่ ตา งๆ แลว นาํ มาเสนอเปน ผลงานทศั นศลิ ปโ ดยไมม กี ารเปลย่ี นแปลง หรอื บดิ เบอื นความเปน จรงิ ดังกลาวมีรูปราง รปู ทรงท่ี เห็นและถายทอดรูปลักษณไปตามนั้น เพียงแตเพิ่มเติมแนวคิดสรางสรรคลงไปในผลงาน มีการปรับเปล่ียนเพ่ือให เหมือนจรงิ ตามธรรมชาติ เกิดความสวยงาม ซ่งึ อาจเปน สี แสงเงา หรือบรรยากาศของภาพ มากนอยเพียงใด) รปู แบบทสี่ รา งสรรคเ ปน การนาํ เสนอความจรงิ และ สาํ รวจคนหา ขอ เทจ็ จรงิ ตา งๆ ในสง่ิ ทศี่ ลิ ปน เหน็ ตามธรรมชาติ ตลอดจน วถิ ชี วี ติ ความเปน อยขู องผคู นในสงั คม เชน ภาพจติ รกรรม ใหน ักเรยี นไปสืบคนขอมลู เกี่ยวกับ พระอาทิตยตกที่ชายทะเล ตลาดนํ้า บา นเมอื ง หรืองาน รปู แบบของผลงานทัศนศลิ ป ประติมากรรมรปู เหมือนคน สตั ว สิ่งของตา งๆ เปนตน จากหนังสอื ในหองสมดุ เว็บไซต ในอินเทอรเน็ต และแหลง ๒.๒ ศลิ ปะไรร้ ปู ลกั ษณ (Non-Figurative Art) การเรียนรตู า งๆ “Still Life - Fruits” (ค.ศ. ๒๐๐๗) ผลงานของอิศรา (Isra) ศิลปะ ศิลปะไรรูปลักษณ หรือศิลปะแบบนามธรรม อธบิ ายความรู รูปลักษณ์ (Figurative Art) จะเน้นการถ่ายทอดรูปร่างลักษณะของ เปนศิลปะที่แสดงออกทางสุนทรียภาพ ไมเนนความ สง่ิ ตา่ งๆ ที่เหมอื นจรงิ ตามธรรมชาติ เปน จรงิ ของรปู รา ง รปู ทรงตามธรรมชาติ แตเ นน ทอ่ี ารมณ ใหนักเรียนนําขอมูลจากการสืบคน ความรสู กึ โดยผูชมสามารถรบั รูแ ละเกิดความซาบซง้ึ ได มาอธบิ ายลกั ษณะของศิลปะแบบ มากนอยไมเทากัน ข้ึนอยูกับความรูสึกของแตละบุคคล รูปลกั ษณและศลิ ปะแบบไรรูปลกั ษณ โดยไมจ ําเปน ตอ งสอดคลอ งกับศลิ ปน พรอ มแสดงภาพตวั อยางประกอบ การอธบิ ายดวย ๖๐ 60 คูมอื ครู เกรด็ แนะครู ครูควรอธิบายเพ่ิมเติมวา การดูงานศิลปะแบบไรรูปลักษณ เร่ิมแรกผูชมจะตองตัดใจ ไมพ ยายามดใู หร วู า เปน รปู รา ง รปู ทรงใด เพราะจะทาํ ใหด ไู มร เู รอื่ ง เนอ่ื งจากศลิ ปน ผสู รา งมไิ ดใ ช รูปแบบ หรือกฎเกณฑของธรรมชาติมาสรา ง ผชู มจงึ ไมสามารถใชพ ื้นฐานประสบการณเดิม ที่เคยพบเห็นมาตีความได การดูศิลปะรูปแบบนี้ใหใชจินตนาการ หรือความรูสึกนึกคิดของ ผชู ม และตีความตามท่ีตนเขาใจ ซง่ึ ไมจ ําเปน ตองเหมือนกับศิลปนก็ได
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Explain Engage Evaluate ลักษณะของผลงานศิลปะแบบไรรูปลักษณ อธิบายความรู มกั จะสะทอนแรงบันดาลใจ ความรู ความสามารถ และ ใหนักเรียนอธิบายขอมูลเกี่ยวกับ ลกั ษณะของศลิ ปะแบบกง่ึ ไรร ปู ลกั ษณ บุคลิกภาพของศิลปน ไมใหความสําคัญกับธรรมชาติ โดยเปรยี บเทยี บกบั ศลิ ปะรปู แบบอน่ื ๆ วา มีความแตกตางกนั อยา งไร ส่ิงแวดลอมตามท่ีตามองเห็น แตจะใหความสําคัญกับ นักเรยี นควรรู ทศั นธาตุ เชน เสน สี รปู รา ง รปู ทรงตา งๆ เปน หลกั บางครงั้ ศิลปะแบบไรรูปลักษณ หรือ Non- ผลงานอาจมีตนแบบมาจากรูปทรงท่ีเปนของจริง หรือ Figurative art ซึ่งสามารถสังเกตได จากภาพที่ศิลปนตองการส่ือความ เรอื่ งราวท่เี กิดขึน้ จรงิ แตศ ลิ ปน จะใชค วามคดิ สรางสรรค หมาย กลา วคอื ศลิ ปะแบบไรร ปู ลกั ษณ เปนแบบอยางที่แยกความรูสึก หรือ ดดั แปลงใหม คี วามแตกตา งออกไปจากเดมิ เชน ดดั แปลง อารมณจ ากรปู ทรงทเี่ ปน จรงิ แสดงให เห็นถึงสุนทรียภาพ จัดเปนทัศนศิลป รปู ทรงเดมิ ใหบ ดิ เบย้ี ว วาดภาพใหพ รา มวั ไมช ดั เจน เปน ตน ท่ีสามารถรับรูและซาบซ้ึงไดตาม เอกตั ภาพ โดยไมจ าํ เปน ตอ งเปน อยา ง หรอื ใชจ งั หวะของรปู ทรงจดั วางใหม ลี ลี าซา้ํ ๆ กนั ตดั ทอน เดียวกับความตั้งใจของผูสรางสรรค ผลงาน ศลิ ปะแบบไรร ปู ลกั ษณ จงึ เปน “Number 1” (ค.ศ. ๑๙๕๐) ผลงานของพอล แจก็ สัน พอลลอ็ ก (Paul รูปทรงท่ีสลับซับซอนใหเปนรูปทรงงายๆ จนแทบจํา ลกั ษณะทศั นศลิ ปท สี่ กดั ความรสู กึ โดย Jackson Pollock) ผลงานศลิ ปะแบบไรรปู ลักษณ (Non - Figuretive รูปทรงเดิมไมได เชน ผลงานศิลปะแบบสื่อผสม ภาพ รวมจากสภาพ หรอื สง่ิ แวดลอ มอนั เปน Art) ผูชมสามารถตีความเรื่องราวของภาพไดอยางกวางขวางตาม จิตรกรรมทสี่ อื่ ถงึ ความเปนนามธรรมตางๆ เปนตน โลกภายนอก นํามาแสดงใหปรากฏ จินตนาการของตนเอง ดวยส่ือ และวัสดุตางๆ ความรูสึกท่ี สัมผัสผลงานไดนั้น จะผานคุณภาพ ๒.๓ ศลิ ปะกง่ึ ไรรปู ลักษณ (Semi-Figurative Art) และบุคลิกภาพของผูสรางสรรคออก มาการถา ยทอดผลงานทศั นศลิ ปจ ะไม ศิลปะกึ่งไรรูปลักษณ หรือศิลปะแบบก่ึงนามธรรม เปนผลงานทัศนศิลปท่ีมีการตัดทอนรูปทรงบางสวน สนใจในเร่ืองธรรมชาติตามท่ีตาเห็น แตจ ะใหความสําคัญกับสว นประกอบ ออกไปจากรปู ทรงที่ปรากฏจริง โดยตดั ทอน หรือดดั แปลงใหมีความแตกตางไปจากรปู ราง รปู ทรงทม่ี องเห็นตามที่ การเหน็ หรือทัศนธาตเุ ปนหลัก เปน จริงในธรรมชาติ หรอื กลา วไดอีกอยา งหนึ่งวา “เปนผลงานทศั นศลิ ปที่อยรู ะหวางรูปธรรมและนามธรรม” โดยรปู แบบอาจจะเปลย่ี นแปลงจาก รูปทรงธรรมชาติไปเพียงเล็กนอย หรืออาจ เปล่ียนแปลงไปมากจนไมสามารถจดจํา รปู ทรงเดมิ ได มลี กั ษณะเปน นามธรรม มากหรอื นอ ยกไ็ ด ซง่ึ อตั ราสว นของ ความเปน รปู ธรรมกบั นามธรรมจะมี มากนอยเพยี งใดนั้น จะข้ึนอยูก บั แนวคดิ ของศลิ ปนเปน หลกั ตวั อยา งผลงานประติมากรรมของเฮนรี มัวร (Henry Moore) ท่แี สดงรูปรางและทา ทางของมนุษย โดยตัดทอน รายละเอียดลงไปมาก แตก ย็ งั สามารถส่อื ความหมายออกมาใหผชู มเขาใจได ๖๑ นกั เรยี นควรรู คมู อื ครู 61 เฮนรี มัวร (Henry Moore) เปนประติมากรชื่อดังชาวอังกฤษ ผลงานท่ีโดดเดนของเขาจะเปน ผลงานศิลปะแบบกึ่งไรรูปลักษณ หรือก่ึงนามธรรม เปนรูปราง รูปทรงของมนุษยที่ลดทอนจาก สภาพจรงิ ตามธรรมชาตใิ หม ลี กั ษณะเปน นามธรรมมากขนึ้ และแสดงทา ทางอยใู นอริ ยิ าบถตา งๆ ซง่ึ สามารถมองดผู ลงานไดโ ดยรอบ อนั ไดก ลายเปน เอกลกั ษณเ ฉพาะทที่ าํ ใหผ คู นจดจาํ ผลงานของเขาได เปน ศลิ ปน อกี คนหนงึ่ ท่พี พิ ธิ ภณั ฑสําคญั ของโลกนําผลงานไปตัง้ แสดง
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขาใจ (ยอ จากฉบับนกั เรียน 30%) 1. ใหนกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ “Blue Segment” (ค.ศ. ๑๙๒๑) ผลงานของวาซลี ี คนั ดนิ สก ี (Wassily การทําความเขาใจเก่ียวกับงานศิลปะแบบ 3 คน ใหแตล ะกลุมหาภาพ Kandinsky) จากภาพเปนผลงานจิตรกรรมแบบก่ึงไร้รูปลักษณ ์ กงึ่ ไรร ปู ลกั ษณ หรอื กง่ึ นามธรรมคอ นขา งมคี วามซบั ซอ น ตัวอยา งผลงานศิลปะแบบ (Semi - Figurative Art) ในแบบท่ดี เู ขา้ ใจงา่ ย เพราะสอ่ื เรอ่ื งราวของ เพราะตองแปลความหมายดวยการสังเกต เปรียบเทียบ รูปลกั ษณ ศลิ ปะแบบไรร ูปลกั ษณ ภาพออกมาโดยตรง อัตราสวนของรูปธรรมและนามธรรมใหเขาใจชัดเจนวา และศิลปะแบบกึง่ ไรรูปลักษณ อัตราสวนท่ีลดตัดทอนลงไปในการถายทอดรูปแบบทาง แบบละ 3 ตวั อยา งติดลงกระดาษ รูปธรรมกับนามธรรมหนักไปในทิศทางใดมากกวากัน แลว เขยี นสรุปลกั ษณะของศิลปะ โดยปกติศิลปน ผสู รา งสรรคผ ลงาน มักจะเรม่ิ สรางสรรค รูปแบบนน้ั รวมทงั้ ความรสู ึกและ ผลงานของตนจากรูปธรรมกอน เม่ือมีทักษะฝมือและ ความเขา ใจ เม่อื ชมผลงานรปู แบบ ประสบการณ มคี วามเขา ใจโลกมากขน้ึ จงึ คอ ยๆ คลค่ี ลาย ดังกลา ว กา วสผู ลงานแบบนามธรรม 2. ใหน กั เรียนแตล ะคนเลือก สรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ป ในรูปแบบใดรูปแบบหน่ึงมา 1 ผลงาน สง ครผู สู อน ตรวจสอบผล กจิ กรรม ศิลป์ปฏบิ ัติ ๔.๑ ครพู จิ ารณาจากการสรางสรรค กจิ กรรมที่ ๑ ใหนกั เรยี นแบง กลุม กลมุ ละ ๓ คน ใหน ักเรยี นแตล ะกลมุ หาภาพถา ยผลงานทัศนศิลปใน ๓ รูปแบบ ผลงานทศั นศิลปข องนกั เรยี น กิจกรรมท่ี ๒ ไดแ ก ศลิ ปะแบบรปู ลกั ษณ ศลิ ปะแบบไรร ปู ลกั ษณ และศลิ ปะแบบกงึ่ ไรร ปู ลกั ษณ อยา งละ ๓ ผลงาน ติดลงบนกระดาษ A4 แลวเขียนสรุปวา เมื่อดูผลงานทัศนศิลปในแตละแบบ นักเรียนมีความรูสึก 1. ตวั อยางผลงานศิลปะแบบ อยา งไร เสร็จแลวสงครผู ูสอน รปู ลักษณ ศิลปะแบบไร ใหน กั เรยี นสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปในรปู แบบใดรปู แบบหนงึ่ มา ๑ ผลงาน โดยใชอ งคป ระกอบทาง รปู ลักษณ และศิลปะแบบกึง่ ทศั นธาตแุ ละใหส อดคลอ งกบั หลกั การออกแบบทางศลิ ปะ พรอ มเขยี นบอกวตั ถปุ ระสงค หรอื แนวคดิ ไรร ปู ลักษณ โดยพิจารณาถึง ทเ่ี ลอื กใชแ บบนน้ั ในการสรา งสรรคผ ลงาน เสรจ็ แลว สง ครผู สู อน เพอ่ื คดั เลอื กผลงานทสี่ รา งสรรคไดด ี การจําแนกรปู แบบของผลงาน จาํ นวน ๑๐ ชน้ิ นาํ ไปติดแสดงท่ีปา ยนิเทศ ไดอ ยางถกู ตอ งและมีความ เขาใจ ó. à¹×éÍËҢͧ¼Å§Ò¹·ÑȹÈÔŻР2. การเลือกรูปแบบมาสรางสรรค เม่ือกลาวถึงเนื้อหาของผลงานทัศนศิลป จะพบเร่ืองราวตางๆ ที่ศิลปนถายทอดออกมาเพื่อส่ือใหผูชม เปนผลงานทศั นศิลปไดอ ยา ง ไดรับรู ไมวาจะเปนอารมณ ความรูสึกดานความงาม หรือความหดหู นาหวาดกลัว ตลอดจนการส่ือสารใหรับรู เหมาะสมสอดคลองกบั เร่ืองราว นักเรยี นควรรู แนวคิดเก่ียวกับชีวิต ทัศนะของศิลปนท่ีมีตอสังคม การเมือง เศรษฐกิจ จริยธรรม หรืออื่นๆ ผลงานทัศนศิลปที่ ศลิ ปนสรางสรรคขนึ้ ไมว ายุคสมัยใดกต็ าม หากวเิ คราะหเ น้ือหาของผลงานแลว สามารถจัดกลมุ ของเนอื้ หาไดเ ปน ๒ ลักษณะ ไดแ ก วาซลี ี คันดินสกี (Wassily ๖๒ Kandinsky) ผใู หกําเนดิ ศิลปะ แอบสแตรกอารต (Abstract Art) และศลิ ปะเอก็ ซเพรสชันนสิ ม หรอื ลทั ธสิ าํ แดงพลงั อารมณ (Expressionism) ผลงานของเขาสว นใหญ เกดิ จากการผสมผสานเรอ่ื งของเทววิทยาและทฤษฎีวัฒนธรรม นกั เรียนควรรู นิยมใชส ีท่ีหลากหลายและใชเ สนทีไ่ มไ ดสือ่ ถึงรปู ทรงใดๆ ภายใต แนวความคิดท่ีวา “ศิลปะ คือ ส่ิงทไี่ มแสดงใหเ ห็นวา เปน ภาพ ศิลปะแบบกึ่งไรรูปลักษณ หรือ Semi - fiFigurative Art เปน ผลงาน ของอะไรเลย สอื่ ความรสู กึ เทา น้นั ” ทัศนศิลปที่มีการทัดทอนรูปทรงบางสวนออกไปจากความจริง หรือ ดดั แปลงไปจากธรรมชาติแตถ า การตดั ทอนนน้ั กระทาํ จนไมห ลงเหลอื รูปทรงจรงิ ใหเ หน็ ไดเ ลย เราจะเรยี กวา “Non - Objective” 62 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๓.๑ เน้อื หาสว่ นตัว (Personal functions) กระตนุ ความสนใจ เนอื้ หาของผลงานทศั นศลิ ปท แ่ี สดงออกดา นสว นตวั โดยปกตศิ ลิ ปน จะสรา งสรรคผ ลงานทเี่ รม่ิ ตน จากชวี ติ ครูหาภาพผลงานจิตรกรรมที่มี เนอ้ื หาหลายๆ ดา น นาํ มาใหน กั เรยี นดู สวนตัวกอน แลวจึงขยายไปสูเร่ืองราวท่ีเกี่ยวกับสังคม ซ่ึงมนุษยทุกคนตางมีชีวิต เลือดเนื้อ และความรูสึก แลว ตงั้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ ดงั น้ี เม่ือศิลปนสื่อสาร หรือเปดเผยเร่ืองราวตางๆ ผูชมซ่ึงก็เปนมนุษยยอมจะสัมผัส หรือรับรูอารมณรวมดังกลาวได • ภาพน้มี เี รื่องราว หรือมีเนอื้ หา เกย่ี วขอ งกับสิง่ ใด แตจะมากหรือนอยนั้นเปนอีกเรื่องหน่ึง ความเปนไปของชีวิตมีเรื่องราวมากมายท่ีสามารถนํามาสื่อสารถึงกันและ (แนวตอบ ความรกั ความประณตี งดงาม การเมอื ง เสยี ดสสี งั คม ไมวาจะเปน เน้อื หาในลักษณะใดกต็ าม เม่อื เปน ผลงานทศั นศลิ ป นอกจากเนื้อหาสาระแลว ยงั ปรากฏความงามและ และอ่ืนๆ แลว แตภ าพ) สุนทรยี ภาพใหส มั ผสั ไดอีกดวย ผลงานทัศนศิลปท่ีมเี น้อื หาสวนตวั สามารถแยกเปน หมวดหมยู อ ยๆ ไดด งั ตอไปน้ี • นกั เรียนมีความรสู ึกนกึ คดิ อยางไรกับภาพดังกลา ว ๑) การแสดงออกทางจติ สาํ นกึ เปน การแสดงใหเ หน็ อารมณ ความรสู กึ ลกึ ๆ ทางจติ ใจ เชน ความเหงา (แนวตอบ แลวแตทัศนะมุมมอง ของนกั เรยี นคาํ ตอบไมม ถี กู -ผดิ ) ความเศราหมอง ความเจบ็ ปวดรวดราว เปนตน อันเปน สาํ รวจคนหา ผลมาจากความเกบ็ กดภายในจติ สาํ นกึ ซง่ึ เปน ผลสะทอ น ใหนักเรียนไปสืบคนขอมูลเก่ียวกับ มาจากการดํารงชีวิตในสังคมท่ีเปล่ียนแปลงไปอยาง เนื้อหาของผลงานทัศนศิลป รวมท้ัง ภาพตัวอยางท่ีเปนเนื้อหาสวนตัวกับ รวดเร็ว เชน ประติมากรรมรูปคนที่แสดงอารมณเหงา เน้ือหาเพ่ือสังคมวามีความแตกตาง กันอยางไร จากหนังสือในหองสมุด เปลาเปลย่ี ว อาการครนุ คิด เงยี บเหงา ภาพทิวทัศนท ี่ให เว็บไซตในอินเทอรเน็ต และแหลง การเรยี นรตู างๆ ความรสู ึกสันโดษ อางวา ง เปนตน อธบิ ายความรู ๒) การแสดงออกทางชีวิตและความรัก ครูขออาสาสมัครนกั เรยี น 2 - 3 คน เปนการส่ือถึงชีวิตสวนตัวอีกมุมหน่ึงของมนุษย โดย “The Old Guitarist” (ค.ศ. “แมอ ุม ลกู ” (พ.ศ. ๒๕๒๙) ออกมาอธบิ ายขอมูลเกยี่ วกับลกั ษณะ เนื้อหาสาระอาจแสดงถึงความเปนจริงของชีวิตในแงมุม ๑๙๐๓) ผลงานของปาโบล รยุ ซ์ ผลงานของประหยดั พงษ์ดาํ ของผลงานทศั นศลิ ปท ส่ี อื่ ถึงเน้ือหา ตา งๆ ตลอดจนความรกั ของชายหนุมหญิงสาว ความรัก ปกัสโซ (Pablo Ruiz Picasso) สวนตัว หรอื เนอ้ื หาสวนบคุ คล โดย นาํ ภาพตวั อยา งมาประกอบการ ของคนในครอบครวั ความเออ้ื อาทรทม่ี ตี อ มนษุ ยชาติ เชน อธิบายดวย ภาพวาดเกย่ี วกบั ความรนื่ เรงิ ในงานวนั เกดิ ภาพความรกั ความหวงใยระหวา งแมแ ละลูก เปนตน ๓) การแสดงออกทางความตายทนี่ า่ กลวั สัจธรรมหน่ึงของวงจรชีวิตที่มนุษยทุกคนไมสามารถ หลกี เลย่ี งได คอื ความตาย การเขา ใจถงึ ความตายจะเปน เคร่ืองชวยเตือนใจผูคนใหปลอยวางความมีกิเลสตัณหา ซ่ึงมิใชสิ่งท่ีจีรังยั่งยืน ศิลปนอาจสรางสรรคผลงานท่ีสื่อ ออกมาใหผ ชู มเขา ใจ ลดละการกระทาํ ทเ่ี อารดั เอาเปรยี บ เพอื่ นมนษุ ย หรอื ธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม เชน ภาพวาด ท่ีแสดงถึงความตายของคน สัตว ภาพวาดที่แสดงถึง บรรยากาศท่วี งั เวงนา กลวั เปนตน “Dead Game” (ค.ศ. ๑๖๔๖) ผลงานของแฟร์ดีนนั ด ์ โบล (Ferdinand Bol) @ มมุ IT ๖๓ นกั เรียนควรรู สามารถศึกษาเพิม่ เตมิ เกย่ี วกบั ประวตั ิของประหยัด พงษดาํ ประหยดั พงษด าํ ศิลปนแหง ชาติ ไดจ าก http://www.dooqo.com/dooqo_page.php?sub_id=3358 สาขาทัศนศลิ ป (ภาพพมิ พ) ประจาํ ป พ.ศ. 2541 ทา นไดค ดิ คนเทคนคิ วธิ กี ารสรางสรรคภ าพพิมพใ นหลากหลายรูปแบบท่ศี ิลปน ทานอ่ืนๆ จะนํามาใชเปนแนวทางในการสรา งสรรคผลงาน ของตนเองได เชน การผสมผสานระหวางภาพพิมพก บั งาน จิตรกรรมใหเ ปน ภาพเดยี วกนั การถายทอดลายไมจาก แผนหน่ึงไปผสมกับงานจิตรกรรม เปน ตน คมู อื ครู 63
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบับนักเรยี น 30%) ใหนักเรียนอธิบายขอมูลเพิ่มเติม ๔) การแสดงออกทางดา้ นความประณตี งดงาม ผลงานทศั นศลิ ปป ระเภทนส้ี ว นใหญศ ลิ ปน จะยดึ ถอื เกี่ยวกับลักษณะผลงานทัศนศิลปที่ มีเนื้อหาแสดงออกถึงความประณีต ความรูสึกของตนเองเปนหลัก โดยมีความรูสึกชื่นชม ชื่นชอบตอรูปทรงของวัตถุ หรือรูปแบบที่เห็นวางดงาม งดงามกบั เนอื้ หาทแ่ี สดงออกถงึ ความ ศรัทธา พรอมยกตัวอยางประกอบ แลว สอ่ื สารออกมาใหผ ูอ น่ื เขา ใจถงึ ความงามนนั้ โดยใชเ ทคนิค วธิ กี ารตา งๆ ตามทศี่ ลิ ปน มคี วามถนดั ซงึ่ ความงามน้ี การอธิบาย โดยมากมกั จะสอื่ ออกมาเปน ผลงานรปู ธรรมทผี่ คู นสว นใหญเ หน็ แลว เขา ใจไดง า ย เชน ภาพวาดววิ ทวิ ทศั นท างธรรมชาตทิ ี่ เหมอื นจรงิ ของศลิ ปน ตา งๆ ภาพผลงานทม่ี คี วามละเอยี ดประณตี ใชค วามวริ ยิ ะอตุ สาหะมาก เปน ตน ผลงานในลกั ษณะน้ี มักจะมีความเปนสากลที่ผูชมไมวาจะเปนเช้ือชาติใดก็ เกรด็ แนะครู สามารถรบั รคู วามงามดงั กลา วนไ้ี ดและเขา ใจตรงกัน ๕) การแสดงออกทางความศรทั ธา ความ ครูควรอธบิ ายใหน ักเรียนเขาใจวา การจดั แบงเน้ือหาเปน 2 ลักษณะ ศรทั ธาในทน่ี ี้ สามารถแสดงออกมาไดทงั้ ความศรัทธาใน แบบนี้ เพ่อื สะดวกแกก ารทําความ เขาใจเทานน้ั ในการวเิ คราะห คตคิ วามเชอื่ ลทั ธิ ศาสนาทตี่ นเองนบั ถอื การเคารพบชู า ไมจ ําเปนตอ งจัดแบง เปน ประเภท อยา งละเอียด ประเดน็ สาํ คญั คือ รวมไปถงึ ความศรทั ธาทม่ี ตี อ ธรรมชาติ ศลิ ปน จาํ นวนมาก นกั เรียนจะตองทราบวาผลงานน้ัน มีเน้ือหาเก่ยี วกับส่งิ ใด และเน้ือหา มักแสดงออกถึงความศรัทธาอันแรงกลาตอสิ่งใดส่ิงหนึ่ง นน้ั ใหค ุณคาแงค ิดใดกบั ผชู มบา ง เพื่อจะไดนําขอ มลู มาบรรยาย ซึ่งความศรัทธาสวนตัวน้ีอาจเปนผลมาจากครอบครัว ใหผ ูอื่นเกิดความเขาใจได สง่ิ แวดลอ ม หรือประสบการณสว นตัวท่ีถูกหลอหลอมมา โดยศิลปนจะถายทอดความคิดสื่อสารออกมาเปน ผลงานประเภทตางๆ ทั้งท่ีเปนผลงานแบบรูปธรรมและ “The Japanese Bridge” (ค.ศ. ๑๘๙๕) ผลงานของอ็อสการ์ โกลน แบบนามธรรม เชน ภาพจิตรกรรมเรื่องราวที่เปนคติ มอแน (Oscar Claude Monet) ความเชื่อ ประติมากรรมรูปเคารพทางศาสนา เปนตน เกรด็ แนะครู “Holy Trinity (Pala della Convertite)” (ค.ศ. ๑๔๙๑) ผลงานของ “TheLastJudgement”(ค.ศ.๑๕๓๔) ผลงานของมเี กลนั เจโล ด ีโลโดวโี ก ซานโดร บอตตเิ ซลล ี (Sandro Boticelli) บโู อนารโ์ รตี ซีโมน ี (Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni) ครแู นะนาํ นักเรียนวา วัดจัดเปน สถานท่ีท่ีใชป ระกอบพิธีกรรมตาม ๖๔ ความเชื่อทางศาสนาพุทธ ซึ่งในเร่ือง ของความศรัทธาน้ี สามารถแสดง นักเรียนควรรู ออกมาในเรื่องของความเชือ่ ลัทธิ การเคารพบูชา ฯลฯ โดยศิลปน จะ ประติมากรรมรูปเคารพทางศาสนา จัดเปนผลงานทัศนศิลปที่แสดงออกถึง แสดงออกถงึ ความมศี รัทธาแรงกลา ความเชื่อทางศาสนา โดยเฉพาะอยางยิ่งในพระพุทธศาสนา ผลงานสวนใหญท่ี ทางศาสนาออกมาเปน ผลงาน ไดส รา งสรรคข นึ้ จะใชเปน ตวั แทนสิ่งที่ตนเคารพนบั ถอื เปนหลัก ทศั นศิลป เชน อาจารยเฉลมิ ชยั โฆษิตพิพัฒน ไดอุทศิ ตนสรา ง วัดรองขนุ ขน้ึ ณ ต.ปาออ ดอนชัย อ.เมอื ง จ.เชียงราย โดยมี แรงบนั ดาลใจมาจากชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ เปน ตน 64 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Explore Explain Engage Evaluate ๓.๒ เน้อื หาเพ่อื สังคม (Social funcitons) สํารวจคน หา ลักษณะของผลงานทัศนศิลปประเภทน้ี จะมีเน้ือหาสาระเกี่ยวของกับสังคมเปนหลัก โดยอาจเปนไดทั้ง ใหนักเรียนดูภาพประกอบจากใน หนังสือเรียน หนา 65 ทั้ง 2 ภาพ ความประทบั ใจ หรอื ความหดหู โดยตอ งการทจ่ี ะใหส งั คมของตนดขี น้ึ ซง่ึ ประเภทหลงั จะเปน ผลงานทพ่ี ยายามกระตนุ แลว ใหนกั เรยี นวิเคราะหว า จติ สาํ นกึ ใหผ ชู มอยากเขา มามสี ว นรว มในการสรา งสรรคส งั คม ซงึ่ ผลงานทศั นศลิ ปท สี่ อื่ สารเนอ้ื หาทเ่ี กยี่ วขอ งกบั สงั คม • ภาพดังกลาวตอ งการบอกเลา สามารถแยกเปน หมวดหมูยอยได ดังตอ ไปนี้ เรอื่ งราวเกย่ี วกบั สงิ่ ใด และมี เนื้อหาสาระสะทอ นใหเหน็ ถึง ๑) ลัทธิความเช่ือและการเมือง ศิลปนท่ี สิง่ ใด สรางสรรคผลงานทัศนศิลปในแนวทางนี้มีความเชื่อวา อธิบายความรู นอกจากความงดงามแลว ผลงานทัศนศิลปท่ีดีจะตองมี ใหนกั เรยี นรวมกนั อธิบายขอมูล เกยี่ วกบั ลกั ษณะของผลงานทศั นศลิ ป ความรบั ผดิ ชอบตอ สงั คม ดวยการใหแ งคิด มุมมองทาง ทมี่ เี นอื้ หาเพอ่ื สงั คมวา สว นใหญเ นอ้ื หา ดา นลทั ธคิ วามเช่ือ หรอื สะทอ นภาพสงั คมทม่ี ีผลมาจาก จะบอกเลา เรอื่ งราวเกยี่ วกบั สง่ิ ใด โดย ครูชว ยเสรมิ ขอ มลู การเมอื งในขณะนนั้ เพราะถอื วา ปญ หาตา งๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ใน นักเรยี นควรรู สงั คมเปนผลมาจากการเมืองทัง้ สน้ิ ถา การเมืองมีความ มนั่ คง นกั การเมอื งมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ หนา ทดี่ ว ยความ เนือ้ หาเพ่ือสงั คม ลักษณะของ เอาใจใส ไมฉ อราษฎรบ งั หลวง บา นเมืองกจ็ ะสงบรมเยน็ ผลงานทัศนศิลปประเภทน้ีจะนิยม บอกเลาเรื่องราวเกี่ยวกับสังคมเปน ผลงานทัศนศิลปในแนวทางน้ีตองการสะทอนภาพสังคม “The Shootings of May Third” (ค.ศ. ๑๘๐๘)ผลงานของฟรนั ซสิ โก หลัก ซ่ึงอาจเปนภาพความประทับใจ เพื่อนําไปสกู ารปรบั ปรงุ แกไ ขใหดียิ่งขึ้น โกยา (Franciso Goya) ที่สะทอนความปาเถอ่ื น โหดรา ยของสงคราม หรือความหดหูใจท่ีพบเห็นในสังคม ที่มนษุ ยกระทําตอกนั ของตนเอง โดยสวนมากจะเปนเรื่อง ๒) บรรยายสังคม ดวยเหตุท่ีเร่ืองราวทาง เกีย่ วกบั ลทั ธิความเชื่อ การเมือง และ สังคมเปน หลัก สงั คมมขี อบเขตทกี่ วา งและครอบคลมุ วถิ ชี วี ติ ของผคู นใน นักเรยี นควรรู หลายๆ ดาน ศิลปนอาจจะแสดงทัศนะ หรือมุมมองของ ตนทม่ี ตี อ เหตกุ ารณท างสงั คมในขณะนน้ั ผา นทางผลงาน เนนเรื่องราวเปนหลัก ผลงาน ทัศนศิลปที่มีเนื้อหาเพ่ือสังคม ศิลปน ทศั นศลิ ป เพอ่ื ใหเ รอ่ื งราวในผลงานสะทอ นทศั นะ มมุ มอง จะใหความสําคัญกับการส่ือเรื่องราว เพ่ือกระตุนความรูสึกนึกคิดของผูชม หรอื ตอ งการใหผ คู นตระหนกั ในปญ หาทเ่ี กดิ ขนึ้ หรอื อยาก ตอ งการบอกเลา เรอื่ งราวทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ใหสังคมใสใจในเรื่องคุณธรรม จริยธรรมที่เส่ือมถอยลง ดังนัน้ จึงจะไมเ นนความงดงามของ ภาพ จึงจะเอาเกณฑความงามมาใช เรือ่ งราวในผลงานสว นใหญจ ะเปนการสรา งจิตสํานกึ เพอื่ ในการประเมินผลงานลักษณะเชนนี้ มไิ ด สว นรวม หรอื เสนอเรอ่ื งราวในลกั ษณะเสยี ดสสี งั คม อยาก ใหส งั คมมกี ารเปลย่ี นแปลงในลกั ษณะทดี่ ขี นึ้ กวา เดมิ ทง้ั นี้ การแสดงออกทางทศั นะผา นผลงานทศั นศลิ ปใ หผ ชู มเกดิ การรบั รู เขา ใจโดยใชก ระบวนการคดิ จะทาํ ใหผ ชู มมคี วาม “La liberte´ guidant le peuple” (ค.ศ. ๑๘๓๐) ผลงานของแฟรด ีน็อง เขา ใจประเดน็ ทต่ี อ งการจะสอ่ื สารไดล กึ ซงึ้ มากกวา การพดู วกิ เตอร เออแฌน เดอลาครวั (Ferdinand Victor Eugen� e Delacroix) บอกกลาวออกมาโดยตรง ลักษณะผลงานทัศนศิลปใน สะทอนใหเ หน็ ถึงสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ลกั ษณะบรรยายสงั คมจะเนน เรอ่ื งราวเปน หลกั สว นความ งามในตัวผลงานจะเปนเร่ืองรอง ๖๕ คูมือครู 65
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate สาํ รวจคนหา (ยอ จากฉบับนักเรยี น 30%) ใหนักเรียนศึกษาขอมูลจากกรอบ เสรมิ สาระในหนงั สอื เรยี น หนา 66 - 67 เสรมิ สาระ เก่ียวกับขั้นตอนการวิเคราะหผลงาน ทศั นศลิ ปว า มกี ขี่ นั้ ตอน แตล ะขนั้ ตอน มหี ลกั การอยางไร ขัน้ ตอนการวิเคราะหผลงานทัศนศลิ ป การวิเคราะหผลงานทัศนศิลปใหถูกตองตาม หลักการและไดสาระประโยชน ท้ังตอตัวของศิลปน ผสู รา งสรรคผลงานเอง ผชู มผลงาน และผูท ่จี ะวิเคราะห อธบิ ายความรู สามารถใชแนวทางดังตอไปน้ี ซ่ึงมีอยู ๔ ข้ันตอน ดว ยกนั นาํ ไปใชป ฏบิ ตั ิ เพอื่ ใหก ารวเิ คราะหเ ปน ไปอยา ง ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายขอมูล สรา งสรรค ไดแก เกี่ยวกับขั้นตอนการวิเคราะหผลงาน ทัศนศลิ ป โดยครูชวยเสริมขอ มลู และ ๑. ข้ันบรรยาย (Description) สรปุ ทบทวนขน้ั ตอนทงั้ หมด หลังจากที่ผูวิเคราะหไดชมผลงาน เขาใจถึง รูปแบบ เนื้อหา และคุณคาในผลงานทัศนศิลปท่ีชม แลว ผูวิเคราะหควรใชการบรรยาย หรือพรรณนา หรอื อธิบายสิ่งท่ีตนพบเห็นต้ังแตแรกเร่ิมไดชมผลงานเพื่อ ใหผูอ่ืนเขาใจ โดยจะเปนการบรรยายสิ่งทีส่ ะดุดตาท่ไี ด เห็นในทนั ทที นั ใด เพ่ือใหผ ูชมไดมองเห็นภาพรวมของ เกร็ดแนะครู ตัวผลงานกอน เชน ลักษณะของภาพวาเปนภาพใด “The Siesta” (ค.ศ. ๑๘๙๐) ผลงานฟนเซนต วิลเลียม ฟาน ก็อกฮ (Vincent มีลักษณะอยางไร สีเปนเชนไร ลักษณะใดที่เห็นได Willem Van Gogh) ครูควรเนน ย้าํ ใหน กั เรยี นเห็นวา อยางสะดดุ ตา เปน ตน เหน็ สิ่งใดกอ็ ธบิ ายไปอยางนนั้ ซ่ึงเปน การบอกเลา ขอมูลทวั่ ๆ ไป โดยยงั ไมไ ดน าํ เอาหลักการ ทฤษฎีทางศิลปะมาจบั กอ นการศึกษาวิเคราะหท ัศนศิลป ไมม กี ารแสดงทศั นะ ความคดิ เหน็ หรอื มุมมองของผูว เิ คราะหทีม่ ตี อ ผลงาน นักเรียนควรศึกษาแนวคิดและทฤษฎี การแสดงออกทางทัศนศิลปท่ีศิลปน ๒. ขัน้ วิเคราะห (Analysis) ในข้ันตอนนี้ ผูวิเคราะหจะตองอธิบายเชื่อมโยงคุณสมบัติตางๆ ในตัวผลงานท่ีไดชมและบรรยายไปแลว ซ่ึงอาจอธิบายลักษณะ รปู แบบของผลงาน เนื้อหาทีผ่ ลงานตอ งการจะสื่อ เทคนคิ วธิ กี ารที่ศิลปน ใชใ นการสรา งสรรคผลงาน เพอ่ื ใหผชู มเขาใจรายละเอียดของผลงานที่ วิเคราะหม ากย่งิ ขน้ึ โดยอาจอางองิ หลักการ แนวคิด ทฤษฎีทางศลิ ปะตางๆ ซง่ึ จะ นาํ มาสรา งสรรคผ ลงานทัศนศลิ ป ชว ยทาํ ใหการวเิ คราะหมคี ุณภาพนา เชอื่ ถือ ไมใ ชวิเคราะหจ ากอารมณ ความรสู กึ ซง่ึ สามารถแบง ออกเปน 4 ลกั ษณะ คอื ทั้งน้ี การวิเคราะหอาจจะพิจารณาจากความสัมพันธของคุณสมบัติในดานตางๆ 1. นิยมการเลียนแบบ (Imitation- ดงั ตอไปน้ี alism Theory) เปนการเห็น ๒.๑ ดา นสว นประกอบการรบั รู เปน การวเิ คราะหก ารนาํ เอาคณุ สมบตั ิ ความงามในธรรมชาตแิ ลว ขององคประกอบทางทัศนธาตุมาสรางสรรคผลงานทัศนศิลปวาทําไดดีมากนอย เพยี งใด ไดแ ก จดุ เสน รปู รา ง รปู ทรง นาํ้ หนกั ออ น - แก พน้ื ทว่ี า ง พน้ื ผวิ และสี นาํ มาเลยี นแบบไวใ หเ หมอื นทั้ง ๒.๒ ดานโครงสราง เปนการวิเคราะหลักษณะการออกแบบผลงาน รปู รา ง รูปทรง สีสนั ฯลฯ ทัศนศิลป วามีความเปนเอกภาพ ความกลมกลืน และความสมดุลกนั หรือไม หรอื 2. นิยมสรางรปู ทรงที่สวยงาม ทาํ ไดดมี ากนอ ยเพียงใด (Formalism Theory) เปนการ สรางสรรครูปทรงขน้ึ มาใหม ๒.๓ ดานเทคนิค วิธีการ เปนการวิเคราะหการใชเทคนิค วิธีการ ใหม ีความสวยงามดวยการนาํ ที่ทําใหผลงานมีความนาสนใจ โดดเดน และสะทอนถึงเอกลักษณสวนบุคคล ทศั นธาตุและเทคนิควธิ กี าร ของศิลปน เชน การใชฝแปรงท่ีฉับไว การใชสีท่ีหนา การนําวัสดุธรรมชาติ ตา งๆ มาใช มาสรา งสรรคเปนผลงาน เปน ตน ๒.๔ ดานเนอื้ หา เปน การวิเคราะหว า ผลงานในภาพ ศลิ ปน ตอ งการ “Tete d’ une Femme Lisant” (ค.ศ. ๑๙๕๓) จะบอกเน้ือหาสาระเก่ียวกับสิ่งใด หรือกระตุนความคิดใดกับผูชม เชน สะทอน ผลงานของปาโบล รยุ ซ ปก สั โซ (Pablo Ruiz Picasso) ความขัดแยงทางการเมือง ตอตานการคามนุษย การใหความรวมมือกันเพื่อลด ภาวะโลกรอ น เปน ตน 3. นิยมแสดงอารมณ (Emotional ๖๖ Theory) เปนการสรา งงานให ดูมคี วามรูสกึ ท้ังทเ่ี ปน อารมณ อนั เนือ่ งมาจากเรื่องราวและ อารมณข องศิลปนทีถ่ ายทอด ลงไปในผลงาน 4. นยิ มแสดงจนิ ตนาการ (Imagination Theory) เปน งานทแี่ สดง ภาพจนิ ตนาการ แสดงความคดิ ฝน ทแ่ี ตกตา งไปจากธรรมชาติ และสงิ่ ที่พบเห็นอยูในชีวิตประจาํ วัน 66 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Elaborate Engage Explore Evaluate ๒.๕ ดานอารมณ ความรูสึก เปนการวิเคราะหวา ถาผูชมไดใชเวลาชมผลงานช้ินนี้แลว สวนใหญจะเกิดอารมณ ความรูสึก ขยายความเขา ใจ อยา งไร เชน ความเศราสะเทือนใจ ความอม่ิ เอมใจ ความปติ เปนตน ครูนาํ ผลงานทศั นศิลปมาให ๓. ขน้ั ตีความ (Interpretation) นกั เรยี นดู 1 ภาพ แลว ใหน กั เรยี นสาธติ เปน การคน หาความหมายทซ่ี อ นอยภู ายในภาพ เพราะบางผลงานภาพทเี่ หน็ อาจจะไมใ ชค วามหมายทแี่ ทจ รงิ ทศี่ ลิ ปน ตอ งการจะสอ่ื การวิเคราะหผลงานทัศนศิลปอยาง สน้ั ๆ โดยครูชว ยชี้แนะปรบั ปรงุ หรอื บอกเลา โดยเฉพาะผลงานทไ่ี รร ปู ลกั ษณ หรอื นามธรรม การตคี วามอาจยงุ ยากซบั ซอ น ดงั นนั้ การไดศ กึ ษาภมู หิ ลงั แนวทางการสรา งสรรค การวเิ คราะหข องนกั เรยี น ผลงานทัศนศลิ ปข องศลิ ปน เอกลกั ษณข องศิลปน รวมทงั้ ไดเหน็ ผลงานของศิลปนทา นนนั้ บอยครัง้ จะมีสว นชวยทาํ ใหการตคี วามทาํ ไดถูกตอง ใกลเคยี งมากย่ิงขน้ึ สาํ หรับการตีความควรอา งอิงดวยวา เหตุผลทตี่ คี วามเชน นี้เนื่องมาจากเหตุใด มีแนวคดิ หลักการใดรองรับบา ง เกรด็ แนะครู ๔. การประเมิน (Evaluation) ครูสรปุ ใหน กั เรยี นฟง วา การที่ได เปนขั้นสรุปการตัดสินวา ผลงานชิ้นท่ีทําการวิเคราะห มีคุณคา มีความงามอยางไร หรือมีส่ิงใดท่ีควรปรับปรุงแกไขบาง ท้ังน้ี วิเคราะหผลงานทัศนศิลป เปนการ แลกเปลี่ยนความรูสึกกับบุคคลอื่นที่ อาจจะเปรียบเทียบผลงานแบบเดียวกัน หรือใกลเคียงกัน วามีความแตกตางกันอยางไร โดยตองใชหลักวิชาในการประเมินอยางยุติธรรม สมั ผสั กบั ผลงานทศั นศลิ ปช นิ้ เดยี วกนั ปราศจากอคติ ไมใชอารมณ ความรูสึก นอกจากนี้ ควรอธิบายสิ่งดีท่ีปรากฏอยูในผลงานและเสนอแนะส่ิงที่พึงปรับปรุง จะชวยทําให เปนการคนหาคณุ คา ในสิ่งทเี่ ปน การประเมินดูมคี วามนา เชอื่ ถอื มากยงิ่ ข้นึ ความงามและเปน การอธิบาย หรือ ตดั สินคณุ คาของผลงานชน้ิ นนั้ ๆ วาดี หรอื มขี อบกพรอ งอยา งไร ซึ่งทง้ั น้ี จะตอ งอางอิงกับหลักวชิ าการทาง ดา นทศั นศิลปผ นวกกับความรูและ ประสบการณข องผูวิจารณเ ปน หลัก นักเรยี นควรรู เอกลักษณของศลิ ปน ลักษณะ เฉพาะตวั ของศลิ ปน ในการสรา งสรรค ผลงานทศั นศิลป เชน รูปแบบของ ผลงาน ลีลาของเสน สัญลกั ษณท่ี นยิ มใช วสั ดุ เทคนคิ และอน่ื ๆ เปน ตน ซงึ่ มีความแตกตา งจากศิลปนทาน อืน่ ๆ เม่ือเหน็ ผลงานแลว สามารถ ตคี วามไดวานา จะเปน ผลงานของ “La Grenouillère” (ค.ศ. ๑๘๖๙) ผลงานของปแ ยร โอกสุ ต เรอนัว (Pierre Auguste Renoir) ศลิ ปนทา นใด ในการวิเคราะหผ ลงาน ๖๗ ทศั นศิลป ถา ผูวิเคราะหส ามารถ อธบิ ายใหผ ชู มเกิดความเขาใจไดว า เอกลกั ษณข องศลิ ปนท่สี รา งสรรค ผลงานมีลักษณะเปนอยางไร มีส่ิงใด เปน จดุ เดน กจ็ ะเปน ประโยชนท จ่ี ะชว ย ใหผูชมไดรูจักและจดจําเอกลักษณ ของศลิ ปน ทา นนัน้ เอาไว คูม ือครู 67
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบับนกั เรยี น 30%) ครูหาตัวอยางภาพทีด่ ูแลวสามารถ ô. ¤Ø³¤‹Ò¢Í§¼Å§Ò¹·ÈÑ ¹ÈÔŻРใหอารมณ ความรูสึกท่ีนาประทับใจ มาใหน ักเรยี นดู 2 - 3 ภาพ จากนั้นตัง้ การวิเคราะหคุณคาของผลงานทัศนศิลปจะขึ้นอยูกับศักยภาพทางการมองเห็น ซึ่งผลของการวิเคราะห คาํ ถามเชิงกระตุนกับนกั เรียน ดังน้ี จะมีคุณภาพมากนอยเพียงใด ความรูและประสบการณของผวู เิ คราะหนับเปนปจ จัยสําคญั โดยการวิเคราะหผ ลงาน ทัศนศลิ ปท ้ังในดา นรูปแบบ เน้อื หา และคุณคาของผลงานจะมีความสมั พันธเช่อื มโยงกนั ในแตละสว น ดังตอ ไปนี้ • ความรูสึกของนักเรียนเมอ่ื ได ดภู าพดังกลาว ๔.๑ คณุ ค่าทางโครงสรา้ ง • ภาพดังกลาวมีคุณคา ทางดา น โครงสรา งของผลงานทศั นศลิ ปท จี่ ะพจิ ารณา คอื เมอ่ื มองในดา นรปู แบบตอ งวเิ คราะหไ ดว า ศลิ ปน สามารถ เน้ือหา หรอื คณุ คา ทางดา น ถา ยทอดผลงานทศั นศลิ ปอ อกมาในรปู แบบทต่ี อ งการไดห รอื ไม เชน เมอื่ มวี ตั ถปุ ระสงคจ ะสรา งสรรคผ ลงานทเี่ ปน ศลิ ปะ สนุ ทรียภาพหรือไม อยางไร รปู ลกั ษณ (Figurative Art) ผลงานกต็ อ งแสดงออกมาในลกั ษณะทเ่ี ปน รปู ธรรม หรอื ตอ งการใหเ ปน ศลิ ปะไรร ปู ลกั ษณ (Non-Figurative Art) ผลงานก็ตองส่ือออกมาในลักษณะทเ่ี ปนนามธรรม เปน ตน สํารวจคน หา ๔.๒ คณุ ค่าทางการมองเหน็ ใหนักเรียนไปสบื คน ขอ มูลเกีย่ วกับ คณุ คาของผลงานทัศนศลิ ป จาก คุณคา ทางการมองเหน็ ทม่ี ีตอผลงานทัศนศิลป เกดิ ข้ึนไดจากตัวผลงานเองวา สามารถนาํ เสนอ หนงั สือในหอ งสมดุ เว็บไซตใ น เร่ืองราวตอ ผชู มไดอยางสอดคลอ งกบั วตั ถุประสงคหรือไม ซึ่งสามารถแบงออกเปน ๒ สวน ไดแ ก อนิ เทอรเ น็ตและแหลง การเรียนรู ตางๆ ๑) คุณค่าทางเน้ือหา เมื่อวิเคราะหวาศิลปนไดสรางสรรคผลงานไดตรงตาม อธบิ ายความรู วัตถุประสงคแลว ขั้นตอนตอมา คือ พิจารณาวาเนื้อหาที่ศิลปนตองการส่ือความหมายให ผูอ่ืนไดรับรู เปนไปตามเจตนาท่ีตั้งไวมากนอยเพียงใด หากการนําเสนอเร่ืองราวทําให ใหนกั เรยี นรวมกันอธบิ ายขอ มูล ผชู มรบั รไู ดต รงตามความตอ งการ แสดงวา การสอ่ื สารเพอื่ บอกคณุ คา ทางดา นเนอ้ื หา เก่ียวกบั แนวทางการประเมนิ คณุ คา เปน ไปอยางมคี ณุ ภาพ ของผลงานทัศนศลิ ปในดา นคณุ คา ทางโครงสรา งและคณุ คาทางการ ๒) คุณค่าทางสุนทรียภาพ พิจารณาเร่อื งการใช มองเห็น องคประกอบของทัศนธาตุวาเปน อยางไร การออกแบบถูกตองตาม หลักการมากนอยเพียงใด โดยยึด หลกั เกณฑเ รอ่ื งความเปน เอกภาพ ความกลมกลนื และความสมดุล ท้ังน้ี คุณคาทางเนื้อหาและคุณคาทาง สนุ ทรยี ภาพเมอื่ รวมกันแลว คือ “คุณคาทางการมองเห็น” นักเรียนควรรู ๖๘ คณุ คาของผลงานทศั นศิลป นกั เรยี นควรรู อยทู ีก่ ารส่อื ความคิดของศิลปน ซง่ึ มองเหน็ ผานทางทศั นธาตุที่นํา คณุ คา ทางการมองเหน็ สามารถเกดิ ขึ้นไดจากตวั ของผลงานเอง วา สามารถนาํ เสนอเรอื่ งราว มาใช ไมว า จะเปนเสน สี แสงเงา ใหผชู มเขาใจไดสอดคลองกับวตั ถปุ ระสงคหรือไม ซง่ึ คณุ คา ทางการมองเหน็ สามารถแบง ออกเปน รูปราง รูปทรง ฯลฯ โดยเฉพาะ 2 สว น คือ คุณคาดานเน้ือหาและคณุ คาทางสนุ ทรียภาพ การเลอื กใชสีทด่ี ูแลว ทาํ ใหเกดิ ความโศกเศรา ในการจัด องคประกอบศิลป มีการเลือกใชสี ใหเปน จุดเดน การจัดภาพมี ความเปนเอกภาพ ความกลมกลนื และความสมดลุ ทเี่ หมาะสมลงตัว 68 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ตัวอยา งท่ี ๑ การดนิ้ รนของส่ิงมชี ีวิต สาํ รวจคน หา ดานเน้อื หา ครูสมุ นักเรยี น 2 - 3 คน ชว ยกัน อธบิ ายขอมลู เกี่ยวกับแนวทาง เน้ือหา หรือเร่ืองราวในภาพที่ศิลปนตองการส่ือ การวิเคราะหผ ลงานทัศนศลิ ป ใหผูชมไดรับรู เปนเน้ือหาท่ีตองการแสดงออกทาง ตามตัวอยา งท่ี 1 และนกั เรยี นมี จิตสํานึกที่ดีตอภาวะการใชชีวิตในสังคม การเลา ความคดิ เหน็ เพิม่ เติมอยา งไร เรอื่ งราวดว ยภาพของศลิ ปน สอดคลอ งกบั วตั ถปุ ระสงค ศลิ ปน ใชป ลาเปน รปู ทรงจากธรรมชาตทิ เี่ ปน ตวั แทนของ อธิบายความรู ส่งิ มชี ีวติ แตปลาไดถ ูกตัดทอนใหค งเหน็ แตส วนหัวปลา ในบางตําแหนงของภาพ สวนลําตัวปลาจะแทนดวย ใหนักเรียนศกึ ษาแนวทางการ สีสันรอยแปรงและพูกัน มีลีลาของความรวดเร็วให วิเคราะหผ ลงานทศั นศิลปจาก ความรูสกึ ของการไมห ยดุ น่งิ แตมกี ารเคล่อื นไหวอยาง ตวั อยา งในหนงั สอื เรยี น หนา 69 - 71 ตอ เนอื่ งในบรรยากาศทศี่ ลิ ปน ตอ งการใหม กี ารกลนื กนั ซงึ่ จะเนนการวเิ คราะหร ปู แบบเนือ้ หา ของรูปและพ้ืนหลัง และคณุ คาของผลงานทัศนศลิ ป “การดิ้นรนของสิ่งมีชีวิต” (พ.ศ. ๒๕๔๖) ดา นคุณคา ในผลงานทศั นศิลป เกรด็ แนะครู ผลงานของพชิ ัย นิรนั ต เทคนคิ ภาพวาด สีอะครลิ กิ บนผืนผา ใบ ศลิ ปน สรา งสรรคผ ลงาน “การดนิ้ รนของสง่ิ มชี วี ติ ” ครูชีแ้ นะเก่ียวกับการเขียนบรรยาย ไดตรงตามวัตถุประสงคที่กําหนดเปนช่ือภาพ เปน ในการวเิ คราะหผลงานทัศนศลิ ป ดา นรูปแบบ ความตอ งการของศลิ ปน ทอ่ี ยากถา ยทอดใหผ คู นไดร บั รู ใหพยายามใชค าํ ศพั ทท างทัศนศลิ ป และตระหนักถึงความจริงของชีวิตท่ีตองตอสูด้ินรน ในการบรรยายและควรใชข อ ความ ศิลปนไดสรางสรรคผลงานจิตรกรรมสีอะคริลิก การส่ืออารมณ ความรูสึก ใชเสนและสีมาแทน ทีก่ ระชับ ไมฟุมเฟอย บนผนื ผา ใบขนาด ๘๐ × ๑๐๐ เซนติเมตร เปนศลิ ปะกง่ึ ไร การเคล่ือนไหวอยางรวดเร็ว โดยไมตองใชรูปทรง รปู ลกั ษณ หรอื ศลิ ปะกงึ่ นามธรรม (Semi - Figurative Art) ของการเคลื่อนไหวที่เปนจริงตามธรรมชาติ เปนการ นักเรียนควรรู ศิลปนมีการตัดทอนรูปทรงบางสวนออกไปจากรูปทรง นําเสนอรูปแบบศิลปะกิ่ึงไรรูปลักษณผสมผสานกับ ตามธรรมชาติจริงที่ปรากฏ จนเหลือบางสวนที่ยังพอ ความเปน ศลิ ปะรปู ลกั ษณใ นบางสว นของปลา เปน การ การดนิ้ รนของสง่ิ มชี วี ติ ผลงานของ ปรากฏใหเห็นรปู ทรงวาเปน รปู ใด นอกจากนี้ ศิลปน ยงั ได สรางสรรคผลงานทางโครงสรางและใหคุณคาทาง พชิ ยั นริ นั ตจดั เปน งานศลิ ปะแบบกงึ่ ไร เพมิ่ เตมิ ตกแตง ทศั นธาตตุ ามความคดิ และความรสู กึ เขา ไป เน้อื หาไดอ ยา งลงตวั รูปลักษณ (Semi - Figurative Art) ในผลงานอีกดว ย หรือ ศิลปะแบบก่ึงนามธรรม (Semi ในดานการจัดองคประกอบศิลป ศิลปนเลือกเอา Abstract) เพราะจากภาพไดแ สดงให ตําแหนงของจุดสนใจอยูบริเวณก่ึงกลางภาพเปน เห็นถึงรูปแบบของงานเปนศิลปะท่ีมี แนวตั้ง และเปนกลุมกอนของสีวรรณะอุน สอดรับ การบดิ เบอื นไปจากศลิ ปะแบบเหมอื น กับความรูสึกของการเคล่ือนไหวดิ้นรน สีของพ้ืนหลัง จริง ดวยการตัดทอนรูปทรงของจริง เปนสีวรรณะเย็นท่ีชวยขับใหจุดเดนของภาพมี ใหม คี วามเรยี บงา ย แตย งั คงมเี คา โครง ความหมายมากยิง่ ข้นึ ท้ังภาพมีความเปนเอกภาพและ ที่เหมือนจริงเหลืออยู เพื่อสื่อใหรูวา มคี วามสมดลุ เปน คณุ คา ทางสนุ ทรยี ภาพจากการสมั ผสั เปน รปู ใด ดว ยการมองเห็น รวมเปนคุณคาในผลงานทัศนศิลปที่ ศลิ ปนไดส รางสรรคข ึน้ ๖๙ นกั เรยี นควรรู พิชัย นิรนั ต เปนศิลปน คนสําคัญดานจิตรกรรมรว มสมยั ของวงการศิลปกรรมไทย เปน ผูท่ีมคี วาม มงุ มนั่ ในการสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ปท มี่ เี อกลกั ษณเ ฉพาะตวั ผลงานสว นใหญเ นน ไปทางปรชั ญา ของพทุ ธศาสนา โดยเฉพาะในเรื่องของสัจธรรม คมู อื ครู 69
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Explain Engage Explore อธิบายความรู (ยอจากฉบับนักเรยี น 30%) ครขู ออาสาสมคั ร 2-3 คน ใหช ว ยกนั ตัวอย่างท่ี ๒ ตรวจยามกลางคนื อธิบายขอมูลเกยี่ วกบั แนวทาง การวเิ คราะหผลงานทศั นศิลปตาม ตัวอยางท่ี 2 และแสดงความคดิ เหน็ เพ่มิ เตมิ เกร็ดแนะครู ในการวิเคราะหผลงานทัศนศิลป “ตรวจยามกลางคนื ” (ค.ศ. ๑๖๔๒) ผลงาน ของสากล หรอื ตะวนั ตก ครคู วรแนะนาํ ของแรมบรังด์ ฮาร์เมนซูน ฟาน ไรยน์ ใหนักเรียนเลือกวิเคราะหจากผลงาน (Rembrandt Harmenszoon Van Rijn) ของศลิ ปน ทมี่ ชี อ่ื เสยี ง หรอื เปน ผลงาน เทคนคิ ภาพวาดสีนา้� มนั บนผนื ผา้ ใบ ที่โดดเดน เน่ืองจากมีขอมูลใหสืบคน ดานรปู แบบ มากมาย บางผลงานอาจจะมผี อู ธบิ าย ผลงานช้นิ นี้ เปนงานจิตรกรรมสนี า้� มนั บนผืนผา้ ใบ ขนาด ๓๘๗ × ๕๐๒ เซนติเมตร มชี อื่ วา่ “ตรวจยามกลางคืน” ไวบางแลววาลักษณะเดนของผลงาน (The Night Watch) ลักษณะผลงานเปนศิลปะรูปลักษณ์ (Figurative Art) เปนรูปทรงจริงตามธรรมชาติ กล่าวคือ เปน อยา งไรมกี ารจดั องคป ระกอบศลิ ป กลุ่มของคนมีความเหมือนจริง ท้ังรูปทรงและเงาในเวลาค่�าคืน ศิลปินแสดงออกทางสุนทรียภาพที่เกิดจากความรู้สึก อยา งไร ประทับใจ ถา่ ยทอดออกมาเปนรปู แบบงานเขียนทีง่ ดงามดว้ ยสีและแสงเงา ดานเน้ือหา เนื้อหาในภาพจัดเปนเนื้อหาเพ่ือสังคม ศิลปินต้องการบรรยายเรื่องราวท่ีเกิดข้ึนจริงในชุมชน โดยน�าเหตุการณ์ ที่ดูเปนปกติ คือ การเตรียมตัวของกลุ่มยามรักษาการณ์มาน�าเสนอ เปนเรื่องราวของกลุ่มยามรักษาการณ์ที่ก�าลัง จัดแถว และมหี วั หนา้ ชดุ ก�าลงั เดนิ คยุ กับผูช้ ว่ ย ศลิ ปนิ ตอ้ งการจะสอื่ วา่ ความสงบเรยี บร้อยทส่ี ังคม หรอื การทผ่ี ูค้ นมี นกั เรยี นควรรู ชีวิตท่ีเปนปกติสุขน้ัน ส่วนหน่ึงเกิดจากการท�าหน้าท่ีดูแลสังคมของคนกลุ่มหนึ่งท่ีเรียกว่า “ยามรักษาการณ” ท่ีคอย ท�าหน้าทต่ี รวจตราเหตุการณ์ในยามค�า่ คนื ตรวจยามกลางคนื ภาพนีก้ ลมุ ยาม รักษาการณท่ีกรุงอัมสเตอรดัมวาจาง ดานคุณคา ในผลงานทศั นศลิ ป ใหแรมบรังด ฮารเมนซูน ฟาน ไรยน ศิลปินสร้างสรรค์ผลงาน “ตรวจยามกลางคืน” ท่ีดูแล้วสื่อความหมายได้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยเนื้อหาเปน เปนจิตรกร เปนภาพเหมือนบุคคล เหตุการณ์จริง เปนภาพเหมือนของบุคคล จึงเลือกใช้รูปทรงเหมือนจริงตามธรรมชาติ การเลือกใช้ทัศนธาตุเน้นท่ี หรือภาพแบบ Portrait ภาพนี้เขาได แสงเงาและสี ซึ่งศิลปินเลือกใช้บรรยากาศท่ีมืดสลัว เพื่อส่ือความหมายถึงช่วงเวลายามราตรี มีการคุมโทนสีให้เปน ลกั ษณะเดียวกนั ตลอดท้งั ภาพ กําหนดจุดเดนอยูที่รอยเอกฟรังส การจัดองค์ประกอบศิลป์ เน้นให้มีความเปนเอกภาพ ให้มีกลุ่มคนกลุ่มเดียวอยู่รวมกัน แต่ถ่วงน�้าหนักด้านซ้าย แบนนิง คอค สวนคนอ่ืนๆ ใหความ และดา้ นขวาให้สมดุล การใหส้ ี รูปของคน รวมทงั้ เนื้อหาโดยรวมสอดรบั กลมกลนื กนั ดี จุดสนใจอย่บู รเิ วณกลางภาพ สําคัญลดหล่ันกันออกไป โดยใหแสง ท่ีศิลปินใชแ้ สงสว่างจับตอ้ งมากท่สี ดุ เทคนิคในการน�าเสนอ ศิลปินได้เปลี่ยนวิธีการน�าเสนอ แทนท่ีจะเปนน�าทุกคนมายืนรวมกัน เปนท่าทางน่ิงๆ จับท่ีใบหนาของแตละคนและฉาก แต่ให้ทุกคนแสดงอิริยาบถต่างๆ ตามที่เปนอยู่จริง ท�าให้ดูแล้วมีความรู้สึกว่ามีความเคล่ือนไหว ท�าให้ภาพมีชีวิตชีวา หลงั มืดสลวั ซึ่งการใหแ สงในลักษณะ การใหแ้ สงเปน แบบเนน้ บางจดุ (Spot Light) โดยเฉพาะใบหนา้ ของแตล่ ะบคุ คล และเลอื กใชบ้ รรยากาศทม่ี ดื สลวั เพอื่ สอ่ื นี้ถือเปนลักษณะเดนของเขา แตเมื่อ ช่วงเวลาของเหตุการณ์ ผลงานเสร็จแลว กลุมคนผูจางกลับ ๗๐ เห็นวาภาพไมมีความโดดเดน มองดู มืดมัว เม่ือนาํ ไปตดิ ทศี่ าลาประชาคม เมอื งอมั สเตอรด มั กถ็ กู ทง้ิ ไวอ ยา งขาด การดูแลนานนับรอยป จนภาพชํารุด เสียหายหลายแหง คน 2 คน ทางดานขวาของภาพถูกตัดออก จนภายหลงั เม่ือผคู นเขาใจ ถึงผลงานของเขา จึงเห็นถึงอัจฉริยภาพของเขาในผลงานชิ้นนี้ และไดทําการฟนฟูบูรณะ ภาพจนสมบรู ณ ปจ จบุ นั ผลงานตรวจยามกลางคนื ถกู เกบ็ รกั ษาและตง้ั แสดงอยทู พ่ี พิ ธิ ภณั ฑ ไรก กรงุ อมั สเตอรด ัม ประเทศเนเธอรแลนด 70 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Explain Explore Evaluate ตัวอยางที่ ๓ จันทรเ จา ขอขาวขอแกง อธบิ ายความรู ดา นรูปแบบ ครูคัดเลือกนักเรยี น 2-3 คน ที่ยงั ไมไ ดปฏบิ ัตกิ จิ กรรมในตวั อยางท่ี 1 ศิลปนไดสรางสรรคผลงานช้ินน้ี สรางขึ้นมาตั้งแต และ 2 ออกมาอธิบายเกยี่ วกบั พ.ศ. ๒๕๑๘ เปน งานจิตรกรรมสีน้าํ มันบนผืนผา ใบขนาด แนวทางการวเิ คราะหผ ลงาน ๑๓๗ x ๑๕๔ เซนตเิ มตร รปู แบบเปน ศลิ ปะกงึ่ ไรร ปู ลกั ษณ ทัศนศลิ ปต ามตวั อยา งที่ 3 หรือกึ่งนามธรรม (Semi - Figurative Art) โดยศิลปน ไดนํารูปทรงธรรมชาติมาดัดแปลงใหดูแตกตางออกไป นกั เรยี นควรรู จากความเปน จรงิ แตโ ดยรวมแลว สามารถสอ่ื สารกบั ผชู ม ไดในทันที ภาพตองการส่ือความหมาย กระตุนความคิด จนั ทรเ จาขอขา วขอแกง ของผชู มแทนการส่อื ดว ยความงาม เปน ผลงานของประเทือง เอมเจรญิ ทนี่ าํ ออกแสดงในนิทรรศการเมอ่ื ดานเนื้อหา “จนั ทรเ จาขอขา วขอแกง” (พ.ศ. ๒๕๑๘) ผลงานของ เดือนตลุ าคม พ.ศ. 2518 ทห่ี อศลิ ป ประเทอื ง เอมเจริญ เทคนิคภาพวาดสีนํา้ มนั บนผืนผา ใบ พีระศรี กรุงเทพมหานคร ผลงาน ศลิ ปน นําบทกลอนทค่ี นไทยรจู กั กันดีที่วา “จันทรเอย ช้นิ นี้ บางคนกต็ คี วามวา ศิลปน นํา จันทรเจาขอขาวขอแกง” มาเปนแนวคิดในการนําเสนอ ดวงจนั ทรมาใชเ ปนสญั ลักษณแ ทน เรื่องราวท่ีสะทอนภาพสังคมในชวงเวลาขณะนั้น เกิด ความเมตตา เปน การเรยี กรอ งให ปญ หาเศรษฐกจิ สนิ คา ขาดแคลน มรี าคาสงู ผคู นอดอยาก ผคู นในสงั คมไทยมคี วามเมตตาชว ย ศิลปนใชเด็กที่ดัดแปลงรูปทรงใหหัวโต ตัวผอม พุงโร เหลอื เกอ้ื กลู กนั ถา เราไมช ว ยเหลอื กนั กระดูกรูปรางบิดเบี้ยวจากความเปนจริง สื่อใหเห็นถึง ความหวังก็เหมอื นจานขาวที่วา ง ความอดอยาก ภาพเด็กเปนตัวแทนของคนยากจนท่ีไมรู เปลา อีกนยั หนงึ่ กเ็ หมือนการประชด จะไปขอความชว ยเหลอื จากใคร จงึ ตอ งขอจากพระจันทร ประชนั วา ถา ไมมีใครชว ย ผทู กุ ขย าก โดยหวังวาพระจันทรจะชวยได อยางกลอนที่ทองกันมา ตอ งไปขอจากพระจันทรเ ทานน้ั เนอื้ หาของภาพผชู มสามารถเขา ใจไดง า ย วา ศลิ ปน ตอ งการ ซงึ่ เปน ผลงานทศั นศิลปช ้นิ หนึง่ จะสือ่ ถงึ สง่ิ ใด ทไ่ี ดร ับการวพิ ากษ วจิ ารณพ อสมควร ในชวงเวลานนั้ บางคนกใ็ หท ศั นะวา ดา นคณุ คาในผลงานทัศนศลิ ป ศลิ ปน ส่ือความหมายตรงเกนิ ไป จนผชู มไมไ ดจ นิ ตนาการ หรอื คนหา ศลิ ปน สรา งสรรคผ ลงาน “จนั ทรเ จา ขอขา วขอแกง” ไดต รงตามชอื่ ของภาพอยา งทตี่ ง้ั วตั ถปุ ระสงคไ ว คณุ คา ของผลงาน ความคดิ แตบ างคนก็เหน็ วา เปน อยทู ก่ี ารสื่อความคิด ใหผชู มไดตระหนกั ถงึ ความเดือดรอนของผคู นในสงั คม ท้ังท่รี อบตวั ของเดก็ ไมม สี ิ่งใดเลย แมแ ต แนวศิลปะเพือ่ ชีวิต ดูแลวเขา ใจงาย เสอ้ื ผา แตส ิ่งทีข่ อ คือ อาหารเพื่อประทังชีวิต ทัศนธาตทุ ่นี าํ มาใชท่โี ดดเดนจะเปนเสน สี แสงเงา รปู รา ง และรูปทรง เขา ถงึ ผูชมไดดี โดยเฉพาะการใชส ที ่ีดูแลว ทาํ ใหเ กดิ ความรสู ึกเศรา และรันทดใจ ในการจัดองคป ระกอบศลิ ป ศลิ ปนไดนําเสนอจุดเดนของภาพเพยี งจุดเดียว คอื รูปทรงของเด็กหวั โตกับจานขา ว มีการใหแ สงเงาเพิม่ ความสวา งในบรเิ วณดังกลา วเพือ่ ใหเ ปน จุดสนใจ การเลอื กใชสี การบอกเลา เน้ือหา ความหมายท่ี ตอ งการส่ือ มีความเปน เอกภาพ ผชู มดูแลวเขา ใจงาย แมจะเปน ภาพแบบกง่ึ นามธรรมกต็ าม การจัดวางภาพหลักจดั ไว ตรงกลางอยา งโดดเดน และมรี ปู วงกลมอยทู างซา ยเปน แบบเกาะกลมุ กนั ชว ยทาํ ใหภ าพมคี วามสมดลุ ขณะทกี่ ารเลอื ก ใชสีตําแหนงของแสงเงา รูปทรงที่ใชเพ่ือส่ือความหมายก็มีความกลมกลืนสอดรับกันดี การจัดวางองคประกอบตางๆ ทาํ ไดดี ชวยทําใหภาพน้มี ีคณุ คาในทางทศั นศิลปท่ีดูแลว ไดท ัง้ ความประทับใจและใหแ งคดิ แกสังคม @ มุม IT ๗๑ นกั เรียนควรรู สามารถศกึ ษาเพ่ิมเติมเก่ยี วกับประวัติของประเทือง เอมเจริญ ไดจ าก ประเทอื ง เอมเจรญิ ศลิ ปน แหง ชาติ http://www.dooqo.com/dooqo_page.php?sub_id=3319 สาขาทัศนศิลป (จิตรกรรม) ประจําป พ.ศ. 2548 ศลิ ปนผูสรา งสรรคผ ลงาน ทัศนศิลปในรูปแบบการผสมผสาน ระหวางส่ิงท่ีรับรูจากธรรมชาติและ อารมณค วามรสู กึ ของตนเองเปน หลกั คูมือครู 71
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain ขยายความเขาใจ (ยอจากฉบับนกั เรยี น 30%) ใหนักเรียนจับคูกัน แลววิเคราะห กจิ กรรม ศลิ ปป ฏิบัติ ๔.๒ ผลงานทศั นศลิ ปใ นดา นรปู แบบเนอื้ หา และคุณคา โดยเปนผลงานทัศนศิลป กจิ กรรมที่ ๑ ครเู ชิญผูรูมาบรรยายและสาธติ การวเิ คราะหผลงานทัศนศิลปใหนกั เรียนไดศกึ ษา หรอื หาตัวอยา ง ในคขู องตน 1 ชน้ิ และของศลิ ปน 1 ชน้ิ กจิ กรรมที่ ๒ การวิเคราะหผ ลงานทศั นศิลปจ ากแหลงเรียนรตู างๆ มาใหน กั เรียนไดศ กึ ษาเพ่ิมเติม เสร็จแลวนําผลงานสงครผู สู อน ใหนกั เรยี นจับคกู ัน แลววเิ คราะหรูปแบบ เน้ือหา และคณุ คา ในผลงานทัศนศิลปจ ํานวน ๒ ช้นิ กิจกรรมที่ ๓ โดยวิเคราะหผลงานทัศนศลิ ปข องตนเอง ๑ ชิน้ และผลงานท่ีผอู ่ืน หรอื ทีศ่ ิลปนสรางสรรคขึ้น ๑ ช้ิน ตรวจสอบผล แลวนําผลงานการวิเคราะห สงครูผสู อน 1. ครพู ิจารณาจากการวเิ คราะห จงตอบคําถามตอ ไปนี้ รปู แบบ เนื้อหาและคุณคา ของ ๑. เพราะเหตุใดเราจึงตองรูจกั วิเคราะหผ ลงานทศั นศิลป ผลงานทัศนศิลปของตนเอง ๒. เน้�อหาที่ปรากฏอยูในผลงานทัศนศิลป ถานํามาจัดหมวดหมู จะสามารถแยกไดเปนก่ีประการ 2. ครูพจิ ารณาจากการวเิ คราะห ซ�งึ ประกอบดวยสิง� ใดบาง รปู แบบ เน้อื หา และคณุ คา ของ ๓. จงวิเคราะหถึงความสัมพันธระหวางรูปแบบ เน้�อหา และคุณคาที่อยูในผลงานทัศนศิลปวา ผลงานทศั นศลิ ปข องศิลปน มีความเชอื่ มโยงกันอยา งไร เกร็ดแนะครู การศึกษาเรียนรูเก่ียวกับทัศนศิลป นอกจากจะเรียนรูทักษะปฏิบัติเพ่ือนําไปใชสรางสรรคผลงาน (แนวตอบ กิจกรรมศิลปป ฏบิ ตั ิ 4.2 ทศั นศลิ ป ความรทู จี่ าํ เปน อกี ประการหนงึ่ คอื การรจู กั คดิ วเิ คราะหผ ลงานทศั นศลิ ป โดยตอ งใหม คี วามรทู สี่ ามารถ กจิ กรรมท่ี 3 จะบรรยายไดว าผลงานทศั นศิลปช ้ินน้นั ๆ มรี ูปแบบใด เน้อื หาสาระของผลงานเปนเชนใด และมีคณุ คา อยา งไร ซึ่งความรูที่ไดน้ีสามารถจะนําไปใชวิเคราะหทั้งผลงานของตนเอง ผลงานท่ีผูอื่นสรางสรรค และผลงานของ 1. จะชว ยทาํ ใหน กั เรยี นสามารถชม ศลิ ปน ทา นอน่ื ๆ อนั จะเปน ประโยชนต อ การเกดิ ความรู ความเขา ใจ และนาํ ไปใชพ ฒั นาผลงานทศั นศลิ ปข องตน ผลงานทศั นศลิ ปด ว ยความเขา ใจ ใหม คี ุณภาพไดมากย่ิงขึ้น มากขึ้น เพราะสามารถส่ือถึง รูปแบบ เนื้อหา และคุณคาของ ๗๒ ผลงานช้ินน้ัน นอกเหนือจาก ดานความงามเพียงอยางเดียว แหสลดกั งฐผานลการเรยี นรู รวมท้ังยังสามารถนําความรูไป บรรยายใหผูอ ื่นเขา ใจไดอีกดวย 1. ผลงานทัศนศิลปแบบใดแบบหน่ึงที่เปนศิลปะแบบรูปลักษณ หรอื ศิลปะแบบไรรูปลกั ษณ หรือศิลปะแบบก่งึ ไรร ูปลกั ษณ 2. แยกเปน 2 ประเภทใหญๆ ไดแ ก เน้ือหาสวนตัวและเนื้อหาเพื่อ 2. การวิเคราะหผ ลงานทัศนศิลปของนกั เรยี นและของศลิ ปน สงั คม 3. ดูท่ีความเปนเหตุเปนผลในตัว ผลงานเชน รปู แบบเปน ศลิ ปะแบบ ไรรูปลักษณ เน้ือหาก็ควรเปน เรื่องราวที่เปนนามธรรม และ คณุ คา ของผลงานเมอ่ื ไดเ หน็ แลว ผูชมสามารถใชจ นิ ตนาการ ตีความดว ยตนเองได) 72 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate เปา หมายการเรยี นรู ระบอุ าชพี ทเ่ี กยี่ วขอ งกบั งาน ทศั นศลิ ปแ ละทักษะทจี่ ําเปน ในการประกอบอาชีพ ๕หนว่ ยที่ กระตนุ ความสนใจ ทศั นศิลปก์ บั การประกอบอาชพี ครพู ดู คุยกับนักเรียนเก่ยี วกับ ผลงานทัศนศิลป์ที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น นอกจากจะ ตลาดนดั ทส่ี ําคัญๆ เชน ตลาดนดั ตัวชว้ี ดั จตุจกั รท่กี รงุ เทพมหานคร นา� ไปใชเ้ พอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการทางดา้ นรา่ งกายและจติ ใจ ตลาดไนทบ าซารที่ จ.เชยี งใหม ■ ระบุอาชีพท่ีเกี่ยวข้องกับงานทัศนศิลป์และทักษะที่จำาเป็น ตลาดนํ้าอัมพวาท่ี จ.สมุทรสงคราม ในการประกอบอาชพี (ศ ๑.๑ ม.๓/๑๐) เปน ตน หรือตลาดนัดทสี่ าํ คญั ในจงั หวดั จากนน้ั ครตู ง้ั คาํ ถาม แลว้ ผทู้ รี่ กั และสนใจในงานทศั นศลิ ปย์ งั สามารถนา� ไปประยกุ ต์ กระตุนความสนใจของนักเรยี น ดังนี้ ใช้ในการประกอบอาชีพได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการผลิตผลงาน • มีสินคาใดบางที่เปนผลงานทาง ดานทศั นศิลป สาระการเรียนร้แู กนกลาง ออกมาจา� หนา่ ยในรูปแบบตา่ งๆ โดยตรง หรอื น�าไปประยกุ ต์ใช้กับ งานอื่นๆ เพื่อสร้างความพงึ พอใจใหแ้ ก่ผบู้ รโิ ภค การศกึ ษาเกีย่ วกบั • สนิ คา ดงั กลาวไดร บั ความสนใจ ■ การประกอบอาชพี ทางทัศนศลิ ป์ ทศั นศลิ ปท์ น่ี า� มาใชก้ บั การประกอบอาชพี จะทา� ใหม้ องเหน็ คณุ คา่ และ จากผูซ้อื มากนอยเพียงใด เขา้ ใจแนวทางในการเลอื กประกอบอาชพี โดยใชค้ วามรทู้ างทศั นศลิ ปไ์ ด้ เกรด็ แนะครู อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม การเรยี นการสอนในหนว ยนี้ ครคู วร อธบิ ายใหน ักเรยี นฟงวา มอี าชีพ หรอื สนิ คา จํานวนมากที่ตองนาํ ความรู ทางดา นทัศนศลิ ปไ ปประยุกตใช โดยตรง เชน การเขยี นภาพเหมอื น การวาดรปู เพอ่ื ประดบั ตกแตง การทาํ ผลงานประติมากรรม การผลิตสินคา แฮนดเ มด (Handmade) เปน ตน หรอื โดยออม เชน การวาดลวดลายลงบน เครื่องเซรามิก การทาํ ปายโฆษณา ประชาสัมพนั ธ เปนตน คูมือครู 73
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Explore Elaborate Evaluate สํารวจคนหา (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 30%) ใหนักเรียนสังเกตสภาพแวดลอมท่ี ñ. ·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š¡ÑºªÇÕ µÔ »ÃШÓÇѹ อยรู อบตวั แลว เกบ็ ขอ มลู มาพจิ ารณาวา มสี ง่ิ ของใดบา งทเี่ ปน ผลงานทศั นศลิ ป การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ของมนุษย์ หรือเกิดจากการนําความรูทางดาน เรม่ิ มีขนึ้ นับต้งั แตย่ คุ หินเกา่ (Paleolithic Age) หรอื เมอื่ ทศั นศิลปไ ปใชป ระโยชน ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ปี กอ่ นครสิ ตกาล โดยปรากฏหลกั ฐาน เป็นภาพวาดบนผนังถ�้าและงานแกะสลักเคร่ืองมือหิน นักเรียนควรรู อันประณีต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของมนุษย์ ตวั อยา่ งภาพจติ รกรรมรปู สตั วท์ อ่ี ยใู่ นถา้ำ ลาสโ์ กซ ์ (Lascaux Cave) ทาง ด้านศิลปะได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ จากก้อนหินธรรมดา ตอนใต้ของประเทศฝรง่ั เศส สันนษิ ฐานว่าวาดโดยมนุษยโ์ ครมันยอง ถ้าํ ลาสโกซ (Lascaux Cave) ได้มีการสร้างสรรค์ดัดแปลงให้เป็นเคร่ืองมือเครื่องใช้ ตั้งอยบู ริเวณหบุ เขาทางตะวันตก ส�าหรับการล่าสัตว์ที่มีรูปทรง มุ่งเน้นประโยชน์เพ่ือการ เฉยี งใตข องประเทศฝร่ังเศส สาํ รวจ ใชส้ อยเปน็ หลกั ตอ่ มาจงึ พฒั นาไปสกู่ ารออกแบบตกแตง่ พบเม่ือป ค.ศ. 1940 ภายในถํา้ รปู ทรง ประดบั ลวดลายตา่ งๆ ใหม้ คี วามสวยงามมากยง่ิ ขนึ้ มภี าพวาดจติ รกรรมสมยั กอน ซึ่งเป็นการน�าความรู้ทางด้านทัศนศิลป์มาใช้ให้สัมพันธ์ ประวัตศิ าสตร มีอายตุ ัง้ แต 15,000 กบั การดา� เนนิ ชวี ติ ประจา� วนั หรอื ทเ่ี รยี กวา่ “ประยกุ ตศ์ ลิ ป” กอ นครสิ ตศ ักราช เปน ภาพวาด (Applied Art) รปู สัตวใ นลักษณะตา งๆ ซง่ึ เปน รูปทีว่ าดข้นึ อยางงายๆ ไมมีความ สลบั ซบั ซอ นมากนัก เชน มา กวาง กระทงิ วัว เปน ตน และภาพวาด อื่นๆ อีกประมาณ 2,000 ภาพ วัสดุ ที่นํามาใชเขียนนนั้ จะใชไขมันสตั ว และดนิ สีตางๆ มาเปน อุปกรณใน การวาดภาพ นักเรียนควรรู ปจจุบนั เทคนิค วิธกี ารทางดา้ นทัศนศิลปไ์ ดถ้ ูกนำามาใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง เพ่อื สรา้ งความประทับใจให้กบั ผู้บริโภค ประยุกตศิลป (Applied Art) 7๔ ผลงานทัศนศิลปท่ีสรางสรรคขนึ้ เพือ่ ตอบสนองประโยชนใชสอย หรือ เพอ่ื นาํ ไปใชป ระโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วนั เปน สง่ิ สาํ คญั มากกวา มงุ ความงามทาง ศลิ ปะ ซงึ่ ประกอบไปดว ยมณั ฑนศลิ ป (Decorative Art) อุตสาหกรรมศิลป (Industrial Art) พาณชิ ยศลิ ป (Commercial Art) หตั ถศลิ ป (Crafts) และการออกแบบ (Design) 74 คมู อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Explain Engage การด�าเนินชีวิตประจ�าวันของมนุษย์มีความ ผลงานประติมากรรมที่นำามาประดับตกแต่งสวนสาธารณะ ช่วยเพิ่ม อธบิ ายความรู เก่ียวข้องกบั สภาพแวดลอ้ ม ในธรรมชาตมิ สี ง่ิ ตา่ งๆ ทั้งที่ ความนา่ สนใจให้กับส่ิงแวดล้อมและตอบสนองความงดงามทางจิตใจ มองเห็นและสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสของมนุษย์ ซึ่ง ใหนกั เรียนรว มกนั อภปิ รายวา เปน็ ทงั้ แหลง่ ความรแู้ ละแรงบนั ดาลใจใหม้ นษุ ยส์ รา้ งสรรค์ • ในการดาํ เนินชวี ติ ประจาํ วัน ส่ิงต่างๆ เพ่ือพัฒนาชีวิตให้มีความสะดวกสบาย โดย นอกจากจะตอบสนองความตอ้ งการทางดา้ นรา่ งกายแลว้ ของเราเก่ยี วขอ งกับผลงาน ยังค�านึงถึงความสวยงามเพื่อตอบสนองความต้องการ ทัศนศิลปอ ยางไร ทางด้านจิตใจอกี ดว้ ย โดยใหน กั เรยี นยกตวั อยา งประกอบ ทัศนศิลป์ช่วยให้มนุษย์มีโอกาสแสดงผลงาน เกร็ดแนะครู โดยผ่านเสน้ สี รูปรา่ ง รูปทรง ฯลฯ โดยนา� มาจดั วางให้ มีความสวยงามและเกิดประโยชน์ใชส้ อย การแสดงออก ครคู วรอธิบายเสรมิ ใหน ักเรยี น ดังกลา่ วจะต้องอาศัยความคดิ สตปิ ญั ญา อันเปน็ พน้ื ฐาน เขา ใจวา รูปลกั ษณแ ละสสี ันท่ีสะดดุ ของงานทัศนศลิ ปท์ ั้งสิน้ ดงั นัน้ ทศั นศลิ ป์จงึ เป็นสง่ิ ที่ให้ ตาเปนปจ จยั ดึงดูดลําดบั แรกๆ ท่ี คุณค่าท้ังด้านอารมณ์และจิตใจ เป็นส่ิงที่มีความประณีต ชว ยเรา ความสนใจใหกบั มนษุ ย ละเอียดอ่อน งดงาม และชว่ ยยกระดับจติ ใจของมนุษย์ ดวยเหตนุ ้ี ในการออกแบบผลติ ภณั ฑ หรอื การประดบั ตกแตง นอกจากจะ การออกแบบห้อง โดยใช้ภาพศลิ ปะและสีสนั มาตกแต่ง ชว่ ยใหห้ ้องดนู ่าพกั อาศัยอยา่ งมคี วามสุข เป็นตวั อยา่ งหนง่ึ ทีม่ นุษย์ได้นาำ ความร้ทู างดา้ น ใหม คี ุณคาทางดานการใชส อยแลว ทัศนศิลป์มาประยกุ ต์ใช้กบั การดำาเนินชีวติ ประจำาวนั ผูผลิตยงั ใหค วามสําคญั กับการทําให ผูบ รโิ ภคเกิดความประทับใจต้ังแต แรกเห็นดว ย โดยเราจะสงั เกตไดวา รอบๆ ตวั เรา ลว นมกี ารนาํ เอาความรู ทางดา นทศั นศลิ ปม าประยกุ ตใช ทัง้ สิน้ ไมว าจะเปนรูปแบบและสีสัน ของรถยนต รูปรางของโทรศพั ท มือถอื การประดับตกแตง รา นคา รปู ลกั ษณข องบรรจภุ ณั ฑ ปายโฆษณา อาหาร และอนื่ ๆ อีกมากมาย ดงั นน้ั งานทศั นศลิ ปจ งึ มีบทบาทกับชีวติ ประจําวนั ของเราอยางมาก ซง่ึ มีงาน อยางหลากหลายท่เี ปดโอกาสใหผูทม่ี ี ฝม ือทางทัศนศลิ ป สามารถเลือกนาํ ไปประกอบอาชพี ได 7๕ นักเรียนควรรู มนษุ ยสรา งสรรคสิง่ ตางๆ เพือ่ พัฒนาชีวิตใหมีความสะดวกสบาย การท่มี นุษยรจู กั สรางสรรคและรูจกั ดัดแปลงส่ิงตางๆ ที่มีอยูในธรรมชาติและส่ิงแวดลอมมาประยุกตใหสอดคลอง กับวิถีการดําเนินชีวิต นับเปนความสามารถของมนุษยท่ีรูจักพัฒนาชีวิตใหมี ความสขุ สะดวก สบาย คณุ คา ของงานทศั นศลิ ปท น่ี าํ มาประยกุ ตใ ชใ หเ หมาะสม สิ่งที่สาํ คัญทีส่ ุด คอื เพอ่ื ตอบสนองความตอ งการทางกาย เพ่อื ประโยชนใ นการ ดํารงชีวิต นอกจากจะเนนในเรื่องประโยชนใชสอยและความงามแลว ยังคํานึง ถึงความสขุ ทางดา นจติ ใจอีกดว ย คูมือครู 75
กระตุน ความสนใจ สาํ Eรxวpจloคrน eหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Explain สํารวจคนหา Evaluate ใหน ักเรยี นสืบคนขอ มูลเก่ียวกับ ความสําคญั ของสินคาทางดา น (ยอ จากฉบับนกั เรียน 30%) ทศั นศลิ ปใ นปจ จบุ นั และทกั ษะพน้ื ฐาน ของผทู ี่จะประกอบอาชีพทางดาน ò. ·ÈÑ ¹ÈÔÅ»¡Š Ѻ¡ÒûÃСͺÍÒªÕ¾ ทัศนศิลป จากการสัมภาษณ สืบคน ขอ มูลจากเวบ็ ไซตในอินเทอรเ น็ต ในอดีตสังคมไทยเปนสังคมเกษตรกรรมท่ีมี และแหลง การเรยี นรูตางๆ การผลติ และการบริโภคหมนุ เวยี นภายในชุมชนเปน หลกั โดยความงามทางดา นทศั นศลิ ปไดถ กู นาํ เขา ไปผสมผสาน อธิบายความรู กบั สงิ่ ของเครอื่ งใชต า งๆ ตามความพงึ พอใจ หรอื รสนยิ ม ของคนในชุมชน โดยเลอื กใชวสั ดุ อปุ กรณที่หาไดภ ายใน ใหน ักเรียนอภิปรายถึงความสาํ คญั ทอ งถน่ิ ซงึ่ สามารถสงั เกตไดจ ากสงิ่ ตา งๆ เชน เครอ่ื งมอื ของสินคา ดานทศั นศิลปวา มีลักษณะ ที่ใชประกอบอาชีพ การสรางอาคารบานเรือน เคร่ือง เปน อยา งไร แนวโนมสนิ คา ประเภทนี้ ประดับตกแตง ส่ิงของเครื่องใชในชวี ิตประจําวนั เปน ตน การขยายตัวของตลาดเปนอยางไร และทักษะพื้นฐานที่ผูจะไปประกอบ ปจจุบันสังคมไทยไดมีการพัฒนาไปสูสังคม อาชีพตอ งมี โดยครูชวยเสรมิ ขอมูล พาณิชยกรรมและสังคมอุตสาหกรรม การผลิตส่ิงของ เพื่อการอุปโภคและบริโภคในครัวเรือนพัฒนาไปสูการ เกร็ดแนะครู ผลติ ในจาํ นวนทม่ี ากขน้ึ เพอ่ื จาํ หนา ย ซง่ึ การขยายตวั ทาง เศรษฐกิจทําใหมีผูผลิตจํานวนมากที่ผลิตสินคาประเภท ความสวยงามและความละเอยี ดประณตี มสี ว นสาํ คญั อยา งมากทท่ี าํ ให ครูอาจเสริมขอ มลู เกี่ยวกบั ตลาด เดยี วกันเพอ่ื ตอบสนองความตองการของผูบ ริโภค กอให ผลงานทศั นศลิ ปเ ปนที่ยอมรับของตลาด สินคาทางดา นทัศนศลิ ปวา ตลาด เกิดการแขงขันทางการคา ดังนั้น จึงมีความจําเปนที่ผูผลิตจะตองพยายามสรางความพึงพอใจใหกับผูบริโภค ยงั ขยายตวั อยางตอเนอื่ ง แตต อง โดยรปู ลักษณของสินคาและบรรจภุ ณั ฑล ว นเปนปจจยั สําคญั ทช่ี วยดึงดดู ความสนใจของลกู คา ใหม าซือ้ สินคา ดังนนั้ เปน สินคาท่ีมรี าคาไมสงู มากและ สินคานอกจากจะตอบสนองดานประโยชนการใชสอยแลว ความสวยงามทางดานรูปทรง สีสันก็มีอิทธิพลตอ ตอ งหม่ันพัฒนาสินคา ใหมคี วาม การตัดสินใจซอ้ื ผลติ ภัณฑน้ันๆ อีกดวย แปลกใหมอ ยเู สมอ ซึง่ ความแปลก ใหมจ ะชว ยดึงดดู ผซู ือ้ การทําตลาด นอกจากวางขายตามตลาดนดั แลว ปจจบุ ันยังนยิ มซอ้ื ขายออนไลน ผา นทางอินเทอรเนต็ อกี ดวย นักเรยี นควรรู สนิ คาดา นทัศนศลิ ปม ีรูปแบบหลากหลายและตลาดยังเปดกวา งสาํ หรบั ผทู จ่ี ะยดึ ไปประกอบเปน อาชพี ทง้ั ในฐานะเปน ผูผ ลติ และผูจดั จาํ หนา ย พาณิชยกรรม การดําเนินธุรกิจที่ ๗๖ เกยี่ วขอ งกบั การคา ขาย ไมว า จะเปน พอคาคนกลางท่ีอยูในชวงของการ @ มมุ IT จดั จาํ หนา ยสนิ คา ไปยงั ผบู รโิ ภค หรอื พอคาปลีกและสงขายสินคาใหกับ สามารถนําสินคาทางดานทัศนศิลปและสินคาอ่ืนๆ ไปโฆษณาขาย ผบู รโิ ภค เชน หา งสรรพสนิ คา รา นคา ไดที่ http://www.shopping2online.com/index.php สหกรณ รานขายของชาํ เปนตน 76 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Explain Engage Evaluate สง่ิ ของเครอ่ื งใชใ้ นชวี ติ ประจา� วนั จงึ ตอ้ งมกี าร อธบิ ายความรู ออกแบบสร้างสรรค์ให้มีความงดงามในด้านต่างๆ ด้วย ครใู หน กั เรยี นอธบิ ายขอ มลู เกยี่ วกบั ทกั ษะพน้ื ฐานทผ่ี จู ะไปประกอบอาชพี ความคิดและจินตนาการของผู้สรา้ งสรรค์ ซง่ึ ผู้ทส่ี ามารถ ทางดานทัศนศิลปตองมี โดยครูชวย เสรมิ ขอ มูล จะสร้างสรรค์ได้ดีและมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องเป็นผู้ท่ี เกร็ดแนะครู มคี วามรู้ มปี ระสบการณ์ หรอื มคี วามรทู้ างดา้ นทศั นศลิ ป์ ครูควรอธบิ ายใหนกั เรียนเขาใจวา โดยตรง ดังนัน้ การศกึ ษาเรยี นรเู้ ก่ียวกบั วชิ าศลิ ปะ หรอื การมีความรอบรใู นงาน หรืออาชพี ทีต่ นทํา ยอมจะทาํ ใหป ระสบความ ทศั นศลิ ป์ นอกจากจะได้รบั ความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับ สําเรจ็ ไดไมย าก ดังนน้ั ผูทจี่ ะไป ประกอบอาชพี ทางดานทศั นศิลป ศาสตร์แห่งความงาม มองเห็นคุณคา่ แห่งธรรมชาตแิ ละ ก็ตอ งพยายามฝก ฝนตนเอง เพ่มิ พนู ประสบการณ เพ่อื ใหมคี วามรูท าง สิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถน�าความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน การสรา้ งสรรคผ์ ลงานอยา่ งสมา่ำ เสมอ จะทาำ ใหเ้ กดิ ความเชยี่ วชาญและ ดา นทัศนศิลปอยางถองแท เพราะจะ การประกอบอาชพี ได้อีกดว้ ย มีประสบการณ์ในการสรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ สามารถสรางสรรคผ ลงานออกมาได ประทบั ใจผซู อ้ื ดงั คํากลา วทวี่ า ทั้งน้ี บุคคลที่จะประกอบอาชีพทางด้าน “อนั ความรรู กู ระจา งแตอยางเดียว แตใ หเชย่ี วชาญเถิดคงเกดิ ผล” ทัศนศิลป์ให้ประสบความสา� เรจ็ จา� เปน็ ต้องอาศัยทักษะพื้นฐานท่เี หมอื นกนั หลายประการ ได้แก่ ๑) มคี วามรทู้ างดา้ นทศั นศลิ ป ์ หมายความวา่ จะตอ้ งมคี วามรใู้ นการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ปท์ จ่ี ะปฏบิ ตั ไิ ด้ อย่างลุ่มลึก มีประสบการณ์ตรง รู้เทคนิควิธีที่จะถ่ายทอดจินตนาการของตนจากนามธรรมออกมาเป็นรูปธรรมให้ ผอู้ น่ื ไดเ้ หน็ หรอื สมั ผสั เขา้ ใจหลกั การจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ เพอ่ื ใหส้ ามารถจดั องคป์ ระกอบของผลงานโดยรวมไดอ้ ยา่ ง สวยงามเหมาะสม รูท้ ฤษฎีสี รู้ว่าสมี ีความสา� คัญต่ออารมณ์และความรู้สกึ ของมนุษย์อย่างไร ต้องสามารถเลือกสีได้ เหมาะสมกบั ลกั ษณะของผลงานทจี่ ะสรา้ งสรรค์ นอกจากน้ี ยงั ตอ้ งขยนั หาความรเู้ พมิ่ เตมิ หมนั่ ตดิ ตามวทิ ยาการทางดา้ น ทัศนศลิ ปอ์ ยา่ งสมา�่ เสมอ เพ่อื จะไดท้ ันต่อการเปลย่ี นแปลงของโลกและเทคโนโลยี บุคคลท่ีจะประกอบอาชพี ทางดา้ นทศั นศลิ ปไ์ ดป้ ระสบความสำาเร็จ ต้องมคี วามรู้ทางด้านทศั นศลิ ป์อยา่ งล่มุ ลกึ นกั เรยี นควรรู การจัดองคประกอบศิลป หรอื Composition เปน การนาํ เอา องคป ระกอบตา งๆทางทศั นธาตมุ าจดั วางใหม คี วามเหมาะสมลงตวั และเกดิ ความสวยงาม ซึ่งตองคํานึงถึงความ มีเอกภาพ ความสมดุล ความขัดแยง สัดสวน จังหวะ และความกลมกลนื 77 นักเรยี นควรรู บคุ คลทจี่ ะประกอบอาชพี ทางดา นทศั นศลิ ป จาํ เปน ตอ งมคี ณุ สมบตั สิ าํ คญั คอื ตอ งเปน ผทู ม่ี คี วามซอื่ สตั ย มีวินัยในตนเอง มีความคิดสรางสรรค มีความรอบรูทางดานทัศนศิลป มีความอดทน มานะ พยายาม มีทัศนคติท่ีดีตอการประกอบอาชีพ มีมนุษยสัมพันธที่ดีตอคนรอบขาง มีความรูพ้ืนฐานในการเริ่มตน ประกอบอาชพี และมกี ารพฒั นาตนเองใหม คี ณุ ลกั ษณะเหมาะสมกบั การประกอบอาชพี ทางดา นทศั นศลิ ป คูม อื ครู 77
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Elaborate Evaluate Explain อธิบายความรู (ยอ จากฉบบั นักเรียน 30%) ครใู หนกั เรยี นอธบิ ายขอ มลู ๒) มคี วามคดิ สรา้ งสรรค ์ กระบวนการทสี่ า� คญั ทสี่ ดุ ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ คอื ความคดิ สรา้ งสรรค์ เกีย่ วกบั ทักษะพน้ื ฐานสําหรบั ผปู ระกอบอาชพี ทางดานทศั นศิลป ดงั นนั้ ผทู้ จ่ี ะประกอบอาชพี ทางดา้ นทศั นศลิ ปจ์ งึ ตอ้ งหมนั่ ศกึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง หรอื ดผู ลงานของผอู้ นื่ เปน็ แบบอยา่ ง โดยเนน การมคี วามคิดสรางสรรค และมีความอดทนมานะพยายาม รจู้ กั ทดลอง คดิ คน้ เทคนคิ วธิ กี ารใหมๆ่ ในการทา� งาน มคี วามมงุ่ มนั่ ทจี่ ะสรา้ งสรรคผ์ ลงานทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณข์ องตนขน้ึ มา เปน็ ผไู้ มห่ ยดุ นงิ่ รวมทงั้ ตอ้ งพยายามสรา้ งสรรคผ์ ลงานออกมาอยา่ งสมา่� เสมอ เพอื่ เพมิ่ พนู ประสบการณ์ใหก้ บั ตนเอง เกร็ดแนะครู ตัวอยา่ งสินคา้ ทใ่ี ช้ความคดิ สรา้ งสรรค์และความรูท้ างดา้ นทศั นศิลปม์ าประยกุ ต ์ ผลิตเปน็ สนิ คา้ ประเภทของทีร่ ะลกึ เพ่ือจาำ หนา่ ย ครูอาจแนะนาํ วงจร PDCA หรือ ๓) มคี วามอดทน มานะพยายาม การจะประสบความสา� เรจ็ ในการประกอบอาชพี จา� เปน็ ตอ้ งใชเ้ วลา ดงั นน้ั วงจรเดมิงที่จะนําไปสกู ารทาํ งานให ประสบความสาํ เร็จมาใหนักเรียนดู ผทู้ จี่ ะยดึ อาชพี ทางดา้ นทศั นศลิ ป์ จงึ ตอ้ งเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามอดทน ไมเ่ ปน็ คนใจรอ้ น มคี วามมงุ่ มนั่ ทจ่ี ะทา� ใหผ้ อู้ น่ื ยอมรบั Plan : มกี ารวางแผนตามเปาหมาย ในฝมี อื และผลงานของตน เมอ่ื พบอปุ สรรคกพ็ รอ้ มทจ่ี ะเผชญิ และแก้ไขปัญหาโดยไม่ท้อถอย ทไ่ี ดกาํ หนดข้ึน Do : การปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนในแผน ส�าหรับอาชีพที่สามารถน�าความรู้ทางด้าน งานที่ไดกําหนดไวอยางเปนระบบ และตอเน่อื ง ทัศนศิลป์ไปประยุกต์ใช้เป็นอาชีพได้น้ัน ในสังคมไทย Check : การตรวจสอบผลการ ดําเนนิ งานในแตล ะขัน้ ตอนวา มี ปัจจุบันมีอยู่เป็นจ�านวนมาก โดยสังเกตได้จากสภาพ ปญ หาใดเกดิ ขน้ึ บา ง และจําเปน ตอ งเปล่ียนแปลงแกไ ขแผนงาน แวดล้อมใกล้ตัว ล้วนมีสินค้า หรือผลงานจ�านวนมาก ในขน้ั ตอนใดหรอื ไม Action : ปรับปรุงแกไ ขสวนทม่ี ี ทส่ี รา้ งสรรคข์ น้ึ จากความรทู้ างดา้ นทศั นศลิ ป์ ผทู้ จ่ี ะปฏบิ ตั ิ ปญ หา หรือถาไมม ีปญ หา กน็ ํา แนวทางนี้ไปใชในการทํางาน ได้ดี นอกจากจะมคี วามรกั ในงานทศั นศลิ ป์แลว้ ยังต้อง คร้ังตอ ไป มีทักษะและความรู้ทแี่ ตกต่างกนั ออกไปตามลักษณะของ นกั เรยี นควรรู ผลงานอีกด้วย เช่น ผทู้ ่จี ะเป็นนกั ออกแบบเครอ่ื งประดับ ความคดิ สรา งสรรค หรอื Creative Thinking ในทางทัศนศิลป จะมี ย่อมจะต้องมีคุณลักษณะแตกต่างไปจากนักออกแบบ ลักษณะเปนการสรางสรรคผลงาน ทัศนศิลป หรือการนําเสนอผลงาน อาคารสถานท่ี หรอื ออกแบบแฟชน่ั เป็นตน้ ในที่นี้จะขอ ทัศนศิลปท่ีมีพัฒนาการเปล่ียนแปลง ไปจากเดิม หรือทําของเดิมใหดีขึ้น การวาดลวดลายบนเครื่องเซรามิกถือเป็นงานจิตรกรรมประเภทหนึ่ง ยกตัวอย่างอาชีพที่สามารถใช้ความรู้ทางด้านทัศนศิลป์ หรอื มีความแปลกใหม หรอื ทําในสงิ่ ท่ี ซ่ึงผทู้ ่ีมที กั ษะฝม อื ทางด้านจิตรกรรมสามารถจะยดึ เปน็ อาชีพได ้ คนอน่ื ไมเ คยทาํ มากอ นกไ็ ด ซง่ึ ผลงาน ไปประกอบอาชพี ได้ ดงั ต่อไปนี้ นน้ั ควรมคี ณุ คา ตอ ตวั ผสู รา งสรรคเ อง รวมท้ังสังคมและวัฒนธรรมดว ย 78 78 คมู อื ครู นกั เรยี นควรรู เซรามกิ เปน ผลิตภัณฑท ที่ ําขน้ึ มาจากอนนิ ทรียสารจาํ พวกอโลหะ ไดแ ก แรธาตุ ดนิ และหนิ ตางๆ โดยการนาํ มาบดยอ ยแลว ผสมดวยน้าํ จากน้นั จึงนาํ ไปขึน้ รูปตามวธิ กี ารตางๆ ผงึ่ ใหแหง แลวนาํ ไป ผา นกระบวนการใหค วามรอ นจนไดเ ปนผลติ ภัณฑต ามท่ีตองการ เชน หมอ ถว ย ชาม แกว อิฐ เครอื่ งเคลอื บดนิ เผา กระเบื้องเคลอื บ วัสดุประเภทซเี มนต วสั ดทุ นไฟ เปน ตน
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๒.๑ นักออกแบบผลิตภณั ฑ์ กระตนุ ความสนใจ การออกแบบ หมายถึง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่เพ่ือประโยชน์และความงาม โดยการน�าทัศนธาตุ ได้แก่ ครูนําบรรจุภัณฑที่เปนกระปองมา จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง นา้� หนักออ่ น - แก่ พื้นผิว พืน้ ทว่ี า่ ง และสี มาผนวกเขา้ กบั หลกั การจดั องค์ประกอบศิลป์ 2 กระปอง ดงึ ฉลากที่ตดิ รอบกระปอ ง สร้างสรรค์เป็นผลงาน รวมไปถึงการปรับปรุงดัดแปลงของเดิมให้มีความสวยงามและเหมาะสมมากยิ่งข้ึน ซึ่งการ ใบหนงึ่ ออก แลว นาํ มาวางเปรยี บเทยี บ สร้างสรรค์ส่ิงใดๆ กต็ าม ลว้ นเรม่ิ ต้นจากการออกแบบท้งั สน้ิ กบั กระปอ งทม่ี ฉี ลากตดิ อยา งสมบรู ณ จากนั้นครูต้ังคําถามกระตุนความ การออกแบบที่ดีต้องท�าแบบจ�าลอง โดยให้มีขนาดสัดส่วนที่ถูกต้อง สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน สนใจ ดงั น้ี การออกแบบทางทัศนศลิ ป์สามารถแบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ได้แก่ สาขาวจิ ติ รศิลป์ (Fine Art) เป็นผลงานที่สรา้ งขน้ึ เพอื่ ชื่นชมความงามของผลงานทศั นศลิ ป์ มไิ ดม้ งุ่ ประโยชน์อยา่ งอนื่ และสาขาประยุกต์ศลิ ป์ (Applied Art) จะเนน้ • กระปองใบใดดึงดูดความสนใจ ไปที่ประโยชน์ใช้สอย ซึ่งงานออกแบบจัดเป็นงานทัศนศิลป์ท่ีจัดอยู่ใน ของผูบ รโิ ภคไดมากกวา กัน ประเภทของงานประยกุ ตศ์ ิลป์ เพราะเหตุใดจงึ เปนเชนนน้ั (แนวตอบ กระปองท่ีมีฉลากอยู ปัจจุบันการออกแบบผลิตภัณฑ์จ�านวนมากมีจุดมุ่งหมาย เพราะมสี สี นั รปู ภาพและขอ ความ ในการน�าความรู้ทางด้านทัศนศิลป์มาประยุกต์ใช้กับงานเชิงพาณิชย์ ท่สี รา งความสนใจไดด ีกวา) เนอื่ งจากการแขง่ ขนั ทางการคา้ มสี งู ขน้ึ ทา� ใหผ้ อู้ อกแบบตอ้ งพยายาม คิดค้นรปู แบบ เทคนคิ วิธีการต่างๆ เพ่อื สรา้ งสรรคผ์ ลงานให้มีความสอดคลอ้ งกับ • บรรจุภัณฑดังกลาวนําผลงาน ความต้องการของผู้บริโภคท่ีนิยม ทั้งในเรื่องของประโยชน์ใช้สอยและความงาม ทศั นศลิ ปไ ปใชป ระโยชนอ ยา งไร ทา� ใหอ้ าชพี นกั ออกแบบผลติ ภณั ฑเ์ ปน็ ทต่ี อ้ งการของตลาดและอยากไดน้ กั ออกแบบ (แนวตอบ นําไปออกแบบประดับ ทม่ี คี วามรู้ ความชา� นาญเฉพาะทาง เชน่ การออกแบบอาคารบา้ นเรอื น ตกแตง ผลติ ภัณฑ เพือ่ ดึงดดู เครอื่ งประดบั เครอ่ื งนงุ่ หม่ สอื่ สง่ิ พมิ พ์ เซรามกิ โฆษณา ความสนใจของผบู ริโภค) เครอ่ื งเรอื น เคร่ืองใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เปน็ ตน้ สํารวจคนหา ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเก่ียวกับ ตัวอยางอาชีพที่สามารถจะนําความรู ทางดานทัศนศิลปไปประกอบอาชีพ ไดและทกั ษะที่ผปู ฏิบตั ิงานพึงมี จากหนงั สอื ในหอ งสมุด เวบ็ ไซตใ น อินเทอรเนต็ และแหลง การเรียนรู ตา งๆ 7๙ อธิบายความรู เกร็ดแนะครู ครูใหน กั เรยี นชว ยกนั อภปิ ราย ขอ มลู เก่ียวกบั ลักษณะของงาน ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ เกย่ี วกบั คณุ สมบตั ิของผูประกอบอาชีพนกั ออกแบบผลิตภณั ฑ วาจะตอง ออกแบบผลิตภัณฑ วา นาํ ความรู เปนคนชางคิด มีจินตนาการ รักการเรียนรู ชางสังเกต มีเหตุผล เขาใจการเปล่ียนแปลง ทางดานทัศนศลิ ปไ ปใชประโยชน ในสถานการณต า งๆ ของสงั คม และมคี วามเขา ใจในงานออกแบบเฉพาะดานเปนอยา งดี ไดอ ยางไร โดยใหห าตัวอยางการ ออกแบบผลิตภัณฑท ี่นา สนใจมาใช ประกอบการอธิบายดว ย คมู อื ครู 79
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบับนกั เรียน 30%) ใหน ักเรยี นอภปิ รายขอมูลเก่ียวกบั กระบวนการการทา� งานของนกั ออกแบบผลิตภณั ฑ์แตล่ ะประเภท คุณลกั ษณะ หรือทกั ษะทีน่ กั ออกแบบ ผลติ ภัณฑพงึ มี โดยครชู ว ยเสรมิ เมื่อลงรายละเอียดจะมคี วามแตกตา่ งกันออกไป แต่โดยรวม ขอมูลเพิ่มเติม ผทู้ จ่ี ะเป็นนกั ออกแบบ นอกจากคุณลกั ษณะพน้ื ฐานทาง เกรด็ แนะครู ดา้ นทศั นศลิ ปแ์ ลว้ ควรมคี ณุ ลกั ษณะ หรอื ทกั ษะอยา่ งอน่ื ครูอธบิ ายเสรมิ วา วจิ ติ รศิลป (Fine Art) เปน ผลงานทศั นศิลปท ี่ เพ่มิ เตมิ ดังตอ่ ไปน้ี เนน การนาํ เสนอในดา นของความงาม ๑) มคี วามรหู้ ลกั การออกแบบ การออกแบบ ความพอใจมากกวาประโยชนใชสอย สามารถเรียกอีกอยางหนึ่งวา “ศิลปะ เพอ่ื ใหม้ คี ณุ คา่ ทางความงามและประโยชน์ใชส้ อย บริสทุ ธ์ิ” (Pure Art) เพราะศิลปน จะสรา งสรรคผ ลงานขึ้นมาจาก นักออกแบบจะต้องมีความรู้เก่ียวกับโครงสร้าง ความพอใจและเนน ความละเอยี ดลออ เพอ่ื ใหไดผ ลงานท่มี ีความสวยงาม ของชนิ้ งาน มคี วามเปน็ เอกภาพ ความสมดลุ และ วิจติ รตระการตา ซึ่งวจิ ิตรศลิ ป สามารถแบง ออกเปน 8 ประเภท ความกลมกลืน การสร้างจุดสนใจ มีสัดส่วนท่ีถูกต้อง การออกแบบผลติ ภณั ฑแ์ ละบรรจภุ ณั ฑท์ มี่ คี วามคดิ สรา้ งสรรค ์ นอกจาก คือ จติ รกรรม ประติมากรรม เหมาะสม เพื่อให้สามารถออกแบบผลงานที่ดึงดูด จะช่วยดงึ ดดู ผบู้ รโิ ภคแล้ว ยงั ช่วยสรา้ งมลู คา่ เพ่มิ ให้กบั ตัวสินคา้ ดว้ ย สถาปต ยกรรม ภาพพิมพ สื่อผสม ความสนใจของผู้บรโิ ภคไดม้ ากทีส่ ดุ ศลิ ปะภาพถาย วรรณกรรม ดนตรี และนาฏศลิ ป ๒) มีความคิดสร้างสรรค์ นักออกแบบที่ดีควรเป็นคนช่างคิด กล้าแสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์ นกั เรยี นควรรู รู้จักปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม หรือสร้างสรรค์ช้ินงานขึ้นใหม่ให้มีความแตกต่างออกไปจากของเดิมท่ีมีอยู่ กระบวนการการทํางานของ ซึ่งผลงานที่สร้างสรรคข์ ึ้นจะตอ้ งเปน็ ไปในทางทด่ี งี าม ก่อให้เกดิ การพฒั นา ซ่งึ ความคดิ สรา้ งสรรคส์ ามารถเกิดขน้ึ ได้ นกั ออกแบบผลติ ภัณฑ ทาํ หนา ที่ ออกแบบผลติ ภณั ฑทม่ี ีลกั ษณะ จากการศกึ ษาคน้ คว้าเรยี นร้จู ากผลงานของผูอ้ ื่น หรอื การสรา้ งผลงานดว้ ยตนเองออกมาอยา่ งตอ่ เนื่อง และรูปแบบการใชง านทแ่ี ตกตางกัน ๓) มคี วามเขา้ ใจการเปลยี่ นแปลงของสงั คม นกั ออกแบบทดี่ จี ะตอ้ งตดิ ตามการเปลย่ี นแปลงของสงั คม เชน เฟอรนิเจอร เคร่อื งมอื เครอ่ื งใช ของตกแตง บา น เครอื่ งประดบั เปน ตน วา่ กา� ลงั ด�าเนินไปในทศิ ทางใด หรอื แนวโน้มสังคมมีรสนยิ มแบบใด เพื่อใหก้ ารออกแบบผลงานมคี วามสอดคลอ้ งกับ นอกจากนี้ ยงั ทาํ หนา ทใี่ นการเขยี นแบบ พัฒนาผลติ ภณั ฑ และควบคุมดูแล ความต้องการของผูบ้ ริโภค มเิ ชน่ น้ันการออกแบบจะไม่สมั พันธก์ บั สภาพความเป็นจริง ไม่ดึงดดู ความสนใจ และใช้ การผลิตใหเ ปน ไปตามแบบที่ถกู กําหนดไว เพ่อื ใหไดง านทม่ี ลี ักษณะ ประโยชน์ไดน้ ้อย ๔) มคี วามเขา้ ใจงานออกแบบเฉพาะดา้ น ถูกตองตรงตามความตองการของ ผูบริโภค แม้การออกแบบโดยภาพรวมจะมีหลักการบางประการท่ี 80 คมู ือครู เหมอื นกนั แตเ่ มอื่ ปฏบิ ตั งิ านลกึ ลงไปเฉพาะดา้ น จะพบวา่ มรี ายละเอยี ดทแี่ ตกตา่ งกนั เชน่ การออกแบบเครอ่ื งประดบั กบั การออกแบบเครอื่ งเรอื นจะใชพ้ น้ื ฐานความรู้ หลกั การ ออกแบบ และแนวคดิ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไป เพราะผลงาน แต่ละประเภทจะมีวัสดุ อุปกรณ์ และกระบวนการผลิต เฉพาะตวั ดงั นัน้ นักออกแบบผลติ ภัณฑ์ท่ีดีจงึ ต้องศึกษา หาความรู้ในงานออกแบบท่ีตนต้องการสร้างสรรค์โดย เฉพาะ เพ่ือให้การออกแบบเป็นไปอย่างถูกต้องและ การออกแบบตกแต่งภายใน เปน็ งานท่ตี ้องใชท้ ักษะฝม ือเฉพาะด้าน สามารถน�าไปใช้สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้จริงและ มีต้นทนุ ไม่สงู 8๐ นักเรียนควรรู มีสัดสวนท่ีถูกตองเหมาะสม กับผูบริโภคสวนใหญในตลาดท่ีเปนกลุมเปาหมาย เชน สรีระของ คนยุโรปกับคนไทยไมเ หมือนกัน การออกแบบเกา อ้ีนัง่ ผูออกแบบก็จะตองกําหนดสัดสว นใหเ หมาะ กับตลาดที่จําหนาย ต้ังแตขนาดเกาอี้ ความสูงจากพ้ืน เพื่อใหสอดคลองกับสรีระของผูใชงานจริง รวมทัง้ สตี ามความนิยมของแตล ะวัฒนธรรมดว ย เปน ตน
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตุนความสนใจ ครตู ั้งคาํ ถามกบั นกั เรียนวา ๒.๒ ครสู อนศลิ ปะ • มีนักเรียนคนใดบางท่ีในอนาคต อยากเปน ครสู อนศลิ ปะ ครูศิลปะ หมายถึง บุคคลท่ีมีหนาที่จัดประสบการณทางดานศิลปศึกษาใหแกผูเรียน ซึ่งครูศิลปะควรมี ความรูพื้นฐานทางดานทัศนศิลปเปนอยางดี มีประสบการณในการสรางสรรคผลงานทัศนศิลป รวมไปถึงมีความ • เพราะเหตใุ ดนกั เรยี นถงึ สนใจ สามารถในการถายทอด อธิบายสิ่งที่ยากใหเขาใจไดงาย มีความอดทน และเขาใจพัฒนาการของเด็กแตละชวงวัย ทอี่ ยากจะเปนครสู อนศลิ ปะ ตองตระหนักวาการศึกษาทางดานทัศนศิลปมิไดมุงหวังใหผูเรียนเปนศิลปน แตมุงใหมีความคิดในเชิงสรางสรรค กลาแสดงออกในส่ิงท่ีถูกตอง และมีพัฒนาการทางดานอารมณที่ดี เพื่อการมีชีวิตอยูอยางมีความสุข ซ่ึงบุคคลท่ี สาํ รวจคนหา ตอ งการเปน ครศู ิลปะ นอกจากจะรักในอาชพี ครแู ละงานทัศนศิลปแ ลว ยงั ควรมีทกั ษะดงั ตอไปน้ี ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเก่ียวกับ ๑) มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร นอกจาก คณุ สมบตั ขิ องผทู จ่ี ะเปน ครสู อนศลิ ปะ โดยอาจไปสัมภาษณครูสอนศิลปะ จะสื่อความหมายดวยผลงานแลว ครูสอนศิลปะตองมี ทา นอืน่ ๆ สบื คนจากเวบ็ ไซตใน ความสามารถในการสอื่ สารใหผ เู รยี นเกดิ ความรู ความเขา ใจ อนิ เทอรเนต็ และแหลง การเรยี นรู ในองคค วามรขู องทศั นศลิ ป สอื่ สารไดค รบถว น ตรงประเดน็ ตา งๆ เขา ใจงาย ชว ยกระตนุ ใหเ กิดกระบวนการการเรยี นรแู ละ ความรกั ในงานทัศนศลิ ป ๒) รูจิตวิทยาเด็ก ครูสอนศิลปะตอ งทํางาน รวมกับเด็กที่มีพัฒนาการทางดานรางกายและอารมณท่ี อธิบายความรู เปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว ครูสอนศิลปะจึงตองมีความ ครูและนกั เรยี นรวมกนั อภปิ ราย ขอมูลเก่ียวกับคณุ สมบตั ขิ องผทู ีจ่ ะ อดทนสูง พรอมท่ีจะทํางานเพื่ออบรมสั่งสอนเยาวชน ยึดอาชพี เปน ครูสอนศิลปะ โดยครู ชว ยอธบิ ายเสรมิ วา คณุ ลกั ษณะแตล ะ ใหเติบโตเปนบุคลากรท่ีมีคุณภาพของสังคม มีความ ครูสอนศิลปะเปนอีกทางเลอื กหน่ึงทีผ่ มู ใี จรกั ในงานทัศนศลิ ป รวมท้ัง อยา งมคี วามสาํ คญั อยางไร เพอ่ื ให เมตตากรณุ า พรอ มจะชว ยแกไ ขปญ หาตางๆ ใหก บั ศษิ ย รักในการสอนเดก็ ซ่งึ สามารถยดึ เปน อาชีพได นักเรยี นเกดิ ความเขาใจมากยิ่งขึน้ นอกเหนือจากการถา ยทอดความรู ๓) รกั ในการสอน กระบวนการทส่ี าํ คญั ทสี่ ดุ ของการสรา งสรรคผ ลงานทศั นศลิ ป คอื ความคดิ สรา งสรรค ดังนน้ั ครศู ิลปะจงึ ควรมีความคดิ สรา งสรรคเ พอ่ื จดั กระบวนการเรยี นการสอน คนหาเทคนิคทางทศั นศลิ ปแบบตางๆ มาถา ยทอด สรรหาวสั ดุ เพอ่ื ถา ยทอดความรใู หแ กเ ดก็ ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพและสอดคลอ งกบั เปา หมาย นอกจากน้ี ยังตองมีความสามารถในการเก็บรวบรวมตัวอยางผลงานทัศนศิลปของผูอื่น หรือท่ีสรางสรรคขึ้นเอง ไมวาจะเปน เกรด็ แนะครู งานจาํ ลองแบบ รปู ถาย สไลด บทความทางวิชาการ ผลงานของนกั เรยี น เพราะมีความจําเปน ตอการสรางแรงจงู ใจ ครูควรยกตัวอยางลักษณะท่ีดีของ ครู โดยการอญั เชญิ พระราชดาํ รสั ของ ใหกบั เด็ก เพอ่ื ดาํ เนินรอยตาม หรืออาจใชเปน ตัวอยา งประกอบคาํ อธบิ ายการเรียนการสอนเพื่อใหเ ขา ใจงา ยยิง่ ข้นึ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯ ซ่ึง พระราชทานแกครูอาวุโส ประจําป ๔) มบี คุ ลกิ ลักษณะทเ่ี หมาะสม กลา วคอื มบี ุคลกิ นา เชือ่ ถือ เขาถงึ ไดงาย มีความพรอมท้งั ทางดาน พ.ศ. 2522 เมอื่ วันองั คารที่ 28 ตลุ าคม รางกายและจิตใจ มีทัศนคติท่ีดี มองโลกในแงบวก มีวิจารณญาณในการรับรู รับฟง มีความอดทนที่จะชวยแกไข ปญ หาและคน หาความสามารถเฉพาะบุคคลของผเู รยี นแตละคน เพือ่ สง เสริมและสนบั สนนุ ใหไ ดแ สดงฝม อื ทางดา น ทศั นศลิ ป พ.ศ. 2523 มีขอความเก่ียวของกับ ลักษณะครูที่ดีตอนหนึ่งวา “ครูท่ี ๘๑ แทนั้นตองเปนผูกระทําแตความดี ตองขยันหมั่นเพียรและอุตสาหะ พากเพียร ตอ งเออ้ื เฟอ เผื่อแผและเสยี สละ ตองหนักแนนอดกล้นั และอดทน ตอ งรกั ษาวนิ ัย สาํ รวม ระวังความประพฤตขิ องตนใหอ ยูใ นระเบยี บแบบแผนอนั ดงี าม ตองปลีกตวั ปลกี ใจจาก ความสะดวกสบายและความสนุกรื่นเริงท่ีไมสมควรแกเกียรติภูมิของตน ตองตั้งใจใหมั่นคงและแนวแน ตอง ซ่ือสัตย รักษาความจริงใจ ตองมีเมตตา หวังดี ตองวางใจเปนกลาง ไมปลอยไปตามอํานาจอคติ ตองอบรม ปญญาใหเพ่ิมพูนสมบูรณข้ึน ทั้งในดานวิทยาการและความฉลาดรอบรูในเหตุและผล” ซึ่งจะทําใหนักเรียน มคี วามรู ความเขาใจเกยี่ วกับลักษณะทีด่ ขี องครไู ดดีย่งิ ขนึ้ คูมือครู 81
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นกั เรียน 30%) ใหน ักเรียนรว มกนั อภปิ รายขอ มูล ๒.๓ ศิลปนิ อิสระ เกยี่ วกบั อาชพี ศลิ ปน อสิ ระวา มี ลกั ษณะอยา งไร ผทู จี่ ะยดึ อาชพี นค้ี วร ไมม่ ีใครสามารถสอนมนุษย์ให้เปน็ ศลิ ปินได้ บางคนมีคณุ ลกั ษณะ หรือฝมี ือที่สามารถเปน็ ศิลปินไดต้ ้ังแต่ มคี ณุ สมบตั เิ ชนใด โดยครูเสริมขอมูล เยาวว์ ยั หรือมีพรสวรรค์ แตศ่ ิลปินจ�านวนมากก็สรา้ งช่ือเสียงจากความมมุ านะและเพยี รพยายามสรา้ งสรรคผ์ ลงาน และใหนกั เรียนชว ยกันยกตัวอยา ง จนเป็นทีย่ อมรับ ปัจจุบันมีผูป้ ระกอบอาชีพเป็นศลิ ปินอสิ ระ สรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ออกมาจ�าหนา่ ย ทง้ั ภาพวาด บุคคลทยี่ ดึ อาชพี เปน ศิลปนอสิ ระ งานแกะสลกั ไม้ หรอื กอ้ นหนิ งานหล่อวัสดุต่างๆ เปน็ ต้น ซึ่งศลิ ปนิ อสิ ระควรมที กั ษะดงั ต่อไปนี้ ท่เี ปน คนไทย 4 - 5 ทาน ๑) มคี วามเชยี่ วชาญในงานทศั นศลิ ป ์ ตอ้ งรลู้ กึ ในงานทศั นศลิ ปท์ ตี่ นตอ้ งการสรา้ งสรรค์ มคี วามมมุ านะ เกร็ดแนะครู ในการสร้างสรรค์ผลงานใหส้ ังคมยอมรับ ซง่ึ อาจตอ้ งใช้เวลานานหลายปกี วา่ ที่ผูค้ นจะยอมรับในผลงาน ตอ้ งมีความ ครคู วรเชญิ ศลิ ปนอสิ ระทีม่ ี ตง้ั ใจอทุ ศิ ตนใหก้ บั การทา� งานทศั นศลิ ป์ มคี วามพยายามทจี่ ะเพม่ิ พนู ประสบการณด์ ว้ ยการสรา้ งสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ ความรู ความสามารถในการสรา ง ออกมาอยา่ งตอ่ เน่อื ง สรรคผ ลงานทศั นศลิ ปท่อี าศัยอยู ภายในทองถนิ่ หรือจงั หวดั ใกลเ คียง ๒) มีความเชือ่ ม่ันในตนเอง การสร้างสรรคผ์ ลงานในฐานะศลิ ปนิ อสิ ระ ยอ่ มไดร้ บั ทง้ั ค�าช่ืนชมและคา� มาเปนวทิ ยากรใหค วามรเู ก่ยี วกบั งานทศั นศิลปกับนักเรียน ในดาน วจิ ารณ์ ผทู้ จี่ ะประกอบอาชพี เปน็ ศลิ ปนิ อสิ ระจงึ ตอ้ งมคี วามเชอ่ื มน่ั ในแนวทางศลิ ปะทต่ี นเองยดึ ถอื ไมท่ อ้ ถอย ในขณะ การผลิตผลงานทศั นศิลปทมี่ ีคณุ คา เดยี วกันตอ้ งมีใจเปดิ กว้างยอมรับแนวคิดใหมๆ่ ที่จะช่วยพัฒนาผลงานของตนให้มีคุณภาพมากยง่ิ ขน้ึ ทางความงาม สะทอนแนวความ คดิ สรา งสรรค เพ่อื นําเสนอผลงาน ๓) มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ศลิ ปนิ อสิ ระตอ้ งมจี นิ ตนาการ ชา่ งคดิ ฝนั มคี วามมงุ่ มนั่ ศกึ ษาคน้ ควา้ ทดลอง ตอสาธารณชน หรือพานกั เรยี นไป ทัศนศกึ ษาเยีย่ มชมการแสดงผลงาน เทคนิค วธิ ีการ เลอื กใช้วสั ดุ หรือรูปแบบในการสร้างสรรค์ผลงานใหมๆ่ ตอ้ งไม่ยึดตดิ กบั เทคนิควิธกี ารเดมิ ๆ เพราะ ทัศนศลิ ปข องบรรดาศลิ ปน ทัศนศิลป เทคโนโลยแี ละวทิ ยาการมกี ารพัฒนาไปอยา่ งรวดเรว็ ทง้ั นี้ เพื่อใหไ้ ด้แนวทางในการสรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศลิ ป์ทม่ี ี ทีจ่ ดั ไวในสถานทต่ี า งๆ เพ่ือที่จะได ลักษณะเด่นเฉพาะของตนเอง นําความรมู าใชใ นการพัฒนาผลงาน ทัศนศิลปข องตนเองตอ ไปในอนาคต บเศูรรณษาฐกกาจิ รพอเพียง การประกอบอาชีพทางดา น ทัศนศิลป เปนอาชพี ของผูท ี่มีความ ศลิ ปนิ อสิ ระเปน็ อกี อาชพี หนง่ึ ทส่ี งั คมใหก้ ารยกยอ่ ง ซงึ่ ผทู้ ตี่ อ้ งการจะเดนิ ตามแนวทางน ี้ จะตอ้ งมคี วามคดิ สรา้ งสรรค ์ มคี วามมานะอดทน และผลติ สามารถและมีความถนดั ในงาน ผลงานทศั นศลิ ป์ออกมาอยา่ งสม่าำ เสมอ ทศั นศิลปสาขาตางๆ เพอ่ื เปนการ 82 สง เสรมิ ใหน กั เรยี นไดเ ลง็ เห็นถงึ ความสามารถและความถนัดในงาน ทศั นศิลปของตนเอง ครใู หนกั เรียน แบง กลมุ กลมุ ละ 5 คน เลอื กอาชีพท่ตี นเองชืน่ ชอบมา 1 อาชพี แลว ใหเพือ่ นในกลมุ ประเมนิ วาเพือ่ นคนดังกลาว มีคณุ สมบัติตามอาชีพทเ่ี ลือกหรอื ไม พรอ มสงตวั แทนท่มี คี ณุ สมบตั ิตรงตามอาชีพทไ่ี ดเ ลอื กออกมาอภิปราย หนาช้ันเรียน โดยการประเมินนั้นควรคาํ นึงถงึ หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในดา นความมเี หตผุ ลและความเปน จรงิ เพอ่ื ใหผ ลทีไ่ ดรับสามารถนํามาใชป ระโยชนใ นการดํารงชีวติ ตอ ไปได 82 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Elaborate Explore Explain Engage Evaluate ๒.๔ ชา่ งศลิ ป์ สาํ รวจคน หา ประเทศไทยเปน็ ประเทศทมี่ คี วามงดงามและอดุ มสมบรู ณ์ไปดว้ ยมรดกทางธรรมชาติ ใหน ักเรยี นสืบคน ขอ มูลเก่ียวกบั และวัฒนธรรม ดังปรากฏหลกั ฐานเป็นจ�านวนมาก ซ่งึ มกี ารสั่งสม ถา่ ยทอด สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ชางศลิ ปไ ทย หรอื ชา งสิบหมู จาก หนังสือในหอ งสมุด เว็บไซตใน จนกระทั่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าและเป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทย หรือที่เรียกว่า อนิ เทอรเนต็ และแหลงการเรยี นรู ตางๆ “มรดกชา่ งศลิ ปไทย” ซงึ่ ปจั จบุ นั ยงั ขาดชนรนุ่ หลงั ทจ่ี ะสบื ทอดเปน็ ชา่ งศลิ ปอ์ กี เปน็ จา� นวนมาก อธิบายความรู ชา่ งศลิ ป์ โดยรวมหมายถงึ ผทู้ ผี่ ลติ ผลงานทเ่ี กดิ จากฝมี อื ความสามารถ และความรู้ ใหน กั เรยี นรวมกันอธบิ ายขอมลู เฉพาะทางของชา่ งแตล่ ะคน ซง่ึ ชา่ งศลิ ปไ์ ทยถกู แบง่ ออกเปน็ หลายสาขา รวมเรยี กวา่ “ชา่ งสบิ หม”ู่ เกีย่ วกับลักษณะของชางศิลปไ ทย หรือชา งสบิ หมูวาประกอบไปดว ยชา ง เป็นช่างหลวงที่มีความรู้ ความช�านาญในงานช่างประณีตศิลป์และวิจิตรศิลป์ ซ่ึงจะ ใดบา ง ประกอบไปด้วยช่างเขียน ช่างปั้น ช่างแกะ ช่างสลัก ช่างหล่อ ช่างกลึง ช่างหุ่น นกั เรยี นควรรู ช่างรัก ช่างบุ และช่างปูน ซ่ึงบุคคลที่จะประกอบอาชีพเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงาน ชา งสบิ หมู เปน ชอ่ื ของกลมุ งานทไ่ี ด รวบรวมชา งตา งๆ เอาไวด ว ยกนั 10 หมู ทศั นศิลป์ประเภทงานช่างศิลป์ได้ดีนั้น นอกจากจะมฝี ีมือทางดา้ นทัศนศิลป์แลว้ ต้อง โดยเขาใจวาชางสิบหมูนั้นมีมาตั้งแต สมัยอยุธยา แตไมไดมีการจดบันทึก มีความอดทนในการท�างานหนกั มีความคิดสร้างสรรค์ และยงั ต้องพงึ มคี ุณลกั ษณะ เปน หลกั ฐานจนมาถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทร ตอนตน จึงมีการจําแนกชางออกเปน และทกั ษะดังต่อไปน้ี หมวดหมตู ามลกั ษณะงานชา งสบิ หมนู ี้ ๑) ยดึ มน่ั ในแบบแผนทกี่ าํ หนด เนอื่ งจากงานชา่ งศลิ ปไ์ ทยมแี บบแผน จดั เปน ชา งหลวง จะทาํ งานสนองพระ- ราชประสงค หรอื พระบรมราชโองการ ที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งจะต้องรักษาไว้ ผู้ท่ีจะปฏิบัติงาน ของพระเจาแผนดิน ชางสิบหมูจะ ประกอบดว ยชา งเขยี นชา งปน ชา งแกะ ทางดา้ นน้จี ึงต้องมคี วามเข้าใจและยอมรับ ชางสลัก ชางหลอ ชางกลึง ชางหุน ๒) รจู้ กั วสั ด ุ เครอื่ งมอื และอปุ กรณ ์ ชา่ งฝมี อื ทส่ี รา้ งสรรคง์ านชา่ งศลิ ปไ์ ทย ชางรัก ชางบุ และชางปูน มีอยู่ด้วยกันหลากหลายแขนง โดยจะมีความแตกต่างของวัสดุ เคร่ืองมือ และอุปกรณ์ นกั เรียนควรรู ซึ่งเคร่ืองมือและอุปกรณ์ท่ีจ�าเป็น จะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละสาขา ดังน้ัน โกลนหุน เปนการข้ึนรูปหุนโดยใช เคร่ืองมืองานปน ขูดแตงเน้ือดินเอา ผู้ที่จะประกอบอาชีพเปน็ ช่างศิลป์ ตอ้ งจดจ�าชอื่ และรายละเอยี ดของอุปกรณ์แตล่ ะชนิด หวั โขน : ทศกณั ฑ์ สวนที่ไมตองการออก เพ่ือใหไดหุนท่ี มีรปู ราง รูปทรง และขนาดที่ใกลเ คียง ใหไ้ ด้ เพอื่ ให้สามารถใชง้ านไดอ้ ย่างถกู ต้องและมีประสิทธภิ าพ กบั แบบทร่ี า งไว ๓) รู้วิธีการและข้ันตอน ช่างฝีมือ หรือ ชา่ งศลิ ปท์ ด่ี ตี อ้ งจดจา� วธิ กี ารและขนั้ ตอนในการปฏบิ ตั งิ าน ในสาขาของตนเองได้เป็นอย่างดี เพ่ือให้การปฏิบัติงาน สามารถด�าเนินไปได้อย่างถูกต้อง เช่น ช่างปั้น ก่อนท่ี ผลงานอันสวยงามจะปรากฏแก่สายตาของสาธารณชน ต้องเรม่ิ รา่ งแบบ หรือกา� หนดแบบเสยี ก่อน จากนัน้ จึง เตรยี มพนื้ ทส่ี า� หรบั งานปน้ั ขนึ้ รปู หรอื โกลนหนุ่ การปน้ั รปู การปน้ั สว่ นทเี่ ปน็ รายละเอยี ดและสดุ ทา้ ย คอื การตกแตง่ เพมิ่ เตมิ งานช่างศิลปท์ ุกประเภทของไทยเป็นงานที่ต้อง งานช่างศิลป์ไทยยังขาดแคลนเยาวชนรุ่นใหม่ที่จะสืบสานมรดก ใช้ทักษะเฉพาะด้าน ปฏิบัติงานด้วยความประณีตและ ภมู ปิ ญญาไทยทางด้านน้ีอยู่อกี มาก ละเอียดออ่ นในทุกข้ันตอน เปน็ ตน้ 8๓ นักเรียนควรรู ชา งบุ เปน ชา งฝม อื ประเภทหนงึ่ จดั อยใู นจาํ พวกชา งสบิ หมู ทไ่ี ดใ ชฝ ม อื ทางการชา งตกแตงผิวภายนอกของงานประเภทศิลปภัณฑ ครภุ ณั ฑ และ สถาปต ยกรรมบางประเภท ใหมคี วามสวยงาม แข็งแรง และมนั่ คงถาวร คูม อื ครู 83
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรยี น 30%) ใหน กั เรียนรว มกันอธิบายขอมลู ประสบการณใ์ นการทาำ งาน จะชว่ ยทาำ ใหร้ อบรเู้ ทคนคิ เฉพาะดา้ นในการ ๔) รอบรูเ้ ทคนิคเฉพาะด้าน ชา่ งศิลปค์ วร เก่ยี วกบั ทักษะและคณุ ลักษณะของ สรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ให้มีความงดงามและมีลกั ษณะโดดเดน่ ผูที่จะประกอบอาชพี เปนชา งศลิ ป เรยี นรเู้ ทคนคิ พเิ ศษเฉพาะดา้ น เพอ่ื ชว่ ยในการทา� งานของ โดยครูชวยอธิบายขอมูลเสริม ตน เช่น ช่างจ�าหลกั ไมต้ อ้ งรอบรูว้ ่า งานประเภทใดควร ใชไ้ ม้ชนิดใด เชน่ ไมต้ ะเคยี นนยิ มใช้แกะสลักโขนหวั เรือ เกร็ดแนะครู ไม้ขนุน ไม้ฉ�าฉา ไม้สักนิยมใช้ในงานแกะสลักประเภท เครื่องเรอื น งานหัตถกรรม ของที่ระลกึ ตลอดจนเคร่อื ง ครชู ว ยเสรมิ ขอ มลู วา ปจ จบุ นั ตลาด ประดับภายในอาคาร ช่างหล่อจะต้องรอบรู้ว่างานหล่อ แรงงานยังตองการชางศิลปอีกมาก ประเภทใดควรใช้วัสดุ อุปกรณ์ประเภทใด จึงจะมีความ นอกจากรับราชการแลว ก็ยังเปนที่ เหมาะสม เชน่ ใชข้ ้ผี ้ึงในการหล่อเทียน ใชโ้ ลหะในการ ตอ งการของบรษิ ทั เอกชนทผ่ี ลติ สนิ คา หล่อพระพทุ ธรปู เป็นต้น ท่ีเปนงานประณีตศิลป หรือจะเปน ศลิ ปน อิสระก็ได ในการผลิตงานช่างศิลป์แต่ละแขนง ถ้าช่าง รู้จักจดจ�าเทคนิคพิเศษเฉพาะด้านท่ีถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น กจ็ ะสามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งราบรนื่ เนอ่ื งดว้ ยมเี ทคนคิ ทที่ า� ใหส้ ามารถปฏบิ ัติงานได้อยา่ งรวดเรว็ เกร็ดแนะครู เกร็ดศลิ ป์ ครูอธิบายความแตกตางของชาง ชา่ งสิบหมู ่ เป็นกลมุ่ ช่างหลวงทมี่ ฝี ม อื และมคี วามชาำ นาญในการสร้างสรรค์ผลงานทศั นศลิ ป์ของไทย ซึ่งจะประกอบไปด้วยชา่ งสกลุ แกะและชางสลักใหนักเรียนฟงวา ต่างๆ ดงั คาำ ประพนั ธ์ดงั ตอ่ ไปนี้ การทาํ งานของชา งทง้ั 2ประเภทน้ีจะมี ความแตกตางกันตรงท่ีวัสดุ อุปกรณ “ ชา่ งเชี่ยวชาญเปน งานชา่ ง ชา่ งสรา งช่างสรรค์เปน งานศิลป ที่นํามาใชและลักษณะของผลงาน ชา่ งควรช่างเคยี งคธู่ านินทร์ ช่างสบื มิสญู สิน้ งานโบราณ กลาวคือ ชางแกะ เปนผูที่สรางสรรค คอื ชา่ งเขียน ปน ห่นุ แกะ สลัก อีกชา่ งรัก กลึง หล่อ บุ ปนู ประสาน ผลงานใหมีลวดลาย หรือเปนรูปภาพ เปน ตาํ นานชา่ งไทยมาแตก่ าล ชนประชาเรียกขานชา่ งสิบหมู่ ” ดว ยวธิ กี าร “แกะ” โดยมเี ครอ่ื งมอื ทใี่ ช คอื “มดี แกะ” งานทนี่ ยิ มนาํ มาแกะจะ ตวั อยา งผลงานสกลุ ชา งสบิ หมบู างชา ง เปน งานทมี่ ขี นาดเลก็ ทตี่ อ งการความ ละเอียดและความประณีต เชน ไม หมชู่ า่ งเขียน หมู่ชา่ งแกะ หมูช่ ่างปน งาชาง หิน ฟกทอง เปนตน ประเภท ของงานแกะจะแบง ออกตามวสั ดทุ นี่ าํ 8๔ มาใชท าํ เปน สอื่ ทางการแกะ ซ่งึ มอี ยู 2 ประเภท คอื งานแกะเคร่ืองสด และ นกั เรียนควรรู @ มมุ IT งานแกะเครอ่ื งวตั ถถุ าวร สว นชา งสลกั เปนผูท่ีสรางสรรคผลใหมีลวดลาย ชา งสบิ หมู จัดเปน ชา งหลวงทีท่ ํางานสนอง สามารถศึกษาเพ่มิ เตมิ เก่ียวกับชา งสิบหมู หรือเปนรูปภาพดวยวิธีการ “สลัก” พระราชประสงค หรอื พระบรมราชโองการ ไดจาก http://www.youtube.com โดย โดยมีเครอ่ื งมือทีใ่ ช คอื “สว่ิ ” งาน ของพระเจา แผน ดนิ ดงั นนั้ ผลงานแตล ะชนิ้ search คาํ วา ชา งสิบหมู หรอื http://www. ของชางสลักนยิ มนําไม หิน หนงั ท่ีถูกสรางขึ้นมายอมมีความประณีตและ changsipmu.com กระดาษ ฯลฯ มาเปน สือ่ สาํ หรบั สวยงามเปนพิเศษ ถายทอดความคิด ความเช่ือ และ ความงาม 84 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๒.๕ ผู้ผลิตผลติ ภัณฑ์ทําด้วยมือ กระตุนความสนใจ ผลิตภัณฑ์ท�าด้วยมือ หรือสินค้าแฮนด์เมด ครูใหน ักเรียนชว ยกันนาํ สินคา ท่ีเปนผลิตภณั ฑท าํ มือ หรอื สนิ คา (Handmade) เปน็ อีกอาชพี หนง่ึ ท่สี ามารถนา� ความรทู้ าง แฮนดเมดท่นี กั เรยี นมีมาแสดง จากนั้นครูตัง้ คาํ ถามกระตนุ ดา้ นทศั นศลิ ปม์ าประยกุ ต์ใชเ้ พอ่ื สรา้ งรายได้ ซงึ่ ในปจั จบุ นั ความสนใจวา มีผู้คนจ�านวนมากประกอบอาชีพนี้ โดยการผลิตสินค้า • สนิ คา ดังกลา วคอื สง่ิ ใด นกั เรยี น ซ้อื มาในราคาเทา ไร รูปแบบต่างๆ ออกมาจ�าหน่าย สามารถพบเห็นได้ง่าย • สนิ คา ดงั กลา วมีความนา สนใจ ตามแหล่งท่องเทย่ี วในจงั หวดั ตา่ งๆ และตลาดนัดท่ัวไป อยางไร ลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์ท�าด้วยมือ คือ • ในทองถิ่นของนกั เรียนมีสนิ คา แฮนดเ มดที่เดนๆ ใดบาง ใช้แรงงานคนเป็นหลัก หรือท�าด้วยมือ โดยใช้วัสดุจาก สํารวจคน หา ธรรมชาติท่ีหาได้งา่ ยในแต่ละทอ้ งถ่ิน หรอื เศษวัสดุแต่ละ ใหน ักเรยี นสบื คน ขอมลู เก่ียวกบั ชน้ิ ทมี่ ลี กั ษณะเฉพาะ แมเ้ ปน็ สนิ คา้ ประเภทเดยี วกนั แตถ่ า้ ลักษณะของสนิ คาแฮนดเมด ความตอ งการของผูบ ริโภค จาก คนท�าต่างกัน รูปลักษณ์และลวดลายก็จะมีความต่างกัน การสัมภาษณ สอบถาม หรือสบื คน จากเว็บไซตใ นอนิ เทอรเน็ต และ และถา้ ตา่ งทอ้ งถน่ิ ลกั ษณะและวสั ดทุ นี่ า� มาทา� กจ็ ะตา่ งกนั ผลิตภัณฑ์ทำาดว้ ยมอื มกั เปน็ ที่สนใจของนักท่องเทยี่ ว ทาำ ให้โอกาสเปิด แหลง การเรียนรตู า งๆ สะท้อนกลิ่นอายทางวัฒนธรรมท่ีแทรกอยู่ในผลงาน ซ่ึง กวา้ งสาำ หรบั ผู้สนใจ โดยเฉพาะในยา่ นที่เป็นศนู ยก์ ลางการทอ่ งเทย่ี ว เกร็ดแนะครู ถือเป็นเสน่ห์อยา่ งหนง่ึ ของผลิตภณั ฑท์ า� ด้วยมือ ครคู วรเชญิ ผทู ีจ่ ดั ทํา หรอื ดว้ ยเหตทุ ผี่ ลติ ภณั ฑท์ า� ดว้ ยมอื สรา้ งขนึ้ ภายใน จัดจาํ หนา ยสนิ คา แฮนดเมดมาเลา ประสบการณแ ละโอกาสทางธรุ กจิ ทอ้ งถน่ิ สามารถผลติ ไดใ้ นปรมิ าณทก่ี ารลงทนุ ไมส่ งู ผผู้ ลติ ของสินคา ประเภทนี้ รวมถงึ สินคา แฮนดเมดท่เี หมาะกบั ทอ งถิ่น หรอื สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ สินค้าจึงมี ความสามารถของนกั เรยี นที่จะผลิต รวมท้งั ทกั ษะของผูทจี่ ะประกอบ ความหลากหลายทั้งชนิดและปริมาณ ซ่ึงบุคคลท่ีมีฝีมือ อาชีพน้ี ทางด้านทัศนศิลป์สามารถผลิตออกมาจ�าหน่ายได้และ เปน็ สนิ คา้ ทต่ี ลาดยงั มคี วามตอ้ งการ ผทู้ จ่ี ะผลติ ผลติ ภณั ฑ์ ทา� ดว้ ยมอื ออกจา� หน่าย ควรมที กั ษะดังต่อไปน้ี ๑) มที กั ษะในการจดั การ เนอ่ื งจากผลติ ภณั ฑ์ ท�าด้วยมือเป็นสินค้าท่ีผลิตได้ไม่ยาก ส่วนใหญ่มีราคา จา� หนา่ ยตอ่ ชนิ้ ไมส่ งู การจา� หนา่ ยใหไ้ ดป้ รมิ าณมากๆ และ ตอ่ เนอื่ งจงึ เปน็ สงิ่ สา� คญั ซงึ่ ผผู้ ลติ ผลติ ภณั ฑท์ า� ดว้ ยมอื จะ ตอ้ งมที กั ษะการจดั การทดี่ ี ทง้ั ในดา้ นการหาวสั ดทุ ่ีใชผ้ ลติ การออกแบบสินค้าให้มีจุดเด่น การควบคุมดูแลต้นทุน หรือในกรณที ่ีผลติ ในปริมาณมาก ตอ้ งมีการควบคมุ ด้าน ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทำาด้วยมือที่สามารถผลิตออกมาได้อย่างสวยงาม คณุ ภาพใหส้ นิ คา้ แตล่ ะชนิ้ มคี ณุ ภาพเทา่ เทยี มกนั ตลอดจน และมรี ูปแบบที่หลากหลาย การบริหารรายได้ 8๕ นกั เรยี นควรรู คูม ือครู 85 แฮนดเมด (Handmade) ส่ิงของท่ีถูกผลิต หรือสรางข้ึน โดยมีเอกลักษณโดดเดนเฉพาะตัว ที่เปน สินคาทท่ี าํ จากมอื ไมไ ดผานการผลติ ในโรงงานอตุ สาหกรรม ความสวยงามของงานแฮนดเ มด จะขึน้ อยูกับจินตนาการของผูผลิต หรือผูสราง คุณคาของงานแฮนดเมดปรากฏอยูในงานแตละชิ้นงาน คือ ไมเ หมอื นกนั 100 เปอรเ ซน็ ต เพราะไมใ ชเ ครอื่ งจกั รในการทาํ งาน ดงั นน้ั สนิ คา จงึ ออกมาดเู ปน ธรรมชาติ มากกวาและมีราคาคอนขา งสูง
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Explain Engage Explore อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนกั เรียน 30%) ใหน ักเรยี นรว มกนั อภปิ รายขอ มูล เกย่ี วกบั ทักษะของผทู ีจ่ ะประกอบ อาชพี เปน ผผู ลิตสินคา แฮนดเมด และถา ในช้ันเรยี นมีนกั เรียนที่มี ประสบการณเ กย่ี วกบั เรอื่ งนคี้ วรให นักเรียนมาบอกเลาประสบการณตรง ใหเพือ่ นฟง ดวย เกรด็ แนะครู ครูอาจอธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกับ การผลิตสนิ คาแฮนดเ มด ดังนี้ 1. พยายามดสู นิ คา แฮนดเ มดทม่ี อี ยู ในทองตลาดใหมาก เพ่ือจะได เกิดมมุ มองวา ควรผลิตส่ิงใด 2. ควรผลิตสินคาที่ตนมีความถนัด ผลิตภัณฑ์ทำาด้วยมือที่มีลักษณะเฉพาะเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ถือว่าเป็นจุดเด่นท่ีช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค เช่น ร่มบ่อสร้าง ถา สอ่ื เอกลกั ษณข องทอ งถน่ิ หรอื จงั หวัดเชยี งใหม่ เปน็ ตน้ ซงึ่ ผซู้ อื้ สามารถนำาไปใช้ประโยชนไ์ ด้โดยตรงและใช้เปน็ ของท่ีระลกึ จังหวดั ดว ยกจ็ ะเปน การดี ๒) มคี วามคดิ สรา้ งสรรค ์ เนอื่ งจากการผลติ ผลติ ภณั ฑท์ า� ดว้ ยมอื สามารถทา� ไดง้ า่ ย ตน้ ทนุ ไมส่ งู สนิ คา้ ท่ี 3. ใชว ัตถุดิบท่สี ามารถหาไดงา ย ภายในทอ งถน่ิ เปนหลกั และใช ไดร้ บั ความนยิ มมากจะมกี ารแขง่ ขนั ทางการตลาดสงู มผี ผู้ ลติ สนิ คา้ ออกมาจา� หนา่ ย ผผู้ ลติ ผลติ ภณั ฑท์ า� ดว้ ยมอื จงึ ตอ้ ง เงินลงทนุ ในการผลติ ไมสงู มคี วามคดิ สรา้ งสรรคม์ าก โดยออกแบบสนิ คา้ ใหม้ คี วามแปลกใหม่ มคี วามนา่ สนใจแตกตา่ งออกไปจากสนิ คา้ ของผอู้ น่ื 4. พยายามพฒั นาสินคา ใหม ี อยู่เสมอ มีต้นทุนไม่สูง หรือเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความแปลกใหมอยเู สมอ ที่ผอู้ นื่ ทา� ตามได้ยาก 5. หาชอ งทางการจดั จาํ หนายที่ ๓) เข้าใจเร่ืองการตลาด สามารถจะวิเคราะห์ได้ว่า สนิ คา้ ประเภทใดทตี่ ลาดตอ้ งการ ควรวางตลาดชว่ งใด การแขง่ ขนั หลากหลาย เชน ผา นทางเวบ็ ไซต เป็นแบบใด ราคาจ�าหน่ายควรต้ังไว้เท่าไรจึงจะเหมาะสม เพ่ือขยายตลาด เปน ตน ควรใช้ช่องทางการจ�าหน่ายแบบใดบ้าง หรือควรใช้ 6. สํารวจความตองการของตลาด แนวทางใดท่ีจะท�าใหส้ นิ ค้ามีจุดเดน่ นา่ สนใจ เพ่อื จงู ใจ อยเู สมอ เพือ่ จะไดวิเคราะห ผูบ้ รโิ ภคใหม้ าซือ้ สนิ คา้ ความตองการไดอยา งถูกตอง การมีความรู้เร่ืองการตลาดจะช่วยท�าให้การ ตุกตาเซรามิก เป็นผลงานท่ีผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทำามือต้องใช้ความคิด สร้างผลิตภัณฑ์มีความสอดคล้อง หรือตรงกับความ สร้างสรรค์เป็นอย่างมากในการสร้างสรรค์ผลงาน (จากภาพ) ตุกตา เซรามกิ ทสี่ ร้างสรรค์ออกมาเปน็ รปู ผีตาโขน ต้องการของผู้บริโภค ซึ่งช่วยท�าให้จ�าหน่ายสินค้าได้ นักเรยี นควรรู งา่ ยยิง่ ขึน้ รมบอสราง สินคาพื้นเมืองที่ไดรับ 8๖ ความนยิ มอยา งมากจากนักทองเท่ยี ว ทั้งชาวไทยและชาวตางชาติ ซึ่งรม ชนิดน้ีจะผลิตกันมากที่บานบอสราง อ.สันกําแพง จ.เชียงใหม การวาดลวดลายและ ระบายสีจะมีการนําเอาแปงเปยกผสมนํ้ามะโกติดผา หรือกระดาษเขากับรม เพราะจะ ทําใหมีความแข็งแรง ทนทาน และสีน้ํามันที่นํามาระบายจะตองผสมกับน้ํามันมะเยา หรือนา้ํ มนั ตงั อ๊ิว ก็จะชวยใหร มทนแดด ทนฝน สามารถใชง านไดจรงิ 86 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Explain Explore Evaluate เสริมสาระ อธิบายความรู มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลรตั นโกสนิ ทร์ วทิ ยาเขตเพาะชา่ ง ใหนักเรยี นรวมกันอธบิ ายขอมูล เกย่ี วกบั ความสาํ คญั ของมหาวทิ ยาลยั มีผู้เรียนหลายคนมีแนวคิดว่า ต่อไปภายหน้าอยากไปศึกษาต่อ เทคโนโลยีราชมงคลรตั นโกสินทร ทางดา้ นทศั นศลิ ป์ เพอื่ จะไดน้ าำ ความรไู้ ปประกอบอาชพี หรอื ผลติ ผลงานทาง วิทยาเขตเพาะชา ง เพอื่ เปน ขอมูล ด้านทัศนศิลป์ตามท่ีตนเองมีใจรัก สถาบันที่เปิดสอนด้านศิลปะมีอยู่หลาย สําหรับนักเรยี นทม่ี ีใจรกั ในงาน แห่ง และหนึ่งในสถาบันทางด้านทัศนศิลป์ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปศึกษา ทัศนศิลปและสนใจทจ่ี ะไปศกึ ษาตอ ตอ่ กค็ อื “มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสนิ ทร์ วทิ ยาเขตเพาะชา่ ง” ทางดา นนีใ้ นอนาคต จะไดทราบ ขอ มูลเบ้ืองตน มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสนิ ทร์ วทิ ยาเขตเพาะชา่ ง องคพ์ ระวษิ ณกุ รรม ตง้ั อยภู่ ายในมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี ตั้งอยู่ที่ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ราชมงคลรตั นโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะชา่ ง นักเรียนควรรู คาำ วา่ “เพาะชา่ ง” ไดร้ บั พระราชทานนามจากพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี ๖) ในวาระทไ่ี ดเ้ สดจ็ พระราชดาำ เนนิ มาทรงเปดิ โรงเรยี น เพาะชาง เปนมหาวิทยาลัยท่ีเปด เม่ือวันท่ี ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๖ เนื่องจากทรงมีพระราชดำาริห่วงใยใน สอนศลิ ปะการชา ง ตราประจาํ สถาบนั ศิลปะการช่างของไทย เกรงว่าจะถูกอิทธิพลของศิลปะตะวันตกเข้าครอบงำา เปนรูปวงกลม มีองคพระวิษณุกรรม อาจถึงคราวเสื่อมสูญลงได้ จึงทรงมีพระราชประสงค์ให้จัดตั้งสถานศึกษา อยูตรงกลาง แสดงรัศมีที่สื่อถึงความ เพื่ออบรมให้ความรู้และฝึกหัดเยาวชนเกี่ยวกับงานช่าง เพ่ือให้ช่วยกันทำานุ รอบรูและปญญาของชางศิลปะ สี บาำ รงุ ศลิ ปะการชา่ งของไทย ประจําสถาบนั คือ สแี ดงและสดี าํ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตเพาะช่าง ได้เปิดหลักสูตรการสอนในระดับ นักเรียนควรรู ปรญิ ญาตรี ๔ ปี ทงั้ ภาคปกติและภาคสมทบ (บางสาขา) มีทั้งหมด ๔ กลมุ่ วิชา คือ ศลิ ปะประจำาชาติ ศิลปหตั ถกรรม วิจิตรศิลป์ และออกแบบ สงั กดั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ สำานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา เจาอยูหัว (รัชกาลท่ี 6) พระองคทรง โดยผู้ท่ีประสงค์จะเข้าศึกษาต่อจะต้องผ่านการสอบคัดเลือก (สอบตรง) โดยผู้มีสิทธิ์สมัครสอบต้องสำาเร็จการศึกษา หว งใยในศลิ ปะการชา งของไทย วา ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันต้น (ปวช.) หรือวุฒิการศึกษาใกล้เคียง ซึ่งสอบ จะไดร ับอิทธิพลของศิลปวฒั นธรรม ทงั้ วชิ าสามญั และวชิ าปฏิบัติ เช่น การวาดเส้น ความถนัดในสาขาทจ่ี ะศึกษา การสอบสมั ภาษณ์ เป็นต้น ตา งชาตเิ ขา ครอบงํา และอาจทาํ ให ศลิ ปะการชา งของไทยเสื่อมสญู สาขาวชิ าทเ่ี ปดิ สอน มี ๑๓ สาขา ได้แก่ ๘. ประติมากรรม (Sculpture) จงึ มีพระราชประสงคจ ะทาํ นบุ าํ รงุ ๑. จิตรกรรมไทย (Thai Painting) ศลิ ปะการชา งของไทย โดยการกอตั้ง ๒. ประติมากรรมไทย (Thai Sculpture) ๙. ภาพพมิ พ์ (Graphic Arts) มหาวทิ ยาลยั แหงนข้ี ึ้น ๓. หตั ถศิลป์ (Craft) ๑๐. การถา่ ยภาพ (Art of Photography) ๔. หัตถกรรม (Handicraft) ๑๑. ออกแบบนิเทศศลิ ป์ (Visual Communication Design) ๕. เคร่ืองป้ันดนิ เผา (Ceramics) ๑๒. ออกแบบภายใน (Interior Design) ๖. เครอื่ งโลหะและรูปพรรณอญั มณี (Metal work and Jewelry) ๗. จิตรกรรม (Painting) ๑๓. ออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสนิ ทร์ วทิ ยาเขตเพาะชา่ ง ไดผ้ ลติ ศลิ ปนิ และบคุ ลากรทางดา้ นทศั นศลิ ปม์ าอยา่ ง มากมาย เชน่ ถวัลย์ ดัชนี, เฉลิมชยั โฆษิตพิพัฒน์, อังคาร กลั ยาณพงศ์, ชาำ เรอื ง วเิ ชียรเขตต,์ กมล ทัศนาญชลี เป็นตน้ @ มุม IT 87 นกั เรยี นควรรู สามารถศกึ ษาเพิ่มเติมเกย่ี วกบั มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อญั มณี แรร ตั นชาตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ มาจาก รตั นโกสินทร ไดจาก http://www.pohchang.rmutr.ac.th ธรรมชาติ มีความสวยงาม แข็งแรง คงทน และหายาก อัญมณีของไทย จะแบง ออกเปน 9 ชนิด หรือท่เี รียกวา “นพรัตน” หรือ “นวรัตน” หรือ “แกว เกา ประการ” ซงึ่ ประกอบไปดว ยเพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย และไพฑูรย คมู อื ครู 87
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain ขยายความเขา ใจ (ยอ จากฉบับนกั เรียน 30%) ใหน ักเรียนเลอื กปฏบิ ัติกิจกรรม กจิ กรรม ศลิ ปป ฏบิ ัติ ขอ ใดขอ หน่งึ ตอ ไปนี้ กจิ กรรมที่ ๑ ใหนกั เรยี นแบง กลุม กลมุ ละ ๕ คน ใหไปสัมภาษณบ ุคคลท่มี อี าชีพเกยี่ วของกับงานทัศนศลิ ป หรอื 1. แบง กลมุ 5คนไปสมั ภาษณบ คุ คล ผลิตสินคาประเภทผลิตภัณฑทําดวยมือ โดยศึกษาข้ันตอนการผลิตช้ินงาน ชองทางการจําหนาย ท่ีมอี าชพี ทางดา นทศั นศิลป กจิ กรรมท่ี ๒ ความมนั่ คง และความกา วหนา ของอาชพี จากนัน้ นาํ ขอ มลู มาจดั ทําเปน รายงานพรอ มภาพประกอบ หรอื ผลิตสินคาแฮนดเ มด โดย กิจกรรมที่ ๓ แลวสงครูผูสอน ศกึ ษาข้นั ตอนการผลิตสินคา เชญิ วทิ ยากรมาบรรยายและแนะแนวทางในการเลอื กศกึ ษาตอ หรอื ประกอบอาชพี ที่ใชค วามรทู างดา น การจดั จาํ หนา ย ความมน่ั คง และ ทัศนศิลป แลวใหน กั เรยี นแตล ะคนสรุปสาระความรจู ากการบรรยายของวิทยากร แลวสง ครูผสู อน ความกาวหนาของอาชีพ จัดทํา จงตอบคาํ ถามตอไปน้ี เปน รายงาน พรอมภาพประกอบ ๑. จงวเิ คราะหถ ึงคณุ ประโยชนท ี่บคุ คลจะไดร บั จากการศึกษา หรอื ปฏิบตั งิ านทางดานทศั นศลิ ป สง ครูผูสอน ๒. ใหย กตวั อยา งและอธบิ ายถงึ อาชพี ทส่ี ามารถใชค วามรทู างดา นทศั นศลิ ปในการสรา งสรรคผ ลงาน 2. ใหนกั เรยี นระบุอาชพี ทีเ่ กยี่ วขอ ง มา ๑ อาชพี กับงานทัศนศลิ ปแ ละทักษะที่ จาํ เปนตอ การประกอบอาชีพ ดงั กลาวอยางนอย 5 อาชพี จดั ทาํ เปน รายงาน สงครผู ูสอน ตรวจสอบผล การศกึ ษาเรยี นรทู างดา นทศั นศลิ ป นอกจากจะชว ยทาํ ใหเ กดิ ความรู ความเขา ใจ มสี นุ ทรยี ภาพ รจู กั ชนื่ ชม ครูพิจารณาจากการระบุอาชีพที่ ความงามของผลงานทัศนศลิ ปท ีศ่ ลิ ปนไดสรา งสรรคข้ึน หรอื สามารถออกแบบสรา งสรรคผ ลงานทัศนศิลปตาม สามารถนาํ ความรทู างดา นทศั นศิลป ความคดิ และจนิ ตนาการของตนไดแ ลว ประสบการณแ ละความรพู นื้ ฐานทไ่ี ดร บั ยงั สามารถนาํ ไปใชใ นการประกอบ ไปใชประโยชนและทักษะท่ีจาํ เปน อาชพี ไดอ กี ดว ย ซงึ่ ปจ จบุ นั มอี าชพี จาํ นวนมากทต่ี อ งใชค วามรทู างดา นทศั นศลิ ปแ ละความตอ งการตลาดแรงงาน ในการประกอบอาชพี นน้ั ของนักเรียน ทางดา นนย้ี งั เปด กวา งอกี มาก ซงึ่ ถา นกั เรยี นสนใจ รกั ในงานทศั นศลิ ปแ ละมฝี ม อื ทางดา นน้ี กส็ ามารถยดึ เปน อาชพี สรา งรายไดเ ล้ียงตนเองและครอบครวั ใหมีความสขุ ได แหสลดักงฐผานลการเรยี นรู 1. รายงานการสัมภาษณบ ุคคลท่ี มอี าชีพทางดานทศั นศิลป หรือ ผลิตสินคาแฮนดเมด 2. รายงานระบอุ าชีพท่เี ก่ยี วขอ งกับ งานทัศนศิลป ๘๘ เกร็ดแนะครู (แนวตอบ กจิ กรรมศลิ ปป ฏิบัติ กิจกรรมท่ี 3 1. มีความรู ความเขา ใจ รจู ักชนื่ ชมในผลงานทศั นศลิ ป สามารถสรางสรรคผลงานทศั นศลิ ป ตามประเภทท่ีตนพึงพอใจ และนําความรทู างดา นทศั นศิลปไปใชประกอบอาชพี ได 2. พิจารณาจากคําตอบของนักเรียน โดยอยูใ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู ูส อน) 88 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Elaborate Evaluate เปา หมายการเรยี นรู เลือกงานทัศนศิลปโดยใชเ กณฑที่ กําหนดข้นึ อยางเหมาะสมและนาํ ไป จัดนทิ รรศการ ๖หนว่ ยท่ี กระตุน ความสนใจ การจัดนทิ รรศการทางทศั นศลิ ป์ กตวั ช้วี ัด ารจัดนิทรรศการเป็นความรู้อีกแขนงหน่ึงท่ีผู้ศึกษา ครูหาภาพตวั อยางการจดั ■ เลอื กงานทศั นศลิ ปโ์ ดยใชเ้ กณฑท์ ก่ี าำ หนดขนึ้ อยา่ งเหมาะสมและ ทศั นศิลป์จา� เป็นต้องเรยี นรู้ เพราะนทิ รรศการเปรียบเสมือน นิทรรศการทางทศั นศิลปม าให นำาไปจัดนทิ รรศการ (ศ ๑.๑ ม.๓/๑๑) เวทีท่ีจะได้มีโอกาสนา� ผลงานทัศนศิลป์ไปจัดแสดง ซ่ึงอาจเป็น นักเรียนดู และต้งั คําถาม ดังนี้ ผลงานท่ีผู้เรียนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้สร้างสรรค์ข้ึน หรือ • ใครเคยไปชมนิทรรศการทาง เป็นผลงานของศิลปินก็ได้ แต่การจัดนิทรรศการทางทัศนศิลป์ ทัศนศิลปท่ีจัดขน้ึ ภายนอก จะเกิดข้ึนได้ต้องอาศัยผลงานทัศนศิลป์ ซึ่งต้องมีท้ังปริมาณและ โรงเรยี นบา ง ถาเคย ลักษณะ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง คุณภาพ ดงั น้นั จงึ ควรทราบหลกั เกณฑ์ทใี่ ช้สา� หรับคัดเลอื กผลงาน ของนทิ รรศการเปน อยางไร ทัศนศิลป์เพื่อน�าไปใช้จัดนิทรรศการ และน�าความรู้น้ีไปใช้ประโยชน์ ■ การจัดนิทรรศการ • นักเรยี นไดรับประโยชนอ ยางไร จากการไปชมนิทรรศการ ในชีวติ จรงิ ได้ (แนวตอบ ขน้ึ อยูก บั ทัศนะของ นักเรยี น คาํ ตอบไมมีถูก-ผดิ ) เกรด็ แนะครู การเรียนการสอนในหนวยน้ี ครูอธิบายใหน ักเรยี นเขาใจวา นิทรรศการทางทัศนศิลปใหค วามรู ใหค วามรนื่ รมยท างใจแกผ ชู ม เปน เวที สําหรับผูสรางสรรคและผูที่รักในงาน ทศั นศลิ ป ผชู มจาํ นวนมากคาดหวงั จะ ไดเห็นผลงานทัศนศิลปที่หลากหลาย เหน็ ถงึ ความคดิ สรา งสรรค พฒั นาการ ทางทัศนศิลป ดังนั้น จึงจําเปนตอง มีการคัดกรองผลงานที่จะนําไปจัด แสดง เพอื่ ใหน ทิ รรศการทางทศั นศลิ ป นน้ั เปนนทิ รรศการที่มีคุณภาพ คูมือครู 89
กระตนุ ความสนใจ สาํ รEวxpจloคre21น 38/ห0Ja6าn/1u0ary อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage 2016 11:14ExApMlain Elaborate Evaluate นร.ทัศนศลิ ป ม.3 N6 089-102_O.k กระตุนความสนใจ (ยอ จากฉบบั นกั เรยี น 30%) ใหนักเรียนชมคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ ñ. ¤ÇÒÁÊÓ¤ÞÑ ¢Í§¹·Ô ÃÃÈ¡Ò÷ҧ·ÈÑ ¹ÈÅÔ »Š การจัดนทิ รรศการทางทศั นศลิ ป แลว ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น หรือ การศึกษาวชิ าทัศนศลิ ป นอกเหนอื จากการเรียนรวู ิธีการสําหรับสรา งสรรคผ ลงานทศั นศิลปแ ลว ความรู ความรูสกึ ที่มตี อบรรยากาศของงาน และทกั ษะท่ผี ูเรยี นควรจะมอี กี ประการหนึง่ คอื การจัดนิทรรศการ (Exhibition) ทางทศั นศิลป ซ่ึงมแี นวทางการจดั ท่ี สํารวจคน หา หลากหลาย โดยขน้ั ตอนสาํ คญั ทจี่ ะทาํ ใหส ามารถจดั นทิ รรศการขนึ้ ได คอื การเกบ็ รวบรวมผลงานเพอ่ื นาํ มาจดั แสดง ใหน กั เรยี นไปสบื คนขอ มูล เกี่ยวกับความสําคัญของนิทรรศการ โดยตอ งมเี กณฑท เี่ หมาะสมสาํ หรบั นาํ มาใชค ดั กรองใหเ หลอื เพยี งผลงานทส่ี อดคลอ งกบั วตั ถปุ ระสงค หรอื เปน ผลงาน ทางทศั นศลิ ปแ ละขั้นตอนการจัด นทิ รรศการทางทศั นศิลป นบั ต้งั แต ทมี่ ีคณุ ภาพ เพ่อื นําไปจัดนทิ รรศการไดเทา นั้น ขน้ั วางแผนงาน ขั้นปฏบิ ัตงิ าน และขน้ั แสดงผลงาน การแสดงผลงานทางทศั นศลิ ป จะใชผ ลงานทศั นศลิ ปป ระเภทใดประเภทหนง่ึ เชน จติ รกรรมสนี า้ํ สนี าํ้ มนั อธิบายความรู งานประตมิ ากรรม งานภาพพมิ พ เปน ตน หรอื จะนาํ งานหลากหลายประเภทมาแสดงรวมกนั กไ็ ด สาํ หรบั ในระดบั ชนั้ ใหนักเรียนอภิปรายขอมูลเก่ียวกับ น้ีมีวัตถุประสงคเพ่ือนําผลงานที่ผูเรียนไดสรางสรรคขึ้นในการเรียนวิชาทัศนศิลป หรือผลงานของบุคคลอื่น หรือ ความสําคัญของงานทัศนศิลป โดย ใหน กั เรยี นทเ่ี คยมโี อกาสไปชมการจดั ของศิลปนนํามาจัดแสดง เพ่ือใหผูอ่ืนไดมีโอกาสช่ืนชมผลงานทัศนศิลปท่ีทําเสร็จสมบูรณแลว เพื่อสรางเสริม นทิ รรศการทางทศั นศลิ ปน อกโรงเรยี น ออกมาเลาประสบการณใหเพ่ือนฟง สนุ ทรยี ศลิ ป เผยแพรค วามรู และฝก ทกั ษะทางดา นการบรหิ ารจดั การ ซง่ึ ความสาํ คญั ของการจดั นทิ รรศการทางทศั นศลิ ป จากนั้นสรุปประเด็นสําคัญที่ผูชมจะ ไดรับจากการไปชมนิทรรศการ สามารถสรุปได ดงั ตอ ไปน้ี ๑) สง เสรมิ ความรู ความสนใจ เปน การสง เสรมิ ความรู ความสนใจทางทศั นศลิ ปไ ดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ นักเรยี นควรรู เพราะการเขาชมนิทรรศการทางทศั นศลิ ปผเู ขา ชมจะตอ งใชเ วลาและเดนิ ชมตามเสน ทางท่กี าํ หนดไว ซง่ึ เมอ่ื ชมจบ นิทรรศการ (Exhibition) การแสดง ผลงาน สนิ คา ผลติ ภณั ฑ หรอื กจิ กรรม ผชู มจะสามารถเขา ใจเรอ่ื งราว หรอื เน้ือหาที่ผูจัดตองการสือ่ สาร เสมือนเปน การเตมิ ความรูใหก ับตนเอง นอกจากนี้ ใหค นทั่วไปไดช ม ถอื เปน วธิ ีการ ประกาศ โฆษณา ประชาสัมพันธ การจัดนิทรรศการทางทัศนศิลปยังชวยฝกจินตนาการอยางเปนระบบและคิดออกมาเปนภาพ ซึ่งทักษะในดานน้ี อยา งหนง่ึ ทจี่ ําเปนตองมีสง่ิ ของ ภาพ ตลอดจนการแสดง เพ่อื ดึงดดู สามารถนําไปใชในการดําเนนิ ชีวติ ประจําวนั ดา นอืน่ ๆ ไดอ ีกดวย ความสนใจของผูท่จี ะเขามาชมงาน เชน การจัดนทิ รรศการทาง ๒) สง เสริมการแสดงออก การไดล งมอื จดั วิทยาศาสตร การจดั นิทรรศการ ทางทัศนศลิ ป การจดั นิทรรศการ แสดงนทิ รรศการทางทศั นศลิ ปเ อง ผเู รยี นจะไดน าํ ความรู ทางเทคโนโลยี เปนตน ซ่ึงเปน การ จดั เพื่อใหผ ชู มทราบถึงเรื่องราว ทผ่ี า นการศกึ ษาเลา เรยี นซงึ่ เปน ภาคทฤษฎมี าใชถ า ยทอด ประวตั ิความเปน มา และสงิ่ ท่ีผผู ลติ สรางขึ้น เปน ผลงานรปู ธรรมซงึ่ เปน ภาคปฏบิ ตั ิ ถอื เปน การไดล งมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ ซงึ่ จะชว ยทาํ ใหเ กดิ ความรู ความเขา ใจสงิ่ ทไี่ ด เรยี นรมู ากยง่ิ ขนึ้ รวมทง้ั ประสบการณต รงเชน นจี้ ะมผี ลตอ ผูเรียนเม่ือตองไปประกอบอาชีพการงานในอนาคต ๓) สง เสรมิ ความสามคั คี การจดั นทิ รรศการ ทางทศั นศลิ ปจ ะประสบความสาํ เรจ็ ได จะตอ งอาศยั ความ รวมมือจากบุคคลหลายฝายที่จะตองรวมมือกันทํางาน ตามแผนท่ีไดกําหนดไว ดังนั้น การจัดนิทรรศการ การเขา ชมนทิ รรศการทางทศั นศลิ ป จะชว ยทาํ ใหผ ชู มเขา ใจความงาม ทางทัศนศิลปจึงชวยเสริมพลังความสามัคคีใหเกิดข้ึน ของผลงานทศั นศลิ ป สรา งความอมิ่ เอมใจ รวมทงั้ ไดค วามรดู า นตา งๆ ทางออมในระหวางลงมือปฏิบัติงาน รวมท้ังยังจะเปน ตามแตศิลปนจะถา ยทอดออกมา ประสบการณท ช่ี ว ยสอนใหเ รารจู กั การทาํ งานเปน หมคู ณะ ๙๐ @ มุม IT สามารถชมคลปิ วดิ ีโอเก่ยี วกบั การจัดนทิ รรศการทางทศั นศิลป ไดจาก http://www.youtube.com โดย search คําวา นิทรรศการ ทางทศั นศิลป หรอื Art Exhibition 90 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ นEรา.xทยpศั 1lนค5aศ iDวnิลeปาc์ eมมm.3รb eNูr6 2 008195ข- 2178ย0:2/209า_6 OP/ยE1M.0kxคpวaาnมdเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate อธบิ ายความรู ครูขออาสาสมัครนักเรยี นใหมา อธบิ ายขอ มลู เก่ยี วกบั ขั้นตอนการ วางแผนการจดั นทิ รรศการทาง ทัศนศลิ ปว ามขี ้นั ตอนยอ ยๆ ใดบา ง หรือมีหลักการดําเนนิ งานอยา งไร ๒. ขน้ั ตอนการจดั นิทรรศการทางทัศนศลิ ป์ เกร็ดแนะครู การจดั นทิ รรศการทางทศั นศลิ ปใ์ นแตล่ ะงาน อาจมคี วามแตกตา่ งกนั ในดา้ นวตั ถปุ ระสงค ์ ลกั ษณะของงาน ครูเนนย้ําใหนักเรียนเขาใจวา หาก ประเภทของงานท่นี า� มาจดั แสดง หรอื กลุม่ ผู้ชม แต่ข้นั ตอนในการดา� เนินงานจะมีลกั ษณะเดียวกัน ดงั ต่อไปน้ี ตองการใหการจัดนิทรรศการประสบ ผลสาํ เร็จ ควรดําเนินการดังตอไปน้ี ๒.๑ ขั้นการวางแผน 1. ควรมีการวางแผนไวล วงหนา เปน็ การเตรยี มการเพอ่ื กา� หนดขน้ั ตอนสา� หรบั เปน็ กรอบในการปฏบิ ตั งิ าน เพอื่ ใหบ้ คุ คลทเี่ กยี่ วขอ้ งมองเหน็ และมเี วลาในการเตรยี มตวั อยา ง ภาพรวมของงาน เขา้ ใจลักษณะของงานได้ตรงกัน ซึ่งการวางแผนจะตอ้ งมคี วามชัดเจนในประเดน็ ตา่ งๆ ดงั ต่อไปนี้ พอเพียง ๑) วัตถุประสงคใ์ นการจัด ตอ้ งระบุใหช้ ัดเจนว่าวัตถุประสงค์หลักในการจดั ตอ้ งการสงิ่ ใด เชน่ เพอ่ื ให้ 2. ควรแบงหนาที่ความรับผิดชอบ ในทมี โดยพจิ ารณาจากความ ผเู้ รยี นไดม้ โี อกาสแสดงผลงานทต่ี นสรา้ งสรรค ์ หรอื ใหเ้ หน็ ผลงานของศลิ ปนิ ทมี่ ชี อื่ เสยี ง เพราะวตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั ถนดั ของแตละบุคคล จะมีความสัมพันธ์กับการคัดเลือกผลงานที่น�ามาแสดง ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ไม่ควรก�าหนดให้มีหลายประการ ซ่ึง วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะช่วยท�าให้ผู้ปฏิบัติงานทั้งคณะมองเหน็ เปา้ หมายไดต้ รงกัน 3. ตดิ ตอ ประสานงานประชาสมั พนั ธ ขอความรวมมือจากบคุ คลท่มี ี ๒) สถานทจ่ี ัด ควรระบใุ หช้ ัดเจนวา่ จะใชพ้ ้ืนทบ่ี รเิ วณใดของโรงเรยี น ภายในหอ้ งเรยี น หรือภายนอก หนา ทเี่ กี่ยวของ หอ้ งเรียน ทั้งน ้ี สถานทส่ี า� หรับจดั นทิ รรศการทางทศั นศลิ ป์ควรเป็นพืน้ ทกี่ ว้างพอสมควร เพอ่ื ให้มีพืน้ ที่ติดตง้ั ผลงาน 4. การประชาสมั พันธก ารจดั และรองรับจา� นวนผู้ชมซงึ่ อาจมเี ปน็ จา� นวนมากและควรเปน็ พน้ื ทีโ่ ปรง่ อากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก มีแสงสว่างเพียงพอ นิทรรศการ ปราศจากสง่ิ รบกวนตา่ งๆ 5. คัดเลอื กผลงานทจ่ี ะนาํ มาจัด 91 แสดง โดยการพิจารณาอยาง รอบคอบและสมเหตุสมผล 6. จดั เตรยี มวสั ดุ อุปกรณ และ เคร่ืองมอื เพอื่ ใชในการจดั นทิ รรศการ 7. ดําเนนิ การจัดสรางตามขน้ั ตอน ท่ไี ดม กี ารวางแผนไว 8. วางส่ิงของทแี่ สดงในตําแหนง ทีก่ ําหนดไว โดยจดั ไวใ หอ ยู ในระดบั สายตาของผูช ม นกั เรยี นควรรู คูมอื ครู 91 วตั ถปุ ระสงคห ลกั เปน หวั ใจของการวางแผนงานและเปน เสมอื นเปา หมายหลกั ทจี่ ะทาํ ใหผ รู ว มงาน ทกุ ฝา ยเขา ใจวตั ถปุ ระสงคห ลกั ของการจดั นทิ รรศการ สาํ หรบั การจดั นทิ รรศการในระดบั ของนกั เรยี น อาจกาํ หนดใหม เี พยี ง 1 - 2 วตั ถปุ ระสงคก เ็ พยี งพอ ไมค วรมมี าก เพราะอาจจะทาํ ใหน ทิ รรศการมคี วาม หลากหลาย การควบคุมงานใหอยูในกรอบจะเกิดความยากลําบาก และเมื่อกําหนดวัตถุประสงค ไดแลว จะตอ งสือ่ สารและทาํ ความเขา ใจกับทมี งานทัง้ หมดใหเ ขา ใจตรงกนั
กระตุนความสนใจ สําEรxวpจloคr12นน e83ร/ห.0Jทa6ัศาn/น1u0ศaิลryป2 ม01.อ36Nธ161บิ:0189Eา9xAย-p1M0lคa2i_วnOา.kมรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Expand Evaluate อธบิ ายความรู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 30%) ใหน กั เรยี นอภปิ รายขอ มลู เกย่ี วกบั ๓) ระยะเวลาในการจัด นิทรรศการทาง การวางแผนการจดั นทิ รรศการ โดย ครชู วยเสริมขอ มูล ทัศนศิลปอาจจัดข้ึนในชวงกอนปดภาคเรียนเทอมตน ชวงปลายป หรือจัดระหวางวันเทศกาลตางๆ การระบุ เกรด็ แนะครู เวลาทีแ่ นนอนและมีเวลาเตรียมการท่เี หมาะสม จะทําให สามารถคัดเลือกผลงานที่มีคุณภาพนํามาแสดงไดเปน ครคู วรอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี น จาํ นวนมาก เขาใจวา ขั้นตอนการวางแผนเปน สิ่งสําคัญมาก ตองระดมความคิด ๔) กลมุ เปา หมายในการจดั ตอ งใหม คี วาม จากทุกฝาย เพื่อสรุปความคิดเปน แผนงาน ซงึ่ ถา แผนมกี ารจดั ทาํ อยา ง ชดั เจนวา กลมุ บคุ คลทตี่ อ งการใหเ ปน เปา หมายหลกั ทจี่ ะ รอบคอบ รัดกุม และปฏิบัติงานไป ไดร บั ประโยชนจากการจดั นทิ รรศการคอื ใคร อาจจะเปน ตามแผนทวี่ างไว การจดั นทิ รรศการ ผูเรียนท่ีเปนเจาของผลงานทัศนศิลป ผูเรียนที่เปนผูชม ยอมจะสําเร็จไดไมยาก ท้ังน้ี หัวใจ การกาํ หนดกลมุ ผชู มเปน เปา หมายหลกั กอ นการจดั นทิ รรศการ เพราะ นทิ รรศการ การรูกลุมเปาหมายหลกั จะมคี วามสําคญั ตอ ในการทาํ งานประการหนง่ึ กค็ อื ตอ ง จะชว ยทาํ ใหจ าํ กดั ขอบเขตการเลอื กผลงานทจ่ี ะนาํ มาจดั แสดงไดง า ยขน้ึ การกาํ หนดปจ จยั อ่ืนๆ ของการจดั นิทรรศการ ทําใหผูเก่ียวของทุกฝายมองเห็น ภาพรวมของงานไดแ ละเขา ใจตรงกนั ๕) งบประมาณ เปน ปจ จยั สาํ คญั อยา งหนง่ึ ตอ ความสาํ เรจ็ ของงาน การจดั นทิ รรศการจาํ เปน ตอ งมคี า ใชจ า ย เหน็ เปน ภาพเดยี วกนั งานกจ็ ะดาํ เนนิ ไปอยา งมปี ระสทิ ธิภาพ ถึงแมจ ะมีจํานวนไมมาก แตกต็ องทําบญั ชีรายรับ - รายจา ย ทราบแหลงทีม่ าและจาํ นวนงบประมาณทจี่ าํ เปน ตอ งใช เชน ไดจ ากการสนับสนนุ ของโรงเรียน ผูเรยี นชวยกนั บรจิ าค เปนตน การใชจ ายเงนิ ตองระมัดระวงั พงึ จา ยเฉพาะ ส่ิงที่มคี วามจาํ เปน ท้ังนี้ ควรมงี บประมาณสาํ รองไวบาง เพอื่ ไวใ ชจ า ยสาํ หรบั การแกไขปญหาเฉพาะหนา ๖) วิธีการจัด จะจัดอยางไร ใครเปนผูจัด เชน ถาจัดเพียงหองเรียนเดียว อาจจัดบริเวณหนาหอง ใหผ เู รยี นในหอ งเปน ผจู ดั หรอื จะจดั ทงั้ ระดบั ชน้ั กต็ อ งใหผ เู รยี นในหอ งอนื่ ๆ เขา มารว มเปน คณะทาํ งาน เปน ตน ทงั้ นี้ ตองมีการแบงหนาท่ีวาใครจะรับผิดชอบงานสวนใด โดยอาจแบงเปนฝายๆ เชน ฝายการเงิน ฝายประชาสัมพันธ ฝา ยสถานที่ ฝา ยคดั เลือกและติดตั้งผลงาน ฝายประสานงาน ฝา ยพิธีการ ฝา ยประเมนิ ผล เปนตน นกั เรยี นควรรู พื้นที่จัดนทิ รรศการควรเปน พน้ื ที่โลง กวาง เพ่ือใหผ ูชมไดใชเ วลาชมผลงานไดอยางสะดวก กลมุ เปา หมาย หรอื Target Group ๙๒ เปนหัวใจสําคัญอยางหน่ึงของการ วางแผน การจัดนิทรรศการตอง นกั เรียนควรรู ประชุมและกําหนดเปาหมายท่ี แนน อนวา กลมุ เปา หมายหลกั คอื ใคร ฝายสถานท่ี จะตองพิจารณาในลักษณะของโครงสรางวามีความแข็งแรง กันแดด ฝน ลมหรือไม เพราะจะไดเตรียมงานและส่ิงตางๆ ท้งั นี้ จะตอ งเปน พ้ืนทโี่ ปรง กวา งขวาง มที างเขา - ออกสะดวก อากาศถายเทไดด ี อณุ หภมู ิพอเหมาะ รองรบั ไดถ กู เนอื่ งจากผชู มแตล ะกลมุ ไมรอน หรือเย็นจนเกินไป มีแสงสวางท่ีเพียงพอ ปราศจากเสียงท่ีดังรบกวน และสามารถควบคุม จะมีพฤติกรรมในการชมแตกตาง บรรยากาศ หรอื สภาพแวดลอมไดด ี กนั ออกไป สวนผูชมกลมุ อื่นๆ ใหถ อื เปนสวนเสริม ท้ังน้ี ไมควรกําหนด ผูชมกลุมเปาหมายหลักในลักษณะ ที่กวาง เชน ประชาชนทัว่ ไป บคุ คล ที่สนใจผลงานทัศนศลิ ป เปนตน เพราะจะทําใหเตรยี มงานไดล ําบาก 92 คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ นEรา.xทยpศั 1lนค5aศ iDวnิลeปาc ์ eมมm.3รb eNูr6 2 008195ข- 2178ย0:2/209า_6 OP/ยE1M.0kxคpวaาnมdเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate ๒.๒ ขัน้ ปฏบิ ตั งิ าน อธบิ ายความรู ข้ันตอนนี้เป็นการลงมือปฏิบัติงานให้นิทรรศการเกิดข้ึนจริง หลังจากท่ีวางแผนแบ่งภาระหน้าที่ให้แต่ละ ใหน ักเรียนรว มกันอภิปรายขอ มูล ฝ่ายน�าไปปฏิบัติแล้ว ควรมีการประชุมเพ่ือติดตามงานเป็นระยะๆ ว่าแต่ละงานมีความคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด เกี่ยวกบั ความสําคญั และลกั ษณะการ ภาระหน้าทท่ี ีส่ �าคัญในขน้ั ตอนน ้ี จะประกอบไปด้วย ออกแบบงานนทิ รรศการใหนาสนใจ โดยครชู วยอธบิ ายเสริม ๑) การออกแบบงาน การออกแบบถือเป็นหัวใจส�าคัญของการจัดนิทรรศการ เพราะช่วยท�าให้งานมี เกรด็ แนะครู ความโดดเดน่ กระตนุ้ ความสนใจของผชู้ ม หรอื ชมงานดว้ ยความเพลดิ เพลนิ มองเหน็ คณุ คา่ และความหมายของงาน นิทรรศการ การออกแบบงานนิทรรศการจะประกอบไปด้วยการออกแบบโครงสร้างท่ีเป็นภาพรวมของนิทรรศการ ครูควรอธิบายใหนักเรียนเขาใจวา พ้ืนท่ีท่ีใช้แสดงผลงานทัศนศิลป์ ซุ้มประตูทางเข้า - ออก และอื่นๆ การตกแต่งบริเวณงานให้มีสีสันที่น่าสนใจและ การออกแบบงานจะชวยดึงดูดความ มีความแตกต่างไปจากสภาพแวดล้อมใกล้เคียง อาจมีการจัดสวนหย่อม น้�าพุ สร้างทางเดินเล็กๆ จัดหามุมน่ัง สนใจของผชู ม ซง่ึ การจะออกแบบงาน พกั ผอ่ น ออกแบบแผ่นป้ายเพ่ือบอกข้อมลู สังเขปของผลงานแตล่ ะชิ้น นอกจากน ้ี ยงั หมายรวมไปถงึ การจัดแสงไฟ ใหไดดี ผูออกแบบตองไปชมแนวทาง สอ่ งสวา่ งใหม้ คี วามนมุ่ นวล หรอื การเปดิ เสยี งเพลงคลอเบาๆ เพอ่ื สรา้ งอารมณใ์ หก้ ารชมนทิ รรศการเกดิ ความรน่ื รมย์ การจัดนิทรรศการตางๆ ใหม าก เพอ่ื มากย่งิ ขน้ึ ท้งั น้ ี การออกแบบและตกแตง่ ภายในงานจะต้องมีความสัมพนั ธ์กลมกลืนกับเนอื้ หาของนิทรรศการดว้ ย จะไดเกิดความคิดสรางสรรค ท้ังน้ี ตอ งพงึ ระมดั ระวงั อยา ใหก ารออกแบบ เกรด็ ศลิ ป์ งานไปกลบความสําคัญและดึงความ สนใจออกจากผลงานทัศนศิลปท่ีนํา หอศิลปกรุงเทพมหานคร มาจัดแสดง มชี อ่ื เรยี กอยา่ งเปน็ ทางการวา่ “หอศลิ ปวฒั นธรรมแหง่ กรงุ เทพมหานคร” (Bangkok Art and Culture Centre) ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกปทุมวัน หัวมุมถนน นักเรียนควรรู พระรามท่ ี ๑ และถนนพญาไท ตรงข้ามศนู ย์การคา้ มาบญุ ครองและสยามดิสคัฟเวอรี ่ เร่มิ ก่อสรา้ งตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๗ แล้วเสร็จเม่ือ พ.ศ. ๒๕๕๑ ตวั อาคารสงู ๙ ชนั้ มีพ้นื ท่ี ขอ มลู สังเขปของผลงาน ใหระบุ จัดแสดง ๔,๐๐๐ ตารางเมตร สถาปนิกออกแบบให้เป็นทรงกระบอก ซ่ึงสามารถ เฉพาะขอมูลท่สี ําคัญ ไดแ ก เชอ่ื มตอ่ ระหวา่ งอาคารไดด้ ว้ ยทางเดนิ วนเปน็ แนวเอยี งขนึ้ เพอื่ ใหผ้ ชู้ มสามารถชมงาน ชอื่ ผสู รางสรรค พ.ศ. เทคนคิ วิธกี าร ทัศนศลิ ป์ในแตล่ ะชน้ั ไดอ้ ย่างตอ่ เนอื่ ง นอกจากนี้ ตวั อาคารยังสามารถรบั แสงสว่าง ขนาด ประเภทผลงาน และขอ มลู จากภายนอกได้ โดยที่แสงจะไม่มีผลกระทบต่อผลงานทัศนศิลป์ท่ีแสดงอยู่ภายใน สงั เขป พมิ พ หรือเขยี นบนกระดาษ โดยมหี อ้ งแสดงนทิ รรศการอยดู่ ว้ ยกนั หลายหอ้ ง เปดิ ใหเ้ ขา้ ชมตงั้ แตเ่ วลา ๑๐.๐๐ น. – พนื้ สอี อ นแลวนาํ ไปตดิ ใกลๆ ผลงาน ๒๑.๐๐ น. วันอังคารถึงวนั อาทิตย ์ (หยดุ ทุกวนั จนั ทร)์ นักเรยี นควรรู นอกจากหอศิลปกรุงเทพมหานครแล้ว ยังมีหอศิลป์อีกหลายแห่งกระจาย อยู่ตามจังหวัดต่างๆ มีท้ังของหน่วยงานของรัฐและเอกชนท่ีสามารถจะเข้าไปช่ืนชม การชมนทิ รรศการผชู มตอ งใชส มาธิ ผลงานทศั นศลิ ปไ์ ด ้ เชน่ พพิ ธิ ภณั ฑส์ ถานแหง่ ชาต ิ หอศลิ ป กรงุ เทพมหานคร หอศลิ ป และจินตนาการ ดังน้ัน เสียงเพลง วัฒนธรรมมหาวิทยาลยั ขอนแกน่ จังหวดั ขอนแกน่ หอศลิ ปวฒั นธรรมเมอื งเชยี งใหม ่ ที่ใชควรเปนเพลงบรรเลงจังหวะชาๆ จงั หวดั เชยี งใหม ่ หอศลิ ปร์ มิ นา่ น จงั หวดั นา่ น หอศลิ ปน์ ครหาดใหญ ่ เฉลมิ พระเกยี รตฯิ และเปดคลอเบาๆ ซ่ึงจะชวยสราง จงั หวัดสงขลา หอศลิ ปะและวฒั นธรรมภาคตะวันออก จงั หวัดชลบุรี เป็นต้น ความเพลิดเพลินและสรางอารมณ สุนทรียะใหก บั ผชู มไดม ากยิง่ ข้ึน 9๓ คมู ือครู 93
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180