Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore CA-presentation

CA-presentation

Published by Choosak Yuennan, 2018-07-05 01:04:22

Description: CA-presentation

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การพยาบาลแบบองค์รวมในการ แก้ปัญหาสุขภาพสาหรับบุคคลวยั เดก็ วยั รุ่น ทม่ี เี ซลล์เจริญเตบิ โตผดิ ปกตทิ ้งั ในภาวะเฉียบพลนั วกิ ฤตและเรื้อรัง อ. ดร.ชูศักด์ิ ยืนนาน

วตั ถุประสงค์การเรียนรู้บอกลกั ษณะ ระยะการเจริญเตบิ โตของเซลล์มะเร็ง สาเหตุและปัจจัยท่ที า ให้เกดิ เซลล์เจริญเติบโตผดิ ปกตไิ ด้ถูกต้องอธิบายพยาธิสภาพการเกดิ เซลล์ทเ่ี จริญเตบิ โตผดิ ปกตทิ ี่พบบ่อยในเดก็ บอกอาการและอาการแสดงโรคมะเร็งทพี่ บบ่อยในเดก็ ได้o อธิบายหลกั การวนิ ิจฉัยโรคมะเร็งทพ่ี บบ่อยในเดก็ ได้

วตั ถุประสงค์การเรียนรู้ (ต่อ)อธิบายหลกั การรักษาโรคมะเร็งทพี่ บบ่อยในเด็กได้ใช้กระบวนการในการแก้ปัญหาสุขภาพเด็กและวยั รุ่นทม่ี ภี าวะเซลล์ เจริญเติบโตผดิ ปกตไิ ด้ถูกต้อง

คาศัพท์พืน้ ฐานเกยี่ วกบั มะเร็งTumor หมายถึงก้อนเนื้อ (Mass) หรือก้อนทีบ่ วมขนึ้ มา (Swelling) ซึ่ง อาจจะเป็ นก้อนเนื้อ ทไ่ี ม่อนั ตราย (Benign) หรือ ก้อนเนื้อร้าย (malignant) Benign หมายถงึ ก้อนเนื้อทไ่ี ม่มีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายไปยงั อวยั วะ อื่นๆ Malignant หมายถงึ ก้อนเนื้อ ซ่ึงมคี วามสามารถในการกระจาย หรือ แพร่กระจายไปยงั อวยั วะอื่นๆ

ความหมายของมะเร็งมะเร็ง หมายถึง โรคชนิดหน่ึง ซ่ึงมีลกั ษณะของการแบ่งเซลลท์ ี่ไม่สามารถควบคุมได้ และเซลล์ เหล่าน้ี มีความสามารถท่ีจะลุกลามเขา้ ไปในเน้ือเยอื่ อื่นๆ โดยวธิ ีการใดวธิ ีการหน่ึง เช่น เจริญเติบโตโดยตรงเขา้ ไปในเน้ือเยอื่ ขา้ งเคียง (Invasion) หรือการอพยพ เคลื่อนยา้ ยเซลลไ์ ปยงั ตาแหน่งที่ไกลๆ (Metastasis) การเจริญเติบโตแบบไม่เป็น ระเบียบของเซลลน์ ้ี อาจมีสาเหตุท่ีเกิดข้ึนภายหลงั หรือเป็นกรรมพนั ธุ์ โดยการกลาย พนั ธุ์ของ DNA ภายในเซลล์ มีการทาลายขอ้ มูลของยนี ซ่ึงเป็นตวั กาหนดหนา้ ท่ีของ เซลล์ การเคลื่อนยา้ ย และการควบคุมความปกติของการแบ่งตวั ของเซลล์

การแบ่งความรุนแรงของมะเร็งตามระยะของโรคระยะท่ี 1 มะเร็งยงั จากดั อยเู่ ฉพาะในท่ีเริ่มเป็นระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามถึงเน้ือเยอ่ื ขา้ งเคียง หรือลุกลามทะลุผา่ น อวยั วะที่เป็นโพรงระยะท่ี 3 มะเร็งลุกลามถึงต่อมน้าเหลืองใกลเ้ คียงระยะท่ี 4 มะเร็งแพร่กระจายไปยงั อวยั วะอื่นๆ

การแพร่กระจายของเซลมะเร็งโดยทางกระแสเลือด เซลล์มะเร็งจะหลุดเข้ากระแสเลือด แล้วไป เจริญเติบโตในอวยั วะต่างๆ เช่น ปอด ตบั กระดูก สมองเป็ นต้นโดยทางกระแสนา้ เหลือง เซลล์มะเร็งหลดุ เข้าหลอดนา้ เหลืองแล้วไป เจริญเตบิ โต ในต่อมนา้ เหลือง บริเวณใกล้เคียง ทาให้ต่อมนา้ เหลืองมี ขนาดโตได้มาก ๆ จากต่อมนา้ เหลืองนีเ้ อง เซลล์มะเร็งอาจจะแพร่กระจาย เข้าสู่หลอดเลือดอกี ทอดหนึ่งได้

การแพร่กระจายของเซลมะเร็งโดยการฝังตัวของเซลล์มะเร็ง (Implantation) โดยเซลลม์ ะเร็งหลุดจาก ตาแหน่งเดิม ไปเจริญท่ีส่วนอื่น อาจจะเป็นการหลุดโดยธรรมชาติ หรือ โดยมีการกระตุน้ เช่น จากการผา่ ตดั เป็นตน้โดยการไปจับหรือรวมตวั ตามพืน้ ผวิ ของผนังเย่ือบุ (Transcoelomic) โดยเซลลม์ ะเร็งหลุดจากกอ้ นมะเร็ง ไปงอกตามพ้นื ผวิ ของเยอื่ บุต่างๆ เหมือนกบั ตน้ กาฝาก ที่แพร่จากกิ่งไมก้ งิ่ หน่ึงไปยงั กิ่ง ติดๆ กนั เช่น ตามพ้นื ผวิ ของเยอื่ บุช่องทอ้ ง ช่องปอด เป็นตน้

สาเหตุและปัจจยั ทที่ าให้เกดิ เซลล์เจริญเตบิ โตผดิ ปกตใิ นเดก็สาเหตุของมะเร็งยงั ไม่ทราบแน่ชัด ค้นพบว่ามคี วามผดิ ปกตขิ องสารพนั ธุกรรมหรือ DNA ทาให้เซลล์ ปกตเิ กดิ การเปลยี่ นแปลงกลายเป็ นเซลล์มะเร็ง ปัจจยั หลายอย่างที่อาจเกย่ี วข้องท้งั จากภายนอกและภายใน(การบริโภคของมารดาในขณะต้งั ครรภ์ การได้รับรังสี สารเคมีบางชนิด อาชีพของบดิ ามารดา)

ปัจจัยทท่ี าให้เกดิ เซลล์เจริญเตบิ โตผดิ ปกตใิ นเด็กความโน้มเอยี งทางพนั ธุกรรม โรคพนั ธุกรรมทเ่ี กดิ จากความผดิ ปกติของ โครโมโซมDOWN SYNDROME: มีอุบัติการณ์ทพ่ี บ ALL ใน DOWN’S ประมาณ 1:95Retinoblastoma gene (Rb gene)กลุ่มอาการ LI-FRAUMENI คือกล่มุ อาการทางพนั ธุกรรมทม่ี คี วามเกย่ี วข้อง กบั การกลายพนั ธ์ุของยนี ต้านมะเร็ง P53 ซึ่งปกตมิ ีหน้าทค่ี วบคุมการ เจริญเติบโตของเซลล์ ทาให้ผู้ป่ วยกล่มุ นีม้ โี อกาสเสี่ยงต่อการเกดิ มะเร็งใน เดก็ เช่น มะเร็งกระดูกมะเร็งเนื้อเย่ืออ่อน มะเร็งเมด็ เลือดขาว เนื้องอกใน สมอง

ปัจจยั ที่ทาให้เกดิ เซลล์เจริญเตบิ โตผดิ ปกตใิ นเดก็1.4 ภาวะภูมิคุ้มกนั บกพร่อง การติดเช้ือไวรัส (เช่น เช้ือ Epstein-Barr virus (EBV) ทาใหเ้ กิด Burkitt's lymphoma และเช้ือ HIV ทาใหเ้ กิด lymphomas หรือผลจากการรักษา (เช่น ผปู้ ่ วยที่ไดร้ ับยากดภูมิคุม้ กนั เพื่อรักษาโรคขอ้ อกั เสบ หรือ หลงั การปลูกถ่ายเซลลต์ น้ กาเนิดเมด็ เลือด)1.5 ผปู้ ่ วยมีประวตั ิเคยเป็นมะเร็ง /ไดร้ ับการรักษามะเร็งมาก่อน (มีโอกาส เส่ียงในการเกิดมะเร็งชนิดที่สอง)

ชนิดของโรคมะเร็งทพี่ บบ่อยในเด็กแบ่งกล่มุ โรคมะเร็งเป็ น 3 กล่มุ ใหญ่คือมะเร็งระบบโลหิตวทิ ยา ประกอบดว้ ย มะเร็งเมด็ เลือดขาว มะเร็งต่อม น้าเหลือง ท้งั ชนิด non-Hodgkin และ Hodgkinมะเร็งก้อนแขง็ หรือมะเร็งเนื้องอกร้าย ประกอบดว้ ย มะเร็งกอ้ น Neuroblastoma, มะเร็งตา Retinoblastoma, มะเร็งไต Wilms’tumor, มะเร็ง กอ้ น Ewing sarcoma (หรือ PNET) ,มะเร็งท่ีมาจากเซลลร์ ะบบสืบพนั ธุ์ Germ cell, มะเร็งกระดูก Osteosarcoma, มะเร็งเน้ือเยอื่ ต่างๆ Sarcoma, มะเร็งตบั Hepatoblastoma,Hepatocellular carcinoma,และมะเร็งสมองหรือ ไขสนั หลงั บางชนิด เช่น Medulloblastoma glioblastoma เป็นตน้

ชนิดของโรคมะเร็งทพ่ี บบ่อยในเด็กแบ่งกลุ่มโรคมะเร็งเป็ น 3 กล่มุ ใหญ่คือ3. ก้อนเนื้องอกทไี่ ม่ใช่มะเร็ง แต่มีการขยายตวั หรือกระจายลุกลามได้ ประกอบดว้ ย กลุ่มโรค Histiocytosis syndromes เช่นโรค Langerhans cell histiocytosis, และโรค Famillial erythrophago histiocytosis

รู้ได้อย่างไรว่าเดก็ เป็ นมะเร็ง??ยงั ไม่มีการคดั กรองมะเร็งในเดก็ ท่ีมีประสิทธิภาพพอ่ แม่ พเี่ ล้ียงตอ้ งสงั เกตอาการผดิ ปกติไดเ้ ร็ว เช่น การมีกอ้ นเน้ือ เป็นไขส้ ูงบ่อย อาจเกิดร่วมกบั การมีจุดแดงกระจายตามร่างกาย อาการเขียวช้า หอ้ เลือด หรือเกิดข้ึนร่วมกบั อาการไข้ ต่อมน้าเหลืองโต การมองเห็นเปลี่ยนแปลง (รายละเอียดหนา้ 4)

วธิ ีการตรวจวนิ ิจฉัยมะเร็งในเด็ก?? ประวตั ิการเจบ็ ป่ วยของเดก็ และคนในครอบครัว การตรวจร่างกาย การตรวจทางเซลลว์ ิทยา การตรวจไขกระดูก การตดั ชิ้นเน้ือตรวจทางพยาธิวทิ ยา การตรวจเลือด ดูคา่ Tumor Marker (สารท่ีพบในมะเร็งบางชนิด) การตรวจเพ่อื ประเมินสุขภาพเดก็ และตรวจหาการแพร่กระจาย ของโรคมะเร็ง (CBC, LFT, BUN Cr, U/A, CXR CT scan, Bone scan, PET scan)

มะเร็งในเด็กรักษาอย่างไร?? ผา่ ตดั รังสีรักษา เคมีบาบดั ปลูกถ่ายไขกระดูก ในมะเร็งเมด็ เลือดขาว และต่อมน้าเหลอื ง การรักษาประคบั ประคอง (Immunotherapy, การปลูกถ่ายไข กระดูกในมะเร็งชนิดอื่น เช่น neuroblastoma, retinoblastoma)

โรคมะเร็งต่อมนา้ เหลืองมะเร็งต่อมนา้ เหลือง หมายถึง กลุ่มโรคท่ีเกิดจากการแบ่งตวั ของเซลล์ ในต่อมน้าเหลืองผดิ ปกติ ทาใหม้ ีการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิวทิ ยาของ อวยั วะในระบบน้าเหลือง แบ่งไดเ้ ป็นกลุ่มใหญ่ๆดงั น้ี (บุญเพียร จนั ท วฒั นา,2550:733)Hodgkin’s diseaseNon Hodgkin’s Lymphoma (NHL)Burkitt’s Lymphoma อยใู่ นกลุ่มNHL ผปู้ ่ วยเดก็ จะพบ Burkitt’s Lymphoma





Anatomy of the lymph system, showing the lymph vesselsand lymph organs including lymph nodes, tonsils, thymus,spleen, and bone marrow.

สาเหตุปัจจัยทมี่ ผี ลต่อการเกดิ มะเร็งต่อมนา้ เหลือง1.พนั ธุกรรม พบวา่ ในผปู้ ่ วยที่มีความผดิ ปกติของการซ่อมแซม DNAท่ีเสียหาย ในโรค ataxia telagiectasia ซ่ึงเป็นโรคท่ีถ่ายทอดทาง autosomal recessive หรือ X link lymphoproliferative syndrome มีความเสี่ยงในการเกิด มะเร็ง ต่อมน้าเหลืองสูงกวา่ คนปกติ

สาเหตุปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกดิ มะเร็งต่อมนา้ เหลือง2.ภูมคิ ุ้มกนั ในผปู้ ่ วยโรคเอดส์มีอุบตั ิการณ์ในการเกิดมะเร็งต่อมน้าเหลืองสูง-ในกลุ่มโรคออโตอิมมูนไดแ้ ก่ Sjogren syndrome, Hashimoto thyroiditis และ rheumatoid arthritis มีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมน้าเหลืองสูงโดยเฉพาะ ชนิดNHL-ในกลุ่มเดก็ ท่ีไดร้ ับการปลูกถ่ายอวยั วะพบวา่ มีอุบตั ิการณ์การเกิดโรคมะเร็ง ต่อมน้าเหลืองชนิด NHLสูงกวา่ ผใู้ หญ่ ประมาณ 4 เท่า-การไดร้ ับยากดภูมิคุม้ กนั (immunosuppressive drug) เพื่อรักษาโรคอ่ืนๆ มี โอกาสเส่ียงต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้าเหลือง

สาเหตุปัจจัยท่ีมผี ลต่อการเกดิ มะเร็งต่อมนา้ เหลือง3. สิ่งแวดล้อม อาชีพ เกษตรกรมีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะในกลุ่มท่ีมีการ สมั ผสั ยาปราบศตั รูพืชยาฆ่าแมลง และสารเคมีที่มีรายงายวา่ เป็นปัจจยั เสี่ยง ต่อการเกิดมะเร็งต่อมน้าเหลืองไดแ้ ก่ organophosphate (ออการ์ โนฟอตฟต) อาชีพที่มีความเกี่ยวขอ้ งกบั โรคเนื่องจากการสมั ผสั สารเคมี และรังสี ไดแ้ ก่ ก่อสร้าง นกั เคมี นกั วิสญั ญี ช่างสี

สาเหตุปัจจยั ที่มผี ลต่อการเกดิ มะเร็งต่อมนา้ เหลือง4. เชื้อไวรัส➢ Epstein-Barr Virus (EBV) เป็นสาเหตุสาคญั ในการเกิดมะเร็งต่อมน้าเลือง โดยเฉพาะ Burkitt lymphoma➢ เช้ือไวรัส Human T- cell Lymphotropic Virus 1(HTLV1) Human Herpervirus 8 (HHV 8) และHepatitis C virus (HCV)5.อ่ืนๆ ที่เป็นปัจจยั เก่ียวขอ้ งการการเกิดโรค เช่นการติดเช้ือแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) ท่ีกระเพาะอาหาร ในผปู้ ่ วย gastric MALT lymphoma

พยาธิสรีรภาพการที่เซลลใ์ นต่อมน้าเหลืองในร่างกายตาแหน่งในตาแหน่งหน่ึง มีการ แบ่งตวั ผดิ ปกติ จนเกิดเป็นกอ้ นทาใหไ้ ม่สามารถทาหนา้ ที่ตามปกติไดแ้ ละ รบกวนการทาหนา้ ท่ีของอวยั วะท่ีอยใู่ กลเ้ คียงตาแหน่งท่ีพบบ่อยคือ ต่อมน้าเหลืองบริเวณคอ (cervical lymph node)กอ้ นที่โตข้ึนอาจกดเบียดหลอดเลือดดา ทาใหเ้ กิดอาการ SVC syndrome (Superior vena cava syndrome) ทาใหใ้ บหนา้ และแขนขาท้งั 2 ขา้ งบวม เนื่องจากเลือดดาไหลกลบั เขา้ สู่เสน้ เลือดดา เวนนาคาวา (VENA CAVA ไม่ สะดวกบางรายมีกอ้ นท่ีต่อมน้าเหลืองในช่องทอ้ ง จึงคลาพบกอ้ นในช่องทอ้ ง

พยาธิสรีรภาพโรคมะเร็งต่อมน้าเหลืองฮอดจก์ ินเป็นเน้ืองอกอของเน้ือเยอื่ ลิมฟอยด์ (Lymphoid tissue) เกิดจากเซลลท์ ี่เรียกวา่ รีดสเตอร์นเบอร์กเซลล์ (Reed – Sternberg Cell) ซ่ึงมีลกั ษณะเป็นเซลลข์ นาดใหญ่ มีนิวเคลียสหลายอนั ซ่ึงเป็นลกั ษณะเฉพาะของโรคมะเร็งต่อมน้าเหลืองฮอดจก์ ิน การเกิดโรค อาจจะเกิดที่เน้ือเยอ่ื ลิมฟอยดใ์ นต่อมน้าเหลือง หรืออาจพบไดใ้ นอวยั วะอื่น ๆ เช่น มา้ ม ตบั ไขกระดูก ปอดและบริเวณช่องอก (Mediastinum)

REED – STERNBERG CELL

อาการHodgkin’s disease มกั พบต่อมน้าเหลืองที่โตโดยเฉพาะท่ีคอ และ อาจพบตบั มา้ มโตไดม้ าเป็นปี โดยไม่มีการปวดอาจพบอาการอื่นที่ไดใ้ นมะเร็งเช่น เบื่ออาหาร ผอมลง มีไขเ้ ร้ือรัง เป็นๆหายๆ บางรายไข้มีลกั ษณะพเิ ศษที่เรียกวา่ Pel Epstein fever คือ มีอาการคนั และ เหง่ือออกมาก

Hodgkin’s disease

อาการNon Hodgkin’s Lymphoma (NHL) มกั มีอาการเร็วและรุนแรง อาการ แสดงจะข้ึนกบั ตาแหน่ง กาเนิดของมะเร็งทพ่ี บบ่อย คือกอ้ นในช่องทอ้ ง ทอ้ งโตข้ึน มีอาการปวดทอ้ ง และอาเจียน จากการอุดตนั ของลาไส้ กอ้ นในช่องทรวงอก มากดเบียดหลอดลมทาให้ หายใจไม่สะดวก เสียงแหบร่วมกบั มีอาการบวมท่ีใบหนา้ และคอจากการกดเบียดเสน้ เลือดดา Superior vena cavaอาการอ่ืนท่ีพบบ่อยไดแ้ ก่บริเวณศีรษะและคอ อาจมาดว้ ยกอ้ นทบ่ี ริเวณคอ Waldeyer’s ring

อาการBurkitt’s Lymphoma มีลกั ษณะแทรกกระจายในเน้ือเยอ่ื กอ้ นโตเร็ว มาก พบมากท่ี รอบกระดูก ขากรรไกร ที่ทอ้ งBurkitt’s Lymphoma มีตน้ กาเนิดจาก B cell แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่ม endemic และกลุ่ม sporademicกล่มุ endemic มีความสมั พนั ธก์ บั การติดเช้ือ EBV มกั พบกอ้ นบริเวณ ขากรรไกร และกระดูกใบหนา้ พบมากในช่วงอายุ 5-10 ปีsporademic พบกอ้ นในช่องทอ้ ง ผปู้ ่ วยบางรายลกั ษณะของเซลลเ์ หมือน ALL ชนิด L3

BURKITT’S LYMPHOMA

BURKITT’S LYMPHOMA

การแบ่งระยะของโรคการแบ่งระยะของโรคมะเร็งต่อมนา้ เหลืองฮอดจ์กนิ มีความสาคญั สาหรับ การรักษาและจะบอกถงึ การพยากรณ์โรคว่าดีหรือไม่ดี การแบ่งระยะของ โรคโดยอาศัยการแบ่งระยะของ แอนน์ อาร์เบอร์ (Ann Arbor Staging Classification) ดังนี้ระยะที่ 1 รอยโรคจะเกิดกบั ต่อมน้าเหลืองต่อมเดียวหรืออวยั วะเดียว เช่น พบเฉพาะที่ตบั มา้ ม ไต หรือ ลาไส้ระยะท่ี 2 พบรอยโรคที่ต่อมน้าเหลือง 2 ต่อมหรือมากกวา่ 2 ต่อมข้ึนไป หรือพบในอวยั วะนอกต่อมน้าเหลือง 1 แห่ง แต่อยดู่ า้ นเดียวกนั กบั กระบงั ลม

ระยะท่ี 1 ระยะท่ี 2

การแบ่งระยะของโรคระยะท่ี 3 พบรอยโรคท่ีต่อมน้าเหลืองท้งั 2 ดา้ นของกระบงั ลม หรือ พบท่ีอวยั วะนอกต่อมน้าเหลือง 1 แห่ง หรือพบท้งั 2 ลกั ษณะท่ีกล่าว มาแลว้ระยะท่ี 4 มีการแพร่กระจายของโรคไปทว่ั ร่างกายหรือพบในอวยั วะอื่น ๆ โดยอาจมีต่อมน้าเหลืองโตหรือไม่กไ็ ด้

ระยะท่ี 3 ระยะท่ี 4

การแบ่งระยะของโรคมะเร็งต่อมนา้ เหลืองนอน – ฮอดจ์กนิแบ่งโดยอาศยั การแบ่งระยะของเมอร์ฟี ย์ (Murphy’s Staging for Non – Hodgkin Lymphoma)ระยะท่ี 1 มีรอยโรคเกิดกบั ต่อมน้าเหลืองต่อมเดียวหรืออวยั วะเดียว และ อาจพบกอ้ นที่ช่องอก ช่องทอ้ งระยะที่ 2 มีรอยโรคเกิดกบั อวยั วะ ร่วมกบั ต่อมน้าเหลืองบริเวณใกลเ้ คียง อยดู่ า้ นเดียวกนั ของกระบงั ลม 2.1 ต่อมน้าเหลือง 2 แห่งหรือมากกวา่ 2.2 อวยั วะอ่ืน ๆ 2 แห่ง จะมีต่อมน้าเหลืองโตหรือไม่โตกไ็ ด้

ระยะท่ี 1 ระยะท่ี 2

การแบ่งระยะของโรคมะเร็งต่อมนา้ เหลืองนอน – ฮอดจ์กนิระยะท่ี 3 มีรอยโรคอยู่ 2 ดา้ นของกระบงั ลม 3.1 อวยั วะอ่ืน ๆ 2 แห่ง 3.2 ต่อมน้าเหลืองโตในช่องอก ช่องทอ้ งและอาจมีกอ้ นอยขู่ า้ ง ๆ กระดูกสนั หลงั ระยะที่ 4 มีรอยโรคดงั ไดก้ ล่าวแลว้ ในระยะใดระยะหน่ึง และมีการ แพร่กระจายไปยงั ระบบประสาทส่วนกลางและไขกระดูก

ระยะท่ี 3 ระยะท่ี 4

การวนิ ิจฉัยการซักประวตั ิ การซกั ประวตั ิเป็นส่ิงท่ีสาคญั ในการวนิ ิจฉยั ประวตั ิ เก่ียวกบั กอ้ นซ่ึงอาจเป็นที่ ต่อมน้าเหลืองหรือที่อวยั วะอื่น อาการที่ผปู้ ่ วย เป็น เช่นมีไขม้ ากกวา่ 38.5 องศาเซลเซียล น้าหนกั ลดลงมากกวา่ ร้อยละ 10 ในเวลา 6 เดือนที่ผา่ นมา และมีเหง่ือออกตอนกลางคืนการตรวจร่างกาย พบต่อมน้าเหลืองโต ตาแหน่งที่พบบ่อยที่สุดคือ บริเวณ ลาคอการตรวจทางห้องปฏิบัตกิ าร ตรวจเลือด CBC ตรวจประเมินการทางาน ของไตและตบั การติดเช้ือไวรัส ตรวจดูระดบั กรดยรู ิกมกั จะมากกวา่6 ม.ก/ดล. ซีรัม LDH

การวนิ ิจฉัยการตรวจไขกระดูก การตรวจท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ การทา bone marrow aspiration, bone marrow biopsyการตรวจพยาธิสภาพของชิ้นเนื้อ เพอื่ ทราบวา่ เป็น B,T/NK cellการตรวจภาพรังสี การเอก็ ซเรยป์ อดมีความจาเป็นเพราะวา่ จะสามารถบอก รอยโรคท่ีต่อมน้าเหลืองบริเวณ hilar, mediastinum ในเน้ือปอดและเย้อื หุม้ ปอดได้ตรวจกระดูก (Bone Scan) เพื่อดูการกระจายของโรคไปท่ีกระดูก

การรักษามีการรักษาหลายวิธีร่วมกนัการใหย้ าเคมีบาบดัรังสีรักษารวมถึงการปลูกถ่ายไขกระดูกหรือเซลลต์ น้ กาเนิดเมด็ เลือดใชร้ ะยะเวลาในการรักษาส่วนใหญ่นานประมาณ 2-5 ปี และตอ้ งมีการ ติดตามประเมินผลการตอบสนองของโรคเป็ นระยะๆ

การฉายรังสีใหร้ ังสีรักษาในกอ้ นมะเร็งขนาดใหญ่ กอ้ นทบั หวั ใจหรือปอด กอ้ นมะเร็งกดทบั เส้นประสาท ในstage I,II,IIIใชว้ ิธี extended field irradiation คือ ใหร้ ังสีรักษาบริเวณต่อมน้าเหลืองท่ีเป็น มะเร็ง และครอบคลุมถึงต่อมน้าเหลืองในบริเวณใกลเ้ คียงที่มะเร็งสามารถ กระจายไปถึงได้

การใช้ยาเคมบี าบัดระยะเวลาในการรักษาจะแตกต่างกนั ข้ึนอยกู่ บั ระยะและชนิดของเซลลม์ ะเร็ง ใน Hodgkin’s disease มีการใชย้ าหลายชนิดร่วมกนั ที่นิยมใช้COPP คือ cyclophosphamide, oncovin, procarbazine, prednisoloneABVD ( adriamycin, bleomycin,vinblastine,dacarbazine )▪ กล่มุ NHL มีการใชย้ าหลายชนิดร่วมกนั ซ่ึงแผนการใชจ้ ะแตกต่างกนั ไป แลว้ แต่สถาบนั เช่น การใชส้ ูตร▪ COMP ประกอบดว้ ยยา 4 ชนิดคือ cyclophosphamide, oncovin, methotrexate, prednisolone

การใช้ยาเคมบี าบัดส่วนใน Burkitt’s lymphoma กเ็ ช่นเดียวกนั มีการใชย้ าหลายตวั ร่วมกนั เช่น COMP อาจใชแ้ ผนการรักษาเหมือนALLและอาจทาการปลูกถ่ายไขกระดูก

TUMOR LYSIS SYNDROME คือภาวะไม่สมดุลของเมตาโบลิสซึม จากการปลดปล่อยสารบางชนิดเซลลอ์ อกมาซ่ึงเป็นผลจากเซลลม์ ะเร็งถูกทาลายอยา่ งรวดเร็ว ทาใหม้ ี uric â/K⁺ / PO⁺4 ในเลือดสูง (แต่ Ca+ ต่า)

“ระยะทเี่ กดิ คือ ระยะทร่ี ักษาด้วยเคมี บาบัดขนาดสูง ” เช่น induction of remission เกดิ ขนึ้ ภายใน 24 -48 hr. หรือ 5-7 วนั

การปลูกถ่ายไขกระดูกหรือ Stem cell จากเลือดทาในกลุ่มที่มีการพยากรณ์โรคไม่ดี หรือตา้ นยา ในกลุ่มของNHLพบวา่ การปลูกถ่ายไขกระดูกทาใหม้ ีโอกาส รอดชีวิตและไม่มีอาการของโรค 3 ปี ร้อยละ 70Burkitt’s lymphoma ซ่ึงการพยากรณ์โรคมกั ไม่ดี เมื่อทาการปลูกถ่ายไข กระดูกการรักษาไดผ้ ลดีข้ึนส่วนใน Hodgkin’s disease การรักษาดว้ ยวิธีน้ีมกั ไดผ้ ลไม่ดีเท่ากลุ่ม NHL เนื่องจากมีโอกาสกลบั เป็นซ้าอีกร้อยละ52


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook