ห น้ า | 147 รัศมีคานปัน้ จัน่ (มุมยกศนู ย์องศา) สงู สดุ 6.5 เมตร, ตา่ สุด 2.2 เมตร (มมุ ยก 66 องศา) ความสงู จากพืน้ ถงึ ปลายคานป้นั จั่น 8.075 เมตร (เมื่อคานปัน้ จนั่ ทามุม 66 องศา) ระดบั ความสงู ในการยก 6 เมตร ความเรว็ ในการยก (สงู สดุ ) 8 เมตร/นาที ลวดกวา้ นปัน้ จ่นั (เส้นผา่ ศูนยก์ ลาง) 15 มม. ความยาวลวดกว้าน 50 เมตร ความยาวของคานปน้ั จั่น ประมาณ 7 เมตร(ตวั นอก 5 เมตร ตัวใน 2 เมตร) ใบมีดค้ายนั ควบคุมและทางานด้วยระบบไฮดรอลิก ความลึกในการขุดพ้นื ดิน (ไม่น้อยกวา่ ) 20 ซม. ปริมาณการขุดพนื้ ดินแห้ง (ไม่นอ้ ยกวา่ ) 100 ลบ.ม./ซม. ความสามารถในการรับนา้ หนักค้ายัน (ไม่นอ้ ยกวา่ ) 70 ตัน คานลากจงู ความสามารถในการรับนา้ หนกั (สูงสดุ ) 35 - 38 ตัน ความสามารถในการลากจงู รถถัง (บนถนนชน้ั 1) 25 - 28 กม./ชม. (บนถนนช้ัน 2) 18 กม./ชม. ระยะลากจงู โดยตอ่ เนื่องสูงสุด 20 กม. ณ อุณหภมู ิ 35 องศา ซ. ความสามารถในการปนี ลาด(เมอ่ื ลากจงู รถถัง) ลาดตรง 15 องศา ลาดข้าง 17 องศา ***********
ห น้ า | 148 แผนกวิชายานยนต์ กองการศกึ ษา โรงเรียนทหารมา้ ศนู ยก์ ารทหารมา้ ค่ายอดศิ ร สระบุรี ------------------------------- รถถงั หลกั 57 (T-84 OPLOT) คณุ ลกั ษณะทั่วไป (GENERAL DESCRIPTION) รถถังแบบ บีเอ็ม อ๊อพล็อต-ที (BM OPLOT-T) เป็นรถถังหลักที่ถูกออกแบบไว้สาหรับจัดหาให้ลูกค้า ตา่ งประเทศภายใต้สัญญาทางเศรษฐกจิ เปน็ รถถังซึ่งสามารถปฏิบัติภารกิจในขอบเขตของการรบได้ทั้งการรบ ด้วยวิธีรุกและวิธรี ับได้อยา่ งกว้างขวาง ทงั้ ในเวลากลางวนั และเวลากลางคืน ภายใต้สภาวะเงอื่ นไขของลักษณะ ภูมิประเทศและเส้นทางที่แตกต่างกัน (รวมถึงสภาพอากาศท่ีร้อนหรือฝุ่น) เช่นเดียวกับการปฏิบัติการภายใต้ สภาพของการใช้อาวุธทาลายลา้ งสูง (MDW) และสิ่งกดี ขวางที่เปน็ น้าไดอ้ กี ด้วย ตัวรถถังติดต้งปืนใหญ่ลากล้องเรียบขนาด ๑๒๕ มม. แบบ KBA3 พร้อมด้วยระบบรักษาการทรงตัว แบบสองแกน, ปืนกลร่วมแกนขนาด ๗.๖๒ มม. แบบ KT-7.62 และปืนกลต่อสู้อากาศยานขนาด ๑๒.๗ มม. แบบ NAVT-12.7 พร้อมระบบรักษาการทรงตวั ทงั้ ทางทิศ และทางระยะ ซึ่งใชก้ ารควบคุมการยิงจากตาแหน่ง ของ ผบ.รถ ในขณะทีท่ าการปิดปอ้ มดว้ ยคันบังคบั ของกลอ้ งเล็งแบบ TKN-6 รถถงั ตดิ ตัง้ เครื่องยนต์ท่ีใหก้ าลงั สงู โดยใชน้ า้ มนั เชื้อเพลงิ ได้หลายชนดิ แบบ 6TD-2E พร้อมทัง้ อปุ กรณ์ที่ เปน็ หัวฉีดขนาดเล็กท่ีให้ในการดาเนนิ การกอ่ นติดเครอ่ื งยนต์ ทาความร้อนและตดิ เครอื่ งยนต์ (ติดตั้งดว้ ยระบบ ควบคุมความเรว็ ของเคร่ืองยนต์ด้วยไฟฟ้าและไฮดรอลิกเชิงกล) โดยจะทางานร่วมกับเครื่องเปลย่ี นความเร็วใน ทิศทางตรงกับข้ามที่มีประสิทธิภาพสูง (พร้อมเครื่องตรวจวัดแบบ IDKP-2 และ IDCHV-3M) อุปกรณ์ควบคุม การเคลื่อนท่ีและระบบเฟืองขับเคล่ือนเพื่อให้แน่ใจได้ว่าสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วสูง นุ่มนวล มีขีด ความสามารถในกรดาเนินกลยทุ ธ์และคร่อมข้ามภมู ิประเทศในสภาพเงื่อนไขของเส้นทางและสภาพแวดล้อมท่ี แตกต่างกนั ได้ รถถังยังติดต้ังเคร่ืองกาเนิดกาลังสารองแบบ EA-10-1 ซ่ึงสามารถจ่ายกาลังไฟไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ได้ เม่ือดับเครื่องยนต์หลัก หอ้ งพลขบั (Driver’s Compartment) ห้องพลขบั ติดตงั้ อยู่ด้านหนา้ ของตวั รถ ทางด้านซา้ ยจะตดิ ต้ังถังน้ามนั เชื้อเพลงิ และชอ่ งเก็บแบตเตอร่ีที่ วางอยูบ่ นช้ันวาง พรอ้ มด้วยอปุ กรณ์ติดเคร่ืองยนต์และอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุม จากลาดด้านหนา้ ของตวั รถ ไปทางขวาจะติดตั้งถังน้ามันเช้ือเพลิงและช่องเก็บกระสุนด้านหลังพลขับจะเป็นแผ่นปิด-เปิดได้ ซ่ึงอยู่ติดกับ เครอ่ื งกลไกในการบรรจกุ ระสนุ ของรางขนสง่ กระสนุ การเข้า – ออก ห้องพลขับได้จัดทาให้เข้า – ออกผ่านทางฝาปิด – เปิดช่องทางเข้า – ออก ซึ่งจะติด ต้งั อย่บู นดาดฟ้าด้านหนา้ ของตัวรถ ที่นั่งของพลขบั จะตดิ ตงั้ อยตู่ รงกบั ฝาปดิ ช่องทางเข้า – ออก บนพนื้ รถ อุปกรณต์ ดิ ตง้ั อยดู่ ้านหน้าทน่ี ่งั ของพลขบั มดี งั นี้
ห น้ า | 149 ๑. ขันบังคับเลยี้ วติดตัง้ ประจาที่อย่ดู า้ นในของแผน่ กนั โคลน ๒. แป้นเหยยี บหา้ มลอ้ พรอ้ มทั้งคนั ห้ามลอ้ ดว้ ยมือ ๓. ในห้องพลขับบนพ้ืนรถ – แป้นเหยียบคลัตช์ใช้เพื่อปลดเกียร์ของเคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว, แป้นเหยียบคันเร่งน้ามัน, อ่างเก็บน้าของระบบทาความสะอาดด้วยน้าและแรงลม ภาชนะสาหรับเก็บกล่อง อาหารสองชุด, คันเลือกตาแหนง่ เกยี รพ์ ร้อมคันเข้าเกียร์ในตาแหน่งถอยหลงั พร้อมกับแผงควบคมุ สญั ญาเคร่อื ง เปลี่ยนความเรว็ แบบ PST602 ๔. เคร่ืองระบบอากาศและล้ินพร้อมก๊อกและรีเลย์ของระบบทาความสะอาดด้วยน้าและ แรงลม กล้องตรวจการณ์ ๓ กล้อง แบบ TNPO-160 ติดตั้งอยดู่ ้านหนา้ ของฝาปิดช่องทางเขา้ – ออก ของพล ขับ แผงควบคุม PAS และ 1KVI-T ติดตั้งอยูบ่ นช่องหน้าตา่ ง เหนอื กล้องตรวจการณ์ แบบ TNPO-160 ทางดา้ นซา้ ยของฝาปิดชอ่ งทางจะตดิ ตง้ั แผงควบคุม PIU ทางด้านซ้ายของลาดด้านหน้าแผ่นกันโคลนจากด้านบนลงล่างจะติดต้ังเครื่องมือดังต่อไปน้ี ก๊อก ๓ ตาแหน่งของระบบทาความสะอาดดว้ ยน้าและแรงลม (HPC) และไจโรนาร่องท่ีติดต้งั อยู่บนฐานตดิ ต้ัง สวิตช์ไฟส่องสว่างของคันเลือกตาแหน่งเกียร์พร้อมคันเลือกตาแหน่งเกียร์ถอยหลังติดต้ังอยูแ่ ผงติดตั้ง ทางดา้ นขวา ด้านซ้ายของพลขับติดต้ังอุปกรณ์ตังต่อไปนี้ บนพ้ืนรถ – คันเร่งน้ามันด้วยมือ – ดับเครื่องยนต์, ป๊ัมน้ามันเชื้อเพลงิ หลกั , กรองน้ามันเช้ือเพลงิ พร้อมก๊อกจ่ายน้ามันไปยงั ระบบอุ่นไอดี, ก๊อกจ่ายนา้ มนั เชอื้ เพลิง และก๊อกถ่ายน้ามันเช้ือเพลิง – แยกน้า ต่อจากก๊อกจะเป็นข้อต่อของเคร่ืองประกอบชุดสาหรับติดต้ังระบบ เคร่ืองกวาดทุ่นระเบดิ (KMT) แผงควบคุมของพลขับจะติดต้ังอยบู่ นฐานติดต้งั พรอ้ มด้วยอุปกรณ์ควบคุมน้ามนั เช้ือเพลิงด้านบนของ อุปกรณ์นี้จะติดต้ังจอแสดงตาแหน่งเกียร์แบบ PNP02 แผงควบคุมถังลมติดตั้งอยู่บนแผงควบคุมอุปกรณ์ของ พลขับ ชั้นวางแบตเตอร่ีติดตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของแผงควบคุมโดยจะมีฝาปิดทาด้วยแผ่นโลหะปิดอยู่ ด้านหลัง ห้องเก็บแบตเตอรีต่ ดิ ต้ังอยู่ทางด้านซ้ายของแผงควบคุมโดยจะมีผาปดิ ทาด้วยแผน่ โลหะปิดอยู่ ด้านหลงั ห้องเก็บ แบตเตอรี่จะเป็นอุปกรณ์ดูดก๊าซแบบสุญญากาศทางด้านซ้ายของชั้นวางแบตเตอรี่มีภาชนะสาหรั บจัดเก็บ อาหารสารองฉุกเฉิน บนแผ่นปิดด้านหลังพลขับจะติดตั้งคันปลดกลอนยึดรางขนส่งกระสุนของระบบบรรจุ กระสนุ อตั โนมตั ิ ด้านบนของชนั้ วางแบตเตอร่จี ะมีอุปกรณ์ต่อไปนี้ ๑. สวติ ช์แบตเตอรี่ ๒. หบี ควบคมุ วงจรไฟฟ้าและสวติ ช์ควบคมุ BK712M1-3-1T ๓. สวติ ช์ตดิ เครือ่ งยนต์หลัก SG1 (ME), สารอง SG2 (APU) – BK712M1-ST ๔. แผงควบคุมวงจรไฟฟ้าด้านนอก BK712M1-V-1T ทางดา้ นขวามือของพลขับมีอุปกรณ์ควบคุมเครือ่ งมือดบั เพลงิ (FFE) และแผงสัญญาณเตือน P708-1 ท่ีแผ่นกันโคลงลาดด้านหนา้ มหี บี ควบคมุ ระบบปรับอากาศ
ห น้ า | 150 อุปกรณต์ ่อไปนี้จะติดตงั้ จากทางด้านขวาของทน่ี ่งั พลขับจากด้านหน้าไปยงั ด้านหลัง - บนพื้นรถ – คันควบคุมทอ่ บายพาสสง่ แก๊สและลิ้นไลอ่ ากาศ - ทางด้านขวาของถังน้ามันเชื้อเพลิง – หีบควบคุมเคร่ืองเป่าในช่องของถังน้ามันเชื้อเพลิงติดต้ัง อุปกรณเ์ ครื่องตรวจจับการแผ่รงั สแี ละสารเคมขี องระบบปอ้ งกัน นชค. แผงเคร่อื งวัดและหีบจ่ายกาลังไฟฟ้า ดา้ นหลังของถงั นา้ มันเชอื้ เพลงิ จะตดิ ต้ังถังลม, ถงั ดักความช้นื และมาตรวดั , กลอ่ งเกบ็ กล้องตรวจการณ์ แบบ TVN-5 และ TNPO-160 ดา้ นหลงั ถังลมไปทางท้ายรถจะเป็นชัน้ วางถงั ซ่ึงทางด้านขวาบนจะเปน็ คนั ปดิ – เปดิ ลิน้ ควบคุม FVU บนเพดานของตัวรถทางด้านขวาของฝาปิดช่องทางเข้า – ออกของพลขับ จะเป็นแกนของฝาปิดช่อง ทางเข้า – ออก และบนแผ่นเกราะด้านบนของดาดฟา้ จะเป็นช่องทางเข้าของเคร่ืองตรวจวัดอากาศของการแผ่ รงั สีและสารเคมี ที่ตัวรถด้านหลังของฝาปิดช่องทางเข้า – ออกของพลขับจะติดต้ังโคมไฟฉุกเฉินกล่องควบคุมเครื่อง ติดต่อภายในแบบ BV37T-M ของเครื่องรับแบบ R-174T, สวิตช์ดับเคร่ืองยนต์และสวิตช์ป้องกันการแข็งตัว และเต้าเสยี บสายพ่วงภายนอกรถ ด้านหลังท่ีน่ังของพลขับท่ีพ้ืนรถจะติดตั้งช่องทางออกฉุกเฉิน ซ่ึงบนฝาปิดช่องทางจะติดต้ังพล่ัวและ ค้อน คานรับแรงบิดจะวางตามแนวตวั รถด้านลา่ งในหอ้ งพลขับ และอปุ กรณ์เชื่อมต่อตลอดด้านขา้ ง บนแผ่นป้องกันรางขนส่งกระสุน (หลักที่นั่งพลขับ) จะติดตั้งอุปกรณ์ดังนี้ ชุดอุปกรณ์ป้องกันเคมี (รองเท้าและถุงมือ), หนา้ กากป้องกันไอพิษ, ถุงเอกสารและแผ่นกรองแสงไฟสาหรับอุปกรณ์ตรวจการณ์แบบ TNPO-160 ห้องเครอื่ งยนต์ (Engine Compartment) หอ้ งเคร่อื งยนต์วางอยใู่ นตัวรถถังทางดา้ นหลงั และจดั ทาแยกส่วนออกจากหอ้ งหอรบโดยใชผ้ นังภายใต้ แรงอัดของอากาศ หอ้ งเครอ่ื งยนต์จะถกู ปดิ ด้วยแผ่นบานพบั ของดาดฟ้าและเปน็ ตวั เรือนของอุปกรณ์ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. ระบบดดี ของเสียจากหมอ้ นา้ ของระบบระยายความร้อนของน้าและน้ามันเครื่อง ๒. ห้องฟอกอากาศหลกั ๓. ถังเก็บระบบระยายความรอ้ น ๔. ทอ่ ทางเดนิ บายพาสของแก๊สในระบบปลอ่ ยไอเสีย ๕. ระบบนา้ และระบบนา้ มันเคร่อื งของเคร่ืองยนต์ ๖. ระบบควบคุมไฮดรอลกิ และระบบหลอ่ ล่นื ของเครอื่ งเปลีย่ นความเร็ว เครื่องยนตแ์ บบ 6TD-2E พร้อมด้วยเครอ่ื งกาเนดิ กาลงั ในการตดิ เคร่ืองยนต,์ หบี เฟืองเปล่ียนตาแหน่ง เกียร์พร้อมเครื่องกลไกจ่ายกาลัง, อ่างน้ามันเคร่ืองระบบน้ามันหล่อล่ืนเคร่ืองยนต์ และอุปกรณ์ควบคุม ไฮดรอลกิ ของเครื่องเปล่ียนความเรว็ และระบบหลอ่ ลืน่ ทง้ั หมดจะถกู ติดตั้งอยู่ในหอ้ งเคร่ืองยนต์
ห น้ า | 151 ในห้องควบคุมและอ่างเก็บระบบน้ามันหล่อลื่นเคร่ืองเปล่ียนความเร็วจะติดตั้งหม้อกรองแรงเหว่ียง และหม้อกรองแรงดันไว้ในแนวเดียวกัน ระหว่างหม้อกรองจะมีลิ้นควบคมุ ข้อต่อสาหรับเตมิ น้ามันของอ่างเก็บ น้ามันเครอื่ งเปล่ียนความเร็วตดิ ต้ังอยู่ใกล้ ๆ กับหม้อกรองอากาศ หม้อกรองอากาศจะติดต้ังแผ่นกรองถอดได้ สาหรับกรองส่ิงสกปรกขนาดใหญ่จากท่อนาอากาศเข้าแบบยืดเข้า – ออกได้ใต้เครื่องยนต์ (จากด้านข้างของ หมอ้ กรองอากาศ ) ปมั้ กรองหยาบของเครือ่ งยนตแ์ ละกรองหยาบของนา้ มันเชื้อเพลงิ ทางด้านขวาของตัวรถจะ เป็นทอ่ ไอเสยี ของเคร่ืองยนต์ คุณลักษณะเฉพาะทางเทคนิคและตวั แปรหลกั (MAIN PARAMETERS AND TECHNICAL SPECIFICATIONS) ระบบป้องกันเคร่อื งยนต์ (Engine protection System) แบบ อิเล็กทรอนิกส์ จัดเตรียมไว้เพ่ือให้พลขับมีความ ระมัดระวัง โดยใช้หลอดไฟเตือนแสดงและเสียง ดงั เม่อื เคร่ืองยนต์หลัก หรือเคร่อื งยนต์ชว่ ยอยู่ใน สภาวะเกิดเหตุฉุกเฉินเม่ือใช้งาน เช่น เกิดเพลิง ไหม้ภายในห้องเคร่ืองกาเนิดกาลัง และเกิดการ กระจายของแกส๊ พษิ บนพน้ื ดิน ระบบควบคุมการเคลื่อนที่รวม (Combined movement control system) แบบ ทางานาด้วยไฟฟ้า – ไฮดรอลิก – ทางกล มีการ ใช้งานอยู่ ๒ สถานะ ควบคุมการเคล่ือนที่ของ รถถัง-ทางานอัตโนมัติ (หลัก) และ ทางานด้วย มอื (ฉุกเฉนิ ) เครอื่ งเปลย่ี นความเรว็ (Transmission) แบบ หีบเฟืองบรวิ ารมีตาแหน่งเกยี ร์ ๗ ตาแหน่งเกียร์ พร้อมกับมีตาแหน่งเกียร์ถอยหลัง ๑ ตาแหน่ง และมีตาแหน่งเกียร์ที่ติดตั้งร่วมกับหีบเฟืองขับ ขั้นสุดท้าย โดยเพิ่มเอาตาแหน่งเกียร์ถอยหลัง เป็น ๔ ตาแหน่งเกยี ร์และตดิ ต้งั อยใู่ นส่วนของหีบ เฟืองเครื่องเปล่ียนความเร็วของอุปกรณ์ควบคุม การเคลอ่ื นท่ขี องรถถัง หบี เฟือง (Gear box) แบบ เฟืองบริวารพร้อมกับการทางานและปลดการ ทางานของคลัตช์แบบความผิดและควบคุมการ
ห น้ า | 152 จานวน ทางานด้วยนา้ มันไฮดรอลิก อัตราทดเกยี ร์ ๒ - ที่ตาแหนง่ เกยี ร์ ๑ - ที่ตาแหน่งเกียร์ ๒ ๘.๑๗๑ - ท่ตี าแหน่งเกียร์ ๓ ๔.๔๐๐ - ที่ตาแหน่งเกยี ร์ ๔ ๓.๔๘๕ - ทต่ี าแหน่งเกยี ร์ ๕ ๒.๗๘๗ - ทต่ี าแหนง่ เกยี ร์ ๖ ๒.๐๒๗ - ที่ตาแหน่งเกยี ร์ ๗ ๒.๔๖๗ - ท่ีตาแหน่งเกยี ร์ถอยหลงั ๑.๐๐๐ จานวนของแผน่ คลตั ชค์ วามฝืดในเคร่ืองเปลย่ี นความเรว็ ๑๔.๓๖๗ - locking - braking ๒ วิธกี ารบังคบั เล้ยี ว ๔ การบังคับเล้ียวอัตโนมัติจะทาท่ีคลัตช์ความฝืด เคร่ืองควบคุมการขับเคลื่อน (Control drives) ส่วนขับเคลื่อน คืน คันบังคับเล้ียวพร้อมกับ เครื่องตรวจจับสัญญาณตาแหน่งของคันบังคับ เล้ียว มีการตรวจจับข้อมูลเพื่อป้อนกลับจาก ความถ่ีในการหมุนของเฟืองขับ การบังคับเลี้ยว จะทาให้แน่ใจได้โดยการทางานของคันเปลี่ยน ตาแหน่งเกียร์ใน หีบเฟืองเกี ยร์ (GB) ท่ีอ ยู่ ด้านข้างของฉนวนหุ้มป้องกันความร้อนของ สายพาน ในตาแหน่งเกียร์ ๑ และเกียร์ถอยหลัง การหมุนรอบตัวเองข้างสายพานที่หยุดอยู่กับที่ และการหมุนรอบจุดหมุน เน่ืองจากจานวน สาหรับการถ่ายทอดการทางานในการเดินหน้า และถอยหลังของสายพาน มีอุปกรณ์ควบคมุ การ บังคบั เลี้ยวอตั โนมัติทีท่ างานร่วมกันเป็นคูจ่ ากคัน บงั คับเล้ยี วโดยการใชก้ ารจัดปรบั แรงดนั ในเครอ่ื ง กลไกของฉนวนห้มุ กันความร้อนดา้ นขา้ ง การเปล่ียนเกียร์ และการบังคับเล้ียวจะใช้ระบบ ไฟฟ้าร่วมกับไฮดรอลิกพร้อมกับมีระบบเชิงกล สารองย่านในการปฏิบตั ิการทง้ั หมดของอัตราทด
ห น้ า | 153 ของเคร่ืองเปลี่ยนความเร็ว คลัตช์, ห้ามล้อ และ การขับเคลื่ อ น ถอ ยเป็น ก ารทางาน แบ บเชิ ง ก ล ร่วมกบั ไฮดรอลกิ แบบ เฟืองขบั ขั้นสุดทา้ ย (Final drive) เฟืองบริวาร พร้อมกลไกชุดเฟืองบริวารและตัว อตั ราทดเฟือง ต่อเพื่อทางานในตาแหน่งเกียร์ถอยหลัง ๒ ชุด - เดินหนา้ (เปลี่ยนทิศทางของการขับของเพลาขับหีบเฟือง - ถอยหลงั ขัน้ สุดท้าย) ๔.๘ - ๓.๘ ระบบควบคมุ ไฮดรอลกิ และระบบหล่อลื่น (Hydraulic control and lubrication system) น้ามันหล่อล่นื ทใ่ี ช้ AEIAN EMT-8 หรือ MT-8∏ หรือ TSZp-8 ความจถุ ังนา้ มนั หลอ่ ลน่ื ๕๕ ลิตร แรงดนั นา้ มนั หล่อลน่ื - ในทอ่ ทางเดนิ น้ามนั หลอ่ ลื่น ๐.๒ – ๐.๒๕ (๒ – ๒.๕) เมกะปาสกาล (กิโลกรัม/ตร.ซม.) (MPa (kgf/cm²)) - ในระบบควบคมุ ไฮดรอลกิ ๒.๘ – ๒.๙ (๑๘ – ๑๙) เมกะปาสกาล (กิโลกรัม/ตร.ซม.) (MPa (kgf/cm²)) ชอ่ื อุปกรณ์ ระบบควบคุมการขบั เคลอ่ื นของรถถงั (Tank movement control system) แบบ TIUS-D4T อิเล็กทรอนิกส์ มีไว้เพ่ือใช้สาหรับเพ่ิมความ คล่องแคล่วในการเคลื่อนท่ีและเป็นตัวประกอบ ในการควบคุมรถถัง อันเน่ืองมาจากอัตราส่วน ระหว่างการใช้งานเครื่องยนต์และเคร่ืองเปล่ียน ความเร็วในสภาพของถนนท่ีแตกต่างกัน ลด ความล้าของพลขับโดยลดการควบคุมในการ เคล่ือนท่ีของรถให้มีประสิทธิภาพมากข้ึนลด ภาระในการควบคุมรถ และทาให้พลขับ มี ความรสู้ กึ งา่ ยตอ่ การขับรถถัง
ห น้ า | 154 แบบของการขับเคล่ือน การขบั เคลอ่ื น (Running gear) สายพาน สายพานพรอ้ มมีเฟอื งขบั สายพานอยดู่ ้านหลัง ทามาจากเหล็ก พร้อมกับมีแผ่นรองแบบเก็บ - จานวนของขอ้ สายพานแตล่ ะเส้น เสียงและข้อต่อสายพานที่ทาด้วยยางหรือแผ่น - ความกวา้ ง ยางรองถอดสายพานท่ีได้ และมีอะไหล่อยู่ในชุด - ลาดเฟอื ง (gear pitch) อุปกรณ์เครื่องมือทถ่ี อดออกจากขอเกย่ี วได้ ลอ้ ขับสายพาน ๘๐ ข้อ ๖๐๐ มม. จานวนฟันของลอ้ ขับสายพาน ๑๖๔ มม. ลอ้ ปรับสายพาน สร้างข้ึนมาจากเหล็กหล่อ และมีแผ่นจานกันล้อ ลอ้ กดสายพาน กดสายพานสึกแบบถอดออกได้ จานวน ๑๒ ฟัน ล้อรบั สายพาน สร้างขน้ึ มาจากเหล็กหลอ่ ขน้ึ รูป จานวน ล้อกดสายพานแบบจาน ๒ ลอ้ - ระบบพยุงตัวรถ ๑๒ ลอ้ ล้อรบั สายพานแบบลอ้ เดี่ยว ๑๐ ล้อ แรงสะเทือน ๖ ตวั ชนิดของวงจร อปุ กรณ์ไฟฟา้ (Electrical equipment) ไฟฟ้ากระแสตรง, สายเด่ียว (สาหรับไฟฟ้าแสง แรงเคลอ่ื นของระบบ สว่างฉุกเฉนิ ), สองสาย ระบบปอ้ งกันวงจร ๒๒.๕ – ๒๘.๕ โวลต์ เคร่อื งตดั ต่อวงจรไฟฟา้ อัตโนมตั ิ และฟวิ ส์ การเก็บแบตเตอรี่ (Storage batteries) ชอื่ อปุ กรณ์ 12ST-85 แบบ หมนุ เครือ่ งยนต์, ตะกวั่ -กรด จานวน ๔ หมอ้ การประจุไฟฟา้ ตอ่ แบตเตอร่ี ๑ หมอ้ ๘๕ แอมแปร์-ชว่ั โมง การประจุไฟฟา้ ทงั้ หมดของแบตเตอร่ี ๓๔๐ แอมแปร์-ชว่ั โมง แรงเคล่อื นของแบตเตอรี่ ๒๔ โวลต์
ห น้ า | 155 เครอ่ื งกาเนดิ ไฟฟ้าสาหรับติดเครื่องยนตก์ ระแสตรง (DC startergenerator) ช่อื อุปกรณ์ SG-18-1S เมอ่ื อยูใ่ นสถานะเปน็ มอเตอรห์ มนุ เครอื่ งยนต์ - แรงเคลื่อนตา่ สุด ๒๐.๕ กโิ ลวตั ต์ เมอื่ อยู่ในสถานะเคร่อื งกาเนิดไฟฟา้ - แรงเคลอ่ื น ๒๖.๕ – ๒๘.๕ โวลต์ - กระแสทคี่ วามเร็วรอบ ๑,๖๐๐ รอบ/นาที ๖๓๐ ± ๑๕ แอมแปร์ - กาลัง ๑๘ กิโลวตั ต์ อุปกรณค์ วบคุมการติดเครื่องยนต์ (Start-control equipment) หนว่ ยต่อประสาน รนุ่ (Interface unit} brand) BK712M1-ST รเี ลยค์ วบคุมแรงเคลอ่ื น รุน่ (Regulating relay brand) RN505M1-1T รนุ่ (Brand) แผงอุปกรณข์ องพลขบั (Driver panel equipment) ชนดิ (Type) TIUS-PT อิเล็กทรอนิกส์ มีไว้เพ่ือควบคุมการเตรียมการ ก่อนทาการหมุนเคร่ืองยนต์และหมุนเคร่ืองยนต์ หลัก หมุนเคร่ืองยนต์ช่วย APU EA-10, ควบคุม ป้มั , หนว่ ยอาการดี, หนว่ ยในการป้องกันน้าไหล เข้าสาหรับการลุยข้ามลาน้าลึก, หน่วยส่ง สัญญาณความเร็วบนถนน และอุปกรณ์ในการ ส่องสว่างภายนอกรถ และมีไว้เพ่ือแสดงผล เพ่ือให้คาแนะนาเก่ียวกับสภาพของเคร่ืองยนต์ หลัก และระบบป้องกัน , แสดงผลเพื่อให้ คาแนะนาในข้อจากัดของเครอ่ื งยนต์ช่วย EA-10, การดับเครื่องยนต์ช่วย EA-10 โดยอัตโนมัติ หลงั จากตดิ เครอื่ งยนต์หลกั อปุ กรณค์ วบคมุ ระดบั น้ามนั เช้อื เพลิงและน้ามนั หลอ่ ลื่น (Fuel and oil level control equipment) ช่ืออุปกรณ์ TIUS-UT แบบ อิเล็กทรอนิกส์มีไว้เพ่ือสาหรับการวัดจาก ระยะไกลของระดับน้ามันเชื้อเพลิง และ ระดับ
ห น้ า | 156 นา้ มันหลอ่ ลนื่ พรอ้ มกับมหี ลอดไฟเตือน อุปกรณ์นาร่อง (Navigation equipment) ชอื่ อปุ กรณ์ TIUS-NMT แบบ ดาวเทียม จานวนเส้นทางในการกาหนดที่หมายปลายทางสูงสดุ ๕๔ การหาตาแหนง่ - ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานในการหาตาแหนง่ ในขณะ ปฏิบตั ิการแต่ตา่ งกันระหว่างระบบดาวเทยี มนาร่องทใ่ี ช้ - GLONASS/GPS NAVSTAR ๒๐ ม. - GLONASS ๓๐ ม. - GPS NAVSTAR ๔๐ ม. - คา่ ความเบยี่ งเบนแบบมาตรฐานในการกาหนดคา่ เส้นช้นั ๘๐ ม. ความสงู เหนือระดับน้าทะเล
ห น้ า | 157 แผนกวิชายานยนต์ กองการศกึ ษา โรงเรยี นทหารม้า ศนู ยก์ ารทหารมา้ คา่ ยอดศิ ร สระบรุ ี ---------- คณุ ลักษณะ และมาตราทาน รถถงั วีท4ี กลา่ วทัว่ ไป รถถังหลัก แบบ VT4 เป็นผลิตภัณฑ์รถถังหลักรุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัท นอริงโก้ ที่ทางบริษัทได้มุ่งเน้นการ พัฒนาในการผลติ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อใหเ้ ป็นยทุ โธปกรณ์ทีเ่ ป็นเลิศในด้านความทนั สมัย ซงึ่ จะก่อให้เกิดความ เช่ือมั่นตอ่ การนาไปใช้งาน โดยมีความโดดเด่นในเร่ืองของ การปฏิบัติการรบ ซ่ึงประกอบด้วยอานาจการยิงท่ี รุนแรง และเหนือกว่า ขีดความสามารถของเกราะป้องกันท่ีใช้เทคโนโลยี่สูงในการผลิต ซ่ึงจะก่อให้เกิดการ ปอ้ งกนั ทีม่ ปี ระสิทธิภาพอย่างดีเย่ียม มคี วามรวดเรว็ คล่องแคลว่ ในการเคล่อื นทส่ี งู , มคี วามทันสมัยของอุปกรณ์ ทใี่ ช้รบั -ส่ง แจง้ เตือนของสนามรบ ซ่ึงเป็นปัจจัยทีจ่ าเป็น และสาคัญในการตอบสนองเพ่ือเพิ่มขดี ความสามารถ ในการปฏิบตั ิการในสนามรบ ระบบนี้ทาใหท้ ราบถึงขอ้ มลู ที่เกิดขึ้นมาแล้ว, ข้อมลู ปัจจุบัน, และข้อมูลทีค่ ลาดว่า จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะเป็นคาตอบท่ีทาให้สามารถปฏิบัติการตอบโต้ต่อภัยคุกคามได้ทุก รูปแบบ และทกุ มติ ขิ องการรบ ดังนั้นจากการทีไ่ ดผ้ สมผสานทุก ๆ สิ่งที่มีอยู่ รวมถงึ การออกแบบ ที่ทนั สมัยของรถถัง VT4 ซงึ่ เป็นส่ิงที่ทาให้เกิดความเชื่อมัน่ ของเหล่ากาลังรบ ที่จะนารถถังนไ้ี ปใช้งาน อีกท้ังยัง สามารถปรับปรุงและพัฒนาใหใ้ ชง้ านไดอ้ ยา่ งต่อเนอ่ื งจนถึงกลางยุคของศตวรรษที่ 21
ห น้ า | 158 คุณลักษณะหลักของรถถัง แบบ VT4 (Main Feature) อานาจการยงิ : รถถงั ติดต้งั ปืนใหญ่ ขนาด 125 มม. แบบลากลอ้ งเรียบ ท่ีใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ คานวณ ขีปนวิธที ่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะ สามารถเลอื กกระสุนได้หลายชนิด เช่น กระสุนเจาะเกราะสลัดครอบท้ิง เอง (APFSDS), กระสนุ ระเบิดต่อสูร้ ถถงั (HEAT), และกระสุนระเบิด (HE), นอกจากน้นั แลว้ สามารรถยงิ กระสุน จรวดนาวิถีด้วยเลเซอร์ (Laser-Guided Missile) จากลากล้องปืนใหญ่รถถัง โดยกระสุนน้ีสามารถยิงทาลาย เป้าหมายในระยะไกลได้อย่างแม่นยา ความรวดเร็ว และความคล่องแคล่วในการเคล่ือนที่ : ด้วยกาลังขับเคลื่อนของเคร่ืองยนต์ 1200 แรงมา้ ท่ีทางานรว่ มกับเครอื่ งเปลี่ยนความเร็วอัตโนมัติ ทาใหร้ ถถงั VT4 มีความรวดเร็ว, และคลอ่ งแคลว่ ในการ เคล่อื นที่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถถัง แบบ VT4 ซึ่งสามารถทาความเรว็ สงู สุดได้ในทุกสภาพของพ้นื ท่ี ไม่ วา่ จะเป็นพื้นดนิ แข็ง หรือพื้นดินอ่อนนุ่ม, พ้ืนที่ปกคลุมด้วยหิมะ, ทราย หรือลุยข้ามพื้นที่ที่มีน้าปกคลุมระบบ ป้องกัน : การผสมผสานกันระหว่างอุปกรณ์ที่เป็นเกราะป้องกันในพ้ืนที่ป้องกันหลัก (ด้านหน้าของตัวรถและ ปอ้ มปนื , ดา้ นบนของตัวรถ) จะติดตง้ั ดว้ ยเกราะป้องกนั แบบผสม (Composite) สว่ นพ้นื ทป่ี อ้ งกันรองลงมาเช่น ด้านขา้ งของตัวรถก็ใช้ชุดเกราะปฏิกิริยาที่เปน็ แผ่นเกราะแบบบรรจุดินระเบิด (ERA) ติดต้ังในการป้องกันตัวรถ นอกเหนือจากเกราะป้องกนั แล้ว รถถังยงั ติดตง้ั ระบบป้องกัน นชค. (NBC) ระบบดบั เพลิงอัตโนมัติ,ระบบยบั ย้ัง การระเบิดจากภายในตัวรถ, ระบบทาฉากควัน, เครื่องยิงลูกระเบิดควัน และระบบแจ้งเตือนเมื่อถูกตรวจจับ ด้วยแสงเลเซอร์ อุปกรณ์ท่ีตดิ ต้ังอยู่ท้ังหมดดังที่กล่าวมาน้ีจะช่วยให้เพิ่มขีดความสามารถในการดารงความอยู่ รอดในสนามรบอย่างมีประสิทธิภาพระบบควบคมุ การยิงแบบดิจติ อล : ในรถถังติดตัง้ ระบบควบคมุ การยิงแบบ ดิจิตอลที่ทางานร่วมกับกล้องเล็งที่มีระบบรักษาการทรงตัวของภาพเล็ง (ImageStabilized Fire Control System) ซึ่งในระบบจะประกอบด้วยกล้องเล็งของพลยิงที่มีระบบรักษาการทรงตัวร่วมกับระบบเล็งเกาะ เป้าหมายแบบอัตโนมัติ ส่วนระบบกล้องเล็งของผู้บังคับรถจะเป็นแบบพาโนรามิคที่มีเครื่องรักษาการทรงตัว แบบสองแกนพร้อมระบบตดั การทางานในการควบคมุ การยงิ ของพลยงิ ระบบคอมพวิ เตอร์คานวณขปี นวิธีแบบ ดิจิตอล และระบบตรวจวัดค่าต่าง ๆ (Sensor) โดยระบบต่าง ๆ เหล่าน้ีจะทางานร่วมกันกับระบบรักษาการ ทรงตวั ของปืนใหญ่ ทาใหร้ ถถังแบบ VT4 ทาการยงิ ในขณะท่รี ถถงั อยกู่ ับท่ีหรอื เคลื่อนทไี่ ด้ตอ่ เป้าหมายท่อี ยู่กับ ที่ หรือเคลื่อนท่ีได้ นอกจากนั้น ผบ.รถ ยังสามารถควบคุมการเล็งยิงปืนใหญ่รถถังได้ในทันทีท่ีต้องการด้วย ระบบ Hunter-Killer การแจ้งเตือนในสนามรบ : เปน็ ระบบท่ตี ิดตงั้ ในรถถังเพ่อื ใช้ในการรับ-สง่ ขอ้ มูลต่าง ๆ ซ่ึง จะทาใหพ้ ลประจารถและรถถงั คันอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกันเข้าถึงขอ้ มูลของสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นในสนาม รบโดยพรอ้ มเพรยี งกนั ทาใหเ้ กิดการประสานสอดคล้องในการควบคุมและการสง่ั การในการรบ อานาจการยิง (Fire Power) 1.1 อาวธุ หลกั (Main armament) 1.1.1 ปืนใหญ่ลากล้องเรียบขนาด 120 มม. : เป็นอาวุธหลักของรถถัง แบบ VT4 ตัวลา กล้องปืนใหญ่จะห่อหุ้มลากล้องปืนใหญ่ด้วยปลอกควบคุมอุณหภูมิของลากล้อง และหม้อระบายแก๊สตกค้าง สามารถทาการยงิ กระสุนธรรมดาได้ 3 ชนิด คือ กระสุนเจาะเกราะสลดั ครอบท้งิ เอง (APFSDS), กระสุนระเบิด ตอ่ สู้รถถัง(HEAT),และกระสุนระเบิด (HE) นอกจากน้ียังสามารถทาการยิงกระสุนพิเศษผา่ นลากล้องปืนใหญไ่ ด้ อีก 1ชนิด คอื กระสุนจรวดนาวถิ ีด้วยแสงเลเขอร์ (Laser-Guided Missile) ขนาด 125 มม.- กระสุนขนาด 125
ห น้ า | 159 มม. เป็นกระสุนแบบไมค่ รบนดั โดยจะทาการบรรจุตัวลกู กระสุนเข้าไปก่อนตามด้วยดินส่งกระสุนพร้อมปลอก แบบก่ึงเผาไหม้ได้ ดังน้ันภายหลังที่ทาการยิงกระสุนออกไปแล้วจะเหลือเพียงฐานของจานท้ายปลอกดินส่ง กระสุนออกมาเทา่ นั้น 1.1.2 เครื่องบรรจุกระสุนอัตโนมัติ เครื่องบรรจุกระสุนอัตโนมัติติดต้ังอยู่บนพื้นป้อมปืน ด้านหน้าของตะกรา้ เกบ็ อปุ กรณ์ท้ายปอ้ มปนื ตวั ลกู กระสนุ จะบรรทกุ อยู่ภายในราวเกบ็ ด้านล่าง ในขณะทด่ี ินส่ง กระสุนจะบรรทุกอย่ใู นราวเก็บด้านบน ราวทใี่ ช้เก็บตัวลกู กระสุน และดินส่งสามารถบรรทุกกระสนุ และดินส่ง ได้ 22 นัด เมื่อเครื่องจะทาการบรรจุกระสุนปืนใหญ่เหล็กส่งจะดันตัวลูกกระสุน และดินส่งเข้าไปพร้อมกัน อัตราการยิงทาได้6 -8 นดั /นาที 2. เครื่องกาเนิดกาลัง (Power Pack) เครอื่ งยนตข์ องรถถัง VT4 บรษิ ัท นอรงิ โก้ ได้พัฒนา และจดั สร้าง โดยมีขดี ความสามารถ และคุณภาพเทา่ เทียม กบั เคร่อื งยนต์ท่ีผลิตมาจากทางทวีปยโุ รป เป็นเคร่ืองยนต์ขนาด 1200 แรงม้า, เครื่องเปลีย่ นความเรว็ เป็นแบบ อัตโนมัติ, ระบบระบายความร้อน, ระบบหล่อล่ืนเคร่ืองยนต์, มีเคร่ืองกรองอากาศ 2 ชุด เครื่องยนต์จะติดต้ัง และวางเครอื่ งตามแนวนอน โดยสามารถยกออก และตดิ ตง้ั กลบั คืนไดภ้ ายในเวลา 50 นาที 2.1 เครอ่ื งยนต์ (Engine) เป็นเคร่ืองยนต์ดีเซล แบบ FW150, 12 กระบอกสูบ, 4 จังหวะรอบ, ระบายความร้อนด้วยน้า, มีระบบขับ เทอร์โบชารจ์ โดยประเทศจีนได้นาเอาเทคนิคใหม่ของเครอ่ื งยนต์ท่ีประสบความสาเร็จในการพัฒนามาจัดสร้าง โดยเครื่องยนตท์ าความเรว็ ไดส้ ูงกว่า, มคี า่ แรงบดิ สูง, ดังน้ันจงึ ให้กาลังในการใช้งานท่ีดกี วา่ และส้นิ เปลืองน้ามัน เช้อื เพลงิ และน้ามนั หลอ่ ลน่ื น้อยกวา่ 2.2 เครื่องเปล่ียนความเรว็ (Transmission) เคร่ืองเปล่ียนความเร็วแบบเชิงกลร่วมของเหลว (Hydro-mechanic) แบบ CH1000B เป็นเคร่ืองเปลี่ยน ความเร็วท่ีประเทศจีนได้พัฒนามากว่า 20 ปี จนประสบความสาเร็จ และข้ึนมาเป็นผ้นู าในระดับแนวหน้า ใน ปจั จบุ ัน โดยมคี ุณสมบัตดิ ังน้ี 1. นาเอาเคร่ืองเปลี่ยนแปลงแรงบิดทางานด้วยน้ามันไฮดรอลิคพร้อมคลัตช์ล๊อคมาใช้งาน, เพื่อเพ่ิม อตั ราเรง่ และเพ่มิ ขีดความสามารถในการเคลื่อนทผี่ ่านภูมปิ ระเทศทุรกนั ดาร และเพิ่มอายุการใช้งานของเคร่ือง เปล่ยี นความเร็ว 2. อุปกรณ์ควบคุมเครื่องกลไกเปลี่ยนเฟืองเกียร์บริวาร ประกอบไปด้วย เฟืองเกียร์บริวาร 4 แถว, และชุดควบคุม 6 ตวั , มีเกียร์เดินหน้า 6 เกียร์ และเกยี ร์ถอยหลัง 2 เกยี ร์, คันควบคมุ การเปล่ยี นเกียรเ์ ปน็ แบบ นา้ มันร่วมไฟฟ้า (Electro-hydraulic) และระบบควบคุมไฟฟา้ จะเรมิ่ ต้นการทางานโดยคนั บังคับหลายหน้าที่, ท้ังการบงั คบั ด้วยมือ หรือแบบอัตโนมตั ิ 3. ผสานการทางานของระบบบังคับเล้ียวไฮดรอลิคโดยใช้ป๊ัมมอเตอร์ และชุดต่อประกบ ไฮดรอลิค เล่ือนไปมาในการบังคับเล้ียว ทาให้จุดหมุนในการเลี้ยว และอัตราส่วนการบังคับเล้ียวกับตาแหน่ง เกยี รท์ เ่ี ลอื กใชง้ านน้อยลง 4. สายพานเฟืองควบคุมความเร็วในการขับเคลื่อนพรอ้ มกบั คลัตชเ์ ฟืองทา้ ยแบบเปยี ก จัดทาไว้เพื่อให้ สายพานเฟืองควบคุมความเร็วโดยจะขึน้ อยูก่ ับอณุ หภมู ิของน้า เพือ่ ทาใหก้ ารสูญเสยี กาลงั งานลดลง
ห น้ า | 160 5. ล้ินควบคุมการหน่วงน้ามันไฮดรอลคิ จัดทาไว้ให้รถถังหยุดได้ที่ความเร็วสูง คุณลักษณะเฉพาะแบบ เครื่องเปลี่ยนความเร็วแบบเชิงกลร่วมของเหลวการเลือกเกียร์แบบผสม, การบังคับเลี้ยว และห้ามล้อ วิธีการ ควบคุมวิธีหลักใช้การเลือกตาแหน่งแบบอัตโนมัติ, พร้อมกับคันเลือกตาแหน่งด้วยมือ และคันเลือกตาแหน่ง เกียร์ฉุกเฉินจานวนเกียร์ 6 เกียร์เดินหน้า, 2 เกียร์ถอยหลังค่าสัมประสิทธิ์ของการแปลงค่าแรงบิดของเคร่ือง แปลงแรงบดิ ไฮดรอลิค 2.5การบังคบั เลี้ยว (ดว้ ยพวงมาลยั ) ช่วงสั้น, ร่วมกับการทางานดว้ ยมอเตอร์ปมั๊ น้ามันไฮ ดรอลคิ และชุดต่อประกบเล่ือนไปมาดว้ ยไฮดรอลิค 3. ระบบขับเคล่ือน และพยุงตัวรถ (Running and Suspension System) อุปกรณ์ที่ใช้ในการ ขับเคลื่อนสายพานใช้เพื่อเปลี่ยนแรงบิดซ่ึงถ่ายทอดออกมาจากเคร่ืองเปลี่ยนความเร็วเพ่ือขับเคล่ือนล้อขับ สายพานให้เกิดแรงดึงเพื่อทาให้รถถังเคล่ือนท่ี โดยจัดทาให้เกิดท้ังแรงดึง และแรงหยุด และปรับปรุงขีด ความสามารถใน การเคล่ือน ที่ของรถถังในสภาวะเงื่อนไขของภู มิประเทศท่ีแตกต่างกัน อุปกรณ์ท่ีใช้ในการ ขับเคลื่อนสายพานประกอบด้วยล้อขับสายพาน 2 ล้อ, สายพาน 2 เส้น, ล้อกด 12 ล้อ, ล้อรับสายพาน 8 ล้อ, (ด้านนอก 4 ล้อ,ด้านใน 4 ล้อ) ล้อปรับสายพานพร้อมตัวปรับ 2 ล้อ ระบบพยุงตัวรถเป็นระบบท่ีใช้ลด แรงส่นั สะเทือนท่ีเช่อื มต่อกับตวั รถด้วยล้อกดสายพาน ใชเ้ พ่อื รองรับแรงส่นั สะเทอื นทกี่ ระทบกับพื้นดนิ และส่ง ต่อไปยังตัวรถผ่านสายพาน และล้อกดในระหว่างที่รถเคล่ือนที่ เพ่ือลดการส่นั สะเทือนของรถทาให้ม่ันใจได้ว่า รถถังเคล่ือนทไ่ี ดอ้ ยา่ งราบเรยี บ ระบบพยุงตัวรถประกอบด้วย คานรบั แรงบดิ , กระบอกรับแรงสะเทือนไฮดรอ ลิค, เครื่องรับนา้ หนักกระแทกไฮดรอลคิ , และเครือ่ งประกอบชดุ แขนล้อปรับสมดลุ พร้อมปลอกรบั ระบบพยุงตัว รถประกอบด้วย คานรับแรงบิด 12 อัน (ข้างละ 6 อัน) เคร่ืองประกอบชดุ แขนล้อปรบั สมดลุ พร้อมปลอกรับ 12 ชดุ , กระบอกรบั แรงสะเทอื นไฮดรอลิค 6 ตวั , และเครื่องรบั แรงกระแทก 6 ตวั คณุ ลักษณะเฉพาะ ระบบพยงุ ตัวรถ คานรบั แรงบดิ สูงมาก 12 อัน กระบอกรบั แรงสะเทอื น 6 ตัว เคร่อื งรบั แรงกระแทก 6 ตวั ระบบขบั เคลือ่ น ลอ้ กดสายพาน 12 ล้อ ล้อรบั สายพาน 8 ล้อ ล้อปรับสายพาน 2 ล้อ ลอ้ ขบั สายพาน 2 ลอ้ 4. การปอ้ งกนั (Protection) 4.1 เกราะปอ้ งกนั (Armor protection) รถถังจะติดต้ังท้ังเกราะแบบผสม และเกราะปฏิกิริยาอยู่บนตัวรถ และบนป้อมปืน แผ่นยางป้องกัน ดา้ นข้างติดต้ังอยู่ท้ังสองด้านของตัวรถ และติดต้ังตะแกรงป้องกันเป็นเครื่องป้องกันช่วยอยู่บนป้อมปืนเกราะ แบบผสม สรา้ งข้นึ ดว้ ยโลหะท่ีมคี วามแข็งแรงสงู และความหนาแน่นต่า และวัสดุทีไ่ ม่ใช้โลหะ โดยสรา้ งขนึ้ ด้วย คุณลักษณะของมุมเอียงมาก และทาช่องว่างเพ่ือให้เกิดความไม่สมดุล กนั มมุ ตกกระทบของกระสนุ หรอื กระแส
ห น้ า | 161 ไอพ่นของระเบดิ ท่พี น่ ออกมา ทาให้กระสุน หรือกระแสไอพน่ ถกู ขัดขวางดว้ ยความคงทข่ี องตัวเกราะทีท่ าให้แรง ลดน้อยลง เป็นสาเหตุท่ที าให้ความลกึ ในการเจาะเกราะจากกระสุน และกระแสไอพ่นส้ันลง เพ่ือวัตถุประสงค์ ในการปอ้ งกนั และเพ่มิ ความม่ันใจในการอยู่รอดของรถถัง และทาให้พลประจารถปลอดภัยเกราะปฏิกิริยาเป็น เกราะชนิดหนึ่งทขี่ ้ึนรูปขึ้นมาโดยการตดิ ตั้งเข้ากับกล่องปฏิกริ ิยา, ฐานติดต้ัง, หน้าท่ีในการทางาน คือ ต่อต้าน กระสุนระเบิด เพื่อทาให้ทิศทางเปลี่ยนไป และทาลายประสิทธิภาพจากการสะสมแรงระเบิดท่ีเกิดขึ้น ดังนั้น ความลึกในการเจาะเกราะจากลูกกระสุน และกระแสไอพ่นจะสัน้ ลงเพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกัน และเพิ่ม ความม่ันใจในการอยู่รอดของรถถัง และทาให้พลประจารถปลอดภัยแผ่นยางกาบังด้านข้างตืดต้ังอยู่ด้านข้าง ของตัวรถท้ังสองข้าง และติดต้ังตะแกรงป้องกันอยู่บนป้อมปืนโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพ่ือทาให้เกิดปฏิกิริยา จากการระเบิดของกระสุนระเบิดตอ่ สรู้ ถถงั ทเ่ี ข้ามากระทบเพ่ือลดความเสียหายท่ีจะเกดิ ขึน้ กบั ตวั รถ และป้อม ปนื 4.2 ระบบดับเพลิง และระบบหยุดยั้งการระเบิด (Firing extinguishing and explosion suppressionsystem) กล่องควบคุมแบบผสมท่ีติดต้ังอยู่บนป้อมปืน และกล่องควบคุมเคร่ืองดับเพลิงในแคร่รถสามารถรับสัญญาณ เตือนไฟไหม้หลายคร้ังเพ่ือหยุดย้ังการระเบิด ถังน้ายาเคมี และถังน้ายาดับเพลิงในแคร่รถ เพ่ือทาให้การ ดับเพลงิ ในห้องหอรบ และห้องจา่ ยกาลัง เพื่อให้แน่ใจไดว้ ่ารถถงั ปลอดภยั 4.3 อปุ กรณ์ตรวจวดั นชค. (Collective NBC) กล่องควบคุมอุปกรณ์ตรวจวัด นชค. ในป้อมปืนติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการหยุดย้ังการระเบิด, การตรวจวัด นชค., ระบายอากาศในหอ้ งหอรบ, ควนั ไอเสยี , เครื่องปรบั อากาศ, เครอื่ งกรอง นชค.. และระบายอากาศให้กับ หอ้ งต่าง ๆ โดยมีหนา้ กากปอ้ งกนั นชค. ส่วนบุคคลตดิ ตง้ั ไว้ในห้องของพลประจารถ 4.4 ระบบเตอื นภยั จากเลเซอร์ (Laser warning system) ตวั ระบบประกอบด้วยหีบควบคมุ และเครือ่ งตรวจจับแสงเลเซอร์ เม่ือเครือ่ งตรวจจับลาแสงเลเซอรท์ ่ีปรากฏได้ ระบบจะแจ้งเตือนด้วยเสยี ง และทศั นสญั ญาณ ในขณะเดียวกันสามารถทาการยิงลูกระเบิดควันออกไปไดโ้ ดย ใช้กล่องควบคุมด้วยมือ หรือการยิงแบบอัตโนมัติ เพ่ือรบกวนการตรวจการณ์ของขา้ ศึก จากการเล็ง และการ ปลอ่ ยอาวธุ 5.ระบบเคร่อื งปรับอากาศของพลประจารถ (Crew Air Condition System) ระบบเคร่ืองปรบั อากาศของพลประจารถจะประกอบไปด้วย คอยล์รอ้ นดา้ นนอก, เคร่ืองปรบั อากาศภายในหอ้ ง พลขับ, เครื่องปรับอากาศสาหรับ ผบ.รถ, และพลยิง, และหีบควบคุมความเย็นของเครื่องปรับอากาศ 3.2 กโิ ลวัตต์ จัดเตรียมไว้เพ่ือทาให้เกิดอุณหภมู ิท่ีสบายสาหรบั พลประจารถ เพ่ือเพ่ิมขีดความสามารถในการดารง อยใู่ นสนามรบไดอ้ ย่างยาวนาน 6.ระบบกาเนิดขอ้ มูลในรถถงั (Vehicle-born information system) ระบบข้อมูลสาหรับติดต้ังบนยานรบสาหรับรถถัง VT4 ทาหน้าท่ีสร้างโครงข่ายของข้อมูลภายในเพ่ือให้พล ประจารถปฏบิ ัติภารกิจจากจอแสดงภาพภารกจิ เปรยี บเสมือนศนู ยก์ ลางในการจัดทาขอ้ มูลคาสั่งท่สี มบูรณข์ อง รถถงั โดยจะดาเนินการคน้ หา, ส่ง, ประมวลผล, วเิ คราะหข์ ดี ความสามารถ และประโยชนด์ ้านอ่ืน ๆ ของข้อมูล โดยจะทาให้สิ้นสุดกระบวนการในการควบคุมได้อย่างสมบูรณ์มีประสิทธิภาพ และจัดส่งข้อมูลทั้งมวลให้กับ
ห น้ า | 162 รถถงั และส่งข้อมลู ไป-มาระหวา่ งรถถังโดยพลประจารถ จะเป็นแกนหลักในการควบคุม และทาให้การประสาน การทางานบรรลุผลสาเรจ็ , มีโหมดควบคุมการปฏิบัติการ และการค้นหาสาเหตุข้อบกพร่องในรถถังเป็นระบบ สารองเพื่อเพ่ิมขีดความสามารถในการควบคุมส่ังการ และเพิ่มขีดความสามารถในการสนับสนุนให้กับรถถัง นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการตรวจการณ์ สภาพของสนามรบ และประสานการปฏิบัติการเพื่อใช้ในการ ปฏิบัติภารกิจผ่านระบบการส่ังการระหว่างรถถังระบบข้อมูลสาหรับการติดต้ังบนยานรบสาหรับรถถัง VT4 ประกอบไปด้วย ระบบสารองทางอิเล็กทรอนิคแบบรวมการ และระบบควบคุมส่ังการ และการติดต่อส่ือสาร ระบบควบคมุ ส่ังการ และการติดต่อสอ่ื สารประกอบดว้ ย เคร่อื งติดตอ่ ภายใน, ชุดวิทยุ, ฯลฯ ระบบสารองทางอิ เล็กทรอนคิ แบบรวมการ ประกอบด้วยจอแสดงภาพ และควบคมุ ของ ผบ.รถ จอแสดงภาพของพลขับ และวงจร บัสจอแสดงภาพ และควบคุมของ ผบ.รถ ทาหน้าที่เช่ือมต่อชุดวิทยุผ่านทางช่องทางแบบอนุกรม เพื่อจัดต้ัง ระบบส่ือสาร จอแสดงภาพ และควบคุมของ ผบ.รถ และจอแสดงภาพของพลขับจะเช่ือมต่อกับวงจรระบบ CAN เพ่ือสร้างข่ายข้อมูลภายในด้วยการแจกจ่ายข้อมูลผ่านอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคทั้งหมด หรือหน่วยควบคุม อิเล็คทรอนิค และเครื่องนาทาง ฯลฯ ในขณะเดียวกันสามารถส่งข้อมูลระหว่างรถถัง และติดต่อส่ือสารด้วย เสียงผา่ นทางข่ายชุดวิทยุ เพื่อประสานการยิงและแลกเปลีย่ นข้อมูลระหว่างยานรบข้างเคียง และระหว่างยาน รบแบบเดียวกนั ในระบบข้อมูลของสนามรบ 7.ชอ่ งทางสง่ ข้อมูล (Data bus) อุปกรณ์ที่ดาเนินกรรมวิธีข้อมูล เช่น คอมพิวเตอร์ควบคุมการยิง, กล่องควบคุมโปรแกรม, เคร่ืองมือ รวบรวมข้อมูล, อุปกรณ์นาทาง และบอกตาแหน่ง จะส่งข้อมูลผ่านไปยังช่องทางส่งข้อมูลของระบบ CAN ทั้ง สองช่องทาง และสร้างภาพในเวลาปัจจุบัน หรือสร้างข้อมูลท่ีเป็นตัวเลข หรืออักษรของระบบท่ีสัมพนั ธ์กันให้ ปรากฏบนจอแสดงภาพของพลขับ และจอแสดงภาพ และควบคุมของ ผบ.รถ ผ่านช่องทางส่งข้อมูล และ ตัว ของระบบขอ้ มลู เอง ทาให้ ผบ.รถ สามารถดาเนนิ การสง่ั การ และควบคมุ ภารกจิ ของรถถังไดง้ ่ายในฐานะท่ีเป็น ส่วนหน่ึงของระบบอุปกรณ์กาเนิดข้อมลู บนยานรบ อุปกรณ์ระบตุ าแหน่ง และนาทางจะถูกตดิ ตงั้ บนรถถัง โดย ทร่ี ะบบนาทางด้วยแรงเฉ่ีอยจะตดิ ตั้งอยู่ในห้องพลขับ และอปุ กรณ์ระบุตาแหน่ง GPS จะถูกติดตั้งบนป้อมปืน โดยจะแจ้งตาแหน่งท่ีถูกต้องในทุกสภาพเงื่อนไขที่ซับซ้อนของภูมิประเทศให้กับพลประจารถ ระบบระบุ ตาแหน่ง และนาทางประกอบไปดว้ ย เคร่อื งนาทาง, สายไฟฟ้าของระบบเคร่ืองนาทาง, สายวงจรบัสของเคร่ือง นาทาง, และสายมิโลมิเตอร์ของเคร่อื งนาทาง ระบบระบุตาแหน่งด้วยดาวเทียมของรถถัง VT4 เป็นอุปกรณ์ที่ จัดเตรยี มตาแหนง่ ใหก้ บั รถถังเพอ่ื ใชง้ านบนภาคพื้นดนิ โดยหน้าที่หลกั คอื การแจ้งตาแหน่งของยานรบในขณะ เคลื่อนท่ี และส่งข้อมูลพิกัดปัจจุบันของรถถัง (ด้วยระบบพิกัด แบบ WGS-4) รวมถึงละติจูด และลองติจูด, ทศิ ทาง, ความสงู , เวลา, ตาแหน่ง ฯลฯ โดยจะระบขุ อ้ มูลปจั จุบันผ่านระบบบัสของ CAN 8.ระบบพิสจู น์ฝ่าย, ฝ่ายเรา หรือข้าศกึ (FREIND-OR-FOE IDENTIFICATION SYSTEM) ระบบพิสูจน์ฝ่ายว่าเป็นฝ่ายเรา หรือข้าศึก ประกอบด้วย อุปกรณ์หลักติดตั้งบนยานรบ, อุปกรณ์ส่งสัญญาณ สอบถามข้อมลู ผ่านเครอื่ งปลายทางด้านหน้าติดตั้งบนยานรบ, อุปกรณ์รบั สญั ญาณการสอบถามข้อมลู ปลายทาง ด้านหน้า และเคร่อื งมอื ปรับต้ังการเชอ่ื มต่อ 1. อุปกรณ์หลักในการพิสูจน์ฝ่าย, ฝ่ายเรา หรือข้าศึก : ใช้สาหรับการผลิตข้อมูล, เข้ารหัส, เพิ่มกาลัง สัญญาณที่สง่ ออก, กระบวนการท่ีจะทาให้เกิดความสอดคล้อง และส่งสัญญาณสอบถามข้อมูล/ตอบสัญญาณ
ห น้ า | 163 และรับสัญญาณ, เพิ่มกาลังสญั ญาณท่ไี ดร้ ับ, การผสานคลน่ื ความถ่ขี องสัญญาณทีส่ อบถาม/ตอบสนองสัญญาณ สามารถแยกสัญญาณเพอ่ื คานวณตามเง่อื นไข และส่งข้อมลู จากผลท่ีได้จากการพิสูจนฝ์ ่าย ฯลฯ โดยใชเ้ คร่ืองมือ ปรบั ตัง้ การเช่อื มตอ่ กับจอแสดงผลตามภารกิจของ ผบ.รถ 2. อุปกรณ์ส่งสัญญาณสอบถามข้อมูลผ่านเครื่องปลายทางด้านหน้าติดต้ังบนยานรบ อุปกรณ์น้ีใช้ สาหรบั สง่ สญั ญาณสอบถามขอ้ มลู สถานปี ลายทาง และรับสัญญาณท่ตี รงกันที่ตอบกลับมาจากปลายทาง 3. อปุ กรณ์รบั สญั ญาณสอบถามขอ้ มลู ปลายทางด้านหน้า : อุปกรณ์นีใ้ ช้สาหรับรับข้อมูลที่สอบถามไป ยงั สถานีปลายทางท่ีเครื่องส่งสัญญาณสอบถามออกไป อุปกรณ์รับสัญญาณสอบถามข้อมูลปลายทางด้านหน้า โดยปกตแิ ลว้ จะติดตัง้ อย่ดู า้ นบนของฐานติดตัง้ และห้ามทาการพรางรอบ ๆ บรเิ วณทต่ี ิดตั้งอปุ กรณ์ 9. การส่อื สารแบบดจิ ิตอล (Digital communication) ใชว้ ิทยทุ หารปรุงคล่ืนความถี่ VHF/FM แบบก้าวกระโดด 50 วตั ต์ 10. คุณลักษณะเฉพาะทางเทคนคิ กลา่ วทัว่ ไป นา้ หนกั พรอ้ มรบ 52 ตัน พลประจารถ 3 นาย กาลังเคร่ืองยนต์ 833 กิโลวตั ต์ (1,200 แรงม้า) อตั ราสว่ นกาลัง ต่อ นา้ หนัก 23 แรงม้า/ตัน ความยาวเม่อื ปนื ใหญอ่ ยดู่ า้ นหนา้ 10.1 เมตร ความยาวเม่อื ปนื ใหญ่อยดู่ า้ นหลงั 9.750 เมตร ความกวา้ ง พร้อมแผน่ กาลงั ด้านข้าง 3.5 เมตร ไมม่ ีแผ่นกาบังด้านข้าง 3.4 เมตร ความยาวของสายพานสัมผสั พ้นื 4.747 เมตร ระยะสงู พ้นพืน้ (สายพานยาง) 0.51 เมตร ความสงู (ด้านบนป้องปืน) 2.4 เมตร น้าหนกั กดพน้ื 0.88 กโิ ลกรัม/ตร.ซม. ความคล่องแคลว่ ในการเคลอ่ื นที่ ความเรว็ สงู สดุ บนถนน 70 กม./ชม. ความเร็วสงู สดุ ในภูมิประเทศ 33-45 กม./ชม. อัตราเรง่ .-32 กม./ชม. ในเวลา 12 วินาที ระยะปฏิบตั ิการไกลสุด (ในภมู ิประเทศ) มากกว่า 400 กม. ไต่ลาดชัน 60 % ไต่ลาดข้าง 40 % ขา้ มคกู ว้าง 2.7 เมตร ข้ามเคร่อื งกดั ขวางทางดิ่งสงู 0.85 เมตร
ห น้ า | 164 ลยุ ข้ามน้าลึก 1.2 เมตร ไม่ไดเ้ ตรยี มการ 5 นาที 1.8 เมตร เตรยี มการในเวลา 5 เมตร ได้ในระยะทาง 600 เมตร ใชท้ อ่ หายใจ, ลยุ ขา้ มนา้ ลึก 1,200 แรงม้า, เปลี่ยนเครอื่ งยนต์ดีเซล, มเี ทอรโ์ บชารต์ เครื่องยนต์ อัตโนมัติ, เกียรเ์ ดินหนา้ 6 เกียร์, ถอยหลงั 2 เกยี ร์ เคร่อื งเปลย่ี นความเร็ว คานรับแรงบิด, พร้อมเคร่อื งรบั แรงกระแทกไฮดรอลคิ เครอ่ื งพยงุ ตวั รถ และกระบอกรับแรงส่ันสะเทอื น Stepless ระบบบงั คบั เลย้ี ว ระบบเบรกแบบผสม เบรก แบบมีแผน่ ยางรองสายพาน สายพาน อานาจการยิง ปนื ใหญ่รถถังลากล้องเรยี บ ขนาด 125 มม. อาวธุ หลัก แบบอตั โนมัติ การบรรจกุ ระสุน 38 นัด บรรทุกกระสุนได้ อาวธุ รอง ขนาด 7.62 มม. ปืนกลรว่ มแกน ขนาด 12.7 มม. ควบคุมการยิงจากภายในรถ ปืนกลต่อส้อู ากาศยาน การอยู่รอด แผน่ เกราะแบบผสม, แผ่นเกราะปฏกิ ิริยา เกราะปอ้ งกัน นชค. แบบรวมการ การป้องกนั ระบบดบั เพลิง และหยุดยงั้ การระเบิด เครื่องตรวจจบั ด้วยเสน้ ลวดความรอ้ น ห้องเครื่องยนต์ เคร่ืองตรวจจับแบบกล้องตรวจจับ ห้องหอรบ ระบบเตอื นภัยจากเลเซอร์ ระบบปอ้ งกนั เชงิ รกุ 6X2 (12 ทอ่ ) เครอื่ งยงิ ลูกระเบิดควนั มี มเี ครื่องทาฉากควนั ระบบควบคุมการยิง เครอื่ งรักษาการทรงตวั แบบ 2 แกน กล้องเลง็ พลยิง 6°-10° (10X-6X) การรักษาการทรงตัว กล้องเลง็ ภาพความรอ้ น กล้องเลง็ กลางวัน แบบตดิ ตงั้ ในตัว กลอ้ งเล็งกลางคนื เครอ่ื งหาระยะด้วยแสงเลเซอร์ กลอ้ งเล็งพาโนรามิคของ ผบ.รถ
ห น้ า | 165 การรักษาการทรงตัว เคร่อื งรกั ษาการทรงตวั แบบ 2 แกน กลอ้ งเลง็ กลางวัน 5.5° (10X), 10° (6X), ซูมภาพตอ่ เน่อื ง กลอ้ งเล็งกลางคืน กลอ้ งเล็งภาพความร้อน เครือ่ งหาระยะด้วยแสงเลเซอร์ แบบตดิ ตั้งในตวั คอมพวิ เตอรค์ านวณขปี นวิธี แบบ DSP คานวณค่าตัวแกข้ ีปนวิธอี ตั โนมตั ิ เครื่องตรวจวัดอัตโนมตั ิ เครือ่ งตรวจวดั สภาพอากาศ, เครือ่ งตรวจวดั อณุ หภูมิ ดินส่ง, เครอื่ งวดั มมุ เอยี ง, เครือ่ งตรวจวัความเร็ว เชิงมมุ เปา้ หมาย, ระบบจดุ อ้างอิง ฯลฯ ระบบเลง็ เกาะเปา้ หมายอตั โนมัติ มี หน้าที่ในการทางานแบบ Hunter-Killer มี ระบบรักษาการทรงตวั ของปืนใหญ่ แบบใช้ไฟฟา้ ขบั ทัง้ มุมสูง และมุมทศิ เบ็ดเตล็ด ระบบนารอ่ ง GPS & INS ระบบกาเนดิ ข้อมลู ของรถถงั มี กล้องตรวจการณ์ดา้ นหนา้ มี กลอ้ งตรวจการณ์ดา้ นหลัง มี ระบบเครื่องปรบั อากาศ มี จอแสดงภาพเอนกประสงคส์ าหรบั ผบ.รถ และพลขับ มี ระบบพิสูจนผ์ า่ ย ผา่ ยเรา หรือข้าศกึ มี
ห น้ า | 166 แผนกวชิ ายานยนต์ กองการศกึ ษา โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า คา่ ยอดิศร สระบุรี ---------- เอกสารเพิม่ เติม หลกั การก้รู ถ 1. กล่าวทั่วไป ทหารม้าเป็นหน่วยกาลังรบท่ีมีความสามารถสูง ในด้านความคล่องแคล่วในการเคล่ือนที่ มี อานาจการยิงรนุ แรงในตวั เอง และมีเกราะกาบัง เพื่อให้ขีดความสามารถดังกล่าวดารงอยู่ได้ กาลังพลในหน่วย ทหารม้า จะต้องมคี วามรู้ในการกู้รถ สามารถทาการก้รู ถ แกป้ ัญหาเกีย่ วกับการกรู้ ถ ควบคุมและกากับดูแลการ กรู้ ถ ในขอบเขตและหน้าท่รี ับผิดชอบของตน หรือของหน่วยได้เปน็ อย่างดี 2. ความรับผิดชอบในการกู้รถ และส่งกลบั ระดับหน่วย เจ้าหน้าท่ี วิธกี าร เคร่อื งมือเคร่อื งใช้ หมวด พลประจารถ ลากจูง รถชนิดเดยี วกนั กวา้ น กวา้ นประจารถ กองรอ้ ย ชา่ งประจาหน่วย แสวงเครือ่ ง สิ่งตา่ ง ๆ ทแี่ สวงหามาได้ สง่ กลบั รถชนิดเดยี วกัน กองพนั ชา่ งประจาหน่วย กว้าน รถกู้ ยก รถกู้ ระดับสรรพาวุธ เจ้าหนา้ ที่ ลากจงู รถกู้ หนว่ ย สพ.สนับสนนุ โดยตรงและ ชา่ งประจาหนว่ ย ส่งกลับ รถชนดิ เดยี วกันและรถกู้ หนว่ ย สพ.สนับสนุนทั่วไป กว้าน รถกู้ ยก รถกู้ ลากจงู รถกู้ ส่งกลบั รถกู้ วิธกี าร เครอ่ื งมือเครอ่ื งใช้ กวา้ น รถกู้ ยก รถกู้ ลากจูง รถกู้ ส่งกลับ รถบรรทกุ ชานตา่ รถกู้
ห น้ า | 167 3. ขดี ความสามารถของรถกู้ ลาดับ ชนดิ รถ ความสามารถสงู สุด (ตนั ) กวา้ น ยก ลากจูง 1. รถกู้ 5 ตัน M543 และ M816 22.5 10 15 2. รถกู้ M553 22.5 12 23 3. รถสายพานกู้ซ่อม M578 30 15 30 4. รถสายพานก้ซู อ่ ม M88A1 45 25 56 5. รถสายพานกซู้ ่อม M88A2 70 35 70 6. รถสายพานกซู้ ่อม แบบ 653 35 10 38 7. รถสายพานกู้ซ่อม 21 “แซมซั่น” 4 0.5 8 8. รถสายพานกู้ซ่อม M113A3 -- - 9. รถสายพานแบบตา่ ง ๆ - - เท่ากับนา้ หนักของรถชนดิ นั้น ๆ *** โดยเฉลี่ยรถสายพานจะสามารถลากจูงน้าหนักได้เท่ากับน้าหนักของตนเองบนพ้ืนท่ีแข็งและ ราบเรยี บเมอ่ื ใช้ เกยี รถ์ อยหลงั 4. หลักการกู้รถ 4.1 ความตา้ นทาน ความต้านทานทเี่ กีย่ วข้องกับการกรู้ ถมี 5 แบบ คือ 4.1.1 ความต้านทานของลาดชนั เกิดจากแรงดึงดดู ของโลก เมือ่ รถเคลอื่ นท่ขี นึ้ ลาดชัน 4.1.2 ความตา้ นทานในการพลกิ ตั้ง เกดิ จากน้าหนักสว่ นหน่ึงของรถท่ตี า้ นทานตอ่ แรงพยายามที่ใช้ใน การพลกิ หรอื ตะแคงรถที่คว่าให้กลบั มาต้ังอยบู่ นล้อ หรือสายพานตามเดมิ 4.1.3 ความตา้ นทานของหล่ม เกิดจากโคลน หิมะ หรือ ทราย ทีเ่ กาะตดิ หรือ ออกแรงดึงดูดต่อลอ้ รถ สายพาน เพลา หีบเฟอื งต่าง ๆ หรือตัวรถ 4.1.4 ความต้านทานของน้า เกิดขนึ้ เม่ือรถจมน้า และถูกฉุดลากจากน้าข้ึนมาบนบก 4.1.5 ความต้านทานของรอก เกิดขน้ึ เมอื่ ใช้รอกเขา้ ประกอบในการก้รู ถ หมายเหตุ ข้อ 4.1.1 ถึง ขอ้ 4.1.4 เป็นความตา้ นทานทเี่ กิดจากสภาพภูมปิ ระเทศ 4.2 การประมาณความตา้ นทานของภารกรรม - ลาดชัน.............................. เท่ากับน้าหนกั ของรถ และนา้ หนกั ที่บรรทุกบนรถ - การพลกิ ตง้ั ........................ เทา่ กับคร่ึงหนงึ่ ของน้าหนกั รถ และน้าหนกั ที่บรรทกุ บนรถ ระดับลอ้ .............................… เท่ากับน้าหนกั ของรถ และนา้ หนักที่บรรทกุ บนรถ - หลม่ - ระดับบงั โคลน........................ เท่ากับสองเท่าน้าหนักรถ และน้าหนักบรรทุกบนรถ ระดับปอ้ มปนื หรือตัวรถถงั .... เท่ากบั สามเท่านา้ หนักรถ และนา้ หนกั บรรทกุ บนรถ เมอื่ ตัวรถจมอยู่ในนา้ .......... คดิ ความต้านทานเช่นเดยี วกับความต้านทานของหลม่ - น้า เมื่อตัวรถพน้ น้า.................. คิดความตา้ นทานเช่นเดยี วกับความตา้ นทานของหลม่
ห น้ า | 168 ** นา้ หนกั ของน้าทขี่ งั อยู่ในรถสายพานลาเลยี งพล ให้ประมาณค่าเทา่ กบั น้าหนกั ของรถ ** น้าหนกั ของนา้ ท่ีขังอย่ใู นรถถัง ให้ประมาณค่าเท่ากับ 1/8 เท่า ของนา้ หนกั รถ ** รถลอยน้าให้คิดความต้านทานเท่ากบั 1/64 เท่า ของน้าหนกั รถ ตัวอยา่ ง 1. รสพ.M113A2 มนี า้ หนกั 12 ตัน จมนา้ และติดหล่มโคลนถึงระดับล้อกดสายพาน จะมีความต้านทานโดยประมาณ จะเทา่ กับ 12 ตนั 2. เมอ่ื รสพ.คันนถี้ ูกลากข้นึ ฝ่ังจนรถพ้นนา้ ความต้านทานจะเพม่ิ ขึ้น เนือ่ งจากน้าหนกั ของ น้าที่ขังอยู่ในตัวรถ ดงั น้นั ความต้านทานเมื่อตวั รถพ้นน้า จะเทา่ กบั นา้ หนกั รถ บวก ดว้ ย นา้ หนกั ของนา้ เทา่ กับ 24 ตัน - รอก เทา่ กบั 10 % ของความตา้ นทานของภารกรรม คูณ ด้วยจานวนของรอกที่ใช้ในการกรู้ ถ 4.3 ปจั จยั ที่ทาให้ความตา้ นทานลดลง 10 % เมื่อทาการกู้รถยอ้ นกลับทิศทางการเคลื่อนทขี่ องรถติดหล่ม 40 % เม่อื เคร่ืองยนตส์ ามารถสง่ กาลงั ไปขบั เคลื่อนสายพานท้งั สองขา้ ง 50 % เม่อื ทาการกู้รถย้อนกลับทิศทางการเคล่ือนท่ีของรถติดหล่ม และสามารถสง่ กาลังจาก เครือ่ งยนตไ์ ปขบั เคลื่อนสายพานทัง้ สองข้าง หมายเหตุ ปจั จยั ทที่ าให้ความต้านทานลดลงไม่อาจใช้กบั รถลอ้ รถสายพานท่ตี ดิ จมูก และรถสายพานที่พลิกควา่ หรอื ตะแคงอยู่ 4.4 ความตา้ นทานของภารกรรม จะหาได้จากการเอาความต้านทานจากการประมาณ ลบ ดว้ ยปจั จัยท่ีทาใหค้ วามต้านทานลดลง 4.5 การได้เปรยี บเชงิ กล - โดยประมาณ เทา่ กบั ความตา้ นทานของภารกรรม หาร ด้วยความสามารถของแหล่งกาลงั ทใ่ี ช้ในการกรู้ ถ - จากรอก เทา่ กบั จานวนของเส้นเชือกที่พยุงน้าหนกั หรอื ภารกรรม 4.6 ความตา้ นทานของรอก เทา่ กับ 10 % ของความตา้ นทานของภารกรรม คูณ จานวนรอกที่ใชใ้ นการกรู้ ถ 4.7 ความตา้ นทานรวม เท่ากับความตา้ นทานของภารกรรม บวก ด้วยความต้านทานของรอก 4.8 การจัดเชอื กโยง และการต่อรอก แรงต่าง ๆ ทีก่ ระทาต่อเสน้ เชอื ก - เส้นแรงตก หรือเสน้ ดึง เทา่ กับความต้านทานรวม หาร ด้วยการได้เปรยี บเชงิ กล - เสน้ ตาย เทา่ กับแรงท่กี ระทาต่อเสน้ แรงตก คณู ด้วยจานวนเส้นเชือกท่ีเสน้ ตายออกแรงพยงุ - เสน้ แรงกลับ เทา่ กบั แรงทก่ี ระทาตอ่ เสน้ แรงตก หรอื เสน้ ดึง 4.9 ตวั อย่างการต่อรอก และการคานวณ รถถงั ขนาด 50 ตนั ตดิ หล่มจมลึกถึงระดบั บังโคลน ไม่มีข้อขัดข้องทางกล และสามารถทาการ กูร้ ถย้อนกลบั ทิศทางการเคลอื่ นท่ขี องรถถงั ดว้ ยรถกู้ M88A1
ห น้ า | 169 รถกู้ M88A1 เส้นดึงหรือเสน้ แรงตก รถถงั ติดหล่ม เสน้ ตาย เส้นทางการเคลื่อนท่ี เสน้ แรงกลบั ของรถถงั ติดหล่ม สมอบก ความตา้ นทานของภารกรรมโดยประมาณ = 100 ตัน [นา้ หนกั รถ 2 (จมลึกถงึ ระดับบงั โคลน)] = 50 2 = 100 ตัน ความตา้ นทานของภารกรรม = 50 ตนั ความตา้ นทานโดยประมาณ 100 ตัน จะสามารถลดลงได้ 50 % ดงั นี้ ลด 10 % จากการกู้รถย้อนทศิ ทางการเคลื่อนท่เี ดมิ ลด 40 % จากการทีเ่ ครอ่ื งยนตส์ ามารถสง่ กาลังไปขับเคล่อื นสายพานท้งั สองข้าง ความได้เปรียบเชงิ กลที่ต้องการ = ความต้านทานของภารกรรม 50 ตนั หาร ด้วยความสามารถในการ ฉดุ ลากของกว้านรถกู้ M88A1 คอื 45 ตนั = 50 45 = 1.11 = 2 (ปดั เศษให้เป็นจานวนเต็ม) = 2:1 ความต้านทานของรอก = 10 % ของความต้านทานของภารกรรม คณู ดว้ ยจานวนรอกท่ีใช้กู้รถ = 50 10 1 = 5 ตนั ความตา้ นทานรวม = ความต้านทานของภารกรรม บวก ดว้ ยความตา้ นทานของรอกทใี่ ชก้ รู้ ถ = 50 + 5 = 55 ตัน แรงกระทาตอ่ เส้นแรงตก = ความตา้ นทานรวม 55 ตัน หาร ดว้ ยความไดเ้ ปรยี บเชิงกลท่ตี ้องการ ( 2 : 1 ) = 55 2 = 27.5 ตัน แรงกระทาตอ่ เสน้ ตาย = แรงกระทาต่อเส้นแรงตก 27.5 ตนั คูณ ด้วยจานวนเส้นเชอื กท่ีเส้นตายออกแรงพยงุ = 27.5 2 = 55 ตนั 5. ลาดบั การปฏบิ ัติในการกู้รถ (RECOVERY PROCEDURE) 5.1 ลาดตระเวนพื้นท่ี ตรวจภูมปิ ระเทศ เพ่อื หาเสน้ ทางท่ีจะเขา้ ไปยงั รถทีต่ อ้ งการกู้ R = RECONNOITER วธิ กี ารนาลวดกวา้ นไปยังภารกรรม และสมอบกธรรมชาตทิ มี่ ีอยู่ THE AREA ในบริเวณนน้ั 5.2 ประมาณสถานการณ์ พจิ ารณาความตา้ นทานของภารกรรม และขดี ความสามารถของ E = ESTIMATE SITUATION เครอ่ื งมอื เคร่ืองใชใ้ นการกู้รถทม่ี ีอยู่
ห น้ า | 170 5.3 คานวณอัตราสว่ น คานวณหาความได้เปรียบเชงิ กล ท่ีจะตอ้ งใชใ้ นการต่อรอกอย่างคร่าว ๆ C = CALCULATE RATIO 5.4 คิดความต้านทานทั้งหมด คานวณหาความต้านทานของรอกทีใ่ ช้ในการกู้รถ และหาความ O = OBTAIN RESISTANCE ตา้ นทานรวม 5.5 ขยายความในการแกป้ ญั หา คานวณหาแรงต่าง ๆ ทก่ี ระทาตอ่ เส้นเชือก เพอ่ื เปรียบเทียบกบั V = VERIFY SOLUTION ความสามารถของกวา้ น หรือเครื่องมือเคร่อื งใช้ และขีดความ สามารถในการรบั น้าหนักของเสน้ ตาย 5.6 ทาการต่อรอก ให้คาแนะนา และอธบิ ายใหพ้ ลประจารถเข้าใจวธิ ีการตอ่ รอก E = ERECT RIGGING ทาการต่อรอก เม่ือเสรจ็ แลว้ ให้พลประจารถถอยออกไปยัง พ้ืนท่ีปลอดภัย 5.7 ตรวจการต่อรอกอีกครง้ั หนง่ึ ตรวจให้แนใ่ จอกี ครงั้ หนึ่งว่า ไดท้ าการตอ่ รอกอยา่ งถกู ต้อง R = RECHECK RIGGING เรียบรอ้ ย และปลอดภัย 5.8 ทา่ นพรอ้ มทจี่ ะกูร้ ถแล้ว ให้สญั ญาณพลประจากว้าน ทาการเดินกว้าน เพ่อื ฉุดลากภารกรรม Y = YOU ARE READY และควรเร่ิมเดนิ กวา้ นชา้ ๆ เพ่ือใหล้ วดกวา้ นตึงทีละนอ้ ยอยา่ ง สมา่ เสมอ 6. ขดี ความสามารถของกวา้ นแบบต่าง ๆ แบบกวา้ น จานวนชนั้ ลวดกวา้ น ความยาวของลวดกว้าน ขีดความสามารถ (ตัน) บนลอ้ กว้าน บนล้อกวา้ น (ฟตุ ) 5 ตนั 1 0 - 39 5.00 2 40 - 85 4.225 3 86 - 138 3.670 4 139 - 199 3.230 5 200 - 266 2.890 10 ตนั 1 0 - 41 10.00 2 42 - 91 8.450 3 92 - 148 7.250 4 149 - 213 6.400 5 214 - 278 5.700 22.5 ตนั 1 0 - 42 22.500 2 43 - 93 18.850 3 94 - 153 16.250 4 154 - 220 14.250 5 221 - 296 12.650 6 287 - 380 11.400 30 ตนั 1 0 - 55 30.000
ห น้ า | 171 2 56 – 128 26.000 3 129 – 208 23.000 4 209 - 300 20.000 45 ตนั 1 0 - 41 45.000 2 42 - 91 38.000 3 92 - 149 32.000 4 150 - 200 28.000 หมายเหตุ 1. กว้านหลักขนาด 35 ตนั ของรถสายพานกู้ซอ่ ม แบบ 653 และกวา้ นหลกั ขนาด 70 ตัน ของรถสายพานกู้ซ่อม M88A2 จะมกี าลังฉดุ ลากคงที่ ไม่ว่าลวดกวา้ นจะมว้ นอย่ทู ี่ชั้น ใด ๆ บนลอ้ กวา้ น 2. เพ่อื ความปลอดภัยจะตอ้ งมีลวดกว้านพันอยู่บนล้อกวา้ นอย่างนอ้ ยท่ีสดุ 4 รอบ 3. มมุ เบ่ยี งเบนของสายลวดกว้านจะต้องไม่เกิน 1.5 องศาจากแนวศนู ยก์ ลางของลอ้ กวา้ น 7. ขีดความสามารถของเชอื ก และโซ่ เส้นผา่ ศูนย์กลาง เชอื กเสน้ ใย เชือกลวด และโซ่ ( น้วิ ) T = 4D2 (ตัน) T = 40D2 (ตนั ) 3/8 .5625 5.625 7/16 .765625 7.65625 1/2 1.000 10.000 5/8 1.5625 15.625 3/4 2.250 22.500 7/8 3.0625 30.625 1.0 4.000 40.000 1 1/8 5.0625 50.625 1 1/4 6.250 62.500 1 1/2 9.000 90.000 8. เกณฑค์ วามปลอดภยั ในการใชง้ าน (SAFE WORKING CAPACITY “ SWC”) 1. เชอื กเสน้ ใย เท่ากบั เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางของเชอื กยกกาลงั สอง หรือ SWC = D2 2. เชอื กลวดหรอื โซ่ เทา่ กบั 8 คณู ดว้ ยเสน้ ผ่าศูนย์กลางของเชือกลวดหรือโซ่ ยกกาลังสอง หรือ SWC = 8 D2 ตัวอย่างที่ 1 เชือกมนลิ าขนาดเส้นผ่าศูนยก์ ลาง 1 นิ้ว จะสามารถรับแรงดงึ ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั เทา่ ใด จากสูตร SWC = D2 =11 =1
ห น้ า | 172 เชอื กเสน้ นีจ้ ะรับแรงดึงไดอ้ ยา่ งปลอดภยั เท่ากบั 1 ตัน ตวั อยา่ งท่ี 2 ลวดกวา้ นซึง่ มขี นาดเส้นผ่าศนู ย์กลาง 1/2 นิ้ว จะสามารถรบั แรงดึงไดอ้ ย่าง ปลอดภยั เท่าใด จากสตู ร SWC = 8D2 = 8 .5 .5 =2 เชือกลวดเสน้ นี้จะรับแรงดงึ ได้อยา่ งปลอดภยั เท่ากับ 2 ตัน 9. แรงท่ีกระทาตอ่ ขาของหว่ งเชือก (SLING LEG FORCES) แรงที่กระทาตอ่ ขาแตล่ ะขา้ งของหว่ งเชอื ก (ห่วงเชือก 2 ขา) ตอ่ น้าหนกั แตล่ ะ 1,000 ปอนด์ ของ น้าหนกั รวมของภารกรรม มุมของห่วงเชือก แรงทก่ี ระทาต่อขาของ มมุ ของหว่ งเชอื ก แรงทีก่ ระทาต่อขาของ ( องศา ) ห่วงเชือก เป็น ปอนด์ ( องศา ) ห่วงเชือก เปน็ ปอนด์ 0 500 90 707 10 502 100 778 20 509 110 872 30 518 120 1,000 40 532 130 1,183 50 552 140 1,462 60 577 150 1,932 70 610 160 2,880 80 653 170 5,734 577 ป. 577 ป. 500 ป. 0 500 ป. 60 707 ป. 90 707 ป. 1000 ป. 120 1000 ป. 1,000 ปอนด์ 1,000 ปอนด์ 1,000 ปอนด์ 1,000 ปอนด์
ห น้ า | 173 10. ขอ้ ควรระวงั ในการกรู้ ถ 10.1 เครื่องยนต์ จะต้องดับเครือ่ งยนต์ และใส่ห้ามล้อไว้ในขณะทาการตอ่ หรอื ปลดลวดลากจงู 10.2 ปืนใหญ่ จะต้องหมนุ ปืนใหญไ่ ปไว้ในตาแหน่งซึ่งจะไมช่ นหรอื กระทบกบั ตวั รถ หรือ ป้อมปนื ของรถคันอื่น ในกรณที เ่ี กิดการชนกนั ข้นึ 10.3 พลขับ จะตอ้ งปิดฝาปิดห้องพลขับ และสงั เกตการณผ์ ่านกลอ้ งตรวจการณ์ในขณะกรู้ ถ 10.4 เจา้ หนา้ ทต่ี ่าง ๆ เจ้าหน้าที่ตา่ ง ๆ บนพน้ื ดินจะต้องอยูใ่ หพ้ น้ จากยา่ นอนั ตราย ของสายลวดกวา้ น อย่างน้อยท่สี ุดเทา่ กบั ความยาวของเส้นลวด และอยู่ในดา้ นตรงขา้ มกบั มุมดงึ หรอื ตัวกว้าน 10.5 การอานวยการ การอานวยการและควบคมุ ดูแลการกู้รถ ควรจะกระทาโดยบุคคลคนเดยี วกัน โดยอยูใ่ นตาแหน่งทป่ี ลอดภัย และพลขับทุกนายสามารถมองเหน็ สญั ญาณได้ ชัดเจน 10.6 การตอ่ รอก จะต้องตรวจว่าการต่อรอกไดก้ ระทาอย่างถกู ต้อง และสลักต่าง ๆ จะต้องมสี ลกั กันหลดุ ใส่ไว้เรียบรอ้ ย กอ่ นทีจ่ ะให้รอกชดุ นน้ั ออกแรงรับภารกรรม 10.7 การใช้กาลัง จะตอ้ งเรมิ่ เดนิ กว้านหรือออกแรงฉดุ หรือออกแรงดึงอย่างชา้ ๆ และสม่าเสมอกัน 10.8 เพลิง ห้ามสบู บหุ ร่ี หรอื นาเปลวไฟเข้ามาใกล้รถท่ีตดิ จมูกหรือ พลิกคว่า เพื่อ ปอ้ งกันอันตรายจากเพลงิ 10.9 ควันไอเสยี รถถังทถ่ี กู ลากจงู ควรไดร้ บั การเบ่ยี งเบนให้พน้ จากควันไอเสยี ของรถถงั คนั ลากจูงเพอื่ ปอ้ งกนั อนั ตรายจากแกส๊ คารบ์ อนโมนอ็ กไซด์ 10.10 นา้ มันเช้ือเพลงิ ท่ีหกไหล รวมทงั้ น้ามันหลอ่ ล่นื ต่าง ๆ จะต้องถูกดดู ซบั และเช็ดให้แห้งจากรถที่ ติดจมกู หรือพลกิ ควา่ และเมือ่ กรู้ ถขึ้นมาแล้วรถน้ันจะต้องไดร้ ับการ ตรวจสภาพ และปรนนบิ ตั ิบารุงอย่างครบถ้วนโดยพลประจารถ และชา่ งยานยนต์ กอ่ นทจ่ี ะติดเครอ่ื งยนตอ์ ีก ------------------------------------------ เอกสารนแี้ ปลจากคูม่ ือการก้รู ถ และการต่อรอกเพอ่ื กู้รถ ฉบับเดือนกรกฎาคม 1980 ของ รร.สพ.ทบ.สหรฐั ฯ อาเบอรด์ นี พรพู ว่ิงกราวน์ด แมร่ีแลนด์, รส.20-22 ฉบบั เดือน สิงหาคม 1990 และ รส. 9-43-2 ฉบับเดือน ตลุ าคม 1995
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177