๙๕ การยิงปนื ใหญ่และปนื กลของ ผบ.รถ พรอ้ มกนั (SIMULTANEOUS MAINGUN AND TC MACHINE GUN ENGAGEMENT) การยิงด้วยอาวธุ สองชนดิ พร้อมกนั คอื การใช้อาวุธสองชนิดหรือมากกว่าทาการยิงต่อเป้าหมายหนึ่ง เปา้ หรอื มากกวา่ ในเวลาเดียวกนั ผบ.รถ จะออกคาสั่งยิงเร่ิมแรกสาหรับทาการยิงด้วยปืนใหญ่หรือปืนกลร่วม แกน เน่ืองจากผบ.รถ ไม่สามารถช่วยเหลือพลยิงในการปรบั การยิงได้ ผบ.รถจะออกคาสง่ั ว่า “ยิงและปรบั การ ยิง” เป็นการแจ้งให้พลยิงทราบวา่ จะไม่ได้รับคาสั่งยิงขน้ั ต่อมาและต้องจบการยิงด้วยตัวเอง ก่อนท่ีผบ.รถ จะ ทาการยิงปืนกลของตนเองจะแจ้งเตือนว่า “ขนาดห้าสิบ” ถ้าพลยิงตรวจการณ์พบว่าเป้าหมายถูกทาลาย ก่อนท่ผี บ.รถ จะกลับมาควบคุมรถถังอีกครงั้ หน่ึง พลยงิ จะแจง้ เตือนให้ทราบว่า “เป้าหมาย-หยดุ ยิง” เพอื่ แจ้ง ใหผ้ บ.รถ ทราบว่าปนื ใหญห่ รอื ปนื กลรว่ มแกนเปน็ อสิ ระสาหรบั การปฏบิ ตั ิภารกิจอืน่ ตอ่ ไปแล้ว ในขณะเดยี วกนั ผบ.รถ อาจจะออกคาส่ังยิงใหม่ให้ซ่ึงวิธีการยิงแบบน้ีเป็นลักษณะท่ีพึงประสงค์น้อยที่สุด และจะทาการยิง ต่อเมอื่ เป้าหมายของผบ.รถ ท่ีปรากฏอยนู่ ัน้ เปน็ เปา้ หมายอนั ตรายท่ีสดุ หรอื เปา้ หมายอนั ตราย วิธีการยิงแบบนี้ เป็นการยิงทีย่ ากในขณะเคลอ่ื นท่ี แต่ไม่ควรละท้งิ เพราะเปน็ เทคนคิ การยิงทเ่ี ป็นไปได้ ถึงแมว้ า่ การยิงดว้ ยอาวธุ พรอ้ มกันแตกต่างจากเทคนิควิชาหลักยิงท่ีใช้อยู่ คาสั่งยิงข้ันต้นจะต้องตาม ด้วยหัวข้อดังต่อไปน้ี เม่ือผบ.รถ ค้นพบเป้าหมายที่เป็นรถถัง และชุดยิงจรวดต่อสู้รถถัง (RPG) อยู่ตรงหน้า และรถถงั ปฏบิ ตั กิ ารดว้ ยเครื่องควบคุมเต็มระบบ ในขณะทีว่ างทศิ ทางยงิ ปืนใหญ่ให้ ผบ.รถ จะออกคาส่ังยิงไป ด้วยว่า “พลยงิ – เจาะเกราะ – รถถัง - ยิงและปรับการยงิ -ขนาดหา้ สบิ ” การยงิ หลายเปา้ หมายด้วยปนื ใหญห่ รอื ปนื กลรว่ มแกนพรอ้ มกบั ปืนกลของผบ.รถ (MULTIPLE MAIN GUN OR MACHINE GUN ENGAGAGEMENT WITH TC MACHINE GUN ENGAGEMENT) ตัวอย่างของคาสัง่ ยิงและการตอบสนองต่อคาสั่งของผบ.รถ และพลยิง ในการยิงเป้าหมายหลายเป้า ดว้ ยอาวธุ สองชนดิ พรอ้ มกันแสดงได้ ดงั น้ี ผบ.รถ ออกคาสงั่ “พลยงิ -เจาะเกราะ-รถถังสองคัน-คันซา้ ย” พล ยิงรายงานว่า “คันซ้าย-ทราบแล้ว” แล้วกลับไปใช้ภาพเล็งท่ีถูกต้อง แล้วรายงานว่า “เลเซอร์” ผบ.รถ ประเมนิ ค่าตัวแกท้ างขีปนะของเครื่องควบคุมการยิง จากนน้ั ออกคาสั่งว่า “ยิงและปรับการยิง-ขนาดห้าสิบ” พลยิง แจ้งเตอื น “ระวงั ” แล้วทาการยงิ ต่อเปา้ หมายแรก จากนนั้ รายผลการตรวจหรอื การปรับแก้การยิง และ ทาการยิงเป้าหมายต่อไป ถา้ ตรวจการณพ์ บว่าเป้าหมายถูกทาลาย พลยงิ รายงานวา่ “เปา้ หมาย-คนั ขวา-ทราบ แล้ว” และยา้ ยไปทาการยงิ ต่อเปา้ ตอ่ ไป การปฏิบตั ิเช่นนี้ช่วยให้ ผบ.รถ ทราบว่าต้องปรับแก้ เพ่ือย้ายการยิง ทางทิศ และทาให้ทราบด้วยว่าการดาเนินการยิงเป็นไปอย่างไร พลยิงทาการยิงอย่างต่อเน่ืองจนกระทั่ง เป้าหมายทั้งหมดถกู ทาลาย จากนนั้ รายงานวา่ “หยุดยิง” เมื่อ ผบ.รถ จบการยิงของตนจะแจ้งเตือนว่า“ผบ. รถ ยงิ จบ” ณ เวลานี้ ผบ.รถ จะกลับมาควบคมุ การยงิ เชน่ เดิม ทาการตรวจและปรบั การยิงถา้ ต้องการ บางครั้งในระหว่างการยิงหลายเป้าหมายด้วยอาวธุ สองชนิดพรอ้ มกนั ผบ.รถ อาจตอ้ งการท่จี ะหยดุ ทา การยิงปืนกลขนาด .๕๐ ของตนช่ัวขณะ เพ่ือช่วยปรับการยิงให้กับพลยิง สถานการณ์เช่นนี้มีอยู่สอง สถานการณ์ทีใ่ ช้กนั มาก คือ
๙๖ เมื่อพลยิงไมพ่ บเปา้ หมาย ผบ.รถ ต้องวางทิศทางยิงลงบนเปา้ หมายให้ เมอ่ื พลยงิ ไมส่ ามารถตรวจผลการยงิ ผบ.รถ จะชว่ ยปรบั การยิงให้ ผบ.รถ ควรจะทาการยิงดว้ ยอาวธุ พร้อมกนั หรอื การยงิ หลายเปา้ หมายด้วยอาวุธสองชนดิ พรอ้ มกนั เป็น ทางเลอื กหนทางสุดทา้ ยเทา่ นนั้ ถา้ เปน็ ไปได้ ผบ.รถ ควรจะดารงการปฏิบตั ไิ วก้ บั การยิงเป้าหมายทตี่ อ้ งการด้วย ปืนใหญร่ ถถัง การยิงหลายเปา้ หมายและการยงิ เปา้ หมายด้วยอาวุธสองชนิดพรอ้ มกัน ผบ.รถ \"พลยงิ -เจาะเกราะ-รถถงั สองคนั -คนั ซา้ ย-พลขบั -เคลอ่ื นท่ี-พลยงิ -ควบคุม\" พลบรรจุ \"พร้อม\" พลยิง \"พลขบั -หยุดรถ-รถถังคันซ้าย-ทราบแลว้ \" ผบ.รถ \"ยิงและปรบั การยงิ -ขนาดหา้ สบิ \" พลยงิ \"ระวงั -เป้าหมาย-รถถงั คนั ขวา-ทราบแล้ว\" พลบรรจุ \"พรอ้ ม\" ผบ.รถ \"ผบ.รถ ยงิ จบ-ยงิ \" พลยงิ \"ระวงั -เป้าหมาย\" ผบ.รถ \"หยุดยิง-พลขับ-ถอยหลงั -พลขับ-หยุดรถ\" ขอ้ สังเกต : ผบ.รถ จะออกคาสัง่ วา่ \"ยิงและปรบั การยิง\" เมอื่ พลยงิ รายงานว่า \"ทราบแล้ว\"
๙๗ การปรับการยิงเลง็ ตรง (DIRECT-FIRE ADJUSTMENT) ความมุ่งหมายของวิชาหลักยิงอาวุธรถถัง คือ เพื่อให้บรรลุผลสาเร็จอย่างรวดเร็ ว เป้าหมายถูกยิง ทาลายดว้ ยกระสนุ นัดแรก ความเร็วและความถกู ต้องของระบบเคร่ืองหาระยะและเคร่ืองคานวณ เอ็ม๒๑ ใน รถถัง เอ็ม๖๐เอ๓ จะช่วยเพ่ิมขีดความสามารถเหล่าน้ี การปฏิบัติตามในเตรียมการและตรวจก่อนทาการยิง อย่างเคร่งครัด และใช้เทคนิคการยิงเล็งตรงจะเพ่ิมโอกาสในการยิงถูกและทาลายเป้าหมายได้ในนัดแรก อยา่ งไรกต็ าม เงื่อนไขในการปรับการยงิ เลง็ ตรงก็ยงั คงมีความจาเป็นอยู่ เมื่อพลยิง หรือ ผบ.รถ ยิงกระสุนนัด แรกออกไปไมถ่ ูกเป้าหมาย พลประจารถจะต้องปฏิบัติเพ่ือทาให้การยิงเป้าหมายด้วยกระสุนนัดต่อไปถูกต้อง อยา่ งรวดเรว็ ปัจจยั ทที่ าให้การยิงพลาดเปา้ หมาย (FACTORS IN TARGET MISSES) มปี ัจจัยอยหู่ ลายประการท่เี ป็นสาเหตทุ าใหก้ ารยิงพลาดเป้าหมาย ปจั จัยต่างๆเหล่านข้ี นึ้ อยูก่ ับเทคนิค การยิงเลง็ ตรงและกระสนุ ท่ีใช้ในการทาการยิง ปัจจยั ตอ่ ไปนอี้ าจเปน็ สาเหตุทท่ี าให้ยงิ พลาดเปา้ หมายได้ การปรบั เสน้ เลง็ ไมถ่ กู ต้อง การถกู ทาลายจากการรบ ความบกพร่องของพลประจารถในการตรวจและการเตรียมการกอ่ นทาการยิง หรือจากการตรวจ ความถูกต้องของอปุ กรณ์ระบบควบคมุ การยิง ความผิดพลาดของพลประจารถในขณะทาการยิง เชน่ การใช้เสน้ มาตราของกลอ้ งเลง็ เลง็ ลงบนจุด เลง็ ของเป้าหมายไม่ถูกต้อง (ภาพเล็งไมด่ ี) การสญู เสยี ความสมั พันธร์ ะหวา่ งปนื กบั กล้องเลง็ (การปรบั เสน้ เล็ง) อาการกระจายของกระสุนแตล่ ะนดั ระยะไมถ่ ูกต้อง มมุ เอียงมากเกินไป (ดุมรับปืน) การหกั เห (การคดของทิศทางในกล้องเลง็ )
๙๘ การตรวจผลการยงิ (SENSING) การตรวจเป็นการจดจาด้วยความรู้สึกโดยพลยิงและผบ.รถ ว่ากระสุนที่กระทบหรือผ่านเป้าหมายมี ความสมั พันธ์กบั จุดเล็งอยา่ งไร ถ้ากระสุนนดั แรกเกิดความลม้ เหลวในการทาลายเป้าหมาย การตรวจจะชว่ ยให้ พลยิงหรอื ผบ.รถ ปรับการยิงกระสุนนดั ต่อไปได้ ขีดความสามารถในการตรวจผลการยิงข้ึนอยกู่ ับ.– ส่งิ ปิดกน้ั การเห็น แสงแลบ ลมระเบดิ ทปี่ ากลากลอ้ งปนื แสงระยบิ ระยบั จากความรอ้ น และการ เคลือ่ นท่ีของรถถังทท่ี าการยงิ (พ้นื ท่ขี รุขระ) อาจปดิ กนั้ การตรวจผลการยงิ ของพลประจารถได้ เวลาแลน่ ของกระสุน เวลาแล่นของกระสุนปืนใหญ่เมื่อทาการยิงออกไปเป็นเวลาท่ีส้ันมากลูก กระสนุ อาจถงึ เปา้ หมายกอ่ นทรี่ ถถังจะอยู่น่ิงและสิง่ ปิดกนั้ การเหน็ จะจางหายไป เปน็ ไปได้ยากทจี่ ะทาการตรวจกระสนุ เจาะเกราะ APFSDS-T หรือ APDS-T ในระยะท่ตี า่ กวา่ ๒,๐๐๐ ม.ลงมา เนื่องจากส่งิ ปดิ ก้ันการเหน็ และเวลาแลน่ ของกระสนุ ถงึ แมน้ วา่ จะเป็นระยะทีไ่ กลกว่า (๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ ม.) การตรวจอาจเปน็ ภาพลวงตาทีไ่ ม่ถูกต้องนักในแตล่ ะสถานการณ์ นอกเสียจากว่ายิงถกู เป้าหมาย พลยงิ จะรายงานผลการตรวจของตนสาหรับการยิงกระสุนทุกนัด การตรวจผลการยิงของพลยิงและ ผบ.รถ มดี ังน.้ี - “เปา้ หมาย” ทกุ ส่วนของเป้าหมายถกู ยงิ จากการยงิ เลง็ ตรง “หาย” ไม่วา่ จะเปน็ กระสนุ หรอื ผลกระทบของกระสุนทสี่ ัมพนั ธก์ ับเปา้ หมาย “หลงั ” แสงส่องวิถีของกระสนุ หรอื ผลกระทบของกระสนุ ตรวจไดว้ า่ ตกหลงั เป้าหมาย “หนา้ ” แสงส่องวิถขี องกระสุนหรือผลกระทบของกระสุน ตรวจไดว้ า่ ตกอยรู่ ะหวา่ งรถถงั ที่ทาการ ยงิ กบั เปา้ หมาย “สงสยั ” แสงสอ่ งวิถีของกระสนุ หรอื ผลกระทบของกระสนุ ตรวจได้ว่า ผ่านไปทางซ้ายหรือขวา ของเป้าหมาย แต่ปรากฏว่าระยะถูกต้อง ผลการตรวจน้ี คือ “สงสัย” ว่าต้องการแก้ทางระยะ แตก่ ารแกท้ างทิศเปน็ สงิ่ ท่จี าเปน็
๙๙ เปา้ หมาย การตรวจผลการยงิ (SENSINGS) หลงั แสงสอ่ งวถิ ี หาย หนา้ แสงสอ่ งวิถี สงสยั เทคนคิ การปรบั ของพลยิง (GUNNER’S ADJUSTMENT TECHNIQUES) วิธียิงใหม่ (Reengagement Method) ถ้าระบบควบคุมการยงิ ปฏิบตั งิ านได้เตม็ ระบบ วธิ ียงิ ใหม่เป็นวิธีท่ีพึง ประสงคส์ าหรับการยิงกระสนุ นดั ต่อไป หลงั จากท่ีนดั แรกพลาด การยิงใหม่เป็นเทคนิคที่เร็วเม่ือระบบควบคุม การยงิ ได้รับค่าตวั แกท้ างขีปนะวิธีใหม่ พลยิงจะรายงานผลการตรวจของตนแล้วแจ้งเตือนว่า “ยิงใหม่” โดย ล้างข้อมลู คา่ ตวั แกช้ ว่ งดกั ดว้ ยการปล่อยแล้วกากระเดื่องคันบังคับการยิงอย่างรวดเร็ว จากน้ันจะจัดภาพเล็ง ใหม่กึง่ กลางเป้าหมาย ยงิ เลเซอร์ไปยงั เป้าหมาย แจ้งเตอื นวา่ “ระวงั ” แล้วทาการยงิ วิธีปรับการยิงแบบมาตรฐานของพลยิงโดยใช้กล้องเล็งภาพความร้อน (Gunner’s Standard Adjustment Method using the TTS) เมือ่ ยงิ เป้าหมายไมถ่ ูกด้วยวิธีการยิงใหม่ (หรือเมือ่ เครื่องควบคุมไม่ สมบรู ณใ์ ชก้ ล้องเล็งภาพความรอ้ น) พลยิงจะรายงานผลการตรวจและการปรับแก้โดยใช้ค่าตัวแก้ และทาการ ยงิ อยา่ งตอ่ เนอื่ งโดยไม่มคี าสัง่ ยงิ ขน้ั ต่อมาจากผบ.รถ การปรับแบบมาตรฐานจะปรับท้ังทางระยะและทางทิศ ซึ่งจะต้องไม่น้อยกว่าครึ่งเท่าหรือไม่มากกว่า ๑ เท่า ของรูปเป้าหมาย เมื่อพลยิงตรวจผลการยิงได้ว่าพลาด เปา้ หมายทง้ั ทางระยะและทางทศิ จะตอ้ งปรบั แกท้ างทิศกอ่ นทางระยะ ถ้าพลยิงตรวจได้ว่า “เป้าหมาย” แต่ เป้าหมายยงั ไมถ่ ูกทาลาย (ตัวอยา่ งเชน่ เคล่อื นทไี่ ม่ไดแ้ ต่ยงั คงยิงได้) พลยิงจะจัดภาพเลง็ ใหม่โดยใช้ภาพเล็งเดิม รายงานว่า “เป้าหมาย” แลว้ ทาการยงิ นัดที่สองออกไป ถ้าพลยิงตรวจผลการยิงได้ว่า หลัง หน้า หาย หรือ สงสยั พลยงิ จะรายงานผลการตรวจของตนและพยายามปรบั แกก้ ารเลง็ ด้วยวิธใี ดวธิ หี นึ่ง ดังต่อไปน้ี การแก้ทางทิศ “สงสัย-ขวา (ซา้ ย)-ครึ่งเทา่ ” การแก้ทางระยะ “หนา้ (หลงั )-เพิ่ม (ลด) ครงึ่ เท่า” การแก้ทง้ั ทางทิศและทางระยะ “หลัง (หน้า)-ขวา (ซ้าย) ครง่ึ เทา่ -ลด (เพิ่ม) ครง่ึ เท่า”
๑๐๐ หาย “หาย-ลดคร่งึ เท่า” หลังจากที่ปรับแก้การเล็งแล้ว พลยิงแจ้งเตือนว่า “ระวัง” และทาการยิง หลังจากท่ีทาการยิงเม่ือ เคร่ืองควบคุมไม่สมบรู ณด์ ว้ ยกล้องเล็งภาพความร้อนออกไป 2 นัดแล้ว พลยิงหรือผบ.รถ ตรวจไม่พบผลการ ทาลายต่อเป้าหมาย ควรจะตกลงใจใช้กล้องเล็ง เอ็ม๑๐๕ ดีเพ่ือให้การยิงจบอย่างสมบูรณ์ และทาการ ตรวจสอบความถูกตอ้ งและปรบั เส้นเลง็ กลอ้ งเล็งภาพความรอ้ น ทนั ที่ทส่ี ถานการณท์ างยุทธวิธีเออื้ อานวย วิธีปรบั การยิงแบบมาตรฐานของพลยงิ โดยใช้กล้องเล็ง เอ็ม๑๐๕ ดี(Gunner’s Standard Adjustment Method using M105D) การปรับแบบมาตรฐานสาหรับทางระยะและทางทิศ จะต้องไม่น้อยกว่า ครึ่งเท่า หรือไม่มากกวา่ ๑ เท่า ของรูปเป้าหมาย ถ้าพลยิงสามารถตรวจผลได้ว่าตาบลกระสุนตกมีความสัมพันธ์กับ เป้าหมายทใี่ ด พลยิงจะรายงานผลการตรวจและพยายามปรับแกด้ ว้ ยวิธีใดวธิ ีหนงึ่ ดงั ตอ่ ไปน้ี .- การแกท้ างทศิ “สงสยั -ขวา (ซ้าย) ครง่ึ เทา่ ” การแก้ทางระยะ “หน้า (หลัง)-เพม่ิ (ลด) ครงึ่ เท่า” การแกท้ ง้ั ทางทศิ และทางระยะ “หลงั (หนา้ )-ขวา (ซ้าย) ครึ่งเทา่ -ลด (เพิ่ม) ครงึ่ เทา่ )” เม่อื กลบั มาใชก้ ล้องเลง็ ภาพความร้อนพลยงิ จะปรบั แก้การเลง็ และเตอื นวา่ “ระวัง” แลว้ ลน่ั ไก เทคนคิ การปรบั การยิงของผบ.รถ (COMMAND’S ADJUSTMENT TECHNIQUES) ผบ.รถ มีวิธีเลือกในการปรับอยู่ ๓ วิธี เขาสามารถทาการยิงใหม่ ออกคาส่งั ยงิ ขนั้ ต่อมา หรือส่ังพลยิง วา่ “ยงิ และปรับการยิง” ในคาสงั่ ยงิ เร่ิมแรก ถา้ ไดร้ บั คาส่ังยิงว่า “ยิงและปรับการยิง” พลยิงปรับแก้โดยใช้ ผลการตรวจของตนเอง ถ้าผบ.รถ เห็นดว้ ยกบั ผลการตรวจและการปรบั แกข้ องพลยงิ จะเงียบรับฟังถ้า ผบ.รถ ไม่ได้ออกคาส่ังว่า “ยงิ และปรับการยิง” พลยิงจะทาการยิงต่อไปจนกระทั่ง ผบ.รถ ออกคาสั่งว่า “หยุดยิง” หรือออกคาสงั่ ยงิ ข้นั ตอ่ มา วธิ ีการยิงใหม่ (Reengagement Method) ผบ.รถ ออกคาสัง่ ยิงข้ันต่อมาเพื่อทาการยิงใหม่โดยแจ้งผลการ ตรวจของตนและสั่งว่า “ยิงใหม่” (โดยไม่บอกค่าตัวแก้ทางทิศและทางระยะ “หลัง-ยิงใหม่”) พลยิงปล่อย กระเดื่องคันบังคับแล้วกา จัดภาพเล็งใหม่(กึ่งกลางเป้าหมายท่ีมองเห็น) ยิงเลเซอร์ ผบ.รถ ประเมินค่าของ ระยะใหม่ และสัง่ ว่า “ยิง” ออกคาสั่งยิงข้ันต่อมา (Subsequent Method) คาสั่งยิงข้ันต่อมาอาจประกอบด้วย หัวข้อคาสั่ง ๔ หัวข้อ คอื คาเตือน การแก้ทางทิศ การแก้ทางระยะ และการปฏบิ ัติ หัวข้อคาเตือนและการปฏิบัติจะต้องส่ังทุกครั้ง การแก้ทางทิศและทางระยะจะสั่งเมื่อจาเป็นเท่านั้น เมื่อใดที่ ผบ.รถ ต้องการที่จะควบคุมการยิง ผบ.รถ จะ ออกคาส่ังยงิ ขนั้ ตอ่ มา คาเตอื น (Alert) ผบ.รถ แจง้ ผลการตรวจของตนเพอื่ บอกใหพ้ ลยงิ ทราบวา่ จะมคี าสงั่ ยงิ ขั้นตอ่ มา การแก้ทางทิศ (Deflection correction) การแก้ทางทศิ ขนึ้ จะอยูก่ ับผลการตรวจของผบ.รถ วา่ ตาบลกระสนุ น้นั มคี วามสมั พันธ์กบั เป้าหมายอยา่ งไร เน่ืองจากความแม่นยาของระบบควบคุมการ ยงิ การผิดพลาดทางทิศไมค่ วรจะเกนิ กวา่ 1 เท่าของรปู เป้าหมาย ความผิดพลาดทางทิศท่เี กนิ กว่า ๑ เท่าของเป้าหมาย แสดงวา่ ความผิดพลาดนน้ั เกดิ ขึน้ จากการเล็งหรือเครอ่ื งควบคุมการยิงชารุด
๑๐๑ การแกท้ างทศิ ไม่ควรจะน้อยกว่าครึง่ เท่าหรือมากกว่า 1 เท่าของเป้าหมาย สาหรับการแกท้ างทศิ ที่ มากกว่า ๑ เท่า ใหใ้ ช้วธิ ียงิ ใหม่ การแก้ทางระยะ (Range correction) การแก้ทางระยะขึ้นอยู่กับผลการตรวจของผบ.รถ ว่า ตาบลกระสุนตกมคี วามสัมพันธ์กับเป้าหมายอย่างไร การแก้ทางระยะจะต้องไม่น้อยกว่าคร่ึงเท่า หรือไมม่ ากกว่า ๑ เทา่ ของเปา้ หมาย สาหรับการแกท้ างระยะท่ีมากกวา่ 1 เท่า ใหใ้ ชว้ ิธียิงใหม่ ขอ้ สงั เกต: เมื่อปรบั การเลง็ โดยใช้รปู รา่ งของเปา้ หมายด้วยกล้องเล็งท่ีมีเส้นมาตราท่ีไม่มีเส้นมาตราทาน ทางขีปนะ หา้ มปล่อยกระเด่ืองคันบังคับหรือยิงเลเซอร์ไปยังเป้าหมายใหม่ เพราะจะเป็นสาเหตุที่ทาให้ คา่ ตัวแกท้ างขปี นะเปล่ียนแปลงไป การปฏิบัติ (Execution) ผบ.รถจะจบคาสง่ั ยงิ ขนั้ ตอ่ มาดว้ ยคาว่า “ยงิ ” การยงิ เวลากลางคืน (NIGHT ENGAGEMENT) กลอ้ งเล็งภาพความร้อน (TTS) ในรถถงั เอม็ ๖๐เอ๓ทาให้การยิงเวลากลางคืนเหมือนกับการยิงเวลา กลางวัน อยา่ งไรกต็ าม ถา้ กล้องเลง็ ภาพความร้อนชารดุ ในการรบ บ่อยครงั้ ที่พลประจารถจะต้องใชเ้ ทคนิคการ ยงิ ที่แน่นอนเข้ามาช่วยเหลือในการยงิ กล้องเลง็ กลางคืน (NIGHT VISION) เพ่อื รกั ษากลอ้ งเลง็ กลางคืนและปอ้ งกนั การตรวจการณพ์ บของขา้ ศึก พลประจารถควรจะใชเ้ ฉพาะไฟ สนี ้าเงินหรอื สีแดงภายในปอ้ มปนื ในระหวา่ งปฏิบัติการเวลากลางคนื ระดบั ของแสงไฟภายในปอ้ มควรจะใช้ ระดบั ตา่ สุดเทา่ ที่จะทาได้ เพอ่ื ใหพ้ ลประจารถปฏบิ ัติภารกจิ อย่างไดผ้ ล เมอื่ พลยิงแจ้งเตอื นวา่ “ระวงั ” พล ประจารถทกุ นายจะตอ้ งปดิ ตาตวั เองลงก่อนที่จะมแี สงแลบของปืนใหญ่ การส่องสว่างดว้ ยไฟฉาย SEARCHLIGHT ILLUMINATION) ถึงแม้ว่า ถ.เอ็ม๖๐เอ๓จะไม่ได้ติดต้ังไฟฉาย แต่ในเวลานั้นอาจจะปฏิบัติการร่วมกับยานรบอ่ืนๆ ที่ ติดตง้ั ไฟฉาย ช่องเล็งกลางวนั ของกล้องเล็งภาพความร้อนและกล้องเล็งรอง เอ็ม๑๐๕ ดี ในรถถัง เอ็ม๖๐เอ๓ สามารถใช้ทาการยงิ รว่ มกบั ไฟฉายจากยานรบอน่ื ที่ฉายไฟให้ได้ การสอ่ งสวา่ งดว้ ยอาวธุ ยงิ เลง็ จาลอง (INDIRECT ILLUMINATION) การส่องสว่างด้วย เครื่องยิงลูกระเบิดและปืนใหญ่หรืออุปกรณ์ในการส่องสว่างอ่ืน ๆ ที่เตรียมไว้ ล่วงหนา้ อาจช่วยใหพ้ ลประจารถคน้ หาและทาการยงิ เปา้ หมายได้ในเวลากลางคนื เพราะวา่ ถ.เอ็ม๖๐เอ๓ไม่ได้ ติดตั้งกล้องเลง็ แบบทวีความเขม้ ของแสง (PASSIVE) หรืออนิ ฟราเรดสาหรบั ปืนใหญ่ การสอ่ งสวา่ งด้วยอาวธุ เลง็ จาลองจะต้องวางแผนการใช้ไวล้ ว่ งหนา้ ในกรณที กี่ ลอ้ งเล็งภาพความร้อนชารดุ แผ่นจดระยะ (RANGE CARD) แม้วา่ รถถังจะตดิ ต้งั กล้องเลง็ ภาพความรอ้ น แผ่นจดระยะยงั คงมีประโยชน์ และจะถูกนามาใช้เมอ่ื .– ช่องเลง็ ภาพความร้อนไมส่ ามารถปฏบิ ตั งิ านได้ ขา้ ศกึ เข้าตใี นขณะทช่ี อ่ งภาพความร้อนอย่ใู นตาแหน่ง OFF และจะตอ้ งมกี ารโตต้ อบในทันที ขา้ ศกึ ใช้ฉากควนั ทาให้จากัดการใช้เครอื่ งหาระยะ ระยะสามารถตั้งด้วยมอื แทนการใชศ้ นู ยร์ บ หรือการกะระยะ
๑๐๒ ผบ.มว.ต้องการพุ่งความสนใจในการยิงไปที่จุดอา้ งเปา้ หมายที่กาหนดไวโ้ ดยเฉพาะ(TRP) เครื่องควบคมุ การยงิ เพิม่ เตมิ (AUXIALIARY FIRE CONTROL) การรบไม่ได้สิ้นสุดลงด้วยความมืด ด้วยอุปกรณ์ท่ีทันสมัยและการฝึกจะทาให้พลประจารถสามารถ ปฏบิ ัติการเวลากลางคนื ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพเชน่ เดยี วกับการปฏบิ ัตเิ วลากลางวนั สาหรับพลประจารถถังใน การตงั้ รับเพื่อปอ้ งกนั พื้นทีเ่ วลากลางคนื จะทาการฝึกใช้เครอ่ื งควบคุมการยงิ เพิ่มเติม โดยเตรียมแผ่นจดระยะ ไวใ้ นขณะที่ทศั นะวิสยั ดี ข้อมลู บนแผ่นจดระยะสามารถช่วยให้พลประจารถ ใช้ทาการยิงเป้าหมายด้วยเครื่อง ควบคุมการยิงเพม่ิ เติมในเวลากลางคนื ในขณะท่ีทศั นะวิสยั จากัด หรือเม่ือไม่สามารถกาหนดเป้าหมายท่ีคาดว่า น่าจะเป็นข้าศกึ ได้ ส่วนประกอบของระบบควบคมุ การยงิ เพมิ่ เตมิ คือ เครื่องกาหนดมุมภาคของทิศ เครือ่ งวดั มมุ ของพล ยงิ และเคร่อื งกาหนดมมุ สูงประจาปืน องคป์ ระกอบของระบบควบคมุ การยิงเพ่ิมเตมิ (COMPONENTS OF THE AUXIALIARY FIRE CONTROL) เครื่องกาหนดมุมภาคของทศิ (AZIMUTH INDICATOR) เครอื่ งกาหนดมมุ ภาคของทศิ ใช้เพ่อื หามมุ ทิศในปจั จบุ นั ของปอ้ มปนื หรือตาแหน่งของปอ้ มปืนตามมุม ทศิ ทีไ่ ดร้ บั คาสั่ง เครอื่ งกาหนดมมุ ภาคของทศิ มีกรอบเส้นมาตราอยู่ ๓ สว่ น เสน้ มาตรามมุ ทิศส่วนใหญ่ และเสน้ มาตรามมุ ทศิ สว่ นยอ่ ยเป็นกรอบเสน้ มาตราคงที่ กรอบเส้นมาตราช่วยของพลยิงเคลื่อนท่ีได้ เคร่ืองกาหนดมุม ภาคของทศิ มเี ขม็ ช้มี าตราอยู่ ๓ อนั คอื เขม็ ชท้ี ศิ ทางของตัวรถ เข็มชี้มมุ ทิศสว่ นใหญ่ และเข็มชี้มุมทิศส่วนย่อย แป้นปรบั เข็มช้ีเส้นมาตรา ใช้สาหรบั ปรบั เขม็ ชี้เส้นมาตรามุมทิศส่วนใหญ่ใหเ้ ป็นศนู ย์ หรอื ใช้ตัง้ มมุ ทศิ ทีค่ านวณ ไว้ลว่ งหน้า
๑๐๓ เครอ่ื งกาหนดมุมภาคของทศิ (AZIMUTH INDICATOR) แปน้ ปรับเข็มชี้ มาตรามมุ ทศิ มาตรากรอบช่วย สว่ นย่อย ของพลยิง เข็มชมี้ าตรามมุ ทศิ เข็มชีม้ ุมภาค สว่ นย่อย ของทิศ เส้นมาตรามุมภาคของทิศ เขม็ ชี้ทศิ ทางของ หน้ารถ เส้นมาตรามุมทศิ สว่ นใหญ่ใช้วดั มมุ ทศิ เป็นจานวนเตม็ ๑๐๐ มิล มีขดี บอกทกุ ๆ ๑๐๐ มิล และมตี วั เลข กากับทกุ ๆ ๒๐๐ มิล กรอบเสน้ มาตราช่วยของพลยิง ใช้สาหรับการปรับแก้มุมทิศเป็นจานวนน้อยได้ถึง ๕๐ มิล เส้นมาตรามีขดี บอกทุกๆ ๑ มลิ และมีหมายเลขกากับทุกๆ ๕ มลิ (๐-๕๐ มลิ ทั้งซ้ายและขวา) เส้นมาตรา มมุ ทิศสว่ นย่อยใชว้ ดั มุมทศิ ใน ๑๐๐ มลิ มีขีดบอกทุกๆ ๑ มลิ และมตี วั เลขกากบั ทุกๆ ๕ มิลจาก ๐-๙๙
๑๐๔ การอ่านมุมทิศซา้ ยและขวาบนเส้นมาตราส่วนใหญ่ จะอ่านได้จากเข็มช้ีตาแหน่งบนเส้นมาตรามุมทิศ ส่วนใหญ่และเข็มช้ีตาแหน่งบนเส้นมาตรามุมทิศส่วนย่อย มุมทิศซ้าย คือ เข็มจะชี้อยู่ทางคร่ึงด้านซ้ายของ มาตรามุมทิศส่วนใหญ่ มุมทศิ ซา้ ยหมายถึงปนื ใหญ่ช้ไี ปทางด้านซ้ายของจุดอ้าง มุมทิศซ้ายจะมีหมายเลขทวน เข็มนาฬกิ า จาก ๐ มิล ทางดา้ นบนถึง ๓๒๐๐ มลิ ทางด้านล่าง ของมาตราส่วนใหญ่ มมุ ทิศซา้ ย (LEFT DEFLECTION) เป้าหมาย จุดอ้าง
๑๐๕ มุมทศิ ขวา คือ เข็มจะช้ีอยู่ทางคร่งึ ด้านขวาของมาตรามุมทิศสว่ นใหญ่ มุมทิศขวาหมายถึงปืนใหญ่ช้ีไป ทางดา้ นขวาของจุดอา้ ง มมุ ทศิ ขวาจะเริ่มต้นจากดา้ นล่างตั้งแต่ ๐ มิล หมุนทวนเขม็ นาฬิกา ถึง ๓๒๐๐ มลิ ทาง ดา้ นบนของมาตราสว่ นใหญ่ เพอ่ื ใหม้ ุมครบ ๖๔๐๐ มลิ มมุ ทิศขวา (RIGHT DEFLECTION) จดุ อา้ ง เป้าหมาย เขม็ ชท้ี ศิ ทางของตวั รถชว่ ยให้พลยงิ ทราบวา่ ปอ้ มปืนหมุนไปในทิศทางที่สัมพันธ์กับตัวรถอย่างไร เม่ือ ปืนใหญ่อยู่ในตาแหน่งทีล่ ากล้องปืนยึดอย่ใู นลักษณะเดินทางเข็มชีท้ ศิ ทางของตวั รถจะช้ีไปที่ ๓๒๐๐ มลิ
๑๐๖ เครือ่ งตงั้ มมุ ยิงประณีตของพลยงิ (GUNNER’S QUADRANT) เครือ่ งวัดมมุ ของพลยงิ ใช้สาหรบั บอกความถกู ต้องของเคร่อื งกาหนดมมุ สงู ประจาปืน เครื่องวดั มมุ จะมี เส้นมาตรามุมสูงทั้งสองด้าน เส้นมาตรามุมสูงจะแบ่งเป็นส่วนย่อยทุกๆ ๑๐ มิล จาก ๐–๘๐๐ มิล ส่วนประกอบอื่นๆไดแ้ ก่ แผ่นช้เี ส้นมาตราซง่ึ ติดอยกู่ ับกระเดอื่ งกดเขม็ ชบี้ นก้านช้ีเส้นมาตรา หวอดระดับ และ ฝาครอบติดตัง้ อยู่บนกา้ นช้ีเสน้ มาตราเช่นเดียวกัน ฐานเครือ่ งวดั ใช้สาหรับวางลงบนเคร่ืองหมายบนโครงเครื่อง ปิดท้ายปืนใหญ่ พร้อมกับลูกศรชี้ทิศทางยิง (line-of-fire) ชี้ไปทางปากลากล้องปืน แป้นมาตราส่วนย่อยใช้ สาหรบั ปรบั หวอดระดับให้ไดร้ ะดบั และมาตราสว่ นย่อยใชส้ าหรบั อา่ นคา่ มมุ ทต่ี ั้ง ขดี ช่วยมีไว้สาหรบั ปรบั ก้านช้ี เส้นมาตราใหเ้ ปน็ ศูนย์ เคร่อื งต้ังมุมยิงประณีตของพลยงิ (GUNNER’S QUADRANT) หลอดหวอดระดบั มาตรามุมสูง ฝาครอบหลอดหวอดระดบั แปน้ ปรับมาตราส่วนย่อย มาตราส่วนยอ่ ย แผน่ ชี้มาตรา เปา้ หมาย กระเดื่องก้านชี้มาตรา กา้ นชีม้ าตรา ขดี มาตราชว่ ย ฐานวาง เนอ่ื งจากเสน้ มาตรามมุ สงู จะแบง่ เป็นขดี ยอ่ ยทกุ ๆ ๑๐ มลิ มาตราส่วนย่อย ใช้เพ่ือกาหนดค่าการอ่าน ใหไ้ ดใ้ กล้เคียงกบั จานวน ๑ มิล เส้นมาตราส่วนยอ่ ยจงึ มตี ัวเลขกากบั ทกุ ๆ ๑ มลิ และมีขดี บอกทุกๆ ๐.๒๐ มลิ พลยงิ สามารถกาหนดค่ามุมสงู หรือมมุ กดของปนื ใหญเ่ ปน็ มิลได้ในขณะท่ีนั่งอยู่ในตาแหน่งของตนโดย วางฐานเครื่องวดั ลงบนเครื่องหมายทีท่ า้ ยปนื ใหญ่ ใหม้ องไม่เหน็ ดา้ นทเี่ ป็นลูกศรช้ีทิศทางยิง ซึ่งหมายความว่า ลกู ศรจะชี้ไปในทิศทางของปากลากล้องปืน ข้ันตอนต่อไปกดกระเดื่องก้านเข็มชี้มาตรา และเล่ือนก้านเข็มชี้ จนกระทั่งหวอดระดับเกือบถึงจุดก่ึงกลาง จากนั้นปรับหวอดระดับให้อยู่ก่ึงกลางโดยการหมุนแป้นมุมสูง สว่ นย่อย แล้วบวกคา่ มมุ สงู สว่ นใหญ่ และค่ามุมสูงสว่ นยอ่ ยไปตามคา่ ของมุมสงู หรอื มมุ กดทีก่ าหนดไว้
๑๐๗ เครื่องกาหนดมุมสูงประจาปนื (ELEVATION QUADRANT) เครอื่ งกาหนดมุมสูงประจาปนื ใชส้ าหรับวัดคา่ มุมสงู จริงของปนื เพ่อื ใช้ต้ังปืนตามค่าของมุมสูงเป็นมิล ตามทไ่ี ดร้ ับคาสั่ง เคร่ืองกาหนดมมุ สงู ประจาปืนมีแป้นปรับมาตราส่วนย่อย ขีดมาตราส่วนย่อย มาตรามุมสูง ส่วนใหญ่ ศรชเ้ี ส้นมาตรามุมสงู ส่วนใหญ่ และหลอดหวอดระดบั เครื่องกาหนดมมุ สูงประจาปืน (ELEVATION QUADRANT) มาตรามุม ศรช้มี าตรา มาตรามมุ สูงส่วน สูง มุมสงู สว่ นย่อย ใหญ่ สว่ นยอ่ ย แปน้ ปรับมาตรา มมุ สงู สว่ นยอ่ ย ศรชี้มาตรา มุมสูงสว่ นใหญ่ ปา้ ยช่ือ กระจกสะท้อน หลอดหวอดระดับ ฝาครอบหลอด หวอดระดบั มาตรามมุ สงู ส่วนใหญจ่ ะแบ่งขีดออกทุกๆ ๑๐๐ มิล จาก – ๒๐๐ ถึง + ๖๐๐ มิล ตัวเลขทางด้านซ้าย ของเลข 0 เป็นสีแดงแสดงว่ามีค่าการอ่านเป็นลบ (-) ซึ่งหมายความวา่ ลากลอ้ งปนื ใหญ่อยู่ต่ากว่าแนวพ้ืนระดับ ตวั เลขทางด้านขวาของเลข 0 เป็นสีดาแสดงวา่ มีค่าการอา่ นเปน็ บวก (+) หมายความว่าลากล้องปืนใหญ่อยู่สูง กวา่ แนวพนื้ ระดับ มาตราสว่ นยอ่ ยมคี า่ เป็นมิลเร่ิมจาก ๐-๙๙ มิล ซึ่งมีขีดเครื่องหมายอยู่สองแถว ตัวเลขทาง ด้านขวาเป็นสีดาแสดงวา่ มคี า่ การอ่านเป็นบวก ตวั เลขทางดา้ นซา้ ยเป็นสีแดงแสดงว่ามีค่าการอ่านเป็นลบ เมื่อ ค่ามุมสูงเป็นลบอยู่ทางด้านตัวเลขสีแดงของมาตรามุมสูงส่วนใหญ่ ให้อ่านค่าตัวเลขสีแดงบนมาตรามุมสูง สว่ นยอ่ ย และขีดมิลสดี า เมือ่ ค่ามุมสูงเปน็ บวกอย่ทู างดา้ นตัวเลขสดี าของมาตรามมุ สูงส่วนใหญ่ ให้อ่านค่าจาก ตัวเลขสดี าของมาตราสว่ นย่อย
๑๐๘ แผ่นจดระยะของรถถัง (TANK RANGE CARDS) แผน่ จดระยะ คอื แผนผังหรือภาพลายเสน้ ของทต่ี ั้งยงิ รถถัง ต่อพื้นท่เี ป้าหมายที่เป็นไปได้และลกั ษณะ ของภมู ิประเทศซึ่งได้กาหนดลงไปให้สัมพันธ์กับรถถัง หน้าท่ีหลักของแผ่นจดระยะ คือ ช่วยให้พลประจารถ สามารถใช้อุปกรณ์ควบคุมการยิงเพิ่มเติมทาการยิงต่อเป้าหมายท่ีไม่สามารถทาการยิงด้วยกล้องยิงเล็งตรง เน่ืองจากทัศนะวสิ ัยจากดั หรือไม่มกี ารสอ่ งสวา่ งจากอาวุธยิงเล็งจาลอง แผ่นจดระยะก็คือ แผนการยิงของพล ประจารถถงั นัน่ เอง แผ่นจดระยะจะตอ้ งทาท้งั ที่ตงั้ ยงิ หลกั ทต่ี ัง้ ยิงรอง และท่ีต้งั ยิงเพมิ่ เติมของทีม่ ่นั ตงั้ รับ หรือ สาหรบั ทม่ี น่ั อยูก่ บั ที่เมื่อคาดวา่ การปะทะนา่ จะเปน็ ได้ อยา่ งน้อยท่ีสุดแผ่นจดระยะจะต้องประกอบด้วยข้อมูล ทั้งหมดท่ีพลประจารถต้องการทาการยิงเป้าหมายในขณะที่ทัศนะวิสัยจากัด ข้อมูลต่างๆ จะต้องทาให้พล ประจารถทกุ นายเขา้ ใจได้งา่ ย กอ่ นที่จะจดั ทาแผน่ จดระยะ ผบ.รถ ตอ้ งเลอื กทต่ี ง้ั ยิงซ่งึ เปน็ ท่กี าบงั ตวั รถ และมี เขตการยงิ ครอบคลมุ ทั่วเขตรับผิดชอบทไ่ี ดร้ บั มอบ สะพาน ถนน สวนผลไม้ ถนน การเลอื กทีต่ ั้งยิง ถนน แนวรัว้ ก้อนหิน ร่องเขา โบสถ์ ถนน ยุ้งข้าว
๑๐๙ แบบของแผ่นจดระยะ (TYPES OF RANGE CARDS) แผ่นจดระยะมีอยู่ ๒ แบบคือ แบบวงกลมและแบบแผนท่สี งั เขปผบ.รถ จะเปน็ ผู้ตกลงใจวา่ จะเลือกใช้ แผ่นจดระยะแบบใด ซง่ึ ขนึ้ อยู่กับ.- ลักษณะภูมิประเทศ เขตการยิงท่ไี ดร้ บั มอบ การแจกจา่ ยการยงิ และจานวนของเป้าหมาย แผน่ จดระยะแบบวงกลม (Circular Range Card) แผน่ จดระยะแบบวงกลมเปน็ แผ่นจดระยะทีง่ ่าย ในการเตรียมและการอา่ น อย่างไรก็ตาม สามารถกาหนดท่ีต้ังยิงของรถถังบนแผ่นจดระยะได้แห่งเพียงเดียว เท่าน้ัน จุดศูนยก์ ลางของแผ่นจดระยะใชแ้ ทนทต่ี ง้ั ยงิ ของรถถัง และวงกลมทีม่ ศี นู ยก์ ลางเดียวกันแต่ละวง 5 วง ใชแ้ ทนคา่ ของระยะ วงกลมวงนอกสดุ ใช้แทนคา่ ของระยะทค่ี าดวา่ เป็นระยะไกลสดุ ของเป้าหมายในเขตการยิง ทไ่ี ดร้ บั มอบทีเ่ ปน็ ไปได้ และทาหน้าทเ่ี ป็นค่ามมุ ทิศท่ีสนองตอบกบั เครอื่ งกาหนดมุมภาคของทิศ แผ่นจดระยะแบบวงกลมจะใช้เม่อื - ภมู ปิ ระเทศโลง่ แจง้ และย่านการตรวจการณ์ดี เขตการยงิ ทไี่ ดร้ บั มอบกวา้ ง เปา้ หมายทเ่ี ป็นไปไดม้ จี านวนนอ้ ย และคาดว่าแจกจา่ ยการยงิ ได้ดี
๑๑๐ แผ่นจดระยะแบบวงกลม (CIRCULAR RANGE CARD) แผ่นจดระยะแบบแผนท่ีสังเขป (Sketch Range Card) แผ่นจดระยะแบบแผนที่สังเขปเป็น ภาพวาดอย่างงา่ ยๆ ของเขตการยิงในรถถัง เนื่องจากไม่ได้วาดตามมาตราส่วน ลักษณะของภูมิประเทศและ เป้าหมายสามารถกระจายออกไป เพ่ือขจัดแนวเส้นท่ีตัดกัน และข้อมูลท่ีเขียนทับกัน แผ่นจดระยะแบบนี้ สามารถใสท่ ีต่ ั้งยิงของรถถงั ได้มากกวา่ หนึ่งท่ตี ้งั ยงิ โดยมองภาพสังเขปทั้งสองภาพได้จากภูมิประเทศเดียวกัน แผ่นจดระยะของรถถังแต่ละคันจะต้องทาสาเนา 1 ชุด ส่งไปยังผบ.มว. แผ่นจดระยะประกอบด้วยข้อมูลท่ี สาคัญที่พลประจารถ ตอ้ งการใชท้ าการยงิ ตอ่ เปา้ หมายในขณะทัศนะวสิ ยั จากดั และตอ้ งจัดทาในแต่ละที่ตั้งยิง หลัก สารอง และเพ่ิมเตมิ แผน่ จดระยะแบบแผนทส่ี งั เขปจะถกู นามาใช้เม่อื ภมู ิประเทศรกทบึ ยากแก่การตรวจการณ์ เขตการยงิ ท่ไี ด้รบั มอบแคบ เป้าหมายทเี่ ป็นไปไดม้ จี านวนมาก และคาดวา่ จะอย่ใู กลช้ ดิ กบั เป้าหมายอ่นื ๆ
๑๑๑ แผน่ จดระยะแบบแผนทสี่ ังเขป (SKECTH RANGE CARD) ป่ าไม้ ย้งุ ข้าว สวนผลไม้ บ่อนา้ หมู่บ้าน ช่องเขา สะพาน ท่งุ ทไ่ี ถกลบหน้า ดนิ แล้ว แนวร้ัวก้อนหนิ ลาธาร การกาหนดข้อมลู ลงในแผ่นจดระยะ (DETERMINATION OF RANGE CARD DATA) ขอ้ มลู บนแผ่นจดระยะจะถกู กาหนดใหใ้ นขณะทีท่ ศั นะวสิ ยั ดี และใชส้ าหรับอ้างอิงในขณะท่ีทศั นะวิสยั ดีแต่เครือ่ งหาระยะชารุด ขอ้ มลู บนแผน่ จดระยะกาหนดโดยต้ังชนดิ กระสุนระเบดิ ตอ่ สู้รถถงั (HEAT-T) เข้ากับ เคร่ืองคานวณเพราะว่าเป็นชนิดกระสุนท่ีมีอยู่ ที่สามารถใช้ทาการต่อสู้ได้มากที่สุด ถ้าสามารถมองเห็น เปา้ หมายผ่านกล้องเลง็ ตรงได้กระสนุ ชนดิ อน่ื ๆ ก็สามารถนามาใช้ทาการยิงได้โดยเปล่ียนชนิดกระสุนท่ีต้ังกับ เคร่ืองคานวณหลงั จากที่วางแนวปืนทั้งทางทิศและทางระยะแล้ว กล้องเล็งที่ใช้สาหรับการกาหนดข้อมูลบน แผน่ จดระยะ เปน็ กลอ้ งเล็งชนดิ เดียวกับที่พลยิงใชท้ าการยงิ เล็งตรง ปกติแลว้ ใช้ชอ่ งเลง็ กลางวัน ระยะกาหนด ไดโ้ ดยใช้เครื่องหาระยะ ถ้าเครอ่ื งหาระยะชารดุ ผบ.รถ จะเป็นผู้กะระยะหรือใช้ระยะที่ได้รับมาจากรถถังคัน ข้างเคยี งทเ่ี ครื่องหาระยะใช้งานได้ คาอธิบายหวั ขอ้ ของขอ้ มลู แผ่นจดระยะเบ้อื งตน้ มดี งั น้ี – ชนดิ ทีต่ ้ังยงิ ของแผ่นจดระยะ (Range Card Identification) ตัวอกั ษรที่อยู่มุมบนด้านขวาใช้บอก ชนิดที่ตง้ั ยงิ ของแผน่ จดระยะท่ีจดั ทา (“ล”สาหรับทต่ี ้งั ยิงหลัก “ร” สาหรับทต่ี ้ังยิงสารอง “พ” สาหรับท่ีต้ังยิง
๑๑๒ เพ่ิมเติม) การเพ่ิมตาแหน่งของที่ต้ังยิงสารองและเพ่ิมเติมจะบอกโดยใช้ตัวเลขประกอบกับตัวอักษร (ร-๑, ร-๒, พ-๑, พ-๒) ใต้ตวั อกั ษรท่ีเป็นที่ต้ังยิงจะเป็นหมายเลขของรถถัง และชนิดกระสุนที่จัดทาแผ่นจด ระยะนอกเหนือไปจากกระสนุ ระเบดิ ตอ่ สรู้ ถถงั ถา้ มีท่ตี ง้ั ยงิ มากกว่า ๑ ท่ีต้ังบนแผ่นจดระยะเดียวกันตาแหน่ง ของรถถงั ควรจะใช้ตวั อักษร (ล, ร, พ) เขตรับผิดชอบในการยิง (Sector of Responsibility) ผบ.มว. มีหน้าท่ีกาหนดเขตรับผิดชอบใน การยิงให้กบั รถถังแต่ละคันภายในมว. ผบ.รถ รับผิดชอบในการเลอื กทีต่ ัง้ ยิงทแี่ นน่ อน และประสานเขตการยิงท่ี รบั ผดิ ชอบกับรถถังคันขา้ งเคียงหรือหน่วยข้างเคยี งกับรถถงั ตน เขตจากัดการยิงซ้ายและขวาจะแสดงบนแผ่น จดระยะด้วยเสน้ คู่ลากไปยังเปา้ หมาย จุดอ้าง (Reference Point) จุดอ้างควรจะเป็นลักษณะของภูมิประเทศหรือส่ิงปลูกสร้างท่ีถาวร สามารถสังเกตเหน็ จากกลอ้ งยงิ เลง็ ตรงไดง้ ่าย ถา้ เป็นไปได้ควรจะอยู่ย่านกึ่งกลางของเขตรับผิดชอบและมีจุด เลง็ ทเ่ี ห็นเด่นชัด และไม่ควรจะถูกกาหนดว่าเป็นเป้าหมายหรือทาลายได้ง่ายด้วยอาวุธยิงเล็งตรงหรือยิงเล็ง จาลอง เมื่อเลอื กจดุ อา้ งได้แลว้ ให้ทาการหาระยะและใสข่ ้อมูลเข้าไปในเคร่ืองคานวณ พลยิงเลอื กชนิดกระสุน ระเบิดตอ่ สู้รถถงั บนกลอ่ งเลอื ก (ASU) ผลักสวิทชเ์ ครือ่ งวัดลมทางข้างไปทต่ี าแหน่ง MANUAL และผลักสวิทช์ ควบคมุ CROSSWIND MPH ไปที่เลข 0 ใช้จุดเล็งกล้องเล็งหลักหรือเส้นระยะที่ถูกต้องเล็งไปยังจุดเล็งท่ีเห็น เดน่ ชัดบนจดุ อา้ ง จากนนั้ ปรับเคร่ืองกาหนดมุมภาคของทิศไปที่ ศนู ย์ (0) แล้วหาคา่ มุมสงู จากเคร่อื งกาหนดมุม สูงประจาปืน (QE) เชน่ เดียวกันกบั วธิ กี ารท่ีใชส้ าหรับการกาหนดเปา้ หมายอื่นๆ จดุ อ้างจะกาหนดลงไปบนแผ่น จดระยะโดยใชว้ งกลมล้อมรอบคาว่า จอ. มมุ ทศิ ระยะ และมุมสงู จะบนั ทกึ เช่นเดยี วกับเปา้ หมายอ่นื ๆ สาหรบั ในแต่ละเปา้ หมายที่กาหนดลงไปในแผ่นจดระยะ จะมหี วั ข้อของข้อมูล ๔ ข้อ ซึ่งจะต้องบันทึก ลงไป ประกอบด้วย ลกั ษณะเป้าหมาย มุมทิศ ระยะและมมุ สูง ลกั ษณะเปา้ หมาย (Target Identification) เป้าหมายอาจจะบอกลักษณะไดโ้ ดย - ใชค้ าอธบิ ายส้ันๆ - ใชส้ ญั ลักษณแ์ ผนท่แี บบมาตรฐาน - ใช้สญั ลกั ษณท์ างทหาร - ใชค้ ายอ่ ทางทหาร หรือใชผ้ สมกันตามทก่ี ลา่ วมาแลว้ ขา้ งบน มุมทิศ (Deflection) พลยิงต้องแน่ใจได้ว่าเลือกกระสุนระเบิดต่อสู้รถถังบนกล่องเลือกชนิด กระสนุ แลว้ และเคร่ืองวดั ลมทางข้างอยู่ในตาแหนง่ OFF จากน้นั เล็งให้จุดเล็งของกล้องเล็งหลัก หรอื กากบาทปรบั เสน้ เลง็ ของกล้องเล็งรองอย่บู นจดุ เล็งท่ีเห็นเด่นชัดของพืน้ ที่ทเี่ ปน็ เปา้ หมาย(ทาง แยก ตอมอ่ สะพาน) อา่ นคา่ มมุ ทศิ ทเี่ คร่ืองกาหนดมมุ ภาคของทศิ แล้วรายงานวา่ ซา้ ยหรือขวากี่มิล และบันทึกคา่ มมุ ทิศลงบนแผ่นจดระยะ (ตวั อย่าง “มุมทิศ-ขวา-สามศนู ยห์ ้าแปด” บนั ทกึ เปน็ มุม ทิศ ข ๓๐๕๘) ระยะ (Range) พลประจารถจะต้องหาระยะไปยงั เปา้ หมายด้วยเคร่อื งหาระยะเป็นวิธีแรกหรือใช้ วธิ รี อง ระยะจะบันทกึ ในแผน่ จดระยะเปน็ ระยะ ๘๐๐ ถา้ หาระยะด้วยวธิ ีรอง ระยะจะต้องส่งเข้า
๑๑๓ เครอื่ งคานวณโดยหมนุ แป้นตง้ั ระยะ RANGE METER X100 ท่กี ล่องควบคุมของพลยิง ถ้ารถถังได้ ทาการปรับเส้นเลง็ มาแลว้ เส้นมาตราทางระยะของกลอ้ งเลง็ เอม็ ๑๐๕ ดีจะต้องอยู่จุดเดียวกันบน เป้าหมาย มุมสูง (Quadrant Elevation) ข้อมลู ของมมุ สูงใชภ้ าพเล็งเดียวกับท่ีใช้หาค่ามุมทิศ พลยิงปรับ หวอดระดับให้อยู่ก่ึงกลางและอ่านค่ามุมออกมาว่า เป็นค่าบวก (+) หรือลบ (-) ก่ีมิล (ตัวอย่าง “มมุ สูง-บวกสบิ ” บันทึกเปน็ มมุ สูง +๑๐) แผน่ จดระยะแบบวงกลมท่ีสมบรู ณแ์ บบ (COMPLETED CIRCULAR RANGE CARD) การบันทกึ ข้อมลู บนแผน่ จดระยะ (RECORDING RANGE CARD DATA) ลากเส้นบนแผ่นจดระยะจากที่ต้ังรถถังไปยังเป้าหมาย ข้อมูลจะบันทึกออกจากที่ตั้งรถถังไปยัง เป้าหมายทง้ั ของจดุ อ้างและเป้าหมายทั้งหมดท่ีอยู่ทางด้านขวาของจุดอ้าง ทางด้านซ้ายของจุดอ้างข้อมูลจะ บนั ทึกจากเป้าหมายมายังรถถัง เพอ่ื ใหง้ า่ ยต่อการอา่ น บันทึกข้อมูลของมุมทิศ และระยะทางด้านบนของเส้นท่ีลากจากรถถังไปยังเป้าหมาย แล้วบันทึก ข้อมลู ของมุมสงู ใตเ้ ส้น
๑๑๔ แผ่นจดระยะแบบแผนทีส่ ังเขปท่ีสมบรู ณ์ (COMPLETED SKECTH RANGE CARD) ล รถถงั # 32 (กระสุนชนิดอน่ื นอกเหนือจาก HEAT) การเตรยี มทีต่ งั้ ยิงสาหรับการเขา้ ทต่ี งั้ ยงิ ใหม่ (PREPARING FIRING POSITION FOR REOCCUPATION) หลังจากทพ่ี ลประจารถเตรียมการทาแผ่นจดระยะเรียบร้อยแล้วให้ทาเคร่ืองหมายท่ีตั้งของรถถังบน พนื้ ดนิ การหมายท่ตี ้งั ยงิ จะช่วยให้รถถงั คันเดิมหรือรถถังคันใหม่ของหน่วยที่มาผลัดเปล่ียนกาลังเข้ายึดครอง ที่ตง้ั ยงิ เดิม และใช้ข้อมูลของแผ่นจดระยะที่เตรยี มการไว้แลว้ ในช่วงระยะเวลาที่ทัศนะวิสัยจากัดได้ การหมาย ทีต่ ง้ั ยิงสามารถทาได้ ๒ วิธี คอื วิธหี ลกั (Primary Method) กอ่ นทาการหมายทีต่ ั้งยิงต้องแนใ่ จวา่ ไดท้ าแผน่ จดระยะเสร็จเรียบร้อย แล้ว พลบรรจุ ปักหลักบนพืน้ ดนิ สองหลัก ณ จุดที่สายพานพ้นพ้ืนท้ังด้านหน้าและด้านหลังของรถถัง โดยให้ หลักทั้งสองอันอยู่ในดา้ นเดยี วกนั ของรถถงั แลว้ บันทกึ ว่า หลักอยู่ด้านใดของรถถัง ที่มุมล่างด้านขวาของแผ่น จดระยะ จากนนั้ ให้พลบรรจปุ กั หลกั เล็งพรอ้ มไฟฉายท่ีมีแผ่นกรองแสงอีกสองหลัก ให้อยู่ด้านเดียวกันกับสอง หลักแรก หลักท่ีหนึ่งอยู่ห่างจากรถถัง ๓๐-๕๐ ม.ด้วยมุมทิศท่ีมากกว่า ๙๐๐ มิล จากทิศทางด้านหน้าหรือ ด้านหลังของรถถงั พลยงิ หมุนปอ้ มปืนเล็งไปยังหลักเล็งอันแรก และเล็งให้จุดเล็งอยู่บนแผ่นกรองแสงของไฟ ฉาย จากนั้นใหพ้ ลบรรจปุ กั หลักเลง็ ท่สี องหา่ งจากหลกั แรกครงึ่ เทา่ ของระยะทห่ี ลกั เล็งแรกอยู่หา่ งจากรถถงั พล ยิงเปน็ ผูบ้ อกทิศทางการปักหลักทส่ี องให้กบั พลบรรจุ เพ่อื ให้หลกั เล็งท่สี องอยใู่ นแนวเดียวกันกับหลักแรกและ จุดเล็งของกล้องเล็งหลกั หรือกากบาทปรับเสน้ เล็งของกลอ้ งเล็งรอง พลยงิ บนั ทึกค่ามุมทิศ และที่ตั้งของหลัก เลง็ ไว้ทม่ี ุมลา่ งด้านขวาของแผน่ จดระยะ การเคล่ือนท่ีเข้าที่ต้ังยิงด้วยการหมายที่ต้ังยิงวิธีนี้ ให้พลบรรจุขึงผ้า
๑๑๕ เทประหวา่ งหลกั บนพน้ื ดินทง้ั สองหลกั แล้วเปิดไฟฉายทหี่ ลกั เลง็ ทง้ั สองอนั พลยิงหมุนป้อมปนื ไปเลง็ ยังหลกั เลง็ อักไกล ผบ.รถและพลบรรจุนาทางใหพ้ ลขบั เขา้ ทตี่ ัง้ ยิงตามแนวของผ้าเทป ขณะเดียวกันพลยิงก็หมุนป้อมปืน เพือ่ รกั ษาจุดเลง็ ไวใ้ ห้อยู่บนไฟฉายอนั ไกล เม่ือพลยิงมองเห็นว่าไฟฉายอนั ใกล้อยู่ในแนวเดียวกับไฟฉายอันไกล และจุดเล็งแลว้ ส่งั ใหพ้ ลขบั หยุดรถ จากน้นั พลยงิ ปรับเคร่ืองกาหนดมมุ ภาคของทิศตามค่ามุมทิศของหลกั เลง็ ท่ี บันทกึ ไว้ แล้วหมนุ ปอ้ มปนื กลบั ไปทมี่ มุ ทิศศนู ย์ รถถังก็พร้อมท่ีจะทาการยิงจากแผ่นจดระยะ วธิ ีหลกั (PRIMARY METHOD) หลักเล็งอนั ไกล หลกั เลง็ อันใกล้ หลักหมายสายพานบนพ้ืนและผา้ เทป วิธีรอง (Alternate Method) ก่อนที่จะหมายท่ีต้ังยิง ต้องแน่ใจว่าได้ทาแผ่นจดระยะ เรยี บร้อยแล้ว พลขับหมายกึ่งกลางด้านหน้าของตัวรถและก่ึงกลางกล้องตรวจการณ์ของพลขับ ด้วยผ้าเทป เลก็ ๆ หรือชอล์ก พลบรรจุปกั หลกั เลง็ พร้อมไฟฉายท่ีมแี ผ่นกรองแสงสองหลกั หนั หน้าตรงกันข้ามกันทิศทางที่ ข้าศกึ จะตรวจการณเ์ ห็น หลกั เล็งแรกปกั ท่แี นวก่ึงกลางของรถถังแตะกับตัวรถ และสูงพอท่ีพลขับจะมองเห็น หลกั เลง็ ทสี่ องปักหา่ งจากหนา้ รถถงั ๒๐-๒๕ ม. ให้อย่ใู นแนวเดยี วกับกง่ึ กลางของรถถงั หลกั เลง็ หลักแรก และ กง่ึ กลางกลอ้ งตรวจการณข์ องพลขับ พลยงิ เล็งให้จดุ เล็งของกลอ้ งเลง็ อยบู่ นหลกั เลง็ อันไกลแลว้ บันทึกค่ามุมทิศ ท่อี ่านไดไ้ ว้ทม่ี มุ ล่างด้านขวาของแผน่ จดระยะ การเคล่ือนทเ่ี ขา้ ทีต่ ง้ั ยิงดว้ ยวธิ กี ารนี้ ใหพ้ ลบรรจเุ ปดิ ไฟฉายท่ีหลกั เล็งทั้งสองหลกั และพลขับปรับแนวรถถัง ให้เป็นแนวเดียวไฟฉายบนหลักเล็งทั้งสองอนั จากนั้เคลื่อนรถถงั เข้าไปจนกระท่ังเครื่องหมายบนรถทั้งสองอัน เป็นแนวเดยี วกับหลักเล็งท้งั สองหลกั และตวั รถถังแตะกบั หลักเล็งหลกั ใกล้ พลยงิ เลง็ ไปยังหลักเลง็ อนั ไกล และ ปรับเครื่องกาหนดมมุ ภาคของทิศไปตามคา่ มุมทศิ ของหลกั เลง็ อันไกลทีบ่ นั ทกึ ไว้ แล้วหมุนปอ้ มปืนกลับไปท่ีมุม ทศิ ศูนย์ รถถังกพ็ ร้อมที่จะทาการยงิ จากแผ่นจดระยะ
๑๑๖ วิธรี อง (ALTERNATE METHOD) จดุ อ้าง หลักเลง็ ไกล หลักเลง็ ใกล้ ชอลก์ ขาวหรอื เทป การยิงตามแผ่นจดระยะ (RANGE CARD ENGAGEMENTS) เมอ่ื พลยิงสามารถคน้ หาเป้าหมายได้จากชอ่ งเล็งภาพความรอ้ น เป้าหมายทัง้ หมดท่ีพบจะถูกทาการยิง โดยการใช้เทคนคิ การยงิ เล็งตรง อยา่ งไรกต็ าม ผบ.รถ อาจใช้ขอ้ มูลของมมุ ทศิ จากแผ่นจดระยะ เพือ่ นาพลยงิ ไป ยังพนื้ ท่เี ปา้ หมาย และกาหนดวา่ เป้าหมายประเภทใดท่จี ะต้องทาการยงิ เมอ่ื ไดร้ ับการแจง้ เตอื นการเขา้ มาของกาลังขา้ ศึก ผบ.รถ ควรจะใชก้ ลอ้ งเล็งภาพความรอ้ นตรวจการณ์ ในพ้ืนทข่ี องตนเพื่อคน้ หาเป้าหมาย ถา้ เปน็ การยงิ ต่อเป้าหมายในเวลากลางคนื ดว้ ยกล้องเล็งภาพความร้อน ให้ ใชค้ าสัง่ ยิงเช่นเดยี วกับการยิงเวลากลางวัน ถ้ากล้องเลง็ ภาพความร้อนไม่ทางาน ให้ใช้ข้อมูลจากแผ่นจดระยะ วางทิศทางยิงใหป้ นื ใหญ่ ในทิศทางที่คาดว่าจะเปน็ เสน้ ทางทข่ี า้ ศึกใชเ้ คลื่อนท่เี ข้ามามากทส่ี ุด แผ่นจดระยะสามารถใช้ร่วมกับกล้องเล็งภาพความร้อน ระหว่างปฏิบัติการในเวลากลางวันและ กลางคนื เมื่อ- ข้าศึกใช้ฉากควัน,ขอ้ จากดั การมองเหน็ ในสนามรบ หรือเม่อื เคร่อื งหาระยะไม่สามารถใช้งานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ในสถานการณ์เหลา่ นี้ ควรใช้การตง้ั ระยะดว้ ยมอื แทนการใช้ระยะของศูนย์รบหรือการ กะระยะ เจตนารมย์ของผบ.มว. ต้องการเน้นการยิงของรถถังสองคันหรือมากกว่าไปยังพ้ืนท่ีที่กาหนดไว้ โดยเฉพาะ
๑๑๗ ในระหวา่ งปฏบิ ัติการเวลากลางคนื เม่อื กลอ้ งเล็งภาพความรอ้ นไม่สามารถใชง้ านเราสามารถใช้แผน่ จด ระยะเพื่อลดเวลาในการยิงได้ ข้อพิจารณาของผบ.รถ ว่าควรจะใช้หรือไม่ควรจะใช้ข้อมูลบนแผ่นจดระยะใน ระหวา่ งท่ีทศั นะวิสัยจากัด มีดังน้ี – ความสิ้นเปลอื งกระสนุ อาจต้องใชก้ ระสุนปืนใหญจ่ านวนมากเพือ่ ทาใหย้ งิ ถกู เปา้ หมาย ภารกิจ การควบคุมการยิงอาจถูกแจกจ่ายไปยังผบ.รถ แต่ละนาย หรือสงวนไว้สาหรับ ผบ.มว. หรอื ผบ.ร้อย ความสาคญั ของเป้าหมาย รถถังข้าศึกทุกคันเป็นเป้าหมายท่ีคุกคามในทันท่ีมากกว่าหน่วย ลว. อยา่ งไรกต็ าม หนว่ ย ลว. อาจจะเป็นอนั ตรายตอ่ ท่ตี ง้ั ของหน่วยได้ การยงิ เล็งตรงจากการวางทศิ ทางยิงด้วยแผ่นจดระยะ เม่ือไดร้ บั รายงานวา่ เปา้ หมายเป็นจดุ เข้ามาใกลพ้ ้ืนที่เปา้ หมายท่ีกาหนดไว้บนแผ่นจดระยะแล้ว ให้ใช้ เทคนิคการยิงเล็งตรงจากการวางทิศทางยิงด้วยแผ่นจดระยะ โดยใช้วิธีการยิงแบบน้ีเม่ือมีการส่องสว่าง เป้าหมาย ตัวอยา่ งของคาสง่ั และหน้าที่ของพลประจารถ มีดังน้ี .– ผบ.รถ ออกคาสงั่ หัวขอ้ คาเตอื นวา่ “พลยงิ ” ผบ.รถ ออกคาสงั่ หัวขอ้ ชนิดกระสุนว่า “ต้ังระเบิดต่อสู้รถถัง-บรรจกุ ระสนุ เจาะเกราะ” พลบรรจุนากระสุนทบ่ี รรจไุ ว้แลว้ ออก (ถา้ จาเปน็ ) บรรจกุ ระสนุ ตามทไี่ ดร้ บั คาสง่ั แล้วรายงานว่า “พรอ้ ม” ผบ.รถ ออกคาสง่ั หัวข้อลกั ษณะเปา้ หมายและมมุ ทิศวา่ “รถถงั -มุมทศิ -ขวา-สองแปดหา้ สาม” พลยิงหมุนป้อมปนื ไปตามค่ามมุ ทิศทีไ่ ด้รับคาส่งั แลว้ ทวนคาส่ังวา่ “มุมทิศ-ขวา-สองแปดห้าสาม” ผบ.รถ ออกคาส่ังหัวข้อระยะว่า “ระยะ-หนึ่งเจ็ดร้อย” พลยิงตั้งระยะที่กล่องควบคุมของพลยิง และทวนคาสัง่ วา่ “ระยะ-หนงึ่ เจด็ ร้อย” ผบ.รถ ออกคาสง่ั หวั ขอ้ มมุ สงู ว่า “มุมสูง-บวกหนง่ึ หา้ ” พลยงิ ตง้ั มมุ สูงตามที่ได้รบั คาส่ัง ปรับปนื จนกระท่ังหวอดระดบั อยูก่ ึง่ กลาง แล้วทวนคาส่ังว่า “มุม สงู -บวกหน่ึงหา้ ” ผบ.รถ ออกคาสง่ั “ตง้ั เจาะเกราะ” พลยงิ รายงาน “เจาะเกราะต้ังแลว้ ” พลยิงคน้ หาเปา้ หมายแล้วรายงานว่า “ทราบแล้ว” ผลักสวิทช์ MANUAL/RANGEFINDER ไปที่ RANGEFINDER เล็งปืนไปยังเป้าหมายแล้วแจ้งเตือนว่า “เลเซอร์” ผบ.รถ ตรวจสอบระยะ แล้วออกคาสัง่ วา่ “ยิง” ข้อสังเกต : เมอื่ ใช้เทคนิคการยงิ แบบนี้ พลยิงจะตอ้ งคน้ หาเปา้ หมาย ซ่งึ อาจจะไม่ได้อยู่ก่ึงกลางภาพการ เล็งของตน
๑๑๘ เพื่อชะลอความเร็วในการรุก และบีบบังคับให้ข้าศึกต้องวางกาลัง สาหรับการต่อต้านรูปขบวนรบ ขนาดใหญข่ องทหารราบข้าศึก ให้ใช้การยงิ เปน็ พื้นทแี่ บบมาตรฐาน ดว้ ยกระสุนระเบดิ ตอ่ สรู่ ถถังซง่ึ เปน็ การยงิ ที่ ทาใหข้ ้าศึกต้องปรับรูปขบวน โดยทาการยิงกระสุนนัดแรกด้วยข้อมูลบนแผ่นจดระยะ นัดท่ีสองขวา 10 มิล และนดั ทสี่ ามซ้าย 20 มิล จากนัดท่สี อง หัวขอ้ คาสงั่ คาสัง่ คาเตือน “พลยงิ ” ชนิดกระสนุ “ระเบดิ ต่อสู้รถถงั ” ลกั ษณะเป้าหมาย “หน่วยทหาร” มุมทศิ “มมุ ทศิ -ขวา-สามหนึง่ หนง่ึ ห้า (หยดุ ชั่วขณะ)” ระยะ “ระยะ-หน่ึงหา้ รอ้ ย(หยดุ ชวั่ ขณะ)” มมุ สูง “มุมสงู (หยดุ ชวั่ ขณะ)-บวกสาม” การปฏิบัติ “ยงิ ” หน้าทีข่ องพลประจารถสาหรบั การยงิ เปน็ พนื้ ทีแ่ บบมาตรฐาน มหี น้าทีเ่ ชน่ เดียวกบั เทคนิคการยงิ ในเวลา กลางวนั โดยมีข้อยกเว้น 2 ขอ้ พลยงิ ทวนคาสั่งหวั ขอ้ มมุ ทศิ และมมุ สงู หลงั จากปรบั คา่ กบั เครอื่ งควบคุมการยงิ ตามทีไ่ ด้รบั คาส่ังแล้ว พลยิงไมต่ ้องคน้ หาเปา้ หมายกอ่ นทจี่ ะได้รับคาสัง่ ในหวั ข้อปฏบิ ตั ิ แหล่งท่มี าของความผดิ พลาด (ERROR SOURCES) ระยะท่ีไกลกว่า ความเป็นไปได้ในการยิงถูก( PH ) ต่าลง น่ันหมายความว่า เม่ือระยะไปยังเป้าหมาย เพม่ิ มากขนึ้ ความคาดหวังวา่ จะยงิ ถูกในนัดแรกจะลดลงไปดว้ ย มปี จั จยั อ่นื ๆ อกี หลายประการท่ีมีผลกระทบตอ่ ความแมน่ ยาในการยิง ปัจจัยจากระบบ สภาพแวดล้อมและมนุษย์ท่ีเข้ามามีส่วนร่วมต่อการยิงเป้าหมายทุก เปา้ หมายประกอบกันข้ึนมาเป็นสง่ิ ท่ีเราเรียกว่า แหลง่ ทม่ี าของความผดิ พลาดของปืนใหญ่รถถัง – อาการเฉียง คงที่ อาการเฉียงไม่คงที่ และความผิดพลาดจากสาเหตุอ่ืนๆ แหล่งที่มาของความผิดพลาดแต่ละแบบมี ผลกระทบต่อความแม่นยาในการยิงต่างกัน ผลกระทบของความผิดพลาดเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่สาคัญย่ิง เมื่อ ปริมาณของความผิดพลาดทมี่ าจากแหลง่ ต่างๆ กระทาต่อระบบควบคุมการยงิ ในเวลาเดียวกัน ผลกระทบของ ความผิดพลาดท่ีมาจากแหล่งต่างๆ เหล่านี้ จะขยายตัวออกไปเมื่อทาการยิงต่อเป้าหมายในระยะไกล ใน ตอนทา้ ยของบทนจ้ี ะกล่าวถึงแหลง่ ทม่ี าของความผิดพลาด – อาการเฉียงคงท่ี อาการเฉียงไม่คงท่ี และความ ผิดพลาดจากสาเหตุอื่น ๆ รายการผิดพลาดต่างๆ ต่อไปน้ี ยังไม่ครอบคลุมถึงความผิดพลาดทั้งหมด เพราะ แหล่งทม่ี าของความผิดพลาดทม่ี อี ย่จู รงิ จะเพม่ิ ขน้ึ ตลอดเวลา
๑๑๙ อาการเฉยี งคงท่ี (Fixed Biases) อาการเฉยี งคงที่ เป็นความผดิ พลาดทม่ี ีแหล่งทีม่ าจากการออกแบบ กระสุน อาวุธ และระบบควบคุม การยงิ ซ่งึ สรา้ งมาจากโรงงาน เน่ืองจากเปน็ อาการทเ่ี กิดขึ้นคงทหี่ รือถกู สร้างขึน้ ความผดิ พลาดที่มาจากแหล่ง ดงั กลา่ วสามารถวดั และปรบั แก้ได้ เช่น .– การเหล่ือมของระบบ (System Parallax) การเหลอ่ื มของระบบเป็นความผดิ พลาดของระยะในทาง ดงิ่ และทางระดบั ระหว่างเส้นผ่าศนู ยก์ ลางของแกนหลอดลากล้องปืนกับแกนของกล้องเล็ง เมื่อปรับเส้นเล็ง ของปนื กับกลอ้ งเล็งแลว้ เส้นทุกเส้นของกล้องเลง็ จะบรรจบกนั ที่ระยะปรับเส้นเล็ง ณ ระยะท่ีใกล้กว่าหรือไกล กวา่ ระยะปรับเส้นเล็ง ตามปกติ แนวเส้นเล็งจะต่างกัน อย่างไรก็ตาม เครื่องคานวณขีปนะวิธีได้ปรับแก้การ เหล่อื มของระบบไว้ให้แล้ว การเย้อื ง (Drift) การเยอื้ ง คอื การเคลอ่ื นตัวออกไปทางขา้ งของกระสุนที่ทรงตัวด้วยการหมุน จาก แนวเสน้ ของปนื -เป้าหมาย เป็นผลกระทบจากความต้านทานของอากาศกับการหมุนของตัวลูกกระสุน ตัวลูก กระสนุ จะเยอ้ื งไปในทศิ ทางเดียวกนั กบั การหมุนของเกลียวในลากล้องปืน เกลียวภายในลากล้องปืนใหญ่แบบ เอ็ม ๖๘ เป็นเกลียวเวียนขวา ดังนั้น การยิงกระสุนทุกชนิดท่ีทรงตัวด้วยการหมุนจากลากล้องปืนชนิดน้ี จะ เย้อื งออกไปทางขวา การเยือ้ งจะถกู ปรบั แกจ้ ากภายในด้วยค่าตวั แก้ทางขีปนะของเครือ่ งคานวณ เอ็ม๒๑ เม่ือ ทาการยงิ จากกล้องเล็ง เอ็ม๑๐๕ ดีเส้นมาตราทางขีปนะ ได้ปรับแก้การเยื้องนี้ไว้ให้แล้ว กระสุนเจาะเกราะ และระเบดิ ต่อส้รู ถถังทีใ่ ชใ้ นการรบปัจจบุ ัน เปน็ กระสุนท่ีทรงตัวด้วยครบี หาง เครอ่ื งคานวณจะนาขอ้ มูลเหล่านี้ ไปคานวณ เม่ือเลือกใช้ชนดิ กระสุนได้ถกู ตอ้ ง การกระโดด (Mean Jump) การกระโดดเป็นความแตกต่างท่ีคงท่ีระหว่างแนวแกนลากล้องปืนกับ แนวของกระสนุ เมื่อออกจากลากล้องปืนที่แตกต่างกันออกไป เน่ืองจากเป็นการเฉียงคงที่ การกระโดดจะถูก ปรับแกจ้ ากภายในของระบบเครอ่ื งคานวณควบคุมการยงิ เคร่อื งคานวณจะพสิ ูจนท์ ราบชนิดกระสุนท่ีจะทาการ ยงิ จากนัน้ จะอาศัยขอ้ มลู จากตารางยงิ จดั ทาค่าตัวแกข้ ีปนะวธิ ีขั้นสุดท้ายเพื่อส่งไปยงั ปืนใหญ่ก่อนที่จะทาการ ยิง อาการเฉยี งไมค่ งที่ (Variable Biases) การเฉียงไม่คงท่ี เป็นแหล่งท่ีมาของความผิดพลาด ซ่ึงยังคงเหลืออยู่และแสดงออกมาให้เห็นอย่าง ต่อเนือ่ ง เมอ่ื ทาการยิงกระสุนชนิดหนงึ่ ต่อเป้าหมายเฉพาะภายในระยะท่ีกาหนดให้ แต่ความผิดพลาดสามารถ เปลย่ี นไปเป็นจานวนมากจากการยิงครง้ั หนึ่งกบั การยิงครัง้ ต่อไป มุมเอียง(ดมุ รับปืน (Cant)) มุมเอยี งจะเกิดขน้ึ เม่ือรถถังอยบู่ นพ้นื ที่ขรขุ ระ และดุมรับปืนข้างหนึ่งอยู่ สูงกว่าอีกขา้ งหน่งึ เม่ือมมุ สูงชดเชยถูกส่งเขา้ ไปยังปนื ใหญ่ เสน้ ในแนวดงิ่ จะถกู นาไปทางานรว่ มกับเส้นสมมุติท่ี ลากระหวา่ งดมุ รบั ปนื เมื่อเกดิ มมุ เอียงขึน้ มมุ สูงชดเชยจะถูกนาไปใช้งาน ณ มุมทีต่ งั้ ฉากกับแนวพ้ืนระดบั ทาให้ ระยะและมุมทิศผดิ พลาด รถถังท่ที าการยิงอยู่กบั ที่ ขอ้ มลู ของมุมเอียงจากหน่วยวัดมุมเอียงจะถูกส่งเข้าไปยัง เครอ่ื งคานวณ และตวั แก้ปญํ หาทางขปี นะวธิ จี ะปรบั แกค้ า่ ของมมุ เอียงรวมทงั้ มมุ ทิศและมุมสูงให้ ลมทางข้าง (Crosswind) ความปรวนแปรของลมท่ีเคล่ือนที่ในทางข้างของแนวปืน-เป้าหมาย จะ เปน็ สาเหตทุ ีท่ าใหต้ วั ลกู กระสุนเบี่ยงเบนไปจากแนวเส้นเล็งของปืน-เป้าหมาย ผลกระทบของลมทางข้างต่อ กระสนุ ทุกชนิด นอกเหนือไปจากกระสุน APFSDS-T และ APDS-T แล้วเปน็ สงิ่ สาคัญยงิ่ เครื่องวัดลมทางข้าง
๑๒๐ ท่ตี ิดตง้ั บนรถถัง เอ็ม๖๐เอ๓ ใชว้ ดั ลมทางขา้ ง ณ ที่รถถังตัง้ อยู่ และปอ้ นข้อมูลน้เี ข้าไปยงั เคร่ืองคานวณ เคร่ือง คานวณจะคานวณค่าตัวแก้โดยอาศัยข้อสันนิษฐานท่ีว่า ลมทางข้างน้ีเป็นลมท่ีพัดคงท่ีตลอดเส้นทางไปถึง เป้าหมายโดยไมค่ านึงถงึ ระยะของการยิง การปรับแกน้ ี้จะทางานร่วมกับคา่ ตัวแก้ปัญหาทางขปี นะทีส่ ง่ เข้าไปยงั เคร่ืองฉายเส้นมาตรา และจะดาเนนิ ปรับแกใ้ ห้ทันสมยั อยูต่ ลอดเวลา เครื่องควบคุมการยิง (Fire Control) ความผดิ พลาดอาจถกู ชักนาโดยการกระตุ้นของระบบควบคุม การยิง เอง ระบบควบคุมการยิงไม่สามารถปรับแก้การกระตุ้นเหล่าน้ีได้ เช่น ความทนทานในการออกแบบ การล้าของโลหะ และการสน่ั สะเทอื นของรถ อย่างไรกต็ าม ปจั จัยต่อไปนีส้ ามารถปรับแก้ได้ การเปลี่ยนที่ของปากลากล้องปืน (Muzzle displacement) มีสาเหตุจากความร้อนผิดปกติที่ กระจายออกไปตลอดลากล้องปนื หรือจากแรงโน้มถว่ งท่กี ระทาตอ่ ปนื สามารถรบกวนความสมั พันธ์ระหว่างปืน- กล้องเลง็ ที่ปรับเส้นเล็งไดท้ าไวแ้ ล้ว ปลอกควบคุมอุณหภูมิจะช่วยลดการเปลี่ยนท่ีของลากล้องปืนท่ีมีสาเหตุ จากการกระจายความรอ้ นทไ่ี ม่สม่าเสมอ แตไ่ มไ่ ดช้ ว่ ยแก้ในผลกระทบที่เกิดจากแรงโน้มถ่วง การปรับเส้นเล็ง บอ่ ยๆ จะช่วยลดผลกระทบของการเปล่ยี นทีข่ องปากลากล้องปืน เพราะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ของ แนว เสน้ เลง็ ของปืน-กล้องเลง็ ใหม่ ความหนาแน่นของอากาศและอณุ หภูมิ (Air Density and Temperature) มผี ลกระทบตอ่ ขปี นะ วิธขี องกระสนุ ความหนาแนน่ ของอากาศจะแตกต่างกนั ดว้ ยอณุ หภมู ิและช้ันความสงู แต่เครอ่ื งคานวณสามารถ ยอมรบั ขอ้ มูลของชั้นความสงู และอณุ หภมู ไิ ด้ จงึ ทาใหค้ วามหนาแนน่ ของอากาศสามารถปรบั แกไ้ ด้ ความแตกต่างของความเร็วต้นท่ีปากลากล้อง (Muzzle Velocity Variation) การเปลี่ยนแปลง ความเร็วต้นท่ีปากลากล้องของวิถีกระสนุ มีสาเหตมุ าจากกระสุนหรืออาวุธ ปจั จัยต่อไปนี้ เป็นสาเหตทุ ีท่ าให้เกดิ ความเปลีย่ นแปลงในทางดง่ิ ของตาบลตกกระทบของตวั ลกู กระสุน การชารุดของเกลยี วลากล้อง ความสึกหรอของลากล้อง อณุ หภูมิของดนิ สง่ การเปลย่ี นแปลงความหนาแน่นในการบรรจดุ นิ สง่ ความยาวของลากลอ้ ง ความสึกหรอของลากล้องปืนมีผลทาให้ความเร็วต้นต่าลง และเพิ่มอาการกระจายมากขึ้ น เครื่อง คานวณสามารถยอมรบั ขอ้ มลู ความสึกหรอของลากล้องปืนได้ และจะทาการปรับแก้ให้กับปืน แต่เมื่อต้องทา การยิงจากกล้องเลง็ เอม็ ๑๐๕ ดีไม่มีวธิ กี ารใดทีใ่ ช้สาหรับการปรับแกก้ ารสึกหรอของลากล้องได้ ระยะทห่ี าได้ (Range Estimation) ความผิดพลาดทีม่ ผี ลจากการหาระยะเป็นปญั หาหลกั สาหรบั การ ฝกึ วิธี การตอ่ ไปนีส้ ามารถนาไปใช้สาหรบั การหาระยะได้ การหาระยะแบบเร่งด่วน ใช้ศนู ยร์ บของปืนใหญ่ วิธีการจดจาภาพทปี่ รากฏ ใช้ปนื กลขนาด .๕๐ หาระยะ
๑๒๑ การหาระยะแบบประณตี สตู รสมั พนั ธ์ของมิล อุปกรณ์อืน่ ๆ แสง-ตา่ ง-เสียง เส้นมาตรา Stadia การข่าว การหักเหภายในทางเดินของกล้อง (Optical Path Bending) การปรากฏภาพลวงตาในการ เคล่อื นท่ขี องเปา้ หมายถูกสร้างขึน้ โดยการแผร่ ังสขี องดวงอาทิตย์ที่ส่งออกมา (ตามปกติเรียกว่าการหักเหของ แสง) ภายใตส้ ภาวะของแสงทแ่ี น่นอนและเงือ่ นไขของสภาพแวดล้อม อาจปรากฏว่าเส้นทางเดินของแสง (แนว เสน้ เลง็ ) ไมไ่ ด้เดนิ ทางเปน็ เส้นตรง เพราะส่ิงปดิ กน้ั การเห็นเหลา่ นี้ (สาเหตุหลักก็คือการกาเนิดความร้อน) จุด เลง็ ของพลยิงอาจดูเหมือนว่าเป็นภาพเล็งท่ีถูกต้อง แต่ไม่ถูกต้อง ผลลัพธ์ก็คือ ทาให้กระสุนพลาดเป้าหมาย ความผิดพลาดเหลา่ น้ีสามารถเกิดขึน้ ได้ท้งั ทางทิศและทางระยะ การกระโดด (Jump) การกระโดด มีสาเหตุมาจากความแตกต่างระหว่างมุมที่คานวณไว้ล่วงหน้าและมุมท่ี ออกไปจริง ซ่ึงก็คือ จานวนของมุมสูงท่ีลากล้องปืนถูกยกขึ้น เหนือแนวเส้นของมุมสูงชดเชย เมื่อทาการยิง ออกไปแลว้ ความผดิ พลาดจากสาเหตอุ นื่ ๆ (RANDOM ERROR) แหล่งที่มาของความผิดพลาดจากสาเหตุอ่ืนๆ เป็นความแตกต่างของกระสุนแต่ละนัดท่ียิงออกไป ความผิดพลาดนั้นไม่สามารถคานวณล่วงหน้าจากนัดหนึ่งไปยังอีกนัดหน่ึงได้ และพลประจารถไม่สามารถ ปรับแกค้ วามผิดพลาดนั้นไดเ้ ชน่ เดียวกัน ผบ.รถ และพลยงิ จะตอ้ งคอยระวงั ความผดิ พลาดทีเ่ กิดขน้ึ โดยบังเอิญ เหลา่ น้ี และจะตอ้ งไม่ใหม้ นั มอี ทิ ธพิ ลต่อความรสู้ ึกมากเกินไปเมอ่ื เกดิ ความผิดพลาดข้ึน อาการกระจายของกระสุนนัดต่อนัด (Round-to-Round Dispersion) ภายใต้เงื่อนไขตาม แนวความคิดในอุดมคติน้ัน ปืนท่ีมีประสิทธิภาพและกระสุนที่ยิงออกไปทุกนัดจะต้องยิงถูกท่ีเดียวกัน แต่ใน ความเป็นจริงแล้ว กระสุนแต่ละนัดจะกระจายกันออกไปรอบๆ จุดศูนย์กลาง พ้ืนท่ีท่ีกระสุนเหล่านั้นตก เรียกว่า ย่านอาการกระจาย ไม่มีวิธีใดที่พลประจารถจะสามารถปรับแก้สาหรับอาการกระจายนี้ได้ แต่พล ประจารถจะตอ้ งระมดั ระวังในเร่อื งของผลกระทบที่จะเกิดข้ึน เม่ือระยะยิงไปยังเป้าหมายเพิ่มมากข้ึน ขนาด ของย่านอาการกระจายกจ็ ะเพ่มิ ข้นึ ด้วยเช่นกัน ถ้ากระสุนพลาดเป้าแตเ่ พยี งเล็กนอ้ ย เทคนิคการเล็งและยิงใหม่ อาจจะทาให้บรรลคุ วามสาเรจ็ และยิงถกู เปา้ หมายได้ ความผดิ พลาดจากการเลง็ ของพลยงิ (Gunner Lay Error) ความผดิ พลาดในการเลง็ ของพลยิงเปน็ สาเหตทุ ่ีเกิดขนึ้ เมอื่ พลยงิ บกพรอ่ งในการเลง็ ณ จดุ เล็งบนเปา้ หมาย ในขณะท่ีทาการปรับเส้นเล็งหรือทาการ ยงิ เปา้ หมาย ซ่งึ เป็นสิ่งทีส่ าคัญยง่ิ ของทีม่ าของความผดิ พลาด และถึงแมว้ า่ จะเป็นปัญหาหลักของการฝึก แต่ก็ เปน็ ข้อพิจารณาในเรอื่ งของทมี่ าของความผิดพลาด เพ่อื ลดขอ้ ผดิ พลาดน้ี พลยิงแต่ละนายจะต้องทาการฝึกให้ สามารถทาการเล็งขน้ั สดุ ทา้ ยบนจุดเล็งทถ่ี ูกต้องให้ได้ และสน้ิ สดุ การเลง็ ด้วยการยกปืนข้นึ ดว้ ยมุมสงู ซ่งึ จะเป็น การชว่ ยลดผลกระทบของการถอยตัวกลบั ของมุมสงู
๑๒๒ ลมระเบิดท่ปี ากลากลอ้ ง (Muzzle Blast) ลมระเบดิ ทีป่ ากลากล้องจะสร้างสิ่งที่ปิดก้ันการมองเห็น ในปริมาณท่ีมากมาย และทาให้การตรวจผลของกระสุนแทบเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะยิงถูกเป้าหมายก็ตาม ปรมิ าณของส่ิงปิดก้ันการเห็นจานวนมากจะเกิดขึ้นเมื่อทาการยิงจากท่ีม่ันกาบังตัวรถ และปืนใหญ่อยู่เหนือ พื้นดินเพียงเล็กนอ้ ย การสน่ั สะเทอื นของรถถัง (Platform Rock) การเคลื่อนที่ถอยหลังและยกตัวขึ้น-ลงของรถถัง ที่มี สาเหตุมาจากการยงิ ปนื ใหญ่ เป็นสาเหตสุ าคญั ท่ที าให้เกิดการเคลื่อนตวั ของกล้องเลง็ เช่นเดยี วกนั ค่าตัวแก้ปัญหาทางขีปนะวิธี (Ballistics Solution) ค่าตัวแก้ปัญหาทางขีปนะที่ไม่ถูกต้อง อาจมี สาเหตุมาจากการคานวณข้อมูลที่ต่างกัน: การเลือกชนิดกระสุนผิดชนิด การหาระยะที่ไม่ถูกต้อง ความ บกพร่องท่ีไมท่ ราบสาเหตขุ องเครื่องคานวณหรือความลม้ เหลวในการนาข้อมูลเข้าของหน่วยป้อนข้อมูลหน่วย ใดหนว่ ยหนง่ึ (Input Units) เพ่อื ให้แน่ใจไดว้ า่ เครือ่ งคานวณไดร้ บั ขอ้ มูลท่ีถูกต้อง พลยิงควรจะตรวจสอบการ เลือกชนิดกระสุนบนกล่องเลือกชนิดกระสุนซ้า หลังจากท่ีพลบรรจุรายงานว่า “พร้อม” ผบ.รถ จะต้อง ตรวจสอบระยะกอ่ นทจี่ ะทาการยิง การตรวจสอบเครือ่ งคานวณจะตอ้ งกระทาทุกครั้งหลงั การยิง เพ่ือตรวจการ ชารดุ ของอุปกรณ์ในระบบควบคมุ การยงิ พลประจารถสามารถค้นหาสาเหตุของปญั หาในเร่อื งของมมุ สูงชดเชย ได้โดยการใช้เครอื่ งวดั มุมยิงประณตี ของพลยงิ เอ็ม1เอ1 และเปรยี บเทียบกบั ขอ้ มูลในตารางยิง ปัญหาจากมุม สูงชดเชยอาจตรวจสอบได้โดยการตรวจสอบความถูกต้องของระบบอาวุธกับกระดานแก้ปัญหาทางขีปนะ (Solution Board) สรุป เพ่ือใหไ้ ด้รับชัยชนะเหนือข้าศึกท่ีมีจานวนมาก พลประจารถถังทุกนายจะต้องทาการยิงเป้าหมายท่ี แตก ต่างกนั หลายเป้าหมายในสนามรบ เป้าหมายตา่ ง ๆ เหลา่ นี้ จะตอ้ งถกู ทาลายลงอย่างรวดเร็ว ตามรูปแบบ ของคาส่งั ระบบควบคมุ การยงิ ของรถถงั เอม็ ๖๐ เอ๓ ได้ถกู ออกแบบมาเพื่อทาการยิงและทาลายเป้าหมายตา่ งๆ โดยใช้เทคนคิ การยิงเลง็ ตรง เทคนคิ ของการยิงเลง็ ตรงทัง้ ๒ แบบ คอื หลกั การยิงแบบประณตี และหลักการยิง เม่อื เครอ่ื งควบคุมไม่สมบรู ณ์ หลักการยงิ แบบประณตี เปน็ เทคนิคการยิงเล็งตรงที่แมน่ ยาท่สี ุด และจะถูกนามาใช้ เมื่อระบบควบ คมุ การยิงของรถถงั เอม็ ๖๐เอ๓ ปฏบิ ตั งิ านไดส้ มบรู ณ์เต็มระบบ รถถงั จะเรม่ิ ต้นทาการยงิ ในสภาวะทบ่ี รรจุกระสุน พรอ้ มรบอย่ตู ลอดเวลา หลักการยิงเมอ่ื เครื่องควบคมุ ไมส่ มบูรณ์ ใช้แก้ปัญหาเมื่อระบบควบคุมการยิงชารุด หรือเมื่อเง่ือนไข ของสภาพแวดลอ้ มทาใหเ้ ครื่องคานวณไม่สามารถทางานในระบบอัตโนมตั ทิ ่ีใชค้ า่ ตัวแก้ปัญหาทางขีปนะได้เต็ม ระบบ
๑๒๓ คาสั่งยงิ อาจใช้ทงั้ ๖ หวั ข้อของคาสงั่ : คาเตือน ชนดิ กระสุน/อาวธุ ลักษณะเป้าหมาย ทิศทาง ระยะ การปฏบิ ตั ิ ความมงุ่ หมายของวชิ าหลักยิง คอื เพ่ือให้การยิงถกู และทาลายเปา้ หมายได้ในนัดแรกประสพผลอย่าง รวดเร็ว เมือ่ พลยงิ หรือผบ.รถ ทาการยิงกระสุนออกไป และพลาดเป้าหมาย จะต้องทาการปรับการยิงกระสุน นัดต่อไป ความถูกตอ้ งในการตรวจทาใหก้ ารปรบั การยงิ มปี ระสทิ ธภิ าพ ผบ.รถ พลยงิ และพลขบั จะต้อง พยายามตรวจผลการยิงของกระสนุ แตล่ ะนัด เทคนิคการปรบั ของพลยิงประกอบดว้ ย: วธิ ยี งิ ใหม่ (ปฏบิ ตั ิงานเต็มระบบ) วธิ ปรบั การยงิ แบบมาตรฐานของพลยิงดว้ ยกล้องเลง็ หลัก(TTS) วิธีปรบั การยงิ แบบมาตรฐานของพลยงิ ด้วยกลอ้ งเลง็ รอง เอม็ ๑๐๕ ดี เทคนคิ การปรบั ของผบ.รถ ประกอบด้วย การออกคาส่งั ยงิ ขนั้ ต่อมา วิธยี ิงใหม่ วธิ ปี รับการยิงเล็งตรงท่ีนิยมใชก้ ันมากท่สี ุดเมือ่ ระบบควบคมุ การยิงปฏบิ ตั ิงานเตม็ ระบบ คอื วิธียิงใหม่ พลยิงจัดภาพเลง็ ใหม่ ยิงเลเซอร์ใหม่ แล้วลั่นไก ระบบรักษาการทรงตัวในรถถัง เอ็ม 60 เอ 3 ช่วยให้พลประจารถสามารถค้นหาและทาการยิงต่อ เปา้ หมายไดอ้ ยา่ งแมน่ ยาในขณะเคลอ่ื นที่ กล้องเล็งภาพความร้อนและเครื่องควบคุมการยิงรอง ช่วยให้พลประจารถค้นหา ยิงและทาลาย เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆ สนามรบ และทุก ๆ เง่ือนไขของสภาพแวดล้อม ทั้งกลางวันและ กลางคนื การบาดเจ็บอาจบงั เกดิ ขึน้ ได้ในระหวา่ งการรบ รถถัง เอ็ม๖๐เอ๓ อาจปฏิบัติการได้ด้วยพลประจารถ ๓ นาย โดยสญู เสยี ประสิทธภิ าพในการรบไปเพยี งจานวนเล็กนอ้ ยเทา่ นนั้ เทคนคิ การยงิ เมอ่ื เครอื่ งควบคุมไมส่ มบรู ณ์ จะจากัดผลกระทบของการยงิ ในเรอื่ งของความเร็วและ ความแม่นยาในการยงิ น้อยกวา่ การยิงจากเครอ่ื งควบคมุ ทางานเต็มระบบเทา่ น้นั
๑๒๔ ถา้ เป้าหมายอย่ใู นระยะของศูนย์รบ เทคนคิ การยงิ ด้วยศนู ยร์ บเป็นวธิ กี ารยิงที่พงึ ปรารถนามากทส่ี ดุ เม่อื เครอ่ื งหาระยะทางานล้มเหลว แหลง่ ที่มาของความผิดพลาดทแี่ ตกตา่ งกนั มผี ลกระทบตอ่ ความแมน่ ยาในการยิง แหล่งทมี่ าของความ ผิดพลาดท่สี าคญั มี ๓ ประการ คอื อาการเฉียงคงที่ (Fixed Biases) อาการเฉียงไมค่ งที่ (Variable Biases) ความผิดพลาดจากสาเหตอุ ่ืนๆ(Random Error)
๑๒๕ บทที่ ๗ ปืนกล (MACHINE GUN) ปืนกลขนาด .๕๐ น้ิว เอม็ ๘๕ ปืนกลขนาด ๗.๖๒ มม. เอ็ม๒๔๐ ปืนกล เอ็ม ๘๕ ขนาด .๕๐” และเปน็ ปืนกลรว่ มแกน เอ็ม ๒๔๐ ขนาด ๗.๖๒ มม. ใช้สาหรับทาลาย เปา้ หมายทีม่ ีเกราะบางหรอื เป้าหมายไม่หมุ้ เกราะ ใช้เพ่ือยงิ ขม่ ข้าศึกไว้ในทม่ี ่ันหรอื ลาดตระเวนด้วยการยิง ปืน กลเป็นอาวธุ ทเ่ี หมาะสมในบทบาทเหลา่ น้ีเพราะมีปริมาตรการยงิ สงู และย่านการกระจายของกระสุนกวา้ ง เม่อื กาลงั ทหารราบขา้ ศึกไดร้ ับการยงิ สนับสนุนท่ีแม่นยาและหนาแน่นจากอาวุธต่อสู้รถถัง ทหารราบ ขา้ ศึกจะทาการเข้าตีตอ่ ท่ีมน่ั รบ พลประจารถถังทุกนายควรใชป้ นื กลทีต่ ดิ ตั้งบนรถถังทาการยิงต่อทหารราบที่ ลงรบเดินดิน พลประจารถที่ใช้อาวุธ ชุดยิงจรวดต่อสู้รถถังนาวิถี (ATGM) ชุดยิงจรวดต่อสู้รถถัง (RPG) รถบรรทุก ยานรบหุ้มเกราะขนาดเบา ท่ีม่ันที่มีการกอ่ สรา้ งท่ีกาบังบาง ๆ และอากาศยาน ในบทน้ีจะกล่าวถึง บทบาทการใช้ปนื กลเหลา่ นี้ และการยิงเล็งตรง บทบาททว่ั ไปสาหรับการใชป้ นื กลทต่ี ดิ ตั้งบนรถถงั (GENERAL RULES FOR EMPLOYMENT OF TANK MOUNTED MACHINE GUN) ปนื กลรว่ มแกน (THE COAX MACHINE GUN) ปนื กลรว่ มแกนสามารถทาการยงิ เปา้ หมายเปน็ พนื้ ท่หี รอื เปน็ จดุ ไดไ้ กลถงึ ๙๐๐ ม. ซ่ึงเปน็ ระยะยิงหวัง ผลไกลสุด (แสงส่องวิถีดบั ) เม่ือ ผบ. รถหรอื พลยงิ จะใช้ปนื กลร่วมแกน ควรจะ.- ใช้เครื่องหาระยะยิงหาระยะไปยังกงึ่ กลางของพน้ื ทเ่ี ป้าหมายท่ีมองเห็น เม่ือทาการยิงด้วยกล้องเล็ง หลักของพลยิงใหใ้ ชช้ ่องเลง็ กลางวันหรือช่องเลง็ ภาพความรอ้ น หลงั จากหาระยะแล้ว เล็งไปยังกง่ึ กลางเป้าหมายท่มี องเหน็ (สาหรับเปา้ หมายเปน็ จุดเครือ่ งรกั ษา การ ทรงตัวจะชว่ ยใหเ้ ลง็ เกาะเปา้ หมายไดเ้ ช่นเดียวกบั ปนื ใหญ่) ยิงกระสุนเปน็ ชดุ ๆ ละ ๒๐-๓๐ นัด (กระสุนส่องวิถี ๔-๖ นดั ) ถา้ กาลังเคลอ่ื นทอ่ี ยู่ ใหเ้ คลอ่ื นทตี่ อ่ ไปอย่างต่อเนือ่ ง
๑๒๖ ใช้ช่องตรวจการณข์ ยาย ๑ เท่า หรือใช้มาตราประจากล้องเล็ง เอ็ม๑๐๕ ดีช่องของมาตรากระสุน ระเบิดพลาสตกิ (HEP) ในกรณีท่กี ล้อง TTS ชอ่ งเล็งกลางวันและชอ่ งภาพเลง็ ความร้อนใช้งานไมไ่ ด้ ภาพการเล็ง-การยงิ เลเซอร์เปา้ หมายเปน็ พน้ื ที่ (SIGHT PICTURE-LASING AREA TARGET) กล้องตรวจการณ์ขยาย ๑ เท่า เส้นมาตราประจา กล้องเล็งหลัก อาวธุ ของผ้บู งั คบั รถ (THE TANK COMMANDER’S WEAPON) ปืนกล เอม็ ๘๕ ขนาด .๕๐” ติดตั้งอยู่ในป้อมปืนของผบ. รถ ใช้เพื่อทาการยิงต่อเป้าหมายเป็นพื้นท่ี และเป้าหมายเปน็ จุด ไดไ้ กลถึง ๒,๐๐๐ ม. เมื่อใชอ้ าวธุ ของผบ. รถ ผบ.รถ ควรจะ.- วางทิศทางการยิงในทางทิศและกะระยะของเป้าหมาย ถา้ สถานการณเ์ อ้ืออานวย ส่ังให้พลยิงทา การหาระยะไปยังเป้าหมาย จากนน้ั วางเสน้ มาตราทางระยะท่เี หมาะสมเลง็ ไปบนเปา้ หมาย ใชอ้ ตั ราการยิงต่า (LOW) และยิงเป็นชดุ ๆ ละ ๑๐-๑๕ นัด (กระสุนส่องวิถี ๒-๓ นัด) ทาการยิง ต่อเป้าหมายทกุ ชนดิ ยกเวน้ เปา้ หมายทเี่ ป็นอากาศยาน ใชอ้ ตั ราการยงิ สูง (HIGH) และทาการยงิ อยา่ งตอ่ เนื่องต่อเปา้ หมายทเี่ ปน็ อากาศยาน ใช้ตาบลตกกระทบของกระสนุ สอ่ งวิถี เพื่อปรบั การยิงไปยังเปา้ หมาย ใช้เคร่อื งใหท้ างสูงดว้ ยมือสาหรบั การใหท้ างสงู ของปืนในการเลง็ ยิง การเลง็ ทางทิศใช้คนั บงั คบั ป้อมปืนดว้ ยไฟฟ้าของผบ.รถ เมือ่ มีการใช้ปืนกลขนาด .๕๐” ในการยิง เพียงชนิดเดยี ว สาหรับการยิงด้วยอาวุธสองชนิดพร้อมกันผบ. รถ จะต้องใช้เคร่ืองหมุนป้อมปืน ดว้ ยมือของผบ.รถ ในการวางทิศทางยิงทางทิศ ตรวจให้แนใ่ จไดว้ ่าสวทิ ช์ SAFETY ของปืนกลบนหบี ควบคมุ ของผบ.รถ อย่ใู นตาแหน่ง ON ข้อสังเกต: ความมุ่งหมายในการใช้ LAST ROUND OVERIDE คือ การขัดขวางวงจรในการยิงเม่ือมี กระสุนเหลืออยู่ในกล่องกระสุน ๒๐ นัด การกระทาเช่นน้ีช่วยให้ผบ.รถ ทาการบรรจุกระสุนใหม่โดยไม่ต้อง บรรจุกระสนุ ผ่านทางช่องปอ้ นกระสุนหรอื ทาการข้นึ นกใหม่
๑๒๗ เสน้ มาตราประจากลอ้ งเลง็ เอ็ม 36 ( M 36 SIGHT RETICLE) จุดปรับเส้นเล็ง
๑๒๘ หน้าทข่ี องพลประจารถที่มตี ่อคาสั่งยิงด้วยปืนกลร่วมแกน (COAX FIRE COMMAND CREW DUTIES) หัวขอ้ คาสง่ั ผบ. รถ พลยิง พลบรรจุ พลขบั คาเตือน ออกคาสง่ั ”พลยิง” ค้นหาเปา้ หมาย ตรวจแหวนปอ้ มปนื ถ้ากาลงั เคลอ่ื นที่ และวางทศิ ทางยงิ ให้เคลอื่ นท่ตี อ่ ไป ชนดิ กระสุน/ ออกคาสงั่ ”รว่ มแกน” ผลกั สวิตชป์ ืนกล ตรวจให้แนใ่ จวา่ มี อาวธุ ไปที่ ON กดแป้น กระสุนพร้อมปอ้ น กระสุน HEP อยใู่ นกล่องกระสุน พรอ้ มรบ ผลักสวิตช์ นริ ภัยปืนกลไปท่ี F แลว้ รายงานวา่ ”พร้อม” ลกั ษณะ ออกคาสง่ั “หนว่ ย มองผ่านกลอ้ งเลง็ เปา้ หมาย ทหาร”และปล่อย หลกั และค้นหาเปา้ กระเด่ืองคนั บังคบั หมาย รายงานวา่ ปอ้ มปนื “ทราบแล้ว” และ เลง็ ก่งึ กลางพืน้ ทเ่ี ป้า หมาย หาระยะไปยงั ประเมินคา่ ระยะ เปา้ หมายและจัดภาพเลง็ การปฏิบตั ิ ออกคาสง่ั “ยิง” ตรวจ แจง้ เตือน”ระวัง” ตรวจใหแ้ น่ใจว่า การณ์และปรบั การยงิ และล่ันไกโดยใช้ มกี ารบรรจกุ ระสุน เทคนิคการยงิ ท่ี จากกล่องไปยงั เหมาะสม ปนื กล ออกคาสง่ั “หยดุ ยงิ ” ขอ้ สงั เกต : ถ้ารถถังกาลงั เคลอ่ื นท่ีอยู่ พลขบั ดาเนนิ กลยทุ ธอย่างต่อเน่อื งจนกวา่ จะไดร้ บั คาสัง่ ใหห้ ยุดรถ และพยายามขับรถให้ทาการยิงไดอ้ ย่างราบเรยี บสมา่ เสมอ ผบ.รถปรบั การยงิ ปืนกลร่วมแกน โดยใชค้ าสัง่ ทีส่ ัน้ ทส่ี ุดด้วยคาวา่ (“ยกปืนขน้ึ ”,”ลดปืนลง”,“สา่ ยซา้ ย”,”ส่ายขวา”) สาหรบั ปืนกลทตี่ ิดตง้ั ในปอ้ มปืน ผบ.รถ ผบ.รถ จะแจง้ เตือนว่า “ขนาดห้าสิบ” และเล็งปืนกลไปยัง เป้าหมาย เมื่อเป้าหมายที่เหมาะสาหรับปืนกลขนาด .๕๐” ปรากฏ หลังจากท่ีได้ยินผบ.รถ แจ้งเตือนว่า “ขนาดหา้ สิบ” พลบรรจุจะย้ายตาแหน่งของตนเองไปยังช่องทางเข้า-ออก (ถ้าไม่ได้ปิดป้อม) แล้วทาหน้าท่ี หลักของผบ.รถ ในการคน้ หาเป้าหมาย (ทางพ้ืนดินและทางอากาศ) และช่วยเหลอื ในการปรบั การยงิ ปนื กลของ
๑๒๙ ผบ.รถ ถา้ พลยิงกาลงั ยงิ ปืนใหญห่ รือปนื กลร่วมแกนอยู่ พลบรรจุจะต้องคงอยู่ภายในป้อมปืน ในสถานการณ์ อน่ื ๆ ทั่วไป พลบรรจุควรจะออกมาจากปอ้ มปืนเพอ่ื ช่วยเหลือในการตรวจการณก์ ารยงิ และคน้ หาเป้าหมาย ผบ. รถ อาจใช้เคร่ืองหาระยะในการหาระยะไปยังเป้าหมายถ้าเวลาและสถานการณ์ทางยุทธวิธี เอ้ืออานวยให้ หรืออาจใช้วิธีการกะระยะ เม่ือได้ระยะไปยังเป้าหมายและทาการยิงไปแล้ว ผบ . รถ จะปรับ ตาบลกระสนุ ตกจากแสงของกระสนุ สอ่ งวถิ ีไปยังเปา้ หมายหรอื พืน้ ท่เี ปา้ หมาย ถ้าพลยิงหรอื พลบรรจุสามารถมองเห็นแสงสอ่ งวิถขี องปืนกลขนาด .๕๐” ได้ จะตอ้ งชว่ ยเหลือ ผบ. รถ ในการปรับการยงิ วธิ ปี รบั การยงิ ตา่ งๆ เหล่านี้ให้ใช้วิธีการปรับเช่นเดียวกับการปรับปืนกลร่วมแกน (“ยกปืน ขึน้ ” ”สา่ ยซา้ ย” หรือ “ส่ายขวา”) เมื่อจบการยิงปืนกลขนาด .๕๐” แล้วผบ. รถ แจ้งเตือนว่า “ผบ.รถยิง จบ” การยิงเปา้ หมายเปน็ พ้นื ที่ (AREA TARGET ENGAGEMENT) รูปแบบของการยิงท่ีใช้ทาการยิงต่อเป้าหมายเป็นพื้นที่ ควรจะพิจารณาจากขนาดและรูปร่างของ เปา้ หมายและเทคนคิ การยิงที่จะนามาใช้ การยิงเปา้ หมายเปน็ พืน้ ทใี่ ห้ทาการยงิ กระสุนกระสุนสังหารเป็นชุด- กระสุนชดุ แรกทต่ี กลงบนเป้าหมายถูกกาหนดให้ต้องสังหารเปา้ หมายให้มากทีส่ ดุ เทา่ ทีเ่ ป็นไปได้ก่อนที่ขา้ ศกึ จะ หมอบราบลงกับพืน้ ดิน ทาการยงิ กวาดตลอดของกวา้ งด้านหน้าของพน้ื ที่เปา้ หมายจากน้ันย้ายไปทาการยิงข่ม ด้วยกระสนุ ชดุ ขนาดกลาง ๒๐-๓๐ นัด เพือ่ ขม่ เป้าหมายไว้ สาหรบั การยิงขม่ จะไดก้ ลา่ วถงึ ตอ่ ไป การยิงเปา้ หมายเปน็ จุด (POINT TARGET ENGAGEMENT) ปืนกลรว่ มแกน (COAX) เม่อื อยใู่ นการควบคุมด้วยเครอ่ื งรักษาการทรงตัวในขณะเคล่ือนท่ี เป้าหมายเป็นจุดสามารถทาการ ยิงดว้ ยปนื กลร่วมแกนได้ เคร่ืองรกั ษาการทรงตัวจะช่วยให้พลยิงใชร้ ะบบควบคมุ การยิง คน้ หา พสิ ูจน์ทราบ ใช้ มุมดกั และทาการยงิ ลงบนเป้าหมายไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพโดยไม่ต้องหยดุ รถ อาวธุ ของผบ.รถ (TANK COMMANDER’S WEAPON) ผบ.รถ จะพบวา่ เป็นการยากมากทจี่ ะทาการยงิ ตอ่ เปา้ หมายเป็นจดุ ในขณะเคล่อื นที่ ถา้ สถานการณ์ ทางยทุ ธวธิ ีเอ้อื อานวยใหท้ าได้ควรทาการยงิ เปา้ หมายเป็นจดุ ท่ีอยกู่ ับทห่ี รอื เคลอ่ื นทจี่ ากการหยดุ ช่วั ขณะ ภาพการเลง็ เป้าหมายของปนื กล(MACHINE GUN SIGHT PICTURES)
๑๓๐ การยิงขม่ (SUPPRESSIVE FIRE ENGAGEMENT) การยงิ ข่มของรถถังเป็นการยิงเล็งตรงลงบนตาบลที่ทราบหรือคาดว่าเป็นท่ีตั้งของข้าศึก เพ่ือลดขีด ความสามารถในการทาหนา้ ที่การรบขั้นพื้นฐานของข้าศึกให้ได้หน่ึงหรือมากกว่าดังนี้ – การเคล่ือนที่ การยิง การตรวจการณ์ หรือการติดตอ่ ส่อื สาร ให้ใชป้ นื กลรว่ มแกนสาหรบั ทาการยิงขม่ เพือ่ เป็นการประหยดั กระสนุ ปนื ใหญไ่ วท้ กุ ครั้งทส่ี ามารถทาได้ การยิงข่มเป็นการยิงท่ีมีประสิทธิภาพมากท่ีสุดเม่ือทาการยิงด้วยอัตราการยิง ต่อเนือ่ งเปน็ ชุด ๆ ละ ๒๐-๓๐นัด (กระสุนส่องแสง ๔-๖ นัด) สาหรับปืนกลร่วมแกน และ ชุดละ ๑๐-๑๕นัด (กระสนุ ส่องวถิ ี ๒-๓ นดั ) สาหรับปนื กลขนาด .๕๐” โดยไมม่ รี ปู แบบหรอื เทคนคิ การยิงทต่ี ายตัว อย่างไรก็ตาม การยิงแต่ละชดุ ควรจะตกกระทบอยใู่ นระยะ ๑๒ ม.ของพนื้ ท่ีที่คาดว่าเป็นท่ีตั้งของเป้าหมาย ในภูมิประเทศที่ รกทึบหรือพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวของหน่วยทหารข้าศึกมาก รถถังท่ีทาการระวังป้องกันสามารถให้ความ คมุ้ ครองรถถังที่ดาเนนิ กลยทุ ธได้ดว้ ยการยิงขม่ เพอื่ เปน็ การสงวนกระสุนปนื กลขนาด .๕๐”ไว้ ให้ใช้ปืนกลร่วม แกนทาการยงิ ลงบนเป้าหมายท่ีอยู่ในระยะ ๙๐๐ ม. ใช้ปืนกลขนาด .๕๐” ทาการยิงข่มต่อเป้าหมายท่ีอยู่ใน ระยะ ๙๐๐-๒,๐๐๐ ม. ควรจากัดการยิงขม่ ดว้ ยอาวธุ ชนดิ นีเ้ น่อื งจากจานวนของกระสุนขนาด .๕๐” ท่ีมอี ยู่ การลาดตระเวนด้วยการยงิ (RECONNAISSANCE BY FIRE) เพื่อเป็นการสงวนกระสุนปืนใหญ่เอาไว้ให้ใช้ปืนกลท่ีติดตั้งบนรถถังทาการลาดตระเวนด้วยการยิง เพอื่ ทาใหข้ า้ ศกึ ทห่ี ลบซ่อนอยู่โต้ตอบมา โดยทาการยิงกระสุนเป็นชุด (๒๐-๓๐นดั สาหรบั ปนื กลร่วมแกน หรือ ๑๐-๑๕นัด สาหรับปนื กลขนาด .๕๐”) ขณะเดียวกันให้ทาการตรวจการณอ์ ย่างต่อเนือ่ งต่อการเคล่ือนไหวของ ข้าศกึ การยงิ ตอบโต้ หรือแสงแลบของกระสนุ ท่ีกระทบโลหะ การลาดตระเวนด้วยการยงิ เปน็ วิธที ี่พึงปรารถนาน้อยท่ีสุดในการค้นหาเปา้ หมาย วิธกี ารนีจ้ ะนามา ใช้ เมอ่ื วธิ กี ารคน้ หาข้าศึกด้วยวธิ อี ื่นๆ ใชไ้ มไ่ ดผ้ ลหรอื ไม่สามารถปฏบิ ตั ิได้ เปน็ วธิ กี ารท่ดี ีทส่ี ดุ เมือ่ ใชก้ ับรถถงั คันอื่น ในขณะที่รถถงั หนึง่ คันทาการยิงไปยงั ตาบลทค่ี าดวา่ เปน็ ท่ตี ง้ั ของข้าศึกหรือเป็นพื้นที่ท่ีคาดว่าเป็นที่ต้ัง เพื่อทา ใหข้ า้ ศกึ โต้ตอบและเผยท่ีต้งั ออกมาในเวลาเดยี วกับท่ีเราเลือกไมใ่ ช่ขา้ ศึกเลือก รถถงั คนั ทส่ี องสามารถทาการยิง และทาลายข้าศึกจากตาแหนง่ ที่ต่างกนั ได้ เทคนคิ การยงิ อากาศยาน (AIRCRAFT ENGAGEMENT TECNIQUES) ปนื กลขนาด .๕๐” สามารถใช้ทาการยิงอากาศยานและเฮลิคอปเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม่ือรถถัง หลายๆ คันทาการยิงอากาศยานในเวลาเดียวกัน เป็นการยากมากท่ีจะทาการเล็งเกาะและยิงถูกเป้าหมาย อากาศยาน ดงั นน้ั ปริมาตรการยิงควรจะทาให้อยทู่ างด้านหน้าของอากาศยานเพ่ือบีบบังคับให้อากาศยานบิน เขา้ หากลุ่มกระสุน การยิงอากาศยานทม่ี ขี ีดความสามารถในการปฏบิ ตั ิการสงู (ENGAGING HIGH-PERFORMANCE AIRCRAFT) กฎนว้ิ หวั แม่มอื ทว่ั ไปทก่ี ล่าวไว้นั่นคือ ไม่ทาการยงิ ตอ่ อากาศยานท่มี ขี ีดความสามารถในการปฏิบัติการ สูงเนื่องจาก.- มีความเร็วสงู มาก ข้อจากัดของกระสนุ ปืนกลของผบ.รถ ทีม่ ีอยู่
๑๓๑ การปรากฏตัวในชว่ งระยะเวลาสน้ั ๆ ของอากาศยาน ภายในระยะหวงั ผลของปนื กล ควรตกลงใจท่ีจะทาการยิงถ้าอากาศยานน้ันได้บินเข้ามาคุกคามต่อพลประจารถหรือหน่วยของเรา โดยตรง (ความจริงแล้วเป็นการบนิ เขา้ โจมตี) หรอื ภารกิจบ่งใหท้ าการโต้ตอบด้วยการยิงต่ออากาศยานท่ีมีขีด ความสามารถในการปฏิบตั ิการสงู การยงิ เฮลิคอปเตอร์ (ENGANGING HELICOPTERS) มาตรการท่ีใช้สาหรับทาการยิงอากาศยานท่ีมีขีดความสามารถในการปฏิบัติสูง สามารถ นามาใช้กับเฮลิคอปเตอร์ได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ฮ. ที่ปรากฏตัวบนพ้ืนดินและเคล่ือนท่ีช้า หรือ ฮ.ที่ ลอยตวั อยู่ เป็นเป้าหมายตามโอกาสท่ีควรจะทาการยิง ถ้าอยู่ในระยะยิงหวังผลของปืนกล ฮ.โจมตีหุ้มเกราะ ขนาดหนักของฝ่ายคุกคาม (เชน่ HIND-D) ควรจะทาการยิงด้วยปนื ใหญ่ ขอ้ สังเกต : กระสนุ ทนี่ ยิ มใชส้ าหรบั ทาการยิง ฮ. โจมตหี มุ้ เกราะขนาดหนัก คอื กระสนุ เจาะเกราะ วิธกี ารยงิ (METHOD OF ENGAGEMENT) ใหท้ าการยิงอากาศยานโดยยงิ เป็นชุดๆ อย่างต่อเนื่อง จุดเล็งสาหรับทาการยิงอากาศยานดู ตามตารางข้างล่างนี้.- อากาศยาน จุดเล็ง เครื่องบินไอพน่ เปา้ หมายดา้ นข้าง ดา้ นหนา้ ๒ สนามฟตุ บอล เหนอื ทเ่ี ติมน้ามัน เครอ่ื งบนิ ไอพ่น เป้าหมายดา้ นหน้า เฮลคิ อปเตอร์ เปา้ หมายด้านข้าง ดา้ นหนา้ ๑/๒ สนามฟุตบอล เหนอื ท่เี ตมิ น้ามัน เฮลิคอปเตอร์ เปา้ หมายด้านขา้ ง ทหารราบสง่ ทางเฮลิคอปเตอร์และพลร่ม (HELIBORNE INFANTRY AND PARATROOPERS) ทหารราบทสี่ ง่ ลงมาจาก ฮ. ที่ลอยตวั อยู่ ควรจะทาการยงิ ทาลาย ฮ. เปน็ ลาดับแรก โดยใชก้ ารยงิ อยา่ ง ตอ่ เนื่อง หนว่ ยพลร่มทาการยงิ ไดย้ ากกว่าเพราะวา่ มีอตั ราการรว่ งหลน่ ที่เร็ว (ประมาณ ๑๐ ฟุต/วินาที) เมื่อใช้ ปืนกล ช่วงดักในการร่วงหลน่ ของหน่วยนี้ ช่วงดกั มาตรฐาน คอื ๒ ชว่ งตวั ใต้ฝา่ เทา้ ขอ้ สังเกต : อนุสญั ญากรงุ เจนวี า พ.ศ. ๒๔๙๒ และกฎของสงคราม ห้ามทาการยิงต่อพลประจาอากาศ ยานทก่ี ระโดดร่มลงมาจากการสละเคร่ืองบนิ การใชป้ นื กลในสถานการณพ์ เิ ศษ (SPECIAL USE OF MACHINE GUNS) ปนื กลเปน็ อาวุธทท่ี รงประสทิ ธิภาพ แต่เปน็ อาวุธที่พลประจารถถังนามาใช้ต่างกัน พลประจารถถงั มี ข้อจากัดแตเ่ พียงความคล่องแคลว่ ในการใช้งานอาวธุ เหล่านเี้ ท่าน้นั การใช้งานในสถานการณ์พเิ ศษมดี งั น้ี.- หาระยะ (RANGING) เมอ่ื เคร่อื งหาระยะไมส่ ามารถใช้งานได้ ปนื กลขนาด .๕๐” สามารถนามาใช้เป็นปืนสาหรบั หา ระยะได้ไกลถึง 2,000 ม. ปนื กลร่วมแกนสามารถใชห้ าระยะไดไ้ กลถงึ ๙๐๐ ม.
๑๓๒ กาหนดที่ต้ังเปา้ หมาย (DESIGNATING TARGETS) ผบ. ตอนหรือผบ. มว. สามารถใช้ปืนกลทาการยิงเพื่อกาหนดท่ีตั้งเป้าหมายให้กับรถถังคันอ่ืนๆ ผตู้ รวจการณ์หน้าของปืนใหญ่ หรืออากาศยานที่ยิงสนบั สนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อแนะนาก็คือ ให้จากัด การใชเ้ ทคนคิ การยงิ แบบน้ี เนอ่ื งจากเปน็ การเปดิ เผยท่ตี ง้ั ของตนเอง การยิงผา่ นทกี่ าบัง (FIRING THROUGH COVER) ปืนกลท่ตี ดิ ตัง้ บนรถถงั สามารถใช้ทาการยงิ เจาะที่กาบังของทหารราบที่ลงรบเดินดินอย่างได้ผลเช่น ตน้ ไมข้ นาดเลก็ เคร่อื งกีดขวางเร่งด่วน หรือสิ่งก่อสรา้ งบางๆ ประสิทธผิ ลในการเผาไหม้ (INCENDIARY EFFECTS) กระสนุ สอ่ งวถิ หี รือกระสนุ เพลงิ ของปืนกล โดยเฉพาะอย่างยิง่ กระสุนเจาะเกราะเพลิงส่องวิถี (API-T) สามารถนามาใชจ้ ุดไฟต่อวัสดทุ ่ตี ิดไฟไดง้ ่ายทุกชนิด เช่น หญ้าแหง้ ฟางข้าว พุ่มไม้แห้งๆ หรือต้นไม้แห้ง ยิงไป ตาบลหรือพ้ืนท่ดี ังกลา่ วท่ีขา้ ศึกอยแู่ ละควันที่กาลงั ลุกไหมส้ ามารถนามาใชก้ าบงั การเคล่อื นทขี่ องเราได้ การยิงกระดอน (RICOCHET FIRE) ใช้การยงิ กระดอนเม่ือทาการสรู้ บในพนื้ ที่สิ่งปลูกสรา้ ง ปนื กลสามารถทาการยิงโดยตรงกับมุมโดยให้ กระดอนออกจากผนังสิง่ ปลกู สร้าง กาแพง หรือพนื้ ถนนได้ การยิงกระดอนสามารถนามาใชท้ าการยงิ ขม่ ตอ่ พล ซุ่มยงิ ขา้ ศึกได้ ถงึ แม้จะไม่มคี วามแม่นยาเป็นพเิ ศษแตส่ ามารถให้ผลทางด้านจิตวทิ ยาได้ สรุป (SUMMARY) เมือ่ สถานการณ์ทางยทุ ธวธิ เี อือ้ อานวยใหท้ าการยิงต่อเป้าหมายเป็นจุดด้วยปืนกลของผบ.รถ และทา การยงิ จากการหยดุ ชว่ั ขณะ เมือ่ ใช้ในบทบาทของการยิงขม่ ควรจะทาการยงิ ปนื กลขนาด .๕๐” เปน็ ชุดๆ ละ ๑๐-๑๕ นัด ปืนกล รว่ มแกนชดุ ละ ๒๐-๓๐ นดั ในระหว่างทท่ี าการลาดตระเวนด้วยการยิง กระสนุ ปนื ใหญ่จะถกู สงวนไว้ โดยการใช้ปืนกลท่ีติดต้ังบน รถถัง ทาการยิงเพื่อบังคับให้ข้าศกึ ที่ซ่อนตัวอยู่โต้ตอบ ยิงด้วยปืนกลขนาด ๗.๖๒ มม. ชุดละ ๒๐-๓๐นัดหรือ ปนื กลขนาด .๕๐” ชดุ ละ ๑๐-๑๕ นดั รถถังทอี่ ยู่เพยี งคันเดยี ว พลประจารถไมค่ วรจะทาการยงิ อากาศยานด้วยปนื กล ปนื กลที่ตดิ ตั้งบนรถสามารถใช้ทาการยิงตอ่ ตา้ นทหารราบสง่ ทางเฮลิคอปเตอร์และหนว่ ยพลร่มได้ ปืนกลท่ตี ดิ ตัง้ บนรถสามารถนามาใช้ทาการหาระยะ กาหนดท่ีตง้ั เปา้ หมาย ยงิ ผา่ นทกี่ าบัง ให้ผลในการ เผาไหม้ และทาการยงิ กระดอนได้
๑๓๓ บทที ๘ การแจกจา่ ยการยิงและการควบคมุ (FIRE DISTRIBUTION AND CONTROL) เพือ่ ใหไ้ ดร้ บั ชยั ชนะในการตอ่ สกู้ บั ขา้ ศกึ ทีม่ จี านวนมากกว่า พลประจารถ ตอน และมว.รถถังจะต้องมี ความสามารถในการเคล่ือนทท่ี างยทุ ธวธิ ีไดอ้ ย่างรวดเรว็ ยิงไดเ้ รว็ และมปี ระสิทธผิ ล ประสานการยิงอย่างง่ายๆ และเป็นอตั โนมัติเพื่อใหบ้ รรลผุ ลวตั ถปุ ระสงค์ต่างๆ เหล่านี้ รถถังทุกคันจะต้องมีการแจกจ่ายการยิงและการ ควบคุมทถ่ี กู ตอ้ ง ซง่ึ ขนึ้ อยกู่ บั สถานการณ์ การแจกจา่ ยการยงิ และการควบคุมท่ีรถถังแต่ละคัน รถถังพร้อมปีก (ตอน) หรือในระดับมว.รถถังจะต้องกระทาในทุกๆ สถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปฏิบัติการต้ังรับ ผบ.มว. จะตอ้ งอยใู่ นตาแหน่งทคี่ วบคมุ การยิงทง้ั มว.ได้ ในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ในการปฏบิ ตั ิการรุก การแจกจ่ายการยงิ และการควบคุมอาจจะ เรม่ิ ต้นในระดบั ตอน และเม่ือไดพ้ ัฒนาสถานการณ์แลว้ ผบ.มว.จะควบคมุ การยิงและแจกจ่ายการยิงได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ในบทนีไ้ ดจ้ ัดทาแนวทางมาตรฐานในการส่ังการและควบคุมการยิงของรถถังแต่ละคัน ตอนและมว. รถถังรวมถงึ วิธกี ารใช้ตั้งแตเ่ วลาทีเ่ ร่มิ พบเป้าหมายจนกระทง่ั ถึงการรวมอานาจการยิงลงบนเป้าหมายเหล่านั้น เพื่อรายงานผลของการยิงตอ่ เปา้ หมายไปยังผบ.รอ้ ย การปฏิบัตกิ ่อนและหลงั การยงิ และยุทธวิธที ่ใี ช้เพ่ือดาเนนิ กลยทุ ธตอ่ สู้กบั ขา้ ศึกได้กลา่ วไว้แล้วใน รส.๑๗-๑๕ หลักพนื้ ฐานของการสั่งการและการควบคุมการยิง (FUNDAMENTALS OF DIRECTING AND CONTROLLING FIRES) เทคนคิ การยงิ ในสนามรบเป็นบ่งการในภาพรวมของหัวขอ้ คาส่ังยิง มว.รถถัง ตอนหรือรถถังแต่ละคัน ท่กี าลังเคลอ่ื นท่ีใหใ้ ช้เทคนิคการยงิ ในการรกุ และรถถงั ท่ีอย่กู บั ท่ีจะใชเ้ ทคนคิ การยิงในการต้ังรบั โดยไม่คานึงถงึ ลักษณะของภารกิจ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็ตามผบ.หน่วย และพลประจารถถัง จะต้องปฏิบัติตาม รปจ.ของ มว.และแผนการยิงท่ไี ดจ้ ัดทาขน้ึ การปฏบิ ัตเิ ชน่ นีจ้ ะเปน็ การสนับสนุนประสทิ ธิภาพและประสิทธิผล ของการควบคุมและการแจกจ่ายการยงิ ในสนามรบ และทาใหแ้ น่ใจได้ว่า เป้าหมายทีเ่ ป็นข้าศกึ เท่านนั้ ทถี่ กู ยงิ รถถงั แต่ละคนั (INDIVIDUAL TANKS) ในบทท่ีผ่านมาได้กล่าวถึงขอบเขตของวิชาหลักยิงโดยเร่ิมจากขีดความสามารถของรถถังไปจนถึง วธิ กี ารท่ีจะนามาใช้ในการยงิ ต่อเป้าหมาย เน่ืองจากฝา่ ยคุกคามได้กาหนดหลักนยิ มทใ่ี ช้การวางกาลงั ยานเกราะ ขนาดใหญ่ไว้ในแนวหน้าเปน็ แนวโค้ง ๖๐ องศา มากกว่ากาลังรถถังส่วนที่เหลืออยู่ ผลของความพยายามใดๆ
๑๓๔ ในการยงิ จะตอ้ งกระทาจากทางดา้ นปกี หรอื ส่วนหลังของข้าศึกเท่าน้ัน นี่คือหลักความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยงิ ด้วยกระสุนพลังงานจลน์ในระยะที่ไกลกว่า ในขณะท่ีมุมของการยิงก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับผบ.รถ ที่โดย ปกติแลว้ จะทาการยิงเมอ่ื เปา้ หมายเรมิ่ ปรากฏ ดงั นน้ั มมุ ของการยงิ จงึ เป็นความตอ้ งการทสี่ าคัญย่งิ สาหรบั ผบ. หน่วยในระดับมว.และทีส่ งู กว่า ในการวางกาลังรถถังฝ่ายเดียวกนั ณ ตาบลทีค่ าดวา่ จะทาให้เกดิ การยงิ ทางด้าน ปกี ขน้ึ ในการตง้ั รบั หมายถึง การวางทม่ี ่ันรบใหอ้ ยทู่ างด้านปกี ของแนวทางการเคลื่อนทเ่ี ข้ามาของข้าศกึ ในการ รุกหมายถึง การเน้นการเข้าตีด้านปีกของรูปขบวนข้าศึก ซ่ึงเป็นเทคนิคการเข้าตีท่ีชอบใช้กันมากในการรบ ประชดิ ในบทนี้ได้จัดทาขอ้ มูลและเทคนิคท่จี ะทาการการตอ่ สอู้ ยา่ งไรและอยู่รอดอย่างไรขณะเดียวกันก็ใช้ขีด ความสามารถในการทาลายสูงสุดของรถถังต่อสู้กับเป้าหมายฝ่ายคกุ คาม ท่ีมั่นตั้งรับ(Defensive Position) ที่ม่ันท่ีมีกาบังคือท่ีม่ันประเภทที่มีท่ีกาบังตัวรถหรือกาบังป้อมปืน ท่ีม่ัน กาบังป้อมปืนจะใช้ลักษณะของภูมปิ ระเทศเพ่ือกาบงั รถถังใหม้ ากทส่ี ดุ ยกเวน้ กลอ้ งเล็งของเครอื่ งหาระยะดว้ ย เลเซอร์ (LRF) และส่วนท่อี ยูเ่ หนือข้ึนไปเทา่ นั้นท่เี ปิดเผยตอ่ ข้าศกึ และเราไมส่ ามารถทาการยงิ เปา้ หมายด้วยปืน ใหญ่รถถงั จากทมี่ ั่นตาแหน่งนไี้ ด้ ท่ีมั่นกาบังตัวรถจะเปิดเผยเฉพาะส่วนท่ีรถถังต้องใช้ปืนใหญ่รถถังทาการยิง เป้าหมายเทา่ นน้ั จุดออ่ นของที่ม่ันที่มีกาบังจะรวมถึงจุดอ่อนทางด้านปีก และข้าศึกท่ีทาการระวังป้องกันอยู่ เท่านน้ั ที่ม่ันที่เป็นช่องทางสาคัญ (หน้าต่าง) จะช่วยให้รถถังที่ทาการยิงมีท่ีกาบังจากการยิงท่ีมีการระวัง ปอ้ งกนั ของข้าศึกเพ่ิมมากข้ึน ที่ม่ันเหล่านี้จากัดในการตรวจการณ์และมีจุดอ่อนจากการท่ีทาให้พื้นที่การยิง ของมว.รถถัง กระทาได้เพียงส่วนเดียวเท่าน้ัน ดังนั้น เฉพาะเป้าหมายท่ีสามารถมองเห็น (และที่ทาการยิง) เท่านั้นทส่ี ามารถทาการยิงได้ ท่มี นั่ ที่เป็นช่องทางสาคัญจะต้องเลอื กอย่างระมดั ระวังเพือ่ ไม่ใหก้ ารประสานการ ยิงกับรถถังคันอื่น ๆ ภายในมว.ต้องถูกลดลง ความกว้างของพื้นท่ีการยิงสามารถทาให้ต่างกันได้จากการ เคล่ือนที่เขา้ หรือออกจากทไี่ ม่มกี าบงั ไปยงั ที่กาบังแห่งนี้ จุดอ่อนของท่ีมั่นที่เป็นช่องทางสาคัญ คือ จากัดการ เผยตัวของข้าศกึ และพน้ื ทีอ่ บั กระสนุ ในพื้นทีท่ ี่เปน็ ส่งิ ปลกู สรา้ งควรใช้ทหารราบทล่ี งรบเดินดินระวังป้องกันการ แทรกซึมเขา้ มาของขา้ ศกึ ควรใช้การผสมผสานที่มั่นที่มีกาบังและที่มั่นที่เป็นช่องทางร่วมกันถ้าเป็นไปได้เพ่ือให้ได้มาซึ่งความ ได้เปรยี บและชว่ ยชดเชยจดุ อ่อนซง่ึ กนั และกนั ทมี่ น่ั ที่มีกาบังพร้อมช่องทางอาจพบไดใ้ นภูมปิ ระเทศทีเ่ ป็นภูเขา ทะเลทรายทีม่ ีกอ้ นหินมากๆ และภูมปิ ระเทศทีเ่ ปน็ ลกู คลน่ื ประกอบดว้ ยต้นไม้เป็นหยอ่ มๆ หรืออาจสร้างขน้ึ เอง พร้อมกบั ฉากควนั จากสนามรบ เมือ่ เคลอื่ นที่ออกจากทม่ี ั่นรบ จะตอ้ งไม่เปิดเผยปีกและด้านหลังของรถถังต่อการยิงของข้าศึก ถ้าไม่ สามารถหาเส้นทางที่มีกาบังออกจากท่ีมั่นได้ จะต้องใช้ภูมิประเทศกาบังก่อนการหมุนตัวของรถถัง เพื่อให้ บรรลุผลต่าง ๆ เหล่าน้ี ควรมอบการควบคุมปืนใหญ่และปืนกลร่วมแกนให้กับพลยิง ผบ.รถ หันหน้าไปทาง ด้านหลังและนาทางในการถอยหลังของรถไปยังเส้นทางท่ีมีกาบังโดยใช้คาสั่งสั้นต่อพลขับ (\"ซ้าย,\" \"เร็ว,\" \"ขวามาก ๆ \") พลยิงค้นหาเปา้ หมาย ทาการยงิ และปรบั การยิงต่อเป้าหมายโดยใช้หัวข้อคาส่ังเช่นเดียวกับท่ี ผบ.รถ ใช้ในระหว่างการทาการรบด้วยพลประจารถ ๓ นาย ควรนาระบบควันของรถถังมาใช้ในการสร้างฉาก กาบงั ในการเคลือ่ นท่ีเม่อื มกี ารปะทะ ใช้เครื่องยิงลูกระเบิดควันทาฉากควันเมื่อเร่ิมเคล่ือนที่ จากน้ันใช้ระบบ สรา้ งฉากควันจากเคร่ืองยนต์หลังจากทรี่ ถถังไดค้ วามเรว็ และกาลังทีเ่ พียงพอสาหรบั การเคล่อื นทแ่ี ลว้ ข้อสังเกต : ถ้าควันจากไอเสยี ปดิ กั้นการมองเห็นของผบ.รถ ในเสน้ ทางที่รถถังกาลังเคล่ือนท่ีไป และฉาก ควนั จากการระดมยิงลูกระเบดิ ควนั ชดุ แรกจางลง ให้ใชก้ ารระดมยิงลกู ระเบดิ ควันชดุ ท่สี อง พลยิงใช้เทคนคิ การ ยิงดว้ ยศูนยร์ บในขณะทรี่ ถถงั ถูกปดิ กนั้ การเห็นดว้ ยฉากควนั
๑๓๕ หลกั การยิงในท่มี ่นั ทเ่ี ป็นช่องทางสาคัญ (KEY HOLE GUNNERY POSITION) เส้นทางการเข้าตขี องข้าศกึ หลักการยงิ ในการต้งั รับ (Defensive Gunnery) โดยปกตแิ ลว้ การยงิ ในการตง้ั รบั จะเรมิ่ ต้นจากรถถังท่ีอยู่ใน ที่มนั่ กาบังป้อมปืนเปิดหน้ากลอ้ งเล็ง คาส่ังยิงของผบ.มว. ควรรวมเวลาในการหยุดชั่วขณะเพื่อให้มีการปฏิบัติ ตามคาส่ัง (\"ยิง\") ในระหว่างท่ี ผบ.รถแต่ละคนั จะตอ้ ง .- ตรวจการณ์แนวรบของเปา้ หมายและเลอื กเปา้ หมายที่ตอ้ งทาการยงิ ตามรปู แบบของการยิงท่บี ง่ ไว้ ในคาส่ังยิงของ มว. (ถ้าไม่มีการบง่ ไวใ้ ห้ใชร้ ูปแบบของการยงิ ตาม รปจ. หรือ ถ้าไม่มีใน รปจ. ให้ใช้ แบบการยงิ ตรงหนา้ ) ออกคาสง่ั ยงิ ต่อพลประจารถ โดยใชห้ วั ข้อชนดิ กระสุน และลกั ษณะเป้าหมายเดยี วกับท่ีบง่ ไว้ใน คาสงั่ ยงิ ของ มว. ใหพ้ ลยงิ คน้ หาเป้าหมายและหาระยะไปยังเป้าหมายแรกของพลยงิ รายงานว่า \"พร้อม\" ถ้ามีการใชค้ าส่งั วา่ \"พรอ้ มแล้ว-รายงาน\" (\"แทงโกห้ กแปด พร้อม\") หลังหวั ขอ้ คาสัง่ การปฏบิ ัติ ถา้ จาเป็นแล้ว ผบ.รถ ควรจะเคลอ่ื นรถถังไปยงั ทม่ี ั่นกาบงั ตวั รถ และเริ่มทา การยิง ถ้าได้รับคาสั่งให้ทาการยงิ ก่อนทีก่ ารเตรียมการทกุ อย่างจะเรียบร้อย ผบ.รถ จะเคลื่อนที่และทาการยิง ในทันที ปรับการยิง และย้ายเปา้ หมายยิงไปตามทีไ่ ดร้ บั จากคาสัง่ ยงิ หรอื ตาม รปจ.ของมว. ลาดับความเรง่ ด่วนของการยงิ ในการตั้งรบั มีดังน้ี .- ๑. เป้าหมายอนั ตรายทสี่ ุด ๒. ยานที่บงั คบั การและบก.ควบคุม (ยานรบท่ตี ิดตงั้ เสาอากาศมากทสี่ ดุ )
๑๓๖ ๓. หน่วยตอ่ สู้อากาศยาน ๔. หนว่ ยทหารช่าง ๕. เป้าหมายอันตราย ๖. เป้าหมายอนั ตรายนอ้ ยทสี่ ดุ ขอ้ สงั เกต : ไม่ต้องรอใหร้ ถถงั คนั อื่นๆ ภายในมว. ทาลายเปา้ หมายทก่ี าลงั ทาการยิงเราอยู่ ผบ.รถ มีเสรใี นการ ปฏิบัติตามลาดบั ความเรง่ ด่วนของการยิงตอ่ เป้าหมายอันตรายที่สุดทกุ เป้า โดยไม่ต้องขออนุมตั ิ หรือรอฟังคาสั่งจากผบ.มว. อย่างไรก็ตาม ผบ.รถยังคงมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการยิงทาลาย เปา้ หมาย ทไ่ี ด้รับมอบตามคาส่ังของผบ.มว. หลักการยงิ ในการรกุ (Offensive Gunnery) ขดี ความสามารถของยานเกราะจะมสี ูงสดุ ในการรุก ผบ.มว.จะ มอบและพัฒนาเขตการยิงในขณะเคลื่อนท่ี ผบ.รถ แจ้งเขตการยิงน้ีให้พลยิงทราบ และควบคุมการค้นหา เป้าหมายของพลยงิ เพ่อื ให้แนใ่ จได้ว่าการตรวจการณ์ครอบคลุมท่วั เขตและไม่หลงเขตท่รี ับผิดชอบ นอกจากน้ี พลขับ พลบรรจุ และผบ.รถ จะต้องดารงไว้ซึ่งการตรวจการณ์ ๓๖๐ องศา ทั้งเป้าหมายทางพื้นดินและทาง อากาศ การยงิ ในขณะเคลื่อนที่จะเรมิ่ ต้นด้วยรถถงั คันหนึ่งคันใดในมว.ที่พบเป้าหมายจู่โจม เป้าหมายเหล่านี้ ต้องทาการยงิ ในทันที ถา้ เป้าหมายน้ันเปน็ เปา้ หมายอันตรายทส่ี ุด ใช้การลดหัวข้อคาส่ังยิง ผบ.รถ คันที่ปะทะ เปน็ คันแรกต้องรายงานการปะทะทนั ทหี ลงั จากที่ได้ทาการยิงต่อเป้าหมายน้นั แลว้ รถถังคันอ่ืนๆ ทีไ่ มไ่ ด้ทาการ ยิงควรหมุนป้อมปืนไปในทศิ ทางของรถถังที่ปะทะกาลังยงิ อยู่ รถถงั ทีเ่ หลือไม่ตอ้ งเลี้ยว นอกเสียจากไดร้ ับคาสั่ง ให้ใช้รปู ขบวนเม่ือปะทะจากผบ.มว. โดยจะทาการค้นหาและยิงโต้ตอบต่อเป้าหมายอื่นๆ ที่ปรากฏขึ้นในรูป ขบวนเดิม ลาดบั ความเร่งดว่ นของการยิงในการรกุ มดี ังน.ี้ - ๑. เปา้ หมายอนั ตรายทีส่ ุด ๒. เปา้ หมายอันตราย ๓. ยานทบี่ งั คับการและบก.ควบคมุ (ยานรบทีม่ ีเสาอากาศมากทส่ี ุด๗ ๔. หนว่ ยต่อสู้อากาศยาน ๕. เปา้ หมายอนั ตรายนอ้ ยทีส่ ดุ เมอ่ื ไม่มกี ารปะทะให้รักษาการมองเห็นจุดอ้างเป้าหมาย (TRP) และจุดควบคุมอ่ืนๆ เม่ือจุดเหล่าน้ัน ปรากฏใหเ้ ห็นดว้ ยสายตา ผบ.มว.จะใช้จุดตา่ งๆ เหล่าน้ีในการพัฒนาเขตรับผิดชอบ ตอนรถถังและแนวคิดเรือ่ งปีก (TANK SECTION AND WINGMAN CONCEPT) ตอนรถถังประกอบดว้ ยผบ.ตอน (ผบ.มว.หรือรองผบ.มว.) และรถถังที่เป็นปีก แนวความคิดเรื่องปีก ชว่ ยในการสงั่ การและการควบคมุ ของมว.รถถงั ในระหว่างทีป่ ฏบิ ัตกิ ารรถถังคันท่ีเป็นปีกดารงตาแหน่งของตน ตามรถถงั คันทเ่ี ป็นผบ.ตอน และตามคาส่งั ทไ่ี ดร้ บั มอบ เคล่ือนท่ี หยุดและยิงตามที่ผบ.ตอนปฏิบัติ และตามท่ี ระบุไว้ใน รปจ.ของมว. ทุกครั้งท่ีปีกของตอนปฏิบัติการยิงหรือเริ่มต้นทาการยิงผบ.ตอน จะสนับสนุนความ พยายามในการยงิ ของรถถงั ท่ีเป็นปีกของตน ตอนรถถังจะปฏบิ ัตกิ ารเปน็ สว่ นหนงึ่ ของมว.รถถังเสมอ โดยจะปฏบิ ัตกิ ารในรูปแบบเดยี วกับมว. (การ รุก การตัง้ รบั และการระวังปอ้ งกนั ) ตอนรถถงั จะไมไ่ ดร้ ับมอบภารกิจหรือปฏิบัตกิ ารทแี่ ยกไปจากมว.รถถงั ของ ตน
๑๓๗ หมวดรถถงั (TANK PLATOONS) มว.รถถงั เป็นหนว่ ยทเ่ี ล็กทสี่ ดุ ท่ีสามารถแยกปฏิบัติการได้ ถงึ แมว้ า่ มว.จะแยกออกเป็นตอนตามความ ต้องการของสถานการณ์ (ตัวอย่างเชน่ การเคลือ่ นท่ที ่มี กี ารระวงั ปอ้ งกนั การเคลอื่ นที่ทีม่ กี ารคมุ้ ครอง) ผบ.มว. จะยังคงความรบั ผิดชอบในเร่ืองของการควบคุมรถถงั ทง้ั ส่ี/ห้าคนั ภายในมว. ในระหวา่ งปฏบิ ตั กิ ารรบ ผบ.มว.ไม่จาเปน็ ตอ้ งเข้ามามีส่วนร่วมในการยิงรถถังคันของตนให้เท่าๆ กับ รถถังคนั อืน่ ภายในมว. การอย่รู อดของมว.รถถังจะขึ้นอยู่กับคาสั่งการและการควบคุมของผบ.มว. ในระหว่าง การยงิ ส่งิ แรกทผ่ี บ.มว.จะตอ้ งเกย่ี วขอ้ งคือ การออกคาสง่ั ใหร้ ถถังภายในมว.ทาการยงิ กอ่ นที่จะทาการยงิ รถถัง ของตน ผบ.มว.จะเพม่ิ ความเช่ือม่ันและประสทิ ธภิ าพใหก้ บั มว.ของตน โดยการกาหนดเป้าหมายยิง ออกคาส่ัง ยิง ตรวจผลการยงิ และการใชข้ า่ ยการติดตอ่ สื่อสาร (เชน่ การส่งคาขอยงิ การรายงาน และการใหค้ าแนะนาใน การปฏบิ ัตแิ ก่พลประจารถ) ในสนามรบได้อย่างรวดเร็ว ระเบยี บปฏิบตั ิประจาของหมวด (PLATOON SOP) เมอื่ คาสั่งเฉพาะบีบคัน้ ในเรื่องของการใชเ้ วลามากหรอื ไมส่ ามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ การซกั ซ้อมการปฏิบัติตาม รปจ.ของ มว.ท่ีดี จะทาให้แน่ใจได้ว่าการปฏิบัติจะรวดเร็วขึ้น ช่วยคาดหมายผลการปฏิบัติของรถถังทุกคัน ภายในมว.ได้ล่วงหน้า การฝึกทบทวนตาม รปจ. จะต้องทาซ้าหลายๆ ครั้ง สาหรับรถถังทุกคันภายในมว. เพ่ือให้การโต้ตอบกระทาได้อย่างเป็นอัตโนมัติในทุกสถานการณ์ทางยุทธวิธี ความรับผิดชอบในการค้นหา เปา้ หมาย พ้ืนท่ีการยิง การใชจ้ ุดอา้ งเป้าหมาย (TRPs) การฝึกปรับรูปขบวนและวิธีการโต้ตอบจะต้องเขียนไว้ อย่างถูกต้อง และศึกษาจดจาไดอ้ ย่างละเอยี ดเพอื่ นามาใชเ้ ป็นแนวทางในการจดั ทาคาแนะนาคาส่ังการลว่ งหนา้ ในขณะทม่ี าตรการควบคมุ ด้วยทัศนะสัญญาณ อาจถกู นามาใช้เพื่อเริ่มตน้ หรอื หยุดการยิง ย้ายการยิง และการ ปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาณท่ีนดั หมายกันไวล้ ่วงหนา้ โดยปกตคิ วามผกผันของสนามรบต้องการการควบคุมการยิงด้วย วิทยุ คาแนะนาเพ่ือเร่มิ ตน้ และคาส่งั การใน รปจ. จะต้องสน้ั และชดั เจน รปจ.ท่ีดีจะต้องเริ่มต้นด้วยการปฏิบัติ และวธิ ีการปฏิบตั ทิ ่ตี ้องการ เพ่ือให้บรรจบกับกับความต้องการตามตารางการฝึกทางยุทธวิธี (ดูในบทที่ ๑๒ เรอื่ ง ตารางฝึกรถถังทางยุทธวิธี) และตารางฝกึ วชิ าหลกั ยิงอาวธุ รถถังขน้ั สงู ตารางที่ ๑๑ และ ๑๒ (ดูในบทที่ ๑๑ เรือ่ ง ตารางฝกึ วิชาหลกั ยงิ อาวธุ รถถงั ) หลกั นิยมในการรบสาหรบั รปู ขบวน คาสงั่ การและการควบคุมมว. รถถงั ไดก้ ล่าวไวแ้ ล้วใน รส.๑๗-๑๕ วธิ ีการกาหนด รปจ.ของมว.รถถงั มีดังน.้ี - รปู ขบวนและคาสัง่ การเดิน วิธีการยงิ รูปแบบการยิง เทคนคิ การเคล่อื นท่ี ความรับผิดชอบในการระวังปอ้ งกนั เปา้ หมายและพืน้ ที่การยิงทร่ี บั ผดิ ชอบ วิธกี ารตดิ ต่อสือ่ สารรอง การปฏิบตั ใิ นที่ม่ันรบ คาส่ังยงิ ของตอน/หมวดรถถัง (PLATOON/SECTION FIRE COMMANDS) เพ่อื ใหก้ ารยงิ เปา้ หมายกระทาได้อย่างรวดเรว็ ในสภาวะที่บีบคั้นจากการรบ ผบ.มว.หรือรอง ผบ.มว. จะตอ้ งสามารถวเิ คราะหส์ ถานการณไ์ ด้อยา่ งรวดเร็วและออกคาสัง่ ยิงท่ีส้ันกะทัดรัด โดยใช้หัวข้อคาสั่งยิงแบบ มาตรฐานของมว./ตอน เพื่อใหแ้ น่ใจได้ว่าข้อมลู ท่สี าคญั ทั้งหมด และมาตรการควบคุมได้ถูกส่ังการออกไปโดย ใช้เวลาสน้ั ที่สุด แม้วา่ จะตกอย่ภู ายใต้สภาวะเง่ือนไขท่ีเลวร้ายเพียงใด น่ีเป็นสาเหตุที่ทาให้เกิดผลบวกในการ
๑๓๘ โต้ตอบจากหน่วยของตน ส้ันและชดั เจนเป็นส่งิ สาคญั ยง่ิ วธิ กี ารสน้ั ๆ สาหรับการกาหนดท่ีตั้งเป้าหมายจะเป็น แรงหนุนแตพ่ ลประจารถจะต้องคุน้ เคยและสามารถเข้าใจได้ ผบ.มว.อาจจะส่งคาแนะนาในการประสานการ ปฏิบัติ หรือข้อมูลเพิ่มเติมไปยังผบ.รถ แต่ละคัน อย่างไรก็ตามข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคาสั่งยิง ของมว. เมอ่ื รถถังรายงานการปะทะหรอื รายงานการพบเปา้ หมาย และมเี หตุผลเพียงพอทจ่ี ะเชื่อได้ว่ารถถังคัน อื่นๆ ภายในตอนหรือมว.ไดร้ ับข่าวนน้ั แล้ว ผบ.ตอนหรอื ผบ.มว.จะออกคาสง่ั ยิงเฉพาะหัวข้อท่ีต้องการให้คาสั่ง ยิงสมบูรณเ์ ทา่ นั้น (ดู \"ตวั อยา่ งของการฝึกในการรบ\" ข้ันท่ี 1) ผบ.รถ จะมีเสรใี นการยงิ ตอ่ เปา้ หมายโดยไม่มี คาสงั่ ยงิ จากผบ.ตอนหรอื ผบ.มว. ไม่ว่าจะเปน็ กรณใี ดๆ กต็ ามทรี่ ถถงั ของตนตกอยู่ภายใตก้ ารคุกคามโดยตรงใน ขณะนัน้ หัวข้อคาสง่ั ยงิ (FORMAT) หัวข้อคาสั่งยงิ แบบมาตรฐานของมว.อาจประกอบด้วยหัวข้อคาสั่งยิงทั้ง ๖ หัวข้อ ตามลาดับ คือ คา เตอื น ชนดิ อาวธุ /กระสนุ ลกั ษณะเปา้ หมาย ทีต่ ้งั เปา้ หมาย การควบคมุ และการปฏบิ ัติ สถานการณ์ในสนามรบ จะเป็นตวั บ่งชี้ถงึ จานวนของหวั ข้อคาส่งั ท่จี ะใชใ้ นคาสั่งยิง คาเตือน (Alert) หัวข้อคาส่ังเตือนจะแจ้งให้ทราบถึงรถถังที่จะทาการยิง และไม่ต้องการให้รถถังแต่ละคัน ออกคาส่ังยงิ เรมิ่ แรกเพอ่ื แสดงตนออกมา ในสถานการณ์ที่เวลาไมไ่ ด้เป็นส่งิ ท่ีสาคัญ รถถงั แตล่ ะคันจะออกคาสั่ง ยิงเพอื่ แสดงตนออกมา รหัสคาบอก ตามรปจ.ของมว.หรือของกองร้อยอาจนามาใช้เพื่อแสดงตนในหัวข้อคา เตอื น ตวั อย่างคาสัง่ ยิงในบทนี้ใชค้ าบอกทีเ่ ปน็ รหสั เปน็ คาเตือน ปะทะ = ทง้ั มว.เตรยี มการยงิ อลั ฟา = ตอนของผบ.มว.เตรยี มการยิง บราโว่ = ตอนของรอง ผบ.มว.เตรียมการยิง ชนิดอาวุธ / กระสุน (เว้นได้) ชนิดอาวุธจะไม่ออกคาสั่ง เว้นเสียแต่ว่าต้องการใช้เป็นมาตรการควบคุมตาม สถานการณ์เฉพาะ กระสุนไม่ต้องออกคาสัง่ ยกเวน้ เมือ่ ต้องการออกคาสั่งตามสถานการณ์ ผบ.รถ จะเลือกใช้ ชนดิ กระสุนตาม รปจ.ของ มว. เป้าหมายข้าศกึ และสถานภาพของกระสุน (แต่ละชนิดเหลือเท่าใด) เมื่อไม่ได้ ออกหวั ขอ้ คาส่ังเหลา่ น้ี ผบ.รถ จะเป็นผู้ตกลงใจเลือกใช้อาวุธท่ีจะใช้ทาการยิง ชนิดและจานวนของกระสุนท่ี ต้องใช้ ลกั ษณะเป้าหมาย (Target Description) ลักษณะเปา้ หมายบอกลักษณะของเป้าหมายส้ันๆ และต้องบอก ถงึ ชนิด จานวนและการเคล่อื นไหวของเป้าหมาย (\"รถถังสามคันกาลงั เคล่ือนที่ จากตะวันออกไปตะวันตก\") ถา้ เป้าหมายอย่กู ับที่ เว้นไดไ้ มต่ ้องบอกการเคล่อื นไหวของเป้าหมาย ทตี่ ้ังเป้าหมาย(Target Location) ที่ต้งั เปา้ หมายสามารถออกคาส่ังได้ ๒ วิธี คือ จดุ อา้ ง/ลักษณะของภมู ิประเทศ (Reference point/terrain feature) วธิ นี ี้ใช้สาหรับการการ ยิงในการต้ังรับ และสามารถใชใ้ นสถานการณ์การรุกได้เหมือนกัน ถา้ ผบ.มว.กาหนดเป้าหมายของ แต่ละตอนแยกจากกัน ผบ.มว.จะตอ้ งแจ้งลักษณะของเปา้ หมายและตอนที่จะทาการยิงให้ชัดเจน ขน้ึ ในหวั ข้อของทต่ี ั้งเปา้ หมาย \"อัลฟา-รถถงั สองคัน-จดุ อา้ งเป้าหมายหนึ่งสองหนึ่ง-บราโว่-ยาน เกราะ (บเี อม็ พ)ี และหน่วยทหาร-ทางแยก\" ทิศทางของเป้าหมาย (Direction of Target) วิธีน้ีใช้บ่อยมากในการรุก เม่ือไม่มีจุดอ้าง เป้าหมาย (TRP) หรือลกั ษณะของภูมปิ ระเทศทีส่ าคญั ใกล้เคียงกับเปา้ หมาย ทิศทางจะแสดงออก จากแนวทางการเคล่ือนท่ีของตอนหรือ มว. หรือจากแนวกึ่งกลางของเขตในการต้ังรับ (ตัวอย่างเช่น \"หน้าซ้าย\" หรือ \"ปีกขวา\") ระบบนาฬิกาแสดงทิศทางจากจุดเริ่มต้นของแนว ทางการเคลื่อนที่หรือก่ึงกลางของเขตเป็น ๑๒นาฬิกา (ตัวอย่างเช่น \"สองนาฬิกา\" หรือ \"เก้า
๑๓๙ นาฬิกา\") เมือ่ ผบ.มว.ใชว้ ิธกี ารบอกทศิ ทางของเป้าหมายจะบอกระยะทาง เพ่ือช่วยผบ.รถ กาหนด ทีต่ ัง้ เป้าหมาย (ตวั อย่างเชน่ \"หน้าขวา-หนงึ่ แปดร้อย\" หรือ \"สบิ นาฬกิ า-สองสร่ี ้อย\") การควบคุม (Control) (เวน้ ได้) หวั ขอ้ การควบคมุ บอกใหต้ อนหรอื มว.ทราบแบบของการยงิ และเทคนคิ การ ยงิ ที่ผบ.มว.ต้องการใช้ ในวธิ กี ารแจกจ่ายการยิงและการควบคมุ นนั้ อาจเลอื กหรอื ละเวน้ ได้ (รปู แบบและ เทคนคิ ) เมอื่ ตอ้ งการเว้นให้ใช้แบบการยงิ ตรงหน้า รูปแบบของการยิงมีดังนี้ ยิงตรงหน้า ยิงตัดกัน และยิงทางลึก เทคนิคการยิงมีดังนี้ ยิงพร้อมกัน หรือ ตรวจการณ์การยิง รปจ.ของมว.อาจเรียกใช้ \"ยิงตัดกันตรวจการณ์การยิง\" ในการตั้งรับ และ \"ยิง ตรงหนา้ ยงิ พรอ้ มกนั \" ในการรกุ เปน็ มาตรฐานในการควบคมุ ของมว. ผบ.มว. อาจเลือกใช้แบบของการยิงหรือ เทคนิคการยิงอย่างใดอย่างหนง่ึ ในคาส่ังยงิ (ตัวอยา่ งเชน่ \"ยงิ ทางลึก\" ส่วนการยิงพร้อมกันทุกคนทราบว่าเป็น รปจ.ของมว.อยู่แลว้ ) รูปแบบการยิงพื้นฐานสามรูปแบบจะครอบคลุมเกือบทุกสถานการณ์และทาให้การแจกจ่ายการยิง ของมว.ทาได้อยา่ งรวดเรว็ และมีประสทิ ธภิ าพ รูปแบบการยิงเหล่าน้ีเป็นรูปแบบปกติที่ใช้ในการต้ังรับ แต่อาจ ปรับปรุง และนาไปใชง้ านขณะเคลอ่ื นท่ีไดโ้ ดยไม่คานงึ ถึงรูปแบบของการยิงท่ีจะใช้ ความมุ่งหมายก็คือ เลือก ทาการยิงต่อเปา้ หมายทอี่ ย่ใู กลแ้ ละเป้าหมายทางดา้ นปกี เปน็ อนั ดับแรก จากนนั้ ยา้ ยการยิงไปยังเปา้ หมายท่ีอยู่ ไกลและตรงกลาง การยิงตรงหนา้ (Frontal) แบบการยิงตรงหนา้ จะใช้เม่ือเป้าหมายกระจายออกไปทางข้างด้าน หน้าของตอนหรอื มว. และรถถงั ทุกคนั ภายในมว.สามารถยงิ ตรงไปข้างหน้าได้ รถถงั แต่ละคันตอ้ ง ทาการยงิ เปา้ หมายในเขตการยิงของตนจากระยะใกลไ้ ปยังระยะไกล และจากเป้าหมายอันตราย ที่สุดไปจนถึงเป้าหมายอันตรายน้อยที่สุด รถถังคันท่ีอยู่ทางด้านปีกจะทาการยิงเป้าหมายท่ีอยู่ ตรงหน้าของตน (รถถังคันขวายิงเป้าหมายทางขวา รถถังคันซ้ายยิงเป้าหมายทางซ้าย) และย้าย การยิงไปยังด้านหน้าก่ึงกลางของเขตเม่ือยิงทาลายเป้าหมายได้แล้ว กฎในการยิงตรงหน้า คือ \"จากใกลไ้ ปหาไกล - จากปีกไปยงั กงึ่ กลาง\" การยิงตัดกนั (Cross) แบบการยิงตดั กนั จะใช้เม่อื เป้าหมายเปิดเผยตัวออกไปทางข้าง และจะ นา มาใช้เม่ือมสี ิง่ กดี ขวางทท่ี าใหร้ ถถงั ทกุ คนั ภายในมว.ไมส่ ามารถทาการยิงตรงหนา้ ได้ ในรูปแบบ ของการยงิ ตัดกัน รถถังแตล่ ะคันจะทาการยิงต่อเป้าหมายทางด้านปีกจากตาแหน่งของเป้าหมาย รถถังทอ่ี ยู่ทางปีกขวาจะทาการยงิ ทางด้านซ้ายของพื้นท่ีเป้าหมาย ในขณะท่ีรถถังคันที่อยู่ทางปีก ซา้ ยจะทาการยิงทางดา้ นขวา เมอ่ื เปา้ หมายถกู ทาลายรถถังแตล่ ะคันย้ายการยิงเข้ามาด้านใน กฎ ในการยิงตัดกัน คือ \"นอกเข้าหาใน - ใกล้ไปหาไกล\" ผบ.ตอนหรือผบ.มว.รถถัง อาจจะเลือก ปฏิบัติด้วยการยิงเป้าหมายอันตรายท่ีสุดไปหาเป้าหมายอันตรายน้อยท่ีสุด (เม่ือคาดคะเนว่า สามารถปฏบิ ัตไิ ด้) หรือทาการยิงเป้าหมายตามลาดับความเร่งด่วนท่ีกาหนดไว้ (ยานรบที่บังคับ การหรือบก.ควบคุม) การยงิ ทางลึก (Depth) รปู แบบของการยิงทางลกึ จะใช้เมอื่ เป้าหมายเปิดเผยตัวในทางลึก (รูป ขบวนแถวตอนเขา้ มาหาหรอื ออกไปจากที่มน่ั ของมว.) รถถังคันท่ีอยู่ซ้ายสุดทาการยิงเป้าหมายท่ี อยูด่ ้านไกลสดุ และยา้ ยการยงิ เข้ามาหาก่ึงกลางของรูปขบวนเม่ือเป้าหมายถูกทาลาย รถถังท่ีอยู่ ก่ึงกลางด้านซ้ายทาการยงิ เป้าหมายท่ีอยู่กึ่งกลางและย้ายการยิงไปยังด้านหลังของรูปขบวนเม่ือ เปา้ หมายถูกทาลาย รถถังคันท่ีอยู่ก่ึงกลางด้านขวาทาการยิงเป้าหมายท่ีอยู่ใกล้ท่ีสุด (ตรงหน้า) และย้ายการยิงไปยังเป้าหมายดา้ นหลังเมอ่ื เปา้ หมายถูกทาลาย และรถถังคนั ท่ีอยู่ขวาสุดทาการยิง เปา้ หมายท่ีอยู่กง่ึ กลางและยา้ ยการยิงไปยงั เปา้ หมายด้านหนา้ เม่ือเปา้ หมายถกู ทาลาย
๑๔๐ การใชร้ ปู แบบของการยงิ เพ่ิมเตมิ ผบ.ตอนหรือผบ.มว.รถถังอาจเลือกใช้เทคนิคการยิงหนึ่งในสองวิธี ต่อไปน้เี พอื่ ควบคุมการยิงเล็งตรง การยิงพร้อมกัน (Simultaneous fire)การยิงพร้อมกัน เป็นเทคนิคการยิงหลักท่ีใช้โดยตอน หรือ มว.รถถัง โดยจะถูกนามาใชม้ ากท่ีสดุ ในระหว่างการยิงในการรุก เมื่อหน่วยเคลื่อนที่โดยไม่มี การกาบังหรอื เมอื่ เกิดเป้าหมายจโู่ จมจากข้าศึก หรือนามาใช้มากท่ีสุดในการยิงในการตั้งรับ เมื่อ การวางกาลงั ของข้าศกึ มจี านวนมากพอที่ต้องการให้รถถังแต่ละคันภายในหน่วยทาการยิงหลาย เปา้ หมายหรือการยิงพร้อมกัน ในกรณีน้ี รถถังทุกคันทาการยิงเป้าหมายภายในเขตท่ีได้รับมอบ พรอ้ มกนั และตรวจการณด์ ว้ ยตัวเอง การตรวจการณก์ ารยิง (Observed fire) เมอ่ื ใชเ้ ทคนคิ นี้ทาการยงิ รถถงั คันหนึ่งภายในตอนทา การยิงเป้าหมายในขณะท่ีอีกคันหนึ่งทาการตรวจผลการยิง วิธีนี้ต้องการการประสานงานที่ดี ระหวา่ งรถถังท่ที าการยงิ และรถถงั ที่ตรวจการณ์ และควรหลีกเลย่ี งการใช้ต่อเป้าหมายข้าศึกท่ีอยู่ ในระยะตา่ กวา่ ๒,๐๐๐ ม. ลงมา เพราะว่าจะลดอัตราการยิงของมว.ลง การตรวจการณ์การยิง อาจเหมาะสมที่จะนามาใชเ้ มื่อ .- - เป้าหมายมจี านวนนอ้ ยและเป็นอนั ตรายต่อท่ีมนั่ ของทง้ั มว. - กระสุนทรี่ าวพร้อมรบถูกใชห้ มดลงและต้องทาการบรรจุกระสุนจากชอ่ งเกบ็ ทปี่ ้อมปืน - สถานการณต์ ้องการให้มีการพักการยิงช่วงสน้ั ๆ โดยไมส่ ญู เสยี การปะทะกบั ข้าศึก การปฏบิ ตั ิ (Execution) หวั ข้อการปฏบิ ตั ิแสดงใหท้ ราบว่าการยงิ จะเรม่ิ ต้นเมื่อใด โดยปกติ ใช้คาสงั่ ง่ายๆ ว่า \"ยิง\" ถา้ ต้องการใหเ้ กดิ การจ่โู จมและการยงิ ทพ่ี ร้อมกัน หรอื ตอ้ งการประสานการยิงของมว.พรอ้ มกับการยิงเล็ง ตรงอน่ื ๆ และการยงิ เลง็ จาลอง จะใช้คาสั่งแรกในหวั ข้อการปฏบิ ตั ิว่า \"ตามคาสั่งข้าพเจ้า\" เป็นการชะลอการ ยงิ ไว้เล็กน้อยเพ่อื ให้การประสานการปฏบิ ัติของการยิงทุกชนิดเรียบร้อยเสยี ก่อน ในขณะที่พลประจารถแต่ละ คนั เลือกเป้าหมายของตน ออกคาสงั่ และเตรียมการยิง ถ้าผบ.มว.ขาดการติดต่อด้วยสายตากับรถถังคันใดคัน หนง่ึ ภายในมว.หรอื มากกวา่ และถา้ มเี หตุผลเพียงพอทที่ าใหเ้ ชอื่ ได้วา่ รถถังคันใดคันหนงึ่ หรอื มากกวา่ นน้ั อาจไม่ พรอ้ มท่จี ะทาการยงิ ได้อย่างรวดเร็ว หรือผบ.มว.ตอ้ งการ ที่จะทาให้แนใ่ จไดว้ า่ รถถงั แต่ละคนั พร้อมที่จะทาการ ยิง ผบ.มว.จะออกคาสัง่ ว่า \"ตามคาสัง่ ข้าพเจ้า-พร้อมแล้วรายงาน\" และพลประจารถแตล่ ะคนั ต้องรายงายว่า \"พรอ้ ม\" เม่ือการประสานการยงิ ทุกชนดิ เรยี บร้อยแล้ว และผบ.มว.พร้อมท่ีจะทาการยงิ จะออกคาส่ังว่า \"ยงิ \" การสนิ้ สุดการยงิ (Terminate of Engagement) ถงึ แมว้ า่ จะไม่ไดเ้ ป็นหัวขอ้ คาสั่งยิง การยิงอาจจะสิ้นสุด ลงได้หน่ึงในสามวธิ ตี อ่ ไปน้ี เมือ่ ผบ.มว.ออกคาสัง่ ว่า \"หยดุ ยิง\" เม่อื เป้าหมายทั้งหมดถกู ทาลาย เมือ่ กระสุนทใ่ี ช้ในคาสัง่ ยงิ ถูกทาการยิงหมดไป ตวั อยา่ งของคาสง่ั ยิง (EXAMPLE OF FIRE COMMANDS) ตอ่ ไปน้จี ะแสดงตวั อย่างของคาสั่งยงิ สาหรบั รปู แบบของการยิงตดั กัน การตรวจการณ์การยิง การยิงแบบผสม การยงิ ทางลกึ การยิงตดั กนั และการตรวจการณก์ ารยิง และการยิงตรงหน้า
๑๔๑ การยงิ ตดั กนั (CROSS FIRE) ตัวอย่างท่ี ๑ : ผบ.มว.ใช้คาส่ังยิงแบบยงิ ตัดกนั เพื่อทาการยิงตอ่ มว.รถถังข้าศกึ ๒ มว.ท่ีกาลงั เข้าตี การยิงครง้ั แรก ปกี ปีก (2) การยิงคร้งั ที่สอง (3) รองผบ.มว.4 ผบ.มว. 1 หัวข้อคาส่งั คาสัง่ ยงิ หมายเหตุ คาเตอื น \"ปะทะ ท้ังมว. ชนดิ อาวุธ/กระสนุ ลกั ษณะเป้าหมาย เจาะเกราะ (เว้นได)้ รถถังหกคัน กาลงั เคล่อื นท่ี ท่ีตั้งของเปา้ หมาย การควบคุม : จากตะวนั ออกไปตะวนั ตก การปฏิบัติ : จดุ อ้างเปา้ หมาย หนึ่งสองสอง ยิงตดั กัน (เว้นได้) ยิง\"
๑๔๒ การตรวจการณ์การยิง (OBSERVED FIRE) ตัวอยา่ งที่ ๒ : ผบ.มว.ใชค้ าสง่ั ยงิ แบบการตรวจการณ์การยงิ เพ่อื ทาการยิงต่อ ตอนรถถังข้าศึก ๒ ตอน ที่กาลังเขา้ ตี ---------- การยงิ ครงั้ แรก ปีก (3) ปกี (2) - - - - - - การยิงคร้งั ทสี่ อง ผบ.มว. (1) รอง ผบ.มว. หัวขอ้ คาส่งั (4) หมายเหตุ คาสง่ั ยงิ คาเตอื น ท้ังมว. \"ปะทะ ชนิดอาวธุ /กระสนุ เจาะเกราะ (เวน้ ได)้ ลกั ษณะเป้าหมาย รถถังสค่ี นั กาลงั เคลื่อนที่ ทีต่ งั้ ของเป้าหมาย จากตะวนั ออกไปตะวันตก อลั ฟ่า - จุดอา้ งเปา้ หมาย การควบคมุ : หน่ึงสองสอง - บราโว่ - จดุ อ้าง การปฏบิ ัติ : เปา้ หมายหนงึ่ หนงึ่ สอง ตรวจการณ์การยงิ (เว้นได้) ยิง\"
๑๔๓ การยงิ แบบผสม (MIXED FIRE) ตัวอยา่ งที่ ๓ : ผบ.มว.ใช้คาส่งั ยงิ ทีใ่ ช้การควบคุมทัง้ สองตอนตา่ งกนั เพ่ือทาการยงิ ตอ่ ขา้ ศกึ ปีก รอง ผบ.มว.(4) ผบ.มว. (1) ปีก (2) (3) ---------- การยงิ ครง้ั แรก - - - - - - การยิงคร้ังทส่ี อง หัวขอ้ คาส่งั คาส่งั ยงิ หมายเหตุ คาเตือน \"ปะทะ ชนิดอาวุธ/กระสุน เจาะเกราะ (เว้นได)้ ลักษณะเป้าหมาย รถถังสามคนั -ยานเกราะสองคัน ทต่ี ้ังของเปา้ หมาย/การควบคุม อัลฟ่า - จุดอา้ งเปา้ หมาย ตอนของผบ.มว. หนึ่งสองสอง - ยิงตดั กนั - บราโว่ - จดุ อ้างเปา้ หมาย ตอนของรองผบ.มว. หน่งึ สองหน่งึ -ยงิ ตรงหน้า การปฏิบัติ : ตามคาสัง่ ขา้ พเจ้า-ยิง\"
๑๔๔ การยงิ ทางลึก (DEPTH FIRE) ตวั อยา่ งท่ี ๔ : ผบ.มว.ใช้คาสั่งยงิ ที่ใช้แบบการยงิ ทางลึก(แจกจ่ายการยิง) และเทคนคิ การยงิ พรอ้ มกนั (ในการควบคมุ ) เพ่อื ทาการยิงตอ่ ขา้ ศึก ปกี (3) รองผบ.มว. (4) ผบ.มว.(1) ปกี (2) ---------- การยิงครง้ั แรก คาสั่งยิง - - - - - - การยงิ ครั้งทสี่ อง \"ปะทะ หัวข้อคาสง่ั หมายเหตุ เจาะเกราะ (เวน้ ไดข้ ึ้นอย่กู บั รปจ.) รถถงั คาเตอื น เส้นทาง ยิงทางลึก การยงิ พร้อมกันขึ้นอยู่กบั รปจ. ตอนของรองผบ.มว. ยิง\" ชนดิ อาวธุ /กระสุน ลกั ษณะเป้าหมาย ที่ตัง้ ของเปา้ หมาย การควบคมุ การปฏบิ ัติ :
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217