๔๕ เปา้ หมายอันตราย เม่ือพลประจารถพบเปา้ หมายทีม่ ีขีดความสามารถในการทาลายยานเกราะ แตไ่ มไ่ ด้เตรยี มการท่ีจะทา การยิงฝ่ายเรา เป้าหมายนั้นคือ เป้าหมายประเภทอันตราย เป้าหมายประเภทน้ีจะต้องทาการยิงหลังจากที่ เป้าหมายอันตรายที่สุดทุกเป้าถูกทาลายลงแล้ว เว้นเสียแต่ว่าถูกกาหนดลาดับความเร่งด่วนในการยิงไว้ โดยเฉพาะ วิธีการยิงเป้าหมายอันตรายหลายเป้าหมายให้ปฏิบัติเชน่ เดยี วกับเป้าหมายอนั ตรายทส่ี ดุ คอื ทาการ ยงิ เป้าหมายทอ่ี ย่ใู กล้ก่อนเสมอ เป้าหมายอันตราย (DANGEROUS TARGET) เป้ าหมายอนั ตราย เป้ าหมายอนั ตราย
๔๖ เปา้ หมายอันตรายนอ้ ยท่สี ุด เป้าหมายท่ีไม่มีระบบอาวุธที่ใช้ทาลายยานเกราะ แต่สามารถรายงานให้เป้าหมายอื่นๆ ทาการยิงได้ เป้าหมายน้ันคือ เป้าหมายประเภทอันตรายน้อยท่ีสุด เป้าหมายประเภทน้ีให้ทาการยิงหลังจากที่เป้าหมาย อนั ตรายท่สี ุดและเปา้ หมายอันตรายไดถ้ ูกทาลายลงหมดแลว้ นอกเสียจากว่า เป้าหมายอันตรายน้อยที่สุด ถูก จัดลาดบั ความเร่งด่วนในการยงิ ไว้สงู เชน่ ในกรณี ที่เปน็ ยานรบท่บี ังคบั การและบก.ควบคมุ เป้าหมายอันตรายน้อยท่สี ุด (LEAST DANGEROUS TARGET) เป้ าหมายอนั ตรายน้อยทส่ี ุด การยืนยนั เปา้ หมาย การยืนยันเป้าหมาย คือ การพิสูจน์ความจริงอย่างรวดเร็วจากการพิสูจน์ฝ่าย และจาการแบ่ง ประเภทของเปา้ หมายในครั้งแรก เป็นข้ันตอนสุดท้ายของกรรมวิธีในการได้มาซ่ึงเป้าหมาย และจะจบอย่าง สมบูรณ์ในระหว่างท่ีปฏิบตั กิ ารยิง การยืนยันจะกระทาข้ึนหลังจากท่ี ผบ.รถ ได้ออกคาสั่งยิงทุกหัวข้อ ยกเว้น หัวขอ้ การปฏิบตั ิ เมื่อพลยงิ จัดภาพเลง็ ประณตี แล้วจะต้องดาเนินการยืนยันดว้ ยเช่นเดียวกัน สาหรับพลยิงแล้ว การพิสจู น์ความจรงิ กระทาไดง้ ่ายมากเมือ่ จัดภาพเล็งประณีตครง้ั สดุ ทา้ ย พลยิงยนื ยนั กับตนเองวา่ เปา้ หมายนนั้ เปน็ ข้าศกึ ไม่ใชฝ่ า่ ยเราหรอื พลเรอื น ผบ.รถ จะส้ินสุดการประเมินค่าเป้าหมายโดยอาศัยลักษณะของเป้าหมายท่ีปรากฏ และความรู้ใน สถานการณ์ทางยทุ ธวิธขี องตน (ถา้ จาเปน็ แลว้ ให้ตรวจสอบเปา้ หมายผ่านทางกลอ้ งเล็งภาพความร้อนเชื่อมต่อ) ถ้า ผบ.รถ พิสจู น์ไดว้ ่าเป้าหมายนั้นเปน็ ฝา่ ยเราหรอื พลเรือน ผบ.รถ จะต้องออกคาสั่งว่า “หยุดยิง” แต่ถ้าไม่ สามารถยนื ยันลกั ษณะของเป้าหมายน้ันได้ จะตอ้ งทาการตรวจการณ์ต่อไปจนกว่าจะสามารถยืนยันเป้าหมาย ได้ ถา้ พลยงิ ยนื ยนั วา่ เป้าหมายทซ่ี อ่ นเร้นอยู่นั้นเป็นข้าศึก พลยิงจะจัดภาพเล็งครั้งสุดท้ายและทาการยิง เป้าหมายตามคาสงั่ ต่อไป ถ้าพลยิงพสิ จู นไ์ ด้ว่าเปา้ หมายนั้นเป็นฝ่ายเราหรือพลเรือน พลยิงจะต้องรายงานให้ ผบ.รถ ทราบวา่ “ยืนยันฝา่ ยเรา” หรอื “ยนื ยันพลเรอื น” ถ้าพลยงิ ไมส่ ามารถพสิ ูจน์เป้าหมายได้จะรายงานว่า “ยืนยันสงสัย” ผบ.รถ จะตกลงใจพิสูจน์ทราบต่อไปหรอื ให้สนิ้ สุดการยิง ดใู นบทที่ ๖ เร่ือง การยิงเล็งตรง ใน การสิน้ สดุ หนา้ ท่ขี องพลประจารถถงั ในระหว่างการปฏบิ ัตกิ ารยงิ
๔๗ ส่ิงท่ีสาคญั ยงิ่ ของ ผบ.รถ คือ การดารงไว้ซง่ึ สถานการณท์ างยทุ ธวิธปี ัจจบุ นั เพ่ือชว่ ยเหลอื ในการยนื ยัน เป้าหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคล่ือนท่ขี องกองกาลังฝ่ายเราที่อยภู่ ายในหรอื ในระหว่างทม่ี ่นั รบ การผ่านแนว ไปข้างหน้า การถอนตวั ของสว่ นกาบังทุกส่วน หรือการเคลือ่ นทีข่ องฝา่ ยพลเรอื นในพืน้ ที่ปฏิบตั ิการ การได้มาซง่ึ เปา้ หมายและการปฏิบัติการยงิ กรรมวธิ ใี นการได้มาซง่ึ เป้าหมายที่กลา่ วไวใ้ นบทนี้ และกรรมวธิ ใี นการปฏบิ ตั ิการยิงทก่ี ลา่ วไว้ในบทท่ี 6 เร่ือง การยิงเล็งตรง เป็นการผสมผสานและเป็นอิสระต่อกันในสนามรบ พลประจารถถังจะต้องมีความ เช่ียวชาญในเทคนคิ และวธิ ีการในการได้มาซึ่งเป้าหมาย และปฏิบัตกิ ารยิงเพอื่ ต่อสู้กับขา้ ศึกใหเ้ ป็นผลสาเรจ็ ใน การรบ สรุป กรรมวธิ ีในการได้มาซึ่งเปา้ หมายประกอบดว้ ยขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ การคน้ หาของพลประจารถ การค้นพบ การกาหนดทต่ี ั้ง การพสิ จู นฝ์ า่ ย การแบง่ ประเภท การยืนยนั การอยรู่ อดจากการรบในแนวหนา้ ยอ่ มขน้ึ อยูก่ ับขีดความสามารถของพลประจารถในการท่ีจะ .- คน้ หาเปา้ หมายอย่างต่อเนอื่ งโดยใชเ้ ทคนคิ ในการคน้ หาเปา้ หมายอย่างเหมาะสม ค้นพบและกาหนดทตี่ งั้ เปา้ หมาย พิสูจนฝ์ ่ายเปา้ หมายได้วา่ เป็นฝ่ายเรา ขา้ ศกึ หรอื พลเรอื น แบง่ ประเภทของเปา้ หมายไดว้ ่าเป็นเปา้ หมายอันตรายที่สดุ เปา้ หมายอันตราย และเป้าหมาย อนั ตรายน้อยทสี่ ุด และทาการยงิ ต่อเปา้ หมายทแ่ี สดงออกถึงทา่ ทค่ี ุกคามตอ่ เรามากท่ีสุดกอ่ น ดารงการตรวจการณใ์ นพนื้ ทข่ี องเป้าหมายภายในเขตตรวจการณ์ทีไ่ ดร้ บั มอบอย่างตอ่ เนื่อง ใช้ สายตา เสียง และกลิ่น เพื่อคน้ หาเปา้ หมายในสนามรบให้พบ ใช้กลอ้ งเลง็ และกล้องตรวจการณท์ ม่ี ีอยูท่ ุกชนิดเพอ่ื ค้นหาเปา้ หมาย รายงานต่อ ผบ.รถ ในเร่ืองที่ตั้งของเป้าหมายอย่างรวดเร็ว และถูกต้องด้วยรายงานการค้นพบ เปา้ หมาย ทาการฝึกพลประจารถเพื่อพสิ จู น์ฝา่ ยว่าเป็นฝ่ายเราหรอื ฝ่ายข้าศกึ ไดอ้ ย่างรวดเรว็ และถูกต้อง แบ่ง ประเภทของเป้าหมายข้าศึกได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ระดับความสัมพันธ์ของอันตรายท่ีแสดงออกมายืนยันว่า เป้าหมายน้นั เปน็ ฝา่ ยข้าศึกก่อนท่จี ะทาการยิง
๔๘ บทท่ี ๔ การหาระยะ (RANGE DETRMINATION) ผลการตรวจนัดแรก \"หนา้ \" การปรับ \"พลยิง เจาะเกราะ รถถงั ยงิ \" ผลการตรวจนดั แรก \"หลงั \" การปรบั ถึงแม้ว่าเครอื่ งหาระยะ (LRF) จะเปน็ เครือ่ งมอื หลักทใ่ี ชใ้ นการหาระยะของรถถัง เอ็ม๖๐เอ๓ ในกรณี ท่ีเครื่องหาระยะชารดุ หรือจากเงือ่ นไขของสภาพแวดล้อม หรอื ขนาดของเป้าหมาย อาจทาใหพ้ ลประจารถ ต้องใช้วิธีรองในการหาระยะ ในบทน้ีจะอธิบายถึงวิธีการหาระยะด้วยวิธีการรองอย่างไร วิธีการต่างๆ เหล่านี้มีวิธีใช้แตกต่างกันออกไป เร่ิมจากวิธีการจดจาภาพท่ีปรากฏท่ีง่ายและรวดเร็ว ไปจนถึงวิธีการท่ี ยุง่ ยากและซับซอ้ นแตม่ ีความถูกตอ้ งของสูตรสมั พันธ์ของมิล วธิ กี ารอ่ืนๆ นอกจากน้ียังรวมถึงการหาระยะ ด้วยปืนกลของผบ.รถ แสง-ต่างเสียง การเล็งสกัดตรงด้วยรถถังสองคัน ข้อมูลจากแผ่นจดระยะ แผนท่ี และระยะทีท่ ราบแล้ว แตล่ ะวิธขี ้นึ อย่กู ับสถานการณท์ แ่ี ตกตา่ งกัน เงื่อนไขและระดับความแม่นยา ควรทา การฝกึ หาระยะในแตล่ ะวธิ ีทกุ โอกาสที่ทาได้ และตรวจสอบการปฏบิ ัติโดยใชเ้ ครอื่ งหาระยะ
๔๙ วิธีการหาระยะแบบเร่งดว่ น (IMMEDIATE RANGE DETERMINATION METHODS) วธิ ีการจดจาภาพที่ปรากฏ (RECOGNITION METHOD) การหาระยะด้วยวิธีจดจาภาพที่ปรากฏเป็นวิธีท่ีรวดเร็วและแม่นยาเม่ือได้รับการฝึก อย่างไรก็ตาม วธิ กี ารนไ้ี มส่ ามารถใชก้ ับกลอ้ ง PASSIVE หรอื กล้องเล็งภาพความร้อนได้ หลักพนื้ ฐานของวธิ ีการจดจาภาพ ที่ปรากฏ คอื เมือ่ ผบ.รถ มองเหน็ เป้าหมายได้ดว้ ยตาเปล่าวา่ เปน็ รถถัง เป้าหมายนั้นจะอยู่ในระยะ๑,๕๐๐ ม. ถ้าสามารถจดจาได้ด้วยการมองผ่านกล้องท่ีมีกาลังขยายว่าเป็นรถถังเป้าหมายนั้นจะอยู่ภายในระยะ ๕,๐๐๐ ม. ตารางข้างล่างนี้จะให้ระยะโดยประมาณของเป้าหมายที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและมองผ่านกล้อง เล็งทีม่ กี าลังขยาย การหาระยะ – วิธกี ารจดจาภาพท่ีปรากฏ (RANGE DETERMINATION - RECOGNITION METHOD) เป้าหมาย ตาเปลา่ กลอ้ งเลง็ กาลงั ขยาย (ม.) ๗ หรือ ๘ เท่า (ม.) พลประจารถถัง หน่วยทหาร ปืนกล ค. คจตถ. ๕๐๐ ๒,๐๐๐ ปืนต่อสรู้ ถถงั รถถงั รถสายพานลาเลยี งพล รถบรรทกุ แบบของรถ ๑,๐๐๐ ๔,๐๐๐ รถถงั ปนื ใหญ่ รถสายพานลาเลียงพล รถบรรทุก ๑,๕๐๐ ๕,๐๐๐ ยานรบหมุ้ เกราะ ยานรบลอ้ ๒,๐๐๐ ๖,๐๐๐ เมอื่ ใช้ดว้ ยวิธีการจดจาภาพที่ปรากฏ ขนาดและความชัดเจนของเป้าหมายที่มีความสัมพันธ์กับฉาก หลงั จะตอ้ งนามาใช้เปน็ ขอ้ พิจารณา แสงบางชนดิ และเงอื่ นไขของภูมิประเทศจะทาให้เปา้ หมายดเู หมอื นว่อ ยู่ใกล้ บางเงอื่ นไขทาให้ดเู หมอื นว่าอยู่ไกลออกไป สภาวะเงอื่ นไขท่ีกล่าวไว้ในตารางขา้ งลา่ งนี้อาจเป็นสาเหตุ ของความผดิ พลาดในการหาระยะ ดว้ ยวธิ ีการจดจาภาพทีป่ รากฏ
๕๐ เงื่อนไขของเป้ าหมาย (TARGET CONDITIONS) ดูเสมอื นว่าอยู่ใกล้ ดูเสมอื นว่าอย่ไู กล แสงสว่างจา้ ทอ้ งฟ้ าโปร่ง หมอก ฝน แสงสลวั ยามเชา้ ตรู่ หรือพลบค่า ดวงอาทิตยอ์ ยหู่ นา้ เป้ าหมาย ดวงอาทิตยอ์ ยหู่ ลงั เป้ าหมาย เป้ าหมายอยใู่ นมมุ ท่ีสูงกวา่ เป้ าหมายอยใู่ นมมุ ท่ีต่ากว่า เป้ าหมายมขี นาดใหญ่ เป้ าหมายมีขนาดเลก็ สีสวา่ ง-ขาว,แดง,เหลือง สีทึบ ความแตกต่างของฉากหลงั เป้ าหมายที่มกี ารพราง เม่อื มองขา้ มหุบเขา,หลุมหรือบ่อ,แม่น้า,ท่ีต่า ทะเลทราย ทะเล ผลกระทบจากความชดั เจนของเป้ าหมายทีม่ ตี ่อวธิ กี ารจดจาจากภาพทปี่ รากฏ
๕๑ ผลกระทบจากขนาดของเป้ าหมายทม่ี ตี ่อวธิ กี ารจดจาจากภาพทป่ี รากฏ
๕๒ วิธกี ารหาระยะด้วยปนื กลของผบ.รถ (TANK COMMANDERS’S MACHINEGUN METHOD) ปนื กลของผบ.รถ มีเสน้ มาตราประจากล้องเล็งที่สามารถใช้ในการหาระยะได้ไกลถึง ๒,๐๐๐ ม. ปืน กลของผบ.รถ ช่วยในการยิงข่มเป้าหมายและหาระยะในเวลาเดียวกัน เพื่อช่วยเหลือพลยิงในการพิสูจน์ เป้าหมายและลดเวลาในการยิง ป้อมปืนของผบ.รถ ควรอยู่ในแนวเดียวกันกับปืนใหญ่ ข้อเสียของวิธีการนี้ คือ จะเปน็ การเปิดเผยทต่ี ั้งยิงของรถถัง ในการใช้วธิ ีการนี้ ผบ.รถ จะต้องออกคาส่ังยิงว่า “พลยิง-ระเบิดต่อสู้รถถัง-ปืนต่อสู้รถถัง” จากน้ัน ออกคาส่งั ว่า “ขนาดห้าสบิ ” ผบ.รถ เลง็ ใหจ้ ุดเลง็ ของเสน้ มาตราประจากล้องเล็งอยู่บนเป้าหมาย และทา การยงิ จากน้ันตรวจการณ์ดแู สงส่องวถิ ี และปรับการยงิ จนกระทัง่ ตาบลกระสุนตกถูกเป้าหมายเม่ือแสงส่องวิถีถูกเป้าหมายหรือตกใกล้เป้าหมาย ผบ. รถอ่านค่าบนเส้นมาตราทสี่ มั พนั ธ์กบั จดุ เลง็ และอ่านค่าระยะใหพ้ ลยงิ ทราบ “หน่ึงแปดร้อย” หรอื “ตั้ง ระยะหนงึ่ แปดรอ้ ย” ตามด้วยหวั ขอ้ การปฏิบัตวิ ่า “ยงิ ” จดุ เลง็ เรมิ่ แรกของผบ.รถ ควรจะเป็นระยะศนู ย์รบสาหรับชนิดกระสุนที่ใช้ในคาสั่งยิง เม่ือใช้ จุดเล็งเริ่มแรกด้วยระยะศูนย์รบกับกล้องเล็งของพลยิง ถ้ากระสุนชุดแรกตรวจผลการยิงได้ว่าตกหลัง เป้าหมาย ผบ.รถ สามารถส่ังให้ทาการยิงดว้ ยระยะศูนยร์ บได้ทันที วิธกี ารหาระยะดว้ ยปืนกลของผบ.รถ (TANK COMMANDERS’S MACHINEGUN METHOD) \"พลยงิ -เจาะเกราะ-รถถัง-ขนาดห้าสิบ-ยิงหาระยะ (ระยะท่ี ผบ.รถ ตกลงใจ คอื ๑,๖๐๐) – หนง่ึ หกร้อย (หรือต้งั ระยะหนง่ึ หกร้อย)-ยิง\"
๕๓ วิธกี ารหาระยะแบบประณีต (DELIBERATE RANGE DETERMINATION METHODS) วิธกี ารหาระยะจากความสัมพนั ธข์ องมลิ (MIL RELATIONSHIP METHODS) ความสมั พันธข์ องมิลมปี ระโยชน์มากในการหาระยะแบบประณีต การใช้งานด้วยวิธีน้ีจะต้อง ทราบความกว้าง ความยาวและความสูงของเป้าหมาย วดั ความกวา้ ง ความยาวและความสูงด้วยกล้องส่อง สองตาท่ีมีมาตราประจากล้องเป็นมิล หรือใช้กล้องเล็งที่ไม่มีเส้นมาตราทางขีปนะ แทนค่าลงไปในสูตร สัมพันธ์ของมิล และคานวณหาระยะออกมา ความแม่นยาของวิธีการน้ีขึ้นอยู่กับความรู้ในเร่ืองมิติของ เป้าหมาย และขีดความสามารถของแต่ละบุคคลในการวัดด้วยกล้องส่องสองตาอย่างถูกต้อง สูตรสัมพันธ์ ของมลิ อาจนามาใชง้ านได้ตามโครงสรา้ งของตารางขา้ งล่างนี้ เนื่องจากความถูกต้องของการคานวณและการปรับแก้ท่ีต้องการ ค่ามิล (m) เป็นหน่วยข้ัน พ้ืนฐานของมุมทใี่ ชว้ ัดคา่ ของในวชิ าหลกั ยิงรถถงั อาวธุ ของรถถังอาจจะวางแนวปืนในทางทิศและทางระยะ ด้วยการหมุนป้อมปืนไปทางขวา(ซ้าย) และยกปืนขึ้น(ลดลง) ตามค่าของมุมท่ีกาหนดให้ได้อุปกรณ์การ ควบคมุ การยงิ ของรถถังแบ่งมาตราส่วนย่อยออกเป็นมิล เพ่อื ให้สอดคล้องกับการวัดค่ามุมเป็นมิล ค่ามุม ๑ องศามคี า่ ประมาณ ๑๘ มลิ เปน็ หนว่ ยของการวัดค่ามุมมีค่าเท่ากับ ๑/๖๔๐๐ ของมุมในวงกลม ค่ามุม ๑ มิล มคี า่ ของความกว้าง(ความสูง) ๑ ม. ที่ระยะ ๑,๐๐๐ ม. ความสมั พันธ์ของมมุ คือ ความยาวของแขนท้ังสองข้างของมมุ และความกว้าง(ความสูง) ระหว่างแขนทงั้ สองข้างจะมคี า่ คงที่ตวั อยา่ ง ดังตอ่ ไปน้ี แสดงใหเ้ ห็นค่าความสมั พนั ธค์ งที่ของมมุ เมอื่ เพม่ิ คา่ มมุ จาก ๑ มลิ เป็น ๒ มลิ และเพ่ิมระยะจาก ๑,๐๐๐ เปน็ ๒,๐๐๐ ม. ความสัมพนั ธข์ องค่ามุมคงท่ีของมิล (CONSTANT MIL-ANGLE RELATIONSHIP) ๑ มลิ ๑ เมตร ๑,๐๐๐ ม. ความสัมพันธ์ของมุมมลิ ทรี่ ะยะ 1,000 ม. ๒,๐๐๐ ม. ๒ เมตร ๑ เมตร ๒ เมตร ๒มิล ๒ มิล ๑ เมตร ๑,๐๐๐ เมตร มมุ ๒ มลิ ท่รี ะยะ ๒,๐๐๐ ม. มีค่าเทา่ กบั ๒ ม. มมุ ๑ มลิ ที่ระยะ ๑,๐๐๐ ม. มคี า่ เท่ากับ ๑ ม. มุม ๒ มลิ ทีร่ ะยะ ๒,๐๐๐ ม. มคี า่ เท่ากบั ๔ ม. มุม ๑ มิล ทีร่ ะยะ ๒,๐๐๐ ม. มีค่าเท่ากับ ๒ ม.
๕๔ ความสมั พันธข์ องมลิ ความสัมพนั ธ์ของมมุ เป็นมิล (ม.) ความยาวของแขนทง้ั สองข้าง (หรือระยะ)ในระยะ ๑,๐๐๐ ม. (ร) และความกว้างระหวา่ งปลายแขนท้ังสองข้างเป็นเมตร (ก) แสดงด้วยสูตรสัมพันธ์ของมิล ดังนี้ ม = ก / ร เพราะค่าความสมั พันธ์ของมลิ เป็นคา่ คงที่ หนว่ ยวดั อื่น ๆ เช่น หลา ฟุต หรือ น้ิว อาจนามาใช้แทน คา่ ของเมตรในการหาคา่ ความกวา้ งหรอื ระยะได้ อยา่ งไรกต็ าม ความสัมพันธืท่ีแท้จรงิ ของค่าความกวา้ งและ ระยะจะต้องแสดงออกมาด้วยหนว่ ยเดยี วกนั ตวั อย่าง เชน่ ถ้าแขนทง้ั สองข้างของมุม ๑ มลิ มคี วามยาว ๑,๐๐๐ หลา ความกว้างระหว่าง ปลายแขนทั้งสองข้างของมุม คอื ๑ หลา ความสมั พนั ธข์ องมลิ อาจจะเปลย่ี นไปตามสูตรโดยการเปลีย่ นปจั จัยท่ีต้องการคานวณ ดังนี้. ก = (ร X ม) /๑,๐๐๐ หรอื ร = (ก / ม) X๑,๐๐๐ หรอื ม = (ก / ร) X ๑,๐๐๐ เพอื่ เปน็ เครือ่ งช่วยในการจา อาจใชค้ าว่า กรม หมายความวา่ กวา้ งเหนือระยะ X มุม หรือ ก ร*ม ความสมั พันธข์ องมลิ ยึดหลกั ความจรงิ ที่วา่ ไมว่ า่ ปจั จัย ก จะเปน็ ค่าในแนวราบหรอื แนวดิง่ ถา้ คา่ มุมมลิ ที่วดั ได้เปน็ มมุ ทวี่ ดั ในระนาบเดยี วกัน การคานวณระยะ ในการคานวณระยะ จะต้องทราบคา่ มุมมลิ และความกว้างหรอื ความสูง ภาพที่แสดงให้ดนู เี้ ปน็ สถานการณท์ ่ผี บ.รถจะตอ้ งคานวณหาระยะไปยงั เป้าหมาย วธิ ีการหาระยะ วิธีการหาระยะใหป้ ฏิบัติดงั นี้ .- รถถงั ข้าศกึ มีความยาวประมาณ ๖.๗ ม. (ก) ผบ.รถ ใช้กล้องส่องสองตาวดั มุมได้ ๕ มลิ (ม) ใชก้ ารย้ายข้างจากสตู รสมั พันธข์ องมิล ร = ก / ม X ๑,๐๐๐ แทนค่าท่ที ราบแลว้ ในสูตร ๖.๗ ม. ร = ๖.๗ /๕5 = ๑.๓๔ ๕มิล เนื่องจาก ร. มีคา่ เปน็ จานวนเตม็ ของพันเมตร นา คา่ ท่ีหารได้มาคณู ด้วย ๑,๐๐๐ = ๑.๓๔ X ๑,๐๐๐ = ๑,๓๔๐ ม.
๕๕ วธิ ีแสง-ต่างเสยี ง (FLASH T0 BANG METHOD) เสียงเดินทางผ่านอากาศด้วยความเร็วคงที่ประมาณ ๓๓๐ ม. (ประมาณ ๑,๑๐๐ ฟุต) ต่อ วนิ าที ซ่ึงทาให้ง่ายต่อการหาระยะถ้าเรามองเห็นแสงและได้ยินเสียงการปฏิบัติน้ันๆ ตัวอย่างเช่น เม่ือเรา มองเหน็ แสงแลบหรอื ควันของอาวธุ หรอื ฝุน่ ฟุง้ กระจายข้ึน ให้เร่ิมนับด้วยอัตราการนับเลขหนึ่งตัวต่อหนึ่ง วินาที จนกระทง่ั ไดย้ ินเสยี งให้หยดุ นบั จากนน้ั คูณจานวนตัวเลขที่นับได้กับค่าคงท่ี ๓๓๐ ม. จะได้ค่าระยะ ไปยังอาวุธนน้ั เป็นเมตร ถ้าเราหยดุ นบั ทีเ่ ลข ๓ ระยะที่ไดป้ ระมาณ ๙๙๐ ม. ทาการฝึกความเร็วในการนับเวลาของเรา วิธีท่ีดีที่สุดในการหาระยะด้วยวิธีนี้ คือ การฝึกกับ เคร่ืองทาแสงสว่างเทยี มในระยะทีท่ ราบแลว้ ถา้ ไม่สามารถทาการฝกึ ด้วยวิธีนี้ได้ ให้คนอื่นเป็นผู้จับเวลาใน การนับของเรา เม่อื การนบั ถงึ ตวั เลขที่มากกวา่ ๑๐ ใหเ้ ริ่มตน้ นับ ๑ ใหม่ การนบั เลข ๑๒ และ ๑๓ จะทาให้ เกินเวลาออกไป ดว้ ยการฝึกฝนแบบน้ีจะทาให้เราหาระยะได้ถูกตอ้ งมากกวา่ การกะระยะด้วยสายตา เพียง อยา่ งเดยี ว การหาระยะด้วยวธิ ีแสง-ตา่ งเสยี ง (DETERMINATION RANGE USING THE FLASH-BANG) แสงแลบ เสียง \"บมึ้ \" การเล็งสกดั ตรงด้วยรถถังสองคนั (TWO TANKS INTERSECTION METHOD) เม่ือมเี วลาและมอี ปุ กรณเ์ ออ้ื อานวยให้ การเลง็ สกดั ตรงเป็นวธิ ีทีแ่ มน่ ยาในการหาระยะโดยใช้ สูตร กรม จดั ทาเสน้ ฐานระหว่างรถถงั ๒ คันดว้ ยระยะ ๕๐-๑๐๐ ม. วดั ระยะห่างระหวา่ งรถสองคันจากขอ ลากจงู ของรถ ระยะตามตัวอยา่ งทแี่ สดงใหด้ นู ี้มีค่า ๑๐๐ ม. เปน็ ค่า ก ของเป้าหมายทาให้เกดิ มุมยอดของ สามเหลยี่ มข้นึ พลยิงของรถถงั แตล่ ะคันใชก้ ากะบาดปรบั เสน้ เล็งของกล้องเลง็ รองเลง็ ตรงไปทีช่ อ่ งปนื กล ร่วมแกนของรถถังอีกคนั จากน้นั ปรบั เคร่อื งกาหนดมมุ ภาคของทศิ ให้เปน็ ศูนยแ์ ละหมุนปอ้ มปืนกลับไปเลง็ ที่
๕๖ เปา้ หมาย รถถังทงั้ สองคนั จะต้องเลง็ ท่ีจดุ เลง็ เดยี วกนั บนเปา้ หมายบันทึกคา่ มุมทีอ่ า่ นได้จากเคร่อื งกาหนด มุมภาค และนาค่าทนี่ อ้ ยกวา่ ไปลบออกจากค่าทม่ี ากกวา่ ท่อี า่ นได้ ๑,๖๒๒ มลิ -๑,๕๗๘ มลิ ๔๔ มิล ผลที่ได้คอื คา่ มุมยอดของสามเหลีย่ มเปน็ มลิ จากนน้ั ใช้สูตรความสัมพันธข์ องมลิ หาคา่ ระยะ ร = (ก/ม) X ๑,๐๐๐ ร = (๑๐๐ ม. / ๔๔ มิล) X ๑,๑๐๐ ม. = ๒,๒๗๓ เมตร การหาระยะด้วยวธิ ีเล็งสกดั ตรง (DETERMINATION RANGE BY INTERSECTION) แนวปรบั เครอ่ื งกาหนด มมุ ภาคของทิศ ให้เป็นศนู ย์ รถถงั คนั ท่ี ๑ รถถงั คนั ที่ ๒ การหาระยะแบบประณตี ด้วยวธิ ีอืน่ (OTHERS DELIBERATE RANGE DETERMINATION METHODS) รถถงั คันข้างเคยี ง ขอ้ มูลของระยะสามารถหาได้จากรถถังคันข้างเคียงซึ่งเครื่องหาระยะใช้ งานได้ รถถังคันทีใ่ หร้ ะยะจะต้องอยใู่ กลเ้ คยี ง (ทางข้าง) และอยู่ห่างจากเป้าหมายในระยะเดียวกับรถถัง คนั ทต่ี อ้ งการทราบระยะ
๕๗ แผนที่ แผนท่สี ามารถนามาใช้ในการหาระยะไปยงั เป้าหมายไดเ้ ชน่ เดยี วกัน ผบ. รถ กาหนด ที่อยู่ของรถถงั ตนและท่ีตง้ั ของเป้าหมายลงบนแผนท่ี จากนน้ั วัดระยะดว้ ยมาตราสว่ นเส้นบรรทัดบนแผนท่ี ระหว่างจุดสองจดุ ระยะทีท่ ราบแลว้ เม่อื ใดกต็ ามทเ่ี วลาเอ้ืออานวย พลประจารถถังต้องเตรียมท่ีมั่นเพื่อทาการ รบส่งิ แรกทจี่ ะตอ้ งกระทา คือ หาระยะไปยังพื้นที่ท่ีคาดว่าเป้าหมายจะปรากฏขึ้นแล้วบันทึกไว้ในแผ่นจด ระยะ ถา้ เครอ่ื งหาระยะชารดุ หรือไม่สามารถใช้งานได้ ข้อมูลของระยะที่บันทึกไว้จะมีความสาคัญอย่าง มากในการลดเวลาทาการยิงและเพมิ่ ความแม่นยาให้มากขน้ึ เมอ่ื เกดิ สถานการณเ์ หล่าน้ีข้ึน พลประจารถ จะปฏิบัติการยิงเช่นเดียวกับเวลาปกติ แต่พลยิงหรือผบ. รถ จะต้องต้ังระยะด้วยมือตามระยะท่ีให้ตาม คาสั่งยงิ หรือพลยิงใชก้ ารยงิ จากกลอ้ งเลง็ รองโดยใช้เส้นมาตราทางระยะท่ีเหมาะสม ระยะไปยังเป้าหมาย ท่เี คยทาการยงิ มาแล้วสามารถใช้เปน็ ระยะที่ทราบแลว้ ไดเ้ ชน่ เดียวกัน สรปุ วธิ ีการหาระยะโดยการจดจาภาพทปี่ รากฏเปน็ วธิ ที งี่ า่ ย รวดเร็ว และถูกต้อง วิธีการหาระยะด้วยปืนกลของผบ. รถ สามารถใช้หาระยะได้ไกลถึง ๒,๐๐๐ ม. วิธีการนี้มี ข้อดีคอื เป็นการยิงขม่ เปา้ หมายในขณะที่ทาการหาระยะ แตเ่ ป็นการเปดิ เผยทีต่ งั้ ยิงของรถถัง สตู รสัมพนั ธ์ของมลิ (กรม) เป็นวธิ ีการหาระยะแบบประณตี ซง่ึ จะขนึ้ อยู่กบั เส้นมาตราประจา กล้องเลง็ และความสัมพันธข์ องมมุ มิลทว่ี ดั จากกลอ้ ง วิธีการหาระยะอ่ืน ๆ นอกจากนี้ได้แก่ แสง-ต่างเสียง การเล็งสกัดตรงด้วยรถถังสองคัน รถถังคันขา้ งเคียง แผนท่ี และระยะทีท่ ราบแล้ว
๕๘ บทท่ี ๕ กระสุนและการทาลายเป้ าหมาย (AMMUNITION AND TARGET DESTRUCTION) การตกลงใจเลอื กใชอ้ าวุธและชนดิ กระสุน เพื่อใช้ในการต่อต้านและทาลายเปา้ หมายเฉพาะของ ผู้ บงั คบั รถถงั ( ผบ.รถ ) เปน็ สงิ่ ท่ีสาคญั ยง่ิ การยงิ เป้าหมายท่ีเป็นฝา่ ยคุกคามด้วยอาวุธและกระสุนที่ไม่สามารถ ทาลายเป้าหมายไดเ้ ป็นส่ิงทสี่ ญู เปลา่ นอกเสียจากวา่ เปน็ การยิงข่มเป้าหมายโดยฉับพลัน ถึงแม้ว่า กองทัพบก ของฝา่ ยคุกคามจะมยี ุทโธปกรณ์ และไดร้ ับการฝึกมาเปน็ อยา่ งดี กองกาลังรถถงั ของฝ่านคุกคามกต็ ้องเผชิญกับ ปัญหาเชน่ เดียวกับกองกาลงั รถถังของฝา่ ยเรา ในรปู แบบของการใชก้ ระสนุ โดยเฉพาะห้องหอรบของรถถงั ฝา่ ย คุกคามมีขนาดเล็กทาใหเ้ กิดขอ้ เสียเปรียบที่สาคัญ ตัวอย่างเช่น รถถัง ที-๗๒ มีกระสุนมูลฐาน ๔๐ นัด น้อย กวา่ รถถงั เอม็ ๖๐เอ๓ อยู่ ๒๓ นัด สิง่ น้ีสามารถชถ้ี ึงข้อได้เปรียบของรถถัง เอ็ม๖๐เอ๓ ของกาลังฝ่ายเรา ถ้า กระสนุ ทไี่ ดร้ บั เพมิ่ เตมิ นัน้ ได้นามาใชอ้ ยา่ งถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ในบทนไ้ี ด้กลา่ วถงึ คุณลกั ษณะและขีดความสามารถ และการใช้งานของกระสุนปืนใหญ่ และกระสุน เคร่อื งยงิ ลูกระเบิดควนั ของรถถงั เอ็ม๖๐เอ๓ สาหรับขอ้ มูลของกระสนุ ปนื ใหญร่ ถถงั ขนาด ๑๐๕ มม. ของนาโต้ ได้กล่าวไวแ้ ลว้ ใน ตารางยิง FT๑๐๕-A-3 การแบ่งประเภทกระสนุ ปืนใหญ่ (CLASSSIFICATION OF MAINGUN AMMUNITION) กระสนุ ปนื ใหญร่ ถถงั โดยปกติจะแบง่ ประเภทออกตามชนดิ และตามการใชง้ าน การแบง่ ตามชนดิ ของกระสนุ (TYPE) ๑. กระสุนใชร้ บ (Service) กระสุนใช้รบเป็นกระสนุ ท่ีใชส้ าหรับการรบจรงิ ๒. กระสนุ ฝึกยิง (Target Practice) เป็นกระสนุ ที่ใชส้ าหรบั ฝกึ ยงิ เปา้ หมายในการฝกึ วชิ าหลกั ยงิ และมี คุณลกั ษณะทางขปี นวิธีเหมอื นกบั กระสุนใช้รบ ๓. กระสุนฝึกบรรจุ(Dummy) กระสุนฝึกบรรจใุ ชส้ าหรบั การฝกึ ทส่ี มั พนั ธก์ ับกจิ เฉพาะของวชิ าหลกั ยงิ ซึง่ ตัว กระสนุ จะไม่มีดินสง่ หรอื ดินระเบิดบรรจุอยู่
๕๙ การแบง่ ตามการใชง้ าน (USE) ๑. กระสุนทาลายเกราะ (Armor-Defeating Ammunition) กระสุนพลังงานจลน์ (Kinetic energy) ใช้ ในการต่อสเู้ ป้าหมายทเี่ ปน็ รถถงั หรือเหมอื นรถถัง กระสุนพลงั งานเคมี ใช้ในการตอ่ ส้เู ป้าหมายทเ่ี ปน็ รถถัง หรือ เหมือนรถถงั และใชเ้ ป็นกระสุนหลักในการทาลายปอ้ มสนาม บุคคล และยานเกราะขนาดเบา ๒. กระสุนสังหารบุคคลและทาลายวัตถุ (Antipersonnel and Antimateriel Ammunition) กระสนุ เหลา่ นใ้ี ช้ในการตอ่ ตา้ นหน่วยทหาร หรือปอ้ มสนามบางๆ ๓. กระสุนทใี่ ชใ้ นความม่งุ หมายพิเศษ (Special Purpose Ammunition) กระสุนที่ใช้ในความมุ่งหมาย พเิ ศษ ใช้แทนกระสุนจรงิ ในสนามฝกึ ยิง ผนวก ง. ข้อจากดั ของกระสุนทแ่ี จกจา่ ย ไดจ้ ดั พิมพ์ขอ้ มลู ของกระสุนชนิดอื่นๆ ไวแ้ ล้ว องคป์ ระกอบของกระสนุ ปืนใหญ่ (COMPONENTS OF MAIN GUN ROUND) กระสนุ ครบนัดของปืนใหญ่รถถงั ตามปกตแิ ลว้ จะประกอบด้วยสว่ นประกอบหลกั ดงั ตอ่ ไปน้ี แต่กระสนุ ทุกชนิด ก็ไมไ่ ด้มีองคป์ ระกอบตามรายละเอียดทีก่ ลา่ วไว้ทุกรายการ ๑.ลกู กระสนุ (Projectile) - เปน็ สว่ นของกระสนุ ที่เดนิ ทางผ่านลากลอ้ งปืน ๒.ปลอกกระสนุ (Cartridge Case) – เปน็ ปลอกทองเหลอื งหรือเหลก็ ซึ่งบรรจดุ ินส่งและดินนา เมอื่ ทาการยงิ กระสนุ ออกไปปลอกกระสนุ จะขยายตัวเพ่อื ผนกึ ด้านหลงั ของลากลอ้ งปนื และผลกั ดันแกส๊ ของดนิ สง่ ไปข้างหนา้ ๓.ดินส่ง (Propellant) – เปน็ สารประกอบซงึ่ เผาไหมแ้ ลว้ ผลติ แรงดนั แกส๊ ทจ่ี ะไปผลักดนั ลกู กระสุนให้ออกไป จากปลอกกระสนุ ไปยงั เป้าหมาย ๔.ชนวนทา้ ยกระสุน (Primer) เปน็ เชื้อปะททุ อี่ ยู่ในจานท้ายปลอกกระสุนซ่งึ จะเป็นตัวจุดสว่ นบรรจุของดนิ สง่ ๕.ชนวน (Fuze) - เป็นสว่ นหนึ่งในลูกกระสุนซึ่งทาหน้าท่ีในการทางานให้เป็นไปตามเวลาท่ีกาหนดหรือเมื่อ ตกกระทบ ๖.โคง้ หวั กระสุน (Ogive) – เปน็ สว่ นทอ่ี ย่ทู ี่ปลายด้านหน้าสุดของลูกกระสุน รูปกรวยของหัวกระสุนจะ เป็นส่วนทม่ี ีอทิ ธิพลต่อการแลน่ ของลกู กระสนุ โดยจะช่วยลดผลกระทบของความตา้ นทานจากอากาศ ๗.แหวนรดั หวั กระสุน (Bourrelet) – เปน็ แหวนรดั ผิวด้านนอกรอบลูกกระสุนทยี่ กตัวสูงข้ึนมา ความมงุ่ หมาย คอื เปน็ จดุ กงึ่ กลางดา้ นหน้าของลกู กระสุน ในขณะทีเ่ ดนิ ทางผา่ นลากลอ้ งปนื ๘.ตัวลูกกระสุน(Body) – เป็นส่วนของลูกกระสุนที่อยู่ระหว่างแหวนรัดหัวกระสุนและแถบหมุน ซ่ึงอาจ ประกอบด้วยลูกกระสนุ รองหรือส่วนบรรจขุ องดินระเบิด/สารเคมี ๙.ปลอกรัดท้ายกระสุน (Obturator/Rotating Band) – เปน็ ปลอกพลาสติกแขง็ หรือแหวนโลหะรดั อย่รู อบ ท้ายตวั ลกู กระสนุ เป็นผนึกท่ีปดิ ก้ันแกส๊ ทางดา้ นทา้ ยของตัวลกู กระสุน และสง่ การหมนุ ตวั สาหรับกระสุนทท่ี รง ตัวดว้ ยการหมนุ ๑๐.ท้ายกระสนุ (Base) – เป็นสว่ นท้ายสุดของลกู กระสุนท่ซี ึ่งแกส๊ ของดนิ สง่ ที่ขยายตวั กระทา แก๊สเหล่า น้ีจะ ผลักดนั ลูกกระสุนใหเ้ คลอ่ื นท่ไี ปขา้ งหนา้ ผ่านลากล้องปนื ๑๑. ดินส่องวิถี (Tracer) – เปน็ สารประกอบของดนิ ดาซึง่ บรรจุอยู่ท่ีท้ายกระสุนของลูกกระสุนบาง ชนิด เมอื่ ถกู จดุ ใหต้ ดิ ไฟข้นึ จะเกดิ การเผาไหมใ้ นระหวา่ งทกี่ ระสนุ แล่น และช่วยทาใหต้ รวยการณ์เห็น ลูกกระสุน
๖๐ ๑๒. ลกู กระสุนรอง(Sub projectile) – เป็นสว่ นหนง่ึ ของลูกกระสุนแบบพลงั งานจลน์ (KE) ที่บรรจุ ตัวเจาะเกราะอยู่ องค์ประกอบของกระสุนปนื ใหญ่รถถัง (COMPONENTS OF A MAIN GUN ROUND) ชนวน (FUZE) ลกู กระสนุ (PROJECTILE) โค้งหวั กระสุน (OGIVE) แหวดรัดหัวกระสนุ ปลอกกระสุน (CASE) (BOURRELET) ชนวนทา้ ยกระสนุ PRIMER) ตวั ลูกกระสนุ (BODY) ปลอกรัดทา้ ยกระสุน (OBTURATOR) ท้ายกระสนุ (BASE) ดนิ สอ่ งวิถี (TRACER) ดนิ ส่ง (PROPELLANT)
๖๑ การพสิ จู น์ทราบชนิดกระสุนปนื ใหญ่ (IDENTIFICATION OF MAIN GUN AMMUNITION) กระสุนปนื ใหญส่ ามารถพสิ ูจนท์ ราบไดจ้ ากรูปทรงหรอื ลักษณะ และรหสั สหี รอื เครอ่ื งหมายบนลูกกระสุน รหสั ส(ี COLOR CODE) รหสั สมี าตรฐานของนาโต้ ทใี่ ช้สาหรับปืนใหญ่ รหสั สีกระสนุ ปืนใหญ่รถถัง(MAIN GUN ROUND COLOR CODE ดา กากแี กมเขียว เขยี วอ่อน กากีแกม เขยี ว ๑๐๕ มม. สเี บอื้ งตน้ ของลกู กระสนุ ท่บี ง่ ชถ้ี งึ การใช้งาน สดี า………………………………………………………………………….… ทาลายเกราะ สีกากีแกมเขยี ว/สีมะกอก…………………………………………………….. สังหารบุคคล/ทาลายวัตถุ สเี ขียวออ่ น…………………………………………………………………… ควนั สีฟา้ อ่อน……………………………………………………………………… ฝึกยิง สที ่ีบ่งชีถ้ งึ สงิ่ ที่บรรจุอย่ภู ายใน/ดนิ ระเบดิ ตัวอกั ษรสีขาว………………………………………………………………… ไมม่ คี วามหมายทส่ี าคญั ตัวอักษรสเี หลือง……………………………………………………………… มีดนิ ระเบดิ แรงสงู บรรจอุ ยู่ ตัวอกั ษรสแี ดง………………………………………………………………… วตั ถุระเบิดที่ลกุ ไหม้ แถบสีเหลือง………………………………………………………… มดี ินระเบดิ แรงสูงบรรจอุ ย่เู ลก็ นอ้ ย รูปเพชรสขี าว………………………………………………………………… สงั หารบคุ คล แถบสดี า…………… แสดงให้ทราบว่าเปน็ กระสนุ ท่ีมปี ระสทิ ธิภาพในการทาลายเกราะเปน็ อนั ดบั สอง
๖๒ เคร่ืองหมาย (MARKINGS) ตัวลูกกระสนุ และปลอกกระสนุ จะมีเครื่องหมายทจ่ี ดั ทาเปน็ ขอ้ มูลเพิม่ เตมิ เก่ยี วกับกระสุน และอาวุธท่ี ใชท้ าการยงิ ดนิ สอ่ งวิถี (Tracer) กวา้ งปากลากลอ้ งและชนดิ ของอาวุธ (Caliber and type of weapon) ชนดิ ของวัตถทุ บ่ี รรจุอยู่ (Type of filler) ชนิดของลูกกระสนุ /กระสนุ (Type of projectile/round) แบบของลูกกระสุน/กระสนุ (Model of projectile/round) หมายเลขงวดงาน (Ammunition lot number) กระสุนทาลายเกราะ (AROMOR-DEFEATING AMMUNITION) ลูกกระสนุ ทาลายเกราะใช้ทง้ั พลังงานจลน์และพลงั งานเคมี เพอ่ื เจาะและทาลายเปา้ หมายที่หุ้มเกราะ กระสนุ พลังงานจลน์ (KENETIC ENERGY AMMUNITION) กระสุนพลงั งานจลน์เปน็ กระสนุ หลักที่ใชใ้ นการทาลายเกราะสาหรับปืนใหญ่ขนาด ๑๐๕ มม. และมี ความแม่นยามากท่ีสุดของกระสุนปืนใหญ่รถถัง พลังงานจลน์เป็นการผสมผสานของมวล (น้าหนัก) และ ความเร็วต้น (ความเรว็ ) ของลูกกระสุน ไมต่ อ้ งการดินระเบิดในการเจาะเป้าหมาย การเจาะของลูกกระสุนพลังงานจลน์จะเป็นสาเหตุต่อการทาลายเป้าหมาย อย่างไรก็ตามประสิทธิ ภาพในการทาลายจะขึน้ อยู่กบั ความหนาแน่นของผวิ พื้นเปา้ หมาย เมอื่ เลอื กใช้กระสนุ ทาลายเกราะท่ถี ูกต้องกับ ประเภทของเป้าหมายโดยเฉพาะแล้ว ต้องพิจารณาความหนาแน่นของเป้าหมายด้วย (ตัวอย่างเช่น การยิง กระสนุ พลังงานจลน์ตอ่ เปา้ หมายทีเ่ ป็นยานรบแบบ บีเอม็ พี เปน็ การใช้กระสุนท่ีสิน้ เปลอื ง) คาเตอื น : ห้ามทาการยิงกระสุนเจาะเกราะสลดั ครอบท้ิงเองทรงตัวด้วยครีบหาง-ส่องวิถี (APFSDS- T), กระสุนเจาะเกราะสลดั ครอบทง้ิ เอง-สอ่ งวิถี (APDS-T) และกระสนุ ฝึกยิงเจาะเกราะ-ส่องวถิ ี (TPDS-T) ข้าม ศรษี ะหนว่ ยทหารฝา่ ยเดียวกนั เว้นเสยี แตว่ า่ หนว่ ยทหารฝา่ ยเดียวกัน มีทกี่ าบังท่ีเพียงพอ หน่วยทหารอาจถูก กระแทกโดยสว่ นใดสว่ นหน่ึงของครอบลูกกระสุน พื้นที่อันตรายจะยาวออกไปถึง ๑,๐๐๐ ม. (๑,๐๙๕ หลา) จากปากลากลอ้ งปนื และแผ่ออกไปทางขา้ งของแนววถิ ีกระสนุ ขา้ งละ ๗๐ ม. (๗๗ หลา) กระสนุ พลงั งานจลนท์ ีม่ ีใช้งานสาหรับรถถงั เอ็ม๖๐เอ๓ ๕ ชนิด ไดแ้ ก่ กระสุนเจาะเกราะ–สอ่ งวิถี เอม็ ๘๓๓ (M833 APFSDS-T) กระสนุ เจาะเกราะ-สอ่ งวิถี เอม็ ๗๗๔ (M774 APFSDS-T) กระสุนเจาะเกราะ-สอ่ งวถิ ี เอม็ ๗๓๕ (M735 APFSDS-T) กระสนุ เจาะเกราะ-สอ่ งวิถี เอม็ ๗๒๘ (M728 APDS-T) กระสนุ เจาะเกราะ-ส่องวถิ ี เอ็ม๓๙๒เอ๒ (M392A2 APDS-T)
๖๓ กระสนุ เจาะเกราะสลดั ครอบทงิ้ เองทรงตัวดว้ ยครบี -สอ่ งวิถี เอ็ม๘๓๓/เอ็ม๗๗๔ (M833/M774 APFSDS-T) ปลอกรดั ทา้ ยกระสนุ แหวนรดั หวั กระสนุ ครอบลูกกระสนุ ลกู กระสุนรอง ความเร็วต้น : ๑,๔๙๓.๕๒ ม./วนิ าที (เอ็ม๘๓๓) และ ๑,๕๐๘.๗๕ ม./วนิ าที (เอม็ .774) สารประกอบลูกกระสนุ เจาะเกราะ ดีพลีทยูเรเนยี่ ม (Depleted Uranium) ใชใ้ นหัวขอ้ คาส่งั ยิงว่า \"เจาะเกราะ/เจาะเกราะพิเศษ\" ชนวน ไม่มี การใชง้ าน ใชเ้ ปน็ กระสนุ หลักในการทาลายเกราะ ตอ่ ส้รู ถถังหรอื เป้าหมายที่คล้ายรถถัง รหสั สี สดี าพรอ้ มตวั อักษรสขี าว กระสุนเจาะเกราะสลัดครอบท้ิงเองทรงตัวด้วยครีบ-ส่องวถิ ี เอม็ ๗๓๕ (M735 APFSDS-T) ชนวนไฟฟา้ ทา้ ยกระสนุ ปลอกกระสนุ และ ปลอกรัดทา้ ยกระสนุ ส่วนประกอบด้านใน ครอบลูกกระสนุ แหวดรดั หัวกระสนุ ดนิ สง่ เคร่ืองจดุ ชนวน ดินส่องวถิ ี ลกู กระสนุ รอง ท้ายกระสุน ความเรว็ ตน้ : ๑,๕๐๑.๑๔ ม./วินาที สารประกอบลกู กระสุนเจาะเกราะ ทงั สเตน-คาไบด์ นเิ กิล และทองแดง ใชใ้ นหวั ข้อคาส่ังยิงวา่ \"เจาะเกราะ/เจาะเกราะพเิ ศษ\" ชนวน ไม่มี การใชง้ าน ต่อสู้รถถังหรอื เป้าหมายทคี่ ล้ายรถถัง รหสั สี สีดาพร้อมตัวอักษรสีขาว
๖๔ กระสุนเจาะเกราะสลัดครอบท้ิงเอง-สอ่ งวถิ ี เอ็ม๗๒๘ (M728 APDS-T) ชนวนไฟฟ้าท้ายกระสนุ เคร่ืองจุดชนวน ปลอกรัดท้ายกระสุน ครอบหวั กระสุน ท้ายกระสุน แหวดรดั หัวกระสนุ ดินสง่ ปลอกกระสุน และ ดนิ สอ่ งวถิ ี แหวนหมุน เปลอื ก ส่วนประกอบดา้ นใน ลกู กระสนุ ความเรว็ ตน้ : ๑,๔๒๖ ม./วนิ าที สารประกอบลกู กระสุนเจาะเกราะ ทงั สเตน-คาไบด,์ นิเกิล และทองแดง ใชใ้ นหัวขอ้ คาสั่งยงิ ว่า \"เจาะเกราะ\" ชนวน ไม่มี การใชง้ าน ตอ่ สู้รถถงั หรอื เป้าหมายทค่ี ล้ายรถถัง รหสั สี สีดาพร้อมตัวอกั ษรสีขาว กระสุนเจาะเกราะสลดั ครอบทงิ้ เอง-ส่องวถิ ี เอ็ม๓๙๒เอ๒ (M392A2 APDS-T) ดนิ ส่ง ปลอกรัดท้ายกระสุน ครอบกระสนุ แหวนรัดครอบ กระสุน/อุ้งกระสุน ชนวนไฟฟ้า ปลอกกระสุน และ ดินส่องวถิ ี แหวนหมุน ครอบเสริม ท้ายกระสุน สว่ นประกอบด้านใน ลกู กระสุน ความเรว็ ต้น : ๑,๔๗๘.๒๘ ม./วินาที สารประกอบลูกกระสุนเจาะเกราะ ทงั สเตน-คาไบด์ ใช้ในหวั ขอ้ คาสงั่ ยงิ วา่ \"เจาะเกราะ\" ชนวน ไม่มี การใช้งาน ต่อสู้รถถังหรอื เป้าหมายที่คล้ายรถถงั รหสั สี สีดาพร้อมตัวอกั ษรสีขาว
๖๕ กระสุนพลังงานเคมี (CHEMICAL ENERGY AMMUNITION) กระสุนพลังงานเคมี (ระเบิดต่อส้รู ถถงั -ส่องวถิ ี(HEAT-T)) เปน็ กระสุนรองที่ใช้ในการทาลายเกราะ ใช้ เป็นกระสุนหลกั ในการตอ่ ต้านปอ้ มสนาม บุคคล และเป้าหมายที่เป็นยานเกราะขนาดเบา ภายในบรรจุด้วยดิน ระเบิดแรงสูงแบบดนิ ระเบิดโพรง(Shape Charge) ซ่ึงจะเจาะเป้าหมายท่ีหุ้มเกราะ เมื่อปลายจมูกของตัวลูก กระสนุ กระทบเป้า ทาใหส้ ว่ นทา้ ยของดินโพรงผดิ รปู และจดุ ชนวนท้ายกระสนุ ขน้ึ ในขณะเดียวกนั กระแสไอพน่ ของแก๊สทเี่ กดิ ขึ้นจะรวมตัวกันและเจาะเกราะ เปา้ หมายดา้ นในท่ถี ูกทาลายมีสาเหตุที่เกิดจากผนังด้านในของ ปอ้ มปนื แตกกระจายเปน็ ช้ินเลก็ ๆ และจุดท่ีตกกระทบโดยตรงของกระแสไอพ่นจะเกดิ การเผาไหมท้ าใหเ้ กดิ เปน็ รขู องแท่งกระสนุ ขึ้น ผลกระทบของกระสนุ พลงั งานเคมี (CHEMICLE ENERGY AMMUNITION EFFECTS) กระแสไอพน่ ของแก๊สแรงดันสูง แผน่ เกราะ หรอื เป้าหมาย ดนิ ระเบดิ แรงสงู แบบ ดินโพรง กรวยทองแดง พลังงานท่ีผลิต ระยะศนู ย์เพลิง จากการจุดระเบดิ ชนวนเริม่ จุดทห่ี วั กระสนุ จุดระเบิดที่ทา้ ยกระสนุ เน่ืองจากความเร็วต้นท่ีต่ากว่าของกระสุนระเบิดต่อสู้รถถัง (HEAT-T) ทาให้ความแม่นยาไม่เท่ากับ กระสุนเจาะเกราะแบบ APFSDS-T หรือ APDS-T ในระยะที่ไกลกว่า ๒,๐๐๐ ม.-๒,๔๐๐ ม. อย่างไรก็ตาม เน่ืองจากว่ากระสุนชนิดน้ีอาศัยพลังงานเคมี และไม่ได้อาศัยแรงกระแทกจากความเร็วต้น จึงทาให้ ประสทิ ธิภาพในการทาลายเกราะที่ระยะ ๔,๐๐๐ม. เทา่ กบั ประสทิ ธภิ าพในการทาลายเกราะทร่ี ะยะ ๒๐๐ ม.
๖๖ กระสุนระเบิดต่อสูร้ ถถงั -ส่องวถิ ี เอม็ ๔๕๖เอ๑ (M456A1 HEAT-T) ปลอกกระสนุ ชนวน ชนวนจดุ ระเบดิ ดนิ ส่ง ดินส่องวถิ ี ที่ท้ายกระสนุ ดินโพรง แผน่ ฉนวนกาเนิดกระแสไฟฟ้า ครอบ ปลาย กระสนุ ดนิ ส่ง ครีบหาง ดา้ นในปลอก ปลอกรัดท้าย สะพานไฟ ระยะศูนยเ์ พลิง กระสุน กระสุน ด้านในกรวยทองแดง ความเร็วตน้ : ๑,๑๗๓.๔๘ ม./วินาที ใช้ในหัวข้อคาสั่งยิงว่า \"ระเบิดตอ่ สรู้ ถถงั \" ชนวน แบบเรมิ่ จุดทห่ี วั จุดระเบดิ ทที่ ้ายกระสนุ (เอม็ .456เอ1) แบบสวติ ช์เต็มพ้นื ทีด่ า้ นหน้าของตาบลตกกระทบ(เอ็ม๔๕๖เอ๒) การใช้งาน เปา้ หมายยานเกราะขนาดเบาและปอ้ มสนาม ใช้เปน็ กระสุนชนิด รอง สาหรับทาลายรถถังและเปา้ หมายทค่ี ล้ายรถถงั รหสั สี สีดาพรอ้ มตวั อักษรสเี หลือง คาเตอื น: ห้ามใช้กระสุนระเบิดต่อสูร้ ถถัง เอ็ม๔๕๖เอ๒ ยิงขา้ มศรีษะหน่วยทหารฝ่ายเดียวกัน ยกเวน้ เม่ือฝ่ายเราอยูใ่ นที่กาบังทเ่ี พียงพอ พนื้ ทีอ่ ันตรายจะยาวออกไปจากปากลากลอ้ งปนื ๑,๐๐๐ ม.(๑,๐๙๕) หลา และแยกออกไปดา้ นข้างของแนววถิ ีกระสุนข้างละ ๗๐ ม.(๗๗ หลา) ชนวนหัวรุ่นใหมส่ ามารถเกิดการระเบดิ แตกอากาศได้ แผนการบรรทกุ กระสุน (AMMUNITION STOWAGE PLAN) แผนการบรรทกุ กระสนุ เปน็ สว่ นหนึ่งของ รปจ.ของหน่วย ท่ีต้องการกาหนดการบรรทุกกระสุนของ รถถงั ทุกคันภายในหน่วยระดบั กองพนั กระสุนทุกชนิดที่บรรทุกในรถถังจะเก็บไว้ในช่องเก็บกระสุน ๔ แห่งที่ แยกจากกันตามแผนการบรรทุก ราวพร้อมรบที่พ้ืนรถ ราวพร้อมรบป้อมปืน ช่องเก็บท้ายป้อมปืนและตัวรถ ชอ่ งเก็บด้านซา้ ยและขวาของห้องพลขับ แผนการบรรทกุ นี้ควรจะรวมถงึ ตาแหนง่ ของกระสนุ ทง้ั หมด กาหนดความเร่งด่วนของกระสุนมูลฐาน ตามแบบและจานวนของกระสนุ ในเวลาค่ามดื เมื่อแสงสว่างภายในปอ้ มปนื ลดลงการมองเหน็ ในเวลากลางคืน ของพลประจารถจะถกู จากัด หรือเม่ือมีการเปลี่ยนท่ีต้ังยิงของรถถัง แผนการบรรทุกมาตรฐานจะช่วยให้พล บรรจุจดจาตาแหน่งของกระสุนท่ีกาหนดให้ในคาส่ังยิงข้ันแรกได้อย่างรวดเร็ว แผนการบรรทุกยังช่วยให้พล ประจารถรักษาจานวนยอดของกระสุน (ตามชนดิ ) ทไี่ ด้ทาการยงิ ไปแลว้ ได้
๖๗ การบรรทกุ กระสนุ ปืนใหญร่ ถถัง (MAIN GUN AMMUINITION STOWAGE) ปอ้ มปืน ช่องเกบ็ ป้อมปนื ปืน ตวั รถ พ้ืนป้อมปืน ราวพรอ้ มรบบนพน้ื ป้อมปนื สว่ นนเ้ี กบ็ กระสุนได้ ๓ นดั ชอ่ งเกบ็ ท้ายป้อมปนื ในสว่ นน้ีเกบ็ กระสุนได้ ในทอ่ เกบ็ แบบผนกึ กันกระแทกใต้ปนื ใหญ่ ๒๑ นดั แยกจากกนั ในแตล่ ะช่องเก็บ ราวพรอ้ มรบบนพื้นข้างป้อมปืน ส่วนนเ้ี กบ็ ได้ ๑๓ นดั ช่องเก็บที่ตัวรถด้านซ้ายและขวา(พลขบั ) ทง้ั สอง อยูท่ างด้านซา้ ยของปอ้ มปนื เพ่อื ความรวดเรว็ ในการบรรจุ สว่ นน้ีเกบ็ ได้ ๒๖ นดั ซา้ ย ๑๕ นัด ขวา ๑๑ นัด กระสนุ เจาะเกราะควรจะเก็บไว้ดา้ นบนและรอบนอกของชอ่ งเก็บท้ายปอ้ มปนื และตัวรถ เพ่ือป้อง กัน กระสุนระเบดิ ตอ่ ส้รู ถถังจากการเจาะของกระสนุ การบรรทกุ กระสุนทร่ี าวพร้อมรบพ้นื ป้อมขนึ้ อยูก่ ับสถานการณ์การปฏิบัติของข้าศึก ส่ิงท่ีช่วยป้องกัน กระสุนในตาแหนง่ น้กี ็ คือ ท่ีเกบ็ อยู่ต่ากว่าแหวนป้อมปนื เท่านน้ั กระสุนท่ใี ชใ้ นความมุ่งหมายพเิ ศษ (SPECIAL PURPOSE AMMM\\UNITION) กระสุนท่ีใช้ในความมุง่ หมายพิเศษจะรวมถงึ ชนดิ ทใ่ี ช้ในการฝึกพลประจารถถงั และกระสุนท่ีใชท้ าการ ฝกึ ยิงในสนามด้วยกระสนุ ฝึกยิงแทนกระสนุ ใชร้ บอกี ดว้ ย เช่น กระสนุ ฝกึ ยิงระเบดิ ต่อสู้รถถัง-ส่องวิถี เอ็ม๔๙๐ (M490 HEAT-TP-T) และกระสุนฝึกยงิ เจาะเกราะ-ส่องวถิ ี เอม็ ๗๒๔ (M724 TPDS-T) รวมทั้งกระสนุ ปืนใหญ่ที่ ใชใ้ นการรบ นอกเหนอื จากที่ใชส้ าหรบั ทาลายเปา้ หมายจากการยิงเลง็ ตรง กระสุนควันฟอสฟอรสั ขาว (WHITE PHOSPHORUS) วัตถปุ ระสงคห์ ลักของการใชก้ ระสนุ ควันฟอสฟอรัสขาว – สอ่ งวิถี (WP-T) คือ การช้ีเป้าหมายและทา ฉากกาบังเปา้ หมาย อยา่ งไรก็ตาม กระสนุ ชนิดนี้สามารถใชเ้ พื่อการเผาผลาญวัตถุ และเพ่ือผลทางจิตวิทยาได้ อกี ด้วย
๖๘ เม่อื กระสนุ ตกกระทบ ชนวนท้ายของลูกกระสุนจะจุดระเบิดส่วนบรรจุขึ้น ซึ่งจะทาให้ตัวลูกกระสุน แตก และกระจายฟอสฟอรัสขาวออกไป เม่ือฟอสฟอรัสขาวกระทบกบั อากาศ จะเกิดการเผาไหม้และผลิตควัน หนาสขี าวขน้ึ เม่ือฟอสฟอรสั ขาวสัมผัสวัตถุทตี่ ดิ ไฟได้หรือผิวหนงั จะติดแน่นและเผาไหม้ สาหรับการทาลายสูงสุด ตอ่ โครงสรา้ งทต่ี ดิ ไฟได้ ควรจะทาการยงิ กระสนุ ควนั ขาวเข้าไปในพน้ื ทที่ ีม่ ีสิ่งปกปิดลอ้ มรอบ เช่น บังเกอร์ หรือ บนพ้นื ของสง่ิ ปลกู สรา้ ง ถึงแม้ ว่ากระสุนควนั จะไมม่ ีขดี ความสามารถของกระสนุ ในการทาลายวตั ถุ แต่จะมผี ล ดา้ นจติ วทิ ยาต่อหนว่ ยทหารขา้ ศึก และมปี ระสิทธภิ าพในการใชง้ านร่วมกับกระสนุ ปนื ใหญช่ นดิ อืน่ ๆ อย่างดเี ลิศ สิ่งที่สาคญั สองจดุ ทีค่ วรจดจา คือ เมอื่ จับถือและเก็บรักษากระสุนควันขาว คือ ฟอสฟอรัสขาวในลูก กระสุนมคี วามไวต่อความร้อน และจะกลายเปน็ ของเหลวที่อุณหภูมิ ๑๑๑ F ไม่ควรนากระสุนท่ีวางเปิดเผย ต่ออุณหภูมิต่างๆ มาใช้งาน การเก็บรักษากระสุนโดยการวางในแนวนอนจะทาให้เกิดช่องอากาศภายในลูก กระสนุ ซ่งึ เป็นสาเหตทุ ่ีทาให้การแล่นของกระสนุ ผดิ ปกติเมอ่ื ทาการยงิ กระสนุ ควนั ฟอสฟอรสั ขาว-สอ่ งวิถี เอ็ม๔๑๖ (M416 WP-T) ปะเก็น ชนวน ตวั ลูกกระสนุ ท่ีใช้บรรจุฟอสฟอรัส ดินสอ่ งวิถี ขาว ชนวนท้าย ปลอกรัด หลอดบรรจุดนิ ระเบดิ ท้ายกระสนุ ๗๓๑.๕ ม./วินาที ความเร็วต้น : \"ควัน\" ใชใ้ นหวั ขอ้ คาส่ังยิงวา่ แบบเรม่ิ จดุ ระเบิดทท่ี า้ ยกระสนุ ชนวน ช้ีเปา้ หมาย,ทาฉากกาบงั หรอื เผาไหม้ การใช้งาน สเี ขียวออ่ นพรอ้ มแถบสเี หลืองและตวั อักษรสีแดง รหสั สี กระสนุ ฝกึ ยงิ (TARGET PRACTICE AMMUNITION) กระสุนฝึกยงิ เจาะเกราะ-สอ่ งวถิ ี (TP-T) ท่ีตัวลกู กระสนุ ไม่วัตถุชนิดอนื่ ๆ ประกอบอยู่ ใช้ในระหวา่ งการ ฝึกวิชาหลักยิงแทนกระสุนใช้รบ กระสุนฝึกยิงมีขีปนะวิธีใกล้เคียงกับกระสุนใช้รบในระยะท่ีกาหนดไว้ โดยเฉพาะ ถา้ ไกลเกนิ กวา่ ระยะท่ีกาหนดไว้ความแมน่ ยาจะลดลง กระสุนชนิดน้ีจะใช้ในหัวข้อคาสั่งยิงเร่ิมแรก ว่า “เจาะเกราะ” หรอื “ระเบิดต่อสรู้ ถถงั ” รหัสสีของกระสุนคือสีฟ้าอ่อนพรอ้ มตัวอกั ษรสขี าว
๖๙ กระสนุ ฝกึ บรรจ(ุ DUMMY AMMUNITION) พลประจารถถังใช้กระสุนฝึกบรรจุ สาหรับการฝึกและประเมินผลในกิจเฉพาะของวิชาหลักยิงท่ี เกีย่ วข้อง เชน่ การจับถอื การบรรทุกกระสุน และการบรรจุกระสุนปืนใหญ่ขนาด ๑๐๕ มม. กระสุนฝึกบรรจุ เป็นสิง่ อปุ กรณ์ทห่ี น่วยจัดหาข้นึ เองซง่ึ ไมม่ ีรหัสสีมาตรฐาน อาจจะเป็นสีดา สีทองเหลือง สีฟ้าอ่อน หรือสีของ กระสุนใชร้ บท่มี ีตวั อกั ษรสขี าวแทน การพสิ ูจนท์ ราบชนดิ กระสุนปนื กล (MACHINE GUN AMMUNITION IDENTIFICATION) สายกระสุน(LINK BELT) กระสุนปืนกล จะบรรจุไว้ในสายกระสนุ โลหะ กระสุนขนาด .๕๐ นว้ิ เอ็ม.๘๕ บรรจุอยู่ในสายกระสุน แบบเปดิ แบบเอม็ ๑๕ กระสุนขนาด .๕๐ น้ิว แบบเอ็ม๒เอชบี (HB) สาหรับปืนกลลากล้องรองแบบ เทลแฟร์ (TELFARE) บรรจอุ ยใู่ นสายกระสนุ ปดิ แบบเอม็ ๒ เมอ่ื เบกิ หรอื รับกระสนุ ขนาด .๕๐ นว้ิ เอม็ ๒ เอชบี ตรวจให้ แนใ่ จว่าเป็นสายกระสนุ ทถี่ กู ตอ้ ง กระสุนปนื กลร่วมแกนขนาด ๗.๖๒ มม.ใชส้ ายกระสุนแบบเปิด เอม็ ๑๓ สายกระสุน (LINK BELTS) ขนาด .๕๐ นว้ิ (สายแบบปดิ ) ขนาด .๕๐ น้วิ (สายแบบเปดิ ) ขนาด ๗.๖๒ มม. (สายแบบเปิด)
๗๐ การพสิ ูจน์ทราบชนดิ กระสุนปนื กลดว้ ยรหสั สี (IDENTIFICATION OF MACHINE GUN AMMUNITION BY COLOR CODE) กระสุนปนื กลสามารถพสิ ูจนท์ ราบได้ ตามชนิด ขนาด แบบ และหมายเลขงวดงาน รหสั สบี นปลายลกู กระสนุ หรือแถบสีจะกาหนดชนดิ กระสุน และทาเคร่ืองหมายติดไว้บนกล่องบรรจกุ ระสุนเชน่ กัน สหี รือแถบสบี นปลายลกู กระสนุ ชนดิ ของ กระสนุ สีดา………………………………………………………………. กระสนุ เจาะเกราะ (AP) สเี งิน……………………………………………………………… กระสุนเจาะเกราะเพลงิ (API) สแี ดงและสีเงิน…………………………………………………… กระสุนเจาะเกราะเพลงิ -ส่องวิถี (API-T) สแี ดง……………………………………………………………… กระสนุ ส่องวิถี(TRACER) ไม่มีส…ี …………………………………………………………… กระสนุ ธรรมดา(BALL) สเี ขยี วและสขี าว…………………………………………………… กระสุนปราบจลาจล (Frangible) ขอ้ สงั เกต. กระสุนฝกึ บรรจุ กาหนดไว้ดว้ ยการทาร่องหรอื เจาะรทู ี่ปลอกกระสุน ใชส้ าหรบั ทาการฝึกบรรจุ ตรวจความปลอดภยั การแกไ้ ขเหตตุ ิดขดั ฉับพลัน กระสุนฝกึ ยงิ จะกาหนดโดยการใชส้ ที จ่ี ุกของลูกกระสนุ ของกระสุนขนาด .๕๐ นิ้ว และปลอกท่ี ต่อยื่นยาวออกมา และทจี่ กุ หวั กระสนุ สาหรบั กระสุนขนาด ๗.๖๒ มม. กระสนุ ลกู ระเบดิ ยงิ ควัน(SMOKE GRENAGE AMMUNITION) กระสนุ ลูกระเบิดยิงควันแบบ แอล8เอ1 / แอล8เอ3 ใช้ทาการยงิ จากเครอ่ื งยงิ ลูกระเบดิ ที่ตดิ ต้ังอยู่บน รถถงั เอ็ม๖๐เอ๓ใช้สาหรบั ทาฉากควนั ป้องรถถงั และพลประจารถ ถ.เอ็ม๖๐เอ๓ติดต้ังเคร่ืองยิงลูกระเบิดบน ปอ้ มปืนสองชดุ ขา้ งละ ๑ ชุด เครือ่ งยิงลูกระเบดิ ๑ ชดุ บรรจุลกู ระเบิดยงิ ได้ ๖ ลูก คาเตอื น : ลูกระเบดิ ยงิ ควันบรรจุฟอสฟอรสั แดง ผลิตไฟเคมีสีแดง และเป็นอันตรายต่อกาลังพลท่ีเปิดเผยตัว ออกมานอกรถ คณุ ลกั ษณะ (DESCRIPTION) ตวั ลกู ระเบดิ ประกอบด้วย ตัวลูกระเบิดทาด้วยยางรูปทรงกระบอก และฐานโลหะ ตัวลูกระเบิดยาง บรรจฟุ อสฟอรสั แดง ๓๖๐ แกรม และยาง C4H9 ในอตั ราสว่ น ๙๕:๕ และชนวนระเบดิ กลางทมี่ ีดินดา ๑๕ แก รม ฐานโลหะประกอบด้วย เครือ่ งตอ่ วงจรการยงิ ดว้ ยไฟฟา้ ชนวนไฟฟ้า ดนิ สง่ (ดนิ ดา ๓ แกรม) และชนวนถ่วง เวลาตามกาหนด/ชนวนผสม (ดินดา ๐.๒๖ แกรม สาหรบั แบบ แอล๘เอ๑ ๐.๓๖ แกรมสาหรับแบบแอล๘เอ๓) การทางาน (FUNCTION) ลูกระเบดิ ยงิ ควนั จะถกู ยงิ ดว้ ยเคร่อื งล่นั ไกไฟฟ้าจากตาแหนง่ ของ ผบ.รถ ซึ่งผบ.รถ สามารถทาการยิง เป็นส่วนๆ (๖ นัด - ข้างละ3 นัด เช่น ระดมยิงซ้ายหรือระดมยิงขวา) หรือทาการยิงท้ัง ๑๒ นัดในครั้งเดียว ชนวนไฟฟา้ จะจุดดินสง่ ในขณะเดียวกันกท็ าการจดุ ชนวนถว่ งเวลา แรงดันของดินส่งจะส่งตัวลูกระเบิดออกไป จากเคร่ืองยิง ในระหวา่ งแล่นชนวนถ่วงเวลาจะเผาไหม้โดยต่อเนื่อง(ประมาณ ๓/๔ของวินาที) และจุดชนวน
๗๑ ระเบิดกลาง ชนวนกลางจะระเบิดทาให้ตัวลกู ระเบดิ ยางแตกและจดุ สว่ นผสมให้กระจายออกไปภายในเวลา ๒- ๖ วนิ าที หลงั จากท่ียงิ ลกู ระเบดิ ออกไป ผลของกลมุ่ ควันจะสร้างตวั กว้างประมาณ ๓๐ ม. ห่างจากตัวรถ กลุ่ม ควนั จะมีความสูงประมาณ ๘-๑๐ ม. และบดบงั ดา้ นหนา้ ตดั กับตวั รถกวา้ งประมาณ ๖๐-๗๐ ม. กลุ่มควันจะคง สภาพอยนู่ านประมาณ ๑-๓ นาที ขึ้นอยกู่ บั สภาพเง่อื นไขของลมและอากาศ คณุ ลกั ษณะของฉากควัน และการ ใช้งานไดก้ ลา่ วไว้แล้วใน บทท่ี 9 เรื่องโปรแกรมการฝึกรถถังในการรบ และ ผนวก ฉ. เรื่องเทคนิคการใช้ ฉากควันที่ตดิ ตง้ั บนรถ ลูกระเบิดยิงควนั แอล๘เอ๑/แอล๘เอ๓ (L8A1/L8A3 SMOME GRENAGE) ตัวลูกระเบิดยาง ฟอสฟอรัส แดง/ หลอดบรรจุ สารประกอบ ชนวนระเบดิ ยาง C4H9 ชนวนดินระเบดิ ถ่วงเวลา มม. นวิ้ ฐานกันแก๊สยดึ ดว้ ยโครง โลหะ ดินดา ดินระเบิดนา ชอ่ งปรับ ดนิ ส่งและ ชนวนไฟฟา้ ใชใ้ นหวั ขอ้ คาสง่ั ยิงวา่ \"ลกู ระเบิดควัน\" ชนวน แบบจดุ ระเบดิ ท่ที ้ายกระสุน การใช้งาน ทาฉากควัน
๗๒ สรุป(SUMMARY) ความสาเร็จของกองกาลงั ยานเกราะ ยอ่ มข้ึนอยกู่ บั ประสิทธิภาพในการใชก้ ระสุนท่ีถกู ตอ้ งเพ่ือต่อสู้ กบั เป้ าหมายในสนามรบ ทางเลอื กในการใชก้ ระสุนของ ผบ.รถ ในระหวา่ งการทาการยงิ จะข้ึนอย่กู บั ลกั ษณะ และระยะของ เป้ าหมาย เช่นเดียวกบั ชนิดกระสุนที่มอี ยู่ การแบ่งประเภทของชนิดกระสุนข้ึนอยกู่ บั ชนิด และการใชง้ าน กระสุนเจาะเกราะ-ส่องวถิ ี (APFSDS-T และ APDS-T) เป็นกระสุนหลกั ท่ีใชใ้ นการทาลายเกราะ และเป็นกระสุนท่ีมคี วามแมน่ ยามากท่ีสุดที่มอี ยู่ กระสุนระเบิดต่อสูร้ ถถงั -ส่องวิถี (HEAT-T) เป็ นกระสุนรองท่ีใชใ้ นการทาลายเกราะ และเป็ น กระสุนท่ีชอบใชก้ นั มากในการทาลายป้ อมสนาม สงั หารบุคคล และยานเกราะขนาดเบา กระสุนฝึ กยงิ เป็ นกระสุนท่ีมีขีปนะวิธีใกลเ้ คียงกบั กระสุนจริง ยิงไดไ้ กลออกไปตามระยะท่ี กาหนดไวโ้ ดยเฉพาะ ถา้ ระยะไกลเกินกว่าที่กาหนดความแมน่ ยาจะลดลง
๗๓ บทที่ ๖ การยิงเล็งตรง (DIRECT FIRE) ระบบควบคมุ การยงิ ในรถถัง เอ็ม ๖๐เอ๓ ไดถ้ ูกออกแบบมาใหท้ าการยิงและทาลายเปา้ หมายดว้ ยการ ใชว้ ิธีการยิงเล็งตรงแบบประณีต การยิงเล็งตรงท่ีกล่าวถึงก็คือ การท่ีพลประจารถมีขีดความสามารถในการ มองเห็นเป้าหมายที่จะทาการยิงผ่านกล้องยิงเล็งตรงของตน เทคนิคการยิงแบบประณีตจะถูกนามาใช้ เมื่อ ระบบควบคุมการยิงไดร้ บั คา่ ตัวแกป้ ญั หาทางขปี นวธิ อี ย่างสมบูรณแ์ ล้ว ในบทน้จี ะกล่าวถึงเรื่องของคาสั่งยงิ และหน้าที่ของพลประจารถ หลักการยิงแบบประณตี หลกั การยงิ เมอื่ เครื่องควบคุมไม่สมบูรณ์ หลกั การยิงหลายเปา้ หมายและการยิงเปา้ หมายดว้ ยอาวธุ สองชนิดพร้อมกัน การ ปรบั การยิงเล็งตรง เครื่องควบคุมการยิงเพ่ิมเติม และแหล่งที่มาของความผิดพลาด สาหรับการใช้ปืนกลได้ กลา่ วไว้แล้วใน บทที่ ๗ เรอ่ื ง ปนื กล การบรรจกุ ระสนุ พร้อมรบ (BATTLE CARRY) การบรรจกุ ระสนุ พรอ้ มรบ เป็นสภาวะทป่ี นื ใหญ่รถถังทาการบรรจุกระสนุ และพลยงิ กดแป้นเลือกชนิด กระสนุ ตามชนิดของกระสุนที่บรรจอุ ยู่ แล้วตั้งระยะของศูนย์รบให้พร้อมใช้งานด้วยเคร่ืองคานวณ นอกจากนี้ ยงั ผลกั สวทิ ช์เลือกใชม้ าตราของกลอ้ งเลง็ รองตามชนิดกระสนุ ที่บรรจไุ ว้ ปรับตั้งปัจจัยค่าตัวแก้ให้กับกล้องเล็ง รอง และผลักสวทิ ชค์ วบคมุ การใชง้ านของเคร่อื งหาระยะไปไว้ทต่ี าแหนง่ AUTO พลประจารถจะบรรจุกระสุนพร้อมรบให้กับรถถังก่อนท่ีจะเคลื่อนที่เข้าสู่สถานการณ์ทางยุทธวิธี รูปแบบของการยิงทั้งหมดจะเริ่มต้นจากสภาวการณ์เช่นน้ี การปฏิบัติดังที่กล่าวมาจะช่วยให้พลประจารถ สามารถดารงสภาพของระบบควบคมุ การยิงให้พร้อมที่จะทาการยิงได้ตลอดเวลา การบรรจุกระสุนพร้อมรบ เป็นการปรบั ตั้งระบบตา่ งๆ โดยพลประจารถไว้ล่วงหน้า เม่ือ ผบ.รถ ออกคาส่ังว่า “บรรจุกระสุนพร้อมรบ - เจาะเกราะ (ระเบิดต่อสรู้ ถถงั ) – หน่งึ สองร้อย (เก้ารอ้ ย)” พลยิงเมอื่ ได้รบั คาสัง่ ใหบ้ รรจกุ ระสุนพร้อมรบ จะ กดแป้นเลือกชนิดกระสนุ บนกลอ่ งเลอื กตามท่ไี ด้รบั คาสัง่ แล้วรายงานว่า “เจาะเกราะ (ระเบิดต่อสู้รถถัง) ต้ัง แล้ว” จากน้นั ตง้ั ระยะทแ่ี ปน้ ต้ังระยะด้วยมือท่ีหีบควบคุมของพลยิง (GCU) แล้วรายงานระยะท่ีปรับต้ังให้ ผบ.รถ ทราบว่า (“หนึ่งสองร้อย - ตั้งแล้ว”) พลยิงจะผลักสวิทช์ควบคุมเครื่องหาระยะ MANUAL/RANGEFINDER ไปท่ีตาแหนง่ RANGEFINDER
๗๔ พลบรรจุจะบรรจกุ ระสุนตามที่ได้รับคาส่ังแล้วรายงานว่า “เจาะเกราะ (ระเบิดต่อสู้รถถัง) พร้อม” โดยปล่อยกระเด่อื งสวทิ ชน์ ิรภัยปนื ใหญข่ องพลบรรจใุ ห้อยูใ่ นตาแหน่ง SAFE รปจ. ของหนว่ ยจะระบุระยะของ ศนู ยร์ บเอาไว้ซึง่ ข้นึ อยู่กับการวิเคราะห์ภารกจิ ขา้ ศกึ ภูมปิ ระเทศ กาลัง เวลาทม่ี ีอยู่ และสภาพอากาศ (METT- T) ของผบ.หนว่ ย การบรรจกุ ระสนุ พรอ้ มรบควรคานึงถึงเป้าหมายท่ีคาดวา่ จะเป็นไปได้มากท่สี ดุ และระยะทา การยิงท่ีหนว่ ยของเราจะต้องเผชิญ หัวข้อคาสงั่ ยิง (ELEMENTS OF A FIRE COMMAND) การยงิ เลง็ ตรงทั้งปวงจะต้องเร่ิมตน้ ด้วยคาสงั่ ยงิ คาสง่ั ยงิ เริม่ แรกเป็นการประสานความพยายามในการ ปฏบิ ตั ิของพลประจารถ เพือ่ ลดความยงุ่ ยาก และช่วยใหพ้ ลประจารถทาการยิงตอ่ เปา้ หมายได้เร็วขึ้น คาส่ังยิง ประกอบดว้ ยหัวขอ้ การปฏบิ ตั ิที่พลประจารถจะตอ้ งบรรจุกระสุน เล็งและทาการยงิ อาวุธประจารถถัง หัวขอ้ คาสัง่ (FIRE COMMAND ELEMENTS) คาสั่งยงิ ประกอบด้วยหวั ข้อคาส่ัง ๖ หวั ขอ้ ตามรปู แบบต่อไปน้ี คาเตอื น ชนดิ กระสุน/อาวุธ ลกั ษณะเปา้ หมาย ทิศทาง ระยะ การปฏิบัติ คาเตือน (Alert) เป็นหวั ขอ้ แรกของคาสั่งยงิ เป็นการเตือนให้พลประจารถทราบวา่ จะมีการยิง และบอกด้วย ว่าใครจะเป็นผทู้ าการยงิ หวั ข้อคาเตอื นในการยิงด้วยปนื ใหญห่ รือปนื กลร่วมแกน คอื “พลยิง” เมื่อผบ.รถ จะทาการยิงอาวุธของตน ผบ.รถ จะออกคาสั่งเฉพาะหัวข้อคาเตือนเท่านั้น ด้วยคาว่า “ขนาดหา้ สิบ” เป็นการเตอื นใหพ้ ลประจารถทราบว่า ผบ.รถ จะทาการยิงเป้าหมายด้วยอาวุธของตน พลยิง จะตอ้ งชว่ ยตรวจผลการยงิ ใหก้ บั ผบ.รถ ในขณะทีผ่ บ.รถ ทาการยงิ พลบรรจจุ ะรับผิดชอบในการคน้ หาเปา้ หมาย ในเขตรบั ผิดชอบของผบ.รถ (ถา้ ทาได)้ และเมอ่ื ผบ.รถยิงจบ จะแจง้ ให้ทราบวา่ “ผบ.รถยงิ จบ” ชนิดกระสนุ /อาวธุ (Ammunition or Weapon) หัวขอ้ ทสี่ องของคาสง่ั ยิงเปน็ การแจ้งเตือนให้พลประจา รถทราบวา่ จะใช้กระสนุ หรอื อาวธุ ชนดิ ใดทาการยิง ถา้ ผบ.รถ ตกลงใจท่จี ะใช้ปนื ใหญท่ าการยงิ ตอ่ เปา้ หมาย จะ ออกคาส่ังให้ทราบว่าจะใช้กระสนุ ชนดิ ใดหนงึ่ ชนดิ หน่งึ ตามคาศพั ทเ์ ฉพาะ ดงั ต่อไปน้.ี -
๗๕ ชนดิ กระสุน ใชใ้ นคาสั่งยงิ ว่า เจาะเกราะสลัดครอบทิ้งเองทรงตัวดว้ ยครบี -ส่องวถิ ี (APFSDS-T)..………. “เจาะเกราะ” เจาะเกราะสลดั ครอบทง้ิ เอง-สอ่ งวิถี (APDS-T)……………………………. “เจาะเกราะ” ระเบดิ ต่อสรู้ ถถัง-สอ่ งวิถี (HEAT-T)………………………………………. “ระเบดิ ตอ่ สูร้ ถถงั ” ระเบดิ พลาสติก-สอ่ งวิถี (HEP-T)………………………………………….. “ระเบดิ พลาสตกิ ” ควนั ฟอสฟอรสั ขาว-ส่องวถิ ี (WP-T)………………………………………. “ควนั ” ข้อสังเกต: ถ้ามกี ารบรรทุกกระสนุ พลงั งานจลยผ์ สมกนั ใช้ รปจ.ของหนว่ ยกาหนดคาสง่ั ตามชนดิ กระสุนที่ แตกต่างกันนน้ั เมือ่ กาหนดใหใ้ ช้ปนื กลทาการยิง ผบ.รถ จะใชค้ าส่ังวา่ “ร่วมแกน” สาหรบั ปนื กลรว่ มแกนเอม็ ๒๔๐ ทตี่ ิดตั้งอยู่ หรอื “ขนาดห้าสิบ” สาหรับปืนกลของ ผบ.รถ ลกั ษณะเป้าหมาย (Description) หวั ข้อทส่ี ามของคาสัง่ ยิงเริ่มแรกเป็นการกาหนดเป้าหมายให้พลยิงทราบ ถา้ มเี ปา้ หมายทคี่ ล้ายๆ กนั หลายเป้าหมาย จะเปน็ การบอกพลยิงให้ทราบว่าจะต้องทาการยิงเป้าหมายใดก่อน เปา้ หมายแต่ละเป้า สามารถกาหนดได้ตามหัวข้อใดหัวขอ้ หน่ึงต่อไปน้ี .- ประเภทของเปา้ หมาย ใชใ้ นคาส่ังยงิ วา่ รถถงั หรือเปา้ หมายทค่ี ลา้ ยรถถัง…..……………………………… “รถถงั ” เป้าหมายทไ่ี ม่ได้หมุ้ เกราะ…………………………....................... “รถบรรทุก” รถสายพานลาเลยี งพล……………………………………............. “รถสายพาน” เฮลคิ อปเตอร…์ ………………..…………………………………. “คอปเตอร”์ เครอื่ งบนิ ปกี ติดลาตัว………………………………………........... “เครื่องบนิ ” กาลงั พล…………………………………………………..……….. “หนว่ ยทหาร” ปืนกล……………………………………………………………… “ปนื กล” ปืนตอ่ สรู้ ถถงั จรวดตอ่ สรู้ ถถงั หรอื ปนื ใหญล่ ากจงู ………………... “ปืนต่อส้รู ถถงั ” เป้าหมายอนื่ ๆ ………….............…ใชค้ าสงั่ ทเ่ี ป็นไปไดส้ ัน้ ๆ เขา้ ใจง่ายบอกลกั ษณะของเป้าหมายน้ันๆ เป้าหมายทผี่ สมกันหลายประเภท เชน่ รถบรรทกุ ทต่ี ดิ ต้ังระบบจรวดตอ่ สูร้ ถถัง สามารถใช้บ่งชี้ลักษณะ โดยใชค้ าศัพทร์ วมได้ ในกรณีนี้จะใช้คาว่า “รถบรรทุกปืนต่อสู้รถถัง” ทุกครั้งท่ีพลยิงเห็นเป้าหมายจะต้อง รายงานวา่ “ทราบแล้ว” ถ้ามเี ปา้ หมายหลายเปา้ ผบ.รถ จะแจง้ จานวนของเป้าหมายที่พบให้ทราบ เช่น“พลยิง–เจาะเกราะ- รถถังสองคัน” จากนนั้ ผบ.รถ จะกาหนดเป้าหมายว่า เปา้ หมายใดจะต้องทาการยิงก่อน (“คันขวา”) ผบ.รถ อาจจะออกคาส่ังยิงอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจนกระทัง่ เป้าหมายทง้ั หมดถูกทาลายหรือตรวจการณ์ไม่พบอีก ถ้าเป้าหมาย
๗๖ กาลงั เคล่ือนที่จากซ้ายไปขวา หรือจากขวาไปซ้าย ผบ.รถ จะใชค้ าส่งั ว่า “กาลงั เคลอ่ื นท่ี” ก่อนที่จะออกคาส่ัง ในหัวขอ้ ของลักษณะเป้าหมายตอ่ ไป ทศิ ทาง (DIRECTION) ผบ.รถ สามารถเว้นหวั ขอ้ ท่ี ๔ นไ้ี ด้ ถ้าเป็นผู้วางทิศทางและยกมุมสูงของปืนให้ ถ้าไม่ สามารถทาได้ ผบ.รถ จะใช้หวั ข้อใดหัวขอ้ หนึ่งของวิธกี ารดังตอ่ ไปน้ี วธิ กี ารหมุนปอ้ มปืน (Traverse Method) ผบ.รถ จะออกคาสงั่ ต่อพลยิงวา่ “หมนุ - ซ้าย (ขวา)” พลยงิ หมนุ ปอ้ มปนื อยา่ งรวดเร็วไปตามทิศทาง ของคาสั่ง เมือ่ แนวลากล้องปืนใกล้เป้าหมาย ผบ.รถ จะสั่งว่า “ช้า” พลยิงจะต้องหมุนป้อมปืนช้าลง เม่ือลา กลอ้ งปนื อยูต่ รงกับเป้าหมาย ผบ.รถ จะส่งั วา่ “ หยดุ ” เป้าหมายควรจะอยูใ่ นยา่ นการเห็นของพลยงิ พอดีและ พลยงิ จะรายงานวา่ “ทราบแลว้ ” ถ้าพลยิงไม่พบเป้าหมายจะรายงานว่า “ไม่พบเป้าหมาย” ผบ.รถ จะต้อง ออกคาสั่งในหัวข้อของทศิ ทางเพ่ิมขึ้นและส่ือสารกบั พลยงิ ตอ่ ไปเพื่อนาให้พลยิงพบเป้าหมาย โดยใช้กล้องเล็ง เลเซอร์ หรอื กล้องเลง็ ภาพความรอ้ น(TTS) ของตนเองทาการบง่ บอกทศิ ทาง จุดอา้ งและมมุ ทิศ Reference Point and Deflection) จุดอ้างจะต้องเป็นจุดท่ีพลยิงสามารถจดจาได้ง่าย ตัวอย่างเช่น ผบ.รถ อาจจะใช้คาส่ังว่า “จุดอ้าง- สะพาน-หมุนขวา” เม่ือพลยิงเห็นจุดอ้างแล้วให้รายงานการเห็นจุดอ้างแล้วหมุนขวาเพื่อทาการค้นหา เป้าหมายต่อไป ผบ.รถ อาจจะแจ้งรายละเอียดของเป้าหมายเพ่ิมข้ึนด้วยการบอกลักษณะและที่ตั้งของ เป้าหมาย ช้ีเปา้ ด้วยแสงสอ่ งวถิ ี (Marking Targets with Tracers (Caliber .50)) การใชป้ ืนกลขนาด .๕๐” ชเี้ ป้า เป็นวิธีการที่พึงประสงค์น้อยที่สุดในการวางทิศทางปืน ซ่ึงควรจะใช้ เมื่อมคี วามจาเป็นต้องทาการยิงข่มต่อเปา้ หมายในทันที และพลยงิ ไม่สามารถมองเห็นเป้าหมายได้ ปืนใหญ่และ ปืนกล .๕๐” จะตอ้ งอยใู่ นแนวพ้นื ที่เป้าหมายเดียวกัน เพ่ือให้พลยิงสามารถมองเห็นแสงส่องวิถีได้ ผบ.รถจะ ออกคาสง่ั ยงิ ๓ หัวข้อแรก ตามด้วยประโยคต่อไปนี้ “ดูแสงส่องวิถีข้าพเจ้า” (“พลยิง-เจาะเกราะ-รถถัง-ดู แสงส่องวิถขี า้ พเจา้ -ขนาดห้าสิบ”) ระยะ (RANGE) ผบ.รถ สามารถเว้นหวั ขอ้ ทีห่ า้ น้ไี ด้ ถา้ เคร่ืองหาระยะใชง้ านได้ เม่อื เคร่ืองหาระยะทางานได้พล ยิงจะยิงเลเซอรห์ าระยะไปยงั เปา้ หมายทุกๆ เป้า แลว้ ผบ.รถ จะทาการประเมินค่าระยะของเป้าหมายน้ันๆ ถ้า เครอื่ งหาระยะไมส่ ามารถใช้งานไดห้ รือเกิดจากสภาพแวดล้อมไม่เอือ้ อานวยให้ใชง้ านได้ ผบ.รถ อาจใช้วิธีใดวิธี หนึ่งในสองวิธตี อ่ ไปน้ี ระยะท่ีทราบแล้ว (Known Range) ใช้ระยะที่ทราบแล้วกับเป้าหมายที่อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม จะช่วยให้พลประจารถลดเวลาในการยิง และเพ่ิมความแมน่ ยามากข้ึนโดยต้ังระยะที่ทราบแล้วของรถถังถึงเป้าหมาย ระยะที่ทราบแล้วสามารถนามา จากแผ่นจดระยะหรอื จากเป้าหมายท่ที าการยงิ มากอ่ น
๗๗ การกะระยะ (Estimated Range) ในขณะท่ีทาการยิงเป้าหมายอยู่แล้วเครื่องหาระยะไม่สามารถใช้งานได้และไม่ท ราบระยะ ผบ.รถ จะต้องกะระยะไปยังเป้าหมาย ดใู นบทที่ ๔ เร่ือง การหาระยะ ถ้า ผบ.รถ สั่งว่า “หนึ่งแปดร้อย” พลยิงต้อง เปล่ยี นไปใชก้ ล้องเลง็ รอง แลว้ ใชร้ ะยะทีถ่ กู ตอ้ งของเสน้ มาตราประจากล้องเลง็ การเล็ง ถ้าผบ.รถ ออกคาส่ังว่า “ต้ังระยะหนง่ึ แปดร้อย” พลยิงผลักสวิทช์ MANUAL/RANGEFINDER ไปที่ MANUAL แล้วต้ังระยะด้วยควง ตั้งระยะบนหบี ควบคุมของพลยงิ จากนัน้ ใชก้ ลอ้ งเลง็ หลักทาการเล็ง ข้อมูลของระยะที่ใช้ในคาสั่งยิงจะใช้เป็น จานวนเต็มรอ้ ย เต็มพนั หรอื ใช้ตัวเลขเป็นตวั ๆ ระยะ ตวั อยา่ งของการออกคาส่ังในหวั ข้อระยะ เอม็ ๑๐๕ ดี ๙๐๐ ม. (หีบควบคมุ ของพลยงิ (GCU)) ใช้คาสั่งวา่ ๒,๐๐๐ ม. “เก้าร้อย” ๑,๑๐๐ ม. ใชค้ าสง่ั ว่า “สองพัน” ๘๖๐ ม. “ต้ังระยะเกา้ รอ้ ย” “หน่ึงหนง่ึ รอ้ ย” ๓,๐๔๐ ม. “ตัง้ ระยะสองพัน” “แปดหกศูนย์” “ตัง้ ระยะหน่ึงหนงึ่ รอ้ ย” “สามศูนย์สีศ่ นู ย์” “ตัง้ ระยะแปดหกศนู ย์” “ตงั้ ระยะสามศูนยส์ ่ีศนู ย์” การปฏิบตั ิ (EXECUTION) เมอ่ื พลประจารถสนองตอบตอ่ หัวขอ้ แรกของคาส่งั ยงิ เริม่ แรกแล้ว ผบ.รถ จะออกคาสง่ั หวั ขอ้ การปฏบิ ตั ิ ก่อนทีจ่ ะออกคาสง่ั หัวข้อการปฏิบตั ิ ผบ.รถ จะต้องใชด้ ลุ ยพนิ จิ ของตนเพอื่ ยืนยัน เปา้ หมายตามกรรมวิธีท่ีกล่าวไว้ ใน บทท่ี ๓ เร่ือง การค้นหาเป้าหมาย หรืออย่างน้อยท่ีสุด ผบ.รถ จะต้อง ยืนยันอีกคร้ังหน่ึงว่าเป้าหมายนั้นเป็นข้าศึกก่อนท่ีจะทาการยิง โดยอาจใช้จากหัวข้อคาส่ังจาก ๔ หัวข้อ ดงั ตอ่ ไปน.ี้ - “ยิง” คาว่า “ยิง” บอกให้พลยงิ ทราบวา่ ใหท้ าการยิงเม่ือพรอ้ ม “ตามคาสัง่ ขา้ พเจา้ ” ถา้ ผบ.รถ ตอ้ งการชะลอการยงิ ไวก้ ่อน จะใช้คาสั่งวา่ “ตามคาสั่งข้าพเจ้า” แลว้ ตามดว้ ยคาส่ังว่า “ยงิ ” เม่ือพรอ้ มท่จี ะให้ยิง “จากตาแหน่งข้าพเจ้า” ตามปกตพิ ลยิงจะเปน็ ผทู้ าการยิงต่อเป้าหมายปืนใหญท่ งั้ หมด อย่างไรก็ ตาม ถา้ พลยงิ ไม่สามารถมองเหน็ เป้าหมายที่ต้องการได้ ผบ.รถ จะทาการยิงเป้าหมายโดยใชเ้ คร่อื ง ล่ันไกบนคันบังคับด้วยไฟฟ้าของตนทาการยิง โดยใชค้ าเตือนว่า “จากตาแหน่งข้าพเจ้า” ตรวจ ภาพการเล็งท่ีถกู ต้อง ยงิ เลเซอร์ไปยังเป้าหมาย ตรวจสอบค่าตัวแก้ของเคร่ืองควบคุมการยิง จัด ภาพเลง็ คร้งั สดุ ท้าย เตือนว่า “ระวงั ” แล้วลนั่ ไก ถ้าพลยงิ เห็นเปา้ หมายหลงั จากที่ ผบ.รถ ยิงจาก ตาแหน่งของตนเองไปแลว้ พลยิงจะรายงานวา่ “ทราบแล้ว” ผบ.รถ มอบการควบคุมป้อมปืนคืน ใหพ้ ลยิงหรอื อาจจะสิ้นสุดการยิงจากตาแหน่งของผบ.รถ เพื่อให้การควบคุมทั้งหมดดารงไว้และ แน่ใจได้วา่ มีการคน้ หาเป้าหมายอยา่ งตอ่ เน่อื ง ผบ.รถ ควรส่งมอบการควบคุมป้อมปนื คนื ให้กบั พล
๗๘ ยงิ ในทันทที พี่ ลยงิ รายงานว่าเห็นเป้าหมายแลว้ การสง่ มอบการควบคุมคืนให้กับพลยิง ผบ.รถ จะ ออกคาสั่งวา่ “ยงิ ” “ยงิ และปรบั การยงิ ” เมือ่ ใดก็ตามท่ีผบ.รถ รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถช่วยเหลือพลยิงในการปรับ การยิงได้ ผบ.รถ จะออกคาสง่ั ว่า “ยงิ และปรับการยงิ ” เปน็ การบอกให้พลยงิ ทราบวา่ จะไมไ่ ด้รับ คาสัง่ ยงิ ขั้นตอ่ มาอกี และพลยงิ จะตอ้ งจบการยิงด้วยตนเอง ขอ้ สงั เกต : คาวา่ “ระวงั ” ถึงแม้ไม่ไดเ้ ป็นส่วนหนง่ึ ของคาสั่งยิง แตจ่ ะเป็นคาเตอื นท่ีต้องแจ้งเตอื นให้ทราบ ทกุ คร้ังไมว่ า่ ใครจะเป็นผทู้ าการยงิ กต็ าม ผ้ทู ่ีทาการยงิ จะบีบไกปืนเมอ่ื ส้ินสดุ คาว่า “ระวงั ” การสิ้นสุดการยิง (Termination of Engagement) ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หัวข้อคาส่ังยิง ผบ.รถ หรือพลยิง จะตอ้ งแจ้งให้ทราบดว้ ยคาว่า “เปา้ หมาย-หยดุ ยงิ ” หรอื “หยุดยิง” เมอ่ื จบการยิงปนื ใหญ่หรอื ปนื กลรว่ มแกน เมอ่ื ผบ.รถจบการยิงอาวุธของตนเองจะแจ้งเตอื นว่า “ผบ.รถยิงจบ” การทวนคาส่งั (REPEATING COMMAND) เมอ่ื พลประจารถไม่เขา้ ใจหวั ขอ้ คาสัง่ ยงิ ขอ้ ใดขอ้ หนึ่ง จะต้องรายงานหัวข้อคาส่ังนั้นในรูปของคาถาม ตัวอยา่ งเชน่ ถา้ พลยิงหรอื พลบรรจุรายงานว่า “ชนิดกระสุน” ผบ.รถ จะออกคาสั่งเฉพาะหัวข้อชนิดกระสุน เทา่ น้นั (“เจาะเกราะ”) การแกไ้ ขข้อผิดพลาดของคาสัง่ ยิงเรมิ่ แรก ผบ.รถ จะเตอื นวา่ “ผดิ หยุด” และแก้คาสั่งยิงโดยเริ่มด้วย หวั ขอ้ คาส่งั ยิงท่ีผิด และทวนคาสั่งยิงในหัวขอ้ น้ันใหม่ ถา้ หัวข้อลกั ษณะเป้าหมายผดิ ผบ.รถจะส่งั วา่ “ผิดหยุด” และออกคาสั่งยงิ ทเ่ี หลือต่อไป ตวั อย่างเช่น “พลยิง-เจาะเกราะ-รถสายพาน-ผิดหยุด-รถถัง-ยิง” ไม่มีความ จาเป็นท่ีจะต้องแก้คาสั่งยิงท่ีผิดพลาดตามลาดับใหม่แต่เพ่ือการป้องกันและช่วยให้พลประจารถปฏิบัติตาม หน้าทไ่ี ด้อยา่ งถกู ตอ้ ง ถา้ ขอ้ ผดิ พลาดนน้ั เป็นสาเหตุที่ทาให้สับสน ผบ.รถ จะส่ังว่า “ผิดหยุด” แล้วตามด้วย หวั ข้อคาส่ังยงิ ใหม่ท้ังหมด การแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดในคาสัง่ ยงิ ขัน้ ตอ่ มา ผบ.รถ จะสง่ั วา่ “ผิดหยุด” และทวนหัวข้อคาส่ังยิงท้ังหมด ตวั อยา่ งเช่น “หนา้ -ลด หน่งึ -ผิดหยุด-หน้า-เพ่มิ หนึ่ง-ยงิ ” หนา้ ทข่ี องพลประจารถในการสนองตอบต่อคาสง่ั ยงิ พลประจารถแต่ละนายจะมหี น้าทโี่ ดยเฉพาะในการสนองตอบตอ่ คาสง่ั ยงิ ของตนในแต่ละหัวขอ้ ผบ.รถ และพลยงิ จะใช้ “กฎในการเลง็ ” สาหรับทาการยิงกระสนุ แตล่ ะนดั สิน้ สดุ การเล็งดว้ ยมมุ สงู เลง็ ก่งึ กลางเป้าหมายทม่ี องเห็นเสมอ จาภาพเล็งไว้ให้ได้ ผบ.รถ หรอื พลยิงจะบีบไกปนื ในทนั ทท่ี ีส่ นิ้ สุดคาว่า “ระวัง” ตารางต่อไปนีไ้ ม่ไดค้ รอบคลมุ หนา้ ทที่ ั้งหมดของพลประจารถ แตเ่ ป็นการแสดงใหเ้ หน็ ถงึ หลกั ในการ สนองตอบตอ่ คาสงั่ ยงิ
๗๙ หนา้ ที่ของพลประจารถในการสนองตอบต่อคาสงั่ ยิง สาหรับปืนใหญ่ทีอ่ ยใู่ นสภาวะบรรจกุ ระสนุ พร้อมรบ หัวข้อคาส่งั ผบ.รถ พลยงิ พลบรรจุ พลขับ คาเตอื น ออกคาส่งั วา่ ตรวจสิง่ กีดขวาง เคล่อื นทตี่ ่อไป ชนิดกระสุน/ อาวธุ “พลยงิ ” แหวนป้อมปนื ถา้ กาลงั เคล่ือนท่ี วางทศิ ทางยิงให้ปืน ออกคาสง่ั วา่ เลือกระบบอาวุธ หลบใหพ้ ้นทาง “ร่วมแกน” หรอื โดยผลกั สวทิ ช์ ถอยของปนื ชนิดกระสนุ ปืนใหญ่/ปนื กล ผลักกระเดอื่ ง (“เจาะเกราะ/ ไปท่ี “ON” สวิทชน์ ริ ภยั ไปท่ี ระเบิดตอ่ สูร้ ถถงั ”) “FIRE” รายงานว่า “พร้อม” กดแป้นเลือก ชนิดกระสนุ ตามคาส่งั ยงิ ถ้าเปน็ ปืนกล รว่ มแกน ผลกั สวิทช์ปืนกลไปท่ี “F” รายงานวา่ “พร้อม” ถ้าคาส่ังยงิ เป็น รว่ มแกนกดแปน้ “HEP” ถา้ เปน็ การ ยงิ จากการหยุดชวั่ ขณะ หรอื อยูก่ ับที่ ผลักสวทิ ช์ MOVING/ STATIONARY ไปท่ี STATIONARY ถา้ ทาการยงิ ในขณะเคลอ่ื นที่ ผลกั ไปท่ีMOVING
หัวข้อคาส่ัง ผบ.รถ พลยิง พลบรรจุ ๘๐ ลักษณะเปา้ หมาย พลขับ ทศิ ทาง ออกคาส่งั ว่า (“รถถัง”หรือ “หน่วยทหาร”) ถ้า ผบ.รถไม่ มองผ่านกลอ้ งเล็ง สามารถวางทิศ ให้เหน็ เป้าหมาย ใหป้ นื ได้ ต้องใช้ รายงาน“ทราบแลว้ ” วธิ กี ารบอกทิศทาง เล็งจุดเล็ง ตามทก่ี ล่าวไว้ ก่งึ กลางเปา้ หมายท่ี มองเห็น และแจ้ง เตือนว่า “เลเซอร์” ถา้ มองไม่เห็นเปา้ รายงานวา่ “ไมพ่ บเป้าหมาย” ประเมนิ ค่าระยะ ทแี่ สดงออกมา ระยะ ถ้าผบ.รถ หรอื เลอื กใชม้ าตรา พลยิงไมส่ ามารถ ของกลอ้ งเลง็ หาระยะเป้าหมายได้ ที่ถกู ต้องตามชนิด ใหใ้ ช้วธิ ีการหาระยะ กระสุนในคาส่งั ยิง ตามทกี่ ล่าวไว้ และเลง็ ให้จุดเล็งอยู่ ข้างต้น บนกงึ่ กลางของเป้า หมายทมี่ องเห็น
๘๑ หวั ข้อคาสัง่ ผบ.รถ พลยงิ พลบรรจุ พลขบั การปฏิบตั ิ ยนื ยันวา่ เปา้ หมาย จดั ภาพเลง็ ครง้ั หลังจากทกี่ ระสนุ พยามยาม ตรวจผล เปน็ ข้าศึกแล้ว สุดท้ายยืนยันวา่ นัดแรกถกู ยิงออกไป การยิง ออกคาสง่ั ว่า “ยงิ ” เป็นข้าศึก ทรงตัว บรรจกุ ระสนุ ต่อไป ทรงตัวให้ม่ันคง ให้มน่ั คงเตือนวา่ จนกระทงั่ ได้ยนิ และตรวจผลการยงิ “ระวงั ”และล่ันไก ไดย้ นิ คาสัง่ ว่า สิ้นสดุ การยงิ หรอื ตรวจผลการยงิ “หยดุ ยงิ ” ออกคาสง่ั ยงิ รายงานผลการ ขั้นตอ่ มา ตรวจหรือการปรบั แก้การยงิ ตอ่ ไป จนกระท่งั ไดร้ ับ คาสัง่ วา่ “หยดุ ยิง” ข้อสังเกต: หลงั จากยงิ เลเซอร์ออกไป ผบ.รถจะต้องประเมินคา่ ของระยะที่แสดงออกมา ถ้าผบ.รถ ไม่เห็น ดว้ ยกับระยะท่แี สดงออกมา แต่ไฟ GO สว่างขน้ึ ผบ.รถ อาจผลักสวทิ ชค์ วบคมุ ไปที่ ON แล้ว กดแป้น BATL RNG แลว้ สง่ั วา่ “ยิงเลเซอร์ใหม่” เมื่อพลยิงยิงเลเซอร์ใหม่ ผบ.รถจะต้องเลือกระยะที่ดีท่ีสุด (๑, ๒ หรือ LAST) กดแป้น FEED และจบการยิงโดยสมบูรณ์ ผบ.รถ อาจจะกดแป้น RESET เล็งมาตราของกล้องเล็ง เลเซอร์บนกึ่งกลางของเป้าหมายท่ีมองเห็น แจ้งเตือน “จากตาแหน่งข้าพเจ้า-เลเซอร์” แล้วยิงเลเซอร์ ออกไปโดยใช้แป้น RANGE บนเคร่ืองรับ-ส่ง(RT) ถ้าไฟสัญญาณ SEL สว่างขึ้น ผบ.รถ จะต้องประเมินค่า ของระยะทส่ี ะทอ้ นกลับมาใน ๓ คร้ังแรกโดยกดแป้น ๑, ๒ หรือ LAST เลือกระยะท่ีต้องการแล้วกดแป้น FEED และจบการยงิ โดยสมบูรณ์ คาสัง่ สาหรับพลขบั (COMMANDS FOR THE DRIVER) ถึงแม้ว่าคาส่ังสาหรับพลขับไม่ได้เป็นหัวข้อท่ีสาคัญของคาสั่งยิง แต่การปฏิบัติของพลขับเป็นส่ิงที่ สาคัญยง่ิ ในระหว่างทาการยงิ ถ้าเป็นการยิงจากการหยุดช่ัวขณะ ผบ.รถ ออกคาสั่งว่า “พลขับ-หยุดรถ” ถ้า จาเป็น ผบ.รถ จะออกคาสัง่ วา่ “พลขับ-หยดุ รถ” หลงั จากท่ไี ดอ้ อกคาสง่ั ยิงเร่ิมแรกไปแล้ว เพ่อื ให้รถถงั ทาการ ยงิ จากการหยดุ ช่วั ขณะถา้ ทาได้ เม่ือใดก็ตามท่สี ามารถหาท่ีมน่ั กาบงั ตัวรถได้ ผบ.รถจะออกคาส่ังว่า “พลขับ-หาที่กาบังตัวรถ” แล้ว ออกคาสั่งยิงเริ่มแรก เมื่อพลยิงเห็นเป้าหมายแล้ว การควบคุมรถถังจะถูกมอบให้กับพลยิง โดยผบ .รถ ออก คาสง่ั วา่ “พลยิง-ควบคุม” พลยงิ จะสัง่ การให้พลขบั นารถเข้าท่กี าบังตัวรถ จนแนใ่ จว่าเห็นเป้าหมายได้ชัดเจน และสามารถทาการยิงปืนใหญไ่ ด้
๘๒ เม่ือรถถังท่ีทาการยิงอยู่ในที่ม่ันกาบังป้อมปืนในการตั้งรับ ผบ.รถ ออกจะคาส่ังยิงเร่ิมแรกหลังจาก นน้ั ขะออกคาส่ังให้กบั พลขบั ว่า “พลขบั -เคล่ือนที่-พลยงิ -ควบคมุ ” ถา้ ทาการยิงเม่อื อยู่ในการควบคมุ ด้วยระบบรักษาการทรงตวั ในขณะเคลือ่ นท่ี พลขับตอ้ งพยายามทา ใหร้ ถถงั อยูใ่ นสภาพราบเรียบทส่ี ุด เมอื่ สถานการณแ์ ละภูมิประเทศอานวย ควรหนั ทิศทางของลาดหนา้ รถเขา้ หาเป้าหมายทุกครง้ั หลกั การยงิ แบบประณีต (PRECISION GUNNERY) หลักการยิงแบบประณีต เปน็ การยิงเปา้ หมายโดยใชข้ ดี ความสามารถของระบบควบคุมการยิงท่ีทางาน ไดเ้ ต็มระบบ ในระหวา่ งทท่ี าการยงิ แบบประณีตระบบควบคุมการยิงจะทางานอัตโนมัติ โดยจัดทาค่าตัวแก้ ทางขีปนะท่ีสมบูรณ์ตามชนิดกระสุนที่เลือกใช้งาน การยิงแบบประณีตจะต้องถูกนามาใช้ทุกคร้ังท่ีสามารถ ปฏบิ ตั ิได้ การยงิ แบบประณตี (PRECISION ENGAGEMENT) กล้องเล็งหลักสาหรับการยิงแบบประณีต คือ กล้องเล็งภาพความร้อน (TTS) ซ่ึงตามปกติ จะให้ ประสทิ ธิภาพในการคน้ หาเปา้ หมาย การยงิ ผ่านสิง่ ทป่ี ดิ กั้นการตรวจการณ์ได้มากกว่าและช่วยลดจุดอ่อนของ อาวธุ ยงิ เลง็ ตรง ในบางสถานการณก์ ลอ้ งเล็งกลางวนั อาจให้ประสทิ ธภิ าพที่ดีกว่า (เช่นในสภาพแวดล้อมที่เป็น ทะเลทราย) คาส่งั ยงิ แบบประณตี (PRECISION FIRE COMMAND) การยงิ แบบประณตี จะใช้คาสงั่ ยิงแบบมาตรฐาน ซงึ่ ตามปกติ จะมหี วั ข้อทต่ี ้องใชใ้ นคาสง่ั ยิงอยเู่ พยี ง 4 หัวข้อเทา่ น้นั (คาเตือน ชนดิ กระสุน/อาวธุ ลักษณะเป้าหมาย และการปฏิบัติ) (“พลยิง-เจาะเกราะ-รถถัง- ยิง”) หัวขอ้ ทศิ ทาง ปกตจิ ะถกู เวน้ ถ้าผบ.รถ วางทิศทางยงิ ให้ หัวข้อระยะใชเ้ ครอื่ งหาระยะทาการยิงหาระยะ และ ผบ.รถ ตอ้ งประเมนิ คา่ ระยะกอ่ นทาการยิง หัวข้อคาสั่งยิงแต่ละข้อที่ออกมาเป็นการบอกถึงการปฏิบัติ หรอื การสนองตอบจากพลประจารถคนใดคนหนงึ่ หรอื ทงั้ หมด คาเตอื นว่า “พลยิง” ไม่ได้เพียงแต่ส่ังต่อพลยิง เท่านน้ั แตเ่ ป็นการบอกให้พลบรรจแุ ละพลขับเตรยี มพรอ้ มสาหรับทาการยงิ ด้วยเช่นกนั พลบรรจุจะสนองตอบ โดยการรายงานว่า “พร้อม” เป็นการแจ้งให้พลยิงและผบ.รถ ทราบว่า ปืนพร้อมท่ีจะทาการยิง พลบรรจุ รายงานวา่ “ระเบิดต่อสู้รถถัง-พรอ้ ม” หลังจากทผี่ บ.รถ ออกคาสั่งให้เปลยี่ นชนิดกระสนุ ในหัวข้อคาส่ังยงิ เปน็ การแจง้ ให้ผบ.รถ และพลยงิ ทราบวา่ กระสุน “ระเบิดตอ่ สู้รถถัง” บรรจุเรยี บร้อยแล้ว และยังเป็นการย้าเตือน ให้พลยงิ กดแป้นเลอื กบนกลอ่ งเลอื กชนดิ กระสุน (ASU) เปน็ “HEAT” และรายงานวา่ “ระเบิดต่อสู้รถถัง-ต้ัง แลว้ ” แตล่ ะคาส่ังและการสนองตอบเปน็ การเพิม่ ประสิทธิภาพรวมของพลประจารถใหม้ ากยงิ่ ขนึ้ การลดหวั ขอ้ คาสง่ั ยิง (REDUCED OF FIRE COMMAND) ในสถานการณ์ทางยุทธวิธี บ่อยคร้ังท่ีผบ.รถ อาจเลือกที่จะเว้นหัวขอใดหัวข้อหน่ึงของคาส่ังยิงแบบ มาตรฐาน (ถา้ มีเวลาพอจะตอ้ งใช้คาสัง่ ยิงแบบมาตรฐานเต็มทุกหัวข้อ) ในระหว่างการเคล่ือนที่เข้าปะทะหรือ การเข้าตี ซึง่ อาจจะตอ้ งเขา้ เผชญิ กับเปา้ หมายอนั ตรายทสี่ ดุ ในระยะประชิด การลดหวั ข้อคาส่ังยิงจะต้องไม่ทา ให้สบั สน และจะตอ้ งมีขอ้ มูลเพียงพอท่ีจะทาให้พลประจารถสนองตอบได้ถูกต้องตามสถานการณ์ ก่อนท่ีจะ
๘๓ ออกคาสั่งว่า “ยิง” ผบ.รถ จะเป็นผู้รับผิดชอบในการยืนยันว่าเป้าหมายท้ังหมดน้ันเป็นข้าศึก สถานการณ์ ต่อไปนจ้ี ะเป็นตวั อยา่ งทอี่ าจจะลดคาสัง่ ยงิ ได้ เมอื่ พลประจารถค้นพบเป้าหมายที่เป็นฝ่ายคุกคามในทันที และรายงานการค้นพบเป้าหมายว่า (“รถถัง-ตรงหนา้ ”) พลยิงหมุนปนื เลง็ ไปยังทิศทางนน้ั ผบ.รถ ยนื ยันเป้าหมายว่าเป็นขา้ ศกึ รอจน พลบรรจุรายงานว่า “พรอ้ ม” แลว้ จึงออกคาสัง่ ว่า “ยิง” ในระหวา่ งการปะทะ หลังจากที่ออกคาส่ังยิงเริ่มแรกไปแล้ว ผบ.รถ อาจเว้นหัวข้อคาเตือนและ ชนิดกระสุนของหัวขอ้ คาสง่ั ยงิ ได้ คาสงั่ ยิงจะกลายเปน็ “รถถัง” ถ้าต้องการจะผบ.รถ วางทิศทาง ยิงให้กบั ปนื และพลยิงจะรายงานว่า “ทราบแล้ว” พลบรรจจุ ะต้องรายงานวา่ “พร้อม” เพื่อแจ้ง ใหพ้ ลยิงและผบ.รถ ทราบวา่ ปนื พรอ้ มสาหรบั ทาการยงิ หลังจากที่ผบ.รถ ยืนยันเป้าหมายว่าเป็น ข้าศึกและประเมินค่าระยะแล้ว จะออกคาส่ังว่า “ยิง” นอกเหนือจากหัวข้อคาเตือนและชนิด กระสุนแลว้ คาสง่ั ยงิ ท่เี หลือจะต้องออกคาสง่ั ยิงเป็นแบบมาตรฐาน ขอ้ สงั เกต: พลบรรจจุ ะต้องนับจานวนและชนิดของกระสนุ ทเี่ หลืออยู่ในราวพรอ้ มรบ และตามช่องเก็บ ที่กาหนดให้บรรทุก แลว้ รายงานยอดให้ผบ.รถ ทราบวา่ กระสนุ ในราวพรอ้ มรบลดลง การเข้มงวดในการฝึกพล ประจารถเป็นส่ิงสาคญั ย่ิง เพอื่ ใหแ้ น่ใจได้ว่าพลประจารถสนองตอบไดถ้ ูกตอ้ งเพ่ือลดหัวขอ้ คาสงั่ ยงิ ลง หวั ข้อคาสง่ั คาสง่ั หมายเหตุ คาเตอื น เว้นได้ ชนิดกระสุน/อาวุธ “รถถัง(รถสายพาน/หน่วยทหาร)” เว้นได้ ลกั ษณะเปา้ หมาย “ยิง” การปฏบิ ตั ิ หลกั การยิงดว้ ยการควบคมุ แบบปกติ (เมอ่ื ใช้เครอื่ งรักษาการทรงตวั ) (NORMAL MODE (STABILIZED) GUNNERY) ระบบรักษาการทรงตัวของ รถถัง เอ็ม ๖๐เอ๓ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของพลประจารถในการ คน้ หาและทาการยงิ เป้าหมายด้วยการยงิ เลง็ ตรงในขณะเคลอื่ นท่ี ระบบรักษาการทรงตัวได้ถูกออกแบบให้รกั ษา แนวปนื ใหอ้ ยใู่ นมุมสูงและมมุ ทศิ เดิม ชว่ ยให้ปนื ขนานกับแนวท่ีทาการเล็งไว้แล้ว ระบบรักษาการทรงตัวไม่ได้ ทาให้ปืนอย่ตู รงเป้าหมาย – แต่พลยิงเป็นผกู้ ระทา ประโยชน์ของเคร่ืองรกั ษาการทรงตวั (ADVANTAGE OF STABILIZATION) เนื่องจากกล้องเล็งของ ถ.เอ็ม ๖๐เอ๓ เชื่อมต่อกับระบบรักษาการทรงตัวของปืน จึงทาให้มั่นคง เพียงพอสาหรับพลยิงในการกาหนดเป้าหมาย พลยิงสามารถค้นหาเป้าหมายในขณะเคลื่อนที่ได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ อยา่ งไรกต็ าม เม่ือรถถังกาลังเคลื่อนท่ีและพลประจารถกาลังเตรียมท่ีจะทาการยิงเป้าหมาย จะตอ้ งเปดิ ระบบรกั ษาการทรงตัวเพ่ือใช้งานทันที่
๘๔ เปา้ หมายเป็นพ้ืนท่ีสามารถทาการยิงในขณะเคล่ือนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการยิงปืนกลร่วม แกนการเคล่ือนท่ีทางข้างของมาตราประจากล้องเล็งไม่ใช่สิ่งสาคัญ ดังนั้น เมื่อวิ่งคร่อมข้ามภูมิประเทศด้วย ความเร็ว ๓๒ กม./ชม. (๒๐ ไมล์/ชม.) เราสามารถทาการยงิ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ประสทิ ธิภาพในการยงิ ในขณะเคลื่อนท่ี สาหรับ ถ.เอ็ม๖๐เอ๓ ด้วยความเร็วประมาณ ๑๖-๓๒ กม./ ชม.(๑๐-๒๐ ไมล์/ชม.) จะข้ึนอยู่กับลักษณะของพ้ืนผิวของภูมิประเทศท่ีรถถังกาลังเคล่ือนที่ เน่ืองจากความ แตกตา่ งกนั ของรถถงั แตล่ ะคนั ท่ีไม่เหมือนกัน พลประจารถแตล่ ะคนั จึงควรจะทาการฝึกขบั บนเส้นทาง และภูมิ ประเทศต่างๆ ด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน เพ่ือกาหนดว่าความเร็วเท่าใดจึงจะเหมาะสมท่ีสุดสาหรับการยิงเม่ือ ใช้ระบบรกั ษาการทรงตัวของรถถงั การยงิ ปนื ใหญ่รถถัง (MAINGUN ENGAGEMENT) เมอื่ ทาการยงิ จากรถถงั ท่กี าลงั เคลอ่ื นทจ่ี ะทาใหย้ ากตอ่ การท่ีจะทาการเล็งและบรรจุกระสุน ดังน้ัน พล ประจารถจะต้องทาการฝึกยิงในขณะเคล่ือนที่ดว้ ยความเร็ว และมุมเข้าตีที่ต่างกัน เพื่อทาให้พลประจารถเกิด ความชานาญ รถถงั เคล่อื นทีเ่ ป้าหมายอยกู่ บั ที่ (Moving Tank and Stationary Target) เมือ่ ทาการยงิ จากรถถังท่ีกาลัง เคล่อื นท่ี ลกู กระสุนจะมีอาการเคล่ือนตวั ไปทางขา้ งเมอ่ื พน้ จากลากล้องปืน ซ่ึงการเคล่ือนตัวออกไปทางข้างนี้ เรยี กวา่ การเหว่ียงตัว (Fling) ระบบมมุ ดกั อตั โนมตั ขิ อง รถถัง เอ็ม ๖๐เอ๓ ได้แก้ค่าการเหว่ียงตัวนี้ไว้แล้วโดย อัตโนมัติ เมื่อรถถังที่ทาการยิงกาลังเคล่ือนที่และเปิดระบบรักษาการทรงตัวใช้งาน พลยิงผลักสวิทช์ MOVING/STATIONARY บนกล่องเลือกชนดิ กระสุนไปทตี่ าแหน่ง MOVING เพ่ือตัดสัญญาณของหน่วยวัดมุม เอยี ง พลยิงใช้เสน้ มาตราของกลอ้ งเลง็ หลกั เลง็ ไปยังก่ึงกลางเปา้ หมายทม่ี องเห็น รักษาภาพเลง็ นี้ไว้ และกดปุ่ม ยิงเลเซอร์-มุมดัก ค้างไว้ประมาณ ๑.๕ วินาที แล้วปล่อยปุ่มสวิทช์ (ข้างใดข้างหนึ่งของคันบังคับของพลยิง) ในขณะที่เส้นมาตราของกล้องเล็งหลักยังคงอยู่บนเป้าหมาย ปืนใหญ่จะเคล่ือนตัวออกไปจากเป้าหมายตาม คา่ ตวั แก้ของมุมดกั ทเ่ี กิดขึน้ หลักการยิงด้วยระบบรักษาการทรงตัวจากด้านข้าง (Stabilized Gunnery over the Flank) การยิง เปา้ หมายจากทางดา้ นขา้ งเป็นวธิ ที ่ีพงึ ประสงคน์ อ้ ยทส่ี ดุ เมอื่ ใดกต็ ามท่ีทาได้พลประจารถจะต้องหาท่ีกาบังตัว รถ เพื่อทาการยิงเป้าหมายได้จากการหยุดช่ัวขณะหรือดาเนินกลยทุ ธด์ ้วยการยิงจากลาดดา้ นหน้าของตวั รถ คาส่ังยิงและคาสัง่ ตอ่ พลขับ (FIRE COMMANDS AND DIRECTION TO THE CREW) คาสง่ั ยิงเร่ิมแรกของรถถังในการยงิ ขณะเคลือ่ นทห่ี รอื อยูก่ ับทจ่ี ะเป็นคาสง่ั ยิงทเี่ หมือนกนั พลขับ ต้อง ระลึกไว้เสมอว่ารถถังเป็นฐานตดิ ตั้งปนื เพ่ือใช้ในการดาเนนิ กลยุทธ์โดยรถถงั จะตอ้ งเคลื่อนท่ีด้วยความเร็วสูงสุด เทา่ ที่จะเปน็ ไปได้ และยังคงทาให้พลประจารถปฏิบัติหน้าท่ีของตนเองได้ พลขับจะต้องแจ้งให้พลประจารถ ทราบ เม่ือมสี ง่ิ กีดขวางใดๆ ก็ตามท่ีขดั ขวางเสน้ ทางการเคลอ่ื นที่ และเปน็ อุปสรรคต์ ่อการปฏิบัติงานของตน ถ้า ผบ.รถ เลอื กทจี่ ะทาการยงิ จากการหยดุ ชัว่ ขณะ จะตอ้ งออกคาสั่งว่า “พลขับ-หยุดรถ” ก่อนท่ีจะออกคาสั่ง ยงิ เริม่ แรก พลยิงผลักสวทิ ช์ MOVING/STATIONARY ไปทตี่ าแหน่ง STATIONARY และผลักสวิทช์ STAB ไป ที่ตาแหน่ง OFF ยิงเลเซอร์ จากน้ันทาการยิงจากการหยุดชั่วขณะ (ให้หยุดในช่วงระยะเวลาที่ส้ันที่สุดเท่าที่ เปน็ ไปไดเ้ มื่อทาการยิงจากการหยุดชวั่ ขณะ)
๘๕ หลกั การยิงเม่ือเคร่อื งควบคมุ ไม่สมบูรณ์ (DEGRADE MODE GUNNERY) ระบบควบคมุ การยิงเล็งตรงหลกั ของ ถ.เอ็ม ๖๐เอ๓ ทาให้พลประจารถมีขีดความสามารถในการยิง เป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมีความเป็นไปได้ในการยิงถูกในนัดแรกสูง อย่างไรก็ตามขีดความสามารถน้ี ยอ่ มขน้ึ อยู่กบั สถานภาพในการทางานของระบบควบคุมการยิง บางคร้ังต้องใช้วิธีการยิงเมื่อเคร่ืองควบคุมไม่ สมบรู ณ์ ซงึ่ เป็นการใช้งานอุปกรณค์ วบคมุ การยงิ ท่ีน้อยกว่าระบบท่ีปฏิบัตงิ านไดส้ มบรู ณ์เตม็ ระบบ กรรมวิธีใน การยงิ เมือ่ เครือ่ งควบคุมไมส่ มบรู ณ์จะขึน้ อยกู่ บั วา่ องค์ประกอบส่วนใดของเครอ่ื งควบคมุ การยงิ ชารุด มีอยู่สองสถานการณ์ท่ีอาจใช้หลักการยิงเมื่อเครื่องควบคุมไม่สมบูรณ์ ผบ.รถ สามารถตกลงใจใช้ วิธีการยิงเมือ่ เคร่ืองควบคมุ ไม่สมบรู ณก์ ่อนทีก่ ารยิงจะเริ่มตน้ ขึน้ (ใช้ศูนย์รบหรอื เครื่องควบคุมการยิงชารุด) ใน ระหว่างทใ่ี ชก้ ารยิงแบบประณีตอย่รู ะบบควบคุมการยิงอาจชารุดหรอื เนื่องจากเง่ือนไขของสภาพแวดล้อม ทา ให้ต้องเปลย่ี นแปลงวธิ กี ารยงิ ไป หลังจากที่เรม่ิ ตน้ ทาการยงิ แบบประณตี ไปแลว้ แตเ่ นื่องจากเครื่องควบคุมการ ยิงชารดุ ทาใหไ้ มส่ ามารถท่จี ะทาให้การยิงสมบรู ณ์ได้ ผบ.รถ อาจออกคาส่ังแนะนาการปฏิบัติเพ่ิมเติมให้กับพล ยิง ซึ่งขน้ึ อยูก่ บั ความเรง่ ด่วนของการยิงและเวลาที่มีอยู่ สถานการณ์อาจทาให้ต้องจบการยิงโดยใช้กล้องเล็ง เอ็ม๑๐๕ ดี ผบ.รถ อาจออกคาสัง่ ยงิ เมื่อเคร่ืองควบคุมไม่สมบูรณ์ ๓ แบบ ดังน้ี คาส่ังยิงด้วยศูนย์รบ คาสั่งยิง เม่ือเครอ่ื งควบคุมไมส่ มบูรณ์ หรือคาสั่งยงิ แบบผสม (แบบประณตี กับแบบไม่สมบรู ณ์) อาการชารุดต่อไปน้อี าจเกดิ ข้นึ ในระหว่างที่ทาการยงิ การแกไ้ ขการปฏบิ ัตจิ ะกระทาโดยพลประจารถ รวมท้ังการใชค้ าสั่งยงิ ท่ถี กู ต้อง การปฏิบตั ิเหล่าน้ีชว่ ยให้พลประจารถทาการยงิ เปา้ หมายไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ จนกระทั่งสามารถซ่อมให้ ถ.เอ็ม๖๐เอ๓ กลับมาปฏิบัติงานได้เต็มระบบอีกครั้งหน่ึงหรือจนกว่าเง่ือนไขของ สภาพแวดล้อมจะเปล่ียนไป เครื่องหาระยะทางานไม่มีประสทิ ธภิ าพ (LASER RANGE FINDER INEFFECTIVE) ประสทิ ธภิ าพการทางานของเครอื่ งหาระยะอาจสญู เสยี ไปเนอ่ื งจากสาเหตุตา่ งๆ ดงั น้ี: ระบบภายในเครื่องหาระยะหรอื รถถังบกพรอ่ ง สภาพแวดลอ้ ม (เชน่ หมอก, หิมะทกี่ าลงั ตก หรอื ฝนท่ตี กหนกั ) หมอกควันทม่ี นษุ ย์สรา้ งขึน้ หรือควนั และสง่ิ กีดขวางจากสนามรบ ผลการสะทอ้ นกลบั ของลาแสงทก่ี ระทบกบั เปา้ หมายมีขนาดเลก็ กวา่ ลาแสงเลเซอรท์ ย่ี ิงออกไปจาก เคร่อื งหาระยะ ซงึ่ มรี บกวนทั้งดา้ นหนา้ และด้านหลงั ของเป้าหมาย ถ้าเครื่องหาระยะชารุด หรอื เกิดจากเง่ือนไขของสภาพแวดล้อมไม่อานวยใหใ้ ช้เครอื่ งหาระยะได้ ปกติ แลว้ จะใชว้ ธิ กี ารยิงดว้ ยศูนย์รบสาหรบั เปา้ หมายที่อย่ใู นระยะของศูนยร์ บและระยะทีท่ ราบแล้ว หรือใชร้ ะยะ ทห่ี าได้สาหรบั เปา้ หมายท่ีอย่ไู กลกว่าระยะศนู ย์รบ ในสถานการณ์การรบด้วยวิธีรุก ผบ.รถ จะออกคาสั่งหัวข้อ ระยะในคาสั่งยิงและพลยงิ จะใชก้ ลอ้ งเลง็ เอ็ม๑๐๕ ดี ทาการยิงเปา้ หมาย ถ้ามเี วลาพอหรอื เมื่อทาการรบจากท่ี มั่นรบท่ีเตรียมการไว้เป็นอย่างดีแล้ว ให้ผลักสวิทช์ MANUAL/RANGE FINDER ไปท่ีตาแหน่ง MANUAL ใช้ ระยะของศนู ย์รบหรอื ระยะที่หาได้ตงั้ ท่แี ปน้ ตัง้ ระยะด้วยมือ พลยิงยังคงทาการยิงด้วยกล้องเลง็ หลกั ต่อไป และ สามารถใชเ้ ครอื่ งคานวณสาหรับการปรบั แก้คา่ ขปี นวธิ ีต่างๆ ได้
๘๖ ถา้ หาระยะได้จากเคร่ืองหาระยะแต่ตอ้ งตง้ั ระยะดว้ ยมือ ระยะที่หาได้จะต้องถูกทาให้เป็นจานวนเต็ม ๒๐ ม. (๘๕๐ ผบ.รถควรจะออกคาสงั่ เป็น ๘๖๐) เมื่อใช้กล้องเล็ง เอ็ม๑๐๕ ดี ระยะจะต้องถูกส่ังเป็นจานวน เต็มรอ้ ย ถา้ ผบ.รถ สั่งวา่ “หนงึ่ แปดร้อย” ใหพ้ ลยงิ ยา้ ยไปใช้กล้องเล็ง เอ็ม๑๐๕ ดี ถ้าผบ.รถส่ังว่า “ตั้งระยะ หนึ่งแปดร้อย” พลยิงผลักสวิทช์ MANUAL/RANGE FINDER ไปท่ีตาแหน่ง MANUAL แล้วตั้งระยะตามท่ี ไดร้ ับจากคาสัง่ ยงิ เป็นจานวนเลขคู่ แปดรอ้ ยหรือหนึง่ พัน หรอื ตัวเลขเป็นตวั ๆ คาสง่ั ยิงเมือ่ เครอ่ื งควบคมุ ไมส่ มบรู ณ(์ เคร่อื งหาระยะไมม่ ปี ระสทิ ธภิ าพในการทางาน) การตัง้ ระยะดว้ ยมือ กลอ้ งเลง็ เอ็ม ๑๐๕ ดี “พลยิง-เจาะเกราะ-รถถงั - ตงั้ ระยะหนึ่งสองรอ้ ย-ยิง” “พลยิง-เจาะเกราะ-รถถงั - หนงึ่ สองร้อย-ยงิ ” เครือ่ งคานวณขปี นะวิธชี ารดุ (BALLISTIC COMPUTER MALFUNCTION) ตามปกติแล้ว องคป์ ระกอบท่ีชารุดจะแสดงให้เหน็ เมอ่ื เคร่ืองคานวณทาการทดสอบตัวเองแหล่ง จ่าย กาลงั ไฟภายในรถยังคงจ่ายไฟใหเ้ ครื่องคานวณ และเครอื่ งวดั ความเรว็ ลมทางข้างอย่างต่อเน่ือง การชารุดของ อปุ กรณอ์ น่ื ๆ สามารถค้นหาสาเหตไุ ด้ โดยทาการทดสอบเครอ่ื งคานวณดว้ ยตัวเองบอ่ ย ๆ เครื่องวัดลมทางข้างบกพร่อง (Crosswind Sensor Failure) ถ้าเครื่องวัดลมทางข้างบกพร่องหลอดไฟ สัญญาณเคร่ืองวัดบนหีบควบคุมของพลยิง (GCU) จะสว่างขึ้น พลยิงต้องผลักสวิทช์ควบคุม CROSSWIND AUTO/MANUAL ไปทต่ี าแหน่ง MANUAL และแป้นปรับค่าตวั แก้ของเครื่องวัดควรจะอย่ทู ี่ ซ้าย 0 ถา้ ตอ้ งการ ปรับการยงิ เล็งตรงควรจะใช้คาสงั่ ยงิ ข้นั ตอ่ มา และใช้งานระบบควบคุมการยิงเลง็ ตรงหลกั ต่อไป หน่วยวัดมมุ เอียงบกพรอ่ ง (Cant Unit Failure) ถา้ หน่วยวัดมุมเอียงบกพร่องหลอดไฟสัญญาณของหน่วย วัดมุมจะสว่างขึ้นเมื่อเคร่ืองคานวณทดสอบตัวเอง พลยิงผลักสวิทช์ MOVING/STATIONARY ไปที่ตาแหน่ง MOVING แลว้ ใชง้ านระบบควบคุมการยิงต่อไปตามปกติ เมื่อหนว่ ยวัดมมุ เอียงชารดุ ผลกระทบทีเ่ กดิ ขึ้นจากมุม เอยี งของดมุ รับปืนสามารถลดหรอื แกไ้ ขได้โดยการปฏิบัติดงั น้ี เคล่อื นรถถังไปอยใู่ นตาแหนง่ ทีพ่ ืน้ ทีท่ ี่ไดร้ ะดบั ถ้าไม่สามารถหลกี เลย่ี งการเอียงไดพ้ ลยงิ ควรปรบั แกโ้ ดยใชก้ ารเล็งแก้ สงู ขน้ึ ๑ มลิ และใชม้ ุมทิศ ตรงกันข้ามกับการเอยี ง ๑มลิ ทกุ ๆ ระยะ ๑,๐๐๐ ม. หบี ควบคมุ ของพลยิงชารุด (Gunner’s Control Unit Malfunction) ถา้ การชารดุ ของหีบควบคุมของพล ยิงถูกตรวจพบในระหว่างการทดสอบตัวเองของเคร่ืองคานวณ พลยิงจะต้องทาการยิงโดยใช้กล้องเล็ง เอ็ม ๑๐๕ ดี หลังจากทผ่ี บ.รถ ออกคาสั่งระยะให้แลว้ หนว่ ยสง่ ออกข้อมูลบกพร่อง (Output Unit Failure) ถ้าหน่วยส่งออกข้อมูลบกพร่องแหลอดไฟสัญญาณ ของหน่วยส่งออกขอ้ มูลบนกลอ่ งควบคุมของพลยิงจะสว่างข้ึนในระหว่างท่ีเคร่ืองคานวณทดสอบตัวเอง และ ข้อมูลของมุมสูงที่คานวณได้จากเคร่ืองคานวณไม่สามารถส่งไปใช้กับปืนและกล้องเล็งได้ ผบ.รถ และพลยิง จะต้องใชก้ รรมวธิ ดี งั ต่อไปนี้.-
๘๗ พลยิงปิดสวิทช์เคร่ืองคานวณและผลักสวิทช์จ่ายไฟฉุกเฉินของเครื่องหาระยะ (บนกล่อง อิเลคทรอนิคส์)ไปท่ีตาแหน่ง ON และผลักสวิทช์ MANUAL/RANGEFINDER ไปท่ีตาแหน่ง RANGEFINDER ผบ.รถหาระยะไปยังเป้าหมายโดยใชใ้ นตาแหนง่ การควบคมุ ON หลังจากหาระยะแลว้ ผบ.รถ สั่งระยะทีอ่ า่ นได้บนจอแสดงผลให้เป็นจานวนเต็มร้อยและให้พลยิง ทาการยงิ โดยใชก้ ล้องเลง็ เอ็ม ๑๐๕ ดี เคร่ืองคานวณบกพร่อง (Computer Unit Failure) ในระหว่างการทดสอบตัวเอง ความล้มเหลวของ เคร่ืองคานวณอาจจะแสดงออกมาให้เห็นสาหรับการเลือกใช้ชนิดกระสุนเพียงชนิดเดียว ถ้าเป็นเช่นนี้ให้ ดาเนนิ การยงิ ต่อไปด้วยกระสนุ ชนิดอ่ืน โดยใชก้ ลอ้ งเลง็ หลกั ถ้าชนิดกระสุนเป็นสาเหตุของความล้มเหลวของ ระบบในการทดสอบตวั เอง จะต้องทาการยิงผ่านกล้องเล็ง เอม็ ๑๐๕ ดี ถา้ เครือ่ งคานวณบกพรอ่ งทั้งระบบ พล ประจารถจะตอ้ งใชว้ ิธกี ารปฏิบัตเิ ช่นเดียวกบั เมื่อหน่วยส่งออกข้อมูลบกพร่อง กล้องเลง็ หลักบกพรอ่ ง (Primary Sight Failure) ถ้ากล้องเล็งหลกั บกพร่องหลอดไฟสญั ญาณเคร่ืองฉายเสน้ มาตราประจากลอ้ ง (RETICLE PROJECTOR) บนหบี ควบคมุ ของพลยิง (GCU) จะสว่างขนึ้ ในระหว่างที่ทาการ ทดสอบตวั เอง ในกรณีนี้ การยงิ อาจจะตอ้ งทาการยงิ โดยใหพ้ ลยิงใช้กล้องเล็ง เอ็ม๑๐๕ ดี และผบ.รถใช้กล้อง เล็งเลเซอร์ หรือทั้งผบ.รถและพลยิงใช้กรรมวธิ เี ชน่ เดียวกนั กับเมือ่ หน่วยส่งออกขอ้ มูลชารดุ การสูญเสียมุมดักอัตโนมัติ (Loss of Automatic Lead) การสูญเสียช่วงดักอัตโนมัติจะถูกพบในระหว่าง การทดสอบวงจรเครื่องวัดอตั ราความเร็วในการหมุนปอ้ มและวงจรชว่ งดัก (ดูใน คท.๙-๒๓๕๐-๒๕๓-๑๐) เม่ือ อยู่ในตาแหน่งใช้งานด้วยไฟฟ้าและทาการยิงต่อเป้าหมายเคล่ือนท่ี มุมดักอัตโนมัติจะถูกพบเมื่อเส้นมาตรา ประจากล้องไม่เคลื่อนท่ีออกไปจากเป้าหมาย การสูญเสียช่วงดักอัตโนมัติอาจปรากฏขึ้นในการควบคุมด้วย ไฟฟา้ การควบคมุ ดว้ ยระบบรกั ษาการทรงตัว หรือในการควบคุมทั้งสองแบบ ในการควบคุมด้วยไฟฟ้า (ไม่ใช้ เครอ่ื งรักษาการทรงตัว) การหมุนป้อมปืนจะถกู วัดค่าโดยเครอื่ งวดั อตั ราการหมนุ ปอ้ มปืน มุมดักจะถูกนาไปใช้ โดยส่งผา่ นเครอื่ งคานวณ และเครอื่ งควบคุมระบบอเิ ลคทรอนคิ ของเครอื่ งรักษาการทรงตัวไปยังปืนและกล้อง เล็ง ถา้ สญู เสยี ช่วงดักอัตโนมัติไปในการควบคมุ ด้วยไฟฟา้ แตย่ ังใช้งานไดใ้ นการควบคุมดว้ ยระบบรักษาการทรง ตัว พลยิงควรเปิดระบบรักษาการทรงตัวเพื่อใช้งาน และผลักสวิทช์ MOVING/STATIONARY ไปท่ีตาแหน่ง MOVING ถ้าสูญเสียช่วงดักอัตโนมัติไปในการควบคุมด้วยระบบรักษาการทรงตัวแต่ยังคงใช้งานได้ในการ ควบคุมดว้ ยไฟฟ้า พลยิงควรปิดระบบรักษาการทรงตัว แล้วทาการยิงป้าหมายเคลื่อนท่ีจากการหยุดช่ัวขณะ เม่อื ทาได้ ถ้าสูญเสยี ช่วงดักอัตโนมัติไปในการควบคุมท้ังสองแบบ ให้พลยิงใช้ช่วงดักจากเส้นมาตราประจา กล้องเล็งทาการยิงตอ่ เป้าหมายเคล่ือนที่ มมุ ดักเป็นการใชป้ ลายเสน้ ของเสน้ มาตราประจาแกว้ มุมดกั มาตรฐาน เรม่ิ แรก มีดังนี้.-
๘๘ เจาะเกราะ ๒ ๑/๒ มิล ระเบิดต่อสรู้ ถถัง ๕ มิล ระเบดิ พลาสตกิ /ควัน ๗ ๑/๒ มิล * ร่วมแกน ๗ ๑/๒ มิล ขอ้ สังเกต: ชว่ งดักมาตรฐานนข้ี นึ้ อยูก่ บั ความเรว็ ของเปา้ หมาย ๑๓ - ๑๙ กม ./ ชม. ( ๘-๑๒ ไมล์ / ชม.) การเชอ่ื มตอ่ ระบบเคร่อื งหาระยะบกพร่อง (Laser Range Finder Interface Failure) ความล้มเหลวจาก การเชอ่ื มตอ่ ระบบของเครื่องหาระยะ จะเกิดข้ึนเมื่อข้อมูลทางระยะไม่สามารถป้อนจากเครื่องหาระยะไปยัง เคร่ืองคานวณได้ ในสภาวะเชน่ นี้ หลอดไฟสัญญาณ GO จะแสดงจะสว่างข้ึน เมอ่ื เคร่อื งหาระยะอยใู่ นตาแหนง่ การควบคุมด้วย AUTO และไดร้ บั สัญญาณการสะท้อนกลบั มานอ้ ยกวา่ ๔ คร้ัง หรือเมื่อเครื่องหาระยะอยู่ใน ตาแหน่ง ON และได้ทาการกดแป้น FEED ไปแล้ว อย่างไรก็ตามหากต้องการให้เครื่องหาระยะสามารถ ปฏิบตั งิ านไดอ้ ีกตอ่ ไป ผบ.รถ และพลยิงต้องปฏิบัติตามขนั้ ตอนตอ่ ไปนี้ ผบ.รถ หาระยะและอา่ นค่าที่จอแสดงผลให้เป็นจานวนเต็มร้อย เพ่ือใช้กับกล้องเล็ง เอ็ม๑๐๕ ดี หรอื อ่านคา่ ใหเ้ ป็นจานวนเตม็ ๒๐ ม. สาหรบั การต้ังระยะดว้ ยมอื ขอ้ สงั เกต: สวทิ ช์ MANUAL/RANGEFINDER จะต้องอยู่ในตาแหนง่ RANGEFINDER เพ่ือหาระยะ พลยงิ ใช้กลอ้ งเลง็ เอ็ม๑๐๕ ดี หรือผลักสวิทช์ MANUAL/RANGEFINDER บนกล่องควบคุมของ พลยิงไปอยูใ่ นตาแหน่ง MANUAL ซึง่ ขึน้ อยู่กบั คาสงั่ ยงิ ของผบ.รถ ระบบไฟฟ้าปอ้ มปนื บกพรอ่ ง (Turret Power Failure) ถ้าผบ.รถ ไมส่ ามารถวางทิศทางยิงให้กับปืนใหญ่ได้ จะออกคาสง่ั ยิงเมอ่ื เคร่ืองควบคุมไม่สมบรู ณท์ ม่ี ีหัวข้อทิศทางรวมอยดู่ ้วย ผบ.รถ อาจเลือกใช้วิธีใดวิธีหน่ึงใน ๓ วธิ ี ทีไ่ ด้กล่าวมาแลว้ ข้างต้น (ดใู นเร่อื งของหัวขอ้ คาสงั่ ยิง) คาสัง่ ยิงเมือ่ เคร่อื งควบคมุ ไมส่ มบูรณ์ (ระบบไฮดรอลิคไมท่ างาน) “พลยงิ -เจาะเกราะ-รถถัง-หมนุ ซ้าย-ช้า-หยุด-ยิง” “พลยงิ -ระเบดิ ตอ่ สรู้ ถถงั -ปืนตอ่ สู้รถถงั -ดแู สงสอ่ งวิถขี า้ พเจา้ -ขนาดห้าสบิ ” หลกั การยงิ ดว้ ยศนู ย์รบ (BATTLESIGHT GUNNERY) หลักการยงิ ด้วยศนู ย์รบ เปน็ เทคนคิ การยงิ ทจ่ี ะนามาใชเ้ มอ่ื ไม่สามารถหาระยะจากรถถัง-เป้าหมาย ที่ ถูกต้องไดห้ รือเมอ่ื เคร่ืองหาระยะชารดุ หลักการยิงด้วยศูนย์รบจะนาข้อดีจากความสัมพันธ์ทางขีปนวิธีท่ีราบ ของกระสนุ เจาะเกราะมาใช้ เพอ่ื ให้แนใ่ จได้ว่าความเป็นไปไดใ้ นการยงิ ถูกในนัดแรกเปน็ ไปไดส้ ูง และยังสามารถ นามาใช้ในสถานการณ์จู่โจมไดท้ กุ สถานการณ์ โดยปกตแิ ลว้ จะถูกนามาใช้เม่ือระบบควบคุมการยิงไม่สามารถ ใชง้ านไดเ้ ต็มระบบ หรอื เน่อื งจากเงื่อนไขของสภาพอากาศ (หมอก ฝน) หรือการปฏิบัติการของข้าศึก (ใช้ฉาก ควัน) ป้องกันมิให้พลยิงหรือผบ.รถ ใช้เคร่ืองหาระยะได้ หลักการยิงด้วยศูนย์รบ เป็นวิธีที่เร็วแต่ไม่แม่นยา
๘๙ เท่ากับหลกั การยงิ แบบประณีต การยิงดว้ ยศนู ย์รบกระสนุ จะถูกบรรจกุ บั ปนื ใหญ่ไวล้ ่วงหนา้ ระยะกถ็ ูกต้งั ไว้กับ เคร่ืองคานวณแล้วเช่นเดยี วกัน หรอื พลยงิ ใช้เส้นระยะของเส้นมาตราท่มี ีมาตรทานทางขปี นะของกล้องเล็ง เอม็ ๑๐๕ ดตี ามทกี่ าหนด จดุ ของการเลง็ ยงั คงเป็นกง่ึ กลางของเปา้ หมายทม่ี องเหน็ ดงั ท่ีพลยงิ ใชใ้ นกฎของการเล็ง คาส่ังวา่ “ศูนยร์ บ” ใช้ทดแทนหัวข้อ ชนิดกระสุน/อาวุธ ของคาสั่งยิงเริ่มแรก เป็นการบอกให้พลยิง ทราบว่าเปา้ หมายอยู่ในระยะของศูนย์รบ กระสุนทใ่ี ชก้ บั ศนู ย์รบจะถูกยิงออกไป และไม่จาเป็นต้องพยามยาม หาระยะของเป้าหมาย พลยิงจะทาการยิงด้วยกล้องเล็งหลักและระยะที่ต้ังไว้ล่วงหน้า หรือใช้เส้นระยะของ กล้องเล็งรองตามท่ีกาหนดระยะไว้ล่วงหน้า เมื่อได้ยินคาสั่งว่า “ศูนย์รบ” พลยิงผลักสวิทช์ MANUAL/RANGEFINDER ไปที่ตาแหน่ง MANUAL และเล็งให้มาตราประจากล้องอยู่บนก่ึงกลางของ เปา้ หมายทีม่ องเหน็ พลบรรจจุ ะดาเนนิ การบรรจุกระสนุ ทบี่ รรจพุ รอ้ มรบไว้อย่างต่อเนอื่ งจนกว่าการยิงจะสน้ิ สดุ ลง คาส่ังยงิ ด้วยศูนยร์ บ (BATTLESIGHT FIRE COMMAND) รูปแบบของคาสัง่ ยงิ ดว้ ยศูนยร์ บจะเป็นแบบมาตรฐาน ระบบได้ถูกต้ังไว้ล่วงหน้าด้วยชนิดกระสุนและ ระยะ หวั ขอ้ คาสง่ั ของชนิดกระสุน/อาวุธ จะถูกเปล่ยี นคาสั่งเปน็ “ศนู ย์รบ” (“พลยงิ -ศูนยร์ บ-รถถงั -ยิง”) ข้อพิจารณาในการเลอื กใชร้ ะยะศนู ย์รบ ขอ้ พิจารณาในการกาหนดกระสุนและระยะที่ใช้กบั ศนู ยร์ บอย่างถูกตอ้ งมอี ยู่ ๓ วิธี: เป้าหมายทค่ี าดว่าจะทาการยิงมากท่ีสุด (Most Likely Target to Be Engagement )ถ้าเป้าหมายท่ีเป็น ข้าศึก คือ รถถังเป็นหลัก กระสุนเจาะเกราะ คือชนิดกระสุนที่ถูกต้อง หรือมิฉะน้ัน ก็ใช้ กระสุนระเบิดต่อสู้ รถถงั ระยะทค่ี าดว่าจะตอ้ งทาการยงิ มากทีส่ ดุ (Most Likely Engagement Range) ระยะมาตรฐานที่ใช้สาหรับ กระสุนเจาะเกราะคือ ๑,๒๐๐ ม. และ ๙๐๐ ม. สาหรับกระสุนระเบิดต่อสู้รถถัง ปัจจัยสาหรับการเลือกต้ัง ระยะศนู ยร์ บอน่ื ๆ จะรวมถงึ สภาพอากาศ ควัน ระยะ หรือเงื่อนไขอ่ืนๆ ท่ีลดการมองเห็นลง ไม่แนะนาให้ใช้ การต้ังระยะศูนย์รบท่ีไกลกว่าระยะ ๑,๖๐๐ ม.สาหรับกระสุนเจาะเกราะ และ ๑,๑๐๐ ม. สาหรับกระสุน ระเบิดตอ่ สรู้ ถถัง ระยะของศนู ยร์ บควรจะขึน้ อยู่ขอ้ พจิ ารณาในการวิเคราะห์ปจั จัย METT-T ของผบ.หน่วย ขนาดของเป้าหมายท่ีคาดว่าจะเปิดเผยตัวออกมามากท่ีสุด (Most Likely Size of Target to Be Engagement) ถา้ ขนาดของเป้าหมายท่ีคาดไวม้ ากท่ีสุดท่ีจะทาการยงิ คือ ๑.๕ ม. หรือสูงกว่า (ซ่ึงก็คือรถถัง ของข้าศึกแบบใดทจ่ี ะปรากฏตวั ออกมายิงเรา) ระยะมาตรฐานของศูนย์รบตามท่ีให้ไว้นี้ จะให้โอกาสแก่เราใน การยิงถูกเป้าหมายได้ดีท่ีสุด ใช้ตารางยิง FT105-A-3 โดยหาสูงยอดกระสุนวิถี (MAXIMUM ORDINATE) สาหรบั กระสนุ ท่เี ราจะใช้กาหนดระยะของการยงิ
๙๐ การคานวณศูนยร์ บ (Determining Battlesight) เส้ นกระสุนวิถี แนวเส้นเลง็ ของพลยิง การยงิ ผา่ นฉากควัน (FIRING THROUGH SMOKE) ในระหว่างการยิงด้วยศูนย์รบ กล้องเล็งภาพความร้อนจะช่วยให้ทาการยิงปืนใหญ่รถถัง และปืนกล ร่วมแกนผ่านฉากควัน และสิ่งท่ีปิดกั้นการเห็นอ่ืนๆ ในสนามรบได้ทุกชนิด เม่ือใดก็ตามที่ส่ิงปิดกั้นการเห็น ปรากฏข้ึน และจากดั การคน้ หาเปา้ หมายดว้ ยกลอ้ งเลง็ ภาพความร้อน พลยงิ จะต้องมองกวาดตามแนวกวา้ งของ เขตการยิงที่รบั ผดิ ชอบ โดยการผลกั สวิทชเ์ ลอื กย่านการเห็นไปที่ย่านการเห็นกว้าง (WFOV) เพื่อป้องกันมิให้ เปา้ หมายหลดุ ออกไปโดยไมท่ ันสงั เกตเห็น ฉากควันท่ีปรากฏออกมา และส่ิงปิดกั้นการเห็นในสนามรบจะลด และทาลายโอกาสในการใช้งานเครอ่ื งหาระยะลง การปรับแก้การสูญเสียการใช้งานเคร่ืองหาระยะ พลประจารถควรจะกาหนดระยะไปยังจุดอ้าง เปา้ หมายต่างๆ (TRP) หรือลักษณะของภูมปิ ระเทศ ซ่งึ มองเห็นได้ง่ายจากกล้องเลง็ ภาพความรอ้ น การเปลย่ี นชนดิ กระสนุ ของศูนย์รบ (CHANGING BATTLESIGHT AMMUNITION) เม่ือเป้าหมายทีถ่ ูกคน้ พบเปน็ เป้าหมายทอ่ี าจไม่เหมาะกบั การใช้กระสุนของศูนยร์ บทาการยงิ ผบ.รถ มี หนทางเลือกปฏบิ ัตอิ ยู่ 2 หนทาง คอื ถ้าเป้าหมายน้ันเป็น เป้าหมายอันตรายที่สุด ให้ทาการยิงด้วยกระสุนพร้อมรบนั้นออกไป แล้ว เปล่ยี นไปใชก้ ระสุนทเ่ี หมาะสมกวา่ เพอ่ื ให้แน่ใจวา่ เปา้ หมายน้นั ถกู ทาลาย ตัวอย่างเช่น ถ้าบรรจุ กระสนุ ระเบดิ ตอ่ ส้รู ถถังอยู่ แต่กระสนุ ทเี่ หมาะสมกับเป้าหมายนั้นเป็นกระสุนเจาะเกราะ ผบ.รถ จะออกคาสั่งว่า “พลยงิ -ศูนย์รบ-รถถัง-ยงิ -ยิงเจาะเกราะ” ถ้าเป้าหมายนั้นถูกแบ่งประเภทเป็น เป้าหมายอันตราย ผบ.รถ อาจใช้เทคนิคการยิงสาหรับ เป้าหมายอนั ตรายท่ีสดุ หรืออาจออกคาส่ังยิง เพ่อื บรรจุกระสนุ ทเ่ี หมาะสมกบั เปา้ หมายใหม่ แล้ว ทาการยิง (“พลยิง-ระเบิดต่อสู้รถถัง-ปืนต่อสู้รถถัง-ยิง”) เมื่อพลบรรจุบรรจุกระสุนใหม่ด้วย กระสุนท่ตี า่ งไปจากทบี่ รรจุไว้แลว้ ต้องรายงานชนดิ กระสนุ ที่บรรจุใหม่ให้ทราบว่า “พร้อม” ตาม ตวั อยา่ งนี้ คือ พลบรรจจุ ะรายงานให้ทราบด้วยคาว่า “ระเบดิ ต่อส้รู ถถงั -พร้อม”
๙๑ การเปลย่ี นชนิดกระสุนเมอ่ื ใช้ศูนย์รบ “พลยิง-ศูนยร์ บ- รถถัง-ยงิ -ยงิ เจาะเกราะ “พลยงิ -ระเบิดตอ่ สูร้ ถถงั - ปืนตอ่ สูร้ ถถงั -ยิง การทาการรบดว้ ยพลประจารถ 3 นาย (FIGHTING WITH A THREE-MAN CREW) การบาดเจบ็ ล้มตายอาจเกิดขึ้นได้ในสนามรบ และพลประจารถถังอาจจะพบด้วยตัวเองว่าจะต้องทา การรบด้วยพลประจารถเพยี งสามนาย โดยไม่คานึงถึงวา่ พลประจารถในตาแหน่งใดจะสูญเสียต้องออกไปจาก การรบ พลประจารถทเ่ี หลอื อยจู่ ะตอ้ งจัดกาลงั ใหม่เพ่ือปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ของตาแหน่งหลักที่สาคัญ คือ ผบ.รถ พล บรรจุ และพลขับ ถงึ แม้วา่ ความคนุ้ เคยและอตั ราการบรรจุอาจจาเป็นต้องจัดกาลงั พลประจารถใหม่ พลประจา รถท่ีได้รับการฝึกมาเปน็ อย่างดีสามารถปรับสภาพใหป้ ฏิบตั ภิ ารกจิ นีไ้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ในกรณีฉกุ เฉนิ
๙๒ การเตรียมเครือ่ งควบคุมการยิง (FIRE CONTROL PREPARATION) การปฏิบัตติ อ่ ไปนี้ จะตอ้ งกระทาทกุ ครงั้ หลงั จากท่ีพลประจารถได้ปรบั กาลงั ใหม่แลว้ ระบบควบคมุ ทางานเตม็ ระบบ (Fully Operation System) ผบ.รถใช้เทคนิคการยิงแบบประณีตด้วยการ ทางานของเครอื่ งควบคมุ เต็มระบบ เปา้ หมายของปืนกลร่วมแกนสามารถทาการยิงในกรณีฉุกเฉินด้วยปืนกล ของผบ.รถ เครอ่ื งคานวณขปี นะวิธี เอม็ ๒๑ เปดิ สวทิ ช์ใหอ้ ยู่ในตาแหนง่ ON และ NORMAL กลอ้ งเลง็ ภาพความร้อน เปดิ ใชง้ านเตม็ ระบบ เครอื่ งหาระยะเปดิ สวทิ ช์ควบคมุ ในตาแหนง่ AUTO ระบบรักษาการทรงตวั เปิดใชง้ านเตม็ ระบบ สวิทช์ปอ้ มปืน ELEV/TRAV STAB และ POWER เปิดอยูใ่ นตาแหนง่ ON สวทิ ชป์ ืนใหญ่ MAIN GUN เปดิ อย่ใู นตาแหนง่ ON (กระเดอ่ื งนิรภยั ของพลบรรจุอยูใ่ นตาแหนง่ SAFE) สวิทชป์ ืนกล MACHINE GUN อยู่ในตาแหนง่ ON (กระเดอื่ งนิรภัยของปนื กลอยู่ในตาแหนง่ S) ปนื ใหญบ่ รรจกุ ระสนุ พรอ้ มรบ สวิทช์เครอ่ื งตรวจวัดลมทางขา้ ง AUTO/MANUAL บนหีบควบคุมของพลยงิ อยใู่ นตาแหนง่ AUTO สวิทช์ MANUAL/RANGEFINDER บนหีบควบคมุ ของพลยงิ อยู่ในตาแหน่ง RANGEFINDER ระบบควบคุมทางานไม่สมบูรณ์ (Degrade System) ไม่ยากและเป็นกฎท่ีรวดเร็วในสถานการณ์ท่ีเคร่ือง ควบคุมไมส่ มบรู ณ์และมีพลประจารถ ๓ นาย ผบ.รถ จะต้องรู้จักวิธีการบ่งชี้ถึงสาเหตุของการไม่ทางานและ วธิ กี ารแก้ไขเหตุติดขดั ถ้าเครือ่ งหาระยะไม่ทางาน ผบ.รถ ใชเ้ ทคนคิ การยิงดว้ ยศนู ยร์ บจากกลอ้ งเล็งภาพความ รอ้ นเชอ่ื มต่อ ถ้าผบ.รถ ทาการยงิ จากตาแหน่งของตนเองและกระสุนไมล่ ัน่ ผบ.รถจะตอ้ งเข้าไปทาการยิงจากที่ นัง่ ของพลยงิ หน้าทข่ี องพลประจารถ (CREW DUTIES) ปรบั ปรุงหน้าที่ของพลประจารถเพอื่ แกป้ ัญหาสาหรับการสญู เสยี พลยิงไป หน้าที่ของพลขับ และพล บรรจจุ ะต้องยงั คงความสัมพันธเ์ ดิมไวเ้ ช่นเดยี วกบั การทาการรบด้วยพลประจารถเตม็ จานวน อยา่ งไรกต็ าม ทกุ คนโดยเฉพาะอย่างยง่ิ พลขับจะต้องกลายมาเปน็ ผทู้ ่คี อยระวังในการคน้ หาเปา้ หมายเพมิ่ มากขน้ึ กว่าเดิม ทง้ั กอ่ น ระหวา่ ง และในขณะทที่ าการยิงผบ.รถ จะทาหนา้ ที่ของพลยงิ และกลายมาเป็นผใู้ ช้ระบบเคร่อื งควบคุมการยิง และระบบกล้องเล็งหลักของรถถัง หนา้ ทข่ี องพลประจารถสาหรับการยงิ แบบประณีตดว้ ยพลประจารถ ๓ นาย ไดแ้ สดงไว้แล้วในตารางขา้ งลา่ งน้ี
๙๓ การทาการยิงดว้ ยพลประจารถ 3 นาย หัวขอ้ ผบ.รถ พลบรรจุ พลขบั คาเตือน ออกคาสง่ั “บรรจกุ ระสนุ - ตรวจทางถอยของปนื ถ้ากาลังเคล่ือนทอี่ ยู่ เจาะเกราะ(ระเบดิ ตอ่ สู้รถถงั )” ผลกั กระเดอ่ื งนิรภยั ไปที่ ใหเ้ คล่อื นทีต่ ่อไป ผลักสวทิ ช์ MOVING/ ตาแหน่ง FIRE แล้ว STATIONARY บนกล่อง รายงานวา่ “พรอ้ ม” เลอื กชนดิ กระสุนให้ถกู ต้อง เตรยี มบรรจุกระสนุ แนใ่ จวา่ กดแปน้ เลือกชนิด กระสนุ ถูกต้อง เลง็ ปืนใหญ่ บนเป้าหมาย ใหจ้ ดุ เลง็ อย่กู งึ่ กลางของเป้าหมายที่มองเห็น ยงิ เลเซอร์ไปยังเป้าหมาย ประเมินค่าระยะทสี่ ะท้อนกลับ และแน่ใจวา่ ข้อมลู ของระยะได้ ถูกป้อนไปยงั เครื่องคานวณแลว้ (ไฟสัญญาณ GO จะสว่างข้นึ ) จดั ภาพเลง็ คร้งั สดุ ทา้ ยใหอ้ ยู่ กง่ึ กลางเปา้ หมายทม่ี องเห็น การปฏบิ ตั ิ ยนื ยันการพิสูจนฝ์ า่ ยเปา้ หมาย ทรงตัวใหม้ นั่ คงและ ทรงตัวให้ม่นั คงและ แจ้งเตือน “ระวงั ” และล่นั ไก บรรจุกระสนุ อยา่ ง ถา้ ทาได้ตรวจผลการยิง แจง้ เตอื น “หยุดยิง” หรือทาการ ต่อเนือ่ ง ให้ผบ.รถ ยงิ ตอ่ ไปจนกระทัง่ เปา้ หมายถูก ทาลาย ขอ้ สังเกต: ผบ.รถสามารถทาการยงิ จากกลอ้ งเล็งเคร่อื งหาระยะหรอื จากกลอ้ งภาพความรอ้ นเชอ่ื มตอ่ ในเวลากลางคนื ถ้ากล้องภาพความรอ้ นไมท่ างาน ผบ.รถ สามารถทาการยงิ จากกล้องเลง็ เลเซอร์ ได้โดยใช้การสอ่ งสวา่ งจากอาวธุ ยิงเล็งจาลอง ขอ้ แนะนาในการฝกึ พลประจารถสาหรบั การปฏบิ ตั ิเมือ่ กระสนุ ไมล่ ่นั ในการทาการรบดว้ ย พลประจารถ ๓ นาย สมมติวา่ ผบ.รถทาการยงิ จากตาแหนง่ ของตนเองและสวิทช์เคร่อื งควบคุม ตา่ งๆ อยใู่ นตาแหน่งทถ่ี ูกต้องก่อนทจ่ี ะทาการยงิ ผบ.รถ แจง้ เตอื นว่า “กระสุนไมล่ ั่น” จากนน้ั ปลอ่ ยคนั บังคบั ป้อมปืนของตน เคลือ่ นตวั เขา้ ไปยงั ที่นง่ั ของพลยงิ และจบการยงิ โดยใช้วิธกี าร ปฏบิ ตั เิ มือ่ กระสุนไมล่ ั่นตามปกติ
๙๔ การยงิ หลายเปา้ หมายและการยงิ เปา้ หมายดว้ ยอาวธุ สองชนดิ พร้อมกัน (MULTIPLE AND SIMULTANEOUS TARGET ENGAGEMENT) ในการรบ พลประจารถถงั จะทาการยิงเป้าหมายหลายเปา้ หมาย และทาการยิงเปา้ หมายดว้ ยอาวธุ สอง ชนิดพร้อมกนั การยงิ เหลา่ นีต้ อ้ งการความรวดเรว็ และความแมน่ ยาเพ่ือขม่ หรือทาลายเปา้ หมายใหห้ มดไป การยิงหลายเปา้ หมายด้วยปนื ใหญ่หรือปนื กลรว่ มแกน (MULTIPLE MAINGUN OR COAX MACHINE GUN ENGAGEMENT) การยิงหลายเป้าหมาย คือ การยิงเป้าหมายสองเปา้ หรือมากกว่าด้วยอาวุธเพียงชนิดเดียว โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการยิงเป้าหมายที่เป็นรถถังหลายเป้า ต้องการความรวดเร็วและความแม่นยาในการยิง การทาลาย และย้ายการยิงไปยงั เป้าหมายใหม่อยา่ งรวดเรว็ ผบ.รถ กาหนดว่าเป้าหมายใดท่ีปรากฏเปน็ เป้าหมายที่คุกคาม ต่อเรามากท่ีสุด (เป้าหมายอันตรายที่สุด) แล้วออกคาส่ังเพ่ือทาการยิงต่อเป้าหมายน้ันเป็นเป้าแรก ผบ.รถ กาหนดเปา้ หมายอนั ตรายทีส่ ุดเป้าต่อไป ออกคาส่งั ยงิ ไปยงั เป้าหมายที่สองหลังจากที่เป้าหมายแรกถูกทาลาย และดาเนินกรรมวิธีเช่นน้ีจนกระท่ังเป้าหมายท้ังหมดถูกทาลายลง เม่ือย้ายการยิงจากเป้าหมายหนึ่งไปยัง เปา้ หมายอ่ืน พลยิงจะต้องแน่ใจว่าหลังจากจัดภาพเล็งท่ีดีแล้ว เขาปล่อยกระเด่ืองคันบังคับป้อมปืนช่ัวคราว (ยกเลิกการแก้ช่วงดัก) จากน้ันบีบกระเดื่องใหม่อีกคร้ัง เพ่ือลบค่าช่วงดักที่ไม่ถูกต้องออกไป ถ้าระยะไปยัง เป้าหมายใหม่ไกลกว่า ๒๐๐ ม. ผบ.รถ ควรกดและปล่อยแป้น BATL RNG และ RESET บนเครื่องหาระยะ ก่อนท่พี ลยงิ จะทาการยงิ เลเซอรใ์ หม่ การยงิ เปา้ หมายหลายเปา้ ด้วยปืนกลปฏบิ ตั ิด้วยวิธกี ารเดียวกนั เป้าหมายอันตรายทสี่ ุด จะตอ้ งถกู ยงิ ก่อน จากนนั้ จงึ ยา้ ยการยงิ ไปยงั เป้าหมายอันตรายทสี่ ดุ หรอื เปา้ หมายอันตรายต่อไป การยงิ หลายเปา้ หมาย (MULTIPLE TARGET ENGAGEMENT) “พลยงิ - เจาะเหราะ- รถถงั สองคนั - คนั ซ้าย- ยงิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217