Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ที่สุดเเห่งธรรมถึงได้ด้วยความเคารพ 3

ที่สุดเเห่งธรรมถึงได้ด้วยความเคารพ 3

Published by Pareploy, 2021-01-10 07:24:01

Description: หลวงพ่อทัตตชีโว

Keywords: religion

Search

Read the Text Version

๓ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ค�ำน�ำ ในวาระวนั คลา้ ยวนั เกดิ ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ของหลวงพอ่ ทตั ตชโี ว (เผดจ็ ทตฺตชโี ว) ท่านกัลยาณมติ รทง้ั หลายท่ีไดร้ บั ธรรมบรรณาการ เปน็ หนงั สอื “ทส่ี ดุ แหง่ ธรรม ถงึ ไดด้ ว้ ยความเคารพ” คงไดท้ ราบแลว้ ว่า ความมั่นคงของชีวิตขึ้นอยู่กับความเคารพ ส�ำหรับคุณความ ดีที่บุคคลพึงเคารพนั้นมีอยู่มากมาย แต่สิ่งท่ีมีคุณความดีที่คน เราจ�ำเป็นต้องเคารพ เพ่ือความม่ันคงและความเจริญรุ่งเรืองใน ชวี ติ นน้ั พระสัมมาสัมพุทธเจา้ ตรัสวา่ มีอยู่ ๗ ประการ คอื ๑) เคารพในพระพุทธ ๒) เคารพในพระธรรม ๓) เคารพในพระสงฆ์ ๔) เคารพในการศึกษา ๕) เคารพในสมาธิ ๖) เคารพในความไม่ประมาท ๗) เคารพในการปฏิสันถาร ดังนัน้ กองวชิ าการอาศรมบัณฑติ จงึ มีแนวคิดว่า จะจัดพมิ พ์ หนังสือชุดความเคารพเป็นธรรมบรรณาการให้ครบ ๗ เล่ม ๗ ประการดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ส�ำหรับหนังสือเล่มแรกในชุดน้ีคือ “พทุ ธคารวตา-ความเคารพในพระพทุ ธเจา้ ”ทา่ นผอู้ า่ นหนงั สอื เลม่ น้ี คงประจกั ษช์ ดั ในพระพทุ ธคณุ ๓ คอื พระปญั ญาธคิ ณุ พระบรสิ ทุ ธคิ ณุ และพระมหากรุณาธิคุณ ซ่ึงสมบูรณ์พร้อมอยู่ในพระพุทธองค์ หามนุษย์ เทวดา พรหม และศาสดาองค์ใดมาเทยี บเทียมพระพุทธ องคม์ ไิ ด้ สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ (5) www.kalyanamitra.org

แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานกว่า สองพันหา้ รอ้ ยปแี ลว้ กต็ าม แตพ่ ระธรรมค�ำส่งั สอนของพระพุทธองค์ ก็ยงั เปน็ มรดกตกทอดมาจนถึงปจั จุบัน ยง่ิ กวา่ นน้ั พระพุทธองคย์ ังได้ รับความเคารพยกย่องสรรเสริญจากนานาชาติทั่วโลก ดังในกรณีที่ สมาชกิ องคก์ ารสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์ให้วันวิสาขบูชา ซง่ึ ตรงกบั วันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของพระพุทธองค์เป็น วนั ส�ำคัญสากลของโลก ในโอกาสวันวิสาขบูชาเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ท่ผี ่าน มา กองวชิ าการอาศรมบัณฑิตได้จัดพิมพ์หนังสือ “ธัมมคารวตา- ความเคารพในพระธรรม” ออกมาเป็นธรรมบรรณาการแก่ กัลยาณมิตรท้ังหลาย ท่านท่ีอ่านหนังสือเล่มน้ี นอกจากจะซาบซ้ึง ในพระพุทธคุณแล้ว คงได้เห็นความส�ำคัญอย่างยิ่งของความเคารพ ในพระธรรมอีกด้วย ทั้งน้ีเพราะเมื่อแรกตรัสรู้ พระพุทธองค์ทรง ด�ำริว่า บุคคลท่ีขาดความเคารพย่อมอยู่เป็นทุกข์ แต่ครั้นเม่ือทรง ตรวจด้วยญาณทัสสนะแล้ว กม็ ไิ ดพ้ บวา่ มสี มณะหรอื พราหมณอ์ น่ื ใน มนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก ทม่ี ี ศีล สมาธิ ปัญญา สมบูรณก์ ว่า พระองค์ ดังน้นั พระองค์จงึ ทรงดำ� ริวา่ พระองค์ควรสักการะเคารพ ธรรมที่พระองค์ตรัสรู้น่ันเอง ดังน้ันเมื่อเรายังเป็นปุถุชนอยู่ก็ไม่ ควรรีรอ พงึ รบี ปฏบิ ตั ติ ามพระพทุ ธองคท์ นั ที ส�ำหรับธรรมบรรณาการเล่มที่ ๓ น้ี คือ “สังฆคารวตา - ความเคารพในพระสงฆ์” ท่านจะได้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับ (6) ท่ีสุดแหง่ ธรรม ถึงไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

พระพุทธศาสนาในประเทศไทยยุคปัจจุบัน ท่ีเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ และพทุ ธศาสนกิ ชน รวมถงึ สาเหตขุ องปญั หา จากนน้ั ทา่ นจะไดเ้ หน็ ถงึ วธิ กี ารแก้ปัญหา ซ่งึ แทท้ จี่ รงิ แลว้ ก็ไมไ่ ดม้ ีส่งิ ใดใหม่ เพราะวธิ ีการแก้ ปัญหาเหล่านั้นท้ังหมดมีอยู่แล้วในค�ำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมดงั ค�ำกลา่ วทวี่ า่ อกาลโิ ก - สามารถเขา้ ถงึ ไดท้ กุ กาลสมยั ซง่ึ คณะ ผู้จัดท�ำได้สกัดประเด็นส�ำคัญท่ีเกี่ยวข้องโดยตรงกับการแก้ไขปัญหา มาน�ำเสนอ และพบว่าจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาดังกล่าวน้ัน มกี ญุ แจที่สำ� คัญ คือ สังฆคารวตา - ความเคารพในพระสงฆ์ นน่ั เอง ในทสี่ ดุ น้ี คณะผจู้ ดั ทำ� ขออนโุ มทนาบญุ และขอบพระคณุ ทา่ น กลั ยาณมติ รผสู้ นบั สนนุ การจดั พมิ พท์ กุ ทา่ น ขออำ� นาจบญุ กศุ ลทที่ า่ น ตงั้ ใจสงั่ สมตลอดมา และอำ� นาจคณุ พระศรรี ตั นตรยั จงบนั ดาลใหท้ า่ น ท้ังหลายประสบความสุขความส�ำเร็จในชีวิต มีความก้าวหน้าในการ ศกึ ษาและปฏบิ ัติธรรมอยา่ งรวดเร็ว สามารถท�ำหนา้ ท่กี ลั ยาณมติ รได้ ส�ำเร็จผลเปน็ อศั จรรย์ เพื่อสร้างสรรค์สังคมสนั ตสิ ุขหา่ งไกลจากทกุ ข์ โดยทัว่ กนั เทอญ ฯ คณะผจู้ ัดทำ� กองวิชาการ อาศรมบัณฑติ ๒๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ (7) www.kalyanamitra.org

(8) ท่สี ุดแหง่ ธรรม ถงึ ได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

สารบัญ ค�ำน�ำ (๕) การเปล่ยี นแปลงของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยยุคปจั จุบัน สถานการณพ์ ระพุทธศาสนาในประเทศไทยยุคปจั จบุ นั ๓ เหตทุ ี่ท�ำให้จ�ำนวนพระสงฆ์และการปฏิบัติธรรมของชาวพทุ ธลดลง ๘ หันหนา้ ยอมรับความจรงิ เพ่อื แก้ไขปัญหา ๑๔ พระสงฆ์คอื ใคร มคี วามส�ำคญั ต่อพระพุทธศาสนาอยา่ งไร ? ๑๙ พระสงฆค์ อื ใคร ? ความหมายของพระสงฆ์นยั ต่าง ๆ ๒๐ พระอริยสงฆ.์ ..จุดมุง่ หมายท่พี ระพทุ ธองค์ทรงวางใหแ้ ก่พระสงฆ์ ๒๓ พระสงฆ์...ผูก้ มุ ความเสอื่ มและความเจรญิ ของพระพทุ ธศาสนา ๓๒ ข้อวตั รปฏบิ ตั ทิ ี่ท�ำใหพ้ ระสงฆ์เป็นเนอื้ นาบุญของชาวโลก ความหมายของสามญั ญผล ๔๐ ความยอ่ ของสามัญญผลสตู ร ๔๒ สามญั ญผลเบอื้ งตน้ ...ยกตนจากฐานะเดมิ ๔๖ ศรทั ธาอันประกอบด้วยปญั ญา...นำ� มาส่กู ารบวช ๕๓ ส่งิ ใดพงึ กระท�ำและสิ่งใดพงึ ละเวน้ ...เม่อื เข้ามาบวชในพระพทุ ธศาสนา ๕๖ สามัญญผลเบ้อื งกลาง...สยบนวิ รณธรรมท้งั ปวง ๖๙ สามญั ญผลเบ้อื งสูง...เข้าถงึ คุณวเิ ศษและขจดั กเิ ลสไปตามล�ำดับ ๗๖ บทสรปุ สามัญญผลสตู ร...คุณลกั ษณะของพระสงฆ์ทดี่ ใี นพระพุทธศาสนา ๗๙ สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ (9) www.kalyanamitra.org

(10) ที่สดุ แหง่ ธรรม ถงึ ไดด้ ว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

สังฆคารวตากบั ความเจริญร่งุ เรอื งในพระพทุ ธศาสนา ๘๖ การบวช คอื การประกาศสงครามกบั กิเลส ๘๙ วัตถุประสงคข์ องพระธรรมวนิ ยั ๙๕ ขาดเสียซง่ึ ครดู ี...ยากท่ีจะดีได ้ ๙๙ พระสารบี ตุ ร...ผูเ้ ปน็ ครตู ้นแบบ ๑๐๓ ขาดเสียซง่ึ สังฆคารวตา...ยากทีจ่ ะไปไดต้ ลอดรอดฝงั่ สังฆคารวตากบั จุดเร่ิมตน้ ในการสร้างทัศนคติทด่ี ีแก่พทุ ธศาสนกิ ชน ทัศนคตดิ า้ นลบ...ทัศนคตทิ ีค่ วรแกไ้ ข ๑๑๐ จริงหรือ...ท่พี ระอรยิ เจ้าเปน็ ผูไ้ ม่ถูกติเตยี น ๑๑๒ สังฆคารวตา...สร้างเกราะปอ้ งกนั การจับผิด ๑๑๘ สงั ฆคารวตา...สะพานเชอื่ มคฤหัสถ์และบรรพชิต ๑๒๑ บทสรุปการแกไ้ ขปญั หาอยา่ งยง่ั ยืน ๑๒๗ บรรณานุกรม ๑๓๔ วธิ ีฝกึ สมาธเิ บือ้ งตน้ ๑๓๗ สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ (11) www.kalyanamitra.org

การเปลี่ยนแปลง ของพระพุทธศาสนา ในประเทศไทยยคุ ปจั จบุ นั (12) ที่สดุ แหง่ ธรรม ถงึ ได้ด้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

สถานการณพ์ ระพทุ ธศาสนา ในประเทศไทยยคุ ปัจจุบนั เหตทุ ีท่ �ำให้จ�ำนวนพระสงฆ์ และการปฏิบัตธิ รรม ของชาวพทุ ธลดลง หันหน้ายอมรับความจรงิ เพื่อแก้ไขปัญหา www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

สถานการณ์พระพทุ ธศาสนา ในประเทศไทยยคุ ปัจจบุ นั พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองในประเทศไทยมาช้านาน 3 ดังจะเห็นได้จากการมีศาสนทายาท อันได้แก่ พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสกิ า เปน็ ผูส้ ืบทอดพระธรรมค�ำสอน รวมถึงศาสนสถาน อนั ได้แก่ วัดวาอารามและสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ทางพระพุทธศาสนา โดยบรรพชนไทยได้อาศัยพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและ ขัดเกลาจิตใจ จนเกิดเป็นวัฒนธรรมชาวพุทธอันดีงามที่สืบทอดจาก รนุ่ สรู่ นุ่ มาถงึ ปจั จบุ นั อยา่ งไรกต็ าม ไดม้ กี ารเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั พระพุทธศาสนาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังจะเห็นได้จากจ�ำนวน พระภกิ ษแุ ละสามเณรในประเทศไทยทล่ี ดลงอยา่ งต่อเนอ่ื ง จากข้อมูลสถิติจ�ำนวนพระภิกษุและสามเณรในประเทศไทย ของสำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๖๑๑ พบว่าพระภิกษุและสามเณรมีจ�ำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และปี พ.ศ. ๒๕๖๐ จะมีจ�ำนวนเพิ่มข้ึนมาบ้าง แต่ก็ ไม่มากนักเม่ือเทียบกับปีก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณา จ�ำนวนพระภิกษแุ ละสามเณรในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ กลบั พบว่า พระภกิ ษุ และสามเณรมีจ�ำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด และจากการเปิดเผยผล ส�ำรวจจำ� นวนพระภิกษแุ ละสามเณรในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ของส�ำนกั งาน ๑ สำ� นักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ อา้ งโดยสำ� นักขา่ วไทยพีบีเอส “จำ� นวนพระภิกษุ - สามเณร ๑๔ ปี ยอ้ นหลัง”, ๑๐ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๒ สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ย่ิงตอกย้�ำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ใน หลาย ๆปที ผี่ า่ นมาพระภกิ ษแุ ละสามเณรมจี ำ� นวนลดลงอยา่ งรวดเรว็ และเป็นจ�ำนวนมาก อีกทั้งจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปจั จุบัน ทม่ี กี ารเปลีย่ นแปลงอย่างรวดเร็ว ยง่ิ เป็นทน่ี ่าหว่ันวิตกวา่ ในปีตอ่ ๆ ไป จ�ำนวนพระภิกษุและสามเณรในประเทศไทย จะมีแนวโน้ม ลดลงอย่างต่อเน่ือง จากข้อมูลดังกล่าวนี้ เราจึงไม่อาจปฏิเสธถึง สภาพความเป็นจริงเกี่ยวกับวิกฤตปัญหาจ�ำนวนศาสนทายาทท่ีเกิด ขน้ึ กับพระพุทธศาสนาในประเทศไทยในขณะน้ีได้ ข้อมูลสถิตจิ �ำนวนพระภกิ ษุและสามเณรในประเทศไทย ประจ�ำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๒ (ที่มา : สำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ) 4 ทสี่ ุดแหง่ ธรรม ถึงไดด้ ว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

เก่ียวกับในเรื่องดังกล่าว ได้มีบทความ “การลดจ�ำนวนของ พระสงฆ์และผลกระทบต่อพระพทุ ธศาสนาในอนาคต” ของ ผศ.ดร. ชาญณรงค์ บุญหนุน อาจารย์ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร ทเี่ ขยี นลงวารสารพทุ ธศาสนศ์ กึ ษา จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั ปที ี่ ๑๘ ฉบบั ท่ี ๓ ประจำ� เดอื นกนั ยายน - ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ พบวา่ สัดสว่ นจ�ำนวนพระภิกษุและสามเณรตอ่ ประชากรทั้ง ประเทศลดลงอย่างต่อเนอื่ งในรอบ ๔๐ กว่าปีทผี่ ่านมา โดยสาเหตหุ ลักทจ่ี ำ� นวนสามเณรลดลงอยา่ งต่อเน่ือง ผศ.ดร. ชาญณรงค์ บญุ หนนุ ไดก้ ลา่ วถงึ สาเหตไุ วว้ า่ มาจากนโยบายการศกึ ษา ภาคบังคับของรัฐซึ่งขยายไปจนถึงช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ และก�ำลัง จะขยายไปถงึ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๖ ทำ� ใหม้ เี ดก็ มาบวชเปน็ สามเณรนอ้ ย ลง เมื่อเปรยี บเทียบกบั ในสมยั กอ่ นน้ัน การบวชเปน็ สามเณรเป็นทาง เลือกท่ีท�ำให้เข้าถึงโอกาสในการศึกษา และมีพระภิกษุจ�ำนวน ไมน่ อ้ ยในชนบทกม็ าจากสามเณรทบ่ี วชแลว้ ยงั ไมล่ าสกิ ขา แต่จากนโยบายการศึกษาในปัจจุบันจึงไม่มีความจ�ำเป็นท่ี จะตอ้ งเขา้ ไปศกึ ษาภายในระบบวดั อกี สาเหตหุ นง่ึ คอื การขาดแรงงาน ในหมู่บ้าน อันสืบเน่ืองมาจากนโยบายวางแผนครอบครัว ท่ีท�ำให้ ครอบครัวมีจ�ำนวนบุตรน้อยลง การท่ีครอบครัวหนึ่งมีบุตรหลายคน ย่อมไม่ท�ำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อีกท้ังการที่ใครจะมา บวชกส็ ามารถบวชได้นาน โดยไม่เป็นภาระแกค่ รอบครัวแตอ่ ยา่ งใด สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 5 www.kalyanamitra.org

นอกจากนี้ ยงั มขี อ้ มลู ทางสถติ ทิ น่ี า่ สนใจเกย่ี วกบั การประกอบ กจิ ทางศาสนาของพทุ ธศาสนกิ ชน โดยสำ� นกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ ซง่ึ แบง่ ออกเป็น ๔ ดา้ น ไดแ้ ก่ ๑) การสวดมนต์ ๒) การใสบ่ าตร ๓) การ รกั ษาศลี ๕ และ ๔) การนัง่ สมาธิ โดยสำ� รวจกับพุทธศาสนกิ ชนผู้ มอี ายตุ งั้ แต่ ๑๓ ปขี นึ้ ไป จำ� นวน ๕๐,๘๙๙,๖๔๔ คน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ทว่ั ราชอาณาจักร มผี ลส�ำรวจท่นี ่าใจหายไมน่ ้อย ดังท่ีปรากฏน้ี ข้อมูลสถติ จิ ำ� นวนพทุ ธศาสนิกชน อายุ ๑๓ ปขี น้ึ ไป ประกอบกิจทางศาสนา ประจ�ำปี พ.ศ. ๒๕๕๑ (ทม่ี า : สำ� นักงานสถติ แิ ห่งชาต)ิ 6 ท่สี ดุ แห่งธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

จากข้อมูลจ�ำนวนพุทธศาสนิกชนผู้ประกอบกิจทางศาสนา พบวา่ ๔๙.๗ % ไดม้ ีโอกาสสวดมนต์เปน็ ประจ�ำหรือในวาระโอกาส ต่าง ๆ และจ�ำนวนของผู้ทใ่ี สบ่ าตรเปน็ ประจำ� หรอื ในโอกาสตา่ ง ๆ มี จ�ำนวน ๖๔.๗ % แต่จำ� นวนผ้ทู ่รี กั ษาศลี ๕ และน่ังสมาธิลดลงไปถงึ ๑๙.๕ % และ ๑๐.๖ % ตามลำ� ดบั ในโอกาสเดยี วกนั นนั่ หมายความวา่ พุทธศาสนิกชนในปัจจุบันให้ความส�ำคัญกับการประพฤติปฏิบัติ ธรรมดว้ ยการสวดมนต์ ทำ� ทาน รักษาศลี เจริญสมาธภิ าวนา ไม่ มากเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเร่ืองของการรักษาศีล ๕ และ การเจรญิ สมาธภิ าวนา มีจ�ำนวนผู้ที่ลงมอื ปฏบิ ัตินาน ๆ ครัง้ และไม่ เคย อยถู่ งึ ๘๐.๕ % และ ๘๙.๔ % ตามลำ� ดบั ดว้ ยขอ้ มลู สถติ ดิ งั กลา่ ว เราไมอ่ าจปฏเิ สธไดว้ า่ ในยคุ ปจั จบุ นั พทุ ธศาสนกิ ชนใหค้ วามสำ� คญั ใน การทำ� กจิ กรรมทางพระพทุ ธศาสนาลดนอ้ ยลง สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 7 www.kalyanamitra.org

เหตทุ ่ีทำ� ใหจ้ ำ� นวนพระสงฆ์ และการปฏบิ ตั ธิ รรมของชาวพุทธลดลง ในข้างต้นเก่ียวกับการลดจ�ำนวนของพระภิกษุและสามเณร ดังท่ี ผศ.ดร. ชาญณรงค์ บุญหนุน ได้สรุปออกมา ๒ สาเหตุ คือ ๑) นโยบายการศึกษาภาคบังคับของรัฐ ซ่ึงขยายไปจนถึงช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ และกำ� ลงั จะขยายไปถึงชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๖ และ ๒) นโยบายวางแผนครอบครวั ท่ที ำ� ใหค้ รอบครวั มีจำ� นวนบตุ รนอ้ ย ลง แตน่ อกจากสาเหตดุ งั กลา่ วแลว้ ผเู้ ขยี นเหน็ วา่ ยงั มสี าเหตอุ กี อยา่ ง นอ้ ย ๓ ประการ ทส่ี ง่ ผลกระทบถงึ การลดลงของจำ� นวนพระภกิ ษแุ ละ สามเณร รวมถงึ การประพฤตปิ ฏบิ ตั ธิ รรมของพทุ ธศาสนกิ ชน กลา่ วคอื ๑) การเปล่ียนแปลงสภาพสังคมจากสังคมเกษตรกรรมมาสู่ สังคมอตุ สาหกรรม ๒) ขอ้ วตั รปฏบิ ตั ขิ องพระสงฆท์ ปี่ รากฏตอ่ สายตาสาธารณชน ๓) ทัศนคตใิ นการมองพระสงฆ์ของพุทธศาสนกิ ชน 8 ที่สุดแห่งธรรม ถงึ ได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

สาเหตุที่ ๑ คือ การเปล่ียนแปลงสภาพสังคมจากสังคม 9 เกษตรกรรมไปสสู่ งั คมอตุ สาหกรรม เปน็ ทที่ ราบกนั อย่างดีวา่ ผคู้ น ในสังคมเกษตรกรรมมีต้นทุนหรือสถานท่ีประกอบอาชีพ คือ เรือก สวนไร่นา ผู้คนอาศัยอยู่ในสถานที่เกิด ใช้ชีวิตและประกอบอาชีพ โดยมีอัตราการย้ายถิ่นฐานน้อย อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ในขณะเดียวกัน วัดวาอารามและพระภิกษุสงฆ์ในวัดมีความใกล้ชิด คุ้นเคยกบั ผู้คนในท้องถิน่ น้ัน ๆ เป็นอยา่ งดี กอปรกับสง่ิ อำ� นวยความ สะดวกสาธารณะยงั มจี �ำนวนไมม่ ากนกั โดยเฉพาะอย่างย่ิง โรงเรยี น ดงั นน้ั เยาวชนจงึ ไดอ้ าศยั วดั เปน็ สถานทใ่ี นการศกึ ษาเลา่ เรยี น ซงึ่ มวี ดั ในหลายพนื้ ที่ไดม้ อบที่ดินในวดั เพ่อื ใชเ้ ปน็ สถานศกึ ษา ท่ีเราเรียกกนั ว่า โรงเรียนวัด นอกจากน้ีวัดยังได้ท�ำหน้าท่ีเป็นสถานท่ีชุมนุมเพื่อ ประกอบกิจกรรมตา่ ง ๆ ภายในหม่บู ้าน ต�ำบล หรืออำ� เภอน้นั ๆ อกี ดว้ ย ดงั นน้ั ความสนทิ สนมคนุ้ เคยระหวา่ ง วดั บา้ น โรงเรยี น ในชมุ ชน จึงมอี ยูอ่ ยา่ งแน่นแฟ้น เป็นสาเหตหุ ลักทีท่ ำ� ให้การถา่ ยทอดคุณธรรม เกิดข้ึนอย่างเป็นระบบโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเร่ืองของ การห้ามท�ำความช่ัวและให้ตั้งอยู่ในความดี ดังที่ปรากฏในสิงคาลก สตู ร๒ แตเ่ มอ่ื วนั หนง่ึ สภาพสงั คมเปลยี่ นจากภาคเกษตรกรรมมาเปน็ ภาคอตุ สาหกรรม ตน้ ทนุ หรือสถานทป่ี ระกอบอาชีพนั้นได้เปลีย่ นไป เป็นโรงงานอตุ สาหกรรม บริษัท หา้ งรา้ นตา่ ง ๆ ซง่ึ แนน่ อนว่าสถานที่ เหล่านี้ มักอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ จึงเป็นเหตุให้เกิดการย้ายถิ่นฐานของ ๒ ศึกษาเพ่มิ เติมเกย่ี วกับหน้าที่ที่พงึ ปฏิบัตขิ องมารดาบิดาตอ่ บตุ ร ของอาจารยต์ อ่ ศิษย์ และของสมณะ ตอ่ กุลบุตร ไดใ้ น ฉทิสาปฏิจฉาทนกัณฑ์ ว่าดว้ ยการปกป้องทศิ ทั้ง ๖ (ที.ปา. ๑๑/๒๖๖-๒๗๒/๒๑๒-๒๑๖ แปล.มจร) สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

คนหนุ่มคนสาวจากทอ้ งถน่ิ ตา่ ง ๆ เขา้ สเู่ มอื งใหญ่ ๆ กอปรกับสถานท่ี อ�ำนวยความสะดวกต่าง ๆ มีมากข้ึน และระบบการศึกษาสมัยใหม่ ที่มุ่งเน้นไปท่ีการเรียนรู้เพื่อการแข่งขันและประกอบอาชีพ เม่ือเป็น เช่นน้ีจึงท�ำให้ประชากรในท้องถ่ินน้ัน ๆ รวมถึงวัดวาอารามที่เคย เป็นศนู ย์กลางของชมุ ชนดา้ นตา่ ง ๆ ทงั้ ดา้ นการศกึ ษาและประกอบ กิจกรรมต่างๆ น้ัน จึงมีเพียงเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเท่านั้น ขาด ประชากรทอี่ ย่ใู นวัยหนุ่มสาวไป ดว้ ยสาเหตุดังกล่าวนี้ จึงทำ� ให้ความสัมพันธ์เชอ่ื มโยงระหว่าง วดั บา้ น โรงเรียน ค่อย ๆ ห่างกนั ออกไป โดยเฉพาะอย่างยงิ่ การสืบ ตอ่ ของศาสนทายาท คอื พระภกิ ษแุ ละสามเณรไดข้ าดชว่ งไป เพราะ มสี าเหตมุ าจากการยา้ ยถนิ่ ฐานออกไปของคนในวยั หนมุ่ สาว วดั วา อารามเองจึงเหลือเพียงพระภิกษุสงฆ์ผู้สูงอายุเท่านั้น ส�ำหรับคนวัย หนุ่มสาวเองที่ย้ายถิ่นฐานไปสู่เมืองใหญ่ ถูกสภาพสังคมและสภาวะ เศรษฐกจิ ทมี่ อี ตั ราการแขง่ ขนั สงู บบี คน้ั จงึ ยากทจ่ี ะจดั สรรเวลาไปเขา้ วดั เพ่ือท�ำบญุ ฟงั ธรรมหรือปฏบิ ตั ธิ รรม จะกลา่ วไปไยกับการก้าวเข้า มาสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ของกุลบุตร และเมื่อรวมกับปัจจัยเร่ืองความ คุ้นเคยกับพระภิกษุแล้ว ย่ิงเป็นเหตุให้ก�ำแพงที่ก้ันกลางระหว่างกัน และกนั หนาเพ่มิ ขึน้ เป็นทวีคูณ สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 11 www.kalyanamitra.org

สาเหตุที่ ๒ คือ ข้อวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ที่ปรากฏต่อ สายตาสาธารณชน เมอ่ื สภาพสงั คมเปลย่ี นแปลงไปดงั ทก่ี ลา่ วในขา้ ง ตน้ วดั วาอารามเองจึงต้องปรับตวั จากการท�ำหน้าที่ในลักษณะตั้งรบั มาเป็นเชิงรุก แต่ทว่าแทนที่จะเป็นการมุ่งมั่นพัฒนาตนเองให้มี อัจฉริยภาพสมบูรณ์พร้อมท้ังด้านปริยัติสัทธรรมและปฏิบัติสัทธรรม จนปรากฏผลเปน็ ปฏเิ วธทป่ี ระจักษ์ ทรงภูมริ ู้ภมู ธิ รรม สามารถน�ำไป เทศนาส่ังสอนพุทธศาสนิกชนให้สามารถเข้าใจ และน�ำไปใช้ในการ ด�ำรงชีวิตอยู่อย่างปกติสุข เช่น ภูมิธรรมในเร่ืองสัมมาทิฏฐิ กฎแห่ง กรรม ผลของบุญและบาป ความรู้เร่ืองปรโลก และสังสารวัฏ รวม ถึงการท�ำหน้าที่กัลยาณมิตร ฯลฯ โดยอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัยใน ปจั จบุ นั อาทิ บรกิ ารเครอื ขา่ ยสงั คม หรอื Social Networking Service (SNS) มาเปน็ สอ่ื กลางในการสอ่ื สาร เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ถงึ ผคู้ นไดม้ ากขน้ึ กลบั อาศัยรูปแบบของงานบันเทิง บางแห่งได้หันไปประกอบพิธีไสยเวท มอบเครอื่ งรางของขลงั การทำ� นายโชคชะตาราศี ฯลฯ อกี ทง้ั ยงั ปฏบิ ตั ิ ตนไมเ่ หมาะสม เชน่ ยอ่ หยอ่ นในพระปาตโิ มกข์ ไมส่ ำ� รวมอนิ ทรยี ท์ ง้ั ๖ มกี ารพูดปด เสพสุรา ยาเสพตดิ เปน็ ตน้ ชอบไปในทอี่ โคจร คอื ไปยงั สถานทท่ี พ่ี ระภกิ ษุไมค่ วรไป โดยไม่มีเหตจุ �ำเป็น เลน่ การพนัน หรือ ส่งเสริมใหป้ ระชาชนหลงใหลอยูก่ ับการพนนั แสดงพระธรรมเทศนา ผดิ เพย้ี นไปจากพระธรรมวนิ ยั หรอื เผยแพรค่ ำ� สอนอนั เปน็ มจิ ฉาทฏิ ฐิเชน่ สอนวา่ นรกสวรรคไ์ ม่มี สัตว์ทง้ั หลายตายแล้วสญู เหล่าน้เี ปน็ ต้น และ เมอ่ื เปน็ เชน่ น้ี จงึ เปน็ เหตใุ หถ้ กู ตเิ ตยี นถงึ ขอ้ วตั รปฏบิ ตั อิ นั ไมส่ มควรแก่ สมณะ กอปรกับสือ่ สารมวลชนบางพวกท่มี ่งุ เน้นในเชิงพาณิชย์ โดย ละทง้ิ จรรยาบรรณ นำ� เสนอและขยายผลขา่ วในดา้ นลบของพระภกิ ษุ สงฆ์ ท�ำให้ภาพด้านลบนต้ี ดิ อยใู่ นใจของมหาชน 12 ท่สี ดุ แหง่ ธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

สาเหตุท่ี ๓ คือ ทัศนคติในการมองพระสงฆ์ของ พทุ ธศาสนกิ ชน เมอ่ื ภาพในดา้ นลบของพระพทุ ธศาสนา วดั วาอาราม รวมถึงพระภิกษุสงฆ์ปรากฏแก่สายตาพุทธศาสนิกชนมากเข้า ท�ำให้ ทัศนคติท่ีเคยมองพระภิกษุสงฆ์ในฐานะของพระรัตนตรัย ในฐานะ ครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธ์ิประสาทความรู้ท้ังทางโลกและทางธรรม หรือในฐานะของศูนย์รวมจิตใจ เป็นผู้น�ำทางจิตวิญญาณ ก็ค่อย ๆ เลือนหายไป จนเกิดเป็นทัศนคติด้านลบฝังอยู่ในจิตใจ ท�ำให้ความ เคารพท่ีเคยมีกลับเลือนลางไป ในบางกลุ่มบางพวกมีความคิดถึงข้ัน ทีว่ ่า พระภกิ ษสุ งฆเ์ ปน็ ผู้ทอี่ าศัยสังคมอย่เู หมอื นกาฝากตน้ ไม้ ไมม่ ี ประโยชนใ์ ด ๆ ในสงั คม หรอื บางกลมุ่ กม็ คี วามคดิ วา่ พระธรรมทพี่ ระ ภิกษสุ งฆ์นำ� มาแสดงนัน้ เปน็ ภาษาคัมภรี ์ ภาษาศักดิ์สิทธ์ิ เปน็ สิง่ ที่ ยากในการท�ำความเข้าใจ และตัวพระภิกษุสงฆ์เองก็ได้แสดงธรรม ดว้ ยรปู แบบและภาษาทย่ี ากเชน่ นนั้ จรงิ ๆ ดว้ ยทศั นคตเิ ชน่ นจ้ี งึ ทำ� ให้ พทุ ธศาสนิกชนค่อย ๆ ถอยหา่ งออกจากวัดวาอารามไป และตดิ ตาม มาด้วยความย่อหย่อนในการประพฤติปฏบิ ัติธรรม สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 13 www.kalyanamitra.org

หนั หนา้ ยอมรับความจรงิ เพื่อแกไ้ ขปญั หา จากปัญหาในเร่ืองการลดจ�ำนวนลงของศาสนทายาท คือ พระภกิ ษสุ งฆแ์ ละสามเณร รวมถงึ ความหา่ งเหนิ ในเรอื่ งการประพฤติ ปฏิบัติธรรมของผู้ท่ีได้ชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชน อาจเป็นสิ่งท่ีสร้าง ความสลดใจให้แก่เรา แต่หากเรากล้าท่ีจะมองสิ่งท่ีเกิดข้ึนตาม ความเป็นจริง และมองย้อนกลับไปถึงสาเหตุท่ีท�ำให้เป็นเช่นนี้ เพื่อท่ีเราจะได้แก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง เฉกเชน่ เดยี วกบั พระสัมมาสัมพุทธเจา้ ทีม่ องเหน็ ความทกุ ขใ์ นชีวิต แล้วสาวกลบั ไปถงึ เหตแุ ห่งทุกข์ และเมอื่ ต้นตอแห่งปัญหาได้ถูกแกไ้ ขไป พระองคจ์ งึ ไม่ ต้องกลับมาอย่ใู นวงจรแห่งความทกุ ขเ์ ช่นน้ีอกี อยา่ งไรกต็ าม สถานการณข์ องพระพทุ ธศาสนาทก่ี ำ� ลงั เกดิ ขนึ้ อยใู่ นขณะน้ี อาจกลา่ วไดว้ า่ มสี าเหตมุ าจาก ๑) การเปลย่ี นแปลงสภาพ สังคมจากสังคมเกษตรกรรมมาสู่สังคมอุตสาหกรรม ๒) ข้อวัตร ปฏบิ ตั ขิ องพระสงฆ์ทีป่ รากฏต่อสายตาสาธารณชน ๓) ทัศนคติใน การมองพระสงฆ์ของพุทธศาสนิกชน ซึ่งมีความเช่ือมโยงเกี่ยวพัน กนั เปน็ ลกู โซ่ สำ� หรบั สาเหตใุ นขอ้ ที่ ๑ เปน็ สง่ิ ทเ่ี ราไมส่ ามารถแกไ้ ขได้ เพราะเป็นปจั จยั ภายนอก เปน็ กลไกทางสังคมและเศรษฐกิจโดยรวม ของประเทศและโลก แตส่ าเหตใุ นขอ้ ท่ี ๒ และ ๓ เปน็ สงิ่ ทเ่ี ราสามารถ แกไ้ ขได้ เพราะเปน็ ปจั จยั ภายในของวดั พระสงฆ์ และพทุ ธศาสนกิ ชน ซงึ่ เราสามารถแกไ้ ขไดด้ ว้ ย สงั ฆคารวตา คอื ความเคารพในพระสงฆ์ ดงั จะกลา่ วรายละเอียดในล�ำดบั ตอ่ ไป 14 ที่สุดแห่งธรรม ถงึ ไดด้ ว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ปญั หาท่ีเกิดขน้ึ ในพระพทุ ธศาสนา สามารถแก้ไขได้ โดยเรมิ่ ตน้ จากความเคารพ www.kalyanamitra.org

พระสงฆ์คอื ใคร ? มีความส�ำคัญ ต่อพระพุทธศาสนาอย่างไร ? 16 ที่สดุ แห่งธรรม ถึงได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

พระสงฆค์ ือใคร ? ความหมายของพระสงฆ์ นัยตา่ งๆ พระอรยิ สงฆ์...จุดม่งุ หมาย ที่พระพทุ ธองค์ ทรงวางให้แกพ่ ระสงฆ์ พระสงฆ.์ ..ผูก้ ุมความเสื่อม และความเจริญ ของพระพุทธศาสนา www.kalyanamitra.org

แมพ้ ระผู้มพี ระภาคเจา้ จะมิได้ทรงแต่งต้ังใคร เปน็ ศาสดาแทนพระองค์ แต่พระสงฆท์ ุกรูปลว้ นอยู่ในฐานะ ผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา www.kalyanamitra.org

พระสงฆค์ อื ใคร ? ก่อนท่ีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพทุ ธองคม์ ไิ ดท้ รงแตง่ ตง้ั พทุ ธสาวกรปู ใดเปน็ ศาสดาแทนพระองค์ แตไ่ ดต้ รัสพทุ ธพจนน์ ี้ใน มหาปรินพิ พานสูตร แกพ่ ระอานนทว์ ่า “ธรรมและวินัยที่เราแสดงแล้วบัญญัติแล้วแก่เธอ ทงั้ หลายหลงั จากเราลว่ งลบั ไปกจ็ ะเปน็ ศาสดาของเธอทง้ั หลาย”๓ พระธรรมวนิ ยั จะสามารถทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ ศาสดาของศาสนกิ ได้ กต็ อ่ เมอ่ื มบี คุ คลศกึ ษาศาสนธรรม หรอื ทเี่ รยี กวา่ ปรยิ ตั สิ ทั ธรรม จนเกดิ ความเขา้ ใจอยา่ งถกู ตอ้ ง แลว้ ลงมอื ปฏบิ ตั ธิ รรมอยา่ งจรงิ จงั จนเกดิ ผล เปน็ ปฏเิ วธสทั ธรรม ระดบั ของปฏเิ วธสทั ธรรมยง่ิ อยใู่ นระดบั สงู เพยี งใด ความเขา้ ใจศาสนธรรมกจ็ ะละเอยี ดลกึ ซง้ึ เพยี งนนั้ บคุ คลทจ่ี ะมคี วาม ตั้งใจจริงและมีเวลาพอที่จะศึกษาปริยัติสัทธรรมและปฏิบัติสัทธรรม จนเกดิ ความเขา้ ใจอยา่ งลกึ ซง้ึ ถงึ ขนั้ นำ� มาถา่ ยทอดอบรมสงั่ สอนผอู้ นื่ ใหเ้ กิดความเขา้ ใจอยา่ งแทจ้ รงิ จงึ ตกเป็นหนา้ ทห่ี ลักของพระสงฆ์ทุก รปู ดงั นน้ั แมพ้ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ จะมไิ ดท้ รงแตง่ ตงั้ พระภกิ ษหุ รอื พระภกิ ษณุ รี ปู ใดรปู หนง่ึ เปน็ ศาสดาแทนพระพทุ ธองค์ แตพ่ ระสงฆ์ ทกุ รปู ลว้ นอยใู่ นฐานะผ้สู ืบทอดพระพทุ ธศาสนา ๓ ท.ี ม. ๑๐/๒๑๖/๑๖๔ (แปล.มจร) 19 สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

ความหมายของพระสงฆน์ ัยต่างๆ ก่อนอน่ื เรามาดคู วามหมายของค�ำว่า พระสงฆ์ กันกอ่ น ซง่ึ โดยทวั่ ไป เรามกั พบเห็นค�ำว่า ๑) พระภิกษุ (ภกิ ฺขุ) และ ๒) พระสงฆ์ (สงฺโฆ) โดยในบางครัง้ เราจะเรยี กทง้ั ๒ คำ� นร้ี วมกันวา่ พระภกิ ษสุ งฆ์ (ภกิ ขฺ ุ + สงโฺ ฆ) ภิกษุ แปลว่า ผู้ขอ เป็นความหมายโดยท่ัวไปแก่ผู้ขอและ นกั บวชทุกประเภท เพราะมคี วามเปน็ อยูเ่ นอ่ื งดว้ ยผ้อู นื่ จงึ อาศัยการ เทย่ี วขอ แตเ่ ปน็ การขอด้วยวิธีขออย่างประเสริฐ หมายถึง จะได้ ก็ตาม ไม่ได้ก็ตาม ไม่ออกปากขอเลย คนฉลาดมีปัญญาจึงจะรู้ว่า นักบวชยืนเจาะจงอยู่ทใี่ ด น่นั คอื การขออย่างพระอรยิ เจา้ ทัง้ หลาย คำ� วา่ ภกิ ษุ ในทน่ี นี้ อกจากมีความหมายทว่ั ไปแลว้ ยังมคี วาม หมายเฉพาะไมท่ ว่ั ไปแกน่ กั บวชอนื่ คอื หมายถงึ ผเู้ หน็ ภยั ในวฏั สงสาร ปฏบิ ตั ใิ นไตรสกิ ขา หรอื มศี ลี และทฏิ ฐติ ามทพ่ี ระผมู้ พี ระภาคเจา้ ทรง สัง่ สอนไว้ เพื่อการบรรลมุ รรคผลและนิพพาน ซ่ึงในปจั จบุ ันก็ไดแ้ ก่ ผชู้ ายทม่ี คี ณุ สมบตั บิ วชไดแ้ ละไดอ้ ปุ สมบทดว้ ยสงฆผ์ พู้ รอ้ มเพรยี งกนั อุปสมบทให้ดว้ ยญัตตจิ ตุตถกรรม๔ เป็นพระภิกษใุ นพระพุทธศาสนา ค�ำวา่ สงฆ์ โดยทว่ั ไปแปลว่า หมู่ หรอื ฝูง เช่น หมพู่ ระภิกษุ (ภิกฺขุสงฺโฆ) หมู่เทพ (เทวสงฺโฆ) ฝูงนก (สกุณสงฺโฆ) เป็นต้น แต่ใน เรื่องความเคารพในพระสงฆ์น้ีมุ่งหมายเฉพาะ “หมู่พระภิกษุ” ผู้ ท่ีเข้ากันได้โดยมีทิฏฐิและศีลอันเสมอกัน คือ มีสัมมาทิฏฐิและศีล ๔ วิ.มหา. ๔/๖๙-๗๐/๙๗-๙๙ (แปล.มจร) 20 ที่สดุ แหง่ ธรรม ถึงได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ตามครรลองที่พระผู้มีพระภาคเจ้าก�ำหนดไว้เหมือนกันเท่าน้ัน ไม่ใชห่ มู่อื่น เพราะเปน็ หมูท่ ีป่ ระเสรฐิ สดุ และเป็นหมรู่ วมเข้ากนั ได้กบั พระรตั นะทงั้ สองขา้ งตน้ คอื พระพทุ ธเจา้ และพระธรรม ดงั กลา่ วมาแลว้ ความเป็นสงฆ์มคี วามหมาย ๒ ประการคอื ๑. เป็นสงฆ์โดยจ�ำนวน ตามความหมายในพระวินัยจะ ก�ำหนดเอาจ�ำนวนพระภิกษุผู้พร้อมเพรียงกันในแต่ละสังฆกรรม ซ่ึง จะเรยี กวา่ สงฆ์ แตกตา่ งกนั ไป ในบางสังฆกรรม เช่น อุโบสถกรรม คอื การสวดพระปาตโิ มกขใ์ นวนั อโุ บสถทกุ ๆ กง่ึ เดอื น ตอ้ งมพี ระภกิ ษุ อยา่ งน้อย ๔ รปู ขน้ึ ไป จึงจะทำ� สังฆกรรมได้ ถา้ นอ้ ยกว่านี้คือ ๒-๓ รปู เรียกว่า คณะ ใหบ้ อกความบริสทุ ธิ์ของตนแกก่ นั และกนั สำ� หรับ ๑ รูป จะเรียกว่า บุคคล ให้อธิษฐานก�ำหนดในใจเอา จะสวดพระ ปาติโมกขเ์ ปน็ สงั ฆกรรมไม่ได้ สว่ นสงั ฆกรรมท่ีต้องใช้พระภกิ ษุพรอ้ ม เพรยี งกันมากกว่า ๔ รปู คือ ต้ังแต่ ๕ รปู ๑๐ รปู ๒๐ รูปขึน้ ไป เช่น การปวารณา การให้อุปสมบท การอพั ภาน เป็นตน้ พระภกิ ษุทีน่ ้อย กว่าในกรรมน้ัน ๆ ก็ไม่จัดเปน็ สงฆ์ในกรรมนั้น ๆ เหมอื นกนั แตเ่ ป็น สงฆ์ในกรรมที่เหลอื ได้ สาเหตทุ พี่ ระองค์ทรงกำ� หนด ๔ รปู ข้ึนไป ก็ เพอ่ื ให้สงั ฆกรรมนน้ั ๆ ส�ำเรจ็ ไดด้ ้วยความบรสิ ทุ ธิ์บรบิ ูรณ ์ ๒. เป็นสงฆ์โดยเจาะจงต่อ “อริยคณุ ” หรือ “อริยภาวะ” โดยผ่านทาง สงฆ์ (ภิกษอุ ย่างน้อย ๔ รปู ) คณะ (พระ ๒-๓ รปู ) หรอื บคุ คล (พระรปู เดียว) อย่างใดอยา่ งหนึง่ ผ้ทู �ำการแทนสงฆ์ จะเปน็ พาล หรอื เปน็ บัณฑิต มศี ีล หรือทศุ ีลกต็ าม ตามนัยพระสูตร ซึ่งมี ๔ ประเภท คอื สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 21 www.kalyanamitra.org

๑) หมพู่ ระอรยิ บุคคล ๘ ประเภท ๒) หมพู่ ระภกิ ษุปุถชุ นผมู้ ศี ีล คือ สมมตสิ งฆใ์ นปัจจุบนั ๓) พระรปู ใดรูปหน่งึ เป็นผูม้ ศี ลี มีกัลยาณธรรมเดียวกันกับ พระรปู อ่นื ๔) หมู่โคตรภูสงฆ์ผู้ทุศีล มีเพียงผ้ากาสาวะพันคอเป็น เคร่อื งหมายของความเปน็ พระเทา่ นนั้ ซึ่งจะมีในอนาคต สรุปความว่า เพราะเป็นหมขู่ องพระภิกษุ จงึ ชื่อว่า พระภิกษุ สงฆ์ (ภิกขฺ สุ งโฺ ฆ) และเพราะเป็นหมู่ท่ีเกิดจากการฟังธรรมของพระผู้ มีพระภาคเจ้า จึงช่ือวา่ พระสงฆส์ าวก (สาวกสงโฺ ฆ) ปัจจบุ ันเรยี กกนั สน้ั ๆ วา่ พระสงฆ์ ซึ่งโดยทวั่ ไปจะหมายเอาพระภิกษตุ ั้งแต่ ๔ รูปข้นึ ไป แตห่ ากพจิ ารณาในฐานะของผทู้ ำ� การแทนสงฆ์ แมจ้ ะมเี พยี ง ๑ รปู กไ็ ดช้ ื่อว่า สงฆ์ ดว้ ยเหตุน้ี ภกิ ษุ คือ ผ้เู ห็นภยั ในวัฏสงสาร ปฏิบตั ใิ นไตรสกิ ขา มีศีล และทฏิ ฐิ ตามทพ่ี ระผู้มีพระภาคเจ้าทรงส่งั สอนไว้ เพอื่ การบรรลุมรรคผลและนิพพาน 22 ทส่ี ุดแหง่ ธรรม ถึงไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

พระอรยิ สงฆ.์ ..จุดมุ่งหมายทีพ่ ระพทุ ธองค์ ทรงวางให้แก่พระสงฆ์ ในพระสุตตันตปิฎกและพระวินัยปิฎก เราจะพบค�ำค�ำหน่ึง 23 อยเู่ สมอ คอื ค�ำวา่ อริยสาวกในพระธรรมวนิ ัยนี้ (อธิ อริยสาวโก) ซึ่ง เปน็ การกลา่ วถงึ สงฆโ์ ดยเจาะจงตอ่ “อรยิ คณุ ” หรอื “อรยิ ภาวะ” โดย เฉพาะอย่างยง่ิ หมพู่ ระอรยิ บคุ คล ๘ ประเภท๕ โดยมี พระโสดาบัน เปน็ ตน้ ซง่ึ คณุ สมบตั ขิ องพระอรยิ สงฆน์ ้ี ไดถ้ กู กลา่ วสรปุ ลงใน สงั ฆคณุ ๙ ประการ ที่ปรากฏอยูใ่ นบทสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย อนั ไดแ้ ก่ ๑. สปุ ฏปิ นฺโน แปลวา่ เป็นผปู้ ฏิบตั ดิ ี ปฏบิ ัตชิ อบ คอื ปฏิบตั ิ ไมท่ ้อถอย ปฏบิ ัติสมควรแก่พระนพิ พาน ฯลฯ รวมความคือ ปฏิบัติ ในทางสายกลาง (มชั ฌมิ าปฏปิ ทา) ตามอรยิ มรรคมีองค์ ๘ ในธรรม วนิ ัยทพ่ี ระพุทธเจา้ ตรัสดแี ลว้ ๒. อุชปุ ฏิปนโฺ น แปลวา่ เป็นผู้ปฏิบตั ิตรง ตอ้ งเปน็ ผปู้ ฏบิ ัติ จริงๆ ไม่ลวงชาวโลก ปฏิบตั ติ รงต่อพระศาสดาและเพื่อนสหธรรมิก ๓. ายปฏปิ นฺโน แปลวา่ เปน็ ผู้ปฏบิ ตั ถิ กู ทาง เปน็ ผู้ปฏิบัติ ปฏปิ ทาเปน็ เครอ่ื งรู้ คือ ปฏบิ ัตเิ พอ่ื ความรธู้ รรม หรอื แปลว่า เปน็ ผู้ ปฏบิ ตั เิ พื่อประโยชนแ์ กพ่ ระนิพพานก็ได้ ๔. สามจี ปิ ฏปิ นโฺ น แปลวา่ เป็นผู้ปฏบิ ตั สิ มควร คือ ปฏบิ ัติ ๕ ม.มู. ๑๒/๗๔/๖๖ (แปล.มจร) สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

นา่ นับถอื สมควรไดร้ บั สามจี ิกรรมจากเหลา่ คนทกุ พวก ผู้ปฏบิ ัติเหลา่ นี้ ไดแ้ ก่ พระอรยิ บคุ คล ๔ คู่ รวม ๘ บคุ คล๖ คือ คทู่ ี่ ๑ ไดแ้ ก ่ ๑) พระโสดาบัน (ต้งั อยูใ่ นโสดาปัตตผิ ล) ๒) ผูป้ ฏบิ ตั ิเพื่อทำ� ให้แจ้งโสดาปตั ติผล (ต้ังอยู่ในโสดาปัตตมิ รรค) คู่ท่ี ๒ ไดแ้ ก่ ๓) พระสกทาคามี (ต้งั อยใู่ นสกทาคามิผล) ๔) ผู้ปฏบิ ตั เิ พือ่ ท�ำใหแ้ จ้งสกทาคามิผล (ตง้ั อยู่ในสกทาคามมิ รรค) คู่ที่ ๓ ไดแ้ ก่ ๕) พระอนาคามี (ต้ังอยู่ในอนาคามผิ ล) ๖) ผปู้ ฏบิ ตั เิ พอ่ื ทำ� ใหแ้ จง้ อนาคามผิ ล (ตง้ั อยใู่ นอนาคามมิ รรค) คทู่ ี่ ๔ ไดแ้ ก่ ๗) พระอรหนั ต์ (ตั้งอยูใ่ นอรหัตตผล) ๘) ผปู้ ฏบิ ตั เิ พอ่ื ทำ� ใหแ้ จง้ อรหตั ตผล (ตง้ั อยใู่ นอรหตั ตมรรค) ๕. อาหเุ นยฺโย แปลว่า เปน็ ผคู้ วรแกข่ องคำ� นับ ได้แก่ เปน็ ผู้ควรรับของท่ีเขาน�ำมาบูชา วัตถุท่ีเขาน�ำมาบูชา เรียกว่า อาหุนะ หมายความว่า ของที่เขาน�ำมาแต่ไกลแล้วถวายในท่ามกลางผู้มีศีล เพราะท�ำใหอ้ าหนุ ะนั้น มีอานิสงสม์ าก มีผลมาก ๖. ปาหุเนยโฺ ย แปลว่า เป็นผู้ควรแก่การตอ้ นรบั อาคันตุก ทานที่เขาจัดแจงไว้อย่างดี เพื่อประโยชน์แก่ญาติและมิตรท้ังหลาย ๖ ท.ี ปา. ๑๑/๓๓๓/๓๔๑ (แปล.มจร) 24 ทส่ี ดุ แหง่ ธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ผเู้ ป็นท่รี กั ทีช่ อบใจ ซ่ึงจะมาจากทศิ ใหญน่ ้อย เรยี กว่า ปาหนุ ะ ทวา่ อาคนั ตกุ ทานเชน่ นนั้ เวน้ จากญาตมิ ติ รทร่ี กั ทชี่ อบใจเหลา่ นน้ั เสยี กค็ วร ถวายแกพ่ ระสงฆเ์ ทา่ นนั้ พระสงฆน์ น่ั แหละเปน็ ผคู้ วรรบั อาคนั ตกุ ทาน น้ัน เพราะแขกเช่นพระสงฆ์หามไี ม่ ๗. ทกขฺ เิ ณยโฺ ย แปลวา่ เปน็ ผคู้ วรแกข่ องทำ� บญุ ทานทบ่ี คุ คล เชอื่ ปรโลกแล้วจึงให้ ชอ่ื ว่า ทกั ขณิ า พระสงฆ์ควรแก่ทักขิณาน้ัน หรอื เก้ือกูลทักขิณานั้น เพราะท�ำทักขิณาน้ันให้มีผลมากมีอานิสงส์มาก พระสงฆจ์ งึ จัดวา่ เป็นผู้ควรซง่ึ ทกั ขณิ าหรอื เกอ้ื กูลทักขิณา ๘. อญฺชลกี รณีโย แปลว่า เป็นผู้ควรทำ� ซึ่งอัญชลี (ประนม มือไหว้) คือ ผู้ใดผู้หน่ึงน�ำเคร่ืองสักการะไปถวายถึงส�ำนักของท่าน ท่านสามารถท�ำความเลื่อมใสให้เกิดได้ โดยไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง และท่านก็เป็นปฏิคาหกสมควรแก่การท�ำบุญ ควรแก่การยกมือข้ึน ไหว้ เพราะท่านมคี ุณความดีควรแก่การไหว้ โดยผูไ้ หว้ไมต่ อ้ งเกอ้ เขิน ๙. อนตุ ตฺ รํ ปญุ ฺ กเฺ ขตตฺ ํ โลกสสฺ แปลวา่ เปน็ นาบญุ อนั เยยี่ ม ของชาวโลก ไมม่ นี าบญุ อน่ื ทยี่ ง่ิ กวา่ เพราะทกั ขณิ าทบ่ี คุ คลเชอื่ ปรโลก แล้วถวายในพระสงฆ์ ผู้เป็นนาบุญอย่างยอดเย่ียมของชาวโลก ย่อม จะมผี ลมาก มอี านสิ งสม์ าก ดจุ ผนื นาทม่ี ดี นิ ดสี มบรู ณด์ ว้ ยธาตอุ นิ ทรยี ์ พืชที่บุคคลหว่านหรือปลูกลงบนผืนดินนี้ ย่อมมีผลผลิตสมบูรณ์เต็ม เม็ดเต็มหน่วย พระสงฆ์นั้นเป็นผู้บริสุทธ์ิ จึงเป็นนาบุญที่ควรแก่การ หวา่ นพืชคอื ของท�ำบุญของชาวโลก ไม่มีนาบญุ ชนดิ อืน่ ทยี่ ่ิงกว่า สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 25 www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ในแง่ของการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ดังที่ปรากฏในพระ ธรรมเทศนาของพระมงคลเทพมนุ ี กณั ฑท์ ี่ ๑ พระพทุ ธคณุ พระธรรม คณุ พระสังฆคณุ ซงึ่ ในส่วนของ พระสงั ฆคณุ ทา่ นไดก้ ลา่ วไวโ้ ดยมี ใจความส�ำคญั ดังตอ่ ไปน้ี พระอรยิ บคุ คลบำ� เพญ็ กจิ ถกู สว่ น เพง่ ทศี่ นู ยก์ ลางกาย เปน็ ดวงใสจนแลเห็นกายมนษุ ย์ กายทพิ ย์ กายรูปพรหม กาย อรูปพรหม จนถงึ กายธรรมเป็นชั้นที่ ๕ เปน็ ชั้น ๆ ไปโดยนัยดงั ทจ่ี ะกล่าวตอ่ ไปน้ี ชนั้ ตน้ ดูดวงธรรมทท่ี ำ� ให้เป็นกายมนุษยท์ ่ศี ูนย์กลาง กายมนุษย์ให้เป็นดวงใส แล้วขยายให้กว้างออกไป วัดเส้นผ่า ศูนยก์ ลางได้ ๒ วา หนา ๑ คบื ใสเหมอื นกระจกเงาสอ่ งหน้า นี่เป็น ปฐมฌาน แล้วกายธรรมน่ังบนนั้น ดังน้ีเรียกว่า กาย ธรรมเข้าปฐมฌาน แล้วเอาธรรมกายที่นั่งบนฌานน้ัน เพ่งดูดวงธรรมท่ี ศูนย์กลางกายทิพย์เห็นเป็นดวงใส แล้วขยายส่วนเท่ากันน้ัน ธรรมกายน้อมเข้าฌานท่ี ๒ น้ัน แลว้ ฌานที่ ๑ กห็ ายไป ฌาน ที่ ๒ มาแทนที่ ธรรมกายน่ังบนนนั้ นีช้ ่ือว่า ธรรมกายเข้าฌาน ที่ ๒ โดยทำ� นองเดยี วกนั ตอ่ ๆ ไปในกายรปู พรหม กายอรปู พรหม ตอ่ จากนไี้ ป ใหใ้ จธรรมกายนอ้ มไปวา่ ละเอยี ดกวา่ นมี้ อี กี ฌานท่ี ๔ ก็หายไป ฌานท่ี ๕ เกิดขึ้นแทนท่ี เรียกวา่ อากา สานญั จายตนะ สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 27 www.kalyanamitra.org

เมอื่ ธรรมกายนงั่ อยบู่ นฌานที่ ๕ ดงั นแี้ ลว้ ใจธรรมกาย น้อมไปว่าละเอียดกว่านี้มอี ีก ฌานท่ี ๕ กห็ ายไป ฌานท่ี ๖ เข้า มาแทนที่ เรียกว่า วญิ ญาณัญจายตนะ ธรรมกายนงั่ อยบู่ นฌานที่ ๖ แลว้ นน้ั ใจกายธรรมนอ้ ม ไปอกี ว่าละเอียดกวา่ นีม้ ีอีก ฌานที่ ๖ กห็ ายไป ฌานที่ ๗ มา แทนที่ เรียกวา่ อากญิ จญั ญายตนะ ธรรมกายนั่งอยู่บนฌานที่ ๗ น้ันแล้ว ใจธรรมกายก็ นอ้ มไปอีกว่าละเอียดกวา่ นี้มีอีก ฌานท่ี ๘ ก็บังเกิดขึ้นทันทนี ี้ เรียกว่า เนวสญั ญานาสญั ญายตนะ รู้สึกละเอียดจริงประณีตจริง นี้เรียกว่า เข้าฌานท่ี ๑-๘ โดย อนโุ ลม แล้วย้อนกลับ จบั แต่ฌานท่ี ๘ นั้นถอยลงมา หาฌานท่ี ๗-๖-๕-๔-๓-๒-๑ เรียกวา่ ปฏโิ ลม ท�ำดังน้ี ๗ หน ธรรมกายจงึ คงไปอยบู่ นฌานที่ ๘ ในระหวา่ งเขา้ ฌานนนั้ ตงั้ แต่ ๑ ถงึ ๘ นนั้ ตาธรรมกาย ดู ทกุ ขสัจ เห็นชัดแล้วดู สมุทยั สัจ เห็นชัดแล้วดู นโิ รธสจั เห็น ชดั แลว้ ดู มรรคสจั เมอ่ื ถกู สว่ นเขา้ ธรรมกายตกศนู ยเ์ ปน็ ดวงใส วดั เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางได้ ๕ วา ในไมช่ า้ ศนู ยน์ นั้ จะกลายกลบั เปน็ ธรรมกาย หนา้ ตกั กว้าง ๕ วา สงู ๕ วา นเ้ี ป็น พระโสดาบนั แลว้ ต่อไปธรรมกายโสดาบันนั้นเข้าฌาน แล้วพิจารณา อรยิ สัจ ๔ ในกายทพิ ย์ ท�ำนองเดยี วกบั ที่กลา่ วมาแลว้ นนั้ เมื่อ ถกู สว่ น ธรรมกายโสดาบนั ตกศนู ยว์ ดั เส้นผา่ ศูนย์กลางได้ ๑๐ วา ไม่ช้าศูนยน์ น้ั กลับเปน็ ธรรมกาย หน้าตกั กว้าง ๑๐ วา สงู ๑๐ วา มชี ื่อวา่ พระสกทาคามี 28 ท่สี ุดแหง่ ธรรม ถึงไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ครน้ั แลว้ ธรรมกายกเ็ ขา้ ฌานและพจิ ารณาอรยิ สจั ในกาย รปู พรหมท�ำนองเดียวกันนั้น เม่ือถูกส่วนธรรมกายสกทาคามี ตกศนู ย์ วัดเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางได้ ๑๕ วา แล้วกลับเป็นธรรมกาย หนา้ ตักกว้าง ๑๕ วา สูง ๑๕ วา มชี ือ่ วา่ พระอนาคามี ครั้นแล้วเอาธรรมกายของพระอนาคามีเข้าฌาน พจิ ารณาอริยสัจ ๔ ในกายอรูปพรหม เห็นชัดเชน่ เดยี วกนั กบั ทก่ี ล่าวมา เม่อื ถูกสว่ นธรรมกายพระอนาคามีตกศูนย์ วัดเส้น ผ่าศนู ย์กลางได้ ๒๐ วา แวบเดยี วกลบั เปน็ ธรรมกาย หน้าตัก กว้าง ๒๐ วา สูง ๒๐ วา นเี้ ป็น พระอรหัตต์ แล้ว ส�ำหรับ ธรรมกาย น้ัน มีสัณฐานเป็นรูปพระพุทธ ปฏิมากร เกตุดอกบัวตูมสีขาวเป็นเงาใสเหมือนกระจก ส่องหน้า ชั้นพระโสดาบัน ละกิเลสได้ ๓ คือ สักกายทฏิ ฐิ วจิ กิ จิ ฉา สลี พั พตปรามาส ทที่ า่ นละสกั กายทฏิ ฐไิ ด้ กโ็ ดยทา่ น พิจารณาเห็นชัดว่า สังขารร่างกายน้ีเหมือนเรือนที่อาศัยอยู่ ช่วั คราว ไม่ชา้ กจ็ ะแตกท�ำลายไป จะยดึ ถือเอาเป็นตัวเป็นตน มิได้ เป็นสักแตธ่ าตุทง้ั หลายประสมรวมกันเขา้ จงึ เป็นรปู เปน็ นาม ย่อมแปรผันไปตามลกั ษณะของมนั ไม่ยนื ยงคงที่ ถ้าไป ยดึ ถือเป็นตวั เปน็ ตน ก็รงั แต่จะนำ� ความทกุ ขม์ าให้ ดงั ทก่ี ลา่ ว มาน้ี เป็นอนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา แตส่ ว่ นธรรมกายน้นั ท่านเห็น ว่าเปน็ นจิ จงั สุขงั อตั ตา ทา่ นจึงไม่แยแสตอ่ กายมนุษย์ โดย เหน็ วา่ เปน็ ของไมม่ สี าระดงั กลา่ วขา้ งตน้ ทา่ นจงึ ขา้ มพน้ สกั กาย ทิฏฐไิ ปได้ ทท่ี า่ นละวจิ กิ จิ ฉาได้ กเ็ พราะทา่ นเขา้ ถงึ ธรรมกายแลว้ ถอดกายทง้ั ๔ ซงึ่ เปน็ โลกยี ์ ถอดเปน็ ชน้ั ออกไปเสยี ไดแ้ ลว้ ทา่ น จึงหมดความกินแหนงสอดแคล้วในพระรัตนตรัย เพราะท่าน เปน็ ตัวพระรัตนตรยั เสียแล้ว สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 29 www.kalyanamitra.org

ท่ีท่านละสีลัพพตปรามาสได้น้ัน ก็เพราะเม่ือท่าน เป็นตัวพระรัตนตรัยเสียเช่นน้ีแล้ว ศีลและวัตรใดอันเป็นฝ่าย มิจฉาทิฏฐินอกพระพุทธศาสนาไม่มีในท่านแล้ว จึงได้ช่ือว่า ทา่ นพน้ จากสลี พั พตปรามาส คอื การยดึ มน่ั ซงึ่ ศลี และวตั รนอก พระพุทธศาสนา ชั้นพระสกทาคามี นอกจากกิเลส ๓ อย่าง ดังทพ่ี ระ โสดาบันละได้แลว้ น้ัน ยงั ละกามราคะ พยาบาทอยา่ งหยาบ ได้อีก ๒ อยา่ ง กามราคะ ได้แก่ ความกำ� หนัด ยนิ ดีในวัตถุกามและ กิเลสกาม พยาบาท คอื ผกู ใจโกรธ พระอนาคามี ละกามราคะ พยาบาทขั้นละเอยี ดได้ พระอรหตั ต์ ละกิเลสท้งั ๕ ดงั กล่าวแลว้ นน้ั ไดโ้ ดยสิน้ เชงิ แลว้ ยงั ละสงั โยชนเ์ บ้อื งบนได้อกี ๕ คอื ๑) รูปราคะ ความ ก�ำหนัดยินดีในรูปฌาน ๒) อรูปราคะ ความก�ำหนัดยินดีใน อรปู ฌาน ๓) มานะ ความถอื ตน ๔) อุทธจั จะ ความฟุ้งซา่ น ๕) อวิชชา ความมดื ความโง่ ไมร่ ู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของสังขาร ไมร่ ู้ ปฏจิ จสมปุ บาทธรรม และ อรยิ สัจ จงึ รวม เป็น ๑๐ ที่พระอรหตั ตล์ ะได.้ .. พระอริยบคุ คลท้ัง ๔ คู่ ๘ บุคคลดังกล่าวมาข้างตน้ นี้ ไดช้ ่ือ วา่ อรยิ สาวก อันประกอบดว้ ยองค์คณุ คือ สงั ฆคุณ ๙ นอกจากนี้ สงั ฆคณุ ๙ ดงั กล่าว ยงั สามารถมองเปน็ ขอ้ ปฏิบัตขิ องสมมตสิ งฆ์ เพ่อื ก้าวไปสู่ความเป็นพระอริยสงฆไ์ ด้อีกดว้ ย โดยเราสามารถแบง่ ได้เป็น ๒ สว่ น ได้แก่ ๑) ส่วนทเี่ ปน็ การประกอบเหตุ ๒) สว่ นท่เี ปน็ 30 ทสี่ ดุ แหง่ ธรรม ถงึ ไดด้ ้วยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ผลหรืออานิสงส์ ส�ำหรับส่วนท่ี ๑ ซึ่งเป็นส่วนของการประกอบเหตุ น้ัน คือ สงั ฆคุณข้อที่ ๑ - ๔ กลา่ วคือ เมือ่ พระสงฆไ์ ดเ้ ปน็ ผู้ปฏิบัตดิ ี ปฏบิ ตั ชิ อบ ปฏบิ ตั ติ รง ปฏบิ ตั ถิ กู ปฏบิ ตั สิ มควร ยอ่ มสามารถกา้ วลว่ ง ภมู ขิ องปถุ ชุ นไปสภู่ มู ขิ องพระอรยิ บคุ คล ๔ คู่ ๘ บรุ ษุ และยงั ไดร้ บั ผล หรอื อานสิ งส์อีก ๕ ประการ คอื เปน็ ผคู้ วรแกข่ องค�ำนบั เปน็ ผคู้ วรแก่ การต้อนรับ เป็นผูค้ วรแกข่ องทำ� บุญ เป็นผ้คู วรท�ำซ่งึ อญั ชลี และเปน็ เนอ้ื นาบุญอนั เย่ียมของชาวโลก ซ่ึงปรากฏในสงั ฆคณุ ขอ้ ที่ ๕ - ๙ แมเ้ นอ้ื ความในพระไตรปฎิ กสว่ นใหญม่ กั จะมคี ำ� วา่ อรยิ สาวก ในพระธรรมวินัยนี้ (อิธ อริยสาวโก) ก็ตาม แต่ก็มิได้หมายความว่า หลักธรรมทั้งหลายที่ปรากฏในเน้ือความน้ัน จะหมายเอาเพียงพระ อริยสงฆเ์ ทา่ นนั้ แต่ยงั เป็นจดุ ม่งุ หมาย หรือเปา้ หมายทพี่ ระพุทธองค์ ทรงวางใหแ้ กพ่ ระสงฆผ์ เู้ ปน็ ปถุ ชุ น เพอื่ ทจี่ ะไดเ้ ปน็ บรรทดั ฐานในการ ประพฤตปิ ฏิบัติ ดงั เช่นสงิ่ ทีป่ รากฏอยู่ใน สงั ฆคณุ ๙ นอ้ี ีกดว้ ย เมื่อพระสงฆ์เปน็ ผู้ปฏบิ ตั ดิ ตี าม พระธรรมวนิ ยั ยอ่ มเปน็ ผู้ควรแก่ ของคำ� นบั การต้อนรับ การท�ำบญุ การไหว้ และเป็นเนอ้ื นาบญุ อนั เยี่ยมของชาวโลก สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 31 www.kalyanamitra.org

พระสงฆ.์ .. ผู้กมุ ความเสอื่ มและความเจริญ ของพระพทุ ธศาสนา เหตกุ ารณ์หลังพทุ ธปรินพิ พานราว ๑๐๐ ปี พระพุทธศาสนา ได้แบง่ ออกเปน็ ๒ นกิ าย คอื เถรวาท และมหาสังฆิกะ หลงั จากน้นั อกี ราว ๑๐๐ ปี ไดป้ รากฏวา่ มพี ระพุทธศาสนานกิ ายตา่ ง ๆ ๑๘-๒๐ นกิ าย ซ่งึ หนึ่งในจำ� นวนน้ัน นอกจาก เถรวาท ที่มาเจรญิ รงุ่ เรอื งใน เกาะลงั กายคุ นั้นแลว้ ยงั มี สรวาสตวิ าท ท่ีเจริญรุ่งเรืองอยู่ทางตอน เหนอื ของอนิ เดยี ยคุ นน้ั ไดร้ บั การอปุ ถมั ภจ์ ากพระเจา้ กนษิ กะ มคี มั ภรี ์ ทางพระพทุ ธศาสนามากมาย อาทิ พระสตุ ตนั ตปฎิ กมธั ยมอาคมและสงั ยกุ ตอาคม อภธิ รรมมหาวภิ าษา อภธิ รรมโกศภาษยะ อภิธรรมนยายานุ สาระ เปน็ ตน้ แตเ่ มอื่ กาลเวลาผา่ นไป พระสงฆข์ องนกิ ายสรวาสตวิ าทนไ้ี ด้ สญู สน้ิ ไป คมั ภรี ส์ ำ� คญั ๆ ดงั กลา่ วท่ีเปน็ ตน้ ฉบบั สนั สกฤตจงึ หลงเหลอื อยู่เพียงอภิธรรมโกศภาษยะเท่าน้ัน นอกนั้นโดยส่วนใหญ่จะเหลือ เพียงฉบับแปลจีนโบราณเท่านั้น สาเหตุท่ีมีฉบับแปลจีนโบราณหลง เหลอื อยู่ นนั่ เปน็ เพราะในภายหลงั ไดเ้ กดิ นกิ ายพระพทุ ธศาสนาขนึ้ ใน ประเทศจีน ซ่ึงยุคน้ันได้คัดเลือกคัมภีร์ที่สนใจในการศึกษาและแปล มาเปน็ ภาษาจนี โบราณ ถา้ สมมตวิ า่ ในยคุ นนั้ ไมม่ กี ารศกึ ษาเชน่ นเ้ี กดิ ขนึ้ ในประเทศจนี แมจ้ ะเปน็ คมั ภรี ฉ์ บบั แปล ก็คงจะไมม่ มี าถงึ เราอยา่ งแนแ่ ท้ แตส่ ำ� หรบั เถรวาท ทยี่ งั คงมี หมสู่ งฆส์ ืบทอดมาถงึ ปจั จบุ ันในหลาย ประเทศ ท�ำให้เรามีพระไตรปิฎกและคัมภีร์ต่าง ๆ ทางพระพุทธ ศาสนาทอ่ี าจกล่าวได้ว่ามคี วามสมบูรณส์ บื ทอดมาถึงปัจจุบัน 32 ที่สดุ แห่งธรรม ถึงได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

ในประเดน็ ทเ่ี กย่ี วกบั พระสงฆก์ บั ความเจรญิ และความเสอ่ื ม 33 ของพระพทุ ธศาสนา พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ไดต้ รสั ถงึ สาเหตขุ องความ เสอื่ มและความเจรญิ ของพระพทุ ธศาสนาไวอ้ ยา่ งละ ๕ ประการ ไวใ้ น ตตยิ สัทธัมมสมั โมสสูตร๗ ไวด้ งั น้ี ๑. ภกิ ษทุ งั้ หลายในธรรมวินยั น้ี เลา่ เรียนพระไตรปิฎกท่ีทรง จำ� นำ� สบื กันมาไม่ดี คือ อาจขาดหายไปบางสว่ นหรือเพมิ่ เติมเข้ามา ตามยคุ สมัย เมอ่ื บทและพยัญชนะไมค่ รบ จึงท�ำให้ภกิ ษุในภายหลัง เขา้ ใจสาระของธรรมผดิ เพย้ี นไป ๒. ภิกษุท้งั หลาย เปน็ ผู้ว่ายาก ไมฟ่ ังคำ� ตกั เตือน ไมอ่ ดทน ขาดความเคารพครบู าอาจารย์ จงึ เรียนไดไ้ มด่ นี กั ๓. ภิกษุที่เรียนเก่ง จดจ�ำพระธรรมค�ำสงั่ สอนไดม้ าก เป็นผ้มู ี ระเบยี บวนิ ัย แต่ไมท่ �ำหนา้ ท่ีกัลยาณมิตรใหเ้ พื่อน ๆ เมือ่ ภิกษเุ หล่า น้ันล่วงลับไป ย่อมท�ำให้ขาดผู้สืบสานมรดกธรรม จึงท�ำให้พระ สทั ธรรมเสือ่ มสญู ไปด้วย ๔. ภิกษุท้ังหลายท่ีเป็นพระเถระ เป็นผู้มักมาก ไม่ปฏิบัติ ตามพระธรรมวินยั เป็นตัวอยา่ งท่ไี ม่ดี ขาดความเพยี รในดา้ นการ ปฏบิ ตั สิ ทั ธรรม จงึ ไมบ่ รรลธุ รรมในระดบั ทค่ี วรจะบรรลุ อนั เปน็ เหตุ ใหพ้ ระสทั ธรรมเส่อื มสญู ๕. สงฆ์แตกแยกกัน มีการทะเลาะวิวาทกัน ไม่ช่วยเหลือ เก้ือกูลกัน ท�ำให้ผู้คนขาดความศรัทธา ผู้คนที่เคยเล่ือมใสศรัทธาก็ เหินหา่ งไป เรือ่ งนี้ยอ่ มเปน็ เหตใุ ห้พระสทั ธรรมเสอื่ มสูญไป ๗ องฺ.ปญจฺ ก. ๒๒/๑๕๖/๒๕๕-๒๕๘ (แปล.มจร) สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

สาเหตุท้ัง ๕ ประการนี้ เป็นสาเหตุที่ท�ำให้พระสัทธรรม อันบริสุทธิ์เส่ือมสูญไป และเม่ือพระสัทธรรมหรือพระธรรมวินัยท่ี พระพุทธองค์ทรงต้งั ให้เปน็ พระศาสดานัน้ ค่อย ๆ เสื่อมสูญไป จึงเป็น ท่ีแน่นอนว่า พระพุทธศาสนาย่อมประสบกับความเส่อื มเชน่ เดียวกนั หากแต่พระสงฆ์ในพระศาสนา ประพฤติปฏิบัติตรงข้ามกับเหตุแห่ง ความเสื่อมนี้ ก็ย่อมน�ำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา แนน่ อนเชน่ กนั ซงึ่ เหตทุ ที่ ำ� ใหศ้ าสนาเจรญิ รงุ่ เรอื ง ๕ ประการนี้ ไดแ้ ก่ ๑.ภิกษุทั้งหลายในพระธรรมวินัยน้ี ย่อมเล่าเรียนพระ ไตรปิฎกท่ีทรงจ�ำน�ำสืบกันมาอย่างดี จึงมีความเข้าใจเน้ือเรื่องและ สาระส�ำคัญของพระสตู รทเ่ี รียนแล้วไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งตรงประเดน็ ๒. ภิกษุทงั้ หลายเปน็ ผู้วา่ งา่ ย มคี วามอดทน นอ้ มรับค�ำพรำ่� สอนของพระเถระผเู้ ปน็ ครบู าอาจารยด์ ว้ ยความเคารพ กรณนี ย้ี อ่ ม ส่งเสริมให้พระสทั ธรรมต้งั มนั่ ไมล่ บเลอื นเสื่อมสญู ๓. ภกิ ษทุ งั้ หลายทเ่ี รยี นเกง่ เปน็ พหสู ตู ทรงธรรม ทรงวนิ ยั และ ทรงมาตกิ า ตงั้ ใจทำ� หนา้ ทกี่ ลั ยาณมติ รบอกธรรมแกผ่ อู้ นื่ โดยเคารพ เมอ่ื พระภกิ ษเุ หลา่ นลี้ ว่ งลบั ไปแลว้ พระธรรมจะตงั้ มนั่ อยดู่ ว้ ยหลกั ฐาน มั่นคง ๔. ภกิ ษทุ งั้ หลายผเู้ ถระไมม่ กั มาก มคี วามประพฤตเิ ครง่ ครดั ไม่ย่อหย่อน ปรารภความเพียร เพ่ือกระท�ำให้แจ้งในธรรมที่ยังไม่ แจ้ง เพอ่ื บรรลธุ รรมที่ยงั ไม่บรรลุ 34 ทีส่ ดุ แห่งธรรม ถึงได้ดว้ ยความเคารพ www.kalyanamitra.org

๕. สงฆ์มีความสมัครสมานสามัคคีกันเป็นอันดี ไม่ทะเลาะ วิวาทกัน ไม่แข่งขันชิงดีกัน แต่ช่ืนชมกัน ช่วยเหลือเก้ือกูลซ่ึงกัน และกัน วัตรปฏิบัติของสงฆ์เช่นน้ี ย่อมท�ำให้คนที่ยังไม่เล่ือมใสเกิด ความเลอื่ มใส ส่วนคนทีเ่ ลื่อมใสอย่แู ลว้ กจ็ ะยงิ่ เล่ือมใสมากขน้ึ เป็นท่ีเข้าใจกันโดยทั่วไปว่า พระธรรม คือ ค�ำสั่งสอนหรือ มรดกธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มรดกธรรมนี้จ�ำเป็นต้องมีผู้ ศกึ ษาอยา่ งจรงิ จงั ในภาคปรยิ ตั หิ รอื ภาคทฤษฎี ทรงจำ� ไดถ้ กู ตอ้ งแมน่ ยำ� ศกึ ษาธรรมดว้ ยความเคารพ และแนน่ อนวา่ เมอ่ื เปน็ ภาคทฤษฎี จงึ จำ� เป็นต้องอาศัยครูบาอาจารย์ผู้ทรงภูมิรู้ธรรมในการแนะน�ำส่ังสอน ให้เข้าใจถึงประเด็นต่าง ๆ อย่างละเอียด น่ีจึงเป็นสาเหตุที่ผู้ศึกษา ต้องมีความเคารพในตวั ผสู้ อน เมื่อศกึ ษาจนถอ่ งแท้แล้วกไ็ ม่เก็บง�ำไว้ เพยี งผ้เู ดียว แต่ได้ทำ� หนา้ ทขี่ องผูส้ อน เฉกเชน่ เดยี วกับครบู าอาจารย์ ที่ประสิทธิ์ประสาทความรู้ในพระธรรมวินัยให้แก่ตนเอง นอกจาก นี้ยังไม่หยุดอยู่เพียงภาคทฤษฎี แต่ก้าวเข้าสู่ขั้นตอนของการปฏิบัติ คือ ลงมือปฏบิ ตั ิโดยเอาชีวิตเปน็ เดิมพัน ไม่ยอ่ หย่อนความเพียร เพ่อื กระทำ� ให้แจ้งในธรรมท่ยี งั ไม่แจง้ เพ่อื บรรลุธรรมทีย่ ังไมบ่ รรลุ และที่ ส�ำคญั คือ มคี วามสมคั รสมานสามคั คกี ัน ไม่ทะเลาะววิ าท ช่วยเหลือ เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ดังน้ันในเรื่องความเส่ือมและความเจริญของ พระพทุ ธศาสนาท่ีพระพุทธองคท์ รงแสดงไวน้ ี้ จึงอยูท่ ี่ ข้อวตั รปฏิบัติ ของพระสงฆ์เป็นส�ำคัญว่า ได้ให้ความส�ำคัญกับการศึกษา พระธรรมวนิ ัย การท�ำหนา้ ท่กี ลั ยาณมิตรและประพฤติปฏิบตั ธิ รรม รวมถึงความสมคั รสมานสามคั คี มากน้อยเพียงใด สังฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ 35 www.kalyanamitra.org

ขอ้ วตั รปฏบิ ัติอนั ดีงาม ของพระภิกษุสงฆ์ คอื ปจั จยั สำ� คญั ท่ที �ำให้ พระพุทธศาสนาเจรญิ รุ่งเรือง www.kalyanamitra.org

กับค�ำกล่าวท่ีว่า พระสงฆ์ผู้กุมความเสื่อมและความเจริญ ของพระพุทธศาสนา อาจจะมีบางท่านนึกแย้งในใจว่า อุบาสก หรืออุบาสิกาไม่สามารถท�ำหน้าที่ได้เฉกเช่นเดียวกับพระสงฆ์หรือ แนน่ อนวา่ พุทธศาสนิกชนหญิงชาย สามารถทำ� หน้าทไ่ี ดเ้ ช่นเดียวกบั พระสงฆ์ คอื การศึกษาพระสทั ธรรม การสอนธรรมะ การประพฤติ ปฏิบัติธรรม แต่ด้วยปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ของพระสงฆ์นั้น อาจ กลา่ วไดว้ า่ เออื้ อำ� นวยตอ่ การศกึ ษาและประพฤตปิ ฏบิ ตั ธิ รรมมากกวา่ นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถึงประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาตั้งแต่ยุค พทุ ธกาลเปน็ ต้นมา จะเหน็ ไดว้ ่า การไดเ้ หน็ ต้นแบบ หรอื การเห็น สมณะ เป็นจุดเปลี่ยนท่ีส�ำคัญของบุคคลผู้เป็นก�ำลังส�ำคัญในพระ ศาสนา อันได้แก่การเห็นสมณะของเจ้าชายสิทธัตถะ๘ การเห็นพระ อสั สชขิ องสารบี ตุ รปรพิ าชก๙ หรอื การเหน็ สามเณรนโิ ครธของพระเจา้ อโศกมหาราช๑๐ เปน็ ตน้ ซง่ึ ทกุ ทา่ นในทนี่ ล้ี ว้ นเหน็ ตน้ แบบ คอื สมณะ ด้วยกันท้ังสิ้น ท่ียกมาพอสังเขปน้ี เป็นเครื่องช้ีให้เห็นถึงความส�ำคัญของ พระสงฆ์ ในฐานะผกู้ มุ ความเสอื่ มและความเจรญิ ของพระพทุ ธศาสนา ๘ ข.ุ ธ.อ. ๕๕/๙๘ (แปล.มมร) 37 ๙ วิ.มหา. ๔/๖๐/๗๒ (แปล.มจร) ๑๐ ว.ิ มหา.อ. ๑/๘๓ (แปล.มมร) สงั ฆคารวตา เคารพในพระสงฆ์ www.kalyanamitra.org

ข้อวัตรปฏิบตั ิท่ที ำ� ให้พระสงฆ์ เป็นเนือ้ นาบญุ ของชาวโลก www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook