Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครื่องมือการมองอนาคต

เครื่องมือการมองอนาคต

Published by inno vation, 2021-04-14 04:09:40

Description: เครื่องมือการมองอนาคต

Search

Read the Text Version

ขั้นตอนของ SFP แม ้ SFP จะมจี ดุ เนน้ คอื วทิ ยำศำสตร ์ เทคโนโลย ี และนวตั กรรม แตโ่ ดยหลกั กำรแลว้ SFP คอื กำรเขยี นเรอื่ งเลำ่ หรอื กรณศี กึ ษำ เกี่ยวกับอนำคต อำจกล่ำวอีกนัยหนึ่งได้ว่ำ SFP เป็นกระบวนกำรเขียนกรณีศึกษำเกี่ยวกับวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี แห่งอนำคต โดยกระบวนกำรดงั กล่ำวมี 5 ขนั้ ตอน ดงั น้ี25 ข้ันตอนที่ 1 เลือกประเด็นทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเริ่มเขยี นลำาดบั เรอื่ งเลา่ (Storyline) ในขนั้ ตอนนเ้ี รมิ่ ตน้ ดว้ ยกำรคดั เลอื กเทคโนโลยหี รอื องคค์ วำมรทู้ ำงดำ้ นวทิ ยำศำสตรท์ ตี่ อ้ งกำรศกึ ษำ ตำมดว้ ยกำรกำ� หนด เค้ำโครงเร่ืองเล่ำซึ่งควรประกอบด้วยกรอบระยะเวลำที่เทคโนโลยีแห่งอนำคตน้ันจะเกิดขึ้นในโลกแห่งควำมจริง สถำนที่ ทเ่ี ทคโนโลยนี น้ั ได้รับกำรคิดค้นขึ้น บรบิ ททำงด้ำนสังคมและวฒั นธรรม ตลอดจนตัวละครหลักของเร่ือง 100 เครอื่ งมือท่ี 4 การสรา้ งตัวแบบจากนิยายวิทยาศาสตร์

ตัวอย่างการกำาหนดเค้าโครง SFP “โดราเอมอน” เป็นตัวอย่ำงนิยำยวิทยำศำสตร์ที่มีอิทธิพลต่อกำรก�ำหนดทิศทำงเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งมี เคำ้ โครงเรอ่ื งทช่ี ดั เจนและมลี ำ� ดบั เรอื่ งรำวเกย่ี วกบั เทคโนโลยแี หง่ อนำคต ทส่ี รำ้ งแรงบนั ดำลใจใหแ้ กว่ งกำรวทิ ยำศำสตร์ และเทคโนโลย2ี 6 มตี วั ละครหลกั ชดั เจน คอื หนุ่ ยนต์โดรำเอมอนทเี่ ดนิ ทำงโดยอำศยั Time Machine จำกประเทศญป่ี นุ่ ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 พร้อมด้วยอุปกรณ์ (ของวิเศษ) ต่ำง ๆ ที่เป็นเทคโนโลยีแห่งอนำคต เค้ำโครงเร่ืองลักษณะ ดังกล่ำวถือเป็นคร้ังแรกในวงกำรนิยำยวิทยำศำสตร์ที่ผู้แต่งได้บรรจุรำยละเอียดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมพ้ืนถิ่น ท�ำให้ กำรต์ นู เรอ่ื งโดรำเอมอนเปน็ ตวั อยำ่ ง SFP ทกี่ ำ� หนดทศิ ทำงเทคโนโลยปี ญั ญำประดษิ ฐแ์ หง่ อนำคตในบรบิ ทควำมเปน็ ไปได้ ของสังคมญีป่ ุน่ 26 101

ข้นั ตอนท่ี 2 วิเคราะห์คาดการณผ์ ลกระทบจากเทคโนโลยตี อ่ ตัวละคร โดยอำจใชเ้ ทคนิควงล้อแหง่ อนำคต (Futures Wheel) ซงึ่ ประกอบด้วย 1 ผลกระทบขนั้ ตน้ หรอื ขนั้ ปฐมภมู ิ (Primary Effect) จำกเทคโนโลยตี ำมทอ้ งเรอ่ื ง 2 ผลกระทบขนั้ ท ี่ 2 หรอื ขน้ั ทตุ ยิ ภมู ิ (Secondary Effect) ดงั ตวั อยำ่ งในภำพท ่ี 11 ข้ันตอนท่ี 3 วิเคราะห์คาดการณ์ผลกระทบจากเทคโนโลยีต่อสังคมและมนุษย์ ในโลกยคุ ปจั จุบนั โดยอำจใช้เทคนิควงล้อแห่งอนำคตเช่นเดียวกับข้ันตอนที่ 2 วิเครำะห์ผลกระทบ ทัง้ เชงิ บวกและเชงิ ลบจำกกำรประดษิ ฐว์ ุ้นแปลภำษำมำใชง้ ำนจรงิ ในชวี ติ ประจ�ำวัน 102 เครือ่ งมือที่ 4 การสรา้ งตัวแบบจากนยิ ายวทิ ยาศาสตร์

Secondary Effect Secondary Effect มีจำานวนนักเรียนแลกเปล่ียนชาวญี่ปุ่น วัยรุ่นชาวญี่ปุ่นเดินทางไปท่องเท่ียว เพ่ิมขึ้นทุกปีในประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยตนเองมากข้ึน โนบิตะและคณะ Primary Effect l เอาตัวรอดได้ ในต่างประเทศ วุ้นแปลภาษาของ โดราเอมอน Primary Effect lll Primary Effect ll โนบิตะสอบได้ A โนบิตะท้ิง ในวิชาภาษาอังกฤษ Dictionary Secondary Effect Secondary Effect โรงเรียนยุติการเรียนการสอน บริษัทผลิต Dictionary วิชาภาษาอังกฤษ ล้มละลาย ภำพท่ี 11 ตัวอยำ่ งภำพวงลอ้ แห่งอนำคตกรณีผลกระทบตอ่ โนบิตะและคณะจำกว้นุ แปลภำษำของโดรำเอมอน 103

ข้ันตอนท่ี 4 ย้อนกลับไปเรื่องเล่าในขั้นตอนท่ี 1 เพื่อคาดการณ์วิธีการปรับตัวของตัวละคร ตอ่ เทคโนโลยใี หม่ หลงั จำกนั้นจึงเพิม่ เติมรำยละเอยี ดใน SFP ขน้ั ตอนท่ี 5 สังเคราะห์บทเรยี นท่ีได้จาก SFP ได้แก่ ลักษณะของเทคโนโลยี ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นต่อตัวละคร แนวทำงกำรปรับตัวของตัวละคร กับเทคโนโลยใี หม ่ และผลกระทบท่ีอำจเกิดขนึ้ ตอ่ สงั คมในกรณีที่เทคโนโลยีถูกน�ำมำใชจ้ รงิ 104 เครือ่ งมือที่ 4 การสรา้ งตัวแบบจากนิยายวทิ ยาศาสตร์

Secondary Effect Secondary Effect เกิดความเหล่ือมล้ำาระหว่างคนยากจน เกิดการเปล่ียนแปลง กับผู้มีทุนทรัพย์เพ่ือซ้ือวุ้นแปลภาษา ทางพันธุกรรมของมนุษย์ เกิดการวิจัยต่อยอด นำาความรู้แปรสภาพ Primary Effect l เป็นสารอาหาร วุ้นแปลภาษา ของโดราเอมอน Primary Effect lll Primary Effect ll โรงเรียนยุติการสอน ธุรกิจการท่องเที่ยว ภาษาต่างประเทศ เฟื่องฟู Secondary Effect Secondary Effect คนเรียนภาษาศาสตร์ตกงาน เกิดการจ้างงานในอุตสาหกรรม การท่องเท่ียว ภำพท ่ี 12 ตัวอย่ำงภำพวงล้อแหง่ อนำคตกรณีผลกระทบต่อสงั คมหำกวุ้นแปลภำษำของโดรำเอมอนกลำยเป็นควำมจริง 105

5การวเิ คราะห์แนวโน้มและแนวโน้มระดบั โลก (Trend and Megatrend Analysis)

นิยาม แนวโนม้ (Trend) หมำยถงึ ทศิ ทำงกำรเปลยี่ นแปลงในดำ้ นตำ่ ง ๆ ในอนำคต ซ่ึงอำจเปลี่ยนแปลงภำยในระยะส้ันนับจำกปัจจุบัน (3-5 ป)ี หรือระยะปำนกลำง (6-10 ปี) แนวโน้มระดับโลก (Megatrend) หมำยถึง ทิศทำง กำรเปล่ียนแปลงในด้ำนต่ำง ๆ ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้ำง ครอบคลมุ หลำยประเทศเปน็ ระยะเวลำยำวนำนมำกกวำ่ 20 ปี

PESTEL Politic Economy Society Technology Environment Law การวิเคราะห์บริบท “การเปล่ียนแปลง Change” โดยใช้เทคนิค PESTEL เป็นการวิเคราะห์การเปล่ียนแปลง ทางด้านการเมือง (Politic: P) เศรษฐกิจ (Economy: E) สังคม (Society: S) เทคโนโลยี (Technology: T) สิ่งแวดล้อม (Environment: E) และกฎหมาย (Law: L) ทง้ั น ี้ แนวโนม้ และแนวโนม้ ระดบั โลกมที มี่ ำจำกพฒั นำกำรของวทิ ยำศำสตร ์ เทคโนโลย ี และนวตั กรรม ซง่ึ สง่ ผลกระทบ ตอ่ มนษุ ยเ์ ปน็ วงกวำ้ ง กอ่ ใหเ้ กดิ กำรเปลยี่ นแปลงเชงิ ทศั นคต ิ นโยบำยสำธำรณะ และรปู แบบธรุ กจิ 27 อยำ่ งไรกต็ ำม หำกมองแนวโน้มโดยใช้เทคนิค PESTEL จะพบว่ำ แนวโน้มในแต่ละด้ำนมีพลวัตและอำจมีควำมส�ำคัญท่ี แตกต่ำงกัน28 ด้วยเหตุน้ี กำรวิเครำะห์แนวโน้มและแนวโน้มระดับโลกจึงช่วยชั่งน�้ำหนักควำมส�ำคัญของแนวโน้มในแต่ละด้ำน ทำ� ใหผ้ บู้ รหิ ำรมขี อ้ มลู ทเี่ พยี งพอในกำรตดั สนิ ใจกำ� หนดกลยทุ ธแ์ ละนโยบำยเพอื่ รองรบั กำรเปลย่ี นแปลงในอนำคต ไดอ้ ยำ่ งมปี ระสิทธิภำพ29 108 เครือ่ งมอื ท่ี 5 การวเิ คราะห์แนวโน้มและแนวโน้มระดบั โลก

ความเหมาะสมในการใช้งาน 1 2Trend Analysis มีควำมคล้ำยคลึงกับกำรส�ำรวจ เทคนิคนี้เหมำะส�ำหรับประเด็นในอนำคตที่มีโครงสร้ำง สภำพแวดล้อม Horizon Scanning แต่เน้นกำรใช้ข้อมูล บรบิ ทสลบั ซบั ซอ้ น III-Structured Futures และจำ� เปน็ ตอ้ ง เชงิ ปรมิ ำณมำกขน้ึ และมงุ่ เปำ้ ไปทก่ี ำรตดั สนิ ใจเชงิ กลยทุ ธ์ อำศัยกำรวิเครำะห์ เพ่ือสร้ำงควำมเข้ำใจด้วยกำรก�ำหนด รองรับแนวโน้มที่สำมำรถวิเครำะห์ได้ในกิจกรรม วำงแผน สมมตุ ฐิ ำน (Preposition) หรอื กำรสรำ้ งฉำกทศั น ์ (Scenario) กลยุทธ์ขององค์กรภำคธุรกิจเอกชนและภำคประชำสังคม เก่ียวกับอนำคตท่ีน�ำไปวิเครำะห์ต่อด้วยกำรสร้ำง หรอื กำรก�ำหนดยุทธศำสตร์ชำตแิ ละนโยบำยสำธำรณะ แบบจ�ำลอง (Simulation) หรือกำรจัดท�ำแผนที่น�ำทำง เทคโนโลย ี เปน็ ต้น 109

จุดแข็ง 1 ระบสุ ญั ญำณแนวโน้มทีม่ ีโอกำสจะพฒั นำเป็นปจั จัยควำมเสี่ยงหรือปัจจัยเหนย่ี วนำ� กำรเปลย่ี นแปลงในอนำคต 2 พัฒนำวสิ ยั ทัศน์และกระตนุ้ ใหเ้ กิดกำรแลกเปลย่ี นแนวควำมคดิ ระหวำ่ งผู้เชย่ี วชำญ ผู้บริหำร และผูม้ ีสว่ นไดส้ ว่ นเสยี ขององคก์ ร 3 สำมำรถใชพ้ ฒั นำกรอบแนวคดิ เบอื้ งตน้ ในกำรกำ� หนดกลยทุ ธแ์ ละนโยบำยสำ� หรบั องคก์ รภำครฐั ภำคเอกชน และภำคประชำสงั คม 110 เครอ่ื งมือท่ี 5 การวเิ คราะห์แนวโนม้ และแนวโน้มระดับโลก

ความท้าทาย 1 ข้อมูลจำกกำรวิเครำะห์แนวโน้มในระยะยำว 20 ปีข้ึนไป อำจไม่มีควำมชัดเจน และกำรเปลี่ยนแปลงในระยะยำว บำงเรอื่ งมโี อกำสเกดิ ขน้ึ ตำ่� (โอกำสสง่ ผลกระทบตอ่ องคก์ ร ต่ำ� เช่นเดียวกนั ) 2 ผู้ใช้ต้องแสวงหำควำมรู้และข้อมูลอย่ำงรอบด้ำน ต้องมี วิธีกำรวิเครำะห์ที่ปรำศจำกอคติส่วนตัว เพรำะอำจท�ำให้ เกิดควำมคลำดเคล่ือน ตีควำมผิดพลำดและกำรใช้งำน ไมม่ ีประสิทธิภำพ 3 กำรคัดเลือกชุดข้อมูลส�ำหรับกำรวิเครำะห์แนวโน้มต้อง อำศยั ควำมละเอยี ดรอบคอบ เพอื่ ให้ไดช้ ดุ ขอ้ มลู ทถี่ กู ตอ้ ง แมน่ ยำ� และมีควำมน่ำเช่อื ถือมำกทีส่ ุด 111

ส่ิงที่จำาเป็นสำาหรับการวิเคราะห์แนวโน้มและแนวโน้มระดับโลก 1 การวเิ คราะหแ์ นวโนม้ อาจทาำ ในบริบทองคก์ รและดว้ ยวัตถุประสงค์ทหี่ ลากหลาย อำท ิ ในบรบิ ทองคก์ รภำคเอกชนอำจมกี ำรวเิ ครำะหแ์ นวโนม้ เปน็ กจิ วตั รประจำ� วนั เนอื่ งจำกเปน็ สว่ นหนง่ึ ของกำรวำงแผนกลยทุ ธ์ และกำรบรหิ ำรควำมเสยี่ งทำงธรุ กจิ ในขณะทห่ี นว่ ยงำนภำครฐั อำจวเิ ครำะหแ์ นวโนม้ ในระดบั มหภำคเพอ่ื นำ� ไปสกู่ ำรกำ� หนดนโยบำย สำธำรณะและแผนปฏบิ ัตกิ ำรที่ครอบคลมุ ทุกประเดน็ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั คณุ ภำพชีวิตของประชำชน 2 การวเิ คราะห์แนวโน้มและแนวโน้มระดับโลกอาจเปน็ การวจิ ัยเอกสาร (Document Research) หรอื เปน็ กระบวนกำรทเ่ี ปดิ กวำ้ งใหผ้ เู้ ชยี่ วชำญและผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ไดร้ ว่ มแสดงควำมคดิ เหน็ และใหข้ อ้ มลู เทคนคิ นจี้ งึ ตอ้ งใชร้ ะยะเวลำ กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูลทเ่ี หมำะสม รวมทง้ั งบประมำณส�ำหรบั กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจำกผเู้ ชยี่ วชำญและผ้มู ีสว่ นได้ส่วนเสยี 112 เคร่ืองมอื ท่ี 5 การวเิ คราะห์แนวโน้มและแนวโน้มระดบั โลก

ขั้นตอนการวิเคราะห์แนวโน้มและแนวโน้มระดับโลก ขนั้ ตอนท่ี 1 กำาหนดประเดน็ ท่ตี ้องการวิเคราะห์ ผู้วิเคราะห์ต้องกำาหนดขอบเขตประเด็นคำาถามให้ชัดเจน เช่น กำรวิเครำะห์แนวโน้มระดับโลกที่ส่งผลต่อกำรบริหำรจัดกำรน้�ำในประเทศ จำ� เปน็ ตอ้ งกำ� หนดขอบเขตของ “การบรหิ ารจดั การนา้ำ ” ใหช้ ดั เจนวำ่ หมำยถงึ กำรบรหิ ำรจดั กำรลมุ่ นำ้� สำยหลกั สำยรอง หรอื แหลง่ นำ้� ใตด้ นิ 113

ข้ันตอนท่ี 2 วางแผนการเก็บรวบรวมข้อมลู ผู้วิเครำะห์ต้องมีแผนและกรอบระยะเวลำในกำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลท่ีชัดเจน พร้อมแผนบริหำรควำมเส่ยี งในกำรจัดเก็บขอ้ มูล ในกรณีการวิเคราะห์แนวโน้มด้วยการวิจัยเอกสาร เลือกเก็บข้อมูลทุติยภูมิจำกเอกสำรหลักฐำนต่ำง ๆ ผู้วิเครำะห์ต้องก�ำหนดแนวทำง กำรคดั เลอื กประเภทและแหลง่ ทม่ี ำขอ้ มลู (อำจครอบคลมุ หลำยชว่ งระยะเวลำตดิ ตอ่ กนั ) และกำรกำ� หนด “คาำ สาำ คญั (Keyword)” เพอ่ื สบื คน้ ขอ้ มลู ในดำ้ นตำ่ ง ๆ โดยอำจเลอื กใชเ้ ทคนคิ บรรณมติ ิ (Bibliometrics) ในกรณขี อ้ มลู ทใี่ ช้ในกำรวเิ ครำะหม์ ำจำกงำนวจิ ยั ทไี่ ดร้ บั กำรตพี มิ พ์ เผยแพร่ในวำรสำรทำงวิชำกำร ในกรณีระดมความคิดเห็นจากผู้เช่ียวชาญหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้วิเครำะห์จ�ำเป็นต้องมีแผนคัดเลือกกลุ่มตัวอย่ำงท่ีชัดเจน รวมท้ัง เตรยี มพรอ้ มในกำรจดั กำรประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ ำร กำรสนทนำกลมุ่ หรอื กำรสมั ภำษณเ์ ชงิ ลกึ สำ� หรบั ในกรณที เ่ี ลอื กใชว้ ธิ กี ำรระดมควำมคดิ เหน็ อำจเลอื กใชเ้ ทคนคิ เดลฟำย (Delphi Technique) เพอื่ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จำกผเู้ ชย่ี วชำญ โดยใหผ้ เู้ ชยี่ วชำญประเมนิ ชว่ งเวลำทแ่ี นวโนม้ นนั้ จะเกดิ ขน้ึ เป็นรูปธรรม เช่น ระยะสั้น ระยะปำนกลำง และระยะยำว และตั้งแต่ปี 2038 เป็นต้นไป โดยจำกกรอบควำมคิด (Framework) สรุปให้เห็น แนวโนม้ เชน่ “now”, “next” and “new” หรอื ไม่สง่ ผลกระทบเลย ขัน้ ตอนที่ 3 วิเคราะห์ข้อมลู ผ้วู ิเครำะหอ์ ำจวเิ ครำะหข์ อ้ มูลจำกวธิ ีกำรใดวิธกี ำรหนงึ่ หรือใช้ทั้ง 2 วธิ กี ำร เพือ่ ยนื ยันผลกำรวิเครำะห์ วธิ ที ่ี 1 วิเครำะห์ขอ้ มลู ด้วยสถติ ิเชิงพรรณนำหรือสถติ เิ ชงิ อนุมำน วิธีท่ี 2 จัดประชุมเชิงปฏิบัติกำรหรือกำรสนทนำกลุ่ม เพ่ือระดมควำมคิดเห็นต่อผลกำรวิเครำะห์เชิงสถิติ หรือผลกำรวิเครำะห์แนวคิด ของผู้เช่ียวชำญ 114 เคร่อื งมือที่ 5 การวิเคราะหแ์ นวโนม้ และแนวโนม้ ระดบั โลก

ขนั้ ตอนท่ี 4 สังเคราะห์บทเรียนจากแนวโน้มเพอ่ื เป็นแนวทางการตัดสินใจของผู้บริหาร โดยอำจใช้ “แผนทแี่ นวโน้ม (Trend Map)” ซ่ึงประกอบด้วย 2 แกน คือ แกน X หมำยถงึ ระดบั ควำมไมแ่ น่นอนทีแ่ นวโนม้ นน้ั จะเกดิ เป็นรูปธรรม (Degree of Uncertainty) แกน Y หมำยถงึ ควำมสำ� คัญทแ่ี นวโนม้ น้ันจะสง่ ผลกระทบตอ่ บริบทที่พจิ ำรณำ (Degree of Importance) แนวโน้มมีความสำาคัญมากต่อองค์กร (High Degree of Importance) แนวโน้มมีความแน่นอน กำาหนดกลยุทธ์ วิเคราะห์ แนวโน้มมีความไม่แน่นอน (Certain Trend) รองรับทันที ในข้ันตอนต่อไป (Uncertain Trend) อย่าไปเสียเวลา เฝ้าระวัง อย่าให้คลาดสายตา แนวโน้มมีความสำาคัญน้อยต่อองค์กร (Low Degree of Importance) ภำพท ี่ 13 แนวทำงกำรวเิ ครำะหแ์ นวโนม้ และแนวโนม้ ระดบั โลก เพอื่ สงั เครำะหบ์ ทเรยี นเปน็ ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบำยตอ่ ผบู้ รหิ ำร 115

ในแตล่ ะควอแดรนท์สำมำรถนำ� ไปกำ� หนดเปน็ ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบำยตอ่ ผู้บรหิ ำรไดด้ ังน ้ี ในกรณที แี่ นวโนม้ นน้ั มคี วามแนน่ อนทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ และมผี ลกระทบทสี่ าำ คญั ตอ่ องคก์ ร (Certain and Important Trend) ควรเสนอให้เร่ิมกระบวนกำรวำงแผนกลยุทธ์เพอ่ื รองรับทันที ในกรณีที่แนวโน้มน้ันมีความไม่แน่นอน แต่มีผลกระทบที่สำาคัญต่อองค์กร (Uncertain, but Important Trend) ควรวเิ ครำะหด์ ว้ ยเทคนคิ กำรอนำคตอนื่ เชน่ กำรสรำ้ งแบบจำ� ลอง หรือกำรสรำ้ งฉำกทัศน ์ เปน็ ต้น ในกรณีที่แนวโน้มน้ันมีความแน่นอน แต่ไม่มีผลกระทบท่ีสำาคัญต่อองค์กร (Certain, but Unimportant Trend) ไมค่ วรมีกำรลงทุนใด ๆ เพอ่ื รองรับแนวโนม้ ดงั กลำ่ ว ในกรณีที่แนวโน้มน้ันมีความไม่แน่นอน และไม่มีผลกระทบที่สำาคัญต่อองค์กร (Uncertain and Unimportant Trend) ควรเสนอให้ผู้บริหำรเฝ้ำระวังแนวโน้มในลักษณะนี้ เพรำะ ควำมไมแ่ นน่ อนในอนำคตอำจสง่ ผลต่อควำมเปลีย่ นแปลงของผลกระทบท่ีสำ� คญั ได้ 116 เครือ่ งมือที่ 5 การวิเคราะห์แนวโนม้ และแนวโน้มระดับโลก

กรณศี ึกษาการวเิ คราะหแ์ นวโน้มและแนวโนม้ ระดบั โลก โครงกำร CSIRCO Futures30 วเิ ครำะหแ์ นวโนม้ ระดบั โลกในป ี ค.ศ. 2009 เพอ่ื ตอ้ งกำรทรำบแนวโนม้ ทจ่ี ะเปลยี่ นวถิ ชี วี ติ ของผคู้ นในประเทศออสเตรเลยี เพอื่ เปน็ ขอ้ มลู สนบั สนนุ กระบวนกำรจดั ทำ� แผนลงทนุ ระยะยำว ในขนั้ ตอนแรก CSIRCO ใช้ผูเ้ ช่ยี วชำญมำกกวำ่ 40 คน ภำยในองค์กรของ CSIRO ทว่ั โลกพัฒนำระบบฐำนขอ้ มลู CSIRO Trends ซง่ึ รวบรวม ขอ้ มลู จำกหนว่ ยงำนตำ่ ง ๆ ไดแ้ ก ่ Australian Bureau of Statistics ธนำคำรโลก องคก์ ำรกำรเงนิ ระหวำ่ งประเทศ (IMF) องคก์ ำรสหประชำชำต ิ (OECD) และธนำคำรเพอ่ื กำรพฒั นำแหง่ เอเชยี (ADB) ตลอดจนขอ้ มลู และรำยงำนประจำ� ปจี ำก องค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ในประเทศออสเตรเลยี ในขน้ั ตอนท่ี 2 จงึ สัมภำษณ์ผูอ้ �ำนวยกำร และนกั วิทยำศำสตรข์ อง CSIRCO แลว้ จงึ จดั กำรประชมุ สมั มนำเชงิ ปฏบิ ตั กิ ำรเพอื่ จดั กลมุ่ และวเิ ครำะหแ์ นวโนม้ ในดำ้ นตำ่ ง ๆ หลงั จำกนน้ั ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ำกกำรสมั มนำจงึ นำ� มำถกเถยี งผำ่ นไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สก์ อ่ นทจี่ ะนำ� มำสรปุ เปน็ รำยงำนเพอ่ื เสนอตอ่ ผบู้ รหิ ำร CSIRCO ต่อไป 117

การสร้างแบบจำลอง 6(Modeling and Simulation)

นิยาม กำรสร้ำงแบบจ�ำลอง (Modelling and Simulation) เป็น กระบวนกำรสร้ำงและทดลองแบบจ�ำลองทำงคณิตศำสตร์ ดว้ ยคอมพวิ เตอร3์ 1 แบบจำ� ลองจะแปรสภำพรปู แบบพฤตกิ รรม หรือสถำนกำรณ์ในชีวิตจริงให้เป็นสถำนกำรณ์เสมือนจริง เพื่อวิเครำะห์และคำดกำรณ์ผลกระทบที่อำจเกิดขึ้นกับสังคม จำกปัจจัยแทรกแซง (Intervention) ท่ีต้องกำรศึกษำ โดย ผลกระทบน้ัน อำจเป็นได้ทั้งผลกระทบท่ีต้ังใจให้เกิดข้ึน (Intended Consequences) และผลกระทบทไี่ มไ่ ดต้ ง้ั ใจใหเ้ กดิ ขนึ้ (Unintended Consequences) กล่ำวอีกนัยหนึ่ง กำรสร้ำงแบบจ�ำลองจะช่วยให้ทรำบผลกระทบจำก ปัจจัยแทรกแซงต่อสังคมโดยไม่จ�ำเป็นต้องทดสอบหรือแทรกแซง ในสถำนกำรณ์จริง32 ซึ่งท้ำยท่ีสุดจะช่วยประหยัดทรัพยำกร บุคลำกร และงบประมำณ รวมท้ังลดควำมเส่ียงจำกผลกระทบเชิงลบต่อสังคม โดยเฉพำะในประเด็นทเ่ี กีย่ วกับนโยบำยสำธำรณะ

ความเหมาะสมในการใช้งาน 1 เทคนิคนี้มีควำมเหมำะสมส�ำหรับประเด็นในอนำคตท่ีมี โครงสร้ำงบริบทซับซ้อน (III-Structured Futures) และเหมำะสมในกำรใช้งำนเม่ือมีข้อมูลจ�ำนวนมำกและ เพียงพอต่อกำรสร้ำงแบบจ�ำลองคณิตศำสตร์ ซ่ึงจ�ำเป็น ตอ้ งอำศยั กำรวิเครำะหเ์ พิื่อสรำ้ งควำมเข้ำใจ 2 เม่ือผู้ศึกษำมีข้อมูลเก่ียวกับปรำกฏกำรณ์ ประเด็น กำรศึกษำ หรือค�ำถำมกำรวิจัยที่ครบถ้วนและมี ควำมแม่นยำ� สงู 120 เครอ่ื งมอื ที่ 6 การสรา้ งแบบจำลอง

จุดแข็ง 1 ใช้เป็นวิธีกำรทดสอบนโยบำย กลยุทธ์ หรือวิธีกำร 2 เป็นวิธีกำรมองอนำคตที่วิเครำะห์เฉพำะปัจจัยท่ีมี แก้ไขปญั หำไดโ้ ดยไมต่ อ้ งแทรกแซงสถำนกำรณ์ในชวี ติ จรงิ ผลกระทบอยำ่ งมนี ยั ยะสำ� คญั ตอ่ ปรำกฏกำรณท์ ต่ี อ้ งกำร ศกึ ษำ จึงท�ำใหส้ ะดวกในกำรประมวลและอภิปรำยผล 121

ความท้าทาย 1 กำรกำ� หนดสมมตุ ฐิ ำนของแบบจำ� ลองทถี่ กู ตอ้ งแมน่ ยำ� 2 หำกขอ้ มลู นำ� เขำ้ ไมเ่ ทย่ี งตรงอำจทำ� ใหผ้ ลลพั ธค์ ลำดเคลอ่ื น 3 กำรสร้ำงแบบจ�ำลองโดยใช้คอมพิวเตอร์อำจไม่สำมำรถ ศึกษำปรำกฏกำรณ์ต่ำง ๆ ได้อยำ่ งครอบคลุมทุกมติ ิ 4 จ�ำเป็นต้องใช้บุคลำกรท่ีมีควำมรู้ควำมช�ำนำญด้ำน คณติ ศำสตร์ 5 กำรเลือกตัวแปรและข้อมูลน�ำเข้ำสู่โมเดลยังใช้ดุลพินิจ ของผูว้ ิจัย 6 มักมีอุปสรรคในกำรสื่อสำรผลกำรศึกษำจำกเทคนิค กำรสรำ้ งแบบจ�ำลองไปสู่ผู้มสี ่วนได้สว่ นเสยี 122 เครือ่ งมอื ท่ี 6 การสร้างแบบจำลอง

ส่ิงที่จำาเป็นในการสร้างแบบจำาลอง 1 คอมพิวเตอร์ส่วนตัว (PC) ท่ีมีซอฟต์แวร์เฉพาะ 2 แบบจำาลองขนาดใหญ่อำจต้องใช้คณะท�ำงำนเพ่ือสร้ำง ช่วยในการสร้างและวิเคราะห์โมเดลทางคณิตศาสตร์ ตำมขนำดของโครงกำร โดยทว่ั ไปอำจจำ� เปน็ ตอ้ งมนี กั วจิ ยั โดยผศู้ กึ ษำตอ้ งผำ่ นกำรฝกึ อบรมกำรสรำ้ งแบบจำ� ลอง 2-15 คน และอำจใชร้ ะยะเวลำ 6 เดอื น ถงึ 2 ป ี ในกำรศกึ ษำ ทำงคณิตศำสตร์หรือกำรใช้ซอฟต์แวร์สร้ำงแบบจ�ำลอง ทำงคณติ ศำสตร ์ 123

ข้ันตอนในการสร้างและวิเคราะห์แบบจำาลอง ขน้ั ตอนท่ี 1 กาำ หนดขอบเขตและ ขนั้ ตอนท่ี 2 เก็บรวบรวมข้อมลู ขน้ั ตอนท่ี 3 ทดสอบแบบจาำ ลอง ขัน้ ตอนที่ 4 การวิเคราะห์ แบบจำาลอง หรือเชื่อมประสานข้อมูลจาก ป้อนข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องเข้ำสู่แบบ น�ำผลลัพธ์จำกกำรทดสอบ กำ� หนดกรอบแนวคดิ สมมตุ ฐิ ำน ฐานข้อมลู ต่าง ๆ จ�ำลองเพ่ือทดสอบสมมุติฐำน แบบจ�ำลอง มำวิเครำะห์ และขอบเขตกำรศึกษำ รวมถึง หำกเป็นฐำนข้อมูลขนำดใหญ ่ หลังจำกนั้น จึงน�ำผลท่ีได้มำ ควำมเป็นไปได้ โดยอำจอำศัย สมมตุ ฐิ ำนควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ ง (Big Data) ซึ่งไม่จ�ำเป็นต้อง “สอบเทยี บ(Calibrate)” เคยี งกบั เทคนิคกำรสร้ำงฉำกทัศน ์ ปจั จัยต่ำง ๆ ภำยในแบบจำ� ลอง รวบรวมข้อมูล ควรแสวงหำ สภำพควำมเป็นจริง หำกผล (Scenario Building) เพอ่ื นำ� ไปสู่ (ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตำม และ ฐำนข้อมูลท่ีมีอยู่ท้ังหมดและ กำรสอบเทียบมคี วำมใกล้เคยี ง ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบำย คำ่ คงท)่ี สร้ำงระบบเช่อื มประสำนข้อมลู กบั สภำพควำมเปน็ จรงิ แสดงวำ่ แบบจ�ำลองมีควำมน่ำเชื่อถือ แ ล ะ ส ำ ม ำ ร ถ น� ำ ไ ป ป ร ะ ก อ บ ก ำ ร ก� ำ ห น ด ข ้ อ เ ส น อ แ น ะ เชิงนโยบำยได ้ 124 เครื่องมอื ที่ 6 การสร้างแบบจำลอง

กรณีศกึ ษาการสรา้ งแบบจาำ ลอง Aparicio33 ได้พัฒนำแบบจ�ำลอง Systems Dynamics modeling ของครัวเรือน ภำครัฐ และภำคธุรกิจเอกชน เพ่ือวิเครำะห์ผลกระทบจำกกำรเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจของประเทศ Columbia ต่อผู้ประกอบกำร โดยคณะวิจัย กำ� หนดฉำกทศั นส์ ำ� หรบั กำรวเิ ครำะห์ไว ้ 5 ฉำกทศั น ์ (รวมฉำกทศั นพ์ นื้ ฐำน หรอื Baseline Scenario ดว้ ย) ในขนั้ ตอนแรก คณะวิจัยทดสอบควำมแม่นย�ำในกำรท�ำนำยของแบบจ�ำลองที่พัฒนำขึ้นโดยเทียบเคียงกับข้อมูลจริง หำกผลท่ีได้ ใกล้เคียงกับควำมเป็นจริง ผู้วิจัยก็สำมำรถใช้แบบจ�ำลองท่ีพัฒนำขึ้นมำท�ำนำยอัตรำกำรเติบโตของเศรษฐกิจได้ ต่อไป ผลกำรวิจัยชี้ว่ำ หำกมีอัตรำผู้ประกอบกำรเชิงนวัตกรรมในอัตรำสูง (ร้อยละ 15) จะส่งผลต่ออัตรำกำรเติบโต ทำงเศรษฐกิจในระยะยำวเฉลี่ยร้อยละ 6.77 หำกมีผู้ประกอบกำรรำยใหม่เพิ่มข้ึนในอัตรำร้อยละ 11 ต่อปี จะส่งผลให้ เศรษฐกจิ มอี ัตรำกำรเติบโตเฉล่ียรอ้ ยละ 4.81 ตอ่ ป ี 125

การพยากรณย์ ้อนหลัง 7(Backcasting)

นิยาม กำรพยำกรณ์ย้อนหลัง (Backcasting) เป็นวิธีกำรสร้ำงควำมเช่ือมโยงระหว่ำง ผลลัพธ์ที่ต้องกำรในอนำคตกับแนวทำงและควำมเป็นไปได้ในกำรบรรลุอนำคตน้ัน โดยใชก้ ระบวนกำรมสี ว่ นรว่ ม Participatory Process34, 35 เนน้ ใหผ้ เู้ ชย่ี วชำญ ผบู้ รหิ ำร และผู้มีส่วนเก่ียวข้องร่วมกันก�ำหนดเป้ำหมำยในอนำคตและกลยุทธ์ทำงเลือก ที่เป็นไปได้ในกำรบรรลุเป้ำหมำย โดยค�ำนึงถึงควำมท้ำทำยที่อำจเกิดข้ึนและ ปัจจัยภำยนอกประกอบ เทคนิคน้ีมีควำมส�ำคัญอย่ำงย่ิงในกำรศึกษำควำมย่ังยืน (Sustainability) ซึ่งเปน็ ประเด็นที่ซบั ซ้อนและมีควำมเกี่ยวขอ้ งกบั หลำยภำคสว่ น กำรพยำกรณ์ย้อนหลังสำมำรถให้รำยละเอียดมโนทัศน์แห่งอนำคตท่ีพึงประสงค ์ รวมทงั้ ชว่ ยประเมนิ ควำมเปน็ ไปได้ในกำรดำ� เนนิ กำรและควำมทำ้ ทำยระหวำ่ งหว้ งเวลำ ในปัจจุบันและอนำคต โดยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียบรรลุฉันทำมติเพ่ือป้องกัน ควำมขัดแย้งในข้ันตอนกำรน�ำแผนกลยุทธ์มำด�ำเนินกำร กำรพยำกรณ์ย้อนหลัง จึงเป็นทั้งเคร่ืองมือวิเครำะห์และเคร่ืองมือสื่อสำรท่ีนิยมใช้ในกรณีท่ีต้องกำรมอง อนำคตในระยะยำว

กำรพยำกรณ์ย้อนหลังแตกต่ำงจำกวิธีกำรมองอนำคตแบบดั้งเดิม เน่ืองจำกเป็นเทคนิคกำรมองอนำคตในทิศทำงย้อนกลับ (Reverse Direction) กำรพจิ ำรณำเสน้ ทำงจำกอนำคตทป่ี รำรถนำกลบั มำยงั สถำนกำรณป์ จั จบุ นั ในขณะทเ่ี ทคนคิ กำรมองอนำคตอนื่ ใชก้ ำรคำดกำรณ์ ในลักษณะกำรมองไปขำ้ งหนำ้ (Forward Looking) กล่ำวคือ เรม่ิ ต้นพิจำรณำอนำคตจำกสถำนกำรณ์ปจั จุบนั แล้ววำงแผนแตล่ ะขัน้ ตอน ไปสู่ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ในอนำคต ผลท่ีได้จำกกำรพยำกรณ์ย้อนกลับจะสะท้อนผลประโยชน์และมุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึง ควำมทำ้ ทำยและโอกำสในแตล่ ะขั้นตอน ซ่ึงถือเป็นกระบวนกำรสร้ำงฉนั ทำมตแิ ละเทคนคิ กำรสอ่ื สำรกับผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสียทอ่ี ำจมีมุมมอง ต่ออนำคตท่ีแตกต่ำงกัน กระบวนกำรมีส่วนร่วมในลักษณะดังกล่ำวจะช่วยสร้ำง “วิสัยทัศน์อนาคตร่วม (Shared Future Vision) และ “แผนการขับเคลื่อนสู่อนาคตร่วมกัน” ซ่ึงอำจก่อให้เกิดกำรเปล่ียนแปลงอย่ำงจริงจัง เช่น กำรแสวงหำหุ้นส่วนร่วมทุน ควำมต้องกำร ในกำรควบรวมหรือเข้ำซ้อื กิจกำร เปน็ ตน้ เทคนคิ นจี้ งึ สำมำรถนำ� มำประยกุ ต์ใชก้ บั กำรกำ� หนดนโยบำยสำธำรณะและกำรกำ� หนดกลยทุ ธ์ในภำคธรุ กจิ โดยสว่ นใหญจ่ ะใชก้ ำรมองอนำคต ระดับมหภำค (Macro-picture) จนถึงระดบั ภำคอุตสำหกรรม (Industrial Sector) 128 เคร่อื งมือที่ 7 การพยากรณ์ย้อนหลัง

ความเหมาะสมในการใช้งาน 1 การพยากรณย์ อ้ นหลงั มคี วามเหมาะสมในสถานการณท์ เี่ ปา้ หมายในอนาคตมคี วามชดั เจน (Structured Futures) แตค่ ำดกำรณว์ ำ่ เส้นทำงไปสู่อนำคตน้ันอำจเต็มไปด้วยปัจจัยแทรกซ้อน และควำมท้ำทำยท่ีหลำกหลำยเกินกว่ำท่ีวิธีกำรบริหำรแบบ รวมศูนย์อ�ำนำจ โดยล�ำดับกำรบังคับบัญชำเป็นหลักจะรองรับได้ จึงจ�ำเป็นต้องอำศัยกระบวนกำรมีส่วนร่วมท่ีเปิดกว้ำงให้ ทุกภำคส่วนภำยในองค์กรแสดงควำมคดิ เหน็ ร่วมกนั คดิ และวำงแผนรองรบั ปัจจยั แทรกซอ้ นและควำมทำ้ ทำยทซี่ ่อนเรน้ 2 บุคลากรภายในองค์กรทุกระดับจะต้องทุ่มเทและให้ความสำาคัญกับกระบวนการตัดสินใจ และควรใช้ประกอบกับกำรมองอนำคต แบบมองไปข้ำงหน้ำ เช่น แผนที่น�ำทำงเทคโนโลยี (Technology Roadmapping) เป็นต้น เพื่อให้เกิดทำงเลือกของเส้นทำง กำรเดินทำงไปสู่อนำคต หรืออำจใช้เทคนิคกำรสร้ำงฉำกทัศน์ (Scenario) หรือแบบจ�ำลอง (Simulation Model) เพื่อทดสอบ สมมุตฐิ ำนหรอื ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบำยและเชงิ กลยุทธ์ท่เี กิดขน้ึ จำกกำรพยำกรณ์ยอ้ นหลงั 129

จุดแขง็ 1 เปำ้ หมำยในกำรวิเครำะหแ์ ละกำรสือ่ สำรระหว่ำงผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสยี ช่วยลดควำมเสย่ี งในกำรต่อต้ำนกำรตดั สนิ ใจในอนำคต 2 เปิดให้อภิปรำยปัญหำอย่ำงเสรรี ะหว่ำงผมู้ ีสว่ นได้เสียซ่ึงอำจมผี ลประโยชน์ขดั กนั 3 เปน็ กระบวนกำรทท่ี ำ� ใหผ้ ้มู สี ว่ นไดส้ ่วนเสีย ร่วมกันพจิ ำรณำควำมท้ำทำยและโอกำสที่ซ่อนเรน้ ในทกุ ขนั้ ตอนของเส้นทำงกำรเดนิ ไปสู่อนำคตทพ่ี ึงประสงค์ 4 มงุ่ ใหเ้ กดิ แผนทก่ี ำรเดนิ ทำงไปสู่อนำคตทเี่ ปน็ รปู ธรรม 130 เคร่ืองมอื ที่ 7 การพยากรณ์ยอ้ นหลงั

ความทา้ ทาย 1 ผู้ใช้เทคนิคน้ีควรคำานึง ผลผลิตจำกกำรพยำกรณ์ย้อนหลัง คือ แนวทางการดำาเนินงาน ไม่ใช่ “ข้อเท็จจริง” เน่ืองจำก เป็นส่ิงที่เกิดจำกกระบวนกำรระดมควำมคิดของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หำกต้องกำรข้อมูลข้อเท็จจริงประกอบกำรตัดสินใจ จะต้องใช้เทคนิคกำรวิเครำะห์อื่นประกอบ เช่น แผนที่น�ำทำงเทคโนโลยี (Technology Roadmapping) กำรสร้ำงฉำกทัศน ์ (Scenario Building) หรอื เทคนคิ สถติ เิ ชิงอนุมำน เป็นต้น 2 เวลาและทรัพยากรมาก จึงมีควำมเป็นไปได้ท่ีองค์ประกอบ ของผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี จะมกี ำรเปลยี่ นแปลง ทำ� ใหก้ ระบวนกำร เกิดควำมล่ำชำ้ 3 อุปสรรคในการกำาหนดกรอบระยะเวลาของอนาคต (Time Horizon) ที่เหมำะสมในกำรวิเครำะห์ โดยเฉพำะในยุค ที่เกิดควำมปั่นป่วนทำงเศรษฐกิจ สังคม และวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี 4 การพยากรณ์ย้อนหลังท่ีมีนัยยะส�ำคัญต่อกำรขับเคลื่อน องคก์ รไปสอู่ นำคตจำ� เปน็ ตอ้ งมรี ะบบกำรตดิ ตำมและประเมนิ ผล (Monitoring and Evaluation) ทต่ี ่อเน่อื งและเข้มข้น 131

ส่งิ ที่จาำ เปน็ สำาหรับการพยากรณ์ยอ้ นหลัง 1 กระบวนกำรพยำกรณ์ย้อนหลังอำจใช้เวลำมำกท่ีสุด 1-2 ปี ส�ำหรับโครงกำรหรือองค์กรขนำดใหญ่ซึ่งมีจ�ำนวนผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียมำกและมำจำกหลำยภำคส่วน และมีรำยละเอียดควำมสลับซับซ้อนสูง เช่น นโยบำยพัฒนำเขตเศรษฐกิจพิเศษ กำรพิจำรณำควบรวมกิจกำร Grab กับ UBer เป็นต้น ดังน้ัน หำกต้องกำรน�ำเทคนิคกำรพยำกรณ์ย้อนหลังมำใช้กับโครงกำร หรอื องค์กรขนำดใหญ ่ ผรู้ บั ผิดชอบจะตอ้ งมีกำรวำงแผนระบบกำรบริหำรจดั กำรท่ดี ี 2 จำ� นวนผมู้ สี ว่ นรว่ มในกระบวนกำรขนึ้ อยกู่ บั ประเดน็ สถำนกำรณ ์ และผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี โดยเฉพำะอยำ่ งยง่ิ เมอื่ ประเดน็ เกย่ี วขอ้ งกบั มุมมองระยะยำวก็จ�ำเป็นต้องใช้ผู้เข้ำร่วมกระบวนกำรเป็นจ�ำนวนมำกและต้องมำจำกหลำยภำคส่วน เพื่อให้เกิดกำรร่วมกันคิด วเิ ครำะหฉ์ ำกทศั นแ์ หง่ อนำคตใหค้ รอบคลมุ ทกุ มติ ิ ตลอดจนควำมทำ้ ทำยและโอกำสทจ่ี ะสะทอ้ นมำในแผนและขน้ั ตอนกำรขบั เคลอื่ น ไปสู่อนำคตท่พี งึ ประสงค์ 3 อุปกรณ์ท่ีจ�ำเป็น เช่น กระดำษแผ่นใหญ่ กระดำษโน้ตกำว (Post-it) ปำกกำหมึกสี เป็นต้น หรืออำจใช้ซอฟต์แวร์ส�ำหรับ กำรวำดรปู สร้ำงตวั แบบ หรอื ซอฟต์แวร์สำ� หรบั กระบวนกำรมสี ว่ นรว่ ม เชน่ โปรแกรมกำรท�ำโพลส�ำรวจ เป็นต้น 132 เครื่องมอื ท่ี 7 การพยากรณย์ อ้ นหลงั

ข้ันตอนการพยากรณ์ย้อนหลัง คุณลักษณะส�ำคัญของเทคนิคพยำกรณ์ยอ้ นหลงั คอื กำรมีสว่ นรว่ มของผ้มู สี ่วนไดส้ ่วนเสยี ในกำรก�ำหนดเป้ำหมำยในอนำคต วิสยั ทัศน์ จนกระทง่ั ขนั้ ตอนกำรแปลงเปำ้ หมำยและวสิ ยั ทศั น์ใหเ้ ปน็ แผนปฏบิ ตั กิ ำรเพอ่ื ขบั เคลอื่ นไปสเู่ ปำ้ หมำยอยำ่ งเปน็ รปู ธรรม ดงั นนั้ กำรพยำกรณ์ ยอ้ นหลังจึงควรจดั ในรปู แบบกิจกรรมระดมสมองหรอื กำรประชุมเชงิ ปฏิบตั กิ ำร โดยมขี ัน้ ตอนต่อไปน้ ี 133

ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมการกอ่ นกิจกรรมระดมสมองเพ่ือพยากรณย์ อ้ นหลัง (สาำ หรับผู้ควบคมุ กระบวนการ) 1 ผคู้ วบคมุ กระบวนการกาำ หนดประเดน็ (Issue) และกรอบระยะเวลา (Time Horizon) วตั ถปุ ระสงคข์ องขนั้ ตอนน ี้ คอื กำ� หนดขอบเขต ของประเด็นในอนำคตให้ชัดเจน ตลอดจนกรอบระยะเวลำที่จะน�ำไปสู่อนำคต ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดควำมก�ำกวมและควำมไม่ม่ันใจ ของผู้เขำ้ ร่วมกระบวนกำร 2 ผคู้ วบคมุ กระบวนการคดั เลอื กผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี เพอ่ื เขา้ รว่ มกระบวนการ ผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ควรมคี วำมหลำกหลำยเพอ่ื ปอ้ งกนั อคตแิ ละมุมมองดำ้ นเดียวเกีย่ วกบั อนำคต 3 ผคู้ วบคมุ กระบวนการเตรยี มวสิ ยั ทศั นห์ รอื ฉากทศั นอ์ นาคตทพี่ งึ ประสงค์ ขนั้ ตอนนอ้ี ำจใชว้ สิ ยั ทศั นห์ รอื ฉำกทศั นอ์ นำคตทไี่ ดจ้ ำก เทคนคิ กำรมองอนำคตอนื่ เชน่ Visioning, Scenario Building เปน็ ตน้ หำกยงั ไมม่ กี ำรกำ� หนดวสิ ยั ทศั น ์ ผคู้ วบคมุ กระบวนกำร ควรวำงแผนใหก้ จิ กรรมระดมควำมคดิ เรม่ิ ตน้ ดว้ ยกำรกำ� หนดวสิ ยั ทศั นห์ รอื ภำพอนำคตทพ่ี งึ ประสงค ์ ทงั้ น ้ี ผคู้ วบคมุ กระบวนกำร อำจพิจำรณำเลือกใช้เพียง 1 วิสัยทัศน์ หรือมำกกว่ำ 1 ฉำกทัศน์ โดยในแต่ละวิสัยทัศน์และฉำกทัศน์ท่ีใช้ในกิจกรรมระดม ควำมคิดต้องมีรำยละเอียดชัดเจน อย่ำงน้อยต้องปรำกฏว่ำมีใครและภำคส่วนใดเกี่ยวข้องโดยตรงกับอนำคตและวิสัยทัศน์ หรอื ฉำกทัศนน์ ั้นจะสง่ ผลกระทบอย่ำงไรตอ่ สถำนกำรณ์ในปัจจบุ ัน วัตถุประสงค์ 1 วัตถุประสงค์ 2 134 เคร่ืองมือท่ี 7 การพยากรณย์ ้อนหลัง

ขนั้ ตอนที่ 2 เร่ิมตน้ กระบวนการระดมสมองเพ่ือพยากรณย์ ้อนหลงั 1 ผเู้ ขำ้ ร่วมกระบวนกำรทุกคนต้องมคี วำมเข้ำใจทต่ี รงกนั เกี่ยวกบั วิสัยทัศน์หรือฉำกทัศน์แหง่ อนำคตที่พงึ ประสงค์ 2 ผู้ควบคุมกระบวนกำรควรแบ่งผู้เข้ำร่วมเป็นกลุ่มย่อย จ�ำนวนกลุ่มละ 4-6 คน เพื่อให้เกิดกำรอภิปรำยแลกเปล่ียนควำมคิดเห็น อยำ่ งกวำ้ งขวำง ผคู้ วบคมุ กระบวนกำรควรกระตนุ้ ใหผ้ เู้ ขำ้ รว่ มแตล่ ะกลมุ่ เขยี นสรปุ ประเดน็ บนกระดำษชำรท์ เพอ่ื ใหง้ ำ่ ยตอ่ กำรระดม ควำมคิด 3 กำรก�ำหนดใหผ้ ู้เขำ้ รว่ มวเิ ครำะหค์ วำมแตกตำ่ งระหวำ่ งสถำนกำรณ์ปัจจบุ ันกับสถำนกำรณ์ในอนำคตใน 3 ประเด็น คือ 1. นโยบายองคก์ รหรือนโยบายสาธารณะ กับอนาคตทพี่ ึงประสงค์ 2. บริบทสภาพแวดล้อมท้ังในประเทศและตา่ งประเทศ กบั อนาคตทพ่ี ึงประสงค์ 3. ระบบและกลไกการปฏบิ ัตงิ าน ตลอดจนวฒั นธรรมองคก์ ร กบั อนาคตที่พงึ ประสงค์ ประเด็น 1. .......... 2. .......... ฉากอนาคต 135

ข้ันตอนท่ี 3 วิเคราะห์และกำาหนดเส้นเวลา (Timeline) ที่ระบุสิ่งท่ีต้องเปล่ียนแปลงเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนจากปัจจุบันสู่อนาคต ท่ีพึงประสงค์ได้ 1 กำ� หนดใหผ้ เู้ ขำ้ รว่ มอภปิ รำยระดมควำมคดิ ในกลมุ่ ยอ่ ยเดมิ จำกขน้ั ตอนท ่ี 2 2 ผู้เขำ้ รว่ มอภิปรำยระดมควำมคิดในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี 1. เหตุกำรณ์ส�ำคัญ 3-4 เหตุกำรณ์ (Critical Event) ที่จะท�ำให้บรรลุอนำคต เช่น อนำคตของกรุงเทพมหำนคร คือ “กรุงเทพฯ 2038 ถึงทุกที่ภายใน 15 นาที” ส่ิงที่ต้องเกิดขึ้น 3 ประกำร คือ ระบบรถไฟฟ้ำที่เสร็จสมบูรณ์ภำยในปี 2023 ระบบคมนำคมขนสง่ ทำงคลองและแมน่ ้�ำทสี่ ะดวกปลอดภัยภำยในปี 2028 และระบบแทก็ ซ่โี ดรนสำธำรณะไร้คนขับภำยในปี 2033 136 เครอ่ื งมือที่ 7 การพยากรณ์ย้อนหลงั

2. ระบุส่ิงที่ต้องเปล่ียนแปลง (Change) ในแต่ละช่วงเวลำเพ่ือน�ำไปสู่เป้ำหมำย เช่น เพ่ือให้บรรลุเป้ำหมำย ระบบรถไฟฟำ้ ท่เี สร็จสมบรู ณท์ ัว่ กรงุ เทพมหำนครภำยในป ี 2023 ส่งิ ทีต่ อ้ งเกิดข้นึ คอื เทคโนโลยวี ิศวกรรม ก่อสร้ำงใหม ่ กำรวำงระบบตัว๋ โดยสำรและอำณตั สิ ัญญำณ กำรบรหิ ำรสญั ญำกบั ผู้รับสัมปทำน 3. จดั วำงเหตกุ ำรณท์ ส่ี ำ� คญั และสง่ิ ทต่ี อ้ งเกดิ ขนึ้ ทงั้ หมดบนเสน้ เวลำ (Timeline) โดยใช้แผนผังก้ำงปลำ (Fishbone Diagram) ดงั ภำพท ี่ 5 3 เมื่อสมควรแก่เวลำ ผู้ควบคุมกระบวนกำรขอให้แต่ละกลุ่มน�ำเสนอแผนผังก้ำงปลำของกลุ่มตนเอง แล้วเปิดโอกำสให้ทุกกลุ่ม แลกเปลีย่ นควำมคิดเหน็ และพยำยำมหำฉันทำมตเิ กีย่ วกบั Critical Events และ Changes 137

เทคโนโลยี ขุดลอก วิศวกรรม แม่น้ำา ก่อสร้าง ลำาคลอง 2023 จัดระเบียบ เทคโนโลยี อนาคตที่พึงประสงค์ ผู้อยู่อาศัย Drone และ Bangkok 2038 Seamless ริมคลอง Driverless Public Transport Everything within Reach 2028 car in 15 Minutes Revival of 2033 Canal System City-wide Drone Taxi System ระบบต๋ัว จัดระเบียบ พัฒนาระบบ และอาณัติ เรือด่วน ความปลอดภัย สัญญาณ พัฒนา และ การบริหาร เรือพาหนะ การเช่ือมโยง สัญญา สัมปทาน ใหม่ ๆ เครื่องมอื ที่ 7 ภำพที ่ 14 ตวั อยำ่ งแผนผงั ก้ำงปลำแสดงกำรพยำกรณย์ อ้ นหลังจำกวสิ ยั ทศั น์ “Bangkok 2038” การพยากรณย์ ้อนหลัง 138

ขนั้ ตอนท่ี 4 วเิ คราะหเ์ หตุการณ์สำาคญั (Critical Event) จำกแผนผงั ก้ำงปลำ วิเครำะห์ส่งิ ที่ตอ้ งเปลี่ยนแปลงตำมเกณฑ์ตอ่ ไปน้ ี 3 หำกสำมำรถควบคุมและบริหำร จัดกำรเหตุกำรณ์นั้นได ้ 100% คะแนน หำกสำมำรถควบคุมและบริหำร 2 จดั กำรไดบ้ ำงสว่ น คะแนน 1 หำกเหตกุ ำรณน์ ั้นอยูน่ อกเหนอื กำรควบคุมและบริหำรจดั กำร คะแนน ผู้ควบคุมกระบวนกำรอำจให้แต่ละกลุ่มย่อย ให้คะแนน แล้วจึงน�ำผลคะแนนมำพิจำรณำรวมกัน หรือใช้ซอฟต์แวร์กำรท�ำโพลมำช่วยให้ผู้เข้ำร่วม ทกุ คนสำมำรถให้คะแนนเปน็ กำรสว่ นตวั 139

ตารางที่ 4 ตัวอย่างการให้คะแนนเหตุการณ์สำาคัญ (Critical Event) ตามแผนผังก้างปลาการพยากรณ์ ย้อนหลัง ปเี ป้าหมาย เหตุการณ์สาำ คัญ ระดับ 1 ระดบั 2 ระดบั 3 (Milestone) (Critical Event) อยนู่ อกเหนอื ควบคุมและ ควบคมุ และ กำรควบคุม บรหิ ำรจัดกำรได้ บรหิ ำรจัดกำรได้ บำงสว่ น 100% 2023 Seamless Public Transport 2028 Revival of Canal System 2033 City-wide Drone Taxi System 140 เคร่ืองมอื ที่ 7 การพยากรณ์ยอ้ นหลงั

ขัน้ ตอนท่ี 5 พิจารณาแนวทางการเตรยี มความพรอ้ มรองรบั เหตกุ ารณ์สาำ คญั (Critical Event) ในขั้นตอนน้ ี แบ่งผ้เู ขำ้ ร่วมเปน็ 2 กลุ่ม คอื กลุ่มท่ี 1 วิเครำะห์แนวทำงเตรียมควำมพร้อมรองรับเหตุกำรณ์ กลุ่มที่ 2 วิเครำะห์แนวทำงเตรียมควำมพร้อมรองรับเหตุกำรณ์ สำ� คญั ทส่ี ำมำรถควบคมุ และบรหิ ำรจดั กำรได ้ 100% โดยพจิ ำรณำ สำ� คญั ทส่ี ำมำรถควบคมุ และบรหิ ำรจดั กำรไดบ้ ำงสว่ น โดยพจิ ำรณำ 1. ผลกระทบของเหตุกำรณส์ ำ� คญั น้นั ต่ออนำคต 1. ผลกระทบของเหตกุ ำรณส์ �ำคัญนน้ั ตอ่ อนำคต 2. ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะได้รับประโยชน์อะไรจำกเหตุกำรณ์ 2. ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะได้รับประโยชน์อะไรจำกเหตุกำรณ์ ส�ำคัญ สำ� คัญ 3. ผ้มู สี ว่ นได้ส่วนเสียกลุ่มใดจะสญู เสยี ประโยชน ์ 3. ผู้มีส่วนได้สว่ นเสยี กลุ่มใดจะสญู เสยี ประโยชน์ 4. เหตุกำรณ์ส�ำคัญนั้นมีควำมเป็นไปได้ท่ีจะเกิดขึ้นมำกน้อย 4. เหตุกำรณ์ส�ำคัญนั้นมีควำมเป็นไปได้ท่ีจะเกิดข้ึนมำกน้อย เพียงใด เพยี งใด 5. หำกต้องกำรให้เหตุกำรณ์นั้นเกิดขึ้น ต้องท�ำอย่ำงไร ระบุ 5. หำกต้องกำรให้เหตุกำรณ์นั้นเกิดข้ึน ต้องท�ำอย่ำงไร ระบุ เปน็ ข้ันตอนอย่ำงน้อย 4-5 ขนั้ ตอน เปน็ ขั้นตอนอยำ่ งนอ้ ย 4-5 ขั้นตอน 141

ข้นั ตอนท่ี 6 พิจารณาแนวทางการเตรียมความพรอ้ มรองรบั เหตกุ ารณ์สาำ คญั (Critical Event) ที่อยนู่ อกเหนือการควบคมุ ในขนั้ ตอนน้ ี ผูค้ วบคุมกระบวนกำรอำจเปดิ โอกำสให้ผูเ้ ขำ้ ร่วมทุกคนได้มีโอกำสแสดงควำมคดิ เห็นในประเด็นต่อไปน ี้ 1 ผู้ใดหรอื องคก์ รใดสำมำรถควบคุมเหตกุ ำรณ์สำ� คัญทอี่ ยูน่ อกเหนือกำรควบคุม 2 ผลกระทบต่ออนำคตท่ีได้ระบุ หำกเหตุกำรณ์ส�ำคญั นัน้ ไมเ่ กดิ ขน้ึ 3 สำมำรถผลกั ดนั ให้เหตกุ ำรณส์ ำ� คญั นัน้ เกิดข้นึ ไดม้ ำกน้อยเพียงใด 142 เครือ่ งมอื ที่ 7 การพยากรณ์ย้อนหลัง

ข้นั ตอนท่ี 7 สรปุ ผลจากกระบวนการพยากรณย์ ้อนหลงั 15 ปี ผู้ควบคุมและผู้รับผิดชอบกระบวนกำรควรได้ผลผลิตเป็นแผนผัง กำ้ งปลำที่มีค�ำอธบิ ำยและรำยละเอียดเสน้ ทำงเวลำทชี่ ัดเจน เหตุการณ์สำาคัญ 10 ปี ขนั้ ตอนที่ 8 แปลงเสน้ ทางเวลาจากการพยากรณย์ อ้ นหลงั เปน็ แผน ดำาเนนิ งาน กลยุทธ์ ผู้ควบคุมและผู้รับผิดชอบกระบวนกำรพยำกรณ์ย้อนหลังได้น�ำ รำยงำนสรุปผลกำรจัดกิจกรรมระดมควำมคิดเห็นไปเสนอต่อ 5 ปี ผู้บริหำรเพื่อช้ีแจงเส้นทำงเวลำและเสนอแนะแนวทำงกำรน�ำ หลักกำรที่ได้จำกกิจกรรมพยำกรณ์ย้อนหลังมำผสมผสำนกับ แผนยทุ ธศำสตร ์ แผนกลยทุ ธ ์ หรอื นโยบำยขององคก์ ร เชน่ แผนงำน วจิ ยั และพฒั นำ เปน็ ตน้ สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ภำพที ่ 15 “วสิ ยั ทศั น”์ “ฉำกทศั น”์ หรือเป้ำหมำยในอกี 20 ปขี ำ้ งหน้ำ 143

แผนท่นี ำทางเทคโนโลยี 8(Technology Roadmap: TRM)

นิยาม แผนที่น�ำทำงเทคโนโลยี (Technology Roadmap: TRM) หมำยถึง แผนระดมทรัพยำกร ควำมรู้ ควำมเช่ียวชำญ และ ปจั จยั สำ� คญั ในกำรพฒั นำเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมใหม้ รี ปู แบบ คุณสมบัติ และประโยชน์กำรใช้งำนตำมท่ีได้ออกแบบไว้ โดยผเู้ ชยี่ วชำญและนกั วจิ ยั 36 แผนทน่ี ำ� ทำงเทคโนโลยเี ปน็ เครอื่ งมอื ช่วยสร้ำงมุมมองภำพรวม (Holistic Perspective) ให้เกิด แนวทำงกำรบรู ณำกำร “ปจั จยั นาำ เขา้ (Input)” อยำ่ งเปน็ รปู ธรรม แผนท่ีน�ำทำงเทคโนโลยีจึงเป็นท้ัง “เคร่ืองมือการสื่อสาร (Communication Tool)” “เครื่องมือการเปลี่ยนแปลง (Transformation Tool)” และ “เคร่ืองมือการดำาเนินงาน (Implementation Tool)”

เป้าหมาย เป้าหมาย กรอบระยะเวลา ระยะที่ 1 ระยะที่ 2 2018 2038 ตลาด ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี ภำพท ่ี 16 โครงสรำ้ งทว่ั ไปของแผนทนี่ ำ� ทำงเทคโนโลย ี (TRM)37 146 เครื่องมอื ท่ี 8 แผนที่นำ�ทางเทคโนโลยี

ความเหมาะสมในการใช้งาน TRM เหมำะส�ำหรับองค์กรที่เก่ียวข้องกับวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยสำมำรถน�ำไป 1 ประยกุ ตท์ ั้งในระดับองคก์ รและระดบั อตุ สำหกรรม38 • ระดับองค์กร TRM สำมำรถน�ำไปใช้วำงแผนวิจัย พัฒนำผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีที่ล้�ำยุค (Cutting-edge Technology) รวมทั้งกำรออกแบบรูปแบบธุรกิจ (Business Model) เพอ่ื ก�ำหนดขน้ั ตอนและกรอบระยะเวลำท่ีเหมำะสมในกำรน�ำผลิตภัณฑ์ใหมเ่ ข้ำสู่ตลำด • ระดบั อตุ สาหกรรมหรอื ระดบั ความรว่ มมอื ระหวา่ งองคก์ ร TRM สำมำรถเปน็ แพลตฟอรม์ (Platform) ให้องค์กรภำคอุตสำหกรรมวำงแผนร่วมกันพัฒนำเทคโนโลยีที่มี ขีดควำมสำมำรถกำรแข่งขันในระดับโลก ก่อให้เกิดกำรระดมทุน ควำมรู้เชิงเทคนิค และ กำรบริหำรจัดกำรควำมเส่ยี งทำงธุรกิจร่วมกนั 2 TRM เหมำะส�ำหรับใช้เป็น “เครื่องมือนโยบายสาธารณะ (Public Policy Instrument)” ทำงด้ำน วิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ช่วยหน่วยงำนภำครัฐก�ำหนดยุทธศำสตร์และกลไก กำรสนับสนุนส่งเสรมิ ภำคอุตสำหกรรมภำยในประเทศให้มขี ีดควำมสำมำรถในกำรแขง่ ขันระดบั โลก 147

จุดแข็ง 1 TRM ช่วยใหท้ รำบช่องวำ่ งระหวำ่ งศักยภำพดำ้ นธุรกิจและศักยภำพด้ำนเทคโนโลยขี ององคก์ ร 2 กระบวนกำรจัดท�ำก่อให้เกิดกำรแลกเปลี่ยนควำมคิดและองค์ควำมรู้ระหว่ำงกลุ่มบุคลำกรด้ำนเทคโนโลยี และกลุ่มบคุ ลำกรด้ำนกำรวำงแผนธุรกจิ 3 กำรน�ำเสนอในรูปแบบภำพกรำฟิกชว่ ยใหก้ ำรส่อื สำรวสิ ยั ทัศน์ เป้ำหมำย และวธิ กี ำรดำ� เนินงำนมปี ระสทิ ธภิ ำพ 4 TRM มคี วำมผสมผสำนระหวำ่ ง “แผนทก่ี ารเปลยี่ นแปลง (Transformation Map)” และ “เครอ่ื งมอื การดาำ เนนิ งาน (Implementation Tool)” จึงสำมำรถป้อนข้อมูลส�ำคัญช่วยให้ผู้บริหำรองค์กรสำมำรถตัดสินใจวำงแผนลงทุน ทำงด้ำนเทคโนโลยแี ละนวตั กรรม 148 เครือ่ งมอื ท่ี 8 แผนทีน่ ำ�ทางเทคโนโลยี

ความท้าทาย 1 TRM จำาเป็นต้องใช้ประกอบกับเทคนิคการมองอนาคตอื่น ได้แก่ กำรสร้ำงวิสัยทัศน์ (Visioning) กำรสร้ำงตัวแบบจำก นยิ ำยวทิ ยำศำสตร ์ (SFP) เทคนคิ เดลฟำย (Delphi Technique) กำรวเิ ครำะหแ์ นวโนม้ (Trend Analysis) บรรณมติ ิ (Bibliometrics) และเทคนิคกำรวิเครำะห์ SWOT จึงจะท�ำให้เกิดเป้ำหมำยท่ีเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้�ำยุค (Cutting-edge Technology and Innovation) ท่แี ท้จริง39 หำกใช้ TRM เพียงเคร่อื งมอื เดียวในกำรพัฒนำเทคโนโลยีและนวตั กรรมจะทำ� ใหต้ ดิ “กบั ดกั อนาคต (Future Trap)” จนไมส่ ำมำรถปรบั ตวั เขำ้ กับสถำนกำรณจ์ รงิ ท้ังในปัจจบุ ันและอนำคต37 2 การจัดทำา TRM ต้องเป็นกระบวนการทวนซ้ำา (Iterative Process) ทุก 1-2 ปี และควรเปิดโอกำสให้สมำชิกองค์กรและผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียร่วมระดมควำมคิดเห็น มิเช่นน้ัน TRM จะกลำยเป็น “คำาส่ังเบ้ืองบนสู่ระดับล่าง (Top-down Command)” ซงึ่ ขดั ขวำงควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ของสมำชิกองค์กรหรอื ผูม้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสีย TRM 149


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook