Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครื่องมือการมองอนาคต

เครื่องมือการมองอนาคต

Published by inno vation, 2021-04-14 04:09:40

Description: เครื่องมือการมองอนาคต

Search

Read the Text Version

โจทย์เฉพาะด้านท่ี 4 การบุกเบิกนวัตกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วัตถุประสงค์ กิจกรรม เพ่ือวำงแผนพัฒนำงำนวิจัยด้ำนวิทยำศำสตร์ เทคโนโลย ี กำรวจิ ยั เอกสำร กำรประชุมเชิงปฏบิ ตั ิกำร กำรสนทนำกลุม่ และนวัตกรรมให้เกิดผลิตภัณฑ์หรือตัวแบบเทคโนโลยีใหม่ที่เป็น กำรบกุ เบกิ ตลำด ชุดเคร่ืองมือ ผลลัพธ์ กำรสรำ้ งตวั แบบจำกนยิ ำยวทิ ยำศำสตร ์ + แผนทนี่ ำ� ทำงเทคโนโลยี รำยงำนสรุปรำยละเอียดตัวแบบเทคโนโลยีหรือผลิตภัณฑ์ และ + กำรพยำกรณ์ย้อนหลงั แผนงำนวจิ ยั และพัฒนำ ผู้เข้าร่วม ผู้เชย่ี วชำญ นกั วจิ ัย ผู้มสี ่วนไดส้ ่วนเสยี ภำยในองค์กร 50 บทท่ี 3 แนวทางการใชช้ ดุ เครื่องมือการมองอนาคต

โจทย์เฉพาะด้านที่ 5 การแสวงหาโจทย์วิจัยและประเด็นที่สำาคัญในอนาคต วัตถุประสงค์ กิจกรรม เพื่อแสวงหำช่องว่ำงขององค์ควำมรู้ในปัจจุบันและส่ิงท่ีจ�ำเป็น กำรวจิ ยั เอกสำร กำรประชุมเชงิ ปฏบิ ัติกำร กำรสนทนำกลมุ่ ตอ้ งพัฒนำเพื่อรองรับอนำคต ชุดเครื่องมือ ผลลัพธ์ บรรณมิต ิ + เทคนิคเดลฟำย + กำรพยำกรณย์ ้อนหลัง รำยงำนสรุปรำยละเอียดโจทย์วิจัย แผนงำนวิจัยและพัฒนำท่ีระบุ เปำ้ หมำยผลลพั ธ์ไวอ้ ยำ่ งชดั เจน รำยงำนกำรประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ ำร ผู้เข้าร่วม ผู้เชี่ยวชำญ ผู้บริหำร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียท้ังภำยในและภำยนอก องคก์ ร บทท่ี 3 51 เคร่ืองมือการมองอนาคต

บทท่ี 4 ชุดเครอื่ งมือ การมองอนาคต



1การสรา้ งวสิ ัยทศั น์ (Visioning)

นิยาม วิสัยทัศน์ (Vision) หมำยถึง มโนทัศน์ที่สะท้อนให้เห็นอนำคต ท่ีพึงประสงค์หรือผลลัพธ์เชิงบวกท่ีต้องกำรเปล่ียนแปลง12 เป็นกำรมองไปสู่อนำคต โดยมีข้อควำมหรือเรื่องเล่ำ เชิงพรรณนำท่ีสร้ำงแรงบันดำลใจให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ขององค์กร ชุมชน หมู่คณะ เกิดควำมคำดหวังและมีพลัง ในกำรขับเคลื่อน ผลักดันไปสู่ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์13 ซ่ึงอำจ ประกอบดว้ ยแนวทำงกำรขบั เคล่ือนไปส่อู นำคตหรือไม่ก็ได้ วิสัยทัศน์นอกจำกจะเป็นกระบวนกำรกลุ่มที่น�ำไปสู่แนวทำง ปฏบิ ตั แิ ลว้ ยงั เปน็ เครอื่ งมอื มโนคต ิ (Conceptual Tool) ทชี่ ว่ ยให้ เข้ำใจถึงช่องว่ำงระหว่ำงสถำนภำพปัจจุบันของหมู่คณะและ อนำคตที่พึงประสงค์ ทัง้ ยังสร้ำงแรงบนั ดำลใจให้สมำชิกทกุ คน มีควำมหวัง รู้สึกเป็นเจ้ำของ และร่วมแรงร่วมใจเพื่อให้บรรลุ เปำ้ หมำยแห่งอนำคต

ในเครอ่ื งมอื กำรมองอนำคตฉบบั น ้ี วสิ ยั ทศั นน์ บั เปน็ กระบวนกำรกลมุ่ (Collective Process) ทเี่ ปดิ โอกำสใหส้ มำชกิ ทกุ คนในองคก์ ร ชมุ ชน หม่คู ณะ มสี ่วนร่วมในกำรกำ� หนดภำพอนำคตทพ่ี งึ ประสงค์ ตลอดจนรว่ มกนั คดิ แนวทำงกำรขบั เคลือ่ นไปสภู่ ำพนั้น12 กำรสรำ้ งวิสยั ทัศน์ จึงถือเป็นเคร่ืองมือสร้ำงแนวคิดที่เน้นสร้ำง “ความรู้สึกในการเป็นเจ้าของ (Ownership)” ภำพแห่งอนำคต ในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ขององค์กร ชุมชน หมูค่ ณะนนั้ คุณลักษณะของวิสัยทัศน์ที่ดี 6 ประการ14 1. สร้างสรรค์ (Creative) 2. พึงประสงค์ (Desirable) 3. เป็นไปได้ (Feasible) 4. ชัดเจน (Focused) 5. ยืดหยุ่น (Flexible) 6. ส่ือสารและถ่ายทอดได้ง่าย (Communicable) 56 เคร่อื งมอื ที่ 1 การสร้างวิสยั ทัศน์

ความเหมาะสมในการใช้งาน 1 การสรา้ งวสิ ยั ทศั นเ์ ปน็ ขน้ั ตอนแรกทสี่ าำ คญั ในกระบวนการกาำ หนดยทุ ธศาสตรแ์ ละกลยทุ ธข์ ององคก์ ร ชมุ ชน หมคู่ ณะในทกุ ระดบั จึงควรมกี ำรวิเครำะหส์ ภำพปญั หำและสถำนกำรณท์ ่กี ำ� ลังเผชญิ อยกู่ ่อนเรม่ิ ตน้ กระบวนกำรสร้ำงวสิ ยั ทัศน์ 2 วิสัยทัศน์เป็นเครื่องมือมองอนาคตท่ีส่งเสริมกระบวนกำรมีส่วนร่วมของสมำชิกในองค์กร ชุมชน หมู่คณะ โดยเฉพำะเมื่อน�ำไปใช้ ในกำรท�ำประชำคมแผนพฒั นำชมุ ชนทอ้ งถิ่น หรือกำรวำงแผนยทุ ธศำสตรอ์ งค์กร จุดแขง็ 1 เคร่ืองมือน้ีสำมำรถสร้างแรงบันดาลใจให้แก่สมาชิกหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร ชุมชน หมู่คณะ และส่งเสริมกระบวนการ มีสว่ นร่วม ในกำรก�ำหนดยทุ ธศำสตร ์ กลยทุ ธ์ หรอื พมิ พ์เขียวขององค์กร 2 กำรสรำ้ งวสิ ยั ทศั นเ์ ปน็ เครอ่ื งมอื สรา้ งแนวคดิ ใหมใ่ หอ้ นาคตหรอื เปา้ หมายทพี่ งึ ประสงค์ (Ideational Tool) รวมทง้ั กระตนุ้ ใหอ้ งคก์ ร ชุมชน หมคู่ ณะ เกิดคำ่ นยิ ม วสิ ยั ทัศน์ และเป้ำหมำยร่วมกนั 57

ความท้าทาย 1 กำรสร้ำงวิสัยทัศน์จะประสบควำมส�ำเร็จได้ ต้องอำศัยความทุ่มเทและจริงจัง ของผบู้ รหิ ารและผนู้ าำ องคก์ รทกุ คน มเิ ชน่ นน้ั จะเปน็ เพยี งธรรมเนยี มปฏบิ ตั ทิ ไี่ มม่ ี นัยยะส�ำคญั 2 แม้วิสัยทัศน์จะเป็นเครื่องมือสร้ำงแนวคิดท่ีอำศัยความคิดสร้างสรรค์และ จินตนาการ แต่ก็ต้องอยู่ภำยใต้กรอบควำมเป็นจริงขององค์กร ชุมชน หมู่คณะ และบรบิ ทสภำพแวดล้อมที่พิจำรณำ 3 วสิ ยั ทศั นท์ เ่ี กดิ จำกกระบวนการมสี ว่ นรว่ มของทกุ ภาคสว่ นจะตอ้ งถกู นำ� ไปสรำ้ ง เป็นแนวทำงปฏิบัติ นโยบำย ยุทธศำสตร์ หรือกลยุทธ์ และมีกำรน�ำไปปฏิบัติ อย่ำงจริงจัง 58 เครอ่ื งมอื ท่ี 1 การสร้างวสิ ัยทศั น์

สิ่งที่จำาเป็นสำาหรับการสร้างวิสัยทัศน์ 1 สถานที่ห้องประชุมท่ีมีพ้ืนท่ีเพยี งพอส�ำหรับกำรสนทนำกลุ่มย่อย จ�ำนวนไม่เกินกลุ่มละ 8-10 คน เพ่อื ให้ทกุ คนได้ร่วมอภิปรำยและเสนอวสิ ัยทศั น์ของตน 2 ตวั แทนสมาชกิ ในกรณที อ่ี งคก์ ร ชมุ ชน หมคู่ ณะ มขี นำดเลก็ อำจเปดิ โอกำสใหส้ มำชกิ ทกุ คน ร่วมในกระบวนกำรสร้ำงวิสัยทัศน์ได้โดยสมัครใจ แต่ในกรณีที่องค์กร ชุมชน หมู่คณะ มีจ�ำนวนสมำชิกมำก อำจใช้วิธีคัดเลือกตัวแทนท่ีมีคุณลักษณะและควำมหลำกหลำย ทีส่ ะท้อนถงึ โครงสร้ำงประชำกรทัง้ หมดขององคก์ รน้นั 3 ผู้เข้าร่วมกระบวนกำรวิสัยทัศน์ที่มีองค์ควำมรู้ ควำมสนใจ และทุ่มเทในกำรขับเคลื่อน องค์กร ชุมชน หม่คู ณะไปส่อู นำคตทพี่ ึงประสงค์ 4 อปุ กรณว์ าดเขยี น กระดำษแผน่ ใหญ ่ ปำกกำหมกึ ส ี หรอื กระดำษโนต้ กำวในตวั (Post-it) สำ� หรับกำรเขียนประเดน็ ตำ่ ง ๆ เพื่ออ�ำนวยควำมสะดวกใหแ้ ก่กำรสนทนำกลมุ่ 59

ขั้นตอนการสร้างวิสัยทัศน์ ขนั้ ตอนที่ 1 กำาหนดขอบเขตของวสิ ัยทศั น์ ผู้น�ำองค์กร ชุมชน หมู่คณะ ต้องก�ำหนดขอบเขตของวิสัยทัศน์ ก่อนกำรเปิดให้สมำชิกทุกคนมีส่วนร่วม ในกำรจัดประชำคมหรือ ประชุมระดมควำมคิดเห็น รวมถึงจะต้องทรำบกรอบระยะเวลา ส�ำหรับวิสัยทัศน์ และบริบทสภาพแวดล้อมขององค์กร ชุมชน หมคู่ ณะ เชน่ กรณเี ปน็ หนว่ ยงำนภำครฐั อำจจะตอ้ งมขี อ้ มลู เกย่ี วกบั กฎหมำย ยทุ ธศำสตรช์ ำต ิ นโยบำยรฐั บำล หรอื กรณที เ่ี ปน็ องคก์ ร ภำคธุรกิจเอกชนจะต้องค�ำนึงถึงควำมผันผวนของเทคโนโลยี และพลวัตของเศรษฐกจิ โลก เป็นต้น 60 เครอื่ งมือท่ี 1 การสรา้ งวิสยั ทัศน์

ขั้นตอนที่ 2 สรา้ งวสิ ยั ทศั นด์ ้วยกระบวนการมีสว่ นร่วม ข้ันตอนที่ 3 การสื่อสารและถ่ายทอดวิสัยทัศน์ไปยังสมาชิกทุกคน วทิ ยำกรกระบวนกำร (Facilitator) ควรเริ่มตน้ ดว้ ยกำรเปิดโอกำส ขององค์กร ชุมชน หมู่คณะ ให้ผู้เข้ำร่วมทุกคนสร้ำงควำมคุ้นเคยกัน จำกน้ันชี้แจงขอบเขต เป็นกำรส่ือสำรเก่ียวกับเน้ือหำสำระของวิสัยทัศน ์ (ได้แก ่ เป้ำหมำย วัตถุประสงค์ และข้อมูลที่จ�ำเป็นต่อกำรสร้ำงวิสัยทัศน์ มโนทัศน์อนำคต ค่ำนิยม และวัฒนธรรมองค์กร) ไปสู่สมำชิก หำกกระบวนกำรสร้ำงวิสัยทัศน์มีผู้เข้ำร่วมจ�ำนวนมำก ควรแบ่ง ทุกคนภำยในองค์กร ชุมชน หมู่คณะ ส�ำหรับองค์กร ชุมชน ผู้เข้ำร่วมเป็นกลุ่มย่อย และเมื่อแต่ละกลุ่มย่อยได้อภิปรำยผล หมู่คณะท่ีมีขนำดใหญ่ ผู้บริหำรอำจขอให้สมำชิกท่ีเป็นตัวแทน จนตกผลึกแล้ว ควรให้แต่ละกลุ่มย่อยได้นำาเสนอวิสัยทัศน์ เข้ำร่วมกระบวนกำรก�ำหนดวิสัยทัศน์แบ่งปันประสบกำรณ์และ ต่อท่ีประชุม เพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำาไปสู่การสร้างวิสัยทัศน์ ควำมรู้สึกให้สมำชิกคนอ่ืนได้รับฟัง เพ่ือให้วิสัยทัศน์ถูกนำาไปใช้ ขององค์กร ชุมชน หมู่คณะ เปน็ แนวทางกาำ หนดนโยบาย ยทุ ธศาสตร์ และกลยทุ ธอ์ ย่างแทจ้ ริง SHARING 61

รูปแบบและลำาดับขั้นในการสร้างวิสัยทัศน์ (Visioning Template and Stages) รูปแบบและล�ำดับขั้นในกำรสร้ำงวิสัยทัศน์ต่อไปนี้เหมำะส�ำหรับกำรสนทนำกลุ่มย่อยท่ีมีสมำชิก 4-10 คน ใช้เวลำประมำณ 30-60 นำท ี โดยสมำชกิ ควรแลกเปลย่ี นควำมคดิ เห็นในประเดน็ ต่อไปนตี้ ำมลำ� ดับ 1. แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและร่วมกัน 2. อภิปรายในเชิงอนุมานว่ำองค์กร ชมุ ชน ก�ำหนด “เป้าหมาย (Goal)” ที่ต้องกำร หมู่คณะ จะมีสภำพเช่นไรในอนำคต และ บรรลุ สมำชิกจะมีพฤติกรรมอย่ำงไร วิทยำกร กระบวนกำรควรชักชวนให้สมำชิกในกลุ่ม สนทนำ ให้ควำมส�ำคัญกับประเด็นน้ีเป็น พเิ ศษ 62 เครือ่ งมือท่ี 1 การสรา้ งวสิ ยั ทัศน์

4. สมาชิกในกลุ่มสนทนาร่วมกันอภิปราย 5. เปดิ โอกาสใหส้ มาชกิ ในกลมุ่ สนทนำเสนอ “คา่ นยิ ม (Value)” หรอื “วตั นธรรมองคก์ ร กลมุ่ คำ� วล ี หรอื ประโยค ทสี่ ะทอ้ นเปำ้ หมำย (Organizational Culture)” ท่ีจ�ำเป็นต่อ มโนทัศน์อนำคต ค่ำนิยม และวัฒนธรรม 3. เชิญชวนให้สมำชิกในกลุ่มสนทนำ กำรบรรลเุ ป้ำหมำยตำมวสิ ัยทัศน์ องค์กร ซึ่งได้ผ่ำนกระบวนกำรอภิปรำย อธิบำยควำมรู้สึกส่วนตัว (Attitude) ต่อ ในขั้นตอนท ี่ 1-4 แลว้ มโนทศั นอ์ นำคตขององคก์ ร ชมุ ชน หมคู่ ณะ ทไ่ี ดจ้ ำกกำรสนทนำในขอ้ 2. หมายเหตุ: รูปแบบและล�ำดับข้ันข้ำงต้นเป็นแนวทำงตรงกันข้ำมกับกระบวนกำรก�ำหนดวิสัยทัศน์องค์กรโดยท่ัวไปท่ีมักจะเร่ิมต้นและ ใหค้ วำมสำ� คัญกบั กลมุ่ ค�ำ วล ี หรือประโยค มำกกวำ่ เน้ือหำสำระ (เป้ำหมำย มโนทัศน์อนำคต ค่ำนยิ ม และวฒั นธรรมองค์กร) ท่ซี อ่ นอยู่ ภำยใตก้ ลุม่ ค�ำ วลี หรอื ประโยคของวิสัยทัศนน์ ัน้ 63

2เทคนคิ เดลฟาย (Delphi Technique)

นิยาม เทคนิคเดลฟำย ใช้ศึกษำ และวิเครำะห์ฉันทำมติของ กลมุ่ ผเู้ ชยี่ วชำญโดยใชก้ ำรสอบถำม มำกกวำ่ 1 ครงั้ * ในขณะที่ กำรวิจัยเชิงส�ำรวจ เน้นแสวงหำข้อมูลเกี่ยวกับ “ส่ิงที่เป็นอยู่” เทคนิคเดลฟำยจะพยำยำมอธิบำย “ส่ิงท่ีควรเป็น หรือส่ิงท่ี สามารถเกิดขน้ึ ได้ (What could/should be)?” ในอนำคต15 * ด้วยเหตนุ ี้ เทคนคิ เดลฟำยจึงเปรียบเสมือนกบั กำรแสวงหำฉันทำมติ ของผู้เชีย่ วชำญ (Expert Panel) หลำยคร้งั

เทคนิคเดลฟำย (Delphi Technique) เป็นวิธีกำรเก็บรวบรวมข้อมูลและควำมคิดเห็นจำกผู้เชี่ยวชำญเฉพำะด้ำนเพื่อให้ทรำบแนวคิด กระแสหลัก (Conventional Thought) เก่ียวกับประเด็นท่ีสนใจ16 หรือเพ่ือจัดท�ำข้อเสนอแนะเชิงนโยบำย สมมุติฐำน แนวทำงปฏิบัติ ส�ำหรับกำรมองอนำคตในข้ันตอนต่อไป เทคนิคน้ีได้รับกำรยอมรับอย่ำงกว้ำงขวำงในหลำยสำขำ เช่น กำรตลำด กำรบริหำรธุรกิจ กำรบริหำรรฐั กจิ นโยบำยสำธำรณะ กำรบริหำรองคก์ ำรและทรพั ยำกรมนษุ ย ์ วทิ ยำศำสตร ์ เทคโนโลยี และนวตั กรรม เปน็ ต้น ความเหมาะสมในการใช้งาน เทคนิคเดลฟายมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไปน้ี 1 กรณีทีต่ อ้ งกำรแสวงหำฉนั ทำมติหรอื แนวคิดกระแสหลักเก่ยี วกับประเด็นใดประเด็นหนึ่ง 2 กรณีท่ีตอ้ งกำรพัฒนำโจทย์วิจัยหรือควำมทำ้ ทำยในด้ำนตำ่ ง ๆ สำ� หรับกำรมองอนำคตขัน้ ตอนต่อไป 3 กรณที ต่ี อ้ งกำรสำ� รวจแนวโนม้ พฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภค เทคโนโลย ี หรอื บรบิ ทเชงิ ธรุ กจิ อนั จะนำ� ไปสกู่ ำรกำ� หนดกลยทุ ธท์ ำงธรุ กจิ หรอื ให้ไดม้ ำซงึ่ ประเดน็ เฉพำะดำ้ นเพ่ือวิเครำะห์เชงิ ลกึ ต่อไป 4 กรณีทต่ี ้องกำรก�ำหนดทำงเลือกเชงิ นโยบำยสำธำรณะ 66 เคร่อื งมอื ท่ี 2 เทคนิคเดลฟาย

จดุ แขง็ 1 เทคนคิ เดลฟำยเปน็ กระบวนการทวนซำา้ (Iterative Process) จึงส่งผลให้ผู้เช่ียวชำญที่ร่วมตอบแบบสอบถำมมีโอกำส ไดค้ ดิ ทบทวนแนวควำมคิดของตนเองจนเกิดเป็นแนวคิดใหม่ 2 เทคนิคเดลฟำยส่งผลให้ทราบว่าผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา มีฉันทามติในประเด็นท่ีต้องการศึกษาหรือไม่ หำกปรำกฏ ฉันทำมติ จะส่งผลให้ทรำบทิศทำงและแนวโน้ม รวมถงึ ชอ่ งว่ำง ขององค์ควำมรู้ส�ำหรับกำรศึกษำและกำรมองอนำคตใน ขัน้ ตอนต่อไป 3 เทคนคิ เดลฟำยเปน็ เทคนคิ ทแี่ สวงหาแนวคดิ กระแสหลกั โดยใช้ ข้อมูลฉันทามติของกลุ่มผู้เช่ียวชำญเป็นหลัก จึงส่งผลให้ ง่ำยต่อกำรเก็บรักษำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เชี่ยวชำญ ทีเ่ ขำ้ ร่วมกำรศกึ ษำ 4 ผลกำรศึกษำด้วยเทคนิคเดลฟำยมักปรำกฏในรูปแบบข้อมูล เชงิ ปรมิ าณ จงึ สง่ ผลใหง้ ำ่ ยตอ่ กำรทำ� ควำมเขำ้ ใจสำ� หรบั ผบู้ รหิ ำร ในกำรจัดเรียงควำมส�ำคัญข้อเสนอแนะเชิงนโยบำย กลยุทธ์ หรอื แนวทำงปฏบิ ตั ิ (Priority Setting) 67

ความท้าทาย 1 ควำมท้ำทำยหลักของเทคนิคเดลฟำย คือ เป็นเทคนคิ ที่มี 4 ผู้ศึกษำต้องระมัดระวังในกำรคัดเลือกผู้เชี่ยวชำญ ลกั ษณะเปน็ กระบวนการทวนซาำ้ จงึ ใชร้ ะยะเวลำนำน ตลอดจน เฉพำะด้ำนโดยเน้นที่คุณวุฒิ ประสบกำรณ์ ทัศนคติ มีงบประมำณและทรพั ยำกรสนบั สนุนอน่ื ทีเ่ พียงพอ ต่อประเด็นที่ต้องกำรศึกษำ และต้องมีควำมหลากหลาย เพื่อไมใ่ หเ้ กิดอคติในการวิเคราะหผ์ ล 2 ผลกำรศึกษำด้วยเทคนิคเดลฟำยเป็นเพียงแนวคิด กระแสหลักหรือความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 5 การตอบกลับแบบสอบถาม (Response Rate) อำจมี ไมใ่ ชข่ อ้ เท็จจริง ผู้ศึกษาจึงตอ้ งระมดั ระวังในการแปลผล อัตรำต�่ำ หำกผู้เชี่ยวชำญไม่ต้องกำรตอบแบบสอบถำม หลำยครั้ง จึงส่งผลให้ไม่สำมำรถวิเครำะห์ผลได้อย่ำงมี 3 กำรสำ� รวจแบบเดลฟำย (Delphi Survey) ตอ้ งบรู ณำกำร นยั ยะส�ำคัญ กับเทคนิคอ่ืน ได้แก่ การระดมสมอง (Brainstorming) เทคนิคบรรณมิติ (Bibliometrics) และการวิเคราะห์ แนวโน้ม (Trend Analysis) เพื่อก�ำหนดประเด็นค�ำถำม ในแบบสอบถำมใหม้ คี วำมชดั เจนทสี่ ุดเทำ่ ท่เี ป็นไปได้ 68 เครือ่ งมอื ที่ 2 เทคนิคเดลฟาย

สิ่งที่จำาเป็นสำาหรับเทคนิคเดลฟาย 1 หัวข้อหรือประเด็นค�ำถำมหลักของกำรศึกษำต้องมีความชัดเจนในระดับหนึ่งก่อนกำรออกแบบแบบสอบถำม โดยผู้ศึกษำอำจใช้ เทคนิคกำรมองอนำคตอื่นประกอบ เช่น กำรระดมสมอง (Brainstorming) เทคนิคบรรณมิติ (Bibliometrics) และกำรวิเครำะห์ แนวโนม้ (Trend Analysis) เป็นตน้ 2 ผู้เช่ียวชำญที่เข้ำร่วมกำรศึกษำต้องมีประสบกำรณ์ คุณวุฒิ และควำมเชี่ยวชำญที่แท้จริง ซึ่งคุณลักษณะทำงด้ำนประชำกร เชน่ เพศสภำพ เพศวถิ ี อำย ุ เปน็ ตน้ หรอื คณุ ลกั ษณะอนื่ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั หวั ขอ้ หรอื ประเดน็ กำรศกึ ษำ ตอ้ งมคี วามหลากหลาย 3 กำรเก็บรวบรวมขอ้ มลู แบบทวนซ้ำ� (Iteration) ตอ้ งมรี ะยะเวลาทเี่ พยี งพอ 69

ขั้นตอนการมองอนาคตด้วยเทคนิคเดลฟาย ขัน้ ตอนที่ 1 การกาำ หนดหัวข้อ ต้องเป็นหัวข้อท่ีเกิดจำกกำรวิเครำะห์ช่องว่ำง (Gap Analysis) ขององค์ควำมรู้ ทฤษฎี หรือส่ิงท่ีต้องกำรศึกษำ โดยอำจใช้เทคนิค กำรมองอนำคตอ่นื เชน่ กำรระดมสมอง เทคนคิ บรรณมิต1ิ 7 เปน็ ต้น 70 เครอื่ งมือท่ี 2 เทคนคิ เดลฟาย

ขั้นตอนท่ี 2 การกำาหนดกลุ่มตัวอย่างผ้เู ชย่ี วชาญ ผทู้ ใี่ ชเ้ ทคนคิ เดลฟำยตอ้ งระมดั ระวงั ในกำรคดั เลอื กกลมุ่ ตวั อยำ่ งผเู้ ชย่ี วชำญ โดยกำ� หนดเกณฑก์ ำรคดั เลอื ก (Selection Criteria) ใหช้ ดั เจน กอ่ นกำรคดั เลอื ก ผศู้ กึ ษาตอ้ งแจง้ เหตผุ ลและวตั ถปุ ระสงคก์ ารศกึ ษาแกก่ ลมุ่ ตวั อยา่ งผเู้ ชย่ี วชาญอยา่ งชดั เจนครบถว้ นกอ่ นขอความยนิ ยอม เข้ารว่ มการศกึ ษา เหตุผล วัตถุประสงค์ เหตุผล วัตถุประสงค์ 71

ขั้นตอนที่ 3 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล รอบที่ 1 เรมิ่ ดว้ ยแบบสอบถำมปลำยเปดิ (Open-ended Questionnaire) เพอื่ ระดมควำมคดิ เหน็ ของผเู้ ชย่ี วชำญกลมุ่ ตวั อยำ่ งเกย่ี วกบั ประเดน็ ส�ำคัญภำยใต้หัวข้อที่ต้องกำรศึกษำ จำกน้ันจึงน�ำควำมคิดเห็นเหล่ำน้ันมำวิเครำะห์ร่วมกับส่ิงท่ีได้จำกกำรทบทวนวรรณกรรม และงำนวจิ ยั ทเ่ี กีย่ วข้องเพ่ือน�ำมำออกแบบแบบสอบถำมท่ีมโี ครงสร้ำงชัดเจน (Well-structured Questionnaire) และมำตรวัดทัศนคต ิ (Rating Scale) สำ� หรับกำรเกบ็ ข้อมูลรอบท ่ี 2 รอบที่ 2 ใหผ้ เู้ ชย่ี วชำญกลมุ่ ตวั อยำ่ งในรอบท ่ี 1 ตอบแบบสอบถำมทม่ี มี ำตรวดั ทศั นคตชิ ดั เจนในแตล่ ะประเดน็ คำ� ถำม อำจกำ� หนดใหผ้ เู้ ชย่ี วชำญ ให้เหตุผลประกอบค�ำตอบในแต่ละประเด็นค�ำถำม ในรอบท่ี 2 จะสำมำรถวิเครำะห์กำรกระจำยข้อมูลทัศนคติของผู้เชี่ยวชำญในแต่ละ ประเด็นค�ำถำมได้ โดยให้แกน Y เป็นระดับควำมส�ำคัญของแต่ละประเด็น (Level of Importance) และแกน X เป็นระดับควำมเห็น ท่ีสอดคล้องกันของผเู้ ชยี่ วชำญ (Level of Agreement) ดังภำพท่ ี 7 รอบท่ี 3 หำกผศู้ กึ ษำตอ้ งกำรยนื ยนั ผลและกรองประเดน็ ยอ่ ยภำยใตห้ วั ข้อกำรศกึ ษำใหม้ ีจำ� นวนนอ้ ยลง สำมำรถเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในรอบท่ ี 3 โดยใช้แบบสอบถำมแบบมีโครงสร้ำงจำกรอบท่ี 2 พร้อมด้วยผลกำรศึกษำ เพ่ือเปิดโอกำสให้ผู้เช่ียวชำญทบทวนค�ำตอบหรือให้ คำ� อธบิ ำยคำ� ตอบเพิ่มเตมิ 72 เครอ่ื งมอื ท่ี 2 เทคนิคเดลฟาย

สูง ประเด็น ประเด็น ประเด็น ระดับความ ำสาคัญของประเด็น (Level of Importance) ประเด็น ประเด็น ประเด็น ประเด็น ต่ำา ระดับความเห็นท่ีสอดคล้องกัน (Level of Agreement) ภำพที่ 7 ตัวอยำ่ งกำรวเิ ครำะห์ประเดน็ ภำยใต้หัวขอ้ ทต่ี ้องกำรศกึ ษำด้วยเทคนิคเดลฟำย 73

ขัน้ ตอนท่ี 4 การวเิ คราะห์ข้อมูล กำรวิเครำะห์ข้อมูลในกำรศึกษำแบบเดลฟำยต้องผสมผสำนระหว่ำงกำรวิเครำะห์เชิงปริมำณและเชิงคุณภำพ โดยกำรวิเครำะห์เชิงคุณภำพจะใช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูลที่ได้จำกแบบสอบถำมปลำยเปิดจำกกำรเก็บรวบรวมข้อมูล รอบที่ 1 ของขน้ั ตอนที ่ 3 ส�ำหรบั ในรอบท ่ี 2 และ 3 ซึ่งเป็นกำรใช้แบบสอบถำมท่ีมโี ครงสร้ำงและมำตรวัดทัศนคติชดั เจน ผศู้ กึ ษำควรใชม้ ำตรวดั ทศั นคตแิ บบ Likert เพอ่ื สำ� รวจควำมคดิ เหน็ ของผเู้ ชยี่ วชำญตอ่ ประเดน็ คำ� ถำมในแบบสอบถำม และเมือ่ ไดข้ ้อมลู มำแลว้ สถิตทิ ีน่ ิยมใช้วิเครำะห ์ คอื ค่ำแนวโน้มสศู่ นู ยก์ ลำง (Central Tendency) ไดแ้ ก่ คำ่ เฉลี่ย (Mean) คำ่ มธั ยฐำน (Median) และฐำนนยิ ม (Mode) และคำ่ กำรกระจำยของขอ้ มลู (Level of Dispersion) คำ่ เบย่ี งเบนมำตรฐำน (Standard Deviation) และคำ่ พสิ ยั ระหวำ่ งควอไทล ์ (Inter-quartile Range) ทงั้ น ้ี ผศู้ กึ ษาควรนาำ เสนอผลการวเิ คราะห์ โดยใชท้ งั้ ค่าแนวโนม้ สู่ศูนยก์ ลางและค่าการกระจายของข้อมูลเพือ่ ป้องกนั อคตใิ นการแปลผล 74 เคร่อื งมอื ที่ 2 เทคนิคเดลฟาย

กรณีศึกษา: การใช้เทคนิคเดลฟายในการสำารวจภาวะคุกคามต่อธุรกิจ E-Commerce ในประเทศจีน • กำรใช้เทคนิคเดลฟำยในกำรส�ำรวจภำวะคุกคำมต่อธุรกิจ E-Commerce ในประเทศจีน โดยเร่ิมต้นจำก กำรส�ำรวจสภำพแวดล้อม (Horizon Scanning) เพ่ือให้ทรำบปัจจัยส�ำคัญท่ีจะก่อให้เกิดกำรเปล่ียนแปลง ในภำคธรุ กจิ E-Commerce ของประเทศจนี จำกนนั้ จงึ นำ� รำยกำรปจั จยั สำ� คญั เหลำ่ นนั้ ไปสำ� รวจควำมคดิ เหน็ จำกผเู้ ชย่ี วชำญทำงดำ้ นกำรตลำดและกำรบรหิ ำรธรุ กจิ จนไดป้ จั จยั ทเ่ี ปน็ ภำวะคกุ คำมตอ่ ธรุ กจิ E-Commerce ในประเทศจีนจ�ำนวน 27 ปจั จยั 18 • กำรศกึ ษำผลกระทบจำกเทคโนโลยอี บุ ตั ใิ หม ่ (Emerging Technologies) ตอ่ ควำมปลอดภยั ทำงไซเบอร ์ (Cyber Security) โดยใชเ้ ทคนคิ เดลฟำยในรปู แบบกำรสำ� รวจควำมคดิ เหน็ (Delphi Survey) ผลกำรศกึ ษำ พบวำ่ ระบบ Homomorphic Encryption และเทคโนโลย ี Blockchain จะสง่ ผลกระทบตอ่ ระบบกำรปอ้ งกนั ตนเองของประเทศ มำกที่สุด ในขณะที่ Internet of Things (IoT) และปัญญำประดิษฐ์จะส่งผลกระทบต่อระบบกำรป้องกันข้อมูล สว่ นตวั ของบคุ คล19 75

3การสร้างและวิเคราะห์ฉากทัศน์แหง่ อนาคต (Future Scenario Building and Analysis)

นิยาม ฉากทัศน์ (Scenario) หมำยถึง มโนภำพเก่ียวกับสถำนกำรณ์ในอนำคตท่ีม ี “ความเป็นไปได้ (Probability)” จำกนิยำมนี้ท�ำให้ฉำกทัศน์มีควำมคล้ำยคลึง กบั วสิ ยั ทศั น ์ (Vision) แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้ ฉำกทศั นม์ คี ณุ ลกั ษณะสำ� คญั 2 ประกำร คอื 1 ในขณะท่ี “วิสัยทัศน์” กล่ำวถึงสถำนกำรณ์ในอนำคตท่ีพึงประสงค์ “ฉากทัศน์” จะให้ควำมส�ำคัญกับ “ความไม่แน่นอน (Uncertainty)” และปัจจัยต่ำง ๆ ท่ีส่งอิทธิพลต่อกำรขับเคลื่อนให้สภำวกำรณ์ปัจจุบัน ไปสอู่ นำคต ซง่ึ จะสง่ ผลใหส้ ำมำรถระบแุ ละวเิ ครำะห ์ “ฉากทศั นท์ างเลอื ก (Alternative Scenario)” จนน�ำไปสู่กำรก�ำหนดเป็น “กลยุทธ์” หรือ “นโยบาย” เพอ่ื รองรับกำรเปล่ยี นแปลงได้อยำ่ งเหมำะสม 2 ฉำกทัศน์เป็นมโนภำพที่ถูกก�ำหนดข้ึนโดยผ่ำนกระบวนกำรวิเครำะห ์ สังเครำะห์ข้อมูลและหลักฐำนเชิงประจักษ์อย่ำงรอบคอบ ทั้งในเชิง ปริมำณและเชิงคุณภำพ จนเกิดเป็นมโนภำพที่สะท้อนให้เห็น ควำมเชอ่ื มโยงระหวำ่ งปจั จยั เกอ้ื หนนุ และปจั จยั ควำมทำ้ ทำยตอ่ อนำคต อยำ่ งชัดเจน

นักอนำคตศำสตร์จะมีค�ำจ�ำกัดควำมและวิธีกำรใช้ประโยชน์จำก Historically-based Scenario ฉำกทัศน์ท่ีหลำกหลำย บำงสถำนกำรณ์ นักอนำคตศำสตร์ ใช้ฉำกทัศน์เป็นเครื่องมือก�ำหนดแนวควำมคิดใหม่ หรือเป็น จุดเริ่มต้นของกำรถกเถียงอภิปรำยทำงเลือก และข้อเสนอแนะ เชิงนโยบำยเพ่ือให้ตกผลึกเป็นฉันทำมติหรือแนวทำงปฏิบัติ ของหมู่คณะต่อไป นอกจำกน้ี นักอนำคตศำสตร์สำมำรถใช้ ฉำกทัศน์เป็นส่วนหน่ึงของกระบวนกำรมองอนำคต (Foresight Process) ร่วมกับเครื่องมือกำรมองอนำคตอ่ืนเพื่อให้สำมำรถ วเิ ครำะหแ์ ละคำดกำรณอ์ นำคตไดค้ รบถว้ นรอบดำ้ น เชน่ ใชร้ ว่ มกบั เทคนคิ กำรสรำ้ งวสิ ยั ทศั น ์ (Visioning) และเรอ่ื งเลำ่ เกยี่ วกบั อนำคต (Future Narratives) เพอ่ื สรำ้ งแรงบนั ดำลใจและสำ� รวจควำมเปน็ ไปได้ ของอนำคตมำกกว่ำ 1 สถำนกำรณ์ หรือใช้ควบคู่กับเทคนิค กำรสร้ำงแบบจ�ำลองและกำรศึกษำเชิงทดลอง (Simulation, Experimental Study) เพื่อทดสอบสมมุติฐำนด้วยเทคนิควิธีกำร ท่ีสลบั ซบั ซ้อนทำงด้ำนสถิติ หรือตรรกศำสตร์20 78 เครอ่ื งมือท่ี 3 การสรา้ งและวิเคราะห์ฉากทัศนแ์ ห่งอนาคต

Images of the Future คุณลักษณะดังกล่าว ส่งผลให้สามารถแบ่งฉากทัศน์ ได้ 2 ประเภท คือ ภาพพื้นฐานประวตั ิศาสตร์ (Historically-based Scenario 1 หรอื Future History) หมำยถงึ ฉำกทศั นท์ เี่ กดิ จำกกำรวเิ ครำะห์ ข้อมูลหรือทิศทำงกำรเปลี่ยนแปลงจำกอดีตและสถำนกำรณ์ ปัจจุบันว่ำจะนำ� ไปสู่อนำคตไดอ้ ยำ่ งไร 2 ภาพแหง่ อนาคต (Images of the Future) หมำยถงึ ฉำกทศั น์ ที่กล่ำวถึงสถำนกำรณ์ในอนำคตเพียงอย่ำงเดียวโดยไม่มี รำยละเอียดท่ีชัดเจนเก่ียวกับโอกำส ควำมท้ำทำย และปัจจัย ท่ีนำ� ไปสู่อนำคต 79

ความเหมาะสมในการใช้งาน ประโยชน์ทีส่ ำ� คัญของฉำกทัศน ์ คอื กำรกำ� หนด “ทางเลอื ก (Alternative)” หรือ “สถานการณแ์ หง่ อนาคต (Future Situation)” สำ� หรับ ประกอบกำรตัดสินใจ กำรวำงแผนกลยุทธ์ หรือกำรก�ำหนดนโยบำยเพ่ือรองรับ “ความเป็นไปได้” และ “ความไม่แน่นอน” ของอนำคต ดังน้นั กำรสรำ้ งและวิเครำะหฉ์ ำกทัศนจ์ งึ เหมำะสมกบั สถำนกำรณ์ดังต่อไปนี้ 1 การสำารวจทิศทางการเปลีย่ นแปลง จำกอดีตถงึ ปจั จบุ นั และรปู แบบอนำคตทม่ี ีควำมเปน็ ไปได ้ 2 การวางแผนยทุ ธศาสตร์ ระยะยำวในระดบั ชมุ ชนหรอื ระดบั ประเทศ เช่น แผนพฒั นำเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชำติ เป็นต้น 3 กระบวนการตดั สนิ ใจ เพอื่ ก�ำหนดแผนและกลยทุ ธ์ในระดับยุทธศำสตรอ์ งคก์ ร เชน่ กลยทุ ธ์ทำงธรุ กิจแผนงำนวิจยั และพัฒนำ เป็นต้น 4 กระบวนการวางแผน ในระดบั ปฏิบัตกิ ำรขององค์กร เชน่ แผนบริหำรอัตรำก�ำลงั และพัฒนำศักยภำพบคุ ลำกร แผนบรหิ ำรควำมเสี่ยง เป็นต้น 80 เครอ่ื งมือท่ี 3 การสรา้ งและวเิ คราะห์ฉากทศั นแ์ ห่งอนาคต

จดุ แขง็ 1 ฉำกทศั นส์ ง่ ผลใหก้ ารวางแผนและการตดั สนิ ใจขององคก์ รเกดิ กำรพจิ ำรณำปจั จยั ผลกั ดนั (Push Factor) และปจั จยั ฉดุ รง้ั (Pull Factor) อยำ่ งรอบดำ้ น ซง่ึ จะเป็นประโยชน์ในสถำนกำรณ์ท่มี คี วำมไมแ่ นน่ อนสงู 2 ฉำกทศั นช์ ่วยกระตุ้นกระบวนการคดิ เชิงกลยุทธ ์ ควำมคดิ สร้ำงสรรค์ กำรสอ่ื สำรภำยในองค์กร และกำรปรับตัวขององค์กร 3 ช่วยใหอ้ งคก์ รและสมำชิกภำยในองคก์ รเลือกวธิ ีกำรและกลยทุ ธเ์ พ่ือไปส ู่ “อนาคตที่พึงประสงค์” ที่มคี วำมเปน็ ไปได้มำกทสี่ ดุ 81

ความท้าทาย 1 ควำมท้ำทำยหลักของกำรสร้ำงและวิเครำะห์ฉำกทัศน์ คือ กำรระบุปัจจัยที่มีอิทธิพลมำกที่สุด (Most Influential Factors) ต่อฉำกทศั นท์ ตี่ อ้ งกำรวเิ ครำะห์ 2 กำรก�ำหนดฉำกทัศน์ต้องสะท้อน “ความเป็นไปได้” และ “ความไม่แน่นอน” ที่ใกล้เคียงควำมเป็นจริงมำกที่สุด โดยต้องไม่เป็น ฉำกทัศน์เชิงบวกหรือเชิงลบมำกเกนิ ไป 3 จ�ำนวนฉำกทัศน์ที่น้อยเกินไปเป็นข้อผิดพลำดท่ีพบบ่อยท่ีสุด และเป็นอุปสรรคส�ำคัญต่อกำรวิเครำะห์ฉำกทัศน์ ทั้งน้ี ไมค่ วรมเี พยี ง “ฉากทศั นค์ วามสาำ เรจ็ (Success Scenario)” หรอื “ฉากทศั นค์ วามลม้ เหลว (Failure Scenario)” ในขณะเดยี วกนั จำ� นวนฉำกทศั นท์ ม่ี ำกเกนิ ไปกอ็ ำจสง่ ผลใหป้ ระสบปญั หำ “ความทะลกั ทลายของขอ้ มลู (Information Overload)” โดยมกี ำรเสนอแนะ วำ่ จำ� นวนฉำกทศั นท์ เี่ หมำะสม คอื 3-5 ฉำกทศั น ์ และหำกเปน็ ไปไดห้ นง่ึ ในฉำกทศั นค์ วรไดจ้ ำกเทคนคิ “การวเิ คราะหป์ จั จยั พลกิ โฉม Wild Card Analysis” ซง่ึ เปน็ เทคนคิ ชว่ ยแสวงหำฉำกทศั นท์ มี่ คี วำมเปน็ ไปไดต้ ำ่� (Low-probability) แตห่ ำกเกดิ ขน้ึ จะมผี ลกระทบสงู (High-impact Scenario)21 4 กำรสร้ำงฉำกทัศน์ต้องเกิดจำกกำรส�ำรวจและวิเครำะห์ปัจจัยสภำพแวดล้อมภำยนอกอย่ำงละเอียดถี่ถ้วน มิเช่นนั้นฉำกทัศน์ ทีเ่ กดิ ข้ึนจะไมส่ ำมำรถฉำยภำพควำมเป็นไปได้และควำมไม่แน่นอนไดอ้ ยำ่ งชดั เจน 82 เครอื่ งมอื ท่ี 3 การสร้างและวเิ คราะห์ฉากทศั นแ์ หง่ อนาคต

สิ่งท่ีจำาเป็นในการสร้างและวิเคราะห์ฉากทัศน์ 1 ข้อมูลปัจจัยสภาพแวดล้อมท่ีส่งผลกระทบต่อองค์กรหรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับฉำกทัศน์ท่ีต้องกำรสร้ำง เช่น ข้อมูล ดำ้ นเศรษฐกจิ เทคโนโลย ี และแนวโนม้ รสนยิ มของผบู้ รโิ ภค โดยขอ้ มลู เหลำ่ นต้ี อ้ งผำ่ นกระบวนกำรวเิ ครำะหอ์ ยำ่ งครอบคลมุ ทกุ มติ ิ กอ่ นเร่ิมกระบวนกำรสรำ้ งและวเิ ครำะห์ฉำกทศั น์ 2 ความมุ่งม่ัน (Commitment) ของผู้น�ำองค์กร ท้ังในเชิงงบประมำณ เวลำ และพันธสัญญำในกำรน�ำผลวิเครำะห์ไปก�ำหนดเป็น แผน กลยทุ ธ์ หรือนโยบำย 3 การส่ือสารท่ีมีประสิทธิภาพ สำมำรถประสำนควำมร่วมมือ และระดมพลังควำมคิดของสมำชิกภำยในองค์กร ในกรณี กำรสร้ำงฉำกทัศน์ชุมชน และนโยบำยระดับประเทศ หน่วยงำนท่ีรับผิดชอบต้องมีกลยุทธ์กำรสื่อสำรสำธำรณะ ที่มีประสิทธิภำพ สำมำรถประสำนควำมร่วมมือและระดม สรรพก�ำลังของทุกภำคส่วนเพ่ือก�ำหนดฉำกทัศน์ท่ีชัดเจน และมคี วำมเปน็ ไปได้ในเชิงปฏบิ ัตมิ ำกท่ีสุด 83

ขั้นตอนการสร้างและวิเคราะห์ฉากทัศน์ กำรสรำ้ งและวเิ ครำะหฉ์ ำกทศั นค์ วรเปน็ กระบวนกำรทเี่ ปดิ โอกำสใหผ้ มู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี จำกทกุ ภำคสว่ นมสี ว่ นรว่ ม (Participatory Process) ซึ่งอำจเป็นรูปแบบกำรประชุมเชิงปฏิบัติกำร (Workshop) หรือกำรประชุมสนทนำกลุ่ม (Focus Group) โดยควรจัดกำรประชุมมำกกว่ำ 1 ครั้ง ในแต่ละคร้ังควรมีจ�ำนวนผู้เข้ำร่วมกำรประชุมไม่เกิน 30 คน เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกำสร่วมคิดวิเครำะห์และวิพำกษ์ฉำกทัศน์ อยำ่ งเตม็ ท ี่ จนไดข้ อ้ สรปุ ท่ีชัดเจนเกีย่ วกบั อนำคตหรือข้อเสนอแนะเชิงนโยบำยต่อไป 84 เครอ่ื งมอื ท่ี 3 การสรา้ งและวเิ คราะห์ฉากทศั นแ์ ห่งอนาคต

กระบวนการสร้างและวิเคราะห์ฉากทัศน์ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ได้แก่ ข้นั ตอนที่ 1 กาำ หนดหัวขอ้ หรือประเด็นคาำ ถาม เริ่มด้วยการอภิปรายระดมสมองเพื่อกำาหนดขอบเขตหัวข้อหรือประเด็น ท่ีต้องกำรสร้ำงฉำกทัศน์ให้มีควำมชัดเจน หรือหำกหัวข้อมีควำมชัดเจนแล้ว อำจให้ผู้เข้ำร่วมเสนอประเด็นค�ำถำม เช่น หัวข้อนั้นจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ของผู้เข้ำร่วมกำรประชุม หรือองค์กร ชุมชน ประเทศ และประชำคมโลกอย่ำงไร เปน็ ต้น ขั้นตอนที่ 2 เลือกขอบเขตเวลา (Time Horizon) ส�ำหรับฉำกทัศน์ เพื่อไม่ให้ผู้เข้ำร่วมประชุมหวนกลับไปใช้ประวัติศำสตร์หรือ เหตกุ ำรณ์ท่ีเกดิ ขึน้ แล้วในอดีต มำกำ� หนดฉำกทัศน์จนกลำยเปน็ “ฉากทัศนแ์ ห่ง อนาคตทีถ่ ูกใช้แล้ว (Used Future Scenario)” หรอื “แนวโนม้ การเปลยี่ นแปลง แบบคงที่ (Static Change)” ดังน้ัน จึงควรเริ่มต้นด้วยกำรแบ่งผู้เข้ำร่วมประชุม เป็นกลุ่มย่อยแล้วให้แต่ละกลุ่มอภิปรำยบริบทสภำพแวดล้อมและปัจจัยต่ำง ๆ ในอดีตที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ เช่น หัวข้อเก่ียวกับนโยบำยพลังงำนในอีก 20 ปี ข้ำงหน้ำ ควรเริ่มด้วยกำรให้แต่ละกลุ่มย่อยอภิปรำยวิวัฒนำกำรของนโยบำย ด้ำนพลังงำน ตลอดจนปัจจัยต่ำง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อแวดวงพลังงำน ตลอดช่วงระยะเวลำ 20 ปีท่ีผ่ำนมำ โดยผู้ควบคุมกำรประชุมอำจใช้รูปภำพ ส่ือวีดิทัศน์ หรือประเด็นค�ำถำมจำกข้ันตอนท่ี 1 เพ่ือกระตุ้นผู้เข้ำร่วมประชุม ใหร้ อื้ ฟน้ื ควำมทรงจำ� และแบง่ ปนั ประสบกำรณ ์ ควำมรสู้ กึ ตนเองกบั สมำชกิ ในกลมุ่ 85

ปัจจุบัน ปัจจุบัน + จำานวนปี ภำพท ่ี 8 กำรกำ� หนดกรอบระยะเวลำของฉำกทัศน์ 86 เคร่อื งมอื ท่ี 3 การสรา้ งและวเิ คราะหฉ์ ากทศั น์แหง่ อนาคต

ข้ันตอนท่ี 3 วิเคราะหป์ ัจจัยทม่ี ีอิทธิพล (Influential Factor) ตอ่ ฉากทัศน์ ในกำรคัดเลอื กปจั จัยเพือ่ นำ� มำวเิ ครำะห์ผลกระทบตอ่ ฉำกทศั นม์ สี ง่ิ ทต่ี ้องพิจำรณำ 2 ประกำร คอื 1 ปจั จัยนั้นมีอทิ ธิพลต่อฉากทศั น์มากน้อยเพียงใด (Degree of Importance) 2 ความเป็นไปไดท้ ปี่ จั จัยนัน้ จะเกดิ ข้ึน (Degree of Certainty) โดยสำมำรถนำ� ค�ำถำม 2 ข้อ มำสร้ำงเปน็ ตำรำงไขว้เพ่ือให้กำรวิเครำะหง์ ำ่ ยขึ้น ตารางที่ 3 แนวทางการวิเคราะห์ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อฉากทัศน์ มีพลวัตสงู มอี ิทธิพลสงู (High Influence) มอี ทิ ธิพลน้อย (Low Influence) (Dynamic) ปจั จัยขบั เคล่อื น (Driver) ควรมี อำจพิจำรณำตัดออกจำกกระบวนกำรสร้ำง คงทแี่ ละมีความเป็นไปได้สงู ควำมแตกต่ำงในแตล่ ะฉำกทศั น์ และวิเครำะหฉ์ ำกทศั น์ (Static and Highly Possible) ปัจจยั คงท ่ี (Constant) ควรเหมือนกัน อำจนำ� มำพจิ ำรณำในกำรสร้ำง ทกุ ฉำกทัศน์ และวเิ ครำะหฉ์ ำกทศั น์ครงั้ ต่อไป จำกตำรำงท ี่ 3 “ปจั จยั ขบั เคลอ่ื น (Driver)” หมำยถงึ ปจั จยั ทพ่ี ลวตั สงู หรอื มคี วำมไมแ่ นน่ อนสงู และมอี ทิ ธพิ ลตอ่ อนำคตสงู แตล่ ะฉำกทศั น์ จำ� เปน็ ตอ้ งมปี จั จยั ขบั เคลอ่ื นทแ่ี ตกตำ่ งกนั ในขณะท ่ี “ปจั จยั คงที่ (Constant)” คอื ปจั จยั ทมี่ คี วำมเปน็ ไปไดส้ งู (คงท)ี่ แตม่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ อนำคตสงู เช่นเดียวกับปจั จัยขับเคล่อื น ดังน้ัน ทกุ ฉำกทศั น์ในกระบวนกำรวิเครำะหจ์ งึ ต้องมปี จั จัยคงท่เี หมือนกนั 87

ตัวอย่าง “ปจั จัยขบั เคลือ่ น” และ “ปจั จยั คงท”่ี : กรณีตลาดพลังงานในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยโุ รป กรณีอนำคตตลำดพลังงำนในกลุ่มประเทศสมำชิกสหภำพยุโรปในอีก 30 ปีข้ำงหน้ำ จะได้ “ปัจจัยคงที่” (มีควำมเป็นไปได้สูง และมีอิทธิพลต่อตลำดพลังงำนสูง) คือ สภำวะโลกร้อนและมลพิษทำงอำกำศในขณะที่ “ปัจจัยขับเคล่ือน” (มีควำมผันผวนสูง และมีอทิ ธิพลตอ่ ตลำดพลงั งำนสูง) มี 4 ปัจจัย คือ ปัจจัยที่ 1 บทบาทของจนี ปจั จยั ท่ี 3 เทคโนโลยพี ลงั งานทางเลอื ก จีนประสบปัญหำเศรษฐกิจคร้ังใหญ่ที่สุดนับต้ังแต่ก่อต้ัง นักวิทยำศำสตร์สำมำรถคิดค้นวิธีกำรแปลงพลังงำน ประเทศสำธำรณรฐั ประชำชนจนี แสงอำทิตยเ์ ปน็ พลังงำนเชื้อเพลงิ เหลว ปจั จยั ที่ 2 การเมอื งระหวา่ งประเทศในภมู ภิ าคตะวนั ออกกลาง ปจั จยั ที่ 4 นโยบายรฐั เกยี่ วกับตลาดพลงั งาน ประเทศซำอุดิอำระเบียด�ำเนินนโยบำยปฏิรูประบบกำรเมือง รัฐบำลในกลุ่มประเทศสมำชิกสหภำพยุโรปก�ำหนดให้แผงผลิต กำรปกครอง โดยเปิดโอกำสให้มีกำรเลือกต้ังตำมระบอบ พลังงำนแสงอำทิตย์และอุปกรณ์ส�ำหรับกำรจัดเก็บพลังงำน ประชำธิปไตยเป็นครง้ั แรกนับตง้ั แตก่ ่อตง้ั ประเทศ แสงอำทติ ย์เปน็ ส่วนหน่ึงของสทิ ธิและสวัสดิกำรสังคม 88 เครอ่ื งมอื ที่ 3 การสร้างและวิเคราะหฉ์ ากทัศน์แห่งอนาคต

ขั้นตอนท่ี 4 กำาหนดทางเลือก (Alternative) เป็นกำรวเิ ครำะห์ “ปัจจัยขบั เคลือ่ น” ท่ตี รงกนั ขำ้ มกนั ใน 2 กรณ ี คอื 1 ในกรณีทปี่ ัจจยั นัน้ จะเกดิ ขนึ้ แน่นอน 2 กรณที ี่ปจั จัยนนั้ ไมเ่ กิดขึน้ เช่น ฉำกทัศน์ที่ 1 กล่ำวว่ำ จีนประสบปัญหำเศรษฐกิจคร้ังใหญ่ที่สุดนับต้ังแต่ก่อต้ังประเทศสำธำรณรัฐประชำชนจีน ในทำงกลับกันหำกจีนไม่ประสบปัญหำทำงเศรษฐกิจ จะส่งผลกระทบอย่ำงไรต่อตลำดพลังงำนของกลุ่มประเทศสมำชิก สหภำพยุโรปใน 30 ปีข้ำงหน้ำ จำกฉำกทัศน์ดังกล่ำว สิ่งส�ำคัญ คือ กำรพิจำรณำ “ความเป็นไปได้” ของแต่ละฉำกทัศน์ ภำยใต้กรอบระยะเวลำทไ่ี ดก้ �ำหนดไว้ในขัน้ ตอนท่ ี 2 ทั้งน้ ี เพ่ือใหฉ้ ำกทศั นข์ องใกล้เคยี งสภำพควำมเปน็ จรงิ มำกทส่ี ดุ ตัวอย่าง เป็น ปัจจัยขับเคลื่อน เป็นไป ไปได้ ไม่ได้ ในอีก 30 ปีข้างหน้า จีนประสบปัญหาเศรษฐกิจ จีนประสบปัญหาเศรษฐกิจ คร้ังย่ิงใหญ่ที่สุด จีนเป็นมหาอำานาจทางเศรษฐกิจ จากภาวะ Hyperinflation แทนท่ีสหรัฐอเมริกา ภำพท ี่ 9 กำรกำ� หนดสถำนกำรณท์ ำงเลือกในอนำคตส�ำหรับปจั จัยขับเคลื่อน 89

ข้นั ตอนท่ี 5 สร้างเขม็ ทศิ ฉากทัศนแ์ หง่ อนาคต (Future Compass) โดยคดั เลอื กปจั จยั ขบั เคลอ่ื นทสี่ ำ� คญั ทสี่ ดุ 2 ปจั จยั จำกขน้ั ตอนท ่ี 4 มำสรำ้ งเปน็ แกน X และแกน Y ดงั ภำพท ี่ 9 โดยมจี ดุ กงึ่ กลำง เปน็ ตัวแทนของปจั จุบัน วงกลมเสน้ ประ คือ ขอบเขตเวลำของอนำคต (Time Horizon) ท่ีตอ้ งกำรศกึ ษำผลทีไ่ ดจ้ ำกข้ันตอนนี้ คือ เข็มทิศฉำกทัศน์แห่งอนำคต ซ่ึงมี 4 ควอแดรนท์ และแต่ละควอแดรนท์ คือ ฉำกทัศน์ (Scenario) ที่สำมำรถใช้วิเครำะห์ ในขัน้ ตอนต่อไป ตัวอยำ่ งภำพท ่ี 10 แสดงเข็มทศิ ฉำกทศั น์แห่งอนำคตในกรณตี ลำดพลงั งำนซึ่งประกอบดว้ ย 2 ปจั จยั ขับเคลอื่ น 1 บทบำททำงดำ้ นเศรษฐกิจของจีน (แกน X) 2 ววิ ฒั นำกำรของเทคโนโลยีด้ำนพลังงำน (แกน Y) เขม็ ทศิ ฉำกทศั น์ส่งผลให้เกดิ 4 ฉำกทัศน์ คือ • ฉากทศั นท์ ่ี 1 ประเทศจนี ประสบปญั หำวิกฤติเศรษฐกิจและเทคโนโลยพี ลงั งำนและพลงั งำนทำงเลอื กยังมีตน้ ทุนสูง • ฉากทัศน์ท่ี 2 ประเทศจีนประสบปัญหำวิกฤติเศรษฐกิจ แต่เกิดเทคโนโลยีพลังงำนใหม่ท่ีมีประสิทธิภำพสูงและมี ต้นทุนตำ�่ • ฉากทัศน์ที่ 3 ประเทศจีนกลำยเป็นประเทศมหำอ�ำนำจทำงเศรษฐกิจแทนที่ประเทศสหรัฐอเมริกำและสหภำพยุโรป เทคโนโลยีพลงั งำนและพลังงำนทำงเลอื กยงั มตี น้ ทุนสงู • ฉากทัศน์ที่ 4 ประเทศจีนกลำยเป็นประเทศมหำอ�ำนำจทำงเศรษฐกิจแทนที่ประเทศสหรัฐอเมริกำและสหภำพยุโรป แตเ่ กิดเทคโนโลยพี ลังงำนใหม่ที่มปี ระสิทธิภำพสงู และมตี ้นทนุ ต�ำ่ 90 เครอื่ งมือท่ี 3 การสร้างและวิเคราะห์ฉากทศั นแ์ หง่ อนาคต

ฉากทัศน์ที่ 1 ประเทศจีนประสบ จีนประสบ “ปัญหาเศรษฐกิจ” ฉากทัศน์ที่ 2 ประเทศจีนประสบ ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ และ ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ เทคโนโลยีพลังงาน พลังงาน 12 เกิดเทคโนโลยีพลังงานใหม่ท่ีมี ทางเลือกยังมีต้นทุนสูง ประสิทธิภาพสูงและมีต้นทุนต่ำา Driver 1 เทคโนโลยีราคาสูง Driver 2 เกิดเทคโนโลยีใหม่และราคาถูก 3 4 ฉ า ก ทัศน์ที่ 3 ประ เทศจีน จีนเป็น “มหาอำานาจทางเศรษฐกิจ” ฉา กทั ศ น์ ท่ี 4 ป ร ะ เ ท ศ จี น กลายเป็นประเทศมหาอำานาจ กลายเป็นประเทศมหาอำานาจ ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ท น ท่ี ป ร ะ เ ท ศ ปจั จบุ ัน ปจั จุบัน ท า ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ท น ท่ี ป ร ะ เ ท ศ สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป + สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป และเทคโนโลยีพลังงาน พลังงาน แต่เกิดเทคโนโลยีพลังงานใหม่ ทางเลอื กยงั มีตน้ ทุนสงู จ�ำนวนปี ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพสงู และมตี น้ ทนุ ตาำ่ ภำพท่ ี 10 ตัวอยำ่ งฉำกทศั น์เมอื่ พจิ ำรณำบทบำทดำ้ นเศรษฐกิจของจีนและววิ ฒั นำกำรของเทคโนโลยดี ้ำนพลงั งำน 91

ขั้นตอนท่ี 6 สรา้ งเรอื่ งเล่า (Narrative) สำาหรบั แต่ละฉากทศั น์ เรื่องเล่ำถือเป็นหัวใจส�ำคัญของเทคนิคนี้ เรื่องเล่ำท่ีมีข้อมูลครบถ้วนและเรียบเรียงล�ำดับควำมคิดที่ดีจะช่วยให้สำมำรถวิเครำะห์ ฉำกทศั น์และมองอนำคตไดอ้ ย่ำงมปี ระสทิ ธิภำพ ซึง่ คณุ ลักษณะของเรอ่ื งเลำ่ ทดี่ ี คอื 1 อธิบายและให้ข้อมลู ปจั จัยขับเคลื่อนอย่ำงชดั เจน ครอบคลมุ พลวตั กำรเปลี่ยนแปลงในทกุ ด้ำน 2 นำาเสนอความสัมพันธ์เชิงเหตุผล (Causal Relations) ของปัจจัยคงที่และปัจจัยขับเคลื่อน ไม่ควรน�ำเสนอในเชิงล�ำดับระยะเวลำ (Chronological Order) 3 สะทอ้ นผลกระทบท่ีอำจเกิดขึน้ ตอ่ ประเด็นท่ีกำ� ลังวิเครำะห์อย่ำงรอบดำ้ น 4 เร่ืองเล่าฉากทัศน์ควรมี “ชื่อเร่ือง (Title)” ที่น่ำสนใจและสะท้อนเนื้อหำสำระโดยสังเขปของฉำกทัศน์ เช่น ส�ำหรับฉำกทัศน์ที่ 1 ประเทศจีนประสบปัญหำวิกฤติ เศรษฐกิจและเทคโนโลยีพลังงำน และพลังงำนทำงเลือกยังมีต้นทุนสูง อำจตั้งช่ือฉำกทัศน์ว่ำ “วกิ ฤตพิ ลงั งานโลก (Global Energy Crisis)” เนอ่ื งจำกวกิ ฤตกำรณ ์ ทำงเศรษฐกจิ ในประเทศจนี ซง่ึ เปน็ ประเทศผบู้ รโิ ภคพลงั งำน ท่ีส�ำคัญของโลกมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อประเทศอ่ืน ๆ ท้ังในภูมิภำคเอเชียและภูมิภำคอื่นซึ่งมีควำมสัมพันธ์ทำงกำรค้ำใกล้ชิด กบั จนี 92 เครอ่ื งมือที่ 3 การสรา้ งและวิเคราะหฉ์ ากทศั น์แหง่ อนาคต

ขัน้ ตอนที่ 7 วิพากษ์ผลลัพธท์ ่อี าจจะเกิดข้ึนในแต่ละฉากทศั น์ ข้ันตอนน้อี ำจแบง่ ผเู้ ขำ้ รว่ มเป็นกลมุ่ ย่อยเพอ่ื อภปิ รำยระดมควำมคดิ เกยี่ วกบั ส่ิงทีจ่ ะเกดิ ขึน้ ในแตล่ ะฉำกทศั น ์ หรอื อำจจะเป็นกำรอภปิ รำย ควำมสมเหตสุ มผล ควำมเปน็ ไปได้ หรอื นยั ยะเชิงปฏิบตั ิ (Practical Implication) ของฉำกทศั น์ 93

4การสร้างตัวแบบจากนยิ ายวิทยาศาสตร์ (Science Fiction Prototyping: SFP)

นิยาม SFP เป็นวิธีการมองอนาคตท่ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือออกแบบ เทคโนโลยีใหม่ท่ีเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ จึงเป็นเคร่ืองมือ กำรมองอนำคตสำาหรับสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิศวกรรม และวิทยาศาสตร์สุขภาพโดยเฉพาะ ถึงแม้ SFP จะมีท่ีมำจำก ภำพยนตร์และนิยำยวิทยำศำสตร์ แต่กำรออกแบบเทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งอนำคตตำมแนวทำง SFP มีจุดเน้น คือ เทคโนโลยีและนวัตกรรมน้ันต้องมีควำมเป็นไปได้และควรเป็น กำรพัฒนำต่อยอดจำกเทคโนโลยีและองค์ควำมรู้ในปัจจุบัน นอกจำกนี้ SFP ยังให้ความสำาคัญกับพฤติกรรมการยอมรับ เทคโนโลยีใหม่ของมนุษย์ ท�ำให้เกิดกำรผสมผสำนแนวคิด ทฤษฎ ี และวิธีกำรศึกษำจำกสำขำมนุษยศำสตร์และสังคมศำสตร์ด้วย เช่น ชำติพนั ธว์ุ รรณำ (Ethnography) กำรสมั ภำษณ์ กำรส�ำรวจ ควำมคิดเหน็ โดยใชแ้ บบสอบถำม เปน็ ต้น

กำรสร้ำงตัวแบบจำกนิยำยวิทยำศำสตร์ (Science Fiction Prototyping: SFP) เป็นกำรเขียน “เร่ืองเล่า (Narrative)” หรือ “กรณศี กึ ษา (Case Study)” เกย่ี วกบั เทคโนโลยแี หง่ อนำคต ถอื เปน็ เครอื่ งมอื กำรมองอนำคตทผ่ี สมผสำนระหวำ่ ง “การสรา้ งความคดิ และจินตนาการ (Ideation)” กับ “การกำาหนดทิศทางอนาคต (Formulation)” ในสำขำวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยเฉพำะในแวดวงวิทยำกำรคอมพิวเตอร์ วิศวกรรม มีควำม เกย่ี วขอ้ งโดยตรงกบั “เทคโนโลยอี บุ ตั ใิ หม่ (Emerging Technological Research)” ได้แก่ กำรน�ำคอมพิวเตอร์มำใช้ในชีวิตประจ�ำวัน (Ubiquitous Computing: ubicomp) สภำวะล้อมรอบอัจฉริยะ (Ambient Intelligent: AmI) ปญั ญำประดษิ ฐ ์ (Artificial Intelligence: AI) และ Internet of Things (IoT) เทคโนโลยเี หล่ำน้ีเป็นสิ่งทีเ่ กดิ ข้ึน ในโลกแห่งควำมเป็นจริง แต่มีท่ีมำจำกภำพยนตร์และนิยำย วิทยำศำสตร์ เช่น เทคโนโลยี ubicomp ได้รับแรงบันดำลใจจำก แนวคดิ “ห้องอจั ฉรยิ ะ (Heuristically programmed Algorithm: HAL)” ซ่ึงปรำกฏในภำพยนตร์อิงนิยำยวิทยำศำสตร์เร่ือง 2001: A Space Odyssey22 ในขณะเดียวกัน อุตสำหกรรมโทรคมนำคม ก็ได้รับอิทธิพลจำกละครแนววิทยำศำสตร์เรื่อง Star Trek จน สำมำรถประดิษฐ์คิดค้นโทรศัพท์รุ่นฝำพับ โทรศัพท์อัจฉริยะแบบ PDA และ Blackberry23, 24 96 เครื่องมือที่ 4 การสรา้ งตวั แบบจากนยิ ายวทิ ยาศาสตร์

ความเหมาะสมในการใช้งาน 1 SFP เหมาะสำาหรับผู้ท่ีสนใจพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลย ี หรอื เครอ่ื งมอื ใหมท่ เ่ี กยี่ วขอ้ งโดยตรงกบั วถิ ชี วี ติ ของมนษุ ย์ เชน่ อำหำรกำรกนิ กำรคมนำคมขนสง่ กำรศกึ ษำ สขุ ภำพ เปน็ ต้น 2 SFP สามารถใช้ผสมผสาน ร่วมกับงำนวิจัยด้ำน สังคมศำสตร์และมำนุษยวิทยำเพ่ือศึกษำพฤติกรรม กำรปรับตัว (หรอื ต่อตำ้ น) นวัตกรรมและเทคโนโลยี 3 ในสถำนกำรณ์ของบริษัทเอกชนที่ต้องกำรพัฒนำตนเอง เป็นผู้น�ำในแวดวงวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม SFP สามารถนำาไปสู่ผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีที่ สร้างกระแส (Trend Setting) 97

จุดแข็ง 1 SFP เป็นเคร่ืองมือการมองอนาคตที่ช่วยนักวิทยาศาสตร์แขนงต่าง ๆ พัฒนำองค์ควำมรู้และเทคโนโลยีใหม่บนพ้ืนฐำนควำมรู้ ที่มอี ย่ใู นปัจจบุ ัน เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพชีวิตของมนษุ ย์ 2 บรษิ ทั เอกชนดำ้ นเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมสำมำรถใช ้ SFP เปน็ เครอื่ งมอื สรา้ งฉากทศั นเ์ กยี่ วกบั เทคโนโลยแี หง่ อนาคต เพอื่ นำ� ไปสู่ กำรจัดท�ำและขับเคลอ่ื นแผนงำนวิจัยเพื่อพฒั นำตอ่ ไป ความท้าทาย เน่ืองจำก SFP จ�ำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยองค์ควำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ ด้ำนวิทยำศำสตร์เทคโนโลยีในระดับหน่ึง ผู้ท่ีสนใจใน SFP โดยส่วนใหญ่ จึงเป็นบุคลำกรด้ำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ซ่ึงอำจมีควำมรู้จ�ำกัด ทำงด้ำนสังคมศำสตร์และมำนุษยวิทยำท�ำให้ไม่สำมำรถวิเครำะห์ผลกระทบ จำกวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมท่ีมตี อ่ พฤติกรรมและวิถชี ีวติ มนุษย์ได้ 98 เคร่ืองมือที่ 4 การสรา้ งตัวแบบจากนยิ ายวทิ ยาศาสตร์

สิ่งที่จำาเป็นสำาหรับ SFP 1 ผู้ที่สนใจใช้ SFP ในกำรศึกษำเก่ียวกับเทคโนโลยีแห่งอนำคต ควรร่วมมือกับผู้เช่ียวชำญจำกหลำยศำสตร์ โดยเฉพำะ ดำ้ นสังคมศำสตรแ์ ละมำนุษยวทิ ยำ 2 ควำมร้พู ืน้ ฐำนด้ำนวิทยำศำสตร ์ เทคโนโลย ี และนวตั กรรม 3 ควำมรู้ควำมเข้ำใจในแนวทำงกำรเขียนเร่ืองเล่ำ (Storyline) เพอื่ กำรส่อื สำรทมี่ ปี ระสทิ ธภิ ำพ 99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook