Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครื่องมือการมองอนาคต

เครื่องมือการมองอนาคต

Published by inno vation, 2021-04-14 04:09:40

Description: เครื่องมือการมองอนาคต

Search

Read the Text Version

ส่ิงจำาเป็นสำาหรับกระบวนการจัดทำา TRM 1 เปา้ หมาย (Goal) ขององคก์ รภำคอตุ สำหกรรม หรอื นโยบำยสำธำรณะ ตอ้ งมคี วำมชดั เจนเพอื่ ตอบโจทยว์ ำ่ TRM จะนำ� ไปสอู่ ะไร ผู้ที่ได้รับมอบหมำยให้จัดท�ำ TRM ต้องเตรียมควำมพร้อมอย่ำงรอบคอบ โดยอำศัยเทคนิคกำรมองอนำคตอื่น เช่น เทคนิค เดลฟำย (Delphi Technique) หรอื บรรณมิต ิ (Bibliometrics) เป็นตน้ 2 บุคลากรระดับผู้กำาหนดนโยบาย ผู้บริหำรองค์กรและหัวหน้ำงำนจำกทุกภำคส่วนภำยในองค์กร รวมทั้งผู้เช่ียวชำญเทคโนโลยี ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง เพ่อื เขำ้ รว่ มกำรประชมุ เชิงปฏิบัตกิ ำรจัดทำ� TRM 3 ระยะเวลาสำาหรับประชุมเชิงปฏิบตั ิการ ในแต่ละครั้งควรใชเ้ วลำ 1-2 วนั จัดได้หลำยครั้ง 4 ผู้รับผิดชอบจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ อำจเลือกใช้อุปกรณ์วำดรูป ได้แก่ กระดำษแผ่นใหญ่ กระดำษโน้ตกำว (Post-it) และ ปำกกำหมกึ ส ี ในกำรระดมควำมคดิ เหน็ หรอื อำจเลอื กใชซ้ อฟตแ์ วรว์ ำดรปู ซอฟตแ์ วรส์ ำ� หรบั กำรทำ� แผนทม่ี โนทศั น ์ (Mind Map) หรอื สำ� หรบั กำรจดั ทำ� แผน เช่น Virtual Strategist, Stella เปน็ ต้น 5 ความมงุ่ มน่ั (Commitment) ของผกู้ ำ� หนดนโยบำยและผบู้ รหิ ำรองคก์ รในกำรเขำ้ รว่ มกำรประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ ำรเพอื่ กำ� หนด TRM ทกุ คร้งั และต้องนำ� TRM ไปปฏิบัติอยำ่ งจริงจัง 6 แนวทางการตดิ ตาม ผู้บริหำรองคก์ รตอ้ งประเมินผลควำมก้ำวหนำ้ ในกำรปฏบิ ตั ติ ำม TRM 150 เคร่อื งมือท่ี 8 แผนที่นำ�ทางเทคโนโลยี

ขั้นตอนการจัดทำา TRM 3 กำรวเิ ครำะหส์ มรรถนะ ทำงด้ำนเทคโนโลยี กรอบแนวคิดในกำรจดั ทำ� TRM เรียกว่ำ T-Plan ประกอบด้วยกำรวิเครำะห์ 4 ขั้นตอน40 คือ (Technology Capacity Analysis) 4 กำรวเิ ครำะหท์ รัพยำกรและ แผนงำนวจิ ยั และพฒั นำขององคก์ ร (Resource and R&D Program Analysis) 1 กำรวเิ ครำะหต์ ลำด 2 กำรวเิ ครำะห์ผลิตภณั ฑ ์ (Market Analysis) (Product Analysis) 151

ขนั้ ตอนที่ 1 การวเิ คราะหต์ ลาด (Market Analysis) เปน็ กำรระดมควำมคดิ เหน็ ของหัวหน้ำงำนทุกคนภำยในองคก์ ร เพอ่ื วิเครำะห์สภำพตลำดใน 4 ประเดน็ คือ 1 คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์หรือบริการขององค์กรในปัจจุบัน ทั้งในเชิงประโยชน์ใช้สอย ควำมคุ้มค่ำ บริกำรหลังกำรขำย ลูกค้ำสัมพันธ ์ สถำนที่จ�ำหนำ่ ย ซ่ึงรำยกำรคุณลักษณะอำจได้จำกกำรระดมควำมคิดเห็นของผู้เข้ำร่วมประชุม หรือจำกเทคนิค เดลฟำย (Delphi Technique) 2 วิเคราะห์การแบ่งสว่ นตลาด (Market Segmentation) วิเครำะห์ว่ำกล่มุ ลกู คำ้ หลักขององคก์ รคือกล่มุ ใด 3 วิเคราะห์ปัจจัยท่ีส่งผลกระทบต่อตลาดในอนาคต (Market Drivers) เช่น ควำมใส่ใจในเรื่องสุขภำพ (Health Concern) ควำมปลอดภัย (Safety) เป็นต้น อำจใช้เทคนิคเดลฟำย หรือกำรวิเครำะห์แนวโน้ม (Trend Analysis) เพ่ือให้ได้รำยกำรปัจจัย ทส่ี ำ� คัญกอ่ นนำ� มำระดมควำมคดิ กับบุคลำกรภำยในองคก์ ร 4 วิเคราะหช์ อ่ งว่างระหวา่ งสภาพตลาดในปจั จบุ นั สว่ นแบ่งตลาด และสภาพตลาดในอนาคต 152 เครอ่ื งมือที่ 8 แผนทีน่ ำ�ทางเทคโนโลยี

ข้ันตอนที่ 2 การวเิ คราะห์ผลิตภัณฑ์ (Product Analysis) วัตถุประสงค์หลักของข้ันตอนน้ี คือ เพ่ือก�ำหนดแนวทำงพัฒนำผลิตภัณฑ์ให้สำมำรถตอบโจทย์ควำมต้องกำรของตลำดตำมท่ีได้ คำดกำรณ์ไว้ในขนั้ ตอนท ่ี 1 โดยสรำ้ งตำรำงเปรยี บเทยี บคณุ ลกั ษณะของผลติ ภณั ฑ/์ บรกิ ำรขององคก์ รกบั ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ ตลำด ในปัจจุบันและอนำคต และระดมควำมคิดเห็นจำกผู้เข้ำร่วมประชุมเพ่ือวิเครำะห์ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์กับปัจจัย ทีก่ ระทบต่อตลำดใน 4 ระดับ คอื 1. ไม่มคี วามสมั พนั ธ์ 2. มคี วามสมั พนั ธร์ ะดบั ตาำ่ 3. มคี วามสมั พนั ธป์ านกลาง 4. มคี วามสมั พนั ธ์มาก อำจใช้สถิติพื้นฐำน ได้แก่ ค่ำเฉล่ีย ค่ำคะแนนมำตรฐำน ในกำรวิเครำะห์ว่ำ คุณลักษณะใดของผลิตภัณฑ์หรือบริกำรขององค์กร มคี วำมสมั พนั ธก์ บั ปจั จยั ทก่ี ระทบตอ่ ตลำดมำกทส่ี ดุ แตส่ ำ� หรบั ตวั อยำ่ งสมมตุ ใิ นตำรำงท ่ี 6 ผลปรำกฏชดั เจนวำ่ ควำมคมุ้ คำ่ กำรบรกิ ำร หลงั กำรขำย และลูกคำ้ สมั พันธม์ คี วำมสัมพนั ธม์ ำกทีส่ ดุ กับปจั จยั ท่ีสง่ ผลกระทบต่อตลำด 153

ตารางที่ 5 ตัวอย่างการเปรียบเทียบคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์/บริการขององค์กรกับปัจจัยที่กระทบ ต่อตลาด ปจั จัยทีก่ ระทบตอ่ ตลำด ุคณ ัลกษณะของผ ิลต ัภณฑ์/บ ิรกำร 1. ประโยชน์ใช้สอย ความกังวล ความใสใ่ จ ความใสใ่ จในผลกระทบ ความสวยงาม 2. ความคมุ้ คา่ ตอ่ ความปลอดภยั ในสขุ ภาพ ต่อส่งิ แวดลอ้ ม 3. บริการหลังการขาย 1 1 4. ลกู คา้ สมั พนั ธ์ 1 1 4 4 5. สถานทีจ่ าำ หนา่ ย 4 4 4 2 4 3 3 3 4 4 1 1 1 1 154 เครอ่ื งมือท่ี 8 แผนท่ีนำ�ทางเทคโนโลยี

ขั้นตอนที่ 3 การวเิ คราะหเ์ ทคโนโลยี (Technology Capacity Analysis) ในท�ำนองเดียวกับขั้นตอนที่ผ่ำนมำ จะวิเครำะห์ศักยภำพด้ำนเทคโนโลยีขององค์กรกับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลำด โดยสร้ำงตำรำง เปรยี บเทียบ และระดมควำมคิดเหน็ จำกผเู้ ข้ำรว่ มประชุมเพื่อวิเครำะหค์ วำมสัมพันธ์ใน 4 ระดับ คอื 1. ไม่มคี วามสมั พนั ธ์ 2. มคี วามสมั พนั ธร์ ะดบั ตาำ่ 3. มีความสัมพนั ธ์ปานกลาง 4. มีความสมั พันธ์มาก ตารางท่ี 6 ตวั อยา่ งการเปรยี บเทยี บศกั ยภาพดา้ นเทคโนโลยีขององค์กรกับปัจจัยทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ ตลาด ปจั จัยทก่ี ระทบต่อตลำด 1. เทคโนโลยี A ความกังวล ความใส่ใจ ความใส่ใจในผลกระทบ ความสวยงาม 2. เทคโนโลยี B ต่อความปลอดภัย ในสุขภาพ ตอ่ สิ่งแวดลอ้ ม 3. เทคโนโลยี C 4 4 4. เทคโนโลยี D 4 4 4 2 5. เทคโนโลยี E 4 3 3 3 4 4 1 1 4 2 1 1 1 1 155

ขั้นตอนที่ 4 การวเิ คราะห์ทรพั ยากรและแผนงานวจิ ัยและพัฒนา (Resource and R&D Program Analysis) ขั้นตอนน้ีเป็นกำรน�ำข้อมูลท่ีได้จำกขั้นตอนที่ 1-3 มำวิเครำะห์เปรียบเทียบกับทรัพยำกรขององค์กร (งบประมำณ บุคลำกร สถำนท)ี่ และแผนงำนวิจัยและพัฒนำ (R&D) ขององค์กรว่ำมคี วำมสอดคล้องกันมำกน้อยเพยี งใด 1 ผลผลติ ทสี่ ำ� คญั ของขน้ั ตอนน ี้ คอื แผนทน่ี ำ� ทำงเทคโนโลย ี (TRM) ทส่ี ำมำรถชว่ ยตอบโจทยท์ ไ่ี ดจ้ ำกกำรวเิ ครำะห์ ในขนั้ ตอนท ี่ 1-3 และกำรวเิ ครำะหช์ อ่ งวำ่ งของทรพั ยำกร และแผนงำนวจิ ยั และพฒั นำขององคก์ รกบั คณุ ลกั ษณะ ของผลิตภณั ฑ/์ บรกิ ำร และศักยภำพเทคโนโลยี 2 กำรก�ำหนดกรอบระยะเวลำและเป้ำหมำยของแต่ละช่วงเวลำของ TRM สำมำรถใช้ กระบวนกำรระดมควำมคิด หรืออำศัยเทคนิคกำรมองอนำคตอ่ืนมำพัฒนำให้ TRM มีควำมชัดเจนมำกขึ้น เช่น กำรสร้ำงฉำกทัศน์ (Scenario Building) หรือ หำกองค์กรมีศักยภำพในกำรวิเครำะห์ชุดข้อมูลข นำดใหญ่ (Big Data Analytics) กอ็ ำจใชเ้ ทคนคิ กำรสรำ้ งแบบจำ� ลอง (Simulation) เพอื่ กำ� หนดกลยทุ ธส์ ำ� หรบั TRM ได้ 156 เครื่องมอื ที่ 8 แผนทนี่ ำ�ทางเทคโนโลยี

ผลการวิเคราะห์ที่ได้ในแต่ละขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 คุณลกั ษณะของผลติ ภัณฑ/์ บรกิ ำร สว่ นแบ่งตลำด กำรวิเครำะห์ตลำด ปัจจยั ท่ีสง่ ผลกระทบตอ่ ตลำด (Drivers) (Market Analysis) ขั้นตอนที่ 2 คุณลกั ษณะของผลิตภัณฑ/์ บริกำร ขน้ั ตอนท่ี 4 ช่องวำ่ งของทรัพยำกร ท่มี ีควำมสัมพันธก์ บั ปัจจัยท่ีสง่ ผลกระทบ และแผนงำนวิจัย กำรวิเครำะห์ผลิตภณั ฑ์ ต่อตลำดมำกที่สุด กำรวิเครำะห์ทรพั ยำกรและ และพฒั นำขององค์กร (Product Analysis) แผนงำนวิจยั และพฒั นำ (Resource and R&D Program Analysis) ขั้นตอนท่ี 3 เทคโนโลยขี ององค์กรท่ีมี TRM ควำมสัมพนั ธ์กบั ปัจจยั ที่ส่งผลกระทบ กำรวเิ ครำะหเ์ ทคโนโลยี ตอ่ ตลำดมำกท่ีสุด อดุ “ชอ่ งว่าง” และนำ� ไปสูเ่ ป้ำหมำย (Technology Analysis) ในอนำคตขององคก์ ร ภำพท่ ี 17 สรปุ กระบวนกำรจดั ท�ำ TRM โดยใช้กรอบแนวคิด T-Plan37 157

บรรณมติ ิ 9(Bibliometrics)

นิยาม บรรณมิติ (Bibliometrics) หมำยถึง กำรใช้เทคนิคเชิงสถิติ วเิ ครำะหแ์ ละจดั กลมุ่ ขอ้ มลู และขอ้ ควำมจำ� นวนมำกจำกเอกสำร งำนวิจัย ได้แก่ ข้อมูลผู้แต่ง ค�ำส�ำคัญ (Keyword) ข้อควำม เนื้อหำ และบรรณำนุกรมเอกสำรอ้ำงอิง ซึ่งกำรประมวลผล ข้อมูลท้ังหมดน้ีจะช่วยให้สำมำรถค้นหำแนวโน้มและทิศทำง ทซ่ี ่อนเร้นในชุดข้อมลู นั้น ทง้ั ในเชิงปรมิ ำณและเชงิ คณุ ภำพ39

ดังนั้น บรรณมิติจึงเป็นเทคนิคกำรมองอนำคตท่ีเน้นกำรวิจัยเอกสำรเป็นหลัก (Document Research) ทั้งยังได้รับควำมนิยมในหลำยศำสตร์และมีมำกกว่ำ 1 เทคนิค จำกเทคนิคที่ง่ำย ไปจนถึงเทคนิคท่ีสลับซับซ้อน เช่น กำรนับจ�ำนวนเอกสำรตีพิมพ์ (Publication Count) กำรวิเครำะห์ควำมถ่ีของค�ำ (Word Frequency Analysis) กำรวิเครำะห์รำยกำรอ้ำงอิง (Citation Analysis) กำรวิเครำะห์กำรใช้ค�ำร่วม (Co-wording Analysis) เป็นต้น โดยแต่ละ เทคนคิ สำมำรถตอบวตั ถุประสงค์กำรศึกษำได้แตกตำ่ งกนั คอื 160 เครือ่ งมอื ที่ 9 บรรณมิติ

1 การนับจำานวนเอกสารตีพิมพ์ ท�ำให้ทรำบองค์ควำมรู้ของสำขำใด สำขำหน่งึ ในภำพใหญ ่ (Knowledge Landscape) การวเิ คราะหร์ ายการอา้ งองิ ทำ� ใหส้ ำมำรถระบไุ ดว้ ำ่ งำนวจิ ยั ชน้ิ ใดไดร้ บั 2 กำรยอมรับในสำขำนั้นซึ่งมีควำมเป็นไปได้สูงท่ีจะเป็นแนวควำมรู้ กระแสหลัก (Mainstream Knowledge) 3 การวิเคราะห์การใช้คำาร่วม ท�ำให้ทรำบทิศทำงและแนวโน้ม กำรบูรณำกำรศำสตร์สำขำต่ำง ๆ รวมทั้งสถำนกำรณ์ในปัจจุบันและ ทศิ ทำงควำมรว่ มมือของนักวิจยั 161

ความเหมาะสมในการใช้งาน 1 เทคนิคบรรณมิติเหมาะสำาหรับการสำารวจองค์ความรู้ในภาพรวมของศาสตร์หรือประเด็นท่ีสนใจ ค้นหำแนวโน้ม/ทิศทำง ทซ่ี อ่ นอยใู่ นขอ้ มลู นนั้ หำกตอ้ งกำรขอ้ มลู เชงิ ลกึ จำ� เปน็ ตอ้ งใชเ้ ทคนคิ อนื่ ประกอบ เชน่ เทคนคิ เดลฟำย (Delphi Technique) เพอื่ ใหท้ รำบ แนวควำมคดิ ใหมใ่ นสำขำทสี่ นใจจำกผเู้ ชย่ี วชำญ ซึ่งอำจจะไม่ปรำกฏในงำนวจิ ัยและส่อื สงิ่ พิมพ์41 2 ชี้ว่ำงำนวจิ ยั ใดน่ำจะมโี อกำสกลำยเป็น Disruptive Technologies ในระยะสัน้ จนถึงระยะยำว 3 ช่วยจัดโครงสร้ำงให้แก่สำขำวิจัย และช่วยให้เห็นปัจจัยบริบทในงำนวิจัย ผลที่ได้เหมำะใช้ ร่วมกับ Scenario Buiding, Roadmap Development (บรรณมิติมีข้อจ�ำกัดจำก กำรขำดปฏิสมั พันธ์กับผเู้ ชยี่ วชำญ) 162 เครื่องมือที่ 9 บรรณมิติ

จดุ แข็ง 1 เทคนิคบรรณมิติใช้ข้อมูลจ�ำนวนมำกในกำรวิเครำะห ์ จึงสำมำรถระบุแนวโน้มพัฒนำกำรของงำนวิจัยในสำขำ น้ัน ๆ ตำมแตล่ ะช่วงเวลำได้อยำ่ งชัดเจน 2 ชี้ให้เห็นช่องว่ำงองค์ควำมรู้ในสำขำต่ำง ๆ จนก่อให้เกิด ประเดน็ ค�ำถำมใหมใ่ นสำขำน้นั 163

ความท้าทาย 1 เทคนิคบรรณมิติตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่าองค์ความรู้ที่น่าเช่ือถือต้องได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ในอดีต แต่ในปัจจุบันผลงำนที่ตีพิมพ์ในวำรสำรทำงวิชำกำรอำจเป็นเพียงส่วนหนึ่งขององค์ควำมรู้ในสำขำนั้น ๆ ควำมรู้ใหม่ ในปัจจุบันอำจปรำกฏในรูปแบบอื่น เช่น งำนวิจัยที่ได้รับกำรจดทะเบียนทรัพย์สินทำงปัญญำ เป็นต้น หรือควำมคิดเห็นของ ผูเ้ ชย่ี วชำญและองคค์ วำมรู้อน่ื ที่ไม่ใช่ผลงำนทำงวชิ ำกำร รวมท้ังงำนวิชำกำรหรือขอ้ คน้ พบที่เปน็ ควำมลับทำงธุรกิจ 2 ในปจั จบุ นั ผลงำนวชิ ำกำรทไ่ี ดร้ บั ตพี มิ พเ์ ผยแพรใ่ นวารสารทางวชิ าการมคี ณุ ภาพท่ีไมเ่ ทา่ เทยี มกนั จนอำจกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หำอคติ หรือข้อคน้ พบท่ผี ิดพลำด ดังนัน้ กำรมองอนำคตโดยใชเ้ ทคนิคบรรณมิตใิ นปจั จุบนั จึงตอ้ งกระทาำ อย่างระมดั ระวัง 3 ผลการศึกษาจากเทคนิคบรรณมิติมีความไวต่อความล่าช้าในการตีพิมพ์เผยแพร่ และควำมเป็นปัจจุบันของฐำนข้อมูลอ้ำงอิง ทำ� ใหอ้ งคค์ วำมรูห้ รือผลงำนวิจยั ทท่ี ันสมัยขำดหำยไป 164 เครอ่ื งมอื ที่ 9 บรรณมิติ

สิ่งท่ีจำาเป็นในการวิเคราะห์ 1 ผ้ทู ีต่ อ้ งกำรใชเ้ ทคนคิ บรรณมติ ติ ้องสำมำรถเข้ำถงึ ฐานขอ้ มลู งานตพี มิ พ ์ เชน่ Science Citation Index (SCI), Engineering Compendex Database, Social Science Research Network (SSRN), Web of Science (SCI-EXPANDED) database, Scopus, Google Scholar, SciELO เป็นตน้ 2 เทคนคิ บรรณมติ โิ ดยเฉพำะหำกจำ� เปน็ ตอ้ งใชข้ อ้ มลู สถติ ขิ นั้ สงู จ�ำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เช่น UCInet, Thomson Data Analyzer (TDA), CiteSpace, BibTechMon™, CitNetExplorer, SciMAT, Bibexcel, CiteSpace, VOSviewer เป็นตน้ 165

ข้ันตอนการวิเคราะห์ ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมความพรอ้ มและการเก็บรวบรวมข้อมลู 1 กำาหนดประเด็นคาำ ถามท่ตี อ้ งกำรศกึ ษำเกีย่ วกับอนำคต หรอื ช่องว่ำงขององคค์ วำมรู้ในศำสตร์ใดศำสตรห์ นงึ่ ในปจั จุบนั 2 เลือกสาขางานวิจัยหรือเทคโนโลยีที่ต้องการวิเคราะห์ และกำาหนดคำาค้นหา (Query Term) ท่ีเหมำะสมเพื่อใช้ในกำรสืบค้น จำกฐำนขอ้ มลู หำกกำ� หนดคำ� คน้ หำไมช่ ดั เจนหรอื ไมเ่ ฉพำะเจำะจงเพยี งพอ อำจทำ� ให้ไดข้ อ้ มลู จำกฐำนขอ้ มลู มำกเกนิ ควำมจำ� เปน็ 3 กาำ หนดฐานข้อมลู ท่ตี อ้ งการสบื ค้น เช่น Science Citation Index (SCI), Scopus, Web of Science เปน็ ต้น42 มีขอ้ เสนอแนะว่ำ Scopus ได้รบั กำรออกแบบสำ� หรบั กำรคน้ ควำ้ และวิเครำะห์ทำงบรรณมิตโิ ดยเฉพำะ 4 เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากฐานขอ้ มลู ทตี่ อ้ งการสบื คน้ แลว้ นำ� มำจดั เกบ็ ดว้ ยซอฟตแ์ วรท์ เ่ี หมำะสมกบั กำรวเิ ครำะห์ในขนั้ ตอนตอ่ ไป 166 เคร่อื งมอื ท่ี 9 บรรณมติ ิ

ขั้นตอนที่ 2 การวิเคราะห์บรรณมิติข้นั ต้น 1 กาำ หนดชว่ งเวลาที่ตอ้ งการวิเคราะห์ 2 วิเคราะห์แนวโน้มผลงานวิจัยที่ได้รับกำรตีพิมพ์ในสำขำ ตัวประสำน ที่ศึกษำเป็นรำยปี และวิเครำะห์ว่ำมีกำรกระจำยของ (Node) ผลงำนตีพิมพ์และสัดส่วนงำนตีพิมพ์ในแต่ละประเทศ เปน็ อยำ่ งไร มคี ำ� ศพั ทห์ รอื ประเดน็ ใหมท่ ำงวชิ ำกำรเกดิ ขน้ึ หรือไม่ ขนั้ ตอนที่ 3 การวเิ คราะห์บรรณมิตขิ น้ั สงู 1 การวเิ คราะหเ์ ครอื ขา่ ยสงั คมของนกั วจิ ยั (Social Network Analysis) เปน็ กำรวเิ ครำะหก์ ำรรว่ มปรำกฏของนกั วจิ ยั สถำบนั วจิ ยั หรือหน่วยงำนวิจัยระหว่ำงประเทศ ซ่ึงจะช่วยให้ทรำบควำมสัมพันธ์เชิงเครือข่ำย (Network Relations) ของหน่วยงำนที่ให้ งบประมำณสนบั สนนุ กำรวจิ ยั ในสำขำทกี่ ำ� ลงั ศกึ ษำ โดยอำจใชซ้ อฟตแ์ วร์ในกำรวเิ ครำะหเ์ ครอื ขำ่ ย เชน่ UCInet เปน็ ตน้ กำรศกึ ษำ ควำมสัมพันธ์เชิงเครือข่ำยของนักวิจัยและหน่วยงำนวิจัย จะท�ำให้ทรำบนักวิจัยและหน่วยงำนวิจัยท่ีเป็น “ตัวประสาน (Node)” ซงึ่ จะเป็นข้อมลู สำ� คัญส�ำหรับกำรศกึ ษำวิจยั เชิงลึกดว้ ยเทคนิคกำรมองอนำคตอื่น เช่น เทคนคิ เดลฟำย เปน็ ต้น 2 การวเิ คราะหค์ าำ สาำ คญั รว่ ม (Keyword Co-occurrence Analysis) มขี นั้ ตอนและวธิ กี ำรวเิ ครำะหค์ ลำ้ ยกบั กำรวเิ ครำะห์ เครือข่ำยสังคม แต่แทนท่ีนักวิจัยและหน่วยงำนวิจัยในฐำนะ “ตัวประสาน” ด้วยค�ำส�ำคัญ ซึ่งจะท�ำให้ทรำบค�ำส�ำคัญ ในงำนวิจัยที่ก�ำลังเป็นท่ีสนใจและได้รับควำมนิยม จนน�ำไปสู่กำรก�ำหนดประเด็นกำรศึกษำวิจัยใหม่ ท้ังน้ี อำจใช้สถิติ ขั้นพ้ืนฐำน (คำ่ เฉลี่ย ค่ำมัธยฐำน) มำชว่ ยในกำรวิเครำะห์ได้ 167

ขนั้ ตอนท่ี 4 การวิเคราะห์ในภาพรวม (Overall Analysis) เปน็ กำรตรวจทำนและเปรียบเทยี บผลกำรวเิ ครำะหจ์ ำกขัน้ ตอนท่ ี 2 และ 3 เพื่อพยำยำมตอบคำ� ถำมกำรวจิ ยั ขน้ั ตอนท่ี 5 การนาำ เสนอผลการวิเคราะห์ด้วยเทคนิคบรรณมติ ใิ ห้แก่ผู้เช่ยี วชาญ ในขน้ั ตอนน ี้ ผศู้ กึ ษำอำจนำ� ผลกำรวเิ ครำะหน์ ำ� เสนอตอ่ ผเู้ ชย่ี วชำญ ซง่ึ อำจใชเ้ ทคนคิ เดลฟำยในกำรสอบถำมควำมคดิ เหน็ ของผเู้ ชยี่ วชำญ หรอื เลอื กจัดกำรประชุมเชิงปฏิบัติกำรหรอื กำรสนทนำกล่มุ เพ่ือเก็บรวบรวมข้อมูลควำมคิดเหน็ จำกผเู้ ช่ยี วชำญ 168 เครื่องมอื ที่ 9 บรรณมิติ

กรณีศกึ ษาการใช้เทคนคิ บรรณมิติ กำรใช้เทคนิคบรรณมิติ39 ร่วมกับแผนที่น�ำทำงเทคโนโลยี (TRM) วิเครำะห์สถำนภำพของงำนวิจัยด้ำน Dye-sensitized Solar Cell ในปจั จบุ นั และวเิ ครำะหค์ วำมสำมำรถของประเทศจนี ในสำขำวจิ ยั ดงั กลำ่ ว โดยใชข้ อ้ มลู กำรตีพิมพ์จำก Web of Science (SCI-EXPANDED) จ�ำนวน 6,899 รำยกำร ต้ังแต่ปี ค.ศ. 1991-2012 มำทำ� กำรวเิ ครำะหจ์ ำ� นวนผลงำนทไ่ี ดร้ บั กำรตพี มิ พ ์ ซงึ่ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ จำ� นวนนกั วจิ ยั ใหมแ่ ละจำ� นวนผลงำนตพี มิ พ์ ทเี่ พมิ่ ขน้ึ ในแตล่ ะป ี ตลอดจนคำ� สำ� คญั (Keyword) ทเี่ พม่ิ ขนึ้ โดยใชโ้ ปรแกรม Thomson Data Analyzer นอกจำกน้ี ยังใช้โปรแกรม Ucinet เพื่อวิเครำะห์กำรร่วมปรำกฏของชื่อหน่วยงำนวิจัย กำรใช้ค�ำส�ำคัญร่วม ควำมร่วมมือ ระหว่ำงประเทศ หลังจำกนั้นน�ำผลที่ได้จำกกำรวิเครำะห์บรรณมิติไปน�ำเสนอในกำรประชุมสัมมนำเชิงปฏิบัติกำร ซ่ึงมีกำรเชิญผู้เชี่ยวชำญจำกหน่วยงำนวิจัย อุตสำหกรรม ผู้ก�ำหนดนโยบำย และภำคธุรกิจมำร่วมสัมมนำ เพื่อเก็บข้อมูลเชิงคุณภำพเก่ียวกับประเด็นทำงธุรกิจ กำรตลำด นโยบำย และกลยุทธ์ ก่อนจะน�ำไปจัดท�ำ แผนที่น�ำทำงเทคโนโลยี (TRM) เพ่ือคำดกำรณ์สภำพแวดล้อมทำงอุตสำหกรรมและเหตุกำรณ์ท่ีจะส่งอิทธิพล ต่อกำรเติบโตของเทคโนโลย ี Solar Cell ในอนำคต 169

ภาคผนวก 1 อภิธานศัพท์ • ปจั จยั ขบั เคล่อื น หรือ แรงขบั เคลอื่ น (Drivers หรือ Driving Forces) • การวางแผนเชงิ กลยุทธ์ (Strategic Planning) ปจั จัยทส่ี ่งผลกระทบตอ่ อนำคต หรอื กอ่ ใหเ้ กิดกำรเปล่ียนแปลง กำรเตรยี มควำมพรอ้ มรองรับอนำคตหรือกำรเตรียมควำมพรอ้ ม ในอนำคต โดยสว่ นมำกมกั ใช้กบั ปจั จัยที่ส่งผลกระทบโดยตรง เพ่อื ใหบ้ รรลเุ ป้ำหมำยในอนำคตทีพ่ งึ ประสงค์ • รูปแบบอบุ ัติใหม่ (Emerging Pattern) • ขอบเขตระยะเวลา (Time Horizon หรือ Time Frame) สถำนกำรณห์ รือแนวโนม้ ใหม่ท่เี กิดจำกเหตกุ ำรณห์ รือปรำกฏกำรณ์ กรอบระยะเวลำสำ� หรบั กำรมองหรอื ออกแบบอนำคต ทไี่ ม่สำมำรถคำดกำรณ์ได้ • ความไม่แนน่ อน (Uncertainty) • การประมาณค่านอกชว่ ง (Extrapolation) สถำนกำรณท์ ม่ี อี งคค์ วำมรจู้ �ำกดั เกย่ี วกับอนำคต วิธกี ำรสรปุ ผลหรือใช้แนวคิดสรุปผลสำ� หรับสถำนกำรณ์หรอื บริบทอนื่ โดยมีสมมุตฐิ ำนวำ่ แนวโนม้ ในสถำนกำรณ์ใดสถำนกำรณห์ นึ่งจะเกดิ ขนึ้ • อนาคตทถ่ี กู ใช้แล้ว (Used Futures) ในสถำนกำรณ์อ่นื ๆ ได้ รูปแบบพฤติกรรมหรือแนวควำมคิดจำกอดตี ทไี่ มส่ อดคล้องกบั สถำนกำรณ์ปจั จุบันหรือส่งิ ที่จะเกิดข้ึนในอนำคต แต่ยังได้รบั • การพยากรณ์ (Forecast) กำรยอมรับและนำ� ไปปฏิบัติ กำรคำดเดำหรอื คำดกำรณ์วำ่ ส่ิงใดสงิ่ หนึ่งจะเกดิ ขน้ึ ในอนำคต โดยอำศัยขอ้ มลู และองค์ควำมรทู้ ีม่ ีอยู่ในปัจจุบัน • สญั ญาณอ่อน (Weak signal) สัญญำณเรม่ิ ต้นของเหตกุ ำรณส์ ำ� คญั หรือปรำกฏกำรณ์สำ� คัญ • การมองอนาคต (Foresight) ท่อี ำจเกิดขึ้นและมผี ลกระทบตอ่ อนำคต แนวทำงกำรมองอนำคตในระยะปำนกลำงและระยะยำวอย่ำงเป็นระบบ อำศัยกระบวนกำรมีสว่ นร่วมของทุกภำคส่วน และบรู ณำกำรมุมมอง • ปรากฏการณ์ Wild Card จำกหลำกหลำยศำสตร์ เหตกุ ำรณห์ รือสถำนกำรณ์ท่ไี มส่ ำมำรถคำดกำรณ์ได้ หรือมี ควำมเป็นไปไดท้ ีจ่ ะเกิดขนึ้ ต�่ำ แตม่ ีผลกระทบสงู ตอ่ อนำคต • เร่อื งเลา่ (Narrative or Storyline) • ปรากฏการณ์ Black Swan กำรบรรยำยหรอื พรรณนำฉำกทศั นห์ รอื เรอื่ งรำว โดยมกี ำรระบตุ วั ละคร ค�ำอปุ มำอปุ ไมยสำ� หรบั ปรำกฏกำรณ์ทม่ี คี วำมเปน็ ไปได้ ควำมสัมพนั ธ์ของตวั ละคร ปจั จยั ขับเคล่อื นอนำคต และผลกระทบจำก ในกำรเกดิ ขึน้ ตำ่� แตห่ ำกเกดิ ขึน้ จะเกดิ ผลกระทบต่ออนำคต ปจั จัยนนั้ อยำ่ งชัดเจน 170 ภาพผนวก เครอื่ งมือการมองอนาคต

ภาคผนวก 2 กรณีศึกษา: การผสมผสานเครื่องมือการมองอนาคตสำาหรับการกำาหนดขอบเขตนโยบายและปัญหา กรณีศึกษำโครงกำร CSIRCO Futures30 เป็นตัวอย่ำงกำรผสมผสำน 1. ภำวะสวนทำงกนั ของทรพั ยำกรทล่ี ดลงอยำ่ งรวดเรว็ จำ� นวนประชำกร เครอื่ งมือกำรมองอนำคต 2 เครื่องมือ คือ เทคนคิ Delphi และ กำรวเิ ครำะห์ ท่ีเพ่ิมขึ้น และสภำวะเศรษฐกิจถดถอย ซ่ึงกดดันให้รัฐบำลและชุมชน แนวโนม้ และแนวโนม้ ระดบั โลก โดยใน ค.ศ. 2009 CSIRCO Futures ตอ้ งกำร จะต้องหำวิธีกำรใหม่เพ่ือเสริมสร้ำงคุณภำพชีวิตให้แก่คนรุ่นปัจจุบัน ทรำบแนวโนม้ ทจี่ ะเปลยี่ นวถิ ชี วี ติ ของผคู้ นในประเทศออสเตรเลยี เพอ่ื เปน็ ขอ้ มลู และอนำคตภำยใต้ขอ้ จำ� กัดของทรัพยำกร สนับสนุนกระบวนกำรจดั ทำ� แผนลงทุนระยะยำว 2. ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพที่ก�ำลังลดลงส่งผลต่อสภำพแวดล้อม ขั้นตอนแรก CSIRCO ใช้ผู้เช่ียวชำญมำกกว่ำ 40 คน ภำยในองค์กรของ ทำงธรรมชำติ CSIRO ทั่วโลกพัฒนำระบบฐำนข้อมูล CSIRO Trends ซึ่งรวบรวมข้อมูล 3. เศรษฐกจิ โลกทกี่ ำ� ลงั เปลยี่ นทศิ ทำงจำกประเทศตะวนั ตกไปยงั ประเทศ จำกหน่วยงำนต่ำง ๆ ได้แก่ Australian Bureau of Statistics ธนำคำรโลก ตะวันออก (เอเชีย อเมริกำใต้ และแอฟริกำ) ส่งผลให้คนช้ันกลำงเพิ่ม องค์กำรกำรเงินระหว่ำงประเทศ (IMF) องค์กำรสหประชำชำติ (OECD) จำ� นวนมำกขน้ึ ในทวปี เอเชยี อเมรกิ ำใต ้ และแอฟรกิ ำ ในขณะเดยี วกนั จะมี และธนำคำรเพ่ือกำรพัฒนำแห่งเอเชีย (ADB) ตลอดจนข้อมูลและรำยงำน นักทอ่ งเท่ียว เงนิ ทนุ และไอเดยี ไหลมำจำกเอเชยี สู่ออสเตรเลียมำกขน้ึ ประจ�ำปจี ำกองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ในประเทศออสเตรเลีย 4. กำรเพ่ิมขึ้นของประชำกรสูงวัยจะเพ่ิมควำมท้ำทำยแก่กำรออมเพื่อ กำรเกษียณอำยุ และกำรเพิ่มข้ึนของค่ำใช้จ่ำยด้ำนกำรดูแลสุขภำพ ขั้นตอนที่ 2 สัมภำษณ์ผู้อ�ำนวยกำรและนักวิทยำศำสตร์ของ CSIRCO แล้ว ส่ิงเหล่ำนี้จะเปล่ียนวิถีชีวิตของผู้คน บริกำรที่ต้องกำร โครงสร้ำงและ จึงจัดกำรประชุมสัมมนำเชิงปฏิบัติกำรเพ่ือจัดกลุ่มและวิเครำะห์แนวโน้ม หน้ำท่ขี องตลำดแรงงำนในอนำคต ในด้ำนต่ำง ๆ หลังจำกนั้น ข้อมูลที่ได้จำกกำรสัมมนำจึงน�ำมำถกเถียง 5. ประเทศออสเตรเลยี จะเปลย่ี นผำ่ นจำกโลกออนไลนส์ โู่ ลกแหง่ กำรเชอ่ื มตอ่ ผ่ำนไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนท่ีจะน�ำมำสรุปเป็นรำยงำนเพื่อเสนอต่อ (Connectivity) กำรค้ำปลีกออนไลน์และกำรท�ำงำนทำงไกล ซ่ึงมี ผู้บรหิ ำร CSIRCO ต่อไป ผลกระทบตอ่ ตลำดแรงงำน รปู แบบกำรคำ้ ปลกี กำรออกแบบเมอื งและ ผลกำรศึกษำ พบว่ำ มี 6 แนวโน้มท่ีจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชำชน ระบบขนส่ง นอกจำกน้ีกำรเข้ำถึงแหล่งข้อมูลหลำยช่องทำงจะท�ำให้ แหล่งข้อมลู ด้งั เดมิ ไดร้ บั ควำมเชอื่ ใจน้อยลง ในประเทศออสเตรเลยี องค์กรภำครัฐ และภำคธรุ กจิ เอกชน ดังน้ี 6. ผู้บริโภคมีควำมต้องกำรได้รับประสบกำรณ์มำกกว่ำตัวผลิตภัณฑ ์ และจะให้ควำมส�ำคัญเพ่ิมข้ึนกับควำมสัมพันธ์ทำงสังคม เน่ืองจำก อำจเกิดควำมเบ่ือหนำ่ ยในชอ่ งทำงกำรสือ่ สำรดิจิทัล ภาพผนวก 171 เคร่อื งมือการมองอนาคต

ภาคผนวก 3 กรณีศึกษา: การผสมผสานเคร่ืองมือการมองอนาคตสำาหรับการสร้างวิสัยทัศน์และเปล่ียนผ่านองค์กร กำรสรำ้ งวสิ ยั ทศั นแ์ ละเปลย่ี นผำ่ นองคก์ ร (Visioning and Transforming ประสำนและหลอมรวมส่วนรำชกำรภำยในท่ีมีควำมหลำกหลำยดังกล่ำว Organizations) ประกอบดว้ ย 3 ขัน้ ตอน คือ ให้สำมำรถบูรณำกำรแผนงำน โครงกำร และกิจกรรม จนน�ำไปสู่กำรปฏิบัติ 1. กำรกำ� หนดวิสัยทัศน์และตัวชีว้ ดั เปำ้ หมำยควำมสำ� เรจ็ ตำมวสิ ัยทัศน์ อย่ำงเปน็ รูปธรรมได้ 2. กำรวิเครำะหส์ ภำพแวดลอ้ มและฉำกทัศน ์ ข้ันตอนท่ี 2 คือ กำรทบทวนวิสัยทัศน์และตัวช้ีวัดควำมส�ำเร็จตำมวิสัยทัศน์ 3. กำรวำงแผนพยำกรณ์ย้อนหลังเพ่ือก�ำหนดประเด็นยุทธศำสตร์และ โดยวิสัยทัศน์ในปัจจุบันของ สปน. คือ “เป็นหน่วยงานต้นแบบด้านการ กลยุทธ์กำรปรบั เปล่ยี นองค์กร บูรณาการเพื่อขับเค ล่ือนงานของรัฐบาลในด้านนโยบายและการบริหาร โดยกรณีศึกษำท่ีแสดงถึงกำรผสมผสำนเครื่องมือกำรมองอนำคต ราชการภายในปี พ.ศ. 2564” จำกกำรจัดประชุมสัมมนำเชิงปฏิบัติกำร ทง้ั 3 เครอื่ งมอื คอื กำรจดั ทำ� แผนระยะ 20 ป ี ของสำ� นกั งำนปลดั สำ� นกั นำยก ขำ้ รำชกำรและพนกั งำนรำชกำรในสงั กดั สปน. ในวนั ท ี่ 19 พฤศจกิ ำยน 2561 รัฐมนตรี (พ.ศ. 2561-2580) ซ่ึงคณะผู้จัดท�ำเครื่องมือกำรมองอนำคต แลว้ พบวำ่ วสิ ยั ทศั นด์ งั กลำ่ วมคี วำมเหมำะสมสอดคลอ้ งกบั พนั ธกจิ ของ สปน. ไดร้ บั มอบหมำยเปน็ ท่ปี รกึ ษำในกำรจดั ท�ำแผนดังกลำ่ ว ตำมกฎกระทรวงสำ� นกั นำยกรฐั มนตรฯี แต ่ สปน. ยงั ขำดตวั ชวี้ ดั ควำมสำ� เรจ็ ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ จึงจ�ำเป็นต้องระดมควำมคิดเพ่ือก�ำหนดตัวช้ีวัด ขั้นตอนที่ 1 คือ กำรวิเครำะห์บริบทองค์กร (Organizational Context) ควำมส�ำเร็จตำมวิสยั ทศั น์ ของส�ำนักงำนปลัด ส�ำนักนำยกรัฐมนตรี (สปน.) ซ่ึงเป็นส่วนรำชกำร ระดบั กรมทมี่ ปี ลดั สำ� นกั นำยกรฐั มนตร ี (ปนร.) เปน็ หวั หนำ้ สว่ นรำชกำรภำยใต้ ขั้นตอนท่ี 3 คือ กำรส�ำรวจสภำพแวดล้อม (Horizon Scannning) โดย กำรบงั คบั บญั ชำของนำยกรฐั มนตร ี ทำ� ให ้ สปน. ใกลช้ ดิ กบั ศนู ยก์ ลำงอำ� นำจ สำ� นกั แผนและกจิ กำรพเิ ศษซงึ่ รบั ผดิ ชอบกำรจดั ทำ� แผนปฏบิ ตั กิ ำรของ สปน. ของประเทศ จึงได้รับมอบหมำยให้เป็นผู้รับผิดชอบขับเคล่ือนและประสำน ได้เลือกเทคนิค PEST (Political, Economic, Social, Technological) งำนนโยบำยและโครงกำรเร่งด่วนหลำยเรื่อง ซึ่งอำจไม่เก่ียวข้องโดยตรงกับ แลว้ ด�ำเนินกำรทบทวนวรรณกรรมและสัมภำษณ์ผบู้ ริหำร สปน. จนไดป้ ัจจัย พันธกิจของ สปน. ท�ำให้ สปน. มีส่วนรำชกำรภำยในท่ีมีภำรกิจหลำกหลำย ขบั เคลอื่ นทสี่ ำ� คญั 2 ปจั จยั คอื นโยบำยของรฐั บำลใหมภ่ ำยหลงั กำรเลอื กตง้ั ได้แก่ ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรกระจำยอ�ำนำจให้แก่องค์กรปกครอง และสถำนกำรณท์ ำงดำ้ นงบประมำณของภำครฐั ในป ี พ.ศ. 2562 หลงั จำกนน้ั ส่วนท้องถ่ิน ส�ำนักงำนสร้ำงเสริมเอกลักษณ์ของชำติ ส�ำนักงำนขับเคล่ือน จงึ นำ� ปจั จยั สำ� คญั ทง้ั 2 ไปวเิ ครำะหฉ์ ำกทศั นต์ ำมแนวทำงและวธิ กี ำรทปี่ รำกฏ กำรพฒั นำตำมปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และสำ� นกั งำนคณะกรรมกำร ในเคร่อื งมอื นี ้ จนกระทง่ั ได้ 4 ฉำกทัศนท์ ่คี ณะที่ปรึกษำนำ� มำจัดท�ำ “เรื่องเล่ำ ขอ้ มลู ขำ่ วสำรของรำชกำร ซงึ่ ในหลำยครง้ั ทำ� ให ้ สปน. ประสบปญั หำกำรเชอ่ื ม (Narrative)” และกลยทุ ธเ์ พื่อรองรบั แตล่ ะฉำกทศั น์ 172 ภาพผนวก เครอ่ื งมือการมองอนาคต

ขั้นตอนที่ 4 คือ กำรจัดท�ำแผ นยุทธศำสตร์ระยะ 20 ปี ของ สปน. ด้วย 1. กำรกำ� หนดตวั ชวี้ ดั ควำมสำ� เรจ็ ตำมวสิ ยั ทศั นท์ เี่ หมำะสม ทนั สมยั และ เทคนิคกำรพยำกรณ์ย้อนหลัง (Backcasting) โดยคณะที่ปรึกษำจัดประชุม มคี วำมเปน็ “อนาคตที่ถกู ใชแ้ ล้ว (Used Futures)” เชิงปฏิบัติกำรในวันที่ 26 พฤศจิกำยน 2561 เพ่ือให้บุคลำกรส�ำนักแผนและ 2. กำรส�ำรวจสภำพแวดล้อมเชิงลึกอย่ำงตรงไปตรงมำและครอบคลุม กิจกำรพิเศษของ สปน. น�ำปัจจัยส�ำคัญจำกกำรส�ำรวจสภำพแวดล้อมและ ทกุ ด้ำน เนื่องจำกบุคลำกร สปน. ยังยึดตดิ กบั แนวคิดกำรจัดทำ� แผน ขอ้ มลู จำกกำรวเิ ครำะหฉ์ ำกทศั น ์ มำกำ� หนดเปำ้ หมำยตำมชว่ งระยะเวลำ (ทกุ 5 ป)ี ยุทธศำสตร์แบบดง้ั เดิม ทำ� ใหท้ ุกปจั จยั ขบั เคลอื่ นเป็น “ปัจจยั สาำ คญั ” พรอ้ มทงั้ กำ� หนดแนวทำงรองรบั สงิ่ ทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ในแตล่ ะชว่ งระยะเวลำ ตำมแนวทำง จนไมส่ ำมำรถนำ� มำกำ� หนดเปน็ กลยุทธ์ทมี่ คี วำมหมำยได้ และวิธีกำรในเครอ่ื งมือนี้ 3. กำรก�ำหนดแผนยุทธศำสตร์ระยะ 20 ปี โดยใช้เทคนิคกำรพยำกรณ์ ย้อนหลัง ประสบปัญหำ “เปา้ หมายจาำ นวนมาก” แต่ “กลยทุ ธม์ จี าำ นวนนอ้ ย” สิ่งท่ีท้ำทำยส�ำหรับกำรมองอนำคตเพ่ือสร้ำงวิสัยทัศน์และเปล่ียนผ่ำน ทำ� ให้ไม่ปรำกฏแนวทำงกำรขบั เคลอ่ื นแผนยุทธศำสตร์ที่ชัดเจน องค์กรของ สปน. ม ี 3 ประเดน็ คอื ภาพผนวก 173 เครอ่ื งมอื การมองอนาคต

ภาคผนวก 4 กรณีศึกษา: การผสมผสานเคร่ืองมือการมองอนาคตสำาหรับการทดสอบนโยบาย (Policy Test) กรณีศึกษำตัวอย่ำงกำรผสมผสำนเครื่องมือกำรมองอนำคตส�ำหรับ 2. กำรใชฐ้ ำนขอ้ มลู ขนำดใหญ ่ (Big Data) ดำ้ นกำรกระทำ� ผดิ ซำ�้ ทำงอำญำ กำรทดสอบนโยบำย (Policy Test) เป็นกรณศี กึ ษำ Policy Lab จำกประเทศ (Recidivism) เพื่อก�ำหนดแนวทำงกำรบ�ำบัดฟื้นฟูและติดตำม เนเธอร์แลนด์ซึ่งได้รับจัดตั้งข้ึนส�ำหรับกำรก�ำหนดนโยบำยสำธำรณะโดย ผู้พ้นโทษคดีอำญำ ซึ่งเป็นส่วนหน่ึงของยุทธศำสตร์กำรป้องกัน ใช้ข้อมูล ระเบียบวิธีวิจัยท่ีทันสมัย และกำรบูรณำกำรหลำกหลำยศำสตร์ อำชญำกรรมอยำ่ งย่ังยืนของประเทศ ภำยใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ท่ีน้อยที่สุด เพื่อให้เกิดนวัตกรรมเชิงนโยบำย หัวใจส�ำคัญของกำรทดสอบนโยบำยในเชิงอนำคตศำสตร์ คือ และเทคโนโลยีท่ีตอบโจทย์สังคม โดยตัวอย่ำงนโยบำยสำธำรณะที่ผ่ำน ควำมสำมำรถในกำรวิเครำะห์ฐำนข้อมูลขนำดใหญ่ (Big Data Analytics) กระบวนกำร Policy Lab ไดแ้ ก่ เพื่อให้ไดข้ อ้ มลู ท่สี ำมำรถสะท้อนผลกระทบจำกนโยบำยไดท้ ันท ี (Real Time) 1. กำรใช้ฐำนข้อมูลขนำดใหญ่ (Big Data) ช่ือว่ำ “Social Emotional Skills” ในกำรก�ำหนดนโยบำยพัฒนำพฤตินิสัยของเด็กและเยำวชน ในเมอื ง Rotterdam โดยมวี ตั ถปุ ระสงค ์เพอ่ื ปอ้ งกนั ปญั หำอำชญำกรรม ในกลมุ่ เด็กและเยำวชนอยำ่ งยง่ั ยืนและมปี ระสทิ ธภิ ำพ 174 ภาพผนวก เครื่องมอื การมองอนาคต

ภาคผนวก 5 กรณีศึกษา: การผสมผสานเคร่ืองมือการมองอนาคตสำาหรับการบุกเบิกนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กำรมองอนำคตเพ่ือบุกเบิกนวัตกรรมทำงด้ำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี รวมท้ังนวัตกรรมสังคมและกำรพัฒนำที่ย่ังยืน47 ในลักษณะท่ีท้ำทำย ประกอบด้วยเคร่อื งมือกำรมองอนำคต 3 เครือ่ งมอื คอื กระบวนทศั น์ แนวคิด ทฤษฎีแบบด้งั เดมิ และคำ่ นยิ มทำงสงั คม เพอ่ื กอ่ ใหเ้ กดิ 1. กำรสรำ้ งตวั แบบนวนยิ ำยวิทยำศำสตร์ กำรเปลี่ยนแปลงที่มำกกว่ำกำรเปล่ียนแปลงในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป (Science Fiction Prototype: SFP) (Incremental Change) ทั้งนี้ นวนิยำยวิทยำศำสตร์จะสำมำรถก�ำหนด 2. กำรพยำกรณ์ยอ้ นหลัง (Backcasting) รปู แบบและองคค์ วำมรทู้ ำงดำ้ นวทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ โลกอนำคต และ 3. แผนทน่ี �ำทำงเทคโนโลยี (Technology Roadmap: TRM) สง่ ผลกระทบอยำ่ งมนี ยั ยะสำ� คญั ตอ่ วถิ ชี วี ติ มนษุ ย์ได ้ หำกนำ� แนวคดิ กำรสรำ้ ง ตวั แบบนวนยิ ำยวทิ ยำศำสตร ์ (SFP) มำผสมผสำนกบั แนวคดิ กำรพยำกรณ์ โดยอำจเลือกใช้กำรพยำกรณ์ย้อนหลังหรือแผนที่น�ำทำงเทคโนโลยี ย้อนหลงั (Backcasting)48 อย่ำงใดอย่ำงหน่ึงได้ ข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์ในกำรสร้ำงนวัตกรรม กล่ำวคือ หำกต้องกำรพัฒนำตัวแบบผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีตำมแนวคิดที่ปรำกฏ ส�ำหรับตัวอย่ำงกรณีศึกษำกำรน�ำแนวคิดตัวแบบนวนิยำยวิทยำศำสตร ์ ในนวนิยำยวิทยำศำสตร์ ก็ควรใช้กำรพยำกรณ์ย้อนหลังเป็นหลัก แต่หำก (SFP) มำผสมผสำนกับกำรพยำกรณ์ย้อนหลัง (Backcasting) มำจำก ต้องกำรก�ำหนดแผนกำรตลำดและแผนกลยุทธ์องค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับ งำนวจิ ยั ของ Ilstedt และ Wangel49 ซงึ่ ใชเ้ ทคนคิ กำรมองอนำคตทง้ั 2 เครอื่ งมอื แนวคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ตำมนวนิยำยทำงวิทยำศำสตร์ ก็ควรใช้แผนที่น�ำทำง ตอบโจทย์ว่ำ “วิถีชีวิตในเขตเมืองจะต้องอาศัยองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเพื่อให้สำมำรถวิเครำะห์และก�ำหนดแนวทำงบริหำรจัดกำร และเทคโนโลยีใดบ้าง เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายการใช้พลังงานท่ีย่ังยืนภายในปี ทรัพยำกร งบประมำณ และบคุ ลำกรได้อยำ่ งมีประสิทธิภำพ ค.ศ. 2053” ซึ่งได้ก�ำหนดขอบเขตทำงภูมิศำสตร์ส�ำหรับกำรสร้ำงฉำกทัศน์ อนำคตไวท้ น่ี คร Stockholm ประเทศสวเี ดน เพอ่ื ใหส้ ะดวกในกำรเขำ้ ถงึ ขอ้ มลู นวตั กรรมบกุ เบกิ (Trend-setting Innovation) คอื กำรออกแบบ “ความใหม่ และบริบทของสถำนกำรณ์ควำมเป็นจริงที่ต้องกำรออกแบบนวัตกรรม (Newness)”43, 44 ซ่ึงในท่ีน้ี หมำยถึง “สิ่งท่ีควรจะเป็น (What and how งำนวจิ ยั ชิ้นนีจ้ ึงประกอบดว้ ย 2 ขั้นตอน คอื things ought to be)” ไมใ่ ชเ่ พยี งแคก่ ำรปรบั เปลย่ี นสง่ิ ทคี่ นุ้ เคยเพยี งเลก็ นอ้ ย จึงท�ำให้ค�ำว่ำ “นวัตกรรมบุกเบิก” มีควำมหมำยคล้ำยกับ “การออกแบบ 1. กำรก�ำหนดตัวแบบเทคโนโลยีพลังงำนทำงเลือกที่ช่วยให้สำมำรถ เชงิ วพิ ากษ์ (Critical Design)”45 หรอื “การออกแบบเชงิ อนมุ าน (Speculative ลดปริมำณกำรใช้พลังงำนจำกเช้ือเพลิงปิโตรเลียมได้ภำยใน Design)”46 ซึ่งล้วนมีเป้ำหมำยเพื่อพลิกโฉมกระบวนทัศน์กำรออกแบบ ป ี ค.ศ. 2053 ภาพผนวก 175 เครื่องมอื การมองอนาคต

2. กำรวำง แผนพยำกรณ์ย้อนกลับ (Backcasting) เพ่ือก�ำหนด • คณุ จะแสวงหำรำยได้จำกแหลง่ ใดได้บ้ำงในอนำคต เปำ้ หมำยตำมระยะ (Milestone) นบั ตงั้ แตป่ จั จบุ นั จนถงึ ป ี ค.ศ. 2053 โดยเปน็ • คุณคิดว่ำ คุณจะมีที่อยู่อำศัยแบบใดในอนำคต (อำคำรชุดในเขต เป้ำหมำยปริมำณกำรใช้พลังงำนในทุกมิติวิถีชีวิตมนุษย์ ต้ังแต่พลังงำนท่ีใช้ เมอื งหรอื บำ้ นเด่ยี วในเขตชำนเมอื ง) ในกำรผลติ อำหำรและเครอื่ งอปุ โภคบรโิ ภค จนถงึ กจิ กรรมตำ่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำ� วนั จำกกำรส�ำรวจสำมำรถเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยกำรสัมภำษณ์เชิงลึก เชน่ กำรเดินทำง ไปท่องเทยี่ ว เปน็ ต้น จำกประชำกรกลมุ่ ตวั อยำ่ งไดท้ ง้ั สนิ้ 12 คน ซงึ่ ในระหวำ่ งกำรสมั ภำษณเ์ ชงิ ลกึ โดยขนั้ ตอนทส่ี ำ� คญั ทสี่ ดุ คอื ขนั้ ตอนท ี่ 1 เนอื่ งจำกเทคนคิ Backcasting ประชำกรกลุ่มตัวอย่ำงมีควำมสนใจและกระตือรือร้นในฉำกทัศน์วิถีชีวิต โดยหลักกำร แล้วจะไม่สำมำรถด�ำเนินได้ หำกไม่มีเป้ำหมำยท่ีชัดเจน แห่งอนำคตเป็นอย่ำงมำก และถำมค�ำถำมสืบเน่ืองเพ่ือให้ได้ข้อมูลเพ่ิมเติม สำ� หรบั โครงกำรของ Illstedt และ Wangel49 เปำ้ หมำยนนั้ ไดจ้ ำกกำรออกแบบ เกี่ยวกับลักษณ ะของเทคโนโลยีและ “ทรัพยากร” ส�ำหรับกำรอ�ำนวย โดยใช้เทคนคิ SFP ซึ่งมรี ำยละเอียดโดยสงั เขปดังนี้ ควำมสะดวกให้แก่วิถีชีวิตในโลกอนำคต จำกข้อมูลท้ังหมด Illstedt และ 1. การกำาหนดโครงสร้างของนวนิยาย ใช้หลักอนำคตศำสตร์ในกำร Wangel ได้ประมวลและสังเครำะห์เป็นตัวแบบวิถีชีวิตของผู้คนในเขตเมือง ออกแบบโครงสร้ำงของนวนิยำยวิทยำศำสตร์ กล่ำวคือ ก�ำหนดให้ Stockholm ในปี ค.ศ. 2053 ได้ 3 ตัวแบบ โดยใชช้ ่อื สมมุติ49 ดังน้ี เทคโนโลยีพลังงำนแห่งอนำคตและวิถีชีวิต (Lifestyle) สำมำรถมีได้ 1. Katrina มีฐำนะร�่ำรวย มีควำมใส่ใจในสภำพแวดล้อม แต่ไม่ต้องกำร หลำกหลำยฉำกทศั น ์ โดยกำ� หนดประเดน็ หวั ขอ้ ในกำรสรำ้ งฉำกทศั น์ เสียสละควำมสะดวกสบำยท่ีมีอยู่ มีควำมคำดหวังว่ำ เทคโนโลยี ไว ้ 4 ประเดน็ คือ จะช่วยให้เธอสำมำรถใช้ชีวิตอย่ำงสะดวกสบำย แต่ในขณะเดียวกัน 1. อนำคตของแหล่งท่มี ำของรำยได้ (Futures of Income Sources) กช็ ่วยรักษำสภำพแวดลอ้ ม 2. Cecilia มคี วำมสนใจในควำมยุตธิ รรมทำงสงั คมและสิ่งแวดลอ้ มมำก 2. ลักษณะของอำชีพ (Futures of Work) 3. อนำคตของสถำนทอี่ ยู่อำศยั (Futures of Living Space) แตไ่ มม่ คี วำมมน่ั ใจวำ่ เธอจะตอ้ งปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมของเธออยำ่ งไร 4. อนำคตของกำรอยู่อำศยั ในเขตเมือง (Futures of Urban Living) ดังนั้น จึงต้องกำรให้ภำครัฐมีนโยบำยท่ีชัดเจนเก่ียวกับเทคโนโลยีที่ 2. การวิเคราะห์ผลกระทบของนวนิยายวิทยาศาสตร์ต่อวิถีชีวิตมนุษย์ เป็นมิตรต่อสิง่ แวดล้อม ใช้ระยะเวล ำ 18 เดือน ในกำรส�ำรวจควำมคิดเห็นของประชำชน 3. Jonas ตอ้ งใชช้ วี ติ ใกลช้ ดิ กบั ธรรมชำตมิ ำกทสี่ ดุ เขำเปน็ สว่ นหนงึ่ ของ ผู้พ�ำนักอำศัยในเขตเมือง Stockholm เก่ียวกับประเด็นหัวข้อท้ัง เครือข่ำยชมรมผู้รักสิ่งแวดล้อมและชอบกำรรณรงค์และผลักดัน 4 ประเดน็ ทีไ่ ด้กล่ำวมำแล้วข้ำงต้น ตำมค�ำถำมตอ่ ไปนี้ โครงกำรและกิจกรรมอนุรกั ษ์ส่ิงแวดล้อมในระดบั ชุมชนทอ้ งถนิ่ • ในโลกแห่งอนำคตที่มีเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม วิถีชีวิต หลงั จำกไดต้ วั แบบจำกเทคนคิ SFP แลว้ ไดม้ กี ำรนำ� ขอ้ มลู มำกำ� หนดแผนที่ ของมนุษย์จะเป็นอย่ำงไร นำ� ทำง (Roadmap) ทม่ี กี ำรกำ� หนดเปำ้ หมำยตำมชว่ งระยะเวลำ (Milestone) • คุณจะมีวิถีชีวิตอย่ำงไร คุณจะต้องท�ำงำนมำกขึ้นเพื่อให้ได้รำยได้ ในกำรลดปริมำณพลังงำนที่ใช้ในกิจกรรมต่ำง ๆ ในชีวิตประจ�ำวัน ตลอดจน มำกขน้ึ หรอื คุณจะทำ� งำนนอ้ ยลงและมีเวลำวำ่ งมำกขึน้ นโยบำย กลยทุ ธแ ์ ละโครงกำรทจ่ี ำ� เปน็ สำ� หรบั กำรบรรลเุ ปำ้ หมำยในแตล่ ะชว่ ง 176 ภาพผนวก เครอื่ งมอื การมองอนาคต

ภาคผนวก 6 กรณีศึกษา: การผสมผสานเคร่ืองมือการมองอนาคตสำาหรับการวางแผนวิจัยและพัฒนา ในภำคผนวกน้ีน�ำเสนอกรณีศึกษำกำรผสมผสำนเคร่ืองมือกำรมองอนำคตส�ำหรับกำรวำงแผนวิจัยและพัฒนำ 2 ตัวอย่ำง คือ งำนวิจัยของ Li et al. (2015)39 ซงึ่ เปน็ งำนวจิ ยั เกี่ยวกบั พลงั งำนทำงเลือก และ งำนวิจัยของ Souminen et al. (2016)50 ซึง่ มีเน้ือหำเก่ียวกับ Nanotechnology 1. Li et al. (2015)39 ใช้เทคนคิ บรรณมติ ริ ว่ มกบั แผนท่ีนำ� ทำงเทคโนโลยี 2. Souminen et al. (2016)50 ใชเ้ ทคนคิ เดลฟำยรว่ มกบั เทคนคิ บรรณมติ ิ (TRM) วเิ ครำะห์สถำนภำพของงำนวจิ ยั ด้ำน Dye-sensitized Solar ในกำรวิเครำะห์แน วโน้มของ Nanotechnology ตลอดจนระบบ Cell ในปัจจุบัน และวิเครำะห์ควำมสำมำรถของประเทศจีนในสำขำ กฎหมำย โครงสร้ำง พื้นฐำน และนโยบำยภำครัฐเพื่อรองรับ วิจัยดังกล่ำว โดยใช้ข้อมูลกำรตีพิมพ์จำก Web of Science (SCI- พัฒนำกำรของ Nanotechnology ในประเทศต่ำง ๆ นักวิจัยเร่ิมต้น EXPANDED) จ�ำนวน 6,899 รำยกำร ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991-2012 จำกกำรส�ำรวจกำรใช้งำน Nanotechnology ในภำคส่วนต่ำง ๆ มำทำ� กำรวเิ ครำะหจ์ ำ� นวนผลงำนทไ่ี ดร้ บั กำรตพี มิ พ ์ ซงึ่ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ด้วยเทคนิคเดลฟำย หลังจำกน้ันจึงใช้เทคนิคบรรณมิติแสวงหำ จำ� นวนนกั วจิ ยั ใหมแ่ ละจำ� นวนผลงำนตพี มิ พท์ เ่ี พมิ่ ขน้ึ ในแตล่ ะป ี ตลอดจน ทฤษฎี องค์ควำมรู้ และผลงำนวิจัยระหว่ำงปี ค.ศ. 1990-2010 ค�ำส�ำคัญ (Keyword) ท่ีเพิ่มข้ึน โดยใช้โปรแกรม Thomson Data เกยี่ วกบั กำรพฒั นำระบบกฎหมำย นโยบำยสำธำรณะ และโครงสรำ้ ง Analyzer นอกจำกนี้ ยังใช้โปรแกรม Ucinet เพื่อวิเครำะห์กำรร่วม พน้ื ฐำนเพอื่ รองรบั Nanotechnology ในอนำคต ในตอนทำ้ ยของงำน ปรำกฏของช่ือหน่วยงำนวิจัย กำรใช้ค�ำส�ำคัญร่วม ควำมร่วมมือ วิจัยชิ้นนี้ นักวิจัยได้เสนอแผนท่ีน�ำทำงเทคโนโลยีเพ่ือพัฒนำระบบ ระหว่ำงประเทศ หลังจำกน้ันน�ำผลที่ได้จำกกำรวิเครำะห์บรรณมิติไป ต่ำง ๆ เพือ่ รองรบั Nanotechnology แห่งอนำคต นำ� เสนอในกำรประชมุ สมั มนำเชิงปฏบิ ัตกิ ำรซ่งึ มีกำรเชญิ ผู้เช่ยี วชำญ จำกหน่วยงำนวิจัย อุตสำหกรรม ผู้ก�ำหนดนโยบำย และภำคธุรกิจ มำร่วมสัมมนำเพ่ือเก็บข้อมูลเชิงคุณภำพเกี่ยวกับประเด็นทำงธุรกิจ กำรตลำด นโยบำย และกลยุทธ์ ก่อนจะน�ำไปจัดท�ำแผนท่ีน�ำทำง เทคโนโลยี (TRM) เพ่ือคำดกำรณ์สภำพแวดล้อมทำงอุตสำหกรรม และเหตุกำรณ์ที่จะส่งอทิ ธพิ ลตอ่ กำรเตบิ โตของเทคโนโลยี Solar Cell ในอนำคต ภาพผนวก 177 เครื่องมือการมองอนาคต

ภาคผนวก 7 เครื่องมือการมองอนาคตอ่ืนท่ีได้รับความนิยมในสาขาอนาคตศาสตร์ 1. สามเหล่ียมแหง่ อนาคต (Futures Triangle) มิตดิ ึงดดู จำกอนำคต เทคนิคสำมเหลี่ยมแห่งอนำคต โดย Sohail Inayatulah มีหลักกำร (Pull of the future) คือ อนำคตทุกรูปแบบประกอบด้วย 3 มิติ ซึ่งควำมสัมพันธ์ของท้ัง 3 มิตินั้น ก่อให้เกิดพื้นที่แห่งอนำคตท่ีเป็นไปได้ภำยในสำมเหลี่ยม ทั้งนี้ สำมำรถใช้ อนาคตที่สามารถ ภำพสำมเหลี่ยมแห่งอนำคตน้ีในกำรระดมควำมคิดเกี่ยวกับฉำกทัศน์ เกิดข้ึนได้ สถำนกำรณ์ควำมเป็นไปได้ในกำรประชุมสัมมนำเชิงปฏิบัติกำร โดยแต่ละมิติ มีรำยละเอยี ดแตกต่ำงกนั ดงั น้ี มิติแรงผลกั ดันจำกปจั จุบนั มิตแิ รงเหนี่ยวน�ำจำกอดตี (Push of the Present) (Weight of the Past) 1) มติ ิแรงเหน่ียวนำาจากอดีต (Weight of the Past) • สงิ่ ใดขดั ขวำงไมใ่ ห้เดินหน้ำสู่อนำคต ภำพท่ ี 18 ตัวอยำ่ งภำพสำมเหลย่ี มแหง่ อนำคต • ส่ิงใดคอื เคร่อื งขดั ขวำงกำรเปล่ียนแปลง 2) มติ ิแรงผลกั ดนั จากปัจจุบัน (Push of the Present) • ปัจจัยใดท่ผี ลักดนั ใหม้ งุ่ หน้ำสู่อนำคต • ปัจจัยขับเคล่ือนใดท่ีก�ำลังเปลี่ยนแปลงปัจจุบันให้ไปสู่อนำคต (เนน้ ขอ้ มลู เชงิ ปรมิ ำณ เชน่ จำ� นวนผสู้ งู อำย ุ จำ� นวนนกั ศกึ ษำระดบั ปรญิ ญำตรที ่ลี ดลง เป็นต้น) 3) มิตแิ รงดึงดดู จากอนาคต (Pull of the Future) • ภำพแหง่ อนำคตทพ่ี งึ ประสงค์เปน็ อยำ่ งไร • ภำพแห่งอนำคตทำงเลือกนอกเหนือจำกภำพท่ีพึงประสงค์ เป็นอย่ำงไร • ส่งิ ใดของภำพแห่งอนำคตทกี่ ำ� ลงั ดึงดดู 178 ภาพผนวก เคร่ืองมอื การมองอนาคต

2. วงล้อแหง่ อนาคต (Futures Wheel) ผลกระทบ ผลกระทบ เทคนิคกำรวิเครำะห์ “ผลกระทบขั้นต้นหรือผลกระทบโดยตรง (Primary ขนั้ ที่ 2 ข้นั ท่ี 2 or Direct Impact)” และ “ผลกระทบข้ันที่ 2 หรือผลกระทบทางอ้อม ผลกระทบ (Secondary or Indirect Impact)” ของปรำกฏกำรณก์ ำรเปลยี่ นแปลงทสี่ นใจ ผลกระทบ ข้ันต้น ผลกระทบ ผลกระทบ ผลกระทบ โดยมีข้นั ตอนกำรวิเครำะหด์ ังนี้ ข้ันท่ี 2 ผลกระทบ ขน้ั ต้น ขั้นตน้ ขนั้ ท่ี 2 ผลกระทบ ขนั้ ตน้ ผลกระทบ 1) ระบุปรำกฏกำรณ์หรือกำรเปลี่ยนแปลงท่ีสนใจ โดยวำดรูปวงกลม ขั้นที่ 2 ปรากฏการณ์ ผลกระทบ ข้นั ที่ 2 แลว้ เขียนช่อื ปรำกฏกำรณน์ ้ันโดยสงั เขปในวงกลมนน้ั ผลกระทบ ทต่ี ้องการ ขน้ั ต้น 2) ระบผุ ลกระทบขน้ั ตน้ หรอื ผลกระทบโดยตรงทเ่ี กดิ จำกปรำกฏกำรณน์ นั้ ขนั้ ท่ี 2 ศกึ ษา ผลกระทบ (มีได้มำกกว่ำ 1 ผลกระทบ) โดยเขียนระบุผลกระทบข้ันต้นโดยสังเขป ขัน้ ที่ 2 ในวงกลมลอ้ มรอบวงกลมทเ่ี ขยี นปรำกฏกำรณห์ รอื กำรเปลยี่ นแปลง ผลกระทบ ผลกระทบ ในขน้ั ตอนท ่ี 1 หลงั จำกนนั้ ลำกเสน้ เชอื่ มโยงวงกลมปรำกฏกำรณก์ บั ขน้ั ท่ี 2 ขั้นที่ 2 วงกลมผลกระทบข้ันตน้ 3) ระบุผลกระทบขั้นที่ 2 หรือผลกระทบทำงอ้อม (มีได้มำกกว่ำ 1 ผลกระทบเชน่ กนั ) โดยเขยี นระบใุ นผลกระทบขน้ั ท ่ี 2 โดยสงั เขปในวงกลม รอบแนววงกลมผลกระทบขนั้ ตน้ หลงั จำกนนั้ ลำกเสน้ เชอ่ื มโยงวงกลม ผลกระทบข้นั ท ี่ 2 กับวงกลมผลกระทบขน้ั ตน้ 4) อำจมีผลกระทบขั้นอื่น ๆ ได้ เช่น ผลกระทบข้ันที่ 3 ผลกระทบข้ันที่ 4 เป็นตน้ ภำพท่ี 19 ตวั อยำ่ งภำพวงลอ้ แห่งอนำคต ภาพผนวก 179 เครื่องมือการมองอนาคต

3. การวเิ คราะหส์ าเหตุหลายชว่ งชน้ั (Causal-Layered Analysis: CLA) เป็นแนวทำงกำรส�ำรวจสภำพแวดล้อมเชิงลึก (Horizon Scanning) โดยจุดเด่นของเทคนคิ CLA ที่แตกตำ่ งจำกเทคนิคสำ� รวจสภำพแวดล้อม ท่ีพัฒนำขึ้นโดย Sohail Inayatulah นักอนำคตศำสตร์ชำวปำกีสถำน- เชงิ ลกึ คอื กำรวเิ ครำะหถ์ งึ ชน้ั เรอ่ื งเลำ่ คำ� อปุ มำอปุ ไมย และรปู ภำพทส่ี ะทอ้ นถงึ ออสเตรเลีย เป็นกำรส�ำรวจสภำพแวดล้อมเพ่ือน�ำไปสู่กำรก�ำหนดภำพ ตน้ ตอของปญั หำ ซงึ่ ตอ้ งเปน็ สงิ่ ทยี่ อมรบั โดยทวั่ ไป และเนน้ กำรใชก้ ระบวนกำร แผน หรือนโยบำยเก่ียวกับอนำคต CLA ประกอบด้วย 4 ช่วงชั้น (Layer) ถกเถียงเพอ่ื ให้ไดข้ ้อยุต ิ (Deliberation) ในกำรเก็บรวบรวมข้อมลู ดังตำรำงท ี่ 7 ตารางที่ 7 นิยามในแต่ละช่วงชั้น (Layer) ชว่ งชน้ั (Layer) นิยาย ปัญหำ (Litany or Problem) สำเหตุ (Cause) เหตุกำรณ์ ปรำกฏกำรณ์ แนวโน้ม ควำมคิดเห็น นโยบำย ข้อมลู สถิติ กระบวนทศั น์ (Worldview) รำกเหง้ำของปัญหำซ่ึงได้จำกกำรวิเครำะห์เชิงเทคนิคกำรวิเครำะห์ ค�ำอุปมำอุปไมย (Metaphor) ทำงด้ำนสังคม กำรวิเครำะห์เชิงนโยบำย แนวคดิ ทฤษฎ ี วัฒนธรรม ค�ำนยิ ม เรื่องเล่ำ ค�ำอุปมำอุปไมย และรูปภำพที่สะท้อนถึงต้นตอของ ปญั หำ โดยตอ้ งเป็นทยี่ อมรบั โดยทัว่ ไป 180 ภาพผนวก เครือ่ งมอื การมองอนาคต

อ้างอิง (ตามลำาดับที่ปรากฏในเนื้อหา) 1. Yawson, R. M. & Greiman, B. C. (2017). Strategic flexibility analysis of agrifood nanotechnology skill needs identification. Technological Forecasting and Social Change, 118: 184-94. 2. Lu, L. Y. Y., Hsieh, C.-H., & Liu, J. S. (2016). Development trajectory and research themes of foresight. Technological Forecasting and Social Change, 112: 347-56. 3. Inayatullah, S., & Song, M.-M. (2014). Visions and scenarios of democratic governance in Asia 2030. Futures, 60: 1-13. 4. Amara, R. (1991). Views on futures research methodology. Futures, 23 (6): 645-49. 5. Bell, W. (1997). Foundations of futures studies. New Brunswick, New Jersey: Transaction Publishers. 6. Voros, J. (2003). “A generic foresight process framework.” Foresight, 5 (3): 10-21. 7. Taylor, C.W. (1990). Creating strategic visions. Carlisle, Pennsylvania: Strategic Studies Institute, US Army War College. 8. Hancock, T., & Bezold, C. (1994). Possible futures, preferable futures. Healthcare Forum Journal, 37 (2): 23-29. 9. Clarke, A.C. (2000). Profiles of the futuret An inquiry into the limits of the possible. London: Orion Books, London. 10. Slaughter, R. (1996). Futures Studies: From Individual to Social Capacity. Futures, 28 (8): 751-762. 11. Rittel, H, & Webber, M. (1973). Dilemmas in a General Theory of Planning. Policy Science, 4: 155-169. 12. Sudhipongpracha, T., & Walzer, N. (2015). Rural Community Development in Motion: University-based Community Visioning and Strategic Planning Programs in the United States. In C. Carlot, C. J.-M. Filoque, M. Osborne, & P. Welsh, The Role of Higher Education in Regional and Community Development and in the Time of Economic Crisis (pp. 55-74). Leicester, U.K.: NIACE. 13. Barhad, K., & Veres, A. S. (2018). Visioning through diversity: an open, digital collaborative research tool for design classrooms, industry and citizens. Proceedings of the 20th International Conference on Engineering and Product Design Education (E&PDE 2018), Dyson School of Engineering, Imperial College, London. 6th-7th September 2018 (pp. 744-751). อา้ งองิ 181 เคร่อื งมือการมองอนาคต

14. Al-Zu’bi, H. A. (2016). Aspects of Strategic Intelligence and its Role in Achieving Organizational Agility: An Empirical Investigation. International Journal of Academic Research in Business and Social Sciences, 6 (4), 233-241. 15. Meletiou-Mavrotheris, M., & Koutsopoulos, K. (2018). Projecting the Future of Cloud Computing in Education: A foresight study using the Delphi Method. In Handbook of Research on Educational Design and Cloud Computing in Modern Classroom Settings (pp. 262- 290). IGI Global. 16. Zartha, J. W., Montes, J. M., Vargas, E. E., Palacio, J. C., Hernández, R., & Hoyos, J. L. (2018). Methods and Techniques in Studies Related to the Delphi Method, Innovation Strategy, and Innovation Management Models. International Journal of Applied Engineering Research, 13(11), 9207-9214. 17. Hsieh, C. H., Lin, C. H., & Huang, J. L. (2017). Foresight for E-paper development in Taiwan. Foresight, 19(1), 65-80. 18. Qi, Y., & Tapio, P. (2018). Weak Signals and Wild Cards Leading to Transformative Disruption: A Consumer Delphi Study on the Future of e-Commerce in China. World Futures Review, 10 (1), 54–82. 19. Raban, Y., & Hauptman, A. (2018). Foresight of cyber security threat drivers and affecting technologies. Foresight, 20 (4), 353-363. 20. Schwartz, P. (1996). The art of the long view: planning for the future in an uncertain world. New York: Doubleday. 21. Stollt M., & Meinert S. (eds.). (2010). Worker participation 2030: four scenarios. Brussels: ETUI. 22. Coen, M. H. (1998). Design principles for intelligent environments. Proceedings of the National Conference on Artificial Intelligence (pp. 547-554). John Wiley & Sons Ltd. 23. Penley, C. (1997). NASA/Trek: popular science and sex in America. Verso. 24. Evangelista, B. (2004). Trek Tech: 40 years since the Enterprise’s inception, some of its science fiction gadgets are part of everyday life. San Francisco Chronicle, SanFrancisco. 25. Johnson, B. (2011). Science fiction for prototyping: designing the future with science fiction. Morgan & Claypool Publishers. 26. Li, B., & Riedl, M. O. (2011). Creative gadget design in fictions: generalized planning in analogical spaces. Proceedings of the 8th ACM Conference on Creativity and Cognition (pp. 41-50). ACM Press. 27. Saritas, O., & Smith, J. E. (2011). The Big Picture – trends, drivers, wild cards, discontinuities and weak signals. Futures, 43(3), 292-312. 182 อา้ งองิ เคร่อื งมือการมองอนาคต

28. Forward Thinking Platform (2014). A glossary of terms commonly used in futures studies. Rome: Global Forum on Agricultural Research: Forward Thinking Platform. 29. Oner, M., Basoglu, A. N., & Kok, M. S. (2007). Megatrends as perceived in Turkey in comparison to Austria and Germany. Technological Forecasting and Social Change, 74(4), 538-557. 30. Hajkowicz, S., Cook, H., & Littleboy, A. (2012). Our Future World: Global megatrends that will change the way we live. The 2012 Revision: Citeseer. 31. Chung, C. A. (2003). Simulation modeling handbook: a practical approach: CRC press. 32. Pegden, C. D., Shannon, R. E., & Sadowski, R. P. (1995). Introduction to simulation using SIMAN (Vol. 2): McGraw-Hill New York. 33. Aparicio, S., Urbano, D., & Audretsch, D. (2016). Institutional factors, opportunity entrepreneurship and economic growth: Panel data evidence. Technological Forecasting and Social Change, 102, 45-61. 34. Wangel, J. (2011). Exploring social structures and agency in backcasting studies for sustainable development. Technological Forecasting and Social Change, 78(5), 872-882. 35. Carlsson-Kanyama, A., Dreborg, K. H., Moll, H., & Padovan, D. (2008). Participative backcasting: a tool for involving stakeholders in local sustainability planning. Futures, 40(1), 34-46. 36. Oliveira, M., & Rozenfeld, H. (2010). Integrating technology roadmapping and portfolio management at the front-end of new product development. Technological Forecasting and Social Change, 77(8), 1339-1354. 37. Phaal, R., Farrukh, C. J. P., & Probert, D. R. (2004). Technology roadmapping: a planning framework for evolution and revolution. Technological Forecasting and Social Change, 71(1-2), 5-26. 38. Ibid. 39. Li, X., Zhou, Y., Xue, L., & Huang, L. (2015). Integrating bibliometrics and roadmapping methods: A case of dye-sensitized solar cell technology-based industry in China. Technological Forecasting and Social Change, 97, 205-222, 40. Johnson, G., Scholes, K., & Whittington, R. (2008). Exploring corporate strategy: text and cases (5th ed.). Essex: Prentice Hall. อา้ งอิง 183 เครอ่ื งมือการมองอนาคต

41. Stelzer, B., Meyer-Brotz, F., Schiebel, E., & Brecht, L. (2015). Combining the scenario technique with bibliometrics for technology foresight: The case of personalized medicine. Technological Forecasting and Social Change, 98, pp. 137-156. 42. Gavaria-Marin, M., Merigo, J.M., & Popa, S. (2018). Twenty years of the Journal of Knowledge Management: a bibliometric analysis. Journal of Knowledge Management, 22 (8), pp.1655-1687 43. Ehrnberger, K., Broms, L. & Katzeff, C. (2013). Becoming the Energy Aware Clock – Revisiting the Design Process through a Feminist Gaze. In: Nordes 13 Experiments in design research. Online proceedings, Copenhagen, June 9-12, 2013. The Royal Danish Academy of Fine Arts, Available at: [http://www.nordes.org/nordes2013/ pictures/Nordes2013Proceedings.pdf] 44. Ericson, M. & Mazé, R. (eds.) (2011). DESIGN ACT: Socially and politically engaged design today. Berlin: Sternberg/Iaspis. 45. Dunne, A. & Raby, F. (2011). Design Noir: the secret life of electronic objects, Birkhäuser 46. Auger, J. (2013). Speculative design: crafting the speculation, Digital Creativity, 24(1), 11- 35. 47. Brown,T, 2009, Change by Design: How Design Thinking Transforms Organizations and Inspires Innovation, Harper Collins; New York 48. Dourish, P. & Bell, G. (2012). “Resistance is futile”: reading science fiction alongside ubiquitous computing. Personal and Ubiquitous Computing. May 2013, Springer Verlag. 49. Ilstedt, S., & Wangel, J. (2014). Altering expectations: How design fictions and backcasting can leverage sustainable lifestyles. In DRS (Design Research Society) 2014: Design’s Big Debates-Pushing the Boundaries of Design Research. Umeå, Sweden, June 16-19 2014. 50. Suominen, A., Li, Y., Youtie, J., & Shapira, P. (2016). A bibliometric analysis of the development of next generation active nanotech- nologies. Journal of Nanoparticle Research, 18(9), 270. 184 อ้างอิง เครื่องมอื การมองอนาคต

เ ค รื่ อ ง ม ื อ ก า ร ม อ ง อ น า ค ต สำนักงานนวัตกรรมแหงชาติ (องคการมหาชน) ISBN : 978-616-12-0594-2 73/2 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ‹งพญาไท เขตราชเทว� กรุงเทพฯ 10400 9 786161 205942 โทรศัพท : 02-017 5555 โทรสาร : 02-017 5566 อีเมล : [email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook