Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แบบฝึกPISA

Description: แบบฝึกPISA

Search

Read the Text Version

แบบฝƒกพัฒนาทกั ษะการแกปŒ ˜ญหา ตามแนวทางการประเมินของ ศูนย PISA สพฐ. สํานักทดสอบทางการศกึ ษา สาํ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2562

แบบฝกึ พฒั นาทักษะการแก้ปัญหา ตามแนวทางการประเมินของ ส�ำ นกั ทดสอบทางการศกึ ษา ส�ำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2562

แบบฝึกพัฒนาทกั ษะการแก้ปัญหา ตามแนวทางการประเมินของ ปีท่ีพมิ พ ์ พ.ศ. 2562 จ�ำ นวนพมิ พ์ 10,500 เลม่ ผู้จดั พิมพ ์ ส�ำ นักทดสอบทางการศกึ ษา สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร พิมพท์ ่ี โรงพิมพ์ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำ�กดั 79 ถนนงามวงศว์ าน แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร กรงุ เทพมหานคร 10900 โทร. 0-2561-4567 โทรสาร 0-2579-5101 นายโชคดี ออสวุ รรณ ผพู้ มิ พ์ผู้โฆษณา

ค�ำ นำ� ตามที่ OECD จัดใหม้ กี ารประเมนิ ผลนักเรียนร่วมกบั นานาชาติ (Programme for International Student Assessment : PISA) มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินคุณภาพของระบบการจัดการศึกษาของประเทศ สมาชิกและประเทศร่วมโครงการ โดย PISA ประเมินความสามารถในการใช้ความรูแ้ ละทักษะของนกั เรียนที่มีอายุ 15 ปี ครอบคลุมใน 3 ดา้ น คือ การรูเ้ ร่ืองการอา่ น (Reading Literacy) การร้เู ร่ืองคณิตศาสตร์ (Mathematical Literacy) และการรเู้ รอ่ื งวทิ ยาศาสตร์ (Scientific Literacy) และท�ำ การประเมนิ 3 ปตี อ่ ครง้ั ส�ำ หรบั ประเทศไทย เขา้ รว่ ม PISA ในลกั ษณะของประเทศรว่ มโครงการตง้ั แต่ PISA 2000 โดยเขา้ รว่ มการประเมนิ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งจนถงึ PISA 2018 ซง่ึ จะมขี นึ้ ในเดอื นสงิ หาคม พ.ศ. 2561 โดยการประเมนิ ครง้ั นมี้ โี รงเรยี นสงั กดั ส�ำ นกั งานคณะกรรมการ การศึกษาขัน้ พ้นื ฐานเป็นกล่มุ เป้าหมายจ�ำ นวนท้งั ส้นิ 153 โรง ดังนั้น เพ่ือให้ผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายของการสอบ PISA 2018 มีส่ือสำ�หรับทบทวนความรู้ และ ฝึกทักษะการเช่ือมโยงความรู้เพ่ือการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการดำ�เนินชีวิตประจำ�วัน สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน จึงได้จัดทำ�แบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทาง การประเมินของ PISA จำ�นวน 2 เล่ม คือ แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมิน ของ PISA และคมู่ อื การใชแ้ บบฝกึ พฒั นาทกั ษะการแกป้ ญั หาตามแนวทางการประเมนิ ของ PISA เพอื่ ใหค้ รผู สู้ อน มสี ่ือทีส่ อดคล้องกบั กรอบการประเมินของ PISA ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาผเู้ รียน สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน หวังเป็นอย่างย่ิงว่าแบบฝึกพัฒนาทักษะ การแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนและสถานศึกษาในการนำ�ไปใช้ พัฒนาผูเ้ รยี น และขอขอบคุณคณะท�ำ งานท่ีรว่ มจดั ท�ำ แบบพัฒนาทกั ษะการแกป้ ญั หาตามแนวทางการประเมิน ของ PISA จนสำ�เร็จลุล่วงดว้ ยดี (นายบญุ รกั ษ์ ยอดเพชร) เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พื้นฐาน

ค�ำชีแ้ จง เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 ครบรอบการประเมินของ PISA (Programme for International Student Assessment) เพอื่ เปน็ การพฒั นาผเู้ รยี นทเ่ี ปน็ กลมุ่ เปา้ หมายของการสอบใหม้ สี อ่ื ส�ำหรบั ทบทวนความรู้ และฝึกทักษะการเช่ือมโยงความรู้เพ่ือการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการด�ำเนินชีวิต ประจ�ำวัน ศูนย์ PISA สพฐ. จึงได้จัดท�ำแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ขึ้น ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ด้านการรู้เร่ืองการอ่าน แบบฝึกทักษะการแกป้ ญั หาตามแนวทางการประเมินของ PISA ดา้ นการรเู้ รื่องคณิตศาสตร์ และแบบฝึกทักษะ การแกป้ ญั หาตามแนวทางการประเมนิ ของ PISA ดา้ นการรเู้ รื่องวิทยาศาสตร์ กรอบการจดั ท�ำแบบฝึกทกั ษะ การจดั ท�ำแบบฝกึ ทกั ษะการแกป้ ญั หาตามแนวทางการประเมนิ ของ PISA ครงั้ นี้ ก�ำหนดกรอบการจดั ท�ำ โดยองิ ตามกรอบการประเมินของ PISA แต่ละด้าน ดงั น้ี นิยามของแบบฝึกทักษะ : แบบฝึกที่จัดท�ำขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของนักเรียน ท่นี �ำไปส่กู ารแกป้ ญั หาตามนิยามและกรอบโครงสรา้ งการประเมนิ การร้เู รื่องการอา่ น คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร ์ กรอบการจัดท�ำแบบฝึก : องิ ตามกรอบโครงสร้างการประเมนิ ของ PISA แตล่ ะดา้ น ดังน้ี u การรู้เร่ืองการอา่ น สถานการณห์ รอื บรบิ ท (Situation) เปน็ สาระหรอื ขอ้ มลู แวดลอ้ มทนี่ �ำมาเปน็ สอื่ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี น อ่าน 4 บริบท ได้แก่ ส่วนตวั สาธารณะ การงานอาชีพ และการอา่ นเพ่ือการศกึ ษา เนือ้ เร่อื ง (Text) เป็นรปู แบบของการน�ำเสนอทง้ั ในรูปของสือ่ ส�ำนวนภาษา และการน�ำเสนอ ความสามารถดา้ นการอา่ น เปน็ ความสามารถของนกั เรยี นในการท�ำความเขา้ ใจตอ่ สง่ิ ทอี่ า่ น ไดแ้ ก่ การเขา้ ถึงและคน้ คนื สาระ การบรู ณาการและการตีความ และการสะท้อนและประเมนิ u การร้เู รือ่ งคณติ ศาสตร์ สถานการณห์ รอื บรบิ ท (Context) เปน็ สาระหรอื ขอ้ มลู แวดลอ้ มทปี่ ญั หานนั้ ตง้ั อยู่ 4 บรบิ ท ไดแ้ ก่ ส่วนตัว สาธารณะ การงานอาชีพ และวิทยาศาสตร์ เนื้อหาคณิตศาสตร์ (Content) เป็นสาระความรู้ท่ีนักเรียนต้องน�ำมาใช้เช่ือมโยง เพอื่ การแกป้ ัญหา ไดแ้ ก่ สาระความรู้คณิตศาสตรท์ ่ีเก่ียวกบั การเปลีย่ นแปลงและความสัมพันธ์ ปรภิ ูมแิ ละรูปทรง ปริมาณ และความไม่แน่นอนและขอ้ มลู กระบวนการทางคณิตศาสตร์ (Process) เป็นกระบวนการท่ีใช้อธิบายสิ่งท่ีแต่ละคนท�ำ เพ่ือเช่ือมโยงบริบทของปัญหากับคณิตศาสตร์แล้วน�ำไปสู่การแก้ปัญหา ประกอบด้วย การคิดสถานการณ์ปัญหา ในเชงิ คณติ ศาสตร์ การใชห้ ลกั การและกระบวนการทางคณติ ศาสตรใ์ นการแกป้ ญั หา และการตคี วามและประเมนิ ผลลัพธ์ทางคณิตศาสตร์ u การรเู้ ร่ืองวิทยาศาสตร์ สถานการณ์และบริบทของวิทยาศาสตร์ สถานการณ์ในชีวิตท่ีเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยรี ะดบั บคุ คล ระดับทอ้ งถิ่น ระดบั ประเทศ และระดบั โลก สมรรถนะทางวิทยาศาสตร์ เป็นความสามารถในการอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนในเชิง วิทยาศาสตร์ ประเมินและออกแบบกระบวนการสืบเสาะหาความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ และแปลความหมายข้อมลู และใช้ประจกั ษพ์ ยานเชงิ วิทยาศาสตร์

ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ความเข้าใจในข้อเท็จจริง แนวคิดหลัก และทฤษฎีส�ำคัญ ที่ท�ำให้เกิด ความรูพ้ นื้ ฐานทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย ความรดู้ า้ นเน้ือหา ความรดู้ า้ นกระบวนการ และความรู้เก่ียวกบั การได้มาของความรู้ เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความสนใจในวทิ ยาศาสตร์ การใหค้ วามส�ำคญั กบั วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ท่นี �ำมาสู่การสืบเสาะหาความรู้ และความตระหนกั ถึงสง่ิ แวดล้อม การน�ำแบบฝึกไปใชส้ �ำหรับครผู ู้สอน แบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ทั้งการรู้เร่ืองการอ่าน การรู้เร่ือง คณิตศาสตร์ และการรู้เร่ืองวิทยาศาสตร์ จัดท�ำขึ้นเพ่ือให้ครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นใช้เป็นเคร่ืองมือ ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพตามกรอบการประเมินของ PISA ที่ไม่เน้นเพ่ือการพิจารณาว่านักเรียนรู้ หรือจ�ำเน้ือหาท่ีเรียนไปแล้วได้หรือไม่ แต่เป็นแบบฝึกทักษะที่เน้นทักษะการเช่ือมโยงความรู้ท่ีนักเรียนได้เรียน ในห้องเรียนกบั สถานการณท์ ่กี �ำหนดให้ในรปู แบบตา่ ง ๆ ซง่ึ มแี นวทางการน�ำไปใช้ ดงั น้ี u ใช้เป็นสื่อประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในช้ันเรียน โดยเลือกใช้สถานการณ์ของ แบบฝึกทีม่ ีเน้ือหา/ความร้สู อดคลอ้ งกบั เนอื้ หาทต่ี อ้ งการพฒั นาในช้ันเรียนนั้น ๆ u ใชเ้ ปน็ สอ่ื แบบฝกึ เมอ่ื จบบทเรยี น การใชแ้ บบฝกึ ตอ้ งมน่ั ใจวา่ นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในเนอ้ื หา ความรทู้ ปี่ รากฏในสถานการณใ์ นระดบั หนง่ึ ซงึ่ ครผู สู้ อนสามารถใชแ้ บบฝกึ นหี้ ลงั จากจบบทเรยี นหรอื จบกจิ กรรม การเรยี นการสอนในสาระหนง่ึ ได้ u ใช้เป็นเอกสารประกอบการจัดกิจกรรมเสริมให้กับผู้เรียนในชั่วโมงของกิจกรรมเสริมต่าง ๆ เพอื่ การพฒั นาผู้เรยี น การใช้แบบฝึกพัฒนาผู้เรียนควรเลือกน�ำไปใช้คร้ังละ 1-2 สถานการณ์ โดยการพิจารณาจาก ความสอดคลอ้ งของสาระความรทู้ ป่ี รากฏในสถานการณข์ องแบบฝกึ และสาระความรทู้ ตี่ อ้ งการพฒั นา/ประเมนิ เชน่ แบบฝกึ ทักษะด้านการรเู้ รอ่ื งการอ่าน แบบฝึกทักษะด้านการรู้การอ่าน เป็นแบบฝึกทักษะที่ไม่ผูกติดสาระความรู้ในกลุ่มสาระ การเรียนรู้ใด ครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้สามารถน�ำไปใช้เป็นส่ือประกอบการจัดการเรียนรู้ได้ โดยพิจารณาจากแบบฝึกท่ีมีเน้ือหาสอดคล้องกับสาระการเรียนรู้ท่ีตนเองสอน เช่น สถานการณ์ เร่ือง นอนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาสามารถใช้ประกอบ การจัดการเรยี นรเู้ กย่ี วกับสุขภาพหรือการพักผอ่ นที่เหมาะสม เป็นต้น แบบฝกึ ทักษะด้านการรู้เร่อื งคณติ ศาสตร์ สถานการณ์ เรอ่ื ง การใช้ Internet ของคนไทย สามารถใชเ้ ปน็ สื่อเพื่อการเชื่อมโยงสาระการเรยี นรู้ เกยี่ วกบั ค่าเฉลย่ี ในเรือ่ งของการอ่านข้อมลู เชงิ สถติ ิ สถานการณ์ เรอื่ ง ภกู ระดงึ สามารถใชเ้ ปน็ สอ่ื เพอื่ การเชอื่ มโยงสาระการเรยี นรเู้ กย่ี วกบั อตั ราเรว็ เฉลย่ี หรอื การประมาณเกีย่ วกบั เวลาเพอื่ การเดนิ ทาง สถานการณ์ เรื่อง ก๊าซธรรมชาติและน�้ำมันดิบ สามารถใช้เป็นส่ือเพื่อการเชื่อมโยงสาระการเรียนรู้ เกีย่ วกบั เรอื่ งเลขยกก�ำลัง ทง้ั การบวก ลบ คณู หาร และการเขยี นในรปู ของสญั กรณว์ ิทยาศาสตร์ แบบฝึกทักษะด้านการรู้เร่ืองวิทยาศาสตร์ สถานการณ์ เรื่อง แผ่นดินไหว สามารถใช้เป็นสื่อเพื่อการเช่ือมโยงสาระการเรียนรู้เก่ียวกับ การเปล่ยี นแปลงของเปลอื กโลก การเกิดภัยพิบัติ สถานการณ์ เรอื่ ง อาหารขยะ สามารถใชเ้ ป็นสื่อเพ่ือการเชือ่ มโยงสาระการเรียนรู้เก่ยี วกบั การเลือก กนิ อาหารทีม่ ปี ระโยชน์ หรอื การเลอื กรบั ประทานอาหารทเ่ี หมาะสมกบั วัย เปน็ ตน้

สารบัญ การรู้เรือ่ งการอ่าน 1 การรเู้ ร่ืองคณติ ศาสตร์ 43 การรู้เรื่องวทิ ยาศาสตร์ 91 3 2 องศาฯ วกิ ฤตอิ ุณหภมู ิ Internet กบั คนไทย 45 อาหารขยะ 93 เปลย่ี นโลก 6 กาฝากชีวิต 9 ภกู ระดงึ 47 สารอาหารจากแมลง 97 นอนอยา่ งไร ใหม้ ีประสทิ ธภิ าพ 12 แพก็ เกจมือถือ 51 วิกฤตขิ ยะในทะเลไทย 100 ผหู้ ย่ังรฟู้ า้ ดนิ 16 การโฆษณาเกินจริง 19 Kerry Express 53 แผ่นดนิ ไหว 103 แก๊งคอลเซน็ เตอร์ 22 โรคซมึ เศรา้ 26 ผลส่งออกไทยปี’60 57 กินไข่เพิม่ คอเลสเตอรอล 105 JOB NEW ONLINE 29 จริงหรือ ศัลยกรรมเร่อื งธรรมดา การประเมินราคาบา้ น 60 ของคนรนุ่ ใหม่ 32 เหด็ ระโงก 108 สงั คมนอกคอก 35 ตลาด 63 ก�ำ ลงั แรงงาน ฝุ่นมลพษิ พเี อม็ 2.5 111 ดา้ นวิทยาศาสตร์ 38 กา๊ ซธรรมชาตแิ ละนำ้� มนั ดบิ 67 และเทคโนโลยี 40 ดาวเคราะห์ 114 เดก็ กับคอมพิวเตอร์ จ�ำนวนนกั ท่องเทีย่ วรายปี 70 ทฤษฎแี มลงสาบ เต่าทะเล 116 (Cockroach Theory) ค่าบรกิ ารสระว่ายน�ำ้ 73 การนอนเพ่ือสุขภาพ 118 โรงเรอื นปลกู ผัก 77 ปลอดสารพิษ อันตรายน้ำ� มนั ทอดซ�ำ้ 120 โดมตากแหง้ 80 ไฮโดรพอนกิ ส์ 122 (Hydroponics) IT Shop 83 สารกนั บูดในเสน้ กว๋ ยเตยี๋ ว 124 แรงงานสงู อายุ 85 โทรศพั ท์ 87 วงลอ้ รางวัล 89

แบบฝึกพฒั นาทกั ษะการแก้ปญั หาตามแนวทางการประเมินของ PISA การรู้เร่อื งการอ่าน (Reading Literacy)

ความสามารถดา้ นการอา่ นเปน็ เครอื่ งมอื ส�ำ คญั ในการพฒั นาและตอ่ ยอดความรู้ “การรเู้ รอื่ งการอา่ น (Reading Literacy)” เป็นความสามารถของนักเรียนในการทำ�ความเข้าใจข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับเรื่องที่อ่าน แล้วนำ�ไปใช้ในการประเมิน การสะท้อน มีความรักและผูกพันกับสิ่งท่ีอ่านเพ่ือพัฒนาความรู้ความสามารถ และศกั ยภาพและการมีสว่ นร่วมในสังคม แบบฝึกเพ่ือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA จัดทำ�ข้ึนเพ่ือพัฒนา ความสามารถด้านการอ่านของนักเรียน 3 ลักษณะ คือ อ่านเพื่อเข้าถึงและค้นคืนสาระ อ่านเพ่ือบูรณาการ และตคี วาม และอา่ นเพอ่ื ประเมนิ และสะทอ้ นสงิ่ ทอ่ี ่าน โดยบทอา่ นทน่ี �ำ มาเปน็ เครอ่ื งมอื หรอื สถานการณส์ �ำ หรบั พัฒนานักเรียนจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในการดำ�เนินชีวิต นักเรียนอาจได้พบเห็นหรือไม่ก็ได้ ตามกรอบที่ PISA ใช้ในการประเมนิ ดงั นี้ - กาฝากชวี ติ ส่วนตวั สาธารณะ - 2 องศาฯ วกิ ฤติอุณหภูมเิ ปลย่ี นโลก - ผหู้ ย่ังร้ฟู า้ ดิน - แก๊งคอลเซน็ เตอร์ - ทฤษฎแี มลงสาบ - สงั คมนอกคอก - เด็กกบั คอมพิวเตอร์ - การโฆษณาเกินจริง - JOB NEW ONLINE การงาน การอา่ นเพือ่ - ก�ำ ลังแรงงาน อาชพี การศกึ ษา - นอนอยา่ งไรให้มีประสิทธิภาพ ดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - ศลั ยกรรมเรอ่ื งธรรมดาของคนรุ่นใหม่ - โรคซึมเศร้า การใช้แบบฝกึ เพือ่ พฒั นาทักษะการอา่ น แบบฝึกนี้มุ่งพัฒนาความสามารถด้านการอ่านให้เกิดขึ้นภายในตัวของนักเรียน เน้ือหาของแบบฝึก จึงไม่ยึดติดกับเนื้อหาของบทเรียนที่นักเรียนได้เรียนในห้องเรียน ดังนั้น การใช้แบบฝึกนี้นักเรียนสามารถ หาคำ�ตอบได้ด้วยการพยายามใช้ศักยภาพที่มีในตัวเองในการหาคำ�ตอบ คำ�ตอบของแบบฝึกบางข้อนักเรียน อาจหาไดง้ า่ ยเพราะปรากฏอยา่ งชดั เจนในบทอา่ น บางขอ้ นกั เรยี นตอ้ งใชค้ วามสามารถในการตคี วาม หรอื แปลความ ข้อความ ภาพ ข้อมูลหรือส่ิงต่าง ๆ ท่ีปรากฏในบทอ่านเพื่อใช้ในการตอบคำ�ถาม หรือบางข้ออาจให้นักเรียน ใช้ความรู้ท่ีได้จากบทอ่านเชื่อมโยงกับความรู้หรือประสบการณ์ท่ีนักเรียนมีในการสรุปเป็นคำ�ตอบหรือแสดง ความคิดเห็นเก่ียวกับบทอ่านอย่างสมเหตุสมผล ดังนั้น ในการพัฒนาศักยภาพการอ่านตามแบบฝึกน้ี นักเรียน ควรอ่านสถานการณท์ ก่ี �ำ หนดให้จบทกุ ครง้ั กอ่ นหาค�ำ ตอบของค�ำ ถามแตล่ ะข้อ สถานการณ์ส�ำ หรบั พัฒนาศักยภาพด้านการอา่ นของนักเรยี น จ�ำ นวน 13 สถานการณ์ ประกอบดว้ ย 2 องศาฯ วกิ ฤตอิ ณุ หภูมิเปลีย่ นโลก กาฝากชีวติ นอนอยา่ งไรให้มีประสทิ ธิภาพ ผ้หู ยงั่ รฟู้ า้ ดิน การโฆษณาเกนิ จริง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โรคซึมเศร้า JOB NEW ONLINE ศัลยกรรมเรื่องธรรมดาของคนรุ่นใหม่ สังคมนอกคอก ก�ำ ลงั แรงงานดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เดก็ กบั คอมพวิ เตอร์ และทฤษฎแี มลงสาบ แตล่ ะสถานการณใ์ ชใ้ นการ ฝกึ ความสามารถดา้ นการอา่ นของนกั เรยี น 3 ดา้ น คอื การอา่ นเพอื่ เขา้ ถงึ และคน้ คนื สาระ การอา่ นเพอ่ื การบรู ณาการและ การตคี วาม และอ่านเพอ่ื การประเมินและสะทอ้ น ซึ่งเป็นสมรรถนะตามแนวทางการประเมินของ PISA 2 แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกกั าษระปการระแเมกป้นิ ญั ขอหาง

2 องศาฯ วกิ ฤตอิ ุณหภมู เิ ปลีย่ นโลก อย่างท่ีรู้กันว่าโลกร้อนข้ึนทุกวัน สาเหตุหลักอย่างหน่ึงมาจากปริมาณก๊าซเรือนกระจกท่ีเพิ่มมากขึ้น เรื่อย ๆ เปน็ ตัวเร่งให้อุณหภูมขิ องโลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ท�ำใหเ้ กดิ การประชมุ รัฐภาคีอนุสญั ญาสหประชาชาติ วา่ ด้วยการเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 21 หรอื COP21 (Conference of Parties) ท่ีเป็นการเจรจา ระหว่างผู้น�ำประเทศมากกว่า 190 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ของเรา มีผู้เข้าร่วมกว่า 50,000 คน ท้ังจากภาคการเมือง นักวิทยาศาสตร์ และภาคประชาสังคม โดยมีการเจรจา ตกลงเพ่ือให้นานาประเทศเห็นพ้อง ต้องกันในการก�ำหนดเป้าหมาย เพื่อ หลกี เลีย่ งการเพ่ิมขึน้ ของอณุ หภมู ิเฉลยี่ ผิวโลกไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นจุดวิกฤตเมื่อเทียบกับอุณหภูมิ จีน อเมรกิ า อินเดีย ญ่ีปุน่ เยอรมนี ไทย ในยุคก่อนอุตสาหกรรมให้ได้ภายใน ปี 2030 หรอื อีก 15 ปีขา้ งหน้า ในส่วนของประเทศไทยเอง มแี ผนที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรอื นกระจกลงให้ไดร้ อ้ ยละ 20-25 ก่อนปี พ.ศ. 2573 โดยในแผนพัฒนาก�ำลังการผลิตไฟฟ้า 2015 (PDP 2015) ของไทย ได้เดินหน้าลดก๊าซ เรอื นกระจกดว้ ยการน�ำเทคโนโลยถี า่ นหนิ สะอาดทที่ นั สมยั มาใชก้ บั โรงไฟฟา้ ถา่ นหนิ ในประเทศ ซง่ึ หมายความวา่ มาตรการในการลดก๊าซเรือนกระจกของไทยน้ันต้องเดินตาม PDP2015 ที่เราได้สัญญาไปแล้ว ซึ่งจากข้อมูล เปรยี บเทยี บระดบั การปล่อยกา๊ ซเรือนกระจกกบั ประเทศต่าง ๆ ไทยปลอ่ ยนอ้ ยกว่า จีน สหรัฐอเมริกา อินเดยี ญปี่ ุน่ หรอื แม้กระทงั่ เยอรมนเี สียอีก การที่ NGOs บางกลุ่มออกมาต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยอ้างว่าเป็นต้นเหตุส�ำคัญของการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก จึงเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการอ้างว่าประเทศไทยต้องยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหิน ให้หมด แล้วเปลี่ยนมาเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนยิ่งไม่เป็นความจริง เพราะในการประชุม COP21 ไม่มีการพูดคุยในหัวข้อนี้เลย การคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ให้เกิดข้ึนในภูมิภาคนี้จึงเหมือนกับการตัดโอกาส การพฒั นาประเทศใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ ไมใ่ หม้ คี วามมนั่ คงทางดา้ นพลงั งาน และท�ำใหต้ อ้ งเปน็ ฝา่ ยพงึ่ พาการน�ำเขา้ เทคโนโลยีพลังงานทดแทนราคาแพงจากประเทศพัฒนา ที่เป็นฝ่ายปล่อยก๊าซเรือนกระจกเสียเอง ซึง่ อาจจะอยู่ เบือ้ งหลังการสนับสนนุ กล่มุ NGOs ท่มี าใหข้ ้อมูลผดิ ๆ เกย่ี วกบั โรงไฟฟ้าถา่ นหินก็เป็นได้ ที่มา : https://www.zanzaap.com/2017/02/170214-001/ แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกกั าษระปการระแเมก้ปินญั ขอหาง 3

ค�ำชแี้ จง ให้นักเรยี นอา่ นสถานการณ์ “2 องศาฯ วกิ ฤตอิ ุณหภมู ิเปล่ยี นโลก” แลว้ ตอบค�ำถามตอ่ ไปนี้ ชดุ ค�ำถามท่ี 1 : 2 องศาฯ วิกฤติอุณหภมู เิ ปลี่ยนโลก ค�ำถามที่ 1.1 : “โลกรอ้ นขึ้น” กบั “ปริมาณก๊าซเรือนกระจก” มคี วามสมั พนั ธ์กันอยา่ งไร ค�ำถามที่ 1.2 : ประเทศใดปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกนอ้ ยทส่ี ุด ค�ำถามที่ 1.3 : ประเทศจีนปล่อยก๊าซเรอื นกระจกมากกวา่ ประเทศไทยก่ี Kiloton (กโิ ลตนั ) k.t ค�ำถามท่ี 1.4 : เป้าหมายการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมยั ท่ี 21 คืออะไร ค�ำถามที่ 1.5 : เหตุผลท่ีกล่มุ NGOs บางกลมุ่ ใช้เป็นข้ออ้างในการต่อตา้ นการสร้างโรงไฟฟา้ ถา่ นหนิ คืออะไร 4 แตบาบมฝแึกนพวฒั ทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปนิ ัญขอหาง

ค�ำถามที่ 1.6 : ในยอ่ หนา้ ท่ี 3 มกี ลุม่ คนทผ่ี ้เู ขียนกล่าวอา้ งถงึ กก่ี ลุ่ม อะไรบ้าง ชดุ ค�ำถามที่ 2 : 2 องศาฯ วกิ ฤติอณุ หภูมิเปล่ียนโลก ค�ำถามที่ 2.1 : “2 องศาฯ วิกฤติอณุ หภูมิเปล่ียนโลก” หมายความวา่ อยา่ งไร ค�ำ ถามท่ี 2.2 : ผู้เขยี นกบั กลุ่ม NGOs มคี วามเหน็ เหมือนกันหรอื แตกต่างกันอย่างไร จงอธบิ าย ค�ำถามท่ี 2.3 : ผเู้ ขยี นต้องการสื่อสารให้ผู้อา่ นเข้าใจข้อมลู เกย่ี วกบั ประเดน็ ใดตอ่ ไปน้ี ก. ภาวะโลกร้อน ข. ปจั จยั ทที่ �ำ ใหเ้ กิดภาวะโลกรอ้ น ค. ก๊าซเรอื นกระจกกบั การผลติ ไฟฟา้ ง. ขอ้ ดแี ละข้อเสยี ของโรงไฟฟ้าถา่ นหินกับโรงไฟฟ้าพลงั งานทดแทน ชุดค�ำถามท่ี 3 : 2 องศาฯ วกิ ฤตอิ ุณหภมู เิ ปลย่ี นโลก ค�ำถามท่ี 3.1 : จงระบขุ ้อความท่ีเป็น “ข้อเท็จจริงและขอ้ คดิ เห็น” จากบทอา่ นมาอยา่ งละ 3 ข้อความ ขอ้ เท็จจริง ข้อคดิ เห็น 1. --------------------------------------------------- 1. --------------------------------------------------- 2. --------------------------------------------------- 2. --------------------------------------------------- 3. --------------------------------------------------- 3. --------------------------------------------------- ค�ำ ถามท่ี 3.2 : นักเรยี นคดิ ว่า “2 องศาฯ วิกฤตอิ ุณหภูมเิ ปลย่ี นโลก” เหมาะสมกบั เนอื้ เรือ่ งหรือไม่ จงอธบิ าย แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกกั าษระปการระแเมก้ปนิ ญั ขอหาง 5

กาฝากชวี ิต ท่บี า้ นผมมตี น้ ไมต้ น้ หนงึ่ ทผี่ มรักมาก แต่ตน้ ไม้ต้นนม้ี ักเจอกับศตั รคู กุ คามอยู่บอ่ ยคร้ัง ศัตรูทีผ่ มพูดน้ี ไม่ใช่หนอนหรอื แมลงหรอื โรค แตม่ นั คือ กาฝาก ผมต้องชว่ ยจัดการเอากาฝากออกบ่อยครงั้ กาฝากเปรียบไดก้ บั วชั พชื ในแปลงผกั ทค่ี อยแยง่ อาหารพชื ผกั ทเี่ ราปลกู ไว้ กาฝากเรมิ่ ตน้ จากชวี ติ ในเมลด็ เลก็ ๆ จากพนั ธไ์ุ มอ้ น่ื มาเกาะตดิ ตน้ ไมท้ เี่ ราปลกู ไว้ จากพาหะตา่ ง ๆ เชน่ นก กระรอก ฯลฯ จากชีวิตเลก็ ๆ มันคอ่ ย ๆ โตข้นึ จากนำ�้ เล้ยี งต้นไมท้ ีป่ ลกู ไว้ ต่อมาไมน่ านชวี ติ เลก็ ๆ จะโตขึ้น เร่ือย ๆ จนกลายเป็นเหมือนกิ่งหนงึ่ ในต้นนน้ั ถา้ กาฝากมีมากและ มอี ยนู่ าน ต้นไม้ตน้ นัน้ จะไมเ่ กิดผล ไม่โต และท�ำใหต้ น้ ไม้ดงั กลา่ ว สญู เสยี ความงดงาม ผมต้องขอใหค้ นมาชว่ ยตดั กง่ิ กาฝากออกจาก ต้นบ่อย ๆ เมื่อก่ิงกาฝากถูกตัดออกไปต้นไม้ของผมดูสวยงามขึ้น ก่ิงก้านผลิใบผลิดอกออกผลดีข้ึน ชีวิตของคุณและผมคงไม่ผิดอะไรกับต้นไม้บ้านของผมนัก เราต้องเผชิญกับ ศตั รชู วี ติ ทมี่ จี ดุ เรมิ่ ตน้ แทบจะไมร่ ตู้ วั แตเ่ มอื่ รตู้ วั วา่ มกี าฝากมนั กเ็ กอื บจะสายไป หรอื อาจจะสายไปเสยี แลว้ กาฝาก ท่ผี มพดู เป็นกาฝากชีวิต ทมี่ ันเร่มิ ต้นกอ่ ตวั จากความคิดไมด่ ที ต่ี ัวเราประมาท คิดว่าไม่เป็นไร ก�ำจดั มันเม่ือใดกไ็ ด้ และแลว้ เรากล็ มื มนั ไป ขณะทเี่ ราคดิ วา่ เราลมื ไปแลว้ นนั้ มนั คอ่ ย ๆ หยง่ั รากและเกดิ แขนงในตวั เราจนมนั เตบิ ใหญ่ เราไม่อาจก�ำจัดมันให้ออกไปจากชีวิตเราได้ ความคิดไม่ดีอาจเป็นความอิจฉาริษยา อาจเป็นรากขมข่ืน อาจเปน็ ความคดิ โลภอยากไดข้ อง อยากมหี ญงิ อนื่ นอกเหนอื ภรรยาของตน จรงิ อยคู่ วามคดิ ดงั กลา่ วยอ่ มผดุ ขนึ้ หรอื ถกู กระตนุ้ ใหเ้ กดิ ความคดิ ขน้ึ ไดก้ บั ทกุ คน การทค่ี วามคดิ ผดุ ขนึ้ หรอื ถกู กระตนุ้ ใหเ้ กดิ ขน้ึ ในตวั ของมนั ไมใ่ ชเ่ ปน็ ความผดิ หรอื ความบาป มนั ไมใ่ ชอ่ นั ตรายถงึ ชวี ติ แตถ่ า้ เราบม่ ความคดิ หรอื อยกู่ บั ความทรงจ�ำ ความคดิ ดงั กลา่ วจะคอ่ ย ๆ หย่ังรากและเติบโตกลายเปน็ ความรูส้ กึ ทีร่ นุ แรงแล้วแผลงฤทธิอ์ อกมาในรูปของการกระท�ำ ขอให้เราจ�ำไว้เสมอว่า นกบินข้ามศีรษะถือว่าเป็นเร่ืองปกติและไม่อาจห้ามได้ แต่คุณสามารถไล่นก โดยปฏิเสธไม่ใหม้ นั ท�ำรังบนศรี ษะเรา ฉนั ใดก็ฉนั นัน้ ความคิดไม่ดี อาจผุดข้ึนหรอื กระตุ้นให้เกิดขน้ึ มันเปน็ เรอ่ื ง หา้ มไมไ่ ด้ แต่คณุ และผมตอ้ งหา้ มมันไม่ให้มันมาหยั่งรากท�ำรงั ในชีวิตของเรา จงระวงั ความคดิ ทีเ่ กิดขน้ึ ถา้ เกดิ ขน้ึ ต้องรู้เท่าทันและดับความคิดนั้นเสีย ถ้าใครรู้สึกว่าตัวเองมีกาฝากแห่งความคิดที่ไม่ดีก�ำลังเติบโตข้ึนในชีวิต เป็นเหตุให้คุณธรรมในชีวิตอับเฉาลง จงอย่ารีรอและมัวเสียดายจงตัดมันทิ้งเสีย ถ้าคุณปล่อยให้กาฝากมีชีวิต คณุ เองก็จะตาย ทม่ี า : https://www.romyenchurch.org https://www.wsb.ac.th/กาฝากชวี ติ 6 แตบาบมฝแกึ นพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมกป้นิ ญั ขอหาง

ค�ำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนอา่ นสถานการณ์ “กาฝากชีวติ ” แล้วตอบค�ำถามต่อไปน้ี ชุดค�ำถามที่ 1 : กาฝากชีวิต ค�ำ ถามท่ี 1.1 : กาฝากของต้นไมเ้ กดิ ขึน้ ไดอ้ ย่างไร คำ�ถามท่ี 1.2 : จงบอก “กาฝากชวี ิต” ทผ่ี ู้เขียนกลา่ วถึงมา 1 ตัวอยา่ ง ชุดค�ำถามที่ 2 : กาฝากชวี ติ ค�ำ ถามท่ี 2.1 : “กาฝาก” หมายถึงอะไร ค�ำ ถามท่ี 2.2 : ผูเ้ ขียน มีจดุ ประสงคอ์ ยา่ งไร ค�ำ ถามท่ี 2.3 : “กา ฝากต้นไม”้ กบั “กาฝากชวี ิต” มสี ิ่งทเ่ี หมอื นกันและแตกต่างกนั อยา่ งไร สง่ิ ท่ีเหมอื นกนั ส่ิงที่ต่างกนั 1. -------------------------------------------------- 1. -------------------------------------------------- ------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------ 2. ---------------------------------------------------- 2. ---------------------------------------------------- ------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------ ตแบาบมฝแกึ นพวฒั ทนาางทกกั าษระปการระแเมก้ปินญั ขอหาง 7

ชดุ ค�ำถามที่ 3 : กาฝากชวี ติ คำ�ถามท่ี 3.1 : จงยกตัวอย่าง “กาฝากชีวิต” ในชีวิตประจำ�วันของนักเรียนมา 1 อย่าง พร้อมท้ังอธิบายว่า เป็นกาฝากชีวติ ของนักเรียนอย่างไร ค�ำ ถามที่ 3.2 : เอ : ฉันไม่เหน็ ดว้ ยทีผ่ เู้ ขียนจบบทความดว้ ยประโยค “ถ้าคุณปลอ่ ยใหก้ าฝากมีชีวติ คุณเอง ก็จะตาย” เพราะกาฝากชีวิตไม่ได้ท�ำให้คนตาย บี : ผมเห็นว่าผเู้ ขียนจบบทความดว้ ยประโยคนด้ี ีท่ีสดุ แล้ว เพราะ.................. จงใหเ้ หตผุ ลสนับสนนุ ค�ำตอบของบี ค�ำ ถามที่ 3.3 : พมิ พ์ กับ พลอย คุยกันเรื่อง “การพนนั บอล” พิมพ์ : การแขง่ ขันฟตุ บอลเปน็ กาฝากชวี ติ พลอย : การแขง่ ขันฟตุ บอลไมเ่ ป็นกาฝากชวี ติ นกั เรยี นเหน็ ดว้ ยกับความคิดเหน็ ของ พลอย หรือ พิมพ์ จงให้เหตผุ ลสนบั สนุนค�ำตอบของนกั เรยี น โดยอา้ งอิงขอ้ ความจากบทอา่ น 8 แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกกั าษระปการระแเมกป้นิ ัญขอหาง

นอนอย่างไรใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ โดย : พรรณพร กะตะจติ ต์ เม่อื : วนั ศุกร์ 08 กนั ยายน 2560 HITS 1819 แผนภูมิจาก National Sleep Foundation แสดงใหเ้ หน็ ถึงความตอ้ งการการนอนทเี่ ปล่ยี นแปลงไป ตงั้ แตว่ ยั เด็กกระท่ังวยั ชรา ภาพระยะเวลาท่ีเหมาะสมส�ำหรับการนอนในแตล่ ะชว่ งวัย ทีม่ า : National Sleep Foundation แหลง่ ทม่ี า 9 Sleep tips. สบื ค้นวนั ที่ 26 กรกฎาคม 2560. จาก www.sciencelert.com/how-to-figure-out-how-much-sleep-you-really-nee d?perpetual=yes&limitstart=1. Sleep Apnea. สืบคน้ วันท่ี 26 กรกฎาคม 2560. จาก www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/sleepapnea/ Chronotype. สืบค้นวนั ที่ 26 กรกฎาคม 2560. จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Chronotype. Chronobiology. สบื คน้ วันท่ี 26 กรกฎาคม 2560. จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Chronobiology. แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกกั าษระปการระแเมกป้ินัญขอหาง

ค�ำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนอ่านสถานการณ์ “นอนอยา่ งไรให้มีประสทิ ธิภาพ” แล้วตอบค�ำถามต่อไปน้ี ชุดค�ำถามท่ี 1 : นอนอย่างไรให้มีประสทิ ธิภาพ คำ�ถามที่ 1.1 : ระยะเวลาทีเ่ หมาะสมสำ�หรับการนอนของคนในชว่ งอายุ 6-13 ปี เปน็ กช่ี ั่วโมงต่อวนั ค�ำ ถามท่ี 1.2 : ระยะเวลาในการนอนทถ่ี อื วา่ มากเกินไปสำ�หรับคนวัยเรยี น (TEEN) คอื กช่ี ั่วโมงต่อวนั ชดุ ค�ำถามท่ี 2 : นอนอยา่ งไรใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ คำ�ถามท่ี 2.1 : สาระสำ�คัญของเนื้อเรอื่ งน้ี คืออะไร คำ�ถามที่ 2.2 : จงอธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างชว่ งวัยกับช่วงเวลาการนอนหลับทเี่ หมาะสม ชดุ ค�ำถามที่ 3 : นอนอย่างไรใหม้ ปี ระสิทธิภาพ ค�ำ ถามที่ 3.1 : นักเรยี นนอนหลับวนั ละกี่ชัว่ โมง ควรปรบั พฤตกิ รรมการนอนของตนเองหรอื ไม่ เพราะเหตุใด 10 แตบาบมฝแกึ นพวฒั ทนาางทกกั าษระปการระแเมกป้นิ ญั ขอหาง

ค�ำ ถามที่ 3.2 : “ในชีวิตประจำ�วนั คนในชว่ งวยั ตา่ ง ๆ ยังไมส่ ามารถใช้ระยะเวลาการนอนได้เหมาะตามขอ้ เสนอแนะ ในแผนภมู ิ เพราะสาเหตทุ ี่แตกต่างกนั ” จงยกตัวอย่างคน 1 ช่วงวยั พร้อมระบุสาเหตทุ ที่ �ำให้ไมส่ ามารถมรี ะยะเวลาการนอนได้เหมาะสม กับตนในช่วงวัยนนั้ ๆ ค�ำ ถามที่ 3.3 : นกั เรยี นสามารถน�ำ ความรู้จากแผนภาพไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจ�ำ วนั ได้อยา่ งไร ตแบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมกป้นิ ัญขอหาง 11

ผหู้ ยงั่ รฟู้ า้ ดิน เสียงลูกบิดประตูดงั แกรก็ แกรก็ ร่างของหญิงสาววัยสิบหก ก�ำลังยอ่ งเข้ามาภายในบ้าน แต่ไมท่ ันท่ี จะกา้ วเทา้ เดิน ทันใดน้นั แสงไฟในห้องรับแขกกส็ ว่างขน้ึ เบื้องหน้ามชี ายหญงิ คูห่ นึง่ ก�ำลงั ยืนจังกา้ อยู่ ชายผูน้ ้นั พูดข้ึนว่า “สิรี! ท�ำไมเดี๋ยวน้ีถึงกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ น่ีมันกี่โมงกี่ยามแล้ว ท�ำไมหนูถึงเหลวไหลอย่างนี้?” ทันทีที่เห็นหน้าลูก ชายซึ่งเป็นพ่อถามด้วยน้�ำเสียงโกรธ “ท�ำไมกลับดึกจังหล่ะลูก?” หญิงผู้เป็นแม่ถามบ้าง “ก็หนูบอกพ่อกบั แมแ่ ลว้ น่วี า่ ช่วงน้หี นูมที �ำรายงานกับเพื่อนทุกวัน แตถ่ ้าวนั ไหนไมม่ ี หนกู ็อยากไปเที่ยวเลน่ กบั เพอ่ื นบา้ ง ท�ำไมพอ่ กบั แมถ่ งึ ไมเ่ ขา้ ใจหนบู า้ งเลย หนอู ยากมอี สิ ระ กบั พอ่ แมค่ นอนื่ ไมเ่ หน็ จะมาวนุ่ วายอยา่ งนเ้ี ลย” สิรพี ูด พรอ้ มวง่ิ ขน้ึ ห้องไป “สริ ี! สริ !ี เดย๋ี วนกี้ ลา้ ข้นึ เสยี งกับพอ่ แม่หรือ? มาคยุ กนั ให้รเู้ ร่อื งก่อน” พอ่ จะตามข้ึนไป แต่แม่รั้งแขนเอาไว้ “อย่าเพ่ิงคุยตอนนี้เลยพ่อ บางทีลูกอาจจะท�ำรายงานดึกจริง ๆ ก็ได้ เข้าใจลูกมันหน่อย เด๋ียวแม่จะลองถามกลีบผกาเพ่ือนลูกดู น่ีก็ดึกมากแล้ว พ่อไปนอนก่อนเถอะ” แม่พูดพร้อมสกัดอารมณ์ให้พ่อ เยน็ ลง “พอ่ นอนไม่หลบั หรอก ปล่อยไวอ้ ย่างน้ีไม่ไดน้ ะแม่ เดก็ มันจะยิ่งเสียคน” พอ่ พูดแลว้ เดนิ ขน้ึ ห้องนอนไป ด้วยความร้อนใจแม่เงยหน้ามองนาฬิกา เข็มสั้นช้ีที่เลขสิบเข็มยาวชี้ไปที่เลขเก้า แม่กดโทรศัพท์หากลีบผกา “ฮัลโหล กลีบผกาหรือลูก นี่แม่สิรีนะ” “สวัสดีค่ะคุณแม่ มีอะไรหรือคะ โทรมาซะดึกเลย” กลีบผกาพูด ขณะในปากเต็มไปด้วยฟองยาสฟี นั “แม่รู้สึกไม่สบายใจเลย ท�ำไมเด๋ียวนี้ สิรี ถึงดื้อนัก ขึ้นเสียงกับพ่อแม่ ไม่เช่ือฟัง แถมยังเถียงค�ำ ไมต่ กฟาก กลบั บา้ นดกึ ๆ ดน่ื ๆ ทกุ วนั สริ เี ขามปี ญั หาอะไรกบั ทโ่ี รงเรยี นหรอื เปลา่ ?” แมถ่ ามดว้ ยนำ้� เสยี งกงั วลใจ กลีบผกาบว้ นฟองยาสฟี นั ลงอ่างน้ำ� กลว้ั ปากด้วยน้�ำเปลา่ แล้วพูดวา่ “ถ้าหนบู อกแม่ แมอ่ ยา่ ไปบอกสิรมี นั นะ” “บอกมาเถอะลูก มีอะไรจะได้แก้ไขได้ทัน แม่นอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว” แม่ยืนยันคล้ายค�ำสัญญา “สิรี มนั ก�ำลงั ตดิ ผชู้ าย หมอดทู กั ว่ามนั จะเจอเนอื้ คู่ หนเู ตอื นกไ็ มฟ่ งั ตอนนส้ี ริ เี หมอื นคนตาบอด ผชู้ ายคนนน้ั กไ็ มไ่ ดด้ อี ะไร เป็นช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์อยู่อู่แถวโรงเรียน ทุกเย็นก็จะพากันไปขับรถซ่ิง เห็นว่าช่วงน้ีทะเลาะกันบ่อย ตอนน้ี มนั ไม่เชื่อใครหรอก มนั เชือ่ แต่หมอดู เดย๋ี วอาทิตยห์ น้า มนั จะชวนหนูไปหาหมอดอู กี ” กลีบผกาบอก “หมอดคู นนนั้ ชอ่ื อะไร มีเบอรโ์ ทรศัพท์ไหม?” แมถ่ าม “อาจารยท์ อง อยู่ส�ำนักทา้ ววงั หลงั ” ประตูห้องนอนถูกเปดิ ขึ้น พอ่ ก�ำลัง นอนหลับตาแต่ไมห่ ลบั ซะทีเดยี ว เหมือนคดิ อะไรบางอยา่ งอยู่ แมเ่ ดินเขา้ มาใกล้แลว้ พดู ข้ึนว่า “พอ่ ลูกเราก�ำลงั มีแฟน” “ห๊ะ! ไอ้นั่นมนั เปน็ ใครหัวนอนปลายตีนมาจากไหน ลูกเราอยู่แค่ ม.5 ริจะมีแฟนแลว้ หรือ? เดย๋ี วพ่อ จะไปคยุ กบั ลูกให้รเู้ รือ่ ง อะไรส่งให้ไปเรยี น ไมใ่ ชส่ ง่ ให้ไปหาแฟน” พ่อโมโหข้ึนทันทที ่ีได้ยนิ “ใจเยน็ ๆ ซพิ ่อ ตอนนี้พูดไป ลูกก็ไม่ฟังเราหรอก แต่แม่พอจะมีวธิ ”ี “วธิ ีอะไร?” พอ่ ถาม แมเ่ ล่าถงึ ส่ิงที่ได้คุยกับกลีบผกาให้พ่อฟัง “ก็ได้ ถ้าไม่ส�ำเร็จ เห็นทีคราวน้ีจะต้องใช้ไม้แข็งกับสิรีบ้างแล้ว อีลูกคนน้ีนี่ ยิ่งโตย่ิงเหลวไหล” อาจารยท์ อง มชี ื่อจริงวา่ “นายประสาททอง ครองเมร”ี อายุ 45 ปี พ้ืนเพเป็นคนราชบุรี แตก่ อ่ น มีอาชีพเป็นหมอพ้ืนบ้าน ต่อมามีความสนใจเรื่องคาถาอาคม ไสยศาสตร์มนต์ด�ำ จึงไปเรียนศึกษาเพ่ิมเติมกับ อาจารย์หลายท่าน มีเสียงร�่ำลือกันว่าสามารถล่วงรู้อนาคตและพูดคุยกับวิญญาณได้ ภายนอกที่ดูเคร่งขรึม เหมือนคนมีของ จึงท�ำให้มีลูกศษิ ยล์ ูกหาเปน็ จ�ำนวนมาก 12 แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปินัญขอหาง

ณ ส�ำนกั ทา้ ววงั หลงั ทางเขา้ เปน็ ประตไู มส้ กั มรี ปู ปน้ั ยมทตู เฝา้ หนา้ ประตสู องตน ขา้ งในมขี า้ วของเครอื่ งใช้ กระจัดกระจาย อบอวลด้วยกลนิ่ ควันธูปฟงุ้ กระจายไปทวั่ “อ้าว คนต่อไป” เสียงลูกศษิ ยค์ นหนง่ึ ร้องตะโกนขึน้ สิรีและกลีบผกาค่อย ๆ คุกเข่านั่งหน้าอาจารย์ สิรีพูดข้ึนว่า “อาจารย์ จ�ำหนูได้ไหม?” อาจารย์มองหน้าสิรี แล้วพูดว่า... “เออ! ข้าจ�ำได้ วนั นเี้ อ็งมอี ะไรกว็ ่ามา เวลาข้ามีไม่มาก” “ผ้ชู ายคนทอ่ี าจารยบ์ อกเป็นเนือ้ คู่หนอู ะ่ ท�ำไมเดี๋ยวนี้เขาเปลยี่ นไปมากเหลอื เกิน หลัง ๆ เร่ิมตตี ัวออกหา่ ง อาจารย์มเี คร่ืองรางอะไรช่วยใหเ้ ขากลับมาหา หนเู หมอื นเดมิ หรอื เปลา่ คะ” สริ พี ดู ขน้ึ ดว้ ยดวงตาอมความทกุ ข์ “เดย๋ี วขา้ จะถอดจติ คยุ กบั มนั ดู มนั ชอื่ อะไรนะ” อาจารย์ทองหลับตา ปากพมึ พ�ำบริกรรมคาถา สักพักอาจารยล์ ืมตาขึน้ มาแล้วพูดวา่ “มนั ไมก่ ลับมาแล้ว มันไป ติดผู้หญิงอ่ืนแล้ว หมดเวลาของเอ็งกับมันแล้ว” “ห๊ะ! อาจารย์ว่าไงนะคะ อาจารย์ช่วยดูให้อีกคร้ังได้ไหมคะ” สิรีไม่เชอ่ื ในค�ำพดู ของอาจารย์ “วะ่ ! ถ้าเอง็ ไม่เชอื่ ข้า เอ็งกไ็ มต่ ้องมาถามข้า ข้าบอกแลว้ ว่า เอง็ กับมันหมดเวลา กันแลว้ มันไม่กลบั มาแล้ว ตอนน้เี อ็งจะไมม่ ีคู่จนกว่าจะอายยุ สี่ บิ ห้า แลว้ คนน้ันจะเปน็ คู่ชวี ิตของเอง็ ” อาจารย์ ทองตวาดกลบั ไป หลงั จากวนั นน้ั มาสริ ีก็ทุกขต์ รมในจิตใจ แต่เวลาผ่านไป สิรีเริม่ คิดไดแ้ ละกลับมาเป็นสริ ีคนเดิม อกี ครง้ั สองสปั ดาหต์ อ่ มา มโี ทรศพั ทม์ าทสี่ �ำนกั อาจารยท์ อง ปลายสายพดู ...“ขอสายอาจารยท์ องคะ่ ” “เออ ขา้ เอง นั่นใครพูด?” อาจารย์ถาม “เงนิ ที่ตกลงกันไว้ ฉนั โอนเขา้ ไปแล้วนะ ตอนนี้ลกู ฉนั กลบั มาเปน็ คนเดิมแลว้ ” วันองั คารที่ 15 กรกฎาคม 2557 Posted by ทีเคต้นกล้า หมวด : ไดอาร่ี เรอ่ื งโดย : ปริญ บุญภูพพิ ัฒน์ (ต้นกลา้ ) 15/07/57 แตบาบมฝแกึ นพวฒั ทนาางทกกั าษระปการระแเมก้ปินัญขอหาง 13

ค�ำชี้แจง ให้นกั เรยี นอ่านสถานการณ์ “ผหู้ ย่งั รฟู้ ้าดนิ ” แลว้ ตอบค�ำถามตอ่ ไปน้ี ชุดค�ำถามที่ 1 : ผู้หย่งั รู้ฟา้ ดิน ค�ำ ถามที่ 1.1 : เหตุการณใ์ นย่อหน้าที่ 1 เกดิ ข้นึ เวลาใดของวนั ค�ำ ถามท่ี 1.2 : เหตกุ ารณใ์ นย่อหน้าที่ 1 ก่อนกลับบ้านสิรีอยกู่ บั ใคร ชดุ ค�ำถามท่ี 2 : ผ้หู ยง่ั รฟู้ า้ ดนิ คำ�ถามที่ 2.1 : สิรมี ีพฤตกิ รรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดมิ มสี าเหตุมาจากอะไร 1. ครอบครวั แตกแยก 2. ฐานะยากจน 3. หมอดูทายทกั 4. เพอ่ื นชกั ชวน คำ�ถามท่ี 2.2 : แม่ของสิรมี วี ธิ กี ารแกป้ ัญหาอย่างไร คำ�ถามที่ 2.3 : คนทโ่ี ทรหาหมอดแู ละบอกวา่ โอนเงินใหแ้ ล้วเป็นใคร 14 แตบาบมฝแึกนพวฒั ทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปินัญขอหาง

ชุดค�ำ ถามที่ 3 : ผู้หยัง่ รู้ฟา้ ดิน คำ�ถามท่ี 3.1 : “พอ่ กับแม่ของสิร”ี ใครควรเปน็ บคุ คลท่ีได้ชอื่ วา่ “เปน็ ผ้ใู ช้สติแก้ปญั หา” คำ�ถามท่ี 3.2 : นีเ่ ป็นบทสนทนาระหว่าง เอ และ บี ซึ่งท้ัง 2 คนได้อา่ นเรือ่ ง “ผหู้ ยัง่ รูฟ้ ้าดนิ ” เอ : เพ่อื นของสริ ไี มค่ วรเลา่ เรื่องของสริ ใี ห้แม่ฟัง เขาน่าจะแนะน�ำให้สิรีเลิกกบั แฟนดีกว่า บี : เพือ่ นของสริ ที �ำถกู แลว้ ถงึ เพื่อนบอกสริ ีก็คงไมเ่ ชือ่ เพราะสิรเี ชื่อค�ำทายทักของหมอดูมากกว่า ดังนนั้ ____________________________จงึ จะท�ำให้สริ ีเปล่ยี นแปลงได้ จงเตมิ ขอ้ ความลงในช่องว่างใหส้ มเหตุสมผล ค�ำถามที่ 3.3 : จากค�ำพดู ของหมอดู “วา่ ! ถา้ เองไมเ่ ชอื่ ขา้ เอง็ กไ็ มต่ อ้ งมาถามขา้ ขา้ บอกแลว้ วา่ เอง็ กบั มนั หมดเวลา กนั แลว้ มนั ไมก่ ลบั มาแลว้ ตอนนเี้ อง็ จะไมม่ คี จู่ นกวา่ จะอายยุ ส่ี บิ หา้ แลว้ คนนนั้ จะเปน็ คชู่ วี ติ ของเอง็ ” จงให้เหตผุ ลวา่ เพราะเหตุใดหมอดจู ึงทายทกั ว่าจะเจอเนอ้ื คู่เมอื่ อายุยี่สบิ ห้า ตแบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกกั าษระปการระแเมกป้นิ ัญขอหาง 15

การโฆษณาเกนิ จริง หากไม่หยุดเช่ือหรือหยุดซ้ือ จะได้รับผล 1. เป็นอันตรายถึงชีวิต 2. เสียเงินโดยใช่เหตุ 3. ทำ�ให้เกิดค่านิยมหรือความเข้าใจผิด เพราะผลิตภัณฑ์ท่ีอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น เครอื่ งส�ำ อางหรือยาบางชนิด มักจะลักลอบใสย่ าหรอื สารอันตรายลงไปในผลติ ภณั ฑ์ ท�ำ ให้ เกดิ อันตรายต่อผิวหนัง เกดิ เป็นมะเรง็ ในรา่ งกาย โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ผลติ ภัณฑ์ท่ีหลอกขาย ผา่ นสื่อโซเชียลมีเดียท่ีสามารถเจาะเข้าถงึ กลุ่มลูกคา้ ไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย ทม่ี า : https://www.mnrh.go.th/th/info,php?act.view_journal 16 แตบาบมฝแกึ นพวฒั ทนาางทกักาษระปการระแเมกป้นิ ญั ขอหาง

ค�ำชแี้ จง ให้นกั เรยี นอา่ นสถานการณ์ “การโฆษณาเกนิ จรงิ ” แลว้ ตอบค�ำถามตอ่ ไปน้ี ชดุ ค�ำถามท่ี 1 : การโฆษณาเกินจรงิ ค�ำ ถามท่ี 1.1 : การโฆษณานีโ้ ฆษณาสินคา้ กปี่ ระเภท อะไรบ้าง คำ�ถามท่ี 1.2 : 17 กลยุทธก์ ารโฆษณาใดทไ่ี ม่ปรากฏในสถานการณน์ ้ี 1. โฆษณาผา่ นนกั จดั รายการ 2. โฆษณาซ้ำ� ๆ วันละหลาย ๆ รอบ 3. ใชศ้ ลิ ปนิ ดาราเป็นแบบโฆษณา 4. ใชผ้ ูเ้ ชย่ี วชาญแต่ละด้านโฆษณา ค�ำ ถามที่ 1.3 : การโฆษณานมี้ ที ัง้ ทเี่ กินจริงและผดิ กฎหมาย ให้ระบุขอ้ ความ 1. การโฆษณาทเี่ กนิ จรงิ : 2. การโฆษณาทีท่ �ำผิดกฎหมาย : ค�ำ ถามที่ 1.4 : ระบุขอ้ ความทเี่ ปน็ การเตอื นให้ระวังในการเลอื กบริโภคสินค้าอยา่ งน้อย 2 ข้อความ ชุดค�ำถามที่ 2 : การโฆษณาเกินจริง ค�ำ ถามที่ 2.1 : จดุ ประสงคข์ องการประชาสมั พันธ์น้ีคืออะไร แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกกั าษระปการระแเมกป้ินัญขอหาง

คำ�ถามที่ 2.2 : ปา้ ยประชาสัมพันธ์บอกข้อมูลอะไรบา้ ง ค�ำ ถามที่ 2.3 : ผูโ้ ฆษณา ได้โฆษณาเกนิ จริงผ่านข้อมลู ประเภทใด คำ�ถามที่ 2.4 : ท�ำไมป้ายประชาสัมพันธ์น้ี จึงน�ำเสนอวิธีการโฆษณาท่ีผู้โฆษณาใช้เป็นช่องทางการโฆษณา อย่างหลากหลายวธิ ี ค�ำ ถามที่ 2.5 : ท�ำไมป้ายประชาสมั พันธน์ ้จี ึงเร่มิ ต้นด้วยค�ำถาม “ร้หู รือไม่” 1) ต้องการค�ำตอบจากผอู้ า่ น 2) ตอ้ งการทดสอบเชาว์ปญั ญาผอู้ า่ น 3) ตอ้ งการแสดงภูมิรู้ทไี่ มม่ ใี ครเคยรู้มาก่อน 4) ต้องการกระตนุ้ ใหผ้ ้อู ่านเกดิ ความสนใจใคร่รู้ ชุดค�ำถามท่ี 3 : การโฆษณาเกนิ จริง คำ�ถามท่ี 3.1 : ป้ายประชาสัมพันธ์มขี อ้ ความเตอื นว่า “เสยี เงินฟรแี ละเสยี โอกาสในการรักษา” นกั เรียนเห็นด้วยกบั ข้อความน้หี รือไม่ อยา่ งไร คำ�ถามท่ี 3.2 : ท�ำไมปา้ ยประชาสัมพนั ธน์ ีจ้ งึ กลา่ วถึงธุรกิจยา ธุรกจิ เคร่ืองส�ำอางและผลติ ภัณฑเ์ สริมอาหาร 18 แตบาบมฝแึกนพวฒั ทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปินัญขอหาง

แกง๊ คอลเซ็นเตอร์ ปัจจุบันมิจฉาชีพมีหลายรูปแบบ เข้ามาแฝงตัวในสังคม โดยเฉพาะ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ท่ีมีการหลอกลวงเหยื่อผู้เสียหาย ให้หลงเช่ือด้วยกลโกงสารพัดวิธี และมักท�ำกันเป็นขบวนการ พร้อมกับมีการพัฒนาวิธีลวงเหยื่อให้ติดกับดักอย่างง่ายดาย ถึงข้ัน ตอ้ งสญู เสยี ทรพั ยส์ นิ มลู คา่ มหาศาลโดยไมท่ นั ตงั้ ตวั แมท้ ผี่ า่ นมาจะมขี า่ ว การจับกุมและเตือนภัยเก่ียวกับ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ปรากฏให้ เห็นมากมาย แต่ยงั คงมีประชาชนหลงเชอื่ ตกเปน็ เหยอื่ โอนเงนิ ผา่ น ตู้เอทเี อม็ ให้กับแกง๊ เหลา่ น้ี ถอื เปน็ ภัยต่อสงั คมที่ยงั ปราบไมจ่ บสิ้น เพอ่ื ใหป้ ระชาชนรเู้ ทา่ ทนั กอ่ นตกเปน็ เหยอ่ื จงึ ขอหยบิ ยก การระวังภัย “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ในตอน “แอบอ้างส�ำนักงาน ปปง.” ทีน่ �ำหนว่ ยงานราชการมาเปน็ เครอื่ งมอื สรา้ งความน่าเชื่อถือ ใหก้ ับเหย่ือ อาศยั ใช้จดุ อ่อน เชน่ ความโลภ ความกลวั และความรู้เท่าไมถ่ งึ การณม์ าหลอกลวง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะโทรศพั ท์เขา้ มาหาเหยื่อแอบอ้างเปน็ เจ้าหน้าท่ีส�ำนกั งาน ปปง. หรือ เลขาธกิ าร ปปง. และแจ้งเหยื่อผู้เสียหายแต่ละรายว่า มีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและจะต้องถูกด�ำเนินการยึดอายัด ทรพั ยส์ ินจึงต้องตรวจสอบเงนิ ในบัญชี และต้องพสิ ูจน์ความบริสุทธิ์ดว้ ยการโอนเงนิ ผา่ นตเู้ อทีเอ็ม หรอื โอนผา่ น เครือ่ งรับฝากเงนิ สดอัตโนมัตเิ ทา่ นัน้ พรอ้ มระบุวา่ เม่อื ถึงตเู้ อทเี อม็ ให้โทรศพั ทก์ ลบั มายังหมายเลขตน้ ทางที่โทร เข้ามาในมือถือเพ่ือท�ำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าท่ีบอก และเมื่อท�ำการตรวจสอบเรียบร้อยจะโอนเงินคืนกลับไปยัง บญั ชใี นภายหลงั เมอื่ ผเู้ สยี หายหลงเชอื่ โอนเงนิ ไปแลว้ จะไมส่ ามารถตดิ ตอ่ กลบั ไปยงั มจิ ฉาชพี ไดอ้ กี เลย กวา่ เหยอ่ื จะรู้ตัวกส็ ญู เสยี ทรัพย์สินไปแล้ว จากพฤตกิ รรมและวิธีการหลอกลวงตามข้างตน้ แลว้ เหน็ ไดว้ า่ มจิ ฉาชพี กลมุ่ นี้ มกี ารวางแผนมาอย่างดีจนเหย่ือหลงเชื่อไดง้ า่ ย ปราศจากสตยิ ้งั คิด ประชาชนท่ตี กเปน็ เหย่ือในลักษณะดังกล่าวไปแลว้ นน้ั ห้ามท�ำลายสลปิ การโอนเงินหรอื ห้ามฉกี เด็ดขาด ให้เก็บไว้เป็นหลักฐานและส่งส�ำนักงาน ปปง. โดยด่วน เพ่ือจะได้ติดตามร่องรอยบัญชีการโอนเงิน หรือ ท�ำการระงับการโอนเงินในบัญชีคืนให้กับผู้เสียหายได้ ซึ่งกลโกงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่รวบรวมข้อมูลมาจาก ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะโทรศัพท์หาเหย่ือและ แจ้งวา่ บญั ชเี งนิ ฝากถูกอายดั แอบอา้ งเปน็ เจ้าหน้าท่ีกรมสรรพากร โชคหลน่ ทบั ไดร้ างวลั ใหญ่ หลอกเหยื่อว่าเปน็ เจา้ หนา้ ท่ีจากสถาบันการเงนิ และโอนเงนิ ผิดให้โอนคืน การป้องกันการตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประชาชนควรต้ังสติ หากพบว่ามีความผิดปกติ กค็ วรรบี วางสายโทรศพั ทท์ นั ที หรอื พบพริ ธุ มขี อ้ สงสยั ใด รบี ตดิ ตอ่ เจา้ หนา้ ทต่ี �ำรวจ หนว่ ยงานราชการทเี่ กย่ี วขอ้ ง ในส่วนของส�ำนักงาน ปปง. ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-2193600 หรือสายด่วน ปปง. โทร. 1710 ในวันและเวลาราชการ ทม่ี า : https://finance.rabbit.co.th/blog/call-center-tricks-and-thi แตบาบมฝแึกนพวฒั ทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปนิ ญั ขอหาง 19

ค�ำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นอ่านสถานการณ์ “แกง๊ คอลเซ็นเตอร์” แล้วตอบค�ำถามตอ่ ไปน้ี ชดุ ค�ำถามท่ี 1 : แก๊งคอลเซน็ เตอร์ คำ�ถามท่ี 1.1 : หน่วยงานราชการท่แี ก๊งคอลเซ็นเตอรก์ ลา่ วอ้างถึงมอี ะไรบา้ ง คำ�ถามท่ี 1.2 : เพราะเหตใุ ดแกง๊ คอลเซน็ เตอรจ์ งึ น�ำ “หนว่ ยงานราชการ” มาเปน็ เครอ่ื งมอื ในการหลอกลวงเหยอื่ คำ�ถามท่ี 1.3 : หลกั ฐานของเหยือ่ ทส่ี ามารถน�ำไปใช้เพ่ือติดตามร่องรอยการถกู หลอกได้ มีอะไรบา้ ง ชดุ ค�ำถามท่ี 2 : แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ค�ำ ถามท่ี 2.1 : วตั ถปุ ระสงคข์ องการน�ำเสนอบทความน้ี คืออะไร คำ�ถามท่ี 2.2 : จงสรุปขัน้ ตอนการท�ำงานของแก๊งคอลเซน็ เตอร์ในการหลอกลวงเหยอ่ื 20 แตบาบมฝแกึ นพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมกป้ินัญขอหาง

ชดุ ค�ำถามท่ี 3 : แกง๊ คอลเซ็นเตอร์ คำ�ถามที่ 3.1 : ข้อความท่ี 1 : แกง๊ คอลเซน็ เตอรอ์ าศัยจดุ อ่อน เช่น ความโลภ ความกลัว และความร้เู ท่าไมถ่ ึงการณ์ มาหลอกลวง ขอ้ ความที่ 2 : การป้องกันการตกเป็นเหยื่อ ประชาชนควรตั้งสติ หากพบว่ามีความผิดปกติ ควรรีบวางสายโทรศพั ทท์ ันที ข้อความท่ี 1 และ 2 มคี วามสัมพันธก์ ันอย่างไร แตบาบมฝแกึ นพวฒั ทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปินญั ขอหาง 21

โรคซมึ เศร้า โรคซึมเศร้า (Major depressive disorder) เป็นโรคทางจิตเวชทพ่ี บได้บ่อยทส่ี ุด ผูป้ ่วยไมไ่ ด้เปน็ บา้ และไม่ได้เป็นคนไม่ดี แต่เป็นคนท่ีมีอาการป่วยทางอารมณ์อย่างหนึ่งซึ่งต้องการการรักษา เพราะหากปล่อยไว้ ผปู้ ว่ ยอาจคดิ สนั้ ฆา่ ตวั ตายได้ มสี ถติ ทิ รี่ ะบวุ า่ ผปู้ ว่ ยโรคซมึ เศรา้ จบชวี ติ ดว้ ยการฆา่ ตวั ตายส�ำเรจ็ มากกวา่ คนทวั่ ไป ถงึ 20 เท่า หากพบวา่ ตวั เองหรอื คนใกลต้ วั มีอาการ ข้อ 1 หรือ 2 ขอ้ ใดขอ้ หนึ่ง ร่วมกับอาการในขอ้ 3-9 อยา่ งนอ้ ย 5 อาการ ตดิ ตอ่ กันนาน 2 สัปดาห์ ให้สงสัยว่าอาจเป็นโรคซึมเศร้า หากพบเห็น อยา่ ประมาท ควรพดู คยุ กบั เขา หรอื อาจแนะน�ำใหเ้ ขาไปพบจติ แพทย์ ควรเปล่ยี นทศั นคตทิ ี่ว่า ทีไ่ ปพบจิตแพทย์ คือ คนเปน็ บา้ เพราะ การมีอคติเช่นน้ี จะยิ่งท�ำให้ผู้ป่วยไม่กล้าไปพบแพทย์ ท�ำให้ ไมไ่ ดร้ บั การรกั ษาอยา่ งถกู ตอ้ งและสดุ ทา้ ยจบชวี ติ ดว้ ยการฆา่ ตวั ตาย การปอ้ งกนั โรคซมึ เศรา้ ท�ำไดโ้ ดยกนิ อาหารครบ 5 หมู่ ออกก�ำลงั กายสปั ดาห์ละอย่างน้อย 4 วนั ต่อสปั ดาห์ ตอ่ เนอ่ื งกนั 30-40 นาที นอนหลบั ใหเ้ พยี งพอกบั ทร่ี า่ งกายตอ้ งการ ใหต้ น่ื ขนึ้ มา แล้วรู้สึกสดชื่น ไม่ง่วงหรือยังเพลียอยู่ ท�ำสมาธิ (Mindfulness) เพ่ือผ่อนคลายจิตใจ ช่วยให้สมองผ่อนคลาย ลดความเครียดได้ ฝึกคิดบวก ป้อนความคิดทางบวกให้กับตัวเองอยู่เสมอเพ่ือสร้าง ให้จิตใจมีความเข้มแข็ง ขอรับค�ำปรึกษาได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 โทรฟรี 24 ช่ัวโมง หรือรีบพามาพบจิตแพทย์เพื่อขอรับ บรกิ ารไดท้ ่โี รงพยาบาลจติ เวช สงั กดั กรมสขุ ภาพจิตทัว่ ประเทศ ทม่ี า : https://www.dek-d.com/board/view/3780414 22 แตบาบมฝแึกนพวฒั ทนาางทกกั าษระปการระแเมก้ปนิ ญั ขอหาง

ค�ำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนอา่ นสถานการณ์ “โรคซึมเศรา้ ” แลว้ ตอบค�ำถามตอ่ ไปน้ี ชุดค�ำถามท่ี 1 : โรคซมึ เศรา้ คำ�ถามท่ี 1.1 : คนไทยในวยั ใด ปว่ ยเปน็ โรคซึมเศรา้ มากทสี่ ุด ค�ำ ถามท่ี 1.2 : ผลการส�ำรวจปี 2551 ชว่ งอายเุ ทา่ ใดทเี่ พศหญงิ และชายมีความชุกของโรคซมึ เศรา้ เทา่ กนั คำ�ถามท่ี 1.3 : ให้บอกอาการของโรคซมึ เศรา้ มาอยา่ งนอ้ ย 3 อาการ ชดุ ค�ำถามท่ี 2 : โรคซมึ เศร้า คำ�ถามท่ี 2.1 : จากภาวะบกพรอ่ งทาง สุขภาพของประเทศไทย 23 ใหน้ กั เรียนอธบิ ายความหมายของแผนภาพในกรอบข้อความ ตแบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปนิ ัญขอหาง

ค�ำ ถามท่ี 2.2 : ข้อสรปุ ใดไม่สอดคล้องกบั แผนภาพ “ความชุกของโรคซมึ เศร้าในคนไทย ปี 2551” 1. เพศหญงิ เปน็ โรคซมึ เศร้ามากกวา่ ชาย 2. เม่ืออายมุ ากข้นึ คนไทยเป็นโรคซึมเศร้ามากขนึ้ 3. ทกุ ช่วงวยั เพศหญิงมคี วามชุกของโรคซมึ เศรา้ มากกวา่ ชาย 4. เพศหญงิ ช่วงอายุ 55-59 มีความชุกของโรคซมึ เศรา้ มากกวา่ ช่วงอายุอนื่ ๆ คำ�ถามที่ 2.3 : จงบอกจดุ ประสงค์ของผเู้ ขยี นในการใสแ่ บบประเมนิ โรคซมึ เศรา้ ด้วยตนเองในเนอ้ื เรื่อง ชดุ คำ�ถามท่ี 3 : โรคซมึ เศรา้ ค�ำ ถามท่ี 3.1 : จากเนอื้ เรอื่ ง คนวยั ท�ำงาน เปน็ กลมุ่ คนที่มคี วามชกุ ของโรคซมึ เศรา้ มากท่สี ุด จงระบปุ ัจจัยหรอื สาเหตทุ ท่ี �ำให้คนกลุ่มนเ้ี ปน็ โรคซมึ เศร้า คำ�ถามที่ 3.2 : จากผลการส�ำรวจความชุกของโรคซึมเศร้าในคนไทย ตามแผนภาพ เพศหญิงมีความชุกของ โรคซมึ เศรา้ มากกวา่ เพศชายทกุ ชว่ งอายุ ยกเวน้ อายตุ ง้ั แต่ 80 ปขี น้ึ ไป เพศชายและเพศหญงิ มคี วามชกุ ของโรคซมึ เศรา้ เท่ากัน นักเรียนคิดวา่ มีสาเหตุใดบ้างท่ที �ำใหเ้ พศชายและเพศหญงิ อายุ 80 ปีขึน้ ไป มคี วามชุกของโรคเทา่ กัน (ตอบมา 2 ขอ้ ) 24 แตบาบมฝแึกนพวฒั ทนาางทกักาษระปการระแเมกป้ินัญขอหาง

ค�ำ ถามที่ 3.3 : ในชว่ ง 2 สัปดาหท์ ผ่ี ่านมา (รวมท้ังวนั น้)ี ไม่ เปน็ เปน็ เปน็ แทบ นกั เรียนมีอาการเหล่าน้บี ่อยแคไ่ หน เปน็ เลย บางวัน บ่อย ๆ ทกุ วนั 1. รู้สกึ เบ่ือหนา่ ย ไม่สนใจท�ำอะไร (แม้ในส่ิงทเ่ี คยชอบท�ำมาก ๆ) 0 1 2 3 2. รสู้ ึกเศรา้ ใจ ทอ้ แท้ใจ ไม่เปน็ สุขใจ 0123 3. นอนไมห่ ลบั หลับยาก หลับ ๆ ต่ืน ๆ (หรือนอนมากกว่าปกติ) 0 1 2 3 4. เหน่ือยง่าย ไม่คอ่ ยมีเรีย่ วแรง 0123 5. เบ่ืออาหาร (หรือกนิ จกุ วา่ ปกติ) 0123 6. ต�ำหนติ นเองบ่อย ๆ คดิ ว่าตัวองเป็นภาระ 0123 7. หลงลมื งา่ ย ไม่มีสมาธิ 0123 8. เชอื่ งชา้ กว่าปกติ (หรอื กระสับกระส่ายกวา่ ปกติ) 0123 9. คดิ อยากตาย คดิ ท�ำรา้ ยตนเอง คดิ วา่ ถา้ ตายไปคงจะดี 0123 รวม 1. ให้นักเรียนประเมินและสรุปผลการประเมินตนเอง ผลการประเมนิ ของนกั เรียนสรปุ ไดอ้ ย่างไร 2. จากผลการประเมนิ ตนเองในขอ้ 1 นักเรียนจะปฏบิ ัติตนอยา่ งไร ตแบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกกั าษระปการระแเมก้ปินัญขอหาง 25

JOB NEW ONLINE JOB NEW ONLINE บริษัทรับท�ำส่ือโฆษณาทาง Internet รับท�ำการตลาดให้กับบริษัทช้ันน�ำในประเทศไทยและ ต่างประเทศ โดยการกระจายข้อมูลข่าวสารโฆษณาตามเว็บไซต์ ใช้แบนเนอร์เป็นส่ือโฆษณาทั้งในรูปแบบ รูปภาพ ข้อความกระจายไปตามเว็บไซต์ต่าง ๆ และกระจายไปที่อีเมล์ของผู้ท่ีใช้บริการของบริษัท คือ ลูกค้า เพอ่ื อัพเดทขอ้ มลู ข่าวสารใหม่ ๆ ให้กบั ลูกคา้ คณุ สมบตั ิในการสมคั ร - อายุ 20 ปขี ึน้ ไป - ไม่จ�ำกดั เพศ ไมจ่ �ำกดั วฒุ ิการศึกษา - มีคอมพิวเตอร์ และอนิ เทอร์เน็ตสว่ นตวั ท�ำท่ีร้านเนต็ ได้หรือทที่ �ำงาน - สามารถมเี วลาว่างท�ำงาน วนั ละ 2-3 ชม. - ไมจ่ �ำเป็นตอ้ งมปี ระสบการณ์ เลือกเวลาท�ำงานได้ - รายได้ ประมาณ 15,000-30,000 บาทตอ่ เดือน ไม่ fix ตายตวั ข้นึ อย่กู บั ปรมิ าณงานทที่ �ำ รายไดก้ บั เวลาในการท�ำงาน - 5,000-10,000 บาท ใช้เวลาท�ำทุกวนั 2-3 ชว่ั โมง - 10,000-20,000 บาท ใช้เวลาท�ำทุกวนั 3-5 ชว่ั โมง - 25,000 บาทขึ้นไป ใช้เวลาท�ำทุกวนั 5 ช่ัวโมง ตดิ ตอ่ เจ้าหน้าที่ คุณกบ ตดิ ตอ่ 092 222 0202 Line : JOB NEW ONLINE 26 แตบาบมฝแกึ นพวฒั ทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปินญั ขอหาง

ค�ำช้ีแจง ให้นักเรียนอ่านสถานการณ์ “JOB NEW ONLINE” แลว้ ตอบค�ำถามตอ่ ไปนี้ ชดุ ค�ำถามที่ 1 : JOB NEW ONLINE คำ�ถามท่ี 1.1 : บริษทั นท้ี �ำงานเก่ียวกบั อะไร คำ�ถามท่ี 1.2 : ถา้ ตอ้ งสมคั รงานบรษิ ัทน้ีจะติดต่อไดท้ างใดบา้ ง ค�ำ ถามท่ี 1.3 : ส่วนใดของเน้ือเรอื่ งทีท่ �ำให้ตอ้ งการสมคั รงานบริษทั น้ี ชุดค�ำถามท่ี 2 : JOB NEW ONLINE ค�ำ ถามท่ี 2.1 : จงตั้งช่ือต�ำแหนง่ งานทมี่ ีความเหมาะสมกับลกั ษณะงานตามประกาศ คำ�ถามท่ี 2.2 : 27 อปุ กรณท์ สี่ �ำคญั ทีต่ อ้ งใชใ้ นการท�ำงานมีอะไรบา้ ง จงระบุมาอยา่ งน้อย 2 อยา่ ง 1. 2. แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปินัญขอหาง

ชุดค�ำถามท่ี 3 : JOB NEW ONLINE ค�ำ ถามที่ 3.1 : A B C และ D ก�ำลงั หางานท�ำโดยแต่ละคนมคี ณุ สมบัติดังตาราง ช่ือ อายุ เพศ คอม ประสบการณ์ งานประจ�ำ วุฒกิ ารศึกษา A 18 ญ P พนกั งานขายหน้าร้าน ม.3 P นกั ศึกษา ป.ตรี B 22 ช × เจา้ ของชา่ งเสรมิ สวย ปวช. C 25 ญ P P รับราชการครู ป.โท D 30 ญ P P P ใครไมม่ สี ทิ ธใ์ิ นการสมัครเข้าทำ�งานกับบรษิ ัทแหง่ น้ี เพราะเหตใุ ด ค�ำ ถามท่ี 3.2 : จากขอ้ มูลผสู้ มคั รในขอ้ 3.1 ถา้ ต้องเลือกคนเข้าท�ำงานเพียง 1 คน นักเรียนจะตดั สินใจเลือกใคร เพราะเหตุใด คำ�ถามท่ี 3.3 : ถ้านักเรียนเป็นคนหนึ่งที่ก�ำลังต้องการหางานท�ำ นักเรียนต้องการรู้ข้อมูลใดเพิ่มเติมเพ่ือประกอบ การตัดสนิ ใจว่าควรสมคั รงานกับบรษิ ทั นี้หรอื ไม่ 28 แตบาบมฝแกึ นพวัฒทนาางทกกั าษระปการระแเมก้ปนิ ญั ขอหาง

ศัลยกรรมเรื่องธรรมดาของคนร่นุ ใหม่ ท่มี า : www.pr-network.in.th www.dek-d.com www.bugaboo.tv แตบาบมฝแกึ นพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมกป้ินญั ขอหาง 29

ค�ำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นอ่านสถานการณ์ “ศัลยกรรมเร่ืองธรรมดาของคนรนุ่ ใหม่” แล้วตอบค�ำถามตอ่ ไปนี้ ชุดค�ำถามที่ 1 : ศลั ยกรรมเรือ่ งธรรมดาของคนรุ่นใหม่ ค�ำ ถามที่ 1.1 : วยั ร่นุ ทีน่ ิยมท�ำศลั ยกรรม ส่วนใหญ่มอี ายุอยูใ่ นชว่ งใด ค�ำ ถามที่ 1.2 : วัยรนุ่ สว่ นใหญต่ ัดสนิ ใจท�ำศัลยกรรมเพราะสาเหตใุ ด ชดุ ค�ำถามท่ี 2 : ศัลยกรรมเรื่องธรรมดาของคนรนุ่ ใหม่ คำ�ถามท่ี 2.1 : จุดมุ่งหมายของการน�ำเสนอสถานการณ์น้ตี รงกบั ข้อใด 1. อธบิ ายค่านยิ มในการท�ำศลั ยกรรม 2. อธบิ ายทศั นคตติ อ่ การท�ำศลั ยกรรม 3. อธิบายเหตผุ ลของการท�ำศลั ยกรรม 4. อธบิ ายอนั ตรายจากการท�ำศลั ยกรรม คำ�ถามที่ 2.2 : ขอ้ ความวา่ “การศกึ ษา = การท�ำศลั ยกรรม คอื มมุ มองของพอ่ แมร่ นุ่ ใหมท่ มี่ องวา่ การท�ำศลั ยกรรม เปรียบเสมอื นการลงทุนเพอ่ื สร้างโอกาสท่ดี ีกว่าใหก้ ับลกู หลานเชน่ เดียวกบั การใชก้ ารศึกษา” นักเรียนเขา้ ใจความหมายของขอ้ ความนีอ้ ยา่ งไร จงอธบิ าย 30 ตแบาบมฝแกึ นพวฒั ทนาางทกกั าษระปการระแเมกป้ินญั ขอหาง

ชุดค�ำถามท่ี 3 : ศัลยกรรมเรอ่ื งธรรมดาของคนรนุ่ ใหม่ คำ�ถามที่ 3.1 : จงใหเ้ หตผุ ลวา่ เพราะเหตใุ ดขา่ วประชาสมั พนั ธจ์ งึ ใชช้ อ่ื วา่ “ศลั ยกรรมเรอ่ื งธรรมดาของคนรนุ่ ใหม”่ คำ�ถามที่ 3.2 : ขอ้ ความ “ทน่ี า่ เปน็ หว่ งคอื กลมุ่ วยั รนุ่ ทอี่ ยากสวย แตม่ งี บประมาณจ�ำกดั จงึ ไมม่ สี ทิ ธเ์ิ ลอื กมากนกั นอ้ ง ๆ กลุม่ นจี้ งึ มคี วามเสยี่ งทจี่ ะเจอผลขา้ งเคยี งจากการท�ำศลั ยกรรมได้มากกว่าคนทัว่ ไป” จงยกตวั อย่าง “ความเสยี่ ง” ทีอ่ าจเกดิ ขนึ้ ได้ แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมกป้ินญั ขอหาง 31

สงั คมนอกคอก “สังคมของเราเต็มไปนอกคอก และมีคอกหลายอย่างครอบคลุมพวกเราทุกคนอยู่ พอพูดแบบนี้ ทุกคนจะคิดถึงประเด็นการเมือง แต่ขอไม่ยกตัวอย่างการเมือง เพราะการเมืองเป็นตัวอย่างท่ีมองเห็นง่ายมาก และพอถกู มองเหน็ ง่ายก็จะมีการตั้งค�ำถามและถกเถยี งไดม้ าก ซึง่ ส่งิ ทถี่ กู ต้งั ค�ำถามและถกเถยี งมากมันสามารถ ไปสู่ทางออกได้ แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่มองเห็นยากกว่าและไม่ค่อยถูกต้ังค�ำถาม เมื่อไม่ถูกต้ังค�ำถามก็จะไม่มี การแก้ไข ยกตัวอย่างง่ายที่สุดอาจจะเป็นเร่ืองความเป็นชาย ความเป็นหญิง มันเป็นคอกที่อยู่ในวัฒนธรรม การกระท�ำของผู้ชายบางคนหรือแม้แต่การกระท�ำของผู้หญิงบางคนท่ีมากดผู้หญิงด้วยกันเองให้ต้อยต่�ำอยู่ใน สื่อละคร หรือแม้แต่วรรณกรรมกระแสหลักก็ยังมีบางโมเมนต์ท่ีเหยียด หรือแม้แต่บางทีตัวเราเองยังเผลอไผล ไปพูดแซวผู้หญิง ซ่ึงจริง ๆ แล้วเป็นการเหยียด หรือคอกท่ีล้อมกรอบอยู่ว่าถ้าเธออยากจะเป็นเมียและแม่ท่ีดี ต้องเป็นแบบน้ี แลว้ มนั มองเห็นได้ยากท�ำให้แก้ไขยากขึน้ ” บทสมั ภาษณ์ ของ ล-้ี จดิ านนั ท์ เหลืองเพียรสมุทร กวีซีไรต์ ปี 2560 32 ตแบาบมฝแกึ นพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปนิ ัญขอหาง

ค�ำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นอา่ นสถานการณ์ “สังคมนอกคอก” แล้วตอบค�ำถามตอ่ ไปนี้ ชดุ ค�ำถามที่ 1 : สังคมนอกคอก ค�ำ ถามท่ี 1.1 : ผู้เขียนน�ำเสนอ “คอก” ทส่ี ามารถมองเห็นไดง้ า่ ยคือคอกดา้ นใด ค�ำ ถามที่ 1.2 : การแสดงความคดิ เห็น การโต้แยง้ ต่อ “คอก” ก่อใหเ้ กดิ ผลดีในเรอื่ งใด ชดุ ค�ำถามท่ี 2 : สังคมนอกคอก ค�ำ ถามที่ 2.1 : จงอธบิ ายค�ำวา่ “คอก” ในความหมายของผ้เู ขียนตามความเขา้ ใจของนกั เรยี น ค�ำ ถามที่ 2.2 : “สงั คมนอกคอก” หมายความว่าอย่างไร จงอธบิ าย ค�ำ ถามท่ี 2.3 : ผู้เขยี นตอ้ งการสอื่ สารขอ้ มลู ถงึ ผ้อู า่ นเกีย่ วกบั อะไร แตบาบมฝแกึ นพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปนิ ญั ขอหาง 33

ชุดค�ำถามที่ 3 : สังคมนอกคอก คำ�ถามท่ี 3.1 : ข้อความว่า “นักเรยี นเป็นคอก ๆ หน่งึ ในสังคม” ใหน้ กั เรยี นอธิบายคอกของนกั เรียนตามความเขา้ ใจ คำ�ถามท่ี 3.2 : ใหน้ กั เรยี นบอกลกั ษณะของ “นกั เรยี นนอกคอก” มา 1 อยา่ ง คำ�ถามที่ 3.3 : ให้นกั เรยี นระบคุ �ำหน่งึ ค�ำท่ีมลี ักษณะเปน็ “คอก” ในสังคมทน่ี กั เรยี นอาศัยอยู่ พร้อมทัง้ อธิบายวา่ ท�ำไมค�ำนนั้ จึงเป็นคอกส�ำหรบั นักเรยี น 34 ตแบาบมฝแึกนพวฒั ทนาางทกักาษระปการระแเมกป้นิ ัญขอหาง

กำ�ลงั แรงงานดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทีม่ า : http://www.nso.go.th/sites/2014/Lists/Infographic/Attachments/27/17.THAILAND4.0.jpg แตบาบมฝแกึ นพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปนิ ัญขอหาง 35

ค�ำชี้แจง ใหน้ ักเรียนอ่านสถานการณ์ “ก�ำลงั แรงงานด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี” แลว้ ตอบค�ำถามตอ่ ไปนี้ ชุดค�ำถามที่ 1 : ก�ำลังแรงงานดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ค�ำ ถามท่ี 1.1 : ปี 2559 ผจู้ บด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาขาใดไปประกอบอาชีพอ่นื มากทสี่ ดุ 1. สาขาสขุ ภาพ 2. สาขาวศิ วกรรมศาสตร์ 3. สาขาการผลิตและกระบวนการผลิต 4. สาขาคณติ ศาสตรแ์ ละสถิติ ค�ำ ถามที่ 1.2 : คนทจี่ บวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแตท่ �ำงานอืน่ สว่ นใหญ่ประกอบอาชีพอะไร ชุดค�ำถามท่ี 2 : ก�ำลังแรงงานด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี คำ�ถามท่ี 2.1 : จงอธบิ ายลกั ษณะส�ำคัญของแรงงานยคุ Thailand 4.0 ค�ำ ถามที่ 2.2 : จากกราฟก�ำลงั แรงงานด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี 2557 - ปี 2559 แนวโน้มผู้ท่จี บดา้ น วทิ ยาศาสตรแ์ ละท�ำงานด้านวทิ ยาศาสตร์ และจบด้านวทิ ยาศาสตร์แต่ท�ำงานอ่ืน มีการเปลย่ี นแปลง อยา่ งไร จงอธิบาย 36 แตบาบมฝแึกนพวฒั ทนาางทกกั าษระปการระแเมก้ปนิ ัญขอหาง

ชดุ ค�ำถามที่ 3 : ก�ำลังแรงงานด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี คำ�ถามท่ี 3.1 : ความเส่ยี งทีจ่ ะเกดิ ขึ้นในอนาคตกับตลาดแรงงานคอื อะไร เพราะเหตุใด ค�ำ ถามที่ 3.2 : นักเรียนคิดว่าคนที่ไม่ได้จบด้านวิทยาศาสตร์แต่ท�ำงานด้านวิทยาศาสตร์ จะเป็นอุปสรรคในการ ขับเคล่อื นประเทศเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ตอบ เหตุผลประกอบ แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกกั าษระปการระแเมก้ปินญั ขอหาง 37

เด็กกบั คอมพวิ เตอร์ ดิฉันเป็นผู้ปกครองคนหน่ึงท่ีสนับสนุนให้ลูกได้ฝึกคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เล็ก ๆ เพราะมองอนาคตว่า คอมพิวเตอร์จะมีบทบาทในชีวิตประจ�ำวันมากข้ึนเรื่อย ๆ ซ่ึงก็เป็นจริงซะด้วย ในปัจจุบันแทบจะทุกบ้านท่ีมี คอมพิวเตอร์ใช้ โดยเฉพาะบา้ นที่มีเด็ก ๆ เพราะปัจจบุ ันอาจารย์มกั จะใหก้ ารบา้ นเด็ก อาจเป็นรายงานตา่ ง ๆ ตอ้ งหาขอ้ มลู จากอนิ เทอรเ์ นต็ เพอ่ื ประกอบรายงาน ซงึ่ เรากท็ ราบวา่ การสอ่ื สารในปจั จบุ นั ไรพ้ รมแดน แคป่ ลายนว้ิ สัมผัส อะไรจะง่ายขนาดน้ัน ทุกอย่างที่มีคุณอนันต์ ก็มีโทษมหันต์เช่นกัน เด็กบางคนสนใจเรื่องเกมออนไลน์ ในอินเทอรเ์ น็ต จนถงึ ขนาดตดิ เกมซึง่ จะเกิดโทษท�ำให้การเรียนแย่ลง และซมึ ซับพฤติกรรมจากเกม เชน่ มีพฤตกิ รรม รุนแรง ก้าวร้าว ดังน้ัน ผู้ปกครองหรือพ่อแม่ควรจะดูแล และสังเกตพฤติกรรมของเด็กท่ีลดความสัมพันธ์กับ กลมุ่ เพอื่ นลง แตจ่ ะตดิ กบั เครอื่ งคอมพวิ เตอรแ์ ทนเกมออนไลน์ บางเกมมผี ลตอ่ สขุ ภาพจติ ของเดก็ เพราะเมอ่ื เลน่ บอ่ ย เดก็ จะรูส้ กึ ชอบเอาชนะ และเคยชนิ กบั การแข่งขัน ซึ่งในชีวิตจรงิ ไมเ่ ป็นเช่นนน้ั จะต้องมีแพม้ ชี นะจนเด็กกลาย เปน็ คนก้าวร้าวไมส่ ามารถควบคุมตนเองได้ ไม่มีความรบั ผดิ ชอบ การทเ่ี ด็กหมกมุ่นในเกม ท�ำให้ไมร่ ู้จักชวี ติ จรงิ เลอื กจะอยู่ในโลกจนิ ตนาการมากกวา่ ดังน้ัน ผู้ปกครองต้องคอยให้ความสนใจในการใช้คอมพิวเตอร์ของเด็ก หาทางออกโดย เลือกใช้คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตเมื่อจ�ำเป็น เด็กอาจจะหาข้อมูลหรืออ่านหนังสือออนไลน์ โดยแบ่งเวลา การใชค้ อมพวิ เตอรเ์ พอ่ื ท�ำงาน เมอ่ื ท�ำงานเสรจ็ อยากจะพกั ผอ่ นดว้ ยการเลน่ เกม กค็ วรก�ำหนดเวลาการเลน่ ไมใ่ ชใ่ หเ้ กม มาก�ำหนดให้เราเลน่ หรอื ก�ำหนดไมใ่ หเ้ ราเลกิ เล่น ถึงเวลาทผี่ ูป้ กครองจะตอ้ งเอาใจใส่และแนะน�ำส่งิ ทีถ่ กู ทค่ี วร ใหเ้ ดก็ ๆ หรอื หากจิ กรรมอืน่ ๆ ท่ีดึงเด็กออกจากเกมคอมพิวเตอร์ โดยครอบครวั พาออกไปดูหนงั ทานอาหาร นอกบ้านบ้าง กจ็ ะเป็นการสรา้ งความสขุ ความผกู พนั ของครอบครวั อกี ทางหนงึ่ ด้วย ปัฐมาภรณ์ พงิ คสิทธ์ิ https://www.jvkk.go.th/jvkkjirst/stary/general/65.htm. 38 แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมก้ปินัญขอหาง

ค�ำชี้แจง ให้นกั เรยี นอ่านสถานการณ์ “เด็กกบั คอมพวิ เตอร์” แล้วตอบค�ำถามตอ่ ไปนี้ ชุดค�ำถามที่ 1 : เดก็ กับคอมพิวเตอร์ ค�ำ ถามท่ี 1.1 : จงระบลุ กั ษณะของเด็กท่มี แี นวโนม้ ทจี่ ะตดิ เกมออนไลน์มา 1 ข้อ ชุดค�ำถามท่ี 2 : เดก็ กับคอมพวิ เตอร์ คำ�ถามท่ี 2.1 : สาระส�ำคญั ของยอ่ หน้าที่ 1 คือข้อใด 1. การใชค้ อมพวิ เตอร์ในชวี ิตประจ�ำวนั 2. ประโยชนแ์ ละโทษของการใชค้ อมพวิ เตอร์ 3. การใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นการเล่มเกมออนไลน์ 4. พฤตกิ รรมทไ่ี มพ่ ึงประสงคข์ องการใช้คอมพวิ เตอร์ ค�ำถามที่ 2.2 : จุดประสงค์ของผเู้ ขยี นในย่อท่ี 2 คอื อะไร ชดุ ค�ำถามท่ี 3 : เด็กกับคอมพิวเตอร์ ค�ำ ถามท่ี 3.1 : ผู้เขียนกล่าวว่า “ดิฉันเป็นผู้ปกครองคนหน่ึงท่ีสนับสนุนให้ลูกได้ฝึกคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เล็ก ๆ เพราะมองอนาคตว่าคอมพวิ เตอรจ์ ะมีบทบาทในชีวติ ประจ�ำวันมากข้ึนเรือ่ ย ๆ” ขอ้ ความดงั กลา่ วมที งั้ ขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เหน็ ของผเู้ ขยี น ใหน้ กั เรยี นระบขุ อ้ ความทเี่ ปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คิดเหน็ และนักเรยี นเห็นดว้ ยกบั ความเหน็ ของผ้เู ขยี นหรือไม่ อย่างไร จงอธบิ าย ขอ้ เท็จจริง : ขอ้ คิดเหน็ : ความเหน็ ของนกั เรยี น : ตแบาบมฝแึกนพวฒั ทนาางทกกั าษระปการระแเมก้ปนิ ญั ขอหาง 39

ทฤษฎแี มลงสาบ (Cockroach Theory) ณ ร้านอาหารแห่งหน่ึง ขณะท่ีนัง่ จิบกาแฟอย่างสงบ อยู่ ๆ ก็มแี มลงสาบจากไหนไม่รู้บนิ เขา้ มาเกาะ ผูห้ ญงิ โต๊ะข้าง ๆ แบบไมท่ นั ต้งั ตัว ผู้หญงิ คนน้กี รีดร้อง กระโดดโลดเตน้ โหวกเหวก โวยวาย สะบดั ไม้ สะบัดมือ หวังให้แมลงสาบบินออกไป ในตอนน้ันท่าทางท่ีเธอแสดงออกมา ท�ำให้เพื่อน ๆ ท่ีน่ังด้วยกันรู้สึกตกใจและ หัวเสียเป็นอย่างมาก หลังจากเธอใช้ความพยายามสักครู่หน่ึงแมลงสาบก็บินออกไป แต่เด๋ียวนะ!!! มันไม่ได้ ไปไหนไกลเลย มนั แค่เปลยี่ นเป้าหมายไปเกาะผหู้ ญิงขา้ ง ๆ แทน ทนั ทีทแ่ี มลงสาบเริม่ เกาะอีกคนปบุ๊ เหตกุ ารณ์ทุกอยา่ งเหมอื นเดิมเปะ ผ้หู ญงิ คนใหมร่ ้องโหวกเหวก โวยวาย กระโดดโลดเต้น พยายามท�ำทุกวิถีทางสลัดแมลงสาบให้หลุดออกไปเหมือนคนก่อน เด็กเสิร์ฟเห็นเข้า กต็ กใจรบี วงิ่ ตรงดงิ่ มาทโ่ี ตะ๊ ลกู คา้ ทนั ที เหมอื นแมลงสาบจะรวู้ า่ เหยอ่ื รายใหมก่ �ำลงั มาแลว้ มนั เลยบนิ ออกจากตวั ผหู้ ญงิ คนท่สี องแลว้ มาเกาะทเ่ี ดก็ เสริ ฟ์ คนนั้นแทน เหตกุ ารณไ์ มค่ าดคดิ กเ็ กดิ ขนึ้ แทนทเ่ี ดก็ เสริ ฟ์ จะสะบดั แมลงสาบ ตวั นั้นทิง้ ในทันทีเขากลับยนื มองนิ่ง ๆ เฉกเชน่ เพอ่ื นท่คี ้นุ เคยกนั สงั เกตพฤตกิ รรมการเคล่ือนไหวของแมลงสาบ บนเสื้อเขา เมื่อเด็กเสิร์ฟมั่นใจในทิศทางการเคล่ือนท่ีของแมลงสาบแล้วเด็กเสิร์ฟจึงค่อยเอามือคว้าแมลงสาบ อยา่ งรวดเรว็ พรอ้ มกบั น�ำออกไปโยนทง้ิ นอกรา้ นในทนั ที สง่ิ ที่ CEO Google คนนต้ี งั้ ค�ำถาม คอื “แมลงสาบ” คอื ตน้ เหตขุ องความโกลาหลครงั้ นร้ี ปึ า่ ว? ถา้ ใช.่ ..แลว้ ท�ำไมเดก็ เสริ ฟ์ คนนถ้ี งึ ยนื นงิ่ ๆ พรอ้ มกบั รบั มอื กบั เจา้ แมลงสาบ ตัวน้ไี ด้อยา่ งสบาย ๆ ในขณะท่ีหญงิ สาวสองคนน้นั ถงึ กระโดดโลดเต้น ว่ิงไปมาเพื่อใหแ้ มลงสาบบินออกไป จริง ๆ แล้วปัญหามันอาจไม่ใช่อยู่ที่ “แมลงสาบ” แต่มันอยู่ที่ความสามารถในการรับมือกับปัญหา ที่เข้ามารบกวนมากกว่า Sundar Pichai เลยเร่ิมตระหนักว่าท่ีผ่านมาส่ิงต่าง ๆ ท่ีท�ำให้ตัวเขาหัวเสียไม่ว่าจะ เสยี งบ่นจากเจ้านาย พ่อแม่ ลกู คา้ หรือคนใกลต้ ัวหรือความเครียดตา่ ง ๆ ท่เี กิดขึ้นกับเขา จริง ๆ แลว้ มันอาจจะไมใ่ ช่ ปัญหาเลยก็เป็นได้ อารมณ์หรือความรู้สึกต่าง ๆ เหล่าน้ันเกิดจากเราเอง เราน้ีแหละ ที่ไม่สามารถรับมือกับ สงิ่ ตา่ ง ๆ เหลา่ นน้ั ได้ เพราะจรงิ ๆ แลว้ เราคอื คนทเ่ี ลอื กเองวา่ จะรสู้ กึ ยงั ไงกบั สงิ่ รบกวนเหลา่ นน้ั มนั ไมใ่ ชเ่ พราะรถตดิ แลว้ ท�ำใหเ้ ราหวั เสยี แตม่ นั คอื ปฏกิ ริ ยิ าของเราทใี่ ชใ้ นการรบั มอื กบั ปญั หาตา่ งหาก บางทถี า้ ไมม่ สี ติ เราอาจหงดุ หงดิ อารมณ์ร้อนมากยิง่ ข้ึน พอรถย่ิงตดิ เรายงิ่ รีบ สุดทา้ ยบานปลายน�ำไปสู่อบุ ตั เิ หตุรถชนหรือในกรณขี องแมลงสาบ ยง่ิ พยายามปัดออกจากเส้ือ สดุ ท้ายมันอาจบนิ มาเกาะหนา้ หรอื บนิ เขา้ ปาก ยงิ่ ไปกว่านั้น ถ้าคณุ พยายามวิ่งหนี คณุ อาจสะดุดล้มเปน็ แผลใหญโ่ ตกไ็ ด้ ดังนั้น จงจ�ำไวว้ ่า ย่งิ วธิ ีการรบั มอื ทไี่ มถ่ กู ตอ้ ง ยิง่ ท�ำใหป้ ญั หายงุ่ เหยิงใหญ่โต สิ่งส�ำคญั คือ ไม่ใช่แค่ React หรอื แค่ตอบสนองปัญหาดว้ ยสัญชาตญาณ แตม่ นั ต้องเปน็ การ Respond หรือรบั มอื ดว้ ยกระบวนการคดิ ทถ่ี ูกตอ้ ง ผา่ นการใชส้ มองไตรต่ รอง เพ่อื ควบคุมตน้ ตอของปญั หา ไมใ่ หม้ ันบานปลายเกินแกไ้ ข คนทมี่ ีความสุข ไม่ใช่เพราะทุก ๆ ส่ิงท่ีเกิดขึ้นในชีวิตมีแต่เรื่องที่ถูกต้องตามแผนท่ีวางไว้หรอกนะ แต่ที่เขามีความสุขเพราะ สตแิ ละทศั นคตทิ ด่ี ที มี่ ตี อ่ ปญั หาตา่ ง ๆ ในชวี ติ มากกวา่ คณุ เลอื กเอาเองละกนั วา่ อยากรบั มอื กบั ปญั หาแบบ React หรือ Respond ทีม่ า : https://oknation.notiontv./blog/weleverta/2018/01/24/entry-5 40 แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมกป้ินญั ขอหาง

ค�ำชี้แจง ใหน้ ักเรียนอา่ นสถานการณ์ “ทฤษฎีแมลงสาบ” แล้วตอบค�ำถามตอ่ ไปน้ี ชดุ ค�ำถามที่ 1 : ทฤษฎีแมลงสาบ (Cockroach Theory) ค�ำ ถามท่ี 1.1 : เหตุการณเ์ กิดขน้ึ ท่ใี ด คำ�ถามที่ 1.2 : พฤติกรรมแบบ React กบั Respond แตกต่างอยา่ งไร ชุดค�ำถามท่ี 2 : ทฤษฎีแมลงสาบ (Cockroach Theory) คำ�ถามที่ 2.1 : ผเู้ ขยี นเปรยี บเทยี บแมลงสาบกบั สิง่ ใด จงอธบิ าย คำ�ถามที่ 2.2 : ผเู้ ขยี นเปรียบเทยี บพฤติกรรมผู้หญิง 2 คน และเดก็ เสริ ์ฟกับอะไร จงอธิบาย คำ�ถามท่ี 2.3 : จงเขียนวงกลมลอ้ มรอบบคุ คลที่มีพฤตกิ รรมแบบ Respond ผหู้ ญิงคนท่ี 1 ผหู้ ญิงคนที่ 2 เดก็ เสริ ์ฟ ตแบาบมฝแกึ นพวัฒทนาางทกกั าษระปการระแเมก้ปนิ ญั ขอหาง 41

ชดุ ค�ำถามที่ 3 : ทฤษฎีแมลงสาบ (Cockroach Theory) คำ�ถามท่ี 3.1 : เหตกุ ารณใ์ นชีวิตของนักเรียนบางอย่างมลี กั ษณะเหมือน “แมลงสาบ” จงยกตวั อย่างและอธบิ ายวา่ ท�ำไมถงึ เป็นเชน่ นั้น ค�ำถามที่ 3.2 : จงระบุสิ่งที่ท�ำให้ได้แต่ละคนแสดงพฤติกรรมตอบสนองต่อส่ิงท่ีเข้ามากระทบแตกต่างกันมา 1 อย่าง พรอ้ มทง้ั อธบิ าย 42 แตบาบมฝแึกนพวัฒทนาางทกักาษระปการระแเมกป้ินัญขอหาง

แบบฝกึ พฒั นาทักษะการแก้ปญั หาตามแนวทางการประเมินของ PISA การร้เู ร่อื งคณติ ศาสตร์ (Mathematical Literacy)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook