พัฒนาการทางประวตั ิศาสตร์ สังคม เศรษฐกจิ และการเมืองของอัฟกานสิ ถาน อฟั กานิสถานต้ังอยทู่ างตอนเหนือของเอเชียใต้ เป็นจุดแวะพักและแลกเปล่ียนสินค้า ของนักเดินทางและพ่อค้าบนเส้นทางสายไหมระหว่างโลกตะวันออกกับตะวันตก ลักษณะท่ีต้ัง ทาให้มชี นเผา่ ตา่ ง ๆ เข้ามาตัง้ ถิ่นฐานในดินแดนนี้มาช้านาน หญิงสาวและเดก็ ๆ ชาวปาทาน ในอัฟกานิสถาน
ในอดีตดินแดนอัฟกานิสถานเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิต่าง ๆ เช่น กรีก เปอร์เชีย และมองโกล ต่อมาใน พ.ศ. ๒๒๙๐ ผู้นาของชนเผ่าปาทาน (Pashtun) ซ่ึงเป็น ประชากรส่วนใหญ่ได้สถาปนาประเทศอัฟกานิสถาน และมีกษัตริย์ปกครองในระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ต่อเน่ืองมาถึง พ.ศ. ๒๕๑๖ จนเกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นระบอบสาธารณรัฐ หลังจากนั้นอีก ๖ ปี พรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจาก สหภาพโซเวียตสามารถยึดอานาจและปกครองอัฟกานิสถาน อย่างไรก็ตาม มีชาวปาทานและ ชนพ้ืนเมืองกลุ่มอ่ืน ๆ ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ ทาให้มีการสู้รบกันระหว่างกลุ่มต่าง ๆ อย่าง ตอ่ เนือ่ ง
ปัจจุบันอัฟกานิสถานมีการปกครองในระบอบสาธารณรัฐ และมีประธานาธิบดีเป็น ผูน้ ารัฐบาลท่มี าจากการเลอื กตง้ั สังคมของอัฟกานิสถานประกอบด้วยชนพื้นเมืองท่ีส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าปาทานกลุ่ม ต่าง ๆ นอกจากน้ันก็เป็นชนเผ่าอ่ืน ๆ ท่ีอพยพมาจากเขตเอเชียกลางและเอเชียตะวันตก เช่น ชาวทาจิก ชาวอซุ เบก ชาวเติร์ก ประชากรสว่ นใหญ่นบั ถือศาสนาอิสลามท่ีชาวอาหรับนาเข้ามา เผยแผ่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ชาวอัฟกานิสถานจานวนมากอาศัยอยู่ในเขตชนบท มีฐานะ ยากจนขาดส่ิงอานวยความสะดวกและสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น ถนน ไฟฟ้า น้าประปา และ ระบบสาธารณสุขที่ทันสมัย ท้ังนี้เป็นผลมาจากปัญหาทางการเมืองและการสู้รบระหว่างกลุ่ม ต่าง ๆ ภายในประเทศท่ียืดเยื้อยาวนาน จนทาให้รัฐบาลอัฟกานิสถานในอดีตขาดเสถียรภาพ และไมส่ ามารถพัฒนาเศรษฐกจิ ของประเทศ
ปัจจุบันรัฐบาลอัฟกานิสถานพยายามเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยได้รับ ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาท่ีเข้ามาลงทุนสารวจแหล่ง ทรัพยากรธรรมชาติ ซ่งึ พบแหล่งแก๊สธรรมชาติและปิโตรเลียม รวมทั้งแร่ทองคา ทองแดง และ ถ่านหินจานวนมาก ทรัพยากรเหล่าน้ีจะเป็นปัจจัยสาคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของ อัฟกานิสถานในอนาคต
เนปาล เนปาลเปน็ ประเทศที่ตั้งอยู่เขตเทือกเขาหิมาลัยและไม่มี พ้ืนที่ติดต่อกับทะเล การเดินทางขนส่งสินค้าต้องอาศัย เส้นทางผ่านประเทศอินเดีย จัดเป็นประเทศท่ีกาลังพัฒนา ประเทศหน่ึง และมีปัญหาความไม่สงบในประเทศ อนั เนอื่ งมาจากการขาดเสถยี รภาพทางการเมือง
พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ สงั คม เศรษฐกจิ และการเมืองของเนปาล ประเทศเนปาลก่อตั้งขึ้นเม่ือ พ.ศ. ๒๓๓๕ โดยมีกษัตริย์ปกครองในระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่สภาพภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและมีพื้นที่เพาะปลูก จากัดเฉพาะบริเวณที่ราบระหว่างหุบเขา ทาให้เนปาลต้องพึ่งพาอินเดียทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ เส้นทางขนส่งสินค้า ส่งผลให้อังกฤษท่ีเข้ามาปกครองอินเดียพยายามขยายอิทธิพลเข้าไป ในเนปาล แต่ชาวเนปาลก็ตอ่ สกู้ ระทัง่ องั กฤษยอมรบั อธปิ ไตยของเนปาล การปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของเนปาลดาเนินต่อเน่ืองจนถึงทศวรรษ ๒๕๔๐ แต่เน่ืองจากรัฐบาลไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ทาให้ประชาชนไมพ่ อใจการบริหารประเทศของรัฐบาล เป็นเหตุให้นักการเมืองท่ีต่อต้านกษัตริย์และ ฝั ก ใ ฝ่ ค อ ม มิ ว นิ ส ต์ ร ณ ร ง ค์ ใ ห้ ป ร ะ ช า ช น เ ห็ น ข้ อ บ ก พ ร่ อ ง ข อ ง ร ะ บ อ บ ก า ร ป ก ค ร อ ง แ บ บ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ใน พ.ศ. ๒๕๔๙ มีการประท้วงรัฐบาลนานติดต่อกันหลายสัปดาห์
การประท้วงขยายออกไปตามเมืองใหญ่ ๆ ของประเทศ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๕๑ รัฐสภาเนปาล ได้รา่ งรฐั ธรรมนูญฉบับใหมท่ ี่กาหนดใหเ้ นปาลมรี ะบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐ ประชากรเนปาลประกอบดว้ ยชนพื้นเมอื งในเขตเทือกเขาหมิ าลัยเผ่าตา่ ง ๆ ส่วนใหญ่ นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และดารงชีวิตแบบพอเพียง การ พัฒนาสาธารณูปโภคข้ันพ้ืนฐานของเนปาลยังไม่สามารถครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ เนื่องจากข้อจากัดของสภาพภูมิประเทศท่ีเป็นเทือกเขาสูงชันและสลับซับซ้อน แหล่งรายได้ สาคัญของประเทศมาจากภาคเกษตรกรรมท่ีมีการปลูกใบชา ข้าว ข้าวโพด อ้อย ข้าวสาลี และ การเล้ียงสัตว์ นอกจากนี้ ยงั มีรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเทย่ี วและอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อย่างไรก็ตาม การที่เนปาลพัฒนาอุตสาหกรรมในวงจากัด ทาให้เกิดปัญหาการว่างงาน คนหนุ่มสาวจานวนมากจึงเดินทางออกไปหางานยังต่างประเทศ ส่วนใหญ่เข้าไปทางาน ในอนิ เดยี ท่มี ีความใกล้ชิดกันทางวัฒนธรรม
ภฏู าน ภฏู านเปน็ ประเทศขนาดเล็ก ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุด ของเทือกเขาหิมาลัย สภาพภูมิศาสตร์ทาให้ภูฏานโดดเดี่ยว จากโลกภายนอก แต่สามารถดารงระบอบการปกครอง เศรษฐกจิ ตลอดจนวถิ ชี วี ติ ของประชาชนแบบดัง้ เดิมได้
พัฒนาการทางประวตั ิศาสตร์ สงั คม เศรษฐกิจ และการเมอื งของภูฏาน ภูฏานเป็นดินแดนในเขตเทือกเขาหิมาลัยและมีการต้ังถิ่นฐานมาต้ังแต่สมัยต้น พทุ ธกาล ประชาชนประมาณคร่ึงหนึ่งเป็นชนพ้ืนเมืองดั้งเดิมในเขตเทือกเขาหิมาลัยและนับถือ พระพุทธศาสนานิกายวัชรยานแบบทิเบต ท่ีเหลืออีกประมาณร้อยละ ๓๕ เป็นผู้อพยพมาจาก เนปาลและนาศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเข้ามาเผยแผ่ นอกน้ันเป็นชนกลุ่มอ่ืน ๆ ที่อพยพเข้ามา ในภายหลัง ราชวงศ์ของภูฏานสืบเช้ือสายมาจากผู้นาชาวทิเบตท่ีอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานใน ดนิ แดนน้ตี ง้ั แต่พุทธศตวรรษท่ี ๒๒ ต่อมาเมื่ออังกฤษเข้ามาปกครองอินเดียซ่ึงมีพรมแดนติดต่อ กับตอนใต้ของภูฏาน ทาให้ภูฏานมีกรณีพิพาทกับอังกฤษเรื่องพรมแดน กระท่ังเกิดสงคราม หลายครั้งใน พ.ศ. ๒๔๕๓ ภูฏานทาสัญญายินยอมเป็นดินแดนในอารักขาของอังกฤษ โดย อังกฤษควบคุมการต่างประเทศของภูฏาน แต่ไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศ และให้การ
รับรองราชวงศ์ของภูฏาน เม่ืออังกฤษให้เอกราช แกอ่ นิ เดยี ใน พ.ศ. ๒๔๙๐ ภูฏานยังคงอยู่ภายใต้ อารักขาของอินเดียจนถึง พ.ศ. ๒๕๕๐ ปัจจุบัน ภูฏานมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีการ ประกาศใช้รฐั ธรรมนญู ฉบับแรก (พ.ศ. ๒๕๕๑) พรอ้ มกบั การเลอื กตงั้ สมาชิกรัฐสภา เศรษฐกจิ ของภูฏานได้รับอิทธิพลจาก สมเด็จพระราชาธิบดจี กิ มี เคเซอร์ นมั เกล วังชกุ ทรงเขา้ พธิ รี าชาภเิ ษก เมื่อวนั ท่ี ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑ ส ภ า พ ภู มิ ศ า ส ต ร์ ท่ี ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย เ ทื อ ก เ ข า โดยสมเดจ็ พระราชาธบิ ดีจิกมี ซงิ เย วงั ชุก ทรงเป็นผู้ประกอบ สลับซับซ้อน ที่ราบเชิงเขาและท่ีราบระหว่าง พระราชพิธีพระราชทานมงกฎุ ไหมสีแดงดาแดพ่ ระองค์ หุบเขา และแหล่งน้าอันอุดมสมบูรณ์ที่มาจาก
นา้ ตกและธารนา้ จานวนมาก รวมทัง้ น้าฝนทเี่ กดิ จากอิทธพิ ลของลมมรสุมในอ่าวเบงกอล สภาพ ภูมิศาสตร์ดังกล่าวส่งเสริมการทาเกษตรกรรมซ่ึงเป็นรายได้หลักของประเทศ และมีป่าไม้ ซึ่งเป็นทรัพยากรสาคัญ โดยรวมแล้วชาวภูฏานยังดารงชีวิตแบบดั้งเดิม คือ ทาการเพาะปลูก และเล้ียงสตั ว์ เคร่งศาสนา และใช้ชีวิตอย่างพอเพียงตั้งแต่ช่วงพุทธศตวรรษ ๒๕๔๐ เป็นต้นมา สงั คมภูฏานไดต้ ดิ ตอ่ กับโลกภายนอกมากขน้ึ มกี ารเปดิ ประเทศใหน้ กั ทอ่ งเทีย่ วเข้ามาเยือน และ เปิดรับเทคโนโลยี ตลอดจนความเจริญต่าง ๆ เช่น การคมนาคมขนส่ง โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ เครือ่ งจกั รกลตา่ ง ๆ แต่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐเพื่อป้องกันไม่ให้วัฒนธรรม แบบดง้ั เดิมถกู ทาลายไป
วดั ทักซงั (Taktsang) (ซา้ ย) และชาวภฏู านกาลงั หมุนกงล้อภาวนาบริเวณระเบยี งวดั ทักซงั แสดงใหเ้ หน็ ถงึ การนับถือพระพทุ ธศาสนานิกายวชั รยานแบบทเิ บต (ขวา)
มลั ดีฟส์ มัลดีฟส์เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดียที่ เกิดจากการรวมตัวของหินปะการังหรืออะตอล (Atoll) ต่าง ๆ เป็นเกาะขนาดใหญ่รวม ๒๖ เกาะ และเกาะ ขนาดเล็กอีกจานวนมาก ต้ังอยู่บริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตร ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย เป็นประเทศท่ี รู้จักกันแพร่หลายในฐานะแหล่งท่องเที่ยวสาคัญของ ภมู ภิ าคเอเชียใต้
การปลกู สร้างหอ้ งพกั ยน่ื ออกไปในทะเล เปน็ เอกลักษณเ์ ฉพาะตัวที่ดงึ ดดู ความสนใจ ให้กับการท่องเที่ยวของประเทศมัลดฟี ส์
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ สังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของมัลดฟี ส์ ชาวสงิ หลจากเกาะลังกาและชาวอินเดียใตไ้ ดเ้ ขา้ ไปต้ังถ่ินฐานในหมู่เกาะต่าง ๆ ของ มัลดีฟสต์ ั้งแต่สมัยพุทธกาล หลังจากน้ันได้มีการนาพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเข้าไปเผยแผ่ ประมาณพุทธศตวรรษท่ี ๑๗ ผู้นาชาวสิงหลจากลังกาได้สถาปนาการปกครองแบบกษัตริย์ ในมัลดีฟส์ แต่ต่อมาได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามตามอย่างพ่อค้าอาหรับที่เข้ามาติดต่อ ค้าขาย ทาให้รูปแบบการปกครองเปล่ียนเป็นระบบสุลต่านตามแบบรัฐอิสลาม ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๓๐-๒๕๐๘ มัลดีฟส์ได้ตกเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษซ่ึงขยายอิทธิพลเข้ามาปกครอง อินเดยี และศรีลงั กา เม่ือได้รบั สิทธิใหป้ กครองตนเองอย่างสมบรู ณ์แลว้ มัลดีฟสย์ ังมีการปกครอง โดยสุลต่านต่อมาอีก ๓ ปี กระท่ัง พ.ศ. ๒๕๑๑ จึงยกเลิกระบบราชวงศ์และสถาปนาการ ปกครองในระบอบสาธารณรฐั มศี าสนาอิสลามเป็นศาสนาประจาชาติ
พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ สังคม เศรษฐกจิ และการเมอื งของมัลดฟี ส์ สภาพภูมิศาสตร์ของมัลดีฟส์เป็นเกาะท่ีสูงกว่าระดับน้าทะเลเพียงเล็กน้อยและ ขาดแคลนน้าจืด ทาให้ไม่สามารถเพาะปลูกได้ ประชาชนส่วนใหญ่ดารงชีพด้วยการทาประมง และการค้า ซ่งึ เป็นอาชีพท่สี รา้ งความรงุ่ เรอื งทางเศรษฐกจิ ใหแ้ กม่ ัลดฟี ส์มาตั้งแตอ่ ดีต เพราะเรือ ของพอ่ คา้ ชาตติ ่าง ๆ ท่เี ดนิ ทางผ่านมหาสมุทรอนิ เดียมักแวะติดตอ่ ค้าขายและแลกเปล่ยี นสนิ ค้า กันในหมเู่ กาะแห่งนี้ ปัจจุบันมลั ดีฟส์มรี ายได้หลักจากการทอ่ งเที่ยว
๓. ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ภูมิภาคเอเชีย ตะวันตกเฉียงใต้เป็นที่ตั้งของแหล่งอารยธรรมสาคัญของโลกที่มีอิทธิพลต่อผู้คนในภูมิภาคและ โลกตะวนั ตก ทั้งยงั เป็นแหลง่ กาเนดิ ศาสนาสาคญั ของโลก คอื ศาสนาครสิ ตแ์ ละอิสลาม ปจั จบุ นั เป็นศูนย์กลางของผู้นับถือศาสนาอิสลาม และมีความสาคัญต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมี ทรพั ยากรน้ามนั จานวนมาก ทง้ั ยงั เปน็ ภูมิภาคที่มีความขดั แย้งทางการเมืองสูง
สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ของภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ท่ีตั้งของภูมิภาค เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยเทือกเขาและทะเลทรายที่แห้งแล้งและ ทุรกันดาร การต้ังถิ่นฐานและการพัฒนาอารยธรรมในสมัยแรก ๆ จึงเกิดข้ึนในบริเวณ ที่ราบลุ่มแม่น้า การที่ภูมิภาคนี้มีพื้นที่ติดต่อกับทะเลหลายด้าน ทาให้ผู้คนในแถบนี้ สามารถติดต่อค้าขายกับดินแดนอ่ืนมาต้ังแต่สมัยโบราณ รวมทั้งมีการถ่ายทอดและ แลกเปลย่ี นอารยธรรมกับโลกภายนอก
ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ต้ังอยู่ทางตะวันตก ของทวีปเอเชียและมีพ้ืนท่ีติดต่อกับทวีปยุโรป ประกอบด้วยประเทศกาตาร์ คูเวต จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย บาห์เรน เยเมน เลบานอน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิรัก อิสราเอล อิหร่าน และโอมาน นอกจากน้ียังครอบคลุมถึงพื้นท่ีของไซปรัสและพ้ืนที่ส่วนใหญ่ของตุรกี แต่ท้ังไซปรัสและตุรกีต่างจัดตนเองเป็นประเทศยุโรป เนื่องจากมีวัฒนธรรม คล้ายคลึงกับ ชาวยุโรป พ้ืนที่ของเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ทางทิศเหนือติดต่อกับทะเลดา ประเทศจอร์เจีย อาร์มีเนีย อาเซอร์ไบจาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน และทะเลแคสเปียน ทิศตะวันออกติดต่อกับประเทศปากีสถานและอัฟกานิสถาน ทิศตะวันออกเฉียงใต้และ ทิศใต้ติดต่อกับมหาสมุทรอินเดีย ทิศตะวันตกติดต่อกับทะเลแดงและคลองสุเอซของอียิปต์ และทิศตะวันตกเฉยี งเหนือติดตอ่ กบั ทะเลเมดเิ ตอร์เรเนยี น
ดินแดนทางตอนบนและตอนล่างของเอเชียตะวันตกเฉียงใต้มีภูมิประเทศแตกต่างกัน กล่าวคือ พื้นท่ีทางตอนบนประกอบดว้ ยเทือกเขาและท่ีราบสูง ส่วนพ้ืนท่ีทางตอนล่างเป็น เขตทะเลทรายที่แห้งแล้งและทุรกันดาร การต้ังถิ่นฐานมีอยู่หนาแน่นในบริเวณลุ่มแม่น้า ท่ีสาคัญ คือ ลุ่มแมน่ า้ ไทกรสิ และยูเฟรทสี ซึ่งเป็นบ่อเกิดของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย และ ลมุ่ แม่น้าจอรแ์ ดน ลุ่มแม่นา้ เหล่าน้เี ป็นเขตเกษตรกรรมของภมู ภิ าค ส่วนในเขตทะเลทราย โดยเฉพาะในคาบสมุทรอาหรับมีการตั้งถ่ินฐานเบาบาง ส่วนใหญ่อยู่ในเขตโอเอซิสที่มี แหล่งน้าใต้ดิน นอกจากนี้ยังมีการตั้งถิ่นฐานตามเมืองท่าชายฝั่งทะเล เช่น แถบทะเล เมดิเตอร์เรเนียน ทะเลแดง ทะเลอาหรับ และอ่าวเปอร์เซีย ประชากรในแถบชายฝ่ังทะเล มีความสามารถในการเดินเรือและการติดต่อค้าขายกับดินแดนภายนอก ท้ังอียิปต์ แอฟรกิ าตะวนั ออก เอเชยี ใต้ เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ และเอเชยี ตะวันออก
แมน่ ้าไทกริส มตี น้ นา้ จากทรี่ าบสงู ทางตะวนั ออกของตุรกี ความยาวประมาณ ๑,๙๐๐ กิโลเมตร ไหลผ่านชายแดนประเทศซเี รยี เขา้ ดนิ แดนอารยธรรมเมโสโปเตเมียเดมิ หรืออริ กั ปจั จุบัน
ลักษณะภูมิอากาศ ภูมิอากาศในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ ร้อนจัดและแห้งแล้ง ท้ังยังมีลมมรสุมที่พัดเข้ามาทางตอนใต้และทางตะวันออกเฉียงใต้ เป็นประจาทุกปี ลมมรสุมน้ีนาความแห้งแล้งและพัดฝุ่นทรายเข้ามาปกคลุมพ้ืนที่ในเขต อ่าวเปอร์เซีย อริ ัก และซาอุดีอาระเบีย ลักษณะภูมิอากาศดังกล่าวมีอิทธิพลต่อการดารงชีวิต การทามาหากิน ตลอดจนการแต่งกายของประชาชนท่ีมีชีวิตแบบเร่ร่อนและยากจน ส่ ว น พ้ื น ท่ี ท า ง ต อ น เ ห นื อ ก็ มี ภู มิ อ า ก า ศ แ ห้ ง แ ล้ ง แ ล ะ ห น า ว เ ย็ น ใ น ช่ ว ง ฤ ดู ห น า ว ประชาชนสว่ นใหญ่ ประกอบอาชพี เลีย้ งสตั ว์
แผนท่ภี ูมภิ าคเอเชียตะวนั ตกเฉยี งใต้
ตารางแสดงขอ้ มลู พ้นื ฐานของประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต้
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ สังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของภูมิภาคเอเชีย ตะวนั ตกเฉยี งใต้ ดินแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้เป็นศูนย์กลางของอารยธรรม เมโสโปเตเมียในอดีต โดยมีกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ท้ังชนพื้นเมืองเผ่าเซมิติกหลากหลาย เผ่าพันธุ์และชนเผ่าอารยันที่มีถิ่นกาเนิดในเอเชียกลาง ต่างผลัดเปล่ียนกันเข้ามา ครอบครองดินแดนและได้สร้างสรรค์อารยธรรมท่ีเป็นรากฐานของอารยธรรมตะวันตก ต่อมาดินแดนต่าง ๆ ในภูมิภาคน้ีได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมัน และ จักรวรรดิออตโตมัน ตามลาดับ เม่ือจักรวรรดิออตโตมันล่มสลายภายหลังสงครามโลก คร้ังท่ี ๑ มหาอานาจตะวันตกจึงเข้ามาปกครองดินแดนเหล่านี้ฐานะรัฐในอารักขา และ ยนิ ยอมมอบเอกราชให้หลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ ยุติลง เม่ือได้รับเอกราชแล้ว แต่ละ ประเทศต่างมีพัฒนาการทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมของตนเอง ประเทศใน ภมู ิภาคนี้สว่ นใหญ่ (ยกเวน้ อิสราเอล) มีความผกู พันกนั ในฐานะทีเ่ ป็นรัฐอิสลามด้วยกัน
กาตาร์ การ์ตาตั้งอยู่บนคาบสมุทรขนาดเล็กในอ่าวเปอร์เซีย มีพ้ืนที่ติดต่อกับซาอุดีอาระเบียทางตอนใต้ของประเทศ และเปน็ ประเทศทรี่ า่ รวย ดว้ ยทรัพยากรน้ามันและ แกส๊ ธรรมชาติ ชีค ทามมิ บนิ ฮาหมดั อลั ธานี เจา้ ผูค้ รองรฐั แหง่ รฐั กาตาร์
พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ สงั คม เศรษฐกจิ และการเมอื งของกาตาร์ กาตาร์เป็นรัฐชายฝั่งทะเลในอ่าวเปอร์เซียท่ีมีการตั้งถ่ินฐานมาช้านานและ มีการติดต่อกับแหล่งอารยธรรมในเขตลุ่มแม่น้าไทกริสและยูเฟรทีส ดินแดนนี้รับศาสนา อิสลามเข้ามาในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ และเป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาค โดย มีพ่อค้าชาติต่าง ๆ ทั้งจากดินแดนอาหรับ แอฟริกา อินเดีย และคาบสมุทรมลายูเข้ามา ติดต่อค้าขายจานวนมาก ในยุคอาณานิคม อังกฤษขยายอิทธิพลเข้ามาในอ่าวเปอร์เซีย ทาให้กาตาร์ตกเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษจนถึง พ.ศ. ๒๔๕๙ ซ่ึงเป็นช่วงสงครามโลก ครง้ั ท่ี ๑
หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ กาตาร์ร่วมกับรัฐอ่ืน ๆ ในอ่าวเปอร์เซียเรียกร้องให้ อังกฤษยุติการแทรกแซงทางการเมือง และได้เข้าร่วมในกลุ่มสหพันธรัฐพร้อมกับ รฐั เลก็ ๆ ในอา่ วเปอรเ์ ซยี อีกหลายรัฐโดยมบี าหเ์ รนเปน็ แกนนา หลังจากน้นั ไม่นานกาตาร์ ก็แยกตัวออกมาเป็นประเทศอิสระใน พ.ศ. ๒๕๑๔ ปัจจุบันกาตาร์มีการปกครองภายใต้ รัฐธรรมนูญ โดยเจ้าผู้ครองรัฐหรือเอมีร์ (Emir) เป็นประมุขของรัฐและมีอานาจสูงสุด เนื่องจากเปน็ ผู้แต่งตัง้ คณะรฐั บาลท่ีบริหารประเทศ กาตาร์เป็นสังคมอิสลามท่ีก้าวหน้าและให้สิทธิในการเลือกต้ังแก่สตรี นอกจากน้ี กาตาร์ยังเป็นประเทศที่ร่ารวยมากประเทศหน่ึง รายได้หลักมาจากการขาย น้ามันและแก๊สธรรมชาติ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวอาหรับและชนชาติอื่น ๆ เช่น อินเดยี ปากสี ถาน และอหิ รา่ น มรี ายไดจ้ ากการค้าและการทาประมง
คเู วต คูเวตเป็นรัฐเล็ก ๆ ในคาบสมุทรอาหรับ มีพ้ืนท่ีติดกับ ซาอุดีอาระเบีย อิรัก และตอนเหนือสุดของอ่าวเปอร์เซีย เป็นประเทศท่ีมงั่ ค่งั และอุดมด้วยทรพั ยากรนา้ มัน
พฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์ สงั คม เศรษฐกิจ และการเมอื งของคเู วต คูเวตเป็นเมืองท่าในอ่าวเปอร์เซียของชาวอาหรับที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ใน คาบสมุทรอาหรับและเคยเป็นศูนย์กลางติดต่อระหว่างอินเดียกับเมโสโปเตเมียมาต้ังแต่ อดีต ดินแดนแห่งน้ีเคยอยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรที่ขยายอิทธิพลเข้ามาปกครอง ดินแดนเปอร์เซีย และในพุทธศตวรรษที่ ๒๔ คูเวตได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจักรวรรดิ ออตโตมัน หลังสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ คูเวตมีฐานะเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษจนถึง พ.ศ. ๒๕๐๕ อังกฤษจึงให้เอกราชแก่คูเวต โดยมีเจ้าผู้ครองรัฐหรือเอมีร์ที่สืบทอด ตาแหน่งภายในราชวงศ์เป็นประมุขแห่งรัฐ หลังจากน้ันคูเวตซ่ึงร่ารวยด้วยทรัพยากร นา้ มนั ก็เติบโตอย่างรวดเร็วและมีการพัฒนาอย่างกว้างขวาง แต่การมีพรมแดนติดต่อกับ อริ กั ทาให้เกดิ ความขดั แยง้ ระหว่างกัน
ใน พ.ศ. ๒๕๓๓ กองทัพอริ กั บุกเขา้ ยดึ คูเวตนาน ๗ เดอื น โดยกล่าวหาว่าคูเวต แอบขุดเจาะน้ามันจากแหล่งน้ามันท่ีเป็นเจ้าของร่วมกัน ระหว่างนั้นสหรัฐอเมริกาได้ พยายามเจรจาไกลเ่ กล่ยี ใหอ้ ริ กั ถอนทหารออกจากคเู วต แต่อริ กั ไมย่ ินยอม เปน็ เหตุให้เกิด สงครามอ่าวเปอร์เซียใน พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยกองกาลังของประเทศพันธมิตรที่นาโดย สหรัฐอเมรกิ าไดท้ าสงครามเพือ่ ช่วยเหลอื คูเวต สงครามครั้งนีอ้ ิรักเปน็ ฝา่ ยพา่ ยแพ้ การสู้รบในสงครามอา่ วเปอรเ์ ซีย พ.ศ. ๒๕๓๔
หลงั สงคราม คเู วตประสบปัญหาเศรษฐกิจ เนื่องจากบ่อน้ามันถูกทาลายไปมาก นอกจากนี้ คูเวตต้องใช้เงินจานวนมหาศาลในการฟ้ืนฟูบูรณะประเทศท่ีได้รับความ เสียหายจากสงครามและการยึดครองของอิรัก อีกท้ังยังต้องจ่ายเงินสนับสนุนปฏิบัติการ ของกองทัพพันธมิตรชาติต่าง ๆ ที่เข้ามาทาสงครามช่วยเหลือคูเวต แต่ปัจจุบันคูเวตมี เศรษฐกิจทม่ี ั่นคง รายได้ประมาณร้อยละ ๙๐ มาจากน้ามนั และผลิตภณั ฑป์ ิโตรเคมี คูเวตมีประชากรประมาณ ๓ ล้านคนเศษ ในจานวนนี้มีผู้ได้รับสัญชาติเป็น พลเมืองคูเวตไม่ถึงครึ่งหน่ึง ท่ีเหลือเป็นชนชาติต่าง ๆ ทั้งอาหรับ อียิปต์ และเอเชีย (โดยเฉพาะชาวอินเดีย) ซ่ึงไดร้ บั อนุญาตให้เขา้ มาต้ังถิ่นฐานและทางานโดยไม่ได้รับสัญชาติ ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้จากการทางานในภาคอุตสาหกรรม เช่น การต่อเรือ การ ก่อสรา้ ง และอุตสาหกรรมซีเมนต์ รวมท้ังการทางานในภาคการเงิน การธนาคาร และการ ประมง
จอร์แดน จอร์แดนตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ คาบสมุทรอาหรับ มีพรมแดนติดต่อกับซีเรีย อิรัก ซาอดุ อี าระเบีย และอสิ ราเอล ท่ีต้ังของจอร์แดนอยู่ในพ้ืนที่ ซึ่งมีความขัดแย้งสูงระหว่างชาวอาหรับและชาวยิว ทาให้ ต้องประสบปัญหาการเผชิญหน้าและการทาสงครามกับ ประเทศเพ่ือนบ้านท่ีส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ของประเทศ
พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ สังคม เศรษฐกจิ และการเมอื งของจอรแ์ ดน ที่ตั้งของจอร์แดนเคยเป็นศูนย์กลางความเจริญของชนชาติต่าง ๆ ในสมัย อารยธรรมเมโสโปเตเมีย และเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิมาซิโดเนีย โรมัน ไบแซนไทน์ และออตโตมัน รวมทั้งเคยอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ ใน พ.ศ. ๒๔๘๙ จอร์แดนได้รับเอกราชจากอังกฤษ และปกครองโดยพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ หลังจากได้รับเอกราชแล้ว จอร์แดนต้องเผชิญกับปัญหาการเมืองในภูมิภาคมาตลอด เนื่องจากได้เข้าร่วมกับประเทศอาหรับอ่ืน ๆ ทาสงครามต่อต้านอิสราเอลในสงครามยิว- อาหรบั ทีเ่ กิดขน้ึ หลายครัง้ สง่ ผลใหจ้ อรแ์ ดนตอ้ งสูญเสียดนิ แดนทางฝง่ั ตะวันตกของแม่น้า จอร์แดน หรือเขตเวสต์แบงก์ (West Bank) ให้แก่อิสราเอลในสงคราม ๖ วัน พ.ศ. ๒๕๑๐ นอกจากน้ี จอรแ์ ดนยังต้องรับภาระดูแลผู้ลีภ้ ยั ชาวปาเลสไตน์ท่ีอพยพออกมาจาก
ดินแดนปาเลสไตน์ดว้ ย ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๓๗ รัฐบาลจอร์แดนได้ทาสนธิสัญญาสันติภาพ กับอิสราเอล ซ่ึงส่งผลให้จอร์แดนยุติการเผชิญหน้ากับอิสราเอล และมีโอกาสฟื้นฟู เศรษฐกิจและสังคมของประเทศทข่ี าดการพฒั นา จอร์แดนไม่มีทรพั ยากรน้ามนั เหมอื นกบั ประเทศอืน่ ๆ ในภมู ภิ าค ประกอบกับ มีทรัพยากรธรรมชาติจากัด ภูมิอากาศที่แห้งแล้ง และมีพ้ืนที่เพาะปลูกเฉพาะเขต ท่ีราบลุ่มแม่น้าจอร์แดน รัฐบาลจอร์แดนจึงต้องขอรับความช่วยเหลือจากภายนอก โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศอาหรับ ใน พ.ศ. ๒๕๔๒ กษัตริย์อับดุลลอฮ์ท่ี ๒ ได้ทรง ดาเนินนโยบายปฏิรูปทางเศรษฐกิจ เช่น การดาเนินนโยบายการค้าเสรี เพ่ือดึงดูดนัก ลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ จอร์แดนเป็นประเทศท่ีให้โอกาสทางการเมืองแก่สตรี จะเห็นได้ว่า รัฐธรรมนูญของจอร์แดนกาหนดให้สงวนท่ีน่ังสภาปกครองท้องถ่ินร้อยละ ๒๐ ไวใ้ ห้แกส่ ตรี
แผนท่แี ม่นา้ จอรแ์ ดนและเขตเวสตแ์ บงค์
ซาอดุ ีอาระเบยี ซาอุดีอาระเบีย ซาอุดีอาระเบียเป็นที่ต้ังของ ศูนย์กลางทางศาสนาอิสลามท่ีสาคัญคือนครมักกะฮ์ (Mecca) และเมดีนา (Medina) มีพื้นท่ีกว้างใหญ่ที่สุด ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ โดยครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ ในคาบสมุทรอาหรับ พ้ืนท่ีของซาอุดีอาระเบียเป็นเขต ทะเลทรายท่ีแห้งแล้งและร้อนจัด แต่ซาอุดีอาระเบียก็ ร่ารวยด้วยทรัพยากรน้ามันและเป็นประเทศส่งออก น้ามันรายใหญ่ของโลก ทาให้มีอิทธิพลทางการเมือง ในภมู ภิ าค
พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตร์ สังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของซาอุดีอาระเบีย ดินแดนซาอุดีอาระเบียในอดีตเป็นถิ่นพานักของชาวอาหรับเร่ร่อนในเขต ทะเลทรายของคาบสมทุ รอาหรับที่มอี ากาศร้อนและแหง้ แลง้ ในปลายพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๔ ผู้นาชาวอาหรับได้สถาปนาราชวงศ์เพ่ือปกครองดินแดนในคาบสมุทรอาหรับ แต่ไม่ สามารถปกครองได้ตอ่ เนอ่ื ง ในชว่ งก่อน สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ กษตั ริยข์ อง ซาอุดีอาระเบยี สามารถสถาปนา อานาจปกครองประเทศทีส่ ืบทอด มาถึงปัจจบุ นั โดยทรงดารงตาแหน่ง ประมุขแหง่ รัฐและนายกรัฐมนตรี นครมักกะฮ์ ศูนยก์ ลางทางศาสนาอิสลามท่ีสาคัญ
เศรษฐกจิ ของซาอดุ ีอาระเบียรา่ รวยมัง่ คั่งจากทรัพยากรน้ามัน และมีน้ามันดิบ สารองอยู่ประมาณร้อยละ ๒๐ ของปริมาณน้ามันดิบสารองทั่วโลก ส่งผลให้ ซาอุดีอาระเบียมีบทบาทสาคัญในกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ามันเป็นสินค้าออกหรือโอเปก (Organization of Petroleum Exporting Countries–OPEC) และมีอิทธิพลต่อ เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ท่ีล้วนต้องพ่ึงพาพลังงานจากน้ามันดิบ รายได้หลักของ ซาอุดีอาระเบียประมาณร้อยละ ๙๐ มาจากการส่งออกน้ามัน ซึ่งทาให้เศรษฐกิจของ ประเทศเติบโตอย่างรวดเร็วและมีการพัฒนาประเทศอย่างกว้างขวาง เช่น การสร้าง เมืองใหม่ขนาดใหญ่เพื่อเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค การพัฒนาด้าน สาธารณปู โภคและการคมนาคมขนสง่ ด้านสังคม ซาอุดีอาระเบียเป็นสังคมอิสลามท่ีใช้กฎหมายอิสลามเป็น รัฐธรรมนญู ของประเทศ โดยให้สิทธเิ ลือกตง้ั เฉพาะพลเมอื งชายทมี่ อี ายุตง้ั แต่ ๒๑ ปขี ึ้นไป สตรมี ีโอกาสไดร้ ับการศึกษาสูงถงึ ระดบั อดุ มศึกษา แตไ่ มม่ บี ทบาททางการเมอื ง
ซเี รีย ซีเรียเป็นประเทศของชาวอาหรับ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตก ของภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และมีความเข้มแข็งทาง การทหาร แต่ก็มีกรณีขัดแย้งกบั ประเทศเพื่อนบา้ นอยเู่ นือง ๆ โดยเฉพาะการทาสงครามกับอิสราเอลในสงครามยิว-อาหรับ ซ่ึงส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศ
พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ สังคม เศรษฐกจิ และการเมืองของซเี รีย ซีเรียเป็นดินแดนที่หลายชนชาติเคยเข้ามามีอานาจปกครอง มีอาณาเขต ครอบคลุมลมุ่ แม่น้าไทกริสต่อเน่ืองมาถึงชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เนื่องจากที่ตั้งของ ซีเรียมีท้ังพ้ืนที่เพาะปลูกในเขตท่ีราบลุ่มแม่น้าและชายฝ่ังทะเล ทาให้สามารถติดต่อ ค้าขายกับโลกภายนอกได้อย่างกว้างขวาง หลังสงครามโลกครั้งท่ี ๑ ซีเรียอยู่ภายใต้ อารกั ขาของฝรั่งเศส ซง่ึ ยนิ ยอมใหเ้ อกราชแกซ่ เี รียใน พ.ศ. ๒๔๘๗ และถอนทหารออกไป ท้ังหมดในอีก ๒ ปีต่อมา หลังจากได้รับเอกราช ซีเรียมีการปกครองในระบอบสาธารณรัฐ มี ประธานาธิบดีเป็นประมุข แต่รัฐบาลก็ประสบปัญหาการขาดเสถียรภาพทางการเมือง เนื่องจากมีการรัฐประหารอยู่เนือง ๆ ต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๑๓ เป็นต้นมา ประเทศซีเรียอยู่ ภายใตอ้ ิทธิพลการปกครองของพรรคบาธ (Baath) ซึ่งได้รับการสนับสนนุ จากกองทัพและ มีนโยบายแขง็ กร้าว ในด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ซีเรียได้ร่วมกับประเทศอาหรับ
อ่ืน ๆ ทาสงครามยิว-อาหรับเพ่ือขับไล่อิสราเอล เป็นผลให้ที่ราบสูงโกลันของซีเรียถูก อิสราเอลยึดครองไปในสงคราม ๖ วัน นอกจากน้ี ซีเรียยังถูกประเทศต่าง ๆ ต่อต้าน เน่ืองจากได้ส่งกองทัพเข้าไปยึดครองเลบานอนนานถึง ๓๐ปี (พ.ศ. ๒๕๑๘-๒๕๔๘) โดยอ้างว่าเพื่อระงบั สงครามกลางเมืองในเลบานอน ซีเรียมีรายได้หลักจากเกษตรกรรม การส่งออกน้ามันดิบและแก๊สธรรมชาติ และอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว รัฐบาลซีเรียพยายามส่งเสริมให้มีการลงทุนจาก ต่างประเทศ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและแก้ปัญหาการว่างงาน แต่การลงทุนจาก ต่างประเทศยังไม่ขยายตัว ประชากรซีเรียส่วนใหญ่เป็นชาวอาหรับซ่ึงประกอบอาชีพ เกษตรกรรม และไดร้ ับโอกาสทางการศกึ ษา ส่วนสตรีกไ็ ดร้ บั สิทธิให้ออกเสียงเลือกต้ังได้
แผนท่แี สดงท่ตี ้งั ของท่รี าบสงู โกลนั
บาห์เรน บาห์เรนเป็นหมู่เกาะขนาดเล็ก ต้ังอยู่ในอ่าว เปอร์เซียทางตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย เป็นประเทศท่ี รา่ รวยจากอตุ สาหกรรมกลน่ั นา้ มนั และธุรกิจต่าง ๆ จัดเป็น ประเทศทม่ี กี ารพฒั นาทางเศรษฐกิจสงู
พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ สังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของบาห์เรน ที่ตั้งของบาห์เรนอยู่ในอ่าวเปอร์เซียซ่ึงเหมาะแก่การติดต่อค้าขายกับดินแดน ต่าง ๆ จึงเป็นท่ีตั้งถิ่นฐานของชาวอาหรับสมัยโบราณนานหลายพันปีมาแล้ว ต่อมา ดินแดนนี้ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิเปอร์เซีย จักรวรรดิอิสลาม และ โปรตุเกสตามลาดับ ในพุทธศตวรรษที่ ๒๔ เจ้าผู้ครองรัฐตระกูลอัล เคาะลีฟะฮ์ (Al Khalifah) จากคูเวตได้เข้ามายึดครองดินแดนบาห์เรนและทาสัญญายินยอมอยู่ใต้ อารักขาของอังกฤษ กระทัง่ ได้รับเอกราชใน พ.ศ. ๒๕๑๔ หลังจากน้ันบาห์เรนได้อยู่ใต้การ ปกครองของเจ้าผคู้ รองรฐั หรอื เอมีร์ เศรษฐกิจของบาห์เรนรุ่งเรอื งจากการคา้ การกลนั่ นา้ มัน อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอะลูมิเนียม และการเป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาค โดยรัฐบาลได้เปิด ระบบ การธนาคารอิสลามระหว่างประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อให้บริการทางการเงินใน ต่างประเทศด้วย
เยเมน เยเมนต้ังอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรอาหรับ มี ลั ก ษ ณ ะ ที่ ตั้ ง ที่ ค ว บ คุ ม เ ส้ น ท า ง เ ดิ น เ รื อ ร ะ ห ว่ า ง ทะเลแดงกับอ่าวเอเดนในทะเลอาหรับ ทาให้ประเทศ มหาอานาจพยายามขยายอิทธิพลเข้ามาในเยเมนตั้งแต่ สมัยสงครามเย็น ส่งผลให้เยเมนขาดเสถียรภาพทาง การเมืองและไม่มโี อกาสพัฒนาเศรษฐกจิ ของประเทศ
พฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์ สงั คม เศรษฐกจิ และการเมอื งของเยเมน สภาพภูมิศาสตร์ของเยเมนมีอาณาเขตติดต่อกับทะเลแดงทางตะวันตกและ ทะเลอาหรับทางใต้ ทาให้ดินแดนแห่งน้ีเคยเป็นที่ต้ังของอาณาจักรที่รุ่งเรืองในสมัยก่อน พุทธกาล และมีการติดต่อค้าขายกับดินแดนต่าง ๆ เช่น แอฟริกาตะวันออก อียิปต์ และ เมโสโปเตเมีย เม่ือมกี ารขุดคลองสเุ อซที่เชือ่ มระหว่างทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนียนและทะเลแดง ที่ตั้งของเยเมนก็มีความสาคัญเพิ่มมากขึ้น เพราะสามารถควบคุมเส้นทางเดินเรือผ่าน คลองสุเอซ อังกฤษจึงได้ขยายอิทธิพลเข้ามาท่ีอ่าวเอเดน ส่งผลให้มีการแบ่งเยเมน ออกเปน็ ๒ ส่วน คือ เยเมนเหนือ ที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมัน และเยเมนใต้ ท่ีอยู่ภายใตค้ วามคมุ้ ครองของอังกฤษ
ใน พ.ศ. ๒๔๖๑ เยเมนเหนือได้รับเอกราชจากออตโตมัน ส่วนเยเมนใต้ได้รับ เอกราชจากองั กฤษใน พ.ศ. ๒๕๑๐ โดยเยเมนใต้ยึดระบอบการปกครองแบบสังคมนิยมตาม แนวทางของลัทธมิ าร์กซ์ ทาใหม้ ผี อู้ พยพลภี้ ัยออกจากเยเมนใต้ ไปยงั เยเมนเหนอื จานวนมาก ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๓๓ เยเมนเหนอื และเยเมนใตไ้ ด้ตกลงรวมประเทศและมกี ารปกครองระบอบ สาธารณรฐั อย่างไรกต็ าม อีก ๔ ปตี อ่ มาได้เกดิ สงคราม กลางเมอื งขึน้ ทางตอนใตข้ องประเทศ สง่ ผลให้สหรัฐอเมริกา และซาอดุ ีอาระเบยี เข้าแทรกแซงเหตกุ ารณค์ ร้งั นี้ ปัจจุบนั แม้เยเมนจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลอื กตง้ั และไดร้ บั การยอมรบั จากคนสว่ นใหญ่ แต่กต็ ้องปราบปรามกลมุ่ กบฏทมี่ กั กอ่ ความ วุ่นวายอย่เู นือง ๆ และส่งผลกระทบตอ่ การฟ้นื ฟูเศรษฐกิจ ภาพวาดคลองสุเอชใน พ.ศ. ๒๔๒๔
เยเมนมีพื้นท่ีเพาะปลูกจากัด พื้นท่ีส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายท่ีร้อนและแห้งแล้ง ทัง้ ยังมแี หลง่ น้าจากัด ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาด้านเกษตรกรรม แม้ว่าจะมีการพบแหล่งน้ามัน ในประเทศ แต่เนื่องจากรายได้หลักของเยเมนขึ้นอยู่กับการส่งออกน้ามันท่ีต้องอิงราคา ในตลาดโลก เมื่อราคาน้ามันในตลาดโลกผันผวนจึงกระทบต่อรายได้ประเทศ ทาให้รัฐ ไม่สามารถจัดสวัสดิการให้แก่ประชาชนได้อย่างท่ัวถึง นอกจากน้ี เยเมนยังมีอัตราการเกิด ของประชากรสูง อนั มผี ลต่ออัตราการวา่ งงานทเี่ พม่ิ สงู ข้ึน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186