Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore SAR-สถานศึกษา-ปี-2563-โรงเรียนเทศบาลนาอ้อ-จ.เลย ล่าสุดใหม่

SAR-สถานศึกษา-ปี-2563-โรงเรียนเทศบาลนาอ้อ-จ.เลย ล่าสุดใหม่

Published by nittaya seeda, 2021-08-26 06:56:38

Description: SAR-สถานศึกษา-ปี-2563-โรงเรียนเทศบาลนาอ้อ-จ.เลย ล่าสุดใหม่

Search

Read the Text Version

101 ๔.๗ ร่องรอย หลกั ฐำน ภำพถ่ำย ชน้ิ งำน ตำรำงแสดงกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรม Best Practice โครงกำรส่งเสริมควำมเป็นเลศิ ศลิ ปะ (รำไทย) ท่ี วนั /เดือน/ปี เรอ่ื ง สถำนท่ี หน่วยงำนทีจ่ ัด หลักฐำน 1 25/ก.ย./ การประกวดวงดนตรีโปงลาง ณ สานกั งาน ภาพถ่าย/ 2563 มหาวิทยาลยั จุฬาล คณะกรรมการ เกยี รติ งกรณร์ าชวิทยาลัย การอุดมศกึ ษา บัตร (วทิ ยาลยั สงฆ์เลย) 2 16-20/ต.ค./ โครงการอบรมนาฏศิลป์ 2563 สาหรับสภาเดก็ และเยาวชน เทศบาลตาบลนา เทศบาลตาบลนา ภาพถา่ ย ตาบลนาออ้ ณ เทศบาลตาบล อ้อ อ้อ นาอ้อ 3 26/ธ.ค./ นานักเรยี นรว่ มแสดงการตกั ณ พุทธมณฑล สานกั งาน 2563 บาตร จังหวดั เลย พระพุทธศาสนา ภาพถา่ ย แหง่ ชาติ 4 26/ม.ี ค./ นานกั เรียนเข้าร่วมการแสดงพธิ ี ณ ลานเฉลมิ พระ 2564 เปิดร่วมกับชุมชนในเทศกาลหุน่ เกยี รตเิ ทศบาล อาเภอเมืองเลย ภาพถ่าย ฟางนาอ้อ ตาบลนาออ้ 6 30/ม.ี ค./2564 ขบวนแหพ่ ระประธาน พระพุทธรปู ปางเลไลยก์ ณ วัดศรีจนั ทร์ วดั ศรีจนั ทร์ ภาพถ่าย วดั ศรจี ันทร์ 8 9/เม.ย./ นานักเรยี นทาการแสดงภาค ณ ลานเฉลิมพระ 2564 กลางคืน ณ เทศกาลหุ่นฟาง เกยี รตเิ ทศบาล อาเภอเมืองเลย ภาพถา่ ย นาออ้ ตาบลนาอ้อ

102 ประมวลภำพกิจกรรม Best Practice โครงกำรส่งเสรมิ ควำมเปน็ เลศิ ศิลปะ (รำไทย)

103 นำนกั เรยี นรว่ มแสดงกำรตกั บำตร ณ พทุ ธมณฑล จังหวัดเลย

104

105 aaa

106

107

108

109

110 ภำคผนวก • หลักฐาน ข้อมลู สาคญั เอกสารอ้างอิงต่างๆ - ประกาศโรงเรียนเทศบาลนาอ้อ เรื่อง มาตรฐานสถานพฒั นาเด็กปฐมวัยแหง่ ชาติและมาตรฐาน การศึกษาข้ันพน้ื ฐานเพ่อื การประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษาและค่าเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพ การศกึ ษา ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ - ประกาศโรงเรยี นเทศบาลนาออ้ เรื่อง เหน็ ชอบมาตรฐานสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยแหง่ ชาตแิ ละ มาตรฐานการศึกษาข้ันพื้นฐานเพื่อการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษาและค่าเปา้ หมายการพฒั นา คณุ ภาพการศึกษา ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ - ประกาศกาหนดค่าเปา้ หมายมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษาระดับปฐมวัย และระดบั การศึกษา ขั้นพืน้ ฐาน โรงเรยี นเทศบาลนาออ้ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ - คาสัง่ แตง่ ตงั้ คณะทางานและคณะกรรมการประเมินคณุ ภาพภายในของสถานศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๓ • เกยี รตบิ ัตร ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ • ประมวลภาพกจิ กรรมต่างๆของโรงเรยี นเทศบาลนาออ้ ปีการศึกษา ๒๕๖๓

111 ประกำศโรงเรยี นเทศบำลนำออ้ เร่ือง มำตรฐำนสถำนพฒั นำเด็กปฐมวยั แหง่ ชำตแิ ละมำตรฐำนกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน เพอ่ื กำรประกนั คณุ ภำพภำยในสถำนศึกษำและค่ำเปำ้ หมำยกำรพฒั นำคณุ ภำพกำรศึกษำ ปกี ำรศกึ ษำ ๒๕๖๓ ------------------------------------------------------ พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๕๓ มาตรา ๔๑ กาหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาระดับใดระดับหนึ่งหรือทุกระดับตามความพร้อม ความเหมาะสมและความต้องการภายในท้องถ่ิน ประกอบกับมาตรา ๔๗ กาหนดให้มีระบบการประกัน คุณภาพการศกึ ษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบประกันคุณภาพ ภายในและระบบประกันคุณภาพภายนอก กฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๓ กาหนดให้สถานศึกษา แต่ละแห่งจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา การกาหนดมาตรฐาน การศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาแต่ละระดับและประเภทการศึกษาที่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงศึกษาธกิ ารประกาศกาหนด ซึ่งกระทรวงศกึ ษาธิการได้ประกาศ ให้ใช้มาตรฐานการศึกษาระดับ ปฐมวัย ระดับการศึกษาขนั้ พื้นฐาน ศูนย์การศึกษาพเิ ศษ เมือ่ วนั ท่ี ๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ เพ่อื เป็นหลกั เทยี บเคียง ในการพัฒนา ส่งเสริม สนับสนุนกากับดูแลและติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา และเพ่ือให้เป็นไปตาม กฎหมายกาหนด กระทรวงมหาดไทยได้ยกเลิกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง มาตรฐานการศึกษาข้ัน พืน้ ฐานและมาตรฐานปฐมวัยเพอ่ื การประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลง วันท่ี ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๗ และได้ประกาศมาตรฐานการศึกษาระดบั ปฐมวัย มาตรฐานการศึกษาระดับ การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และแนวทางปฏิบัติการประกันคุณภาพการศึกษาเพ่ือประกันคุณภาพภายในโรงเรียน สังกัดองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน เม่อื วันท่ี ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยกาหนดให้สถานศึกษาสงั กัดองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินท่ีจัดการศึกษาระดับปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐานดาเนินการตามประกาศ กระทรวงศกึ ษาธิการ เรื่อง ให้ใชม้ าตรฐานการศึกษาระดับปฐมวัย ระดับการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ศูนย์การศึกษา พเิ ศษ ประกาศ ณ วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ อาศัยอานาจตามความในพระราชบัญญัติเทศบาล ๒๔๙๖ แก้ไข เพิ่มเติมถึงฉบับที่ ๑๓ พ.ศ. ๒๕๕๒ มาตรา ๕๐ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๖ และพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๔๑ และตามหนังสือกรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถ่ิน ท่ี มท ๐๘๑๖.๔/ว ๓๖๑ เร่ือง การดาเนินการตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติของ สถานศึกษาปฐมศึกษาปฐมวัย สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ลงวันท่ี ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ โดยกรม สง่ เสริมการปกครองท้องถิ่น แจ้งว่าคณะรฐั มนตรีในคราวประชุมเม่อื วนั ที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๒ ได้มมี ติเหน็ ชอบ มาตรฐานสถานศึกษาพัฒนาเดก็ ปฐมวัยแห่งชาติ ตามท่ีกระทรวงศกึ ษาธิการเสนอและให้กระทรวงท่ีเกี่ยวขอ้ ง พิจารณานามาตรฐานสถานศึกษาพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ไปใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนให้ สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีอยู่ภายใต้การกากับดูแลและรับผิดชอบ มีการบริหารจัดการ ประเมินผลการ ดาเนินงาน เพอ่ื ยกระดับการพัฒนาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานดงั กล่าว กรมส่งเสริมฯ จึงใหโ้ รงเรยี น

112 ท่ีจัดการศึกษาระดับปฐมวัยทุกแห่งนามาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติไปใช้เป็นมาตรฐานในการ ประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายในโรงเรยี นท่ีจัดการศกึ ษาปฐมวัยต้ังแต่ปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ เปน็ ต้นไป โรงเรียนเทศบาลนาอ้อจึงประกาศใช้มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติและมาตรฐาน การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน เพ่ือการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและค่าเปา้ หมายการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา ปีการศึกษา ๒๕๖๓ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานในการประชุม ครั้งท่ี ๒ / ๒๕๖๓ เมือ่ วันที่ ๙ เดอื น มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามเอกสารแนบท้ายประกาศฉบบั นี้ ประกาศ ณ วนั ที่ ๑๐ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๖๓ (นางสมใจ ปิตโุ ส) ผอู้ านวยการสถานศกึ ษาโรงเรยี นเทศบาลนาออ้

113 ประกำศโรงเรียนเทศบำลนำอ้อ เรื่อง เห็นชอบมำตรฐำนสถำนพฒั นำเดก็ ปฐมวัยแหง่ ชำติและมำตรฐำนกำรศกึ ษำข้นั พ้นื ฐำน เพ่อื กำรประกนั คุณภำพภำยในสถำนศึกษำและคำ่ เปำ้ หมำยกำรพัฒนำคณุ ภำพกำรศกึ ษำ ปีกำรศกึ ษำ ๒๕๖๓ ------------------------------------------------------ พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพ่ิมเติมถงึ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ.๒๕๕๓ มาตรา ๔๑ กาหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาระดับใดระดับหน่ึงหรือทุกระดับตามความพร้อม ความเหมาะสมและความต้องการภายในท้องถ่ิน ประกอบกับมาตรา ๔๗ กาหนดให้มีระบบการประกัน คณุ ภาพการศกึ ษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบประกันคุณภาพ ภายในและระบบประกันคุณภาพภายนอก กฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๓ กาหนดให้สถานศึกษา แต่ละแห่งจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา การกาหนดมาตรฐาน การศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาแต่ละระดับและประเภทการศึกษาที่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงศึกษาธกิ ารประกาศกาหนด ซึ่งกระทรวงศกึ ษาธิการได้ประกาศ ให้ใชม้ าตรฐานการศึกษาระดับ ปฐมวัย ระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษ เมือ่ วันท่ี ๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ เพื่อเป็นหลกั เทยี บเคียง ในการพัฒนา ส่งเสริม สนับสนุนกากับดูแลและติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา และเพ่ือให้เป็นไปตาม กฎหมายกาหนด กระทรวงมหาดไทยได้ยกเลิกประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ือง มาตรฐานการศึกษาข้ัน พนื้ ฐานและมาตรฐานปฐมวัยเพื่อการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ลง วนั ที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๗ และได้ประกาศมาตรฐานการศึกษาระดบั ปฐมวัย มาตรฐานการศึกษาระดับ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และแนวทางปฏิบัติการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อประกันคุณภาพภายในโรงเรียน สงั กัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยกาหนดให้สถานศึกษาสงั กัดองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินที่จัดการศึกษาระดับปฐมวัยและการศึกษาข้ันพ้ืนฐานดาเนินการตามประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ให้ใช้มาตรฐานการศึกษาระดับปฐมวัย ระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน ศูนย์การศกึ ษา พิเศษ ประกาศ ณ วนั ที่ ๖ สงิ หาคม ๒๕๖๑ และตามหนังสือกรมส่งเสรมิ การปกครองทอ้ งถน่ิ ท่ี มท ๐๘๑๖.๔/ ว ๓๖๑ เรื่อง การดาเนินการตามมาตรฐานสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั แห่งชาตขิ องสถานศึกษาปฐมศึกษาปฐมวัย สงั กัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ลงวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่นิ แจ้งว่า คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเม่ือวันท่ี ๒ มกราคม ๒๕๖๒ ได้มีมติเห็นชอบมาตรฐานสถานศึกษาพัฒนาเด็ก ปฐมวัยแห่งชาติ ตามที่กระทรวงศกึ ษาธิการเสนอและใหก้ ระทรวงทเี่ กี่ยวข้องพิจารณานามาตรฐานสถานศึกษา พัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ไปใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยท่ีอยู่ภายใต้ การกากับดูแลและรับผิดชอบ มีการบริหารจัดการ ประเมินผลการดาเนินงาน เพื่อยกระดับการพัฒนาให้มี คุณภาพตามมาตรฐานดังกล่าว กรมส่งเสริมฯ จึงให้โรงเรียนท่จี ัดการศึกษาระดับปฐมวัยทุกแห่งนามาตรฐาน สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติไปใช้เป็นมาตรฐานในการประกันคุณภาพการศึกษา ภายในโรงเรียนท่ีจัด การศกึ ษาปฐมวัยต้ังแต่ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ เปน็ ตน้ ไป แล้วน้ัน

114 คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานโรงเรียนเทศบาลนาอ้อจึงเห็นชอบมาตรฐานสถานพัฒนาเด็ก ปฐมวัยแห่งชาติและมาตรฐานการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพื่อการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและค่า เป้าหมายการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ของโรงเรียนเทศบาลนาอ้อ โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐานในการประชุม ครง้ั ท่ี ๒ / ๒๕๖๓ เมือ่ วันท่ี ๙ เดือน มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามเอกสารแนบท้ายประกาศฉบบั น้ี ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๐ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ (นางสาวเนตรชนก พาคา) (นางสมใจ ปติ โุ ส) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน ผอู้ านวยการสถานศกึ ษาโรงเรยี นเทศบาลนาออ้ โรงเรียนเทศบาลนาออ้

115 มำตรฐำนกำรศึกษำของสถำนศกึ ษำ แนบทา้ ยประกาศโรงเรยี นเทศบาลนาอ้อ เรือ่ ง ให้ใช้มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวยั แหง่ ชาติ และมาตรฐานการศกึ ษาข้นั พื้นฐานเพื่อการประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษาและค่าเปา้ หมายการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาปีการศึกษา ๒๕๖๓ ลงวนั ท่ี ๑๐ มถิ นุ ายน ๒๕๖๓ มำตรฐำนสถำนพัฒนำเด็กปฐมวัยแหง่ ชำติ พ.ศ.๒๕๖๓ จำนวน ๓ มำตรฐำน ได้แก่ มาตรฐานท่ี ๑ การบรหิ ารจัดการสถานพัฒนาเด็กปฐมวยั มาตรฐานท่ี ๒ ครู/ผู้ดแู ลเดก็ และใหก้ ารดแู ล จดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ และการเลน่ เพ่อื พฒั นาเดก็ ปฐมวัย มาตรฐานท่ี ๓ คณุ ภาพของเด็กปฐมวัย แตล่ ะมาตรฐานมีรายละเอียดดงั ต่อไปนี้ มำตรฐำนท่ี ๑ กำรบรหิ ำรจัดกำรสถำนพฒั นำเด็กปฐมวัย ๑.๑ การบริหารจดั การอยา่ งเป็นระบบ ๑.๒ การบรหิ ารจัดการบคุ ลากรทุกประเภทของหนว่ ยงานทุกสังกดั ๑.๓ การบรหิ ารจัดการสภาพแวดล้อมเพือ่ ความปลอดภัย ๑.๔ การจดั การเพ่อื ส่งเสริมสุขภาพและการเรียนรู้ 1.5 การส่งเสริมการมีส่วนรว่ มของครอบครัวและชมุ ชน มำตรฐำนที่ ๒ ครู/ผู้ดูแลเดก็ และให้กำรดแู ล จัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ และกำรเลน่ เพอื่ พัฒนำเด็ก ปฐมวยั ๒.๑ การดูแลและพฒั นาเดก็ อยา่ งรอบด้าน ๒.๒ การส่งเสริมพัฒนาการด้านรา่ งกายและดูแลสขุ ภาพ ๒.๓ การสง่ เสรมิ พฒั นาการดา้ นสตปิ ญั ญา ภาษาและการส่อื สาร ๒.๔ การสง่ เสรมิ พัฒนาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ-สังคมปลกู ฝังคณุ ธรรมและความเป็นพลเมืองดี ๒.๕ การส่งเสริมเดก็ ในระยะเปลี่ยนผา่ นใหป้ รบั ตัวสกู่ ารเชื่อมตอ่ ในข้นั ถัดไป มำตรฐำนท่ี ๓ คุณภำพของเดก็ ปฐมวัย 3.1 ข เดก็ มกี ารเจรญิ เติบโตสมวัยและมสี ุขนิสัยที่เหมาะสม 3.2 ข เดก็ มพี ัฒนาการสมวัย 3.3 ข เด็กมีพัฒนาการด้านการเคลอ่ื นไหว 3.4 ข เดก็ มพี ัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ 3.5 ข เดก็ มพี ฒั นาการด้านสติปัญญา เรียนรู้และสร้างสรรค์ 3.6 ข เดก็ มีพัฒนาการด้านภาษาและการส่อื สาร 3.7 ข เด็กมีพัฒนาการดา้ นสังคม คุณธรรมมีวินยั และความเป็นพลเมอื งดี

116 มำตรฐำนกำรศกึ ษำของสถำนศกึ ษำ แนบทา้ ยประกาศโรงเรยี นเทศบาลนาออ้ เรอ่ื ง ใหใ้ ช้มาตรฐานสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยแห่งชาติ และมาตรฐานการศึกษาข้นั พน้ื ฐานเพ่อื การประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาและค่าเป้าหมายการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ลงวนั ที่ ๑๐ มถิ ุนายน ๒๕๖๓ มำตรฐำนกำรศึกษำ ระดบั กำรศึกษำข้นั พ้นื ฐำน พ.ศ.๒๕๖๓ จำนวน ๓ มำตรฐำน ไดแ้ ก่ มาตรฐานที่ 1 คณุ ภาพผเู้ รยี น ๑.๑ ดา้ นผลสมั ฤทธิท์ างวชิ าการของผู้เรียน ๑.๒ ดา้ นคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงคข์ องผ้เู รียน มาตรฐานที่ ๒ กระบวนการบริหารและการจัดการ มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนทเี่ น้นผู้เรียนเปน็ สาคญั แต่ละมาตรฐานมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี มำตรฐำนที่ 1 คุณภำพผเู้ รยี น ๑.๑ ด้ำนผลสมั ฤทธิท์ ำงวชิ ำกำรของผู้เรียน 1) ผู้เรียนมีความสามารถในการอา่ น การเขยี น การส่ือสาร และการคิดคานวณ 2) ผเู้ รียนมคี วามสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ คิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ อภปิ รายแลกเปล่ียน ความคดิ เห็น และแก้ปญั หา 3) ผูเ้ รียนมีความสามารถในการสรา้ งนวตั กรรม 4) ผู้เรยี นมีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร 5) ผู้เรยี นมผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา 6) ผเู้ รียนมคี วามรู้ ทักษะพืน้ ฐาน และเจตคตทิ ีด่ ีตอ่ งานอาชีพ ๑.๒ ด้ำนคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ของผเู้ รียน ๗) ผูเ้ รยี นมีคณุ ลักษณะและค่านยิ มท่ดี ตี ามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด ๘) ผู้เรยี นมีความภมู ใิ จในท้องถิน่ และความเป็นไทย ๙) ผเู้ รียนยอมรับท่จี ะอยู่รว่ มกันบนความแตกตา่ งและหลากหลาย ๑๐) ผ้เู รียนมสี ุขภาวะทางร่างกาย และจิตสังคมท่ีเหมาะสม มำตรฐำนที่ ๒ กระบวนกำรบริหำรและกำรจัดกำร 2.1 มีเปา้ หมาย วสิ ัยทัศน์ และพันธกจิ ทีส่ ถานศึกษากาหนดชัดเจน 2.2 มรี ะบบบริหารจดั การคณุ ภาพของสถานศึกษา 2.3 ดาเนนิ งานพฒั นาวชิ าการทีเ่ น้นคณุ ภาพผูเ้ รียนรอบดา้ นตามหลักสูตรสถานศกึ ษาและทกุ กลมุ่ เปา้ หมาย 2.4 พฒั นาครแู ละบคุ ลากรให้มีความเช่ียวชาญทางวิชาชพี 2.5 จดั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคมที่เอ้อื ต่อการจัดการเรยี นรู้อย่างมีคุณภาพ

117 2.6 จัดระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ เพือ่ สนบั สนุนการบริหารจัดการและการจัดการเรยี นรู้ มำตรฐำนท่ี 3 กระบวนกำรจัดกำรเรียนกำรสอนท่ีเนน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคัญ 3.1 จดั การเรียนร้ผู ่านกระบวนการคิดและปฏบิ ตั จิ ริง และสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ได้ 3.2 ใชส้ อ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศ และแหลง่ เรียนรู้ท่ีเอื้อตอ่ การเรียนรู้ 3.3 มกี ารบริหารจดั การชั้นเรยี นเชิงบวก 3.4 ตรวจสอบและประเมินผู้เรยี นอยา่ งเป็นระบบ และนาผลมาพฒั นาผเู้ รียน 3.5 มกี ารแลกเปลีย่ นเรียนรแู้ ละใหข้ ้อมูลสะท้อนกลับเพอ่ื พฒั นาและปรับปรุงการจดั การเรยี นรู้

118 ประกำศโรงเรียนเทศบำลนำออ้ เรอ่ื ง กำหนดคำ่ เป้ำหมำยตำมมำตรฐำนสถำนพัฒนำเด็กปฐมวัยแห่งชำติและมำตรฐำนกำรศกึ ษำ ระดับกำรศึกษำข้ันพน้ื ฐำนเพอื่ กำรประกันคุณภำพภำยในของสถำนศึกษำ ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๓ ------------------------------------------------- ด้วยกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศใช้กฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกัน คณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึง่ เหตผุ ลในการประกาศใชก้ ฎกระทรวงฉบับน้ี คือ แนวทางในการดาเนนิ งาน ตามประกาศกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๓ ไม่ สอดคล้องกับหลักการประกันคุณภาพการศึกษาท่ีแท้จริง จึงส่งผลใหก้ ารดาเนินการประกนั คณุ ภาพทั้งภายใน และภายนอกไม่สัมพันธก์ ัน เกิดความซา้ ซ้อนและคลาดเคลอื่ นในการปฏบิ ัติ ทาให้ไม่สะทอ้ นความเปน็ จรงิ และ เป็นการสรา้ งภาระใหส้ ถานศกึ ษา ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ือง มาตรฐานการศึกษาระดับปฐมวัย มาตรฐานการศึกษาระดับ ขั้นพ้ืนฐาน และแนวทางในการดาเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษาเพ่ือการประกันคุณภาพภายใน โรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ และตามหนังสือกรมส่งเสริมการ ปกครองทอ้ งถิ่น ท่ี มท ๐๘๑๖.๔/ว ๓๖๑ เรื่อง การดาเนนิ การตามมาตรฐานสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั แหง่ ชาติ ของสถานศกึ ษาระดับปฐมวัย สังกดั องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ลงวนั ที่ ๖ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๓ โดยกรมสง่ เสริม การปกครองทอ้ งถ่ิน แจง้ ใหโ้ รงเรียนที่จัดการศึกษาระดับปฐมวัยทุกแห่งนามาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย แห่งชาติไปใช้เป็นมาตรฐานในการประกันคุณภาพการศึกษาภายในโรงเรียนท่ีจัดการศึกษาปฐมวัยตั้งแต่ปี การศึกษา ๒๕๖๓ เป็นต้นไป โรงเรียนเทศบาลนาอ้อ จึงปรับมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาระดับ การศึกษาปฐมวยั เปน็ มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแหง่ ชาตแิ ละระดับการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน จากการมีส่วน ร่วมของผู้เก่ียวข้อง ทั้งบุคลากรทุกคนในโรงเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนในชุมชนให้เหมาะสมและ สอดคล้องกัน เพ่ือนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษา ระดับปฐมวัย และระดับข้ัน พื้นฐาน การประเมินคุณภาพภายในและรับรองการประเมินคุณภาพภายนอก โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ในการประชุม ครั้งท่ี ๒ / ๒๕๖๓ เม่ือวันที่ ๙ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เพอื่ ใหก้ ารพัฒนาคณุ ภาพและมาตรฐานการศกึ ษาของโรงเรยี นเทศบาลนาออ้ มคี ุณภาพและ มาตรฐาน จึงกาหนดค่าเปา้ หมายการพัฒนาคณุ ภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา มาตรฐานสถาน พฒั นาเด็กปฐมวยั แหง่ ชาตแิ ละมาตรฐานการศกึ ษาระดับการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน ตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้ ประกาศ ณ วันท่ี ๑๐ เดอื น มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๖๓ (นางสมใจ ปิตุโส) ผู้อานวยการโรงเรยี นเทศบาลนาอ้อ

119 แนบท้ำยประกำศโรงเรยี นเทศบำลนำออ้ เรื่อง กำหนดค่ำเปำ้ หมำยตำมมำตรฐำนสถำนพัฒนำเดก็ ปฐมวัยแหง่ ชำติและมำตรฐำนกำรศึกษำ ระดับกำรศึกษำขนั้ พน้ื ฐำนเพอ่ื กำรประกนั คณุ ภำพภำยในของสถำนศึกษำ ปกี ำรศึกษำ ๒๕๖๓ ………………………………………………………………………………………….. ระดับปฐมวยั มำตรฐำนดำ้ นที่ ๑ กำรบรหิ ำรจัดกำรสถำนพัฒนำเด็กปฐมวัย ตวั บง่ ชีม้ ำตรฐำน ค่ำเปำ้ หมำย ตัวบ่งชี้ท่ี 1.1 กำรบรหิ ำรจัดกำรอยำ่ งเป็นระบบ ๐๑๒๓ รวม ๙ ๑.๑.๑ บรหิ ารจดั การสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยอย่างเป็นระบบ  รวม ๑.๑.๒ บรหิ ารหลักสูตรสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั  ๑๒ ๑.๑.๓ บริหารจัดการขอ้ มลู อย่างเปน็ ระบบ  รวม ๒๒ ตัวบ่งชี้ที่ 1.2 กำรบริหำรจดั กำรบุคลำกรทกุ ประเภทของหนว่ ยงำนทุกสังกัด ๐ ๑ ๒ ๓ ๑.๒.๑ บริหารจัดการบุคลากรอย่างเปน็ ระบบ  ๑.๒.๒ ผู้บริหารสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั /หัวหน้าระดับปฐมวยั /ผู้ดาเนินกจิ การ  มคี ุณวฒุ ิ/ คุณสมบตั ิเหมาะสม และ บรหิ ารงานอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ๑.๒.๓ คร/ู ผู้ดแู ลเด็กทีท่ าหนา้ ท่หี ลักในการดแู ลและพัฒนาเด็กปฐมวยั  มีวุฒกิ ารศึกษา/คณุ สมบตั ิเหมาะสม ๑.๒.๔ บรหิ ารบคุ ลากรจัดอตั ราสว่ นของคร/ู  ผู้ดแู ลเด็กอยา่ งเหมาะสมพอเพียงตอ่ จานวนเด็กในแต่ละกลุม่ อายุ ตวั บ่งชีท้ ี่ 1.3 กำรบริหำรจดั กำรสภำพแวดล้อมเพอ่ื ควำมปลอดภัย ๐๑๒๓ ๑.๓.๑ บรหิ ารจดั การด้านสภาพแวดล้อมเพื่อความปลอดภยั อยา่ งเป็นระบบ  ๑.๓.๒ โครงสรา้ งและตัวอาคารมน่ั คงต้ังอยใู่ นบรเิ วณและสภาพแวดลอ้ มท่ี  ปลอดภัย ๑.๓.๓ จดั การความปลอดภยั ของพื้นทเ่ี ลน่ /สนามเด็กเล่น และสภาพแวดล้อม  ภายนอกอาคาร ๑.๓.๔ จัดการสภาพแวดลอ้ มภายในอาคาร ครภุ ัณฑ์ อุปกรณ์เครอื่ งใช้ให้  ปลอดภยั เหมาะสมกับการใชง้ านและเพียงพอ ๑.๓.๕ จดั ให้มีของเลน่ ทปี่ ลอดภยั ไดม้ าตรฐาน มีจานวนเพยี งพอ สะอาด  เหมาะสมกบั ระดบั พัฒนาการของเด็ก ๑.๓.๖ ส่งเสรมิ ให้เดก็ ปฐมวัยเดนิ ทางอย่างปลอดภยั  ๑.๓.๗ จัดให้มีระบบป้องกนั ภัยจากบุคคลท้งั ภายในและภายนอก  สถานพัฒนาเด็กปฐมวยั ๑.๓.๘ จดั ใหม้ ีระบบรับเหตฉุ กุ เฉิน ป้องกันอคั คีภัย/ภัยพิบัตติ ามความเสี่ยงของ  พืน้ ท่ี

120 ตวั บง่ ชีท้ ี่ 1.4 กำรจัดกำรเพื่อสง่ เสรมิ สขุ ภำพและกำรเรยี นรู้ ๐ ๑ ๒ ๓ รวม ๑.๔.๑ มกี ารจัดการเพ่ือสง่ เสรมิ สุขภาพ เฝา้ ระวงั การเจรญิ เตบิ โตของเด็ก  ๒๑ และดแู ลการเจบ็ ป่วยเบื้องต้น ๑.๔.๒ มแี ผนและดาเนนิ การตรวจสขุ อนามยั ประจาวนั ตรวจสขุ ภาพประจาปี  และป้องกันควบคุมโรคติดตอ่ ๑.๔.๓ อาคารต้องมพี ื้นท่ีใช้สอยเป็นสัดสว่ นตามกจิ วัตรประจาวนั ของเดก็ ท่ี  เหมาะสมตามช่วงวัย และการใช้ประโยชน์ ๑.๔.๔ จัดให้มพี น้ื ท่/ี มุมประสบการณ์ และแหล่งเรยี นรู้ในห้องเรยี นและนอก  ห้องเรียน ๑.๔.๕ จัดบรเิ วณหอ้ งนา้ ห้องส้วม ท่ีแปรงฟนั /ลา้ งมือใหเ้ พียงพอ สะอาด  ปลอดภัย และเหมาะสมกบั การใชง้ านของเดก็ ๑.๔.๖ จัดการระบบสุขาภิบาลท่ีมีประสิทธภิ าพครอบคลุมสถานทปี่ รงุ ประกอบ  อาหาร นา้ ดม่ื นา้ ใช้ กาจัดขยะ ส่งิ ปฏกิ ลู และ พาหะนาโรค ๑.๔.๗ จัดอปุ กรณ์ภาชนะและเครื่องใช้ส่วนตวั ให้เพยี งพอกับการใช้งานของ  เดก็ ทุกคน และดแู ลความสะอาดและปลอดภยั อย่างสมา่ เสมอ ตัวบง่ ช้ีที่ 1.5 กำรส่งเสริมกำรมสี ่วนร่วมของครอบครวั และชุมชน ๐ ๑ ๒ ๓ รวม ๑.๕.๑ มีการส่อื สารเพือ่ สร้างความสมั พนั ธ์และความเข้าใจอันดี ระหว่างพ่อแม่  ๑๒ /ผู้ปกครอง กับสถานพฒั นาเด็กปฐมวัยเก่ยี วกบั ตัวเด็กและการ ดาเนนิ งานของสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัย ๑.๕.๒ การจดั กจิ กรรมท่พี อ่ แม่/ผปู้ กครอง/ครอบครวั และชมุ ชน มีสว่ นร่วม  ๑.๕.๓ ดาเนนิ งานให้สถานพฒั นาเด็กปฐมวยั เป็นแหลง่ เรียนรู้แก่ชุมชนในเรอื่ ง  การพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ๑.๕.๔ มีคณะกรรมการสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั  มำตรฐำนดำ้ นท่ี ๑ มคี ะแนนรวม ๗๔ คะแนน มำตรฐำนดำ้ นที่ ๑ มีคะแนนรวม คดิ เป็นร้อยละ = คะแนนรวม x ๑๐๐ ๙๔.๘๗ 78 มำตรฐำนด้ำนที่ ๑ มจี ำนวนตัวบ่งช้ี ที่ตอ้ งปรบั ปรุง

121 มำตรฐำนด้ำนท่ี ๒ คร/ู ผ้ดู ูแลเดก็ ให้กำรดูแล และจดั ประสบกำรณ์กำรเรยี นรู้ และกำรเลน่ เพอ่ื พฒั นำเดก็ ปฐมวยั ตวั บง่ ช้ีมำตรฐำน คะแนนกำรประเมนิ ตวั บ่งชท้ี ่ี 2.1 กำรดแู ลและพัฒนำเดก็ อย่ำงรอบด้ำน ๐ ๑ ๒ ๓ รวม ๒.๑.๑ มแี ผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรูท้ สี่ อดคลอ้ งกบั หลกั สตู รการ  ๑๕ ศึกษาปฐมวยั มกี ารดาเนินงานและประเมนิ ผล ๒.๑.๒ จดั พน้ื ท่/ี มุมประสบการณ์การเรียนรู้และการเล่นที่เหมาะสมอยา่ ง  หลากหลาย ๒.๑.๓ จดั กิจกรรมสง่ เสริมพฒั นาการทุกดา้ นอย่างบรู ณาการตามธรรมชาติ  ของเดก็ ทเี่ รียนรู้ด้วยประสาทสมั ผสั ลงมือทา ปฏิสมั พนั ธ์ และการเล่น ๒.๑.๔ เลือกใช้สือ่ /อุปกรณ์ เทคโนโลยี เครื่องเล่นและจัดสภาพแวดล้อม  ภายใน-ภายนอก แหลง่ เรยี นร้ทู เี่ พยี งพอ เหมาะสม ปลอดภัย ๒.๑.๕ เฝา้ ระวังตดิ ตามพัฒนาการเดก็ รายบคุ คลเปน็ ระยะเพ่ือใชผ้ ลในการจดั  กจิ กรรมพัฒนาเด็กทุกคนให้เตม็ ตามศกั ยภาพ ตัวบง่ ชี้ 2.2 กำรสง่ เสรมิ พฒั นำกำรดำ้ นร่ำงกำยและดูแลสุขภำพ ๐ ๑ ๒ ๓ รวม ๒.๒.๑ ใหเ้ ดก็ รบั ประทานอาหารท่ีครบถว้ นในปริมาณทเี่ พยี งพอและสง่ เสรมิ  ๑๕ พฤตกิ รรมการกินท่เี หมาะสม ๒.๒.๒ จัดกิจกรรมให้เด็กได้ลงมือปฏิบัตอิ ยา่ งถกู ต้องเหมาะสม  ในการดแู ลสุขภาพ ความปลอดภยั ในชีวิตประจาวัน และ ในการเคล่อื นไหวด้านรา่ งกาย ออกกาลงั เล่น กนิ / นอน/ พกั ผอ่ น ๒.๒.๓ ตรวจสุขภาพอนามยั ของเดก็ ประจาวนั ความสะอาดของรา่ งกาย  ฟนั และช่องปากเพอื่ คดั กรองโรคและการบาดเจ็บ ๒.๒.๔ เฝ้าระวงั ตดิ ตามการเจริญเติบโตของเดก็ เป็นรายบุคคล  บันทึกผลภาวะโภชนาการอยา่ งตอ่ เน่ือง ๒.๒.๕ จัดใหม้ กี ารตรวจสุขภาพรา่ งกาย ฟนั และชอ่ งปาก สายตา หู  ตามกาหนด ตวั บง่ ช้ที ่ี 2.3 กำรส่งเสรมิ พฒั นำกำรด้ำนสติปญั ญำ ภำษำและกำรส่ือสำร ๐ ๑ ๒ ๓ รวม ๒.๓.๑ จดั กิจกรรมส่งเสริมให้เด็กไดส้ งั เกต สัมผัส ลองทา คดิ ตงั้ คาถาม  ๑๔ สบื เสาะหาความรู้ แก้ปญั หา จินตนาการ คิดสรา้ งสรรค์ โดย ยอมรับความคิดและผลงานทแี่ ตกตา่ งของเด็ก ๒.๓.๒ จัดกิจกรรมและประสบการณ์ทางภาษาท่ีมีความหมายตอ่ เด็ก  เพ่ือการสอื่ สารอยา่ งหลากหลาย ฝึกฟงั พูด ถาม ตอบ เล่าและสนทนาตามลาดับขน้ั ตอนพฒั นาการ ๒.๓.๓ จดั กจิ กรรมปลูกฝังให้เด็กมนี สิ ัยรักการอา่ นให้เด็กมที กั ษะการดภู าพ  ฟังเรื่องราว พูดเลา่ อา่ น วาด/เขยี น เบือ้ งตน้ ตามลาดบั พฒั นาการ โดยครู/ ผ้ดู แู ลเดก็ เปน็ ตัวอย่างของการพดู และการอ่านทถ่ี ูกต้อง ๒.๓.๔ จัดให้เดก็ มปี ระสบการณ์เรยี นรเู้ กี่ยวกบั ตัวเดก็ บคุ คล สิ่งต่างๆ 

122 สถานทแ่ี ละธรรมชาตริ อบตัวด้วยวธิ กี ารที่เหมาะสมกบั วัย ๐  ๐ ๒.๓.๕ จดั กิจกรรมและประสบการณด์ ้านคณติ ศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตรเ์ บ้ือง ๑ ๒ ๓ รวม ต้นตามวัย โดยเดก็ เรยี นรผู้ ่านประสาท สัมผัส ๙ และลงมอื ปฏบิ ตั ิด้วยตนเอง  ตัวบ่งชี้ที่ 2.4 กำรส่งเสริมพฒั นำกำรด้ำนอำรมณ์ จติ ใจ-สังคม ปลูกฝงั คุณธรรมและควำมเปน็ พลเมืองดี  ๒.๔.๑ สร้างความสัมพนั ธ์ที่ดแี ละมน่ั คง ระหวา่ งผใู้ หญ่กบั เดก็  จดั กจิ กรรมสรา้ งเสรมิ ความสัมพนั ธ์ทีด่ ีระหวา่ งเด็กกับเดก็ และการแกไ้ ขขอ้ ขดั แยง้ อย่างสร้างสรรค์ ๑ ๒ ๓ รวม ๙ ๒.๔.๒ จัดกจิ กรรมส่งเสริมให้เดก็ มคี วามสขุ แจ่มใส ร่าเริง มคี วามรู้สึกดตี อ่ ตนเองแสดงออกดา้ นอารมณโ์ ดยผ่านการเคลื่อนไหวรา่ งกาย ศิลปะ  ดนตรตี ามความสนใจและความถนดั  ๒.๔.๓ จดั กิจกรรมและประสบการณ์ ปลกู ฝงั คุณธรรมให้เด็กใฝ่ดี มีวินยั ๕๙ คะแนน ซ่ือสตั ย์ รูจ้ กั สิทธิและหน้าที่รับผิดชอบของพลเมอื งดรี ักครอบครวั โรงเรยี นชุมชนและประเทศชาตดิ ้วยวิธที ี่เหมาะสมกับวัยและพัฒนาการ ๙๘.๓๓ ๐ ขอ้ ตวั บ่งชที้ ี่ 2.5 กำรสง่ เสริมเดก็ ในระยะเปลยี่ นผ่ำนใหป้ รบั ตัวสู่กำรเชื่อมตอ่ ในขน้ั ถดั ไป ๒.๕.๑ จัดกจิ กรรมกบั ผ้ปู กครองใหเ้ ตรยี มเด็กกอ่ นจากบา้ นเข้าสูส่ ถานพฒั นา เด็กปฐมวยั /โรงเรียนและจดั กิจกรรมช่วงปฐมนิเทศให้เด็กปรับตวั ใน บรรยากาศทีเ่ ป็นมิตร ๒.๕.๒ จดั กิจกรรมส่งเสริมการปรับตวั กอ่ นเขา้ รบั การศกึ ษาในระดับท่ีสูงขนึ้ แต่ ละขน้ั จนถึงการเปน็ นกั เรยี นระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ มำตรฐำนด้ำนที่ ๒ มคี ะแนนรวม มำตรฐำนด้ำนท่ี ๒ มคี ะแนนรวม คดิ เปน็ รอ้ ยละ = คะแนนรวม x ๑๐๐ 60 มำตรฐำนด้ำนท่ี ๒ มจี ำนวนตัวบง่ ชี้ ทีต่ ้องปรบั ปรงุ

123 มำตรฐำนดำ้ นที่ ๓ ข คุณภำพของเด็กปฐมวัย 3 ปี – อำยุ 6 ปี (กอ่ นเขำ้ ประถมศกึ ษำปีที่ 1) ตัวบ่งช้ีมำตรฐำน คะแนนกำรประเมิน ๑ ๒ ๓ รวม ตวั บง่ ชีท้ ่ี 3.1 ข เดก็ มีกำรเจริญเตบิ โตสมวัยและมสี ขุ นสิ ัยทีเ่ หมำะสม ๐ ๙ ๓.๑.๑ ข เด็กมีนา้ หนักตวั เหมาะสมกบั วยั และสูงดีสมสว่ นซ่ึงมีบนั ทกึ เป็น  รายบคุ คล  ๑ ๒ ๓ รวม ๓.๑.๒ ข เด็กมสี ขุ นสิ ยั ท่ดี ีในการดแู ลสขุ ภาพตนเองตามวัย ๓ ๑ ๒ ๓ รวม ๓.๑.๓ ข เด็กมสี ขุ ภาพช่องปากดี ไมม่ ฟี ันผุ ๖ ตัวบ่งชี้ที่ 3.2 ข เดก็ มีพัฒนำกำรสมวัย ๐  ๓.๒.๑ ข เด็กมีพฒั นาการสมวัยโดยรวม ๕ ดา้ น (คัดกรองตามชว่ งอายุ) ๑ ๒ ๓ รวม ๙ ตัวช้ีวัดที่ 3.3 ข เดก็ มพี ัฒนำกำรดำ้ นกำรเคล่ือนไหว ๐  ๓.๓.๑ ข เด็กมีพัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนอ้ื มดั ใหญส่ ามารถเคลือ่ นไหวและ  ทรงตวั ไดต้ ามวยั ๑ ๒ ๓ รวม ๓.๓.๒ ข เดก็ มีพัฒนาการดา้ นการใชก้ ล้ามเน้ือมดั เล็กและการประสานงาน  ๑๕ ระหวา่ งตากบั มอื ตามวัย  ตัวบง่ ชที้ ่ี 3.4 ข เดก็ มพี ัฒนำกำรดำ้ นอำรมณ์ จิตใจ ๐   ๓.๔.๑ ข เดก็ แสดงออก รา่ เริง แจม่ ใส รู้สกึ ม่นั คง ปลอดภัยแสดงความรสู้ ึกที่ดตี อ่  ๑ ๒ ๓ รวม ตนเองและผู้อ่นื ไดส้ มวยั  ๑๒  ๓.๔.๒ ข เด็กมคี วามสนใจและรว่ มกจิ กรรมต่างๆ อย่างสมวยั ซ่งึ รวมการเล่น การทางาน ศลิ ปะ ดนตรี กีฬา ๓.๔.๓ ข เด็กสามารถอดทน รอคอย ควบคมุ ตนเอง ยับยั้งช่งั ใจ ทาตามข้อตกลง คานงึ ถงึ ความรสู้ กึ ของผูอ้ น่ื มกี าลเทศะปรับตวั เข้ากับสถานการณใ์ หมไ่ ด้ สมวยั ตัวบ่งชี้ที่ 3.5 ข เด็กมีพฒั นำกำรดำ้ นสตปิ ญั ญำ เรียนร้แู ละสร้ำงสรรค์ ๐ ๓.๕.๑ ข เดก็ บอกเกย่ี วกบั ตวั เด็ก บคุ คล สถานทแ่ี วดลอ้ มธรรมชาติ และสิง่ ต่าง ๆ รอบตวั เด็ก ได้สมวัย ๓.๕.๒ ข เดก็ มพี น้ื ฐานด้านคณติ ศาสตร์ สามารถสงั เกต จาแนกและเปรยี บเทยี บ จานวน มิติ สัมพนั ธ์ (พน้ื ที่/ระยะ) เวลาไดส้ มวยั ๓.๕.๓ ข เด็กสามารถคดิ อย่างมเี หตุผล แกป้ ัญหาได้สมวยั ๓.๕.๔ ข เด็กมจี นิ ตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ ทแ่ี สดงออกได้สมวัย ๓.๕.๕ ข เด็กมีความพยายาม มงุ่ มน่ั ตง้ั ใจ ทากิจกรรมให้สาเร็จสมวัย ตวั บง่ ชที้ ่ี 3.6 ข เด็กมพี ัฒนำกำรด้ำนภำษำและกำรสอื่ สำร ๐ ๓.๖.๑ ข เดก็ สามารถฟัง พดู จบั ใจความ เลา่ สนทนา และสอ่ื สารไดส้ มวยั ๓.๖.๒ ข เด็กมีทักษะในการดูรปู ภาพ สัญลกั ษณ์ การใชห้ นังสือ รูจ้ กั ตัวอกั ษร การคดิ เขียนคา และการอ่านเบอ้ื งต้นไดส้ มวยั และตามลาดับพฒั นาการ

124 ๓.๖.๓ ข เด็กมที ักษะการวาด การขดี เขยี น ตามลาดบั ขน้ั ตอนพฒั นาการสมวัย  นาไปสู่การขีดเขยี นคาที่คนุ้ เคยและสนใจ ๓.๖.๔ ข เดก็ มที ักษะในการสอื่ สารอย่างเหมาะสมตามวยั  โดยใช้ภาษาไทยเป็นหลกั และมีความคนุ้ เคยกับภาษาอน่ื ด้วย ตวั บ่งช้ที ่ี 3.7 ข เด็กมพี ัฒนำกำรดำ้ นสงั คม คุณธรรมมวี นิ ัยและควำมเปน็ ๐ ๑ ๒ ๓ รวม พลเมอื งดี ๑๒ ๓.๗.๑ ข เดก็ มีปฏิสัมพันธก์ บั ผอู้ ่ืนไดอ้ ย่างสมวัยและแสดงออกถึงยอมรบั ความ  แตกตา่ งระหวา่ งบุคคล ๓.๗.๒ ข เดก็ มคี วามเมตตา กรณุ า มวี นิ ยั ซ่อื สัตยร์ ับผดิ ชอบต่อตนเองและ  สว่ นรวม และมคี า่ นิยมที่พงึ ประสงค์สมวยั ๓.๗.๓ ข เด็กสามารถเล่นและทางานร่วมกับผู้อื่นเปน็ กล่มุ เปน็ ได้ทง้ั ผนู้ าและผู้  ตาม แก้ไขขอ้ ขดั แย้งอย่างสร้างสรรค์ ๓.๗.๔ ข เดก็ ภาคภมู ใิ จท่เี ปน็ สมาชิกทดี่ ใี นครอบครวั ชุมชน  สถานพฒั นาเด็กปฐมวยั และตระหนกั ถงึ ความเปน็ พลเมอื งดขี องประเทศ ไทยและภมู ภิ าคอาเซยี น มำตรฐำนด้ำนที่ ๓ ข มีคะแนนรวม ๖๖ คะแนน มำตรฐำนด้ำนที่ ๓ ข มคี ะแนนรวม คิดเปน็ ร้อยละ = คะแนนรวม x ๑๐๐ ๑๐๐ ๖๖ มำตรฐำนด้ำนท่ี ๓ ข มจี ำนวนตวั บ่งชี้ ท่ีตอ้ งปรับปรงุ ๐ ขอ้ สรปุ คำ่ เป้ำหมำยในภำพรวม ผลรวมของรอ้ ยละคะแนนเฉลยี่ รวมมำตรฐำนทกุ ดำ้ น ร้อยละ ๙๖.๘๘ มำตรฐำนทกุ ดำ้ น มีจำนวนตวั บง่ ชที้ ี่ต้องปรับปรุงรวม ระดับคณุ ภำพ  A ดีมำก  B ดี  C ผ่ำนเกณฑ์ข้ันตน้  D ตอ้ งปรบั ปรุง ระดับคุณภำพ เกณฑก์ ำรพจิ ำรณำ A ดมี ำก คะแนนเฉลี่ย จำนวนขอ้ ที่ต้องปรับปรงุ B ดี C ผ่ำนเกณฑข์ ั้นตน้ ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ไมม่ ี D ต้องปรบั ปรุง รอ้ ยละ ๖๐-๗๙.๙๙ ๑-๗ ข้อ รอ้ ยละ ๔๐-๕๙.๙๙ ๘-๑๕ ข้อ ตำ่ กวำ่ ร้อยละ ๔๐ ๑๖ ข้อขึน้ ไป

125 ตวั ชว้ี ัดตำมประเดน็ พจิ ำรณำในมำตรฐำนกำรศึกษำของสถำนศกึ ษำ ระดับกำรศึกษำปฐมวยั โรงเรียนเทศบำลนำอ้อ (ตำมมำตรฐำนสถำนพัฒนำเดก็ ปฐมวัยแห่งชำติ) มำตรฐำนท่ี 1 กำรบริหำรจัดกำรสถำนพัฒนำเด็กปฐมวัย ตัวบง่ ชี้ ๑.๑ กำรบริหำรจดั กำรอย่ำงเป็นระบบ ขอ้ รำยกำรพิจำรณำ 1.1.๑ จัดการสถานพัฒนา  ๑.จัดทาแผนบรหิ ารจดั การสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยโดยสถานพฒั นาเด็ก เดก็ ปฐมวัยอย่างเป็น ปฐมวยั /หน่วยงานท่ีกากบั ดูแล ระบบ  ๒.ปฏบิ ตั ติ ามแผนการบรหิ ารจัดการสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัย  ๓.ประเมนิ ผลการดาเนนิ งานตามแผน  ๔.นาผลจากการประเมนิ ไปพฒั นาและปรบั ปรุงการบรหิ ารจัดการสถาน พัฒนาเด็กปฐมวัย 1.๑.๒ บริหารหลักสตู ร  ๑.จัดทาหลกั สูตรสถานพฒั นาเด็กปฐมวัยสอดคล้องกบั หลกั สตู ร สถานพฒั นาเด็ก การศึกษาปฐมวัยของกระทรวงศกึ ษาธิการ ปฐมวัย  ๒.นาหลักสูตรสถานพฒั นาเด็กปฐมวัยไปใช้อบรมเลยี้ งดูเด็กตามวิถี ชีวิตประจาวนั และจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้  ๓.ประเมินผลการนาหลักสตู รสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยไปใช้  ๔.นาผลการประเมินไปพัฒนาและปรับปรงุ หลักสตู รสถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ๑.1.3 บริหารจัดการข้อมลู  ๑.รวบรวมและจัดเก็บขอ้ มลู ในการบรหิ ารจดั การและขอ้ มลู เก่ยี วกบั เด็ก อย่างเป็นระบบ  ๒.นาข้อมลู ที่จัดเก็บไปใชป้ ระโยชน์  ๓.ประมวลผลการดาเนนิ งานและจดั ทารายงานผลการดาเนินงาน ประจาปี  ๔.บริหารจดั การขอ้ มูลที่เปน็ ระบบอย่างครบถ้วนถูกตอ้ งและเปน็ ปจั จบุ นั ตัวบง่ ชี้ ๑.๒ กำรบรหิ ำรจดั กำรบุคลำกรทุกประเภทของหน่วยงำนทกุ สังกดั ขอ้ รำยกำรพจิ ำรณำ 1.๒.๑ บรหิ ารจดั การ  ๑.จัดทาโครงสร้าง คุณสมบัตแิ ละอตั รากาลงั บุคลากรอยา่ งเปน็  ๒.มกี ระบวนการคัดเลอื ก โดยคานึงถึงสขุ ภาพกายสขุ ภาพจิต ระบบ  ๓.ไม่ใช้สารเสพตดิ ไมเ่ คยไดร้ ับโทษการกระทาความผิดทีเ่ กย่ี วกบั ความ รุนแรง โทษทเ่ี ก่ียวกบั การกระทาผิดตอ่ เด็ก  ๔.มกี ารตรวจสขุ ภาพประจาปที กุ คนและประเมนิ ความเครยี ดด้วยตนเอง โดยมกี ารช่วยเหลอื ทีจ่ าเป็น  ๕.ติดตาม สนับสนุนการทางานของบคุ ลากร โดยจดั ใหม้ ีสวสั ดิการและไดร้ ับ สิทธิประโยชน์ตา่ งๆ ตามระเบยี บของหนว่ ยงานตน้ สังกดั  ๖.พัฒนาบคุ ลากรอยา่ งเปน็ ระบบและตอ่ เน่อื ง 1.๒.๒ ผูบ้ ริหารสถาน  ๑.มีวุฒิทางการศกึ ษาไมต่ า่ กวา่ ปรญิ ญาตรี สาขาวิชาเอกอนุบาลศกึ ษาหรอื พฒั นาเด็กปฐมวัย/ ปฐมวยั

126 หวั หน้าระดบั -กรณีทมี่ วี ุฒิปรญิ ญาตรีสาขาที่เก่ียวข้อง (จิตวิทยาแพทย์ พยาบาล ปฐมวยั /ผูด้ าเนนิ สาธารณสุข คหกรรม) ตอ้ งมีการศกึ ษารายวิชาท่ีเก่ียวกบั เด็กปฐมวยั อยา่ งน้อย กิจการ มี ๓ หน่วยกติ (ไม่ต่ากว่า ๔๕ ช่วั โมง) คุณวุฒิ/คณุ สมบัติ -กรณที ี่มีวุฒกิ ารศึกษาปริญญาตรไี มต่ รงตามทก่ี าหนด ตอ้ งมปี ระสบการณ์ เหมาะสม ในการทางานเก่ียวกับการพฒั นาเดก็ ปฐมวัยอย่างตอ่ เนอ่ื งมาแล้วไมน่ ้อยกวา่ ๒ และบริหารงาน ปี และผา่ นการฝึกอบรมไม่ตา่ กว่า ๔๕ ชัว่ โมง อยา่ งมี  ๒.สนบั สนนุ กากับติดตาม การปฏิบัติหน้าทขี่ องบคุ ลากรให้เป็นไปตามแผน ประสิทธภิ าพ  ๓.จัดกิจกรรมท่ีสรา้ งสรรค์เพ่อื การสรา้ งความสัมพันธท์ ด่ี รี ะหว่างบุคลากร ครอบครัวของเด็กและเครือข่ายภายนอก  ๔.เปน็ ตวั อย่างทดี่ ใี นการพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนื่อง 1.๒.๓ ครู/ผูด้ แู ลเด็กทีท่ า  ๑.ผู้ทาหนา้ ท่ีครมู ีใบประกอบวชิ าชพี ครู มวี ุฒทิ างการศกึ ษาไมต่ า่ กวา่ หนา้ ทหี่ ลักในการ ปรญิ ญาตรี สาขาวิชาเอกอนบุ าลศกึ ษาหรือปฐมวัย หรอื กรณีทม่ี ีวุฒิปรญิ ญาตรี ดแู ลและพัฒนาเดก็ สาขาท่ีเกี่ยวขอ้ ง (ครูสาขาอืน่ ท่ีไมใ่ ชเ่ อกปฐมวัย จิตวทิ ยาแพทย์ พยาบาล ปฐมวยั มวี ฒุ ิ สาธารณสขุ คหกรรม) ตอ้ งมกี ารศึกษารายวิชาท่เี กยี่ วขอ้ งกับเดก็ ปฐมวยั อย่าง การศึกษา/ น้อย ๓ หน่วยกติ (ไม่ต่ากว่า ๔๕ ช่ัวโมง) คุณสมบัตทิ ี่  ๒.ผทู้ าหน้าที่ผชู้ ่วยครู กรณีทีว่ ุฒิการศึกษาต่ากวา่ ปริญญาตรี ต้องมอี ายุไม่ เหมาะสม ตา่ กวา่ ๑๘ ปี มีประสบการณ์ทางานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั อย่างต่อเน่อื ง ไม่น้อย กวา่ ๒ ปี หรอื ผ่านการฝึกอบรมเกีย่ วกบั การดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัย ตามที่ ส่วนราชการรับรองหรอื อยใู่ นระหว่างการอบรมดังกลา่ ว ภายในระยะเวลา ๑ ปี  ๓.ครู/ผู้ดูแลเดก็ ไดร้ บั การพัฒนาตอ่ เน่ืองระหว่างประจาการ อย่างน้อยปีละ ๒๐ ช่วั โมง ขอ้ รำยกำรพจิ ำรณำ 1.๒.๔ บรหิ ารบคุ ลากรจัด  ๑.มีอัตราสว่ นและกลมุ่ กจิ กรรมตามเกณฑท์ ่ีกาหนด (บุคลากรประจา/เตม็ อัตราส่วนของคร/ู เวลา) ผู้ดูแลเด็กอย่าง  ๒.มีอตั ราสว่ นและกล่มุ กิจกรรมดกี ว่าเกณฑ์ท่ีกาหนด (บุคลากรประจา/เต็ม เหมาะสมพอเพยี ง เวลา) ตอ่ จานวนเดก็ ใน  ๓.สามารถจัดหาครหู รือผู้ดูแลเด็กทีม่ ีคุณสมบัตติ ามเกณฑ์มาชว่ ยเสริมใน แต่ละกล่มุ อายุ การจัดกิจกรรม เด็ก (อำย)ุ อัตรำส่วนคร/ู จำนวนเด็กในกลมุ่ กิจกรรม ผู้ดูแล : เดก็ (คน) ตา่ กว่า ๑ ปี ๑:๓ กลมุ่ ละไมเ่ กิน ๖ คน ตา่ กวา่ ๒ ปี ๑:๕ กลมุ่ ละไม่เกนิ ๑๐ คน ตา่ กว่า ๓ ปี ๑:๑๐ กลมุ่ ละไมเ่ กนิ ๒๐ คน ๓ ปี-ก่อนเขา้ ป.๑ ๑:๑๕ กลุ่มละไมเ่ กิน ๓๐ คน

127 ตวั บง่ ช้ี ๑.๓ กำรบริหำรจัดกำรสภำพแวดล้อมเพือ่ ควำมปลอดภัย ข้อ รำยกำรพจิ ำรณำ ๑.๓.๑ บริหารจัดการดา้ น  ๑.จัดทานโยบายและแผนทค่ี รอบคลมุ โครงสร้างอาคารบริเวณท่ีตงั้ ภายใน สภาพแวดลอ้ มเพ่อื ภายนอกอาคาร วสั ดุอุปกรณท์ ุกชนิด รวมท้ังปัจจัยทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ความปลอดภัย  ๒.ปฏบิ ัตติ ามแผนอยา่ งเปน็ ระบบและมีการสารวจคน้ หาจดุ เสยี่ ง เพื่อหา อย่างเปน็ ระบบ แนวทางปอ้ งกนั และแก้ไขเปน็ ระยะอยา่ งต่อเนอ่ื ง  ๓.ประเมินผลการดาเนินงานตามแผน  ๔.นาผลจากการประเมินไปพัฒนาและปรบั ปรุงการบริหารจัดการดา้ น สภาพแวดล้อมเพอ่ื ความปลอดภยั อยา่ งเปน็ ระบบ ๑.๓.๒ โครงสร้างและตัว  ๑.โครงสร้างและตัวอาคารม่นั คง มขี อบเขตและทางเขา้ -ออกท่ีชัดเจน อาคารม่ันคง ตัง้ อยู่ ในบริเวณและ  ๒.บรเิ วณท่ีตง้ั ปลอดภยั สะอาดไมอ่ ยูใ่ กลแ้ หล่งมลพิษทางอากาศ นา้ ดนิ เวน้ สภาพแวดลอ้ มที่ แต่มมี าตรการที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันอันตรายท่อี าจจะเกดิ ขน้ึ  ๓.ตดิ ตามประเมนิ ผลการสารวจสม่าเสมออยา่ งนอ้ ยทกุ ๓ เดือน และแกไ้ ข ปลอดภัย ในส่วนท่ีมโี อกาสเกิดอนั ตรายได้มากอยา่ งเรง่ ด่วน  ๔.นาผลการประเมิน ปรับปรุง/พฒั นาระยะยาว ขอ้ รำยกำรพิจำรณำ ๑.๓.๓ จัดการความ  ๑.สภาพแวดลอ้ มภายนอกอาคารสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั มีความปลอดภัย ปลอดภยั ของพน้ื ท่ี เคร่อื งเลน่ สนามมีความเหมาะสมตามพฒั นาการของเดก็ ตามวยั เลน่ /สนามเด็กเล่น  ๒.พื้นท่ีเลน่ /สนามเดก็ เลน่ เปน็ ที่ปลอดภยั ในการเล่นของเดก็ มกี ารสารวจ และสภาพแวดลอ้ ม ความเสี่ยงของพน้ื ทเี่ ลน่ สนามเดก็ เลน่ อย่างตอ่ เนื่อง ภายนอกอาคาร  ๓.ตดิ ตามประเมินการดาเนนิ งาน ข้อ ๑ และ ๒ สม่าเสมออย่างนอ้ ยทกุ ๓ เดือน และแกไ้ ขในส่วนที่มีโอกาสเกิดอนั ตรายไดม้ ากอยา่ งเรง่ ด่วน  ๔.นาผลการประเมินวิเคราะหเ์ พอ่ื ปรบั ปรงุ /พัฒนา ๑.๓.๔ จดั การ  ๑.สภาพแวดล้อมภายในอาคารมีความปลอดภัย สภาพแวดล้อม  ๒.ครุภณั ฑ์ อปุ กรณเ์ ครื่องใช้ปลอดภยั มีทะเบียนควบคุมตรวจสอบ ภายในอาคาร สมา่ เสมอให้ใชง้ านไดค้ รบถว้ น ไม่ชารุด และเป็นปัจจบุ ัน ครุภณั ฑ์ อปุ กรณ์  ๓.ตดิ ตามประเมินการดาเนินงาน ข้อ ๑ และ ๒ สมา่ เสมออยา่ งน้อยทุก ๓ เคร่อื งใช้ให้ เดือน และแก้ไขในส่วนท่มี โี อกาสเกิดอนั ตรายได้มากอยา่ งเร่งดว่ น ปลอดภยั เหมาะสม  ๔.นาผลการประเมนิ วเิ คราะห์เพื่อปรับปรุง พัฒนา กับการใชง้ าน และ เพียงพอ ๑.๓.๕ จดั ใหม้ ีของเล่นที่  ๑.ของเลน่ ปลอดภัยตามมาตรฐานอตุ สาหกรรม (มอก.)และเหมาะสมตาม ปลอดภัยได้ พฒั นาการของเดก็ ตามวัย

128 มาตรฐาน มีจานวน  ๒.มีทะเบียนควบคมุ ตรวจสอบสมา่ เสมอใหม้ ีจานวนเพียงพอเหมาะสมกบั วัย เพยี งพอสะอาด และพัฒนาการของเดก็ และมคี วามสะอาดใช้งานไดค้ รบถ้วนไม่ชารุด และเปน็ เหมาะสมกบั ระดบั ปัจจบุ นั พฒั นาการของเดก็  ๓.ติดตามประเมินการดาเนินงาน ขอ้ ๑ และ ๒ สม่าเสมออย่างน้อยทุก ๓ เดอื น และแกไ้ ขในสว่ นที่มคี วามเสีย่ งสูงตอ่ การเกิดอันตราย  ๔.นาผลการประเมินมาวิเคราะหเ์ พือ่ ปรับปรุง/พฒั นาการจัดหาและ บารุงรกั ษาตอ่ เน่ือง ๑.๓.๖ ส่งเสรมิ ใหเ้ ด็ก  ๑.สารวจการเดนิ ทางของเด็กและวางแผนการดาเนนิ งานเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความ ปฐมวัยเดินทาง ปลอดภยั ในการเดนิ ทางของเดก็ อย่างปลอดภยั  ๒.ใหค้ วามรู้ สร้างวนิ ยั และฝกึ ทกั ษะในการเดินทางไป-กลับอย่างปลอดภัย  ๓.ปรบั ปรงุ โครงสรา้ งและการปฏิบตั ิเพือ่ สร้างเสรมิ ความปลอดภัยและ ป้องกนั การบาดเจบ็ ในการเดินทางของเด็ก  ๔.สร้างความตระหนักและใหค้ วามรู้กับผปู้ กครองและชุมชน เพ่อื ร่วมกนั สนับสนุนให้เดก็ เดนิ ทางไดอ้ ยา่ งปลอดภยั  ๕.มกี ารประเมินผลการดาเนินงานและพฒั นาปรบั ปรุง ข้อ รำยกำรพิจำรณำ ๑.๓.๗  ๑.มรี ะบบป้องกนั ภยั จากบคุ คล ตรวจสอบการเข้า-ออก การรับและส่งเด็ก  ๒.สร้างความตระหนักใหบ้ ุคคลทกุ ฝ่ายในสถานพฒั นาเด็กปฐมวยั เฝ้าระวงั ความปลอดภยั ของเด็กจากบุคคลท้งั ภายในและภายนอก เม่อื พบส่ิงที่น่าสงสยั ตอ้ งรายงานใหค้ รเู วรประจาวนั ทราบเพอ่ื ปอ้ งกนั และแก้ไข  ๓.มกี ารบนั ทกึ และประเมนิ ผลการดาเนินงานตามแผน  ๔.มกี ารนาผลจากการประเมินไปพฒั นาและปรับปรงุ ๑.๓.๘ จดั ใหม้ ีระบบรับ  ๑.แผนฝึกซอ้ มอพยพหนไี ฟ เหตุฉกุ เฉนิ ป้องกัน อัคคีภัย/ภัยพบิ ตั ิ  ๒.ฝึกซ้อมแผนอพยพให้กับบุคลากรและเด็กทุกคนเสมอื นเกดิ เหตุจรงิ อย่าง ตามความเส่ยี งของ น้อยปีละ ๑ คร้ัง พืน้ ท่ี  ๓.มีการตรวจสอบประเมินผลการดาเนินการ  ๔.นาผลประเมนิ มาปรับปรงุ /พฒั นา ตวั บ่งช้ี ๑.๔ กำรจัดกำรเพ่ือส่งเสริมสขุ ภำพและกำรเรียนรู้ ข้อ รำยกำรพิจำรณำ ๑.๔.๑ มกี ารจดั การเพื่อ  ๑.จัดใหม้ ีอาหารท่ีเหมาะสม และเพยี งพอตามวัยทุกวัน ส่งเสริมสุขภาพ  ๒.จัดให้มีเครอื่ งชงั่ น้าหนักและเครือ่ งวัดความยาว/สว่ นสูง ท่ีได้มาตรฐาน เฝา้ ระวังการ ติดตง้ั ถูกตอ้ ง และมีการฝกึ ใชง้ านอยา่ งถูกวธิ ี เจรญิ เตบิ โตของ  ๓.ประเมินการเจรญิ เติบโตเปน็ รายบคุ คล อย่างถูกวธิ ี และมีการบนั ทกึ เด็ก และดแู ลการ ข้อมลู น้าหนัก สว่ นสงู ลงในกราฟการเจริญเติบโตเป็นรายบุคคลอย่างตอ่ เนื่อง เจบ็ ปว่ ยเบือ้ งต้น อย่างนอ้ ยทุก ๓ เดอื น

129  ๔.มยี าและเวชภัณฑส์ ามญั ประจาบ้านและอปุ กรณ์ทจี่ าเปน็ สาหรบั ปฐม พยาบาลเบอ้ื งตน้  ๕.จดั ให้มีการอบรมปฐมพยาบาลและฝึกชว่ ยชวี ติ เบ้ืองตน้ (CPR) ข้อ รำยกำรพิจำรณำ ๑.๔.๒ มีแผนและ  ๑.มีการตรวจสุขภาพอนามยั และรอ่ งรอยการบาดเจ็บประจาวัน ดาเนินการตรวจ  ๒.สนบั สนุน/จดั การตรวจสุขภาพประจาปีโดยบคุ ลากรทางการแพทยอ์ ย่าง สุขอนามัย นอ้ ยปลี ะ ๑ คร้งั ประจาวนั ตรวจ  ๓.มีการตรวจสอบประวตั กิ ารไดร้ บั วคั ซีนต้ังแตแ่ รกรับและทุก ๖ เดือน สขุ ภาพประจาปี  ๔.มมี าตรการและกจิ กรรมปอ้ งกันและแก้ไขเม่อื เกดิ โรคติดตอ่ ขน้ึ รวมท้งั เก็บ และปอ้ งกนั ควบคุม ขอ้ มูลของโรคติดต่อ โรคตดิ ตอ่ ๑.๔.๓ อาคารต้องมพี น้ื ท่ี  ๑.มีพน้ื ทพ่ี อเพยี งสาหรบั การจดั กิจกรรมและกิจวัตรประจาวันของเด็ก ใชส้ อยเปน็ สดั สว่ น พอเพยี งเฉลีย่ ๑.๕-๒.๐ ตร.ม./คน ตามกจิ วตั ร  ๒.มพี ้ืนทเ่ี ตรียมอาหาร/ครัว วิธกี ารขนส่งอาหาร และมบี รเิ วณที่จดั ใหเ้ ด็ก ประจาวนั ของเด็ก รบั ประทานอาหารท่ีสะอาด ถูกสุขลกั ษณะ ท่ีเหมาะสมตาม  ๓.มีพน้ื ที่สาหรับนอนหลับ เนน้ ความสะอาด ปลอดโปรง่ และอากาศถ่ายเท ช่วงวยั และการใช้ ไดด้ ี ประโยชน์  ๔.มีพื้นทีส่ าหรับเล่นและทากิจกรรมการเรียนรทู้ ่ีเพียงพอและเหมาะสม  ๕.มีพนื้ ที่หรือบริเวณสาหรบั การทาความสะอาดช่องปาก แปรงฟัน ลา้ งมือ ล้างหน้าของเดก็ ฯลฯ  ๖.มีพนื้ ทส่ี าหรบั แยกเด็กปว่ ย ๑.๔.๔ จดั ใหม้ พี น้ื ท/ี่ มุม  ๑.มีพ้นื ที่/มุมประสบการณ์ และแหล่งเรยี นรทู้ ่มี ีอปุ กรณแ์ ละครภุ ัณฑ์อย่าง ประสบการณ์ และ เหมาะสมในหอ้ งเรยี น แหลง่ เรยี นรู้ใน  ๒.มพี ื้นท่ี/มุมประสบการณ์ และแหลง่ เรยี นรู้ทมี่ อี ปุ กรณแ์ ละครุภัณฑน์ อก ห้องเรียนและนอก ห้องเรียนอย่างเหมาะสม ห้องเรียน  ๓.เกบ็ ข้อมลู /ประเมนิ การใช้พืน้ ท่/ี มมุ ประสบการณ์ และแหล่งเรียนรขู้ อง เดก็  ๔.นาผลจากการประเมินไปปรับเปลย่ี น ซ่อมแซมใหพ้ ร้อมใชง้ านอยู่เสมอ ๑.๔.๕ จดั บริเวณหอ้ งนา้  ๑.แยกหอ้ งน้า หอ้ งส้วม บริเวณแปรงฟัน/ทลี่ ้างมอื อยา่ งเป็นสัดสว่ น และ ห้องสว้ ม ท่ีแปรง สะอาด ไม่มนี ้าขัง และไมล่ นื่ ฟัน/ลา้ งมือให้  ๒.มีการทาความสะอาดอยา่ งนอ้ ยวนั ละ ๒ ครั้ง เพียงพอ สะอาด  ๓.มรี ะบบดแู ลความสะอาดรวมทงั้ มเี จ้าหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ปลอดภัย และ เหมาะสมกับการใช้ งานของเด็ก

130 ขอ้ รำยกำรพิจำรณำ ๑.๔.๖ จดั การระบบ  ๑.สถานที่ประกอบอาหาร/ท่เี ตรยี มอาหารต้องมีอา่ งลา้ งภาชนะและอุปกรณ์ สุขาภบิ าลท่ีมี ท่ถี กู หลักสขุ าภบิ าลอาหาร ประสทิ ธิภาพ  ๒.มีน้าดืม่ น้าใช้ที่สะอาด ครอบคลุมสถานที่  ๓.มีการจัดการขยะ ส่ิงปฏกิ ูลอย่างถูกสุขลกั ษณะทัง้ ภายในและภายนอก ปรงุ ประกอบ อาหาร อาหาร นา้ ดมื่ นา้ ใช้  ๔.มมี าตรการปอ้ งกันแมลงและสตั ว์ที่เป็นพาหะนาโรค กาจัดขยะ สิ่ง ปฏกิ ลู และพาหะ นาโรค ๑.๔.๗ จดั อปุ กรณภ์ าชนะ  ๑.มีอุปกรณภ์ าชนะและเคร่ืองใช้ส่วนตัวสาหรับเด็กทุกคน และเครื่องใช้  ๒.จัดเกบ็ อย่างเหมาะสมเปน็ ระบบ ส่วนตัวใหเ้ พียงพอ  ๓.อุปกรณม์ ีมาตรฐาน สะอาด เพยี งพอกบั การใชง้ าน กบั การใช้งานของ  ๔.มีการตรวจสอบอปุ กรณ์เปน็ ระยะและจดั ใหอ้ ยู่ในสภาพพรอ้ มใชง้ าน เดก็ ทุกคน และ ดูแลความสะอาด และปลอดภยั อยา่ ง สม่าเสมอ ตัวบ่งช้ี ๑.๕ กำรส่งเสริมกำรมสี ่วนรว่ มของครอบครวั และชุมชน ขอ้ รำยกำรพจิ ำรณำ ๑.๕.๑ มีการสอื่ สารเพือ่ ดาเนนิ การไดต้ ามรายการพิจารณา ดงั นี้ สร้างความสัมพันธ์  ๑.มีการแลกเปล่ยี นเรียนร้อู ยา่ งต่อเนื่อง และความเข้าใจอัน  ๒.มีพ้ืนทหี่ รอื ช่องทางประชาสมั พนั ธ์ ดรี ะหว่างพ่อแม่/  ๓.มกี ารประเมินกิจกรรมเพือ่ พัฒนา ผปู้ กครองกบั สถาน  ๔.มกี ารสร้างเครือขา่ ยพอ่ แม/่ ผู้ปกครอง/ครอบครัว พฒั นาเดก็ ปฐมวยั เก่ียวกับตัวเดก็ และ การดาเนินงานของ สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ขอ้ รำยกำรพจิ ำรณำ ๑.๕.๒ การจดั กจิ กรรมท่ี  ๑.มีการจัดประชมุ ผู้ปกครองอย่างนอ้ ยปีละ ๒ ครง้ั พ่อแม/่ ผูป้ กครอง/  ๒.มีการจดั กิจกรรมท่พี ่อแม่ ผ้ปู กครอง ครอบครัวและชมุ ชนมสี ่วนรว่ มใน ครอบครวั และ โอกาสสาคญั ตา่ งๆ ตามประเพณี ศาสนา และวัฒนธรรมของชุมชน

131 ชุมชนมสี ่วนรว่ ม  ๓.มีการประเมนิ กิจกรรมเพื่อนาไปปรับปรงุ ตามรายพจิ ารณา  ๔.มีการสร้างเครอื ขา่ ยชุมชน ดังนี้ ๑.๕.๓ ดาเนินงานใหส้ ถาน  ๑.มีการเผยแพร่ ประชาสัมพนั ธ์ ขา่ วสาร หรือความรทู้ ่ีหลากหลาย และ พัฒนาเด็กปฐมวยั ทันสมยั เป็นแหล่งเรยี นรู้แก่  ๒.มีการประสานเชือ่ มโยงเครือข่ายภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นหนว่ ยงานภายนอกทง้ั ชมุ ชนในเรื่องการ ภาครฐั และเอกชน เพ่อื พฒั นาการดาเนนิ งานในสถานพฒั นาเด็กปฐมวัย พัฒนาเดก็ ปฐมวัย  ๓.มีการจดั กิจกรรมอยา่ งสม่าเสมอ และมีสมาชิกในชมุ ชนสนบั สนุนการ ดงั นี้ ดาเนินงานของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ๑.๕.๔ มีคณะกรรมการ  ๑.มกี ารจัดตงั้ คณะกรรมการสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั สถานพฒั นาเด็ก  ๒.คณะกรรมการฯ มกี ารประชมุ อยา่ งนอ้ ยปีละ ๑ ครงั้ ปฐมวยั  ๓.คณะกรรมการฯ มีบทบาทในการกาหนดทิศทางและบรหิ ารสถานพัฒนา เด็กปฐมวยั  ๔.คณะกรรมการฯ มสี ว่ นร่วมในการตดิ ตามและประเมนิ คณุ ภาพสถาน พัฒนาเดก็ ปฐมวยั มำตรฐำนท่ี ๒ ครู/ผดู้ ูแลเด็ก และใหก้ ำรดแู ล จดั ประสบกำรณก์ ำรเรยี นรูแ้ ละเลน่ เพื่อพัฒนำเดก็ ปฐมวัย ตวั บง่ ช้ี ๒.๑ กำรดแู ลและพฒั นำเด็กอยำ่ งรอบดำ้ น ข้อ รำยกำรพิจำรณำ ๒.๑.๑ มีแผนการจดั  ๑.มีแผนการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ีส่ อดคลอ้ งกับปรชั ญา/หลกั สูตร ประสบการณ์การ การศึกษาปฐมวัย เรียนรู้ท่ีสอดคล้อง  ๒.จดั กิจกรรมในแต่ละวันให้พัฒนาเด็กปฐมวยั อยา่ งรอบดา้ น คอื ร่างกาย กับหลักสูตร อารมณ์ จิตใจ สังคม สตปิ ญั ญา และภาษา การส่ือสาร การศึกษาปฐมวัย  ๓.จดั กิจกรรมเหมาะสมกับระดบั พัฒนาการตามวัยของเด็กและเปดิ ใหเ้ ดก็ มี มีการดาเนินงาน อากาสทาตามความสนใจ และประเมินผล  ๔.ประเมินผลหลงั การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ประจาวนั  ๕.กจิ กรรมที่จัดตอ้ งเหมาะสมกบั บรบิ ทสังคม และวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ  ๖.คานงึ ถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และปรับเปลย่ี นกิจกรรมให้ เหมาะสมกับความจาเป็นและความต้องการพิเศษของเดก็ เป็นรายบคุ คล  ๗.นาผลการประเมนิ มาปรบั ปรงุ การจดั กจิ กรรมของครู ช่วยเหลอื เดก็ ทย่ี งั ไมเ่ กดิ พฤติกรรมการเรยี นรู้ตามแผนการจดั ประสบการณ์ ๒.๑.๒ จดั พ้ืนท่ี/มมุ โดยมกี ารดาเนนิ การตามรายการพิจารณา ดังน้ี ประสบการณก์ าร  ๑.จดั พ้นื ที/่ มุมประสบการณก์ ารเรยี นรู้อยา่ งนอ้ ย ๔ พืน้ ท/่ี มุม คือ มุมบลอ็ ก เรยี นรู้และการเลน่ มุมหนังสอื มุมบทบาทสมมติ มุมเกมการศกึ ษา ที่มีส่ือ วสั ดุ และอุปกรณ์ที่ ท่ีเหมาะสมอย่าง หลากหลายและเพียงพอ หลากหลาย  ๒.ส่งเสรมิ ให้เดก็ ทุกคนได้ทากจิ กรรมในทุกพน้ื ที่/มมุ อย่างหมนุ เวยี น

132  ๓.มกี ารปรบั เปลย่ี นสือ่ วัสดุ และอุปกรณ์ในพ้นื ท/ี่ มุม ให้น่าสนใจ สอดคล้องกับบริบททางสงั คม วฒั นธรรม และหนว่ ยการเรยี นรู้  ๔.มีการสังเกต และบันทึกพฤตกิ รรมของเด็กในขณะทากิจกรรม  ๕.นาผลการประเมินมาปรับปรุงการจดั พื้นท่/ี มุม ๒.๑.๓ จดั กิจกรรมสง่ เสริม  ๑.จัดกิจกรรมให้เด็กไดเ้ คล่ือนไหว สารวจ เล่น สงั เกต สืบค้น ทดลอง และ พัฒนาการทุกดา้ น คิดแกป้ ัญหาด้วยตนเอง อย่างบูรณาการ  ๒.จดั กจิ กรรมใหเ้ ดก็ มปี ฏิสัมพนั ธ์ที่ดีกับผู้ใหญ่และเดก็ อื่น ในบรรยากาศที่ ตามธรรมชาตขิ อง อบอุน่ มคี วามสุข และรว่ มมอื กันในลักษณะต่างๆ เดก็ ท่ีเรียนรดู้ ว้ ย  ๓.สนบั สนุนใหเ้ ดก็ ริเร่มิ คิด วางแผน ตัดสินใจลงมอื กระทาและแสดง/ ประสาทสมั ผสั ลง นาเสนอความคดิ และความร้สู ึกโดยครูเรียนรู้ร่วมกับเด็ก มือทาปฏิสมั พนั ธ์ และการเล่น ข้อ รำยกำรพิจำรณำ  ๔.จัดกิจกรรมท่ีสง่ เสริมลักษณะนสิ ยั ท่ีดี การมวี ินัยสอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และสร้างทกั ษะการใช้ชีวิตประจาวันตามแนวทางหลักปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงอย่างตอ่ เนอื่ ง  ๕.จัดกิจกรรมทัง้ ในลักษณะทม่ี กี ารวางแผนไวล้ ว่ งหนา้ และแผนทีป่ รบั ไปเมื่อ เกดิ สภาพจริงทไี่ ม่ได้คาดการณ์ไว้  ๖.จดั กจิ กรรมโดยใหพ้ ่อแม่ ครอบครัว และชุมชนมสี ่วนร่วมท้ังการวางแผน การสนบั สนนุ สอ่ื แหล่งเรยี นรู้ การเขา้ ร่วมกจิ กรรม และการประเมินพฒั นาการ  ๗.จดั กิจกรรมให้มีความสมดลุ ระหวา่ งผใู้ หญ่ริเรม่ิ กบั ทเี่ ดก็ รเิ ริ่ม ในห้องกบั นอกหอ้ ง เด็กทาคนเดยี วกับทาเป็นกลุ่ม กิจกรรมตามข้อตกลงที่กาหนดไว้กบั เดก็ ทากิจกรรมตามอิสระ ๒.๑.๔ เลือกใช้สือ่ /  ๑.ใช้สือ่ ท่หี ลากหลาย ท้งั สือ่ ธรรมชาติ เช่น ดิน หิน ทราย ตน้ ไมใ้ บไม้ ฯลฯ อปุ กรณ์ เทคโนโลยี และสื่อทมี่ นุษยผ์ ลดิ ขึ้น ทง้ั ส่อื ครูทาขึ้นและสือ่ ที่จัดซอ้ื เครอื่ งเล่นและจดั  ๒.สื่อและของเล่นทเ่ี หมาะสมกับขั้นตอนการจดั ประสบการณ์ ใหเ้ ด็กได้ สภาพแวดล้อม สังเกต หยบิ จับ ลงมอื ทาเพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรียนรู้ตามความสนใจทัง้ ในห้องและนอก ภายใน/ภายนอก ห้อง แหล่งเรยี นรู้ ท่ี  ๓.มีการใช้สือ่ เพือ่ ให้เกดิ กระบวนการเรียนรูอ้ ยา่ งมีปฏสิ มั พันธ์ เดก็ มีโอกาส เพียงพอ เหมาะสม ไดแ้ ลกเปล่ยี นเรียนรู้ร่วมกับครู กบั เพอ่ื นเดก็ ด้วยกัน ปลอดภัย (ระบุ  ๔.จัดให้เด็กไดใ้ ชส้ อ่ื /อุปกรณ/์ เทคโนโลยี ทเี่ ป็นเครื่องมอื เครอ่ื งใชใ้ นการทา รายละเอียดใน กิจกรรม และมสี ภาพพร้อมใชง้ าน มปี รมิ าณเพียงพอและปลอดภัยสาหรับเด็ก คูม่ อื )  ๕.ใช้สภาพแวดลอ้ มทัง้ ภายในและภายนอกห้องเรยี นตลอดจนผปู้ กครอง บคุ คลในชมุ ชน และแหลง่ เรยี นรใู้ นชมุ ชน เปน็ ประโยชนต์ ่อการเรยี นร้ขู องเดก็  ๖.จัดให้เดก็ มโี อกาสออกแบบ ทาสอื่ สรา้ งของเล่นอย่างเหมาะสมกับวยั ได้ เลน่ และฝกึ เกบ็ ของเข้าท่ี ภายใตก้ ารดแู ลของคร/ู ผ้ดู ูแลเด็ก ๒.๑.๕ โดยมีการดาเนนิ การตามรายการพจิ ารณา ดงั น้ี

133 เฝา้ ระวังตดิ ตาม  ๑.มกี ารสังเกตพฤตกิ รรมและพัฒนาการของเดก็ และบนั ทกึ รายบุคคลอย่าง พฒั นาการเด็ก สม่าเสมอตอ่ เน่อื งตลอดปแี ละสรปุ ผลการประเมนิ และรายงานผลให้ผู้ปกครอง ทราบอยา่ งนอ้ ย ปลี ะ ๒ คร้ัง รายบุคคลเปน็ ระยะ เพือ่ ใชผ้ ลใน  ๒.จดั ทาสารนทิ ัศน์ด้วยการรวบรวมขอ้ มลู เก่ียวกับพฒั นาการและการเรียนรู้ ของเด็กเปน็ รายบคุ คล นามาใชป้ ระโยชน์ในการจัดกิจกรรมพัฒนาเด็กต่อไป การจดั กิจกรรม อย่างได้ผล พฒั นาเด็กทกุ คน ใหเ้ ตม็ ตาม  ๓.ประเมนิ พฒั นาการเดก็ ครอบคลุมทกุ ด้าน ท้งั ด้านรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม สติปญั ญา และภาษาการส่ือสาร ตามสภาพจรงิ ในกจิ กรรมประจาวันด้วย ศกั ยภาพ เครอื่ งมอื และวธิ กี ารทีห่ ลากหลาย  ๔.นาผลการประเมินไปใช้ในการพฒั นาเดก็ ตามระดบั พฒั นาการ ความถนัด และความสนใจ ให้การชว่ ยเหลือ และแกป้ ัญหาในเรอ่ื งทเ่ี ด็กยงั ลา่ ช้า หรอื มี อปุ สรรค  ๕.มีระบบการบนั ทกึ ประเมินผล รายงานผล และสง่ ตอ่ ข้อมลู อย่างเป็น ระบบ ขอ้ รำยกำรพิจำรณำ  ๖.มีการสือ่ สารเก่ียวกบั พัฒนาการให้ผูป้ กครองทราบและรว่ มมือส่งเสริม พฒั นา และแกป้ ญั หาทเ่ี กิดขน้ึ กบั เด็กรว่ มกันทง้ั บ้าน และสถานพัฒนาเด็ก/ โรงเรียน ตวั บง่ ช้ี ๒.๒ กำรส่งเสริมพัฒนำกำรด้ำนร่ำงกำยและดแู ลสขุ ภำพ ข้อ รำยกำรพจิ ำรณำ ๒.๒.๑ ใหเ้ ด็กรับประทาน โดยมกี ารดาเนนิ การตามรายการพิจารณา ดังนี้ อาหารทคี่ รบถว้ น  ๑.จัดอาหารใหก้ บั เด็กครบ ๕ กลมุ่ อาหารในปรมิ าณทเ่ี พียงพอ เหมาะสมกับ ในปริมาณท่ี วยั ของเด็ก ภาชนะท่ใี ส่อาหารและสถานทรี่ บั ประทานอาหารมีความสะอาด เพยี งพอและ และปลอดภยั สง่ เสริมพฤตกิ รรม  ๒.จัดอาหารให้กบั เดก็ และมเี มนอู าหารทีห่ ลากหลาย มีคุณค่าทาง การกนิ ท่ีเหมาะสม โภชนาการ ไมซ่ ้ากนั ในรอบ ๑ สปั ดาห์  ๓.จัดน้าดม่ื ที่สะอาดสาหรบั เด็ก ภาชนะบรรจุน้าต้องสะอาด มกี ารทาความ สะอาดทกุ คร้ังกอ่ นการเตมิ นา้ และมแี กว้ น้าสาหรับเดก็ เป็นรายบุคคล  ๔.สารวจ และบันทึกปญั หาท่ีเกยี่ วขอ้ งกับการกนิ อาหารของเด็ก เชน่ เดก็ ที่ แพอ้ าหาร แพน้ มววั เดก็ ท่ีมนี า้ หนักต่ากว่าเกณฑ์ ฯลฯ และดูแลให้เด็กได้รับ ประทานอยา่ งเหมาะกบั ความจาเปน็ ของเดก็  ๕.จัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ พฤติกรรมการรบั ประทานอาหารทเี่ หมาะสม และสุข นสิ ัยการกนิ ท่ดี ใี ห้กบั เดก็

134  ๖.ดแู ลและส่งเสรมิ การปฏิบัติกิจวัตรและกิจกรรม ประจาวัน เพ่อื ใหเ้ ด็กมี เจตคติและพฤตกิ รรมทพี่ ึงประสงค์ในการรบั ประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ ปรมิ าณทเี่ หมาะสม มมี ารยาทและสุขนิสัยที่ดี  ๗.จัดกจิ กรรมท่หี ลากหลายเพ่อื ให้เด็กเรียนรปู้ ระโยชนแ์ ละคณุ ค่าของ อาหาร การทาอาหาร และหลกี เลย่ี งอาหารท่ีเป็นโทษต่อรา่ งกาย ๒.๒.๒ จัดกจิ กรรมใหเ้ ดก็ โดยมกี ารดาเนินการตามรายการพจิ ารณา ดังนี้ ได้ลงมือปฏิบัติ  ๑.มกี ารสง่ เสริมสุขนสิ ัยทด่ี ีให้กับเดก็ ในชีวติ ประจาวันดา้ นการกิน การล้าง อยา่ งถกู ต้อง มอื การแปรงฟนั การเล่น การนอน การรักษาความสะอาด และการปอ้ งกนั การ เหมาะสมในการ ติดเชื้อ ดูแลสุขภาพ ความ  ๒.มีการจดั กิจกรรมเพอื่ สง่ เสริมสุขนิสยั ท่ีดีให้กบั เด็กด้านการกนิ การล้างมือ ปลอดภัยใน การแปรงฟนั เคล่อื นไหวร่างกาย เล่น ออกกาลัง การนอน และการรกั ษาความ ชวี ิตประจาวนั และ สะอาดโดยให้เดก็ ลงมือปฏบิ ัติกิจกรรมดว้ ยตนเอง ในการเคล่อื นไหว  ๓.มีการจัดกิจกรรมเพ่อื ใหเ้ ด็กเรียนรกู้ ารระมดั ระวงั ตัวเองใหป้ ลอดภัย และ ดา้ นร่างกาย ออก ไมเ่ กดิ อันตรายแก่ผอู้ น่ื จากอบุ ัตเิ หตุทอี่ าจเกิดขึ้นในชวี ิตประจาวันจากการเล่น กาลัง เลน่ กนิ และการทากจิ กรรม นอน พักผอ่ น และ  ๔.การสรา้ งข้อตกลงและดแู ลให้เด็กปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงเพื่อความปลอดภัย การเดินทาง อยา่ งเคร่งครดั ด้วยการใหเ้ หตผุ ลเพอื่ ใหเ้ ดก็ มีความเตม็ ใจจะปฏบิ ตั แิ ละให้ความ ร่วมมือ ขอ้ รำยกำรพิจำรณำ  ๕.การจัดกจิ กรรม การสรา้ งสถานการณ์จาลอง เพอื่ ให้เดก็ รขู้ อความ ช่วยเหลอื และปฏบิ ัติตนอย่างถูกตอ้ ง เมื่อเผชญิ กับภยั และอันตราย ทงั้ ภยั จาก คนแปลกหนา้ การพลัดหลง ไฟไหม้ รวมทง้ั ภัยพบิ ตั ิจากธรรมชาติ ๒.๒.๓ ตรวจสุขภาพ โดยมกี ารดาเนนิ การตามรายการพิจารณา ดงั น้ี อนามยั ของเดก็  ๑.มีการตรวจสขุ ภาพอนามยั และความสะอาดของรา่ งกายประจาวนั ของเด็ก ประจาวนั ความ ทุกคน เชน่ การตรวจผม ตรวจเลบ็ สารวจและสังเกตอาการเจบ็ ปว่ ยของเด็ก สะอาดของร่างกาย  ๒.มกี ารบันทกึ ผลการตรวจสุขภาพ ความสะอาดของรา่ งกาย การตรวจคัด ฟนั และช่องปาก กรองสขุ ภาพ และแบบบนั ทึกสขุ ภาพชอ่ งปาก เพ่อื คดั กรองโรค  ๓.เมอื่ พบเดก็ ที่มีปัญหาสขุ ภาพหรือเจ็บปว่ ยมีการดแู ลเบอ้ื งต้น แยกเด็กที่ และการบาดเจบ็ เจ็บป่วย และแจง้ ให้ผู้ปกครองทราบ  ๔.มกี ารบนั ทกึ การเจ็บป่วยของเด็กเปน็ รายบุคคล  ๕.มกี ารใหค้ วามชว่ ยเหลอื และให้การดูแลอย่างใกลช้ ิดสาหรับเดก็ ท่ี บาดเจ็บหรือท่มี ีอาการปว่ ย ๒.๒.๔ เฝา้ ระวังติดตาม โดยมีการดาเนินการตามรายการพจิ ารณา ดงั น้ี การเจรญิ เติบโต  ๑.การติดตามและบนั ทกึ การเจรญิ เติบโตของเด็กเป็นรายบุคคล ทุก ๓ ของเดก็ เป็น เดือน รายบคุ คล บันทึก  ๒.บนั ทกึ ลงในกราฟน้าหนกั ตามอายุ สว่ นสูงตามอายุ น้าหนกั ตามส่วนสงู ผลภาวะ และแปลผลภาวะโภชนาการ

135 โภชนาการอยา่ ง  ๓.มกี ารใหค้ าแนะนา/ความรดู้ า้ นโภชนาการท่ีสอดคลอ้ งกับการเจรญิ เติบโต ตอ่ เนอ่ื ง ภาวะโภชนาการของเดก็ แกพ่ อ่ แม/่ ผู้ปกครอง/ผ้ดู ูแลเด็ก ๒.๒.๕ จดั ใหม้ กี ารตรวจ  ๔.นาผลการเฝา้ ติดตามการเจรญิ เติบโตมาปรับการจัดอาหารใหเ้ หมาะสม สขุ ภาพรา่ งกาย กบั เดก็ ฟนั และช่องปาก สายตา หู ตาม  ๕.มีแผนการแกป้ ัญหาเด็กเต้ีย ผอม อว้ นกวา่ มาตรฐานอย่างเป็นระบบ กาหนด โดยมกี ารดาเนินการตามรายการพจิ ารณา ดังน้ี  ๑.มีการส่งเสริมให้เด็กไดร้ ับการตรวจสุขภาพตามกาหนด  ๒.มีบนั ทึกผลการตรวจสขุ ภาพตามกาหนดเป็นรายบคุ คลอยา่ งตอ่ เนื่อง  ๓.มีการให้ความชว่ ยเหลอื เบอื้ งต้นกบั เด็กที่มีปัญหาสุขภาพ และสง่ ต่อ บุคลากรทางการแพทย์ มีการบันทกึ การใหก้ ารช่วยเหลือเบ้ืองตน้ กับเดก็ ท่ีมี ปญั หาสุขภาพ (ซึง่ รวมทั้งการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ)  ๔.ครู/ผูด้ ูแลเด็กสามารถสงั เกต ค้นพบเมื่อเด็กมอี าการผดิ ปกติ และใหก้ าร ชว่ ยเหลอื ในกรณีที่เด็กมีโรคประจาตัวหรอื เด็กทม่ี ีความต้องอการพิเศษ *ระยะตามกาหนดท่รี ะบุในสมดุ บันทึกสุขภาพแม่และเด็ก ตัวบง่ ชี้ ๒.๓ กำรส่งเสรมิ พัฒนำกำรดำ้ นสตปิ ญั ญำ ภำษำและกำรสอ่ื สำร ข้อ รำยกำรพิจำรณำ ๒.๓.๑ จัดกิจกรรมส่งเสรมิ โดยมกี ารดาเนินการตามรายการพจิ ารณา ดังนี้ ให้เด็กได้สังเกต  ๑.มแี ผนการจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ท่สี ง่ เสรมิ พฒั นาการดา้ นการคดิ สมั ผสั ลองทา คิด และสติปญั ญา ต้งั คาถาม สบื เสาะหาความรู้ แก้ปญั หา  ๒.มกี ารจดั กจิ กรรมใหเ้ ด็กไดพ้ ฒั นาทักษะ กระบวนการคดิ จนิ ตนาการ และ จนิ ตนาการ คิด ความคดิ สรา้ งสรรค์ผ่านการเล่นอยา่ งอิสระ สร้างสรรค์ โดย  ๓.มกี ารสง่ เสริมให้เดก็ ไดแ้ กป้ ญั หาด้วยตนเองในชวี ิตประจาวัน ยอมรบั ความคิด  ๔.การสรา้ งบรรยากาศใหเ้ ด็กรสู้ กึ อบอนุ่ กล้าคิด กล้าทา ครมู ีทา่ ทีและ และผลงานท่ี คาถามกระตุ้นการคดิ และครยู อมรับความคิดและผลงานของเดก็ ท่ีแตกต่างแต่ แตกตา่ งของเด็ก ละคน ไม่เปรยี บเทียบ ไม่ตคี า่ หรือตดั สนิ ผลงานเดก็  ๕.เปดิ โอกาสให้เดก็ ทุกคนพฒั นาทกั ษะกระบวนการคดิ ผา่ นการเล่นอยา่ ง อิสระและได้นาเสนอผลงาน และมพี น้ื ทจ่ี ัดแสดงของเด็ก  ๖.การจัดสภาพแวดล้อม สอ่ื อปุ กรณ์ ทหี่ ลากหลาย เออ้ื ต่อการสง่ เสริม กระตุ้นการคิด คน้ ควา้ และลงมือทาของเดก็ และสื่อท่สี นบั สนุนการทากจิ กรรม และสร้างผลงานของเดก็ ๒.๓.๒ จดั กิจกรรมและ โดยมกี ารดาเนินการตามรายการพจิ ารณา ดงั นี้ ประสบการณ์ทาง  ๑.ใหเ้ ด็กได้สือ่ สารความต้องการดว้ ยภาษาท่าทาง ภาษาพูด และไดร้ ับการ ภาษาท่ีมี ตอบสนองอยา่ งเหมาะสมตามวยั

136 ความหมายต่อเดก็  ๒.มีแผนการจัดประสบการณก์ ารเรียนรทู้ างภาษาทีห่ ลากหลาย โดยเริ่มจาก เพ่อื การส่อื สาร ภาษาแม/่ ภาษาถ่ินก่อนแล้วจึงใช้ภาษาไทยในการสือ่ สารผ่านประสบการณ์การ เรียนรแู้ ละการเล่น อย่างหลากหลาย ฝกึ ฟัง พดู ถาม  ๓.มกี ารจดั กิจกรรมและประสบการณก์ ารเรยี นรเู้ พือ่ พัฒนาทักษะการฟงั การพดู ผา่ นกิจกรรมทหี่ ลากหลาย การจัดกจิ กรรมมีลกั ษณะการบรู ณาการ ตอบเลา่ และ สนุกสนานและสร้างทัศนคติทีด่ ตี อ่ การใชภ้ าษา สนทนาตามลาดบั ขน้ั ตอนพัฒนาการ  ๔.คร/ู ผู้ดแู ลเดก็ เปน็ แบบอยา่ งของผูฟ้ ัง และผู้พูดทีด่ ที ั้งด้านการใชภ้ าษา และมารยาทที่ดีในการฟังและการพูด  ๕.มีการใช้สือ่ และการจัดสภาพแวดลอ้ มที่ส่งเสรมิ ทกั ษะการฟงั และการ พดู ใหก้ บั เด็กอยา่ งเหมาะสม  ๖.มีการสารวจความสามารถในการพดู การได้ยิน หากพบว่ามีเดก็ ทีม่ ีปัญหา หรือความบกพรอ่ งในการฟงั และการพดู มีการให้ความชว่ ยเหลอื ในเบอื้ งตน้ ตาม ความตอ้ งการจาเปน็ ของเด็ก และแนะนาผปู้ กครอง/หรอื สง่ ตอ่ ใหผ้ ูเ้ ช่ยี วชาญ เฉพาะทางเพ่อื วินิจฉยั และใหค้ วามชว่ ยเหลอื ตอ่ ไป ข้อ รำยกำรพิจำรณำ ๒.๓.๓ จัดกิจกรรมปลกู ฝงั โดยมกี ารดาเนนิ การตามรายการพิจารณา ดังนี้ ให้เดก็ มนี สิ ัยรักการ  ๑.เด็กเลือกอ่านหนังสือในมกุ หนงั สือ หรือสถานทที่ ่คี รจู ัดไว้ให้อย่างอสิ ระ มี อ่าน ใหเ้ ด็กมี ความรู้สึกม่ันใจที่จะอา่ นและสื่อสารความคิด ความตอ้ งการ และความรู้สึก ผา่ น ทกั ษะการดภู าพ การพูด วาดรูป หรือขีดเขียนอย่างเหมาะสมตามวัยและระดับพัฒนาการ ฟังเรอื่ งราว พูดเล่า  ๒.แผนการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้การอา่ นและการเขยี นเบ้อื งตน้ มี อา่ น วาด/เขียน ลักษณะการบูรณาการผ่านกจิ กรรมทห่ี ลากหลาย ด้วยการออกแบบกิ๐”จกรรม เบอื้ งตน้ ตามลาดับ ใหค้ วามสาคัญกับการเรยี นรู้การอ่านและเขียนอยา่ งมคี วามสขุ และมี พัฒนาการ โดยคร/ู ความหมายตอ่ เด็ก ผู้ดูแลเดก็ เปน็  ๓.การจัดกจิ กรรมและประสบการณ์การเรยี นรรู้ วมทงั้ การเตรียมความพร้อม ตัวอยา่ งของการ กอ่ นการอา่ นและการเขียน อย่บู นพนื้ ฐานของพฒั นาการและธรรมชาติการ พูด และการอา่ นท่ี เรยี นรู้ภาษาของเดก็ ปฐมวัย ถูกตอ้ ง  ๔.การจดั กรรมท่เี นน้ การสร้างเจตคตทิ ี่ดีต่อการใชภ้ าษาอยา่ งมีความสขุ และ มคี วามหมายตอ่ เดก็ การเปน็ ผฟู้ งั และผู้พูดทีด่ ี มากกวา่ การเน้นความสมบรู ณ์ แบบของการอา่ นและเขยี น  ๕.มีการจัดกิจกรรมที่สง่ เสริมใหเ้ ดก็ มนี ิสยั รกั การอ่าน การสรา้ งความคุน้ เคย และการเหน็ คุณค่าของการอา่ นและการเขยี น โดยบูรณาการการอา่ นการเขยี นสู่ กจิ กรรมประจาวัน  ๖.มีการใช้สื่อ และการจัดสภาพแวดลอ้ มที่ส่งเสริมทักษะการอา่ นและการ เขียนเบื้องต้นใหก้ บั เดก็ อยา่ งเหมาะสม จัดเตรยี มกระดาษ เครื่องเขยี น ให้เดก็ เลอื กเขยี นอย่างอสิ ระตามความต้องการและคร/ู ผดู้ ูแลเดก็ เป็นแบอยา่ งท่ีดดี ้าน การอ่านและการเขียนใหก้ บั เดก็

137  ๗.มีการประเมนิ ความสามารถตามวัยในการอ่านการเขยี นภาพและ สญั ลกั ษณข์ องเด็ก หากพบวา่ มเี ดก็ ทมี่ ีปญั หาในการอ่านและการเขยี น ตอ้ งให้ ความช่วยเหลอื ในเบอื้ งตน้ และแนะนาผปู้ กครองหรือสง่ ต่อแพทย/์ เจา้ หนา้ ท่ี สาธารณสขุ ๒.๓.๔ จดั ใหเ้ ด็กมี โดยมีการดาเนนิ การตามรายการพิจารณา ดงั นี้ ประสบการณ์  ๑.แผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้เกี่ยวกบั ตัวเดก็ บุคคล สถานท่ี ส่ิง เรยี นรเู้ กยี่ วกบั ตัว ต่างๆ และธรรมชาติรอบตัว สามารถเชือ่ มโยงสงิ่ ท่ีเรียนรู้ใหมก่ ับความรู้และ เดก็ บคุ คล สิง่ ประสบการณ์เดมิ ของเด็ก ยืดหย่นุ และพรอ้ มปรบั เปล่ียนให้เหมาะกับความสนใจ ต่างๆ สถานท่ีและ และความตอ้ งการของเด็ก ธรรมชาติรอบตวั  ๒.การจดั กจิ กรรมมงุ่ ให้เดก็ มีความกระตือรือรน้ ทจ่ี ะเรียนรู้ สนใจสง่ิ ท่ีอยู่ ดว้ ยวธิ กี ารที่ รอบตัว และเรียนร้กู ระบวนการแสวงหาความรู้ หาคาตอบในสงิ่ ท่สี งสยั ผ่าน เหมาะสมกับวยั กิจกรรมที่หลากหลาย  ๓.การใช้สอื่ /อปุ กรณ์ และแหล่งเรียนรทู้ ่หี ลากหลาย สอดคลอ้ งกับสาระการ เรยี นรู้ บริบทสงั คมวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ และความสนใจของเดก็  ๔.จัดพื้นท่ีและโอกาสให้เด็กทกุ คนได้นาเสนอส่งิ ท่เี ด็กเรยี นรู้ และผลงานท่ี เกดิ จากการเรยี นรขู้ องเด็ก ขอ้ รำยกำรพิจำรณำ ๒.๓.๕ จัดกจิ กรรมและ โดยการดาเนนิ การตามรายการพจิ ารณา ดงั นี้ ประสบการณ์ด้าน  ๑.มีแผนการจัดประสบการณ์การเรียนร้ทู ส่ี ง่ เสรมิ ทักษะคณติ ศาสตร์และ คณิตศาสตร์และ วทิ ยาศาสตรแ์ บบบรู ณาการ วิทยาศาสตร์ เบอ้ื งต้นตามวยั  ๒.มีการจัดกิจกรรมท่ีสง่ เสริมทักษะพื้นฐานด้านคณติ ศาสตร์ และ โดยเด็กเรยี นรู้ผ่าน วิทยาศาสตร์ ประสาทสมั ผสั  ๓.การนาความร้แู ละทกั ษะพน้ื ฐานดา้ นคณิตศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์มาใช้ และลงมือปฏิบัติ ในชีวิตประจาวนั ดว้ ยตนเอง  ๔.มีการบนั ทกึ ทกั ษะด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตรข์ องเดก็ เปน็ รายบคุ คล ตัวบง่ ช้ี ๒.๔ กำรสง่ เสริมพฒั นำกำรด้ำนอำรมณ์ จิตใจ-สังคม ปลกู ฝังคณุ ธรรมและควำม เป็นพลเมืองดี ขอ้ รำยกำรพจิ ำรณำ ๒.๔.๑ สรา้ งความสัมพนั ธ์ โดยมีการดาเนนิ การตามรายการพจิ ารณา ดังนี้ ทด่ี แี ละมั่นคง  ๑.ให้ความสาคญั กับเดก็ ทกุ คนรับฟังและยอมรบั ความแตกตา่ งระหว่าง ระหว่างผใู้ หญก่ ับ บคุ คล สรา้ งบรรยากาศทสี่ ่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ มีความมน่ั คงทางอารมณ์ เหน็ คุณค่าและ เดก็ จัดกิจกรรม มีความภาคภูมิใจในตนเอง สร้างเสริม

138 ความสมั พนั ธท์ ีด่ ี  ๒.ให้แรงเสรมิ ทางบวกตอ่ พฤติกรรมทีด่ ี ชมเชย ให้กาลังใจอย่างสม่าเสมอ ระหวา่ งเด็กกับเดก็ ทั้งจากครู/ผู้ดูแลเดก็ และจากล่มุ เพอ่ื น และการแกไ้ ขขอ้ ขดั แยง้ อยา่ ง  ๓.จดั กิจกรรมที่ส่งเสริมให้เดก็ รบั รเู้ กี่ยวกับตนเองทง้ั ความคดิ ความรู้สกึ สร้างสรรค์ และการแสดงออกอย่างเหมาะสมกับกาลเทศะตามวัย  ๔.ฝกึ ทกั ษะในการติดตาม กากบั และประเมนิ ตนเอง ดว้ ยการชวนใหเ้ ดก็ แสดงความคิดเหน็ ต่อการทากิจกรรม หรอื จากผลงานของเดก็ ชวนใหเ้ ดก็ คิดต้ัง คาถามเพอ่ื การพัฒนาหรอื ปรับปรุงตนเอง  ๕.จัดกิจกรรมทีเ่ ด็กไดพ้ ัฒนาการสร้างความสมั พนั ธ์ระหวา่ งเดก็ กับครู/ ผู้ดูแลเด็ก เด็กต่อเด็ก และจัดการแกไ้ ขความขัดแย้งทีเ่ กดิ ข้นึ ได้อย่างเหมาะสม ขอ้ รำยกำรพิจำรณำ ๒.๔.๒ จัดกจิ กรรมส่งเสรมิ โดยมีการดาเนนิ การตามรายการพจิ ารณา ดงั นี้ ใหเ้ ด็กมคี วามสขุ  ๑.จดั กิจกรรมใหเ้ ดก็ ทกุ คนไดแ้ สดงอารมณอ์ ย่างอิสระ โดยคร/ู ผูด้ ูแลเด็ก แจ่มใส รา่ เริง มี ยิม้ แยม้ แจ่มใส เอาใจใสใ่ นการเสนอ สนองกับเด็ก และสนใจในสงิ่ ทเี่ ดก็ ทา ความรสู้ ึกดีต่อ ตนเอง แสดงออก  ๒.ครจู ดั ให้เดก็ มีประสบการณท์ างสุนทรียภาพ ผ่านงานศิลปะ ดนตรี และ ด้านอารมณโ์ ดย การเคล่อื นไหวร่างกายตามความสนใจและความถนัด ผา่ นการเคลื่อนไหว  ๓.ครใู ห้โอกาสเดก็ ได้ช่นื ชนผลงานของตนเองและผู้อื่น เพ่ือสรา้ งความสุข รา่ งกาย ศิลปะ และความภมู ใิ จในตนเอง ดนตรี ตามความ  ๔.ครเู ปน็ แบบอย่างทด่ี ีควบคมุ การอสดงออกทางอารมณ์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม สนใจและความ ทั้งทางสหี นา้ ท่าทาง ถนดั  ๕.คร/ู ผู้ดแู ลเดก็ นาผลการประเมนิ หลงั จากจัดกิจกรรมมาพิจารณาปรับปรงุ วธิ กี ารท่ีจะให้การช่วยเหลอื เด็กท่ไี มม่ ีความสขุ /ไมร่ ่าเริง ๒.๔.๓ จัดกจิ กรรมและ  ๑.แผนการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรเู้ พ่ือปลูกฝงั ให้เด็กมคี ุณธรรม ประสบการณ์ จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มทพ่ี ึงประสงค์ตามวัย โดยบูรณาการกับสาระการเรียนรู้ ปลูกฝงั คณุ ธรรมให้  ๒.จดั กิจกรรมท่ีสง่ เสริมและปลกู ฝงั ให้เดก็ มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม เดก็ ใฝ่ดี มวี นิ ัย ที่พึงประสงค์ โดยให้เดก็ ได้ลงมอื ทา ได้คดิ เชิงเหตุผลทางจรยิ ธรรม และนาไป ซอ่ื สัตย์ รู้จักสิทธิ ปฏบิ ตั ไิ ด้จริง และหนา้ ที่  ๓.นาสถานการณ์ เหตุการณใ์ นชวี ิตประจาวัน/ในนิทาน มาเรียนรู้หรือการ รับผดิ ชอบของ นาประสบการณท์ ไี่ ดจ้ ากการทากจิ กรรมไปปรับใช้ไดใ้ นชีวิตจรงิ มกี ารตดิ ตามให้ พลเมอื งดี รกั มีการปฏบิ ัติอย่างต่อเนื่อง ครอบครวั โรงเรยี น  ๔.ส่งเสรมิ ให้เด็กปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง/กฎ กตกิ า มีความรบั ผิดชอบ ด้วยการ ชมุ ชนและ สร้างวินัยเชิงบวก ประเทศชาติ ด้วย  ๕.จัดกิจกรรมให้เด็กเป็นผูน้ า/ผู้ตาม รจู้ ักสิทธิและหน้าท่ีตามวิถี วธิ ที เ่ี หมาะสมกบั ประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ และการมอบหมายหน้าที่ วยั และพฒั นาการ ความรับผิดชอบต่อสว่ นรวม

139 ตัวบง่ ชี้ ๒.๕ กำรส่งเสรมิ เด็กในระยะเปลีย่ นผำ่ นใหป้ รับตวั ส่กู ำรเชื่อมตอ่ ในขน้ั ถัดไป ขอ้ รำยกำรพิจำรณำ ๒.๕.๑ จัดกิจกรรมกบั  ๑.ส่ือสารและให้คาแนะนาเก่ยี วกับการเตรยี มความพร้อมของผู้ปกครอง ผปู้ กครองใหเ้ ตรยี ม และเดก็ กอ่ นเขา้ สู่สถานพฒั นาเด็กปฐมวัย/โรงเรียน เดก็ ก่อนจากบ้าน  ๒.รวบรวมข้อมลู พื้นฐานของเดก็ เก่ยี วกับสขุ ภาพการเติบโต พฒั นาการและ เข้าสู่สถานพฒั นา พฤติกรรมของเดก็ ตลอดจนความต้องการพิเศษและปญั หาท่ีอาจพบได้เพื่อส่งต่อ เด็กปฐมวยั / ในขน้ั ถัดไป โรงเรียน และจดั  ๓.จัดให้พ่อแม่ ผ้ปู กครองพาเด็กไปทาความรู้จักสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย/ กิจกรรมชว่ ง โรงเรยี น และพบคร/ู ผู้ดูแลเดก็ ปฐมนเิ ทศใหเ้ ดก็  ๔.คร/ู ผ้ดู แู ลเด็ก ศึกษาข้อมูลเกีย่ วกบั เด็ก และเตรียมความพร้อมเพือ่ ให้การ ปรับตัวใน ดูแลและพัฒนาเดก็ ไดเ้ หมาะสมอยา่ งต่อเน่อื ง บรรยากาศทเี่ ป็น  ๕.มีการส่ือสารของคร/ู ผู้ดูแลเด็กระหว่างชน้ั หรือไปสู่สถานพฒั นาเดก็ มติ ร ปฐมวัยแหง่ ใหม่ ดว้ ยการส่งตอ่ ขอ้ มูลประวตั ิ ผลพัฒนาการและการเรยี นรู้ โดย ให้ผู้ปกครองรับทราบและมสี ่วนรว่ มกันพัฒนาเด็กอยา่ งต่อเนอื่ ง ๒.๕.๒ จดั กิจกรรมสง่ เสรมิ  ๑.คร/ู ผู้ดแู ลเด็ก ศกึ ษาหลักสตู รการศึกษาปฐมวัยและหลกั สตู รแกนกลาง การปรบั ตวั ก่อน การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน การจดั การเรยี นการสอนในระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ เข้ารับการศกึ ษาใน  ๒.ครู/ผดู้ แู ลเดก็ แนะนาใหผ้ ้ปู กครองเรียนร้วู ิถชี วี ิตและศกึ ษาหลักสูตร ระดบั ทีส่ ูงขึน้ แตล่ ะ ปฐมวัย และหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน การจัดการเรยี นการสอน ขัน้ จนถึงการเป็น ในชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ นกั เรียนระดบั ชน้ั  ๓.มกี ารประมวลผลข้อมูลพัฒนาการและการเรยี นรขู้ องเดก็ เปน็ รายบคุ คล ประถมศึกษาปีท่ี ๑ เพ่ือใหก้ ารส่งเสรมิ และชว่ ยเหลือในระดับขั้นถดั ไป  ๔.ครู/ผดู้ แู ลเดก็ วางแผนจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ ให้เดก็ ค้นุ เคย ปรบั ตวั กับ ส่งิ แวดลอ้ ม และครู/ผดู้ ูแลเด็กใหม่ มำตรฐำนที่ ๓ คณุ ภำพของเดก็ ปฐมวยั สำหรบั เดก็ อำยุ ๓ ปี - อำยุ ๖ ปี (ก่อนเข้ำประถมศึกษำปีท่ี ๑) ตัวบ่งชี้ ๓.๑ ข เด็กมกี ำรเจริญเติบโตสมวัยและมีสขุ นิสัยท่เี หมำะสม ขอ้ รำยกำรพิจำรณำ ๓.๑.๑ ข เดก็ มนี า้ หนกั ตัวเหมาะสมกับ  ๑.นา้ หนกั ตวั ตามเกณฑอ์ ายุ (“eight for age) วยั และสูงดีสมส่วน ซง่ึ มี  ๒.ความยาว/สว่ นสูงตามเกณฑ์อายุ (Height for age) บนั ทึกเป็นรายบคุ คล  ๓.นา้ หนักตามเกณฑ์ความยาว/ความสงู (Weight for height) ๓.๑.๒ ข เด็กมสี ขุ นสิ ยั ทีด่ ใี นการดแู ล  เดก็ มสี ุขนิสัยที่ดีในการดูแลสขุ ภาพตนเองตามวัย สุขภาพตนเองตามวยั ๓.๑.๓ ข เด็กมสี ุขภาพช่องปากดี ไม่มี  เด็กมีสขุ ภาพชอ่ งปากดี ไม่มีฟนั ผุ ฟันผุ

140 ตัวบ่งชี้ ๓.๒ ข เดก็ มพี ัฒนำกำรสมวยั ข้อ รำยกำรพจิ ำรณำ  เดก็ มพี ัฒนาการสมวยั โดยรวม ๕ ด้าน (คดั กรองตามช่วงอาย)ุ ๓.๒.๑ ข เดก็ มพี ฒั นาการสมวัย โดยรวม ๕ ดา้ น ตัวบ่งชี้ ๓.๓ ข เดก็ มพี ัฒนำกำรดำ้ นกำรเคลอ่ื นไหว ขอ้ รำยกำรพจิ ำรณำ  เดก็ มพี ัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนอ้ื มดั ใหญ่ สามารถเคลอื่ นไหว ๓.๓.๑ ข เด็กมีพฒั นาการดา้ นการใช้ และทรงตัวไดต้ ามวยั กลา้ มเนือ้ มดั ใหญส่ ามารถ เคลอ่ื นไหวและทรงตวั ได้  เด็กมีพัฒนาการด้านการใช้กล้ามเน้ือมดั เลก็ และการประสานงาน ตามวัย ระหว่างตามกับมอื ตามวัย ๓.๓.๒ ข เดก็ มีพัฒนาการด้านการใช้ กล้ามเนื้อมัดเล็ก และการ ประสานงานระหวา่ งตากับ มือตามวยั ตวั บง่ ชี้ ๓.๔ ข เดก็ มพี ฒั นำกำรด้ำนอำรมณ์ จติ ใจ ข้อ รำยกำรพิจำรณำ ๓.๔.๑ ข เดก็ แสดงออก รา่ เริง แจ่มใส  เด็กแสดงออก รา่ เรงิ แจ่มใส รู้สกึ ม่นั คงปลอดภยั แสดง รสู้ ึกมน่ั คงปลอดภัย แสดง ความรสู้ กึ ทด่ี ีต่อตนเอง และผอู้ นื่ ได้สมวัย ความร้สู กึ ท่ีดีตอ่ ตนเอง และ ผอู้ น่ื ได้สมวัย ๓.๔.๒ ข เดก็ มีความสนใจและร่วม  เด็กมีความสนใจและร่วมกิจกรรมต่างๆ อยา่ งสมวัย ซ่งึ รวมการ กจิ กรรมต่างๆ อย่างสมวยั เล่น การทางาน ศิลปะ ดนตรี กฬี า ซ่ึงรวมการเล่น การทางาน ศลิ ปะ ดนตรี กฬี า ๓.๔.๓ ข เดก็ สามารถอดทน รอคอย  เดก็ สามารถอดทน รอคอย ควบคมุ ตนเอง ยบั ยั้งช่งั ใจทาตาม ควบคมุ ตนเอง ยับยง้ั ชงั่ ใจ ขอ้ ตกลง คานงึ ถงึ ความร้สู กึ ของผู้อ่นื มกี าลเทศะ ปรบั ตัวเขา้ กบั ทาตามขอ้ ตกลง คานงึ ถึง สถานการณใ์ หม่ได้สมวยั ความรสู้ กึ ของ ผอู้ นื่ มี กาลเทศะ ปรับตวั เข้ากบั *การอดทนรอคอย เชน่ รอทากิจกรรมพร้อมเพ่อื น การเข้าแถว สถานการณ์ใหมไ่ ด้สมวยั ตามลาดับ

141 ตวั บ่งช้ี ๓.๕ ข เดก็ มพี ัฒนำกำรดำ้ นสติปัญญำ เรียนรูแ้ ละสรำ้ งสรรค์ ขอ้ รำยกำรพจิ ำรณำ  เด็กบอกเกย่ี วกับตวั เดก็ บุคคล สถานทแี่ วดล้อม ธรรมชาติ และ ๓.๕.๑ ข เดก็ บอกเกีย่ วกับตัวเดก็ ส่ิงตา่ งๆ รอบตวั เดก็ ไดส้ มวยั บคุ คล สถานท่ีแวดล้อม ธรรมชาตแิ ละสิง่ ตา่ งๆ  เดก็ มีพ้ืนฐานด้านคณิตศาสตร์ สามารถสังเกต จาแนกและ รอบตวั เด็กไดส้ มวยั เปรียบเทยี บ จานวน มิตสิ ัมพนั ธ์ (พน้ื ที/่ ระยะ) เวลาไดส้ มวยั ๓.๕.๒ ข เดก็ มพี ื้นฐานด้าน  เดก็ สามารถคิด อย่างมีเหตุผล แก้ปญั หาได้สมวยั คณติ ศาสตร์ สามารถสงั เกต  เด็กมีจนิ ตนาการ และความคิดสรา้ งสรรค์ ท่แี สดงออกได้สมวยั จาแนก และเปรยี บเทยี บ จานวน มติ ิสมั พันธ์ (พื้นท/่ี  เด็กมคี วามพยายาม ม่งุ ม่นั ต้ังใจทากิจกรรมให้สาเร็จสมวยั ระยะ) เวลาได้สมวยั ๓.๕.๓ ข เดก็ สามารถคดิ อย่างมี เหตุผล แกป้ ญั หาได้สมวัย ๓.๕.๔ ข เด็กมจี นิ ตนาการ และ ความคดิ สร้างสรรค์ ท่ี แสดงออกไดส้ มวัย ๓.๕.๕ ข เดก็ มีความพยายาม ม่งุ มน่ั ต้ังใจ ทากิจกรรมให้สาเร็จ สมวัย ตัวบ่งช้ี ๓.๖ ข เดก็ มีพัฒนำกำรด้ำนภำษำและกำรสือ่ สำร ข้อ รำยกำรพจิ ำรณำ ๓.๖.๑ ข เดก็ สามารถฟัง พดู จบั  เดก็ สามารถฟงั พดู จับใจความ เลา่ สนทนา และสอื่ สารไดส้ มวัย ใจความ เล่า สนทนา และ ส่ือสารได้สมวยั ๓.๖.๒ ข เดก็ มีทักษะในการดรู ูปภาพ  เดก็ มที ักษะในการดูรูปภาพ สัญลักษณ์ การใช้หนังสอื รจู้ ัก สัญลกั ษณ์ การใช้หนงั สือ ตวั อกั ษร การคิดเขยี นทา* และการอา่ นเบ้ืองต้นไดส้ มวยั และ รู้จกั ตวั อกั ษร การคดิ เขียน ตามลาดบั พฒั นาการ คา* และการ อ่านเบือ้ งตน้ ไดส้ มวัยและตามลาดับ พฒั นาการ ๓.๖.๓ ข เดก็ มีทักษะการวาด การขดี  เดก็ มีทักษะการวาด การขีดเขยี นตามลาดบั ขั้นตอนพัฒนาการ เขียนตามลาดบั ขน้ั ตอน สมวยั นาไปส่กู ารขดี เขียนคาที่คนุ้ เคยและสนใจ พฒั นาการสมวยั นาไปส่กู าร ขดี เขยี นคาที่ คุ้นเคยและ สนใจ

142 ๓.๖.๔ ข เด็กมที กั ษะในการส่อื สาร  เด็กมที ักษะในการส่อื สารอย่างเหมาะสมตามวัยโดยใช้ภาษาไทย อยา่ งเหมาะสมตามวยั โดย เป็นหลกั และมคี วามคุ้นเคยกบั ภาษาอืน่ ด้วย ใช้ภาษาไทยเป็นหลกั และมี ความคุ้นเคย กับภาษาอืน่ ดว้ ย ตัวบง่ ชี้ ๓.๗ ข เดก็ มีพัฒนาการด้านสงั คม คุณธรรมมวี ินัยและความเป็นพลเมอื งดี ข้อ รำยกำรพจิ ำรณำ ๓.๗.๑ ข เดก็ มปี ฏสิ ัมพนั ธก์ บั ผู้อื่นได้  เดก็ มปี ฏสิ ัมพนั ธ์กับผอู้ ื่นได้อยา่ งสมวยั และแสดงออกถงึ ยอมรับ อย่างสมวยั และแสดงออก ความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล ถงึ ยอมรับความแตกตา่ ง ระหวา่ งบคุ คล ๓.๗.๒ ข เดก็ มีความเมตตา กรณุ า มี  เด็กมคี วามเมตตา กรุณา มีวนิ ยั ซอ่ื สัตย์ รบั ผิดชอบต่อตนเอง วินยั ซอื่ สัตย์ รบั ผดิ ชอบต่อ และสว่ นรวม และมคี า่ นยิ มทีพ่ ึงประสงค์สมวยั ตนเองและสว่ นรวม และมี คา่ นิยมท่ีพงึ ประสงค์สมวยั ๓.๗.๓ ข เด็กสามารถเล่นและทางาน  เด็กสามารถเล่นและทางานร่วมกับผู้อน่ื เป็นกลมุ่ เปน็ ได้ท้งั ผ้นู า รว่ มกับผ้อู ่นื เปน็ กลมุ่ เปน็ ได้ และผู้ตาม แกไ้ ขขอ้ ขดั แย้งอย่างสร้างสรรค์ ทั้งผ้นู าและผตู้ าม แก้ไขขอ้ ขดั แย้ง อยา่ งสร้างสรรค์ ๓.๗.๔ ข เดก็ ภาคภมู ิใจท่เี ป็นสมาชกิ ที่  เดก็ ภาคภมู ใิ จทีเ่ ปน็ สมาชิกที่ดใี นครอบครวั ชุมชน สถานพัฒนา ดีในครอบครัว ชุมชน สถาน เด็กปฐมวัย และตระหนกั ถึงความเป็นพลเมืองดีของประเทศไทย พัฒนาเดก็ ปฐมวัย และ และภมู ภิ าคอาเซียน ตระหนกั ถงึ ความเปน็ พลเมอื งดขี องประเทศไทย และภมู ิภาคอาเซยี น

143 แนบท้ำยประกำศโรงเรียนเทศบำลนำออ้ เรอ่ื ง กำหนดมำตรฐำนและค่ำเป้ำหมำยของสถำนศึกษำ เพื่อกำรประกันคณุ ภำพภำยในของสถำนศกึ ษำ ปกี ำรศกึ ษำ ๒๕๖๓ .................................................................................................. ระดบั กำรศึกษำขนั้ พน้ื ฐำน มำตรฐำน / ประเด็นกำรพจิ ำรณำ คำ่ เป้ำหมำยมำตรฐำน/ ประเด็นกำรพิจำรณำ มำตรฐำนที่ ๑ คุณภำพของผเู้ รียน ดี ๑.๑ ผลสมั ฤทธท์ิ ำงวชิ ำกำรของผู้เรยี น ดี ๒) มีความสามารถในการอา่ น การเขียน การส่อื สารและการคิดคานวณ (๔) ผเู้ รยี นร้อยละ ๘๒ สามารถอา่ น เขยี นภาษาไทยไดใ้ นระดับ ๓ ขนึ้ ไป (๕) ผเู้ รยี นรอ้ ยละ ๔๑ สามารถอา่ น เขยี นภาษาองั กฤษได้ในระดบั ๓ ขนึ้ ไป (๖) ผเู้ รยี นรอ้ ยละ ๘๙ สามารถส่ือสารภาษาไทยไดใ้ นระดบั ๓ ขนึ้ ไป (๔) ผเู้ รยี นรอ้ ยละ ๔๑ สามารถส่ือสารภาษาองั กฤษไดใ้ นระดบั ๓ ขึ้นไป (๕) ผเู้ รียนร้อยละ ๘๒ สามารถคิดคานวณในระดับ ๓ ขึ้นไป ๒) มีความสามารถในการวิเคราะห์และคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ อภปิ ราย แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ และแกป้ ัญหา (๑) ผ้เู รียนรอ้ ยละ ๘๒ สามารถจาแนกแยกแยะ ไตรต่ รอง พจิ ารณาอยา่ ง รอบคอบใช้เหตุผลประกอบการตดั สนิ ใจในระดบั ดขี นึ้ ไป (๒) ผู้เรียนรอ้ ยละ ๘๒ สามารถอภิปรายแลกเปลย่ี นเรียนรู้และแก้ปญั หาโดยใช้ เหตุผลประกอบการตดั สินใจในระดบั ดีข้นึ ไป ๓) มคี วามสามารในการสร้างนวตั กรรม (๓) ผู้เรยี นร้อยละ ๘๖ สามารถรวบรวมความรู้ เชื่อมโยงองค์ความรู้ มา สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆได้ด้วยตนเองและในการทางานเปน็ ทีมไดอ้ ย่างน้อย๑ ชิ้น (๔) ผเู้ รยี นร้อยละ ๘๖ มีความรแู้ ละทักษะพื้นฐานในการสร้างนวตั กรรมในระดบั ดีขนึ้ ไป ๔) มคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่อื สาร (๑) ผู้เรียนรอ้ ยละ ๘๗ มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สือ่ สารเพือ่ พฒั นาตนเองได้อยา่ งน้อย ๒ ช่องทาง (๒) ผเู้ รียนรอ้ ยละ ๘๖ มคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารเพื่อพัฒนางานของตนเองไดอ้ ย่างสร้างสรรคอ์ ยา่ งน้อย ๑ ช้ิน/งาน/ โครงงาน (๓) ผู้เรยี นร้อยละ ๘๖ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารเพอ่ื พัฒนางาน ของตนเองไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์และมีคุณธรรมในระดับดีขน้ึ ไป ๒) มผี ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา ๑) ผู้เรียนรอ้ ยละ ๘๐ มผี ลสัมฤทธิ์ทางเรียนเรียนสูงขึ้นเมือ่ เทยี บกับปกี ารศกึ ษา ที่ผา่ นมา

144 มำตรฐำน / ประเด็นกำรพจิ ำรณำ ค่ำเปำ้ หมำยมำตรฐำน/ ประเด็นกำรพจิ ำรณำ ๒) ผเู้ รยี นร้อยละ ๓๕ มผี ลการทดสอบระดบั ชาติ(O-NET) สูงขึ้น ๓) ผู้เรยี นร้อยละ ๖๐ มผี ลการทดสอบอน่ื ๆ (NT) สงู ขึน้ ดี ๔) ๓) ผู้เรยี นรอ้ ยละ ๖๐ มีผลการทดสอบอนื่ ๆ (RT) สูงขนึ้ ๖) มีควำมรู้ ทกั ษะพน้ื ฐำนและเจตคตทิ ่ีดีต่องำนอำชพี (๑) ผู้เรยี นร้อยละ ๘๒ มีความรู้ พน้ื ฐานพรอ้ มในการศึกษาตอ่ ใน ระดับชั้นทสี่ ูงขน้ึ ในระดบั ดขี ึ้นไป (๒) ผู้เรียนรอ้ ยละ ๘๒ มที กั ษะพนื้ ฐานในการทางานในระดับดีขึน้ ไป (๓) ผู้เรยี นร้อยละ ๘๘ มีเจตคติทดี่ ตี ่อการทางานในระดบั ดขี น้ึ ไป ๑.๒ คณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงคข์ องผเู้ รียน ๗. การมีคณุ ลกั ษณะและคา่ นยิ มท่ดี ีตามท่ีสถานศึกษากาหนด (๓) ผู้เรียนร้อยละ ๙๓ มพี ฤติกรรมคุณธรรมจรยิ ธรรม ในระดับดขี ้นึ ไป (๔) ผเู้ รยี นร้อยละ ๙๓ มีค่านยิ มและจติ สานึกทีด่ ีตามท่สี ถานศึกษากาหนดโดย ไมข่ ดั กบั กฎหมายและวฒั นธรรมอนั ดีของสงั คมในระดบั ดขี ึน้ ไป ๘. ความภูมิใจในทอ้ งถ่ินและความเป็นไทย (๑) ผ้เู รยี นรอ้ ยละ ๘๖ มีความภมู ิใจในความเป็นไทยและทอ้ งถ่นิ ในระดบั ดขี ้นึ ไป (๒) ผูเ้ รยี นร้อยละ ๘๖ มีส่วนร่วมในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมประเพณีและภูมิ ปญั ญาทอ้ งถน่ิ และภูมิปัญญาไทยในระดบั ดีข้ึนไป ๙. การยอมรบั ทจี่ ะอยู่รว่ มกันบนความแตกตา่ งและหลากหลาย (๔) ผูเ้ รยี นร้อยละ ๘๕ สามารถอยรู่ ่วมกนั บนความแตกตา่ งในดา้ น เพศ วยั ใน ระดบั ดขี ้นึ ไป (๕) ผเู้ รียนร้อยละ ๘๕ สามารถอยูร่ ว่ มกันบนความแตกตา่ ง ในด้าน เช้อื ชาติ ศาสนาในระดบั ดีขึ้นไป (๖) ผเู้ รยี นร้อยละ ๘๕ สามารถอยู่รว่ มกันบนความแตกต่าง ในด้านภาษา วฒั นธรรม ประเพณใี นระดบั ดีขน้ึ ไป ๑๐.สขุ ภาวะทางร่างกายและจติ สังคม (๔) ผู้เรียนร้อยละ ๘๘ สามารถดแู ลรักษาสขุ ภาพกายของตนเองอยา่ งเหมาะสม ในแต่ละช่วงวยั ในระดบั ดขี ึน้ ไป (๕) ผเู้ รียนรอ้ ยละ ๘๘ สามารถดูแลรักษาสขุ ภาพจิตและอารมณข์ องตนเอง อยา่ งเหมาะสมในแต่ละช่วงวยั ในระดบั ดีข้ึนไป (๖) ผู้เรียนร้อยละ ๘๘ สามารถดูแลรักษาทางสงั คม เขา้ ใจผ้อู นื่ ไมม่ คี วาม ขดั แย้งกับผ้อู ่ืนและสามารถอยู่ร่วมกบั คนอ่นื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข อย่าง เหมาะสมในแต่ละชว่ งวัยในระดบั ดขี ้ึนไป

145 มำตรฐำน / ประเด็นกำรพิจำรณำ คำ่ เปำ้ หมำยมำตรฐำน/ ประเด็นกำรพจิ ำรณำ มำตรฐำนท่ี ๒ กระบวนกำรบรหิ ำรและกำรจัดกำร ๒.๑ การมเี ปา้ หมาย วิสยั ทศั น์ และพนั ธกจิ ท่สี ถานศึกษากาหนดชัดเจน ยอดเย่ยี ม ๑) รอ้ ยละ ๙๓ ของผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคดิ เหน็ ในการกาหนดเปา้ หมาย วสิ ยั ทัศน์ และพนั ธกจิ ของสถานศึกษาไว้อยา่ งชัดเจนในระดับดีข้ึนไป ๒) รอ้ ยละ ๙๓ ของผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคดิ เหน็ ในการกาหนดเปา้ หมาย วสิ ยั ทศั น์ และพนั ธกิจของสถานศกึ ษามีความสอดคลอ้ งกบั บริบทของสถานศกึ ษา ความ ต้องการของชุมชน ท้องถิ่น วัตถปุ ระสงคข์ องแผนการศกึ ษาแห่งชาติ นโยบายของรัฐบาล และของตน้ สงั กดั รวมในระดบั ดขี ้ึนไป ๓) รอ้ ยละ ๙๓ ของผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็ ในการกาหนดเป้าหมาย วิสัยทศั น์ และพันธกิจของสถานศึกษาทนั ต่อการเปลีย่ นแปลงของสงั คมในระดบั ดขี ึน้ ไป ๒.๒ มีระบบบริหารจัดการคุณภาพของสถานศกึ ษา ๑) รอ้ ยละ ๙๖ ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็ ตอ่ การบริหารจดั การ คุณภาพของสถานศึกษาอยา่ งเป็นระบบในด้านการวางแผนพฒั นาคุณภาพการจัด การศึกษาในระดบั ดขี ้ึนไป ๒) รอ้ ยละ ๙๕ ของผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็ ตอ่ การบรหิ ารจดั การ คณุ ภาพของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบในดา้ นการนาแผนไปปฏิบัตเิ พ่ือพฒั นาคณุ ภาพ การศึกษาในระดับดีข้ึนไป ๓) ร้อยละ ๙๗ ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็ ต่อการบรหิ ารจดั การ คุณภาพของสถานศกึ ษาอยา่ งเป็นระบบในด้านการการตดิ ตามตรวจสอบประเมินผลและ ปรบั ปรุงพัฒนางานอย่างต่อเนื่องในระดบั ดีขนึ้ ไป ๔) ร้อยละ ๙๘ ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็ ต่อการบริหารจัดการ คุณภาพของสถานศกึ ษาอยา่ งเป็นระบบในด้านการบรหิ ารอัตรากาลงั ทรพั ยากรทางการ ศกึ ษาในระดบั ดีข้ึนไป ๕) ร้อยละ ๙๘ ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นต่อการบริหารจัดการ คุณภาพของสถานศกึ ษาอยา่ งเปน็ ระบบในดา้ นระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรียน ใน ระดับดขี ึน้ ไป ๖) ร้อยละ ๙๗ ของผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคดิ เห็นตอ่ ระบบการนิเทศ ภายในและมีการนาข้อมลู มาใชใ้ นการพัฒนาในระดับดขี ้ึนไป ๗) ร้อยละ ๙๘ ของผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็ ต่อการบริหารจัดการ คุณภาพของสถานศกึ ษาอยา่ งเปน็ ระบบในด้านการมสี ว่ นรว่ มของผเู้ กย่ี วข้องทุก ฝ่ายใหร้ ว่ มรบั ผิดชอบต่อผลการจดั การศกึ ษา ในระดับดีขึ้นไป ๒.๓ ดาเนนิ งานพฒั นาวิชาการทีเ่ นน้ คณุ ภาพผูเ้ รียนรอบดา้ นตามหลักสูตรสถานศึกษา และทุกกลมุ่ เป้าหมาย ๓) รอ้ ยละ ๙๕ ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นตอ่ การบริหารจดั การ เกยี่ วกบั งานวิชาการในดา้ นการพฒั นาหลักสตู รในระดบั ดีขน้ึ ไป ๔) ร้อยละ ๙๕ ของผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็ ต่อการบริหารจัดการ

146 มำตรฐำน / ประเด็นกำรพจิ ำรณำ คำ่ เป้ำหมำยมำตรฐำน/ ประเด็นกำรพจิ ำรณำ เกย่ี วกับงานวชิ าการในดา้ นกิจกรรมเสรมิ หลกั สูตรทเี่ น้นคุณภาพผเู้ รยี นรอบดา้ น เชอ่ื มโยงวถิ ีชีวติ จริง และครอบคลุมทกุ กลุม่ เป้าหมายในระดับดีข้นึ ไป ยอดเยยี่ ม ๒.๔ พฒั นาครูและบุคลกรให้มีความเช่ียวชาญทางวชิ าชพี ๑) รอ้ ยละ ๙๗ ของครไู ดร้ บั การอบรมพฒั นาให้มคี วามเชย่ี วชาญทางวชิ าชพี ตรง ตามมาตรฐานตาแหน่ง ๒) ร้อยละ ๙๗ ของครูท่ีได้รับการส่งเสริม สนบั สนุน และพัฒนาใหม้ ีความ เชยี่ วชาญทางวชิ าชีพไมน่ อ้ ยกว่า ๒๐ ชว่ั โมงต่อปี ๓) ร้อยละ ๙๔ ของผูต้ อบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นในการท่ีสถานศกึ ษาจดั ให้มชี ุมชนการเรยี นร้ทู างวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนางานและการเรียนรขู้ องผูเ้ รยี นในระดบั ดีข้นึ ไป ๒.๕ จดั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสงั คมทีเ่ อือ้ ต่อการจดั การเรยี นรู้อย่างมีคุณภาพ ๑) รอ้ ยละ ๘๓ ของผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคิดเหน็ ตอ่ การจดั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพทงั้ ภายในและภายนอกหอ้ งเรียนและสภาพแวดลอ้ มทาง สงั คมทเ่ี อ้ือต่อการจัดการเรียนรูใ้ นระดับดขี ้ึนไป ๒) รอ้ ยละ ๘๓ ของผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคดิ เหน็ ตอ่ การจดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพท้ังภายในและภายนอกห้องเรียนและสภาพแวดลอ้ มทาง สงั คมทีป่ ลอดภยั ในระดบั ดีข้ึนไป ๒.๖ จัดระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื สนบั สนุนการบริหารจัดการและการจดั การ เรยี นรู้ ๓) ร้อยละ ๙๕ สถานศกึ ษาจดั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื สนับสนุนการ บริหารจดั การและการจัดการเรียนรูท้ ่เี หมาะสมกับสภาพของสถานศกึ ษาอยูใ่ นระดบั ดขี ้ึน ไป ๔) ร้อยละ ๙๓ สถานศึกษามีข้อมลู สารสนเทศที่มีความถูกตอ้ ง ครบถ้วน ทันสมยั นาไป ประยกุ ตใ์ ช้ได้และดาเนินการอยา่ งเป็นระบบอยใู่ นระดบั ดขี ึ้นไป มำตรฐำนท่ี ๓ กระบวนกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนทเ่ี น้นผเู้ รยี นเปน็ สำคญั ๓.๑ จัดการเรียนรผู้ า่ นกระบวนการคดิ และปฏิบัตจิ รงิ และสามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ น ชีวติ ได้ ๑) รอ้ ยละ ๙๑ ของครมู กี ารจดั กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชว้ี ดั ของหลกั สูตรสถานศกึ ษาท่ีเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรูโ้ ดยผา่ นกระบวนการคิดและปฏบิ ตั ิจรงิ ๒) ร้อยละ ๑๐๐ ครูทกุ คนมแี ผนการจัดการเรยี นรู้ทีส่ ามารถนาไปจดั กจิ กรรมได้ จริง ๓) รอ้ ยละ ๙๑ ของครูมีแผนการจดั การเรยี นรเู้ ฉพาะสาหรับผทู้ ี่มีความจาเป็นและ ตอ้ งการความชว่ ยเหลือพเิ ศษ ๔) รอ้ ยละ ๙๒ ของครูออกแบบการเรยี นรใู้ ห้ผเู้ รยี นได้รบั การฝกึ ทักษะการ แสดงออก การแสดงความคิดเหน็ และสรุปองค์ความรู้

147 มำตรฐำน / ประเด็นกำรพิจำรณำ คำ่ เป้ำหมำยมำตรฐำน/ ประเด็นกำรพิจำรณำ ๕) ร้อยละ ๙๐ ของครอู อกแบบการเรยี นรทู้ ่ีผูเ้ รยี นสามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ิต ได้ ดเี ลิศ ๓.๒ ใช้ส่ือ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรยี นรู้ที่เอ้ือต่อการเรยี นรู้ ๑) ร้อยละ ๙๕ ของครมู กี ารใช้ส่อื เทคโนโลยสี ารสนเทศและแหลง่ เรียนร้ทู ี่ หลากหลาย ตงั้ แต่ ๕ รายการขึ้นไป ๒) ร้อยละ ๙๕ ของครูนาภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ มาใชใ้ นการจัดการเรียนรู้ โดยสร้าง โอกาสให้ผเู้ รียนได้แสวงหาความรูด้ ้วยตนเองตงั้ แต่ ๕ รายการขึ้นไป ๓.๓ มีการบรหิ ารจดั การชั้นเรยี นเชงิ บวก ๑) ร้อยละ ๙๔ ของครมู ีการบริหารจัดการชั้นเรียนโดยเนน้ การการมปี ฏิสัมพนั ธเ์ ชงิ บวก ให้เด็กรกั ครู ครรู ักเดก็ และเด็กรักเด็ก ๒) รอ้ ยละ ๙๕ ของครูมีการบรหิ ารจดั การช้ันเรยี นให้เด็กรักทีจ่ ะเรียนรู้ สามารถ เรียนร้รู ว่ มกนั อย่างมคี วามสุข ๓.๔ ตรวจสอบและประเมนิ ผเู้ รียนอยา่ งเปน็ ระบบ และนาผลมาพัฒนาผูเ้ รยี น ๑) รอ้ ยละ ๙๔ ของครูมกี ารตรวจสอบและประเมนิ คุณภาพการจดั การเรียนรู้อย่าง เป็นระบบ ๒) ร้อยละ ๙๔ ของครมู ีใชเ้ ครอ่ื งมือและวธิ กี ารวดั และประเมินผลทเี่ หมาะสมกับ เปา้ หมายในการจัดการเรยี นรู้ ๓) ร้อยละ ๙๔ ของครูนาข้อมูลย้อนกลบั ของผูเ้ รยี นมาใช้พัฒนาการเรียนรู้ ๓.๕ มกี ารแลกเปลย่ี นเรียนรู้และให้ข้อมูลสะทอ้ นกลับเพอื่ พฒั นาและปรบั ปรุงการ จัดการเรยี นรู้ ๑) รอ้ ยละ ๙๒ ของครแู ละผมู้ สี ่วนเกยี่ วขอ้ งแลกเปลี่ยนความรู้และเสนอแนวคดิ ร่วมกัน ๒) รอ้ ยละ ๙๒ ของครูนาประสบการณ์รวมทั้งให้ข้อมลู ปอ้ นกลับเพ่อื นาไปใช้ในการ ปรบั ปรุงและพฒั นาการจัดการเรยี นรู้ สรปุ ผลกำรประเมินในภำพรวมของสถำนศึกษำ กำรกำหนดค่ำเป้ำหมำย ๑. ศกึ ษาข้อมูลเดิม ผลการประเมนิ ต่างๆ ทผ่ี ่านมา เพอ่ื เปน็ ข้อมูลฐานในการกาหนดคา่ เป้าหมาย ๒. การกาหนดค่าเป้าหมาย แต่ละมาตรฐาน ควรกาหนดเป็น ระดับคุณภาพ ๕ ระดับ เพื่อให้ สอดคล้องกบั การประเมิน ดังน้ี ระดับ ยอดเยีย่ ม รอ้ ยละ ๙๕-๑๐๐ ระดับ ดเี ลิศ ร้อยละ ๙๐-๙๔ ระดบั ดี ร้อยละ ๘๐-๘๙ ระดบั ปานกลาง รอ้ ยละ ๗๐-๗๙ ระดบั กาลังพฒั นา ร้อยละ ๖๐-๖๙

148 ๓. การกาหนดค่าเป้าหมายของประเด็นการพิจารณาย่อย จะกาหนดเป็นระดับคุณภาพ หรือ เป็น ร้อยละ ตามความเหมาะสมกบั บรบิ ทของสถานศึกษา ๔. การต้ังค่าเป้าหมายเชิงปริมาณในบางประเด็น สถานศึกษาควรกาหนดเพื่อใช้ตรวจสอบว่าการ ดาเนินงานพฒั นาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาได้บรรลุเป้าหมายที่ต้ังไว้หรือสูงกว่า คงที่ หรือต่า กวา่ (ลักษณะขอ้ มูลเชงิ ปรมิ าณ)

149 คำส่งั โรงเรยี นเทศบำลนำออ้ ท่ี ๐๖๙ / ๒๕๖๓ เรอ่ื ง แตง่ ตง้ั คณะกรรมกำรดำเนินงำนมำตรฐำนกำรประกนั คณุ ภำพกำรศึกษำ ………………………………………………………….. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๔๘ ได้ กาหนดความมุ่งหมายและหลักการสาคัญในการจัดการศึกษา ให้มีการกาหนดมาตรฐานการศึกษาและ จัดระบบการประกันคุณภาพการศึกษา มาตรา ๔๗ กาหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพ่ือ พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วยระบบการประกันคุณภาพภายในและระบบ ประกันคุณภาพภายนอก มาตรา ๔๘ กาหนดใหห้ นว่ ยงานต้นสังกัดและสถานศกึ ษาจัดให้มีระบบการประกัน คุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการบริหารจัด การศึกษาท่ีตอ้ งดาเนนิ การอย่างต่อเนือ่ ง พร้อมด้วยกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศมาตรฐานการศึกษาระดับ ปฐมวยั มาตรฐานการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน และแนวทางปฏบิ ตั ิในการดาเนนิ งานการประกนั คุณภาพการศกึ ษาเพื่อ การประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษาสงั กัดองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๓๑ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๑ สาหรับให้สถานศึกษาใช้เป็นแนวทางในการดาเนินงานเพอ่ื การประกันคณุ ภาพภายในของสถานศึกษา และเตรียมการสาหรับการประเมินคุณภาพภายนอก และตามหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ท่ี มท ๐๘๑๖.๔/ว ๓๖๑ เร่ือง การดาเนินการตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติของสถานศึกษาระดับ ปฐมวัย สงั กัดองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ลงวันท่ี ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ โดยกรมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถิ่น แจง้ ว่าคณะรัฐมนตรีในคราวประชมุ เมอ่ื วนั ท่ี ๒ มกราคม ๒๕๖๒ ได้มีมตเิ ห็นชอบมาตรฐานสถานศึกษาพัฒนา เด็กปฐมวัยแห่งชาติ ตามท่ีกระทรวงศึกษาธิการเสนอและให้กระทรวงที่เก่ียวข้องพิจารณานามาตรฐาน สถานศึกษาพฒั นาเดก็ ปฐมวัยแห่งชาติ ไปใช้เปน็ แนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนใหส้ ถานพัฒนาเด็กปฐมวยั ที่ อยู่ภายใต้การกากับดูแลและรับผิดชอบ มีการบริหารจัดการ ประเมินผลการดาเนินงาน เพ่ือยกระดับการ พฒั นาใหม้ ีคณุ ภาพตามมาตรฐานดังกล่าว กรมสง่ เสรมิ ฯ จึงให้โรงเรียนทจี่ ัดการศกึ ษาระดับปฐมวยั ทกุ แห่งนา มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติไปใช้เป็นมาตรฐานในการประกันคณุ ภาพการศึกษาภายในโรงเรียน ท่ีจัดการศึกษาระดับปฐมวัยตัง้ แตป่ ีการศึกษา ๒๕๖๓ เป็นตน้ ไป เพื่อให้การประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาประจาปีการศึกษา ๒๕๖๑ ตามระบบการประกัน คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา การจัดทารายงานประจาปีเสนอตอ่ หน่วยงานต้นสังกัด หนว่ ยงานท่ีเกี่ยวข้อง และ เสนอตอ่ สาธารณชนเปน็ ไปด้วยความเรียบรอ้ ย โดย อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบญั ญัติ ระเบียบราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้อ ๑ เร่ืองการบังคับบัญชาข้าราชการและบุคลากรใน สถานศึกษา จึงแต่งต้ังคณะกรรมการดาเนินงานมาตรฐานการประกันคุณภาพของโรงเรียนปฏิบัติหน้าท่ี ดังต่อไปนี้ ๑. คณะกรรมกำรอำนวยกำร ๑) นางสมใจ ปิตโุ ส ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา ประธานกรรมการ ๒) นางสาวดวงใจ ขันชุมพล ครู กรรมการ ๓) นางสาวปยิ ะภากรณ์ กรมทอง ครู กรรมการ

150 ๕) นางสาวจนิ ตนา แสงชมภู ครู กรรมการ ๖) นางณฏิ ญา สีดา ครู กรรมการและเลขานกุ าร มหี น้ำท่ี ๑. กาหนดนโยบาย หลกั เกณฑ์ และแนวปฏิบตั ิตา่ งๆเพอ่ื สง่ เสรมิ สนับสนุนพฒั นา ดาเนินงานเก่ยี วกบั การประกนั คุณภาพการศึกษา ๒. กากับตดิ ตาม และให้ความเหน็ ข้อเสนอแนะเก่ียวกบั การดาเนินการประกนั คุณภาพ ภายใน ๓. สนับสนุนใหม้ กี ารพัฒนาคณุ ภาพ การควบคุมตรวจสอบคุณภาพ ติดตามคณุ ภาพและ ประเมินตนเองโดยถือว่าการประกนั คณุ ภาพภายในเป็นส่วนหน่งึ ของกระบวนการบรหิ าร ซ่งึ เปน็ กระบวนการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ๔. ติดตามผลการดาเนนิ การเพ่อื พัฒนาสถานศึกษาใหม้ ีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา และนาผลการติดตามไปใชป้ ระโยชนใ์ นการพัฒนาปรบั ปรุง ๒. คณะกรรมกำรดำเนินงำนมำตรฐำนระดับปฐมวัย มำตรฐำนที่ ๑ กำรบริหำรจัดกำรสถำนพฒั นำเดก็ ปฐมวยั ๑) นางวรี ะวรรณ สอนเพ็ง ครู ประธานกรรมการ ๒) นางสาววัชรกี ร ศรีมงคล ผู้ช่วยครู กรรมการ มำตรฐำนที่ ๒ คร/ู ผ้ดู แู ลเดก็ ใหก้ ำรดแู ลและจัดประสบกำรณ์กำรเรยี นรู้และกำรเลน่ เพื่อพัฒนำ เด็กปฐมวัย ๓) นางสาววัฒนา พรมลารกั ษ์ ครู กรรมการ ๔) นางสาวจติ ตมาศ ไตรศรี ผชู้ ว่ ยครู กรรมการ มำตรฐำนท่ี ๓ คณุ ภำพของเด็กปฐมวัย ๕) นายวตั รสรรค์ ปานกลาง ผชู้ ่วยครู กรรมการ ๖) นางสาวสวุ ษิ า พลดาหาร ผู้ชว่ ยครู กรรมการและเลขานกุ าร มีหนำ้ ที่ 1. รวบรวมขอ้ มลู สารสนเทศ ที่จะทาใหร้ ายงานประเมินตนเองมีความสมบูรณ์ มคี ณุ ภาพตรงตาม สภาพของสถานศึกษา 2. ประเมินผลและตรวจสอบคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา 3. จัดทารายงานผลการประเมินตนเอง (Self-Assessment Report : SAR) ตามมาตรฐาน การศึกษา ของสถานศึกษาเม่อื สิน้ ปกี ารศกึ ษาเป็นประจาทกุ ปี 4. นาข้อเสนอแนะจากการวิเคราะห์รายงานผลการประเมินตนเอง (SAR) ของหน่วยงานต้น สงั กัดและข้อเสนอแนะจากสานักงานรับรอง มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน) มากาหนด แนวทางในการปรับปรงุ และพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาต่อไป ๓. คณะกรรมกำรดำเนินงำนมำตรฐำนระดับขน้ั พื้นฐำน มำตรฐำนที่ ๑ คณุ ภำพของเดก็ ๑) นางณิฏญา สดี า ครู ประธานกรรมการ ๒) นางสาวดวงใจ ขันชมุ พล ครู กรรมการ กรรมการ ๓) นางสาวจนิ ตนา แสงชมพู ครู