หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ โครโมโซมและสารพันธุกรรม ชื่อแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1.1 การค้นพบสารพันธุกรรม รหัส – ชื่อรายวิชา ว 31206 ชีววิทยา2(เพ่ิมเติม) สาหรับนักเรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ชั้ น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ปี ท่ี 4 ภ า ค เ รี ย น ที่ 2/2563 เวลา 7 ช่ัวโมง ผสู้ อน ครจู ิรัชญา ชัยธรี ธรรม โรงเรยี น ราชประชานเุ คราะห์ 31 อ.แมแ่ จม่ จ.เชียงใหม่ 1. ผลการเรยี นรู้ 2. อธิบาย และระบุข้ันตอนในกระบวนการ สังเคราะห์โปรตีนและหน้าท่ีของ DNA และ RNA แต่ละชนิดใน กระบวนการสงั เคราะห์โปรตนี 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายและสรุปผลการทดลองของนักวิทยาศาสตรท์ เี่ ก่ียวกับการค้นพบสารพันธกุ รรมได้ (K) 2. ตรวจสอบสมมุติฐานและผลการทดลองของนกั วทิ ยาศาสตรท์ เี่ กยี่ วกับการค้นพบสารพนั ธุกรรมได้ (P) 3. สนใจใฝร่ ู้ในการศกึ ษา (A) 3. สาระการเรียนรู้ - DNA เป็นพอลิเมอร์ของนิวคลีโอไทด์ แต่ละนิวคลี- โอไทด์ประกอบด้วยน้าตาล ดีออกซีไรโบส หมู่ฟอสเฟต และไนโตรจีนัสเบส คอื A T C และ G - โมเลกุลของ DNA เป็นพอลนิ ิวคลีโอไทด์ 2 สาย เรยี งสลบั ทิศและบดิ เปน็ เกลียวเวียนขวา โดยการเขา้ คกู่ ันของ สาย DNA เกิดจากการจับคู่ของเบสคู่สม คอื A คู่กบั T และ C คกู่ บั G 4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด DNA พนั รอบกลุ่มฮิสโทน 8 โมเลกุลได้เป็นนิวคลีโอโซม และนิวคลีโอโซมม้วนพันกันเป็นโครมาทิน โครมาทนิ มีการชดตวั ทาใหห้ นาข้นึ และสั้นลงมองเห็นเป็นโครโมโซม สารพันธุกรรมสามารถเพ่มิ จานวนไดแ้ ละมลี ักษณะเหมือนเดิมโดยการจาลอง DNA สามารถควบคุมให้เซลล์ สงั เคราะหส์ ารต่างๆ โดยการสงั เคราะหโ์ ปรตนี และสารพนั ธกุ รรมอาจมกี ารเปลีย่ นแปลงได้บ้างหากเกิดมิวเทชนั 5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการคิด 1. ความมีวนิ ยั 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es) ช่วั โมงที่ 1-3 ข้ันนา ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจง้ ผลการเรียนรู้ประจาหนว่ ยการเรยี นร้ใู ห้นักเรยี นทราบ 2. ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน 3. ครูถามคาถาม Big Question เพ่ือกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า เพราะเหตุใด DNA จึงมีบทบาท สาคญั ต่อการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของส่ิงมีชีวิต (แนวตอบ DNA เป็นสารพันธุกรรมของส่ิงมชี วี ิต ซึง่ ทาหนา้ ท่กี าหนดลกั ษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต และยังสามารถถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมจากรุ่นพ่อแมส่ รู่ นุ่ ลกุ ได้) ขั้นสอน ขั้นสารวจค้นหา (Explore) 1. ครูถามคาถาม Prior Knowledge เพอ่ื ทบทวนความรเู้ ดมิ วา่ สารพันธกุ รรมของมนุษย์ คอื อะไร (แนวตอบ สารพนั ธุกรรมของมนุษย์ คือ ดีเอ็นเอ) 2. ครอู ธิบายใหน้ กั เรยี นฟังว่า สารพนั ธกุ รรมเป็นแหล่งข้อมูลทั้งหมดสาหรับโครงสร้างและการทางานของ กระบวนการตา่ ง ๆ ของส่งิ มชี ีวติ แบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ ได้แก่ ดเี อน็ เอ และอารเ์ อ็นเอ 3. ครูให้นักเรียนศึกษา การทดลองของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการค้นพบสารพันธุกรรมของมิเชอร์ ฟอยลเ์ กน และกรฟิ ฟทิ 4. ครูถามนกั เรียนว่า เพราะเหตใุ ด เม่อื ฉดี แบคทเี รียทีผ่ สมระหว่างสายพันธ์ุ S ท่ีตายแล้วกับแบคทีเรียสาย พันธุ์ R จึงมีผลทาให้หนตู าย (แนวตอบ มสี ารบางอย่างจากแบคทเี รียสายพันธ์ุ S เข้าไปยังแบคทีเรียสายพันธ์ุ R และสามารถเปล่ียน แบคทเี รยี สายพันธุ์ R ให้กลายปน็ สายพันธ์ุ S ได้ จึงมีผลทาให้หนูตาย) ข้ันอธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูสมุ่ เลือกนกั เรียนออกมาสรุปผลการทดลองของมเิ ชอร์ ฟอยล์เกน และกรฟิ ฟทิ 2. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายเกี่ยวกับการทดลองของมิเชอร์ ฟอยล์เกน และกรฟิ ฟิท
ชว่ั โมงท่ี 4-7 ขนั้ สอน ขน้ั สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูทบทวนความรู้จากชวั่ โมงทแี่ ล้วใหน้ ักเรียนทราบพอสังเขป 2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า จากผลการทดลองของกริฟฟิท ได้มีนักวิทยาศาสตร์ทาการทดลองต่อจาก การทดลองของกริฟฟทิ คอื แอเวอรี และคณะ 3. ครูให้นักเรียนศึกษาการทดลองของแอเวอร่ี และคณะ ที่นาแบคทีเรียท่ีผสมระหว่างสายพันธ์ุ S ท่ีตาย แล้ว กบั แบคทเี รยี สายพนั ธ์ุ R แล้วเติมเอนไซม์ RNase โปรตีเอส และ DNase ในแต่ละชดุ การทดลอง 4. ครูถามนกั เรียนว่า สารอะไรทส่ี ามารถเปล่ียนแบคทเี รียสายพันธุ์ R ให้กลายป็นสายพนั ธุ์ S ได้ เพราะเหตุใด (แนวตอบ สารที่ทาให้แบคทีเรียสายพันธ์ุ R ให้กลายป็นสายพันธ์ุ S คือ DNA เนื่องจากเม่ือทาการ ทดลองใส่เอนไซม์หลายชนิด ได้แก่ RNase โปรตีเอส DNase ลงในส่วนผสมอของแบคทีเรียที่ผสม ระหว่างสายพันธ์ุ S ท่ีตายแล้วกับแบคทีเรียสายพันธุ์ R มีเพียงหลอดท่ีใส่ DNase เท่านั้น ท่ีไม่เกิดการ เปล่ียนแปลงของแบคทเี รีย แสดงใหเ้ หน็ ว่า DNase ยอ่ ย DNA จึงไม่มกี ารเปลย่ี นแปลงของแบคทเี รีย) 5. ครูอธิบายให้นักเรียนว่า DNA เป็นสารพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิตส่วนใหญ่ ทั้งแบคทีเรีย พืช สัตว์ และ มนษุ ย์ สว่ น RNA เปน็ สารพันธกุ รรมของของไวรสั เชน่ ไวรสั ท่ีเปน็ สาเหตุของโรคเอดส์ ซาร์ส ไข้หวัดนก ขัน้ อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับการค้นพบสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตจากการทดลองของ แอเวอรี และคณะ 2. ครูให้นกั เรียนทาใบงานท่ี 5.1 เรื่อง การคน้ พบสารพนั ธกุ รรม 3. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หัดในแบบฝกึ หดั ชวี วิทยา ม.4 เลม่ 2 ขน้ั สรปุ ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูใหน้ ักเรียนผังสรปุ เรื่อง การคน้ พบสารพนั ธุกรรม จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ทา่ นตา่ ง ๆ ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลจากแบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. ครตู รวจสอบผลจากรายงาน เร่อื ง โครโมโซม 3. ครตู รวจสอบผลจากใบงานท่ี เร่ือง การคน้ พบสารพนั ธุกรรม 4. ครูตรวจสอบผลจากการตอบคาถามในแบบฝึกหัดชีววิทยา ม.4 เลม่ 2
7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวัด วธิ ีวัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมนิ - แบบประเมินช้ินงาน - ระดับคุณภาพ 2 7.1 การประเมนิ ชิ้นงาน/ - รายงาน เร่อื ง การค้นพบ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ผ่านเกณฑ์ ภาระงาน (รวบยอด) สารพนั ธกุ รรม - ใบงาน - ประเมินตามสภาพจริง 7.2 ประเมินกอ่ นเรยี น - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน การทางานรายบคุ คล - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2 7.3 ประเมนิ ระหว่าง คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ อนั พงึ ประสงค์ การจดั กจิ กรรม - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ การเรยี นรู้ - ตรวจใบงาน 1) การค้นพบสาร พนั ธกุ รรม 2) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม ทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล 3) คุณลักษณะ - สงั เกตความมวี ินยั อนั พึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทางาน 8. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี นชีววทิ ยา ม.4 เล่ม 2 2) แบบฝกึ หัดชีววทิ ยา ม.4 เลม่ 2 3) ใบงาน เร่อื ง การค้นพบสารพันธกุ รรม 4) PowerPoint เรอื่ ง ยีนและโครโมโซม 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) หอ้ งสมุด 3) สอื่ ออนไลน์
9. ข้อเสนอแนะ ใช้สอนได้ ควรปรับปรุง ………………………………………………………………………………..………………………………………. .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 10. บนั ทึกหลงั การจดั การเรยี นรู้ ชน้ั ................ ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเนอื้ หา ดี พอใช้ ปรับปรุง……………………… ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรบั ปรุง……………………… ความเหมาะสมของสอ่ื ดี พอใช้ ปรับปรุง……………………… อื่น ๆ……………………………………………………………………………………………………... 11. สรปุ ผลการประเมนิ ผเู้ รียนดา้ นความรู้ นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อย่ใู นระดบั 2 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรูฯ้ อยู่ในระดบั 3 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดับ 4 12. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รยี นด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดบั 2 นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 3 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยูใ่ นระดบั 4 13. สรปุ ผลการประเมินผู้เรียนด้านคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดบั 3 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดับ 4
14. สรปุ ผลการประเมินผเู้ รียน นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ……….. มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดับ 1 (ปรบั ปรงุ ) นกั เรยี นจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ……….. มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดบั 2 (พอใช)้ นกั เรียนจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ……….. มีผลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดับ 3 (ดี) นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……….. มีผลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 4 (ดีมาก) สรปุ โดยภาพรวมมีนกั เรียน จานวน………คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……….ท่ผี า่ นเกณฑ์ระดับ 2 ขนึ้ ไป ซง่ึ สูง (ตา่ ) กวา่ เกณฑท์ ่ีกาหนดไวร้ ้อยละ………มนี ักเรียนจานวน……คน คิดเป็นร้อยละ…… ท่ีไมผ่ า่ นเกณฑ์ทีก่ าหนด 15. ข้อสงั เกต/ค้นพบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 16. แนวทางแก้ไขปัญหาเพ่อื ปรบั ปรงุ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 17. ผลการพฒั นา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ................................................ (นางสาวจิรัชญา ชัยธรี ธรรม) ผู้สอน ลงชอื่ ................................................ (นางกมลชนก เทพบุ) หวั หน้าสาระ
ใบงาน เรอ่ื ง การค้นพบสารพนั ธกุ รรม คาช้แี จง : อธบิ ายการคน้ พบสารพนั ธุกรรมของนกั วิทยาศาสตร์ต่อไปนี้ ข้อ นักวิทยาศาสตร์ การคน้ พบสารพนั ธุกรรม 1. โยฮนั น์ ฟรีดริช มเิ ชอร์ ........................................................................................................................ 2. โรเบริ ์ต ฟอยลแ์ กน ......................................................................................................................... ........................................................................................................................ 3. เฟรเดอริก กริฟฟทิ ....................................................................................................................... ....................................................................................................................... 4. ออสวอลด์ ที แอเวอรี และคณะ ........................................................................................................................ ......................................................................................................................... ........................................................................................................................ ....................................................................................................................... ....................................................................................................................... ........................................................................................................................ ......................................................................................................................... ........................................................................................................................ ....................................................................................................................... ........................................................................................................................ ........................................................................................................................ ......................................................................................................................... ........................................................................................................................ ....................................................................................................................... ....................................................................................................................... .......................................................................................................................
ใบงาน เฉลย เรอ่ื ง การคน้ พบสารพันธกุ รรม คาชแ้ี จง : อธบิ ายการค้นพบสารพนั ธุกรรมของนกั วิทยาศาสตรต์ ่อไปน้ี ขอ้ นกั วิทยาศาสตร์ การคน้ พบสารพนั ธุกรรม 1. โยฮนั น์ ฟรีดรชิ มเิ ชอร์ ....ค...้น...พ..บ.....ก..ร..ด...น..ิว...ค..ล..ีอ...ิก...จ..า..ก..ส...า..ร..เ.ค...ม..ีท...่ีส..ก...ัด..ม...า..จ..า..ก...น...ิว..เ.ค...ล..ีย...ส..ข..อ...ง..เ.ซ...ล..ล..์.เ.ม..็.ด.... ....เ..ล..ือ...ด...ข..า..ว....ซ..ึ่.ง..ไ..ม..่ส...า..ม...า..ร..ถ...ถ..ูก...ย..่อ...ย..ส...ล..า...ย..ด...้ว..ย...เ.อ...น..ไ..ซ...ม..์.เ.พ...ป...ซ..ิน...ไ..ด..้..ม...ี ธ..า...ต..ุ ... ....ไ..น...โ.ต..ร..เ..จ..น..แ...ล..ะ..ฟ...อ..ส...ฟ...อ..ร..สั ..เ..ป..็น...อ..ง..ค..์ป...ร..ะ..ก...อ..บ................................................... 2. โรเบิร์ต ฟอยลแ์ กน ....ค...้น...พ...บ...ว..่า....ด..ีเ..อ..็.น..เ..อ...อ..ย...ู่บ...น...โ.ค...ร..โ..ม...โ.ซ...ม...ใ.น...น...ิว...เ.ค...ล..ีย...ส..ข...อ...ง..เ.ซ...ล..ล...์ส..่ิ.ง..ม..ีช...ีว..ิต..... ....เ..น..่ือ...ง..จ..า..ก...ก..า..ร..ย...้อ..ม...เ.ซ...ล..ล..์ด...้ว..ย..ส...ีฟ...ุค..ซ...ิน....ข..จ...ะ..ม...ีเ.ฉ..พ...า..ะ...บ..ร..ิเ..ว..ณ...น...ิว..เ..ค..ล..ีย...ส..ท...ี่ม...ี ... ....โ..ค..ร..โ..ม..โ..ซ..ม..ร..ว..ม...ต..ัว..ก...ัน..อ...ย..่า..ง..ห...น..า..แ..น...น่...เ.ท...่า.น...น้ั...ท..ีย่...้อ..ม..ต...ดิ..ส...ี .............. 3. เฟรเดอรกิ กริฟฟิท ...ค..้น...พ...บ...ว..่า....ม..ี.ส..า..ร..บ...า..ง..อ...ย..่า..ง...จ..า..ก...แ..บ...ค..ท...ีเ..ร..ีย..ส...า..ย..พ...ัน...ธ..ุ์..S....ท...ี่ท...า..ใ.ห...้ต...า..ย..ด...้ว..ย...... ...ค..ว..า..ม...ร..้อ..น...เ.ข..้า..ไ..ป..ย...ัง.แ...บ..ค...ท..เี..ร..ีย..ส..า..ย...พ..ัน...ธ..ุ์ .R....แ..ล...ะ..ท...า..ใ.ห...้เ.ก...ิด..ก...า..ร..เ.ป...ล..่ีย..น...แ..ป...ล...ง...... 4. ออสวอลด์ ที แอเวอรี ...จ..า..ก..แ...บ..ค...ท..เี..ร..ยี ..ส..า..ย..พ...นั...ธ..์ุ.R....เ.ป...็น...ส..า..ย..พ...ัน...ธ..์ุ.S....แต่กริฟฟิทยังไม่ได้ข้อสรุปว่า และคณะ ...ส..า..ร..น...นั้ ..ค...ือ..ส..า..ร..อ...ะ..ไ.ร................... ...ค..้น...พ...บ...ว..่า...ส...า..ร..ท..่ีท...า..ใ..ห..้แ...บ..ค...ท...ีเ.ร..ีย..ส...า..ย..พ...ัน...ธ..ุ์ .R.....เ.ป...ล...่ีย..น...เ.ป...็น..ส...า..ย..พ...ัน...ธ..ุ์ .S....ค..ือ...... ...ด..ีเ..อ..็น...เ.อ....เ.น...่ือ..ง..จ...า..ก..ใ..น..ห...ล...อ..ด..ท...ด...ล..อ..ง..ท...ี่ใ..ส..่เ.อ...น..ไ..ซ..ม...์..D..N...a..s..e.....เ.ข..้.า..ไ.ป....จ. ะไม่มี ...ก..า..ร..เ..ป..ล. ีย่ นสายพนั ธ์ขุ องแบคทเี รยี ส่วนหลอดทีใ่ ส่ RNase และโปรตีเอส ...จ..ะ...ม..ีก...า..ร..เ.ป...ล..ี่ย...น..ส...า..ย..พ...ัน...ธ..ุ์ข..อ...ง..แ..บ...ค..ท...ีเ.ร..ี.ย...ท...า..ใ..ห..้ท...ร..า..บ...ว..่า..เ..ป..ล...ี่ย..น...ส..า..ย...พ..ัน...ธ..์ุ.... ...ข..อ...ง..แ..บ..ค...ท..ีเ..ร..ยี ...ค...ือ....D..N...A.................................................................................
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 หน่วยการเรียนรู้ โครโมโซมและสารพันธุกรรม ชื่อแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1.2 สมบัติขอสารพันธุกรรม รหัส – ช่ือรายวิชา ว 31206 ชีววิทยา2(เพ่ิมเติม) สาหรับนักเรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ช้ั น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ปี ที่ 4 ภ า ค เ รี ย น ที่ 2/2563 เวลา 8 ชว่ั โมง ผูส้ อน ครจู ิรัชญา ชยั ธรี ธรรม โรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 31 อ.แมแ่ จม่ จ.เชยี งใหม่ 1. ผลการเรยี นรู้ 1. สืบคน้ ข้อมูล อธบิ ายสมบตั แิ ละหน้าท่ขี องสารพนั ธุกรรม โครงสรา้ งและองค์ประกอบทางเคมีของ DNA และ สรุปการจาลอง DNA 3. สืบค้นข้อมูล และอธิบายการเกิดมิวเทชันระดับยีนและระดับโครโมโซม สาเหตุการเกิดมิวเทชัน รวมท้ัง ยกตัวอยา่ งโรคและกลุม่ อาการทเ่ี ปน็ ผลของการเกิดมวิ เทชัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4. อธิบายสมบตั ิของสารพันธกุ รรม (K) 5. อธบิ ายเก่ยี วกับการสงั เคราะหด์ เี อ็นเอ (K) 6. อธิบายการสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA แมแ่ บบได้ (K) 7. อธบิ ายกระบวนการสงั เคราะหส์ ายพอลิเพปไทดไ์ ด้ (K) 8. สาธติ การถอดรหัสและแปลรหสั ได้ (K) 9. เขยี นลาดบั กรดอะมิโนทเี่ ปน็ สว่ นประกอบของพอลิเพปไทด์ทีไ่ ด้จากการแปลรหัสได้ (P) 10.สนใจใฝ่ร้ใู นการศกึ ษา (A) 3. สาระการเรียนรู้ - ยนี คือ สาย DNA บางชว่ งท่ีควบคุมลักษณะทางพันธกุ รรมได้ โดยยีนกาหนดลาดับกรดอะมิโนของโปรตีนซึ่ง ทาหน้าทีเ่ ป็นโครงสร้าง เอนไซม์ และอ่นื ๆ มผี ลทาใหเ้ ซลลแ์ ละสิง่ มชี ีวติ ปรากฏลักษณะต่าง ๆ ได้ - DNA จาลองตัวเองได้โดยใช้สายหน่ึงเป็นแม่แบบและสร้างอีกสายข้ึนมาใหม่ ซึ่งจะมีโครงสร้างและลาดับนิ วคลีโอไทดเ์ หมอื นเดมิ - DNA ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตได้ โดยการสร้าง RNA 3 ประเภท คือ mRNA tRNA และ rRNA ซง่ึ ร่วมกนั ทาหนา้ ท่ใี นกระบวนการสังเคราะห์โปรตนี - RNA เป็นพอลิเมอรข์ องนิวคลโี อไทดส์ ายเด่ียว แตล่ ะนิวคลีโอไทดป์ ระกอบด้วยน้าตาลไรโบส หม่ฟู อสเฟต และไน โตรจีนัสเบส คอื A U C และ G
4. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การสังเคราะห์ DNA เป็นการจาลองตัวเองของ DNA ที่เริ่มจากการทาลายพันธะไฮโดรเจน ทาให้เกิด การคลายเกลียวและแยกออกจากกัน ซึ่งแต่ละสายจะทาหน้าท่ีเป็นสายแม่แบบ (DNA template) โดยแบ่งเป็น สายนา (leading strand) ที่มีการสงั เคราะห์จากปลาย 5’ ไปยังปลาย 3’ และสายตาม (lagging strand) ท่ีมีการ สังเคราะห์ DNA สายส้ัน ๆ จากปลาย 3’ ไปยังปลาย 5’ ที่เรียกว่า ช้ินส่วนโอคาซากิ (Okazaki fragment) แล้ว จงึ ตอ่ เชือ่ มกันด้วยเอนไซม์ดเี อ็นเอไลเกส การควบคมุ ลักษณะทางพันธุกรรมของดเี อน็ เอ เนอื่ งจากลาดับนิวคลีโอไทด์บางช่วงบนสาย DNA จะทา หน้าท่ีเป็นยีน ซึ่งจะกาหนดชนิดกรดอะมิโนท่ีใช้สังเคราะห์โปรตีน และหากยีนมีความผิดปกติจะส่งผลต่อการ สังเคราะห์โปรตีนทาให้เกิดความผิดปกติที่แสดงออกมาทางลักษณะฟีโนไทป์ เช่น สภาวะผิวเผือก โรคโลหิตจาง แบบเมด็ เลือดแดงรปู เคียว การสังเคราะหโ์ ปรตีนจากดีเอ็นเอ จะมี RNA ชนดิ ตา่ ง ๆ เขา้ มาเก่ียวข้อง ประกอบด้วยอาร์เอ็นเอนารหัส (messenger RNA ; mRNA) ทาหนา้ ท่เี ปน็ ตัวกลางนารหัสพนั ธกุ รรมจาก DNA มาสงั เคราะหโ์ ปรตนี อาร์เอ็นเอนา รหสั (transfer RNA ; tRNA) ทาหนา้ ที่นาแอนตโิ คดอนของนวิ คลีโอไทด์สามตัวที่มีกรดอะมิโนจาเพาะมาเชื่อมต่อ กับโคดอนของ mRNA และอาร์เอน็ เอไรโบโซม (ribosomal RNA ; rRNA) ทาหน้าที่ช่วยการจับของแอนติโคดอน ของ tRNA กับโคดอนของ mRNA ซ่งึ การสงั เคราะห์โปรตนี จากดเี อน็ เอประกอบด้วย 2 กระบวนการ ไดแ้ ก่ - การถอดรหัส (transcription) เป็นการสังเคราะห์ mRNA จาก DNA แม่แบบ แบ่งออกเป็น 3 ข้ันตอน ประกอบด้วยขน้ั เร่ิมตน้ ท่ีเริ่มจากการจบั กันของ RNA พอลเิ มอเรสกับสาย DNA ทาให้มีการคลายเกลียวของ DNA ขั้นการต่อสายยาวที่มีการเข้าคู่สมกับนิวคลีโอไทด์ (เบส C เข้าคู่กับเบส G และเบส A เข้าคู่กับเบส T) ซ่ึงมีการ สร้างสลบั ทศิ กับสาย DNA แมแ่ บบ และข้ันสิ้นสุด ซ่ึง RNA พอลิเมอเรสจะหลุดออกจาก DNA และปล่อย mRNA ออกมา จากนน้ั DNA 2 สายจะจับคู่และบิดเป็นเกลยี วเหมอื นเดมิ - การแปลรหัส (translation) เป็นการสังเคราะห์สายพอลิเพปไทด์จาก mRNA แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ประกอบดว้ ยกระบวนการเร่ิมต้นทีม่ ีการนาแอนติโคดอนของกรดกรดอะมิโนเมไทโอนีนซ่ึงเป็นกรดอะมิโนตัวแรก มาเรม่ิ ตน้ การสังเคราะห์โปรตนี โดยนามาเชื่อมต่อกบั โคดอนของ mRNA กระบวนการต่อสายยาวที่มีการนาแอนติ โคดอนของกรดอะมโิ นลาดับถัดไปมาต่อเช่ือมกับกรดอะมิโนเมไทโอนีน และต่อกันเป็นสายยาว ซึ่งจะมีการสร้าง พันธะเพปไทดร์ ะหว่างกรดอะมโิ นทีอ่ ยตู่ ดิ กัน และกระบวนการสิ้นสุด ซึ่งจะสิ้นสุดการแปลรหัสเน่ืองจากมีการต่อ สายยาวของกรดอะมิโนจนถงึ โคดอนทเี่ ป็นรหสั หยุด 5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา 1. ความมีวินัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุง่ มนั่ ในการทางาน
6. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es) ช่วั โมงที่ 1 ขน้ั นา ขั้นกระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูถามคาถาม Prior Knowledge เพื่อทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนว่า DNA มีความสาคัญต่อ สิ่งมีชีวติ อย่างไร (แนวตอบ DNA เป็นสารพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต ซึ่งทาหน้าที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ และทาให้เกิดการ ถ่ายทอดลกั ษณะจากรนุ่ พ่อแม่ไปสู่รุ่นลูก) 2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า DNA เป็นสารพันธุกรรมที่ทาเกิดการถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต จากพ่อแม่ไปสู่ลูกหลาน เน่ืองจาก DNA สามารถจาลองตัวเอง และใช้ตัวเองเป็นแม่แบบของรหัส พนั ธุกรรมในการสังเคราะหโ์ ปรตีน และ DNA ยงั สามารถเกิดการแปรผนั ที่ทาใหเ้ กิดความผดิ ปกติได้ ขน้ั สอน ข้นั สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูให้นกั เรยี นศกึ ษา สมบตั ิของสารพันธุกรรมของ DNA ซง่ึ ประกอบด้วยสามารถเพิ่มจานวนได้ สามารถ ควบคมุ การทางานของเซลลไ์ ด้ และสามารถเกิดการเปลยี่ นแปลงลักษณะทางพนั ธกุ รรมได้ 2. ครูถามนกั เรียนว่า เพราะเหตุใด DNA จงึ มีคุณสมบัตเิ ปน็ สารพนั ธกุ รรมของส่งิ มีชีวติ (แนวตอบ เน่ืองจาก DNA สามารถเพิ่มจานวนได้ มียีนที่สามารถควบคุมการทางานต่าง ๆ ของเซลล์ และสามารถเกิดการแปรผันของยีน ซึ่งทาให้มีลัษณะแตกต่างจากลักษณะเดิมได้ ซึ่งคุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านแ้ี สดงใหเ้ หน็ ว่า DNA เป็นสารพนั ธกุ รรมของสงิ่ มีชวี ติ ) 3. ครูให้นักเรียนศึกษา การสังเคราะห์ DNA ที่เร่ิมจากการคลายเกลียวคู่ของดีเอ็นเอ ซึ่งแต่ละสายจะทา หน้าทเี่ ป็นแมแ่ บบ โดยนานิวคลีโอไทด์อิสระมาจับกับสายแม่แบบ ซ่ึงเบส A เข้าคู่กับเบส T และเบส G เข้าคู่กับเบส C โดยจากเร่ิมต้นท่ีมี DNA เพียงโมเลกุลเดียวก็จะได้ DNA สายใหม่ 2 โมเลกุล ท่ีเรียกว่า การจาลองแบบกงึ่ อนุรักษ์ 4. ครถู ามนักเรยี นวา่ การจาลองแบบกงึ่ อนรุ กั ษ์ มลี ักษณะอย่างไร (แนวตอบ การจาลองแบบกึ่งอนุรักษ์เป็นการจาลอง DNA โดยที่ DNA สายใหม่ท่ีเกิดข้ึน จะ ประกอบด้วย DNA สายใหม่ 1 สาย และ DNA สายเก่าอีก 1 สาย) 5. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า การจาลองของ DNA จะเป็นแบบแบบกึ่งอนุรักษ์ จากเร่ิมต้นท่ีมี DNA 1 โมเลกลุ จะได้ดีเอ็นเอ 2 โมเลกุล ซ่ึงในสายดีเอ็นเอจะประกอบด้วยสายแม่แบบ 1 สาย และสาย DNA สายใหม่อกี 1 สาย พันกนั เปน็ เกลยี วเวียนขวา 6. ครูอธิบายใหน้ กั เรยี นฟังว่า โมเลกลุ DNA สามารถสังเคราะห์ในหลอดทดลองได้เช่นกัน และให้นักเรียน ศกึ ษาการสังเคราะห์ DNA ในหลอดทดลองของของคอนเบริ ก์
7. ครูถามนกั เรยี นวา่ การสงั เคราะห์ DNA ในหลอดทดลองต้องใชอ้ งคปื ระกอบใดบ้าง (แนวตอบ การสังเคราะห์ DNA ในหลอดทดลอง จะใช้ DNA แม่แบบ นิวคลีโอไทด์ 4 ชนิด (นิวคลีโไทด์ เบส A T C และ G) และ เอนไซม์ DNA พอลเิ มอเรส) 8. ครูถามนักเรียนว่า เอนไซม์ดีเอ็นเอพอลิเมอเรสมบี ทบาทในการสังเคราะห์ DNA อย่างไร (แนวตอบ เอนไซม์ดีเอน็ เอพอลเิ มอเรสทาหนา้ ทเ่ี ตมิ เบสตวั ใหมท่ เ่ี ป็นเบสคู่สมกบั DNA แม่แบบ) ขั้นอธบิ ายความรู้ (Explain) 3. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกับสมบตั ิของสารพันธุกรรม 4. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเกีย่ วกบั การสังเคราะห์ DNA แบบกง่ึ อนุรกั ษ์ 5. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกับการสังเคราะห์ DNA ในหลอดทดลอง ช่ัวโมงท่ี 2 ขน้ั สอน ขั้นสารวจค้นหา (Explore) 1. ครูทบทวนความรู้เดิมจากช่ัวโมงท่แี ล้วใหน้ กั เรยี นทราบพอสงั เขป 2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า การสังเคราะห์ DNA จาก DNA แม่แบบ จะได้ DNA สายใหม่ 2 สาย ซ่ึง DNA 2 สายนจ้ี ะมวี ิธกี ารสงั เคราะห์ที่แตกตา่ งกนั 3. ครูให้นักเรียนศึกษา การสังเคราะห์ DNA 2 สาย ประกอบด้วย สายนาท่ีมีการสร้างต่อเน่ืองจากปลาย 5’ ไปยังปลาย 3’ และสายตามทม่ี กี ารสร้างเปน็ DNA สายสน้ั ๆ จากปลาย 3’ ไปยังปลาย 5’ 4. ครูถามนักเรียนวา่ การสงั เคราะห์ DNA สายใหมท่ ้งั 2 สาย เหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั อย่างไร (แนวตอบ การสังเคราะห์ DNA สายใหม่ 2 สาย จะมีลักษณะแตกต่างกัน เน่ืองจากทิศทางการ สงั เคราะห์ DNA แตล่ ะสายแตกต่างกนั โดยสายนาจะมีการสังเคราะห์อย่างต่อเน่ืองในทิศทาง 5’ ไปยัง 3’ ส่วนสายตาม จะมกี ารสังเคราะห์อยา่ งไมต่ ่อเนอ่ื ง เนือ่ งจากทิศทางการสรา้ งจากปลาย 3’ ไปยังปลาย 5’ สวนทางกบั ทศิ ทางการกลายเกลียวของ DNA โมเลกุลเดิม จึงมีการสรา้ งเปน็ พอลินวิ คลโี อไทด์สายส้ัน ๆ เรียกว่า ชิ้นส่วนโอคาซากิ ที่มีทิศทางการสร้างจากปลาย 5’ ไปยัง 3’ แล้วจึงเช่ือมต่อชิ้นส่วนด้วย เอนไซม์ดีเอน็ เอไลเกส) 5. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า การสังเคราะห์ DNA ในสายนาจะมีการสังเคราะห์ DNA เป็นสายยาวจาก ทิศทาง 5’ ไปยัง 3’ แต่การสังเคราะห์ในสายตามจะมีการสังเคราะห์ DNA สายส้ัน ๆ เรียกว่า ชิ้นส่วน โอคาซากิ เนื่องจากทิศทางการคลายเกลียวของ DNA สวนทางกับการสังเคราะห์ จึงสังเคราะห์เป็น สาย สั้น ๆ ในทิศทาง 5’ ไปยัง 3’ แล้วจึงนาชิ้นส่วนโอคาซากิเหล่าน้ันมาเชื่อมต่อกันด้วยเอนไซม์ ดีเอน็ เอไลเกส ขั้นอธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกบั การสงั เคราะห์ DNA 2. ครูให้นักเรียนทาใบงานท่ี 5.3 เร่อื ง การสงั เคราะห์ DNA
ชัว่ โมงที่ 3 ขน้ั สอน ขน้ั สารวจค้นหา (Explore) 6. ครทู บทวนความรู้เดมิ จากชว่ั โมงที่แลว้ ให้นกั เรียนทราบพอสงั เขป 7. ครูถามนักเรียนว่า DNA ทีถ่ กู สังเคราะห์ขึ้นมีบทบาทสาคัญตอ่ เซลล์ส่ิงมชี วี ติ อย่างไร (แนวตอบ DNA ทีถ่ กู สงั เคราะห์ขึ้นจะมีขอ้ มูลทางพันธุกรรมบรรจุอยู่ ซึ่งเป็นลาดับเบสของนิวคลีโอไทด์ บนสายดีเอ็นเอที่ทาหน้าท่ีเป็นยีน โดยยีนจะควบคุมการสังเคราะห์โปรตีนต่าง ๆ ในเซลล์สิ่งมีชีวิต โปรตีนท่ีถูกสังคราะห์ขึ้นจะมีบทบาทและหน้าที่ที่หลากหลาย เช่น เป็นองค์ประกอบของเซลล์ เร่ง ปฏิกิริยาต่าง ๆ ภายในเซลล์ เป็นต้น ซงึ่ มีผลทาใหร้ ่างกายของสง่ิ มชี วี ติ อยู่ในสภาวะปกติ) 8. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษา บทบาทของ DNA ต่อการสงั เคราะหโ์ ปรตีน ซงึ่ โปรตนี ท่ีถูกสังเคราะห์ข้ึนจะมีผลต่อ ลกั ษณะฟีโนไทปข์ องส่งิ มชี วี ติ 9. ครูถามนักเรียนวา่ หากการสังเคราะห์ DNA เกดิ ความผิดปกติจะมีผลต่อสง่ิ มีชวี ติ อย่างไร (แนวตอบ หากการสงั เคราะห์ DNA เกิดความผดิ ปกติ จะทาใหข้ ้อมลู พนั ธุกรรมที่ถูกใช้ในการสังเคราะห์ โปรตนี ผดิ ปกติด้วย ซ่ึงมีผลทาให้เกิดความผดิ ปกติของสง่ิ มชี วี ิต) 10.ครใู หน้ กั เรยี นศึกษา ตัวอย่างความผิดปกติของ DNA ซึง่ มผี ลตอ่ การสังเคราะห์โปรตีน เช่น สภาวะเผือก และโรคโลหิตจางแบบเม็ดเลอื ดแดงรูปเคยี ว 11.ครถู ามนักเรยี นว่า สภาวะเผือก และโรคโลหิตจางแบบเม็ดเลือดแดงรูปเคียว เกิดจากความผิดปกติของ โปรตนี ชนดิ ใดของร่างกาย (แนวตอบ สภาวะเผอื กเกิดจากความผิดปกติของเอนไซม์ที่มีผลต่อการสร้างเมลานินท่ีทาให้เกิดสีผิวของ สิ่งมีชีวิต ส่วนโรคโลหิตจางแบบเม็ดเลือดแดงรูปเคียวเกิดจากความผิดปกติของโปรตีนเฮโมโกลบินใน เซลล์เมด็ เลือดแดง ซงึ่ สง่ ผลต่อการลาเลียงแกส๊ ออกซเิ จน) 12.ครอู ธิบายใหน้ กั เรยี นฟงั ว่า จากตวั อย่างความผดิ ปกติจะเห็นได้ว่าเกิดจากความผิดปกติของโปรตีน เช่น สภาวะเผือกท่เี กดิ จากความผิดปกติของเอนไซม์ท่ีมีผลต่อการสร้างเมลานิน ส่วนโรคโลหิตจางแบบเม็ด เลือดแดงรปู เคยี วทีเ่ กิดจากความผิดปกติของโปรตีนเฮโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง ซ่ึงความผิดปกติ เหล่านเี้ ป็นผลมาจากความผิดปกตขิ องยนี ที่ทาหน้าท่ีสงั เคราะห์โปรตนี 13.ครูให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 5 คน ร่วมกันหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่เกิดจากความผิดปกติของยีน และ ส่งผลตอ่ ลักษณะฟโี นไทปข์ องสง่ิ มชี ีวติ พร้อมทาเปน็ ใบงานสรุป และส่งตัวแทนนาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น ขน้ั อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอโรคท่ีเกิดจากความผิดปกติของยีน และส่งผลต่อ ลักษณะฟีโนไทปท์ แ่ี สดงออกมา 2. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกับโรคที่เกดิ จากความผดิ ปกตขิ องยนี ที่นักเรียนแตล่ ะกลุ่มสืบคน้ มา 3. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกับการควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมของ DNA
ช่วั โมงท่ี 4 ขน้ั สอน ข้นั สารวจค้นหา (Explore) 1. ครูทบทวนความรู้เดมิ จากช่ัวโมงทแี่ ล้วใหน้ กั เรยี นทราบพอสังเขป 2. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟังว่า การสังเคราะห์โปรตีนจาก DNA จะมีกรดนิวคลีอิกอีกหนึ่งชนิดมาเกี่ยวข้อง ไดแ้ ก่ อาร์เอ็นเอ 3. ครใู ห้นักเรียนศกึ ษาโครงสรา้ งของ RNA และความแตกตา่ งของโครงสรา้ งระหว่าง RNA กับ DNA 4. ครูถามนักเรียนว่า โครงสรา้ งของ RNA และ DNA มลี ักษณะแตกต่างกนั อย่างไร (แนวตอบ น้าตาลเพนโทสท่ีเป็นองค์ประกอบของ DNA เป็นน้าตาลดีออกซีไรโบส แต่ของ RNA เป็น น้าตาลเพนโทส และชนิดของไนโตรจนี สั เบสท่ีพบใน DNA ได้แก่ A T G และ C แต่ไนโตรจีนัสเบสท่ีพบ ใน RNA ไดแ้ ก่ A U G และ C) 5. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรียนฟังวา่ RNA มีลกั ษณะท่แี ตกตา่ งจาก DNA คือ น้าตาลท่ีเป็นองค์ประกอบของ RNA เปน็ ชนิดไรโบส แตข่ อง DNA เปน็ เปน็ นา้ ตาลดีออกซีไรโบส และชนิดของเบสที่พบใน RNA เป็น A U G C ซึ่งของ DNA เป็น A T G C 6. ครูถามนกั เรยี นว่า เนอ่ื งจาก DNA อยู่ในนิวเคลียส แต่ร่างแหเอนโดพลาซึมชนิดผิวขรุขระและไรโบโซม ท่ีทา หน้าที่สังเคราะหโ์ ปรตนี อยู่ในไซโทพลาซึม DNA จะควบคุมการสังเคราะห์โปรตีนในไซโทพลาซึมได้อย่างไร (แนวตอบ การนา DNA จากนิวเคลียสมาสังเคราะห์โปรตีนที่ไซโทพลาซึม จะอาศัยตัวกลางในการนา รหสั พนั ธุกรรมจาก DNA มาสงั เคราะห์โปรตนี ได้แก่ mRNA) 7. ครใู หน้ ักเรียนศึกษา mRNA ซง่ึ มหี นา้ ทใ่ี นการนาข้อมูลของ DNA จากในนิวเคลียสมาสังเคราะห์โปรตีน ในไซโทพลาซมึ 8. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นฟงั วา่ การสังเคราะห์โปรตีนประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ การถอดรหัส จาก DNA เป็น mRNA และการแปลรหัสจาก mRNA เปน็ โปรตีน และให้นักเรียนศึกษาการสังเคราะห์โปรตีนของ แบคทีเรียกับของส่งิ มชี ีวิตกลุ่มยูคาริโอต 9. ครูถามนักเรียนว่า ในแบคทีเรียที่ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส การสังเคราะห์โปรตีนจะแตกต่างสิ่งมีชีวิตที่มี เยอ่ื หุ้มนิวเคลยี สหรอื ไม่ อย่างไร (แนวตอบ การสังเคราะห์โปรตีนของแบคทีเรียจะแตกต่างจากส่ิงมีชีวิตท่ีมีเยื่อหุ้มนิวเคลียส เนื่องจาก DNA ไม่ถูกแยกออกจากไรโบโซมและองค์ประกอบอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์โปรตีน ทาให้ สามารถเร่ิมต้นการแปลรหัสได้โดยที่ยังมีการถอดรหัสอยู่ แต่สิ่งมีชีวิตที่มีเย่ือหุ้มนิวเคลียสจะมีการแปล รหัสหลงั การถอดรหัสเสรจ็ ส้ินแลว้ ) 10. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า การสังเคราะห์โปรตีนของแบคทีเรียจะแตกต่างจากส่ิงมีชีวิตยูคาริโอต เนอ่ื งจากแบคทเี รยี ไม่มเี ยือ่ ห้มุ นวิ เคลยี ส ดงั น้ัน การถอดรหัสและการแปลรหัสจึงเกิดข้ึนพร้อม ๆ กันได้ แต่ของสิ่งมีชีวิตกลุ่มยูคาริโอต การแปลรหัสจะเกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการถอดรหัสแล้ว เนื่องจากต้องนา mRNA จากการถอดรหัสมาแปลรหัสตอ่ ท่ไี ซโทพลาซมึ
ขน้ั อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายเกยี่ วกบั ความแตกตา่ งของ RNA กบั DNA 2. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเกย่ี วกบั ความแตกตา่ งของการสังเคราะห์โปรตีนระหวา่ งแบคทเี รียกบั สิง่ มชี ีวติ กลุ่มยคู ารโิ อต ช่ัวโมงท่ี 5 ขน้ั สอน ขั้นสารวจค้นหา (Explore) 1. ครทู บทวนความรเู้ ดิมจากชว่ั โมงท่ีแล้วให้นักเรียนทราบพอสงั เขป 2. ครูใหน้ กั เรยี นศึกษา การสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA แม่แบบ 3. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 3 กลุ่ม ให้นักเรียนจับฉลากเลือกขั้นตอนในการสังเคราะห์ mRNA ประกอบดว้ ย กลุ่มท่ี 1 ขัน้ เรมิ่ ตน้ กลุม่ ท่ี 2 ข้นั การต่อสายยาว กล่มุ ที่ 3 ข้นั สน้ิ สุด ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั วิเคราะห์ขั้นตอนการสังเคราะห์ mRNA ทจ่ี บั ฉลากได้ และออกมาวาดภาพ เพื่อนาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น 4. ครูให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอข้นั ตอนการสงั เคราะห์ mRNA ท่ีจบั ฉลากได้ 5. ครูถามนกั เรียนวา่ การสังเคราะห์ mRNA เหมือนหรือแตกตา่ งจากการสังเคราะห์ DNA อย่างไร (แนวตอบ แตกต่างกัน เนื่องจากการสังเคราะห์ DNA จะใช้พอลินิวคลีโอไทด์เป็นแม่แบบท้ัง 2 สาย ใช้ เอนไซมด์ เี อ็นเอพอลิเมอเรสในการสังเคราะห์ ใช้นิวคลีโอไทด์ที่มีไนโตรจีนัสเบสเป็น A T C G และผลท่ี ได้จะได้ DNA สายใหม่ 2 สาย แต่การสังเคราะห์ mRNA จะใช้พอลินิวคลีโอไทด์เป็นแม่แบบเพียงสาย เดยี ว ใช้อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรสในการสังเคราะห์ ใช้นิวคลีโอไทด์ที่มีไนโตรจีนัสเบสเป็น A U C G และ ผลทไ่ี ดจ้ ะได้ mRNA เพยี งสายเดยี ว) ขั้นอธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเกี่ยวกบั การสังเคราะห์ mRNA จาก DNA 2. ครใู ห้นกั เรียนทาใบงาน เรือ่ ง การสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA ชัว่ โมงที่ 6 ขั้นสอน ข้นั สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครทู บทวนความรู้เดมิ จากชว่ั โมงท่ีแล้วให้นักเรียนทราบพอสงั เขป
2. ครูถามนักเรียนว่า การถอดรหัสของ DNA ทาให้ได้ mRNA แล้ว mRNA เก่ียวข้องกับการสังเคราะห์ โปรตีนอย่างไร (แนวตอบ mRNA จะถูกใช้เป็นตวั กลางนารหัสพันธุกรรมที่ได้จากการถอดรหัสจาก DNA มาสังเคราะห์ โปรตีนในไซโทพลาซึม) 3. ครอู ธบิ ายให้นักเรยี นฟังวา่ ขอ้ มูลของ DNA จะถูกถา่ ยทอดใหก้ ับ mRNA ซ่ึงการเรียงลาดับของนิวคลีโอ ไทดจ์ ะเปน็ ตวั กาหนดชนดิ ของกรดอะมโิ นทเ่ี ปน็ หน่วยย่อยของโปรตนี 4. ครูถามนักเรยี นวา่ นิวคลีโอไทดข์ อง RNA มี 4 ชนดิ ได้แก่ A U G และ C แต่กรดอะมิโนทเ่ี ปน็ องค์ประกอบ ของโปรตีนมี 20 ชนดิ นกั เรียนคดิ ว่า กรดอะมโิ น 1 ตัว ประกอบดว้ ยนิวคลีโอไทด์จานวนเท่าใด (แนวตอบ 3 นิวคลีโอไทด์ เน่ืองจากหากรหัสพันธุกรรม 1 รหัส ประกอบด้วย 1 นิวคลีโอไทด์ จะได้ 4 (41) รหสั ซงึ่ ไม่เพียงพอต่อจานวนกรดอะมิโนท้ังหมด และหากรหัสพันธุกรรม 1 รหัส ประกอบด้วย 2 นวิ คลีโอไทด์ จะได้ 16 (42) รหัส ซ่ึงไม่เพียงพอต่อจานวนกรดอะมิโนทั้งหมด แต่หากรหัสพันธุกรรม 1 รหัส ประกอบด้วย 3 นวิ คลโี อไทด์ จะได้ 64 (43) รหสั ซึง่ เพียงพอตอ่ จานวนกรดอะมิโนท้งั หมด) 5. ครูอธิบายใหน้ กั เรียนฟังว่า รหัสพันธกุ รรม 1 รหัส จะประกอบดว้ ยนิวคลโี อไทด์ 3 ชนิด และให้นักเรียน ศกึ ษารหัสพนั ธกุ รรมทีก่ าหนดชนิดของกรดอะมโิ นตา่ ง ๆ 6. ครูถามนักเรยี นว่า จากรหสั พันธุกรรมในตาราง มีกีร่ หสั ท่ีทาหนา้ ทกี่ าหนดชนิดของกรดอะมโิ น (แนวตอบ มรี หสั พันธุกรรม 61 รหัส ที่กาหนดชนิดของกรดอะมโิ น โดยรหัสพันธุกรรมอีก 3 รหัส จะทา หน้าทีเ่ ปน็ รหัสหยดุ ไดแ้ ก่ UAA UAG และ UGA) 7. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า รหัสพันธุกรรม 1 รหัส เรียกว่า โคดอน ซ่ึงจะกาหนดกรดอะมิโน 1 ชนิด และลาดับเบส 3 โมเลกุลของ tRNA ที่เขา้ คู่กบั โคคอน เรียกวา่ แอนติโคดอน 8. ครถู ามนักเรียนว่า กรดอะมิโน 75 ตวั ในสายพอลิเพปไทด์ จะใช้นิวคลีโอไทดจ์ านวนเทา่ ใด (แนวตอบ กรดอะมิโน 75 ตัว ในสายพอลิเพปไทดจ์ ะประกอบดว้ ยนิวคลีโอไทด์ 225 ตัว) ข้ันอธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับรหัสพันธุกรรม ที่ทาหน้าที่กาหนดชนิดของกรดอะมิโนในสาย พอลิเพปไทด์ ชวั่ โมงที่ 7 ขน้ั สอน ข้นั สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครทู บทวนความรู้เดมิ จากชัว่ โมงท่ีแลว้ ให้นกั เรยี นทราบพอสงั เขป 2. ครอู ธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟงั วา่ กระบวนการสังเคราะห์โปรตีนจาก mRNA เรียกว่า การแปลรหัส โดยมีการ อ่านข้อความทางพันธุกรรมในรูปของโคดอนตามสาย mRNA ซ่ึงจะมีตัวช่วยในการแปลรหัส ได้แก่ tRNA และ rRNA
3. ครูถามนกั เรยี นว่า tRNA และ rRNA มสี ่วนช่วยในการแปลรหัส อย่างไร (แนวตอบ tRNA ทาหน้าที่นากรดอะมิโนท่ีเชื่อมต่ออยู่กับแอนติโคดอนมาเค้าคู่กับโคดอนของ mRNA ส่วน rRNA ทาหน้าท่ชี ว่ ยการจับกันของแอนตโิ คดอนของ tRNA กับโคดอนของ mRNA) 4. ครูใหน้ ักเรยี นศึกษา การสงั เคราะห์สายพอลิเพปไทด์ ประกอบด้วย กระบวนการเร่มิ ต้น กระบวนการต่อ สาย และกระบวนการส้นิ สดุ 5. ครูให้นกั เรยี นครใู หน้ ักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 3 กลุ่ม ให้นักเรียนจับฉลากเลือกขั้นตอนการสังเคราะห์ สายพอลิเพปไทด์ ประกอบดว้ ย กล่มุ ท่ี 1 กระบวนการเริม่ ต้น กลมุ่ ท่ี 2 กระบวนการตอ่ สาย กลมุ่ ท่ี 3 กระบวนการสิ้นสดุ ให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันวเิ คราะห์ข้นั ตอนการสงั เคราะห์สายพอลเิ พปไทด์ท่ีจับฉลากได้ และออกมา วาดภาพ เพื่อนาเสนอหนา้ ช้ันเรียน 6. ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอขั้นตอนการสงั เคราะห์สายพอลเิ พปไทด์ท่จี ับฉลากได้ 7. ครถู ามนกั เรยี นว่า กรดอะมิโนตัวแรกของสายพอลิเพปไทด์จะเปน็ ชนิดเมไทโอนนี เสมอไปหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ เนื่องจากรหัสพันธุกรรมเร่ิมต้นของการแปลรหัสจะเป็น AUG เสมอ จึงทาให้กรดอะมิโน ตัวแรกในสายพอลิเพปไทด์จะเปน็ เมไทโอนนี เสมอ) 8. ครอู ธิบายใหน้ ักเรยี นฟงั วา่ เม่ือจบสิ้นกระบวนการแปลรหัส สายพอลิเพปไทด์ท่ีเป็นองค์ประกอบของโปรตีน จะยงั ไม่สามารถใช้งานได้ จาเป็นต้องมาผ่านกระบวนการดัดแปลงหลังการแปลงรหัส ซึ่งอาจเป็นการนาสาย พอลิเพปไทด์ไปเชอื่ มกับโมเลกุลของสารประกอบอื่น ๆ หรอื การแบ่งสายพอลเิ พปไทด์ออกเปน็ สว่ น ๆ 9. ครถู ามนักเรียนว่า เซลล์ 1 เซลล์ จาเป็นต้องผลิตโปรตีนจานวนมาก เซลล์จะสังเคราะห์โปรตีนอย่างไร ให้เพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการ (แนวตอบ mRNA ท่ีได้จากการถอดรหัส 1 สาย จะถูกนามาสร้างสายพอลิเพปไทด์กลายสายพร้อม ๆ กัน ซ่ึงเม่ือไรโบโซมตัวแรกผ่านโคดอนเริ่มต้น ไรโบโซมตัวที่ 2 จะเข้ามาจับกับ mRNA ทันที เพื่อให้มี การแปลรหสั อยา่ งต่อเนอื่ งและหลายสายพร้อมกัน) 10.ครอู ธิบายให้นักเรยี นฟงั ว่า ในเซลล์จะมีไรโบโซมเปน็ จานวนมาก จึงมีการแปลรหัสพร้อมกันหลายสายท่ี เรียกวา่ พอลิไรโบโซม ขัน้ อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกีย่ วกับการสงั เคราะห์พอลิเพปไทด์ 2. ครูให้นกั เรียนทาใบงานท่ี 5.5 เรอื่ ง การสังเคราะห์พอลิเพปไทด์ 3. ครูให้นักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมจากภาพยนต์สารคดีส้ัน (Twig) เรื่อง ดีเอ็นเอ สร้างโปรตีนได้อย่างไร? https://www.twig-aksorn.com/film/how-does-dna-make-protein-7932/
ชว่ั โมงที่ 8 ข้นั สอน ขัน้ สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูทบทวนความรเู้ ดมิ จากชว่ั โมงท่ีแลว้ ใหน้ กั เรยี นทราบพอสงั เขป 2. ครูให้นักเรียนทากิจกรรม เร่ือง DNA กับการสังเคราะห์โปรตีน ในช้ันเรียน โดยบันทึกลงในสมุดของ นกั เรยี น ขั้นอธิบายความรู้ (Explain) 1. ครสู มุ่ เลอื กนักเรียนออกมาเฉลยกจิ กรรม เรื่อง DNA กบั การสังเคราะห์โปรตนี ท่ีหนา้ ช้นั เรียน 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยกจิ กรรม เรอื่ ง DNA กบั การสังเคราะหโ์ ปรตีน ข้ัน3ส.รุป ขัน้ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 5. ครูให้นักเรียนทาผังสรุป เรื่อง การสังเคราะห์โปรตีนจากดีเอ็นเอ ซึ่งประกอบด้วยการถอดรหัส (การ สังเคราะห์ mRNA จาก DNA แมแ่ บบ) การแปลรหสั (การสงั เคราะห์สายพอลิเพปไทดจ์ าก mRNA) ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลจากผังสรปุ เร่ือง การสงั เคราะห์โปรตนี จากดีเอ็นเอ 2. ครตู รวจสอบผลจากกจิ กรรม DNA กับการสงั เคราะห์โปรตีน 3. ครตู รวจสอบผลจากใบงาน เรื่อง การสงั เคราะห์ DNA 4. ครูตรวจสอบผลจากใบงาน เรอ่ื ง การสังเคราะห์ mRNA จาก DNA 5. ครูตรวจสอบผลจากใบงาน เรื่อง การสงั เคราะหพ์ อลิเพปไทด์ 6. ครูตรวจสอบผลจากการตอบคาถามในแบบฝกึ หัดชีววิทยา ม.4 เล่ม 2
7. การวดั และประเมนิ ผล วิธวี ดั เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน รายการวดั - ตรวจ Mind Map เรอ่ื ง - แบบประเมนิ ชิ้นงาน - ระดบั คุณภาพ 2 การสังเคราะห์โปรตีน 7.1 การประเมนิ ช้ินงาน/ จากดเี อ็นเอ - ใบงาน ผ่านเกณฑ์ ภาระงาน (รวบยอด) - แบบฝกึ หัด - ตรวจใบงาน - ผลงานทนี่ าเสนอ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 7.2 ประเมินระหวา่ ง - ตรวจแบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การจดั กิจกรรม - ประเมนิ การนาเสนอ - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2 การเรียนรู้ ผลงาน การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 1) สมบตั ขิ องสาร - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2 พันธกุ รรม การทางานรายบคุ คล การทางานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์ 2) การนาเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพ 2 การทางานกลุ่ม คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ 3) พฤติกรรม - สงั เกตความมวี นิ ัย อันพึงประสงค์ - ระดบั คุณภาพ 2 การทางานรายบคุ คล ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมนั่ ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤติกรรม ในการทางาน การทางานกล่มุ 5) คณุ ลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ 8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอื่ การเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียนชีววิทยา ม.4 เลม่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 ยีนและโครโมโซม 2) แบบฝึกหัดชวี วทิ ยา ม.4 เลม่ 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 ยีนและโครโมโซม 3) ใบงาน เรือ่ ง การสงั เคราะห์ DNA 4) ใบงาน เรือ่ ง การสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA 5) PowerPoint เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) หอ้ งเรยี น 2) ห้องสมุด 3) ส่อื ออนไลน์
9. ขอ้ เสนอแนะ ใชส้ อนได้ ควรปรับปรุง ………………………………………………………………………………..………………………………………. .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 10. บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ ช้นั ................ ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเนอื้ หา ดี พอใช้ ปรับปรุง……………………… ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรบั ปรุง……………………… ความเหมาะสมของสอ่ื ดี พอใช้ ปรับปรุง……………………… อนื่ ๆ……………………………………………………………………………………………………... 11. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รียนดา้ นความรู้ นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อย่ใู นระดบั 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรูฯ้ อยู่ในระดบั 3 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดับ 4 12. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รยี นด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 3 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยูใ่ นระดบั 4 13. สรปุ ผลการประเมินผู้เรียนด้านคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 1 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดบั 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดับ 4
14. สรปุ ผลการประเมินผเู้ รียน นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ……….. มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดับ 1 (ปรบั ปรงุ ) นกั เรยี นจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ……….. มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดบั 2 (พอใช)้ นกั เรียนจานวน…….คน คดิ เป็นร้อยละ……….. มีผลการเรยี นรู้ฯ อยใู่ นระดับ 3 (ดี) นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……….. มีผลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 4 (ดีมาก) สรปุ โดยภาพรวมมีนกั เรียน จานวน………คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……….ท่ผี า่ นเกณฑ์ระดับ 2 ขนึ้ ไป ซง่ึ สูง (ตา่ ) กวา่ เกณฑท์ ่ีกาหนดไวร้ ้อยละ………มนี ักเรียนจานวน……คน คิดเป็นร้อยละ…… ท่ีไมผ่ า่ นเกณฑ์ทีก่ าหนด 15. ข้อสงั เกต/ค้นพบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 16. แนวทางแก้ไขปัญหาเพ่อื ปรบั ปรงุ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 17. ผลการพฒั นา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ................................................ (นางสาวจิรัชญา ชัยธรี ธรรม) ผู้สอน ลงชอื่ ................................................ (นางกมลชนก เทพบุ) หวั หน้าสาระ
ใบงาน เรอ่ื ง การสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA คาช้แี จง : ตอบคาถามเกยี่ วกบั การสังเคราะห์ mRNA จาก DNA ต่อไปน้ี 1. การสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA แมแ่ บบ มีกระบวนการอย่างไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. การสงั เคราะห์ mRNA แตกตา่ งจากการสังเคราะห์ DNA อยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. จงหาลาดบั เบสของ mRNA จาก DNA แมแ่ บบ ท่ีกาหนดให้ 3.1 5’ ACGGTGTTCAAATGCCAAAGTTTACCTGGTACCACTTT 3’ .............................................................................................................................................................................. 3.2 5’ CGAGGCTAGGTTCACAATTGATCCCTTAGTGACCTAAG 3’ .............................................................................................................................................................................. 4. จงหาลาดบั เบสของ DNA แม่แบบ จาก mRNA ทก่ี าหนดให้ 4.1 5’ GCCGUAUUGCCAAUUGGCAGGCCUUAACCGCAUUGC 3’ .............................................................................................................................................................................. 4.2 5’ UGCUUGCACGUUGGCCACAUUGCUUAAAGGCCAACC 3’ ..............................................................................................................................................................................
ใบงาน เฉลย เร่ือง การสังเคราะห์ mRNA จาก DNA คาชีแ้ จง : ตอบคาถามเกี่ยวกับการสังเคราะห์ mRNA จาก DNA ตอ่ ไปน้ี 1. การสงั เคราะห์ mRNA จาก DNA แมแ่ บบ มีกระบวนการอย่างไร ..............ก...า..ร..ส..งั..เ.ค..ร..า..ะ...ห..์..m...R...N..A....จ..า..ก....D...N..A....แ...บ..่ง..อ...อ..ก...เ.ป...็น....3...ข...้ัน....ไ.ด...้แ..ก...่ .ข..้ั.น..เ..ร..่ิม..ต..้.น....โ.ด...ย...R...N..A....พ...อ...ล..ิเ.ม...อ..เ..ร..ส..จ..ับ....... ก...ับ...จ..ุด..เ.ร..่มิ...ต..้น...ข..อ...ง.ส...า..ย...D...N...A....ท..า..ใ..ห..้..D..N...A....ค..ล...า..ย..เ.ก...ล..ีย...ว..อ..อ...ก....แ..ล..ะ....D...N..A....ส...า..ย..ห...น..ึ่ง..จ...ะ..ถ..ูก...ใ.ช...้เ.ป...็น..แ...ม..่แ...บ..บ....ข...้ัน..ก...า..ร...... .ต..่อ..ส...า..ย..ย...า..ว...โ..ด..ย....R..N...A....พ...อ..ล...ิเ.ม...อ..เ.ร...ส..จ..ะ...เ.ค..ล...่ือ..น...ท..่ีไ..ป...ต..า..ม...ส..า..ย....D...N..A.....แ..ม...่แ..บ...บ....แ..ล..ะ...เ.ต..ิ.ม..น...ิว..ค..ล...ีโ.อ...ไ.ท...ด..์ท...ี่ป...ล..า..ย....3..’...... ข...อ..ง..โ..ม..เ..ล..ก..ุล....โ..ด..บ...เ.บ...ส....C....เ.ข..้า..ค...ู่ก..ับ...เ.บ...ส....G....เ.บ...ส...A....เ..ข..้า..ค..ู่ก...ับ..เ..บ..ส....T....เ.บ...ส....G....เ.ข..้า..ค...ู่ก..ับ...เ.บ...ส....C....แ..ล..ะ...เ.บ...ส....U....เ.ข..้า..ค...ู่ก..ับ....... เ..บ..ส....A....แ..ล..ะ...ข..้ัน..ส...ิน้ ..ส...ดุ ...เ..ม..่ือ....R..N...A....พ..อ...ล..ิเ.ม...อ..เ.ร..ส...ด..า..เ.น...ิน..ไ..ป...ถ..ึง..ส..่ว..น...ป..ล...า..ย..ข..อ...ง...D...N...A...เ..อ..น...ไ.ซ...ม..์..R..N...A....พ...อ..ล..ิเ..ม..อ...เ.ร..ส..จ..ะ...... ห...ล..ุด...อ..อ...ก..จ..า..ก....D...N..A....แ..ล...ะ..ป...ล..อ่..ย....m....R..N...A....อ..อ..ก...ม..า...จ...า.ก...น..ัน้....D...N...A....จ..ะ..บ...ิด..เ.ป...น็...เ.ก..ล..ยี...ว..เ.ช..่น...เ.ด...มิ ........................................ 2. . การสังเคราะห์ mRNA แตกต่างจากการสงั เคราะห์ DNA อยา่ งไร ...............แ...ต..ก...ต..่า..ง..ก..ัน....เ.น...่อื ..ง..จ..า..ก...ก..า..ร..ส..ัง..เ.ค...ร..า..ะ..ห..์..D..N...A....จ..ะ..ใ..ช..้พ...อ..ล...นิ ..วิ..ค...ล..โี.อ...ไ.ท...ด..เ์..ป..น็...แ..ม...แ่ ..บ..บ...ท...้งั ...2...ส...า..ย...ใ..ช..้เ.อ...น..ไ..ซ..ม...์... ..D..N...A....พ..อ...ล..เิ.ม...อ..เ.ร..ส...ใ.น...ก..า..ร..ส..งั..เ..ค..ร..า..ะ..ห...์ .ใ.ช...้น..วิ..ค...ล..ีโ..อ..ไ..ท..ด...์ท..่ี.ม..ีไ..น..โ..ต..ร..จ...ีน..ัส...เ.บ...ส..เ.ป...็น....A....T....C....G....แ..ล..ะ...ผ..ล..ท...ี่ไ..ด..้จ..ะ...ไ.ด...้ .D...N...A..... ..ส..า..ย..ใ..ห..ม...่ .2....ส..า..ย...แ...ต..่ก..า..ร..ส...ัง..เ.ค..ร..า..ะ...ห..์..m....R..N...A...จ...ะ..ใ..ช..้พ...อ..ล...ิน..ิว..ค...ล..ีโ..อ..ไ..ท...ด..์เ.ป...็น...แ..ม...่แ..บ...บ..เ..พ..ีย...ง..ส..า..ย...เ.ด..ีย...ว...ใ..ช..้อ...า..ร..์เ.อ...็น..เ..อ..... ..พ..อ...ล..ิเ..ม..อ...เ.ร..ส..ใ..น...ก..า..ร..ส..ัง..เ..ค..ร..า..ะ..ห...์..ใ.ช..้น...ิว..ค...ล..ีโ..อ..ไ..ท..ด...์ท..่ี.ม..ีไ..น..โ..ต..ร..จ...ีน..ัส...เ.บ...ส..เ.ป...็น.....A....U.....C....G.....แ...ล..ะ..ผ...ล..ท...ี่ไ.ด...้จ..ะ..ไ..ด..้..m....R..N...A..... ..เ.พ...ยี ..ง..ส..า..ย..เ.ด...ยี ..ว........................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. 3. จงหาลาดบั เบสของ mRNA จาก DNA แม่แบบ ท่ีกาหนดให้ 3.1 5’ ACGGTGTTCAAATGCCAAAGTTTACCTGGTACCACTTT 3’ ........3..’...U...G..C...C..A...C..A...A..G...U...U..U...A...C..G...G..U...U...U...C..A...A..A...T..G...G..A...C..C...A..U...G...G..U...G...A..A...A....5..’........................................................... 3.2 5’ CGAGGCTAGGTTCACAATTGATCCCTTAGTGACCTAAG 3’ ..3...’..G...C..U...C...C..G...A..U...C...C..A...A..G...U..G...U...U...A..A...C..U...A..G...G...G..A...A..U...C...A..C...U..G...G...A..U...U...C....5..’................................................................ 4. จงหาลาดับเบสของ DNA แม่แบบ จาก mRNA ทีก่ าหนดให้ 4.....1...35..’.’..CG..G.C..GC...CG..A.U..TA..A.U.A..U.C..GG..C.G..C.T.A.T..AA..U.A..UC...CG..GG...TC..C.A..CG..G.G..GC..A.C..AU..T.U..T.A.G.A.G..C.C.C..G.G.T..C.A.A.A.U..C.U.G..G..5.C..’..3..’................................................................ 4.2 5’ UGCUUGCACGUUGGCCACAUUGCUUAAAGGCCAACU 3’ ..3..’...A..C...G..A...A..C...G..T...G..C...A..A...C..C...G..G...T..G...T..A...A..C..G...A...A..T..T...T..C..C...G...G..T...T..G..A.....5..’........................................................................
ใบงาน เร่อื ง การสังเคราะห์พอลเิ พปไทด์ คาชีแ้ จง : ตอบคาถามเกี่ยวกบั การสังเคราะหพ์ อลิเพปไทด์ตอ่ ไปน้ี 1. การสงั เคราะหพ์ อลิเพปไทดม์ ีกระบวนการอย่างไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. กาหนดให้ DNA แม่แบบ มลี าดับเบส ดังต่อไปนี้ 3’ ATCCGCTGGCAATGCCCATGGTTGCCGTTAGCATGGCAACTACGGCATTGGTTGCAACCTTGT 5’ จงตอบคาถามต่อไปน้ี 2.1 ลาดับโคดอนของ mRNA มีลาดับอย่างไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2.2 ลาดบั แอนตโิ คดอนของ mRNA มีลาดบั อย่างไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2.3 พอลิเพปไทด์สายนม้ี ีกรดอะมิโนก่ตี ัว และมลี าดับกรดอะมิโนอยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
ใบงาน เฉลย เรื่อง การสังเคราะหพ์ อลิเพปไทด์ คาชแี้ จง : ตอบคาถามเกย่ี วกบั การสงั เคราะหพ์ อลิเพปไทด์ตอ่ ไปน้ี 1. การสังเคราะหพ์ อลิเพปไทดม์ ีกระบวนการอย่างไร ..................ก..ร..ะ..บ...ว..น..ก...า..ร..ส..ัง..เ.ค...ร..า.ะ...ห..พ์...อ..ล...เิ .พ...ป..ไ..ท...ด..์.ป...ร..ะ..ก..อ...บ..ด...้ว..ย....3...ก..ร..ะ...บ..ว..น...ก..า..ร....ด..งั..น..้ี............................................ ..................1....ก...ร.ะ...บ..ว..น...ก..า..ร..เ..ร..่ิม..ต..น้....เ..ร..ิ่ม..จ..า..ก...ไ.ร..โ..บ..โ..ซ..ม..ห...น...่ว..ย..ย..อ่...ย..ข..น...า..ด..เ..ล..็ก..แ...ล..ะ..ป...ัจ..จ...ัย..ต..่.า..ง...ๆ....ท..ี่เ..ก..่ีย...ว..ข..้อ...ง.เ..ก..ี่ย...ว..ก..ับ..... ....ก..า..ร..แ..ป...ล..ร..ห...สั ..ม...า..จ..บั ..ส...า..ย...m....R..N...A....แ..ล..ะ....t.R...N..A....ท...่มี ..แี...อ..น...ต..ิโ.ค...ด..อ...น..เ.ข...า้ ..ค..กู่..บั...ร..ห...ัส..เ.ร..่มิ...ต..้น....ค...ือ....A..U...G....จ..ะ..ม...า..จ..ับ...บ...น..ส...า..ย.... ....m...R...N..A....ไ..ด..ก้...ร..ด..อ..ะ...ม..โิ.น...ต..ัว...แ..ร..ก....ค..อื....เ.ม..ไ..ท..โ..อ..น...ีน....โ.ด...ย..ท...ศิ ..ท...า..ง.ก...า..ร..แ..ป...ล..ร..ห...สั ..จ..ะ..เ..ก..ดิ..ท...า..ง..ป..ล...า.ย....5...′..ข..อ...ง...m...R...N..A............. ...............2....ก...ร..ะ..บ..ว..น...ก..า..ร..ต...่อ..ส..า..ย....โ..ด..ย....t.R..N...A....น..า..ก...ร..ด..อ..ะ...ม..โิ..น..ต...วั ..ท..ี่..2...ท...่ีม...ีแ..อ...น..ต...ิโ.ค...ด..อ...น..เ..ข..้า..ค..ู่ก...ับ...โ.ค...ด..อ..น...ถ...ัด..ไ..ป..ข..อ...ง... ....m...R...N..A......ม...า..ต..่อ...ก..ับ...ก..ร...ด..อ...ะ..ม..ิโ..น...ต..ัว..แ...ร..ก....แ..ล...ะ....t.R..N...A......ต..ัว...แ..ร..ก..จ...ะ..ห...ล..ุด...อ..อ...ก..ไ..ป....แ..ล...ะ..ม...ีก..า..ร..ส...ร..้า..ง..พ...ัน...ธ..ะ..เ.พ...ป...ไ..ท..ด...์ .. ....ร..ะ..ห...ว..่า..ง.ก...ร..ด..อ...ะ..ม..โิ..น....2...ต...ัว...แ..ล...ะ..ไ.ร..โ..บ..โ..ซ..ม...จ..ะ..เ.ค...ล..อื่..น...ท...ีไ่ .ป...เ.ร..ือ่..ย....ๆ....โ.ด...ย..ม...ที ..ิศ...ท..า..ง..ก..า..ร..แ..ป...ล..ร..ห...ัส..จ...า..ก...5...′..ไ.ป....3..′............. ...............3....ก...ร..ะ..บ..ว..น...ก..า..ร..ส...ิน้ ..ส...ดุ ...เ..ม..อื่..ไ..ร..โ.บ...โ..ซ..ม..เ..ค..ล..อ่ื...น..ท...ีแ่ ..ป...ล..ร..ห...สั ..ไ..ป..จ..น...ถ..ึง..ร..ห...ัส..ห...ย..ุด....ไ..ด..้แ..ก...่ .U...A...A...U...A...G....แ..ล..ะ....U...G...A.... ....ร..ห..ัส...ใ.ด...ร..ห...ัส..ห...น...่ึง...ซ..่ึง....t.R...N..A......จ..ะ...ไ.ม...่เ.ข..้า..ม...า..จ..ับ...ก..ั.บ..โ..ค..ด...อ..น....แ...ล..ะ..ห...ย..ุ.ด..ก...า..ร..แ..ป...ล..ร..ห...ัส....พ...ร..้อ..ม...ท..ั้.ง.ป...ัจ...จ..ัย..ต...่า..ง...ๆ....ท...่ีใ..ช..้ .. ....ใ.น...ก..า..ร..แ..ป...ล..ร..ห...ัส..จ..ะ...ห..ล...ุด..อ..อ...ก..จ..า..ก...ส..า..ย....m....R..N...A....................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. 2. กาหนดให้ DNA แม่แบบ มีลาดบั เบส ดังต่อไปน้ี 3’ AACCGCTACCAATGCCCATGGTTGCCGTTAGCATGGCAACTACGGCATTGGTTGATTCCT 5’ จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 2.1 ลาดบั โคดอนของ mRNA มลี าดับอย่างไร .............................................................................................................................................................................. ...5..’...U..U...G...G...C..G...A..U...G...G..U...U...A..C...G..G...G...U..A...C..C...A..A...C..G...G..C...A..A...U...C..G...U...A..C...C..G...U...U..G...A...U..G...C...C..G...U..A...A..C...C..A...A..C...U...A..A...G..G...A....3..’....... 2.2 ลาดับแอนติโคดอนของ mRNA มลี าดับอยา่ งไร ....3....’......A....A......C....C....G......C......U....G......G......C....A......A....U......G......C....C....C......A....U......G......G....U......U......G......C....C......G....U......U......A......G....C......A....U......G......G....C......A....A......C....U......A....C......G......G....C......A....U......U......G....G......U......U......G....A......U......U......C....C......U........5....’.............. 2.3 พอลิเพปไทดส์ ายนมี้ กี รดอะมิโนกีต่ วั และมลี าดบั กรดอะมิโนอยา่ งไร .........พ...อ..ล..ิเ..พ..ป...ไ..ท..ด...์ส..า..ย..น...ม้ี ..กี...ร..ด..อ..ะ...ม..โิ..น...1...6...ต...วั ...ด..ัง..น...้ี ............................................................................................... ........M...e..t..-.V..a...l.-.T..h...r.-.G...l.y..-..T..h..r..-.A..s..n...-.G...l.y..-.A...s.n...-.A...r.g..-.A...s.n...-.V..a...l.-.A...s.n...-.A..l..a..-.V...a..l.-.T...h..r.-..A..s..n.................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 หน่วยการเรียนรู้ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ชื่อแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2.1 การศึกษาพันธุศาสตร์ ของเมนเดล รหสั –ช่ือรายวิชา ว31206 เพมิ่ เตมิ ชวี วิทยา2 สาหรับนกั เรียนที่เน้นวิทยาศาสตรช์ ั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 4/1 ภาคเรียนที่ 2/2563 เวลา 4 ชั่วโมง ผสู้ อนครู จิรัชญา ชัยธรี ธรรม โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 อ.แมแ่ จม่ จ.เชียงใหม่ งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ในโครงการอนุรกั ษพ์ นั ธุกรรมพชื อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีวัตถุประสงค์ให้เยาวชนได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพืชพรรณไม้ ได้เรียนรู้ถึงพืชท้องถิ่นของตน ช่วยกันดูแลไม่ให้สูญพันธ์ุ ซึ่งจะก่อให้เกิดจิตสานึกในการท่ี จะอนุรักษ์สืบไป การดาเนนิ งานประกอบดว้ ย 5 องคป์ ระกอบ และ 3 สาระการเรยี นรู้ องค์ประกอบที่ 1 การจัดทาป้ายช่ือพรรณไม้ โดยมีหลักการ คือ รู้ชื่อ รู้ลักษณ์ รู้จัก และสาระการ เรยี นรทู้ ่ศี กึ ษาดงั น้ี การกาหนดขอบเขตพื้นท่ีศึกษา สารวจพรรณไม้ ทาและติดป้ายรหัสประจาต้น บันทึกภาพ พรรณไม้หรือวาดภาพทางพฤกษศาสตร์ ต้ังชื่อหรือสอบถามข้อมูลพรรณไม้ ทาป้ายชื่อพรรณไม้ชั่วคราว ทาผัง แสดงตาแหนง่ พรรณไม้ ศกึ ษาลักษณะทางพฤกษศาสตร(์ ก. 7-003) ทาตวั อยา่ งพรรณไม้ เปรยี บเทียบข้อมูลกับ เอกสาร เรยี นรู้ช่ือที่เป็นสากล ทาทะเบียนพรรณไม้ (ก. 7-005) ตรวจสอบความถูกต้องของทะเบียนพรรณไม้ และจัดทาปา้ ยช่อื พรรณไมส้ มบูรณ์ เพ่ือให้รจู้ ัก ร้ปู ระโยชนข์ องพรรณไม้ การกาหนดพืน้ ท่แี ละการสารวจพรรณไม้ คอื การนาพื้นท่ีท้ังหมดของโรงเรียนมาพิจารณา และแบ่ง ออกเป็นส่วน ๆ เพ่ือให้ผู้เรียน เดิน ศึกษา สังเกต พรรณไม้ในพ้ืนที่ท่ีกาหนด แล้วบันทึกข้อมูล เพ่ือให้ทราบ ประเภท ลกั ษณะวสิ ัย ชนิด จานวน ของพรรณไมเ้ บอ้ื งต้น สาระที่ 1 ธรรมชาตแิ หง่ ชีวิต จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ตอบคาถามเกีย่ วกับข้อมูลท่ีฟังและอา่ น 2. บอกองคป์ ระกอบของสงิ่ ที่เหน็ 3. เขียนอธิบายลักษณะและประโยชน์ได้ ด้านความรู้ (Knowledge) 1. เพอ่ื ให้นกั เรยี นมีความรูค้ วามเข้าใจ สืบค้นข้อมูล สารวจพรรณไม้ในพ้ืนท่ีศึกษา การจาแนกชนิดของ พรรณไมพ้ ืน้ ท่ศี ึกษาได้ 2. เพ่อื ให้นักเรียนได้เรียนรูเ้ กีย่ วกบั ประเภท ลกั ษณะวิสยั ชนดิ จานวน ของพรรณไมใ้ นเบือ้ งตน้ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (Process) 1. เพือ่ ให้นักเรียนไดส้ มั ผัส ศึกษาพรรณไม้และรวู้ ิธีการสารวจพรรณไมเ้ บือ้ งต้น 2. เพ่ือให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการสืบเสาะหาความรู้ สืบค้นข้อมูล สารวจเก่ียวกับประเภท ลักษณะ วสิ ยั ชนดิ จานวน ของพรรณไม้ในเบื้องต้น 3. เพอื่ ให้นักเรียนได้ฝกึ ทกั ษะการคิดวิเคราะหน์ าความร้มู าประยกุ ต์ทากิ
ด้านคณุ ธรรมจริยธรรมและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (Attitude) 1. เพ่อื ใหน้ ักเรียนไดส้ มั ผสั ใกลช้ ิด และเกิดความรักต่อพืชพรรณ มีจิตสานึกเห็นคุณค่าประโยชน์ของ พืชพรรณไมไ้ ม่คดิ ทาลายและมแี นวคดิ ท่ีจะอนุรักษ์สบื ตอ่ ไป 2. เพ่อื ใหน้ ักเรียนมคี ุณธรรมและจรยิ ธรรม ได้แก่ มีความรบั ผดิ ชอบ มคี วามซอ่ื ตรง มีความอดทน มีความเพียร มีความสามัคคี มีความเอ้ืออาทร เกื้อหนุน มีความเมตตา กรุณา การดูแล และ รกั ษาสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน หอ้ งสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน วสั ดอุ ปุ กรณ์ 3. เพื่อให้นักเรียนมีลักษณะอันพึงประสงค์ ได้แก่ รักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริตมีวินัย ใฝ่ เรียนรู้ อยูอ่ ยา่ งพอเพียง มงุ่ มัน่ ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะ สาระการเรยี นรู้ 1. ความรู้ - ขอ้ มลู เกีย่ วกบั การเดินทางไปโรงเรยี นรูปแบบต่าง ๆ - คาศัพทแ์ ละสานวนภาษาทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง บรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน : องคป์ ระกอบท่ี 1 องค์ประกอบท่ี 1 การจัดทาป้ายช่ือพรรณไม้ โดยมีหลักการ คือ รู้ชื่อ รู้ลักษณ์ รู้จัก และสาระการ เรยี นรู้ ท่ีศึกษาดงั นี้ การกาหนดขอบเขตพนื้ ท่ศี ึกษา สารวจพรรณไม้ ทาและติดป้ายรหัสประจาต้น บันทึกภาพ พรรณไมห้ รอื วาดภาพทางพฤกษศาสตร์ ต้ังช่ือหรือสอบถามข้อมูลพรรณไม้ ทาป้ายช่ือพรรณไม้ช่ัวคราว ทาผัง แสดงตาแหน่งพรรณไม้ ศึกษาลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์(ก. 7-003) ทาตวั อย่างพรรณไม้ เปรียบเทียบข้อมูลกับ เอกสาร เรยี นร้ชู อ่ื ทเี่ ป็นสากล ทาทะเบียนพรรณไม้ (ก. 7-005) ตรวจสอบความถูกต้องของทะเบียนพรรณไม้ และจดั ทาปา้ ยชอ่ื พรรณไม้สมบรู ณ์ เพอื่ ให้รจู้ กั รปู้ ระโยชนข์ องพรรณไม้ การกาหนดพื้นที่และการสารวจพรรณไม้ คือ การนาพื้นที่ทั้งหมดของโรงเรียนมาพิจารณา และแบ่ง ออกเป็นส่วน ๆ เพื่อให้ผู้เรียน เดิน ศึกษา สังเกต พรรณไม้ในพ้ืนท่ีที่กาหนด แล้วบันทึกข้อมูล เพื่อให้ทราบ ประเภท ลกั ษณะวสิ ัย ชนดิ จานวน ของพรรณไมเ้ บอื้ งตน้ 1. การกาหนดพื้นที่ศึกษา คือ การนาพื้นท่ีทั้งหมดของโรงเรียนมาพิจารณา และแบ่งออกเป็นส่วน ๆ เพ่อื ให้เหมาะสมกับการจดั การเรียนรูข้ องผู้เรียน 2. การสารวจพรรณไมใ้ นพ้ืนท่ศี กึ ษา คือ การเดิน ศกึ ษา สังเกต พรรณไมใ้ นพน้ื ทท่ี กี่ าหนด แล้ว บันทกึ ข้อมูล เพ่อื ใหท้ ราบประเภท ลักษณะวิสัย ชนิด จานวน ของพรรณไม้เบ้ืองตน้ 3. การจาแนกชนิดพชื 4. การติดป้ายรหัสประจาต้น คือ การนาวัสดุท่ีมีความคงทนหรือวัสดุท่ีสามารถหาได้ง่ายใน ธรรมชาติ เชน่ แผ่นสังกะสี กระปอ๋ งน้าอัดลม กระดาษแข็งเคลือบพลาสติก เป็นต้น มาตัดเป็นแผ่นตอกรหัสเป็น ตัวเลข 3 ตัว ทับด้วยหมายเลขต้น เจาะรูท้ังสองข้าง นาลวดขดเป็นสปริง ร้อยและนาไปติดแสดงที่ต้นไม้ โดยมีขั้นตอนเร่ิมจากการสารวจ บันทึกจานวนพรรณไม้ในแต่ละพื้นที่ นาข้อมูลมาวิเคราะห์รวมกันและกาหนด รหัสพรรณไม้ เป็นรหสั หมายเลข 3 หลักให้พืชแต่ละชนดิ ไมซ่ า้ กนั
1. มาตรฐานการเรียนรู้ ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา รู้ว่า ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกิดข้ึนส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูล และเคร่ืองมือท่ีมีอยู่ในช่วงเวลาน้ันๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และส่ิงแวดล้อมมีความเก่ียวข้อง สมั พนั ธ์กนั ผลการเรยี นรู้ 1. สบื คน้ ข้อมลู อธิบาย และสรปุ ผลการทดลองของเมนเดล 2. จุดประสงค์การเรียนรู้(ด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ ด้านคุณลักษณะฯ หรือพุทธิพิสัย ทักษะพสิ ัย จิตพิสยั ) 11.อธบิ าย และสรปุ การทดลองการถา่ ยทอดลักษณะของถว่ั ลนั เตาได้ (K) 12.อธิบายความหมายและยกตัวอย่างของลักษณะเด่น ลักษณะด้อย ยีนเด่น ยีนด้อย แอลลีล โลคัส ฮอมอโลกัสโครโมโซม ฟีโนไทป์ จีโนไทป์ ฮอมอไซกัสจีโนไทป์ เฮเทอโรไซกัสจีโนไทป์ ความเด่นแท้ ความด้อยแท้ (K) 13.เขียนการถา่ ยทอดลักษณะพนั ธุกรรมของถ่ัวลนั เตาตามการทดลองของเมนเดลได้ (P) 14.สนใจใฝ่รูใ้ นการศกึ ษา (A) 3.สาระสาคญั เกรเกอร์ โยฮันน์ เมนเดล ทาการทดลองการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของถ่ัวลันเตา โดยผสมถั่ว ลนั เตาทมี่ ลี ักษณะแตกต่างกัน พบว่า ถวั่ ลนั เตารุ่นลกู จะมลี กั ษณะเหมอื นตน้ พอ่ หรอื ต้นแมอ่ ย่างใดอย่างหน่ึงเทา่ นั้น และเมื่อนารุ่นลูกมาผสมกันเองจะได้ถั่วลันเตารุ่นหลานท่ีมีบางต้นลักษณะเหมือนต้นพ่อ และ บางต้นลักษณะ เหมือนต้นแม่ การถา่ ยทอดลักษณะของถ่วั ลันเตามยี ีน (gene) ควบคุม ซึ่งประกอบด้วยแอลลีล (allele) 2 แอลลีล รุ่นลูกจะ ได้รับแอลลีลจากพ่อและแม่อย่างละหน่ึงแอลลีล แต่ลักษณะที่ปรากฏออกมาจะมีเพียงลักษณะเดียวเท่านั้น เนอื่ งจากแอลลีลท่ีควบคุมลักษณะเด่นจะข่มแอลลีลท่ีควบคุมลักษณะด้อยอยู่ โดยเรียกแอลลีลที่ควบคุมลักษณะ เด่นว่า แอลลีลเด่น (dominant allele) และเรียกแอลลีลท่ีควบคุมลักษณะด้อยว่า แอลลีลด้อย (recessive allele) และเมื่อให้รุน่ ลกู ผสมกนั เองจะได้รุ่นหลานท่ีแสดงท้ังลักษณะเด่นและลักษณะด้อยออกมา ซ่ึงมีอัตราส่วน ระหวา่ งลักษณะเดน่ ตอ่ ลกั ษณะด้อยเทา่ กบั 3 : 1 คู่ของแอลลีลหรือรูปแบบของยีนท่ีปรากฏเป็นคู่กัน เรียกว่า จีโนไทป์ (genotype) ส่วนลักษณะที่แสดง ออกมา เรียกวา่ ฟีโนไทป์ (phenotype)
4.สาระการเรียนรู้ ความรู้ 1. เมนเดลศกึ ษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมโดยการผสมพันธ์ุถ่ัวลันเตา จนสรุปเป็นกฎแห่งการ แยกและกฎแหง่ การรวมกลุ่มอยา่ งอิสระ 5.ทกั ษะ / กระบวนการ/ทักษะการคิด 1.ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์ 2.ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3.ทกั ษะการคดิ วิเคราะหแ์ ยกแยะ คณุ ลกั ษณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซ่ือสัตยส์ จุ ริต มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมน่ั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ อน่ื ๆ ……………………………………………………………………………………………………………. สมรรถนะ ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ชน้ิ งานหรือภาระงาน ใบงาน ผังกราฟฟคิ โครงงาน สงิ่ ประดิษฐ์ อ่นื ๆ
การประเมนิ ผล แบบทดสอบความรู้ แบบวัดทักษะทางวิทยาศาสตร์ แบบวัดจติ วิทยาศาสตร์ แบบการประเมนิ ตามสภาพจริง (รูบคิ ) สอ่ื การเรียนรู้/แหลง่ การเรยี นรู้ หนงั สือเรยี น คู่มอื ครู หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 ตัวชี้วดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ พ.ศ.2551 ฐานข้อมลู อิเลก็ ทรอนิกส์ ของจรงิ อืน่ ๆ 6.กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ขน้ั นาเข้าสู่บทเรยี น (Engagement) 4. ครแู จ้งผลการเรียนรู้ประจาหน่วยการเรียนร้ใู ห้นักเรยี นทราบ 5. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 6. ครูถามคาถาม Big Question เพ่ือกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า เพราะเหตุใด บุคคลในครอบครัว จึงมลี ักษณะต่าง ๆ ที่คลา้ ยคลึงกัน (แนวตอบ มนุษย์จะถา่ ยทอดลกั ษณะต่าง ๆ เชน่ สตี า สีผม ความสงู สีผวิ ห่อล้ินได้ ห่อล้ินไม่ได้ ผมหยิก ผมเหยียดตรง มีต่ิงหู ไม่มีติ่งหู จากบรรพบุรุษสู่ลูกหลาน โดยลูกจะได้รับการถ่ายทอดลักษณะจากพ่อ และแม่ ซ่ึงพ่อก็จะได้รับการถ่ายทอดลักษณะมาจากปู่และย่าอีกที เช่นเดียวกับแม่ก็จะได้รับการ ถ่ายทอดลักษณะจากตายายเช่นกัน จากการถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ ของแต่ละรุ่น จึงทาให้บุคคลใน ครอบครัวมลี ักษณะต่าง ๆ ท่คี ล้ายคลงึ กัน) 2. ขัน้ สารวจและค้นหา (Exploration) 5. ครูถามคาถาม Prior Knowledge เพอ่ื ทบทวนความรู้เดิมว่า บดิ าแห่งวชิ าพนั ธศุ าสตร์ คือใคร (แนวตอบ เกรเกอร์ โยฮันน์ เมนเดล) 6. ครูเล่าประวัติคราว ๆ เกี่ยวกับเกรเกอร์ โยฮันน์ เมนเดล ก่อนการได้รับเลือกให้เป็นบิดาแห่งวิชา พันธศุ าสตรใ์ ห้นักเรียนทราบ 7. ครูนาภาพถ่วั ลนั เตาและคาอธิบายลกั ษณะของถั่วลนั เตามาใหน้ กั เรยี นศกึ ษา แล้วถามนักเรียนว่า เพราะ เหตุใด เมนเดลจงึ เลือกถว่ั ลนั เตาเป็นพชื ตวั อยา่ งในการทดลองการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม
(แนวตอบ ถั่วลนั เตาเปน็ พืชปลกู ง่าย เจรญิ เติบโตเร็ว และให้ลูกหลานจานวนมาก เป็นพืชที่มีหลายพันธุ์ และมีลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีดอกประเภทดอกสมบูรณ์เพศ ซึ่ง สามารถเกิดการผสมพันธภ์ุ ายในดอกเดียวกันหรือเกดิ การผสมข้ามตน้ ได้) 8. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟังวา่ ลกั ษณะของถัว่ ลันเตาที่เหมาะสมตอ่ การเปน็ พชื ตวั อย่าง เพราะถ่ัวลันเตาเป็น พชื ปลกู ง่าย เจริญเตบิ โตเร็ว ให้ลูกหลานจานวนมาก เป็นพืชที่มีหลายพันธุ์และมีลักษณะทางพันธุกรรม ท่ีแตกต่างกันอย่างชัดเจน มีดอกประเภทดอกสมบูรณ์เพศ จึงสามารถเกิดการผสมพันธ์ุภายในดอก เดียวกันหรือเกิดการผสมข้ามต้นได้ พร้อมระบุลักษณะท่ีเมนเดลเลือกมาศึกษาท้ัง 7 ลักษณะ ได้แก่ สี ดอก ตาแหน่งของดอก สเี มลด็ ลกั ษณะของเมลด็ ลกั ษณะของฝกั สีของฝกั และความสงู ของลาต้น 3. ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 6. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายถงึ ลักษณะของถ่วั ลนั เตาทเ่ี หมาะสมในการเปน็ พชื ตัวอยา่ ง 7. ครูใหน้ ักเรียนศกึ ษาเพ่ิมเตมิ จากภาพยนต์สารคดสี นั้ (Twig) เรือ่ ง เมนเดลและการถ่ายทอดลักษณะทาง พนั ธกุ รรม https://www.twig-aksorn.com/film/mendel-and-inheritance-7940/ 4. ขัน้ ขยายความรู้ (Expension) 2. ครใู หน้ กั เรยี นทาผงั สรปุ เรือ่ ง การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล ซึง่ มเี น้ือหาประกอบด้วย ประวัติของ เมนเดล การเลอื กพชื ตัวอยา่ งในการทดลอง หลักการถา่ ยทอดลักษณะทางพันกุ รรมที่เมนเดลศึกษา และ สรปุ ผลการศึกษาการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันุกรรม 5. ข้นั ประเมินผล (Evaluation) 1. การตรวจใบงาน 2. การประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. การสงั เกตสงั เกตพฤตกิ รรมผู้เรียน 7.ส่อื และแหล่งเรียนรู้ 1. หนังส่อื เรยี น ชีววิทยา เลม่ 2 2. poewer point เรอ่ื ง การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม 3. ใบงาน เร่อื ง การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม 4. วดิ ีโอ การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม 5. ห้องสมุด/Internet 6.ใบความรู้
8. การวดั ผลและประเมนิ ผล วธิ ีการวัด เครื่องมือ 8.1 การวดั ผล - ตรวจใบงาน - แบบประเมินใบงาน การวัดผลและประเมนิ ผล - สังเกตทกั ษะกระบวนการทาง -แบบประเมินทักษะกระบวนการ จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ 1.อภิปรายและอธบิ ายการ ถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม 2. มีทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ 3.ใฝเ่ รียนรแู้ ละมงุ่ ม่นั ในการ - สังเกตพฤติกรรมนักเรียน - แบบประเมนิ พฤตกิ รรมนักเรยี น ทางาน
8.2เกณฑก์ ารประเมนิ ผล เกณฑ์การประเมินใบกิจกรรม เกณฑ์การใหค้ ะแนน รวม 20 หวั ขอ้ การ 4 32 1 คะแนน ประเมิน ดมี าก ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 4 1.ความ เนือ้ หาเป็นไปตาม เนอ้ื หาไมเ่ ปน็ ไป ถกู ต้องของ ทกี่ าหนด มี เน้ือหาเป็นไปตาม เน้อื หาเปน็ ไปตาม ตามท่ีกาหนด เนอ้ื หา รายละเอยี ด รายละเอยี ด ครอบคลมุ ที่กาหนด มี ทีก่ าหนด มี ไมค่ รอบคลุม รายละเอียด รายละเอียด ครอบคลุมสว่ นใหญ่ ครอบคลมุ บางส่วน 2.ภาษาท่ใี ช้ ไมม่ ีการสะกดคาผดิ การสะกดคาผิดไม่ การสะกดคาผิด 3 การสะกดคาผิด 4 เกนิ 2 แหง่ แหง่ แห่งขน้ึ ไป 4 3.ความคิด แสดงออกถึง มแี นวคิดแปลกใหม่ มีความนา่ สนใจแต่ ไมแ่ สดงแนวคิด สรา้ งสรรค์ ความคดิ สรา้ งสรรค์ แตย่ ังไมเ่ ปน็ ระบบ ยังไม่มีแนวคิด ใหม่ 4 4.ความเป็น 4 ระเบยี บ แปลกใหมแ่ ละเปน็ แปลกใหม่ 4 5.เวลา ระบบ ผลงานมีความเป็น ผลงานสว่ นใหญม่ ี ผลงานมีความเป็น ผลงานส่วนใหญไ่ ม่ ระเบยี บแสดงออก ความเป็นระเบียบแต่ ระเบียบแตม่ ี เป็นระเบยี บและมี ถงึ ความประณีต ยงั มีข้อบกพรอ่ ง ขอ้ บกพร่อง ข้อบกพร่อง เลก็ น้อย บางส่วน ส่งช้ินงานภายใน สง่ ชนิ้ งานชา้ กวา่ สง่ ชิ้นงานช้ากว่า ส่งชนิ้ งานชา้ กวา่ เวลาทีก่ าหนด กาหนด 1 วัน กาหนด 2 วัน กาหนดเกนิ 3 วัน ขน้ึ ไป
เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ระดบั คะแนน น้าหนกั ทักษะกระบวนการ ยอดเย่ยี ม ดี พอใช้ ต้องปรบั ปรงุ ทางวิทยาศาสตร์ (4) (3) (2) (1) 1.การจดั กระทาและ จัดกระทาข้อมูล จดั กระทา จัดกระทาข้อมูล จดั กระทาข้อมูล 4 สอ่ื ความหมายขอ้ มลู ใหม่ โดยการ ข้อมลู ใหม่ ใหม่ โดยการ 4 -การจดั ใหม่ โดยการ 4 กระทาขอ้ มูล เรียงลาดบั แยก โดยการ เรยี งลาดบั แยก เรียงลาดับ แยก ประเภท เพ่อื ให้ เรียงลาดบั ประเภท เพือ่ ให้ ประเภท เพือ่ ให้ 2.ทกั ษะการลง เขา้ ใจง่ายขึน้ แยกประเภท เข้าใจงา่ ยขน้ึ เข้าใจง่ายขน้ึ ไม่ ความเหน็ จากขอ้ มูล ชดั เจน และตรง เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจ ชัดเจน และไม่ -การเพิ่มความเห็น ประเด็นทกุ ครง้ั งา่ ยขนึ้ ชดั เจน และตรง ประเด็นบางครั้ง ตรงประเด็น -การอธิบาย ชดั เจน และ ตรงประเดน็ บอ่ ยคร้งั เพ่ิมความเห็น เพม่ิ ความเหน็ เพ่มิ ความเห็น ไม่เพิ่มความเห็น ข้อมูลอย่างมี ขอ้ มลู อย่างมี ขอ้ มลู อยา่ งมี ข้อมลู หรือมกั เหตุผล เหตุผลทุกคร้งั เหตุผลบางคร้ัง เพิม่ ความเห็น บ่อยครั้ง ขอ้ มูลอยา่ งไมม่ ี เหตุผล อธิบายผลและ อธิบายผลและ อธิบายผลและ อธบิ ายผลและ ขอ้ มลู ได้อยา่ ง ขอ้ มูลได้ ข้อมูลได้ ข้อมูลไดไ้ ม่ ชดั เจน และตรง ค่อนข้าง คอ่ นขา้ งชดั เจน ชัดเจน และไม่ ประเดน็ ทกุ ครั้ง ชดั เจน และ และตรง ตรงประเด็น ตรงประเดน็ ประเดน็ บางคร้ัง บ่อยคร้งั
3.ทักษะการ การแปล การแปล การแปล การแปล 4 ตีความหมายขอ้ มลู ความหมาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย 4 และลงข้อสรปุ ข้อมลู ได้อย่าง ข้อมูลได้ ขอ้ มลู ได้อย่าง ข้อมูลไมถ่ กู ต้อง - การแปลความหมาย ถกู ต้อง ถกู ต้อง ถกู ต้อง และไม่ ขอ้ มลู เหมาะสม เหมาะสมทุก เหมาะสม เหมาะสม ครั้ง บ่อยครงั้ บางครั้ง -การสรปุ ความสมั พนั ธ์ สรปุ สรปุ ของขอ้ มูล สรุป สรุป ความสมั พันธ์ ความสัมพนั ธ์ ของขอ้ มูลได้ไม่ ความสมั พนั ธ์ ความสัมพันธ์ ของขอ้ มลู ได้ ถูกต้อง ของข้อมูลได้ ของข้อมลู ได้ อยา่ งถกู ต้อง อยา่ งถูกตอ้ งทกุ อย่างถกู ต้อง บางครงั้ ครงั้ บ่อยครั้ง
เกณฑก์ ารประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑก์ ารให้คะแนน รวม พฤติกรรม 20 4 3 2 1 คะแนน ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ 1.ใฝ่เรียนรู้ -สนใจในการ มคี วามสนใจใฝร่ ู้ มคี วามสนใจใฝ่รู้ มีความสนใจใฝร่ ู้ ไมค่ อ่ ยสนใจใฝร่ ู้ เรยี นและเข้า ทกุ เร่ือง ทุกเรอื่ ง ทกุ เรอ่ื ง ขาดความ ร่วมกิจกรรม กระตือรือรน้ กระตือรอื ร้น กระตือรอื ร้น กระตอื รือร้น การเรียนรตู้ ่าง ในการเรยี น ในการเรียน ในการเรียน ในการเรียนไมก่ ลา้ ๆ กลา้ ซกั ถามปญั หา ซักถามปัญหาที่ ซักถามปัญหาที่ ซกั ถามปญั หาที่ ทส่ี งสัยทกุ ครงั้ สงสัยเปน็ สว่ น สงสัยเป็นบางคร้งั สงสยั ใหญ่ -แสวงหา ศึกษาค้นคว้า ศกึ ษาค้นควา้ ศึกษาค้นควา้ ไมม่ กี ารศกึ ษา ศกึ ษา คน้ ควา้ ความรเู้ พ่ิมเตมิ ใน ความรเู้ พมิ่ เตมิ ใน ความรเู้ พิม่ เติมใน คน้ ควา้ ความรู้ ความรจู้ าก อินเตอร์เน็ตและ อนิ เตอรเ์ น็ตและ อนิ เตอรเ์ นต็ และ เพม่ิ เติมใน แหล่งการ ห้องสมดุ เปน็ หอ้ งสมุดเปน็ ส่วน ห้องสมดุ เปน็ อินเตอร์เน็ตและ เรียนรู้ต่าง ๆ ประจา ใหญ่ บางครง้ั ห้องสมดุ -บนั ทึกความรู้ บันทึกความรทู้ ี่ บนั ทกึ ความรทู้ ี่ บนั ทกึ ความรทู้ ี่ ไม่มีการบนั ทึก วเิ คราะห์ สาคญั ลงในสมดุ สาคญั ลงในสมดุ สาคัญลงในสมดุ ความรู้ท่ีสาคัญลง ตรวจสอบ ทกุ คร้งั สว่ นใหญ่ บางครง้ั ในสมุด แลกเปล่ยี น เรียนรู้ 1.มุ่งมั่นในการ ทางาน -มีความต้ังใจ สนใจในการ สนใจในการ ไมส่ นใจในการ ทางานทีไ่ ดร้ บั ทางานทไ่ี ด้รบั ทางานท่ไี ด้รบั สนใจในการทางาน มอบหมาย คุยกนั ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย มอบหมาย คุยกัน มอบหมาย คยุ เลก็ น้อย และเล่นกนั เป็น และเล่นกัน ไม่คยุ หรอื เลน่ กนั บางคร้ัง -มีความ ทางานและสง่ งาน ทางานและสง่ งาน ทางานและสง่ งาน ไม่ทางานและไม่ รบั ผดิ ชอบ ตามท่ีรบั มอบหมาย ตามทีร่ บั ตามที่รบั ส่งงานตามท่ีรับ ทกุ ครัง้ มอบหมายสว่ น มอบหมาย มอบหมาย
ใหญ่ บางครั้ง -เอาใจใส่ตอ่ ทางานท่ีตนไดร้ บั ทางานท่ตี นได้รับ ทางานท่ีตนไดร้ บั ไม่ใสใ่ จไมง่ านที่ ได้รบั มอบหมาย งานทต่ี นได้รับ มอบหมายด้วยความ มอบหมายดว้ ย มอบหมายดว้ ย ไมท่ บทวน ใส่ใจทกุ ครง้ั ความใส่ใจเปน็ ความใส่ใจ บทเรยี นและไม่มี ความ ส่วนใหญ่ บางครัง้ กระตือรอื รน้ ใน การทางานทไี่ ด้รบั -มีคว ามขยัน ทบ ทว น บท เรี ย น ทบทวนบทเรียน ทบทวนบทเรียน มอบหมาย ทางานท่ไี ดร้ บั อดทน และกระตือรือร้นใน และกระตือรือร้น และกระตือรือร้น มอบหมายจนไม่ เสร็จสง่ ไม่ทนั ตาม การทางานท่ีได้รับ ในการทางานที่ ในการทางานท่ี เวลาที่กาหนด มอบหมายทกุ ครัง้ ได้รับมอบหมาย ได้รบั มอบหมาย เป็นส่วนใหญ่ บางครัง้ -มคี วาม ทางานที่ไดร้ บั ทางานทไ่ี ด้รับ ทางานท่ีไดร้ บั มอบหมายจน มอบหมายจน พยายาม มอบหมายจนเสร็จ เสรจ็ ส่งทันตาม เสร็จส่งทนั ตาม ทางานจนเสร็จ ส่งทนั ตามเวลาที่ เวลาที่กาหนด เวลาท่กี าหนด เปน็ ส่วนใหญ่ บางครง้ั กาหนดทกุ ครั้ง ระดับคุณภาพ คะแนน 16 – 20 หมายถงึ ดีมาก คะแนน 11 – 15 หมายถงึ ดี คะแนน 6 – 10 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 - 5 หมายถึง ปรบั ปรงุ 8.3 เกณฑก์ ารตัดสิน - รายบคุ คล นกั เรียนมีผลการเรียนรูไ้ มต่ ่ากว่าระดบั 2 จึงถือว่าผ่าน - รายกลุม่ ร้อยละ 70 ของจานวนนกั เรียนทง้ั หมดมีผลการเรียนรไู้ ม่ตา่ กวา่ ระดับ 2
9. ขอ้ เสนอแนะ ใชส้ อนได้ ควรปรับปรุง ………………………………………………………………………………..………………………………………. .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 10. บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ ช้นั ................ ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดี พอใช้ ปรบั ปรุง………………………. ความเหมาะสมของเนอื้ หา ดี พอใช้ ปรับปรงุ ……………………… ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ……………………… ความเหมาะสมของสอ่ื ดี พอใช้ ปรบั ปรุง……………………… อนื่ ๆ……………………………………………………………………………………………………... 11. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รียนดา้ นความรู้ นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยูใ่ นระดับ 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มีผลการเรียนร้ฯู อยู่ในระดบั 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดบั 3 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรูฯ้ อยใู่ นระดับ 4 12. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รยี นด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรูฯ้ อยใู่ นระดบั 3 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดับ 4 13. สรปุ ผลการประเมินผู้เรียนด้านคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดับ 1 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดับ 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดบั 4
14. สรุปผลการประเมินผูเ้ รียน นักเรยี นจานวน…….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ……….. มีผลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 1 (ปรับปรงุ ) นักเรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ……….. มีผลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดับ 2 (พอใช้) นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ……….. มีผลการเรียนร้ฯู อยูใ่ นระดับ 3 (ด)ี นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ……….. มีผลการเรยี นรฯู้ อยู่ในระดับ 4 (ดมี าก) สรุปโดยภาพรวมมนี กั เรียน จานวน………คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ……….ทผี่ า่ นเกณฑ์ระดบั 2 ขึ้นไป ซงึ่ สูง (ตา่ ) กวา่ เกณฑท์ กี่ าหนดไว้รอ้ ยละ………มีนกั เรียนจานวน……คน คิดเป็นร้อยละ…… ท่ไี ม่ผ่านเกณฑท์ ่ีกาหนด 15. ขอ้ สังเกต/คน้ พบ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 16. แนวทางแก้ไขปญั หาเพอ่ื ปรบั ปรงุ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 17. ผลการพัฒนา .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่อื ................................................ (นางสาวจิรัชญา ชัยธีรธรรม) ผู้สอน ลงชอื่ ................................................ (นางกมลชนก เทพบุ) หวั หนา้ สาระ
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 หน่วยการเรียนรู้ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ชื่อแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2.2 กฎของเมนเดล รหัส–ชื่อรายวิชา ว31206 เพ่ิมเติมชีววิทยา2 สาหรับนักเรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 4/1 ภาคเรียนท่ี 2/2563 เวลา 3 ชั่วโมง ผ้สู อนครู จิรชั ญา ชยั ธรี ธรรม โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 อ.แม่แจม่ จ.เชยี งใหม่ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา รู้ว่า ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกิดข้ึนส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูล และเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อมมีความเก่ียวข้อง สัมพนั ธก์ นั ผลการเรียนรู้ 1. อธิบาย และสรุปกฎแห่งการแยกและกฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ และนากฎของเมนเดลนี้ไป อธบิ ายกาถ่ายทอดลกั ษณะทาง พนั ธกุ รรมและใชใ้ นการคานวณโอกาสในการ เกิดฟีโนไทป์และจีโนไทป์แบบต่างๆ ของรุ่น F1 และ F2 2. สบื ค้นขอ้ มลู วเิ คราะห์ อธบิ าย และสรุปเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยาย ของพนั ธศุ าสตร์เมนเดล 2. จุดประสงค์การเรียนรู้(ด้านความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ ด้านคุณลักษณะฯ หรือพุทธิพิสัย ทักษะพสิ ยั จิตพิสัย) 15.อธิบายกฎการแยกและกฎการรวมกลมุ่ อยา่ งอสิ ระของเมนเดลได้ (K) 16.คานวณโอกาสในการเกดิ ฟีโนไทป์และจีโนไทป์แบบต่าง ๆ ของรุน่ F1 และ F2 ได้ (K) 17.ใชก้ ฎการแยกไปหาโอกาสของการเกิดฟีโนไทปแ์ ละจโี นไทปแ์ บบต่าง ๆ ของร่นุ F1 และ F2 ของการผสม พิจาณาลกั ษณะเดยี วได้ (K) 18.ใช้กฎการรวมกลุม่ อยา่ งอสิ ระไปหาโอกาสของการเกดิ ฟีโนไทปแ์ ละจโี นไทปแ์ บบตา่ ง ๆ ของรุ่น F1 และ F2 ของการผสมพิจาณาสองลกั ษณะได้ 19.เขียนการถ่ายทอดลกั ษณะพนั ธกุ รรมตามกฎการแยกและกฎการรวมกลมุ่ อยา่ งอิสระของเมนเดลได้ (P) 20.สนใจใฝร่ ูใ้ นการศกึ ษา (A)
3.สาระสาคญั การศึกษาการถ่ายทอดลักษณะของถั่วลันเตา เมนเดลสามารถสรุปก ฎแห่งการถ่ายทอดลักษณะทาง พันธกุ รรมได้ 2 ข้อ ดงั น้ี กฎการแยก (law of segregation) มใี จความสาคัญวา่ ลักษณะของสง่ิ มชี ีวิตถกู ควบคุมโดยยีน และยีนจะ ปรากฎเปน็ คู่ ๆ เสมอ ซ่งึ ยีนจะแยกจากกันเม่ือมกี ารสรา้ งเซลล์สบื พันธุ์ โดยเซลล์สืบพันธุ์แต่ละเซลล์จะได้รับเพียง แอลลลี ใดแอลลลี หน่ึง กฎการรวมกลุ่มอย่างอิสระ (law of independent assortment) มีใจความสาคัญว่า แอลลีลของยีนที่ เปน็ คกู่ ัน เมอื่ แยกออกจากกันจะจัดกลมุ่ กันอยา่ งอิสระกับแอลลีลของยีนอนื่ ๆ ซง่ึ แยกออกจากคู่เช่นกันเพื่อเข้าไป ยงั เซลลส์ ืบพนั ธ์ุ 4.สาระการเรยี นรู้ ความรู้ - กฎแห่งการแยกมีใจความว่า แอลลีลท่ีอยู่เป็นคู่ จะแยกออกจากกันในระหว่างการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุ โดยเซลล์สืบพนั ธ์ุแต่ละเซลลจ์ ะมเี พยี งแอลลีลใดแอลลีล หน่ึง - กฎแห่งการรวมกลุ่มอยา่ งอิสระมใี จความว่า หลังจากคู่ของแอลลีลแยกออกจากกัน แต่ละแอลลีลจะจัด กลุม่ อยา่ งอิสระกับแอลลลี อน่ื ๆ ทแี่ ยกออกจากคเู่ ชน่ กนั ในการเข้าไปอยู่ในเซลล์สบื พนั ธ์ุ 5.ทักษะ / กระบวนการ/ทกั ษะการคิด 1.ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์ 2.ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3.ทักษะการคดิ วิเคราะห์แยกแยะ คุณลักษณะ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซอ่ื สตั ยส์ ุจริต มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน รักความเป็นไทย มีจติ สาธารณะ อ่ืน ๆ …………………………………………………………………………………………………………….
สมรรถนะ ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ช้ินงานหรอื ภาระงาน ใบงาน ผังกราฟฟิค โครงงาน ส่งิ ประดษิ ฐ์ อน่ื ๆ การประเมินผล แบบทดสอบความรู้ แบบวดั ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์ แบบวัดจิตวิทยาศาสตร์ แบบการประเมินตามสภาพจริง (รูบิค) ส่ือการเรยี นรู้/แหล่งการเรียนรู้ หนงั สอื เรยี น คมู่ ือครู หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พ.ศ. 2551 ตัวชว้ี ดั และสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ พ.ศ.2551 ฐานข้อมลู อิเลก็ ทรอนิกส์ ของจริง อื่น ๆ
6.กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน (Engagement) 1. ครูถามคาถาม Prior Knowledge เพื่อทบทวนความรู้ของนักเรียนว่า เมนเดลอธิบายการถ่ายทอด ลักษณะของถ่วั ลนั เตาวา่ อยา่ งไร (แนวตอบ การถ่ายทอดลักษณะของถั่วลันเตาระหว่างลักษณะเด่นและลักษณะด้อยท่ีเป็นพันธ์ุแท้ท้ังคู่ พบว่า รุ่น F1 จะแสดงฟีโนไทปท์ ีเ่ ปน็ ลกั ษณะเด่นออกมา แต่มีจโี นไทปแ์ บบเฮเทอโรไซกัส และเมอื่ ให้ F1 ผสมกันเองจะไดร้ ่นุ F2 มีจโี นไทป์ 3 แบบทอี่ ัตราส่วน 1 : 2 : 1 แตฟ่ โี นไทป์ท่แี สดงออกมามเี พียง 2 แบบ คือ ลกั ษณะเด่นต่อลักษณะด้อยที่อัตราสว่ น 3 : 1) 1. ครูถามคาถามกบั นักเรยี นวา่ อัตราสว่ น 3 : 1 ในรนุ่ F2 จากการทดลองของเมนเดลเกดิ ได้อย่างไร (แนวตอบ เนอื่ งจากรุ่น F1 จะมีจีโนไทปแ์ บบเฮเทอโรไซกัส เมอื่ ใหร้ นุ่ F1 กนั เอง จะได้รนุ่ F2 ท่มี จี โี น- ไทป์ 3 แบบ คอื ฮอมอไซกัสโดมิแนนต์ เฮเทอโรไซกัส และฮอมอไซกัสรีเซสซีฟ ในอัตราส่วน 1 : 2 : 1 แต่ฮอมอ ไซกสั โดมิแนนตแ์ ละเฮเทอโรไซกัสจะแสดงลักษณะออกมาเหมือนกัน ทาให้ในรุ่น F2 มีลักษณะท่ีแสดงออกมาใน อตั ราส่วน 3 : 1) 2. ข้ันสารวจและคน้ หา (Exploration) 9. ครูใหน้ ักเรยี นศกึ ษาการผสมพันธ์ุถ่ัวลันเตาดอกสมี ่วงกับดอกสขี าว แลว้ ถามนักเรยี นวา่ ในการผสมโดย พจิ ารณาเพยี ง 1 ลักษณะ เพราะเหตใุ ดอตั ราสว่ นฟีโนไทปข์ องรุ่น F2 จึงมีลกั ษณะเด่นตอ่ ลกั ษณะดอ้ ยเท่ากบั 3 : 1 (แนวตอบ ถั่วลันเตาดอกสีม่วงในรุ่น F1 มีจีโนไทป์ Pp โดยแอลลีล P และ p จะแยกไปสู่เซลล์ไข่หรือ สเปริ ์มเทา่ ๆ กัน คอื ½ เมื่อมีการปฏิสนธิโอกาสท่ีสเปิร์มจะรวมกับเซลล์ไข่จึงเป็นไปได้ 3 แบบ คือ PP Pp pp ในอตั ราส่วน 1 : 2 : 1 แต่จะมฟี โี นไทป์ 2 แบบ คือ ดอกสมี ว่ งตอ่ ดอกสีขาวในอัตราสว่ น 3 : 1) 10.ครูอธบิ ายให้นักเรยี นฟงั วา่ การผสมพนั ธถุ์ ั่วลันเตาในรุ่น F1 ด้วยกันเองจะได้อัตราส่วนจีโนไทป์ในรุ่น F2 เท่ากับ 1 : 2 : 1 และอตั ราส่วนฟีโนไทปเ์ ทา่ กบั 3 : 1 ซงึ่ เกดิ จากการแยกกันของเซลล์สืบพันธ์ุ P และ p ทาให้เมนเดลต้ังเปน็ กฎการแยก ทม่ี ีใจความสาคัญวา่ ลักษณะของสิ่งมชี ีวิตถูกควบคุมโดยยีน และยีนจะ ปรากฏเป็นคู่ ๆ เสมอ ซ่ึงยีนจะแยกจากกันเม่อื มีการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุ โดยเซลล์สืบพันธ์ุแต่ละเซลล์จะ ไดร้ บั เพียงแอลลีลใดแอลลลี หน่ึง 11.ครูใหน้ ักเรียนแบ่งกลุม่ ออกเป็น 6 กล่มุ แล้วใช้กฎการแยกของเมนเดลมาพจิ ารณาการผสมพันธ์ุลักษณะ ต่าง ๆ ทเี่ หลืออกี 6 ลกั ษณะ ดังน้ี - ตาแหนง่ ของดอก - สีเมล็ด - ลักษณะของเมลด็ - ลกั ษณะของฝัก 3. ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอการพิจารณาการผสมพันธ์ุถ่ัวลันเตาลักษณะต่าง ๆ โดยใช้ กฎการแยกของเมนเดล 9. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ียวกบั กฎการแยกของเมนเดลกบั การถา่ ยทอดลักษณะของถั่วลนั เตา 10. ครใู หน้ กั เรียนทาใบงานท่ี 4.2 เรอ่ื ง กฎการแยกของเมนเดล 4. ขน้ั ขยายความรู้ (Expension) 6. ครูให้นักเรียนทาผังสรุป วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของกฎการแยกและกฎการร่วมกลุ่มอย่างอิสระของ เมนเดลกบั การแบง่ เซลลข์ องส่งิ มีชวี ติ 5. ข้ันประเมนิ ผล (Evaluation) 1. การตรวจใบงาน 2. การประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. การสงั เกตสงั เกตพฤตกิ รรมผู้เรยี น 7.สอ่ื และแหล่งเรียนรู้ 1. หนงั สื่อเรยี น ชวี วทิ ยา เล่ม 2 2. poewer point เรื่อง กฎของเมนเดล 3. ใบงาน เรื่อง กฎของเมนเดล 4. วดิ ีโอ กฎของเมนเดล 5. หอ้ งสมุด/Internet 6.ใบความรู้ 8. การวดั ผลและประเมนิ ผล วิธกี ารวดั เครอ่ื งมอื 8.1 การวัดผล - ตรวจใบงาน - แบบประเมินใบงาน การวดั ผลและประเมินผล - สังเกตทักษะกระบวนการทาง -แบบประเมินทักษะกระบวนการ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ 1.อภิปรายและอธบิ ายกฎของ เมนเดล 2. มที ักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ 3.ใฝเ่ รียนรู้และมงุ่ ม่ันในการ - สังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น - แบบประเมินพฤตกิ รรมนักเรยี น ทางาน
8.2 เกณฑก์ ารประเมนิ ผล เกณฑก์ ารประเมนิ ใบกิจกรรม เกณฑ์การใหค้ ะแนน รวม 20 หวั ขอ้ การ 4 3 2 1 คะแนน ปรับปรงุ ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ 4 เนอื้ หาไมเ่ ป็นไป 1.ความ เนอื้ หาเป็นไปตาม เนื้อหาเปน็ ไปตาม เนื้อหาเป็นไปตาม ตามท่ีกาหนด รายละเอียด ถูกต้องของ ทกี่ าหนด มี ทีก่ าหนด มี ที่กาหนด มี ไมค่ รอบคลุม เน้ือหา รายละเอยี ด รายละเอียด รายละเอยี ด ครอบคลุม ครอบคลุมสว่ นใหญ่ ครอบคลมุ บางส่วน 2.ภาษาที่ใช้ ไม่มกี ารสะกดคาผดิ การสะกดคาผิดไม่ การสะกดคาผิด 3 การสะกดคาผิด 4 เกนิ 2 แหง่ แหง่ แหง่ ขึน้ ไป 4 3.ความคิด แสดงออกถงึ มีแนวคิดแปลกใหม่ มคี วามนา่ สนใจแต่ ไม่แสดงแนวคิด สร้างสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์ แต่ยังไมเ่ ป็นระบบ ยงั ไมม่ ีแนวคิด ใหม่ 4 4.ความเป็น 4 ระเบยี บ แปลกใหมแ่ ละเป็น แปลกใหม่ 4 5.เวลา ระบบ ผลงานมีความเป็น ผลงานสว่ นใหญ่มี ผลงานมีความเป็น ผลงานส่วนใหญ่ไม่ ระเบยี บแสดงออก ความเปน็ ระเบยี บแต่ ระเบียบแต่มี เปน็ ระเบียบและมี ถึงความประณตี ยังมีข้อบกพร่อง ข้อบกพร่อง ข้อบกพรอ่ ง เลก็ น้อย บางสว่ น ส่งชิน้ งานภายใน ส่งชิน้ งานช้ากว่า ส่งชนิ้ งานชา้ กว่า สง่ ช้ินงานช้ากวา่ เวลาท่ีกาหนด กาหนด 1 วัน กาหนด 2 วนั กาหนดเกนิ 3 วัน ข้ึนไป
เกณฑ์การประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ระดบั คะแนน น้าหนกั ทักษะกระบวนการ ยอดเย่ยี ม ดี พอใช้ ต้องปรบั ปรงุ ทางวิทยาศาสตร์ (4) (3) (2) (1) 1.การจดั กระทาและ จัดกระทาข้อมูล จดั กระทา จัดกระทาข้อมูล จดั กระทาข้อมูล 4 สอ่ื ความหมายขอ้ มลู ใหม่ โดยการ ใหม่ โดยการ 4 -การจดั ใหม่ โดยการ ข้อมลู ใหม่ เรยี งลาดบั แยก เรียงลาดับ แยก 4 กระทาขอ้ มูล เรียงลาดบั แยก โดยการ ประเภท เพือ่ ให้ ประเภท เพ่อื ให้ เรียงลาดบั เข้าใจงา่ ยขน้ึ ประเภท เพือ่ ให้ 2.ทกั ษะการลง เขา้ ใจง่ายขึน้ แยกประเภท ชดั เจน และตรง เข้าใจง่ายขน้ึ ไม่ ความเหน็ จากขอ้ มูล ชดั เจน และตรง เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจ -การเพิ่มความเห็น ประเด็นบางครั้ง ชัดเจน และไม่ ประเด็นทกุ ครง้ั งา่ ยขนึ้ ตรงประเด็น -การอธิบาย ชดั เจน และ ตรงประเดน็ บอ่ ยคร้งั เพ่ิมความเห็น เพม่ิ ความเหน็ เพ่มิ ความเห็น ไม่เพิ่มความเห็น ขอ้ มลู อย่างมี ข้อมูลอย่างมี ขอ้ มลู อยา่ งมี ข้อมลู หรือมกั เหตุผลทุกคร้งั เหตุผล เหตุผลบางคร้ัง เพิม่ ความเห็น บ่อยครั้ง ขอ้ มูลอยา่ งไมม่ ี เหตุผล อธิบายผลและ อธิบายผลและ อธิบายผลและ อธบิ ายผลและ ขอ้ มลู ได้อยา่ ง ขอ้ มูลได้ ข้อมูลได้ ข้อมูลไดไ้ ม่ ชดั เจน และตรง ค่อนข้าง คอ่ นขา้ งชดั เจน ชัดเจน และไม่ ประเดน็ ทกุ ครั้ง ชดั เจน และ และตรง ตรงประเด็น ตรงประเดน็ ประเดน็ บางคร้ัง บ่อยคร้งั
3.ทักษะการ การแปล การแปล การแปล การแปล 4 ตีความหมายขอ้ มลู ความหมาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย 4 และลงข้อสรปุ ข้อมลู ได้อย่าง ข้อมูลได้ ขอ้ มลู ได้อย่าง ข้อมูลไมถ่ กู ต้อง - การแปลความหมาย ถกู ต้อง ถกู ต้อง ถกู ต้อง และไม่ ขอ้ มลู เหมาะสม เหมาะสมทุก เหมาะสม เหมาะสม ครั้ง บ่อยครงั้ บางครั้ง -การสรปุ ความสมั พนั ธ์ สรปุ สรปุ ของขอ้ มูล สรุป สรุป ความสมั พันธ์ ความสัมพนั ธ์ ของขอ้ มูลได้ไม่ ความสมั พนั ธ์ ความสัมพันธ์ ของขอ้ มลู ได้ ถูกต้อง ของข้อมูลได้ ของข้อมลู ได้ อยา่ งถกู ต้อง อยา่ งถูกตอ้ งทกุ อย่างถกู ต้อง บางครงั้ ครงั้ บ่อยครั้ง
เกณฑก์ ารประเมินพฤติกรรมนักเรียน เกณฑก์ ารให้คะแนน รวม พฤติกรรม 20 4 3 2 1 คะแนน ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ 1.ใฝ่เรียนรู้ -สนใจในการ มคี วามสนใจใฝร่ ู้ มคี วามสนใจใฝ่รู้ มีความสนใจใฝร่ ู้ ไมค่ อ่ ยสนใจใฝร่ ู้ เรยี นและเข้า ทกุ เร่ือง ทุกเรอื่ ง ทกุ เรอ่ื ง ขาดความ ร่วมกิจกรรม กระตือรือรน้ กระตือรอื ร้น กระตือรอื ร้น กระตอื รือร้น การเรียนรตู้ ่าง ในการเรยี น ในการเรียน ในการเรียน ในการเรียนไมก่ ลา้ ๆ กลา้ ซกั ถามปญั หา ซักถามปัญหาที่ ซักถามปัญหาที่ ซกั ถามปญั หาที่ ทส่ี งสัยทกุ ครงั้ สงสัยเปน็ ส่วน สงสัยเป็นบางคร้งั สงสยั ใหญ่ -แสวงหา ศึกษาค้นคว้า ศกึ ษาค้นควา้ ศึกษาค้นควา้ ไมม่ กี ารศกึ ษา ศกึ ษา คน้ ควา้ ความรเู้ พ่ิมเตมิ ใน ความรเู้ พม่ิ เตมิ ใน ความรเู้ พิม่ เติมใน คน้ ควา้ ความรู้ ความรจู้ าก อินเตอร์เน็ตและ อนิ เตอรเ์ น็ตและ อนิ เตอรเ์ นต็ และ เพม่ิ เติมใน แหล่งการ ห้องสมดุ เปน็ หอ้ งสมุดเปน็ ส่วน ห้องสมดุ เปน็ อินเตอร์เน็ตและ เรียนรู้ต่าง ๆ ประจา ใหญ่ บางครง้ั ห้องสมดุ -บนั ทึกความรู้ บันทึกความรทู้ ี่ บนั ทกึ ความรทู้ ี่ บนั ทกึ ความรทู้ ี่ ไม่มีการบนั ทึก วเิ คราะห์ สาคญั ลงในสมดุ สาคญั ลงในสมุด สาคัญลงในสมดุ ความรู้ท่ีสาคัญลง ตรวจสอบ ทกุ คร้งั สว่ นใหญ่ บางครง้ั ในสมุด แลกเปล่ยี น เรียนรู้ 1.มุ่งมั่นในการ ทางาน -มีความต้ังใจ สนใจในการ สนใจในการ ไมส่ นใจในการ ทางานท่ีได้รบั ทางานทไ่ี ด้รบั ทางานท่ไี ด้รบั สนใจในการทางาน มอบหมาย คุยกนั ทไ่ี ด้รบั มอบหมาย มอบหมาย คุยกัน มอบหมาย คยุ เลก็ น้อย และเล่นกนั เป็น และเล่นกัน ไม่คยุ หรอื เลน่ กนั บางคร้ัง -มีความ ทางานและสง่ งาน ทางานและสง่ งาน ทางานและสง่ งาน ไม่ทางานและไม่ รบั ผดิ ชอบ ตามท่ีรบั มอบหมาย ตามทีร่ บั ตามที่รบั ส่งงานตามท่ีรับ ทกุ ครัง้ มอบหมายสว่ น มอบหมาย มอบหมาย
ใหญ่ บางครั้ง -เอาใจใส่ตอ่ ทางานท่ีตนไดร้ บั ทางานท่ตี นได้รับ ทางานท่ีตนไดร้ บั ไม่ใสใ่ จไมง่ านที่ ได้รบั มอบหมาย งานทต่ี นได้รับ มอบหมายด้วยความ มอบหมายดว้ ย มอบหมายดว้ ย ไมท่ บทวน ใส่ใจทกุ ครง้ั ความใส่ใจเปน็ ความใส่ใจ บทเรยี นและไม่มี ความ สว่ นใหญ่ บางครัง้ กระตือรอื รน้ ใน การทางานทไี่ ด้รบั -มีคว ามขยัน ทบ ทว น บท เรี ย น ทบทวนบทเรียน ทบทวนบทเรียน มอบหมาย ทางานท่ไี ดร้ บั อดทน และกระตือรือร้นใน และกระตือรือร้น และกระตือรือร้น มอบหมายจนไม่ เสร็จสง่ ไม่ทนั ตาม การทางานท่ีได้รับ ในการทางานที่ ในการทางานท่ี เวลาที่กาหนด มอบหมายทกุ ครัง้ ได้รับมอบหมาย ได้รบั มอบหมาย เป็นส่วนใหญ่ บางครัง้ -มคี วาม ทางานที่ไดร้ บั ทางานทไ่ี ด้รับ ทางานท่ีไดร้ บั มอบหมายจน มอบหมายจน พยายาม มอบหมายจนเสร็จ เสรจ็ ส่งทันตาม เสร็จส่งทนั ตาม ทางานจนเสร็จ ส่งทนั ตามเวลาที่ เวลาที่กาหนด เวลาท่กี าหนด เปน็ ส่วนใหญ่ บางครง้ั กาหนดทกุ ครั้ง ระดับคุณภาพ คะแนน 16 – 20 หมายถงึ ดีมาก คะแนน 11 – 15 หมายถงึ ดี คะแนน 6 – 10 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 - 5 หมายถึง ปรบั ปรงุ 8.3 เกณฑก์ ารตัดสิน - รายบคุ คล นกั เรียนมีผลการเรียนรูไ้ มต่ ่ากว่าระดบั 2 จึงถือว่าผ่าน - รายกลุม่ ร้อยละ 70 ของจานวนนกั เรียนทง้ั หมดมีผลการเรียนรไู้ ม่ตา่ กวา่ ระดับ 2
9. ข้อเสนอแนะ ใชส้ อนได้ ควรปรบั ปรงุ ………………………………………………………………………………..………………………………………. .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 10. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ ช้นั ................ ความเหมาะสมของกจิ กรรม ดี พอใช้ ปรับปรงุ ………………………. ความเหมาะสมของเนือ้ หา ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ……………………… ความเหมาะสมของเวลา ดี พอใช้ ปรับปรงุ ……………………… ความเหมาะสมของส่อื ดี พอใช้ ปรับปรงุ ……………………… อนื่ ๆ……………………………………………………………………………………………………... 11. สรุปผลการประเมินผู้เรยี นดา้ นความรู้ นักเรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นร้ฯู อยู่ในระดับ 1 นักเรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มีผลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดบั 2 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรูฯ้ อยู่ในระดับ 3 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรูฯ้ อยใู่ นระดับ 4 12. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รียนด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรยี นรู้ฯ อย่ใู นระดบั 1 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรฯู้ อยูใ่ นระดบั 2 นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเป็นร้อยละ………..มผี ลการเรียนร้ฯู อยใู่ นระดบั 3 นักเรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มีผลการเรยี นรู้ฯ อยู่ในระดับ 4 13. สรุปผลการประเมนิ ผเู้ รยี นดา้ นคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ นกั เรยี นจานวน…….คน คิดเปน็ ร้อยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดับ 1 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรู้ฯ อยใู่ นระดับ 2 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………..มผี ลการเรียนรฯู้ อยใู่ นระดบั 3 นกั เรียนจานวน…….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………..มีผลการเรียนรู้ฯ อยู่ในระดบั 4
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123