กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครตู รวจสอบความถูกตอ งในการตอบคาํ ถาม คาปถระาจÓมหน่วยการเรียนรู้ ประจําหนว ยการเรยี นรู ๑. “การบริหารจิตมีประโยชน์เฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยเรียน เพราะช่วยให้มีสมาธิมากข้ึน” นักเรียน หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู เห็นด้วยกบั ข้อความข้างต้นหรอื ไม่ อยา่ งไร จงอธิบาย 1. บันทกึ การฝกปฏบิ ตั กิ ารบรหิ ารจติ ตามหลัก ๒. การเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะ (ความระลึกได้และความรู้ตัว) อยู่ตลอด มีข้อดีหรือข้อเสีย สตปิ ฏฐาน อย่างไร 2. บันทึกการเจริญปญญาตามหลกั โยนิโสมนสกิ าร ๓. การฝกึ ตนใหเ้ ปน็ คนที่มีสตสิ มั ปชัญญะ กระทำาไดอ้ ย่างไร เพ่อื แกป ญหาและพัฒนาโรงเรยี นหรือทองถิ่น ๔. การเดนิ จงกรมและนัง่ สมาธสิ ลบั กนั มีจดุ ประสงคเ์ พื่ออะไรและมีขอ้ ดอี ยา่ งไร ๕. การเจริญปัญญาด้วยวิธีการคิดแบบโยนิโสมนสิการมีข้อดีอย่างไร และสามารถนำาไปใช้ใน การพฒั นาการเรียนร้ขู องตนเองได้อยา่ งไร จงอธบิ ายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ กิจสรกา้ รงรสมรรคพ์ ัฒนาการเรยี นรู้ กิจกรรมท่ี ๑ นักเรียนฝึกน่ังกำาหนดหรือเดินจงกรมตามหลักสติปัฏฐานก่อนเข้าเรียน กจิ กรรมท่ี ๒ วนั ละประมาณ ๑๐ นาที แลว้ สมุ่ นกั เรยี นมาเล่าถึงความรู้สึกขณะปฏิบัติ กจิ กรรมที่ ๓ จดั ปา้ ยนเิ ทศเกย่ี วกบั การบรหิ ารจติ ตามหลกั สตปิ ฏั ฐาน และประโยชนข์ อง การบริหารจติ นักเรียนจับคู่กับเพื่อน แต่งนิทานพร้อมวาดภาพประกอบในหัวข้อ ทีเ่ กีย่ วกับประโยชน์ของการบริหารจติ ความยาวไม่เกนิ ๑๐ หน้ากระดาษ สง่ ครผู ู้สอน 1๔2 แนวตอบ คําถามประจําหนว ยการเรียนรู 1. การบริหารจิตมปี ระโยชนสาํ หรบั คนทุกวยั เน่อื งจากชว ยใหจ ติ สงบ เกิดสมาธิ มีประสทิ ธิภาพในการประกอบกิจการงานตา งๆ รวมถงึ การดําเนินชวี ติ การแกไขปญหาที่ ตองเผชญิ และการพฒั นาชวี ติ ใหป ระสบความสําเร็จ ตลอดจนมีสว นชว ยสง เสรมิ ใหม ีบุคลิกภาพดอี ีกดวย 2. การมีสติสมั ปชญั ญะอยูเสมอชว ยใหเผชญิ หนา กับสถานการณแ ละบคุ คลตางๆ ทั้งเรือ่ งราวที่ดีและรายไดอ ยา งชาญฉลาด ไมแสดงอาการปริวติ กจนเกินควร และ สามารถตดั สนิ ใจกระทําการตางๆ หรือแกไ ขปญ หาไดอ ยา งถูกตอ งเหมาะสม ดงั นก้ี ารมสี ตสิ มั ปชญั ญะจงึ กลา วไดวา เปนคณุ อนันตแ กก ารดําเนนิ ชวี ิต 3. การบรหิ ารจิตและเจรญิ ปญ ญาตามแนวทางพระพทุ ธศาสนาจะชวยสง เสรมิ ใหเปน ผทู ีม่ สี ติสัมปชัญญะอยูกบั ตนเองเสมอ ยกตวั อยา งเชน การน่งั สมาธิ การกําหนดได หมายรูใ นลมหายใจและรางกายของตน ซง่ึ ชว ยใหจ ิตสงบ มสี ตสิ มั ปชัญญะ และการคดิ แบบเปน อยูในขณะปจจุบนั ชว ยใหไมยดึ ตดิ หรอื คาดหวงั กบั เรอ่ื งราวในอดตี หรอื อนาคต มสี ตสิ มั ปชัญญะอยูก ับปจ จบุ นั ทําใหส ามารถใชค วามรู ความคิด และคุณธรรมจริยธรรม ตดั สนิ ใจแสดงออก กระทําการ หรือแกไ ขปญหาตางๆ ของชวี ติ ได อยา งถกู ตองเหมาะสม 4. การเดนิ จงกรมชว ยสง เสริมการบริหารจติ ดว ยวิธีการนัง่ สมาธิ กลาวคือ ชวยสรางใหเกิดความวิรยิ ะ ขจดั ความงวงเหงาหาวนอน ซงึ่ เปน หน่ึงในนวิ รณท ี่ขัดขวางจิตมใิ ห สามารถพฒั นาจนเกดิ ปญญาได นอกจากนี้ยังชว ยผอ นคลายความเม่ือยลา จากการน่ังสมาธอิ ีกดวย ดังนัน้ การเดนิ จงกรมจึงมักกระทาํ ควบคไู ปกับการน่ังสมาธิ 5. การเจรญิ ปญญาตามหลักโยนโิ สมนสกิ าร โดยเฉพาะการคิดแบบรูเทา ทันธรรมดา (คดิ แบบสามัญลกั ษณะ) และการคดิ แบบเปนอยูใ นขณะปจ จบุ นั ชว ยสง เสริมให เปน ผทู ม่ี สี ติสัมปชัญญะ จากการไมย ดึ ตดิ กับสงิ่ ทง้ั ปวงอันเปนอนัตตา และไมพะวงกับเร่อื งราวในอดีตหรอื อนาคต ซึง่ เปนพื้นฐานของการเกิดสมาธิ และปญ ญา อันมี ประโยชนอยางย่ิงในการศึกษาเลาเรียน เน่อื งจากชว ยพฒั นาการเรียนรูสิ่งตาง ๆ ใหสามารถทําความเขาใจไดอยา งรวดเรว็ 142 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู 1. อภิปรายความสาํ คัญของพระพุทธศาสนา เก่ียวกบั การศึกษาที่สมบรู ณ การเมือง และ สันติภาพได 2. สมั มนาและเสนอแนะแนวทางในการธํารง รกั ษาพระพุทธศาสนาได สมรรถนะของผูเ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต ๘ ¾รо·Ø ¸Èาʹา˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค กºÑ การáกŒ»-˜ ËาáÅÐการ¾²Ñ ¹า 1. รักชาติ ศาสน กษัตรยิ 2. ใฝเรียนรู 3. มุง มั่นในการทาํ งาน 4. มีจิตสาธารณะ ม¹ØÉÂà¡Ô´ÁÒµ‹Ò§ÁÕ»˜ÞÞÒ´ŒÇ¡ѹ·éѧÊéÔ¹ »˜ÞÞÒª‹ÇÂãËŒàÃÒÃÙŒ¨Ñ¡¤Ô´ Ì٨ѡµ‹ÍʌٴéԹùä»ÊÙ‹ÊèÔ§ ·èÕ´Õ¡Ç‹Ò áÁŒáµ‹Åкؤ¤Å¨ÐÁÕ»˜ÞÞÒÁÒ¡¹ŒÍÂᵡµ‹Ò§¡Ñ¹ä» ᵋ¡ç໚¹ÊèÔ§·ÕèͺÃÁãËŒà¾èÔÁ¾Ù¹ä´Œâ´Â¡Òà ÈÖ¡ÉÒ ÇÔ¸Õ¡ÒÃÊÌҧ»˜ÞÞÒ¨Ö§¢Öé¹ÍÂÙ‹¡Ñº¡Ãкǹ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ ¡Òö‹Ò·ʹ ¡ÒÃÃѺÌ٤ÇÒÁÃÙŒ¨Ò¡¼ŒÙÍ×è¹ กระตนุ้ ความสนใจ Engage áÅСÒþԨÒóҴŒÇÂà˵ؼŠàÁèÍ× Á¤Õ ÇÒÁÃŒáÙ µ¡©Ò¹áÅÇŒ ¡çµÍŒ §Å§ÁÍ× »¯ÔºµÑ ãÔ ËŒà¡´Ô ¤ÇÒÁªíÒ¹ÒÞ ¨§Ö ¨Ð ครูใหนกั เรยี นพจิ ารณาภาพทห่ี นาหนว ยการ à¡Ô´»Þ˜ ÞÒ·èáÕ ·Œ¨ÃÔ§ ¡ÒÃÁÕ»Þ˜ ÞÒ¤ÇÒÁÃŒµÙ ÍŒ §¹Òí ÁÒ㪌ãËàŒ ¡Ô´»ÃÐâª¹á ¡µ‹ ¹àͧáÅм͌٠è¹× à¾ÃÒФÇÒÁÌ٠เรียนรู แลวสนทนารว มกันกบั นกั เรยี นถึงการ àËÁ×͹´ÒºÊͧ¤Á ¶ŒÒ㪌㹷ҧ·Õè¶Ù¡Â‹ÍÁÊÌҧÊÃä ᵋ¶ŒÒ㪌㹷ҧ·èռԴ‹ÍÁÁÕâ·ÉÁËѹµµ‹ÍÊѧ¤Á แกป ญ หาและการพฒั นาตามแนวทางพระพทุ ธ- ¡ÒÃ໹š ¼ÁÙŒ »Õ ˜ÞÞÒ¤ÇÒÁèٌ Ö§µŒÍ§Á¸Õ ÃÃÁÐ㪡Œ íÒ¡ºÑ ¤ÇÒÁùٌ Ñ¹é µÅÍ´àÇÅÒ ศาสนา เชน การนอมนําหลักธรรมคําสอนมาใช ในศึกษาเลา เรียน การแกไ ขปญหาความขดั แยง ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ระหวางกลมุ คนดวยพทุ ธวิธี จากนั้นต้ังประเด็น อภปิ รายรว มกนั กบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั พระพทุ ธศาสนา ส 1.1 ม.4/12 ■ ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนากบั การศกึ ษาทส่ี มบรู ณ์ หรือศาสนากับการสงเสริมสนั ตภิ าพ เชน ■ วิเคราะห์ความสําคัญของพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับการศึกษาท่ี ■ การปกปอ ง คมุ้ ครอง ธาํ รงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาของ • การสง เสริมสันติภาพของโลกตามแนวทาง สมบูรณ์ การเมอื ง และสนั ตภิ าพ หรือแนวคดิ ของศาสนาทีต่ น พทุ ธบรษิ ทั ในสงั คมไทย พระพทุ ธศาสนา นับถือตามที่กาํ หนด ■ การปลกู จติ สาํ นกึ และการมสี ว่ นรว่ มในสงั คมพทุ ธ ส 1.2 ม.4/5 ■ สัมมนาและเสนอแนะแนวทางในการธํารงรักษาศาสนาท่ีตน นับถือ อันส่งผลถงึ การพฒั นาตน พัฒนาชาตแิ ละพัฒนาโลก • การพัฒนาตนเองและสังคมตามหลกั ศาสนากับการสรา งสันตภิ าพของโลก • ศาสนา : สาเหตุหรือแนวทางการแกไ ข ปญ หาความขดั แยงของโลก เกรด็ แนะครู ครคู วรจดั กจิ กรรมการเรยี นรูเพ่อื ใหน กั เรียนสามารถวเิ คราะหความสาํ คญั ของ พระพทุ ธศาสนาเก่ียวกับการศกึ ษาที่สมบรู ณ การเมือง และสันติภาพ สัมมนาและ เสนอแนะแนวทางในการธํารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาได โดยเนนการพฒั นาทกั ษะ กระบวนการ เชน ทักษะการคดิ กระบวนการทาํ งานกลมุ และกระบวนการสบื สอบ ดังตัวอยางตอ ไปน้ี • ครูใหนกั เรียนศึกษาความรเู ก่ยี วกับพระพุทธศาสนากบั การศกึ ษาท่ีสมบรู ณ จากหนังสือเรียนและแหลงการเรียนรูอ ื่นทคี่ รเู สนอแนะ แลวอธบิ ายความรู โดยการตอบคาํ ถามทีค่ รูกําหนด จากนนั้ ศกึ ษาคน ควาเพม่ิ เตมิ เพ่อื เตรยี ม การอภปิ รายในประเด็นความสําคัญของพระพทุ ธศาสนาเกยี่ วกบั การศึกษา ท่สี มบรู ณ การเมือง และสันติภาพ แลว จดั ทําบทความเก่ยี วกบั ความสําคัญ ของพระพทุ ธศาสนาในประเดน็ ดังกลาว คมู่ อื ครู 143
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Elaborate Evaluate Explore Explain สา� รวจคน้ หา Explore ครอู ธิบายนักเรียนเกีย่ วกับการพฒั นาตนเอง ๑. พระพุทธศาสนากับการศึกษาที่สมบรู ณ์ และสงั คมตามแนวทางพระพทุ ธศาสนา โดย อาจสอบถามความรูท ่ัวไปเก่ยี วกบั หลักธรรมทาง การศึกษา หมายถึง การพัฒนาความสามารถด้านต่างๆ ของบุคคล และต้องระดมเอา พระพทุ ธศาสนากบั การพฒั นาตนเองและสังคมที่ ศักยภาพท่ีแฝงอยู่ในตัวบุคคลออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด มิใช่มีแต่ความรู้ ความคิด นักเรียนไดศ ึกษามา แลวใหนักเรยี นศกึ ษาความ แต่ไม่นำามาใช้ปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ ในท่ีสุดความคิดนั้นก็กลายเป็นอัมพาต การศึกษาที่ถูกวิธี รเู กีย่ วกับพระพุทธศาสนากบั การศึกษาท่ีสมบรู ณ จึงหมายถึงการนำาชีวิตของตนไปสู่เป้าหมายที่ดี ท่ีพึงประสงค์ได้ เป็นวิธีการใช้เส้นทางชีวิตที่ จากหนังสือเรียน หนา 144-146 และแหลง การ ถูกต้อง เพื่อนำาชีวิตให้เจริญก้าวหน้าไปสู่สิ่งท่ีชีวิตต้องการ และท่ีสำาคัญการศึกษาสูงสุดต้อง เรยี นรอู ่นื ท่คี รูเสนอแนะ เชน หนงั สือในหองสมดุ สามารถขจัดสัญชาตญาณอย่างสัตว์ให้เป็นมนุษย์ท่ีประเสริฐ ลดละความโกรธ ความโลภ และ เวบ็ ไซตท เ่ี กยี่ วของ อาทิ http://www.mcu.ac.th/ ความหลงผิดทง้ั ปวง ให้เปน็ ผมู้ ีจิตใจสูงสง่ ดจุ ดงั อรยิ บคุ คลทว่ั ไปพึงมี mcutrai/menu2/Critical/06.htm เวบ็ ไซตพระ- ไตรปฎกวิจารณ พระพทุ ธศาสนากบั ปรชั ญาการ การศึกษาท่ีสมบูรณ์จึงได้แก่ การศึกษาท่ีทำาให้บุคคลมีชีวิตอยู่ได้ด้วยความสงบ และ ศึกษา พระไตรปฎก CD-ROM ฉบบั มหาวทิ ยาลัย ความสุข เม่ือพบปัญหาก็สามารถแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่น การศึกษาท่ีสมบูรณ์ตามแนวพุทธ มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย http://www.visalo. org/article/budBudandSuksa.htm เว็บไซต ประกอบไปดว้๑ย)ก ามรีมคีคววาามมรรูู้้สคำาวาหมรสับามปารระถกแอลบะคอวาาชมีปพร ะพในฤมตงิ คดังลลกั ๓ษ๘ณ1 ะเตรีย่อไกปคนว้ีามรู้อย่างนี้ว่า บทความทางพระพทุ ธศาสนา พุทธศาสนากบั การ ศึกษาเพ่อื อนาคตของประเทศ โดยพระไพศาล “สปิ ฺปญฺจ” หมายถงึ มีศลิ ปวทิ ยา มีความชำานาญในอาชพี ของตน สามารถทำาการงานประกอบ วสิ าโล http://www.vitheebuddha.com/main. อาชีพเล้ียงชีพตนและครอบครัวได้ คนท่ีมีความรู้แต่ไม่สามารถเลี้ยงตนและครอบครัวได้ นับว่า php?url=about&code=16 เวบ็ ไซตก ารศกึ ษา เปน็ คนสมบรู ณ์ไมไ่ ด้ วถิ ีพุทธ โรงเรียนวิถีพทุ ธ การศกึ ษาเพอ่ื ความเปน มนษุ ยท่สี มบรู ณ จากนั้นสรุปความรตู นไดศกึ ษา ๒) มคี วามรเู้ ข้าใจชมุ ชน ผู้มคี วามรตู้ อ้ งเข้าใจชมุ ชน สงั คม ประเทศ และโลก คนความาเพ่อื เตรยี มการอธบิ ายความรู ท่ีตนอาศัยอยู่ รู้จักความเป็นไป ความเปล่ียนแปลงของสิ่งรอบตัว รู้กฎระเบียบ จารีตประเพณี อธบิ ายความรู้ Explain อันดีงาม เพ่ือที่จะอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างราบรื่นและเป็นปกติสุข ไม่เป็นคนสวนกระแสสังคม จนเกินไป หรอื ไมเ่ ป็นคนตามกระแสสังคมทกุ เรือ่ ง ครูสนทนารว มกันกับนักเรยี นถึงความรูท่วั ไป เก่ยี วกบั พระพุทธศาสนากบั การศึกษาทีส่ มบูรณ ๓) มีความรู้ในหลักจริยธรรม จริยธรรม คือ หลักความประพฤติที่ถูกต้อง ท่ีนักเรียนไดศ ึกษามา โดยเฉพาะความหมายของ การศึกษาทางพระพทุ ธศาสนา แลวสอบถามความ ดีงาม ให้บุคคลยึดถือปฏิบัติตนเพ่ือการอยู่ร่วมกันในสังคม การมีความรู้ในหลักจริยธรรมก็เพื่อ สอดคลอ งระหวางการศกึ ษาของนกั เรียนกบั ความ กจะฎไหดม้ยาึดยเปแ็นละแจนาวรทตี าขงอในงสกังาครมป2แฏลิบว้ ัติตยนงั ตคอ้ นงเทปี่สน็ มคบนูรมณศี ์นีลั้นธรนรอมกดจ้วายกจคะนมชีอัว่านชั้นีพถเล้า้ียมงคี ตวนามแรูม้ละาไกม่ฝค่าวฝามืน หมายของการศึกษาทางพระพุทธศาสนาดงั กลา ว สามารถมาก ร้กู ฎหมายบ้านเมอื งมาก ก็จะยง่ิ ทาำ ร้ายผอู้ น่ื และตนเองไดม้ าก ปจั จุบนั มีคำากล่าววา่ เพือ่ ใหน ักเรยี นเขา ใจถึงจุดมงุ หมายของการศึกษาท่ี “ความร้คู ู่คุณธรรม” คือ ตอ้ งเปน็ คนเกง่ และเปน็ คนดคี วบค่กู นั ไปนั่นเอง สมบรู ณท างพระพทุ ธศาสนา คอื คณุ ธรรมนาํ ความรู การศึกษาที่เน้นเพียงความรู้เพ่ือการประกอบอาชีพ และความรู้เข้าใจชุมชน แตข่ าดความรใู้ นหลกั จริยธรรม ไมอ่ าจนับวา่ เป็นการศึกษาท่สี มบูรณ์ได้ 144 นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT บุคคลในขอ ใดกลา วไดว าเปนผูม กี ารศึกษาท่ีสมบูรณใ นทางพระพทุ ธศาสนา 1 มงคล 38 สง่ิ ที่ทําใหมีโชคดี ธรรมอนั นํามาซง่ึ ความสขุ ความเจรญิ หรอื เรยี ก 1. โจเตรยี มสอบใหเพอื่ นทีไ่ มถนัดวชิ าคณิตศาสตร เพอ่ื ตอบแทนทเ่ี พอ่ื น ไดวา อดุ มมงคล คอื มงคลอนั สงู สดุ 38 ประการ ทีส่ าํ คญั สาํ หรับนกั เรียน เชน ชวยคนหาขอมูลในการทาํ งานกลมุ พาหุสจฺจจฺ หมายถึง ศึกษาเลา เรยี นมาก มคี วามรกู วา งขวาง ใสใ จสดับตรบั ฟง 2. เจมสข อยืมรายงานของเพ่อื นแลว คัดลอกเนอ้ื หาสาระจดั ทาํ เปนรายงาน คนควาหาความรูอยเู สมอ วนิ โย จ สสุ ิกขฺ ิโต หมายถงึ มรี ะเบียบวินยั ฝก อบรมตน ของตน เนื่องจากเขาไมช อบเรียนวิชานี้ ไวด ี และสุภาสิตา จ ยา วาจา หมายถึง วาจาสภุ าษิต รจู กั ใชวาจาพดู ใหเปนผลดี 3. เจอาสาเตรียมสอบใหกลมุ เพอื่ นโดยคดิ คาใชจาย เพื่อนําไปจัดทาํ 2 กฎหมายและจารีตของสงั คม เปน องคป ระกอบหนึง่ ของบรรทดั ฐาน ซึ่งหมาย เอกสารและเปน คา เสยี เวลาของเขา ถึง แบบแผนสําหรับยึดถือเปน แนวทางปฏิบตั ิ เหตุที่ตั้งเปน เครอ่ื งถงึ เหตอุ ันใกล 4. จอมใหข อ สอบแกรุน นองและรบั คา ตอบแทน เนอื่ งจากฐานะทางบา น ท่ีสดุ อีกประการหนึง่ คือ วถิ ปี ระชา (Folkways) หมายถึง แนวทางการปฏบิ ัตขิ อง ของเขาขดั สน และคิดวา เปน การชวยเหลอื รุนนอ งทางออ ม บุคคลในสังคมที่ปฏบิ ัตติ ามความเคยชนิ และเปนท่ยี อมรบั ของคนในสงั คม เชน วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. โจเตรยี มสอบใหเพื่อนทไ่ี มถนัดวชิ า การลุกใหค นชรานัง่ ในรถประจําทาง การแตง กายไวท ุกขในงานสวดพระอภิธรรม คณิตศาสตร เพ่ือตอบแทนทีเ่ พือ่ นชวยคนหาขอมูลในการทาํ งานกลมุ ผูท่ีละเลยไมปฏิบตั ิตามแนวทางดังกลาวจะถกู ติเตยี น เยาะเยย ถากถาง หรอื นนิ ทา แสดงถงึ การเปน บุคคลที่มคี วามรู ความสามารถ และมคี วามประพฤติดี ผอู ่ืนทําใหส มาชกิ สังคมสังคมตองปฏบิ ตั ิตาม 144 คูม่ ือครู
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครสู มุ นักเรยี น 3 คน เพอ่ื ใหอธบิ ายความรู เกยี่ วกบั การศกึ ษาทส่ี มบรู ณต ามแนวพระพทุ ธ- การท่ีจะเรียนเก่ง มีความสามารถประกอบการงาน มีความรู้เกี่ยวกับสภาพ ศาสนา คนละ 1 ระดบั ทีห่ นาชัน้ เรยี น ไดแ ก ความเป็นไปของบ้านเมืองน้ัน ในพระพุทธศาสนามีหลักธรรมมากมายที่อำานวยให้เกิดขึ้น อาทิ ความรคู วามสามารถในการดาํ รงชีวติ และการ หลกั ธรรม “ปัญญา ๓” ดังน้ี ประกอบอาชพี ความรคู วามเขาใจในชมุ ชน ปั- - า ๓ และสงั คม และความรใู นหลักจริยธรรมและ สามารถนาํ ไปปฏบิ ตั ไิ ดอ ยา งถกู ตองเหมาะสม ปญั ญา หมายถงึ ความรจู้ รงิ เกย่ี วกบั เรอ่ื งตา่ งๆ อยา่ งทว่ั ถงึ หรอื รตู้ ลอด ถา้ รไู้ มท่ ว่ั ถงึ แลว ใหนักเรียนในช้นั เรียนชว ยกันเพมิ่ เตมิ เพอ่ื ในสิง่ ใด รู้ไมต่ ลอดในสิง่ ใด ยังไดช้ ื่อวา่ ไม่มีปญั ญาท่แี ทจ้ รงิ ในสิง่ นนั้ ใหไ ดค วามรทู ถ่ี กู ตอ งชดั เจนยงิ่ ขน้ึ จากนน้ั ครู และนักเรียนชวยกนั สรุปความรเู ก่ียวกับการ ปัญญาหรือความรู้แต่ละคนมีมากน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นกับว่าใครได้รับการฝึกฝน ศึกษาทีส่ มบูรณต ามพระพุทธศาสนาในรูป มหมามนั่ าศกกึ นษ้อายหเพมั่นียฝงใกึ ดฝนคตวนาเมอรงู้นทั้นั้งสนา้กี มาารรพถฒั ฝนึกาฝปนัญหญราื1อสพาัฒมานราถใทหำา้มไีมด้า๓กไทดา้ งโดดยังอนา้ี ศัยความเพียร แบบผงั กราฟกตางๆ บนกระดานหนาชัน้ เรยี น ๑) จินตามยปญั ญา หมายถงึ ปัญญาหรือความรู้ทเ่ี กิดจากการคิดและพจิ ารณา 2. ครตู ง้ั คาํ ถามถงึ หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา หาเหตุผล การคิดตามหลักเหตุผลเป็นปัจจัยสำาคัญท่ีสุดปัจจัยหน่ึงท่ีทำาให้เราได้ความรู้ใหม่หรือ ท่เี กีย่ วของกบั การศกึ ษาทส่ี มบรู ณ เชน ปญญา 3 ใหน กั เรยี นชวยกันตอบ เพื่อเปนการ เข้าใจความรู้ที่มีอยู่ให้แจ่มแจ้งชัดเจนข้ึน บางครั้งมีเรื่องราวท่ีเราได้ยินได้ฟังมาหลายคร้ังแล้ว อธบิ ายความรู ตัวอยางขอคําถามเชน • ปญญาในทางพระพทุ ธศาสนาแตกตา งจาก แต่ก็ยังไม่หายสงสัยขุ่นข้องใจ เพราะมีแง่มุมท่ีซับซ้อน ก็ต้องนำาเอามาคิดทบทวน หาเหตุผล ในท่สี ดุ กจ็ ะเกดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจทถี่ กู ต้องขนึ้ ได้ ปญญาโดยท่ัวไปอยา งไร (แนวตอบ ปญ ญาในทางพระพุทธศาสนาจะ ๒) สุตมยปัญญา หมายถึง ปัญญาหรอื ความร้ทู ่ีเกิดจากการฟงั ในที่นหี้ มายถงึ ตอ งประกอบดวย ความดีงามบนพน้ื ฐานของ ความรูท แ่ี ทจ รงิ เกี่ยวกับเรื่องตา ง ๆ อนั เกิด สกอื่ารสอาา่รนสนหเนทังศส2ตือา่ สงๆ่ิงพซิมงึ่ พใน์ กโลากรคยคุ้นปคจวั า้จขบุ ้อนั มคูลวาจมากรู้ จากการเรยี นรู การศึกษา การคดิ พจิ ารณา เกิดข้ึนและเปล่ียนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ผู้ท่ี ไม่ติดตามย่อมไม่อาจสู้เขาได้ ความคิดอ่าน ไตรตรองทบทวน และการนาํ ไปใชหรอื การ ของบุคคลจะกว้างขวางลึกซ้ึงได้ จึงต้องอาศัย ฝกปฏบิ ตั อิ ยา งสมาํ่ เสมอ) • หวั ใจนักปราชญสอดคลองกบั หลกั ปญ ญา 3 การอ่านการฟังให้มาก การรับฟังความเห็น อยา งไร หลายๆ ด้าน ย่อมทำาให้เรามีความแตกฉาน (แนวตอบ หัวใจนักปราชญ คือ แนวทาง การศึกษาเรยี นรเู พอ่ื ความเปนผรู แู จง อนั ออกไปไม่เชื่ออะไรง่ายๆ โดยไม่พิจารณา การพัฒนาปัญญาด้วยการอ่านและฟังให้มาก จะช่วยให้ ประกอบดว ย สุ คอื สุตะ หมายถึง การ ใคร่ครวญ เพราะการอ่านมากหรือฟังมาก บคุ คลมีความคดิ ทก่ี วา้ งขวางและลกึ ซึง้ มากย่ิงขึน้ ฟง จิ คอื จนิ ตนะ คอื การคิด ปุ คือ ปุจฉา มิใช่ว่าเราจะได้ความรู้จริงเสมอไป จึงควรท่ีจะ หมายถึง การถาม และ ลิ คือ ลขิ ิต หมาย ใชส้ ติปัญญาไตร่ตรองใหไ้ ดข้ ้อเท็จจริงที่ถกู ตอ้ ง ถงึ การบนั ทกึ ขอมูลความรูในรปู แบบตา งๆ จงึ เรยี กเป็นความรู้ท่สี มบรู ณ์ 145 ไวเพื่อศกึ ษาทบทวนจนเกดิ ความรทู ี่ถองแท ชดั เจน ซ่ึงสอดคลอ งกับหลกั ปญญา 3 ในขอ จนิ ตามยปญ ญาและสุตมยปญญา) ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’52 ออกเก่ียวกบั การพฒั นาตนเองในแนวทางพระพทุ ธศาสนา นกั เรยี นควรรู ในแนวทางพระพุทธศาสนา เราสามารถพัฒนาตนเปน มนุษยทส่ี มบูรณ 1 การพัฒนาปญญา ตามหลักธรรมคาํ สอนทางพระพุทธศาสนานอกจากหลกั ไดอ ยา งไร ปญ ญา 3 แลว หลกั ธรรมอืน่ ทีส่ ําคญั เชน วุฑฒิ หรือวฑุ ฒธิ รรม ธรรมเปน เคร่อื ง เจรญิ ธรรมเปนเหตุใหถ ึงความเจรญิ มี 4 อยา ง คอื สปั ปุริสสังเสวะ คบหาสัตบรุ ุษ 1. รกั ษาศีลใหครบ สทั ธมั มสั สวนะ ฟง สทั ธรรม โยนโิ สมนสกิ าร ทาํ ในใจโดยแยบคาย และธมั มานธุ มั ม- 2. ยดึ ไตรสิกขาในการดาํ เนนิ ชวี ิต ปฏิปต ติ ปฏบิ ัตธิ รรม สมควรแกธรรม เปน ตน 3. ฝกสตปิ ฏฐานจนถงึ ขน้ั สุดทาย 4. มีสว นรวมในกิจกรรมทางศาสนาอยางสมํา่ เสมอ วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ยดึ ไตรสกิ ขาในการดําเนนิ ชวี ิต ไตรสกิ ขา 2 สือ่ สารสนเทศ จากความเจรญิ ทางเทคโนโลยีในยุคโลกาภวิ ตั น (Globaliza- อันไดแ ก ศีล สมาธิ ปญ ญาเปน แนวทางในการศึกษาและพฒั นาตนเอง tion) สงผลใหส ังคมโลกในปจ จบุ ันเตม็ ไปดวยขอ มลู ขาวสาร และเปน ยคุ ทีก่ าร ทางพระพทุ ธศาสนา เพอ่ื ความเปนมนษุ ยท ี่สมบูรณด ว ยความรู ความ ตดิ ตอส่ือสารไรพ รมแดน ทง้ั นเ้ี พราะเทคโนโลยีการตดิ ตอ ส่ือสารมคี วามทนั สมยั สามารถ และความประพฤติ กลา วคือ ดําเนินชีวิตไดอ ยางสงบ สามารถเชือ่ มตอโลกทง้ั ใบได โดยลดอปุ สรรคดานเวลาและระยะทาง อยา งไร มคี วามสุข แกปญหาท่ตี อ งเผชิญในชีวิตไดอ ยางถกู ตองเหมาะสม ก็ตามขอ มูลขาวสารทีไ่ ดรบั น้นั เราควรมีการคดิ พจิ ารณาตามหลักกาลามสูตรทาง พระพุทธศาสนา เพ่ือการเปน ผทู ่ีมีวิจารณญาณ รูเทา ทนั ขอมลู ขาวสารตา งๆ ค่มู ือครู 145
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate Expand ขยายความเขา้ ใจ 1. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นศกึ ษาคน ควา เกยี่ วกับ เรอื่ งนา่ รู้ หลักธรรมคาํ สอนเพือ่ การศกึ ษาท่สี มบูรณใ น พุทธลกั ษพทุณธะลกกั ษับณกะาบราใงชปป้ ระัญกาญรขาองพระพทุ ธรปู 1คือ ยอดแหลมของพระเศยี รทเ่ี หมือนเปลวไฟ เปน็ นิมิตว่า เม่อื เรา ทางพระพทุ ธศาสนาเพ่ิมเตมิ รวมถึงหลกั ธรรม ทางพระพุทธศาสนาท่ีเกยี่ วของกับการเมอื ง เปน็ ทกุ ข์ จะตอ้ งใชป้ ญั ญาเปน็ อาวธุ ดงั ยอดแหลมคมดจุ ปลายหอกของยอดพระเศยี ร แทงทะลปุ มปญั หา และดบั ความรอ้ นรมุ่ และสันตภิ าพ จากแหลงการเรยี นรอู ืน่ เชน ดจุ เปลวไฟนน้ั ไปได้ จงึ จะมคี วามสงบเปน็ ปกติ พระสงฆ หนงั สือในหอ งสมุด และเวบ็ ไซตท ี่ เกย่ี วของ ตลอดจนการศกึ ษาทบทวนความ ๓) ภาวนามยปญั ญา ภาวนา รเู กย่ี วกบั หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาท่ี นกั เรยี นไดศ กึ ษามา เพอ่ื เตรยี มการอภปิ ราย มยปัญญา หมายถึง ปัญญาหรือความรู้ที่เกิด เกีย่ วกับความสาํ คัญของพระพุทธศาสนาเกย่ี ว จากการปฏิบัติ แม้ความรู้ที่เป็นหลักการหรือ กบั การศึกษาที่สมบูรณ การเมือง และสันติภาพ ทฤษฎจี ะมคี วามสำาคัญ แตก่ ็ตอ้ งทดลองปฏบิ ตั ิ จริงจนเห็นผลอย่างจริงจัง จึงจะเข้าใจได้อย่าง 2. ครตู ั้งประเดน็ ใหน ักเรียนอภปิ รายรวมกันถึง ลึกซึ้ง เหมือนคนท่ีรู้วิธีการขับรถ แต่ถ้าไม่ ความสาํ คญั ของพระพุทธศาสนาเก่ียวกบั การ ทดลองขับจริงกย็ อ่ มขบั รถไมไ่ ดอ้ ยดู่ ี ศึกษาท่ีสมบูรณ การเมอื ง และสันติภาพ เชน - หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนากับการพัฒนา ๒. แนวทางการสมั มนา ตนเองและประเทศ พระพุทธศาสนา จากนนั้ ครแู ละนกั เรียนชวยกันสรปุ ผลการ นักเรียนอาจได้เห็นได้ทราบว่ามีบุคคล การที่บคุ คลจะเกดิ ความร้คู วามเข้าใจในเร่อื งใดเรื่องหนง่ึ อภปิ ราย นักเรยี นบันทึกผลการอภิปรายลงในสมดุ อยา่ งถ่องแท้ จะตอ้ งเรยี นรูท้ ั้งทฤษฎแี ละปฏิบัติ แลวมอบหมายใหนกั เรียนจัดทําบทความท่ีแสดงถึง หลายคนในสังคม หรอื ในชุมชน ท้องถ่นิ ที่ได้ ความสําคัญของพระพุทธศาสนาเกี่ยวกบั การศกึ ษา ทีส่ มบูรณ การเมอื ง และสันตภิ าพ ความยาว นำาเอาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาเป็นแนวทางเพื่อการพัฒนาการศึกษาของตนให้สมบูรณ์ ไมตา่ํ กวา 3 หนากระดาษ A4 โดยใชความรูทไ่ี ด จากการศกึ ษาคนควา เพิ่มเติมและการอภปิ รายรวม จนประสบความสำาเร็จในชีวิตมาบ้างแล้ว จากน้ีจึงขอเสนอตัวอย่างหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา กันในช้นั เรียน ที่ใช้แก้ปัญหาและการพัฒนาการศึกษาได้ สำาหรับเป็นแนวทางในการสัมมนาพระพุทธศาสนา เพือ่ การศกึ ษาท่สี มบูรณ์ ดงั น้ี ตรวจสอบผล Evaluate ๒.๑ คิดเปน็ ทÓเป็น ครูคัดเลอื กบทความท่แี สดงถึงความสําคญั จุดหมายข้อหน่ึงของการศึกษาท่ีสมบูรณ์ คือ การพัฒนาตนให้เป็นคนคิดเป็นทำาเป็นได้ ของพระพทุ ธศาสนาเกย่ี วกับการศกึ ษาท่ีสมบรู ณ ส่งิ ต่างๆ ท่มี นุษย์เราทำาน้นั ย่อมเกิดจากความคิด ถ้าคิดแจ่มแจ้งมีหลักการเหตุผล การกระทำา การเมอื ง และสนั ตภิ าพทดี่ ขี องนกั เรยี น แลว นาํ มา ก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น หลักธรรมหน่ึงท่ีสอนให้บุคคลคิดเป็นทำาเป็นได้ คือ หลักธรรม ใหน กั เรยี นในชนั้ เรยี นชว ยกนั ตรวจอกี ครง้ั หนงึ่ โดย “กาลามสตู ร” ซงึ่ มีดังน้ี พจิ ารณาจากความถกู ตอ งสมบรู ณข องเนอ้ื หา แนวคดิ และการนําเสนอทน่ี าสนใจ และความสอดคลอ งกับ 146 สถานการณข องสงั คมไทยและโลกในปจ จบุ นั จากนนั้ รวบรวมบทความทดี่ ไี วเ ปน แหลง การเรยี นรใู นชนั้ เรยี น ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู 1 พระพุทธรปู การสรางสรรคพระพุทธรูปของพทุ ธศาสนกิ ชนจากพทุ ธประวตั ิ การสรางคณุ ภาพชีวิตในแนวทางพระพุทธศาสนาสามารถดาํ เนินการ ตอนทเี่ ก่ยี วขอ งกบั พระปญ ญาคณุ ของพระพทุ ธเจา เชน ปางหามญาติ ทีม่ ี ไดอ ยางไร พระอริ ยิ าบถยืน แบพระหัตถท้ังสองขนึ้ เสมอพระอรุ ะ (อก) ต้ังฝา พระหตั ถยื่นออก แนวตอบ การมสี ติ สมาธิ และปญ ญา เน่ืองจากการดําเนินชวี ิตอยา ง ไปขางหนาเปนกิรยิ าหา ม เปน ปางเดยี วกันกับปางหา มสมทุ ร และนิยมทาํ แบบ มสี ติ ชว ยใหเราเผชิญกบั สถานการณตา งๆ ไดอ ยา งถกู ตอ งเหมาะสม พระทรงเคร่อื งนน้ั จากพุทธประวตั ติ อนทเ่ี หลากษัตรยิ พ ระญาติฝายพุทธบดิ า สว นสมาธิ ชว ยสงเสริมใหจ ิตมพี ลังและสงบจากการฝกบรหิ ารจิตตามวธิ ี และฝายพุทธมารดา ทะเลาะวิวาทกันดว ยเรือ่ งแยงนาํ้ ในแมน ํ้าโรหณิ จี นอาจเกดิ การตางๆ ทําใหเปน บุคคลทม่ี สี มรรถภาพและสุขภาพจติ ดี เกอ้ื หนุนให สงคราม พระพทุ ธเจาไดเสดจ็ ไปหามสงคราม โดยตรัสใหเ หน็ ถึงความไมสมควรท่ี เกดิ ปญญา คอื ความรูท่ีชดั เจนแจมแจง บนพ้นื ฐานของหลักคุณธรรม กษัตรยิ ต องมาฆา ฟนกนั ดว ยสาเหตเุ พยี งแคก ารแยง นา้ํ เขานา และตรัสเตือนสติวา จรยิ ธรรม ชวยสง เสริมใหบ ุคคลแกไขปญหาและพัฒนาตนเอง ครอบครวั ระหวา งนํา้ กับความเปน พ่นี อ งอะไรสําคัญยงิ่ กวากัน ทัง้ สองฝายจึงไดส ติ คืนดีกนั ตลอดจนสงั คมได และขอพระราชทานอภยั โทษตอเบื้องพระพักตรพระพุทธองค 146 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๑. อย่าเช่ือด้วยการฟังตามกันมา คนเราเม่ือได้ยินอะไรมาแล้วชอบเล่าต่อให้คนอ่ืนฟัง ครูนําขา วหรือกรณตี วั อยางทีเ่ กี่ยวของกบั แล้วมักเสรมิ ตอ่ เกนิ ความจรงิ จงึ ต้องใชป้ ญั ญาพิจารณาเสียก่อน ปญหาทางสงั คมในดานตา งๆ อันเกิดจากการ ขาดคุณธรรมจรยิ ธรรมของบคุ คลมาใหน ักเรียน ๒. อย่าเชื่อด้วยการสืบต่อกันมา ประเพณีบางอย่างล้าสมัย ไม่เข้ากับกฎเกณฑ์ปัจจุบัน พิจารณารวมกนั เชน ขาวการคอรรัปชันของ แต่บางอย่างก็ยงั เหมาะสมอย ู่ การศกึ ษาทสี่ มบูรณ์ต้องสอนใหค้ นแยกแยะได้ นักการเมือง กรณีตัวอยา งผลการวิจัยเกี่ยวกบั การขาดคุณธรรมจรยิ ธรรมของคนในสังคมไทย ๓. อยา่ เช่อื โดยการเลา่ ลือ คา� เล่าลือนั้นเท็จบา้ งจรงิ บ้าง ตอ้ งคดิ ไตร่ตรองให้ดี และกรณตี วั อยา งพทุ ธพาณชิ ยข องผหู าผลประโยชน ๔. อยา่ เชื่อด้วยการอา้ งคัมภีร ์ ข้อนีม้ ิใช่แปลว่าเราเชือ่ ต�าราหนังสือไมไ่ ด้เลย แตเ่ ราตอ้ งมีสต ิ จากพระพทุ ธศาสนา แลว สนทนารวมกนั กบั มีหลกั เหตผุ ลท่จี ะชว่ ยดวู ่าคัมภรี ์นน้ั ๆ เปน็ อย่างไร นกั เรยี นถงึ เหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขน้ึ ในขา วหรอื กรณตี วั อยา ง ๕. อยา่ เชอ่ื โดยเหตผุ ลทางตรรกะ บางทกี ารโตแ้ ยง้ ทางตรรกะ ใชโ้ วหารทค่ี มคาย อาจจะทา� ให ้ และท่ีสําคัญไดแ ก แนวทางการปอ งกันหรอื แกไ ข จรงิ เป็นเทจ็ เท็จเปน็ จริงก็ได้ ปญ หาตามหลกั ธรรมคําสอนทางพระพทุ ธศาสนา ๖. อย่าเชื่อด้วยการอนุมาน เพราะการอนุมาน คือ การที่เราน�าส่ิงท่ีเคยประสบไปตัดสิน เชอื่ มโยงกบั ส่งิ ท่เี ราไมเ่ คยประสบ จงึ อาจถกู หรือผดิ เพ่อื ใหนกั เรียนตระหนักถงึ คุณคา ของหลกั ธรรม ๗. อย่าเชอ่ื เพราะการตรกึ ตรอง คอื อยา่ คิดเอาเอง เพราะอาจผดิ ได้ คาํ สอนทางพระพุทธศาสนาในการปองกนั หรือ ๘. อย่าเชือ่ เพราะเขา้ กับทฤษฎขี องตน เพราะทฤษฎคี วามคดิ ของตนอาจผดิ จากความจรงิ ได้ แกไ ขปญ หาทางสงั คม ๙. อย่าเชื่อเพราะรูปลักษณะน่าเช่ือ เช่น คนที่ดูท่าทางเป็นคนดี บุคลิกดี อาจเป็นคนร้าย มจี ดุ ประสงค์ร้ายลบั หลังเรากไ็ ด้ สา� รวจคน้ หา Explore ๑๐. อย่าเช่ือเพราะท่านเป็นครูของเรา เราควรรับฟังแล้วทดสอบภายหลังว่า ที่ครูว่ามานั้น ถกู หรือผิดอย่างไร ครูใหน กั เรียนรวมกลมุ กนั กลมุ ละ 4 คน เพอื่ ชว ยกันศึกษาความรเู กย่ี วกับแนวทางการสมั มนา ๒.๒ คิดชอบ ทÓชอบ พระพทุ ธศาสนา และการสมั มนาและเสนอแนะแนว ทางในการธาํ รงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาอนั สง ผลถึง การศึกษาที่สมบูรณ์น้ัน นอกจากสอนให้คนคิดเป็นทำาเป็นแล้ว ยังต้องสอนให้คนคิดชอบ การพัฒนาตน จากหนังสือเรียน หนา 146-151 ทาำ ชอบดว้ ย เพราะคนคดิ เกง่ ทาำ เกง่ อาจทาำ เรอ่ื งชว่ั ได้ คดิ ชอบทาำ ชอบตรงกบั หลกั พระพทุ ธศาสนา และแหลงการเรยี นรูอนื่ ๆ เชน พระสงฆ หนงั สือ วา่ สมั มาทฐิ ิ หรือรูห้ ลักอริยสจั ๔ ไตรลักษณ์ บาปบญุ คุณโทษ เป็นต้น ในหอ งสมุด เอกสารหรือหนงั สือของหนวยงาน หรอื องคก รที่เก่ยี วขอ งทางพระพทุ ธศาสนา และ ปัจจยั ท่ที าำ ให้เกิดคดิ ชอบทำาชอบ คือ “ปรโตโฆสะ” และ “โยนิโสมนสกิ าร” เวบ็ ไซตตางๆ จากนั้นอธบิ ายแลกเปลย่ี นความรู รว มกันกับเพอื่ นภายในกลมุ ๑) ปรโตโฆสะ หมายถึง เสยี งจากผูอ้ ่ืน คือ แรงชกั จงู ภายนอก ไดแ้ ก่ การรบั ฟังคำาแนะนำา การเรียนรู้ การสนทนากับบุคคลอื่นผู้เป็นกัลยาณมิตร บางคร้ังคนเราอาจ พลั้งเผลอทำาผิดพลาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การรับฟังเสียงตักเตือนจากคนภายนอก แล้วนำามา ไตร่ตรองย่อมเปน็ ประโยชน์บา้ งไม่มากก็น้อย อธบิ ายความรู้ Explain ๒) โยนิโสมนสิการ คือ การรู้จักคิด ทำาใจโดยแยบคาย มองสิ่งท้ังหลายด้วย ครสู นทนารวมกันกบั นกั เรียนแตละกลมุ ถงึ การ ศึกษาความรูเกย่ี วกบั แนวทางการสัมมนาพระพทุ ธ- เหตุด้วยผล รู้จักแยกแยะอะไรดีอะไรชั่ว มองสิ่งต่างๆ ให้ถึงแก่น มิใช่เห็นเพียงกระพี้ ของบาง ศาสนา และการสัมมนาและเสนอแนะแนวทางใน อย่างดูดีภายนอก แต่ภายในอาจมแี ต่ความช่ัวรา้ ย การธํารงรักษาพระพทุ ธศาสนาอนั สงผลถงึ การ 147 พฒั นาตน ในดา นตา งๆ เชน แนวทางและปญ หา หรอื อปุ สรรคในการศกึ ษาคน ควา ของแตล ะกลมุ ขอ สอบ O-NET บูรณาการอาเซียน ขอ สอบป ’52 ออกเกยี่ วกบั คณุ ธรรมกบั การคอรร ัปชนั การคอรร ปั ชันเกิดจากการขาดคุณธรรมประการใดเปน สาํ คญั ครสู ามารถจัดกิจกรรมการเรยี นรูบ ูรณาการอาเซยี นโดยการอธบิ ายใหนกั เรียน 1. ความสามคั คี เขา ใจถงึ ประโยชนและความสําคญั ของการปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมคําสอนทาง 2. ความเมตตากรุณา พระพุทธศาสนา เพื่อแกไขปญ หาและสงเสรมิ ความเขาใจอนั ดรี ะหวา งประเทศ 3. ความวริ ยิ อตุ สาหะ หรอื สันตภิ าพ รวมถงึ ความรว มมอื ระหวา งประเทศในดา นตางๆ เชน การบริจาค 4. ความซื่อสตั ยสจุ ริต สง่ิ ของตา งๆ เพอ่ื ชวยเหลือประชาชนในประเทศเพ่อื นบานท่ีประสบภัยพิบตั ิทาง ธรรมชาติ แลวใหนักเรยี นสบื คน รวบรวมขาวท่เี ก่ียวขอ งกบั ความขัดแยงหรอื ความ วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. ความซ่อื สัตยส จุ รติ โดยซ่ือสตั ย รวมมอื ระหวา งประเทศสมาชกิ อาเซียน จากน้นั วเิ คราะหถ ึงหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนาทช่ี ว ยแกไ ขปญ หาความขดั แยง เชน สาราณยี ธรรม 7 พรหมวหิ าร 4 หมายถงึ ประพฤตติ รงและจริงใจ ไมคดิ คดทรยศ ไมค ดโกงและไมหลอกลวง หรือการสงเสริมความรว มมอื ดังกลาว เชน ปรโตโฆสะ โยนิโสมนสกิ าร แลว นํา สว นสุจรติ หมายถึง ความประพฤติชอบ บคุ คลท่ีคอรรปั ชันจงึ กลา ว เสนอผลการวิเคราะหทห่ี นา ชัน้ เรียน ทัง้ นเี้ พอื่ สง เสริมใหนกั เรียนตระหนกั ถึงความ ไดว า ปฏบิ ตั ติ นไมส อดคลอ งกบั คณุ ธรรมน้ี และไมส อดคลอ งกบั การคดิ ชอบ สําคัญในการแกไขปญหาความขัดแยง ดว ยสันติวิธแี ละสงเสริมความรวมมือระหวา ง ทําชอบ ในแนวทางการศกึ ษาท่ีสมบรู ณตามหลกั พระพทุ ธศาสนาอกี ดว ย ประเทศสมาชกิ อาเซียนตามกรอบความรว มมอื ประชาคมอาเซยี น คมู่ ือครู 147
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครูต้ังคาํ ถามเกย่ี วกับแนวทางการสมั มนา นอกจากหลักธรรมดังกลาวขางตนนี้แลว นักเรียนอาจคนควาหลักธรรมอื่นๆ พระพุทธศาสนา ในสวนของการคิดเปน ทาํ เปน ไดจากหนังสือ “พจนานุกรมพุทธศาสน” โดยพระธรรมปฎก (ประยุทธ ปยุตฺโต)* เพ่ือเปน และคดิ ชอบ ทาํ ชอบ แลว สมุ ใหนกั เรยี นในแตละ แนวทางในการประกอบการสัมมนาพระพุทธศาสนาก็ได กลมุ ตอบ เพือ่ เปนการอธิบายความรู เชน ó. ¡ÒÃÊÑÁÁ¹ÒáÅÐàʹÍá¹Ðá¹Ç·Ò§ã¹¡ÒøÓçÃÑ¡ÉÒ • กาลามสูตรสอดคลองกับกระบวนการทาง ¾Ãо·Ø ¸ÈÒʹÒÍѹʋ§¼Å¶Ö§¡ÒþѲ¹Òµ¹ วทิ ยาศาสตรอยา งไร ในการธาํ รงรกั ษาพระศาสนาน้นั แบง ไดเ ปน ๔ ประเภท ดงั น�้ (แนวตอบ กาลามสตู รเปน หลักท่ีสอนบคุ คล เก่ยี วกบั การคดิ พิจารณากอ นทจี่ ะเชอ่ื ถอื ใน ๑) ธํารงรักษาพระพุทธ พระพุทธเจาเปนท่ีสักการบูชาของชาวพุทธทุกคนใน ส่ิงใด ซง่ึ มแี นวคดิ สาํ คัญ คอื เช่ือในส่งิ ท่ี ฐานะที่พระองคท รงเปน ศาสดาผปู ระกาศศาสนา ดังนัน้ หากมีใครมาลบหลู เราตอ งปกปอ ง เชน สามารถพิสจู นไ ดอยางแจมแจงดวยเหตุและ ผล เชน ทดสอบสิง่ ท่คี รูสอนกอ นท่ีจะเชอ่ื ถตาอมงีคตนอมบาโนต่ังโดบยนสเศันียตริวพิธร1ี ะพเนุท่ือธงรจปู าบกาเงขานอําาเจศทยี รําพไประเพพุทราธะรคปู วมาามทไาํ มเปรนู ทเรีเ่ าขกีย่ ็ตบหุองรบี่อธา งิบาเยราใหชาเขวพาฟุทธง ถือวา ถกู ตอ งหรอื ไม อยา งไร สอดคลอ งกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ นแงของการ อยางไรก็ตาม อาจมีบางคนทําท้ังๆ ท่ีรูวาเปนการทํารายจิตใจชาวพุทธ ซ่ึงเราสามารถตอบโต ทดลองหรอื ปฏบิ ตั ิเพอ่ื ศกึ ษาคนควาหาความ จริงทีถ่ กู ตองและนา เชือ่ ถอื อยา งเปนลาํ ดับ ไดด ว ยหลายๆ๒ว)ธิ ธี เําชรนงรปักระษทาว พง รคะัดธครารนมเ2ขยีพนรโะตธตรรอมบคเําปสนอตนนเปนหลักของพระศาสนา หากหลัก ขั้นตอน ไดแก การตั้งคาํ ถามหรือสมมติฐาน คําสอนเส่ือมลง พระศาสนาก็ไมม่ันคง การบิดเบือนคําสอนเกิดขึ้นทั้งโดยจงใจหรือโดยไมรู การออกแบบหรอื กําหนดวิธกี ารทดสอบ คําถามหรอื สมมตฐิ านนัน้ การดําเนนิ การตาม เมอื่ เราเห็นมีการบดิ เบือน เราตอ งช้แี จงใหเขาทราบ หากเราไมแนใจวา เปน การบิดเบอื นหรอื ไม วิธีการทดสอบทีก่ ําหนด และการสรุปผลทีไ่ ด จากการดําเนินการดังกลา ว) เราตองแจงใหผูรูทราบ อยางไรก็ตาม ชาวพุทธที่ดีตองสนใจศึกษาหลักคําสอนใหเขาใจอยาง • การคดิ ชอบ ทําชอบ สําคญั กวาการคิดเปน ถองแท เพ่ือจะไดปกปองและธํารงรักษา ทําเปน เน่อื งดวยเหตใุ ด (แนวตอบ การคิดชอบ ทําชอบ ชวยกาํ กบั พระศาสนาได พฤตกิ รรมของบุคคลมิใหกอใหเกิดความ เดือดรอ นของตนเองและผูอ ่ืนเพยี งเพราะตน ๓) ธํารงรักษาพระสงฆ มคี วามรูความสามารถในการกระทําสง่ิ นั้น พระสงฆเปนผูสละความสุขทางโลกโดยการ จากการคดิ เปน คําเปนเทาน้ัน โดยอาจเกิด จากการพิจารณาคําสอนของผอู ื่น หรือการ บวชเรียนเพื่อศึกษาหลักธรรม ปฏิบัติตาม คิดในใจโดยแยบคายดว ยตนเองก็ได) และนํามาสั่งสอนแกชาวบาน พระสงฆเปน ผูสืบพระศาสนาอยางแทจริง เพราะหากไมมี พระสงฆ พระศาสนาก็อยูไมได นอกจากน้ี ผูบอนทําลายพระสงฆมีไดทั้งชาวพุทธเอง การบวชเรียนเพื่อศึกษาหลักธรรมถือเปนการชวยธํารง หรือคนตางศาสนา ดังน้ัน เราจึงตองชวยกัน รักษาและสืบทอดอายพุ ระพุทธศาสนาทางหน่งึ ดแู ลและใชก ารโตตอบโดยสนั ติวธิ ี *พระธรรมปฎก (ประยุทธ ปยตุ ฺโต) ไดร บั พระราชทานสมณศักดเ์ิ ปน พระพรหมคุณาภรณ เมือ่ พ.ศ. ๒๕๔๗ ๑๔๘ และเปนสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย เมื่อวนั ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 สันติวธิ ี การกระทํา ปฏิบัตกิ ารที่ไรค วามรนุ แรง เปนทางเลอื กในการแกไข ครูอาจมอบหมายใหน ักเรยี นวางแผนการปฏิบตั ติ นตามหลกั ธรรมทาง ปญ หาความขัดแยง ทน่ี านาชาติใหการยอมรับในการใชแ กไขปญหาความขัดแยง พระพทุ ธศาสนาเพอื่ การแกไขปญหาและการพฒั นาการศกึ ษา จากการ ระหวา งกลมุ คนในสงั คม ประเทศ รวมถึงระหวางประเทศ จากการเคารพในหลกั คิดเปน ทาํ เปน และการคดิ ชอบ ทําชอบ แลวนาํ ไปปฏบิ ตั ติ ามระยะเวลาที่ สิทธมิ นุษยชนและผลกระทบของการใชความรนุ แรงในการแกไ ขปญ หาซึ่งไมก อให เหมาะสม จากนัน้ จัดทําเปน บันทกึ ผลการปฏิบัติสง ครผู สู อน เกดิ ประโยชนอ ยา งแทจรงิ แกผ ูใ ด 2 พระธรรม มคี วามสาํ คัญยิ่งในฐานะตัวแทนของสมเด็จพระสมั มาสมั พทุ ธเจา กจิ กรรมทาทาย ดงั ทพ่ี ระองคต รสั แกพระอานนทกอนเสดจ็ ดับขันธป รินพิ พานวา “ดูกอ นอานนท ธรรมกด็ ี วนิ ยั กด็ ี ทเ่ี ราไดแ สดงไว และบญั ญตั ไิ วด ว ยดี นนั่ แหละจกั เปน พระศาสดา ครูอาจมอบหมายใหน ักเรียนวางแผนการปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมทาง ของพวกทานสบื แทนเราตถาคต เมอ่ื เราลว งไปแลว ” ดังนัน้ พุทธศาสนกิ ชนพึง พระพทุ ธศาสนาเพ่ือการแกไ ขปญหาและการพัฒนาโรงเรยี นหรอื ชมุ ชน ประพฤติปฏบิ ัติตนตามหลักธรรมคาํ สอนจงึ สมวาเปน ผูนบั ถอื พระพุทธศาสนา จากการคดิ เปน ทําเปน และการคดิ ชอบ ทําชอบ แลวนําไปปฏบิ ัติตาม อยา งแทจ ริง ระยะเวลาทเี่ หมาะสม จากนัน้ จัดทาํ เปน บันทึกผลการปฏิบตั สิ ง ครผู สู อน 148 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๔) ธำารงรักษาพุทธวัฒนธรรม พุทธวัฒนธรรมในท่ีน้ี หมายถึง ประเพณี 1. ครสู ุมใหน กั เรยี นในแตละกลุมตอบคําถาม พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา วัด โบสถ์ เจดีย์ พระพุทธรูป ตลอดจนวัตถุอื่นๆ ทเ่ี นอ่� งดว้ ย เพ่อื เปน การอธบิ ายความรู เชน • การธํารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาทดี่ ที ่สี ดุ ตาม พระพทุ ธศาสนา แมพ้ ทุ ธวฒั นธรรมจะมิใช่แก่น สถานะของพุทธศาสนิกชนคอื อะไร (แนวตอบ พทุ ธศาสนิกชนตองปฏิบัติตนเปน ของศาสนาเหมือนพระรัตนตรัย แตก่ ม็ บี ทบาท ชาวพทุ ธท่ีดี คือ มีความรูความเขาใจใน หลักธรรมคําสอนของพระพุทธศาสนาอยา ง สำาคัญในการโอบอุ้มพระศาสนา เหมือนกับ ถอ งแท และนาํ ไปประพฤติปฏิบัตไิ ดอ ยาง ถูกตอ ง จะเปนการธาํ รงรักษา เปลือกไม้ที่ห่อหุ้มลำาต้นไว้ให้ชุ่มเย็น ส่วน พระพทุ ธศาสนาไดด ีที่สดุ ) ต้นไม้ที่ไม่มีเปลือกห่อหุ้มในที่สุดก็ย่อมที่จะ 2. ครูและนกั เรยี นรว มกันสรุปความรูทีไ่ ดจากการ ศึกษาเก่ยี วกับแนวทางการสัมมนาพระพุทธ- แหง้ เฉาตายไป ดงั นน้ั เมอื่ ชาวพทุ ธเหน็ คนดหู มน่ิ ศาสนา และการสมั มนาและเสนอแนะแนว ทางในการธาํ รงรกั ษาพระพุทธศาสนาอนั สง พทุ ธวฒั นธรรมไมว่ า่ จะทางวาจาหรอื การกระทาำ ผลถงึ การพฒั นาตน การเมอื ง หรอื สนั ติภาพ นักเรยี นบนั ทึกความรทู ่ีสรปุ ไดลงในสมดุ กต็ าม แมว้ า่ เขาจะทาำ โดยความไมร่ ู้วา่ เรา “ถือ” เราก็ต้องอธบิ ายให้เขาฟงั จนเกดิ ความเขา้ ใจ การทช่ี าวพทุ ธจะสามารถธาำ รงรกั ษา การเข้าร่วมพิธีกรรมในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาตามแนวทางท่ีได้กล่าวมาแล้ว เช่น การทําบุญตักบาตร ถือเป็นการธํารงรักษา ๔ ประการน้ัน เราชาวพุทธแต่ละคนจะต้อง พทุ ธวฒั นธรรมอันดีงามให้คงอยสู่ ืบไป ปฏิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดีเสียก่อน ซ่ึงการจะเป็นชาวพุทธที่ดีน้ันเราจะต้องหมั่นศึกษาเรียนรู้ ขยายความเขา้ ใจ Expand หลกั คาำ สอนของพระศาสนาอยา่ งถอ่ งแท้ และปฏบิ ตั ติ ามคาำ สอนอยา่ งถกู ตอ้ ง เมอ่ื ชาวพทุ ธแตล่ ะคน ครูมอบหมายใหน ักเรยี นแตล ะกลมุ ศึกษาชวย กนั คน ควาเพมิ่ เติมเกี่ยวกบั แนวทางการสมั มนา ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ชาวพุทธทด่ี ี การธำารงรักษาพระพทุ ธศาสนาก็จะเกดิ ขึ้นเอง ดงั นนั้ ชาวพทุ ธจึงควร พระพทุ ธศาสนา และการสมั มนาและเสนอแนะ แนวทางในการธาํ รงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาอนั สง พฒั นาตนใหเ้ ป็นชาวพุทธทดี่ ี คอื รชู้ อบและปฏบิ ตั ิชอบ ผลถึงการพฒั นาตน การเมือง หรือสันติภาพ (ครู ผูสอนพิจารณาตามความเหมาะสม) จากแหลง เÊรÔÁÊารÐ การเรยี นรูอ่นื เชน เอกสารและหนังสือของหนวย งานหรอื องคก รดา นพระพทุ ธศาสนาตา งๆ พระสงฆ การอุปสมบท หรอื ผเู ชย่ี วชาญดา นหลกั ธรรมคาํ สอนทางพระพทุ ธ- ศาสนา และเวบ็ ไซต รวมถึงความรูทั่วไปเกี่ยวกับ การอปุ สมบท หมายถงึ การบวชเปน็ พระภกิ ษใุ นพระพทุ ธศาสนา (ถา้ บวชเปน็ สามเณร เรยี กวา่ บรรพชา) การสัมมนาและการเสนอแนะขอ คิดเหน็ ตางๆ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละความสาํ คญั ของการอปุ สมบท พอจะสรปุ ไดด้ งั น้ี ๑) ชว่ ยธาํ รงรกั ษาขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละเอกลกั ษณท์ ส่ี าํ คญั ของชาติ ๒) เพอ่ื ใหม้ ศี าสนทายาทในการทาํ นบุ าํ รงุ และเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา ๓) ถอื เปน็ การตอบแทนพระคณุ ของบดิ ามารดาทไ่ี ดใ้ หก้ าํ เนดิ และเลย้ี งดเู รามา และยงั เปน็ การสรา้ งบญุ กศุ ล อกี ทางหนง่ึ ดว้ ย 14๙ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู การปฏบิ ตั ิตนเพอื่ ธํารงไวซ ง่ึ พทุ ธวฒั นธรรมในขอใดเหมาะสมกบั ครูอาจมอบหมายใหนักเรียนรวมกลุมเพื่อชวยกันศึกษาคนควาขอมูลเก่ียวกับ สถานภาพของนักเรยี นมากท่ีสุด สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย (ประยทุ ธ ปยตุ โฺ ต) ในดา นประวตั ิ ผลงาน และแบบอยา งใน การดาํ เนนิ ชวี ติ จากแหลง การเรยี นรทู คี่ รเู สนอแนะ เชน http://www.watnyanaves. 1. การจดั พิธขี ึ้นบานใหมแ ละต้ังศาลพระภูมิ net/th/web_page/papayutto เว็บไซตวัดญาณเวศกวัน หนังสือพุทธธรรม และ 2. การเขารวมพธิ กี รรมในวันสาํ คญั ทางพระพทุ ธศาสนา หนังสือธรรมนูญชีวิต แลวจัดทําการนําเสนอผลการศึกษาคนควาในรูปแบบตางๆ 3. การเสนอพุทธศาสนสถานท่ที อ งถ่นิ เปน โบราณสถานและมรดกโลก เชน โปรแกรมการนาํ เสนอ (Powerpoint) แผน พบั หรอื สมดุ ภาพ จากนั้นนําเสนอ 4. การรวมกลมุ เพ่อื นเพ่อื ชว ยกันทาํ นุบํารงุ พุทธศาสนสถานทีเ่ กาแก ผลงานทห่ี นา ชน้ั เรยี นแลว ครแู ละนกั เรยี นสนทนารว มกนั ถงึ ประโยชนแ ละคณุ คา ในผลงาน ของทานตอ การศึกษา สังคม และสถาบนั สงฆไทย รวมถึงคุณธรรมท่ีควรยดึ ถือเปน ทรุดโทรม แบบอยางในการดาํ เนินชีวิตประจาํ วนั วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การเขารวมพธิ กี รรมในวนั สาํ คญั ทาง คู่มือครู 149 พระพทุ ธศาสนา เปน การปฏบิ ัตติ นเพื่อธํารงไวซ ง่ึ พุทธวฒั นธรรมทเี่ หมาะ สมกับสถานภาพของนกั เรยี นมากท่สี ุด เน่ืองจากพธิ ีกรรมตาง แมมใิ ช แกน แทข องพระพทุ ธศาสนา หากแตมีบทบาทในการชวยโอบอุม และ นอมนาํ ความศรัทธาของพทุ ธศาสนิกชนและบุคคลอื่นๆ ใหเ ขา ถึง พระธรรมคาํ สอนได
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ 1. ครใู หนักเรียนแตล ะกลมุ ชวยกนั รวบรวมขอมูล การเขา้ โครงการอบรมเพอ่ื ใหค้ วามรใู้ นดา้ นตา่ งๆ ถอื เปน็ ความรจู ัดทําเปนบันทึกผลการศกึ ษาคนควา การพฒั นาตนในดา้ นความร้วู ธิ หี นงึ่ แนวทางการสัมมนาพระพุทธศาสนา และการ สมั มนาและเสนอแนะแนวทางในการธาํ รงรักษา การพฒั นาตนด้านความรนู้ น้ั ทำาได้ไม่ยากหากสนใจอย่างแท้จริง ย่ิงในปัจจุบนั แหลง่ พระพทุ ธศาสนาอนั สงผลถึงการพฒั นาตน ความรมู้ มี ากมาย อยู่ในรปู แบบตา่ งๆ ท่ใี หโ้ อกาสและความสะดวกในการศกึ ษายง่ิ กวา่ แตก่ อ่ นมาก การเมอื ง หรือสนั ตภิ าพ แลวเตรยี มการอธบิ าย หลักธรรมบางข้อผู้รู้แต่ละคนก็เห็นไม่ตรงกัน และเนื่องจากพระพุทธเจ้าได้เสด็จปรินิพพาน ความรูผา นการสมั มนาในชนั้ เรียนตามหัวขอ ไปแลว้ และพระอรหนั ตสาวกก็ล้วนนิพพานไปหมดแลว้ ผู้รูท้ ั้งหลายที่เห็นตา่ งกันไม่สามารถอา้ ง หรอื ประเด็นท่คี รกู าํ หนด ผู้ใดมารับรองว่าความเห็นของตนถูกต้องที่สุด ซึ่งตรงกับท่ีพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า การรับฟัง ความเหน็ ที่หลากหลายดว้ ยการพจิ ารณาไตร่ตรองอยา่ งรอบคอบด้วยเหตุผล จะทาำ ใหเ้ ราตัดสนิ ใจ 2. ครจู ดั การสมั มนาเกี่ยวกับการเสนอแนะแนว ด้วยตนเองได้ว่าพระพทุ ธศาสนาสอนอย่างไรกนั แน ่ ดงั นัน้ การรับฟังความเหน็ ของผู้อื่นยอ่ มเป็น ทางในการธํารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาอนั สงผล ประโยชน์ ไม่มีใครเห็นถูกหมด หรือผิดหมด เพราะพระธรรมคำาสอนของพระองค์มีมากมาย ถึงการพัฒนาตน การเมอื ง หรือสันติภาพ ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ยังไม่มีใครสามารถรู้แจง้ ได้ตลอดหมดอย่างพระองค ์ อย่างไรก็ตาม ตามหัวขอหรอื ประเด็นที่กาํ หนดไวลว งหนา ในขณะที่เรายังเปน็ เด็ก ความรยู้ ังนอ้ ย จงึ ต้องเชอ่ื ผู้รูค้ รูอาจารย์ไปพลางๆ กอ่ น เชน • การสรางสันติภาพตามแนวทางพระพุทธ- การพัฒนาตนอีกด้านหน่ึง คือ ด้านปฏิบัติน้ัน มีความสำาคัญมาก หลักคำาสอน ศาสนา ใครๆ กพ็ อเรยี นรูไ้ ด้ แต่การปฏิบตั ิเปน็ เรือ่ งยาก ตัวอยา่ งเชน่ ศลี ๕ น้นั เขา้ ใจได้ไมย่ าก แต่การ • หลักธรรมทางพระพุทธศาสนากับ ปฏิบัติตามไม่ใช่ของง่าย อันท่ีจริงผู้ที่รักษาศีล ๕ ได้ก็นับว่าเป็นชาวพุทธท่ีดีในระดับหน่ึงแล้ว การเยียวยาวิกฤตการณท างการเมอื งไทย แต่พระพุทธศาสนายังมีคำาสอนสูงขึ้นไปเป็นข้ันๆ จนกระท่ังถึงปรมัตถธรรม ซึ่งการปฏิบัติ • แนวทางการแกไขปญหาของทองถิ่นตาม ให้เห็นจริงด้วยตัวเองเป็นเร่ืองยากอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ชาวพุทธท่ีดีควรจะให้ความสำาคัญกับ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา พุทธวัฒนธรรม คือ ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมหรือพิธีกรรมด้วย เพ่ือให้ชาวพุทธระลึกถึงและ • พระพทุ ธศาสนากบั สังคมไทยในอนาคต 150 มีศรัทธาแน่วแน่ตอ่ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ ์ อันเป็นหัวใจของพระพทุ ธศาสนา • การศกึ ษาวิชาพระพทุ ธศาสนา : แนวทางใน การธาํ รงรกั ษาพระพุทธศาสนา โดยใหนกั เรียนในแตละกลมุ ผลดั กนั นําเสนอ ขอ มลู ความรู หลกั การ แนวคดิ และความคดิ เหน็ ทีเ่ กยี่ วของกับหัวขอหรอื ประเด็นของการ สัมมนาจากขอ มูลความรทู ่ีกลุม ตนไดศ ึกษา คน ควา มา จากน้นั ครแู ละนักเรียนแตละกลมุ ชว ยกนั สรปุ ผลการอภปิ ราย นกั เรยี นบนั ทกึ ลงใน สมดุ เพ่ือจัดทาํ เปน รายงานการสัมมนาตอ ไป เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT พทุ ธศาสนกิ ชนมบี ทบาทหนา ทสี่ ําคัญตอพระศาสนาอยางไร ครูอาจสนทนารวมกันกับนักเรยี นถงึ ความสาํ คญั ของสมั พนั ธระหวา งความรู แนวตอบ หนา ทีส่ ําคัญที่สดุ ของชาวพทุ ธ คอื การปฏบิ ตั ิตนตามหลักธรรม ความเขาใจในหลักธรรมคําสอนทางพระพุทธศาสนา การประพฤตปิ ฏิบัติตนตาม คําสอนของพระพทุ ธศาสนา เชน รกั ษาศลี อยางไรก็ตามหลักธรรมทาง หลักธรรมคาํ สอน และพธิ ีกรรมทเี่ กีย่ วเน่ืองกบั พระพทุ ธศาสนา โดยอาจใหน กั เรียน พระพทุ ธศาสนายังมรี ะดับทส่ี งู ข้นึ ไปจนถงึ ปรมัตถธรรม ซึง่ แปลวา สภาวะ ชว ยกนั วเิ คราะหและจดั ทําเปน ตารางหรือผงั กราฟกท่ีแสดงความสมั พนั ธตา งๆ เพือ่ ทีม่ อี ยูโดยปรมัตถ หมายถงึ สิง่ ที่เปน จริงโดยความหมายสงู สดุ ตามหลกั ชว ยสง เสริมใหน กั เรียนตระหนกั ถึงบทบาทหนาท่ขี องตนในฐานะพุทธศาสนกิ ชนใน อภธิ รรมวามี 4 ประการ คือ จิต เจตสกิ รูป และนิพพาน นอกจากนี้ การศกึ ษาพระธรรมคําสอนใหเกดิ ความเขา ใจถอ งแท การปฏิบัติตนตามหลักธรรม ชาวพทุ ธยงั มหี นา ทใี่ นการปฏบิ ตั ติ ามธรรมเนยี มหรอื พธิ กี รรม หรอื ทเี่ รยี กวา คําสอนอยางถูกตอ งเหมาะสม และการเขารวมในพิธกี รรมท่ีเกีย่ วเนื่องในพระพทุ ธ- พทุ ธวฒั นธรรม ดวย เพอ่ื สง เสรมิ ศรัทธาใหแ กต นเองและบคุ คลอน่ื ใหมี ศาสนา ตลอดจนมสี วนรวมในการทาํ นบุ ํารงุ พทุ ธศาสนสถานตามความเหมาะสมใน พระพทุ ธศาสนาสืบไป ฐานะทเี่ ปน เครอ่ื งประกอบความศรทั ธาอันชว ยธาํ รงรักษาไวซ ่งึ พระธรรมคําสอนซึ่ง เปนแกน แทข องพระพุทธศาสนา รวมถงึ ชว ยเผยแผแ ละปกปอ งพระพทุ ธศาสนาให แกศาสนิกชนในศาสนาอ่ืนในทางตรง เชน การชี้แจงพระธรรมคาํ สอนในพระพทุ ธ- ศาสนาใหศ าสนกิ ชนในศาสนาอืน่ เกิดความเขาใจที่ถกู ตอ งชดั เจน และในทางออ ม เชน การปฏบิ ตั ิตนเปน แบบอยา ง เปนตน 150 ค่มู ือครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ Expand เรอื่ งน่ารู้ ครใู หน ักเรยี นชวยกันจัดทํารายงานการ สัมมนาเกี่ยวกับการเสนอแนะแนวทางในการธํารง พระธรรมวนิ ยั รักษาพระพทุ ธศาสนาอนั สงผลถงึ การพฒั นาตน การเมอื ง หรอื สนั ตภิ าพ และเผยแพรข อ มลู ความรู สมัยพุทธกาลพระพุทธองค์มิได้เรียกคําส่งั สอนของพระองค์ว่า “พระพุทธศาสนา” แต่เรียกว่า “พรหมจรรย” และขอ เสนอแนะในรปู แบบตา งๆ เชน ใบความรู แผน พบั รวมถึงปา ยนิเทศในบรเิ วณท่ีเหมาะสม คบําา้ งส่ัง“สธอรนรมขอวนิงพยั ”ระบอา้งงค์น(ห้ันลกงั รจะาทกําพโรดะยพกทุ าธรเจทา้่อปงรจนิ ําพิจนพากนรแะทลว้่ังปนรยิะมมเารณยี กปค าํ พส.ง่ั ศส.อน๔ข๕อ๐งพรจะึงอไ1งดค้มว์ ีกา่ าธรรจรมารวึนกิ พยั )ระกพาุทรสธบื วทจนอดะ ของโรงเรียน เพอ่ื สรา งความรูค วามเขา ใจและ เสนอแนะแนวทางทเี่ ปนประโยชนแกเ พอ่ื นนักเรยี น ลงเปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร ภาษาทจ่ี ารกึ คอื ภาษาบาลี ในเมอื งไทยไดม้ กี ารตพี มิ พพ์ ระไตรปฎ กภาษาบาลดี ว้ ยภาษาไทยเปน็ ตลอดจนบคุ คลทวั่ ไปทีส่ นใจตอ ไป ครง้ั แรกในสมยั รชั กาลท่ี ๕ จนกระทง่ั ในสมยั รชั กาลท่ี ๘ ไดเ้ รม่ิ แปลพระไตรปฎ กเปน็ ภาษาไทย โดยแปลสาํ เรจ็ และตพี มิ พ์ ครง้ั แรกเพอ่ื เปน็ การฉลอง ๒๕ พทุ ธศตวรรษเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๐ ตรวจสอบผล Evaluate การศึกษาเปนการสรางวงลอของชีวิตใหเปนผูมีความรู ความเฉลียวฉลาด ความ 1. ครูตรวจบนั ทกึ ผลการศึกษาคน ควา แนวทาง สามารถและการปฏิบัติไดถูกตอง ชวยใหมีกินมีใชตามสมควรแกอัตภาพ โดยการประกอบ การสมั มนาพระพุทธศาสนา และการสมั มนา อาชีพสุจริต อยูรวมกับผูอ่ืนไดอยางมีความสุข สามารถประกอบกิจกรรมอันเปนประโยชน และเสนอแนะแนวทางในการธาํ รงรักษา ตอตนเองและสังคม มิใชศึกษาเลาเรียนเพื่อความอยูรอดเทาน้ัน เพราะถาเพียงแตมุงหวังให พระพุทธศาสนาอนั สงผลถงึ การพฒั นาตน ชีวิตอยูรอดไปวันๆ ก็คงไมแตกตางกับสัตวเดียรัจฉานมากนัก ซึ่งถาไมเลาเรียนก็ยังอยูรอดได การเมอื ง หรอื สันติภาพ ของนักเรยี นแตละ แตคนเราเม่ือมีการศึกษาแลวตองชําระจิตวิญญาณของตนใหบริสุทธิ์ดวยการกระทําความดีอยู กลุม โดยพจิ ารณาจากความถกู ตองครบถว น เสมอ สมกับคํากลาวท่ีวามนุษยท่ีแทตองมีจิตใจสูง หมายถึง มีจิตวิญญาณท่ีสูงกวาสัตวอื่นๆ ของขอมูลความรูแ ละความคิดเห็น รวมถึงการ สามารถพัฒนาและสัมผัสกับความดีความงามและความถูกตอง ซ่ึงลวนเปนสิ่งท่ีดีท่ีมนุษยควรจะ อา งองิ แหลงทีม่ าของขอ มลู ไดรบั จากผลของการศกึ ษา เพื่อท่ีจะสามารถพึ่งตนเองและเปน ท่ีพง่ึ พาของคนอ่นื ได 2. ครสู ังเกตการเรยี นรูแ ละพฤติกรรมของนักเรยี น ͻڻÁÒ·í »ÊíÊ¹ÚµÔ ในการสมั มนาเก่ียวกบั การเสนอแนะแนว º³Ñ ±ÔµÂ‹ÍÁÊÃÃàÊÃÔÞ¤ÇÒÁäÁ‹»ÃÐÁÒ· ทางในการธาํ รงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาอนั สง ผลถงึ การพฒั นาตน การเมือง หรือสนั ติภาพ (¾·Ø ¸ÈÒÊ¹ÊØÀÒÉµÔ ) ตามหวั ขอหรอื ประเดน็ ท่กี าํ หนด โดยพิจารณา จากการมสี ว นรวมในการอภิปราย การแสดง ความคดิ เหน็ และอ่นื ๆ 151 บูรณาการเชื่อมสาระ นกั เรียนควรรู ครูสามารถจดั กิจกรรมการเรยี นรโู ดยมอบหมายใหนักเรยี นศกึ ษา 1 พระไตรปฎ ก จากเทคโนโลยสี ารสนเทศทเี่ จรญิ กา วหนา ในปจ จบุ นั หนว ยงาน คนควา แนวทางการพฒั นาการศกึ ษาที่สมบรู ณใ นทางพระพุทธศาสนา หรอื องคก รทเี่ กย่ี วขอ งกบั พระพทุ ธศาสนาตา งๆ ไดม กี ารจดั พระไตรปฎ กในรปู แบบ รวมถึงการเมอื ง และสันติภาพ ตลอดจนการธํารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนา CD-ROM และออนไลนใ นเวบ็ ไซตข ึ้น เพือ่ ใหพทุ ธศาสนกิ ชน ตลอดจนบคุ คล ตามความเหมาะสม จากพระไตรปฎกทหี่ นว ยงานหรือองคก รท่เี กี่ยวของ ทั่วไปสามารถศกึ ษาคน ควา ไดส ะดวกรวดเรว็ ยง่ิ ขนึ้ ยกตัวอยางเชน มหาวิทยาลยั ตางๆ จดั ทาํ ข้นึ เผยแพรในระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ เชน http://www. มหดิ ล ไดจดั ทาํ “พระไตรปฎกฉบบั คอมพิวเตอร” หรือ “บุดเซอร” (BUDSIR : Bud- mahidol.ac.th/budsir/program/ เว็บไซตพ ระไตรปฎกฉบับคอมพวิ เตอร dhist Scriptues Information Retrieval) ขนึ้ โดยสํานักคอมพิวเตอร มหาวทิ ยาลัย บน Internet มหาวทิ ยาลัยมหิดล http://www.mcu.ac.th/mcutrai/ มหดิ ล เมอ่ื พ.ศ. 2530 เนอ่ื งในวนั วสิ าขบชู า และเพอื่ เฉลมิ ฉลองและเทดิ พระเกยี รติ menu3.htm เวบ็ ไซต Multimedia พระไตรปฎ ก มหาวิทยาลยั มหาจุฬา- รชั กาลท่ี 9 ทรงเจรญิ พระชนมพรรษา 80 พรรษา นอกจากนไี้ ดพ ฒั นาอยา งตอ เนอ่ื ง ลงกรณราชวิทยาลยั แลว จัดทําเปนบนั ทกึ การศกึ ษาคนควา สง ครผู ูสอน โดยในปจ จบุ ันสามารถแปลงเปนอักษรอนื่ ๆ ไดม ากถึง 8 ชดุ อักษร คือ ไทย โรมนั จากน้ันครคู ัดเลอื กผลงานทด่ี ีใหน ักเรียนเจาของผลงานนาํ เสนอตอ ชั้น พมา เขมร ลานนา ลาว เทวนาครี และสงิ หล เรยี น เพือ่ ใหน ักเรียนมคี วามรูความเขา ใจในพระไตรปฎ ก รวมถึงตระหนกั ในคณุ คา และความสาํ คัญของพระไตรปฎ ก ตลอดจนเปน การจัดกจิ กรรม ค่มู ือครู 151 การเรยี นรูบูรณาการกลมุ สาระการเรยี นรกู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร เรื่องการคนหาขอ มูลผา น อินเทอรเน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอ่นื ๆ
กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Elaborate Engaae Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครตู รวจสอบความถกู ตอ งในการตอบคําถาม คาปถระาจÓมหนว่ ยการเรยี นรู้ ประจําหนวยการเรียนรู ๑. นักเรียนคิดว่าการศึกษาในปัจจุบันเป็นไปตามแนวทางของพระพุทธศาสนาหรือไม่ หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู อยา่ งไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ 1. บทความความสําคัญของพระพุทธศาสนา ๒. การศึกษาท่สี มบรู ณ์หมายความว่าอย่างไร เกีย่ วกบั การศึกษาท่สี มบูรณ การเมือง ๓. หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาใดบ้างท่ีนักเรียนสามารถนำามาประยุกต์ใช้ในการศึกษา และสนั ตภิ าพ เลา่ เรยี น และสามารถนำามาประยกุ ต์ใช้ไดอ้ ยา่ งไร จงยกตวั อยา่ งประกอบคำาอธิบาย 2. บันทึกผลการศกึ ษาคนควาแนวทางการสมั มนา พระพทุ ธศาสนา และการสมั มนาและเสนอแนะ แนวทางในการธํารงรักษาพระพุทธศาสนาอนั สง ผลถึงการพัฒนาตน การเมือง หรือสนั ติภาพ 3. รายงานการสมั มนาเกีย่ วกับการเสนอแนะแนว ทางในการธํารงรกั ษาพระพุทธศาสนาอันสง ผล ถึงการพัฒนาตน การเมอื ง หรือสนั ติภาพ กิจสรก้ารงรสมรรคพ์ ฒั นาการเรียนรู้ กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนสัมมนาในหัวข้อท่ีเกี่ยวข้องกับการศึกษาท่ีสมบูรณ์ เช่น “ความรทู้ ว่ มหัว เอาตัวไมร่ อด จรงิ หรอื ไม่” “พระพุทธศาสนากับบทบาท ในการพฒั นาการศกึ ษา” ฯลฯ โดยใช้หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาท่ีได้ เรียนมาหาคาำ ตอบและคำาอธิบาย กิจกรรมที ่ ๒ ทาำ รายงานเรอื่ ง “หลกั ธรรมทางศาสนากบั การพฒั นาการศกึ ษาทส่ี มบรู ณ”์ โดยให้ยกหลักธรรมที่เก่ียวข้องกับการพัฒนาปัญญาในทางพระพุทธ- ศาสนา หรอื ศาสนาทต่ี นนบั ถอื มาใชป้ ระกอบการทาำ รายงานสง่ ครผู สู้ อน 152 แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู 1. การศกึ ษาไทยในปจจุบันยังไมสอดคลองกบั แนวคดิ เกีย่ วกับการศกึ ษาที่สมบรู ณท างพระพุทธศาสนาเทา ทค่ี วร กลาวคอื การศกึ ษายังไมป ลกู ฝงเยาวชนใหมคี ณุ ธรรม นําความรู ทักษะในการประกอบอาชีพ รวมถงึ ไมกอ ใหเกดิ ความรูความเขา ใจสภาพและปญ หาในชมุ ชนของตน อันนาํ มาซ่งึ การแกไ ขปญ หาและการพัฒนาชมุ ชน แต เนนการทดสอบเพ่ือศึกษาตอในระดับสงู ขึ้นเทาน้นั อยา งไรตามนกั การศกึ ษาและหนว ยงานท่เี กี่ยวของตระหนกั ถึงสภาพปญ หาดังกลาว และดาํ เนินงานเพือ่ พัฒนาการ คุณธรรมจริยธรรมควบคูกับความรทู างวิชาการ ทักษะการคดิ การประกอบอาชพี กระบวนการแกป ญ หาและเชอื่ มโยงกับชมุ ชนมากยง่ิ ข้ึน 2. การศกึ ษาทีส่ มบูรณในทางพระพุทธศาสนามคี วามหมายครอบคลุมการศึกษาเรยี นรูทางวชิ าการ ความสามารถในการดํารงชวี ิตและการประกอบอาชีพ และความ ประพฤติทดี่ ีงามตามหลกั คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และมีจดุ หมายเพื่อพัฒนาใหบ ุคคลดาํ เนินชวี ิตอยูไ ดดวยความสงบ และมีความสุข มีความสามารถในการแกไ ขปญ หาที่ ตอ งเผชญิ ในชีวิตไดอยา งถูกตอ งเหมาะสม 3. หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาท่สี ามารถนํามาปรับใชใ นการศึกษาเลา เรยี นมีหลายหลักธรรมดว ยกัน ทสี่ ําคัญไดแ ก อทิ ธบิ าท 4 ทเี่ ปน คณุ เกอ้ื หนนุ ใหถ ึงความสําเรจ็ หรอื สาํ เร็จสิ่งท่ีประสงค อาจเรียกไดวา ทางแหง ความสําเร็จ 4 ประการ คอื ฉนั ทะ ความพอใจรักใครสิ่งน้ัน เชน การสรางความสนใจในสงิ่ ท่กี าํ ลังศึกษาเรยี นรู วริ ยิ ะ ความพยายามทําส่งิ นน้ั เชน การมคี วามต้ังใจในการศกึ ษาเลาเรยี น จิตตะ ความเอาใจฝกใฝในส่งิ น้ัน เชน การหมัน่ ศกึ ษาทบทวนความรดู วยตนเองอยางสม่าํ เสมอ และวิมงั สา ความพจิ ารณาใครครวญหาเหตุผลในสงิ่ นน้ั เชน การพฒั นาผลการเรียนรขู องตนเองโดยวเิ คราะหถ งึ สาเหตุของขอบกพรองในการเรียนทีค่ วรไดรบั การ ปรับปรุง เปน ตน 152 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรยี นรู 1. อธบิ ายประวัติความรทู ่วั ไปเกี่ยวกับศาสนา สําคัญในประเทศไทยโดยสงั เขป 2. เสนอแนวทางการอยูรวมกนั ของศาสนิกชน ในศาสนาสําคัญในประเทศไทยไดอ ยา ง สนั ติสุข สมรรถนะของผูเ รียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชทักษะชีวติ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค Ëนว‹ ÂการàรÂÕ นร·ŒÙ Õè พิเศษ 1. ใฝเรียนรู Engage 2. มจี ิตสาธารณะ ศาสนาสำาคัญãน»รÐà·ศä·Â กระตนุ้ ความสนใจ »รÐà·ศä·Â໚นดินáดน·èÕãËŒàสรÕÀา¾áก‹»รÐชาชนãนการàÅ×อกนับ¶×อศาสนาãดกçäดŒ นอก¨าก ครใู หนักเรียนท่ีนบั ถอื ศาสนาสาํ คัญอ่ืน ๆ ใน ประเทศไทย ไดแ ก ศาสนาคริสต ศาสนาอิสลาม พระพุทธศาสนาแล้วกçยังมีศาสนาสำาคัญอè×นæ อีก เช‹น ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนา ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู และศาสนาสิข ผลดั กนั พราหมณ์-Îินดู และศาสนาสิข «Öèงแม้จะมีประชากรทีèนับถ×อศาสนาแตกต‹างกันแต‹ความแตกต‹างน้ี ออกมาตง้ั คําถามความรูท ั่วไปเกี่ยวกับศาสนาทีต่ น กçไม‹ได้ก‹อãห้เกิดป˜ญหาแต‹อย‹างãด เพราะไม‹ว‹าบุคคลจะนับถ×อศาสนาãดกçตามสามารถอยู‹ร‹วมกันได้ นบั ถอื ท่หี นาชน้ั เรียน (หรือครูเปน ผตู ้ังคาํ ถามโดย อยา‹ งสงบสขุ พิจารณาตามความเหมาะสม) ใหเพื่อนนกั เรยี น ชวยกันตอบ เชน ดงั นนั้ ãน°านะทีเè ราเปšนคนไทยจÖงควรเรยี นรูแ้ ละทาำ ความเข้าãจศาสนาอ×èนæ เพ×èอจะอยู‹ร‹วมกัน ไดอ้ ยา‹ งสนั ติ และเปนš การนาำ ไปสูค‹ วามเข้าãจอนั ดีระหว‹างกันของคนãนแตล‹ ะศาสนา • ศาสนาทส่ี ําคัญในประเทศไทยใดมปี ระวัติ ความเปน มาของศาสดาแตกตา งจากศาสนา ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง อืน่ ๆ (แนวตอบ ศาสนาพราหมณ- ฮินดู เนอ่ื งจากไม ส 1.1 ม.4/17 ■ ประวตั พิ ระพทุ ธเจา้ มฮุ มั มดั พระเยซู ปรากฏศาสดาผูประกาศศาสนา เปน ศาสนา ■ อธิบายประวัติศาสดาของศาสนาอน่ื ๆ โดยสงั เขป ของชาวอารยนั ทีอ่ พยพเขา มาสอู ินเดยี เมือ่ ราว 3,000 กวาปมาแลว และอาจกลาวไดวา เนอ้ื หาสาระในหนว ยน้ี จดั ทาํ ขน้ึ มาเพอ่ื เสรมิ เปน พเิ ศษ สาํ หรบั เปน ขอ มลู ใหค รผู สู อนเลอื กนาํ ไปใชส อนตามความเหมาะสมกบั หลกั สตู รของ แนวคดิ ทางพระพทุ ธศาสนาบางสว นไดรบั สถานศกึ ษาแตล ะแหง อทิ ธพิ ลมาจากศาสนาพราหมณ- ฮินดู เชน เรอื่ งภพ-ภมู ิ การบาํ เพญ็ เพยี รทางจติ เปน ตน ) เกรด็ แนะครู ครคู วรจดั กจิ กรรมการเรียนรูทีเ่ นน การพฒั นาทกั ษะกระบวนการ เชน ทกั ษะ การคิด กระบวนการกลมุ และกระบวนการสืบสอบ เพอ่ื ใหนักเรยี นสามารถอธิบาย ประวัตขิ องศาสนาอืน่ ในดา นตางๆ ไดโดยสงั เขป รวมถงึ เสนอแนวทางการปฏิบัติ ตนเพือ่ การอยูรว มกนั อยางสันติสุขได ดงั น้ี • ครูแบงกลมุ นกั เรียนเพื่อใหชว ยกันศึกษาความรเู กยี่ วกบั ศาสนาทีส่ ําคญั ใน ประเทศไทยตามที่กาํ หนด จากหนังสอื เรยี นและแหลงการเรียนรูตางๆ แลวนําเสนอความรูในรูปแบบตา งๆ จากนนั้ ศกึ ษาคนควา เพมิ่ เติมเกยี่ วกับ หลักธรรมของศาสนาสาํ คญั ในประเทศไทย เพื่อนาํ เสนอแนวทางการอยู รว มกันอยางสนั ตสิ ุข คู่มือครู 153
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Elaborate Evaluate Explore Explain สา� รวจคน้ หา Explore 1. ครูอธบิ ายเชอื่ มโยงใหน กั เรียนตระหนกั ถงึ ความ ๑. ศาสนาคริสต์ สําคญั ของการศกึ ษาความรเู กย่ี วกบั ศาสนา อ่ืนๆ โดยเฉพาะศาสนาทีม่ ศี าสนิกชนใน ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม (นับถือพระเจ้าองค์เดียว) คือ พระยาห์เวห์ ประเทศไทย เพอ่ื ความรคู วามเขาใจซ่งึ กันและ เป็นพระเจ้าสูงสุด และมพี ระเยซูเป็นศาสดาน�าพระวจนะของพระเจา้ มาส่งั สอนประชาชน กนั และการอยรู ว มกันอยา งสนั ตสิ ุข ๑.๑ ประวัติความเปน็ มา 2. ครูแบง นักเรยี นออกเปน 4 กลมุ เพื่อใหช ว ย กันศึกษาความรูเ กี่ยวกับศาสนาท่สี าํ คญั ใน ศาสนาครสิ ตม์ ถี นิ่ กา� เนดิ ในดนิ แดนปาเลสไตน์ หรอื ประเทศอสิ ราเอลในปจั จบุ นั มวี วิ ฒั นาการ ประเทศไทยตามทคี่ รูกาํ หนด โดยครอู าจ มาจากศาสนายูดาห์หรือศาสนายิว ศาสดาของศาสนาคริสต์ คือ พระเยซู บิดาของท่านเป็น จาํ แนกนกั เรียนทนี่ บั ถือศาสนาตา งๆ ใหอยใู น ช่างไม้ชือ่ โยเซฟ มารดาชื่อนางมารอี าหรือมาเรยี ซ่งึ ชาวครสิ ต์เชอื่ ว่านางเปน็ หญงิ พรหมจารแี ละ แตละกลุม ไดแก ศาสนาคริสต ศาสนาอิสลาม ตัง้ ครรภด์ ้วยอานภุ าพของพระเจ้า ศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู และศาสนาสขิ จาก หนงั สอื เรยี น หนา 154-169 และแหลงการ พระเยซูเติบโตที่หมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองนาซาเรธ แคว้นกาลิลี ในวัยเยาว์พระองค์เป็นผู้ท่ี เรยี นรอู ่นื เชน นกั บวชหรือศาสนกิ ชนในศาสนา สนใจเร่ืองศาสนธรรมและเป็นผู้ท่ีมีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก พออายุย่างเข้า ๓๐ ปี ทีก่ ลุมตนไดรบั มอบหมาย หนงั สือในหองสมดุ พระองค์ได้พบกับนักบุญโยฮัน และได้รับศีลล้างบาปตามลัทธิของโยฮัน ต่อจากนั้นพระองค์ได้ รวมถึงเว็บไซตตา งๆ อาทิ http://www.dra. เสด็จไปประทับท่ีป่าเปล่ียวแห่งหน่ึง เพ่ือบ�าเพ็ญศีลภาวนา เจริญสมาธิ และนมัสการพระเจ้า go.th/main.php?lfi ename=index เวบ็ ไซต เมื่อกลบั มาได้ประกาศหลักธรรมคา� ส่งั สอนเพื่อนา� ไปสู่การหลดุ พน้ และสู่สันติสขุ อยา่ งแท้จรงิ กรมการศาสนา แลว ชว ยกันเตรยี มการนําเสนอ ความรใู นรูปแบบตางๆ ทคี่ รกู ําหนดตามความ เม่ือประกาศศาสนาได้ ๓ ปี พวกศาสนจารย์เดิมเห็นว่า การประกาศศาสนาของพระเยซู เหมาะสม เชน โปรแกรมการนาํ เสนอ (Power- เถปูก็นปอรันะหตารราชยีวติต่อโพดยวกกตารนตรจึงึงไใมส้ก่คาวงาเมขนแ1ละพฟร้ะอเงยรซ้อูสง้ินตพ่อรทะาชงนกมาร์เมื่อจพนใรนะชทนี่สมุดาพยรุไะดอ้ ง๓ค๓์ถูกจพับรรแษลาะ point) ปา ยภาพ หรือรายงานการศกึ ษาคนควา อย่างไรก็ตาม เม่ือพระเยซูส้ินพระชนม์แล้ว บรรดาสาวกต่างๆ ก็ช่วยกันเผยแผ่ค�าสอนของ พรอมทั้งใบความรูประกอบการนาํ เสนอ พระองคส์ บื ต่อมา ทัง้ น้ีในปจั จุบนั มผี นู้ บั ถือศาสนาคริสตก์ ระจายอยตู่ ามท่ีตา่ งๆ ทว่ั ทกุ มุมโลก อธบิ ายความรู้ Explain เสริมสาระ ครสู นทนารวมกนั กับนกั เรยี นกลุมท่ีรบั ผดิ การส้ินพระชนม์ของพระเยซู ชอบการศึกษาความรูเกย่ี วกับศาสนาครสิ ต แลว สอบถามถงึ สาระสําคัญของประวตั คิ วามเปน มา ตอนท่ีพระเยซูทรงประกาศศาสนาไปในทตี่ ่างๆ มปี ระชาชนจา� นวนมากทท่ี ้ังเชอ่ื และไม่เชื่อในการประกาศนนั้ ศาสดา นกิ าย คัมภรี หลกั คําสอนพ้นื ฐาน และ ดังน้ัน พวกท่ีนับถือพระเจ้าอยู่แล้วจึงไม่เชื่อว่าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า (เมสสิยาห์) จึงวางแผนเพื่อจับพระองค์ พิธีกรรม ใหน ักเรียนกลมุ ทร่ี ับผดิ ชอบชวยกนั ตอบ ไปตรึงกางเขน โดยให้ยูดาห์ ซ่ึงเป็นหนึ่งในสาวกของพระองค์ทรยศโดยการนัดหมายให้มาจับพระองค์หลังอาหารค�่า มอ้ื สดุ ทา้ ย ขณะทพ่ี ระองคก์ า� ลงั สวดภาวนาอยใู่ นสวน พระองคถ์ กู ทรมานโดยการแบกกางเขนไปยงั เขากลั วาลโิ อ และทรง ถูกตรึงกางเขนในวันศุกร ์ เวลาประมาณบ่าย ๓ โมง วนั ครสิ ตม์ าส วันคริสต์มาสซ่ึงตรงกับวันท่ ี ๒๕ ธันวาคมของทุกปี ถือว่าเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระเยซูคริสต์ ในวันน้ี คริสตศ์ าสนิกชนจะไปที่โบสถ์เพอื่ ฟังมิสซา รวมทงั้ มกี ารฉลองและแลกเปลี่ยนของขวญั ระหว่างสมาชกิ ในครอบครัว 154 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT องคประกอบของศาสนาใดใชจ าํ แนกประเภทศาสนาเปน อเทวนยิ ม ครูควรสงเสรมิ ใหนกั เรียนที่นบั ถอื ศาสนาสําคัญในประเทศไทยไดอ ธิบายความรู เทวนยิ ม และเอกเทวนยิ ม เก่ียวกบั ศาสนาของตนในขน้ั ตอนกิจกรรมการเรียนรูทเ่ี หมาะสม เชน การใหอ ธิบาย 1. ศาสดา ความรเู ก่ยี วกับประวตั คิ วามเปนมา หรือความเขา ใจทีอ่ าจคลาดเคลือ่ นในศาสนา 2. พิธกี รรม ของตนของชาวพทุ ธ เพอื่ ใหนักเรียนมคี วามรูค วามเขา ใจเกี่ยวกับศาสนาสําคญั ใน 3. ความเชื่อ ประเทศไทยจากศาสนิกในศาสนานั้นๆ โดยตรง รวมถงึ สง เสริมความเขา ใจระหวาง 4. รูปเคารพ ศาสนิกชนศาสนาตา งๆ อนั นาํ ไปสกู ารอยูรว มกนั ในสังคมอยา งสันติสขุ วิเคราะหคําตอบ ศาสนาประเภทอเทวนิยม คือ ศาสนาท่ีไมเ ชอื่ ใน การมีอยขู องพระเจา เชน พระพุทธศาสนา สวนศาสนาประเภทเทวนยิ ม นกั เรยี นควรรู คอื ศาสนาทเี่ ชือ่ ในการมีอยูของพระเจา และนับถือพระเจา เชน ศาสนา พราหมณ- ฮนิ ดู สาํ หรบั ศาสนาประเภทเอกเทวนิยม คอื ศาสนาท่ีเช่อื 1 ไมก างเขน เปน สญั ลักษณของการไถบาปใหม นุษยของพระเยซู และการ ในการมีอยูข องพระเจา และนบั ถือพระเจาองคเ ดยี ว เชน ศาสนาคริสต คนื ชีพของพระองค ตามทบี่ รรยายไวใ นพนั ธสัญญาใหม ศาสนาอิสลาม ดังน้นั คาํ ตอบคอื ขอ 3. 154 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๑.๒ นิกาย1สÓคัญ นกั เรยี นกลมุ ทีร่ บั ผดิ ชอบในการศึกษาความรู เก่ยี วกบั ศาสนาครสิ ตแจกใบความรูที่กลุมตนจดั นิกายส�าคญั ของศาสนาคริสต์ แบ่งออกเปน็ ๓ นิกาย ดงั น้ี ทาํ ใหน กั เรยี นกลุม อื่น ๆ แลวสง ตัวแทนออกมานาํ เสนอความรทู ห่ี นาชั้นเรยี น จากน้ันครใู หน กั เรียน (๑) นิกายโรมันคาทอลิก เป็น กลุมอน่ื ชว ยกันตง้ั คําถามสอบถามขอ สงสัยจนเกดิ ความรูค วามเขาใจทต่ี รงกนั แลว ครูสมุ ถามความ นิกายท่ียึดม่ันในหลักค�าสอนของพระเยซู รูเกีย่ วกับศาสนาครสิ ตใ หนักเรยี นกลมุ อ่ืนชวยกนั ตอบ ในประเดน็ ตาง ๆ ดงั น้ี ครสิ ต์ เชื่อในบรรดานักบญุ ตา่ งๆ • ประวัติความเปนมา (๒) นิกายออร์ทอดอกซ์ เป็น • ศาสดา • นิกายสาํ คัญ นิกายท่ีแยกออกมาจากนิกายโรมันคาทอลิก • คมั ภีรท างศาสนา เชื่อในเรื่องตรีเอกานุภาพ รูปแบบพิธีกรรม ระเบียบเก่ยี วกับบาทหลวง (๓) นิกายโปรเตสแตนต์ เป็น นิกายท่ีแยกออกมาจากนิกายโรมันคาทอลิก อาสนวิหารอัสสัมชัญ หรือโบสถ์อัสสัมชัญ ต้ังอยู่ท่ีถนน เป็นนิกายที่ถือว่าศรัทธาของแต่ละคนท่ีมีต่อ เจรญิ กรงุ เขตบางรกั เปน็ สถานที่ประกอบพธิ กี รรมทาง พระเจา้ สา� คญั มากกวา่ พธิ กี รรม นกิ ายนมี้ เี พยี ง ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก สร้างโดยบาทหลวง ปาสกัล เพ่ือเป็นการถวายพระเกยี รติแดพ่ ระนางมารอี า ไม้กางเขนเปน็ เคร่ืองหมายแห่งศาสนาเทา่ น้ัน ๑.๓ คัมภีร์ทางศาสนา คัมภีร์ของศาสนาคริสต์ เรียกว่า คัมภีร์ไบเบิล (Bible) เป็นคัมภีร์ศักด์ิสิทธิ์เนื่องจากเป็น พระวจนะของพระเจ้า แบ่งออกเป็น ๒ ภาค คือ พระธรรมเดิมหรือพันธสัญญาเดิม (Old Testament) กลา่ วถึงความเปน็ มาของจกั รวาล มนษุ ย์ ชนชาติยวิ รวมถึงบทสวดบทสดดุ ตี ่างๆ และพระธรรมใหม่หรือพันธสัญญาใหม่ (New Testament) ซ่ึงกล่าวถึงชีวิตและค�าสอนของ พระเยซู เร่อื งนา่ รู้ พระธรรมใหม พระธรรมใหม่หรือพนั ธสญั ญาใหม ่ คอื ภาคทสี่ องของคัมภีร์ไบเบิล เปน็ หนังสือเก่ยี วกับชีวิตและคา� สอนของ พระเยซู หนงั สอื ๔ เล่มแรกของภาคน้ที ีเ่ กี่ยวกบั เรอื่ งดงั กลา่ วเรยี กวา่ พระวรสาร (Gospel) ซง่ึ เขยี นโดยนกั บุญมทั ธวิ (Matthew) ลกู า (Luka) มารโ์ ก (Marko) และจอห์น (John) หนังสือพระวารสารทั้ง ๔ เลม่ นี ้ มเี น้ือหาคล้ายคลึงกัน แตก่ ารจดั เนอ้ื หาและจา� นวนเน้ือหามีมากน้อยต่างกนั 155 ขอ สอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอ สอบป ’52 ออกเกีย่ วกับคมั ภีรไบเบลิ ใหม 1 นิกาย ในศาสนาคริสตน อกจากนกิ ายโรมนั คาทอลกิ ออรทอดอกซ และ เร่อื งใดปรากฏอยใู นคมั ภรี ไบเบลิ ใหม โปรเตสแตนตแ ลว ยังมีนกิ ายยอยๆ ท่ีกําเนิดขึน้ ในหลายรูปแบบ ทสี่ าํ คัญไดแก 1. เรอ่ื งราวชีวิตของพระเยซู นกิ ายทพ่ี ฒั นาขน้ึ ในประวตั ศิ าสตรช าตติ า งๆ เชน นกิ ายแองกลคิ นั (Anglicanism) 2. การเผยแผศาสนาของโมเสส คอื ความเชื่อหรอื การปฏิบตั ิของนิกายศาสนาครสิ ตแ หง องั กฤษ หรือคริสตจักร 3. การเทศนาสัง่ สอนธรรมของพระเยซู แหงอังกฤษ (Church of England) กําเนิดขนึ้ จากพระเจา เฮนรีท่ี 8 แหงองั กฤษที่ 4. ประวัติศาสตรชนชาตยิ วิ ในสมยั อับราฮัม ตดั สนิ พระทยั หยา ขาดกบั สมเดจ็ พระราชนิ แี คเทอรนี แหง อารากอน ซงึ่ เปน การฝา ฝน คาํ สัง่ ของพระสันตะปาปา พระองคจึงมีพระราชโองการใหค ริสตจักรแหง อังกฤษ วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. เรอื่ งราวชีวติ ของพระเยซู และขอ 3. แยกตวั จากครสิ ตจักรโรมนั คาทอลกิ ใน ค.ศ. 1534 แลวออกพระราชบัญญัติอาํ นาจ สงู สุดทางศาสนาซึง่ นับเปน จดุ เริ่มตน ของการปฏริ ูปศาสนาในองั กฤษ การเทศนาสงั่ สอนธรรมของพระเยซู เปน เรื่องราวทีป่ รากฏในภาคคมั ภรี ไบเบลิ ใหม (New Testament) สว นตัวเลือกขอ 2. การเผยแผศาสนาของ โมเสส และขอ 4. ประวตั ศิ าสตรชนชาตยิ วิ ในสมัยอบั ราฮมั เปน เร่ืองราว ท่ีปรากฏอยูในภาคคมั ภรี เ ดิม (Old Testament) นอกจากนยี้ งั มีเรอ่ื งราว เกี่ยวกับความเปนมาของจักรวาลและมนษุ ยอ กี ดว ย คมู่ อื ครู 155
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู มุ ถามความรูเก่ียวกบั ศาสนาคริสตให ๑.๔ หลักคÓสอนพนื้ ฐาน นักเรยี นกลุมอ่ืนชว ยกันตอบ ในประเด็นตางๆ ดงั น้ี โมเสส ศาสนา(ค๑ร)สิ บตซ์ัญง่ึ ญสบืัตเิ น๑อื่ ๐งมปาจราะกกศาารสนเปาย็นดูหาลห1ักก์ ธย็ รอรมมรทบั ่ีพหรละกั เจก้าารปนร้ีไะวทด้ าว้ นยใหบ้แญั กญ่ชตัาวิ ๑ย๐ิวผป่ารนะทกาารง • หลักคาํ สอนพ้นื ฐาน • พิธีกรรมและวันสาํ คญั มีดงั น้ี จากนั้นครูและนกั เรยี นสนทนารวมกันถึง ความสอดคลอ งของหลกั คําสอนของศาสนาคริสต ๑. จงนมัสการพระเจ้าแตเ่ พียงองค์เดียว กับพระพุทธศาสนา โดยเนน หลักคําสอนทส่ี ง เสรมิ ๒. อยา่ ออกนามพระเจา้ โดยไมส่ มเหตุ การอยูรว มกนั อยางสันติสขุ ๓. จงนับถือวันพระเจา้ เป็นวนั ศักดส์ิ ทิ ธ์ิ ๔. จงนบั ถือบดิ ามารดา ๕. อยา่ ฆ่าคน ๖. อยา่ ผิดประเวณี ๗. อยา่ ลกั ทรัพย์ ๘. อยา่ ใส่ความนินทา ๙. อยา่ คิดมชิ อบ ๑๐. อยา่ โลภสง่ิ ของผอู้ นื่ ศาสนาคริสต์สอนให้มนุษย์ทุกคนรักกันเหมือนอย่างท่ี (๒) หลักตรีเอกานุภาพ ศาสนาคริสต์ พระเจ้าทรงรัก เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนเป็นบุตรของ เช่อื วา่ มีพระเจา้ องค์เดยี ว แต่มี ๓ สถานภาพ พระเจ้าเหมือนกนั ได้แก่ พระบิดา คือ ผู้สร้างโลก มนุษย์และ สรรพสงิ่ พระบตุ ร คอื พระเยซคู รสิ ต์ และพระจติ คือ พระเจ้าในฐานะที่ปรากฏในจิตวิญญาณ ของมนุษย์เพื่อเก้ือหนุนให้มนุษย์มีคุณธรรม ความดี (๓) หลักความรัก หมายถึง ความ เมตตา กรณุ า เสยี สละ และใหอ้ ภยั ศาสนาครสิ ต์ สอนวา่ มนษุ ยท์ กุ คนลว้ นเปน็ บตุ รพระเจา้ ดงั นน้ั จึงควรรักกันเสมือนพี่น้อง และควรให้ความรัก แกท่ กุ คนแม้กระทงั่ ศตั รู 156 ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกับจดุ มงุ หมายสงู สุดในศาสนาคริสต นักเรยี นควรรู จุดมงุ หมายสงู สุดในศาสนาคริสตคือเร่ืองใด 1. การลางบาปกําเนดิ 1 ศาสนายดู าห หรือศาสนายวิ (Judaism) เปนศาสนาและแนวทางการดาํ เนนิ 2. การไปรวมกับพระเจา ชวี ิตของชาวยิวสวนใหญ กาํ เนิดขนึ้ กอ นครสิ ตศักราชประมาณ 3,000 ป โดยมี 3. การสรางศรัทธาตอ พระเจา โมเสสเปนศาสดาซง่ึ ไดร ับคาํ สอนจากพระเจา และนําพาชาวยวิ ซึ่งเปนทาสในอียิปต 4. การรอดพน จากคําพพิ ากษา เวลาน้ันอพยพเขา สตู ะวนั ออกกลางผา นทางคาบสมุทรไซนาย โดยคาํ สอนและ วิเคราะหคําตอบ จุดมงุ หมายสงู สดุ ของผทู นี่ บั ถอื ศาสนาคริสตกค็ ือ การ พนั ธสัญญาจากพระเจา ในศาสนายูดาหเปนสวนหน่ึงของคมั ภีรไ บเบลิ เดิมใน เขา สอู าณาจกั รพระเจา โดยผทู ป่ี ฏบิ ัตติ นตามหลกั คําสอน มีความศรทั ธา ศาสนาคริสตอีกดว ย ในพระเจา และพระเยซู มีความรกั ในเพอ่ื นมนษุ ย เม่อื ถงึ วันพิพากษาจะได เขา ไปสอู าณาจกั รพระเจา ดังนนั้ คําตอบคือ ขอ 2. มุม IT ศกึ ษาความรเู กยี่ วกับศาสนาครสิ ตเพมิ่ เตมิ ไดท่ี http://www.cct.or.th/ เว็บไซตมลู นิธแิ หงสภาครสิ ตจักรในประเทศไทย (The Church of the Christ in Thailand : CCT) 156 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ (๔) อาณาจกั รพระเจา้ 1จดุ มงุ่ หมายสงู สดุ ของชาวครสิ ต์ คอื การเขา้ ไปสอู่ าณาจกั ร ครสู ุมนักเรยี นใหผลดั กนั ออกมาเขยี นราย พระเจ้า (Kingdom of God) ใครกต็ ามท่มี ีจิตใจบรสิ ทุ ธิ์ รกั และเมตตาเพื่อนมนษุ ย์ ปฏบิ ตั ิตาม ละเอียดเก่ียวกับศาสนาคริสตล งในผังความคิด บัญญตั ิ ๑๐ ประการ และมศี รัทธาในพระเจา้ และพระเยซคู ริสต์ จะได้เข้าไปสอู่ าณาจกั รพระเจา้ ทก่ี ระดานหนาชั้นเรียน ซ่ึงครูอาจกาํ หนดหวั ขอ สําคัญไวล วงหนา เชน ประวัตคิ วามเปนมา นิกาย ๑.๕ พธิ กี รรมáละวนั สÓคัญ สําคัญ คัมภีรท างศาสนา หลักคาํ สอนพืน้ ฐาน และพธิ กี รรมและวนั สาํ คญั เปนตน พธิ กี รรมทางศาสนาของศาสนาครสิ ต์ เรยี กวา่ “พธิ รี บั ศลี ศกั ดสิ์ ทิ ธ”ิ์ ซงึ่ ประกอบดว้ ยพธิ กี รรม สา� คัญๆ ไดแ้ ก่ จากนนั้ ครูเพ่ิมเตมิ เพอ่ื ใหข อความรูถกู ตอง ครบถวน แลว ครูนําในการสรุปความรูของนักเรียน ๑. ศีลล้างบาป หรือศีลจุ่ม (ศีลบัพติศมา) เป็นพิธีกรรมแรกท่ีผู้จะเป็นคริสต์ศาสนิกชน เก่ยี วกบั ศาสนาคริสต นกั เรยี นบันทกึ ผังความคดิ จะต้องรับ เพอ่ื เป็นการล้างบาปมลทนิ ต่างๆ ทม่ี มี าแตก่ ำาเนดิ และความรทู ่สี รปุ ไดล งในสมดุ ๒. ศลี กำาลงั เป็นพิธเี พ่อื แสดงวา่ พระจติ เสดจ็ เขา้ สจู่ ติ ใจของผนู้ นั้ แลว้ และเปน็ การยืนยันถึง การยอมรบั นับถอื ศาสนาครสิ ต์ ๓. ศีลมหาสนิท ชาวคริสต์จะไปร่วมกันทำาพิธีท่ีโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ เพื่อระลึกถึงชีวิตและ คำาสอนขอ2งพระเยซู ๔. ศลี แก้บาป คอื พิธกี รรมท่ชี าวคริสตจ์ ะไปสารภาพบาปกับบาทหลวง ๕. ศลี เจมิ คนไข้ เปน็ พธิ กี รรมทบี่ าทหลวงเจมิ นา้ำ มนั ใหแ้ กค่ นไข้ จะไดม้ กี าำ ลงั ใจที่จะเอาชนะ ความเจบ็ ปวย ๖. ศลี บวช หรือศลี อนุกรม คอื พธิ บี วชสำาหรับผู้ทจ่ี ะเปน็ บาทหลวง ๗. ศลี สมรส คอื พิธีสมรสทต่ี ้องกระทำาต่อหนา้ บาทหลวง ครสิ ต์ศาสนกิ ชนชาวไทยขณะก�าลังประกอบพธิ ีภายในโบสถ์ 157 ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอสอบป ’51 ออกเกย่ี วกับพิธีกรรมในศาสนาครสิ ต 1 อาณาจกั รพระเจา (Kingdom of God) หรอื อาณาจักรสวรรค หมายถงึ การ พิธีกรรมใดที่ครสิ ตศาสนกิ ชนไดแสดงความเปน อันหนง่ึ อนั เดยี วกบั ทีพ่ ระเจา ทรงปกครองมนษุ ยชาตซิ ่ึงเชอื่ ฟง พระองคท ัง้ ในปจจุบนั และในอนาคต อาณาจักรนเ้ี ร่มิ ข้ึนเม่อื พระเจา เสดจ็ มายังโลก และจะสมบรู ณเ ม่อื พระเจาเสดจ็ กลับ พระเจา มาอีกคร้ังหน่งึ เมื่อส้นิ พภิ พ 1. ศีลบวช 2 ศีลแกบาป หรือศลี อภัยบาป หมายถึง การเสยี ใจในบาป (regret for sin) 2. ศีลกําลงั และเปน การเปล่ยี นแปลงจติ ใจของคนๆ หนึง่ จากแนวคิดเกีย่ วกบั การนําชีวิตของ 3. ศลี ลางบาป ตนเองกลับมาสูพ ระเจา จากบาปความผิดทที่ าํ ใหชวี ิตหนั เหไปจากพระองค โดย 4. ศลี มหาสนทิ ศาสนบรกิ รผูมีอํานาจสําหรบั ศีลแกบ าป คอื บาทหลวงทมี่ อี ํานาจจะแกบาปตาม กฎหมายของศาสนจักร แตกม็ ขี อยกเวน บาทหลวงทกุ องคแ มทยี่ งั ไมไ ดร บั อนุญาต วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. ศีลกาํ ลัง เปน หน่ึงในพธิ ีรบั ศีลศักดิ์สิทธ์ิ ใหฟง แกบ าปก็ตาม สามารถอภยั บาปใหแ กผูส ารภาพบาปท่ีใกลจ ะเสียชีวิตไดอยา ง สมบรู ณเ ชนกนั เพ่อื แสดงวาพระจติ ของพระผเู ปนเจาเสด็จเขาสูจ ติ ใจของผปู ระกอบพธิ ี นัน้ แลว รวมถึงเปนการยนื ยนั ในการยอมรับนับถือศาสนาครสิ ตของผูน้ัน อีกดว ย คมู่ ือครู 157
กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูสนทนารวมกนั กบั นักเรยี นกลุมท่ีรับผิดชอบ ๒. ศาสนาอสิ ลาม1 การศกึ ษาความรเู กีย่ วกับศาสนาอสิ ลาม แลว ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาส�าคัญศาสนาหนึ่งของโลก เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม สอบถามถงึ สาระสาํ คัญของประวตั ิความเปน มา ศาสดา นกิ าย คมั ภีร หลกั คําสอนพนื้ ฐาน และ นับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ พระอัลลอฮฺ โดยมีท่านนบีมุฮัมมัดเป็นศาสดาและเป็นผู้ประกาศ วนั สําคัญทางศาสนา ใหน ักเรียนกลุมทีร่ ับผิด ชอบชวยกันตอบ ศาสนา 2. นักเรยี นกลุมทีร่ ับผิดชอบในการศึกษาความรู ผู้นับถือศาสนาอิสลามเรียกว่า “มุสลิม” (แปลว่า ผู้แสวงหาสันติหรือผู้นอบน้อมต่อ เก่ียวกับศาสนาอสิ ลามแจกใบความรูท ีก่ ลมุ ตน จัดทําใหน ักเรยี นกลุม อ่ืนๆ แลวสงตัวแทนออก พระประสงค์ของพระเจ้า) มุสลมิ ทุกคนต้องปฏบิ ตั ศิ าสนกิจเหมือนกนั หมด จงึ ไม่มีนกั บวช (มีแต่ มานาํ เสนอความรทู ีห่ นา ชัน้ เรยี น จากนน้ั ครูให นกั เรยี นกลุมอนื่ ชวยกันตง้ั คําถามสอบถามขอ อิหม่ามเป็นผู้น�าในการนมัสการพระเจ้า) และมิได้แบ่งแยกแนวทางปฏิบัติระหว่างศาสนิกชนกับ สงสยั จนเกิดความรูความเขา ใจทตี่ รงกนั แลว ครสู ุมถามความรูเกยี่ วกบั ศาสนาอิสลามให นกั บวช นักเรียนกลมุ อ่นื ชว ยกันตอบ ในประเดน็ ตางๆ ดังน้ี ๒.๑ ประวตั คิ วามเปน็ มา • ประวตั ิความเปนมา • ศาสดา ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาท่ีถือก�าเนิดขึ้นในนครมักกะฮฺ ประเทศซาอุดีอาระเบีย หลัง พุทธศกั ราชประมาณ ๑,๑๑๓ ปี นบีมุฮัมมัด เป็นศาสนทูตองค์สุดท้ายท่ีพระอัลลอฮฺทรงเลือกให้เป็นผู้น�าข้อบัญญัติทาง ศาสนามาเผยแผ่แก่มวลมนุษย์ ท่านเป็นชาวอาหรับ ก�าเนิดท่ีเมืองมักกะฮฺ มารดาช่ืออามีนะฮ์ เป็นชนเผ่ากุร็อยชฺ ท่านศาสดาเป็นก�าพร้าตั้งแต่เยาว์วัย ในเวลาต่อมาจึงต้องไปอยู่ในความ อุปการะของอาบูฏอลิบผู้เป็นลุง โดยช่วยลุงเล้ียงปศุสัตว์ ค้าขาย และท�างานอ่ืนๆ ในครอบครัว เม่ือโตเป็นหนุ่มได้ไปท�างานกับนางคอดีญะฮฺ เศรษฐินีหม้าย โดยท�าหน้าท่ีควบคุมกองคาราวาน สินค้าไปขายยังประเทศใกล้เคียง ซ่ึงในเวลา ต่อมาทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน และมีบุตรธิดา ดว้ ยกัน ๖ คน ในสมัยที่ท่านศาสดาถือก�าเนิดขึ้นน้ัน สังคมอาหรับอยู่ในสภาพที่เส่ือมโทรมมาก ท่านจึงพยายามหาทางแก้ไขปัญหาในสังคมท่ี ท่านพบเห็นอยู่เสมอ จนกระท่ังวันหนึ่งขณะที่ ท่านหลบไปหาความสงบวิเวกในบริเวณถ้�าบน นครมักกะฮฺ สถานที่ประสูติของพระศาสดามุฮัมมัด ภเู ขาฮริ อฮฺ เทวทตู ญบิ รออลี ก็ไดน้ า� โองการของ ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของมุสลิม (จากภาพ) พระเจ้า (พระอัลลอฮฺ) มาประทานแก่ท่าน ศาสนสถานบยั ตลุ ลอฮ ฺ ประเทศซาอุดอี าระเบยี ท่านศาสดามุฮัมมัดจึงเริ่มประกาศศาสนา 158 นักเรียนควรรู ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’51 ออกเก่ียวกบั ความหมายของมสุ ลิม 1 ศาสนาอสิ ลาม ในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตม จี ุดเรม่ิ ตนการเผยแผ ความหมายของคําวา มุสลมิ ในขอใดถกู ตองทสี่ ดุ จากคาบสมุทรอาหรับและไดขยายเขา สูดินแดนตางๆ ของโลก โดยพอ คาจาก 1. ผรู กั ความสงบ คาบสมทุ รอาหรับและเปอรเ ซยี ทีน่ าํ สนิ คาเขามาคา ขายยงั แหลมมลายู ไดแก 2. ผมู ศี รทั ธาตอพระเจา อินโดนเี ซยี และมาเลเซยี รวมถงึ ตอนใตของประเทศไทย ดว ยอธั ยาศยั ไมตรีท่เี ปน 3. ผูย อมมอบตนตอ พระเจา มิตร และมคี วามเครง ครดั ในบัญญตั แิ หง อสิ ลามของบรรดาพอคาเหลา น้ัน จึงเปน 4. ผยู อมปฏบิ ัตติ ามโองการของพระเจา เหตใุ หผคู นทีค่ บคาดวยเกดิ ความประทับใจและสมัครใจทีจ่ ะเขา รบั นับถอื ศาสนา วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ผยู อมมอบตนตอ พระเจา เนอื่ งจากมสุ ลมิ อสิ ลาม กระท่งั เปน ศาสนาทม่ี ีผนู บั ถือมากทสี่ ุดของภูมิภาคในปจ จบุ ัน แปลวา ผนู อบนอมตอพระประสงคของพระเจา หรอื ผูแ สวงหาสันติ มุม IT ศึกษาคน ควา ความรเู กย่ี วกับศาสนาอิสลามและชาวมสุ ลมิ ในประเทศไทย เพิ่มเตมิ ไดที่ http://www.skthai.org/ เว็บไซตสํานกั จฬุ าราชมนตรี 158 คมู่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ คนแรกทเี่ ขา้ รบั นบั ถอื ศาสนาอสิ ลามกค็ อื นางคอดีญะฮฺ ผู้เป็นภรรยา ท้งั นีก้ ารประกาศศาสนาใน ครูสุมถามความรูเก่ียวกบั ศาสนาอสิ ลามให ช่วงแรกเตม็ ไปด้วยความยากล�าบากและถูกตอ่ ตา้ น เพราะศาสนาอิสลามท�าให้ผูม้ ีอทิ ธิพลสูญเสยี นกั เรียนกลุม อื่นชวยกันตอบ ในประเดน็ ตางๆ ผลประโยชน์ รวมท้งั ท�าใหค้ นทัว่ ไปซง่ึ นบั ถือรูปเคารพต่างๆ ขัดเคอื ง ดงั นี้ หลังจากที่ประกาศศาสนาได้ ๑๓ ปี ท่านศาสดากับสาวกได้ลี้ภัยจากการตามล้างผลาญ • นิกายสาํ คัญ ของชาวเมืองมักกะฮฺ ไปอยู่ที่เมืองมะดีนะฮ์ โดยปีท่ีท่านศาสดามุฮัมมัดอพยพมาอยู่ท่ีเมือง • คมั ภรี ท างศาสนา มะดีนะฮ์น้ี ถือเป็นการเริ่มต้นนับศักราชอิสลาม เรียกว่า ฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) จนกระท่ังถึง • หลกั คําสอนพื้นฐาน พ.ศ. ๑๑๗๓ ท่านศาสดาก็ได้สามารถรวบรวมผู้คนกลับไปยึดเมืองมักกะฮฺไว้ได้ โดยปราศจาก • วันสาํ คัญทางศาสนา การสูร้ บให้เสียเลือดเน้ือ โดยส่งั ใหท้ า� ลายรูปเคารพตา่ งๆ และประกาศนริ โทษกรรมแกช่ าวเมอื งที่ จากน้นั ครแู ละนักเรียนสนทนารว มกนั ถงึ เคยเปน็ ปฏิปักษต์ ่อทา่ น กอ่ นท่ีจะกลับไปยังเมืองมะดีนะฮ์ ซึ่งตอ่ มาภายหลังชนอาหรับเผา่ ต่างๆ ความสอดคลองของหลกั คาํ สอนของศาสนา และประเทศข้างเคียงก็ได้ส่งทูตเข้ามาขอเป็นพันธมิตรบ้าง เพ่ือขอรับนับถือศาสนาอิสลามบ้าง อิสลามกับพระพุทธศาสนา โดยเนนหลักคาํ สอน ศาสนาอิสลามจึงได้แผ่ขยายอิทธิพลไปยังดินแดนต่างๆ ได้แก่ ดินแดนตะวันออกกลาง อินเดีย ทสี่ ง เสริมการอยรู ว มกนั อยางสนั ตสิ ขุ และท่ีอนื่ ๆ นับแต่บดั นน้ั ทา่ นศาสดามฮุ ัมมดั ถงึ แก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๑๑๗๕ ตรงกับ ฮ.ศ. ๑๑ ในขณะท่ีท่านศาสดา มีชีวิตอยู่ตั้งแต่เป็นเด็กเล้ียงแพะจนกระทั่งเป็นศาสดาและเป็นประมุขแห่งประชาชาติอาหรับ ทา่ นไดด้ า� รงตนเปน็ ผเู้ สมอตน้ เสมอปลาย อยงู่ า่ ย กนิ งา่ ย มคี วามเมตตากบั ทกุ คน โดยเฉพาะคนท่ี ยากไร้และต่�าต้อย ไม่ถือยศศักด์ิ มีความยุติธรรมและความซื่อสัตย์เป็นเลิศจนได้รับฉายา ตง้ั แต่ส๒ม.ัย๒เป็นนหิกนาุ่มยวา่ ส“Óอคัลลัญาม1ีน” ซง่ึ แปลวา่ ผู้ซือ่ สัตย์ นกิ ายส�าคญั ๆ ของศาสนาอิสลามมีดงั น้ี ๑. นิกายซุนนีหรือซุนนะห์ เคร่งครัดการปฏิบัติตามคัมภีร์อัลกุรอานและซุนนะห์เท่านั้น ยอมรับผนู้ ำา ๔ คนแรก ซง่ึ เป็นผู้ใกลช้ ิดทา่ นศาสดา ๒. นกิ ายชอี ะห์ นกิ ายนถ้ี อื วา่ ทา่ นอาลี บตุ รเขยของศาสดามฮุ มั มดั คนเดยี วเทา่ นน้ั เป็นผู้นาำ ท่ี ถูกตอ้ ง ๓. นิกายคอวาริจญ์ ถอื ว่าผ้จู ะเป็นคอลีฟะหน์ ั้นตอ้ งมาจากการเลอื กตั้งเสรี ๔. นิกายวาฮาบี ต้ังขึ้นกลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ ถือว่าพระคัมภีร์อัลกุรอานศักดิ์สิทธิ์ท่ีสุด เคารพพระอัลลอฮฺองคเ์ ดยี ว ไม่เชอื่ ว่าทา่ นศาสดามุฮัมมัดเป็นผู้แทนพระอลั ลอฮฺ 159 ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอ สอบป ’53 ออกเกีย่ วกับความเชือ่ ของชาวมุสลมิ 1 นิกายสําคญั ของศาสนาอิสลามในประเทศไทย ไดแก นิกายซนุ นี ประมุข ชาวมสุ ลิมไมเ ช่ือในเร่อื งใด สงู สดุ ของชาวมุสลิมในประเทศไทย เรียกวา จฬุ าราชมนตรี ซ่งึ รฐั บาลเปนผูแตง ต้งั 1. โลกมวี ันสิ้นสดุ ในชุมชนชาวมุสลิมจะมีผนู ําศาสนา มีโรงเรยี นสอนศาสนาสาํ หรบั เด็ก มสี ถานท่ี 2. เทวทตู มจี ํานวนมาก ประกอบพิธที างศาสนา เรียกวา สเุ หรา หรอื มัสยดิ ศาสนาอิสลามถือวา กฎเกณฑ 3. ศาสนทตู มหี ลายทาน ทางศาสนาเปนแนวทางปฏิบัติในการดําเนนิ ชีวิต ไมไดแยกชีวิตทางศาสนาออก 4. การตายแลว เกิดใหมบนโลกมนษุ ย จากทางโลก จงึ มกี ฎระเบียบตางๆ อยางละเอียด ศาสนาอสิ ลามเขาสูป ระเทศไทย ตง้ั แตส มัยกรงุ ศรอี ยุธยาและมีศาสนิกชนนับถอื สบื เน่ืองมาจนถึงปจจบุ นั วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การตายแลวเกดิ ใหมบนโลกมนษุ ย เนอ่ื งจากชาวมสุ ลมิ ศรทั ธาในวันพิพากษา ไมเ ชือ่ เรอ่ื งการเวยี นวา ยตาย เกิด กลาวคือ เมอ่ื ตายแลววญิ ญาณทกุ คนจะรอการพพิ ากษาจากพระเจา ดังปรากฏในพิธศี พของชาวมสุ ลมิ ทใี่ ชก ารฝง เพอื่ รอวนั พิพากษาน่ันเอง ค่มู ือครู 159
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู ุมนกั เรียนใหผลดั กันออกมาเขียนราย ๒.๓ คัมภรี ์ทางศาสนา ละเอยี ดเกี่ยวกับศาสนาอิสลามลงในผงั ความคิด ท่กี ระดานหนา ชนั้ เรียน ซงึ่ ครอู าจกําหนดหัวขอ คัมภีร์ทางศาสนา เรียกว่า คัมภีร์อัลกุรอาน คัมภีร์นี้ถือว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้าท่ีได้ สาํ คัญไวล ว งหนา เชน ประวัติความเปน มา ศาสดา นิกายสําคัญ คัมภีรทางศาสนา หลกั คาํ สอนพื้นฐาน ประทานแกม่ วลมนุษยผ์ า่ นทางศาสดานบีมฮุ ัมมดั และวนั สาํ คญั เปน ตน คัมภีร์อัลกุรอาน แปลว่า คัมภีร์ จากน้ันครูเพิ่มเตมิ เพือ่ ใหข อความรถู ูกตองครบ ถวน แลวครูนําในการสรปุ ความรขู องนักเรียนเก่ียว สาธยายมนต์ มี ๓๐ ภาค ๑๑๔ บท เป็น กับศาสนาอิสลาม นกั เรยี นบันทกึ ผังความคิดและ ความรทู ี่สรปุ ไดลงในสมดุ แนวทางการปฏิบัติส�าหรับบุคคลและสังคม ส�าหรับภาษาที่ใช้บันทึกคัมภีร์อัลกุรอาน คือ ภาษาอาหรับ ท้ังนี้ปัจจุบันได้มีการแปล คัมภีร์อัลกุรอานเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ชาวมุสลิมถือว่าคัมภีร์น้ีเป็นคัมภีร์ศักด์ิสิทธิ์ เพราะทุกค�า ทุกตัวอักษรเกิดจากพระอัลลอฮฺ การละหมาดของชาวมุสลิม เป็นการแสดงความเคารพ เป็นความจริงที่บริสุทธิ์ และเป็นธรรมนูญ สา� หรบั ชวี ิต ตอ่ พระ๒เจา้.ท๔ั้งทาหงรล่างกักาคยแÓละสจติ อใจนพนื้ ฐาน1 ศาสนาอิสลามมีพิธีกรรมและหลกั ค�าสอนเพ่ือใหป้ ฏิบตั ติ าม ดงั นี้ (๑) หลักศรัทธา ๖ ประการ ได้แก่ ศรัทธาต่อพระอัลลอฮฺ ศรัทธาต่อเทพบริวาร ของพระอัลลอฮฺ (เทวทูต) ศรัทธาในพระคัมภีร์ท้ังหลาย ศรัทธาต่อบรรดาศาสนทูต ศรัทธาใน วนั พพิ ากษา และศรทั ธาในการก�าหนดสภาวะของโลก (๒) หลักปฏิบัติ ๕ ประการ การปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาอิสลามจะปฏิบัติ ในสถานทีท่ เี่ รยี กว่า “มสั ยดิ ” หรือสเุ หร่า หลักปฏบิ ัตสิ า� คญั ในศาสนาอิสลาม ๕ ประกา2ร ไดแ้ ก่ การปฏิญาณตน การละหมาด การถอื ศีลอด การบรจิ าคซะกาต และการประกอบพธิ ฮี ัจญ์ เรอ่ื งน่ารู้ การถือศลี อด การถือศีลอด หมายถึง การละเว้นจากการบริโภคอาหาร เคร่อื งด่มื การร่วมสังวาส ต้งั แต่พระอาทิตย์ข้นึ จน กระทง่ั พระอาทติ ยต์ กดนิ มสุ ลมิ จะตอ้ งถอื ศลี อดปลี ะ ๑ เดอื น คอื ในเดอื นเราะมะฎอนตามปฏทิ นิ ของอสิ ลาม ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การผ่อนผนั ไม่ต้องถือศีลอด ได้แก ่ คนชรา หญิงมีครรภ ์ แมล่ กู อ่อน คนท่ตี ้องท�างานหนัก คนเดินทางไกล หญงิ ขณะ มรี อบเดอื นหรอื หลงั คลอด คนปว่ ย การถอื ศลี อดแสดงถงึ ความศรทั ธาในพระเจา้ ฝกึ ความอดทน และความมนี า�้ ใจ 160 นักเรียนควรรู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกบั หนาทขี่ องผูที่นบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม 1 หลักคําสอนพื้นฐาน ของศาสนาอิสลามมีเจตนารมณ 5 ประการ ไดแก การ หนาทตี่ อพระเปน เจาในศาสนาอิสลามคืออะไร ปกปอ งศาสนา การปกปอ งชีวติ การปกปองสติปญญา การปกปอ งวงศตระกลู 1. การไมบชู ารูปเคารพใดๆ และการปกปองทรพั ยสนิ มีรายละเอยี ดเพ่อื สรางความมั่นคงแกชวี ติ ท้ังในลกั ษณะ 2. การปฏบิ ัตติ ามหลกั ปฏิบัติ 5 ของการกอใหเ กดิ และการธํารงรกั ษา มิใหส ูญหายหรอื นาํ ไปใชใ นทางทีไ่ มถกู ตอง 3. การชว ยเหลือเก้อื กลู แกเพ่ือนมนุษยรวมโลก ซ่ึงลว นแสดงถงึ การเปน ศาสนาทธี่ ํารงไวซึ่งสนั ติภาพอยา งแทจรงิ 4. การเช่ือวา มพี ระเจา องคเ ดยี วเปนผูบนั ดาลสรรพส่งิ 2 การประกอบพิธฮี ัจญ พระอลั ลอฮทฺ รงเลือกใหม กั กะฮแฺ ละบริเวณรอบ วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การปฏิบตั ิตามหลกั ปฏบิ ัติ 5 เนื่องจาก มกั กะฮเฺ ปน สถานที่ประกอบพิธฮี จั ญ เน่ืองดวยกะบะฮตฺ ง้ั อยใู จกลางมกั กะฮซฺ ่ึง ศรทั ธา 6 ประการ ซึ่งเปน หลกั การสําคัญพน้ื ฐานของศาสนาอสิ ลามท่ี เปนศูนยก ลางของพนื้ โลกเปน ใจกลางของทกุ ทวีป จงึ สะดวกแกมนษุ ยชาติที่จะ มุสลมิ จะตองมอี ยูประจาํ ใจ แตความศรทั ธาเพียงอยา งเดยี วนั้นยังไม เดนิ ทางมาประกอบพิธี การปฏิบัตศิ าสนกิจเดยี วกนั ดวยหลักพ้ืนฐานของการสราง เปนการเพยี งพอ เพราะในศาสนาอิสลามความศรทั ธาท่แี ทจ ริงจะตอ ง สมั พันธไมตรีตอกนั ระหวา งกลมุ ตา งๆ อัลลอฮจฺ งึ บัญญตั ิแกศาสดามฮุ ัมมัดให แสดงผลออกมาใหเห็นเปน การปฏิบตั ิในชวี ติ ประจาํ วัน คอื หลกั จดั ทําศาสนกิจทีร่ ว มกนั ดว ยการละหมาดตา งๆ และศาสนกิจอ่นื ๆ เพื่อเปน การ ปฏิบตั ิ 5 ประการ ไดแ ก การปฏญิ าณตน การละหมาด การถือศลี อด ประสานหัวใจของประชาชาติมสุ ลิมใหเ ปน หนึ่งเดยี ว การประกอบพิธีฮจั ญจ งึ ถอื วา การบรจิ าคซะกาต และการประกอบพธิ ฮี ัจญ เปน ปจ จัยสําคญั ในการสรางมติ รภาพระหวา งมุสลิมทัว่ โลก 160 ค่มู ือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๒.๕ วันสÓคญั ทางศาสนา 1. ครูสนทนารว มกนั กับนกั เรยี นกลมุ ทีร่ บั ผิดชอบ การศกึ ษาความรเู กี่ยวกับศาสนาพราหมณ- วนั สา� คญั ของศาสนาอสิ ลาม ไดแ้ ก่ วันแรกของเดือนเราะมะฎอน โดยการดูดวงจันทร์ใน ฮินดู แลว สอบถามถึงสาระสาํ คัญของประวัติ ตอนคา่� ของวนั ท่ี ๒๙ ของเดือนท่ี ๘ (ตามปฏทิ นิ อสิ ลาม) หากปรากฏวา่ ไมเ่ หน็ ดวงจนั ทร์ ตอ้ งถอื ความเปน มา ศาสดา นกิ าย คมั ภรี หลัก วันถัดไปอีกวนั เป็นวันแรกของเดือนเราะมะฎอน คาํ สอนพน้ื ฐาน และพธิ กี รรมสาํ คญั ทางศาสนา ใหนกั เรยี นกลุมที่รบั ผดิ ชอบชว ยกนั ตอบ ๓. ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู 2. นักเรียนกลุม ทีร่ ับผิดชอบในการศกึ ษาความรู ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูนั้น โดยเริ่มต้นมีศาสนาพราหมณ์เป็นพื้นฐาน และต่อมาได้ เก่ยี วกับศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดูแจกใบความรูที่ วิวัฒนาการมาเป็นศาสนาฮินดู กล่าวคือ ต้ังแต่สมัยเริ่มแรกจนถึงสมัยก่อนพุทธกาลเป็นศาสนา กลุมตนจัดทําใหน กั เรียนกลุมอ่นื ๆ แลวสง ตัว พราหมณ์ ส่วนสมยั หลงั พุทธกาลเป็นศาสนาฮินดู แทนออกมานําเสนอความรูท่ีหนา ช้นั เรียน จากนน้ั ครูใหน ักเรียนกลุมอืน่ ชวยกันตั้งคําถาม ๓.๑ ประวัตคิ วามเปน็ มา สอบถามขอสงสยั จนเกดิ ความรคู วามเขาใจท่ี ตรงกัน แลว ครสู ุมถามความรเู กีย่ วกบั ศาสนา เม่ือพวกอารยันอพยพเข้ามาต้ังถิ่นฐานในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียเมื่อประมาณ พราหมณ- ฮินดใู หน ักเรียนกลุมอนื่ ชวยกันตอบ ๑,๐๐๐ ปกี อ่ นพทุ ธกาลไดร้ บั เอาการนบั ถอื เทพเจา้ ของชนพนื้ เมอื งเขา้ มาผสมผสานกบั วฒั นธรรม ในประเด็นตางๆ ดังนี้ ขธรอรงมตชนาต1จิตึง่าไงดๆ้เกดิดังศนา้ันสจนึงาตพ้อรงามหีกมาณรก์ขลึ้น่าวคใน�าสสรมรัยเสนร้ันิญคแนลอะินบเูชดาียเทโบพรเาจณ้า ตเ่ามงื่อนเับวลถาือผเ่าทนพไเปจพ้าปิธีกรระรจม�า • ประวัตคิ วามเปน มา ต่างๆ เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น จนเกิดผู้ที่มีความรู้ความเช่ียวชาญในการประกอบพิธีกรรม • ศาสดา ซง่ึ ตอ่ มาเรยี กวา่ “พราหมณ”์ ในสมัยพระเวทชาวอารยันได้แบ่งเทพเจ้าออกเป็น ๓ กลุ่ม คือ เทพบนพื้นโลก เทพบน อากาศ และเทพบนสวรรค์ ซึง่ ประกอบดว้ ยเทพต่างๆ มากมาย เมอื่ เวลาผ่านไปเทพเจา้ องค์ใด ไดร้ บั การนบั ถอื มากทสี่ ดุ กจ็ ะไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ เทพเจา้ ผยู้ ง่ิ ใหญท่ สี่ ดุ เรยี กวา่ พระประชาบดี หรือเรียกอกี ชื่อหนึง่ วา่ พระพรหม ๒ องคต์ ค่ออืมาพศราะสศนิวาะพ(รพารหะอมศิณว์-รฮ)ินแดลู ะพไดร้วะิววิษัฒณน2ุา(กพารระมนาาเรปาย็นณล�า์)ดใับนจรนะยเกะแิดรเกทๆพเเจท้าพผเู้ยจ่ิงา้ ใทหัง้ ญ๓่ขึ้นอองีกค์ คือ พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุไดร้ ับการนบั ถือเท่าเทียมกัน เรียกว่า ลัทธติ รมี รู ติ แปลว่า รปู สาม โดยถอื วา่ เทพเจา้ ทง้ั สามองคน์ แ้ี ทจ้ รงิ แลว้ เปน็ องคเ์ ดยี วกนั แตแ่ บง่ ภาคออกเปน็ สามองค์ เพื่อท�าหนา้ ทตี่ า่ งกนั คือ พระพรหมเป็นผ้สู รา้ ง พระวิษณเุ ปน็ ผูร้ ักษา พระศวิ ะเป็นผทู้ �าลาย เมอ่ื พระพรหมสรา้ งโลกแล้ว พระวิษณุก็เปน็ ผ้ดู แู ลรักษาแตม่ นษุ ยย์ ังเตม็ ไปด้วยโลภ โกรธ หลง ยงั ท�าความชั่ว มีการเบยี ดเบียนกัน เมอ่ื ความชั่วรา้ ยทม่ี นุษยท์ า� มมี ากข้นึ จนสุดทจี่ ะเยยี วยา 161 กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรียนควรรู ครอู าจมอบหมายใหนักเรยี นศกึ ษาความรเู พ่มิ เตมิ เกยี่ วกับหลักคาํ สอน 1 เทพเจาประจําธรรมชาติ เปน แนวคิดและความเช่ือรว มในหลายแหลง และหลกั การปฏิบัตขิ องศาสนาอสิ ลามจากแหลงการเรียนรทู ค่ี รูเสนอแนะ วฒั นธรรมของโลก ซ่งึ พิจารณาไดถงึ อิทธพิ ลของสิ่งแวดลอ มทางธรรมชาติกบั ชวี ติ เพ่อื นําเสนอตอชั้นเรียน ความเปนอยูของคนในสมัยโบราณ เทพเจาประจาํ ธรรมชาติในระยะของศาสนา พราหมณ เชน พระอาทติ ย เทพแหงไฟหรอื ดวงตะวนั พระแมธ รณี เทวีแหง ผืน กิจกรรมทาทาย แผนดิน และพระแมคงคา เทพแี หง สายนาํ้ เปนตน 2 พระวิษณุ ในศาสนาพราหมณ-ฮินดูเชอ่ื วา ทรงมเี ทวานุภาพขจดั สิง่ ชว่ั ราย ครูอาจมอบหมายใหนกั เรยี นศกึ ษาความรูเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกับหลกั คําสอน ทง้ั ปวง พระองคท รงคุมครองทกุ สรรพชีวิต ทรงบนั ดาลอาํ นาจวาสนาแกมนุษย และหลักการปฏิบตั ิของศาสนาอสิ ลามจากแหลงการเรยี นรูอ่นื เพ่อื วิเคราะห ทกุ คนท่รี ะลกึ ถึงพระองคอยูเสมอ อสรู และเหลา มารทุกตนลวนแลวแตเกรงกลัว ถึงความสอดคลอ งของขาวทเี่ ก่ียวของกับศาสนาอิสลามในดานตางๆ กบั อานภุ าพแหง พระองค ดวยพระองคท รงอวตารปางตางๆ เพ่อื ปราบยุคเข็ญ หรือ การปฏบิ ัติในขา วดงั กลาว แลวนําเสนอตอช้ันเรียน ทเี่ รยี กวา นารายณ 10 ปาง เชน รามาวตาร อวตารเปน พระรามในมหากาพยร ามายณะ หรอื รามเกยี รติ์ เพอื่ ปราบยกั ษท ศกณั ฐ รวมถงึ พทุ ธาวตาร อวตารเปนพระพุทธเจา (จนถึงยคุ ปจจบุ นั ) อวตารเพอ่ื ปราบทา ววสวตั ดมี าร และเพื่อมาประทานธรรมะ แกชาวโลก คู่มือครู 161
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู มุ ถามความรเู กย่ี วกบั ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ใหนักเรียนกลุม อื่นชวยกนั ตอบ ในประเดน็ ตางๆ ดงั นี้ • นกิ ายสาํ คัญ • คัมภีรท างศาสนา พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ เทพเจ้าผู้ทรงสรา้ งโลก เทพเจ้าผูพ้ ทิ กั ษ์ คมุ้ ครองโลก เทพเจ้าผทู้ า� ลายโลก มีพระสรุ สั วดีเปน็ ชายา มีพระอุมาเทวเี ป็นชายา มีพระลักษมีเปน็ ชายา พระศิวะก็จะท�าลายโลกให้พินาศ เมื่อพระพรหมสร้างโลกขึ้นใหม่ มนุษย์ก็จะค่อยๆ ท�าความชั่ว สะสมข้ึนใหม่อีก โลกก็จะถูกท�าลายลงอีก ระยะเวลาต้ังแต่โลกถูกสร้างข้ึนถึงเวลาที่พระเป็นเจ้า ทา� ลายโลก เรยี กวา่ หนงึ่ กัลป (หรอื กัปป) ๓.๒ นิกายสÓคญั นิกายในศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดถู อื ว่ามี ๓ นกิ าย ทส่ี า� คัญ ได้แก่ ๑. นิกายไศวะ นิกายน้ีนับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด นับถือศิวลึงค์ โดยถือว่าเป็น เครอื่ งหมายแหง่ เพศซึง่ เปน็ ผูส้ ร้างสรรพสงิ่ ในโลก ๒. นิกายไวษณพ นิกายนี้นับถือว่าพระวิษณุเป็นเทพเจ้าสูงสุด เม่ือโลกเกิดยุคเข็ญพระวิษณุ ก็จะอวตารลงมาปราบยคุ เขญ็ ในปางตา่ งๆ ๓. นิกายพรหม นิกายน้ีนับถือพระพรหมเป็นใหญ่กว่าเทพเจ้าอ่ืนๆ เป็นนิกายเก่าแก่ แต่ภายหลงั มีความสาำ คัญนอ้ ยลงเมอื่ คนหนั ไปนบั ถือพระศวิ ะและพระวิษณุมากข้ึน นอ1กจาก ๓ นิกายดงั ไดก้ ลา่ วมาแล้ว ยงั มีนิกายยอ่ ยตา่ งๆ อีกมากมาย เช่น นิกายศากตะ หรอื ศักติ ซง่ึ นบั ถือบูชาเทวีของพระเปน็ เจ้า เช่น พระอุมาซ่ึงเปน็ ชายาของพระศิวะ พระลักษมี ซ่งึ เป็นชายาของพระวษิ ณุ และพระสรุ ัสวดีซง่ึ เป็นชายาของพระพรหม เปน็ ตน้ 16๒ นกั เรยี นควรรู ขอสอบ O-NET 1 นิกายศากตะหรือศักติ ประกอบดวย พระแมสรัสวดี พระแมลกั ษมี ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกบั ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู พระแมอมุ า ซึง่ เปนชายาของมหาเทพตรีมรู ติ คือ พระพรหม พระวษิ ณุ พระศวิ ะ ขอใดกลาวถูกตอ งเกยี่ วกบั ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ตามลาํ ดับ พลงั อํานาจแหงมหาเทวีทั้งสาม คือ พระแมสรัสวดเี ปน ตวั แทนแหง 1. เปน ศาสนาที่ไมมีศาสดา ปญญาความรู พระแมลกั ษมเี ปนตัวแทนแหง ความร่ํารวย และพระแมอ ุมาเปน 2. กอ นพทุ ธกาลเรียกวา ศาสนาพราหมณ ตัวแทนแหงความมอี ํานาจ นอกจากนยี้ ังมีการนับถือเทวีอีกหลายองค 3. ในยคุ พระเวทนบั ถือพระเจาพระองคเดียว 4. ยกยองพระพรหมวาย่ิงใหญกวาเทพเจาองคอ นื่ มมุ IT วเิ คราะหคําตอบ ศาสนาพราหมณถอื กาํ เนิดขึน้ ในชมพูทวปี โดยชาว อารยนั ที่อพยพมาจากทางตอนกลางของทวีปเอเชีย เปน ศาสนาที่ไม สบื คน ขอ มูลความรูเกยี่ วกบั ศาสนาพราหมณ- ฮินดเู พิม่ เตมิ ไดท่ี ปรากฏศาสดา ในระยะแรกเรียกวา ยุคพระเวท นับถือพระพรหมเปน http://www.crs.mahidol.ac.th/thai/brahman.htm เว็บไซตวิทยาลัยศาสน- เทพเจา สูงสดุ ผูใหกาํ เนิดสรรพส่ิงท้ังปวง ระยะตอมามกี ารนบั ถอื เทพเจา ศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหิดล มากข้นึ ท่ีสาํ คัญไดแ ก พระศวิ ะและพระนารายณ ภายหลังพระพุทธ- ศาสนาถือกาํ เนดิ ข้ึน ศาสนาพราหมณม วี วิ ฒั นาการเปน ศาสนาฮินดทู ี่ 162 คู่มอื ครู มคี วามเชอื่ หลายประการคลา ยคลงึ กับพระพุทธศาสนา จึงเรียกรวมวา ศาสนาพราหมณ-ฮินดู ดังน้ันคําตอบคอื ขอ 1.-4.
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๓.๓ คัมภีร์ทางศาสนา ครสู มุ ถามความรเู กย่ี วกบั ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ใหน ักเรียนกลุม อ่ืนชว ยกนั ตอบ ในประเด็นตา งๆ คัมภีร์ที่ส�าคัญ คือ คัมภีร์พระเวท ซ่ึงเป็นคัมภีร์ที่มีความส�าคัญที่สุด ประกอบด้วย ดงั นี้ ๔ คมั ภีร์ ได้แก่ • หลักคําสอนพื้นฐาน • พธิ กี รรมสําคัญทางศาสนา ๑. ฤคเวท วา่ ด้วยคำาออ้ นวอนและบทสรรเสรญิ เทพเจา้ ต่างๆ จากนน้ั ครูและนักเรียนสนทนารวมกนั ถงึ ความ ๒. ยชรุ เวท เปน็ คูม่ อื พราหมณ์ในการทำาพิธีกรรมตา่ งๆ เช่น พธิ ีบูชายัญ สอดคลอ งของหลกั คาํ สอนของศาสนาพราหมณ- ๓. สามเวท เป็นบทสวดเพื่อใชใ้ นพิธียญั กรรมหรือถวายน้ำาโสมแกพ่ ระศิวะและกลอ่ มเทพเจ้า ฮินดกู บั พระพุทธศาสนา โดยเนน หลกั คําสอนท่ี ๔. อาถรรพเวท เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมคาถา อาคม หรือเวทมนตร์ สำาหรับใช้สวดเพ่ือนำา สงเสริมการอยรู วมกันอยา งสันติสขุ สิรมิ งคลมาให้หรือเพอ่ื ทาำ ให้เกดิ เภทภัยแกศ่ ัตรู ๓.๔ หลกั คÓสอนพน้ื ฐาน1 ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูมีอิทธิพลต่อการด�าเนินชีวิตของชาวอินเดีย โดยมีพิธีกรรมหรือ หลักปฏิบัตทิ างศาสนาท่ีควรรู้ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) พระเจา้ กบั การสรา้ งโลก ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดเู ปน็ ศาสนาประเภทเทวนยิ ม คือ เช่ือว่ามีพระเป็นเจ้าซ่ึงเป็นผู้ทรงสร้างโลก เร่ิมแรกเช่ือว่ามีพระพรหมเป็นผู้สร้างโลก ต่อมา เชอ่ื ว่ามพี ระศวิ ะและพระวิษณรุ ่วมสรา้ งด้วย (๒) กฎแห่งกรรมและสังสารวัฏ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเช่ือเรื่องกรรมและการ เกิดใหม่ คือ เชื่อว่าท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ช่ัว และเช่ือเร่ืองการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ผทู้ บ่ี รรลุความหลดุ พ้นแลว้ เท่านนั้ ทีต่ ายแล้วไมต่ อ้ งเกดิ ใหม่อีก (๓) วรรณะ ๔ ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู แบ่งคนในสงั คมเป็นวรรณะ ๔ วรรณะ คือ ๑. วรรณะพราหมณ์ ๒. วรรณะกษตั รยิ ์ ๓. วรรณแพศย์ (หรอื ไวศยะ) ๔. วรรณะศูทร นอกจากน้ียังมีคนนอกวรรณะ เรียกว่า จัณฑาล เป็นพวกที่เกิดจากบิดามารดา ตา่ งวรรณะกัน (๔) หลักอาศรม ๔ อาศรม ๔ หมายถึง ขั้นตอนของชีวิตหรือทางปฏิบัติเพ่ือ ยกระดับชีวิตให้สูงข้ึนตามล�าดับ จนกระทั่งบรรลุโมกษะอันเป็นจุดหมายปลายทางของชีวิต น่ันคือ หลดุ พน้ จากสงั สารวฏั ขัน้ ตอนการดา� เนินชีวติ ตามหลกั อาศรมน้ีมี ๔ ข้ันตอน คอื 163 ขอ สอบ O-NET เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกบั ส่ิงศักด์ิสทิ ธสิ์ งู สุดของศาสนาพราหมณ ครอู าจสนทนารว มกนั กับนักเรยี นถึงแนวคิดในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดกู ับ ศาสนาพราหมณชวงทีเ่ ปลี่ยนเปนเอกเทวนิยมนบั ถอื สงิ่ ใดเปน พระพทุ ธศาสนา เพอื่ ใหน ักเรยี นเขาใจความสมั พันธข องแนวคดิ และพิธกี รรมของ ศาสนาทั้งสอง และสามารถจาํ แนกแนวคิด หลกั ธรรมคาํ สอน และพธิ ีกรรมของ สิ่งศกั ดิส์ ทิ ธิส์ งู สุด พระพุทธศาสนากับศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดไู ด อนั นาํ ไปสกู ารปฏิบัตติ นตาม 1. โมกษะ หลกั ธรรมคาํ สอนและมีสว นรว มในพิธีกรรมอยางถกู ตองเหมาะสม 2. พระเวท 3. พรหมนั นักเรยี นควรรู 4. ตรีมรู ติ 1 หลกั คําสอนพน้ื ฐาน ในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดูนอกจากหลักอาศรม 4 ไดแก วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. พรหมัน หรือปรมาตมัน คือ วิญญาณอัน หลักธรรม 10 ประการ เชน ธฤติ ไดแ ก ความพอใจ ความกลา ความมั่นคง ซง่ึ หมายถงึ การพากเพยี รจนไดรบั ความสาํ เร็จ กษมา ไดแ ก ความอดทน นั่นคอื ยิง่ ใหญซงึ่ เปนจุดกาํ เนดิ ของมนุษยทง้ั ปวง และเมื่อสน้ิ ชวี ติ ลงวญิ ญาณก็ พากเพยี รและอดทน โดยยดึ ความเมตตากรณุ าเปนที่ตั้ง และทมะ ไดแ ก การขม จะกลบั ไปรวมกับพรหมนั อีกครั้ง ผูท น่ี ับถอื ศาสนาพราหมณจ งึ นับถอื จิตใจของตนดว ยเมตตา และมสี ติอยเู สมอ เปน ตน พรหมนั เปน สิ่งศกั ด์สิ ทิ ธิ์สงู สุด สวนโมกษะนนั้ หมายถึง การหลุดพนจาก การเวยี นวายตายเกิด ค่มู ือครู 163
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู มุ นกั เรียนใหผ ลดั กนั ออกมาเขียนราย ๑. พรหมจารี (ผเู้ ป็นนักศกึ ษา) เดก็ ชายทกุ คนทเ่ี กดิ ในตระกลู พราหมณ์ กษตั รยิ ์ ละเอียดเกยี่ วกับศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดูลงในผัง ความคดิ ทก่ี ระดานหนา ชน้ั เรียน ซึง่ ครูอาจกําหนด แพศย์ (ยกเวน้ ศทู ร) เมอื่ อายุครบ ๕ ปี ๘ ปี และ ๑๖ ปี ตามล�าดับ จะตอ้ งเข้าพิธมี อบตนเปน็ หัวขอสําคัญไวล ว งหนา เชน ประวัติความเปนมา ศาสดา นกิ ายสาํ คญั คมั ภรี ท างศาสนา หลกั คาํ สอน ศษิ ย์ศึกษาพระเวทกบั อาจารย์ พิธีน้ีเรยี กว่า อุปนยัน พน้ื ฐาน และวันสาํ คัญ เปนตน ๒. คฤหัสถ์ (ผู้ครองเรือน) จากนั้นครเู พิ่มเตมิ เพือ่ ใหข อ ความรถู ูกตองครบ ถวน แลว ครูนําในการสรปุ ความรูของนักเรยี นเก่ียว เมอ่ื เสรจ็ ภารกจิ ในขน้ั พรหมจารแี ลว้ พราหมณ์ กบั ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู นกั เรยี นบนั ทกึ ผงั ความคดิ และความรทู สี่ รุปไดลงในสมุด เหลา่ นจี้ ะกลบั สู่บา้ นเรอื นของตน เพอื่ แต่งงาน และมีบุตรสืบสกุล พร้อมท�าหน้าที่คฤหัสถ์ ผู้ครองเรือนในฐานะหัวหน้าครอบครัวให้ สมบูรณ์ ๓. วานปรัสถ์ (นักบวช) การ ปฏิบัติตนของพราหมณ์ในขั้นน้ีคือ การเข้าสู่ ป่าหาความสงบเพ่ือฝึกจิตใจของตนให้บริสุทธ์ิ 1 ตามล�าพัง การเข้าป่าเพ่ือหาความวิเวกน้ีอาจ กระท�าเปน็ คร้งั คราวแลว้ กลบั สู่เรือนอีกได้ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก) เป็นวัดฮินดูที่เก่าแก่ ทส่ี ดุ ในประเทศไทย ต้งั อยบู่ นถนนสีลม ๔. สันยาสี (ปริพาชก) เป็น หลักอาศรมขั้นสุดท้ายของชีวิต หมายถึง การสละชีวิตแบบคฤหัสถ์เพ่ือออกบวช บ�าเพ็ญเพียร ตามหลักศาสนา เพื่อจุดมุ่งหมายปลายทางของชีวติ คอื โมกษะ ๓.๕ พิธกี รรมสÓคัญ ชาวฮินดูมีพิธีกรรมทางศาสนาแบ่งเปน็ ๔ หมวด ดงั น้ี (๑) ข้อปฏบิ ตั ิเกี่ยวกับวรรณะ มกี ฎส�าหรบั วรรณะให้ปฏบิ ัตอิ ย่างเคร่งครัด เชน่ การแต่งงาน จะตอ้ งแตง่ งานใหถ้ กู ตอ้ งตามโคตรตามตระกลู และจะแตง่ งานกับ คนนอกวรรณะไม่ไดเ้ ป็นอนั ขาด อาหารการกิน คนในวรรณะต�่าจะปรุงอาหารให้คนในวรรณะสูงกินไม่ได้ คนละ วรรณะกนิ อาหารร่วมกันก็ไม่ได้ อาชีพ มีอาชีพแบ่งไว้ส�าหรับคนในวรรณะต่างๆ ไว้แตกต่างกัน ใครอยู่ใน วรรณะใดต้องทา� อาชพี อย่างน้ัน 164 นักเรยี นควรรู ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’53 ออกเกีย่ วกับหลกั อาศรม 4 1 วดั พระศรีมหาอุมาเทวี หรอื วดั แขกสลี ม เปนวัดในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ผูส ูงอายุจะปฏิบตั ิตามหลักอาศรม 4 ขนั้ ใด สรา งขึ้นเพือ่ เปน สถานทีถ่ วายการสกั การบชู าพระอุมาเทวี พระมเหสพี ระศวิ ะ 1. สันยาสี วดั นีม้ หี ลักฐานปรากฏมาตง้ั แตร ชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา เจาอยหู ัว 2. คฤหัสถ ราว พ.ศ. 2453-2454 โดยคณะผศู รทั ธาชาวอินเดียใตที่เดนิ ทางทางทะเลเขา มาต้ัง 3. วานปรสั ถ ถ่นิ ฐานอยูบนดนิ แดนยา นแหลมมลายู รวมทง้ั ทางภาคใตข องประเทศไทย 4. พรหมจารี ศาสนสถานสําคญั อ่ืนในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู เชน เทวสถาน เขตพระนคร วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. สันยาสี และขอ 3. วานปรสั ถ กลาวคอื กรุงเทพฯ โดยพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา จุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณา วานปรสั ถ หรือนักบวช เปนการเขาสปู าเพอื่ หาความสงบในการฝกจติ ใน โปรดเกลา ฯ ใหสรางขนึ้ เมื่อ พ.ศ. 2327 สง่ิ กอสรางหลกั คอื โบสถทัง้ หมด 3 หลัง ของตนเองใหบ รสิ ทุ ธ์ิ สว นสนั ยาสี หรอื ปริพาชก เปนหลกั อาศรมในข้ัน เปนอาคารกอ อฐิ ถอื ปูนชนั้ เดยี ว ประดษิ ฐานพระศวิ ะ พระพฆิ เนศวร และพระวษิ ณุ สุดทายของชีวติ โดยการสละเพศแบบคฤหสั ถแ ลว ออกบวชเพ่ือบําเพญ็ เพยี ร กระทงั่ บรรลุจุดมงุ หมายสงู สดุ ของศาสนา คอื โมกษะ อันไดแก การหลุดพน จากการเวยี นวายตายเกดิ 164 ค่มู ือครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครูสนทนารวมกันกบั นกั เรยี นกลมุ ท่รี บั ผิดชอบ การศึกษาความรเู กยี่ วกับศาสนาสขิ แลว สอบถาม ถงึ สาระสําคญั ของประวตั คิ วามเปน มา ศาสดา นกิ าย คัมภีร หลักคําสอนพื้นฐาน และพธิ ีกรรม สําคญั ทางศาสนา ใหนกั เรียนกลมุ ทรี่ ับผดิ ชอบ ชว ยกันตอบ ชาวฮินดูท่ีนับถือเทพเจ้าก�าลังประกอบพิธีบูชาและสรง เทวรูปพระหนุมาน เทพเจ้าลิงท่ีได้รับการนับถือในหมู่ ชาวฮนิ ดบู างสว่ น (๒) พธิ สี งั สการ ไดแ้ ก่ พธิ กี รรม1ทท่ี า� ใหบ้ รสิ ทุ ธิ์ หมายถงึ คนทเี่ กดิ ในวรรณะพราหมณ์ กษตั รยิ ์ แพศย์ (ยกเวน้ ศทู ร) จะตอ้ งผา่ นพธิ สี งั สการนเี้ สยี กอ่ นจงึ จะนบั วา่ เปน็ ผบู้ รสิ ทุ ธ์ิ พิธีสงั สการ มีอยู่ ๑๒ อย่าง เชน่ พิธีตัง้ ครรภ์ พธิ คี ลอดบตุ ร พธิ โี กนจกุ พธิ คี ลอ้ งดา้ ยศกั ดส์ิ ทิ ธหิ์ รือยัชโยปวีต พิธีแตง่ งาน เปน็ ต้น (๓) พิธีศราทธ์ ได้แก่ พิธีท�าพลีกรรมให้แก่ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ โดยให้ บุตรชายเป็นผู้กระท�าพิธีบวงสรวงบูชา เพราะมีความเช่ือกันว่า บุตรชายจะช่วยให้ผู้ที่ล่วงลับไป พน้ จากนรกขุม “ปตุ ตะ” พธิ ศี ราทธ์น้จี ะตอ้ งทา� เดอื นละครั้งเป็นอย่างน้อยตลอดปี (๔) พธิ บี ชู าเทวดา ชาวฮนิ ดมู เี ทพเจา้ ทเ่ี คารพบชู ามากมายหลายองค์ แตป่ ระชาชน ผู้อยู่ในวรรณะต�่าจะถูกกีดกันไม่ให้ร่วมบูชาเทวดาของพวกในวรรณะสูงได้ จึงต้องสร้างเทพเจ้า ของตนเองขน้ึ เพอื่ ไวบ้ ูชาต่างหาก เชน่ เจา้ แม่กาลี เทพลิง รุกขเทพ เทพช้าง ลงิ คเทพ เปน็ ต้น ซ่งึ พิธบี ูชากจ็ ะแตกตา่ งกันไปตามวรรณะ ๔. ศาสนาสิ¢ ศาสนาสิขเป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๐๑๒ ในประเทศ อินเดยี โดยมีท่านคุรุนานกั เป็นผ้กู ่อต้ังและประกาศ และมศี าสดาถงึ ๑๐ องค์ ศาสนาสขิ เกิดเนื่อง มาจากการบีบบังคับในทางการเมือง เกิดจากการบังคับขู่เข็ญท่ีได้รับจากคนในศาสนาอื่น ดังน้ัน ศาสนาสิขจงึ เปน็ ศาสนาของผูก้ ลา้ หาญ ของผูเ้ สยี สละ และเป็นศาสนาของทหารและของนักรบ 165 ขอ สอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอ สอบป ’52 ออกเก่ยี วกับพธิ ีกรรมในศาสนาพราหมณ- ฮินดู 1 พธิ กี รรม ในศาสนาพราหมณ- ฮินดูมีการผสมผสานกบั ความเชื่อของทองถ่ิน พธิ ีกรรมประจาํ บานของศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู 12 ประการ คือพธิ ใี ด และพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะพธิ กี รรมท่ีเก่ียวขอ งกบั พระมหากษตั รยิ ซึง่ ถอื วา 1. พธิ ศี ราทธ เปน องคอ วตารของพระวิษณุ โดยเรยี กวา พระราชพธิ ี และยงั คงปฏบิ ตั สิ ืบเนอื่ งมา 2. พธิ สี งั สการ จนถงึ ปจ จุบัน เชน พระราชพิธบี รมราชาภิเษก พระราชพิธถี ือน้าํ พิพฒั นสตั ยา 3. พิธีบูชาเทวดา พระราชพธิ พี ชื มงคล-จรดพระนงั คลั แรกนาขวญั สว นพระราชพธิ ตี รยี มั พวาย-ตรปี วาย 4. พิธปี ระจําวรรณะ ซงึ่ มพี ธิ โี ลช งิ ชา เปน สว นหนงึ่ ไดถ กู ยกเลกิ ไป ปจ จุบนั การประกอบพระราชพธิ ีนี้ จะกระทาํ ภายในเทวสถานเทา น้ัน วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. พธิ สี ังสการ เนือ่ งจากเปนพิธกี รรมท่ีเก่ยี ว มมุ IT เนือ่ งกับชวี ิตของผูท ีน่ บั ถอื ศาสนาพราหมณ- ฮินดู โดยเฉพาะในวรรณะ พราหมณ กษัตรยิ และแพทย เช่อื วาทําใหเปนผบู รสิ ุทธิ์ ประกอบดวย 12 ศึกษาความรูเกย่ี วกับศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดูในประเทศไทย และพระราชพธิ ี พธิ ี เชน พธิ ีตงั้ ครรภ พธิ คี ลอด และพธิ ีแตงงาน เปน ตน ตา งๆ เพิ่มเติมไดที่ http://devasthan.org/ เวบ็ ไซตเทวสถาน โบสถพ ราหมณ คมู่ อื ครู 165
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ นกั เรียนกลมุ ที่รบั ผดิ ชอบในการศึกษาความรู ๔.๑ ประวตั คิ วามเปน็ มา เกี่ยวกบั ศาสนาสขิ แจกใบความรทู ่กี ลุม ตนจัดทําให นักเรียนกลมุ อน่ื ๆ แลว สงตัวแทนออกมานําเสนอ ปฐมศาสดาของศาสนาสิขมีนามเดิมว่า นานัก (Nanak) เกิดท่ีนิคมตัลวันดี ความรทู หี่ นาชั้นเรียน จากนั้นครใู หน ักเรยี นกลมุ อื่นชวยกันต้ังคําถามสอบถามขอสงสัยจนเกิดความ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองลาฮอร์ รคู วามเขาใจทีต่ รงกนั แลว ครูสมุ ถามความรเู กย่ี ว กบั ศาสนาสิขใหน กั เรยี นกลมุ อน่ื ชว ยกนั ตอบ ใน รฐั ปญั จาบ เมอ่ื พ.ศ. ๒๐๑๒ บดิ าชอ่ื กาลู มารดา ประเด็นตา งๆ ดังนี้ ช่ือ ตฤปตา เม่ือนานักเจริญวัยแล้วก็ได้รับ • ประวัติความเปนมา • ศาสดา การศกึ ษาตามแบบอยา่ งตระกลู ของตน ครนั้ นานกั อายุได้ ๑๔ ปี ไดแ้ ตง่ งานกบั สลุ กั ขนี ผลของ การแตง่ งานท�าให้มีบตุ ร ๒ คน คือ ศรีจันทร์ และลกั ษมีดาส นานัก เป็นผู้ท่ีสนใจการศึกษาและมี อัธยาศัยเมตตาปรานีต่อคนอ่ืน มีความรัก เพอื่ นมนษุ ย์ ชอบใหค้ วามชว่ ยเหลอื เพอื่ นมนษุ ย์ ผตู้ กทกุ ข์ไดย้ าก ชอบจารกิ แสวงบญุ ตามสถานท่ี ทา่ นครุ นุ านกั ปฐมศาสดาของศาสนาสขิ ต่างๆ ตามความนิยมของนักบวชในสมัยนั้น แต่นานักไมล่ ะทง้ิ ครอบครวั ต่อมาวันหน่ึง นานักอาบน�้าช�าระร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางเข้าป่าตามที่ เคยกระท�ามาเป็นปกติ มองหาสถานท่ีสงบเพื่อบ�าเพ็ญสมาธิหาความสุขทางใจ แล้วได้เกิด ปทรรงากกลฏ่ากวาแรกณ่น์ทาน�าใักหว้่มา อ“งทเ่าหน็นจพงรอะยเู่กปับ็นคเุรจ1ุ ้าจผงู้มยีกึดาถยือทนิพามยข์มอางปครุราุ กอฏยต่านยึดตถ่อือหอนย้าู่กนับาโนลักก พร้อมกับ จงให้ทาน และชา� ระกายและใจ จงบชู าพระเป็นเจ้าผเู้ ป็นปฐมพรหม และตัวท่านนัน้ แลจงเป็นทิพยครุ ”ุ เรื่องนา่ รู้ สขิ ค�าว่า “สิข” (Sikh) เป็นภาษาปัญจาบีหรือภาษาปัญจาบ จะตรงกับค�าว่า “สิกขา” ในภาษาบาลี หมายถึง ผ้ศู ึกษาหรือศิษย์ แต่สิขไม่ใช่ฮินดูและไม่ใช่มุสลิม ไม่รับรองการอดอาหารของท้งั ๒ ศาสนา ไม่ยอมรับการนมัสการ รว่ มกบั พวกฮนิ ด ู ไมจ่ ารกิ ไปนครมกั กะฮ ฺ ไมส่ วดมนตต์ อ่ หนา้ รปู เคารพ และไมส่ วดบทสวดของมสุ ลมิ 166 บูรณาการเชอ่ื มสาระ ครสู ามารถจดั กิจกรรมการเรียนรบู รู ณาการวิชาหนา ทพ่ี ลเมอื ง นักเรียนควรรู วัฒนธรรม และการดาํ เนนิ ชวี ิตในสงั คม เรอื่ งลกั ษณะทางวฒั นธรรม ไทย ในดา นศาสนาและความเชอื่ และการปฏิบตั ิตนตามหลักคาํ สอนทาง 1 คุรุ หมายถึง ผสู ัง่ สอน ครู มาจากภาษาสนั สกฤต เกิดจากการรวมคําวา คุ ศาสนาทีต่ นนับถอื เพือ่ การอยูรว มกนั อยางสันตสิ ขุ โดยอธบิ ายใหน กั เรียน ซง่ึ แปลวา แสงสวา ง หมายถงึ เปนผูชท้ี างแสงสวา ง และคาํ วา รุ แปลวา ความ เขา ใจถึงลักษณะทางสงั คมและวัฒนธรรมไทยท่ไี ดรบั อิทธพิ ลจากศาสนา มืดมน หมายถงึ เปน ผูข จดั ความเขลาทมี่ ืดมน ในศาสนาพราหมณ- ฮินดู มาจาก ตา งๆ เชน ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ทผ่ี สมผสานความเชอื่ กบั พระพุทธ- ปรชั ญาความเชือ่ ในความสําคญั ของการเขา ถึงความรู โดยมคี รุ ุเปนผูช ักนําไปสจู ดุ ศาสนา มีอทิ ธิพลอยา งยงิ่ ในการประกอบพิธีกรรมตางๆ ของไทย แลว สงู สุด ในประเทศอนิ เดียในปจ จบุ ัน สาํ หรับผูท่นี บั ถอื ศาสนาพราหมณ-ฮินดูและสขิ ใหน ักเรยี นสืบคน วฒั นธรรมไทยที่เกิดจากอทิ ธพิ ลของศาสนาสาํ คัญใน คาํ นี้ยงั คงความหมายของความศักดิส์ ทิ ธ์ิ ในสว นของภาษาไทยมกี ารใชในความ ประเทศไทยตางๆ จดั ทาํ เปน ปา ยภาพประกอบขอมลู จากน้ันใหผลัดกัน หมายทีเ่ ก่ียวกับครู เชน คุรุสภา (ในภาษาบาลีใช ครุ เชน ครุศาสตร ครุภัณฑ) ออกมานาํ เสนอหนาชนั้ เรยี น เพ่ือสง เสริมใหนกั เรียนเกดิ ความรแู ละเขาใจ อยางไรก็ตามในปจจบุ นั มีความนยิ มใชคํานี้ในความหมายของผูเชย่ี วชาญเฉพาะ เกีย่ วกับอทิ ธิพลของศาสนาสําคญั ในประเทศไทย โดยเฉพาะในดานสงั คม ดานในสาขานน้ั ๆ และวัฒนธรรม อนั นาํ ไปสูการอยรู ว มกันของศาสนิกชนตางศาสนาอยาง สนั ติสขุ 166 คมู่ อื ครู
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู้ Explain คร้ันเมื่อนานักได้ดวงตาทิพย์แล้วก็ปรากฏนามใหม่ว่า คุรุนานัก และท่านได้พ�านักอยู่ใน ครูสมุ ถามความรูเกี่ยวกับศาสนาสขิ ให ป่าน้ันเป็นเวลา ๓ วัน เพื่อหาความสงบและความสุขทางใจ แล้วได้เดินทางกลับบ้านของตน นักเรยี นกลมุ อน่ื ชว ยกนั ตอบ ในประเดน็ ตา งๆ สละทานและมอบทรัพย์สมบัติแก่คนยากจน แล้วจึงถือเพศเป็นนักพรตเดินทางท่องเที่ยวไปเพ่ือ ดังน้ี ประกาศหลักค�าสอนใหม่ในนามแห่งพระเป็นเจ้า “อกาลปุรุข” องค์เดียว คุรุนานักได้ประกาศ หลักคา� สอนจนกระท่งั วาระสดุ ทา้ ยแหง่ ชีวิตก็ไดล้ ะสังขารของตนเมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๐๘๒ • นกิ ายสําคญั • หลักคําสอนพ้ืนฐาน ๔.๒ นิกายสÓคัญ • พธิ กี รรมสําคญั ทางศาสนา จากน้นั ครูและนกั เรียนสนทนารวมกันถึง ศาสนาสิขมี ๒ นิกายใหญ่ๆ ดงั น้ี ความสอดคลอ งของหลกั คําสอนของศาสนาสขิ กบั พระพทุ ธศาสนา โดยเนน หลักคาํ สอนที่สงเสริม ๑. นกิ ายขาลสา หรอื นกิ ายสิงห์ ได้แก่ นิกายท่ีถือการไวผ้ มและไว้หนวดยาว การอยรู วมกันอยา งสันตสิ ุข ๒. นกิ ายสหชั ธรี หรือนกิ ายนานาปันกี ไดแ้ ก่ นกิ ายที่โกนหนวดเกลีย้ งเกลา ๔.๓ คมั ภีร์ทางศาสนา คัมภีร์ของศาสนาสิขช่ือว่า คุรุครันถ์ซาฮิบ แปลว่า “คัมภีร์ศักด์ิสิทธ์ิ” สาระส�าคัญของ คัมภีร์คุรุครันถ์ซาฮิบ คือ บรรจุค�าสวดมนต์สรรเสริญพระเป็นเจ้า มีพระเป็นเจ้าองค์เดียว คือ อกาลปุรุข เปน็ สัจจะ พระผู้สรา้ ง พระองค์ปราศจากความกลัว ความเคียดแคน้ เปน็ อมาต มีขน้ึ ด้วยพระองคเ์ อง เป็นผูท้ ีย่ งิ่ ใหญ่ ทรงโอบอ้อมอารี คัมภีรค์ รุ คุ รันถซ์ าฮิบแบ่งออกเป็น ๒ เลม่ ดงั นี้ ๑) อาทิครันถ์ แปลว่า คัมภีร์แรก คุรุอรยัน ศาสดาองค์ที่ ๕ เป็นผู้รวบรวม ข้ึนในปี พ.ศ. ๒๑๔๗ มบี ทนิพนธ์ของครุ ุหรือศาสดาต้งั แต่คุรุองคท์ ี่ ๑ ถึงครุ ุองคท์ ี่ ๕ และมบี ท ประพันธ์ของนักบญุ ผมู้ ีช่อื เสียงในศาสนาฮนิ ดู และศาสนาอิสลามผนวกอยดู่ ้วย ๒) ทสมครันถ์ แปลว่า คัมภีร์ของศาสดาองค์ท่ี ๑๐ เป็นชุมนุมบทนิพนธ์ของ ศาสดาองคท์ ี่ ๑๐ คือ คุรโุ ควนิ ทส์ งิ ห์ และถูกรวบรวมขน้ึ หลงั จากที่พระองคส์ ้ินพระชนม์แล้ว ๔.๔ หลกั คÓสอนพ้ืนฐาน ศาสนาสิขเชื่อในพระเป็นเจ้าองค์เดียวเท่านั้นว่าเป็นสัจจะสูงสุด และเรียกพระเป็นเจ้าว่า “พระนาม” ศาสนาสขิ สอนวา่ โลกเปน็ สจั จะ ส่ิงท่พี ระเปน็ เจา้ ทรงสร้างขน้ึ เช่น จักรวาล โลก ทวปี และส่งิ ต่างๆ ก็เป็นสจั จะ พระเป็นเจ้าทรงสรา้ งโลกนขี้ ึ้นมาเพือ่ เปน็ สถานท่กี ระท�าความดี แต่ชีวิต ของมนษุ ยน์ ้นั มีโอกาสนอ้ ยนกั ท่ีจะทา� ใหว้ ญิ ญาณสมบูรณ์ 167 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู ขอใดกลาวไดถ กู ตอ งเกีย่ วกบั ศาสนาสขิ ครูควรอธบิ ายนักเรยี นเพ่ิมเติมเกี่ยวกับแนวคิดสาํ คัญของศาสนาสิข กลา วคอื 1. เปน ศาสนาประเภทเอกเทวนยิ ม ศาสนาสขิ เปนศาสนาท่เี นน ในหลกั ของการปฏิบัติ เปน ศาสนาแหง ความเช่ือมน่ั และ 2. มคี ุรนุ านกั เปนศาสนาเพียงองคเ ดยี ว ศรัทธา การมองโลกในแงด ีและมีความหวงั ดวยเหตุและผล สนับสนนุ ดวยปรชั ญา 3. ถอื กาํ เนิดขึน้ ในเอเชียใตก อ นพระพุทธศาสนา และศาสตรเพอื่ ความกา วหนาของมวลมนุษย จงึ กลา วไดวา ศาสนาสขิ เปนศาสนา 4. ยึดถอื ระบบวรรณะท่คี ลา ยคลึงกับศาสนาพราหมณ- ฮินดู ทีส่ าํ คัญศาสนาหนึง่ ในปจจบุ นั ศาสนาสิขสอนใหทกุ คนมคี วามเทา เทยี มกนั เพราะคนทกุ เช้ือชาติ ทกุ ศาสนา และทกุ ชนช้ันวรรณะ ตา งก็เสมอภาคกันเม่ืออยู วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เปนศาสนาประเภทเอกเทวนยิ ม ศาสนา เบือ้ งหนา พระเจา สขิ นับถือในพระเปนเจา อกาลปรุ ุข หรอื วาเฮค ุรุ เพยี งพระองคเดียว และ มมุ IT มีความเชือ่ วา พระเจาอกาลปรุ ุขเปนผูสรา งจักรวาล โลก ทวีป เพอื่ ให มนษุ ยไ ดกระทาํ ความดีในชวงชีวติ ทก่ี าํ เนิดขน้ึ บนโลก ศกึ ษาความรูเกีย่ วกบั ประวตั ิความเปน มาของศาสนาสขิ และการเผยแผ ศาสนาสิขเขา สปู ระเทศไทยเพมิ่ เติมไดท่ี http://www.thaisikh.org/sikhism/ whatissikhism_th.php เวบ็ ไซตส มาคมไทยซกิ ขแ หงประเทศไทย ค่มู อื ครู 167
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู้ Explain ครูสุมนกั เรยี นใหผ ลัดกนั ออกมาเขยี นราย ศาสนาสิขย้�าถึงความส�าคัญของพระนามของพระเป็นเจ้า ซ่ึงชาวสิขทุกคนต้องท่อง ละเอียดเกย่ี วกบั ศาสนาสขิ ลงในผังความคิดท่ี และระลกึ ไว้ในใจตลอดเวลาวา่ พระเป็นเจ้าน้นั มีเพียงองคเ์ ดยี ว พระองค์ทรงปรากฏอยู่ในสรรพสิ่ง กระดานหนาชน้ั เรียน ซึ่งครอู าจกําหนดหวั ขอ และทกุ ชวี ติ การมชี วี ติ อยดู่ ว้ ยความสตั ยจ์ รงิ นน้ั เปน็ ชวี ติ ทสี่ งู สง่ ดว้ ยเหตนุ ศ้ี าสนาสขิ จงึ เปน็ ศาสนา สําคัญไวล วงหนา เชน ประวัตคิ วามเปน มา ศาสดา ที่ยึดถือกฎของกรรม โดยประพฤติตนตามหลักศีลธรรม บุคคลผู้ปฏิบัติตามหลักศีลธรรม นกิ ายสําคัญ คมั ภีรท างศาสนา หลกั คําสอนพ้นื ฐาน และคณุ ธรรมย่อมจะร้ตู ัวเองดีวา่ ตนอยู่ใกลห้ รือไกลพระเป็นเจา้ และวนั สาํ คัญ เปนตน ๔.๕ พิธีกรรม จากน้ันครูเพ่มิ เติมเพือ่ ใหขอ ความรถู ูกตองครบ ถวน แลวครนู าํ ในการสรุปความรูของนกั เรียนเก่ยี ว พิธกี รรมทีช่ าวสิขทุกคนพงึ ท�า คอื พธิ ีปาหุล ได้แก่ พิธลี า้ งบาป เมอื่ เสร็จพิธแี ลว้ ก็รับเอา กับศาสนาสขิ นักเรยี นบนั ทึกผังความคิดและความ รูท ่สี รุปไดลงในสมุด “ก” ท้ัง ๕ ประการ ดงั น้ี ขยายความเขา้ ใจ Expand ๑) เกศา ผมท่ไี มไ่ ดต้ ดั เพอ่ื เปน็ เกราะสา� หรบั ศรี ษะ และใหด้ นู า่ เกรงขาม ทา� ลาย ครใู หนกั เรยี นศกึ ษาคนควา ความรเู ก่ียวกบั ขวญั ข้าศึก และเป็นเครอื่ งศรทั ธาตอ่ พระเปน็ เจา้ ทป่ี ระทานผมแกม่ นษุ ย์ หลกั ธรรมเพอื่ การอยูรวมกนั อยา งสันตสิ ขุ ของ ศาสนาครสิ ต ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาพราหมณ- ๒) กังฆา หวีไม้ขนาดเลก็ ซ�งึ เสียบไว้ในผม เพือ่ ดูแลผมใหส้ ะอาดเรียบร้อย ฮนิ ดู และศาสนาสขิ เพม่ิ เตมิ จากแหลงการเรยี น รตู า งๆ เชน นักบวชและศาสนกิ ชนในศาสนาดัง ๓) กฉา กางเกงในขาส้ัน เพ่อื เปน็ การสะดวกสบายและคล่องแคล่วในการเดินทาง กลา ว หนังสือในหองสมดุ รวมถึงเวบ็ ไซต อาทิ http://www.cbct.net/ เวบ็ ไซตส ภาสังฆราช การทา� งาน และพรอ้ มในการสูร้ บและยังสะดวกในการพกั ผอ่ น คาทอลกิ แหง ประเทศไทย http://www.skthai.org/ เว็บไซตสํานักจฬุ าราชมนตรี และ http://www. ๔) กรา กา� ไลมอื ทา� ดว้ ยเหลก็ เป็นสญั ลกั ษณข์ องความอดกลน้ั สภุ าพ และถ่อมตน thaisikh.org/sikhism/gurdwarabangkok_th.php เว็บไซตสมาคมไทยซิกขแ หงประเทศไทย แลว อันหมายถงึ ความผกู พันต่อหมูค่ ณะ และการเป็นมติ ร เตรียมการอภิปรายรว มกนั ถึงแนวทางการอยรู ว ม กันอยางสนั ตสิ ขุ ของศาสนิกชนศาสนาตา งๆ ใน ๕) กรี ปาน ดาบ เพื่อสะพายไว้ ประเทศไทย ท่ีสีข้าง ใช้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ สุวรรณวิหาร ศาสนสถานส�าคัญของศาสนาสิข อยู่ใน และการผจญภยั มคี วามพรอ้ มทจ่ี ะปกปอ้ งเกยี รติ เมอื งอมั รติ สา รฐั ปญั จาบ ประเทศอินเดีย ของตนเองและของผอู้ ่ืน ผู้ท่ีได้ท�าพิธีปาหุลแล้วจะได้ นามว่า “สิงห์” ต่อท้ายช่ือเหมือนกันทุกคน เพราะถือว่าบุคคลนั้นได้ผ่านความเป็นสมบัติ ของพระเปน็ เจา้ แลว้ และใชค้ า� วา่ “กอร”์ ตอ่ ทา้ ยชอื่ ทเ่ี ป็นหญงิ 168 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT แนวทางการปฏิบัตติ นเพื่อการอยูร วมกนั กับศาสนิกชนในศาสนาอื่น ครอู าจอธิบายนักเรียนเพ่มิ เตมิ ถึงแนวคดิ เกย่ี วกับความเสมอภาคของมนษุ ย อยา งสันติเปนเชนไร ในศาสนาสขิ เชน สิทธขิ องสตรี สตรมี ีบทบาทอยา งสาํ คญั ยง่ิ ในสังคมของชาวสิข แนวตอบ การอยรู วมกนั กบั ศาสนกิ ชนในศาสนาอ่ืนอยางสนั ติตอ งเร่มิ ตน โดยสตรจี ะไดร บั ความเคารพนบั ถอื และไดร บั การยอมรบั วา มบี ทบาทสาํ คญั อยา งมาก จากการศกึ ษาความรทู เ่ี ก่ยี วของกบั ศาสนาตาง ๆ ท่ีมีศาสนกิ ชนในสงั คม ทงั้ ในครอบครวั และในสงั คม ครอบครวั ชาวสิขท่ไี ดใ หกาํ เนดิ บุตรสาวก็จะถอื วา เปน เพอื่ มคี วามเขา ใจในวถิ กี ารดาํ เนนิ ชวี ติ พธิ กี รรมเนอื่ งในศาสนาของศาสนกิ - เรื่องปกติ และในศาสนาสขิ จะไมมขี นบธรรมเนยี มประเพณีทเี่ ปนการละเมดิ สิทธิ ชนในศาสนาตา งๆ ทอี่ าจไมส อดคลองกับแนวคดิ ของศาสนาท่ีตนนบั ถอื สตรี เชน พิธีสตี (พิธีการเผาหญงิ มายท้งั เปนใหตายตามสามี) แตในศาสนาสขิ นัน้ แตเ ราควรเคารพในสทิ ธขิ องมนุษยทีพ่ งึ นบั ถือลทั ธิศาสนาไดต ามความ หญงิ มา ยชาวสิขทุกคนจะมีสทิ ธิอยา งสมบูรณใ นการทีจ่ ะสมรสใหมอ ีกคร้ัง ตามแต ประสงคของตนเอง และหลีกเล่ียงการปฏิบัติตนที่กอ ใหเ กดิ ความขดั แยง ความประสงคแ ละความสมคั รใจของเธอ จากนน้ั มอบหมายใหน กั เรยี นสบื คน ความรู ขึน้ ในสังคม อนั จะสงผลใหอ ยรู ว มกนั ไดอ ยา งสงบสขุ และรวมกนั พัฒนา เกย่ี วกับแนวคดิ ความเสมอภาคของศาสนาอน่ื ๆ เพอ่ื นําความรูมาอภปิ รายรว มกัน สงั คมใหเ จริญกา วหนา ได ในช้ันเรยี น 168 คมู่ ือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ Expand แมวาประเทศไทยจะมีประชาชนท่ีนับถือศาสนาแตกตางกันไป แตก็ไมควรท่ีจะนํา 1. ครูสนทนารว มกนั กบั นกั เรยี นถึงความรทู ่ัวไป มาเปนเครื่องแบงแยกความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ เพราะแมจะพูดภาษาหรือนับถือ เกี่ยวกบั หลกั ธรรมเพือ่ การอยรู วมกันอยาง ศาสนาแตกตางกัน แตทุกคนก็อยูบนผืนแผนดินเดียวกัน จึงควรรักและสามัคคีกัน รูจักเห็นใจ สนั ตสิ ขุ ของศาสนาสําคัญในประเทศไทย และเก้ือกูลกันเพ่ือความสงบสุขของคนในชาติ นอกจากน้ีไมวาจะเปนศาสนาใด ทุกศาสนาก็ลวน ที่นกั เรียนไดศ ึกษามา แลวตั้งประเด็นท่ี มีคําสอนท่ีเปนหลักการใหญๆ สอดคลองตรงกัน น่ันคือ สอนใหกระทําความดีและละเวนความช่ัว เกี่ยวของกบั แนวทางการอยรู วมกนั อยาง ดังนั้น ถาศาสนิกชนมีความเขาใจและปฏิบัติตนตามหลักคําสอนของศาสนาแลว เชื่อมั่นไดวา สันติสุขของศาสนิกชนศาสนาตา งๆ ใน นอกจากศาสนิกชนผูนับถือจะมีความเจริญผาสุกแลว ก็ยอมจะสงผลทางออมถึงสังคมไทยของเรา ประเทศไทยใหนกั เรยี นอภิปรายรว มกัน ใหม ีสนั ตสิ ขุ และสงบรม เยน็ ตามมาดวยเชนกัน จากน้นั สรปุ ผลการอภิปรายเปนแนวทางการ อยูรว มกันของศาสนิกชนในศาสนาสําคญั ใน ··ÁÒâ¹ »â âËµÔ ประเทศไทยไดอยา งสันติสขุ ของชั้นเรยี น แลว ¼ŒÙãËÂŒ Í‹ Á໹š ·ÕÃè Ñ¡ รวบรวมไวเ ปนแหลง การเรยี นรใู นหอ งสมุด (¾Ø·¸ÈÒʹÊÀØ ÒÉµÔ ) 2. ครมู อบหมายใหน ักเรียนปฏิบตั ติ นตาม แนวทางการอยรู ว มกนั ของศาสนกิ ชนใน ศาสนาสาํ คัญในประเทศไทยไดอยา งสนั ติสขุ ของช้ันเรียน แลวอาจบนั ทกึ เปนผลการปฏบิ ัติ ตนสงครผู ูส อน ตรวจสอบผล Evaluate 1. ครตู รวจการนําเสนอความรูเก่ยี วกบั ศาสนา สาํ คัญในประเทศไทยรปู แบบตา งๆ และ ใบความรู โดยพจิ ารณาจากความถูกตองครบ ถวนของขอมลู ความนาสนใจและการนาํ เสนอ ท่ีเขาใจงาย 2. ครูสังเกตพฤติกรรมการมีสวนรว มในกิจกรรม การเรียนรู เชน การตอบคําถาม การอภิปราย และการแสดงความคดิ เหน็ เปน ตน 169 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT บูรณาการอาเซียน ขอ ใดเปนหลักการอยรู วมกนั กับศาสนกิ ชนในศาสนาอืน่ ไดอ ยางสันตสิ ขุ ครสู ามารถจัดกจิ กรรมการเรียนรบู รู ณาการอาเซยี นในกรอบความรว มมือ 1. เคารพ สามัคคี ดานสังคมวัฒนธรรมของประชาคมอาเซยี น โดยการแบงกลุมเพื่อใหน ักเรียน 2. โนม นา วใจ เคารพ ชว ยกนั ศึกษาคน ควาลกั ษณะการนับถือศาสนาของประชากรในประเทศสมาชิก 3. สามคั คี เปรียบเทยี บ อาเซียน แลว นาํ เสนอขอมูลความรูตอ ชั้นเรียน จากน้ันอภปิ รายรว มกนั ในประเด็น 4. เปรยี บเทยี บ โนม นาวใจ ท่ีเก่ียวของกบั การสรา งความเขา ใจในความแตกตา งหลากหลายของการนับถอื ศาสนาในประเทศสมาชิกอาเซียน และเสนอแนวทางปอ งกนั แกไขปญ หาความ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เคารพ สามคั คี เปน หลกั การอยูรว มกนั ขัดแยงระหวางศาสนาทอี่ าจเกิดข้นึ ไดอยา งสันติวธิ ี กบั ศาสนิกชนในศาสนาอื่นไดอยางสนั ติสขุ กลาวคือ เคารพในการนับถือ ศาสนาของบคุ คลตา งๆ รวมถึงบุคคลไรศาสนา และสามัคคกี นั โดยคดิ ถึง ประโยชนสวนรวมของสังคม คอื ความสงบสุขในการอยูรว มกัน อันนาํ ไป สกู ารพฒั นาสงั คมดานตา งๆ ไดอยางยง่ั ยนื ค่มู ือครู 169
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครตู รวจสอบความถกู ตองในการตอบคาํ ถาม คาปถระาจÓมหน่วยการเรยี นรู้ ประจาํ หนวยการเรียนรู ๑. หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาข้อใดบ้างท่ีเราสามารถน�ามาปรับใช้ในการอยู่ร่วมกัน หลักฐานแสดงผลการเรียนรู อย่างสงบสุขบนพ้ืนฐานของความแตกต่างทางศาสนาได้ และสามารถน�าไปปรับใช้อย่างไร จงยกตัวอยา่ งประกอบการอธบิ าย 1. การนําเสนอความรูเกี่ยวกับศาสนาสาํ คัญใน ประเทศไทยรปู แบบตาง ๆ และใบความรู ๒. เพราะเหตุใดแม้ประเทศไทยจะมีประชากรที่นับถือศาสนาที่แตกต่างกันหลายศาสนา แต่ก็ สามารถอย่รู ว่ มกันได้อยา่ งสงบสุข 2. สมุดบนั ทกึ ของนกั เรยี น ๓. นกั เรียนคดิ ว่าศาสนาแต่ละศาสนามีความคลา้ ยคลึงหรอื แตกต่างกนั อย่างไร ๔. การศึกษาศาสนาสา� คัญอนื่ ๆ ในประเทศไทยมีประโยชน์อยา่ งไร ๕. นกั เรยี นควรปฏิบตั ิอย่างไรจึงจะไดช้ ือ่ ว่าเปน็ ศาสนิกชนที่ดตี ามศาสนาทีต่ นนับถือ กิจสรก้ารงรสมรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้ กจิ กรรมที่ ๑ นักเรียนเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ หรือไปเยี่ยมชม กจิ กรรมที่ ๒ ศาสนสถานของแต่ละศาสนาในโอกาสหรอื เทศกาลต่างๆ แบ่งกล่มุ เป็น ๕ กล่มุ ศึกษาประวัติของศาสดา หลักค�าสอน พิธีกรรม กิจกรรมท่ี ๓ ของศาสนาต่างๆ (ไดแ้ ก่ พระพทุ ธศาสนา ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาสิข) แล้วท�าผังมโนทัศน์สรุปส่ง ครผู สู้ อน อภปิ รายรว่ มกนั ในชน้ั เรยี นในหวั ขอ้ “ความแตกตา่ งของศาสนาแตล่ ะศาสนา ในประเทศไทย และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขภายในสังคมบนพ้ืนฐาน ของความแตกตา่ ง” หลงั จากนน้ั สรปุ ผลการอภปิ รายลงในสมดุ สง่ ครผู สู้ อน 170 แนวตอบ คําถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาทส่ี ามารถนํามาปรับใชในการอยูรวมกนั กบั ผอู ืน่ ที่นบั ถอื ศาสนาแตกตา งกันได เชน พรหมวหิ าร 4 ซงึ่ ประกอบดว ย เมตตา กรณุ า มุทิตา และอเุ บกขา เชน การมีเมตตา มคี วามรัก ความปรารถนาใหผอู ื่นมคี วามสุข เรากจ็ ะไมเบียดเบยี นผอู ่นื ไมว า เขาจะนบั ถอื ศาสนาใดก็ตาม จงึ มีสวนชวยใหเ กิดความ สงบสุขในสงั คมได 2. สงั คมไทยมีความสงบสขุ จากการอยูรวมกันของศาสนกิ ชนในศาสนาตา งๆ เน่ืองจากพุทธศาสนิกชนซงึ่ เปนประชากรสวนใหญข องสงั คมมีอุปนสิ ยั รักสงบ รจู ักเออ้ื เฟอ ชวยเหลอื ผูอ่ืน โดยไมแ บงแยกศาสนา ความขดั แยง ของประชากรทน่ี ับถือศาสนาแตกตา งกันจงึ มกั ไมค อยเกดิ ขึ้นในสงั คมไทย 3. ศาสนาตางๆ ลวนมหี ลกั คาํ สอนที่มงุ หมายใหผทู น่ี บั ถอื เปน คนดแี ละอยูรว มกนั กับผอู ่นื อยางสันติสุข แตอาจมรี ายละเอียดของแนวคดิ หลักการ ขอพึงปฏบิ ตั ิ พธิ กี รรม และวนั สําคญั ทางศาสนา ซ่ึงเปนสว นประกอบของศาสนาแตกตา งกนั ไปบาง 4. การศกึ ษาศาสนาสําคัญในประเทศไทยมปี ระโยชนใ นการชวยใหเรามีความรคู วามเขา ใจศาสนกิ ชนในศาสนาอื่นในดานตางๆ เชน ความเชื่อ แนวการปฏิบัติ และ พธิ กี รรม อันนาํ ไปสคู วามเขา ใจซึ่งกันและกนั และอยูรว มกันไดอยางสงบสุข 5. การปฏบิ ตั ิตนเปน ศาสนิกชนทีด่ ีตามศาสนาที่ตนนับถอื เชน การศึกษาประวัติความเปนมา หลักคาํ สอนอยางถองแท และสามารถนําไปประพฤตปิ ฏบิ ัติในการดําเนิน ชวี ิตประจําวันไดอยา งถกู ตอง รวมถงึ มสี ว นชวยปกปองและเผยแผศาสนาตามแนวทางที่เหมาะสม 170 คู่มือครู
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate บรรณานกุ รม การศาสนา, กรม. ศาสนพธิ ี. กรงุ เทพมหานคร : กรมการศาสนา, ๒๕๓๓. เขมจารี, มหาเถระ. เขมจารนี พิ นธ.์ กรุงเทพมหานคร : สำานักพิมพ์พระพุทธศาสนาประกาศ, ๒๕๔๕. เชอเกยี ม ตรงุ ปะ. การฝกึ จติ และการบม่ เพาะความเมตตา. กรงุ เทพมหานคร : สาำ นกั พมิ พม์ ลู นธิ โิ กมลคมี ทอง, ๒๕๕๑. ญาณวโรดม, พระ (สนธิ์ กิจฺจกาโร). คู่มือปฏิบัติงานศาสนพิธีสังเขป. กรุงเทพมหานคร : มหามกุฏราช- วิทยาลยั , ๒๕๔๘. ดนยั ไชยโยธา. พจนานกุ รมคำาศพั ท์พระพทุ ธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : บริษทั อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จาำ กดั , ๒๕๕๒. เทพวิสุทธิญาณ, พระ (อุบล นนฺทโก ป.ธ. ๙). พุทธประวัติสังเขปและศาสนพิธีสังเขป. กรุงเทพมหานคร : มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๖. ________ .ศาสนพิธสี งั เขป. กรงุ เทพมหานคร : มหามกุฏราชวทิ ยาลัย, ๒๕๕๒. ธรรมปฎิ ก, พระ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). ทำาอยา่ งไรจะหายโกรธ. กรงุ เทพมหานคร : มูลนิธพิ ทุ ธธรรม, ๒๕๓๗. ________ . ธรรมนูญชวี ิต. กรุงเทพมหานคร : บริษทั สหธรรมกิ จาำ กดั , ๒๕๔๑. ________ .พจนานกุ รมพทุ ธศาสน์ ฉบบั ประมวลศพั ท.์ กรงุ เทพมหานคร : เอส. อาร.์ พรน้ิ ตง้ิ แมส โปรดกั ส์ จาำ กดั , ๒๕๔๖. ________ .พุทธธรรม, ฉบับเดิม. กรงุ เทพมหานคร : สำานกั พิมพด์ วงแกว้ , ๒๕๔๔. ________ .หลักการศึกษาในพระพุทธศาสนา. กรงุ เทพมหานคร : คณะครศุ าสตรจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๓๑. พรหมคณุ าภรณ,์ พระ (ประยุทธ์ ปยตุ โฺ ต). พจนานุกรมพทุ ธศาสน์ ฉบบั ประมวลธรรม. กรุงเทพมหานคร : เอส. อาร์. พริ้นติง้ แมส โปรดักส์ จำากัด, ๒๕๔๘. พทุ ธทาสภกิ ข.ุ พทุ ธ-ครสิ ต์ ในทศั นะของทา่ นพทุ ธทาส. กรงุ เทพมหานคร : สาำ นกั พมิ พเ์ ทยี นวรรณ, ๒๕๒๗. ไพศาล วิสาโล, พระ. พุทธศาสนากับคุณค่าร่วมสมัย. กรุงเทพมหานคร : สำานักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง, ๒๕๒๙. ฟ้ืน ดอกบัว. วัดและพระสงฆ์ทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร : ศิลปาบรรณาคาร, ๒๕๕๐. วชิ าการ, กรม. การจดั สาระการเรยี นรพู้ ระพทุ ธศาสนา. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาฯ, ๒๕๔๕. วิทย์ วิศทเวทย์ และคณะ. หนังสือเรียนสังคมศึกษา ส ๖๐๖. กรุงเทพมหานคร : บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จาำ กดั , ๒๕๓๒. วิทย์ วศิ ทเวทย์. อนตั ตาในพุทธปรัชญา. กรงุ เทพมหานคร : สาำ นักพิมพพ์ ิพิธวิทยา, ๒๕๒๓. 171 คมู่ ือครู 171
กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate วินัย พงศ์ศรีเพียร, วีรวัลย์ งามสันติกุล (บรรณาธิการ). พระพุทธศาสนาและส¶าบันสงฆ์กับสังคมไทย. กรงุ เทพมหานคร : สำานักงานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ัย, ๒๕๔๙. สวสั ด์ิ สวุ รรณสังข.์ หลักการทำาดีในทศั นะของศาสนาสำาคัญในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร : กรมการ ½ƒกหัดคร,ู ๒๕๒๘. สุชีพ ปุญญานุภาพ. พระไตรป®กสำาหรับประชาชน. กรุงเทพมหานคร : มลู นธิ ิมหามกุฏราชวิทยาลยั , ๒๕๓๔. ________ .คุณลกั ษณะพิเศษแหง่ พระพุทธศาสนา. กรงุ เทพมหานคร : เกษมบรรณากิจ, ๒๕๑๑. สุนทร ณ รังษี. พุทธปรัชญาจากพระไตรป®ก. กรุงเทพมหานคร : สำานักพิมพ์แห‹งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๑. เส°ยี รพงษ์ วรรณปก. คำาบรรยายพระไตรป® ก. กรุงเทพมหานคร : ธรรมสภา, ๒๕๔๓. ________ .คิดเปšนทำาเปšนตามแนวพุทธธรรม. กรุงเทพมหานคร : บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชèิง จำากัด, ๒๕๔๑. ________ .ธรรมะนอกธรรมาสน์. กรงุ เทพมหานคร : มติชน, ๒๕๔๕. ________ .บางแง่มุมเกèียวกบั พระพุทธองค์. กรุงเทพมหานคร : หอรตั นชัยการพิมพ์, ๒๕๔๔. ________ .พทุ ธสาวกพทุ ธสาวิกา. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย, ๒๕๔๑. ________ .เพอèื ความเข้าใจ¶กู ตอ้ งเกียè วกบั หลักกรรม. กรุงเทพมหานคร : หอรัตนชัยการพิมพ์, ๒๕๔๔. ________ .สµ-ิ สมาธ.ิ กรุงเทพมหานคร : ศยาม, ๒๕๔๕. ศÖกษาธิการ, กระทรวง. ตัวชีéวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และว²ั นธรรม ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนéั พนéื °าน พทุ ธศกั ราช òõõñ. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง‹ ประเทศไทย จาำ กัด, ๒๕๕๑. 17๒ 172 คู่มือครู
สรา้ งอนาคตเดก็ ไทย ดว้ ยนวตั กรรมการเรยี นรรู้ ะดบั โลก >> ราคาเลม่ นกั เรยี นโปรดดจู ากใบสง่ั ซอ้ื ของ อจท. คมู่ อื คครูม่ บอื รค. รพู รบะรพ. ทุพธรศะพาสทุ นธาศามส.4นา ม.4 บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 โทร./แฟกซ.์ 02 6222 999 (อตั โนมตั ิ 20 คสู่ าย) 8 885 88654896 41932 25183204251.8-04 1.- www.aksorn.com Aksorn ACT ราคาน้ี เปน็ ของฉบบั คมู่ อื ครเู ทา่ นน้ั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182