Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู พระพุทธศาสนา ม.4

คู่มือครู พระพุทธศาสนา ม.4

Published by jirapatlca, 2020-01-07 23:24:39

Description: คู่มือครู พระพุทธศาสนา ม.4

Search

Read the Text Version

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครตู รวจสอบความถูกตอ งในการตอบคาํ ถาม คาปถระาจÓมหน่วยการเรียนรู้ ประจําหนว ยการเรยี นรู ๑. “การบริหารจิตมีประโยชน์เฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยเรียน เพราะช่วยให้มีสมาธิมากข้ึน” นักเรียน หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู เห็นด้วยกบั ข้อความข้างต้นหรอื ไม่ อยา่ งไร จงอธิบาย 1. บันทกึ การฝกปฏบิ ตั กิ ารบรหิ ารจติ ตามหลัก ๒. การเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะ (ความระลึกได้และความรู้ตัว) อยู่ตลอด มีข้อดีหรือข้อเสีย สตปิ ฏฐาน อย่างไร 2. บันทึกการเจริญปญญาตามหลกั โยนิโสมนสกิ าร ๓. การฝกึ ตนใหเ้ ปน็ คนที่มีสตสิ มั ปชัญญะ กระทำาไดอ้ ย่างไร เพ่อื แกป ญหาและพัฒนาโรงเรยี นหรือทองถิ่น ๔. การเดนิ จงกรมและนัง่ สมาธสิ ลบั กนั มีจดุ ประสงคเ์ พื่ออะไรและมีขอ้ ดอี ยา่ งไร ๕. การเจริญปัญญาด้วยวิธีการคิดแบบโยนิโสมนสิการมีข้อดีอย่างไร และสามารถนำาไปใช้ใน การพฒั นาการเรียนร้ขู องตนเองได้อยา่ งไร จงอธบิ ายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ กิจสรกา้ รงรสมรรคพ์ ัฒนาการเรยี นรู้ กิจกรรมท่ี ๑ นักเรียนฝึกน่ังกำาหนดหรือเดินจงกรมตามหลักสติปัฏฐานก่อนเข้าเรียน กจิ กรรมท่ี ๒ วนั ละประมาณ ๑๐ นาที แลว้ สมุ่ นกั เรยี นมาเล่าถึงความรู้สึกขณะปฏิบัติ กจิ กรรมที่ ๓ จดั ปา้ ยนเิ ทศเกย่ี วกบั การบรหิ ารจติ ตามหลกั สตปิ ฏั ฐาน และประโยชนข์ อง การบริหารจติ นักเรียนจับคู่กับเพื่อน แต่งนิทานพร้อมวาดภาพประกอบในหัวข้อ ทีเ่ กีย่ วกับประโยชน์ของการบริหารจติ ความยาวไม่เกนิ ๑๐ หน้ากระดาษ สง่ ครผู ู้สอน 1๔2 แนวตอบ คําถามประจําหนว ยการเรียนรู 1. การบริหารจิตมปี ระโยชนสาํ หรบั คนทุกวยั เน่อื งจากชว ยใหจ ติ สงบ เกิดสมาธิ มีประสทิ ธิภาพในการประกอบกิจการงานตา งๆ รวมถงึ การดําเนินชวี ติ การแกไขปญหาที่ ตองเผชญิ และการพฒั นาชวี ติ ใหป ระสบความสําเร็จ ตลอดจนมีสว นชว ยสง เสรมิ ใหม ีบุคลิกภาพดอี ีกดวย 2. การมีสติสมั ปชญั ญะอยูเสมอชว ยใหเผชญิ หนา กับสถานการณแ ละบคุ คลตางๆ ทั้งเรือ่ งราวที่ดีและรายไดอ ยา งชาญฉลาด ไมแสดงอาการปริวติ กจนเกินควร และ สามารถตดั สนิ ใจกระทําการตางๆ หรือแกไ ขปญ หาไดอ ยา งถูกตอ งเหมาะสม ดงั นก้ี ารมสี ตสิ มั ปชญั ญะจงึ กลา วไดวา เปนคณุ อนันตแ กก ารดําเนนิ ชวี ิต 3. การบรหิ ารจิตและเจรญิ ปญ ญาตามแนวทางพระพทุ ธศาสนาจะชวยสง เสรมิ ใหเปน ผทู ีม่ สี ติสัมปชัญญะอยูกบั ตนเองเสมอ ยกตวั อยา งเชน การน่งั สมาธิ การกําหนดได หมายรูใ นลมหายใจและรางกายของตน ซง่ึ ชว ยใหจ ิตสงบ มสี ตสิ มั ปชัญญะ และการคดิ แบบเปน อยูในขณะปจจุบนั ชว ยใหไมยดึ ตดิ หรอื คาดหวงั กบั เรอ่ื งราวในอดตี หรอื อนาคต มสี ตสิ มั ปชัญญะอยูก ับปจ จบุ นั ทําใหส ามารถใชค วามรู ความคิด และคุณธรรมจริยธรรม ตดั สนิ ใจแสดงออก กระทําการ หรือแกไ ขปญหาตางๆ ของชวี ติ ได อยา งถกู ตองเหมาะสม 4. การเดนิ จงกรมชว ยสง เสริมการบริหารจติ ดว ยวิธีการนัง่ สมาธิ กลาวคือ ชวยสรางใหเกิดความวิรยิ ะ ขจดั ความงวงเหงาหาวนอน ซงึ่ เปน หน่ึงในนวิ รณท ี่ขัดขวางจิตมใิ ห สามารถพฒั นาจนเกดิ ปญญาได นอกจากนี้ยังชว ยผอ นคลายความเม่ือยลา จากการน่ังสมาธอิ ีกดวย ดังนัน้ การเดนิ จงกรมจึงมักกระทาํ ควบคไู ปกับการน่ังสมาธิ 5. การเจรญิ ปญญาตามหลักโยนโิ สมนสกิ าร โดยเฉพาะการคิดแบบรูเทา ทันธรรมดา (คดิ แบบสามัญลกั ษณะ) และการคดิ แบบเปนอยูใ นขณะปจ จบุ นั ชว ยสง เสริมให เปน ผทู ม่ี สี ติสัมปชัญญะ จากการไมย ดึ ตดิ กับสงิ่ ทง้ั ปวงอันเปนอนัตตา และไมพะวงกับเร่อื งราวในอดีตหรอื อนาคต ซึง่ เปนพื้นฐานของการเกิดสมาธิ และปญ ญา อันมี ประโยชนอยางย่ิงในการศึกษาเลาเรียน เน่อื งจากชว ยพฒั นาการเรียนรูสิ่งตาง ๆ ใหสามารถทําความเขาใจไดอยา งรวดเรว็ 142 คู่มอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Engage Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู 1. อภิปรายความสาํ คัญของพระพุทธศาสนา เก่ียวกบั การศึกษาที่สมบรู ณ การเมือง และ สันติภาพได 2. สมั มนาและเสนอแนะแนวทางในการธํารง รกั ษาพระพุทธศาสนาได สมรรถนะของผูเ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต ๘ ¾รо·Ø ¸Èาʹา˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค กºÑ การáกŒ»-˜ ËาáÅÐการ¾²Ñ ¹า 1. รักชาติ ศาสน กษัตรยิ  2. ใฝเรียนรู 3. มุง มั่นในการทาํ งาน 4. มีจิตสาธารณะ ม¹ØÉà¡Ô´ÁÒµ‹Ò§ÁÕ»˜ÞÞÒ´ŒÇ¡ѹ·éѧÊéÔ¹ »˜ÞÞÒª‹ÇÂãËŒàÃÒÃÙŒ¨Ñ¡¤Ô´ Ì٨ѡµ‹ÍʌٴéԹùä»ÊÙ‹ÊèÔ§ ·èÕ´Õ¡Ç‹Ò áÁŒáµ‹Åкؤ¤Å¨ÐÁÕ»˜ÞÞÒÁÒ¡¹ŒÍÂᵡµ‹Ò§¡Ñ¹ä» ᵋ¡ç໚¹ÊèÔ§·ÕèͺÃÁãËŒà¾èÔÁ¾Ù¹ä´Œâ´Â¡Òà ÈÖ¡ÉÒ ÇÔ¸Õ¡ÒÃÊÌҧ»˜ÞÞÒ¨Ö§¢Öé¹ÍÂÙ‹¡Ñº¡Ãкǹ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ ¡Òö‹Ò·ʹ ¡ÒÃÃѺÌ٤ÇÒÁÃÙŒ¨Ò¡¼ŒÙÍ×è¹ กระตนุ้ ความสนใจ Engage áÅСÒþԨÒóҴŒÇÂà˵ؼŠàÁèÍ× Á¤Õ ÇÒÁÃŒáÙ µ¡©Ò¹áÅÇŒ ¡çµÍŒ §Å§ÁÍ× »¯ÔºµÑ ãÔ ËŒà¡´Ô ¤ÇÒÁªíÒ¹ÒÞ ¨§Ö ¨Ð ครูใหนกั เรยี นพจิ ารณาภาพทห่ี นาหนว ยการ à¡Ô´»Þ˜ ÞÒ·èáÕ ·Œ¨ÃÔ§ ¡ÒÃÁÕ»Þ˜ ÞÒ¤ÇÒÁÃŒµÙ ÍŒ §¹Òí ÁÒ㪌ãËàŒ ¡Ô´»ÃÐ⪹Ꮰ¡µ‹ ¹àͧáÅм͌٠è¹× à¾ÃÒФÇÒÁÌ٠เรียนรู แลวสนทนารว มกันกบั นกั เรยี นถึงการ àËÁ×͹´ÒºÊͧ¤Á ¶ŒÒ㪌㹷ҧ·Õè¶Ù¡Â‹ÍÁÊÌҧÊÃä ᵋ¶ŒÒ㪌㹷ҧ·èռԴ‹ÍÁÁÕâ·ÉÁËѹµµ‹ÍÊѧ¤Á แกป ญ หาและการพฒั นาตามแนวทางพระพทุ ธ- ¡ÒÃ໹š ¼ÁÙŒ »Õ ˜ÞÞÒ¤ÇÒÁèٌ Ö§µŒÍ§Á¸Õ ÃÃÁÐ㪡Œ íÒ¡ºÑ ¤ÇÒÁùٌ Ñ¹é µÅÍ´àÇÅÒ ศาสนา เชน การนอมนําหลักธรรมคําสอนมาใช ในศึกษาเลา เรียน การแกไ ขปญหาความขดั แยง ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ระหวางกลมุ คนดวยพทุ ธวิธี จากนั้นต้ังประเด็น อภปิ รายรว มกนั กบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั พระพทุ ธศาสนา ส 1.1 ม.4/12 ■ ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนากบั การศกึ ษาทส่ี มบรู ณ์ หรือศาสนากับการสงเสริมสนั ตภิ าพ เชน ■ วิเคราะห์ความสําคัญของพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับการศึกษาท่ี ■ การปกปอ ง คมุ้ ครอง ธาํ รงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาของ • การสง เสริมสันติภาพของโลกตามแนวทาง สมบูรณ์ การเมอื ง และสนั ตภิ าพ หรือแนวคดิ ของศาสนาทีต่ น พทุ ธบรษิ ทั ในสงั คมไทย พระพทุ ธศาสนา นับถือตามที่กาํ หนด ■ การปลกู จติ สาํ นกึ และการมสี ว่ นรว่ มในสงั คมพทุ ธ ส 1.2 ม.4/5 ■ สัมมนาและเสนอแนะแนวทางในการธํารงรักษาศาสนาท่ีตน นับถือ อันส่งผลถงึ การพฒั นาตน พัฒนาชาตแิ ละพัฒนาโลก • การพัฒนาตนเองและสังคมตามหลกั ศาสนากับการสรา งสันตภิ าพของโลก • ศาสนา : สาเหตุหรือแนวทางการแกไ ข ปญ หาความขดั แยงของโลก เกรด็ แนะครู ครคู วรจดั กจิ กรรมการเรยี นรูเพ่อื ใหน กั เรียนสามารถวเิ คราะหความสาํ คญั ของ พระพทุ ธศาสนาเก่ียวกับการศกึ ษาที่สมบรู ณ การเมือง และสันติภาพ สัมมนาและ เสนอแนะแนวทางในการธํารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาได โดยเนนการพฒั นาทกั ษะ กระบวนการ เชน ทักษะการคดิ กระบวนการทาํ งานกลมุ และกระบวนการสบื สอบ ดังตัวอยางตอ ไปน้ี • ครูใหนกั เรียนศึกษาความรเู ก่ยี วกับพระพุทธศาสนากบั การศกึ ษาท่ีสมบรู ณ จากหนังสือเรียนและแหลงการเรียนรูอ ื่นทคี่ รเู สนอแนะ แลวอธบิ ายความรู โดยการตอบคาํ ถามทีค่ รูกําหนด จากนนั้ ศกึ ษาคน ควาเพม่ิ เตมิ เพ่อื เตรยี ม การอภปิ รายในประเด็นความสําคัญของพระพทุ ธศาสนาเกยี่ วกบั การศึกษา ท่สี มบรู ณ การเมือง และสันติภาพ แลว จดั ทําบทความเก่ยี วกบั ความสําคัญ ของพระพทุ ธศาสนาในประเดน็ ดังกลาว คมู่ อื ครู 143

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Elaborate Evaluate Explore Explain สา� รวจคน้ หา Explore ครอู ธิบายนักเรียนเกีย่ วกับการพฒั นาตนเอง ๑. พระพุทธศาสนากับการศึกษาที่สมบรู ณ์ และสงั คมตามแนวทางพระพทุ ธศาสนา โดย อาจสอบถามความรูท ่ัวไปเก่ยี วกบั หลักธรรมทาง การศึกษา หมายถึง การพัฒนาความสามารถด้านต่างๆ ของบุคคล และต้องระดมเอา พระพทุ ธศาสนากบั การพฒั นาตนเองและสังคมที่ ศักยภาพท่ีแฝงอยู่ในตัวบุคคลออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด มิใช่มีแต่ความรู้ ความคิด นักเรียนไดศ ึกษามา แลวใหนักเรยี นศกึ ษาความ แต่ไม่นำามาใช้ปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ ในท่ีสุดความคิดนั้นก็กลายเป็นอัมพาต การศึกษาที่ถูกวิธี รเู กีย่ วกับพระพุทธศาสนากบั การศึกษาท่ีสมบรู ณ จึงหมายถึงการนำาชีวิตของตนไปสู่เป้าหมายที่ดี ท่ีพึงประสงค์ได้ เป็นวิธีการใช้เส้นทางชีวิตที่ จากหนังสือเรียน หนา 144-146 และแหลง การ ถูกต้อง เพื่อนำาชีวิตให้เจริญก้าวหน้าไปสู่สิ่งท่ีชีวิตต้องการ และท่ีสำาคัญการศึกษาสูงสุดต้อง เรยี นรอู ่นื ท่คี รูเสนอแนะ เชน หนงั สือในหองสมดุ สามารถขจัดสัญชาตญาณอย่างสัตว์ให้เป็นมนุษย์ท่ีประเสริฐ ลดละความโกรธ ความโลภ และ เวบ็ ไซตท เ่ี กยี่ วของ อาทิ http://www.mcu.ac.th/ ความหลงผิดทง้ั ปวง ให้เปน็ ผมู้ ีจิตใจสูงสง่ ดจุ ดงั อรยิ บคุ คลทว่ั ไปพึงมี mcutrai/menu2/Critical/06.htm เวบ็ ไซตพระ- ไตรปฎกวิจารณ พระพทุ ธศาสนากบั ปรชั ญาการ การศึกษาท่ีสมบูรณ์จึงได้แก่ การศึกษาท่ีทำาให้บุคคลมีชีวิตอยู่ได้ด้วยความสงบ และ ศึกษา พระไตรปฎก CD-ROM ฉบบั มหาวทิ ยาลัย ความสุข เม่ือพบปัญหาก็สามารถแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่น การศึกษาท่ีสมบูรณ์ตามแนวพุทธ มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย http://www.visalo. org/article/budBudandSuksa.htm เว็บไซต ประกอบไปดว้๑ย)ก ามรีมคีคววาามมรรูู้้สคำาวาหมรสับามปารระถกแอลบะคอวาาชมีปพร ะพในฤมตงิ คดังลลกั ๓ษ๘ณ1 ะเตรีย่อไกปคนว้ีามรู้อย่างนี้ว่า บทความทางพระพทุ ธศาสนา พุทธศาสนากบั การ ศึกษาเพ่อื อนาคตของประเทศ โดยพระไพศาล “สปิ ฺปญฺจ” หมายถงึ มีศลิ ปวทิ ยา มีความชำานาญในอาชพี ของตน สามารถทำาการงานประกอบ วสิ าโล http://www.vitheebuddha.com/main. อาชีพเล้ียงชีพตนและครอบครัวได้ คนท่ีมีความรู้แต่ไม่สามารถเลี้ยงตนและครอบครัวได้ นับว่า php?url=about&code=16 เวบ็ ไซตก ารศกึ ษา เปน็ คนสมบรู ณ์ไมไ่ ด้ วถิ ีพุทธ โรงเรียนวิถีพทุ ธ การศกึ ษาเพอ่ื ความเปน มนษุ ยท่สี มบรู ณ จากนั้นสรุปความรตู นไดศกึ ษา ๒) มคี วามรเู้ ข้าใจชมุ ชน ผู้มคี วามรตู้ อ้ งเข้าใจชมุ ชน สงั คม ประเทศ และโลก คนความาเพ่อื เตรยี มการอธบิ ายความรู ท่ีตนอาศัยอยู่ รู้จักความเป็นไป ความเปล่ียนแปลงของสิ่งรอบตัว รู้กฎระเบียบ จารีตประเพณี อธบิ ายความรู้ Explain อันดีงาม เพ่ือที่จะอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างราบรื่นและเป็นปกติสุข ไม่เป็นคนสวนกระแสสังคม จนเกินไป หรอื ไมเ่ ป็นคนตามกระแสสังคมทกุ เรือ่ ง ครูสนทนารว มกันกับนักเรยี นถึงความรูท่วั ไป เก่ยี วกบั พระพุทธศาสนากบั การศึกษาทีส่ มบูรณ ๓) มีความรู้ในหลักจริยธรรม จริยธรรม คือ หลักความประพฤติที่ถูกต้อง ท่ีนักเรียนไดศ ึกษามา โดยเฉพาะความหมายของ การศึกษาทางพระพทุ ธศาสนา แลวสอบถามความ ดีงาม ให้บุคคลยึดถือปฏิบัติตนเพ่ือการอยู่ร่วมกันในสังคม การมีความรู้ในหลักจริยธรรมก็เพื่อ สอดคลอ งระหวางการศกึ ษาของนกั เรียนกบั ความ กจะฎไหดม้ยาึดยเปแ็นละแจนาวรทตี าขงอในงสกังาครมป2แฏลิบว้ ัติตยนงั ตคอ้ นงเทปี่สน็ มคบนูรมณศี ์นีลั้นธรนรอมกดจ้วายกจคะนมชีอัว่านชั้นีพถเล้า้ียมงคี ตวนามแรูม้ละาไกม่ฝค่าวฝามืน หมายของการศึกษาทางพระพุทธศาสนาดงั กลา ว สามารถมาก ร้กู ฎหมายบ้านเมอื งมาก ก็จะยง่ิ ทาำ ร้ายผอู้ น่ื และตนเองไดม้ าก ปจั จุบนั มีคำากล่าววา่ เพือ่ ใหน ักเรยี นเขา ใจถึงจุดมงุ หมายของการศึกษาท่ี “ความร้คู ู่คุณธรรม”  คือ ตอ้ งเปน็ คนเกง่ และเปน็ คนดคี วบค่กู นั ไปนั่นเอง สมบรู ณท างพระพทุ ธศาสนา คอื คณุ ธรรมนาํ ความรู การศึกษาที่เน้นเพียงความรู้เพ่ือการประกอบอาชีพ และความรู้เข้าใจชุมชน แตข่ าดความรใู้ นหลกั จริยธรรม ไมอ่ าจนับวา่ เป็นการศึกษาท่สี มบูรณ์ได้ 144 นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT บุคคลในขอ ใดกลา วไดว าเปนผูม กี ารศึกษาท่ีสมบูรณใ นทางพระพทุ ธศาสนา 1 มงคล 38 สง่ิ ที่ทําใหมีโชคดี ธรรมอนั นํามาซง่ึ ความสขุ ความเจรญิ หรอื เรยี ก 1. โจเตรยี มสอบใหเพอื่ นทีไ่ มถนัดวชิ าคณิตศาสตร เพอ่ื ตอบแทนทเ่ี พอ่ื น ไดวา อดุ มมงคล คอื มงคลอนั สงู สดุ 38 ประการ ทีส่ าํ คญั สาํ หรับนกั เรียน เชน ชวยคนหาขอมูลในการทาํ งานกลมุ พาหุสจฺจจฺ หมายถึง ศึกษาเลา เรยี นมาก มคี วามรกู วา งขวาง ใสใ จสดับตรบั ฟง 2. เจมสข อยืมรายงานของเพ่อื นแลว คัดลอกเนอ้ื หาสาระจดั ทาํ เปนรายงาน คนควาหาความรูอยเู สมอ วนิ โย จ สสุ ิกขฺ ิโต หมายถงึ มรี ะเบียบวินยั ฝก อบรมตน ของตน เนื่องจากเขาไมช อบเรียนวิชานี้ ไวด ี และสุภาสิตา จ ยา วาจา หมายถึง วาจาสภุ าษิต รจู กั ใชวาจาพดู ใหเปนผลดี 3. เจอาสาเตรียมสอบใหกลมุ เพอื่ นโดยคดิ คาใชจาย เพื่อนําไปจัดทาํ 2 กฎหมายและจารีตของสงั คม เปน องคป ระกอบหนึง่ ของบรรทดั ฐาน ซึ่งหมาย เอกสารและเปน คา เสยี เวลาของเขา ถึง แบบแผนสําหรับยึดถือเปน แนวทางปฏิบตั ิ เหตุที่ตั้งเปน เครอ่ื งถงึ เหตอุ ันใกล 4. จอมใหข อ สอบแกรุน นองและรบั คา ตอบแทน เนอื่ งจากฐานะทางบา น ท่ีสดุ อีกประการหนึง่ คือ วถิ ปี ระชา (Folkways) หมายถึง แนวทางการปฏบิ ัตขิ อง ของเขาขดั สน และคิดวา เปน การชวยเหลอื รุนนอ งทางออ ม บุคคลในสังคมที่ปฏบิ ัตติ ามความเคยชนิ และเปนท่ยี อมรบั ของคนในสงั คม เชน วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. โจเตรยี มสอบใหเพื่อนทไ่ี มถนัดวชิ า การลุกใหค นชรานัง่ ในรถประจําทาง การแตง กายไวท ุกขในงานสวดพระอภิธรรม คณิตศาสตร เพ่ือตอบแทนทีเ่ พือ่ นชวยคนหาขอมูลในการทาํ งานกลมุ ผูท่ีละเลยไมปฏิบตั ิตามแนวทางดังกลาวจะถกู ติเตยี น เยาะเยย ถากถาง หรอื นนิ ทา แสดงถงึ การเปน บุคคลที่มคี วามรู ความสามารถ และมคี วามประพฤติดี ผอู ่ืนทําใหส มาชกิ สังคมสังคมตองปฏบิ ตั ิตาม 144 คูม่ ือครู

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครสู มุ นักเรยี น 3 คน เพอ่ื ใหอธบิ ายความรู เกยี่ วกบั การศกึ ษาทส่ี มบรู ณต ามแนวพระพทุ ธ- การท่ีจะเรียนเก่ง มีความสามารถประกอบการงาน มีความรู้เกี่ยวกับสภาพ ศาสนา คนละ 1 ระดบั ทีห่ นาชัน้ เรยี น ไดแ ก ความเป็นไปของบ้านเมืองน้ัน ในพระพุทธศาสนามีหลักธรรมมากมายที่อำานวยให้เกิดขึ้น อาทิ ความรคู วามสามารถในการดาํ รงชีวติ และการ หลกั ธรรม “ปัญญา ๓” ดังน้ี ประกอบอาชพี ความรคู วามเขาใจในชมุ ชน ปั- - า ๓ และสงั คม และความรใู นหลักจริยธรรมและ สามารถนาํ ไปปฏบิ ตั ไิ ดอ ยา งถกู ตองเหมาะสม ปญั ญา หมายถงึ ความรจู้ รงิ เกย่ี วกบั เรอ่ื งตา่ งๆ อยา่ งทว่ั ถงึ หรอื รตู้ ลอด ถา้ รไู้ มท่ ว่ั ถงึ แลว ใหนักเรียนในช้นั เรียนชว ยกันเพมิ่ เตมิ เพอ่ื ในสิง่ ใด รู้ไมต่ ลอดในสิง่ ใด ยังไดช้ ื่อวา่ ไม่มีปญั ญาท่แี ทจ้ รงิ ในสิง่ นนั้ ใหไ ดค วามรทู ถ่ี กู ตอ งชดั เจนยงิ่ ขน้ึ จากนน้ั ครู และนักเรียนชวยกนั สรุปความรเู ก่ียวกับการ ปัญญาหรือความรู้แต่ละคนมีมากน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นกับว่าใครได้รับการฝึกฝน ศึกษาทีส่ มบูรณต ามพระพุทธศาสนาในรูป มหมามนั่ าศกกึ นษ้อายหเพมั่นียฝงใกึ ดฝนคตวนาเมอรงู้นทั้นั้งสนา้กี มาารรพถฒั ฝนึกาฝปนัญหญราื1อสพาัฒมานราถใทหำา้มไีมด้า๓กไทดา้ งโดดยังอนา้ี ศัยความเพียร แบบผงั กราฟกตางๆ บนกระดานหนาชัน้ เรยี น ๑) จินตามยปญั ญา หมายถงึ ปัญญาหรือความรู้ทเ่ี กิดจากการคิดและพจิ ารณา 2. ครตู ง้ั คาํ ถามถงึ หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา หาเหตุผล การคิดตามหลักเหตุผลเป็นปัจจัยสำาคัญท่ีสุดปัจจัยหน่ึงท่ีทำาให้เราได้ความรู้ใหม่หรือ ท่เี กีย่ วของกบั การศกึ ษาทส่ี มบรู ณ เชน ปญญา 3 ใหน กั เรยี นชวยกันตอบ เพื่อเปนการ เข้าใจความรู้ที่มีอยู่ให้แจ่มแจ้งชัดเจนข้ึน บางครั้งมีเรื่องราวท่ีเราได้ยินได้ฟังมาหลายคร้ังแล้ว อธบิ ายความรู ตัวอยางขอคําถามเชน • ปญญาในทางพระพทุ ธศาสนาแตกตา งจาก แต่ก็ยังไม่หายสงสัยขุ่นข้องใจ เพราะมีแง่มุมท่ีซับซ้อน ก็ต้องนำาเอามาคิดทบทวน หาเหตุผล ในท่สี ดุ กจ็ ะเกดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจทถี่ กู ต้องขนึ้ ได้ ปญญาโดยท่ัวไปอยา งไร (แนวตอบ ปญ ญาในทางพระพุทธศาสนาจะ ๒) สุตมยปัญญา หมายถึง ปัญญาหรอื ความร้ทู ่ีเกิดจากการฟงั ในที่นหี้ มายถงึ ตอ งประกอบดวย ความดีงามบนพน้ื ฐานของ ความรูท แ่ี ทจ รงิ เกี่ยวกับเรื่องตา ง ๆ อนั เกิด สกอื่ารสอาา่รนสนหเนทังศส2ตือา่ สงๆ่ิงพซิมงึ่ พใน์ กโลากรคยคุ้นปคจวั า้จขบุ ้อนั มคูลวาจมากรู้ จากการเรยี นรู การศึกษา การคดิ พจิ ารณา เกิดข้ึนและเปล่ียนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ผู้ท่ี ไม่ติดตามย่อมไม่อาจสู้เขาได้ ความคิดอ่าน ไตรตรองทบทวน และการนาํ ไปใชหรอื การ ของบุคคลจะกว้างขวางลึกซ้ึงได้ จึงต้องอาศัย ฝกปฏบิ ตั อิ ยา งสมาํ่ เสมอ) • หวั ใจนักปราชญสอดคลองกบั หลกั ปญ ญา 3 การอ่านการฟังให้มาก การรับฟังความเห็น อยา งไร หลายๆ ด้าน ย่อมทำาให้เรามีความแตกฉาน (แนวตอบ หัวใจนักปราชญ คือ แนวทาง การศึกษาเรยี นรเู พอ่ื ความเปนผรู แู จง อนั ออกไปไม่เชื่ออะไรง่ายๆ โดยไม่พิจารณา การพัฒนาปัญญาด้วยการอ่านและฟังให้มาก จะช่วยให้ ประกอบดว ย สุ คอื สุตะ หมายถึง การ ใคร่ครวญ เพราะการอ่านมากหรือฟังมาก บคุ คลมีความคดิ ทก่ี วา้ งขวางและลกึ ซึง้ มากย่ิงขึน้ ฟง จิ คอื จนิ ตนะ คอื การคิด ปุ คือ ปุจฉา มิใช่ว่าเราจะได้ความรู้จริงเสมอไป จึงควรท่ีจะ หมายถึง การถาม และ ลิ คือ ลขิ ิต หมาย ใชส้ ติปัญญาไตร่ตรองใหไ้ ดข้ ้อเท็จจริงที่ถกู ตอ้ ง ถงึ การบนั ทกึ ขอมูลความรูในรปู แบบตา งๆ จงึ เรยี กเป็นความรู้ท่สี มบรู ณ์ 145 ไวเพื่อศกึ ษาทบทวนจนเกดิ ความรทู ี่ถองแท ชดั เจน ซ่ึงสอดคลอ งกับหลกั ปญญา 3 ในขอ จนิ ตามยปญ ญาและสุตมยปญญา) ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’52 ออกเก่ียวกบั การพฒั นาตนเองในแนวทางพระพทุ ธศาสนา นกั เรยี นควรรู ในแนวทางพระพุทธศาสนา เราสามารถพัฒนาตนเปน มนุษยทส่ี มบูรณ 1 การพัฒนาปญญา ตามหลักธรรมคาํ สอนทางพระพุทธศาสนานอกจากหลกั ไดอ ยา งไร ปญ ญา 3 แลว หลกั ธรรมอืน่ ทีส่ ําคญั เชน วุฑฒิ หรือวฑุ ฒธิ รรม ธรรมเปน เคร่อื ง เจรญิ ธรรมเปนเหตุใหถ ึงความเจรญิ มี 4 อยา ง คอื สปั ปุริสสังเสวะ คบหาสัตบรุ ุษ 1. รกั ษาศีลใหครบ สทั ธมั มสั สวนะ ฟง สทั ธรรม โยนโิ สมนสกิ าร ทาํ ในใจโดยแยบคาย และธมั มานธุ มั ม- 2. ยดึ ไตรสิกขาในการดาํ เนนิ ชวี ิต ปฏิปต ติ ปฏบิ ัตธิ รรม สมควรแกธรรม เปน ตน 3. ฝกสตปิ ฏฐานจนถงึ ขน้ั สุดทาย 4. มีสว นรวมในกิจกรรมทางศาสนาอยางสมํา่ เสมอ วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ยดึ ไตรสกิ ขาในการดําเนนิ ชวี ิต ไตรสกิ ขา 2 สือ่ สารสนเทศ จากความเจรญิ ทางเทคโนโลยีในยุคโลกาภวิ ตั น (Globaliza- อันไดแ ก ศีล สมาธิ ปญ ญาเปน แนวทางในการศึกษาและพฒั นาตนเอง tion) สงผลใหส ังคมโลกในปจ จบุ ันเตม็ ไปดวยขอ มลู ขาวสาร และเปน ยคุ ทีก่ าร ทางพระพทุ ธศาสนา เพอ่ื ความเปนมนษุ ยท ี่สมบูรณด ว ยความรู ความ ตดิ ตอส่ือสารไรพ รมแดน ทง้ั นเ้ี พราะเทคโนโลยีการตดิ ตอ ส่ือสารมคี วามทนั สมยั สามารถ และความประพฤติ กลา วคือ ดําเนินชีวิตไดอ ยางสงบ สามารถเชือ่ มตอโลกทง้ั ใบได โดยลดอปุ สรรคดานเวลาและระยะทาง อยา งไร มคี วามสุข แกปญหาท่ตี อ งเผชิญในชีวิตไดอ ยางถกู ตองเหมาะสม ก็ตามขอ มูลขาวสารทีไ่ ดรบั น้นั เราควรมีการคดิ พจิ ารณาตามหลักกาลามสูตรทาง พระพุทธศาสนา เพ่ือการเปน ผทู ่ีมีวิจารณญาณ รูเทา ทนั ขอมลู ขาวสารตา งๆ ค่มู ือครู 145

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate Expand ขยายความเขา้ ใจ 1. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นศกึ ษาคน ควา เกยี่ วกับ เรอื่ งนา่ รู้ หลักธรรมคาํ สอนเพือ่ การศกึ ษาท่สี มบูรณใ น พุทธลกั ษพทุณธะลกกั ษับณกะาบราใงชปป้ ระัญกาญรขาองพระพทุ ธรปู 1คือ ยอดแหลมของพระเศยี รทเ่ี หมือนเปลวไฟ เปน็ นิมิตว่า เม่อื เรา ทางพระพทุ ธศาสนาเพ่ิมเตมิ รวมถึงหลกั ธรรม ทางพระพุทธศาสนาท่ีเกยี่ วของกับการเมอื ง เปน็ ทกุ ข์ จะตอ้ งใชป้ ญั ญาเปน็ อาวธุ ดงั ยอดแหลมคมดจุ ปลายหอกของยอดพระเศยี ร แทงทะลปุ มปญั หา และดบั ความรอ้ นรมุ่ และสันตภิ าพ จากแหลงการเรยี นรอู ืน่ เชน ดจุ เปลวไฟนน้ั ไปได้ จงึ จะมคี วามสงบเปน็ ปกติ พระสงฆ หนงั สือในหอ งสมุด และเวบ็ ไซตท ี่ เกย่ี วของ ตลอดจนการศกึ ษาทบทวนความ ๓) ภาวนามยปญั ญา ภาวนา รเู กย่ี วกบั หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาท่ี นกั เรยี นไดศ กึ ษามา เพอ่ื เตรยี มการอภปิ ราย มยปัญญา หมายถึง ปัญญาหรือความรู้ที่เกิด เกีย่ วกับความสาํ คัญของพระพุทธศาสนาเกย่ี ว จากการปฏิบัติ แม้ความรู้ที่เป็นหลักการหรือ กบั การศึกษาที่สมบูรณ การเมือง และสันติภาพ ทฤษฎจี ะมคี วามสำาคัญ แตก่ ็ตอ้ งทดลองปฏบิ ตั ิ จริงจนเห็นผลอย่างจริงจัง จึงจะเข้าใจได้อย่าง 2. ครตู ั้งประเดน็ ใหน ักเรียนอภปิ รายรวมกันถึง ลึกซึ้ง เหมือนคนท่ีรู้วิธีการขับรถ แต่ถ้าไม่ ความสาํ คญั ของพระพุทธศาสนาเก่ียวกบั การ ทดลองขับจริงกย็ อ่ มขบั รถไมไ่ ดอ้ ยดู่ ี ศึกษาท่ีสมบูรณ การเมอื ง และสันติภาพ เชน - หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนากับการพัฒนา ๒. แนวทางการสมั มนา ตนเองและประเทศ พระพุทธศาสนา จากนนั้ ครแู ละนกั เรียนชวยกันสรปุ ผลการ นักเรียนอาจได้เห็นได้ทราบว่ามีบุคคล การที่บคุ คลจะเกดิ ความร้คู วามเข้าใจในเร่อื งใดเรื่องหนง่ึ อภปิ ราย นักเรยี นบันทึกผลการอภิปรายลงในสมดุ อยา่ งถ่องแท้ จะตอ้ งเรยี นรูท้ ั้งทฤษฎแี ละปฏิบัติ แลวมอบหมายใหนกั เรียนจัดทําบทความท่ีแสดงถึง หลายคนในสังคม หรอื ในชุมชน ท้องถ่นิ ที่ได้ ความสําคัญของพระพุทธศาสนาเกี่ยวกบั การศกึ ษา ทีส่ มบูรณ การเมอื ง และสันตภิ าพ ความยาว นำาเอาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาเป็นแนวทางเพื่อการพัฒนาการศึกษาของตนให้สมบูรณ์ ไมตา่ํ กวา 3 หนากระดาษ A4 โดยใชความรูทไ่ี ด จากการศกึ ษาคนควา เพิ่มเติมและการอภปิ รายรวม จนประสบความสำาเร็จในชีวิตมาบ้างแล้ว จากน้ีจึงขอเสนอตัวอย่างหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา กันในช้นั เรียน ที่ใช้แก้ปัญหาและการพัฒนาการศึกษาได้ สำาหรับเป็นแนวทางในการสัมมนาพระพุทธศาสนา เพือ่ การศกึ ษาท่สี มบูรณ์ ดงั น้ี ตรวจสอบผล Evaluate ๒.๑ คิดเปน็ ทÓเป็น ครูคัดเลอื กบทความท่แี สดงถึงความสําคญั จุดหมายข้อหน่ึงของการศึกษาท่ีสมบูรณ์ คือ การพัฒนาตนให้เป็นคนคิดเป็นทำาเป็นได้ ของพระพทุ ธศาสนาเกย่ี วกับการศกึ ษาท่ีสมบรู ณ ส่งิ ต่างๆ ท่มี นุษย์เราทำาน้นั ย่อมเกิดจากความคิด ถ้าคิดแจ่มแจ้งมีหลักการเหตุผล การกระทำา การเมอื ง และสนั ตภิ าพทดี่ ขี องนกั เรยี น แลว นาํ มา ก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น หลักธรรมหน่ึงท่ีสอนให้บุคคลคิดเป็นทำาเป็นได้ คือ หลักธรรม ใหน กั เรยี นในชนั้ เรยี นชว ยกนั ตรวจอกี ครง้ั หนงึ่ โดย “กาลามสตู ร” ซงึ่ มีดังน้ี พจิ ารณาจากความถกู ตอ งสมบรู ณข องเนอ้ื หา แนวคดิ และการนําเสนอทน่ี าสนใจ และความสอดคลอ งกับ 146 สถานการณข องสงั คมไทยและโลกในปจ จบุ นั จากนนั้ รวบรวมบทความทดี่ ไี วเ ปน แหลง การเรยี นรใู นชนั้ เรยี น ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู 1 พระพุทธรปู การสรางสรรคพระพุทธรูปของพทุ ธศาสนกิ ชนจากพทุ ธประวตั ิ การสรางคณุ ภาพชีวิตในแนวทางพระพุทธศาสนาสามารถดาํ เนินการ ตอนทเี่ ก่ยี วขอ งกบั พระปญ ญาคณุ ของพระพทุ ธเจา เชน ปางหามญาติ ทีม่ ี ไดอ ยางไร พระอริ ยิ าบถยืน แบพระหัตถท้ังสองขนึ้ เสมอพระอรุ ะ (อก) ต้ังฝา พระหตั ถยื่นออก แนวตอบ การมสี ติ สมาธิ และปญ ญา เน่ืองจากการดําเนินชวี ิตอยา ง ไปขางหนาเปนกิรยิ าหา ม เปน ปางเดยี วกันกับปางหา มสมทุ ร และนิยมทาํ แบบ มสี ติ ชว ยใหเราเผชิญกบั สถานการณตา งๆ ไดอ ยา งถกู ตอ งเหมาะสม พระทรงเคร่อื งนน้ั จากพุทธประวตั ติ อนทเ่ี หลากษัตรยิ พ ระญาติฝายพุทธบดิ า สว นสมาธิ ชว ยสงเสริมใหจ ิตมพี ลังและสงบจากการฝกบรหิ ารจิตตามวธิ ี และฝายพุทธมารดา ทะเลาะวิวาทกันดว ยเรือ่ งแยงนาํ้ ในแมน ํ้าโรหณิ จี นอาจเกดิ การตางๆ ทําใหเปน บุคคลทม่ี สี มรรถภาพและสุขภาพจติ ดี เกอ้ื หนุนให สงคราม พระพทุ ธเจาไดเสดจ็ ไปหามสงคราม โดยตรัสใหเ หน็ ถึงความไมสมควรท่ี เกดิ ปญญา คอื ความรูท่ีชดั เจนแจมแจง บนพ้นื ฐานของหลักคุณธรรม กษัตรยิ ต องมาฆา ฟนกนั ดว ยสาเหตเุ พยี งแคก ารแยง นา้ํ เขานา และตรัสเตือนสติวา จรยิ ธรรม ชวยสง เสริมใหบ ุคคลแกไขปญหาและพัฒนาตนเอง ครอบครวั ระหวา งนํา้ กับความเปน พ่นี อ งอะไรสําคัญยงิ่ กวากัน ทัง้ สองฝายจึงไดส ติ คืนดีกนั ตลอดจนสงั คมได และขอพระราชทานอภยั โทษตอเบื้องพระพักตรพระพุทธองค 146 คู่มอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๑. อย่าเช่ือด้วยการฟังตามกันมา คนเราเม่ือได้ยินอะไรมาแล้วชอบเล่าต่อให้คนอ่ืนฟัง ครูนําขา วหรือกรณตี วั อยางทีเ่ กี่ยวของกบั แล้วมักเสรมิ ตอ่ เกนิ ความจรงิ จงึ ต้องใชป้ ญั ญาพิจารณาเสียก่อน ปญหาทางสงั คมในดานตา งๆ อันเกิดจากการ ขาดคุณธรรมจรยิ ธรรมของบคุ คลมาใหน ักเรียน ๒. อย่าเชื่อด้วยการสืบต่อกันมา ประเพณีบางอย่างล้าสมัย ไม่เข้ากับกฎเกณฑ์ปัจจุบัน พิจารณารวมกนั เชน ขาวการคอรรัปชันของ แต่บางอย่างก็ยงั เหมาะสมอย ู่ การศกึ ษาทสี่ มบูรณ์ต้องสอนใหค้ นแยกแยะได้ นักการเมือง กรณีตัวอยา งผลการวิจัยเกี่ยวกบั การขาดคุณธรรมจรยิ ธรรมของคนในสังคมไทย ๓. อยา่ เช่อื โดยการเลา่ ลือ คา� เล่าลือนั้นเท็จบา้ งจรงิ บ้าง ตอ้ งคดิ ไตร่ตรองให้ดี และกรณตี วั อยา งพทุ ธพาณชิ ยข องผหู าผลประโยชน ๔. อยา่ เชื่อด้วยการอา้ งคัมภีร ์ ข้อนีม้ ิใช่แปลว่าเราเชือ่ ต�าราหนังสือไมไ่ ด้เลย แตเ่ ราตอ้ งมีสต ิ จากพระพทุ ธศาสนา แลว สนทนารวมกนั กบั มีหลกั เหตผุ ลท่จี ะชว่ ยดวู ่าคัมภรี ์นน้ั ๆ เปน็ อย่างไร นกั เรยี นถงึ เหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขน้ึ ในขา วหรอื กรณตี วั อยา ง ๕. อยา่ เชอ่ื โดยเหตผุ ลทางตรรกะ บางทกี ารโตแ้ ยง้ ทางตรรกะ ใชโ้ วหารทค่ี มคาย อาจจะทา� ให ้ และท่ีสําคัญไดแ ก แนวทางการปอ งกันหรอื แกไ ข จรงิ เป็นเทจ็ เท็จเปน็ จริงก็ได้ ปญ หาตามหลกั ธรรมคําสอนทางพระพทุ ธศาสนา ๖. อย่าเชื่อด้วยการอนุมาน เพราะการอนุมาน คือ การที่เราน�าส่ิงท่ีเคยประสบไปตัดสิน เชอื่ มโยงกบั ส่งิ ท่เี ราไมเ่ คยประสบ จงึ อาจถกู หรือผดิ เพ่อื ใหนกั เรียนตระหนักถงึ คุณคา ของหลกั ธรรม ๗. อย่าเชอ่ื เพราะการตรกึ ตรอง คอื อยา่ คิดเอาเอง เพราะอาจผดิ ได้ คาํ สอนทางพระพุทธศาสนาในการปองกนั หรือ ๘. อย่าเชือ่ เพราะเขา้ กับทฤษฎขี องตน เพราะทฤษฎคี วามคดิ ของตนอาจผดิ จากความจรงิ ได้ แกไ ขปญ หาทางสงั คม ๙. อย่าเชื่อเพราะรูปลักษณะน่าเช่ือ เช่น คนที่ดูท่าทางเป็นคนดี บุคลิกดี อาจเป็นคนร้าย มจี ดุ ประสงค์ร้ายลบั หลังเรากไ็ ด้ สา� รวจคน้ หา Explore ๑๐. อย่าเช่ือเพราะท่านเป็นครูของเรา เราควรรับฟังแล้วทดสอบภายหลังว่า ที่ครูว่ามานั้น ถกู หรือผิดอย่างไร ครูใหน กั เรียนรวมกลมุ กนั กลมุ ละ 4 คน เพอื่ ชว ยกันศึกษาความรเู กย่ี วกับแนวทางการสมั มนา ๒.๒ คิดชอบ ทÓชอบ พระพทุ ธศาสนา และการสมั มนาและเสนอแนะแนว ทางในการธาํ รงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาอนั สง ผลถึง การศึกษาที่สมบูรณ์น้ัน นอกจากสอนให้คนคิดเป็นทำาเป็นแล้ว ยังต้องสอนให้คนคิดชอบ การพัฒนาตน จากหนังสือเรียน หนา 146-151 ทาำ ชอบดว้ ย เพราะคนคดิ เกง่ ทาำ เกง่ อาจทาำ เรอ่ื งชว่ั ได้ คดิ ชอบทาำ ชอบตรงกบั หลกั พระพทุ ธศาสนา และแหลงการเรยี นรูอนื่ ๆ เชน พระสงฆ หนงั สือ วา่ สมั มาทฐิ ิ หรือรูห้ ลักอริยสจั ๔ ไตรลักษณ์ บาปบญุ คุณโทษ เป็นต้น ในหอ งสมุด เอกสารหรือหนงั สือของหนวยงาน หรอื องคก รที่เก่ยี วขอ งทางพระพทุ ธศาสนา และ ปัจจยั ท่ที าำ ให้เกิดคดิ ชอบทำาชอบ คือ “ปรโตโฆสะ” และ “โยนิโสมนสกิ าร”  เวบ็ ไซตตางๆ จากนั้นอธบิ ายแลกเปลย่ี นความรู รว มกันกับเพอื่ นภายในกลมุ ๑) ปรโตโฆสะ หมายถึง เสยี งจากผูอ้ ่ืน คือ แรงชกั จงู ภายนอก ไดแ้ ก่ การรบั ฟังคำาแนะนำา การเรียนรู้ การสนทนากับบุคคลอื่นผู้เป็นกัลยาณมิตร บางคร้ังคนเราอาจ พลั้งเผลอทำาผิดพลาดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การรับฟังเสียงตักเตือนจากคนภายนอก แล้วนำามา ไตร่ตรองย่อมเปน็ ประโยชน์บา้ งไม่มากก็น้อย อธบิ ายความรู้ Explain ๒) โยนิโสมนสิการ คือ การรู้จักคิด ทำาใจโดยแยบคาย มองสิ่งท้ังหลายด้วย ครสู นทนารวมกันกบั นกั เรียนแตละกลมุ ถงึ การ ศึกษาความรูเกย่ี วกบั แนวทางการสัมมนาพระพทุ ธ- เหตุด้วยผล รู้จักแยกแยะอะไรดีอะไรชั่ว มองสิ่งต่างๆ ให้ถึงแก่น มิใช่เห็นเพียงกระพี้ ของบาง ศาสนา และการสัมมนาและเสนอแนะแนวทางใน อย่างดูดีภายนอก แต่ภายในอาจมแี ต่ความช่ัวรา้ ย การธํารงรักษาพระพทุ ธศาสนาอนั สงผลถงึ การ 147 พฒั นาตน ในดา นตา งๆ เชน แนวทางและปญ หา หรอื อปุ สรรคในการศกึ ษาคน ควา ของแตล ะกลมุ ขอ สอบ O-NET บูรณาการอาเซียน ขอ สอบป ’52 ออกเกยี่ วกบั คณุ ธรรมกบั การคอรร ัปชนั การคอรร ปั ชันเกิดจากการขาดคุณธรรมประการใดเปน สาํ คญั ครสู ามารถจัดกิจกรรมการเรยี นรูบ ูรณาการอาเซยี นโดยการอธบิ ายใหนกั เรียน 1. ความสามคั คี เขา ใจถงึ ประโยชนและความสําคญั ของการปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมคําสอนทาง 2. ความเมตตากรุณา พระพุทธศาสนา เพื่อแกไขปญ หาและสงเสรมิ ความเขาใจอนั ดรี ะหวา งประเทศ 3. ความวริ ยิ อตุ สาหะ หรอื สันตภิ าพ รวมถงึ ความรว มมอื ระหวา งประเทศในดา นตางๆ เชน การบริจาค 4. ความซื่อสตั ยสจุ ริต สง่ิ ของตา งๆ เพอ่ื ชวยเหลือประชาชนในประเทศเพ่อื นบานท่ีประสบภัยพิบตั ิทาง ธรรมชาติ แลวใหนักเรยี นสบื คน รวบรวมขาวท่เี ก่ียวขอ งกบั ความขัดแยงหรอื ความ วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. ความซ่อื สัตยส จุ รติ โดยซ่ือสตั ย รวมมอื ระหวา งประเทศสมาชกิ อาเซียน จากน้นั วเิ คราะหถ ึงหลกั ธรรมทาง พระพทุ ธศาสนาทช่ี ว ยแกไ ขปญ หาความขดั แยง เชน สาราณยี ธรรม 7 พรหมวหิ าร 4 หมายถงึ ประพฤตติ รงและจริงใจ ไมคดิ คดทรยศ ไมค ดโกงและไมหลอกลวง หรือการสงเสริมความรว มมอื ดังกลาว เชน ปรโตโฆสะ โยนิโสมนสกิ าร แลว นํา สว นสุจรติ หมายถึง ความประพฤติชอบ บคุ คลท่ีคอรรปั ชันจงึ กลา ว เสนอผลการวิเคราะหทห่ี นา ชัน้ เรียน ทัง้ นเี้ พอื่ สง เสริมใหนกั เรียนตระหนกั ถึงความ ไดว า ปฏบิ ตั ติ นไมส อดคลอ งกบั คณุ ธรรมน้ี และไมส อดคลอ งกบั การคดิ ชอบ สําคัญในการแกไขปญหาความขัดแยง ดว ยสันติวิธแี ละสงเสริมความรวมมือระหวา ง ทําชอบ ในแนวทางการศกึ ษาท่ีสมบรู ณตามหลกั พระพทุ ธศาสนาอกี ดว ย ประเทศสมาชกิ อาเซียนตามกรอบความรว มมอื ประชาคมอาเซยี น คมู่ ือครู 147

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครูต้ังคาํ ถามเกย่ี วกับแนวทางการสมั มนา นอกจากหลักธรรมดังกลาวขางตนนี้แลว นักเรียนอาจคนควาหลักธรรมอื่นๆ พระพุทธศาสนา ในสวนของการคิดเปน ทาํ เปน ไดจากหนังสือ “พจนานุกรมพุทธศาสน” โดยพระธรรมปฎก (ประยุทธ ปยุตฺโต)* เพ่ือเปน และคดิ ชอบ ทาํ ชอบ แลว สมุ ใหนกั เรยี นในแตละ แนวทางในการประกอบการสัมมนาพระพุทธศาสนาก็ได กลมุ ตอบ เพือ่ เปนการอธิบายความรู เชน ó. ¡ÒÃÊÑÁÁ¹ÒáÅÐàʹÍá¹Ðá¹Ç·Ò§ã¹¡ÒøÓçÃÑ¡ÉÒ • กาลามสูตรสอดคลองกับกระบวนการทาง ¾Ãо·Ø ¸ÈÒʹÒÍѹʋ§¼Å¶Ö§¡ÒþѲ¹Òµ¹ วทิ ยาศาสตรอยา งไร ในการธาํ รงรกั ษาพระศาสนาน้นั แบง ไดเ ปน ๔ ประเภท ดงั น�้ (แนวตอบ กาลามสตู รเปน หลักท่ีสอนบคุ คล เก่ยี วกบั การคดิ พิจารณากอ นทจี่ ะเชอ่ื ถอื ใน ๑) ธํารงรักษาพระพุทธ พระพุทธเจาเปนท่ีสักการบูชาของชาวพุทธทุกคนใน ส่ิงใด ซง่ึ มแี นวคดิ สาํ คัญ คอื เช่ือในส่งิ ท่ี ฐานะที่พระองคท รงเปน ศาสดาผปู ระกาศศาสนา ดังนัน้ หากมีใครมาลบหลู เราตอ งปกปอ ง เชน สามารถพิสจู นไ ดอยางแจมแจงดวยเหตุและ ผล เชน ทดสอบสิง่ ท่คี รูสอนกอ นท่ีจะเชอ่ื ถตาอมงีคตนอมบาโนต่ังโดบยนสเศันียตริวพิธร1ี ะพเนุท่ือธงรจปู าบกาเงขานอําาเจศทยี รําพไประเพพุทราธะรคปู วมาามทไาํ มเปรนู ทเรีเ่ าขกีย่ ็ตบหุองรบี่อธา งิบาเยราใหชาเขวพาฟุทธง ถือวา ถกู ตอ งหรอื ไม อยา งไร สอดคลอ งกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ นแงของการ อยางไรก็ตาม อาจมีบางคนทําท้ังๆ ท่ีรูวาเปนการทํารายจิตใจชาวพุทธ ซ่ึงเราสามารถตอบโต ทดลองหรอื ปฏบิ ตั ิเพอ่ื ศกึ ษาคนควาหาความ จริงทีถ่ กู ตองและนา เชือ่ ถอื อยา งเปนลาํ ดับ ไดด ว ยหลายๆ๒ว)ธิ ธี เําชรนงรปักระษทาว พง รคะัดธครารนมเ2ขยีพนรโะตธตรรอมบคเําปสนอตนนเปนหลักของพระศาสนา หากหลัก ขั้นตอน ไดแก การตั้งคาํ ถามหรือสมมติฐาน คําสอนเส่ือมลง พระศาสนาก็ไมม่ันคง การบิดเบือนคําสอนเกิดขึ้นทั้งโดยจงใจหรือโดยไมรู การออกแบบหรอื กําหนดวิธกี ารทดสอบ คําถามหรอื สมมตฐิ านนัน้ การดําเนนิ การตาม เมอื่ เราเห็นมีการบดิ เบือน เราตอ งช้แี จงใหเขาทราบ หากเราไมแนใจวา เปน การบิดเบอื นหรอื ไม วิธีการทดสอบทีก่ ําหนด และการสรุปผลทีไ่ ด จากการดําเนินการดังกลา ว) เราตองแจงใหผูรูทราบ อยางไรก็ตาม ชาวพุทธที่ดีตองสนใจศึกษาหลักคําสอนใหเขาใจอยาง • การคดิ ชอบ ทําชอบ สําคญั กวาการคิดเปน ถองแท เพ่ือจะไดปกปองและธํารงรักษา ทําเปน เน่อื งดวยเหตใุ ด (แนวตอบ การคิดชอบ ทําชอบ ชวยกาํ กบั พระศาสนาได พฤตกิ รรมของบุคคลมิใหกอใหเกิดความ เดือดรอ นของตนเองและผูอ ่ืนเพยี งเพราะตน ๓) ธํารงรักษาพระสงฆ มคี วามรูความสามารถในการกระทําสง่ิ นั้น พระสงฆเปนผูสละความสุขทางโลกโดยการ จากการคดิ เปน คําเปนเทาน้ัน โดยอาจเกิด จากการพิจารณาคําสอนของผอู ื่น หรือการ บวชเรียนเพื่อศึกษาหลักธรรม ปฏิบัติตาม คิดในใจโดยแยบคายดว ยตนเองก็ได) และนํามาสั่งสอนแกชาวบาน พระสงฆเปน ผูสืบพระศาสนาอยางแทจริง เพราะหากไมมี พระสงฆ พระศาสนาก็อยูไมได นอกจากน้ี ผูบอนทําลายพระสงฆมีไดทั้งชาวพุทธเอง การบวชเรียนเพื่อศึกษาหลักธรรมถือเปนการชวยธํารง หรือคนตางศาสนา ดังน้ัน เราจึงตองชวยกัน รักษาและสืบทอดอายพุ ระพุทธศาสนาทางหน่งึ ดแู ลและใชก ารโตตอบโดยสนั ติวธิ ี *พระธรรมปฎก (ประยุทธ ปยตุ ฺโต) ไดร บั พระราชทานสมณศักดเ์ิ ปน พระพรหมคุณาภรณ เมือ่ พ.ศ. ๒๕๔๗ ๑๔๘ และเปนสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย เมื่อวนั ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ นกั เรียนควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ 1 สันติวธิ ี การกระทํา ปฏิบัตกิ ารที่ไรค วามรนุ แรง เปนทางเลอื กในการแกไข ครูอาจมอบหมายใหน ักเรยี นวางแผนการปฏิบตั ติ นตามหลกั ธรรมทาง ปญ หาความขัดแยง ทน่ี านาชาติใหการยอมรับในการใชแ กไขปญหาความขัดแยง พระพทุ ธศาสนาเพอื่ การแกไขปญหาและการพฒั นาการศกึ ษา จากการ ระหวา งกลมุ คนในสงั คม ประเทศ รวมถึงระหวางประเทศ จากการเคารพในหลกั คิดเปน ทาํ เปน และการคดิ ชอบ ทําชอบ แลวนาํ ไปปฏบิ ตั ติ ามระยะเวลาที่ สิทธมิ นุษยชนและผลกระทบของการใชความรนุ แรงในการแกไ ขปญ หาซึ่งไมก อให เหมาะสม จากนัน้ จัดทําเปน บันทกึ ผลการปฏิบัติสง ครผู สู อน เกดิ ประโยชนอ ยา งแทจรงิ แกผ ูใ ด 2 พระธรรม มคี วามสาํ คัญยิ่งในฐานะตัวแทนของสมเด็จพระสมั มาสมั พทุ ธเจา กจิ กรรมทาทาย ดงั ทพ่ี ระองคต รสั แกพระอานนทกอนเสดจ็ ดับขันธป รินพิ พานวา “ดูกอ นอานนท ธรรมกด็ ี วนิ ยั กด็ ี ทเ่ี ราไดแ สดงไว และบญั ญตั ไิ วด ว ยดี นนั่ แหละจกั เปน พระศาสดา ครูอาจมอบหมายใหน ักเรียนวางแผนการปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมทาง ของพวกทานสบื แทนเราตถาคต เมอ่ื เราลว งไปแลว ” ดังนัน้ พุทธศาสนกิ ชนพึง พระพทุ ธศาสนาเพ่ือการแกไ ขปญหาและการพัฒนาโรงเรยี นหรอื ชมุ ชน ประพฤติปฏบิ ัติตนตามหลักธรรมคาํ สอนจงึ สมวาเปน ผูนบั ถอื พระพุทธศาสนา จากการคดิ เปน ทําเปน และการคดิ ชอบ ทําชอบ แลวนําไปปฏบิ ัติตาม อยา งแทจ ริง ระยะเวลาทเี่ หมาะสม จากนัน้ จัดทาํ เปน บันทึกผลการปฏิบตั สิ ง ครผู สู อน 148 คู่มอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๔) ธำารงรักษาพุทธวัฒนธรรม พุทธวัฒนธรรมในท่ีน้ี หมายถึง ประเพณี 1. ครสู ุมใหน กั เรยี นในแตละกลุมตอบคําถาม พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา วัด โบสถ์ เจดีย์ พระพุทธรูป ตลอดจนวัตถุอื่นๆ ทเ่ี นอ่� งดว้ ย เพ่อื เปน การอธบิ ายความรู เชน • การธํารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาทดี่ ที ่สี ดุ ตาม พระพทุ ธศาสนา แมพ้ ทุ ธวฒั นธรรมจะมิใช่แก่น สถานะของพุทธศาสนิกชนคอื อะไร (แนวตอบ พทุ ธศาสนิกชนตองปฏิบัติตนเปน ของศาสนาเหมือนพระรัตนตรัย แตก่ ม็ บี ทบาท ชาวพทุ ธท่ีดี คือ มีความรูความเขาใจใน หลักธรรมคําสอนของพระพุทธศาสนาอยา ง สำาคัญในการโอบอุ้มพระศาสนา เหมือนกับ ถอ งแท และนาํ ไปประพฤติปฏิบัตไิ ดอ ยาง ถูกตอ ง จะเปนการธาํ รงรักษา เปลือกไม้ที่ห่อหุ้มลำาต้นไว้ให้ชุ่มเย็น ส่วน พระพทุ ธศาสนาไดด ีที่สดุ ) ต้นไม้ที่ไม่มีเปลือกห่อหุ้มในที่สุดก็ย่อมที่จะ 2. ครูและนกั เรยี นรว มกันสรุปความรูทีไ่ ดจากการ ศึกษาเก่ยี วกับแนวทางการสัมมนาพระพุทธ- แหง้ เฉาตายไป ดงั นน้ั เมอื่ ชาวพทุ ธเหน็ คนดหู มน่ิ ศาสนา และการสมั มนาและเสนอแนะแนว ทางในการธาํ รงรกั ษาพระพุทธศาสนาอนั สง พทุ ธวฒั นธรรมไมว่ า่ จะทางวาจาหรอื การกระทาำ ผลถงึ การพฒั นาตน การเมอื ง หรอื สนั ติภาพ นักเรยี นบนั ทึกความรทู ่ีสรปุ ไดลงในสมดุ กต็ าม แมว้ า่ เขาจะทาำ โดยความไมร่ ู้วา่ เรา “ถือ” เราก็ต้องอธบิ ายให้เขาฟงั จนเกดิ ความเขา้ ใจ การทช่ี าวพทุ ธจะสามารถธาำ รงรกั ษา การเข้าร่วมพิธีกรรมในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาตามแนวทางท่ีได้กล่าวมาแล้ว เช่น การทําบุญตักบาตร ถือเป็นการธํารงรักษา ๔ ประการน้ัน เราชาวพุทธแต่ละคนจะต้อง พทุ ธวฒั นธรรมอันดีงามให้คงอยสู่ ืบไป ปฏิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดีเสียก่อน ซ่ึงการจะเป็นชาวพุทธที่ดีน้ันเราจะต้องหมั่นศึกษาเรียนรู้ ขยายความเขา้ ใจ Expand หลกั คาำ สอนของพระศาสนาอยา่ งถอ่ งแท้ และปฏบิ ตั ติ ามคาำ สอนอยา่ งถกู ตอ้ ง เมอ่ื ชาวพทุ ธแตล่ ะคน ครูมอบหมายใหน ักเรยี นแตล ะกลมุ ศึกษาชวย กนั คน ควาเพมิ่ เติมเกี่ยวกบั แนวทางการสมั มนา ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ชาวพุทธทด่ี ี การธำารงรักษาพระพทุ ธศาสนาก็จะเกดิ ขึ้นเอง ดงั นนั้ ชาวพทุ ธจึงควร พระพทุ ธศาสนา และการสมั มนาและเสนอแนะ แนวทางในการธาํ รงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาอนั สง พฒั นาตนใหเ้ ป็นชาวพุทธทดี่ ี คอื รชู้ อบและปฏบิ ตั ิชอบ ผลถึงการพฒั นาตน การเมือง หรือสันติภาพ (ครู ผูสอนพิจารณาตามความเหมาะสม) จากแหลง เÊรÔÁÊารÐ การเรยี นรูอ่นื เชน เอกสารและหนังสือของหนวย งานหรอื องคก รดา นพระพทุ ธศาสนาตา งๆ พระสงฆ การอุปสมบท หรอื ผเู ชย่ี วชาญดา นหลกั ธรรมคาํ สอนทางพระพทุ ธ- ศาสนา และเวบ็ ไซต รวมถึงความรูทั่วไปเกี่ยวกับ การอปุ สมบท หมายถงึ การบวชเปน็ พระภกิ ษใุ นพระพทุ ธศาสนา (ถา้ บวชเปน็ สามเณร เรยี กวา่ บรรพชา) การสัมมนาและการเสนอแนะขอ คิดเหน็ ตางๆ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละความสาํ คญั ของการอปุ สมบท พอจะสรปุ ไดด้ งั น้ี ๑) ชว่ ยธาํ รงรกั ษาขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละเอกลกั ษณท์ ส่ี าํ คญั ของชาติ ๒) เพอ่ื ใหม้ ศี าสนทายาทในการทาํ นบุ าํ รงุ และเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา ๓) ถอื เปน็ การตอบแทนพระคณุ ของบดิ ามารดาทไ่ี ดใ้ หก้ าํ เนดิ และเลย้ี งดเู รามา และยงั เปน็ การสรา้ งบญุ กศุ ล อกี ทางหนง่ึ ดว้ ย 14๙ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู การปฏบิ ตั ิตนเพอื่ ธํารงไวซ ง่ึ พทุ ธวฒั นธรรมในขอใดเหมาะสมกบั ครูอาจมอบหมายใหนักเรียนรวมกลุมเพื่อชวยกันศึกษาคนควาขอมูลเก่ียวกับ สถานภาพของนักเรยี นมากท่ีสุด สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย (ประยทุ ธ ปยตุ โฺ ต) ในดา นประวตั ิ ผลงาน และแบบอยา งใน การดาํ เนนิ ชวี ติ จากแหลง การเรยี นรทู คี่ รเู สนอแนะ เชน http://www.watnyanaves. 1. การจดั พิธขี ึ้นบานใหมแ ละต้ังศาลพระภูมิ net/th/web_page/papayutto เว็บไซตวัดญาณเวศกวัน หนังสือพุทธธรรม และ 2. การเขารวมพธิ กี รรมในวันสาํ คญั ทางพระพทุ ธศาสนา หนังสือธรรมนูญชีวิต แลวจัดทําการนําเสนอผลการศึกษาคนควาในรูปแบบตางๆ 3. การเสนอพุทธศาสนสถานท่ที อ งถ่นิ เปน โบราณสถานและมรดกโลก เชน โปรแกรมการนาํ เสนอ (Powerpoint) แผน พบั หรอื สมดุ ภาพ จากนั้นนําเสนอ 4. การรวมกลมุ เพ่อื นเพ่อื ชว ยกันทาํ นุบํารงุ พุทธศาสนสถานทีเ่ กาแก ผลงานทห่ี นา ชน้ั เรยี นแลว ครแู ละนกั เรยี นสนทนารว มกนั ถงึ ประโยชนแ ละคณุ คา ในผลงาน ของทานตอ การศึกษา สังคม และสถาบนั สงฆไทย รวมถึงคุณธรรมท่ีควรยดึ ถือเปน ทรุดโทรม แบบอยางในการดาํ เนินชีวิตประจาํ วนั วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การเขารวมพธิ กี รรมในวนั สาํ คญั ทาง คู่มือครู 149 พระพทุ ธศาสนา เปน การปฏบิ ัตติ นเพื่อธํารงไวซ ง่ึ พุทธวฒั นธรรมทเี่ หมาะ สมกับสถานภาพของนกั เรยี นมากท่สี ุด เน่ืองจากพธิ ีกรรมตาง แมมใิ ช แกน แทข องพระพทุ ธศาสนา หากแตมีบทบาทในการชวยโอบอุม และ นอมนาํ ความศรัทธาของพทุ ธศาสนิกชนและบุคคลอื่นๆ ใหเ ขา ถึง พระธรรมคาํ สอนได

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ 1. ครใู หนักเรียนแตล ะกลมุ ชวยกนั รวบรวมขอมูล การเขา้ โครงการอบรมเพอ่ื ใหค้ วามรใู้ นดา้ นตา่ งๆ ถอื เปน็ ความรจู ัดทําเปนบันทึกผลการศกึ ษาคนควา การพฒั นาตนในดา้ นความร้วู ธิ หี นงึ่ แนวทางการสัมมนาพระพุทธศาสนา และการ สมั มนาและเสนอแนะแนวทางในการธาํ รงรักษา การพฒั นาตนด้านความรนู้ น้ั ทำาได้ไม่ยากหากสนใจอย่างแท้จริง ย่ิงในปัจจุบนั แหลง่ พระพทุ ธศาสนาอนั สงผลถึงการพฒั นาตน ความรมู้ มี ากมาย อยู่ในรปู แบบตา่ งๆ ท่ใี หโ้ อกาสและความสะดวกในการศกึ ษายง่ิ กวา่ แตก่ อ่ นมาก การเมอื ง หรือสนั ตภิ าพ แลวเตรยี มการอธบิ าย หลักธรรมบางข้อผู้รู้แต่ละคนก็เห็นไม่ตรงกัน และเนื่องจากพระพุทธเจ้าได้เสด็จปรินิพพาน ความรูผา นการสมั มนาในชนั้ เรียนตามหัวขอ ไปแลว้ และพระอรหนั ตสาวกก็ล้วนนิพพานไปหมดแลว้ ผู้รูท้ ั้งหลายที่เห็นตา่ งกันไม่สามารถอา้ ง หรอื ประเด็นท่คี รกู าํ หนด ผู้ใดมารับรองว่าความเห็นของตนถูกต้องที่สุด ซึ่งตรงกับท่ีพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า การรับฟัง ความเหน็ ที่หลากหลายดว้ ยการพจิ ารณาไตร่ตรองอยา่ งรอบคอบด้วยเหตุผล จะทาำ ใหเ้ ราตัดสนิ ใจ 2. ครจู ดั การสมั มนาเกี่ยวกับการเสนอแนะแนว ด้วยตนเองได้ว่าพระพทุ ธศาสนาสอนอย่างไรกนั แน ่ ดงั นัน้ การรับฟังความเหน็ ของผู้อื่นยอ่ มเป็น ทางในการธํารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาอนั สงผล ประโยชน์ ไม่มีใครเห็นถูกหมด หรือผิดหมด เพราะพระธรรมคำาสอนของพระองค์มีมากมาย ถึงการพัฒนาตน การเมอื ง หรือสันติภาพ ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ยังไม่มีใครสามารถรู้แจง้ ได้ตลอดหมดอย่างพระองค ์ อย่างไรก็ตาม ตามหัวขอหรอื ประเด็นที่กาํ หนดไวลว งหนา ในขณะที่เรายังเปน็ เด็ก ความรยู้ ังนอ้ ย จงึ ต้องเชอ่ื ผู้รูค้ รูอาจารย์ไปพลางๆ กอ่ น เชน • การสรางสันติภาพตามแนวทางพระพุทธ- การพัฒนาตนอีกด้านหน่ึง คือ ด้านปฏิบัติน้ัน มีความสำาคัญมาก หลักคำาสอน ศาสนา ใครๆ กพ็ อเรยี นรูไ้ ด้ แต่การปฏิบตั ิเปน็ เรือ่ งยาก ตัวอยา่ งเชน่ ศลี ๕ น้นั เขา้ ใจได้ไมย่ าก แต่การ • หลักธรรมทางพระพุทธศาสนากับ ปฏิบัติตามไม่ใช่ของง่าย อันท่ีจริงผู้ที่รักษาศีล ๕ ได้ก็นับว่าเป็นชาวพุทธท่ีดีในระดับหน่ึงแล้ว การเยียวยาวิกฤตการณท างการเมอื งไทย แต่พระพุทธศาสนายังมีคำาสอนสูงขึ้นไปเป็นข้ันๆ จนกระท่ังถึงปรมัตถธรรม ซึ่งการปฏิบัติ • แนวทางการแกไขปญหาของทองถิ่นตาม ให้เห็นจริงด้วยตัวเองเป็นเร่ืองยากอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ชาวพุทธท่ีดีควรจะให้ความสำาคัญกับ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา พุทธวัฒนธรรม คือ ต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมหรือพิธีกรรมด้วย เพ่ือให้ชาวพุทธระลึกถึงและ • พระพทุ ธศาสนากบั สังคมไทยในอนาคต 150 มีศรัทธาแน่วแน่ตอ่ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ ์ อันเป็นหัวใจของพระพทุ ธศาสนา • การศกึ ษาวิชาพระพทุ ธศาสนา : แนวทางใน การธาํ รงรกั ษาพระพุทธศาสนา โดยใหนกั เรียนในแตละกลมุ ผลดั กนั นําเสนอ ขอ มลู ความรู หลกั การ แนวคดิ และความคดิ เหน็ ทีเ่ กยี่ วของกับหัวขอหรอื ประเด็นของการ สัมมนาจากขอ มูลความรทู ่ีกลุม ตนไดศ ึกษา คน ควา มา จากน้นั ครแู ละนักเรียนแตละกลมุ ชว ยกนั สรปุ ผลการอภปิ ราย นกั เรยี นบนั ทกึ ลงใน สมดุ เพ่ือจัดทาํ เปน รายงานการสัมมนาตอ ไป เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT พทุ ธศาสนกิ ชนมบี ทบาทหนา ทสี่ ําคัญตอพระศาสนาอยางไร ครูอาจสนทนารวมกันกับนักเรยี นถงึ ความสาํ คญั ของสมั พนั ธระหวา งความรู แนวตอบ หนา ทีส่ ําคัญที่สดุ ของชาวพทุ ธ คอื การปฏบิ ตั ิตนตามหลักธรรม ความเขาใจในหลักธรรมคําสอนทางพระพุทธศาสนา การประพฤตปิ ฏิบัติตนตาม คําสอนของพระพทุ ธศาสนา เชน รกั ษาศลี อยางไรก็ตามหลักธรรมทาง หลักธรรมคาํ สอน และพธิ ีกรรมทเี่ กีย่ วเน่ืองกบั พระพทุ ธศาสนา โดยอาจใหน กั เรียน พระพทุ ธศาสนายังมรี ะดับทส่ี งู ข้นึ ไปจนถงึ ปรมัตถธรรม ซึง่ แปลวา สภาวะ ชว ยกนั วเิ คราะหและจดั ทําเปน ตารางหรือผงั กราฟกท่ีแสดงความสมั พนั ธตา งๆ เพือ่ ทีม่ อี ยูโดยปรมัตถ หมายถงึ สิง่ ที่เปน จริงโดยความหมายสงู สดุ ตามหลกั ชว ยสง เสริมใหน กั เรียนตระหนกั ถึงบทบาทหนาท่ขี องตนในฐานะพุทธศาสนกิ ชนใน อภธิ รรมวามี 4 ประการ คือ จิต เจตสกิ รูป และนิพพาน นอกจากนี้ การศกึ ษาพระธรรมคําสอนใหเกดิ ความเขา ใจถอ งแท การปฏิบัติตนตามหลักธรรม ชาวพทุ ธยงั มหี นา ทใี่ นการปฏบิ ตั ติ ามธรรมเนยี มหรอื พธิ กี รรม หรอื ทเี่ รยี กวา คําสอนอยางถูกตอ งเหมาะสม และการเขารวมในพิธกี รรมท่ีเกีย่ วเนื่องในพระพทุ ธ- พทุ ธวฒั นธรรม ดวย เพอ่ื สง เสรมิ ศรัทธาใหแ กต นเองและบคุ คลอน่ื ใหมี ศาสนา ตลอดจนมสี วนรวมในการทาํ นบุ ํารงุ พทุ ธศาสนสถานตามความเหมาะสมใน พระพทุ ธศาสนาสืบไป ฐานะทเี่ ปน เครอ่ื งประกอบความศรทั ธาอันชว ยธาํ รงรักษาไวซ ่งึ พระธรรมคําสอนซึ่ง เปนแกน แทข องพระพุทธศาสนา รวมถงึ ชว ยเผยแผแ ละปกปอ งพระพทุ ธศาสนาให แกศาสนิกชนในศาสนาอ่ืนในทางตรง เชน การชี้แจงพระธรรมคาํ สอนในพระพทุ ธ- ศาสนาใหศ าสนกิ ชนในศาสนาอืน่ เกิดความเขาใจที่ถกู ตอ งชดั เจน และในทางออ ม เชน การปฏบิ ตั ิตนเปน แบบอยา ง เปนตน 150 ค่มู ือครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ Expand เรอื่ งน่ารู้ ครใู หน ักเรยี นชวยกันจัดทํารายงานการ สัมมนาเกี่ยวกับการเสนอแนะแนวทางในการธํารง พระธรรมวนิ ยั รักษาพระพทุ ธศาสนาอนั สงผลถงึ การพฒั นาตน การเมอื ง หรอื สนั ตภิ าพ และเผยแพรข อ มลู ความรู สมัยพุทธกาลพระพุทธองค์มิได้เรียกคําส่งั สอนของพระองค์ว่า “พระพุทธศาสนา” แต่เรียกว่า “พรหมจรรย” และขอ เสนอแนะในรปู แบบตา งๆ เชน ใบความรู แผน พบั รวมถึงปา ยนิเทศในบรเิ วณท่ีเหมาะสม คบําา้ งส่ัง“สธอรนรมขอวนิงพยั ”ระบอา้งงค์น(ห้ันลกงั รจะาทกําพโรดะยพกทุ าธรเจทา้่อปงรจนิ ําพิจนพากนรแะทลว้่ังปนรยิะมมเารณยี กปค าํ พส.ง่ั ศส.อน๔ข๕อ๐งพรจะึงอไ1งดค้มว์ ีกา่ าธรรจรมารวึนกิ พยั )ระกพาุทรสธบื วทจนอดะ ของโรงเรียน เพอ่ื สรา งความรูค วามเขา ใจและ เสนอแนะแนวทางทเี่ ปนประโยชนแกเ พอ่ื นนักเรยี น ลงเปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร ภาษาทจ่ี ารกึ คอื ภาษาบาลี ในเมอื งไทยไดม้ กี ารตพี มิ พพ์ ระไตรปฎ กภาษาบาลดี ว้ ยภาษาไทยเปน็ ตลอดจนบคุ คลทวั่ ไปทีส่ นใจตอ ไป ครง้ั แรกในสมยั รชั กาลท่ี ๕ จนกระทง่ั ในสมยั รชั กาลท่ี ๘ ไดเ้ รม่ิ แปลพระไตรปฎ กเปน็ ภาษาไทย โดยแปลสาํ เรจ็ และตพี มิ พ์ ครง้ั แรกเพอ่ื เปน็ การฉลอง ๒๕ พทุ ธศตวรรษเมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๐ ตรวจสอบผล Evaluate การศึกษาเปนการสรางวงลอของชีวิตใหเปนผูมีความรู ความเฉลียวฉลาด ความ 1. ครูตรวจบนั ทกึ ผลการศึกษาคน ควา แนวทาง สามารถและการปฏิบัติไดถูกตอง ชวยใหมีกินมีใชตามสมควรแกอัตภาพ โดยการประกอบ การสมั มนาพระพุทธศาสนา และการสมั มนา อาชีพสุจริต อยูรวมกับผูอ่ืนไดอยางมีความสุข สามารถประกอบกิจกรรมอันเปนประโยชน และเสนอแนะแนวทางในการธาํ รงรักษา ตอตนเองและสังคม มิใชศึกษาเลาเรียนเพื่อความอยูรอดเทาน้ัน เพราะถาเพียงแตมุงหวังให พระพุทธศาสนาอนั สงผลถงึ การพฒั นาตน ชีวิตอยูรอดไปวันๆ ก็คงไมแตกตางกับสัตวเดียรัจฉานมากนัก ซึ่งถาไมเลาเรียนก็ยังอยูรอดได การเมอื ง หรอื สันติภาพ ของนักเรยี นแตละ แตคนเราเม่ือมีการศึกษาแลวตองชําระจิตวิญญาณของตนใหบริสุทธิ์ดวยการกระทําความดีอยู กลุม โดยพจิ ารณาจากความถกู ตองครบถว น เสมอ สมกับคํากลาวท่ีวามนุษยท่ีแทตองมีจิตใจสูง หมายถึง มีจิตวิญญาณท่ีสูงกวาสัตวอื่นๆ ของขอมูลความรูแ ละความคิดเห็น รวมถึงการ สามารถพัฒนาและสัมผัสกับความดีความงามและความถูกตอง ซ่ึงลวนเปนสิ่งท่ีดีท่ีมนุษยควรจะ อา งองิ แหลงทีม่ าของขอ มลู ไดรบั จากผลของการศกึ ษา เพื่อท่ีจะสามารถพึ่งตนเองและเปน ท่ีพง่ึ พาของคนอ่นื ได 2. ครสู ังเกตการเรยี นรูแ ละพฤติกรรมของนักเรยี น ͻڻÁÒ·í »ÊíÊ¹ÚµÔ ในการสมั มนาเก่ียวกบั การเสนอแนะแนว º³Ñ ±ÔµÂ‹ÍÁÊÃÃàÊÃÔÞ¤ÇÒÁäÁ‹»ÃÐÁÒ· ทางในการธาํ รงรกั ษาพระพทุ ธศาสนาอนั สง ผลถงึ การพฒั นาตน การเมือง หรือสนั ติภาพ (¾·Ø ¸ÈÒÊ¹ÊØÀÒÉµÔ ) ตามหวั ขอหรอื ประเดน็ ท่กี าํ หนด โดยพิจารณา จากการมสี ว นรวมในการอภิปราย การแสดง ความคดิ เหน็ และอ่นื ๆ 151 บูรณาการเชื่อมสาระ นกั เรียนควรรู ครูสามารถจดั กิจกรรมการเรยี นรโู ดยมอบหมายใหนักเรยี นศกึ ษา 1 พระไตรปฎ ก จากเทคโนโลยสี ารสนเทศทเี่ จรญิ กา วหนา ในปจ จบุ นั หนว ยงาน คนควา แนวทางการพฒั นาการศกึ ษาที่สมบรู ณใ นทางพระพุทธศาสนา หรอื องคก รทเี่ กย่ี วขอ งกบั พระพทุ ธศาสนาตา งๆ ไดม กี ารจดั พระไตรปฎ กในรปู แบบ รวมถึงการเมอื ง และสันติภาพ ตลอดจนการธํารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนา CD-ROM และออนไลนใ นเวบ็ ไซตข ึ้น เพือ่ ใหพทุ ธศาสนกิ ชน ตลอดจนบคุ คล ตามความเหมาะสม จากพระไตรปฎกทหี่ นว ยงานหรือองคก รท่เี กี่ยวของ ทั่วไปสามารถศกึ ษาคน ควา ไดส ะดวกรวดเรว็ ยง่ิ ขนึ้ ยกตัวอยางเชน มหาวิทยาลยั ตางๆ จดั ทาํ ข้นึ เผยแพรในระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ เชน http://www. มหดิ ล ไดจดั ทาํ “พระไตรปฎกฉบบั คอมพิวเตอร” หรือ “บุดเซอร” (BUDSIR : Bud- mahidol.ac.th/budsir/program/ เว็บไซตพ ระไตรปฎกฉบับคอมพวิ เตอร dhist Scriptues Information Retrieval) ขนึ้ โดยสํานักคอมพิวเตอร มหาวทิ ยาลัย บน Internet มหาวทิ ยาลัยมหิดล http://www.mcu.ac.th/mcutrai/ มหดิ ล เมอ่ื พ.ศ. 2530 เนอ่ื งในวนั วสิ าขบชู า และเพอื่ เฉลมิ ฉลองและเทดิ พระเกยี รติ menu3.htm เวบ็ ไซต Multimedia พระไตรปฎ ก มหาวิทยาลยั มหาจุฬา- รชั กาลท่ี 9 ทรงเจรญิ พระชนมพรรษา 80 พรรษา นอกจากนไี้ ดพ ฒั นาอยา งตอ เนอ่ื ง ลงกรณราชวิทยาลยั แลว จัดทําเปนบนั ทกึ การศกึ ษาคนควา สง ครผู ูสอน โดยในปจ จบุ ันสามารถแปลงเปนอักษรอนื่ ๆ ไดม ากถึง 8 ชดุ อักษร คือ ไทย โรมนั จากน้ันครคู ัดเลอื กผลงานทด่ี ีใหน ักเรียนเจาของผลงานนาํ เสนอตอ ชั้น พมา เขมร ลานนา ลาว เทวนาครี และสงิ หล เรยี น เพือ่ ใหน ักเรียนมคี วามรูความเขา ใจในพระไตรปฎ ก รวมถึงตระหนกั ในคณุ คา และความสาํ คัญของพระไตรปฎ ก ตลอดจนเปน การจัดกจิ กรรม ค่มู ือครู 151 การเรยี นรูบูรณาการกลมุ สาระการเรยี นรกู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี วิชาเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร เรื่องการคนหาขอ มูลผา น อินเทอรเน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอ่นื ๆ

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Elaborate Engaae Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครตู รวจสอบความถกู ตอ งในการตอบคําถาม คาปถระาจÓมหนว่ ยการเรยี นรู้ ประจําหนวยการเรียนรู ๑. นักเรียนคิดว่าการศึกษาในปัจจุบันเป็นไปตามแนวทางของพระพุทธศาสนาหรือไม่ หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู อยา่ งไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ 1. บทความความสําคัญของพระพุทธศาสนา ๒. การศึกษาท่สี มบรู ณ์หมายความว่าอย่างไร เกีย่ วกบั การศึกษาท่สี มบูรณ การเมือง ๓. หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาใดบ้างท่ีนักเรียนสามารถนำามาประยุกต์ใช้ในการศึกษา และสนั ตภิ าพ เลา่ เรยี น และสามารถนำามาประยกุ ต์ใช้ไดอ้ ยา่ งไร จงยกตวั อยา่ งประกอบคำาอธิบาย 2. บันทึกผลการศกึ ษาคนควาแนวทางการสมั มนา พระพทุ ธศาสนา และการสมั มนาและเสนอแนะ แนวทางในการธํารงรักษาพระพุทธศาสนาอนั สง ผลถึงการพัฒนาตน การเมือง หรือสนั ติภาพ 3. รายงานการสมั มนาเกีย่ วกับการเสนอแนะแนว ทางในการธํารงรกั ษาพระพุทธศาสนาอันสง ผล ถึงการพัฒนาตน การเมอื ง หรือสนั ติภาพ กิจสรก้ารงรสมรรคพ์ ฒั นาการเรียนรู้ กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนสัมมนาในหัวข้อท่ีเกี่ยวข้องกับการศึกษาท่ีสมบูรณ์ เช่น “ความรทู้ ว่ มหัว เอาตัวไมร่ อด จรงิ หรอื ไม่” “พระพุทธศาสนากับบทบาท ในการพฒั นาการศกึ ษา” ฯลฯ โดยใช้หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาท่ีได้ เรียนมาหาคาำ ตอบและคำาอธิบาย กิจกรรมที ่ ๒ ทาำ รายงานเรอื่ ง “หลกั ธรรมทางศาสนากบั การพฒั นาการศกึ ษาทส่ี มบรู ณ”์ โดยให้ยกหลักธรรมที่เก่ียวข้องกับการพัฒนาปัญญาในทางพระพุทธ- ศาสนา หรอื ศาสนาทต่ี นนบั ถอื มาใชป้ ระกอบการทาำ รายงานสง่ ครผู สู้ อน 152 แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู 1. การศกึ ษาไทยในปจจุบันยังไมสอดคลองกบั แนวคดิ เกีย่ วกับการศกึ ษาที่สมบรู ณท างพระพุทธศาสนาเทา ทค่ี วร กลาวคอื การศกึ ษายังไมป ลกู ฝงเยาวชนใหมคี ณุ ธรรม นําความรู ทักษะในการประกอบอาชีพ รวมถงึ ไมกอ ใหเกดิ ความรูความเขา ใจสภาพและปญ หาในชมุ ชนของตน อันนาํ มาซ่งึ การแกไ ขปญ หาและการพัฒนาชมุ ชน แต เนนการทดสอบเพ่ือศึกษาตอในระดับสงู ขึ้นเทาน้นั อยา งไรตามนกั การศกึ ษาและหนว ยงานท่เี กี่ยวของตระหนกั ถึงสภาพปญ หาดังกลาว และดาํ เนินงานเพือ่ พัฒนาการ คุณธรรมจริยธรรมควบคูกับความรทู างวิชาการ ทักษะการคดิ การประกอบอาชพี กระบวนการแกป ญ หาและเชอื่ มโยงกับชมุ ชนมากยง่ิ ข้ึน 2. การศกึ ษาทีส่ มบูรณในทางพระพุทธศาสนามคี วามหมายครอบคลุมการศึกษาเรยี นรูทางวชิ าการ ความสามารถในการดํารงชวี ิตและการประกอบอาชีพ และความ ประพฤติทดี่ ีงามตามหลกั คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และมีจดุ หมายเพื่อพัฒนาใหบ ุคคลดาํ เนินชวี ิตอยูไ ดดวยความสงบ และมีความสุข มีความสามารถในการแกไ ขปญ หาที่ ตอ งเผชญิ ในชีวิตไดอยา งถูกตอ งเหมาะสม 3. หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาท่สี ามารถนํามาปรับใชใ นการศึกษาเลา เรยี นมีหลายหลักธรรมดว ยกัน ทสี่ ําคัญไดแ ก อทิ ธบิ าท 4 ทเี่ ปน คณุ เกอ้ื หนนุ ใหถ ึงความสําเรจ็ หรอื สาํ เร็จสิ่งท่ีประสงค อาจเรียกไดวา ทางแหง ความสําเร็จ 4 ประการ คอื ฉนั ทะ ความพอใจรักใครสิ่งน้ัน เชน การสรางความสนใจในสงิ่ ท่กี าํ ลังศึกษาเรยี นรู วริ ยิ ะ ความพยายามทําส่งิ นน้ั เชน การมคี วามต้ังใจในการศกึ ษาเลาเรยี น จิตตะ ความเอาใจฝกใฝในส่งิ น้ัน เชน การหมัน่ ศกึ ษาทบทวนความรดู วยตนเองอยางสม่าํ เสมอ และวิมงั สา ความพจิ ารณาใครครวญหาเหตุผลในสงิ่ นน้ั เชน การพฒั นาผลการเรียนรขู องตนเองโดยวเิ คราะหถ งึ สาเหตุของขอบกพรองในการเรียนทีค่ วรไดรบั การ ปรับปรุง เปน ตน 152 คู่มอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Engage Expand Evaluate เปาหมายการเรยี นรู 1. อธบิ ายประวัติความรทู ่วั ไปเกี่ยวกับศาสนา สําคัญในประเทศไทยโดยสงั เขป 2. เสนอแนวทางการอยูรวมกนั ของศาสนิกชน ในศาสนาสําคัญในประเทศไทยไดอ ยา ง สนั ติสุข สมรรถนะของผูเ รียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชทักษะชีวติ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค Ëนว‹ ÂการàรÂÕ นร·ŒÙ Õè พิเศษ 1. ใฝเรียนรู Engage 2. มจี ิตสาธารณะ ศาสนาสำาคัญãน»รÐà·ศä·Â กระตนุ้ ความสนใจ »รÐà·ศä·Â໚นดินáดน·èÕãËŒàสรÕÀา¾áก‹»รÐชาชนãนการàÅ×อกนับ¶×อศาสนาãดกçäดŒ นอก¨าก ครใู หนักเรียนท่ีนบั ถอื ศาสนาสาํ คัญอ่ืน ๆ ใน ประเทศไทย ไดแ ก ศาสนาคริสต ศาสนาอิสลาม พระพุทธศาสนาแล้วกçยังมีศาสนาสำาคัญอè×นæ อีก เช‹น ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนา ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู และศาสนาสิข ผลดั กนั พราหมณ์-Îินดู และศาสนาสิข «Öèงแม้จะมีประชากรทีèนับถ×อศาสนาแตกต‹างกันแต‹ความแตกต‹างน้ี ออกมาตง้ั คําถามความรูท ั่วไปเกี่ยวกับศาสนาทีต่ น กçไม‹ได้ก‹อãห้เกิดป˜ญหาแต‹อย‹างãด เพราะไม‹ว‹าบุคคลจะนับถ×อศาสนาãดกçตามสามารถอยู‹ร‹วมกันได้ นบั ถอื ท่หี นาชน้ั เรียน (หรือครูเปน ผตู ้ังคาํ ถามโดย อยา‹ งสงบสขุ พิจารณาตามความเหมาะสม) ใหเพื่อนนกั เรยี น ชวยกันตอบ เชน ดงั นนั้ ãน°านะทีเè ราเปšนคนไทยจÖงควรเรยี นรูแ้ ละทาำ ความเข้าãจศาสนาอ×èนæ เพ×èอจะอยู‹ร‹วมกัน ไดอ้ ยา‹ งสนั ติ และเปนš การนาำ ไปสูค‹ วามเข้าãจอนั ดีระหว‹างกันของคนãนแตล‹ ะศาสนา • ศาสนาทส่ี ําคัญในประเทศไทยใดมปี ระวัติ ความเปน มาของศาสดาแตกตา งจากศาสนา ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง อืน่ ๆ (แนวตอบ ศาสนาพราหมณ- ฮินดู เนอ่ื งจากไม ส 1.1 ม.4/17 ■ ประวตั พิ ระพทุ ธเจา้ มฮุ มั มดั พระเยซู ปรากฏศาสดาผูประกาศศาสนา เปน ศาสนา ■ อธิบายประวัติศาสดาของศาสนาอน่ื ๆ โดยสงั เขป ของชาวอารยนั ทีอ่ พยพเขา มาสอู ินเดยี เมือ่ ราว 3,000 กวาปมาแลว และอาจกลาวไดวา เนอ้ื หาสาระในหนว ยน้ี จดั ทาํ ขน้ึ มาเพอ่ื เสรมิ เปน พเิ ศษ สาํ หรบั เปน ขอ มลู ใหค รผู สู อนเลอื กนาํ ไปใชส อนตามความเหมาะสมกบั หลกั สตู รของ แนวคดิ ทางพระพทุ ธศาสนาบางสว นไดรบั สถานศกึ ษาแตล ะแหง อทิ ธพิ ลมาจากศาสนาพราหมณ- ฮินดู เชน เรอื่ งภพ-ภมู ิ การบาํ เพญ็ เพยี รทางจติ เปน ตน ) เกรด็ แนะครู ครคู วรจดั กจิ กรรมการเรียนรูทีเ่ นน การพฒั นาทกั ษะกระบวนการ เชน ทกั ษะ การคิด กระบวนการกลมุ และกระบวนการสืบสอบ เพอ่ื ใหนักเรยี นสามารถอธิบาย ประวัตขิ องศาสนาอืน่ ในดา นตางๆ ไดโดยสงั เขป รวมถงึ เสนอแนวทางการปฏิบัติ ตนเพือ่ การอยูรว มกนั อยางสันติสุขได ดงั น้ี • ครูแบงกลมุ นกั เรียนเพื่อใหชว ยกันศึกษาความรเู กยี่ วกบั ศาสนาทีส่ ําคญั ใน ประเทศไทยตามที่กาํ หนด จากหนังสอื เรยี นและแหลงการเรียนรูตางๆ แลวนําเสนอความรูในรูปแบบตา งๆ จากนนั้ ศกึ ษาคนควา เพมิ่ เติมเกยี่ วกับ หลักธรรมของศาสนาสาํ คญั ในประเทศไทย เพื่อนาํ เสนอแนวทางการอยู รว มกันอยางสนั ตสิ ุข คู่มือครู 153

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Elaborate Evaluate Explore Explain สา� รวจคน้ หา Explore 1. ครูอธบิ ายเชอื่ มโยงใหน กั เรียนตระหนกั ถงึ ความ ๑. ศาสนาคริสต์ สําคญั ของการศกึ ษาความรเู กย่ี วกบั ศาสนา อ่ืนๆ โดยเฉพาะศาสนาทีม่ ศี าสนิกชนใน ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม (นับถือพระเจ้าองค์เดียว) คือ พระยาห์เวห์ ประเทศไทย เพอ่ื ความรคู วามเขาใจซ่งึ กันและ เป็นพระเจ้าสูงสุด และมพี ระเยซูเป็นศาสดาน�าพระวจนะของพระเจา้ มาส่งั สอนประชาชน กนั และการอยรู ว มกันอยา งสนั ตสิ ุข ๑.๑ ประวัติความเปน็ มา 2. ครูแบง นักเรยี นออกเปน 4 กลมุ เพื่อใหช ว ย กันศึกษาความรูเ กี่ยวกับศาสนาท่สี าํ คญั ใน ศาสนาครสิ ตม์ ถี นิ่ กา� เนดิ ในดนิ แดนปาเลสไตน์ หรอื ประเทศอสิ ราเอลในปจั จบุ นั มวี วิ ฒั นาการ ประเทศไทยตามทคี่ รูกาํ หนด โดยครอู าจ มาจากศาสนายูดาห์หรือศาสนายิว ศาสดาของศาสนาคริสต์ คือ พระเยซู บิดาของท่านเป็น จาํ แนกนกั เรียนทนี่ บั ถือศาสนาตา งๆ ใหอยใู น ช่างไม้ชือ่ โยเซฟ มารดาชื่อนางมารอี าหรือมาเรยี ซ่งึ ชาวครสิ ต์เชอื่ ว่านางเปน็ หญงิ พรหมจารแี ละ แตละกลุม ไดแก ศาสนาคริสต ศาสนาอิสลาม ตัง้ ครรภด์ ้วยอานภุ าพของพระเจ้า ศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู และศาสนาสขิ จาก หนงั สอื เรยี น หนา 154-169 และแหลงการ พระเยซูเติบโตที่หมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองนาซาเรธ แคว้นกาลิลี ในวัยเยาว์พระองค์เป็นผู้ท่ี เรยี นรอู ่นื เชน นกั บวชหรือศาสนกิ ชนในศาสนา สนใจเร่ืองศาสนธรรมและเป็นผู้ท่ีมีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก พออายุย่างเข้า ๓๐ ปี ทีก่ ลุมตนไดรบั มอบหมาย หนงั สือในหองสมดุ พระองค์ได้พบกับนักบุญโยฮัน และได้รับศีลล้างบาปตามลัทธิของโยฮัน ต่อจากนั้นพระองค์ได้ รวมถึงเว็บไซตตา งๆ อาทิ http://www.dra. เสด็จไปประทับท่ีป่าเปล่ียวแห่งหน่ึง เพ่ือบ�าเพ็ญศีลภาวนา เจริญสมาธิ และนมัสการพระเจ้า go.th/main.php?lfi ename=index เวบ็ ไซต เมื่อกลบั มาได้ประกาศหลักธรรมคา� ส่งั สอนเพื่อนา� ไปสู่การหลดุ พน้ และสู่สันติสขุ อยา่ งแท้จรงิ กรมการศาสนา แลว ชว ยกันเตรยี มการนําเสนอ ความรใู นรูปแบบตางๆ ทคี่ รกู ําหนดตามความ เม่ือประกาศศาสนาได้ ๓ ปี พวกศาสนจารย์เดิมเห็นว่า การประกาศศาสนาของพระเยซู เหมาะสม เชน โปรแกรมการนาํ เสนอ (Power- เถปูก็นปอรันะหตารราชยีวติต่อโพดยวกกตารนตรจึงึงไใมส้ก่คาวงาเมขนแ1ละพฟร้ะอเงยรซ้อูสง้ินตพ่อรทะาชงนกมาร์เมื่อจพนใรนะชทนี่สมุดาพยรุไะดอ้ ง๓ค๓์ถูกจพับรรแษลาะ point) ปา ยภาพ หรือรายงานการศกึ ษาคนควา อย่างไรก็ตาม เม่ือพระเยซูส้ินพระชนม์แล้ว บรรดาสาวกต่างๆ ก็ช่วยกันเผยแผ่ค�าสอนของ พรอมทั้งใบความรูประกอบการนาํ เสนอ พระองคส์ บื ต่อมา ทัง้ น้ีในปจั จุบนั มผี นู้ บั ถือศาสนาคริสตก์ ระจายอยตู่ ามท่ีตา่ งๆ ทว่ั ทกุ มุมโลก อธบิ ายความรู้ Explain เสริมสาระ ครสู นทนารวมกนั กับนกั เรยี นกลุมท่ีรบั ผดิ การส้ินพระชนม์ของพระเยซู ชอบการศึกษาความรูเกย่ี วกับศาสนาครสิ ต แลว สอบถามถงึ สาระสําคัญของประวตั คิ วามเปน มา ตอนท่ีพระเยซูทรงประกาศศาสนาไปในทตี่ ่างๆ มปี ระชาชนจา� นวนมากทท่ี ้ังเชอ่ื และไม่เชื่อในการประกาศนนั้ ศาสดา นกิ าย คัมภรี  หลกั คําสอนพ้นื ฐาน และ ดังน้ัน พวกท่ีนับถือพระเจ้าอยู่แล้วจึงไม่เชื่อว่าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า (เมสสิยาห์) จึงวางแผนเพื่อจับพระองค์ พิธีกรรม ใหน ักเรียนกลมุ ทร่ี ับผดิ ชอบชวยกนั ตอบ ไปตรึงกางเขน โดยให้ยูดาห์ ซ่ึงเป็นหนึ่งในสาวกของพระองค์ทรยศโดยการนัดหมายให้มาจับพระองค์หลังอาหารค�่า มอ้ื สดุ ทา้ ย ขณะทพ่ี ระองคก์ า� ลงั สวดภาวนาอยใู่ นสวน พระองคถ์ กู ทรมานโดยการแบกกางเขนไปยงั เขากลั วาลโิ อ และทรง ถูกตรึงกางเขนในวันศุกร ์ เวลาประมาณบ่าย ๓ โมง วนั ครสิ ตม์ าส วันคริสต์มาสซ่ึงตรงกับวันท่ ี ๒๕ ธันวาคมของทุกปี ถือว่าเป็นวันคล้ายวันประสูติของพระเยซูคริสต์ ในวันน้ี คริสตศ์ าสนิกชนจะไปที่โบสถ์เพอื่ ฟังมิสซา รวมทงั้ มกี ารฉลองและแลกเปลี่ยนของขวญั ระหว่างสมาชกิ ในครอบครัว 154 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT องคประกอบของศาสนาใดใชจ าํ แนกประเภทศาสนาเปน อเทวนยิ ม ครูควรสงเสรมิ ใหนกั เรียนที่นบั ถอื ศาสนาสําคัญในประเทศไทยไดอ ธิบายความรู เทวนยิ ม และเอกเทวนยิ ม เก่ียวกบั ศาสนาของตนในขน้ั ตอนกิจกรรมการเรียนรูทเ่ี หมาะสม เชน การใหอ ธิบาย 1. ศาสดา ความรเู ก่ยี วกับประวตั คิ วามเปนมา หรือความเขา ใจทีอ่ าจคลาดเคลือ่ นในศาสนา 2. พิธกี รรม ของตนของชาวพทุ ธ เพอื่ ใหนักเรียนมคี วามรูค วามเขา ใจเกี่ยวกับศาสนาสําคญั ใน 3. ความเชื่อ ประเทศไทยจากศาสนิกในศาสนานั้นๆ โดยตรง รวมถงึ สง เสริมความเขา ใจระหวาง 4. รูปเคารพ ศาสนิกชนศาสนาตา งๆ อนั นาํ ไปสกู ารอยูรว มกนั ในสังคมอยา งสันติสขุ วิเคราะหคําตอบ ศาสนาประเภทอเทวนิยม คือ ศาสนาท่ีไมเ ชอื่ ใน การมีอยขู องพระเจา เชน พระพุทธศาสนา สวนศาสนาประเภทเทวนยิ ม นกั เรยี นควรรู คอื ศาสนาทเี่ ชือ่ ในการมีอยูของพระเจา และนับถือพระเจา เชน ศาสนา พราหมณ- ฮนิ ดู สาํ หรบั ศาสนาประเภทเอกเทวนิยม คอื ศาสนาท่ีเช่อื 1 ไมก างเขน เปน สญั ลักษณของการไถบาปใหม นุษยของพระเยซู และการ ในการมีอยูข องพระเจา และนบั ถือพระเจาองคเ ดยี ว เชน ศาสนาคริสต คนื ชีพของพระองค ตามทบี่ รรยายไวใ นพนั ธสัญญาใหม ศาสนาอิสลาม ดังน้นั คาํ ตอบคอื ขอ 3. 154 คู่มอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๑.๒ นิกาย1สÓคัญ นกั เรยี นกลมุ ทีร่ บั ผดิ ชอบในการศึกษาความรู เก่ยี วกบั ศาสนาครสิ ตแจกใบความรูที่กลุมตนจดั นิกายส�าคญั ของศาสนาคริสต์ แบ่งออกเปน็ ๓ นิกาย ดงั น้ี ทาํ ใหน กั เรยี นกลุม อื่น ๆ แลวสง ตัวแทนออกมานาํ เสนอความรทู ห่ี นาชั้นเรยี น จากน้ันครใู หน กั เรียน (๑) นิกายโรมันคาทอลิก เป็น กลุมอน่ื ชว ยกันตง้ั คําถามสอบถามขอ สงสัยจนเกดิ ความรูค วามเขาใจทต่ี รงกนั แลว ครูสมุ ถามความ นิกายท่ียึดม่ันในหลักค�าสอนของพระเยซู รูเกีย่ วกับศาสนาครสิ ตใ หนักเรยี นกลมุ อ่ืนชวยกนั ตอบ ในประเดน็ ตาง ๆ ดงั น้ี ครสิ ต์ เชื่อในบรรดานักบญุ ตา่ งๆ • ประวัติความเปนมา (๒) นิกายออร์ทอดอกซ์ เป็น • ศาสดา • นิกายสาํ คัญ นิกายท่ีแยกออกมาจากนิกายโรมันคาทอลิก • คมั ภีรท างศาสนา เชื่อในเรื่องตรีเอกานุภาพ รูปแบบพิธีกรรม ระเบียบเก่ยี วกับบาทหลวง (๓) นิกายโปรเตสแตนต์ เป็น นิกายท่ีแยกออกมาจากนิกายโรมันคาทอลิก อาสนวิหารอัสสัมชัญ หรือโบสถ์อัสสัมชัญ ต้ังอยู่ท่ีถนน เป็นนิกายที่ถือว่าศรัทธาของแต่ละคนท่ีมีต่อ เจรญิ กรงุ เขตบางรกั เปน็ สถานที่ประกอบพธิ กี รรมทาง พระเจา้ สา� คญั มากกวา่ พธิ กี รรม นกิ ายนมี้ เี พยี ง ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก สร้างโดยบาทหลวง ปาสกัล เพ่ือเป็นการถวายพระเกยี รติแดพ่ ระนางมารอี า ไม้กางเขนเปน็ เคร่ืองหมายแห่งศาสนาเทา่ น้ัน ๑.๓ คัมภีร์ทางศาสนา คัมภีร์ของศาสนาคริสต์ เรียกว่า คัมภีร์ไบเบิล (Bible) เป็นคัมภีร์ศักด์ิสิทธิ์เนื่องจากเป็น พระวจนะของพระเจ้า แบ่งออกเป็น ๒ ภาค คือ พระธรรมเดิมหรือพันธสัญญาเดิม (Old Testament) กลา่ วถึงความเปน็ มาของจกั รวาล มนษุ ย์ ชนชาติยวิ รวมถึงบทสวดบทสดดุ ตี ่างๆ และพระธรรมใหม่หรือพันธสัญญาใหม่ (New Testament) ซ่ึงกล่าวถึงชีวิตและค�าสอนของ พระเยซู เร่อื งนา่ รู้ พระธรรมใหม พระธรรมใหม่หรือพนั ธสญั ญาใหม ่ คอื ภาคทสี่ องของคัมภีร์ไบเบิล เปน็ หนังสือเก่ยี วกับชีวิตและคา� สอนของ พระเยซู หนงั สอื ๔ เล่มแรกของภาคน้ที ีเ่ กี่ยวกบั เรอื่ งดงั กลา่ วเรยี กวา่ พระวรสาร (Gospel) ซง่ึ เขยี นโดยนกั บุญมทั ธวิ (Matthew) ลกู า (Luka) มารโ์ ก (Marko) และจอห์น (John) หนังสือพระวารสารทั้ง ๔ เลม่ นี ้ มเี น้ือหาคล้ายคลึงกัน แตก่ ารจดั เนอ้ื หาและจา� นวนเน้ือหามีมากน้อยต่างกนั 155 ขอ สอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอ สอบป ’52 ออกเกีย่ วกับคมั ภีรไบเบลิ ใหม 1 นิกาย ในศาสนาคริสตน อกจากนกิ ายโรมนั คาทอลกิ ออรทอดอกซ และ เร่อื งใดปรากฏอยใู นคมั ภรี ไบเบลิ ใหม โปรเตสแตนตแ ลว ยังมีนกิ ายยอยๆ ท่ีกําเนิดขึน้ ในหลายรูปแบบ ทสี่ าํ คัญไดแก 1. เรอ่ื งราวชีวิตของพระเยซู นกิ ายทพ่ี ฒั นาขน้ึ ในประวตั ศิ าสตรช าตติ า งๆ เชน นกิ ายแองกลคิ นั (Anglicanism) 2. การเผยแผศาสนาของโมเสส คอื ความเชื่อหรอื การปฏิบตั ิของนิกายศาสนาครสิ ตแ หง องั กฤษ หรือคริสตจักร 3. การเทศนาสัง่ สอนธรรมของพระเยซู แหงอังกฤษ (Church of England) กําเนิดขนึ้ จากพระเจา เฮนรีท่ี 8 แหงองั กฤษที่ 4. ประวัติศาสตรชนชาตยิ วิ ในสมยั อับราฮัม ตดั สนิ พระทยั หยา ขาดกบั สมเดจ็ พระราชนิ แี คเทอรนี แหง อารากอน ซงึ่ เปน การฝา ฝน คาํ สัง่ ของพระสันตะปาปา พระองคจึงมีพระราชโองการใหค ริสตจักรแหง อังกฤษ วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. เรอื่ งราวชีวติ ของพระเยซู และขอ 3. แยกตวั จากครสิ ตจักรโรมนั คาทอลกิ ใน ค.ศ. 1534 แลวออกพระราชบัญญัติอาํ นาจ สงู สุดทางศาสนาซึง่ นับเปน จดุ เริ่มตน ของการปฏริ ูปศาสนาในองั กฤษ การเทศนาสงั่ สอนธรรมของพระเยซู เปน เรื่องราวทีป่ รากฏในภาคคมั ภรี  ไบเบลิ ใหม (New Testament) สว นตัวเลือกขอ 2. การเผยแผศาสนาของ โมเสส และขอ 4. ประวตั ศิ าสตรชนชาตยิ วิ ในสมัยอบั ราฮมั เปน เร่ืองราว ท่ีปรากฏอยูในภาคคมั ภรี เ ดิม (Old Testament) นอกจากนยี้ งั มีเรอ่ื งราว เกี่ยวกับความเปนมาของจักรวาลและมนษุ ยอ กี ดว ย คมู่ อื ครู 155

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู มุ ถามความรูเก่ียวกบั ศาสนาคริสตให ๑.๔ หลักคÓสอนพนื้ ฐาน นักเรยี นกลุมอ่ืนชว ยกันตอบ ในประเด็นตางๆ ดงั น้ี โมเสส ศาสนา(ค๑ร)สิ บตซ์ัญง่ึ ญสบืัตเิ น๑อื่ ๐งมปาจราะกกศาารสนเปาย็นดูหาลห1ักก์ ธย็ รอรมมรทบั ่ีพหรละกั เจก้าารปนร้ีไะวทด้ าว้ นยใหบ้แญั กญ่ชตัาวิ ๑ย๐ิวผป่ารนะทกาารง • หลักคาํ สอนพ้นื ฐาน • พิธีกรรมและวันสาํ คญั มีดงั น้ี จากนั้นครูและนกั เรยี นสนทนารวมกันถึง ความสอดคลอ งของหลกั คําสอนของศาสนาคริสต ๑. จงนมัสการพระเจ้าแตเ่ พียงองค์เดียว กับพระพุทธศาสนา โดยเนน หลักคําสอนทส่ี ง เสรมิ ๒. อยา่ ออกนามพระเจา้ โดยไมส่ มเหตุ การอยูรว มกนั อยางสันติสขุ ๓. จงนับถือวันพระเจา้ เป็นวนั ศักดส์ิ ทิ ธ์ิ ๔. จงนบั ถือบดิ ามารดา ๕. อยา่ ฆ่าคน ๖. อยา่ ผิดประเวณี ๗. อยา่ ลกั ทรัพย์ ๘. อยา่ ใส่ความนินทา ๙. อยา่ คิดมชิ อบ ๑๐. อยา่ โลภสง่ิ ของผอู้ นื่ ศาสนาคริสต์สอนให้มนุษย์ทุกคนรักกันเหมือนอย่างท่ี (๒) หลักตรีเอกานุภาพ ศาสนาคริสต์ พระเจ้าทรงรัก เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนเป็นบุตรของ เช่อื วา่ มีพระเจา้ องค์เดยี ว แต่มี ๓ สถานภาพ พระเจ้าเหมือนกนั ได้แก่ พระบิดา คือ ผู้สร้างโลก มนุษย์และ สรรพสงิ่ พระบตุ ร คอื พระเยซคู รสิ ต์ และพระจติ คือ พระเจ้าในฐานะที่ปรากฏในจิตวิญญาณ ของมนุษย์เพื่อเก้ือหนุนให้มนุษย์มีคุณธรรม ความดี (๓) หลักความรัก หมายถึง ความ เมตตา กรณุ า เสยี สละ และใหอ้ ภยั ศาสนาครสิ ต์ สอนวา่ มนษุ ยท์ กุ คนลว้ นเปน็ บตุ รพระเจา้ ดงั นน้ั จึงควรรักกันเสมือนพี่น้อง และควรให้ความรัก แกท่ กุ คนแม้กระทงั่ ศตั รู 156 ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกับจดุ มงุ หมายสงู สุดในศาสนาคริสต นักเรยี นควรรู จุดมงุ หมายสงู สุดในศาสนาคริสตคือเร่ืองใด 1. การลางบาปกําเนดิ 1 ศาสนายดู าห หรือศาสนายวิ (Judaism) เปนศาสนาและแนวทางการดาํ เนนิ 2. การไปรวมกับพระเจา ชวี ิตของชาวยิวสวนใหญ กาํ เนิดขนึ้ กอ นครสิ ตศักราชประมาณ 3,000 ป โดยมี 3. การสรางศรัทธาตอ พระเจา โมเสสเปนศาสดาซง่ึ ไดร ับคาํ สอนจากพระเจา และนําพาชาวยวิ ซึ่งเปนทาสในอียิปต 4. การรอดพน จากคําพพิ ากษา เวลาน้ันอพยพเขา สตู ะวนั ออกกลางผา นทางคาบสมุทรไซนาย โดยคาํ สอนและ วิเคราะหคําตอบ จุดมงุ หมายสงู สดุ ของผทู นี่ บั ถอื ศาสนาคริสตกค็ ือ การ พนั ธสัญญาจากพระเจา ในศาสนายูดาหเปนสวนหน่ึงของคมั ภีรไ บเบลิ เดิมใน เขา สอู าณาจกั รพระเจา โดยผทู ป่ี ฏบิ ัตติ นตามหลกั คําสอน มีความศรทั ธา ศาสนาคริสตอีกดว ย ในพระเจา และพระเยซู มีความรกั ในเพอ่ื นมนษุ ย เม่อื ถงึ วันพิพากษาจะได เขา ไปสอู าณาจกั รพระเจา ดังนนั้ คําตอบคือ ขอ 2. มุม IT ศกึ ษาความรเู กยี่ วกับศาสนาครสิ ตเพมิ่ เตมิ ไดท่ี http://www.cct.or.th/ เว็บไซตมลู นิธแิ หงสภาครสิ ตจักรในประเทศไทย (The Church of the Christ in Thailand : CCT) 156 คู่มือครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ (๔) อาณาจกั รพระเจา้ 1จดุ มงุ่ หมายสงู สดุ ของชาวครสิ ต์ คอื การเขา้ ไปสอู่ าณาจกั ร ครสู ุมนักเรยี นใหผลดั กนั ออกมาเขยี นราย พระเจ้า (Kingdom of God) ใครกต็ ามท่มี ีจิตใจบรสิ ทุ ธิ์ รกั และเมตตาเพื่อนมนษุ ย์ ปฏบิ ตั ิตาม ละเอียดเก่ียวกับศาสนาคริสตล งในผังความคิด บัญญตั ิ ๑๐ ประการ และมศี รัทธาในพระเจา้ และพระเยซคู ริสต์ จะได้เข้าไปสอู่ าณาจกั รพระเจา้ ทก่ี ระดานหนาชั้นเรียน ซ่ึงครูอาจกาํ หนดหวั ขอ สําคัญไวล วงหนา เชน ประวัตคิ วามเปนมา นิกาย ๑.๕ พธิ กี รรมáละวนั สÓคัญ สําคัญ คัมภีรท างศาสนา หลักคาํ สอนพืน้ ฐาน และพธิ กี รรมและวนั สาํ คญั เปนตน พธิ กี รรมทางศาสนาของศาสนาครสิ ต์ เรยี กวา่ “พธิ รี บั ศลี ศกั ดสิ์ ทิ ธ”ิ์ ซงึ่ ประกอบดว้ ยพธิ กี รรม สา� คัญๆ ไดแ้ ก่ จากนนั้ ครูเพ่ิมเตมิ เพอ่ื ใหข อความรูถกู ตอง ครบถวน แลว ครูนําในการสรุปความรูของนักเรียน ๑. ศีลล้างบาป หรือศีลจุ่ม (ศีลบัพติศมา) เป็นพิธีกรรมแรกท่ีผู้จะเป็นคริสต์ศาสนิกชน เก่ยี วกบั ศาสนาคริสต นกั เรยี นบันทกึ ผังความคดิ จะต้องรับ เพอ่ื เป็นการล้างบาปมลทนิ ต่างๆ ทม่ี มี าแตก่ ำาเนดิ และความรทู ่สี รปุ ไดล งในสมดุ ๒. ศลี กำาลงั เป็นพิธเี พ่อื แสดงวา่ พระจติ เสดจ็ เขา้ สจู่ ติ ใจของผนู้ นั้ แลว้ และเปน็ การยืนยันถึง การยอมรบั นับถอื ศาสนาครสิ ต์ ๓. ศีลมหาสนิท ชาวคริสต์จะไปร่วมกันทำาพิธีท่ีโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ เพื่อระลึกถึงชีวิตและ คำาสอนขอ2งพระเยซู ๔. ศลี แก้บาป คอื พิธกี รรมท่ชี าวคริสตจ์ ะไปสารภาพบาปกับบาทหลวง ๕. ศลี เจมิ คนไข้ เปน็ พธิ กี รรมทบี่ าทหลวงเจมิ นา้ำ มนั ใหแ้ กค่ นไข้ จะไดม้ กี าำ ลงั ใจที่จะเอาชนะ ความเจบ็ ปวย ๖. ศลี บวช หรือศลี อนุกรม คอื พธิ บี วชสำาหรับผู้ทจ่ี ะเปน็ บาทหลวง ๗. ศลี สมรส คอื พิธีสมรสทต่ี ้องกระทำาต่อหนา้ บาทหลวง ครสิ ต์ศาสนกิ ชนชาวไทยขณะก�าลังประกอบพธิ ีภายในโบสถ์ 157 ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอสอบป ’51 ออกเกย่ี วกับพิธีกรรมในศาสนาครสิ ต 1 อาณาจกั รพระเจา (Kingdom of God) หรอื อาณาจักรสวรรค หมายถงึ การ พิธีกรรมใดที่ครสิ ตศาสนกิ ชนไดแสดงความเปน อันหนง่ึ อนั เดยี วกบั ทีพ่ ระเจา ทรงปกครองมนษุ ยชาตซิ ่ึงเชอื่ ฟง พระองคท ัง้ ในปจจุบนั และในอนาคต อาณาจักรนเ้ี ร่มิ ข้ึนเม่อื พระเจา เสดจ็ มายังโลก และจะสมบรู ณเ ม่อื พระเจาเสดจ็ กลับ พระเจา มาอีกคร้ังหน่งึ เมื่อส้นิ พภิ พ 1. ศีลบวช 2 ศีลแกบาป หรือศลี อภัยบาป หมายถึง การเสยี ใจในบาป (regret for sin) 2. ศีลกําลงั และเปน การเปล่ยี นแปลงจติ ใจของคนๆ หนึง่ จากแนวคิดเกีย่ วกบั การนําชีวิตของ 3. ศลี ลางบาป ตนเองกลับมาสูพ ระเจา จากบาปความผิดทที่ าํ ใหชวี ิตหนั เหไปจากพระองค โดย 4. ศลี มหาสนทิ ศาสนบรกิ รผูมีอํานาจสําหรบั ศีลแกบ าป คอื บาทหลวงทมี่ อี ํานาจจะแกบาปตาม กฎหมายของศาสนจักร แตกม็ ขี อยกเวน บาทหลวงทกุ องคแ มทยี่ งั ไมไ ดร บั อนุญาต วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. ศีลกาํ ลัง เปน หน่ึงในพธิ ีรบั ศีลศักดิ์สิทธ์ิ ใหฟง แกบ าปก็ตาม สามารถอภยั บาปใหแ กผูส ารภาพบาปท่ีใกลจ ะเสียชีวิตไดอยา ง สมบรู ณเ ชนกนั เพ่อื แสดงวาพระจติ ของพระผเู ปนเจาเสด็จเขาสูจ ติ ใจของผปู ระกอบพธิ ี นัน้ แลว รวมถึงเปนการยนื ยนั ในการยอมรับนับถือศาสนาครสิ ตของผูน้ัน อีกดว ย คมู่ ือครู 157

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครูสนทนารวมกนั กบั นักเรยี นกลุมท่ีรับผิดชอบ ๒. ศาสนาอสิ ลาม1 การศกึ ษาความรเู กีย่ วกับศาสนาอสิ ลาม แลว ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาส�าคัญศาสนาหนึ่งของโลก เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม สอบถามถงึ สาระสาํ คัญของประวตั ิความเปน มา ศาสดา นกิ าย คมั ภีร หลกั คําสอนพนื้ ฐาน และ นับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ พระอัลลอฮฺ โดยมีท่านนบีมุฮัมมัดเป็นศาสดาและเป็นผู้ประกาศ วนั สําคัญทางศาสนา ใหน ักเรียนกลุมทีร่ ับผิด ชอบชวยกันตอบ ศาสนา 2. นักเรยี นกลุมทีร่ ับผิดชอบในการศึกษาความรู ผู้นับถือศาสนาอิสลามเรียกว่า “มุสลิม” (แปลว่า ผู้แสวงหาสันติหรือผู้นอบน้อมต่อ เก่ียวกับศาสนาอสิ ลามแจกใบความรูท ีก่ ลมุ ตน จัดทําใหน ักเรยี นกลุม อ่ืนๆ แลวสงตัวแทนออก พระประสงค์ของพระเจ้า) มุสลมิ ทุกคนต้องปฏบิ ตั ศิ าสนกิจเหมือนกนั หมด จงึ ไม่มีนกั บวช (มีแต่ มานาํ เสนอความรทู ีห่ นา ชัน้ เรยี น จากนน้ั ครูให นกั เรยี นกลุมอนื่ ชวยกันตง้ั คําถามสอบถามขอ อิหม่ามเป็นผู้น�าในการนมัสการพระเจ้า) และมิได้แบ่งแยกแนวทางปฏิบัติระหว่างศาสนิกชนกับ สงสยั จนเกิดความรูความเขา ใจทตี่ รงกนั แลว ครสู ุมถามความรูเกยี่ วกบั ศาสนาอิสลามให นกั บวช นักเรียนกลมุ อ่นื ชว ยกันตอบ ในประเดน็ ตางๆ ดังน้ี ๒.๑ ประวตั คิ วามเปน็ มา • ประวตั ิความเปนมา • ศาสดา ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาท่ีถือก�าเนิดขึ้นในนครมักกะฮฺ ประเทศซาอุดีอาระเบีย หลัง พุทธศกั ราชประมาณ ๑,๑๑๓ ปี นบีมุฮัมมัด เป็นศาสนทูตองค์สุดท้ายท่ีพระอัลลอฮฺทรงเลือกให้เป็นผู้น�าข้อบัญญัติทาง ศาสนามาเผยแผ่แก่มวลมนุษย์ ท่านเป็นชาวอาหรับ ก�าเนิดท่ีเมืองมักกะฮฺ มารดาช่ืออามีนะฮ์ เป็นชนเผ่ากุร็อยชฺ ท่านศาสดาเป็นก�าพร้าตั้งแต่เยาว์วัย ในเวลาต่อมาจึงต้องไปอยู่ในความ อุปการะของอาบูฏอลิบผู้เป็นลุง โดยช่วยลุงเล้ียงปศุสัตว์ ค้าขาย และท�างานอ่ืนๆ ในครอบครัว เม่ือโตเป็นหนุ่มได้ไปท�างานกับนางคอดีญะฮฺ เศรษฐินีหม้าย โดยท�าหน้าท่ีควบคุมกองคาราวาน สินค้าไปขายยังประเทศใกล้เคียง ซ่ึงในเวลา ต่อมาทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน และมีบุตรธิดา ดว้ ยกัน ๖ คน ในสมัยที่ท่านศาสดาถือก�าเนิดขึ้นน้ัน สังคมอาหรับอยู่ในสภาพที่เส่ือมโทรมมาก ท่านจึงพยายามหาทางแก้ไขปัญหาในสังคมท่ี ท่านพบเห็นอยู่เสมอ จนกระท่ังวันหนึ่งขณะที่ ท่านหลบไปหาความสงบวิเวกในบริเวณถ้�าบน นครมักกะฮฺ สถานที่ประสูติของพระศาสดามุฮัมมัด ภเู ขาฮริ อฮฺ เทวทตู ญบิ รออลี ก็ไดน้ า� โองการของ ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของมุสลิม (จากภาพ) พระเจ้า (พระอัลลอฮฺ) มาประทานแก่ท่าน ศาสนสถานบยั ตลุ ลอฮ ฺ ประเทศซาอุดอี าระเบยี ท่านศาสดามุฮัมมัดจึงเริ่มประกาศศาสนา 158 นักเรียนควรรู ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’51 ออกเก่ียวกบั ความหมายของมสุ ลิม 1 ศาสนาอสิ ลาม ในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตม จี ุดเรม่ิ ตนการเผยแผ ความหมายของคําวา มุสลมิ ในขอใดถกู ตองทสี่ ดุ จากคาบสมุทรอาหรับและไดขยายเขา สูดินแดนตางๆ ของโลก โดยพอ คาจาก 1. ผรู กั ความสงบ คาบสมทุ รอาหรับและเปอรเ ซยี ทีน่ าํ สนิ คาเขามาคา ขายยงั แหลมมลายู ไดแก 2. ผมู ศี รทั ธาตอพระเจา อินโดนเี ซยี และมาเลเซยี รวมถงึ ตอนใตของประเทศไทย ดว ยอธั ยาศยั ไมตรีท่เี ปน 3. ผูย อมมอบตนตอ พระเจา มิตร และมคี วามเครง ครดั ในบัญญตั แิ หง อสิ ลามของบรรดาพอคาเหลา น้ัน จึงเปน 4. ผยู อมปฏบิ ัตติ ามโองการของพระเจา เหตใุ หผคู นทีค่ บคาดวยเกดิ ความประทับใจและสมัครใจทีจ่ ะเขา รบั นับถอื ศาสนา วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ผยู อมมอบตนตอ พระเจา เนอื่ งจากมสุ ลมิ อสิ ลาม กระท่งั เปน ศาสนาทม่ี ีผนู บั ถือมากทสี่ ุดของภูมิภาคในปจ จบุ ัน แปลวา ผนู อบนอมตอพระประสงคของพระเจา หรอื ผูแ สวงหาสันติ มุม IT ศึกษาคน ควา ความรเู กย่ี วกับศาสนาอิสลามและชาวมสุ ลมิ ในประเทศไทย เพิ่มเตมิ ไดที่ http://www.skthai.org/ เว็บไซตสํานกั จฬุ าราชมนตรี 158 คมู่ อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ คนแรกทเี่ ขา้ รบั นบั ถอื ศาสนาอสิ ลามกค็ อื นางคอดีญะฮฺ ผู้เป็นภรรยา ท้งั นีก้ ารประกาศศาสนาใน ครูสุมถามความรูเก่ียวกบั ศาสนาอสิ ลามให ช่วงแรกเตม็ ไปด้วยความยากล�าบากและถูกตอ่ ตา้ น เพราะศาสนาอิสลามท�าให้ผูม้ ีอทิ ธิพลสูญเสยี นกั เรียนกลุม อื่นชวยกันตอบ ในประเดน็ ตางๆ ผลประโยชน์ รวมท้งั ท�าใหค้ นทัว่ ไปซง่ึ นบั ถือรูปเคารพต่างๆ ขัดเคอื ง ดงั นี้ หลังจากที่ประกาศศาสนาได้ ๑๓ ปี ท่านศาสดากับสาวกได้ลี้ภัยจากการตามล้างผลาญ • นิกายสาํ คัญ ของชาวเมืองมักกะฮฺ ไปอยู่ที่เมืองมะดีนะฮ์ โดยปีท่ีท่านศาสดามุฮัมมัดอพยพมาอยู่ท่ีเมือง • คมั ภรี ท างศาสนา มะดีนะฮ์น้ี ถือเป็นการเริ่มต้นนับศักราชอิสลาม เรียกว่า ฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) จนกระท่ังถึง • หลกั คําสอนพื้นฐาน พ.ศ. ๑๑๗๓ ท่านศาสดาก็ได้สามารถรวบรวมผู้คนกลับไปยึดเมืองมักกะฮฺไว้ได้ โดยปราศจาก • วันสาํ คัญทางศาสนา การสูร้ บให้เสียเลือดเน้ือ โดยส่งั ใหท้ า� ลายรูปเคารพตา่ งๆ และประกาศนริ โทษกรรมแกช่ าวเมอื งที่ จากน้นั ครแู ละนักเรียนสนทนารว มกนั ถงึ เคยเปน็ ปฏิปักษต์ ่อทา่ น กอ่ นท่ีจะกลับไปยังเมืองมะดีนะฮ์ ซึ่งตอ่ มาภายหลังชนอาหรับเผา่ ต่างๆ ความสอดคลองของหลกั คาํ สอนของศาสนา และประเทศข้างเคียงก็ได้ส่งทูตเข้ามาขอเป็นพันธมิตรบ้าง เพ่ือขอรับนับถือศาสนาอิสลามบ้าง อิสลามกับพระพุทธศาสนา โดยเนนหลักคาํ สอน ศาสนาอิสลามจึงได้แผ่ขยายอิทธิพลไปยังดินแดนต่างๆ ได้แก่ ดินแดนตะวันออกกลาง อินเดีย ทสี่ ง เสริมการอยรู ว มกนั อยางสนั ตสิ ขุ และท่ีอนื่ ๆ นับแต่บดั นน้ั ทา่ นศาสดามฮุ ัมมดั ถงึ แก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๑๑๗๕ ตรงกับ ฮ.ศ. ๑๑ ในขณะท่ีท่านศาสดา มีชีวิตอยู่ตั้งแต่เป็นเด็กเล้ียงแพะจนกระทั่งเป็นศาสดาและเป็นประมุขแห่งประชาชาติอาหรับ ทา่ นไดด้ า� รงตนเปน็ ผเู้ สมอตน้ เสมอปลาย อยงู่ า่ ย กนิ งา่ ย มคี วามเมตตากบั ทกุ คน โดยเฉพาะคนท่ี ยากไร้และต่�าต้อย ไม่ถือยศศักด์ิ มีความยุติธรรมและความซื่อสัตย์เป็นเลิศจนได้รับฉายา ตง้ั แต่ส๒ม.ัย๒เป็นนหิกนาุ่มยวา่ ส“Óอคัลลัญาม1ีน” ซง่ึ แปลวา่ ผู้ซือ่ สัตย์ นกิ ายส�าคญั ๆ ของศาสนาอิสลามมีดงั น้ี ๑. นิกายซุนนีหรือซุนนะห์ เคร่งครัดการปฏิบัติตามคัมภีร์อัลกุรอานและซุนนะห์เท่านั้น ยอมรับผนู้ ำา ๔ คนแรก ซง่ึ เป็นผู้ใกลช้ ิดทา่ นศาสดา ๒. นกิ ายชอี ะห์ นกิ ายนถ้ี อื วา่ ทา่ นอาลี บตุ รเขยของศาสดามฮุ มั มดั คนเดยี วเทา่ นน้ั เป็นผู้นาำ ท่ี ถูกตอ้ ง ๓. นิกายคอวาริจญ์ ถอื ว่าผ้จู ะเป็นคอลีฟะหน์ ั้นตอ้ งมาจากการเลอื กตั้งเสรี ๔. นิกายวาฮาบี ต้ังขึ้นกลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ ถือว่าพระคัมภีร์อัลกุรอานศักดิ์สิทธิ์ท่ีสุด เคารพพระอัลลอฮฺองคเ์ ดยี ว ไม่เชอื่ ว่าทา่ นศาสดามุฮัมมัดเป็นผู้แทนพระอลั ลอฮฺ 159 ขอ สอบ O-NET นกั เรียนควรรู ขอ สอบป ’53 ออกเกีย่ วกับความเชือ่ ของชาวมุสลมิ 1 นิกายสําคญั ของศาสนาอิสลามในประเทศไทย ไดแก นิกายซนุ นี ประมุข ชาวมสุ ลิมไมเ ช่ือในเร่อื งใด สงู สดุ ของชาวมุสลิมในประเทศไทย เรียกวา จฬุ าราชมนตรี ซ่งึ รฐั บาลเปนผูแตง ต้งั 1. โลกมวี ันสิ้นสดุ ในชุมชนชาวมุสลิมจะมีผนู ําศาสนา มีโรงเรยี นสอนศาสนาสาํ หรบั เด็ก มสี ถานท่ี 2. เทวทตู มจี ํานวนมาก ประกอบพิธที างศาสนา เรียกวา สเุ หรา หรอื มัสยดิ ศาสนาอิสลามถือวา กฎเกณฑ 3. ศาสนทตู มหี ลายทาน ทางศาสนาเปนแนวทางปฏิบัติในการดําเนนิ ชีวิต ไมไดแยกชีวิตทางศาสนาออก 4. การตายแลว เกิดใหมบนโลกมนษุ ย จากทางโลก จงึ มกี ฎระเบียบตางๆ อยางละเอียด ศาสนาอสิ ลามเขาสูป ระเทศไทย ตง้ั แตส มัยกรงุ ศรอี ยุธยาและมีศาสนิกชนนับถอื สบื เน่ืองมาจนถึงปจจบุ นั วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การตายแลวเกดิ ใหมบนโลกมนษุ ย เนอ่ื งจากชาวมสุ ลมิ ศรทั ธาในวันพิพากษา ไมเ ชือ่ เรอ่ื งการเวยี นวา ยตาย เกิด กลาวคือ เมอ่ื ตายแลววญิ ญาณทกุ คนจะรอการพพิ ากษาจากพระเจา ดังปรากฏในพิธศี พของชาวมสุ ลมิ ทใี่ ชก ารฝง เพอื่ รอวนั พิพากษาน่ันเอง ค่มู ือครู 159

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู ุมนกั เรียนใหผลดั กันออกมาเขียนราย ๒.๓ คัมภรี ์ทางศาสนา ละเอยี ดเกี่ยวกับศาสนาอิสลามลงในผงั ความคิด ท่กี ระดานหนา ชนั้ เรียน ซงึ่ ครอู าจกําหนดหัวขอ คัมภีร์ทางศาสนา เรียกว่า คัมภีร์อัลกุรอาน คัมภีร์นี้ถือว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้าท่ีได้ สาํ คัญไวล ว งหนา เชน ประวัติความเปน มา ศาสดา นิกายสําคัญ คัมภีรทางศาสนา หลกั คาํ สอนพื้นฐาน ประทานแกม่ วลมนุษยผ์ า่ นทางศาสดานบีมฮุ ัมมดั และวนั สาํ คญั เปน ตน คัมภีร์อัลกุรอาน แปลว่า คัมภีร์ จากน้ันครูเพิ่มเตมิ เพือ่ ใหข อความรถู ูกตองครบ ถวน แลวครูนําในการสรปุ ความรขู องนักเรียนเก่ียว สาธยายมนต์ มี ๓๐ ภาค ๑๑๔ บท เป็น กับศาสนาอิสลาม นกั เรยี นบันทกึ ผังความคิดและ ความรทู ี่สรปุ ไดลงในสมดุ แนวทางการปฏิบัติส�าหรับบุคคลและสังคม ส�าหรับภาษาที่ใช้บันทึกคัมภีร์อัลกุรอาน คือ ภาษาอาหรับ ท้ังนี้ปัจจุบันได้มีการแปล คัมภีร์อัลกุรอานเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ชาวมุสลิมถือว่าคัมภีร์น้ีเป็นคัมภีร์ศักด์ิสิทธิ์ เพราะทุกค�า ทุกตัวอักษรเกิดจากพระอัลลอฮฺ การละหมาดของชาวมุสลิม เป็นการแสดงความเคารพ เป็นความจริงที่บริสุทธิ์ และเป็นธรรมนูญ สา� หรบั ชวี ิต ตอ่ พระ๒เจา้.ท๔ั้งทาหงรล่างกักาคยแÓละสจติ อใจนพนื้ ฐาน1 ศาสนาอิสลามมีพิธีกรรมและหลกั ค�าสอนเพ่ือใหป้ ฏิบตั ติ าม ดงั นี้ (๑) หลักศรัทธา ๖ ประการ ได้แก่ ศรัทธาต่อพระอัลลอฮฺ ศรัทธาต่อเทพบริวาร ของพระอัลลอฮฺ (เทวทูต) ศรัทธาในพระคัมภีร์ท้ังหลาย ศรัทธาต่อบรรดาศาสนทูต ศรัทธาใน วนั พพิ ากษา และศรทั ธาในการก�าหนดสภาวะของโลก (๒) หลักปฏิบัติ ๕ ประการ การปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาอิสลามจะปฏิบัติ ในสถานทีท่ เี่ รยี กว่า “มสั ยดิ ” หรือสเุ หร่า หลักปฏบิ ัตสิ า� คญั ในศาสนาอิสลาม ๕ ประกา2ร ไดแ้ ก่ การปฏิญาณตน การละหมาด การถอื ศีลอด การบรจิ าคซะกาต และการประกอบพธิ ฮี ัจญ์ เรอ่ื งน่ารู้ การถือศลี อด การถือศีลอด หมายถึง การละเว้นจากการบริโภคอาหาร เคร่อื งด่มื การร่วมสังวาส ต้งั แต่พระอาทิตย์ข้นึ จน กระทง่ั พระอาทติ ยต์ กดนิ มสุ ลมิ จะตอ้ งถอื ศลี อดปลี ะ ๑ เดอื น คอื ในเดอื นเราะมะฎอนตามปฏทิ นิ ของอสิ ลาม ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การผ่อนผนั ไม่ต้องถือศีลอด ได้แก ่ คนชรา หญิงมีครรภ ์ แมล่ กู อ่อน คนท่ตี ้องท�างานหนัก คนเดินทางไกล หญงิ ขณะ มรี อบเดอื นหรอื หลงั คลอด คนปว่ ย การถอื ศลี อดแสดงถงึ ความศรทั ธาในพระเจา้ ฝกึ ความอดทน และความมนี า�้ ใจ 160 นักเรียนควรรู ขอ สอบ O-NET ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกบั หนาทขี่ องผูที่นบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม 1 หลักคําสอนพื้นฐาน ของศาสนาอิสลามมีเจตนารมณ 5 ประการ ไดแก การ หนาทตี่ อพระเปน เจาในศาสนาอิสลามคืออะไร ปกปอ งศาสนา การปกปอ งชีวติ การปกปองสติปญญา การปกปอ งวงศตระกลู 1. การไมบชู ารูปเคารพใดๆ และการปกปองทรพั ยสนิ มีรายละเอยี ดเพ่อื สรางความมั่นคงแกชวี ติ ท้ังในลกั ษณะ 2. การปฏบิ ัตติ ามหลกั ปฏิบัติ 5 ของการกอใหเ กดิ และการธํารงรกั ษา มิใหส ูญหายหรอื นาํ ไปใชใ นทางทีไ่ มถกู ตอง 3. การชว ยเหลือเก้อื กลู แกเพ่ือนมนุษยรวมโลก ซ่ึงลว นแสดงถงึ การเปน ศาสนาทธี่ ํารงไวซึ่งสนั ติภาพอยา งแทจรงิ 4. การเช่ือวา มพี ระเจา องคเ ดยี วเปนผูบนั ดาลสรรพส่งิ 2 การประกอบพิธฮี ัจญ พระอลั ลอฮทฺ รงเลือกใหม กั กะฮแฺ ละบริเวณรอบ วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การปฏิบตั ิตามหลกั ปฏบิ ัติ 5 เนื่องจาก มกั กะฮเฺ ปน สถานที่ประกอบพิธฮี จั ญ เน่ืองดวยกะบะฮตฺ ง้ั อยใู จกลางมกั กะฮซฺ ่ึง ศรทั ธา 6 ประการ ซึ่งเปน หลกั การสําคัญพน้ื ฐานของศาสนาอสิ ลามท่ี เปนศูนยก ลางของพนื้ โลกเปน ใจกลางของทกุ ทวีป จงึ สะดวกแกมนษุ ยชาติที่จะ มุสลมิ จะตองมอี ยูประจาํ ใจ แตความศรทั ธาเพียงอยา งเดยี วนั้นยังไม เดนิ ทางมาประกอบพิธี การปฏิบัตศิ าสนกิจเดยี วกนั ดวยหลักพ้ืนฐานของการสราง เปนการเพยี งพอ เพราะในศาสนาอิสลามความศรทั ธาท่แี ทจ ริงจะตอ ง สมั พันธไมตรีตอกนั ระหวา งกลมุ ตา งๆ อัลลอฮจฺ งึ บัญญตั ิแกศาสดามฮุ ัมมัดให แสดงผลออกมาใหเห็นเปน การปฏิบตั ิในชวี ติ ประจาํ วัน คอื หลกั จดั ทําศาสนกิจทีร่ ว มกนั ดว ยการละหมาดตา งๆ และศาสนกิจอ่นื ๆ เพื่อเปน การ ปฏิบตั ิ 5 ประการ ไดแ ก การปฏญิ าณตน การละหมาด การถือศลี อด ประสานหัวใจของประชาชาติมสุ ลิมใหเ ปน หนึ่งเดยี ว การประกอบพิธีฮจั ญจ งึ ถอื วา การบรจิ าคซะกาต และการประกอบพธิ ฮี ัจญ เปน ปจ จัยสําคญั ในการสรางมติ รภาพระหวา งมุสลิมทัว่ โลก 160 ค่มู ือครู

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๒.๕ วันสÓคญั ทางศาสนา 1. ครูสนทนารว มกนั กับนกั เรยี นกลมุ ทีร่ บั ผิดชอบ การศกึ ษาความรเู กี่ยวกับศาสนาพราหมณ- วนั สา� คญั ของศาสนาอสิ ลาม ไดแ้ ก่ วันแรกของเดือนเราะมะฎอน โดยการดูดวงจันทร์ใน ฮินดู แลว สอบถามถึงสาระสาํ คัญของประวัติ ตอนคา่� ของวนั ท่ี ๒๙ ของเดือนท่ี ๘ (ตามปฏทิ นิ อสิ ลาม) หากปรากฏวา่ ไมเ่ หน็ ดวงจนั ทร์ ตอ้ งถอื ความเปน มา ศาสดา นกิ าย คมั ภรี  หลัก วันถัดไปอีกวนั เป็นวันแรกของเดือนเราะมะฎอน คาํ สอนพน้ื ฐาน และพธิ กี รรมสาํ คญั ทางศาสนา ใหนกั เรยี นกลุมที่รบั ผดิ ชอบชว ยกนั ตอบ ๓. ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู 2. นักเรียนกลุม ทีร่ ับผิดชอบในการศกึ ษาความรู ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูนั้น โดยเริ่มต้นมีศาสนาพราหมณ์เป็นพื้นฐาน และต่อมาได้ เก่ยี วกับศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดูแจกใบความรูที่ วิวัฒนาการมาเป็นศาสนาฮินดู กล่าวคือ ต้ังแต่สมัยเริ่มแรกจนถึงสมัยก่อนพุทธกาลเป็นศาสนา กลุมตนจัดทําใหน กั เรียนกลุมอ่นื ๆ แลวสง ตัว พราหมณ์ ส่วนสมยั หลงั พุทธกาลเป็นศาสนาฮินดู แทนออกมานําเสนอความรูท่ีหนา ช้นั เรียน จากนน้ั ครูใหน ักเรียนกลุมอืน่ ชวยกันตั้งคําถาม ๓.๑ ประวัตคิ วามเปน็ มา สอบถามขอสงสยั จนเกดิ ความรคู วามเขาใจท่ี ตรงกัน แลว ครสู ุมถามความรเู กีย่ วกบั ศาสนา เม่ือพวกอารยันอพยพเข้ามาต้ังถิ่นฐานในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียเมื่อประมาณ พราหมณ- ฮินดใู หน ักเรียนกลุมอนื่ ชวยกันตอบ ๑,๐๐๐ ปกี อ่ นพทุ ธกาลไดร้ บั เอาการนบั ถอื เทพเจา้ ของชนพนื้ เมอื งเขา้ มาผสมผสานกบั วฒั นธรรม ในประเด็นตางๆ ดังนี้ ขธรอรงมตชนาต1จิตึง่าไงดๆ้เกดิดังศนา้ันสจนึงาตพ้อรงามหีกมาณรก์ขลึ้น่าวคใน�าสสรมรัยเสนร้ันิญคแนลอะินบเูชดาียเทโบพรเาจณ้า ตเ่ามงื่อนเับวลถาือผเ่าทนพไเปจพ้าปิธีกรระรจม�า • ประวัตคิ วามเปน มา ต่างๆ เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น จนเกิดผู้ที่มีความรู้ความเช่ียวชาญในการประกอบพิธีกรรม • ศาสดา ซง่ึ ตอ่ มาเรยี กวา่ “พราหมณ”์ ในสมัยพระเวทชาวอารยันได้แบ่งเทพเจ้าออกเป็น ๓ กลุ่ม คือ เทพบนพื้นโลก เทพบน อากาศ และเทพบนสวรรค์ ซึง่ ประกอบดว้ ยเทพต่างๆ มากมาย เมอื่ เวลาผ่านไปเทพเจา้ องค์ใด ไดร้ บั การนบั ถอื มากทสี่ ดุ กจ็ ะไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ เทพเจา้ ผยู้ ง่ิ ใหญท่ สี่ ดุ เรยี กวา่ พระประชาบดี หรือเรียกอกี ชื่อหนึง่ วา่ พระพรหม ๒ องคต์ ค่ออืมาพศราะสศนิวาะพ(รพารหะอมศิณว์-รฮ)ินแดลู ะพไดร้วะิววิษัฒณน2ุา(กพารระมนาาเรปาย็นณล�า์)ดใับนจรนะยเกะแิดรเกทๆพเเจท้าพผเู้ยจ่ิงา้ ใทหัง้ ญ๓่ขึ้นอองีกค์ คือ พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุไดร้ ับการนบั ถือเท่าเทียมกัน เรียกว่า ลัทธติ รมี รู ติ แปลว่า รปู สาม โดยถอื วา่ เทพเจา้ ทง้ั สามองคน์ แ้ี ทจ้ รงิ แลว้ เปน็ องคเ์ ดยี วกนั แตแ่ บง่ ภาคออกเปน็ สามองค์ เพื่อท�าหนา้ ทตี่ า่ งกนั คือ พระพรหมเป็นผ้สู รา้ ง พระวิษณเุ ปน็ ผูร้ ักษา พระศวิ ะเป็นผทู้ �าลาย เมอ่ื พระพรหมสรา้ งโลกแล้ว พระวิษณุก็เปน็ ผ้ดู แู ลรักษาแตม่ นษุ ยย์ ังเตม็ ไปด้วยโลภ โกรธ หลง ยงั ท�าความชั่ว มีการเบยี ดเบียนกัน เมอ่ื ความชั่วรา้ ยทม่ี นุษยท์ า� มมี ากข้นึ จนสุดทจี่ ะเยยี วยา 161 กจิ กรรมสรา งเสรมิ นกั เรียนควรรู ครอู าจมอบหมายใหนักเรยี นศกึ ษาความรเู พ่มิ เตมิ เกยี่ วกับหลักคาํ สอน 1 เทพเจาประจําธรรมชาติ เปน แนวคิดและความเช่ือรว มในหลายแหลง และหลกั การปฏิบัตขิ องศาสนาอสิ ลามจากแหลงการเรียนรทู ค่ี รูเสนอแนะ วฒั นธรรมของโลก ซ่งึ พิจารณาไดถงึ อิทธพิ ลของสิ่งแวดลอ มทางธรรมชาติกบั ชวี ติ เพ่อื นําเสนอตอชั้นเรียน ความเปนอยูของคนในสมัยโบราณ เทพเจาประจาํ ธรรมชาติในระยะของศาสนา พราหมณ เชน พระอาทติ ย เทพแหงไฟหรอื ดวงตะวนั พระแมธ รณี เทวีแหง ผืน กิจกรรมทาทาย แผนดิน และพระแมคงคา เทพแี หง สายนาํ้ เปนตน 2 พระวิษณุ ในศาสนาพราหมณ-ฮินดูเชอ่ื วา ทรงมเี ทวานุภาพขจดั สิง่ ชว่ั ราย ครูอาจมอบหมายใหนกั เรยี นศกึ ษาความรูเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกับหลกั คําสอน ทง้ั ปวง พระองคท รงคุมครองทกุ สรรพชีวิต ทรงบนั ดาลอาํ นาจวาสนาแกมนุษย และหลักการปฏิบตั ิของศาสนาอสิ ลามจากแหลงการเรยี นรูอ่นื เพ่อื วิเคราะห ทกุ คนท่รี ะลกึ ถึงพระองคอยูเสมอ อสรู และเหลา มารทุกตนลวนแลวแตเกรงกลัว ถึงความสอดคลอ งของขาวทเี่ ก่ียวของกับศาสนาอิสลามในดานตางๆ กบั อานภุ าพแหง พระองค ดวยพระองคท รงอวตารปางตางๆ เพ่อื ปราบยุคเข็ญ หรือ การปฏบิ ัติในขา วดงั กลาว แลวนําเสนอตอช้ันเรียน ทเี่ รยี กวา นารายณ 10 ปาง เชน รามาวตาร อวตารเปน พระรามในมหากาพยร ามายณะ หรอื รามเกยี รติ์ เพอื่ ปราบยกั ษท ศกณั ฐ รวมถงึ พทุ ธาวตาร อวตารเปนพระพุทธเจา (จนถึงยคุ ปจจบุ นั ) อวตารเพอ่ื ปราบทา ววสวตั ดมี าร และเพื่อมาประทานธรรมะ แกชาวโลก คู่มือครู 161

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู มุ ถามความรเู กย่ี วกบั ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ใหนักเรียนกลุม อื่นชวยกนั ตอบ ในประเดน็ ตางๆ ดงั นี้ • นกิ ายสาํ คัญ • คัมภีรท างศาสนา พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ เทพเจ้าผู้ทรงสรา้ งโลก เทพเจ้าผูพ้ ทิ กั ษ์ คมุ้ ครองโลก เทพเจ้าผทู้ า� ลายโลก มีพระสรุ สั วดีเปน็ ชายา มีพระอุมาเทวเี ป็นชายา มีพระลักษมีเปน็ ชายา พระศิวะก็จะท�าลายโลกให้พินาศ เมื่อพระพรหมสร้างโลกขึ้นใหม่ มนุษย์ก็จะค่อยๆ ท�าความชั่ว สะสมข้ึนใหม่อีก โลกก็จะถูกท�าลายลงอีก ระยะเวลาต้ังแต่โลกถูกสร้างข้ึนถึงเวลาที่พระเป็นเจ้า ทา� ลายโลก เรยี กวา่ หนงึ่ กัลป (หรอื กัปป) ๓.๒ นิกายสÓคญั นิกายในศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดถู อื ว่ามี ๓ นกิ าย ทส่ี า� คัญ ได้แก่ ๑. นิกายไศวะ นิกายน้ีนับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด นับถือศิวลึงค์ โดยถือว่าเป็น เครอื่ งหมายแหง่ เพศซึง่ เปน็ ผูส้ ร้างสรรพสงิ่ ในโลก ๒. นิกายไวษณพ นิกายนี้นับถือว่าพระวิษณุเป็นเทพเจ้าสูงสุด เม่ือโลกเกิดยุคเข็ญพระวิษณุ ก็จะอวตารลงมาปราบยคุ เขญ็ ในปางตา่ งๆ ๓. นิกายพรหม นิกายน้ีนับถือพระพรหมเป็นใหญ่กว่าเทพเจ้าอ่ืนๆ เป็นนิกายเก่าแก่ แต่ภายหลงั มีความสาำ คัญนอ้ ยลงเมอื่ คนหนั ไปนบั ถือพระศวิ ะและพระวิษณุมากข้ึน นอ1กจาก ๓ นิกายดงั ไดก้ ลา่ วมาแล้ว ยงั มีนิกายยอ่ ยตา่ งๆ อีกมากมาย เช่น นิกายศากตะ หรอื ศักติ ซง่ึ นบั ถือบูชาเทวีของพระเปน็ เจ้า เช่น พระอุมาซ่ึงเปน็ ชายาของพระศิวะ พระลักษมี ซ่งึ เป็นชายาของพระวษิ ณุ และพระสรุ ัสวดีซง่ึ เป็นชายาของพระพรหม เปน็ ตน้ 16๒ นกั เรยี นควรรู ขอสอบ O-NET 1 นิกายศากตะหรือศักติ ประกอบดวย พระแมสรัสวดี พระแมลกั ษมี ขอสอบป ’52 ออกเก่ียวกบั ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู พระแมอมุ า ซึง่ เปนชายาของมหาเทพตรีมรู ติ คือ พระพรหม พระวษิ ณุ พระศวิ ะ ขอใดกลาวถูกตอ งเกยี่ วกบั ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ตามลาํ ดับ พลงั อํานาจแหงมหาเทวีทั้งสาม คือ พระแมสรัสวดเี ปน ตวั แทนแหง 1. เปน ศาสนาที่ไมมีศาสดา ปญญาความรู พระแมลกั ษมเี ปนตัวแทนแหง ความร่ํารวย และพระแมอ ุมาเปน 2. กอ นพทุ ธกาลเรียกวา ศาสนาพราหมณ ตัวแทนแหงความมอี ํานาจ นอกจากนยี้ ังมีการนับถือเทวีอีกหลายองค 3. ในยคุ พระเวทนบั ถือพระเจาพระองคเดียว 4. ยกยองพระพรหมวาย่ิงใหญกวาเทพเจาองคอ นื่ มมุ IT วเิ คราะหคําตอบ ศาสนาพราหมณถอื กาํ เนิดขึน้ ในชมพูทวปี โดยชาว อารยนั ที่อพยพมาจากทางตอนกลางของทวีปเอเชีย เปน ศาสนาที่ไม สบื คน ขอ มูลความรูเกยี่ วกบั ศาสนาพราหมณ- ฮินดเู พิม่ เตมิ ไดท่ี ปรากฏศาสดา ในระยะแรกเรียกวา ยุคพระเวท นับถือพระพรหมเปน http://www.crs.mahidol.ac.th/thai/brahman.htm เว็บไซตวิทยาลัยศาสน- เทพเจา สูงสดุ ผูใหกาํ เนิดสรรพส่ิงท้ังปวง ระยะตอมามกี ารนบั ถอื เทพเจา ศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหิดล มากข้นึ ท่ีสาํ คัญไดแ ก พระศวิ ะและพระนารายณ ภายหลังพระพุทธ- ศาสนาถือกาํ เนดิ ข้ึน ศาสนาพราหมณม วี วิ ฒั นาการเปน ศาสนาฮินดทู ี่ 162 คู่มอื ครู มคี วามเชอื่ หลายประการคลา ยคลงึ กับพระพุทธศาสนา จึงเรียกรวมวา ศาสนาพราหมณ-ฮินดู ดังน้ันคําตอบคอื ขอ 1.-4.

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๓.๓ คัมภีร์ทางศาสนา ครสู มุ ถามความรเู กย่ี วกบั ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ใหน ักเรียนกลุม อ่ืนชว ยกนั ตอบ ในประเด็นตา งๆ คัมภีร์ที่ส�าคัญ คือ คัมภีร์พระเวท ซ่ึงเป็นคัมภีร์ที่มีความส�าคัญที่สุด ประกอบด้วย ดงั นี้ ๔ คมั ภีร์ ได้แก่ • หลักคําสอนพื้นฐาน • พธิ กี รรมสําคัญทางศาสนา ๑. ฤคเวท วา่ ด้วยคำาออ้ นวอนและบทสรรเสรญิ เทพเจา้ ต่างๆ จากนน้ั ครูและนักเรียนสนทนารวมกนั ถงึ ความ ๒. ยชรุ เวท เปน็ คูม่ อื พราหมณ์ในการทำาพิธีกรรมตา่ งๆ เช่น พธิ ีบูชายัญ สอดคลอ งของหลกั คาํ สอนของศาสนาพราหมณ- ๓. สามเวท เป็นบทสวดเพื่อใชใ้ นพิธียญั กรรมหรือถวายน้ำาโสมแกพ่ ระศิวะและกลอ่ มเทพเจ้า ฮินดกู บั พระพุทธศาสนา โดยเนน หลกั คําสอนท่ี ๔. อาถรรพเวท เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมคาถา อาคม หรือเวทมนตร์ สำาหรับใช้สวดเพ่ือนำา สงเสริมการอยรู วมกันอยา งสันติสขุ สิรมิ งคลมาให้หรือเพอ่ื ทาำ ให้เกดิ เภทภัยแกศ่ ัตรู ๓.๔ หลกั คÓสอนพน้ื ฐาน1 ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูมีอิทธิพลต่อการด�าเนินชีวิตของชาวอินเดีย โดยมีพิธีกรรมหรือ หลักปฏิบัตทิ างศาสนาท่ีควรรู้ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) พระเจา้ กบั การสรา้ งโลก ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดเู ปน็ ศาสนาประเภทเทวนยิ ม คือ เช่ือว่ามีพระเป็นเจ้าซ่ึงเป็นผู้ทรงสร้างโลก เร่ิมแรกเช่ือว่ามีพระพรหมเป็นผู้สร้างโลก ต่อมา เชอ่ื ว่ามพี ระศวิ ะและพระวิษณรุ ่วมสรา้ งด้วย (๒) กฎแห่งกรรมและสังสารวัฏ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเช่ือเรื่องกรรมและการ เกิดใหม่ คือ เชื่อว่าท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ช่ัว และเช่ือเร่ืองการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ผทู้ บ่ี รรลุความหลดุ พ้นแลว้ เท่านนั้ ทีต่ ายแล้วไมต่ อ้ งเกดิ ใหม่อีก (๓) วรรณะ ๔ ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู แบ่งคนในสงั คมเป็นวรรณะ ๔ วรรณะ คือ ๑. วรรณะพราหมณ์ ๒. วรรณะกษตั รยิ ์ ๓. วรรณแพศย์ (หรอื ไวศยะ) ๔. วรรณะศูทร นอกจากน้ียังมีคนนอกวรรณะ เรียกว่า จัณฑาล เป็นพวกที่เกิดจากบิดามารดา ตา่ งวรรณะกัน (๔) หลักอาศรม ๔ อาศรม ๔ หมายถึง ขั้นตอนของชีวิตหรือทางปฏิบัติเพ่ือ ยกระดับชีวิตให้สูงข้ึนตามล�าดับ จนกระทั่งบรรลุโมกษะอันเป็นจุดหมายปลายทางของชีวิต น่ันคือ หลดุ พน้ จากสงั สารวฏั ขัน้ ตอนการดา� เนินชีวติ ตามหลกั อาศรมน้ีมี ๔ ข้ันตอน คอื 163 ขอ สอบ O-NET เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’51 ออกเก่ียวกบั ส่ิงศักด์ิสทิ ธสิ์ งู สุดของศาสนาพราหมณ ครอู าจสนทนารว มกนั กับนักเรยี นถึงแนวคิดในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดกู ับ ศาสนาพราหมณชวงทีเ่ ปลี่ยนเปนเอกเทวนิยมนบั ถอื สงิ่ ใดเปน พระพทุ ธศาสนา เพอื่ ใหน ักเรยี นเขาใจความสมั พันธข องแนวคดิ และพิธกี รรมของ ศาสนาทั้งสอง และสามารถจาํ แนกแนวคิด หลกั ธรรมคาํ สอน และพธิ ีกรรมของ สิ่งศกั ดิส์ ทิ ธิส์ งู สุด พระพุทธศาสนากับศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดไู ด อนั นาํ ไปสกู ารปฏิบัตติ นตาม 1. โมกษะ หลกั ธรรมคาํ สอนและมีสว นรว มในพิธีกรรมอยางถกู ตองเหมาะสม 2. พระเวท 3. พรหมนั นักเรยี นควรรู 4. ตรีมรู ติ 1 หลกั คําสอนพน้ื ฐาน ในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดูนอกจากหลักอาศรม 4 ไดแก วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. พรหมัน หรือปรมาตมัน คือ วิญญาณอัน หลักธรรม 10 ประการ เชน ธฤติ ไดแ ก ความพอใจ ความกลา ความมั่นคง ซง่ึ หมายถงึ การพากเพยี รจนไดรบั ความสาํ เร็จ กษมา ไดแ ก ความอดทน นั่นคอื ยิง่ ใหญซงึ่ เปนจุดกาํ เนดิ ของมนุษยทง้ั ปวง และเมื่อสน้ิ ชวี ติ ลงวญิ ญาณก็ พากเพยี รและอดทน โดยยดึ ความเมตตากรณุ าเปนที่ตั้ง และทมะ ไดแ ก การขม จะกลบั ไปรวมกับพรหมนั อีกครั้ง ผูท น่ี ับถอื ศาสนาพราหมณจ งึ นับถอื จิตใจของตนดว ยเมตตา และมสี ติอยเู สมอ เปน ตน พรหมนั เปน สิ่งศกั ด์สิ ทิ ธิ์สงู สุด สวนโมกษะนนั้ หมายถึง การหลุดพนจาก การเวยี นวายตายเกิด ค่มู ือครู 163

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครสู มุ นกั เรียนใหผ ลดั กนั ออกมาเขียนราย ๑. พรหมจารี (ผเู้ ป็นนักศกึ ษา) เดก็ ชายทกุ คนทเ่ี กดิ ในตระกลู พราหมณ์ กษตั รยิ ์ ละเอียดเกยี่ วกับศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดูลงในผัง ความคดิ ทก่ี ระดานหนา ชน้ั เรียน ซึง่ ครูอาจกําหนด แพศย์ (ยกเวน้ ศทู ร) เมอื่ อายุครบ ๕ ปี ๘ ปี และ ๑๖ ปี ตามล�าดับ จะตอ้ งเข้าพิธมี อบตนเปน็ หัวขอสําคัญไวล ว งหนา เชน ประวัติความเปนมา ศาสดา นกิ ายสาํ คญั คมั ภรี ท างศาสนา หลกั คาํ สอน ศษิ ย์ศึกษาพระเวทกบั อาจารย์ พิธีน้ีเรยี กว่า อุปนยัน พน้ื ฐาน และวันสาํ คัญ เปนตน ๒. คฤหัสถ์ (ผู้ครองเรือน) จากนั้นครเู พิ่มเตมิ เพือ่ ใหข อ ความรถู ูกตองครบ ถวน แลว ครูนําในการสรปุ ความรูของนักเรยี นเก่ียว เมอ่ื เสรจ็ ภารกจิ ในขน้ั พรหมจารแี ลว้ พราหมณ์ กบั ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู นกั เรยี นบนั ทกึ ผงั ความคดิ และความรทู สี่ รุปไดลงในสมุด เหลา่ นจี้ ะกลบั สู่บา้ นเรอื นของตน เพอื่ แต่งงาน และมีบุตรสืบสกุล พร้อมท�าหน้าที่คฤหัสถ์ ผู้ครองเรือนในฐานะหัวหน้าครอบครัวให้ สมบูรณ์ ๓. วานปรัสถ์ (นักบวช) การ ปฏิบัติตนของพราหมณ์ในขั้นน้ีคือ การเข้าสู่ ป่าหาความสงบเพ่ือฝึกจิตใจของตนให้บริสุทธ์ิ 1 ตามล�าพัง การเข้าป่าเพ่ือหาความวิเวกน้ีอาจ กระท�าเปน็ คร้งั คราวแลว้ กลบั สู่เรือนอีกได้ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก) เป็นวัดฮินดูที่เก่าแก่ ทส่ี ดุ ในประเทศไทย ต้งั อยบู่ นถนนสีลม ๔. สันยาสี (ปริพาชก) เป็น หลักอาศรมขั้นสุดท้ายของชีวิต หมายถึง การสละชีวิตแบบคฤหัสถ์เพ่ือออกบวช บ�าเพ็ญเพียร ตามหลักศาสนา เพื่อจุดมุ่งหมายปลายทางของชีวติ คอื โมกษะ ๓.๕ พิธกี รรมสÓคัญ ชาวฮินดูมีพิธีกรรมทางศาสนาแบ่งเปน็ ๔ หมวด ดงั น้ี (๑) ข้อปฏบิ ตั ิเกี่ยวกับวรรณะ มกี ฎส�าหรบั วรรณะให้ปฏบิ ัตอิ ย่างเคร่งครัด เชน่ การแต่งงาน จะตอ้ งแตง่ งานใหถ้ กู ตอ้ งตามโคตรตามตระกลู และจะแตง่ งานกับ คนนอกวรรณะไม่ไดเ้ ป็นอนั ขาด อาหารการกิน คนในวรรณะต�่าจะปรุงอาหารให้คนในวรรณะสูงกินไม่ได้ คนละ วรรณะกนิ อาหารร่วมกันก็ไม่ได้ อาชีพ มีอาชีพแบ่งไว้ส�าหรับคนในวรรณะต่างๆ ไว้แตกต่างกัน ใครอยู่ใน วรรณะใดต้องทา� อาชพี อย่างน้ัน 164 นักเรยี นควรรู ขอ สอบ O-NET ขอ สอบป ’53 ออกเกีย่ วกับหลกั อาศรม 4 1 วดั พระศรีมหาอุมาเทวี หรอื วดั แขกสลี ม เปนวัดในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ผูส ูงอายุจะปฏิบตั ิตามหลักอาศรม 4 ขนั้ ใด สรา งขึ้นเพือ่ เปน สถานทีถ่ วายการสกั การบชู าพระอุมาเทวี พระมเหสพี ระศวิ ะ 1. สันยาสี วดั นีม้ หี ลักฐานปรากฏมาตง้ั แตร ชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา เจาอยหู ัว 2. คฤหัสถ ราว พ.ศ. 2453-2454 โดยคณะผศู รทั ธาชาวอินเดียใตที่เดนิ ทางทางทะเลเขา มาต้ัง 3. วานปรสั ถ ถ่นิ ฐานอยูบนดนิ แดนยา นแหลมมลายู รวมทง้ั ทางภาคใตข องประเทศไทย 4. พรหมจารี ศาสนสถานสําคญั อ่ืนในศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู เชน เทวสถาน เขตพระนคร วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. สันยาสี และขอ 3. วานปรสั ถ กลาวคอื กรุงเทพฯ โดยพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา จุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณา วานปรสั ถ หรือนักบวช เปนการเขาสปู าเพอื่ หาความสงบในการฝกจติ ใน โปรดเกลา ฯ ใหสรางขนึ้ เมื่อ พ.ศ. 2327 สง่ิ กอสรางหลกั คอื โบสถทัง้ หมด 3 หลัง ของตนเองใหบ รสิ ทุ ธ์ิ สว นสนั ยาสี หรอื ปริพาชก เปนหลกั อาศรมในข้ัน เปนอาคารกอ อฐิ ถอื ปูนชนั้ เดยี ว ประดษิ ฐานพระศวิ ะ พระพฆิ เนศวร และพระวษิ ณุ สุดทายของชีวติ โดยการสละเพศแบบคฤหสั ถแ ลว ออกบวชเพ่ือบําเพญ็ เพยี ร กระทงั่ บรรลุจุดมงุ หมายสงู สดุ ของศาสนา คอื โมกษะ อันไดแก การหลุดพน จากการเวยี นวายตายเกดิ 164 ค่มู ือครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครูสนทนารวมกันกบั นกั เรยี นกลมุ ท่รี บั ผิดชอบ การศึกษาความรเู กยี่ วกับศาสนาสขิ แลว สอบถาม ถงึ สาระสําคญั ของประวตั คิ วามเปน มา ศาสดา นกิ าย คัมภีร หลักคําสอนพื้นฐาน และพธิ ีกรรม สําคญั ทางศาสนา ใหนกั เรียนกลมุ ทรี่ ับผดิ ชอบ ชว ยกันตอบ ชาวฮินดูท่ีนับถือเทพเจ้าก�าลังประกอบพิธีบูชาและสรง เทวรูปพระหนุมาน เทพเจ้าลิงท่ีได้รับการนับถือในหมู่ ชาวฮนิ ดบู างสว่ น (๒) พธิ สี งั สการ ไดแ้ ก่ พธิ กี รรม1ทท่ี า� ใหบ้ รสิ ทุ ธิ์ หมายถงึ คนทเี่ กดิ ในวรรณะพราหมณ์ กษตั รยิ ์ แพศย์ (ยกเวน้ ศทู ร) จะตอ้ งผา่ นพธิ สี งั สการนเี้ สยี กอ่ นจงึ จะนบั วา่ เปน็ ผบู้ รสิ ทุ ธ์ิ พิธีสงั สการ มีอยู่ ๑๒ อย่าง เชน่ พิธีตัง้ ครรภ์ พธิ คี ลอดบตุ ร พธิ โี กนจกุ พธิ คี ลอ้ งดา้ ยศกั ดส์ิ ทิ ธหิ์ รือยัชโยปวีต พิธีแตง่ งาน เปน็ ต้น (๓) พิธีศราทธ์ ได้แก่ พิธีท�าพลีกรรมให้แก่ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ โดยให้ บุตรชายเป็นผู้กระท�าพิธีบวงสรวงบูชา เพราะมีความเช่ือกันว่า บุตรชายจะช่วยให้ผู้ที่ล่วงลับไป พน้ จากนรกขุม “ปตุ ตะ” พธิ ศี ราทธ์น้จี ะตอ้ งทา� เดอื นละครั้งเป็นอย่างน้อยตลอดปี (๔) พธิ บี ชู าเทวดา ชาวฮนิ ดมู เี ทพเจา้ ทเ่ี คารพบชู ามากมายหลายองค์ แตป่ ระชาชน ผู้อยู่ในวรรณะต�่าจะถูกกีดกันไม่ให้ร่วมบูชาเทวดาของพวกในวรรณะสูงได้ จึงต้องสร้างเทพเจ้า ของตนเองขน้ึ เพอื่ ไวบ้ ูชาต่างหาก เชน่ เจา้ แม่กาลี เทพลิง รุกขเทพ เทพช้าง ลงิ คเทพ เปน็ ต้น ซ่งึ พิธบี ูชากจ็ ะแตกตา่ งกันไปตามวรรณะ ๔. ศาสนาสิ¢ ศาสนาสิขเป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๐๑๒ ในประเทศ อินเดยี โดยมีท่านคุรุนานกั เป็นผ้กู ่อต้ังและประกาศ และมศี าสดาถงึ ๑๐ องค์ ศาสนาสขิ เกิดเนื่อง มาจากการบีบบังคับในทางการเมือง เกิดจากการบังคับขู่เข็ญท่ีได้รับจากคนในศาสนาอื่น ดังน้ัน ศาสนาสิขจงึ เปน็ ศาสนาของผูก้ ลา้ หาญ ของผูเ้ สยี สละ และเป็นศาสนาของทหารและของนักรบ 165 ขอ สอบ O-NET นักเรยี นควรรู ขอ สอบป ’52 ออกเก่ยี วกับพธิ ีกรรมในศาสนาพราหมณ- ฮินดู 1 พธิ กี รรม ในศาสนาพราหมณ- ฮินดูมีการผสมผสานกบั ความเชื่อของทองถ่ิน พธิ ีกรรมประจาํ บานของศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู 12 ประการ คือพธิ ใี ด และพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะพธิ กี รรมท่ีเก่ียวขอ งกบั พระมหากษตั รยิ ซึง่ ถอื วา 1. พธิ ศี ราทธ เปน องคอ วตารของพระวิษณุ โดยเรยี กวา พระราชพธิ ี และยงั คงปฏบิ ตั สิ ืบเนอื่ งมา 2. พธิ สี งั สการ จนถงึ ปจ จุบัน เชน พระราชพิธบี รมราชาภิเษก พระราชพิธถี ือน้าํ พิพฒั นสตั ยา 3. พิธีบูชาเทวดา พระราชพธิ พี ชื มงคล-จรดพระนงั คลั แรกนาขวญั สว นพระราชพธิ ตี รยี มั พวาย-ตรปี วาย 4. พิธปี ระจําวรรณะ ซงึ่ มพี ธิ โี ลช งิ ชา เปน สว นหนงึ่ ไดถ กู ยกเลกิ ไป ปจ จุบนั การประกอบพระราชพธิ ีนี้ จะกระทาํ ภายในเทวสถานเทา น้ัน วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. พธิ สี ังสการ เนือ่ งจากเปนพิธกี รรมท่ีเก่ยี ว มมุ IT เนือ่ งกับชวี ิตของผูท ีน่ บั ถอื ศาสนาพราหมณ- ฮินดู โดยเฉพาะในวรรณะ พราหมณ กษัตรยิ  และแพทย เช่อื วาทําใหเปนผบู รสิ ุทธิ์ ประกอบดวย 12 ศึกษาความรูเกย่ี วกับศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดูในประเทศไทย และพระราชพธิ ี พธิ ี เชน พธิ ีตงั้ ครรภ พธิ คี ลอด และพธิ ีแตงงาน เปน ตน ตา งๆ เพิ่มเติมไดที่ http://devasthan.org/ เวบ็ ไซตเทวสถาน โบสถพ ราหมณ คมู่ อื ครู 165

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ นกั เรียนกลมุ ที่รบั ผดิ ชอบในการศึกษาความรู ๔.๑ ประวตั คิ วามเปน็ มา เกี่ยวกบั ศาสนาสขิ แจกใบความรทู ่กี ลุม ตนจัดทําให นักเรียนกลมุ อน่ื ๆ แลว สงตัวแทนออกมานําเสนอ ปฐมศาสดาของศาสนาสิขมีนามเดิมว่า นานัก (Nanak) เกิดท่ีนิคมตัลวันดี ความรทู หี่ นาชั้นเรียน จากนั้นครใู หน ักเรยี นกลมุ อื่นชวยกันต้ังคําถามสอบถามขอสงสัยจนเกิดความ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองลาฮอร์ รคู วามเขาใจทีต่ รงกนั แลว ครูสมุ ถามความรเู กย่ี ว กบั ศาสนาสิขใหน กั เรยี นกลมุ อน่ื ชว ยกนั ตอบ ใน รฐั ปญั จาบ เมอ่ื พ.ศ. ๒๐๑๒ บดิ าชอ่ื กาลู มารดา ประเด็นตา งๆ ดังนี้ ช่ือ ตฤปตา เม่ือนานักเจริญวัยแล้วก็ได้รับ • ประวัติความเปนมา • ศาสดา การศกึ ษาตามแบบอยา่ งตระกลู ของตน ครนั้ นานกั อายุได้ ๑๔ ปี ไดแ้ ตง่ งานกบั สลุ กั ขนี ผลของ การแตง่ งานท�าให้มีบตุ ร ๒ คน คือ ศรีจันทร์ และลกั ษมีดาส นานัก เป็นผู้ท่ีสนใจการศึกษาและมี อัธยาศัยเมตตาปรานีต่อคนอ่ืน มีความรัก เพอื่ นมนษุ ย์ ชอบใหค้ วามชว่ ยเหลอื เพอื่ นมนษุ ย์ ผตู้ กทกุ ข์ไดย้ าก ชอบจารกิ แสวงบญุ ตามสถานท่ี ทา่ นครุ นุ านกั ปฐมศาสดาของศาสนาสขิ ต่างๆ ตามความนิยมของนักบวชในสมัยนั้น แต่นานักไมล่ ะทง้ิ ครอบครวั ต่อมาวันหน่ึง นานักอาบน�้าช�าระร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางเข้าป่าตามที่ เคยกระท�ามาเป็นปกติ มองหาสถานท่ีสงบเพื่อบ�าเพ็ญสมาธิหาความสุขทางใจ แล้วได้เกิด ปทรรงากกลฏ่ากวาแรกณ่น์ทาน�าใักหว้่มา อ“งทเ่าหน็นจพงรอะยเู่กปับ็นคเุรจ1ุ ้าจผงู้มยีกึดาถยือทนิพามยข์มอางปครุราุ กอฏยต่านยึดตถ่อือหอนย้าู่กนับาโนลักก พร้อมกับ จงให้ทาน และชา� ระกายและใจ จงบชู าพระเป็นเจ้าผเู้ ป็นปฐมพรหม และตัวท่านนัน้ แลจงเป็นทิพยครุ ”ุ เรื่องนา่ รู้ สขิ ค�าว่า “สิข” (Sikh) เป็นภาษาปัญจาบีหรือภาษาปัญจาบ จะตรงกับค�าว่า “สิกขา” ในภาษาบาลี หมายถึง ผ้ศู ึกษาหรือศิษย์ แต่สิขไม่ใช่ฮินดูและไม่ใช่มุสลิม ไม่รับรองการอดอาหารของท้งั ๒ ศาสนา ไม่ยอมรับการนมัสการ รว่ มกบั พวกฮนิ ด ู ไมจ่ ารกิ ไปนครมกั กะฮ ฺ ไมส่ วดมนตต์ อ่ หนา้ รปู เคารพ และไมส่ วดบทสวดของมสุ ลมิ 166 บูรณาการเชอ่ื มสาระ ครสู ามารถจดั กิจกรรมการเรียนรบู รู ณาการวิชาหนา ทพ่ี ลเมอื ง นักเรียนควรรู วัฒนธรรม และการดาํ เนนิ ชวี ิตในสงั คม เรอื่ งลกั ษณะทางวฒั นธรรม ไทย ในดา นศาสนาและความเชอื่ และการปฏิบตั ิตนตามหลักคาํ สอนทาง 1 คุรุ หมายถึง ผสู ัง่ สอน ครู มาจากภาษาสนั สกฤต เกิดจากการรวมคําวา คุ ศาสนาทีต่ นนับถอื เพือ่ การอยูรว มกนั อยางสันตสิ ขุ โดยอธบิ ายใหน กั เรียน ซง่ึ แปลวา แสงสวา ง หมายถงึ เปนผูชท้ี างแสงสวา ง และคาํ วา รุ แปลวา ความ เขา ใจถึงลักษณะทางสงั คมและวัฒนธรรมไทยท่ไี ดรบั อิทธพิ ลจากศาสนา มืดมน หมายถงึ เปน ผูข จดั ความเขลาทมี่ ืดมน ในศาสนาพราหมณ- ฮินดู มาจาก ตา งๆ เชน ศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู ทผ่ี สมผสานความเชอื่ กบั พระพุทธ- ปรชั ญาความเชือ่ ในความสําคญั ของการเขา ถึงความรู โดยมคี รุ ุเปนผูช ักนําไปสจู ดุ ศาสนา มีอทิ ธิพลอยา งยงิ่ ในการประกอบพิธีกรรมตางๆ ของไทย แลว สงู สุด ในประเทศอนิ เดียในปจ จบุ ัน สาํ หรับผูท่นี บั ถอื ศาสนาพราหมณ-ฮินดูและสขิ ใหน ักเรยี นสืบคน วฒั นธรรมไทยที่เกิดจากอทิ ธพิ ลของศาสนาสาํ คัญใน คาํ นี้ยงั คงความหมายของความศักดิส์ ทิ ธ์ิ ในสว นของภาษาไทยมกี ารใชในความ ประเทศไทยตางๆ จดั ทาํ เปน ปา ยภาพประกอบขอมลู จากน้ันใหผลัดกัน หมายทีเ่ ก่ียวกับครู เชน คุรุสภา (ในภาษาบาลีใช ครุ เชน ครุศาสตร ครุภัณฑ) ออกมานาํ เสนอหนาชนั้ เรยี น เพ่ือสง เสริมใหนกั เรียนเกดิ ความรแู ละเขาใจ อยางไรก็ตามในปจจบุ นั มีความนยิ มใชคํานี้ในความหมายของผูเชย่ี วชาญเฉพาะ เกีย่ วกับอทิ ธิพลของศาสนาสําคญั ในประเทศไทย โดยเฉพาะในดานสงั คม ดานในสาขานน้ั ๆ และวัฒนธรรม อนั นาํ ไปสูการอยรู ว มกันของศาสนิกชนตางศาสนาอยาง สนั ติสขุ 166 คมู่ อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู้ Explain คร้ันเมื่อนานักได้ดวงตาทิพย์แล้วก็ปรากฏนามใหม่ว่า คุรุนานัก และท่านได้พ�านักอยู่ใน ครูสมุ ถามความรูเกี่ยวกับศาสนาสขิ ให ป่าน้ันเป็นเวลา ๓ วัน เพื่อหาความสงบและความสุขทางใจ แล้วได้เดินทางกลับบ้านของตน นักเรยี นกลมุ อน่ื ชว ยกนั ตอบ ในประเดน็ ตา งๆ สละทานและมอบทรัพย์สมบัติแก่คนยากจน แล้วจึงถือเพศเป็นนักพรตเดินทางท่องเที่ยวไปเพ่ือ ดังน้ี ประกาศหลักค�าสอนใหม่ในนามแห่งพระเป็นเจ้า “อกาลปุรุข” องค์เดียว คุรุนานักได้ประกาศ หลักคา� สอนจนกระท่งั วาระสดุ ทา้ ยแหง่ ชีวิตก็ไดล้ ะสังขารของตนเมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๐๘๒ • นกิ ายสําคญั • หลักคําสอนพ้ืนฐาน ๔.๒ นิกายสÓคัญ • พธิ กี รรมสําคญั ทางศาสนา จากน้นั ครูและนกั เรียนสนทนารวมกันถึง ศาสนาสิขมี ๒ นิกายใหญ่ๆ ดงั น้ี ความสอดคลอ งของหลกั คําสอนของศาสนาสขิ กบั พระพทุ ธศาสนา โดยเนน หลักคาํ สอนที่สงเสริม ๑. นกิ ายขาลสา หรอื นกิ ายสิงห์ ได้แก่ นิกายท่ีถือการไวผ้ มและไว้หนวดยาว การอยรู วมกันอยา งสันตสิ ุข ๒. นกิ ายสหชั ธรี หรือนกิ ายนานาปันกี ไดแ้ ก่ นกิ ายที่โกนหนวดเกลีย้ งเกลา ๔.๓ คมั ภีร์ทางศาสนา คัมภีร์ของศาสนาสิขช่ือว่า คุรุครันถ์ซาฮิบ แปลว่า “คัมภีร์ศักด์ิสิทธ์ิ” สาระส�าคัญของ คัมภีร์คุรุครันถ์ซาฮิบ คือ บรรจุค�าสวดมนต์สรรเสริญพระเป็นเจ้า มีพระเป็นเจ้าองค์เดียว คือ อกาลปุรุข เปน็ สัจจะ พระผู้สรา้ ง พระองค์ปราศจากความกลัว ความเคียดแคน้ เปน็ อมาต มีขน้ึ ด้วยพระองคเ์ อง เป็นผูท้ ีย่ งิ่ ใหญ่ ทรงโอบอ้อมอารี คัมภีรค์ รุ คุ รันถซ์ าฮิบแบ่งออกเป็น ๒ เลม่ ดงั นี้ ๑) อาทิครันถ์ แปลว่า คัมภีร์แรก คุรุอรยัน ศาสดาองค์ที่ ๕ เป็นผู้รวบรวม ข้ึนในปี พ.ศ. ๒๑๔๗ มบี ทนิพนธ์ของครุ ุหรือศาสดาต้งั แต่คุรุองคท์ ี่ ๑ ถึงครุ ุองคท์ ี่ ๕ และมบี ท ประพันธ์ของนักบญุ ผมู้ ีช่อื เสียงในศาสนาฮนิ ดู และศาสนาอิสลามผนวกอยดู่ ้วย ๒) ทสมครันถ์ แปลว่า คัมภีร์ของศาสดาองค์ท่ี ๑๐ เป็นชุมนุมบทนิพนธ์ของ ศาสดาองคท์ ี่ ๑๐ คือ คุรโุ ควนิ ทส์ งิ ห์ และถูกรวบรวมขน้ึ หลงั จากที่พระองคส์ ้ินพระชนม์แล้ว ๔.๔ หลกั คÓสอนพ้ืนฐาน ศาสนาสิขเชื่อในพระเป็นเจ้าองค์เดียวเท่านั้นว่าเป็นสัจจะสูงสุด และเรียกพระเป็นเจ้าว่า “พระนาม” ศาสนาสขิ สอนวา่ โลกเปน็ สจั จะ ส่ิงท่พี ระเปน็ เจา้ ทรงสร้างขน้ึ เช่น จักรวาล โลก ทวปี และส่งิ ต่างๆ ก็เป็นสจั จะ พระเป็นเจ้าทรงสรา้ งโลกนขี้ ึ้นมาเพือ่ เปน็ สถานท่กี ระท�าความดี แต่ชีวิต ของมนษุ ยน์ ้นั มีโอกาสนอ้ ยนกั ท่ีจะทา� ใหว้ ญิ ญาณสมบูรณ์ 167 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู ขอใดกลาวไดถ กู ตอ งเกีย่ วกบั ศาสนาสขิ ครูควรอธบิ ายนักเรยี นเพ่ิมเติมเกี่ยวกับแนวคิดสาํ คัญของศาสนาสิข กลา วคอื 1. เปน ศาสนาประเภทเอกเทวนยิ ม ศาสนาสขิ เปนศาสนาท่เี นน ในหลกั ของการปฏิบัติ เปน ศาสนาแหง ความเช่ือมน่ั และ 2. มคี ุรนุ านกั เปนศาสนาเพียงองคเ ดยี ว ศรัทธา การมองโลกในแงด ีและมีความหวงั ดวยเหตุและผล สนับสนนุ ดวยปรชั ญา 3. ถอื กาํ เนิดขึน้ ในเอเชียใตก อ นพระพุทธศาสนา และศาสตรเพอื่ ความกา วหนาของมวลมนุษย จงึ กลา วไดวา ศาสนาสขิ เปนศาสนา 4. ยึดถอื ระบบวรรณะท่คี ลา ยคลึงกับศาสนาพราหมณ- ฮินดู ทีส่ าํ คัญศาสนาหนึง่ ในปจจบุ นั ศาสนาสิขสอนใหทกุ คนมคี วามเทา เทยี มกนั เพราะคนทกุ เช้ือชาติ ทกุ ศาสนา และทกุ ชนช้ันวรรณะ ตา งก็เสมอภาคกันเม่ืออยู วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เปนศาสนาประเภทเอกเทวนยิ ม ศาสนา เบือ้ งหนา พระเจา สขิ นับถือในพระเปนเจา อกาลปรุ ุข หรอื วาเฮค ุรุ เพยี งพระองคเดียว และ มมุ IT มีความเชือ่ วา พระเจาอกาลปรุ ุขเปนผูสรา งจักรวาล โลก ทวีป เพอื่ ให มนษุ ยไ ดกระทาํ ความดีในชวงชีวติ ทก่ี าํ เนิดขน้ึ บนโลก ศกึ ษาความรูเกีย่ วกบั ประวตั ิความเปน มาของศาสนาสขิ และการเผยแผ ศาสนาสิขเขา สปู ระเทศไทยเพมิ่ เติมไดท่ี http://www.thaisikh.org/sikhism/ whatissikhism_th.php เวบ็ ไซตส มาคมไทยซกิ ขแ หงประเทศไทย ค่มู อื ครู 167

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate อธบิ ายความรู้ Explain ครูสุมนกั เรยี นใหผ ลัดกนั ออกมาเขยี นราย ศาสนาสิขย้�าถึงความส�าคัญของพระนามของพระเป็นเจ้า ซ่ึงชาวสิขทุกคนต้องท่อง ละเอียดเกย่ี วกบั ศาสนาสขิ ลงในผังความคิดท่ี และระลกึ ไว้ในใจตลอดเวลาวา่ พระเป็นเจ้าน้นั มีเพียงองคเ์ ดยี ว พระองค์ทรงปรากฏอยู่ในสรรพสิ่ง กระดานหนาชน้ั เรียน ซึ่งครอู าจกําหนดหวั ขอ และทกุ ชวี ติ การมชี วี ติ อยดู่ ว้ ยความสตั ยจ์ รงิ นน้ั เปน็ ชวี ติ ทสี่ งู สง่ ดว้ ยเหตนุ ศ้ี าสนาสขิ จงึ เปน็ ศาสนา สําคัญไวล วงหนา เชน ประวัตคิ วามเปน มา ศาสดา ที่ยึดถือกฎของกรรม โดยประพฤติตนตามหลักศีลธรรม บุคคลผู้ปฏิบัติตามหลักศีลธรรม นกิ ายสําคัญ คมั ภีรท างศาสนา หลกั คําสอนพ้นื ฐาน และคณุ ธรรมย่อมจะร้ตู ัวเองดีวา่ ตนอยู่ใกลห้ รือไกลพระเป็นเจา้ และวนั สาํ คัญ เปนตน ๔.๕ พิธีกรรม จากน้ันครูเพ่มิ เติมเพือ่ ใหขอ ความรถู ูกตองครบ ถวน แลวครนู าํ ในการสรุปความรูของนกั เรียนเก่ยี ว พิธกี รรมทีช่ าวสิขทุกคนพงึ ท�า คอื พธิ ีปาหุล ได้แก่ พิธลี า้ งบาป เมอื่ เสร็จพิธแี ลว้ ก็รับเอา กับศาสนาสขิ นักเรยี นบนั ทึกผังความคิดและความ รูท ่สี รุปไดลงในสมุด “ก” ท้ัง ๕ ประการ ดงั น้ี ขยายความเขา้ ใจ Expand ๑) เกศา ผมท่ไี มไ่ ดต้ ดั เพอ่ื เปน็ เกราะสา� หรบั ศรี ษะ และใหด้ นู า่ เกรงขาม ทา� ลาย ครใู หนกั เรยี นศกึ ษาคนควา ความรเู ก่ียวกบั ขวญั ข้าศึก และเป็นเครอื่ งศรทั ธาตอ่ พระเปน็ เจา้ ทป่ี ระทานผมแกม่ นษุ ย์ หลกั ธรรมเพอื่ การอยูรวมกนั อยา งสันตสิ ขุ ของ ศาสนาครสิ ต ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาพราหมณ- ๒) กังฆา หวีไม้ขนาดเลก็ ซ�งึ เสียบไว้ในผม เพือ่ ดูแลผมใหส้ ะอาดเรียบร้อย ฮนิ ดู และศาสนาสขิ เพม่ิ เตมิ จากแหลงการเรยี น รตู า งๆ เชน นักบวชและศาสนกิ ชนในศาสนาดัง ๓) กฉา กางเกงในขาส้ัน เพ่อื เปน็ การสะดวกสบายและคล่องแคล่วในการเดินทาง กลา ว หนังสือในหองสมดุ รวมถึงเวบ็ ไซต อาทิ http://www.cbct.net/ เวบ็ ไซตส ภาสังฆราช การทา� งาน และพรอ้ มในการสูร้ บและยังสะดวกในการพกั ผอ่ น คาทอลกิ แหง ประเทศไทย http://www.skthai.org/ เว็บไซตสํานักจฬุ าราชมนตรี และ http://www. ๔) กรา กา� ไลมอื ทา� ดว้ ยเหลก็ เป็นสญั ลกั ษณข์ องความอดกลน้ั สภุ าพ และถ่อมตน thaisikh.org/sikhism/gurdwarabangkok_th.php เว็บไซตสมาคมไทยซิกขแ หงประเทศไทย แลว อันหมายถงึ ความผกู พันต่อหมูค่ ณะ และการเป็นมติ ร เตรียมการอภิปรายรว มกนั ถึงแนวทางการอยรู ว ม กันอยางสนั ตสิ ขุ ของศาสนิกชนศาสนาตา งๆ ใน ๕) กรี ปาน ดาบ เพื่อสะพายไว้ ประเทศไทย ท่ีสีข้าง ใช้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ สุวรรณวิหาร ศาสนสถานส�าคัญของศาสนาสิข อยู่ใน และการผจญภยั มคี วามพรอ้ มทจ่ี ะปกปอ้ งเกยี รติ เมอื งอมั รติ สา รฐั ปญั จาบ ประเทศอินเดีย ของตนเองและของผอู้ ่ืน ผู้ท่ีได้ท�าพิธีปาหุลแล้วจะได้ นามว่า “สิงห์” ต่อท้ายช่ือเหมือนกันทุกคน เพราะถือว่าบุคคลนั้นได้ผ่านความเป็นสมบัติ ของพระเปน็ เจา้ แลว้ และใชค้ า� วา่ “กอร”์ ตอ่ ทา้ ยชอื่ ทเ่ี ป็นหญงิ 168 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT แนวทางการปฏิบัตติ นเพื่อการอยูร วมกนั กับศาสนิกชนในศาสนาอื่น ครอู าจอธิบายนักเรียนเพ่มิ เตมิ ถึงแนวคดิ เกย่ี วกับความเสมอภาคของมนษุ ย อยา งสันติเปนเชนไร ในศาสนาสขิ เชน สิทธขิ องสตรี สตรมี ีบทบาทอยา งสาํ คญั ยง่ิ ในสังคมของชาวสิข แนวตอบ การอยรู วมกนั กบั ศาสนกิ ชนในศาสนาอ่ืนอยางสนั ติตอ งเร่มิ ตน โดยสตรจี ะไดร บั ความเคารพนบั ถอื และไดร บั การยอมรบั วา มบี ทบาทสาํ คญั อยา งมาก จากการศกึ ษาความรทู เ่ี ก่ยี วของกบั ศาสนาตาง ๆ ท่ีมีศาสนกิ ชนในสงั คม ทงั้ ในครอบครวั และในสงั คม ครอบครวั ชาวสิขท่ไี ดใ หกาํ เนดิ บุตรสาวก็จะถอื วา เปน เพอื่ มคี วามเขา ใจในวถิ กี ารดาํ เนนิ ชวี ติ พธิ กี รรมเนอื่ งในศาสนาของศาสนกิ - เรื่องปกติ และในศาสนาสขิ จะไมมขี นบธรรมเนยี มประเพณีทเี่ ปนการละเมดิ สิทธิ ชนในศาสนาตา งๆ ทอี่ าจไมส อดคลองกับแนวคดิ ของศาสนาท่ีตนนบั ถอื สตรี เชน พิธีสตี (พิธีการเผาหญงิ มายท้งั เปนใหตายตามสามี) แตในศาสนาสขิ นัน้ แตเ ราควรเคารพในสทิ ธขิ องมนุษยทีพ่ งึ นบั ถือลทั ธิศาสนาไดต ามความ หญงิ มา ยชาวสิขทุกคนจะมีสทิ ธิอยา งสมบูรณใ นการทีจ่ ะสมรสใหมอ ีกคร้ัง ตามแต ประสงคของตนเอง และหลีกเล่ียงการปฏิบัติตนที่กอ ใหเ กดิ ความขดั แยง ความประสงคแ ละความสมคั รใจของเธอ จากนน้ั มอบหมายใหน กั เรยี นสบื คน ความรู ขึน้ ในสังคม อนั จะสงผลใหอ ยรู ว มกนั ไดอ ยา งสงบสขุ และรวมกนั พัฒนา เกย่ี วกับแนวคดิ ความเสมอภาคของศาสนาอน่ื ๆ เพอ่ื นําความรูมาอภปิ รายรว มกัน สงั คมใหเ จริญกา วหนา ได ในช้ันเรยี น 168 คมู่ ือครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ Expand แมวาประเทศไทยจะมีประชาชนท่ีนับถือศาสนาแตกตางกันไป แตก็ไมควรท่ีจะนํา 1. ครูสนทนารว มกนั กบั นกั เรยี นถึงความรทู ่ัวไป มาเปนเครื่องแบงแยกความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ เพราะแมจะพูดภาษาหรือนับถือ เกี่ยวกบั หลกั ธรรมเพือ่ การอยรู วมกันอยาง ศาสนาแตกตางกัน แตทุกคนก็อยูบนผืนแผนดินเดียวกัน จึงควรรักและสามัคคีกัน รูจักเห็นใจ สนั ตสิ ขุ ของศาสนาสําคัญในประเทศไทย และเก้ือกูลกันเพ่ือความสงบสุขของคนในชาติ นอกจากน้ีไมวาจะเปนศาสนาใด ทุกศาสนาก็ลวน ที่นกั เรียนไดศ ึกษามา แลวตั้งประเด็นท่ี มีคําสอนท่ีเปนหลักการใหญๆ สอดคลองตรงกัน น่ันคือ สอนใหกระทําความดีและละเวนความช่ัว เกี่ยวของกบั แนวทางการอยรู วมกนั อยาง ดังนั้น ถาศาสนิกชนมีความเขาใจและปฏิบัติตนตามหลักคําสอนของศาสนาแลว เชื่อมั่นไดวา สันติสุขของศาสนิกชนศาสนาตา งๆ ใน นอกจากศาสนิกชนผูนับถือจะมีความเจริญผาสุกแลว ก็ยอมจะสงผลทางออมถึงสังคมไทยของเรา ประเทศไทยใหนกั เรยี นอภิปรายรว มกัน ใหม ีสนั ตสิ ขุ และสงบรม เยน็ ตามมาดวยเชนกัน จากน้นั สรปุ ผลการอภิปรายเปนแนวทางการ อยูรว มกันของศาสนิกชนในศาสนาสําคญั ใน ··ÁÒâ¹ »â âËµÔ ประเทศไทยไดอยา งสันติสขุ ของชั้นเรยี น แลว ¼ŒÙãËÂŒ Í‹ Á໹š ·ÕÃè Ñ¡ รวบรวมไวเ ปนแหลง การเรยี นรใู นหอ งสมุด (¾Ø·¸ÈÒʹÊÀØ ÒÉµÔ ) 2. ครมู อบหมายใหน ักเรียนปฏิบตั ติ นตาม แนวทางการอยรู ว มกนั ของศาสนกิ ชนใน ศาสนาสาํ คัญในประเทศไทยไดอยา งสนั ติสขุ ของช้ันเรียน แลวอาจบนั ทกึ เปนผลการปฏบิ ัติ ตนสงครผู ูส อน ตรวจสอบผล Evaluate 1. ครตู รวจการนําเสนอความรูเก่ยี วกบั ศาสนา สาํ คัญในประเทศไทยรปู แบบตา งๆ และ ใบความรู โดยพจิ ารณาจากความถูกตองครบ ถวนของขอมลู ความนาสนใจและการนาํ เสนอ ท่ีเขาใจงาย 2. ครูสังเกตพฤติกรรมการมีสวนรว มในกิจกรรม การเรียนรู เชน การตอบคําถาม การอภิปราย และการแสดงความคดิ เหน็ เปน ตน 169 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT บูรณาการอาเซียน ขอ ใดเปนหลักการอยรู วมกนั กับศาสนกิ ชนในศาสนาอืน่ ไดอ ยางสันตสิ ขุ ครสู ามารถจัดกจิ กรรมการเรียนรบู รู ณาการอาเซยี นในกรอบความรว มมือ 1. เคารพ สามัคคี ดานสังคมวัฒนธรรมของประชาคมอาเซยี น โดยการแบงกลุมเพื่อใหน ักเรียน 2. โนม นา วใจ เคารพ ชว ยกนั ศึกษาคน ควาลกั ษณะการนับถือศาสนาของประชากรในประเทศสมาชิก 3. สามคั คี เปรียบเทยี บ อาเซียน แลว นาํ เสนอขอมูลความรูตอ ชั้นเรียน จากน้ันอภปิ รายรว มกนั ในประเด็น 4. เปรยี บเทยี บ โนม นาวใจ ท่ีเก่ียวของกบั การสรา งความเขา ใจในความแตกตา งหลากหลายของการนับถอื ศาสนาในประเทศสมาชิกอาเซียน และเสนอแนวทางปอ งกนั แกไขปญ หาความ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เคารพ สามคั คี เปน หลกั การอยูรว มกนั ขัดแยงระหวางศาสนาทอี่ าจเกิดข้นึ ไดอยา งสันติวธิ ี กบั ศาสนิกชนในศาสนาอื่นไดอยางสนั ติสขุ กลาวคือ เคารพในการนับถือ ศาสนาของบคุ คลตา งๆ รวมถึงบุคคลไรศาสนา และสามัคคกี นั โดยคดิ ถึง ประโยชนสวนรวมของสังคม คอื ความสงบสุขในการอยูรว มกัน อันนาํ ไป สกู ารพฒั นาสงั คมดานตา งๆ ไดอยางยง่ั ยนื ค่มู ือครู 169

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล ครตู รวจสอบความถกู ตองในการตอบคาํ ถาม คาปถระาจÓมหน่วยการเรยี นรู้ ประจาํ หนวยการเรียนรู ๑. หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาข้อใดบ้างท่ีเราสามารถน�ามาปรับใช้ในการอยู่ร่วมกัน หลักฐานแสดงผลการเรียนรู อย่างสงบสุขบนพ้ืนฐานของความแตกต่างทางศาสนาได้ และสามารถน�าไปปรับใช้อย่างไร จงยกตัวอยา่ งประกอบการอธบิ าย 1. การนําเสนอความรูเกี่ยวกับศาสนาสาํ คัญใน ประเทศไทยรปู แบบตาง ๆ และใบความรู ๒. เพราะเหตุใดแม้ประเทศไทยจะมีประชากรที่นับถือศาสนาที่แตกต่างกันหลายศาสนา แต่ก็ สามารถอย่รู ว่ มกันได้อยา่ งสงบสุข 2. สมุดบนั ทกึ ของนกั เรยี น ๓. นกั เรียนคดิ ว่าศาสนาแต่ละศาสนามีความคลา้ ยคลึงหรอื แตกต่างกนั อย่างไร ๔. การศึกษาศาสนาสา� คัญอนื่ ๆ ในประเทศไทยมีประโยชน์อยา่ งไร ๕. นกั เรยี นควรปฏิบตั ิอย่างไรจึงจะไดช้ ือ่ ว่าเปน็ ศาสนิกชนที่ดตี ามศาสนาทีต่ นนับถือ กิจสรก้ารงรสมรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้ กจิ กรรมที่ ๑ นักเรียนเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ หรือไปเยี่ยมชม กจิ กรรมที่ ๒ ศาสนสถานของแต่ละศาสนาในโอกาสหรอื เทศกาลต่างๆ แบ่งกล่มุ เป็น ๕ กล่มุ ศึกษาประวัติของศาสดา หลักค�าสอน พิธีกรรม กิจกรรมท่ี ๓ ของศาสนาต่างๆ (ไดแ้ ก่ พระพทุ ธศาสนา ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาสิข) แล้วท�าผังมโนทัศน์สรุปส่ง ครผู สู้ อน อภปิ รายรว่ มกนั ในชน้ั เรยี นในหวั ขอ้ “ความแตกตา่ งของศาสนาแตล่ ะศาสนา ในประเทศไทย และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขภายในสังคมบนพ้ืนฐาน ของความแตกตา่ ง” หลงั จากนน้ั สรปุ ผลการอภปิ รายลงในสมดุ สง่ ครผู สู้ อน 170 แนวตอบ คําถามประจาํ หนวยการเรียนรู 1. หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาทส่ี ามารถนํามาปรับใชในการอยูรวมกนั กบั ผอู ืน่ ที่นบั ถอื ศาสนาแตกตา งกันได เชน พรหมวหิ าร 4 ซงึ่ ประกอบดว ย เมตตา กรณุ า มุทิตา และอเุ บกขา เชน การมีเมตตา มคี วามรัก ความปรารถนาใหผอู ื่นมคี วามสุข เรากจ็ ะไมเบียดเบยี นผอู ่นื ไมว า เขาจะนบั ถอื ศาสนาใดก็ตาม จงึ มีสวนชวยใหเ กิดความ สงบสุขในสงั คมได 2. สงั คมไทยมีความสงบสขุ จากการอยูรวมกันของศาสนกิ ชนในศาสนาตา งๆ เน่ืองจากพุทธศาสนิกชนซงึ่ เปนประชากรสวนใหญข องสงั คมมีอุปนสิ ยั รักสงบ รจู ักเออ้ื เฟอ ชวยเหลอื ผูอ่ืน โดยไมแ บงแยกศาสนา ความขดั แยง ของประชากรทน่ี ับถือศาสนาแตกตา งกันจงึ มกั ไมค อยเกดิ ขึ้นในสงั คมไทย 3. ศาสนาตางๆ ลวนมหี ลกั คาํ สอนที่มงุ หมายใหผทู น่ี บั ถอื เปน คนดแี ละอยูรว มกนั กับผอู ่นื อยางสันติสุข แตอาจมรี ายละเอียดของแนวคดิ หลักการ ขอพึงปฏบิ ตั ิ พธิ กี รรม และวนั สําคญั ทางศาสนา ซ่ึงเปนสว นประกอบของศาสนาแตกตา งกนั ไปบาง 4. การศกึ ษาศาสนาสําคัญในประเทศไทยมปี ระโยชนใ นการชวยใหเรามีความรคู วามเขา ใจศาสนกิ ชนในศาสนาอื่นในดานตางๆ เชน ความเชื่อ แนวการปฏิบัติ และ พธิ กี รรม อันนาํ ไปสคู วามเขา ใจซึ่งกันและกนั และอยูรว มกันไดอยางสงบสุข 5. การปฏบิ ตั ิตนเปน ศาสนิกชนทีด่ ีตามศาสนาที่ตนนับถอื เชน การศึกษาประวัติความเปนมา หลักคาํ สอนอยางถองแท และสามารถนําไปประพฤตปิ ฏบิ ัติในการดําเนิน ชวี ิตประจําวันไดอยา งถกู ตอง รวมถงึ มสี ว นชวยปกปองและเผยแผศาสนาตามแนวทางที่เหมาะสม 170 คู่มือครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate บรรณานกุ รม การศาสนา, กรม. ศาสนพธิ ี. กรงุ เทพมหานคร : กรมการศาสนา, ๒๕๓๓. เขมจารี, มหาเถระ. เขมจารนี พิ นธ.์ กรุงเทพมหานคร : สำานักพิมพ์พระพุทธศาสนาประกาศ, ๒๕๔๕. เชอเกยี ม ตรงุ ปะ. การฝกึ จติ และการบม่ เพาะความเมตตา. กรงุ เทพมหานคร : สาำ นกั พมิ พม์ ลู นธิ โิ กมลคมี ทอง, ๒๕๕๑. ญาณวโรดม, พระ (สนธิ์ กิจฺจกาโร). คู่มือปฏิบัติงานศาสนพิธีสังเขป. กรุงเทพมหานคร : มหามกุฏราช- วิทยาลยั , ๒๕๔๘. ดนยั ไชยโยธา. พจนานกุ รมคำาศพั ท์พระพทุ ธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : บริษทั อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จาำ กดั , ๒๕๕๒. เทพวิสุทธิญาณ, พระ (อุบล นนฺทโก ป.ธ. ๙). พุทธประวัติสังเขปและศาสนพิธีสังเขป. กรุงเทพมหานคร : มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๖. ________ .ศาสนพิธสี งั เขป. กรงุ เทพมหานคร : มหามกุฏราชวทิ ยาลัย, ๒๕๕๒. ธรรมปฎิ ก, พระ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). ทำาอยา่ งไรจะหายโกรธ. กรงุ เทพมหานคร : มูลนิธพิ ทุ ธธรรม, ๒๕๓๗. ________ . ธรรมนูญชวี ิต. กรุงเทพมหานคร : บริษทั สหธรรมกิ จาำ กดั , ๒๕๔๑. ________ .พจนานกุ รมพทุ ธศาสน์ ฉบบั ประมวลศพั ท.์ กรงุ เทพมหานคร : เอส. อาร.์ พรน้ิ ตง้ิ แมส โปรดกั ส์ จาำ กดั , ๒๕๔๖. ________ .พุทธธรรม, ฉบับเดิม. กรงุ เทพมหานคร : สำานกั พิมพด์ วงแกว้ , ๒๕๔๔. ________ .หลักการศึกษาในพระพุทธศาสนา. กรงุ เทพมหานคร : คณะครศุ าสตรจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๓๑. พรหมคณุ าภรณ,์ พระ (ประยุทธ์ ปยตุ โฺ ต). พจนานุกรมพทุ ธศาสน์ ฉบบั ประมวลธรรม. กรุงเทพมหานคร : เอส. อาร์. พริ้นติง้ แมส โปรดักส์ จำากัด, ๒๕๔๘. พทุ ธทาสภกิ ข.ุ พทุ ธ-ครสิ ต์ ในทศั นะของทา่ นพทุ ธทาส. กรงุ เทพมหานคร : สาำ นกั พมิ พเ์ ทยี นวรรณ, ๒๕๒๗. ไพศาล วิสาโล, พระ. พุทธศาสนากับคุณค่าร่วมสมัย. กรุงเทพมหานคร : สำานักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง, ๒๕๒๙. ฟ้ืน ดอกบัว. วัดและพระสงฆ์ทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร : ศิลปาบรรณาคาร, ๒๕๕๐. วชิ าการ, กรม. การจดั สาระการเรยี นรพู้ ระพทุ ธศาสนา. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พค์ รุ สุ ภาฯ, ๒๕๔๕. วิทย์ วิศทเวทย์ และคณะ. หนังสือเรียนสังคมศึกษา ส ๖๐๖. กรุงเทพมหานคร : บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จาำ กดั , ๒๕๓๒. วิทย์ วศิ ทเวทย์. อนตั ตาในพุทธปรัชญา. กรงุ เทพมหานคร : สาำ นักพิมพพ์ ิพิธวิทยา, ๒๕๒๓. 171 คมู่ ือครู 171

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate วินัย พงศ์ศรีเพียร, วีรวัลย์ งามสันติกุล (บรรณาธิการ). พระพุทธศาสนาและส¶าบันสงฆ์กับสังคมไทย. กรงุ เทพมหานคร : สำานักงานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ัย, ๒๕๔๙. สวสั ด์ิ สวุ รรณสังข.์ หลักการทำาดีในทศั นะของศาสนาสำาคัญในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร : กรมการ ½ƒกหัดคร,ู ๒๕๒๘. สุชีพ ปุญญานุภาพ. พระไตรป®กสำาหรับประชาชน. กรุงเทพมหานคร : มลู นธิ ิมหามกุฏราชวิทยาลยั , ๒๕๓๔. ________ .คุณลกั ษณะพิเศษแหง่ พระพุทธศาสนา. กรงุ เทพมหานคร : เกษมบรรณากิจ, ๒๕๑๑. สุนทร ณ รังษี. พุทธปรัชญาจากพระไตรป®ก. กรุงเทพมหานคร : สำานักพิมพ์แห‹งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๑. เส°ยี รพงษ์ วรรณปก. คำาบรรยายพระไตรป® ก. กรุงเทพมหานคร : ธรรมสภา, ๒๕๔๓. ________ .คิดเปšนทำาเปšนตามแนวพุทธธรรม. กรุงเทพมหานคร : บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชèิง จำากัด, ๒๕๔๑. ________ .ธรรมะนอกธรรมาสน์. กรงุ เทพมหานคร : มติชน, ๒๕๔๕. ________ .บางแง่มุมเกèียวกบั พระพุทธองค์. กรุงเทพมหานคร : หอรตั นชัยการพิมพ์, ๒๕๔๔. ________ .พทุ ธสาวกพทุ ธสาวิกา. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย, ๒๕๔๑. ________ .เพอèื ความเข้าใจ¶กู ตอ้ งเกียè วกบั หลักกรรม. กรุงเทพมหานคร : หอรัตนชัยการพิมพ์, ๒๕๔๔. ________ .สµ-ิ สมาธ.ิ กรุงเทพมหานคร : ศยาม, ๒๕๔๕. ศÖกษาธิการ, กระทรวง. ตัวชีéวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และว²ั นธรรม ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนéั พนéื °าน พทุ ธศกั ราช òõõñ. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง‹ ประเทศไทย จาำ กัด, ๒๕๕๑. 17๒ 172 คู่มือครู

สรา้ งอนาคตเดก็ ไทย ดว้ ยนวตั กรรมการเรยี นรรู้ ะดบั โลก >> ราคาเลม่ นกั เรยี นโปรดดจู ากใบสง่ั ซอ้ื ของ อจท. คมู่ อื คครูม่ บอื รค. รพู รบะรพ. ทุพธรศะพาสทุ นธาศามส.4นา ม.4 บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 โทร./แฟกซ.์ 02 6222 999 (อตั โนมตั ิ 20 คสู่ าย) 8 885 88654896 41932 25183204251.8-04 1.- www.aksorn.com Aksorn ACT ราคาน้ี เปน็ ของฉบบั คมู่ อื ครเู ทา่ นน้ั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook