Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สค 33150 วัดคู่บ้านย่านราษฎร์บูรณะ

สค 33150 วัดคู่บ้านย่านราษฎร์บูรณะ

Description: สค 33150 วัดคู่บ้านย่านราษฎร์บูรณะ
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเขตราษฎร์บูรณะ
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานคร
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ

Keywords: สค 33150 วัดคู่บ้านย่านราษฎร์บูรณะ,สค 33150

Search

Read the Text Version

51 หลวงพอ่ สรอ้ ยสุวรรณรตั น์ เปน็ ศิลาทรายสีแดงสมยั อทู่ อง พระพักตร์ สี่เหลี่ยม พระหนุเป็นลอน เส้นพระศกเม็ดละเอียด และเปลวรัศมีเป็นเปลวแบบสุโขทัยปางสมาธิ ประดิษฐานในอโุ บสถ เป็นพระประธาน ทรงปางมารวชิ ยั ทดี่ ้านหลงั องคพ์ ระปรากฏแผ่นศิลาจารึกของ พระประเสริฐวานิช ความหมายคือ “เหตุท่ีพระประเสริฐวานิชบูรณะวัด เพราะเห็นว่าทรัพย์สมบัติ ตา่ ง ๆ นัน้ ไม่ได้เป็นแกน่ สาร เปน็ ทรพั ย์สาธารณะสญู เปล่า จึงคิดน้ามาฝังไว้กบั พระศาสนา โดยเห็นว่า จะเป็นทรัพย์สินท่ีแท้จริงแห่งตน จึงได้ชักชวนญาติพี่น้องมาช่วยกันสร้างวัด ท่านได้ต้ังจิตอธิษฐานไว้ วา่ ขอกศุ ลทีท่ า้ ไวน้ ้ี ขอให้ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ช้ันดุสิต ขอพระธาตุทั้งหลายได้โปรดเทศแก่ เหลา่ เทวดาให้ไดร้ ับรสพระธรรมและขอใหไ้ ดส้ า้ เร็จมรรคผล ปรนิ ิพพานจักเป็นทสี่ ดุ แห่งความยนิ ดี” กลา่ วโดยสรุป ตามประวัติ หลวงพ่อสร้อยสุวรรณรัตน์ ซง่ึ ประดิษฐานอยู่ใน วัดประเสริฐสุทธาวาส พบว่า เปน็ ศลิ าทรายสแี ดงสมัยอทู่ อง ลักษณะเปน็ พระพทุ ธรปู แบบสมยั สุโขทยั ปางสมาธิ ทรงปางมารวชิ ยั ทีด่ า้ นหลงั องค์พระปรากฏแผ่นศลิ าจารกึ ของพระประเสริฐวานชิ 1.3.2 ความสา้ คญั ของหลวงพ่อสร้อยสุวรรณรตั น์ วัดประเสรฐิ สุทธาวาส วดั ประเสรฐิ สทุ ธาวาส นี้มีพระพุทธรูปศักดิ์สทิ ธิ์ ทรงคณุ ค่าควู่ ัดคือ หลวง พอ่ สร้อยสวุ รรณรัตน์ ประดิษฐานในอโุ บสถ และมสี ิง่ ก่อสรา้ งที่ส้าคัญมากคือ โบสถแ์ ละวิหาร ท่เี ก่าแก่ อายกุ วา่ 300 ปี เป็นสถาปตั ยกรรมแบบเก๋งจนี ภายในอโุ บสถ มจี ิตกรรมฝาผนัง ภาพลายเสน้ เอกรงค์ วรรณกรรมชนิ้ เอกของจนี เร่อื งสามกก๊ เดิมหนา้ บนั โบสถ์และวหิ ารประดบั ด้วยเครื่องถ้วยชาม เบญจรงค์ ท้ังหมดมคี ุณคา่ ทางศลิ ปะและวัฒนธรรมอันประมาณราคามิได้ กรมศิลปากรได้ประกาศให้ ขน้ึ เป็นโบราณสถานตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2537 คณะสงฆ์วัดประเสรฐิ สทุ ธาวาส คณะกรรมการวดั และ ประชาชนชาวราษฎรบ์ รู ณะไดร้ ่วมกนั อนุรักษ์ปฏิสงั ขรณ์อุโบสถตัง้ แตเ่ ดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 เป็น ต้นมา โดยมิได้ใช้เงินงบประมาณจากทางราชการ แต่เป็นศรัทธาของประชาชนร่วมกันบริจาค ด้าเนินการควบคุมและก้ากับดูแลอย่างใกล้ชิด โดยกรมศิลปากร ค่าอนุรักษ์ปฏิสังขรณ์ประมาณ 6 ล้านบาทเศษ ขณะนี้การด้าเนินการได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว 90% และก้าลังเร่ิมโครงการอนุรักษ์ บูรณปฏิสังขรณ์วิหารต่อไป เพ่ือให้เป็นศาสนสถานอันทรงคุณค่าของชาวราษฎร์บูรณะและชาวไทย สบื ไป กลา่ วโดยสรุป หลวงพอ่ สรอ้ ยสุวรรณรัตน์มีความส้าคัญอย่างมาก เน่ืองจาก เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์ิ ทรงคุณค่าคู่วัด ประดิษฐานในอุโบสถ มีโบสถ์และวิหาร ที่เก่าแก่อายุกว่า 300 ปี ปัจจุบันได้มีการอนุรักษ์และบูรณปฏิสังขรณ์ เพื่อให้เป็นศาสนสถานอันทรงคุณค่าของชาว ราษฎรบ์ รู ณะและชาวไทยสืบไป ชอ่ื เรอื่ งการบนบานศาลกล่าว เน่ืองจากวัดประเสริฐสุทธาวาสได้ถูกใชเ้ ป็น สถานทสี่ า้ หรบั เกณฑ์ก้าลังพลเข้ารับราชการทหาร หากผ้ใู ดไมป่ ระสงค์จะรบั ราชการทหารกจ็ ะบน

52 บานศาลกลา่ วกบั หลวงพ่อสร้อยสุวรรณรตั น์ ไม่ให้ถูกเกณฑ์ทหาร ถ้าสา้ เร็จก็จะแก้บน ถวายดว้ ยไข่ ตม้ หรจื ดุ ประทดั ท้าใหเ้ ปน็ ท่ีเล่อื งลอื ของคนใน เขตราษฎร์บรู ณะ 1.4 หลวงพอ่ รอด วัดสารอด 1.4.1 ประวัติของหลวงพอ่ รอด วดั สารอด หลวงพ่อรอด วัดสารอด หลวงพ่อรอด พระพุทธรูปปางสมาธิสมัยอยุธยา เป็นพระพุทธรูปลักษณะ นั่งสมาธิ น่ังล้าพระองค์ตั้งตรง พระบาทท้ังสองซ้อนกัน โดยพระบาทขวาซ้อนทับอยู่บนพระบาทซ้าย พระหัตถ์ทงั้ สองวางซ้อนหงายกันบนพระเพลา โดยวางพระหตั ถข์ วาซอ้ นหงายอยบู่ นพระหตั ถ์ซ้าย พระกรรณยาวท้ังสองข้าง มีฐานท่ีสูงและมีลวดลายบัวท่ีซับซ้อน ตรงฐานมีผ้าทิพย์ห้อยพาดลงตรง กลาง เรยี กวา่ “ฐานผ้าทิพย”์ บา้ งกเ็ รยี กว่า “วัชรอาสน์” ลกั ษณะปางนี้เป็นปางทีใ่ หก้ า้ เนิดองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยพระองค์ทรงอยู่ในพระอิริยาบถน้ีในคืนวันตรัสรู้ เรียกได้อีกอย่างว่า ปางตรัสรู้ หรือเป็นพระพุทธรูปในอิริยาบถประทับนั่งสมาธิโดยใช้ข้อพระบาทท้ังสองข้างขัดกันซึ่ง เรียกว่า (ปางขัดสมาธิเพชร) มีหลวงพ่อรอด เป็นพระพุทธรูปที่หล่อด้วยปูนป้ัน เป็นพระพุทธรูปคู่วัด และเป็นท่ีเคารพสักการะของประชาชนในพ้ืนที่ใกล้เคียง ส่วนการสร้างตั้งแต่เม่ือใดน้ัน ไม่ปรากฏปี พ.ศ. ทแ่ี นช่ ดั กลา่ วโดยสรุป ตามประวตั ิหลวงพอ่ รอด ถา้ หากวเิ คราะหห์ ลวงพอ่ รอดจะมี ลักษณะแบบพระพทุ ธรปู ปางสมาธสิ มัยอยุธยา เปน็ พระพุทธรูปท่ีหลอ่ ด้วยปูนป้นั แต่ไม่มีผู้ใดทราบแน่

53 ชดั เก่ยี วกับการสร้างพระพทุ ธรปู องค์หลวงพ่อรอด ซึ่งคนในพน้ื ทใ่ี ห้ความเคารพสักการบูชาและเปน็ พระพุทธรปู คู่วัดสารอด 1.4.2 ความสา้ คญั ของหลวงพ่อรอด วัดสารอด องค์หลวงพ่อรอด เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์ิคู่วัดและเป็นท่ีเคารพ สักการบูชาของประชาชนในชุมชนรอบ ๆ วัดสารอด ซึ่งถือได้ว่าองค์หลวงพ่อรอดหลอมรวมใจให้ ประชาชนในพ้ืนท่ีเป็นน้าหนึ่งใจเดียวกันในการท้ากิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับวัด เน่ืองจากมีความเชื่อ ความศรัทธาในบารมีขององค์หลวงพ่อรอดเหมือน ๆ กัน ตามเร่ืองต้านานที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่า องค์ หลวงพ่อรอดถูกโจรกลุ่มหน่ึงขโมยไป แต่องค์หลวงพ่อรอดมีความศักดิ์สิทธิ์ท้าให้เรือของโจรที่ขโมย องค์หลวงพ่อรอดดงั กล่าวลม่ แตอ่ งค์หลวงพอ่ รอดกล็ อยกลับมาที่วัด จนเป็นท่ีน่าอัศจรรย์ใจน้ัน ย่ิงท้า ใหอ้ งคห์ ลวงพอ่ รอดเปน็ ทก่ี ลา่ วขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของกลุ่มคนทั้งในพื้นท่ีและนอกพ้ืนท่ี ปัจจุบันจึง มที ง้ั คนในพ้ืนทีห่ รอื นอกพน้ื ทแี่ วะเวียนมากราบไหว้สกั การบูชาตลอดเวลา กล่าวโดยสรุป ความส้าคัญของหลวงพ่อรอด นอกจากจะเปน็ พระพทุ ธรปู คู่ วัดสารอดแล้ว ถือไดว้ า่ องคห์ ลวงพ่อรอดมคี วามส้าคญั อยา่ งมากต่อวิถีชวี ติ ของคนในชมุ ชนและพ้ืนที่ ใกลเ้ คยี ง เพราะเป็นทพ่ี ึ่งของประชาชน เป็นศูนย์กลางของชมุ ชน ปจั จุบนั ความศกั ด์สิ ิทธ์ิและความ ศรทั ธาของบารมีองค์หลวงพ่อรอด จะมปี ระชาชนท้ังในชมุ ชนและพน้ื ทีใ่ กล้เคยี งแวะเวยี นมากราบไหว้ สักการบชู าตลอดเวลา 1.4.3 ความเชือ่ และความศรัทธาตอ่ หลวงพ่อรอด วัดสารอด หลวงพ่อรอด วดั สารอด แขวงราษฎรบ์ ูรณะ เขตราษฎร์บรู ณะ กรุงเทพมหานคร เป็นพระพุทธรปู คู่วัดและเป็นทีเ่ คารพสักการบูชาของประชาชน ชาวบา้ นมีความเชื่อ ความศรทั ธาในบารมี นอกจากนยี้ งั มีเรื่องเลา่ ท่ีเลา่ สบื ต่อกันมาหลาย ๆ รนุ่ ซง่ึ ตามต้านานเลา่ วา่ ครงั้ หนง่ึ มีเหตุการณป์ ระหลาดเกดิ ขึน้ องคห์ ลวงพ่อรอด ซึ่งเป็นพระพุทธรปู ท่ีประดิษฐานอยู่ใน พระอโุ บสถหลังเก่าหรือวิหารหลวงพ่อรอด เคยถูกโจรขโมยลงเรือไป ได้มีเหตุการณ์ท้าให้เรือของโจร ที่ขโมยองค์หลวงพ่อรอดดังกล่าวล่ม แต่องค์หลวงพ่อรอดก็ลอยกลับมาที่วัด เป็นท่ีน่าอัศจรรย์ใจ นอกจากนีพ้ ระวิหารยงั เปน็ ที่ประดิษฐานของหลวงพอ่ เพชร และหลวงพ่อพลอย พระพุทธรูปศักด์ิสิทธ์ิ ของวัดสารอดอกี ด้วย กล่าวโดยสรุปความเช่ือและความศรัทธา หลวงพ่อรอด วัดสารอด ชาวบ้าน มีความเช่ือความศรัทธาในบารมี ความศักด์ิสิทธ์ิ ตามต้านานที่เล่าขานสืบต่อกันมา ว่าหลวงพ่อรอด เคยถูกโจรขโมยลงเรอื ไป ไดม้ ีเหตุการณท์ ้าให้เรือของโจรท่ีขโมยองคห์ ลวงพ่อรอดดังกล่าวล่มหลวงพ่อ รอดก็ลอยกลับมาที่วัด เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ ยิ่งท้าให้ชาวบ้านเกิดความเล่ือมใส ศรัทธาองค์หลวงพ่อ รอดมาก

54 1.5 หลวงพอ่ ใหญ่ วัดเกียรติประดษิ ฐ์ 1.5.1 ประวัติของหลวงพอ่ ใหญ่ วดั เกยี รติประดิษฐ์ หลวงพ่อใหญ่ วัดเกยี รติประดิษฐ์ หลวงพอ่ ใหญ่ วดั เกยี รตปิ ระดิษฐ์ สร้างตั้งแต่เมื่อใดนั้น ไม่ ปรากฏ ปีพ.ศ. ท่ีแน่ชัด จากการบอกเล่าของหลวงพ่อเจ้าอาวาสรูปเก่า หรือญาติโยมผู้เฒ่าผู้แก่ ก็ดี เล่าว่า หลวงพ่อ ใหญ่เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีลักษณะนั่งสมาธิ นั่งล้าพระองค์ตั้งตรง พระบาท (เท้า) ท้ังสองซ้อน กนั โดยพระบาทขวาซอ้ นทบั อยู่บนพระบาทซา้ ย พระหัตถ์ทัง้ สองวางซอ้ นหงายกัน บนพระเพลา (ตัก) โดยวางพระหตั ถ์ขวาซ้อนหงายอยูบ่ นพระหัตถ์ซา้ ย (ทา่ สมาธริ าบ ขาขวาทับ ขาซ้าย) จดั เปน็ \"ปฐมปาง\" หรือปางทีใ่ ห้กา้ เนิดองค์สมเดจ็ พระสัมมาสมั พุทธเจา้ ดว้ ยพระองค์ทรงอยู่ในพระอิริยาบถน้ี ในคืนวันตรัสรู้ เรียกได้อีกอย่างว่าปางตรัสรู้ หรือเป็นพระพุทธรูปในอิริยาบถประทับน่ังสมาธิโดยใช้ ข้อพระบาทท้ังสองข้างขัดกันซ่ึงเรียกว่า (ปางขัดสมาธิเพชร) หล่อด้วยเนื้อส้าริด และอยู่คู่วัดมาตั้งแต่ เร่ิมการสร้างวัด ส้าหรับหลวงพ่อใหญ่น้ันถือได้ว่าเป็นพระศรีอริยเมตไตรย หรือพระศรีอารย์ เป็น พระโพธสิ ัตวผ์ ูจ้ ะได้ตรัสรูเ้ ป็นพระพุทธเจา้ พระองคท์ ่ี 5 และองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้ พุทธศาสนิกชน เชอ่ื ว่า เม่อื ศาสนาของพระโคตมพทุ ธเจา้ ส้ินสดุ ไปแลว้ โลกจะล่วงเข้าสู่ยุคแห่งความเส่ือมถอย อายุขัย ของมนษุ ย์ลดลง กเ็ ขา้ สู่ ยคุ มิคสัญญี ผู้สลดใจกับความช่วั กห็ ันมารวมกลมุ่ กนั ท้าความดี

55 พระศรีอรยิ เมตไตรยพุทธเจา้ มพี ระฉพั พรรณรงั สจี ากพระวรกาย ท้าใหส้ ว่างไสวท้งั กลางวันและ กลางคนื คนทั้งหลายอยดู่ ว้ ยกนั อย่างมคี วามสุข ระลกึ ถงึ พระพทุ ธเจ้าเป็นอารมณ์ กล่าวโดยสรุป หลวงพอ่ ใหญ่ วัดเกยี รติประดิษฐ์ มปี ระวัติการสรา้ งทไี่ ม่ ปรากฏ ปีพ.ศ. ท่แี นช่ ดั แต่ก็มีการเล่าขานจากเจา้ อาวาสในแต่ละรปู สืบต่อกันมา ท้าใหย้ ังพอทราบ ประวตั ิหลวงพอ่ ใหญบ่ า้ ง และลักษณะหลวงพ่อใหญ่น้ัน มีลักษณะปางขัดสมาธิเพชร ทา้ มาจากเน้ือ สา้ รดิ ซงึ่ ดแู ล้วองค์พระมคี วามสงา่ งามมาก 1.5.2 ความส้าคัญของหลวงพ่อใหญ่ วัดเกียรติประดิษฐ์ หลวงพ่อใหญ่ เป็นพระพุทธรูปศักดส์ิ ทิ ธท์ิ ่หี ลอมรวมจติ ใจของประชาชนใน ชุมชนโดยรอบ วัดเกียรตปิ ระดิษฐ์ ใหเ้ ปน็ หน่งึ ใจเดยี วกัน และเป็นสิง่ แทนสมเดจ็ พระสมั มาสมั พุทธเจ้า ในแตล่ ะปีประชาชนในชุมชนโดยรอบวดั เกียรติประดิษฐจ์ ะรว่ มกบั ทางวดั จดั งานประจ้าปีปิดทอง องคห์ ลวงพ่อใหญ่ เพ่ือเปน็ การสืบทอดประเพณอี ันดีงามของทางวัด ซึง่ มีการจดั สืบตอ่ กันมาเปน็ ระยะเวลายาวนาน และใหพ้ ุทธศาสนิกชนผ้มู ีความเลื่อมใสและศรทั ธาในองค์หลวงพ่อใหญ่ ไดม้ า สักการบูชา พร้อมกับทา้ บุญ ปดิ ทององคห์ ลวงพ่อใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว กลา่ วโดยสรปุ ความส้าคัญของหลวงพ่อใหญ่นน้ั นอกจากเปน็ พระพทุ ธรูป ศักดิ์สิทธิ์ที่หลอมรวมจิตใจของประชาชนในชมุ ชนโดยรอบวดั เกียรตปิ ระดิษฐ์แล้วน้นั วดั เกียรติ ประดษิ ฐแ์ ละชุมชนยงั เล็งเหน็ ความส้าคญั ในการสืบทอดประเพณีอนั ดีงามของทางวัด ดว้ ยการจดั งาน

56 ประจ้าปปี ดิ ทององคห์ ลวงพอ่ ใหญ่ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนพุทธศาสนิกชนผ้มู คี วามเล่อื มใสและศรทั ธาใน องค์หลวงพ่อใหญ่ได้มาสักการบูชาเสรมิ ความเป็นสริ ิมงคลแก่ตนเองและครอบครวั 1.5.3 ความเช่ือและความศรัทธาตอ่ หลวงพ่อใหญ่ วดั เกยี รติประดิษฐ์ จากเหตกุ ารณ์ท่ีประสบพบมา ทางวดั ไดจ้ ัดงานประจา้ ปี ขณะน้นั ฝนกา้ ลัง จะตก จึงได้บอกกล่าวหลวงพ่อใหญ่ บริเวณวัดไม่มีฝนตกแม้แต่น้อย แต่ในพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณวัด ฝนตกอยา่ งหนกั ซ่ึงเป็นท่นี า่ อัศจรรย์ย่งิ นกั ความเชอ่ื เรื่องการบนบานศาลกล่าว ถอื เปน็ ธรรมชาติทเ่ี กดิ ข้ึนกับสังคมไทย มาชา้ นาน และถือว่าเป็นวัฒนธรรมของมนษุ ย์อย่างหนงึ่ ต่อการด้ารงชีวิต ท่ีส่งผลต่อจิตใจและอารมณ์ ความรู้สึกโดยตรง ในการน้ี หากประชาชนที่มีความประสงค์จะสอบเข้ารับราชการ หรือหน่วยงาน ตา่ ง ๆ ก็มากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อใหญ่ ส่วนใหญ่ก็มักจะประสบผลส้าเร็จสมความปรารถนาอย่างท่ี ตง้ั ใจ กลา่ วได้ว่า การบนบานศาลกลา่ วอาจเป็นกศุ โลบาย เพื่อให้สบายใจ ให้ วางใจหลังจากได้พยายามแล้ว เท่าที่ได้ท้าแล้วและปล่อยให้ผลจากการกระท้าน้ันเกิดข้ึน ด้วยหวังว่า จะเป็นไปตามที่ปรารถนา แต่หากผู้บนบานศาลกล่าว ผู้ขอพรน้ัน ไม่ได้พยายามด้วยตนเอง ไม่ได้ กระท้าให้เกิดผลให้สอดคล้องกับความปรารถนานั้น เป็นไปได้หรือท่ีจะได้รับผลจากการบนบานศาล กล่าว รวมถึงสิ่งท่ีบนบานนั้น ส่ิงที่สัญญาว่าจะตอบแทนหากสมปรารถนานั้น ส้าหรับในการบนบาน ศาลกล่าวหลวงพ่อใหญ่น้ัน ประชาชนส่วนใหญ่ มักจะบนด้วยพวงมาลัยกร 3 พวง 5 พวง 9 พวงบ้าง หรอื แล้วแต่กา้ ลงั ศรัทธาของผ้ทู กี่ ราบไหว้ กล่าวโดยสรุป หากวิเคราะหด์ า้ นความเช่ือและความศรัทธาองค์หลวงพ่อ ใหญ่นั้น จะเห็นได้ว่า มนุษย์มีความเช่ือเร่ืองการบนบานศาลกล่าว ฉะนั้นจึงมีกุศโลบายเก่ียวกับการ บนบานศาลกล่าวเพ่ือให้เกิดความสบายใจ แต่ต้องมีความพยายามด้วย และปล่อยให้ผลจากการ กระท้านั้นเกิดขนึ้ ดว้ ยหวังว่าจะเปน็ ไปตามท่ปี รารถนา กกกกกกก2. พระเกจิส้าคญั ของวดั คบู่ ้านยา่ นราษฎร์บูรณะ 2.1 หลวงปู่พร้ิง วัดบางปะกอก 2.1.1 ประวตั ิของหลวงปูพ่ ร้ิง วัดบางปะกอก ทา่ นพระครูประศาสนส์ กิ ขกิจ อินทโชติ (พร้งิ ) อดีตทา่ นเจ้าอาวาส วัดบางปะกอก ต้าบลบางปะกอก อ้าเภอราษฎร์บูรณะ จังหวัดนครหลวงกรุงเทพธนบุรี (ธนบุรีเดิม) เดิมช่ือ “พร้ิง เอี่ยมทศ” บิดาช่ือเอ่ียม มารดาช่ือสุ่น ได้อุปสมบทเป็นสามเณรตั้งแต่ยังเล็กท่ีวัดพลับ ธนบุรี เมอื่ อายุครบจงึ ไดอ้ ปุ สมบทเป็นพระภิกษุที่วัดทองนพคุณธนบุรี โดยไม่ได้อยู่ในเพศฆราวาสเลย ต่อมาจึงได้ถูกนิมนต์มาประจ้าพรรษาอยู่ที่วัดบางปะกอกน้ี สองสามปีต่อมาจึงได้เป็นพระอธิการเจ้า อาวาส มีพระภิกษุประจ้าพรรษาอยู่เพยี ง 2-3 รปู เท่านน้ั เน่อื งจากวัดบางปะกอกนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้าง

57 มาแต่ในสมัยใดไม่ปรากฏแน่ชัด กุฏิ โบสถ์และเสนาสนะอ่ืน ๆ ช้ารุดทรุดโทรมมาก สันนิษฐานจาก การปฏิสังขรณ์พระอุโบสถมาคร้ังหนึ่ง เมื่อ พ.ศ. 2460 และจากการสอบถามท่านผู้มีอายุหลายต่อ หลายทา่ นซงึ่ อายุใกล้ร้อยปี และท่านเหล่านั้นบางท่านก็ได้ถึงแก่กรรมไปหมดแล้ว ถ้ายังมีชีวิตยู่ก็ร้อย กว่าปี ทา่ นบอกวา่ ท่านเกิดมาเปน็ เด็ก ๆ ก็เห็นวัดบางปะกอกอยู่น้ีแล้ว ท่านเคยถามบิดามารดาก็บอก อยา่ งนี้เชน่ เดยี วกัน ผิดแตว่ า่ กุฏิ โบสถ์ ชา้ รดุ ทรุดโทรมมากไม่เหมือนเดยี๋ วนี้ โบสถ์โบกปูนปิดทึบแบบ มหาอุตเหมอื นวัดเกา่ ในต่างจงั หวัด ซ่งึ กค็ งมมี าแต่ในสมยั กรุงศรีอยุธยาตอนต้นหรอื อาจก่อน กรุงศรีอยุธยาก็ได้ อายุไม่ต้่ากว่า 300 ปีขึ้นไป เดิมทีเดียวบางปะกอกนี้มีชื่อว่าบางคี่ และในสมัยก่อน ท่ีหลวงปู่พริ้งจะมาเป็นเจ้าอาวาสน้ัน มีนักเลงอยู่มาก แม้ในเวลาที่มีการท้าบุญตักบาตรเทโว ในวัด จะต้องมีการตกี นั อย่เู ปน็ ประจ้าท้าใหช้ าวบา้ นท่ีจะมาท้าบุญก็ต้องพกมีดไม้มาด้วย นับแต่ท่านได้มาจ้า พรรษาเป็นเจ้าวาสอย่ทู ่วี ดั น้นี กั เลงเหล่านน้ั กเ็ กรงกลัว ต่างมอบตัวเป็นศิษย์ของท่านหรือไม่ก็หายหน้า หายตาไปหมด ตอ่ มาท่านก็ได้ร่วมกบั ชาวบา้ นบรู ณปฏิสงั ขรณ์ กฏุ ิ โบสถ์ วิหาร และเสนาสนะอื่น ๆ ที่ช้ารดุ ทรดุ โทรมจนเรียบร้อยสวยงามมาจนบดั นี้เปน็ เวลา 60 ปีเศษ หลวงปพู่ รงิ้ วัดบางปะกอก กลา่ วโดยสรปุ ประวตั ิหลวงปู่พร้งิ พระเกจอิ ดีตท่านเจา้ อาวาส วดั บางปะกอก ได้อปุ สมบทเป็นสามเณรตั้งแตย่ ังเล็กทีว่ ดั พลับ ธนบุรี เมอื่ อายุครบจึงได้อุปสมบทเป็น พระภกิ ษทุ ีว่ ัดทองนพคณุ ธนบรุ ี โดยมไิ ด้อยใู่ นเพศฆราวาสเลย ต่อมาจึงไดถ้ ูกนิมนตม์ าประจ้าพรรษา

58 อยู่ท่วี ดั บางปะกอกนี้ นบั ตัง้ แต่ท่านถกู นิมนตม์ าจ้าพรรษา ท่านกไ็ ด้ร่วมกับชาวบา้ นบูรณปฏิสังขรณ์ กุฏิ โบสถ์ วิหาร และเสนาสนะอื่น ๆ ทช่ี า้ รุดทรดุ โทรมจนเรียบร้อยสวยงามมาจนถงึ ปจั จุบันน้ี 2.1.2 ความสา้ คญั ของหลวงปู่พริง้ วัดบางปะกอก หลวงปู่พร้ิงซึ่งชาวบางปะกอกและชาวตา้ บลใกล้เคยี ง เรียกท่านว่า “หลวง ป”ู่ ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาคาถาอาคมจนแก่กล้ามาต้ังแตเ่ ปน็ สามเณรอยู่ท่วี ดั พลบั แต่ท่านจะศกึ ษาเลา่ เรียนมาจากพระอาจารย์รูปใดนั้นไม่ปรากฏแน่ชดั มที า่ นผู้มอี ายุหลายทา่ นเล่าว่าทา่ นชอบธุดงค์จาริก ไปในปา่ ต่าง ๆ หลายครงั้ หลายหน แตก่ ็มีบางทา่ นเล่าให้ฟังว่าทา่ นเคยเรยี นรว่ มอาจารย์เดยี วกับหลวง พ่อศขุ วัดปากคลองมะขามเฒา่ เลยไมไ่ ด้ความแน่ชดั วา่ ทา่ นศึกษามาจากสา้ นักใด พระอาจารย์รูปใด เขา้ ใจว่าทา่ นคงจะศึกษาเลา่ เรยี นชน้ั แรกกับพระอาจารย์ที่วดั พลบั ตอนท่ีท่านอุปสมบทเป็นสามเณร น่นั เอง ท่านผู้ใหญ่หลายทา่ นซง่ึ เคยอุปสมบทและเคยใกล้ชิดกบั หลวงปูเ่ ล่าใหฟ้ งั ว่าทา่ นไดส้ นใจศกึ ษา เลา่ เรียนวิชาล่องหนหายตวั และคงกะพนั ชาตรตี งั้ แต่เปน็ สามเณรและสามารถท้าไดโ้ ดยไมย่ าก ตอ่ มาท่านไดร้ บั แตง่ ต้ังสมณศกั ด์ิเป็น พระครูประศาสน์สิกขกิจ เมอื่ วันที่ 1 มนี าคม พ.ศ. 2479 มีประชาชนเคารพนับถือทัว่ ไป ตลอดจนบรรดาเจา้ นายเช้อื พระวงศ์ทอี่ ยู่ในรั้ว ในวังต่างกร็ จู้ ักท่านดีในสมัยท่ีท่านยงั มีชวี ิตอยโู่ ดยเฉพาะขา้ ราชการทหารเรือในสมยั นั้น ทกุ วนั เสาร์ อาทติ ย์ทหารเรอื ทงั้ นายพลจะพากันมาขอของดี ลงกระหม่อมกันแน่นกุฏิ บรรดาทา่ นผู้มีช่ือเสียงที่ไป มาหาสูท่ า่ นอย่างใกล้ชดิ สนิทสนม เท่าท่ีพอจะรวบรวมได้ก็มี พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรม หลวงชมุ พรเขตอุดมศักดิ์พระบิดาแหง่ กองทัพเรือ ตลอดจนพระโอรส พระธดิ าของท่านเสด็จ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มคี วามเลอ่ื มใสศรทั ธาต่อหลวงปมู่ าก ถึงกบั น้าพระโอรสมาอุปสมบท เป็นสามเณรอยู่ท่ีวัดนถี้ งึ 3 รปู ดว้ ยกันคอื พลเรอื เอกหมอ่ มเจา้ ครรชติ พลอาภากร (ทา่ นน่วม) อดตี ผูบ้ งั คับบัญชาทหารเรือ หมอ่ มเจ้าสมรบา้ เทอง (ท่านขรวั ) และหม่อมเจา้ ด้าแดงฤทธ์ิ (ท่านบ๊วย) โดยท่ี เสด็จในกรมฯ และหมอ่ มเจา้ หญิงเริงจิตรแจรง พระธดิ าตลอดจนข้าราชบริพารได้มาถือศีลประจ้าอยู่ ทว่ี ัดนจี้ นพระโอรสครบก้าหนดลาสกิ ขาบท และอดตี นายกรัฐมนตรีทา่ นหน่ึงในอดตี ทเ่ี คยเปน็ ศิษย์ ของทา่ นพระชายาของกรมหลวงลพบุรรี าเมศร์ และพระโอรสก็เคยไปมาหาส่ทู า่ นเป็นประจา้ โดย เสด็จกรมหลวงชมุ พรเขตอดุ มศักดิ์ น้นั เคารพนบั ถือเปน็ พระอาจารย์รปู หน่ึงเท่าเทยี มหลวงพอ่ ศุข วัดปากคลองมะขามเฒา่ และเข้าใจว่าคงจะได้ของดีจากหลวงพอ่ ไปมิใช่น้อย เพราะเทา่ ท่ีทราบกนั โดยทว่ั ๆ ไป เสดจ็ ในกรมฯ น้ัน เม่ือทราบว่าพระอาจารย์องค์ไหนมีชอ่ื เสยี ง แลว้ มกั จะทรงไปลองดอี ยู่ เสมอ ๆ และถ้าไม่แน่จรงิ แลว้ ท่านกไ็ ม่เคยใหค้ วามเลื่อมใสศรัทธา โดยข้อความตอนหน่ึงในหนังสอื พระประวัตขิ องกรมหลวงชมุ พรฯ ซง่ึ เขียนโดยชยั มงคล อุดมทรพั ย์ มีขอ้ ความตอนหน่งึ ว่า “ผเู้ ขียนได้ ถามนายเทยี บ อุทัยเวช (นายเทยี บฯ นเ้ี ป็นน้องของหม่อมเมีย้ นซึง่ เป็นหม่อมของเสด็จในกรมฯ) ว่า เสด็จในกรมฯ นน้ั ทรงเคารพเล่ือมใสหลวงพ่อศขุ รูปเดียวหรอื มีองค์อ่ืนอีก นายเทียบเล่าวา่ มีอกี รปู หนงึ่ อย่วู ดั บางปะกอกธนบุรี ช่ือหลวงปู่พริง้ องคน์ ้ีมาหาเจา้ พอ่ ท่ีวังเสมอแต่หลวงปู่พร้งิ จะใหข้ องหรือ

59 ประสิทธิป์ ระสาทวิชาคาถาอาคมอะไรใหก้ บั ท่านเจ้าพ่อยังไงผมไม่ทราบว่าทา่ นเจา้ พ่อเคารพนบั ถือ เป็นพระอาจารย์ นายเทยี บเลา่ ต่อไปวา่ หลวงปูพ่ ร้ิงองค์นี้มีคนนับถือมาก เล่าลือกนั วา่ เป็นผู้เชีย่ วชาญ วิชาทางไสยศาสตรไ์ มแ่ พ้หลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒา่ เหมือนกนั น้องชายของผมช่ือจ้าเรยี ง ทศั นเวช บวชเปน็ พระครูเป็นเจา้ อาวาสอยวู่ ดั ส้มเกลีย้ ง ตา้ บลสามเสน พระนคร (ปัจจุบนั เป็นพระ วบิ ูลย์ธรรมมาภรณ์อย่วู ดั ราชาธวิ าส) ได้นมิ นตห์ ลวงปู่พร้ิงไปปลกุ เสกเสื้อยันต์และผา้ ยนั ต์ หลวงปู่พริ้ง ก็ท้าพธิ ีปลกุ เสกองคเ์ ดียว เกดิ เหตุการณ์มหัศจรรยป์ รากฏว่าผ้ายันต์ท่กี องอยนู่ น้ั กระพือพรึบเหมือน ลมกระทบคลน่ื อยู่ไปมา ทัง้ ๆ ทีก่ ารกระทา้ พิธกี ก็ ระทา้ อยูใ่ นพระอุโบสถของวัดชนะสงครามหน้าต่าง ประตกู ป็ ดิ หมด พัดลมก็ไม่มสี ักตวั และมผี รู้ ว่ มเปน็ สกั ขพี ยานอยู่หลายท่าน กองผ้ายนั ตเ์ คลื่อนไหว เปน็ อยู่พัก ๆ หน่ึงจนเสร็จพิธี” หลวงปูพ่ ร้ิงเปน็ อาจารย์สกั และหมอยา มเี คร่ืองรางของขลงั ท่ีมีชอ่ื เสียงมาก ทางคงกระพันและเมตตามหานิยมในสมัยนั้น หากใครไม่รู้จักหลวงปู่พริ้งก็อาจจะเรียกได้ว่ายังไม่ได้ เป็นนักเลงพระอย่างแท้จริง ถึงแม้ประชาชนท่ัว ๆ ไป ให้ความเคารพเลื่อมใสกันอย่างมาก นอกจากน้ันท่านยังดูฤกษ์ยามทายโชคชะตาได้แม่นย้า ท่านได้สร้างเคร่ืองรางของขลังข้ึนครั้งแรก เท่าทที่ ราบกนั ดีคือ ลูกอมด้า ซ่ึงมีชื่อเสียงในทางคงกระพันเมตตามหานิยมและอาราธนาท้าน้ามนต์ให้ คนป่วยรับประทานเป็นท่รี จู้ กั กันทั่ว ๆ ไปอยา่ งกว้างขวาง และสร้างลูกอมสีขาวปนเทา พระสมเด็จผง ใบลานสเี ทา สปี นู แหวน ปอกมดี ขึ้นอีก ซ่ึงก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน และในโอกาสต่อมาท่านก็ได้ สร้างเหรียญรูปท่านข้ึนอีกใน พ.ศ. 2483 โดยคุณหลวงพัสดุฯ เป็นผู้จัดท้าถวายให้หลวงปู่ปลุกเสก ในขณะน้ีลูกอมด้า และเหรียญซึ่งมีช่ือเสียงมากเป็นท่ีประจักษ์แก่คนทั่ว ๆ ไปมาแล้วหลายสิบราย (เท่าที่ผู้เขียนสืบทราบได้) หมดไปแล้ว เฉพาะลูกอมด้าของท่านซ่ึงสร้างมา 60 ปีเศษ แล้ว ขณะนี้มี ราคาขอเชา่ ลูกละหลายพนั บาทขึ้นไป เหรียญกห็ ลายรอ้ ยบาทแต่ผู้ถูกขอเชา่ ก็ยังไม่ยอมให้เช่า โดยเฉพาะลูกอมซึ่งเปน็ เคร่ืองรางชนิดแรกท่ีท่านสรา้ งขึน้ มีอภนิ ิหารทาง คงกระพันมาก ซึ่งมีผู้ประสบเหตุมาแล้วจ้านวนมากบอกกับผู้เขียนว่าจะให้ราคาก่ีพัน ก่ีหม่ืนก็ไม่ให้ เพราะถ้าไม่ได้ลูกอมด้าของท่านแล้ว คงไม่มีโอกาสให้สัมภาษณ์แก่คุณในขณะน้ีแน่ ลูกอมด้านี้มี ช่ือเสียงโด่งดังเล่ืองลือไปไกล เหตุที่มีผู้น้าติดตัวไปแล้วประสบภัยต่าง ๆ หลายต่อหลายสิบรายแต่ก็ รอดชีวิตมาได้ เป็นเหตุให้มีผู้ต้องการมาก หาเช่าได้ยากจึงมีผู้รู้จักลูกอมด้ามากกว่าเคร่ืองรางชนิด อื่น ๆ ทหี่ ลวงปู่สร้าง ในสงครามอินโดจนี กไ็ ด้สรา้ งเส้ือยันต์ ผ้ายันตแ์ ละปลุกเสกเครื่องรางชนดิ อนื่ ๆ อีกหลายอยา่ งเพือ่ มอบให้กับทหารที่ไปราชการสงคราม และลูกศิษย์ในครั้งกระน้ัน และโอกาส ที่ทางราชการท้าพิธีจัดส่งทหารไปราชการสงคราม ท่านก็ได้นิมนต์จากทางราชการให้ไปในประพรม นา้ พระพุทธมนต์เพอ่ื เป็นสริ มิ งคลเปน็ ที่เล่ืองลือในครั้งกะน้ัน

60 ในอดตี หลวงปู่พรง้ิ ท่านได้เข้าร่วมพิธนี ั่งปรก ปลุกเสกตามวัดใหญ่ ๆ หลาย คร้ัง เช่น วัดราชบพิธ และวัดสุทัศน์เทพวราราม โดยเฉพาะท่ีวัดสุทัศน์เทพวราราม น้ี ท่านได้เข้าพิธี ทกุ คร้ังทสี่ มเดจ็ พระสงั ฆราชแพ จดั ทา้ ในครงั้ หลงั ๆ ก็เช่นกนั ทา่ นเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากในสมัย นั้นบรรดาพระชั้นผู้ใหญ่ที่ประจ้าพรรษาอยู่ที่วัดสุทัศน์เทพวราราม ปัจจุบันนี้เป็นที่รู้จักหลวงปู่ดีแทบ ทุกรูป ผู้เขียนได้ไปขอสัมภาษณ์จากท่านเจ้าคุณหลายรูปท่ีวัดสุทัศน์เทพวราราม ต่างก็เล่าเป็นเสียง เดียวกันว่าหลวงปู่พริ้งขณะนั้นโด่งดังมากกว่าพระอาจารย์อื่น ๆ ที่มีช่ือเสียงในสมัยน้ันจริง ๆ รูปร่าง ลักษณะของท่านเป็นคนท่ีท่วงทีสง่างามสมกับเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ท่ีมีคนเคารพนับถือ นี่เป็นค้ากล่าว ของท่านเจา้ คณุ พระญาณโพธิ กบั ทา่ นเจา้ คุณพระวิบลู ย์ธรรมาภรณ์ ในบรรดาพระเกจอิ าจารย์ท่มี ชี ่ือเสียงโด่งดงั ในยคุ นห้ี ลายต่อหลายรปู กเ็ คย เปน็ ลูกศษิ ยข์ องหลวงปู่ ผ้เู ขียนของดท่ีกล่าวนามพระอาจารย์เหล่านั้น เพราะยังมิได้ติดต่อขออนุญาต จากท่านเน่ืองจากผู้เขียนไม่มีเวลาและโอกาสท่ีจะไปติดต่อ จึงขอกล่าวเพียง 2-3 รูป คือ หลวงพ่อ พระร่วง พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงองค์หนึ่งแห่งวัดยางสุทธาราม บางกอกน้อย ธนบุรี ในอดีตพระ อาจารยเ์ ฉลิม เกตแุ กว้ ท่วี ัดยางสุทธาราม ปัจจุบันนี้เล่าให้ฟังว่าอาจารย์ของท่านคือหลวงพ่อพระร่วง ไดเ้ ลา่ ใหฟ้ ังวา่ หลวงปพู่ รงิ้ เคยเป็นอาจารย์ของท่าน เครอ่ื งรางของขลงั ของหลวงปู่พริ้งท่านก็มีแทบทุก ชนิด และเป็นศษิ ยท์ ีใ่ กลช้ ิดคนหนงึ่ ทีเดียว แต่เน่ืองจากปัจจุบันน้ีหลวงพ่อพระร่วงได้มรณภาพไปแล้ว ผเู้ ขียนจงึ ไมท่ ราบรายละเอียดท่ีเก่ยี วกับหลวงปพู่ ริง้ มากกว่าน้ี พระอาจารย์อกี องค์แหง่ ถ้าคูหาทองในจงั หวดั ลพบรุ ี คณุ พิทกั ษ์ เล่าใหฟ้ งั วา่ เมอ่ื 2-3 ปที ีแ่ ล้วมีพรรคพวกซึ่งเป็นคนจีนได้ชวนไปเที่ยวที่จังหวัดลพบุรี และเดินทางไปยังส้านักสงฆ์ แหง่ หนง่ึ ซ่งึ อยใู่ นถา้ บนภูเขาหา่ งจากตวั เมืองโคกกะเทยี มไปหลายสบิ กโิ ลเมตร ณ ส้านักสงฆ์แห่งน้ันได้ มีพระอาจารย์รูปหนึ่งซ่ึงเป็นผู้มีชื่อเสียงมากรูปหน่ึงในจังหวัดลพบุรี ได้น้าเคร่ืองรางของขลังชนิดต่าง ๆ ทท่ี ่านสรา้ งขนึ้ ใหค้ นได้เช่าบูชา เพอื่ นา้ รายได้สรา้ งพระอโุ บสถท่กี า้ ลังก่อสรา้ งอยู่ คนจีนทไี่ ปเช่าดว้ ยกนั เปน็ จา้ นวนมากราคาคา่ เช่าบูชากร็ าคาสงู ๆ แต่ คุณพิทักษ์ เองมิได้เช่าเพราะเห็นว่ามีอยู่มากแล้ว แต่ท่านอาจารย์รูปนั้นได้ถามคุณพิทักษ์ ก็ตอบว่ามี อยู่แล้วทา้ ไปใหพ้ ระอาจารย์รูปน้นั ขอดู คณุ พทิ ักษ์ กจ็ า้ เป็นตอ้ งถอดสรอ้ ยคอซงึ่ มลี กู อมดา้ ของ หลวงปู่ รวมอยดู่ ว้ ยออกมาให้ดู ทันทที อี่ าจารย์รปู น้นั เหน็ ลูกอมด้าก็ยกสร้อยพระขน้ึ พนมมือเหนือศรี ษะ และกราบลงบนอาสนะเบอื้ งหน้าท่าน พร้อมกับพูดว่า โยมไม่ต้องเอาของอาตมาแล้วเพราะมีของดีอยู่ แล้วนีไ่ ง พรอ้ มกับชีท้ ่ีลูกอมดา้ คณุ พิทกั ษ์ ก็เลยเรียนถามว่าทา่ นทราบหรือว่าเปน็ พระอาจารย์รูปใด ท่านอาจารย์รูปน้ันตอบว่า นี่คือลูกอมด้าของหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก ธนบุรี และเป็นอาจารย์ของ อาตมาด้วยพร้อมกับบอกว่าได้ของดีของอาจารย์ของอาตมามาแล้ว ไม่ต้องเอาของอาตมาหรอก

61 คุณพิทักษ์ กล่าววา่ จ้าช่อื อาจารย์รปู นนั้ ไม่ไดเ้ พราะเป็นเวลา 2-3 ปี แล้ว แต่รู้สึกว่าดังมากจากค้าบอก เล่าของพรรคพวกท่ีไปด้วย พระอาจารย์อีกท่านหน่ึงท่ีเคยมาศึกษากับหลวงพ่ออีกก็คือ “หลวงพ่อ ปาน” ผู้มีช่ือเสียงแห่งวัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” พระภิกษุเชื้อ วิสุทธสีโล วัดบาง ปะกอก ไดเ้ ล่าให้ผเู้ ขียนฟงั ว่าเม่ือตอนเป็นเด็กอายุ 12-13 ปี ได้ตดิ ตามพระจา้ รสั ประสารเกตุ พี่ชาย ของนายแจม่ ประสารเกตุ (คนเกา่ คนแกป่ ระจ้าบางปะกอก) ไปหาหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เพ่ือขอ ของดีของท่านซึง่ กา้ ลงั เริม่ จะมชี อื่ เสียง เมือ่ เขา้ ไปถึงวัดก็เขา้ ไปกราบนมสั การท่าน หลวงพ่อปาน จึงได้ถามว่ามาท้าไม พระจา้ รัสฯจึงตอบวา่ มาขอของดีจาก หลวงพอ่ ท่านจงึ ไดถ้ ามวา่ อยู่กนั ที่ไหนล่ะ พระจ้ารสั จึงตอบวา่ อยูว่ ัดบางปะกอก ธนบุรี หลวงพอ่ ปาน จงึ บอกว่าไมม่ ีหรอกของดที น่ี น่ี ะ พระภกิ ษุเชื้อ ตอนนัน้ ยงั เป็นเด็กอยู่และยงั ไม่ได้บวชเรยี น จงึ พูดวา่ หน้าทีข่ องหลวงพ่อมตี ้ัง 5 บาตรแน่ะ ท่านจึงหัวเราะและกลา่ ววา่ อยวู่ ัดบางปะกอกก็มีของอาจารย์ฉันอยู่แล้ว นน่ี า จะเอาของฉนั มาทา้ ไมอีก “หลวงปู่พร้งิ ไงล่ะ” และท่านกไ็ ดม้ อบให้คนละ 5 องค์ พร้อมกับฝาก มาใหห้ ลวงปู่พร้งิ อกี จา้ นวนหนง่ึ เมื่อกลับมาถงึ วัดมีความสงสยั เพราะท่านบอกว่าเคยเป็นลกู ศิษย์หลวงปู่พรง้ิ ไม่เคยเห็นหนา้ สกั ที เราก็อยู่เป็นเด็กวัดมานาน จึงได้ถามหลวงปู่พริ้งว่า “หลวงลุง หลวงพ่อปานเคย บอกว่าเขาเคยเป็นลูกศิษย์ของหลวงลุง ผมไม่เคยเห็นหน้าสักที” เขามาเรียนกับข้าเพียงคืนเดียว เท่าน้ัน สอบถามต่อจึงได้ความว่าหลวงพ่อปานขณะน้ันมีอายุมากกว่าหลวงปู่ ได้มาขอเรียนวิปัสนา ธุระโดยบอกว่าทราบว่าอาจารย์ส้าเร็จวิปัสนา ผมขอสมัครตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนด้วย เพราะเรียนมา หมดธูปเปน็ กระบงุ ๆ แลว้ ไมส่ า้ เรจ็ สกั ที หลวงปู่จงึ ด้าเนนิ การให้ ซ่ึงหลวงพอ่ ปานศกึ ษาเพียงคนื เดยี วเท่าน้นั ก็สา้ เรจ็ โดยบอกกบั หลวงพ่อปานว่า “เอาละท่านเรียนส้าเร็จแลว้ ” เรื่องนผี่ ู้เขยี นขอยืนยันว่าในสมัยที่ผ้เู ขยี นอายุ 17-18 ปี คุณลุงแจ่ม ประสารเกตุ ขณะนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้เล่าให้ฟังเหมือนกัน แต่ขณะท่ีเขียนเรื่องน้ี คุณลุงแจ่ม ได้ถึงแก่ กรรมเสยี แลว้ เลยหมดโอกาสท่ีจะสอบถามใหไ้ ดเ้ ร่ืองราวมากกวา่ น้ี ปัจจุบัน ท่านผ้มู คี วามต้องการที่จะไดเ้ ครือ่ งรางของขลงั ทีท่ า่ นสรา้ งขนึ้ ยัง พอมีใหเ้ ช่าไปบชู าอยบู่ า้ งเพยี งเล็กน้อย เชน่ ลกู อมสเี ทาและพระสมเดจ็ ผงใบลานอันขึ้นช่ือของหลวงปู่ อนึ่ง เมื่อวนั ท่ี 7 พฤศจิกายน 2514 ทางวดั ได้ร่วมกบั คณะศิษยานุศิษย์ สมาคมผู้ปกครองและครวู ัดบางปะกอก สมาคมนักเรียนเก่าบางปะกอก และสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียน ประชาบาล จัดพิธีพุทธาภิเษกครั้งย่ิงใหญ่ ปลุกเสกเครื่องรางของขลังหลายชนิด อาทิเช่น รูปหล่อ เหมือน เหรียญทอง นาคเงิน เหรียญทองแดงรมด้า พระพิมพ์ผงชนิดต่าง ๆ เพื่อให้ผู้มีความเลื่อมใส

62 ศรัทธาได้มีไว้ติดตัวสักการบูชา โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาน สมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์ ประธานเททอง สมเดจ็ พระวันรัต วัดพระเชตพุ น เป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย ร่วมด้วยพระอาจารย์ผู้ มีชื่อเสียงหลายองค์น่ังปรกปลุกเสกตลอดราตรี อาทิเช่น หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี หลวง พ่อมุ้ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อเย่อ วัดอาสาสงคราม พระประแดง หลวงพ่อเจริญ วัดทอง นพคุณ จ.เพชรบุรี พรครอู นรุ กั ษว์ รคุณ วัดหนองมว่ ง จ.ราชบุรี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ ฉิมพลี หลวงพ่อ มิ่ง วัดกก หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร นครหลวงกรุงเทพธนบุรี ฯลฯ เป็นต้น ณ พระอุโบสถวัดบาง ปะกอก ฉะนนั้ หากท่านทย่ี ังไม่มหี รือมีแล้วต้องการทจ่ี ะได้ของชดุ ใหม่ก็เชิญตดิ ต่อ ไดท้ ่ีวดั ทุกวัน ของบางชนิดท่ีจัดสร้างหมดไปในเพียงวันเดียวท่ีเปิดให้เช่าบูชา ของท่ีจัดสร้างได้ผสมผง เดิมของท่านไปด้วย พร้อมทั้งผงจากพระอาจารย์ต่างๆ อีกเป็นจ้านวนมากหลายจังหวัด เช่น จังหวัด สุพรรณบรุ ี สงิ หบ์ รุ ี เพชรบรุ ี ราชบุรี สระบุรี นนทบุรี ธนบุรี พร้อมด้วยดินและอิฐ จากสถูปอนุสาวรีย์ อนุสรณ์ดอนเจดีย์อันศักด์ิสิทธ์ิ ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีผงสุพรรณของแท้อันขึ้นช่ือผสมอีกส่วนหนึ่ง จึง กล่าวได้ว่าถึงแม้หลวงปู่จะมิได้สร้างด้วยตนเอง แต่ก็ไม่ได้ท้าให้ผู้ที่มีติดตัวได้ผิดหวัง ในคุณวิเศษใน ของที่จัดสร้างข้ึนใหม่เลย นอกจากน้ันคณะกรรมการยังไม่ได้ท้าพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณของหลวงปู่ อญั เชญิ เป็นประธานน่งั ปรกปลุกเสกของในพิธีดังกล่าวดว้ ย ส้าหรบั รายได้จดั ตัง้ เป็นมลู นธิ ิ “หลวงปู่พริ้ง”นา้ ดอกผลช่วยเหลอื นักเรยี นที่ ขาดแคลนทุนทรัพย์ของโรงเรียนวัดบางปะกอก (ประถม) และโรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม (มัธยม) อีกส่วนหน่ึงจะน้าไปขยายบริเวณที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อจ้าลองของหลวง ปู่ให้กว้างขวาง สวยงามเหมาะสมตอ่ ไป กลา่ วโดยสรุป หลวงปู่พรง้ิ มคี วามส้าคัญมาก ส้าหรับชาวบางปะกอกและ ชาวต้าบลใกล้เคียง ซึ่งชาวบ้านใกล้เคียงมักจะเรียกท่านว่า “หลวงปู่” ในสมัยท่ีท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าราชการในสมยั นั้นหรือแม้กระทง่ั บรรดาท่านผู้มีชื่อเสียง มีความเล่ือมใสศรัทธาต่อหลวงปู่มาก บาง ท่านถึงกับน้าพระโอรสหรือบุตรของตนมาอุปสมบทเป็นสามเณรอยู่ที่วัดน้ี และหลวงปู่ยังปลุกเสก เคร่อื งรางของขลัง เพอื่ นา้ ดอกผลมาชว่ ยเหลอื นักเรยี นท่ีขาดแคลนทุนทรัพย์ 2.1.3 ความเชื่อและความศรัทธาตอ่ หลวงปพู่ ริ้ง วดั บางปะกอก อภนิ ิหารความศกั ดิ์สทิ ธเิ์ คร่ืองรางของขลงั ของหลวงปู่ จากค้าบอกเล่าของ นายแป้น ในสมัยทนี่ ่งั ท้าเรอื ประมงอยู่ เลา่ วา่ ในขณะที่อย่ใู นทะเลมลี ูกเรือถูกงเู ห่าทะเลกัดเพียบเต็มท่ี อาการหนัก ยาก็ไม่มรี ักษา นายแป้น นกึ ถงึ ลูกอมของทา่ นทน่ี า้ ตดิ ตวั ไปขน้ึ มาได้ จึงอาราธนาระลึกถึง ท่านหยอ่ นลงไปในขันน้าปรากฏว่าแตกออกเปน็ 3 เส่ียง และไดเ้ อาน้าในขนั น้นั ใหล้ ูกเรือรบั ประทาน ปรากฏวา่ ในไม่ชา้ กห็ าย ส้าหรบั เร่อื งลูกอมแตกนัน้ ผ้เู ขียนฟังค้าบอกเล่าในชนั้ แรก ยังสงสยั ไม่ค่อยเช่ือ นัก แตเ่ ม่ือได้น้ามาใหด้ ูปรากฏว่าแตกเปน็ 3 เสยี่ งจรงิ ๆ นบั เป็นสง่ิ อัศจรรย์มาก

63 หลวงปู่พร้ิง วดั บางปะกอก ในสงครามอินโดจีนมีท่านผูห้ นึ่งจะตอ้ งไปสงครามอยากไดเ้ คร่ืองรางของ ทา่ น แตไ่ มก่ ล้ามาขอเพราะท่านเปน็ คนดพุ อสมควรแก่เหตุผล เลยจา้ งใหศ้ ษิ ย์วดั ขโมยมาให้ ศิษยว์ ดั ผู้ นั้นกน็ า้ กน้ กรวดเลก็ ๆ ที่ท่านใส่ไว้ในกระถางน้ามนต์บนหอสวดมนต์ไปให้ จงึ ไดน้ ้าติดตัวไป ในขณะที่ อย่ใู นแนวหนา้ กับเพื่อน ๆ อีกกลุม่ หนึ่ง ปรากฏวา่ กระสุนปืนใหญจ่ ากฝ่ายข้าศึกตกลงมาใกล้ ๆ พอดี เพือ่ น ๆ ตายไปหลายคนทไ่ี ม่ตายก็แทบไม่รอด แต่เจ้าตัวกลับไมเ่ ปน็ อะไรเลยเพยี งแตแ่ รงของกระสุน ปนื ใหญ่นัดน้นั บบี หมวกเหลก็ แบนตดิ กบั ศรี ษะเอาไม่ออกต้องสง่ ตวั มาตัดในกรุงเทพฯ สงครามมหาเอเชียบูรพา วัดบางปะกอกไดเ้ ป็นท่ีพกั หนีอนั ตรายของ ประชาชนมาอยเู่ ปน็ ร้อย ๆ ซึ่งหลวงพ่อก็ไดใ้ ห้ความร่มเยน็ โดยท่ัวกนั โดยเฉพาะเจา้ จอมต่าง ๆ ที่อยู่ ในร้วั ในวังก็พากันมาพึ่งบารมีของท่านหลายต่อหลายคนภยั อนั ตรายต่าง ๆ ไม่เคยแพว้ พาลแมแ้ ต่น้อย ทัง้ ๆ ท่ีวดั อยหู่ ่างอตู่ ่อเรอื ของญี่ปุ่นไม่ถึงกิโลเมตร มองเหน็ ลกู ระเบิดหย่อนลงมาท้าลายนับสบิ ๆ ลกู แตด่ ้วยบญุ บารมขี องทา่ นได้ปัดเป่าภยั อันตรายตา่ ง ๆ ท่จี ะมแี กช่ าวบางปะกอกจนปลอดภัยตอ่ เหตุการณใ์ นครั้งกระน้นั ยากทีช่ าวบางปะกอกและผู้ท่ีมาพึ่งบุญของทา่ นจะลมื ได้ อีกรายหนงึ่ ทผี่ เู้ ขียนสัมภาษณ์จากปากคา้ ของผปู้ ระสบเหตุการณม์ าดว้ ย ตนเอง ทา่ นผูน้ นั้ เล่าว่าในตอนหนมุ่ ๆ ชอบไปเทยี่ วตามงานวัดย่านใกล้นัน้ วันหนงึ่ กอ่ นออกจากบ้าน รสู้ กึ ตัวว่ามอี ะไรแปลก ๆ กว่าทุกคร้งั ที่เคยไปเทยี่ วมา เหมือนมอี ะไรดลจติ ใจ จึงกลับไปหยิบผา้ ยนั ต์ และลูกอมดา้ ของทา่ นอาราธนาบอกกลา่ วขอความคุ้มครองจากทา่ นแลว้ ก็น้าติดตัวไปขณะท่ยี ืนดลู เิ ก ในลานวัดน้นั มนี กั เลงในเขตย่านนนั้ ซง่ึ ไม่ถูกกนั มาก่อนลอบตีศรี ษะเตม็ เหน่ยี วขณะทยี่ ืนดูอยกู่ บั เพ่ือน ท่านผนู้ ี้เลา่ วา่ ขณะถกู ตดี ว้ ยไม้คมแฝกรู้สกึ ชานดิ ๆ ชวั ขณะหนง่ึ เท่าน้ันเหมอื นไม่มีอะไรเกดิ ข้ึน ทงั้ ๆ ทเ่ี พื่อน ๆ และคนท่ียืนอยู่ใกล้ ๆ ไดย้ ินเสยี งโพล๊ะดังสนน่ั ขนาดที่ลเิ กก้าลังแสดงหยุดชะงักการเลน่

64 ทันที ผคู้ นแตกฮือไปคนละทิศละทาง ผู้ถูกตเี องกลับไม่รู้สึกอะไร นับเป็นอีกรายหน่ึงท่ผี เู้ ขียน สมั ภาษณ์กับผปู้ ระสบมาด้วยตนเอง และทา่ นผเู้ ลา่ ก็ยงั มีชีวิตอยู่ในขณะนี้ อีกรายหนึง่ ซ่งึ เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ท่านผู้นนั้ คือ คุณพิทักษ์ กฤตสัมพันธ์ อาจารย์โทของโรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม อ้าเภอราษฎร์บูรณะ ธนบุรี ได้ ประสบมาด้วยตนเองกลา่ วคือ เมือ่ วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2514 เวลาประมาณ 3 ทุ่ม โดยสารรถเมล์ ประจ้าทางสาย 86 บางล้าพู-พระประแดง เพ่ือกลับบ้าน ขณะท่ีมาถึงหลังบริษัทข้าวไทย 3 ท้องที่ อา้ เภอเขตราษฎร์บูรณะ ไดม้ ีผู้โดยสารคนหนึ่งเกิดวิวาทกับคนขับรถประจ้าทางคันที่นั่งไป เพราะเหตุ ไม่จอดให้ลงตามท่ีประสงค์ เม่ือผู้โดยสารคนนั้นได้ลงไปแล้วได้ชักปืนข้ึนมายิงเข้าไปในรถ 2 นัดซ้อน นัดแรกเข้าที่กลางหลังของคุณพิทักษ์ อีกนัดหน่ึงถูกผู้โดยสารข้างเคียง ขณะท่ีนัดแรกเจาะเข้ากลาง หลงั คณุ พทิ กั ษ์ เลา่ ว่ารู้สึกแน่นตอื้ ขึ้นมาในทันที จึงเอามือคล้าดูท่ีหลังตามสัญชาติญาณ เพราะรู้สึกว่า โดนยิงแน่ อีกนัดหน่ึงเข้าที่แขนของคนข้างเคียงเลือดโชกออกมานอง ผู้โดยสารอื่น ๆ และผู้ประสบ เหตุการณ์ จึงได้ช่วยกันน้าผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลในทันที ส้าหรับคุณพิทักษ์ เม่ือผู้โดยสารอ่ืน ๆ ชว่ ยกนั ตรวจดูแล้วไมเ่ ห็นมีบาดแผล ความตกใจและดีใจที่ไม่เป็นอะไรจึงได้รีบกลับบ้านทันที และเล่า เหตกุ ารณท์ ีเ่ กดิ ขึ้นใหภ้ รรยาและเพอ่ื นบา้ นฟัง ซึ่งเพ่ือนบ้านก็ช่วยกันส้ารวจดูบาดแผลท่ีถูกยิง ทว่ายัง ความแปลกใจให้กับภรรยาและเพื่อนบ้าน ปรากฏว่าเสื้อเชิ้ตช้ันนอกมีรอยไหม้เหลือง ๆ เป็นจุด เม่ือ ถอดเส้ือชั้นนอกออกท่ีแผ่นหลังใกล้หัวใจเสื้อยืดชั้นในเป็นรอยบุ๋มลึก เข้าไปในเส้ือแผ่นหลังเกือบ 1 ซม. จงึ ชว่ ยกนั ถอดเสอ้ื ชน้ั ในออกปรากฏวา่ มีรอยช้า ๆ เพียงเล็กน้อยเพราะความแรงของหัวกระสุน ปนื ลกู ปนื มิได้ผ่านแผ่นหลงั บาง ๆ ของคณุ พทิ กั ษ์ เขา้ ไปเลย ผเู้ ขยี นจงึ ได้เขียนถามวา่ มีอะไรดีหนังจึงเหนียวนกั คุณพทิ กั ษ์ บอกวา่ ได้บุญ พระท่านคุ้มครองพร้อมกับบอกว่ามีลูกอมด้าของหลวงปู่พร้ิง กับพระเคร่ืองอ่ืน ๆ อีก 2-3 องค์ แต่ ม่ันใจเหลือเกินว่าหลวงปู่ท่านช่วยแน่ แต่มิได้ว่าจะลบหลู่พระเคร่ืองอ่ืน ๆ ที่กล้ากล่าวเช่นน้ีเพราะว่า เร่ืองประสบอนั ตรายนม้ี ใิ ช่เป็นคร้งั แรก แตเ่ ป็นคร้งั ทส่ี องแล้ว และในคร้ังแรกก็มีเพียงลูกอมของหลวง ปูเ่ พียงอยา่ งเดยี วเทา่ นั้น อภินิหารเก่ียวกบั เครื่องรางของขลงั ของทา่ นเลอื่ งลือไปไกลในยุคนน้ั นอกเหนือไปจากชาวจังหวัดพระนครธนบุรี และชาวจังหวัดอ่ืน ๆ ก็เป็นลูกศิษย์ลูกหาของท่าน มากมาย แม้ในบรรดาพระผู้ใหญ่ชั้นราชาคณะหลายท่านก็เคารพนับถือท่านมาก ท่านผู้มีอายุหลาย ท่านเล่าว่า สมเดจ็ พระสงั ฆราชแพ วดั สทุ ศั น์เทพวราราม ซึง่ รกั ใคร่และชอบพอกันมาก เมื่อมาหาท่าน ก็กราบหลวงพ่อกอ่ นทุกครงั้ และไมว่ ่าจะไปเจรญิ พระพุทธมนตห์ รือฉันภตั ตาหารท่ีใดโดยมีพระชั้นเจ้า คุณไปรว่ มดว้ ย เม่ือทราบว่ามีท่านเจ้าอาวาสวัดบางปะกอกจะไปด้วยต้องเว้นที่น่ังเหนือกว่าไว้ให้ท่าน แทบทุกแห่งไป นับเปน็ สิ่งนา่ อัศจรรย์มาก เพราะทา่ นเป็นเพยี งพระครูเจ้าอาวาสเท่าน้ัน ซ่ึงเร่ืองนี้เป็น ที่กลา่ วขวัญกนั สบื มาจนทกุ วนั นี้

65 มปี ระชาชนรนุ่ หลงั ๆ ท่เี คารพเลื่อมใสในตวั ของหลวงปู่ ไดส้ อบถามกนั อยู่ เสมอว่าคาถาก้ากับเคร่ืองรางของหลวงปู่มีอะไรบ้าง ผู้เขียนแนะน้าว่า นะโมพุทธายะ พระเจ้าห้า พระองค์นั่นแหละครับ เพราะท่านได้สร้างเหรียญของท่านเองก็มีค้าว่า นะโมพุทธายะ พร้อมกับ อาราธนาบอกกล่าวระลกึ ถงึ คณุ ของท่านเปน็ ไม่ผิดหวงั แน่ ๆ ส้าหรบั ของชดุ ใหม่ทจ่ี ัดสรา้ งข้นึ น้ันได้แสดงอภินิหารใหเ้ ปน็ ที่ประจกั ษ์ นับตัง้ แต่วันแรกที่เปดิ จา้ หนา่ ย ซงึ่ ผเู้ ขยี นเองได้เปน็ ผ้คู วบคุมการจ้าหน่ายอยู่ ซึ่งเปิดให้เช่าไปได้สักพัก ปรากฏว่ามีคนแห่กันมาแน่นบริเวณท่ีให้เช่า ขอให้เช่าคนละองค์สององค์ก็เป็นของธรรมดา แต่น้ีเช่า กันคนละ 200 300 ถึง 500 บาท กม็ ี ซึ่งยังมีความแปลกใจให้กบั ผเู้ ขียนและกรรมการที่ร่วมให้เชา่ ผู้เขยี นเองก็ยังนึกในใจวา่ จะรบี เช่ากนั ไปทา้ ไมคนละสหี่ ้าร้อยบาท เม่ือไหร่ มาเชา่ อกี กไ็ ด้ กรรมการทา่ นหน่งึ ยังถามผเู้ ชา่ วา่ คุณจะเชา่ เอาไปไหนเปน็ สิบ ๆ องค์นบั ให้ไม่ทนั เลย หลงั จากนั้นอีก 2-3 ชั่วโมง ผูเ้ ขียนจงึ ไดท้ ราบความจรงิ มผี ู้เช่าไปแลว้ นา้ ไป ลองยิงดว้ ยปืนมีคนดหู ลายสิบคน ผลปรากฏว่ายิง 2 นัดไม่ออก พอหันปืนไปทางอื่นคราวนี้ได้ผลเสียง ดังสน่ันต่อหน้าผู้คนท่ีมุงดู เลยแห่กันมาเช่ากันคนละหลายร้อยบาทดังที่กล่าวข้างต้น เป็นเหตุให้ ผู้เขียนจา้ หน่ายเงนิ ขาดไป 250 บาท เพราะดูไม่ท่ัวถึงทง้ั ๆ ทีก่ รรมการรว่ มกันดว้ ยหลายคน นอกจากนีย้ ังได้ทราบวา่ มผี นู้ ้าอีกสองสามแห่ง ผลปรากฏวา่ เช่นเดมิ ทา้ ให้ การจา้ หนา่ ยแตล่ ะครงั้ เต็มไปด้วยผู้ศรัทธาเล่ือมใสในตัวของหลวงปู่อย่างน่าปล้ืมใจ แม้แต่ชนชาวแขก แท้ ๆ ก็ยังมาขอเช่ากันหลายสบิ คน เกยี่ วกับท่มี คี นน้าไปทดลองด้วยปืนน้ผี ู้เขยี นไมย่ นื ยัน เพราะไม่เห็นดว้ ยตา ตนเอง แต่ก็ได้ถามจากผู้ที่มาขอเช่าคนหน่ึงซ่ึงได้เช่าหลายร้อยบาท บอกกับผู้เขียนว่าได้ไปยืนดูด้วย ตนเองและเห็นกับตา จึงมีความเลื่อมใสในตัวของหลวงปู่มาก ส้าหรับผู้เขียนเองไม่เคยคิดจะลอง เพราะคิดว่ามขี องดีแลว้ ไมค่ วรนา้ มาทดลองไมเ่ ปน็ การสมควรจรงิ ๆ เราเคารพเลือ่ มใสก็อาราธนาบอก กล่าวถงึ ทา่ นน้าตดิ ตวั ไป ก็เกดิ พลังใจเปน็ ทีเ่ ช่อื ถือได้เพยี งพอแล้ว อกี รายหนึ่งได้ประสบมากับตนเอง คอื นายบญุ มา ตรงมณี อยูท่ ี่หมู่ 9 อ้าเภอราษฎรบ์ ูรณะ นครหลวงธนบุรี อาชีพขบั รถรบั จ้างโดยสารเมอ่ื วนั ที่ 21 มิถนุ ายน พ.ศ. 2515 เอง นายบญุ มาฯ ไดเ้ ล่าให้ฟงั วา่ วันนน้ั เปน็ วนั พธุ ตนื่ เชา้ ขึน้ มารู้สกึ ไมอ่ ยากจะไปทา้ งานจึงกลับไป นอนต่อ แต่ก็นอนไม่หลับ พอประมาณ 09.00 น. เศษ ไม่รู้จะท้าอะไรก็เลยไปออกรถกลับบ้านอกี ครง้ั หนึ่งเวลาประมาณ 18.00 น. เศษ ตามปกตเิ ชา่ บ้านอยู่ในซอยสมบรู ณ์ทรัพย์ ขณะทีเ่ ดนิ ทางกลบั ยังไมถ่ ึงบา้ นก็ถกู คนรา้ ยฟนั ด้วยมีดทีห่ วั ไหลข่ วาเต็มแรง จึงเอามือลบู ทโ่ี คนฟัน ปรากฏวา่ ไม่เป็นอะไร พร้อมกบั หมนุ ตวั กลบั กเ็ หน็ คนฟนั ซง่ึ เป็นวัยรุน่ กา้ ลังวงิ่ หนี จึงไดว้ ง่ิ ตามไป แต่คนรา้ ยมมี ีดในมือยาว ประมาณศอกเศษจึงหยดุ ไล่เพราะตนเองไม่มีอาวุธแตม่ ีมือเปล่า คนร้ายจึงโดดขน้ึ รถจักรยานยนต์ ซึ่งมเี พื่อนจอดรออย่หู นไี ปได้ จงึ ไดน้ า้ ความไปแจ้งกบั เจา้ หนา้ ที่ต้ารวจ สถานีตา้ รวจราษฎร์บูรณะ

66 เมือ่ เจ้าหนา้ ทต่ี ้ารวจ ตรวจดูไม่มีบาดแผลเปน็ เพียงรอยขีดเล็ก ๆ เปน็ ยาง บอนเท่านั้น จึงได้ถามนายบุญมาฯ จึงนึกได้ขึ้นมาได้หยิบช่องใส่พระและผ้ายันต์ข้ึนมาให้เจ้าหน้าที่ดู ปรากฏว่าผ้ายันต์นั้นเป็นของอาจารย์อื่น 2 ผืน เป็นผ้ายันต์ทางเมตตามหานิยม อีกอย่างหน่ึงคือ พระพิมพ์ผง 2 หน้า หลวงปู่พริ้งท่ีจัดสร้างขึ้นมาใหม่เร็ว ๆ น้ี แต่ทว่าพระพิมพ์หลวงปู่พริ้งให้ฐานหัก ยงั คงแปลกใจใหก้ ับเจา้ ของและเจ้าหน้าทตี่ ้ารวจเปน็ อยา่ งมากวา่ ท้าไมถึงหักได้ ซึ่งนายบุญมาฯ ยืนยัน ว่าไม่เคยท้าตกและเก็บไว้ในกระเป๋าเส้ือตลอดมา พร้อมกับบอกว่าหลวงปู่พร้ิง ท่านช่วยชีวิตผมไว้ แน่ ๆ เพราะเหตวุ ่าตนเองมอี าชพี ขบั รถรับจา้ งก็หาของทางเมตตามหานยิ มเท่านั้น ส้าหรับหลวงปู่พร้ิง ได้มาก็เนื่องจากพรรคพวกเขาแบ่งให้ จึงแลกไปคนละองค์ พร้อมกับบอกว่าหลวงปู่พร้ิงก็ไม่เคยรู้จัก เคยได้ยินแต่ช่ือเท่านั้น และก็ไม่ได้หาเช่าไว้เพราะเป็นคนต่างจังหวัด อีกประการหนึ่งหลวงปู่พร้ิงก็ มรณภาพไปนานแลว้ ดว้ ย จงึ ไม่ได้ยินชือ่ และกิตศิ พั ท์ของท่านนกั พร้อมท้ังยืนยันว่าองค์นี้ต้องน้าไปต่อ ให้อยใู่ นสภาพเรยี บร้อยเพราะทา่ นชว่ ยชีวิตผมไว้ นายบุญมาฯ เลา่ ให้ฟงั ต่อไปว่าวันเกดิ เหตนุ น้ั ถ้าไม่ออกไปทา้ งานกม็ หี วังตาย แน่ ๆ เพราะปกติจะเดินเข้าออกตรอกน้ันพบปะเพื่อนฝูงวันละหลายเท่ียวและจะไม่น้าพระติดตัวเลย ไปทา้ งานถงึ จะน้าติดตัวไปใหร้ อดชีวิตมาได้ ผู้เขียนได้ขอดูรอยท่ีถูกฟันปรากฏว่าเห็นเป็นรอยทางยาว ประมาณ 6-8 นิ้วฟตุ เพราะเหตุเกิดมาหลายวันแล้ว ถ้าหากว่าฟันเข้าไม่พิการก็ต้องนอนโรงพยาบาล เป็นเดอื น ๆ แน่ ๆ กล่าวโดยสรุป ดา้ นความเชอ่ื และความศรทั ธา อภินหิ ารความศักดิ์สิทธิ์ เครือ่ งรางของขลังของหลวงปู่พริ้ง เลือ่ งลือไปไกลในยุคน้ัน นอกเหนือไปจากชาวจังหวดั พระนคร ธนบุรี และชาวจังหวดั อื่น ๆ ทา่ นมีลกู ศิษย์ลูกหาของท่านมากมาย แม้ในบรรดาพระผใู้ หญช่ ัน้ ราชา คณะหลายทา่ นกเ็ คารพนบั ถือทา่ นมาก ดว้ ยเหตุนชี้ อื่ เสียงท่านจึงโดง่ ดังมากเป็นผลให้ประชาชนท่วั สารทศิ ทงั้ ใกล้-ไกล ตา่ งม่งุ ไปขอวัตถุมงคลจากท่าน รวมทั้งไปให้ท่านชว่ ยรักษาโรคภัยไข้เจบ็ ต่าง ๆ อีกดว้ ย ซึ่งท่านก็ไม่เคยปฏเิ สธผใู้ ด ไม่ว่าจะเปน็ เจา้ ใหญ่นายโตหรือประชาชนธรรมดา สามญั หากไป ขอให้ทา่ นช่วยสงเคราะหแ์ ล้วเปน็ ไดร้ บั เมตตาช่วยเหลอื เสมอเหมือนกันหมด ทา่ นจึงท้าการสรา้ ง “วตั ถุมงคล”ข้นึ มากมายหลายชนิดแจกจ่ายกันไปตามแต่ผ้มู าขอตอ้ งการ ส่วนท่ีมีชอ่ื เสยี งเป็นทีน่ ิยม เสาะหากม็ ีทงั้ “ลูกอมเน้ือผง, ตะกรุด, ผ้ายนั ต์, เส้ือยนั ต์ และพระพิมพต์ ่าง ๆ 2.1.3 หลักธรรมคา้ สอนของหลวงปพู่ รง้ิ วัดบางปะกอก ในด้านการประกอบการสาธารณกุศล ท่านได้ร่วมกับชาวบางปะกอกและ ชาวพทุ ธทา้ นุบา้ รงุ วัด ซอ่ มแซมกุฏิ พระอุโบสถ พระวหิ าร และเสนาสนะอื่น ๆ ในวัดจนอยู่ในสภาพท่ี สวยงาม และท่านยังได้สร้างพระวิหารข้ึนใหม่อีกหลังหน่ึงเม่ือ พ.ศ. 2484 โดยมีทุนส่วนตัวของท่าน เองไม่ถึง 100 บาท แต่ด้วยบุญบารมีของท่านพระวหิ ารที่ท่านสร้างขึ้น จึงส้าเร็จเรียบร้อยในปีน้ันด้วย ความรว่ มมือของลูกศิษย์ลูกหาท่เี คารพเลอ่ื มใสในตัวของหลวงปู่

67 ด้านการศึกษา ทา่ นเปน็ ผู้อปุ การะและเป็นกรรมการศึกษาโรงเรยี น วัดบางปะกอก (ประถม) มาต้ังแต่แรกเร่ิมสมัยที่นักเรียนยังต้องอาศัยศาลาวัดเรียนจนกะทั่งเป็น อาคารไม้ 2 ชั้น ในปัจจุบันน้ีโรงเรียนแห่งน้ีเป็นอาคารไม้ 2 ช้ันถึง 6 อาคาร เนื่องจากได้รับความ สนับสนุนของรัฐบาล แต่ก็ด้วยความด้าริของท่านแต่แรกเร่ิม และต่อมาท่านได้ด้าริที่จะจัดสร้าง โรงเรียนมัธยมแบบผสมขึ้นเพ่ือให้เด็ก ๆ ได้ศึกษาเล่าเรียนโดยไม่ต้องไปเล่าเรียนไกลบ้าน แต่ความ ดา้ ริของทา่ นยงั ไมส่ ้าเรจ็ ท่านกจ็ ากชาวบางปะกอกและลูกศษิ ย์ลูกหาไปเสียก่อน ต่อมานายลอ้ ม - ฟักอุดม คหบดีชาวบางปะกอก จึงได้ร่วมกับนายนคร มังคะลี นายถนอม เอ่ียมทศ และประชาชน จดั ซ้ือท่ีดนิ ถวายวดั บางปะกอกและอนุญาตตั้งโรงเรียนมัธยมวัดบางปะกอกข้ึนเม่ือ พ.ศ. 2492 นับว่า หลวงปู่ไดป้ ระกอบคุณงามความดีไว้ใหแ้ ก่ทางราชการพระบวรพุทธศาสนาและชาวบางปะกอก ยากที่ ชาวบางปะกอกจะลืมเลือนไปจากความจ้า แม้ว่าท่านจะมรณภาพไป 20 ปีเศษ แล้วก็ตามเกียรติ ประวัติความดีและอภินิหารของท่านจะจารึกอยู่ในความทรงจ้าของชาวบางปะกอกและศิษยานุศิษย์ ไปช่วั กาลนาน หลวงป่พู รง้ิ หรอื พระครูประศาสน์สกิ ขกจิ ท่านไม่ได้เป็นเพียงพระมหา เถระผู้ทรงวทิ ยาคณุ แต่เพยี งเท่าน้ัน ทา่ นยงั เป็นผู้ประพฤติตามรอยพระยุคลบาทของพระสมั มา สัมพุทธเจา้ คือ กระท้าการอนุเคราะหแ์ ก่โลก แก่สังคม ในดา้ นการให้การศกึ ษาแกป่ ระชาชน เป็น จดุ เร่ิมต้นเกิดโรงเรยี นข้ึนมาได้ ยงั ไม่รวมถึงความเมตตาธรรมทที่ ่านมีต่อญาติโยม พทุ ธศาสนิกชน ใน ละแวกวดั บางปะกอก และประชาชนท่วั ไปที่รู้จักชื่อรู้จกั นามของทา่ น ท้าใหเ้ กียรติประวตั ขิ องทา่ น ยังคงดา้ รงอยู่ ไม่ว่าเวลาจะผา่ นไปเทา่ ใดกต็ าม จงึ เปน็ เหตุให้มกี ารสร้างรปู หลอ่ หลวงปู่พรง้ิ และสรา้ ง ศาลาหลวงปู่พริ้ง หรือ ศาลาอินทโชตานสุ รณข์ ้ึน เพ่อื ประดิษฐานรูปหลอ่ ของท่านไว้ เป็นท่ี สักการบชู า นกึ ถึงความดงี ามของทา่ น ไปนานเท่านาน กลา่ วโดยสรุปการทีเ่ รานึกถงึ ประวตั ขิ องหลวงปู่พริง้ เฉพาะในด้านอภินหิ าร และวทิ ยาคุณของท่านเพยี งอยา่ งเดียว คงไม่เพียงพอ แตค่ วรรา้ ลกึ วา่ หลวงปู่พริ้ง ท่านเปน็ พระเถระ ที่นอกจากจะทรงวทิ ยาคุณแล้ว ยงั ทรงไวซ้ งึ่ ปฏปิ ทา ศีลาจารวัตร เป็นพระสงฆส์ ปุ ฏิปนั โน ที่ควรกราบ ไหว้บชู า และมเี มตตาอนุเคราะห์ประชาชน ถ้าหากวา่ ได้น้อมนา้ ความดีงามของท่าน มาเป็นแบบ ปฏิบัตขิ ดั เกลาตนเอง ใหด้ า้ เนินตามรอยท่าน สมกับที่เรยี กตนเองว่า \"เปน็ ศษิ ย์หลวงปู่พริ้ง\" อยา่ งแท้ แลว้ ย่อมถือได้วา่ เราได้กราบไหวบ้ ูชาหลวงปู่อยา่ งแท้จรงิ 2.2 หลวงป่โู ม้ วดั สน 2.2.1 ประวัติของหลวงปโู่ ม้ วัดสน หลวงพอ่ พระครูศลี นิวาส อดตี เจา้ อาวาสวัดสน เกดิ เมอ่ื วนั อาทติ ยข์ ึน้ 12 ค้่า เดือน 4 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2412 นามเดิมชื่อ “โม้” ต่อมา เปล่ียนเป็น “อินท์” เกิดท่ีต้าบลไชยสิทธิ อ้าเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง บิดาช่ือโต มารดาชื่อฉ้่า สมัยเม่ือเยาว์วัย

68 บิดามารดาส่งเข้ารับการศึกษาภาษาไทย ภาษาขอม จากวัดใกล้บ้านจนมีความรู้ความสามารถอ่าน ออกเขียนได้ ซ่ึงนับว่าได้รับการศึกษาดีในสมัยนั้น ครั้นอายุได้ 22 ปี จึงได้อุปสมบท เมื่อวันท่ี 28 กรกฎาคม พ.ศ.2433 ณ วดั ไทร ต้าบลจรเข้ร้อง โดยมีท่านพระครูทองวัดสนามชัย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์นิม่ วัดน้าชน เป็นพระกรรมวาจา พระอาจารย์น้อย วัดเทวราช เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และไดร้ ับฉายาวา่ “อนิ ฺทสโร” หลวงปูโ่ ม้ วัดสน เมอ่ื อปุ สมบทแลว้ ได้จ้าพรรษาอยู่ที่วัดศาลา จังหวัดอ่างทอง 4 พรรษา ท่าน มีความประสงค์ท่ีจะศึกษาพระธรรมวินัยให้มีความรู้ยิ่งข้ึนจึงย้ายมาจ้าพรรษาท่ีวัดราชนัดดาราม วรวิหาร กรงุ เทพมหานครได้ 1 พรรษา แล้วย้ายมาอยู่ที่วัดสน ต้าบลแจงร้อนใน (แขวงราษฎร์บูรณะ ปจั จุบนั ) ภายหลงั ไดร้ ับการแตง่ ตง้ั เปน็ เจ้าอาวาสวัดสนตลอดมาจนมรณภาพ นับแตท่ า่ นไดอ้ ุปสมบทแล้วท่านได้พยายามศึกษาหาความรู้ในทางพุทธ ศาสนาเป็นอย่างมาก ท่านจะไม่ยอมให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ท่านค้นคว้าใฝ่หาอ่านต้ารา ต่าง ๆ จนแตกฉานและสามารถสัง่ สอนใหผ้ อู้ นื่ ได้รับความรตู้ งั้ มนั่ อย่ใู นศลี ธรรมคณุ ความดตี ลอดมา กกกกกกกหลวงปู่ไดร้ ับการแตง่ ต้ังใหด้ ้ารงต้าแหนง่ ในทางพุทธศาสนา ตามลา้ ดบั ดงั ต่อไปนี้ พ.ศ. 2438 เจา้ อาวาสวัดสน กกกกกกก22 มถิ ุนายน พ.ศ. 2455 ดา้ รงตา้ แหน่ง เจ้าคณาธกิ าร พระอปุ ชั ฌาย์ และเจา้ คณะหมวด

69 กกกกกกก10 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2457 ไดร้ ับพระราชทานเปน็ พระครชู ัน้ สญั ญาบัตรท่ีพระครศู ีลนวิ าส กกกกกกก21 กนั ยายน พ.ศ. 2477 เปน็ คณะกรรมการศึกษา อา้ เภอราษฎรบ์ รู ณะ กกกกกกก22 มีนาคม พ.ศ. 2480 ไดร้ ับพระราชทานเลื่อนพัดยศ เป็นพระครรู าชทินนามเดมิ กกกกกกก18 สงิ หาคม พ.ศ. 2488 ดา้ รงตา้ แหน่ง เจา้ คณะตา้ บลราษฎรบ์ ูรณะ เมอ่ื ท่านได้รบั การแต่งตัง้ ให้ดา้ รงต้าแหนง่ เจา้ คณาธิการ เปน็ พระอปุ ัชฌาย์ เจ้าคณะหมวดหรอื เจา้ คณะต้าบลแล้ว ท่านได้พยายามปรบั ปรุงการศกึ ษาของพระภิกษุสามเณรในเขต การปกครองให้ดีข้ึน โดยจัดให้วัดต่าง ๆ ในเขตการปกครอง มีโรงเรียนการสอนพระปริยัติธรรม ประจ้าวดั สว่ นใน ทางอาณาจักรก็ไดใ้ ห้ความร่วมมอื ในการก่อตง้ั โรงเรียนขึ้นตามวัดต่าง ๆ ซ่ึงที่วัดสน ได้ตั้งโรงเรียนทางวัดขึ้นก่อน ท่ีจะมีการปรับปรุงให้มีการสอนในชั้นประถมศึกษา (โรงเรียน ประชาบาล) โดยมีพระภกิ ษเุ ปน็ ผู้สอน และทา่ นจะเป็นผูด้ ูแลพระเณรหรือลกู ศิษย์วดั อยา่ งใกล้ชดิ กกกกกกกวดั ท่ีอยูใ่ นความปกครองของท่าน ตามเขตปกครองของคณะสงฆ์ มดี งั น้ี กกกกกกก1. วัดแจงร้อน ต้าบลแจงรอ้ นนอก (แขวงราษฎร์บูรณะปจั จบุ นั ) กกกกกกก2. วัดสารอด ตา้ บลราษฎรบ์ รู ณะตะวนั ออก (แขวงราษฎรบ์ รู ณะปัจจบุ ัน) กกกกกกก3. วัดกลาง (วัดประเสริฐสุทธาวาส) ต้าบลราษฎร์บรู ณะตะวันออก (แขวงบางปะกอก ปจั จบุ นั ) กกกกกกก4. วัดราษฎร์บูรณะ ต้าบลราษฎร์บูรณะตะวันตก (แขวงบางปะกอกปัจจบุ นั ) กกกกกกก5. วดั บางปะกอก ตา้ บลบางปะกอก กกกกกกก6. วัดเกียรติประดิษฐ์ ต้าบลบางปะกอก กกกกกกก7. วดั ท่งุ ครุ ตา้ บลทุ่งครุ (ไดย้ ้ายไปขนึ้ กับเขตทุ่งครุ) กกกกกกก8. วดั ครใุ น (ตอ่ มายา้ ยไปข้ึนกบั เขตทงุ่ คร)ุ ในดา้ นการพฒั นาวัด ท่านไดว้ างระเบยี บ แผนผังการบูรณะและก่อสร้างสง่ิ ต่าง ๆ ขนึ้ ใหม่จนเจริญขึน้ เป็นอย่างมากดังค้าพังเพยสมัยท่านวา่ ถา้ จะบวชร้่าบวชเรยี นใหม้ าบวชทว่ี ดั สน วตั ถมุ งคล ท่หี ลวงพ่อพระครศู ีลนิวาส (อนิ ฺทสโร) อนิ ท,์ โม้ และศิษยภ์ ิกษุ สร้างไว้ หลายรุ่นโดยประมาณดังน้ี คร้งั ที่ 1 เม่ือ พ.ศ. 2472 หลวงพ่อสร้างเอง เมื่อทา้ บญุ อายุครบ 60 ปี ได้ สร้างเหรียญปั้มทองแดงรมด้า-หนา้ เปน็ รูปหลวงพ่อคร่ึงองค์ ในรปู เหรียญเสมาด้านบนจารกึ “ระฤก” ด้านลา่ งจารึก “พระครูศลี นวิ าส” ดา้ นหลงั เปน็ ยนั ต์สเี่ หลีย่ มทับซ้อนกันตรงกลางมงี ู (ปีเกดิ ) โดยท่าน ปลกุ เสกแล้วแจกให้ผมู้ าร่วมงานทกุ คน ครงั้ ที่ 2 เมอื่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2500 หลวงพอ่ สรา้ งเองเม่ือท้าบุญอายุใกล้ ครบ 90 ปี ไดส้ ร้างเหรยี ญทองแดงรมดา้ รปู เสมาคว้่า ด้านหน้าเปน็ รปู หลวงพอ่ ครึ่งองค์ จารึก

70 “พระครูศลี นิวาส” ดา้ นลา่ ง ด้านหลงั รูปยันต์ส่เี หล่ียมซอ้ นกัน เหนือยนั ต์ จารึก “ท่ีระลึก” ใตย้ ันต์ จารกึ “2500” โดยท่านปลุกเสกเอง แลว้ แจกให้ผูเ้ ข้าร่วมงานทกุ คน ครั้งท่ี 3 เม่อื 14 เมษายน พ.ศ.2505 ทา่ นอาจารย์จนี (จนั ฺทโชโต) เจา้ อาวาสองค์ต่อมา เปน็ ผู้สร้างพร้อมรูปเหมือนหลวงพ่อเท่าองคจ์ ริงน้ี และขนาดบูชา 5 นิ้ว กรรมการ รมดา้ และทองแดงลว้ น และขนาดเลก็ 1½ นิว้ (ต้ังหน้ารถ) เป็นเหรยี ญทองเหลืองปัม้ กระไหล่ทอง ทองรูปเสมา ทรงปอ้ มยาวกว่ารนุ่ 1, 2 เล็กน้อย ด้านหน้าส่วนบนเปน็ ภาษาขอม วา่ “ทุสะมะนิ” และ “มะออุ ะ” มีอุณาโลม 3 ตวั ขั้นกลาง ด้านล่างจารึก “หลวงพอ่ วดั สน” ตรงกลางรปู หลวปู่ครง่ึ องค์หม่ จีวรคลมุ ด้านหลงั ตรงรูปพดั ยศ และจารึก “ทร่ี ะลึกงานหล่อรปู พระครูศลี นวิ าส” ปลุกเสกโดย คณาจารย์ผู้ทรงคณุ วุฒิ โดยมีพระมหาโพธิวงศาจารย์ เจ้าคณะจงั หวัดธนบรุ ี เปน็ องค์ประธาน ครงั้ ที่ 4 เมอ่ื 20 เมษายน พ.ศ. 2519 พระสมเกียรติ (ฐานุตตฺ โร) เจ้าอาวาส เป็นผสู้ รา้ งรปู เหมอื นหลวงพ่อขนาดบูชา 5 น้ิวรมด้า นบั เป็นรุน่ 2 ของการสรา้ งรูปเหมือนฯ ขนาด บูชา พรอ้ มเหรยี ญป้ัมเนือ้ เงนิ , ทองแดงรมด้า โดยน้าบลอ็ กรุ่น 2 เดิม 2500 มาใสย่ ันตอ์ ุณาโลม ที่สังฆาฏิและแต่งพิมพ์ที่เส้นคอให้คมขึ้นโดยจุดต้าหนิด้านหน้า-หลังหายไป ปลุกเสกโดยคณาจารย์ฯ 9 รปู ส่วนวัตถมุ งคลของหลวงปู่ เช่น ตะกรุด 7 ดอก, ตะกรุดโทนกุมารทอง, ตะกรุดเด่ยี ว หรอื พิรอดแขน, ผา้ ยนั ต์, ทราย, ขมน้ิ , น้ามนั มนตเ์ ศก ทา่ นทา้ แจกเฉพาะบุคคล เท่าน้นั หลวงปเู่ ร่ิมป่วยดว้ ยโรคชรา เมือ่ 10 มกราคม พ.ศ. 2503 ได้ทา้ การรกั ษา ท่ี ร.พ.จุฬาฯ และทวี่ ดั จนถึงวันที่ 1 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2503 เวลา 09.05 น. ท่านมรณภาพด้วยอาการ สงบ รวมอายุ 90 ปี (70 พรรษา) วนั เสาร์ที่ 4 ก.พ. พ.ศ.2504 (ตรงกับแรม 4 ค่้า เดือน 3 ปฉี ลู เวลา 16.30 น.) พระราชทานเพลิงศพ กล่าวโดยสรุป ประวตั ิหลวงปู่โม้ หรือหลวงพ่อพระครูศีลนิวาส อดตี เจา้ อาวาสวดั สน นามเดมิ ช่อื โม้ ตอ่ มา เปลี่ยนเป็น อินท์ มภี ูมิลา้ เนาเดิมอยู่ทจี่ ังหวัดอา่ งทอง เม่ืออายุ 22 ปี ก็ได้อปุ สมบท ณ วดั ไทร ต้าบลจรเข้รอ้ ง โดยมพี ระครูทองวัดสนามชัย เป็นพระอุปัชฌาย์ และ ได้รบั ฉายาว่า “อนิ ทสโร” นบั แตท่ า่ นไดอ้ ุปสมบทแลว้ ทา่ นไดพ้ ยายามศกึ ษาหาความรู้ในทาง พระพุทธศาสนาเปน็ อย่างมาก ท่านจะไม่ยอมให้เวลาผา่ นไปโดยเปลา่ ประโยชน์ ทา่ นค้นควา้ ใฝห่ าอา่ น ตา้ ราตา่ ง ๆ จนแตกฉานและสามารถสง่ั สอนให้ผู้อ่นื ได้รับความรู้ต้ังมั่นอยู่ในศลี ธรรมคุณงามความดี ตลอดมา 2.2.2 ความส้าคัญของหลวงป่โู ม้ วดั สน หลวงปูโ่ ม้ เป็นพระเกจทิ ี่มลี ูกศิษย์ให้ความเคารพนบั ถอื ท้ังในพ้นื ท่แี ละนอก พน้ื ท่ีอยู่มากมายด้วยเพราะชาวบ้านแถบหมู่บา้ นบางบรู ณ์ เขตราษฎรบ์ รู ณะหรอื พื้นทีใ่ กลเ้ คยี ง หลวง ปู่โมศ้ ึกษาหาความร้ใู นทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ท่านจะไมย่ อมใหเ้ วลาผ่านไปโดยเปล่า

71 ประโยชน์ ท่านค้นคว้าใฝ่หาอ่านต้าราต่าง ๆ จนแตกฉานและสามารถสงั่ สอนใหผ้ ูอ้ ่นื ได้รับความรู้ตั้ง มัน่ อยใู่ นศีลธรรมคุณงามความดตี ลอดมา ทา่ นได้พยายามปรบั ปรงุ การศึกษาของพระภกิ ษุสามเณรใน เขตการปกครองให้ดีขึน้ โดยจัดให้วัดตา่ ง ๆ ในเขตการปกครอง มีโรงเรียนการสอนพระปรยิ ตั ิธรรม ประจา้ วดั ส่วนในทางอาณาจักรก็ไดใ้ ห้ความร่วมมอื ในการกอ่ ต้งั โรงเรียนขึน้ ตามวดั ตา่ ง ๆ ซึง่ ที่วัดสน ได้ตัง้ โรงเรียนทางวดั ข้นึ ก่อนทจ่ี ะมีการปรับปรุงให้มีการสอนในชั้นประถมศึกษา (โรงเรยี นประชาบาล) โดยมพี ระภกิ ษเุ ป็นผู้สอน และท่านจะเป็นผดู้ แู ลพระเณรหรือลูกศิษย์วัดอย่างใกล้ชิด กลา่ วโดยสรปุ หลวงปูโ่ ม้ ทา่ นมคี วามสา้ คัญมากสา้ หรับชาวชุมชนวดั สน ท่านมีลูกศิษย์ให้ความเคารพนับถือท้ังในพ้ืนท่ีและนอกพ้ืนท่ีอยู่มากมายด้วยเพราะชาวบ้านแถบ หมู่บ้านบางบูรณ์ เขตราษฎร์บูรณะหรือพ้ืนที่ใกล้เคียง เน่ืองจากท่านให้ความส้าคัญด้านการศึกษาใน พระพทุ ธศาสนาและอบรมสั่งสอนใหผ้ ู้อืน่ ได้รับความรู้ตั้งมน่ั อยูใ่ นศลี ธรรมคุณงามความดี 2.2.3 ความเชอื่ และความศรัทธาตอ่ หลวงป่โู ม้ วดั สน หลวงปโู่ ม้ เป็นพระเกจิท่มี ีลูกศษิ ย์ใหค้ วามเคารพนบั ถอื ทั้งในพืน้ ท่ีและนอก พน้ื ท่ีอยูม่ ากมายดว้ ยเพราะชาวบา้ นแถบหมู่บ้านบางบูรณ์ เขตราษฎร์บูรณะหรือพ้ืนที่ใกล้เคียง จะมา บวชเรยี นกบั ท่านเพราะชาวบ้านเลอ่ื มใสและมีความศรทั ธาต่อท่าน ด้วยทา่ นได้ศึกษาและค้นคว้าต้ารา ทางธรรมะอย่างต่อเน่ือง โดยมีหลักความประพฤติท่ีดีงามเป็นที่รู้จักกันของประชาชนในพื้นที่ในด้าน พระธรรมวินยั พรอ้ มทัง้ สง่ เสรมิ การศึกษาของสามเณรและพระลูกวัดทอี่ ยูใ่ นความปกครองเป็นอย่างดี โดยจดั ใหว้ ัดตา่ ง ๆ ทอี่ ย่ใู นเขตการปกครองมโี รงเรยี นการสอนพระปริยตั ธิ รรม สว่ นในทางอาณาจักรก็ ได้ความร่วมมือในการก่อต้ังโรงเรียนท่ีอยู่ในพื้นท่ีของวัดขึ้น โดยทางเจ้าพระคุณหลวงปู่โม้ ได้อุปการ คุณในการจัดสร้างโรงเรียนวัดสนซ่ึงเป็นโรงเรียนท่ีจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นประถมศึกษา พรอ้ มทง้ั โอนให้อยูใ่ นสงั กดั ส้านักการศึกษากรุงเทพมหานครในเวลาต่อมา หลวงปโู่ ม้ วัดสน

72 สิง่ ท่ีเป็นความเชือ่ และไดม้ ีการกล่าวขานถึงความมหัศจรรย์ในอดตี ของ หลวงปูโ่ ม้ ท่สี ้าคญั มี 3 เหตุการณ์ เหตกุ ารณ์ที่ 1 โดยมีเร่ืองเลา่ ที่เกี่ยวกบั ความเชื่อ ความศรัทธาในสง่ิ มหัศจรรย์ จากเหตกุ ารณ์ที่มีเด็กลงเลน่ น้าในคลองในพื้นที่บา้ นบางบรู ณ์ ซอยราษฎรบ์ รู ณะ 32 ซึ่งเด็ก รายดงั กล่าวปลอดภยั จากเหตุการณ์จมนา้ พบวา่ ไดแ้ ขวนเหรียญทรี่ ะลกึ หลวงปโู่ ม้ ร่นุ ท่ี 2 ไวท้ ่ีคอ ของเด็กรายดังกล่าว เหตกุ ารณ์ที่ 2 ในเหตุการณ์ท่ีมชี าวบา้ นในพนื้ ที่ 2 ชุมชน คือ ชุมชนวัดสน และชุมชนวดั แจงรอ้ น เกิดปัญหาทะเลาะเบาะแวง้ ข้นึ ในชมุ ชน ภายหลงั เหตุการณ์ดงั กล่าวจบลง กลมุ่ ชาวบา้ นทัง้ 2 กลุม่ ไม่มีบาดแผลและเกิดความสญู เสีย พบว่าท้ัง 2 กลุ่มแขวนเหรยี ญอยูย่ ง คงกระพันของหลวงปโู่ ม้ เหตุการณ์ที่ 3 ในเหตกุ ารณ์ท่ีเกดิ อุบัตเิ หตุเฉี่ยวชนของผ้ทู ่ีขบั ขรี่ ถ มอเตอร์ไซคบ์ นท้องถนนรายหนงึ่ หลังเกิดอุบตั เิ หตแุ ล้ว คนทีป่ ระสบอุบัติเหตรุ ายดงั กลา่ ว ไม่ได้รบั อนั ตราย ด้วยการแขวนเหรยี ญท่รี ะลึกของหลวงปโู่ ม้ ทค่ี อของผู้ประสบเหตรุ ายดังกลา่ ว กล่าวโดยสรุปดา้ นความเชอ่ื และความศรัทธา หลวงปู่โม้ เปน็ พระเกจิท่ีมี ลูกศิษยใ์ ห้ความเคารพนบั ถือท้งั ในพน้ื ที่และนอกพนื้ ที่อย่มู ากมาย เพราะชาวบา้ นแถบหมู่บ้าน บางบรู ณ์ เขตราษฎรบ์ รู ณะหรอื พื้นที่ใกล้เคียง มคี วามเลื่อมใสและมีความศรัทธาตอ่ ทา่ น ดว้ ยทา่ นได้ ศกึ ษาและค้นควา้ ต้าราทางธรรมะอย่างต่อเน่ือง โดยมหี ลักความประพฤติทีด่ ีงามเป็นท่รี ู้จกั กันของ ประชาชนในพื้นท่ีในดา้ นพระธรรมวินยั สง่ิ ทเ่ี ปน็ ความเชือ่ และได้มีการกล่าวขานถึงความมหัศจรรย์ แต่ในอดีตเกยี่ วกับเหรียญทร่ี ะลึกหลวงปู่โม้ รนุ่ ท่ี 2 หรอื เหรียญอยยู่ งคงกระพนั ของหลวงปโู่ ม้ ไมว่ า่ ผใู้ ดบูชาและแขวนตดิ ตัวจะประสบเหตุเภทภัยใด ก็จะรอดปลอดภยั เสมอ 2.2.4 หลกั ธรรมคา้ สอนของหลวงป่โู ม้ วดั สน หลวงป่โู ม้ สอนลูกศิษยส์ ามเณร และชาวบา้ น “ให้อยู่ในศลี 5 รกั ษาสัจจะ วาจาและประพฤตปิ ฏิบัตชิ อบตามค้าสอนในพระพทุ ธศาสนา” คาถาประจา้ ตวั ทา่ นใชใ้ นการบชู า ภาวนาจิตถงึ ท่าน คือ อะระหัง พทุ โธ หงั ระอะ (ท่องคาถาน้ี 3 จบ) กลา่ วโดยสรุป หลักธรรมคา้ สอนของหลวงป่โู ม้ ในดา้ นวทิ ยาคุณของทา่ น ทา่ นเป็นพระเถระ ทนี่ อกจากจะทรงวทิ ยาคณุ แลว้ ยงั ทรงไวซ้ ง่ึ ปฏปิ ทา ศีลาจารวัตร เปน็ พระสงฆ์ สุปฏิปันโน ท่ีควรกราบไหว้บชู า ทา่ นจะอบรมสงั่ สอนใหป้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิชอบตามค้าสอนใน พระพุทธศาสนาและน้อมนา้ ความดีงามของท่าน มาเปน็ แบบปฏิบตั ิขดั เกลา

73 กกกกกกก3. สถานที่สา้ คัญของวัดคบู่ า้ นยา่ นราษฎรบ์ รู ณะ 3.1 พระอโุ บสถ วัดแจงรอ้ น หน้าบนั หนา้ บนั ซุ้มประตหู นา้ ต่าง

74 พระอุโบสถของวัดแจงรอ้ นปจั จบุ ันนสี้ ร้างส้าเรจ็ เมือ่ พ.ศ. 2466 โดยมพี ระครู ประสิทธิ์สกิ ขการ (หลวงพอ่ จวน) เปน็ ผดู้ ้าริสร้างขึน้ เพราะเหตุว่า พระอุโบสถของวดั แจงร้อนหลังเดิม นั้นมขี นาดเลก็ เตีย้ ตงั้ อยูบ่ นทลี่ ุ่ม ภายในอโุ บสถอบั ชน้ื เพราะไม่มีหน้าต่าง หลวงพ่อจวน จึงได้รับด้าริ สร้างพระอุโบสถข้ึนใหม่ โดยมีหลวงธรบาลอดีตนายอ้าเภอราษฎร์บูรณะและนายชุน กาญจนกุญชร เป็นหัวแรงส้าคัญในการบริจาคทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง รวมท้ังอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีจิตศรัทธาได้ มารว่ มบริจาคทนุ ทรัพย์ในการสรา้ งด้วย การก่อสร้างพระอโุ บสถหลังใหม่ ไดเ้ รม่ิ ขึน้ ในปี พ.ศ. 2461 โดยไดท้ ้าการรือ้ พระอุโบสถ หลังเก่าออกและสร้างพระอุโบสถใหม่ข้ึนบนที่เดิม การก่อสร้างเร่ิมต้นต้ังแต่ปี พ.ศ . 2461 มาแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2466 เม่ือพระอุโบสถสร้างเสร็จแล้ว จึงได้ป้ันรูปพระประธานขึ้นใหม่ เพ่ือประดิษฐานเอาไว้ในพระอุโบสถหลังใหม่แทนพระประธานองค์เดิม ซ่ึงทางวัดได้ย้ายเข้าไป ประดษิ ฐานไวใ้ นวหิ ารหลวงพอ่ หินแดง พระอโุ บสถของวัดแจงรอ้ นปจั จุบนั มีขนาดกวา้ ง 13 เมตร ยาว 23 เมตร หันหนา้ ลงแม่น้าเจ้าพระยาทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งลักษณะโครงสร้างลวดลายต่าง ๆ ที่เป็นลวดลายช่อฟ้า ใบระกาเป็นฝีมือช่างไทย ส่วนลวดลายหน้าบัน ซุ้มประตู หน้าต่าง ลวดลายใบเทศ ลักษณะลวดลาย เป็นฝีมือช่างจีน ซ่ึงฝีมือปูนปั้นแต่ละซุ้ม ถือได้ว่าเป็นฝีมือช้ันครูท่ีอนุชนรุ่นหลังควรควรศึกษาหา ความรู้จากลักษณะการป้ันจากการออกแบบแต่ละซุ้มประตูหน้าต่างที่ไม่ซ้ากันเลย ลวดลายแต่ละซุ้ม หน้าตา่ ง สืบเน่ืองจากผมู้ จี ิตศรัทธาคนนน้ั ๆ และผนวกพชื ผักผลไมแ้ ละกงุ้ หอยปปู ลาเป็นองค์ประกอบ ลวดลายในการป้ันอย่างผสมกลมกลืน จึงเป็นการปั้นลวดลายท่ีสวยงามวิจิตรพิสดารตามความ ต้องการของผู้สร้างและตามจินตนาการการออกแบบลวดลายของช่าง โดยใช้แนวความคิดภูมิปัญญา ช่างฝีมือช้ันครูอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งถือว่าเป็นของดีของมีคุณค่าของชาวแจงร้อนอย่าง น่าภาคภมู ิใจ กล่าวโดยสรปุ พระอโุ บสถ วดั แจงร้อน มีลักษณะโครงสรา้ งลวดลายต่าง ๆ ท่ีเป็น ลวดลายช่อฟ้าใบระกาเป็นฝีมือช่างไทย ส่วนลวดลายหน้าบัน ซุ้มประตู หน้าต่าง ลวดลายใบเทศ ลักษณะลวดลายเป็นฝีมือช่างจีน ซ่ึงฝืมือปูนป้ันแต่ละซุ้ม ถือได้ว่าเป็นฝีมือชั้นครูท่ีอนุชนรุ่นหลังควร ศึกษาหาความรู้จากลักษณะการปั้นจากการออกแบบแต่ละซุ้มประตูหน้าต่างที่ไม่ซ้ากันเลย ลวดลาย แต่ละซุ้มน้าต่าง สืบเนื่องจากผู้มีจิตศรัทธาคนน้ัน ๆ และผนวกพืชผักผลไม้และกุ้งหอยปูปลาเป็น องคป์ ระกอบลวดลายในการปั้นอย่างผสมกลมกลืน จงึ เปน็ การปัน้ ลวดลายทสี่ วยงามวิจิตรพิสดารตาม ความต้องการของผู้สร้างและตามจินตนาการการออกแบบลวดลายของช่าง โดยใช้แนวความคิด ภูมิปัญญาชาวบ้าน ผสมผสานภูมิปัญญาช่างฝีมือชั้นครู อย่างเต็มความสามารถซึ่งถือว่าเป็นของดีมี คณุ ค่าของชาวแจงร้อนอยา่ งนา่ ภาคภมู ใิ จ

75 3.2 พระอโุ บสถ วัดประเสริฐสุทธาวาส หนา้ บัน พระอุโบสถ วัดประเสริฐสทุ ธาวาส พระอโุ บสถวดั ประเสริฐสทุ ธาวาส ที่เกา่ แกก่ วา่ 300 ปี การบรู ณะครง้ั แรกปี 2381 ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เป็นสถาปัตยกรรมแบบเก๋งจีนภายใน อโุ บสถมภี าพจติ กรรมฝาผนงั ภาพลายเส้นเอกณรงค์ วรรณกรรมช้ินเอกของจีนเรื่องสามก๊ก เดิมหน้า บนั โบสถ์และวิหารประดับด้วยเคร่ืองถ้วยชามเบญจรงค์ทั้งหมด มีคุณค่าทางศิลปะและวัฒนธรรมอัน ประมาณราคามิได้ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 รางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคประจ้าปี 2003 องค์การ ยูเนสโก โดยค้าสั่งแห่งองค์การยูเนสโก ว่าด้วยการส่งเสริมพิทักษ์แหล่งทรัพยากรทางวัฒนธรรม

76 ของโลก รวมท้ังมรดกที่สร้างข้ึนอันเป็นองค์ประกอบของการรวบรวมคุณค่าทางวัฒนธรรมและเป็น พ้ืนฐานของชุมชนในการสร้างอนาคตในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค องค์การยูเนสโกได้สนับสนุน กิจกรรมต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวกับการอนุรักษ์ในทุกระดับและโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้สนับสนุนบทบาทของ ภาคเอกชนในการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมในภูมภิ าคต่าง ๆ รางวลั เพอื่ การอนรุ ักษ์มรดกทางวัฒนธรรมใน ภูมภิ าคเอเชยี และแปซิฟิคประจา้ ปี 2003 แห่งองคก์ ารยเู นสโก จัดตั้งขึ้นเพ่ือยกย่องถึงความส้าเร็จของบุคคลและองค์กรในภาคเอกชน ตลอดจนโครงการที่ร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการบูรณปฏิสังขรณ์อาคารและ สิง่ กอ่ สร้างอันทรงคุณคา่ ในภมู ภิ าค ภาพจติ รกรรมภายในพระอุโบสถ

77 กรมศิลปกรได้พิจารณาคัดเลือก “โครงการบูรณปฏิสังขรณ์และอนุรักษโ์ บสถว์ ิหาร วดั ประเสรฐิ สทุ ธาวาส” เขตราษฎร์บรู ณะ กรุงเทพมหานคร เข้าประกวดรบั รางวลั เพ่ือการอนรุ ักษ์ มรดกวฒั นธรรมในภูมภิ าค เอเชยี –แปซฟิ ิค ประจ้าปี 2003 ขององค์การยูเนสโก ท้งั นเ้ี พราะการบูรณปฏิสังขรณแ์ ละอนุรักษ์โบสถ์ วิหารวัดประเสริฐสุทธาวาส มคี ณุ สมบตั คิ รบตามระเบียบ การประกวดทุกประการ มีความเป็นไปได้ท่ีจะพิชิตรางวัล ดังกล่าว เช่น เปน็ โครงการจากการร่วมแรงร่วมใจของประชาชน หนว่ ยราชการใหก้ ารสนบั สนุน สิ่งก่อสร้างมีอายุถึง 300 ปีเศษ เป็นต้น นนั่ คอื โบสถแ์ ละวิหารวัดประเสริฐสุทธาวาส จะเปน็ “มรดกทางวัฒนธรรม” อนั ทรงคณุ ค่ายิง่ และเป็นความภูมิใจของชาวราษฎร์บูรณะ กรงุ เทพมหานคร และชาวไทย กลา่ วโดยสรปุ พระอโุ บสถวดั ประเสรฐิ สทุ ธาวาส มีความเกา่ แก่กวา่ 300 ปี มกี าร บรู ณะครั้งใหญ่ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว รัชกาลท่ี 3 ประมาณ พ.ศ. 2381 สถาปัตยกรรมแบบเก๋งจีน มีลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนหลังคาทรงจั่วแบบจีนมีการประดับ ตกแต่งดว้ ยลวดลายปูนป้ันที่บริเวณหน้าบันและบริเวณเหนือกรอบประตู หน้าต่างภายในมีจิตรกรรม ฝาผนงั เปน็ ภาพลายเส้นขาว ด้าเขยี นเปน็ เร่ืองสามก๊ก ซมุ้ ใบเสมาอย่ลู ้อมรอบพระอโุ บสถ 3.3 พระอโุ บสถ วดั สน หน้าบัน พระอุโบสถวดั สน

78 พระอุโบสถวดั สน พระอโุ บสถวดั สน เป็นสถาปตั ยกรรมของไทยแท้ ฝาผนังพระอโุ บสถท้ัง 4 ด้าน เปน็ ภาพเขยี นลายไทยทง่ี ดงาม จากช่างฝีมือในสมัยโบราณ และท่แี ปลกไปกว่าวัดอื่น ๆ คือฝาผนัง พระอโุ บสถประดบั ตกแต่งด้วยชามเบญจรงค์จา้ นวนมากมาย

79 วดั สน เป็นวดั ทส่ี ร้างข้นึ มาเม่อื ประมาณ ปพี .ศ. 2400 จากการสันนิษฐานท่ีอุโบสถ หลังเดิมช้ารุดและได้รื้อถอนเม่ือ พ.ศ. 2458 ซึ่งกว่าอุโบสถจะช้ารุดลงคงกินเวลาอย่างน้อยก็ 30 ปี ขน้ึ ไป กล่าวโดยสรปุ พระอโุ บสถของวดั สน หลงั เดมิ ช้ารดุ และได้ร้อื ถอนเมื่อ พ.ศ. 2458 ซึ่งกวา่ อโุ บสถจะช้ารุดลงคงเกินเวลาอย่างนอ้ ย 30 ปี ขนึ้ ไป อโุ บสถมีลกั ษณะหน้าบัน ซุม้ ประตู ฝาผนงั ของพระอโุ บสถประดบั ตกแต่งประดับด้วยชามเบญจรงค์ นน่ั เอง 3.4 พิพิธภณั ฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร วดั ประเสริฐสทุ ธาวาส ประวตั คิ วามเป็นมาของโครงการบริหารจดั การพิพิธภณั ฑท์ ้องถ่นิ กรงุ เทพมหานคร เขตราษฎร์บูรณะ เกดิ ขน้ึ จากมติของท่ีประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญที่ 2 (คร้ังท่ี 3) ประจา้ ปี พ.ศ. 2544 เมอ่ื วันพธุ ท่ี 18 เมษายน พ.ศ. 2545 ได้เห็นชอบให้กรุงเทพมหานคร ด้าเนินการ จัดต้ังพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร ในแต่ละเขตการปกครอง เพื่อให้เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล ความรเู้ กี่ยวกบั ชวี ิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาและประวัติศาสตร์ท่ี ส้าคัญตลอดจนจิตวิญญาณอันงดงามของผู้คนในแต่ละท้องถิ่นให้เยาวชนและผู้สนใจได้ตระหนักถึง คุณค่า และร่วมกันอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่ตลอดไป นอกจากนี้ ยังเป็นการสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย ฉบบั พ.ศ. 2540 มาตรา 78 ท่ีไดก้ ้าหนดให้รัฐต้องกระจายอ้านาจใหท้ อ้ งถิ่น พ่งึ ตนเองและตดั สินใจในกิจการท้องถิ่นไดเ้ อง ผ้บู ริหารของกรุงเทพมหานครจึงได้มอบหมายใหก้ อง นนั ทนาการ ส้านกั วฒั นธรรมกฬี าและการท่องเที่ยว (ส้านักสวัสดกิ ารสงั คมในขณะนั้น)

80 เป็นผู้ด้าเนินการจัดต้ังพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร จ้านวน 50 แห่ง ในพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร ทัง้ 50 เขต ในระยะเวลาระหว่าง พ.ศ. 2546–2550 โดยในปี พ.ศ. 2546 เร่มิ ดา้ เนินการในเขตน้าร่อง 4 เขต ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตบางรัก เขตสัมพันธวงศ์ เขตบางกอกน้อย และ เขตบางขุนเทียน ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 ด้าเนินการจัดต้ังเพ่ิม จ้านวน 23 แห่ง รวมถึงส้านักงานเขต ราษฎร์บูรณะ และในปี พ.ศ. 2551 จัดตั้งเพ่ิมอีก 1 แห่ง ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ท้องถ่ินกรุงเทพมหานคร เขตมีนบุรี ปัจจุบันกรุงเทพมหานคร มีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร รวม 28 แห่ง ใน 28 พื้นท่ี เขต (ขอ้ มลู จากฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดกิ ารสังคม สา้ นักงานเขตราษฎร์บูรณะ) พ้นื ที่เขตราษฎร์บรู ณะเป็นชุมชนเกา่ แก่ ต้งั อยูร่ ิมแม่นา้ เจ้าพระยา สันนษิ ฐานวา่ เคยเป็นชายทะเลมาก่อนต่อมาเกิดการทับถมของตะกอน แผ่นดินบริเวณน้ีจึงงอกและสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนพน้ น้า จึงมีชาวบ้านมาจบั จองที่ดนิ ทา้ กินและเกดิ เปน็ ชุมชนตามมา เดิมท้องที่เขตราษฎร์บรู ณะเป็นสว่ นหนึง่ ของกรุงธนบุรี ได้รบั การจัดตั้งเปน็ อ้าเภอ ราษฎร์บรู ณะขึน้ กับจังหวดั ธนบุรีแลว้ ถกู โอนไปเป็นเขตปกครองของจังหวดั นครเขื่อนขนั ธ์ และกลับ มาอยู่ในจังหวัดธนบุรีอีกครั้ง จนกระทั่งจังหวัดธนบุรีและจังหวัดพระนครยุบรวมกันเป็นนครหลวง กรงุ เทพธนบุรี ในเวลาตอ่ มาอ้าเภอราษฎรบ์ ูรณะจึงได้เปลย่ี นฐานะเป็น “เขตราษฎร์บรู ณะ” พพิ ธิ ภัณฑ์ทอ้ งถนิ่ กรุงเทพมหานคร เขตราษฎรบ์ ูรณะ กรุงเทพมหานคร พิพธิ ภัณฑ์ท้องถิน่ กรุงเทพมหานครเขตราษฎรบ์ รู ณะ

81 พิพิธภัณฑ์ทอ้ งถน่ิ กรุงเทพมหานคร เขตราษฎร์บรู ณะ ตัง้ อยู่ในโรงเรียนวัดประเสรฐิ สุทธาวาส จดั แสดงเรอ่ื งราวในท้องถ่นิ ของเขต ราษฎร์บรู ณะ ผ่านชดุ นิทรรศการและวัตถุส่งิ ของต่าง ๆ ทเ่ี ป็นหลักฐานทางโบราณคดี แสดงถงึ ความ เปน็ ชมุ ชนเก่าแก่ หลกั ฐานการท้ากนิ และวิถีชาว “สวนในบางกอก”ตลอดจนการพฒั นาทางสังคมอัน เนื่องมาจากความเหมาะสมของพนื้ ที่ท่ตี ดิ ริมฝัง่ แมน่ ้าเจ้าพระยา จนกลายมาเปน็ ท่ีตัง้ ของคลงั สนิ คา้

82 โรงสี โกดงั จ้านวนมาก สะท้อนผา่ นวิถีชวี ติ และภมู ิปัญญา ทถี่ ่ายทอดกนั มาจนถึงปัจจบุ ันผ่าน เครอ่ื งมือเครอื่ งใชต้ า่ ง ๆ หลักฐานเกา่ แก่ จัดแสดงโบราณวตั ถทุ ีข่ ุดคน้ พบทว่ี ดั ประเสรฐิ สุทธาวาส ไดแ้ ก่ เทวรปู หนิ ทราย พระวิษณุ ( พระนารายณ์ ) ศิลปะสมยั ลพบุรี ท่ีได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะเขมร-บาปวน เป็นหลักฐาน ทางโบราณคดีช้ินส้าคัญ สันนิษฐานว่าพื้นที่บริเวณน้ีมีการต้ังชุมชนมาตั้งแต่ราวปี พ.ศ.1600-1650 ตลอดจนโบราณวตั ถอุ ื่น ๆ ท่จี ดั แสดงอยู่ภายในพพิ ธิ ภัณฑ์ พัฒนาการทางสังคมและเสน้ ทาง จดั แสดงเรอ่ื งราวของความเจรญิ ทีเ่ ขา้ มาพร้อมกับการตดิ ต่อและการคมนาคมทาง นา้ เนื่องจากอยตู่ ิดริมฝัง่ แม่น้าเจ้าพระยา และมีคลองต่าง ๆ เชน่ คลองดาวคะนอง คลองบางปะแกว้ คลองแจงร้อน เปน็ คลองสาขาเข้าสชู่ มุ ชน เกิดเปน็ เสน้ ทางการล้าเลยี งขนส่งสินคา้ ต่าง ๆ จากชุมชน ในคลองมาสู่ชุมชนดา้ นนอก ตลอดจนชมุ ชนในคลองมาสูช่ ุมชนทอ่ี ยู่ริมฝง่ั แมน่ า้ เจ้าพระยา ภายในพพิ ิธภณั ฑ์จัดแสดงภาพเรือนานาชนดิ ในลา้ คลองและเรือกระแชงจา้ ลอง ส้าหรบั ใชบ้ รรทุกขา้ วเปลือกไปโรงสแี ละบรรทกุ ข้าวสารไปขาย โดยเฉพาะภาพโกดังสินคา้ รมิ ฝ่ังแมน่ ้า เจ้าพระยาในเขตราษฎร์บรู ณะ ท้าให้เกดิ อาชีพขนถ่ายสินค้าริมนา้ ทเี่ รียกกันวา่ “จบั กัง” หรอื กลุ ี เพ่ือลา้ เลียงสนิ ค้าระหวา่ งเรือขนสนิ ค้ากับโกดัง รวมท้งั มีโรงสี เรื่องราวทั้งหมดจัดแสดงสะท้อนผา่ น เครื่องมอื เครื่องใชโ้ บราณของโรงสี อาทิ ตะแกรง ตะกาว กระบุงปากบาน ต้วิ ลังใสต่ ิว้ เครอื่ งชัง่ โบราณ ลูกคิด รวมถงึ หมอนหนนุ สูบฝ่ิน สะท้อนความนิยมสูบฝ่นิ ของกุลชี าวจีน กล่าวโดยสรปุ พิพธิ ภัณฑ์ท้องถ่ินกรงุ เทพมหานคร วดั ประเสรฐิ สุทธาวาส เป็น แหล่งรวบรวมข้อมูลความรู้เกี่ยวกบั ชีวติ ความเปน็ อยู่ ขนบธรรมเนยี มประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปญั ญา และประวัตศิ าสตร์ท่ีสา้ คัญ ตลอดจนจติ วญิ ญาณอนั งดงามของผ้คู นในท้องถน่ิ เขตราษฎร์บูรณะ ให้ เยาวชนและผ้สู นใจไดต้ ระหนักถงึ คุณคา่ และร่วมกันอนรุ ักษไ์ ว้ให้คงอยูต่ ลอดไป ภายในพิพธิ ภณั ฑจ์ ัด แสดงภาพ เรือนานาชนดิ ในล้าคลองและเรือกระแชงจา้ ลองส้าหรบั ใช้บรรทุกขา้ วเปลือกไปโรงสแี ละ บรรทุกขา้ วสารไปขาย โดยเฉพาะภาพโกดงั สนิ ค้ารมิ ฝ่ังแม่นา้ เจ้าพระยาในเขตราษฎรบ์ ูรณะ เพื่อ ล้าเลียงสนิ ค้าระหวา่ งเรือขนสินค้ากับโกดงั รวมทง้ั มโี รงสี เรอ่ื งราวทั้งหมดจัดแสดงสะทอ้ นผา่ น เครือ่ งมอื เคร่ืองใช้โบราณของโรงสี รวมถงึ หมอนหนุนสบู ฝิ่น สะทอ้ นความนิยมสบู ฝิ่นของกุลี ชาวจนี

83 การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ 1. ศึกษาคน้ ควา้ ด้วยตนเองในประเดน็ ท่ีกา้ หนด 2. บันทกึ ผลการศกึ ษาค้นควา้ ลงในเอกสารการเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) 3. นา้ ผลการศกึ ษาคน้ คว้ามาพบกลุ่ม 4. อภปิ ราย คิดวิเคราะห์ข้อมลู แลกเปล่ยี นข้อมูล 5. สรุปผลการเรยี นรู้ท่ีไดร้ ่วมกัน และบนั ทึกลงในเอกสารการเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) 6. น้าสรุปผลการเรยี นรูท้ ่ไี ดไ้ ปปฏบิ ัตทิ ้าใบงาน และศึกษาวดั ค่บู า้ นย่านราษฎรบ์ รู ณะดว้ ย วธิ ีการศกึ ษาทางประวตั ิศาสตร์ 7. เขยี นเอกสารรายงานการศึกษาวัดคู่บ้านยา่ นราษฎร์บูรณะ เรื่อง พระพุทธรูป พระเกจิ และสถานทีส่ า้ คญั พร้อมนา้ ส่งครผู ู้สอน สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ กกกกกกก1. ส่อื เอกสาร ได้แก่ 1.1 ใบความรู้ที่ 3 1.2 ใบงานท่ี 3 1.3 หนงั สือที่เกี่ยวขอ้ ง 1.3.1 ประวัตกิ ารบูรณะพระอโุ บสถ-วหิ าร ผู้เขียน วรรณา วชั รพมิ ลพรรณ ปีท่ีพมิ พ์ พ.ศ.2549 ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์ 1.3.2 ประชุมมนต์พิธีวดั แจงรอ้ น ผ้เู ขยี น วรณี เอย่ี มนาคะ ไม่ปรากฏปี พ.ศ. ทพี่ ิมพ์ โรงพมิ พ์วรศิลปก์ ารพิมพ์ 98 (แดง) 1.3.3 ประวตั แิ ละอภินหิ ารเครอื่ งรางของขลงั ของ หลวงพ่อพร้ิง วัดบางปะกอก ผู้เขยี น ประยุทธ ศรสี วสั ดิ์ ไม่ปรากฏปี พ.ศ.ท่ีพิมพ์ โรงพิมพ์ บริษทั พงษ์พาณิชย์ เจริญผล จ้ากดั 1.3.4 หนังสอื สวดมนตท์ ้าวตั รเชา้ -เยน็ แปล ฉบับวดั ราษฎรบ์ รู ณะ ผู้จดั ท้า พระมหาสมศักด์ิ ทนฺตจติ โฺ ต(ป.ธ.8) ปีทีพ่ ิมพ์ พ.ศ.2561 โรงพิมพ์ บริษัท สหธรรมิก จา้ กัด 1.3.5 แผ่นพบั ประวัติความเป็นมาพพิ ธิ ภัณฑ์ทอ้ งถ่นิ กรงุ เทพมหานคร เขตราษฎร์บรู ณะ ฝ่ายพฒั นาชมุ ชนและสวัสดิการสังคม สา้ นักงานเขตราษฎร์บรู ณะ 1.3.6 ชื่อหนงั สอื ประวตั กิ ารบรู ณะพระอุโบสถ-วิหาร ผูเ้ ขียน คณะพระภกิ ษสุ งฆ์ กรรมการวดั , ผู้จัดท้าหนงั สือวัดประเสรฐิ สุทธาวาส 1.3.7 ชอ่ื หนงั สือค่มู ือสวดมนต์วัดแจงร้อน แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎรบ์ รู ณะ กรุงเทพมหานคร ไม่ปรากฏปีทพี่ ิมพ์ โรงพิมพ์ เลย่ี งเชยี ง กรุงเทพฯ หมายเลขโทรศัพท์ 02-8729891

84 1.3.8 แผน่ พับความรวู้ ัดประเสรฐิ สุทธาวาส ผ้เู ขยี นคณะกรรมการจัดงาน ผู้เขียน นายมงคล โค้ววตั นวงษ์รกั ษ์ 1.3.9 แผน่ พบั ความรู้พพิ ิธภัณฑท์ ้องถ่นิ กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์กองวฒั นธรรม สา้ นักวฒั นธรรม กีฬา และการท่องเทยี่ ว กรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการกรงุ เทพมหานคร 2 1.3.10 แผน่ พับประวัตคิ วามเป็นมาพพิ ิธภัณฑ์ทอ้ งถิน่ กรุงเทพมหานคร เขตราษฎร์บรู ณะ ฝา่ ยพฒั นาชมุ ชนและสวัสดกิ ารสังคม ส้านักงานเขตราษฎร์บรู ณะ กกกกกกก2. ส่อื อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ 2.1 สืบคน้ จากเวบ็ ไซต์ http://www.rakbankerd.com/2014/temple_detail. 2.2 หลวงพอ่ พลอย หลวงพ่อเพชร หลวงพ่อรอด สืบค้นจากเวบ็ ไซต์ http://www.luangpusupa.blogspot.com 2.3 ประวตั ิพระอโุ บสถวัดสน สืบค้นจากเวบ็ ไซด์ Bangkok.go.th สา้ นกั งานเขต ราษฎรบ์ รู ณะ สถานทีท่ ่องเท่ียว 2.4 สืบค้นจากเวบ็ ไซต์ http://gis.finearts.go.th/fineart/. กรมศิลปากร กกกกกกก3. ส่อื บคุ คลหรือภูมิปัญญา 3.1 พระมหาสมศักด์ิ ทนฺตจิตโฺ ต เจ้าอาวาสวัดราษฎรบ์ รู ณะ ตงั้ อยเู่ ลขท่ี 14 ถนน ราษฎรบ์ ูรณะ หมู่ท่ี 10 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศพั ท์ 087-7194531 3.2 พระครูสนุ ทรธรี าภวิ ฒั น์ ดร. เจ้าอาวาสวัดเกยี รติประดิษฐ์ ตงั้ อยเู่ ลขที่ 55 ซอย สุขสวสั ด์ิ 11 หมู่ที่ 11 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรงุ เทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 02-4684478 3.3 พระครปู ลัดวัชระ กนฺตสโี ล ผชู้ ่วยเจ้าอาวาสวดั แจงร้อน ตง้ั อยเู่ ลขที่ 2 ถนนราษฎร์ บรู ณะ แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บรู ณะ กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 02-8166923 3.4 พระสมเกียรติ ฐานุตตฺ โร เจา้ อาวาสวัดสน ต้ังอยู่เลขท่ี 1 ซอยสขุ สวัสดิ์ 35 ถนน ราษฎร์บรู ณะ หมู่ท่ี 5 แขวงราษฎร์บรู ณะ เขตราษฎรบ์ รู ณะ กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 02-4630311 3.5 พันตา้ รวจโทสวัสดิ์ แท่งสภา บ้านเลขที่ 274 ซอยราษฎร์บรู ณะ 32/3 (ซอยแทง่ สภา) ซอยราษฎรบ์ ูรณะ 32 แขวงราษฎร์บรู ณะ เขตราษฎรบ์ รู ณะ กรงุ เทพมหานคร หมายเลข โทรศัพท์ 081-2058885 3.6 นายสุวชิ ัย สมนาค ต้งั อยู่บา้ นเลขท่ี 14 ซอยราษฎรบ์ ูรณะ 32 แขวงราษฎรบ์ รู ณะ เขตราษฎรบ์ ูรณะ กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 081-2058885

85 3.7 ร.ต.ต.ชอบ ชมขนั ธ์ ต้งั อยู่บ้านเลขท่ี 14 ซอยราษฎร์บรู ณะ 32 แขวงราษฎรบ์ ูรณะ เขตราษฎร์บรู ณะ กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 081-2058885 กกกกกกก4. สอ่ื แหลง่ เรยี นร้ใู นชมุ ชน 4.1 วดั ราษฎรบ์ รู ณะ ตงั้ อยู่เลขท่ี 14 ถนนราษฎรบ์ ูรณะ หมู่ท่ี 10 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บรู ณะ กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 087-7194531 4.2 วดั แจงรอ้ น ตง้ั อยเู่ ลขที่ 2 ถนนราษฎร์บูรณะ แขวงราษฎรบ์ ูรณะ เขตราษฎร์ บูรณะ กรงุ เทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 02-8166923 4.3 วัดบางปะกอก ตัง้ อย่เู ลขท่ี 86 ถนนสุขสวัสดิ์ คลองบางปะกอก หมทู่ ่ี 1 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บรู ณะ กรงุ เทพมหานคร หมายเลขโทรศพั ท์ 02-4272812 4.4 วัดประเสรฐิ สทุ ธาวาส ตงั้ อยเู่ ลขที่ 10 ซอยสุขสวสั ดิ์ 27 ถนนราษฎร์พัฒนา หมู่ท่ี 4 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บรู ณะ กรงุ เทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 02-4272919 4.5 วัดสน ต้ังอยู่เลขที่ 1 ซอยสุขสวสั ด์ิ 35 ถนนราษฎรบ์ ูรณะ หมูท่ ี่ 5 แขวงราษฎร์บรู ณะ เขตราษฎรบ์ รู ณะ กรงุ เทพมหานคร หมายเลขโทรศพั ท์ 02-4630311 4.6 วดั สารอด ตง้ั อยเู่ ลขท่ี 25 ซอยวดั สารอด ถนนสุขสวสั ด์ิ หมู่ท่ี 8 แขวงราษฎรบ์ ูรณะ เขตราษฎรบ์ ูรณะ เขตราษฎร์บรู ณะ กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 02-4285959 4.7 วัดเกียรตปิ ระดิษฐ์ ต้งั อยู่เลขที่ 55 ซอยสขุ สวัสดิ์ 11 หมูท่ ่ี 11 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บรู ณะ กรงุ เทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 02-4684478 4.8 พพิ ธิ ภัณฑ์ทอ้ งถ่นิ กรุงเทพมานคร วัดประเสริฐสุทธาวาส แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรงุ เทพมหานคร การวดั และประเมินผล กกกกกกก1. ประเมินความก้าวหนา้ ดว้ ยวธิ กี ารตอ่ ไปนี้ 1.1 การสงั เกต 1.2 การซักถาม ตอบค้าถาม 1.3 ตรวจเอกสารการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.) 1.4 ตรวจเอกสารรายงานการศึกษาวดั ค่บู ้านย่านราษฎร์บรู ณะ เรือ่ งพระพุทธรปู พระเกจิ และสถานท่สี ้าคญั ของวัดคบู่ ้านยา่ นราษฎรบ์ รู ณะ

86 กกกกกกก2. ประเมนิ ผลรวม ด้วยวธิ กี ารตอ่ ไปนี้ 2.1 ใหต้ อบแบบทดสอบวดั ความรู้เรื่องพระพุทธรปู พระเกจิ และสถานทสี่ า้ คัญของวดั คบู่ า้ นย่านราษฎร์บรู ณะ จ้านวน 12 ข้อ 2.2 ใหต้ อบแบบสอบถามวดั เจตคติ

87 หัวเรอ่ื งที่ 4 โบราณสถานทส่ี าคัญของวดั คู่บา้ นย่านราษฎร์บรู ณะ สาระสาคญั กกกกกกก1. ประวตั คิ วามเปน็ มา ความสา้ คญั และลกั ษณะส้าคัญของอุโบสถวดั ราษฎร์บรู ณะ หลัง ปจั จุบนั สร้างขนึ้ ใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2538 แทนที่อุโบสถหลงั เดิม ซ่งึ ประวตั ิระบุว่าอุโบสถหลังเดิมสร้างขึ้น ราวสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาถึงสมัยกรุงธนบุรี ความส้าคัญเป็นที่ประกอบพิธีต่าง ๆ และประดิษฐาน พระพทุ ธโสธร (จา้ ลอง) ที่เป็นที่เคารพสกั การะของชาวราษฎร์บูรณะ ลักษณะส้าคัญของโบราณสถาน อุโบสถวัดราษฎร์บูรณะเป็นอุโบสถมีเสาพาไลรอบ อาคารของอุโบสถมีระเบียงทางเดินโดยรอบ การ ก่อสร้างอุโบสถเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กท่ีได้รับอิทธิพลจากทางตะวันตก อยู่ในช่วงสมัยอยุธยาตอน ปลาย ช่อฟ้าของอุโบสถท้าด้วยไม้สักมีจงอยปากตรงส่วนกลางเรียวโค้งปลายสะบัดอย่างอ่อนช้อย งดงาม ใบระกาท้าด้วยไม้ หางหงส์เป็นรูปนาคเล้ียว 3 เศียรซ้อน ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของอุโบสถวัด ราษฎร์บูรณะ กกกกกกก2. ประวัติความเป็นมา ความสา้ คญั และลักษณะสา้ คัญของอโุ บสถวัดแจงร้อน หลังปจั จุบัน สร้างข้ึนในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หวั รัชกาลที่ 6 เมือ่ ปี พ.ศ. 2461 สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2466 แทนอุโบสถหลังเก่า ท่ีสร้างข้ึนในสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โดยพระครูประสิทธิ์สิกขการ (หลวงพ่อจวน) เป็นผู้ด้าริขึ้น เพราะเหตุว่าอุโบสถของวัดแจงร้อนหลัง เดิมมีขนาดเล็ก เตี้ย ต้ังอยู่บนที่ลุ่ม ภายในโบสถ์ชื้น เพราะไม่มีหน้าต่าง ความส้าคัญของอุโบสถวัด แจงร้อน เป็นสถานท่ีที่ใช้ประชุมสงฆ์ท้าสังฆกรรม สวดปาฏิโมกข์ทุกครึ่งเดือน หรือประกอบพิธี ลักษณะส้าคัญของอุโบสถวัดแจงร้อนซุ้มประตูและหน้าต่างตกแต่งด้วยลายปูนป้ันลายพันธ์ุพฤกษา ภายในประดษิ ฐานพระพทุ ธรูปปางมารวชิ ัย ผนังด้านหลังพระพุทธรูปประธานวาดจิตรกรรมภาพพระ พุทธฉาย ส่วนวิหารหลวงพ่อหินแดง คาดว่าสร้างข้ึนในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เน่ืองจากมีรูปแบบ “วลิ ันดา” ทสี่ ร้างแพร่หลาย โดยได้รบั อิทธิพลมาจากศิลปะตะวนั ตก ความสา้ คัญของวิหารหลังนี้ เป็น ทีป่ ระดษิ ฐานหลวงพ่อหนิ แดง พระพุทธรูปปางสมาธิ สลักจากหินทรายแดง ร่วมกับพระพุทธรูปสร้าง ขนึ้ อีกหลายสมยั ปะปนกนั และลักษณะส้าคัญของวิหารหลวงพ่อหินแดง หน้าบันก่ออิฐถือปูน ตกแต่ง ด้วยลายใบผักกาดแบบตะวันตก ผนังก่อทึบไม่มีหน้าต่าง กรอบของหน้าบัน เป็นกรอบเกล้ียงไม่มี ลวดลายของกรอบหน้าบันไม่มชี ่อฟา้ ใบระกา ซง่ึ เปน็ ลักษณะเดน่ ของวดั แจงร้อน กกกกกกก3. ประวตั ิความเป็นมา ความส้าคัญและลกั ษณะส้าคัญของอโุ บสถวัดบางปะกอก ได้รบั การปฏิสังขรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 6 ฐานของพระอุโบสถเป็น ฐานบวั รองรบั อาคาร มีระเบยี งล้อมรอบพระอุโบสถ ส่วนหลังคาพระอุโบสถน้ันเป็นทรงคฤห์ลด 2 ชั้น

88 มุงกระเบื้องเคลือบ กรอบหน้าบันประดับด้วยเครื่องสะดุ้ง พัทธสีมาหรือซุ้มใบเสมา เป็นสิ่งแสดงถึง ขอบเขตของพระอุโบสถ ลักษณะเป็นซุ้มก่ออิฐถือปูนภายในตั้งใบเสมาท่ีท้าจากหินแกรนิต ส่วนพระ วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ที่มีความเก่าแก่มากของวัดบางปะกอก เป็นอาคาร สี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาเป็นทรงคฤห์ลด 2 ชั้น ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับลาย กระหนกขด ซงึ่ วหิ ารหลังท่ีหลวงพ่อพริ้งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2484 ด้านความส้าคัญพระอุโบสถวัดบาง ปะกอกเป็นสถานที่ ท่ีใช้ประชุมสงฆ์ท้าสังฆกรรมหรือประกอบพิธี พัทธสีมาหรือซุ้มใบเสมาเป็นส่ิง แสดงถึงขอบเขตของพระอุโบสถและพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ ลักษณะ ส้าคัญภายในวัดบางปะกอก ประกอบไปด้วย พระอุโบสถท่ีประดับกระเบ้ืองสี บานประตูหน้าต่างลง รักปิดทองเป็นรูปลายกระหนก ประตูเป็นรูปเทวดาถือพระขรรค์ พัทธสีมาหรือซุ้มใบเสมาเป็นซุ้มก่อ อฐิ ถอื ปนู ภายในตั้งใบเสมาที่ท้าด้วยหินแกรนิต พระวิหารลักษณะเป็นอาคารส่ีเหล่ียมพ้ืนผ้า หน้าบัน ประดับลายกระหนกขด และเจดีย์มอญภายในประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งเป็นลักษณะส้าคัญของวัด บางปะกอก กกกกกกก4. ประวตั คิ วามเป็นมา ความสา้ คัญและลักษณะส้าคญั ของวัดประเสริฐสุทธาวาสสรา้ งดว้ ย สถาปตั ยกรรมแบบจนี ท่ีสรา้ งขึ้นในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว รชั กาลที่ 3 ทา้ การ บรู ณะคร้ังแรก เมื่อปี พ.ศ. 2381 และบูรณะคร้งั ท่ี 2 เม่ือปี พ.ศ. 2342-2546 ตรงกบั สมยั พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 และทางกรมศิลปากรได้ประกาศขนึ้ ทะเบียน ให้เป็นโบราณสถานตง้ั แต่ ปี พ.ศ. 2537 อุโบสถเป็นอาคารเครอื่ งก่อหนา้ บนั ปูนปัน้ มหี ลังคา ยื่นออกมาสนั้ ๆ รปู แบบโดยรวมคลา้ ยกับศาลเจา้ จีน ส่วนแถบใต้หนา้ บันประดบั ลายพนั ธุ์พฤกษาและ รปู นก ส่วนพระวิหาร สรา้ งในสมัยอยธุ ยาตอนปลาย แตไ่ ดร้ ับการบูรณะในสมยั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกล้าเจา้ อย่หู วั รัชกาลที่ 3 ภายในประดิษฐานพระประธาน คือ หลวงพ่อสร้อยสวุ รรณรัตน์ และพระพุทธรูปประธานปางสมาธิ สมยั อยธุ ยาตอนต้น ความส้าคญั อโุ บสถ เปน็ สถานที่ท่ีใชป้ ระชมุ สงฆท์ ้าสังฆกรรม หรือประกอบพธิ ีของพระภกิ ษุ ภายในอุโบสถประดษิ ฐานพระพุทธรูปและพระวหิ าร ภายในประดษิ ฐานพระประธานคือหลวงพ่อสรอ้ ยสุวรรณรัตนท์ ่ชี าวบา้ นเคารพนับถอื เป็นส่ิงศกั ดส์ิ ิทธิ์ คูว่ ดั ลกั ษณะสา้ คัญของโบราณสถานอโุ บสถวัดประเสริฐสทุ ธาวาส ภายในอุโบสถมีภาพวาดเลา่ เรอื่ ง สามกก๊ ทเี่ ขยี นดว้ ยหมกึ ดา้ บนพน้ื ขาวในกรอบส่ีเหลีย่ ม ชอ่ งละ 1 ตอน รวมท้งั สนิ้ 364 ชอ่ ง ถือเปน็ ภาพเลา่ เรื่องสามกก๊ ท่มี ากทสี่ ุดในประเทศไทย ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรปู ประธานขนาด ใหญ่ ทม่ี ีพุทธศลิ ปต์ ามแบบพระราชนิยมในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจา้ อยหู่ ัว รัชกาลที่ 3 รว่ มกับพระสาวก 2 องค์และพระพทุ ธรูปยนื สว่ นพระวิหาร หนา้ บนั วหิ าร กอ่ อฐิ ถือปูน ตกแตง่ ดว้ ย ลายพันธพุ์ ฤกษา ตรงกลางท้าเปน็ พู่ห้อยคลา้ ยกับหน้าบันของอุโบสถ ภายในวหิ ารประดิษฐานพระ ประธานคอื หลวงพ่อสร้อยสวุ รรณรตั น์ ซงึ่ เปน็ ลักษณะเด่นของวัดประเสรฐิ สทุ ธาวาส

89 กกกกกกก5. ประวตั ิความเป็นมา ความส้าคัญและลักษณะส้าคญั อุโบสถวดั สนหลงั ปัจจบุ ันสร้างขน้ึ ในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ ัว รชั กาลที่ 6 เม่ือปีพ.ศ.2460 แทนอโุ บสถหลงั เก่าท่ี คาดว่าสรา้ งขน้ึ ในสมยั พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 4 และไดร้ ับการบูรณะเม่ือปี พ.ศ. 2500 วัดแห่งนี้มีศาลาการเปรียญ 2 หลงั หลงั แรกสร้างดว้ ยไมส้ ักลว้ น ๆ มีอายุเก่าแก่กวา่ 100 ปแี ละศาลาการเปรยี ญหลังใหม่ มบี ันไดพระยานาค ทอดยาวขึ้นไปสูง ความส้าคัญของอุโบสถวดั สนภายในประดิษฐานพระพทุ ธรปู 3 องค์ อุโบสถใช้เปน็ ที่ประกอบพธิ กี รรมทางศาสนา สถานท่ี ประชุมสงฆ์ท้าสังฆกรรม ศาลาการเปรยี ญไมส้ ัก อายเุ กา่ แก่กว่า 100 ปี ปัจจุบนั เก็บรักษาพระไตรปิฎก และถือเปน็ สงิ่ ศักดส์ิ ทิ ธ์ิประจ้าวัด เปน็ ท่เี คารพสักการะของชาวราษฎรบ์ ูรณะ และศาลาการเปรียญ หลังใหมใ่ ช้เป็นทีป่ ระกอบพิธีกรรมตา่ ง ๆ ทางพุทธศาสนาเป็นสถานทที่ ่ีพุทธศาสนิกชนเข้ามาประกอบ พิธกี รรม ประเพณี วัฒนธรรม ในวันส้าคัญตา่ ง ๆ ลกั ษณะส้าคญั ของพระอุโบสถด้านผนังอโุ บสถ ตกแต่งดว้ ยจิตรกรรมฝาผนังใหม่ เลา่ เรือ่ งพุทธประวตั ิพระพุทธเจา้ เสดจ็ ไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ ชน้ั ดาวดึงส์ และทศชาติชาดก เป็นสถาปตั ยกรรมของไทยแท้ ท้ัง 4 ดา้ น หน้าบนั ประดับด้วยรปู เทวดาถอื พระขรรค์ ส่วนผนงั ด้านหนา้ และหลังตกแต่งด้วยชามกระเบ้ือง ศาลาการเปรยี ญไมส้ กั ทา้ ด้วยไมส้ ักท่ีมีอายมุ ากกว่า 100 ปี ส้าหรบั เก็บรักษาพระไตรปิฎก ศาลาการเปรียญบนั ไดพระยา นาค ทอดยาวขึ้นไปสงู เป็นศาลาทีส่ ามารถมองเหน็ ทิวทศั น์ทีส่ วยงามของกรงุ เทพมหานครไดโ้ ดยรอบ ซ่งึ เป็นลักษณะเด่นของวดั สน กกกกกกก6. ประวัตคิ วามเป็นมา ความส้าคญั และลกั ษณะส้าคัญของอุโบสถวัดสารอดอุโบสถหลัง ปัจจุบันสร้างขึ้นเม่ือปี พ.ศ. 2461 ต่อมาได้มีการช้ารุด ทรุดโทรม จึงสร้างข้ึนใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2527 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธาน ตัดหวายลูกนิมิตของ พระอุโบสถ ส่วนวิหารหลวงพ่อรอดเป็นอาคาร 2 ช้ัน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปส้าคัญของวัด 3 องค์ ความส้าคัญอุโบสถวัดสารอดเป็นสถานท่ีท่ีใช้ประชุมสงฆ์ท้าสังฆกรรมหรือประกอบพิธีของ พระภิกษุ ภายในประดิษฐานพระพุทธชินราช (จ้าลอง) วิหารหลวงพ่อรอดภายในประดิษฐาน พระพุทธรูปส้าคัญของวัด 3 องค์ คือ หลวงพ่อรอด หลวงพ่อเพชร หลวงพ่อพลอย และศาลาการ เปรยี ญวัดสารอด เป็นศาลาท่ีใช้เป็นท่ีส้าหรับพระภิกษุสามเณรได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและเรียนวิชา พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์รวมถึงใช้ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาภายในวัดเป็นที่ฉันท์ภัตรา หารของพระภิกษุสามเณร ลักษณะส้าคัญของวัดสารอดผนังโดยรอบรวมท้ังบานประตูด้านในตกแต่ง ด้วยภาพจิตกรรมโดยบานประตูเขียนลายรดน้า เป็นรูปทวารบาล ผนังด้านหลังพระประธานเขียน ภาพป่า และสตั วต์ า่ ง ๆ สว่ นผนงั โดยรอบแสดงภาพพทุ ธประวัติและทศชาติชาดก ภาพต้นพระศรีมหา โพธิ์หน้าบันประดับด้วยปูนป้ันด้วยรูปกรงล้อธรรมจักร และเทพนมประดับกระจกสี ส่วนพระวิหาร หลวงพ่อรอด ผนังเขียนจิตกรรมเล่าเร่ืองพระสุธน-มโนห์รา วาดอยู่ในช่องส่ีเหล่ียม ช่องละ 1 ตอน

90 รวมทั้งหมด 12 ตอน ภายซ้ายเปน็ ตอนพระสธุ นมอบบ่วงนาคบาศให้พรานบุญ ส่วนภาพขวาเป็นตอน พรานบญุ จับนางมโนห์รา ดว้ ยบว่ งนาคบาศ ซึง่ เป็นลกั ษณะเด่นของวดั สารอด ตัวชว้ี ัด กกกกกกก1. เปรยี บเทียบความแตกต่างของโบราณสถานแตล่ ะแหง่ ของวดั คบู่ ้านยา่ นราษฎรบ์ รู ณะ ได้ กกกกกกก2. ตระหนกั ถงึ ความส้าคัญและเหน็ คุณคา่ ของโบราณสถานแต่ละแห่งของวัดค่บู ้าน ยา่ นราษฎรบ์ รู ณะ ขอบข่ายเนื้อหา กกกกกกกหัวเร่ืองท่ี 4 โบราณสถานทส่ี า้ คัญของวดั คบู่ ้านยา่ นราษฎร์บรู ณะ มีขอบข่ายเน้อื หา ดังนี้ กกกกกกก1. โบราณสถานวัดราษฎรบ์ รู ณะ 1.1 ประวตั ิความเป็นมา 1.2 ความสา้ คัญ 1.3 ลักษณะส้าคัญของโบราณสถาน กกกกกกก2. โบราณสถานวัดแจงรอ้ น 2.1 ประวตั ิความเปน็ มา 2.2 ความส้าคัญ 2.3 ลักษณะส้าคญั ของโบราณสถาน กกกกกกก3. โบราณสถานวดั บางปะกอก 3.1 ประวตั ิความเปน็ มา 3.2 ความส้าคัญ 3.3 ลกั ษณะส้าคญั ของโบราณสถาน กกกกกกก4. โบราณสถานวัดประเสริฐสุทธาวาส 4.1 ประวัติความเป็นมา 4.2 ความส้าคัญ 4.3 ลักษณะส้าคัญของโบราณสถาน กกกกกกก5. โบราณสถานวดั สน 5.1 ประวัติความเป็นมา 5.2 ความส้าคัญ

91 5.3 ลักษณะส้าคัญของโบราณสถาน กกกกกกก6. โบราณสถานวัดสารอด 6.1 ประวัตคิ วามเปน็ มา 6.2 ความสา้ คัญ 6.3 ลกั ษณะส้าคญั ของโบราณสถาน เนอ้ื หา กกกกกกก1. โบราณสถานวัดราษฎรบ์ รู ณะ 1.1 ประวตั ิความเป็นมาอโุ บสถวัดราษฎรบ์ ูรณะ หลงั ปจั จบุ ันสรา้ งข้นึ ใหมเ่ มื่อปี พ.ศ. 2538 แทนท่ีอุโบสถหลงั เดิม ซ่ึงประวตั ิระบุวา่ อุโบสถหลงั เดมิ สรา้ งข้นึ ราวสมยั ปลายกรงุ ศรอี ยุธยาถงึ สมัยกรงุ ธนบุรี อโุ บสถวดั ราษฎร์บรู ณะ หลังปจั จบุ นั เปน็ ทรงไทยคอนกรีต เสรมิ เหลก็ กวา้ ง 9 เมตร ยาว 25.50 เมตร ภายในประดษิ ฐานพระพุทธรปู ประธานขนาดใหญ่ ซึ่งบรู ณะขนึ้ ใหมจ่ ากพระพุทธรปู ประธานองคเ์ ดมิ ที่นา่ จะสรา้ งขึ้นพร้อมกับวัด พระพุทธรปู ประธานภายในพระอโุ บสถ เป็นพระพุทธรูป ปางมารวชิ ัยขนาดใหญ่ คาดวา่ สรา้ งขึ้นในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา กล่าวโดยสรุปอโุ บสถวัดราษฎรบ์ รู ณะ หลังปัจจุบนั สร้างขน้ึ ใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2538 แทนท่ี อุโบสถหลังเดิม ซง่ึ ประวัติระบุวา่ อโุ บสถหลังเดิมสร้างขนึ้ ราวสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาถงึ สมยั กรุงธนบรุ ี อโุ บสถวัดราษฎร์บรู ณะ

92 1.2 ความส้าคัญอโุ บสถวัดราษฎร์บรู ณะ เป็นท่ีประกอบพิธี ทา้ วัตรสวดมนต์ ทา้ สงั ฆกรรม และประดิษฐานพระพุทธรูปประธานขนาดใหญ่ พระพทุ ธโสธรจา้ ลอง ทเี่ ปน็ ท่ีนบั ถอื ของ ชาวราษฎร์บรู ณะ กลา่ วโดยสรุปอโุ บสถวัดราษฎร์บรู ณะ เป็นทีป่ ระกอบพธิ ีต่าง ๆ และประดษิ ฐาน พระพทุ ธโสธร (จ้าลอง) ทีเ่ ปน็ ท่ีเคารพสกั การะของชาวราษฎร์บูรณะ 1.3 ลักษณะส้าคัญของโบราณสถานลักษณะอุโบสถหลังเก่ามคี วามงดงามมากเป็น อุโบสถมีเสาพะไลรอบ หมายถึง อาคารของอุโบสถแนวรอบสุดต้ังเปน็ เสารับปกี นกชายคาโดยรอบ สว่ นผนังอาคารอยู่ถัดเข้าไปอีกแนวหน่ึง อาคารของอุโบสถมีระเบยี งทางเดนิ โดยรอบซ่ึงการก่อสร้าง อโุ บสถในสมัยน้ันเปน็ คอนกรตี เสริมเหลก็ ที่ได้รบั อทิ ธิพลจากทางตะวนั ตกอยู่ในชว่ งสมยั อยธุ ยาตอน ปลาย ชอ่ ฟา้ ของอุโบสถทา้ ด้วยไมส้ กั มจี งอยปาก ตรงส่วนกลางเรยี วโค้งปลายสะบัดอยา่ งอ่อนช้อย งดงาม ใบระกาทา้ ด้วยไม้ เป็นคลบี เรยี วโคง้ แหลม สนั นูน เรยี งประดับชอ่ ฟ้าอยา่ งงดงามตลอดแนว ของตัวลา้ ยอง สว่ นหางหงส์ เป็นรูปนาคเลย้ี ว 3 เศียรซ้อนกนั อยา่ งงดงามโครงสรา้ งของหลงั คา เชน่ อกไก่ แปลาน แปงวง แปหวั เสา แปลายเต้าด้วย กล่าวโดยสรุปลกั ษณะอุโบสถหลังเก่า เปน็ อุโบสถมีเสาพาไลรอบ อาคารของ อุโบสถมรี ะเบียงทางเดินโดยรอบ การก่อสร้างอุโบสถเป็นคอนกรตี เสริมเหล็ก ทีไ่ ด้รบั อิทธพิ ลจากทาง ตะวนั ตก อยู่ในชว่ งสมยั อยุธยาตอนปลาย ชอ่ ฟา้ ของอโุ บสถทา้ ด้วยไมส้ ัก มจี งอยปากตรงส่วนกลาง เรียวโค้งปลายสะบัดอยา่ งอ่อนชอ้ ยงดงาม ใบระกา ทา้ ดว้ ยไม้ หางหงส์ เปน็ รูปนาคเลยี้ ว 3 เศียรซ้อน ซึง่ เป็นลกั ษณะเด่นของอุโบสถวดั ราษฎรบ์ รู ณะ กกกกกก อโุ บสถวดั แจงร้อน

93 กกกกกกก2. โบราณสถานวดั แจงร้อน 2.1 ประวัติความเป็นมา อุโบสถวัดแจงร้อน อโุ บสถหลงั ปจั จุบันสร้างข้นึ ในสมยั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อปีพ.ศ. 2461 สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2466 แทนอุโบสถหลังเก่า ท่ีสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 อุโบสถหลัง ปัจจุบันสร้างขึ้นโดยพระครูประสิทธ์ิสิกขการ (หลวงพ่อจวน) เป็นผู้ด้าริขึ้น เพราะเหตุว่าอุโบสถของ วดั แจง้ รอ้ นหลังเดิมมขี นาดเล็ก เตี้ย ต้งั อยู่บนที่ลุ่ม ภายในโบสถ์ชื้น เพราะไม่มีหน้าต่าง หลวงพ่อจวน จึงได้ด้าริสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่ โดยมีหลวงธรบาลอดีตนายอ้าเภอราษฎร์บูรณะและนายชุน กาญจนกุญชร เป็นหัวแรงส้าคัญในการบริจาคทุนทรัพย์ในการก่อสร้างรวมท้ังอุบาสก-อุบาสิกา ผู้มี จิตศรัทธาได้มาร่วมทุนทรัพย์ในการสร้าง โดยสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2461 สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2466 อุโบสถตั้งอยู่ด้านหน้าวิหารในแนวแกนเหนือ-ใต้ โดยหันหน้าไปทางทิศเหนือออกสู่แม่น้าเจ้าพระยา เปน็ อาคารกอ่ อฐิ ถอื ปูนขนาดกว้าง 11.80 เมตร ยาว 22 เมตร ผนงั ดา้ นในฉาบปูนเรยี บ เครื่องบนเป็น งานไม้สถาปตั ยกรรมประกอบดว้ ยช่อฟา้ ใบระกา หางหงส์ หลังคาที่ 2 และที่ 3 แต่ละซ้อนมี 3 ตับ มี จ่วั หรอื หนา้ บันกอ่ อิฐถอื ปูนที่ตับที่ 1 ส่วนตับท่ี 2 และที่ 3 เป็นปกี นกโดยรอบอาคารซึ่งย่ืนออกมาเป็น ชายคา โดยมีเสาปูนรองรับน้าหนักชายคาโดยรอบ ส่วนหน้าบันประดับด้วยลวดลายก้านขดดอก พุดตานใบเทศ ที่มีลักษณะของต้นพุดตานก้าลังแตกก่ิงก้านและออกดอกจากส่วนล่างของหน้าบัน ดอกพุดตานนี้มีลักษณะลายประดิษฐ์ เช่นเดียวกับลายคร่ึงวงกลมมีวงกลมเล็กอยู่ข้างในอีก 3-4 วง คลา้ ยลายปกี ของผเี สอ้ื ลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของหน้าบันน้ี คือมีการแบ่งสามเหล่ียมหน้าจ่ัวเป็น สามเหลี่ยมอีกชั้นหน่ึง จากหน้าบันลักษณะพิเศษที่สร้างกรอบลายรูปสามเหล่ียมล้อมลายประธาน ดังเช่น ลายหน้าบันพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม หรือจะเป็นลายดอกพุดตานสลักประดับกระจก สีน้าเงิน แบบเดียวกับลายหน้าบันพระวิหาร วัดกัลยาณมิตร โครงสร้างหลังคาชายคาปีกนกของ อุโบสถน้ีท้าเป็นเสาปูนรองรับคานปูนโดยรอบชายคาเพื่อรองรับโครงสร้างหลังคาร่วมกับผนังของ อุโบสถโดยรอบเสาพาไล มีรูปแบบพิเศษท่ีผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทยและจีน โดยการป้ัน ปูนบัวปลายเสาท่ีเรียกว่า บัวจงกล ซ่ึงเป็นลักษณะท่ีนิยมท้ากันในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ และมีส่วน เท้าแขน ซึ่งสถาปัตยกรรมจีนนิยมใช้เป็นที่ค้ายันโครงสร้างหลังคาส่วนเท้าแขนปรากฏลายปูนป้ันรูป ค้างคาวบินประดับ ด้านท่ีหันออกจากอุโบสถ และลายปูนปั้นรูปผีเสื้อบินประดับด้านท่ีหันเข้าหา อุโบสถ อาคารมีการประดับตกแต่งด้วยลายปูนป้ันบนซุ้มประตูและหน้าต่าง อันได้แก่ บนซุ้มประตู ผนังสกัดหน้าและหลังอุโบสถ ด้านละ 2 บาน กับซุ้มหน้าต่างผนังด้านข้างอีกด้านละ 5 บาน รวม ทั้งสิ้น 14 บาน ซึ่งลวดลายปูนป้ันเหล่านี้เป็นลายดอกไม้ ใบไม้ รูปผลไม้และสัตว์ชนิดต่าง ๆ มีการ ระบายสีน้าเงินท่ี พ้ืนซุ้ม ลายปูนปั้นบนซุ้มประตูหน้าต่างปั้นรูปผลไม้ เช่น ทับทิม น้อยหน่า มะม่วง สับปะรด ลายสัตว์น้า เช่น กบ ปลาทอง ปลาหมึก ปลาตีน ปู และลาย สัตว์ต่าง ๆ เช่น กระต่าย ค้างคาว ช้างสามเศียร แพะ หมาจู บันไดหน้าอุโบสถสองข้างประดับด้วยรูปปูนป้ันสิงโตอยู่บนแท่น

94 ส่เี หลยี่ ม เปน็ รปู สงิ โตตัวเมียก้าลังดูแลลูก และสิงโตตัวผู้ก้าลังจับลูกบอล และรูปป้ันสิงโต 1 ตัวอยู่ใน ท่าน่ัง ตั้งอยู่ระหว่างซุ้มประตูผนังสกัดหน้าและอีกหน่ึงตัวในท่านอน ระหว่างซุ้มประตูผนังสกัดหลัง เชน่ กัน ภายในประดิษฐพ์ ระพทุ ธรปู ปางมารวิชัย ผนงั ดา้ นหลังพระพุทธรูปประธานวาดจิตรกรรมภาพ พระพุทธฉาย วหิ ารหลวงพอ่ หินแดง อยูเ่ ยื้องกบั อโุ บสถ คาดวา่ สรา้ งขึ้นในสมยั สมเดจ็ พระ นารายณ์ เน่อื งจากมีรปู แบบ “วลิ นั ดา”ทส่ี ร้างแพร่หลายโดยไดร้ ับอิทธิพลมาจากศลิ ปะตะวันตก มี ลกั ษณะเดน่ คือหน้าบนั ก่ออฐิ ถือปนู ตกแต่งด้วยลายใบผกั กาดแบบตะวันตก เปน็ วิหารกอ่ อิฐถอื ปนู กวา้ ง 10 เมตร ยาว 18 เมตร ผนังก่อทบึ ไมม่ ีหน้าต่างเป็นหลกั ฐานทางปชู นยี สถานที่ส้าคัญ ลวดลาย ภายในกรอบหน้าบันและบนกรอบซมุ้ ของวหิ ารหลวงพ่อหนิ แดง เป็นลวดลายปน้ั ที่งดงาม ลวดลายบน หนา้ บนั ของตัววหิ ารสองด้านใจกลางลายทา้ เปน็ ภาพครุฑยุดนาค เหนอื ข้ึนไปเป็นรปู เทพพนมในลาย ตอ่ ดอกรูปครุฑยุดนาคและเทพพนมนบั วา่ เป็นแมล่ ายโดยมีลายกา้ นขด และลายดอกไม้เปน็ ส่วน ประกอบอยูโ่ ดยรอบกรอบของหนา้ บนั เป็นกรอบเกลี้ยงไม่มีลวดลายของกรอบหน้าบัน ไม่มชี อ่ ฟ้า ใบระกา ลวดลายปูนป้นั บนกรอบซ้มุ ประตูหน้าของใจกลางของลวดลายท้าเป็นรูปเทพอยู่ในก้านต่อ ดอกเป็นแม่ลาย โดยมีลายกา้ นขดเป็นลายประกอบอยโู่ ดยรอบ ส่วนบนของกรอบซุ้มท้าเปน็ รูปหนา้ บคุ คล แตล่ วดลายทเ่ี ห็นในปัจจบุ ันได้รบั การซ่อมแปลงไปแลว้ วหิ ารหลงั น้ีเป็นที่ประดษิ ฐานหลวงพอ่ หินแดง พระพุทธรปู ปางสมาธิ สลักจากหินทรายแดง รว่ มกบั พระพุทธรปู สรา้ งขน้ึ อีกหลายสมยั ปะปน กนั กลา่ วโดยสรปุ อุโบสถวดั แจงร้อน หลงั ปัจจุบันสรา้ งขน้ึ ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระ มงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หัว รชั กาลที่ 6 เมอ่ื ปี พ.ศ. 2461 สร้างเสรจ็ ในปี พ.ศ. 2466 แทนอุโบสถหลงั เกา่ ท่ี สรา้ งขึ้นในสมยั พระบาทสมเด็จพระน่งั เกลา้ เจ้าอยูห่ วั รชั กาลที่ 3 โดยพระครปู ระสทิ ธิ์สิกขการ (หลวง พอ่ จวน) เปน็ ผู้ดา้ ริขึ้น เพราะเหตวุ า่ อโุ บสถของวดั แจง้ ร้อนหลงั เดมิ มีขนาดเล็ก เตี้ย ตั้งอยูบ่ นทลี่ ่มุ ภายในโบสถช์ ืน้ เพราะไม่มีหน้าต่าง วิหารหลวงพ่อหินแดง คาดวา่ สรา้ งขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เนือ่ งจากมี รปู แบบ “วลิ ันดา” ท่สี รา้ งแพรห่ ลาย โดยไดร้ ับอทิ ธพิ ลมาจากศิลปะตะวันตก ความส้าคัญ อโุ บสถวดั แจงร้อน เปน็ สถานท่ที ใี่ ช้ประชมุ สงฆ์ท้าสงั ฆกรรม สวด ปาฏิโมกขท์ ุกครึง่ เดือน หรือประกอบพิธี ภายในประดิษฐพ์ ระพทุ ธรปู ปางมารวิชยั วิหารหลวงพ่อหนิ แดง เป็นวหิ ารก่ออิฐถือปนู กว้าง เปน็ ท่ปี ระดิษฐานหลวงพอ่ หนิ แดง พระพุทธรูปปางสมาธิ สลกั จาก หนิ ทรายแดง ร่วมกบั พระพุทธรูสรา้ งข้ึนอีกหลายสมยั ปะปนกัน

95 วิหารหลวงพ่อหนิ แดง วดั แจงร้อน กล่าวโดยสรปุ อุโบสถวัดแจงรอ้ นเป็นสถานท่ที ี่ใชป้ ระชมุ สงฆ์ท้าสงั ฆกรรม สวด ปาฏิโมกขท์ ุกครง่ึ เดือน หรือประกอบพธิ ี สว่ นวหิ ารหลวงพ่อหินแดง เปน็ ที่ประดิษฐานหลวงพ่อหิน แดง พระพทุ ธรูปปางสมาธิ สลกั จากหินทรายแดงรว่ มกบั พระพทุ ธรปู สรา้ งขึ้นอีกหลายสมัยปะปนกนั 2.3 ลักษณะส้าคญั ของโบราณสถานอุโบสถวดั แจงร้อนซุ้มประตูและหนา้ ต่างตกแต่ง ด้วยลายปนู ปน้ั ลายพนั ธุ์พฤกษา บรเิ วณกลางซุ้มทา้ เปน็ สัตว์ทะเลและผลไม้นานาชนดิ รูปปลาหมกึ และมะมว่ ง ภายในประดิษฐ์พระพทุ ธรูปปางมารวชิ ยั ผนงั ด้านหลงั พระพุทธรปู ประธานวาดจติ รกรรม ภาพพระพทุ ธฉาย วิหารหลวงพอ่ หินแดง มีลกั ษณะเดน่ คนื หน้าบนั ก่ออิฐถือปูน ตกแตง่ ดว้ ยลายใบ ผกั กาดแบบตะวันตก เปน็ วหิ ารกอ่ อิฐถือปนู กว้าง 10 เมตร ยาว 18 เมตร ผนังก่อทึบไม่มหี นา้ ตา่ งเป็น หลกั ฐานทางปูชนยี สถานท่สี า้ คญั ลวดลายภายในกรอบหน้าบนั และบนกรอบซุ้มของวิหารหลวงพ่อ หินแดง เปน็ ลวดลายป้ันทงี่ ดงาม ลวดลายบนหน้าบันของตัววิหารสองด้านใจกลางลายท้าเป็นภาพ ครฑุ ยุดนาค เหนือขึ้นไปเป็นรูปเทพพนมในลายต่อดอกรปู ครฑุ ยดุ นาคและเทพพนมนับวา่ เปน็ แม่ลาย โดยมลี ายกา้ นขด และลายดอกไม้เปน็ ส่วนประกอบอย่โู ดยรอบ กรอบของหน้าบัน เป็นกรอบเกล้ียงไม่ มลี วดลายของกรอบหนา้ บนั ไม่มีชอ่ ฟา้ ใบระกา ลวดลายปนู ป้ันบนกรอบซุ้มประตูหนา้ ของใจกลาง ของลวดลายท้าเป็นรูปเทพอยู่ในกา้ นต่อดอกเป็นแม่ลายโดยมลี ายก้านขดเป็นลายประกอบอยโู่ ดยรอบ ส่วนบนของกรอบซมุ้ ทา้ เป็นรูปหน้าบุคคล แต่ลวดลายทเี่ ห็นในปจั จุบนั ได้รับการซอ่ มแปลงไปแลว้ กลา่ วโดยสรุป อุโบสถวดั แจงร้อนซุ้มประตูและหน้าต่างตกแต่งดว้ ยลายปูนปัน้ ลาย พนั ธพุ์ ฤกษา ภายในประดษิ ฐ์พระพุทธรปู ปางมารวชิ ยั ผนงั ด้านหลังพระพทุ ธรปู ประธานวาด

96 จติ รกรรมภาพพระพุทธฉาย และวิหารหลวงพ่อหนิ แดง หน้าบนั กอ่ อฐิ ถือปนู ตกแตง่ ดว้ ยลาย ใบผกั กาดแบบตะวนั ตก ผนงั กอ่ ทึบไม่มีหน้าต่าง กรอบของหน้าบันเปน็ กรอบเกลีย้ งไมม่ ลี วดลายของ กรอบหน้าบันไม่มีช่อฟา้ ใบระกาซึ่งเป็นลักษณะเด่นของวัดแจงรอ้ น กกกกกกก3. โบราณสถานวดั บางปะกอก 3.1 ประวตั คิ วามเปน็ มา พระอโุ บสถวัดบางปะกอก ไดร้ บั การปฏสิ งั ขรณ์ในสมยั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 6 ฐานของพระอุโบสถเป็นฐานบัวรองรับอาคาร มีระเบียงล้อมรอบพระอุโบสถ ส่วนหลังคาพระอุโบสถน้ันเป็นทรงคฤห์ลด 2 ช้ัน มุงกระเบ้ืองเคลือบ กรอบหนา้ บนั ประดับดว้ ยเครือ่ งสะดุง้ คือ ช่อฟา้ ใบระกา หางหงส์ ประดับกระเบือ้ งสี หน้าบันจ้าหลัก ลวดลายพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับนั่ง พระบาทท้ังสองวางบน ดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายวางคว้่าบนพระชานุ พระหัตถ์ขวาวางหงาย นิยมสร้างช้างหมอบใช้งวงจับ กระบอกน้า อกี ด้านหนึ่งมีลิงถือรวงผ้ึง ซึ่งเป็นงานซ่อมในปี พ.ศ. 2513 ลักษณะภายนอกแต่ละด้านมี เสาพาไล เพื่อรับน้าหนกั ของอาคาร แตต่ ัวยอดเสาไม่สามารถท้าแบบบัวหวั เสาในลักษณะของเสาแบบ แท่งกลมได้ บริเวณยอดเสาจึงเป็นสี่เหลี่ยมมีลักษณะเดิมข้างอุโบสถ ส่วนบันไดข้ึนลงทางด้านหลัง อุโบสถบันไดนั้นจะอยู่ตรงกลางด้านหน้าซ้ายขวา ส่วนตัวของพระอุโบสถซึ่งอยู่ถัดระเบียงเข้าไปก่อ ผนังล้อมรอบท้ังส่ีด้านบริเวณด้านหน้าและด้านหลังท้าเป็นประตูทางเข้า 2 ประตู ด้านซ้ายและขวา ผนังด้านข้างท้าช่องหน้าต่างด้านละ 5 บาน บานประตูตกแต่งด้วยการลงรักปิดทองเป็นรูปช่อ กระหนก บานหน้าต่างตกแต่งด้วยการลงรักปิดทองลายกระหนก ลักษณะของประตูทางเข้า ประกอบดว้ ยฐานบวั เพอื่ รองรับกรอบประตแู ละหน้าต่าง เสาย่อมุม หัวเสาประดับด้วยบวั แวง ทั้งด้านล่างและด้านบน ซุ้มท้าเป็นหน้าบันจ้าลอง ภายในตกแต่งด้วยลายเทพพนม มีหลังคาหน้าจั่ว ป้านลมเปน็ นาคล้ายอง ประดบั ด้วย ใบระกา หางหงส์ แต่ตัวของซุ้มหน้าต่างน้ันไม่มีตัวฐานรองรับข้ึน และนอกนั้นรายละเอียดเหมือนกับซุ้มประตูทุกประการการตกแต่งภายในอุโบสถไม่ปรากฏงาน จิตรกรรมฝาผนังมีเพียงงานจิตรกรรมของบานหน้าต่างและประตูเป็นรูปเทวดาถือพระขรรค์ประดับ ลายดอกไม้ พัทธสมี าหรือซุม้ ใบเสมา ตั้งอยรู่ อบพระอโุ บสถเป็นส่ิงแสดงถึงขอบเขตของพระ อุโบสถ จ้านวน 8 แห่ง ลักษณะเป็นซุ้มก่ออิฐถือปูนภายในต้ังใบเสมาที่ท้าจากหินแกรนิต ลักษณะ รูปแบบเป็นซุ้มเสมาบนฐานสูง ลักษณะเป็นซุ้มเสมาทรงกูบ ซึ่งเป็นรูปแบบของซุ้มเสมาในช่วง ระยะแรก โดยจะพบในกลุ่มของวัดที่มีมาแล้วต้ังแต่สมัยอยุธยาตอนปลายในเขตรอบนอก ลักษณะ เป็นหลังคาทรงกูบ (โคง้ ) มองเหน็ ใบเสมาไดเ้ พียงสองดา้ น ตัวหลังคาเปน็ รูปโค้งคล้ายกลีบบัว ซุ้มเสมา ของพระอุโบสถนั้น ปรากฏอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถจ้านวน 3 อัน ส่วนอีก 5 อัน ที่เหลือนั้นไม่มี ซุ้ม เสมา มีเพียงใบเสมาเท่าน้ัน ที่ส้าคัญใบเสมานั้นไม่ได้อยู่ด้านข้างและด้านหลังพระอุโบสถ แต่กลับไป ตัง้ อยูบ่ นระเบยี งรอบพระอโุ บสถแทน ในแนวเดียวกันทง้ั หมดซึง่ ถือเปน็ รปู แบบท่ีค่อนข้างแปลก

97 จงึ เปน็ ข้อสันนษิ ฐานได้วา่ ในช่วงสมัยกอ่ นนัน้ นา่ จะมีการบูรณะต่อเติมขยายในส่วนของพระอุโบสถให้ กว้างมากข้ึน ตัวของซุ้มใบเสมาท้ังด้านข้างและด้านหลังจึงขยับเข้าไปสู่ในส่วนของระเบียงแทน และ ดว้ ยพน้ื ท่ีท่จี า้ กดั ตวั ของซุ้มเสมาจึงเหลือเฉพาะเพียงใบเสมาตั้งประดบั อยู่เทา่ นั้น และบริเวณนอกพัทธ สมี าออกไปมีก้าแพงแก้วก่ออิฐถือปูนล้อมรอบ บริเวณแนวก้าแพงพระอุโบสถมีซุ้มประตูและหน้าต่าง มีการประดับช่อฟา้ ใบระกา และหางหงส์ ตัวเสาประดับลายปูนปั้น หน้าบันสลักเป็นลายมงคลของจีน เช่น แจกันดอกไม้และมังกรซ่ึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นงานซ่อมในราวสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยูห่ วั รชั กาลที่ 3 ก็เป็นได้ เจดีย์ประจ้ามุม ต้ังอยู่บนมุมก้าแพงแก้วรอบพระอุโบสถ และมีการต้ัง ประดับไวท้ ก่ี ่งึ กลางกา้ แพงแกว้ ดว้ ย พระอโุ บสถ วัดบางปะกอก พระวหิ าร ต้งั อยูด่ ้านขา้ งพระอโุ บสถ ถอื วา่ เป็นวหิ ารทม่ี คี วามเก่าแก่มากของ วัดบางปะกอก เป็นอาคารส่ีเหล่ียมผืนผ้า หลังคาเป็นทรงคฤห์ลดช้ัน 2 ชั้น ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับลายกระหนกขด ซ่ึงเป็นวิหารหลังท่ีหลวงพ่อพริ้งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2484 ประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ด้านหน้าพระวิหารมีเจดีย์ทรงระฆัง สร้างโดยด้าริของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวง ชมุ พรเขตอดุ มศกั ดิ์ ซึ่งเป็นเจดยี ์ทรงระฆังในผงั กลม ประกอบดว้ ยฐานเขียงกลมขนาดใหญ่ รองรับฐาน บัวคว้่า บวั หงาย และตอ่ ดว้ ยมาลัยเถาขนาดใหญ่ 3 ชั้น บัวปากระฆังเพ่ือรองรับระฆัง ตัวองค์มีขนาด ใหญ่และปลายผายออก และต่อยอดด้วยบัลลังก์ ก้านฉัตรปล้อง ไฉนและปลียอด ซ่ึงส่วนยอดเม็ด น้าค้างของเจดีย์องค์ถูกขโมยไป เจดีย์มีการสร้างระเบียงล้อมรอบคล้ายเป็นฐานประทักษิณและ ประดับกระเบ้ืองเคลือบ

98 นอกจากนภ้ี ายในวัดยงั มกี ารสรา้ งพระวหิ ารอกี หลงั หน่งึ บริเวณดา้ นทศิ ตะวันตก ของเจดียแ์ ปดเหลยี่ ม เป็นอาคารแบบประเพณีนิยม หลังคาทรงคฤห์ ประดับช่อฟ้า ใบระกา และหาง หงส์ หน้าบันเป็นไม้แกะสลักประดับกระจกสีเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ภายนอกวิหารมีเสา พาไลย่อมุมประดับหวั เสาอยา่ งบวั แวง และคันทวยขนาดเล็ก มขี นาดปลายใหญ่ เจดยี แ์ ปดเหลีย่ ม หรอื เรียกวา่ เจดียม์ อญ องค์ระฆงั ประดบั ด้วยบวั คอเสือ้ ตาม รูปแบบเจดีย์แบบมอญ-พม่า ด้านหน้ามีมุขย่ืนออกมาส้าหรับประดิษฐานพระพุทธรูป การสร้างเจดีย์ มอญถือเป็นขนบส้าคัญของวัดที่สร้างข้ึนในชุมชนมอญหรือวัดที่มีผู้อุปถัมภ์เป็นชาวมอญ ปัจจุบันยัง ไม่ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน กลา่ วโดยสรปุ พระอโุ บสถวัดบางปะกอก ไดร้ บั การปฏิสังขรณ์ในสมยั พระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 6 ฐานของพระอุโบสถเป็นฐานบัวรองรับอาคาร มีระเบียงล้อมรอบพระอุโบสถ ส่วนหลังคาพระอุโบสถนั้นเป็นทรงคฤห์ลด 2 ชั้น มุงกระเบ้ืองเคลือบ กรอบหน้าบนั ประดับดว้ ยเคร่ืองสะดงุ้ พัทธสีมาหรอื ซ้มุ ใบเสมา เปน็ สิ่งแสดงถึงขอบเขตของพระอโุ บสถ ลักษณะเปน็ ซมุ้ ก่ออิฐถือปนู ภายในตง้ั ใบเสมาที่ทา้ จากหนิ แกรนิต พระวิหารท่ีมีความเก่าแก่มากของวัดบางปะกอก เป็นอาคารสี่เหล่ียมผืนผ้า หลังคาเป็นทรงคฤห์ลด 2 ช้ัน ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับลายกระหนกขด ซ่ึง เปน็ วิหารหลังทีห่ ลวงพอ่ พร้ิงสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2484 3.2 ความสา้ คญั พระอโุ บสถวดั บางปะกอก เป็นสถานทที่ ่ใี ชป้ ระชุมสงฆ์ท้าสังฆกรรม หรือประกอบพิธีของพระภิกษุภายในวัด และประกอบพิธีกรรมในวันส้าคัญตามประเพณี ส่วนพัทธ สีมาหรือซุ้มใบเสมา เป็นส่ิงแสดงถึงขอบเขตของพระอุโบสถและพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูป สมัยรัตนโกสินทร์ สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี 1 สร้างโดยด้าริ ของพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กล่าวโดยสรุปพระอโุ บสถวดั บางประกอกเป็นสถานที่ ทใ่ี ช้ประชมุ สงฆท์ ้า สงั ฆกรรมหรือประกอบพิธี พัทธสมี าหรือซมุ้ ใบเสมา เปน็ สิ่งแสดงถึงขอบเขตของพระอุโบสถและพระ วิหารประดิษฐานพระพุทธรปู สมยั รัตนโกสนิ ทร์ 3.3 ลกั ษณะสา้ คญั ของโบราณสถาน พระอโุ บสถวดั บางปะกอก มีระเบียงลอ้ มรอบ พระอโุ บสถ ส่วนหลังคาพระอุโบสถน้นั เป็นทรงคฤหล์ ด 2 ช้ัน มุงกระเบ้ืองเคลือบ กรอบหน้าบัน ประดับด้วยเครื่องสะดุ้ง ประดับกระเบ้ืองสี หน้าบันจ้าหลักลวดลายพระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ ลักษณะภายนอกแต่ละด้านมีเสาพาไล บานประตูตกแต่งด้วยการลงรักปิดทองเป็นรูปช่อกนก บาน หน้าต่างตกแต่งด้วยการลงรักปิดทองลายกนก ลักษณะของประตูทางเข้า ประกอบด้วยฐานบัวเพื่อ รองรับกรอบประตูและหน้าต่าง เสาย่อมุม หัวเสาประดับด้วยบัวแวงทั้งด้านล่างและด้านบน ซุ้มท้า

99 เปน็ หนา้ บนั จา้ ลอง ภายในตกแตง่ ด้วยลายเทพพนม มีหลังคาหน้าจ่ัว ป้านลมเป็นนาคล้ายอง ประดับ ด้วย ใบระกา หางหงสบ์ านหนา้ ต่างและประตูเปน็ รปู เทวดาถือพระขรรค์ประดับลายดอกไม้ พัทธสีมาหรือซุ้มใบเสมา เป็นส่ิงแสดงถึงขอบเขตของพระอุโบสถ จ้านวน 8 แห่ง ลกั ษณะเป็นซุ้มก่ออิฐถือปนู ภายในตงั้ ใบเสมาท่ที ้าจากหินแกรนติ ลักษณะรูปแบบเป็นซุ้มเสมาบนฐาน สูง ลักษณะเป็นซุ้มสีมาทรงกูบ ลักษณะเป็นหลังคาทรงกลม (โค้ง) มองเห็นใบเสมาได้เพียงสองด้าน ตัวหลงั คาเป็นรูปโค้งคล้ายกลบี บวั พระวหิ าร เป็นอาคารสเ่ี หลี่ยมผนื ผา้ หลังคาเปน็ ทรงคฤหล์ ด 2 ชนั้ ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หนา้ บนั ประดบั ลายกนกขด เจดยี ์แปดเหล่ียม หรือเรยี กวา่ เจดยี ม์ อญ องค์ระฆัง ประดบั ด้วยบัวคอเสอื้ ตาม รปู แบบเจดียแ์ บบมอญ-พมา่ ด้านหนา้ มีมุขยนื่ ออกมาสา้ หรับประดษิ ฐานพระพุทธรปู ถือเปน็ ขนบ ส้าคัญของวดั ท่ีสร้างข้ึนในชมุ ชนมอญ กล่าวโดยสรุป โบราณสถานภายในวัดบางปะกอก ประกอบไปด้วยพระอุโบสถท่ี ประดับกระเบ้ืองสี บานประตู หน้าตา่ ง ลงรักปิดทองเปน็ รูปลายกระหนก ประตเู ป็นรปู เทวดาถอื พระขรรค์ พทั ธสมี าหรอื ซุ้มใบเสมาเป็นซมุ้ กอ่ อฐิ ถือปนู ภายในต้ังใบเสมาทีท่ ้าด้วยหินแกรนิต พระวิหารลักษณะเป็นอาคารส่ีเหล่ียมพื้นผ้า หน้าบันประดับลายกระหนกขด และเจดีย์มอญภายใน ประดษิ ฐ์พระพุทธรปู ซึ่งเปน็ ลักษณะเดน่ ของวดั บางปะกอก กกกกกกก4. โบราณสถาน วดั ประเสริฐสทุ ธาวาส อุโบสถวดั ประเสรฐิ สทุ ธาวาส 4.1 ประวัตคิ วามเปน็ มา อุโบสถวดั ประเสริฐสุทธาวาสสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีน

100 ที่สร้างข้ึนในสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 3 ท้าการบูรณะครั้งแรกปี พ.ศ. 2381 และได้ท้าการบูรณะคร้ังที่ 2 เมื่อปีพ.ศ. 2542-2546 ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทางกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2537 อุโบสถเป็นอาคารเครื่องก่อหน้าบันปูนปั้น มีหลังคายื่นออกมาสั้น ๆ รูปแบบโดยรวม คล้ายกับศาลเจ้าจีนอย่างมาก ซ่ึงเป็นรูปแบบท่ีพิเศษที่ไม่ปรากฏที่อื่น คงสร้างข้ึนตามรสนิยมของ ผู้บริจาคเงินสร้างวัด ซึ่งเป็นชาวจีน หน้าบันอุโบสถประดับกระเบ้ืองท้าเป็นลายดอกไม้เต็มพื้นท่ี เว้น เฉพาะตรงกลางท้าเป็นพหู่ อ้ ย มรี ปู บรุ ษุ ศรี ษะโล้นน่ังชันเข่าอยู่ในกรอบวงกลม ซึ่งอาจหมายถึงพระศรี อาริยเมตไตรย ส่วนแถบใต้หน้าบันประดับลายพันธุ์พฤกษาและรูปนก ภาพในอุโบสถมีภาพวาดเล่า เร่ืองสามก๊ก ท่ีเขียนด้วยหมึกด้าบนพ้ืนขาวในกรอบส่ีเหล่ียม ช่องละ 1 ตอน รวมท้ังส้ิน 364 ช่อง ถือ เป็นภาพเล่าเรื่องสามก๊กท่ีมากที่สุดในประประเทศไทยโดยเล่าเร่ืองตั้งแต่ตอนเล่าปี่อ่านใบประกาศ รับสมัครทหารปราบโจรโพกผ้าเหลือง ไปจนถึงตอนขงเบ้งมอบต้าแหน่งเจ้าเมืองเกงจ๋ิวให้กวนอู แล้ว ยกทัพจากเกงจิ๋วไปช่วยเล่าป่ีตีเมืองเสฉวนแทนบังทอง โดยเร่ิมเล่าจากผนังด้านซ้ายของพระพุทธรูป ประธานแถวลา่ งสดุ ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปประธานขนาดใหญ่ ท่ีมีพุทธศิลป์ตามแบบ พระราชนิยมในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ร่วมกับพระสาวก 2 องค์และ พระพทุ ธรูปยืน ซงึ่ นา่ จะสรา้ งขน้ึ พรอ้ มกบั อโุ บสถ ในภาพจะเห็นโครงสร้างหลังคาเปน็ โครงสร้างเคร่ือง ไม้แบบจนี ไม่มฝี าเพดาน ซงึ่ พบได้ท่ัวไปตามศาลเจ้าจีน สถาปัตยกรรมแบบจนี ณ อุโบสถวัดประเสรฐิ สทุ ธาวาส พระวหิ ารมรี ปู แบบคลา้ ยอาคารอย่างทสี่ ร้างในสมยั อยธุ ยาตอนปลาย แต่ได้รับ