Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-25-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ประวัติศาสตร์ ม.3-05271359

64-08-25-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ประวัติศาสตร์ ม.3-05271359

Published by elibraryraja33, 2021-08-25 03:56:11

Description: 64-08-25-คู่มือและแผนการเรียนรู้_ประวัติศาสตร์ ม.3-05271359

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง หน้าท่ีชาวพุทธ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 24 เรือ่ ง ศาสนพาพธิ ธิี ี ๑๔๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ฯ รายวชิ าสังคมศกึ ษา ฯ เวลา 1 ชั่วโมง ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 3) การปฏบิ ัติถูกต้องตามขนั้ ตอนของพธิ ที าบุญมผี ลดีอยา่ งไร 5. หลังจบวดี ีทัศน์ ครใู หเ้ วลานักเรียนในการทบทวนคาตอบ จากนนั้ ให้นกั เรยี นจบั กลุ่มกลุ่มละ 4 คน เพื่อให้นักเรียน ระดม สมอง ๖6. ครูส่มุ นกั เรียนออกมา สองกลุม่ เพอ่ื ตอบคาถามตอ่ตม่อามคารคู รู ร่วมกบั นักเรียนในห้องอภปิ รายคาตอบ 1) ข้นั ตอนการทาพธิ ใี นวดี ที ัศน์ตรงกบั ข้ันตอนการทาพิธีใน หนงั สือเรียนหรอื ไม่ อยา่ งไร (สอดคลอ้ ง เชน่ การพนั ด้ายสายสญิ จน์ รอบบ้าน การนิมนต์พระจานวนคี่) 2) ถา้ ชาวพทุ ธทาพธิ ไี ม่ถูกต้องตามข้ันตอนจะเกิดผลอะไรขน้ึ บา้ ง (อาจส่งผลใหเ้ กดิ ความผิดเพย้ี นและนาไปสูค่ วามเขา้ ใจผิด) 3) การปฏิบตั ถิ ูกตอ้ งตามขัน้ ตอนของพธิ ีทาบุญมผี ลดอี ยา่ งไร (ช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนา) ขนั้ การสรุปความคดิ รวบยอด 7. ครตู ดิ บตั รคาบนกระดาน ไดแ้ ก่คาวา่ ศาสนาพิธี พิธีทาบุญ งานมงคลงางนานออววมมงงคคลลพรพ้อรม้อทมั้งทสังุ้่มสนุ่มักนเกัรียเรนยี เนพเื่อพนอื่ ักนเักรเียรนียนนำ�คาคำ�ทาทั้งั้ง สามคามาเขยี นเปน็ แผนผังเพื่อแสดงความเช่อื มโยง ต่อมาอธบิ าย 1342

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรือ่ ง หน้าทชี่ าวพุทธ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 24 เรื่อง ศาสนพาพิธิธี ี ๑๔๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ฯ รายวชิ าสังคมศึกษา ฯ เวลา 1 ชั่วโมง ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ๘8. ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายความหมาย การเชือ่ มโยง ของคำ�าท้งั ๕5 คา (ศาสนพธิ เี ป็นประเพณีที่ดงี าม เป็นเอกลักษณข์ อง ชาตอิ ีกท้ังยังชว่ ยใหเ้ กิดประโยชน์และความสุขแกผ่ ู้ทีส่ ามารถปฏิบตั ิ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ประกอบด้วย บญุ พธิ ีโดโยดบยุญบญุพพธิ แี ิธบแี ง่บอง่ อกอเกปเ็นปน็ งาน งมางนคมลงแคลละแงลานะงอาวนมองวคมลง)คล) 1343

144 1344 การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เคร่อื งมอื ที่ใช้ เกณฑ์ สง่ิ ทีต่ ้องการวัด/ประเมิน ตอบคาถาม คาถาม นักนเรกั ยีเรนยี ทนั้งทหง้ั มหดมรด้อย ตอบคาถาม คาถาม รอ้ ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ด้านความรู้ ตอบคาถาม คาถาม ไได้ถูกตอ้ งมเี หตผุ ลล 1. บอกความหมายของศาสนพิธี นกั นเรกั ยีเรนยี ทนั้งทหง้ั มหดมรด้อย บุญพธิ ี งานมงคล งานอวมงคลได้ รอ้ ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ไไดด้ถูกต้องมเี หตผุ ล 1. วิเคราะหข์ ัน้ ตอนงานบุญพิธีไดอ้ ย่าง นักนเรกั ียเรนยี ทนง้ัทหง้ั มหดมรด้อย ถกู ต้อง รอ้ ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ด้านคุณลกั ษณะ ไไดด้ถูกต้องมเี หตผุ ล 1. เหน็ คุณค่าของศาสนพิธี 8. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันท่ี..........เดือน..........พ.ศ............. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ท่ีได้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................)

๑๔๕ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒2๕5 เรเรอื่ อ่ื งงกกาารรปปฏฏบิ บิ ัตัติตติ นวั ตต่อ่อพพรระะภภิกกิ ษษุใใุนนงงาานนศศาาสสนนพพธิ ิธี ี เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง หน้าทชี่ าวพุทธ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวชิ าสังคมศกึ ษา ฯ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ตัวช้วี ดั กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ ขัน้ นาเขา้ สบู่ ทเรยี น - สลากหมายเลข 1- 7 ใชใ้ นการเลอื ก ส 1.2 ม.3/1 วิเคราะห์หนา้ ที่และบทบาทของ 1. ครูสมุ่ เลอื กนักเรียนออกมาหนา้ ชัน้ เรยี นจานวน 4 คนมอบ หวั ขอ้ สาวกและปฏิบตั ติ นต่อสาวกตามท่ีกาหนดได้ถกู ต้อง สาระสาคญั บทบาทสมมตใิ หผ้ ู้เรยี นแตแ่ลละคะคนนคคือือคคนนทท่ี ๑ี่ 1เปเปน็ น็พพระรสะสงฆงฆ์ ค์ คนนทท่ี ี่ ภาระงาน/ช้ินงาน 2-4 เป็นพุทธศาสนกิ ชน จากน้นั ให้ผู้เรยี นทง้ั 4 คนแสดงบทบาท - การแสดงบทบาทสมมุติ การให้ความสาคัญกบั พระสงฆใ์ นฐานะพุทธ สมมติ การหลีกทางให้พระสงฆ์กรณีพระสงฆเ์ ดินตามหลงั ทายาทหลกั และปฏิบัติตนต่อทา่ นอยา่ งเหมาะสม ส่งเสริมใหม้ พี ระสงฆช์ ว่ ยในการสืบทอดศาสนา 2. ครูถามนักเรยี นทเ่ี หลอื ว่า “นักเรียนคิดวา่ เพื่อนคนที่ 2-4 ตอ่ ไป แสดงบทบาทไดถ้ ูกต้องตามท่ีหลักของชาวพุทธหรอื ไม่” (ถูก,ผดิ ) ขอบเขตเนื้อหา ดงั นัน้ ในวันนเี้ ราจะมาเรียนร้วู ิธีการปปฏฏิบิบตั ัตติ ิตนนแแกก่พพ่ รระะสสงงฆฆท์ ์ทถี่ ่ีถูกกู ตตอ้ อ้ งง การปฏิบัตติ นตอ่ พระภิกษใุ นงานศาสนพธิ ีท่ี 3. ครแู จง้ แก่นกั เรียนวา่ เร่ืองท่จี ะเรยี น คอื เรื่องการปฏบิ ัตติ น บา้ น การสนทนา การแตง่ กาย มรรยาทการพูด ตอ่ พระสงฆ์ กบั พระภิกษตุ ามฐานะ ขนั้ สร้างองคค์ วามรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ 4. ครใู หน้ ักเรยี นชว่ ยกนั บอกถงึ ความสาคัญของพระสงฆใ์ น 1. บอกแนวทางการปฏิบตั ติ นตอ่ พระภกิ ษสุ งฆ์ใน ปจั จุบนั โดยครูจดบันทกึ บนกระดานดา จากนน้ั ร่วมกนั สรปุ ถงึ สถานการณ์ต่างๆได้ ความสาคัญของพระสงฆ์ (เป็นผสู้ บื ทอดพระพทุ ธศาสนา เผยแผค่ า ดา้ นทักษะและกระบวนการ สอนของพระพุทธเจา้ ) 2. ปฏิบัตติ อ่ พระภิกษสุ งฆ์ได้อยา่ งเหมาะสม ท้ังทางกาย วาจา ใจ 5. ครใู ห้นักเรยี นแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน จากน้ันให้ แตล่ ะกลมุ่ เลือกประธานและเลขานุการกลุ่ม ตาแหนง่ ละ 1 คน ต่อมาให้นักเรียนแต่ละกลุม่ เลือกหัวข้อโดยวิธกี ารจบั ฉลาก เพ่ือ แสดงบทบาทสมมตุ ิ โดยมหี วั ข้อดังน้ี 1345

๑๔๖ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๒2๕5 เรเร่ืออื่ งงกกาารรปปฏฏบิ ิบตั ตั ิติตนวั ตต่อ่อพพรระะภภิกกิ ษษใุ ุในนงงาานนศศาาสสนนพพิธิธี ี หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง หนา้ ทช่ี าวพุทธ เวลา 1 ชัว่ โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ด้านคุณลกั ษณะ 1) การเดนิ สวนทางกบั พระสงฆ์ 3. เหน็ ความสาคัญของพระภิกษุสงฆ์ในฐานะผู้ช่วย 2) การลุกขึ้นยนื ต้อนรับ สืบทอดพระพุทธศาสนา 3) การให้ท่ีน่ังแกพ่ ระสงฆ์ 4) การตามสง่ พระสงฆ์ 5) การหลีกทางให้พระสงฆ์กรณีพระสงฆ์เดนิ ตามหลงั 6) การปฏิบตั ิตนตอ่ พระสงฆท์ างวาจา 7) การปฏบิ ตั ิตนตอ่ พระสงฆท์ างใจ 6. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ออกมาแสดงหนา้ ชน้ั เรียน พรอ้ มทั้ง เปดิ โอกาสให้กล่มุ อืน่ ซักถามข้อสงสัย และครใู ห้คาแนะนาเพ่ิมเติม หากกลุม่ ใดปฏิบตั ิไม่ถูกต้องใหป้ ฏิบัตใิ หมใ่ ห้ถูกต้อง 7. ครสู มุ่ นักเรยี นออกมา 2 คนใหว้ าดภาพการแต่งกายที่ เหมาะสมเพื่อเข้ารว่ มศาสนพิธี หรอื ไปพบพระสงฆ์ ต่อมาใชส้ มาชิก ในกรว่ลมุ่ กรนัว่ มอกภันปิ อรภายิปถรงึากยาถรึงแกตา่งรกแาตยง่ ทก่เีาหยมทาี่เหะสมมาะสม ขัน้ สรปุ ความคดิ รวบยอด 8. ครถู ามนักเรียนว่า “ในฐานะพุทธศาสนิกชน นกั เรียนคดิ ว่า หากนกั เรยี นปฏิบตั ติ นอย่างไรแกพ่ ระสงฆ์ (เหมาะสม ในเร่ืองการ กพาูดรพมดูารมยารทยากทารกแาตร่งแกตาง่ ยก)ายเ)มเอ่ื มนอ่ื ักนเกัรเียรนยี นปปฏฏิบบิตั ตัิเหเิ หมมาาะะสสมมแแลล้วว้ จจะะ เกดิ ผลอยา่ งไรต่อพระพุทธศาสนา” (จะชว่ ยสืบทอด พระพทุ ธศาสนาให้คงอยตู่ ลอดไป) 1346

147 1347 การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เครอื่ งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ส่งิ ทตี่ ้องการวดั /ประเมนิ ตอบคาถาม คาถาม นักเรนยีกั นเรทยี ั้งนหทมง้ั ดหรม้อดยละ สังเกตพฤติกรรม รอ้ 8ย0ละต๘อ๐บคตาอถบาคม�ำ ไถดา้ ม ด้านความรู้ ตอบคาถาม ๑1. บอกแนวทางการปฏบิ ตั ติ นตอ่ ไถดูกถ้ กตู ต้ออ้งมงมเี หเี หตตผุ ผุ ลล พระภกิ ษุสงฆใ์ นสถานการณต์ ่างๆๆไดไ้ด้ ด้านทกั ษะและกระบวนการ แบบสังเกต นักเรนียกั นเรทยี ้งันหทมง้ั ดหรม้อดยละ ด้านทักษะ/กระบวนการ พฤติกรรม 80รแอ้ สยลดะงก๘า๐รปแฏสิบดัตงติ น 1. ปฏบิ ัติต่อพระภกิ ษุสงฆ์ได้อยา่ ง คาถาม เหมาะสม ทั้งทางกาย วาจา ใจ ตก่อารพปรฏะบิภตักิ ติษนุสตงอ่ฆ์ พระภกิไดษถ้สุ ูกงฆตไ์อ้ ดงถ้ กู ตอ้ ง ดา้ นคณุ ลกั ษณะ นกั เนรียกั นเรทยี ้ังนหทมง้ั หดรม้อดยละ 1. เหน็ ความสาคัญของพระภกิ ษุสงฆ์ใน รอ้ 8ยล0ะต๘อ๐บคตาอถบาคม�ำ ไถดา้ ม ใฐนาฐนาะนผะชู้ ผว่ ชู้ ย่วสยืบสทืบอทดอพดรพะรพะุทพธทุ ศธาศสานสานา ไถดถูก้ กูตต้ออ้งมงมเี หเี หตตผุ ผุ ลล 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ที่..........เดอื น..........พ.ศ............. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................)

๑๔๘ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 เรอื่ ง หน้าที่ชาวพุทธ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 26 เรือ่ ง การบริหารจติ เจริญปญั ญา เวลา 1 ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวชิ าสังคมศึกษา ฯ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ตัวชี้วัด กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ ส 1.1 ม.3/9 สวดมนต์ แผเ่ มตตา บรหิ าร ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น - บทสวดมนต์แปล 1. ครูใหน้ ักเรียนรว่ มกันท่องสตู รคูณ โดยทพ่ี ูดได้คนละ 1 - สมดุ จิตและเจริญปญั ญาดว้ ยอานาปานสติ หรอื ตาม พยางค์เรยี งไปทลี ะคน เมื่อมีคนผิดใหเ้ ริ่มทอ่ งใหม่ เปน็ เวลา 3 แนวทางของศาสนาทีต่ นนบั ถือ นาที ตอ่ มาอธิบายถึงความสอดคล้องของการท่องสตู รคูณกับการ ภาระงาน/ชนิ้ งาน สาระสาคญั บริหารจติ “เพราะการบรหิ ารจิตคือการระลึกรู้ในสงิ่ ทต่ี นเองกาลงั - บนั ทกึ การบริหารจิตเจรญิ ปัญญาใน ทาอยู่ ถ้านักเรียนไม่มสี ติฟังในส่ิงทเี่ พ่ือนพดู กจ็ ะท่องผดิ พลาด” ชีวิตประจาวนั สติ คอื ความระลึกรใู้ นสิ่งทก่ี าลงั กระทา ส่งผล ต่อมาบอกผเู้ รียนว่า “เราจะเรยี นเรอื่ งการบริหารจิตเจริญปญั ญา” ให้สิ่งต่าง ๆ ทก่ี ระทาเกดิ ความถกู ต้อง ไมผ่ ดิ พลาด ขนั้ สร้างองค์ความรู้ ขอบเขตเนื้อหา หนา้ ทขี่ องพระภิกษตุ ามหลักพระธรรมวนิ ยั 2. เขา้ ร่วมกิจกรรม พาใจกลับบ้าน คอื การนั่งสมาธติ ามดลู ม จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ หายใจ (อานาปานสติ) โดยให้นกั เรยี นเรม่ิ กิจกรรมดงั น้ี ด้านความรู้ 1. อธบิ ายวธิ ีปฏบิ ตั ิและประโยชนข์ องการบรหิ าร 1) สวดมนต์แปล จติ เจริญปัญญาได้ 2) นั่งสมาธโิ ดยการตามดลู มหายใจเข้า และลมหายใจออก ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ เปน็ เวลา 5 นาที 2. ปฏบิ ัตกิ ารบริหารจติ เจริญปญั ญาตามหลัก 3) แผ่เมตตา สติปฏั ฐาน 4 ท่ีเนน้ อานาปานสติ 3. ครูเขียนคาถามบนกระดาน ดังนี้ ด้านคุณลกั ษณะ 1) การนั่งสมาธิแบบอานาปานสตมิ ลี กั ษณะอย่างไร (เปน็ การ 3. เห็นคุณคา่ ของการบริหารจติ เจริญปญั ญาและ นั่งสมาธทิ ี่เนน้ การตามดูลมหายใจเข้า-ออก ฝึกจิตให้จดจอ่ กับลม นาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ หายใจ) 2) ประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากการบริหารจิตเจรญิ ปญั ญามีอะไรบ้าง (มี 1348

๑๔๙ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 เรอื่ ง หน้าทช่ี าวพุทธ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 26 เรอื่ ง การบรหิ ารจิตเจริญปญั ญา เวลา 1 ชั่วโมง กลุม่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ฯ รายวชิ าสังคมศกึ ษา ฯ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 สมาธมิ ากขึ้น ไม่หลงลืม) 3) นักเรยี นคดิ วา่ หากนักเรยี นน่ังสมาธิบ่อย ๆ จะเกิดความ เปลยี่ นแปลงต่อนักเรยี นหรือไมอ่ ย่างไร (เปล่ยี นแปลง ทาให้จดจอ่ กับว่ิงที่ทาไดม้ ากขึ้น เรียนได้เขา้ ใจข้ึน) 4. ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายเร่ืองการบริหารจิตเจริญ ปัญญาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้อย่างไร ผา่ นกิจกรรมการ เจริญสติในชวี ิตประจาวัน โดยใหน้ ักเรียนฝึกสตใิ นอริ ยิ าบถตา่ ง ๆ ในชีวิตประจาวันแลว้ ลองสารวจความเปลี่ยนแปลงท่ีเกดิ ขึน้ ในชีวิต ตนเอง เช่น อาบน้า แปรงฟัน ถสู บู่ ใส่รองเทา้ รบั ประทาน อาหาร เปน็ ต้น แลว้ บันทึกลงในสมดุ ขัน้ สรุปความคดิ รวบยอด 5. ครูกลา่ ววา่ “การบรหิ ารจติ เจรญิ ปัญญาคือการฝกึ สติใน รูปแบบหนง่ึ โดยสตินนั้ หมายถงึ อะไร (การระลึกรู้ในสง่ิ ที่กาลงั กระทา) หากนักเรียนมีสติจะเกิดผลดอี ยา่ งไร” (สง่ ผลให้ส่ิงตา่ ง ๆ ที่ กระทาเกดิ ความถูกตอ้ งไม่ผิดพลาด) 1349

150 1540 การวัดและประเมนิ ผล วิธกี าร เคร่ืองมือท่ีใช้ เกณฑ์ สง่ิ ที่ต้องการวดั /ประเมนิ ตอบ คาถาม นักเรนยีกั นเรทยี ้งันหทมง้ั ดหรม้อดยละ คาถาม 8ร0อ้ ยตลอะบ๘คา๐ถตามอบไดค้ถ�ำ กูถตาม้อง ด้านความรู้ สงั เกต แบบสงั เกต 1. อธิบายวิธปี ฏิบตั แิ ละประโยชน์ของการ พฤติกรรม พฤติกรรม ไดถ้ กู มตีเอ้หงตมผุ เี หลตผุ ล กบารรหิ บารหิจาติ รเจรติ ญิ เจปรญัิ ญปัญาไหดา้ ได้ คาถาม นกั เนรยีกั นเรทยี ัง้นหทมง้ั หดมร้อดยละ ด้านทกั ษะและกระบวนการ ตอบ 80รปอ้ ยฏลบิ ะตั กิ๘า๐รบปรฏหิ บิ าตั ริ จิต ด้านทกั ษะ/กระบวนการ คาถาม กเจารบิญรปหิ ัญารญจาติ ตเจารมญิ หปลญักสญตาิ 1. ปฏบิ ตั ิการบริหารจติ เจริญปญั ญาตาม ปตัฏามฐหานลกั 4สตทปิ ่ีเฎนั ฐ้นาอนาน๔า หลกั สติปัฏฐาน 4 ที่เนน้ อานาปานสติ ทเ่ี นน้ ปอานาสปตาิไนดส้ ตไิ ด้ นักเนรียกั นเรทยี ั้งนหทมง้ั หดมร้อดยละ ดา้ นคุณลกั ษณะ 8ร0อ้ ยตลอะบ๘ค๐าถตาอมบไดค้ถ�ำ ูกถตาม้อง 1. เหน็ คุณค่าของการบรหิ ารจิตเจรญิ ปญั ญา และนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้ ไดถ้ กู มตเี อ้หงตมุผเี หลตผุ ล 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชื่อ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที.่ .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................)

๑๕๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 27 เร่ือง วันสาคัญทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง หน้าทชี่ าวพุทธ เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ตวั ชวี้ ัด กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ ส 1.2 ม.3/5 อธบิ ายประวตั ิวันสาคัญทาง ขัน้ นาเข้าสบู่ ทเรียน - ใบงานเร่ืองวันสาคญั ทาง พระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย ศาสนาตามที่กาหนดและปฏิบตั ไิ ดถ้ ูกตอ้ ง 1. ครตู ้ังประเดน็ อภปิ รายร่วมกบั นกั เรียน พร้อมทง้ั เขยี น สาระสาคญั คาตอบของนักเรียนบนกระดานดงั นี้ ภาระงาน/ชิ้นงาน - ใบงานเรือ่ งวนั สาคญั ทาง วันสาคญั ทางพุทธศาสนามีการแฝงหลกั ธรรม 1) ครตู ง้ั ประเดน็ อภิปรายรว่ มกบั นกั เรียนวา่ “วนั สาคัญทาง พระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย เพ่ืออบรมสง่ั สอนพุทธศาสนกิ ชนให้สามารถอยู่ พระพทุ ธศาสนาวันใดเปน็ วันที่สาคัญท่สี ุด เพราะเหตุใด” (วันวิ ร่วมกันอย่างสงบสุขในสงั คมได้ ส(วาันขวบสิ ชู าาขบเพชู ราาะเพอรงาคะ์กอางรคย์กเู นารสยโกเู นไดส้ปโกรไ้ะดกป้ ารศะรกบั ารศอรงบั ใหรอ้เปงน็ใหวเ้ันปส็นาคัญ ขอบเขตเน้ือหา ขวันองสโ�ำ ลคกัญ) ของโลก) - ประวตั วิ นั สาคญั ทางพระพุทธศาสนาใน 2) ครตู ้ังประเดน็ อภปิ รายร่วมกบั นกั เรียนว่า “ทราบหรือไมว่ ่า ประเทศไทย เชน่ วนั วสิ าขบูชา (วันสาคัญสากล) วนั วันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนาในรอบ 1 ปีนอกจากวันวิสาขบูชา ธรรมสวนะและเทศกาลสาคัญ แล้วมวี ันใดอกี บ้าง” (วันมาฆบูชา วนั อาสาฬหบชู า วนั อฏั ฐมบี ูชา วนั เข้าพรรษา วนั ออกพรรษา วันธรรมสวนะ) - หลกั ปฏิบตั ิตน การฟังธรรมเทศนา การแตง่ ขั้นสรา้ งองค์ความรู้ กายประกอบศาสนพิธที วี่ ัด การงดเวน้ อบายมุข 2. ครแู บง่ นกั เรียนออกเป็น กลุ่มกล่มุ ละ 3 คน(กลุ่มบา้ น) - การประพฤติปฏบิ ตั ใิ นวันธรรมสวนะและ ต่อมาใหส้ มาชกิ ในกลมุ่ นับหมายเลข 1 2 3 ใหส้ มาชกิ กลมุ่ ที่มี เทศกาลสาคญั หมายเลขเหมือนกันแยกเขา้ กลุ่มยอ่ ย (กลมุ่ ผูเ้ ชย่ี วชาญ) เพื่อ จุดประสงค์การเรียนรู้ ทาการศึกษา เรื่อง วนั มาฆบชู า วนั วสิ าขบูชา และวนั อาสาฬหบูชา ๑ดดจดุา้า้. นนปบคครอะววกสาาปมมงรครระก์ูู้้วาตั รวิ เันรสีย�ำนครัญู้ ทางพระพทุ ธศาสนาได้ เป็นเวลา 10 นาที โดยมรี ายละเอยี ด ดังน้ี 1. บอกประวัติวันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนาได้ หมายเลข 1 ศึกษาเรือ่ ง วันมาฆบูชา หมายเลข 2 ศึกษาเรือ่ ง วนั วิสาขบชู า 1541

๑๕๒ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 27 เรอ่ื ง วันสาคญั ทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เวลา 1 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 เร่ือง หนา้ ที่ชาวพุทธ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ฯ รายวชิ าสังคมศึกษา ฯ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ด้านทกั ษะและกระบวนการ หมายเลข 3 ศกึ ษาเรื่อง วันอาสาฬหบชู า 2. วเิ คราะหก์ ารปฏิบัติตนในวนั สาคัญทาง 3. เมอ่ื ครบตามเวลาที่กาหนดให้แตล่ ะคนแยกย้ายกลบั กลมุ่ พระพทุ ธศาสนาได้ บา้ นของตนเองเพ่ือนาความรู้ทีต่ นได้ศึกษาไปถา่ ยทอดให้สมาชกิ ดา้ นคุณลกั ษณะ กลมุ่ บา้ นของตนเองไดเ้ ขา้ ใจ จากนั้นแต่ละกลุ่มช่วยกนั ทาใบงาน 3. เห็นประโยชน์ของการปฏิบัตติ นอย่างเหมาะสม เร่อื ง วันสาคญั ทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทยโดยใหเ้ วลาใน ในวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา การทา 10 นาทีและเมื่อครบตามเวลาทก่ี าหนดแล้วให้แตล่ ะกลมุ่ นาใบงานมาส่งทค่ี รู 4. ครูส่มุ นักเรียน 4-5 คนออกมาหน้าชน้ั เรยี น เพ่อื ให้บอก แนวทางปฏบิ ัติของตนเองทจ่ี ะปฏบิ ตั ิในวันสาคัญทาง พระพุทธศาสนา จากน้นั ผ้เู รยี นร่วมกันสรุปถงึ สงิ่ ท่รี ับจากการเรียน ขน้ั สรุปความคดิ รวบยอด 5. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสนทนาในประเดน็ ดงั ต่อไปนี้ 1๑) นักเรยีนนักโเอรยีกนาสโอพกิเศาสษพใดเิ ศบษา้ ใงดทบ่นี ้ากั งเทรยี่นนักคเรวียรนเขคา้ ววรัดเขเพ้า่ือวดั เพอ่ื ปฏิบตั ิหนา้ ที่ของพุทธศาสนกิ ชน” (วนั ท่เี ปน็ วันสาคัญทาง พระพุทธศาสนา) 2) นักเรยี นคิดว่าการเข้าวัดเพ่ือปฏบิ ตั ธิ รรมในวันสาคัญทาง พระพุทธศาสนาก่อใหเ้ กดิ ประโยชนอ์ ย่างไรต่อตนเองและสังคม (วนั สาคัญทางพุทธศาสนามกี ารแฝงหลักธรรมเพ่ืออบรมส่งั สอน พทุ ธศาสนกิ ชนให้สามารถอยู่รว่ มกันอยา่ งสงบสุขในสังคมได้) 1542

153 1543 การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครอื่ งมือทใี่ ช้ เกณฑ์ ส่ิงทีต่ ้องการวดั /ประเมิน ตอบคาถาม ใบงาน นกั นเกัรียเรนยี ทนั้งทหง้ั หมดมรด้อย ตอบคาถาม ใบงาน รอ้ ลยะละ80๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ด้านความรู้ ตอบคาถาม คาถาม ไดถ้ ูกตอ้ งมเี หหตตผุ ุผลล 1. บอกประวัติวันสาคัญทาง นกั นเรกั ยีเรนยี ทนงั้ทหง้ั มหดมรด้อย พระพทุ ธศาสนาได้ รอ้ ลยะละ80๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ด้านทักษะ/กระบวนการ ไดถ้ ูกตอ้ งมเี หตผุ ผุ ลล 1. วิเคราะหก์ ารปฏบิ ัตติ นในวันสาคญั นักนเรกั ยีเรนยี ทนง้ัทหง้ั มหดมรด้อย ทางพระพุทธศาสนาได้ รอ้ ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ดา้ นคณุ ลักษณะ ไดถ้ ูกตอ้ งมเี หตผุผลล 1. เห็นคณุ ค่าของการปฏบิ ัตติ นอยา่ ง เหมาะสมในวนั สาคญั ทาง พระพุทธศาสนา 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท.ี่ .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................)

154 1544 ชอ่ื .................................................นามสกลุ .......................................ชน้ั ...................เลขท่.ี .............. ใบงาน เรือ่ ง วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย วนั สาคัญ ตรงกับ เหตกุ ารณส์ าคญั หลกั ธรรมที่เก่ียวข้อง การปฏบิ ตั ติ น วันมาฆบูชา วันวสิ าขบูชา วันอาสาฬหบูชา

155 1545 เฉลยใบงาน ใบงาน เรอ่ื ง วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาในประเทศไทย วนั สาคัญ ตรงกบั เหตุการณ์สาคญั หลกั ธรรมทเ่ี กี่ยวข้อง การปฏบิ ตั ติ น วนั มาฆบูชา ขน้ึ 15 ค่า ๑1. พระสงฆ์จำ�านวน โอวาทปาฏโิ มกข์ 1) ทาบุญตักบาตรแลว้ วนั วสิ าขบูชา เดอื น 3 ๑1,๒2๕5๐0 รูป มาประชุม 1. การไม่ทาบาปทัง้ ปวง กรวดนา้ แผส่ ่วนบุญให้ ขึ้น 15 ค่า พรอ้ มกันโดยมไิ ดน้ นดั ัดหมาย ๒2. กกาารรททำ�ากกศุ ศุ ลลใใหหถ้ ้ถึงึงพร้อม แกผ่ ู้ลว่ งลบั เดอื น 6 ๒ห.มพายระสงฆท์ ั้งหมดเป็น ๓พ.รกอ้ ามรท�ำ จติ ให้ผอ่ งใส 2) ฟังธรรมเทศนาท่วี ัด โพผ๓2พ3ไ6ดดู้ไร.ร..ดยพพ้ระะพตบัร้อรรอรบัรกะะรระงกหสสาหสจรางงนั ันงาอรฆฆตฆกตอปุ์ท์ทผ์์ทพ์ผุปส้ัั้งงไู้ ้ังู้ไรดหหสมดหะอ้มมมบ้อมพภบดดทภดทุญิทเเญิเปปธปญเนน็็ญจน็ าผ้าา๖ู้ 3. การทาจติ ใหผ้ อ่ งใส หรอื ทางวิทยุโทรทัศน์ 3) รกั ษาศีล 5 หรือศีล 8 เว้นจากการทาบาป ทาแตค่ วามดี ทาใจให้ บรสิ ทุ ธ์ิ โดยตรงจาก 4) แผเ่ มตตาใหแ้ ก่สัตว์ พระพทุ ธเจา้ 5) นาดอกไม้ ธูปเทยี น ไปเวยี นเทยี นท่ีวัดเปน็ พทุ ธบชู า 1. เพระพทุ ธเจา้ ประสูติ 1. ความกตญั ญู 1) ทาบญุ ตกั บาตรแลว้ โดยประสตู ิทีป่ ่าลุมพนิ วี นั 2. อริยสัจ 4 กรวดนา้ แผส่ ว่ นบญุ ให้ ณ เขตแดนรอยต่อ 3. ความไมป่ ระมาท แกผลู้ ่วงลบั ระหวา่ งกรุงกบลิ พสั ดก์ุ ับ 2) ฟงั ธรรมเทศนาท่วี ัด กรุงเทวทหะของฝา่ ยพระ หรือทางวทิ ยุโทรทัศน์ ราชมารดา 3) รกั ษาศีล 5 หรอื ศีล 2. เจา้ ชายสิทธตั ถะ ออก 8 เวน้ จากการทาบาป ทรงผนวชได้ 6 ปี ทาแต่ความดี ทาใจให้ พระชนมายุ 35 พรรษา บรสิ ุทธิ์ ได้ตรสั รู้พระอนุตรสัมมา 4) แผ่เมตตาใหแ้ กส่ ัตว์ สัมโพธิญาณ 5) นาดอกไม้ ธปู เทียน เป็นอรหนั ตพระสมั มาสัม ไปเวียนเทียนท่ีวดั เป็น พทุ ธเจ้า พุทธบูชา ๓3. พระสอัมรหมนัาสตมัสพัมุทมาธเจา้ เสสมั ดพ็จทุ ดธบั เขจันา้ ธเปสดริน็จดพิ ับพขาันธ ปรนิ พิ พาน

156 1546 วนั สาคญั ตรงกบั เหตกุ ารณ์สาคญั หลกั ธรรมทีเ่ ก่ียวข้อง การปฏิบตั ติ น วันอาสาฬหบูชา ขนึ้ 15 คา่ เดือน 8 พสมระเดส็จัมพมราะสอมั รพหทุ นั ธตเจา้ 1) ทาบญุ ตักบาตรแล้ว สัมมาสัมพุทธเจา้ ไดแ้ สดง ธัมมจักกปั ปวัตตนสูตร กรวดน้าแผ่ส่วนบุญให้ พระปฐมเทศนา หรือการ แกผลู้ ว่ งลับ แสดงพระธรรมคร้ังแรก 2) ฟังธรรมเทศนาที่วัด หลงั จากทต่ี รสั รไู้ ด้ 2 หรือทางวทิ ยุโทรทัศน์ เดอื น เป็นวันทีเ่ ร่มิ 3) รักษาศีล 5 หรอื ศลี ประดษิ ฐาน 8 เวน้ จากการทาบาป พระพุทธศาสนา ทาแต่ความดี ทาใจให้ เนอ่ื งจากมีองคป์ ระกอบ บรสิ ทุ ธ์ิ ของ พระรตั นตรัย 4) แผเ่ มตตาให้แก่สัตว์ ครบถว้ นคือ พระพทุ ธ 5) นาดอกไม้ ธปู เทยี น พระธรรม และพระสงฆ์ ไปเวียนเทียนทวี่ ดั เป็น พทุ ธบชู า

๑๕๗ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 เรือ่ ง หน้าท่ีชาวพุทธ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 28 เรื่อง ทศิ 6 : ทศิ เบื้องขวา เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวชิ าสังคมศึกษา ฯ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ตวั ช้ีวัด กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ ส 1.2 ม.3/2 ปฏบิ ตั ติ นอย่างเหมาะสมตาม ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น - บทความเร่ืองสิงคาลมานพ หลักศาสนาตา่ งๆตามที่กาหนด 1. ครเู ลา่ เร่ืองสงิ คาลมานพให้นกั เรียนฟงั และสนทนา https://www.baanjomyut.com สาระสาคญั เชอ่ื มโยงขา้ สู่บทเรียนเร่ือง ทิศเบ้ืองขวาในหลกั ทิศ 6 ถา้ นักเรียนปฏิบัติตนเป็นชาวพุทธทด่ี กี ็จะทาให้ ข้นั สร้างองคค์ วามรู้ /pratripidok/buddhaprawat/111.h.httmmll พระพทุ ธศาสนาสามารถธารงอยู่ได้ต่อไป 2. ครแู บง่ กระดานเป็นสองส่วน สว่ นแรกเขยี นบนกระดานวา่ ขอบเขตเนือ้ หา หน้าท่ีของครูมีต่อศิษย์ ด้านที่สองเขียนถึงหน้าท่ีที่ศิษย์มตี ่อครู การเปน็ ศษิ ยท์ ี่ดี ตามหลักทศิ เบื้องขวาในทศิ 6 ต่อมาใหน้ ักเรยี นมาชว่ ยกนั เติมบนกระดาน และครชู ว่ ยเติมเต็ม ของพระพทุ ธศาสนา ในสว่ นทีข่ าดหาย - กระดาษเอส่ี ภาระงาน/ชน้ิ งาน จดุ ประสงค์การเรียนรู้ หนา้ ทขี่ องครตู ่อศิษย์ หนา้ ที่ของศษิ ย์ต่อครู - นทิ านเรือ่ งหน้าทข่ี องศิษยท์ มี่ ีตอ่ ครู ด้านความรู้ ๑. ฝึกฝนแนะนาให้เป็นคนดี ๑. ลกุ ตอ้ นรับแสดงความ 1. บอกหนา้ ทข่ี องการเปน็ ศิษย์ท่ีดีและครทู ี่ดตี าม ๒. สอนใหเ้ ข้าใจแจ่มแจง้ เคารพ หลกั ทิศ 6 ได้ ๓. สอนศิลปวทิ ยาให้สน้ิ เชิง ๒. เขา้ ไปหา ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ๔. ยกย่องใหป้ รากฏในหมเู่ พ่ือน ๓. ใฝใ่ จเรียน 2. ยกตัวอยา่ งการปฏิบตั ิตนเป็นศษิ ย์ท่ดี ีตามหลกั ๕. สรา้ งเครอ่ื งคุ้มกนั ภยั ในสารทิศ ๔. ปรนนบิ ตั ิ ทิศ 6 ได้ คือ สอนให้ศิษย์ปฏิบตั ิได้จรงิ นา ๕. เรยี นศลิ ปวทิ ยาโดย ดา้ นคณุ ลักษณะ วชิ าไปเลย้ี งชพี ทาการงานได้ เคารพ 3. ตระหนักในการปฏิบัตติ นเปน็ ศิษยท์ ่ีดตี ามหลัก ทิศ 6 3. ครใู ห้นักเรียนจับกลุม่ กลมุ่ ละ 4 คน พร้อมท้ังแจก 1547

๑๕๘ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอื่ ง หน้าท่ชี าวพุทธ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 28 เรือ่ ง ทิศ 6 : ทิศเบ้อื งขวา เวลา 1 ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 กระดาษเอส่ีกลุ่มละ 1 แผน่ ต่อมาใหน้ ักเรียนแต่งนิทานที่แสดงให้ เห็นถึง หน้าที่ของศิษย์มีต่อครูลงในกระดาษ เอสี่ พร้อมตกแตง่ ให้ สวยงาม 4. ครสู มุ่ นักเรียนบางกลุ่มออกมาเลา่ ให้เพ่ือนฟังหน้าห้อง พร้อม ท้ังใหส้ มาชิกในห้องร่วมกันเติมเตม็ ในส่วนที่ขาดหาย 5. ครถู ามนักเรยี นว่า นักเรยี นคดิ ว่าการปฏบิ ัติตนเป็นศษิ ยท์ ี่ดี ตามหลักทิศ 6 เปน็ สง่ิ ที่ควรทาหรือไม่ (ควรทำ) หากเราปฏิบตั ติ น เปน็ ศิษยด์ ตี ามหลกั ทิศ 6 แลว้ จะเกิดผลอย่างไร (เปน็ ท่รี ักของครู อำจำรย์ มีควำมรู้ เข้ำใจในบทเรยี น) ขน้ั สรุปความคิดรวบยอด 6. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รายในประเด็นของการปฏิบตั ิ ตนเปน็ ชาวพุทธที่ดี ตามหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนาจะเกิดผล อยา่ งไร (มคี วำมสุขในกำรดำเนินชีวติ และช่วยให้พระพุทธศำสนำ ดำรงตอ่ ไป) 1548

159 1549 การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เคร่ืองมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ สิง่ ทตี่ ้องการวดั /ประเมนิ ตอบคาถาม คาถาม นกั นเรกั ยีเรนยี ทนัง้ทหง้ั มหดมรด้อย ประเมนิ ชน้ิ งาน รอ้ ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ดา้ นความรู้ แบบประเมิน ไไดด้ถูกต้องมเี หตผุ ล 1. บอกหน้าทข่ี องการเปน็ ศิษย์ทด่ี ีและ นิทาน ชน้ิ งาน นกั นเรกั ียเรนยี ทนง้ัทหง้ั มหดมรด้อย ครูทด่ี ตี ามหลักทศิ 6 ได้ ตอบคาถาม รอ้ ลยะล8ะ0๘๐สรสา้ รงา้นงิทนาทิ นาน ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ไไดด้ถูกต้อง เหมาะสม 1. ยกตัวอย่างปฏิบตั ิตนเป็นศิษย์ท่ีดี ตามหลกั ทิศ 6 คาถาม นกั นเรกั ียเรนยี ทนัง้ทหง้ั มหดมรด้อย รอ้ ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ด้านคณุ ลักษณะ ไไดดถ้ ูกตอ้ งมเี หตผุ ล 1. ตระหนักในการปฏบิ ตั ติ นเปน็ ศษิ ยท์ ี่ดี ตามหลักทิศ 6 8. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................................... ...... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชอื่ ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ....................................................................................................... .................................................................... ลงช่ือ ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................)

๑๖๐ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 29 สมั มนาพระพทุ ธศาสนาและหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง หนา้ ทชี่ าวพุทธ เวลา 1 ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษา ฯ รายวชิ าสังคมศกึ ษา ฯ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ตัวชี้วดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ ส 1.1 ส.3/3 อภิปรายความสาคัญของ ข้นั นาเข้าสบู่ ทเรียน - คลิปวีดีโอเศรษฐกิจพอเพยี ง พระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือกับปรชั ญา 1. ครใู หน้ กั เรยี นรว่ มกันดูและสังเกตดูคลปิ วดี โี อเก่ียวกับการ (https://www.youtube.com ของเศรษฐกจิ พอเพยี งและการพฒั นาทยี่ ั่งยนื แกนาระแนนาะเศนร�ำ ษเศฐรกษจิ ฐพกอจิ เพอยี เงพโยี ดวยโคดรยอู คธริบอู าธยบิ เนายน้ เในหน้ ้นใักหเน้ รกัยี เนรสยี งันเสกงัตเกวา่ตวา่ /watch?v=7BmLyQhbtjs) สาระสาคัญ เห็นอะไรบ้างจากส่งิ ทีด่ ู https://www.youtube.com/watch?v=7BmLyQhbtjs หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนามคี วาม สอดคลอ้ งกับหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวนั เพอื่ ให้ เกิดสงั คมท่ีสงบสขุ ภาระงาน/ชน้ิ งาน ขอบเขตเน้ือหา - วเิ คราะห์ข่าวเพ่ือแกป้ ัญหาโดยใช้ สัมมนาพระพทุ ธศาสนากับปรชั ญาของเศรษฐกิจ หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาหรือ พอเพียงและการพฒั นาอยา่ งย่ังยืน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ดา้ นความรู้ 1. บอกความหมายของหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงได้ 2. ครูสมุ่ เรียกนกั เรยี นจานวน 4 – 5 คนใหต้ อบคาถามวา่ ด้านทกั ษะและกระบวนการ “นักเรยี นได้เห็นอะไรบา้ งจากคลปิ วดี โี อ” จากนน้ั ครเู ขยี นคาตอบ 2๑. ปฏิบตั ติ ามข้ันตอนการสัมมนาได้ ของนักเรยี นขน้ึ บนกระดาน (การประหยดั การทาตามหน้าที่ ความมนี าใจ ความเสยี สละ การช่วยเหลอื กันและกนั ) 1560

๑๖๑ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 29 สมั มนาพระพุทธศาสนาและหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 เรื่อง หน้าที่ชาวพุทธ เวลา 1 ชวั่ โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ด้านคณุ ลักษณะ ขนั้ สรา้ งองค์ความรู้ 3. เห็นความสาคญั ของการนาหลกั ธรรมทาง 3. ครูเช่อื มโยงความรู้จากคาตอบของนกั เรยี นสูค่ วามรู้เร่ือง พระพุทธศาสนา และหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน พระพทุ ธศาสนากบั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยครเู ขยี นคาว่า เศรษฐกจิ พอเพียง ข้ึนบนกระดาน 4. ครแู บ่งกลมุ่ นกั เรียนออกเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน ตอ่ มาให้ นกั เรยี นแตก่ ลุม่ ร่วมกนั ระดมสมองบอกความหมายของคาว่า “เศรษฐกจิ พอเพยี ง” จากพ้นื ฐานประสบการณเ์ ดมิ จากน้ันให้ นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนกลมุ่ ละ 1 คน ออกมาเขยี น ความหมายของคาวา่ เศรษฐกิจพอเพยี งท่ีได้จากการระดมสมองกลุม่ 5. ครูตรวจความถกู ตอ้ งของคาตอบบนกระดานโดยขีดเส้นใต้ คาสาคัญของคาตอบบนกระดาน และให้ นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความหมายของคาว่า“เศรษฐกิจพอเพียง”อกี ครั้งพร้อมท้ังอธิบาย เพ่มิ เติมให้สมบูรณ์ (เศรษฐกิจพอเพียง หมายถงึ เศรษฐกิจท่ี สามารถอุ้มชตู ัวเองไดใ้ ห้มีความพอเพยี งกบั ตนเอง อยู่ได้โดยไม่ต้อง เดอื ดร้อนโดยต้องสรา้ งพนื ฐานทางเศรษฐกิจของตนเองให้ดี เสยี ก่อน) และมีความสอดคลอ้ งกบั การพฒั นาอย่างยัง่ ยืน ( การพัฒนาทีม่ ุ่งให้เกดิ ความสมดุลในด้านเศรษฐกจิ สงั คมและ สงิ่ แวดล้อม โดยมีเง่ือนไขว่าไมเ่ กดิ ปัญหาตามมาในอนาคตอกี ) 6. ครใู ห้สมาชิกในกล่มุ ชว่ ยกันเลอื กข่าวหรอื เหตุการณ์ที่ 1561

๑๖๒ ๑๖๒ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 29 สัมมนาพระพทุ ธศาสนาและหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรื่อง หนา้ แทผี่ชนากวาพรุทจธัดการเรียนรทู้ ่ี 29 สมั มนาพระพทุ ธศาสนาและหลักปรชั ญาของเศรเษวฐลกาิจพ1อเชพัว่ ยี โงมง หกลน่มุวสยากราะรกเราียรนเรรยี ทู้ นี่ ร3ู้ สเงั รค่ือมงศหึกนษา้ าทฯี่ชาวพุทธ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ชเวนั้ ลมาธั ย1มศชึก่ัวษโามปงที ี่ 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ฯ สาคัญ๖แ. ลคะรนใูหรา่ าส้ ยนมวาใจิชชกิาซสใึ่งนังเปกคล็นม่มุปศชึกัญ่วษหยาากทนัฯ่ีเเกลิดือขกึ้นขอ่านัวหเนรื่องเหมตาจกุ ากรกณาท์ ร ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ดสาคเนัญนิ แชลวี ะติ นทา่ ี่ไสมนร่ ูจ้ใจกั พซอ่ึงเเปพ็นียปงัญตงั้หชาื่อทห่เี กัวิดขข้อึ้นเรอ่ือนั งเทนี่จื่อะงสมัมามจนากากแาลระ กเดสานรเนอดนิห�ำ เชัวนวีขนิ ิตอ้ ชทเรีว่ีไ่ือิตมงทร่ ดูจ้่ไี งัมกั กร่พลูจ้ อ่ากั เวพใหอียงเค้ พรตียูพง้ั งชิจตาือ่ รั้งหณชัวื่อขาหเ้อพวัเร่ือขื่อไอ้ มงเทร่ใหือ่ ีจ่ งห้ะทวัส่สีขมั มัอ้มมเนรนา่ือางแซแล้าละกะับ กเสลนุม่ ออหน่ื วั ขอ้ เร่ืองดังกล่าวใหค้ รูพจิ ารณาเพ่อื ไม่ใหห้ วั ข้อเรื่องซ้ากบั กลุ่มอ7นื่ . หลงั จากหัวข้อเรื่องผ่านการพจิ ารณาเหน็ ชอบของครูแล้ว ให้สม7า.ชหกิ ใลนงั กจลากุม่ หรว่ั มขวอ้ ิเคร่ืรอางะผห่านข์ ก่าวาหรพรอืิจเาหรตณกุ าาเรหณ็นน์ชอ้ันบตขามอปงครระูแเดลน็้ว ใตหา่ ้สงมๆาชไดิกแ้ในกก่ ลุ่มร่วมวเิ คราะหข์ า่ วหรือเหตุการณน์ ้นั ตามประเด็น ต่าง1ๆ) ไปดัญแ้ กห่าในข่าวหรือเหตุการณน์ นั้ มสี าเหตุทแ่ี ท้จรงิ เกิดจาก อะไร1) ปญั หาในข่าวหรือเหตกุ ารณน์ น้ั มีสาเหตุท่แี ท้จริงเกิดจากอะไร อะไร2) ปัญหานน้ั มีผลกระทบต่อสิง่ ใดบ้าง 23) หปลญั ักหธารนร้ันมมทผีาลงพกระพทุบทตธศ่อาสสง่ิ นใดาบจา้ะงสามารถแก้ไขปัญหานน้ั ได้ หรือ3ไม)่ หโดลยักใธชรห้ รลมกัทธารงรพมรขะ้อพใุทดธแศลาะสจนะาแจกะไ้ ขสอามยา่ รงถไรแก้ไขปญั หาน้นั ได้ หรอื 8ไม.่ โผดู้สยอใชน้หชลแ้ี ักจธงใรหรผ้ม้เูขร้อยี ในดแแตล่ละะจกะลแุม่กทไ้ ขรอายบ่าถงึงไกรติกา วิธีการ และ เวลา8ใน. กผา้สูรอนนาเชสี้แนจองผใหล้ผงาเู้ รนียกนาแรตสล่ัมะมกนลา่มุ โทดรยาใบหถ้เวึงลกาตกิกลามุ่ วลธิ ะกี 5ารนแาลทะี เพวลื่อานใกนลกมุ่ารอนื่นาๆเสนซักอถผาลมงาแนลกะาวรพิ สาัมกมษนว์ าิจาโรดณยใ์ผหลเ้ งวาลนาก2ลมุ่นลาะที 5 นาที โเพดย่ือปนฏกลบิ มุ่ัตอิตื่นามๆกตซกิั าถดาังมนแี้ ละวพิ ากษ์วจิ ารณผ์ ลงาน 2 นาที โดยปกฏลุ่มบิ ทตั ิต่ี 1ามเปกต็นิกผาูน้ ดางัเสนนี้ อ กล่มุ ท่ี 2 เป็นผวู้ ิพากษ์วิจารณ์ กลุม่ ท่ี 12 เป็นผู้นาเสนอ กลุ่มท่ี 32 เป็นผวู้ ิพากษว์ ิจารณ์ กลุ่มที่ 32 เปน็ ผูน้ าเสนอ กล่มุ ท่ี 34 เปน็ ผูว้ ิพากษว์ ิจารณ์ กลุม่ ที่ 34 เปน็ ผ้นู าเสนอ กลกุ่มลทมุ่ ่ีท4่ี 1เปเ็นปผ็นวู้ผิพวู้ าพิ กาษก์วษิจ์วาิจราณรณ์ ์ กลุ่มที่ 4 เปน็ ผูน้ าเสนอ กลมุ่ ที่ 1 เปน็ ผู้วพิ ากษว์ จิ ารณ์ 1156622162

๑๖๓ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 29 สมั มนาพระพทุ ธศาสนาและหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง หนา้ ท่ชี าวพุทธ เวลา 1 ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 เมอื่ นาเสนอครบทุกกลมุ่ ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ ความสาคัญ ของการนาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และหลักปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งไปใช้ในชวี ิตประจาวนั โดยครเู ขียนคาตอบของ นักเรียนบนกระดาน (ชว่ ยให้ดารงชีวติ ไดอ้ ย่างมคี วามสุข สงั คม สงั บคมสสขุ ง)บสุข) ขนั้ สรุปความคดิ รวบยอด 9. ครแู ละนักเรยี นอภิปรายร่วมกันวา่ “หลักธรรมทาง พระพุทธศาสนากับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มีความ สอดคลอ้ งกันหรือไม่ (สอดคล้อง) หหาากกนน�ำ าไนปาปไรปะปยรุกะตยใ์ กุชตใ้ น์ใช้ใน ชวี ติ ประจาวันจะเกิดผลอยา่ งไร” (เกดิ สังคมท่ีสงบสุข) 1563

164 1564 การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการ เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ เกณฑ์ ส่งิ ท่ตี ้องการวัด/ประเมนิ ตอบคาถาม คาถาม นักนเรกั ียเรนยี ทนงั้ทหง้ั มหดมรด้อย สงั เกตพฤตกิ รรม รอ้ ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ดา้ นความรู้ แบบสังเกต ไไดดถ้ ูกต้องมเี หตผุ ล 1. บอกความหมายของหลักปรัชญา พฤติกรรม นักนเรกั ียเรนยี ทนง้ัทหง้ั มหดมรด้อย เศรษฐกิจพอเพียงได้ คาถาม รอ้ ลยะล8ะ0๘๐ปฏปบิฏัตบิ ิตั าติ มาม ด้านทักษะ/กระบวนการ ขข้นั น้ั ตตออนนกกาารรสสมั มั มมนาา 1. ปฏิบตั ติ ามขนั้ ตอนการสมั มนาได้ ด้านคณุ ลกั ษณะ ไดถ้ กู ตอ้ ง นกั นเรกั ียเรนยี ทนง้ัทหง้ั มหดมรด้อย ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ตอบคาถาม รอ้ ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม 1. เหน็ ความสาคัญของการนาหลกั ธรรม ไไดด้ถูกตอ้ งมเี หตผุ ล ทางพระพุทธศาสนา และหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ใน ชีวิตประจาวัน 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชอื่ ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วนั ท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรือผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ....................................................................................................... .................................................................... ลงชือ่ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................)

๑๖๕ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 30 เรื่อง พัฒนาชีวิตดว้ ยวธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง หนา้ ทีช่ าวพุทธ เวลา 1 ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ตัวช้ีวดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ ส 1.1 ม. 3/8 เห็นคุณค่าของการพัฒนา ข้นั นาเขา้ สู่บทเรยี น - Power point เรื่องวิธีคิดแบบโยนิโส จติ เพื่อการเรียนร้แู ละดาเนนิ ชีวติ ดว้ ยวธิ ีคิด 1. ครวู าดรูปตน้ ไม้ 1 ตน้ บนกระดาน พร้อมตั้งประเด็น มโยนนสิโกิสามรนสกิ าร แบบโยนโิ สมนสกิ าร คือวิธคี ิดแบบอรยิ สจั และ ใหน้ กั เรียนรว่ มกันอภิปราย ดงั น้ี วธิ ีคิดแบบสบื สาวเหตุปัจจัย หรอื พัฒนาจิต 1) ตน้ ไมเ้ กดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร ( คนนำมำปลูก นกข้ี ภาระงาน/ช้นิ งาน ตามแนวทางทศ่ี าสนาตนนับถือ ลมพัดผลมำ ผลตกใต้ต้นไม้) - การคิดแกส้ ถานการณโ์ ดยวิธคี ิดแบบ สาระสาคัญ 2) ต้นไมส้ ามารถแกป้ ญั หาอะไรในชีวติ ประจาวันไดบ้ า้ ง อรยิ สจั หรอื แบบสบื สาวเหตปุ ัจจยั วธิ คี ิดแบบอรยิ สัจเปน็ การคดิ เพือ่ แก้ปญั หามีสี่ (แกป้ ญั หำร้อนให้รม่ เงำ แกป้ ัญหำหน้ำดินพงั ) ข้ึนตอน คือทุกข์ สมุทยั นโิ รธ มรรค วธิ ีคดิ ครสู นทนาเพ่ือเชือ่ มโยงเขา้ สู่บทเรียนว่า “น่คี ือวิธีคดิ แบบ แบบสบื สาวเหตุปัจจยั คอื การคดิ เพ่ือค้นหา สาเหตุทแ่ี ทจ้ ริง โยนโิ สมนสิกา คาถามท่ี 1 สอ่ื ใหเ้ ห็นถงึ วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุ ขอบเขตเนอื้ หา ปจั จัย คาถามที่ 2 ส่อื ให้เห็นถึงวธิ ีการคดิ แบบอรยิ สัจ” ข้นั สรา้ งองคค์ วามรู้ พัฒนาการเรยี นรู้ด้วยวธิ คี ิดแบบโยนิโส 1. ครนู าเสนอสื่อ Power point เร่อื งวิธคี ิดแบบโยนิโส โมยนนสิโกิสามรนสิกไลาดร์ทสี่ ไ2ลดแท์ ล่ี ๒ะรแ่วลมะกรับว่ อมภกปิ ับรอาภยปิกรับายนกั ับเรยีนนกั เใรนยี น ใน มนสิการ 2 วิธคี อื วิธคี ดิ แบบอริยสัจ และวิธี ประเดน็ วิธคี ิดแบบอริยสจั วธิ ีคดิ แบบสืบสาวเหตุปัจจยั คดิ แบบสบื สาวเหตปุ ัจจยั 2. ครูนาเสนอสื่อ Power point เรื่องวธิ ีคดิ แบบโยนโิ ส- จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ โมยนนสโิ สิกมารนสกิ ไลารด์ทส่ีไ3ลด-4ท์ ่ี ๓เพ-๔อื่ นเพาอ่ืเสนน�ำ อเสสนถอาสนถกาานรกณา์รณพร์ พ้อรมอ้ ทมั้งทใหง้ั ใ้ ห้ ดา้ นความรู้ นักเรียนรว่ มกันวเิ คราะหห์ าคำ�าตอบโดยใชว้ ิธคี ิดแบบโยนิโส- 1. อธิบายวิธคี ิดแบบอริยสจั และสบื สาวเหตุ โมยนนสโิ กิสามรนสตกิามารสถตาานมกสาถราณน์ดกังานรณ้ี ด์ ังนี้ ปัจจยั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง สถานการณ์ท่ี 1 (วธิ ีคิดแบบอรยิ สจั ) นอ้ งแวว เปน็ 1565

๑๖๖ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 30 เรื่อง พฒั นาชีวติ ด้วยวิธีคดิ แบบโยนโิ สมนสกิ าร หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เร่อื ง หนา้ ทีช่ าวพุทธ เวลา 1 ช่วั โมง กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ นกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 ทเี่ รยี นเกง่ มาตั้งแตเ่ ด็ก แวว คาดหวังมากวา่ ส้นิ ปีการศึกษานี้ แววจะตอ้ งสอบไดท้ ่ี 1 แต่การ 2๒. นาำ�กระบวกนการคดิ โดยใช้วถิธีคิดแบบอรยิ สัจ สกอารบสกอลบากงปลาีคงรปงั้ คีนรี้ ง้ั แนว้ี แวพววลพาลดาไปดไป2 ๒วิชวาชิ หามหดมหดวหังวแงัมแต้ มิดต้ ดิ1ใ๑นใ5น ๕ และวิธคี ิดแบบสืบสาวเหตปุ จั จยั ไปใช้ใน แววเครยี ด อบั อาย ไม่อยากใหพ้ อ่ แมผ่ ิดหวัง มคี วามทกุ ข์แสน ชีวติ ประจาวันไดอ้ ยา่ งถูกต้อง สาหสั อยากฆา่ ตัวตายนักเรยี นจะแก้ปัญหาของนอ้ งแวว โดยใช้ ด้านคุณลกั ษณะ วิธคี ดิ แบบอริยสจั ได้อยา่ งไร 3. บอกคุณคา่ ของวธิ ีคิดแบบอรยิ สจั และวิธีคิด ทกุ ข์ : ปญั หา (อยำกฆ่ำตวั ตำย) แบบสบื สาวเหตุปจั จยั ไดอ้ ย่างถูกต้อง สมุทัย : สาเหตุของปัญหา (สอบไดล้ ำดบั ทีไ่ มด่ ี ไม่ได้ คะแนนดังทหี่ วัง) นิโรธ : จุดมงุ่ หมายทตี่ ้องการ ( ไมท่ ุกข์ ไม่เครียด อย่ใู น สังคมได้อย่ำงมคี วำมสุข) มรรค : วิธีแกป้ ญั หา (ทำใจยอมรบั ในสิ่งท่ีเกดิ ขนึ้ ตง้ั ใจใน กำรเรียน หมั่นทบทวนเนื้อหำที่ไม่เข้ำใจ) สถานการณ์ท่ี 2 (วิธีคดิ แบบสืบสาวเหตปุ จั จัย) ทองดีมี อาชพี เปน็ เกษตรกร ผู้ปลกู ทเุ รียน ทองดีใช้หลักเกษตรทฤษฎี ใหม่ในการทาการเกษตร ทาปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์ น้าหมักจาก พืชผลทางการเกษตรที่เหลือ หมนั่ รดน้า พรวนดนิ ใส่ปุ๋ย เมื่อ ถงึ ฤดทู ุเรยี นออกผล ปรากฏว่าทเุ รียนของทองดีมีคุณภาพท่ีดี ออกผลเปน็ จานวนมาก นกั เรียนคดิ ว่าเพราะเหตุใด ทุเรียนของ ทองดีจงึ มีคุณภาพและมจี านวนมาก (เนื่องจำกทองดี หมน่ั รดน้ำ 1566

๑๖๗ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 30 เรือ่ ง พัฒนาชีวติ ด้วยวธิ ีคิดแบบโยนโิ สมนสิการ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรื่อง หน้าทชี่ าวพุทธ เวลา 1 ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 พรวนดิน ใสป่ ยุ๋ โดยเลอื กใช้ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก) 3. ครนู าเสนอ Power point เรอื่ งวิธคี ดิ แบบโยนโิ ส มโยนนสโิ กิสามรนสกิไลาดรท์ สี่ไ5ลดเท์พ่ีอื ๕นเาพเสอ่ื นอ�ำ เสสถนาอนสกถาารนณกต์ารัวณอยต์ ่าวั งอยพง่ ร้อพมรอท้ มั้งทง้ั ให้นักเรยี นฝกึ คิดโดยวธิ คี ิดแบบโยนิโสมนสิการ โดยเลอื กวิธีคิด แบบใดแบบหน่ึงระหว่างวธิ คี ิดแบบอริยสจั หรอื วิธีสบื สาวเหตุ ปจั จยั สถานการณ์ ปทั มาและหัทยาเปน็ เพ่ือนห้อง 3/3 ท่สี นิทกัน มาก ปทั มาเปน็ นักเรยี นที่ได้คะแนนดมี าตลอด เพราะปัทมาตัง้ ใจ เรียนในห้องเรยี น หมนั่ บทวนบทเรยี น สว่ นหทั ยาเปน็ นักเรยี น ทไ่ี ดค้ ะแนนอย่ใู นระดับพอผ่าน หัทยา เพราะหัทยาไม่ต้งั ใจเรียน ในห้องเรยี น หทั ยาอยากพฒั นาตวั เองให้มีความรู้และคะแนนท่ี สูงข้ึน นักเรียนคดิ วา่ หัทยา สามารถเลือกใชว้ ธิ ีคดิ แบบอรยิ สัจ หรอื วิธคี ดิ แบบสบื สาวเหตปุ จั จยั มาใชเ้ พอื่ ชว่ ยในการพฒั นา ตนเองอยา่ งไร วิธคี ดิ แบบอริยสจั ทุกข์ : ปัญหา (เรียนได้คะแนนไมด่ )ี สมทุ ยั : สาเหตุของปญั หา (ไมต่ ้ังใจเรยี นในห้องเรียน) นโิ รธ : จดุ มงุ่ หมายท่ีต้องการ (ได้คะแนนดี มีควำมรู้มำกขน้ึ ) มรรค : วธิ ีแกป้ ัญหา (ต้งั ใจเรียน) วิธีคิดแบบสบื สาวเหตุปัจจยั 1567

๑๖๘ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 30 เรือ่ ง พัฒนาชีวิตดว้ ยวธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เร่อื ง หนา้ ทีช่ าวพุทธ เวลา 1 ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ทาไมหัทยาถึงเรียนไดค้ ะแนนไม่ดี (ไมต่ ั้งใจเรียนใน หอ้ งเรยี น ) ทาไมปัทมาถึงเรียนได้คะแนนดี (ต้ังใจเรียนในห้องเรียน หม่ันทบทวนบทเรียน) ข้นั สรปุ ความคดิ รวบยอด 1. ครแู บง่ กระดานเป็น 2 ฝง่ั ฝง่ั ซา้ ยเขียนคาว่าวิธคี ดิ แบบ อรยิ สัจ ฝัง่ ขวาเขียนคาว่าวธิ ีคดิ แบบสบื สาวเหตปุ จั จยั ตอ่ มาครู ส่มุ นกั เรียนออกจานวน 3 คน ออกมาเขยี นความเข้าใจท่ีมีต่อทั้ง สองคา จากคาตอบของนักเรียน ครรู ว่ มกับนกั เรยี นในห้อง อภปิ รายวิธีคดิ แบบอริยสจั และสืบสาวเหตุปจั จัย ( วธิ ีคิดแบบ อริยสจั เป็นกำรคิดเพ่ือแกป้ ญั หำมีสขี่ ้นึ ตอน คอื ทกุ ข์ สมุทัย นิโรธ มรรค, วธิ คี ิดแบบสืบสำวเหตปุ ัจจัย คือกำรคิดเพ่อื คน้ หำสำเหตทุ ี่ แทจ้ ริง) 2. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาในประเดน็ คณุ คา่ ของวิธี คิดแบบอริยสจั วธิ ีคิดแบบสืบสาวเหตปุ จั จยั (ช่วยในกำร แก้ปัญหำและเข้ำใจสง่ิ ต่ำง ๆ มำกข้นึ ) 1568

169 1569 การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครอ่ื งมือท่ีใช้ เกณฑ์ ส่ิงท่ีต้องการวัด/ประเมิน ตอบคาถาม คาถาม นักนเรกั ยี เรนยี ทน้ังทหง้ั มหดมรด้อย ตอบคาถาม รอ้ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ดา้ นความรู้ ตอบคาถาม ไไดดถ้ ถ้ ูกต้องมเี หตผุ ล 1. อธบิ ายวธิ คี ดิ แบบอรยิ สจั และสืบสาว เหตุปจั จัยไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง สถานการณ์ นกั นเรกั ยี เรนยี ทนัง้ ทหง้ั มหดมรด้อย ตวั อย่าง รอ้ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ด้านทักษะและกระบวนการ ๑1. นำ�ากระบวนกการคิดโดยใช้วธิถคี ดิ แบบ ไไดดถ้ ถ้ ูกต้องมเี หตผุ ล อรยิ สจั และวิธีคิดแบบสืบสาวเหตปุ จั จยั ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวัน ได้อยา่ งถูกต้อง คาถาม นกั นเรกั ียเรนยี ทน้ังทหง้ั มหดมรด้อย ด้านคุณลกั ษณะ รอ้ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม 1. บอกคุณค่าของวธิ ีคดิ แบบอริยสจั ไไดด้ถ้ ูกต้องมเี หตผุ ล และวธิ ีคดิ แบบสืบสาวเหตุปจั จัยไดอ้ ย่าง ถูกต้อง 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารหรอื ผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................)

๑๗๐ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอื่ ง หนา้ ท่ีชาวพุทธ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 31 เร่ือง ศาสนสัมพันธ์ เวลา 1 ชัว่ โมง กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 3 ตัวชวี้ ัด กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ ส 1.1 ม.3/10 วิเคราะห์ความแตกต่างและ ขัน้ นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น - วีดที ัศนเ์ สียงสนั ติภาพจากเยาวชน ยอมรบั วถิ กี ารดาเนนิ ชวี ติ ของศาสนิกชนในศาสนา 1. ครูนาเสนอวีดีิทัศน์เรื่อง “ฟังเสียงสันติภาพจากเยาวชน” (https://www.youtube.com/ อนื่ ๆ และถามนักเรียนว่า “จากคลิปวีดีโอ เยาวชนมาพูดถึงเร่ืองอะไร” watch?v=rGknWe6666bbRRgg)) สาระสาคัญ (สันติภาพ) “แล้วสิ่งใดที่จะช่วยกล่อมเกลาจิตใจมนุษย์เพื่อให้เกิด สันติภาพ”(ศาสนา) และสนทนาเชื่อโยงเข้าสู่บทเรียนเร่ืองศาสน ศาสนาทุกศาสนามีเป้าหมายทเ่ี หมือนกันคอื ศสามั สพนันสธมั ์ พนั ธ์ ให้ศาสนกิ ชนอยูร่ ว่ มกนั อย่างมีความสุข เพราะทุก (https://www.youtube.com/watch?v=rGknWe666bbRRgg)) ศาสนาสอนใหศ้ าสนกิ ชนทาแตค่ วามดี มีความรัก ความเมตตาต่อกัน ดงั นนั้ หากทกุ คนปฏบิ ัติตาม ภาระงาน/ชิน้ งาน หลกั ธรรมคาสอนของศาสนาที่ตนนบั ถือ ย่อมส่งผล - แสดงบทบาทสมมตุ วิ ีถีการดาเนิน ให้สมาชิกในสังคมก็จะอยรู่ ่วมกันอยา่ งสันติสุข ชีวติ ของศาสนกิ ชนในศาสนาตา่ ง ๆ ขอบเขตเนือ้ หา วธิ กี ารดาเนินชีวติ ของศาสนิกชนศาสนาอื่น ๆ ข้ันสรา้ งองค์ความรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม จานวน 5 กลุ่มโดยให้ ดา้ นความรู้ 1. บอกวิถีการดาเนินชีวติ ของศาสนกิ ชนศาสนา นักเรียนจับกลุ่มตามความสมัครใจ พร้อมท้ังแจกกระดาษเอส่ีให้ อน่ื ๆ ได้อย่างถกู ต้อง นักเรียนกลุ่มละ 1 แผ่นและดาเนินการศึกษาวิถีการดาเนินชีวิต ดา้ นทักษะและกระบวนการ ของศาสนกิ ชนของศาสนาต่าง ๆ ดงั น้ี ๑2. แสดงบทบาทสมมุติวีถีการดาเนนิ ชีวิตของ ศาสนาอน่ื ๆได้ 1760

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง หน้าทชี่ าวพุทธ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 31 เรอ่ื ง ศาสนสัมพันธ์ ๑๗๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ เวลา 1 ชว่ั โมง ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้านคณุ ลกั ษณะ กล่มุ ที่ 1 ศาสนิกชนของศาสนาพุทธ ๓กก3ดา.า้า.รรนดมดมคำ�ีทาีทเุณเศันนัศนลินินนคกัชชคตษวีีวตทิิติตณิทขี่ดข่ีดะอีใอใีนงนงศกศกาาาาสรสรยนนยอิกกิอมชชมรนนรับับใในคนควศศวาาาามสสมแนนแตาตากออกต่ืนน่ืตา่ๆๆา่ งงใในน กลมุ่ ที่ 2 ศาสนกิ ชนของศาสนาครสิ ต์ กลมุ่ ที่ 3 ศาสนกิ ชนศาสนาอสิ ลาม กลุม่ ที่ 4 ศาสนกิ ชนของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู กล่มุ ที่ 5 ศาสนิกชนของศาสนาซิกซ์ 3. ครตู ีตารางบนกระดาน ดงั น้ี ศาสนา วิถีการดาเนนิ ชีวิตของศาสนิกชน พุทธ คริสต์ อสิ ลาม พราหมณ์ – ฮินดู ซิกซ์ ต่อมาให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาแสดงบทบาทสมมุติวิธีการ ดาเนินชีวิตของศาสนิกชนของศาสนาต่าง ๆ และให้สมาชิกคนอื่น ในหอ้ งออกมาเขยี นวิธีการดาเนินชวี ิตของศาสนาน้ัน 4. เม่ือแสดงครบทุกศาสนาให้นักเรียนวิเคราะห์ความเหมือน และความแตกตา่ งของวถิ ชี วี ติ ศาสนิกชนแต่ละศาสนา 5. ครูต้งั ประเดน็ ให้นักเรยี นรว่ มกนั อภิปราย ดังน้ี - การท่ีศาสนิกชนของแต่ละศาสนามีวิถีชีวิตท่ีแตกต่างกัน สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้หรือไม่ (ได้ เพราะถึงแม้จ่ ะะมมวี ีวิถิถี ีการ 1761

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เร่อื ง หน้าทีช่ าวพุทธ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 31 เรอื่ ง ศาสนสมั พนั ธ์ ๑๗๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา ฯ เวลา 1 ชว่ั โมง ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 ดการเนดิน�ำ เชนีวนิ ิตชทวี ตี่ิแทตแ่ีกตก่าตงกา่ งันกนัแตแ่ทตุกท่ คกุ นคตน่าตงา่ ทงทา�สำ ส่ิงง่ิทที่ดด่ี ี ี ปฏิบัตถิ กู ตอ้องงตตาามม หลกั ศาสนาของตน ทาให้อยรู่ ่วมกันอย่างสงบสขุ ) ขัน้ สรุปความคิดรวบยอด 6. ครถู ามนักเรยี นวา่ “ศาสนาทุกศาสนามเี ปา้ หมายเดยี วกนั คืออะไร” (ตอ้ งการใหศ้ าสนิกชนมคี วามสขุ ) “ศาสนิกชนของ ศาสนาตา่ งๆต้องปฏิบตั ติ นเอยา่ งไรจึงจะมีความสุข” (ทาแต่ความดี มีความรกั มีความเมตตา) “หากทุกคนในโลกทาความดี ความรกั ความเมตตาต่อกนั แลว้ คนในสงั คมจะเป็นอยา่ งไร” (คนในสงั คมอยู่ รว่ มกนั อย่างสันตสิ ุข) 1762

173 1763 การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เครื่องมือที่ใช้ เกณฑ์ สิ่งทต่ี ้องการวัด/ประเมิน ตอบคาถาม คาถาม นกั นเรกั ยี เรนยี ทน้งั ทหง้ั มหดมรด้อย สงั เกตพฤตกิ รรม รอ้ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม ด้านความรู้ แบบสงั เกต ไไดดถ้ ้ ูกตอ้ งมเี หตผุ ล 1. บอกวถิ ีการดาเนินชวี ติ ของศาสนกิ ตอบคาถาม พฤติกรรม นักนเรกั ยีเรนยี ทนั้งทหง้ั มหดมรด้อย ชนศาสนาอ่ืนๆ ได้อยา่ งถูกต้อง รอ้ ลยะละ80๘๐แสแดสงดง ด้านทกั ษะ/กระบวนการ คาถาม บบททบาทสมมุตวิ ถิี กี าร 1. แสดงบทบาทสมมุติวถี ีการดาเนิน ชวี ิตของศาสนาอืน่ ๆได้ ดา�ำ เนินชวี ติ ของ ศาสนาอน่ื ๆได้ ดา้ นคุณลักษณะ นักนเรกั ียเรนยี ทนั้งทหง้ั มหดมรด้อย 1. มีทัศนคตทิ ่ีดีในการยอมรับความ รอ้ ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาม แตกต่างในการดาเนนิ ชวี ติ ของศาสนิก ได้ถูกตอ้ งมเี หตผุผลล ชนในศาสนาอน่ื ๆ 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ............. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................)

๑๗๔ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง หนา้ ท่ีชาวพุทธ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 32 เร่ือง การธารงรกั ษาพระพุทธศาสนา เวลา 1 ช่ัวโมง ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ฯ รายวิชาสังคมศกึ ษา ฯ ตัวช้วี ัด กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ ส 1.2 ม.3/7 นำเสนอแนวทำงในกำรธำรง ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรยี น - รปู ภำพชำวพุทธกำลังฟังเทศน,์ ชำวพุทธกำลงั ประกอบพิธกี รรมทำง รกั ษำศำสนำทตี่ นนบั ถือ 1.ครเู ขียนคำว่ำพระพุทธศำสนำบนกระดำน ต่อมำใหน้ ักเรยี น ศำสนำ, ชำวพทุ ธกำลังพดู อภิปรำย สาระสาคัญ รว่ มกันอภิปรำยองคป์ ระกอบของพระพทุ ธศำสนำ โดยครเู ขียน ธรรม, ชำวพทุ ธยน่ื หนงั สือประท้วง คำตอบของนกั เรยี นบนกระดำน และเช่อื มโยงวำ่ “หำกเรำ กรณีมผี ดู้ ูหม่นิ พระพทุ ธศำสนำ กำรปฏบิ ตั ิตนเป็นศำสนกิ ชนทดี่ ขี องศำสนำ ต้องกำรให้พระพุทธศำสนำธำรงสบื ไป ศำสนิกชนตอ้ งร่วมกัน ช่วยสง่ เสรมิ ให้ศำสนำสำมำรถสบื ทอดไดส้ ืบไป ธำรงรกั ษำพระพทุ ธศำสนำ” ภาระงาน/ช้ินงาน ขอบเขตเน้อื หา ขนั้ สรา้ งองคค์ วามรู้ - ภำพวำด เกย่ี วขอ้ งกบั หนำ้ ท่ขี อง พระภกิ ษุในกำรปฏิบตั ติ ำมหลักธรรม กำรศกึ ษำเรยี นรู้เร่ืององค์ประกอบของ 2. ผูส้ อนนำภำพเก่ียวกบั หนำ้ ท่ชี ำวพทุ ธ 4 ภำพ มำตดิ ท่ี วนิ ยั และจริยวัตร 1 ภำพ พระพุทธศำสนำ นำไปปฏิบัติและเผยแผ่ตำมโอกำส กระดำนหน้ำชน้ั เรยี น แล้วส่มุ ผูเ้ รียน 4 คน ออกมำอธบิ ำยใหเ้ พ่ือน ฟงั คนละ 1 ภำพวำ่ “ภำพทเ่ี หน็ เป็นภำพเก่ยี วกบั อะไร เป็นกำรทำ กำรศกึ ษำกำรรวมตวั ขององค์กรชำวพุทธ หนำ้ ทด่ี ำ้ นใดของชำวพุทธ” กำรปลกู จติ สำนึกในดำ้ นกำรบำรุงรกั ษำวดั และ พุทธสถำนให้เกิดประโยชน์ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ 1. อภิปรำย องคป์ ระกอบของพระพุทธศำสนำ หน้ำท่ชี ำวพทุ ธได้ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ 2. สรำ้ งแนวทำงในกำรปลูกจิตสำนึกดำ้ นกำรบำรุง วดั และพทุ ธสถำนได้ ด้านคณุ ลักษณะ 1764

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่อื ง หนา้ ท่ชี าวพุทธ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 32 เร่ือง การธารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนา ๑๗๕ เวลา 1 ช่ัวโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ฯ รายวชิ าสังคมศึกษา ฯ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 3ดา้. นเหคน็ ณุ คลวกัำมษสณำะคญั ขององค์กรชำวพุทธ ภำพที่ 1 ชำวพุทธกำลังฟังเทศน์ (หน้าทด่ี ้านศึกษาหาความรู้ ๓. เหน็ ความสําคัญขององคก์ รชาวพุทธ เกีย่ วกบั หลักธรรมและพิธกี รรมทางศาสนา) ท่มี ำ : http://gg.gg/cw4or ภำพที่ 2 ชำวพุทธกำลงั ประกอบพิธีกรรมทำงศำสนำ (หนา้ ที่ ดา้ นปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมและพธิ กี รรมทางศาสนา) 1765

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เร่อื ง หนา้ ที่ชาวพุทธ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 32 เรอ่ื ง การธารงรกั ษาพระพุทธศาสนา ๑๗๖ เวลา 1 ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ฯ รายวชิ าสังคมศึกษา ฯ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ที่มำ : http://gg.gg/cw4pn ภำพที่ 3 ชำวพุทธกำลังพดู อภิปรำยธรรม (หน้าทดี่ ้านเผยแผ่ หลักธรรมและพธิ ีกรรมทางศาสนา) ทม่ี ำ : http://www.roong-aroon.ac.th/?p=11112200 ภำพที่ 4 ชำวพุทธย่นื หนังสอื ประท้วงกรณมี ีผดู้ ูหมิน่ พระพทุ ธศำสนำ (หนา้ ท่ดี ้านปกปอ้ งและคุ้มครองพระพุทธศาสนา) ท่ีมำ : https://www.voicetv.co.th/read/17788779944 1766

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เร่ือง หน้าที่ชาวพุทธ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 32 เร่ือง การธารงรกั ษาพระพทุ ธศาสนา ๑๗๗ เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ฯ รายวชิ าสังคมศึกษา ฯ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3 3. ครเู ขยี นคำถำมดงั ต่อไปนบี้ นกระดำน และให้นักเรยี นตอบ คำถำมลงในสมุด 1) กำรศึกษำเรยี นรู้องค์ประกอบของพระพทุ ธศำสนำมี ประโยชนอ์ ย่ำงไร 2) องค์กรชำวพุทธทน่ี ักเรยี นรจู้ กั มอี ะไรบ้ำง 3) องค์กรชำวพุทธในปจั จบุ นั มีควำมสำคัญตอ่ กำรเผยแผแ่ ละ ปกปอ้ งพระพุทธศำสนำมำกน้อยเพยี งใด 4) เรำปลกู จติ สำนกึ ของชำวพุทธในกำรบำรุงรักษำวัดและ พุทธสถำนได้อยำ่ งไร 4. ครใู ห้นกั เรยี นจบั คแู่ ละช่วยเตมิ เตม็ คำตอบให้ครบถว้ น 5. ครใู ห้นักเรยี นจบั กลุ่มสี่กลุม่ และชว่ ยเตมิ เต็มคำตอบให้ สมบรู ณ์ 6. ครสู มุ่ นักเรียนออกมำตอบคำถำมข้อละ 2 คน โดยครูและ สมำชิกในหอ้ งช่วยกันเติมเตม็ คำตอบใหค้ รบถ้วนสมบูรณ์ ข้นั สรุปความคิดรวบยอด 7. ครูให้นักเรียนอภปิ รำยร่วมกนั ในประเด็นเก่ียวกับ กำรท่ี ศำสนิกชนปฏิบัติตนเปน็ ศำสนิกชนท่ีดีของศำสนำ มีสว่ นช่วย ศำสนำได้อยำ่ งไร ( ส่งเสริมให้ศาสนาสามารถสบื ทอดไดส้ ืบไป) 1767

178 1768 การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เครื่องมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ส่งิ ท่ตี ้องการวัด/ประเมนิ ตอบคำถำม คำถำม นกั นเรกั ยี เรนยี ทน้ังทหง้ั มหดมรด้อย ตอบคำถำม คำถำม รอ้ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบำคถ�ำ ำถมาม ด้านความรู้ ตอบคำถำม คำถำม ไไดดถ้ ถ้ ูกตอ้ งมเี หตผุผลล 1. อภิปรำย องค์ประกอบของ นักนเรกั ยีเรนยี ทนั้งทหง้ั มหดมรด้อย พระพทุ ธศำสนำ หนำ้ ที่ชำวพุทธได้ รอ้ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบำคถ�ำ ำถมาม ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ไไดด้ถถ้ ูกต้องมเี หตผุ ุผลล 1. สร้ำงแนวทำงในกำรปลูกจิตสำนึก นกั นเรกั ียเรนยี ทนั้งทหง้ั มหดมรด้อย ดำ้ นกำรบำรงุ วัดและพุทธสถำนได้ รอ้ลยะล8ะ0๘๐ตอตบอคบำคถ�ำ ำถมาม ดา้ นคุณลักษณะ ไไดด้ถถ้ ูกู ต้องมเี หตผุ ลล 1. เหน็ ควำมสำคญั ขององคก์ รชำวพุทธ ทมี่ ตี อ่ พระพทุ ธศำสนำ 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลกำรเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หำและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ข้อเสนอแนะและแนวทำงแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชื่อ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ที่..........เดอื น..........พ.ศ............. ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ........................................................................................................ ................................................................... ลงชอื่ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................)

๑๗๙ 1769 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ กฎหมายนา่ รู้ รหัส วิชา ส23101 รายวชิ า สังคมศกึ ษาฯ กล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2562 เวลา 5 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด สาระหน้าทีพ่ ลเมอื ง และการดาเนนิ ชวี ติ ในสังคม มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 2.1 เข้าใจและปฏบิ ัติตนตามหน้าท่ขี องการเป็นพลเมืองดี มีค่านยิ มท่ดี ีงามและธารง รกั ษาประเพณีและวฒั นธรรมไทย ดารงชีวิตอยู่ร่วมกนั ในสงั คมไทยและสังคมโลก อยา่ งสนั ตสิ ขุ ตัวชี้วัด ส 2.1 ม. 3/1 อธิบายความแตกต่างของการกระทาความผิดระหว่างคดีอาญาและคดีแพ่ง 2 .สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด กฎหมายแพง่ เป็นกฎหมายท่วี า่ ด้วยความสมั พันธป์ ระชาขนและทรัพยส์ นิ มีบทบัญญตั ิมุ่งเน้นไปทกี่ าร กชาดรเชยดเคชย่าเสคียา่ หเสาียยหไปายจไนปกจานรกลางรโทลษงโตทา่ ษงตๆ่างซๆงึ่ ลซ้วึง่นลแว้ ลนว้ แแลตว้ ่เกแยี่ตว่เกขย่ี้อวงขกอ้บั งชกีวบั ติ ชปวิ รติ ะปจราะวจัน�ำขวอันงขเรอางทเร้งั าสทิ้น้ังส้นิ กฎหมายอาญา คือกรอบท่ีควบคุมความประพฤติของคนในสังคม ที่มีบทลงโทษเด็ดขาด และไม่ สามารถงดเวน้ ได้ ตลอดจนมรี ะดบั ความรุนแรงตามความผดิ อยา่ งมีเหตุผล 3. สาระการเรียนรู้ ความรู้ 1. ลักษณะการกระทาความผิดทางแพง่ และโทษ 2. ลักษณะการกระทาความผดิ ทางอาญา และโทษ 3. ตวั อย่างการกระทาความผิดทางแพง่ เช่น การทาผิดสัญญา การทาละเมิด 4. ตัวอยา่ งการกระทาความผดิ ทางอาญาเชน่ ความผิดเก่ยี วกบั ทรพั ย์ ทกั ษะ/กระบวนการ 1. ทกั ษะการสบื คน้ 2. ทกั ษะการทางานกลมุ่ 3. ทกั ษะการส่อื สาร 4. ทักษะการนาเสนอ 5. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ เจตคติ 1. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของการปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของสังคม 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 4 . ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 2. ความสามารถในการคิด 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

๑๘๐ 1870 5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทางาน 4. มจี ติ สาธารณะ 6. การประเมนิ ผลรวบยอด ช้นืิ งานห/รภอื ภาราะรงะางนาน“เจาะเรอ่ื งเด่น ประเดน็ รอ้ น” - ชน้ิ งาน “เจาะเรือ่ งเดน่ ประเด็นรอ้ น” เกณฑก์ ารประเมนิ ผลช้ินงานหรือภาระงาน ประเด็นการ 4 (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรบั ปรุง) ประเมิน หวั ขอ้ หรอื ประเด็นที่ 3 (ดี) 2 (พอใช้) หวั ขอ้ หรอื ประเดน็ ที่ นาเสนอมีความ หวั ข้อหรอื ประเด็นที่ หวั ข้อหรอื ประเด็นที่ นาเสนอมีความ 1. หวั ข้อ/ นา่ สนใจ ทนั สมัย นาเสนอมีความ นาเสนอมีความ น่าสนใจ ทนั สมัย ประเด็นท่ี นาเสนอข้อมลู ได้ นา่ สนใจ ทนั สมัย น่าสนใจ ทนั สมัย นาเสนอข้อมลู ได้ นาเสนอ ครบถว้ น และระบทุ ่มี า นาเสนอข้อมลู ได้ นาเสนอข้อมลู ได้ ครบถ้วน และระบุ ของแหลง่ ข้อมูลชดั เจน ครบถ้วน และระบุที่มา ครบถว้ น และระบุ ทมี่ าของแหลง่ ข้อมูล 2. การอธบิ าย จาแนกประเภทของ ของแหล่งข้อมลู ชัดเจน ท่มี าของแหลง่ ข้อมูล ชัดเจน โดยบกพร่อง ลักษณะการ การกระทาความผิดได้ โดยบกพรอ่ งไม่เกิน 1 ชดั เจน โดยบกพรอ่ ง มากกวา่ 2 ประเดน็ กระทาความผดิ ถูกต้อง ระบโุ ทษของ ประเดน็ ไมเ่ กนิ 2 ประเดน็ จาแนกประเภทของ และโทษ การกระทาความผิดได้ จาแนกประเภทของ จาแนกประเภทของ การกระทาความผดิ 3. การอธิบาย ถกู ต้องครบถว้ นทุก การกระทาความผดิ ได้ การกระทาความผดิ ไมถ่ ูกต้อง และไม่ กระบวนการ รายการ ถกู ต้อง แต่ระบโุ ทษ ได้ถูกตอ้ ง แต่ไม่ สามารถระบโุ ทษของ ยตุ ธิ รรม อธิบายกระบวนการ ของการกระทา สามารถระบุโทษของ การกระทาความผิด ยุติธรรมทเ่ี กย่ี วข้องกบั ความผิดได้ไม่ครบถ้วน การกระทาความผดิ ได้ ประเด็นท่นี าเสนอได้ ได้ อธบิ ายกระบวนการ ถกู ต้อง ครบถ้วนทุก อธิบายกระบวนการ อธบิ ายกระบวนการ ยตุ ธิ รรมท่เี ก่ยี วข้อง ข้นั ตอน ยุติธรรมทเ่ี ก่ียวข้องกับ ยตุ ิธรรมท่ีเกี่ยวข้อง กับประเด็นท่นี าเสนอ ประเดน็ ที่นาเสนอได้ กับประเด็นท่ี ได้ถูกต้อง แต่มี ถกู ต้อง แตม่ ี นาเสนอได้ถูกต้อง กระบวนการหายไป กระบวนการหายไปไม่ แต่มีกระบวนการ มากกว่า 2 ขัน้ ตอน เกนิ 1 ข้นั ตอน หายไปไมเ่ กนิ 2 ขั้นตอน

๑๘๑ 1871 ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) นาเสนอข้อมูลใน นาเสนอข้อมลู ใน นาเสนอข้อมลู ใน การนาเสนอขอ้ มลู ไม่ 4. การนาเสนอ รูปแบบที่มคี วาม รูปแบบทมี่ ีความ รปู แบบที่มคี วาม น่าสนใจ เข้าใจได้ ข้อมลู นา่ สนใจ เข้าใจงา่ ย มี น่าสนใจ เข้าใจงา่ ย มี นา่ สนใจ เข้าใจงา่ ย ยาก ความคิดสรา้ งสรรค์ และประยุกต์ใช้ ความคดิ สร้างสรรค์ เทคโนโลยอี ยา่ ง เหมาะสม เกณฑ์การตดั สนิ หมายถึง ดีมาก คะแนน 14 – 16 หมายถึง ดี หมายถึง พอใช้ คะแนน 11 – 13 หมายถึง ปรบั ปรุง คะแนน 8 – 10 คะแนน ตา่ กวา่ 8 เกณฑ์การผา่ น ตัง้ แต่ระดบั

๑๘๒ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรือ่ ง กฎหมายนา่ รู้ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 33 เร่อื ง กฎหมายแพ่ง เวลา 1 ช่ัวโมง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา ส 23101 สงั คมศึกษาฯ ตัวชวี้ ัด กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ ส 2.1 ม.3/1 อธิบายความแตกต่างของการ ขน้ั นา 1- . รูปภาพตัวอย่างการกระทาความผิด 1. ครูแจ้งมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ขอบข่ายเนื้อหา แนวทางการ ทางแพ่ง กการระกทราะคทวำ�าคมวผาิดมรผะดิ หรวะ่าหงวค่าดงีอคาดญอี าแญลาะแคลดะแีคพด่งีแพ่ง กเรายีรเนรยีกนารกสาอรสนอแนลแะลกะตกิกตากิในาใกนากราเรเยี รนยี เนพเพอื่ นอ่ื นาไ�ำ ปไปสสู่กกู่าารรสสรร้าา้ งงขข้ออ้ ตตกกลลงงรร่วมกัน 2- . ส่ืออนน�ำ เสานเ สอดนว้ ยอโดป้ รวแยกรโมป ร แ ก ร ม สาระสาคญั ในชนั้ เรยี น PowerPoint เร่ือง ลักษณะการกระทา 2. ครใู ห้นกั เรียนดภู าพดงั ต่อไปน้ี ความผดิ ทางแพง่ กฎ หมายแพ่ ง เป็ น กฎ หมายที่ ว่าด้วย 3- . ใใบบงงาานนทท่ี ๔่ี .4๑.1เรเื่อรงื่อกงิจกิรจรกมรร“มผ่า“ผ่า ความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชน มี ประเดน็ รอ้ น” บทบัญญัติมุ่งเน้นไปท่ีการชดเชยค่าเสียหายไป ภาระงาน/ชน้ิ งาน จนถึงการลงโทษต่าง ๆ การประเมินกรณี ตัวอย่างว่าเป็นการ กระทาความผิดทางแพ่งประเภทใด จาก ขอบเขตเนอ้ื หา ใบงานท่ี 4.1 เรื่อง กิจกรรมผ่าประเด็น 1. ความหมายของกฎหมายแพ่ง รอ้ น 2. ลักษณะการกระทาความผดิ ทางแพง่ 3. ความรับผิดทางแพ่ง 5 ลักษณะ ท่ีมา : http://gg.gg/cw4es จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จากน้นั ให้นกั เรยี นรว่ มกนั ตอบคาถามต่อไปนี้ 1) ภาพน้ีคอื ภาพอะไร เมอ่ื เกิดเหตกุ ารณด์ ังกล่าวข้ึน ผูท้ เ่ี ป็น ดา้ นความรู้ ผู้เสยี หาย ควรจะดาเนินการอยา่ งไร (ภาพรถยนตเ์ กิดอุบตั ิเหตุ ผู้เสยี หาย 1. นักเรียนสามารถบอกความหมายของ ควรตั้งสติ เจรจากบั คู่กรณใี นเบ้ืองตน้ อยา่ งสันติวธิ ี) กฎหมายแพ่งได้ถกู ต้อง 2) ผู้กระทาผดิ จะตอ้ งชดใช้คา่ เสียหายใดบ้าง (ค่ารกั ษาพยาบาล, คา่ 2. นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะการกระทา คซา่อซมอ่แมซแมซรมถรยถนยตน์ ฯตล์ ฯล)ฯ) ความผดิ ทางแพ่งไดถ้ กู ต้อง 3. ครกู ลา่ วเชอ่ื มโยงคาตอบของนักเรยี นเพื่อนาเข้าส่บู ทเรียนดงั น้ี 3. จากกรณีตัวอย่างท่ีกาหนดให้ นักเรียน “การดาเนินชวี ิตในสงั คมกบั คนจานวนมากอาจเกิดปัญหาหรอื ความ 1872

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง กฎหมายนา่ รู้ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 33 เรือ่ ง กฎหมายแพ่ง ๑๘๓ เวลา 1 ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวชิ า ส 23101 สังคมศกึ ษาฯ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 สามารถอธิบายลักษณะของความรับผิดทาง ขดั แย้งขึ้น สิ่งสาคญั ทจี่ ะทาให้การแกป้ ัญหาน้นั เปน็ ไปอย่างสันติวิธี คือ แพ่งไดถ้ กู ต้องมากกวา่ รอ้ ยละ 60 การเคารพและปฏิบตั ิตนตามกฎหมาย ซงึ่ ในวนั น้ีเราจะมาเรียนร้เู กีย่ วกับ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์” 1. นักเรียนสามารถใช้กระบวนการกลุ่ม ขั้นสอน วิเคราะห์ลักษณะการกระทาความผิดและความ 4. ครูอธิบายความหมายของกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ ดังน้ี รบั ผดิ ทางแพง่ ไดถ้ ูกต้อง “กฎหมายแพ่งเก่ียวข้องกับข้อพิพาทระหว่างบุคคลหรือองค์กร เช่น ข้อ ดา้ นคุณลกั ษณะ พพิ าทเก่ียวกับหนี้ นิติกรรม ครอบครวั และมรดก เป็นต้น โดยมีหลักการ 1. นักเรียนอภิปรายถึงคุณค่าและความสาคัญ พื้นฐานว่า ผู้กระทาผิดจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่อีกฝ่ายเมื่อส้ินสุด ความสาคัญของการศึกษาเรือ่ งลกั ษณะความผิด กระบวนการตัดสิน” จากน้นั ให้นกั เรยี นจดบนั ทึกลงในสมดุ ทางแพ่งและความรับผิดทางแพ่งได้อย่างมี 5. ครูใช้ Power point เรื่อง “กฎหมายแพ่งและพาณิชย์” บรรยาย เหตผุ ล เน้ือหาเก่ียวกับลักษณะการกระทาความผิดและความรับผิดทางแพ่งให้ นกั เรียนทราบ 6. ครูให้นกั เรยี นจับคู่กบั เพื่อนรว่ มชัน้ เรยี น แล้วทากิจกรรม “ผ่า “ปผรา่ะปเดรน็ะเรด้อน็ นร”อ้ นโด”ยโใดหย้นใกัหเน้รกัียเนรรยี ่วนมรกว่ นัมอกภนั อิปภราปิ ยรการยณกรีตณัวอตี ยวั อ่างยทา่ ง่ีกทาหก่ี �ำนหดนใหด้ให้ วา่ เป็นการกระทาความผิดทางแพ่งหรือไม่ และสอดคลอ้ งกับความรับผดิ ทางแพง่ ในลกั ษณะใด 7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายผลจากการทากิจกรรม “ผา่ ประเดน็ รอ้ น” และทบทวนบทเรียนโดยใหน้ ักเรียนรว่ มกนั ตอบคาถามดังนี้ 1) การกระทาความผิดทางแพ่งคืออะไร (การกระทาทีผ่ ู้กระทา ความผดิ ได้กระทาอนั เป็นความผิดทัง้ โดยเจตนาหรอื โดยประมาท ซึ่ง 1873

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 เรอ่ื ง กฎหมายน่ารู้ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 33 เร่ือง กฎหมายแพ่ง ๑๘๔ เวลา 1 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา ส 23101 สงั คมศึกษาฯ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 กอ่ ให้เกิดความเสยี หายแก่บุคคลอน่ื โดยผู้กระทาต้องถูกบังคบั ให้ชดใช้ ค่าเสียหายหรอื ค่าสนิ ไหมทดแทนจากการท่ีตนทาใหบ้ คุ คลนั้นได้รบั ความ เสียหาย) 2) ลกั ษณะความรับผิดทางแพง่ มกี ี่ลกั ษณะ อะไรบ้าง (5 ลักษณะ ได้แก่ ความรับผดิ ในลักษณะการละเมิด ความรับผิดในลกั ษณะสัญญา ความรบั ผิดในลกั ษณะการจัดการงานนอกคาส่ัง ความรับผิดในลกั ษณะ ลาภมิควรได้ และความรับผิดตามทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิไว้โดยเฉพาะ) ข้ันสรุป 8. ครถู ามคาถามนักเรียนดังน้ี 1) กฎหมายแพ่ง มีความสาคญั ต่อสังคมมนษุ ย์อย่างไร 2) การศึกษาเรื่องลักษณะการกระทาความผิดทางแพ่งและความรับ ผดิ ทางแพ่ง มีความสาคัญและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวนกั เรียนอย่างไร 9. ครูมอบหมายให้นักเรียนศึกษาและสืบค้นข้อมูลเรื่องการทาสัญญา ซื้อขาย การกู้ยืมเงิน การเช่าทรัพย์สนิ การเช่าซื้อ และการทาละเมิดแบบ ต่าง ๆ มาลว่ งหน้า 1874

185 1875 7. การวดั และประเมนิ ผล สิ่งที่ต้องการวดั /ประเมิน วธิ กี าร เครื่องมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ตอบคาถาม คาถาม ตอตบอคบาคถ�ำ าถมาถมูกใตน้อง 1. ความหมายของกฎหมายแพง่ ทาใบงาน ใบงตาอนบทค่ี ๔า.ถ๑ามถใกู นตอ้ ง 2. ลกั ษณะการกระทาความผดิ ทาง ใบงานที่ 4.1 มใบากงากนว่าทร่ี ้อ4ย.1ละถูก๖ต๐้อง แพ่ง สงั เกตพฤตกิ รรม กิจกรรม มากกว่าร้อยละ 60 3. ความรับผิดทางแพ่ง 5 ลกั ษณะ - ประเดน็ การ ระดบั คุณคณุ ภาพผ่าน ดา้ นทกั ษะ/กระบววนนกกาารร ผา่ ประเด็นรอ้ น เกณฑร์ ะดบั พอใช้ 1. การใชก้ ระบวนการกลมุ่ อภปิ ราย แบบสังเกต ดา้ นคณุ ลักษณะ - สงั เกต พฤติกรรม 1. การอภิปรายคุณคา่ และ พฤติกรรม ความสาคญั ของการศึกษาเร่ือง การ - แบบสงั เกต - ระดบั คณุ คณุ ภาพผา่ น กราะรทกราะคทวา�ำ มคผวาดิ มทผาดิงแทพาง่ แพง่ พฤติกรรม เกณฑร์ ะดับพอใช้ 8. บันทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................................. ลงชือ่ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันที่..........เดอื น..........พ.ศ............. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ทีไ่ ด้รับมอบหมาย ....................................................................................................................................... .................................... ลงชื่อ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันที.่ .........เดือน..........พ.ศ.............

187 118776 ใบงานท่ี 4.1 กจิ กรรมผา่ ประเด็นร้อน คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ ร่วมกนั อภิปรายและตอบคาถามต่อไปนี้ ชือ่ ...........................................นามสกลุ ..............................................เลขท่ี.........................ช้นั ........................ 1. “นายดนิ ขับรถเฉ่ียวรถจักรยานยนต์ของนางนา้ ทาใหร้ ถจักรยานยนตข์ องนางน้าไดร้ ับความเสยี หาย” 1.1 กรณดี งั กล่าวเป็นการกระทาความผิดทางแพ่งหรือไม่ ................................................................ 1.2 กรณดี ังกลา่ วสอดคล้องกบั ความรบั ผิดทางแพ่งลกั ษณะใด ........................................................ 2. “นายเกา้ ทาสญั ญากูเ้ งินจากนางแหวน แต่ไม่ชาระหน้ีคืนเมื่อครบกาหนดตามสัญญา” 2.1 กรณีดังกลา่ วเปน็ การกระทาความผดิ ทางแพ่งหรอื ไม่ ................................................................ 2.2 กรณีดังกล่าวสอดคล้องกับความรบั ผดิ ทางแพ่งลักษณะใด ........................................................ 3. “นายหมูปิดบ้านไวแ้ ลว้ เดินทางไปต่างประเทศ วันหนึง่ มพี ายุพดั หลังคาบ้านของนายหมปู ลวิ ไป นาย ไกเ่ พอ่ื นบา้ นเหน็ วา่ หากปล่อยไวท้ รัพยส์ ินในบา้ นของนายหมูจะได้รับความเสียหาย นายไกจ่ ึงว่าจา้ งช่าง มาซ่อมแซมหลังคาบ้านใหน้ ายหมู เมอื่ นายหมกู ลับมาจะต้องชดใช้เงินทน่ี ายไก่จา่ ยไปในการซ่อมแซม หลังคาบา้ น” 3.1 กรณีดังกลา่ วเปน็ การกระทาความผิดทางแพ่งหรอื ไม่ .............................................................. 3.2 กรณดี ังกล่าวสอดคล้องกับความรบั ผิดทางแพ่งลักษณะใด ...................................................... 4. “นายเสือโอนเงินผา่ นบญั ชีเงนิ ฝากธนาคารไปใหน้ างนก เพราะเขา้ ใจผดิ คดิ วา่ นางนกเปน็ นายเต่าซง่ึ เปน็ เจา้ หนี้ แต่นางนกไม่ยอมโอนเงินคืนให้” 4.1 กรณีดงั กลา่ วเปน็ การกระทาความผดิ ทางแพ่งหรือไม่ .............................................................. 4.2 กรณีดงั กล่าวสอดคล้องกบั ความรับผดิ ทางแพ่งลกั ษณะใด ...................................................... 5. “นายแดงปลูกบ้านโดยสร้างหลงั คาลา้ ไปในทีด่ นิ ของนางขาวซ่งึ เป็นเพื่อนบ้าน” 5.1 กรณีดงั กลา่ วเปน็ การกระทาความผดิ ทางแพ่งหรือไม่ .............................................................. 5.2 กรณดี งั กลา่ วสอดคล้องกบั ความรับผิดทางแพ่งลกั ษณะใด ......................................................

186 17876 เฉลย ใบงานท่ี 4.1 กจิ กรรมผา่ ประเดน็ รอ้ น คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั อภปิ รายและตอบคาถามต่อไปน้ี 1. “นายดินขบั รถเฉ่ียวรถจักรยานยนตข์ องนางน้า ทาใหร้ ถจกั รยานยนตข์ องนางน้าได้รับความเสียหาย” 1.1 กรณีดงั กล่าวเป็นการกระทาความผดิ ทางแพ่งหรอื ไม่ .........เ.ป...น็...ก..า..ร..ก...ร..ะ..ท...า..ผ..ดิ...ท..า...ง..แ..พ...ง่............. 1.2 กรณีดงั กล่าวสอดคล้องกบั ความรับผิดทางแพ่งลักษณะใด .ค..ว...า..ม..ร..บั...ผ...ิด..ใ..น...ล..ัก..ษ...ณ....ะ..ก..า...ร..ล..ะ..เ.ม...ิด... 2. “นายเก้าทาสญั ญากู้เงนิ จากนางแหวน แต่ไม่ชาระหนี้คืนเมื่อครบกาหนดตามสัญญา” 2.1 กรณดี ังกลา่ วเปน็ การกระทาความผดิ ทางแพ่งหรอื ไม่ .........เ.ป...็น...ก..า..ร..ก...ร..ะ..ท..า...ผ..ิด...ท..า..ง..แ...พ...ง่ ............. 2.2 กรณดี ังกล่าวสอดคล้องกับความรบั ผดิ ทางแพ่งลกั ษณะใด ...ค..ว...า..ม..ร..ับ...ผ...ิด..ใ..น...ล..ัก..ษ...ณ....ะ..ส..ญั....ญ...า....... 3. “นายหมูปิดบ้านไวแ้ ลว้ เดินทางไปต่างประเทศ วันหนงึ่ มพี ายุพดั หลงั คาบ้านของนายหมูปลวิ ไป นาย ไกเ่ พอื่ นบ้านเหน็ วา่ หากปลอ่ ยไว้ทรัพยส์ นิ ในบ้านของนายหมูจะไดร้ บั ความเสียหาย นายไกจ่ ึงวา่ จ้างชา่ ง มาซอ่ มแซมหลังคาบ้านให้นายหมู เมื่อนายหมกู ลบั มาจะต้องชดใช้เงนิ ทีน่ ายไกจ่ า่ ยไปในการซอ่ มแซม หลังคาบ้าน” ......เ.ป...็น...ก..า..ร..ก...ร..ะ..ท..า...ผ..ดิ...ท..า..ง..แ...พ...ง่ .............. 3.1 กรณดี งั กล่าวเป็นการกระทาความผิดทางแพ่งหรือไม่ 3.2 กรณีดังกล่าวสอดคล้องกบั ความรบั ผดิ ทางแพ่งลกั ษณะใด ความรบั ผดิ ในลักษณะ การจดั การงานนอกสั่งละเมิด 4. “นายเสือโอนเงินผา่ นบัญชีเงนิ ฝากธนาคารไปใหน้ างนก เพราะเขา้ ใจผดิ คิดว่านางนกเปน็ นายเต่าซง่ึ เปน็ เจา้ หนี้ แต่นางนกไม่ยอมโอนเงินคืนให้” 4.1 กรณดี งั กล่าวเป็นการกระทาความผิดทางแพ่งหรอื ไม่ ........เ.ป...น็ ...ก..า..ร..ก...ร..ะ..ท..า..ผ...ดิ...ท..า..ง..แ...พ...่ง............ 4.2 กรณดี ังกล่าวสอดคล้องกับความรับผดิ ทางแพ่งลักษณะใด .ค...ว..า..ม...ร..ับ...ผ..ดิ...ใ.น...ล..กั...ษ...ณ...ะ..ล...า..ภ...ม..ิค...ว..ร. ได้ 5. “นายแดงปลูกบา้ นโดยสรา้ งหลังคาล้าไปในที่ดินของนางขาวซึง่ เป็นเพื่อนบา้ น” 5.1 กรณดี งั กลา่ วเป็นการกระทาความผิดทางแพ่งหรอื ไม่ .........เ..ป..น็...ก..า...ร..ก..ร..ะ..ท...า..ผ...ดิ ..ท...า..ง..แ..พ...่ง........... 5.2 กรณดี งั กล่าวสอดคล้องกับความรบั ผิดทางแพ่งลักษณะใด .ค...ว..า..ม...ร..บั ...ผ..ิด...ต..า..ม...ท...ี่ก..ฎ...ห..ม...า..ย..บ...ัญ....ญ.. ัติ ไว้โดยเฉพาะ

๑๘๘ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 34 เร่อื ง ตวั อยา่ งการกระทาความผิดทางแพง่ : การทาผดิ สญั ญา การทาละเมดิ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 เร่อื ง กฎหมายนา่ รู้ เวลา 1 ช่ัวโมง กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา ส 23101 สงั คมศกึ ษาฯ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ตัวชว้ี ัด กิจกรรมการเรียนรู้ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ ส 2.1 ม.3/1 อธบิ ายความแตกต่างของการ ข้นั นา 1- . คลิปวดิ ีโอเกีย่ วกับขา่ วการละเมิดสญั ญา 2- . สื่อนาเสนอด้วยโปรแกรม PowerPoint การระกทราะคทว�ำาคมวผาิดมรผะิดหรวะา่ หงควดา่ งีอคาดญีอาาแญลาะแคลดะีแคพด่งแี พง่ 1. ครูให้นักเรียนชมคลิปวิดีโอเกี่ยวกับข่าวการละเมิดสัญญา เร่ือง ตัวอย่างการกระทาความผิดทางแพ่ง : สาระสาคญั ดังน้ี การทาผิดสัญญาและการทาละเมิด ภาระงาน/ช้นิ งาน การทาผิดสัญญา และการทาละเมิด เป็นการ ก า ร ต อ บ ค า ถ า ม จ า ก ก า ร วิ เค ร า ะ ห์ ก ร ณี การระกทราะคทว�ำ าคมวผามิดผทดิ าทงแางพแ่งพผง่ ู้กผรกู้ ะรทะทาค�ำ คววาามมผผิดดิ จจะะตต้ออ้ ง ตัวอย่างเก่ียวกับการทาผิดสัญญา จานวน 4 ช ด ใช้ ค่ า เสี ย ห า ย ให้ แ ก่ อี ก ฝ่ า ย เมื่ อ ส้ิ น สุ ด ขอ้ กระบวนการยตุ ธิ รรมทางแพง่ ขอบเขตเนือ้ หา 1. การทาผดิ สญั ญา - สญั ญาซื้อขาย ท่ีมา : https://www.youtube.com/watch?v=lsBlQF1prto - สญั ญากู้ยืมเงนิ จากนน้ั ตอบคาถามดงั น้ี 1) จากคลิปวดิ ีโอ นักเรียนคิดว่าเร่ืองดังกล่าวมีความเก่ียวข้อง - สญั ญาเชา่ ทรัพยส์ ิน กับกฎหมายแพ่งหรือไม่ (เก่ยี วข้อง/ไม่เกยี่ วข้อง) - สัญญาเช่าซื้อ 2. การทาละเมดิ 2) เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกฎหมายแพ่งอย่างไร (เก่ียวข้อง - การละเมดิ ต่อบุคคลอนื่ โดยตรง กับการละเมิดสญั ญา) - การละเมดิ เนื่องจากการกระทาของบุคคลอ่ืน 2. ครูกล่าวเช่ือมโยงเข้าสู่บทเรียน ดังนี้ “การละเมิดสัญญา - การละเมิดเนื่องจากสตั ว์ที่อยู่ในความดูแลของ เป็นการกระทาความผิดทางแพ่งลักษณะหน่ึง และมีความสาคัญ ตนไปทาความเสียหายแกผ่ ู้อ่ืน ต่อการดาเนินชีวิตประจาวัน ดังน้ันวันนี้เราจะศึกษาเร่ืองการ กการระกทราะคทวำ�าคมวผาิดมทผาดิ งทแาพงง่แพ: ง่กา: รกทาารผทดิ ำ�สผัญดิ สญัญาญแาละแกลาะรกทาารลทะำ�เลมะิดเ”มิด” 1878

๑๘๙ ๑๘๙ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 34 เรื่อง ตัวอย่างการกระทาความผดิ ทางแพ่ง : การทาผดิ สัญญา การทาละเมดิ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 เรือ่ ง กแฎผหนมกาายรนจ่าดั รกู้ ารเรยี นรูท้ ่ี 34 เรื่อง ตวั อย่างการกระทาความผิดทางแพง่ : การทาผิดสัญญา การทาละเเมวดิ ลา 1 ชั่วโมง กหลนมุ่ว่ สยากราะรกเรายีรนเรรียทู้ นี่ ร4ู้ เสรัง่อื คงมศกึ ฎษหามศาายสนน่าารแู้ ละวัฒนธรรม รายวิชา ส 23101 สงั คมศึกษาฯ เวชล้ันามัธ1ยชม่ัวศโกึ มษงาปที ี่ 3 กล่มุ- สกาารระลกะาเมริดเรเียนนื่อรงจู้ าสกังทครมัพศยึก์สษินาขศองาตสนนหาแรือลทะว่ีอัฒยู่ นธขรรัน้ มสอน รายวิชา ส 23101 สงั คมศกึ ษาฯ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ในค-วกาามรคลระอเบมคิดรเนอ่ืองดงจูแาลกะทรักรัพษยาขส์ อนิ งขตอนงกต่อนใหหร้เือกทิดี่อยู่ ข้ันส3อ. นครูอธิบายความรู้โดยใช้โปรแกรม Power Point เร่ือง คในวคามวาเสมยีคหราอยบตค่อรบอุคงดคแูลลอะืน่ รักษาของตนก่อใหเ้ กิด “ทร3ัพ. ยค์ รสูอัญธิญบายแคลวะากมารรู้โลดะยเใมชิด้โตป่ารงแๆกรตมามPแoนwวeทr าPงoกinฎtหเมร่ืาอยง จคุดวาปมรเะสสียงหคาก์ ยาตร่อเรบยี ุคนครลู้ อืน่ แ“พท่งร”ัพแยล์ สะัญใหญ้นกัาเรแยี ลนะรก่วามรกลันะตเอมบิดคตา่าถงามๆดตงั ตาอ่มไแปนนวี้ ทางกฎหมาย จุดดป้ารนะคสวงาคม์กราู้รเรยี นรู้ แพ่ง1”) แทลระัพใยห์ น้ หกั มเารยี ถนึงรอว่ ะมไกรัน(ตวอัตบถคุทา่ีมถีราูปมรด่าังงตสอ่ ิ่งไใปดนท้ี ่ีมีรูปร่างถือว่า 1. ดน้าั กนเครวี ยานมสรู้า ม า ร ถ อ ธิ บ าย ลั ก ษ ณ ะ ก า ร ท าผิ ด เปน็ 1ท)รทพั รยัพ์ทยัง้ ส์ หิ้นมเาชย่นถึโงตอ๊ะไเรตยี (วงัตปถาุทก่ีมกีราูปกรร่าะงเสปิ่งา๋ ใเดปท็น่ีมตีร้นูป) ร่างถือว่า ส1ญั. นญักาไเดรี้ถยกู นตส้อางมารถอธิบายลักษณะการทาผิด เป็น2ท)รทัพรยัพ์ทยั้งส์ ิน้ น เหชน่มาโยตถะ๊ ึงเอตะยี ไงรป(าทกรกัพายก์แรละะเปวัตา๋ เถปุทน็ ี่ไตม้น่ม)ีรูปร่างซึ่ง 2สัญ. นญกั าเไรดยี ถ้ นูกสตาอ้ มงารถอธบิ ายลักษณะการทาละเมดิ ได้ อาจ2ม)ีรทาครัพาแยล์สะินถือหเมอายไดถ้เึงพอระาไะรฉ(ะทนรั้นัพยส์แ่ิงใลดะทวี่เัตปถ็นุทที่ไรมัพ่มยีร์กูป็จระ่าเงปซ็น่ึง ถ2กู. ตนอ้ ักงเรยี นสามารถอธบิ ายลักษณะการทาละเมิดได้ ทอารจพั มยีร์สาินคดาว้ แยล)ะถือเอาได้เพราะฉะนั้น สิ่งใดที่เป็นทรัพย์ก็จะเป็น ถูกดต้อานง ทกั ษะและกระบวนการ ทรพั 3ย)ส์ ในิหด้ยว้กยต)ัวอย่างการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีเก่ียวกับลกั ษณะ 1. ดจ้านกทกรกั ณษีะตแัวลอะยก่ารงทะบ่ีกวาหนนกาดรให้ นักเรียนสามารถ ทาง3แ)พให่ง้ย(กกตาัวรอจยา่านงกอางร,ดกาาเนรินจากนิจการ, รสมัญต่าญงาๆซื้อทข่ีเกา่ียยว,กกับาลรกั กษู้ยณืมะ, ว1ิเ.คจราากะกหร์ปณรีตะัวเภอยท่าขงอทงี่กกาาหรนทดาใผหิด้ นสักญเรญียานแสลาะมการาถร กทาารงเแชา่พ)่ง (การจานอง, การจานา, สัญญาซ้ือขาย, การกู้ยืม, ลวิะเคเมรดิาไะดห้ถ์ปูกรตะอ้ เงภมทากขกอวงา่ กรา้อรยทลาะผ6ิด0สัญญาและการ การ4เช. ่าค)รูอธบิ าย เรอื่ ง ตัวอยา่ งการกระทาความผิดทางแพ่ง : การ ละดเมา้ ดิ นไคดณุ้ถูกลตกั ้อษงณมาะกกวา่ ร้อยละ 60 ทาผ4ิด.สคญั รญูอธาิบแาลยะเกราื่อรงลตะัวเมอิดย่าโงดกยาใรชก้โประรทแกาครมวาPมoผwิดทerางPแoพinง่ t: การ 1. นดกัา้ นเรคียณุนอลภักปิษรณายะถึงความสาคัญและคุณค่าของ กทารผ5ทิด.�ำ สผคัญดิ รสญูตญั ารญวแาจละสแกลอาะบรกลคาะรวเลามะมิดเมเขโดิ ด้ายโใดใจยชขใ้โชปอโ้ รปงแนรกแักรกเมรมียPoนPwoโwดeยrerใPหPo้oรin่iวntมt กัน 1ก.านรศักึกเรษยี านเรอ่ือภงปิ กราารยทถางึ ผคิดวสาัญมสญาาคัญแลแะลกะาครณุ ละคเ่ามขิดอไงด้ วิเค5รา. ะคหร์ศูตึกรษวาจกสรอณบีตคัววอายม่าเงขด้าังในจี้ ข“อนงานงแักดเงรไียดน้ทโาดสยัญใญห้รา่เวชม่ากซัน้ือ อกยาร่าศงเึกหษมาาเะรสื่อมงการทาผดิ สัญญา และการละเมิดได้ รวถิเคยรนาตะ์คหัน์ศหึกนษึ่งาจการกณบีรติษัวัทอยตุ่้ายงกดาังหนน้ี “ดนชางรแะดเงงินไดใน้ทวาันสสัญิ้นญเดาือเชน่าขซอื้อง อยา่ งเหมาะสม ทรถกุ ยเดนือตน์คันตห่อนมา่ึงจนากงแบดรงิษผัทู้เชต่าุ้ยผกิดานหัดนไดมช่ชาารระะเงินใคน่าวเชัน่าสซิ้น้ือเด2ือนเดขืออนง ตทิดกุ ตเด่ออื กนันตใอ่นมการนณาีนงแ้ีบดรงิษผัทู้เชต่าุ้ยผผิดู้ในหัด้เชไ่ามม่ชีสาิทรธะิบเงอินกคเา่ลเิกชส่าัญซ้ือญ2าไดเด้ แือตน่ ถต้าิดนตา่องกแันดงใผนิดกนรณัดกีนาี้บรรผิษ่อัทนตชุ้ยาผระู้ใหเพ้เชีย่างมเดีสือิทนธเิบดอียกวเลหิกรสือัญหลญาายไเดด้ ือแนต่ ถ้านางแดงผิดนัดการผ่อนชาระเพียงเดือนเดียว หรือหลายเดือน 1891879

๑๙๐ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 34 เร่ือง ตัวอย่างการกระทาความผดิ ทางแพง่ : การทาผิดสัญญา การทาละเมดิ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 เร่อื ง กฎหมายนา่ รู้ เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา ส 23101 สังคมศึกษาฯ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 แต่ไม่ติดต่อกัน จะผิดนัดก่ีคร้ังก็ตาม บริษัทตุ้ยผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิ บอกเลิกสญั ญา” จากนั้นวิเคราะหป์ ระเด็นตอ่ ไปน้ี แลว้ เขยี นคาตอบลงในสมุด จดบนั ทกึ 1) การทาผิดสัญญาจากข้อความน้ีเปน็ การกระทาผิดตาม กฎหมายใด (เเพ่งและพาณชิ ย์) 2) สาเหตสุ าคญั ท่ที าให้ผิดสญั ญา คืออะไร (สญั ญาเช่าซอื้ ) 3) ถา้ นายวชิ ัยไมส่ ง่ ค่างวดทุกเดือนติดต่อกนั เป็นเวลานาน 5 เดือน จะมีผลอย่างไร (บริษทั ตุ้ย สามารถบอกเลิกสญั ญาได้) 6. ครูตรวจสอบคาตอบ โดยสุม่ เรยี กนกั เรยี นนาเสนอผลการ วเิ คราะหห์ น้าช้ันเรียน และครอู ธบิ ายเพ่มิ เตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ ขน้ั สรปุ 7. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงความสาคัญและคุณค่า ของการศึกษา เรื่อง การทาผิดสัญญาและการละเมิด โดยใช้ คาถาม ดังน้ี “กฎหมายเก่ียวกับการทาผิดสัญญา และการทา ละเมิด มีประโยชน์ต่อตนเองอย่างไร (เป็นแนวทางการประพฤติ ปฏิบัติเพ่ือไม่ให้ตนเองกระทาความผิด และป้องกันการถูกเอารัด เอาเปรียบจากผอู้ ื่น) 11890

191 11891 7.การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอื่ งมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ ส่ิงท่ตี ้องการวดั /ประเมนิ ก- ากราตรอตบอบคาคถ�ำ าถมาม - คาถาม ต- อตบอคบาคถ�ำ าถมาถมูกถตกู ต้อ้องง ดา้ นความรู้ ส- ังสเังกเตกพตพฤตฤกิตรกิ รมรม แ- บแบบสังสเงักเตกต ร-ะรดะับดคบั ุณคุณคณุภาภพาผพ่าผน่าน 1. การทาผิดสัญญา พพฤตฤิกตริกรมรม เกเณกณฑฑ์ระร์ ดะบัดับพพอใอชใช้ ้ 2. การทาละเมดิ ป- รปะรเะดเน็ด็นกากราอรอภภิปิปรารยาย แ- บแบบสังสเงักเตกต ร-ะรดะบัดคับุณคณุ คุณภาภพาผพา่ ผนา่ น ด้านทักษะ/กระบวนการ สงัสเงักเตกพตพฤตฤกิตรกิ รมรม พพฤตฤิกตริกรมรม เกเณกณฑฑ์ระ์รดะบัดบัพพอใอชใช้ ้ - ทกั ษะการวิเคราะห์ - ทกั ษะการนาเสนอ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ 1. การอภปิ รายความสาคัญ และคุณค่าของการศึกษาเร่ือง การทาผดิ สัญญา และการ ละเมดิ ได้ 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค .................................................................................................................................................................... ...... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................. .............................................................................. ลงชือ่ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท่ี..........เดอื น..........พ.ศ............. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ...................................................................................................... ..................................................................... ลงช่อื ......................................ผ้ตู รวจ (.......................................................) วนั ท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ............


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook