Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครูติวโนเน็ตสังคม ม.6

คู่มือครูติวโนเน็ตสังคม ม.6

Published by jewly0014, 2019-01-30 11:20:26

Description: คู่มือครูติวโนเน็ตสังคม ม.6
จัดทำโดย นายนริศ จันทร์สะอาด ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
โรงเรียนเวียงสระ
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561
สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2.ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558

Keywords: ครู่มือครู,โอเน็ตสังคม

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม เพื่อเตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ ั้นพ้นื ฐานสอบ O-NET ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 11 จ.สรุ าษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 1 เพอื่ เตรียมความพร้อมทดสอบระดบั ชาตขิ ้นั พน้ื ฐานสอบ O-NET ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 สาระการเรียนรูท้ ี่ 1 ศาสนา ศาสนา หมายถึง ลัทธิความเช่ือ ของมนุษย์อันมีหลักคือแสดงกาเนิด และความส้ินสุดของโลก ความสาคัญของการนับถอื ศาสนา 1) ทาให้คนปกครองตนเองได้ในทกุ สถาน เพราะมีหลักธรรมช่วยพัฒนาจติ ใจให้รู้จกั ควบคุม กาย วาจา ใจ ใหป้ ราศจากการประทษุ ร้ายเบยี ดเบียนกนั (2) เป็นภูมิปัญญาระดับสูงทางความคิดและมโนธรรมอันลึกซึ้งที่นาชีวิตไปสู่จุดหมาย ปลายทางคือ สันตสิ ุข (3) เป็นสิ่งยึดเหน่ียวจิตใจของมนุษย์ในการดาเนินชีวิต เมื่อมีปัญหาใด ๆ มากระทบใจ ศาสนาเป็นท่พี ่ึงพาใจใหม้ นุษยไ์ ด้ (4) ศาสนาเป็นบ่อเกิดของวัฒนธรรมของสังคม ได้แก่ คติธรรม เนติธรรม สหธรรมและวัตถุ ธรรม สิ่งเหล่านีส้ ะท้อนใหเ้ ห็นคณุ ภาพจติ ใจท่ดี ีงามของมนษุ ย์ ศาสนาเป็นส่ิงทีอ่ ยู่คูก่ บั สังคมท่ีมวี วิ ฒั นาการ ไม่ใช่สังคมปา่ เถ่อื น เพราะหลักสาคัญทสี่ ดุ ท่ีศาสนาช่วย ทาให้สงั คมสงบร่มเยน็ คือ ศาสนาทุกศาสนามุ่งเน้น การทาความดี องค์ประกอบของศาสนา 1. ศาสดา คอื ผกู้ อ่ ต้ังศาสนา เช่น พระพุทธศาสนามีพระพทุ ธเจา้ ศาสนาคริสตม์ ีพระเยซู 2. ศาสนธรรม คอื ผลงานแต่ละศาสนาเกีย่ วกบั การดารงชวี ติ /จดุ มงุ่ หมายของชวี ติ 3. ศาสนบุคคล คอื ผสู้ ืบทอดศาสนาผทู้ าหนา้ ท่แี ทนศาสนา เช่น พระสงฆ์ นกั บวช บาทหลวง 4. ศาสนสถาน คอื สถานท่ปี ระกอบพธิ กี รรม เช่น พระพุทธศาสนามีวัด ศาสนาคริสต์มโี บสถ์ 5. พิธกี รรม คือ การปฎิบัตพิ ิธีกรรมต่าง ๆ เช่น ศาสนาคริสต์มพี ิธีการล้างบาป 6. สญั ลักษณ์ คือ เคร่อื งหมายแทนศาสนานนั้ ๆ เช่น ศาสนาคริสตม์ ไี ม้กางเขนเปน็ สัญลกั ษณ์ 7. ศาสนกิ ชน คอื ผู้นบั ถอื ศาสนาน้นั เช่น พทุ ธศาสนิกชน คริสตศาสนิกชน  ศาสนาไมจ่ าเป็นตอ้ งมีองค์ประกอบครบท้ัง 6 ประการ พราหมณ์-ฮนิ ดู อิสลามไม่มีนักบวช  องค์ประกอบสาคญั ที่ทุกศาสนาตอ้ งมี คือ ศาสนาธรรมและศาสนพธิ ี ประเภทของศาสนา เทวนิยม คือ ศาสนาทน่ี บั ถือพระเจ้า เชอ่ื วา่ พระเจา้ เปน็ ผสู้ ร้างทุกสรรพส่ิง  เอกเทวนยิ ม : นบั ถอื พระเจ้าองค์เดยี ว เชน่ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอสิ ลาม  พหเุ ทวนยิ ม : นบั ถอื พระเจ้าหลายองค์ เช่น ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู อเทวนิยม : ศาสนาทไ่ี ม่นับถือพระเจ้า ไม่เชือ่ วา่ พระเจา้ เป็นผู้สร้างทกุ สิง่ ขนึ้ เชน่ ศาสนาพทุ ธ เชน โรงเรยี นเวยี งสระ สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2 เพื่อเตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ นั้ พนื้ ฐานสอบ O-NET ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู : ศาสนาเกา่ แกท่ ีส่ ุดในโลก เดมิ ชื่อ ศาสนตน หมายว่า ศาสนาอันเปน็ นริ ันดร์ มคี มั ภรี พ์ ระเวท พราหมณ์ และวรรณะท้งั 4 โมกษะ >> เป็นจดุ มุ่งหมายสงู สุดของศาสนา หมายถึง ภาวะทีอ่ าตมนั เขา้ ไปรวมกับปรมาตมนั ทาให้ ไม่ตอ้ งเวียนวา่ ยตายเกดิ อีกต่อไป วธิ กี ารเข้าสู่โมกษะ ไดแ้ ก่ – กรรมโยคะ คอื วธิ ีทีใ่ ชก้ ารกระทา เชน่ บูชายัญ – ชญานโยคะ คอื วิธที ่ีใชส้ มาธิและปัญญา – ภกั ตโิ ยคะ คือ วิธที ีใ่ ชค้ วามจงรกั ภักดตี อ่ พระเจา้ อาศรม 4 คือ ข้ันตอนของชีวิตในชว่ งต่างๆ แบ่งเป็น – พรหมจารี ได้แก่ วัยเลา่ เรียน – คฤหสั ถ์ ไดแ้ ก่ วยั ครองเรือน หาทรพั ยส์ นิ เลย้ี งดูบุตรและภรรยา – วนปรัสถ์ ได้แก่ วยั ชรา วัยเข้าหาธรรมะ – สนั ยาสี ไดแ้ ก่ วัยทมี่ งุ่ เข้าหาโมกษะ คมั ภรี ์พระเวท แบ่งเปน็ – ฤคเวท คือ บทสรรเสริญอ้อนวอนพระเจา้ – ยชรุ เวท คือ คู่มือประกอบพิธกี รรม – สามเวท คอื คัมภีร์ถวายน้าโสมขับกล่อมเทพเจา้ – อาถรรพเวท คอื คัมภีรเ์ วทย์มนตค์ าถา ศาสนาศรสิ ต์ : คริสต์ หมายถงึ ผู้ทไี่ ดร้ บั การคดั เลอื กให้เป็นตวั แทนของพระเจา้ หลักคาสอน >> 1. บาปกาเนิด คือ บาปทีต่ ิดตัวมนุษยม์ าตงั้ แตเ่ กิด 2. ตรเี อกภาพ คือ พระเจ้าสูงสดุ พระองคเ์ ดยี ว แตม่ ี 3 สถานะ คือ พระบดิ า พระบตุ รและพระจติ 3. ความรกั เป็นกฎทองคาของศาสนาคริสต์ กลา่ วว่า “จงรักพระเจา้ สุดใจ สุดความคดิ สดุ กาลงั ” และ “จงรกั เพ่อื นบ้านเหมอื นเจา้ รกั ตัวเอง” 4. อาณาจกั รพระเจา้ คือ สภาวะจติ ใจท่ีบริสทุ ธ์ิ 5. นกิ ายของศาสนาคริสต์ 1. นิกายคาทอลคิ > เน้นว่าต้องเป็นผู้สืบทอดคาสอนจากพระเยซู > ประมขุ คอื สนั ตะปาปา และมพี ระท่ีเรยี กว่า บาทหลวง > เป็นนกิ ายเดยี วทเี่ ชอื่ เรอื่ งนักบุญ และแดนชาระวิญญาณผู้ตาย > รปู เคารพ คือ ไม้กางเขนทพ่ี ระเยซถู กู ตรึงอยู่ 2. นิกายออร์ทอดอกซ์ > แยกจากคาทอลคิ เพราะเหตผุ ลทางการเมือง โรงเรยี นเวยี งสระ สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 3 เพ่อื เตรียมความพรอ้ มทดสอบระดับชาตขิ ้ันพื้นฐานสอบ O-NET ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 > รูปเคารพ คอื ภาพ 2 มิติ 3. นกิ ายโปรเตสแตนท์ เชน่ ลัทธลิ ูเธอร์น และแอกลแิ คน > ไม่พอใจการกระทาคาสอนบางประการของสนั ตะปาปา > เนน้ คัมภีร์ ไมม่ นี กั บวช > รบั ศลี ศักดส์ิ ทิ ธเิ์ พียง 2 ศลี คือ ศีลล้างบาป และศีลมหาสนทิ ศาสนาซกิ ข์ : อสิ ลาม หมายถึง การยินยอมต่อพระผู้เป็นเจ้า ศาสนาอสิ ลามเกดิ ในดนิ แดนอาหรับโดยมี พระอลั เลาะห์เป็นพระผเู้ ป็นเจ้าซ่งึ เช่อื ว่าเป็นผสู้ ร้าง ผคู้ า้ จนุ ผฟู้ ื้นฟูโลกมนุษย์ มศี าสดา คือ มฮู ัมหมดั มี คมั ภรี อ์ ลั กุรอาน หลกั คาสอน >> 1. หลักความศรัทธา 6 ประการ คือ ความเชือ่ ในเรอื่ งดงั นี้ >พระเจา้ สูงสดุ องคเ์ ดยี ว คอื อลั เลาะห์ > พระลิขิต หมายถึง พระเจ้าลขิ ิตชวี ิตมนุษย์ > เทพบริวาร หมายถึง คนรบั ใชพ้ ระเจา้ > วนั พิพากษาโลก หมายถึง วันทพ่ี ระเจา้ ทาลายโลกและตดั สินความดีความชวั่ ของมนุษย์ > คมั ภีร์ หมายถึง หนังสือท่ีรวบรวมคาสอนคาพดู ของพระเจา้ > ศาสนทูต หรือศาสดาต่างๆ ชาวมสุ ลมิ จะตอ้ งใหเ้ กียรตยิ กย่องบรรดาศาสดาตา่ งๆอย่างเทา่ เทียมกนั 2. หลกั ปฏิบตั ิ 5 ประการ ได้แก่ > ปฏิญาณตน คือ การปฏิญาณตอ่ พระเจ้า > ละหมาด คอื การไหว้พระเจา้ วันละ 5 หน > ซะกาด คือ การบริจาคทาน > ศลี อด ปฏบิ ัติในเดือนรอมาฎอน คือการอดอาหารและเครอื่ งด่มื เพื่อใหร้ ้ถู งึ ความทุกข์ แล้วช่วยเหลือคนจนต่อไป > พธิ ีฮจั ญ์ คอื การเดนิ ทางไปแสดงสัตยาบนั ของพระเจ้าทเี่ มกกะ ประเทศซาอุดิอาราเบยี ศาสนาพทุ ธ : พุทธ หมายถงึ ผตู้ ่ืน ผ้เู บิกบาน องคป์ ระกอบของศาสนาพุทธ คอื พระรัตนตรัย หมายถงึ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นิกายทางพระพทุ ธศาสนา แบง่ ได้ดังนี้ 1. นิกายหินยาน มงุ่ ใหป้ ฏิบัติตนเพ่ือเปน็ พระอรหันต์ หลดุ พ้นจากความทกุ ข์ 2. นิกายมหายานววิ ัฒนาการจากนิกายมหาสังฆวาทโดยผสมผสานเขา้ กบั หลกั คาสอนของนิกายอื่น เช่น นิกายเถรวาท โรงเรียนเวยี งสระ สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 4 เพ่ือเตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดับชาตขิ ัน้ พ้นื ฐานสอบ O-NET ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 คมั ภรี ส์ าคญั ของศาสนาพุทธ คอื พระไตรปิฎก ได้แก่ 1. พระวนิ ัยปิฎก มสี าระเก่ียวกบั ขอ้ ปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์ 2. พระสุตตันตปฎิ ก มีสาระเก่ยี วกบั เทศนาของพระพทุ ธเจ้าและพระสาวก 3. พระอภธิ รรมปฎิ ก มีสาระเก่ยี วกบั หลกั ธรรมทางดา้ นวชิ าการ หลักคาสอนทีส่ าคญั ในศาสนาพทุ ธ 1.ไตรลักษณ์ >อนิจจา คือ ความไมเ่ ท่ียงแท้ >ทกุ ขตา คอื ความทนอยู่ไมไ่ ด้ >อนตั ตา คอื ภาวะท่ีไม่ใช่ตวั ตน 2.ขันธ์ 5 เรียกวา่ “เบญจขนั ธ์” หมายถงึ องค์ประกอบของชีวติ อนั ประกอบดว้ ย > รูปขันธ์ คอื สว่ นทเ่ี ปน็ ร่างกาย ประกอบดว้ ยธาตุทงั้ 4 คอื ดนิ นา้ ลม ไฟ > นามขันธ์ คอื ส่วนท่ีเป็นนามธรรม ไม่สามารถมองเห็นหรือจับต้องได้ ประกอบด้วย 4 สว่ น คือ เวทนา สญั ญา สังขาร และวญิ ญาณ 3.อริยสัจ 4 หมายถึง ความจรงิ อันประเสริฐ อรยิ สจั เป็นหวั ใจสาคญั ของพทุ ธศาสนา ได้แก่ > ทุกข์ สมทุ ยั นิโรธ มรรค มรรคมีองค์ 8 หรอื เรียกว่า มรรค 8 โดยยึดหลกั การเดนิ ในทางสายกลาง หรอื “มชั ฌมิ าปฏิปทา” ได้แก่ > สัมมาทิฐิ ความเห็นชอบ > สัมมาสังกัปปะ ความดาริชอบ > สมั มาวาจา เจรจาชอบ > สัมมากัมมันตะ การทางานชอบ > สมั มาอาชีวะ เล้ียงชพี ชอบ > สัมมาวายามะ พยายามชอบ > สัมมาสติ ตง้ั สตชิ อบ > สมั มาสมาธิ ตั้งใจชอบ มรรค 8 เมื่อจดั เข้าในระบบการฝึกอบรม เรยี กวา่ “ไตรสิกขา” พิธีกรรมสาคัญทางศาสนาพุทธ 1. พธิ ีบรรพชาและพิธีอปุ สมบท 2. พธิ เี ขา้ พรรษา ซ่งึ กาหนดไว้ 2 ระยะ คอื > วนั เข้าพรรษาแรก เรียกว่า ปรุ มิ พรรษา ตรงกับ แรม 1 คา่ เดอื น 8 > วนั เขา้ พรรษาหลงั เรียกว่า ปจั ฉิมพรรษา ตรงกับ แรม 1 ค่า เดือน 9 3. พธิ ีกฐิน 4. พิธีปวารณา คือ การเปิดโอกาสใหส้ งฆต์ กั เตือนกนั ได้ 5. พิธีแสดงอาบตั ิ วันสาคัญทางศาสนาพทุ ธ 1. วันมาฆบชู า ตรงกับวันเพ็ญเดอื น 3 เป็นวันท่พี ระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาตโิ มกข์ 2. วนั วสิ าขบชู า ตรงกบั วันเพ็ญเดือน 6 เปน็ วนั คลา้ ยวนั ประสูติตรัสรู้และปรินพิ พานของพระพทุ ธเจา้ 3. วนั อาสาฬหบชู า ตรงกบั วนั เพ็ญเดอื น 8 เป็นวนั แรกท่มี กี ารเกดิ พระรตั นตรัย โรงเรียนเวียงสระ สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 5 เพื่อเตรยี มความพร้อมทดสอบระดับชาติขัน้ พ้ืนฐานสอบ O-NET ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 1. ข้อใดใช้เป็นเกณฑใ์ นการจาแนกศาสนาเป็นเทวนิยม อเทวนิยม เอกเทวนยิ มหรือพหุเทวนยิ ม 1. ศาสดา 2. พธิ กี รรม 3. รูปเคารพ 4. ศาสนสถาน 5. ความเชื่อ 2. พฤตกิ รรมของใครถูกต้องทสี่ ุดในการนาวิธีการประกาศอิสรภาพจากกเิ ลสของพระพทุ ธเจ้ามาประยุกต์ใช้ ในชวี ติ 1. แดงตั้งใจเลกิ ดื่มเหลา้ ในวนั แม่ และก็สามารถทาได้สาเรจ็ 2. ดาตั้งใจละเลิกทกุ อยา่ งโดยการอุปสมบทเป็นพระภกิ ษตุ ลอดพรรษาและกท็ าไดจ้ นสาเร็จ 3. เขียวตง้ั ใจปฏิบตั ิธรรมโดยการรักษาศีล 8 ทกุ วนั พระ และกส็ ามารถทาได้สาเรจ็ 4. ขาวตงั้ ใจเล้ียงดูแมต่ ลอดชวี ิต จงึ นาแมไ่ ปไวท้ ่ีบ้านพักคนชรา 5. ฟ้าต้ังใจไมพ่ ูดโกหกทุกวนั ตลอดชวี ติ และกส็ ามารถทาได้สาเร็จ 3. พระเจ้าจักรพรรดิราชผู้เป็นนักปกครองที่ยิ่งใหญ่ มีพระบัญชาให้ลั่นกลองรบประกาศสงครามนาทัพ เดนิ หนา้ แผข่ ยายราชอาณาจักรออกไป เปรยี บไดก้ ับเหตุการณใ์ ดใน พุทธประวัติ 1. การประสตู แิ ละประกาศอาสภวิ าจา ณ ลมุ พนิ วี ัน 2. การตรสั รใู้ นคนื วันเพ็ญ ณ ใตต้ ้นพระศรมี หาโพธิ์ 3. การแสดงธรรมจกั ร ณ อิสปิ ตนมฤคทายวนั 4. การปรินิพพาน ณ กรุงกสุ ินารา 5. การถวายพระเพลิงพทุ ธสรรี ะ ณ กรุงกุสินารา 4. ขอ้ ใดแสดงกระบวนการและผลของการศึกษาไดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั พุทธศาสนา 1. สลี สิกขา นาไปสผู่ ลคอื ปัญญาทพ่ี ัฒนาแล้ว 2. จิตตสกิ ขา นาไปสู่ผลคอื กายทพี่ ฒั นาแล้ว 3. ปญั ญาสกิ ขา นาไปสู่ผลคือจติ ท่ีพฒั นาแล้ว 4. สลี สิกขา นาไปสผู่ ลคือกายและความประพฤตทิ ่พี ฒั นาแล้ว 5. ปัญญาสกิ ขา นาไปส่ผู ลคือจติ และปัญญาที่พฒั นาแล้ว โรงเรยี นเวียงสระ สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 6 เพือ่ เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ ้นั พ้นื ฐานสอบ O-NET ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 5. อริยสัจ กับ ปฏจิ จสมปุ บาท เป็นองคธ์ รรมท่เี หมือนหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร 1. ต่างกัน เพราะอริยสัจเน้นกระบวนเกดิ ทุกข์ ส่วนปฏิจจสมุปบาทเน้นกระบวนการดบั ของสรรพส่งิ 2. เหมือนกัน แต่ต่างมุมมอง เพราะอริยสัจเน้นกระบวนการสัมพันธ์แต่ปฏิจจสมุปบาทเน้นวิธีการ แก้ปัญหา 3. ต่างกนั เพราะอรยิ สจั เน้นแสดงกระบวนการดบั ทกุ ข์ แต่ปฏิจจสมุปบาทเนน้ แสดงกระบวนการเกิด ทุกข์ 4. เหมอื นกัน แต่ต่างมุมมอง เพราะอริยสัจเน้นวิธีการแก้ปัญหา ส่วนปฏิจจสมุปบาทเน้นกระบวนการ แห่งปจั จยั สมั พนั ธ์ 5. เหมอื นกนั แตต่ า่ งมุมมอง เพราะอรยิ สจั แสดงธรรมชาติทเ่ี ปน็ แกนกลางของปฏิจจสมุปบาท 6. แดงกับดาเป็นเพื่อนกัน วันหนึ่งดาได้ไปเก็บมะม่วงท่ีตนปลูกไว้หลังบ้านมารับประทานร่วมกันอย่าง เอร็ดอร่อย แดง : \"มะม่วงลูกนี้หวาน กรอบอร่อยมากเลยนะ\" ดา : \"ไม่อร่อยได้ไง ฉันขอต้นพันธุ์อย่างดีมา จากบา้ นปา้ ของฉันที่จังหวัดจนั ทบุรีเลยนะ ถ้าไม่ใช่พันธนุ์ ี้คงไม่อรอ่ ยอย่างนหี้ รอก\" แดง : \"ฉันก็เคยหามะมว่ ง พนั ธด์ุ ีๆ มาปลูกเหมอื นกัน แต่ไม่คอ่ ยมเี วลาดูแลและใส่ปุ๋ยจงึ ทาให้ตน้ มันตายไปในทีส่ ุด ฉนั วา่ นะ นอกจากจะ ได้พันธดุ์ แี ล้ว นายคงดแู ล ใส่ปยุ๋ พรวนดนิ และเอาใจใสต่ ้นไม้นอ้ี ยา่ งดีนะสิ มันจึงเติบโตสงู ใหญ่จนมีดอกมีผล ท่ีเอร็ดอร่อยอย่างน้ี\" จากบทสนทนาในสถานการณ์ข้างต้น ใครเป็นคนแสดง “เหตุ” และ/หรือ “ปัจจัย” ที่ ถูกตอ้ งทส่ี ดุ 1. แดงแสดงเหตุและปจั จยั 2. แดงแสดงเหตุ 3. ดาแสดงปจั จัย 4. ดาแสดงเหตุ 5. ดาและแดงแสดงทง้ั เหตแุ ละปจั จยั 7. รอยเท้าช้างเป็นยอดหรือใหญ่ที่สุดกว่ารอยเท้าของสัตว์ใด ๆ รอยเท้าช้างจึงถือว่าเป็นท่ีรวมของรอยเท้า สัตว์ทุกชนิด เมื่อเปรียบกับหลักคาสอนของพระพุทธเจ้าท้ังหมด คาว่า “รอยเท้าช้าง” ในที่นี้เปรียบได้กับ หลกั ธรรมข้อใด 1. โอวาทปาฏิโมกข์ 2. พระนพิ พาน 3. อริยสัจ 4. อปั ปมาทธรรม 5. เมตตากรณุ า โรงเรยี นเวยี งสระ สานักงานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 7 เพื่อเตรียมความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาติขนั้ พน้ื ฐานสอบ O-NET ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 8. การทาละหมาดตามบทบัญญัติของศาสนาอสิ ลามเป็นการนมัสการต่ออะไร 1. เทวบัญชา 2. พระเจ้า 3. ผรู้ ู้ทางศาสนา 4. คัมภรี อ์ ลั กุรอาน 5. ศาสนสถานทเี่ คารพ 9. หลักเศรษฐกิจพอเพยี งและการพฒั นาท่ียงั่ ยนื มีหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ในข้อใดบ้างเป็นฐานรองรับ ทส่ี าคญั 1. มัชฌมิ าปฏิปทา อัปปมาทธรรม พละ และไตรสกิ ขา 2. มัชฌมิ าปฏปิ ทา นาถกรณธรรม สาราณียธรรม และอรยิ วัฑฒิ 3. มัชฌมิ าปฏปิ ทา สันโดษ ฆราวาสธรรม และเบญจศลี 4. มัชฌิมาปฏิปทา อปั ปมาทธรรม สนั โดษ และปัญญา 5. มัชฌิมาปฏิปทา อุปาสกธรรม ปัญญา และ เบญจศีล 10. ขอ้ ใดกล่าวถึงแนวคิดการพัฒนาท่ีย่งั ยนื ตามหลักพทุ ธศาสนาไดอ้ ย่างถกู ต้อง 1. เนน้ ความสมดลุ ระหว่างการพฒั นาคนเปน็ พทุ ธศาสนิกชนท่ดี แี ละการพฒั นาเศรษฐกจิ 2. เน้นความสมดลุ ระหวา่ งการพฒั นาคนเป็นพุทธศาสนิกชนทีด่ แี ละการบรรลพุ ระนพิ พาน 3. เน้นความสมดุลระหวา่ งการพัฒนาเศรษฐกจิ สงั คม และสงิ่ แวดล้อม 4. เน้นความสมดลุ ระหวา่ งการพฒั นาศาสนา ชมุ ชน สังคม และการเมอื ง 5. เนน้ ความสมดลุ ระหวา่ งการพัฒนาคน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 11. หลักการปกครองตามระบอบเผด็จการและระบอบประชาธิปไตยมีลักษณะตรงกับหลักอธิปไตยข้อใดใน พระพทุ ธศาสนา 1. เผดจ็ การ = โลกาธปิ ไตย ประชาธิปไตย = ธรรมาธปิ ไตย 2. เผด็จการ = ธรรมาธิปไตย ประชาธิปไตย = โลกาธปิ ไตย 3. เผด็จการ = อตั ตาธิปไตย ประชาธปิ ไตย = โลกาธปิ ไตย 4. เผด็จการ = ธรรมาธิปไตย ประชาธิปไตย = อตั ตาธิปไตย 5. เผด็จการ = อตั ตาธปิ ไตย ประชาธิปไตย = ธรรมาธปิ ไตย 12. ข้อใดแสดงหลักการอยู่ร่วมกนั อย่างสนั ตสิ ขุ ระหว่างศาสนาทสี่ อดคลอ้ งกันมากทส่ี ดุ 1. จาคะในพทุ ธศาสนา และศรทั ธาในศาสนาคริสต์ 2. การละหมาดในศาสนาอิสลาม และเบญจศีลในศาสนาพุทธ 3. ความเสมอภาคและเทา่ เทยี มกนั ในฐานะบุตรของพระเจ้าในศาสนาครสิ ต์และศาสนาสกิ ข์ 4. พรหมจรรย์ในศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดูและห้ามประพฤติผิดในกามในศาสนาพทุ ธ 5. การแบง่ ปันในศาสนาคริสต์ และซะกาตในศาสนาอสิ ลาม โรงเรยี นเวยี งสระ สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 8 เพื่อเตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ ัน้ พื้นฐานสอบ O-NET ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 13. ความเชอื่ เรือ่ งคาํ พพิ ากษามีปรากฏในศาสนาใด 1. พราหมณ์ฮินดู - อสิ ลาม 2. ครสิ ต์ - พราหมณ์ฮินดู 3. อิสลาม - คริสต์ 4. พุทธ - อิสลาม 5. พทุ ธ - ครสิ ต์ 14. “ประชาพิจารณ์คอื การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องท่ีมีผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนทุก คน” จากหลักการประชาพิจารณ์นม้ี ีลักษณะสอดคล้องกับ คติธรรมในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาในข้อใด 1. วันวิสาขบชู า 2. วันอาสาฬหบชู า 3. วันมาฆบชู า 4. วนั เข้าพรรษา 5. วนั ออกพรรษา 15. หากนักเรยี นมีความประสงค์จะทาํ บญุ ถวายผา้ อาบน้ําฝนแดพ่ ระสงฆค์ วรถวายผ้าอาบน้ําฝนในวันใดจึงจะ เหมาะสมที่สุด 1. วันวิสาขบชู า 2. วนั อาสาฬหบูชา 3. วนั มาฆบูชา 4. วนั เข้าพรรษา 5. วันออกพรรษา 16. บคุ คลในข้อใดเปน็ บคุ คลท่ีถูกหา้ มอปุ สมบทเปน็ พระภกิ ษุอย่างเดด็ ขาด 1. นายแดง เคยบวชเป็นพระภกิ ษุ แตถ่ กู จับสึกเพราะมีเพศสัมพันธก์ บั ผหู้ ญิง 2. นายขาว เปน็ คนยากจน อยากบวชพระ แตไ่ ม่มบี าตรและจวี ร 3. นายเขียว เป็นโรคเอดส์ 4. นายดํา มอี วยั วะบกพร่อง 5. นายม่วง หนีคดฆี า่ คนมาขอบวชพระ บนั ทกึ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… โรงเรยี นเวยี งสระ สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 9 เพ่อื เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาติข้ันพื้นฐานสอบ O-NET ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 สาระการเรียนรทู้ ี่ 2 หน้าทีพ่ ลเมือง พลเ มือง ดี หมายถึง ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่พลเ มืองได้ครบถ้วน ท้ังกิจที่ต้องทา และกิจที่ควรทา หนา้ ท่ี หมายถงึ กจิ ท่ีตอ้ งทา หรือควรทา เป็นส่งิ ท่ีกาหนดใหท้ า หรือห้ามมิให้กระทา ถ้าทากจ็ ะกอ่ ให้เกดิ ผลดี เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว หรือสังคมส่วนรวมแล้วแต่กรณี ถ้าไม่ทาหรือไม่ละเว้นการกระทาตามที่ กาหนดจะได้รับผลเสียโดยตรง คือ ได้รับโทษ หรือถูกบังคับ เช่น ปรับ จา คุก หรือประหารชีวิต เป็นต้น โดยทั่วไปส่งิ ทีร่ ะบกุ ิจทีต่ อ้ งทา ไดแ้ ก่ กฎหมาย เปน็ ตน้ กฎหมาย คอื กฎท่ีสถาบันหรือผู้มีอานาจสูงสดุ ในรฐั ตราขน้ึ หรอื ท่เี กิดขน้ึ จากจารีตประเพณีอันเป็นท่ยี อมรับ นบั ถือ เพ่อื ใชใ้ นการบริหารประเทศ เพื่อใช้บังคับบุคคลใหป้ ฏบิ ัตติ าม ความสาคญั ของกฎหมาย 2.1 เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยในสังคม กิจกรรมท่ีเกิดข้ึนในประเทศ จะมีท้ังทางเศรษฐกิจ สังคม และ การเมือง 2.2 เพ่อื ควบคมุ พฤตกิ รรมของบุคคลในสงั คมใหอ้ ยูใ่ นระเบียบแบบแผนทด่ี งี าม 2.3 เพือ่ ปกปอ้ งและรกั ษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ประเภทของกฎหมาย 4.1 แบง่ ตามความสัมพนั ธ์ 1. กฎหมายเอกชน คอื กฎหมายทบ่ี ญั ญตั ิถงึ ความสมั พันธ์ระหว่างเอกชนกบั เอกชนดว้ ยกนั 2. กฎหมายมหาชน คือ กฎหมายท่ีบญั ญัตถิ งึ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งรัฐกับประชาชน 3. กฎหมายระหว่างประเทศ คอื กฎหมายทบ่ี ญั ญตั ิถึงความสัมพันธร์ ะหว่างรัฐกับรฐั 4.2 แบง่ ตามลาดับศักดขิ์ องกฎหมาย 1. พระราชบัญญัติ คือ เป็นกฎหมายท่ีตราขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรอื คณะรฐั มนตรีเป็นผู้เสนอ 2. พระราชกาหนด เป็นกฎหมายที่ตราข้นึ โดยฝ่ายบรหิ ารมีฐานะเทยี บเทา่ พระราชบัญญัติ การตราพระราชกาหนดทาไดเ้ ฉพาะเหน็ ว่าเป็นกรณีทฉ่ี กุ เฉิน ได้แก่ การกระทาเพอื่ ประโยชน์ในอนั ท่จี ะ (1) รักษาความปลอดภยั ของประเทศ (2) รกั ษาความปลอดภยั สาธารณะ (3) รักษาความมัน่ คงในทางเศรษฐกิจของประเทศ (4) ปอ้ งกันภัยพบิ ตั ิสาธารณะ (5) จาเป็นต้องมีกฎหมายเกีย่ วด้วยภาษีอากรหรือเงินตราซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับ เพอื่ รักษาประโยชน์ของแผน่ ดนิ โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 11 จ.สรุ าษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 10 เพ่ือเตรียมความพรอ้ มทดสอบระดับชาตขิ ัน้ พื้นฐานสอบ O-NET ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 3. พระราชกฤษฎกี า เป็นกฎหมายท่ีตราข้นึ โดยฝ่ายบริหารเพื่อวางระเบียบการต่างๆ ทางบริหารโดย มพี ระราชบญั ญตั ิ พระราชกาหนด หรอื รฐั ธรรมนญู ให้อานาจไว้ 4. กฎกระทรวง เป็นกฎที่ตราขึ้น โดยรัฐมนตรีผู้ท่ีดูแลกระทรวงน้ันเพ่ือกาหนดรายละเอียดต่างๆ สาหรับการนาไปปฏบิ ัติ 5. กฎอื่น ๆ เช่น ประกาศ ระเบียบ ข้อบงั คับ เป็นตน้ 4.3 แบ่งตามลกั ษณะของการนาไปใช้ (1) กฎหมายสารบัญญัติ เป็นกฎหมายท่ีว่าด้วยสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของบุคคล โดยจะ กาหนดการกระทาทเ่ี ปน็ องค์ประกอบแหง่ ความผดิ อันจะก่อให้เกิดสภาพบังคับ (2) กฎหมายวิธีสบัญญัติ เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการวางวิธีการปฏิบัติสาหรับบุคคลท่ีจะเรียกร้องขอ ความคุมครองของกฎหมาย เมือ่ มีข้อโตแ้ ยง้ เก่ียวกบั สิทธิและหนา้ ท่ีเกดิ ขึน้ กฎหมายแพ่งทเ่ี กีย่ วข้องกบั ตนเองและครอบครัว กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมายถึง กฎหมายซึ่งรวมเอาบทบัญญัติเกี่ยวกับเร่ืองทางแพ่ง และในทาง พาณิชย์ขา้ ไวด้ ว้ ยกนั บุคคล หมายถึง ส่ิงท่มี ีสิทธิและหนา้ ที่ตามกฎหมาย แบ่งได้เปน็ 2 ประเภท คือ - บุคคลธรรมดา หมายถึง มนุษย์ซึ่งมีสภาพบุคคลและส้ินสุดสภาพบุคคล โดยการตายและต้องมีสิ่ง ประกอบหรือทาให้ความเป็นบคุ คลปรากฏชดั เจนขึน้ - นิติบคุ คล หมายถงึ กลุ่มบุคคลหลายคนร่วมกนั ต้งั กลุ่มขึ้นโดยอาศัยอานาจในทางกฏหมายการกระทา การอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง 1. ความสามารถของบุคคลทั่วไป ตามกฎหมายปกติแล้วบุคคลทุกคนมีสิทธิทางกฎหมายเท่าเทียมกันแต่ แตกตา่ งกนั คือ ความสามารถในการใช้สิทธิ 2. ความสามารถของบุคคลไร้ความสามารถ บุคคลไร้ความสามารถ หมายถึง บุคคลใดๆซ่ึงไม่มี ความสามารถตตามกฎหมาย กฎหมายเกยี่ วกับบตั รประชาชน บัตรประจาตัวประชาชนเปน็ เอกสารท่ีสาคัญอย่างยง่ิ ที่ประชาชนทุกคนตอ้ งมี ซึง่ บัตรประจาตัวประชาชนจะเส ดงภูมลิ าเนาและที่อยเู่ พ่ือความสะดวกในการตดิ ต่อ ตดิ ตาม และการช่วยเหลอื ต่างๆ ไดง้ ่ายข้ึน กฎหมายทเ่ี กยี่ วกบั ครอบครัว 1. การหม้ัน ชายและหญิงสามารถกระทาการหมน้ั ได้กต็ ่อเมือ่ มีอายุ 17 ปีบรบิ ูรณ์ ถ้าฝ่ายหนงึ่ ฝ่ายใด อายุยังไมถ่ ึง 17 ปี การหมนั้ ถือวา่ เปน็ โมฆะ การหมน้ั ตอ้ งได้รบั ความยินยอมของบุคคลดังตอ่ ไปนี้ - บิดาและมารดา - ผรู้ ับบตุ รบุญธรรม - ผ้ปู กครอง โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 11 เพอื่ เตรยี มความพร้อมทดสอบระดับชาติข้นั พ้ืนฐานสอบ O-NET ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 2. การสมรส การสมรสจะกระทาได้ก็ต่อเม่ือชายและหญิงมีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ แต่กรณีท่ีมีเหตุอัน สมควรอาจจะขออนญุ าตให้ทาการสมรสก่อนได้ 3. ทรัพยส์ นิ ระหว่างสามีภรรยา 3.1 สินส่วนตัว ไดแ้ ก่ ทรพั ย์สินที่ (1) ฝ่ายใดฝา่ ยหนึ่งมีอยกู่ ่อนสมรส (2) เปน็ เครอื่ งใชส้ อยส่วนตัว เครื่องแตง่ กาย (3) เคร่ืองมอื เคร่อื งใช้ที่จาเป็นในการประกอบอาชีพ 3.2 สนิ รสมรส ได้แก่ ทรพั ยส์ นิ ที่ (1) คู่สมรสได้มาระหวา่ งท่ีสมรส (2) ฝา่ ยใดฝ่ายหน่ึงมาระหวา่ งสมรสโดยพินัยกรรม (3) เปน็ ดอกผลของสนิ ส่วนตัว 4. ความสมั พนั ธใ์ นครอบครัว - สามีภรรยาต้องชว่ ยเหลืออุปการะกันตามความสามารถและฐานะของตน - บุตรมสี ิทธิใชน้ ามสกลุ ของบดิ าและมีสิทธิได้รับมรดกของบิดา - บดิ ามารดาต้องอปุ การะจนกระท่งั บุตรบรรลนุ ิติภาวะ ต้องให้การศึกษาแก่บุตร - บุตรไมส่ ามารถฟ้องร้องอปุ การีได้ - บุคคลท่ีสามารถรบั คนอื่นเปน็ ลกู บุญธรรมได้ ต้องมอี ายมุ ากกว่า 25 ปี - บตุ รบุญธรรมมีฐานะได้สทิ ธเิ ช่นเดียวกับบุตร 5. การหย่า การหยา่ นั้นจะกระทาไดโ้ ดยยนิ ยอมทงั้ สองฝา่ ย หรอื โดยคาพพิ ากษาของศาล 6.มรดก มรดก หมายถึง ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตายตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบต่าง ๆ ด้วยเวน้ แต่ตามกฎหมายหรือโดยสภาพแลว้ เป็นการเฉพาะตวั ของผ้ตู ายโดยแท้ โดยการไดร้ บั มรดกมีสาเหตุ ดังต่อไปนี้ 6.1 เจ้ามรดกตาย การตายของเจ้ามรดก หมายถึง การตายโดยธรรมชาติ กล่าวคอื หัวใจหยุดเต้น และสมองไม่ ทางาน สว่ นสาเหตุทท่ี าให้เจ้ามรดกตอ้ งตายนนั้ อาจเปน็ เพราะสาเหตุใด ๆ ก็ได้ 7 . ทายาท 7.1 ทายาทโดยธรรม คือ บุคคลทม่ี สี ิทธริ ับมรดกโดยผลของกฎหมาย มผี สู้ บื สนั ดาน บิดา มารดา พีน่ ้องร่วมบิดามารดาเดยี วกนั ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ปา้ น้า อา โรงเรยี นเวียงสระ สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 12 เพื่อเตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดับชาติขั้นพืน้ ฐานสอบ O-NET ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 7.2 ทายาทโดยพนิ ัยกรรม หมายถึง ผูท้ ่ีมสี ิทธิรับมรดกตามทพี่ นิ ยั กรรมกาหนดไว้ 8. พนิ ยั กรรม คือ การแสดงเจตนากาหนดการเผือ่ ตาย กฎหมายแพ่งเกย่ี วกบั ความสามารถของผู้เยาว์ > ผู้เยาว์ คอื บุคคลซง่ึ ยงั ไม่บรรลุนิตภิ าวะ การสน้ิ สดุ ผู้เยาวส์ ิ้นสดุ เม่ือ 1. อายคุ รบ 20 ปีบริบรู ณ์ 2. สมรสตามกฎหมาย กิจการทีผ่ เู้ ยาว์สามารถทาได้ และก่อให้เกดิ ผลทางกฎหมายแบง่ เป็น 2 ประเภท คือ 1. นติ กิ รรม คือ กิจการใด ๆ ทบ่ี คุ คลกระทาโดยชอบด้วยกฎหมาย 2. นิตเิ หตุ คอื เหตกุ ารณ์ใด ๆ ที่นอกเหนือจากนิติกรรม เกดิ ได้ 2 ทาง คอื 2.1 เกิดโดยธรรมชาติ 2.2 เกดิ จากการกระทาของบุคคล > ด้านทรัพย์สนิ ของผเู้ ยาว์ - ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ สามารถจัดการกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ได้โดยลาพัง ตามทเ่ี หน็ สมควรและประโยชน์ของผ้เู ยาว์ - ผู้แทนโดยชอบทาของผู้เยาว์ ไม่สามารถทาหน้ี ทาหนี้โดยที่ผู้เยาว์จะต้องทาเองโดย ไม่ไดร้ ับความยินยอมจากผู้เยาวไ์ มไ่ ด้ > การทานิตกิ รรมใด ๆ ของผู้เยาว์ หากปราศจากการยนิ ยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมจะถอื ว่าเป็น โมฆยี ะท้ังสิน้ แต่มขี อ้ ยกเว้นในบางกรณี ได้แก่ 1. การทานติ ิกรรมทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ ก่ผู้เยาว์ฝา่ ยเดยี ว 2. การทานิตกิ รรมทผ่ี ู้เยาวต์ ้องทาเองเฉพาะตวั 3. การทานติ ิกรรมเพอ่ื ดารงชพี ของผู้เยาว์ กฎหมายแพง่ เก่ยี วกบั คนไร้ความสามารถ  คนไรค้ วามสามารถ คือ บคุ คลวกิ ลจรติ ซึ่งอาจเกิดจากโรคจติ จติ ฟนั่ เฟือน ผลของการเป็นบุคคลไรค้ วามสามารถ 1. บุคคลที่ศาลส่ังให้เป็นคนไร้ความสามารถน้ัน จะต้องจัดอยู่ในความอนุบาล ศาลจะส่ังให้อยู่ในความ อนบุ าล หมายถึง จะตอ้ งมผี ูอ้ นุบาลเพอื่ ดูแลจดั การทรพั ยส์ ินของบคุ คลทไ่ี ร้ความสามารถ 2. การใด ๆ อันคนไรค้ วามสามารถได้ทาลงตกเป็นโมฆยี ะ การส้ินสุดแหง่ การเป็นคนไรค้ วามสามารถ 1. เมือ่ คนทีไ่ รค้ วามสามารถถึงแกค่ วามตาย 2. ศาลมีคาสัง่ เพิกถอนคาสงั่ ให้เปน็ คนไร้ความสามารถ โรงเรียนเวียงสระ สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 13 เพอื่ เตรียมความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ นั้ พนื้ ฐานสอบ O-NET ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 กฎหมายแพง่ เกย่ี วกับคนเสมือนไรค้ วามสามารถ  คนเสมือนไร้ความสามารถ (Quasi-Incompetent) คือ บุคคลท่ีมีเหตุบกพร่องบางส่ิง บางอย่าง ไม่สามารถจดั การงานของตนเองได้ ผลของการเปน็ คนเสมือนไรค้ วามสามารถ 1. ตกอย่ใู นความพิทักษ์ 2. ถกู จากดั ความสามารถบางชนิด การสิ้นสดุ แห่งการเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ 1. คนเสมอื นไร้ความสามารถถงึ แก่ความตาย 2. ศาลส่งั ให้เปน็ คนไรค้ วามสามารถ 3. ศาลสงั่ ถอนคาสั่งใหเ้ ป็นคนคนเสมอื นไรค้ วามสามารถ กฎหมายแพ่งเกี่ยวกบั คนวกิ ลจรติ บคุ คลวิกลจรติ (Unsound Mind) คือ บุคคลท่ีมอี าการวิกลจริตทศ่ี าลยงั ไมไ่ ด้ส่งั ให้เป็นคนไร้ความ สามารถ ย่อมอยู่ในฐานะเป็นผ้ทู ส่ี ามารถเหมือนดังบุคคลท่ัวไป กฎหมายแพ่งเก่ยี วกับนิตกิ รรมสัญญา นติ ิกรรม หมายถงึ การกระทาของบุคคลท่ีชอบด้วยกฎหมายและโดยสมัครใจ มุ่งโดยตรงต่อการผูก นติ ิสมั พนั ธ์ขึน้ ระหว่างบคุ คล เพื่อจะก่อให้เกดิ การเคลือ่ นไหวแหง่ สิทธติ ามเจตนาของบคุ คลนั้น ในการทานติ กิ รรมนั้นขอบเขตท่ีกฎหมายกาหนดห้ามไว้โดยวัตถุประสงคม์ ี 3 ประการ คือ 1. นติ กิ รรมที่มวี ตั ถปุ ระสงค์ทีเ่ ป็นการขดั ตอ่ กฎหมาย 2. นติ ิกรรมที่ขัดตอ่ ความสงบเรียบรอ้ ย 3. นติ ิกรรมท่มี ีวตั ถุประสงค์ทเ่ี ป็นการพ้นวสิ ยั หน้ี คือ ความผกู พันทางกฎหมายระหวา่ งบคุ คล 2 ฝ่าย คือ เจา้ หน้ี มีสิทธิจะเรยี กให้ลกู หนีช้ าระหนี้ ลกู หนี้ มหี นา้ ทีป่ ฏิบัติตามที่ตกลงกบั เจ้าหน้ี ทรพั ย์ ทรพั ย์ หมายถึง วตั ถทุ ่ีมีรูปร่าง เชน่ วิทยุ บ้าน ที่ดิน และส่วนท่ีไมม่ ีรปู ร่าง เชน่ สทิ ธิ ทรพั ย์แบง่ ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. อสงั หาริมทัพย์ 2. สงั หาริมทรัพย์ ทรัพย์สิน หมายถึง ทรัพย์และวัตถุไม่มีรูปร่าง ซ่ึงอาจมีราคา ทรัพย์สินจะเกิดข้ึนโดยอานาจแห่ง กฎหมาย เช่น กรรมสทิ ธิ์ สิทธิครอบครองภาระจายอม สทิ ธอิ าศัย สทิ ธเิ หนือพ้นื ดิน สิทธเิ ก็บเงิน โรงเรยี นเวียงสระ สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 14 เพ่อื เตรยี มความพร้อมทดสอบระดับชาติขั้นพน้ื ฐานสอบ O-NET ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 > นิติกรรมสัญญา ได้แก่ สัญญาซ้ือขาย สัญญาขายฝาก การเช่าทรัพย์ การเช่าซื้อ การกู้ยืม การค้าประกัน การจานา และการจานอง กฎหมายอาญา กฎหมายอาญา คอื กฎหมายท่รี วมเอาลักษณะความผิดต่าง ๆ และกาหนดบทลงโทษซ่ึงบญั ญตั ขิ ้ึนโดย มีจดุ ประสงคท์ ี่จะรักษาความสงบเรียบร้อยภายในสงั คม การกระทาท่ีมผี ลกระทบกระเทือนตอ่ สังคมหรือคน สว่ นใหญ่ของประเทศ โดยถือวา่ เป็นความผดิ ทางอาญาหากปลอ่ ยใหม้ ีการดาเนินการเอง เจตนา คือ การกระทาผิดทางอาญา ที่ผู้กระทาร้อู ยู่แลว้ วา่ สิ่งท่ีตนทานั้นเป็นความผิดแต่ยงั ทาลงไปท้ัง ๆ ทีร่ สู้ านึกในการท่ีกระทา ประมาท คือ การกระทาที่ผกู้ ระทามไิ ด้ตั้งใจให้เกดิ ผลร้ายแก่ใคร แตเ่ น่ืองจากกระทาโดยไมร่ ะมดั ระวัง ทาให้เกดิ ผลรา้ ยแก่ผ้อู น่ื ไมเ่ จตนา คอื การกระทาทผี่ ู้กระทามิไดต้ งั้ ใจทาเพอ่ื ให้เกดิ ผลอยา่ งหน่งึ ความผดิ เกย่ี วกับทรพั ย์ 1. ความผิดเก่ียวกับการลักทรัพย์ เป็นความผิดที่เอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไป โดยทุจริต แม้ว่าเจ้าของทรัพยจ์ ะไม่ติดใจเอาความแต่ความผิดเก่ียวกับการลักทรัพย์ไม่สามารถยอมความ กันได้ 2. ความผิดเก่ียวกับการว่ิงราวทรัพย์ เป็นความผิดในการลักทรพั ย์ของผู้อืน่ โดยมีการฉกฉวยเอาไปซ่ึงหน้า โดยไมม่ ีความเกรงกลัว 3. ความผดิ เก่ียวกับการชิงทรัพย์ เปน็ ความผิดในการลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยมีการใช้กาลงั ประทุร้ายหรือขู่ เขญ็ วา่ ทันใดนน้ั จะใช้กาลงั ประทรุ า้ ย เพือ่ ใหเ้ กิดความสะดวกแก่การลกั ทรพั ย์หรอื พาทรัพยน์ นั้ ไป 4. ความผิดเกี่ยวกับการปลน้ ทรัพย์ เป็นความผิดในการชงิ ทรพั ย์ทรี่ ่วมกันกระทาความผิดด้วยกันตง้ั แต่ 3 คนขน้ึ ไป 5. ความผิดเกี่ยวกับการกรรโชกทรัพย์ เปน็ ความผดิ ในการใช้กาลังประทรุ ้ายหรือขู่เข็ญวา่ จะทาอนั ตรายต่อ ชวี ติ และรา่ งกาย เสรภี าพ ชอ่ื เสยี ง หรอื ทรัพย์สินกบั ผถู้ ูกประทรุ ้าย 6. ความผิดเกี่ยวกับการรีดเอาทรัพย์ เป็นความผิดในการข่มขนื ใจผู้อน่ื ใหเ้ ปิดเผยความลับท่ีเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรพั ยส์ นิ 7. ความผิดเกี่ยวกบั การฉ้อโกงทรัพย์ เป็นความผิดที่ใช้กลอุบายเอาทรัพย์สินผู้อื่นโดยการหลอกลวงและ ปกปดิ ขอ้ เทจ็ จรงิ 8. ความผิดเก่ียวกับการยักยอกทรัพย์ เป็นความผิดท่ีผู้กระทาผิดได้ทรัพย์ของผู้อื่นมาครอบครองไว้แล้ว เบยี ดบงั เอาทรพั ย์น้ันเปน็ ของตน โรงเรียนเวยี งสระ สานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สรุ าษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 15 เพ่ือเตรยี มความพร้อมทดสอบระดับชาติขนั้ พื้นฐานสอบ O-NET ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 ความผิดเกี่ยวกับชวี ิตและร่างกาย 1. ความผิดเกยี่ วกบั ชวี ิต คือ เป็นความผิดทท่ี าใหผ้ ู้อืน่ ถงึ แก่ความตายไมว่ า่ จะด้วยวิธกี ารใด เจตนาใหต้ าย หรอื ไม่ ซงึ่ มคี วามผิดทีส่ าคญั ได้แก่ 1.1 ความผิดฐานฆา่ ผ้อู นื่ 1.2 การชว่ ยยุยงให้ผอู้ ื่นหรือเด็กฆา่ ตนเอง 2. ความผิดเก่ยี วกบั ร่างกาย คือ ทารา้ ยผอู้ น่ื จนเปน็ เหตุใหเ้ กิดอนั ตรายแก่กายและจิตใจ มี 4 ลักษณะ คือ 2.1 ทารา้ ยรา่ งกายโดยไม่มีอันตราย 2.2 ทาร้ายรา่ งกายโดยมีอันตราย 2.3 ทารา้ ยร่างกายโดยไดร้ ับอันตรายสาหัส 2.4 ทารา้ ยรา่ งกายจนถงึ แกช่ ีวิต 3. ความผิดท่ีกระทาโดยประมาทต่อชีวิตและร่างกาย กฎหมายได้บัญญัติให้รับผิดในการกระทาโดย ประมาทสามารถแยกไดต้ ามความหนกั เบา คือ 3.1 การกระทาโดยประมาทเป็นเหตใุ ห้ผอู้ นื่ ถึงแกค่ วามตาย 3.2 การกระทาโดยประมาทเป็นเหตุใหผ้ ้อู ่นื รับอันตรายสาหสั 3.3 การกระทาโดยประมาทเป็นเหตใุ ห้ผอู้ ืน่ รับอันตรายแก่กายหรือจติ ใจ โทษทางอาญา 5. รบิ ทรัพยส์ ิน ลักษณะของกฎหมายอาญามี 4 ประการ คือ 1. กฎหมายอาญาต้องชดั เจนแนน่ อน 2. หา้ มใช้กฎหมายจารีตประเพณลี งโทษทางอาญาแก่บุคคล 3. หา้ มใชก้ ฎหมายทีใ่ กลเ้ คียงลงโทษทางอาญาแกบ่ ุคคล 4. กฎหมายอาญาไมม่ ีผลย้อนหลัง โทษ คอื สภาพบังคบั (Sanction) ของกฎหมายอาญา 1. ประหารชวี ติ 2. จาคกุ 3. กักขัง 4. ปรบั > โมฆกรรม หมายความวา่ การทานิติกรรมใด ๆ ที่มีผลของนิติกรรมที่ได้ทาขึ้นนั้นเสียเปลา่ ไม่มีผล ผกู พันทจ่ี ะใชบ้ ังคับไดต้ ามกฎหมาย สาเหตขุ องนิตกิ รรมโมฆะ 5 ประการ คือ (1) นติ ิกรรมนัน้ มีวัตถุประสงค์ไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย (2) นิตกิ รรมน้นั มีวัตถปุ ระสงค์เป็นการพ้นวสิ ยั (3) นติ ิกรรมนนั้ ทาผดิ แบบท่กี ฎหมายกาหนดไว้ (4) มีกฎหมายบญั ญัติว่าการกระทานน้ั ๆ เป็นโมฆะ โรงเรียนเวียงสระ สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 16 เพ่อื เตรียมความพร้อมทดสอบระดับชาติข้นั พน้ื ฐานสอบ O-NET ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 > โมฆียกรรม หมายความว่า นิติกรรมซ่ึงอาจถูกบอกล้างหรือให้สัตยาบัน ถ้ามิได้บอกล้างภายใน ระยะเวลาทีก่ ฎหมายกาหนดก็เปน็ อันหมดสิทธทิ ่ีจะบอกล้าง >สาเหตุของโมฆยี กรรมอาจสรุปไดว้ า่ มาจากกรณีตอ่ ไปนี้ (1) ผทู้ านิติกรรมฝา่ ยใดฝ่ายหนึง่ เปน็ ผู้ถูกจากัดความสามารถเน่ืองจากเป็นผเู้ ยาว์ (2) เจตนาในการทานติ กิ รรมนนั้ บกพร่องเน่อื งจากสาคัญผดิ ในคุณสมบตั ิของบุคคลหรอื ทรัพย์สนิ (3) มกี ฎหมายบญั ญัตวิ า่ การนัน้ เป็นโมฆยี ะ >ข้อแตกตา่ งระหวา่ งโมฆกรรมและโมฆียกรรม< 1. นิติกรรมท่ีเป็นโมฆกรรมนนั้ ถือวา่ เสยี เปล่ามาต้งั แตต่ น้ ไมม่ ผี ลอย่างใด ๆ เลย 2. โมฆกรรมนัน้ บคุ คลซ่ึงมสี ว่ นไดส้ ่วนเสียคนใดคนหนึ่งจะยกขึ้นกล่าวอ้างกไ็ ด้ 3. โมฆกรรมนั้นยกข้นึ กลา่ วอ้างเมื่อใดก็ได้ ไมม่ กี าหนดระยะเวลา กฎหมายอนื่ ที่สาคัญ กฎหมายภาษอี ากร กฎหมายภาษีอากร หมายถึง กฎหมายเก่ียวกับการจัดหารายได้ให้กับรัฐโดยใช้ภาษีอากรเป็น เครอื่ งมอื ในการจัดเก็บ ภาษอี ากรเป็นสิ่งท่ีรฐั บงั คับจดั เก็บจากประชาชนเพื่อนามาใชป้ ระโยชน์ส่วนรวม ภาษที ่ีเก็บโดยส่วนกลาง 1. ภาษีเงนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา คือ ภาษีท่จี ัดเกบ็ จากบคุ คลท่วั ไปที่มีเงินได้ตงั้ แต่ 150,001 บาทข้ึน ไป โดยท่ีบุคคลน้นั อาจมสี ถานภาพอยา่ งใดอย่างหน่ึง ดังต่อไปน้ี (1) บคุ คลธรรมดา (2) หา้ งหุน้ ส่วนสามัญหรือคณะบคุ คลท่ีมใิ ชน่ ิติบุคคล (3) ผู้ถึงแกค่ วามตายระหว่างปีภาษี (4) กองมรดกท่ยี ังไมไ่ ด้แบง่ 2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล เปน็ ภาษอี ากรท่จี ดั เกบ็ จากเงนิ ไดข้ องบริษัทหรือหา้ งหนุ้ ส่วนนติ ิบคุ คล ดังตอ่ ไปนี้ (1) บรษิ ัทหรอื หา้ งห้นุ ส่วนนิติบคุ คลทีต่ ้ังข้นึ ตามกฎหมายไทย ตามกฎหมายระต่างประเทศ (2) กิจการซึ่งเป็นการค้าหรือการหากาไรในประเทศไทยท่ดี าเนนิ การ หรอื กิจการที่ร่วมทุนกันค้าหรือ หากาไรระหวา่ งนิตบิ คุ คลตอ่ ไปน้ี (3) มลู นธิ หิ รือสมาคมทปี่ ระกอบกิจการซ่งึ มรี ายได้ 3. ภาษีมูลค่าเพ่ิม เป็นภาษีท่ีจัดเก็บจากผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจ อย่างไรก็ ตามกฎหมายได้กาหนดให้มีกิจการบางประเภทท่ีไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การขายพืชผลทาง การเกษตรภายในประเทศ 4. ภาษีธุรกิจเฉพาะ เปน็ ภาษีท่ีเก็บจากการประกอบกจิ การเฉพาะอยา่ ง ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) การธนาคาร (2) การประกอบธุรกจิ เงินทนุ ธุรกจิ หลักทรพั ย์ (3) การรบั ประกันชวี ติ (4) การรับจานา (5) การขายอสงั หารมิ ทรพั ยเ์ พือ่ การค้าหรือหากาไร 5. ภาษีป้าย โรงเรยี นเวียงสระ สานักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 17 เพ่ือเตรยี มความพร้อมทดสอบระดับชาตขิ ั้นพน้ื ฐานสอบ O-NET ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 6 17. ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ ูกต้องเกย่ี วกบั เงอ่ื นไขการสมรสตามกฎหมาย 1. บุคคลจะทาการสมรสในขณะทีต่ นมคี ูส่ มรสอย่แู ลว้ ไมไ่ ด้ 2. คนไร้ความสามารถจะทาการสมรสไม่ได้ 3. ผู้รบั บตุ รบญุ ธรรมและบุตรบญุ ธรรมจะสมรสกันไมไ่ ด้ 4. บุคคลท่ีแม้เพยี งเปน็ พน่ี อ้ งรว่ มแต่บดิ า ก็จะทาการสมรสกันไม่ได้ 5. คนลม้ ละลายจะทาการสมรสไม่ได้ 18. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถกู ต้องเกี่ยวกบั กฎหมายอาญา 1. กฎหมายอาญาห้ามไม่ให้มีการบัญญตั คิ วามผดิ ย้อนหลงั 2. ความรับผิดทางอาญา โดยหลักบคุ คลจะรับผดิ ตอ่ เมอื กระทาโดยเจตนา 3. ความผดิ ตอ่ ส่วนตวั คอื ความผดิ ตอ่ เนื้อตัวร่างกายหรือต่อความเป็นอยสู่ ว่ นตวั ของผู้เสียหาย 4. การให้ชดใช้ค่าสนิ ไหมทดแทนไมใ่ ชโ่ ทษทางกฎหมายอาญา 5. การเทยี บเคยี งบทกฎหมายทีใ่ กลเ้ คยี งอยา่ งยิ่งลงโทษทางอาญาแกบ่ คุ คลจะกระทามิได้ 19. ขอ้ ใดกลา่ วถึงสนธิสญั ญาไม่ถกู ต้อง 2. ดาเนินการโดยผูม้ ีอานาจทาการแทนรัฐ 1. เป็นความตกลงระหวา่ งรัฐกับรัฐ 4. ตกลงร่วมกันไดต้ ัง้ แต่ 2 ฝา่ ยข้นึ ไป 3. มุ่งใหเ้ กดิ ผลในทางกฎหมายระหว่างประเทศ 5. มีผลผกู พนั เปน็ การท่วั ไปในประชาคมโลก 20. เม่ือมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กลไกด้านการเมืองการ ปกครองใดท่ีมีการเปลย่ี นแปลง 1. มกี ารใหเ้ พมิ่ เตมิ รายละเอยี ดของรัฐธรรมนญู ในกฎกระทรวง 2. มีการรา่ งพระราชบญั ญตั ทิ เี่ ก่ียวข้องตามบทบัญญัติในรฐั ธรรมนญู 3. มกี ารเปลี่ยนโครงสรา้ งการบรหิ ารราชการแผน่ ดินระดบั กระทรวง และกรม 4. มีการทบทวนพระราชบัญญตั ิงบประมาณแผ่นดินประจาปีทีผ่ ่านการพิจารณาไปแล้ว 5. มีการแกไ้ ขแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาตใิ ห้สอดคล้องกบั เจตนารมณ์ของรฐั ธรรมนูญ 21. ข้อใดกล่าวไมถ่ กู ตอ้ งเกย่ี วกบั ปฏิญญาสากลว่าดว้ ยสทิ ธิมนษุ ยชน 1. เป็นข้อตกลงพหภุ าคีระดับสากลทม่ี ศี กั ดแ์ิ ละสทิ ธ์ิเทยี บเท่ากฎหมาย และมผี ลบังคบั ใช้ผูกพัน 2. เปน็ การประกาศเจตนารมณ์ท่ีส่งผลใหเ้ กดิ การออกกฎหมายในประเทศภาคที ี่ร่วมลงนาม 3. เป็นเอกสารท่ีได้รบั การยอมรบั จากสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ด้วยการลงประชามติ 4. เป็นผลร่วมมอื กนั ของประเทศภาคี สง่ ผลให้เกดิ การสง่ เสริมสทิ ธิมนุษยชนประเทศตา่ งๆ ทัว่ โลก 5. เป็นการให้คามั่นสัญญาท่ีจะกาหนดมาตรฐานในการอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของ การปกป้องสิทธิ เสรภี าพโดยเทา่ เทยี มกันและไม่มกี ารเลือกปฏิบตั ิ โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 18 เพ่ือเตรียมความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ ัน้ พน้ื ฐานสอบ O-NET ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 22. ข้อใดกล่าวถงึ วัฒนธรรมไมถ่ กู ต้อง 1. เปน็ ส่ิงท่เี กดิ ขึ้นเองตามธรรมชาติ 2. เป็นสง่ิ ทีต่ กทอดทางสังคม 3. เป็นแบบแผนในการดาเนนิ ชีวติ 4. เปน็ สงิ่ ทเี่ ปลย่ี นแปลงได้ตลอดเวลา 5. เปน็ เครื่องยดึ โยงสมาชกิ ของสงั คม 23. ผลงานทางวัฒนธรรมในข้อใดแสดงถึงลักษณะเด่นของวัฒนธรรมไทยในการปรับตัวเข้าหาความจากัด ของทรัพยากรธรรมชาติ 1. การทาประปาภูเขาและระบบเหมอื งฝาย 2. การบวชป่า และประเพณีบญุ บั้งไฟ 3. การทาขวญั ขา้ ว และประเพณีไหลเรือไฟ 4. การทาเกษตรผสมผสาน และการลงแขกเกยี่ วขา้ ว 5. การบชู าแม่โพสพ และประเพณจี ดุ ประทปี โคมลอย 24. คา่ นยิ มใดท่ีสงั คมไทยยงั ให้ความสาคญั นอ้ ย และจาเป็นต้องเร่งสง่ เสริมให้เกิดข้ึน เพอื่ เป็นรากฐานสาคัญ ในการสร้างสังคมท่ียัง่ ยืน 1. ความเอือ้ เฟอ้ื เผือ่ แผ่ 2. ความสามคั คมี ีนา้ ใจ 3. ความขยนั หมนั่ เพียร 4. ความอดทนอดกลนั้ 5. ความเทา่ เทียมเสมอภาค 25. เน้อื ความในบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมายข้อใด ท่ีสะทอ้ นวา่ วัฒนธรรมไทยไม่ใช่วฒั นธรรมสากล 1. ในการใช้สิทธแิ ห่งตนก็ดใี นการชาระหนกี้ ็ดี บคุ คลทกุ คนตอ้ งกระทาโดยสจุ รติ 2. เม่ือไมม่ บี ทกฎหมายทจ่ี ะยกมาปรบั คดไี ดใ้ ห้วินจิ ฉัยคดนี ้นั ตามจารตี ประเพณแี ห่งทอ้ งถ่ิน 3. ผู้ใดจะฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญามิได้ แต่เม่ือผู้น้ันหรือญาติสนิทของผู้น้ันร้อง ขอ อยั การจะยกคดีขึน้ ว่ากล่าวกไ็ ด้ 4. บุคคลผู้ซื้อทรัพยส์ ินมาโดยสุจริตในการขายทอดตลาด หรือในท้องตลาด หรือจากพ่อค้าซึ่งขาย ของชนดิ นั้น ไม่จาตอ้ งคนื ให้แกเ่ จ้าของแท้จรงิ เว้นแตเ่ จา้ ของจะชดใชร้ าคาทซ่ี ้อื มา 5. ถ้าสัญญาต่างตอบแทนมีวัตถุที่ประสงคเ์ ป็นการก่อให้เกิดหรือโอนทรัพยสิทธิในทรัพย์เฉพาะส่ิง และทรัพย์น้ันสูญหรือเสียหายไปด้วยเหตุอย่างใดอย่างหน่ึง อันจะโทษลูกหน้ีมิได้ไซร้ ท่านว่าการสูญหรือ เสียหายนั้นตกเป็นพบั แกเ่ จา้ หน้ี โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 19 เพือ่ เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดับชาตขิ นั้ พ้นื ฐานสอบ O-NET ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6 26. ข้อใดคือส่ิงที่ตอ้ งเรง่ ส่งเสรมิ แกผ่ คู้ นในการปรบั ตัวเพื่อการอยูร่ ว่ มกันในสังคมพหวุ ฒั นธรรม 1. การสร้างสานึกชาตินิยม เชอื้ ชาตนิ ยิ ม และชาติพันธน์ุ ยิ ม 2. การรณรงคส์ ่งเสริมจิตสานึกในการอนรุ กั ษ์วัฒนธรรมประจาชาติ 3. การใหค้ ณุ ค่าความหลากหลาย และการเคารพศกั ดศิ์ รีความเปน็ มนษุ ย์ 4. การเรยี นรู้ทักษะการประกอบอาชพี เพ่ือเพม่ิ ขดี ความสามารถในการแข่งขนั 5. การศึกษาประวตั ศิ าสตร์เพอื่ สรา้ งความรกั ผูกพัน และภาคภมู ใิ จในความเปน็ ชาติ 27. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของวัฒนธรรม ที่เกดิ จากการผสมผสานทางวฒั นธรรม (cultural assimilation) ระหว่างประชาชนในภูมภิ าคอาเซียน 1. มีความสมบูรณ์เปน็ สากล 2. มกี ารเปล่ยี นแปลง ไมค่ งที่ 3. มคี วามหลากหลาย แตกต่างกัน 4. มลี ักษณะเป็นสง่ิ ประดษิ ฐ์ทางสังคม 5. มีการไหลเวียนแลกเปล่ียนระหวา่ งสังคม 28. ขอ้ ใดเป็นพระราชอานาจที่ไมป่ รากฏเปน็ ลายลกั ษณ์อักษรในรัฐธรรมนญู 1. การพระราชทานคาปรกึ ษาแกร่ ัฐบาล 2. การพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ประสาน 3. การโปรดเกลา้ ฯ แต่งต้งั ฐานนั ดรศักด์ิ 4. การโปรดเกล้าฯ แตง่ ตงั้ องคมนตรี 5. การพระราชทานอภัยโทษ 29. ขอ้ ใดจบั คู่ระบบการเมืองการปกครองกับขอ้ ดอ้ ยของระบบน้ันไม่ถูกตอ้ ง 1. ประชาธปิ ไตย กับ ปัญหาเสยี งข้างมากไมร่ ับฟังเสยี งขา้ งนอ้ ย 2. เสรีนยิ ม กบั ปัญหาการขาดเสถยี รภาพทางการเมอื ง 3. อนุรักษน์ ิยม กบั ปัญหาการพฒั นาท่ลี า่ ชา้ 4. อานาจนิยม กับ ปญั หาการขาดระเบียบและกตกิ าในสังคม 5. สังคมนิยม กับ ปญั หาการรดิ รอนเสรภี าพทางเศรษฐกจิ 30. ปรากฏการณโ์ ลกาภวิ ตั น์ทางเศรษฐกจิ มผี ลกระทบต่อรฐั ในเรอ่ื งต่าง ๆ ต่อไปนยี้ กเวน้ เร่อื งใด 1. รฐั มคี วามสมั พนั ธก์ ับตลาดในระดับโลกมากย่ิงขน้ึ 2. ตลาดมีบทบาทมากยงิ่ ข้ึนในการสร้างสวัสดิการแทนที่รฐั 3. เสน้ แบง่ ดนิ แดนท่แี น่นอนของรฐั ชาติคลายความสาคัญลง 4. ความเป็นอสิ ระและอานาจอธิปไตยของรัฐมเี พ่มิ ขึ้นอยา่ งมนี ัยสาคัญ 5. รัฐลดบทบาทความสาคัญในฐานะตวั กระทาทางการเมอื งระหว่างประเทศ โรงเรยี นเวียงสระ สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 20 เพอ่ื เตรียมความพร้อมทดสอบระดับชาติข้ันพนื้ ฐานสอบ O-NET ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 31. ภายใต้ปัญหาความขัดแยง้ ทางการเมืองในหมู่ประชาชนในระยะกว่า 10 ปที ี่ผ่านมาของไทย ข้อใดไม่ใช่ แนวทางเสรมิ สร้างประชาธิปไตยไทยใหม้ ัน่ คง 1. บม่ เพาะประชาชนใช้หลกั เหตผุ ลเปน็ พนื้ ฐานในการตัดสินใจทางการเมือง 2. มกี ฎหมายท่ียอมรบั สิทธใิ นการดาเนินกิจกรรมทางการเมอื งของประชาชน 3. ลดความเหลื่อมลา้ ทางอานาจระหวา่ งชนช้ันปกครองและประชาชน 4. ขจดั ความคิดเหน็ ทางการเมอื งทแี่ ตกต่างกนั ในหมู่ประชาชน 5. สรา้ งความเช่ือมั่นต่อกติกาประชาธิปไตยในหมู่ประชาชน 32. ระบอบเสรีประชาธปิ ไตยมลี กั ษณะสาคญั ดังตอ่ ไปนี้ ยกเวน้ ข้อใด 1. กองทพั มีบทบาทสาคญั ในการประกนั เสถยี รภาพของรัฐบาลจากการเลอื กต้ัง 2. ลดอานาจรัฐ เพ่มิ อานาจและการมีส่วนรว่ มของประชาชน 3. ตวั กระทาทางการเมืองยอมรับกฎกติกาประชาธิปไตย 4. ให้เสรีภาพพลเมอื งและสทิ ธิทางการเมอื งในระดับสูง 5. ใชก้ ฎหมายเป็นเครอื่ งมอื ในการปกครอง บันทกึ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................……………………………………………………………………………………… .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................……………………………………………………………………………………… .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. โรงเรยี นเวยี งสระ สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 21 เพอ่ื เตรียมความพร้อมทดสอบระดับชาตขิ ัน้ พืน้ ฐานสอบ O-NET ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 สาระการเรียนรูท้ ี่ 3 เศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วยการจัดสรรทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัดไปใช้ในทางเลือกต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความพอใจมากท่ีสุดท้ังนี้เน่ืองจากทรัพยากรธรรมชาติมีจากัดขณะที่ความต้องการของ มนษุ ยม์ ีไมจ่ ากดั  อดมั สมิธ (Adam Smith) เปน็ บิดาเศรษฐศาสตร์ ชาวสกอตแลนด์  อัลเฟรด มาร์แชล (Alfred Marshall) เปน็ บดิ าเศรษฐศาสตร์จุลภาค ชาวองั กฤษ  จอหน์ เมยน์ ารด์ เคนส์ (John Maynard Keynes) เป็น บดิ าเศรษฐศาสตร์มหภาค ชาวองั กฤษ  ต้นทุนค่าเสียโอกาส คือ มูลค่าของผลตอบแทนจากกิจกรรมท่ีสูญเสียโอกาสไปในการเลือกทา กจิ กรรมอยา่ งหน่งึ  ทรัพยากรทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง ปัจจัยการผลิตท่ีก่อให้เกิดการผลิตสินค้าและบริการ ได้แก่ ทด่ี นิ แรงงาน ทุน และผู้ประกอบการ โดยที่ - ผู้ทเี่ ปน็ เจา้ ของท่ดี นิ (Landlord) จะได้รับผลตอบแทนในรปู แบบ คา่ เชา่ (Rent) - แรงงาน (Labor) จะได้รบั ผลตอบแทนในรปู แบบ คา่ จา้ ง (Wage) - ผ้ทู ี่เปน็ เจา้ ของทนุ (Capital’s Owner) จะไดร้ บั ผลตอบแทนในรูปแบบ ดอกเบ้ีย *** ปล.เงินไม่ใช่ทุน เน่ืองจากเงินไม่สามารถผลิตสนิ ค้าชนิดใดได้เลย เงินเปน็ เพียงส่อื กลางในการ แลกเปลย่ี นสนิ ค้าและบริการเทา่ น้ัน - ผ้ปู ระกอบการ (Entrepreneurship) จะได้รับผลตอบแทนในรปู แบบ กาไร  ปญั หาพน้ื ฐานทางเศรษฐกิจ - จะผลิตอะไร (What) : ควรผลิตสนิ คา้ -บริการอะไร ในปริมาณเท่าใด - จะผลิตอย่างไร (How) : โดยใช้ทรัพยากรได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพมากทส่ี ดุ - จะผลิตเพือ่ ใคร (For Whom) : จะกระจายสินค้าบรกิ ารไปให้ใคร  อุปสงค์ (Demand) หมายถึง ความต้องการซ้ือสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่งของผู้บริโภค ณ เวลาใดเวลาหน่ึง โดยมีอานาจซื้อหรือมีความสามารถในการตอบสนองความตอ้ งการน้ันๆ ราคา (บาท/หนว่ ย) 100 90 80 70 60 50 40 อปุ สงค/์ ความตอ้ งการ 30 50 70 98 115 150 180 จากตารางด้านบนจะสังเกตได้ว่า เมื่อราคาสินค้าแพงข้ึน ความต้องการหรืออุปสงค์ลดน้อยลง (P>,D<) แตใ่ นทางกลับกนั เม่ือราคาสินค้าถกู ลง ความต้องการหรืออุปสงค์ก็เพมิ่ มากขนึ้ (P<,D>) โรงเรยี นเวยี งสระ สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 22 เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ น้ั พ้นื ฐานสอบ O-NET ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ปัจจยั ท่ีกาหนดอุปสงค์ - ราคาของสนิ คา้ เม่ือราคาแพงข้นึ ความต้องการจะลดลง (P>,D<) - รายได้ของผู้บริโภค ในกรณีท่ีเป็นสินค้าปกติ (Normal Goods) เม่ือผู้บริโภคมีรายได้ เพ่ิมมากขึ้น กบ็ ริโภคเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามหากรายได้เพิ่มขึ้น แลว้ ผู้บริโภคซื้อสินค้านั้นลดลง แสดงว่าสินค้า นั้นเป็นสินค้าด้อยคุณภาพ (Inferior Goods) เช่น บะหม่ีกึ่งสาเร็จรูป ซึ่งอันที่จริงอาจจะไม่ได้หมายถึง คุณภาพของสินค้าจริงๆ ว่าบะหม่ีก่ึงสาเร็จรูปไม่ดี แต่เป็นเรื่องของการรับรู้ของผู้บริโภคแต่ละคนท่ีอาจมี มุมมองแตกต่างกันไป เช่น ถ้ารวยขึ้นก็ไม่อยากกินบะหม่กี ่ึงสาเรจ็ รปู อาจหนั ไปกินอย่างอื่น เชน่ ไกท่ อด แทน เปน็ ตน้ - ราคาสินค้าอืน่ ๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง แบ่งเปน็ 2 ประเภท > สินค้าทดแทนกนั (Substitute Good) เชน่ เมือ่ หมรู าคาแพงขนึ้ ผบู้ ริโภคหมูลดลง (P>,D<) > สนิ ค้าท่ีใช้ประกอบกัน (Complementary Good) เช่น เม่ือราคาน้ามันแพงข้ึน ความต้องการ ซื้อรถยนตก์ จ็ ะลดลง (P>,D<) - รสนิยมของผู้บริโภค เช่น หากรสนิยมในการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป จะทาให้ความ ต้องการสินคา้ ท่เี คยใชอ้ ยเู่ ปล่ียนแปลงไป -การคาดการณ์รายได้ในอนาคต เชน่ หากผบู้ ริโภครวู้ า่ จะไดม้ ีการปรับขนึ้ เงนิ เดอื น กอ็ าจจะ บรโิ ภคลว่ งหน้าไปกอ่ น ทาให้ความตอ้ งการบริโภคสนิ ค้าสูงข้ึน - ปจั จยั อื่นๆ เช่น ฤดกู าล จานวนประชากร ฯลฯ กฎของอปุ สงค์ (Law of Demand) หมายถึง กฎทว่ี ่าดว้ ยระบบความสัมพันธ์ระหวา่ งราคาสินคา้ กับปริมาณ ความต้องการซือ้ สนิ คา้ นั้น ซึ่งกฎนกี้ ลา่ วไว้วา่ “ราคาและปริมาณความตอ้ งการซื้อสนิ คา้ จะมคี วามสมั พันธก์ นั ในทศิ ตรงกนั ขา้ ม”  อปุ ทาน (Supply) ปรมิ าณความตอ้ งการเสนอขายสินค้า ณ ระดับราคาใดราคาหน่ึง ในเวลาใดเวลา หนงึ่ โดยกาหนดใหส้ ิง่ อืน่ ๆคงท่ี ราคา (บาท/หน่วย) 100 90 80 70 60 50 40 อปุ สงค/์ ความตอ้ งการ 270 240 200 170 140 110 70 จากตารางดา้ นบนจะสงั เกตไดว้ ่า เมื่อราคาสนิ คา้ แพงขึ้น ความต้องการหรืออปุ สงคก์ ็มากขน้ึ (P>,S>) แตใ่ นทางกลบั กัน เมือ่ ราคาสินคา้ ถกู ลง ความต้องการหรืออปุ สงคก์ ็เพม่ิ ลดลง (P<,S<) โรงเรียนเวียงสระ สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 23 เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ น้ั พ้นื ฐานสอบ O-NET ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 ปัจจัยที่กาหนดอปุ ทาน - ราคาของสนิ ค้า เมื่อราคาแพงข้ึน ความต้องการขายเพมิ่ ขนึ้ (P>,S>) - ราคาของปัจจยั การผลิตหรอื ต้นทุนการผลิต เช่น หากต้นทุนค่าขนส่งแพงขึ้นเพราะราคา น้ามันแพงข้ึน แต่ราคาส้ินค้าที่นาไปวางขายไม่เปลี่ยนแปลง จะทาให้ผู้ผลิตอยากขายสินค้าในปริมาณท่ี นอ้ ยลง ไดก้ าไรนอ้ ยลง - ราคาสินค้าอื่นๆ ที่เก่ียวข้อง เช่น กรณีทีร่ าคาสินค้าอ่ืนแพงขน้ึ อาจมีผลทาให้อุปทานของ สนิ ค้าทผ่ี ลิตอยลู่ ดลง ตัวอย่างท่ีเห็นได้ชัด เช่น เม่ือราคาข้าวโพดแพงข้ึน คนท่ีเคยปลูกมันสาปะหลังอยู่ อาจ หันไปปลกู ข้าวโพดแทน และลดการปลูกมันสาปะหลงั ลง ซง่ึ ส่งผลทาให้อุปทานของมันสาปะหลงั สูงข้ึน ขณะที่ อปุ ทานของข้าวโพดลดลง - เทคโนโลยีในการผลิตสินค้า เช่น หากมีการคิดค้นเทคโนโลยีในการผลิตให้ดีข้ึน ทาให้ ผลิตไดป้ รมิ าณสนิ ค้ามากขึ้นด้วยตน้ ทนุ เท่าเดิม จะทาให้ปริมาณการเสนอขายสนิ คา้ เพิม่ ข้นึ ได้ - การคาดการณ์ในอนาคต เช่น หากผู้ผลิตหรือผู้ขายคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว ก็เสนอ ขายสินคา้ ในปริมาณที่เพ่ิมข้นึ เป็นต้น - ปจั จัยอ่ืน เช่น ฤดูกาล ภาษแี ละเงินอุดหนนุ จานวนผู้ขาย และโครงสรา้ งตลาดสนิ ค้า กฎของอุปทาน (Law of Supply) หมายถึง กฎท่ีว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างราคาสินค้ากับปริมาณ การเสนอขายสนิ ค้า ซ่ึงกฎนกี้ ล่าวไว้วา่ “ปริมาณความตอ้ งการขายสินคา้ และราคาสินคา้ มคี วามสมั พันธ์ไปในทศิ ทางเดยี วกัน”  ภาวะดุลยภาพ (Equilibrium) หมายถึง ระดับราคาท่ีผู้ซื้อและผู้ขายเห็นพ้องต้องกัน หรือระดับ ราคาที่อปุ สงค์เทา่ กบั อปุ ทาน หรอื เสน้ อปุ สงค์ตดั กบั เสน้ อุปทาน จากรูป ระดบั ดุลยภาพท่ีความตอ้ งการซอื้ และความตอ้ งการขายเทา่ กนั พอดี (เส้น D ตดั กบั เส้น S ทจี ุด E) โดย ณ ราคาสินคา้ 60 บาทตอ่ หนว่ ย ผู้ซื้อและผูข้ ายมคี วามต้องการสินคา้ ที่ 120 หน่วย จุดที่ราคาสงู กว่าราคาดุลยภาพจะเกิดอปุ ทานส่วนเกนิ (Excess supply) และจะมีการปรับตวั เข้า สรู่ าคาดุลยภาพ ส่วนจุดที่ราคาต่ากว่าราคาดุลยภาพจะเกิดอุปสงค์ส่วนเกิน (Excess demand) และจะมีการ ปรับตวั สรู่ าคาดลุ ยภาพ  นโยบายการกาหนดราคาขนั้ ต่า เป็นนโยบายท่มี ุ่งช่วยผู้ผลิตใหส้ ามารถขายสนิ ค้าไดส้ งู ขึน้ มกั ใช้อยู่ ท้ังในตลาดสินค้าโดยเฉพาะอย่างย่ิงสินค้าเกษตร และตลาดปัจจัยการผลิตเช่น ตลาดแรงงาน เนื่องจาก ตลาดเหลา่ นี้ ผู้ผลิตหรอื เจ้าของปัจจัยการผลติ ไม่มีอทิ ธพิ ลในการกาหนดราคา และมปี ัจจัยบางอยา่ งที่ทาให้ ต้องยอมขายสินค้าในราคาท่ีคอ่ นข้างต่าจากความไม่สมบูรณข์ องตลาดดังกล่าว หากปลอ่ ยใหก้ ลไกตลา โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 24 เพ่อื เตรยี มความพร้อมทดสอบระดับชาติข้ันพ้ืนฐานสอบ O-NET ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 ทางานโดยเสรีแล้ว จะมีผลให้ราคาดุลยภาพอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่า ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมใน สงั คม รัฐบาลจึงตอ้ งเขา้ มาแทรกแซงกลไกตลาดโดยการกาหนดราคาขน้ั ต่า กล่าวคอื เปน็ การทาให้ราคาของทม่ี ีราคาตา่ เปน็ ของทม่ี ีราคาสงู ขึน้  นโยบายการกาหนดราคาขนั้ สูง (Maximum Price Policy)  นโยบายกาหนดราคาขั้นสูงมักใชใ้ นกรณีของสนิ ค้าทีผ่ ู้บริโภคทุกระดับรายได้จาเป็นต้องซ้ือ เช่น นมผงสาหรบั ทารก นา้ ตาลทราย น้ามันเบนซิน ฯลฯ เปน็ ตน้ กล่าวคอื เปน็ การทาให้ราคาของท่ีมรี าคาสูงเป็นของทีม่ รี าคาต่าลง  ตลาด (Market) เปน็ สถานท่ซี ึ่งผซู้ ้ือและผูข้ ายมาตดิ ตอ่ ซ้ือขายสินคา้ และบรกิ ารกนั ตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ - ไมจ่ าเป็นทจี่ ะต้องมสี ถานทีเ่ พอื่ มาตกลงซอื้ ขายกัน - ไม่จาเปน็ ท่ีจะต้องมีการพบกัน เชน่ ตลาดซือ้ ขายลว่ งหนา้ ตลาดหลกั ทรัพย์  ประเภทของตลาด แบ่งเปน็ 2 ประเภทใหญๆ่ คือ > ตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ > ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ ตลาดแข่งขันสมบรู ณ์ - มจี านวนผซู้ ้อื และผูข้ ายในตลาดจานวนมาก - สินค้าท่ีขายในตลาดมีลักษณะเหมอื นกนั ทุกประการ จึงทาใหไ้ ม่มีผู้ซ้ือและผู้ขาย รายใดสามารถกาหนดราคาของสนิ ค้าในตลาดได้ => ดงั นน้ั ผู้ซอ้ื ผขู้ ายในตลาดแขง่ ขนั สมบรู ณจ์ งึ ตอ้ งยอมรบั ราคาทต่ี ลาดกาหนด - ผผู้ ลติ หรอื ผขู้ ายสามารถเข้าออกจากตลาดไดอ้ ยา่ งเสรี โดยมีกาไรเป็นแรงจูงใจ - มกี ารเคล่ือนยา้ ยทรัพยากรการผลิตสินคา้ และบริการไดอ้ ยา่ งเสรี - ผูซ้ ือ้ และผู้ขายมคี วามรู้ และรบั ทราบขอ้ มูลข่าวสาร โดยเฉพาะเร่อื งราคาได้เป็นอย่างดี ตวั อย่าง ตลาดสินค้าทางการเกษตร ตลาดซื้อขายหลกั ทรัพยแ์ ละเงินตราต่างประเทศ (Forex Trading) “ในทางเศรษฐศาสตร์ถอื วา่ ตลาดแข่งขนั สมบรู ณ์เปน็ ตลาดในอุดมคติ” ตลาดแข่งขันไม่สมบูณ์ หมายถึง ตลาดท่ีผู้ซื้อหรือผู้ขายมีอิทธิพลในการกาหนดราคา หรือปริมาณซื้อขายสินค้ากันบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งขึ้นอยู่กับความไม่สมบูรณ์ของตลาดจะมีมากน้อยเพียงใด ตลาดแขง่ ขันไมส่ มบูรณ์แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คอื - ตลาดผกู ขาดสมบูรณ์ (Monopoly) - ตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย (Oligopoly) - ตลาดก่งึ แข่งขันกงึ่ ผ้กู ขาด (Monopolistic Competition) โรงเรียนเวยี งสระ สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 25 เพื่อเตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดับชาติขน้ั พ้นื ฐานสอบ O-NET ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6 ตลาดผูกขาด หมายถงึ ตลาดที่มีผ้ผู ลิตหรือผขู้ ายเพียงรายเดยี วโดยสินคา้ และบริการใน ตลาดเปน็ สนิ ค้าที่ไม่มีสนิ ค้าอ่นื ใดมาทดแทนกนั ได้เลย เช่น การไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย ตลาดผ้ขู ายน้อยร้าย มีผู้ขายหรือผู้ผลิตจานวนน้อย ผูผ้ ลิตในตลาดผู้ขายน้อยรายมักไม่ ต้องการร่วมมือกับผู้ผลิตรายอ่ืน และคานึงถึงผลกาไรท่ีจะได้รับ จึงต้องสนใจแนวทางการดาเนินงานของ คแู่ ข่งด้วย ตลาดก่ึงแข่งขันกึ่งผูกขาด มีผู้ขายหรือผู้ผลิตในตลาดเป็นจานวนมาก แต่ไม่มากเท่ากับ ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ผู้ผลิตแต่ละรายได้ส่วนแบ่งตลาดน้อย จึงไม่สามารถมีอิทธิพลต่อการกาหนดราคา สินค้ามีลักษณะแตกต่างกัน ความแตกต่างนี้อาจเกิดจากรูปลักษณ์หรือเกิดขึ้นในความรู้สึกของผู้ซ้ือ โดยท่ี ผผู้ ลิตหรือผขู้ ายสามารถเข้าออกจากตลาดไดอ้ ยา่ งเสรี ตวั อย่าง สบู่ : ลกั ซ์ นกแก้ว อิมพีเรยี ล หนา้ ทขี่ องตลาดในเชงิ เศรษฐศาสตร์ - จัดหาสนิ ค้า (Assembling) - เกบ็ รกั ษาสนิ ค้า (Storage) - ขายสินค้า (Selling) - กาหนดมาตรฐานของสนิ คา้ (Standardization) - การเงนิ (Financing) - การเสีย่ งภยั (Risk) - การขนส่ง (Transportation)  ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) หมายถึงมูลค่ารวมใน ราคาตลาดของสินค้าและบริการที่เป็นสินค้าข้ันสุดท้าย (final product) ทุกประเภทที่ผลิตได้เฉพาะ ภายในประเทศเท่าน้ัน ในระยะเวลาท่ีกาหนด (โดยท่ัวไปจะมีระยะเวลา 1 ปี) ก่อนที่จะหักค่าเสื่อมราคา ทรัพย์สินอันเนื่องจากการผลิตสนิ ค้าและบริการเหล่านั้นข้ึนมา โดยไม่นับรวมผลผลิตของผู้ท่ีถือสัญชาติของ ประเทศนนั้ ไปทามาหาได้ในตา่ งประเทศ GDP = การบรโิ ภค(C) + การลงทุน (I) + รัฐบาล (G) + (การส่งออก (X) – การนาเข้า (M)  ดังน้ัน ตัวเลขรายได้ประชาชาติจึงเป็นดัชนีสาคัญอย่างหน่ึงในการท่ีจะช้ีให้เห็นถึงระดับการ พัฒนา รวมท้ังความม่ังคั่งหรือยากจนของระบบเศรษฐกิจในประเทศหนึ่งๆ เป็นตัวเปรียบเทียบฐานะทาง เศรษฐกิจของประเทศกับประเทศต่างๆ รวมทั้งใช้เป็นเครื่องมือกาหนดนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ และแสดงให้เหน็ ถงึ ความสาเร็จของนโยบายตา่ งๆ ท่ไี ดด้ าเนินการไปแลว้  ผลิตภณั ฑ์มวลรวมประชาชาติ (Gross National Product : GNP) หมายถึงมูลคา่ รวมในราคา ตลาดของสนิ ค้าและบรกิ ารขน้ั สดุ ทา้ ยที่ผลิตโดยประชาชาติภายในระยะเวลา 1 ปี ก่อนทจี่ ะหกั คา่ เสือ่ มราคา โรงเรยี นเวยี งสระ สานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 26 เพ่อื เตรียมความพรอ้ มทดสอบระดับชาตขิ ้ันพ้ืนฐานสอบ O-NET ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ทรัพยส์ ินอนั เนือ่ งจากการผลิตสินค้าและบริการเหล่าน้ันขน้ึ มา คาว่า “ประชาชาติ” หมายถึง บุคคลท่ีถือ สญั ชาตขิ องประเทศนั้นๆ ไม่ว่าจะอยใู่ นประเทศหรือนอกประเทศ GNP = GDP + (รายไดท้ ี่พลเมืองกอ่ ข้ึนในตา่ งประเทศ–รายไดท้ ่ีพลเมืองที่หาไดใ้ นประเทศน้นั )  รายได้ประชาชาติ (National Income : NI) คือผลตอบแทนจากปัจจัยการผลิต ซ่ึงได้แก่ ค่าตอบแทนแรงงาน ผลตอบแทนจากที่ดิน ทุน และ การประกอบการโดยมีความสัมพันธ์กับผลิตภัณฑ์ ประชาชาตดิ งั น้ี NI = GNP - คา่ เส่ือมราคา - (ภาษที างอ้อม - เงินอดุ หนนุ )  ผลิตภัณฑม์ วลรวมประชาชาติตอ่ หวั (GNP Per Capita) คานวณจากผลิตภัณฑม์ วลรวมประชาชาติ หารดว้ ยจานวนประชากรทั้งประเทศ  รายได้ประชาชาติเฉลี่ยต่อคน (Per Capita Income) รายได้ประชาชาติเฉลี่ยต่อคนหาได้จาก รายได้ประชาชาติหารด้วยจานวนประชากร  เงิน คือ สิ่งใดๆ ก็ตามที่สังคมยอมรับโดยท่ัวไปในขณะใดขณะหนึ่ง และในเขตพ้ืนที่ใดพ้ืนที่หนึ่งใน ฐานะเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ท้ังน้ีสิ่งนั้นจะต้องถูกกาหนดค่าขึ้นเป็นหน่วยเงินตรา และเปน็ หน่วยวดั คา่ ที่แน่นอน >> ววิ ัฒนาการของเงนิ << - เงินทเี่ ปน็ ส่ิงของหรือสินค้า (Commodity Money) - โลหะและเหรียญ (Coins) - ธนบตั ร (Paper Money) - เงนิ ฝากกระแสรายวัน (Demand Deposits) >>การแลกเปลย่ี น<< - ระบบการแลกเปลี่ยนสิ่งของตอ่ สง่ิ ของ (Barter System) - ระบบทม่ี กี ารใช้เงินเปน็ สือ่ กลางในการแลกเปล่ยี น (Money) - ระบบที่ใช้เครดิตเป็นส่อื กลางในการแลกเปลี่ยน (Credit) >>หนา้ ท่ขี องเงิน<< - เป็นส่ือกลางในการแลกเปลยี่ น (Medium of Exchange) - เปน็ เครอ่ื งวัดมลู คา่ (Standard of Value) - เปน็ มาตรฐานการชาระหนีใ้ นอนาคต (Standard of Deferred Payment) - เป็นเคร่ืองรักษามลู ค่า (Store of Value) โรงเรยี นเวียงสระ สานกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 27 เพอ่ื เตรียมความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ นั้ พ้นื ฐานสอบ O-NET ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6  ปริมาณเงนิ (Money Supply) ปรมิ าณเงนิ ตามความหมายแคบ M1 = เหรียญกษาปณ์ + ธนบัตร + เงนิ ฝากกระแสรายวัน *** ไมร่ วมธนาคาร ไมร่ วมธนาคารกลาง และกระทรวงการคลัง ปรมิ าณเงินตามความหมายกว้าง M2 = M1 + เงินฝากออมทรพั ย์และเงินฝากประจา ปริมาณเงนิ ตามความหมายกว้างมาก M3 = M2 + ตว๋ั สญั ญาใช้เงนิ ธนาคารกลาง (Central Bank) คือ สถาบันการเงินท่ีได้รับมอบอานาจจากรัฐบาลให้ ควบคุมดูแลระบบการเงินและเครดิตของประเทศใหอ้ ยู่ในระดบั ท่ีเหมาะสม เพือ่ ให้เกดิ ประโยชนแ์ ก่เศรษฐกิจ และสงั คมส่วนรวม >>ข้อแตกต่างระหวา่ งธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์<< - ธนาคารกลางทาหน้าที่เพื่อประโยชนข์ องประเทศเปน็ หลกั ไม่ใชแ่ สวงหากาไร - ธนาคารกลางไมด่ าเนนิ ธุรกจิ แข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ - ลูกคา้ ของธนาคารกลางและธนาคารพาณชิ ย์เปน็ คนละประเภทกนั นโยบายการเงิน (Monetary Policy) คือ การดูแลปริมาณเงินและสินเชื่อโดยธนาคารกลาง เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจประการใดประการหนึง่ หรอื หลายประการ ประเภทของนโยบายการเงิน - นโยบายการเงินแบบเขม้ งวด (Restrictive Monetary Policy) คือ การใช้เคร่ืองมือ ต่างๆทางการเงินเพ่อื ให้ปริมาณเงนิ ในระบบเศรษฐกจิ ลดลง - นโยบายการเงินแบบผอ่ นคลาย (Easy Monetary Policy) คือ การใช้เครื่องมือตา่ งๆ ทางการเงนิ เพือ่ ใหป้ ริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเพ่ิมขึ้น >>เคร่อื งมือของนโยบายการเงนิ << - การควบคุมทางปริมาณหรือโดยทัว่ ไป (Quantitative or General Control) โดย เครือ่ งมีอทใ่ี ชใ้ นการควบคมุ ทางปรมิ าณ ไดแ้ ก่ o การซือ้ ขายหลกั ทรพั ย์ o อัตรารบั ชว่ งซอื้ ลด o อตั ราดอกเบ้ียมาตรฐาน o เงนิ สดสารองท่ีต้องดารง - การควบคุมทางคุณภาพหรือโดยวิธีเลือกสรร (Qualitative or Selective Credit Control) เป็นการควบคุมชนิดของเครดิตซ่ึงใช้ในกรณีท่ีธนาคารจาเป็นต้องจากัดเฉพาะเครดิตบางชนิด เทา่ นน้ั โดยชนดิ ของเครดติ ท่ีธนาคารกลางมักจะเลอื กควบคุม ได้แก่ o การควบคมุ เครดติ เพือ่ การซือ้ หลกั ทรพั ย์ o การควบคมุ เครดติ เพอ่ื การอปุ โภคบรโิ ภค o การควบคมุ เครดติ เพือ่ การซือ้ บ้านและท่ดี ิน โรงเรียนเวยี งสระ สานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 28 เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ น้ั พ้ืนฐานสอบ O-NET ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6 ภาษีอากร เป็นรายได้ของรัฐบาบท่บี ังคับเกบ็ จากประชาชน เพือ่ ประโยชน์ของคนในประเทศ โดย ผูจ้ ่ายไม่ได้รับประโยชนต์ อบแทนตามส่วนของเงินท่ีจ่าย โดยรายได้ของรัฐบาลไทยมากกว่ารอ้ ยละ 80 เป็น รายไดจ้ ากภาษีอากร รายจา่ ยของรฐั บาล การใชจ้ า่ ยของรัฐบาล เปน็ การใช้จา่ ยในส่งิ ที่รฐั บาลต้องทา เพ่ือประโยชน์ของ คนท้ังประเทศ ซึ่งได้แก่ การรักษาความสงบภายในประเทศ การป้องกันประเทศและการลงทุนใน สาธารณูปโภค หนี้สาธารณะ หน้ีของรัฐบาลที่เกิดจากการก้ยู ืมและการคาประกนั เงินกู้โดยรฐั บาล จะเรยี กว่าหน้ี สาธารณะ เพราะหนเี้ หล่านี้จะต้องช้าระด้วยภาษีอากร ที่เรียกเก็บจากประชาชนทั้งประเทศ หน้ีของรัฐบาลท่ี เกดิ จากการกู้ยมื โดยรฐั บาล เกิดจากรฐั บาลมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจา่ ย งบประมาณแผ่นดิน เป็นแผนในการจัดหารายรับและรายจ่ายของรฐั บาลในชว่ ง 1 ปี ซงึ่ เรียกว่า ปงี บประมาณ แตล่ ะประเทศจะมีวันเร่มิ ตน้ ไม่ตรงกัน สาหรับประเทศไทย จะเร่มิ ต้นวนั ท่ี 1 ตลุ าคม และสน้ิ สุด วันที่ 30 กนั ยายน เช่น งบประมาณประจาปี 2554 จะเร่มิ ในวนั ท่ี 1 ตุลาคม พ.ศ.2553 และสิ้นสุดใน วันท่ี 30 กันยายน พ.ศ.2554 เป็นตน้ นโยบายการคลัง เป็นแนวทางในการแกไ้ ขปัญหาทางเศรษฐกจิ ดว้ ยการใช้มาตรการทางการคลัง ซึ่งไดแ้ ก่ มาตรการทางภาษี การใชจ้ า่ ยของรัฐบาล และการกอ่ หน้สี าธารณะ - นโยบายการคลังแบบผอ่ นคลาย >>เพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาล ลดการเกบ็ ภาษี - นโยบายการคลงั แบบเข้มงวด >>ลดการใช้จา่ ยของรฐั บาลและเพิ่มการเก็บภาษี  อตั ราแลกเปลย่ี นเงินตราตา่ งประเทศ อัตราแลกเปลีย่ นเงนิ ตราต่างประเทศ หมายถงึ ราคาของ เงินสกุลหน่ึงท่ีคิดเทียบกับเงินสกุลอ่ืน อัตราแลกเปลย่ี นในระบบอัตราแลกเปล่ยี นลอยตัวจะถูกกาหนดโดย อุปสงค์ ต่อเงินตราต่างประเทศ และอุปทานของเงินตราต่างประเทศ เช่น เงิน 30 บาท = 1 ดอลลาร์ เปลยี่ นเป็น 33 บาท = 1 ดอลลาร์ หมายถึง เงนิ บาทออ่ นค่า และ 27 บาท = 1 ดอลลาร์ หมายถงึ เงินบาทแข็ง คา่ ดุลการชาระเงิน เป็นการบันทึกจานวนเงินตราต่างประเทศท่ีประเทศได้รับและจ่ายในช่วงเวลา หนงึ่ ประกอบดว้ ยบัญชีใหญ่ 3 บญั ชี คอื - บัญชเี งินเดินสะพดั เปน็ บัญชที แี่ สดงถงึ รายได้และรายจา่ ยของประเทศ - บัญชีเงินทุนเคลื่อนย้าย เป็นบัญชีที่แสดงถึงจานวนเงินลงทุน เงินกู้ยืม และเงินฝากทั้ง ระยะส้นั และระยะยาว ของชาวต่างประเทศท่เี ข้ามาลงทนุ ในประเทศ - บญั ชีเงินทุนสารองระหวา่ งประเทศ เป็นทรัพย์สินท่ีสามารถใชช้ าระหนี้ระหวา่ งประเทศได้  เงินเฟ้อ (Inflation) เปน็ ภาวะที่ราคาสินคา้ สูงข้นึ อย่างต่อเนือ่ ง ของท่ีเราเคยซือ้ อยูก่ ็ปรับราคาสูงขึ้น กล่าวคือ เงินมากซื้อของไดน้ ้อย จากเดิมซ้ือ ลูกอม 2 เม็ด ใช้เงนิ 1 บาท แต่ตอนน้ีใช้เงิน 1 บาท ซ้ือลูกอมได้ เม็ดเดียวทาให้ผผู้ ลติ ไดเ้ ปรียบ ผู้มรี ายไดป้ ระจาเสียเปรียบ โรงเรยี นเวยี งสระ สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 29 เพอื่ เตรียมความพร้อมทดสอบระดบั ชาตขิ ้นั พืน้ ฐานสอบ O-NET ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 6  เงนิ ฝดื (Deflation) เปน็ ภาวะท่ีราคาสนิ ค้าลดลงอย่างต่อเนอื่ ง ของทเ่ี ราเคยซือ้ อยูก่ ็ปรบั ราคาลงมา กล่าวคือ เงินน้อยซื้อของได้มาก จากเดิมซ้อื ทอง 1 บาท ราคา 10000 บาท แต่ตอนนใี้ ช้เงิน 8000 บาทเพื่อ ซ้ือทอง  ดลุ ยภาพ (Equilibrium) ณ จุดนี้จะไมม่ ใี ครได้เปรยี บเสียเปรยี บ เพราะเปน็ จดุ กึ่งกลางระหว่างเงิน เฟ้อกับเงินฝดื การแบ่งช่วงของเงนิ เฟ้อ-เงนิ ฝดื - 0%<x<5% = อย่างออ่ น - 5%<x<20% = ปานกลาง - 20%<x<50% = รนุ แรง *** ประเทศไทยเฟ้อฝดื 3% ดที ่สี ุด  ระบบเศรษฐกจิ >> ระบบทนุ นิยมหรอื เสรนี ิยม หมายถึง ระบบเศรษฐกิจที่เอกชนสามารถมีกรรมสทิ ธ์ใิ นทรัพย์สินตา่ งๆ มีเสรีภาพในการเลอื กผลิต ว่าผลิตอะไร ผลิตอย่างไร และผลิตเพ่อื ใคร ระบบนี้จะมกี ารแขง่ ขนั ระหว่างเอกชน อย่างเสรี หนว่ ยงานของรัฐจะเข้าไปเก่ียวข้องน้อยทสี่ ดุ >> ระบบเศรษฐกิจแบบบังคับ เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีรัฐจะเป็นผู้วางแผนการผลิตจาก ส่วนกลาง มีการจํากัดกรรมสิทธ์ิในทรัพย์สินส่วนบุคคลและการทํางานของกลไกราคาแต่เน้นการกระจาย รายไดท้ ่ีเปน็ ธรรมแก่ประชาชนระบบนี้มี 2 รปู แบบ คอื >> ระบบสังคมนิยม คือ ระบบเศรษฐกจิ ที่รัฐบาลเขา้ ไปเป็นผู้ดาํ เนินการผลติ โดยเนน้ ในด้าน สวัสดิการของประชาชนในประเทศเป็นหลักรัฐบาลเป็นผู้กําหนดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รัฐเป็นเจ้าของปัจจัย การผลิตและกิจการขนาดใหญ่ท่ีสําคัญ เช่น กิจการสาธารณูปโภค เอกชนไม่มีเสรีภาพในการตัดสินใจเพ่ือ ดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจแต่ยังมีกรรมสิทธิ์ในการถือครองทรัพย์สินส่วนตัว และดําเนินกิจกรรมทาง เศรษฐกจิ ขนาดเลก็ ประชาชนทั่วไปยังมีเสรีภาพอยู่บ้าง >> ระบบคอมมิวนิสต์ เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีรัฐบาลเปน็ เจา้ ของปจั จัยการผลิตทุกชนิดโดยรฐั บาลเป็น ผดู้ ําเนนิ การในการตดั สนิ ใจทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ประชาชนไม่มีเสรีภาพในการถือครองทรัพย์สิน ไม่มี เสรีภาพในการเลือกประกอบอาชพี หรอื การเลอื กซอ้ื สนิ ค้าและบริการมาบริโภค >> ระบบเศรษฐกิจแบบผสม คือ ระบบเศรษฐกจิ ทน่ี ําลักษณะสาํ คัญของระบบทนุ นิยมและสังคมนิยม มารวมไวด้ ้วยกัน กลา่ วคือ มที ้ังส่วนท่ีปลอ่ ยให้เอกชนตัดสินใจดําเนินการกจิ กรรมทางเศรษฐกิจเอง และส่วนที่ รัฐบาลเข้าไปควบคุมและวางแผนทางเศรษฐกจิ โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 30 เพื่อเตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาติขน้ั พ้ืนฐานสอบ O-NET ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 33. ขอ้ ใดไมจ่ ดั วา่ เป็นปัจจัยทุน (capital) หรอื สนิ ค้าทุนตามความหมายทางเศรษฐศาสตร์ 1. เงนิ ทุน 2. รถบรรทุก 3. อาคารสํานักงาน 4. เครอื่ งคอมพิวเตอร์ 5. สตั วท์ ีเ่ ลี้ยงไว้ใช้งาน 34. ข้อใดเป็นข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนจากส่วนกลางหรือสังคมนิยมเมื่อเปรียบเทียบกับระบบ เศรษฐกิจแบบอืน่ ๆ 1. การจัดสรรทรพั ยากรเป็นไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพมากกวา่ 2. การกระจายรายไดแ้ ละทรพั ย์สนิ มีความเทา่ เทยี มกันมากกว่า 3. เอกชนมเี สรภี าพในการดาํ เนนิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ มากกวา่ 4. ตลาดไมล่ ม้ เหลว เพราะกลไกราคาทาํ งานไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพมากกวา่ 5. การตดั สนิ ใจจากสว่ นกลางหรือรัฐบาลมคี วามถูกต้องและแมน่ ยํามากกวา่ 35. ถ้าน้ํามันเบนซินและแก๊สโซฮอล์สามารถใช้ทดแทนกันได้ เมอ่ื ราคาน้ํามันเบนซินลดลง ในขณะที่ราคาของ แก๊สโซฮอลย์ ังคงเดมิ จะเกิดผลตามขอ้ ใด 1. อปุ ทานของแก๊สโซฮอล์จะลดลง (เส้นอปุ ทานของแก๊สโซฮอล์เคลือ่ นไปทางซา้ ย) 2. อุปทานของนา้ํ มันเบนซินจะลดลง (เส้นอุปทานของํนา้ มนั เบนซนิ เคลือ่ นไปทางซ้าย) 3. อุปสงคส์ าํ หรับแก๊สโซฮอล์จะลดลง (เสน้ อุปสงค์สาํ หรับแกส๊ โซฮอลเ์ คลือ่ นไปทางซ้าย) 4. อปุ สงค์สําหรบั แกส๊ โซฮอลจ์ ะเพม่ิ ข้ึน (เสน้ อปุ สงคส์ ําหรบั แก๊สโซฮอล์เคลื่อนไปทางขวา) 5. อุปสงคส์ าํ หรบั น้าํ มันเบนซนิ จะเพ่ิมข้นึ (เสน้ อุปสงคส์ ําหรับนํา้ มนั เบนซินเคล่อื นไปทางขวา) 36. ในกรณีท่ีอุปทานของสินค้าลดลง แต่อุปสงค์สําหรับสินค้ายังคงเดิม จะส่งผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงในราคา และปรมิ าณดลุ ยภาพของตลาดสนิ ค้านน้ั อยา่ งไร 1. ราคาดุลยภาพจะลดลง และปรมิ าณดุลยภาพลดลง 2. ราคาดลุ ยภาพจะเพิ่มข้ึน และปรมิ าณดลุ ยภาพเพ่มิ ขึน้ 3. ราคาดลุ ยภาพจะลดลง แต่ปริมาณดลุ ยภาพเพ่มิ ข้ึน 4. ราคาดลุ ยภาพจะเพิ่มขึน้ แตป่ ริมาณดลุ ยภาพจะลดลง 5. ราคาดลุ ยภาพจะคงเดมิ แตป่ ริมาณดุลยภาพลดลง โรงเรียนเวยี งสระ สานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 31 เพอื่ เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ ัน้ พน้ื ฐานสอบ O-NET ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 37. ถ้าตลาดสินค้าชนิดหน่ึงเป็นไปตามกฎของอุปสงค์และอปุ ทานแล้ว ปรากฏการณต์ ามข้อใดไม่ใช่ผลที่เกิด จากการกําหนดราคาขนั้ สูงในตลาดสนิ ค้าชนดิ นนั้ โดยรัฐบาล 1. สนิ คา้ ในตลาดจะเกดิ ภาวะความขาดแคลนขึ้น 2. ผู้ผลติ จะผลิตสินคา้ ออกขายในปริมาณทีน่ อ้ ยลง 3. ผู้ซ้ือจะมคี วามต้องการซ้ือสนิ ค้าในปรมิ าณท่ีมากขึ้นกว่าเดิม 4. ราคาสินค้าท่ซี ้อื ขายกันตามกฎหมายจะตา่ํ กว่าราคากอ่ นการกาํ หนดราคาขัน้ สงู 5. ปริมาณการซอ้ื ขายกนั จรงิ ๆ จะมากกวา่ ปริมาณซื้อขายก่อนการกาํ หนดราคาขั้นสงู 38. ในสถานการณ์ใดทต่ี ลาดผกู ขาดอาจสง่ ผลดตี อ่ ระบบเศรษฐกิจและสงั คมสว่ นรวมมากกว่าตลาดประเภท อืน่ ๆ บ้าง 1. สินค้าทีผ่ ลิตเป็นสนิ คา้ ที่จาเปน็ ตอ่ การครองชีพ 2. การผลิตสนิ คา้ นน้ั ก่อให้เกดิ การประหยัดจากขนาด 3. การผลิตสินค้าชนิดน้ันก่อผลกระทบเชิงลบต่อสิง่ แวดล้อม 4. ผู้บรโิ ภคในตลาดต่างก็มคี วามตอ้ งการสินค้าในปริมาณมากๆ 5. สงั คมตอ้ งการใหก้ ารผลิตสินค้ามีประสิทธภิ าพทางเศรษฐกิจสงู สดุ 39. การจัดสรรทีด่ นิ ทากินให้กบั สมาชิกที่เปน็ เกษตรกรเปน็ บทบาทสาคัญของสหกรณป์ ระเภทใด 1. สหกรณ์นคิ ม 2. สหกรณบ์ ริการ 3. สหกรณ์ประมง 4. สหกรณ์การเกษตร 5. สหกรณเ์ ครดติ ยเู นียน 40. แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติฉบบั ใดของไทย ทไี่ ดอ้ ัญเชญิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็น แนวทางการพัฒนาและบริหารประเทศ โดยไดร้ ะบไุ ว้ ในแผนอย่างชดั เจนเปน็ ครง้ั แรก 1. ฉบับท่ี 7 2. ฉบบั ที่ 8 3. ฉบบั ที่ 9 4. ฉบบั ที่ 10 5. ฉบบั ที่ 11 โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 32 เพื่อเตรยี มความพร้อมทดสอบระดับชาตขิ น้ั พ้นื ฐานสอบ O-NET ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 41. กาหนดให้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) 300 ลา้ นบาท รายไดส้ ุทธิจากต่างประเทศ -40 ลา้ นบาท ค่าเส่อื มราคา - 10 ลา้ นบาท ภาษีทางออ้ ม 30 ลา้ นบาท เงนิ อดุ หนุน 10 ลา้ นบาท จานวนประชากร 3 ล้านคน จากสถานการณข์ า้ งต้น จงคานวณผลิตภณั ฑม์ วลรวมประชาชาติ (GNP) 1. 100 ลา้ นบาท 2. 230 ล้านบาท 3. 250 ล้านบาท 4. 260 ล้านบาท 5. 290 ล้านบาท 42. ขอ้ ใดหมายถึงปรมิ าณเงินตามความหมายแคบ 1. เหรยี ญกษาปณ์ ธนบตั ร เงนิ ฝากประจา ห้นุ กู้ 2. ธนบตั ร เงนิ ฝากกระแสรายวัน เงนิ ฝากประจา 3. เหรียญกษาปณ์ ธนบัตร เงินฝากกระแสรายวนั 4. ธนบัตร เงินฝากกระแสรายวัน เงินฝากประจา พันธบัตรรฐั บาล 5. ธนบัตร เงนิ ฝากกระแสรายวนั เงินฝากออมทรพั ย์ เงนิ ฝากประจา 43. “ครอบครัวชาวนามีสมาชิกท่อี ยู่ในวัยทางาน 9 คน ช่วยกันปลกู ข้าวในที่นาของตนไดข้ ้าวปีละ 12 เกวียน ตอ่ มาสมาชิกในครอบครัว 2 คน แตง่ งานและย้ายภมู ิลาเนาไป อยูจ่ ังหวดั อ่ืน ทาให้เหลือสมาชิกในครอบครัว ท่คี งทาการปลูกข้าวเพียง 7 คน แต่ก็ยังคงไดข้ ้าวปีละ 12 เกวียนเทา่ เดิม” จากขอ้ ความดังกล่าวเป็นประเภท ของการว่างงานในข้อใด 1. การวา่ งงานแฝง 2. การวา่ งงานชว่ั คราว 3. การว่างงานตามฤดกู าล 4. การว่างงานเนือ่ งจากวฏั จกั รธุรกจิ 5. การว่างงานเนอ่ื งจากโครงสร้างของระบบเศรษฐกจิ 44. รัฐบาลควรใชน้ โยบายงบประมาณขาดดุลในกรณีท่เี ศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะใดมากที่สดุ 1. เงนิ เฟ้อ 2. เศรษฐกิจปกติ 3. เศรษฐกิจตกต่า 4. เศรษฐกจิ ขยายตัว 5. ราคาสนิ ค้าเพิ่มสูงข้นึ อยา่ งรวดเรว็ และต่อเนื่อง โรงเรียนเวียงสระ สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 33 เพอื่ เตรยี มความพร้อมทดสอบระดบั ชาตขิ ้นั พ้นื ฐานสอบ O-NET ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6 45. ขอ้ ใดถูกตอ้ งเกยี่ วกบั การใช้เครื่องมอื ของนโยบายการเงิน ในกรณที ่ปี ระเทศเกดิ ปัญหาภาวะเงินฝดื 1. รัฐบาลลดการใชจ้ ่ายลง 2. รฐั บาลเพ่มิ การเก็บภาษี 3. รัฐบาลใชง้ บประมาณเกินดลุ 4. ธนาคารกลางขายหลกั ทรัพยข์ องรฐั บาล 5. ธนาคารกลางลดอัตราเงินสารองตามกฎหมาย 46. ข้อใดเป็นการลงทนุ ทางตรงระหวา่ งประเทศ 1. นางเมตตานาเงนิ ของบริษัทไปฝากในต่างประเทศ 2. คนญปี่ ุ่นนาเงินทุนเข้ามาสร้างโรงงานทอผ้าในไทย 3. คนมาเลเซยี นาเงนิ ทุนไปซ้อื หลักทรัพยข์ องรฐั บาลไทย 4. บริษทั ของนางสาวกรุณากยู้ ืมเงนิ จากสถาบันการเงินในตา่ งประเทศ 5. บรษิ ทั ของนายมธั ยัสถใ์ หส้ ินเชือ่ ทางการค้ากบั บริษัทคู่ค้าในต่างประเทศ 47. กลมุ่ ประเทศตามขอ้ ใดตอ่ ไปน้เี ปน็ สมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ (อาเซียน) 1. ไทย เวยี ดนาม ลาว เมยี นมา กมั พูชา 2. ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จนี สิงคโปร์ 3. ไทย มาเลเซีย ฟิลปิ ปนิ ส์ สิงคโปร์ ญป่ี นุ่ 4. ไทย มาเลเซีย อนิ โดนเี ซยี อินเดยี สิงคโปร์ 5. ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซยี บรูไนดารสุ ซาลาม เกาหลีใต้ 48. ข้อใดเป็นการรวมกลุม่ ทางการค้าท่มี ีการยกเลกิ ภาษีศุลกากรและข้อจากดั ทางการคา้ ระหว่างกันในกลุ่ม มกี ารใช้ข้อกาหนดอตั ราภาษีศุลกากรกับประเทศค่คู ้านอกกลุ่มใน อัตราเดียวกนั มีการเคล่อื นย้ายปัจจัยการ ผลติ ได้โดยเสรีระหว่างประเทศสมาชิก ด้วยกัน และประเทศสมาชกิ กาหนดนโยบายด้านเศรษฐกจิ ต่าง ๆ เป็น รูปแบบเดียวกัน 1. ตลาดร่วม 2. เขตการค้าเสรี 3. สหภาพศุลกากร 4. สหภาพเศรษฐกจิ 5. สหภาพการเมอื ง โรงเรยี นเวยี งสระ สานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 34 เพ่ือเตรียมความพร้อมทดสอบระดบั ชาติขั้นพ้ืนฐานสอบ O-NET ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 สาระการเรียนรู้ท่ี 4 ประวัตศิ าสตร์ ตามหลักสากล ยุคประวัติศาสตร์จะเริม่ นับตรงที่มนุษย์เริ่มมีการจดบันทึกเหตุการณอ์ ย่าง เป็นลาย ลักษณ์อกั ษร สว่ นกอ่ นหน้าน้ันกจ็ ะเรยี กว่ายคุ กอ่ นประวัตศิ าสตร์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตราบจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่เยอะมาก เพราะมีเพียงแคห่ ลกั ฐานทางวัตถุบางชิน้ และกไ็ ม่คอ่ ยจะสมบูรณ์เทา่ ไหร่ดว้ ย ส่วนยุคประวัติศาสตร์นั้น ค่อนข้างชัดเจนกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะทั้งหมด เพราะเมื่อมีการศึกษา ประวัติศาสตร์กันมากข้ึน ก็ทาให้รู้วา่ เราเคยเข้าใจผิดอะไรหลาย ๆ อย่างมานาน และต้องเปล่ียนความเขา้ ใจ ทางประวตั ศิ าสตรก์ ันใหมอ่ ยหู่ ลายครั้งก็มี การแบ่งสมัยในยุคประวัติศาสตร์จะแบ่งโดยใช้เหตุการณ์สาคัญท่ถี ือเป็นจุด เปล่ียนของยุคสมัยเป็น ตัวแบ่ง ซึ่งมีคนแบ่งเอาไว้หลายแนวทาง เพราะมันไม่มีเส้นแบ่งท่ีชัดเจนให้เราเห็น แต่ส่วนใหญ่จะแบ่ง ออกเป็น ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ (ANCIENT HISTORY) สมัย น้ีนักประวัติศาสตร์มักจะรวมเอา เหตุการณ์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์เข้าไปด้วย สมัยนี้ส่วนมากมักจะให้ส้ินสุดลงพร้อมกับการล่มสลายของ อาณาจกั รโรมนั ตะวนั ตก ซึ่งเสียใหแ้ กเ่ ยอรมันในปีค.ศ. 476 ประวัติศาสตร์สมัยกลาง (MEDIEVAL HISTORY) เร่ิมเมื่อปีค.ศ. 476 แต่ระยะเวลาส้ินสุดนั้น บางกลุ่มถือเอาตอนที่กรุงสแตนตโิ นเปิลตกเปน็ ของพวกเติร์ก ในปีค.ศ.1453 แตบ่ างกลุ่มก็ถือวา่ สิน้ สุดเม่ือมี การคน้ พบทวปี อเมริกา ในปีค.ศ. 1492 และบางกลมุ่ กถ็ ือวา่ สน้ิ สดุ ลงพรอ้ มกับการเริม่ ต้นการปฏิรูปตา่ งๆ ใน ยุโรป ประวัติศาสตร์สมยั ใหม่ (MODERN HISTORY) เรมิ่ ต้ังแต่การส้ินสุดของประวัตศิ าสตร์สมัยกลาง จนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีบางกลุ่มที่ถือว่าสมัยน้ีสิ้นสุดในราวค.ศ. 1900 และได้แบ่งออกเป็นอีกสมัยหน่ึงคือ ประวัติศาสตร์สมัยปัจจุบัน เร่ิมต้ังแต่ส้ินสุดประวัติศาสตร์สมัยใหม่จนถึงปัจจุบัน เพราะระยะช่วงนี้เกิด เหตกุ ารณท์ ีส่ าคัญ ๆ ข้ึนมากมาย มีรายละเอียดทีม่ ากจนสามารถแบ่งออกเป็นอกี สมัยหนงึ่ ได้ สว่ นเร่อื งของหลักฐานทางประวัติศาตร์นน้ั มีการแบง่ หลักฐานทางประวตั ศิ าสตรอ์ อกเป็น 2 ประเภท คือ หลักฐานที่เป็นวัตถุ (MATERIAL REMAINS) กับหลักฐานท่ีเป็นลายลักษณ์อักษร (WRITTEN ACCOUNTS)  ยคุ ก่อนประวตั ศิ าสตร์ >> ยุคหิน เป็นยคุ ท่มี นุษย์เรม่ิ รูจ้ กั นาหินมาปรับใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื เครือ่ งใช้หรอื อปุ กรณ์ >> ยุคหินเก่า ดารงชีพด้วยการล่าสัตว์และเก็บผลไม้ป่า อาศัยตามถ้าหรือที่พัก หยาบๆ พ่งึ พาธรรมชาติและไม่เข้าใจปรากฎการณธ์ รรมชาติ รู้จักใช้ไฟ ประกอบพิธีฝังศพอันเปน็ จุดเริ่มต้น ของศาสนา โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 35 เพ่อื เตรียมความพร้อมทดสอบระดับชาติขนั้ พ้นื ฐานสอบ O-NET ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 >> ยุคหินกลาง เริ่มรู้จักเพาะปลูกและเล้ียงสัตว์แบบง่ายๆ ภาพจิตรกรรมผนังถ้ามีความ ซบั ซ้อนมากขึ้น จดุ มุง่ หมายเพ่ือพธิ กี รรมความเชอ่ื เร่ืองวิญญาณ >> ยุคหินใหม่ ผลิตอาหารได้เอง รู้จักเก็บกักอาหาร หยุดเร่รอ่ น เครื่องมือเคร่ืองใชท้ ี่ทา ดว้ ยหินประณีตขึ้น รจู้ ักการทอผ้า เครื่องปนั้ ดนิ เผา ทาเครอ่ื งทุ่นแรง เช่น การเสียดสีให้เกิดไฟ การประดษิ ฐ์ เรอื สร้างอนสุ าวรีย์หิน (STONECHENGE  ยคุ โบราณ มยี ุคกรกี ยุคกลาง ยุคใหม่ กรีก (กรซี ) => เป็นยุคตํานานเทพปกรณมั ตน้ กําเนิดกีฬาโอลมิ ปิก หวั เสากรกี แบบดอริก ไอโอนิก โครินเธียน (พรว้ิ ไหวธรรมชาติ) วิหารพาร์เธนอน มี 2 เมอื ง คือ เอเธนส์=ต้นแบบประชาธปิ ไตย สปารต์ า=ต้นแบบเผด็จการ โรมนั (อิตาลี) => ปกครองแบบจักรวรรดิ รวมอํานาจไวท้ ซี่ ซี าร์(กษตั รยิ ์) ภายหลงั ขับไล่กษัตริยโ์ รม องค์สดุ ท้าย จึงมีการสถาปนา กฎหมาย 12 โต๊ะ (ก่ขี า?) ขนึ้ มาซงึ่ เป็นแมแ่ บบกฎหมายโลกตะวนั ตก ปัจจุบัน = ตน้ แบบสาธารณรัฐ หลงั โรมนั แบ่งออกเป็นโรมันตะวันออกและโรมันตะวนั ตก ชนเผ่าเยอรมัน โจมตีโรมันตะวนั ตกก็จบสนิ้ แตโ่ รมนั ตะวนั ออกยังอยู่ ในนามใหม่ จักรวรรดไิ บเซนไทน์ (คอนสแตนติโนเปลิ ) อยู่ในตุรกี สู่ยุคกลาง => ยคุ มดื (ดาํ ) เพราะบนั ทึกและหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรค์ รอบงาํ จากครสิ ตจักร ก็คอื พระสันตะปาปา ผนู้ ําศาสนาครสิ ตโ์ รมันคาทอลิก ง่ายๆ ศาสนามีอาํ นาจควบคมุ เหนือกษตั ริย์ ระบบกฎหมายเปลยี่ นมาเป็นระบอบฟิวดลั = กระจายอาํ นาจปกครองตกในมือของขนุ นางเจา้ ของทดี่ นิ คือ กษัตรยิ เ์ ปน็ เจ้าของทดี่ นิ แต่ในนาม ใหท้ ่ีดินขนุ นาง ขนุ นางตงั้ กองทัพกนั เอง กษตั รยิ ์ออ่ นแอเพราะชงิ อาํ นาจกัน จงึ ตอ้ งพึง่ ขุนาง ขนุ นางเลยเป็นใหญ๋ เกดิ ชนช้นั ลดหลั่นกนั 1. ชนนั้นปกครอง กษตั รยิ ์ อศั วนิ (ทหารยศใหญ๋) มีฐานะเจา้ ของทีด่ ินและปราสาท 2. สามญั ชน ส่วนใหญ่เป็นชาวนา เป็นเจา้ ของท่ดี ินขนาดเลก็ 3. ทาสติดดิน ชาวนาไมม่ ีทด่ี นิ ทํางานทใี่ นดนิ ชนชั้นปกครอง ส่งผลผลติ ใหเ้ จ้าของทดี่ นิ และยอมให้ เจา้ นายใชแ้ รงงานดว้ ย = ระบบแมเนอร์ 4. พระและนกั บวช ชนช้นั พเิ ศษเปน็ ท่ศี ูนยเ์ คารพ ศรทั ธาของประชาชน สงครามครูเสด มสุ ลิม+คริสต์ รบกันแย่งพนื้ ท่ดี ินแดนศักดส์ิ ิทธ์ิ เยรูซาเลม็ (ยวิ อิสลาม ครสิ ต์) ผลัดกันแพ้ชนะแต่สุดท้ายมุสลิมก็ชนะ แต่ถ้าในปัจจุบันแล้วกลายเป็นพื้นที่ของศาสนาคริสต์ ในประเทศ อิสราเอล ผลจากสงคราม …..ขุนนางหมดอํานาจ ระบบฟิวดัลล่มสลาย กษัตริย์ฟื้นฟูอํานาจใหม่เป็นรัฐชาติหนึ่ง เดียวเกิดการตดิ ตอ่ โลกตะวนั ออกและตะวันตก ขยายตวั ทางการคา้ และเกดิ ชนช้ันกลาง (กระฎุมพี พ่อค้า แมค่ ้า ช่างฝีมือ) โรงเรยี นเวยี งสระ สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 36 เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดับชาติขั้นพน้ื ฐานสอบ O-NET ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6 ปฏิวตั ิในองั กฤษ ต้นแบบการปกครองประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี = กฎบตั รแมกนาคาตา ต้นแบบรฐั ธรรมนญู ฉบบั แรกของโลก จาํ กัดอาํ นาจกษัตริย์ไวใ้ ห้รัฐสภา ตอ่ มากษัตรยิ พ์ ยายามฟนื้ ฟูอํานาจอีก รฐั สภากบั ประชาชนจึงทํา การปฏิวตั ิรงุ่ โรจน์ ขบั กษัตริยค์ นเก่าออกไม่นอง เลือดนะ เลือดไม่ออก 55+ คนใหม่ยอมรับอํานาจ ส้ินสุดระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (อํานาจราชาเด็ดขาด) และกําหนดให้ราชานับถือ อปุ ถัมภศ์ าสนาครสิ ตน์ กิ ายองั กฤษ ปฏิวัติในฝร่งั เศส ต้นแบบการปกครองระบอบก่ึงประธานาธบิ ดกี ่ึงรฐั สภา = ก่อนปฏิวัติ มีสภาฐานันดร (ตัวแทนชนช้ันต่างๆ ขุนนาง พระ ประชาชน) ขุนนางและพระเอาเปรียบ ประชาชนไม่เสียภาษีสักแดงเดียว ต่อมาจึงตั้งสภาเองวา่ สมัชชาแห่งชาติ และประกาศคําปฏิญาณสนามเทนนิส จะไมย่ ุบสภาจนกวา่ จะได้รฐั ธรรมนูญ (คุน้ ๆประเทศแถวนี้) = การทลายคุกบาสตีย์ (สัญลักษณ์อํานาจกษัตริย์) ที่ขังนักโทษการเมืองไว้ ไม่พอใจที่พระเจ้าหลุยส์ เรียกระดมทหาร สมัชชาแห่งชาตจิ ึงประกาศความเท่าเทียมของประชาชน และเลิกเอกสิทธิ์งดเว้นภาษีนักบวช สู่ ประกาศสทิ ธพิ ลเมอื ง วา่ เสรภี าพ เสมอภาค ภราดรภาพ  ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ = หวนกลับไปเรียนรู้อารยธรรมกรีก-โรมันใหม่ เช่น ภาพวาดโมนาลิซ่าของ ดาวินชี รปู ปัน้ เดวิดของไมเคล แองเจโล โรมโิ อแอนด์จเู ลียตของเช็คสเปียร์  อทิ ธิพลของยุโรปยุคกลาง รปู แบบเมอื งในสมยั กลางของยุโรปได้กลายเปน็ แม่แบบของเมืองในปัจจุบัน ได้รปู แบบเทศาภิบาล เก็บภาษีชาวเมือง ป้องกันตนเอง จดั ต้ังธนาคาร ตลาดนัด กําหนดวนั ท่ี 1 มกราคม เปน็ วันข้นึ ใหม่ เรม่ิ ยคุ ใหม่ => อิทธิพลจากการครอบงําของศาสนาทําให้ประชาชนเบอ่ื หน่ายและอพยพไปท่ีอนื่ และเส้นทาวนัน้ ก็ คือ การเดินเรือ เจมส์ คุก พบเกาะฮาวาย ยึดออสเตรเลียเป็นของอังกฤษ คริสต์ดตเฟอร์ โคลัมบัส พบทวีป อเมรกิ า บาร์โธโลมิว ดิแอซ พบแหลมกู๊ดโฮป ผลจากการเดนิ เรือ ทําใหเ้ กดิ การรุกรานและครอบครองดินแดนอน่ื เรียกว่า ลัทธจิ ักรวรรดินิยม เราเปน็ ใหญ่ เรา เจริญ เรามีหน้าท่ีดูแลพวกเขา เผยแผ่ศาสนา หาความมั่งค่ัง จับเข้าของดินแดนเป็นทาส ผูกขาดการค้า แลกเปลี่ยนดว้ ยเงินตรา ระบบนิเวศมีการกระจายเพราะนําพชื พรรณ สตั ว์ทอี่ ยเู่ ดิมไปเผยแพรต่ ่างถ่ิน ปฏิวัติวิทยาศาสตร์ => มนุษย์เร่ิมใช้เหตุผล มากกว่าความเชื่อ ค้นหาความจริงโดยการทดลอง นําความรู้ไป พัฒนาเครอ่ื งมือเครอ่ื งใช้มากขึ้น ขณะเดยี วกนั ก็ก่อใหเ้ กิดการปฏวิ ัตทิ างภมู ิธรรมหรือทางภูมปิ ญั ญา จอนห์ ลอ็ ค = ประชาชนเปน็ เจา้ ของอํานาจอธปิ ไตย มองเตสกิเออร์ = ระบบ 3 อาํ นาจ นติ บิ ญั ญตํ ิ บริหาร ตุลาการ (แนวคิดรัฐธรรมนูญอเมรกิ า) โทมสั ฮอบส์ = กษตั ริย์มาจากความยนิ ยอมของประชาชน รุสโซ = เชอื่ ในเจตจาํ นง เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ ปฏิวัติอตุ สาหกรรม => เปล่ียนจากแรงงาน สู่เคร่ืองจักร สิ่งทอส่อู ุตสาหกรรมเหลก็ มาจากสาเหตทุ ี่มีการขยายตัว ทางการคา้ ความกา้ วหน้าทางวทิ ยาศาสตร์ และเสถยี รภาพทางการเมอื ง อัฝกฤษเรมิ่ ก่อนเพราะการเมอื งเสถียร โรงเรยี นเวยี งสระ สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 37 เพอื่ เตรยี มความพร้อมทดสอบระดับชาตขิ ้นั พ้ืนฐานสอบ O-NET ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6 คร้ังท่ี 1 ยคุ พลังไอน้ํา ของเจมส์ วตั ต์ ใชใ้ นการทอผา้ เป็นหลัก คร้ังที่ 2 ยคุ เหล็กกลา้ ของเฮนร่ี เบสสเิ มอร์ เปล่ียนเช้ือเพลงถ่านหินมาเป็นก๊าซธรรมชาติ+นาํ้ มนั จาก ถลงุ เหล็กมาใชเ้ หล็กเปน็ วตั ถุดิบผลติ เคร่ืองมือ เชน่ ตอ่ เรอื เครอ่ื งจักร ครั้งท่ี 3 ยุคสมัยเคร่ืองอิเล็กทรอนิกส์ มีการประดิษฐ์เคร่ืองจักรไดนาโมของไมเคิล ฟาราเดย์ เช่น ภาพยนตร์ โทรเลข โทรศัพท์ การพมิ พ์ ผลจากการปฏิวัติ…..ทาํ ใหค้ นมีงานทํา เกดิ การส่งออกสินค้า ตดิ ต่อซื้อขายกันและเกดิ ชนชั้นทางสังคม ใหม่ เกิดระบบทุนนิยม(เอื้อนายทุน ค้าขายแบบเสรี มีผลต่อระบอบประชาธิปไตย) ประชาชนอยู่ดกี ินดี คนจน ถูกเอาเปรียบมากข้ึน ขณะเดียวกันกเ็ กดิ ลทั ธิสงั คมนิยมทต่ี อ้ งการความเทา่ เทียมทางเศรษฐกิจ มีผลต่อระบอบ คอมมวิ นสิ ต์  ศลิ ปวัฒนธรรม แบบบาโรก เนน้ พิสดาร อลังการ หรหู รา ฟมุ่ เฟื่อย แบบโอคลาสสกิ เน้นความสง่างาม ทรวดทรง องค์ประกอบภาพขนาดใหญ๋ แบบโรแมนนตกิ เนน้ รสู้ ึกตืน่ เตน้ เรา้ ใจ สะเทอื นอารมณ์ เช่น ภาพเปลอื ย เขน่ ฆา่ แบบเน้นสจั จนยิ ม เน้นความเป็นจริง ประสบการณ์ตรง ปัจจัยที่สนับสนนุ ใหท้ วปี ยโุ รปมีความเจริญกา้ วหน้าดา้ นเศรษฐกจิ ได้แก่ - ความอุดมสมบูรณ์ของทรพั ยากรธรรมชาติ - ความเจรญิ ก้าวหน้าด้านวทิ ยาการและเทคโนโลยี - ความมเี สถียรภาพทางการเมือง - ประชากรมคี ุณภาพ - มกี ารคมนาคมขนสง่ ทที่ ันสมัย มีทา่ เรือติดต่อกับภมู ิภาคอนื่ ๆไดส้ ะดวก - ตั้งอยใู่ นเขตอากาศอบอุ่น มปี ระมาณน้าํ ฝนเพยี งพอ อากาศไมแ่ หง้ แลง้ - มีพ้นื ท่สี ว่ นใหญ่เปน็ ท่ีราบอุดมสมบูรณเ์ หมาะแกก่ ารเกษตรกรรม  สงครามโลกครั้งที่ 1 เปน็ สงครามท่ีเกิดจากประเทศมหาอํานาจของยโุ รป 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายสัมพันธมิตร ประกอบด้วย อังกฤษ ฝร่ังเศส รัสเซีย และอิตาลี กับฝ่ายมหาอํานาจกลาง ประกอบด้วย เยอรมนี ออสเตรีย-ฮงั การี >> สาเหตขุ องสงครามโลกครัง้ ที่ 1 1. ลทั ธิชาตนิ ิยม 2. การแขง่ ขันในยคุ จกั รวรรดินิยม 3. ความขัดแยง้ ระหว่างมหาอาํ นาจชาตมิ หาอํานาจ >>ผลจากสงครามโลกคร้ังท่ี 1 ฝ่ายสนธิสัญญาพันธไมตรีไตรภาคี ที่ประกอบด้วย เยอรมนีและ ออสเตรีย-ฮังการี เป็นฝ่ายพา่ ยแพ้สงคราม ตอ้ งทําสนธิสัญญาสงบศึก เรียกว่า “สนธิสัญญาแวร์ซายส์” โดยมี เงือ่ นไขหลายประการ ดังน้ี โรงเรยี นเวยี งสระ สานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 38 เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดับชาตขิ ้นั พืน้ ฐานสอบ O-NET ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 1. ดินแดน ฝ่ายพ่ายแพส้ งครามต้องสูญเสยี ดนิ แดนและอาณานคิ ม 2. การทหาร ฝา่ ยพ่ายแพส้ งครามถกู ลดกําลงั ทหารและจํากดั อาวธุ ยุทโธปกรณ์ 3. เศรษฐกจิ ฝ่ายพา่ ยแพส้ งครามต้องจ่ายคา่ ปฏิกรรมสงครามจํานวนมาก  สงครามโลกครั้งท่ี 2 สาเหตุเกิดจากความไม่เปน็ ธรรมของสนธิสญั ญาแวร์ซายและสัญญาสนั ติภาพอ่ืนๆ ทม่ี ีต่อประเทศเยอรมนีและประเทศผู้แพ้สงครามโลกครั้งท่ี 1 และองค์การสันนิบาตชาติไม่สามารถทํา หน้าท่ีรักษาสันติภาพได้สําเร็จ ทําให้ต่อมาเยอรมนีล้มเลิกสนธิสัญญาแวร์ซายส์ มีอิตาลีและญ่ีปุ่นเข้า มารว่ มเป็นพนั ธมิตร >>มาจากการท่ีเยอรมนีบุกโปแลนด์ ทําให้อังกฤษและฝร่ังเศสประกาศสงครามกับเยอรมนี และ สหรฐั อเมรกิ ากห็ นั มาเขา้ ร่วมสงครามโลกครง้ั ที่ 2 นด้ี ว้ ย จากการญึ่ปุ่นโจมตีฐานทัพเรือ เกิดการแบง่ ฝ่ายทช่ี ัดเจน 2 กลุ่ม คอื *กลมุ่ อักษะ มีประเทศเยอรมนี อติ าลี และญป่ี ุน่ เปน็ ประเทศมหาอํานาจ *กลมุ่ พนั ธมิตร มีประเทศอังกฤษ ฝร่ังเศส และสหรฐั อเมรกิ า เปน็ ประเทศมหาอาํ นาจ กองทัพสหรัฐอเมรกิ าตอ้ งการเพอ่ื ให้สงครามยุติโดยเร็ว จึงทิ้งระเบดิ ปรมาณูทเ่ี มอื งฮิโระชมิ ะและเมืองนะงะซะกิ ทําใหญ้ ี่ปุน่ ตอ้ งยอมจํานนสงคราม สงครามโลกครั้งที่ 2 จงึ ยตุ ลิ ง >>ผลของสงครามโลกครัง้ ท่ี 2 1. ระบอบฟาสซิสต์ในเยอรมนี อิตาลีส้ินสุดลงมีความเสียหายเกิดข้ึนอย่างมหาศาลท้ังทหารและพลเรือน ตายเป็นจํานวนมากมีผู้บาดเจ็บและพกิ าร รวมทัง้ เกดิ ความเสียหายต่อทรัพย์สนิ อย่างมหาศาล 2. เกดิ ปญั หาล้ภี ยั และคนไรท้ ีอ่ ยู่นบั ล้าน 3. ประเทศสหรฐั อเมรกิ าและประเทศรัสเซียกลายเปน็ มหาอํานาจที่ยง่ิ ใหญ่ของโลก 4. ชัยชนะของลัทธิชาตินิยมและอาณานิคมส่วนใหญ่ประสบความสําเร็จในการเรียกร้องเอกราช ทําให้มี การกอ่ ตั้งประเทศใหมๆ่ อีกหลายประเทศ โดยเฉพาะในทวปี เอเชีย 5. ประเทศต่างๆ หลายประเทศประชมุ กันท่ีซานฟรานซสิ โกเพื่อรา่ งกฎบัตรสหประชาชาติ  ประวตั ศิ าสตร์จนี จากบันทึกของซือหม่าเซียน ทาให้นักประวัติศาสตร์จีนมักเร่ิมนับราชวงศ์เซี่ยโดยเร่ิมจากเซ่ีย ขาด ประสบการณ์ มีการขดู รีด กระหายในการเสพสขุ แยง่ ชิงอานาจ > ซางทัง ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ซาง ใช้ข้ออ้างว่า \"ฟ้ากาหนด\" กล่าวหาเซ่ียราชวงศ์ซางกระดูกเสี่ยง ทายเป็นที่นิยม โดยใช้กระดูกวัว ม้า กระดองเต่า นาไปอบให้แตกมีการจัดระเบียบโครงสร้างของรัฐอย่าง คอ่ นขา้ งสมบรู ณ์ > เมืองอันหยาง มณฑลเหอหนาน ค้นพบส่ิงทเ่ี รียกกันว่า กระดูกมังกร จึง จึงพบว่ากระดูกมังกรนั้น แทท้ จ่ี ริงคือกระดูกทจี่ ารึกอกั ขระโบราณของยคุ สมยั ซาง ภายหลังรู้จกั กนั ในช่ือวา่ เจี๋ยกเู่ หวิน โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 39 เพือ่ เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ น้ั พ้นื ฐานสอบ O-NET ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 > ราชวงศ์โจว เปน็ ราชวงศ์ทย่ี าวนานทสี่ ุด ดว้ ยเวลาท่ียาวนานกว่า 867 ปี > กาเนิดปรัชญาเมธี เช่น ขงจื๊อ (บรรพบุรุษ) เล่าจ๊ือ เม่งจ๊ือ (ธรรมชาติ) ซุนวู (สงคราม) เริ่มการ ปกครองด้วยระบบศกั ดนิ า > ราชวงศ์ฉิน สงครามรวมชาติ นาโดย ฉินหวงแหง่ แคว้นฉิน เข้าตีแคว้นฮนั่ หลังจากน้ันพระองค์ก็ทรง นาทัพบกุ เข้าตี แคว้นจ้าว เอ๋ยี น เว่ย เย่ว์ ฉู่ และฉี และฉินอ๋องก็ทรงสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นจักรพรรดิองคแ์ รก ของจีนทรงพระนามว่า ฉินสือ หวงตี้ เมืองหลวงคือเมืองเสียนหยาง หรือซีอาน อันเป็นท่ีตั้งของสุสานทหารดิน เผา ปฏิรูประบบตัวอกั ษร ระบบชั่ง ตวง วดั ระบบการปกครอง > ราชวงศ์ฮน่ั ฮัน่ ตอนต้นมเี มอื งหลวงตัง้ อยทู่ ีน่ ครฉางอันจึงได้รบั การขนานนามวา่ ฮัน่ ตะวันตก ฮ่นั ตอนปลายได้ย้ายเมืองหลวงมายังนครลั่วหยางเรยี กว่าฮั่นตะวันออก ดาเนินนโยบายทีเ่ ป็นมิตรตอ่ ประชาชน ฟ้ืนฟูและจัดระเบียบใหม่ กลับสู่ความสงบสุข รัชสมัยฮั่นอู่ตี้ (เป็นกษัตริย์ชาวฮ่ันที่ครองบัลลังก์ยาวนานที่สุด) ถือว่าเป็นยุคทองของฮ่นั ตะวนั ตก มกี ารกาหนดเหรยี ญกษาปณ์ เปิดเสน้ ทางการค้าออกไปยงั ดินแดนเอเชียกลาง อันเป็นที่รู้จักกันในนามของ เส้นทางสายไหม ช่วงปลายราชวงศ์ เกิดกบฏโพกผ้าเหลืองทางภาคเหนือนาโดย เตียวก๊ก เข้าล้มล้างราชวงศ์ฮ่ันตะวันออก บรรดาเจ้าท่ีดินที่มีกาลังกล้าแข็งต่างก็ฉกฉวยโอกาสน้ีพากันตั้งตน เปน็ ใหญ่ ต่อส้แู ย่งชงิ อานาจ จนท้ายสุดหลงเหลือเพยี ง 3 กลุ่มอานาจใหญน่ ัน่ คือ วยุ งอ๊ และจ๊ก หรือที่รจู้ ักกนั ใน นามของ \"สามกก๊ \" น่ันเอง > ยคุ ทองของอกั ษรศาสตรจ์ ีน โดยซอื หม่าเฉียน นกั ปราชญ์ผแู้ ตง่ หนังสือ สอื จี้ ตาราประวตั ิศาสตร์จีน ไชห่ ลนุ ขันทชี าวจนี ผลติ กระดาษข้ึนจากแม่พิมพเ์ หล็ก จางเหงิ นกั ดาราศาสตร์ฮัน่ ตะวนั ตก คิดคน้ เคร่ืองวัดแผ่นดนิ ไหวขน้ึ เรยี กวา่ ตูจู้ > ราชวงศส์ ุย มีการผสมผสานหลักการของศาสนาพุทธเขา้ กับลทั ธิขงจือ๊ และลัทธเิ ต๋า แล้วนามาพฒั นา เป็นกฎหมายของราชวงศ์ขุดคลองต้าเหวินเหอขนาดมหึมา ยาวกว่า 1,800 กิโลเมตร เชื่อมต่อกรุงปักกิ่งกับ เมืองหางโจว ใช้เวลาขุดกวา่ 30 ปี ใช้แรงงานมนุษยก์ ว่า 6 ลา้ นคน > ราชวงศถ์ ัง ยุคทองทางวฒั นธรรม โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา โดยมีการส่งคณะสมทตู ไปอนิ เดีย จักรพรรดิถังไท่จงบริหารประเทศอย่างแข็งขันทาให้ราชวงศ์ถังเจริญรุ่งเรือง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ในสมัยจกั รพรรดิถังเสวียนจงก็เจริญรุ่งเรืองอีกครั้งยุคทองของกวีนิพนธ์จีน โดยมีหล่ีไป๋และตู้ฝู่เป็น กวีเดน่ กาเนิดการพมิ พ์และดนิ ปนื โดยมแี ท่นพมิ พไ์ ม้ > ราชวงศ์ซ่ง รัฐบาลแรกในโลกทีใ่ ช้เงินตราแบบกระดาษ ศิลปะการเขียนภาพ ศิลปะการเขียนพู่กัน การฝงั เข็มยุคทองลทั ธิขงจือ๊ กาเนิดเข็มทิศ เรียกว่าหลัวผาน โดยชีท้ ศิ ใตเ้ สมอ ยุคแหง่ 108 ผู้กลา้ หาญแหง่ เขา เหลียงซาน และเปาบ้นุ จนิ้ > ราชวงศห์ ยวน กุบไลข่าน หลานเจงกสิ ข่าน โค่นราชวงศ์ซ่งลง และเป็นจกั รพรรดมิ องโกลพระองค์ เดยี วท่ีชาวจนี ยอมรบั บทง้ิวในสมัยกุบไลข่านดีมาก จนไม่มีบทง้ิวสมัยใดเทียบได้ การตดิ ตอ่ กับต่างประเทศ ก็ เป็นไปด้วยดี โดยเฉพาะ มาร์โค โปโล ผู้นาไอศกรีม พลุ บะหมี่ เขม็ ทิศ แวน่ ตา จากจีนเข้าไปยงั ยโุ รป โรงเรยี นเวยี งสระ สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 40 เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดับชาตขิ น้ั พืน้ ฐานสอบ O-NET ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 > ราชวงศ์หมิง มีการสารวจทางทะเลอย่างกว้างขวาง การทอผ้าไหมและการผลติ เครื่องเคลือบลาย ครามเจิ้งเหอ ซึ่งชาวไทยเรียกกันว่าซาปอกง ได้นากองเรือจีนไปเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา โดยนายรี าฟและสตั ว์แอฟรกิ ามายังจีนด้วย สุสาน 13 จักรพรรดิ มที างเข้าคือเส้นทางวิญญาณ (เซินเต้า) ซึง่ มียามแหง่ เกียรตยิ ศเป็นผูเ้ ฝ้าตลอดเสน้ ทางน้ี สองฝ่ังฟาก ยามแห่งเกียรติยศรูปมนุษย์ 12 รูปเป็นเครอื่ งหมายแทนขา้ ราชการและทหาร ส่วนอีก 24 รูปคือ สิงโต ม้า อฐู ช้าง และสตั ว์อืน่ ๆ > ราชวงศ์ชิง ปัจฉิมบทแห่งยุคราชวงศ์อันยาวนานของจีนจักรพรรดิแมนจูยังทรงให้การอุปถัมภ์ ศาสนาพุทธแบบทิเบต แม้ว่าจะปกครองโดยใช้รูปแบบขงจ๊ือ ในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงถือเป็นยุคทองที่ รุง่ เรอื งของราชวงศช์ งิ ใช้ระบบรฐั บรรณาการหรือจ้ิมก้อง > สงครามนานาชาติ 1. สงครามฝ่ิน – อังกฤษ (เสียฮ่องกง) 2. สงครามญ่ีปุ่น (เสียเกาหลีและ ไต้หวัน) 3. สงครามแปดชาติ (ญี่ปุ่น เยอรมนี รัสเซีย ออสเตรีย-ฮังการี อิตาลี สหรัฐอเมริกา สหราช อาณาจักร ฝรัง่ เศส) รชั สมัยจักรพรรดิคังซี เป็นยคุ ท่ีจีนเข้มแข็ง เสด็จประพาสดนิ แดนทางใต้ถงึ 6 คร้ัง เพือ่ สารวจปญั หาน้าท่วม มี การจัดทา พจนานกุ รมรวบรวมภาษาจนี ที่เรยี กกนั ว่า พจนานุกรมคงั ซี จนี ยุคใหม่ จักรพรรดิปยู ี ฮ่องเต้องค์สดุ ท้าย ซงึ่ ยอมอยู่ภายใต้อาณัติญ่ีปุ่นทก่ี ดขค่ี นจีนอยา่ งมากถูก ดร.ซุนยัดเซ็น ปฏิวัติเป็นการส้ินสุดจีนโบราณและก้าวเข้าสู่จีนยุคใหม่ ต่อมามีการชิงอานาจกนั คอมมิวนิสต์ และประชาธิปไตย >> ยุคสาธารณรัฐจนี เปน็ การปกครองแบบประชาธิปไตย - สมัย ดร.ซุนยัตเซ็น เปลี่ยนจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นประชาธิปไตยอันมีจักรพรรดิเป็น ประมุขใชห้ ลักไตรราษฎร์ (เอกราชของชาติ อธิปไตยของปวงชน ความยตุ ิธรรมในสังคม) และเบญจาธปิ ไตย (บริหาร นิติบญั ญัติ ตุลาการ สอบแขง่ ขนั ควบคมุ ดูแล) - สมัย เจียงไคเช็ค หลังจาก ดร.ซุนยัตเซ็น มีการชิงอานาจระหว่างเจียงไคเซ็ค(ประชาธิปไตย)กับ เหมาเจ๋อตงุ (คอมมิวนสิ ต์) ช่วงแรกเจียงไคเซ็คเป็นฝ่ายชนะและทาการปฏิวัติไดส้ าเร็จ ต่อมาถูกเหมาเจอ๋ ตุง ขับไลแ่ ละหนีไปยงั เกาะไตห้ วนั และสถาปนาสาธารณรฐั จนี ขนึ้ แทน -สมัยเหมาเจ๋อตงุ ชนะสงครามกลางเมือง เปล่ยี นจนี คอมมิวนิสต์ ใชร้ ะบบนารวม และพง่ึ ตนเอง เกิด กลุ่มเรดการด์ เพ่ือปฏวิ ัฒนธรรมจีน -สมัย เต้ิงเสี่ยวผิง เมื่อเหมาถึงแก่กรรม เต้ิงเส่ียวผิงเปิดประเทศ ใช้นโยบาย 4 ทันสมัย ทหาร อุตสาหกรรม เกษตรกรรม วิทยาศาสตร์ สง่ ผลให้เศรษฐกิจจีนโตเร็ว โรงเรียนเวยี งสระ สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 41 เพอ่ื เตรียมความพร้อมทดสอบระดบั ชาติขน้ั พ้ืนฐานสอบ O-NET ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6  ประวัตศิ าสตร์อินเดยี แหลง่ อารยธรรมอินเดียโบราณทเ่ี ก่าแก่ ได้แก่ อารยธรรมลุ่มแม่นา้ สินธุ (Indus Civillzation) ใน ประเทศปากีสถานในปัจจุบนั มีความเจริญในช่วงประมาณ 2500-1500 ปกี อ่ น ค.ศ. ความเจรญิ ท่ีสาคญั ดงั น้ี 1. ซากเมืองโบราณ 2 แห่ง คือ เมืองฮารับปา (Harappa) และเมืองโมเฮนโจ-ดาโร (Mohenjo-Daro) เมอื งท้ังสองตง้ั อยูร่ ิมฝ่ังแม่น้าสินธุมกี ารวางผงั เมืองอยา่ งเป็นระเบียบ มีตลาด เขตทอี่ ยอู่ าศัยและศาสนสถาน 2. พวกทราวิท หรือดราวิเดียน (Dravidians) คือ กลุ่มชนท่ีรู้จกั ใช้โลหะ (ทองแดง) ทาเคร่ืองมือเครื่องใช้ ต่างๆ ใช้อิฐกอ่ สรา้ งบ้าน ทอผ้า เพาะปลูก สร้างระบบการชลประทาน และการเขียนอักษรรปู ภาพ 3. พวกอินโด-อารยัน (Indo-Aryans) เปน็ ชนเผ่าเร่ร่อนอพยพมาจากตอนกลางของทวีปเอเชยี เข้ารุกราน อนิ เดียเม่ือประมาณ 1500 ปีก่อน ค.ศ. โดยขับไล่พวกดราวิเดียนให้ถอยร่นลงไปทางตอนใต้ ชนชาติอารยัน จึงกลายเปน็ ผสู้ รา้ งสรรคอ์ ารยธรรมใหแ้ ก่อนิ เดยี ในเวลาตอ่ มา >> สมยั พระเวท-มหากาพย์ (ประมาณ C 5-6 B.C.) ระยะน้ี คือ อารยนั ได้สร้างความเจริญบริเวณ ลมุ่ น้าสินธุ ได้สรา้ งพ้ืนฐานความเจริญทางศลิ ปวัฒนธรรม ดงั น้ี คัมภีร์พระเวท คอื คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกอารยนั ไมใ่ ช่ผลงานของมนุษย์แต่เป็นผลงานของพราหมณ์ ได้ฟัง จากโอษฐ์ของพระเจ้า แบ่งเป็น 4 เล่ม คือ ฤคเวท สามเวท ยชุรเวท และอาถรรพเวทเป็นคัมภีร์ที่กาหนดวิถี การดารงชีวิตของอารยัน และตลอดจนการบูชาเทพเจ้าหลายองค์ต่อมามีการแต่งคัมภีร์พระเวทอีก คือ พราหมณะ อารัณยกะ และอุปนิษัท เพื่อขยายความพระเวท และเป็นท่ีมาของธรรมเนียมประเพณี วรรณคดี และปรัชญาจานวนมาก โดยเฉพาะคัมภีร์อุปนิษัทจะสอนเร่ืองปรมาตมัน หรือความจริงท่ีเที่ยงแท้เพียง ประการเดียว วิญญาณมนุษย์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปรมาตมันที่เวียนว่ายตายเกิดไปตามกรรม เม่ือกรรม หมดไปและบรรลโุ มกษะจะรวมเปน็ อันหนงึ่ เดยี วกับปรมาตมนั ทาให้ศาสนาพราหมณ์พัฒนาเปน็ ศาสนาฮนิ ดู ระบบวรรณะ เปน็ ลักษณะเฉพาะของสังคมอินเดีย ที่แบ่งออกเป็น 4 วรรณะตามหน้าท่ี คือ พราหมณ์ (นักบวช) กษตั ริย์ (นกั รบ) แพศย์ พ่อคา้ ) และศูทร (ผ้ใู ชแ้ รงงาน) มหากาพย์รามายณะ และมหาภารตะ เป็นวรรณคดีท่ียิ่งใหญ่ของอินเดียโบราณเก่ียวกับการทาหน้าท่ีของ มนุษย์ให้สมบรู ณ์ตามวรรณะตนเอง โดยเฉพาะมหาภารตะเป็นเร่ืองราวของขนบธรรมเนยี มประเพณี สถาบัน ทางสงั คม และปรัชญา และการดารงชวี ิต ไดแ้ ก่ ตอนภควทั คีตา >> สมัยมคธ-โมริยะ (ประมาณ C. 5-2 B.C.) ระยะน้ีมีเหตุการณ์ที่สาคัญ คือ เป็นสมัยท่ีอินเดีย รวมตัวเปน็ อันหน่ึงอนั เดียวกัน จากเปน็ อาณาจักรตา่ งๆ ในสมยั มคธ จนถึงอาณาจักรวรรดคิ ร้ังแรกของอนิ เดีย ในราชวงศโ์ มริยะและนาพระพุทธศาสนามาปกครองและเจริญสงู สุดวทิ ยาการ เช่น ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ การแพทย์ ภาษาศาสตร์ ฯลฯ วรรณคดี ที่สาคัญ คือ คัมภีร์อรรถศาสตร์ ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่ว่าด้วยการปกครอง และอานาจของพระเจ้าแผ่นดิน ซ่ึงเป็นหลักการสาคัญในการปกครองสืบมาพุทธศิลป์ เน่ืองจากระยะนี้พุทธ ศาสนาร่งุ เรืองในอนิ เดีย เชน่ เสาหินพระเจ้าอโศก (จารึกธรรมะทเ่ี สา) สถปู ทีส่ าญจิ โรงเรียนเวยี งสระ สานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 42 เพ่ือเตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดับชาตขิ ้ันพนื้ ฐานสอบ O-NET ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 >> สมยั กุษาณะ–อนั ธระ (ประมาณ C. 2 BC.–C. 4 A.D.) ราชวงศ์โมรยิ ะ เสื่อมลง ระยะน้ีอินเดีย แบ่งออกเป็น 2 พวก คอื ตอนเหนอื ได้แก่ กษุ าณะ (ต่างชาติ) ซึ่งมีความเจริญมากกว่าตอนใต้ ได้แก่ อันธระ โดยเฉพาะสมยั พระเจา้ กนษิ กะการแยกนิกายในพุทธศาสนา มีการสังคายพุทธศาสนาและแยกเป็น 2 นิกาย คือ มหายานและหนิ ยาน พระพุทธรูป เป็นการสรา้ งพระพุทธรูปครง้ั แรก เรียกวา่ “พระพทุ ธรปู แบบคันธาระ” พระโพธิสตั ว์ เป็นคตคิ วามเชือ่ เกี่ยวกับการเสวยชาติตอ่ มาของพระพุทธเจ้า >> สมัยคุปตะ (C. 4-6 A.D.) เป็นระยะท่ีอินเดียพยายามฟื้นฟูความเป็นอินเดียแท้ แบบสมัย จักรวรรดิโมริยะ อีกครั้งมีการนาเอาความเชื่อดั้งเดิมสมัยพระเวทมาปรับปรุงให้เข้ากับสภาพสังคมใหม่ (พัฒนาจากศาสนาพราหมณ์มาเปน็ ฮนิ ดู) สมยั น้อี าจจะเรยี กไดว้ ่าเปน็ ยคุ ของ อารยธรรมฮนิ ดู คอื สถาปตั ยกรรม จิตรกรรม และประติมากรรม คือ สถาปตั ยกรรมในถา้ ซึ่งมกี ารตกแต่งด้วยจิตรกรรม และ ประตมิ ากรรม โดยมีท้ังเร่อื งในศาสนาพุทธ และฮินดู ท่มี ีชือ่ เสียงมาก คือ ถ้า อชันตะเอลลอรา และเอเลฟนั ตา วรรณกรรม เป็นยุคทองของวรรณคดีสันสกฤต วรรณกรรม คือ บทละคร กวีเอก คือ กาลิทาส ผู้แต่งเร่ือง ศกุนตลา พระพุทธรูป สมยั นแ้ี สดงความอ่อนโยน สงบนงิ่ เป็นความงามทีเ่ ป็นอดุ มคติแบบอนิ เดยี (มิใชเ่ หมอื น จรงิ ตามธรรมชาติ แบบกุษาณะ) เช่น พระศกเป็นกน้ หอย จีวรเหมอื นผ้าเปยี กน้า พระกรรณยาว >> สมัยหลังคุปตะ-โมกุล (C. 6-16 A.D.) มีเหตุการณ์สาคัญในอินเดีย คือ การเข้ามาของพวก มสุ ลมิ เชอื้ สายอาหรบั เตอร์กยึดครองอนิ เดียทางตอนเหนือส่วนหน่ึง ซ่ึงมีศนู ย์กลางอยู่ทเี่ ดลฮี เรียกว่า“สมัย สลุ ต่านแห่งเดลฮี” การสร้างสรรค์ทางศิลปวัฒนธรรมนั้นท่ีสาคัญ คือ การผสมผสานระหว่างศิลปวัฒนธรรม ฮนิ ดู และมสุ ลิม เชน่ > ศลิ ปะทมิฬ ปรากฏทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ เป็นศลิ ปะของพวกดราวิเดยี น ลักษณะเด่น คอื แสดงความตนื่ เต้น การมีอานาจ ความน่ากลวั สถาปตั ยกรรมจะมีหลังคาซ้อนกันเปน็ ชั้นๆ > ศิลปะอินเดียภาคเหนือและตะวันออก อยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับศิลปะทมิฬ และมี ลกั ษณะคล้ายคลงึ กัน แต่มีความงามอ่อนชอ้ ยกว่า และหลงั คาของสถาปัตยกรรมเป็นแบบโค้งสูง ซึ่งสรา้ งดว้ ย การก่ออฐิ เป็นช้นั ๆ > ศิลปะแบบปาละและเสนะ สมัยราชวงศ์ปาละเป็นศิลปะของพุทธศาสนามหายานรุ่น สุดท้ายก่อนท่ีจะถูกทาลายโดยพวกมุสลิม มีมหาวิทยาลัยนาลันทา เป็นศูนย์กลางทางศิลปวิทยาการ หลังจากนี้เป็นต้นไป ถือว่าศาสนาพุทธหมดบทบาทในอินเดีย(มหาวิทยาลัยนาลันทาถูกพวกมุสลิมเผา ทาลาย) สว่ นในราชวงศ์เสนะ ซึ่งนับถือศาสนาฮนิ ดจู ะเปน็ ศลิ ปะเน่อื งในศาสนาฮนิ ดู >> สมัยโมกุล (C. 16-18 A.D.) โมกุลเป็นราชวงศ์สุดท้ายของอินเดียก่อนที่จะตกอยู่ภายใต้การ ปกครองของอังกฤษ เป็นราชวงศ์ของพวกมุสลิม (แต่เป็นมุสลิมคนละพวกกับสมัยสุลต่านแห่งเดลฮี) มีการ ผสมผสานระหว่างศลิ ปะฮนิ ดู และมุสลมิ เข้าด้วยกัน (ความเจริญรุ่งเรอื งทางศิลปวัฒนธรรมท่ีเด่นของสมัยโม กลุ คอื สมยั พระเจา้ อคั บารม์ หาราช) ในบรรดาศิลปะวัฒนธรรมท่ีมีผลมาจากการผสมผสานนี้ ท่เี ดน่ ๆ คือ สถาปัตยกรรม คอื ทชั มาฮาล วรรณกรรมภาษาเปอร์เชียผสมกบั ภาษาอินเดยี กลายเป็นภาษาอูรดู โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 43 เพอ่ื เตรยี มความพร้อมทดสอบระดบั ชาติข้ันพ้ืนฐานสอบ O-NET ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6 49. ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ กู ตอ้ ง 1. พวกฮติ ไทต์ (Mitites) ในเมโสโปเตเมีย รู้จักการถลุงเหล็กเพ่อื ทาเปน็ อาวุธในยคุ โลหะ 2. ศิลปะแบบเมกกาเลเนียน (Magalerian) คือภาพวาดตามผนังถ้าและภาพแกะสลักบนกระดูก เป็นศลิ ปะท่ีมชี ือ่ เสยี งของยคุ หินเก่า 3. มนษุ ยใ์ นยคุ หินใหมเ่ รม่ิ รู้จักการเพาะปลูกและเลี้ยงสตั ว์ 4. นักโบราณคดีใช้วิธีเทอร์โมลูมิเนเซนท์ (thermoluminescence) ในการหาอายุของซากไม้ และโครงกระดูกมนษุ ย์ 5. ตวั อกั ษรลิ่ม หรือตัวอักษรคูนิฟอร์ม เป็นตัวอกั ษรของชาวสเุ มเรยี น 50. ข้อใดกลา่ วถกู ตอ้ งเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณ 1. อาณาจักรฮีบรู หลงั จากเจริญถึงขีดสุดแล้ว ได้ตกอยู่ภายใต้อานาจของกรีกและโรมัน แต่ไม่เคย ถกู พวกเปอร์เซยี รกุ ราน 2. “รอยัลโรด” (Royal Road) เป็นถนนท่ีจักรพรรดิไซรัสทรงสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมเมืองสาคัญต่างๆ เขา้ ด้วยกัน 3. พระเจ้าอัสซูร์บานิปาล (Ashurbanipal) กษัตริย์ของชนเผา่ อสั ซีเรยี น มีรับสั่งใหส้ รา้ งห้องสมุด ท่รี วบรวมผลงานของเมโสโปเตเมียเป็นจานวนมาก 4. “สวนลอยแหง่ บาบิลอน” ซ่ึงได้รบั การยกยอ่ งให้เปน็ 1 ใน 7 ส่งิ มหศั จรรย์ของโลก ถูกสร้างข้นึ โดยพวกฮติ ไทต์ 5. สถาปตั ยกรรมที่สาคัญทสี่ ุดของชาวอัสซีเรยี นคือ “ซิกกแรต” เป็นเทวสถานทสี่ รา้ งบนภูเขาจาลอง มที างขึน้ เป็นขน้ั บนั ได สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า 51. ขอ้ ใดไมใ่ ช่สาเหตุของการปฏิรูปศาสนาในยุโรปในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 16 1. แนวคดิ ปจั เจกชนนิยม 2. พอ่ ค้าต้องการหากาไรจากการคา้ เพิ่มเตมิ 3. ความแตกแยกระหวา่ งศาสนาคริสต์นกิ ายโรมนั คาทอลิกและออร์โทดอกซ์ 4. กษตั ริย์ต้องการมอี านาจมากขึ้น 5. บคุ คลในศาสนจกั รประพฤตติ นไม่ดี สนใจทางโลกมากกวา่ ทางธรรม 52. เหตุการณใ์ นข้อใด เกิดขึ้นในสมัยใหมข่ องประวัตศิ าสตรส์ ากล 1. การจัดต้ังองคก์ ารสนธสิ ญั ญาแอตแลนติกเหนือ หรือองค์การนาโต 2. การสรา้ งมหาวิหารโนเตรอดาม (Notre-Dame) ในกรงุ ปารสี ประเทศฝร่งั เศส 3. “บิดาแห่งประวตั ิศาสตร์” ในโลกตะวันตกได้เขยี นผลงาน “ประวัติศาสตร์สงครามเปอร์เซีย” ข้ึน 4. การกาหนด “กฎหมายสบิ สองโตะ๊ ” (Law of the Twelve Tables) 5. ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) เสนอทฤษฎวี ิวัฒนาการวา่ ด้วยการเลือกสรรของธรรมชาติ โรงเรยี นเวียงสระ สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 44 เพื่อเตรยี มความพร้อมทดสอบระดับชาติขั้นพ้ืนฐานสอบ O-NET ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 53. ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ กู ต้องเก่ยี วกับแนวคิดจักรวรรดินิยมในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 19-20 1. ชาติจักรวรรดินิยมมุ่งเข้าครอบครองอาณานิคมทุกรูปแบบ ท้ังด้านการเมืองการทหาร เศรษฐกิจ และวฒั นธรรม 2. การปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรมนบั เป็นสาเหตุหน่ึงท่ีทาใหแ้ นวคดิ จกั รวรรดินยิ มขยายตัว อย่างกวา้ งขวางในทวปี ยุโรป 3. ญ่ีปุ่นเป็นชาติท่ีใช้แนวคิดจักรวรรดินิยมรุกรานเพ่ือนบา้ น และสามารถรบชนะอังกฤษได้ใน ค.ศ. 1905 4. เบลเยียมเปน็ หนง่ึ ในชาตติ ะวันตกทแี่ สวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟรกิ า และได้ยดึ ครองคองโกใน ปลายคริสตศ์ ตวรรษที่ 19 5. “ภาระหน้าที่ของคนขาว” (The White Man's Burden) เป็นหนึ่งในสาเหตุท่ีทาให้แนวคิ จกั รวรรดินยิ มขยายตวั ในทวปี ยโุ รป 54. องคก์ ารในขอ้ ใดรวมตัวกันโดยมคี วามมุง่ หมายหลักเพอ่ื รว่ มมอื กันต่อต้านลทั ธิคอมมิวนสิ ต์ 1. องคก์ ารสนธิสัญญาแอนซัส 2. สันนบิ าตอาหรับ 3. สภารฐั มนตรนี อรด์ ิก 4. สหภาพแอฟริกา 5. สหภาพยโุ รป 55. ผลงานหรอื แนวคิดในขอ้ ใดไม่ไดเ้ กดิ ขนึ้ ในสมัยปฏวิ ตั วิ ิทยาศาสตร์ 1. การพบวา่ จลุ นิ ทรยี ใ์ นอากาศเป็นตน้ เหตุใหอ้ าหารเน่าเสยี 2. การผ่าตดั เอาทารกออกจากครรภ์มารดา 3. การโคจรและการเคลอื่ นไหวในระบบสุรยิ จักรวาลเป็นไปตามกฎแหง่ ความโนม้ ถว่ ง 4. การสง่ เสรมิ การศกึ ษาแบบวทิ ยาศาสตรโ์ ดยวิธีการศกึ ษาแบบอปุ นัย 5. การใช้หลกั ของเหตผุ ล ทอี่ ธบิ ายและตรวจสอบได้เชน่ เดยี วกบั หลกั ของวชิ าคณิตศาสตร์ 56. ขอ้ ใดไม่ถกู ตอ้ งเกย่ี วกับโลกในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 21 1. องคก์ ารสหประชาชาตมิ ีบทบาทสาคญั ในการแก้ปญั หาดา้ นสทิ ธิมนุษยชน 2. การเปน็ ผู้นาโลกของสหรัฐอเมริกาแต่เพียงผู้เดียวหลังสงครามเย็นสิ้นสุดลงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ ทาให้การก่อการร้ายในตะวนั ออกกลางเพมิ่ มากข้ึน 3. องค์การสหประชาชาตมิ ีสว่ นช่วยสง่ เสริมใหเ้ กดิ การพัฒนาอยา่ งยงั่ ยนื โดยผา่ นแผนปฏบิ ตั ิการ 21 4. องค์การสหประชาชาติกาหนดว่าแรงงานเด็ก ซ่ึงเป็นปัญหาใหญ่ในเอเชีย คือแรงงานที่มีอายุต่า กวา่ 15 ปี 5. วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดข้ึนทั่วโลกใน ค.ศ. 2008 ส่งผลให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลของไท ย เจรญิ เติบโตนอ้ ยลง โรงเรยี นเวยี งสระ สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 45 เพ่อื เตรยี มความพร้อมทดสอบระดบั ชาติขนั้ พื้นฐานสอบ O-NET ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 57. อักษรกระดองเตา่ เปน็ อกั ษรของอารยธรรมใด 1. เมโสโปเตเมีย 2. อินเดีย 3. จนี 4. อียิปต์ 5. กรกี 58. ประเทศใดไม่ใช่สมาชิกเริ่มแรกขององค์การสนธิสญั ญาป้องกนั เอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia Treaty Organization: SEATO) 1. ปากีสถาน 2. สหรัฐอเมริกา 3. ฝรัง่ เศส 4. ฟิลิปปนิ ส์ 5. มาเลเซีย 59. ดินแดนทพี่ อ่ ค้าชาวโปรตเุ กสในสมัยอยธุ ยาตอนต้นเรยี กว่า ลกิ อร์( Ligor) สันนษิ ฐานว่าตรงกับเมอื งใด 1. ปตั ตานี 2. นครศรีธรรมราช 3. สรุ าษฏรธ์ านี 4. นครปฐม 5. กาญจนบุรี 60. ถ้าครอู ศิ ราตอ้ งการพานักเรยี นไปดูโบราณสถานทเ่ี ก่ียวข้องกับศิลปะลพบรุ คี รูอิศราต้องไปท่ีแหง่ ใด 1. พระราชวังนารายณร์ าชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี 2. วดั พระศรสี รรเพชญ จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา 3. วดั พระธาตุหริภญุ ชัย จงั หวดั ลาพูน 4. พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม 5. ปราสาทเมอื งสิงห์ จงั หวัดกาญจนบุรี 61. คาวา่ “สวสั ดี” ถูกกาหนดใหใ้ ชอ้ ย่างเปน็ ทางการ ในสมยั ของนายกรัฐมนตรที ่านใด 1. จอมพล ป.พิบลู สงคราม 2. จอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต์ 3. พระยามโนปกรณน์ ติ ธิ าดา 4. จอมพลถนอม กติ ตขิ จร 5. พันเอกพระยาพหลพลพยหุ เสนา (พจน์ พหลโยธนิ ) 62. เหตกุ ารณ์ใดไมไ่ ดเ้ กิดข้ึนในสมยั รชั กาลท่ี 5 2. การตัง้ หอรัษฎากรพพิ ัฒน์ 1. การเสด็จประพาสตน้ 4. การจดั ต้งั มณฑลเทศาภบิ าล 3. การจดั ตั้งเคาน์ซลิ ออฟ เสตต (Council of state) 5. การสถาปนาจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั 63. “สมุดปกเหลอื ง” ในสมัยคณะราษฎร มเี นอื้ หาหลกั ในดา้ นใด 4. มานษุ ยวิทยา 1. ศิลปะ 2. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งประเทศ 3. เศรษฐกิจ 5. วรรณกรรม 64. “ทฤษฎโี ดมโิ นส์” มีความเก่ียวข้องกับประวตั ิศาสตรย์ ุคสมัยใด 1. ยุคสงครามโลกคร้งั ที่ 1 2. ยุคฟ้ืนฟศู ิลปวิทยาการ 3. ยุคเกษตรกรรม 4. ยุคสงครามเยน็ 5. ยุคปฏิวตั ิอุตสาหกรรม โรงเรียนเวียงสระ สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 46 เพอื่ เตรียมความพรอ้ มทดสอบระดับชาตขิ ้นั พื้นฐานสอบ O-NET ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 สาระการเรียนรทู้ ี่ 5 ภูมิศาสตร์ แผนที่ คือสิ่งทีเ่ ขียนลงบนพน้ื ราบ โดยใช้เส้น สัญลักษณ์และเครอื่ งหมายตา่ งๆ เพ่ือแสดงลกั ษณะภูมิ ประเทศและสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนพื้นโลก ให้เห็นอาณาเขต ท่ีต้ัง และความสัมพันธ์ในทางพื้นทข่ี องส่ิงต่างๆ เหล่านั้น > ชนิดของแผนท่ี 1. แผนทก่ี ายภาพ (Physical Maps) เปน็ แผนท่ี ทแ่ี สดง สิง่ ทเี่ กิดเองตามธรรมชาติ เช่น แผนท่ีภมู ิ ประเทศ แผนท่ีธรณีวิทยา แผนท่ีภูมิอากาศ แผนท่ีลมฟ้าอากาศ แผนที่ทะเล มหาสมุทร แผนที่กระแสนํ้า เป็นตน้ 2. แผนที่วัฒนธรรม (Cultural Maps) เป็นแผนท่ี ท่ีแสดงส่ิงท่ีมนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น เช่น แผนที่ ประเทศ แผนทจี่ ังหวัด แผนทที่ างหลวง แผนท่ีเดินเรอื แผนที่การบนิ แผนท่ปี ระวัตศิ าสตร์ แผนท่แี สดง > สว่ นประกอบสาํ คัญของแผนที่ 1. พกิ ัดภมู ิศาสตร์ (Geographic Coordinates) พิกัดภูมิศาสตร์ คือกําหนดตําแหน่งท่ีต้ังของจุด หนึ่งจุดใดบนพ้ืนผิวโลก เพื่อให้สามารถทราบได้ว่าจุดน้ันๆ ตั้งอยู่ ณ ที่ใด การกําหนดน้ีอาศัยกําหนดจาก ละติจดู และ ลองจิจดู ก. ละติจูด (Latitude) ละติจูดคือการกําหนดตําแหน่งที่ตั้งของจุดหนึ่งจุดใดบนผิวโลก ว่าอยู่ห่าง จากศนู ย์สตู รมากน้อยแคใ่ ด และคดิ ค่าเปน็ องศา โดยมเี ส้นสาํ คัญดังน้ี 1. เส้นศนู ยส์ ตู ร ( Lat.0 ) แบง่ เปน็ ซีกโลกเหนอื ซกี โลกใต้ 2. เสน้ ทรอปคิ ออฟแคนเซอร์ (Lat.23 ½ N ) แบ่งเขตอากาศรอ้ นเหนือ-อบอนุ่ เหนือ 3. เส้นทรอปิคออฟแคปปรคิ อร์น (Lat.23 ½S ) แบง่ เขตอากาศร้อนใต้-อบอ่นุ ใต้ 4. เส้นอาร์คติก (Lat.66 ½ N ) แบ่งเขตอากาศอบอุน่ เหนือ-หนาวเหนอื 5. เสน้ แอนตาร์กติก (Lat.66 ½ S ) แบ่งเขตอากาศอบอนุ่ ใต้-หนาวใต้ ข. ลองจิจดู (Longitude)ลองจจิ ูดคือการกําหนดตําแหนง่ ท่ีตง้ั ของจุดใดบนพื้นผิวโลกว่าอยู่หา่ งจาก เส้นเมริเดยี นแรก (Prime Meridian) มากน้อยแค่ใด และคดิ ค่าเปน็ องศา โดยมเี ส้นสําคญั ดังน้ี 1. เส้นเมอรเิ ดียนปฐม(Long.0) ใชเ้ ปน็ เสน้ กําหนดเวลามาตราฐานกรีนิช ( GMT ) 2. เสน้ เขตวนั สากล ( International Date Line ) (Long.180) 3. เส้นLong.105E ใช้เปน็ เสน้ กําหนดเวลาของประเทศไทย > ประโยชนข์ องเสน้ ละตจิ ูดและลองจจิ ูด 1. เฉพาะเสน้ ละตจิ ูดใชบ้ อกเขตอากาศของสถานท่ตี า่ ง ๆ บนโลก 2. เฉพาะเสน้ ลองจิจดู ใชบ้ อกเวลาของสถานท่ีต่าง ๆ บนโลก โรงเรียนเวยี งสระ สานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 47 เพือ่ เตรียมความพรอ้ มทดสอบระดับชาตขิ ั้นพนื้ ฐานสอบ O-NET ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6 3. ถา้ ท้งั 2 เสน้ ใช้คกู่ นั จะบอกพิกัดภูมิศาสตรข์ องสถานที่ต่าง ๆ บนโลก มาตรส่วน (Scale) คอื อัตราสว่ นระหว่างระยะทางในแผนที่ ตอ่ ระยะทางจริงบนโลก > แสดงมาตราสว่ นเป็นตัวเลข ที่เรยี กว่า เช่น มาตราสว่ น 1:150,000 หรือมาตราสว่ น ซง่ึ หมายความว่า ระยะทาง 1 หนว่ ยบนแผนท่ี จะเท่ากับระยะทางบนพนื้ ที่ 150,000 หน่วย >แสดงมาตราส่วนเปน็ เส้น > แสดงมาตราส่วนเป็นคําพูด เช่น มาตราส่วน 6 นิ้วต่อไมล์ (หรือ 1:10,560) มาตราส่วน 5 เซนตเิ มตร ต่อ 1 กิโลเมตร (1:20,000) เป็นต้น 4. สญั ลกั ษณ์ การแสดงสิ่งต่างๆ ในแผนท่ีไม่สามารถแสดงดว้ ยของจริงได้ จึงจําเปน็ ตอ้ งกําหนดเป็น สญั ลักษณ์ 5. ทิศ เป็นการบอกให้ร้วู า่ สถานทน่ี ้ันตัง้ อยทู่ างทศิ ใด เม่อื แสดงไว้ในแผนที่ 6. การแสดงความสูงต่ําของพ้ืนที่  ลกู โลก โลกมีสณั ฐานกลม แตไ่ มก่ ลมอยา่ งแทจ้ ริงทเี ดยี ว เพราะโลกจะป่องออกตรงกลาง (บริเวณศูนย์ สูตร) เลก็ น้อย เนอ่ื งจากแรงเหว่ยี งทีเ่ กิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก ทาํ ใหเ้ ส้นผ่าศูนยก์ ลางของโลกวัดจาก ขั้วโลกเหนือถงึ ขั้วโลกใต้ยาว 12,714 กม. และวดั ท่เี ส้นศนู ย์สตู รยาว 12,757 กม.  แผนภาพ (diagram) คือ รูปที่เขียนข้ึนเพ่ือประกอบคําอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับ การศึกษาวิชาภมู ิศาสตร์ เช่น วัฏจักรของน้าํ การเกดิ ทะเลสาบรูปแอก เป็นต้น การใช้แผนภาพอธิบายจะทาํ ให้ เข้าใจเรอ่ื งราวเหล่าน้นั ได้ง่ายขน้ึ  ขอ้ มูลสถิติ เป็นข้อเท็จจริงสําหรับใชเ้ ป็นหลักฐานในการอ้างอิงข้อมูลท่ีรวบรวมไว้ มีท้ังท่ีเปน็ ข้อความ และตวั เลข เชน่ ตารางสถิติ และกราฟ ( กราฟวงกลม กราฟแทง่ กราฟเสน้ )  การถา่ ยภาพทางอากาศ (aerial photography) คือ การถ่ายภาพจากท่ีสูงในอากาศเหนือพืน้ โลกโดย ใช้เครื่องบิน หรือบอลลูน เม่ือบันทึกภาพน้ันไว้แล้ว จึงนํามาเรียงต่อกันก็จะเห็นรายละเอียดของส่ิงต่างๆ ท่ี ปรากฏอยู่จริงบนผิวโลก  การถา่ ยภาพจากดาวเทียม (satellite imagery) คือ การถ่ายภาพและบนั ทกึ ขอ้ มูลจากดาวเทียมแล้ว สง่ ข้อมูลเหล่าน้ันมายังสถานีรับภาคพื้นดิน แต่ภาพที่ปรากฏไม่สามารถแปลความหมายได้ง่ายเหมือนภาพถ่าย ทางอากาศ ตอ้ งอาศัยผเู้ ช่ียวชาญและเคร่ืองมอื ในการชว่ ยแปลความหมาย ปัจจุบันเทคโนโลยีการถ่ายภาพจาก ดาวเทยี มไดพ้ ัฒนาไปมาก จนสามารถถ่ายภาพได้รายละเอียดและชดั เจนเท่าภาพถ่ายทางอากาศ  ดาวเทยี มทค่ี วรรู้ - Landsat สํารวจทรพั ยากรธรรมชาติ - Ikonos สํารวจทรัพยากรธรรมชาติ - Theos สาํ รวจทรพั ยากรธรรมชาติ ( ดวงแรกของไทยท่ใี ชส้ ํารวจทรพั ยากรธรรมชาติ )  NOAA อุตุนิยมวิทยา โรงเรียนเวยี งสระ สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 11 จ.สรุ าษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 48 เพอื่ เตรยี มความพรอ้ มทดสอบระดับชาตขิ ัน้ พืน้ ฐานสอบ O-NET ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6  MOS สํารวจพน้ื โลก , พืน้ น้ํา  NPOESS สํารวจขวั้ โลก  ระบบกาํ หนดตําแหน่งบนพื้นโลก (Global Positioning System – GPS) คือ การนําคลื่นสญั ญาณ จากดาวเทียมบอกตําแหน่งมาบอกค่าพิกัดของสิ่งต่างๆ บนพื้นโลก ระบบน้ีจึงมีประโยชน์ตอ่ การบอกตําแหน่ง และทศิ ทางการเดินทางทงั้ ทางบก ทางนา้ํ และทางอากาศ  ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System – GIS) คือ เคร่ืองมือทาง ภูมิศาสตร์ท่ีช่วยในการจัดเก็บ จัดการ จัดทํา วิเคราะห์ ทําแบบจําลองและการแสดงข้อมูลเชิงพ้ืนที่ด้วยระบบ คอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ เปน็ เคร่ืองมือทมี่ ีประสิทธิภาพสูงท่ีช่วยในการวิเคราะห์และวางแผน ในการแก้ปัญหาหรือพฒั นาในดา้ นต่างๆ ทง้ั ภาครัฐและเอกชน  โครงสรา้ งทางธรณีวิทยาของประเทศไทย 3 ประเภท ได้แก่ ที่ราบ ทร่ี าบสงู และภเู ขา 1. ที่ราบ เป็นโครงสร้างทางธรณีวทิ ยาที่ใหม่ท่ีสุด เกิดในมหายุคชโี นโซอกิ การทับถมของตะกอน มกั จะยังไม่แขง็ ตวั เรียกว่า “ตะกอนควอเตอร์นารี” ถา้ แขง็ ตวั เป็นหิน เรยี กวา่ “หินกระบ่ี” 2. ท่ีราบสูง เป็นโครงสร้างทางธรณีวิทยากลาง ๆ เกิดในมหายุคมีโซโซอิก หมู่หินท่ีพบเป็นพวก หมู่หนิ ลาปางและหม่หู ินโคราช 3. ภเู ขา เปน็ โครงสร้างเกา่ แก่ทสี่ ุด เกดิ ในมหายุคพาเลโอโซอกิ หม่หู ินทีพ่ บในบรเิ วณภูเขาเป็นหมู่ หินราชบุรี หมู่หนิ ตะนาวศรี หมู่หนิ ท่งุ สง และหมู่หินตะรุเตา ทีร่ าบ (Plain) 1. ท่ีราบชายฝั่งทะเล คือ ที่ราบท่ีอย่ชู ิดกบั ชายฝั่งทะเล เกิดจากการยกตัวของเปลือกโลกหรือการ ทับถมของตะกอน เช่น ท่ีราบรอบอา่ วไทย ทรี่ าบชายฝงั่ อันดามนั 2. ทร่ี าบเชงิ ภูเขารูปพัด คือ ท่รี าบท่อี ยู่บรเิ วณเชงิ เขา เกิดจากตะกอนท่ีแมน่ ํ้าพามาจากภเู ขาทับถม กนั เช่น บริเวณแอ่งที่ราบในภาคเหนือ 3. ที่ราบลุ่มแม่น้ํา คือ ท่ีราบเกิดจากการทับถมของตะกอนบริเวณ 2 ฟากฝั่งแม่น้ําและการกัดเซาะ ได้แก่ – ที่ราบน้ําท่วมถึง เช่น ล่มุ แมน่ ํา้ เจ้าพระยาตงั้ แตน่ ครสวรรคถ์ งึ อ่าวไทย – ที่ราบดนิ ดอนสามเหล่ียมปากแมน่ า้ํ เชน่ ทีร่ าบภาคกลางตอนล่าง ลุ่มแมน่ ํา้ เจา้ พระยา ต้งั แต่ชัยนาท ถึงอา่ วไทย – ทร่ี าบขนั้ บนั ได เชน่ ท่ีราบภาคกลางตอนบนและที่ราบลุ่มแมน่ ํา้ ป่าสัก – ท่ีราบลูกฟกู เช่น ทร่ี าบภาคกลางตอนบน 4. ทีร่ าบสงู (Plateau) ในประเทศไทยมีทเ่ี ดียวในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ เรยี กว่า “ทีร่ าบสูงโคราช” เกิดจาก การยกตัวของเปลือกโลกใต้ทะเล ที่เช่ือเช่นนี้เพราะสภาพของดินเค็ม ฟอสซิล และโครงสร้างของหินเหมือน เปลอื กโลกใต้อ่าวไทย ทร่ี าบสูงนีเ้ ป็นท่ีราบสงู รูปโตะ๊ หรอื ท่ีราบสูงทวปี โรงเรยี นเวียงสระ สานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School

เอกสารประกอบการสอนวชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 49 เพ่ือเตรียมความพรอ้ มทดสอบระดบั ชาตขิ น้ั พ้นื ฐานสอบ O-NET ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6 5. ภเู ขา (Mountain) ได้แก่ 1. เทือกเขาทเ่ี กดิ จากรายคดโค้ง เชน่ เทอื กเขาในภาคเหนอื ภาคตะวันตก ภาคใต้ 2. ภูเขายอดตัดหรือภเู ขาบล๊อก เชน่ ภกู ระดึง ภหู ลวง ภเู รือ ภขู ้เี ถา้ ในจงั หวดั เลย 3. ภเู ขารูปโดม เชน่ ภูเขาโดด ๆ ในภาคกลางตอนบนและดอยเตา่ 4. ภูเขาไฟ เช่น ภูพนมร้งุ ภอู งั คาร ภกู ระโดง (บุรีรัมย์) ม่อนจําปาแดด ม่อนหนิ ฟู (ลําปาง) - ทะเลสาบ (Lake) ได้แก่ 1. ทะเลสาบชายฝงั่ ทะเล (Lagoon) ช่น อ่าวค้งุ กระเบน จงั หวัดจนั ทบุรี 2. ทะเลสาบปากปล่องภเู ขาไฟ (Creter Lake) เช่น ทะเลสาบบนภูกระโดง จงั หวัดบุรรี ัมย์ 3. ทะเลสาบท่เี กิดจากการทรุดตัวของเปลือกโลก เชน่ กวา๊ นพะเยา บึงบอระเพ็ด หนองหาน 4. ทะเลสาบท่มี นษุ ยส์ ร้างขึน้ (Reservoir) เช่น อ่างเกบ็ นํ้า ทะเลสาบเหนือเขอ่ื น 5. ทะเลสาบเกดิ จากการเปลีย่ นทางเดินของแมน่ ้ํา (Ox Box Lake) เชน่ กุดตา่ ง ๆ ในภาคอสี าน 6. ชายฝั่งทะเล (Shore Line) ไดแ้ ก่ 1. ชายฝั่งทะเลโผล่หรอื ชายฝั่งทะเลยกตวั (Emerged Coast Line) เชน่ ชายฝั่งด้านอา่ วไทย 2. ชายฝงั่ ทะเลจมหรือชายฝ่งั ทะเลทรุด (Submerged Coast Line) เชน่ ชายฝั่งทะเลดา้ นอนั ดามนั 3. ชายฝง่ั ทะเลเปน็ กลางเกิดจากการทบั ถมของตะกอน เชน่ แหลมตะลมุ พุก จงั หวัดนครศรธี รรมราช 7. เกาะ (Island) ได้แก่ 1. เกาะริมทวปี อย่ใู กลแ้ ผน่ ดินใหญเ่ กิดจากการผันแปรของเปลอื กโลก เช่น เกาะต่างๆ ในนา่ น น้าํ ไทย 2. เกาะกลางมหาสมุทร อยู่ไกลแผ่นดินใหญ่เกิดจากการทับถมของปะการังหรือภูเขาไฟใต้ทะเล เกาะ ประเภทน้ไี ม่มใี นไทย  การแบ่งเขตภมู อิ ากาศ สามารถแบง่ ได้ดงั น้ี 1. เขตภูมิอากาศร้อน (tropic zone) เป็นเขตภูมิอากาศท่ีมีอุณหภูมิของอากาศโดยเฉลี่ยสูงเกือบ ตลอดทง้ั ปี ไม่มเี ดือนใดท่ี อณุ หภมู ิของอากาศต่าํ กว่า 18 องศาเซลเซียส 2. เขตภูมิอากาศอบอุ่น (temperate zone) เป็นเขตภูมิอากาศท่ีปรากฏอยู่ในบริเวณละติจูดกลาง อณุ หภูมิของอากาศเดือนที่หนาวทส่ี ุดเฉลย่ี ตํา่ กวา่ 18 องศาเซลเซยี สแต่สูงกว่า –3 องศาเซลเซยี ส 3. เขตภูมิอากาศหนาว (polar zone) เป็นเขตภูมิอากาศท่ีไม่มีฤดูร้อนและไม่มีเดือนใดท่ีอุณหภูมิ เฉลี่ยสูงกวา่ 8 องศาเซลเซยี ส เป็นภูมิอากาศท่ีปรากฏในเขตละตจิ ูดสูง คอื บริเวณที่อยูร่ ะหว่างละตจิ ดู 66 องศา เหนอื หรอื ใต้ ไปยังข้ัวโลก  การแบ่งเขตภูมิอากาศตามระบบเคิปเปน นักอุตอนยิ มวิทยาชาวออสเตรยี ชอ่ื วลั ดเี มียร์ เคปิ เปน ไดใ้ ช้ หลกั เกณฑต์ ่อไปน้ีในการแบง่ ก. อณุ หภมู ิของอากาศ ข. ปรมิ าณความชืน้ โรงเรียนเวยี งสระ สานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 11 จ.สุราษฎรธ์ านี Wingsa world class standard School


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook