Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การบริหารการผลิตและการดำเนินงาน

การบริหารการผลิตและการดำเนินงาน

Published by yuipothong, 2019-04-22 22:51:46

Description: พิมพ์ครั้งที่ 3 เมษายน 2562

Keywords: Production and Operation Management

Search

Read the Text Version

1 ฉบบั ปรบั ปรงุ ผชู้ ่วยศาสตราจารยเ์ บญจมาส เปาะทอง 2562

(2) เอกสารประกอบการสอน รายวิชาการบรหิ ารการผลิตและการดาเนนิ งาน ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์เบญจมาส เปาะทอง บธ.ม.(บริหารธุรกิจ) คณะวิทยาการจัดการ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสรุ าษฎรธ์ านี 2562

(3) การบรหิ ารการผลติ และการดาเนินงาน ผเู้ ขียน : เบญจมาส เปาะทอง พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1 : สิงหาคม 2560 พมิ พค์ รั้งท่ี 2 : มิถนุ ายน 2561 พมิ พ์ครง้ั ที่ 3 : เมษายน 2562 จานวนหน้า : 340 หน้า จานวน : 500 เลม่ จัดพิมพโ์ ดย ศนู ยเ์ อกสารตารา สานักทรัพยส์ ินและสทิ ธปิ ระโยชน์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสุราษฎร์ธานี เลขท่ี 272 ถนนสุราษฎร์-นาสาร ตาบลขนุ ทะเล อาเภอเมอื ง จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี 84000 โทร. 077-913333 โทรสาร. 077-919948 http://www.sru.ac.th

(4)

1 คานา เอกสารประกอบการสอน รายวิชาการบริหารการผลิตและการดาเนินงาน รหัสวิชา MGM 0508 นี้ ได้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องต้ังแต่ปี 2557 จวบจนปัจจุบัน ปี 2560 ได้ปรับปรุงให้ดียิ่งข้ึน และใช้ประกอบการเรียนการสอนสาหรับนักศึกษาในระดับปริญญาตรี หลักสูตรบริหารธุรกิจ สาขา บริหารธุรกิจ อีกทั้งยังเป็นประโยชน์กับผู้สนใจศึกษาในด้านบริหารธุรกิจโดยท่ัวไป โดยแบ่งเน้ือหา ของ การเรียนการสอนไว้ 11 บท ใช้เวลาในการเรียนการสอน 15 สัปดาห์ มุ่งเน้นให้ผู้สนใจศึกษาได้มีความรู้ ความเข้าใจและอธิบายถึงการวางแผนการผลิตสินค้าและบริการและสามารถบอกแนวทาง การควบคุม การผลิตสินค้าและบริการได้ ในเอกสารประกอบการสอนนี้มีเนื้อหาประกอบด้วย บทท่ี 1 บทนาการ บรหิ ารการผลิตและการดาเนินงาน บทท่ี 2 การเลือกทาเลทต่ี ั้งของสถานประกอบการ บทท่ี 3 การวางผัง ของสถานประกอบการ บทท่ี 4 การพยากรณ์เพ่ือการผลิต บทที่ 5 การวางแผนกาลังการผลิต บทท่ี 6 การวางแผนและพฒั นาผลติ ภัณฑ์ บทท่ี 7 การบริหารสินค้าคงคลัง บทท่ี 8 การจัดการโลจิสติกส์ บทที่ 9 การควบคุมคุณภาพ บทที่ 10 การบารุงรักษาและความปลอดภัยในสถานประกอบการ นอกจากน้ี ยังมี ตวั อยา่ งแนวทางการจัดทารายงานและการนาเสนอกรณศี กึ ษาในบทท่ี 11 กรณีศึกษาการบริหารการผลิต และการดาเนินงานเพื่อชว่ ยใหน้ ักศึกษาได้สมารถวเิ คราะห์ปัจจัยความสามารถในการแข่งขันได้ ผู้สนใจศึกษาควรศึกษาจากแหล่งสืบค้นปฐมภูมิได้แก่ทาหนังสือขออนุญาตจากมหาวิทยาลัย เพ่ือเขา้ เยีย่ มชมสถานประกอบการหรือสบื ค้นจากแหลง่ ทุติยภูมิ เช่น จากห้องสมุดหรือเว็บไซด์ โดยแหล่ง สืบค้นเบื้องต้นสามารถศึกษาได้จากเอกสารอ้างอิงประจาบทหรือบรรณานุกรมแนบท้ายเอกสาร ประกอบการสอนนี้ ผู้เขียนหวังเป็นอย่างย่ิงว่าเอกสารฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์ให้กับนักศึกษาในหลักสูตร และผู้สนใจตามสมควรและยินดีน้อมรับข้อเสนอแนะจากทุกความคิดเห็นเพ่ือประโยชน์ในการพัฒนาใน โอกาสต่อไป เบญจมาส เปาะทอง เมษายน 2562

(2) กติ ติกรรมประกาศ ขอขอบพระคุณคุณพ่อ ร.ต.ท.จรัส ช่วยนุ้ย คุณแม่นางเสง่ียม ช่วยนุ้ย กราบพระคุณครูบา อาจารย์ทุกท่าน ขอบคุณท่านผู้บริหาร ขอแสดงความนับถือต่อเพ่ือนคณาจารย์ ขอบใจลูกศิษย์ทุกคน ตลอดจนความอนุเคราะห์ของสถานประกอบการท่ีอนุญาตให้เผยแพร่องค์ ความรู้เพื่อก่อประโยชน์ทาง การศกึ ษา ขอขอบคุณคณุ ภาสกร ช่วยนุย้ ประธานบรษิ ัท พ.ี ซีเอช.ทีม เอ็นจิเนียริ่ง จากัด และบริษัทอื่น ๆ ทไี่ ดอ้ นเุ คราะห์ข้อมลู อันเปน็ ประโยชน์ตอ่ เอกสารประกอบการสอนฉบับน้ี ขอขอบคุณกาลังใจจาก พ.ต.ท. ดร.คมณ์เดช เปาะทอง สามีผู้อยู่เคียงข้างกันเสมอมา ขอบคุณทุกแหล่งเผยแพร่ข้อมูลท่ีทาให้เอกสาร ประกอบการสอนฉบับน้ีเข้าถึงผู้อ่านได้อย่างแท้จริงและหากมีโอกาสจะพัฒนางานเขียนเพื่อเรียงร้อย เรื่องราวและเรียบเรียงให้เป็นประโยชน์ตามสมควรตอ่ ไป เบญจมาส เปาะทอง เมษายน 2562

(3) สารบญั หนา้ (1) คานา…………………………………………………………………………………………………………………………… สารบญั ........................................................................................................................................ (3) สารบัญตาราง....................................................................................................................... ...... สารบัญแผนภาพ....................................................................................................................... .. (7) สารบัญภาพ....................................................................................................................... ......... สารบัญแผนภมู .ิ .......................................................................................................................... (9) สารบัญแผนท่ี...................................................................................................................... ........ แผนบริหารการสอนประจาวชิ า................................................................................................ (10) แผนการสอนประจาบทท่ี 1…………………………………………………………………………………………… บทที่ 1 บทนาเก่ียวกับการบรหิ ารการผลติ และการดาเนนิ งาน.......................................... (13) ความหมายของการบริหารงานผลิตและการดาเนนิ งาน............................................ (14) ลกั ษณะและความสาคญั ของการบริหารการผลติ และการดาเนนิ งาน........................ แนวคิดและวธิ กี ารตดั สินใจเลือกกลยุทธก์ ารผลิตและการดาเนนิ งาน........................ (15) ขอบเขต หนา้ ที่และความรบั ผิดชอบของการบริหารการผลติ และการดาเนินงาน..... บทสรุป...................................................................................................................... 1 คาถามและกิจกรรมทา้ ยบท....................................................................................... 3 เอกสารอ้างอิง............................................................................................................ 4 แผนการสอนประจาบทท่ี 2……………………………………………………………………………………………. 9 บทท่ี 2 การเลือกทาเลทตี่ ง้ั ของสถานประกอบการ.............................................................. 18 ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ การเลือกทาเลทตี่ ง้ั ............................................................................ 23 การตดั สินใจในการเลอื กทาเลทตี่ ั้ง............................................................................ 26 การประยุกต์ใช้การวางแผนเลอื กทาเลท่ีตง้ั ของสถานประกอบการ.......................... 27 บทสรปุ ..................................................................................................................... 29 คาถามและกิจกรรมท้ายบท...................................................................................... 31 เอกสารอ้างองิ ........................................................................................................... 33 แผนการสอนประจาบทที่ 3…………………………………………………………………………………………… 35 บทที่ 3 การวางผงั ของสถานประกอบการ......................................................................... 46 วัตถุประสงค์ในการวางผงั ของสถานประกอบการ..................................................... 50 ประโยชน์ในการวางผงั ของสถานประกอบการ.......................................................... 55 รูปแบบในการวางผงั ของสถานประกอบการ............................................................. 56 ขั้นตอนในการวางผังของสถานประกอบการเบื้องต้น................................................. 59 ขัน้ ตอนในการวางผังของสถานประกอบการอยา่ งละเอยี ด......................................... 61 บทสรุป........................................................................................................................ 63 66 69 70 85 89 91

(4) สารบญั (ต่อ) คาถามและกจิ กรรมทา้ ยบท........................................................................................ 92 เอกสารอา้ งอิง............................................................................................................. 94 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 4………………………………………………………………………………….. 97 บทท่ี 4 การพยากรณ์เพ่ือการผลติ ...................................................................................... 99 ความหมายของการพยากรณ์...................................................................................... 99 วัตถปุ ระสงค์ของการพยากรณ์.................................................................................... 101 ความสาคัญของการพยากรณ์การผลิต........................................................................ 103 ผลกระทบท่ีเกดิ ขึน้ จากการพยากรณ์ทผี่ ิดพลาด......................................................... 104 ประเภทของการพยากรณ์........................................................................................... 105 เทคนคิ การพยากรณ์.................................................................................................... 105 บทสรปุ ........................................................................................................................ 115 คาถามและกิจกรรมท้ายบท........................................................................................ 116 เอกสารอ้างองิ ............................................................................................................. 120 แผนการสอนประจาบทที่ 5……………………………………………………………………………………………. 121 บทท่ี 5 การวางแผนกาลงั การผลิต..................................................................................... 123 ความหมายของกาลงั การผลติ ..................................................................................... 124 ประเภทของกาลังการผลิต.......................................................................................... 125 การวัดกาลังการผลติ ................................................................................................... 127 ประเภทของแผนการผลิต........................................................................................... 129 กลยทุ ธป์ รบั การผลิต................................................................................................... 131 รปู แบบจาลองท่ีใชป้ ระกอบการตัดสินใจวางแผนกาลังการผลติ ................................ 134 บทสรุป....................................................................................................................... 146 คาถามและกิจกรรมท้ายบท........................................................................................ 147 เอกสารอา้ งองิ ............................................................................................................. 149 แผนการสอนประจาบทที่ 6……………………………………………………………………………………………. 151 บทที่ 6 การวางแผนและพัฒนาผลิตภัณฑ์......................................................................... 153 ความสาคัญของการวางแผนและพฒั นาผลิตภัณฑ์...................................................... 153 กระบวนการออกแบบและวางแผนผลติ ภัณฑ์............................................................. 154 ความสมั พนั ธข์ องวงจรชวี ติ ผลติ ภัณฑก์ ับฝาุ ยบริหารการผลติ และการดาเนนิ งาน....... 159 การประยุกตก์ ารวางแผนพัฒนาผลติ ภัณฑ์.................................................................. 168 บทสรุป........................................................................................................................ 171 คาถามและกิจกรรมทา้ ยบท........................................................................................ 172

(5) สารบัญ (ต่อ) เอกสารอ้างอิง............................................................................................................. 175 แผนการสอนประจาบทที่ 7……………………………………………………………………………………………. 177 บทท่ี 7 การบรหิ ารสินค้าคงคลัง......................................................................................... 179 ความหมายและความสาคญั ของสนิ ค้าคงคลงั ............................................................. 180 ประเภทของสินค้าคงคลงั ............................................................................................ 180 ความหมายของคลงั สินค้าและการบริหารคลังสินคา้ ................................................... 182 วตั ถปุ ระสงค์ของการบรหิ ารสินคา้ คงคลงั .................................................................... 183 ประโยชนข์ องการบริหารสินค้าคงคลัง........................................................................ 184 วธิ ีบรหิ ารและควบคมุ สนิ ค้าคงคลัง.............................................................................. 185 ระบบการบริหารและการควบคมุ สินค้าคงคลงั ............................................................ 189 บทสรุป........................................................................................................................ 197 คาถามและกจิ กรรมทา้ ยบท........................................................................................ 199 เอกสารอา้ งอิง............................................................................................................. 201 แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 8…………………………………………………………………………………. 203 บทท่ี 8 การจดั การโลจสิ ตกิ ส์............................................................................................. 205 ความเปน็ มาของการจัดการโลจสิ ตกิ ส์........................................................................ 206 ความหมายของการจัดการโลจิสติกส์.......................................................................... 208 ประโยชน์ของการจัดการโลจิสตกิ ส์............................................................................. 208 องคป์ ระกอบของการจดั การโลจสิ ตกิ ส์........................................................................ 208 กจิ กรรมและต้นทุนของการจัดการโลจิสติกส์.............................................................. 209 บทบาทของโลจิสติกสต์ อ่ ระบบเศรษฐกิจ.................................................................... 214 บทสรปุ ........................................................................................................................ 216 คาถามและกิจกรรมท้ายบท........................................................................................ 217 เอกสารอ้างอิง............................................................................................................. 218 แผนการสอนประจาบทที่ 9………………………………………………………………………………….. 220 บทที่ 9 การควบคุมคุณภาพการผลติ .................................................................................. 221 ความหมายของการควบคุมคุณภาพ........................................................................... 221 ประโยชนข์ องการควบคุมคุณภาพ.............................................................................. 222 ความเปน็ มาของการควบคุมคุณภาพ.......................................................................... 223 หลกั การและกฎของการควบคมุ คุณภาพ.................................................................... 225 เครือ่ งมอื ที่ใชก้ ารควบคุมคุณภาพ............................................................................... 226 ระบบการควบคมุ คณุ ภาพ........................................................................................... 232 บทสรปุ ....................................................................................................................... 247

(6) สารบัญ (ตอ่ ) คาถามและกจิ กรรมทา้ ยบท........................................................................................ 248 เอกสารอ้างองิ ............................................................................................................. 250 แผนการสอนประจาบทที่ 10………………………………………………………………………………………….. 253 บทที่ 10 การบารงุ รกั ษาและความปลอดภยั ในสถานประกอบการ...................................... 255 หนา้ ที่ของงานบารงุ รักษาและความปลอดภัย............................................................ 258 โครงสรา้ งของการบารงุ รักษาและความปลอดภยั ...................................................... 259 ปัจจัยที่ส่งผลใหเ้ กดิ ความปลอดภัยในสถานประกอบการ.......................................... 262 ประโยชนท์ ีไ่ ด้จากการบารุงรักษาและความปลอดภยั ................................................. 266 การพัฒนางานบารุงรักษาและความปลอดภัย............................................................. 267 บทสรปุ ........................................................................................................................ 269 คาถามและกจิ กรรมทา้ ยบท........................................................................................ 271 เอกสารอา้ งองิ ............................................................................................................. 275 แผนการสอนประจาบทที่ 11..................................................................................................... 277 บทท่ี 11 กรณีศกึ ษาการบริหารผลติ และการดาเนนิ งาน..................................................... 279 คาแนะนาสาหรบั การวเิ คราะห์กรณศี ึกษา.................................................................. 280 ตวั อย่างกรณีศึกษา...................................................................................................... 284 บทสรปุ ........................................................................................................................ 315 คาถามและกจิ กรรมท้ายบท........................................................................................ 316 เอกสารอ้างอิง..................................................................................... ........................ 322 บรรณานุกรม............................................................................................................................. . 323 ภาคผนวก................................................................................................................................... 339 ประวตั ผิ ู้เขียน............................................................................................................. 339

(7) สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 1.1 เปรยี บเทยี บแนวคิดเกย่ี วกับการผลติ และการบริการ……………………………………………………… 5 1.2 เปรียบเทียบการลดต้นทุนการผลติ สามารถก่อกาไรได้มากกว่าการลดตน้ ทุนทางการตลาด.. 13 1.3 เปรียบเทยี บสินค้าท่ีผลติ ตามมาตรฐานและสนิ คา้ ท่ีผลิตตามคาส่ังซ้ือ..................................... 15 1.4 ตารางนกั วชิ าการทีส่ นบั สนนุ แนวคดิ ความสาคัญของการผลติ และการดาเนนิ งาน................. 17 1.5 การใหค้ วามหมายของคาว่ากลยุทธใ์ นหลากหลายแงม่ ุม........................................................ 20 1.6 เปรยี บเทียบกลยุทธก์ ารบริหารการผลิตและดาเนินงาน........................................................ 22 1.7 ตารางเตมิ คาอธิบายระบบการผลติ ........................................................................................ 27 2.1 การเปรยี บเทยี บกลยทุ ธใ์ นการเลือกทาเลที่ตั้งระหว่างอตุ สาหกรรมการผลติ สนิ ค้ากับ อุตสาหกรรมบริการ…………………………………………………………………………………………………… 35 2.2 แสดงการเรียงลาดบั ความสาคญั ของปัจจัยในการเลือกทาเลท่ตี ้ัง......................................... 47 2.3 แสดงการให้คะแนนของปจั จยั ในการเลือกทาเลท่ีต้ัง............................................................ 48 2.4 ตารางปัญหาข้อพิจารณาในทาเลต่าง ๆ ท่เี ป็นทางเลือก...................................................... 57 2.5 ตารางปญั หาข้อพจิ ารณาในทาเลตา่ งๆ ที่เปน็ ทางเลือกพรอ้ มการใหเ้ หตผุ ล........................ 57 3.1 การจดั วางผังทไี่ ม่มปี ระสิทธิภาพการดาเนนิ งานตามวัตถุประสงค์....................................... 67 3.2 ขอ้ เปรยี บเทียบระหว่างการวางผังตามผลติ ภัณฑก์ ับการวางผังตามกระบวนการผลติ ......... 77 3.3 ตารางเติมคาเพือ่ วิเคราะหป์ ระสิทธิภาพการวางผงั ของสถานประกอบการ......................... 92 4.1 การสงั เกตความตอ้ งการสนิ คา้ ชนดิ หนึ่ง (ล้านชน้ิ )............................................................... 107 4.2 การพยากรณย์ อดขาย.......................................................................................................... 112 4.3 การคานวณความสมั พนั ธ์ของปริมาณการผลติ กับยอดขายเพือ่ ใช้แทนค่าในสูตร................. 113 4.4 การสังเกตความต้องการปากกา........................................................................................... 116 4.5 การสังเกตความตอ้ งการรองเท้า (ล้านค่)ู ............................................................................. 117 4.6 ข้อมูลปรมิ าณผลติ และยอดขายปนู ซีเมนต์…………………………………………………………………… 117 4.7 ขอ้ มูลปริมาณผลติ และยอดขายน้าอัดลม……………………………………………………………………… 118 5.1 แสดงการวดั การผลิตรูปแบบตา่ ง ๆ……………………………………………………………………………… 128 5.2 แสดงผลการผลติ รวม ระยะเวลา 1 ป.ี ................................................................................... 129 5.3 แสดงการกาหนดตารางการผลติ ของน้าผลไม้รวม เดือนมกราคม ปี 2559 (หน่วย : กล่อง).. 130 5.4 แสดงการกาหนดตารางการผลิตน้าผลไม้รวม เดอื นมกราคม ปี 2559 (หน่วย : กล่อง)........ 130 5.5 แสดงการจดั ตารางการผลติ นา้ ส้มและนา้ ผลไม้รวม สปั ดาห์ท่ี 1 เดอื นมกราคม ปี 2559..... 130 5.6 แสดงการเปรยี บเทียบกลยุทธไ์ ล่ตามและกลยุทธ์รักษาระดบั ………………………………………… 132 5.7 การคานวณหาจานวนชว่ั โมงทางาน..................................................................................... 135 5.8 ตารางทางเลือกการตัดสินใจสาหรบั การขยายโรงงาน (โจทย์กาหนด)................................. 144

(8) สารบญั ตาราง (ตอ่ ) ตารางท่ี หนา้ 5.9 สรา้ งการตดั สนิ ใจแบบตารางทางเลือกในการขยายโรงงาน.......................................................... 145 5.10 เติมข้อมูลการคานวณแขนงการตดั สินใจ.................................................................................... 147 5.11 เตมิ ข้อมูลคานวณและการตัดสนิ ใจเลอื กนโยบาย...................................................................... 148 6.1 สรปุ การพฒั นากลยุทธก์ ารดาเนนิ งานตามวงจรชีวิตผลติ ภณั ฑ์.................................................... 163 6.2 แสดงรปู ลกั ษณ์สินคา้ ทีผ่ ่านกระบวนการวางแผนและพัฒนาผลติ ภัณฑ์....................................... 164 6.3 การวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑโ์ ดยใช้ CPS (Critical Path Schedule)…………………………………. 170 7.1 รายการสินค้า ราคาต่อหน่วยและการใชง้ านประจาปี…………………………………………………………. 187 7.2 การจดั ลาดบั สนิ ค้าคงคลังตามมูลคา่ การใช้………………………………………………………………………… 188 7.3 การจัดลาดบั สินค้าคงคลงั ตามมูลคา่ การใช้สะสม......................................................................... 188 7.4 ผลการจัดลาดบั สนิ คา้ คงคลังดว้ ยระบบ ABC…………………………………………………………………….. 188 7.5 เปรยี บเทยี บการใช้ระบบการบรหิ ารสนิ คา้ คงคลัง………………………………………………………………. 196 9.1 กระบวนทัศน์วธิ กี ารทางคุณภาพ.................................................................................................. 223 9.2 ใบตรวจสอบรายการ.................................................................................................................... 229 10.1 คาอธบิ ายแบบของการบารงุ รักษา............................................................................................. 270 10.2 อธิบายงานทางด้านซ่อมบารงุ และรักษาความปลอดภัย............................................................. 274 11.1 ขอ้ มูลพ้ืนฐานของสถานประกอบการ......................................................................................... 281 11.2 ปญั หาและขอ้ เสนอแนะ............................................................................................................. 283 11.3 ข้อมูลพน้ื ฐานของสถานประกอบการกรณีศึกษา : บริษทั NBC จากัด………………………………… 285 11.4 ข้อมลู พื้นฐานของสถานประกอบการกรณีศึกษา : บริษทั MM จากดั …………………………………. 297 11.5 แนวทางการตอบข้อมลู พ้นื ฐานของสถานประกอบการ……………………………………………………… 316

(9) สารบัญแผนภาพ แผนภาพที่ หน้า 1.1 แสดงการอธบิ ายความหมายของคาว่าประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล.................................... 10 1.2 ภาพรวมการบรหิ ารการผลิตและการดาเนนิ งาน................................................................... 11 1.3 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งฝุายผลิตกบั หน่วยงานทีเ่ ก่ยี วข้อง......................................................... 23 1.4 เตมิ คาความสัมพันธร์ ะหวา่ งฝุายผลิตกบั หน่วยงานทีเ่ กยี่ วข้อง.............................................. 28 2.1 กรอบแนวคิดปจั จยั ในการเลือกทาเลทต่ี ัง้ .............................................................................. 42 2.2 กลยทุ ธ์การเลือกทาเลที่ต้งั ของกรณศี ึกษา บริษัทไอศกรมี MM จากดั .................................. 51 3.1 ตัวอย่างการวางผังโรงงานตามผลติ ภัณฑ์ (Product Layout)………………………………………. 71 3.2 การวางผงั โรงงานตามผลิตภณั ฑ์ (Product Layout) คลา้ ยตวั S ........................................ 73 3.3 ตวั อย่างการวางผงั โรงงานตามกระบวนการ (Process Layout)…………………………………… 74 4.1 แสดงความหมายของการพยากรณ์........................................................................................ 100 4.2 แสดงการพยากรณ์เพ่ือการผลิต…………………………………………………………………………………. 102 4.3 แสดงผลกระทบจากการพยากรณ์ผดิ พลาด…………………………………………………………………. 104 5.1 แสดงกิจกรรมการผลติ ……………………………………………………………………………………………… 127 5.2 ปจั จยั นาเขา้ ในการวางแผนการผลติ รวม……………………………………………………………………… 133 5.3 การสรา้ งแขนงการตัดสินใจแบบเขียนแผนภาพทางเลือกในการขยายโรงงาน………………… 145 6.1 กระบวนการออกแบบและวางแผนพัฒนาผลิตภณั ฑ์…………………………………………………….. 156 7.1 องค์ประกอบของระบบ MRP…………………………………………………………………………………….. 193 8.1 องค์ประกอบของการจัดการโลจสิ ตกิ ส์……………………………………………………………………….. 209 8.2 การขับเคลือ่ นการลดตน้ ทุนในกิจกรรมโลจสิ ตกิ ส์.................................................................. 213 9.1 ผงั ก้างปลา............................................................................................................................. 228 9.2 เขยี นระบสุ าเหตขุ องปัญหาโครงสรา้ งผงั กา้ งปลา................................................................... 248 11.1 ตัวอย่างแผนผงั กระบวนการผลติ ......................................................................................... 282 11.2 กระบวนการผลิตไบโอดีเซลจากปาลม์ น้ามนั ....................................................................... 291 11.3 ขัน้ ตอนการสกดั น้ามนั ไบโอดเี ซลจากปาลม์ น้ามนั ............................................................... 291 11.3 แสดงการวางผงั ตามผลติ ภัณฑท์ ี่มลี ักษณะเปน็ ตวั เอส…………………………………………………. 301 11.4 ขน้ั ตอนการผสม (Mixing) และพาสเจอร์ไรส์ (Pasteurize)………………………………………… 304 11.5 ขนั้ ตอนการผลติ ไอศครีมประเภทแท่ง………………………………………………………………………. 306 11.6 อธบิ ายการร่างแผนผงั กระบวนการผลิตในกรณศี ึกษา…………………………………………………. 307

(10) สารบญั ภาพ หนา้ ภาพที่ 5 1.1 เปรยี บเทยี บความแตกต่างของรปู ลกั ษณผ์ ลติ ภัณฑข์ องโทรศัพท์มอื ถอื 6 6 ในยคุ อดีตและปัจจบุ นั ...................................................................................................... 24 1.2 การให้บริการทางการพยาบาล......................................................................................... 25 1.3 การผลติ ลูกฟตุ บอลในโรงงานแหง่ หนง่ึ .............................................................................. 33 1.4 ระบบใบส่ังซ้ือสนิ ค้า………………………………………………………………………………………………. 34 1.5 การส่งั ซื้อสนิ คา้ ผ่านระบบพาณชิ ย์อิเลคทรอนิกส์……………………………………………………… 63 2.1 ลูกจันทน์เทศ..................................................................................................................... 64 2.2 ตน้ กลา้ ปาล์มน้ามนั ……………………………………………………………………………………………….. 67 3.1 ตัวอยา่ งภาพการวางผังโรงงานแหง่ หนง่ึ …………………………………………………………………… 68 3.2 สายพานลาเลียงในขน้ั ตอนของการขนส่งในกระบวนการผลิต.......................................... 68 3.3 การวางเศษวสั ดทุ ่ีเหลือจากการผลติ ................................................................................. 69 3.4 การวางเศษชิ้นส่วนวัสดทุ ีเ่ หลือจากการผลติ ..................................................................... 69 3.5 การไมม่ ีการจัดแผนงานท่ีชดั เจนให้เอ้ือต่อกระบวนการผลิตและงา่ ยต่อการควบคุม………….. 75 3.6 ความเสี่ยงตอ่ ปัญหาสุขภาพและเกิดความไมป่ ลอดภยั ให้กับพนักงานระดับปฏบิ ตั ิการ…. 76 3.7 การมีพื้นท่ีว่างเปลา่ มากเกินไป.......................................................................................... 78 3.8 โรงงานซีเมนตอ์ ัดแรง......................................................................................................... 80 3.9 แสดงให้เหน็ ว่าหนง่ึ สายผลิตภณั ฑ์จะได้มาซ่ึงผลติ ภัณฑ์มากกวา่ หนึ่งประเภท……………… 81 3.10 การประกอบเครอ่ื งบนิ ซง่ึ เปน็ ตัวอย่างการวางผังแบบคงท…่ี …………………………………….. 82 3.11 ตวั อย่างวางผังแบบยืดหย่นุ ทด่ี ี (Better) และไมด่ ี (Bad)………………………………………….. 83 3.12 ภาพตวั อยา่ งการวางสายการผลิตที่มปี ระสทิ ธภิ าพและไม่มีประสทิ ธภิ าพ…………………. 84 3.13 บริเวณอาคารที่ออกแบบให้มคี วามคล่องตัวในการดาเนินงาน........................................ 85 3.14 การวางผังสานกั งานเป็นหมวดหมเู่ พื่อสะดวกในการประสานงาน.................................. 86 3.15 ผงั โรงงานทคี่ วรคานงึ ถงึ ประโยชนข์ องพ้ืนทใี่ ช้สอย......................................................... 87 3.16 เคลอ่ื นย้ายขนส่งวตั ถุทางเดียว........................................................................................ 87 3.17 การใชเ้ ครื่องจักรช่วยในการเคลือ่ นย้ายขนส่งวตั ถดุ ิบ...................................................... 88 3.18 สายพานลาเลยี งโรงงาน……………………………………………………………………………………….. 90 3.19 ป้ันจนั่ แบบแขวน............................................................................................................ 91 3.20 การทางานกบั เคร่อื งจักรและการเวน้ ชอ่ งทางเดนิ .......................................................... 3.21 แบบแปลนสถานประกอบการ........................................................................................ 3.22 การวางผงั โรงงานโดยใช้หุน่ จาลอง…………………………………………………………………………

(11) สารบัญภาพ (ตอ่ ) ภาพที่ หน้า 3.23 ช่วงอัดประสานของการทาเฟอรน์ เิ จอร์……………………………………………………………………. 93 7.1 ลกั ษณะการบริหารสินค้าคงคลงั ......................................................................................... 184 7.2 ตวั อยา่ ง Barcode ในปจั จุบนั ………………………………………………………………………………….. 185 9.1 กระบวนการผลติ ทเ่ี ป็นไปตามหลกั เกณฑว์ ธิ กี ารท่ีดใี นการผลติ อาหาร............................... 239 9.2 สัญลกั ษณ์ของหลักเกณฑ์วธิ ีการทีด่ ีในการผลิตอาหารประเภท GMP……………………………. 241 9.3 สญั ลกั ษณข์ องการวเิ คราะห์อนั ตรายจากจุดวกิ ฤติท่เี รียกว่า HACCP…………………………….. 242 10.1 ความสูญเสียเนอ่ื งจากการรอคอย..................................................................................... 256 10.2 เปรยี บเทยี บระหวา่ งการได้รบั และไม่ไดร้ ับการปูองกันความปลอดภยั .............................. 262 10.3 จุดบกพร่องเรื่องความปลอดภัยในฝาุ ยโรงงานของสถานประกอบการ.............................. 264 10.4 การไมร่ ักษาความปลอดภยั ของพนักงานระดบั ปฏิบตั ิ……………………………………………….. 265 10.5 การบารงุ รักษาวัสดอุ ปุ กรณ์ในชว่ งการไหลของงาน........................................................... 271 10.6 การบารุงรักษาเครื่องจักรอุปกรณ์ระหวา่ งการทางาน....................................................... 272 10.7 การบารงุ รกั ษาอปุ กรณ์ปอู งกันความปลอดภัยในระหว่างการทางาน…………………………… 272 10.8 การบารงุ รักษาตลอดจนการรักษาความปลอดภัยในอุปกรณก์ ารจดั เก็บ........................... 273 11.1 เมลด็ ปาลม์ และผลปาลม์ ................................................................................................... 286 11.2 ตวั อยา่ งผลติ ภณั ฑ์ไบโอดีเซล………………………………………………………………………………….. 287 11.3 ทา่ เรอื ............................................................................................................................. .. 289 11.4 เครอื่ งต้นแบบผลิตไบโอดีเซล........................................................................................... 291 11.5 ความหลากหลายของผลิตภัณฑไ์ อศกรีม.......................................................................... 299 11.6 โรงงานและเครื่องจักรสาหรับการผลิตสินคา้ ประเภทแทง่ ………………………………………… 307 11.7 จัดเตรยี มวตั ถดุ ิบเพ่ือเป็นส่วนผสมในไอศกรมี .................................................................. 307 11.8 ใสถ่ งั บม่ ………………………………………………………………………………………………………………. 308 11.9 ข้นั ตอนการผสม............................................................................................................... 308 11.10 หยอดเนือ้ ไอศกรมี ………………………………………………………………………………………………. 309 11.11 ดดู เพื่อทาตัวเคลือบ……………………………………………………………………………………………. 309 11.12 ไอศกรีมเข้าสกู่ ารปักไม้……………………………………………………………………………………….. 310 11.13 กระบวนการปกั ไม้………………………………………………………………………………………………. 310 11.14 ฉีดน้าร้อนและหนีบ…………………………………………………………………………………………….. 311 11.15 ขน้ั ตอนการจุ่มเคลือบ...................................................................................................... 311 11.16 ขน้ั ตอนการลาเลียง…………………………………………………………………………………………….. 312

(12) สารบญั ภาพ (ตอ่ ) ภาพที่ หน้า 11.17 ขัน้ ตอนการบรรจุซอง...................................................................................................... 312 11.18 ข้ันตอนการบรรจุลงกลอ่ ง............................................................................................... 313 11.19 ข้ันตอนการขนยา้ ยและจดั เก็บ……………………………………………………………………………… 313

(13) สารบัญแผนภูมิ หนา้ แผนภมู ิท่ี 108 4.1 แสดงคา่ พยากรณ์ท่ไี ดจ้ ากการคานวณความต้องการสนิ ค้ารายป.ี .......................................... 108 4.2 แสดงพยากรณ์แบบแนวโนม้ ในลักษณะอนุกรมเวลา............................................................. 109 4.3 ลกั ษณะกราฟการพยากรณ์ตามฤดูกาล................................................................................. 109 4.4 ลักษณะกราฟการพยากรณแ์ บบวงจรหรือวัฏจักร................................................................. 110 4.5 ลักษณะกราฟเชงิ เส้น............................................................................................................ 111 4.6 การพยากรณ์เพอ่ื การผลิตด้วยวธิ วี ิเคราะห์สมการถดถอยเชงิ เส้นตรง................................... 138 5.1 การวางแผนการผลติ โดยใชจ้ ดุ คมุ้ ทุน.................................................................................... 141 5.2 แผนภมู ขิ องแกนต์.................................................................................................................. 159 6.1 วงจรชวี ิตผลิตภัณฑ.์ .............................................................................................................. 165 6.2 วงจรชีวิตผลิตภณั ฑน์ มพรอ้ มดื่มภายใต้ตราสินคา้ โฟโมสต์..................................................... 174 6.3 วงจรชวี ติ ผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มภายใตต้ ราสินค้านมไทย-เดนมารค์ ...................................... 187 7.1 การบรหิ ารสินคา้ คงคลงั แบบ ABC …………………………………………………………………………….. 277 9.1 แผนภมู ิพาราโต...................................................................................................................... 228 9.2 ลักษณะกราฟแท่ง................................................................................................................. 230 9.3 ฮิสโตแกรม............................................................................................................................ 230 9.4 ผังแสดงการกระจาย............................................................................................................. 231 9.5 แผนภูมิควบคุม...................................................................................................................... 298 11.1 แสดงจานวนโรงงานผลติ ไอศครมี ในประเทศไทย………………………………………………………..

(14) สารบัญแผนที่ หน้า แผนท่ี 37 2.1 การเลอื กทาเลที่ตง้ั อุตสาหกรรมผลิตระดบั ประเทศ………………………………………………………………. 39 2.2 การเลอื กทาเลที่ตั้งอุตสาหกรรมผลิตระดบั เขต……………………………………………………………… 40 2.3 การเลือกทาเลที่ตง้ั อตุ สาหกรรมผลิตระดับพ้ืนท่ี…………………………………………………………… 41 2.4 แผนที่บริษทั ฮามาโมโต้เกมส์.................................................................................................. 53 2.5 ทาเลที่ต้งั ธรุ กิจผลติ ของ บรษิ ทั VV จากดั ...............................................................................

(15) แผนบริหารการสอนประจาวิชา รายวชิ า การบริหารการผลิตและการดาเนินงาน รหสั MGM 0508 จานวนหน่วยกติ (ช่ัวโมง) 3(3-0-6) เวลาเรียน 45 ชั่วโมง/ภาคเรยี น คาอธิบายรายวิชา ความหมาย ลักษณะและความสาคัญของการบริหารการผลิตและการดาเนินงาน ภายใต้ สถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องอาศัยการเลือกทาเลท่ีต้ัง การวางผังสถานประกอบการ การใช้เทคนิครูปแบบ การพยากรณ์การผลิต การวางแผนกาลังการผลิต การวางแผนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหาร สินคา้ คงคลงั การจัดการโลจสิ ติกส์ การควบคุมคณุ ภาพการผลติ การบารุงรักษาและ ความปลอดภัยใน สถานประกอบการ เพ่อื เพม่ิ ประสทิ ธิภาพการดาเนนิ งานและขดี ความสามารถทาง การแข่งขนั ได้ วตั ถุประสงค์ทั่วไป 1. เพอื่ ใหน้ กั ศึกษามคี วามรู้ ความเขา้ ใจและอธิบายถึงการวางแผนการผลติ สนิ คา้ และ บริการได้ 2. เพือ่ ใหน้ ักศึกษามคี วามรู้ ความเขา้ ใจและอธบิ ายถงึ การดาเนินงานการผลติ สินค้าและ บริการได้ 3. เพอื่ ให้นกั ศึกษามคี วามรู้ ความเข้าใจ ในการควบคุมการผลิตสนิ คา้ และบริการและ สามารถบอกแนวทางการควบคุมการผลติ สนิ คา้ และบริการได้ 4. เพอ่ื ใหน้ กั ศึกษาสามารถวิเคราะห์ถึงปัจจัยทีส่ ่งผลต่อความสามารถในการแขง่ ขันได้ เนอ้ื หา บทท่ี 1 บทนาเก่ียวกับการบริหารการผลิตและการดาเนินงาน 1.1 ความหมายของการบริหารงานผลติ และการดาเนนิ งาน 1.2 ลกั ษณะและความสาคัญของการบรหิ ารการผลิตและการดาเนนิ งาน 1.3 แนวคิดและวิธีการตัดสนิ ใจเลือกกลยุทธ์การผลติ และการดาเนินงาน 1.4 ขอบเขต หน้าทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบของการการบริหารการผลติ และการดาเนินงาน บทท่ี 2 การเลือกทาเลทีต่ ้งั ของสถานประกอบการ 2.1 ปัจจัยทมี่ ผี ลต่อการเลอื กทาเลทตี่ ้งั 2.2 การตดั สินใจในการเลอื กทาเลทต่ี ั้ง 2.3 การประยุกตใ์ ชก้ ารวางแผนเลือกทาเลที่ตงั้ ของสถานประกอบการ บทท่ี 3 การวางผังของสถานประกอบการ 3.1 วตั ถุประสงคใ์ นการวางผังของสถานประกอบการ 3.2 ประโยชน์ของการวางผังของสถานประกอบการ

(16) 3.3 รูปแบบของการวางผังของสถานประกอบการ 3.4 หลกั เกณฑ์และขนั้ ตอนในการวางผงั ของสถานประกอบการ บทท่ี 4 การพยากรณเ์ พ่ือการผลิต 4.1 ความหมายของการพยากรณ์ 4.2 วัตถปุ ระสงค์ของการพยากรณ์ 4.3 ความสาคญั ของการพยากรณก์ ารผลติ 4.4 ผลกระทบท่ีเกิดขึน้ จากการพยากรณ์ทผ่ี ิดพลาด 4.5 ประเภทของการพยากรณ์ 4.6 เทคนิคการพยากรณ์ บทท่ี 5 การวางแผนกาลังการผลิต 5.1 ความหมายของกาลังการผลิต 5.2 ประเภทของกาลงั การผลิต 5.3 การวัดกาลังการผลิต 5.4 ประเภทของแผนการผลิต 5.5 กลยุทธป์ รับการผลติ 5.6 รปู แบบจาลองที่ใช้ประกอบการตัดสินใจวางแผนกาลงั การผลติ บทท่ี 6 การวางแผนและพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ 6.1 ความสาคญั ของการวางแผนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 6.2 กระบวนการออกแบบและวางแผนพัฒนาผลติ ภัณฑ์ 6.3 ความสัมพนั ธข์ องวงจรชวี ิตผลติ ภณั ฑก์ บั ฝุายบริหารการผลติ และการดาเนินงาน 6.4 ปัจจยั ท่ีใชใ้ นการพจิ ารณาออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 6. 5 การวางแผนพัฒนาผลติ ภัณฑ์ บทที่ 7 การบรหิ ารสินค้าคงคลัง 7.1 ความหมายและความสาคัญของสินคา้ คงคลัง 7.2 ประเภทของสินค้าคงคลัง 7.3 ความหมายของคลังสินค้าและการบริหารสินคา้ คงคลงั 7.4 วัตถปุ ระสงค์ของการบรหิ ารสนิ ค้าคงคลัง 7.5 ประโยชน์ของการบรหิ ารสนิ ค้าคงคลงั 7.6 วิธีบริหารและการควบคมุ สนิ ค้าคงคลัง 7.7 ระบบการบริหารสินค้าคงคลงั บทท่ี 8 การจัดการโลจิสตกิ ส์ 8.1 ความเป็นมาของการจดั การโลจสิ ติกส์ 8.2 ความหมายของการจัดการดา้ นโลจสิ ตกิ ส์ 8.3 ประโยชน์ของการจดั การโลจิสตกิ ส์ 8.4 องคป์ ระกอบของการจัดการโลจิสติกส์

(17) 8.5 กจิ กรรมและตน้ ทุนดา้ นโลจสิ ตกิ ส์ 8.6 บทบาทของโลจิสติกสต์ อ่ ระบบเศรษฐกิจ บทท่ี 9 การควบคุมคุณภาพ 9.1 ความหมายของการควบคมุ คุณภาพ 9.2 ประโยชนข์ องการควบคุมคุณภาพ 9.3 ความเปน็ มาของการควบคมุ คุณภาพ 9.4 หลักการ และกฎของการควบคมุ คุณภาพ 9.5 เคร่อื งมือท่ีใชก้ ารควบคุมคณุ ภาพ 9.6 ระบบการควบคุมคุณภาพ บทท่ี 10 การบารุงรกั ษาและความปลอดภัยในสถานประกอบการ 10.1 หน้าทีข่ องงานบารงุ รักษาและความปลอดภัย 10.2 โครงสรา้ งของการบารุงรักษาและความปลอดภัย 10.3 ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลให้เกดิ ความปลอดภัยในสถานประกอบการ 10.4 ประโยชน์ที่ได้จากการบารุงรักษาและความปลอดภยั 10.5 การพัฒนางานบารงุ รักษาและความปลอดภัย บทที่ 11 กรณีศึกษาเพ่ือการจัดการงานผลิตและการดาเนินงาน 11.1 คาแนะนาสาหรับการวิเคราะห์กรณศี ึกษา 11.2 ตวั อย่างกรณีศึกษา วธิ ีสอนและกิจกรรม 1. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา การบรหิ ารการผลติ และการดาเนินงาน 2. เทคนิคการนาเสนอประกอบคาบรรยาย 3. กรณศี ึกษาจริงของสถานประกอบการทัง้ ในรปู แบบท่ีสืบคน้ จากแหลง่ ปฐมภูมิและทุติยภูมิ การวดั และประเมินผล 1. การวัดผล คะแนนรวมท้ังสน้ิ รอ้ ยละ 100 1.1 คะแนนระหว่างภาครวมมคี ะแนนรวมร้อยละ 60 ประกอบดว้ ย 1.1.1 คะแนนจาการเขา้ ช้ันเรียน ร้อยละ 10 1.1.2 คะแนนจากการทากจิ กรรมที่กาหนด ร้อยละ 30 ประกอบดว้ ยการแบ่งคะแนนเปน็ สว่ นย่อย คือ 1) คะแนนรายงานรายบคุ คล (รอ้ ยละ 20) 2) คะแนนคาถามท้ายบท (รอ้ ยละ 10) 1.3 คะแนนสอบกลางภาคเรียน ร้อยละ 20 1.2 คะแนนสอบปลายภาค รวม รอ้ ยละ 40

(18) 2. การประเมนิ ผล คา่ ระดบั คะแนน ค่ารอ้ ยละ ระดบั คะแนน ความหมายของผลการเรยี น 4.0 80-100 3.5 75-79 A ดีเยย่ี ม 3.0 70-74 B+ ดีมาก 2.5 65-69 B ดี 2.0 60-64 C+ พอใช้คอ่ นขา้ งดี 1.5 55-59 C พอใช้ 1.0 50-54 D+ ออ่ น 0.0 0-49 D อ่อนมาก E ตก เอกสารอา่ นประกอบ คานาย อภปิ รัชยาสกุล. (2557). การบริหารการผลติ . (พมิ พ์คร้งั ที่ 1.) กรงุ เทพฯ : ดวงกมลสมัย. จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ณฐา คุปตัษเฐยี ร. (2558). การวางแผนและควบคมุ การผลิต. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . ปรียาวดี ผลเอนก. (2557). การบรหิ ารการผลติ . (พิมพค์ รั้งท่ี 3). กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์แห่ง จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . พิภพ ลลติ าภรณ์. (2556). การวางแผนควบคมุ การผลติ . กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยเู คชัน่ . Heizer, J.& Berry, R. (2011). Production and Operation Management. (10thed). New Jersey Prentice : Hall. Inc. Stevenson, W. J. (2001). Operations Management. (7thed.). Irwin : McGraw-Hill. กาหนดการสอน สัปดาห์ท่ี เน้ือหา จานวนชว่ั โมง ทฤษฎี ปฏิบตั ิ 1 ทาความเข้าใจวธิ กี ารเรยี นการสอน 1 บทนาบรหิ ารการผลติ และการดาเนนิ งาน 30 2 การเลือกทาเลที่ตั้งของสถานประกอบการ 30 3-4 การวางผงั ของสถานประกอบการ 30 5 การพยากรณเ์ พ่อื การผลติ 60 6-7 การวางแผนกาลงั ผลิต 30 8 การวางแผนและพฒั นาผลติ ภัณฑ์ 60 กาหนดการสอน (ตอ่ ) 30

(19) สัปดาห์ท่ี เน้ือหา จานวนชว่ั โมง ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ 9 การจดั การสนิ ค้าคงคลงั 10 การจดั การโลจสิ ตกิ ส์ 30 11 การควบคมุ คณุ ภาพ 30 12 การบารงุ รกั ษาและความปลอดภยั ในสถานประกอบการ 30 13 กรณีศึกษาการบริหารการผลิตและการดาเนินงาน 30 14-15 นกั ศกึ ษานาเสนอรายงาน (อภปิ รายกล่มุ ) 30 30 รวม 45

1 ช่ือบทภาษาไทย บทนาการบรหิ ารการผลิตและการดาเนนิ งาน ชอ่ื บทภาษาอังกฤษ Introduction of Production Management and Operation เวลาเรยี น 3 ชั่วโมง/สปั ดาห์ หวั ข้อเนอื้ หาประจาบท 1.1 ความหมายของการบริหารงานผลติ และการดาเนินงาน 1.2 ลกั ษณะและความสาคัญของการบรหิ ารการผลติ และการดาเนินงาน 1.3 แนวคิดและวิธกี ารตัดสินใจเลอื กกลยุทธก์ ารผลติ และการดาเนนิ งาน 1.4 ขอบเขต หนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบของการการบริหารการผลติ และการดาเนินงาน วัตถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 1. เพื่อใหผ้ ้เู รียนได้ทราบความหมายของการบริหารการผลติ และการดาเนินงาน 2. เพ่ือให้ผู้เรยี นเขา้ ใจลักษณะและความสาคัญของการบรหิ ารการผลติ และการดาเนินงาน 3. เพ่ือให้ผู้เรียนได้ศึกษาแนวคิดและเรียนรู้วิธีการตัดสินใจเลือกกลยุทธ์การผลิตและ การดาเนนิ งาน 4. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นได้ทราบขอบเขต หนา้ ท่แี ละความรับผิดชอบของการบรหิ ารการผลิตและ การดาเนินงานเพ่ือนาไปประยกุ ต์ใช้กบั การปฏิบตั ิงานจรงิ ได้ตามสมควร วธิ กี ารสอนและกจิ กรรมการเรยี นการสอนประจาบท 1. แนะนารายวิชาและการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน แนะนาตวั หรือกิจกรรมกลมุ่ สมั พันธ์และแบ่งกลุ่มความรบั ผิดชอบ 2. การทดสอบก่อนเรยี นเพ่ือใชพ้ ฒั นาการสอน 3. ผู้เรียนศกึ ษาจากเอกสารท่กี าหนดใหโ้ ดยผ้สู อนบรรยายสรุปเร่ืองลักษณะและ ความสาคัญของการบริหารการผลิต กลยทุ ธ์การผลติ ขอบเขต หน้าที่และความรบั ผดิ ชอบของฝาุ ยผลิต 4. ใหผ้ ูเ้ รียนได้อภิปรายหลงั การบรรยายถงึ ความสาคัญของการบรหิ ารการผลิต 5. ผู้สอนแนะนาตวั อยา่ งกรณีศกึ ษาที่จะตอ้ งทารายงานและนาเสนอให้ผ้เู รียนได้วางแผน ระยะเวลาการทางาน 6. ผูเ้ รยี นทาแบบฝึกหัดจากคาถามทา้ ยบทโดยผสู้ อนคอยให้คาชี้แนะในกรณีซกั ถาม สื่อการเรยี นการสอน 1. เอกสารใบงานประจาบท 2. เอกสารประกอบการสอน เนอ้ื หาประจาบท 3. ตวั อย่างรายงานกรณีศึกษาทไ่ี ด้รบั ผลประเมินในระดบั ดีมาก หรือระดบั ดเี ยยี่ ม

2 4. วีดที ศั นก์ รณศี ึกษาตวั อย่างจากสถานประกอบการสบื ค้นจากแหล่งทตุ ิยภูมิ 5. เทคนิคนาเสนอดว้ ย Power point 6. สือ่ ประสม การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมการตอบสนองในระหวา่ งการอภิปราย 2. ความสามารถในการตอบคาถามทา้ ยบทคดิ เป็นร้อยละ 70 ของจานวนขอ้ คาถามประจาบท ไดผ้ ลคะแนนที่สงู กว่าการทดสอบก่อนเรียน

3 บทท่ี 1 บทนาการบรหิ ารการผลิตและการดาเนินงาน (Introduction of Production Management and Operation) โลกของเราในปัจจุบันเป็นยุคของการเปล่ียนแปลงแข่งขัน (Change Agent) ไม่เว้นแม้แต่ การแข่งขันกันในภาคธุรกิจซ่ึงเป็นการจัดหาสินค้ามาเพื่อจาหน่าย หรือการผลิตหรือบริการเพื่อ จาหน่าย โดยเฉพาะอย่างย่ิงในส่วนการผลิตสินค้าเพื่อจาหน่ายน้ัน นักบริหารการผลิตและ ผู้ดาเนินงานการปฏิบัติตลอดจนผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องในองค์การธุรกิจหรือสถานประกอบการต้องหา โอกาสและทางเลือกให้สถานประกอบการของตนหยัดยืนอยู่ได้ (On Going) และในอนาคตของ ทศวรรษหน้า สงิ่ ที่นักบรหิ ารการผลิตในสถานประกอบการต้องเพิ่มศักยภาพด้วยการปรับปรุงวัตถุดิบ (Input) กระบวนการผลิต (Process) ตลอดจนคุณภาพการผลิต ก่อนที่จะได้มาซ่ึงสินค้าและบริการ (Output) ภายใต้แนวความคิดท่ีว่า “ต้นทุนต่าและทาแตกต่าง” เพื่อให้มีชัยชนะเหนือคู่แข่งขัน (Competitive Advantage) ในอตุ สาหกรรมเดยี วกนั ใหไ้ ด้ สาหรับคาศัพท์ที่นักวิชาการเรียกว่า“ต้นทุนต่า” (Lowest Cost) ในท่ีน้ีขออธิบายว่า หมายถึง นักบริหารการผลิตต้องมีความระมัดระวังรอบคอบและมีความใส่ใจในการผลิตสินค้าต้ังแต่ ขัน้ ตอนของการปูอนวัตถุดิบ ข้ันตอนของกระบวนการผลิต ขั้นตอนของการได้มาซ่ึงสินค้าหรือบริการ ตอ่ เนือ่ งไปยงั การดูแลในเรือ่ งของการกอ่ ให้เกิดความสญู เสียน้อยที่สุดในขณะเดียวกันก็มีประสิทธิภาพ ที่สุด (Lean Manufacturing) ระบบส่งบารุงกาลังหรือใช้คาว่าระบบโลจิสติกส์ (Logistics) ในทุก กระบวนการไหลของวัตถุดิบ เครือข่ายปัจจัยการผลิตหรือการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) ซึ่งไม่เว้นแม้แต่การใส่ใจในการควบคุมการผลิต (Production Control) ที่ให้ ความสาคัญกับการควบคุมคุณภาพ (Quality Control) ของลูกค้า ท้ังหมดท่ีกล่าวมาต้องมีการผลิตที่ มีต้นทุนภายใตค้ ณุ ภาพท่ยี อมรบั ได้ซงึ่ เปน็ แนวคิดรวบยอดที่ผู้เขียนได้ข้อสรุปภาพรวมจากเอกสารทาง วิชาการท่ีตีพิมพ์และเผยแพร่ของนักวิชาการหลายท่าน ได้แก่ พิภพ ลลิตาภรณ์ (2556) คานาย อภิปรัชยาสกุล (2557) ปรียาวดี ผลเอนก (2557) ณฐา คุปตัษเฐียร (2558) ศากุน บุญอิต (2558) และ Stevenson (2002) ซึง่ แนวความคิดรวบยอดดงั กลา่ วเปน็ ไปในทิศทางเดียวกันทั้งสิ้น ในขณะเดียวกันการท่ีนักบริหารการผลิตจะตระหนักเฉพาะเร่ืองต้นทุนต่าแต่เพียงประการ เดียวนั้นไม่ได้ เพราะด้วยเหตุที่โลกของธุรกิจเป็นยุคของการเปล่ียนแปลงแข่งขัน ดังน้ัน การพัฒนา ผลิตภัณฑ์จึงต้องอยู่ภายใต้อีกคาหน่ึง คือคาว่า “ทาแตกต่าง” (Product Differentiation) คาว่า ทาแตกต่างน้ันสอดคล้องของแนวคิดโดยสรุปของ Porter (2002) ซ่ึงคาว่าแตกต่างในที่น้ีก็คือผลิต สินค้าให้มีความแปลกใหม่ มีรูปลักษณ์โดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งขัน แต่ในขณะท่ีมีต้นทุนและคุณภาพที่ เท่ากันซึ่งในเบอื้ งตน้ ผเู้ รียน ควรเขา้ ใจในความหมายของการบริหารการผลิตและการดาเนินงาน โดยมี รายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปน้ี

4 1.1 ความหมายของการบริหารการผลติ และการดาเนินงาน ก่อนอ่ืนขอทาความเข้าใจวา่ การผลิตหรือการบริการเป็นเร่ืองเดียวกันหากแต่การผลิตนั้นเป็น สิ่งท่ีจับต้องได้เพราะเม่ือผ่านกระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์จะได้ออกมาเป็นสินค้า (Goods) ส่วน บริการ (Service) ก็ถือได้ว่าเป็นงานการผลิตเช่นเดียวกันเพียงแต่มีลักษณะเป็นนามธรรมจึงจับต้อง ไมไ่ ด้ แตส่ ัมผสั ได้ถงึ ความพึงพอใจในการใช้ ดังนน้ั เม่อื กล่าวถงึ การผลิตก็หมายรวมถึงการบริการด้วย ดงั แสดงไว้ในตารางที่ 1.1 ตารางท่ี 1.1 เปรยี บเทยี บแนวคดิ เก่ียวกับการผลิตและการบรกิ าร รูปแบบการตัดสินใจในการดาเนินการ สินค้า (Goods) บรกิ าร (Service) ลกู คา้ หรอื ผใู้ ช้ 1. คุณภาพ (Quality) ท่มี งุ่ เนน้ ตวั สนิ ค้า ไมม่ ตี ัวตน ลูกค้ามีสว่ นร่วม 2. การออกแบบ (Design) มตี ัวตน ใกลล้ ูกคา้ 3. กระบวนการและความสามารถ ลูกค้าไมม่ ีสว่ นร่วม ลูกค้าอยอู่ ยใู่ น (Process and Capacity) กระบวนการ ข้ึนอยกู่ บั ลกู คา้ 4. ปจั จัยในการเลอื กทาเลทีต่ ้ัง ใกลแ้ หล่งวัตถดุ ิบ สาคญั นอ้ ยกว่า (Production Site Selection) และแรงงาน เชงิ แกไ้ ข 5. การวางผังสถานประกอบการ ลูกคา้ ไม่อยใู่ นกระบวนการ (Production Site Layout) 6. ทรัพยากรมนษุ ย์ ขน้ึ อยูก่ บั การจา่ ยคา่ แรง (Human Resource Management) 7. เครอื ขา่ ยปจั จัยการผลิต ม่งุ เนน้ ผลติ ภัณฑ์ขนั้ สุดทา้ ย (Supply Chain Management) 8. การบารุงรักษาและความปลอดภยั เชิงปอู งกัน (Maintenance and Safety) ทมี่ า : ดดั แปลงจาก ณฎั ฐพันธ์ เขจรนันทน์ (2542 : 2-5) จากตารางที่ 1.1 จะเห็นได้ว่ารูปแบบที่นักบริหารการผลิตและการดาเนินงานควรทาความ เข้าใจในเบื้องต้นว่าสินค้าและบริการแม้มีความต่างกันบ้างในรายละเอียด แต่เมื่อไรที่เอกสาร ประกอบการสอนฉบบั นี้ได้กล่าวถึงการผลิตขอใหผ้ ู้เรียนไดเ้ ขา้ ใจว่าหมายรวมถึงงานบรกิ ารด้วยในเรื่อง การผลิตทีม่ ีต้นทนุ ตา่ และทาแตกตา่ ง นักบริหารการผลิตจะต้องตระหนักถึงเร่ืองคุณภาพ ไว้เสมอและ เม่ือกล่าวถึงคุณภาพ มุมมองของงานดา้ นการผลติ จะมงุ่ เนน้ ท่ีตัวสินคา้ หรือว่าผลิตภณั ฑ์ หากกล่าวถึงงานบริการส่วนของคุณภาพจะมุ่งเน้นไปท่ีความพึงพอใจของผู้ใช้บริการหรือ ลูกค้าเป็นสาคัญ เม่ือกล่าวถึงการออกแบบ (Design) ของสินค้า (Goods) น้ันมีลักษณะเป็นรูปธรรม คอื สามารถจบั ต้องได้ สัมผสั ได้ เช่น ในยุคหนึ่งของการผลิตโทรศัพท์มือถือรุ่นใด ๆ ก็ตามในตราสินค้า ต่างๆ ออกสู่ตลาดพบว่ารูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ในยุคแรกจะมีขนาดใหญ่กว่าในยุคปัจจุบันซึ่งมี การพัฒนาให้มีรูปแบบของผลิตภัณฑ์ท่ีมีขนาดเล็กลง มีการพัฒนาให้มีความเหมาะสมกับการใช้งาน

5 ของลูกค้ามากยงิ่ ขึน้ นอกจากนยี้ ังพยายามออกแบบใหม้ ีลักษณะโค้งมน มากกวา่ รูปแบบเหลี่ยมเพ่ือให้ ผใู้ ชจ้ ับต้องไดเ้ หมาะมอื และตอบสนองสรีระโดยธรรมชาติของมือมนุษย์ท่ีมีลักษณะโค้งมากกว่าเหลี่ยม ดังแสดงไว้ภาพที่ 1.1 โทรศัพทม์ ือถอื ในยคุ อดีต โทรศัพท์มอื ถือในยคุ ปัจจุบัน ภาพที่ 1.1 เปรยี บเทยี บความแตกต่างของรูปลักษณ์ของโทรศพั ท์มือถือในยคุ อดีตและปจั จุบัน ทม่ี า : เข้าถงึ ได้จาก http://www. aiv-thai.com [2549, พฤษภาคม 7] ในส่วนของงานบริการน้ันมีความแตกต่างจากงานด้านการผลิตในประเด็นที่มีความเป็น นามธรรมมากกว่ารูปธรรม อธิบายได้ว่างสิ่งท่ีเกิดจากระบวนการผลิตนั้นสามารถที่จะจับต้องได้แต่ส่ิง ที่เกิดจากงานด้านการให้บริการน้ันไม่สามารถจับต้องได้แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก รสนิยม เป็นต้น นอกจากนี้ยังช้ีวัดได้ด้วยทัศนคติของผู้ใช้ในส่วนของข้ันตอนของกระบวนการผลิตและ ความสามารถ (Process and Capacity) น้ัน ลูกค้าไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการ แต่ลูกค้าจะมีส่วน ร่วมในกระบวนการสาหรับงานบริการ เช่น สุภาพสตรีจะเข้าร้านเสริมสวยในกระบวนการจัดแต่ง ทรงผม ลูกค้าเป็นผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตในงานบริการท่ีเกิดขึ้นด้วย หรือตัวอย่างของ การให้บริการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลโดยทั่วไป เริ่มตั้งแต่แรกรับคนไข้เข้ามาในสถานพยาบาล ขั้นตอนการทาการรกั ษา การจา่ ยยาจนกระทง่ั คนไขห้ รือผ้มู ารบั บริการกลับไปพักฟื้นที่บ้าน คนไข้จะมี ส่วนร่วมในกระบวนการ ในบางครั้งก็มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อของกระบวนการผลิต เกอื บทุกขั้นตอน ดงั แสดงไวใ้ นภาพท่ี 1.2

6 ภาพท่ี 1.2 การใหบ้ ริการทางการพยาบาล ทีม่ า : เข้าถึงได้จาก http://www.jobnorththailand.com [2559, กมุ ภาพันธ์ 9] ในทางตรงกนั ข้ามงานผลิตสนิ คา้ ซงึ่ จบั ตอ้ งได้ ผู้รับบรกิ ารไม่มีสว่ นในกระบวนการผลิตจะมีแต่ นักบริหารการผลติ พนักงานระดับปฏิบัติการและผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องในโรงงานหรือสถานประกอบการ เท่านั้นที่มีส่วนร่วมในการผลิต ผู้รับบริการจะมีส่วนร่วมในการควบคุมคุณภาพ หรือจะเป็นการแสดง ความคิดเห็นในด้านความพงึ พอใจในสนิ คา้ หรอื ผลิตภัณฑ์เท่าน้ัน ดังแสดงไว้ในภาพท่ี 1.3 การผลิตลูก ฟุตบอลซ่ึงผู้จัดการโรงงานและพนักงานผู้มีส่วนเก่ียวข้องในกระบวนการผลิตเท่านั้นมีส่วนร่วมใน การผลิตสนิ ค้าออกสู่ตลาด ภาพที่ 1.3 การผลติ ลกู ฟตุ บอลในโรงงานแหง่ หนง่ึ ทีม่ า : เข้าถึงได้จาก http://annkomnaun.blogspot.com [2559, มกราคม 16]

7 ในส่วนของการวางผังของสถานประกอบการ (Production Site Layout) หรือโรงงานหรือ ธุรกิจที่ผลิตสินค้ามักจะผลิตใกล้แหล่งวัตถุดิบและแรงงาน แต่ส่วนงานธุรกิจบริการมักจะเลือกทาเล ที่ตั้งของสถานประกอบการให้อยู่ใกล้กับลูกค้าเพ่ือให้เกิดความสะดวกต่อการที่ลูกค้าจะมาใช้บริการ และเมื่อมองทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management) สถาน ประกอบการหรือโรงงานหรือธุรกิจท่ีผลิตสินค้า การให้ค่าตอบแทนหรือค่าจ้างแก่พนักงาน (Wage) ข้ึนอยู่กับการจ่ายค่าแรง หากแต่งานบริการขึ้นอยู่กับลูกค้า ในเรื่องของเครือข่ายปัจจัยการผลิต (Supply Chain Management) สถานประกอบการหรือโรงงานหรือธุรกิจที่ผลิตสินค้าเพ่ือจาหน่าย จะเน้นผลิตภัณฑ์ข้ันสุดท้ายเป็นสาคัญมากกว่าธุรกิจบริการซ่ึงให้ความสาคัญในเร่ืองน้ีน้อยกว่า เม่ือ มองในด้านการบารุงรกั ษาและความปลอดภัยในสถานประกอบการ (Maintenance and Safety) ใน เชิงปูองกันน้ันการผลิตสินค้ายึดหลักของสุภาษิตไทยที่ว่า “กันไว้ดีกว่าแก้สายแล้วจะแก้ไม่ทัน” หรือ เรียกว่า Preventive Maintenance แต่งานบริการเน้นเชิงแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์เฉพาะหน้า ซึ่งรายละเอียดจะได้นาเสนอต่อไปในบทท่ี 10 เป็นเร่ืองของการบารุงรักษาและความปลอดภัยใน สถานประกอบการ เม่อื ไดท้ าขอ้ ตกลงในเร่ืองของความหมายของการผลิตและบริการในเบื้องต้นแล้ว ผู้เขียนจะ ขอนาไปสู่ความเข้าใจในความหมายของการผลิตและการดาเนินงานซึ่ง มีนักวิชาการหลายท่านได้ให้ ความหมายไว้ดงั น้ี ปรียาวดี ผลเอนก (2557 : 1) กล่าวถงึ ความหมายของการบรหิ ารการผลิตและปฏิบัติการไว้ ว่าหมายถึงหน้าท่ีหรือระบบท่ีทาการแปลงสภาพข้อมูลนาเข้าไป เช่น วัตถุดิบ เงินทุน เครื่องจักรสู่ ผลผลติ อยา่ งมีคุณค่า ณฐา คุปตัษเฐียร (2558 : 3) กล่าวถึงคานิยามความหมายของการวางแผนและควบคุม การผลิต คอื การจดั การปจั จยั ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ คน เครอื่ งจักร วตั ถดุ ิบและชิ้นส่วน วิธีการทางานโดยผ่าน กระบวนการผลิตหรอื แปลงสภาพ พิภพ ลลิตานนท์ (2556 : 13-16) กล่าวถึงการวางแผนและควบคุมการผลิตไว้ว่าเกี่ยวข้อง กบั การควบคุมทรัพยากร ได้แก่ คน วัสดุ เครื่องจักรและสารสนเทศรวมท้ังประสานงานส่งมอบลูกค้า โดยใชก้ ลยทุ ธก์ ารแข่งขันภายใต้ทกุ ระบวนการของหว่ งโซอ่ ุปทาน ณฎั ฐพนั ธ์ เขจรนนั ทน์ (2542 : 6-7) กลา่ วถงึ ความหมายของการผลิตและการดาเนินงานว่า เป็นการศึกษา วิเคราะห์ กาหนดแนวทางปฏิบัติและควบคุมกระบวนการ (Process) แปรรูปปัจจัย นาเข้า (Input) หรือทรัพยากรการดาเนินงานให้เป็นผลผลิต (Output) ในรูปสินค้าและบริการอย่าง เปน็ ระบบมปี ระสทิ ธิภาพและสอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคข์ ององค์การ ยุทธ กัยวรรณ์ (2543 : 31-45) ได้กล่าวถึงความหมายของการผลิตและการดาเนินงาน (Production and Operation) ไว้ว่าการผลิต คือ การมีปัจจัยนาเข้า อันประกอบด้วยแรงงาน การจัดการ เคร่ืองจักร วัตถุดิบ อาคาร และพลังงาน เป็นต้น มาจัดทาหรือดาเนินการ การประกอบ หรอื การสรา้ งข้นึ มาหรอื แปรรูปซง่ึ สนิ ค้าหรอื ผลติ ภัณฑ์ โดยผ่านกระบวนการแปรสภาพจากวัตถุดิบให้ ไดม้ าซึง่ ผลลพั ธไ์ ดแ้ ก่สินคา้ และบรกิ าร โดยลกู ค้าหรอื ผูม้ าใช้บรกิ ารมสี ว่ นร่วมในการให้ข้อมูลย้อนกลับ แก่ผ้ดู าเนนิ การผลิตเพื่อปรบั ปรงุ ผลการผลติ ในโอกาสต่อไป

8 สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (2559) ได้สรุปภาพรวมของ การผลิตไว้ว่า การผลิตเป็นการนาปัจจัยการผลิตมาสร้างเป็นสินค้าและบริการโดยแบ่งประเภทของ การผลิตได้ดังน้ี ประเภทแรก การแปรรูป เช่น ข้าวเปลือกมาสีเป็นข้าวสาร ประเภทท่ีสองการเล่ือน เวลาใช้สอย เช่น นาผลไม้สดมาผลิตเป็นผลไม้กระป฻องเพื่อถนอมไว้ใช้บริโภคนอกฤดูกาล ประเภทที่ สาม การเปล่ียนสถานที่ เช่น พ่อค้าขายส่งสินค้าไปยังร้านค้าปลีก ประเภทที่สี่การเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ เช่น การซื้อขาย หรือนายหน้าขายสินค้า ส่วนประการสุดท้ายเป็นประเภทการให้บริการ เช่น แพทย์ ทนายความ บริการขนส่ง การประกันภัย โดยการนาปัจจัยการผลิตซ่ึงเป็นทรัพยากรท่ีนามาใช้เป็น การผลิตสินคา้ บรกิ าร อันได้แกท่ ่ดี ินและทรัพยากรธรรมชาติ ทุนหรือสินค้าทุน คือ ส่ิงท่ีมนุษย์สร้างขึ้น เพ่ือใช้ในการผลติ เชน่ เคร่ืองมอื เคร่ืองจักร เปน็ ตน้ Krajewski & Ritzman (1996) Chase, Aquilano & Jacobs (2001) Hanna & Newman (2001) Stevenson (2002) และ Heizer & Barry (2004) ทุกท่านได้กล่าวโดยสรุปถึงความหมาย ของ การบรหิ ารการผลติ ไวเ้ ป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าโดยทัว่ ไปแลว้ องค์การทางธุรกิจถือว่าเป็นสถาน ประกอบการที่แสวงหาผลกาไร ดังน้ันเปูาหมายพ้ืนฐานของทุกองค์การทางธุรกิจ คือการทากาไรจาก การผลติ สินคา้ และบรกิ ารแล้วนาเสนอขายต่อลกู คา้ การบรหิ ารการผลิตจึงเก่ียวข้องกับการแปรสภาพ ปัจจัยการผลิต เพื่อได้มาซ่ึงสิ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งทาให้สามารถมอง การปฏิบัตกิ ารเป็นระบบ (System) อย่างงา่ ยๆ ไดโ้ ดยอาศัยปัจจยั นาเข้า (Input) หมายถึง ทรัพยากร ทีจ่ ะต้องนาเข้าส่รู ะบบเพ่ือใช้ในการแปรรูปซ่ึงโดยท่ัวไปจะประกอบไปด้วย แรงงาน (Man) เงินลงทุน (Money) วัตถุดิบ (Material) เคร่ืองจักร (Machine) วัสดุอุปกรณ์ (Material) ท่ีดิน (Land) และ ข้อมูลข่าวสาร (Information) เป็นต้น ข้ันตอนต่อมา คือ การแปรสภาพ (Transform) หมายถึง การเปลี่ยนปัจจัยนาเข้าให้กลายเป็นสิ่งส่งออก โดยอาศัยกระบวนการทางฟิสิกส์ เคมี ชีวภาพ หรือ การให้บริการ เป็นต้น แล้วได้มาซ่ึงสิ่งส่งออก (Output) อันหมายถึง สินค้าและบริการที่สถาน ประกอบการต้องการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าซ่ึงมีเร่ืองของการบริหารจัดการ ภายใต้จรยิ ธรรมและความรับผดิ ชอบต่อสังคมดว้ ย ชลิต มธุรสมนตรีและคณะ (2544 : 1-3) ได้กล่าวถึงความหมายของคาว่าการผลิตรวมถึง กระบวนการผลติ ว่าเป็นการเปล่ียนวัตถุดิบให้กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์โดยผ่านการออกแบบท่ีใช้วีธีการ และเทคนคิ ทีท่ ันสมยั มาทาการผลติ โดยชลิต มธุรสมนตรีและคณะ (2544) ยุทธ กัยวรรณ์ (2543) และ พิภพ ลลิตานนท์ (2556) ได้ใช้คาว่ากระบวนการผลิตว่า Manufacturing ในงานด้านการจัดการ อุตสาหกรรม ซึ่งแตกต่างจาก Krajewski & Ritzman (1996) Chase, Aquilano & Jacobs (2001) Hanna & Newman (2001) Stevenson (2002) Heizer & Barry (2004) ณัฎฐพันธ์ เขจรนันทน์ (2542) และสานักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (2559) ปรียาวดี ผลเอนก (2557) ณฐา คุปตัษเฐียร (2558) ที่ได้ใช้คาว่า Process แทนคาว่ากระบวนการ อย่างไรก็ตามท้ังสอง ความหมายน้ันมีความคล้ายคลึงกันและอาจจะใช้แทนกันได้เนื่องจากเมื่อตีความในภาษาไทยก็มี ความหมาย คือ กระบวนการหากแต่มรี ายละเอียดและวัตถปุ ระสงค์ในการนยิ ามแตกต่างกนั ไปบ้าง

9 จากการศกึ ษานักวิชาการหลายทา่ นท่ไี ดใ้ ห้ความหมายของการผลิตไว้สรุปได้ว่า การผลิตและ การดาเนินงาน หมายถึง กระบวนการแปลงสภาพปัจจัยการผลิตซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรการผลิตซ่ึง หมายรวมถึง คน เงิน เคร่ืองจักร วัสดุ ท่ีดิน การบริหารจัดการ ข้อมูลข่าวสาร การตลาดและการ แข่งขันไดร้ ับผลตอบกลับจากลูกค้าเพื่อมาสร้างหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือสินค้า เมื่อนาวัตถุดิบเหล่านี้ เข้าสู่กระบวนการผลิต ทาการตัดแต่ง เสริม เช่ือม ต่อ ผสม บรรจุ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการแปร รปู แล้วไดม้ าซ่งึ สินคา้ และบรกิ าร ภายใตก้ ารมีจรยิ ธรรมทางธรุ กจิ และมคี วามรบั ผิดชอบต่อสังคม 1.2 ลกั ษณะและความสาคัญของการบริหารการผลิตและการดาเนินงาน นักบริหารการผลิตต้องตระหนักว่าการผลิตเป็นการเพ่ิมมูลค่าให้กับปัจจัยหรือทรัพยากร การผลิตท่ีเน้นถึงกระบวนการแปลงสภาพปัจจัยการผลิต เมื่อนาวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิต แล้ว ได้มาซ่ึงสินค้าและบริการ แต่ในสภาพเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน อุตสาหกรรมการผลิตประเภทต่าง ๆ จาเปน็ ตอ้ งปรับปรงุ กระบวนการผลิตมีการนาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต เพ่ือความอยู่รอด และ เพ่ิมความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งในท้องตลาด การปฏิบัติการในการผลิต กิจกรรมหรือ การดาเนินงานต่างๆ ต้องไหลไปอย่างรวดเร็ว ราบรื่น และคุ้มค่ากับการลงทุน เพื่อให้เกิด ความก้าวหนา้ และการเตบิ โตในอนาคตอย่างต่อเนื่องและยัง่ ยนื สิ่งสาคัญประการหนึ่ง ที่จะให้ความต้องการดังกล่าวเป็นไปตามเปูาหมายก็คือการบริหาร การผลิตและการดาเนินงานท่ีจะทาให้การผลิตดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ สร้างผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้ได้ปริมาณตามความต้องการอย่างมีคุณภาพ โดยมีค่าใช้จ่ายต่าสุดและสร้าง ความสามารถในการทากาไร (Profitability) ให้มากที่สุด ผลประกอบการที่จะเกิดข้ึนตามที่กล่าวมา จะเป็นจริงได้ก็ด้วยการท่ีสถานประกอบการแต่ละแห่งต้องใช้กลยุทธ์ในการผสมผสานปัจจัยการผลิต เข้าสู่กระบวนการอย่างมีประสิทธิภาพ (Efficiency) และให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณภาพ การบริหารงานการผลิตจึงจะมีประสิทธิผล (Effectiveness) มีความสามารถในการสร้างกาไรและมี ความพร้อมในการท่ีจะรับทราบข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) เพ่ือนาไปปรับปรุงและควบคุม (Control) กระบวนการผลิตใหม้ ปี ระสิทธภิ าพต่อไป ในการศึกษาเร่ือง การบริหารการผลิตและการดาเนินงาน ผู้เรียนจะต้องเข้าใจถึงคาว่า ประสทิ ธิภาพ และคาว่าประสทิ ธผิ ลได้อย่างถอ่ งแทเ้ สยี กอ่ น โดยจะขออธิบายว่าสองคานี้มีความหมาย แตกต่างกัน เพียงแต่ผู้ใช้คาศัพท์สองคานี้ควบคู่กันอยู่อย่างสม่าเสมอจึงใช้ปะปนกัน โดยมิได้แยกแยะ ประเด็นในส่วนทเ่ี ปน็ รายละเอียดอันควรทราบดังจะแสดงไว้ในแผนภาพท่ี 1.1 ดงั น้ี

10 Mean End ประสิทธภิ าพ (Efficiency) ประสิทธิผล (Effectiveness) ปจั จยั นาเข้า กระบวนการแปลงสภาพ ผลติ ภณั ฑ์ INPUT PROCESS OUTPUT CONTROL การควบคุม แผนภาพท่ี 1.1 แสดงการอธบิ ายความหมายของคาวา่ ประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ล ท่ีมา : ดดั แปลงจากปรียาวดี ผลเอนก (2557) พิภพ ลลิตานนท์ (2556) และณฐา คุปตัษเฐยี ร (2558) ในกระบวนการผลิตสินค้าน้ันมีข้ันตอนอย่างง่ายอยู่สามขั้นตอน ข้ันตอนแรก คือ การปูอน ปัจจัยการผลติ เรยี กว่า Input ข้นั ตอนทสี่ องคือกระบวนการผลิตเรียกว่า Process และข้ันตอนที่สาม คือ การได้มาซ่ึงผลิตภัณฑ์เรียกว่า Output ซ่ึงในการบริหารการผลิตให้มีศักยภาพต้ังแต่ขั้นตอนของ การปูอนปัจจัยการผลิตและในขั้นตอนของกระบวนการผลิต การบริหารการผลิตและการดาเนินงาน เราจะเรยี กขนั้ ตอนในท่ีน้ีวา่ เปน็ การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ หรือมี Efficiency กล่าวเปรียบเทียบ ระยะน้ีเป็นช่วงวิธีการ (Mean) เม่ือฝุายโรงงานหรือสถานประกอบการผ่านกระบวนการผลิตแล้วจะ ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเสร็จหรือสินค้าสาเร็จรูปออกมาเพื่อรอจัดจาหน่ายต่อไป การได้สินค้าที่มี คุณภาพตรงตามความต้องการของลูกค้า พัฒนาจนเป็นที่นิยมของตลาด ข้อมูลย้อนกลับการตอบรับ ผลิตภัณฑ์ทาให้บริษัทหรือโรงงานหรือสถานประกอบการมีกาไรและมีการดาเนินการงานผลิตและ บริการอย่างต่อเน่ือง ส่ิงที่ดีนี้เรียกว่า งานการควบคุมการผลิตเกิดประสิทธิผล หรือมี Effectiveness น่ันเอง โดยกล่าวเปรียบเทียบระยะนี้เป็นสิ้นสุดการทางาน (End) แต่ข้อบ่งชี้ผลการดาเนินงาน การผลติ ท่มี ปี ระสิทธิภาพนั้นจะต้องมาจากการควบคุมคุณภาพซ่ึงเป็นกลไกให้นักบริหารการผลิตและ ผู้ปฏิบัติงานจะต้องเฝูาระวังในมาตรฐานของสินค้าและบริการโดยอาจรับข้อมูลจากผลตอบรับของ ลูกค้านามาควบคุมคุณภาพการผลิตในรอบถัดไป เช่น การพยากรณ์ยอดขาย การศึกษาวิจัยตลาด การพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ การรับคาร้องเรียนจากลูกค้า เป็นต้น สาหรับภาพรวมของการผลิต อธบิ ายได้ตามแผนภาพ 1.2 ดังนี้

11 External Factors: ปัจจัยภายนอก การเมอื ง ทาการผลิต Direct Indirect กฎหมาย พ.ร.บ. โรงงาน ระเบยี บ เศรษฐกจิ ถูกสขุ อนามัย  Goods  Tax (ภาษ)ี ลกู ค้าเทคโนโลยี ข้อมลู ข่าวสาร ภาวะตลาด เกบ็ รักษา  Services  Wage (คา่ จ้าง) การแข่งขนั มปี ระกนั ภัย  R&D (วิจัยพัฒนา) Resource: ทรัพยากร 4M บรหิ ารทรัพยากร  Environment  Material (วสั ดุ)  Man (กาลงั คน) การส่อื สาร  Money (เงินทนุ )  Machine ระบบขนส่งมอบ (สงิ่ แวดลอ้ ม) สินคา้ ครบถว้ น (เคร่ืองจักร) ตรงเวลา รวดเร็ว  Labor (แรงงาน)  Social (สังคม) ปัจจยั นาเขา้ กระบวนการแปลงสภาพ ผลติ ภัณฑ์ INPUT PROCESS OUTPUT Planning การควบคุม Organizing เชงิ กลยุทธ์ (ระยะยาว) ดว้ ย CONTROL การดาเนินงานระยะ (ปานกลาง & ส้ัน) Efficiency+Effectiveness = Value Efficiency = O / I (ประสิทธิภาพ)= Output/Input (ประสิทธิภาพ) (ประสทิ ธผิ ล) Quality สรา้ งมลู คา่ มากสุด วตั ถปุ ระสงค์การผลติ ลดต้นทุนนอ้ ยสุด ก่อนกระบวนการผลิต  Product (สนิ คา้ )  Quality Control (ควบคุมคุณภาพ) ทาเลทีต่ ง้ั กาลงั การผลติ ลาดับผลติ  Cost (ตน้ ทนุ )  Work Measurement (การวดั งาน) แผนผงั สถานประกอบการ  Timing (เวลา)  Operation Standard (มาตรฐานผลติ ) หลงั กระบวนการผลิต  Flexibility (ยดื หยุน่ )  Just in Time (ทนั เวลาพอดี) วางแผนการผลิตรวม  Service (บริการ)  Lean (สญู เสยี น้อยสุด) การจัดการวัสดุ/สินค้า  Logistic (ระบบส่งบารุงกาลงั ) แผนภาพท่ี 1.2 ภาพรวมการบริหารการผลิตและการดาเนินงาน ที่มา : ดดั แปลงจาก Hanna & Newman (2001) และ พิภพ ลลิตานนท์ (2556)

12 จากแผนภาพข้างต้นอธิบายได้ว่าระบบการผลิตมีองค์ประกอบอยู่ส่ีประการ เริ่มจากประการ แรกปจั จัยนาเข้า ประการท่ีสอง คือ กระบวนการแปลงสภาพ ประการที่สาม คือ ผลิตภัณฑ์ ประการ ทส่ี ่ี คอื การควบคุมซ่ึงหมายรวมถึงมาตรฐานของการควบคุมคุณภาพ ย่อมมีผลตอบรับจากลูกค้าเป็น อย่างดี ในทางกลับกันเมื่อมีผลย้อนกลับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างไร โรงงานหรือสถาน ประกอบการก็จะได้นาไปปรบั ปรุงโดยควบคุมคุณภาพให้ได้ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ดีก่อนวางจาหน่าย ในตลาด ในการบริหารการผลิตและการดาเนินงานมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือ บรกิ ารโดยคานึงถึงตน้ ทุนอยู่เสมอ หมายความวา่ ราคา ท่ผี ผู้ ลิตสนิ คา้ และบรกิ ารจะใช้ไปเพื่อการจัดซื้อ จัดหา จัดจ้าง จ้างเหมา ฯลฯ จะต้องยอมรับได้ หรือครอบคลุมราคาขายเพื่อให้ได้มาซ่ึงกาไรจาก การประกอบการ ในขณะเดียวกันการคานึงถึงต้นทุนยังครอบคลุมไปในส่วนของความตระหนักว่า ราคาท่ผี ู้ซื้อสนิ คา้ จะมีเพยี งพอท่ีจะซ้อื ไดด้ ว้ ย นอกจากน้ีในข้ันตอนของการผลิตที่อยู่ภายใต้ต้นทุนและ คุณภาพตามท่ีได้กล่าวมาแล้วนั้น สิ่งหนึ่งท่ีจะขาดไม่ได้คือความทันต่อเวลา หากงานของสถาน ประกอบการหรือโรงงานที่ผลิตสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งได้อย่างดีมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ออกมาเป็นชิ้นงาน รูปลักษณ์ทันสมัยเป็นที่ต้องการของตลาด อีกท้ังยังมีต้นทุนที่ยอมรับได้ครอบคลุม ค่าใช้จ่ายในการขายได้หักลบต้นทุนแล้วสถานประกอบการหรือโรงงานคาดหมายว่าจะมีกาไรอย่าง แน่นอนและเม่ือนาออกจาหน่ายจริงก็เป็นไปตามความคาดหมาย แต่ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ท่ีกล่าวมา ทุกสถานประกอบการหรอื โรงงานต่างกค็ านึงถงึ อย่แู ลว้ แทบทั้งสนิ้ ดงั นั้น ในยุคของการเปล่ียนแปลงและแข่งขันเพ่ือให้เกิดความได้เปรียบในเร่ืองความสามารถ ในการแขง่ ขันกนั ทางการคา้ และอตุ สาหกรรมไดน้ ัน้ ยอ่ มขนึ้ อยู่กบั ความสามารถในการบริหารการผลิต ของโรงงงานหรือสถานประกอบการ สินค้าท่ีส่งมอบให้ลูกค้าหรือตลาดจะเป็นท่ียอมรับและมี ความเช่ือมั่นในสินค้าได้น้ันย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านต่างๆ หลายประการ ปัจจัยที่จะเป็นตัวท่ีตัดสิน ได้แก่ ระยะเวลา (Timing) เพราะเม่ือคุณภาพทุกด้านเท่ากันหมด สถานประกอบการหรือโรงงานใด สามารถนาเสนอสินค้าได้รวดเร็วกว่าก็ย่อมท่ีจะเป็นตัวเลือกแรกของลูกค้าเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการผลิต ท้ังในและต่างประเทศก็ตามก็มีหลักการเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการลดต้นทุนและ เร่ืองประสิทธภิ าพต้งั แตก่ ารปอู นวัตถดุ บิ กระบวนการผลิต ตลอดจนการไหลและการลาเลียงของสาย ผลติ ภณั ฑ์ (Product Line) รวมทัง้ เร่ืองของการขนส่ง (Transportation) ไปยังลูกค้า ทุกข้ันตอนน้ัน ทุกฝุายต่างหันมาสนใจในเรื่องการลดต้นทุนด้วยระบบลีน (Lean) ระบบบารุงกาลังหรือการจัดการ โลจิสติกส์และการขนส่ง ซึ่งกาลังเป็นเร่ืองท่ีน่าสนใจในประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ เพราะนักวิชาการ หรือนักบริหารการผลิตต่างเช่ือว่าหากสามารถลดต้นทุนได้ต้ังแต่ข้ันตอนการผลิตย่อมเป็นการสร้าง กาไรได้อย่างแท้จริงมากกว่าการไปเพ่ิมค่าส่งเสริมการตลาดแล้วส่งผลให้เกิดราคาขายท่ีมากขึ้น ย่อม ไม่ดีต่อโรงงานเป็นแน่เพราะลูกค้าทุกคนต่างก็มีความประสงค์ท่ีจะได้สินค้าที่มีคุณภาพแต่ราคา เหมาะสมซงึ่ จะแสดงไวด้ งั ตารางดงั ตารางท่ี 1.2

13 ตารางท่ี 1.2 เปรยี บเทียบการลดต้นทุนการผลติ ท่ีกอ่ กาไรได้มากกว่าการลดต้นทนุ ทางการตลาด นโยบายของบริษัท นโยบายการผลติ นโยบายทางการตลาด (หนว่ ย: ลา้ นบาท) ลดตน้ ทนุ ร้อยละ 10 เพิ่มยอดขายร้อยละ 10 ขาย (Sales) 100 100 110 หัก ต้นทุนขาย (Cost of Goods 60 54 (60*90%) 66 (66*110%) Sold) กาไรข้ันต้น (Gross Profit) 40 46 44 หัก ค่าขายและบริหาร (Operating ) 20 18 (20*90%) 22 (20*110%) กาไรสทุ ธิ (Net Profit) 20 28 22 ทมี่ า : ดดั แปลงจากพิภพ ลลิตานนท์ (2556) และ Chase, Aquilano & Jacobs (2001) จากตารางข้างต้นได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการลดต้นทุนด้านการผลิตจะสามารถก่อกาไรได้ มากกว่าการเพ่ิมยอดขายของฝุายการตลาด จึงเป็นต้นเหตุให้นักบริหารการผลิตและผู้ปฏิบัติงาน การผลิตหนั กลบั มามองกระบวนการจัดการระบบผลิตให้มีต้นทุนต่าที่สุดเพื่อทาให้สถานประกอบการ หรือโรงงานหรอื ธุรกจิ ได้กาไรมากทสี่ ดุ อย่างไรก็ตามการที่นักบริหารการผลิตและการดาเนินงานคานึงถึงความพยายามในการลด ต้นทุนมากจนเกินไปก็ไม่เป็นผลดีเนื่องจากว่าการผลิตนี้มีกลไกสาคัญคือคนหรือทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource) ซง่ึ จดั ไดว้ ่าเป็นปัจจยั การผลิตชัน้ ยอดทเี่ ปน็ กลไกสาคญั ทาใหท้ ุกปัจจัยการผลิต ขับเคลื่อนไปได้ ดังนั้นความยืดหยุ่น (Flexibility) ย่อมต้องนามาปรับใช้ในสถานประกอบการหรือ โรงงาน ยกตัวอย่างเช่น ผู้จัดการฝุายโรงงานยอมจ่ายเพ่ิมข้ึนเพ่ือจัดซ้ือจัดหาหมวกและหน้ากากมา ปูองกันอันตรายที่อาจจะเกิดจากสารเคมีในสถานประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรม หรือจะเป็น เรื่องของการยินดีจ่ายเพื่อจัดหาอุปกรณ์ดับเพลิงมาเพื่อรักษามา ตรฐานคว ามปลอดภัยในสถาน ประกอบการ ทุกประการท่ีกล่าวมาล้วนแล้วแต่ควรกระทาแม้จะเพ่ิมทุน แต่ท้ายที่สุดจะก่อ ประสิทธิภาพการผลิตในระยะยาว ลดปัญหาความสูญเสีย ลดภาวะทุพลภาพจากอุบัติเหตุการทางาน ไดอ้ กี ด้วย นอกจากน้ียังมีประเด็นที่ผู้จัดการของสถานประกอบการอนุญาตให้ พนักงานเพศหญิงใน ฝุายโรงงานสามารถลาคลอดได้ตามข้อกฎหมายที่กาหนดหรือไม่ ท้ังหมดนี้ล้วนเป็นตัวอย่าง ความยืดหยุ่น ผ่อนปรนที่อาจมองเป็นรูปธรรมไม่เห็นเพราะเป็นเรื่องของขวัญและกาลังใจ (Morale) ในบางโอกาสนักบริหารการผลิตและการดาเนินงานควรคานึงถึงจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อ สงั คม (Ethic and Social Responsibility) ด้วยถงึ แมว้ า่ จะมกี าไรลดลงไปบา้ ง เมือ่ กลา่ วถงึ ปจั จยั การผลิตนอกจากจะมีคนซึ่งเป็นกลไกขับเคล่ือนแล้ว สถานประกอบการ หรือ โรงงานต้องมีเงินทุน (Money) เพียงพอต่อการลงทุน การกาหนดคาสั่งซื้อ เพื่อนาไปวางแผน กาลังการผลิตสืบเนื่องไปยังการใช้ในข้ันตอนการผลิต จนกระทั่งจัดจาหน่ายหรือแม้แต่การวิจัย ผลิตภณั ฑ์หรือการวิจัยตลาด นอกจากเงินงบประมาณทไี่ วใ้ ช้สอยแล้วเงนิ งบประมาณเหลา่ น้ยี ังจะตอ้ ง

14 นาไปสั่งซ้ือเครื่องจักรจากทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างย่ิงศักยภาพการสร้างและ ผลิต เคร่ืองจักรของประเทศไทยมีข้อจากัด ในเร่ืองของเครื่องจักรขนาดใหญ่หลายชนิดจาเป็นต้องส่ังซื้อ หรอื นาเขา้ จากต่างประเทศ ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจตกต่ามากเท่าไร ค่าเงินบาทอ่อนตัว เราจะต้องสูญเสีย ปริมาณเม็ดเงินมากมายกว่าที่จะสามารถซ้ือเคร่ืองจักรมาใช้ได้อีกทั้งยังต้อง ศึกษาคู่มือการใช้และค่า บารุงรักษาเครอ่ื งจักรโรงงานตลอดจนการใชง้ านในแตล่ ะปที ่ีผ่านไปก็จะมีค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรมาก ขึ้นทุก ๆ ปี นอกจากน้ี วัสดุและอุปกรณ์ที่เคลื่อนย้ายได้ หรือเรียกว่า Material ก็ต้องมีการสารองอยู่ ตลอดเวลาเพราะถา้ ไมบ่ ริหารจัดการวัสดหุ รอื ไม่ใหค้ วามสาคัญกับเรื่อง การวางแผนความต้องการวัสดุ (MRP : Material Requirement Planning) อาจสร้างความเสียหายให้เกิดกับสถานประกอบการ หรือโรงงานได้ น่ีคอื สิ่งสาคญั ทน่ี ักบรหิ ารการผลิตตอ้ งคานงึ ถึงอยู่ตลอดเวลา อย่างไรกต็ ามสาหรับสถานประกอบการจริงมกั ประสบปญั หาอ่ืนๆ มากกว่าการประสบปัญหา เฉพาะปัจจัยการผลิต เพราะปัญหาในเร่ืองปัจจัยการผลิตไม่ว่าจะเป็น คน (Man) เงินทุน (Money) เคร่ืองจักร (Machine) วัสดุ (Material) การบริหารจัดการ (Management) หรือแม้แต่ขวัญกาลังใจ (Morale) ของพนักงานก็ตาม ต่างก็เป็นเพียงองค์ประกอบท่ีอยู่ภายในองค์การธุรกิจซ่ึงในโลกของ ธุรกิจจริงองค์การธุรกิจหรือสถานประกอบการต้องเผชิญกับส่ิงแวดล้อมท่ีอยู่ภายนอก (External Factors)โรงงานหรือสถานประกอบการนั้นๆ เช่น กฎหมาย (Law) หรือพระราชบัญญัติของโรงงาน อุตสาหกรรมท่ีจะละเว้นการปฏิบัติไม่ได้ สภาพการเมือง (Political) ของประเทศ สภาพเศรษฐกิจ (Economic) ในขณะนน้ั หรือแม้แต่พัฒนาการของเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ท่ีเกิดข้ึนมากมาย นอกจากน้ียังให้ความสาคัญกับส่ิงแวดล้อมภายนอกที่อยู่ใกล้ชิดกับสถานประกอบการให้มากข้ึน เช่น สภาพการแข่งขันของสถานประกอบการประเภทเดียวกัน หรือบริษัทท่ีอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน การรับรู้ของข้อมูลข่าวสาร (Information) ตลอดจนทัศคติ รสนิยม หรือความต้องการของลูกค้า เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา สถานประกอบการจึงควรต้องปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่อย่าง สม่าเสมอ การปูอนปัจจัยการผลิตเป็นการวางแผนกลยุทธ์การผลิตในระยะยาวก็ว่าได้เพราะคาว่า ประสิทธิภาพและประสิทธิผลท่ีได้กล่าวไว้ข้างต้นนั้นในโลกของธุรกิจ ควรได้มีการผสมผสานหรือใช้ ควบคู่กันเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ออกมาให้ได้คุณภาพหรือเรียกว่า การสร้างมูลค่า (Value) หากจะเขียน เป็นสูตรสาเร็จได้ว่า ประสิทธิภาพบวกประสิทธิผลจะได้มาซ่ึงการสร้างมูลค่าเพ่ิมให้ผลิตภัณฑ์ที่มี คณุ ภาพนน่ั เอง และการสรา้ งมลู คา่ ให้กับผลติ ภณั ฑ์นั้นควรไดค้ ณุ คา่ ออกมาใหไ้ ดม้ ากที่สุด เช่น เงาะซึ่ง เป็นผลไม้ของประเทศไทยหากจาหน่ายผลผลิตหลังเก็บเก่ียวโดยท่ียังไม่ได้แปรรูปก็จะมีราคาต่า แต่ เม่อื โรงงานผลิตผา่ นการแปรรูปเป็นเงาะกระปอ฻ ง สามารถรกั ษารสชาติและยืดอายุการใช้งานเก็บไว้ได้ นานและสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้อีกด้วยก็จะสามารถทากาไรและเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ใหก้ ับสนิ คา้ ซึ่งเราเรยี กสิง่ นวี้ า่ การสรา้ งมลู คา่ เพม่ิ นกั บรหิ ารการผลิตมีความคาดหวงั ในการสร้างมลู ค่าเพิ่มให้ได้มากท่ีสุดเรียกว่า Most Value ดว้ ยเหตุทน่ี กั บรหิ ารการผลิตและบริการมคี วามมงุ่ มนั่ ทจ่ี ะพัฒนาการผลิตให้ได้ดีที่สุด ดังน้ันในข้ันตอน ของการปูอนวัตถุดิบน้ีมีสิ่งท่ีจะต้องคานึงถึงได้แก่ข้ันตอนของกระบวนการก่อนการผลิตนักบริหาร การผลติ ควรศกึ ษาลักษณะและให้ความสาคัญของการเลือกทาเลที่ตั้ง กาลังการผลิตตลอดจนการวาง

15 ผังโรงงาน เป็นต้น เมื่อผ่านกระบวนการผลิตแล้วควรมีการวางแผนการผลิตรวม การจัดการวัสดุ ตลอดจนการทบทวนลาดับการผลิต ขนั้ ตอนถดั จากการปอู นวัตถุดบิ จะเป็นข้ันตอนของกระบวนการแปลงสภาพในขั้นตอนน้ีจะมี การตัด แต่ง เสริม เชื่อมต่อ หรือผสมผสานให้วัตถุดิบเปลี่ยนแปลงรูปร่าง รูปลักษณ์ หรือได้ออกมา เป็นผลิตภัณฑ์ช้ินใหม่ท่ีดีขึ้นกว่าเดิมและสร้างมูลค่าให้เพ่ิมขึ้น สาหรับในข้ันตอนนี้นักบริหารการผลิต และผูป้ ฏิบตั ิการตอ้ งใหค้ วามสนใจในเรื่องการจดั การโลจสิ ตกิ ส์เพราะเกี่ยวข้องกับการลดต้นทุน (Low Cost) โดยตรง ส่ิงท่ีฝุายผลิตจะต้องให้ความสาคัญคือการผลิตท่ีทันเวลา (Just in time) ตลอดจน การควบคุมคณุ ภาพซึง่ จะไดก้ ลา่ วถงึ อย่างละเอยี ดต่อไปในบทท่ี 9 เมือ่ เสร็จสิ้นกระบวนการผลิตโรงงานหรือสถานประกอบการก็จะได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการซึ่ง ตามหลักการบรหิ ารการผลติ ได้แบง่ ออกเป็นสองประเภทดว้ ยกันคือ เริ่มจากประเภทแรก สินค้าท่ีผลิต ตามมาตรฐาน (Standard Product) ซึ่งนักบริหารการตลาดมักจะเรียกสินค้าประเภทนี้ว่า Mass Production หรอื สินคา้ ทผ่ี ลิตครงั้ ละมากๆ มสี ดั สว่ นปริมาณหรือมาตรฐานเดียวกันไม่ว่าจะผลิตอยู่ที่ ใด หากใช้สูตรสาเร็จแบบเดียวกันซ่ึงเป็นลักษณะสินค้าที่จัดจาหน่ายตามห้างสรรพสินค้าโดยท่ัวไป เช่น เส้ือผ้าสาเร็จรูป บะหมี่ก่ึงสาเร็จรูป เป็นต้น โดยสินค้าเหล่าน้ีมักผลิตโดยสถานประกอบการหรือ โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เพือ่ ให้มีการประหยัดต้นทุนจากขนาดการผลิต ส่วนสินค้า อีกประเภท หนงึ่ เรยี กว่าสินคา้ ทผี่ ลติ ตามคาสั่งซ้ือ (Custom Production) ซึ่งมีชื่อที่นักบริหารการตลาดเรียกว่า Niche Production ซง่ึ เป็นการผลิตที่มคี ุณลักษณะเฉพาะและรูปแบบเฉพาะเจาะจง และมักผลิตน้อย ชิ้น หรือผลิตตามค่าส่ังซื้อจากลูกค้าหรือผู้มารับบริการโดยส่วนใหญ่จะมีปริมาณน้อยกว่าสินค้า ประเภท Mass Production แต่กลับมีราคาค่อนขา้ งสูงกวา่ Mass Production ดงั แสดงไว้ในตารางที่ 1.3 ตารางที่ 1.3 เปรียบเทียบสินคา้ ท่ีผลิตตามมาตรฐานและสินค้าทผี่ ลิตตามคาสง่ั ซอื้ นิยามศัพท์ สนิ คา้ ผลิตตามมาตรฐาน สนิ ค้าผลติ ตามคาส่ังซ้อื (Standard Product) (Custom Product) การตอบสนองลูกคา้ เพ่ือลดต้นทุน มงุ่ เนน้ ความแตกตา่ ง ผลผลิตทไี่ ด้ ปริมาณมาก ปริมาณนอ้ ย การดาเนนิ งาน รปู แบบตายตัว ยดื หย่นุ ในการออกแบบ ระยะเวลาผลิต เนน้ รวดเรว็ และมีคณุ ภาพ เนน้ ตามตอ้ งการและมีคุณภาพ ราคาจดั จาหนา่ ย มกั ถกู กว่า มกั แพงกว่า ตวั อย่างสนิ คา้ บะหม่ีกงึ่ สาเรจ็ รปู ปลากระปอ฻ ง ช้างไม้แกะสลัก เสื้อผ้าท่ีมีการสั่งตัด เฉพาะบุคคล ที่มา : ดัดแปลงจาก ปรยี าวดี ผลเอนก (2557) และณฐั พันธ์ เขจรพันธ์ (2542) เมอ่ื มกี ารผลติ เสร็จก็จะมเี รื่องการขนส่งสินค้าทั้งค้าปลีกและค้าส่งเรื่องราวของระบบส่งบารุง กาลังหรือการจัดการด้านโลจิสติกส์ก็ยังคงเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากน้ีฝุายผลิตไม่ควรละเลยในเรื่อง ของการเก็บรักษาสินค้าไว้ท่ีโกดังหรือคลังสินค้าก่อนถึงมือผู้บริโภคหรือยังคงรักษาคุณภาพและ

16 มาตรฐานงานบริการไว้อย่างสม่าเสมอกับผู้มารับบริการทุกคน สาหรับสินค้าสาเร็จรูปท่ีเตรียมไว้เพ่ือ รอการจัดจาหนา่ ยนั้นเป็นผลที่มาจากการวัดประสิทธิภาพที่เกิดจากการเปรียบเทียบผลผลิตกับปัจจัย การผลติ ซงึ่ ครอบคลมุ การดาเนินงานการผลติ ทั้งในระยะส้นั และระยะยาวโดยใช้หลักการท่ีดาเนินงาน ให้มีต้นทุนการผลิตที่ต่าท่ีสุดเท่าที่จะทาได้ภายได้คุณภาพท่ียอมรับได้ผ่านการรับรองมาตรฐานด้วย เช่นกัน ในขั้นตอนของการได้มาซ่ึงสินค้าหรือบริการนี้ นักบริหารการผลิตควรให้ความสาคัญกับทุก เร่ืองไม่ว่าจะเป็นเรื่องการควบคุมคุณภาพควบคู่ไปกับการวัดประสิทธิภาพการทางาน ( Work Measurement) การมมี าตรฐานการดาเนินงานการผลิต (Operating Standard) การทางานทันเวลา (Just in Time) ตลอดจนเรื่องของการจดั ระบบสง่ บารงุ กาลงั หรือการจัดการโลจิสติกส์ เปน็ ตน้ สาหรับความใส่ใจทุกเรื่องน้ันจะเป็นผลดีต่อผลผลิตทั้งทางตรงและทางอ้อมในทางตรงน้ัน ผลผลิตท่ีได้มาคือสินค้าและบริการส่วนทางอ้อมนั้นได้แก่ ภาษีอากร (Taxation) การบริหารค่าจ้าง (Wage) และการจัดการด้านแรงงาน (Labor) การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Research and Development) ตลอดจนการคานึงถึงเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมและส่ิงแวดล้อมธุรกิจ (Environment) ในเรื่องของความสาคัญของการบริหารการผลิตมีนักวิชาการหลายท่านท้ังนักวิชาการใน ประเทศและในต่างประเทศ ได้แก่ Krajewski & Ritzman (1996) Chase, Aquilano & Jacobs (2001) Hanna & Newman (2001) Stevenson (2002) Heizer & Barry (2004) ณัฎฐพันธ์ เขจร นันทน์ (2542) ยุทธ กัยวรรณ์ (2543) ชลิต มธุรสมนตรีและคณะ (2544) และศากุน บุญอิต (2558) นักวิชาการทกุ ท่านไดใ้ หค้ วามสาคญั ของการบริหารการผลติ ไว้วา่ ควรให้ความสาคัญกับสภาพแวดล้อม ของธุรกิจที่มีความเก่ียวข้องกับกระบวนการผลิตท้ังระบบต้ังแต่การปูอนวัตถุดิบการดาเนินงาน ตลอดจนการได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์และเม่ือผลิตต้องมีการวางแผนกาลังการผลิต ใส่ใจในทุกข้ันตอนของ กระบวนการผลติ โดยรกั ษาความปลอดภัยของพนักงานในสถานประกอบการหรือโรงงานรวมทั้งหมั่น ตรวจสอบความปลอดภยั ของเครือ่ งจกั รโรงงานว่ามีการจดั วางไวอ้ ย่างเหมาะสมกับผงั โรงงานตั้งแต่เร่ิม ก่อตั้งโรงงานหรือไม่ สาหรับด้านของความปลอดภัยมักจะมาควบคู่กับเร่ืองของการจัดการคุณภาพและคาว่า คุณภาพ นักบริหารการผลิตและผู้ปฏิบัติงานในฝุายโรงงานจะต้องใส่ใจในรายละเอียดตลอดจน เรอ่ื งของการจัดหาหรือจดั ซอ้ื วสั ดุอปุ กรณ์ท่มี ีขนาดเล็กจนถึงเครื่องจักรท่ีมีขนาดใหญ่ ด้วยการติดตาม ข่าวสารข้อมูลสารสนเทศ (Information) ทางด้านการผลิตอยู่ตลอดเวลาเพ่ือให้รอบรู้เท่าทัน เทคโนโลยีที่เปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา และเท่าท่ีผู้เขียนได้พิจารณาแล้วเห็นว่า แนวคิดของนักวิชาการต้ังแต่จากปีคริสตศักราช 2000 หรือปีพุทธศักราช 2543 จวบจนปัจจุบัน เริ่ม ให้ความสาคัญในเร่ืองของการจัดการสารสนเทศและเร่ืองของจริยธรรมธุรกิจและความรับผิดชอบต่อ สังคมมากขึ้น โดยท้ังหมดท่ีกล่าวมาได้สรุปไว้ในตารางที่ 1.4 ในตารางนักวิชาการที่สนับสนุนแนวคิด ความสาคัญของการผลติ และการดาเนินงาน ไว้ดังน้ี

17 ตารางที่ 1.4 ตารางนักวชิ าการท่สี นับสนนุ แนวคดิ ความสาคญั ของการผลิตและการดาเนินงาน นักวิชาการ แนวคิด Krajewski & Ritzman Chase, Aquilano & Jacobs Hanna & Newman Stevenson Heizer & Barry ณัฎฐ ัพน ์ธ เขจร ันนทน์ ุยทธ ักยวรรณ์ ชลิต มธุรสมนตรีและคณะ ป ีรยาวดี ผลเอนก ศากุน บุญอิต ปี ค.ศ. 1996 ค.ศ. 2001 ค.ศ. 2001 ค.ศ. 2001 ค.ศ. 2004 พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2543 พ.ศ. 2544 พ.ศ. 2557 พ.ศ. 2558 1. คานงึ ถงึ สภาพแวดล้อมธรุ กิจ         2. คดิ ว่าตอ้ งร้เู รื่องการผลิต         3. เม่ือผลติ ตอ้ งเตม็ กาลังและวางแผนไว้           4. ใส่ใจกระบวนการห่วงโซ่อปุ าทาน           5. ผสานเร่อื งทาเลท่ีตง้ั         6.ไม่หยดุ ยง้ั การควบคมุ คณุ ภาพ         7. ตราบนานเท่านานถ้าบารงุ รักษา           8. อยา่ รอชา้ เรง่ จัดซอ้ื         9. ปรกึ ษาหารือฝาุ ยสารสนเทศ        10. จดั ธรุ กจิ โปรง่ ใสใสใ่ จจรยิ ธรรม        ทีม่ า : ดดั แปลงจาก ณัฎฐพันธ์ เขจรนันทน์ (2542) และศากนุ บุญอิต (2558) เมอ่ื นักบริหารการผลิตได้ตระหนักในความสาคัญของการบริหารการผลิตและการดาเนินงาน แล้ว ต่อไปควรได้ศึกษาแนวคิดและวิธีการตัดสินใจเลือกกลยุทธ์การผลิตและการดาเนินงานดัง รายละเอียดในหวั ขอ้ ตอ่ ไป

18 1.3 แนวคดิ และวิธกี ารตดั สินใจเลือกกลยุทธก์ ารผลติ และการดาเนนิ งาน คาวา่ กลยุทธใ์ ช้คาในภาษาองั กฤษว่า Strategy มีรากศัพท์มาจากคาว่า “Strategos” ซึ่งเป็น คาท่ีมาจากภาษากรีกโบราณท่ีใช้ในยุทธศาสตร์ทางทหาร Strategos นั้นมาจาก Stratos หมายถึง กองทัพ ผสมกับคาว่า Agein ซึ่งหมายถึง นาหน้า และเมื่อนามาใช้กับวิชาทางการบริหาร หมายถึง การนาทางให้องค์การโดยรวม (Leading the Total Organization) ซึ่งมุ่งในเชิงจุดหมายและวิธีการ ว่าจะทา “อะไร” ให้สาเร็จได้ “อย่างไร” ภายหลังได้มีการนามาปรับใช้กับวงการธุรกิจและ ภาครัฐบาล Earl (1974 : 161) กลา่ วไวว้ า่ กลยทุ ธเ์ ปน็ เรอ่ื งของการวางแผน เป็นส่ิงที่จะนาความอยู่รอด มาสู่ธุรกิจ ภายใต้สภาพการแข่งขันในปัจจุบันและมีการตัดสินใจท่ีถูกต้องด้วยมุมมองท่ีกว้างไกลให้ บรรลวุ ตั ถุประสงคแ์ ละเปาู หมายของธรุ กจิ Andrew (1980 : 18) กลา่ วถึงกลยุทธ์ทางด้านเครือข่ายผู้ปูอนปัจจัยการผลิตเอาไว้ว่า คือ การที่นักบริหารกาหนดวัตถุประสงค์ นโยบาย และแผนงานต่างๆ ให้ดาเนินไปพร้อมกัน กาหนด ขอบเขตงานขององค์การในอนาคต ตลอดจนการสร้างคุณประโยชน์แก่เศรษฐกิจและอ่ืนๆ แก่ผู้มีส่วน เกีย่ วข้อง ลกู ค้า พนักงาน และชมุ ชน Samuel (1983 : 57) กล่าวไว้ว่ากลยุทธ์และการบริหารเชิงกลยุทธ์ได้นามาปรับใช้กับ ภาครฐั บาลได้ใหค้ านิยามไว้ว่าเป็นชุดของทางเลือกในระยะยาวอันเกี่ยวกับเปูาประสงค์เชิงปฏิบัติการ และนโยบายรวมทั้งแผนปฏิบัติการและแผนของรัฐบาลซึ่งองค์การของรัฐเป็นผู้กาหนด โดยคานึงถึง ปัจจัยที่สาคัญคือวัตถุประสงค์ของแผนงานท่ีรัฐบาลกาหนดไว้ประการหนึ่งและอีกประการหนึ่งคือ สง่ิ แวดลอ้ มที่มอี ทิ ธิพลต่อการดาเนนิ งานของแผนงาน Campbell & Yeung (1991 : 10-20) กล่าวไว้ว่ากลยุทธ์ คือส่ิงที่องค์การสามารถทาให้ บรรลุจุดมุ่งหมายเม่ือเปรียบเทียบกับองค์การอื่นซึ่งกลยุทธ์จะแสดงถึงความเป็นเลิศของจุดมุ่งหมายที่ องค์การต้องดาเนินการให้บรรลุความสาเร็จ กลยุทธ์จะระบุถึงการสร้างความมั่นคงขององค์การเมื่อ เปรียบเทียบกับองค์การอ่ืน กลยุทธ์จะระบุถึงธุรกิจหรือ การดาเนินการขององค์การอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนแผนขององคก์ ารเพอื่ การสรา้ งผลประโยชนแ์ ละศักยภาพขององค์การ Mintzberg (1994 : 23-32) กล่าวไว้ว่ากลยุทธ์ คือ แผน (Strategy is Plan) ที่ใช้กาหนด ทศิ ทางการดาเนนิ งาน กลยุทธ์ คอื รปู แบบ (Strategy is a Pattern) ดา้ นพฤตกิ รรมในการปฏิบัติงาน ท่ีเป็นไปได้และตอ่ เนอื่ งในแตล่ ะชว่ งเวลา โดยมาจากส่งิ ทผ่ี ู้บริหารต้ังใจจะทาภายใต้ความคาดหวังของ ผู้ปฏิบัติงาน กลยุทธ์ ยังหมายถึง การกาหนดตาแหน่งทางการแข่งขัน (Strategy is a Position) ใน สนามแข่งขันสินค้าหรือบริการต้องเหมาะสมในแต่ละตลาดหรือสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า หรืออาจกล่าวได้ว่ากลยุทธ์ คือภาพ (Strategy is a Perspective) ท่ีแท้จริง หรือแนวคิดที่คนใน องคก์ ารยึดถือร่วมกันและกลยุทธ์ คือกลวิธี (Strategy is a Pattern) ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองระหว่าง กลุม่ ผลประโยชน์ทางการค้าหรอื สงครามจะตอ้ งใช้อุบายในการดาเนินงาน สนุ ี ประจวบเหมาะ (2539 : 15) ได้กล่าวถึงความหมายของคาว่า กลยุทธ์ คือ กุญแจท่ีเปิด ประตูไปสู่ความอยู่รอดของธุรกิจ ความสามารถในการทากาไรให้ธุรกิจในสภาพการแข่งขันในปัจจุบัน

19 ซ่ึงสามารถหลีกเล่ียงความผิดพลาดท่ีจะเกิดข้ึนได้ เป็นการมองภาพไกลเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์และ เปาู หมายธรุ กิจ ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ (2541 : 1) และปรียาวดี ผลเอนก (2557) มีแนวคิดตรงกันว่า กลยุทธ์ เป็นวิธีการ (Mean) ที่องค์การจะเลือกเพ่ือที่จะดาเนินจากจุดท่ีเป็นอยู่ในปัจจุบันไปยัง จดุ หมายปลายทางหากสามารถบรหิ ารกลยทุ ธไ์ ด้ดงั คาดหวงั ก็จะยังประโยชน์ใหเ้ กดิ แก่เศรษฐกจิ สมชาย ภคภาควิวัฒน์ (2545 : 5) ได้กล่าวถึงความหมายของกลยุทธ์ ไว้ว่าเกี่ยวข้องกับ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกธุรกิจเพื่อพิจารณาหาโอกาส (Opportunities) และภัยคุกคาม (Threats) ตลอดจนการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในเพ่ือหาจุดอ่อน (Weaknesses) และจุดแข็ง (Strengths) กลยุทธ์โดยภาพรวมตามแนวคิดของ Porter (2002) กล่าวไว้ว่าวิถีทางหรือแนวทางท่ีถูก กาหนดข้ึนเพื่อระดมและจัดสรรการใช้ทรัพยากรของประเทศในการช่วยให้บรรลุถึงเปูาหมายทาง เศรษฐกิจซึ่งเน้นเร่ืองกลยุทธ์มุ่งความแตกต่างซ่ึงเน้นการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ (Differentiation) และมงุ่ ไปที่ตน้ ทุนท่ตี า่ ทส่ี ดุ (Low Cost Strategy) สรุปว่านักวิชาการทุกคนทั้งในอดีตและปัจจุบันทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้แก่ Earl (1974) Andrew (1980) Samuel (1983) Campbell & Yeung (1991) Mintzberg (1994) Porter (2002) สุนี ประจวบเหมาะ (2539) ศิริวรรณ เสรีรัตน์ (2541) และสมชาย ภคภาควิวัฒน์ (2545) และปรียาวดี ผลเอนก (2557) มีแนวคิดเป็นไปในทิศทางเดียวกันแต่มีจุดเน้นต่างกันดังแสดงไว้ใน ตารางแสดงการให้ความหมายของคาว่า กลยุทธ์ในหลากหลายแง่มุม โดยนักวิชาการแต่ละท่านมี จุดเน้นที่แตกต่างกัน คือ Earl (1974) Andrew (1980) Samuel (1983) Campbell & Yeung (1991) Mintzberg (1994) และสุนี ประจวบเหมาะ (2539) ให้ความหมายของกลยุทธ์ว่าคือการ วางแผน Earl F. (1974) และสุนี ประจวบเหมาะ (2539) กลา่ วถึงกลยุทธ์ว่าจะต้องนาพาให้องค์การ อยู่รอดได้อย่างม่ันคง ส่วนเร่ืองของกลยุทธ์เป็นเร่ืองของการตัดสินใจเป็นความคิดเห็นของ Earl (1974) Samuel (1983) ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ (2541) ในด้านกลยุทธ์คืองานที่จะต้อง ดาเนินไปให้บรรลุวัตถุประสงค์และเปูาหมายขององค์การ ผู้ที่เห็นด้วยกับด้านน้ี ได้แก่ Earl (1974) Samuel (1983) Campbell & Yeung (1991) Mintzberg (1994) Porter (2002) สุนี ประจวบ เหมาะ (2539) ศริ วิ รรณ เสรีรัตน์และคณะ ส่วน Andrew (1980) Samuel (1983) กล่าวว่า กลยุทธ์ คอื การกาหนดขอบเขตงานผู้ท่ีให้ความสาคัญในเรื่องกลยุทธ์ที่ครอบคลุมไปถึงการสร้างคุณประโยชน์ ทางเศรษฐกิจตลอดจน การจัดสรรทรัพยากรให้คุ้มค่าได้แก่ Andrew (1980) Campbell & Yeung (1991) Mintzberg (1994) Porter (2002) สาหรับความหมายของ กลยุทธ์ คือ การวางแผนในระยะ ยาวของภาครัฐบาลท่ีคานึงถงึ ลกู คา้ หรอื ประชาชน พนักงานตลอดจนชุมชนนั้น สอดคล้องกับแนวคิด ของ Andrew (1980) Samuel (1983) Mintzberg (1994) และสุนี ประจวบเหมาะ (2539) ในเร่ือง ของ กลยุทธ์เป็นชุดทางเลือกในการตัดสินใจเป็นแนวความคิดของ Samuel (1983) และตรงกับ ศิริวรรณ เสรีรัตน์และคณะ (2541) และนักวิชาการส่วนใหญ่จะเน้นความสาคัญกับเรื่องการใช้กลยุทธ์ เพือ่ การปรบั ตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของปัญหาและสภาพแวดล้อมในขณะน้ันท่ีองค์การเผชิญอยู่โดย

20 ไม่ละเลยท่จี ะกาหนดตาแหน่งทางการแขง่ ขนั เพอื่ ปูองกันตลาดในการเข้ามาแย่งชิงกาไรอีกทั้งกล่าวถึง การวิเคราะหจ์ ุดอ่อนจุดแข็งโอกาสและอปุ สรรค ในเรื่องน้ี Porter (2002) และสมชาย ภคภาควิวัฒน์ (2545) จะกล่าวเน้นถึงแนวคิดเรื่อง ของการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ การให้มีการกระจายอานาจเพื่อให้เกิดความคล่องตัวสูงในการ บริหารงานซ่ึงจากความหมายของคาว่า กลยุทธ์ สรุปว่า คือ การวางแผนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ด้วยกลวิธีการทางานท่ีมีการกาหนดขอบเขตงาน โดยการเปรียบเทียบกับองค์การอ่ืน เพื่อกาหนด ตาแหน่งแข่งขัน เพื่อเน้นความเป็นเลิศและศักยภาพ ส่งผลต่อลูกค้าพนักงานและชุมชน สามารถ ปรับตัวตามสถานการณ์แวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปและเมื่อนากลยุทธ์ไปรวมกับคาว่าการบริหาร การผลิตได้ความหมายโดยสรุปว่ากลยุทธ์การผลิตหมายถึงการวางแผนการบริหารการผลิต เพ่ือให้ บรรลุวัตถุประสงค์ ด้วยกลวิธีการทางานที่มีการกาหนดขอบเขตงาน โดยเปรียบเทียบกับองค์การอื่น กาหนดตาแหน่งแขง่ ขัน เพอื่ เน้นความเปน็ เลิศ ส่งผลตอ่ ลกู ค้าพนักงานและชุมชน สามารถปรับตัวตาม ตามสถานการณ์ท่ีเปลีย่ นแปลงไป ดงั แสดงไวใ้ นตารางที่ 1.5 ตารางท่ี 1.5 การให้ความหมายของคาวา่ กลยทุ ธ์ในหลากหลายแงม่ มุ ผู้นยิ าม การใหค้ วามหมาย Earl Andrew Samuel Campbell & Yeung Mintzberg Porter สุนี ประจวบเหมาะ ิศริวรรณ เสรีรัตน์ สมชาย ภคภาค ิววัฒน์ ปรียาวดี ผลเอนก ปี (ค.ศ.)/ปี (พ.ศ.) 1974 1980 1983 1991 1994 2002 2539 2541 2545 2557 1. การวางแผน   2. ความอยู่รอด มัน่ คง 3. การตดั สนิ ใจ  4. บรรลเุ ปูาหมาย 5. กาหนดขอบเขตงาน   6. ประโยชน์แกเ่ ศรษฐกจิ 7. ลูกคา้ พนักงาน ชุมชน    8. เน้นการจดั สรรทรัพยากร 9. เป็นเร่ืองระยะยาว  10. ชดุ ทางเลือก 11. ปฏบิ ัตไิ ด้    12. ปรบั สถานการณแ์ วดลอ้ ม 13. เปรียบกบั องค์การอ่ืน   กาหนดตาแหน่งแข่งขนั 14. เน้นศักยภาพผู้นา        

21 ตารางที่ 1.5 การใหค้ วามหมายของคาวา่ กลยุทธ์ในหลากหลายแงม่ ุม (ตอ่ ) ผ้นู ยิ าม การใหค้ วามหมาย Earl Andrew Samuel Campbell & Yeung Mintzberg Porter สุนี ประจวบเหมาะ ิศริวรรณ เสรีรัตน์ สมชาย ภคภาค ิววัฒน์ ปรียาวดี ผลเอนก ปี (ค.ศ.)/ปี (พ.ศ.) 1974 1980 1983 1991 1994 2002 2539 2541 2545 2557 15. เป็นงานที่ต่อเนอื่ ง   16. มีการทบทวน  17. รปู แบบปฏบิ ตั ิงาน  18. บรหิ ารความคาดหวัง 19. ผ้ปู ฏิบัติคาดหวัง   20. ภาพแนวคิดท่ยี ดึ ร่วมกัน 21. มีกลวธิ ีดาเนินงาน  22. คิดค้นนวัตกรรมใหม่ 23. กระจายอานาจ คล่องตัว  24. ปอู งกันตลาดแยง่ กาไร 25. วิเคราะหจ์ ุดออ่ นจดุ แขง็   โอกาสและอุปสรรค   ท่ีมา : ดัดแปลงจาก ปรียาวดี ผลเอนก (2557) และศิริวรรณ เสรรี ัตนแ์ ละคณะ (2541) จากการได้ศึกษาโดยภาพรวมขอสรุปแนวคิดของ Porter (2002) ซึ่งกล่าวไว้ว่ากลยุทธ์มุ่ง ความแตกต่างน้ันเน้นการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ (Differentiation) และมุ่งไปที่ต้นทุนที่ต่าท่ีสุด (Low Cost Strategy) นั้นสามารถนามาปรับใช้กับการบริหารการผลิตและการดาเนินงาน ซึ่งผู้เขียน ไดก้ ล่าวไว้ในเบือ้ งต้นแลว้ ว่ากลยทุ ธ์ทไ่ี ด้ทบทวนมาจากนักวิชาการหลายท่านได้สรุปประเด็นตรงท่ีงาน บรหิ ารการผลิตควรมีแนวกรอบแนวความคิดที่เน้นให้มี “ต้นทุนต่าและทาแตกต่าง” ซึ่งสอดคล้องกับ แนวความคิดของ Porter (2002) นนั่ เอง โดยจะอธิบายเพม่ิ เตมิ ดงั น้ี 1.3.1 กลยุทธ์มุ่งความแตกต่าง (Differentiation) กลยุทธ์มุ่งเน้นความแตกต่างเป็นกลยุทธ์ท่ีเน้นการพัฒนาปรับปรุงสินค้าหรือบริการ ไปสสู่ ่ิงใหมอ่ ยา่ งไม่หยุดนิ่ง การใช้กลยุทธ์ลักษณะน้ีจะเหมาะสมกับสินค้าท่ีมีภาพลักษณ์ (Image) ที่ดี ตาแหน่งทางผลิตภัณฑ์สูงหมายความว่าจัดวางอยู่ในตาแหน่งแข่งขันของลูกค้าระดับกลาง (Middle- Class) ถึงระดบั บน (Upper-Class) ยกตวั อย่างเช่น สถานประกอบการที่ผลิตสินค้าชนิดตามคาส่ังซ้ือ (Custom Product) หรือเป็นงานสั่งทา (Made to Order) เช่น ลูกค้าสั่งทางานแกะสลักช้างไม้สัก เพ่ือเป็นของที่ระลึกราคาสินค้าประเภทนี้มักจะมีราคาค่อนข้างแพง เน้นการจัดจาหน่ายที่มีคุณภาพ เพราะต้องอาศัยความประณีต ละเอียดอ่อนในการประดิษฐ์ แต่มีความแตกต่างจากสินค้าที่ผลิตแบบ

22 ปริมาณมาก (Standard Product) อย่างแน่นอนเนื่องจากมีลักษณะเฉพาะและสั่งทาข้ึนเป็นพิเศษ ลักษณะตัวอย่างนี้จึงเป็นกลยุทธ์ที่เน้นทางด้านความแตกต่างหรือเรียกอีกอย่างว่า Differentiation นน่ั เอง แตใ่ นบางธรุ กิจหรือสถานประกอบการบางแห่งอาจเนน้ การใชก้ ลยทุ ธท์ ี่เนน้ ตน้ ทนุ ต่าก็เป็นได้ 1.3.2 กลยทุ ธม์ งุ่ เน้นการลดต้นทุน (Low Cost Strategy) กลยุทธม์ ุ่งเน้นตน้ ทนุ ต่าเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งการลดต้นทุนในกระบวนการผลิตเพื่อสร้าง ความได้เปรียบทางการแข่งขนั ด้านต้นทนุ ท่ีต่ากวา่ เกดิ การประหยดั จากขนาดการผลิต (Economy of Scale) ม่งุ เนน้ การเปน็ ผู้นาทางดา้ นตน้ ทุนทต่ี ่ากว่า (Cost Leadership) คู่แข่งขันเหมาะสาหรับสินค้า ท่ีผลิตแบบมาก (Standard Product หรือ Mass Production) กลยุทธ์ประเภทน้ีจะเน้นกลยุทธ์ ทางดา้ นราคาคือ ราคาสนิ คา้ ตอ่ หนว่ ยจะค่อนข้างถกู หลังจากได้ศึกษาเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางด้านการบริหารการผลิตและการดาเนินงานท่ี กล่าวมาแล้วน้ัน เพอื่ ง่ายสาหรับความเขา้ ใจจงึ ไดแ้ สดงการเปรยี บเทียบความแตกต่างในตารางท่ี 1.6 ตารางท่ี 1.6 เปรยี บเทียบกลยุทธ์การบรหิ ารการผลติ และการดาเนนิ งาน กลยทุ ธ์ Low Cost Strategy Differentiation ปัจจัย “ตน้ ทุนตา่ ” “ทาแตกต่าง” เป้าหมาย มงุ่ เนน้ การลดตน้ ทนุ มุง่ วจิ ยั และพฒั นา ปรบั ปรุงสินคา้ และ ในกระบวนการผลิต บริการอยา่ งต่อเน่ืองเพือ่ เปน็ ผนู้ าด้าน นวัตกรรมหรือการคิดผลิตสิง่ ใหม่โดยท่ี ยังไมม่ ีผ้ใู ดคดิ คน้ มาก่อน ลักษณะของสนิ คา้ เป็นการผลิตแบบมาตรฐาน มคี วามแตกตา่ ง หมายถงึ มีรปู ลักษณ์ ปริมาณ มรี ูปลกั ษณ์เฉพาะตวั สัดส่วนเหมือนกนั ในทุกการ มีภาพลกั ษณ์ในตวั สนิ ค้าดี ผลติ ไมว่ ่าจะผลติ ในพ้นื ท่ใี ด เปน็ ทีต่ ้องการของกล่มุ ลูกค้า ระดบั กลางถงึ ระดบั บน ลกั ษณะระบบ Standard Products หรือ Custom Product หรือ การผลิต Mass Production Niche Production หรือ Made to Order ต้นทุนสนิ คา้ ต่อ ตา่ กว่า สูงกว่า หนว่ ย ราคาสินค้า/บรกิ าร ราคาสินคา้ ต่อหน่วยตา่ กวา่ ราคาสินค้าต่อหนว่ ยสูงกว่า ท่ีมา : ดัดแปลงจาก Stevenson (2002) และ Porter (2002) ในการบริหารการผลิตและบริการของสถานประกอบการหน่ึงแห่งอาจจะมีการใช้กลยุทธ์ แบบผสมผสานหมายความว่าในหนึ่งโรงงานอาจจะมีหลายผลิตภัณฑ์ มีหลายสายการผลิต (Product

23 Line) และอาจมสี นิ คา้ ท่ีมีลักษณะระบบการผลิตแบบ Standard Products และ Custom Product ดงั นน้ั นักบริหารการผลติ จะต้องรูจ้ กั ปรับเปล่ียนกลยทุ ธ์การผลติ ใหม้ คี วามสอดคล้องกับความต้องการ ของตลาด นอกจากน้ียังจะต้องการเฝูาสังเกตทิศทางของเศรษฐกิจ ฤดูกาลหรือแม้แต่เทศกาลต่าง ๆ ที่จะคิดผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่นนั้นๆ ในบางคร้ังอาจใช้กลวิธี รกั ษาระดับในสินค้าประเภททผ่ี ลิตตามมาตรฐาน แตใ่ ช้กลวธิ ไี ล่ตามในสนิ ค้าท่ีเกิดขึ้นตามเทศกาลและ ฤดูกาล เพื่อสร้างกาไรให้แก่สถานประกอบการหรือโรงงานให้ได้มากที่สุดภายใต้จริยธรรมและ ความรับผิดชอบต่อสังคม เม่ือนักบริหารการผลิตและผู้ปฏิบัติงานทราบแล้วว่าจะมีกลยุทธ์และกลวิธี มากมายและหลากหลายรูปแบบในการดาเนินการผลิตสินค้าและบริการ หัวข้อต่อไปจะเป็น การกลา่ วถงึ ขอบเขต หน้าที่ความรบั ผดิ ชอบของการจดั การงานผลิตและการดาเนินงานมีดังนี้ 1.4 ขอบเขต หน้าทแ่ี ละความรับผดิ ชอบของการบริหารการผลิตและการดาเนนิ งาน จากความสาคัญของการผลิตซ่ึงได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น ว่าการให้ความสาคัญของการบริหาร การผลิตและการดาเนินงานคือการคานึงถึงสภาพแวดล้อมธุรกิจ (Environment) คิดว่าจะต้องรู้เรื่อง ระบบการผลิต (Production System) เม่ือผลิตต้องเต็มกาลังและวางแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไว้ (Production Planning and Product Development) ใส่ใจกระบวนการ (Production Process) ผสมผสานงานด้านคุณภาพเคร่ืองจักรและอุปกรณ์ต่างๆ จะอยู่ได้ตราบนานเท่านานถ้าหากมี การ บารุงรักษา (Maintenance and Safety) อย่ารอช้าเร่งจัดซื้อ (Material Requirement Planning) ปรึกษาหารือฝุายสารสนเทศ (Management Information System ) จัดประเภทของธุรกิจให้เป็น ธุรกิจโปร่งใส ใส่ใจจริยธรรม (Ethic and Social Responsibility) ทั้งหมดน้ีเป็นหน้าที่ของ ผ้ปู ฏบิ ัตงิ านทกุ คนควรประสานงานให้บรรลุประสิทธผิ ล ดังแผนภาพที่ 1.3 ดังนี้ ฝา่ ยตลาด ฝ่ายจดั ซอ้ื ฝา่ ยวิจัย ฝา่ ยบรหิ าร และพฒั นา ทรัพยากรมนษุ ย์ ฝา่ ยการเงนิ และ ฝา่ ยผลิต บญั ชี ฝา่ ยควบคมุ ฝ่ายคลังสนิ ค้า คุณภาพการผลิต แผนภาพท่ี 1.3 ความสัมพนั ธ์ระหว่างฝาุ ยผลิตกบั หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ท่ีมา : ดัดแปลงจาก ปรยี าวดี ผลเอนก (2557)

24 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งฝุายผลิตกับหนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ งในแตล่ ะแผนกมีหน้าท่ีดงั นี้ 1. ฝา่ ยตลาด (Marketing Department) มหี นา้ ทใี่ นการติดตอ่ ลกู คา้ เพอื่ ขายสนิ ค้า ดังน้ันฝุายการตลาดจะส่งคาสั่งซ้ือ (Order) ของลูกค้าไปยังฝุายผลิตโดยในคาส่ังซื้อจะต้องมีท้ัง ลักษณะของสินค้าหรือบริการมีขนาด จานวน ปริมาณ ท่ีลูกค้าต้องการรวมไปถึง ระยะเวลาการส่ง มอบ สถานท่ีจดั จาหน่าย ดังภาพท่ี 1.4 ภาพท่ี 1.4 ระบบใบสั่งซอ้ื สนิ คา้ ที่มา : เขา้ ถงึ ได้จาก http://www.prosoftwinspeed.com [2559, กุมภาพันธ์ 14]

25 หรอื อาจเป็นคาส่ังซื้อทางเว็บไซด์หรือเปน็ ธุรกรรมผ่านทางระบบพาณชิ ยอ์ ิเลคทรอนิกส์ หรอื เรยี กวา่ E-commerceก็ไดโ้ ดยแสดงไวใ้ นภาพท่ี 1.5 ภาพท่ี 1.5 การสั่งซ้ือสนิ ค้าผ่านระบบพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์ ที่มา : เข้าถึงไดจ้ าก http://www.teeneemarket.com [2552, มกราคม 31] นอกจากน้ีในบางสถานประกอบการฝุายการตลาดจะมีหน้าท่ีในการตลาดจัดทาพยากรณ์ ยอดขาย (Sale Forecast) ให้กับฝาุ ยผลติ และหน่วยงานอื่นทีเ่ กยี่ วข้องดว้ ย 2. ฝา่ ยบัญชีและการเงิน (Accounting and Financial Department) ฝุายการเงินมี หน้าที่สนับสนุนฝุายการผลิตในด้านต่างๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การจัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์โรงงาน ตามความต้องการของฝุายโรงงานในสถานประกอบการ การซ่อมเคร่ืองจักรโรงงาน ค่าแรงงาน มี หน้าที่จัดหาจัดซ้ือวัสดุอุปกรณ์สานักงานให้กับแผนกอื่นท่ีเกี่ยวข้องด้วย ส่วนฝุายบัญชีมีหน้าท่ีเก็บ บันทึกรายการต้นทุนต่างๆ ที่เกิดข้ึนในฝุายผลิต เช่น ค่าโสหุ้ยการผลิต ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าแรงงานล่วงเวลา ค่าความสูญเสียท่ีเกิดจากการทางาน เป็นต้น ข้อมูลเหล่าน้ีจะนามาเป็นข้อมูล ประกอบในการตัดสนิ ในการบรหิ ารการผลติ 3. ฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Department) ฝุายจัดซ้ือทาหน้าที่ในการสรรหา จัดซื้อ ปัจจัยการผลติ ทใี่ ชใ้ นการผลิต เช่น วัตถุดิบ เครื่องจักร เคร่ืองมือ อะไหล่ วัสดุสานักงาน เป็นต้น เพ่ือ ทาให้การผลิตเป็นไปอย่างเป็นระบบและเกิดประสิทธิภาพในการทางาน โดยคานึงถึงความถูกต้องใน ดา้ นคณุ ภาพและความเท่ยี งตรงในเร่ืองของเวลา (Right Quality Right Time)

26 4. ฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research & Development Department) ในนี้ จะทาหน้าท่ีคิดค้น ปรับปรุง พัฒนารูปแบบสินค้าหรือบริการ โดยจะคิดค้นสูตรการผลิต ตลอดจน ขั้นตอนกระบวนการแปรสภาพให้กับฝุายผลิต เพื่อให้ผลิตสินค้าตรงกับลักษณะท่ีลูกค้าต้องการ ใน ปัจจุบันฝุายน้ีเป็นฝุายท่ีสาคัญค่อนข้างมากในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันโดยเฉพาะ องค์การทใ่ี ชก้ ลยุทธ์ความแตกตา่ ง 5. ฝ่ายควบคุมคุณภาพการผลิต (Quality Control Department) ฝุายนี้จะทาหน้าที่ ในการควบคมุ การผลิตต้ังแต่กระบวนการสรรหาปัจจัยการผลิต ตลอดจนกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน เพ่ือใหไ้ ด้สินค้าและบรกิ ารมคี ุณภาพ ลักษณะใกลเ้ คยี งตรงกบั ความต้องการของลูกค้ามากที่สุด 6. ฝา่ ยบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Department) ฝาุ ยนีจ้ ะทาหน้าที่ ในการสนับสนนุ ด้านทรพั ยากรมนุษย์ในการผลติ ต้งั แต่กระบวนการสรรหา คัดเลือก พัฒนาฝึกอบรม รวมไปถงึ ค่าตอบแทน สวัสดิการ และการสร้างขวญั กาลังใจในการทางานใหก้ ับบุคลากรฝุายผลิต 7. ฝ่ายคลงั สินคา้ (Warehouse Department) ทาหน้าท่ีในการจัดเก็บรักษาสินค้า เช่น วัตถุดิบ วัสดุสานักงาน สินค้าระหว่างการผลิต สินค้าสาเร็จรูป เป็นต้น ให้กับฝุายผลิต โดยรักษา สภาพเดิมของสินค้าคงคลังให้ได้มากท่ีสุดในจานวนที่ฝุายผลิตต้องการและทันเวลากับสินค้า ทั้งน้ี จะต้องคานงึ ถงึ ตน้ ทุนและหลกั เขา้ กอ่ นออกก่อน (First In First Out) ในการเบิกจ่ายสินค้าโดยเฉพาะ อยา่ งยงิ่ สินค้าที่มอี ายกุ ารใช้งาน บทสรปุ ในยุคของการเปลี่ยนแปลงแข่งขันน้ัน นักบริหารการผลิตและการดาเนินงานตลอดจนผู้ท่ีมี ส่วนเก่ียวข้องในสถานประกอบการต้องหาโอกาสและทางเลือกให้ธุรกิจอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนในระยะ ยาวได้ ดงั นนั้ ในอนาคตนักบรหิ ารการผลติ ตอ้ งเพ่มิ ศกั ยภาพดว้ ยการปรับปรุงวัตถุดิบกระบวนการผลิต ตลอดจนคณุ ภาพการผลิตกอ่ นท่ีจะไดม้ าซ่ึงสนิ คา้ และบริการ ภายใต้คาว่า“ต้นทุนต่าและทาแตกต่าง” เพื่อให้มีชัยชนะเหนือคู่แข่งขันในอุตสาหกรรมเดียวกันให้ได้ด้วยการใช้กลยุทธ์หลากหลายต้อง ตระหนักถึงความสาคัญของการบริหารการผลิตเพ่ือรักษาคุณภาพตั้งแต่การปูอนวัตถุดิบกระบวน การผลิตท่ีผ่านกรรมวิธีท่ีได้มาตรฐานและได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ท่ีเป็นไ ปตามความต้องการของลูกค้า ภายใต้การประสานงานกับหน่วยงานทุกแผนกท่ีเก่ียวข้องอย่างมีจริยธรรมและมีความรับผิดชอบต่อ สงั คม

27 คาถามและกจิ กรรมท้ายบทที่ 1 1. อธบิ ายลักษณะของระบบการผลิตพรอ้ มวาดแผนภาพประกอบคาอธิบาย 2. อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปัจจัยการผลิตกระบวนการผลติ ผลผลิตและสิ่งแวดล้อมธุรกิจ ตารางท่ี 1.7 ตารางเติมคาอธิบายระบบการผลติ องคก์ ารธุรกจิ ปัจจัยนาเข้า กระบวนการ ผลผลิต การควบคุม ส่ิงแวดล้อธุรกจิ (Output) (Control) (Environmen (Organization) (Input) (Process) ใบส่งั ยา t) โรงพยาบาล ยา การดแู ลรกั ษา การหายปวุ ย กฎกระทรวง โทรศัพท์มอื ถือ คนไข้ การทดสอบ การไดร้ ับ สาธารณสขุ สมาคมแพทย์ เครอื่ งมือแพทย์ การเอกซเรย์ การปลูกถา่ ย สภา เตยี ง การตรวจเลือด อวยั วะ องคก์ ารอาหาร อุปกรณ์ผา่ ตัด และยา โรงงานแปรรปู ไม้ ยางพาราเปน็ เก้าอ้ี โรงงานผลติ ปลาแมกคาเรล ในซอสมะเขอื เทศ กงุ้ ทะเลแชแ่ ข็ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook