Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาษาอังกฤษ ม.ปลาย

ภาษาอังกฤษ ม.ปลาย

Published by nfeeast_thathan, 2019-05-09 00:08:04

Description: ภาษาอังกฤษ ม.ปลาย

Search

Read the Text Version

หนังสือเรยี นสาระความรูพื้นฐาน รายวิชา ภาษาองั กฤษเพื่อชวี ติ และสังคม (พต31001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2554) สาํ นกั งานสง เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร หามจาํ หนาย หนังสือเรยี นเลม นีจ้ ดั พิมพดว ยเงินงบประมาณแผนดินเพื่อการศึกษาตลอดชวี ติ สาํ หรบั ประชาชน ลิขสทิ ธเิ์ ปนของ สํานักงาน กศน. สาํ นกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ เอกสารทางวชิ าการลําดบั ท่ี 6 /2555

หนงั สอื เรยี นสาระความรูพ้นื ฐาน รายวิชา ภาษาอังกฤษเพอ่ื ชวี ิตและสังคม (พต31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ลิขสทิ ธิ์เปนของ สํานักงาน กศน. สํานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร เอกสารทางวชิ าการลาํ ดบั ที่ 6/2555

คํานํา กระทรวงศึกษาธิการไดประกาศใชหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เม่ือวันท่ี 18 กันยายน พ.ศ. 2551 แทนหลักเกณฑและวิธีการจัดการศึกษานอกโรงเรียน ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2544 ซึ่งเปนหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นตามหลักปรัชญาและ ความเชื่อพืน้ ฐานในการจัดการศึกษานอกโรงเรียนทีม่ ีกลุม เปาหมายเปนผูใ หญมีการเรียนรูแ ละสัง่ สม ความรูและประสบการณอ ยา งตอ เน่ือง ในปงบประมาณ 2554 กระทรวงศึกษาธิการไดกําหนดแผนยุทธศาสตรในการขับเคลือ่ นนโยบาย ทางการศึกษาเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแขงขันใหประชาชนไดมีอาชีพทีส่ ามารถสราง รายไดทีม่ ัง่ คัง่ และมั่นคง เปนบุคลากรที่มีวินัย เปย มไปดวยคุณธรรมและจริยธรรม และมีจิตสํานึก รบั ผิดชอบตอ ตนเองและผูอ่ืน สํานักงาน กศน.จึงไดพิจารณาทบทวนหลักการ จุดหมาย มาตรฐาน ผลการ เรียนรูทีค่ าดหวัง และเนือ้ หาสาระ ทัง้ 5 กลุม สาระการเรียนรู ของหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551ใหมีความสอดคลองตอบสนองนโยบายกระทรวง ศึกษาธิการ ซึ่งสงผลใหตองปรับปรุงหนังสือเรียน โดยการเพิ่มและสอดแทรกเนื้อหาสาระเกีย่ วกับอาชีพ คุณธรรม จริยธรรมและการเตรียมพรอมเพื่อเขาสูป ระชาคมอาเซียน ในรายวิชาทีม่ ีความเกีย่ วของสัมพันธกัน แตยังคงหลักการและวิธีการเดิมในการพัฒนาหนังสือที่ใหผูเรียนศึกษาคนควาความรูดวยตนเอง ปฏิบัติ กิจกรรม ทําแบบฝกหัด เพื่อทดสอบความรูความเขาใจ มีการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรูก ับกลุม หรือศึกษา เพ่มิ เติมจากภมู ปิ ญญาทอ งถิน่ แหลงการเรียนรูและส่อื อื่น การปรับปรุงหนังสือเรียนในครั้งนี้ ไดรับความรวมมืออยางดียิง่ จากผูท รงคุณวุฒิในแตละ สาขาวิชาและผูเ กีย่ วของในการจัดการเรียนการสอน ที่ศึกษาคนควา รวบรวมขอมูล องคความรูจ ากสือ่ ตางๆ มา เรียบเรียงเนื้อหาใหครบถวนสอดคลองกับมาตรฐาน ผลการเรียนรูท ีค่ าดหวัง ตัวชีว้ ัดและกรอบ เนือ้ หาสาระของรายวิชา สํานักงาน กศน.ขอขอบคุณผูมีสวนเกีย่ วของทุกทานไว ณ โอกาสนี้ และหวังวา หนังสือเรียนชุดนี้จะเปนประโยชนแกผูเ รียน ครู ผูส อน และผูเ กีย่ วของในทุกระดับ หากมีขอเสนอแนะ ประการใด สํานักงาน กศน.ขอนอมรับดวยความขอบคุณยิ่ง

สารบญั หนา คาํ นาํ 1 คาํ แนะนําการใชหนังสอื เรียน 62 โครงสรางรายวชิ าภาษาองั กฤษเพอ่ื ชวี ติ และสงั คม 101 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 117 149 Chapter 1 Everyday English 171 Chapter 2 What should you do? 184 Chapter 3 Hello could you tell me……? 200 Chapter 4 Cultural Difference 209 Chapter 5 News & News Headline 235 Chapter 6 Self – Sufficiency Economy 252 Chapter 7 Have you exercised today? 272 Chapter 8 Shall we save the energy? 310 Chapter 9 What have I done? 335 Chapter 10 What is your e – mail address? 346 Chapter 11 Natural Disaster 384 Chapter 12 Let’s Travel 405 Chapter 13 Will it rain tomorrow? Chapter 14 Global Warming Chapter 15 Urgently Wanted Chapter 16 ภาษาอังกฤษสําหรับพนกั งานนวดแผนไทย Chapter 17 ภาษาอังกฤษสาํ หรบั พนักงานขาย บรรณานุกรม

คําแนะนาํ การใชห นังสอื เรียน หนังสือเรียนสาระความรูพืน้ ฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษเพอ่ื ชีวิตและสังคม (พต 31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เปน หนังสือเรียนทจ่ี ดั ทําข้นึ สาํ หรับผเู รียนท่เี ปน นักศึกษา นอกระบบ ในการศึกษาหนังสือเรียนสาระความรพู ้นื ฐาน รายวิชา ภาษาองั กฤษเพื่อชีวิตและ สงั คม ผเู รียนควรปฏิบตั ดิ ังนี้ 1. ศึกษาโครงสรา งรายวชิ าใหเขาใจในหัวขอสาระสําคัญ ผลการเรียนรูท ี่คาดหวัง และขอบขา ยเนื้อหา 2. ศกึ ษารายละเอียดเน้ือหาของแตละบทอยา งละเอียด และทาํ กิจกรรมตามท่ี กาํ หนด แลว ตรวจสอบกับแนวตอบกิจกรรมทก่ี ําหนด ถา ผูเรียนตอบผดิ ควรกลับไปศกึ ษาและทาํ ความเขา ใจในเนื้อหานั้นใหมใ หเขาใจกอนท่ีจะศึกษาเรื่องตอไป 3. ปฏิบัติกิจกรรมทายเรื่องของแตล ะเรื่อง เพ่ือเปนการสรุปความรคู วามเขา ใจของ เนือ้ หา ในเร่ืองน้นั ๆ อีกครงั้ และการปฏิบตั ิกิจกรรมของแตละเนื้อหาในแตละเรื่อง ผเู รียนสามารถ นําไปตรวจสอบกับครูและเพอื่ น ๆ ทร่ี วมเรียนในรายวชิ าและระดับเดียวกันได 4. แบบเรียนเลม น้มี ี 17 บท คอื Chapter 1 Everyday English Chapter 2 What should you do? Chapter 3 Hello could you tell me……? Chapter 4 Cultural Difference Chapter 5 News & News Headline Chapter 6 Self – Sufficiency Economy Chapter 7 Have you exercised today? Chapter 8 Shall we save the energy? Chapter 9 What have I done? Chapter 10 What is your e – mail address? Chapter 11 Natural Disaster Chapter 12 Let’s Travel

Chapter 13 Will it rain tomorrow? Chapter 14 Global Warming Chapter 15 Urgently Wanted Chapter 16 ภาษาองั กฤษสําหรบั พนกั งานนวดแผนไทย Chapter 17 ภาษาอังกฤษสําหรบั พนักงานขาย

โครงสรางรายวิชาภาษาองั กฤษเพอื่ ชีวิตและสังคม ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย (พต 31001) สาระสาํ คญั ภาษาอังกฤษเพอื่ ชีวติ และสังคม มีสาระสําคัญท่จี ะเนน ใหผูเรยี นมีความรู ความ เขาใจ มีทักษะ และเจตคติเกี่ยวกับภาษาทาทาง การฟง การพูด การอาน การเขียน ภาษาตา งประเทศ ดวยประโยค ทซี่ ับซอ นมากขึน้ ในชีวิตประจําวนั และงานอาชพี ของตนได ถกู ตอ งตามหลักภาษา และวฒั นธรรม และกาลเทศะของเจา ของภาษา ผลการเรียนรทู ่คี าดหวงั 1. เขาใจเกี่ยวกับภาษาทาทาง การฟง พูด อา น เขียน ดว ยประโยคท่ซี ับซอ นมาก ข้ึนในชวี ติ ประจาํ วัน และงานอาชพี 2. ปฏบิ ัตติ นไดถูกตองตามมารยาทและวัฒนธรรมของเจา ของภาษา 3. มีทักษะท่ถี ูกตอ งตามหลักภาษาวัฒนธรรมและกาลเทศะของเจา ของภาษา ขอบขา ยเนอ้ื หา Everyday English What should you do? Chapter 1 Hello could you tell me……? Chapter 2 Cultural Difference Chapter 3 News & News Headline Chapter 4 Self – Sufficiency Economy Chapter 5 Have you exercised today? Chapter 6 Shall we save the energy? Chapter 7 What have I done? Chapter 8 Chapter 9

Chapter 10 What is your e – mail address? Chapter 11 Natural Disaster Chapter 12 Let’s Travel Chapter 13 Will it rain tomorrow? Chapter 14 Global Warming Chapter 15 Urgently Wanted Chapter 16 ภาษาอังกฤษสาํ หรบั พนกั งานนวดแผนไทย Chapter 17 ภาษาองั กฤษสาํ หรบั พนกั งานขาย สื่อการเรียนรู 1. ใบงาน 2. หนงั สือเรยี น

1 Chapter 1 EVERYDAY ENGLISH สาระสาํ คัญ นํ้าเสียง เปนการแสดงออกถึงความรูส ึกในการสนทนา ผูเรียนตองเรียนรูถ ึงการ ออกเสียงตนคํา ทายคํา การออกเสียงหนัก เบา การออกเสียงสูง ต่ํา การออกเสียงเชื่อมโยง การ ใชคํา วลี และรูปประโยคได แสดงความดีใจ พอใจ ไมพอใจ แสดงความปรารถนาดี ความ ตอ งการ ความชว ยเหลือ รวมท้ังการตอบรบั ปฏเิ สธ ตามโอกาสและสถานทตี่ า ง ๆ ซึ่งผูเรียนตอง ฝกออกเสียงใหถูกตองตามหลักภาษา วัฒนธรรม และกาลเทศะของเจาของภาษา เพือ่ การ สนทนาถูกตอ ง ผลการเรียนรทู ค่ี าดหวงั หลังจากจบบทแลวผูเ รยี นสามารถ 1. ออกเสียงพยัญชนะ คาํ การออกเสียงเช่อื มโยง การออกเสยี ง หนัก เบา สงู ตา่ํ ได 2. ใชน าํ้ เสียงในการแสดงความรสู ึก และตีความหมายจากนา้ํ เสยี งของผูพดู ได 3. พูดแสดงความปรารถนาในโอกาสตาง ๆ ได ขอบขา ยเน้อื หา เรื่องท่ี 1 การออกเสยี งพยัญชนะ ตน คํา ทา ยคาํ และการออกเสยี งทา ยคําทถี่ ูกตอง เรื่องท่ี 2 การออกเสยี งหนักเบา เร่อื งที่ 3 การออกเสียงตามระดบั เสียง สงู -ตาํ่ เรอ่ื งท่ี 4 การออกเสียงเช่ือมโยง เรื่องที่ 5 การพูดแสดงความรสู กึ ดีใจ-เสยี ใจ เรอื่ งท่ี 6 การแสดงความพอใจ / ไมพอใจ เร่อื งที่ 7 การแสดงความปรารถนา / เหน็ ใจ และการตอบรับ เรื่องที่ 8 การแสดงความตองการ / การเสนอความชว ยเหลอื / บรกิ าร รวมท้ัง การตอบรบั / ปฏบิ ตั กิ ารใหค วามชวยเหลือ / บริหาร

2 เรื่องท่ี 1 การออกเสียงพยญั ชนะ sz ch sh a) การออกเสยี ง sz การออกเสียง s และ z ในการออกเสียง s ทเ่ี ปนพยัญชนะตน คาํ จะออกเสียง เหมอื นตัว ส ขณะท่ีการออกเสยี งตวั z จะออกเสียงเหมอื น ซ แตจ ะตอ งออกเสยี งกอง มีการส่นั ของเสยี ง (Voice sound) โดยใชล น้ิ แตะท่โี คนฟนและออกเสียงสอดแทรกออกมาดว ยเสียงผง้ึ บิน b) การออกเสยี ง sh ch คําในภาษาองั กฤษท่ีคนไทยมีปญหาในการออกเสียงคาํ หนึง่ คือ คําท่ีมีเสยี ง sh เชน She, English และ Shoes เปน ตน โดยสวนใหญมกั จะออกเสียงเปนเสยี งตัว ช ชาง ซึ่งมี ความใกลเ คยี งกับเสยี ง ch มากกวา จะไมเปนปญ หา ถาหากวาคาํ นน้ั มคี ําเดยี วในภาษาอังกฤษ แตความจรงิ ไมไ ดเปนเชน นน้ั เพราะวา คําในภาษาองั กฤษทีอ่ อกเสียงเหมือนกนั แตตางกนั ท่ีเสียง sh และ ch มีอยหู ลายคํา Activity 1.1 Search for the meaning of the given words and practise the pronunciation กิจกรรมที่ 1.1 หาความหมายของศัพทและฝกออกเสยี งตามครู และพดู ตาม พรอมหา ความหมายดวย คาํ ความหมาย คาํ ความหมาย Signal Zip Silk Zinc Skin Zebra Slice Zero Smooth Zigzag Souvenir Zodiac Special Zone Standard Zoo Steak Zoom Suitcase Zeal

3 Activity 1.2 Search for the meaning of the given words from the dictionary and practise their pronunciation. กิจกรรมท่ี 1.2 หาความหมายของศัพทและฝก ออกเสียง ใหผ เู รยี นหาความหมายของคาํ ตอไปน้ี โดยใชพ จนานกุ รม ถา สามารถเขา ถงึ อนิ เทอรเ น็ตได ลองเขาไปคนหาคาํ ในเวบ็ ไซดที่ใหบริการ dictionary เชน www.merriam- webster.com และฟงการออกเสียงของคําเปนคู ๆ และสังเกตความแตกตางพรอมทั้งลองพูด ตามไปดวย Vocabularies Meaning Vocabularies Meaning (คาํ ) (ความหมาย) (คํา) (ความหมาย) Ship Chip Shin Chin Cash Catch Mash Match Cash Catch Shoe Chew Shop Chop Share Chair ลองคดิ ดู ถาหากตองการพดู วา My shin hurts. แตออกเสยี งผิดเปน My chin hurts. ผฟู ง จะ เขา ใจตรงกบั ท่ีผูพูดตอ งการหรอื ไม การส่อื สารครง้ั นน้ั ประสบผลสาํ เรจ็ หรือไม การออกเสยี ง sh และ ch เสียง sh ออกเสียงคลาย ช ชาง แตตองหอปาก และพน ลมตลอดคอนขางยาว เสียง ch ออกเสียงคลาย ช ชาง มากกวาเสียง sh มกี ารกกั ลมในปากกอ นออกเสยี ง และเสียงพนลมไมย าวเหมอื นเสยี ง sh Note (ขอสังเกต) บางครง้ั เสยี ง sh หรอื ch อาจปรากฏในคาํ ศพั ทอ ่ืนท่ไี มป รากฏรูปพยญั ชนะ sh หรือ ch แตอ อกเสยี งเชน เดียวกัน

4 Example (ตัวอยาง) ออกเสยี ง ch ออกเสยี ง sh Nature (เนเชอร) Mission (มิชชัน่ ) Measure (เมเชอร) Ocean (โอเชย่ี น) Tissue (ทิชช)ู เร่ืองท่ี 1.2 การออกเสยี งคาํ กริยาทเ่ี ติม ed คํากรยิ าชอ งท่ี 2 (Past form of verb) เปน คํากรยิ าที่ใชใ นประโยคทเ่ี ขียนดว ย Past Simple Tense (อดีต) ซึง่ การเปลีย่ นคาํ กรยิ าใหเปนรูปชองท่ี 2 มี 3 วิธี คอื 1) โดยการเติม ed ขางทายกริยา เชน กรยิ าชองท่ี 1 กริยาชอ งท่ี 2 walk walked learn learned talk talked 2) โดยการคงรูปกรยิ าตัวเดมิ เชน กรยิ าชอ งท่ี 1 กรยิ าชอ งที่ 2 cut cut put put let let 3) โดยการเปลี่ยนรูปกริยา กริยาชอ งที่ 1 กริยาชองที่ 2 make made go went come came หลกั ในการออกเสียงคํากริยาชอ งท่ี 2 ท่ีเติม ed กริยาชอ งท่ี 2 ท่เี ตมิ ed มหี ลกั 3 ประการในการออกเสยี งดังนี้ 1. ออกเสยี ง/id/ = อดิ (เอด็ ) สาํ หรับคํากริยาที่ลงทา ยดวย t และ d เชน

5 กรยิ าชองท่ี 1 กริยาชอ งท่ี 2 want (วอ นท) wanted (วอ นทิด) need (นดี ) needed (นีดดดิ ) cheat (ชที ) cheated (ชที ทดิ ) 2. ออกเสยี ง /t/ = เทอ ะ สาํ หรับคาํ กริยาทลี่ งทายดวยพยญั ชนะตอไปนี้ คอื p, k, s, f, ss, sh, ch, x กรยิ าชอ งท่ี 1 กริยาชองท่ี 2 like (ไลค ) liked (ไลคเทอะ) mix (มกิ ซ) mixed (มิกซเทอะ) drop (ดรอพ) dropped (ดรอพเทอ ะ) cook (คกุ ) cooked (คุกเทอะ) miss (มิซ) missed (มิซเทอ ะ) sketch (สเกทช) sketched (สเกทชเทอะ) wash (วอช) washed (วอชเทอ ะ) escape (เอสเคพ) escaped (เอสเคพเทอ ะ) loose (ลซู ) loosed (ลซู เทอะ) brief (บรฟี ) briefed (บรฟี เทอ ะ) 3. ออกเสยี ง /d/ = เดอะ สําหรับคาํ กริยาเตมิ ed ทีน่ อกเหนอื จากกฎขอ 1 และขอ 2 หรอื คาํ ทีล่ งทายดว ยเสยี งสระ เชน y, i, e เปนตน จะออกเสยี งเปนเสยี ง /d/ กริยาชอ งท่ี 1 กริยาชองที่ 2 climb (ไคลมบ) climbed (ไคลมบเดอะ) answer (แอนเซอร) answered (แอนเซอรเ ดอะ) show (โชว) showed (โชวเดอะ) arrive (อะรายเฝอะ) arrived (อะรายเฝอะเดอะ) die (ได) died (ไดเดอะ) stay (สเตย) stayed (สเตยเ ดอะ)

6 Activity 1.3 : Practice the verbs with “ed” ending sound” กจิ กรรมที่ 1.3 : ฝกออกเสียงคาํ กริยาท่ีลงทา ยดวย ed จากครู Activity 1.4 Put these words in the table correctly according to pronunciation rules of ed ending verb. กจิ กรรมที่ 1.4 จงนาํ คาํ ตอ ไปนไ้ี ปเตมิ ลงในตารางตามหลกั การออกเสยี ง คํากรยิ าที่ลงทา ยดว ย ed ใหถูกตอ ง asked decided shipped dropped trained lifted climbed visited drained stayed discovered painted stopped wished stressed looked risked studied performed named used described played filmed checked liked helped waited disturbed counted mixed exported tried needed /t/ /id/ /d/

7 เร่อื งที่ 2 การออกเสียงหนกั เบา (Stress) การเนนเสยี ง (stress) ในภาษาอังกฤษเปนสิ่งสําคญั อยา งย่ิงในการพูด คําท่เี ขยี น อยา งเดยี วกันเมอ่ื ออกเสยี งเนนหนักตางกัน จะใหค วามหมายตางกันดว ย เชน de′sert เม่อื เนน เสยี งหนักทีพ่ ยางคแ รก มีความหมายวา ทะเลทราย และเปนคาํ นาม des′ert เมื่อเนน เสยี งหนักที่พยางคท ่สี อง มคี วามหมายวา ทอดทงิ้ ท้ิงรา งไป เปน คํากรยิ า หลกั การเนนเสยี งคําหลายพยางคในภาษาอังกฤษ 1. คําท่สี ะกดเหมอื นแตออกเสียงตางกนั ตามหนา ทีข่ องคํา (parts of speech) โดย 1.1 เมื่อทําหนาที่เปนคํานาม เนน ทพี่ ยางคต น เชน de′sert = ทะเลทราย ob′ject = วตั ถุ pe′rmit = ใบอนุญาต การอนญุ าต 1.2 เม่อื เปนคาํ กริยา เนนที่พยางคหลัง เชน obje′ct = คัดคาน permit′ = อนญุ าต dese′rt = ละทิง้ ทอดทิ้ง 2. คําทม่ี อี ปุ สรรค (prefix) และรากคํา (root) ออกเสยี งเนน หนักที่พยางคแรก ซง่ึ เปน อปุ สรรค (prefix) เชน d′istract tr′ansfer op′posite pr′ecise ir′rigation de′monstrate ex′cellent

8 3. คาํ ท่มี อี ุปสรรค (prefix) และคํา (word) ออกเสยี งเนนหนกั ทค่ี าํ ไมเนน ทีอ่ ุปสรรค (prefix) เชน prescrip′ tion disagr′ee misundersta′ nd underta′ ke misapply′ mispronou′ nce reprodu′ ce incorre′ct 4. การออกเสยี งเนนหนักที่คําแรก คาํ ท่มี ปี จ จัย (suffix) ตอ ทา ยคาํ ออกเสียงเนนหนักที่คําแรก ปจ จัย (suffix) คอื หนวยคําที่เติมเขาขา งทายคําหรือรากศพั ทเ พือ่ เปล่ียนความหมายหรือเกิดเปนคําใหมห รอื เปล่ยี น หนาทขี่ องคาํ เชน li′kewise ba′ckward ho′ meward ha′ ppiness k′indness be′autiful chi′ldhood ยกเวน a) คําที่มีปจจยั (suffix) ที่ลงทายดว ย ee, eer จะตอ งเนน หนกั ทป่ี จ จยั เชน paye′e mountain′eer refuge′e employ′ee engine′ er examin′ee

9 b) ปจจยั อื่น ๆ (suffix) มักออกเสียงเนนหนักที่พยางคห นา ปจ จัย เชน ____ ion : cre′ation ____ ious : deli′cious ____ ify : cla′ ssify ____ ian : gua′rdian ____ ual : a′ctual, indiv′idual eve′ntual, ca′sual ____ ible : po′ssible, te′rrible, v′ isible ____ ic : symbo′lic, histo′ric, drama′tic 5. การเนน เสยี งหนักในคาํ ประสม (compound words) คําประสม คือ คําที่เกิดจากการนําเอาคํา 2 คํา มารวมเปนคาํ เดียวกนั ทาํ ใหเกิด คําใหมท ่ีมคี วามหมายใกลเคยี งกับความหมายเดิมหรอื เปล่ียนความหมายใหมได เชน bed (เตยี ง) + room (หอง) = a bedroom (หองนอน) card (บตั ร) + phone (โทรศพั ท) = a cardphone (โทรศพั ทใ ชบ ตั ร) school (โรงเรยี น) + bus (รถประจาํ ทาง) = a schoolbus (รถโรงเรียน) hand (มอื ) + bag (ถงุ , กระเปา ) = a handbag (กระเปา ถอื ) การเขียนคําประสม มี 3 แบบ คอื 1. เขียนติดกนั เชน a classroom, a bedroom, a sweetheart, a highway, oversea 2. เขยี นแยกกนั เชน a fountain pen, a ceiling fan, cooking oil, a swimming suit 3. เขียนแยกกนั มี hyphen คัน่ ระหวางคํา เชน a test – tube a window – pane well – known

10 การออกเสียงคําประสม โดยท่ัวไปออกเสียงเนน หนักที่พยางคแรก เชน be′droom hig′hway cook′ing oil car′dphone swe′etheart sw′imming sit scho′olbus o′versea tes′t – tube ha′ndbag fou′ntain pen win′dow – pane cla′ssroom cei′ling fan we′ll – known Activity 1.5 : Listen to the stress in each word, repeat after and then put “′” (stress) at the syllable with strong stress. กิจกรรมที่ 1.5 ใหผ ูเรยี นฝก ฟงเสียงเนนหนักในคําออกเสยี งตามและเขยี นเคร่ืองหมายเนน เสยี ง “ ′” (stress) ตรงพยางคทอี่ อกเสยี งเนน หนกั 1. audible 26. unkind 2. terrible 27. boxer 3. mistake 28. re - election 4. application 29. underline 5. preposition 30. homework 6. pronunciation 31. packaging 7. bathroom 32. question 8. pancake 33. environment 9. disable 34. completely 10. capacity 35. clockwise 11. refugee 36. exploration 12. uncover 37. workbook 13. affective 38. speechless 14. discredit 39. moment 15. impolite 40. language 16. pleasure 41. reception

11 17. engineer 42. technical 18. employee 43. electrical 19. employer 44. revision 20. intersection 45. arrival 21. kingdom 46. Thailand 22. brotherhood 47. sensible 23. nationality 48. importance 24. ambition 49. mountaineer 25. interest 50. examinee เรือ่ งที่ 2 การออกเสียงตามระดับเสียงสูง-ตา่ํ (Intonation) เรอ่ื งที่ 2.1 นาํ้ เสียงหรือทํานองเสยี ง (intonation) คือ ระดับเสียงสูงตา่ํ ภายในประโยค ในการ พูดภาษาองั กฤษ น้ําเสียง (intonation) เปน สง่ิ สาํ คญั เพราะเปน สว นทใ่ี ชบอกความหมาย เจตนา ของ ผพู ดู และลกั ษณะของประโยค ถา ผพู ดู ใชร ะดบั เสียงผิดหรอื น้าํ เสยี งผิด เชน ควรใชร ะดบั เสยี ง ปกติกลบั ไปใชร ะดบั เสียงสูง อาจทําใหผ ฟู งเขา ใจเจตนาของผพู ดู และแปลความหมายของคําพดู แตกตา งออกไปได ซงึ่ เปนปญหาหน่ึงของการใชภาษาองั กฤษในการส่อื สาร (หลักการใชนา้ํ เสยี ง) นํา้ เสยี งหรือทาํ นองเสียง (intonation) มอี งคป ระกอบ 2 ประการ คือ ระดับเสียง (pitch levels) และประเภทของนา้ํ เสยี ง (intonation) 1. ระดับเสยี ง (pitch levels) 1.1 ระดบั เสียงสูงพเิ ศษ (Extra – high pitch level) 1.2 ระดบั เสียงสูง (High pitch level) 1.3 ระดบั เสยี งปกติ (Normal pitch level) 1.4 ระดบั เสียงตาํ่ (Low pitch level)

12 ดังนนั้ ระดบั เสียง (pitch levels) จงึ เทียบไดด งั นี้ 4 3 2 1 โดยปกติดระดบั เสียงพูดจะเริม่ จากระดบั ที่ 2 เสมอ เชน • I’m fine. (แอม ไฟนฺ) • I’m fine. (แอม ไฟนฺ) • Is she ready? (อสี ชี เรดี๊) • Are you there? (อาร ยู แด) • Can you type? (แคน ยู ไทพ)ฺ • How are you? (ฮาว อาร หยู) การทาํ ความเขา ใจระดับเสยี งเปน พ้ืนฐานที่สาํ คัญของการออกเสียงสูง – ตํา่ ภายในประโยคและการเลือกใชประเภทของน้ําเสียง (intonation) 2. ประเภทของนํา้ เสยี ง (intonation) โดยทั่วไปในการออกเสยี งเรามักแบง ประเภทของน้ําเสียง (intonation) ภายในประโยค เปน 4 ประเภท คือ 2.1 นาํ้ เสยี งลดตํา่ (Falling intonation or Gliding down) เปนน้าํ เสยี งท่มี ี ระดบั เสยี งลดหลัน่ ลงมาเปนระดบั ที่ 1 เหมือนการลงบนั ได เชน จากระดบั เสยี งระดบั ที่ 3 → 2 → 1 ในประโยคตอไปนี้ • Who are you? • What do you want? • Why does she say like that?

13 2.2 นํ้าเสยี งไตขึน้ (Rising intonation or Gliding up) เปนนา้ํ เสยี งทเ่ี รมิ่ จาก ระดับปกติ และสงู ข้นึ เปนลําดับข้ัน เชน จากระดับท่ี 2 → 3 → 3 ในประโยคตอ ไปนี้ • Are you O.K? • Is that your mom? • Are you sure? 2.3 นาํ้ เสยี งพงุ ขน้ึ (Take off) เปนนา้ํ เสยี งท่ีมกี ารเปลีย่ นแปลงของระดบั เสยี งจากต่าํ สดุ ไปสูงสุดหรือจากระดบั ปกตไิ ปยังระดับสูงสดุ อยา งรวดเร็วคลายอาการของ เครื่องบนิ หรอื จรวดที่พงุ ตัวจากพ้ืนดินสฟู า ในแนวด่ิงอยา งรวดเร็ว การเปล่ยี นระดบั เสยี งจะเปล่ียน จากระดบั 1 เปน 3 ทนั ที มกั ใชในประโยคคําถามแบบลดรปู เชน • To me? (อา นวา ทู ม้)ี ใหความหมายของประโยคคําถาม มี ความหมาย เทา กบั “ใหผ มหรือ?” เปรียบเทยี บกับ • To me. (อานวา ทู มี) ใหความหมายของประโยคบอกเลา มีความหมาย วา “ใหผ ม” • To me! (อา นวา ทู ม)่ี ใหค วามหมายของประโยคคาํ ส่ัง มคี วามหมาย วา “ใหผ มสิ” 2.4 นาํ้ เสียงด่ิงลง (Diving or Falling – Rising) เปน นาํ้ เสียงทมี่ ีการ เปลีย่ นแปลงของระดับเสียงจากสูงลงสรู ะดบั ตา่ํ ทันที คลายอาการของคนทีพ่ ุงตัวดาํ ด่ิงลกึ ลงไปใต นํ้าและดาํ โผลขน้ึ สผู ิวนา้ํ อยา งรวดเร็ว เสียง Diving มักใชใ นคําเตือน (warning) เชน • Don’t take by mouth! อา นวา ดอนท เท็ค บา ย เมา ท

14 • Don’t follow me! • Please shut up! อยา งไรก็ตามเพอื่ ความเขาใจทงี่ ายและชดั เจนในบทเรียนน้ี จะแบง นาํ้ เสียงออกเปน 2 ประเภทใหญ ๆ คือ นา้ํ เสียงลดต่ํา (Falling or Gliding down) และนาํ้ เสยี งไตขึ้น (Rising or Gliding up) เทานั้น ความสัมพันธร ะหวา งประเภทของนํ้าเสยี งและรูปประโยค ในภาษาพดู ประเภทของนํา้ เสยี งทีผ่ ูพ ูดใชมคี วามสาํ คญั ตอความหมายและรูป ประโยคเปน อยางยง่ิ ถา ใชน ํ้าเสยี งตางประเภทกัน จะทําใหผ ูฟ ง เขาใจความหมายและเจตนาของ การพดู แตกตา งกันออกไป ตัวอยา งเชน คาํ “awful” สามารถออกเสยี งได 2 แบบใหญ ๆ คือ Awful? เม่อื พดู โดยใชนาํ้ เสยี งประเภท Rising or Glide up อา นวา อฟั ฟูล มี ความหมายวา แยห รอื ? (คณุ คดิ วามนั ) แยอ ยา งนน้ั ร?ึ ถา ออกเสยี งสูงจะเปนประโยคคาํ ถามโดยเปน คําถามแบบลดรูป คือ ลดรูปมาจาก Do you think it’s awful? Awful! เมอ่ื พดู โดยใชนํ้าเสยี งประเภท Falling or Glide down อา นวา อัฟ ฟลู มคี วามหมายวา แยจริง แยมาก แยน ะ ผูพูดใชนาํ้ เสยี งตํ่า หนกั แนน ซง่ึ แสดงถงึ ความมนั่ ใจ 1. นํ้าเสียงประเภทลดตาํ่ ลง (Falling or Gliding down) ใชก บั ประโยคตอ ไปน้ี 1.1 ประโยคบอกเลา เชน • I want to see you. (อานวา ไอ วอนท ทู ซี้ หย)ู • I went to the market yesterday. • Dino goes to school with his friend. 1.2 ประโยคคาํ ถามที่ขึน้ ตนดวย Question word เชน • What do you want? (อานวา วอท ดู ยู วอ นท) • How old are you? • How much does your car cost?

15 1.3 ประโยคปฏเิ สธ เชน • I don’t want to go there. (อานวา ไอ ดอ นท วอ น ทู โก แดร) • Susan doesn’t agree with Jim. • Pom did not go to see the movie last night. 1.4 ประโยคคําสั่ง เชน • Please close the door! (อานวา พลี้ช โคลช เดอะ ดอร) • Would you please give me your pen? • Please hand me those books! 2. น้ําเสยี งประเภทไตข้นึ (Rising or Gliding up) ใชกับรูปประโยคตอ ไปน้ี 2.1 ประโยคคําถามแบบ Yes – No เชน • Are you allright? (อานวา อาร ยู ออลไรท) • Is that car yours? • Will you go with us? 2.2 ประโยคคําถามแบบ Question Tag เชน • You can do it, can’t you? (อานวา ยู แคน ดู อิท, แคน ท ย)ู • Jenny went there before, didn’t she? • She goes to see the doctor, doesn’t she?

16 2.3 ประโยคบอกเลา ทม่ี ีการใชคาํ ประเภทเดียวกนั เรียงลาํ ดับตอเนื่องกัน เพอ่ื เปนสญั ญาณบอกใหคูสนทนาทราบวาขอ ความน้ันยังไมจบยงั มขี อมูล ตอ เนอ่ื งอกี เชน • I can see a bed, a lamp, a pillow, a night dress and pyjamas. • There are various kinds of fruit: apple, durian, mango, rambutan, and pineapple. หลกั เกณฑข องการใชน ้ําเสยี ง (intonation) ทีไ่ ดก ลา วมาเปน เพยี งพน้ื ฐานของการ ออกเสยี งในการใชภ าษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ยังมีเงอื่ นไขและวธิ ีการออกเสียงเฉพาะอีกหลายวธิ ี ขอใหน ักศึกษาศึกษาในตอนตอ ๆ ไป Activity 2.1 Listen the pronunciation of several sentences and then identify the pattern of intonation by choosing form L or H. กิจกรรมที่ 2.1 ใหผเู รียนฟง การออกเสยี งประโยคตา ง ๆ แลว เลือกแบบแผนของ การออกเสยี งสูงต่ําภายในประโยค (intonation) วา เปน แบบใด โดยใหเขยี นตวั อักษร “L” หรอื “H” ลงในชองวา งทายประโยค แตละประโยค L = ลงเสียงตา่ํ ท่ที า ยประโยค (Falling or Gliding down) H = ข้ึนเสียงสงู ที่ทา ยประโยค (Rising or Gliding up) L = Falling or Gliding down H = Rising or Gliding up

17 LH 1. Can you tell me the way to the bus station? 2. You go straight down the road and turn left. 3. It’s summer soon, isn’t it? 4. What’s happening? 5. Would you like cream or milk? 6. How are you today? 7. Can you give me some examples? 8. Well, I must go now. 9. The weather is better but it’s still raining. 10. The only thing you can do now is wait. 11. Should you go into the jungle? 12. How old are you? 13. You’ve changed the colour (color)* of your hair, haven’t you? 14. Where are you from? 15. Is this right or wrong? 16. How have you been? 17. Do you watch TV daily? 18. Are you free this evening? 19. How are things? 20. What’s wrong? 21. Who else can I ask? 22. Would you help yourself with a drink? 23. Do you do your own decorating? 24. By the way, I’d like my types checked, too. 25. Why don’t you go in? 26. We have to wait here. หมายเหตุ : ผเู รยี นจะใช color ซงึ่ เปน ภาษาเมริ กนั หากเปนภาษาอังกฤษใหใช colour

18 27. Here we are. LH 28. How much is it? 29. Here is your receipt, isn’t it? 30. Which one does he buy? เรอื่ งที่ 4 การออกเสียงเชอ่ื มโยง (Linking sound) การออกเสียงคาํ ในภาษาองั กฤษ มแี บบแผนในการออกเสยี งท่นี า สนใจอีกแบบหน่งึ ซึง่ ผเู รยี นภาษาองั กฤษควรเรยี นรูและฝกใชฟงและพดู เพ่ือความสามารถในการเขา ใจ การฟง การพูด และการมที กั ษะในการสื่อสาร คอื การออกเสยี งเชอื่ มตอระหวางคาํ (Linking sound or Linking word) หลักในการออกเสียงเชอ่ื มตอ ระหวางคาํ (Linking sound) การออกเสียงเชื่อมระหวา งคํามหี ลักเกณฑใ นการเชื่อมเสียง คอื เสยี งจะเชอ่ื มตอ ระหวางคาํ ได เม่ือคาํ หนา ตองลงทา ยดว ยพยัญชนะ และคําหลงั ตองข้ึนตนดว ยสระ (a, e, i, o, u) การเชือ่ มเสียงแสดงโดยใชเครอ่ื งหมาย Far away. Four o’clock. What’s it? Throw it in the dustbin! Better at English. It’s over now. It’s up to you.

19 Activity 2.2 Listen the pronunciation of linking sound from your instructor , then repeat after! กจิ กรรมท่ี 2.2 จงฟงการออกเสียงเชอ่ื มตอระหวา งคาํ ของ คํา วลี ในประโยค ตอ ไปน้ี แลว ออกเสยี งตาม Hundreds of years ago. The brain has about. A special part of computer. Which is yours? There is a glass of water on the table. Read about politics. Look at that man! Watch out! What’ s up? Control over. Stop over. At the end of the year. Where’s it? Have a good time! Rock and Roll. Get up!

20 เร่ืองท่ี 5 การพูดแสดงความรูส ึก การพูดแสดงความยินดี/เสียใจ การพดู แสดงความยนิ ด/ี เสียใจ และการตอบรับ มีดังนี้ คําพดู แสดงความยนิ ดี การตอบรับ Congratulations! Thank you very much. Congratulations on your success Thanks. Well done! Thanks a lot. I was delighted to hear that (you have Many thanks. passed the exam). I’m glad to hear that. Thank you very much. I’m pleased to hear that. Thanks. Glad to hear about that. Thanks a lot. Many thanks. I’m so pleased with you. You deserve it. Thanks. It’s very kind of you to say so. การพดู แสดงความเสยี ใจ คําพดู แสดงความเสยี ใจและการตอบรับ มีดงั นี้ คําพดู แสดงความเสยี ใจ การตอบรับ Sorry. Forget it. (Informal) I’m sorry. Never mind. I’m sorry to hear that. Oh! That’s all right. I’m really sorry. It doesn’t matter. I must apologize …………. Don’t worry about it. I’m awfully sorry to hear that.

21 Conversation : What was that terrible noise? Jane dropped a stack of plates on the floor because they were too slippery. Her mother wasn’t at all happy…. Mother : Jane, Oh no! What is going on in the kitchen? Jane : I’m sorry. I’ve just dropped a stack of plates. Mother : Were you hurt? Jane : Fortunately, no. But I’m terribly sorry. Mother : I’m glad you’re not hurt, but please, you must be careful next time! Jane : I will. I will. Trust me. Activity 3.1 Choose the best answer กิจกรรมท่ี 3.1 เลือกคาํ ตอบที่ถูกตอง 1. Who dropped the plates? a. Jane b. Mother c. A cat. 2. Was “Mother” happy when she heard the noise? a. Yes. b. No, of course not. c. She did not hear the noise. 3. Why were the plates dropped? a. They were too slippery. b. They were piled up too high. c. The holder was very careless.

22 4. What did Jane promise to do the next time? a. To drop more plates. b. To pay the money for the plates. c. To be more careful. 5. How many plates were broken? a. Just one plate. b. Many plates. c. We don’t know the exact number. Activity 3.2 Choose the word to fill in the blanks. กจิ กรรมที่ 3.2 เพม่ิ คําในชองวาง Dialogue 1 that’s / sorry / apologize Mary : I’m (1) but I can’t find the pen that you lend me. Harry : Oh, (2) all right. Mary : Harry : I must (3) . I’ll buy you a new one tomorrow. No. Please don’t. I couldn’t let you do that. Dialogue 2 been / missed / boss / had / I’m sorry /apologize / boss / that’s Helen : John, I’m sorry. John : Where have you (4) , Helen? You’re over an hour late. Helen : I was late because I (5) the first bus. I took the second bus. The bus got stuck in the traffic jam. John : Why are you getting off work so late? The office close at six, doesn’t it?

23 Helen : Yes. But those are the rush in the moment. And my (6) 1? John : asked me to do some urgent letters. Helen : Didn’t you tell him you (7) an appointment? Well, no. I thought I could finish it in five minutes. If I hadn’t John : been missing the bus in the traffic I wouldn’t have been so late. (8) .. Well. You’re here. Let’s enjoy our meal. เรื่องท่ี 6 การแสดงความพอใจ / เหน็ ดว ย / ไมพ อใจ / ไมเ หน็ ดว ย (Approval / Disapproval) การพูดแสดงความพงึ พอใจโดยใชคําศัพท สํานวนภาษาอังกฤษท่มี หี ลากหลายและ เปน ไปตามสถานการณ สถานท่ี และตัวบุคคล อาทิ การพดู แสดงความพึงพอใจในบุคคล / สงิ่ ของ / สนิ คา / อากาศ ความรู / วัตถุโบราณในพพิ ธิ ภณั ฑ และอาหาร ซง่ึ นกั ศกึ ษาตองเรยี นรูคําศพั ท สํานวนดงั กลา วใหเขา ใจและนาํ ไปใชใ นชวี ิตประจําวนั อยางมที ักษะ การพดู แสดงความพอใจ คําพดู การตอบรับ Thank you. Great! Thank you very much. Well done! Thank you ever so much. Good news! How nice! Thanks. It’s very kind of you to say so. That’s brilliant! I’m glad you liked it. Congratulations! It’s nice of you to say so. That’s fantastic! I was delighted to hear that (you pass the exam). I am pleased with you. You deserve it. What a marvelous (meal)! That was such a good (meal)! That was one of the best (meal) I’ve ever tasted (easten)!

24 การพูดแสดงความไมพอใจ คาํ พดู Awful How terrible! I can’t stand it. I’m very disappointed with the service. It’s ashamed that the administration is making a big mistake. I don’t like living in cities. I hate ………../ing/noun I am fed up with it. การพดู แสดงความเหน็ ดว ย การพูดแสดงความไมเห็นดวย/ไมแ นใ จ คาํ พูด คาํ พดู ไมเ หน็ ดว ย I agree with you. I’m afraid I can’t agree. I’m sure you’re right. My opinion is quite different. I agree entirely. I’m against it. I approve of it. ยังไมแ นใ จ No doubt about it. I’m not sure. You may be right. I haven’t made up my mind yet. You’re absolutely right. I don’t know much about it. Let me think about it.

25 การพดู แสดงความชน่ื ชม “That’s brilliant” Peter : I’ve just heard from your news. That’s brilliant! Sara : Thank you ever so much for helping me out. I don’t know what I’d have done without you. Peter : You deserved to get it. You’ve worked so hard. Sara : Thank you. Peter : How are you fixed up for you next year? Sara : I don’t know yet. I’ll see about it after my holidays. ศพั ทสํานวนทค่ี วรทราบ (Word Studies) help out (idioms) Give additional assistance. (ใหความชว ยเหลือ) fix up To make arrangements for (จดั การ) That’s brilliant It’s splendid (วเิ ศษมาก) Activity 3.3 Choose the best answer. กจิ กรรมท่ี 3.3 เลอื กคาํ ตอบท่ถี ูกตอง 1. Who probably has just graduated? a. Peter b. Sara c. Both of them 2. What does Peter say to Sara? a. He congratulates her on her success. b. He gives Sara some good news. c. He thanks Sara for helping him with his study.

26 3. “You deserved to get it.” The word “it” probably means …………… a. good news b. a degree c. a good grade 4. What will Sara probably do after this? a. She will find a job. b. She will go somewhere for a holiday. c. She does not know what to do yet. การพูดแสดงความไมพอใจ How terrible! You’re late again. Mrs. Jone : Jim, you’re late again. Jim : I apologize, Mrs. Jone. I missed the bus this morning. Mrs. Jone : Did you finish your homework? Jim : I’m sorry. I didn’t. Mrs. Jone : How terrible! I’m very disappointed with you. Jim : I wasn’t feeling well last night. I had a fever. I took medicine and slept over , so I wake up late. Mrs. Jone : That’s O.K., then. These things happen. But try to finish it today, will you? Jim : I’ll do that.

27 Word Studies (ศัพทแ ละสํานวนท่คี วรทราบ) ศัพท/ สํานวน ความหมาย ขอโทษ apologize! รา ยกาจอะไรอยา งน้ี How terrible! รสู ึกผิดหวงั to be disappointed เรือ่ งอยางนี้ยอมเกดิ ข้นึ ได These things happen. Activity 3.4 Choose the best answer. กจิ กรรมท่ี 3.4 เลอื กคาํ ตอบทถี่ กู ตอ ง 1. Why was Mr. Jone disappointed with Jim? a. He come to school late. b. He didn’t do his homework. c. He had a fever last night. 2. Why did Jim come to school late? a. He got up late. b. He wasn’t feeling well last night. c. He missed the bus. 3. Jim didn’t do his homework last night because_________. a. He took medicine. b. He had a fever. c. He didn’t understand what to do. 4. What does Jim promise to do today? a. He won’t come to school late again. b. He will finish his homework today. c. He won’t go to sleep earlier tonight.

28 Activity 3.5 Read the following dialogue and choose the best answer. กิจกรรมที่ 3.5 อานและเลอื กคาํ ตอบทีถ่ ูกตอง Somjai is discussing her plans for the evening with her father. Dad : Somjai, you’ve been pleased me all evening. What do you really want? Somjai : Well, There’s a concert at the park. May I go? Everybody else is going. Dad : Um, (1) , Somjai. Will it be safe? Somjai : Of course, it will, It’s a charity concert for helping the flood victims. How could anything happen? Dad : (2) . Be home before 11 p.m. Somjai : (3) . We’ll just stop for some ice – cream after the concert. (4) , we’ll be home in time. Could you do me one more favour? Dad : What is it now? Somjai : Will you pay for the ticket? It’s only 200 baht. Dad : (5) . Now, let me read my paper. Somjai : Thank you, Dad. You’re already so good to me. 1. a) I’d better think so b) Well, it’d rather be c) I’m not sure 2. a) I don’t think so b) You may be right c) I’m afraid you’re wrong 3. a) I cannot be late b) I hope we won’t be late c) I promise we won’t be late

29 4. a) Don’t worry b) I think so c) I hope so 5. a) I’m afraid I can’t agree b) No doubt about it c) You must be joking การพดู แสดงความเหน็ Conversation : Why the long face? Lucy : Why the long face? Joey : I’ve just heard that I won’t be rehired for next year. Lucy : That’s awful! What a rotten thing for the management to do. Joey : I’ll be okay, but Monica is losing her job, too. Lucy : Oh no, not Monica, too. I’m so sorry to hear that. Who do they think they are? How can they treat us this way? Joey : They’re management and they can do whatever they want to. Monica just bought a new house and I’m sure she’s going to have to sell it. Lucy : That’s really too bad. I can’t stand it. Listen, I know you’ll be dead set against the rest of us pulling together to talk to the management, but I think the time has come. Joey : I won’t let you or anyone else around here put your jobs on the line to try to save ours. The management will definitely take a dim view of us workers trying to speak out. Just lay low and hope that you won’t lose your job, too. Lucy : I don’t know what the others think, but I’m not going to take this lying down. If they think we’re just going to sit here and take it, then they’ve got another think coming!

30 Word Studies (ศพั ทแ ละสาํ นวนทคี่ วรทราบ) สาํ นวนทีค่ วรทราบ ความหมาย long face ใบหนาเศราหมอง Suda had a long face for a week after her dog had died. That’s awful! แยมาก เปนคําพดู แสดงความเหน็ ใจ และเขา ใจความรสู กึ ของอกี ฝา ยหน่งึ What a rotten thing! Rotten = bad เสีย เนา I’m sorry to hear that แสดงความเสียใจดวย Who do you think they are? แสดงความโกรธ และคิดวาไมค วรทํา คิดวา ไมมีสทิ ธิท์ จ่ี ะทาํ เชน นั้น คุณคดิ วาคณุ เปน ใคร คณุ ไมมสี ทิ ธ์ทิ ีจ่ ะทาํ เชนนนั้ That’s really too bad. เปนคาํ พดู ท่แี สดงความเหน็ ใจอีกอยา งหน่ึง คลา ยพดู กับวาแยม าก แยจ ริง ๆ ไมไ หวเลย to be dead set against somethingStrongly oppose to something ไมช อบ/ตอตานส่งิ ใดสง่ิ หนงึ่ อยา ง มากในบทสนทนา Lucy บอกวา คิดวา โจคงไมชอบที่จะใหพวก เรารวมตัวกนั และไปพูดกับผบู ริหาร the time has come It’s time to do something. ถงึ เวลาทจี่ ะตอ งทําอะไรสกั อยา ง put someone’s jobs on the line To do something that might cause you to lose something. To risk something. ในท่นี ีห้ มายถึง ไมอยากใหเ สี่ยงท่จี ะตกงาน take a dim view of something To have negative opinions of something มที ัศนคติที่ไมดีตอส่งิ ใด สิง่ หนึง่ ในบทสนทนา บอกวา ผูบริหาร (the management) จะ มคี วามคดิ เหน็ ในทางลบท่ีพนกั งานจะรวมตวั กนั ไปตอ รอง to speak out To say your opinion that is against what other people think. To say it even other people disagree with you. พดู ตามความคดิ ของตนเองท่คี ิดวา ถูก แมจะรวู า พดู ไปแลว ไมตรงกบั ความคิดของ คนอ่ืน

31 สาํ นวนทค่ี วรทราบ ความหมาย to lay to Not to draw attention to yourself. To act quietly. You don’t want other people to know what you are doing. ทาํ ตวั เงียบ ๆ to take something lying down To accept something that you don’t agree with without fighting against it. ยอมรบั สิง่ ที่ไมชอบ โดยไมตอสู Activity 3.6 Read the above conversation and choose the right answer. กจิ กรรมท่ี 3.6 อา นบทสนทนาขา งตนและเลือกขอทถ่ี ูกตอง 1. Who will probably be rehired next year? a. Lucy b. Monica c. Joey 2. How many people are going to lose their jobs? a. One b. Two c. Three 3. Who has just bought a new house? a. Lucy b. Monica c. Joey 4. Who got very angry at the management? a. Lucy b. Monica c. Joey

32 5. What will Monica probably do about her house? a. She will keep it. b. She will give it away. c. She will sell it. 6. What does Lucy want to do? a. She will lay low. b. She will talk to Monica. c. She will talk to the management. 7. What does Joey want Lucy to do? a. To lay low. b. To talk to the management. c. To talk to Monica. เรอ่ื งที่ 7 การแสดงความปรารถนา/เหน็ ใจและการตอบรบั (Showing sympathy) เม่อื ทราบขาวการสูญเสยี ของคนท่รี จู ัก โดยปกติมักจะมกี ารสง การด (Condolence Card) ไปแสดงความเห็นใจ ความเสียใจ ใหกําลงั ใจ โดยเขียนคําพดู ดังตัวอยางการด ขางลางน้ี Nothing can replace the loss of a loved one…. But, life must go on and Sometime we have to live for others. Just wanted you to know that I’m here for support, in whatever way I can!

33 a) เมือ่ ไปเยี่ยมผปู วย เมอ่ื ไปเยี่ยมผูปวย ควรใหกําลังใจ โดยเลอื กใชคําพดู เหลา นี้ คาํ พดู การใช Get well soon. กรณเี จ็บปว ยธรรมดา I hope you get better soon. I hope you’re feeling better. I wish you a speedy recovery! How are you feeling today? กรณเี จ็บปว ยธรรมดา หรือเจ็บหนักเขา Is there anything I can do for you? โรงพยาบาล ใชคําพดู นเี้ พ่ือแสดงความรูสึก อยากชวยเหลือ เอาใจชว ยจรงิ ๆ b) การแสดงความเห็นใจ (Showing sympathy) เม่อื มผี ูม าปรับทกุ ขหรือเลาเรือ่ งราวเกี่ยวกับตวั เขาท่ีประสบกับความโชครา ย ผูฟง ก็ มกั จะพูดแสดงความเหน็ ใจ (Sympathy) และอาจแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับส่ิงทีไ่ ดร บั ฟง คาํ พดู ที่ ใชแสดงความเหน็ ใจ อาจเลอื กใชไ ดตามสถานการณต า ง ๆ ดงั นี้ คําพดู การตอบรับ My sympathy. Thank you. My deepest sympathy. Thank you so much. I am very grateful for your sympathy. I understand how difficult it is. Thank you so much. We hope everything goes well through Thank you so much. this suffering period. I feel sympathy for you. Thank you.

34 สํานวนอืน่ ๆ การตอบรับ การแสดงความเห็นใจ เชน ปลอบโยน Thank you. Thank you so much. Take it easy and don’t worry about that. Don’t worry, it will be all right. Don’t worry, I’ll take care of it. Don’t worry, it wasn’t your fault. การแสดงความเหน็ ใจ I’m sorry about that Suree : Excuse me, sir. I’d like to take a few days off. Boss : Why? What’s the matter, Suree? Suree : Well, my father’s ill. He’s going to have an operation. Boss : Oh dear. I’m sorry to hear that. I feel sympathy for you. How long will you be away? Suree : I hope to be back next Monday. Boss : That’s all right, Suree. And I hope your father gets better soon. Suree : Thank you so much. Activity 3.7 Drill the dialogue with your friend. กิจกรรมที่ 3.7 ฝกบทสนทนานก้ี บั เพอ่ื น Situation 1 : I think I’ve got the flu, I’ve got a fever and a terrible headache. A : I’m sorry to hear that. Get well soon. B : Thank you so much. A

35 Situation 2 : I had an accident fall yesterday. A : I’m sorry to hear that. You have to be careful next time. B : Thank you. A : My luggage has been lost on the way to Phuket. Situation 3 : I’m sorry to hear that. I understand how different it is. A : Thank you so much. B A Activity 3.8 Fill the dialogue. กจิ กรรมท่ี 3.8 เติมประโยคสนทนาใหถกู ตอ ง Suwat : Manop! What happened to your leg? Manop : Last night it rained very hard and I fell down because the floor was slipperly. Suwat : (1) . (2) . Manop : (3) . 1. a) It will be all right. b) I’m sorry to hear that. c) Don’t worry. 2. a) That’s very bad. b) Get well soon. c) That’s O.K. 3. a) Don’t mention it. b) I’ll be O.K. c) Thank you so much

36 เรอ่ื งที่ 8 การแสดงความตอ งการ/การใหความชว ยเหลือ (Request/help) การสนทนาเพื่อแสดงความตอ งการหรอื การใหค วามชวยเหลือในสถานการณตาง ๆ มีสํานวนทเ่ี ราอาจใชใ นการสนทนาไดดังน้ี การตอบรับ การแสดงความตองการ/การขอความชว ยเหลือ Would you mind + V.ing? Certainly. Could you do me a favour (favor)? Of course. Sure. Not at all. All right. With pleasure. การชว ยเหลือ การตอบรับ What can I do for you? I would appreciate it very much. May I help you? Please, thanks a lot. Is there anything I can do for you? That’s very kind of you. Thank you. Would you mind if I ……….? If you don’t mind. Thank you very much. Can I do something for you? หมายเหตุ : favor เปน ภาษาเมรกิ ัน ถา เปน ภาษาองั กฤษใหใช favour

37 บทสนทนาตอไปนี้เปนการสนทนาในโอกาสตา ง ๆ At the convenience store Mr. A : Hello! What can I do for you? Mr. B : Hi! I’m looking for some soft drink. Mr. A : Sure. What kind do you prefer? Mr. B : I want a bottle of mineral water and two cans of orange juice. Mr. A : You can find them on shelves over there at the very far corner on your left. Mr. B : Thanks. ศพั ทท่ีควรทราบ (Word studies) คาํ ศัพท หนาทข่ี องคํา ความหมาย convenience store n. รา นสะดวกซือ้ soft – drink n. เคร่ืองด่มื ทไี่ มมีแอลกอฮอล mineral water n. juice n. นํา้ แร นาํ้ ผลไม กจิ กรรมท่ี 3.9 Answer these questions 1. What does Mr. B want to buy? 2. Where can Mr. B buy the soft drink? 3. Who is Mr. A?

38 หลกั ไวยากรณ (Grammar focus) 1. ในเรอ่ื ง “ทรี่ า นสะดวกซือ้ ” นี้มปี ระโยคทน่ี า สนใจ คอื What can I do for you? เปนประโยคคาํ ถามสําหรับผทู ีม่ ีอาชีพบรกิ าร เชน พนักงานขาย พนักงานบริการใน รา นอาหาร เปนตน ซงึ่ มีรูปประโยคอีกหลายอยางท่ีใชแทนกันได เชน May I help you? Can I do something for you? 2. คาํ กริยาทสี่ ําคัญ คอื look for ในประโยค I’m looking for some soft - drink. หมายถึง เขากาํ ลังหาเคร่อื งดมื่ อยู 3. คําลักษณะนาม a bottle of เม่อื เวลาเราจะพูดถงึ ลักษณะนามประเภทนับไมไดจะ ตอ ทา ยดว ย of เชน a bottle of water a bottle of milk 4. คาํ บพุ บทแสดงสถานท่แี ละตําแหนง (Prepositions of Place and Position) You can find them on the shelves over there at the very far corner on you left. on เปน คาํ บพุ บทบอกสถานทท่ี อ่ี ยบู นหรือบอกทิศทางดา นซายหรือดาน ขวามอื ในท่นี ี้คอื on the shelves, on your left over there เปนคําบุพบทบอกสถานทีท่ ีอ่ ยูไ กลออกไป at เปน คําบุพบทบอกตําแหนงท่ีสงิ่ นั้นอยู ในทนี่ ้คี อื at the (very far) corner. คาํ บุพบทแบง ออกไดเปน 4 ประเภทใหญ ๆ คือ 4.1 คําบุพบทแสดงสถานทีแ่ ละตาํ แหนง (Prepositions of place and position) เปน คาํ บพุ บทท่ี วางอยูหนาคาํ นามหรอื คาํ สรรพนาม เพือ่ แสดงสถานท่ีและตาํ แหนง เชน • Pom stands in front of the convenient shop. • Pat sits in a restaurant. • Toom puts her books on the shelf over the cupboard.

39 4.2 คําบพุ บทบอกทศิ ทาง (Prepositions of direction) เปนคําบพุ บททเ่ี ชื่อมระหวา ง คํากริยากบั คาํ นามหรอื คาํ สรรพนาม หรอื คําบุพบททีเ่ ชอื่ มระหวางคํานามและสรรพนามเพ่อื บอก ทศิ ทาง เชน • She walks along the road with her son. • He turns on the left and goes into that shop. • Ann threw the letter of her boyfriend in the basket. 4.3 คําบุพบทบอกเวลา (Prepositions of time) เปนคาํ บพุ บททใ่ี ชใ นการบอกเวลา เชน • Toom came here at five o’clock in the morning • Obb will leave for Chingmai on Sunday. • Amnach went to the party in the evening. 4.4 คําบพุ บทท่ีใชใ นลกั ษณะอืน่ ๆ เชน 1) ใชเพื่อบอกวธิ ีการเดนิ ทาง • Pom used to go to school on foot. • Toom went to work by car yesterday. • Obb slept all the time in train. 2) แสดงหนวยของภาชนะท่ีใชบรรจุ • Preecha bought three bottles of soft drink yesterday evening. • Pat drank two cups of coffee this morning • Pom gave a dozen of eggs to Toom. 3) ใชเพื่อแสดงผูกระทาํ ในประโยค Passive voice โดยมโี ครงสรา งประโยค Verb to be + past participle (กรยิ าชอ ง 3) + by + Noun (ผูกระทํา) เชน • The boy was hit by that car. • He had his suitcase repaired last week by Hans. 4) ใชบ พุ บท with เพอ่ื แสดงผรู ว มกระทาํ เชน • I go to the department store with Toom this afternoon. • Pom usually has lunch with Preecha. • My father went to the hospital with my sister yesterday.

40 5) ใชบ พุ บท as เพอ่ื ใชส ําหรบั เปรียบเทียบความเหมือน เชน • She is as tall as her sister. • Jook is as clever as Jim. • Toom is as beautiful as Miss Thailand. นอกจากนั้นยังมีคําบพุ บทอ่ืน ๆ ทมี่ ักใชเปนประจํา ไดแก to, from, up, down, about, under, above, near, after, through, for, out, off, toward, since, between At the beauty salon Hairdresser : Good evening. May I help you, Ma’am? Lady : Good evening. I’d like to have my hair shampooed. Hairdresser : Just shampoo or shampoo and blow - dry? Lady : How much does it cost? Hairdresser : Only shampoo is 50 Baht with blow - dry is 60 Baht. Lady : If so, I want my hair shampoo with blow - dry. Hairdresser : O.K. This way, please. ศัพทท คี่ วรทราบ (Word Studies) คาํ ศัพท หนาที่ของคาํ ความหมาย shampoo v. สระผม blow - dry v. เปา ผมใหแหง

41 Activity 3.10 Choose the right answer. กิจกรรมที่ 3.10 เลอื กขอ ทถ่ี กู ตอง 1. Where does this situation take place? a. coffee shop b. hair dresser c. beauty salon d. dress maker 2. Who will shampoo the hair? a. customer b. my friend c. hair dresser d. tailor 3. What does this lady want? a. hair- shampooed b. hair - cut c. blow - dry d. hair shampoo with blow - dry 4. How much does it cost for shampoo only? a. 60 bath b. 50 bath c. 65 bath d. 55 bath 5. How much must this lady pay? And why? a. 60 bath b. 50 bath c. 65 bath d. 55 bath

42 หลกั ไวยากรณ (Grammar focus) 1. ในเรอื่ ง “ท่รี านเสริมสวย” มีประโยคที่สถานที่บริการมักใชส อบถามความ ตองการของลูกคา คือ May I help you, Ma’am? การตอ นรับลกู คา นั้น ผใู หบ ริการตอ งกลา วทักทาย และสอบถามความตอ งการของลกู คากอนเสมอ โดยใชสํานวนทก่ี ลาวแลว ในบทสนทนาท่ีรา น สะดวกซือ้ ประโยคทใ่ี ชบอย ๆ เชน Good morning! What can I do for you, sir? Good morning! May I help you, Ma’am? Good morning! Can I do something for you, sir? 2. รปู ประโยคทีเ่ ราใหคนอน่ื ทําอะไร จะใชรปู ประโยคไดดังนี้ to have + something + past participle (กรยิ าชอ ง 3) หรอื to have + someone + do + something Example (ตัวอยา ง) I want to have my car washed. หรอื อาจพูดวา I want my brother wash my car. I’d like to have my hair shampooed หรอื อาจพดู วา I’d like you to shampoo my hair. At the Tour Agent A : Good afternoon! Could I do anything for you, sir? B : I’d like to book three round – trip tickets to Chiengmai on Sunday evening at 7 o’clock. Are there any seats available? A : Wait a few minutes, please. I might check first. B : All right. A : Oh! Sorry, there are only two seats left, but there are a few seats available for 9 o’clock flight. What would you like? B : I have something to do before nine . May I make a reservation for two and register stand – by list for another one?


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook