Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารการออกแบบสื่อโฆษณาสร้างสรรค์

เอกสารการออกแบบสื่อโฆษณาสร้างสรรค์

Published by jantanuch, 2020-08-26 00:58:51

Description: เอกสารการออกแบบสื่อโฆษณาสร้างสรรค์

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอน ช่ือวิชา การออกแบบส่ือโฆษณาสร้างสรรค์ (Creative advertising media design) รหสั 30302-2101 ทฤษฎี 1- ปฎิบตั ิ 4- หนว่ ยกิต 3 จดุ ประสงคร์ ายวิชา เพือ่ ให้ 1. เขา้ ใจหลกั การออกแบบและหลกั ความคดิ สรา้ งสรรค์ 2. สามารถงานออกแบบสอ่ื โฆษณาสรา้ งสรรคใ์ นรูปแบบตา่ ง ๆ ดว้ ยเคร่อื งมอื พน้ื ฐาน และ โปรแกรมสาเรจ็ รปู 3. มเี จตคตแิ ละกจิ นิสยั ทด่ี ใี นการปฏบิ ตั งิ านการออกแบบสอ่ื โฆษณาสรา้ งสรรคด์ ว้ ยความ รบั ผดิ ชอบ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณตามขอ้ กาหนดและกฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ ง สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การออกแบบงานโฆษณา หลกั ความคดิ สรา้ งสรรค์ 2. ปฏบิ ตั กิ ารออกแบบสอ่ื โฆษณาทงั้ ภายนอก ภายในอาคาร และยานพาหนะ และกระบวนการ อยา่ งสรา้ งสรรคด์ ว้ ยเคร่อื งมอื พน้ื ฐานและโปรแกรมสาเรจ็ รปู ไดต้ ามหลกั การ 3. ศกึ ษาคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ จากแหล่งเรยี นรทู้ งั้ ภายใน ภายนอก และสอ่ื ออนไลน์ ไดด้ ว้ ยตนเอง 4. นาเสนอผลงานตามกระบวนนาเสนอ 5. แสดงกจิ นสิ ยั ทด่ี ใี นการปฏบิ ตั งิ าน คำอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏบิ ตั กิ ารออกแบบสอ่ื โฆษณา ประเภทป้ายโฆษณากลางแจง้ โปสเตอร์ (Poster) บลิ บอรด์ (Billboard) ป้ายตกแตง่ พเิ ศษ (Spectacular) ป้ายโฆษณาเคลอ่ื นท่ี (Moving Billboard) งาน โฆษณา ทางยานพาหนะ(Transit Advertising) ป้ายโฆษณาทต่ี ดิ ไวต้ ามสถานี ของยานพาหนะ (Station Poster) โดยการนาหลกั การความคดิ สรา้ งสรรค์ ไปใชใ้ นงานออกแบบ ดว้ ยเคร่อื งมอื พน้ื ฐานและโปรแกรม สาเรจ็ รปู นาเสนอผลงานตามกระบวนการนาเสนอ

หนว่ ยท่ี 1. การสรา้ งสรรคง์ านออกแบบโฆษณา 1. การโฆษณา (Advertising) การใหข้ ้อมลู ข่าวสาร เพื่อเปน็ การสือ่ สารจูงใจผ่านส่อื ประเภทตา่ ง ๆ เพือ่ จูงใจหรือโน้มนา้ วใจให้กลมุ่ ผบู้ ริโภค หรือกลุ่มเป้าหมาย มีพฤติกรรมคล้อยตามเนื้อหาของสารที่โฆษณาออกไป อันเอื้ออำนวยจูงใจให้มีการซื้อหรือใช้ สนิ ค้าและบริการนั้น ๆ ตลอดจนชักนำใหป้ ฏบิ ตั ิตามแนวความคิดตา่ ง ๆ 2. ความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking) กระบวนการคิดของสมองซ่ึงมีความสามารถในการคิดไดห้ ลากหลายและแปลกใหมจ่ ากเดิม โดยสามารถนำไป ประยุกต์ทฤษฎี หรือหลักการได้อย่างรอบคอบและมีความถูกต้อง จนนำไปสู่การคิดค้นและสร้างสิ่งประดิษฐ์ท่ี แปลกใหม่หรือรูปแบบความคิดใหม่ นอกจากลักษณะการคิดสร้างสรรค์ดังกล่าวนี้แล้ว ยังมีสามารถมองความคิด สร้างสรรค์ในหลาย ซึ่งอาจจะมองในแง่ที่เป็นกระบวนการคิดมากกว่าเนื้อหาการคิด โดยที่สามารถใช้ลักษณะการ คิดสรา้ งสรรคใ์ นมติ ทิ ก่ี วา้ งข้ึน ซงึ่ ความคิดสรา้ งสรรค์ ควรจะประกอบไปด้วย 3 ประการ คือ 1. สิ่งใหม่ (new, original) เป็นการคิดที่แหวกวงล้อมความคิดที่มีอยู่เดิม ที่ไม่เคยมีใครคิดได้มาก่อน ไม่ได้ลอกเลยี นแบบใคร แมก้ ระทั่งความคดิ เดมิ ๆ ของตนเอง 2. ใช้การได้ (workable) เป็นความคดิ ทเ่ี กดิ จากการสร้างสรรคท์ ลี่ ึกซง้ึ และสูงเกินกวา่ การใช้เพียง \"จินตนาการเพ้อฝัน\" คือ สามารถนำมาพัฒนาให้เปน็ จริง และใชป้ ระโยชน์ไดอ้ ย่างเหมาะสม และ สามารถตอบสนองวตั ถปุ ระสงค์ ของการคิดได้เป็นอย่างดี 3. มีความเหมาะสม เป็นความคิดที่สะท้อนความมีเหตุมีผล ที่เหมาะสม และมีคุณค่า ภายใต้มาตรฐาน ท่ียอมรบั กนั โดยทวั่ ไป การที่คนเราจะมีความคิดสร้างสรรค์ ได้ตามลักษณะที่กล่าวมานั้น ขึ้นอยู่กับศักยภาพการทำงาน และการ พัฒนาของสมอง ซึ่งสมองของคนเรามี 2 ซีก มีการทำงานที่แตกต่างกัน สมองซีกซ้าย ทำหน้าที่ในส่วนของการ ตัดสินใจ การใช้เหตุผล สมองซีกขวา ทำหน้าที่ในส่วนของการสร้างสรรค์ แม้สมองจะทำงานต่างกัน แต่ในความ เป็นจรงิ แลว้ สมองทง้ั สองซีก จะทำงานเชอ่ื มโยงไปพร้อมกนั ในแทบทกุ กจิ กรรมทางการคดิ โดยการคิดสลับกันไป มา อย่างเช่น การอ่านหนังสือ สมองซีกซ้ายจะทำความเข้าใจ โครงสร้างประโยค และไวยากรณ์ ขณะเดียวกัน สมองซกี ขวาก็จะทำความเข้าใจ เกย่ี วกบั ลลี าการดำเนนิ เรื่อง อารมณท์ ี่ซอ่ นอยูใ่ นข้อเขียน ดังนนั้ เราจึงจำเป็นต้อง พฒั นาสมองทั้งสองซีกไปพร้อมๆ กนั ไม่สามารถแยกพัฒนาในแตล่ ะด้านได้ การค้นพบหน้าที่แตกต่างกันของสมอง ท้งั สองสว่ น ช่วยใหส้ ามารถใชป้ ระโยชน์จากได้มากขึ้น การสร้างสรรค์งานโฆษณา เปน็ การโฆษณาผา่ นสื่อต่างๆ โดยมจี ดุ มุง่ หมายเพ่ือใหข้ ้อมูลข่าวสารเก่ียวกับ สินค้าหรือบริการ ตลอดจนแนวคิดไปสู่ผู้บริโภคตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ การโฆษณาจึงต้องมีลักษณะสร้างสรรค์ โดยการวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด ด้านผู้บริโภคและด้านสื่อโฆษณา เพื่อนำมาใช้เป็น ข้อมูลในการสรา้ งงานโฆษณาให้บรรลุผลตามวตั ถปุ ระสงค์ทต่ี ้ังไว้

3. กลยทุ ธใ์ นการสรา้ งสรรคง์ านโฆษณา (Creative Strategy) กลยุทธ์ในการสร้างสรรค์งานโฆษณา เป็นขัน้ ตอนในการสร้างงานโฆษณาทีม่ ีคุณภาพ สามารถสร้างความแปลก ใหม่ โดยใชค้ วามรู้ เหตผุ ล จนิ ตนาการสรา้ งเอกลักษณ์และแนวความคดิ ที่เหมาะสม สรา้ งความรู้สึกต่อเนื่องและ แสดงให้เหน็ ความแตกต่างระหว่างความคดิ หรอื สง่ิ ของ ประเด็นสำคัญในการสร้างสรรคง์ านโฆษณามดี งั น้ี 1. การวเิ คราะหล์ ักษณะของผ้รู ับข่าวสาร การวิเคราะห์ลักษณะของผู้รับข่าวสาร (Audience Characteristics) ซึ่งอาจเป็นผู้ฟัง ผู้อ่านหรือผู้ชมท่ี เป็นกลุ่มเป้าหมายในการโฆษณา เพื่อให้ทราบถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตอบสนองความต้องการของ ผู้บริโภค โดยศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค(Consumer Behavior) ผลิตภัณฑ์ (Product) และคู่แข่งขัน (Competitor) 2. วัตถุประสงคใ์ นการโฆษณา (Creative Objective) 1. เพ่ือแนะนำให้รจู้ ักสนิ คา้ หรอื บริการใหม่ ๆ แกผ่ ู้บรโิ ภคกลมุ่ เปา้ หมาย 2. เพ่ือเสนอขอ้ มลู เกย่ี วกบั สินคา้ หรือบริการ เชน่ ประเภท ประโยชน์ คุณสมบตั ิโดดเด่น ความสำคญั ของสินคา้ หรือบริการน้ัน ๆ ตอ่ การดำรงชีวติ ของผ้บู ริโภค เปน็ ต้น 3. เพ่อื สรา้ งจุดเด่นให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตวั ของสนิ คา้ หรอื บริการ จนผ้บู ริโภคจำชื่อจำตราของ สินค้าหรอื บรกิ ารนั้นไดด้ ี 4. เพื่อสรา้ งแรงจงู ใจ เร้าใจหรอื ดงึ ดดู ใจ กระตุน้ ให้ผูบ้ รโิ ภคเกดิ ความสนใจในสนิ คา้ หรอื บรกิ าร ซ่ึงนำไปสูค่ วามตอ้ งการในการซอ้ื สินค้าหรือบริการนัน้ ๆ 5. เพอื่ สร้างตำแหนง่ สินคา้ หรอื บริการข้นึ ในความนกึ คดิ ของผ้บู รโิ ภค 6. เพื่อส่งเสริมการใช้สินค้าหรือบริการให้มากขึ้น เป็นการแข่งขันในการจำหน่ายสินค้า หรือบริการ กับคู่แข่งที่จำหน่ายสินค้า หรือบริการประเภทเดียวกัน เป็นการเอาชนะคู่แข่งขันในการจำหน่าย เพ่มิ ยอดขายหรอื เพิ่มการครองตลาด การขยายตลาดสินคา้ หรือบรกิ ารนั้นให้กว้างยิ่งขน้ึ 7. เพือ่ เปน็ การทบทวนความจำ เน้นย้ำให้สนิ ค้าหรือบริการนั้นอยู่ในความทรงจำ ของผู้บรโิ ภคตลอดไป 8. เพ่ือสรา้ งภาพลกั ษณ์และเจตคติในทางทด่ี ีให้กับบริษัทผผู้ ลติ สนิ คา้ หรือบริการนน้ั 9. เพอ่ื สร้างศรทั ธาความเช่อื ถือในสนิ ค้าหรือบรกิ ารใหเ้ ป็นท่ยี อมรับ อนั จะส่งผลถึง การจำหน่าย สินค้า ตัวใหม่หรอื บริการใหม่ ๆ ของผู้ผลติ เดยี วกัน 3. แนวความคิดในการโฆษณา การหาแนวความคิดหลักในการโฆษณา (Advertising Concept) เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อดึงความ สนใจ สรา้ งปฏกิ ริ ิยาและทำให้สินคา้ มีความแตกต่างจากคู่แข่งขันได้แก่ในการสร้างแนวคิดในการเขียนบท โฆษณานัน้ มีแนวทางหลกั ท่ตี อ้ งใชเ้ พ่ือพฒั นแนวความคดิ ในการสรา้ งสรรค์ 2 ข้นั How to say it? “จะพูดอะไร?” หมายความว่า ต้องการจะนำเสนอในโฆษณาโดยใช้แนวความคิด (Concept) ใด คือนำเอาเรื่องใดมาเป็นประเด็นหลักในการนำเสนอ โดยพัฒนาจากจุดขาย (Selling Point) ทีไ่ ดท้ ำการกำหนดไว้นัน่ เอง

What to say ? “จะพูดอย่างไร” หมายความว่า ต้องการจะนำเสนอใน โฆษณาโดยใช้เทคนิคในการ สร้างสรรค์ใด คือนำเอา วิธีการในการจูงใจแบบใดมาใช้ในงานโฆษณา ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายลูกเล่น และรูปแบบที่ถกู นำมาใชใ้ นการสร้างสรรค์ เพื่อให้เกดิ การจดจำกับผรู้ บั สารเป้าหมาย ได้ แสดงตัวอยา่ งของช้นิ งานโฆษณาของ ซูเปอร์มาร์เกต็ เทสโก้โลตสั ทผ่ี า่ นการสรา้ งแนวคิด ในสรา้ งสรรค์บทโฆษณาภายใต้ แนวความคดิ เดยี วกัน นน่ั กค็ ือท่มี าจาก What to say? คือ ความสด สดท่เี หมอื นหยิบออกมาจากทะเล สว่ น How to say it? นนั้ จงึ เป็นวธิ ีการนำเสนอในลกั ษณะของ การเปรียบเทียบใหเ้ หน็ อยา่ งชดั เจนดว้ ยการนำเอาสตั วท์ ะเลตา่ งๆ อาทิ กงุ้ ปู ปลา และ ปลาหมึก มา เป็นตวั เล่าเรือ่ ง โดยเปรยี บเทยี บว่าสัตว์ทะเลเหล่านที้ ่อี ย่ใู นซเู ปอรม์ ารเ์ กต็ เทสโกโลตสั มี ความสดใหม่ เหมอื นกับจับมาสด ๆ จากทะเลนั่นเอง

4. การจงู ใจการโฆษณา การจงู ใจการโฆษณา (Advertising Appeals) หมายถึง หลกั เกณฑ์ทีใ่ ชใ้ นการโฆษณาเพื่อให้เกิดการ ตอบสนองหรือสร้างอทิ ธพิ ลต่อความรสู้ กึ ของผู้บรโิ ภคทมี่ ีต่อสนิ คา้ หรือบริการประกอบด้วยหลกั เกณฑ์ดังน้ี 1. การจูงใจด้านเหตุผล (Rational Appeals) หมายถึง ลักษณะที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง เหตุผลใน การเปน็ เจ้าของสนิ ค้า โดยมีเนื้อหามุง่ ที่ขอ้ เท็จจริงการเรียนรู้ หลักเหตผุ ลในการจงู ใจเชน่ รปู ลกั ษณ์ ข้อดี ราคา ความนิยม 2. การจูงใจด้านอารมณ์ (Emotional Appeals) เน้นการให้ข่าวสารที่มิได้มุ่งขายสินค้าโดยตรง เป็นการสร้างภาพพจน์และการตอบสนองความรู้สึกหรือทัศนคติเช่น การตอบสนองด้านความ ปลอดภัย ความรกั ในครอบครัวหรือการประสบความสำเร็จในชวี ติ 3. การจูงใจด้านเหตผุ ลร่วมกบั การจงู ใจด้านอารมณ์ (Combining Retional Appeal and Emotional Appeals) คอื การใช้การจูงใจท้ังดา้ นเหตผุ ลและด้านอารมณ์รว่ มกัน 4. การจงู ใจดา้ นสงั คม ศีลธรรมและสิง่ แวดล้อม (Social Morals and Environment Appeals) เป็น การเสนอข่าวสารเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเช่น การโฆษณาสถาบัน โฆษณารณรงคใ์ นเร่อื งตา่ งๆ 4. องคป์ ระกอบของงานโฆษณา เม่ือสามารถสร้างแนวคดิ ในการสรา้ งสรรค์ได้แลว้ ผู้เขียนบทโฆษณาจะต้องรูจ้ ักการที่จะนำเอาองค์ประกอบ ด้านวัจนภาษา ซึ่งได้แก่ พาดหัวเรื่อง ข้อความโฆษณา คำขวัญ ชื่อสินค้า มาผสมผสานกับ องค์ประกอบ ดา้ นอวจั นภาษา ซ่ึงไดแ้ ก่ ภาพ การออกแบบโฆษณา สี การ เคลอ่ื นไหว การวางตำแหนง่ เสียงประกอบ มาเขียน ตามวัตถุประสงค์ และแนวทางหลกั ในการนำเสนองานโฆษณานั้น ๆ ส่วนประสมขององคป์ ระกอบบทโฆษณา องคป์ ระกอบด้านวัจนภาษา องคป์ ระกอบด้านอวัจนภาษา - พาดหัวหลกั - ภาพ - พาดหัวรอง - การออกแบบโฆษณา - ข้อความโฆษณา - สี - สโลแกน - รูปแบบตวั อักษร - ช่อื สินคา้ - การเคล่อื นไหว - ข้อความลงท้าย - เสียงประกอบ - ข้อความอธิบาย - รายละเอยี ดผลติ ภณั ฑ์

องคป์ ระกอบของงานโฆษณา เมื่อข้อความถูกพฒั นาเปน็ องคป์ ระกอบของบทโฆษณาแล้ว จะได้องคป์ ระกอบ 4 สว่ น คอื 1. พาดหัวหลกั (Headline) เป็นสว่ นที่เรยี กร้องความสนใจของผบู้ ริโภค เข้าสเู่ นื้อเรื่องที่ ตอ้ งการนำเสนอทันที 2. พาดหัวรอง (Sub headline) เปน็ ขอ้ ความขยายทำใหพ้ าดหวั กระจ่างขนึ้ หรือสร้างความ เขา้ ใจตอ่ เนื่อง ซึ่ง อาจจะมหี รือไม่มกี ็ได้ 3. ข้อความโฆษณา (Body Copy) เป็นข้อความทีก่ ลา่ วถงึ ประโยชน์ สรรพคุณ การอา้ ง เหตผุ ลเพ่ือเชิญชวนให้ เปน็ เจา้ ของสินค้า และสรา้ งความนา่ เชื่อถอื ให้กับสนิ คา้ ด้วยการยืนยนั และ พิสจู น์ตา่ ง ๆ 4. ขอ้ ความลงทา้ ยโฆษณา (Ending) เปน็ ส่วนทีป่ ดิ ท้ายงานโฆษณาเพื่อจงู ใจให้ซอ้ื สนิ คา้ และบรกิ าร สว่ นใหญ่ มักบอกช่ือสนิ ค้า ตราสนิ คา้ สถานทข่ี าย รวมไปถงึ สโลแกนประกอบเพอื่ เปน็ การย้ำให้จำไดแ้ ม่นยำยง่ิ ขึน้ พาดหัวหลกั (Headline) พาดหัวรอง (Sub Headline) ข้อความโฆษณา (Body Copy) ข้อความลงท้าย โฆษณา (Ending) พาดหัว ขรอ้องคว(Sาuมbโฆhษeณaาdl(iBnoed) y Copy) ข้อความลงทา้ ย โฆษณา (Ending) พาดหวั รอง (Sub headline) ขอ้ ความลงท้ายโฆษณา (Ending) แสดงองคป์ ระกอบของบทโฆษณาจากงานโฆษณาสิง่ พิมพ์ของแปรงสฟี ัน Systema

ขอ้ เสนอแนะสำหรบั การใชภ้ าษาในสว่ นพาดหัวและพาดหวั รอง การพาดหัวเร่อื งพาดหวั รองที่ดคี วรมคี ุณสมบัติ ดงั นี้ 1. Brevity มีความส้ัน กะทัดรัด 2. Clarity มคี วามกระจ่างสามารถดึงดูดผู้ทค่ี าดวา่ จะเปน็ ลูกคา้ ได้โดยตรง 3. Aptness มีความเหมาะเจาะ ตอบสนองความต้องการของผู้ท่คี าดว่าจะเปน็ ลูกคา้ 4. Interest มคี วามน่าสนใจ เพอื่ เรียกรอ้ งผู้ทีค่ าดว่าน่าจะเปน็ ลูกคา้ โดยการใชห้ ลกั การทางจติ วทิ ยาและการใช้ ภาษา ขอ้ เสนอแนะสำหรับการใช้ภาษาในสว่ นขอ้ ความโฆษณา ภาษาโฆษณาทีด่ ีควรมคี ณุ สมบัติ ดังน้ี 1. งา่ ยและชดั เจน (Simple and clear) 2. มคี วามน่าเชอ่ื ถอื (Believable) 3. ใชภ้ าษาของกลุ่มเปา้ หมาย (Use target group language) 4. เชญิ ชวนให้คนต้องการซ้ือ (Invitation) 5. ทำใหก้ ลมุ่ เปา้ หมายฟงั แล้วเกดิ จนิ ตนาการตาม (Get the target group involved) วิธกี ารเขยี นขอ้ ความโฆษณา 1. หลกี เลยี่ งวธิ ีการเปรียบเทยี บ หรอื เขียนแบบสมการ เพราะอาจทำใหค้ นเขา้ ใจความหมายผิดไป 2. หลกี เลี่ยงการใชว้ ิธโี ออ้ วด,อวดอ้างประเภท “สนิ คา้ เราเย่ยี มทส่ี ุด” “ดที ่ีสุดในโลก”เพราะจะทำให้คนไมเ่ ช่ือ และอกี ทัง้ ยังเปน็ ข้อหา้ มของคณะกรรมการบรหิ ารวทิ ยุกระจายเสียงและวทิ ยุโทรทัศน์ 3. วธิ ีการโฆษณาแบบให้การรบั รอง (Testimonial) ทำให้ข้อความโฆษณานัน้ ดนู า่ เช่ือถือยิง่ ขึน้ ยิ่งถ้าเป็นคนดัง ท่ีมีชอ่ื เสียงกจ็ ะทำใหค้ นจำและนึกถงึ โฆษณานัน้ ไดด้ ีขึน้ 4. ขอ้ ความอธิบายรายละเอียดทีย่ าว มกั จะขายสินคา้ ไดม้ ากกวา่ การใช้ขอ้ ความโฆษณาท่ีสน้ั เพราะผู้อ่านจะคิด ว่าผู้เขียนมีบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญที่จะบอกกับเขา และโดยมากแล้วสินค้าที่ราคาแพง และต้องมีเหตุผล ประกอบการตัดสินใจ มักใช้ข้อความยาวกวา่ สนิ ค้าท่ใี ช้ทวั่ ไปในชวี ิตประจำวนั ขอ้ เสนอแนะสำหรับการใช้ภาษาในส่วนลงทา้ ย ส่วนลงท้าย (Ending) เป็นข้อความส่วนสุดท้ายของโฆษณา เป็นประโยคที่สรุปให้ผู้คนจดจำข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า ก่อนที่จะจบโฆษณานั้น ถ้าในโฆษณาสิ่งพิมพ์เรียก Baseline และถ้าโฆษณาทางวิทยุโทรทัศน์เรียก Tag line เป็น ประโยคท่ีต้องการใหผ้ อู้ า่ นจำไดง้ ่าย หรอื เปน็ การชว่ ยเสนอประโยชน์ของสนิ ค้าอีกครงั้ ขอ้ ความสว่ นน้มี คี วามสำคัญ เป็นอย่างยิ่ง เป็นส่วนกระตุน้ ให้ผิดอ่านเกิดปฏิกริ ิยา ซึ่งอาจเป็นทางบวกหรือทางลบก็ได้ ฉะนั้น ผู้เขียนคำโฆษณา จึงจำเป็นต้องหาถ้อยคำที่ส้ัน แต่มีเหตุผลและบอกผลประโยชน์ท่ีผู้อ่านจะได้รับอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้อา่ นตัดสินใจ ไดท้ นั ที ทสี่ ำคัญข้อความลงท้ายต้องสมั พันธก์ บั พาดหวั เพือ่ ความเปน็ เอกภาพของงานโฆษณา

5. สื่อโฆษณา (Advertising media) สื่อโฆษณาเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีบทบาทสำคัญต่อองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงผู้ที่ทำ ธุรกิจ เพราะเป็นสื่อที่มีหน้าที่นำข้อมลู ขา่ วสารส่ือสารเร่ืองราวเหลา่ น้ันไปยังกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่ม ผู้บริโภค ทั้งในรูปแบบของธุรกิจที่หวังผลกำไรหรือเป็นงานบริการสาธารณะที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมก็ได้ การโฆษณา จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยคุ สมัยและกาลเวลา มีการปรับตัวให้เหมาะสมและมีหลากหลายรปู แบบมากขน้ึ การใช้สื่อโฆษณานั้นๆจะเกิดประโยชน์หรือประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้สื่อแต่ละชนิด อย่างเหมาะสมต่อกลุ่มเป้าหมายด้วย ความสำคญั ของสอ่ื โฆษณา การโฆษณาในปัจจุบันเกิดขึ้นด้วยหลายจุดประสงค์ เช่น เน้นย้ำให้เห็นถึงจุดดีจุดเด่นเพื่อจำหน่ายสิน ค้า หรอื การให้บรกิ าร การเผยแพรป่ ระชาสมั พันธข์ อ้ มลู ข่าวสารเพือ่ ปลูกฝงั หรือสรา้ งจิตสำนึกใหย้ ดึ ถือ ปฏบิ ัติ ตามกฎระเบยี บของสังคม การเผยแพร่ประชาสมั พันธผ์ ลงาน เปน็ ตน้ ดังน้นั ความสำคญั ของสอ่ื โฆษณาจงึ มีฐานะเป็นสือ่ สนบั สนุนให้ขอ้ มูลขา่ วสารทตี่ ้องการนำเสนอมปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งข้ึน ดงั น้ี 1. สร้างความเข้าใจในคณุ สมบตั ิของสินค้าและบริการ หรอื ประชาสัมพันธ์ผลงานใหส้ าธารณะชนไดร้ ับรู้ในวงกว้าง 2. สรา้ งแรงกระตุ้นแรงจูงใจใหเ้ กดิ ความต้องการซื้อสนิ ค้า บรกิ ารหรอื ต้องการนำไปทดลองและปฏบิ ัตติ าม 3. สร้างความเชอ่ื มนั่ และไว้วางในในตวั สินคา้ และบรกิ าร หรอื ม่นั ใจภูมใิ จในองคก์ ร 4. สร้างการตอกย้ำความทรงจำของผู้บริโภคหรือบุคคลกลุ่มเป้าหมายให้จดจำสินค้า บริการ หรือ ส่ิงท่ีต้องการสือ่ สารประชาสัมพนั ธ์ได้ ประเภทของส่อื โฆษณา สอ่ื โฆษณาแบ่งเปน็ ประเภทต่าง ๆ ได้เปน็ 4 ประเภท คือ 1. ส่อื โฆษณาประเภทสิ่งพมิ พ์ (Print Media) เป็นการสื่อโฆษณาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกโดยใช้ตัวหนังสอื เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดความคิด สิ่งท่ี ต้องการสื่อสารไปสู่ประชาชนมดี ้วยกนั หลากหลายประเภท เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ใบปลิว แผ่นพับ โปสเตอร์ ค่มู ือการใช้สนิ ค้า แบบตวั อยา่ งสนิ คา้ (catalogs) เปน็ ตน้ 2. สอื่ โฆษณาประเภทกระจายเสยี งและแพร่ภาพ (broadcasting media) เปน็ การโฆษณาโดยการใช้เสียง ภาพ หรือตัวหนังสอื ได้แก่ โฆษณาวทิ ยุและโทรทัศน์ 3. สอ่ื โฆษณาออนไลน์ (Online Media) สื่อโฆษณาประเภทที่มาแรงเป็นอย่างมากในปัจจุบัน มีทั้งแบบภาพนิ่งที่สื่อสารด้วยรูปภาพ และตัวหนังสอื หรือแบบภาพเคลือ่ นไหวที่ครบไปดว้ ยภาพและเสียง ซึ่งสื่อโฆษณาออนไลนเ์ ร่มิ เขา้ มามบี ทบาทเป็นอย่างมากเนื่องด้วยคนเร่มิ ใชส้ ื่ออยา่ งโทรศัพท์มือถือทีเ่ ข้าถึงโลกออนไลน์ได้ ง่ายมากยิ่งขึน้ เรอื่ ยๆ 4. สอ่ื โฆษณาประเภทอืน่ ๆ เป็นสื่อโฆษณาที่นอกเหนือจากสื่อที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เช่น สื่อที่โฆษณาสำหรับติดตั้งเฉพาะ กับสถานทีต่ ่างๆ ส่อื โฆษณานอกสถานท่ีอยา่ งปา้ ยโฆษณาขนาดตา่ งๆ โฆษณาที่ติดตามรถที่ใช้ สำหรบั คมนาคม เปน็ ตน้

6. หลกั การสรา้ งสรรคง์ านโฆษณา (Advertising creative principles) งานโฆษณาเป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) การสร้างสรรค์งานโฆษณาและการส่งเสริม การตลาดที่ดี ควรใช้หลัก AIDA MODEL ซึ่งเป็นแนวคิดที่นักขายและนักการตลาดนิยมนำมาใช้เป็นแม่แบบใน การสร้างและดึงความสนใจจากลูกค้าทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าในท้ายที่สุด การสร้างแรงดึงดูดด้วยหลัก AIDA MODEL สำหรบั ชอ่ื AIDA มาจากชือ่ อกั ษรย่อของ 4 ขนั้ ตอนของหลัก AIDA MODEL ได้แก่ 1. Attention คือการสร้างความสนใจน่าตดิ ตามด้วยการใช้สิง่ ที่ช่วยกระตุ้นความสนใจของลูกค้า เชน่ การใช้เสยี งเพลงการใชน้ กั แสดงทม่ี ชี ือ่ เสียง การโฆษณาตอ้ งเนน้ ใหผ้ ู้บรโิ ภคเหน็ ถึง ผลประโยชน์ท่ี จะไดร้ บั จากสนิ คา้ หรอื บริการเพ่อื กระต้นุ ใหเ้ กิดความต้องการ 2. Interest คือการทำให้ลกู ค้าสนใจในสนิ ค้าหรือการบรกิ ารด้วยการใหข้ อ้ มูลเพิ่มเตมิ เชน่ การเสนอจุดขาย ท่ีชดั เจน แสดงให้เห็นความแตกตา่ งของการมีสนิ ค้ากับการไม่มสี ินค้า 3. Desire คอื การสรา้ งหรอื ทำใหล้ ูกค้ามีความปรารถนาทีจ่ ะซื้อ โดยสรา้ งความแตกต่างจากสินค้าประเภทเดยี วกัน การกระตุ้นให้เกดิ การซ้ือ การโฆษณาต้องเชิญชวนใหผ้ ู้บรโิ ภคกลุ่มเปา้ หมายเกดิ พฤติกรรมการตอบสนอง 4. Action คอื การทำให้ลูกค้าลงมือตัดสินใจซือ้ (ปิดการขาย) หลกั การสร้างสรรคง์ านโฆษณา 1. สร้างความไวว้ างใจ การโฆษณาต้องใหข้ ้อเท็จจรงิ ไม่เกินจากความเปน็ จริง โดยอาศัยสิ่งทค่ี นเชื่อถือ อยแู่ ล้วมาเป็นจดุ ขายในการโฆษณาเช่น มะนาวใชใ้ นการทำความสะอาดได้ แสตนเลสทำใหไ้ มเ่ กิดสนิม 2. มีแบบฉบับของตนเองที่แตกตา่ ง การโฆษณาต้องมแี บบฉบับของตนเองท่ไี มซ่ ้ำแบบใคร เม่อื ผ้บู รโิ ภคดูแล้ว จดจำได้ว่าเปน็ การโฆษณาสนิ ค้าหรอื บรกิ ารใด 3. จุดขายที่ชัดเจนเพียงจุดเดียว การโฆษณาต้องสร้างจุดขายที่จูงใจและชัดเจนเพียงจุดเดียว เพ่ือ ทำให้ผบู้ ริโภคสามารถจดจำได้ 4. โฆษณาต้องน่าเชื่อถือ โฆษณานอกจากจะไม่เกินจริงแล้วยังต้องมีเหตุผลสนับสนุนจุดขายของโฆษณา นนั้ ดว้ ย 5. โฆษณาต้องเข้าถึงความคิดและอารมณ์ การโฆษณาที่เน้นเหตุผลเพียงอย่างเดียว ไม่มีเรื่องของ อารมณ์มาเกย่ี วข้องเลย อาจไม่ได้รบั ความสนใจหรอื สรา้ งความตอ้ งการได้ สว่ นโฆษณาทใ่ี ชอ้ ารมณ์ เพียงอย่างเดยี ว ไมม่ เี หตุผลมาจูงใจ กอ็ าจไมไ่ ดผ้ ลเชน่ กนั 6. สะท้อนบุคลิกภาพของสินค้า การโฆษณาต้องแสดงออกซึ่งบุคลิกของสินค้าว่าเป็นสินค้าแบบไหน เชน่ ความแขง็ แรงทนทาน ขนาดท่ีเล็กกระทัดรดั รูปแบบท่ีทนั สมัย 7. สะท้อนตำแหน่งครองใจผลิตภัณฑ์ การโฆษณาต้องแสดงให้เห็นตำแหน่งครองใจของผลิตภัณฑ์ที่ ชดั เจนเชน่ สบู่ชนดิ น้ใี ชแ้ กส้ ิว สบู่ชนดิ นีย้ บั ยั้งแบคทเี รยี สบูช่ นดิ นมี้ ีสว่ นผสมของวิตามนิ อี 8. โฆษณาที่มีความกลมกลืน การโฆษณาต้องมีองค์ประกอบต่างๆ ที่กลมกลืนกันทั้งภาพ เสียง สี ถ้อยคำ รวมทั้งการโฆษณาในทุกสื่อที่ใช้ด้วย การสร้างสรรค์งานโฆษณา เริ่มต้นจากการกำหนด วัตถุประสงค์ในการโฆษณา โดยอาศัยพื้นฐานของการโฆษณา ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายและข้อมูล สนบั สนุนอื่นๆ ผสู้ รา้ งสรรคง์ าน โฆษณาจงึ ต้องพยายามค้นหาแนวทางในการสร้างสรรค์ที่เหมาะสมและ สอดคล้องกับวัตถุประสงคใ์ นการโฆษณา เพ่ือใหก้ ารโฆษณาน้นั มสี ัมฤทธผิ ลตาม ท่ีวางไว้

7. กระบวนการสรา้ งสรรค์งานโฆษณา (Advertising creative process) 1. การรวบรวมขอ้ มูล (Immersion) เป็นการรวบรวมขอ้ มูลโดยอาศยั การวจิ ัย เช่น ข้อมูลดา้ นผลิตภณั ฑ์ขอ้ มลู ด้านผบู้ ริโภค ขอ้ มลู ด้านการตลาด โดยทำการวิจัยดงั น้ี 1.1 การวิจัยผลิตภัณฑ์และบริการ (Product Research) ในการโฆษณานั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่นักโฆษณา จะต้องทราบรายละเอียดทั้งหมดของ ตัวสินค้าและบริการในเชิงเปรียบเทียบกับสินค้าคู่แข่งเช่น คุณลักษณะเฉพาะของสินค้า ขนาดบรรจุ ตราสินค้าหรือเคร่ืองหมายการค้า ราคา การนำไปใช้และ จินตภาพของสนิ คา้ 1.2 การวิจัยผู้บริโภค (Consumer Research) เพื่อให้มีความเข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดและสามารถ ตอบสนองความต้องการของ กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายหลักเช่น เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ ภมู ลิ ำเนา ขนาดครอบครวั ลักษณะทางจติ วิทยา ความตอ้ งการ แรงจูงใจ บคุ ลิกภาพ การรับรู้ เจตคติ และวัฒนธรรม 1.3 การวิจัยตลาด (Market Research) เพื่อให้ทราบถึงสภาพตลาดของคู่แข่งขันเช่น สภาวะของการ แข่งขนั การวางตำแหน่งของสนิ ค้า ระบบการจัดจำหน่าย ส่วนประกอบตลาด แนวโนม้ ของตลาด การ เปลย่ี นแปลงของตลาด กจิ กรรมสง่ เสรมิ การตลาด งบประมาณโฆษณาและระยะเวลา ของแผนรณรงค์ ทางการโฆษณา 2. การแยกแยะขอ้ มลู (Digestion) เป็นการนำข้อมูลท่ีได้จากการรวบรวมข้อมูลในขั้นที่หน่ึงมาแยกประเภท และ วิเคราะห์ประเด็นสำคัญ การวิเคราะห์ข้อมูลด้านสินค้าและบริการ ทั้งในทางบวก และทางลบ นอกจากนี้ยังต้องเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันด้วย ทางด้านกลุ่มผู้บริโภค เป้าหมายต้องศึกษาวิเคราะห์ถึง พฤติกรรมการตัดสินใจ ซื้อและส่ิงจงู ใจต่างๆ ทม่ี ีอทิ ธพิ ลตอ่ การตดั สนิ ใจซื้อ ส่วนทางดา้ นตลาดกจ็ ะวเิ คราะห์ ถึงความเป็นไปได้ของตลาดสินค้าชนิดนั้นๆ ว่ามีแนวโน้มการขยายตัวหรือมีปัญหาอุปสรรคอย่างไร ยิ่งได้ ข้อมลู มากเท่าใดกส็ ามารถนำมาใช้ในการตดั สนิ ใจวางแผนกลยทุ ธ์ได้เปน็ อย่างดี 3. การใช้ความคิด (Incubation) โดยคำนึงถึงข้อมูลที่ได้ เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลเป็นแนวคิดในการโฆษณา ผู้ โฆษณาต้องวางยุทธวิธีแผนรณรงค์โฆษณา(Advertising Campaign) ซึ่งประกอบด้วย 3 แผนคือแผนงานตลาด แผนงานสรา้ งสรรค์และแผนงานซ้ือส่ือโฆษณา โดยมีการกำหนดหลักกว้างๆ ไวว้ ่าตอ้ งทำกจิ กรรมอะไรบ้าง เพื่อให้บรรลผุ ลตามเป้าหมายทว่ี างไว้ 4. การสรา้ งความคิดให้กระจ่าง (Illumination) เป็นขน้ั ของการเกิดความคิดทีส่ ำคัญในการโฆษณา รายละเอียด ต่างๆ ที่วางไว้ในหลักการเช่น แผนงานตลาดจะมีการจัดสรรงบประมาณในการสร้างงานค่าสื่อโฆษณา ใน ดา้ นการสรา้ งสรรค์จะมีการสร้างเน้ือเรื่องตามแนวทางท่ีกำหนดไว้ ส่วนแผนงานซื้อส่ือโฆษณาจะกำหนดสื่อ ท่ีใช้ เนอื้ ที่ ระยะเวลาการโฆษณาเพ่ือให้ไดส้ ่ือทดี่ เี ป็นเคร่ีองนำทางโฆษณาไปสผู่ ูบ้ รโิ ภค อยา่ งมีประสิทธิภาพ

หนว่ ยท่ี 2. เครือ่ งมอื พืน้ ฐาน การออกแบบสื่อโฆษณา การออกแบบประเภทต่าง ๆ จำเป็นต้องมีเครื่องมือเครื่องใช้ และวัสดุอุปกรณ์อย่างครบครัน เพื่อช่วยให้งาน ออกแบบสะดวกรวดเร็ว สวยงามและมีคุณค่า เครื่องมือดีมีคุณภาพพร้อมที่จะใช้งาน มีจำนวนหลายชิ้นท่ี สามารถสนองความต้องการในการออกแบบได้ในทุกลักษณะงาน ย่อมทำให้งาน ชิ้นนั้น สำเร็จออกมามีคุณค่า ยิ่งขน้ึ เครอื่ งมือวสั ดอุ ปุ กรณ์ ท่ีจำเป็นสำหรับ ใช้ใน การออกแบบมดี ังน้ี 1.กระดาษ (Peper) หลักในการเลือกซื้อกระดาษจะต้องเลอื กซื้อทีเ่ นื้อหนาแน่นๆไมบ่ างไป เพราะเวลาลบจะทำให้เปน็ ขยุ ได้ แลว้ กต็ ้องเลือกท่ีมเี นือ้ หนาพอท่ีจะตดั เส้นแล้วเสน้ ไม่แตก ไมซ่ ึมเปอื้ นหมกึ หรอื สีง่าย แตถ่ ้าเปน็ ในกรณีของคน ที่วาดแล้วนำไปตกแต่งในคอมพิวเตอร์ก็สามารถเลือกซื้อกระดาษที่หนาเพียง 80 แกรมได้ ควรเลือกใช้ให้ เหมาะสมกับกลวิธีการสร้างสรรค์ เช่น กระดาษอาร์ต กระดาษการ์ด เหมาะสำหรับวาดด้วยปากกาจุ่มหมึก พู่กันจุ่มหมึก และปากกาหมึกสำเร็จรูป เป็นต้น กระดาษวาดเขียนร้อยปอนด์ด้านผิวเรียบเหมาะสำหรับการ วาดด้วยดินสอดำ ดินสอสี ปากกา เป็นต้น ด้านผิวหยาบเหมาะสำหรับการวาดด้วยกลวิธีการระบายสีน้ำ สี โปสเตอร์ เป็นตน้ ประเภทของกระดาษ กระดาษแบ่งออกเปน็ 2 ประเภทตามลักษณะของผวิ กระดาษคือ 1.กระดาษเคลือบผิว (Coated paper) คือกระดาษที่ถูกนำไปเคลือบผิว โดยส่วนมากเราจะรู้จักในท่ี เรียกว่ากระดาษอารต์ ซึง่ มีคุณสมบัติคือเมื่อนำไปพิมพ์จะดีสีสันที่สวยงาม กระดาษชนิดนี้จะใช้สำหรบั งานพิมพ์ออฟเซ็ท งานพิมพ์ที่ได้จะมีสีใกล้เคียงกับสีจริง สามารถนำไปเคลือบลามิเนต หรือเคลือบยูวี ต่อได้ สามารถซ่ึงจะมีอยู่ 2 แบบคือ - กระดาษชนดิ เคลือบมัน หรอื กระดาษอาร์ตมัน(Gloss paper) ใชส้ ำหรบั งานพิมพ์ท่ีต้องการความมัน วาว เน้นความสวยงามเป็นพิเศษ ความหนาของกระดาษมีหน่วยเรียกว่า”แกรม”โดยทั่วไปที่ใช้ใน งานพิมพ์จะมีขนาด 100, 128, 130, 160 แกรม ถ้าขนาด 160 แกรมขึ้นไปเราจะเรียกว่ากระดาษ อาร์ตการด์ ใช้สำหรับพิมพก์ าร์ดหรอื นามบตั ร

- กระดาษชนิดเคลือบด้าน หรือกระดาษอาร์ตด้าน(Matt paper) ใช้สำหรับงามพิมพ์ที่ต้องการความ ละเอียดออ่ นของภาพ แกรมทีโ่ รงพิมพ์เลือกใช้ 100, 128, 130, 160 2. กระดาษแบบไมเ่ คลือบผวิ เปน็ กระดาษท่ีไม่ได้นำไปเคลือบผิว ซ่งึ จะไมเ่ หมาะทีจ่ ะนำไปพมิ พง์ านท่ี ตอ้ งการความละเอียดสูง ส่วนมากจะใชก้ บั งานพิมพ์แบบ 1 สี - กระดาษปอนด์ หรือกระดาษวาดเขยี น กระดาษทเ่ี หมาะในการเขยี นภาพระบายสี มีแบบกระดาษ ปอนดเ์ รยี บ เหมาะสำหรับใช้กับสโี ปสเตอร์ และสไี ม้ ทำให้ไม่ซมึ ซับนำ้ มากและเรว็ เกนิ ไป และกระดาษปอนด์ หยาบมคี ุณสมบัติดูดซมึ น้ำอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับใช้กับสีนำ้ ภาพเขยี นท่ีออกมาจะดูชมุ่ น้ำ กระดาษทใ่ี ช้ควร หลกี เลี่ยงความชืน้ และการม้วนกระดาษทำให้กระดาษเกิดรอยยบั และแตกหักเสียหายได้มกั ใชส้ ำหรับวาดภาพ มี หลายขนาด เรมิ่ จาก 80 ปอนด์ ขึ้นไป - กระดาษปอนด์ ใชส้ ำหรบั ทำสมุดบันทกึ พิมพ์นิตยสารมักใช้นาด100-120 แกรม

ถา้ ขนาด 80-100 แกรม มกั ใชใ้ นกับเครื่องพิมพ์สำนักงานทั่วไป หรือ ใช้ถา่ ยเอกสาร ถา้ ขนาด 60 แกรม จะมีความบาง ราคาถกู มักใช้ในกับงานโรเนียว

- กระดาษแบ้งค์ เปน็ กระดาษแบบกระดาษแบบไมเ่ คลอื บเหมอื นกระดาษปอนด์แตบ่ างกว่า ใช้สำหรบั พิมพบ์ ลิ โดยจะทำเป็นใบสำเนาจะมีหลายสีเชน่ ฟ้า,เขียว,ชมพู และ เหลือง ทีโ่ รงพิมพ์เลือกใช้แบบ 50 แกรม - กระดาษปรฟู๊ เปน็ กระดาษรีไซเคิล มสี ีสม้ อมเหลือง มรี าคาถูก มขี นาด 48 แกรม จะนิยมใช้ในการร่าง และตัดเส้น เพราะมีความเรียบและเนื้อแน่นพอสมควร ข้อดีคือมีราคาที่ถูก แต่ข้อเสียคือความบางของ กระดาษ ท่ีพอลบบ่อยๆกอ็ าจทำให้กระดาษเปน็ ขยุ ได้ 2. ดนิ สอดำ (Pencil) ดนิ สอดำเป็นเคร่ืองเขียนข้ันพื้นฐานอย่างหนึ่งท่ีมีไสท้ ำด้วยแกรไฟท์ ผสมดิน เหนยี ว ใช้ในการออกแบบท่วั ๆ ไปแบง่ ออกไดด้ ังนี้ - ดินสอชนดิ หุ้มดว้ ยไม้ ( Drafting Wood ) มีต้ังแต่ไส้แข็งไปจนถึงไสอ้ ่อน ได้แก่ HB B 2B 3B 4B 5B 6B และEE ตามลำดับ

- ดนิ สอชนดิ บรรจุไส้ ( Merchanical pencil ) ไสด้ นิ สอมหี ลายชนิด มที ัง้ ชนิดเหลาไส้ และไม่เหลาไส้ ดินสอ ท้งั 2 ชนดิ นแ้ี บ่งออกเปน็ 3 กลมุ่ คือ 1. กลมุ่ แข็ง ( Hard ) เหมาะกบั งานร่างภาพหรือรา่ งแบบ 2. กลมุ่ ออ่ นปานกลาง ( Medium ) เหมาะกับงานร่างภาพแรเงา 3. กลุ่มอ่อน ( Soft ) เหมาะกบั งานแรเงาเนน้ นำ้ หนักผวิ เน้นเงาแก่ ( เข้ม) การเก็บรักษา นักเรยี นควรมกี ล่องสำหรับเก็บดินสอและเครอื่ งเขยี นอื่น ๆ ให้อยู่ ในสภาพพร้อมทีจ่ ะใช้ งานได้ 3. ยางลบ (Eraser) เปน็ วสั ดทุ ำดว้ ยยางหรือพลาสตกิ ส่วนใหญท่ ำเป็นแท่งมี 2 ประเภทคือ - ยางลบทำดว้ ยยาง ( Rubber ) ยางลบที่ทำมาจาก “ยาง” ถือว่าเปน็ ชนดิ ท่ีเป็นจดุ กำเนดิ ของ ยางลบ จะมีเนอ้ื สมั ผสั ทค่ี อ่ นข้างแข็งกวา่ แบบแรก ทำให้ลบแลว้ ข้ียางลบไม่คอ่ ยมี ช่วยยดื อายุ การใช้งานได้นานกว่า แตข่ อ้ เสยี คือลบยากต้องออกแรงในการถูถงึ จะทำความสะอาดไดห้ มดจด นอกจากน้ีหากโดนแสงแดดมาก ๆ ประสทิ ธภิ าพอาจเส่อื มลง ดังนนั้ คนท่ีจะซ้ือยางลบประเภท นีจ้ งึ ควรเลอื กขนาดทก่ี ะวา่ ใชห้ มดได้ในระยะเวลาไม่นาน - ยางลบทำด้วยพลาสติก ( Plastic ) คุณสมบัติของยางลบพลาสติก ยางลบพลาสติกทำมาจาก Vinyl chloride ถือเป็นประเภทที่พบเห็นกันได้ง่ายแทบจะทุกร้านเครื่องเขียน เพราะมีให้เลือก หลากหลายรุ่น มีทั้งแบบเนื้อนิ่มลบง่าย ขี้ยางลบจับตัวกนั ง่ายหรือแบบเนื้อแข็งหน่อยอยา่ งไรก็ ตาม ขอ้ เสียของประเภทน้ี คือหมดเรว็ เพราะเนื้อนิ่ม และด้วยความทเ่ี ปน็ พลาสตกิ ถ้าไม่ได้ใช้นาน เนื้อยางลบจะเหนยี วติดตามที่ต่าง ๆ ได้ การเกบ็ รกั ษาเม่ือใช้เสร็จแลว้ ควรทำควาสะอาดยางลบ โดยถูกบั กระดาษทสี่ ะอาด แลว้ เกบ็ ใส่กลอ่ งพรอ้ มกบั ดินสอ

4. ไม้บรรทดั (Ruler) ใช้ช่วยในการตีเส้นต่างๆ ตอนเลือกซื้อควรเลือกแบบที่มียกขอบ เพราะตอนตีเส้นด้วยปากกา หมึก จะไม่ไหลลงไปกองข้างล่าง และควรเลือกที่มีหน่วยสเกลชัดเจน หลังใช้เสร็จควรหมั่นทำความสะอาด เพราะถ้า มนั มคี ราบสกปรกคราบนน้ั จะเปื้อนงานของเราใหส้ กปรกไปด้วย 5.ปากกา (Pen) ปากกาหมึกสำเรจ็ รูป เช่น ปากกาเขียนแบบ ปากกามาร์กเกอร์ ปากกาปลายสักหลาด และปากกาหัวไฟเบอร์ เป็นตน้ - แบบที่มีหมึกในตวั (Pigma) ทำจากโฟมหรือสักหลาด และมีสำลีอัดแท่งเป็นไส้หมกึ ปากกาชนิดนี้ ใช้ ไม่ค่อยทน หมึกหมดก็ทิ้ง ไม่นิยมนำมาเติมหมึก หรืออีกชนิดหนึ่งคือแบบที่หัวเป็นโลหะ ไส้หมึกเป็น หลอดพลาสติกสามารถเตมิ หมึกได้ หวั ปากกามีความคงทน - ปากกาเขียนแบบ ปากกาเขียนแบบและหมึก ปากกาเขียนแบบ เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการขีด เขียนเส้นลงในกระดาษไข ลักษณะคล้ายปากกาหมึกซึม เส้นที่เขียนจะได้ความหนาของเส้นตามมาตรฐาน มี หลายขนาดตั้งแต่ 0.10, 0.18, 0.25, 0.35, 0.5, 0.7, 1.0, 1.4 และ 2.0 มิลลิเมตร สำหรับงานเขียนแบบ ทั่วไปจะนิยมใช้กลุ่มเส้น 0.5 ซึ่งจะใช้ปากกาเขียนแบบจำนวน 3 ด้าม คือปากกาขนาด 0.5, 0.35 และ 0.25 มลิ ลิเมตร

6. วงเวยี น (Compass) คือเครอ่ื งมือประกอบการเขียน มสี องขาใช้ในการสรา้ งวงกลม ส่วนโคง้ และ ส่วนเว้าท่ีนิยมใช้กนั คอื - วงเวียนดินสอ มลี ักษณะปลายแหลมข้างหนึ่ง อีกข้างหนงึ่ มีท่ีคบี ดินสอ ใสเ่ ขา้ และถอดออกไดใ้ ช้ ในการเขยี นวงกลม เส้นโคง้ และเสน้ เวา้ 7. ไม้ที (T - Square) ใช้เป็นแนวในการลากเส้นตรงในแนวนอน (180 องศา) และใช้เป็นฐานรองรับ ฉากสามเหลยี่ ม เพ่ือเขยี นเส้นในแนวตั ้งหรือในแนวด่ิง (90 องศา) ซึ่งจะต้องใชร้ ่วมกับ โต๊ะเขียนแบบ หรอื กระดานเขยี นแบบ ฉากตัวทีประกอบดว้ ยสว่ นหวั (Head) และส่วนใบ (Blade) ตดิ กันเป็นรูปตัวที ทำมุมฉากต่อกันขอบบนของส่วนใบซึ่งเป็นที่ใช้เพื่อเขียนเส้นในแนวนอนมักหุ้มด้วยพลาสติก เพ่ือ รักษาขอบใหต้ รง และสามารถมองเห็นเสน้ ขณะเขียนได้ ความยาวของไมท้ ีมตี ง้ั แต่ 45 - 180 ซม. การ เลือกใช้ไม้ทีขนาดยาวเท่าใดขึ้นอยู่กับระดับงานของผู้ใช้ และขึ้นอยู่กับขนาดของโต๊ะและกระดาษ ปกติขนาดของไม้ทีที่เลือกใช้ ควรมีขนาดความยาวเกือบเท่าหรือเท่ากับความยาวของโต๊ะเขียนแบบ เวลาที่ใช้ไม้ทีจะต้องให้ส่วนหัวของไม้ทีเกาะแน่นขนานกับขอบของโต๊ะหรือกระดานเขียนแบบ และ ส่วนใบแบนราบทับบนพื้นโต๊ะบนกระดาษเขียนแบบ เวลาเขียนเส้นในแนวนอนเพียงใช้แรงกด

เล็กน้อย ให้ส่วนใบแบนราบกับพื ้นโต๊ะ และให้ส่วนหัวเกาะแน่นกับขอบโต๊ะเขียนแบบ แล้วลากเส้น ไปตามขอบบนสว่ นใบของไม้ที เล่ือนไม้ทขี ึ้นลงตามวธิ ที ่ีกลา่ ว เมือ่ ตอ้ งการเขียนเส้นในตำแหน่งตา่ ง ๆ ทสี ไลด์ เป็นเคร่ืองมอื ที่ใชท้ ำงาน ในลกั ษณะเดยี วกบั ไม้ทีธรรมดา สามารถนำมาประกอบกบั โตะ๊ เขียน แบบหรือกระดานเขียนแบบได้ ใช้หลักการทำงานของเชือกและรอก มีความสะดวก รวดเร็ว และมี ความขนานเทยี่ งตรงกวา่ ไม้ที 8. ไมส้ ามเหล่ยี ม (Triangle) เปน็ อปุ กรณใ์ ชใ้ นงานออกแบบ มีลกั ษณะ เป็นรูปสามเหลี่ยมหนา้ จั่วและ สามเหลี่ยมมุมฉากสองอันคู่กัน ทำด้วยพลาสติก ใช้สำหรับ เขียนมุมในองศาต่าง ๆ บางชนิดปรับ องศาได้เป็นอุปกรณ์ประกอบในการออกแบบ ฉากสามเหลี่ยม แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ฉาก - สามเหลี่ยมมุมคงที่แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้ แบบมุม 45 องศา 45 องศาและ 90 องศา มุม 30 องศา 60 องศา และ 90 องศา - ฉากสามเหลี่ยมแบบมุมคงที่สามารถใช้เขียนเส้นทำมุม 15 องศา 30 องศา 45 องศา 60 องศา 75 องศา และ 90 องศาโดยใช้ฉากทั้งสองชนิ้ มาประกอบกนั

- ฉากสามเหลีย่ มแบบปรับองศาได้ สามารถปรับมุมไดต้ าม ความต้องการใช้งานใช้เขียนเส้นในแนวด่ิง และเสน้ ในแนวเอียงทำมมุ ใชค้ ู่กับไมท้ ี 9.เทมเพลท ( Template ) ทำด้วยพลาสติกเปน็ รูปสีเ่ หล่ียมผนื ผา้ เจาะพิมพ์รูปทรงเรขาคณติ เป็นอุปกรณ์ ประกอบในการเขียแบบที่จะทำให้งานเขยี นแบบเกิดความคล่องตัว

10. สี (Color) ทีน่ ิยมใช้กนั ในระดบั เบอื้ งต้น ไดแ้ ก่ สดี นิ สอ สนี ำ้ สโี ปสเตอร์ และสีเมจกิ ดินสอสี (CRAYON) ดนิ สอสี เรียกกนั อีกอยา่ งว่า สไี ม้ มลี ักษณะเป็นก่ึงโปรง่ แสง เป็นสีผงละเอยี ด ผสม กับขี้ผึ้งหรือไขสัตว์ นำมาอัดให้เป็นแท่งอยู่ในลักษณะของดินสอ เพื่อให้เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ใช้งาน มี ลักษณะคล้ายกับสีชอล์ค แต่เป็นสีที่มีราคาถูก เนื่องจากมีส่วนผสม อื่น ๆ ปะปนอยู่มาก มีเนื้อสีน้อย กวา่ ปจั จุบนั มกี ารพัฒนาให้สามารถละลายนำ้ หรือน้ำมนั ได้ โดยเมอ่ื ใช้ ดินสอสีระบายสีแล้วนำพู่กันจุ่ม น้ำมาระบายต่อ ทำให้มีลักษณะคล้ายกับภาพสีน้ำ ( Aquarelle ) บางชนิด สามารถละลายได้ในน้ำมัน ซงึ่ ทำให้กันนำ้ ได้ สีโปสเตอร์ (POSTER COLOUR) เปน็ สีนำ้ ชนดิ หนึ่งเนื่องจากมีน้ำเป็นสว่ นผสม นยิ มบรรจขุ วด มีเน้ือสี ขน้ ค่อนขา้ งหยาบ และมคี ณุ สมบัติทบึ แสง เพราะเตมิ แปง้ หรือเนื้อสีขาวลงไป เรยี กว่า\"สแี ปง้ \" การเขียน ภาพดว้ ยสีโปสเตอร์เป็นงานจิตกรรมท่เี ป็นกระบวนการสบื เนื่องจากการวาดภาพแรเงา เช่นเดียวกับการ เขียนด้วยสีน้ำ คือเปลี่ยนจากการใช้ดินสอระบายน้ำหนักลงบนรูปร่าง รูปทรงที่วาด มาเป็นการใช้สี โปสเตอรแ์ ทนสโี ปสเตอรเ์ ป็นสีที่มลี ักษณะขนุ่ ทึบ เนอ้ื สมี ลี ักษณะคลา้ ยแป้ง ซึง่ แตกต่างจากลักษณะของ สนี ำ้ ทโ่ี ปร่งใสไมม่ เี น้ือสี สโี ปสเตอร์เหมอื นกนั กับสนี ้ำตรงที่เมื่อจะใช้ในการระบายภาพวาดจะตอ้ งผสมน้ำ ก่อนการเขียนสีโปสเตอร์ สามารถระบายด้วยพู่กันซ้ำๆที่เดิมได้ ซึ่งแตกต่างจากสีน้ำ ถ้าระบายถูไปมา ด้วยพู่กนั ซำ้ หลายๆครงั้ จะทำให้สชี ำ้ สกปรก กระดาษเปน็ ขยุ ดไู มใ่ สสวย สำหรับสโี ปสเตอร์ นอกจากการ ใช้พู่กันเกลี่ยสีซ้ำที่ได้แล้ว ยังนิยมผสมกับสีขาวเมื่อต้องการให้สีอ่อนลงมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับ ปริมาณสขี าวที่ผสมลงไป และเมื่อต้องการให้ความจัดของสีหม่นลงหรือเม่ือต้องการให้สีนั้นมืดเข้มขึ้น ก็ ให้ผสมดว้ ยสีดำตามปริมาณมากน้อยตามท่ีตอ้ งการ

การดูแลรกั ษาสโี ปสเตอร์ เน่ืองจากสโี ปสเตอร์เปน็ สที คี่ อ่ นข้างแห้งเร็ว เม่อื เลิกใชง้ านแล้วควรจะพรม น้ำหรือฉีดน้ำใส่ลงในขวดสีแล้วปิดฝา การกระทำเช่นนี้จะช่วยยืดอายุอายุการใช้งานให้แก่สีโปสเตอร์ หรือหากไม่ได้นำสีโปสเตอร์มาใช้งานเป็นเวลานานๆก็ควรหมั่นนำมันมาเปิดฝาพรมน้ำบ้าง ป้องกันการ จบั ตวั แข็งเป็นก้อน เม่อื สีโปสเตอรท์ ่ีมาจากร้าน เมือ่ เปิดฝาสโี ปสเตอร์จะเหน็ วา่ มีน้ำมันฉาบอยู่ทผ่ี ิว สนี ำ้ (WATER COLOUR) เน่ืองจากสนี ำ้ มสี ว่ นผสมของกาวและสีทบ่ี ดอยา่ งละเอียด ดงั นั้น เมอ่ื ระบาย บนกระดาษสีขาว จงึ มเี นื้อสีไม่หนาทึบ จนเกินไป ทำใหเ้ กิดลักษณะโปรง่ ใสและการระบายไปทเี ดยี ว จะไม่ระบาย ซ้ำกนั หรือเกลี่ยไปมา เพราะจะใหส้ ีซ้ำหรอื หมน่ ควรระบายอ่อนไปหาสแี ก่ ในบางกรณีอาจจะระบายจากสีแก่ไป หาสีอ่อนก็ได้ ทัง้ นี้ต้องคอยระวังอย่าให้น้ำท่ใี ชข่ ุน่ หรือคล่ำเพราะจะทำให้สหี ม่นหรือทึบได้ นอกจากน้ี อาจทำให้ สีหลุดออกมา จะทำใหส้ ตี า่ งหรือซำ้ ๆ ภาษางา่ ย ๆ ก็คือสเี น่า

สีเมจกิ (MAGIC COLOR) เป็นสบี รรจใุ นแท่งพลาสติก, ไสส้ ักหลาด บางคร้งั ก็เรียกว่าปากกาสักหลาดมี ทง้ั เชือ้ นำ้ และเชอื้ นำ้ มัน เช้อื น้ำสามารถละลายน้ำได้ เชอ้ื นำ้ มันเมื่อแหง้ แล้วจะไม่ละลายนำ้ สีเมจิก มคี ณุ สมบัติ โปร่งแสง มีหลายสีให้เลือกเป็นชุดๆ ต้งั แต่ชดุ ละ 12 สี, 24 สี, 36 สี, 48 สี จนถึง 60 สี และมีสีเมจิกอีก บางชนิดเช่น สียี่ห้อโคปิก เป็นสีเมจิก 2 หัว มีแบบให้เลือก แบบพู่กัน หรือปากตัด สามารถไล่สีได้ และมีหลาย โทนสีให้เลือก สีเมจิกเป็นสีที่ระบายงา่ ยมากเพราะมีลกั ษณะคล้ายปากกา มีทั้งแบบปากแหลม และแบบปาก ตัด ข้อดีของสีชนิดนี้คือระบายง่าย สะดวก ไม่เลอะเทอะ ข้อเสียคือหากใช้ระบายในพื้นที่กว้างๆ จะเกิดรอย เป็นเส้นๆ ทำให้งานไม่สวย อยากแนะนำให้ใช้สีเมจิกเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่กว้างนักหรือใช้ตัดเส้นจะได้ภาพที่ เรยี บร้อยสวยงาม 11. พู่กนั (Brush) ใชถ้ มดำหรอื ใช้กบั สีโปสเตอรข์ าวในการตกแต่งตน้ ฉบบั แต่กม็ บี างคนนำมาใช้ในการตัดเสน้ ด้วย พู่กนั แบ่งไดเ้ ปน็ 2 ชนดิ คือหัวกลมกบั หวั แบน และหลงั ใช้พูก่ นั เสรจ็ ควรทำความสะอาดทันที ไม่แชท่ ง้ิ ไว้ใน ภาชนะใส่น้ำ เพราะจะทำใหห้ ัวพกู่ นั งอ

12. จานสี (Palette) ควรมลี ักษณะของพนื้ รองรบั เปน็ สีขาวเหตุเพราะจะชว่ ยใหม้ องเหน็ เน้ือสไี ดช้ ดั เจนเม่ือทำ การผสมออกมาเพ่ือระบาย โทนสจี ะได้ไม่ผิดเพี้ยน จานสีควรมขี นาดใหญ่พอสมควรสามารถรองรับการผสมสีใน จำนวนโทนสที ี่มากพอ กลอ่ งใสพ่ ระ หรอื ถาดหลุมทำนำ้ แข็งในช่องแช่แข็งของตูเ้ ย็นก็ได้ เพราะมขี นาดความจขุ อง หลมุ ท่ลี กึ และจำนวนหลมุ เยอะเหมาะมากสำหรับการนำมาผสมสี 13. ภาชนะใส่น้ำ (Water Container) เปน็ ภาชนะทใ่ี สน่ ้ำเพื่อใชใ้ นการล้างพ่กู ัน และเพื่อใช้ในการผสมสี 14. ผา้ เชด็ สี (Rags) เปน็ วัสดุทีส่ ำคญั อีกช้ินหนึง่ มไี วเ้ ช็ดทำความสะอาดอปุ กรณ์ ทำความสะอาดพ้ืนทท่ี ำงาน และเช็ดพู่กนั 15. กระดานรองเขียน (Sketch Board) ควรมีลักษณะแขง็ พอสมควร มีหนา้ ท่ีไวร้ องรับการกดจากการวาด เขยี น อาจซ้ือหาไดต้ ามรา้ นขายเคร่อื งเขยี นทั่วไป หรอื อาจหาเองจากเศษไม้ที่เหลือใชต้ ามความตอ้ งการของขนาด แตค่ วรมคี วามหนาและแข็งไม่โค้งงองา่ ยขณะลงมือเขยี น

หนว่ ยท่ี 3 โปรแกรมกราฟกิ ทใ่ี ชใ้ นการออกแบบส่ือโฆษณา 1. การใช้งานโปรแกรม Adobe Photoshop เป็นสุดยอดโปรแกรม ๆ หนึ่งทางด้านกราฟิก เป็นหนึ่งในโปรแกรม ตระกูล Adobe ซึ่งถูกพัฒนามาอย่าง ต่อเนื่องและยาวนาน Photoshop ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ งานทางด้านกราฟิก, การตกแต่งภาพ, สร้างภาพ 3 มิต,ิ ภาพพาโนรามา, สร้างสรรคง์ าน โปสเตอร์, โฆษณา, สอื่ ส่ิงพมิ พ์, ปกนิตยสารออกแบบสนิ ค้า, การออกแบบ เคร่ืองหมายและสัญลกั ษณ์ รูปภาพตา่ ง ๆ ความสามารถพืน้ ฐานของ Adobe Photoshop - ตกแตง่ หรือแกไ้ ขรปู ภาพ - ตัดตอ่ ภาพบางสว่ น หรือที่เรยี กว่า crop ภาพ - เปลย่ี นแปลงสขี องภาพ จากสหี น่งึ เป็นอกี สีหนง่ึ ได้ - สามารถลากเสน้ แบบฟรีสไตล์ หรือใสร่ ปู ภาพ ส่เี หลยี่ ม วงกลม หรือสร้างภาพไดอ้ ยา่ งอิสระ - มกี ารแบ่งชน้ั ของภาพเป็น Layer สามารถเคลอ่ื นย้ายภาพได้เป็นอิสระตอ่ กนั - การทำ cloning ภาพ หรือการทำภาพซา้ ในรูปภาพเดียวกัน - เพมิ่ เติมข้อความ ใส่ effect ของข้อความได้ - Brush หรือแปรงทาสี ทีส่ ามารถเลอื กรูปแบบสาเรจ็ รปู ในการสร้างภาพได้และอนื่ ๆ อีกมากมาย

มีส่วนสำคญั ดังน้ี 1. เมนูของโปรแกรม Application menu หรอื Menu bar ประกอบด้วย 1. File หมายถึง รวมคำสั่งที่ใช้จัดการกับไฟล์รูปภาพ เช่น สร้างไฟล์ใหม่, เปิด, ปิด, บันทึกไฟล์, นำเข้าไฟล์, ส่งออกไฟล์ และอืน่ ๆ ท่ีเก่ียวกับไฟล์ 2. Edit หมายถงึ รวมคำส่งั ทใ่ี ชส้ าหรับแก้ไขภาพ และปรบั แตง่ การทำงานของโปรแกรมเบือ้ งต้น เชน่ ก๊อปป้ี, วาง, ยกเลกิ คาส่ัง, แก้ไขเคร่ืองมอื และอ่ืน ๆ 3. Image หมายถงึ รวมคำสั่งที่ใชป้ รบั แต่งภาพ เชน่ สี, แสง, ขนาดของภาพ (image size), ขนาดของ เอกสาร (canvas), โหมดสขี องภาพ, หมุนภาพ และอื่น ๆ 4. Layer หมายถงึ รวมคำสงั่ ท่ีใชจ้ ดั การกบั เลเยอร์ ทัง้ การสรา้ งเลเยอร์, แปลงเลเยอร์ และการจดั การ กับเลเยอร์ในด้านตา่ ง ๆ 5. Select รวม คำสัง่ เกี่ยวกับการเลือกวัตถุหรอื พ้นื ทบ่ี นรูปภาพ (Selection) เพ่ือนาไปใช้งานรว่ มกบั คำส่ังอนื่ ๆ เช่น เลอื กเพือ่ เปลย่ี นสี, ลบ หรอื ใชเ้ อฟเฟก็ ตต์ า่ ง ๆ กับรูปภาพ 6. Filter เป็นคำสัง่ การเล่น Effects ต่างๆสาหรบั รปู ภาพและวตั ถุ 7. View เป็นคำสงั่ เก่ยี วกบั มุมมองของภาพและวัตถใุ นลกั ษณะต่างๆ เช่น การขยายภาพและย่อ ภาพใหด้ ูเลก็ 8. Window เป็นสว่ นคำสั่งในการเลอื กใชอ้ ุปกรณ์เสรมิ ต่างๆทีจ่ าเปน็ ในการใชส้ ร้าง Effects ตา่ งๆ 9. Help เป็นคำสั่งเพื่อแนะนำเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมฯ และจะมีลายละเอียดของโปรแกรมอยู่ ในนนั้ 2. เมนูของพื้นที่ทำงาน Panel menu Panel (พาเนล) เป็นวินโดว์ยอ่ ย ๆ ที่ใช้เลือกรายละเอียด หรือคำสัง่ ควบคมุ การทำงานตา่ ง ๆ ของโปรแกรม ใน Photoshop มีพาเนลอยเู่ ปน็ จำนวนมาก เชน่ พาเนล Color ใช้สำหรับเลอื กสี, พาเนล Layers ใชส้ ำหรับจัดการกับเลเยอร์ และพาเนล Info ใชแ้ สดงค่าสตี รงตำแหน่ง ทช่ี ้เี มาส์ รวมถึงขนาด/ตำแหน่งของพ้ืนทีท่ ีเ่ ลอื กไว้ 3. พื้นท่ีทำงาน Stage หรือ Panel เปน็ พื้นท่วี ่างสำหรบั แสดงงานทก่ี ำลงั ทำอยู่

4. เคร่ืองมอื ทใี่ ชง้ าน Tools panel หรอื Tools box Tool Panel (ทูลพาเนล) หรือ กล่องเครอ่ื งมือ จะประกอบ ไปด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการวาด ตกแต่ง และแก้ไขภาพ เครื่องมือเหล่านี้มีจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีการ รวมเครอ่ื งมือท่ีทำหน้าท่ีคล้าย ๆ กนั ไวใ้ นป่มุ เดยี วกัน โดยจะมลี ักษณะรูปสามเหล่ยี มอยูบ่ ริเวณมุมด้านล่างดัง ภาพ 2 เพื่อบอกใหร้ วู้ า่ ในปุ่มน้ยี งั มีเครือ่ งมืออื่นอย่ดู ว้ ย 5. ส่ิงทคี่ วบคุมเครื่องมือท่ใี ชง้ าน Tools control menu หรอื Option Bar (ออปชนั่ บาร์) เป็นส่วนที่ใช้ปรับแต่ง ค่าการทำงานของเครื่องมือต่าง ๆ โดยรายละเอียดในออปชั่นบาร์จะเปลี่ยนไปตามเครื่องมือที่เราเลื อกจาก ทูลบ็อกซ์ในขณะนั้น เช่น เมื่อเราเลือกเครื่องมือ Brush (พู่กัน) บนออปชั่นบาร์จะปรากฏออปชั่นที่ใช้ในการ กำหนดขนาด และลกั ษณะหวั แปรง, โหมดในการระบายความโปรง่ ใสของสี และอัตราการไหลของสี เป็นตน้ เครอื่ งมอื พ้นื ฐานของโปรแกรม Tools Tool Panel หรือ กล่องเคร่ืองมือ จะประกอบไปด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการวาด ตกแต่ง และแก้ไขภาพ เครื่องมือเหล่านี้มีจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีการรวมเครื่องมือที่ทำหน้าที่คล้าย ๆ กันไว้ในปุ่มเดียวกัน โดยจะมี ลกั ษณะรปู สามเหลี่ยมอย่บู รเิ วณมมุ ดา้ นล่าง เพ่อื บอกให้ร้วู า่ ในปุ่มนย้ี งั มีเครื่องมืออน่ื อยู่

เครอ่ื งมอื แตล่ ะชน้ิ มคี ุณสมบัตดิ งั น้ี Move ใช้สำหรับเลือกพ้นื ทบี่ นภาพเป็นรปู ส่เี หลีย่ ม วงกลม วงรี Marquee ใช้สำหรับยา้ ยพน้ื ทีท่ ่ีเลือกไว้ของภาพ หรือยา้ ยภาพในเลเยอรห์ รือยา้ ยเสน้ ไกด์ Lasso ใชเ้ ลือกพ้นื ทบ่ี นภาพเป็นแนวเขตแบบอสิ ระ Magic Wand ใช้เลือกพื้นท่ดี ้วยวิธรี ะบายบนภาพ หรือเลือกจากสที ใ่ี กล้เคยี งกัน Crop ใชต้ ัดขอบภาพ Slice ใช้ตดั แบง่ ภาพเพื่อบนั ทึกไฟลภ์ าพยอ่ ย ๆ ที่เรยี กว่าสไลซ์ (Slice) สำหรบั นำไปสร้างเวบ็ เพจ Eyedropper ใช้เลือกสีจากสีตา่ ง ๆ บนภาพสำหรบั นาไปสรา้ งเวบ็ เพจ Healing Brush ใช้ตกแต่งลบรอยตำหนิในภาพ Brush ใชร้ ะบายลงบนภาพ Clone Stamp ใช้ทำสำเนาภาพ โดย Copy ภาพจากบรเิ วณอืน่ มาระบาย หรอื ระบายด้วยลวดลาย History Brush ใช้ระบายภาพด้วยภาพของข้ันตอนเดิมทผี่ ่านมา หรือภาพของสถานะเดิมทีบ่ ันทึกไว้ Eraser ใช้ลบภาพบางสว่ นทีไ่ ม่ตอ้ งการ Gradient ใชเ้ ติมสีแบบไล่ระดับโทนสีหรอื ความทึบ Blur ใช้ระบายภาพให้เบลอ Bern ใชร้ ะบายเพ่ือให้ภาพมืดลง Dodge ใช้ระบายเพ่ือให้ภาพสวา่ งข้นึ Pen ใช้วาดเสน้ พาธ (Path) Horizontal Type ใชพ้ มิ พต์ วั อักษรหรือข้อความลงบนภาพ Path Selection ใชเ้ ลอื กและปรบั แต่งรปู ทรงของเสน้ พาธ Rectangle ใช้วาดรูปทรงเรขาคณิตหรือรูปทรงสำเรจ็ รูป Hand ใชเ้ ลอ่ื นดสู ่วนตา่ ง ๆ ของภาพ Zoom ใชย้ ่อหรือขยายมมุ มองภาพ Set Foreground Color, Set Background Color ใชส้ าหรับกาหนดสี - Foreground Color และ Background Color เปิดแสดงหนา้ กระดาษ แบบ Full screen

ความหมายและความสาคัญของเลเยอร์ Layer เลเยอร์ Layer ช้นิ งานย่อย หรือเรียกให้เข้าใจง่ายคือ ช้นั ของชน้ิ งานใหญ่ เปน็ หลักการทำงานของโปรแกรม Photoshop นน่ั คอื การนำชัน้ ตา่ งๆ มาผสมกนั เพือ่ ปรบั แตง่ ใหเ้ กดิ ความสวยงามมากขึน้ เลเยอร์สารมารถแสดงหรอื ซอ่ น (Show or Hide Layer) การคลกิ ท่รี ูปดวงตาแตล่ ะครัง้ จะเป็นการเปิดเพอ่ื แสดง หรือปิดเพื่อซ่อนสิ่งที่อยู่ในเลเยอร์ เช่น ถ้าเราไม่ต้องการให้แสดงภาพของเลเยอร์ใด ก็ทำการปิด หรือซ่อนไป คัดลอก และ ทำซ้ำเลเยอร์ (Copy and Duplicate Layer) แบ่งเป็น การคัดลอกเเลเยอร์จากชิ้นงานหน่ึงไป ยังอีกชิ้นงานหน่ึง ทำได้หลายวธิ ี - คลกิ เลเยอร์ทต่ี ้องการทำการคัดลอก ใช้โปรแกรมเมนู Edit เลอื ก Copy หรือกดปมุ่ Ctrl Cคลกิ Tab ของ ชิ้นงานที่เราตอ้ งการจะใหเ้ ลเยอรน์ นั้ มาวางไว้แล้วคลิก Edit เลือก Paste หรอื กดปุ่ม Ctrl V - คลิกเลเยอร์ที่ต้องการทำการคัดลอก คลิกขวาที่เม้าส์ เลือก Duplicate Layer จะได้หน้าต่างตามภาพ ดา้ นล่าง ใสช่ ื่อในช่อง Destination ใหเ้ ปน็ ช่อื ช้นิ งานท่ีเราต้องการนำเลเยอรน์ ไ้ี ปไว้ - คลิกเลเยอรท์ ่ีต้องการทำการคัดลอกคา้ งไว้ แลว้ ลากไปยังอีก Tab ของอกี ช้นิ หนง่ึ โดยตรง ตัง้ ชอ่ื เลเยอร์ (Name Layer) วิธีตั้งชอื่ ให้กับเลเยอร์ ทำโดยดบั เบิ้ลคลกิ ทช่ี ื่อบนเลเยอรน์ ั้น และพิมพ์ชื่อ เสรจ็ แลว้ Enter สำหรบั Photoshop CS6 เมอ่ื พิมพ์ชื่อเลเยอรห์ นงึ่ เสรจ็ แลว้ สามารถกด Tab เพ่ือเลือ่ นไปยงั เลเยอร์อน่ื เพอ่ื ทำการพมิ พ์ ชอื่ ไดเ้ ลย ไม่ต้องมาทำซ้ำข้ันตอนเดิม ทำใหป้ ระหยัดเวลาได้มาก

คลิปปงิ้ เลเยอร์ (Clipping Layer) หมายถึงการทำให้เลเยอร์หน่ึงมีผลกับอีกเลเยอร์หน่ึงเท่านั้น ไม่ไปกระทบเลเยอร์อื่นซ่ึงอยู่ถัดลงไป จากภาพ จะเห็นเลเยอร์ Wood Gain ซึ่งเป็นลายไม้ ต้องการให้ลายไม้นี้มผี ลกับกรอบภาพซึ่งเป็นเลเยอร์ Frame ที่อยู่ถัด ลงไปด้านล่างเท่านั้น จึงใช้การ Clipping ซึ่งจะเห็นลูกศรอยู่ที่ด้านหน้านของเลเยอร์ Wood Gain การทำเช่นนี้ จะทำให้ได้กรอบภาพที่มีลายไม้สวยงามขึ้นมาแทนกรอบสีแดงเหลือง ในเลเยอร์ Frameการทำ Clipping โดย การใช้คีย์ลัด ให้กดปุ่ม Alt แล้ววางเม้าส์ไว้ระหว่างทั้งสองเลเยอร์ จากนั้นคลิก หรือถ้าจะใช้คำสั่งโปรแกรมเมนู Layer เลอื ก Create Clipping Mask (คยี ์ลัด Alt + Ctrl + G) ถ้าตอ้ งการยกเลกิ กเ็ พียงแคท่ ำซำ้ วธิ เี ดิม โปรแกรม เมนู Layer เลอื ก Release Clipping Mask หรอื กดปุม่ Alt แลว้ คลิกเม้าสท์ เ่ี ดิมอีกครง้ั การนำภาพเข้าใชง้ าน วธิ กี ารคือ ปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนต่อไปนี้ ไปท่ี File (1) > Open (2) เลือก Folder ท่ีมีรูปทเ่ี ราต้องการ เลอื กรูป น้นั แลว้ กด Open เลอื กไฟลร์ ูปท่ีต้องการแลว้าจากนัน้ กด Open

จะได้รปู มาปรากฏอยทู่ ี่ Stage หรอื พืน้ ท่ีการทางานดงั รูป ตามตวั อย่างด้านลา่ ง การบันทึกงาน เมื่อไดแ้ ต่งรปู เสร็จเรียบรอ้ ยแล้ว เราตอ้ งการบนั ทึกการทำงาน ทำตามขั้นตอนดงั ต่อไปน้ี 1. ไปที่ File > Save as จะปรากฏหนา้ ต่างดงั รปู ดา้ นล่าง - ชอ่ ง File name คือให้เราตั้งชอื่ งาน - ชอ่ ง Format คอื การบันทึกไฟล์งานประเภทต่างๆ เชน่ PSD, JPEG , TIFF และอ่นื ๆ - เมอื่ เลือกเสร็จเรียบร้อยแล้ว กด Save ก็จะทำการบันทึกสำเร็จ - เมอ่ื นกั เรยี นบันทกึ เสรจ็ แล้วจะปรากฏ icon ไฟล์ PSD

2. การใชง้ านโปรแกรม Adobe Illustrator โปรแกรม Adobe Illustrator เป็นโปรแกรมที่ใช้ สำหรับการวาดภาพในแบบที่เป็นภาพลายเส้น ซึ่งจะแตกต่าง จากโปรแกรม Adobe Photoshop ที่เน้นในเรื่อง ของการแต่งภาพ ดังนั้นในหัวข้อนี้จึงเน้นหนักไปที่การใช้ เครื่องมือที่เป็น Pen tool เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งโปรแกรม Adobe Illustrator นี้จะนิยมใช้ในงานออกแบบต่างๆเชน่ โลโก้ นามบตั ร ออกแบบปกหนงั สอื ฉลากสินคา้ ฯลฯ เป็นตน้ การสร้างเอกสารใหม่ คลิกที่เมนู File และคลิก New เพื่อสร้างเอกสารใหม่ดังภาพ กำหนดขนาด เอกสารเป็น A4 และวาง กระดาษในแนวตงั้ จากนั้นคลกิ ป่มุ OK • Name สำหรบั ตัง้ ช่ือชน้ิ งาน • Profile มอี ยู่ดว้ ยกันหลายแบบ แตส่ ่วนมากจะเลือกท่ี Print • Number of Artboards สำหรับเลือกจำนวน Artboard ที่ต้องการใช้งาน ถ้าเลือกมากกว่าหนึ่ง จะมี ส่วนท่เี กย่ี วขอ้ งเพมิ่ ข้ึนคอื ในสว่ นของ Grid, Arrange and Layout ให้กำหนดเพ่มิ • Spacing ชอ่ งว่างแตล่ ะ Artboard • Column จำนวนคอลัมนท์ ตี่ ้องการแสดง • Bleed คอื การกำหนดพน้ื ท่ีพิเศษรอบช้ินงาน เหมะกบั การกำหนดเพ่ือทำ Name Card ถา้ เปน็ งานปกติ อาจจะเพิ่มนิดหน่อยเช่น 0.125 โดยการคลิกที่ลูกศร อันใดก็ได้ เพราะถ้าเราคลิกไอคอน link ที่อยู่ ด้านหลังไว้ก็จะปรับตัวเลขให้เท่ากันหมดในทุกส่วน และเมื่อเปิดชิ้นงานขึ้นมาจะเห็นเส้นสีแดง รอบ Artboard Advance ใชส้ ำหรับกำหนด Color Mode ซ่ึงค่า Default จะเป็น CMYK • Raster Effect ควรเลอื ก High (300 ppi) • Preview Mode เลือก Default • สำหรบั ในส่วน align to pixel grid ไม่ต้องเลอื ก

เมอื่ ไดห้ น้าต่างเอกสารใหม่แล้วให้คลิกท่ีเมนู View เพ่ือให้ โปรแกรมแสดงแถบไมบ้ รรทัดและเสน้ ตาราง โดย คลิกที่เมนู Show Grid แลคลกิ เมนู Rulers และ Show Rulers ในหน้าตา่ งทีแ่ สดงแถบไม้บรรทัดและเส้นตาราง น้กี ็พรอ้ มทจ่ี ะเขา้ ส่งู านในด้านการออกแบบ หลกั การทำงานของ Layer เลเยอร์ (Layer) หมายถึง ชั้น โดยในการจัดภาพที่เรียงทับซ้อนกัน การทำงานของเลเยอร์มีลักษระคล้ายกับการ นำแผน่ ภาพมาทบั ซ้อนกันเปน็ ชั้น ๆโดยแผน่ ภาพแต่ละแผน่ เปรียบเสมือนเลเยอร์แต่ละเลเยอร์ ซ่ึงเราสามารถทำ การซ่อน แสดงผลได้ จากรูปตัวอย่างจะเห็นว่า ในขณะที่เราทำงานในโปรแกรม illustrator กับรูปภาพ ในส่วน ของเลเยอร์ จะแสดงใหเ้ หน็ วา่ มกี ารซอ้ นกันของภาพ โดยแต่ละเลเยอร์จะบอกหมายเลขเลเยอร์ไว้ Layer panel มีหลายส่วนคล้ายกับ Layer ของโปรแกรม Photoshop เช่นคลิก Create New Layer เพื่อสร้าง Layer ใหม่ หรือ คลิกที่ชื่อ Layer เพือ่ แกไ้ ขช่ือ แตม่ จี ดุ ทีไ่ ม่เหมือนคือ ในส่วนของ Click to Target คอื ปุ่มทีอ่ ยู่ด้านท้ายของแต่ ละ Layer เม่ือคลิกแล้วจะรวู้ ่า Object ใดอย่ตู รงใหนเพราะจะมี Bounding Box แสดงขน้ึ มาท่ี Object นน้ั การปรบั ขนาด Layer Thumbnail ทำโดยคลกิ ทีล่ กู ศรบนแถบ Layer Panel เลอื ก Panel Option ปรบั แต่งในส่วนของ Row Size และ อน่ื ๆ ตามต้องการ การยา้ ยตำแหนง่ Layer ใหค้ ลกิ บนพ้ืนที่ว่างของ Layer ค้างแลว้ ลากไปไวท้ ตี่ ำแหน่งต้องการ

การเปลีย่ น Layer เมือ่ มกี ารสรา้ ง Layer เปล่า ขึน้ มา แล้วต้องการย้าย Layer ทมี่ อี ยู่เดมิ มาไวเ้ พ่ือแยกเปน็ รายการเฉพาะ ทำได้โดยการคลิกค้างตำแแหน่งว่างถัดจากปุ่ม Click to Target จะมีกรอบสี สี่เหลื่ยมเล็กแสดงให้เห็น จากนั้น คลิกที่กรอบสีนี้ แล้วลากมาไว้ท่ี Layer ที่สร้างขึ้น ถ้าเลเยอร์นั้นมีการใส่สีไว้ เมื่อย้าย Layer มาแล้วจะเปลี่ยนสี ให้ตาม Layer ทส่ี ร้างไว้ Layer ทถี่ ูกนำมาใส่ จะเปน็ Sub Layer ของ Layerทีส่ ร้าง การใสส่ ี และกำหนดค่าตา่ งๆ ให้กบั Layer ทำไดโ้ ดยดับเบิล้ คลกิ บนท่วี ่างของ Layer จะมหี น้าต่าง Layer Option แสดงขน้ึ มา สามารถเปลี่ยน ชอื่ สี และอนื่ ๆ ไดจ้ ากทน่ี ี่ การล็อค และ การลบ Layer ใหค้ ลิกชอ่ งทอ่ี ยถู่ ดั จากไอคอนรปู ดวงตาบน Layer จะเปน็ การลอ็ ค และปลดลอ็ คก็เพยี งคลกิ ทเี่ ดิมซ้ำ อกี คร้ัง สามารถล็อค Sub Layer ได้โดยไมต่ ้องล็อค Layer ใหญ่ หรือถ้าจะล็อคทง้ั หมดก็ลอ็ คที่ Layer ใหญ่ สว่ นการลบ Layer ก็เพียงคลกิ ที่ Layer นัน้ แลว้ มาคลิกที่ไอคอนถงั **** การจัดการ layer ใน illustrator แม้จะไม่สำคัญมากเท่ากับ photoshop แต่ถ้ามีวัตถุมากช้ิน การแยก layer ก็จะป้องกนั ความสับสนในการปรบั และแก้ไขได้งา่ ยข้นึ การกำหนด Artboards Layout ใช้สำหรับกำหนด Layout ให้กับการสร้าง Artboards หลายชิ้นในหนึ่งชิ้นงาน การสร้างนี้จะทำขณะที่สร้าง งานใหม่ แล้วเลอื กไอคอนตา่ งๆ ซึง่ มี 5 แบบดว้ ยกัน เมอื่ เลอื กรปู แบบ Layout ได้แลว้ ใหก้ ำหนดความกวา้ งระหวา่ Artboards ได้จาก Spacing คำศัพทค์ วรรู้

Artboard = ชิ้นงานเปลา่ ตอนทเ่ี ปิดขืนึ มา Artwork = ส่วนต่างๆ ทีร่ วมกนั อยบู่ น Artboard เชน่ Object, Path Attribute = ไดแ้ ก่ ส่วนของ Fill, Stroke, Effect ตา่ งๆ การ Edit Artboard ทำได้โดยการใชเ้ มนู File - Document Setup - Edit Artboard การใช้คำสั่งนี้จะให้ Artboard ที่มีอยู่ มีผลกับ Artborad Tool รวมทั้งถ้ามีการเพิ่มArtborad ใหม่ก็จะมีผลกับ เครื่องมีอ Artborad Tool เชน่ กัน สามารถปรับเลอ่ื นตำแหนง่ Artborad ไดใ้ น Artborad Panel การปรบั ขนาด Artboards ถ้าต้องการเปลี่ยนขนาด Artboards ให้คลิกเลือกเครื่องมือ Artboard Tool (Shift + O) แล้วทำการคลิก Artboard ทต่ี อง้ การปรับเปลย่ี นขนาด จากนน้ั ลากปรับขนาดไดต้ ามต้องการ ถ้าตอ้ งการขนาดทีแ่ นน่ อน ให้พิมพ์ ตวั เลขทีแ่ ถบด้านบน ในสว่ นของ W and H และยงั สามารถคลิกเลือก Artboard เพ่ือเลอ่ื นตำแหน่งได้อีกดว้ ย Selection Tools ( V ) เป็นเครือ่ งมอื ทใี่ ช้สำหรับการเลือกท้ังหมด เชน่ Object, Path ต่างๆ เปน็ ตน้ Direction Selection and Group Direction Tool ( A ) เป็นเครื่องมือทีใ่ ช้ในการเลอื กเฉพาะส่วน แต่ถ้าใช้ Group Direction Tool แล้วทำการคลิกคร้ังแรก จะเป็นการ เลอื กเฉพาะส่วนทค่ี ลกิ ถา้ คลกิ ครั้งทสี องจะเลือกเพิม่ สว่ นอน่ื คลิกคร้ังตอ่ ไปเป็นการเลอื กท้ังหมด การปรับเปล่ียนรปู ร่าง Transform Object ใช้ Selection Tool คลิกที่ Object นั้น จะทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้โดยการลากปรับขนาดของ Bounding Box ที่คลุม Object โดยให้สังเกตุเม้าส์จะเปลี่ยนเป็นหัวลูกศรสองฝั่ง ถึงจะทำการลากเปลี่ยนขนาด ได้ หรือทำ Rotating ได้ หรือจะคลิกไอคอนเครื่องหมายลูกศรโค้ง นั่นคือเครื่งอมือ Rotate Tool ( R ) มาทำ การ Rotate โดยตรงก็ได้เช่นกนั ส่วนถ้าใช้เคร่ืองมือท่ีติดกับ Rotate Tool นั่นคือ Scale Tool ( S ) เมื่อคลิกที่ Object จะไม่เหน็ Bounding Box แต่สามารถคลกิ และปรับขนาดได้เลย การทำ Repeating Transforming ถา้ ต้องการใชค้ ำสงั่ เพือ่ ให้เกดิ ผลเหมือนกบั การกระทำคำสงั่ ก่อนหน้า หลงั จากที่ได้ทำคำสง่ั นน้ั แลว้ เช่น การ Copy สามารถใช้ คำสัง่ Ctrl + D เพ่อื ให้เกดิ การ Copy ซ้ำได้

การทำ Reflection and Skewing Object ใช้ Selection Tool คลิกที่ Object นั้นแล้วใช้เครื่องมือ Reflect ซึ่งอยู่รวมกับ Rotate Tool จากนั้นให้กด ปุ่ม Alt ก่อนที่จะคลิก เมื่อคลิกแล้วจะมีหน้าต่าง Reflect แสดงขึ้นมาเพื่อทำการตั้งค่า โดยสามารถเลือกการ Reflect แบบ Vertical หรือ Horizental ได้ รวมทั้งสามารถกำหนดองศาได้ด้วย ถ้าต้องการเห็นการเกิดส่วนที่ Reflect ให้คลกิ เลือกท่ี Preview ถา้ ตอ้ งการทำ Reflect Object แบบสรา้ งเพิ่มให้กดทแ่ี ถบ Copy จากนั้นกด OK สว่ นการ Skew ทำไดจ้ าก Tranform Panel ในส่วนของ Shear หรอื จะทำจากเครืองมือ Shear Tool ซ่งึ อยู่ รวมกับ Scale Tool ทำการคลิกแลว้ ลากให้เกิดการ Shear การทำ Align and Distribution bjects ให้ใช้เมนู Window - Align เพ่ือเป็นการเปิด Align Panle สว่ นการทำน้ันต้องเลือก Object ทจ่ี ะทำการ Align ก่อน แล้วเลือกรูปแบบการ Align ซึง่ จะเกิดการ Align กับ Artboard หรือจะใช้เครื่องมือบนแถบเมนูของ Selection tool ก็ได้เชน่ กัน

การสรา้ ง Swatch Color and Global Swatch Color มีวิธีการทำได้สองแบบ โดยการคลิกที่ Object แล้วมาคลิกไอคอน New Swatch บน Swatch Panel จะได้ หน้าตา่ ง New Swatch ขึน้ มา จากนั้นทำการตงั้ ชือ่ หรอื คลิกสบี นแถบเครอ่ื งมือแล้วลากไปท่ี Swatch Panel ก็ จะได้สีนั้นเก็บไว้ที่ Swatch Panel ถ้าดับเบิ้ลคลิกที่สีนั้น ก็จะมีหน้าต่าง Swatch Option จากนั้นให้ตั้งช่ือ Color ถ้าต้องการสร้างสีนี้ให้เปน็ แบบ Gobal ก็ให้คลิกเลือกทีช่ ่อง Global การเลือกเป็นแบบ Global จะทำให้ กรอบสีนั้นมีสัญญลักษณ์สามเหลี่ยมที่มุมล่างขวาให้เห็นด้วย เพราะเมื่อเปลี่ยนสีที่ใช้ร่วมกันใน Object ที่เป็น Global Color ก ็ จ ะ ม ี ก า ร อ ั พ เ ด ท เ ป ล ี ่ ย น ส ี ใ ห ้ ห ม ด ท ุ ก Object ท ี ่ ไ ด ้ ใ ช ้ Global Swath Color น้ี การลบสจี าก Swatch Panel ก็เพียงแต่คลิกทส่ี นี ัน้ แลว้ มาคลกิ ทรี่ ปู ถงั จะมหี นา้ ตา่ งยืนยันการลบสีนั้น ให้กด เลอื ก Yes การสรา้ ง Color Group ให้ทำการเลือกสีบน Swatch Panel แลว้ คลกิ ท่ีไอคอน New Color Group จากน้นั ทำการตง้ั ช่ือ การกำหนด Swatch Option ทำไดโ้ ดยคลิกสีบน Swatch Panel แล้วมาคลิกที่ไอคอน Swatch Options จากนั้นทำการปรับตัง้ ค่าสตี ่าง การสรา้ ง Spot Color เหมอื นการสร้าง Swath Color แตเ่ ลอื กเป็น Spot Color ในแถบของ Color Type (ประกอบด้วย Process Color and Spot Color) จะมีสัญญลกั ษณท์ ่ีตำแหน่งเดยี วกับการสร้าง Global Color

การใช้ Swatch Libraries Menu ไอคอนของ Libraries จะอยทู่ ่ีมุมซา้ ยลา่ งของ Swath Panel ถา้ ต้อการ Importing Swatch ให้คลกิ เลือก ท่ี Other Library แล้วเลอื กไฟล์สีที่บันทึกเก็บไวท้ ี่คอมพิวเตอร์ จะไดห้ นา้ ตา่ งสขี ้นึ มาทโ่ี ปรแกรมอีกหน่ึงอัน ให้ ดบั เบล้ิ ทโ่ี ฟลเดอรส์ ที ่ีตอ้ งการกจ็ ะไปสรา้ งไวท้ ่ี Ai Swath Color แตถ่ ้ามีการเปิดชนิ้ งานใหม่จะต้องทำการ Import ใหม่ โดยใชเ้ มนู Window - Swatch Libraries - Other Libraries เชน่ เดิม ถ้าต้องการสง่ โฟลเดอรส์ มี า เก็บไวใ้ ช้ท่ีโปรแกรม ใหท้ ำการคลิกลูกศรบนแถบ Swath - Save Swatch Library as ASE or as AI การสร้างตัวหนงั สือ ตัวหนังสือของโปรแกรม Illustrator จะเป็นตัวหนังสือที่สร้างบนเส้น Path ประกอบด้วย Point and Area text และวิธีการใช้งานเหมือนกับโปรแกรม Test in Photoshop การปรับขนาด และ Rotate เมื่อพิมพ์ ตัวหนังสือแล้วสามารถปรับขนาดโดยการการใช้ Selection Tool คลกิ ท่ี Bounding box ลากปรับขนาดได้เลย การสร้าง Link Area Text เริ่มแรกให้สร้าง Area text ขึ้นมาหนึ่งอันก่อน จากนั้นเมื่อพิพม์ข้อความใน Area แรกเต็มแล้วจะเห็น เครืองหมาย + ที่กรอบด้านล่างขวา ให้เปลี่ยนเป็น Selection Tool ก่อน แล้วคลิกที่ Area Text แรก แล้วมา คลิกที่เครื่องหมาย + จะเห็นเครื่องหมาย Area Text ทีเม้าส์ ก็ให้ทำการลากแถบ Area Text เพ่ิมใหม่ได้เลย ***กรณที ี่มีการสร้างกรอบ Area Text ไว้ก่อนแลว้ การ Link ให้คลกิ เครื่องหมาย + ของ Area Text แรก แลว้ นำไปคลกิ กบั กรอบ Area Text ทีส่ รา้ งไวส้ ำหรับการ Link ได้เลย การยกเลิกการ Link Area Text ให้คลิกที่เครื่องหมายมุมบนซ้ายของ Area Text ที่ต้องการยกเลิกการ Link จะเห็นเครื่องหมาย Unlink จากนน้ั ให้มาคลิกทเ่ี ครอ่ื งหมายการ Link ทดี่ ้านลา่ งขวาของ Area Text ท่ีเปน็ ตัวท่ี Link ไว้ การสรา้ ง Type on Path ให้เปลี่ยนเป็นเครื่องมือนี้ หรือขณะอยู่ที่เครื่องมือ Type ธรรมดา ให้กดปุ่ม Alt ก็ได้ หลังจากพิมพ์เสร็จ แล้วให้เปลี่ยนเป็น Selection Tool ก็จะเห็นสัญญลักษณ์ Control Handle ที่ใช้ในการปรับแต่ง การปรับแต่ง หรือลากตวั หนังสือ ใหค้ ลกิ ทีก่ า้ นของ Handleก้านของ Handle ใชส้ ำหรับลากเล่ือนตัวหนังสือ และก้านสำหรับ เลือนเข้าออกด้านในและนอก Path ให้นำเม้าส์ไป Hover ที่ก้านแต่ละก้าน จะมีเครื่องหมายบอกไว้ เมื่อเลอ่ื นตัวหนังสือ แล้วทำใหบ้ างสว่ นไมเ่ ห็น แสดงวา่ ต้องมีการลากเส้นปลายยอ้ นกลับมาถึงจะเหน็

การสร้างตวั อกั ษร 3D ขั้นตอนการทำ 1. เปิดเอกสารขึ้นมาใหม่ แล้วพิมพต์ ัวอักษรตามต้องการพรอ้ มใสส่ ตี ามใจชอบ 2. ไปทีเ่ มนู Effect > 3D > Extrude & Bevel 3. จะปรากฏหนา้ ตา่ งออกมา ให้ปรับตง้ั ค่าดังภาพขา้ งล่างน้ี แลว้ กด OK 4. เสร็จแลว้ จะไดร้ ูป

การ Save Artwork ใช้เมนู File - Save As ทำการตั้งชื่อ ในส่วนของ Save as type ให้เลือกเป็น Adobe Illustrator (*AI) เมื่อคลกิ Save จะไปทหี่ น้า Option ใหป้ ล่อยตามคา่ Default แลว้ กด Save การ Save File บางครงั้ การท่ีโปรแกรมที่ใชน้ ั้นเป็นเวอรช์ ่ันใหม่กวา่ ผอู้ ื่นซึ่งใช้เวอร์ช่ันเกา่ กว่า อาจทำให้ไม่สามารถเปิด ชิ้นงานที่ส่งไปให้ได้ ดังนั้นควรจะมีการปรับการ Save ชิ้นเพื่อให้โปรแกรมรุ่นเก่ากว่าเปิดได้โดยใช้เมนู File - Save as เมื่อตั้งชื่อแล้วกด Save จากส่วนนี้ให้เลือกในส่วนของ Version ให้เป็นรุ่นที่ต้องการ แต่ถ้า เลือก Version ที่ต่ำกว่ามากอาจทำให้โปรแกรมตัด Attribute ในเวอร์ชั่นใหม่ที่ได้สร้างขึ้นออกไป เพราะฉะนั้น ตอนสร้างชิ้นงานควรนึกถึงในสว่ นนี้ดว้ ย การ Saving Template คือการสร้าง Artwork เพื่อให้เป็นต้นแบบแล้วให้ผู้อื่นสามารถนำไปใช้ได้ เช่น Template ของ นามบัตร ในการสรา้ งน้จี ะตอ้ งทำการล็อคเลเยอร์ของ Object ทไี่ ม่ตอ้ งการใหเ้ ปลีย่ นก่อนทำการ Save ดงั นั้นผู้ท่ี นำไปใช้ จะสามารถแกไ้ ขเฉพาะสว่ นที่กำหนดใหเ้ ปลี่ยนไดเ้ ท่านั้น เชน่ สามารถเปลีย่ นเฉพาะช่ือ แล้วก็สั่งพิมพ์ได้ เลย วิธีการทำโดยใชเ้ มนู File - Save as Template นามสกลุ ของงานจะเปน็ xxx.ait (adobe illustrator template) ส่วน Save as type กำหนดใหเ้ ป็น Illustrator Template (*AIT)

วิธีเปิด Template File ทำโดยใช้เมนู File - New from Template แล้วเลือกรูปแบบที่เป็น Preset หรือที่ได้ สร้างไวม้ าใช้งาน การ Save ช้นิ งานใหเ้ ปน็ PDF File การส่งงานในรูปแบบนี้ดีที่สุด เพราะส่วนมากทุกเครื่องจะมีโปรแกรมอ่าน PDF File วิธีทำคือใช้ เมนู File - Save as - PDF จากนั้นตั้งค่าในส่วนต่างๆ General : Adobe PDF Preset = เลือกเป็น Illustrator Default แต่ถ้าเลือก PDF/X จะเป็นรูปแบบของโรงพิมพ์, ส่วน Press Quality ดีที่สุด, Smallest File Size เหมาะสำหรับเว็บ Standard = ระบบจะตั้งให้ตามการเลือกค่า Preset Compatibility = เป็นการเลือก รปู แบบโปรแกรมทใ่ี ช้ในการอ่านไฟล์สำหรบั ส่วนอน่ื ๆ กส็ ามารถตั้งค่าได้อกี มากมาย การ Save for Web วิธีนี้ใช้เพื่อการลดขนาดชิ้นงานให้เล็กลงเพื่อเหมาะสมกับการใช้งานบนเว็บไซด์ วิธีทำโดยการใช้ เ ม นู File - Save for Web ส า ม า ร ถ Save เ ป ็ น ไ ฟ ล ์ อ ะ ไ ร ก็ ไ ด ้ เ ช ่ น Jpeg, gif, png แ ต ่ ถ ้ า ช ิ ้ น ง า น มี Gradient ประกอบอยู่ด้วยไม่ควรทำเป็น Gif File จากนั้นก็ปรับตั้งค่าให้เหมาะสมกับแต่ละประเภทไฟล์ เพื่อใหช้ ้ินงานยงั คงรักษารายละเอยี ด ความสวยงาม การ Export to be High Resolution Bitmap Image โดยการ Export เป็น TIFF File ซึ่งเหมาะกับงาน Commercial Print วิธีทำคือเปิดเมนู File - Export - ทำการตง้ั ชือ่ ชิน้ งาน และเลือกประเภทเปน็ TIFF จะมหี นา้ ต่าง TIFF Option แสดงขนึ้ มาเพ่อื ทำการต้ัง ค่าต่างๆ ตามภาพ ส่วนถ้าเลือก LZW จะทำใหม้ กี ารบีบอัดไฟลง์ าน

หนว่ ยท่ี 4 ปา้ ยโฆษณา ป้ายโฆษณา คือ สื่อประเภทหนึ่งที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้า หรือการแนะนำให้คนอื่นรู้จักสินค้า ผ่าน รูปภาพ ถ้อยคำที่สั้น กระชับ โดดเด่น ไว้สำหรับเผยแพร่ในที่สาธารณะ สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้มาก และนับได้ ว่าเป็นสื่อโฆษณาทีใ่ ช้กันอย่างแพร่หลายในทุกวงการในปัจจุบันอกี ด้วยป้ายโฆษณา เป็นลักษณะรูปแบบต่างๆ ที่ ตดิ ตง้ั อยกู่ ับท่ีตามตัวอาคารภายนอก ภานใน หลังคาตึก มุมถนน ขา้ งทาง บริเวณที่มผี ู้คนสัญจรผ่านไปมามาก ๆ หรอื เป็นการโฆษณาเคลอ่ื นท่ีไปในทต่ี ่าง ๆ เพอื่ ให้มีผคู้ นพบเห็นไดเ้ ป็นจำนวนมาก ลักษณะท่ดี ีของป้ายโฆษณา - ตอบสนองจุดประสงค์ในการสอื่ ความหมายไดอ้ ย่างสมบรู ณ์ - มีความชดั เจนในภาพลกั ษณ์ และขอ้ ความทีใ่ ช้ในการสื่อความหมายต้องมคี วามชัดเจน มีขนาดท่เี หมาะสม - รูปภาพและข้อความทน่ี ำเสนอต้องสอดคลอ้ ง สมั พนั ธก์ นั และส่งเสริมซง่ึ กันและกนั - สามารถเข้าใจได้งา่ ย ดงึ ดูดความสนใจกลุ่มเปา้ หมายให้ได้มากที่สดุ ขอ้ ดขี องปา้ ยโฆษณา - ครอบคลุมพ้ืนทกี่ ว้างขวาง และสามารถเลือกต้งั เฉพาะพน้ื ท่ีได้ - มีความถ่ใี นการมองเห็นบ่อย เพราะจุดติดต้ังสว่ นใหญเ่ ป็นเสน้ ทาง หรอื บรเิ วณท่ีต้องเดินผา่ นไปมาเสมอ - สามารถดงึ ดูดความสนใจไดด้ ี - ไม่มีข้อจำกดั ในเรอื่ งเวลาในการนำเสนอข้อมลู - ขอ้ ความที่กะทดั รัด ทำให้เกิดความสนใจและเปน็ จดุ เด่นทท่ี ำให้เกิดความจดจำ ขอ้ เสียของปา้ ยโฆษณา - การนำเสนอข้อมลู มขี อ้ จำกัดสูง ทำให้ขาดรายละเอยี ดเมือ่ เปรียบเทียบกับสือ่ ชนดิ อ่นื ๆ - การตดิ ตง้ั ในตำแหนง่ ท่ีไม่เหมาะสม ทำให้ได้รบั ความสนใจน้อย - การผลิตจำเปน็ ต้องใช้ความละเอียดอ่อนสูง เสยี คา่ ใช้จา่ ยมาก - อาจทำให้เกะกะ กดี ขวางไม่สมั พนั ธ์กับส่ิงแวดลอ้ ม การเลือกปา้ ยใหเ้ หมาะสม ปา้ ยโฆษณานนั้ มมี ากมายหลากหลายรปู แบบ ดังนัน้ ส่ิงสำคญั ทีส่ ุด ต้องดหู ัวใจสำคัญของธุรกจิ รวมถึงกลุ่ม ลูกค้าเป้าหมายของท่านเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น ท่านจะเปิดร้านอาคารแห่งหนึ่ง ถ้าหากต้องการจะเปิด ดำเนินการช่วงเย็น กค็ วรเลือกทำปา้ ยกล่องไฟหนา้ รา้ นและภายในรา้ นเพ่ือทำใหล้ ูกค้ามองเห็นป้ายของได้ชัดเจน เป็นต้น ดังนั้นการเลือกทำป้ายรปู แบบไหนน้ันต้องดูความเหมาะสมด้วย อีกปัจจัยหนึ่งก็คือเรื่องของงบประมาณ เนื่องจากป้ายแต่ละชนิดนั้น ใช้เงินลงทุนแตกต่างกัน เช่น ป้ายทาวเวอร์หรือป้ายตั้งเสาขนาดใหญ่ ที่บรรดาโชว์ รูมหรือศูนย์บริการรถยนต์นิยมใช้นั้น ใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ในขณะที่ป้ายไวนิลนั้น ใช้เงินลงทุนค่อนข้างน้อย เป็นต้น หรือจะดูปัจจัยด้านทำเลหรือสถานที่ ต้องพิจารณาว่า จุดที่ต้องการทำป้ายนั้นมีความเหมาะสมกับป้าย รูปแบบไหน เชน่ หากเปน็ บรรดาร้านค้าท่ีใช้อาคารพาณิชย์หรือตึกแถวเป็นท่ีจำหน่ายสินค้า ป้ายท่ีนิยมทำกันคือ ป้ายโครงเหล็กหน้าอาคาร ใช้แผงตัวซี ตัวZ หรือเมทัลชที และใช้ตัวอักษรโลหะทำเป็นรายละเอียดด้านหน้ารา้ น หรือแหง่ กน็ ิยมใชไ้ วนลิ ขึงบนโครงเหล็กถักหน้าอาคาร เปน็ ตน้

องคป์ ระกอบของปา้ ยโฆษณา มีดังนี้ 1. วัสดขุ องปา้ ยโฆษณา ปา้ ยโฆษณามีหลายรปู แบบ วสั ดทุ ใี่ ชท้ ำปา้ ยโฆษณาก็มีหลายชนิดเช่นเดยี วกัน วิธีการเลือกวัสดุใช้ทำ ป้ายโฆษณาไม่ยาก อย่างแรกต้องรู้ก่อนว่าเราทำป้ายโฆษณาแบบไหน ต้องการให้อยู่นานคงทน หรอื ไมจ่ ะต้งั ภายในหรือภายนอกอาคาร มงี บประมาณเทา่ ไหร่ เน่อื งจากวสั ดแุ ตล่ ะประเภท มีคุณสมบตั ิ และราคาต่างกัน เช่น ใช้ไม้ ก็อาจจะมีราคาถูกกว่าป้ายผ้าไวนิล แต่ป้ายที่ทำจากไม้อาจไม่เหมาะสม สำหรับการติดตั้งในที่สูงๆ เป็นต้น สำหรับวัสดุที่ใช้ทำป้ายอื่น เช่น แผ่นอะลูมิเนียม แผ่นพลาสติก อะคลิลกิ แผน่ พลาสวูด เป็นตน้ 2. ขนาดของปา้ ยโฆษณา ขนาดของป้ายโฆษณามีความสำคัญมากสำหรับการทำปา้ ยโฆษณา เพราะเปน็ ปจั จยั ที่มีผลกระทบต่อ ส่วนอื่นๆ เช่น ถ้าต้องการใช้ป้ายโฆษณาใหญ่ ราคาก็จะสูงตามไปด้วย เพราะใช้วัสดุขนาดใหญ่ กว่าเดิม ค่าผลิตส่วนอื่นๆ ก็จะแพงขึ้น แต่ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน คือ สามารถใส่ข้อความได้มากข้ึน หรือใหญ่ขึ้นกว่าเดิม รวมถึงคนสามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่า ดังนั้นไม่ว่าจะขนาดใด ก่อนลงมือส่ัง ทำป้ายโฆษณาควรวางแผนและออกแบบมาให้แน่นอนก่อน ว่าต้องการให้คนเห็นขนาดไหน จะไปต้ัง ที่ใด เพือ่ ให้ไดป้ า้ ยโฆษณาท่ีราคาเหมาะสมกบั คุณภาพ และใช้งานไดด้ ีตรงตามวัตถุประสงค์ 3. ขอ้ ความในป้ายโฆษณา ส่งิ ท่ีต้องคำนึงอีกข้อหน่ึงในการทำป้ายโฆษณา คอื ข้อความ ทีจ่ ะต้องนำเสนอสิง่ ที่ต้องการส่ือถึงผู้รับ สารจริงๆ โดยจะต้องบริหารจัดสรรพื้นที่ของป้ายโฆษณากับข้อความที่ต้องการใส่ เพื่อให้ ข้อความ ออกมาพอเหมาะพอดี เพราะถ้าข้อความหนาแนน่ มากจะทำให้ตัวอักษรเล็กลง มองไม่เห็นและไมน่ า่ อ่าน ดังนัน้ ขอ้ ความโฆษณาบนป้ายโฆษณาถือเป็นพ้อยท์ท่คี วรให้ความสำคัญเชน่ กัน วัสดทุ ำปา้ ยโฆษณา 1. พีพีบอร์ด/ฟวิ เจอร์บอร์ด Future Board PP Board แผ่นโพลีโพรพีลีน(Polypropylene Sheet)  หรือ เรียกสั้นๆว่า แผ่น พีพี บอร์ด(PP Board) ,  พลาสติกลูกฟูก(Corrugated Plastic),พลาสติก PP หรือที่รู้จักกันในชื่อ ฟิวเจอร์บอร์ด (Future Board) ที่มีที่มาจากชื่อยี่ห้อของ แผ่นพีพี บอร์ด ที่นิยมในช่วงแรกๆที่มีแผ่น พีพี บอร์ดเข้ามาใช้ใน ประเทศ จึงเรียกกันติดปาก ใช้เรียกแทนแผ่น พีพี บอร์ด จนถึงปัจจุบันแผ่น พีพีบอร์ด มีชื่อเรียกที่ หลากหลาย ไม่ใช้แค่ในประเทศไทย แต่ละที่จะมี ชื่อทางการค้าที่แตกต่างกัน อย่างเช่นใน อเมริกา นิยมเรียกว่า คอโรพลาสต์ (Coroplast), ในยุโรปนิยมเรียกว่า คอร์เร็กซ์ (Correx), ในออสเตรเลีย นิยมเรียกว่า ฟลุตบอร์ด (Fluteboard) และในญีป่ นุ่ นิยมเรยี กวา่ ปรุ ะดนั (Pladan) พพี ี บอรด์  นนั้ สามารถมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย มีความเหนียวแน่น ทนต่อการแตกหัก ฉีกขาด หรือเสียหาย จากแรกกระแทก กันน้ำได้ทนทานต่อการกัดกร่อน จากสารเคมี และน้ำมัน แผ่นพีพีบอร์ด ราคา โรงงาน คุณภาพดี ขายปลกี -ส่ง มหี ลายสีหลายขนาดและหลายสเปค

พพี บี อร์ด/ฟิวเจอรบ์ อรด์ 2. พลาสวูด แผ่นพวี ีซชี นดิ แข็ง (PVC Foam Sheet) ถกู ผลิตขน้ึ เพื่อใช้ทดแทนไมจ้ ริง มนี ำ้ หนกั เบา มคี ุณสมบัติ ทนต่อสภาพดินฟา้ อากาศไดด้ ี กวา่ ไม้เหมาะ กบั งานใชไ้ ดท้ งั้ ภายในและภายนอก ทนต่อการผุกรอ่ นไมด่ ดู ซึมความช่นื จึงไม่บวมนำ้ หรือพองน้ำเหมือน ไม้จริง หมดปัญหาเร่อื งแมลง ปลวก มอด เชื้อราตา่ งๆ สามารถฉลทุ ำลายศิลปต์ ่างๆจึงเป็นทน่ี ิยมใน สมัยนี้ พลาสวูดแบ่งเป็น 2 ประเภท 1. แบบ Indoor ลักษณะ จะเป็นPVC Foam Sheet ลกั ษณะผิวหนา้ สีขาวด้าน เนือ้ นม่ิ ตดั ไดง้ ่าย นิยมใชง้ านไดคทั ทำโมเดล ตดั ตัวอักษรติดสต๊ิกเกอร์ งานภายในไมเ่ จอกับอุณภมู สิ ูง 2. แบบ Outdoor ลักษณะ จะเปน็ เคลอื บ Celuka ลกั ษณะผวิ หน้าสขี าวเงา ผิวหนา้ แข็งนยิ มใชง้ าน ลายฉลุ ตัดทำฉากก้นั งานทำหน้าบานครัว หรือ งานทต่ี ้องเจอกบั อุณภูมสิ ูง พลาสวดู แผ่นพีวีซชี นดิ แขง็

3. โฟมบอรด์ /แผ่นโฟม/Foam Board/KTBoard แผน่ โฟมอัด ทเี่ คลอื บพลาสติกพ่ีเอสท้ัง 2 หนา้ เรียบ สามารถไดคัทได้ง่าย เหมาะสำหรับงานชั่วคราว ทั้งภายในและภายนอก การใช้งานของ โฟมบอร์ดเนื่องจากแผ่นโฟม เนื้อละเอียดสีขาวผิวหน้า เคลือบด้วย PS ผิวหน้าแข็ง มีน้ำหนักเบา ตัดได้ง่ายสามารถนำไป ติดสติ๊กเกอร์ ไดคัท ทำป้าย ทำ โมเดล หรอื ฉากก้ัน มี 2 เกรด 1. เกรดงานทั่วไป สำหรับงานชวั่ คราว ราคาถูก สำหรบั งานไดคทั ทำป้าย indoor และ งานอน่ื ๆ 2. เกรดสำหรบั งานป้าย อักษร หรอื สกรนี ท้ัง indoor,outdoor งานติดสตก๊ิ เกอร์ งานเน้นคุณภาพ การันตีไม่มีฟองอากาศ แผ่นเรียบสวย แขง็ แรง โฟมบอรด์ /แผ่นโฟม/Foam Board/KTBoard 4. ไวนิล (Vinyl) ไวนลิ คอื พลาสตกิ ชนิดพิเศษมีส่วนผสมระหว่างพลาสตกิ คุณภาพสูงรวมกับสารเพิ่มประสิทธภิ าพต่างๆ เช่นสารเพิ่มความทนทานต่อแสงแดด สารเพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทก สารเพิ่มความ ทนทานต่อสภาวะอากาศ และสารเพิ่มความทนทานความร้อน ไวนิลนอกจากจะทนทานต่อแสงแดด รงั สียวู ีและสภาวะอากาศที่เปลีย่ นแปลงแลว้ ยังเป็นวสั ดุท่ีไม่มปี ัญหาเรือ่ งปลวกหรือแมลงกัดเจาะ การ ผกุ รอ่ นหรอื บดิ งอ การเกดิ สนมิ การร่ัวซมึ ของนำ้ ฝน ไมต่ ดิ ไฟ และยังช่วยลดการส้ินเปลอื งพลังงานอีก ด้วย จึงนยิ มนำมาใช้ผลิตอปุ กรณ์ใชง้ านกลางแจ้ง (ทีม่ า : http://www.nstda.or.th) ประเภทของไวนิล สำหรบั งาน Inkjet แบ่งเปน็ 2 ประเภทใหญ่ๆ คอื ไวนิลทึบแสงและไวนลิ โปรง่ แสง 1. ไวนิลทึบแสง คือ ไวนิลที่มีการเคลือบสารเคมีที่ด้านหลังเมื่อพิมพ์ Inkjet แล้วส่องไฟจะมองไม่ ทะลุ และยังแบ่งตามการใชง้ านได้อกี 4 แบบ 1.1 แบบหลงั ขาว เหมาะกับงานพมิ พ์ Inkjet ทวั่ ไป 1.2 แบบหลังเทา เหมาะกับงานที่เป็นป้ายแขวนที่ประกบ 2 หน้า จะช่วยลดการทับซ้อนของ ภาพเมอ่ื มีแสงแดดสอ่ งผา่ น 1.3 แบบหลังดำ คุณสมบัตใิ นการใช้งานเหมอื นหลังเทาแตจ่ ะกันแสงไดด้ ีกวา่ มาก

1.4 แบบพิมพ์ได้ 2 หน้า ไวนิลประเภทนี้เหมาะกับเครื่องพิมพ์ UV Flatbed ซึ่งเป็นระบบ เครื่องพิมพ์แบบแผน่ สามารถพมิ พ์ได้ 2 หน้าไดอ้ ย่างแม่นยำ ไวนลิ ทบึ แสง 2. ไวนิลโปร่งแสง (backlit) คือ ไวนิลที่มีการเคลือบสารเคมีที่ด้านหลังบางกว่าแบบทึบแสง ซ่ึง แสงสามารถสอ่ งทะลุได้ แบง่ เป็น 2 ประเภท 2.1 แบบโปร่งแสง คือไวนิลที่สามารถให้แสงผ่านได้ จึงนิยมใช้สำหรับทำกล่องไฟ ที่เราเห็น ตามป้ายด้านนอกของร้านค้า เราสามารถ Inkjet โดยใช้ Proflie Backlit เนื่องจากเรา ต้องส่องไฟจากด้านหลังจึงต้องใช้การพิมพ์ที่ให้หมึกหนาแน่นกว่าเป็นพิเศษ เพื่อเวลา ส่องไฟแล้วสีไมเ่ พี้ยน 2.2 แบบตาขา่ ย คอื ไวนลิ ทีส่ ามารถลดแรงปะทะของลมไดด้ ีกว่าแบบโปร่งแสงทั่วไปสามารถใช้ขึง ตามอาคารสูงได้หรือกล่องไฟที่อยู่บนอาคารสูงจะมีระยะห่างของตาข่ายแตกต่างกันไป สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมไวนิลโปร่งแสงเรานิยมใช้กับงานกล่องไฟเพื่อตกแต่ง รา้ นค้า ทำใหส้ ่ือโฆษณาดูโดดเด่นได้มาก สามารถใชไ้ ด้ทั้งภายในและภายนอก แบบโปรง่ แสง แบบตาข่าย 5. แผ่นพลาสตกิ PVC ที่ใช้ในการพิมพ์สติกเกอร์นั้น มีอยู่ด้วยกันสองประเภทคือ Flexible PVC ที่มีความอ่อนนุ่มและ ยดื หยุน่ สูง เพราะมปี ริมาณของ plasticizers สงู และอีกประเภทหนึง่ คอื Rigid PVC ทีม่ ีความแข็งแรง ทนทานมากกว่าสติกเกอร์พลาสติกพวี ซี ี (PVC) มีอยดู่ ว้ ยกันหลายชนิด ท่ีสามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับ งานแต่ละประเภท เช่น สติกเกอร์พีวิซีแบบใส,ขาวเงา,ขาวนวล แบบมกี าวเหนียวพิเศษ ท่ีสามารถติดบน พื้นผิววัสดุอยา่ ง กระดาษ,แก้ว,พลาสตกิ ได้อยา่ งถาวร, แบบกาวรีมฟู และกาวเทา เปน็ ตน้

การใชง้ านสติกเกอร์ PVC 1. สติกเกอร์ PVC ทั่วไป สามารถตัดออกมาเป็นรูปทรงต่างๆได้ง่ายและพิมพ์แบบลงบนสติกเกอร์ได้ อย่างคมชัด สวยงาม สามารถใช้ติดบนผลิตภัณฑ์และสินค้าต่างๆที่ใช้งานทั่วไป สามารถกันน้ำและ ความชื้นได้อีกทั้งยังทนความร้อนได้ดีพอสมควร เช่น กระปุกเครื่องสำอาง,แก้วน้ำ หรือติดผนังหรือ กระจกเพอื่ ตกแต่ง 2. สติกเกอร์ PVC กาวรีมูฟ มีความสามารถในการติดกับพื้นผิววัสดุได้เหนียวแน่นเป็นพิเศษ แต่มี ระยะเวลาในการใช้งานไม่นานและมีราคาแพงกว่าสติกเกอร์ PVC ธรรมดา มักนำไปใช้ในการติด รถยนต์,สติกเกอร์ตกแตง่ รถจักรยานและจกั รยานยนต์ เป็นตน้ สตกิ๊ เกอรพ์ ลาสตกิ พวี ีซี (PVC) 6. แผน่ อะคริลิค Acrylic การใช้งานจะถูกขึ้นรูปด้วยกระบวนการหล่อ มีคุณสมบัติด้านความโปร่งแสง ทนต่อแสงแดดหรือรังสี UV ทนทานรับแรงกระแทกได้ดีกว่ากระจกมากถึง 17 เท่า มีความเหนียว ยืดหยุ่น มีทั้งสีใส สีขาว และสีต่างๆ ใช้ทำแผ่นป้ายโฆษณา ทำกระจก ทำพาทิชั่นกั้นห้อง ทำกรอบรูป แผงกั้น งานศิลปะ โมเดลต่างๆ ต้ปู ลา สระว่ายนำ้ สร้างอควาเรยี ม

7. แผ่นอลูมเิ นยี มคอมโพสติ Aluminium composite หรือ อลคู ารบ์ อน หรอื แคลดด้ิง (Cladding) นิยมนำไปทำป้ายโฆษณา และ งานการปรับปรุงอาคารต่างๆ เพื่อสำหรับการทำงานทำป้ายโฆษณา โดยเฉพาะ เช่น ป้ายบิลบอร์ด ป้ายอาคาร ป้ายบริษัท ป้ายหน้าร้าน ป้ายทาวเวอร์และงานตกแต่งไม่ เน้นสเป็ค ทั้งภายในและภายนอก ไม่เกิดสนิมหรือเป็นภาระโครงสร้าง มีน้ำหนักเบา ทนทาน ตัด หรือขึ้นรูปชิ้นงานได้ง่าย มีพื้นผิวสีสวยไม่ลอกร่อน มีหลายสีให้เลือก ทนการกัดกร่อนได้ดีไม่เป็น สนิม แผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิต มีลักษณะโครงสร้างทั่วไปประกอบด้วยแผ่นอลูมิเนียม 2 แผ่น ประกบกบั แกนกลางที่ใช้วสั ดปุ ระเภทพลาสติกเปน็ แบบแซนวชิ (Sandwich Structure) เป็นโครงสรา้ ง พื้นฐานประกอบด้วยแผ่นประกบด้านบนด้านล่าง (Faces) มีความบางแต่แข็งแรงทนทาน ส่วนแกน ตรงกลาง (Core) เป็นวัสดุอ่อน ทำจากโพลีเอทีลีน LDPE เนื่องจากอลูมิเนียมรุ่นแรกๆไม่สามารถ ตา้ นทานแรงดัดโค้งรัศมีแคบๆไดเ้ พราะแกนกลางเป็นวัสดุทเี่ ปราะ จึงมกี ารพฒั นามาใชว้ ัสดอุ ่อนท่ีเป็น พลาสตกิ มาเป็นแกนกลาง เพื่อให้มคี วามยืดหยุน่ สงู ขึน้ ทำใหส้ ามารถทนตอ่ แรง ดัดโคง้ และการตดั ได้

8. สตก๊ิ เกอร์ (STICKER) เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถนำไปใช้ไปหลายรูปแบบ และมีความสวยงาม โดยเฉพาะ บรรดาร้านค้าต่างๆ จะใช้สติ๊กเกอร์ติดกระจกเพื่อประชาสัมพันธ์ร้าน หรือพิมพ์สติ๊กเกอร์ซีทรูติดต้ัง บริเวณหน้าร้าน รวมทั้งงานตกแต่งด้านหน้าบริษัทเพื่อสร้างแรงดึงดูดใจแก่ผู้พบเห็น ทำให้สามารถเพิ่ม ภาพลกั ษณ์ทด่ี ี และสามารถเพม่ิ ยอดขายได้อีกด้วย ส่วนรปู แบบการนำไปใช้งานก็มีมากมาย อาทิเชน่ ทำเป็นเมนู ภายในร้าน โปสเตอร์ตกแต่งภายในอาคาร และงานสื่อโฆษณาต่างๆ เพื่อส่งเสริมการตลาดให้ลูกค้าทั่วไปได้รู้จัก แบรนดส์ ินค้าซึ่งกเ็ ปน็ การประชาสัมพันธ์ท่ีดีอีกรปู แบบหนึ่ง รวมท้งั นยิ มนำไปใช้ในองค์กรตามวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น ทำปา้ ยนโยบาย ป้ายจราจร ปา้ ยเซฟต้ี ป้ายสำนกั งาน เปน็ ตน้ 2) ขนาดของปา้ ยโฆษณา ขนาดของป้ายโฆษณามีความสำคัญมากสำหรับการทำป้ายโฆษณา เพราะเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อส่วนอื่นๆ เช่น ถ้าต้องการใช้ป้ายโฆษณาใหญ่ ราคาก็จะสูงตามไปดว้ ย เพราะใช้วัสดุขนาดใหญก่ ว่าเดิม ค่าผลิตสว่ นอื่นๆ ก็ จะแพงขึ้น แต่ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน คือ สามารถใส่ข้อความได้มากข้ึนหรือใหญ่ขึ้นกว่าเดิม รวมถึงคนสามารถ มองเห็นได้ชัดเจนกว่า ดังนั้นไม่ว่าจะขนาดใด ก่อนลงมือสั่งทำป้ายโฆษณาควรวางแผนและออกแบบมาให้ แน่นอนก่อน ว่าต้องการให้คนเห็นขนาดไหน จะไปตัง้ ที่ใด เพอื่ ใหไ้ ด้ปา้ ยโฆษณาท่ีราคาเหมาะสมกับคุณภาพ และ ใช้งานได้ดตี รงตามวัตถปุ ระสงค์

3) ขอ้ ความในป้ายโฆษณา สิ่งที่ต้องคำนึงอีกข้อหนึ่งในการทำป้ายโฆษณา คือ ข้อความ ที่จะต้องนำเสนอสิ่งที่ต้องการสื่อถึงผู้รับสารจริงๆ โดยจะต้องบริหารจัดสรรพื้นที่ของป้ายโฆษณากับข้อความที่ต้องการใส่ เพื่อให้ข้อความออกมาพอเหมาะพอดี เพราะถ้าข้อความหนาแน่นมากจะทำให้ตวั อักษรเล็กลง มองไมเ่ ห็นและไม่น่าอ่าน ดังนนั้ ขอ้ ความโฆษณาบนป้าย โฆษณาถือเปน็ พอ้ ยท์ทคี่ วรใหค้ วามสำคญั เช่นกัน 4) การออกแบบป้ายโฆษณา การออกแบบจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยหลักการก็ไม่มีอะไรมากมาย ควรเน้นในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ สามารถสอ่ื ความหมายได้ดี และควรออกแบบให้ข้อมูลมีความเปน็ ระเบียบ สวยงาม และชดั เจน ท้ังข้อความและ ภาพประกอบ 5) ทำเลที่ต้งั ป้ายโฆษณา จุดประสงค์ของการทำป้ายโฆษณา คือ เพ่อื เผยแพร่ ประชาสมั พนั ธ์ โฆษณาสนิ คา้ หรอื บริการใดๆ ก็ตามให้ผู้รับ สารได้เหน็ ดังน้นั สถานทท่ี ี่ใชต้ ิดป้ายโฆษณาต้องติดในตำแหน่งที่คนทั่วไปสามารถมองเห็นไดช้ ัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ภายนอกหรือภายในอาคาร ไมค่ วรมีอะไรมาบดบงั ขอ้ ความและสารท่ีโฆษณาบนปา้ ยโฆษณา ออกแบบปา้ ยโฆษณาให้นา่ สนใจ การออกแบบปา้ ยโฆษณาให้น่าสนใจ ซ่ึงมผี ลโดยตรงตอ่ ความรูส้ กึ ของผผู้ า่ นไปมา หากทำดนี ่าสนใจคนก็ จะมอง แต่ถ้าไม่น่าสนใจ ปา้ ยโฆษณานนั้ ก็ไรผ้ ล 1. ป้ายโฆษณาต้องเข้าใจง่าย หมายความว่า จะต้องสื่อสารชัดเจน อ่านรอบเดียวสามารถเข้าใจแก่นที่ ต้องการสือ่ สารได้ ไมต่ ้องตีความหลายชน้ั เพราะทำให้เกิดความเบอ่ื หนา่ ยและไม่ดึงดูดใจ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook