รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี ๒ รหสั วิชา ว๓๒๑๐๖ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ นายประสงค์ นสุ นทรา กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
บนั ทกึ ขอ้ ความ ส่วนราชการ โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร ที่ /2564 วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 เรอ่ื ง การขอใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี 2 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 เรยี น ผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี นพนมไพรวทิ ยำคำร ตามท่ีข้าพเจ้า นายประสงค์ นุสนทรา ตาแหน่ง ครู โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคารได้รับมอบหมายให้จัดการ เรียนการสอนในรายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รหัสวชิ า ง32106 ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 น้นั บัดนี้ ข้าพเจ้าได้จัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาดังกล่าว เพ่ือใช้เตรียมการจัดการเรียนรู้เสร็จ เรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ เรียนมำเพือ่ โปรดทรำบและพิจำรณำ ลงช่อื (นายประสงค์ นสุ นทรา) ความเห็นหวั หน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้ ตาแหนง่ ครู …………………………………………………………..………. …………………………………………………….…………….. ผู้เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ ลงช่ือ ความเหน็ รองผอู้ านวยการสถานศึกษา (นายอิทธิชัย อปุ ริวงศ์) …………………………..……………………………… หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี …………………………..……………………………… ลงชื่อ (นายอานาจ ชินศรี) รองผอู้ านวยการโรงเรียนกล่มุ งานบริหารวิชาการ ความเหน็ ของผู้อานวยการสถานศึกษา …………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………….. ลงช่ือ ( นายอนุสรณ์ ทาสระคู) ผอู้ านวยการโรงเรยี นพนมไพรวทิ ยาคาร
แบบบนั ทึกผลการประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้ ชื่อครูผู้สอน นายประสงค์ นสุ นทรา โรงเรียนพนมไพรวทิ ยาคาร จงั หวัดร้อยเอ็ด วชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รหัสวิชา ว32106 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2/2564 ************************************************************************************ คาชีแ้ จง ให้ผู้ประเมินทาเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งระดบั คุณภาพขององค์ประกอบตา่ งๆของแผนการจดั การเรยี นรู้ใน แต่ละรายการในภาพรวม ตามความเป็นจริง องค์ประกอบ/รายการตรวจสอบ ระดับคุณภาพ ดมี าก ดี ต้องปรับปรุง(ระบุ) ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู้ 1. ถูกต้องตามหลกั การเขยี น ......... ........ ................................................. 2. ครอบคลุมพฤตกิ รรมการเรยี นรู้หลายด้าน ......... ........ ................................................. 3. ระบุพฤติกรรมท่สี ามารถวดั ได้ ประเมินได้ ......... ........ ................................................. 4. ระดับพฤติกรรมทกี่ าหนด เหมาะสมกบั เวลา เนอ้ื หา ผูเ้ รยี น ......... ........ ................................................. เนอ้ื หา 1. ถูกตอ้ งตามหลักวชิ าการ ทนั สมัยและทนั เหตกุ ารณ์ ......... ........ ................................................ 2. ครบถว้ น เพยี งพอทจี่ ะเปน็ พื้นฐานในการสร้างขอ้ ความรู้ใหม่ ......... ........ ................................................ หรือเกิดพฤตกิ รรมหรอื ทักษะทีต่ ้องการ 3. ชดั เจน ไมส่ ับสน ......... ........ ................................................ กระบวนการจัดการเรียนรู้ 1. สอดคล้องตรงกับจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ......... ........ ................................................ 2. สอดคล้องกบั ความตอ้ งการ ความสามารถและวยั ผ้เู รยี น ......... ........ ................................................ 3. เหมาะสมกบั เวลา สถานที่ วัสดอุ ปุ กรณ์ และสภาพแวดลอ้ ม ......... ........ ................................................ ของผู้เรยี นและโรงเรยี น 4. น่าสนใจ จูงใจใหก้ ระตอื รือร้นทจ่ี ะเรียนรู้และรว่ มกจิ กรรม ......... ........ ................................................ 5. สร้างเสรมิ ทกั ษะ ขอ้ ความรู้และพฤตกิ รรมทีก่ าหนดให้อยา่ ง ......... ........ ................................................ ครบถว้ นและมีประสิทธิภาพ 6. แสดงความคดิ ริเรม่ิ สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ ......... ........ ................................................ 7. เปน็ กจิ กรรมทเ่ี นน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ......... ........ ................................................
องค์ประกอบ/รายการตรวจสอบ ระดับคุณภาพ ดมี าก ดี ตอ้ งปรบั ปรงุ (ระบ)ุ สื่อการเรยี นการสอน 1. เหมาะสมกบั วยั ความสนใจ ความสามารถของผเู้ รยี น ......... ........ ................................................ 2. สอดคล้องกับกิจกรรมการเรยี นการสอน ......... ........ ................................................ 3. เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของหอ้ งเรยี นและโรงเรยี น ......... ........ ................................................ การวัดผลและประเมนิ ผล 1. วธิ ีการวดั และเคร่ืองมอื วัดสอดคล้องกบั พฤติกรรมท่ีกาหนด ......... ....... ................................................. ในจดุ ประสงค์ 2. วิธกี ารวัดและเครื่องมือวดั มคี วามสอดคล้องกบั ธรรมชาตขิ อง ......... ........ ................................................. วิชา 3. วิธกี ารวดั และเครื่องมือวัดสอดคลอ้ งกับข้นั ตอนและ ......... ........ ................................................. กระบวนการเรยี นรูใ้ นกจิ กรรม 4. ใชว้ ิธกี ารวดั และการประเมินอยา่ งหลากหลาย ......... ........ ................................................. 5. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลมคี วามสอดคล้องกับระดับ ......... ........ ................................................ ความสามารถของผู้เรียน กิจกรรมเสนอแนะ/การประยกุ ต์ใช้ 1. ระบุกจิ กรรมทีจ่ ะเสริมสาหรับผเู้ รียนท่ีเรียนเกง่ และผ้เู รียน ที่ ......... ........ ................................................ เรียนชา้ 2. ระบกุ จิ กรรมที่นา่ สนใจเพม่ิ เตมิ ......... ........ ................................................ รวม เกณฑ์การประเมินองค์ประกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้ การประเมนิ องคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรียนรหู้ ากพบวา่ ระดบั คุณภาพใดมีการปฏบิ ตั มิ ากที่สุด แสดง วา่ องค์ประกอบของแผนการจดั การเรยี นรอู้ ยใู่ นระดับคุณภาพน้นั สรุปภาพรวมองคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรียนรอู้ ยใู่ นระดบั คณุ ภาพ ดมี าก ดี ต้องปรับปรงุ ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ลงชื่อ..........................................................ผปู้ ระเมิน (นายอทิ ธิชยั อุปรวิ งศ์) หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คาอธิบายรายวชิ า รหัสวิชา ว32106 รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี 2 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลาเรียน 20 ช่วั โมง จานวน 0.5 หนว่ ยกติ ศกึ ษาและวิเคราะห์สถานการณห์ รอื ความตอ้ งการทคี่ านงึ ถึงผู้ใช้ดว้ ยการคิดเชงิ ออกแบบ และ ความรู้ ทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพอ่ื ทาความเข้าใจปัญหาอย่างลกึ ซึง้ และรอบด้าน เพ่ือ พัฒนาวิธีการแกป้ ัญหาทตี่ รงความตอ้ งการ พัฒนาโครงงานเพ่อื แกป้ ัญหาจากสถานการณ์ท่ตี นเองสนใจโดยใช้ กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ศกึ ษาการพฒั นาผลงาน การสรา้ งประโยชน์จากผลงาน และการคุม้ ครอง ทรัพยส์ นิ ทางปญั ญาเพ่ือน าความรไู้ ปประยุกตใ์ ช้ในการพัฒนาหรือสร้างประโยชนจ์ ากผลงานของตนเอง และ เผยแพรป่ ระชาสัมพนั ธ์ผลงานของตนเองใหเ้ ป็นที่รูจ้ ักและกอ่ ให้เกดิ ประโยชน์ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเรว็ ใชค้ วามรแู้ ละทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพื่อแกป้ ัญหาหรือพฒั นางานอย่าง มีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคานึงถึง ผลกระทบต่อชีวิต สงั คม และสงิ่ แวดลอ้ ม ตัวชี้วดั ว 4.1 ม.5/1 ประยุกตใ์ ช้ความรูแ้ ละทักษะจากศาสตร์ตา่ งๆ รวมทง้ั ทรัพยากร ในการทาโครงงาน เพ่ือแก้ปัญหาหรือพฒั นางาน รวมท้ังหมด 1 ตวั ช้วี ัด
โครงสร้างรายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี 2 (ว32106) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2 จานวน 0.5 หน่วยกิต หน่วยที่ ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้ เวลา น้าหนัก (ชัว่ โมง) คะแนน 1 ความรูก้ บั กระบวนการ ว 4.1 ม.5/1 ประโยชน์ของการคดิ เชิงออกแบบ คดิ เพ่อื แกป้ ญั หา การวิเคราะห์สถานการณ์หรือความ 4 20 ตอ้ งการท่คี านึงถงึ ผู้ใช้ดว้ ยการคิด เชงิ ออกแบบและความรู้จากศาสตร์ ต่างๆ 2 โครงงานกบั ว 4.1 ม.5/1 1. การวิเคราะห์โครงงาน 9 20 การแกป้ ญั หา 2. การพัฒนาโครงงานด้วย 5 20 3 การสร้าง ประโยชน์จาก กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 1 20 ผลงาน 18 80 3. การนาเสนอโครงงาน 1 20 20 100 ว 4.1 ม.5/1 1. การวิเคราะหว์ ิธกี ารการสรา้ ง ประโยชนจ์ ากผลงานโดยการเพม่ิ มูลค่าหรอื สร้างมูลคา่ 2. การออกแบบแนวทางการสรา้ ง ประโยชนจ์ ากผลงาน 3. การวเิ คราะห์สิทธิและการ คมุ้ ครองผลงาน 4. การนาเสนอผลงานอย่างมอื อาชีพ สอบกลางภาค รวมระหว่างเรยี น สอบปลายภาคเรียน รวม คะแนนระหว่างภาคเรยี น : คะแนนปลายภาคเรียน 80 : 20
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง การคดิ เชงิ ออกแบบ รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รหสั วิชา ว32106 ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2/2564 จานวน 1 ช่ัวโมง ครผู สู้ อน นายประสงค์ นสุ นทรา โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยเี พ่อื การดารงชีวติ ในสังคมทีม่ ีการเปล่ยี นแปลง อย่างรวดเรว็ ใช้ความร้แู ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่นื ๆ เพอื่ แก้ปัญหาหรอื พฒั นางานอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ ม ตวั ชวี้ ัด ม.5/1 ประยกุ ตใ์ ชค้ วามร้แู ละทักษะจากศาสตร์ต่างๆ รวมทง้ั ทรัพยากร ในการทาโครงงานเพ่ือ แกป้ ัญหาหรือพัฒนางาน สาระสาคัญ กำรวเิ ครำะห์สถำนกำรณ์ปัญหำอย่ำงรอบดำ้ นภำยใต้กรอบควำมรทู้ ำงด้ำนวิทยำศำสตร์ คณิตศำสตรแ์ ละศำสตร์อื่น ๆ รวมทงั้ กำรใชแ้ นวคิดเชิงออกแบบร่วมกบั กำรทำงำนตำมกระบวนกำร ออกแบบเชิงวศิ วกรรม จะชว่ ยให้ผู้เรยี นสำมำรถพิจำรณำกิจกรรมและปัญหำท่ีเกิดในสถำนกำรณ์และ บรบิ ทต่ำง ๆ ชว่ ยให้ผู้เรียนวิเครำะหแ์ ละเขำ้ ใจผู้ใช้งำนซง่ึ เป็นกลุม่ บคุ คลผู้นำเทคโนโลยที ี่ถูกพฒั นำไปใชใ้ น ชวี ติ ประจำวนั สาระการเรยี นรู้ การทาโครงงาน เป็นการประยุกต์ใชค้ วามรู้และทักษะจากศาสตร์ต่าง ๆ รวมทั้งทรพั ยากรในการ สร้างหรอื พฒั นาช้นิ งานหรอื วิธกี าร เพ่อื แก้ปัญหาหรืออานวยความสะดวกในการทางาน จุดประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) 1 ผเู้ รยี นสามารถอธบิ ายประโยชนข์ องการคิดเชงิ ออกแบบได้ ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ (P) 1. ผูเ้ รียนสามารถวเิ คราะห์สถานการณ์หรอื ความตอ้ งการท่ีคานึงถงึ ผู้ใชด้ ว้ ยการคิดเชิงออกแบบ และความรูจ้ ากศาสตร์ตา่ ง ๆ
ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรยี นมีความสามารถในการทางานอย่างเปน็ ระบบ มีระเบยี บวินัย คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ 2. ความสามารถในการส่อื สาร 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา จุดเน้นสูก่ ารพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรียนรู้ 3R X 8C Reading (อา่ นออก) (W) Riting (เขยี นได)้ (A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ ) ทกั ษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความร่วมมือ การทางานเป็นทีมและภาวะผนู้ า (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะดา้ นการส่ือสาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy) ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning) ทักษะดา้ นชวี ิตและอาชพี ของคนในศตวรรษท่ี 21 ความยดื หยนุ่ และการปรับตัว การรเิ ร่มิ สรา้ งสรรคแ์ ละเป็นตวั ของตัวเอง ทกั ษะสังคมและสังคมขา้ มวฒั นธรรม การเป็นผู้สรา้ งหรอื ผผู้ ลิต (Productivity) และความรับผดิ ชอบเช่ือถอื ได้ (Accountability) ภาวะผนู้ าและความรบั ผดิ ชอบ (Responsibility) คณุ ลักษณะของคนในศตวรรษที่ 21 คณุ ลกั ษณะด้านการทางาน ไดแ้ ก่ การปรับตัว ความเป็นผูน้ า คณุ ลกั ษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชีน้ าตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรขู้ องตนเอง คณุ ลักษณะดา้ นศีลธรรม ได้แก่ ความเคารพผอู้ ่ืน ความซ่อื สัตย์ ความสานึกพลเมือง
การบูรณาการ โครงการสถานศึกษาพอเพยี ง โครงการโรงเรยี นคุณธรรม คณุ ธรรม ค่านยิ ม 12 ประการ หลักสตู รต้านทุจรติ ศึกษา กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (สอนโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ Constructivism) ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูกลา่ วทักทายผู้เรยี น และอธิบายเกี่ยวกบั การเรยี นในสปั ดาหน์ ี้ 2. ผูส้ อนนาเขา้ สบู่ ทเรียน โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงความคดิ เห็นในประเด็นท่วี ่า “เทคโนโลยี ในชวี ิตประจาวนั ถูกคดิ คน้ ขนึ้ จากสาเหตใุ ดบา้ ง” (แนวคาตอบ: ตอ้ งการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตส่วนตวั เช่น โทรทัศน์ ตเู้ ยน็ เครื่องปรับอากาศ เตาอบไมโครเวฟ หรือตอ้ งการเพมิ่ ความปลอดภัยในการใช้ชีวติ เชน่ กลอ้ งวงจรปดิ ระบบตัดไฟฟ้าอัตโนมัติ) ขัน้ สอน 1. ครูต้ังคาถามชวนคิด 5 คาถามให้ผู้เรยี นอภิปรายรายกลุม่ ดังน้ี - “เทคโนโลยี คอื อะไร” - “นวัตกรรม คืออะไร” - “นกั เรียนคดิ วา่ ในการสรา้ งเทคโนโลยที ี่ตอบสนองไดต้ รงความตอ้ งการของผู้ใช้ ผู้สร้าง เทคโนโลยจี ะทราบความตอ้ งการของผ้ใู ชไ้ ด้อยา่ งไร” - “นกั เรยี นคดิ ว่าเทคโนโลยีสง่ ผลทาง ดา้ นบวก และ ด้านลบ อย่างไร เชน่ การใช้ โทรศัพทม์ อื ถือในชวี ิตประจาวนั - “ใหน้ ักเรียนเลือกนวัตกรรมทีส่ นใจมา 1 นวตั กรรม และให้นักเรียนวเิ คราะหว์ า่ ผ้สู ร้าง นวัตกรรมทก่ี ล่มุ นักเรยี นสนใจ จาเปน็ ต้องมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเรอ่ื งใดบ้าง หากไมม่ ีความรู้จะส่งผล อยา่ งไร” 2. ผูเ้ รยี นแบ่งกลมุ่ เปน็ 5 กล่มุ และจับฉลากเลอื กหัวข้อตามที่ครูกาหนด 3. ผเู้ รียนรว่ มกนั วเิ คราะหค์ าถามตามหัวขอ้ ที่กลมุ่ ตนเองไดร้ ับ ข้ันสรุป 1. ผเู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ แบ่งปันคาตอบ ตามหัวข้อทกี่ ลุม่ ตนเองได้รบั และร่วมกนั อภิปรายคาถามท้ัง 5 คาถาม โดยครคู อยสรปุ เพ่ิมเตมิ ในส่วนทไ่ี มส่ มบูรณ์ 2. ครแู จง้ ให้ผู้เรยี นทราบวา่ ผเู้ รียนสามารถกลับไปศกึ ษา ทบทวนเน้ือหาและค้นหาขอ้ มูล เร่ือง ข้อมูลมีมลู ค่า เพิม่ เตมิ ไดจ้ ากแหลง่ ความรู้เพม่ิ เติมที่มอี ยใู่ นอนิ เทอร์เน็ตได้ทุกท่ี ทุกเวลา
ช้ินงาน/ ภาระงาน 1. การสบื คน้ งานตามหัวข้อท่ีกาหนด สือ่ การเรียนรู้ /แหลง่ การเรียนรู้ 1. สอ่ื นาเสนอ PowerPoint เรื่อง ความรแู้ ละการคดิ เชงิ ออกแบบเพ่อื การแกป้ ญั หา 2. หนังสือเรยี น เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.5 สสวท. 3. เครื่องคอมพิวเตอร์ 4. อนิ เทอร์เนต็ 5. วิดิโอประกอบการสอน project 14 วิทยาการคานวณ ม.5 สสวท. การวดั และประเมินผลการจัดการเรยี นรู้ 1. ประเมินจากงานกลุ่ม 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การคิดเชิงออกแบบ (ต่อ) รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รหสั วิชา ว32106 ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรียนท่ี 2/2564 จานวน 1 ช่วั โมง ครูผสู้ อน นายประสงค์ นุสนทรา โรงเรียนพนมไพรวทิ ยาคาร สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พ่ือการดารงชีวิตในสงั คมท่มี กี ารเปลีย่ นแปลง อยา่ งรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพอ่ื แกป้ ญั หาหรือ พัฒนางานอยา่ งมีความคดิ สร้างสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอย่าง เหมาะสม โดยคานงึ ถงึ ผลกระทบต่อชีวติ สังคม และสงิ่ แวดลอ้ ม ตวั ช้ีวัด ม.5/1 ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้และทักษะจากศาสตร์ตา่ งๆ รวมทง้ั ทรพั ยากร ในการทาโครงงานเพือ่ แกป้ ัญหาหรอื พัฒนางาน สาระสาคญั กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์ปญั หำอย่ำงรอบด้ำนภำยใต้กรอบควำมรทู้ ำงด้ำนวทิ ยำศำสตร์ คณิตศำสตร์และศำสตร์อ่นื ๆ รวมทงั้ กำรใช้แนวคิดเชิงออกแบบร่วมกับกำรทำงำนตำมกระบวนกำร ออกแบบเชิงวศิ วกรรม จะช่วยให้ผู้เรยี นสำมำรถพิจำรณำกิจกรรมและปัญหำท่เี กดิ ในสถำนกำรณ์และ บรบิ ทต่ำง ๆ ช่วยใหผ้ ู้เรยี นวเิ ครำะหแ์ ละเขำ้ ใจผู้ใชง้ ำนซ่ึงเปน็ กลุ่มบุคคลผูน้ ำเทคโนโลยีที่ถูกพฒั นำไปใชใ้ น ชีวติ ประจำวนั สาระการเรียนรู้ การทาโครงงาน เปน็ การประยกุ ตใ์ ช้ความรู้และทักษะจากศาสตร์ต่าง ๆ รวมทงั้ ทรพั ยากรในการ สรา้ งหรือพัฒนาช้ินงานหรอื วิธกี าร เพื่อแก้ปญั หาหรืออานวยความสะดวกในการทางาน จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) 1 ผ้เู รยี นสามารถอธบิ ายประโยชนข์ องการคดิ เชิงออกแบบได้
ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ (P) 1. ผู้เรยี นสามารถวิเคราะห์สถานการณห์ รือความตอ้ งการทคี่ านึงถงึ ผใู้ ชด้ ้วยการคิดเชงิ ออกแบบ และความรู้จากศาสตร์ตา่ ง ๆ ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1. นักเรยี นมคี วามสามารถในการทางานอยา่ งเป็นระบบ มรี ะเบียบวินัย คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งม่ันในการทางาน สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ 2. ความสามารถในการสอื่ สาร 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. ความสามารถในการแกป้ ัญหา จุดเนน้ สู่การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรียนรู้ 3R X 8C Reading (อา่ นออก) (W) Riting (เขยี นได)้ (A) Rithemetics (คิดเลขเป็น) ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation) ทักษะดา้ นความร่วมมอื การทางานเปน็ ทีมและภาวะผู้นา (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทกั ษะดา้ นการส่ือสาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information, and Media Literacy) ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT Literacy) ทกั ษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning) ทักษะดา้ นชีวิตและอาชีพ ของคนในศตวรรษที่ 21 ความยืดหยุ่นและการปรบั ตัว การรเิ ริม่ สร้างสรรคแ์ ละเป็นตวั ของตัวเอง ทกั ษะสงั คมและสังคมขา้ มวฒั นธรรม การเป็นผสู้ ร้างหรอื ผผู้ ลิต (Productivity) และความรบั ผดิ ชอบเชอ่ื ถอื ได้ (Accountability) ภาวะผนู้ าและความรบั ผิดชอบ (Responsibility) คุณลักษณะของคนในศตวรรษท่ี 21 คุณลักษณะด้านการทางาน ได้แก่ การปรับตวั ความเปน็ ผ้นู า
คุณลักษณะดา้ นการเรียนรู้ ได้แก่ การชีน้ าตนเอง การตรวจสอบการเรยี นร้ขู องตนเอง คุณลักษณะด้านศีลธรรม ได้แก่ ความเคารพผ้อู นื่ ความซอื่ สัตย์ ความสานึกพลเมอื ง การบูรณาการ โครงการสถานศึกษาพอเพียง โครงการโรงเรยี นคุณธรรม คณุ ธรรม ค่านยิ ม 12 ประการ หลกั สูตรต้านทจุ ริตศึกษา กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (สอนโดยใชท้ ฤษฎกี ารเรยี นรู้ Constructivism) ข้ันนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1. ครกู ลา่ วทกั ทายผเู้ รียน และอธบิ ายเก่ียวกบั การเรยี นในสปั ดาหน์ ้ีและทบทวนความรู้สัปดาห์ที่ ผ่านมา ขั้นสอน 1. ผเู้ รยี นทากิจกรรม เรอื่ ง ปฏิบตั ิงานอยา่ งมีทกั ษะ และชแ้ี จงการทางาน 2. ครสู งั เกตการทางานของผเู้ รียน ตลอดจนคอยใหค้ วามช่วยเหลือ ใหค้ าแนะนาและตอบข้อสงสยั ของผู้เรยี น 3. ครูตรวจกิจกรรม เรือ่ ง ปฏิบัตงิ านอย่างมีทกั ษะ และบันทกึ คะแนน ข้ันสรปุ 1. ครแู ละผเู้ รียนรว่ มกันอภปิ รายเพอ่ื สรุปเก่ยี วกับความสาคญั ของความร้พู น้ื ฐาน ความรูแ้ ละ ทักษะในการปฏบิ ัตงิ าน ทส่ี ง่ ผลตอ่ การออกแบบเทคโนโลยแี ละนวตั กรรม 2. ครแู จง้ ให้ผเู้ รียนทราบว่า ผเู้ รียนสามารถกลับไปศกึ ษา ทบทวนเนอื้ หาและค้นหาขอ้ มูล เรอ่ื ง ความรู้และการคดิ เชิงออกแบบเพอ่ื การแกป้ ญั หา เพมิ่ เติมได้จากแหลง่ ความรเู้ พิม่ เติมทม่ี อี ยู่ในอนิ เทอรเ์ นต็ ไดท้ กุ ที่ ทกุ เวลา ชิ้นงาน/ ภาระงาน 1. การสืบค้นงานตามหัวข้อท่กี าหนด สื่อการเรียนรู้ /แหล่งการเรยี นรู้ 1. สอื่ นาเสนอ PowerPoint เรือ่ ง ความร้แู ละการคิดเชิงออกแบบเพ่ือการแก้ปัญหา 2. หนงั สือเรียน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.5 สสวท. 3. เครื่องคอมพิวเตอร์ 4. อินเทอรเ์ นต็ 5. วดิ ิโอประกอบการสอน project 14 วิทยาการคานวณ ม.5 สสวท. การวัดและประเมนิ ผลการจัดการเรยี นรู้ 1. ประเมนิ จากงานกิจกรรม เรอ่ื ง ปฏิบตั งิ านอยา่ งมีทักษะ
2. แบบสังเกตพฤติกรรม จุดประสงค์ วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน ผเู้ รยี นสามารถอธิบาย -การอภปิ ราย - การอภปิ ราย คะแนน 5 หมายถึง ดี ประโยชนข์ องการคดิ เชงิ -การสงั เกต - กิจกรรม คะแนน 3-4 หมายถึง ออกแบบได้ (K) พฤตกิ รรม เสนอแนะท่ี 3 พอใช้ คะแนน 1-2 หมายถึง ผู้เรยี นสามารถวิเคราะห์ - ตรวจใบกิจกรรม - ใบกิจกรรม 1.3 ปรับปรุง (การแกป้ ญั หาด้วย คะแนน 5 หมายถงึ ดี สถานการณห์ รอื ความ - สงั เกตพฤตกิ รรม การคดิ เชิง คะแนน 3-4 หมายถึง ออกแบบ) พอใช้ ตอ้ งการท่ีคานงึ ถงึ ผู้ใช้ดว้ ย คะแนน 1-2 หมายถึง - การสงั เกต ปรบั ปรุง การคดิ เชิงออกแบบและ พฤติกรรม คะแนน 5 หมายถงึ ดี คะแนน 3-4 หมายถงึ ความรจู้ ากศาสตร์ต่าง ๆ (P) พอใช้ คะแนน 1-2 หมายถงึ - ตรวจใบกิจกรรม ปรบั ปรุง นักเรียนมีความสามารถใน - สังเกตพฤติกรรม การทางานอย่างเปน็ ระบบ มี ระเบียบวินยั (A)
เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การประเมนิ จุดประสงค์ 5 4 32 1 ผู้เรยี นสามารถ อธบิ ายประโยชน์ อธบิ ายประโยชน์ อธิบายประโยชน์ อธิบาย อธิบาย อธบิ ายประโยชน์ ของการคดิ เชงิ ประโยชน์ ของการคิดเชิง ออกแบบ ซ่ึง ของการคดิ เชิง ของการคดิ เชงิ ประโยชน์ ของการคดิ เชงิ ออกแบบได้ (K) แสดงใหเ้ ห็นถงึ ออกแบบ ไดไ้ ม่ ความสาคัญกับ ออกแบบ โดยมี ออกแบบ โดยมี ของการคดิ เชิง ชัดเจนตรง การแก้ปญั หา ประเดน็ อยา่ งชดั เจน และ การเช่อื มโยงกบั การเช่อื มโยงกับ ออกแบบ โดย จาเปน็ ต้องเชื่อม โยงกับบรบิ ท การแกป้ ญั หา การแก้ปัญหา ไมม่ กี ารเชือ่ ม หรือเงอื่ นไขที่ เกย่ี วขอ้ งอย่าง ซ่งึ ต้องเช่อื มโยง แตไ่ มไ่ ดใ้ ห้ความ โยงกบั การแก้ ถูกตอ้ งและ ชดั เจน กบั บริบทหรือ สาคัญกับความ ปญั หาท่ี เง่ือนไข จาเป็นท่ตี ่อมี เกย่ี วขอ้ ง ไม่ได้ ที่เกีย่ วข้อง การระบุบริบท ให้ความสาคญั หรอื เงอ่ื นไขท่ี กับการระบุ เกี่ยวข้อง บรบิ ทหรือ เง่ือนไขที่ เกย่ี วข้อง ระบสุ าเหตุ หรอื ระบุสาเหตุ หรอื ระบสุ าเหตุ หรอื ระบุสาเหตุ หรือ ระบุสาเหตุ สาระสาคญั ของ สาระสาคัญของ สาระสาคัญของ สาระสาคญั ของ หรอื ปัญหาโดยคานงึ ปัญหาโดยคานึง ปญั หาโดยคานงึ ปญั หาโดยไมไ่ ด้ สาระสาคญั ถงึ ผู้ใช้ และผทู้ ่ี ถงึ ผู้ใช้ และผูท้ ี่ ถึงผ้ใู ช้ และผู้ที่ คานงึ ถงึ ผใู้ ช้ ของ ผ้เู รยี นสามารถ เกี่ยวขอ้ งได้อย่าง เกี่ยวขอ้ งได้ โดย เกย่ี วขอ้ ง และผูท้ ี่ ปัญหาไม่ วเิ คราะห์ ชดั เจนสอดคล้อง ใช้ข้อมูลที่ บางสว่ น เก่ยี วข้อง ถูกต้อง และ กาหนด สถานการณ์หรือ กับข้อมลู ท่ี รวบรวมมา โดยใช้ข้อมูลท่ี กาหนดปัญหา ขอบเขตของ ปัญหาไมไ่ ด้ ความต้องการที่ รวบรวมมาเพ่ือใช้ ประกอบการ รวบรวมมา และขอบเขต คานึงถงึ ผูใ้ ชด้ ว้ ย ของปญั หา แต่ กาหนด กาหนดปญั หา ประกอบการ ไม่สมบูรณ์ ปัญหาและ และขอบเขตของ กาหนดปัญหา การคดิ เชิงออกแบบ ขอบเขต ปญั หาไดอ้ ย่าง และขอบเขตของ และความรูจ้ าก ของปญั หาโดย ชดั เจน ปัญหา แต่ขาด ศาสตร์ตา่ ง ๆ (P) คานงึ ถงึ ความ ความสมบูรณ์ ต้องการขอ้ จากัด หรอื เง่อื นไขตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง และชดั เจน นักเรยี นมี นกั เรียนมกี าร นักเรียนมีการ นักเรยี นมกี าร นกั เรยี นมกี าร นักเรียนมกี าร ความสามารถใน ทางานอย่างเปน็ ทางานอย่างเป็น ทางานอยา่ งเปน็ ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง การทางานอยา่ ง ขน้ั ข้ันเปน็ ตอน และ ข้ันเปน็ ตอน และ เป็นขน้ั เป็นตอน เปน็ ขั้นเป็น เปน็ ระบบ มี เป็นตอนและ ถกู ตอ้ งร้อยละ ถูกต้องต่ากว่า และถกู ตอ้ งต่า ตอน แตไ่ ม่ ระเบยี บวินัย (A) ถูกตอ้ ง ร้อยละ 60-79 ร้อย กวา่ ร้อยละ 30 ถูกตอ้ ง 80 ขึ้นไป ละ 50
กจิ กรรม เร่อื ง ปฏบิ ัตงิ านอยา่ งมที กั ษะ
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การคิดเชิงออกแบบ (ต่อ) รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รหสั วิชา ว32106 ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรียนท่ี 2/2564 จานวน 1 ชั่วโมง ครูผสู้ อน นายประสงค์ นุสนทรา โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พ่ือการดารงชวี ติ ในสังคมทมี่ ีการเปลย่ี นแปลง อยา่ งรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ่ืน ๆ เพอ่ื แกป้ ัญหาหรือ พัฒนางานอยา่ งมีความคดิ สร้างสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ ง เหมาะสม โดยคานงึ ถงึ ผลกระทบต่อชีวติ สังคม และสงิ่ แวดลอ้ ม ตวั ช้ีวัด ม.5/1 ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้และทักษะจากศาสตร์ตา่ งๆ รวมทง้ั ทรัพยากร ในการทาโครงงานเพอ่ื แกป้ ัญหาหรอื พัฒนางาน สาระสาคญั กำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์ปญั หำอย่ำงรอบด้ำนภำยใต้กรอบควำมรู้ทำงด้ำนวิทยำศำสตร์ คณิตศำสตร์และศำสตร์อ่นื ๆ รวมทงั้ กำรใช้แนวคิดเชิงออกแบบร่วมกับกำรทำงำนตำมกระบวนกำร ออกแบบเชิงวศิ วกรรม จะช่วยให้ผู้เรยี นสำมำรถพิจำรณำกิจกรรมและปญั หำที่เกดิ ในสถำนกำรณแ์ ละ บรบิ ทต่ำง ๆ ช่วยใหผ้ ู้เรยี นวเิ ครำะหแ์ ละเขำ้ ใจผู้ใชง้ ำนซ่ึงเปน็ กลุ่มบุคคลผ้นู ำเทคโนโลยที ่ีถูกพัฒนำไปใช้ใน ชีวติ ประจำวนั สาระการเรียนรู้ การทาโครงงาน เปน็ การประยกุ ตใ์ ช้ความรู้และทักษะจากศาสตร์ตา่ ง ๆ รวมทงั้ ทรพั ยากรในการ สรา้ งหรือพัฒนาช้ินงานหรอื วิธกี าร เพื่อแก้ปญั หาหรืออานวยความสะดวกในการทางาน จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) 1 ผ้เู รยี นสามารถอธบิ ายประโยชนข์ องการคดิ เชิงออกแบบได้
ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ (P) 1. ผู้เรยี นสามารถวิเคราะห์สถานการณห์ รือความตอ้ งการทคี่ านึงถงึ ผใู้ ชด้ ้วยการคิดเชงิ ออกแบบ และความรู้จากศาสตร์ตา่ ง ๆ ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1. นักเรยี นมคี วามสามารถในการทางานอยา่ งเป็นระบบ มรี ะเบียบวินัย คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งม่ันในการทางาน สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ 2. ความสามารถในการสอื่ สาร 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. ความสามารถในการแกป้ ัญหา จุดเนน้ สู่การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรียนรู้ 3R X 8C Reading (อา่ นออก) (W) Riting (เขยี นได)้ (A) Rithemetics (คิดเลขเป็น) ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation) ทักษะดา้ นความร่วมมอื การทางานเปน็ ทีมและภาวะผู้นา (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทกั ษะดา้ นการส่ือสาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information, and Media Literacy) ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT Literacy) ทกั ษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning) ทักษะดา้ นชีวิตและอาชีพ ของคนในศตวรรษที่ 21 ความยืดหยุ่นและการปรบั ตัว การรเิ ริม่ สร้างสรรคแ์ ละเป็นตวั ของตัวเอง ทกั ษะสงั คมและสังคมขา้ มวฒั นธรรม การเป็นผสู้ ร้างหรอื ผผู้ ลิต (Productivity) และความรบั ผดิ ชอบเชอ่ื ถอื ได้ (Accountability) ภาวะผนู้ าและความรบั ผิดชอบ (Responsibility) คุณลักษณะของคนในศตวรรษท่ี 21 คุณลักษณะด้านการทางาน ได้แก่ การปรับตวั ความเปน็ ผ้นู า
คุณลกั ษณะดา้ นการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การช้นี าตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรู้ของตนเอง คณุ ลกั ษณะด้านศลี ธรรม ไดแ้ ก่ ความเคารพผู้อืน่ ความซื่อสตั ย์ ความสานึกพลเมอื ง การบูรณาการ โครงการสถานศกึ ษาพอเพยี ง โครงการโรงเรยี นคุณธรรม คณุ ธรรม คา่ นิยม 12 ประการ หลักสตู รต้านทจุ ริตศึกษา กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (สอนโดยใช้ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ Constructivism) ขั้นนาเข้าสูบ่ ทเรยี น 1. ครูกล่าวทกั ทายผเู้ รยี น และอธบิ ายเก่ียวกบั การเรยี นในสัปดาห์นี้ 2. ครูทบทวนความรเู้ ดิม เรอื่ ง ความรกู้ บั การแกไ้ ขปญั หา ขัน้ สอน 1. ครูเปิดสื่อ PowerPoint เร่อื ง ความร้แู ละการคิดเชงิ ออกแบบเพอื่ การแก้ปญั หา 2. ผู้เรยี นศกึ ษาเนอื้ หา เรื่อง การคดิ เชงิ ออกแบบกบั การแก้ปญั หา ซ่ึงประกอบดว้ ย การระบุปัญหา และตคี วามปญั หา การพฒั นาแนวคดิ และการสร้างแนวทางการแกป้ ญั หา 3. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม จานวน 5 กล่มุ ๆละเทา่ กัน ทากจิ กรรม เรอื่ ง ความรู้กับการออกแบบ สนามเดก็ เล่น โดยครูอ่านคาชแ้ี จงเพิ่มเตมิ 4. ครูสงั เกตการทางานของผ้เู รียน ตลอดจนคอยให้ความชว่ ยเหลอื ให้คาแนะนาและตอบขอ้ สงสยั ของผเู้ รียน ขั้นสรปุ 1. ผู้เรียนและผู้สอนอภิปรายร่วมกัน เพ่ือสรุปความสัมพันธ์ระหว่างการคิดเชิงออกแบบและ กระบวนการคดิ เชิงวิศวกรรม 2. ครูแจ้งให้ผเู้ รียนทราบว่า ผ้เู รยี นสามารถกลับไปศึกษา ทบทวนเนื้อหาและคน้ หาข้อมูล เรอื่ ง ความรแู้ ละการคดิ เชิงออกแบบเพื่อการแกป้ ญั หา เพ่ิมเติมไดจ้ ากแหล่งความรเู้ พมิ่ เติมทมี่ อี ยู่ในอนิ เทอร์เนต็ ไดท้ กุ ที่ ทุกเวลา ชนิ้ งาน/ ภาระงาน 1. งานออกแบบสนามเดก็ เลน่ ส่อื การเรียนรู้ /แหล่งการเรยี นรู้ 1. สือ่ นาเสนอ PowerPoint เรื่อง ความรู้และการคิดเชิงออกแบบเพ่ือการแกป้ ญั หา 2. หนงั สอื เรยี น เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.5 สสวท. 3. เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 4. อินเทอรเ์ น็ต
5. วดิ โิ อประกอบการสอน project 14 วทิ ยาการคานวณ ม.5 สสวท. การวดั และประเมินผลการจัดการเรยี นรู้ 1. ประเมินจากงานทากิจกรรม เรอื่ ง ความรู้กบั การออกแบบสนามเดก็ เลน่ 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง การคิดเชิงออกแบบ (ต่อ) รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รหสั วชิ า ว32106 ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2/2564 จานวน 1 ชั่วโมง ครูผ้สู อน นายประสงค์ นุสนทรา โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยเี พ่อื การดารงชีวิตในสงั คมที่มกี ารเปล่ยี นแปลง อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรแู้ ละทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อน่ื ๆ เพ่อื แก้ปญั หาหรอื พัฒนางานอยา่ งมีความคิดสรา้ งสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยอี ย่าง เหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบตอ่ ชวี ิต สงั คม และส่งิ แวดล้อม ตวั ช้วี ัด ม.5/1 ประยุกตใ์ ช้ความรูแ้ ละทักษะจากศาสตร์ตา่ งๆ รวมทง้ั ทรพั ยากร ในการทาโครงงานเพ่อื แก้ปัญหาหรอื พฒั นางาน สาระสาคัญ กำรวเิ ครำะห์สถำนกำรณ์ปัญหำอย่ำงรอบดำ้ นภำยใตก้ รอบควำมรู้ทำงด้ำนวิทยำศำสตร์ คณิตศำสตรแ์ ละศำสตรอ์ ืน่ ๆ รวมทงั้ กำรใช้แนวคิดเชิงออกแบบรว่ มกับกำรทำงำนตำมกระบวนกำร ออกแบบเชิงวศิ วกรรม จะช่วยใหผ้ ู้เรียนสำมำรถพิจำรณำกจิ กรรมและปัญหำที่เกดิ ในสถำนกำรณแ์ ละ บรบิ ทต่ำง ๆ ช่วยให้ผู้เรียนวเิ ครำะหแ์ ละเข้ำใจผู้ใชง้ ำนซ่งึ เป็นกลมุ่ บุคคลผู้นำเทคโนโลยีที่ถกู พัฒนำไปใช้ใน ชวี ิตประจำวนั สาระการเรียนรู้ การทาโครงงาน เป็นการประยกุ ต์ใชค้ วามรูแ้ ละทักษะจากศาสตร์ตา่ ง ๆ รวมท้ังทรพั ยากรในการ สรา้ งหรือพัฒนาช้นิ งานหรอื วธิ กี าร เพื่อแก้ปญั หาหรอื อานวยความสะดวกในการทางาน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) 1 ผ้เู รยี นสามารถอธบิ ายประโยชน์ของการคิดเชิงออกแบบได้ ดา้ นทักษะ / กระบวนการ (P) 1. ผเู้ รียนสามารถวิเคราะหส์ ถานการณห์ รอื ความตอ้ งการทีค่ านึงถึงผใู้ ช้ด้วยการคิดเชิงออกแบบ และความรจู้ ากศาสตร์ต่าง ๆ
ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรยี นมีความสามารถในการทางานอย่างเปน็ ระบบ มีระเบยี บวินัย คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ 2. ความสามารถในการส่อื สาร 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา จุดเน้นสูก่ ารพัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรียนรู้ 3R X 8C Reading (อา่ นออก) (W) Riting (เขยี นได)้ (A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ ) ทกั ษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความร่วมมือ การทางานเป็นทีมและภาวะผนู้ า (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะดา้ นการส่ือสาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy) ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning) ทักษะดา้ นชวี ิตและอาชพี ของคนในศตวรรษท่ี 21 ความยดื หยนุ่ และการปรับตัว การรเิ ร่มิ สรา้ งสรรคแ์ ละเป็นตวั ของตัวเอง ทกั ษะสังคมและสังคมขา้ มวฒั นธรรม การเป็นผู้สรา้ งหรอื ผผู้ ลิต (Productivity) และความรับผดิ ชอบเช่ือถอื ได้ (Accountability) ภาวะผนู้ าและความรบั ผดิ ชอบ (Responsibility) คณุ ลักษณะของคนในศตวรรษที่ 21 คณุ ลกั ษณะด้านการทางาน ไดแ้ ก่ การปรับตัว ความเป็นผูน้ า คณุ ลกั ษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การชีน้ าตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรขู้ องตนเอง คณุ ลักษณะดา้ นศีลธรรม ได้แก่ ความเคารพผอู้ ่ืน ความซ่อื สัตย์ ความสานึกพลเมือง
การบรู ณาการ โครงการสถานศกึ ษาพอเพยี ง โครงการโรงเรียนคณุ ธรรม คุณธรรม ค่านิยม 12 ประการ หลักสูตรต้านทจุ ริตศกึ ษา กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ (สอนโดยใช้ทฤษฎกี ารเรียนรู้ Constructivism) ข้นั นาเขา้ ส่บู ทเรียน ผู้สอนกระตุ้นผู้เรียนใหเ้ กดิ การตกผลกึ ความคิดด้วยการใชค้ าถามชวนคิด “นักเรยี นคดิ วา่ การคิด เชิงออกแบบ และ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม มีความสัมพนั ธก์ นั อยา่ งไร และผ้พู ัฒนาเทคโนโลยี ใชท้ ั้ง 2 กระบวนการนีใ้ นการทางานต่างกันอยา่ งไร” (แนวคาตอบ: ทงั้ สองกระบวนการเปน็ กรอบการดาเนนิ งาน หรอื แนวทางการดาเนนิ งานเพ่อื แก้ปัญหา หรอื พฒั นางานอย่างเปน็ ขัน้ ตอนเหมอื นกัน โดยเร่ิมต้นจากการระบปุ ัญหา กล่าวคอื ต้องทราบ สาเหตุของปัญหา ศกึ ษาความตอ้ งการของผู้ใช้ และเงอื่ นไขรวมถงึ ผลกระทบในหลายแงม่ มุ ต้องมีการ รวบรวมข้อมลู และความรทู้ กุ ข้ันตอนการดาเนินงาน แล้วจึงเลือกขอ้ มลู หรือองค์ความรทู้ ีต่ ้องใช้เพื่อ ออกแบบวธิ กี ารแก้ปญั หา และกาหนดขนั้ ตอนการทางาน ลงมือดาเนนิ การเพ่ือสรา้ งตน้ แบบทดสอบโดย อาจให้ผู้ใช้หรอื กล่มุ เป้าหมายได้มีสว่ นรว่ มในการทดสอบและประเมินประสิทธิภาพของช้ินงานหรอื วธิ ีการ เกบ็ ข้อมลู ยอ้ นกลบั จากกลุ่มผใู้ ช้แล้วนามาปรับปรุงผลงาน ในการปรับปรงุ ผู้พัฒนาอาจหาข้อมูลหรือความรู้เพม่ิ เติม) ขน้ั สอน 1. ผูเ้ รยี นแต่ละกลุม่ นาเสนอแนวทางการแก้ปัญหาการออกแบบสนามเด็กเล่นของชุมชน ใน รปู แบบการนาเสนอสถานการณส์ มมติในชมุ ชน ประกอบดว้ ย 4 บทบาทหลกั คอื ทีมคณะทางาน รับบทบาทโดย กลุ่มผ้นู าเสนอ กลุ่มผ้แู ทนชมุ ชนุ รับบทบาทโดย ผู้เรียนกลุ่มอื่น กลมุ่ เดก็ ในชมุ ชน รับบทบาทโดย ผเู้ รยี นกลุ่มอ่ืน ผู้ปกครองของเดก็ รับบทบาทโดย ผ้เู รยี นกลุม่ อ่ืน 2. ผูส้ อนและผู้เรียนอภปิ รายร่วมกนั เพื่อสรุปขอ้ ดแี ละขอ้ ควรพฒั นาของสนามเด็กเลน่ แต่ละ แบบ ขั้นสรปุ 1. ผู้เรยี นและผูส้ อนอภิปรายรว่ มกนั เพอื่ สรุปความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งการคิดเชงิ ออกแบบและ กระบวนการคิดเชิงวศิ วกรรม โดยผู้สอนอาจยกตวั อย่างสถานการณ์อืน่ ๆ ท่ีสามารถพบเหน็ ได้ในชีวติ ประจาวนั เพอ่ื กระตนุ้ ให้ผู้เรียนมองปญั หาท่ีอาจเกิดข้นึ จากสถานการณร์ อบตวั 2. ครูแจง้ ให้ผเู้ รยี นทราบวา่ ผเู้ รยี นสามารถกลับไปศึกษา ทบทวนเนื้อหาและคน้ หาขอ้ มูล เร่อื ง ความรแู้ ละการคดิ เชงิ ออกแบบเพอ่ื การแกป้ ัญหา เพิ่มเติมไดจ้ ากแหลง่ ความรเู้ พ่ิมเตมิ ทีม่ อี ยู่ในอนิ เทอรเ์ น็ต ไดท้ ุกท่ี ทุกเวลา
ชิ้นงาน/ ภาระงาน 1. งานออกแบบสนามเด็กเล่น/การนาเสนอการออกแบบสนามเด็กเลน่ สื่อการเรยี นรู้ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. สอื่ นาเสนอ PowerPoint เรอ่ื ง ความรแู้ ละการคดิ เชงิ ออกแบบเพ่อื การแก้ปญั หา 2. หนังสือเรยี น เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.5 สสวท. 3. เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 4. อินเทอร์เนต็ 5. วดิ ิโอประกอบการสอน project 14 วิทยาการคานวณ ม.5 สสวท. การวัดและประเมนิ ผลการจัดการเรียนรู้ 1. ประเมินจากงานทากิจกรรม เรื่อง ความรู้กบั การออกแบบสนามเดก็ เล่น 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 เร่อื ง ความหมายและประเภทของโครงงาน รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รหสั วิชา ว32106 ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2/2564 จานวน 1 ช่ัวโมง ครูผสู้ อน นายประสงค์ นุสนทรา โรงเรยี นพนมไพรวทิ ยาคาร สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดารงชวี ติ ในสังคมทม่ี กี ารเปล่ียนแปลง อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความร้แู ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อน่ื ๆ เพ่อื แกป้ ญั หาหรือ พฒั นางานอยา่ งมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอย่าง เหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และสิง่ แวดล้อม ตัวช้วี ัด ม.5/1 ประยกุ ต์ใช้ความรู้และทักษะจากศาสตร์ตา่ งๆ รวมทั้งทรัพยากร ในการทาโครงงานเพ่อื แกป้ ัญหาหรอื พฒั นางาน สาระสาคัญ โครงงาน เปน็ การศึกษาท่เี ปดิ โอกาสให้นักเรียนศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้และลงมอื ปฏิบัติดว้ ยตนเอง ในเรอ่ื งใดเรอื่ งหนึ่งทีต่ ้องการรคู้ าตอบให้ลึกซ้ึง โดยใช้กระบวนการหรือวธิ ีการทมี่ รี ะบบ ภายใต้การดูแลและ ให้คาปรึกษาของครูหรอื ผู้เช่ียวชาญตั้งแต่การเลือกหวั ข้อเรือ่ งทจี่ ะทาโครงงาน การกาหนดขอบเขตการ วางแผนดาเนินงานและข้นั ตอน และลงมือปฏิบัตติ ามแผนที่วางไว้ จนได้ข้อสรปุ ท่เี ป็นคาตอบในเร่ืองนัน้ ๆ การทาโครงงานเพ่ือแก้ปัญหาด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมมีจุดเน้นในด้านของการนาแนวคดิ หลกั การหรอื ทฤษฎที างวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และความร้จู ากศาสตรอ์ ื่น ๆ มาบรู ณาการเพื่อพัฒนา ส่ิงของเคร่อื งใช้หรือวิธกี ารเพอ่ื การแกป้ ัญหาหรอื สนองความตอ้ งการของมนุษย์ ผ่านกระบวนการออกแบบ เชงิ วศิ วกรรม โดยสารวจ สถานการณ์ปญั หาที่สนใจ เพื่อกาหนดปญั หาหรือความต้องการเปน็ หัวข้อ โครงงาน แล้วรวบรวมขอ้ มลู และแนวคดิ ที่เก่ยี วข้องกับปญั หา ออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา ท่มี ีการวาง แผนการทางานอยา่ งเป็นขั้นตอนเพือ่ แก้ปัญหา ทดสอบ ประเมนิ ผล ปรบั ปรุงแกไ้ ขวิธกี ารแกป้ ญั หา หรือ ชิ้นงาน และนาเสนอวิธกี ารแกป้ ญั หา
สาระการเรียนรู้ 1. การทาโครงงาน เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ และทักษะจากศาสตร์ต่าง ๆ รวมทั้งทรัพยากรใน การสรา้ งหรอื พฒั นาชน้ิ งานหรอื วธิ ีการ เพือ่ แกป้ ญั หาหรืออานวยความสะดวกในการทางาน 2. การทาโครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี สามารถดาเนินการได้ โดยเริ่มจากการสารวจ สถานการณ์ปัญหาทส่ี นใจ เพื่อกาหนดหัวขอ้ โครงงาน แล้วรวบรวมข้อมูลและแนวคิดทีเ่ ก่ยี วข้องกับปัญหา ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา วางแผน และดาเนินการแก้ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไข วิธีการแกป้ ัญหาหรือชนิ้ งาน และนาเสนอวธิ กี ารแกป้ ัญหา จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ผูเ้ รยี นสามารถอธบิ ายความหมายและประเภทของโครงงานได้ ด้านทักษะ / กระบวนการ (P) ผู้เรยี นสามารถพฒั นาโครงงานเพ่ือแกป้ ญั หาด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) นกั เรียนมีความสามารถในการทางานอย่างเปน็ ระบบ มีระเบียบวินยั คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ 2. ความสามารถในการสือ่ สาร 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา จดุ เนน้ สกู่ ารพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น ทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คือการเรยี นรู้ 3R X 8C Reading (อา่ นออก) (W) Riting (เขยี นได)้ (A) Rithemetics (คิดเลขเป็น) ทักษะด้านการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทกั ษะดา้ นความรว่ มมอื การทางานเป็นทีมและภาวะผู้นา (Collaboration, Teamwork and Leadership)
ทกั ษะดา้ นการสื่อสาร สารสนเทศและรูเ้ ทา่ ทนั ส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy) ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT Literacy) ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning) ทักษะด้านชวี ิตและอาชีพ ของคนในศตวรรษที่ 21 ความยดื หยุน่ และการปรับตวั การรเิ ร่มิ สร้างสรรค์และเปน็ ตวั ของตัวเอง ทกั ษะสงั คมและสังคมขา้ มวฒั นธรรม การเป็นผู้สรา้ งหรือผผู้ ลติ (Productivity) และความรับผดิ ชอบเช่ือถอื ได้ (Accountability) ภาวะผ้นู าและความรับผิดชอบ (Responsibility) คณุ ลักษณะของคนในศตวรรษท่ี 21 คุณลักษณะด้านการทางาน ได้แก่ การปรับตัว ความเปน็ ผนู้ า คณุ ลักษณะด้านการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การช้นี าตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรู้ของตนเอง คณุ ลักษณะดา้ นศีลธรรม ไดแ้ ก่ ความเคารพผูอ้ ื่น ความซ่ือสัตย์ ความสานึกพลเมอื ง การบรู ณาการ โครงการสถานศกึ ษาพอเพียง โครงการโรงเรยี นคณุ ธรรม คณุ ธรรม ค่านิยม 12 ประการ หลกั สูตรต้านทุจรติ ศึกษา กจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้ (สอนโดยใชท้ ฤษฎกี ารเรยี นรู้ Constructivism) ข้นั นาเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครกู ลา่ วทักทายผเู้ รยี น และอธบิ ายเกี่ยวกับการเรยี น เร่อื ง โครงงาน 2. ผู้เรยี นร่วมกนั ตอบคาถาม เรื่อง โครงงาน 3. ผู้เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น บทท่ี 1 เร่ือง โครงงาน เปน็ แบบทดสอบแบบปรนยั ชนดิ เลือกตอบ 4 ตัวเลือก จานวน 20 ข้อ ใช้เวลาสอบ 15 นาที ผ่านบทเรียนบนเครือขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ ด้วยความ ซ่ือสัตยส์ ุจรติ ขน้ั สอน 1. ครูและผู้เรยี นรว่ มกนั พูดคยุ เก่ยี วกับ เรอ่ื ง โครงงาน เพ่อื กระตนุ้ การเรียนรู้ 2. ครูเปิดส่อื PowerPoint เร่ือง ความหมายและประเภทของโครงงาน โดยมีหวั ข้อย่อยๆ ดังน้ี - ความหมายของโครงงาน - ประเภทของโครงงาน โดยทร่ี ะหวา่ งการสอนนนั้ ก็จะมกี ารหยุดและถามคาถามเพอ่ื ให้ผู้เรียนตอบเปน็ ระยะ เพือ่ ทดสอบความ เข้าใจของผู้เรียนวา่ มีความเข้าใจใน เร่อื ง โครงงาน มากน้อยเพียงใด (แนวสรปุ การตอบ : เคยทาโครงงานหรือเคยเหน็ โครงงานทีน่ า่ สนใจ เชน่ เคยทาโครงงานตอน ม.3 สนใจโครงงานเกย่ี วกบั การทดลอง เป็นตน้ )
3. ผ้เู รยี นรว่ มกันปรกึ ษาและพูดคุยกนั เก่ยี วกบั เรือ่ ง ความหมายและประเภทของโครงงาน หลังจากนน้ั ครใู ห้นักเรยี นทาแผนที่ความคดิ สรปุ ความรู้ เรื่อง ความหมายและประเภทของโครงงาน 4. ครูสังเกตการร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ ตลอดจนคอยใหค้ วามชว่ ยเหลอื ให้คาแนะนาและตอบ ข้อสงสัยของผู้เรียน ขัน้ สรุป 1. ผู้เรยี นร่วมกันอภปิ รายหลักการและประโยชนข์ องการทาโครงงาน เพ่อื ให้ได้ข้อสรุปว่าการทา โครงงานเกิดจากปัญหาหรือความต้องการท่ีผู้เรียนสนใจ โดยมีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลและวางแผนการ ดาเนินการอย่างเป็นระบบ ช้ินงาน/ ภาระงาน 1. แผนทค่ี วามคดิ สรุปความรู้ เรื่อง ความหมายและประเภทของโครงงาน ส่อื การเรียนรู้ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. สอื่ นาเสนอ PowerPoint เรอื่ ง ความหมายและประเภทของโครงงาน 2. หนงั สือเรียน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.5 สสวท. 3. เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 4. อินเทอร์เน็ต 5. วิดโิ อประกอบการสอน project 14 วิทยาการคานวณ ม.5 สสวท. การวดั และประเมนิ ผลการจัดการเรยี นรู้ 1. ประเมนิ จากงานทากิจกรรมแผนทคี่ วามคิดสรุปความรู้ เรอื่ ง ความหมายและประเภทของ โครงงาน 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 6 เรือ่ ง ความหมายประเภทของโครงงาน (ต่อ) รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รหัสวชิ า ว32106 ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ 2/2564 จานวน 1 ช่ัวโมง ครูผูส้ อน นายประสงค์ นสุ นทรา โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลีย่ นแปลง อย่างรวดเรว็ ใช้ความรแู้ ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพื่อแกป้ ัญหาหรอื พฒั นางานอย่างมีความคดิ สร้างสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ ง เหมาะสม โดยคานงึ ถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สังคม และสง่ิ แวดลอ้ ม ตัวชีว้ ัด ม.5/1 ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้และทกั ษะจากศาสตร์ตา่ งๆ รวมท้ังทรพั ยากร ในการทาโครงงานเพอื่ แก้ปัญหาหรอื พัฒนางาน สาระสาคัญ โครงงาน เปน็ การศึกษาท่เี ปิดโอกาสให้นักเรยี นศึกษาคน้ ควา้ หาความรแู้ ละลงมือปฏบิ ตั ิดว้ ยตนเอง ในเรอื่ งใดเรือ่ งหน่ึงทต่ี ้องการรคู้ าตอบใหล้ กึ ซงึ้ โดยใชก้ ระบวนการหรอื วิธีการท่มี รี ะบบ ภายใตก้ ารดแู ลและ ใหค้ าปรกึ ษาของครหู รือผเู้ ชย่ี วชาญตั้งแต่การเลอื กหัวข้อเรอ่ื งทจ่ี ะทาโครงงาน การกาหนดขอบเขตการ วางแผนดาเนินงานและขน้ั ตอน และลงมอื ปฏบิ ัตติ ามแผนที่วางไว้ จนได้ข้อสรุปที่เปน็ คาตอบในเร่อื งนน้ั ๆ การทาโครงงานเพ่ือแก้ปญั หาด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมมีจดุ เน้นในด้านของการนาแนวคดิ หลกั การหรือทฤษฎที างวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และความร้จู ากศาสตร์อนื่ ๆ มาบรู ณาการเพื่อพฒั นา สงิ่ ของเครอื่ งใช้หรือวธิ กี ารเพื่อการแก้ปญั หาหรือสนองความตอ้ งการของมนุษย์ ผ่านกระบวนการออกแบบ เชิงวศิ วกรรม โดยสารวจ สถานการณป์ ญั หาทส่ี นใจ เพ่ือกาหนดปญั หาหรอื ความตอ้ งการเปน็ หวั ข้อ โครงงาน แลว้ รวบรวมขอ้ มูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปญั หา ออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา ทีม่ ีการวาง แผนการทางานอย่างเปน็ ขนั้ ตอนเพือ่ แก้ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล ปรบั ปรุงแก้ไขวิธกี ารแก้ปญั หา หรอื ชน้ิ งาน และนาเสนอวธิ ีการแก้ปัญหา
สาระการเรียนรู้ 1. การทาโครงงาน เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ และทักษะจากศาสตร์ต่าง ๆ รวมท้ังทรัพยากรใน การสร้างหรือพัฒนาชน้ิ งานหรอื วธิ ีการ เพือ่ แกป้ ัญหาหรืออานวยความสะดวกในการทางาน 2. การทาโครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี สามารถดาเนินการได้ โดยเริ่มจากการสารวจ สถานการณ์ปัญหาที่สนใจ เพ่ือกาหนดหัวขอ้ โครงงาน แล้วรวบรวมขอ้ มูลและแนวคิดทีเ่ ก่ยี วข้องกับปัญหา ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา วางแผน และดาเนินการแก้ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไข วิธกี ารแกป้ ัญหาหรือชนิ้ งาน และนาเสนอวธิ กี ารแกป้ ัญหา จุดประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ผู้เรยี นสามารถอธบิ ายความหมายและประเภทของโครงงานได้ ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ (P) ผูเ้ รยี นสามารถพฒั นาโครงงานเพ่ือแกป้ ญั หาด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) นกั เรยี นมีความสามารถในการทางานอย่างเปน็ ระบบ มีระเบียบวินยั คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุง่ มน่ั ในการทางาน สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ 2. ความสามารถในการสือ่ สาร 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา จดุ เน้นส่กู ารพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น ทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คือการเรยี นรู้ 3R X 8C Reading (อ่านออก) (W) Riting (เขยี นได)้ (A) Rithemetics (คิดเลขเป็น) ทักษะดา้ นการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความรว่ มมอื การทางานเป็นทีมและภาวะผู้นา (Collaboration, Teamwork and Leadership)
ทักษะด้านการสอ่ื สาร สารสนเทศและรู้เทา่ ทนั สอ่ื (Communications, Information, and Media Literacy) ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning) ทักษะด้านชีวิตและอาชพี ของคนในศตวรรษท่ี 21 ความยดื หยุ่นและการปรบั ตวั การรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์และเปน็ ตวั ของตัวเอง ทกั ษะสงั คมและสังคมข้ามวฒั นธรรม การเป็นผู้สรา้ งหรอื ผูผ้ ลติ (Productivity) และความรบั ผิดชอบเช่อื ถอื ได้ (Accountability) ภาวะผ้นู าและความรับผิดชอบ (Responsibility) คณุ ลกั ษณะของคนในศตวรรษท่ี 21 คณุ ลกั ษณะด้านการทางาน ไดแ้ ก่ การปรับตวั ความเปน็ ผู้นา คุณลักษณะดา้ นการเรียนรู้ ได้แก่ การช้นี าตนเอง การตรวจสอบการเรียนรขู้ องตนเอง คณุ ลกั ษณะด้านศลี ธรรม ได้แก่ ความเคารพผู้อน่ื ความซือ่ สัตย์ ความสานึกพลเมือง การบรู ณาการ โครงการสถานศกึ ษาพอเพยี ง โครงการโรงเรียนคุณธรรม คณุ ธรรม ค่านิยม 12 ประการ หลกั สตู รต้านทจุ รติ ศึกษา กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (สอนโดยใช้ทฤษฎีการเรยี นรู้ Constructivism) ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรียน 1. ครกู ลา่ วทกั ทายผู้เรียน และอธิบายเกย่ี วกบั การเรียน เร่อื ง โครงงาน ขน้ั สอน 1. ผู้เรียนแบง่ กลุ่มจานวน 5 กลุม่ ๆ ละเท่ากนั เพอื่ ทากจิ กรรม เรื่อง การวิเคราะห์โครงงาน 2. ครูใชค้ าถามในกจิ กรรม เรอ่ื ง การวิเคราะห์โครงงานและอภปิ รายร่วมกับผเู้ รยี นเก่ียวกบั โครงงานที่ผเู้ รียนเคยปฏบิ ัติในชน้ั เรียนที่ผ่านมาหรอื เคยศึกษา และให้ผู้เรียนช่วยกันวิเคราะหโ์ ครงงานนั้น โดยใช้ประเด็นคาถาม เชน่ - โครงงานมีเป้าหมายในการศกึ ษา หรอื แกป้ ัญหาอะไร - โครงงานนน้ั มีวธิ ีการดาเนินการอยา่ งไร - ผลการดาเนินงานของโครงงานเป็นอย่างไร 3. ครใู ช้ตวั อยา่ งโครงงานท่ผี ู้เรียนนาเสนอประกอบการอภปิ รายและวิเคราะหโ์ ครงงาน โดยให้ พิจารณารายละเอียดของโครงงานตามประเด็นคาถามทีก่ าหนดไว้ ซ่งึ อาจนาเสนอผลการวเิ คราะห์โครงงาน ในรูปแบบตารางโดยโครงงานทผ่ี ้เู รียนยกตวั อย่างอาจมลี กั ษณะในการศึกษาทแ่ี ตกตา่ งกนั วธิ ีการทาโครงงานลกั ษณะการทดลอง กาหนดปัญหา กาหนดตัวแปร ตัง้ สมมตฐิ าน (คาดการณ์ผล ทเี่ กดิ ขน้ึ ) ออกแบบการทดลอง ดาเนนิ การทดลอง รวบรวมข้อมลู แปลผล และสรปุ ผลการศึกษา
วิธีการทาโครงงานลักษณะสารวจ กาหนดประเด็นท่ีต้องการสารวจวางแผนออกแบบการสารวจ เลอื กวธิ ีการดาเนินการ สรปุ ผล และอภปิ รายผลจากการสารวจ วิธีการทาโครงงานลักษณะส่ิงประดิษฐ์ กาหนดความต้องการสิ่งประดิษฐ์ วางแผนออกแบบ ส่ิงประดิษฐ์ เลือกวัสดุ ลงมือประดิษฐ์ตามที่ได้ออกแบบไว้ ทดสอบประสิทธิภาพของส่ิงประดิษฐ์ สารวจ ความพงึ พอใจต่อการใช้สิ่งประดษิ ฐ์ และสรปุ ผลการศกึ ษา 4. ครูสงั เกตการรว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ ตลอดจนคอยใหค้ วามช่วยเหลอื ให้คาแนะนาและตอบข้อ สงสัยของผู้เรียน 5. ตวั แทนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการวเิ คราะห์โครงงานตามตารางและอภปิ รายประเดน็ เก่ยี วกับ จดุ เดน่ จุดด้อย และข้อเสนอแนะเพ่อื การพฒั นาโครงงานตอ่ ไป โดยครคู อยเพมิ่ เติมในส่วนท่ีไมส่ มบูรณ์ ขน้ั สรุป 1. ผู้เรียนร่วมกันอภิปราย การทาโครงงานเป็นกระบวนการหนึ่งท่ีผู้เรียนสามารถนามาใช้ แก้ปัญหาศึกษาค้นคว้าในเร่ืองที่ต้องการรู้อยา่ งลกึ ซึ้ง และลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง นอกจากน้ีกิจกรรมการ วเิ คราะห์โครงงานทาให้ทราบถึงแนวทางการทาโครงงานในลักษณะต่างๆ ช่วยให้สามารถตรวจสอบ ความ สอดคล้องของแต่ละข้ันตอน และติดตามความสาเร็จของโครงงานได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณค่าและ นา่ เชอ่ื ถือ 2. ครูแจ้งให้ผู้เรียนทราบว่า ผู้เรียนสามารถกลับไปศึกษา ทบทวนเนื้อหาและค้นหาข้อมูล เรื่อง การแก้ปัญหาดว้ ยการทาโครงงาน เพ่มิ เติมไดจ้ ากแหล่งความรู้เพิม่ เตมิ ท่มี อี ยู่ในอนิ เทอร์เน็ตได้ทกุ ท่ี ทกุ เวลา ช้ินงาน/ ภาระงาน 1. นาเสนอผลการวิเคราะหโ์ ครงงาน สื่อการเรียนรู้ /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. สอื่ นาเสนอ PowerPoint เรอ่ื ง การวิเคราะหโ์ ครงงาน 2. หนงั สือเรียน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.5 3. เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 4. อินเทอร์เนต็ การวัดและประเมนิ ผลการจัดการเรียนรู้ 1. ประเมนิ จากงานทากิจกรรม เรอ่ื ง นาเสนอผลการวเิ คราะห์โครงงาน 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม
การวัดและประเมนิ ผลการจดั การเรยี นรู้ จุดประสงค์ วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ -การอภิปราย - การอภปิ ราย คะแนน 5 หมายถงึ ดี ผเู้ รยี นสามารถอธบิ าย -สงั เกตพฤตกิ รรม - ชิ้นงานแผนผัง คะแนน 3-4 หมายถงึ ความหมายและประเภทของ พอใช้ โครงงานได้ (K) ความคิด (ความหมาย คะแนน 1-2 หมายถึง และประเภทของ ปรบั ปรงุ ผู้เรยี นสามารถพัฒนา โครงงาน) คะแนน 5 หมายถงึ ดี โครงงานเพอ่ื แกป้ ญั หาด้วย - ตรวจใบกิจกรรม - ใบกิจกรรม 2.1 คะแนน 3-4 หมายถงึ กระบวนการออกแบบเชงิ - สงั เกตพฤตกิ รรม (การวิเคราะห์ พอใช้ วิศวกรรม (P) โครงงาน) คะแนน 1-2 หมายถงึ ปรับปรุง - ตรวจใบกิจกรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม คะแนน 5 หมายถงึ ดี นักเรยี นมคี วามสามารถใน - สงั เกตพฤติกรรม คะแนน 3-4 หมายถึง การทางานอยา่ งเป็นระบบ มี พอใช้ ระเบยี บวนิ ัย (A) คะแนน 1-2 หมายถึง ปรับปรุง เกณฑก์ ารประเมิน จดุ ประสงค์ เกณฑ์การประเมนิ 5 432 1 อธบิ าย ผู้เรียนสามารถ อธบิ าย อธิบาย อธบิ าย อธิบาย ความหมาย อธิบายความหมาย ความหมาย ความหมาย และประเภท และประเภทของ ความหมาย ความหมาย และประเภท และประเภท ของโครงงาน โครงงานได้ (K) และประเภท และประเภท ของโครงงาน ของโครงงาน ไม่ได้และไม่ ตรงตาม ของโครงงานได้ ของโครงงาน ประเด็น ครบทุกหวั ขอ้ ไดค้ รบทุก ได้ แต่ไม่ครบ ได้ ตรงประเดน็ หัวข้อ แตไ่ ม่ ทุกหัวข้อ ถกู ต้องและ ตรงประเดน็ ชัดเจน
จุดประสงค์ เกณฑก์ ารประเมนิ ผเู้ รยี นสามารถ 5 432 1 พัฒนาโครงงาน วิเคราะห์ราย วเิ คราะห์ราย เพ่ือแก้ปญั หาดว้ ย ละเอียดปัญหา วิเคราะห์ราย วเิ คราะห์ วิเคราะห์ ละเอียด กระบวนการ วธิ ดี าเนนิ การ ปัญหา ออกแบบเชงิ และผลการ ละเอยี ดปญั หา รายละเอยี ด รายละเอยี ด วธิ ดี าเนินการ วศิ วกรรม (P) ดาเนนิ การของ และผลการ โครงงานได้ วิธดี าเนินการ ปัญหา ปญั หา ดาเนนิ การ นักเรียนมี ครบถ้วน ของโครงงาน ความสามารถใน ถกู ตอ้ ง และผลการ วธิ ีดาเนนิ การ วธิ ดี าเนนิ การ ไม่ได้ การทางานอย่าง และชดั เจน เป็นระบบ มี ดาเนนิ การของ และผลการ และผลการ นักเรยี นมกี าร ระเบยี บวนิ ัย (A) นกั เรียนมีการ ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง โครงงานได้ ดาเนินการของ ดาเนินการ เปน็ ขั้นเปน็ เป็นข้นั ตอน แตไ่ ม่ เปน็ ตอนและ ครบถว้ น โครงงานได้ ของโครงงาน ถูกต้อง ถกู ต้อง ร้อยละ 80 ขึน้ ไป ถูกต้อง ครบถว้ น แต่ ไดไ้ มค่ รบถว้ น ไมถ่ ูกต้อง และไม่ถกู ต้อง บางสว่ น บางสว่ น นกั เรียนมีการ นกั เรียนมกี าร นักเรยี นมีการ ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง ทางานอยา่ ง เป็นข้ันเปน็ เป็นขน้ั เปน็ เปน็ ขนั้ เป็น ตอน และ ตอน และ ตอน และ ถูกต้องร้อยละ ถูกต้องต่ากว่า ถูกต้องตา่ กว่า 60-79 ร้อยละ 50 ร้อยละ 30
กิจกรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรม เรือ่ งการวเิ คราะหโ์ ครงงาน
แบบทดสอบก่อนเรยี น รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รหัสวชิ า ว32106 เร่อื ง การทาโครงงาน ของนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 คาชแี้ จง 1. แบบทดสอบ เร่ือง การทาโครงงาน ฉบับนีเ้ ป็นแบบปรนัย ชนดิ เลือกตอบ 4 ตวั เลือก มจี านวน 20 ข้อ ใช้เวลาสอบ 15 นาที 1. สถาพรขอพบครูผ้สู อนวชิ าคอมพิวเตอรเ์ พอื่ ค. 6 ขนั้ ตอน ขอคาแนะนาการทาโครงงานพัฒนาแอปพลเิ ค ง. 8 ข้นั ตอน ชัน อยใู่ นขน้ั ตอนใดของการทาโครงงาน 6. ข้อใดต่อไปนไ้ี ม่ใชข่ น้ั ตอนของการทาโครงงาน ก. ข้ันตอนแสดงผลงาน ก. ข้ันตอน การคิดและการเลือกหวั ข้อ ข. ข้ันตอนปฏิบตั โิ ครงงาน ข. ขัน้ ตอน การศกึ ษาเอกสารทเี่ ก่ียวข้อง ค. ข้นั ตอนการเขียนรายงาน ค. ขัน้ ตอน การปฏบิ ัติโครงงาน ง. ขนั้ ตอนการฝกึ ประสบการณ์ ง. ถกู ทุกขอ้ 7. การคิดและเลือกหัวข้อโครงงานควรเปน็ แบบ 2. โครงงานจากข้อใดควรทามากท่ีสดุ ใด ก. จากการบอกเล่าของผู้รู้ ก. ชือ่ หัวขอ้ จาง่าย ข. จากการท่องเทยี่ วตามแหลง่ ต่าง ๆ ข. มีความไพเราะ ค. จากงานอดิเรกท่ีทาในยามว่าง ค. เหมาะสมกับเรอ่ื งท่ีจะทา ง. จากปัญหาทีพ่ บในชวี ิตประจาวัน ง. ตง้ั ตามยคุ สมยั 3. สมนุ ไพรกาจดั ปลวก จดั เป็นโครงงานประเภท 8. การคิดและการเลือกหวั ขอ้ โครงงานควง ใด คานงึ ถึงสง่ิ ใด ก. ประเภททดลอง ก. ความเหมาะสมกับความสามารถของ ข. ประเภทสารวจ นักเรียน ค. ประเภทส่งิ ประดษิ ฐ์ ข. ความปลอดภัย ง. ประเภททฤษฎี ค. ครทู ี่ปรกึ ษา 4. ขัน้ ตอนหลังจากทเี่ ค้าโครงของโครงงานไดร้ ับ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ความเห็นชอบจากครูที่ปรกึ ษาแลว้ คอื ขั้นตอนใด 9. ทีม่ าและความสาคัญเปน็ การเขียนอธบิ าย ก. ขั้นตอนปฏิบตั โิ ครงงาน อะไร ข. ข้ันตอนแสดงผลงาน ก. ช่อื เร่ืองทีเ่ ราทา ค. ข้ันตอนศกึ ษาเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง ข. ระยะเวลาตา่ ง ๆ ในการทางาน ง. ขน้ั ตอนการเขยี นรายงาน ค. เหตุใดจงึ เลือกทาโครงงานน้ี 5. ข้ันตอนการทาโครงงานมกี ี่ขน้ั ตอน ง. การศึกษาคน้ ควา้ ตา่ ง ๆ ก. 2 ขัน้ ตอน ข. 4 ขนั้ ตอน
10. ข้อใดไมไ่ ด้อยูใ่ นขนั้ ตอนของการเขยี นเคา้ ข. กลา่ วขอบคณุ ผู้ทีเ่ ก่ยี วข้อง หรือที่ให้ โครงของโครงงาน ความชว่ ยเหลือ ก. ชอ่ื โครงงาน ค. เป็นการกลา่ วว่าจะทาโครงงานเรื่อง ข. ที่มาและความสาคญั ของโครงงาน ใด ค. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ง. บอกกลมุ่ เปา้ หมายของการทา ง. การศกึ ษาเอกสารท่ีเกย่ี วขอ้ ง โครงงาน 11. การปฏบิ ัติโครงงานนักเรียนควรคานงึ ถงึ สง่ิ 16. รูปภาพข้ันตอนการปฏิบตั โิ ครงงานควรอยใู่ น ใดมากท่ีสดุ ส่วนใดของการเขยี นรายงานของโครงงาน ก. งบประมาณ ก. บทคัดย่อ ข. ความปลอดภัย ข. เกยี่ วกับโครงงาน ค. วสั ดุอปุ กรณ์ ค. บรรณานกุ รม ง. ความสะดวกสบาย ง. ภาคผนวก 12. ข้อใดไม่ใช่รูปแบบการเขยี นรายงานของ 17. ข้นั ตอนสดุ ท้ายในการทาโครงงานคอื ข้นั ตอน โครงงาน ใด ก. บทคัดยอ่ ก. การคิดหัวข้อการทาโครงงาน ข. สมมติฐานของการศกึ ษาโครงงาน ข. การปฏบิ ตั ิโครงงาน ค. ภาคผนวก ค. การทารายงาน ง. บทท่ี 5 สรปุ ผลและข้อเสนอแนะ ง. การแสดงผลงาน 13. สมมติฐานของการศึกษาโครงงานคอื อะไร 18. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ประโยชน์ของการทาโครงงาน ก. รายละเอยี ดการทาโครงงาน ก. รจู้ ักการทางานร่วมกนั เป็นหมูค่ ณะ ข. ส่งิ ทตี่ ้องการให้เกิดเมอื่ สน้ิ สุด ข. เกิดการพัฒนาความคดิ และรจู้ กั รบั โครงงาน ฟงั ความคดิ เห็นของผู้อืน่ ค. ส่งิ ที่คาดว่าจะเกิดเมอ่ื ส้ินสุดโครงงาน ค. เพือ่ นาความรู้ไปใช้ในการสอบปลาย ง. แผนการปฏบิ ัตโิ ครงงาน ภาค 14. ข้อใดเป็นการตัง้ ชอื่ โครงงานได้เหมาะสม ง. รูจ้ กั หน้าที่ และมคี วามรบั ผดิ ชอบ ท่ีสดุ มากขึ้น ก. การพัฒนาเว็บไซต์เพื่อการศกึ ษา 19. ประโยชน์ของการจดั ทาเค้าโครงงานคือข้อใด เรื่อง อุปกรณค์ อมพิวเตอร์ ก. กาหนดการทางาน ข. ยากาจัดมด ข. ประหยัดคา่ ใชจ้ ่าย ค. ปุ๋ยอินทรยี ์เพ่อื การเจรญิ เตบิ โตของ ค. มคี วามเปน็ ระเบียบ ต้นไม้ ง. ประหยัดเวลา ง. การกาจดั ขยะ 20. การทาโครงงานไมค่ วรมสี มาชกิ เกนิ กค่ี น 15. กติ ตกิ รรมประกาศ เป็นการเขยี นถึงเร่อื งใด ก. 2 คน ข. 3 คน ในการทาโครงงาน ค. 4 คน ง. 5 คน ก. สรุปผลการทาโครงงาน
เฉลยแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นกอ่ นเรียน รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี 2 ว32106 เร่อื ง การทาโครงงาน ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ข้อ ตาตอบ 1 ง. ถกู ทุกข้อ 2 ง. จากปัญหาทพ่ี บในชวี ิตประจาวนั 3 ก. ประเภททดลอง 4 ก. ขัน้ ตอนปฏิบตั ิโครงงาน 5 ค. 6 ขน้ั ตอน 6 ง. ข้ันตอนการฝกึ ประสบการณ์ 7 ค. เหมาะสมกับเรื่องท่ีจะทา 8 ง. ถูกทกุ ข้อ 9 ค. เหตุใดจึงเลอื กทาโครงงานนี้ 10 ง. การศกึ ษาเอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ ง 11 ข. ความปลอดภยั 12 ข. สมมติฐานของการศึกษาโครงงาน 13 ค. สิ่งที่คาดว่าจะเกดิ เม่อื ส้ินสุดโครงงาน 14 ก. การพัฒนาเวบ็ ไซตเ์ พอ่ื การศกึ ษา เรื่อง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 15 ข. กล่าวขอบคณุ ผู้ทเี่ กี่ยวขอ้ ง หรือที่ใหค้ วามช่วยเหลอื 16 ง. ภาคผนวก 17 ง. การแสดงผลงาน 18 ค. เพือ่ นาความรูไ้ ปใช้ในการสอบปลายภาค 19 ก. กาหนดการทางาน 20 ง. 5 คน
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 7 เร่อื ง ข้ันตอนการพฒั นาโครงงานโดยใช้กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รหัสวิชา ว32106 ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2/2564 จานวน 1 ช่ัวโมง ครูผู้สอน นายประสงค์ นสุ นทรา โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีเพอื่ การดารงชีวติ ในสงั คมท่ีมีการเปล่ยี นแปลง อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรูแ้ ละทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ่นื ๆ เพ่ือแก้ปญั หาหรือ พฒั นางานอยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลือกใช้เทคโนโลยอี ย่าง เหมาะสม โดยคานงึ ถงึ ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิง่ แวดล้อม ตวั ชวี้ ัด ม.5/1 ประยุกตใ์ ช้ความรู้และทักษะจากศาสตร์ต่างๆ รวมทง้ั ทรพั ยากร ในการทาโครงงานเพื่อ แกป้ ัญหาหรือพฒั นางาน สาระสาคญั โครงงาน เป็นการศึกษาท่เี ปิดโอกาสให้นักเรยี นศึกษาคน้ คว้าหาความรู้และลงมอื ปฏิบตั ิด้วยตนเอง ในเรอ่ื งใดเร่ืองหนง่ึ ท่ตี ้องการรู้คาตอบใหล้ กึ ซง้ึ โดยใชก้ ระบวนการหรือวิธกี ารท่มี รี ะบบ ภายใต้การดแู ลและ ใหค้ าปรึกษาของครูหรือผูเ้ ช่ยี วชาญตั้งแต่การเลือกหวั ข้อเรื่องทจี่ ะทาโครงงาน การกาหนดขอบเขตการ วางแผนดาเนินงานและขั้นตอน และลงมือปฏิบัติตามแผนทว่ี างไว้ จนได้ข้อสรุปทเ่ี ป็นคาตอบในเรือ่ งน้นั ๆ การทาโครงงานเพ่ือแกป้ ญั หาด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมมจี ุดเนน้ ในด้านของการนาแนวคิด หลกั การหรอื ทฤษฎที างวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และความรูจ้ ากศาสตร์อืน่ ๆ มาบรู ณาการเพอ่ื พัฒนา ส่งิ ของเครื่องใชห้ รือวิธกี ารเพอ่ื การแก้ปญั หาหรอื สนองความตอ้ งการของมนุษย์ ผ่านกระบวนการออกแบบ เชงิ วิศวกรรม โดยสารวจ สถานการณ์ปัญหาท่สี นใจ เพ่อื กาหนดปัญหาหรือความตอ้ งการเปน็ หวั ขอ้ โครงงาน แล้วรวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่เี กีย่ วข้องกับปญั หา ออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหา ท่ีมีการวาง แผนการทางานอย่างเป็นขั้นตอนเพ่อื แก้ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไขวธิ ีการแกป้ ญั หา หรอื ชนิ้ งาน และนาเสนอวิธกี ารแกป้ ัญหา
สาระการเรียนรู้ 1. การทาโครงงาน เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ และทักษะจากศาสตร์ต่าง ๆ รวมทั้งทรัพยากรใน การสร้างหรือพัฒนาชิน้ งานหรอื วิธกี าร เพื่อแกป้ ญั หาหรืออานวยความสะดวกในการทางาน 2. การทาโครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี สามารถดาเนินการได้ โดยเร่ิมจากการสารวจ สถานการณ์ปัญหาทสี่ นใจ เพ่ือกาหนดหวั ข้อโครงงาน แล้วรวบรวมข้อมูลและแนวคดิ ท่เี กีย่ วข้องกับปัญหา ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา วางแผน และดาเนินการแก้ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไข วิธกี ารแกป้ ัญหาหรือชิ้นงาน และนาเสนอวธิ กี ารแกป้ ญั หา จุดประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ผเู้ รียนสามารถบอกขั้นตอนการพัฒนาโครงงานโดยใช้กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมได้ ดา้ นทักษะ / กระบวนการ (P) ผู้เรยี นสามารถพัฒนาโครงงานโดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมได้ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) นกั เรยี นมคี วามสามารถในการทางานอย่างเป็นระบบ มีระเบยี บวนิ ัย คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. ม่งุ มนั่ ในการทางาน สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ 2. ความสามารถในการสอ่ื สาร 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. ความสามารถในการแก้ปัญหา จดุ เน้นส่กู ารพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น ทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรียนรู้ 3R X 8C Reading (อ่านออก) (W) Riting (เขียนได้) (A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ ) ทักษะดา้ นการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความรว่ มมือ การทางานเป็นทมี และภาวะผ้นู า (Collaboration, Teamwork and Leadership)
ทักษะดา้ นการสื่อสาร สารสนเทศและรเู้ ทา่ ทันสือ่ (Communications, Information, and Media Literacy) ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT Literacy) ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning) ทักษะดา้ นชวี ิตและอาชีพ ของคนในศตวรรษที่ 21 ความยืดหยนุ่ และการปรับตัว การรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์และเป็นตัวของตัวเอง ทักษะสงั คมและสงั คมข้ามวัฒนธรรม การเปน็ ผู้สร้างหรือผผู้ ลติ (Productivity) และความรบั ผดิ ชอบเชื่อถอื ได้ (Accountability) ภาวะผู้นาและความรบั ผิดชอบ (Responsibility) คุณลักษณะของคนในศตวรรษที่ 21 คุณลักษณะด้านการทางาน ไดแ้ ก่ การปรับตัว ความเปน็ ผนู้ า คุณลักษณะดา้ นการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ การช้นี าตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรขู้ องตนเอง คุณลกั ษณะดา้ นศีลธรรม ได้แก่ ความเคารพผู้อ่ืน ความซ่อื สัตย์ ความสานกึ พลเมอื ง การบรู ณาการ โครงการสถานศึกษาพอเพียง โครงการโรงเรียนคณุ ธรรม คุณธรรม ค่านยิ ม 12 ประการ หลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษา กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (สอนโดยใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ Constructivism) ข้ันนาเข้าส่บู ทเรียน 1. ครูกล่าวทักทายผูเ้ รยี น และอธบิ ายเกีย่ วกับการเรยี นสปั ดาห์น้ี 2. ครูเข้าสู่บทเรียน เร่ือง การพัฒนาโครงงานโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยใช้ คาถามชวนคิด “นักเรียนเคยทาโครงงานที่ใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมในการทางานหรือไม่ นักเรียนคิดว่าโครงงานดังกล่าวควรมีลักษณะอย่างไร” ให้ผู้เรียนศึกษา จากน้ันผู้เรียนและผู้สอนร่วมกัน อภปิ รายจนไดข้ ้อสรุปเกี่ยวกบั ลกั ษณะของโครงงานที่ใช้กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมในการแกป้ ญั หา (แนวคาตอบ โครงงานท่ีใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมในการปัญหา เปน็ โครงงานท่มี ีจุดเนน้ ในด้าน การนาแนวคิด หลักการหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และความรู้จากศาสตร์อื่น ๆ มาบูรณา การเพ่ือพัฒนานวัตกรรมในรูปแบบช้ินงานหรือวิธีการ ในการแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการของ มนุษย์ ซึ่งอาจนาไปต่อยอดสู่การประกอบอาชีพ ในการแก้ปัญหาน้ันดาเนินการโดยผ่านขั้นตอนของ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม)
ขนั้ สอน 1. ครูและผู้เรียนรว่ มกันพดู คยุ เกยี่ วกับ เรื่อง การพฒั นาโครงงานโดยใชก้ ระบวนการออกแบบ เชงิ วศิ วกรรม เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ 2. ครูเปิดสอ่ื PowerPoint เรื่อง ขัน้ ตอนการพฒั นาโครงงานโดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรม โดยมีหัวข้อย่อย ๆ ดังน้ี การพัฒนาโครงงานโดยใช้กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม แบ่งออกเปน็ 3 ระยะ ไดแ้ ก่ 1. ระยะเรม่ิ ต้นของโครงงาน 2. ระยะพฒั นาโครงงาน 3. ระยะนาเสนอโครงงาน 1. ระยะเรมิ่ ต้นโครงงาน ประกอบดว้ ย การสารวจสถานการณ์ของปัญหา 2. ระยะพัฒนาโครงงาน ประกอบด้วย ขั้นระบปุ ัญหา ข้ันรวบรวมข้อมลู และแนวคดิ ทเ่ี ก่ียวข้อง กับปัญหา ขัน้ ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา ข้ันวางแผนและดาเนินการแก้ปัญหา และขั้นทดสอบ ประเมินผล และปรบั ปรงุ แกไ้ ขวธิ ีการแกป้ ัญหาหรอื ชน้ิ งาน 3. ระยะนาเสนอโครงงาน ประกอบดว้ ย ข้ันการนาเสนอวิธกี ารแกป้ ญั หา ผลการแกป้ ัญหาหรือ ชิ้นงาน 3. ผ้เู รยี นรว่ มกันปรกึ ษาและพูดคุยกนั เกยี่ วกับ เร่อื ง ขนั้ ตอนการพฒั นาโครงงานโดยใช้ กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 4. ครูยกตวั อย่างโครงงาน 2-3 โครงงาน โดยให้ผ้เู รยี นร่วมกนั วเิ คราะห์ว่าโครงงานนน้ั ๆ มีการ พัฒนาโครงงานโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมโครงงานอย่างไร 5. ครูให้ผู้เรียนทาใบงาน เรื่อง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยให้ผู้เรียนค้นคว้าหา โครงงานทผ่ี ้เู รียนสนใจและวิเคราะหว์ า่ โครงงานที่ผ้เู รียนยกตัวอยา่ งมา มีขั้นตอนการพัฒนาโครงงานโดยใช้ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมอยา่ งไร 6. ผ้เู รยี นสง่ ใบงาน 7. ครูสุ่มผลงานของผู้เรียนออกมา 2-3 งาน และใหผ้ ้เู รียนออกมานาเสนอผลงานของตนเอง โดย ครูคอยเพ่มิ เติมในส่วนท่ไี มส่ มบูรณ์ 8. ครตู รวจและใหค้ ะแนนใบงาน ของผ้เู รียนผ่านทางบทเรยี นบนเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ ขน้ั สรุป 1. ผู้เรียนร่วมกนั สรปุ ความรทู้ ไ่ี ด้จากการทากิจกรรม โดยครูคอยสรุปเพิ่มเติมในส่วนทไี่ มส่ มบูรณ์ 2. ครูแจ้งให้ผู้เรียนทราบวา่ ผเู้ รยี นสามารถกลับไปศกึ ษา ทบทวนเน้ือหาและค้นหาขอ้ มูล เรือ่ ง กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เพมิ่ เติมไดจ้ ากแหลง่ ความรเู้ พมิ่ เตมิ ทีม่ อี ยู่ในอนิ เทอรเ์ น็ตไดท้ กุ ที่ ทกุ เวลา ชิน้ งาน/ ภาระงาน 1. ใบงาน เร่อื ง กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม สือ่ การเรยี นรู้ /แหล่งการเรยี นรู้ 1. สื่อนาเสนอ PowerPoint เรอ่ื ง กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 2. หนังสอื เรยี น เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.5 สสวท.
3. เครื่องคอมพวิ เตอร์ 4. อินเทอรเ์ นต็ 5. วิดโิ อประกอบการสอน project 14 วิทยาการคานวณ ม.5 สสวท. การวดั และประเมินผลการจัดการเรยี นรู้ 1. ประเมินจากงานใบงาน เรอ่ื ง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 2. แบบสงั เกตพฤติกรรม การวัดและประเมนิ ผลการจัดการเรียนรู้ จุดประสงค์ วิธกี าร เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมนิ -การอภปิ ราย - การอภิปราย คะแนน 5 หมายถึง ดี ผเู้ รยี นสามารถบอกขัน้ ตอน -สังเกตพฤติกรรม - ใบงาน เรื่อง คะแนน 3-4 หมายถึง การพัฒนาโครงงานโดยใช้ กระบวนการออกแบบ พอใช้ กระบวนการออกแบบเชงิ เชิงวิศวกรรม คะแนน 1-2 หมายถงึ วศิ วกรรมได้ (K) ปรับปรงุ - ตรวจใบกิจกรรม - ใบงาน เร่ือง คะแนน 5 หมายถึง ดี ผ้เู รยี นสามารถพฒั นา - สงั เกตพฤติกรรม กระบวนการออกแบบ คะแนน 3-4 หมายถึง โครงงานโดยใช้กระบวนการ พอใช้ ออกแบบเชิงวศิ วกรรมได้ (P) เชงิ วิศวกรรม คะแนน 1-2 หมายถึง ปรับปรุง นักเรียนมีความสามารถใน - ตรวจใบกิจกรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม คะแนน 5 หมายถึง ดี การทางานอย่างเป็นระบบ มี - สังเกตพฤติกรรม คะแนน 3-4 หมายถึง ระเบียบวินยั (A) พอใช้ คะแนน 1-2 หมายถึง ปรับปรุง
เกณฑ์การประเมิน จุดประสงค์ 5 เกณฑ์การประเมนิ 1 ผเู้ รยี นสามารถบอก ขั้นตอนการพัฒนา อธบิ ายข้ันตอน 432 อธบิ ายขั้นตอน โครงงานโดยใช้ การพฒั นา การพัฒนา กระบวนการ โครงงานโดยใช้ อธบิ ายขั้นตอน อธิบายข้ันตอน อธบิ ายข้ันตอน โครงงานโดยใช้ ออกแบบเชงิ กระบวนการ การพัฒนา การพัฒนา การพฒั นา กระบวนการ วศิ วกรรมได้ (K) ออกแบบเชงิ โครงงานโดยใช้ โครงงานโดยใช้ โครงงานโดยใช้ ออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ได้ครบ กระบวนการ กระบวนการ กระบวนการ วิศวกรรม ไมไ่ ด้ ทกุ หวั ขอ้ ตรง ออกแบบเชิง ออกแบบเชงิ ออกแบบเชงิ และไม่ตรงตาม ประเดน็ ถกู ตอ้ ง วิศวกรรม ได้ วศิ วกรรมได้ แต่ วศิ วกรรมได้ ประเดน็ และชดั เจน ครบทกุ หวั ข้อ ไมค่ รบทุกหัวขอ้ แต่ไมต่ รง ประเดน็ ผู้เรยี นสามารถ วิเคราะห์ระบุ วเิ คราะห์ระบุ วิเคราะห์ระบุ วิเคราะห์ระบุ วิเคราะห์ระบุ พัฒนาโครงงานโดย ปัญหา รวบรวม ปญั หา รวบรวม ปัญหา รวบรวม ปญั หา รวบรวม ปญั หา ใชก้ ระบวนการ ขอ้ มลู และ ข้อมลู และ ขอ้ มูล และ ขอ้ มูล และ รวบรวมข้อมูล ออกแบบเชิง ออกแบบวธิ กี าร ออกแบบวธิ กี าร ออกแบบวธิ กี าร ออกแบบวธิ ีการ และออกแบบ วิศวกรรมได้ (P) แกป้ ัญหาได้ แกป้ ัญหาได้ แกป้ ัญหาได้ แกป้ ัญหาได้ วิธกี าร ครบถ้วน ถกู ต้อง ครบถ้วน ถูกตอ้ ง ครบถ้วน แต่ ไม่ครบถว้ น แก้ปัญหาไมไ่ ด้ และชัดเจน และไมถ่ กู ตอ้ ง ไมถ่ กู ต้อง บางส่วน บางสว่ น นกั เรียนมี นกั เรียนมกี าร นักเรยี นมีการ นักเรยี นมีการ นกั เรยี นมีการ นกั เรียนมีการ ความสามารถใน ทางานอยา่ งเป็น การทางานอยา่ ง ขั้น ทางานอยา่ งเปน็ ทางานอย่างเป็น ทางานอยา่ งเปน็ ทางานอยา่ ง เปน็ ระบบ มี เปน็ ตอนและ ระเบยี บวนิ ยั (A) ถกู ต้อง รอ้ ยละ ขน้ั เป็นตอน และ ขน้ั เป็นตอน และ ขั้นเป็นตอน เปน็ ข้ันเป็น 80 ขึ้นไป ถกู ตอ้ งรอ้ ยละ ถูกตอ้ งต่ากว่า และถกู ต้องตา่ ตอน แต่ไม่ 60-79 รอ้ ย กว่าร้อยละ 30 ถูกต้อง ละ 50
ใบงาน เรื่อง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม คาช้ีแจง : ให้นักเรียนค้นคว้าหาโครงงานท่ีนักเรียนสนใจและวิเคราะห์ว่าโครงงานที่นักเรยี นยกตวั อย่างมา มขี ั้นตอน การพัฒนาโครงงานโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมอยา่ งไร
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 8 เรอ่ื ง การพัฒนาโครงงานโดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี 2 รหสั วชิ า ว32106 ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 2/2564 จานวน 1 ชั่วโมง ครผู ู้สอน นายประสงค์ นุสนทรา โรงเรยี นพนมไพรวิทยาคาร สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยเี พอ่ื การดารงชวี ติ ในสังคมทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลง อยา่ งรวดเร็ว ใชค้ วามรแู้ ละทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่นื ๆ เพือ่ แก้ปญั หาหรอื พัฒนางานอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสม โดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม ตัวชว้ี ัด ม.5/1 ประยกุ ตใ์ ช้ความรู้และทกั ษะจากศาสตร์ตา่ งๆ รวมท้ังทรัพยากร ในการทาโครงงานเพอื่ แกป้ ัญหาหรอื พัฒนางาน สาระสาคัญ โครงงาน เปน็ การศกึ ษาที่เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้และลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ในเร่อื งใดเร่ืองหนงึ่ ทต่ี อ้ งการรูค้ าตอบใหล้ ึกซงึ้ โดยใชก้ ระบวนการหรอื วิธีการท่ีมรี ะบบ ภายใตก้ ารดูแลและ ใหค้ าปรึกษาของครหู รือผเู้ ช่ียวชาญต้งั แตก่ ารเลอื กหวั ขอ้ เรือ่ งทีจ่ ะทาโครงงาน การกาหนดขอบเขตการ วางแผนดาเนินงานและข้ันตอน และลงมือปฏบิ ัติตามแผนท่ีวางไว้ จนไดข้ ้อสรุปทีเ่ ปน็ คาตอบในเร่อื งนนั้ ๆ การทาโครงงานเพ่อื แก้ปญั หาด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมมจี ดุ เน้นในดา้ นของการนาแนวคิด หลักการหรือทฤษฎีทางวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และความรูจ้ ากศาสตรอ์ น่ื ๆ มาบูรณาการเพอื่ พฒั นา ส่ิงของเคร่ืองใช้หรอื วิธีการเพื่อการแก้ปญั หาหรอื สนองความตอ้ งการของมนษุ ย์ ผา่ นกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม โดยสารวจ สถานการณ์ปัญหาทส่ี นใจ เพื่อกาหนดปญั หาหรอื ความตอ้ งการเป็นหวั ข้อ โครงงาน แลว้ รวบรวมข้อมูลและแนวคดิ ทเี่ กี่ยวข้องกับปัญหา ออกแบบแนวทางการแก้ปญั หา ท่ีมีการวาง แผนการทางานอยา่ งเป็นขนั้ ตอนเพอ่ื แกป้ ญั หา ทดสอบ ประเมนิ ผล ปรับปรงุ แกไ้ ขวิธีการแก้ปัญหา หรือ ชิ้นงาน และนาเสนอวิธกี ารแก้ปัญหา
สาระการเรียนรู้ 1. การทาโครงงาน เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ และทักษะจากศาสตร์ต่าง ๆ รวมทั้งทรัพยากรใน การสรา้ งหรือพัฒนาชิน้ งานหรือวิธกี าร เพ่ือแก้ปัญหาหรอื อานวยความสะดวกในการทางาน 2. การทาโครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี สามารถดาเนินการได้ โดยเริ่มจากการสารวจ สถานการณ์ปัญหาที่สนใจ เพ่ือกาหนดหัวขอ้ โครงงาน แล้วรวบรวมข้อมูลและแนวคดิ ที่เกยี่ วข้องกับปัญหา ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา วางแผน และดาเนินการแก้ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไข วธิ ีการแกป้ ัญหาหรอื ชิน้ งาน และนาเสนอวิธกี ารแกป้ ัญหา จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ผเู้ รียนสามารถบอกปัญหา รวบรวมข้อมูล และออกแบบวิธีการแก้ปญั หา โดยใช้ กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมได้ ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ (P) ผู้เรยี นสามารถพฒั นาโครงงานโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมได้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) นกั เรยี นมคี วามสามารถในการทางานอยา่ งเปน็ ระบบ มรี ะเบยี บวนิ ยั คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. ม่งุ ม่นั ในการทางาน สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา จดุ เน้นสู่การพัฒนาคณุ ภาพผูเ้ รยี น ทกั ษะของคนในศตวรรษที่ 21 คอื การเรยี นรู้ 3R X 8C Reading (อ่านออก) (W) Riting (เขยี นได)้ (A) Rithemetics (คิดเลขเป็น) ทักษะดา้ นการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความร่วมมอื การทางานเป็นทีมและภาวะผู้นา (Collaboration, Teamwork and Leadership)
ทักษะด้านการส่ือสาร สารสนเทศและรูเ้ ทา่ ทนั ส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy) ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning) ทกั ษะดา้ นชีวิตและอาชพี ของคนในศตวรรษที่ 21 ความยดื หยนุ่ และการปรบั ตวั การรเิ ร่ิมสร้างสรรค์และเปน็ ตวั ของตัวเอง ทักษะสงั คมและสงั คมข้ามวัฒนธรรม การเปน็ ผสู้ ร้างหรอื ผ้ผู ลติ (Productivity) และความรับผิดชอบเชื่อถอื ได้ (Accountability) ภาวะผ้นู าและความรบั ผดิ ชอบ (Responsibility) คณุ ลกั ษณะของคนในศตวรรษท่ี 21 คุณลกั ษณะด้านการทางาน ไดแ้ ก่ การปรบั ตวั ความเปน็ ผนู้ า คุณลักษณะด้านการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การช้ีนาตนเอง การตรวจสอบการเรียนรูข้ องตนเอง คุณลักษณะด้านศลี ธรรม ไดแ้ ก่ ความเคารพผอู้ ื่น ความซอื่ สตั ย์ ความสานึกพลเมือง การบูรณาการ โครงการสถานศึกษาพอเพยี ง โครงการโรงเรยี นคุณธรรม คณุ ธรรม คา่ นยิ ม 12 ประการ หลักสตู รต้านทุจริตศึกษา กจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้ (สอนโดยใชท้ ฤษฎีการเรียนรู้ Constructivism) ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูกล่าวทกั ทายผู้เรียน และอธิบายเกย่ี วกับการเรยี นสัปดาหน์ ี้ 2. ครทู บทวนความรูเ้ ดิม เรอ่ื ง ขั้นตอนการพฒั นาโครงงานโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิง วศิ วกรรม โดยครูถามคาถามผู้เรยี น เพ่อื กระตนุ้ ผ้เู รยี น (แนวคาถาม : ขั้นตอนการพัฒนาโครงงานโดยใช้ กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม แบ่งออกเป็นก่ีระยะ ไดแ้ ก่อะไรบ้าง เป็นต้น ) ข้ันสอน 1. ครูนาเข้าสู่การทาโครงงาน ในหวั ขอ้ หัวข้อ 2.2 ระยะพฒั นาโครงงาน: ขนั้ ระบปุ ญั หา จาก ตัวอยา่ ง สถานการณป์ ัญหาในหนงั สอื เรยี นเกยี่ วกบั พอ่ คา้ ในตลาดไม่รับซื้อมะม่วงนา้ ดอกไม้ โดยผู้สอนต้ังคาถามวา่ จากสถานการณ์ดงั กล่าวจะสามารถระบุปญั หาที่เก่ียวขอ้ งกบั สถานการณ์ และตัดสินเลอื กปญั หา จาก สถานการณไ์ ด้อยา่ งไร (แนวคาตอบ: จากตัวอย่างสถานการณพ์ ่อคา้ ในตลาดไม่รับซ้อื มะม่วงน้าดอกไม้ เพอื่ ใหไ้ ดแ้ นวคิดเกย่ี วกบั การระบปุ ัญหาจากสถานการณ์ปัญหา จงึ ตอ้ งทาความเขา้ ใจกับประเด็นต่าง ๆ ท่ี เกย่ี วขอ้ งกับปัญหาอย่างรอบด้าน เช่น สาเหตุ สาระสาคัญ เหตุการณ์ และบุคคลท่ีเก่ยี วขอ้ ง เพอื่ นาไปสู่การระบปุ ัญหาที่เกยี่ วข้องกับ สถานการณ)์
2. ครูนาอภปิ รายในการตดั สินใจเลือกปัญหา ควรใช้ความรู้จากศาสตรต์ ่าง ๆ และปัจจัยท่ี เกย่ี วข้องเพื่อนามาวิเคราะหป์ ัญหา ดังตัวอยา่ งการวเิ คราะห์ปญั หาในหนงั สือเรียน โดยพบวา่ ทั้ง 3 ปัญหา เกยี่ วข้องกบั การสุกของผลมะม่วงทเี่ กิดจากการกระตนุ้ โดยเอทิลีนท่ีเกิดขน้ึ ในผลมะมว่ งเอง และตัดสินใจ เลอื กปัญหาโดยพจิ ารณาจากความเกย่ี วขอ้ งและผลกระทบของปญั หา เช่น จากสถานการณ์ตัดสนิ ใจเลอื ก แก้ปญั หาที่ 1 คอื ผลมะมว่ งน้าดอกไม้ทเ่ี กบ็ เกย่ี วมาเกดิ การสุก จนเน่าเสยี ระหวา่ งเกบ็ รักษาและรอการ ขนส่งโดยปัญหาที่ 1 เปน็ ปัญหาทก่ี อ่ ให้เกิดปญั หาท่ี 2 และปัญหาที่ 3 ซ่งึ หากแกป้ ญั หาที่ 1 ได้ จะเปน็ ปัจจัยหน่งึ ทช่ี ว่ ยลดการเกดิ ปัญหาที่ 2 และ 3 ไปดว้ ย 3. ผ้เู รียนศกึ ษาเนอ้ื หาในหนังสือ หัวข้อขัน้ การรวบรวมขอ้ มูลและแนวคดิ ท่ีเก่ียวขอ้ งกับปญั หาของ ระยะพฒั นาโครงงาน และรว่ มกนั สรปุ หลักการในการรวบรวมข้อมลู และแนวคดิ ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ปัญหาว่า “เป็นการรวบรวมข้อมูลและแนวคิดทางวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี หรือศาสตร์อืน่ ๆ ที่ เกยี่ วข้องกบั แนวทางการแก้ปัญหาและประเมินความเปน็ ไปได้ ขอ้ ดแี ละข้อจากดั เพื่อตัดสนิ ใจเลอื กแนว ทางการแกป้ ัญหาที่เหมาะสม และนาไปออกแบบวธิ ีการแกป้ ญั หา” 4. ครูและผเู้ รยี นร่วมกันสรปุ ขอ้ มูลทไ่ี ด้จากการสืบคน้ ท่ีจาเป็นตอ่ การแก้ปัญหาโครงงาน ในรปู ผัง กราฟิก หรอื แผนท่คี วามคิดโดยครูอาจแนะนาเพมิ่ เตมิ วา่ ปัจจบุ นั มโี ปรแกรมซอฟตแ์ วรช์ ว่ ยในการสรา้ งผงั กราฟกิ ไดผ้ เู้ รยี นสามารถใชโ้ ปรแกรมเหล่าน้ชี ่วยในการสรปุ ข้อมลู ทรี่ วบรวมมาในรปู แบบที่น่าสนใจได้ 5. ผเู้ รียนศึกษาเน้อื หาในหนงั สือเรยี น หวั ข้อ ขั้นการออกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หา โดยใช้สถานการณ์ ตวั อย่างจากหนงั สอื เรยี น ประเด็น ตอ้ งการชะลอการสกุ ของผลมะมว่ งท่ีเกดิ จากแก๊สเอทิลนี ในช่วงเก็บ รักษาและขนสง่ เป็นเวลาอยา่ งนอ้ ย 25 วนั 6. ครูและผูเ้ รียนร่วมกนั อภิปรายหลักการขัน้ ออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หา เพอื่ ให้ไดข้ อ้ สรปุ วา่ ใน ข้ันตอนนสี้ ามารถออกแบบการแก้ปญั หาไวห้ ลายแนวทางก่อน แลว้ วิเคราะห์ปัจจัยที่เกยี่ วขอ้ งเพ่ือตัดสนิ ใจ เลอื กแนวทางการแกป้ ัญหา โดยมีการประเมนิ ความเป็นไปไดใ้ นการทางาน จากปจั จยั ดา้ นต่าง ๆ ที่ เกี่ยวขอ้ งทัง้ ทางด้านทรพั ยากรทางเทคโนโลยี ความปลอดภยั การบารงุ รักษา ความสะดวกสบายในการใช้ งานผลกระทบ ขึ้นอยกู่ บั ลกั ษณะของแนวทางการแก้ปัญหา อาจใช้ตารางช่วยประเมนิ เพื่อตัดสินใจเลอื ก โดยพจิ ารณาเลือกจากคา่ ผลรวมของเงอื่ นไขการตดั สินใจทมี่ ีค่าคะแนนมากท่สี ุด ซึ่งแนวทางหรอื วิธีการ ดังกลา่ วมีความสอดคล้องและความเหมาะสมสาหรบั ใช้แก้ปัญหาหรือสนองความต้องการมากท่ีสุด 7. ผ้เู รียนทาใบงาน เรื่อง การพัฒนาโครงงานโดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม โดยให้ กาหนดปญั หาขึน้ มา รวบรวมข้อมลู และแนวคดิ ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับปญั หา และออกแบบวธิ ีการแก้ปญั หา โดยใช้ กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 8. ผู้เรียนสง่ ใบงาน 9. ครูสังเกตการทางาน ตลอดจนคอยให้ความชว่ ยเหลือ ให้คาแนะนาและตอบข้อสงสัยของ ผู้เรียน 10. ครูสุ่มผลงานของผู้เรยี นออกมา 2-3 งาน และให้ผูเ้ รยี นออกมานาเสนอผลงานของตนเอง โดยครูคอยเพิ่มเติมในส่วนที่ไมส่ มบรู ณ์ 11. ครตู รวจและให้คะแนนใบงาน ของผูเ้ รยี นผา่ นทางบทเรียนบนเครอื ขา่ ยอินเทอร์เนต็
Search