วารสารศรีปทุมปริทัศน์ ปีที่ 12 มกราคม-ธันวาคม 2563

วารสารศรปี ทุมปริทัศน ฉบบั วทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ปท‚ ่ี 12 มกราคม - ธนั วาคม 2563 Sripatum Review of Science and Technology Vol.12 January – December 2020 แจกแจงบีตา (Beta Distribution) ท่ีมีรูปแบบและพารามิเตอรเปน Beta (5, 3,√6,0,0) เมื่อกําหนดคานอกเกณฑ จากตัวแปรอิสระเทากบั 0 1 และ 2 คา ตารางที่ 6 คา MSE ของคาประมาณพารามเิ ตอรภายใตค า นอกเกณฑตางๆ จาํ นวนคา นอกเกณฑ วิธีการประมาณคาพารามเิ ตอร ตัวประมาณคาเอส LS ภาวะนาจะเปน สูงสดุ 0.134558 0.1315891 0 0.062710 0.067337 0.02261035 1 0.09231048 0.07472932 2 0.1183422 0.09996891 จากตารางท่ี 6 พบวา คา MSE ของคาประมาณพารามเิ ตอรด วยวิธี LS เมือ่ ไมม ีคา นอกเกณฑเ กิดขึ้น (คานอก เกณฑเทากับศูนย) มีคานอยท่ีสุด แสดงวาคาประมาณของพารามิเตอรน้ีที่มีประสทิ ธิภาพมากกวาวิธีภาวะนาจะเปน สูงสุดและวิธีตวั ประมาณคาเอส ซึ่งบงช้ีไดวา วิธี LS เหมาะสมท่ีจะนาํ มาใชประมาณคาพารามิเตอรกรณที ่ีไมมีคานอก เกณฑเ กิดขนึ้ แตถา ในกรณที ม่ี ีคานอกเกณฑเกดิ ขนึ้ กับตวั แปรอสิ ระคา ประมาณของพารามิเตอรวิธี LS จะใหคา MSE มากวาสองวิธีที่เหลือแสดงวา คาประมาณของพารามิเตอรดวยวิธี LS จะมีประสิทธิภาพต่ํากวาวิธีภาวะนาจะเปน สูงสุดเมอื่ ใชฟงกช ันความคลาดเคล่ือนของ Huber และวธิ ตี ัวประมาณคาเอส จึงควรใชวธิ ีภาวะนาจะเปนสูงสุดเมื่อใช ฟง กช ันความคลาดเคลือ่ นของ Huber หรือวธิ ตี วั ประมาณคา เอสแทนวิธี LS ท้ังนี้เม่ือเปรียบเทียบประสิทธิภาพของคาประมาณพารามิเตอรดวยวิธีภาวะนาจะเปนสูงสุดเมื่อใชฟงกชัน ความคลาดเคลอ่ื นของ Huber กับวิธีตัวประมาณคาเอสพบวา ถามีคานอกเกณฑเกิดขึ้นกับตัวแปรอิสระในระดบั มาก แลวประสิทธิภาพของคาพารามิเตอรวิธีตัวประมาณคาเอสจะมากกวาวิธีภาวะนาจะเปนสูงสุดเมื่อใชฟงกชันความ คลาดเคล่ือนของ Huber เนื่องจากมีคา MSE นอยกวา ซ่ึงสอดคลองกับผลวิจัยที่เปรียบเทียบคา MSE ของตัว ประมาณคาพารามเิ ตอรวธิ ภี าวะนาจะเปน สงู สดุ เมอ่ื ใชฟ ง กช นั ความคลาดเคลื่อนของ Huber กับวิธตี วั ประมาณคาเอส ท่ีความแปรปรวนของความคลาดเคลื่อน หรือ ������������2 เทากับ 10 1 และ 0.01 เม่ือมีคานอกเกณฑจํานวนตางๆ ตาม ตารางที่ 7 ตารางท่ี 7 คา MSE ของวิธีภาวะนา จะเปนสูงสดุ กบั วธิ ตี ัวประมาณคา เอสที่ ������������2และคานอกเกณฑจ าํ นวนตา งๆ ������������2 = 10 ������������2 = 1 ������������2 = 0.01 วิธปี ระมาณคา จาํ นวนคานอกเกณฑ 012012012 วิธภี าวะนา จะเปนสงู สุด 0.067338 0.074678 0.103733 0.067338 0.074724 0.010495 0.067338 0.076120 0.125205 วิธีตัวประมาณคาเอส ** ** ** ** ** ** ** ** ** หมายเหตุ คา ** แสดงวา MSE มีคา เขา ใกลศูนยม าก หรอื มคี านอยมากทไี่ มส ามารถแสดงทศนิยมไดท ั้งหมด ป˜ญญา เช่ียวชาญ เบิกบาน คุณธรรม Intellectual, Professional, Cheerfulness, Morality 199

วารสารศรีปทมุ ปรทิ ัศน ฉบับวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ปท‚ ่ี 12 มกราคม - ธนั วาคม 2563 Sripatum Review of Science and Technology Vol.12 January – December 2020 นอกจากนีย้ ังพบวา ประสิทธิภาพของตัวประมาณคา พารามเิ ตอรด ว ยวิธตี ัวประมาณคา เอสมีมากกวา วิธีภาวะ นาจะเปนสูงสุดเม่ือใชฟงกชันความคลาดเคล่ือนของ Huber ในกรณีท่ีคาสังเกตจากตัวแปรอิสระมีคาตางจาก คาสังเกตอื่นมากๆ (High Leverage) ตามท่ีปรากฏในงานวิจัยตางๆ ดังนี้ Almetwally and Almohgy (2018) ประมาณคาพารามิเตอรจากคาสังเกตหรือขอมูลจากตัวแปรอิสระที่สรางขึ้นใหแจกแจงเอกรูป โดยกําหนดคาสังเกต จากตัวแปรอิสระมีคาตางจากคาอื่นมากๆ ภายใตความคลาดเคลื่อนแจกแจงปรกติ ท่ีความแปรปรวนตางๆ พบวา จากการจําลองสถานการณว ิธมี อนติคารโ ล (Monte Carlo Method) จาํ นวน 1,500 รอบ ตวั ประมาณคา พารามเิ ตอร ดวยวิธตี วั ประมาณคา เอสมีประสทิ ธภิ าพมากกวาวธิ ีภาวะนาจะเปน สงู สุดเม่ือใชฟงกชันความคลาดเคลือ่ นของ Huber โดยพิจารณาจากคา MSE ในกรณีที่มีคานอกเกณฑรอยละ 30 ขนาดตัวอยางเทากับ 50 100 และ 150 และจํานวน พารามเิ ตอรเทา กับ 3 และ 6 ตามตารางที่ 8 ตารางท่ี 8 คา MSE ของวิธภี าวะนาจะเปน สงู สดุ กบั วิธีตัวประมาณคา เอส ท่ขี นาดตัวอยา ง จํานวนพารามิเตอร และ ความแปรปรวนของความคลาดเคลื่อน (������������2) ตา งๆ จาํ นวนพารามเิ ตอร (������������) วิธปี ระมาณ ������������2 = 1 ������������ = 3 ������������2 = 25 ������������2 = 1 ������������ = 6 ������������2 = 25 คา พารามิเตอร ขนาดตวั อยา ง 50 100 150 50 100 150 50 100 150 50 100 150 วิธภี าวะนา จะเปนสูงสุด 11.43 194.61 19.08 285.63 4865.34 477.07 32.79 272.79 69.30 819.84 6819.64 4232.57 วิธตี ัวประมาณคาเอส 0.46 0.26 0.26 11.51 6.42 6.37 1.41 0.81 0.75 35.33 20.30 18.65 Yu and Yao(2017) ประมาณคาพารามิเตอรจ ากขอมูลหรือคา สงั เกตจากตัวแปรอสิ ระท่ีสรางขึ้นใหแจกแจง ปรกติมาตรฐาน (Standard Normal Distribution) โดยกําหนดคาสังเกตจากตัวแปรอิสระมีคาตางจากคาอื่นมากๆ ภายใตความคลาดเคล่ือนแจกแจงปรกติมาตรฐานเชนเดียวกัน พบวาจากการจําลองสถานการณดวยวิธีมอนติคารโล จํานวน 200 รอบ ตัวประมาณคาพารามิเตอรดวยวิธีตัวประมาณคาเอสมีประสิทธิภาพมากกวาวิธีภาวะนาจะเปน สูงสุดเม่ือใชฟงกชันความคลาดเคล่ือนของ Huber โดยพิจารณาจากคา MSE ในกรณีท่ีมีคานอกเกณฑรอยละ 10 ขนาดตัวอยางเทากบั 20 และ 100 และจาํ นวนพารามิเตอรเทากับ 2 และ 4 ตามตารางท่ี 9 ตารางที่ 9 คา MSE ของวธิ ีภาวะนาจะเปน สูงสุดกับวธิ ีตัวประมาณคา เอส ที่ขนาดตัวอยาง และจํานวนพารามเิ ตอร จํานวนพารามิเตอร (������������) วิธปี ระมาณคาพารามเิ ตอร ������������ = 2 ขนาดตัวอยาง ������������ = 4 20 100 20 100 วธิ ีภาวะนา จะเปนสงู สุด 13.74 13.62 0.85 0.16 วิธีตัวประมาณคาเอส 0.17 0.03 0.19 0.03 ปญ˜ ญา เช่ียวชาญ เบิกบาน คุณธรรม Intellectual, Professional, Cheerfulness, Morality 200

วารสารศรีปทุมปริทศั น ฉบบั วทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป‚ท่ี 12 มกราคม - ธนั วาคม 2563 Sripatum Review of Science and Technology Vol.12 January – December 2020 Alma (2011) ประมาณคา พารามิเตอรจากคา สังเกตหรือขอมลู จากตัวแปรอสิ ระที่สรา งขึน้ ใหแจกแจงปรกติ มาตรฐาน โดยกําหนดคาสังเกตจากตัวแปรอิสระรอยละ 5 ท่ีมีคาตางจากคาอื่นมากๆ เมื่อมีคานอกเกณฑเกิดขึ้นกับ คา สงั เกตจากตวั แปรตามรอยละ 10 และรอ ยละ 15 ภายใตความคลาดเคล่ือนแจกแจงปรกตมิ าตรฐาน ขนาดตัวอยาง เทากับ 30 และจาํ นวนพารามิเตอรเ ทากับ 3 4 และ 6 พบวา จากการจําลองสถานการณดวยวิธมี อนตคิ ารโ ล จํานวน 1,000 รอบ คาสัมประสิทธ์ิของการตัดสินใจ (Coefficient of Determination) หรือ ������������2 ท่ีไดจากสมการถดถอยที่ คาพารามิเตอรถูกประมาณคาดว ยวิธีตัวประมาณคาเอสมีมากกวาสมการถดถอยท่ีคา พารามเิ ตอรถูกประมาณคา ดวย วิธีภาวะนาจะเปนสูงสุด เม่ือใชฟงกชันความคลาดเคลื่อนของ Huber ซึ่งแสดงวาตัวแปรอิสระจากสมการถดถอยที่ คาพารามิเตอรถูกประมาณดวยวิธีตัวประมาณคาเอส สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตามไดดีกวา ท่ีแสดงคา ������������2 ตามตารางท่ี 10 เมื่อมีตัวแปรอิสระท่ีตางจากคาอื่นมากๆ รอยละ 5 รอยละของคานอกเกณฑ และจํานวน พารามเิ ตอรต างๆ ดังน้ี ตารางที่ 10 คา ������������2 ท่ีรอ ยละของคา นอกเกณฑ และจํานวนพารามิเตอรตา ง ๆ วิธีประมาณ ������������ = 3 จํานวนพารามิเตอร (������������) ������������ = 6 คา พารามิเตอร 10 15 ������������ = 4 10 15 0.839 0.797 รอยละของคานอกเกณฑ 0.998 0.998 10 15 วิธีภาวะนา จะเปนสูงสดุ 0.829 0.789 0.839 0.797 วิธีตัวประมาณคา เอส 0.995 0.995 0.997 0.995 Shafiq, Amir and Zafakali (2017) ประมาณคาพารามิเตอรเมื่อใชคาสังเกตจากตัวแปรตามและตัวแปร อิสระท่ีใชคาสังเกตจาก Ahmed and Shafig (2013) โดยที่ตัวแปรตามแทนระดับไตรกลีเซอไรด (Triglyceride) หนวยมิลลิกรัมตอเดซิลิตร (mg/dl) ในผูปวย มีตัวแปรอิสระที่มีความสัมพันธกับตัวแปรตาม 6 ตัว ไดแก นํ้าหนักตัว (Weight) หนวยกิโลกรัม (kg) ปริมาณคอเลสเตอรอล (Cholesterol) รวมท้ังหมดในรางกายหนวย (mg/dl) รอยละ โปรคอนเวอรต ิน (Proconvertin) ระดับคอเลสเตอรอล HDL (HDL- Cholesterol) รวมหนว ย (mg/dl) ขนาดสะโพก (Hip) หนวยเซนติเมตร (cm) การมลี ิพิด (Lipid) โดยท่ีคา สงั เกตจากตัวแปรอสิ ระมีคา แตกตางจากคาอืน่ มากๆ จาํ นวน 4 คา จากคา สงั เกตท้ังหมด 39 คา คดิ เปน รอยละ 10.2 ท่คี วามคลาดเคล่อื นแจกแจงปรกติ พบวา ������������2 ท่ไี ดจากสมการ ถดถอยท่ีคาพารามิเตอรถูกประมาณดวยวิธีตัวประมาณคาเอสมีมากกวาสมการถดถอยท่ีคาพารามิเตอรถูกประมาณ ดว ยวธิ ภี าวะนาจะเปนสงู สดุ เมือ่ ใชฟงกช นั ความคลาดเคลือ่ นของ Huber ตามตารางท่ี 11 ตารางที่ 11 คา ������������2 จากวธิ ตี ัวประมาณคาเอสและวธิ ีภาวะนาจะเปน สูงสดุ ������������2 วธิ ีประมาณคาพารามิเตอร 0.466 วธิ ภี าวะนาจะเปนสูงสดุ 0.523 วิธีตัวประมาณคาเอส ปญ˜ ญา เชี่ยวชาญ เบิกบาน คณุ ธรรม Intellectual, Professional, Cheerfulness, Morality 201

วารสารศรีปทมุ ปริทัศน ฉบบั วทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป‚ที่ 12 มกราคม - ธนั วาคม 2563 Sripatum Review of Science and Technology Vol.12 January – December 2020 สรุป การประมาณคาพารามิเตอร หรือสัมประสิทธิ์การถดถอยในตวั แบบการถดถอยเชิงเสนนั้นจะใชว ธิ ีกําลงั สอง นอยท่สี ดุ หรือวธิ ี LS เมื่อไมมีคา นอกเกณฑเกดิ ข้ึนกบั คาสังเกต เพราะทําใหไ ดตวั ประมาณคาทีม่ ีสมบัตไิ มเอนเอียงเชิง เสนดีท่ีสดุ หรือ BLUE และพบวาตัวประมาณคาพารามิเตอรม ีประสิทธิภาพมากวาการใชว ธิ ีภาวะนาจะเปน สูงสดุ เมือ่ ใชฟงกชันความคลาดเคลอื่ นของ Huber และวธิ ีตัวประมาณคา เอส เพราะมคี า MSE นอ ยกวา แตเ ม่ือมีคานอกเกณฑ เกิดข้ึนตองใชวิธีภาวะนา จะเปน สูงสดุ เม่ือใชฟงกชันความคลาดเคลือ่ นของ Huber และวิธีตัวประมาณคาเอสแทนวิธี LS ท้ังน้ีคาประมาณของพารามิเตอรวิธีการประมาณคาเอสมีประสิทธิภาพมากกวาวธิ ีภาวะนา จะเปนสูงสุดเม่อื ใชฟงกชันความคลาดเคล่ือนของ Huber กรณีท่ีคาสังเกตจากตัวแปรอิสระมีคาตางจากคาสังเกตอื่นมากๆ (High Leverage) เม่ือความคลาดเคลื่อนแจกแจงปรกติ โดยคาสัมประสิทธิ์ของการตัดสินใจหรือ ������������2 จากสมการถดถอยท่ี คาพารามิเตอรถูกประมาณดว ยวธิ ีตัวประมาณคาเอสมคี ามากกวา สมการถดถอยทค่ี าพารามิเตอรถูกประมาณดว ยวิธี ภาวะนาจะเปนสูงสุดเม่ือใชฟงกชันความคลาดเคล่ือนของ Huber แสดงวาตัวแปรอิสระจากสมการถดถอยท่ี คาพารามิเตอรถูกประมาณดวยวิธีตัวประมาณคาเอส สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตามไดดีกวาวิธี ภาวะนา จะเปนสูงสุดเมอ่ื ใชฟง กชันความคลาดเคลื่อนของ Huber ดังนน้ั ในการวิเคราะหก ารถดถอยในตัวแบบเชงิ เสน สิ่งสาํ คัญกอนท่ีจะเลือกใชว ิธีประมาณคาพารามเิ ตอรแ บบใด ควรมีการตรวจสอบคา สังเกตหรือขอ มลู ทน่ี าํ มาใชกอ นวา มีคานอกเกณฑหรือไม ตลอดจนควรพิจารณาวามีคาสังเกตจากตัวแปรอิสระท่ีตางจากคาสังเกตอ่ืนมากๆ หรือไม เพอ่ื เลอื กใชว ิธปี ระมาณคา พารามเิ ตอรไ ดอยางเหมาะสมทีท่ าํ ใหไ ดคา ประมาณมปี ระสทิ ธิภาพมากท่ีสุด ขอเสนอแนะ 1. การประมาณคาพารามิเตอรหรือสัมประสิทธ์ิการถดถอยในตัวแบบเชิงเสน จําเปนตองตรวจสอบวามีคา นอกเกณฑเกิดข้ึนกับคาสังเกต หรือขอมูลที่นํามาวิเคราะหหรือไม ซึ่งหากพบวามีคานอกเกณฑเกิดขึ้นแลว การประมาณคาพารามิเตอรวิธภี าวะนาจะเปน สูงสุดเมื่อใชฟ งกชันความคลาดเคลื่อนของ Huber และวิธีตัวประมาณ คาเอส จะใหตัวประมาณคา พารามเิ ตอรท ีม่ ปี ระสิทธิภาพมากกวาวิธี LS 2. เม่ือพบวามีคาสังเกตจากตัวแปรอิสระที่มีคาตางจากคาอื่นมากๆ (High Leverage) ภายใตความคลาด เคลื่อนแจกแจงปรกติแลว อาจพิจารณาเลือกวิธีตัวประมาณคาเอสมาทดแทนวธิ ีภาวะนา จะเปนสูงสุด เมื่อใชฟงกชนั ความคลาดเคล่ือนของ Huber เนือ่ งจากใหค า ประมาณของพารามเิ ตอรท่ีมปี ระสิทธภิ าพมากกกวา เอกสารอา งองิ Adedia, D., Adebanji, A., Labeodan, M., and Adeyemi, S. (2016). Ordinary Least Squares and Robust Estimators in Linear Regression: Impacts of Outliers, Error and Response Contaminations. Mathematics & Computer Science, 13(4), 1-11. Ahmad, W. M. A. W., and Shafig, M. (2013). High Density Lipoprotein Cholesterol Predicts Triglycerides Level in Three Distinct phases of Blood Pressure. Basic and Applied Research, 10(1), 38-46. ป˜ญญา เชี่ยวชาญ เบิกบาน คุณธรรม Intellectual, Professional, Cheerfulness, Morality 202

วารสารศรปี ทมุ ปรทิ ศั น ฉบับวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ปท‚ ี่ 12 มกราคม - ธนั วาคม 2563 Sripatum Review of Science and Technology Vol.12 January – December 2020 Ahmed, M. G., and Maha, E. Q. (2016). Regression Estimation in the Presence of Outliers: A Comparative Study. Probability and Statistics, 5(3), 65-72. Alma, O. G. (2011). Comparison of Robust Regression Method. Contemp. Math. Science, 6(9), 409-421. Almetwally, E. M., and Almohgy, H. M. (2018). Comparison Between M-estimation, S-estimation, and MM estimation Methods of Robust Estimation with Application and Simulation. Mathematical Archive, 9(11), 55-63. Candan, M. (1995). Robust Estimators in Linear Regression Analysis. Thesis of the Degree of Master of Science Program in Statistics. Ankara, Turkey: Hacettepe University. Meral, C., and Onur, T. (2011). The Comparing of S-estimator and M-estimator in Linear Regression. Science, 24(4), 747-752. Montgomery, D. C., Peck, E. A. and Vining, G. G. (2006). Introductions to Linear Regression Analysis. 4th ed. New York: John Wiley & Sons. Panik, M. (2009). Regression Modeling Methods, Theory, and Computation with SAS. New York: Taylor & Francis Group. Pitselis, G. (2013). A review on robust estimators applied to regression credibility. Computational and Applied Mathematics, 239(8), 231-249. Rousseeuw, P. J., and Leroy, A. M. (2003). Robust regression and outlier detection. New York: John Wiley & sons. Shafiq, M., Amir, W. M., and Zafakali, N. S. (2017). Algorithm for Comparison of Robust Regression Methods In Multiple Linear Regression By Weighting Least Square Regression (SAS). Modern Applied Statistical Methods, 16(2), 490-505. Yarmohammadi, M., and Mahmoudvand, R. (2010). The effect of outliers on robust and resistant coefficient of determination in the linear regression models. Academic Research, 2(3), 133-138. Yu, C. and Yao, W. (2017). Robust Linear Regression: A Review and Comparison. Communication in Statistics, 46(8), 6261-6282. ปญ˜ ญา เช่ียวชาญ เบิกบาน คณุ ธรรม Intellectual, Professional, Cheerfulness, Morality 203

วารสารศรปี ทมุ ปรทิ ัศน ฉบับวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป‚ท่ี 12 มกราคม - ธนั วาคม 2563 Sripatum Review of Science and Technology Vol.12 January – December 2020 คําแนะนําในการเตรียมและการสงตนฉบับ วารสารศรีปทุมปริทัศน ฉบับวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี กองบรรณาธิการ วารสารศรีปทุมปริทัศน มหาวิทยาลัยศรีปทุม มีความยินดีที่จะรับบทความจากทุกทาน เพื่อตีพิมพและเผยแพรในวารสาร เพื่อความสะดวกในการพิจารณา จึงขอแนะแนวทางการเตรียมตนฉบับและสง ตนฉบับ ดงั นี้ ประเภทของบทความ 1. บทความวิจัย (Research Article) หมายถึง เปนการนําเสนอผลการวิจัยอยางเปนระบบ กลาวถึง ความเปนมา และความสําคัญของปญหา วัตถุประสงค ขอบเขตการวิจัย การดําเนินการวิจัย ผลการวิจัย สรุป อภิปรายผล และขอ เสนอแนะ 2. บทความวิชาการ (Academic Article) หมายถึง งานเขียนซึ่งเปนเรื่องท่ีนาสนใจ เปนความรูใหม กลาวถึง ความเปนมาของปญหา วัตถุประสงค แนวทางการแกปญหา มีการใชแนวคิดทฤษฎี ผลงานวิจัยจาก แหลง ขอมลู เชน หนังสอื วารสารวชิ าการ อนิ เทอรเน็ต ประกอบการวิเคราะห วจิ ารณ เสนอแนวทางการแกไ ข 3. บทความปริทัศน (Review Article) หมายถึง งานวิชาการท่ีประเมินสถานะลาสุดทางวิชาการ เฉพาะ ทางท่ีมีการศึกษาคนควา มีการวิเคราะหและสังเคราะหองคความรู ท้ังทางกวางและทางลึกอยางทันสมัย โดยใหขอ วิพากษท ่ชี ้ีใหเ ห็นแนวโนม ท่ีควรศกึ ษาและพฒั นาตอไป 4. บทวิจารณหนังสือ (Book Review) หมายถึง บทความที่วิพากษวิจารณเน้ือหาสาระ คุณคา และ คุณูปการ ของหนังสือ บทความ หรอื ผลงานสิ่งประดษิ ฐ โดยใชหลกั วชิ าและดุลพนิ จิ อันเหมาะสม องคป ระกอบของบทความ 1. บทความวิจยั (Research Article) บทความวิจัย ประกอบดวยหนาช่อื เรื่อง บทคัดยอ และเน้ือหาของบทความ โดยมีขอมูลตามลําดับดังนี้ ชื่อ เร่ือง ช่ือผูเขียน สังกัด (ภาควิชา คณะ สถาบัน) และอีเมล ของผูเขียนสําหรับติดตอ ในสวนบทคัดยอตองระบถุ ึงแบบ แผนการวิจัย วัตถุประสงค ประชากรและตัวอยาง เคร่ืองมือวิจัย การเก็บรวบรวมขอมูล การวิเคราะหขอมูล และ ผลการวิจัย ความยาวไมเกิน 250 คํา ในกรณีท่ีตนฉบับเปนภาษาไทย ใหเขียนบทคัดยอท้ังภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ ระบุคําสําคัญของเรื่อง (Keywords) จํานวนไมเกิน 5 คํา ในสวนเนื้อหาของบทความ ใหเริ่มตนจาก ความเปนมาและความสําคัญของปญหา วัตถุประสงค กรอบแนวคิดในการวิจัย (ถามี) สมมติฐานการวิจัย (ถามี) วิธดี ําเนินการวจิ ยั ผลการวิจัย อภปิ รายผล ขอ เสนอแนะ และกติ ติกรรมประกาศ (ถาม)ี 2. บทความวชิ าการ (Academic Article) บทความวิชาการ ประกอบดว ยช่อื เร่ือง บทคดั ยอ และเนือ้ หาของบทความ โดยเรียงลําดับดงั นี้ ช่อื เรือ่ ง ชอ่ื ผเู ขยี น สังกัด (ภาควชิ า คณะ สถาบนั ) และอีเมลข องผนู ิพนธ สาํ หรบั ตดิ ตอ ในสวนบทคัดยอ ตองระบุถงึ วัตถปุ ระสงค หัวสําคัญที่นําเสนอ สรุป และขอเสนอแนะ โดยเนื้อหาในบทคัดยอความยาวไมเกิน 250 คํา ในกรณีที่ตนฉบับเปน ป˜ญญา เชี่ยวชาญ เบิกบาน คุณธรรม Intellectual, Professional, Cheerfulness, Morality 204

วารสารศรีปทมุ ปรทิ ศั น ฉบับวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ปท‚ ่ี 12 มกราคม - ธนั วาคม 2563 Sripatum Review of Science and Technology Vol.12 January – December 2020 ภาษาไทย ใหเ ขียนบทคัดยอ ทงั้ ภาษาไทย และภาษาองั กฤษ ระบุคําสําคญั ของเร่ือง (Keywords) จาํ นวนไมเกนิ 5 คาํ ในสวนเน้ือหาของบทความ ใหเร่ิมตนจากบทนํา ที่แสดงเหตุผลหรือที่มาของประเด็นที่ตองการอธิบายหรือวิเคราะห ในสวนเนื้อหาสาระ จะเปนการอธิบายหรือวิเคราะหประเด็นตามหลักวิชาการ โดยมีการสํารวจเอกสารหรืองานวิจัย เพื่อสนับสนนุ จนสามารถสรปุ ผลการวเิ คราะหในประเด็นน้ันได อาจเปน การนําความรจู ากแหลงตางๆ มาประมวลรอ ย เรียงเพ่ือวิเคราะหอยางเปนระบบ โดยผูเขียนสามารถแสดงทัศนะทางวิชาการของตนเองไวอยางชัดเจนดวย สวน สดุ ทา ยจะเปนสวนสรุปและขอเสนอแนะ มีการเขยี นเอกสารอางองิ ท่ีครบถวนสมบูรณ 3. บทความปรทิ ัศน (Review Article) บทความปริทัศน ประกอบดวยช่ือเร่ือง ช่ือผูเขียน สังกัด (ภาควิชา คณะ สถาบัน) และอีเมลของผูเขียน สําหรับติดตอ บทความปริทัศนเปนการนําเสนอภาพรวมของเรื่องที่นาสนใจ ในสวนของเน้ือหาของบทความ ตองมี บทนํา เพื่อกลาวถึงความนา สนใจของเรื่องท่นี ําเสนอกอนเขาสเู น้ือหาในแตละประเด็น และตองมีบทสรปุ เร่ืองท่เี สนอ พรอมขอเสนอแนะจากผูเขียนเกี่ยวกับเรื่องดังกลาวสําหรับใหผูอานไดพิจารณาประเด็นที่นาสนใจตอไปผูเขียนควร ตรวจสอบเน้ือหาท่ีเกีย่ วขอ งกบั บทความท่นี ําเสนออยา งละเอยี ด โดยเฉพาะอยางย่ิงเนอื้ หาท่ีใหมทีส่ ดุ ขอ มลู ท่ีนําเสนอ จะตองไมจําเพาะเจาะจงเฉพาะผูอานท่ีอยูในสาขาของบทความเทานั้น แตตองนําเสนอขอมูลที่ซ่ึงผูอานในสาขาอ่ืน สามารถเขา ใจได 4. บทวิจารณห นังสอื (Book Review) บทวิจารณหนังสือ ประกอบดวยชื่อเร่ือง ชื่อผูเขียน สังกัด (ภาควิชา คณะ สถาบัน) และอีเมลของผูเขียน สําหรับติดตอ ช่ือเรื่องของบทวิจารณหนังสือควรเรียกรองความสนใจของผูอานและสื่อความหมายไดชัดเจน เชน ต้ังชื่อตามช่ือหนังสือท่ีตองการวิจารณ ตั้งชื่อตามจุดมุงหมายของเรื่อง ต้ังชื่อดวยการใหประเด็น ชวนคิด ชวนสงสัย เปนตน ในสวนบทนํา เปนการเขียนนําเกี่ยวกับหนังสือท่ีจะวิจารณ ในสวนเนื้อหา เปนสวนแสดงความคิดเห็นและ รายละเอียด ในการวิจารณ โดยนําเสนอจุดเดน และจุดบกพรองของเรื่องอยางมีหลักเกณฑและมีเหตุผล และ สวนสุดทายเปนบทสรุป เปนการเขียนสรุปความคิดท้ังหมดท่ีวิจารณและใหแงคิด หรือขอสังเกตที่เปน ประโยชนตอ ผูอาน นอกจากนี้บทสรุปยังชวยใหผูอานไดทบทวน ประเด็นสําคัญของเรื่องและความคิดสําคัญของผูวิจารณ แมวา ผูอานอาจจะไมไดอานบทวิจารณทั้งบท แตไดอานบทสรุปก็สามารถทราบเร่ืองของหนังสือท่ีนํามาวิจารณ รวมทั้ง ความคดิ เหน็ ของผูว ิจารณท ่มี ีตอหนงั สือเรื่องนั้นได การเตรียมตนฉบับ 1. ขนาดของบทความ: ควรจัดพิมพบทความดวย Microsoft Word บนกระดาษขนาด A4 หนาเดียว ประมาณ 26 บรรทัด ตอ 1 หนา แบบแนวตั้ง (Portrait) รูปแบบตัวอักษร (Font) ใหใชตัวอักษร TH Sarabun PSK ขนาดของตวั อกั ษร (Font size) เทากบั 16 และใสเ ลขหนา ต้ังแตต น จนจบบทความทดี่ า นบนขวาของกระดาษ (ยกเวน หนาแรก) ความยาวของบทความไมควรเกิน 15 หนา สําหรับการตั้งคาหนากระดาษ (Page setup) และสวนระยะ ขอบ (Margins) กําหนดดงั นี้ ดา นบน (Top) 2.54 ซม. ดา นลาง (Bottom) 2.54 ซม. ดานซาย (Left) 2.54 ซม. ดา นขวา (Right) 2.54 ซม. หัวกระดาษ (Header) 1.25 ซม. ทา ยกระดาษ (Footer) 1.25 ซม. ป˜ญญา เช่ียวชาญ เบิกบาน คุณธรรม Intellectual, Professional, Cheerfulness, Morality 205

วารสารศรีปทุมปรทิ ศั น ฉบับวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ปท‚ ี่ 12 มกราคม - ธนั วาคม 2563 Sripatum Review of Science and Technology Vol.12 January – December 2020 2. ช่ือเร่ือง ช่ือผูเขียน และสังกัด (Title, Author’s name, Author’s affiliation): ช่ือเร่ืองภาษาไทยและ ภาษาอังกฤษจัดกึ่งกลาง ใหใชตัวอักษร TH Sarabun PSK ขนาดของตัวอักษร18 ตัวหนา สวนชื่อ-นามสกุลผูเขียน และสังกัด ใหเขียนท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ ช่ือผูเขียนใหใชตัวอักษร TH Sarabun PSK ขนาดของ ตัวอักษร 16 ตัวหนา และไมตองระบุคํานําหนาชื่อ เชน นาย นาง นางสาว ดร. ผศ. รศ. ศ. เปนตน สวนสังกัดใหใช ตัวอักษร TH Sarabun PSK ขนาดของตัวอักษร 16 ตัวหนา ใหระบุสาขาวิชา ภาควิชา คณะ สถาบัน หรือหนวยงาน ท่ีสังกัด พรอมอีเมลในการติดตอ ทั้งน้ี กรณีมีผูเขียนมากกวา 1 คน ใหระบุดวยวาใคร คือ ผูประสานงานหลัก (Corresponding Author) 3. บทคัดยอ (Abstract): หัวขอบทคัดยอใหใชตัวอักษร TH Sarabun PSK ขนาดของตัวอักษร 18 ตัวหนา และชิดซาย สวนเน้ือความในบทคัดยอและคําสําคัญใหใชตัวอักษร TH Sarabun PSK ขนาดของตัวอักษร 16 ตัว ธรรมดา หากเปนบทความภาษาไทยใหเขียนบทคัดยอทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หากเปนบทความภาษาอังกฤษ ใหเขียนบทคัดยอเปนภาษาอังกฤษ (หรืออาจมีบทคัดยอภาษาไทยดวยหรือไมก็ได) ท้ังน้ี บทคัดยอภาษาไทยและ ภาษาอังกฤษ รวมกันไมควรเกิน 1 หนากระดาษ A4 ใหจัดพิมพเปน 1 คอลัมน มีความยาวประมาณ 250 คํา จะตอง พมิ พค ําสําคญั ในบทคดั ยอภาษาไทย และพมิ พ Keywords ในบทคดั ยอ ภาษาอังกฤษของบทความเร่ืองน้นั ดว ยจํานวน ไมเกนิ 5 คํา 4. เนื้อหา (Content): หัวขอใหใชตัวอักษร TH Sarabun PSK ขนาดของตัวอักษร 18 ตัวหนาและชิดซา ย สว นเนือ้ ความในแตล ะหัวขอ ใหใ ชต วั อกั ษร TH Sarabun PSK ขนาดของตัวอกั ษร 16 ตวั ธรรมดา 5. รูปภาพและตารางประกอบ: ควรมีภาพที่ชัดเจน ถาเปนรูปถายควรมีภาพถายจริงแนบมาดวย หากเปน ภาพที่คัดลอกมาจากแหลงอ่ืนควรเขียนแหลง อางอิงน้ันดวยตามหลักวิชาการ กรณีรูปภาพใหใชคําวา “ภาพที่” กรณี ตารางใหใชค าํ วา “ตารางท”ี่ 6. เอกสารอางองิ (References): การเขียนอา งอิงใหใ ชร ะบบ APA โดยมีเงอ่ื นไขดงั นี้ 6.1 เอกสารที่นํามาอางอิงตอ งมไี มเ กนิ 20 รายการ และไมค วรมอี ายุเกนิ 10 ป ยกเวน แนวคดิ หรือทฤษฎี ท่เี กิดมากอ น 10 ปแ ละในปจจบุ นั ยงั มีผูนาํ มาใช อนุโลมใหน ํามาใชอ า งองิ ได 6.2 ใหจดั พมิ พเปน 1 คอลัมน และเรียงตามลําดบั ตัวอักษร 6.3 ตองมีการอางอิงบทความที่มีการตีพิมพในวารสารศรีปทุมปริทัศน ฉบับมนุษยศาสตรและ สงั คมศาสตร อยา งนอ ย 1 บทความ 6.4 การอางอิงในเนื้อหา ใชระบบนามป [นามสกุล, ป หรือ นามสกุล (ป)] และอางอิงโดยใชนามสกุล ภาษาอังกฤษเทานั้น เชน Yurarach (2017) หรือ (Yurarach, 2017) เปนตน ท้ังนี้ หากมีผูแตง 2 คน ใหใสนามสกุล ท้ังสองคน เชน Yurarach and Yoothanom (2017) หรือ (Yurarach and Yoothanom, 2017) หากมีผูแตง มากกวา 2 คน ใหใ สนามสกลุ ของผแู ตง คนแรก และตามดวย “et al.” เชน Yurarach et al. (2017) หรอื (Yurarach et al., 2017) เปนตน 6.5 เอกสารอางอิงฉบับภาษาไทยตอ งแปลเปน ภาษาองั กฤษท้งั หมด โดยมีแนวทางดงั น้ี (1) ตองแปลเอกสารอางอิงภาษาไทยเปนภาษาอังกฤษทุกรายการ โดยยังคงเอกสารอางอิง ภาษาไทยเดิมไวดวย เขียนจัดเรียงคูกัน โดยใหเอกสารอางอิงภาษาอังกฤษที่แปลข้ึนกอนและตามดวยเอกสารอางอิง ภาษาไทย และเตมิ คําวา “(in Thai)” ตอ ทายเอกสารอางองิ ภาษาอังกฤษท่แี ปลจากภาษาไทย ปญ˜ ญา เช่ียวชาญ เบิกบาน คุณธรรม Intellectual, Professional, Cheerfulness, Morality 206

วารสารศรีปทุมปริทศั น ฉบับวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ปท‚ ่ี 12 มกราคม - ธนั วาคม 2563 Sripatum Review of Science and Technology Vol.12 January – December 2020 (2) การเรียงลําดับเอกสารอางอิง กรณีเอกสารอางอิงท่ีแปลจากภาษาไทยเปนภาษาอังกฤษให เรยี งลาํ ดบั ตามตัวอักษรภาษาองั กฤษ และรายการเอกสารอางองิ ทุกรายการ หากมผี เู ขียนไมเกิน 6 คน ใหใสช ่ือใหครบ ทกุ คน แตห ากมีมากกวา 6 คน ใหใ สชื่อทง้ั 6 คน หลงั จากคนที่ 6 ใหตามดวย “และคณะ” หรอื “et al” ตวั อยา งการแปลเอกสารอางอิงภาษาไทยเปน ภาษาอังกฤษ ตัวอยางท่ี 1 หนังสอื ช่ือผูแตง . (ปพ มิ พ) . ช่อื หนังสือ. พมิ พค รั้งที่ (ถาม)ี .สถานที่พิมพ (เมือง): สํานักพมิ พห รอื โรงพิมพ. Iamsiriwong, O. (2008). Database Systems. Bangkok: SE-Education. (in Thai) โอภาส เอ่ียมสริ วิ งศ. (2551). ระบบฐานขอมลู . กรงุ เทพฯ: ซเี อ็ด ยเู คชัน่ . ตวั อยางที่ 2 วารสาร ชือ่ ผแู ตง . (ปพ มิ พ) . ช่ือบทความ. ช่ือวารสาร, ปท ี่ (ฉบับท่)ี , หนาแรก-หนา สดุ ทา ย. Jitsakul, W. and Sodsri, S. (2017). Text Classification Analysis by Stability Comparison of Algorithms. Sripatum Review of Science and Technology, 9, 19-31. (in Thai) วชั รวี รรณ จิตตส กุล และสุนนั ฑา สดสี. (2559). การวเิ คราะหก ารจาํ แนกขอความดวยการเปรยี บเทยี บ ความเสถยี รของอัลกอริทึม. วารสารศรีปทุมปรทิ ัศน ฉบบั วทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี, 9, 19-31. ตัวอยางที่ 3 เวบ็ ไซต ชอ่ื ผแู ตง. (ปพ มิ พ) . ชือ่ เร่อื ง. [ออนไลน] . คน เมอื่ วนั เดอื น ป, จาก: URL. Wikipedia free encyclopedia. (2018). Globalization [Online]. Retrieved May 23, 2018, from: http://th.wikipedia.org/wiki/Globalization. (in Thai) วกิ พิ ีเดีย สารานุกรมเสรี. (2561). โลกาภิวฒั น [ออนไลน] . คน เมอื่ 23 พฤษภาคม 2561, จาก : http://th.wikipedia.org/wiki/Globalization. ตวั อยา งที่ 4 รายงานสืบเนื่องการประชุมวชิ าการ ชื่อผูแตง. (ปพมิ พ) . ชอ่ื บทความ. รายงานสบื เนือ่ งการประชมุ วชิ าการ (ชื่อเอกสาร), วนั เดือน ป สถานท่ี จัด, หนาแรก-หนาสุดทา ย. Chaksupa, T. and Bunditwattanawong, T. (2015). An Ontology for Quality Hands-on Examination Development in Information Technology. The Proceedings of the 10th National Sripatum University Conference (SPUCON2015), 22 December 2015 at Sripatum University (Bangkhen Campus), 1581-1589. (in Thai) ทนวุ งศ จักษพุ า และเทพฤทธิ์ บัณฑติ วฒั นาวงศ. (2558). “ออนโทโลจปี จ จยั คณุ ภาพสําหรับออกขอ สอบ ภาคปฏิบัตสิ าขาไอที.” รายงานสืบเนือ่ งการประชุมวชิ าการระดบั ชาติ มหาวทิ ยาลยั ศรีปทุม ครั้งท่ี 10 ประจาํ ป 2558, วันที่ 22 ธนั วาคม 2558 ณ มหาวิทยาลัยศรปี ทมุ , 1581-1589. ปญ˜ ญา เชี่ยวชาญ เบิกบาน คุณธรรม Intellectual, Professional, Cheerfulness, Morality 207

วารสารศรปี ทุมปริทัศน ฉบับวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป‚ที่ 12 มกราคม - ธนั วาคม 2563 Sripatum Review of Science and Technology Vol.12 January – December 2020 ตัวอยา งที่ 5 วิทยานิพนธ ช่อื ผแู ตง . (ปพิมพ) . ชื่อวทิ ยานพิ นธ. ระดับปรญิ ญาของวทิ ยานพิ นธ, ชอ่ื มหาวิทยาลยั . Chaksupa, T. (2015). Ontology Development for Recommender System with Qualitative Factors for Hands-on Examination Selection in Information Technology. Thesis of the Degree of Doctor of Philosophy Program in Information Technology. Sripatum University. (in Thai) ทนุวงศ จักษุพา. (2559). การพฒั นาออนโทโลจปี จ จยั เชิงคุณภาพสําหรบั ระบบคน หาเชงิ ความหมาย ใน การออกขอสอบภาคปฏบิ ตั ิสาขาเทคโนโลยสี ารสนเทศ. วิทยานพิ นธปรญิ ญาปรชั ญาดุษฎบี ัณฑติ สาขาวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ. มหาวิทยาลยั ศรีปทมุ . 7. บทความทกุ เร่ืองท่สี งใหกองบรรณาธิการพิจารณา ตองไมไดร ับการเผยแพรท่ีใดมากอน หรืออยูระหวา ง การพิจารณาเผยแพรข องวารสารอนื่ ๆ 8. การสงตนฉบบั บทความ (Submission) 8.1 สงตนฉบบั บทความ (Manuscript) ท่ีจัดเตรียมตามคําแนะนําในการเตรียมตนฉบบั และตามรูปแบบ การอางอิงท่ีวารสารกําหนด (นามสกุล .docx และ .pdf) และสงผานระบบ ThaiJo โดยใหผูเขียนเขาไปลงทะเบียน และทาํ ตามขั้นตอนของระบบ โดยสามารถเขาไปดาํ เนนิ การไดที่ https://www.tci-thaijo.org/index.php/spurst 8.2 กรณีที่บทความไมผานการพิจารณาเบื้องตนจากกองบรรณาธิการ ผูเขียนไมจําเปนตองจายคา ดําเนินการใดๆ แตกรณีท่ีกองบรรณาธิการพิจารณาเบื้องตนแลวเห็นวา ควรสงผูทรงคุณวุฒิ (Peer reviewers) จํานวน 2 ทาน ตรวจสอบและประเมินคุณภาพของบทความ ผูเขียนจะตองจายคาดําเนินการ (Operation fee) ในอัตรา 4,000 บาท ตอ 1 บทความ โดยใชวิธีการโอนเงินเขาบัญชธี นาคารและสงสลิปเงินโอนมาท่ีกองบรรณาธิการ วารสารศรปี ทุมปริทศั น ฉบับวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ผา นชองทางอเี มล [email protected] หรอื ทางไปรษณีย (1) ช่ือบัญชธี นาคาร ธนาคารกรงุ เทพ สาขามหาวทิ ยาลยั ศรปี ทมุ ชอ่ื บัญชี มหาวทิ ยาลัยศรีปทมุ ประเภทบญั ชี ออมทรัพย เลขทบ่ี ญั ชี 006-8-07686-8 (2) กองบรรณาธกิ าร วารสารศรปี ทุมปรทิ ศั น ฉบบั วทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ทอี่ ยู ศูนยสง เสรมิ และพฒั นางานวจิ ัย มหาวทิ ยาลยั ศรีปทมุ เลขที่ 2410/2 ถนนพหลโยธนิ แขวงเสนานคิ ม เขตจตจุ กั ร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท 0-2579-1111 ตอ 1331, 1252, 1155 โทรสาร ตอ 2187 นโยบายและเงอ่ื นไขในการพิจารณาบทความ (Editorial Policy) 1. บทความที่สงมาเพื่อพิจารณาตีพิมพตองเปนผลงานท่ีอยูในสาขาวิชาใดวิชาหน่ึงตามวัตถุประสงค ของวารสาร ไดแก (1) วิทยาศาสตรกายภาพและชีวภาพ (2) วิศวกรรมศาสตร (3) สถาปตยกรรมศาสตร และ (4) เทคโนโลยีสารสนเทศ ป˜ญญา เช่ียวชาญ เบิกบาน คณุ ธรรม Intellectual, Professional, Cheerfulness, Morality 208

วารสารศรีปทุมปริทัศน ฉบบั วทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ปท‚ ่ี 12 มกราคม - ธนั วาคม 2563 Sripatum Review of Science and Technology Vol.12 January – December 2020 2. บทความที่สงมาตองไมเคยไดรับการตีพิมพเผยแพรท่ีวารสารใดมากอนและตองไมอยูระหวางการเสนอ เพือ่ พจิ ารณาตพี มิ พใ นวารสารฉบบั อื่น 3. บทความท่ีสงมาจะไดรับการประเมินคุณภาพเบ้ืองตนจากกองบรรณาธิการกอน โดยจะพิจารณาถึง ความเหมาะสมและสอดคลอ งกบั วัตถปุ ระสงคข องวารสาร โดยการพิจารณาแยกเปน 2 กรณี คอื 3.1 ในกรณีที่บทความไมผานการพิจารณาเบื้องตนจากกองบรรณาธิการ บรรณาธิการจะแจงปฏิเสธ การรับตีพิมพบทความ (Reject) พรอมเหตุผล ขอเสนอแนะ หรือขอสังเกตส้ันๆ ใหผูสงบทความไดรับทราบ ท้ังน้ี ผเู ขียนไมจ ําเปนตอ งจา ยคาดาํ เนินการใดๆ 3.2 ในกรณีที่บทความผานการพิจารณาเบื้องตนจากกองบรรณาธิการ ผูเขียนจะตองจายคาดําเนินการ (Operation fee) ในอตั รา 4,000 บาท ตอ 1 บทความ และบรรณาธกิ ารจะสงบทความใหผ ูท รงคุณวุฒิ (Peer reviewers) ในสาขาที่เกี่ยวของจํานวน 2 ทาน เพ่ือตรวจสอบคุณภาพของบทความกอนลงตีพิมพ โดยผูประเมินไมทราบชื่อผูแตง และผูแตงไมทราบช่ือผูประเมินบทความ (Double-blind peer review) ท้ังนี้ การจายเงินคาดําเนินการใหจายผาน ระบบการโอนเขา บญั ชธี นาคารเทา นนั้ 4. เม่ือผูทรงคุณวุฒิไดพิจารณากล่ันกรองบทความเรียบรอยแลว กองบรรณาธิการจะพิจารณาวาบทความ น้ันๆ ควรไดลงตีพมิ พ (Accept) หรือควรจะสงคืนใหผเู ขียนแกไขเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึง่ (Major/Minor Revision) หรอื ควรแจงปฏเิ สธการลงตีพมิ พ (Reject) 5. กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตดั สินการตพี ิมพบ ทความในวารสาร และจะไมคนื เงิน ไมวาในกรณีใดๆ ปญ˜ ญา เชี่ยวชาญ เบิกบาน คณุ ธรรม Intellectual, Professional, Cheerfulness, Morality 209





วารสารศรีปี ทุุมปริิทัศั น์์ ฉบับั วิิทยาศาสตร์แ์ ละเทคโนโลยีี SRIPATUM REVIEW OF SCIENCE AND TECHNOLOGY ปีีที่� 12 เดือื น มกราคม – ธัันวาคม 2563 บทความวิิจัยั 0 7 ตั: ัวคแชบิินบทพร์ย์ าโกกกรนณุ์ุท์จาำำ�ภนรวณน์น์ัักศึึกษาใหม่่ มหาวิิทยาลััยราชภััฏวไลยอลงกรณ์์ ในพระบรมราชููปถััมภ์์ 2 1 การวิิเคราะห์์เพื่่�อหาจำำ�นวนคนงานที่ �เหมาะสมโดยใช้้เครื่่�องมืือทางวิิศวกรรมอุุตสาหการในกระบวนการผลิิตกระจกลามิิเนต : อณจ ชััยมณีี, รััตนา ข้้วดทอง 3 7 การเลืือกรููปแบบการกระจายสิินค้้าที่ �เหมาะสมด้้วยตััวแบบกำำ�หนดการเชิิงเส้้นผสมจำำ�นวนเต็็ม: กรณีีศึึกษาธุุรกิิจกระจายสิินค้้าเครื่่�องดื่่�ม : ณััฏฐ์์ดนััย สุุพััฒน์์ธนานนท์์, ปณััทพร เรืืองเชิิงชุุม 5 1 การฝึึกทัักษะการใช้้ภาษาญี่่�ปุ่ �นบนเครืือข่่ายอิินเทอร์์เน็็ตสำำ�หรัับพนัักงานในโรงงานอุุตสาหกรรมแปรรููปอาหารในเขตจัังหวััดลพบุุรีี : สราวุุธ แผลงศร 6 5 โดรนสำำ�หรัับการตรวจสอบการเกิิดไฟป่่าโดยใช้้เทคนิิคการเรีียนรู้ �เชิิงลึึก : รสลิิน เพตะกร, อรนุุช พัันโท 7 9 โมเดลสมการโครงสร้้างของปััจจััยที่ �ส่่งผลต่่อการจััดทำำ�กรอบสถาปััตยกรรมการสัับเปลี่่�ยนเอกสารธุุรกรรมอิิเล็็กทรอนิิกส์์ด้้วยเทคโนโลยีีบล็็อกเชน : ชััยพร ทบแป, ประสงค์์ ปราณีีตพลกรััง, นิิเวศ จิิระวิิชิิตชััย 9 3 การประยุุกต์์ใช้้ภาพถ่่ายทางอากาศจากอากาศยานไร้้คนขัับเพื่่�อสร้้างแผนที่ �ดิิจิิทััล : เกีียรติิกุุลไชย จิิตต์์เอื้้�อ, ฐาปนััต บััวภิิบาล, อานนท์์ ศรีีประเสริิฐ 1 06 พฤติิกรรมการหล่อลื่่�นแบบไฮโดรไดนามิิกของรองลื่่�นเพลากลมอากาศ : อภิิชาติิ ฉััตรพงศ์์เจริิญ, ขนิิษฐา วงษ์์สีีดาแก้้ว, เจษฎา พานิิชกรณ์์ 1 21 การประยุุกต์์ใช้้เทคโนโลยีีความจริิงเสริิมเกี่ �ยวกัับสมุุนไพรพื้้�นบ้้าน กรณีีศึึกษาพื้้�นที่ �เทศบาลเมืืองเมืืองแกนพััฒนา อำำ�เภอแม่่แตง จัังหวััดเชีียงใหม่่ : อรนุุช พัันโท, รสลิิน เพตะกร, สารุ่ �ง ตัันตระกููล 1 35 แอปพลิิเคชัันส่่งเสริิมการท่่องเที่ �ยวในจัังหวััดเพชรบููรณ์์ด้้วยเทคโนโลยีีเสมืือนจริิง : ดวงจัันทร์์ สีีหาราช, ยุุภา คำำ�ตะพล, ฐิิณาภััณฑ์์ นิิธิิยุุวิิทย์์, ศรััญญา ตรีีทศ 1 49 การแก้้ปััญหาคุุณภาพผิิวชิ้้�นงานของแม่่พิิมพ์์อััดรีีดร้้อนอลููมิิเนีียมโปรไฟล์์แบบกลวงโดยใช้้ระเบีียบวิิธีีไฟไนต์์เอลิิเมนต์์ : ธวััชชััย ไหมด้้วง, สถาพร ชาตาคม 164 แอปพลิิเคชัันส่่งเสริิมการออกกำำ�ลัังกายสำำ�หรัับผู้้�สููงอายุุผ่่านสมาร์์ทโฟนแอนดรอยด์์ : น้ำำ��เพ็็ญ พรหมประสิิทธิ์์�, สุุภาวดีี มากอ้้น, สมชาย ตุุละ 1 76 การพััฒนาตััววััดและตััวชี้้�บอกระดัับของการเป็็นมหาวิิทยาลััยราชภััฏดิิจิิทััลที่ �สมาร์์ตและมีีความยั่ �งยืืน : สุุนิิษา คิิดใจเดีียว, ประสงค์์ ปราณีีตพลกรััง, นิิเวศ จิิระวิิชิิตชััย บทความวิิชาการ และวิิธีีประมาณค่่าเอส 190 การประมาณค่่าพารามิิเตอร์์สำำ�หรัับการถดถอยที่ �แกร่่งด้้วยวิิธีีภาวะน่่าจะเป็็นสููงสุุด : นิิธิิภััทร กมลสุุข https://www.tci-thaijo.org/index.php/spurst ISSN 2228 - 8724