คำนำ พระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่ 71 ก เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่บทบัญญัติในหมวด ๔ หมวด ๕ หมวด ๖ หมวด ๗ และหมวด ๘ และมาตรา ๙๗ มาตรา ๙๘ มาตรา ๙๙ มาตรา ๑๐๐ มาตรา ๑๐๑ มาตรา ๑๐๒ และมาตรา ๑๐๓ ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด หนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป บทบญั ญัตแิ หง่ พระราชบญั ญตั ินี้มงุ่ หมายให้บคุ คลและชุมชนได้ประโยชนจ์ ากปา่ ชุมชน เกดิ เจตคติ ในการดแู ลรักษาและจัดการปา่ ชมุ ชนรว่ มกับรฐั เพอื่ ปอ้ งกันการตัดไม้โดยผิดกฎหมายและการบกุ รกุ ทำลาย พื้นที่ป่า เพื่อรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพในป่า ให้อยใู่ นสภาพที่สมบรู ณ์และคงอยู่เปน็ มรดกทางธรรมชาติของประเทศและของมนุษยชาติสืบไป และมุ่งหมาย เพื่อของบุคคลและชุมชนในการอนุรกั ษ์ ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษาตลอดจนใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม และความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างสมดุลและย่ังยืนตามทร่ี ัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติรับรอง ซึ่งการที่จะบรหิ ารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนให้เปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพน้นั จำเป็นต้องดำเนินการให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายอนุบัญญัติที่ออกตามความในพระราชบัญญัติ ป่าชุมชน พ.ศ. 2562 จึงจะทำให้ชุมชนสามารถร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม และความหลากหลายทางชีวภาพไดอ้ ย่างสมดลุ และย่ังยืน ในรูปแบบของปา่ ชมุ ชน กรมป่าไมห้ วังเป็นอย่างยิง่ วา่ หนงั สือเลม่ น้จี ะเปน็ ประโยชน์กับเจา้ หนา้ ท่ีผปู้ ฏิบตั ิงานดา้ นป่าชุมชน คณะกรรมการจัดการป่าชุมชน สมาชิกป่าชุมชน ผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ตลอดจนผู้ที่สนใจทั่วไป ในการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยป่าชุมชน และสามารถนำไปใช้ เป็นแนวทางในการจัดการป่าชุมชนให้เกิดประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 ต่อไป กรมปา่ ไม้ มิถุนายน 2564
สารบญั ระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน หนา้ ระเบยี บคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ว่าดว้ ยการจดั ทำแผนจัดการป่าชมุ ชน 1 พ.ศ. 2563 ระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน ว่าด้วยเบ้ยี ประชุม คา่ พาหนะ ค่าเบยี้ เล้ียง ค่าเช่าท่พี ัก และค่าใช้จา่ ยอย่างอ่นื ของคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน คณะกรรมการปา่ ชุมชน ประจำจงั หวดั และคณะอนุกรรมการ พ.ศ. 2563 19 ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชมุ ชน วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารไดม้ า และการแต่งตง้ั 22 ผูบ้ รหิ ารองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ และเจา้ หนา้ ท่ีของหน่วยงานของรฐั เป็นกรรมการ ในคณะกรรมการปา่ ชุมชนประจำจงั หวดั พ.ศ. 2563 ระเบยี บคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน วา่ ดว้ ยการกำหนดคณุ สมบัติและลกั ษณะต้องห้าม 32 ของเจา้ หน้าท่ีป่าชมุ ชน พ.ศ. 2563 35 ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชมุ ชน ว่าด้วยการกำหนดขนาดของพื้นท่ีป่าชุมชน และสดั ส่วนการใช้ประโยชน์ภายในพืน้ ทปี่ ่าชมุ ชน พ.ศ. 2563 ระเบยี บคณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน วา่ ด้วยสมาชิกปา่ ชุมชนและกรรมการจดั การปา่ ชุมชน พ.ศ. 2563 38 ระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน วา่ ด้วยหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไขการจัดต้ัง และขยายเขตปา่ ชุมชน พ.ศ 2563 45 ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม เรอื่ ง แต่งต้ังพนักงานเจ้าหนา้ ท่ี 85 ตามพระราชบัญญตั ปิ า่ ชุมชน พ.ศ. 2562 ประกาศกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่ือง การกำหนดแบบบัตรประจำตวั กรรมการจัดการป่าชุมชน เจ้าหนา้ ทป่ี ่าชุมชน และพนกั งานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายวา่ ดว้ ย ป่าชมุ ชน พ.ศ. 2563 89 ระเบียบกรมปา่ ไม้ 99 ระเบยี บกรมป่าไม้ ว่าด้วยการจดแจ้งเป็นเครอื ขา่ ยปา่ ชมุ ชนระดบั จงั หวัด พ.ศ. 2562 109 ระเบยี บกรมปา่ ไม้ วา่ ดว้ ยการจดแจ้งเป็นองค์กรภาคประชาสงั คม พ.ศ. 2562 121 ระเบยี บกรมปา่ ไม้ ว่าด้วยการจัดทำแผนทแ่ี สดงแนวเขตป่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๓
ระเบยี บคณะกรรมการสรรหา ระเบียบคณะกรรมการสรรหา ว่าด้วยหลกั เกณฑ์ วธิ ีการสรรหา และการเสนอรายชื่อบุคคล เป็นกรรมการผทู้ รงคณุ วุฒิในคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน พ.ศ. 2563 125 แผนผงั อนุบญั ญตั ิ แผนผัง ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน วา่ ดว้ ยการจดั ทำแผนจดั การป่าชุมชน 18 พ.ศ. 2563 แผนผัง ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน วา่ ด้วยเบย้ี ประชุม คา่ พาหนะ คา่ เบย้ี เลี้ยง ค่าเชา่ ที่พกั และค่าใชจ้ ่ายอยา่ งอืน่ ของคณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน คณะกรรมการปา่ ชมุ ชน ประจำจังหวัด และคณะอนกุ รรมการ พ.ศ. 2563 21 แผนผัง ระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วธิ ีการได้มา และการแตง่ ตงั้ ผู้บรหิ ารองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นและเจ้าหนา้ ท่ีของหน่วยงานของรฐั เปน็ กรรมการ ในคณะกรรมการปา่ ชุมชนประจำจังหวดั พ.ศ.2563 31 แผนผัง ระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน วา่ ดว้ ยการกำหนดคุณสมบตั แิ ละลักษณะ ตอ้ งหา้ มของเจา้ หนา้ ท่ีปา่ ชุมชน พ.ศ. 2563 34 แผนผัง ระเบยี บคณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน ว่าดว้ ยการกำหนดขนาดของพืน้ ท่ีป่าชมุ ชน และสัดส่วนการใช้ประโยชน์ภายในพื้นทีป่ ่าชมุ ชน พ.ศ. 2563 37 แผนผัง ระเบยี บคณะกรรมการนโยบายป่าชมุ ชน วา่ ดว้ ยสมาชกิ ป่าชุมชนและกรรมการจัดการ ป่าชุมชน พ.ศ. 2563 44 แผนผัง ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชมุ ชน ว่าด้วยหลกั เกณฑ์ วิธีการ 81 และเงือ่ นไขการจดั ต้ังและขยายเขตป่าชุมชน พ.ศ 2563 แผนผงั ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม เรื่อง แต่งต้ังพนักงานเจา้ หน้าที่ ตามพระราชบัญญตั ปิ ่าชุมชน พ.ศ. 2562 88 แผนผงั ประกาศกระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม เรอื่ ง การกำหนดแบบบัตรประจำตวั กรรมการจดั การปา่ ชมุ ชน เจ้าหนา้ ที่ปา่ ชมุ ชน และพนกั งานเจา้ หน้าท่ี ตามกฎหมายว่าด้วยป่าชุมชน พ.ศ. 2563 98 แผนผงั ระเบยี บกรมปา่ ไม้ วา่ ด้วยการจดแจง้ เปน็ เครือข่ายป่าชมุ ชนระดับจงั หวัด พ.ศ. 2562 108 แผนผงั ระเบยี บกรมปา่ ไม้ ว่าด้วยการจดแจ้งเป็นองค์กรภาคประชาสังคม พ.ศ. 2562 120 แผนผงั ระเบียบกรมป่าไม้ ว่าดว้ ยการจดั ทำแผนท่ีแสดงแนวเขตปา่ ชุมชน พ.ศ. ๒๕๖3 124 แผนผัง ระเบยี บคณะกรรมการสรรหา ว่าดว้ ยหลกั เกณฑ์ วธิ ีการสรรหา และการเสนอรายช่ือ บุคคลเปน็ กรรมการผูท้ รงคุณวฒุ ิในคณะกรรมการนโยบายป่าชมุ ชน พ.ศ. 2563 142
หน้า ๑๐ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชมุ ชน ว่าดว้ ยการจัดทาแผนจัดการป่าชมุ ชน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยท่ีเป็นการสมควรกาหนดแนวทางการจัดทาแผนจัดการป่าชุมชน และกรอบแนวทางการออก ข้อบังคับเกี่ยวกับการจัดการป่าชุมชน ซึ่งประกอบด้วยการอนุรักษ์ การฟ้ืนฟู การพัฒนา การควบคุมดูแล และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชน เพ่ือให้การจัดทาแผนจัดการป่าชุมชน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอันจะส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม และความหลากหลาย ทางชีวภาพในปา่ ชุมชนมคี วามสมดุลและยั่งยนื อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันท่ี 23 กรกฎาคม 2563 คณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชนออกระเบียบไว้ ดงั ต่อไปน้ี ขอ้ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ว่าด้วยการจัดทา แผนจัดการปา่ ชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ระเบยี บน้ใี หใ้ ช้บังคบั ต้ังแต่วันถดั จากวันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป ข้อ ๓ บรรดาระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ และคาสั่งอ่ืนใดในส่วนที่กาหนดไว้แล้ว ในระเบียบน้ี หรือซ่งึ ขดั หรือแยง้ กบั ระเบียบนี้ ใหใ้ ชร้ ะเบยี บนี้แทน ข้อ ๔ ในระเบยี บนี้ “ไม้ทรงคุณค่า” หมายความว่า ไม้หวงห้ามตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ และให้หมายความ รวมถงึ ไมอ้ น่ื ใดทค่ี วรคา่ แกก่ ารอนุรักษใ์ หค้ งอยู่ตอ่ ไปตามลกั ษณะหรือชนิดท่กี าหนดในกฎกระทรวง “ป่าเสื่อมโทรม” หมายความว่า พ้ืนท่ีที่มีไม้มีค่าท่ีมีลักษณะสมบูรณ์เหลืออยู่น้อยและป่าน้ัน ยากท่ีจะกลับฟื้นคืนดีได้ตามธรรมชาติ โดยมีไม้ขนาดความโตวัดโดยรอบลาต้นตรงท่ีสูงหน่ึงร้อยสามสบิ เซนติเมตรจากพ้ืนดิน ต้ังแต่ห้าสิบถึงหนึ่งร้อยเซนติเมตร ข้ึนกระจายอยู่ท่ัวพื้นที่ไม่เกินไร่ละแปดต้น หรือมีขนาดความโตเกนิ หนง่ึ รอ้ ยเซนตเิ มตรขนึ้ ไป ขึ้นกระจายอย่ทู ั่วพืน้ ทีไ่ ม่เกินไร่ละสองต้น “เจ้าหน้าท่ี” หมายความว่า เจ้าหน้าท่ีสานักจัดการทรัพยากรป่าไม้แห่งท้องท่ีหรือเจ้าหน้าท่ี กรมป่าไมซ้ ึง่ อธิบดกี รมป่าไมม้ อบหมาย ข้อ ๕ ให้ประธานกรรมการนโยบายปา่ ชุมชนรักษาการตามระเบยี บน้ี และใหม้ อี านาจออกประกาศ หรอื คาสงั่ เพอื่ ประโยชนใ์ นการปฏบิ ัตติ ามระเบียบนี้ ในกรณีท่ีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบน้ี ให้คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน เป็นผวู้ ินจิ ฉยั ชี้ขาด คาวนิ ิจฉยั นน้ั ให้เป็นทสี่ ุด 1
เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง หน้า ๑๑ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ ราชกิจจานุเบกษา หมวด ๑ แผนจดั การปา่ ชมุ ชน ข้อ ๖ แผนจัดการป่าชุมชน ประกอบด้วย การอนุรักษ์ การฟ้ืนฟู การพัฒนา การควบคุมดแู ล และการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาตใิ นปา่ ชมุ ชน ข้อ ๗ ให้กรมป่าไม้จัดหาเจ้าหน้าที่หรือประสานความร่วมมือไปยังองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น หรือผู้ซ่ึงมีความรู้ ความเช่ียวชาญ มีผลงาน เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อมหรือภาคประชาสังคม เพ่ือสนับสนุนและช่วยเหลือชุมชนท่ียื่นคาขอจัดตั้งป่าชุมชน หรอื คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนในการจดั ทาแผนจัดการป่าชมุ ชน ข้อ ๘ แผนจัดการป่าชุมชนที่จัดทาข้ึนเพื่อประกอบการย่ืนคาขอจัดตั้งป่าชุมชน หรือที่คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนตามมาตรา ๙๙ และมาตรา ๑๐๐ จัดทาข้ึนตามมาตรา ๑๐๒ หรอื เพ่อื ประกอบการยน่ื คาขอขยายเขตปา่ ชมุ ชน อยา่ งนอ้ ยต้องประกอบด้วยรายการ ดงั ต่อไปน้ี (๑) ชื่อแผนจัดการป่าชุมชนท่ีแสดงให้เห็นว่าเป็นของชุมชนใดท่ีย่ืนคาขอจัดต้ังป่าชุมชน หรือเป็นของปา่ ชมุ ชนใด ข้อมลู สภาพพื้นท่ี พรอ้ มแนบแผนทีม่ าตราส่วน ๑ : ๕๐,๐๐๐ หรอื แผนทีภ่ าพถา่ ย ดาวเทียมที่แสดงแนวเขตพื้นที่ที่ยื่นคาขอจัดตั้งป่าชุมชน หรือขยายเขตป่าชุมชน หรือป่าชุมชน ตามมาตรา ๙๙ และมาตรา ๑๐๐ โดยให้แสดงเคร่ืองหมายแปลงพื้นที่ท่ีกาหนดให้เป็นบริเวณ เพือ่ การอนรุ กั ษ์ หรือบรเิ วณเพ่อื การใช้ประโยชน์ (ถ้าม)ี โดยแต่ละบรเิ วณอาจมีแปลงพื้นท่หี ลายแปลงก็ได้ การกาหนดให้เป็นบริเวณเพื่อการอนุรักษ์หรือบริเวณเพื่อการใช้ประโยชน์ต้องสอดคล้องกับระเบียบ คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนท่ีออกตามความในมาตรา ๓๑ วรรคสองด้วย โดยจัดทาตามแบบ คนช. ๕-๑ ทา้ ยระเบยี บนี้ (๒) แผนปฏิบัติการป่าชุมชนท่ีแสดงให้เห็นถึงวิธีการจัดการป่าชุมชนในแปลงพื้นท่ีที่กาหนด ตาม (๑) โดยสังเขป โดยจัดทาตามแบบ คนช. ๕-๒ ท้ายระเบียบนี้ซึ่งต้องประกอบด้วยกิจกรรม ด้านหนงึ่ ด้านใดหรือทง้ั ๕ ด้าน ดังนี้ (ก) ด้านการอนุรักษ์ เป็นการรักษาไว้ซึ่งสภาพตามธรรมชาติของพ้ืนท่ี โดยการงดเว้น ซ่ึงการกระทาการใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบนเิ วศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และความอุดมสมบรู ณ์ ของพ้ืนที่ในระยะยาว และการป้องกันซึ่งภัยอันอาจเกิดจากธรรมชาติและภัยจากการกระทาของมนุษย์ เช่น การลาดตระเวน การทาแนวกันไฟป่า การจัดชุดลาดตระเวน การใช้ขนบธรรมเนียม ประเพณี ภูมปิ ัญญา ในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ 2
หน้า ๑๒ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา (ข) ด้านการฟื้นฟู เป็นการกระทาหรืองดเว้นกระทาใด ๆ เพ่ือให้พ้ืนท่ีกลับคืน สู่สภาพอุดมสมบรู ณ์ตามธรรมชาตติ ามแนวทางการดาเนนิ การตอ่ ไปนี้ ๑) บริเวณเพ่ือการอนรุ ักษ์ ให้ระบุแผนการปลูกฟ้ืนฟูหรือปรับปรุงสภาพพื้นที่ป่าชมุ ชน หรอื พ้นื ที่ปา่ เสือ่ มโทรมเพ่ือให้มสี ภาพป่าที่สมบูรณข์ นึ้ และเพม่ิ ความหลากหลายทางชีวภาพ ๒) บริเวณเพื่อการใช้ประโยชน์ ให้ระบุแผนการปลูกฟ้ืนฟูหรือปรับปรุงสภาพพื้นท่ี ป่าชุมชนหรือพื้นที่ป่าเส่ือมโทรมเพ่ือให้มีสภาพป่าท่ีสมบูรณ์ขึ้น กรณีการปลูกฟื้นฟูมีวัตถุประสงค์ เพ่ือการใช้ประโยชน์จากไม้ เมื่อดาเนินการปลูกต้นไม้ตามแผนการปลูกแลว้ ให้จัดทาบญั ชคี ่าพกิ ดั แปลงปลกู หรือต้นไม้ท่ีปลูกข้ึน ชนิดและจานวนต้นไม้ที่ปลูก และรายงานคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัด เพื่อรวบรวมเป็นฐานข้อมูลประกอบการใช้ประโยชน์จากผลผลิตและบริการป่าชุมชนตามระเบียบ คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนท่อี อกตามความในมาตรา ๕๐ วรรคสอง (ค) ด้านการพัฒนา เป็นการกระทาใด ๆ เพื่อปรับปรุงสภาพพื้นท่ีป่าชุมชนให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชน การพัฒนาด้านสาธารณูปโภค การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ เพื่อการศกึ ษาธรรมชาตแิ ละศูนยข์ อ้ มูลป่าชมุ ชน และการพฒั นาส่ิงอานวยความสะดวกในป่าชุมชน เป็นตน้ ทั้งน้ี ต้องไม่ทาให้เกิดความเสียหายและไม่เป็นการทาลายสภาพธรรมชาติเดิมของป่า ชุมชน เช่น การจัดทาเส้นทางศึกษาธรรมชาติ การสร้างศาลาที่พักขนาดเล็ก หรือที่พักจุดลาดตระเวน การพัฒนาแหล่งน้า ขนาดเล็ก กรณีมีการก่อสร้างหรือใช้เคร่ืองจักรในการดาเนินกิจการดังกล่าว ต้องเสนอรายละเอียด เฉพาะโครงการพัฒนาน้ันเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัด และต้องดาเนินการ รว่ มกบั พนักงานเจา้ หน้าทท่ี ่คี ณะกรรมการป่าชมุ ชนประจาจังหวัดมอบหมาย ทั้งน้ี ต้องสอดคลอ้ งกับระเบยี บ คณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชนที่ออกตามความในมาตรา ๕๐ วรรคสอง และมาตรา 51 วรรคสอง (๒) ดว้ ย (ง) ด้านการควบคุมดูแล เป็นการกาหนดมาตรการเพ่ือป้องกันและบรรเทาความเสียหาย ที่จะเกิดแก่ป่าชุมชนตามข้อบังคับเก่ียวกับการจัดการป่าชุมชน การกาหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการ จัดการปา่ ชุมชนและสมาชิกป่าชุมชน แผนปฏิบัติการลาดตระเวนป่าประจาปี การวางระบบรับแจ้งเหตุ กรณพี บเหน็ การกระทาผดิ กฎหมายภายในป่าชมุ ชน (จ) ดา้ นการใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาตใิ นปา่ ชมุ ชน ๑) การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชน เช่น การเก็บหาของป่า ก า ร ศึ ก ษา เรี ยน รู้เ ก่ียวกั บกา รอ นุรั กษ์และฟ้ืนฟูทรั พยาก รธร รมช าติและส่ิงแว ด ล้อ มใน ป่าชุมชน การท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชน พักผ่อนหย่อนใจในป่าชุมชน และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอื่น ต้องเป็นไปอย่างสมดุลและย่ังยืน และสอดคล้องกับระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนท่ีออก ตามความในมาตรา ๕๐ วรรคสอง และมาตรา 51 วรรคสอง (2) ด้วย ๒) ในกรณีที่มีการรวมตัวกันของสมาชิกป่าชุมชนเพ่ือดาเนินกิจการวิสาหกิจชุมชน ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับผลผลิตทรพั ยากรธรรมชาตทิ ีไ่ ด้มาจากปา่ ชมุ ชนต้องมแี ผนการดาเนนิ การทีช่ ัดเจน 3
หน้า ๑๓ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา ๓) การ จัด กิจกร ร มส่งเสริ มการ เรี ยน รู้ เกี่ยว กับการ อนุ รั กษ์และ ฟ้ืนฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในปา่ ชุมชน รวมทั้งการท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชน สามารถจัดได้ ทั้งในบรเิ วณเพื่อการอนรุ ักษ์และบริเวณเพอื่ การใชป้ ระโยชน์ ๔) การใช้ประโยชน์จากพ้ืนทีเ่ พื่อจัดทาเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เพาะชากล้าไม้ หรอื ปลกู พชื สมนุ ไพร ใหก้ ระทาโดยการเลือกพนื้ ท่ีทเ่ี หมาะสม โดยจะทาให้เสียสภาพป่ามิได้ ๕) กรณีที่มีการใช้ประโยชน์จากไม้ ให้ทาได้ในบริเวณเพ่ือการใช้ประโยชน์ โดยต้อง ไม่ใช้ประโยชน์จากไม้ทรงคุณค่าท่ีเกดิ ข้ึนตามธรรมชาตแิ ละให้ทาได้ตามความจาเป็นเพียงเฉพาะเพ่ือใช้สอย ในครัวเรือนของสมาชิกป่าชุมชน หรือใช้ในกิจกรรมสาธารณะภายในชุมชนเท่านั้น และในกรณีท่ีมีการนาไม้ มาใช้ประโยชน์ ให้ระบุหลักเกณฑ์ท่ีคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนจะอนุญาตให้สมาชิกป่าชุมชนนาไม้ มาใช้ประโยชน์ได้ แผนการใช้ประโยชน์จากไม้ และแผนปลูกต้นไม้ทดแทน ท่ีสอดคล้องกับระเบียบ คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนที่ออกตามความในมาตรา ๕๐ วรรคสอง ทั้งนี้ หากยังไม่สามารถกาหนดได้ ในแผนจัดการป่าชมุ ชน คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนตอ้ งนาไปกาหนดไวใ้ นข้อบงั คบั เกยี่ วกบั การจดั การป่าชมุ ชน ทง้ั น้ี ชมุ ชนท่ียื่นคาขอจดั ตั้งปา่ ชุมชนหรือคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนจะจัดทาแผนปฏบิ ัติการ ในรปู แบบอืน่ ให้เหมาะสมกับพืน้ ทท่ี ข่ี อจัดตัง้ ป่าชุมชน พน้ื ทปี่ า่ ชุมชน หรือพนื้ ท่ีท่ียนื่ ขอขยายเขตป่าชุมชน ทีม่ ีลักษณะเฉพาะก็ได้ (3) รายการไมท้ รงคณุ คา่ ทค่ี วรค่าแกก่ ารอนรุ กั ษ์ใหค้ งอยู่ตอ่ ไปที่สารวจพบในปา่ ชุมชน (ถ้าม)ี โดยจดั ทาตามแบบ คนช. ๕-๓ ท้ายระเบียบน้ี ข้อ ๙ ในกรณที ค่ี ณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัดพิจารณาแผนจดั การปา่ ชมุ ชนแล้วเห็นว่า ตอ้ งแก้ไขขนาดของพ้ืนทที่ ีก่ าหนดใหเ้ ปน็ บรเิ วณเพอ่ื การใช้ประโยชนใ์ ห้ได้สัดส่วนตามขนาดของพ้นื ที่ป่าชมุ ชน ท่ีกาหนดในระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนที่ออกตามความในมาตรา ๓๑ วรรคสอง ให้เจ้าหนา้ ท่ีสานกั จดั การทรัพยากรปา่ ไมแ้ ห่งท้องท่ีหรอื เจา้ หนา้ ทีก่ รมปา่ ไม้ซึ่งอธิบดกี รมปา่ ไม้มอบหมาย ร่วมกับผู้ยื่นคาขอจัดตั้งป่าชุมชนหรือคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน ดาเนินการแก้ไขปรับปรุงแผนท่ี หรือจัดทาแผนท่ีข้ึนใหม่ ให้แล้วเสร็จภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้งจากคณะกรรมการป่าชุมชน ประจาจังหวัด ข้อ ๑๐ เม่ือคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัดอนุมัติแผนจัดการป่าชุมชนแล้ว ให้สานักจัดการทรัพยากรป่าไม้แห่งท้องที่ หรือหน่วยงานซึ่งอธิบดีกรมป่าไม้มอบหมายให้ปฏิบัติหน้าท่ี เป็นหนว่ ยธุรการของคณะกรรมการปา่ ชุมชนประจาจงั หวัดจัดเก็บขอ้ มูลแผนจัดการป่าชมุ ชนนัน้ เขา้ ฐานข้อมลู และส่งคืนแผนจัดการป่าชุมชนนั้นให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนดาเนนิ การให้เปน็ ไปตามแผนจัดการ ป่าชมุ ชนดังกลา่ ว แผนจัดการป่าชุมชนที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัดอนุมัติแล้วให้ใช้บังคับได้เป็นเวลา ห้าปนี ับแต่วนั ทปี่ า่ ชมุ ชนน้ันได้มีการประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา 4
หน้า ๑๔ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๑1 ในกรณีท่ีป่าชุมชนตามมาตรา 99 และมาตรา 100 ต้องเสนอแผนจัดการป่าชุมชน ตามมาตรา ๑๐๒ ต่อคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัดเพ่ือพิจารณาอนุมัติ และให้เสนอข้อบงั คับ เก่ียวกับการจัดการป่าชุมชน พร้อมท้ังรายชื่อคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดไว้ ในระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชนท่ีออกตามความในมาตรา ๔๒ วรรคสอง ต่อคณะกรรมการป่าชมุ ชน ประจาจงั หวดั เพ่อื ขอรับความเหน็ ชอบตามมาตรา ๔๔ วรรคสอง หรือเพ่ือทราบ แล้วแตก่ รณีไปในคราวเดียวกนั หากตอ้ งการเลอื กต้งั คณะกรรมการจัดการปา่ ชมุ ชนชุดใหม่ต้องดาเนินการให้เป็นไปตามระเบียบดังกลา่ วด้วย แผนจัดการป่าชุมชนที่คณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัดอนุมัติแล้วให้ใช้บังคับได้เป็นเวลา หา้ ปีนบั แต่วันท่ีได้รับอนุมตั ิ การเสนอแผนจัดการป่าชุมชน ข้อบังคับเกี่ยวกับการจัดการป่าชุมชน และรายชื่อ คณะกรรมการจดั การป่าชมุ ชนตามวรรคหน่ึง ให้ยื่น ณ สานักจัดการทรพั ยากรป่าไมแ้ ห่งท้องที่ท่ีรบั ผิดชอบ ศนู ยป์ า่ ไมแ้ ห่งท้องทีท่ ่รี บั ผิดชอบ หรือสถานท่ีอ่ืนหรือโดยวธิ กี ารอืน่ ตามทอ่ี ธบิ ดกี รมปา่ ไมป้ ระกาศกาหนด ขอ้ 12 ในกรณีที่คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนเสนอแผนจัดการป่าชุมชนฉบับใหม่ทดแทน แผนจดั การปา่ ชมุ ชนฉบับเดมิ ท่ีหมดอายุ หรอื ประสงคจ์ ะปรบั ปรุงแผนจัดการปา่ ชุมชนในระหวา่ งทีแ่ ผนจดั การ ปา่ ชุมชนยงั ไม่หมดอายุ แผนจัดการปา่ ชมุ ชนฉบบั ใหมท่ ่ีจดั ทาขึน้ หรือแผนจดั การปา่ ชุมชนท่ีปรับปรุงข้นึ ใหม่นั้น ให้ประกอบด้วยรายการตามข้อ ๘ ที่มีการปรับปรุงข้อมลู ให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ป่าชุมชนที่เป็นปจั จบุ นั พรอ้ มรายงานผลการประเมินการจดั การปา่ ชมุ ชนทจี่ ดั ทาขน้ึ ตามระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน ท่ีออกตามความในมาตรา ๒๖ (๘) (ถ้ามี) โดยระยะเวลาของแผนจัดการป่าชุมชนให้มีอายุห้าปี หรือเท่าท่ีเหลอื อยู่ แลว้ แต่กรณี หมวด ๒ ข้อบังคับเกย่ี วกบั การจดั การปา่ ชุมชน ขอ้ ๑๓ ให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนพิจารณาออกข้อบังคับเกีย่ วกับการจัดการป่าชุมชน ใหเ้ กิดความเหมาะสมกบั สภาพของแตล่ ะปา่ ชุมชน ตามกรอบแนวทางการจดั การปา่ ชมุ ชน ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของป่าชุมชนและแผนจัดการป่าชุมชนที่ได้รับอนุมัติจาก คณะกรรมการป่าชุมชนประจาจงั หวดั (๒) ต้องเปน็ ไปเพ่อื รกั ษาสภาพป่า โดยมุง่ หมายดูแลพืน้ ที่ใหม้ ีระบบนเิ วศท่สี มบูรณ์ และดารงไว้ ซ่งึ ความหลากหลายของพันธ์ไุ มแ้ ละพนั ธ์ุสัตว์ป่า (๓) การฟืน้ ฟูปา่ โดยการปลูกต้นไมเ้ พ่มิ ตอ้ งกาหนดให้มีการปลกู พืชหรือพนั ธุ์ไม้ท้องถิน่ ท่ีมีอยู่ ในปา่ ประเภทนัน้ ๆ แตเ่ ดิมเปน็ หลกั (๔) การควบคมุ มิใหใ้ ช้สารเคมีใด ๆ ภายในพ้ืนท่ีป่าชมุ ชน ในกรณีที่จาเป็นต้องทาความสะอาด ส่ิงอานวยความสะดวกในป่าชุมชน เช่น ศาลาเรียนรู้ ศาลาที่พัก ห้องสุขา หรือในกรณีที่ต้องกาจัด วชั พชื หรอื แมลง ควรใชผ้ ลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 5
หน้า ๑๕ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานเุ บกษา (๕) การควบคุมการปล่อยสัตว์เล้ียงเข้าไปหากินในป่าชุมชนเพื่อป้องกันความเสียหาย หรอื ลดผลกระทบทจ่ี ะเกิดแกร่ ะบบนิเวศในป่าชุมชน (๖) การกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเก็บหาของป่าในป่าชุมชนและการใช้ประโยชน์จากไม้ เพื่อให้เป็นไปโดยสมดุลและยั่งยืน และเพื่อจดั สรรปรมิ าณการเก็บหาของปา่ และการใช้ประโยชน์จากไม้ ใหเ้ ทา่ เทยี มกนั ระหว่างสมาชกิ ป่าชมุ ชน เวน้ แตเ่ มอื่ พจิ ารณาจากหน้าท่ีในการอนรุ ักษ์ ฟ้นื ฟู และพัฒนา ป่าชุมชนของสมาชิกป่าชุมชนแต่ละประเภทหรือแต่ละราย การปฏิบัติตามระเบียบของ คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน และแผนจัดการป่าชุมชนท่ีได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการป่าชุมชน ประจาจังหวดั รวมทัง้ เหตุผลความจาเป็นในแต่ละกรณีประกอบกนั แล้ว คณะกรรมการจัดการปา่ ชมุ ชน อาจมีมติให้จัดสรรการใช้ประโยชน์จากไม้และการเก็บหาของป่าแก่สมาชิกป่าชุมชนประเภทต่าง ๆ หรือสมาชกิ รายหนง่ึ รายใดไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ก็ได้ ทง้ั น้ี ขอ้ กาหนดการเกบ็ หาของปา่ ในปา่ ชุมชนและการใชป้ ระโยชน์ จากไม้ต้องสอดคล้องกับระเบยี บคณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชนท่ีออกตามความในมาตรา ๕๐ วรรคสองดว้ ย (๗) การกาหนดการใช้ประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างอ่ืนในปา่ ชุมชนท่ีมิใช่การเกบ็ หาของปา่ และการใช้ประโยชน์จากไม้ เช่น การใช้น้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ต้องเป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืน และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติกรณีใดมีกฎหมายอื่นใดกากั บดูแลต้องปฏิบัติให้เป็นไป ตามกฎหมายน้นั ๆ ด้วย ทั้งน้ี ข้อกาหนดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างอ่ืนในปา่ ชมุ ชน ตอ้ งสอดคล้องกับระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชนท่ีออกตามความในมาตรา ๕๐ วรรคสอง (8) การกาหนดขอ้ บังคับหา้ มบคุ คลซง่ึ มใิ ช่สมาชกิ ป่าชุมชนเขา้ ไปในพ้ืนทปี่ า่ ชมุ ชนหรอื เกบ็ หาของป่า โดยสิน้ เชิงจะกระทามิได้ (9) การจากัดช่วงเวลา จานวนคน หรือวิธีการเข้าไปในพ้ืนที่ป่าชุมชน หรือการจากัดช่วงเวลา วิธกี าร หรือเงื่อนไขการเก็บหาของปา่ โดยมุ่งหมายใหท้ รพั ยากรธรรมชาติฟื้นตัวหรือเพ่ือปอ้ งกนั การเกิดอนั ตราย หรือความเสียหายตอ่ ปา่ หรือตอ่ บุคคล ใหก้ ระทาได้ตามสมควรแกเ่ หตุ (๑0) การจัดทาข้อบังคับเกี่ยวกับการจัดการป่าชุมชนต้องมาจากกระบวนการมีส่วนร่วม ของสมาชิกปา่ ชุมชน และควรมีการประเมินผลสัมฤทธ์ิของการใช้ขอ้ บังคับการจัดการปา่ ชมุ ชน รวมท้งั มีการปรับปรุงขอ้ บังคับดังกล่าวให้เกดิ ความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ ในกรณีท่ีมีการปรบั ปรุง ข้อบังคับเก่ียวกับการจัดการป่าชุมชนตอ้ งไดร้ ับความเห็นชอบจากคณะกรรมการปา่ ชุมชนประจาจงั หวัด ก่อนท่ีจะนามาใชบ้ ังคับ 6
หน้า ๑๖ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา หมวด ๓ ขอ้ หา้ มในการจดั ทาแผนจดั การปา่ ชมุ ชน ข้อ ๑๔ ห้ามทานา ทาไร่ ทาสวน ทาโรงเรือนเล้ียงสัตว์ถาวร หรือกิจการเกษตรกรรมอ่ืน ที่คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนกาหนด เว้นแต่การทาวนเกษตรร่วมกันของสมาชิกป่าชุมชน ให้กระทาได้ เฉพาะกรณีท่ีได้ระบุพ้ืนท่ี รูปแบบการดาเนินการ และมาตรการระมัดระวังผลกระทบต่อระบบนิเวศไว้ ในแผนจดั การป่าชุมชน และแผนจดั การป่าชุมชนนัน้ ไดร้ ับอนุมตั ิจากคณะกรรมการปา่ ชมุ ชนประจาจังหวดั แลว้ ขอ้ ๑๕ กรณีพื้นท่ีป่าชุมชนมีสภาพเป็นป่าพรุ ห้ามขุดคลองระบายน้าออกจากป่าพรุ หรอื กอ่ สรา้ งส่ิงกดี ขวางทางน้าทาให้เส้นทางน้าตามธรรมชาตเิ ปลี่ยนแปลงไปจนเกดิ ความเสยี หายต่อระบบนิเวศ ประกาศ ณ วนั ท่ี 25 พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประวติ ร วงษส์ วุ รรณ รองนายกรฐั มนตรี ประธานกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน 7
แผนจดั การป่าชุมชน คนช. 5-1 1. ช่ือแผนจัดการป่าชุมชน ............................................................................................................................. .... ต้งั อยหู่ มู่ท่ี .............................................................................ตำบล ..................................................................... อำเภอ ....................................................................................จงั หวดั .................................................................. ประกอบ กำรขอจัดตงั้ ปำ่ ชมุ ชน ป่ำชุมชน ตำมมำตรำ 99 และ มำตรำ 100 กำรปรับปรุงแผนจัดกำรปำ่ ชุมชนในระหวำ่ งทีแ่ ผนจัดกำรปำ่ ชมุ ชนยงั ไม่หมดอำยุ ทดแทนแผนจดั กำรป่ำชุมชนเดมิ ท่ีหมดอำยุ กำรขอขยำยเขตปำ่ ชุมชน ๒. วัตถุประสงค์ของแผนจัดการป่าชุมชน ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. ระยะเวลา ............................................................................................................................. ................................................. 4. ลกั ษณะพ้นื ท่ี ๔.๑ สภาพพืน้ ท่ีปา่ ชุมชน ๑) จำนวนเนือ้ ท่ขี องป่ำชุมชน ........................ไร่ ..........................งำน .......................ตำรำงวำ ๒) กรณีขอขยำยเขตป่ำชุมชน เนอื้ ที่ ........................ไร่ ........................งำน ......................ตำรำงวำ เนื้อทีร่ วมกบั พื้นที่ปำ่ ชุมชนเดิม รวมเนอ้ื ที่ ......................ไร่ ......................งำน .....................ตำรำงวำ ๔.2 อาณาเขตป่าชุมชน ทศิ เหนอื จด .......................................................................................................... ทิศใต้ จด .......................................................................................................... ทศิ ตะวันออก จด ............................................................................................ ทิศตะวนั ตก จด ............................................................................................ ๔.๓ การกาหนดบริเวณในพืน้ ที่ป่าชมุ ชน 1) แปลงพน้ื ท่ีทก่ี าหนดใหเ้ ป็นบริเวณเพ่ือการอนุรกั ษ์ จำนวน ................แปลง เนอื้ ท่รี วม .................. ไร่ .....................งำน ..................ตำรำงวำ คดิ เปน็ ร้อยละ .........................ของพ้ืนทปี่ ่ำชมุ ชน 2) แปลงพื้นท่ีทีก่ าหนดให้เป็นบริเวณเพ่อื การใชป้ ระโยชน์ จำนวน ................แปลง เน้ือที่รวม .................. ไร่ .....................งำน ..................ตำรำงวำ คดิ เป็นรอ้ ยละ .........................ของพน้ื ท่ปี ่ำชมุ ชน หมายเหตุ : (แนบแผนที่มำตรำส่วน 1 : 50,000 หรือแผนท่ีภำพถ่ำยดำวเทียม เพื่อแสดงแนวเขตปำ่ ชุมชน และกำหนดบริเวณเพื่อกำรอนุรกั ษแ์ ละบรเิ วณเพื่อกำรใชป้ ระโยชน์) 8
๔.๔ แหลง่ นา้ ที่พบเห็นไดใ้ นปา่ ชมุ ชน (ถา้ มี) ลำธำร หว้ ย หนอง คลอง บึง ตง้ั อยู่บรเิ วณพกิ ดั ............................................................................................................................. ....... อยใู่ นแปลงที่ ............................ บรเิ วณเพือ่ กำรอนรุ ักษ์ หรือ บริเวณเพือ่ กำรใชป้ ระโยชน์ สภำพควำมอดุ มสมบูรณ์ของป่ำบรเิ วณแหลง่ น้ำอยู่ในเกณฑ์ .................................................................. ............................................................................................................................. .................................... ขอ้ สังเกตเพ่ิมเตมิ .................................................................................................................................... อ่ำงเก็บน้ำ ฝำย ตั้งอยบู่ ริเวณพกิ ัด ............................................................................................................................. ...... อยใู่ นแปลงที่ ............................ บรเิ วณเพือ่ กำรอนรุ ักษ์ หรอื บริเวณเพือ่ กำรใชป้ ระโยชน์ สภำพควำมอดุ มสมบูรณ์ของปำ่ บรเิ วณแหล่งนำ้ อยู่ในเกณฑ์ .................................................................. ............................................................................................................................. .................................... ขอ้ สังเกตเพ่ิมเตมิ .................................................................................................................................... อื่น ๆ ไดแ้ ก่ ............................................................................................................................. ............. ตั้งอยบู่ รเิ วณพิกัด ................................................................................................................................... อยูใ่ นแปลงท่ี ............................ บริเวณเพอ่ื กำรอนุรกั ษ์ หรอื บริเวณเพื่อกำรใชป้ ระโยชน์ สภำพควำมอดุ มสมบรู ณ์ของปำ่ บรเิ วณแหล่งนำ้ อยู่ในเกณฑ์ .................................................................. ............................................................................................................................. .................................... ขอ้ สังเกตเพ่ิมเติม .................................................................................................................................... ๔.๕ ความสงู จากระดบั นา้ ทะเลโดยประมาณ................................................................................................ ๔.๖ สภาพป่า ปำ่ สมบูรณ์ จำนวนเนื้อท่ปี ระมำณ .....................ไร่ ป่ำกำลงั ฟ้นื ตัว จำนวนเนอ้ื ท่ปี ระมำณ .....................ไร่ ปำ่ เสื่อมโทรม จำนวนเนือ้ ท่ีประมำณ .....................ไร่ ๔.๗ พันธุไ์ มห้ ลักทพี่ บเห็นได้ในป่าชุมชน ไดแ้ ก่ ................................................................................................................................................... ........................... ....................................................................................................... ....................................................................... ๔.๘ สัตว์ปา่ ท่พี บเห็นได้ในป่าชมุ ชน ไดแ้ ก่ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ๔.๙ ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ่ืน ๆ ทีพ่ บเห็นได้ในปา่ ชมุ ชน ไดแ้ ก่ ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................................... ......................... ๔.๑๐ รายละเอียดเพิ่มเตมิ ดังนี้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 9
๕. แผนปฏบิ ัตกิ ารป่าชมุ ชนโดยสงั เขป 1. กจิ กรรมด้ำนกำรอนุรกั ษ์ ได้แก่ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2. กิจกรรมด้ำนกำรฟน้ื ฟู ไดแ้ ก่ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. . 3. กิจกรรมด้ำนกำรพฒั นำ ไดแ้ ก่ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 4. กิจกรรมด้ำนกำรควบคุมดูแล ได้แก่ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 5. กจิ กรรมดำ้ นกำรใช้ประโยชน์จำกทรพั ยำกรธรรมชำติในป่ำชมุ ชน ไดแ้ ก่ ............................................................................................................................................ .................................. .............................................................................................................................................................................. ๖. ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะได้รบั ........................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................... ........................................................................................................ ...................................................................... ลงชื่อ ............................................................... (..............................................................) ประธำนกรรมกำรจัดกำรปำ่ ชุมชน หมายเหตุ ๑. กำรสำรวจสภำพพน้ื ที่ หำกไม่สำมำรถเดินตรวจสอบพื้นท่ไี ด้เองท้ังหมด ใหป้ ระเมนิ สภำพพน้ื ทีจ่ ำกภำพถ่ำย ดำวเทยี มประกอบได้ 2. รำยละเอียดตำมแผนปฏิบตั ิกำรป่ำชุมชนตำมแบบ คนช. 5-2 10
คนช. 5-2 แผนปฏิบตั กิ ารปา่ ชุมชน.......................................................... กจิ กรรม ปรมิ าณงาน หนว่ ยนบั กาหนดระยะเวลาในการปฏบิ ัตงิ าน หมายเหตุ การจดั การปา่ ชมุ ชน ปีท่ี 1 ปที ่ี 2 ปีที่ 3 ปีท่ี 4 ปีท่ี 5 11 (1) ด้านการอนุรักษ์ 1.1 กำรลำดตระเวน - บรเิ วณเพอ่ื กำรอนรุ ักษ์ - บรเิ วณเพอ่ื กำรใชป้ ระโยชน์ 1.2 กำรทำแนวกันไฟป่ำ - บริเวณเพอ่ื กำรอนรุ ักษ์ - บริเวณเพอ่ื กำรใชป้ ระโยชน์ 1.3 กำรจดั ชดุ ลำดตระเวน - บริเวณเพื่อกำรอนรุ ักษ์ - บริเวณเพ่ือกำรใชป้ ระโยชน์ 1.4 กำรใช้ขนบธรรมเนียม ประเพณี ภมู ปิ ัญญำ ในกำรอนรุ กั ษท์ รัพยำกรธรรมชำติ - บริเวณเพอ่ื กำรอนรุ ักษ์ - บริเวณเพอ่ื กำรใช้ประโยชน์ 1.5 กจิ กรรมอื่น ๆ ทีเ่ ปน็ กำรอนุรักษ์ - บริเวณเพอ่ื กำรอนุรักษ์ - บริเวณเพือ่ กำรใชป้ ระโยชน์
กิจกรรม ปรมิ าณงาน ๒ กาหนดระยะเวลาในการปฏบิ ตั ิงาน หมายเหตุ การจัดการปา่ ชุมชน หนว่ ยนับ (2) ด้านการฟนื้ ฟู ปที ี่ 1 ปีที่ 2 ปที ่ี 3 ปที ี่ 4 ปที ี่ 5 2.1 กำรปลูกตน้ ไมท้ ดแทน กำรปลูกพืช 12 สมนุ ไพร - บริเวณเพื่อกำรอนรุ ักษ์ - บรเิ วณเพอ่ื กำรใช้ประโยชน์ 2.2 กำรเพำะชำกลำ้ ไม้ชมุ ชน - บริเวณเพือ่ กำรอนุรักษ์ - บรเิ วณเพ่อื กำรใช้ประโยชน์ 2.3 กิจกรรมอื่น ๆ ท่ีเปน็ กำรฟ้นื ฟู - บรเิ วณเพอ่ื กำรอนุรักษ์ - บรเิ วณเพ่อื กำรใช้ประโยชน์ (3) ดา้ นการพฒั นา 3.1 กำรพฒั นำแหล่งท่องเทีย่ วเชงิ อนุรกั ษ์ โดยชมุ ชน - บรเิ วณเพื่อกำรอนรุ ักษ์ - บริเวณเพื่อกำรใช้ประโยชน์ 3.2 กำรพฒั นำด้ำนสำธำรณูปโภค - บริเวณเพอื่ กำรอนุรักษ์ - บริเวณเพอื่ กำรใชป้ ระโยชน์ ๓.3 กจิ กรรมอนื่ ๆ ท่ีเป็นกำรพฒั นำ - บริเวณเพื่อกำรอนรุ ักษ์ - บริเวณเพอ่ื กำรใชป้ ระโยชน์
กิจกรรม ปริมาณงาน ๓ กาหนดระยะเวลาในการปฏบิ ัตงิ าน หมายเหตุ หน่วยนบั การจดั การปา่ ชมุ ชน ปที ี่ 1 ปีที่ 2 ปที ่ี 3 ปที ่ี 4 ปีท่ี 5 (4) ด้านการควบคมุ ดูแล 4.1 กำรออกขอ้ บังคบั เก่ยี วกับกำรจัดกำร ปำ่ ชมุ ชน 4.2 กำรประชุมคณะกรรมกำรป่ำชุมชนและ กำรประชมุ สมำชิกปำ่ ชุมชน 4.3 กำรกำหนดแผนปฏบิ ตั กิ ำรประจำปี 4.4 กิจกรรมอน่ื ๆ ท่ีเป็นกำรควบคุมดูแล 13 (5) ดา้ นการใชป้ ระโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาตใิ นปา่ ชุมชน 5.1 กำรทอ่ งเที่ยวเชงิ อนุรกั ษโ์ ดยชมุ ชน - บริเวณเพ่อื กำรอนรุ กั ษ์ - บริเวณเพอ่ื กำรใชป้ ระโยชน์ 5.2 กำรพักผ่อนหยอ่ นใจในป่ำชุมชน - บริเวณเพ่ือกำรอนุรักษ์ - บริเวณเพื่อกำรใช้ประโยชน์ 5.3 กำรเก็บหำของปำ่ - บรเิ วณเพ่อื กำรอนุรกั ษ์ - บริเวณเพื่อกำรใชป้ ระโยชน์ ๕.๔ วสิ ำหกิจชุมชนจำกผลผลติ และบรกิ ำร
กิจกรรม ปรมิ าณงาน ๔ กาหนดระยะเวลาในการปฏบิ ตั ิงาน หมายเหตุ การจัดการปา่ ชมุ ชน หนว่ ยนับ 5.๕ กำรใช้ประโยชน์จำกไม้ เพื่อใช้สอยใน ปที ี่ 1 ปีที่ 2 ปที ่ี 3 ปที ี่ 4 ปที ี่ 5 ครัวเรือนของสมำชิกป่ำชุมชน หรือใช้ใน กจิ กรรมสำธำรณะภำยในชุมชน - บรเิ วณเพ่อื กำรใชป้ ระโยชน์ 5.๖ กิจกรรมอื่น ๆ ท่ีเป็นกำรใช้ประโยชน์ จำกทรัพยำกรธรรมชำตใิ นปำ่ ชมุ ชน - บรเิ วณเพอ่ื กำรอนรุ กั ษ์ (ถ้ำมี) - บริเวณเพอ่ื กำรใชป้ ระโยชน์ 14
รายการไมท้ รงคุณค่าในปา่ ชมุ ชน.............................................................................. คนช. ๕-๓ ตง้ั อยู่หมู่ที่ .............................ตาบล ................................อาเภอ .................................จังหวัด .................................. รายการไม้ทรงคุณคา่ ขนาดตน้ ไม้ จุดสังเกต/บริเวณท่ีตง้ั /พิกดั หมายเหตุ ความโต (ซม.) ความสงู (เมตร) (หากมี) 15 หมายเหตุ ๑. รำยกำรไมท้ รงคุณค่ำอำจกำหนดเปน็ รำยต้นหรอื เป็นชนิดพันธุ์ กรณเี ปน็ ชนิดพันธุไ์ ม่ต้องวดั ขนำดควำมโต ควำมสูงและพิกัด ๒. ควำมโต หมำยถึง ขนำดวัดรอบลำตน้ ตรงท่รี ะดบั ควำมสงู หนึ่งรอ้ ยสำมสิบเซนตเิ มตรจำกพน้ื ดนิ
ตัวอยา่ ง ขอ้ บังคับเกี่ยวกับการจัดการป่าชุมชน ขอ้ บังคบั พืน้ ทีใ่ ช้บังคับ หมายเหตุ ๑. หำ้ มทำควำมเสียหำยแกห่ ลักเขตหรือเคลอ่ื นย้ำยหลักเขต พื้นท่ีป่ำชุมชนทง้ั หมด ๒. ห้ำมมิให้ล้มต้นไม้ หรือกระทำกำรใดท่ีทำให้ต้นไม้ไม่สำมำรถ พน้ื ที่ป่ำชุมชนทง้ั หมด กรณีไม่ประสงค์ให้มี เจริญเตบิ โตไดต้ อ่ ไป กำรล้มไม้ ๓. หำ้ มจดุ ไฟในพื้นทปี่ ่ำหรือกระทำกำรใดที่อำจก่อให้เกดิ ไฟป่ำ พื้นท่ีปำ่ ชุมชนทงั้ หมด ๔. หำ้ มมใิ หร้ ถยนตต์ งั้ แต่หกลอ้ ขึ้นไปเขำ้ ไปในพืน้ ทป่ี ่ำชุมชน พื้นท่ีปำ่ ชุมชนทง้ั หมด ๕. ห้ำมนำพืชหรือพันธุ์ไม้ต่ำงถ่ินเข้ำมำปลูกในป่ำชุมชน เว้นแต่ พื้นท่ีป่ำชุมชนทงั้ หมด ระบุชื่อพืชหรือ เป็นพืชหรือพนั ธ์ุไมต้ ่ำงถน่ิ ตำมทีร่ ะบุไวใ้ นแผนจดั กำรป่ำชุมชน พนั ธ์ุไมต้ ่ำงถิ่นท่ี ปลูกได้ และพื้นท่ีปลูก พนั ธุไ์ มต้ ่ำงถ่ิน ๖. ห้ำมมิให้ก่อสร้ำงสิ่งปลูกสร้ำงใดในพื้นท่ีป่ำชุมชน เว้นแต่เป็น พนื้ ท่ีปำ่ ชุมชนทัง้ หมด กำรก่อสร้ำงส่ิงปลูกสร้ำงท่ีจำเป็นเพ่ือประโยชน์ในกำรปฏิบัติ หน้ำท่ีของคณะกรรมกำรจัดกำรป่ำชุมชนในกำรดูแลรักษำป่ำ ชุมชน บำรุงและฟื้นฟูป่ำชุมชน ส่งเสริมกำรศึกษำเรียนรู้และ สร้ำงจิตสำนึกเกี่ยวกับกำรอนุรักษ์และฟ้ืนฟูทรัพยำกรธรรมชำติ ส่ิงแวดล้อม และควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพในป่ำชุมชน และ เผยแพร่ประชำสัมพันธ์ป่ำชุมชน เช่น กำรสร้ำงหอดูไฟป่ำ ฝำย ชะลอน้ำ ท่ีพักลำดตระเวน หรือศำลำเรียนรู้ โดยส่ิงปลูกสร้ำง ดังกล่ำวต้องมีลักษณะกลมกลืนกับสภำพแวดล้อม ไม่เป็นกำร ทำลำยสภำพธรรมชำติเดิม และได้รับอนุญำตเป็นหนังสือจำก คณะกรรมกำรป่ำชมุ ชนประจำจงั หวัดแลว้ ๗. กำรเข้ำป่ำเพื่อพักผ่อนหย่อนใจหรือเพ่ือศึกษำธรรมชำติ ให้ พื้นที่ปำ่ ชุมชนทั้งหมด กระทำไดใ้ นระหว่ำงเวลำ .................ถึงเวลำ ...................นำฬิกำ ๘. เม่ือพบเห็นกำรกระทำผิดกฎหมำยว่ำด้วยป่ำชุมชน ให้แจ้ง พน้ื ที่ป่ำชุมชนท้งั หมด กรรมกำรปำ่ ชุมชนหรือพนกั งำนเจ้ำหน้ำท่ี ๙. กำรเก็บของป่ำ ให้เก็บได้ในระหว่ำงช่วงเวลำและไม่เกินปริมำณ พ้นื ที่ป่ำชุมชนทั้งหมด ทก่ี ำหนดในตำรำง ก. 16
2 ๑๐. ห้ำมนำเครื่องมือสำหรับใช้ในกำรล่ำสัตวห์ รือจับสัตว์ หรือนำ พื้นท่ีปำ่ ชุมชนทงั้ หมด อำวุธใด ๆ เข้ำไปในพ้ืนท่ีป่ำชมุ ชน ๑๑. ห้ำมนำอำกำศยำนไร้คนขับเขำ้ มำในพนื้ ทป่ี ่ำชุมชน เว้นแต่ พนื้ ท่ีป่ำชุมชนทง้ั หมด ไดร้ ับควำมเห็นชอบจำกคณะกรรมกำรจดั กำรป่ำชุมชน ๑๒. ห้ำมเขำ้ ไปหรือออกจำกพื้นทปี่ ่ำชุมชนนอกเวลำท่ี พื้นที่ป่ำชุมชนทั้งหมด คณะกรรมกำรจดั กำรป่ำชมุ ชนกำหนดไว้ ๑๓. ห้ำมนำยำนพำหนะท่ีใชเ้ คร่ืองยนตม์ ีเสยี งดังหรือควนั ดำ พน้ื ที่ปำ่ ชุมชนทงั้ หมด ผิดปกตวิ สิ ัยเข้ำไปในป่ำชุมชน ๑๔. ห้ำมขับข่ยี ำนพำหนะและจอดยำนพำหนะ โดยฝ่ำฝืนข้อบงั คับ พน้ื ท่ีปำ่ ชุมชนทง้ั หมด หรือเคร่ืองหมำยจรำจรท่ีคณะกรรมกำรจดั กำรป่ำชุมชนกำหนดไว้ หรือพ้ืนที่ป่ำชมุ ชน บำงพ้นื ที่ ตาราง ก. การเกบ็ ของป่าใหเ้ ก็บได้ในระหวา่ งชว่ งเวลาดงั ต่อไปนี้ และไม่เกินปริมาณดงั ต่อไปนี้ ของปา่ ช่วงเดือนทเ่ี ก็บได้ ปริมาณที่อนญุ าต เง่อื นไขอ่ืน (ต่อคน) ๑. หนอ่ ไม้ ๒. นำ้ ผงึ้ ๓. ไม้ไผ่ ๔. เห็ดโคน ๕. ไขม่ ดแดง 6. อ่ืน ๆ .......................................... 17
แผนผังระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน วา่ ด้วยการจัดทาแผนจัดการป่าชุมชน พ.ศ. 2563 (ตามมาตรา 17 พ.ร.บ.ป่าชมุ ชน พ.ศ. 2562) แผนใชป้ ระกอบการยน่ื คาขอจัดตัง้ ตาม หมวด 1 จนท.ปม./อปท./ผมู้ ีความรู้ มาตรา32/ขยายเขตป่าชุมชน/ป่าชุมชน แผนจัดการปา่ ชมุ ชน ใหก้ ารสนับสนนุ และชว่ ยเหลอื ตามมาตรา 99 และมาตรา 100 ในการจัดทาแผนฯ (ข้อ 7) จดั ทาแผนฯ ตามมาตรา 102 (ข้อ 8) แผนจดั การป่าชมุ ชนตามแบบ คนช. 5-1 (ข้อ 8) รายการตน้ ไม้ทรงคณุ ค่า ตามแบบ คนช. 5-3 (ขอ้ 8 (3)) 1. ช่อื แผนจดั การป่าชมุ ชน (เป็นของชุมชนใด) 2. ขอ้ มูลสภาพพ้ืนท่ี พร้อมแนบแผนทีม่ าตราส่วน 1 : 50,000 แสดงบริเวณเพือ่ การอนรุ กั ษ์และบรเิ วณเพอื่ การใช้ประโยชน์ 3. แผนปฏิบตั กิ ารปา่ ชมุ ชน 5 ด้าน ตามแบบ คนช. 5-2 1) ด้านการอนุรักษ์ 2) ดา้ นการฟนื้ ฟู 3) ด้านการพัฒนา 4) ด้านการควบคมุ ดแู ล 5) ด้านการใชป้ ระโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาตใิ นปา่ ชมุ ชน อนมุ ัติ คณะกรรมการป่าชุมชนประจาจงั หวัด พจิ ารณา แกไ้ ข (ขอ้ 10) กรณตี ้องแกไ้ ขขนาดพ้นื ที่ บริเวณใชป้ ระโยชน์ สจป. / หนว่ ยธรุ การ ตามมาตรา 31 วรรคสอง จดั เก็บข้อมูลแผนเขา้ ฐานข้อมลู และสง่ คนื แผน จนท. สจป. / ปม. ใหค้ ณะกรรมการจัดการปา่ ชมุ ชน ร่วมกับผูย้ ่นื คาขอฯ หรือ คณะกรรมการ แผนฯ ใช้บังคบั 5 ปี หลงั จากประกาศในราชกิจจาฯ จดั การปา่ ชมุ ชน ดาเนินการแก้ไข หมวด 2 แกไ้ ขภายใน 45 วนั นับจากวนั รับแจ้ง (ข้อ 9) ข้อบงั คบั การจดั การปา่ ชุมชน หมวด 3 คกก.จัดการปา่ ชมุ ชนพิจารณาออกขอ้ บังคับ ข้อห้ามในการจดั ทาแผนจัดการปา่ ชุมชน กรอบแนวทางการออกขอ้ บังคบั (ขอ้ 13) ห้าม ทานา ทาไร่ ทาสวน ทาโรงเรือนเลีย้ งสัตว์ 1. จัดการตามวัตถปุ ระสงค์และแผนจดั การปา่ ชมุ ชน ถาวร หรอื กจิ กรรมเกษตรกรรมอน่ื ท่ี 2. ตอ้ งเปน็ ไปเพอื่ รกั ษาสภาพปา่ คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนกาหนด (ขอ้ 14) 3. ตอ้ งกาหนดให้มกี ารปลกู พชื หรอื ไมพ้ นั ธุ์ท้องถิ่น กรณีปา่ ชมุ ชนมสี ภาพเป็นป่าพรุ 4. ควบคุมมิใหใ้ ชส้ ารเคมีใดๆ ภายในพืน้ ที่ป่าชมุ ชน ห้ามขุดคลองระบายน้าออกจากป่าพรุหรือ 5. ควบคุมการปล่อยสัตวเ์ ลีย้ งเขา้ ไปในปา่ ชุมชน กอ่ สร้างสง่ิ กดี ขวางทางนา้ (ขอ้ 15) 6. กาหนดหลกั เกณฑ์และวิธกี ารการเกบ็ หาของปา่ และการใชป้ ระโยชน์จากไม้ ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๑๓๗ 7. ข้อกาหนดการใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาติ ตอนพเิ ศษ ๒99 ง ๒2 ธันวาคม ๒๕๖๓ อยา่ งอน่ื ในปา่ ชุมชนทมี่ ใิ ช่การใชป้ ระโยชนจ์ ากไม้และของปา่ 8. ห้ามกาหนดข้อบงั คับมใิ หบ้ คุ คลใดซึ่งไมใ่ ช่สมาชิกปา่ ชมุ ชน สานกั จดั การป่าชุมชน กรมป่าไม้ เข้าไปในพน้ื ทีป่ า่ ชมุ ชน/เกบ็ หาของปา่ 9. จากดั ช่วงเวลา จานวนคน วิธกี ารเขา้ ไปในพ้ืนทปี่ า่ ชุมชน 10. จดั ทาขอ้ บังคบั เกีย่ วกับการจัดการปา่ ชุมชนต้องมาจาก กระบวนการมีส่วนรว่ มของสมาชกิ ปา่ ชมุ ชน 18
หน้า ๑๗ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ระเบยี บคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน วา่ ดว้ ยเบย้ี ประชุม ค่าพาหนะ ค่าเบย้ี เล้ียง คา่ เชา่ ที่พกั และคา่ ใชจ้ ่ายอยา่ งอนื่ ของคณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน คณะกรรมการปา่ ชมุ ชนประจาจังหวดั และคณะอนกุ รรมการ พ.ศ. 2563 โดยท่ีเป็นการสมควรกาหนดเบี้ยประชุม ค่าพาหนะ ค่าเบี้ยเลีย้ ง ค่าเช่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอยา่ งอ่ืน ของคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน คณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัด และคณะอนุกรรมการ ท่คี ณะกรรมการนโยบายป่าชมุ ชนแต่งต้ัง อาศัยอานาจตามความในมาตรา 16 มาตรา ๒๐ ประกอบมาตรา ๒๑ วรรคสอง และมาตรา ๒๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และมติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ครั้งท่ี 1/2563 เม่ือวันท่ี 23 กรกฎาคม 2563 ป ร ะ ธ า น ก ร ร ม ก า ร น โ ย บ า ย ป่ า ชุ ม ช น โ ด ย ค ว า ม เ ห็ น ช อ บ ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร น โ ย บ า ย ป่ า ชุ ม ช น และกระทรวงการคลังออกระเบยี บไว้ ดังต่อไปน้ี ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ว่าด้วยเบ้ียประชุม ค่าพาหนะ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าท่ีพัก และค่าใช้จ่ายอย่างอ่ืนของคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน คณะกรรมการป่าชมุ ชนประจาจงั หวดั และคณะอนุกรรมการ พ.ศ. 2563” ขอ้ ๒ ระเบยี บนีใ้ ห้ใชบ้ งั คบั ตงั้ แตว่ นั ถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ต้นไป ข้อ ๓ ในระเบียบน้ี “คณะกรรมการนโยบาย” หมายความว่า คณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน “คณะอนุกรรมการ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน แต่งต้ังให้พิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหน่ึงอย่างใดตามท่ีคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนมอบหมาย ตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญตั ปิ ่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ “กรรมการในคณะกรรมการนโยบาย” หมายความรวมถึง รองประธานกรรมการ ในคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชนและกรรมการผู้ทรงคณุ วุฒดิ ว้ ย ข้อ ๔ ให้ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนได้รับเบี้ยประชุม เป็นรายคร้ัง ตามอตั รา ดังต่อไปน้ี (๑) ประธานกรรมการ ครง้ั ละไมเ่ กิน ๒,๐๐๐ บาท (๒) กรรมการ ครั้งละไม่เกิน ๑,๖๐๐ บาท ขอ้ ๕ ให้ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการป่าชมุ ชนประจาจังหวดั ได้รับเบ้ียประชุม เปน็ รายครัง้ ตามอตั รา ดังต่อไปนี้ (๑) ประธานกรรมการ คร้งั ละไมเ่ กิน 2,00๐ บาท (๒) กรรมการ ครัง้ ละไม่เกนิ ๑,600 บาท 19
หน้า ๑๘ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ ๖ ให้ประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการได้รับเบ้ียประชุม เป็นรายครง้ั ตามอตั รา ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ประธานอนกุ รรมการ ครั้งละไม่เกิน ๑,๒๕๐ บาท (๒) อนุกรรมการ คร้งั ละไมเ่ กิน ๑,๐๐๐ บาท ข้อ ๗ ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการไม่สามารถร่วมประชุมได้ ใหผ้ ู้ซงึ่ ทาหนา้ ท่ปี ระธานในท่ีประชมุ ไดร้ ับเบยี้ ประชมุ ในอตั ราเดยี วกับประธานกรรมการหรือประธานอนกุ รรมการ ตามทก่ี าหนดในขอ้ ๔ (๑) ข้อ ๕ (๑) หรือข้อ ๖ (๑) แล้วแต่กรณี ข้อ ๘ ประธานกรรมการและกรรมการหรือประธานอนุกรรมการและอนกุ รรมการ ให้ไดร้ ับ เบี้ยประชุมสาหรบั การประชุมคณะกรรมการ หรอื คณะอนุกรรมการน้นั แลว้ แตก่ รณี เพยี งครง้ั เดียวในวนั หนง่ึ ขอ้ ๙ การประชุมของคณะกรรมการนโยบาย คณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัด หรือคณะอนกุ รรมการ ต้องมีกรรมการหรืออนกุ รรมการมาร่วมประชมุ ไม่น้อยกว่าก่งึ หนงึ่ ของจานวนกรรมการ หรอื อนกุ รรมการทัง้ หมด จึงจะเป็นองค์ประชุมและมีสิทธไิ ด้รับเบี้ยประชุมตามระเบียบน้ี ขอ้ ๑๐ ในกรณีที่กรรมการหรืออนุกรรมการซึ่งเป็นการแต่งต้ังโดยตาแหน่งไม่สามารถ เขา้ ร่วมประชุมได้ แตไ่ ด้มอบหมายใหผ้ ูอ้ น่ื เขา้ ร่วมประชุมแทนโดยทาเป็นหนงั สือหรอื มีหลักฐานการมอบหมาย ให้ถือว่าผู้ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการหรืออนุกรรมการแทนผู้ดารงตาแหน่งน้ัน ๆ และให้นับเป็นองคป์ ระชุม ตลอดจนมสี ิทธิไดร้ บั เบีย้ ประชมุ ในอตั ราเดยี วกบั กรรมการหรอื อนกุ รรมการ ข้อ ๑๑ ให้ประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการนโยบาย ประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัด และประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการ ในคณะอนกุ รรมการ ได้รับค่าพาหนะ ค่าเบยี้ เล้ียง ค่าเช่าทพ่ี ัก และค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในการเดนิ ทางมาประชุม ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) บุคคลท่ีเป็นข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรอื หนว่ ยงานของรฐั ให้ไดร้ บั ค่าใช้จา่ ยดังกล่าวตามกฎหมายว่าด้วยคา่ ใช้จ่ายในการเดนิ ทางของแต่ละหน่วยงาน ทง้ั นี้ โดยใหเ้ บกิ จ่ายค่าใชจ้ า่ ยในการเดินทางดังกล่าวจากตน้ สังกดั (2) บุคคลท่ีมิใช่ข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ ให้ไดร้ ับค่าใชจ้ ่ายดงั กลา่ วตามพระราชกฤษฎกี าค่าใช้จา่ ยในการเดนิ ทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๒๖ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ในอัตราเทียบเท่ากับข้าราชการพลเรือนสามัญตาแหน่งประเภท อานวยการระดบั ต้น ทั้งนี้ โดยให้เบกิ จ่ายค่าใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทางดงั กล่าวจากกรมปา่ ไม้ ขอ้ 12 ใหป้ ระธานกรรมการนโยบายป่าชมุ ชนรกั ษาการตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วนั ที่ 25 พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประวติ ร วงษส์ วุ รรณ รองนายกรฐั มนตรี ประธานกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน 20
แผนผงั ระเบยี บคณะกรรมกำรนโยบำยป่ำชมุ ชน วำ่ ด้วยเบีย้ ประชุม คำ่ พำหนะ คำ่ เบ้ียเล้ยี ง ค่ำเชำ่ ท่ีพัก และคำ่ ใชจ้ ำ่ ยอยำ่ งอน่ื ของคณะกรรมกำรนโยบำยปำ่ ชมุ ชน คณะกรรมกำรป่ำชมุ ชนประจำจงั หวัด และคณะอนกุ รรมกำร พ.ศ. 2563 (ตำมมำตรำ 20 พ.ร.บ.ปำ่ ชุมชน พ.ศ. 2562) หลักเกณฑ์และวธิ ีกำรในกำรจ่ำยเบย้ี ประชุม ค่ำพำหนะ ค่ำเบ้ียเลีย้ ง ค่ำเชำ่ ทพ่ี กั และคำ่ ใช้จ่ำยอย่ำงอื่น อัตรำเบ้ียประชมุ คำ่ พำหนะ ค่ำเบยี้ เล้ยี ง ค่ำเชำ่ ทพ่ี กั และคำ่ ใช้จ่ำยอย่ำงอื่น คณะกรรมกำรนโยบำยปำ่ ชมุ ชน ในกำรเดนิ ทำงมำประชมุ (ขอ้ 11) ประธานกรรมการ : คร้งั ละไม่เกิน 2,000 บาท กรรมการ : ครัง้ ละไม่เกนิ 1,600 บาท 1.ขา้ ราชการ พนกั งานราชการ ลกู จา้ งของสว่ นราชการ รัฐวสิ าหกจิ (ข้อ 4) หรือหนว่ ยงานของรัฐ คณะกรรมกำรปำ่ ชุมชนประจำจงั หวดั ใหเ้ บกิ จำกต้นสงั กดั ประธานกรรมการ : ครง้ั ละไม่เกนิ 2,000 บาท 2. กรณีไม่ใช่ข้าราชการ พนกั งานราชการ กรรมการ : คร้ังละไม่เกนิ 1,600 บาท ลกู จ้างของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ (ขอ้ 5) หนว่ ยงานของรฐั คณะอนกุ รรมกำร ใหไ้ ดร้ บั คำ่ ใช้จ่ำยตำมพระรำชกฤษฎีกำคำ่ ใช้จ่ำย ในกำรเดินทำงไปรำชกำร พ.ศ. 2526 ประธานอนกุ รรมการ : ครั้งละไม่เกิน 1,250 บาท และทแ่ี ก้ไขเพิม่ เติม ใหเ้ บิกจำกกรมป่ำไม้ อนกุ รรมการ : คร้ังละไม่เกิน 1,000 บาท (ข้อ 6) องคป์ ระชมุ มสี ิทธ์รบั เบี้ยประชุม ต้องเข้ารว่ มประชุมอย่างน้อยกึ่งหนึ่ง ของจานวนกรรมการหรอื อนุกรรมการทัง้ หมด (ขอ้ 9) กรณีมอบหมายให้ผอู้ นื่ เขา้ ร่วมประชมุ แทน โดยทาเป็นหนังสอื หรอื มหี ลกั ฐาน การมอบหมาย ใหน้ บั เปน็ องคป์ ระชมุ และมีสิทธริ บั เบย้ี ประชุม (ข้อ10) กรรมการและอนุกรรมการ รับเบี้ยประชมุ สาหรบั การประชมุ เพยี งคร้งั เดยี วในหนึ่งวัน (ข้อ 8) 21 สำนักจดั กำรปำ่ ชุมชน กรมปำ่ ไม้
หน้า ๑๙ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารได้มา และการแต่งต้ังผบู้ รหิ ารองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น และเจา้ หน้าที่ของหน่วยงานของรฐั เปน็ กรรมการ ในคณะกรรมการปา่ ชมุ ชนประจาจงั หวดั พ.ศ. 2563 โดยที่เป็นการสมควรกาหนดหลกั เกณฑ์ วิธีการได้มา และการแต่งตง้ั ผู้บรหิ ารองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นและเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐท่ีเก่ียวข้องกับพ้ืนท่ีท่ีจัดตั้งป่าชุมชนเพื่อเป็นกรรมการ ในคณะกรรมการป่าชมุ ชนประจาจังหวดั อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน คร้ังที่ 1/2563 เม่ือวันท่ี 23 กรกฎาคม 2563 คณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชนออกระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ขอ้ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธกี ารไดม้ า และการแต่งตง้ั ผูบ้ ริหารองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ และเจ้าหนา้ ท่ขี องหนว่ ยงานของรฐั เป็นกรรมการ ในคณะกรรมการป่าชมุ ชนประจาจงั หวดั พ.ศ. 2563” ขอ้ ๒ ระเบยี บน้ีให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตน้ ไป ขอ้ ๓ ในระเบียบนี้ “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการปา่ ชมุ ชนประจาจังหวัด “องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน” หมายความวา่ เทศบาล องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลและองคก์ รปกครอง ส่วนท้องถิ่นอื่นท่ีมีกฎหมายจัดตั้ง ซึ่งอยู่ในท้องที่ที่ป่าชุมชนตั้งอยู่หรือท้องท่ีที่ชุมชนได้ย่ืนคาขอจัดตั้ง ปา่ ชมุ ชน แต่ไมร่ วมถงึ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั กรงุ เทพมหานคร และเมอื งพทั ยา “ผบู้ รหิ ารองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ” หมายความวา่ นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหาร ส่วนตาบล และผู้บริหารขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ อื่นที่มีกฎหมายจัดตัง้ “หน่วยงานของรัฐ” หมายความวา่ กรมป่าไม้หรือหน่วยงานอื่นของรัฐซ่งึ มพี ้ืนท่ีในความดแู ล รับผดิ ชอบจัดต้ังเปน็ ป่าชมุ ชน หรือมพี ื้นทีท่ ่ชี ุมชนไดย้ ่ืนคาขอจัดต้งั ป่าชุมชนในความดูแลรบั ผิดชอบ “เจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า เจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐที่เก่ียวข้อง กบั พืน้ ที่ทจ่ี ดั ต้งั ปา่ ชมุ ชนซง่ึ ปฏิบตั ิหน้าท่ีอย่ใู นจังหวดั ท่ีมกี ารจัดตงั้ ปา่ ชุมชนหรอื ไดม้ กี ารยืน่ คาขอจดั ต้งั ปา่ ชมุ ชน “คณะทางานสรรหา” หมายความว่า คณะทางานซึ่งทาหน้าที่สรรหาผู้บริหารองค์กรปกครอง ส่วนทอ้ งถิ่นและเจ้าหน้าท่ีของหนว่ ยงานของรฐั เป็นกรรมการในคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวดั “หน่วยธุรการ” หมายความว่า ส่วนราชการภายในกรมป่าไม้ซ่ึงอธิบดีมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าท่ี เปน็ หน่วยธุรการของคณะกรรมการปา่ ชุมชนประจาจังหวัดและคณะทางานสรรหา 22
หน้า ๒๐ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ขอ้ ๔ การสรรหาผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐ ในจังหวัดท่ีมีการจัดตั้งป่าชุมชนแล้ว หรือในจังหวัดท่ียังไม่มีการจัดต้ังป่าชุมชน และมีชุมชนยื่นคาขอจดั ต้ัง ปา่ ชมุ ชน เพ่ือแต่งตง้ั เปน็ กรรมการ ให้ดาเนนิ การดังตอ่ ไปนี้ (๑) การสรรหาผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ซ่ึงผู้ว่าราชการ จังหวัดมอบหมายประกาศรบั การเสนอช่ือผ้บู รหิ ารองคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ แห่งท้องท่ีทปี่ า่ ชมุ ชนตงั้ อยู่ หรือท้องท่ีที่ชุมชนได้ยื่นคาขอจัดต้ังป่าชุมชน เพ่ือเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการ โดยปิดประกาศรับการเสนอช่ือ ณ ศาลากลางจังหวัดและประกาศในระบบเครอื ข่ายสารสนเทศของสานกั จัดการทรัพยากรป่าไม้แห่งท้องท่ี ไม่นอ้ ยกว่าสบิ หา้ วนั ตดิ ตอ่ กัน ในการประกาศรับการเสนอชอ่ื ตามวรรคหน่งึ ต้องกาหนดวัน เวลา สถานที่ และรายละเอียด เกี่ยวกับการเสนอช่ือ พร้อมด้วยใบเสนอช่ือบุคคลตามแบบ คนช. 4-1 รายช่ือป่าชุมชนในพื้นท่ีรับผิดชอบ และป่าชุมชนที่ได้ยื่นคาขอจัดตั้งป่าชุมชนตามแบบ คนช. 4-2 และใบแสดงประวัติและประสบการณ์ ของผู้ได้รบั การเสนอช่อื ตามแบบ คนช. 4-3 ท้ายระเบียบนี้ (๒) การสรรหาเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ ในจังหวัดที่มีการจัดต้ังป่าชุมชนแล้วหรือ ในจังหวัดที่ยังไม่มีการจัดตั้งป่าชุมชนและมีชุมชนยื่นคาขอจัดต้ังป่าชุมชน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ซึง่ ผู้ว่าราชการจังหวดั มอบหมายมหี นงั สอื แจ้งไปยังหน่วยงานของรฐั เพ่ือใหเ้ สนอรายชอ่ื เจ้าหน้าที่ ของหนว่ ยงานของรฐั เขา้ รับการสรรหาเป็นกรรมการภายในสบิ หา้ วันหลังจากได้รับแจง้ (๓) การเสนอชื่อผู้เข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการต้องยื่นใบเสนอช่ือบุคคลตามแบบ คนช. 4-๑ รายชื่อป่าชุมชนในพ้ืนที่รับผิดชอบและป่าชุมชนท่ีได้ย่ืนคาขอจัดตั้งป่าชุมชนตามแบบ คนช. 4-2 และใบแสดงประวตั ิและประสบการณข์ องผู้ได้รับการเสนอชอ่ื ตามแบบ คนช. 4-3 ท้ายระเบยี บน้ี ข้อ ๕ ใหห้ นว่ ยธรุ การรวบรวมรายช่ือผไู้ ด้รับการเสนอช่ือเพ่อื เขา้ รับการสรรหาเปน็ กรรมการ พร้อมท้ังประวัติและประสบการณ์ แล้วจัดทาบัญชีรายชื่อแยกตามกลุ่มของผู้บริหารองค์กรปกครอง สว่ นท้องถ่นิ และเจา้ หนา้ ท่ขี องหน่วยงานของรฐั เสนอให้คณะทางานสรรหาตามข้อ 6 พจิ ารณาคดั เลอื ก ข้อ 6 ใหม้ ีคณะทางานสรรหาในจงั หวดั คณะหน่ึง ประกอบด้วย (1) ปลัดจังหวัด เป็นประธานคณะทางาน (2) ผ้อู านวยการสานกั งานทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มจงั หวดั เป็นคณะทางาน (3) ท้องถนิ่ จังหวดั เปน็ คณะทางาน (4) ประธานเครือข่ายปา่ ชุมชนระดับจังหวดั เปน็ คณะทางาน (5) ผู้อานวยการสานักจัดการทรัพยากรป่าไม้แห่งท้องที่หรือผู้ซึ่งผู้อานวยการสานักจัดการ ทรัพยากรป่าไม้แห่งท้องท่ีมอบหมายซึง่ รบั ผดิ ชอบในท้องท่ีท่ีปา่ ชุมชนตั้งอยู่หรือท้องที่ที่ชุมชนได้ย่ืนคาขอจดั ตงั้ ปา่ ชุมชน เปน็ คณะทางานและเลขานุการ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดารงตาแหน่งประธานเครือข่ายป่าชุมชนระดับจังหวัด ให้คณะทางานสรรหา ประกอบดว้ ยคณะทางานสรรหาเทา่ ทม่ี อี ยู่ 23
หน้า ๒๑ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ขอ้ ๗ ให้คณะทางานสรรหาดาเนินการสรรหาผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และเจ้าหนา้ ท่ีของหน่วยงานของรัฐ ท่ีได้รบั การเสนอช่ือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ และหน่วยงานของรฐั ให้แลว้ เสร็จภายในสามสิบวนั นบั แต่วนั ส้ินสดุ การเสนอช่อื ข้อ ๘ การประชุมของคณะทางานสรรหา ต้องมีคณะทางานสรรหาร่วมประชุมไม่น้อยกว่าก่ึงหน่งึ ของจานวนคณะทางานสรรหาท้ังหมดจึงจะเป็นองคป์ ระชมุ การวินิจฉยั ชี้ขาดของที่ประชมุ ใหถ้ อื เสียงขา้ งมาก โดยคณะทางานสรรหาคนหนึ่งให้มเี สียงหนึ่ง ในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานคณะทางานซ่ึงทาหน้าท่ีเป็นประธานในท่ีประชุม ออกเสียงเพิม่ ข้ึนอีกเสยี งหนง่ึ เปน็ เสียงชี้ขาด ข้อ ๙ ให้คณะทางานสรรหาพิจารณาคัดเลือกผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐ ตามรายชื่อท่ีหน่วยธุรการเสนอ โดยพิจารณาจากประวัติและประสบการณ์ ท่ีเกี่ยวข้องกับการส่งเสริม สนับสนนุ หรือติดตามดูแลปา่ ชุมชน แล้วเสนอรายช่ือผู้บรหิ ารองคก์ รปกครอง ส่วนท้องถิ่น จานวนไม่เกินสามรายช่ือ และรายช่ือเจ้าหน้าที่ของหนว่ ยงานของรัฐจานวนไม่เกินหกรายช่อื โดยจัดเรยี งลาดบั ตามตวั อักษร เพือ่ เสนอให้ผู้ว่าราชการจงั หวัดพิจารณาแต่งต้ังเปน็ กรรมการ ในกรณีท่ีจังหวัดใดมีท้ังพ้ืนท่ีป่าและพื้นท่ีอ่ืนของรัฐท่ีจัดตั้งเป็นป่าชุมชนหรือเป็นพื้นที่ท่ีนามา ย่ืนคาขอจัดต้ังป่าชุมชน การพิจารณาคัดเลือกรายช่ือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ ให้มีสัดส่วนเจ้าหน้าที่ ของหน่วยงานของรัฐทีด่ แู ลรบั ผิดชอบพ้นื ทอ่ี นื่ ของรฐั ทจี่ ดั ตงั้ เป็นปา่ ชมุ ชนหรือเป็นพ้ืนท่ีท่ีนามายืน่ คาขอจดั ตงั้ ปา่ ชมุ ชนด้วยตามความเหมาะสม ข้อ ๑๐ เมื่อผู้วา่ ราชการจังหวดั ไดร้ ับรายชื่อที่คณะทางานสรรหาเสนอแล้ว ให้ผ้วู า่ ราชการจงั หวัด พิจารณาเลือกผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐ จากรายช่ือดังกล่าว แล้วดาเนินการแตง่ ต้ังผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จานวนหน่ึงคน และเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรฐั จานวนสองคน เป็นกรรมการ สาหรับรายช่ือท่ีเหลือ ให้หน่วยธุรการจัดทาเป็นบัญชีรายชื่อสารอง ผูบ้ ริหารองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ และบัญชีรายชอื่ สารองเจ้าหนา้ ที่ของหนว่ ยงานของรฐั ข้อ ๑๑ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคาสั่งแต่งตั้งผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ ของหน่วยงานของรัฐ ตามขอ้ 10 เปน็ กรรมการในคณะกรรมการป่าชมุ ชนประจาจังหวัดพร้อมทั้งมีหนังสือ แจง้ ใหผ้ บู้ รหิ ารองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ และเจา้ หนา้ ทีข่ องหนว่ ยงานของรัฐท่ไี ด้รบั แตง่ ต้งั เปน็ กรรมการทราบ 24
หน้า ๒๒ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา ขอ้ 1๒ เม่ือสิ้นสุดระยะเวลารับการเสนอช่ือตามท่ีกาหนดไว้ในประกาศตามข้อ ๔ แล้ว หากปรากฏกรณีดงั ต่อไปนี้ ให้คณะทางานสรรหาดาเนนิ การ ดังน้ี (๑) กรณีจังหวัดใดมีการจดั ต้ังป่าชุมชนแล้ว และไมม่ ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินแห่งใดเสนอรายชอื่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ เข้ารบั การสรรหาเป็นกรรมการ ให้คณะทางานสรรหาเสนอรายชื่อ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ โดยพิจารณาจากทอ้ งท่ีทป่ี ่าชมุ ชนตงั้ อยู่หรอื ท้องทที่ ี่ชุมชนได้ย่ืนคาขอจดั ตงั้ ปา่ ชุมชนจานวนไม่เกนิ สามรายชื่อ เพอื่ ใหผ้ ูว้ า่ ราชการจังหวดั แต่งต้งั ผูบ้ รหิ ารองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น จานวนหนงึ่ คน เปน็ กรรมการ (๒) กรณีที่จังหวัดใดมีการจัดตั้งป่าชุมชนแล้ว หรือจังหวัดใดยังไม่มีการจัดต้ังป่าชุมชน และมีการย่ืนคาขอจดั ตง้ั ป่าชุมชน หากพ้นื ทีท่ จ่ี ดั ตง้ั ปา่ ชุมชนหรอื พ้ืนที่ท่ยี ืน่ คาขอจัดตงั้ ปา่ ชมุ ชนเปน็ พน้ื ที่ ท่ีอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐนอกเหนือจากกรมป่าไม้ และหน่วยงานของรัฐน้ัน ไม่ได้เสนอรายช่ือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐน้ันเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการ ให้คณะทางานสรรหา เสนอรายชื่อเจา้ หน้าทข่ี องหนว่ ยงานของรัฐจานวนไมเ่ กนิ หกรายชอ่ื เพ่อื ใหผ้ ูว้ ่าราชการจังหวดั พิจารณาแตง่ ตง้ั เจ้าหนา้ ท่ีของหน่วยงานของรฐั จานวนสองคน เป็นกรรมการ สาหรับรายช่ือผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐที่เหลือ ให้จัดทาบัญชีรายช่ือสารอง โดยใหน้ าความในข้อ 10 มาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม ขอ้ 1๓ ในกรณีที่จังหวัดใดมีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพียงแห่งเดียวที่มีพ้ืนที่ป่าชุมชน อยู่ในท้องที่ความรับผิดชอบและยังไม่มีชุมชนย่ืนคาขอจัดต้ังป่าชุมชนท่ีอยู่ในท้องท่ี ความรับผิดชอบ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งอื่น หรือในกรณีทจ่ี ังหวดั ใดยงั ไม่มีปา่ ชุมชนและมีชมุ ชนยืน่ คาขอจัดต้งั ป่าชุมชนในจังหวัดนั้นเป็นคาขอแรก โดยท้องที่ท่ีย่ืนคาขอจัดต้ังป่าชุมชนอยู่ในความรับผิดชอบ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพียงแห่งเดียว ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคาสั่งแตง่ ตั้งผู้บริหารองค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ินแห่งนั้นเป็นกรรมการพร้อมทั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย มีหนังสือแจ้งให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ท่ีไดร้ ับแต่งตัง้ เปน็ กรรมการทราบ ข้อ 1๔ ให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ท่ีได้รับแตง่ ตั้งเปน็ กรรมการมวี าระการดารงตาแหนง่ เทา่ กับวาระการดารงตาแหน่งผู้บริหารองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินนัน้ ข้อ 1๕ ใหเ้ จา้ หน้าทขี่ องหน่วยงานของรฐั ทไี่ ด้รบั แต่งต้งั เปน็ กรรมการมวี าระการดารงตาแหนง่ จนกว่าจะพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐแหง่ นัน้ หรือจนกว่าจะโอนหรือย้ายไปปฏิบัติหนา้ ที่ ในจงั หวดั อ่ืนทอี่ ยู่นอกทอ้ งท่ที ีป่ า่ ชุมชนตัง้ อยหู่ รอื ทอ้ งที่ทีช่ มุ ชนได้ยื่นคาขอจัดตั้งป่าชุมชน ข้อ 1๖ ผูบ้ รหิ ารองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ และเจ้าหนา้ ท่ขี องหน่วยงานของรัฐทไ่ี ดร้ ับแต่งตง้ั เปน็ กรรมการพน้ จากตาแหนง่ ก่อนครบวาระ เม่อื (๑) ตาย (๒) ลาออก 25
หน้า ๒๓ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา (3) คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนหรือคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัดแล้วแต่กรณี มีคาวินิจฉัยหรือมมี ติไม่อนุมัติให้จดั ตั้งป่าชุมชนในท้องทที่ ่ีชุมชนได้ย่ืนคาขอจัดตง้ั ปา่ ชุมชนเปน็ คาขอแรก ในจังหวดั ทยี่ งั ไม่มปี า่ ชมุ ชน เฉพาะกรณผี บู้ ริหารองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ แหง่ ทอ้ งท่ีที่ไดร้ บั การแตง่ ตง้ั เปน็ กรรมการตามข้อ ๑๓ ข้อ 1๗ ในกรณีท่ีกรรมการท่ีได้รับการแต่งต้ังพ้นจากตาแหน่งก่อนครบวาระ ให้ผู้ว่าราชการจงั หวัด พิจารณาเลือกผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรฐั จากบัญชีรายชื่อสารอง ตามข้อ 10 หรือข้อ 12 วรรคสอง แล้วแต่กรณี เพ่ือแต่งต้ังเป็นกรรมการแทนตาแหน่งท่ีว่าง และให้นาความในขอ้ ๑๑ มาใช้บังคบั แกก่ ารทาคาสัง่ แต่งตง้ั และการแจ้งคาส่งั แต่งต้ังดว้ ยโดยอนโุ ลม หากรายชื่อผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ ในบัญชีรายชื่อสารองตามข้อ 10 ไม่สามารถนามาใช้เพ่ือพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการได้ หรือไม่มีรายชือ่ ในบัญชีรายช่ือสารองเหลืออยู่ ให้คณะทางานสรรหาตามข้อ 7 ดาเนินการสรรหาผู้บริหารองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นและเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐ เพ่ือให้ผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาแต่งต้ังเป็นกรรมการ แทนตาแหนง่ ท่ีวา่ ง ให้นาความในข้อ ๔ ข้อ ๕ ข้อ ๖ ข้อ ๗ ข้อ ๘ ข้อ ๙ ข้อ ๑๐ ข้อ ๑๑ ข้อ ๑๒ และข้อ ๑๓ มาใชบ้ ังคับแกก่ ารสรรหาและการพจิ ารณาแตง่ ตง้ั ผบู้ รหิ ารองคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ หรือเจ้าหนา้ ท่ี ของหนว่ ยงานของรัฐเปน็ กรรมการตามวรรคสองดว้ ยโดยอนุโลม ขอ้ 1๘ ให้ประธานกรรมการนโยบายป่าชุมชนรักษาการตามระเบียบน้ี และให้มีอานาจ ออกประกาศหรอื คาส่งั เพื่อประโยชน์ในการปฏบิ ตั ิตามระเบียบน้ี ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบน้ี ให้คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน เปน็ ผู้วินจิ ฉยั ชขี้ าด คาวินิจฉยั น้นั ให้เป็นที่สดุ ประกาศ ณ วนั ท่ี 25 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประวิตร วงษ์สวุ รรณ รองนายกรฐั มนตรี ประธานกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน 26
คนช. 4-1 ใบเสนอชื่อบุคคล เพื่อเขา้ รบั การสรรหาเป็นกรรมการในคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจงั หวดั ผบู้ ริหารองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ เจ้าหน้าท่ขี องหน่วยงานของรัฐ เขียน .......................................................... .......................................................... .......................................................... วันท่ี ............................................................. (หน่วยงานผู้เสนอ) …………………………………………………………………………………………….. ต้งั อยหู่ มู่ที่ ................................................................ตาบล ........................................................................ อาเภอ ......................................................................จังหวดั ...................................................................... โทรศพั ท์เคล่อื นท่ี ……….………………………… ขอเสนอให้ (ช่ือ - นามสกลุ ) ............................................................................................ ตาแหนง่ ...................................................................................................................................................... สงั กดั (ช่อื องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ /ช่อื หนว่ ยงานของรัฐ) ...................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ท่อี ยู่ปจั จุบันเลขที่ ............... หมูท่ ่ี ...... หมบู่ ้าน .......................................... ถนน ..................................... แขวง/ตาบล .......................................................... เขต/อาเภอ ................................................................. จงั หวัด ......................................................................... รหสั ไปรษณยี ์ ....................................................... โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นที่ ......................................................... E-mail Address: ............................................... เป็นผเู้ ข้ารบั การสรรหาเพื่อเป็นกรรมการในคณะกรรมการปา่ ชุมชนประจาจังหวัด ลงชอ่ื ........................................................................ (.....................................................................) ตาแหน่ง ....................................................................... 27
คนช. ๔-๒ รายชอ่ื ป่าชุมชนของ …………………………..……..(ชื่อหนว่ ยงาน)............................................ ลาดบั รายชื่อปา่ ชมุ ชน หมู่ที่ ตาบล อาเภอ จังหวัด เนอื้ ที่ ประเภทท่ีดนิ (ไร่ - งาน - ตารางวา) 1. ปา่ ชุมชนในพื้นท่รี บั ผดิ ชอบ 28 1.1 1.2 1.3 1.4 2. ปา่ ชุมชนท่ีย่ืนคาขอจัดตั้ง 2.1 2.2 2.3 2.4 หมายเหตุ : ประเภททีด่ นิ เชน่ ปา่ สงวนแหง่ ชาติ ปา่ ตามพระราชบญั ญตั ิป่าไม้ พุทธศกั ราช ๒๔๘๔ ท่ีสาธารณประโยชน์ ทีน่ ิคมสหกรณ์ เป็นต้น : กรณที ี่องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นหรือหนว่ ยงานของรัฐมีพื้นที่ท่ีจดั ต้ังเป็นป่าชุมชนหรือพืน้ ที่ที่ยื่นคาขอจัดตั้งเป็นป่าชุมชนอย่ใู นความดูแลรบั ผิดชอบหลายพื้นท่ี ให้ระบุพ้นื ท่ี ดังกล่าวทุกแห่ง เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาสรรหากรรมการในคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจงั หวัดต่อไป
ใบแสดงประวัติและประสบการณ์ คนช. 4-3 ของผูไ้ ดร้ ับการเสนอชือ่ เพ่ือเขา้ รับการสรรหาเปน็ กรรมการ ในคณะกรรมการปา่ ชมุ ชนประจาจงั หวัด เปน็ ผไู้ ดร้ ับการเสนอช่ือเขา้ รบั การสรรหาเป็นกรรมการ รูปถา่ ย ผบู้ รหิ ารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ เจ้าหน้าท่ขี องหน่วยงานของรัฐ ๑. ประวตั ิส่วนตัว ชือ่ (นาย/นาง/นางสาว) ............................................นามสกุล .................................................. สัญชาติ ............................... เกิดวนั ที่ ........ เดือน ................................ พ.ศ. ............... อายุ .......... ปี ศาสนา ................................ เลขประจาตวั ประชาชน .......................................................................... ที่อยปู่ จั จบุ นั เลขท่ี ............... หมูท่ ี่ ....... ถนน .................................. ตาบล/แขวง .............................. อาเภอ/เขต .......................................... จังหวัด ............................... รหสั ไปรษณีย์ ............................ โทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ี ................................. E-mail Address: .................................................................. ตาแหนง่ ................................................................................................................................................ หน่วยงาน ................................................................................... โทรศพั ท์ ........................................... ๒. ประวัตกิ ารศึกษา (โดยสงั เขป) ระดบั การศึกษา ชอื่ สถานศกึ ษา/จงั หวดั ปที ส่ี าเรจ็ สาขาวิชา การศึกษา ๓. ประวัตกิ ารทางาน (โดยสังเขป) ตาแหน่ง/ลักษณะงานทป่ี ฏบิ ตั ิ ชว่ งเวลา ชื่อสถานท่ีทางาน/องคก์ ร ทดี่ ารงตาแหน่ง/ ปฏบิ ัติหน้าท่ี 29
๒ ๔. ประสบการณ์ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการส่งเสริม สนับสนนุ หรอื ตดิ ตามดูแลป่าชุมชน ประสบการณ์ ตาแหนง่ /ลักษณะงานทปี่ ฏบิ ัติ ช่วงเวลา ที่ดารงตาแหน่ง/ ปฏบิ ตั หิ น้าท่ี ๕. ข้าพเจ้ามีความประสงค์จะเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการในคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัด และขอรับรองว่าข้อความข้างต้นตลอดจนข้อความที่แสดงในใบแสดงประวัติและประสบการณ์ เป็นจริงทุกประการ และข้าพเจ้ายินยอมให้เปิดเผยข้อมูลตามใบแสดงประวัติและประสบการณ์ หากข้อความท่ีช้ีแจงแม้เพียงบางส่วนไม่เป็นความจริง ข้าพเจ้ายินยอมให้คณะทางานสรรหา ถอื เปน็ เหตุผลเพยี งพอท่ีจะไมพ่ จิ ารณาต่อไปหรือยกเลิกท่พี ิจารณาไว้แล้วท้ังหมด ลงช่ือ ......................................................................... (.....................................................................) วนั ที่ ........ /........................... /............. เอกสารหลักฐานที่ต้องแนบพร้อมกับใบแสดงประวัติและประสบการณ์ ๑. รูปถา่ ยหน้าตรง ไม่สวมหมวกและไม่สวมแวน่ ตาดา ขนาด ๑.๕ * ๒ นิ้ว โดยถ่ายไมเ่ กิน ๑ ปี (นับถึงวนั ปดิ รับสมคั ร จานวน ๒ รปู ) ๒. เอกสารอืน่ ๆ ท่อี าจเปน็ ประโยชนต์ ่อการพิจารณาคัดเลือก 30
แผนผงั ระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน วา่ ด้วยหลกั เกณฑ์ วธิ ีการได้มา และการแตง่ ตัง้ ผบู้ รหิ ารองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ และเจา้ หนา้ ท่ีของหน่วยงานของรัฐเป็นกรรมการ ในคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจงั หวดั พ.ศ. 2563 (ตามมาตรา 24 พ.ร.บ. ป่าชุมชน พ.ศ. 2562) ขอ้ 11 ผวู้ ่าราชการจงั หวดั พจิ ารณา แต่งต้ังเป็นกรรมการฯ มีหนงั สอื แจง้ หรือผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย - ผู้บรหิ าร อปท. 1 คน หนว่ ยงาน - เจ้าหนา้ ที่รฐั 2 คน ขอ้ 10 ข้อ 4 (1) ขอ้ 4 (2) เรยี งบญั ชีรายชื่อ ที่เหลอื ตามลาดับ เปน็ บัญชีสารอง ผูบ้ รหิ าร อปท. เจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐ ข้อ 17 ประกาศรบั การเสนอช่ือผู้บริหาร อปท. มหี นงั สอื แจง้ ไปยังหนว่ ยงานรัฐ ตอ้ งกาหนดวัน เวลา สถานที่ อปท. เสนอรายช่ือ หน่วยงานรัฐเสนอรายช่อื พร้อมย่ืนแบบ คนช. 4-1,2,3 พร้อมยื่นแบบ คนช. 4-1,2,3 ข้อ 4 (3) ภายในกาหนดตามประกาศ ภายใน 15 วัน หลงั จากได้รบั แจง้ อธิบดกี รมปา่ ไม้ หน่วยธรุ การ มอบหมาย รวบรวมรายช่อื และจัดทาบัญชรี ายช่ือแยกตามกลุ่ม ใหป้ ฏิบัตหิ นา้ ที่ - ผบู้ รหิ าร อปท. - เจ้าหนา้ ทข่ี องหนว่ ยงานของรฐั ข้อ 5 คณะกรรมการสรรหา ประกอบด้วย - ปลัดจงั หวดั (ประธาน) - ผอ.ทสจ. - ทอ้ งถ่ินจังหวดั - ประธานเครอื ข่ายป่าชมุ ชนระดบั จงั หวดั - ผอ.สจป. หรอื ผทู้ ไ่ี ด้รับมอบหมาย (คณะทางานและเลขานุการ) ข้อ 6 ขอ้ 7 ขอ้ 12 ภายใน 30 วนั ดาเนินการสรรหา กรณีมีรายชอื่ ไมค่ รบจานวน นบั แต่วันสนิ้ สุด จากรายช่ือที่ไดร้ ับการเสนอ คณะทางานสรรหาเป็นผเู้ สนอรายช่อื ให้ครบ การเสนอชอื่ ขอ้ 9 - ผู้บริหาร อปท. ไม่เกิน 3 คน คณะทางานเสนอรายช่ือ - เจ้าหนา้ ท่ีรัฐ ไมเ่ กิน 6 คน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม่ ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒99 ง ๒2 ธนั วาคม ๒๕๖๓ 31 สานกั จดั การปา่ ชุมชน กรมปา่ ไม้
หน้า ๒๔ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา ระเบยี บคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน วา่ ดว้ ยการกาหนดคุณสมบตั แิ ละลกั ษณะตอ้ งห้ามของเจ้าหนา้ ท่ีป่าชมุ ชน พ.ศ. 2563 โดยที่เป็นการสมควรกาหนดคณุ สมบตั ิและลักษณะตอ้ งห้ามของเจ้าหน้าท่ีป่าชุมชน ซึ่งแต่งตัง้ จากสมาชกิ ป่าชุมชน อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) และมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และมติท่ีประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ครั้งที่ 1/2563 เม่ือวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนออกระเบยี บไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกวา่ “ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ว่าด้วยการกาหนดคณุ สมบตั ิ และลักษณะตอ้ งหา้ มของเจา้ หน้าทปี่ ่าชุมชน พ.ศ. 2563” ขอ้ ๒ ระเบียบนใี้ หใ้ ชบ้ งั คับตั้งแตว่ ันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ เจ้าหน้าท่ีปา่ ชุมชนซ่ึงแต่งตัง้ จากสมาชิกปา่ ชุมชนต้องมีคณุ สมบัติและไม่มีลักษณะต้องหา้ ม ดังต่อไปนี้ ก. คุณสมบตั ิ (๑) เปน็ สมาชกิ ป่าชุมชนแหง่ ป่าชมุ ชนทจ่ี ะต้องปฏบิ ตั หิ น้าที่ (๒) ได้รบั การเสนอชอ่ื โดยคณะกรรมการจัดการปา่ ชุมชนท่ผี นู้ นั้ เป็นสมาชกิ ป่าชมุ ชน (๓) มอี ายไุ ม่ต่ากว่าย่สี บิ ปี (๔) มีความรู้ หรือประสบการณ์ในการปฏิบัติงานที่เกีย่ วขอ้ งกับงานดา้ นการป้องกนั รักษา และอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชวี ภาพ หรือดา้ นอ่ืนที่เป็นประโยชน์ ต่อการดาเนินกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ของการจดั ต้ังป่าชมุ ชน ข. ลกั ษณะต้องหา้ ม (๑) เป็นผู้มีความประพฤติเส่ือมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นอุปสรรคต่อการ ปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ (๒) เป็นบคุ คลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจรติ (๓) เปน็ คนไรค้ วามสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ (๔) เป็นโรคติดต่อร้ายแรง โรคติดต่อเรื้อรังที่ปรากฏอาการเด่นชัดหรือรุนแรงและเป็น อปุ สรรคตอ่ การปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี (๕) คา้ หรอื ตดิ ยาเสพติดให้โทษอยา่ งรา้ ยแรง (๖) เคยถูกไล่ออก ปลดออก ให้ออก หรือเลิกจ้างจากหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงาน ของเอกชนเพราะทุจรติ ต่อหนา้ ที่ หรือประพฤติชวั่ อยา่ งร้ายแรง 32
หน้า ๒๕ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา (๗) เคยได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุกในคดีความผิดเกี่ยวกับกฎหมาย ว่าด้วยป่าไม้ กฎหมายวา่ ด้วยป่าสงวนแห่งชาติ กฎหมายวา่ ด้วยอุทยานแห่งชาติ หรือกฎหมายวา่ ด้วยการสงวน และค้มุ ครองสตั วป์ า่ เวน้ แต่ในความผิดอันไดก้ ระทาโดยประมาทหรอื ความผดิ ลหุโทษ ขอ้ ๔ ให้ประธานกรรมการนโยบายป่าชุมชนรักษาการตามระเบียบน้ี และให้มีอานาจ ออกประกาศหรอื คาส่งั เพอ่ื ประโยชน์ในการปฏิบตั ติ ามระเบียบนี้ ในกรณีที่มีปัญหาเก่ียวกับการปฏิบัติตามระเบียบน้ี ให้คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน เปน็ ผ้วู นิ ิจฉัยช้ีขาด คาวนิ ิจฉยั น้ันให้เป็นท่ีสุด ประกาศ ณ วนั ท่ี 25 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประวิตร วงษส์ วุ รรณ รองนายกรฐั มนตรี ประธานกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน 33
แผนผงั ระเบยี บคณะกรรมกำรนโยบำยป่ำชมุ ชน วำ่ ดว้ ยกำรกำหนดคณุ สมบตั ิและลักษณะต้องห้ำมของเจ้ำหนำ้ ท่ีป่ำชมุ ชน พ.ศ. 2563 (ตำมมำตรำ 28 พ.ร.บ. ปำ่ ชมุ ชน พ.ศ. 2562) 2 ตำมมำตรำ 27 คณะกรรมการ คณะกรรมกำรป่ำชมุ ชนประจำจังหวดั จัดการป่าชุมชน เจำ้ หน้ำที่ป่ำชุมชน คณะกรรมการป่าชมุ ชน พิจารณาแต่งต้ัง เสนอช่อื ประจาจังหวดั แตง่ ตั้งจาก เจ้าหนา้ ท่ขี องกรมป่าไม้ หรือ สมำชิกปำ่ ชุมชน หน่วยงานของรัฐท่ีเกี่ยวขอ้ ง 1 (มาตรา 4) เจ้ำหน้ำท่ปี ำ่ ชมุ ชน คณุ สมบตั ิ ลกั ษณะตอ้ งหำ้ ม 1. เปน็ สมาชกิ ปา่ ชมุ ชนแหง่ 1. เป็นผู้มีความประพฤติเส่ือมเสียหรือบกพร่อง ปา่ ชุมชนทีต่ ้องปฏบิ ัติหนา้ ที่ ในศีลธรรมอันดีจนเปน็ อุปสรรคตอ่ การปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ 2. ได้รบั การเสนอช่ือโดยคณะกรรมการจัดการ 2. เป็นบคุ คลลม้ ละลายหรือเคยเปน็ บคุ คล ปา่ ชุมชนท่ีผนู้ นั้ เป็นสมาชกิ ปา่ ชมุ ชน ลม้ ละลายทุจริต 3. อายไุ มต่ ่ากวา่ 20 ปี 3. เป็นคนไร้ความสามารถหรอื เสมือนไรค้ วามสามารถ 4. มีความรู้ หรอื ประสบการณใ์ นการปฏบิ ตั งิ าน 4. เป็นโรคตดิ ต่อรา้ ยแรง โรคตดิ ตอ่ เรือ้ รัง ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับงานดา้ นการป้องกัน รักษา และ ทป่ี รากฏอาการเดน่ ชดั หรือรุนแรง อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ ม และ และเปน็ อุปสรรคตอ่ การปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ความหลากหลายทางชีวภาพ หรอื ดา้ นอ่ืน 5. ค้าหรอื ติดยาเสพตดิ ให้โทษอยา่ งร้ายแรง ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ การดาเนนิ กิจกรรม 6. เคยถูกไลอ่ อก ปลดออก ใหอ้ อก หรอื เลกิ จา้ ง ตามวัตถปุ ระสงคข์ องการจดั ตั้งป่าชุมชน(ขอ้ 3) จากหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานของเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรอื ประพฤตชิ วั่ อย่างรา้ ยแรง ตำมมำตรำ 30 7. เคยได้รบั โทษจาคกุ โดยคาพพิ ากษาถึงทสี่ ุดให้ คณะกรรมการปา่ ชุมชนประจา จาคุกในคดคี วามผดิ เก่ยี วกบั กฎหมายว่าด้วย จงั หวัดมอี านาจในการถอดถอน ป่าไม้ กฎหมายวา่ ด้วยป่าสงวนแห่งชาติ เจา้ หนา้ ที่ป่าชุมชน ตามหลักเกณฑ์ กฎหมายวา่ ดว้ ยอุทยานแหง่ ชาติ หรือ ตำมมำตรำ 29 1. เม่ือเจ้าหน้าทป่ี ่าชมุ ชน กฎหมายวา่ ด้วยการสงวนและคุม้ ครองสัตวป์ า่ เจา้ หน้าที่ปา่ ชมุ ชนพน้ จาก ไม่ปฏิบัตหิ น้าที่ตามมาตรา 64 การเป็นสมาชิกปา่ ชมุ ชน เว้นแต่ในความผิดอนั ไดก้ ระทาโดยประมาท 2. เมื่อเจ้าหน้าทีป่ ่าชุมชนฝ่าฝนื 1. ตาย หรอื ไม่ปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี หรือความผิดลหโุ ทษ (ขอ้ 3) 2. ลาออก หรอื ระเบียบหรอื ข้อบังคับที่ 3. ขาดคณุ สมบัตหิ รอื ออกตามพระราชบัญญตั นิ ้ี มีลกั ษณะต้องห้าม ประกำศในรำชกจิ จำนเุ บกษำ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒99 ง ๒2 ธันวำคม ๒๕๖๓ 34 สำนกั จดั กำรปำ่ ชุมชน กรมปำ่ ไม้
หน้า ๒๖ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา ระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน ว่าดว้ ยการกาหนดขนาดของพื้นทปี่ ่าชมุ ชนและสดั สว่ นการใชป้ ระโยชน์ภายในพนื้ ทป่ี ่าชมุ ชน พ.ศ. 2563 โดยท่ีเป็นการสมควรกาหนดหลักเกณฑ์การกาหนดขนาดของพ้ืนที่ป่าชุมชนและสัดส่วนการใช้ประโยชน์ ภายในพ้ืนที่ป่าชุมชน โดยคานึงถึงสภาพภูมิประเทศ ขนาดของชุมชน และศักยภาพของชุมชน ท่ีมีความสามารถในการจัดการป่าชุมชน เพื่อให้การจัดต้ังป่าชุมชนสอดคล้องกับการอนุรักษ์ ฟ้ืนฟู จัดการ บารุงรกั ษา และใช้ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชวี ภาพ ตามทบ่ี ญั ญตั ไิ ว้ในหมวด ๕ การจัดการป่าชุมชน อาศัยอานาจตามมาตรา ๑๖ (๔) และมาตรา ๓๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญตั ปิ ่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน คร้ังที่ 1/2563 เม่ือวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชนออกระเบียบไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ขอ้ ๑ ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ว่าด้วยการกาหนด ขนาดของพ้นื ทีป่ ่าชุมชนและสดั สว่ นการใชป้ ระโยชน์ภายในพืน้ ท่ปี า่ ชุมชน พ.ศ. 2563” ขอ้ ๒ ระเบียบน้ีใหใ้ ช้บงั คบั ตงั้ แตว่ ันถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ต้นไป ขอ้ ๓ บรรดาระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ และคาส่ังอื่นใดในส่วนท่ีกาหนดไว้แล้ว ในระเบียบนี้ หรือซงึ่ ขัดหรือแยง้ กับระเบียบนี้ ใหใ้ ชร้ ะเบยี บน้ีแทน ขอ้ ๔ ในระเบียบน้ี “บริเวณเพื่อการใช้ประโยชน์” หมายความว่า พื้นที่ส่วนหนง่ึ ในป่าชมุ ชนทก่ี าหนดไวใ้ นแผนจดั การ ป่าชุมชนให้เป็นบริเวณที่สามารถใช้ประโยชน์จากผลผลิตและบริการภายในป่าชุมชนตามมาตรา ๕๐ รวมทั้งจดั กิจกรรมส่งเสรมิ การศึกษาเรียนรู้และสรา้ งจติ สานึกเกีย่ วกบั การอนรุ ักษ์และฟนื้ ฟูทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ มในป่าชมุ ชน และการทอ่ งเที่ยวเชงิ อนรุ กั ษโ์ ดยชมุ ชนตามมาตรา ๕๑ ในบรเิ วณน้ีได้ “บรเิ วณเพื่อการอนุรักษ์” หมายความวา่ พ้นื ท่ีส่วนหน่งึ ในปา่ ชุมชนท่ีกาหนดไว้ในแผนจัดการ ป่าชุมชนให้เป็นบรเิ วณเพื่อการอนรุ ักษท์ ี่สามารถใช้ประโยชน์จากผลผลิตและบริการปา่ ชุมชนตามมาตรา ๕๐ ร ว ม ท้ั ง จั ด กิ จ ก ร ร ม ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร ศึ ก ษ า เ รี ย น รู้ แ ล ะ ส ร้ า ง จิ ต ส า นึ ก เ ก่ี ย ว กั บ ก า ร อ นุ รั ก ษ์ แ ล ะ ฟื้ น ฟู ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มในป่าชุมชน และการท่องเท่ียวเชิงอนรุ กั ษ์โดยชุมชนตามมาตรา ๕๑ ในบริเวณน้ีได้ แต่ไม่สามารถใช้ประโยชนจ์ ากไม้ในบริเวณนีไ้ ด้ เว้นแต่ระเบียบทค่ี ณะกรรมการนโยบาย ปา่ ชมุ ชนทอี่ อกตามความในมาตรา ๕๒ จะกาหนดไวเ้ ป็นอยา่ งอืน่ ข้อ ๕ ใหก้ าหนดขนาดของพ้ืนทปี่ ่าชุมชนเปน็ สามขนาด ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ป่าชุมชนขนาดเลก็ ได้แก่ ปา่ ชุมชนที่มเี นือ้ ท่ไี ม่เกินห้าร้อยไร่ (๒) ปา่ ชมุ ชนขนาดกลาง ไดแ้ ก่ ปา่ ชุมชนท่ีมเี น้อื ท่ีมากกว่าห้ารอ้ ยไร่แตไ่ ม่เกนิ สามพนั ไร่ (๓) ปา่ ชมุ ชนขนาดใหญ่ ไดแ้ ก่ ป่าชมุ ชนที่มีเนอื้ ท่ีมากกว่าสามพนั ไรข่ ึน้ ไป 35
หน้า ๒๗ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานเุ บกษา ขอ้ 6 เพื่อให้การจัดต้ังป่าชุมชนสอดคล้องกับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บารุงรักษา และการใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ ตามทบี่ ัญญตั ิไว้ ในหมวด ๕ การจัดการป่าชุมชน การกาหนดขนาดของพ้ืนที่ป่าชุมชนให้พิจารณาความเหมาะสม กับสภาพภมู ิประเทศ ขนาดของชมุ ชน และศกั ยภาพของชุมชนทมี่ คี วามสามารถในการจดั การปา่ ชมุ ชนนนั้ ด้วย การพิจารณาศักยภาพของชุมชนท่ีมีความสามารถในการจัดการป่าชุมชน ให้พิจารณาจาก บทบาทการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลรักษาป่ามาอย่างต่อเน่ือง และการได้รับการสนับสนุนจาก หน่วยงานของรฐั องคก์ รภาคประชาสังคม หรอื สถาบันการศึกษา ในการจัดตงั้ ป่าชุมชนประกอบด้วย การพิจารณาอนุมัติจัดตั้งป่าชุมชนขนาดใหญ่จะต้องเป็นกรณีที่ผู้ย่ืนคาขอจัดต้ังป่าชุมชน หรือคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนสามารถแสดงใหค้ ณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัดเห็นได้ว่ามศี กั ยภาพ และความสามารถในการดแู ลรกั ษาป่าชุมชนไดเ้ ปน็ อย่างดีจนเปน็ ท่ปี ระจักษ์ ข้อ 7 ในกรณีท่ีมีการกาหนดบริเวณเพ่ือการใช้ประโยชน์ในพ้ืนท่ีป่าชุมชนในแผนจัดการ ปา่ ชมุ ชนทไี่ ด้รบั อนมุ ตั ิจากคณะกรรมการป่าชมุ ชนประจาจงั หวดั ตอ้ งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ป่าชมุ ชนขนาดเลก็ ใหม้ บี ริเวณเพ่ือการใช้ประโยชนไ์ มเ่ กนิ ร้อยละสสี่ บิ ของพน้ื ท่ีปา่ ชมุ ชน (๒) ป่าชุมชนขนาดกลาง ให้มีบริเวณเพ่ือการใช้ประโยชน์ไม่เกินร้อยละสี่สิบของพื้นที่ป่าชุมชน แตต่ ้องไมเ่ กินหนึง่ พนั ไร่ (๓) ป่าชมุ ชนขนาดใหญ่ ใหม้ ีบรเิ วณเพือ่ การใชป้ ระโยชนไ์ มเ่ กนิ รอ้ ยละสีส่ ิบของพืน้ ที่ปา่ ชุมชน แต่ตอ้ งไม่เกนิ สองพันไร่ ขอ้ 8 พนื้ ทีท่ ี่มีลกั ษณะดงั ตอ่ ไปนี้ ใหก้ าหนดใหเ้ ป็นบริเวณเพอ่ื การอนุรกั ษ์ จะนามากาหนด เปน็ บรเิ วณเพือ่ การใชป้ ระโยชน์มิได้ (1) พ้ืนทท่ี ่ีอยู่ในระยะหกเมตรจากริมตล่ิงแม่น้า คลอง ห้วย บึง หรอื ลาธาร (2) พื้นท่ีที่เป็นที่อยู่อาศัยหรือแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือสัตวป์ า่ หายากอน่ื ๆ (3) พื้นท่ีที่เป็นสวนป่าดั้งเดิมหรือพ้ืนท่ีปลูกปา่ หรือโครงการฟื้นฟูป่าของรัฐที่พ้นอายุการบารุงรกั ษา และไมเ่ ป็นพน้ื ทท่ี ี่กรมป่าไม้ใช้หรือจดั การหรือประกาศเปน็ พ้นื ที่วิจยั หรือจดั การใด ๆ ขอ้ 9 ให้ประธานกรรมการนโยบายป่าชุมชนรักษาการตามระเบียบน้ี และให้มอี านาจออกประกาศ หรอื คาสั่งเพอื่ ประโยชน์ในการปฏบิ ตั ิตามระเบยี บน้ี ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน เป็นผูว้ ินิจฉัยชี้ขาด คาวินิจฉัยน้ันให้เป็นทส่ี ดุ ประกาศ ณ วนั ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖3 ประวติ ร วงษ์สวุ รรณ รองนายกรฐั มนตรี ประธานกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน 36
แผนผงั ระเบียบคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน ว่าด้วยการกาหนดขนาดของพ้ืนท่ีป่าชมุ ชนและสัดส่วนการใชป้ ระโยชน์ภายในพื้นท่ปี ่าชุมชน พ.ศ. 2563 (ตามมาตรา 31 วรรคสอง พ.ร.บ. ป่าชมุ ชน พ.ศ. 2562) หลกั เกณฑก์ ารกาหนด ขนาดพน้ื ท่ีปา่ ชุมชน สดั สว่ นการใช้ประโยชนใ์ นพื้นทปี่ ่าชมุ ชน พจิ ารณาความเหมาะสมกับ บรเิ วณเพอื่ การใช้ประโยชน์ บรเิ วณเพื่อการอนุรกั ษ์ •สภาพภมู ิประเทศ •ขนาดของชมุ ชน 1. เก็บหาของปา่ (ม.50(1)) •ศกั ยภาพของชมุ ชน 2. แหล่งศึกษาเรียนรู้และสร้างจิตสานึกเกีย่ วกบั ในการจดั การป่าชมุ ชน การอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม (ม.51) 3. การทอ่ งเทีย่ วเชิงอนุรักษโ์ ดยชุมชน (ม.51) (ข้อ 6) 4. การใช้ประโยชนจ์ ากไม้เพอ่ื บรรเทาความเดือดร้อนเสียหาย อันเน่ืองมาจากประสบภยั พิบตั ิสาธารณะ (ม.52) (ข้อ 7) 5. การใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาตอิ นื่ (ม.50(3)) (ขอ้ 5) ขนาดเลก็ ไมเ่ กิน ใชป้ ระโยชน์จากไม้เพ่ือใชส้ อยในครวั เรอื น เนอ้ื ท่ไี ม่เกิน 500 ไร่ ร้อยละ 40 หรอื ใช้ในกิจกรรมสาธารณะภายใน ชุมชนน้ัน (ม.50(๒)) ขนาดกลาง ไมเ่ กนิ ร้อยละ 40 พนื้ ทีท่ ตี่ อ้ งกาหนดเป็น เนอื้ ที่ 500 - 3,000 ไร่ และไม่เกนิ บรเิ วณเพ่ือการอนุรกั ษเ์ ท่านัน้ 1,000 ไร่ ๑. พ้นื ทที่ ีอ่ ยใู่ นระยะ 6 เมตรจากรมิ ตลง่ิ แมน่ ้า ขนาดใหญ่ คลอง ห้วย บงึ หรือลาธาร เนื้อทม่ี ากกว่า 3,000 ไร่ ไมเ่ กินร้อยละ 40 ๒. ทีอ่ ยู่อาศยั หรอื แหลง่ เพาะพนั ธุข์ องสัตว์ป่า และไม่เกนิ สงวน สตั ว์ป่าคุ้มครอง หรือสตั ว์ป่าหายากอน่ื ๆ 2,000 ไร่ ๓. สวนป่าหรือพ้นื ทีป่ ลูกป่าหรือโครงการฟน้ื ฟู ป่าของรฐั ทพี่ น้ อายกุ ารบารุงรักษา และไม่มีภาระ ผูกพันกับกรมปา่ ไม้ (ข้อ ๘) ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒99 ง ๒2 ธนั วาคม ๒๕๖๓ 37 สานักจดั การป่าชุมชน กรมปา่ ไม้
หน้า ๒๘ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา ระเบยี บคณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชน ว่าดว้ ยสมาชกิ ป่าชุมชนและกรรมการจดั การปา่ ชุมชน พ.ศ. 2563 โดยท่ีเป็นการสมควรกาหนดประเภท คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของสมาชิกป่าชุมชน และกรรมการจัดการป่าชุมชน การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสมาชิกป่าชุมชน การเลือกตั้งคณะกรรมการจัดการ ป่าชุมชน องค์ประกอบและจานวนกรรมการ วาระการดารงตาแหน่ง การพ้นจากตาแหน่ง และการดารงตาแหน่ง แทนกรรมการจดั การป่าชมุ ชนท่พี ้นจากตาแหนง่ กอ่ นครบวาระ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) และมาตรา ๔๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ครั้งที่ 1/2563 เม่ือวันท่ี 23 กรกฎาคม 2563 คณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชนออกระเบียบไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ขอ้ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ว่าด้วยสมาชิกป่าชุมชน และกรรมการจัดการป่าชุมชน พ.ศ. 2563” ขอ้ ๒ ระเบยี บนใี้ ห้ใชบ้ ังคบั ตั้งแต่วนั ถดั จากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ต้นไป ขอ้ ๓ ในระเบยี บน้ี “สมาชิก” หมายความวา่ สมาชิกปา่ ชมุ ชน “กรรมการ” หมายความวา่ กรรมการจดั การป่าชมุ ชน “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการจดั การป่าชมุ ชน ข้อ ๔ ให้ประธานกรรมการนโยบายปา่ ชุมชนรักษาการตามระเบยี บนี้ และให้มีอานาจออกประกาศ หรอื คาส่ังเพือ่ ประโยชนใ์ นการปฏบิ ัติตามระเบยี บนี้ ในกรณีท่ีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน เป็นผูว้ นิ จิ ฉัยชีข้ าด คาวนิ ิจฉัยน้ันให้เป็นทสี่ ุด หมวด ๑ สมาชิกปา่ ชมุ ชน ขอ้ ๕ สมาชิกมสี องประเภท ดังตอ่ ไปน้ี (๑) สมาชิกสามัญ (๒) สมาชิกสมทบ ขอ้ ๖ สมาชกิ สามัญ ไดแ้ ก่ (๑) บุคคลซงึ่ เปน็ ผขู้ อจดั ต้ังปา่ ชมุ ชนตามมาตรา ๓๒ (๒) บุคคลซ่ึงมิใช่ผู้ขอจัดตั้งป่าชุมชนตาม (๑) ซ่ึงมีภูมิลาเนาอยู่ในท้องท่ีเดียวกันกับชุมชน ท่รี ่วมขอจดั ต้ังปา่ ชมุ ชนตาม (1) และสมัครเปน็ สมาชิกตามหลักเกณฑ์ท่คี ณะกรรมการจดั การป่าชมุ ชนกาหนด 38
หน้า ๒๙ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา ขอ้ ๗ สมาชิกสมทบ ได้แก่ บุคคลซ่งึ มีภูมิลาเนาอยู่นอกทอ้ งท่ขี องสมาชกิ สามัญตามขอ้ 6 และสมัครเปน็ สมาชกิ ตามหลกั เกณฑ์ท่คี ณะกรรมการจดั การป่าชมุ ชนกาหนด ข้อ ๘ สมาชกิ ต้องมีคณุ สมบตั ิและไมม่ ีลักษณะต้องหา้ ม ดังต่อไปนี้ ก. คุณสมบัติ (๑) มสี ญั ชาตไิ ทย (๒) มีอายุไมต่ ่ากว่าสบิ แปดปี ข. ลกั ษณะต้องหา้ ม (๑) เป็นคนไร้ความสามารถหรอื เสมอื นไรค้ วามสามารถ (๒) เปน็ ผู้เคยถกู คณะกรรมการจานวนไมน่ อ้ ยกว่าสามในส่ขี องคณะกรรมการทัง้ หมดเท่าทมี่ อี ยู่ มมี ตใิ ห้พน้ จากการเปน็ สมาชกิ เว้นแตเ่ ป็นการพน้ จากการเปน็ สมาชกิ มาแล้วไมน่ ้อยกว่าหนึง่ ปนี บั แตว่ นั ที่ คณะกรรมการมมี ติ (๓) เคยเป็นกรรมการของป่าชุมชนท่ีถูกเพิกถอน ซึ่งคณะกรรมการของป่าชุมชนที่ถูกเพิกถอนนั้น ยังตรวจสอบทรัพย์สินส่วนกลางของป่าชุมชนและชาระหนี้ที่ค้างอยู่หรือบังคับตามสิทธิเรียกร้องท่ีมีอยู่ ไม่เสร็จส้ิน และยังไม่ได้รายงานผลการดาเนินการต่อคณะกรรมการป่าชุมชนประจาจังหวัดให้แล้วเสร็จ ภายในหนงึ่ ปนี ับแตว่ ันทป่ี ระกาศการเพิกถอนปา่ ชมุ ชนในราชกิจจานเุ บกษา ข้อ ๙ บุคคลจะพน้ จากการเปน็ สมาชิกป่าชมุ ชนอย่างหน่งึ อยา่ งใด ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบัติหรอื มลี ักษณะต้องหา้ มตามขอ้ ๘ ข้อ ๑๐ กรณีท่ีมีการขยายเขตป่าชุมชนหรือเพิกถอนป่าชุมชนบางส่วน และมีผลทาให้ภูมิลาเนา ของสมาชิกสามัญผู้หน่ึงผู้ใดอยู่นอกเขตป่าชุมชนเพราะเหตุท่ีพ้ืนท่ีป่าชุมชนถูกเพิกถอน หรือภูมิลาเนา ของสมาชิกสมทบผู้หนงึ่ ผู้ใดมาอยู่ในเขตป่าชุมชนเพราะเหตุท่ีมีการขยายเขตป่าชุมชนแล้วแต่กรณี ในกรณนี ี้ ให้สมาชิกดังกล่าวเป็นสมาชิกประเภทเดิมต่อไป หรือจนกว่าคณะกรรมการจะมีมติให้เปล่ียนแปลง ประเภทสมาชิกได้ หรือพ้นจากการเป็นสมาชิกปา่ ชุมชน หากสมาชิกดังกล่าวประสงค์จะเปล่ียนประเภทสมาชิก ให้ย่ืนคาขอเปลี่ยนแปลงประเภทสมาชิกต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้มีการประกาศ การขยายเขตปา่ ชุมชนหรอื เพิกถอนป่าชมุ ชนบางส่วนในราชกจิ จานเุ บกษา กรณีมีการเปล่ียนแปลงเขตการปกครอง มีผลทาให้ภูมิลาเนาของสมาชิกป่าชุมชนผู้หนึ่งผู้ใด เปล่ียนแปลงไป ให้สมาชิกภาพของสมาชิกดังกล่าว ยังคงเป็นสมาชิกประเภทเดิมอยู่ต่อไป จนกว่า คณะกรรมการจะมีมติใหเ้ ปล่ียนแปลงประเภทสมาชิกหรือพ้นจากการเป็นสมาชกิ ป่าชมุ ชน ให้คณะกรรมการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงประเภทสมาชิกตามวรรคหน่ึงให้แล้วเสร็จภายในสามสบิ วนั นับแต่ได้รับคาขอ หากพิจารณาไม่เสร็จภายในระยะเวลาที่กาหนดให้ถือว่าสมาชิกดังกล่าวเป็นสมาชิก ตามทไ่ี ดย้ ื่นคาขอเปลย่ี นประเภท 39
หน้า ๓๐ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา หมวด ๒ คณะกรรมการจดั การปา่ ชมุ ชน ข้อ ๑๑ ในป่าชุมชนแห่งหนึ่งให้มีคณะกรรมการจัดการป่าชุมชนคณะหน่ึงประกอบด้วย กรรมการจานวนไมน่ ้อยกว่าสิบคน ซ่ึงไดร้ ับการเลอื กต้ังจากสมาชกิ สามญั ข้อ ๑๒ ในการเลือกต้งั คณะกรรมการเพื่อประกอบการย่ืนคาขอจัดต้ังปา่ ชมุ ชนให้ตัวแทนของ สมาชิกสามัญซ่ึงเป็นผู้ขอจัดต้ังป่าชมุ ชนคนหนึง่ ประกาศกาหนดวัน เวลา และสถานท่ีที่จะทาการเลือกต้ัง โดยปิดประกาศ ณ ที่ทาการกานนั ผใู้ หญ่บ้าน และองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล หรือเทศบาลอันเปน็ ภูมิลาเนา ของสมาชิกสามญั โดยตอ้ งประกาศลว่ งหน้าไม่น้อยกวา่ สามสิบวันกอ่ นการเลือกตัง้ ข้อ ๑๓ ก่อนการลงคะแนนเสียง ให้ที่ประชุมสมาชิกสามัญซึ่งมีสิทธิเลือกต้ัง ดาเนินการ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) กาหนดจานวนของกรรมการทจี่ ะได้รบั การเลอื กต้งั ซ่ึงต้องไมน่ ้อยกวา่ สิบคน (๒) กาหนดวธิ ีการลงคะแนนเสียง (๓) เสนอรายช่ือสมาชิกสามัญ ท่ีจะได้รับเลือกต้ังให้เป็นกรรมการ ซ่ึงจะต้องมีคุณสมบัติ และไม่มลี ักษณะตอ้ งหา้ มของการเปน็ กรรมการตามท่กี าหนดในขอ้ ๑๗ และตอ้ งมีสมาชิกสามัญซึง่ มสี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ในทปี่ ระชุมรับรองไมน่ ้อยกวา่ ห้าคน โดยผ้ซู ง่ึ ได้รบั การเสนอชอ่ื อาจเป็นผูซ้ ง่ึ มไิ ด้เข้ารว่ มการประชมุ กไ็ ด้ กรณีท่ีผู้ซึ่งได้รับการเสนอช่ือให้ได้รับเลือกต้ังเป็นกรรมการมีจานวนไม่เกินกรรมการท่ีกาหนด ตาม (๑) ใหถ้ ือว่าเปน็ ผู้ไดร้ บั การเลือกตัง้ เปน็ กรรมการโดยไม่ต้องมกี ารลงคะแนนเลอื กตั้ง (๔) เลือกตัวแทนสมาชิกสามัญ ซ่ึงมิได้ถูกเสนอชื่อตาม (3) จานวนไม่นอ้ ยกว่าหา้ คน ให้ทาหน้าท่ี เป็นคณะกรรมการดาเนินการเลือกตั้ง โดยให้เลือกสมาชิกสามัญคนหน่ึงทาหน้าท่ีประธาน ในคณะกรรมการดงั กล่าว การดาเนินการตาม (๑) (๒) และ (4) ให้มีการลงมตโิ ดยถือเสียงข้างมากของสมาชิกสามัญ ซึ่งมสี ิทธเิ ลือกตัง้ ท่ีมาประชมุ สมาชิกคนหน่ึงใหม้ เี สียงหน่งึ ในการลงคะแนน ข้อ ๑๔ คณะกรรมการดาเนินการเลือกต้ังให้มีการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการ ตามวธิ ีการทก่ี าหนดตามข้อ ๑๓ (๒) ขอ้ ๑๕ เมือ่ คณะกรรมการดาเนินการเลือกตั้งตรวจนบั คะแนนเสร็จแล้ว ใหเ้ รียงลาดบั รายช่ือ สมาชิกสามัญซ่ึงได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมการรวมท้ังผลคะแนนของแต่ละคน จากคะแนนมาก ไปหาคะแนนนอ้ ย หากผซู้ ง่ึ ได้รับการเสนอชื่อรายใดมคี ะแนนเทา่ กันให้ใช้วิธีการจับสลากเพื่อเรยี งลาดับที่ ให้สมาชิกสามัญซึ่งได้รับการเสนอช่ือให้เป็นกรรมการท่ีได้คะแนนสูงสุดเรียงตามลาดับเท่ากับ จานวนกรรมการที่จะไดร้ ับการเลอื กตั้งตามท่ีกาหนดในข้อ ๑๓ (๑) เม่ือการนับคะแนนเสร็จส้ินแล้ว ให้คณะกรรมการดาเนินการเลือกตั้งประกาศรายชื่อสมาชิกสามัญ ผ้ซู ึ่งได้รับการเลือกตั้งเปน็ กรรมการใหท้ ปี่ ระชุมทราบ 40
หน้า ๓๑ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา ข้อ ๑๖ เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานของคณะกรรมการ ให้คณะกรรมการเลือกกันเอง ว่าจะให้กรรมการคนใดในคณะกรรมการเป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ เลขานุการ และตาแหน่งอ่นื ตามความจาเปน็ ใหก้ รรมการผู้มีอายสุ ูงสดุ ซ่ึงอยใู่ นที่ประชมุ ของคณะกรรมการเป็นประธานชัว่ คราวของทปี่ ระชมุ เพ่ือดาเนนิ การตามวรรคหนง่ึ ข้อ ๑๗ กรรมการต้องมีคุณสมบัตแิ ละไมม่ ลี ักษณะตอ้ งห้าม ดังตอ่ ไปนี้ ก. คุณสมบัติ (๑) เปน็ สมาชิกสามญั (๒) มีอายุไมต่ า่ กว่าย่ีสบิ ห้าปี (๓) มีความรู้ มีผลงาน หรือประสบการณ์ที่เกยี่ วข้องกับกิจกรรมที่สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ ของการจัดตัง้ ป่าชมุ ชน ในกรณีที่เป็นการเลือกต้ังกรรมการเพ่ือประกอบการย่ืนคาขอจัดตั้งป่าชุมชน สมาชิกสามัญ ตาม (๑) ตอ้ งเป็นสมาชิกสามญั ซ่งึ เป็นผูข้ อจดั ตง้ั ป่าชุมชนตามมาตรา ๓๒ ข. ลกั ษณะต้องหา้ ม (๑) เป็นบคุ คลล้มละลายหรอื เคยเปน็ บคุ คลล้มละลายทจุ รติ (๒) เปน็ คนไรค้ วามสามารถหรือเสมือนไรค้ วามสามารถ (๓) ตดิ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ (๔) เคยได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงท่ีสุดให้จาคุกตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ กฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ หรือกฎหมายว่าด้วยการสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า และพ้นโทษมายังไม่ถึงหนึ่งปีในวันที่สมัครเป็นสมาชิก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทา โดยประมาทหรือความผิดลหโุ ทษ (๕) เคยถกู ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หรือเลิกจา้ งจากหน่วยงานของรฐั หรือหนว่ ยงานของเอกชน เพราะทุจริตต่อหน้าท่ี หรอื ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง (๖) เคยเปน็ กรรมการของป่าชุมชนท่ถี ูกเพกิ ถอนเพราะเหตตุ ามมาตรา ๗๘ (๒) หรอื (๓) ข้อ ๑๘ กรรมการมวี าระการดารงตาแหน่งคราวละหา้ ปี และอาจไดร้ บั การเลือกต้งั อกี ได้ ขอ้ ๑๙ ให้เริ่มนับวาระการดารงตาแหน่งกรรมการ ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) ในกรณีท่ีเป็นการเลือกต้ังคณะกรรมการเพื่อประกอบการยื่นคาขอจัดตั้งป่าชุมชน ให้เรม่ิ นับวาระการดารงตาแหนง่ กรรมการต้งั แตว่ ันที่มีการประกาศอนุมัติจัดต้งั ปา่ ชุมชนในราชกจิ จานุเบกษา (2) ในกรณีท่ีเป็นการเลือกต้ังคณะกรรมการชุดใหม่แทนคณะกรรมการท่ีพ้นจากตาแหน่ง ตามวาระ หรือเลอื กตงั้ กรรมการแทนกรรมการทีพ่ น้ จากตาแหนง่ ก่อนครบวาระ ใหเ้ ริม่ นับวาระการดารงตาแหนง่ กรรมการตง้ั แต่วันที่ไดม้ กี ารประกาศผลการเลือกต้ัง 41
หน้า ๓๒ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๒๐ ในกรณที ่ีคณะกรรมการจะพ้นจากตาแหน่งตามวาระให้ดาเนนิ การจดั ให้มีการเลือกตั้ง คณะกรรมการชุดใหมภ่ ายในเก้าสบิ วันก่อนวันครบวาระ ในระหว่างท่ียังมิได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการข้ึนใหม่ ให้คณะกรรมการซ่ึงพ้นจากตาแหน่ง ตามวาระน้นั อยู่ในตาแหน่งเพอื่ ดาเนนิ งานต่อไปจนกว่าคณะกรรมการท่ีได้รับการเลือกตั้งชดุ ใหมเ่ ข้ารบั หน้าท่ี ขอ้ ๒๑ นอกจากการพน้ จากตาแหน่งตามวาระ กรรมการพ้นจากตาแหน่งเมอื่ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบตั ิหรือมลี กั ษณะต้องหา้ ม ตามขอ้ ๑๗ ขอ้ ๒๒ เม่ือกรรมการพน้ จากตาแหน่งก่อนครบวาระ ใหป้ ระธานกรรมการกาหนดใหม้ ีการประชมุ สมาชิกสามัญเพ่ือเลือกตง้ั กรรมการแทนตาแหนง่ ทีว่ า่ งภายในสามสิบวนั นบั แตว่ นั ทีก่ รรมการผ้นู น้ั พน้ จากตาแหนง่ เว้นแต่วาระของกรรมการผู้นั้นเหลืออยู่ไม่ถึงเก้าสิบวัน คณะกรรมการจะไม่เลือกต้ังกรรมการแทนก็ได้ และในกรณีที่ยังไม่มีการเลือกตั้งกรรมการหรือกรณีที่ไม่ต้องเลือกต้ังกรรมการแทน ให้คณะกรรมการ ประกอบด้วยกรรมการเทา่ ทเ่ี หลอื อยู่ สมาชิกสามัญซึ่งเข้าเป็นกรรมการแทนตามวรรคหนึ่งให้อยู่ในตาแหน่งได้เพียงเท่าวาระ ทเ่ี หลอื อยขู่ องกรรมการซ่งึ ตนแทน ขอ้ ๒๓ การเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่แทนคณะกรรมการซึ่งพ้นจากตาแหน่งตามวาระ ตามข้อ ๒๐ และการเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการซ่ึงพ้นจากตาแหน่งก่อนครบวาระตามข้อ ๒๒ ให้เลอื กตั้งจากผู้ซง่ึ เปน็ สมาชกิ สามญั และให้นาความในขอ้ ๑๒ ขอ้ ๑๓ ขอ้ ๑๔ ข้อ ๑๕ ขอ้ ๑๖ และขอ้ ๑๗ มาใช้บังคับดว้ ยโดยอนโุ ลม ขอ้ ๒๔ ให้สมาชิกของป่าชุมชนตามมาตรา ๙๙ และมาตรา ๑๐๐ ซ่ึงมีคุณสมบัติและไม่มี ลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๘ เป็นสมาชิกสามัญหรือสมาชิกสมทบ แล้วแต่กรณีของป่าชุมชนท่ีตนเป็น สมาชิกน้ัน กรณีที่สมาชิกสามัญตามวรรคหน่ึงเป็นสมาชิกสามัญของป่าชุมชนหลายแห่ง ให้ตัดสินใจ และลาออกจากการเป็นสมาชิกสามัญของป่าชุมชนแห่งต่าง ๆ เพ่ือให้คงเหลือการเป็นสมาชิกสามัญ ของป่าชุมชนเพียงแห่งเดยี ว โดยต้องดาเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวนั นับแต่วนั ที่ระเบยี บนี้ใช้บังคับ หากดาเนินการไม่แล้วเสร็จภายในเวลาท่ีกาหนด ให้พ้นจากการเป็นสมาชิกสามัญของป่าชุมชนทุกแห่ง แต่ไมต่ ดั สิทธสิ มาชิกสามญั ดงั กลา่ วในการสมคั รเปน็ สมาชิกสามัญของป่าชมุ ชนแหง่ ใดแห่งหน่งึ ใหม่ได้ ขอ้ ๒๕ ให้คณะกรรมการของป่าชุมชนตามมาตรา ๙๙ และมาตรา ๑๐๐ ซ่ึงมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๑๗ เป็นคณะกรรมการของป่าชุมชนน้ันต่อไปตามจานวน และองค์ประกอบกรรมการเทา่ ทมี่ ีอยู่ จนกว่าจะครบวาระการดารงตาแหน่งตามข้อ ๑๘ วาระการดารงตาแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้เร่ิมนับตั้งแต่วันท่ี ระเบยี บนี้มีผลใชบ้ ังคับ 42
หน้า ๓๓ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานเุ บกษา ขอ้ ๒๖ นับแต่วันที่ระเบียบน้มี ีผลใช้บังคับ ในกรณีท่ีกรรมการในคณะกรรมการตามข้อ ๒๕ พ้นจากตาแหน่งตามวาระ หรือพ้นจากตาแหน่งก่อนครบวาระตามข้อ ๒๑ ให้ดาเนินการเลือกต้ัง คณะกรรมการชุดใหม่แทนคณะกรรมการซง่ึ พน้ จากตาแหน่งตามวาระ หรอื ดาเนนิ การเลอื กต้ังกรรมการ แทนกรรมการซึ่งพ้นจากตาแหน่งก่อนครบวาระ โดยให้เลือกต้ั งจากผู้ซึ่งเป็นสมาชิกสามัญ และให้นาความในข้อ ๑๑ ข้อ ๑๒ ข้อ ๑๓ ข้อ ๑๔ ข้อ ๑๕ ข้อ ๑๖ ข้อ ๑๗ ข้อ ๑๙ ข้อ ๒๐ และขอ้ ๒๒ มาใช้บังคับดว้ ยโดยอนโุ ลม ประกาศ ณ วนั ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖3 พลเอก ประวิตร วงษส์ วุ รรณ รองนายกรฐั มนตรี ประธานกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน 43
แผนผังระเบยี บคณะกรรมกำรนโยบำยป่ำชุมชน ว่ำดว้ ยสมำชกิ ปำ่ ชมุ ชนและกรรมกำรจดั กำรปำ่ ชมุ ชน (ตำมมำตรำ 42 วรรคสอง พ.ร.บ. ปำ่ ชุมชน พ.ศ. 2562) กำรพ้นจำกกำร สมำชิกปำ่ ชุมชน (ขอ้ 5) คุณสมบัติ (ขอ้ 8) เปน็ สมำชกิ ฯ สมำชกิ ปำ่ ชมุ ชน ตำมมำตรำ 99 มำตรำ 100 (ข้อ 24) 1. สญั ชาตไิ ทย 1.ตาย 2. อายไุ ม่ตา่ กวา่ 18 ปี 2.ลาออก สมำชิกสำมัญ (ข้อ 6) สมำชิกสมทบ (ขอ้ 7) 3.ขาดคุณสมบตั หิ รอื ลักษณะตอ้ งหำ้ ม มลี ักษณะตอ้ งห้าม ตามขอ้ 8 (ข้อ 9) 1. คนไรค้ วามสามารถ/เสมือนไร้ ความสามารถ บคุ คลซ่งึ เป็น บคุ คล ซึ่งมใิ ช่ผู้ บคุ คลซึง่ มภี มู ลิ าเนาอยู่ ผู้ขอจัดต้ัง ขอจดั ตง้ั ปา่ ชุมชน นอกท้องที่ของสมาชกิ 2. คณะกรรมการจานวน ป่าชุมชนตาม แต่อย่ใู นทอ้ งที่ ไม่น้อยกวา่ 3 ใน 4 มาตรา 32 เดยี วกันกบั ชมุ ชน สามญั ตามขอ้ 6 ให้พ้นจากการเป็นสมาชิก เลือกต้ังคณะกรรมกำร ทร่ี ่วมขอจัดตัง้ (เวน้ แต่พ้นมาแลว้ จดั กำรป่ำชมุ ชน ไม่นอ้ ยกว่า 1ป)ี ปา่ ชมุ ชน 3. เคยเป็นกรรมการของปา่ ชุมชน ประกำศกำรเลือกตง้ั (ข้อ12) ที่ถกู เพิกถอน ท่ียงั ตรวจสอบ ทรพั ยส์ นิ สว่ นกลางของปา่ ชุมชน ไม่เสร็จสิน้ ภายใน 1 ปี - วัน เวลา และสถานทเ่ี ลือกต้ัง คุณสมบัติ (ข้อ 17) ลักษณะตอ้ งหำ้ ม (ขอ้ 17) - ปดิ ประกาศ ณ ทีท่ าการกานัน ผู้ใหญ่บา้ น และ 1. เปน็ สมาชิกสามัญ 2. มอี ายุไมต่ ่ากวา่ 25 ปี 1. เป็นบุคคลล้มละลายหรอื เคย อบต. หรือเทศบาลล่วงหน้าไมน่ ้อยกว่า 3. มีความรู้ มผี ลงาน หรือ เป็นบุคคลล้มละลายทจุ ริต 30 วนั ก่อนการเลือกตง้ั ประสบการณท์ เี่ กยี่ วข้อง 2. เป็นคนไร้ความสามารถ/ ก่อนกำรลงคะแนนเสยี ง (ข้อ13) คกก. ป่ำชมุ ชนตำม เสมอื นไร้ความสามารถ 1. กาหนดจานวนกรรมการท่ีจะไดร้ บั เลอื กตัง้ มำตรำ 99 และ มำตรำ 100 3. ตดิ ยาเสพติดใหโ้ ทษ ไมน่ ้อยกวา่ 10 คน - เป็นคณะกรรมการของป่าชุมชนนั้น 4. เคยได้รบั โทษจาคกุ กฎหมาย 2. กาหนดวิธกี ารลงคะแนนเสยี ง ตอ่ ไป ตามอานาจองค์ประกอบ 3. เสนอชื่อบคุ คลที่จะได้รบั เลอื กตงั้ กรรมการเท่าทม่ี ีอยู่ ว่าด้วยปา่ ไม้ ป่าสงวน อทุ ยาน - วาระใหเ้ ริม่ นับต้ังแตว่ ันทรี่ ะเบยี บนี้ หรอื การสงวนและคมุ้ ครองสตั ว์ ใหเ้ ปน็ กรรมการ ใช้บังคับ (ขอ้ 25) ปา่ และพ้นโทษมายงั ไมถ่ งึ 1 ปี 4. เลอื กตัวแทนบคุ คลซ่ึงมิได้ถกู เสนอชื่อ 5. เคยถกู ไลอ่ อก ปลดออก ให้ออก หรือเลิกจา้ งจาก ไมน่ อ้ ยกว่า 5 คน ใหเ้ ปน็ คณะกรรมการเลอื กตัง้ หน่วยงานรฐั หรือเอกชน เพราะทจุ ริตต่อหนา้ ที่ - ดาเนนิ การออกเสยี ง (ขอ้ 14) 6. เคยเปน็ กรรมการของป่าชมุ ชน - นบั คะแนนเรียงคะแนนจากมากไปหาน้อย ท่ถี ูกเพกิ ถอนเพราะเหตุ ตามมาตรา 78 (2) หรอื (3) หากคะแนนเทา่ กันให้ใชว้ ธิ ีการจบั สลาก (ข้อ15) ครบวำระ 5 ปี การเลอื กตงั้ คกก. ดาเนินการจัดใหม้ ี ชุดใหม่แทนคณะเดิม ให้ คกก. เลอื กกันเองว่าจะให้กรรมการคนใด ใน คกก. การเลอื กต้งั คกก. ชดุ ใหม่ ทพ่ี ้นจากวาระใหเ้ ลอื กตง้ั เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ ภายใน 90 วัน กอ่ นวัน จากผู้ซ่งึ เปน็ สมาชกิ สามัญ ครบวาระ (ขอ้ 20) เลขานกุ าร และตาแหน่งอื่น (ข้อ 16) (ขอ้ 23) คณะกรรมกำรจดั กำรปำ่ ชุมชน กำรพน้ จำก กอ่ นครบวำระ กรณพี น้ จากตาแหนง่ ตำแหนง่ 1.ตาย ก่อนครบวาระ จานวนไมน่ อ้ ยกว่า 10 คน 2.ลาออก 3.ขาดคณุ สมบตั ิหรือ ให้เลอื กตั้งกรรมการแทน วำระกำรดำรงตำแหน่ง ภายใน 30 วัน เวน้ แต่วาระ วาระ 5 ปี ไดร้ บั เลอื กตั้งอกี ได้ (ขอ้ 18) มีลกั ษณะตอ้ งหา้ ม ของกรรมการผ้นู ้นั เหลอื อยู่ ตามข้อ 17 (ขอ้ 21) ไม่ถงึ 90 วัน (ข้อ 22) หมำยเหตุ : คกก. คอื คณะกรรมการ ประกำศในรำชกจิ จำนเุ บกษำ เลม่ ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒99 ง ๒2 ธนั วำคม ๒๕๖๓ 44 สำนกั จัดกำรปำ่ ชุมชน กรมป่ำไม้
หน้า ๓๔ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๙๙ ง ราชกจิ จานุเบกษา ระเบยี บคณะกรรมการนโยบายปา่ ชมุ ชน วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงือ่ นไขการจดั ตงั้ และขยายเขตป่าชุมชน พ.ศ. 2563 โดยที่เป็นการสมควรกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขการจัดตัง้ และขยายเขตป่าชุมชน การจัดทารายงานผลการตรวจสอบคาขอจดั ตง้ั และขยายเขตปา่ ชมุ ชน เพื่อใหก้ ระบวนการพิจารณาจัดตงั้ ป่าชมุ ชน และการขยายเขตปา่ ชุมชนมคี วามชดั เจน ครบถว้ น และเป็นไปด้วยความเรยี บรอ้ ย อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๖ (๔) มาตรา ๓๒ วรรคห้า มาตรา ๓๗ วรรคสอง มาตรา ๔๐ วรรคหนึ่ง มาตรา ๔๘ วรรคสอง และมาตรา ๘๑ แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ า่ ชมุ ชน พ.ศ. ๒๕๖๒ และมติท่ีประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชมุ ชน ครั้งท่ี 1/2563 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 คณะกรรมการนโยบายปา่ ชุมชนออกระเบียบไว้ ดงั ต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไขการจัดต้งั และขยายเขตป่าชุมชน พ.ศ. 2563” ข้อ ๒ ระเบยี บนใ้ี ห้ใช้บงั คบั ตงั้ แตว่ ันถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ต้นไป ขอ้ ๓ บรรดาระเบยี บ ประกาศ ข้อบงั คับ และคาสงั่ อืน่ ใดในสว่ นท่ีกาหนดไวแ้ ลว้ ในระเบยี บนี้ หรือซ่ึงขดั หรอื แย้งกับระเบียบนี้ ใหใ้ ชร้ ะเบยี บน้ีแทน ข้อ ๔ ในระเบยี บนี้ “เขตป่าอนุรักษ์” หมายความว่า เขตอุทยานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ปา่ และเขตหา้ มล่าสัตว์ป่าตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า หรือเขตพ้ืนท่ีอื่นใด ที่มีคุณค่าทางธรรมชาติ หรือคุณคา่ อ่นื อนั ควรแก่การอนุรักษห์ รือรักษาคณุ ภาพสิง่ แวดลอ้ มตามทกี่ าหนด ในกฎกระทรวง “คาขอ” หมายความว่า คาขอจดั ตงั้ ปา่ ชมุ ชน “คณะกรรมการนโยบาย” หมายความวา่ คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน “เจ้าหน้าท่ี” หมายความว่า เจ้าหน้าที่สานักจัดการทรัพยากรป่าไม้แห่งท้องที่หรือเจ้าหน้าที่ กรมปา่ ไมซ้ ่ึงอธิบดีกรมป่าไมม้ อบหมาย ข้อ ๕ ให้ประธานกรรมการนโยบายป่าชมุ ชนรักษาการตามระเบียบน้ี และให้มอี านาจออกประกาศ หรือคาส่ังเพ่ือประโยชนใ์ นการปฏบิ ัตติ ามระเบียบนี้ ในกรณีท่ีมีปัญหาเก่ียวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน เป็นผู้วินิจฉยั ช้ขี าด คาวินิจฉัยนั้นให้เป็นทส่ี ดุ 45
หน้า ๓๕ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๖๓ เล่ม ๑๓๗ ตอนพเิ ศษ ๒๙๙ ง ราชกิจจานเุ บกษา หมวด ๑ การย่ืนคาขอจดั ตงั้ ปา่ ชุมชน ขอ้ ๖ ชุมชนท่ีประสงค์จะนาพ้ืนท่ีป่าหรือพื้นท่ีป่าชุมชนท่ีเคยถูกเพิกถอนแล้วซ่ึงอยู่นอก เขตป่าอนุรักษม์ าขอจัดตัง้ ปา่ ชุมชน ตอ้ งมีลักษณะดงั ต่อไปน้ี (๑) เป็นชุมชนท่ีอยู่ในท้องที่อันเป็นท่ีตั้งของพ้ืนท่ีป่าที่จะนามาจัดตง้ั ป่าชุมชนหรือร่วมกับชุมชน ในท้องที่อื่นที่มีอาณาเขตติดต่อกับชุมชนที่อยู่ในท้องท่ีอันเป็นที่ต้ังของพ้ืนที่ป่าท่ีจะนามาจัดต้ังป่าชุมชน ซ่งึ มีความสามารถร่วมดแู ลรกั ษาป่าชุมชนน้นั ได้ทีอ่ ยู่ในอาเภอเดยี วกันรวมตวั กนั ขอจดั ตง้ั ป่าชุมชน (๒) เป็นการรวมตัวกันของบุคคลในชุมชนตาม (๑) ซึ่งมีอายุตั้งแต่สิบแปดปีขึ้นไป และมีภูมลิ าเนาอยู่ในอาเภออันเป็นท่ีตั้งของพ้ืนทป่ี ่าที่ขอจดั ตง้ั เป็นป่าชมุ ชนไม่นอ้ ยกว่าหา้ ปนี บั ถงึ วันท่ียื่นคาขอ โดยมีจานวนรวมกันตั้งแตห่ ้าสบิ คนข้ึนไป ขอ้ ๗ ในกรณีที่ชุมชนตามข้อ ๖ ประสงค์จะนาพ้ืนที่ป่าชุมชนท่ีเคยถูกเพิกถอนทั้งหมด มาขอจัดตั้งป่าชุมชน จะต้องล่วงพ้นระยะเวลาหน่ึงปีนับแต่วันที่ประกาศการเพิกถอนป่าชุมชนนั้น ในราชกิจจานเุ บกษา ข้อ ๘ ให้บุคคลซ่ึงไดร้ ับการเสนอช่ือเป็นประธานกรรมการจัดการป่าชมุ ชนของชุมชนตามข้อ ๖ เป็นตัวแทนยน่ื คาขอตามแบบ คนช. ๖-๑ ทา้ ยระเบยี บนี้ พรอ้ มด้วยเอกสารและหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (๑) รายชื่อและประวัติของผ้รู ว่ มขอจัดต้ังป่าชมุ ชนโดยสังเขป ซึ่งมคี ุณสมบตั แิ ละไม่มีลกั ษณะ ตอ้ งห้ามการเป็นสมาชกิ ปา่ ชมุ ชนตามระเบียบคณะกรรมการนโยบายทอ่ี อกตามความในมาตรา ๔๒ วรรคสอง ตามแบบ คนช. ๖-๑ (๑) ท้ายระเบียบน้ี (๒) รายช่ือคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน ซ่ึงเลือกต้ังจากผู้ขอจัดต้ังป่าชุมชนตาม (1) โ ด ย มี คุ ณ ส ม บั ติ แ ล ะ ไ ม่ มี ลั ก ษ ณ ะ ต้ อ ง ห้ า ม ก า ร เ ป็ น ก ร ร ม ก า ร จั ด ก า ร ป่ า ชุ ม ช น ต า ม ร ะ เ บี ย บ ทีค่ ณะกรรมการนโยบายกาหนดตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง ตามแบบ คนช. ๖-๑ (๒) ท้ายระเบียบน้ี (๓) แผนทแี่ สดงอาณาเขตและเขตติดต่อของพน้ื ที่ท่ขี อจัดตง้ั ปา่ ชมุ ชนโดยสังเขป (4) แผนจัดการป่าชุมชนที่จัดทาขึ้นตามระเบียบคณะกรรมการนโยบายท่ีออกตามความ ในมาตรา ๑๗ ซ่ึงสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของป่าชุมชน มีการกาหนดบริเวณเพ่ือการอนุรักษ์ และบริเวณเพ่ือการใช้ประโยชน์ หรือบริเวณเพื่อการอนุรักษ์เพียงอย่างเดยี ว ให้สอดคล้องกบั สภาพภูมิประเทศ และสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในชุมชน และแสดงให้เห็นถึงแผนปฏิบัติการป่าชุมชน และวิธีดาเนินการอนรุ ักษ์ ฟ้ืนฟู พัฒนา หรือควบคุมดูแลสภาวะแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในปา่ ชุมชนอยา่ งย่ังยืน โดยต้องไม่ทาให้เกิดการสูญเสียสภาพ ความเปน็ ป่าทง้ั ในบรเิ วณเพ่อื การอนรุ กั ษ์และบริเวณเพ่ือการใช้ประโยชน์ (5) หนังสือยินยอมให้จัดต้ังป่าชุมชนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง กรณีท่ีเป็น การนาพ้นื ท่ปี ่าหรือป่าสงวนแห่งชาตทิ ่เี ปน็ ปา่ ชายเลนมาขอจดั ต้ังเปน็ ป่าชุมชน 46
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150