Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เทอม1

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เทอม1

Published by jatuphon288, 2021-07-22 03:13:51

Description: ilovepdf_merged

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 1 การเจรญิ เติบโตของรา่ งกาย รายการวดั วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ 3) กจิ กรรมหนตู อบ - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ฯ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ได้ วิทยาศาสตรฯ์ ป.6 ป.6 เล่ม 1 หนา้ 15 เล่ม 1 หน้า 15 4) สมุดเล่มเลก็ เร่ือง - ตรวจสมดุ เลม่ เลก็ เรือ่ ง - สมุดเลม่ เล็ก เรอื่ ง - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตดิ ตามการ ตดิ ตามการเจริญเตบิ โต ตดิ ตามการเจริญเตบิ โต เจรญิ เติบโตของ ของฉนั ของฉัน ฉนั 5) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - คุณภาพอยู่ในระดบั ดี การทางาน การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ รายบคุ คล 6) พฤติกรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - คณุ ภาพอยู่ในระดับดี การทางานกล่มุ การทางานกลุม่ การทางานกล่มุ ผ่านเกณฑ์ หมายเหตุ : แบบสงั เกตพฤติกรรมประเมนิ รายเทอม 8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 3) ใบงานท่ี 2.1 การเจรญิ เตบิ โตของเรา 4) บัตรภาพวัยต่างๆ (ขนาด A3) 5) บัตรขอ้ ความ 6) กาวสองหน้า 7) กระดาษ A4 8) สไี ม้และอปุ กรณต์ กแต่ง 9) สมดุ ประจาตวั นักเรยี น 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องเรยี น 2) ห้องสมุด 3) อนิ เทอร์เน็ต 48

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ที่ 1 การเจริญเตบิ โตของร่างกาย ใบงานที่ 2.1 การเจริญเติบโตของเรา คาช้ีแจง : ให้นักเรียนในกลุ่มผลัดกันวัดส่วนต่างๆ ของร่างกายและช่ังน้าหนักแล้วบันทึกข้อมูล แล้วนาข้อมูลมา วิเคราะห์วา่ นักเรียนเจริญเตบิ โตเหมาะสมกบั วัยหรือไม่ โดยเปรยี บเทียบกับนา้ หนัก ส่วนสูงตามเกณฑ์มาตรฐานของ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ ชื่อ-นามสกุล อายุ การเจริญเตบิ โตของรา่ งกาย ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู (ป)ี นา้ หนกั ส่วนสงู ต่ากว่า ตาม สงู กวา่ (กิโลกรัม) (เซนติเมตร) เกณฑ์ เกณฑ์ เกณฑ์ ตอบคาถามต่อไปนี้ ถา้ นกั เรยี นติดตามการเจริญเติบโตของตนเอง แล้วพบวา่ ตนเองมีน้าหนักและสว่ นสูงตา่ กวา่ เกณฑ์มาตรฐาน นักเรยี น จะทาอยา่ งไร ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... ..................................................................................................................................... .................................. ............................................................................................................................. ......................................... 49

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 1 การเจริญเตบิ โตของรา่ งกาย ใบงานท่ี 2.1 เฉลย การเจริญเติบโตของเรา คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนในกลุ่มผลัดกนั วัดสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายและช่ังนา้ หนกั แลว้ บันทกึ ข้อมูล แลว้ นาขอ้ มลู มา วิเคราะหว์ ่า นักเรยี นเจริญเติบโตเหมาะสมกับวัยหรอื ไม่ โดยเปรยี บเทียบกบั นา้ หนัก สว่ นสงู ตามเกณฑ์มาตรฐานของ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ ชือ่ -นามสกุล อายุ การเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกาย ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู (ป)ี นา้ หนกั สว่ นสงู ต่ากวา่ ตาม สงู กว่า (กิโลกรัม) (เซนติเมตร) เกณฑ์ เกณฑ์ เกณฑ์ ตอบคำถำมต่อไปนี้ ถา้ นักเรยี นตดิ ตามการเจรญิ เตบิ โตของตนเอง แล้วพบว่า ตนเองมีน้าหนักและส่วนสงู ต่ากว่าเกณฑ์มาตรฐาน นกั เรียนจะทาอย่างไร .ไ.ป...พ...บ..แ...พ..ท...ย..์เ..พ..่ือ...ต..ร..ว..จ..เ..ช..ก็...ว..่า..เ.ก..ิด...จ..า..ก..ส...า..เ.ห..ต...ุใ.ด...แ..ล...ะ..แ..ก..้ไ..ข..ใ..ห..้ถ...กู ..ว..ธิ..ี..เ.ช..น่....ถ...า้ ..เ.ก..ดิ...จ..า..ก..พ...ฤ..ต..ิก...ร..ร..ม..ก..า..ร.................... .ร..ับ..ป...ร..ะ..ท...า..น..อ...า..ห..า..ร....ก..ป็ ...ร..ับ..ป...ร..งุ ..พ...ฤ..ต..ิก...ร..ร..ม..ใ..ห..ม...่ใ.ห...้เ.ห...ม..า..ะ...ส..ม..................................... .......................................... ....................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................ 50

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 รา่ งกายของเรา  แผนฯ ท่ี 1 การเจรญิ เติบโตของรา่ งกาย บตั รขอ้ ความ ผวิ หนงั อ่อนน่มุ สว่ นใหญ่มีสชี มพู ฟันนา้ นมเรมิ่ ขน้ึ เมอ่ื อายปุ ระมาณ 5-6 เดือน มกี ลา้ มเนือ้ น้อย แขนและขางออยเู่ กอื บตลอดเวลา ความสงู โดยเฉลยี่ เพ่มิ ข้นึ ประมาณปีละ 7.5 เซนติเมตร รปู รา่ งจะค่อยๆ ยืดตวั ออกใบหนา้ และศีรษะเล็กลงเม่อื เทยี บกับตวั แขน ขา ลาตัว และคอเรยี วยาวขึน้ อกและไหลก่ วา้ งข้ึน สว่ นมือและ เทา้ จะใหญแ่ ละแขง็ แรงขึน้ สว่ นสงู เพม่ิ ขึน้ 4-5 เซนตเิ มตรตอ่ ปี 51

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ที่ 1 การเจริญเตบิ โตของรา่ งกาย บตั รขอ้ ความ ฟนั น้านมเรม่ิ หัก และจะมีฟันแทง้ อกขึน้ มาแทนที่ นา้ หนกั ตวั เพิม่ ขึ้น 2-3 กิโลกรมั เพศชายไหลก่ ว้างขนาดต้นแขนเพิ่มขน้ึ เพศชายและเพศหญงิ มพี ฒั นาการของรา่ งกายอย่างเตม็ ท่ี เพศหญิงเตา้ นมและสะโพกเจรญิ เติบโตเตม็ ท่ี ในชว่ งแรกมนี า้ หนกั และส่วนสงู มากกว่าเด็กผูช้ าย แขน ขา ยาวขน้ึ 52

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ที่ 1 การเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกาย บตั รขอ้ ความ หนา้ อกขยายใหญข่ น้ึ สะโพกผายออก เรม่ิ มปี ระจาเดือน ผิวเหย่ี วย่นไม่เต่งตงึ รา่ งกายเร่มิ เสอ่ื มถอย การเคลอ่ื นทชี่ า้ ลง น้าหนกั ตัวเพ่ิมข้นึ จากการสะสมไขมันใตผ้ วิ หนัง สายตาเรมิ่ ยาว หูเร่ิมตงึ ผมเริม่ หงอก ผิวหนงั แตกแห้งและเหี่ยวยน่ รา่ งกายหยุดการเจรญิ เตบิ โต 53

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ที่ 1 การเจรญิ เติบโตของร่างกาย บตั รขอ้ ความ เพศหญิงจะหมดประจาเดือน ผมเริ่มเปลีย่ นเปน็ สีขาวและหลุดรว่ ง สมองเริ่มเส่ือม กลา้ มเนือ้ ลีบ กระดูกเปราะ 54

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 1 การเจรญิ เตบิ โตของร่างกาย บตั รภาพวยั ต่างๆ 55

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 1 การเจรญิ เติบโตของรา่ งกาย บตั รภาพวยั ต่างๆ 56

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 1 การเจริญเติบโตของร่างกาย บตั รภาพวยั ต่างๆ 57

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 1 การเจรญิ เติบโตของร่างกาย บตั รภาพวยั ต่างๆ 58

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 1 การเจรญิ เติบโตของร่างกาย บตั รภาพวยั ต่างๆ 59

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 1 การเจรญิ เติบโตของร่างกาย บตั รภาพวยั ต่างๆ 60

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 1 การเจรญิ เติบโตของร่างกาย บตั รภาพวยั ต่างๆ 61

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ร่างกายของเรา แบบบันทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้ แผนฯ ที่ 1 การเจรญิ เตบิ โตของร่างกาย  ด้านความรู้  ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์  ด้านอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมที่มปี ญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ลงชื่อ..............................................ผบู้ นั ทกึ (................................................) ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ................................................ (................................................) ตาแหน่ง................................................. 62

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 2 สารอาหารท่ีรา่ งกายตอ้ งการ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 สารอาหารทีร่ ่างกายตอ้ งการ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 รา่ งกายของเรา ระยะเวลา 3 ชว่ั โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั ว 1.2 ป.6/1 ระบสุ ารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแตล่ ะประเภทจากอาหารที่ตนเองรบั ประทาน 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) ระบสุ ารอาหารแตล่ ะประเภทจากอาหารท่ีตนเองรับประทานได้ (K) 2) บอกประโยชน์ของสารอาหารแตล่ ะประเภทจากอาหารทต่ี นเองรบั ประทานได้ (K) 3) เลือกรับประทานอาหารทม่ี ีสารอาหารตามความต้องการของร่างกายได้ (P) 4) ยกตัวอยา่ งสารอาหารและประโยชนจ์ ากอาหารทนี่ ักเรยี นรับประทานในชีวติ ประจาวนั ได้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ ประเภทและประโยชนข์ องสารอาหาร 4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด สารอาหารท่ีอยู่ในอาหารมี 6 ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ และนา อาหารแต่ละชนิดประกอบด้วยสารอาหารท่ีแตกต่างกัน อาหารบางอย่างประกอบด้วยสารอาหารประเภทเดียว อาหารบางอย่างประกอบดว้ ยสารอาหารมากกว่า 1 ประเภท สารอาหารแต่ละประเภทมีประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกัน โดยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นสารอาหารท่ีให้พลังงานแก่ร่างกาย ส่วนเกลือแร่ วิตามิน และนา เป็นสารอาหารท่ีไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย แตช่ ว่ ยใหร้ า่ งกายทางานได้เป็นปกติ 5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) ความสามารถในการสื่อสาร 1) การสงั เกต 1) มวี นิ ยั 2) ความสามารถในการคิด 2) การจาแนกประเภท 2) ใฝเ่ รียนรู้ 3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา 3) การตงั สมมติฐาน 3) มงุ่ มัน่ ในการทางาน 4) ความสามารถในการใช้ทักษะ 4) การลงความเห็นจากข้อมูล ชีวิต 5) การจัดกระทาและการสื่อ ความหมายข้อมูล 63

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 2 สารอาหารที่ร่างกายต้องการ 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้  แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model และเทคนคิ การเรยี นร้แู บบ ร่วมมือ (Cooperative Learning) ชวั่ โมงที่ 1 ขันนา ขัน้ กระต้นุ ความสนใจ 1. ครตู งั คาถามเพอ่ื ทบทวนความรเู้ ดมิ วา่ สิ่งใดบ้างที่ทาให้คนเราเจริญเตบิ โตเหมาะสมตามวยั (แนวคาตอบ การรบั ประทานอาหารที่ครบถว้ น การออกกาลงั กาย การพักผ่อนอยา่ งเพียงพอ เป็นต้น) 2. ครูตังคาถามเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า อาหารจาเป็นต่อร่างกายอย่างไร ให้นักเรียนร่วมกัน แสดงความคิดเห็นเพอ่ื หาคาตอบ (แนวคาตอบ อาหารจาเป็นต่อร่างกาย เมื่อรับประทานอาหารเข้าไปจะได้รับสารอาหาร ซึ่งจะช่วยให้ ร่างกายเจรญิ เติบโตและมีสุขภาพดี) 3. นักเรยี นดูภาพในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 28 ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า อาหารมีหลายชนิด เช่น ขนมปัง เนอื สัตว์ ไข่ นม เนย ผกั และผลไมต้ า่ งๆ ซึ่งจาแนกไดเ้ ปน็ อาหารหลัก 5 หมู่ 4. ครูติดหมายเลข 1-5 ไว้ท่ีบริเวณต่างๆ ภายในห้องเรียนเพื่อแบ่งกลุ่มและระบุตาแหน่งของแต่ละกลุ่ม จากนันแจกบัตรภาพอาหารให้นักเรียนคนละ 1 ใบ (บัตรภาพแต่ละหมู่ให้มีจานวนใกล้เคียงกัน โดย พิจารณาจากจานวนนักเรยี นในหอ้ งเรียน) 5. ใหน้ กั เรยี นสงั เกตภาพ แลว้ วิเคราะห์ว่า อาหารท่ีอยู่ในบัตรภาพของนักเรียนอยู่หมู่ใด แล้วให้ไปรวมกลุ่มกับ เพื่อนตามหมายเลขท่ีครูติดไว้ เช่น ถ้านักเรียนได้อาหารที่คิดว่าอยู่ในหมู่ท่ี 1 ให้ไปท่ีตาแหน่งหมายเลข 1 (ครูยงั ไมเ่ ฉลยคาตอบ) (หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรยี น โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล) ขนั สอน ขัน้ สารวจคน้ หา 1. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มละ 4-5 คน (ใช้กลุ่มเดิมจากกิจกรรมในขันกระตุ้นความสนใจ) และแบ่งหน้าทใ่ี ห้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม ดงั นี 1) คนท่ี 1 นาเสนอผลงาน 2) คนท่ี 2 บนั ทึกทร่ี วบรวมขอ้ มูล 3) คนท่ี 3 วาดรูปและตกแต่งผลงาน 4) คนท่ี 4-5 เขยี นข้อมูลลงในผลงาน 5) คนท่ี 6-7 ตรวจสอบผลงานและความถูกต้อง 64

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 2 สารอาหารท่ีรา่ งกายตอ้ งการ 2. นักเรยี นศกึ ษากจิ กรรมท่ี 2 สารอาหารทร่ี ่างกายต้องการ ตอนท่ี 1 ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หนา้ 29 3. ครูใหต้ วั แทนกลมุ่ ออกมารบั อุปกรณ์ในการทากจิ กรรม ดังนี 1) กระดาษแข็งแผ่นใหญ่ 1 แผน่ 2) สไี ม้ (ถา้ นกั เรียนมีให้นกั เรยี นเตรยี มมา) 4. นกั เรียนปฏบิ ัติกจิ กรรมที่ 2 เรื่อง สารอาหารทร่ี ่างกายต้องการ ตอนท่ี 1 โดยปฏิบตั ดิ ังนี 1) ตวั แทนกลุ่มออกมารบั อปุ กรณใ์ นการทากจิ กรรมดงั นี - กระดาษแข็งแผ่นใหญ่ 1 แผ่น - สไี ม้ (ถ้านักเรยี นมใี ห้นักเรยี นเตรยี มมา) 2) แตล่ ะกลมุ่ สืบคน้ เรอื่ ง หมู่อาหาร จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 31 หรือแหล่งข้อมูล อน่ื ๆ 3) นาข้อมูลท่ีสืบค้นได้มาตรวจสอบว่า บัตรภาพอาหารที่สมาชิกในกลุ่มแต่ละคนมีถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกตอ้ งให้ย้ายไปอยกู่ ับกลมุ่ หมู่อาหารที่ถูกต้อง 4) ร่วมกันสรปุ ข้อมลู หม่อู าหารท่ีสบื ค้นได้ จากนนั ชว่ ยกันจัดทาแผนภาพสรุปหมู่อาหาร ลงในกระดาษแข็ง แผ่นใหญ่ พร้อมตกแต่งให้สวยงาม (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรียน โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ ) ขั้นอธิบายความรู้ 1. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ นาเสนอในประเด็นต่อไปนี 1) แผนภาพหมู่อาหาร 2) ยกตวั อย่างอาหารและสารอาหารทไ่ี ดร้ ับ 2. นักเรียนในห้องร่วมแสดงความคิดเหน็ และบอกข้อดีข้อท่คี วรปรบั ปรุงของกลมุ่ นาเสนอ และครูอาจอธิบาย เพิ่มเติมในสว่ นของข้อมูลที่นักเรียนนาเสนอบกพร่อง 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมกับนักเรียนว่า ร่างกายของคนเรามีการเจริญเติบโต ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหาร หมายถึง ส่ิงท่ีเรารับประทานเข้าไปในร่างกายได้อย่างปลอดภัย พร้อมทังยกตัวอย่างเมนูอาหารในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 30 จากนันครูให้นักเรียน ร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า ในเมนูอาหาร 2 อย่างนี มีอาหารครบ 5 หมู่หรือไม่ และมีหมู่อาหารใดบ้าง ได้จากอาหารชนดิ ใด 4. นักเรียนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลหมู่อาหาร เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ถูกต้องว่า ประเภทของอาหาร แบ่งไดเ้ ปน็ 5 หมู่ ดงั นี หม่ทู ่ี 1 ให้สารอาหารประเภทโปรตีน หมูท่ ี่ 2 ให้สารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรต 65

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ที่ 2 สารอาหารทรี่ า่ งกายตอ้ งการ หม่ทู ี่ 3 ให้สารอาหารประเภทวติ ามนิ และเกลือแร่ หมู่ที่ 4 ใหส้ ารอาหารประเภทวติ ามินและเกลือแร่ หมทู่ ่ี 5 ให้สารอาหารประเภทไขมัน ข้ันสารวจค้นหา 1. ครแู บ่งกล่มุ นักเรียนออกเป็น 4-5 กลมุ่ (ใช้กลุ่มเดิมสบื คน้ เก่ยี วกบั เรื่อง สารอาหารแต่ละประเภทและ ประโยชนข์ องสารอาหาร จากหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เลม่ 1 หนา้ 32-35 หรือแหล่งขอ้ มลู อืน่ ๆ โดยแตล่ ะกลมุ่ สืบค้นขอ้ มูล ดังนี 1) กล่มุ ท่ี 1 สบื ค้น เรื่อง สารอาหารประเภทโปรตนี และประโยชน์ 2) กลุ่มท่ี 2 สบื ค้น เรื่อง สารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรตและประโยชน์ 3) กลมุ่ ท่ี 3 สบื ค้น เรื่อง สารอาหารประเภทวติ ามนิ และประโยชน์ 4) กลมุ่ ที่ 4 สบื คน้ เร่ือง สารอาหารประเภทเกลือแร่และประโยชน์ 5) กลุม่ ท่ี 5 สืบค้น เรื่อง สารอาหารประเภทไขมนั และประโยชน์ 2. ให้นักเรยี นแต่ละกล่มุ ร่วมกันสรปุ ขอ้ มลู ท่ีสืบค้นได้ จากนนั ชว่ ยกนั จัดทาแผนภาพข้อมูลของสารอาหาร ประโยชน์ของสารอาหารลงในกระดาษแข็งแผ่นใหญ่ พร้อมตกแต่งใหส้ วยงาม เพื่อนาเสนอในช่วั โมงถัดไป (หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นกั เรียน โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ) ช่วั โมงท่ี 2 ขันสอน (ต่อ) ขน้ั อธบิ ายความรู้ 1. ครูทบทวนความรู้เดิม โดยให้นกั เรียนดภู าพข้าวผดั และตอบคาถามตอ่ ไปนี - ขา้ วผัดจานนมี ีสว่ นประกอบอะไรบา้ ง (แนวคาตอบ ข้าว ไขไ่ ก่ แฮม นาตาล ซอี ๊ิวขาว ผงปรงุ รส แตงกวา นามันพชื กระเทยี ม เป็นต้น) - ถ้านกั เรียนรบั ประทานขา้ วผัดจานนี จะไดร้ ับสารอาหารชนดิ ใดบา้ ง (แนวคาตอบ ได้คาร์โบไฮเดรตจากขา้ ว โปรตีนจากไข่ ไขมันจากนามันพืช เปน็ ตน้ ) 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า อาหารที่เรารับประทานเข้าไปในร่างกายมีสารอาหารป ระกอบอยู่ สารอาหาร แบง่ ออกเป็น 2 กลุม่ ใหญ่ คอื 1) สารอาหารทใ่ี ห้พลงั งานแกร่ า่ งกาย ไดแ้ ก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตนี และไขมัน 2) สารอาหารที่ไมใ่ ห้พลงั งานแก่รา่ งกาย ไดแ้ ก่ เกลอื แร่ วิตามิน และนา 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนองาน โดยให้กลุ่มสารอาหารที่ให้พลังงานนาเสนอตามลาดับต่อไปนี กลุ่มท่ี 1 โปรตีน กลุ่มที่ 2 คาร์โบไฮเดรต กลุ่มท่ี 5 ไขมัน 4. เม่ือแต่ละกลุ่มนาเสนอเรียบร้อยแล้ว ให้นักเรียนในชันเรียนตังคาถามกับกลุ่มท่ีนาเสนอ และร่วมกันแสดง ความคดิ เห็นเก่ยี วกบั เร่ือง สารอาหาร ท่นี าเสนอไป 66

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 2 สารอาหารที่รา่ งกายต้องการ 5. ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมหากนกั เรยี นนาเสนอบกพร่องไปว่า โปรตีน เป็นสารอาหารที่มีมากในเนือสัตว์ต่างๆ นม ไข่ ถั่วชนิดต่างๆ สารอาหารประเภทโปรตีน มีความสาคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย สร้างเซลล์กล้ามเนือและเนือเยื่อกระดูก ช่วยซ่อมแซมส่วนท่ี สึกหรอของร่างกาย และเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย รวมทังให้พลังงานแก่ร่างกาย โปรตีน 1 กรัม จะให้พลังงานประมาณ 4 กโิ ลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต เป็นสารที่ให้พลังงานท่ีสาคัญแก่ร่างกาย มักพบอยู่ในรูปของอาหารจาพวกแป้งและ นาตาลเปน็ สว่ นใหญ่ รวมทงั ผกั และผลไมท้ ีม่ ีรสหวาน คารโ์ บไฮเดรต 1 กรมั ใหพ้ ลงั งาน 4 กโิ ลแคลอรี ไขมันเป็นสารอาหารท่ีให้พลังงานสูง พบมากในไขมันพืช ไขมันสัตว์ ไขมัน 1 กรัม จะให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี สารอาหารประเภทไขมัน ช่วยในการดูดซึมวิตามิน A D E และ K ไขมันท่ีมีมากเกินความ ตอ้ งการของร่างกายจะถูกสะสมเป็นชันไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยป้องกันการกระทบกระเทือนของอวัยวะภายใน ปอ้ งกนั การสญู เสยี ความรอ้ นของรา่ งกาย 6. กลมุ่ สารอาหารทไี่ มใ่ หพ้ ลงั งานนาเสนอตามลาดับต่อไปนี กลมุ่ ที่ 3 วิตามิน กลมุ่ ท่ี 4 เกลอื แร่ 7. ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ กับนกั เรียนว่า สารอาหารท่ีไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ร่างกายไม่สามารถขาดได้ เพราะ ชว่ ยทาให้รา่ งกายทางานได้ปกติ 8. ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ วา่ วติ ามินแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี 1) วติ ามินที่ละลายในนา ไดแ้ ก่ วิตามิน B และ C 2) วติ ามินท่ลี ะลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน A D E และ K 9. ครตู งั คาถามเกย่ี วกับวิตามินในประเดน็ ต่อไปนี - ถ้าผลไม้ชนิดหนึ่งเป็นแหล่งของวิตามิน A C และ E ถ้าเรานาผลไม้ไปล้างนาก่อนรับประทาน จะไม่สญู เสียวติ ามนิ ใด เพราะเหตุใด (แนวคาตอบ วิตามนิ A และ E เพราะเป็นวิตามนิ ที่ไม่ละลายในนา) - ถ้ามอี าการเลอื ดออกตามไรฟนั ควรรับประทานอาหารชนดิ ใด พร้อมทงั บอกเหตผุ ล (แนวคาตอบ รับประทานอาหารจาพวกผักและผลไม้ท่ีมีรสเปรียว เพราะวิตามิน C ท่ีอยู่ในผักและ ผลไมช้ ่วยป้องกนั โรคเลอื ดออกตามไรฟันได้) 10. ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า เกลือแร่เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย แต่ขาดไม่ได้ เนื่องจากเป็น สารอาหารท่ีมีความจาเปน็ ต่อรา่ งกายทเี่ สริมสรา้ งความแขง็ แรงและช่วยควบคมุ การทางานของส่วนต่างๆ ใน ร่างกาย โดยควบคมุ การทางานของฮอร์โมน จากนันครูถามคาถาม ดังนี - ถา้ มอี าการคอพอกแสดงวา่ ขาดเกลือแร่ชนิดใด (แนวคาตอบ ไอโอดีน) - ถา้ รา่ งกายออ่ นเพลยี ความดนั ต่า และเปน็ ตะคริวง่าย นกั เรยี นคิดว่าขาดเกลอื แรช่ นดิ ใด (แนวคาตอบ โซเดียม) 11. นักเรียนในแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษา เรื่อง นา จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 36 หรือแหล่งข้อมูล อืน่ แล้วรว่ มกนั อภิปรายวา่ นามคี วามสาคญั ต่อร่างกายของเราอยา่ งไร จนได้ขอ้ สรปุ ของกลุ่ม 67

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ที่ 2 สารอาหารทีร่ ่างกายตอ้ งการ 12. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลสรุปของกลุ่ม และร่วมกันอภิปรายสรุปผลเกี่ยวกับ สารอาหารประเภทนา (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยการสังเกตการทางานกลมุ่ ) 13. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า นาเป็นสารอาหารที่เราขาดไม่ได้ เพราะนามีประโยชน์หลายประการ เช่น ช่วยในการ ขับถ่ายของเสีย เป็นส่วนประกอบของอวัยวะและส่วนต่างๆ ของร่างกาย ช่วยลาเลียงสารในร่างกาย ช่วย ควบคมุ อณุ หภูมิร่างกายให้คงที่ 14. ครูตังคาถามนักเรียนเพิ่มเติมเก่ียวกับเร่ือง สารอาหาร ว่าอาหารแต่ละชนิดมีสารอาหารเพียงชนิดเดียวใช่ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด (แนวคาตอบ ไม่ใช่ เพราะอาหารแต่ละชนิดประกอบด้วยสารอาหารท่ีแตกต่างกัน อาหารบางอย่าง ประกอบดว้ ยสารอาหารประเภทเดยี ว อาหารบางอย่างประกอบดว้ ยสารอาหารมากกว่า 1 ประเภท) 15. นักเรียนทากิจกรรมหนูตอบได้ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 29 หรือทาในแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 18 ของตนเอง 16. นกั เรยี นและครูร่วมกนั เฉลยกจิ กรรมหนูตอบได้ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนตรวจสอบความถูกต้อง โดยครูตังคาถามและ นกั เรียนในห้องร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพอื่ หาคาตอบ ดังนี - เพราะเหตุใด เราจึงต้องรบั ประทานอาหารใหค้ รบ 6 ประเภท (แนวคาตอบ เพราะสารอาหารช่วยทาให้ร่างกายทางานเป็นปกติ และสารอาหารบางชนิดให้ พลังงานแก่รา่ งกาย เพอ่ื ใชใ้ นการทากจิ กรรมต่างๆ ในการดารงชีวติ ) - ถา้ ตอ้ งการพลังงานแก่ร่างกายเพ่ือใช้ในการทากิจกรรมต่างๆ นักเรียนควรเลือกรับประทานอาหาร ทใ่ี ห้สารอาหารประเภทใด เพราะเหตุใด (แนวคาตอบ ควรเลือกรับประทานอาหารท่ีให้สารอาหารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เพราะสารอาหารเหล่านีให้พลงั งานแกร่ ่างกาย) - ถ้าคุณพ่อของนักเรียนมีอาการเหน็บชาบ่อยๆ ควรให้คุณพ่อรับประทานอาหารประเภทใดท่ีช่วย บรรเทาและป้องกันโรคเหนบ็ ชาได้ (แนวคาตอบ อาหารท่ีใหว้ ติ ามิน B1 เชน่ เนือหมู เคร่อื งในสัตว์ ปลา ถ่วั ไข่แดง ผักใบเขียว) - เพราะเหตใุ ด นาจึงจัดเป็นสารอาหารทคี่ วรได้รับในแตล่ ะวนั (แนวคาตอบ เพราะนามีประโยชนต์ ่อรา่ งกายหลายประการ เช่น ชว่ ยในการขับถ่ายของเสีย ช่วยใน การลาเลยี งสารในรา่ งกาย ชว่ ยควบคมุ อุณหภมู ริ า่ งกายใหค้ งที่) - ถ้านกั เรียนตอ้ งรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบ 6 ประเภท จะเลือกอาหารจานใด ระหว่าง ก๋วยเตย๋ี วเสน้ เล็กหมตู ม้ ยากบั เส้นใหญร่ าดหน้ากงุ้ (แนวคาตอบ เลือกก๋วยเต๋ียวเส้นเล็กหมูต้มยา เพราะมีสารอาหารครบ 6 ชนิด ซึ่งได้จาก ส่วนประกอบหลักของก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กหมูต้มยา ดังนี หมูมีโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ เส้นเล็กมี คาร์โบไฮเดรต ผักบงุ้ มวี ิตามนิ และแร่ธาตุ ถัว่ ลสิ ง มีโปรตีนและไขมันและนาซุปมีนา หรือเลือกเส้น ใหญ่ราดหน้ากุ้ง เพราะมีสารอาหารครบ 6 ชนิด ซ่ึงได้จากส่วนประกอบหลักของเส้นใหญ่ราดหน้า 68

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 2 สารอาหารทร่ี า่ งกายตอ้ งการ กุ้ง มีดังนี เส้นใหญ่ มีคาร์โบไฮเดรตและไขมัน กุ้งมีโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุและไขมันเล็กน้อย ผกั คะน้า มีวิตามนิ แร่ธาตุ โปรตีนและนาซุปมนี า) 17. ครูใหก้ ารบ้านนกั เรยี นแตล่ ะคน ใหบ้ ันทึกอาหารท่ตี นเองรับประทานมา 1 วัน ลงในสมุดประจาตวั นักเรยี น ชั่วโมงท่ี 3 ขันสอน (ต่อ) ข้นั สารวจค้นหา 1. ครูตังคาถามว่า หากนักเรียนขาดสารอาหาร จะส่งผลกระทบต่อการดารงชีวิตประจาวันของตนเองหรือไม่ อยา่ งไร (แนวคาตอบ ตอบตามความคิดเหน็ ของนักเรยี น พจิ ารณาคาตอบของนักเรยี นตามดลุ ยพินิจของครูผูส้ อน) 2. ครูตังประเด็นข้อสงสัย และให้นักเรียนร่วมแสดงความคิดเห็นว่า อาหารที่นักเรียนรับประทานใน 1 วัน จะ ไดร้ บั สารอาหารตามความต้องการของร่างกายหรอื ไม่ 3. นักเรียนศึกษาขันตอนการทากจิ กรรมที่ 2 อาหารท่ีร่างกายต้องการ ตอนที่ 2 ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เลม่ 1 หนา้ 29 4. นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมที่ 2 สารอาหารท่ีร่างกายต้องการ ตอนท่ี 2 ปฏิบัติดังนี วิเคราะห์คุณค่า ของสารอาหารแตล่ ะมือวา่ นกั เรยี นไดร้ ับสารอาหารประเภทใดบ้าง และใน 1 วัน ได้รับสารอาหารครบถ้วน ตามความต้องการของร่างกายหรือไม่ อย่างไร แล้วบันทึกผลลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หนา้ 17 (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรยี น โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล) ขัน้ อธบิ ายความรู้ 1. นักเรียนจับคู่แลกเปลี่ยนข้อมูลการวิเคราะห์คุณค่าอาหารของนักเรียนกับเพ่ือนเพ่ือตรวจสอบ ความถกู ตอ้ ง 2. สุ่มนักเรียน 2-3 คน ให้นาเสนออาหารที่รับประทานใน 1 วัน พร้อมผลการวิเคราะห์คุณค่า ของสารอาหาร และให้นักเรียนทุกคนในชันเรียนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับข้อมูลท่ีตัวแทน นกั เรียนนาเสนอ ขัน้ ขยายความเขา้ ใจ 1. นักเรียนแบง่ กลมุ่ โดยนาบัตรภาพชนิดอาหาร (บัตรภาพท่ีได้รบั ในขนั กระตุ้นความสนใจ) มาจับกลุ่มกับเพ่ือน โดยมเี งอ่ื นไขว่า ไม่ให้อยู่กับสมาชกิ กลมุ่ เดิม 2. นักเรียนแต่ละคนสังเกตชนิดอาหารในบัตรภาพว่าบัตรภาพท่ีได้เป็นอาหารชนิดใด แล้วศึกษาเพ่ิมเติมว่า อาหารชนดิ นนั มสี ารอาหารประเภทใดบ้าง และมีประโยชน์อย่างไร 3. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ แลกเปล่ียนขอ้ มลู ทีศ่ ึกษามากับสมาชิกในกลมุ่ 69

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 2 สารอาหารทรี่ า่ งกายตอ้ งการ 4. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ โดยใช้กล่มุ เดิม เพอื่ ทากจิ กรรม “เชฟจวิ๋ ไอเดยี แจว๋ ” ปฏิบตั ิ ดงั นี 1) ใหส้ มาชกิ ในกลมุ่ ระดมสมองรว่ มกนั คดิ เมนูอาหารขนึ มาโดยมีเง่ือนไขว่า ให้ใช้วัตถุดิบจากบัตรภาพชนิด อาหารท่ีสมาชิกในกลุ่มมี เป็นวตั ถุดบิ หลกั ในการทาอาหาร 2) ให้นักเรียนเขียนวัตถุดิบและขันตอนการทาอาหาร พร้อมวาดภาพเมนูอาหาร และบอกว่า อาหารมี สารอาหารประเภทใดบ้างและมีประโยชนอ์ ยา่ งไร โดยเขยี นลงในกระดาษ A4 และตกแต่งใหส้ วยงาม 3) นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มจับค่กู ันเพอ่ื แลกเปลี่ยนความรู้ระหวา่ งกลุ่ม 5. สุ่มนักเรียนบางกลุ่มออกมานาเสนอ เม่ือกลุ่มนันนาเสนอเสร็จ แล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในห้องถาม ขอ้ สงสัยในเรอื่ งท่นี าเสนอไปกับกล่มุ ที่มานาเสนอ และพดู ถึงขอ้ ดแี ละข้อที่ควรปรบั ปรุงของกลุ่มนาเสนอ 6. ครูอธิบายข้อมูลเพ่มิ เติมหรอื แกไ้ ขขอ้ มูลในส่วนที่กลมุ่ นาเสนอบกพร่องไป (หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมนิ นกั เรยี น โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ) ขันสรปุ 1. ครูใหน้ ักเรียนรว่ มกนั สรุปความร้จู ากกิจกรรมว่า สารอาหารแบ่งได้ 6 ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และนา สารอาหารมีพลังงานเพ่ือใช้ทากิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อาหารท่ีมีประโยชน์จะทาให้ร่างกายของเราเจริญเติบโต แข็งแรง ป้องกันการเจ็บป่วยได้ง่าย ถ้าร่างกาย ได้รับสารอาหารไม่ครบทัง 6 ประเภท อย่างท่ีควรได้รับ อาจทาให้เกิดความผิดปกติบางอย่างได้ เนื่องจาก สารอาหารแต่ละประเภทก็มีคุณค่าทางโภชนาการท่ีแตกต่างกันไป หากขาดไปอย่างใดอย่างหน่ึงก็จะ มีผลกระทบต่อการทางานของร่างกาย ขนั ประเมนิ ขนั้ ตรวจสอบผล 1. ครสู นทนากับนักเรียนว่า อาหารของนักเรียนแต่ละกลุ่ม บางกลุ่มอาจมีสารอาหารไม่เพียงพอ ให้แต่ละกลุ่ม ชว่ ยกันคดิ วา่ จะเติมวัตถดุ ิบอะไรบ้างลงไปในอาหาร เพือ่ ให้นักเรียนไดร้ ับสารอาหารครบทกุ ประเภท 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะห์ว่า เมนูอาหารที่นักเรียนทามีสารอาหารครบหรือไม่ ถ้าไม่มีให้นักเรียน คิดเมนูอาหารเพ่ิมเตมิ เพื่อใหไ้ ดร้ บั สารอาหารครบทุกประเภทและบนั ทกึ ลงในสมุด 3. ครูตรวจสอบข้อมลู เมนอู าหารและสารอาหารของนักเรียนในสมดุ ประจาตัวนักเรียน 4. ครูตรวจกิจกรรมหนูตอบได้ในสมุดประจาตัวนักเรียนหรอื แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หนา้ 18 70

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 2 สารอาหารทร่ี ่างกายต้องการ 7. การวดั และประเมนิ ผล รายการวดั วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์ 1) กิจกรรมที่ 2 - ตรวจแผนภาพ - แผนภาพ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ อาหารท่รี ่างกาย - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ฯ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตอ้ งการ วทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 ป.6 เลม่ 1 หนา้ 17 เลม่ 1 หน้า 17 2) กิจกรรมหนูตอบได้ - ตรวจสมุดประจาตวั - ตรวจสมุดประจาตวั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ นกั เรยี นหรือแบบฝึกหัด นักเรยี นหรอื แบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เลม่ 1 วทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 หน้า 18 เลม่ 1 หนา้ 18 3) กิจกรรม “เชฟจ๋ิว - ตรวจเมนูอาหาร - เมนอู าหารของแต่ละกลุ่ม - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ไอเดียแจว๋ ” ในกระดาษ A4 4) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - คณุ ภาพอย่ใู นระดบั ดี การทางาน การทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คล 5) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - คณุ ภาพอย่ใู นระดบั ดี การทางานกลุม่ การทางานกลุม่ การทางานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์ หมายเหตุ : แบบสงั เกตพฤติกรรมประเมินรายเทอม 8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม 1 2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 3) บตั รภาพชนิดอาหาร 4) บตั รภาพขา้ วผัด 5) กระดาษแขง็ 6) สไี ม้ 7) กระดาษ A4 8) สมุดประจาตวั นักเรียน 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) หอ้ งเรยี น 2) อินเทอรเ์ น็ต 71

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ที่ 2 สารอาหารทรี่ า่ งกายตอ้ งการ บตั รภาพชนดิ  ข้าวโพด ขนมปงั ขา้ ว เผอื ก มนั ฝรั่ง มนั เสน้ พาสตา เสน้ บะหมกี่ งึ่ สาเร็จรูป นมถัว่ เหลอื ง เนอ้ื หมู ก้งุ ไก่ ถัว่ ลสิ ง ปู ไข่ ปลา สตรอวเ์ บอร์รี กลว้ ย สับปะรด แอปเปลิ 72

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ที่ 2 สารอาหารทรี่ า่ งกายต้องการ บตั รภาพชนดิ  สม้ องนุ่ อะโวคาโด มะม่วง มะเขอื เทศ แครร์ อต ผกั กาดแดง คะน้า หน่อไม้ เห็ด ฟักทอง ผักกาดแกว้ นา้ มนั พชื กะทิ น้ามันถวั่ เหลือง น้ามันมะพรา้ ว นา้ มนั ข้าวโพด กนุ เชียง หอยแครง ถัว่ พู 73

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ร่างกายของเรา แบบบันทึกหลงั แผนการจดั การเรยี นรู้ แผนฯ ที่ 2 สารอาหารที่ร่างกายตอ้ งการ  ด้านความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน  ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์  ด้านความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์  ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ีปัญหาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี )  ปญั หา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ลงชอื่ ..............................................ผบู้ นั ทกึ (................................................) ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย ข้อเสนอแนะ ลงช่ือ................................................ (................................................) ตาแหน่ง................................................. 74

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 3 แนวทางการเลือกรบั ประทานอาหาร แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 แนวทางการเลือกรบั ประทานอาหาร หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 ร่างกายของเรา ระยะเวลา 3 ชวั่ โมง กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ดั ว 1.2 ป. 6/2 บอกแนวทางในการเลอื กรบั ประทานอาหารให้ไดส้ ารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนท่ีเหมาะสมกับเพศ และวยั รวมทั้งความปลอดภยั ต่อสขุ ภาพ ป. 6/3 ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของสารอาหาร โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนใน สดั สว่ นทเี่ หมาะสมกับเพศและวัย รวมท้ังปลอดภัยตอ่ สุขภาพ 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) บอกแนวทางในการเลอื กรบั ประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถว้ นในสดั สว่ นทีเ่ หมาะสมกับเพศและวัย รวมท้งั ความปลอดภัยต่อสุขภาพได้ (K) 2) เลือกรบั ประทานอาหารทมี่ ีสารอาหารครบถว้ นในสัดส่วนท่ีเหมาะสมกบั ตวั เองได้ (P) 3) ยกตัวอยา่ งความสาคญั ของสารอาหารกับการดารงชีวิตประจาวนั ได้ (A) 3. สาระการเรยี นรู้ แนวทางในการเลือกรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนท่ีเหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้ง ความปลอดภัยต่อสขุ ภาพ 4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การรบั ประทานอาหารเพือ่ ใหร้ า่ งกายเจริญเติบโต มกี ารเปลยี่ นแปลงของรา่ งกายตามเพศและวัย และ มีสุขภาพดี จาเป็นต้องรับประทานให้ได้พลังงานเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนท่ี เหมาะสมกับเพศ และวยั รวมท้ังต้องคานงึ ถึงชนิดและปรมิ าณของวตั ถุเจือปนในอาหารเพื่อความปลอดภยั ต่อสขุ ภาพ 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) ความสามารถในการสื่อสาร 1) การสงั เกต 1) มีวนิ ัย 2) ความสามารถในการคดิ 2) การวดั 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 3) การลงความเห็นจากข้อมูล 3) ม่งุ ม่ันในการทางาน 4) ความสามารถในการใช้ 4) การตีความหมายและลงขอ้ สรุป เทคโนโลยี 75

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ที่ 3 แนวทางการเลอื กรบั ประทานอาหาร 6. กิจกรรมการเรยี นรู้  แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model ชั่วโมงที่ 1 ขนั้ นา ขนั้ กระตนุ้ ความสนใจ 1. ครสู ุม่ เลือกนักเรยี น 2 คน ใหน้ าเสนอเมนอู าหาร 1 มอ้ื ทร่ี บั ประทาน โดยครเู ขยี นคาตอบไว้หนา้ กระดาน 2. นักเรียนในชั้นเรียนช่วยกันตอบคาถามว่า อาหารที่ตัวแทนนักเรียนนาเสนอมีสารอาหารประเภทใดบ้าง ได้จากอาหารชนดิ ใด แนวทางการตอบคาถาม - นักเรียนคนที่ 1 ถ้าม้ือเช้า/กลางวัน รับประทาน ข้าวผัดกุ้งใส่ไข่ และส้ม 1 ผล เขาจะได้รับสารอาหาร ประเภทใดบ้าง และไดร้ ับจากสว่ นประกอบใดของอาหาร (แนวคาตอบ - โปรตีน ไดจ้ าก ไข่ กงุ้ - คาร์โบไฮเดรต ไดจ้ าก ขา้ ว - วติ ามินและเกลอื แร่ ไดจ้ าก กุ้ง ผักและผลไม้ - ไขมนั ไดจ้ าก นา้ มัน เปน็ ต้น) - นักเรียนคนท่ี 2 ถ้ามื้อเช้า/กลางวันรับประทาน ข้าวหมูทอด มะม่วงสุก 1 ผล เขาจะได้รับสารอาหาร ประเภทใดบา้ ง และไดร้ บั จากส่วนประกอบใดของอาหาร (แนวคาตอบ - โปรตนี ได้จาก หมู - คารโ์ บไฮเดรต ได้จาก ข้าว - วติ ามนิ และเกลอื แร่ ได้จาก มะมว่ ง - ไขมนั ได้จาก นา้ มนั ที่ทอดหมู เปน็ ตน้ ) 3. ครตู ง้ั คาถามเพ่อื กระตุ้นความสนใจของนักเรยี นดงั น้ี - นักเรียนคนท่ี 1 กับนักเรียนคนที่ 2 มีอายุ 12 ปีเท่ากัน ถ้าสมมติว่า นักเรียนคนท่ี 1 ต้องไปเตะฟุตบอล ส่วนนกั เรยี นคนที่ 2 ซ้อมวาดภาพ ใครนา่ จะใชพ้ ลงั งานมากกวา่ กัน เพราะอะไร (แนวคาตอบ นักเรียนคนท่ี 1 ใช้พลังงานมากกว่า เพราะการเตะฟุตบอลต้องเคล่ือนไหวส่วนต่างๆ ของ ร่างกายมากกว่าการเรียนวาดภาพ ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งการพลงั งานในการทากจิ กรรมมากกวา่ ) - นักเรยี นคิดว่า ในวัยของนกั เรยี นควรได้รบั พลงั งานเท่าไรตอ่ วนั (แนวคาตอบ 1,700 แคลลอร่ี) (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล) 76

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 3 แนวทางการเลอื กรับประทานอาหาร 4. ครูให้นักเรียนดูตารางที่ 2.2 ความต้องการพลังงานของคนไทยใน 1 วัน ในหนังสือวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 37 พรอ้ มอธิบายว่า ความต้องการพลงั งานใน 1 วันของแต่ละเพศและวัยแตกต่างกันดังน้ัน ควรรับประทาน อาหารในปริมาณท่เี หมาะสมกบั เพศและวัยของตนเอง ขั้นสอน ขัน้ สารวจค้นหา 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 4-5 คน โดยที่สมาชิกในกลุ่มคละความสามารถกัน แล้วศึกษาข้ันตอนการทา กจิ กรรมท่ี 3 พลังงานที่ไดร้ ับจากอาหาร ในหนังสือวทิ ยาศาสตรฯ์ ป.6 เล่ม 1 หน้า 38 2. นกั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมที่ 3 พลงั งานท่ไี ดร้ ับจากอาหาร ปฏบิ ตั ดิ ังนี้ 1) นักเรียนแต่ละคนสารวจรายการอาหารจากตารางแสดงค่าพลังงานของตัวอย่าง ในหนังสือ เรียน วิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เลม่ 1 หนา้ 38 2) เลอื กรายการอาหารท่ีนกั เรียนตอ้ งการรบั ประทานมาคนละ 2 รายการ 3) สบื คน้ ข้อมูลสว่ นประกอบของอาหารและประเภทของสารอาหารที่นักเรียนเลือกบันทึกลงในสมุดประจาตัว นกั เรียน 4) นักเรียนนาเสนอเมนูอาหาร และข้อมูลส่วนประกอบของอาหารและประเภทของสารอาหารที่สืบค้น มานาเสนอกบั สมาชิกในกล่มุ ของตนเอง 5) นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกรายการอาหารท่ีต้องการรับประทานใน 1 วัน จากรายการอาหารท่ีสมาชิกในกลุ่ม นาเสนอ โดยต้องคานึงถึงสารอาหารและพลังงานในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัยของนักเรียนจากนั้น ระบุปรมิ าณสัดสว่ นของอาหารแต่ละส่วนทปี่ ระกอบในอาหารแล้วบันทึกลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 20-21 6) นักเรียนสมาชิกในกลุ่มช่วยกันคานวณปริมาณพลังงานของอาหารทั้งหมดใน 1 วัน แล้วบันทึกผลลงใน แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 21 7) ตวั แทนนักเรียนนาเสนอเมนูอาหารทีร่ ับประทานใน 1 วนั ของกลมุ่ พร้อมบอกปรมิ าณพลังงานท่ีไดร้ บั 8) นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับสัดส่วนของอาหารท่ีควรบริโภคตามหลักธงโภชนาการ และปริมาณพลังงานท่ี ร่างกายตอ้ งการต่อวันจากหนงั สอื วทิ ยาศาสตรฯ์ ป.6 เลม่ 1 หนา้ 41 หรือแหล่งเรียนรตู้ า่ งๆ 9) นักเรียนเปรียบเทียบสัดส่วนของอาหารและปรมิ าณพลังงานจากอาหารท่ไี ดร้ ับ 1 วัน (ที่เลือกไว้) กับข้อมูลท่ี สืบค้นมา แล้วบนั ทกึ ลงในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตรฯ์ ป.6 เล่ม 1 หน้า 22 10) นกั เรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั วเิ คราะหส์ ดั ส่วนของสารอาหาร ปริมาณพลังงาน และประเภทของอาหารที่ได้รับ จากอาหารว่า เหมาะสมกับเพศและวัยของตนเองหรือไม่ อย่างไร แล้วบันทึกผลลงในแบบฝึก หัด วทิ ยาศาสตรฯ์ ป.6 เลม่ 1 หน้า 22 (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นกั เรยี น โดยการสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ ) 77

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 3 แนวทางการเลือกรับประทานอาหาร ขั้นอธบิ ายความรู้ 1. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอขอ้ มลู การวเิ คราะหส์ ดั สว่ นของสารอาหาร ปริมาณพลังงาน และประเภทของอาหารท่ี ไดร้ บั จากอาหารว่า เหมาะสมกบั เพศและวัยของตนเองหรอื ไม่ อยา่ งไร 2. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับความต้องการพลังงานในแต่ละวัน และการรับประทานอาหารใน สัดส่วนท่ีเหมาะสมกับเพสและวยั ในประเดน็ ต่อไปนี้ - ใน 1 วนั นักเรียนต้องการปริมาณพลงั งานเท่าไร (แนวคาตอบ ต้องการปริมาณพลงั งาน 1,700 กโิ ลแคลอร่ี) - หากเราไดร้ ับพลังงานน้อยกว่าปรมิ าณพลงั งานทีร่ า่ งกายต้องการจะสง่ ผลอย่างไรต่อร่างกาย (แนวคาตอบ เราจะรสู้ ึกอ่อนเพลีย มึนงง ไมส่ ดชนื่ และไม่มีแรง) - หากเราได้รบั พลังงานมากกว่าปริมาณพลงั งานที่ร่างกายต้องการใน 1 วันจะส่งผลอย่างไรตอ่ ร่างกาย (แนวคาตอบ พลงั งานน้นั สะสมอยใู่ นรูปไขมันจึงเป็นสาเหตุให้เกดิ โรคอ้วนได้) - การรับประทานอาหารเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพดีนั้นจาเป็นต้องได้รับสารอาหารแต่ละ ประเภทให้ครบถ้วนในปริมาณที่เหมาะสม นักเรียนคิดว่า สัดส่วนการรับประทานอาหารท่ีเหมาะสมกับ วยั ของนกั เรียนควรมีปริมาณเทา่ ไร (แนวคาตอบ ตอบตามความคิดเหน็ ของนักเรยี น) 3. ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า นอกจากกลุ่มอาหารในธงโภชนาการท่ีร่างกายต้องการในสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว น้าก็เป็น สารอาหารที่ร่างกายขาดไม่ได้ ดังนั้นใน 1 วัน เราควรดื่มน้าสะอาดประมาณ 7-8 แก้ว หรือดื่มให้เพียงพอกับ ความตอ้ งการของรา่ งกาย 4. นักเรียนทากิจกรรมหนูตอบได้ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 39 บันทึกลงในสมุดประจาตัว นกั เรยี นหรอื ทาในแบบฝกึ หัดฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 23 ช่ัวโมงท่ี 2 ข้ันสอน (ต่อ) ขน้ั สารวจคน้ หา 1. ครูสุ่มให้นักเรียนบอกเมนูอาหารท่ีรับประทานมาในตอนเช้า และตั้งคาถามว่า ถ้าในมื้ออาหารของนักเรียนไม่มี ข้าว นกั เรยี นคิดวา่ สามารถรับประทานอาหารชนิดใดทดแทนได้ (แนวคาตอบ บะหมี่ ขนมปัง) 2. นกั เรยี นศึกษา การเปรยี บเทียบสัดสว่ นของอาหาร ในหนังสือวทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 เลม่ 1 หนา้ 42 3. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 4-5 คน (ใช้กลุ่มเดิมชั่วโมงท่ีแล้ว) จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันวางแผนในการ เลอื กรบั ประทานอาหารในสดั ส่วนทีเ่ หมาะสมกับตนเอง เพ่ือให้ได้รบั สารอาหารและปริมาณพลังงานที่เพียงพอกับ ความต้องการของรา่ งกาย โดยบนั ทึกลงในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เลม่ 1 หน้า 22 (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมนิ นักเรยี น โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ ) 78

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ที่ 3 แนวทางการเลอื กรบั ประทานอาหาร ขั้นอธบิ ายความรู้ 1. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ส่งตวั แทนนาเสนอแนวทางการเลอื กรับประทานอาหาร 2. นักเรยี นในห้องร่วมอภปิ รายแสดงความคิดเห็นว่า ปริมาณและสัดส่วนอาหารที่ตัวแทนกลุ่มนาเสนอเหมาะสมกับ ความตอ้ งการของรา่ งกายหรือไม่ อยา่ งไร 3. นักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี - อกี 50 ปีข้างหน้านักเรียนคิดว่า นักเรียนจะรับประทานอาหารในปริมาณและสัดส่วนเหมือนกับปัจจุบัน หรือไม่ (แนวคาตอบ ไม่เหมือน เพราะอีก 50 ปีข้างหน้าจะเป็นวัยชรา จึงต้องการโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และ ไขมนั น้อยลง) - นกั เรยี นคิดว่าคนแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ คนป่วย คนที่ต้ังครรภ์ เป็นต้น กลุ่มคนเหล่าน้ี ต้องได้รับ ปริมาณอาหารเท่าไร สารอาหารใดบ้างท่ีจาเป็น และต้องการในปริมาณเท่าไร และไม่ควรรับประทาน อาหารชนิดใด (แนวคาตอบ ตอบตามความคิดเห็นของนกั เรียน) 4. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ 6 กลมุ่ แลว้ ให้แตล่ ะกลุม่ สง่ ตัวแทนมาจบั สลากว่าแต่ละกลุ่มจะได้รับหัวข้องใดตอ่ ไปนี้ 1) วัยเด็ก 2) วยั ร่นุ 3) วัยผใู้ หญ่ 4) วยั ชรา 5) สตรีตั้งครรภ์ 6) นกั กีฬา 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ว่า กลุ่มคนท่ีนักเรียนจับสลากได้ ต้องการปริมาณอาหาร เท่าไร สารอาหารใดบ้างท่ีจาเปน็ และควรบรโิ ภคสารอาหารแต่ละประเภทมากน้อยเพียงใด 6. เมื่อแตล่ ะกลมุ่ สบื ค้นข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ครูให้นักเรียนดูภาพเมนูอาหารทีละภาพ (มี 3-5 ภาพ พิจารณาจานวน ภาพที่ใช้ตามความเหมาะสมของเวลา) แล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแสดงความคิดเห็นว่า เมนูอาหารนี้ กลุ่มคนท่ี นักเรียนจบั สลากได้ควรรบั ประทานหรือไม่ พรอ้ มเหตผุ ล (ทุกกลมุ่ ตอ้ งแสดงความคิดเห็น) 7. นักเรียนตอบคาถามเพื่อสรุปกจิ กรรมว่า - ถ้านักเรียนต้องซ้อมดนตรีทุกวนั เชน่ ตกี ลอง นักเรยี นคดิ ว่ารา่ งกายต้องการปรมิ าณอาหารเพิ่มข้ึน หรือ ลดลง (แนวคาตอบ ต้องการอาหารเพมิ่ ขึน้ เพอื่ ไปใช้ในการทากิจกรรมตา่ งๆ) - การกนิ อาหารม้ือเชา้ มคี วามจาเปน็ หรอื ไม่เพราะอะไร (แนวคาตอบ จาเปน็ เพราะเป็นชว่ งท่รี ่างกายต้องการสารอาหารและพลังงานเพื่อประกอบกจิ กรรมตา่ งๆ ในแต่ละวัน) 79

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ที่ 3 แนวทางการเลือกรับประทานอาหาร - นกั เรยี นคดิ แนวทางการเลือกรบั ประทานอาหารของผปู้ ว่ ยโรคเบาหวานควรเป็นอย่างไร (แนวคาตอบ ผู้ท่ีเป็นเบาหวานควรมีการควบคุมปริมาณอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตให้อยู่ในสัดส่วนที่ เหมาะสม เพราะอาหารท่ีมีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบจะมผี ลทาใหร้ ะดับน้าตาลในเลือดเพ่ิมข้ึนมาก ท่ีสุด อาหารที่รับประทานได้อย่างปลอดภัย ไม่จากัดจานวนบริโภคอาหารท่ีให้พลังงานต่า และมีเส้นใย อาหารสูง โดยเฉพาะผักใบเขียว และผักที่มีสีเหลืองจะทาให้การดูดซึมน้าตาลช้าลง อาหารที่ ควรหลีกเล่ียงอาหารที่มีนา้ ตาลสูง หรอื มีรสหวานจดั ผลไม้ทม่ี ีรสหวานเครอื่ งด่ืมท่มี รี สหวาน) - ถ้านักเรียนตอ้ งการทาอาหารให้คุณยายมณี อายุ 80 ปี นกั เรยี นคดิ วา่ ควรจัดอาหารอยา่ งไรใน 1 มอ้ื (แนวคาตอบ การจัดอาหารให้ผู้สูงอายุคือ ใน 1 มื้อ ให้มีผักผลไม้รวมแล้วได้ปริมาณคร่ึงหน่ึงของจานท่ี บรโิ ภคต่อวนั ขา้ วแปง้ ¼ จานที่บรโิ ภค และเนือ้ สัตว์ ไข่ ถ่ัวเมลด็ แหง้ รวมกันได้ปรมิ าณ ¼ จานที่บริโภค นอกจากนนั้ ให้ดื่มนมวนั ละ 1 – 2 แกว้ ดมื่ นา้ วนั ละ 8 แก้ว) 8. ให้นักเรียนร่วมกันสรุปผลการทากิจกรรมว่า อาหารแต่ละประเภทให้คุณค่าของสารอาหารแตกต่างกัน การรับประทานอาหารในแต่ละมื้อจึงต้องคานึงปริมาณและคุณค่าของสารอาหารท่ีได้รับให้เหมาะสมกับเพศ วยั และสภาพแวดลอ้ มของแตล่ ะบคุ คล ชวั่ โมงท่ี 3 ข้นั สอน (ต่อ) ข้ันอธบิ ายความรู้ 9. ครตู ้งั คาถามว่า ถา้ รับประทานอาหารมากเกนิ ไปทุกม้ือจะเปน็ อยา่ งไร (แนวคาตอบ ถ้าเราได้รับพลังงานมากกวา่ ความต้องการของรา่ งกาย พลงั งานที่ไม่ไดใ้ ชน้ น้ั จะถกู สะสมอยูใ่ นรปู ไขมนั ) 10. นกั เรียนดูบตั รภาพคนอว้ น (อ้วนจากการรบั ประทานอาหารมากเกนิ ไป) จากนั้นครูตั้งประเด็นปัญหาเพ่ืออภิปราย รว่ มกนั วา่ เพราะเหตุใดบุคคลในภาพจึงมเี ป็นโรคอ้วนจนได้ข้อสรุปว่า สาเหตทุ บี่ คุ คลในภาพมีน้าหนักเกินอาจเกิด จาก การรับประทานอาหารไม่ว่าจะเป็นประเภทแป้ง หรือโปรตีนหากพลังงานท่ีได้รับเกินความต้องการ ร่างกาย ก็จะสะสมอาหารส่วนเกินเหล่านั้นในรูปไขมัน สะสมมากข้ึนจนกลายเป็นโรคอ้วน ดังนั้น คนท่ีอ้วนเกิดจาก รับประทานอาหารทีม่ ีพลังงานมากกว่าพลงั งานทเี่ ราใช้ไป 11. ครตู ง้ั ประเดน็ คาถามเพอ่ื กระตุน้ ใหน้ กั เรียนเกดิ ข้อสงสยั ตอ่ ไปน้ี - อาหารชนดิ ใดบ้างทท่ี าใหม้ ีความเส่ียงในการเปน็ โรคอ้วน (แนวคาตอบ ตามความคดิ เห็นนกั เรยี น เช่น มันฝรั่งทอด เคก้ เป็นตน้ ) - มันฝรัง่ ทอด มใี ครชอบทานบ้าง และเพราะอะไรจงึ ชอบทาน (แนวคาตอบ เพราะ มสี ีสันสวยงามน่ากนิ รสชาติอร่อย) - รสชาตติ า่ งๆ ของอาหารเกิดจากส่ิงใด (แนวคาตอบ เคร่อื งปรุงเช่น นา้ ปลา น้าตาล เกลือ ผงชรู ส เปน็ ตน้ ) 80

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 3 แนวทางการเลอื กรบั ประทานอาหาร - สีสนั ของอาหารบางชนิดได้มาจากส่งิ ใด (แนวคาตอบ ได้มาจากสีผสมอาหาร หรอื สจี ากธรรมชาติ เช่น สนี า้ เงินจากดอกอญั ชัน) 12. ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ ว่าอาหารทีเ่ รารับประทานในแต่ละมอื้ นอกจากจะมีส่วนประกอบของอาหารเช่น หมู เนื้อ ปลา ไก่ และผักต่าง ๆ แล้ว ผู้ปรุงอาหารมักเติมสารต่างๆ ลงไปอีกด้วย บางชนิดก็ใส่ลงไปเพ่ือให้มีรสชาติดีหรืออร่อย ขึ้น บางชนิดใส่ลงไปเพ่ือไม่ให้อาหารบูดหรือเน่าเสีย ช่วยให้อาหารกรอบ และช่วยให้อาหารน่ารับประทาน เป็นต้น สารต่างๆ ท่ีใส่ลงไปในอาหารเหล่าน้ีจัดว่าเป็นสารปรุงแต่งอาหารหรือสารเจือปนในอาหารทั้งส้ิน ทาให้มี สี กล่ินรส ชวนรบั ประทาน 13. ครูเปิดวีดีโอ เยน็ ตาโฟ จาก YouTube ใหน้ กั เรียนดู 14. นักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเปน็ กลุ่มละ 4-5 คน โดยแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะหว์ ่า เย็นตาโฟ มีสารเจอื ปนอะไรบ้าง ลง ในกระดาษ A4 15. ครูเขียนตารางวัตถุเจือปนในเย็นตาโฟและสารอาหารบนกระดาน แล้วให้นักเรียนในห้องช่วยกันแสดงความ คดิ เหน็ ว่า สารอาหารในสารเจอื ปนแตล่ ะชนิดมสี ารอาหารอะไรบ้าง 16. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปวา่ วตั ถุเจอื ปนในอาหาร คือ สารท่ีผสมอย่ใู นอาหารไดจ้ ากการเติมลงไปในขณะปรุง อาหาร เปน็ สารทีท่ าให้เกดิ กล่ิน สี รส บางชนดิ มีคณุ ค่า บางชนิดทาใหเ้ กิดโทษต่อร่างกายควรเลอื กอาหารท่ีไม่มี สารเจอื ปนทีท่ าใหเ้ ปน็ อันตรายตอ่ รา่ งกายของเรา สารอาหาร น้า วัตถุเจอื ปนในอาหาร  โปรตีน คารโ์ บไฮเดรต ไขมนั เกลอื แร่ วติ ามิน - 1) นา้ ปลา  - -  - 2) เกลอื - - --  3) น้าตาล -  --- - - 4) นา้ ส้มสายชู -  --- - 5) พรกิ - - -  6) สี - - - - - 7) สารกนั บูด - - --- 81

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 3 แนวทางการเลอื กรับประทานอาหาร 17. นกั เรียนสารวจพฤตกิ รรมของตนเอง โดยให้นกั เรียนเขียนข้อ 1 ถงึ 9 ลงในสมุดประจาตัวนักเรียน จากนั้นครูอ่าน การปฏิบัติตนตามหลักโภชนบัญญัติ 9 ประการ ถ้าข้อไหนนักเรียนมีพฤติกรรมเหมือนที่ครูอ่านให้เขียน เครือ่ งหมายถกู ถ้าไมไ่ ดป้ ฏิบตั ใิ หเ้ ขยี นเครือ่ งหมายกากบาท คาถาม 1) กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลายและหม่นั ดแู ลนา้ หนักตัว 2) กินขา้ วเปน็ หลกั สลับกบั อาหารประเภทแปง้ บางม้ือ 3) กนิ พืชผกั ใหม้ ากและกนิ ผลไมเ้ ป็นประจา 4) กินปลา เนือ้ สัตวไ์ มต่ ิดมนั ไข่ และถว่ั เมลด็ แห้งเปน็ ประจา 5) ดม่ื นมใหเ้ หมาะสมตามวยั 6) กินอาหารทม่ี ีไขมันแตพ่ อควร 7) หลกี เลย่ี งการกินอาหารท่หี วานจัดและเคม็ จดั 8) กนิ อาหารท่สี ะอาด ปราศจากการปนเปือ้ น 9) งดหรือลดเครือ่ งด่ืมทมี่ แี อลกอฮอล์ (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นกั เรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล) 18. ครูอธิบายว่า โภชนบัญญัติ 9 ประการ เป็นแนวทางปฏิบัติในการกินอาหารเพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร และ การรบั ประทานอาหารชนดิ ใดชนดิ หน่งึ มากเกนิ ไป รวมถงึ การปอ้ งกันพษิ ภัยจากอาหารทรี ับประทาน 19. นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุปความรู้เกี่ยวกับเร่ืองท่ีได้เรียนรู้จากบทท่ี 1 ในรูปแบบต่างๆ เช่น แผนผังความคิด แผนภาพ ลงในสมดุ ประจาตวั นกั เรยี น 20. นักเรียนทุกคนศึกษาแผนผังความคิด สรุปสาระสาคัญ ประจาบทที่ 1 จากหนังสือวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 46 เพ่ือตรวจสอบกับการเขียนสรปุ ความรทู้ ี่นกั เรยี นทาไว้ในสมดุ ประจาตัวนกั เรียน ขัน้ ขยายความเขา้ ใจ 1. นักเรียนทากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในหนังสือวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 47 โดยให้นักเรียนแต่ละคนเสนอ เมนูอาหารใน 1 วัน ให้แก่สมาชิกในครอบครัวของตนเอง ลงในสมุดประจาตัวนักเรียน พร้อมระบุช่ือเมนูอาหาร และสารอาหารที่มีอยู่ในเมนูน้ัน รวมท้ังบอกปริมาณพลังงานของอาหารแต่ละหมู่ แล้วตกแต่งให้สวยงาม โดยมขี ้อกาหนดดังน้ี 1) เมนอู าหารท่ีแนะนาตอ้ งใหส้ ารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนท่ีเหมาะสมกับเพศและวยั ของสมาชิกในครอบครวั แต่ละคน รวมทั้งมคี วามปลอดภัยตอ่ สขุ ภาพ 2) เมนูอาหารที่แนะนาต้องให้ปริมาณพลังงานท่ีเพียงพอต่อความต้องการใน 1 วัน ของสมาชิกในครอบครัว แตล่ ะคน 2. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 คนให้ออกมานาเสนอ เมนูอาหารใน 1 วันสาหรับสมาชิกในครอบครัว (ครูพิจารณา จานวนนักเรยี นท่นี าเสนอตามความเหมาะสมของเวลา) 82

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ที่ 3 แนวทางการเลือกรับประทานอาหาร 3. นักเรียนตอบคาถามว่า หากรับประทานอาหารใน 1 วัน ได้รับสารอาหารครบถ้วนและเหมาะสมกับเพศและวัย แต่ไดป้ รมิ าณพลังงานไม่เพียงพอต่อความต้องการ จะเกดิ ผลอย่างไร (แนวคาตอบ จะรสู้ กึ อ่อนเพลีย มนึ งง ไมส่ ดช่ืน ไม่มแี รง เพราะปรมิ าณพลงั งานทไ่ี ด้รบั น้อยกว่าความตอ้ งการของ รา่ งกาย) 4. นักเรียนทากิจกรรมฝึกทักษะบทท่ี 1 จากหนังสือวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 48 -49 ในแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตรฯ์ ป.6 เลม่ 1 หนา้ 24-26 5. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4-5 คน จากนั้นศึกษากิจกรรมสร้างสรรค์ผลงงานจากหนังสือวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 50 โดยครูมอบหมายให้ทานอกชัว่ โมงเรียน แล้วนามาสง่ ในชั่วโมงต่อไป (หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรยี น โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล) ขนั้ สรุป 1. นกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้ว่า การรับประทานอาหารเพ่ือให้ร่างกายเจริญเติบโตนั้น จาเป็นต้องรับประทานให้ได้ ปริมาณพลังงานงานเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และได้สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับ เพศและวัย โดยสามารถปฏิบัติได้ตามหลักโภชนบัญญัติ 9 ประการ นอกจากนี้ เราควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทาจิตใจให้เบิกบานแจ่มใส ขับถ่ายให้เป็นเวลา รวมทั้งหม่ันออกกาลังกายสม่าเสมอ ก็จะช่วยให้ร่างกายของเรา เจรญิ เติบโต สมสว่ น และมสี ขุ ภาพดี ข้ันประเมิน ขั้นตรวจสอบผล 1. นกั เรยี นจบั กลุ่มแลว้ แลกเปลี่ยนสมดุ ประจาตวั นักเรยี นกบั เพื่อนในกล่มุ เพื่อตรวจสอบเมนูอาหารใน 1 วันสาหรับ สมาชิกในครอบครัวของนกั เรยี น หากมขี อ้ ผดิ พลาดให้แกไ้ ขใหถ้ กู ต้อง 2. นกั เรียนทากิจกรรมตรวจสอบตนเอง ในหนังสือเรยี นวิทยาศาสตรฯ์ ป.6 เล่ม 1 หน้า 47 3. ครูตรวจบันทึกข้อมูลการทากิจกรรมท่ี 3 พลังงานที่ได้รับจากอาหาร ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 20-22 4. ครูตรวจกิจกรรมฝึกทักษะบทท่ี 1 จากสมุดประจาตัวนักเรียนหรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 24-26 5. ครูตรวจกิจกรรมหนูตอบได้ในสมดุ ประจาตวั นกั เรียนหรือในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตรฯ์ ป.6 เล่ม 1 หนา้ 18 6. ครปู ระเมนิ ผลงานโปสเตอรแ์ นวทางการเลือกรับประทานอาหารแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.6 เลม่ 1 หนา้ 18 83

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ที่ 3 แนวทางการเลือกรับประทานอาหาร 7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวดั วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน 1) โปสเตอรแ์ นวทาง - ประเมนิ ผลงาน - แบบประเมนิ ผลงาน - คุณภาพอยใู่ นระดับดี การเลือก - แบบฝึกหดั ผา่ นเกณฑ์ วิทยาศาสตร์ฯ ป.6 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ รับประทานอาหาร เล่ม 1 หน้า 20-22 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 2) กิจกรรมที่ 3 - ตรวจแบบฝึกหัด - สมดุ ประจาตวั นกั เรียน - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ พลังงานท่ีไดร้ บั จาก วทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 - สมุดประจาตวั นักเรียน - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ หรอื แบบฝึกหดั อาหาร เล่ม 1 หนา้ 20-22 วิทยาศาสตร์ฯ ป.6 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ เล่ม 1 หนา้ 18 - คณุ ภาพอย่ใู นระดับดี 3) กิจกรรมพัฒนาการ - ตรวจสมุดประจาตัว - แบบฝึกหดั ผ่านเกณฑ์ เรียนรู้ นกั เรียน วิทยาศาสตร์ฯ ป.6 - คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี เล่ม 1 หน้า 24-26 4) กจิ กรรมหนตู อบได้ - ตรวจสมุดประจาตวั ผ่านเกณฑ์ นกั เรียนหรอื แบบฝึกหดั - สมุดประจาตัวนักเรียน 5) กจิ กรรมฝกึ ทักษะ วทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 เลม่ บทที่ 1 1 หนา้ 18 - แบบสังเกตพฤติกรรม การทางานรายบคุ คล 6) สรุปสาระสาคัญ - ตรวจแบบฝึกหดั ประจาบทที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 - แบบสังเกตพฤติกรรม เลม่ 1 หนา้ 24-26 การทางานกลุ่ม - ตรวจสมุดประจาตวั นกั เรยี น 7) พฤติกรรม - สงั เกตพฤติกรรม การทางาน การทางานรายบคุ คล รายบุคคล - สงั เกตพฤตกิ รรม 8) พฤติกรรม การทางานกลุม่ การทางานกลมุ่ หมายเหตุ : แบบสงั เกตพฤติกรรมประเมินรายเทอม 84

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 3 แนวทางการเลือกรบั ประทานอาหาร 8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เลม่ 1 3) วสั ดุ-อปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นกิจกรรมที่ 3 พลังงานท่ีได้รบั จากอาหาร 4) วสั ดุ-อปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นกิจกรรมสร้างสรรค์ผลงาน 5) บัตรภาพเมนอู าหาร 5 ชนดิ 6) บัตรภาพคนอว้ น 7) สมุดประจาตวั นักเรียน 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมุด 3) อินเทอร์เน็ต 85

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 รา่ งกายของเรา  แผนฯ ท่ี 3 แนวทางการเลือกรบั ประทานอาหาร บตั รภาพเมนูอาหาร 86

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 ร่างกายของเรา  แผนฯ ท่ี 3 แนวทางการเลอื กรบั ประทานอาหาร บตั รภาพเมนูอาหาร 87

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 รา่ งกายของเรา  แผนฯ ท่ี 3 แนวทางการเลือกรบั ประทานอาหาร บตั รภาพเมนูอาหาร บตั รภาพคนอว้ น 88

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 รา่ งกายของเรา แบบบนั ทกึ หลังแผนการจดั การเรยี นรู้ แผนฯ ที่ 2 สารอาหารทร่ี ่างกายตอ้ งการ  ด้านความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์  ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์  ด้านอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมทม่ี ีปัญหาของนักเรยี นเปน็ รายบุคคล (ถ้าม)ี )  ปญั หา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ลงชื่อ..............................................ผบู้ นั ทกึ (................................................) ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรอื ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ................................................ (................................................) ตาแหนง่ ................................................. 89

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 รา่ งกายของเรา ระยะเวลา 3 ชว่ั โมง แผนฯ ท่ี 4 ระบบย่อยอาหาร (1) ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 ระบบย่อยอาหาร (1) หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 รา่ งกายของเรา กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ัด ว 1.2 ป. 6/4 สร้างแบบจาลองระบบย่อยอาหาร และบรรยายหน้าทข่ี องอวัยวะในระบบย่อยอาหาร รวมทงั้ อธบิ าย การยอ่ ยอาหารและการดูดซมึ สารอาหาร 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) ระบุและบรรยายหน้าท่ีของแตล่ ะอวยั วะในระบบย่อยอาหารได้ (K) 2) อธิบายการย่อยและการดดู ซมึ สารอาหารในระบบย่อยอาหารได้ (K) 3) สรา้ งแบบจาลองระบบย่อยอาหารได้ (P) 4) ยกตวั อย่างความสาคญั ของระบบยอ่ ยอาหารต่อการดารงชีวิตประจาวันได้ (A) 3. สาระการเรยี นรู้ ระบบย่อยอาหาร 4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด ระบบย่อยอาหารประกอบด้วยอวัยวะต่าง ๆ ได้แก่ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลาไส้เล็ก ลาไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตับ และตบั ออ่ น ซงึ่ ทาหน้าทีร่ ่วมกันในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร 5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) ความสามารถในการส่ือสาร 1) การสงั เกต 1) มีวนิ ยั 2) ความสามารถในการคิด 2) การลงความเห็นจากข้อมูล 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3) การสร้างแบบจาลอง 3) มุง่ มน่ั ในการทางาน 4) ความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี 90

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 4 ระบบยอ่ ยอาหาร (1) 6. กจิ กรรมการเรียนรู้  แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model ชว่ั โมงที่ 1 ขัน้ นา ขน้ั กระตุน้ ความสนใจ 1. นกั เรยี นดภู าพในหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 51 จากนั้นตอบคาถามเพื่อทบทวนความรู้เดิมและ กระตุ้นความสนใจ - นกั เรยี นคดิ ว่า สตรอวเ์ บอรร์ ี่ฃมีสารอาหารประเภทใดบ้าง (แนวคาตอบ วติ ามนิ ) - เราจะนาสารอาหารในอาหารทีร่ บั ประทานไปใช้ได้อยา่ งไร (แนวคาตอบ ตอบตามความคดิ เห็นของนกั เรยี น เช่น รบั ประทานอาหารเข้าไปทางปาก เคี้ยวอาหารและ กลืนลงไปซงึ่ เปน็ การยอ่ ยอาหารโดยกระบวนการในระบบย่อยอาหารและร่างกายดูดซึมสารอาหาร) - การเคี้ยวอาหารเกยี่ วข้องกับระบบย่อยอาหารหรือไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ เก่ียวข้อง เพราะเป็นจุดเร่ิมต้นของระบบย่อยอาหาร ทาหน้าท่ีเคี้ยว บดอาหารให้มีขนาด เล็กลง) - ระบบย่อยอาหารสาคัญกบั ร่างกายอยา่ งไร (แนวคาตอบ ตอบตามความคดิ เห็นของนกั เรียนอย่างอิสระ) 2. นักเรียนอ่าน ชวนอ่านชวนคิดก่อนเรียน ตอน การเดินทางของอาหารในร่างกาย ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หนา้ 52 จากนนั้ ตอบคาถามต่อไปนี้ - ระบบย่อยอาหารเป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในร่างกาย เพื่อนๆ คิดว่า ระบบย่อยอาหาร ประกอบดว้ ยอวัยวะใดบา้ ง และแตล่ ะอวัยวะทาหน้าที่อย่างไร (แนวคาตอบ ตอบตามความคิดเห็นของนักเรยี น เชน่ กระเพาะอาหารทาหนา้ ทยี่ อ่ ยอาหาร) 3. นกั เรียนตอบคาถามเพอ่ื นาเข้าสู่กจิ กรรมการเรียนรู้ว่า อวัยวะตา่ งๆ ในระบบยอ่ ยอาหารทาหน้าทีอ่ ย่างไร (ใหน้ กั เรียนตอบอย่างอสิ ระ โดยครูยังไม่เฉลยคาตอบ) ข้นั สอน ข้นั สารวจคน้ หา 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 5-6 คน จากนั้นให้ต้ังช่ือกลุ่ม ซ่ึงจะเรียกกลุ่มของนักเรียนนี้ว่า Home Group จากนั้นศึกษาขั้นตอนการทากิจกรรมที่ 1 แบบจาลองระบบย่อยอาหาร ในหนังสือวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 54 91

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ที่ 4 ระบบย่อยอาหาร (1) 2. นกั เรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรมท่ี 1 แบบจาลองระบบยอ่ ยอาหาร ตอนที่ 1 โดยปฏบิ ัติ ดงั น้ี 1) แบง่ หนา้ ทส่ี มาชิกในกลุ่ม Home Group ดังน้ี - คนที่ 1 ศกึ ษาความรู้ เรอ่ื ง ปากและหลอดอาหาร - คนที่ 2 ศึกษาความรู้ เรื่อง ตบั และตับออ่ น - คนที่ 3 ศึกษาความรู้ เรอื่ ง กระเพาะอาหาร - คนท่ี 4 ศกึ ษาความรู้ เรอื่ ง ลาไสเ้ ล็ก - คนที่ 5 ศึกษาความรู้ เรื่อง ลาไสใ้ หญ่ 2) สมาชิกในกลุ่ม (Home Group) แยกย้ายไปรวมกับสมาชิกกลุ่มอื่นซ่ึงได้รับหน้าท่ีให้ศึกษาเร่ืองเดียวกัน ตั้งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (Expert Group) โดยกลุ่มผู้เช่ียวชาญศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง อวัยวะท่ีตนเองได้รับ มอบหมาย จากหนังสือวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 56-59 หรือแหล่งเรียนรู้อ่ืนๆ โดยศึกษาในประเด็น ตอ่ ไปน้ี - ลักษณะของอวัยวะ ตาแหน่งของอวยั วะ - หน้าทข่ี องอวัยวะน้นั ในระบบยอ่ ยอาหาร - ความสาคญั ของอวยั วะชนิดนั้นในระบบย่อยอาหาร หากไม่มีอวัยวะนีจ้ ะสง่ ผลกระทบอย่างไรบ้าง 3) เมื่อศึกษาความรู้เสร็จแล้ว ให้สมาชิกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญแยกย้ายกันกลับ เข้าสู่ Home Group ของตนเอง แล้วผลดั กนั อธิบายความรู้ที่ไดศ้ กึ ษามาให้สมาชกิ คนอ่ืนในกลุ่มฟงั เพ่ือให้เกิดความเข้าใจท่ีตรงกนั 4) ร่วมกันอภิปรายอวัยวะและหน้าท่ีของอวัยวะในระบบย่อยอาหาร จากน้ันบันทึ กผลลงในแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เลม่ 1 หนา้ 30-31 ตอนท่ี 1 (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรยี น โดยการสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ) ขั้นอธิบายความรู้ 1. นกั เรยี นส่งตวั แทนนาเสนอผลการทากจิ กรรม 2. นกั เรียนดบู ตั รภาพระบบยอ่ ยอาหาร จากนนั้ ให้ตอบคาถามต่อไปน้ี - จากภาพในบตั รภาพ ตาแหน่งที่ 1 คืออวยั วะใด และมีหนา้ ทอ่ี ย่างไรบ้าง (แนวคาตอบ ปาก : บดเคีย้ วอาหาร และย่อยอาหารประเภทแป้ง) - จากภาพในบตั รภาพ ตาแหน่งท่ี 2 คืออวัยวะใด และมีหน้าทอ่ี ยา่ งไรบ้าง (แนวคาตอบ หลอดอาหาร : เปน็ ทางผา่ นของอาหาร) - จากภาพในบตั รภาพ ตาแหน่งท่ี 3 คอื อวยั วะใด และมหี น้าที่อยา่ งไรบ้าง (แนวคาตอบ ตบั : ผลิตน้าดแี ละส่งไปเก็บที่ถงุ น้าดี) - จากภาพในบตั รภาพ ตาแหน่งที่ 4 คอื อวัยวะใด และมีหนา้ ทีอ่ ยา่ งไรบ้าง (แนวคาตอบ กระเพาะอาหาร : ขับนา้ ยอ่ ยออกมาย่อยอาหาร) - จากภาพในบตั รภาพ ตาแหน่งท่ี 5 คอื อวยั วะใด และมีหนา้ ท่อี ย่างไรบ้าง (แนวคาตอบ ลาไส้ใหญ่ : ดูดซมึ นา้ เกลอื แร่ วติ ามิน และกลโู คสจากกากอาหาร) 92

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 4 ระบบย่อยอาหาร (1) - จากภาพในบตั รภาพ ตาแหน่งท่ี 6 คืออวัยวะใด และมหี น้าที่อย่างไรบ้าง (แนวคาตอบ ลาไส้เลก็ : ยอ่ ยอาหารทุกชนดิ จนมีโมเลกลุ ขนาดเลก็ ทสี่ ุด และดูดซมึ อาหาร) - จากภาพในบัตรภาพ ตาแหน่งท่ี 7 คืออวยั วะใด และมีหนา้ ทอ่ี ย่างไรบา้ ง (แนวคาตอบ ทวารหนกั : เป็นทางผ่านของกากอาหาร) 3. นกั เรียนสแกน QR Code 3D เร่อื ง กระเพาะอาหาร ดวู ิดโี อและครอู ธิบายเพ่มิ เติมเก่ียวกับกระเพาะอาหาร 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาข้อมูลจากการทากิจกรรมมาวางแผนสร้างแบบจาลองระบบย่อยอาหารในรูปแบบต่างๆ ทีก่ ลมุ่ สนใจ เพือ่ บรรยายหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ในระบบยอ่ ยอาหาร โดยใหว้ าดภาพแบบจาลองลงในสมดุ 5. แต่ละกลมุ่ แบ่งหนา้ ทีใ่ นการเตรยี มวัสดุ-อปุ กรณ์ทจี่ ะใชส้ ร้างแบบจาลองในช่ัวโมงหน้า โดยเลือกวัสดุ-อุปกรณ์ที่หา ไดง้ า่ ยในท้องถ่นิ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ) ชั่วโมงที่ 2 ขั้นสอน (ตอ่ ) ขนั้ อธบิ ายความรู้ 1. ทบทวนความรู้เดิมชั่วโมงท่ีแล้ว โดยนักเรยี นตอบคาถามวา่ ในระบบย่อยอาหารลาไส้เล็กมีหน้าที่อยา่ งไร (แนวคาตอบ ยอ่ ยอาหารและดดู ซมึ อาหาร) 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาวัสดุ-อุปกรณ์ที่เตรียมมาสร้างแบบจาลองระบบย่อยอาหารตามที่ได้ออกแบบไว้ และศึกษา ความสัมพันธ์ของวัยวะต่างๆ ในระบบย่อยอาหารเพิ่มเติมโดยสแกน QR Code เร่ืองการทางานของระบบย่อย อาหาร ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 57 บันทึกผลลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 58 3. แต่ละกล่มุ นาเสนอแบบจาลอง อธิบายหนา้ ทแ่ี ละการทางานของอวยั วะต่างๆ ในระบบยอ่ ยอาหาร 4. นักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับหน้าท่ีและการทางานร่วมกันของอวัยวะต่างๆ ในระบบย่อยอาหาร ว่า เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป ฟัน ล้ิน ต่อมน้าลายจะทาการย่อยอาหาร แล้วส่งต่อไปยังหลอดอาหารและ กระเพาะอาหาร เพ่ือย่อยสารอาหารประเภทโปรตีน และส่งต่อไปยังลาไส้เล็กเพ่ือย่อยสารอาหารทุกประเภทและ ดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือด จากนั้นกากอาหารที่เหลือจากการย่อยจะถูกส่งไปยังลาไส้ใหญ่เพ่ือดูดน้า วติ ามนิ และเกลอื แรก่ ลับเขา้ สรู่ ่างกาย สว่ นกากอาหารจะถกู ขับถา่ ยเปน็ อุจจาระออกจากร่างกายทางทวารหนกั (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นกั เรยี น โดยการสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ) ข้นั สารวจค้นหา 1. นักเรียนปฏิบตั ิกจิ กรรมท่ี กิจกรรมท่ี 1 แบบจาลองระบบย่อยอาหาร ตอนท่ี 2 ปฏิบัตดิ ังนี้ 1) นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารแล้วบันทึกในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 31 โดยมหี วั ขอ้ ดังน้ี 93

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ที่ 4 ระบบย่อยอาหาร (1) - ความสาคญั ของระบบย่อยอาหาร - กระบวนการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร - แนวทางการดแู ลรกั ษาอวยั วะตา่ งๆ ในระบบยอ่ ยอาหาร 2) สรุปขอ้ มูลที่สบื ค้นได้ แลว้ นาข้อมูลมาสร้างเป็นหนังสือนิทานหรือการ์ตูนภาพ 1 เร่ือง เพ่ือให้ความรู้เก่ียวกับ ระบบย่อยอาหารและแนวทางในการดูแลอวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารให้ทางานเป็นปกติ โดยต้องเป็นเรื่องราว ทม่ี เี นือ้ หาสอดคลอ้ งตามทไ่ี ด้สืบคน้ มา 3) ชว่ ยกันตกแตง่ หนงั สือนิทานหรอื การต์ ูนภาพใหส้ วยงาม (หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ) ขั้นอธบิ ายความรู้ 1. ส่งตวั แทนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น โดยเลา่ เรื่องใหน้ ่าสนใจ 2. นักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ - อาหารทร่ี ับประทานเขา้ ไป ถูกย่อยคร้ังแรกทอี่ วัยวะใด อย่างไร (แนวคาตอบ ย่อยทป่ี ากโดยการบดเคย้ี วของฟนั และมีเอนไซม์มาย่อยสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต) - อวัยวะใดทาหน้าทย่ี ่อยและดูดซึมสารอาหารมากที่สดุ (แนวคาตอบ ลาไส้เลก็ ) - น้าดีผลิตจากตับมสี ว่ นชว่ ยในการทางานของระบบย่อยอาหารอยา่ งไร (แนวคาตอบ ชว่ ยในกระบวนการย่อยสารอาหารประเภทไขมัน โดยน้าดีทาให้ไขมันแตกตัว) 3. นักเรียนทากจิ กรรมหนตู อบไดใ้ นแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 32 (หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นักเรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล) ช่วั โมงที่ 3 ข้นั สอน (ต่อ) ข้นั ขยายความเข้าใจ 1. จากนัน้ ครใู หน้ ักเรียนรับประทานข้าว 1 คา (หรือใชอ้ าหารชนิดอนื่ แทนข้าวได้) ให้นักเรยี นเค้ียวนานๆ และสังเกต ลกั ษณะการทางานของอวยั วะแตล่ ะสว่ นในปากว่าทาหน้าทอี่ ย่างไรมาขณะเคยี้ วข้าว จากนน้ั นกั เรยี นสุ่มนักเรียน บางคนใหม้ าอธิบายว่า เวลาข้าวอยใู่ นปากอวยั วะแตล่ ะสว่ นในปากทาหนา้ ท่ีอย่างไรบ้าง 2. นักเรยี นศึกษาการย่อยอาหาร ในหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 60 แล้วตอบคาถามต่อไปนี้ - ปากมกี ารยอ่ ยขา้ วทร่ี บั ประทานเขา้ ไป มีการย่อยหรอื ไม่ ถ้ามี เปน็ การย่อยโดยวิธีการอย่างไร (แนวคาตอบ ปากมีการย่อยเชงิ กล โดยการเคีย้ วอาหาร และมกี ารย่อยเชิงเคมี โดยมเี อนไซม์ที่ย่อย สารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรต) 94

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ท่ี 4 ระบบยอ่ ยอาหาร (1) - เพราะเหตุใด เวลาที่เรารบั ประทานข้าว แล้วเมอื่ เคยี้ วไปนานๆ จะรู้สึกวา่ มรี สหวาน (แนวคาตอบ เพราะในปากมีน้าลาย ซง่ึ มีเอนไซมย์ ่อยแป้งใหเ้ ปน็ น้าตาล) - ข้าวทน่ี ักเรียนรับประทาน เม่ือกลนื ลงไปแลว้ ข้าวจะเดินทางไปท่ีอวยั วะตา่ งๆ แลว้ จะเกิดกระบวนการ ยอ่ ยอย่างไร (แนวคาตอบ ให้นักเรียนตอบคาถามอยา่ งอสิ ระ) 3. นักเรียนทากิจกรรม ระบบย่อยอาหารของฉัน โดยปฏิบัตดิ ังน้ี 1) แบ่งกลุ่มนักเรยี นออกเป็นกลุ่มละ 4-5 คน (ใชก้ ล่มุ เดมิ ) ส่งตวั แทนออกมารับอุปกรณใ์ นการทากจิ กรรม ดงั น้ี - จานกระดาษ 1 ใบ - ใบงานที่ 2.2 ระบบย่อยอาหาร 2) แต่ละกล่มุ ส่งตัวแทน 2 คนมาเลือกบัตรภาพอาหารทวี่ างอยู่หน้าชน้ั เรียน โดยมเี งอ่ื นไขวา่ ในจานอาหารของ กลุม่ นักเรียนต้องมีอาหารครบ 5 หมู่ และเลอื กเมนูอาหารได้ไม่เกิน 4 ชน้ิ 3) ใหน้ ักเรียนติดภาพอาหารแต่ละชนดิ ลงในใบงานท่ี 2.2 ระบบย่อยอาหาร จากนัน้ บอกประเภทสารอาหารใน อาหารท่ีนักเรยี นเลือก 4) นกั เรยี นสืบคน้ ข้อมลู เพิ่มเตมิ เกีย่ วกับการย่อยอาหาร แลว้ ระบวุ า่ สารอาหารแต่ละชนดิ เกิดการย่อยที่บริเวณ ใดบา้ ง และมวี ิธีการย่อยอย่างไร 5) นักเรียนนาเสนอขอ้ มูล โดยใช้แบบจาลองระบบย่อยอาหารประกอบการนาเสนองาน ให้แตล่ ะกลุ่มนาเสนอ งานในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี - บอกประเภทสารอาหารและระบตุ าแหน่งท่ีมีการยอ่ ยสารอาหารแต่ละชนดิ - อธิบายขัน้ ตอนและวธิ ีการย่อยของอาหารแต่ละชนิด - การทางานรว่ มกันของอวัยวะในระบบย่อยอาหาร 4. นักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ - เพราะเหตุใด เราจงึ ต้องย่อยโมเลกลุ ของสารอาหารใหม้ ีขนาดเลก็ ลง (แนวคาตอบ เพราะ ถา้ สารอาหารมีโมเลกุลขนาดใหญ่ ร่างกายจะไม่สามารถดดู ซึมไปใช้ได้) - อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารมีความสาคญั ต่อร่างกายอย่างไร (แนวคาตอบ ชว่ ยย่อยสารอาหารให้มีโมเลกุลเล็กลง เพื่อให้ร่างกายสามารถดดู ซึมสารอาหารไปใช้ใน กระบวนการต่างๆ ของร่างกายได)้ (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรียน โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ ) 95

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 รา่ งกายของเรา แผนฯ ที่ 4 ระบบยอ่ ยอาหาร (1) ข้นั สรุป 1. นักเรยี นร่วมกันสรุปกิจกรรมว่าอาหารท่ีเรารับประทานเข้าไปแล้ว ให้สารอาหารประเภทต่างๆ ที่มีโมเลกุลขนาด ใหญ่ ซึ่งร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้ จะต้องถูกย่อยโดยอวัยวะในระบบย่อยอาหารให้มีโมเลกุลเล็กลงก่อน จึงจะ ดดู ซมึ ไปใช้ได้ ขัน้ ประเมนิ ข้ันตรวจสอบผล 1. ครตู รวจบันทกึ ผลกิจกรรมที่ 1 แบบจาลองระบบย่อยอาหาร ในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 30-31 2. ครตู รวจใบงานที่ 2.2 ระบบย่อยอาหาร 3. ครูตรวจกิจกรรมหนตู อบไดใ้ นแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 หน้า 30-31 4. ครปู ระเมินผลงานแบบจาลองระบบยอ่ ยอาหาร 7. การวดั และประเมนิ ผล รายการวัด วิธกี าร เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน - แบบประเมนิ ผลงาน - คณุ ภาพอยู่ในระดับดี 1) แบบจาลองระบบยอ่ ย - ประเมนิ ผลงาน ผ่านเกณฑ์ อาหาร 2) กจิ กรรมท่ี 1 - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หดั - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ แบบจาลองระบบย่อย อาหาร วทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 วทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 3) กิจกรรมหนูตอบได้ เล่ม 1 หนา้ 30-31 เล่ม 1 หนา้ 30-31 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - คณุ ภาพอย่ใู นระดับดี 4) ใบงานที่ 2.2 - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหัด ระบบยอ่ ยอาหาร วทิ ยาศาสตร์ฯ ป.6 วิทยาศาสตร์ฯ ป.6 ผ่านเกณฑ์ เลม่ 1 หน้า 18 เลม่ 1 หน้า 18 5) พฤติกรรมการทางาน รายบคุ คล - ตรวจใบงานที่ 2.2 - ใบงานที่ 2.2 ระบบยอ่ ยอาหาร ระบบย่อยอาหาร - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานรายบุคคล การทางานรายบคุ คล 6) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี กลุม่ การทางานกล่มุ การทางานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ 96

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 ร่างกายของเรา แผนฯ ท่ี 4 ระบบยอ่ ยอาหาร (1) หมายเหตุ : แบบสังเกตพฤติกรรมประเมนิ รายเทอม 8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ฯ ป.6 เล่ม 1 3) วสั ดุ-อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในกิจกรรมที่ 1 แบบจาลองระบบยอ่ ยอาหาร 4) ใบงานที่ 2.2 ระบบยอ่ ยอาหาร 5) QR Code เรอื่ ง การทางานของระบบยอ่ ยอาหาร 6) QR Code 3D เร่ือง กระเพาะอาหาร 7) บัตรภาพอาหาร 8) บตั รภาพระบบยอ่ ยอาหาร 9) สมดุ ประจาตวั นักเรียน 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) ห้องสมดุ 3) อนิ เทอร์เน็ต 97


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook