9.2.2 ผเู้ ข้ารบั การฝกึ อบรมทำแบบฝึกหดั ทา้ ยใบความรทู้ ี่ 3 9.2.3 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อประเมินการบูรณา การคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการเรียนการสอนวิทยาลัยการ อาชีพชนแดน ตามหลักแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียง 9.2.4 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อการพัฒนาผู้เข้ารับ การฝกึ อบรมดา้ นสุขภาพ รา่ งกาย สตปิ ัญญา อารมณแ์ ละสังคม ในการเรยี นการสอนของวทิ ยาลัยการ อาชีพชนแดน 9.3 เกณฑ์การประเมนิ 9.3.1 แบบทดสอบกอ่ นเรียน บทที่ 3 เกบ็ ผลคะแนนเปรยี บเทยี บกับแบบทดสอบหลัง เรียน 9.3.2 แบบฝึกหัดท้ายใบความร้ทู ี่ 3 ผู้ผา่ นเกณฑ์การประเมินตอ้ งทำได้ ร้อยละ 60 ขึ้น ไป 9.3.3 แบบประเมินการบรู ณาการคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ในการเรยี นการสอนวิทยาลัยการอาชีพชนแดน ตามหลกั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี ง ถือเกณฑ์ ผ่านรอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป จากคะแนนรวม 20 คะแนนตลอดหลกั สูตร 9.3.4 แบบประเมินการพัฒนาผู้เขา้ รับการฝึกอบรมดา้ นสุขภาพ ร่างกาย สตปิ ัญญา อารมณ์และสังคม ในการเรยี นการสอนของวิทยาลยั การอาชีพชนแดน รอ้ ยละ 50 ขนึ้ ไป จากคะแนน รวม 10 คะแนนตลอดหลกั สตู ร
แผนการจัดการเรยี นรู้ วิชา เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์เบอ้ื งต้น รหสั วิชา 20204-2005 สอนครัง้ ที่ 7-8 บทที่ 4 ช่ือบท ตัวกลางการเช่ือมตอ่ เครือขา่ ย ชัว่ โมงรวม 6 ชัว่ โมง ช่อื เรื่อง ตวั กลางการเชื่อมต่อเครือขา่ ย เวลา 6 ช่วั โมง 1. สาระสำคญั ตวั กลางในการส่อื สารข้อมูลเป็นองค์กระกอบพน้ื ฐานที่สำคญั ของการส่อื สารขอ้ มลู ประกอบดว้ ย 2 แบบ ไดแ้ ก่ ตวั กลางในการสือ่ สารขอ้ มูลแบบใช้สาย และตวั กลางในการส่ือสารข้อมลู แบบไรส้ าย โดยแบบแรกเป็นการใช้สายนำสญั ญาณสำหรับการส่ือสารข้อมูล มีสายนำสญั ญาณทนี่ ิยม ใช้งานในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ไดแ้ ก่ สายคู่ตเี กลียว สายโคแอกเชียล และสายใยแกว้ นำแสง สายคตู่ ีเกลยี วและสายโคแอกเชียล เป็นสายทีม่ ลี วดตวั นำผลิตจากทองแดงที่จะมีผลกระทบจากคลนื่ สนามแม่เหลก็ ไฟฟ้า ดงั น้นั จงึ ทำให้มีการป้องกนั คล่นื สนามแม่เหลก็ ไฟฟา้ ด้วยการตีเกลียว หรือการ ห่อหุ้มดว้ ยใยตาข่ายโลหะ และสำหรับสายใยแก้วนำแสงแกนตัวนำเป็นแกนท่ผี ลติ จากสารอโลหะ คือ ซิลกิ า้ ซึ่งเปน็ วสั ดคุ ล้ายแก้ว วัสดุดงั กลา่ วทำใหส้ ายใยแกว้ นำแสงไม่มีผลกระทบจากคล่นื สนามแมเ่ หล็กไฟฟ้าแต่อยา่ งใด ตัวกลางแบบไม่ใช้สายนำสัญญาณ เน่อื งจากการส่ือสารตอ้ งการใหส้ ามารถรับสง่ สญั ญาณใหไ้ ด้ใน ระยะทางที่ไกล ๆ ซง่ึ ตวั กลางแบบใชส้ ายไมส่ ามารถทำได้ ดังน้ันจงึ ได้มกี ารพัฒนาการสื่อสารแบบไร้ สายขึน้ ด้วยการใช้คลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่มคี วามถ่สี งู ในการนำพาขอ้ มลู ส่งถงึ ปลายทาง คล่ืน สนามแมเ่ หล็กไฟฟา้ มีชว่ งความถใี่ นการใช้งานมากมาย เช่น คลน่ื วิทยุ คล่ืนยา่ นไมโครเวฟ คลนื่ อนิ ฟราเรด เปน็ ต้น 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ • จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป / บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 1.เพอ่ื ใหม้ คี วามรู้พน้ื ฐานเกีย่ วตวั กลางการเช่ือมตอ่ เครอื ขา่ ย และมีทศั นคตทิ ่ีดี (ดา้ นความร)ู้ 2.เพื่อให้มีเจตคติที่ดีต่อการเตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์ และการปฏิบัติงานอย่าง ถูกต้อง สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด มีเหตุและผลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ด้าน คณุ ธรรม จรยิ ธรรม) •จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม / บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. บอกลกั ษณะสาย Coaxial ได้ถูกต้อง (ด้านความร)ู้ 2. บอกลักษณะและชนิดของสายคู่บดิ เกลยี ว ได้ถูกต้อง (ดา้ นความรู้) 3. บอกถึงการเชอ่ื มต่อสายคู่ตีเกลียว ได้ถูกต้อง (ดา้ นความร้)ู 4. บอกลกั ษณะสายใยแกว้ นำแสง ไดถ้ ูกต้อง (ดา้ นความรู)้ 5. บอกลักษณะการส่ือสารไร้สายแบบตา่ ง ๆ ไดถ้ กู ต้อง (ด้านความร)ู้
6. การเตรยี มความพร้อมด้านการเตรียมวสั ดุ อุปกรณ์ ผเู้ รยี นจะตอ้ งกระจายงานได้ทัว่ ถึง และ ตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มีการจัดเตรยี มสถานท่ี ส่ือ วัสดุ อปุ กรณ์ไวอ้ ย่างพรอ้ มเพรียง (ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง) 7. ความมเี หตุมีผลในการปฏิบัติงาน ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผู้เรียนจะต้องมี การใช้หลักการเรียนรแู้ ละเวลาท่เี หมาะสมกบั การเรยี นรู้ (ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจ พอเพียง) 3. สาระการเรยี นรู้ • ด้านความรู้ (ทฤษฎี) สื่อหรือตัวกลางการสื่อสารข้อมูลเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสื่อสารข้อมูล เพราะการ เลือกใช้ส่อื กลางทเ่ี หมะสมจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการส่ือสารขอ้ มูลและประหยัดต้นทุน ตัวกลาง หรือสื่อที่ใช้ในการสื่อสาร แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ตัวกลางในการสื่อสารข้อมูลแบบใช้สาย และ ตัวกลางในการส่อื สารข้อมูลแบบไรส้ าย • ด้านทกั ษะ (ปฏิบตั ิ) (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมขอ้ ท่ี 1-5) 1.แบบฝกึ หัดทา้ ยบทท่ี 4 2.กจิ กรรมการเรียนรู้ • ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1.การเตรียมความพรอ้ มด้าน วัสดุ อุปกรณ์นักศึกษาจะต้องทำความสะอาดห้องเรียน จดั เตรยี มอุปกรณ์ในการเรียนรู้ ให้มคี วามพร้อมเพียงและเหมาะสมกับเวลาทใี่ ช้ในการเรียน 2.ความมเี หตมุ ีผลในการปฏิบัตงิ าน ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งนักศึกษาจะต้องมี การใชเ้ ทคนิคการจดบันทกึ งาน การสบื ค้นขอ้ มลู ก่อนการเรียนร้แู ละหลังเรยี นรู้เพือ่ ใหก้ ารเรียนรู้ เหมาะสมกับเวลา คุม้ ค่าและประหยดั 4. สมรรถนะรายบท 1. แสดงความรเู้ กีย่ วกบั ตัวกลางการเชอื่ มต่อเครือขา่ ย 2. เช่ือมตอ่ เครอื ข่าย 5. การวเิ คราะห์ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 5.1 ความพอเพยี ง 3 คณุ ลกั ษณะ ได้แก่ 5.1.1 หลกั ความพอประมาณ พอประมาณในทุกอย่าง ความพอดีไม่มากหรือว่าน้อยจนเกินไปโดยต้องไม่ เบยี ดเบียนตนเอง หรือผ้อู นื่ ใหเ้ ดอื ดรอ้ น 5.1.2 หลกั ความมเี หตุผล
การตดั สนิ ใจเกี่ยวกบั ระดับของความพอเพยี งน้นั จะตอ้ งเปน็ ไปอย่างมีเหตุผลโดย พจิ ารณาจากเหตุปัจจยั ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง ตลอดจนคำนงึ ถึงผลท่ีคาดว่าจะเกดิ ข้นึ จากการกระทำ น้ันๆ อยา่ งรอบคอบ 5.1.3 หลักภูมคิ ุ้มกนั การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านการต่างๆ ที่จะ เกิดขึน้ โดยคำนึงถงึ ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ทคี่ าดว่าจะเกิดข้ึนในอนาคตทั้ง ใกล้และไกล 5.2 เงือ่ นไข 2 เง่อื นไข ได้แก่ 5.2.1 เงื่อนไขคณุ ธรรม มคี วามรอบรเู้ กยี่ วกับ วิชาการต่างๆท่เี ก่ียวขอ้ งอยา่ งรอบด้าน ความรอบคอบที่จะ นำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผน และความ ระมดั ระวังในขั้นตอนปฏบิ ัติ คุณธรรมประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความ ซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต 5.2.2 เงื่อนไขความรู้ มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสตั ยส์ ุจริตและมีความอดทน มคี วามเพียร ใชส้ ตปิ ัญญาในการดำเนินชวี ติ 5.3 การเชอื่ มโยงสู่ 4 มิติ ไดแ้ ก่ 5.3.1 มิติสังคม ผู้เรยี น สร้างความสัมพนั ธอ์ ันดีในกลมุ่ ผูเ้ รยี นเพ่ือนร่วมงาน 5.3.2 มติ เิ ศรษฐกจิ ผู้เรียน มีการเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ อย่างคุ้มค่า เหมาะสม ไม่เสียหาย ทิ้งขวาง ฯลฯ 5.3.3 มติ ิวฒั นธรรม ผูเ้ รียน รกั ษาวัฒนธรรมอนั ดีของไทย เชน่ แบ่งปัน มีน้ำใจ เหน็ ใจผอู้ น่ื ช่วยเหลือ ไหวท้ กั ทาย ขอบคุณ ฯลฯ 5.3.4 มติ สิ ง่ิ แวดล้อม
ผู้เรียน จัดเก็บ ทำความสะอาด บำรุงรักษา สิ่งของวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เคร่ืองจักร ฯลฯ 6. การบูรณาการกบั คณุ ลกั ษณะ 3 D แกผ่ ู้เข้ารับการฝึกอบรม 6.1 ด้านประชาธปิ ไตย (Democracy) มีความตระหนักเห็นความสำคัญศรัทธาและเชื่อมั่นการปกครองระบบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข รวมทงั้ รงั เกยี รตกิ ารทุจริต และตอ่ ต้านการซื้อสิทธิ ขายเสียง 6.2 ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและความเปน็ ไทย (Decency) มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ความดีงาม รูผ้ ดิ ชอบช่วั ดี มีความภาคภมู ิใจในความเป็นไทยและ ยดึ ถือปฏิบตั ิอยู่ในวถิ ชี วี ติ 6.3 ดา้ นภมู ิคมุ้ กนั จากยาเสพติด (Drug - Free) ร้จู กั หลกี เลีย่ งห่างไกลยาเสพติด 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ขั้นตอนการสอนหรอื กจิ กรรมของครู ขัน้ ตอนการเรียนร้หู รอื กจิ กรรมของนกั เรียน 1. ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรยี น (20 นาที) 1. ขั้นนำเขา้ สูบ่ ทเรียน (20 นาที) 1. ผสู้ อนแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นของหน่วย 1. ผเู้ รยี นทำความเข้าใจเกย่ี วกับจดุ ประสงค์การ เรียนท่ี 4 และขอให้ผูเ้ รียนรว่ มกนั ทำกจิ กรรมการเรียน เรยี นของหนว่ ยเรียนที่ 4 และการใหค้ วามรว่ มมือในการ การสอน ทำกจิ กรรม 2. ผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นแสดงความรู้ โดยตั้งคำถาม 2. ผู้เรยี นแสดงความรู้วา่ ตวั กลางการเชื่อมตอ่ ว่าตวั กลางการเชือ่ มตอ่ เครือขา่ ยมีอะไรบ้าง พร้อมให้ เครือข่ายมอี ะไรบ้าง พรอ้ มให้เหตผุ ลประกอบ เหตุผลประกอบ 2. ขัน้ ให้ความรู้ (60 นาที) 2. ขั้นใหค้ วามรู้ (60 นาที) 13. ผูส้ อนทดสอบความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั 12. ผุ้เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น 13. ผู้เรียนตอบคำถามจากผูส้ อน เพอื่ แสดงความรู้ ตัวกลางการเช่อื มต่อเครอื ขา่ ย โดยใหผ้ ู้เรยี นทำ แบบทดสอบกอ่ นเรียน และความเข้าใจก่อนการเรยี น เรอ่ื งตัวกลางการเช่ือมตอ่ เครือขา่ ย ผูเ้ รยี นศกึ ษาบทเรียนวิชาเครอื ข่าย 14. ผู้สอนอธิบายเนอื้ หาเก่ียวกบั บทเรียนวชิ า คอมพิวเตอร์เบื้องต้น หน่วยท่ี 4 เรอื่ งตวั กลางการ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบอื้ งตน้ หน่วยท่ี 4 เรอ่ื ง
ตวั กลางการเช่อื มต่อเครอื ขา่ ย และให้ผู้เรยี นศกึ ษา เชอ่ื มตอ่ เครอื ข่าย และศึกษาเอกสารประกอบการสอน เอกสารประกอบการสอน หน่วยท่ี 4 หน่วยท่ี 4 15. ผสู้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกันอธบิ ายพรอ้ ม 14. ผเู้ รียนอธิบายและยกตวั อยา่ งถึงตวั กลางการ ยกตัวอยา่ งถงึ ตัวกลางการเชอื่ มตอ่ เครอื ขา่ ยตามท่ีได้ เชอื่ มต่อเครือข่าย ไดศ้ ึกษาจากบทเรยี นคอมพิวเตอร์ ศกึ ษาจากบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ช่วยสอน 3. ขั้นประยุกต์ใช้ (60 นาท)ี 3. ขน้ั ประยุกตใ์ ช้ (60 นาที) 6. ผ้สู อนใหผ้ ูเ้ รยี นทำใบงานที่ 4-5 6. ผเู้ รยี นทำใบงานที่ 4-5 7. ผู้สอนให้ผ้เู รียนทำแบบฝึกหัดทา้ ยบทที่ 4 7. ผเู้ รยี นทำแบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 4 4. ขั้นสรปุ และประเมนิ ผล (40 นาท)ี 4. ขนั้ สรปุ และประเมนิ ผล (40 นาท)ี 1. ใหผ้ ้เู รยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน 1. ผูเ้ รยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น 2. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกนั สรปุ เนอื้ หาท่ไี ดเ้ รยี น 2. ผสู้ อนและผู้เรียนร่วมกันสรปุ เนอื้ หาท่ีไดเ้ รียน เพอื่ ให้มคี วามเข้าใจในทิศทางเดยี วกนั ใหม้ คี วามเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 3. ผู้เรียนศกึ ษาเพิม่ เติมนอกห้องเรยี น ดว้ ย 3. ผสู้ อนให้ผู้เรียนศึกษาเพ่ิมเตมิ นอกห้องเรียน บทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนที่จัดทำขนึ้ ด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนท่ีจัดทำขน้ึ (บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมข้อท่ี 1-5) (บรรลุจดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 1-5) (รวม 180 นาที หรอื 4 ชวั่ โมงเรยี น) 1. ขั้นนำเขา้ ส่บู ทเรียน (20 นาท)ี 1. ขัน้ นำเข้าสู่บทเรียน (20 นาท)ี 1. ผูส้ อนให้ผเู้ รียนแสดงความรู้ โดยตง้ั คำถาม 1. ผเู้ รียนแสดงความรู้วา่ ตัวกลางการเชอ่ื มตอ่ วา่ ตวั กลางการเชื่อมต่อเครือข่ายมีอะไรบ้าง พรอ้ มให้ เครือข่ายมีอะไรบา้ ง พร้อมให้เหตผุ ลประกอบ เหตผุ ลประกอบ 2. ขัน้ ใหค้ วามรู้ (60 นาท)ี 2. ข้ันใหค้ วามรู้ (60 นาท)ี 1. ผู้เรียนตอบคำถามจากผสู้ อน เพือ่ แสดงความรู้ 1. ผู้สอนอธิบายเนอื้ หาเกย่ี วกบั บทเรียนวชิ า และความเข้าใจกอ่ นการเรยี น เรอื่ งตวั กลางการเช่ือมต่อ เครอื ข่ายคอมพวิ เตอรเ์ บอ้ื งตน้ หนว่ ยที่ 4 เรื่อง เครอื ข่าย ผู้เรียนศึกษาบทเรยี นวชิ าเครอื ข่าย ตวั กลางการเช่อื มต่อเครอื ขา่ ย และให้ผู้เรยี นศึกษา คอมพวิ เตอร์เบ้อื งต้น หน่วยท่ี 4 เร่อื งตัวกลางการ เอกสารประกอบการสอน หนว่ ยท่ี 4 เชือ่ มตอ่ เครอื ขา่ ย และศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน หนว่ ยที่ 4
2. ผ้สู อนและผู้เรียนรว่ มกนั อธิบายพร้อม 2. ผู้เรียนอธบิ ายและยกตวั อยา่ งถึงตัวกลางการ ยกตวั อยา่ งถงึ ตวั กลางการเชอ่ื มตอ่ เครอื ขา่ ยตามท่ีได้ เชื่อมตอ่ เครือขา่ ย ไดศ้ กึ ษาจากบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ ศกึ ษาจากบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ชว่ ยสอน 3. ขั้นประยุกต์ใช้ (60 นาที) 1. ผู้เรยี นทำใบงานท่ี 6 2. ผูเ้ รียนทำแบบฝึกหดั ทา้ ยบทที่ 4 3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ (60 นาท)ี 1. ผู้สอนให้ผู้เรยี นทำใบงานที่ 6 4. ข้ันสรปุ และประเมินผล (40 นาที) 2. ผู้สอนให้ผ้เู รียนทำแบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 4 1. ผูเ้ รยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น 2. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกนั สรุปเน้อื หาทีไ่ ด้เรยี น 4. ข้นั สรุปและประเมนิ ผล (40 นาที) เพอื่ ใหม้ คี วามเข้าใจในทิศทางเดยี วกัน 1. ใหผ้ ู้เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น 3. ผูเ้ รียนศกึ ษาเพมิ่ เติมนอกหอ้ งเรยี น ด้วย 2. ผูส้ อนและผู้เรียนรว่ มกนั สรุปเนอื้ หาทไี่ ด้เรยี น บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนท่ีจัดทำขึ้น ให้มีความเข้าใจในทศิ ทางเดียวกัน 3. ผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นศึกษาเพม่ิ เตมิ นอกหอ้ งเรยี น (บรรลจุ ุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมขอ้ ที่ 1-5) ด้วยบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนที่จัดทำข้นึ (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมข้อท่ี 1-5) (รวม 180 นาที หรอื 4 ชั่วโมงเรียน) 8. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอื่ สงิ่ พมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ าเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์เบอื้ งตน้ (ใช้ประกอบการเรยี นการ สอนจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-5) 2. ใบความรู้และใบงาน 8.2 ส่ือโสตทศั น์ 1. บทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน เร่ืองพนื้ ฐานระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 2. ส่ือของจริง 9. การวดั และประเมินผล
9.1 เครอ่ื งมอื ประเมนิ 9.1.1 แบบทดสอบก่อนเรยี นบทท่ี 4 9.1.2 แบบฝกึ หดั ทา้ ยใบความรู้ที่ 4 9.1.3 แบบประเมินการบูรณาการคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอันพึง ประสงคใ์ นการเรียนการสอนของวทิ ยาลยั การอาชพี ชนแดน ตามหลกั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง 9.1.4 แบบประเมินการพัฒนาผู้เข้ารับการฝึกอบรมด้านสุขภาพ ร่างกาย สติปัญญา อารมณแ์ ละสงั คมในการเรยี นการสอนของวทิ ยาลัยการอาชพี ชนแดน 9.2 วธิ ีการประเมิน 9.2.1 ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมทำแบบทดสอบก่อนเรยี นบทที่ 4 9.2.2 ผูเ้ ข้ารบั การฝึกอบรมทำแบบฝึกหดั ทา้ ยใบความรูท้ ่ี4 9.2.3 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อประเมินการบูรณา การคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการเรียนการสอนวิทยาลัยการ อาชพี ชนแดน ตามหลักแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพยี ง 9.2.4 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อการพัฒนาผู้เข้ารับ การฝกึ อบรมดา้ นสขุ ภาพ รา่ งกาย สติปัญญา อารมณ์และสงั คม ในการเรยี นการสอนของวทิ ยาลัยการ อาชพี ชนแดน 9.3 เกณฑก์ ารประเมนิ 9.3.1 แบบทดสอบก่อนเรียน บทที่ 4 เก็บผลคะแนนเปรียบเทียบกับ แบบทดสอบหลงั เรยี น 9.3.2 แบบฝึกหัดท้ายใบความรู้ที่ 4 ผู้ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ต้องทำได้ ร้อย ละ 60 ขึ้นไป 9.3.3 แบบประเมนิ การบูรณาการคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอันพึง ประสงคใ์ นการเรยี นการสอนวิทยาลัยเทคนิคอา่ งทองตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ถอื เกณฑ์ผ่าน รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป จากคะแนนรวม 20 คะแนนตลอดหลักสูตร 9.3.4 แบบประเมินการพัฒนาผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมด้านสุขภาพ รา่ งกาย สตปิ ญั ญา อารมณแ์ ละสังคม ในการเรียนการสอนของวิทยาลัยเทคนิคอ่างทองร้อยละ 50 ข้ึนไป จากคะแนนรวม 10 คะแนนตลอดหลักสูตร
แผนการจัดการเรยี นรู้ วิชา เครือขา่ ยคอมพวิ เตอรเ์ บอื้ งตน้ รหสั วชิ า 20204-2005 สอนคร้งั ที่ 9 บทที่ 5 ช่ือบท โปรโตคอล ช่ัวโมงรวม 4 ชั่วโมง ช่อื เรอื่ ง โปรโตคอล เวลา 4 ช่ัวโมง 1. สาระสำคัญ 1. ความหมายของโปรโตคอล โปรโตคอล (Protocol) หมายถึงมาตรฐานหรอื ข้อตกลงเก่ียวกบั การส่ือสารขอ้ มูลใน เครือข่าย ซึ่งครอบคลุมถงึ วธิ กี ารและรูปแบบการส่งขอ้ มูล จงั หวะเวลาการสง่ ข้อมูล ลำดับการรับส่ง ข้อมลู และวธิ จี ัดการป้องกนั ความผดิ พลาดตา่ ง ๆ ประกอบดว้ ย 3 สว่ น คอื 1) Syntax หมายถึง รูปแบบหรอื โครงสรา้ งของข้อมลู 2) Semantics หมายถึง ความหมายของขอ้ มลู ทไ่ี ด้ 3) Timing เป็นข้อกำหนดของเวลาในการรับสง่ ข้อมูล 2. โปรโตคอล TCP/IP TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internetworking Protocol) คือชดุ ของ โปรโตคอลที่ถกู พัฒนาขึ้นมา เพื่อใชส้ ำหรับการแลกเปลย่ี นขอ้ มูลบนเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ โปรโตคอล TCP/IP ถูกออกแบบมาเพ่ือใช้งานบนเครือข่ายระยะไกล และสามารถใชไ้ ดบ้ นเครือข่ายภายในอยา่ ง เครอื ขา่ ยทอ้ งถ่ินดว้ ย การเชอื่ มตอ่ เครอื ข่ายท้องถ่ินเขา้ ด้วยกันด้วยโปรโตคอล TCP/IP และยงั สามารถ เช่ือมต่อไปยังโลกภายนอกหรอื เครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ตได้ ด้วยเหตนุ ้ใี นปจั จบุ ันโปรโตคอล TCP/IP จงึ เป็นโปรโตคอลที่ไดร้ บั ความนิยมเป็นอย่างสงู 2.1 สถาปัตยกรรมชุดโปรโตคอล TCP/IP สถาปัตยกรรมชดุ โปรโตคอล TCP/IP ไดม้ ีการพฒั นาข้ึนมาก่อนแบบจำลอง OSI ดงั นน้ั ลำดบั ช้ันต่าง ๆ ในโปรโตคอล TCP/IP จงึ ไม่ตรงกบั แบบจำลอง OSI แตแ่ บบจำลองท้งั สองมี หลักการทำงานทคี่ ลา้ ยคลึงกนั โดย TCP/IP จะมเี พียง 5 ลำดบั ชั้น 2.2 โปรโตคอล TCP (Transmission Control Protocol) โปรโตคอล TCP เป็นโปรโตคอลทม่ี ีความน่าเช่อื ถือ โดยการสง่ ข้อมูลจะต้องสร้างคอนเนก็ ชนั เพอื่ การเชือ่ มตอ่ กบั ปลายทางกอ่ นที่จะดำเนนิ การส่งข้อมูลจรงิ สำหรบั การสร้างเส้นทางการ เชือ่ มต่อนี้ TCP จะมกี ารสร้างวงจรเสมือนระหว่างฝง่ั สง่ และฝั่งรบั เพ่ือใหเ้ กิดความคลอ่ งตัวในระหวา่ ง การส่งขอ้ มูล 2.3 โปรโตคอล IP (Internetwork Protocol) IP เป็นกลไกการส่งขอ้ มลู ที่ใชใ้ นโปรโตคอล TCP/IP มีหนา้ ทีเ่ พียงนำส่งขอ้ มูลไปถงึ ปลายทางไดด้ ้วยหมายเลข IP ซง่ึ เป็นหมายเลขที่ใชร้ ะบตุ ำแหนง่ เครอ่ื งและเป็นหมายเลขทไี่ ม่ซ้ำกนั เรยี กวา่ ไอพแี อดเดรส (IP Address) ท่ปี ระกอบดว้ ย 4 ไบต์ (32 บิต) ที่ประกอบดว้ ย 2 ส่วน คือสว่ น
ของหมายเลขเครือข่าย (NetID) และส่วนของหมายเลขโฮสต์ (HostID) แตภ่ ายในส่วนของหมายเลข เครอื ข่ายนี้ ยงั รวมถึงถงึ บติ ที่ใช้สำหรับระบคุ ลาสของไอพี 2.3.1 ซบั เนต็ มาสก์ (Subnet Mask) การแบ่งเครือขา่ ยเปน็ เครอื ขา่ ยย่อยหรอื ซับเน็ต จะทำใหเ้ ราสามารถใชง้ านแอดเดรส ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ และการทำซับเน็ตมาสก์จะทำควบคู่ไปกับการทำซับเน็ต ซับเนต็ มาสกห์ รือการ ทำมาสกิ้ง เปน็ กระบวนการท่บี อกให้รู้วา่ เครอื ข่ายของเราได้มกี ารแบ่งเปน็ ซบั เน็ต ดังนนั้ ในการ ออกแบบเครอื ขา่ ยจึงจำเป็นตอ้ งมีการระบซุ ับเน็ตมาสกด์ ้วย เพอื่ ให้รูว้ ่าแอดเดรสน้มี ีการแบ่งส่วน หมายเลขเครอื ข่ายและส่วนของหมายเลขโฮสต์อย่างไร 2.3.2 Private Address ไอพแี อดเดรสยงั มีชว่ งของหมายเลขชว่ งหนง่ึ ท่ไี ดถ้ กู สงวนไว้เพ่อื ใชง้ านภายใน โดยไม่ ยงุ่ เกีย่ วกับเครือขา่ ยภายนอกซึง่ เรียกวา่ ไพรเวตไอพเี นต็ เวิร์ก (Private IP Network) หรือเครือข่ายไอ พีภายในที่จะใชง้ านภายในบรษิ ัทหรือหนว่ ยงานที่ตอ้ งการใช้งานเครอื ข่ายเฉพาะบคุ คล โดยระบบ จะต้องไมม่ ีการเช่อื มตอ่ ไปยังเครอื ขา่ ยอินเทอร์เน็ต 3. โปรโตคอล FTP FTP (File Transfer Protocol) เปน็ โปรโตคอลท่ีบรกิ ารด้านการโอนถ่ายแฟ้มข้อมลู ระหวา่ งโฮสต์ หรอื การคดั ลอกแฟม้ ขอ้ มูลบนเครือขา่ ย หมายถงึ การโอนยา้ ยแฟ้มขอ้ มลู จากเครื่อง คอมพิวเตอร์ระบบหน่ึงมายังอกี ระบบหนึ่งผา่ นเครือข่าย ซง่ึ ทำไดห้ ลายรูปแบบ เชน่ การโอนจากแม่ ข่ายมายงั เครอ่ื งพีซี หรือเครอื่ งพซี ไี ปแมข่ า่ ย หรือระหว่างแมข่ ่ายดว้ ยกนั เอง การถา่ ยโอนแฟม้ ข้อมลู หรือการโอนยา้ ยแฟม้ ขอ้ มูลต้องอาศัยโปรแกรม FTP 4. โปรโตคอล HTTP HTTP (Hypertext Transfer Protocol) เปน็ ข้อกำหนดที่ใช้สำหรับเรยี กดเู อกสารจาก เวลิ ดไ์ วด์เว็บ ซง่ึ จัดเป็นตวั กลางในการรบั ส่งขอ้ มูลระหว่างโปรแกรมเบราเซอร์และเวบ็ เซิร์ฟเวอร์ เปน็ โปรโตคอลในระดบั ชนั้ โปรแกรมประยุกต์ เพ่ือการแจกจา่ ยและการทำงานร่วมกันกบั สารสนเทศของ สอ่ื ผสม ซ่ึง HTTP เปน็ มาตรฐานในการร้องขอและการตอบรบั การใชเ้ ว็บไซตร์ ะหว่างเครือ่ งลูกข่ายกบั เครื่องแมข่ ่าย ซงึ่ เคร่อื งลูกข่ายคอื ผูใ้ ช้ปลายทางและเคร่อื งแม่ข่าย เคร่อื งลูกขา่ ยจะสรา้ งการรอ้ งขอ HTTP ผ่านทางเว็บเบราวเ์ ซอร์ 5. โปรโตคอล UDP โปรโตคอล UDP (User Datagram Protocol) เป็นโปรโตคอลในลำดับชนั้ ทรานสปอรต์ โดยในสว่ นของเฮดเดอรจ์ ะประกอบดว้ ยหมายเลขพอร์ตต้นทาง/ปลายทาง ขนาดความกวา้ งของข้อมลู และตวั ควบคมุ ขอ้ ผิดพลาด (Checksum) โดยแพ็กเกต็ ทีป่ ระกอบขึน้ จาก UDP นจ้ี ะเรียกวา่ ยสู เซอร์ ดาตา้ แกรม (User Datagram) 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ • จดุ ประสงค์ทัว่ ไป / บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1.เพอื่ ใหม้ ีความรู้พื้นฐานเก่ียวโปรโตคอล และมที ศั นคติท่ีดี (ด้านความรู้)
2.เพื่อให้มีเจตคติที่ดีต่อการเตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์ และการปฏิบัติงานอย่าง ถูกต้อง สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด มีเหตุและผลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ด้าน คณุ ธรรม จริยธรรม) •จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. บอกความหมายของโปรโตคอล ได้ถูกตอ้ ง (ดา้ นความรู้) 2. บอกความหมายของโปรโตคอล TCP/IP ได้ถกู ต้อง (ดา้ นความรู้) 3. บอกความหมายของโปรโตคอล TCP ไดถ้ ูกตอ้ ง (ด้านความร)ู้ 4. อธบิ ายลกั ษณะของ IP Address ได้ถกู ตอ้ ง (ด้านความรู้) 5. อธบิ ายลักษณะของ Subnet Mask ได้ถูกต้อง (ด้านความร)ู้ 6. บอก Private Address ไดถ้ กู ต้อง (ด้านความร)ู้ 7. บอกความหมายของโปรโตคอล FTP ได้ถกู ต้อง (ด้านความร)ู้ 8. บอกความหมายของโปรโตคอล HTTP ไดถ้ ูกต้อง (ดา้ นความรู้) 9. บอกความหมายของโปรโตคอล UDP ไดถ้ กู ตอ้ ง (ด้านความร)ู้ 10. การเตรียมความพร้อมด้านการเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ผู้เรียนจะต้องกระจายงานได้ทั่วถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มีการจัดเตรียมสถานที่ สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ไว้อย่างพรอ้ ม เพรยี ง (ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง) 11. ความมเี หตุมีผลในการปฏิบัตงิ าน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผเู้ รยี นจะต้องมี การใชห้ ลักการเรียนรู้และเวลาที่เหมาะสมกบั การเรียนรู้ (ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจ พอเพยี ง) 3. สาระการเรยี นรู้ • ด้านความรู้ (ทฤษฎ)ี ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ เป็นระบบที่จะตอ้ งมีการส่อื สารขอ้ มูลระหวา่ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ทีต่ อ่ อยูใ่ นเครอื ขา่ ยท่มี ีฮาร์ดแวรห์ รอื ซอฟท์แวรท์ ่ีแตกตา่ งกัน ดังน้ันเพื่อใหก้ ารสอ่ื สารสามารถ ตดิ ตอ่ สือ่ สารกันไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ สามารถตีความหมายไดต้ รงกัน จะต้องมีการกำหนดระเบียบ วธิ ีการตดิ ตอ่ สื่อสารขึน้ มา 1. ความหมายของโปรโตคอล (จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรมข้อที่ 1) โปรโตคอล (Protocol) หมายถึง มาตรฐานหรือข้อตกลงเกยี่ วกับการสอ่ื สารขอ้ มูลใน เครอื ขา่ ย ซึ่งครอบคลุมถงึ วิธีการและรูปแบบการส่งขอ้ มูล จงั หวะเวลาการส่งข้อมูล ลำดบั การรบั ส่ง ขอ้ มลู และวธิ ีจัดการปอ้ งกันความผดิ พลาดตา่ ง ๆ โปรโตคอลเปรยี บเสมอื นภาษาทีใ่ ชใ้ นการสอ่ื สารใน ระบบเครอื ข่าย เปน็ กฎเกณฑ์และกระบวนการในการสื่อสาร โปรโตคอลมอี ยู่หลายชนิดซ่งึ แต่ละชนิด จะมจี ดุ ประสงคใ์ นการทำงานที่แตกต่างกัน โดยโปรโตคอลจะประกอบด้วย 3 สว่ นหลัก คือ 1) Syntax หมายถึง รปู แบบหรือโครงสรา้ งของข้อมูล เช่น กำหนดวา่ ใน 8 บิตแรกจะ หมายถึงแอดเดรสของผสู้ ่ง อีก 8 บิต ถัดมา หมายถงึ แอดเดรสของผู้รับ สว่ นทเ่ี หลือจงึ จะเป็นขอ้ มลู
ซ่ึงถา้ ไม่มกี ารกำหนดรูปแบบ syntax แล้ว แอนติต้ีจะไม่สามารถทราบได้เลยว่าบิตแต่ละบิตที่ได้รบั มา นนั้ คืออะไร 2) Semantics หมายถงึ ความหมายของขอ้ มลู ทีไ่ ดร้ ับมา เชน่ เม่ือทราบแอดเดรสของผูร้ ับ แล้ว เอนติต้ีจะสามารถทำการหาเสน้ ทาง เป็นตน้ 3) Timing เป็นข้อกำหนดของเวลาในการรบั ส่งข้อมูล เนอ่ื งจากเอนติตี้แต่ละตัวนัน้ มา ความเร็วในการรบั สง่ ทไี่ มเ่ ทา่ กัน เชน่ ตวั หน่งึ มีความเร็วของการสง่ 100 Mbps แตอ่ ีกตัวมคี วามเร็วใน การรับแค่ 1 Mbps ถ้าไมม่ โี ปรโตคอลแล้วข้อมลู โดยสว่ นใหญจ่ ะหายไป เนอื่ งจากเอนตติ ที้ ่ีทำงานช้า กวา่ จะไมส่ ามารถรับขอ้ มูลไดท้ นั โปรโตคอลการส่อื สารข้อมูลในปัจจบุ ันมอี ยมู่ ากมาย และเนอ้ื หาในหนว่ ยนจี้ ะกล่าวถึง โปรโตคอลท่ีมกี ารใชง้ านอยา่ งกวา้ งขวาง เชน่ TCP/IP, FTP, HTTP และ HTTPs ดงั นี้ 2. โปรโตคอล TCP/IP (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 2) TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internetworking Protocol) หมายถงึ ชุด ของโปรโตคอลทถ่ี กู พัฒนาขึน้ มา เพ่อื ใช้ในการแลกเปล่ียนขอ้ มูลบนเครอื ขา่ ยอินเทอร์เนต็ โปรโตคอล TCP/IP ถูกออกแบบมาเพือ่ ใช้งานบนเครอื ข่ายระยะไกล เครอื ข่ายท้องถิน่ และยังสามารถเชอ่ื มตอ่ ไป ยงั โลกภายนอกหรอื เครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ ได้ ดงั นนั้ โปรโตคอล TCP/IP จงึ เป็นโปรโตคอลท่ไี ดร้ ับความ นิยมเป็นอย่างสงู TCP/IP เป็นชดุ ของโปรโตคอลที่ใช้ในการส่อื สารผ่านเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ โดยมี วตั ถุประสงคเ์ พือ่ ใช้ติดตอ่ สอ่ื สารระหวา่ งระบบที่มีความแตกต่างกันจากตน้ ทางข้ามเครือขา่ ยไปยงั ปลายทาง และสามารถหาเส้นทางทจ่ี ะสง่ ข้อมูลไปได้เองโดยอัตโนมัติ ถงึ แม้ในระหว่างทางอาจจะผา่ น เครือขา่ ยท่ีมีปญั หา โปรโตคอล TCP/IP ก็ยงั คงหาเส้นทางอื่นในการส่งผ่านขอ้ มลู ไปให้ถงึ ปลายทางได้ โดยการสง่ ข้อมลู ด้วยโปรโตคอล TCP/IP จะเป็นการส่งขอ้ มลู ผ่านช้นั การสื่อสาร ซ่ึงแต่ละชนั้ จะทำการ ประกอบข้อมูลท่ีได้รบั มากบั ขอ้ มูลสว่ นควบคุม ซ่ึงถูกนำมาไว้ในสว่ นหัวของขอ้ มลู เรียกว่า Header โดยภายใน Header จะบรรจขุ อ้ มูลท่ีสำคัญของโปรโตคอลท่ีทำการห่อหมุ้ ขอ้ มูล เมื่อผรู้ บั ไดร้ ับข้อมลู ก็ จะเกิดกระบวนการทำงานย้อนกลบั และทราบว่าข้อมลู ทต่ี ามมามลี ักษณะอย่างไร 2.1 สถาปัตยกรรมชุดโปรโตคอล TCP/IP สถาปัตยกรรมชุดโปรโตคอล TCP/IP ได้มกี ารพัฒนาข้ึนมากอ่ นแบบจำลอง OSI ดงั นัน้ ลำดบั ช้ันต่าง ๆ ในโปรโตคอล TCP/IP จงึ ไม่ตรงกับแบบจำลอง OSI แตแ่ บบจำลองทงั้ สองมี หลักการทำงานทคี่ ลา้ ยคลงึ กนั โดยสถาปตั ยกรรม TCP/IP จะมเี พียง 5 ลำดับชั้น 2.2 โปรโตคอล TCP (Transmission Control Protocol) (จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 3) โปรโตคอล TCP เปน็ โปรโตคอลที่มีความน่าเช่ือถือในการสอื่ สาร ดว้ ยการสร้างคอนเนก็ ชนั เพอื่ การเชือ่ มต่อกับปลายทางกอ่ นทจ่ี ะสง่ ขอ้ มูล โดยการสรา้ งวงจรเสมอื นระหวา่ งผู้สง่ และผู้รับ เพอื่ ให้ เกิดความคล่องตัวในระหวา่ งการส่งข้อมลู การแสดงรายละเอยี ดสว่ นหวั ของโปรโตคอล TCP ซง่ึ มรี ายละเอียดดังตอ่ ไปน้ี • Source Port Address คือ หมายเลขพอรต์ ของฝ่ายต้นทาง
• Destination Port Address คอื หมายเลขพอร์ตของฝา่ ยปลายทาง • Sequence Number คอื หมายเลขลำดบั ทีใ่ ช้แสดงตำแหนง่ ของขอ้ มูล เนื่องจากข้อมลู มี การแบ่งออกเปน็ หลายเซกเมนต์ เพ่อื ให้ผรู้ บั ใช้ในการรวมส่วนขอ้ มลู ตามลำดับหมายเลขใหเ้ ปน็ ขอ้ มูล ชดุ เดยี วเหมือนเดมิ ได้ • Acknowledgment Number คอื เลขขนาด 32 บิตท่ีใชต้ อบกลบั ไปยังฝ่ังตน้ ทางเพอ่ื ยืนยันว่าได้รบั ขอ้ มลู แล้ว โดยหมายเลขที่ใช้ตอบกลับไปน้จี ะมีการระบุลำดบั ถดั ไปของข้อมลู ด้วย เพอ่ื ใหฝ้ ั่งตน้ ทางส่งข้อมูลลำดับถดั ไปจากหมายเลขลำดับนนั้ มาใหต้ ่อไป • Header Length (HLEN) คือ ฟิลด์ทใี่ ชร้ ะบคุ วามกว้างหรือขนาดของเฮดเดอร์ มีขนาด 4 บิต • Reserved คือ ฟิลด์ขนาด 6บิต ท่ีสงวนไว้เพอื่ ใช้งานในอนาคต • Control คอื ฟิลดข์ นาด 6 บิต ซงึ่ แต่ละบติ ประกอบด้วย - URG (Urgent Pointer Field Significant) เป็นบิตที่ใช้กำหนดว่าขอ้ มูลนี้ตอ้ ง ดำเนนิ การโดยดว่ น โดยบอกให้ปลายทางหยุดการอ่านข้อมูลกอ่ นหนา้ ชั่วคราว และอา่ นขอ้ มูลเร่งด่วน ที่อยูใ่ นเซกเมนตส์ ่วนน้กี ่อนทจี่ ะดำเนนิ กิจกรรมเดมิ ต่อ - ACK (Acknowledgment Field Significant) เปน็ บติ ทใ่ี ห้ตรวจดหู มายเลข Acknowledgment - PSH (Push Function) เป็นบติ ที่ใช้แจ้งปลายทางวา่ ใหท้ ำการสง่ ขอ้ มูลต่อไปยงั ลำดบั ช้ันโปรโตคอลประยกุ ตท์ นั ที - RST (Reset the Connection) เป็นบิตท่ีใช้สำหรับรเี ซต เพอื่ ตงั้ คา่ ใหม่หรอื เพื่อ เปิดการเช่อื มตอ่ กนั รอบใหม่ในกรณที ่ีเกิดปญั หาในระหว่างการส่อื สาร และไม่สามารถดำเนนิ การต่อไป ได้ - SYN (Synchronize the Sequence Numbers) เปน็ บติ ทข่ี อใหด้ ำเนนิ การ ซิงโครไนซร์ ะหวา่ งตน้ ทางกบั ปลายทาง - FIN (No More Data from Sender) เปน็ บิตที่ใช้สำหรบั ยุติการเชอื่ มต่อ • Window Size เปน็ ฟลิ ดข์ นาด 16 บติ ทป่ี ลายทางใชก้ ำหนดขนาด Windows เพ่อื ใช้ สำหรับการเลื่อนหนา้ ต่าง • Checksum เป็นฟลิ ด์ขนาด 16 บิตที่ใช้สำหรบั การตรวจจับขอ้ ผิดพลาด • Urgent Pointer เปน็ ฟลิ ด์ทใี่ ชเ้ ปน็ พอยน์เตอร์เพือ่ ชต้ี ำแหน่งสุดท้ายของขอ้ มูลท่ีต้องการส่ง อยา่ งเรง่ ดว่ น และเริ่มต้นกบั การสง่ ขอ้ มลู แบบปกตติ ่อไป • Options and Padding เป็นส่วนเหลือของ TCP เฮดเดอรท์ ก่ี ำหนดไวเ้ พิม่ เติมเป็นออปชนั 2.3 โปรโตคอล IP (Internetwork Protocol) (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 4) IP เป็นกลไกการสง่ ขอ้ มูลท่ใี ช้ในโปรโตคอล TCP/IP โดยจะไมร่ ับประกนั การส่งขอ้ มูลวา่ จะไป ถึงผรู้ บั หรือไม่ และไม่มีการตรวจสอบข้อผดิ พลาด ไม่มกี ารสรา้ งคอนเน็กชันกับปลายทาง ทำให้ หลักการทำงานของโปรโตคอล IP นี้ ไมม่ คี วามซบั ซอ้ น ซึง่ โปรโตคอล IP นจ้ี ะใช้ทำงานควบคู่ไปกับ
โปรโตคอล TCP โดยมีหน้าท่ีเพยี งนำส่งขอ้ มูลไปถึงปลายทางไดด้ ้วยหมายเลข IP ซึง่ เปน็ หมายเลขท่ีใช้ ระบุตำแหนง่ เครอื่ งท่ีไมซ่ ำ้ กัน เรยี กวา่ ไอพแี อดเดรส (IP Address) ซึง่ ประกอบด้วยหมายเลขขนาด 32 บติ มี 2 สว่ น คอื ส่วนของหมายเลขเครอื ขา่ ย (NetID) และส่วนของหมายเลขโฮสต์ (HostID) ซึง่ ภายในของหมายเลขเครือขา่ ยนี้ ยงั รวมถึงบติ ที่ใช้สำหรับระบคุ ลาสของไอพแี อดเดรสด้วย ดังนั้นไอพี แอดเดรสจึงประกอบดว้ ย 3 ฟิลด์ คือ 1) ประเภทของคลาส (Class Type) เป็นประเภทของคลาสทใ่ี ช้ระบุไอพีแอดเดรส เพ่ือให้ ทราบว่าไอพีแอดเดรสนจ้ี ดั อยู่ในคลาสใด 2) หมายเลขเครือขา่ ย หรอื NetID (Network Identifier) เปน็ ส่วนทใี่ ช้สำหรบั การวาง เส้นทางแพ็กเกต็ ระหวา่ งเครือข่าย 3) หมายเลขโฮสต์ หรือ HostID (Host Identifier) เป็นส่วนที่ใช้ระบตุ ำแหน่งเฉพาะเจาะจง ของอุปกรณ์หรอื โฮสต์บนเครอื ขา่ ย ไอพแี อดเดรสมขี นาด 32บิต ทเี่ ป็นไปตามข้อกำหนดของ IPv4 ทำให้สามารถใช้แทน หมายเลขแอดเดรสของอุปกรณไ์ ดป้ ระมาณ 4 พันล้านเครอื่ ง หรือเทา่ กบั 232(4,294,967,296) แต่ ไมไ่ ดน้ ำมาใช้งานท้ังหมด เน่ืองจากต้องเกบ็ ไวบ้ างสว่ นเพอ่ื ใช้งานเฉพาะอย่าง แตย่ ากตอ่ การจดจำ ดังนน้ั จึงมกี ารจดั การกบั ไอพแี อดเดรสด้วยการเขียนอยู่ในรปู แบบของเลขฐานสิบ และใชจ้ ุดทศนยิ ม เป็นตัวคนั่ ทำให้ผอู้ า่ นจดจำได้ง่ายข้ึน โดยแต่ละไบต์ท่ีเปน็ กลุ่มตวั เลขฐานสอง เม่อื นำมาแปลงเป็น เลขฐานสบิ จะมีค่าระหว่าง 0–255 และในตำแหน่งไบตแ์ รกของไอพแี อดเดรสนเี้ อง จะทำให้เรา สามารถรบั รูเ้ พื่อตีความไดท้ ันทีวา่ ไอพแี อดเดรสชุดนีจ้ ดั อย่ใู นคลาสใด 2.3.1 ซับเนต็ มาสก์ (Subnet Mask) (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมข้อท่ี 5) ซับเนต็ มาสก์ (Subnet Mask) หรือการทำมาสก้ิง (Masking) เป็นกระบวนการท่ี บอกให้รู้ว่าเครอื ขา่ ยของเราได้มีการแบง่ เป็นเครือขา่ ยย่อยหรือซบั เนต็ ดังนนั้ ในการออกแบบเครือข่าย จงึ จำเป็นตอ้ งมกี ารระบซุ บั เน็ตมาสก์ด้วย เพื่อใหร้ ู้วา่ ไอพแี อดเดรสน้มี กี ารแบง่ สว่ นหมายเลขเครอื ข่าย และสว่ นของหมายเลขโฮสต์อยา่ งไร ซบั เนต็ มาสกม์ ขี นาด 32 บิต เทา่ กบั ไอพีแอดเดรส การกำหนดคา่ ใหก้ บั ซบั เนต็ มาสก์ ทำได้ ด้วยการกำหนดส่วนท่ีจะใหเ้ ปน็ หมายเลขเครือข่ายและหมายเลขเครอื ข่ายยอ่ ยมคี ่าเป็น 1 และส่วนที่ ต้องการให้เป็นหมายเลขโฮสต์มีคา่ เป็น 0 2.3.2 Private Address (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 6) ไอพแี อดเดรสยงั มีช่วงของหมายเลขช่วงหนง่ึ ท่ีถกู สงวนไว้เพือ่ ใช้งานภายใน โดยไม่ยงุ่ เกย่ี วกับเครอื ขา่ ยภายนอก ท่ีเรียกวา่ ไพรเวตไอพเี น็ตเวิร์ก (Private IP Network) หรือไอพีเครือขา่ ย ภายใน ท่จี ะใชง้ านภายในหนว่ ยงานทีต่ อ้ งการใช้งานเครือขา่ ยเฉพาะบุคคล โดยไมม่ ีการเช่ือมตอ่ ไปยงั เครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ต และในกรณที มี่ กี ารเชอื่ มตอ่ เครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต เราท์เตอร์หรือเกตเวย์จะทำ การกนั หมายเลขไพรเวตไอพขี องเครอื ข่ายสว่ นบุคคลเหลา่ นไี้ ม่ให้เชอ่ื มโยงไปยังเครือข่ายสาธารณะ อยา่ งอนิ เทอร์เน็ตได้ เราสามารถนำไพรเวตไอพีเนต็ เวิร์กคลาสต่าง ๆ ไปใช้งานบนเครอื ข่ายท้องถ่ินทม่ี ี
การเช่อื มตอ่ ด้วยโปรโตคอล TCP/IP โดยไมต่ อ้ งขอจดทะเบยี นกบั ทาง ISP โดยแอดเดรสของไพรเวต ไอพเี นต็ เวริ ก์ แตล่ ะคลาสมดี ังน้ี คลาส A 10.0.0.0 ถึง 10.255.255.255 คลาส B 172.16.0.0 ถงึ 172.31.255.255 คลาส C 192.168.0.0 ถงึ 192.168.255.255 3. โปรโตคอล FTP (จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรมขอ้ ที่ 7) โปรโตคอล FTP (File Transfer Protocol) เป็นโปรโตคอลทีบ่ ริการดา้ นการโอนถ่าย แฟ้มข้อมลู ระหว่างโฮสต์ หรือคัดลอกแฟม้ ข้อมลู บนเครือขา่ ย ซงึ่ หมายถึงการโอนย้ายแฟม้ ข้อมลู จาก เครื่องคอมพวิ เตอรร์ ะบบหนงึ่ มายงั ระบบหน่งึ ผา่ นเครอื ขา่ ย ซ่งึ ทำได้หลายรูปแบบ เช่น การโอนจาก เครื่องแม่ข่ายมายงั เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ หรอื จากเครื่องคอมพวิ เตอร์ไปเครื่องแม่ข่าย หรือระหวา่ งเครอื่ ง แมข่ ่ายดว้ ยกนั เอง โดยอาศัยโปรแกรม FTP การทำงานของโปรโตคอล FTP จะเร่มิ จากผูใ้ ช้เรียกใช้โปรแกรมผา่ น User Interface และถ้า มกี ารใชค้ ำส่ังต่าง ๆ ของ FTP จะเปน็ หนา้ ที่ของ PI (Protocol Interpreter module) ทำหน้าทีแ่ ปล คำสง่ั และทำงานตามคำสั่ง ในกรณีทีม่ กี ารส่งรับข้อมลู ก็จะเปน็ หน้าทีข่ อง DT (Data Transfer module) ซ่งึ โมดูล PI และ DT นี้จะอยูท่ ั้งด้านของไคลเอนตแ์ ละเซริ ฟ์ เวอร์ 4. โปรโตคอล HTTP (จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมข้อที่ 8) โปรโตคอล HTTP (Hypertext Transfer Protocol) เปน็ ขอ้ กำหนดท่ีใช้สำหรบั เรยี กดู เอกสารจากเวิลดไ์ วดเ์ ว็บ ซึง่ จัดเป็นตัวกลางในการรบั ส่งข้อมลู ระหวา่ งโปรแกรมเบราเซอร์และเวบ็ เซิรฟ์ เวอร์ เป็นโปรโตคอลในระดบั ชนั้ โปรแกรมประยุกต์ เพอื่ การแจกจ่ายและการทำงานร่วมกนั กับ สารสนเทศของสือ่ ผสม ซ่ึง HTTP เปน็ มาตรฐานในการรอ้ งขอและการตอบรบั การใชเ้ ว็บไซตร์ ะหวา่ ง เครือ่ งลูกข่ายกบั เครือ่ งแมข่ า่ ย ผ่านทางเวบ็ เบราว์เซอร์ โปรโตคอล HTTPs (Hypertext Transfer Protocol Security) หมายถงึ ระบบความ ปลอดภยั ของโปรโตคอล HTTP ทใี่ ช้สำหรบั การแลกเปลีย่ นข้อมูลระหว่างเครื่องเครอื่ งแม่ข่ายและ เครอ่ื งลูกขา่ ยท่ีคดิ คน้ ขึน้ โดยบริษัท Netscape โดยมจี ดุ ประสงค์เพื่อรกั ษาความลบั ของข้อมูลขณะ รับส่ง และเพ่ือใหแ้ น่ใจว่าข้อมลู นั้นถูกรับสง่ ระหว่างผู้รับและผู้ส่งตามท่ีระบไุ วจ้ รงิ 5. โปรโตคอล UDP (จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมขอ้ ที่ 9) โปรโตคอล UDP (User Datagram Protocol) เปน็ โปรโตคอลในลำดบั ช้นั ทรานสปอรต์ โดย ในส่วนของเฮดเดอร์จะประกอบด้วยหมายเลขพอรต์ ต้นทางและปลายทาง ขนาดความกวา้ งของข้อมูล และตัวควบคมุ ข้อผิดพลาด (Checksum) โดยแพ็กเก็ตท่ปี ระกอบข้ึนจาก UDP นจ้ี ะเรยี กวา่ ยูสเซอร์ ดาตา้ แกรม (User Datagram) UDP เป็นโปรโตคอลที่ไมม่ กี ารสรา้ งคอนเนก็ ชันกบั สถานปี ลายทางก่อนการส่งขอ้ มลู ดังน้ัน เมอ่ื มีขอ้ มูลท่ีจะส่ง UDP จะดำเนนิ การส่งข้อมลู เหลา่ นั้นทันที และไมม่ กี ารรับประกันถงึ ขอ้ มูลทีส่ ่งว่า ไปถงึ ปลายทางผู้รบั หรอื ไม่ และหากขอ้ มลู ไปไม่ถงึ ปลายทางหรือเกดิ ข้อผิดพลาดข้ึนมา ลำดบั ชน้ั ท่ีอยู่
เหนือกว่าจะต้องเปน็ ผ้ดู ำเนินการแกไ้ ขเอง ซ่งึ ภายในเฮดเดอร์ของโปรโตคอล UDP ประกอบดว้ ย รายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี • Source Port Address คือ หมายเลขพอร์ตของฝา่ ยตน้ ทาง • Destination Port Address คอื หมายเลขพอร์ตของฝ่ายปลายทาง • Total Length คือ ฟิลด์ท่ใี ช้ระบุความยาวทงั้ หมดของยสู เซอร์ดาตา้ แกรม มีหน่วยเป็นไบต์ • Checksum คือ ตวั ท่ีใชส้ ำหรับตรวจสอบข้อผิดพลาด ขนาด 16บติ • ดา้ นทกั ษะ (ปฏิบตั ิ) (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-9) 1.แบบฝกึ หัดท้ายบทที่ 5 2.กิจกรรมการเรียนรู้ • ด้านคณุ ธรรม/จรยิ ธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1.การเตรยี มความพรอ้ มดา้ น วัสดุ อุปกรณน์ ักศึกษาจะต้องทำความสะอาดหอ้ งเรียน จดั เตรียมอปุ กรณ์ในการเรียนรู้ ใหม้ คี วามพร้อมเพยี งและเหมาะสมกบั เวลาทีใ่ ชใ้ นการเรียน 2.ความมีเหตุมีผลในการปฏบิ ัติงาน ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งนักศกึ ษาจะตอ้ งมี การใชเ้ ทคนิคการจดบนั ทึกงาน การสบื ค้นข้อมลู กอ่ นการเรียนรแู้ ละหลังเรียนรเู้ พอ่ื ให้การเรยี นรู้ เหมาะสมกับเวลา คุ้มคา่ และประหยัด 4. สมรรถนะรายบท 1. แสดงความรู้เกย่ี วกบั โปรโตคอล 5. การวิเคราะห์ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 5.1 ความพอเพยี ง 3 คุณลักษณะ ไดแ้ ก่ 5.1.1 หลักความพอประมาณ พอประมาณในทุกอย่าง ความพอดีไม่มากหรือว่าน้อยจนเกินไปโดยต้องไม่ เบียดเบียนตนเอง หรอื ผู้อื่นใหเ้ ดอื ดรอ้ น 5.1.2 หลกั ความมเี หตุผล การตัดสนิ ใจเกยี่ วกบั ระดับของความพอเพยี งนนั้ จะตอ้ งเปน็ ไปอยา่ งมีเหตุผลโดย พิจารณาจากเหตปุ ัจจยั ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ตลอดจนคำนึงถงึ ผลท่ีคาดว่าจะเกิดข้นึ จากการกระทำ นน้ั ๆ อยา่ งรอบคอบ 5.1.3 หลกั ภมู ิคมุ้ กนั การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านการต่างๆ ที่จะ เกิดข้ึนโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดว่าจะเกิดข้นึ ในอนาคตท้ัง ใกลแ้ ละไกล
5.2 เงื่อนไข 2 เงอ่ื นไข ได้แก่ 5.2.1 เงือ่ นไขคณุ ธรรม มีความรอบรู้เกยี่ วกับ วชิ าการตา่ งๆทเ่ี กย่ี วขอ้ งอยา่ งรอบด้าน ความรอบคอบท่ีจะ นำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผน และความ ระมัดระวงั ในข้นั ตอนปฏบิ ัติ คณุ ธรรมประกอบดว้ ย มคี วามตระหนักในคณุ ธรรม มีความ ซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต 5.2.2 เงือ่ นไขความรู้ มีความตระหนกั ในคุณธรรม มคี วามซือ่ สัตย์สุจริตและมีความอดทน มคี วามเพียร ใชส้ ติปญั ญาในการดำเนนิ ชีวติ 5.3 การเชอ่ื มโยงสู่ 4 มิติ ได้แก่ 5.3.1 มิติสังคม ผเู้ รียน สรา้ งความสัมพันธอ์ ันดีในกลุ่มผู้เรียนเพื่อนร่วมงาน 5.3.2 มติ เิ ศรษฐกิจ ผู้เรียน มีการเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ อย่างคุ้มค่า เหมาะสม ไม่เสียหาย ทิ้งขวาง ฯลฯ 5.3.3 มติ ิวัฒนธรรม ผูเ้ รยี น รักษาวัฒนธรรมอันดขี องไทย เช่น แบ่งปัน มีนำ้ ใจ เหน็ ใจผ้อู ืน่ ชว่ ยเหลือ ไหว้ทักทาย ขอบคณุ ฯลฯ 5.3.4 มิตสิ ่ิงแวดล้อม ผู้เรียน จัดเก็บ ทำความสะอาด บำรุงรักษา สิ่งของวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครือ่ งจกั ร ฯลฯ 6. การบูรณาการกบั คุณลักษณะ 3 D แก่ผู้เข้ารบั การฝึกอบรม 6.1 ด้านประชาธิปไตย (Democracy) มีความตระหนกั เหน็ ความสำคัญศรัทธาและเชอ่ื มัน่ การปกครองระบบประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข รวมท้ังรงั เกยี รติการทจุ รติ และต่อต้านการซ้ือสทิ ธิ ขายเสียง 6.2 ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและความเปน็ ไทย (Decency)
มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม ความดงี าม รู้ผดิ ชอบชั่วดี มีความภาคภูมใิ จในความเปน็ ไทยและ ยึดถือปฏิบตั ิอยใู่ นวิถีชีวิต 6.3 ด้านภมู คิ ุม้ กันจากยาเสพตดิ (Drug - Free) รู้จกั หลีกเลีย่ งหา่ งไกลยาเสพตดิ 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ขนั้ ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ข้ันตอนการเรยี นรหู้ รือกจิ กรรมของนักเรียน 1. ขัน้ นำเขา้ สู่บทเรยี น (20 นาท)ี 1. ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรียน (20 นาท)ี 1. ผู้สอนแจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นของหนว่ ย 1. ผเู้ รยี นทำความเข้าใจเกย่ี วกับจดุ ประสงค์การ เรียนท่ี 5 และขอให้ผ้เู รียนร่วมกันทำกจิ กรรมการเรยี น เรยี นของหนว่ ยเรยี นที่ 5 และการให้ความรว่ มมือในการ การสอน ทำกจิ กรรม 2. ผสู้ อนให้ผูเ้ รียนแสดงความรู้ โดยตัง้ คำถาม 3. ผเู้ รยี นแสดงความรวู้ า่ โปรโตคอลมีอะไรบ้าง ว่าโปรโตคอลมอี ะไรบา้ ง พร้อมให้เหตผุ ลประกอบ พร้อมให้เหตผุ ลประกอบ 2. ขั้นให้ความรู้ (60 นาที) 2. ขนั้ ใหค้ วามรู้ (60 นาที) 16. ผ้สู อนทดสอบความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกบั 15. ผู้เรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน โปรโตคอล โดยให้ผูเ้ รียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน 16. ผู้เรยี นตอบคำถามจากผสู้ อน เพอ่ื แสดงความรู้ 17. ผู้สอนอธิบายเน้ือหาเกีย่ วกับบทเรียนวิชา และความเขา้ ใจกอ่ นการเรยี น เรือ่ งโปรโตคอลผู้เรยี น เครอื ข่ายคอมพวิ เตอรเ์ บอื้ งต้น หน่วยท่ี 5เร่ือง ศกึ ษาบทเรียนวชิ าเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์เบ้อื งต้น หน่วย โปรโตคอล และให้ผู้เรียนศึกษาเอกสารประกอบการ ที่ 5 เรอ่ื งโปรโตคอลและศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน สอน หน่วยท่ี 5 หนว่ ยท่ี 5 18. ผู้สอนและผเู้ รยี นรว่ มกันอธิบายพรอ้ ม 17. ผเู้ รยี นอธบิ ายและยกตวั อยา่ งถึงโปรโตคอล ยกตัวอยา่ งถงึ โปรโตคอล ตามทไ่ี ด้ศึกษาจากบทเรยี น ตามทีไ่ ด้ศึกษาจากบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน 3. ขัน้ ประยุกต์ใช้ (60 นาท)ี 8. ผ้สู อนให้ผูเ้ รียนทำใบงานที่ 7-9 3. ขนั้ ประยกุ ตใ์ ช้ (60 นาท)ี 9. ผู้สอนให้ผู้เรยี นทำแบบฝึกหดั ทา้ ยบทท่ี 5 8. ผเู้ รยี นทำใบงานที่ 7-9 4. ข้ันสรปุ และประเมนิ ผล (40 นาที) 9. ผู้เรยี นทำแบบฝกึ หัดท้ายบทท่ี 5 1. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น 4. ข้นั สรุปและประเมนิ ผล (40 นาที) 2. ผูส้ อนและผู้เรยี นร่วมกันสรปุ เน้ือหาท่ไี ด้เรยี น 1. ผูเ้ รยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน ให้มีความเขา้ ใจในทศิ ทางเดยี วกนั 2. ผสู้ อนและผู้เรยี นรว่ มกันสรปุ เนอ้ื หาทไี่ ด้เรียน เพื่อให้มคี วามเข้าใจในทศิ ทางเดียวกัน
3. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นศึกษาเพ่มิ เติมนอกห้องเรยี น 3. ผเู้ รียนศึกษาเพม่ิ เติมนอกหอ้ งเรยี น ดว้ ย ดว้ ยบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนท่ีจัดทำข้นึ บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนท่ีจัดทำขึน้ (บรรลุจดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-9) (บรรลจุ ุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมข้อท่ี 1-9) (รวม 180 นาที หรือ 4 ชวั่ โมงเรียน) 8. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สอ่ื สงิ่ พิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาเครือขา่ ยคอมพิวเตอรเ์ บ้ืองต้น (ใช้ประกอบการเรยี นการ สอนจดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-9) 2. ใบความรแู้ ละใบงาน 8.2 สื่อโสตทศั น์ 1. บทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน เรือ่ งพนื้ ฐานระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 2. สอ่ื ของจริง 9. การวัดและประเมินผล 9.1 เคร่อื งมอื ประเมนิ 9.1.1 แบบทดสอบกอ่ นเรียนบทท่ี 5 9.1.2 แบบฝึกหัดทา้ ยใบความรทู้ ่ี 5 9.1.3 แบบประเมนิ การบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอันพึง ประสงค์ในการเรยี นการสอนของวิทยาลัยเทคนิคอา่ งทอง ตามหลักแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพยี ง 9.1.4 แบบประเมินการพัฒนาผู้เข้ารับการฝึกอบรมด้านสุขภาพ ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสงั คมในการเรียนการสอนของวิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง 9.2 วิธีการประเมนิ 9.2.1 ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรมทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนบทท่ี 5 9.2.2 ผูเ้ ข้ารบั การฝกึ อบรมทำแบบฝึกหัดท้ายใบความรู้ที่ 5 9.2.3 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อประเมินการบูรณา การคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการเรียนการสอนวิทยาลัยการ อาชพี ชนแดน ตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง 9.2.4 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อการพัฒนาผู้เข้ารับ การฝึกอบรมดา้ นสขุ ภาพ ร่างกาย สตปิ ัญญา อารมณแ์ ละสังคม ในการเรยี นการสอนของวทิ ยาลัยการ อาชพี ชนแดน
9.3 เกณฑก์ ารประเมนิ 9.3.1 แบบทดสอบก่อนเรียน บทที่ 5 เกบ็ ผลคะแนนเปรยี บเทียบกับแบบทดสอบหลัง เรยี น 9.3.2 แบบฝกึ หดั ท้ายใบความร้ทู ี่ 5 ผ้ผู ่านเกณฑก์ ารประเมินต้องทำได้ รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป 9.3.3 แบบประเมนิ การบูรณาการคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพึง ประสงค์ในการเรียนการสอนวิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง ตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ถือเกณฑ์ ผ่านร้อยละ 60 ขนึ้ ไป จากคะแนนรวม 20 คะแนนตลอดหลักสตู ร 9.3.4 แบบประเมินการพฒั นาผ้เู ขา้ รบั การฝกึ อบรมด้านสุขภาพ ร่างกาย สตปิ ัญญา อารมณ์และสังคม ในการเรียนการสอนของวิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง ร้อยละ 50 ขึ้นไป จากคะแนน รวม 10 คะแนนตลอดหลักสตู ร
แผนการจดั การเรยี นรู้ วิชา เครือข่ายคอมพิวเตอรเ์ บ้ืองต้นรหสั วชิ า 20204-2005 สอนครัง้ ที่ 10- 11 บทที่ 6 ช่ือบท รปู แบบการเช่ือมต่อเครือขา่ ย ชว่ั โมงรวม 6 ช่วั โมง ชอื่ เรือ่ ง รปู แบบการเชอื่ มตอ่ เครอื ข่าย เวลา 6 ชว่ั โมง 1. สาระสำคัญ โทโพโลยี (Topology) หมายถึง ลกั ษณะทางกายภาพของระบบเครอื ขา่ ย เป็นลกั ษณะ ของการเช่ือมโยงสายสอื่ สารเขา้ กับอุปกรณอ์ เิ ล็กทรอนิกส์และเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ ภายในเครอื ข่าย ด้วยกัน โทโพโลยขี องเครอื ข่าย LAN แต่ละแบบมีความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันออกไป การ นำไปใช้แบง่ ออกเปน็ โทโพโลยีแบบบัส (Bus) โทโพโลยีแบบดาว (Star) และโทโพโลยแี บบวงแหวน (Ring) การเช่อื มตอ่ เครอื ข่ายแบ่งออกเปน็ การเช่ือมตอ่ เครือขา่ ยแบบเพยี รท์ เู พยี ร์ (peer-to- peer) และ การเช่ือมต่อเครอื ขา่ ยแบบ Client/Server การเชอ่ื มต่อเครือข่าย LAN เป็นเครอื ข่ายส่วนบุคคลท่มี กี ารเชอื่ มตอ่ เครอื่ งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ส่ือสารทอ่ี ยู่ในพื้นที่ใกล้เคยี งเข้าด้วยกันโดยมรี ะยะทางการเชอ่ื มตอ่ ไมเ่ กิน 10 กโิ ลเมตร การเชอื่ มต่อระบบอนิ เทอร์เนต็ โดยใชม้ าตรฐานในการรับสง่ ขอ้ มลู เดียวกนั ทีเ่ รียกวา่ TCP/IP มรี ูปแบบ การเชือ่ มตอ่ อินเตอร์เน็ตดังนี้ 1. การเชื่อมตอ่ อินเทอร์เน็ตแบบใช้สาย (Wire Internet) 1) การเชอ่ื มตอ่ อินเตอร์เนต็ รายบุคคล เปน็ การเช่ือมตอ่ อนิ เตอร์เนต็ จากที่ บา้ น ซงึ่ ยังต้องอาศยั ค่สู ายโทรศัพท์ในการเขา้ สเู่ ครือข่าย 2) การเชื่อมตอ่ อินเตอร์เน็ตแบบองคก์ ร จะพบได้ทั่วไปตามหน่วยงานตา่ ง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หนว่ ยงานตา่ ง ๆ เหล่าน้ีจะมีเครือขา่ ย LAN เป็นของตัวเอง ซึง่ เครอื ขา่ ย LAN นี้เชื่อมตอ่ อินเตอร์เนต็ ตลอดเวลาผ่านสายเช่า (Leased line) 2 การเชือ่ มตอ่ อินเตอร์เน็ตแบบไรส้ าย (Wireless Internet) 2.1 การเชอ่ื มต่ออนิ เตอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเคร่ืองโทรศัพท์บ้านเคล่อื นท่ี 2.2 การใช้งานอนิ เตอรเ์ น็ตผา่ นโทรศพั ท์มือถือโดยตรง 1) WAP (Wireless Application Protocol) เป็นโปรโตคอล มาตรฐานของอปุ กรณไ์ รส้ ายทใี่ ช้งานบนอินเตอร์เน็ต ใช้ภาษา WML 2) GPRS (General Packet Radio Service) เป็นเทคโนโลยีท่ี พฒั นาขนึ้ เพอื่ ให้โทรศัพทม์ อื ถอื สามารถเช่อื มตอ่ กับอินเตอร์เน็ตด้วยความเรว็ สงู
3) โทรศพั ทร์ ะบบ CDMA (Code Division Multiple Access) สามารถรองรับการส่อื สารไรส้ ายความเร็วสูงไดเ้ ป็นอย่างดี โดยสามารถทำการรบั สง่ ขอ้ มลู ได้สงู สดุ 153 Kbps 4) เทคโนโลยบี ลูทธู (Bluetooth Technology) เทคโนโลยีบลูทธู ถกู พฒั นาขนึ้ มาเพอื่ ใชก้ บั การส่อื สารแบบไรส้ าย 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ • จุดประสงคท์ ั่วไป / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1.เพื่อให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับรูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่าย และมีทัศนคติที่ดี (ด้าน ความร)ู้ 2.เพ่อื ใหม้ ีทักษะในการเชื่อมต่อเครือขา่ ยภายใน (ด้านทกั ษะ) 3.เพื่อให้มีเจตคติที่ดีต่อการเตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์ และการปฏิบัติงานอย่าง ถูกต้อง สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด มีเหตุและผลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ด้าน คุณธรรม จริยธรรม) •จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม / บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. บอกความหมายของโทโพโลยี ได้ถกู ต้อง (ด้านความร)ู้ 2. บอกถงึ ลักษณะโทโพโลยแี บบบัส (Bus) ได้ถกู ตอ้ ง (ดา้ นความรู)้ 3. บอกถึงลกั ษณะโทโพโลยีแบบดาว (Star)ได้ถูกตอ้ ง (ด้านความร)ู้ 4. บอกถึงลกั ษณะโทโพโลยีแบบวงแหวน (Ring) ไดถ้ ูกต้อง (ด้านความร้)ู 5. บอกถึงรูปแบบการเชื่อมต่อเครอื ข่าย ไดถ้ กู ต้อง (ด้านความร้)ู 6. อธบิ ายวิธกี ารเช่ือมต่อเครอื ขา่ ย LAN ได้ถูกตอ้ ง (ด้านความร)ู้ 7. อธบิ ายวธิ ีการเช่ือมต่อระบบอนิ เทอรเ์ น็ต ได้ถกู ตอ้ ง (ดา้ นความรู้) 8. การเตรยี มความพร้อมด้านการเตรยี มวัสดุ อุปกรณ์ ผู้เรียนจะตอ้ งกระจายงานได้ทวั่ ถึง และ ตรงตามความสามารถของสมาชกิ ทุกคน มีการจดั เตรียมสถานท่ี สอื่ วสั ดุ อุปกรณไ์ ว้อยา่ งพรอ้ มเพรียง (ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง) 9. ความมีเหตุมีผลในการปฏิบัตงิ าน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผู้เรียนจะต้องมี การใชห้ ลักการเรยี นรแู้ ละเวลาทเี่ หมาะสมกับการเรยี นรู้ (ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจ พอเพียง) 3. สาระการเรียนรู้ • ด้านความรู้ (ทฤษฎ)ี การนำคอมพิวเตอร์มาเช่อื มต่อกนั เป็นระบบเครือขา่ ยนั้น จะต้องมกี ารศึกษาถงึ รูปแบบ โครงสร้างและการจัดวางอปุ กรณต์ ่าง ๆ ในระบบเครอื ข่าย เพอ่ื ทำให้การใช้งานระบบเครือข่าย คอมพิวเตอรน์ น้ั เกิดประโยชน์และมปี ระสิทธภิ าพในการใชง้ านสูงสุด
1. โทโพโลยี (Topology) (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมข้อท่ี 1) โทโพโลยี (Topology) หมายถงึ ลกั ษณะทางกายภาพของระบบเครือขา่ ย เป็นลกั ษณะของ การเช่ือมโยงสายส่อื สารเขา้ กับอุปกรณ์และเครือ่ งคอมพิวเตอร์ในเครอื ขา่ ยเขา้ ด้วยกนั ซ่ึงโทโพโลยที ่ี นิยมใช้กนั บนเครือขา่ ยท้องถิ่นจะมีอยู่ 3 ชนดิ ด้วยกนั ดงั น้ี 1.1 โทโพโลยแี บบบสั (Bus Topology) (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 2) โทโพโลยแี บบบสั (Bus Topology) เป็นเครือขา่ ยท่มี ีรปู แบบการเชอื่ มตอ่ แบบบัส โดย เช่ือมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เข้ากับตัวกลางหลกั ท่เี รียกว่าบัส เพียงเส้นเดยี วยาวตอ่ เน่ือง และมี Connector เปน็ ตวั เชือ่ มตอ่ และทจี่ ดุ ปลายของทั้งสองดา้ นจะต้องมอี ปุ กรณป์ ิดหวั ท้ายที่เรียกวา่ Terminator เพอื่ กำจัดสญั ญาณรบกวนทีจ่ ะเกดิ ข้ึนจากการสะทอ้ นกลบั ของอุปกรณข์ องฝ่ายผรู้ ับ ยอ้ นกลับไปหาฝา่ ยผสู้ ง่ โทโพโลยีแบบบัสเป็นวิธีการเช่ือมต่อที่งา่ ยท่ีสดุ และเปน็ วิธที ี่นยิ มอยา่ งมากใน อดีต แต่ปัจจุบนั มกี ารใช้งานลดน้อยลง ภาพที่ 6.1 แสดงการเชอ่ื มเครือข่ายแบบบสั (Bus) ที่มา : http://www.computerhope.com/jargon/b/bustopol.htm การรบั ส่งข้อมลู ของโทโพโลยแี บบบัสซ่ึงเปน็ รปู แบบทมี่ ีการใช้ตัวกลางร่วมกัน เม่ือ คอมพวิ เตอร์เครอื่ งใดตอ้ งการส่งข้อมลู ไปยังเครื่องอ่นื ภายในเครือขา่ ย คอมพวิ เตอร์เคร่อื งน้ันต้อง ตรวจสอบก่อนว่าตวั กลางว่างหรือไม่ ถ้าตวั กลางไมว่ ่างจะไมส่ ามารถส่งข้อมูลออกไปได้ ตอ้ งรอจนกว่า ตวั กลางจะว่าง และถ้าตัวกลางว่างจึงสามารถส่งข้อมูลออกมาไดแ้ ละวง่ิ ผา่ นคอมพวิ เตอร์ทุกเคร่ืองใน เครือข่าย ซงึ่ ทกุ เครอื่ งจะได้รับข้อมูลน้ีแตจ่ ะตอ้ งตรวจสอบขอ้ มลู ทีไ่ ด้รบั วา่ เป็นของตนเองหรอื ไม่ หาก เปน็ เครือ่ งทมี่ ีเลขที่อยตู่ รงกับเลขทอี่ ยู่ปลายทางท่ีมากบั ข้อมูล เครอ่ื งนนั้ จึงจะรบั ขอ้ มูลไปใชง้ านได้ สว่ นเครอื่ งอืน่ เม่ือได้รับข้อมลู มาก็จะทง้ิ ข้อมลู นี้ไป ดงั น้ันการส่งขอ้ มูลแบบนใ้ี นเวลาหนงึ่ จะมี คอมพิวเตอร์เพียงเครือ่ งเดียวเทา่ น้นั ทสี่ ามารถส่งข้อมลู ได้ ทำให้จำนวนคอมพิวเตอร์ที่เชอ่ื มตอ่ จะมีผล ต่อประสิทธิภาพของเครือขา่ ย เพราะถา้ จำนวนคอมพวิ เตอร์มากกจ็ ะทำให้คอมพิวเตอรต์ อ้ งรอนาน ทำ ใหเ้ ครือขา่ ยชา้ มากขนึ้ 1.2 โทโพโลยีแบบดาว (Star Topology) (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมขอ้ ท่ี 3) โทโพโลยแี บบดาว (Star Topology) เกดิ มาจากเครอื ขา่ ยท่มี กี ารเชอ่ื มตอ่ เขา้ กับเคร่ือง คอมพิวเตอรเ์ มนเฟรมที่เป็นศนู ยก์ ลาง ในปจั จุบันไดม้ กี ารนำโทโพโลยีแบบดาวมาประยกุ ตใ์ ช้งาน โดย ให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทุกเครอ่ื งเชื่อมต่อเขา้ กับอุปกรณศ์ นู ยก์ ลางทเ่ี รยี กวา่ ฮับหรอื สวติ ช์ โดยอปุ กรณ์
ศูนย์กลางจะทำหน้าทเี่ ป็นศูนยค์ วบคุมเส้นทางการสอื่ สารทั้งหมด และทำหน้าทจ่ี ัดสง่ ข้อมลู ใหก้ ับ เคร่อื งปลายทาง ดงั แสดงในภาพที่ 6.2 ภาพท่ี 6.2 แสดงการเชื่อมเครือข่ายแบบดาว (Star) ทมี่ า : http://classthreetwoone.blogspot.com/ การรบั ส่งขอ้ มลู ของโทโพโลยแี บบดาวท่ีใชฮ้ บั เปน็ ศนู ยก์ ลางมรี ปู แบบการรบั ส่งขอ้ มูล เหมือนกับโทโพโลยแี บบบัส เน่อื งจากฮับจะสง่ ข้อมลู ที่ได้รบั มาจากเครอ่ื งผู้ส่งไปยงั เคร่ืองอนื่ ๆ ที่ เชื่อมต่อกบั ฮบั และคอมพวิ เตอรเ์ ครอื่ งใดมีท่อี ยู่ตรงกบั ท่อี ยขู่ องผู้รับทร่ี ะบมุ าในข้อมูล เคร่ืองนั้น สามารถนำเอาขอ้ มลู ท่ไี ดร้ บั ไปใช้งานได้ สว่ นเคร่อื งอน่ื ที่ไมใ่ ชผ่ ้รู บั ปลายทางตวั จรงิ จะตอ้ งท้งิ ขอ้ มูลน้ีไป โทโพโลยีแบบดาวทมี่ ีฮบั เปน็ ศนู ยก์ ลางนอ้ี าจทำให้เกดิ การชนกนั ของขอ้ มลู ได้ เชน่ ในกรณขี อง ช่วงเวลาหนง่ึ ที่มคี อมพิวเตอรส์ ง่ ขอ้ มูลไปที่ฮบั และฮับกก็ ำลงั ส่งขอ้ มูลออกไปยงั คอมพิวเตอร์ทุกเครอ่ื ง ดงั นั้นหากเครือ่ งใดที่ตอ้ งการสง่ ขอ้ มูลจะต้องตรวจสอบกอ่ นวา่ ไม่มขี อ้ มูลกำลงั ถูกสง่ มาจากฮบั โดยการ ตรวจสอบสัญญาณว่างคอมพิวเตอร์จึงจะสามารถสง่ ขอ้ มูลได้ แต่ถ้าไม่วา่ งจะต้องรอจนกว่าตัวกลางจะ วา่ ง ทำให้ต้องเสียเวลามากโดยเฉพาะถ้ามีจำนวนเครอื่ งที่เชอ่ื มต่อเขา้ กบั ฮับเปน็ จำนวนมาก ดงั นั้น เพอ่ื ให้การรบั ส่งขอ้ มลู ทำได้รวดเร็วมากขนึ้ โทโพโลยแี บบดาวจะตอ้ งเปล่ยี นอุปกรณ์ศูนย์กลางการ เชอื่ มต่อมาเปน็ สวติ ช์แทนฮบั โดยสวติ ช์จะทำการตรวจสอบท่อี ยขู่ อ้ มูลและกำหนดเสน้ ทางในการส่ง ข้อมลู เพอ่ื จัดสง่ ถึงปลายทางทแ่ี ท้จริงเพียงเครอ่ื งเดียวเท่านน้ั สว่ นเคร่อื งอ่ืนท่ีไม่ใชผ่ ู้รับปลายทางจะ ไม่ไดร้ บั ขอ้ มูลน้ี ทำให้ไมเ่ กดิ การชนกันของข้อมูลข้นึ โทโพโลยีแบบดาวเป็นการสอ่ื สารขอ้ มูลแบบ 2 ทศิ ทาง ท่ีอนุญาตใหม้ เี พยี งเครือ่ งคอมพิวเตอรเ์ คร่ืองเดียวเทา่ นน้ั ท่ีสามารถส่งข้อมลู เขา้ สู่เครือขา่ ยได้ ดังนน้ั เคร่อื งคอมพิวเตอรห์ ลายๆ เครอื่ งจงึ ไมส่ ามารถส่งข้อมูลเข้าสู่เครอื ข่ายในเวลาเดียวกันได้ เป็น การป้องกนั การชนกนั ของสญั ญาณขอ้ มลู โทโพโลยแี บบดาวจงึ เป็นโทโพโลยีแบบหน่ึงที่เปน็ ทนี่ ยิ มใช้ กนั ในปจั จุบนั 1.3 โทโพโลยแี บบวงแหวน (Ring Topology) (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมขอ้ ที่ 4)
โทโพโลยีแบบวงแหวน (Ring Topology) เป็นเครอื ขา่ ยท่มี รี ูปแบบการเชื่อมตอ่ แบบวงแหวน โดยเคร่ืองคอมพวิ เตอรแ์ ตล่ ะเครื่องจะเชือ่ มตอ่ กับเครือ่ งถัดไปเรอื่ ย ๆ จนกระท้งั เครือ่ งแรกและเครอ่ื ง สุดท้ายมกี ารเชอ่ื มโยงกนั ทำใหม้ ีลักษณะเป็นวงแหวน การรับสง่ ขอ้ มลู ในโทโพโลยีแบบวงแหวน ข้อมูลจะถูกส่งไปในทศิ ทางเดยี วกันภายในวงแหวน และใช้วิธกี ารส่งข้อมลู ผา่ นโทเค็น (Token passing) ซง่ึ โทเค็น คือข้อมลู พเิ ศษท่สี ง่ ผ่านในโทโพโลยีแบบวงแหวน และถูกสง่ ต่อกนั ไปเรื่อย ๆ ถา้ เคร่อื งใดที่ตอ้ งการส่งขอ้ มูลเม่ือไดร้ ับโทเค็นจะมสี ิทธิท์ ่จี ะสง่ ขอ้ มูล โดยใสท่ ี่อยู่ของเครอ่ื งปลายทางไว้ ในขอ้ มูล แล้วส่งต่อกันไปเร่ือย ๆ จนถึงเคร่ืองปลายทางท่ีมอี ย่ตู รงกับท่รี ะบุในเฟรมขอ้ มูล เครอ่ื งนัน้ ก็ จะนำขอ้ มูลไปใช้งาน และส่งเฟรมข้อมูลตอบรบั ไปยงั เครอ่ื งผสู้ ง่ เพอ่ื บอกให้ทราบวา่ ได้รับขอ้ มลู เรยี บร้อยแลว้ เมอ่ื เครื่องผสู้ ่งไดร้ บั การตอบรับแล้วจะส่งโทเคน็ ไปยงั เครือ่ งถดั ไป เพื่อเปน็ โอกาสให้ เครือ่ งอน่ื ได้สง่ ข้อมลู บ้าง ดังแสดงในภาพที่ 6.3 ภาพท่ี 6.3 แสดงการเชื่อมเครอื ขา่ ยแบบวงแหวน (Ring) ที่มา : http://classthreetwoone.blogspot.com/ 2. รปู แบบการเชอื่ มต่อเครือข่าย (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 5) รูปแบบการเช่อื มตอ่ เครือข่าย หรอื การสร้างเส้นทางการส่ือสารเพือ่ สง่ ขอ้ มลู จากอุปกรณห์ นึง่ ไปยงั อปุ กรณ์หนงึ่ โดยเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ทีแ่ บ่งตามหน้าท่กี ารทำงานสามารถแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คือเครือขา่ ยแบบเพยี รท์ ูเพียร์ และเครอื ขา่ ยแบบไคลแอนดเ์ ซิร์ฟเวอร์ มรี ายละเอียดดังน้ี 2.1 การเช่อื มตอ่ เครือขา่ ยแบบเพียร์ทเู พียร์ (peer-to-peer) เครอื ขา่ ยแบบเพียรท์ ูเพียร์ (peer–to–peer) หรอื การเช่อื มตอ่ เครือข่ายแบบจุดตอ่ จุด เปน็ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทีม่ กี ารเชอ่ื มตอ่ คอมพวิ เตอร์เข้าดว้ ยกนั โดยคอมพวิ เตอร์แต่ละเครอ่ื งสามารถ แบ่งปนั ทรัพยากรตา่ ง ๆ ซงึ่ กนั และกนั เชน่ แฟ้มขอ้ มูล เคร่อื งพิมพ์ โดยแต่ละเครอื่ งจะทำงานใน ลักษณะท่ีเท่าเทียมกัน เครือขา่ ยประเภทนีไ้ มจ่ ำเป็นตอ้ งมีผดู้ ูแลและจดั การระบบ เนือ่ งจากผู้ใช้
คอมพวิ เตอรจ์ ะเป็นคนกำหนดวา่ ขอ้ มลู หรือทรัพยากรสว่ นใดของเครื่องนนั้ ท่ีต้องการใช้งานร่วมกับผใู้ ช้ คนอืน่ ดงั แสดงในภาพท่ี 6.4 ภาพที่ 6.4 แสดงรูปแบบการเชือ่ มตอ่ เครอื ข่ายแบบจดุ ตอ่ จุด (peer-to-peer) ทมี่ า : http://networkdesignbyball.weebly.com/ เครือขา่ ยแบบเพียรท์ ูเพียร์นเ้ี ป็นรูปแบบเครือข่ายท่งี ่ายไม่ซบั ซอ้ น เหมาะกบั เครอื ข่ายของ องคก์ รขนาดเลก็ เชน่ หนว่ ยงานทีม่ ีเครอื่ งคอมพิวเตอรไ์ ม่เกนิ 10 เคร่ือง แตเ่ ครอื ข่ายเพยี รท์ ูเพยี ร์มี จุดอ่อนในการรกั ษาความปลอดภยั เน่ืองจากผู้ใช้แตล่ ะคนจะเกบ็ ข้อมลู ในเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ของ ตนเอง ทำให้ผู้ใช้คนอืน่ สามารถเข้าไปดขู อ้ มลู ในเคร่อื งได้ 2.2 การเชอ่ื มตอ่ เครอื ข่ายแบบ Client/Server เครือข่ายแบบ Client/Server เปน็ เครือขา่ ยทก่ี ำหนดใหค้ อมพวิ เตอรเ์ ครอื่ งหน่งึ เปน็ เครอื่ ง หลักท่ีเรียกวา่ เซิรฟ์ เวอร์ (Server) หรอื เครอ่ื งแม่ขา่ ย ทำหน้าทีใ่ ห้บรกิ ารเกย่ี วกบั ข้อมูลขา่ วสาร รวมทง้ั แบ่งปนั ขอ้ มูลแกค่ อมพวิ เตอร์เครอ่ื งอื่น ๆ ทม่ี ีการขอใช้บริการจากเครอ่ื งเซริ ฟ์ เวอร์ ที่เรียกว่าเคร่ือง ไคลแอนด์ (Client) หรอื เครือ่ งลกู ขา่ ย มีหน้าทร่ี อ้ งขออนญุ าตเข้าใชง้ านเครอื ข่าย จนถึงการขอสิทธิ์ การใชง้ านทรพั ยากร โดยเครือ่ งเซริ ฟ์ เวอร์ตอ้ งมกี ารตดิ ต้ังระบบปฏิบัตกิ ารเครือข่าย เพอื่ ใหบ้ ริการ แบง่ ปนั ขอ้ มูลและทรพั ยากรแกไ่ คลแอนด์ทุกเครอ่ื งบนเครอื ขา่ ย อกี ทัง้ ยงั สามารถดูแลระบบรักษา ความปลอดภยั และบรหิ ารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ได้ ระบบเครือข่ายประเภทน้ตี ้องมผี ดู้ ูแล คอมพิวเตอร์ เพ่ือทำหน้าท่บี รหิ ารจดั การเกี่ยวกับแฟม้ ขอ้ มูล อปุ กรณ์จดั เก็บขอ้ มูล และเคร่อื งพิมพ์ รวมท้งั การกำหนดสทิ ธิ์การใชง้ าน ซง่ึ ในหน่ึงเครอื ข่ายสามารถติดตั้งเคร่ืองเซริ ฟ์ เวอรเ์ พอื่ ให้บรกิ ารกบั เคร่อื งไคลแอนดไ์ ด้มากกวา่ หน่งึ เครื่อง เชน่ เครื่องเซริ ์ฟเวอร์ทใ่ี หบ้ ริการเกี่ยวกับพ้นื ที่เก็บไฟลต์ า่ งๆ และตอ้ งมีฮาร์ดดสิ กท์ ่ีสามารถบรรจขุ อ้ มูลให้เพียงพอกับความตอ้ งการของผู้ใช้ จะเรียกว่าไฟล์ เซิร์ฟเวอร์ (file server) ส่วนเครอื่ งเซริ ฟ์ เวอรท์ ีใ่ หบ้ ริการขอ้ มลู ขา่ วสารเก่ียวกับฐานขอ้ มูลจะเรียกว่า ดาต้าเบสเซิรฟ์ เวอร์ (database server) และเรียกเครือ่ งเซิรฟ์ เวอรท์ ีใ่ หบ้ รกิ ารเกย่ี วกับขอ้ มลู ของเวบ็ ว่าเว็บเซิร์ฟเวอร์ (web server) เปน็ ต้น ทำให้สามารถรองรับการใช้งานของเครอื่ งไคลแอนดไ์ ดอ้ ยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ เครือข่ายแบบไคลแอนด์เซริ ์ฟเวอรเ์ หมาะกับเครอื ข่ายขององค์การขนาดใหญ่ที่มจี ำนวน เครื่องคอมพวิ เตอรใ์ นองคก์ ารตง้ั แต่ 10 เคร่ืองข้นึ ไป ภาพท่ี 6.5 แสดงรูปแบบการเช่ือมตอ่ เครอื ข่ายแบบไคลแอนด์เซิร์ฟเวอร์ (Client/Server) ทีม่ า : http://www.justanswer.com/computer-networking/1kir7-1-you-network- administrator-new-company.html 3. การเช่ือมตอ่ เครือขา่ ย LAN (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 6) เครอื ขา่ ย LAN(Local Area Network) เปน็ เครอื ขา่ ยสว่ นบคุ คลทม่ี ีการเชอื่ มตอ่ เครอ่ื ง คอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณ์สือ่ สารที่อยู่ในพื้นท่ีใกล้เคียงในระยะทางไมเ่ กนิ 10 กิโลเมตร เข้าดว้ ยกนั เชน่ การเช่ือมต่อเครือขา่ ยภายในแผนกเดยี วกนั ภายในสำนกั งาน หรือภายในอาคารเดียวกัน เปน็ ต้น เครือข่าย LAN ถูกออกแบบขึ้นมาโดยมจี ุดประสงค์หลักในการแบง่ ปันกันใชท้ รัพยากรที่มีอยู่ เช่น หนว่ ยประมวลผลกลางความเร็วสงู ฮาร์ดดิสก์ เครอ่ื งพมิ พ์ เป็นตน้ ซ่งึ การสรา้ งเครอื ข่าย LAN นี้ องคก์ รสามารถทำเองได้ โดยเชือ่ มตอ่ สายสัญญาณภายในพื้นทีข่ องตนเอง เครอื ขา่ ย LAN มตี ้ังแต่ เครือขา่ ยขนาดเล็กที่เชอื่ มโยงคอมพวิ เตอรต์ ้ังแตส่ องเครอ่ื งขน้ึ ไปภายในห้องเดียวกันจนไปถงึ การ เช่ือมโยงระหว่างห้อง หรอื เชอ่ื มโยงระหว่างองค์กร เครอื ขา่ ย LAN จงึ เป็นเครอื ขา่ ยท่รี บั ผิดชอบโดย เจ้าของและสามารถรับส่งสัญญาณกันด้วยความเร็วสงู มาก ทำใหก้ ารรบั สง่ ขอ้ มลู มีความผดิ พลาดนอ้ ย และสามารถรับสง่ ข้อมลู จำนวนมากในเวลาจำกดั ได้ แต่จะถกู จำกดั ดว้ ยขนาดและระยะทางทีจ่ ะตอ้ ง ห่างกันไม่มาก
Computer Printer Computer Server Laptop Router Switch Access Point Laptop Internet ภาพท่ี 6.6 แสดงรปู แบบการเช่ือมต่อเครอื ข่าย LAN(Local Area Network) ทีม่ า : http://manksa07.blogspot.com/2010/10/pengertian-lanwanman.html ระบบเครือขา่ ยแบบ LAN หรือระบบเครือข่ายเฉพาะบริเวณ โดยปกตแิ ลว้ จะเป็นระบบ เครือขา่ ยสว่ นตัว โดยองค์กรท่ีต้องการใช้งานเครอื ข่ายจะทำการสรา้ งเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ทเ่ี ช่อื มต่อ กันเปน็ ระบบเครอื ขา่ ยในระยะใกล้ๆ ซ่ึงจะช่วยใหเ้ กิดประโยชน์แก่องค์กรและธุรกิจตา่ ง ๆ มากมาย เชน่ - สามารถแบ่งเบาการประมวลผลไปยงั เครื่องตา่ ง ๆ เฉลย่ี กันไป - สามารถแบง่ กนั ใช้งานอุปกรณ์ตา่ ง ๆ เช่นเครอ่ื งพมิ พ์ ซีดีรอมไดรฟ์ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทีม่ ี ประสทิ ธภิ าพสงู เปน็ ตน้ - สามารถแบ่งกันใช้งานซอฟต์แวรแ์ ละขอ้ มูลหรือสารสนเทศตา่ ง ๆ รวมทั้งทำให้สามารถ จดั เกบ็ ข้อมูลเหลา่ นัน้ ไว้เพยี งท่ีเดียว - สามารถวางแผนหรอื ทำงานรว่ มกันเปน็ กลมุ่ ได้ แมจ้ ะไมไ่ ดอ้ ยใู่ กล้กันกต็ าม - สามารถใช้ในการติดตอ่ กัน เช่นสง่ จดหมายทางอเิ ลคทรอนคิ ส์ หรือการสง่ เสียงหรอื ภาพทาง อิเลคทรอนิคส์ เป็นต้น - ช่วยลดค่าใชจ้ ่ายโดยรวมขององค์กร 4. การเชอ่ื มตอ่ ระบบอนิ เทอรเ์ น็ต (จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรมข้อที่ 7) อินเทอรเ์ น็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter Connection Network ซ่งึ หมายถึงเครอื ข่าย ของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ระบบตา่ ง ๆ ท่ีเชอ่ื มโยงกัน เป็นระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอรท์ ่มี ีขนาดใหญ่ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ทกุ เคร่ืองทว่ั โลกสามารถติดตอ่ สื่อสารถงึ กนั ได้ โดยใชม้ าตรฐานในการรบั ส่งข้อมูล เดียวกันท่ีเรียกว่า TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol) ระบบ
อินเทอร์เน็ตเป็นเสมอื นใยแมงมุมท่ีครอบคลมุ ท่ัวโลก ซ่ึงในแตล่ ะจดุ ท่ีเชอ่ื มต่อจะสามารถสือ่ สารกนั ได้ หลายเส้นทางตามความตอ้ งการ ไมก่ ำหนดตายตัว การเช่ือมตอ่ อินเทอร์เนต็ สามารถทำได้ 2 วธิ ี คอื การเช่ือมต่อโดยตรงด้วยเกตเวยซ์ ง่ึ เปน็ การ เช่อื มโยงเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรเ์ ข้ากบั สายแกนหลักของอนิ เตอรเ์ น็ต โดยผา่ นเกตเวยห์ รอื เราท์เตอร์ การเชื่อมต่อแบบน้ีมักใชก้ ับองคก์ รขนาดใหญ่ เน่ืองจากมคี ่าใชจ้ ่ายสูงมาก และมคี วามเร็วในการ ส่ือสารสูงมาก และการเชื่อมต่ออนิ เทอร์เน็ตผา่ น ISP(Internet Service Providers) เป็นการเชือ่ มโยง คอมพวิ เตอรเ์ ขา้ สู่อนิ เตอร์เน็ตโดยผา่ นบริษัทผ้ใู ห้บรกิ ารจัดสรรการเชื่อมโยง ภาพท่ี 6.7 แสดงการเช่อื มต่อระบบอินเทอรเ์ นต็ ทีม่ า : http://www.abrokenmold.net/2010/06/you%E2%80%99ve-got-wireless/ 4.1 รปู แบบการเช่อื มต่ออนิ เตอร์เนต็ 4.1.1 การเชอื่ มตอ่ อินเทอร์เนต็ แบบใช้สาย (Wire Internet) 1) การเชือ่ มต่ออินเตอรเ์ น็ตรายบุคคล เปน็ การเชื่อมตอ่ อินเตอร์เนต็ จากท่ี บา้ น ซงึ่ ยงั ต้องอาศัยคู่สายโทรศพั ทใ์ นการเข้าสเู่ ครอื ข่ายอินเตอรเ์ นต็ ผใู้ ช้ต้องสมคั รเปน็ สมาชกิ กับผู้ ให้บรกิ ารอนิ เตอร์เน็ตก่อน จากนน้ั จะไดเ้ บอร์โทรศัพทข์ องผ้ใู ห้บริการอินเตอร์เน็ต รหสั ผู้ใช้ (User name) และรหสั ผ่าน (Password) ผูใ้ ชจ้ ะเข้าส่รู ะบบอินเตอรเ์ น็ตไดโ้ ดยใชโ้ มเด็มทีเ่ ช่ือมตอ่ กบั คอมพวิ เตอรข์ องผใู้ ช้หมนุ ไปยงั หมายเลขโทรศพั ท์ของผูใ้ ห้บริการอินเตอร์เน็ต จากนนั้ จึงสามารถใช้ งานอินเตอร์เน็ตได้ 2) การเชื่อมต่ออนิ เตอรเ์ นต็ แบบองคก์ ร จะพบได้ทว่ั ไปตามหนว่ ยงานต่าง ๆ ทัง้ ภาครฐั และเอกชน ซ่งึ หนว่ ยงานเหล่านี้จะมเี ครือขา่ ย LAN เป็นของตัวเอง และเช่อื มต่อ อนิ เตอร์เน็ตตลอดเวลาผ่านสายเช่า (Leased line) ทำให้สามารถใช้อนิ เตอร์เน็ตไดต้ ลอดเวลา
ภาพท่ี 6.8 แสดงการเชือ่ มตอ่ อนิ เตอร์เน็ตแบบองคก์ ร ที่มา : http://www.kngd.co.in/pages/about-us-two/ 4.1.2 การเชื่อมต่ออนิ เตอรเ์ น็ตแบบไร้สาย (Wireless Internet) 4.1.2.1 การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครื่องโทรศัพท์บ้าน เคลือ่ นที่ PCT เป็นการเช่อื มตอ่ อนิ เทอร์เน็ตผา่ นคอมพวิ เตอรแ์ บบพกพา โดยผู้ใช้จะตอ้ งมโี มเดม็ ชนิด PCMCIA ของ PCT และสามารถใช้งานได้ ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล 4.1.2.2 การใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มอื ถือโดยตรง ซึ่งมีรปู แบบตา่ ง ๆ ดงั นี้ 1) WAP (Wireless Application Protocol) เป็นโปรโตคอล มาตรฐานของอุปกรณไ์ รส้ ายทีใ่ ชง้ านบนอินเตอรเ์ น็ต ใชภ้ าษา WML (Wireless Markup Language) ในการพัฒนาข้ึนมา แทนการใช้ภาษา HTML โทรศัพทม์ อื ถือปัจจบุ ัน หลายๆ ยี่ห้อจะสนบั สนุนการใช้ WAP เพื่อท่องอินเตอรเ์ นต็ ซงึ่ มีความเร็วในการรับส่งขอ้ มลู ที่ 9.6 kbps และการใช้ WAP ท่อง อนิ เตอรเ์ นต็ นั้นจะมกี ารคดิ อตั ราค่าบริการเปน็ นาที 2) GPRS (General Packet Radio Service) เป็นเทคโนโลยที ่ี พัฒนาขน้ึ เพอ่ื ใหโ้ ทรศัพทม์ อื ถือสามารถเชือ่ มต่อกับอินเตอรเ์ น็ตด้วยความเรว็ สงู และสามารถสง่ ขอ้ มลู ไดใ้ นรูปแบบของมลั ตมิ ีเดีย ซ่งึ ประกอบดว้ ยขอ้ ความ ภาพกราฟิก เสยี งและวดี โิ อ ความเร็วในการ รับส่งข้อมลู อยทู่ ี่ 40 kbps อัตราคา่ ใช้บรกิ ารคิดตามปรมิ าณข้อมูลท่รี ับส่งขอ้ มลู ตามจริง ดงั น้ันจงึ ทำ ให้ประหยดั กว่าการใช้ WAP และยงั ส่ือสารได้รวดเร็วข้ึนด้วย 3) โทรศพั ท์ระบบ CDMA (Code Division Multiple Access) สามารถรองรับการส่ือสารไรส้ ายความเรว็ สูงได้เป็นอย่างดี โดยสามารถทำการรับส่งขอ้ มลู ได้สูงสดุ 153 Kbps ซึง่ มากกวา่ โมเดม็ ท่ใี ชก้ ับโทรศพั ท์ตามบ้านทเ่ี ช่ือมต่ออนิ เทอร์เนต็ ได้เพยี ง 56 kbps นอกจากนี้ ระบบ CDMA ยังสนับสนุนการส่งขอ้ มูลระบบมัลติมีเดียได้ดว้ ย 4) เทคโนโลยีบลูทูธ (Bluetooth Technology) เทคโนโลยบี ลทู ธู ถูกพฒั นาขึน้ มาเพื่อใช้กับการสือ่ สารแบบไรส้ าย โดยใช้หลกั การการส่งคลืน่ วิทยุท่อี ยูใ่ นยา่ นความถี่
ระหวา่ ง 2.4-2.4 GHz ในปจั จบุ นั นี้ได้มีการผลติ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทใ่ี ชเ้ ทคโนโลยีไรส้ ายบลูธูทเพื่อใช้ใน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายๆ ชนิด เชน่ โทรศัพท์เคลื่อนท่ี คอมพิวเตอรโ์ นต้ บุ๊ค ภาพที่ 6.9 แสดงการเชอื่ มต่ออนิ เตอร์เนต็ แบบไรส้ าย ทม่ี า : http://www.philipcaruso-story.com/wireless-internet-connection/ • ด้านทักษะ (ปฏบิ ัต)ิ (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-7) 1.แบบฝึกหดั ทา้ ยบทท่ี 6 2.กจิ กรรมการเรียนรู้ • ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1.การเตรยี มความพร้อมดา้ น วสั ดุ อุปกรณ์นักศกึ ษาจะต้องทำความสะอาดหอ้ งเรยี น จัดเตรยี มอปุ กรณ์ในการเรียนรู้ ใหม้ คี วามพรอ้ มเพยี งและเหมาะสมกับเวลาทใี่ ช้ในการเรยี น 2.ความมเี หตมุ ีผลในการปฏิบัตงิ าน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนกั ศกึ ษาจะตอ้ งมี การใช้เทคนคิ การจดบนั ทกึ งาน การสบื ค้นข้อมูล กอ่ นการเรยี นรู้และหลงั เรยี นรู้เพอ่ื ใหก้ ารเรียนรู้ เหมาะสมกับเวลา คุ้มคา่ และประหยดั 4. สมรรถนะรายบท 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั รปู แบบการเชอื่ มต่อเครอื ข่าย 2. เชือ่ มตอ่ เครอื ขา่ ยภายในสถานศึกษา 5. การวเิ คราะห์ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 5.1 ความพอเพียง 3 คุณลักษณะ ไดแ้ ก่ 5.1.1 หลกั ความพอประมาณ พอประมาณในทุกอย่าง ความพอดีไม่มากหรือว่าน้อยจนเกินไปโดยต้องไม่ เบยี ดเบยี นตนเอง หรือผู้อืน่ ใหเ้ ดือดร้อน 5.1.2 หลักความมเี หตุผล
การตดั สนิ ใจเกี่ยวกบั ระดับของความพอเพยี งน้นั จะตอ้ งเป็นไปอยา่ งมีเหตุผลโดย พจิ ารณาจากเหตุปัจจยั ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง ตลอดจนคำนงึ ถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทำ น้ันๆ อยา่ งรอบคอบ 5.1.3 หลักภูมคิ ุ้มกนั การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านการต่างๆ ที่จะ เกิดขึน้ โดยคำนึงถงึ ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ทคี่ าดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้ง ใกล้และไกล 5.2 เงือ่ นไข 2 เง่อื นไข ได้แก่ 5.2.1 เงื่อนไขคณุ ธรรม มคี วามรอบรเู้ กยี่ วกับ วิชาการต่างๆท่เี ก่ียวขอ้ งอยา่ งรอบด้าน ความรอบคอบที่จะ นำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผน และความ ระมดั ระวังในขั้นตอนปฏบิ ัติ คุณธรรมประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความ ซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต 5.2.2 เงื่อนไขความรู้ มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสตั ยส์ ุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใชส้ ตปิ ัญญาในการดำเนินชวี ติ 5.3 การเชอื่ มโยงสู่ 4 มิติ ไดแ้ ก่ 5.3.1 มิติสังคม ผู้เรยี น สร้างความสัมพนั ธอ์ ันดีในกลมุ่ ผูเ้ รยี นเพ่ือนร่วมงาน 5.3.2 มติ เิ ศรษฐกจิ ผู้เรียน มีการเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ อย่างคุ้มค่า เหมาะสม ไม่เสียหาย ทิ้งขวาง ฯลฯ 5.3.3 มติ ิวฒั นธรรม ผูเ้ รียน รกั ษาวัฒนธรรมอนั ดีของไทย เชน่ แบ่งปัน มีน้ำใจ เหน็ ใจผอู้ ่ืน ช่วยเหลือ ไหวท้ กั ทาย ขอบคุณ ฯลฯ 5.3.4 มติ สิ ง่ิ แวดล้อม
ผู้เรียน จัดเก็บ ทำความสะอาด บำรุงรักษา สิ่งของวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครอื่ งจักร ฯลฯ 6. การบูรณาการกับคุณลกั ษณะ 3 D แก่ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรม 6.1 ด้านประชาธปิ ไตย (Democracy) มคี วามตระหนกั เหน็ ความสำคัญศรัทธาและเช่อื มน่ั การปกครองระบบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ รวมทง้ั รงั เกยี รติการทุจรติ และต่อต้านการซอ้ื สิทธิ ขายเสยี ง 6.2 ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและความเปน็ ไทย (Decency) มคี ุณธรรม จริยธรรม ความดงี าม รูผ้ ดิ ชอบช่ัวดี มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและ ยดึ ถือปฏบิ ัตอิ ยใู่ นวิถีชีวิต 6.3 ด้านภูมคิ ุม้ กนั จากยาเสพติด (Drug - Free) ร้จู ักหลีกเลี่ยงหา่ งไกลยาเสพติด 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นการสอนหรอื การเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ขน้ั ตอนการเรยี นร้หู รอื กจิ กรรมของนกั เรยี น 1. ข้นั นำเขา้ สูบ่ ทเรียน (20 นาที) 1. ข้นั นำเข้าสู่บทเรียน (20 นาท)ี 1. ผสู้ อนแจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นของหนว่ ย 1. ผูเ้ รยี นทำความเข้าใจเกี่ยวกบั จดุ ประสงค์การ เรียนท่ี 6 และขอให้ผ้เู รยี นร่วมกนั ทำกิจกรรมการเรียน เรยี นของหนว่ ยเรียนท่ี 6 และการให้ความร่วมมอื ในการ การสอน ทำกจิ กรรม 2. ผ้สู อนให้ผู้เรยี นแสดงความรู้ โดยตัง้ คำถาม 2. ผเู้ รยี นแสดงความรูว้ ่ารูปแบบการเชอ่ื มตอ่ ว่ารูปแบบการเชอ่ื มตอ่ เครือข่ายมีลักษณะอยา่ งไร เครอื ข่ายมลี กั ษณะอย่างไร พร้อมให้เหตุผลประกอบ พร้อมใหเ้ หตผุ ลประกอบ 2. ขั้นใหค้ วามรู้ (60 นาที) 2. ขั้นให้ความรู้ (60 นาที) 1. ผสู้ อนทดสอบความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั 1. ผเู้ รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น รูปแบบการเชอ่ื มตอ่ เครือข่าย โดยให้ผู้เรียนทำ 2. ผเู้ รียนตอบคำถามจากผูส้ อน เพื่อแสดงความรู้ แบบทดสอบก่อนเรยี น และความเขา้ ใจ เรอื่ งรูปแบบการเช่อื มตอ่ เครือข่าย 2. ผูส้ อนอธิบายเน้ือหาเก่ียวกับบทเรียนวชิ า ผู้เรยี นศึกษาบทเรียนวชิ าเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบื้องต้น หน่วยที่ 6 เรือ่ งรปู แบบการเชอื่ มต่อเครอื ขา่ ย และศึกษา เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์เบือ้ งตน้ หนว่ ยที่ 6 เรอ่ื ง เอกสารประกอบการสอน หนว่ ยที่ 4 รูปแบบการเชือ่ มตอ่ เครือขา่ ยและให้ผ้เู รยี นศึกษา เอกสารประกอบการสอน หนว่ ยท่ี 6
3. ผูส้ อนและผ้เู รียนรว่ มกันอธิบายพร้อม 3. ผู้เรยี นอธบิ ายและยกตัวอยา่ งรปู แบบการ ยกตัวอยา่ งรูปแบบการเชือ่ มตอ่ เครือขา่ ยตามทีไ่ ด้ เชือ่ มต่อเครือขา่ ยทไ่ี ดศ้ กึ ษาจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ ศกึ ษาจากบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ช่วยสอน 3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ (60 นาท)ี 3. ขน้ั ประยุกตใ์ ช้ (60 นาท)ี 1. ผสู้ อนให้ผู้เรยี นทำแบบฝกึ หัดขอ้ 1-5 1. ผเู้ รยี นทำแบบฝกึ หดั ขอ้ 1-5 4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล (40 นาท)ี 4. ขนั้ สรปุ และประเมนิ ผล (40 นาท)ี 1. ผสู้ อนและผู้เรียนร่วมกนั สรปุ เนือ้ หาทไี่ ดเ้ รยี น 1. ผู้สอนและผู้เรยี นร่วมกันสรปุ เนอ้ื หาทีไ่ ดเ้ รียน ใหม้ คี วามเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั เพื่อให้มีความเข้าใจในทศิ ทางเดยี วกัน 2. ผสู้ อนให้ผ้เู รียนศึกษาเพ่มิ เตมิ นอกห้องเรยี น 2. ผูเ้ รียนศกึ ษาเพิ่มเตมิ นอกห้องเรยี น ดว้ ย ด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนที่จัดทำขึน้ บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนทจี่ ัดทำข้ึน (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-4) (บรรลุจดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมข้อที่ 1-4) (รวม 180 นาที หรอื 4 ช่วั โมงเรียน) 1. ขนั้ นำเขา้ ส่บู ทเรยี น (20 นาท)ี 1. ขน้ั นำเข้าสูบ่ ทเรยี น (20 นาท)ี 1. ผูส้ อนจัดเตรียมเอกสาร 1. ผเู้ รยี นเตรยี มอุปกรณ์ 2. ผสู้ อนแจ้งจุดประสงคก์ ารเรียน 2. ผูเ้ รยี นทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์การ 3. ผูส้ อนให้ผู้เรียนแสดงความรู้ โดยต้ังคำถาม เรยี น เกยี่ วกบั รูปแบบการเชือ่ มตอ่ เครอื ขา่ ยว่ามีลักษณะ 3. ผู้เรียนแสดงความรู้เกีย่ วกับรูปแบบการ อย่างไร พร้อมให้เหตผุ ลประกอบ เชื่อมต่อเครอื ข่ายวา่ มลี กั ษณะอยา่ งไร พรอ้ มให้เหตุผล 2. ข้ันใหค้ วามรู้ (60 นาท)ี ประกอบ 1. ผู้สอนอธบิ ายเนอื้ หาเกีย่ วกบั รปู แบบการ 2. ขน้ั ใหค้ วามรู้ (60 นาท)ี เชื่อมต่อเครือขา่ ย 1. ผเู้ รยี นอธิบายและยกตวั อย่างถึงรปู แบบการ 2. ผู้สอนและผู้เรยี นรว่ มกันอธบิ ายพรอ้ ม เชอื่ มต่อเครือขา่ ยตามท่ไี ดศ้ ึกษาจากบทเรยี น คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ยกตัวอยา่ งรูปแบบการเชอื่ มตอ่ เครอื ขา่ ย 3. ขนั้ ประยกุ ต์ใช้ (60 นาท)ี 3. ขน้ั ประยุกตใ์ ช้ (60 นาท)ี 1. ผู้สอนใหผ้ ูเ้ รียนทำใบงานท่ี 10 1. ผเู้ รียนทำใบงานท่ี 10 4. ขนั้ สรปุ และประเมนิ ผล (40 นาท)ี 4. ขนั้ สรุปและประเมนิ ผล (40 นาท)ี 1. ใหผ้ เู้ รยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 1. ผเู้ รียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น 2. ผ้สู อนและผู้เรียนร่วมกันสรปุ เนอ้ื หาทไี่ ดเ้ รียน เพอ่ื ใหม้ คี วามเข้าใจในทิศทางเดยี วกัน
2. ผู้สอนและผู้เรยี นร่วมกันสรุปเนือ้ หาท่ไี ดเ้ รยี น 3. ผ้เู รยี นศกึ ษาเพมิ่ เตมิ นอกหอ้ งเรียน ด้วย ใหม้ ีความเข้าใจในทศิ ทางเดยี วกัน บทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนท่ีจัดทำขนึ้ 3. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเพ่มิ เตมิ นอกห้องเรยี น ดว้ ยบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนท่ีจดั ทำขนึ้ (บรรลจุ ดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อที่ 5-7) (บรรลุจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 5-7) (รวม 180 นาที หรือ 4 ชัว่ โมงเรียน) 8. สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ 8.1 ส่ือสง่ิ พิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาเครือข่ายคอมพิวเตอรเ์ บอื้ งตน้ (ใชป้ ระกอบการเรยี นการ สอนจุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมข้อท่ี 1-7) 2. ใบความรแู้ ละใบงาน 8.2 สอื่ โสตทัศน์ 1. บทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน เร่อื งพืน้ ฐานระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 2. ส่ือของจรงิ 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 เครอื่ งมือประเมนิ 9.1.1 แบบทดสอบก่อนเรยี นบทท่ี 6 9.1.2 แบบฝึกหัดทา้ ยใบความรู้ที่ 6 9.1.3 แบบประเมินการบรู ณาการคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอันพึง ประสงค์ในการเรียนการสอนของวิทยาลยั การอาชพี ชนแดน ตามหลกั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง 9.1.4 แบบประเมินการพัฒนาผู้เข้ารับการฝึกอบรมด้านสุขภาพ ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคมในการเรียนการสอนของวิทยาลยั เทคนคิ อา่ งทอง 9.2 วิธกี ารประเมนิ 9.2.1 ผูเ้ ข้ารบั การฝึกอบรมทำแบบทดสอบก่อนเรยี นบทที่ 6 9.2.2 ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรมทำแบบฝกึ หดั ท้ายใบความรู้ที่ 6 9.2.3 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อประเมินการบูรณา การคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการเรียนการสอนวิทยาลัยการ อาชีพชนแดน ตามหลักแนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียง
9.2.4 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อการพัฒนาผู้เข้ารับ การฝกึ อบรมด้านสุขภาพ ร่างกาย สติปญั ญา อารมณแ์ ละสังคม ในการเรียนการสอนของวทิ ยาลัยการ อาชีพชนแดน 9.3 เกณฑ์การประเมิน 9.3.1 แบบทดสอบก่อนเรียน บทที่ 6 เก็บผลคะแนนเปรียบเทียบกับแบบทดสอบหลัง เรียน 9.3.2 แบบฝกึ หดั ท้ายใบความรู้ท่ี 6 ผู้ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินต้องทำได้ ร้อยละ 60 ขนึ้ ไป 9.3.3 แบบประเมินการบรู ณาการคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอันพึง ประสงค์ในการเรียนการสอนวิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง ตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ถือเกณฑ์ ผา่ นร้อยละ 60 ข้ึนไป จากคะแนนรวม 20 คะแนนตลอดหลกั สตู ร 9.3.4 แบบประเมนิ การพฒั นาผ้เู ขา้ รับการฝึกอบรมด้านสขุ ภาพ รา่ งกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์และสังคม ในการเรียนการสอนของวิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง ร้อยละ 50 ขึ้นไป จากคะแนน รวม 10 คะแนนตลอดหลักสตู ร
แผนการจัดการเรยี นรู้ วชิ า เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์เบอ้ื งตน้ รหัสวิชา 20204-2005 สอนครง้ั ที่ 12-14 บทที่ 7 ชื่อบท การติดต้ังระบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ย ชัว่ โมงรวม 9 ชวั่ โมง ช่อื เรื่อง การติดต้ังระบบปฏิบัติการเครอื ข่าย เวลา 9 ชว่ั โมง 1. สาระสำคัญ ระบบปฏิบตั กิ ารเครอื ข่าย หมายถึงซอฟต์แวรท์ ีท่ ำหน้าทจี่ ัดการระบบเครอื ขา่ ยของ คอมพวิ เตอร์ เพ่ือใหค้ อมพวิ เตอร์ท่ีเชือ่ มตอ่ อยกู่ บั เครอื ข่าย สามารถติดตอ่ สือ่ สารแลกเปลย่ี นขอ้ มูลกนั ไดอ้ ย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่จดั การด้านการรกั ษาความปลอดภัยของระบบเครือข่าย และยงั มีหนา้ ทค่ี วบคุม การนำโปรแกรมประยุกตด์ า้ นการตดิ ต่อสอื่ สารมาทำงานในระบบเครอื ข่ายอกี ดว้ ย นบั ว่าซอฟตแ์ วร์ระบบปฏบิ ตั ิการเครือข่ายมีความสำคัญตอ่ เครือข่ายคอมพวิ เตอรอ์ ย่างยงิ่ ตวั อย่างซอฟต์แวรป์ ระเภทนไี้ ดแ้ ก่ ระบบปฏบิ ตั ิการ Windows NT, Linux, Novell Netware, Windows XP, Windows 2000, Solaris และ Unix เป็นตน้ CentOS ยอ่ มาจาก Community ENTerprise Operating System เป็นลนี กุ ซ์ที่พฒั นา มาจากตน้ ฉบบั RedHat Enterprise Linux (RHEL) ถกู นำมาใชใ้ นการทำ Web Hosting กนั อยา่ ง กว้างขวางเนื่องจากเปน็ ระบบปฏิบัตกิ ารท่มี ตี น้ แบบจาก RedHat ท่มี คี วามแขง็ แกร่งสูง การตดิ ตง้ั แพก็ เกจยอ่ ยภายในสามารถใช้ไดท้ ั้ง RPM, TAR, APT หรอื ใช้คำสง่ั YUM ในการอัพเดทซอฟตแ์ วร์ แบบอตั โนมตั ิ เน้ือหาในบทนี้จะยกตวั อย่างการตดิ ตั้งระบบปฏบิ ัติการเครือข่าย CentOS 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ • จุดประสงค์ทว่ั ไป / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1.เพ่ือใหม้ คี วามร้พู นื้ ฐานเกยี่ วกับการติดต้งั ระบบปฏบิ ัตกิ ารเครือขา่ ย และมที ัศนคติที่ดี (ด้าน ความรู้) 2.เพอ่ื ใหม้ ีทกั ษะในการตดิ ตง้ั ระบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ย (ด้านทกั ษะ) 3.เพื่อให้มีเจตคติที่ดีต่อการเตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์ และการปฏิบัติงานอย่าง ถูกต้อง สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด มีเหตุและผลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ด้าน คุณธรรม จริยธรรม) •จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1. บอกความหมายระบบปฏบิ ัติการเครอื ข่าย ได้ถกู ต้อง (ด้านความรู้) 2. บอกถงึ ลกั ษณะระบบปฏิบตั ิการวนิ โดวส์ ได้ถกู ตอ้ ง (ด้านความรู้) 3. บอกถงึ ลักษณะระบบปฏิบตั ิการยูนิกซ์ ได้ถกู ตอ้ ง (ด้านความรู)้ 4. บอกถงึ ลักษณะระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ ไดถ้ กู ต้อง (ดา้ นความร)ู้ 5. บอกถึงลักษณะระบบปฏบิ ัติการ Novell Netware ไดถ้ กู ต้อง (ดา้ นความรู้)
6. บอกถงึ ลักษณะระบบปฏิบตั ิการ CentOS ได้ถกู ตอ้ ง (ด้านความร้)ู 7.อธบิ ายวิธีการติดต้ังระบบปฏบิ ัตกิ าร CentOS ได้ (ดา้ นความร)ู้ 8. การเตรียมความพรอ้ มด้านการเตรยี มวัสดุ อุปกรณ์ ผู้เรยี นจะตอ้ งกระจายงานไดท้ ว่ั ถงึ และ ตรงตามความสามารถของสมาชกิ ทกุ คน มีการจัดเตรียมสถานท่ี ส่อื วสั ดุ อปุ กรณไ์ วอ้ ยา่ งพรอ้ มเพรียง (ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง) 9. ความมเี หตุมีผลในการปฏิบัติงาน ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผู้เรียนจะต้องมี การใชห้ ลักการเรียนร้แู ละเวลาทเ่ี หมาะสมกับการเรยี นรู้ (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจ พอเพยี ง) 3. สาระการเรยี นรู้ ระบบปฏิบัติการ หรอื OS (Operating System) เป็นตัวกลางระหว่างฮาร์ดแวร์และ ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ต์ มีหนา้ ทใี่ นการจดั สรรทรพั ยากรเคร่อื งคอมพิวเตอร์ เพอื่ ให้บรกิ ารซอฟตแ์ วร์ ประยุกต์ ในการรบั ส่งและจัดเกบ็ ข้อมูลกบั ฮาร์ดแวร์ เชน่ การส่งขอ้ มลู ภาพไปแสดงผลทจ่ี อภาพ การ ส่งข้อมลู ไปเกบ็ หรืออา่ นจากฮารด์ ดิสก์ การรบั ส่งข้อมลู ในระบบเครอื ขา่ ย การสง่ สญั ญานเสียงไปออก ลำโพง หรือจดั สรรพน้ื ทีใ่ นหน่วยความจำ ตามทซี่ อฟต์แวร์ประยกุ ต์รอ้ งขอ รวมท้งั ทำหน้าท่ีจดั สรร เวลาการใช้หน่วยประมวลผลกลาง ในกรณที ่อี นญุ าตใหซ้ อฟตแ์ วร์ประยุกตห์ ลายตัวทำงานพรอ้ มกัน ซึ่งช่วยใหต้ วั ซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ไมต่ อ้ งจัดการเรอ่ื งเหลา่ น้นั ดว้ ยตนเอง 1. ความหมายระบบปฏบิ ัตกิ ารเครือข่าย (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1) ระบบปฏบิ ตั ิการเครือข่าย หรือ NOS (Network operating System) เป็นระบบปฏบิ ัตกิ าร ทถ่ี ูกออกแบบมาสำหรับจดั การงานด้านการติดตอ่ สอ่ื สารระหวา่ งคอมพวิ เตอร์ และช่วยให้ คอมพิวเตอรท์ ีต่ ่ออยู่กบั เครอื ขา่ ยสามารถใชอ้ ุปกรณร์ ว่ มกันได้ ระบบปฏบิ ัติการเครือขา่ ยทีน่ ิยมใช้ ปจั จบุ นั จะใช้หลักการประมวลผลแบบไคลเอนตเ์ ซริ ฟ์ เวอร์ โดยมีการเรียกใช้แฟม้ ขอ้ มูลและการ จดั การโปรแกรมที่ทำงานอยูบ่ นเครอ่ื งแม่ขา่ ย ในขณะที่ส่วนการติดตอ่ กับผใู้ ช้ การประมวลผล ของ ระบบปฏบิ ตั ิการเครือข่ายจะอยบู่ นเคร่อื งไคลเอนต์ โดยทำให้ผใู้ ช้เห็นวา่ งานท้ังหลายท่ีใชน้ นั้ เสมอื น อยูบ่ นเคร่ือง ซ่ึงระบบปฏิบัตกิ ารเครือข่ายอาจเป็นชุดซอฟต์แวร์ทต่ี ้องตดิ ต้ังเพิ่มเตมิ หรอื อาจเป็นส่วน หนึง่ ของระบบปฏบิ ัติการทั่ว ๆ ไป ข้ึนอยู่กบั บรษิ ัทผู้ผลติ ตวั อย่างเช่น Netware เป็นระบบปฏิบัติการ ท่ตี ้องตดิ ตง้ั เพิ่มเตมิ บนเครอ่ื งที่มีระบบปฏบิ ัติการอยูแ่ ล้ว ส่วนระบบปฏิบัติการวนิ โดวส์ NT/2000/2003/2008. วินโดวส์ 95/98/Me และยูนกิ ซ์ จะมรี ะบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ยอยู่ในตวั โดย ไมต่ ้องติดต้ังเพ่ิมเตมิ การเลือกใช้ระบบปฏิบัตกิ ารเครือข่ายอาจมีผลตอ่ การดแู ลและจัดการระบบ แอพพลิเคชัน โครงสรา้ งของเครือข่าย รวมถึงระบบการรกั ษาความปลอดภัยขอ้ มูล ดงั น้นั สิ่งทค่ี วรพิจารณา เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ มีดังน้ี 1) การบริการจดั เก็บไฟลแ์ ละการพิมพ์
2) การบรกิ ารดแู ลและจดั การระบบ หมายถึงการจดั การเกี่ยวกบั ผู้ใชง้ าน การควบคมุ การ ทำงานของอุปกรณใ์ นเครือข่าย การเฝา้ ดกู ารทำงานของระบบเครอื ข่าย เพือ่ ทราบถงึ ปญั หาทอี่ าจ เกิดขึ้นเพ่อื ใหส้ ามารถแก้ปญี หานัน้ ไดท้ นั เวลา 3) การบริการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล 4) การบริการอินเทอร์เนต็ และอินทราเน็ต หมายถึงการบริการทางดา้ น DNS Server, Web Server, Mail Server เป็นต้น ซงึ่ เปน็ การบรกิ ารท่ีช่วยใหก้ ารแลกเปล่ียนข้อมลู ข่าวสารในระบบ เครือขา่ ยเป็นไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 5) การบรกิ าร Multi-Processing และ Clustering Service เนื่องจากการใช้งานระบบ เครอื ข่ายจะตอ้ งเก่ยี วขอ้ งกับผใู้ ช้งานจำนวนมาก ดังนัน้ ระบบเครือขา่ ยทีด่ ีจงึ ควรเปน็ ระบบที่มีความ เช่อื ถอื ได้ สามารถใช้งานไดอ้ ยา่ งต่อเน่ือง และสามารถขยายระบบเครอื ข่ายได้งา่ ย โดยไมม่ ีผลทำให้ การทำงานของเครือขา่ ยหยดุ ชะงัก 6) บรกิ ารอ่ืน ๆ ทชี่ ว่ ยใหร้ ะบบปฏิบตั ิการเครือข่ายมีความหลากหลายยง่ิ ข้นึ เช่น การ ใหบ้ รกิ ารฐานขอ้ มูล ความสามารถในการขยาย และความสามารถในการรองรบั เครอื ข่ายทม่ี ขี นาด ใหญ่ นอกจากนั้นระบบปฏบิ ตั ิการเครือข่ายจะตอ้ งมคี วามนา่ เช่อื ถือ มีความสามารถในการแก้ไข ข้อผดิ พลาด และสามารถกู้คนื จากความเสยี หายได้อยางรวดเรว็ และต้องสามารถสนับสนนุ โพรเซสเซอรไ์ ด้หลายตัว สนับสนนุ การสร้างคลสั เตอร์ของดิสก์ไดร์ฟ และมคี ณุ สมบัตกิ ารรกั ษาความ ปลอดภยั ให้กับข้อมลู ระบบปฏบิ ัติการเครอื ขา่ ยจำเปน็ ต้องมีซอฟต์แวร์สำหรับบรหิ ารจดั การการใช้ งานระบบเครอื ข่าย โดยการกำหนดสิทธิผ้ใู ชใ้ นระดับตา่ ง ๆ เป็นกล่มุ ผู้ใช้งาน และซอฟต์แวร์บริหาร จัดการระบบเครือข่ายในรปู แบบของเครอ่ื งมอื การจัดการตา่ ง ๆ การจดั การฐานข้อมลู ขนาดใหญ่ การ ตดิ ต้งั การพาณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ รวมถึงซอฟต์แวรป์ ระเภทต่าง ๆ ท่ไี ด้รบั การออกแบบมาเพ่ือ สนบั สนุนกจิ กรรมประเภททเ่ี กี่ยวข้องกับการโตต้ อบและการสอ่ื สาร 2. ตัวอย่างระบบปฏิบัตกิ ารบนเครือขา่ ย 2.1 ระบบปฏบิ ัติการวนิ โดวส์ (Windows Server) (จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรมข้อท่ี 2) ระบบปฏิบตั ิการวินโดวส์ (Windows Server) เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเครือ่ งทที่ ำหนา้ ที่ เปน็ เครอ่ื งแมข่ า่ ยไม่ว่าจะทำเปน็ File Server, Database Server, Web Server, etc. ของบริษทั Microsoft ระบบปฏบิ ตั ิการเครือข่ายต้ังแต่ Windows NT เป็นต้นมาจะมกี ารรวมระบบปฏิบัติการ คอมพิวเตอรแ์ ละระบบปฏิบตั ิการเครอื ข่ายไวด้ ว้ ยกัน โดย Windows NT Server จะทำหน้าที่ของ เคร่ืองแม่ข่าย เปน็ แหล่งรวมของบรกิ ารต่าง ๆ บนระบบเครือข่าย ส่วน Windows NT Workstation เป็นระบบปฏบิ ตั ิการสำหรบั เครือ่ งลูกข่าย Windows NT ปฏิบัตงิ านบนโครงสร้างแบบโดเมนซงึ่ เปน็ กล่มุ ของเครอื่ งคอมพวิ เตอร์ทท่ี ำ หน้าทเ่ี ป็นฐานข้อมูลปกติและจดั เก็บนโยบายการรกั ษาความปลอดภยั แต่ละโดเมนจะมีชื่อของตนเอง และภายในแตล่ ะโดเมนจะต้องมีเคร่ืองคอมพิวเตอร์เซริ ฟ์ เวอร์เคร่อื งหนงึ่ ทท่ี ำหน้าที่เปน็ PDC (Primary Domain Controller) เพ่อื รกั ษาบริการไดเรก็ ทอรี่ และรบั รองสิทธิการใชง้ านของผใู้ ช้
2.2 ระบบปฏบิ ัตกิ ารยนู ิกซ์ (UNIX) (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมข้อท่ี 3) ระบบปฏบิ ัตกิ ารยูนิกซ์ (UNIX) เปน็ ระบบปฏิบัติการอเนกประสงคท์ ่เี ป็นทงั้ แบบ Multitasking และ Multiuser ในปจั จบุ ันระบบปฏิบตั ิการยนู ิกซ์ได้เร่ิมเข้ามามบี ทบาทในองค์กรมาก ข้ึน เนอื่ งจากบริษัทชั้นนำทผ่ี ลติ โปรแกรมประยุกตต์ า่ ง ๆ ไดพ้ ัฒนาโปรแกรมทสี่ ามารถทำงานได้บน ยนู ิกซ์ แนวโน้มการใช้งานระบบปฏิบตั กิ ารยนู กิ ซ์ในองค์กรจะสูงขึ้น โดยเฉพาะในองคก์ รขนาดเลก็ เน่อื งจากมกี ารพัฒนายนู กิ ซใ์ นเวอร์ชนั ทเ่ี รยี กวา่ ลีนกุ ซ์ (Linux) อย่างกว้างขวาง และเปน็ ระบบปฏิบัติการท่แี จกฟรี โดยผ้ทู ่ีสนใจสามารถทำการดาวนโ์ หลดมาทำการติดตงั้ ได้ รวมถงึ สามารถ ทำการปรบั แต่งโปรแกรมไดต้ ามท่ีต้องการ นอกจากนน้ั เครือ่ งคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็สามารถติดตัง้ ระบบปฏบิ ตั ิการลนี กุ ซไ์ ด้ 2.3 ระบบปฏิบัตกิ ารลนี กุ ซ์ (Linux) (จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อที่ 4) ระบบปฏิบตั กิ ารลนี กุ ซ์ (Linux) เปน็ ระบบปฏบิ ตั ิการยนู ิกซป์ ระเภทหน่งึ เปน็ ระบบปฏบิ ัตกิ าร ประเภทฟรีแวร์ที่ไม่เสียค่าใช้จา่ ย เป็นระบบปฏิบัตกิ ารเช่นเดยี วกับดอส วนิ โดวส์ หรอื ยนู กิ ซ์ เปน็ ระบบปฏบิ ตั กิ ารที่มคี วามสามารถของตัวระบบปฏิบัตกิ ารและโปรแกรมประยุกต์ Kernel เปน็ สว่ นสำคญั ของระบบปฏิบัติการ ท่ีทำหน้าทีด่ ูแลบริหารทรพั ยากรของระบบ และ ติดต่อกับฮาร์ดแวร์และซอฟตแ์ วร์ ซงึ่ ถา้ มเี พียงเคอร์เนลอย่างเดยี วยอ่ มไม่สามารถทำงานทกุ อยา่ งได้ ครบถ้วน จงึ ตอ้ งอาศยั ซอฟตแ์ วรอ์ น่ื ๆ เพอื่ ประกอบกันเป็นระบบปฏิบตั กิ ารท่สี มบูรณ์ มีคุณสมบัติ เพยี งพอท่จี ะปฏบิ ตั ิงานตามความต้องการของผใู้ ช้งานได้ตามจดุ ประสงคข์ องการใช้งาน โดยจะตอ้ งมี โปรแกรมสนบั สนนุ ระบบ โปรแกรมยทู ิลิต้ี โปรแกรมประยกุ ตส์ ำหรบั งานบรกิ ารดา้ นตา่ ง ๆ และระบบ การตดิ ต่อกบั ผู้ใช้ รวมกนั ทำงานอย่างเปน็ ระบบ ดังน้ันการที่จะได้มาซึ่งซอฟต์แวรร์ ะบบปฏิบตั ิการลี นกุ ซน์ น้ั จำเปน็ ตอ้ งนำเอาซอฟต์แวร์เปน็ จำนวนมากมารวบรวมกนั เอาไว้เป็นชุดเดียวกนั จดั ทำให้ สะดวกต่อการติดต้งั ปรบั แต่ง และใช้งานโดยคนท่ัวไปสามารถทำได้ด้วยตนเอง ไมต่ ้องใชค้ วามรู้ ประสบการณเ์ ชิงเทคนิคอะไรมากมาย การเผยแพร่ระบบปฏิบตั กิ ารลีนกุ ซ์โดยจดั ทำเป็นชดุ ซอฟตแ์ วร์ พร้อมใชน้ ี้ เรียกว่า ลนี ุกซด์ สิ ทรบิ วิ ชนั่ (Linux Distribution) ดงั มีตวั อยา่ งลีนกุ ซ์ดสิ ทริบิวช่นั ที่ใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลาย ดงั น้ี 2.3.1 RedHat Linux RedHat เป็น Linux Distribution ทไี่ ดร้ ับความนิยมสูงเนอื่ งจากมีโปรแกรมติดตั้งที่ ใช้งานงา่ ย มโี ปรแกรมเสริมหรอื แอพพลเิ คชน่ั ทีน่ า่ สนใจ RedHat ไดพ้ ัฒนาโปรแกรม RPM (Red Hat Package Management) ข้ึนมาสำหรับตดิ ตัง้ ถอดถอน และบริหารชุดของแพก็ เกจ โดยไมต่ ้อง เสยี เวลาคอมไพล์ใหม่ นอกจากนน้ั ยงั ไดพ้ ฒั นาโปรแกรมตดิ ตั้งทเี่ รียกวา่ GLINT (Graphical Linux Installation Tool) ซึง่ มลี กั ษณะการใชง้ านเป็นแบบกราฟกิ ข้ึน จึงทำให้สามารถใชง้ านไดง้ า่ ยขึน้ กวา่ เดิมมาก 2.3.2 Slackware Linux
Slackware Linux เป็น Linux Distribution ท่ีเก่าแก่มากท่สี ุด มรี ูปแบบการตดิ ตง้ั และใช้งานแบบเทก็ ซโ์ หมดเป็นหลกั ถงึ แมจ้ ะมรี ะบบจดั การซอฟต์แวรแ์ พคเกจเปน็ ของตัวเองแต่การ ตดิ ต้ังซอฟต์แวร์กย็ งั มีความใกล้เคียงกบั การคอมไพลโ์ ปรแกรมเองอย่างมาก 2.3.3 Mandrake Linux Mandrake Linux ปัจจุบนั เปลยี่ นเปน็ ชอ่ื Mandriva Linux เปน็ Linux Distribution ทพี่ ฒั นามาพร้อมกับ RedHat Linux แตม่ ีแนวทางเป็นของตนเอง และไมค่ ดิ ตามหลัง ใคร มกี ารนำเทคโนโลยใี หม่ๆ มารวมไวก้ อ่ น Distribution อื่นเสมอ 2.3.4 Debian Linux Debian Linux เป็น Linux Distribution ท่ีมาจากผู้กอ่ ตงั้ คือ Deb และ Ian Murdock เปน็ Distribution ทีพ่ ัฒนาหลายอยา่ ง เชน่ มีระบบจดั การซอฟตแ์ วรแ์ พคเกจ ระบบการ ติดต้งั และยูทิลิตี้ จนกลายเป็นรูปแบบการใช้งานลีนุกซ์ Debian Linux เปน็ Distribution ทค่ี วาม เสถียรสงู จงึ ถูกนำไปเปน็ ฐานในการพฒั นาลนี ุกซ์ Distribution อื่นอกี เปน็ จำนวนมาก Debian Linux จึงมลี ักษณะเปน็ Linux Distribution พืน้ ฐานท่ีนำไปประยกุ ต์ใช้งานได้ อเนกประสงค์ มีรปู แบบการใชง้ านแบบคอ่ นขา้ งอนรุ ักษ์นิยม 2.3.5 SuSE Linux SuSE เปน็ Linux Distribution ท่มี ตี ้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนั เปน็ ระบบปฏิบตั กิ ารที่ได้รับความนิยมในแถบยุโรป ทำให้ SuSE Linux ได้รบั การประกาศใหเ้ ป็น ระบบปฏิบตั กิ ารในหน่วยงานภาครัฐของกลุ่มประเทศยุโรป SuSE Linux เปน็ ระบบปฏิบตั กิ ารทีม่ คี วามสวยงาม ใช้งานงา่ ย และมีเทคโนโลยที ่ี นอกจากนี้ ยังสนับสนนุ อปุ กรณ์ฮารด์ แวรไ์ ด้ดี 2.3.6 Ubuntu Ubuntu คือระบบปฎิบัตกิ ารคอมพวิ เตอร์ทอี่ ยูใ่ นตระกูลเดียวกับ Linux ท่ีเป็น Open Source ภายใต้สัญญาอนญุ าติแบบ GNU/GPL สามารถนำ Linux ตัวนไ้ี ปใชป้ รบั ปรุง เปลย่ี นแปลงได้อยา่ งเสรี ไมม่ คี ่าลขิ สิทธ์ิ ubuntu มาจากคำในภาษาซลู ู และภาษาโคซาในแอฟริกาใต้ แปลว่า Humanity of Others แปลว่าการช่วยเหลอื กันของมวลมนุษย์ ubuntu ถูกสรา้ งจาก Debian ระบบปฏบิ ัติตกิ ารตระกลู Ubuntu เปน็ ระบบปฏิบัตติ ิการทีไ่ ด้รับความนยิ มมาก เพราะใช้ งานง่าย สวยขน้ึ และการเขา้ ไดก้ บั อปุ กรณต์ อ่ พวงต่าง ๆ ทำให้ Ubuntu ได้รบั ความนยิ มเพ่ิมข้ึนตลอด มา Ubuntu เปน็ ตวั ทสี่ ามารถป้องกนั ไวรสั ในเครอ่ื งคอมพิวเตอรโ์ ดยไมต่ อ้ งตดิ ตั้งโปรแกรม Antivirus มีการอัพเดทโปรแกรมรุ่นใหม่ทุก 6 เดือน 2.3.7 CentOS CentOS เปน็ Linux ในระดบั Enterprise ทมี่ เี ป้าหมายหลักในเร่ืองความเสถียรเพอ่ื ใช้กบั งานในระดับองค์กร CentOS แตกต่างจาก Linux ตัวอน่ื ๆ ทีม่ ีการเปลยี่ นแปลงบ่อยและมกั จะ ใส่ความสามารถทย่ี งั ไมเ่ สถียรลงไป CentOS ถกู พัฒนาตอ่ มาจาก Source Code
CentOS เป็นการเอา Source Code ของ redhat Enterprise ซ่ึงเป็น Open Source มา Compile ใหม่ และเพิ่มเตมิ บางอยา่ งลงไป 2.4 ระบบปฏบิ ตั ิการ Novell Netware (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมข้อท่ี 5) ระบบปฏบิ ตั กิ าร NetWare เปน็ ระบบปฏบิ ัตกิ ารเครอื ขา่ ยขนาด 32 บิต ทสี่ นบั สนุนการ ทำงานของ Windows, UNIX และ Mac OS มีการรกั ษาความปลอดภัย การบริหารจัดการระบบ เครือข่าย การพิมพเ์ วบ็ และการระบุเสน้ ทางการคน้ หาเครือ่ งคอมพวิ เตอรใ์ นระบบเครือข่าย นอกจากนั้นยังมกี าร logon ในลักษณะ Single Point ทำให้ผู้ใช้สามารถ logon เขา้ สูเ่ ครอ่ื งแม่ข่ายใน ระบบเครอื ข่ายได้ตามสทิ ธทิ ี่ไดร้ ับ 2.5 ระบบปฏิบัติการเครอื ข่ายแบบอื่น ถงึ แมว้ ่าในปัจจบุ ันระบบปฏิบตั กิ าร Windows ของไมโครซอฟต์ และ NetWare จะเปน็ ระบบปฏิบตั ิการเครือข่ายท่ีได้รับความนิยมสูงในตลาด และระบบปฏบิ ัติการลีนกุ ซ์ก็กำลงั เร่ิมเขา้ มามี ส่วนแบ่ง นอกจากนน้ั ยงั มรี ะบบปฏิบตั กิ ารอน่ื ท่ใี ช้ในการจัดการระบบเครอื ข่ายได้ เช่น AppleTalk, Vines และOS/2 Warp ที่เป็นระบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ยทบ่ี ริษทั ไอบีเอ็ม พัฒนาข้ึนสำหรับการค้าขาย ในยคุ ดจิ ิตอลซ่ึงไม่ประสบความสำเร็จ ในปจั จบุ ันเครอื ข่ายแบบเพียร์ทเู พยี รข์ นาดเล็กกย็ ังสามารถใชร้ ะบบปฏิบัตกิ ารเครอ่ื งลูกข่าย เช่น Windows Me, XP เป็นระบบปฏิบัตกิ ารเครือขา่ ยไดใ้ นลกั ษณะ Workgroup 3. ระบบปฏบิ ตั ิการ CentOS (จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมข้อที่ 6) CentOS ย่อมาจาก Community ENTerprise Operating System เป็นระบบปฏบิ ัตกิ ารลี นุกซท์ ่ีพัฒนามาจาก RedHat Enterprise Linux (RHEL) โดยนำเอาซอร์สโคด้ ต้นฉบับของ RedHat มาทำการคอมไพลใ์ หม่ โดยเน้นพฒั นาเป็นซอฟตแ์ วร์ Open Source ทถ่ี อื ลิขสิทธ์ิแบบ GNU General Public License ในปัจจบุ ัน CentOS Linux ถูกนำมาใชใ้ นการทำ Web Hosting กนั อย่าง กวา้ งขวาง การติดตัง้ แพ็กเกจยอ่ ยภายในสามารถใช้ได้ท้งั RPM, TAR, APT หรอื ใช้คำสง่ั YUM ในการ อัพเดทซอฟตแ์ วร์แบบอตั โนมตั ิ 3.1 คุณสมบตั ริ ะบบปฏบิ ัตกิ าร CentOS ระบบปฏิบตั ิการ CentOS มีความเหมาะสมที่จะนำมาทำเป็นเซริ ฟ์ เวอรใ์ ชง้ านภายในองค์กร ดงั เหตุผลต่อไปน้ี 1) เพื่อประหยัดงบประมาณขององคก์ ร เนอ่ื งจาก CentOS เปน็ ซอฟตแ์ วรป์ ระเภท Opensource ทอ่ี งคก์ รไม่จำเปน็ ต้องจ่ายคา่ ลิขสิทธ์ิ 2) เพ่อื นำมาทำเครือ่ งแม่ข่ายบรกิ ารงานต่าง ๆ ในองคก์ ร ซงึ่ ภายใน CentOS มี แพก็ เกจยอ่ ยทีน่ ำมาใชท้ ำเซิร์ฟเวอรส์ ำหรับใช้งานในองค์กรจำนวนมาก เช่น Web Server(Apache), FTP Server(ProFTPd/VSFTPd), Mail Server(Sendmail/Postfix/Dovecot), Database Server(MySQL/PostgreSQL), File and Printer Server(Samba), Proxy Server(Squid), DNS
Server(BIND), DHCP Server(DHCPd), Antivirus Server(ClamAV), Streaming Server, RADIUS Server(FreeRADIUS), Control Panel(ISPConfig) เป็นตน้ 3) เพอื่ นำมาทำเป็นเครื่องแมข่ ่ายสำหรับจา่ ยไอพีปลอม (Private IP Address) ให้ เครอ่ื งลกู ขา่ ยในองคก์ ร รวมทัง้ การต้งั เปน็ ระบบเก็บ Log Files เพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั พระราชบญั ญัติวา่ ดว้ ยการกระทำความผิดเกีย่ วกับคอมพวิ เตอร์ 3.2 การติดต้งั ระบบปฏบิ ัตกิ าร CentOS ระบบปฏิบัตกิ าร CentOS มีแพก็ เกจที่สามารถนำมาติดตัง้ ใชง้ านได้ทันทจี ำนวนมาก สว่ น แพ็กเกจอน่ื สามารถดาวนโ์ หลดได้ที่เว็บไซต์ http://www.rpmfind.net การตดิ ตงั้ CentOS สามารถดาวนโ์ หลดตวั ติดตง้ั แบบ image file แล้วมาทำการเขยี นแผน่ CD/DVD ใชง้ านเอง สามารถดาวนโ์ หลดจากเวบ็ ไซต์ http://isoredirect.centos.org/centos/5/isos/i386/ การใช้งานขึ้นอยกู่ บั จุดประสงคข์ องผูจ้ ัดทำ โดยการติดต้ังสามารถตดิ ตัง้ ใช้งานไดห้ ลายแนวทาง สรุปได้ดังนี้ 3.2.1 การติดตง้ั ระบบปฏิบัตกิ าร Linux แยกกับระบบปฏิบัตกิ าร Windows การตดิ ตง้ั แบบนีห้ มายถึงการตดิ ต้ังระบบปฏบิ ัติการแยกกันระหว่างระบบปฏบิ ัตกิ าร Linux กบั ระบบปฏิบัตกิ าร Windows ในฮารด์ ดิก์สหนง่ึ ลกู โดยตดิ ต้ังระบบปฏิบัติการ Windows ได้ ทไ่ี ดรฟ์ หลัก (C:\\) และตดิ ตงั้ ต้ังระบบปฏบิ ตั ิการ Linux ไวท้ ี่ไดรฟ์ รอง สำหรับไดรฟ์ ที่ทำการติดตัง้ ระบบปฏิบัตกิ าร Linux ต้องแบ่งอยา่ งนอ้ ยสองพาร์ตชิ ัน่ คือ Linux Native สำหรับไว้เกบ็ ขอ้ มลู และ Linux Swap สำหรับเปน็ สวอ๊ พพาร์ติช่ัน ซึง่ การแบง่ พาร์ติชน่ั นัน้ สามารถใช้ Fdisk แบง่ ก่อนการตดิ ตงั้ ระบบวินโดวส์ หรือใช้โปรแกรม Partition Magic แบ่งหลงั การตดิ ต้งั วินโดวส์ ผู้ตดิ ต้ังสามารถเลอื ก วิธกี ารแบ่งพ้นื ท่ีฮารด์ ดสิ กไ์ ด้วา่ จะใช้เกบ็ วนิ โดวสก์ ี่เปอร์เซน็ ตแ์ ละใชเ้ กบ็ ระบบลนี ุกซ์ก่เี ปอร์เซ็นต์ 3.2.2 การติดต้งั ระบบปฏิบัติการ Linux ผ่านทางโปรแกรม Virtualization การติดตัง้ แบบน้ี ผู้ตดิ ตั้งสามารถเลือกไดว้ า่ จะติดตง้ั ระบบปฏบิ ตั ิการใดลงไปก่อน หลังจากนน้ั กท็ ำการติดต้ังโปรแกรม Virtualization เช่น VMWare, VirtualBox หรือ Microsoft Virtual PC ภายหลัง แลว้ จงึ ทำการตดิ ต้งั ระบบปฏิบตั กิ าร Linux ผา่ นทางโปรแกรม Virtualization อกี คร้ังหน่งึ การติดตั้งแบบน้รี ะบบจะทำการแบง่ พ้นื ทสี่ ่วนหนึง่ ของฮารด์ ดสิ กม์ าติดตง้ั ระบบ โดยไม่ไป ทำลายระบบระบบปฏิบตั ิการเดมิ การตดิ ตง้ั วธิ นี ี้เหมาะสำหรบั ห้อง LAB ในสถาบนั การศกึ ษา สถาบัน ฝกึ อบรมหลกั สูตรคอมพวิ เตอร์ นักเรยี น นักศกึ ษา หรอื ผ้สู นใจทวั่ ไปทต่ี อ้ งการทดสอบใช้งานลนี กุ ซ์ 3.2.3 การตดิ ตงั้ ระบบปฏบิ ตั ิการ Linux เพ่ือใชง้ านจริง การติดตัง้ แบบนีเ้ ป็นการตดิ ต้งั ระบบลีนกุ ซ์เพียงระบบเดียว ไม่มรี ะบบอืน่ เข้ามา เกี่ยวข้อง เหมาะสำหรบั ติดตงั้ ใชง้ านจรงิ สามารถแบ่งพนื้ ทฮี่ ารด์ ดิสก์ได้ 2 ลกั ษณะ คอื 3.2.3.1 การแบ่งฮาร์ดดสิ ก์เป็น 2 พาร์ติชนั่ 1) พาร์ติช่นั แรกแบง่ เปน็ Linux Swap (Swap) โดยแบ่งเปน็ 2 เท่าของ RAM ทใี่ ชง้ านอยู่ เช่น กรณมี ี RAM อยู่ 512 MB ก็กำหนดเปน็ 512 x 2 = 1024 MB
2) พารต์ ชิ ่ันทสี่ องแบง่ เปน็ Linux Native (Ext3) สำหรับเกบ็ ขอ้ มูล โดยใช้พ้นื ที่ดิสก์ทเี่ หลืออยู่ 3.2.3.2 การแบ่งฮาร์ดดิสกโ์ ดยแบง่ พาร์ติชนั่ แบบแยกอสิ ระ การแบ่งวธิ นี ี้ผตู้ ิดตัง้ ตอ้ งมกี ารจัดสรรพ้นื ท่ีฮารด์ ดิสก์ใช้งานตามความ ต้องการ อาทิ แบง่ พื้นท่ี /home ไว้สำหรบั เกบ็ เวบ็ ไซต์ผู้ใช้งาน/ลกู คา้ , พนื้ ที่ /usr สำหรับใช้ติดต้ัง แพก็ เกจต่างๆ, พื้นที่ /var สำหรบั เกบ็ ล็อกไฟล์, พ้ืนที่ /tmp สำหรบั เก็บไฟล์ช่วั คราว, พื้นที่ /cache สำหรบั เก็บบันทกึ เหตุการณ์ตา่ งๆ ของโปรแกรมพรอ็ กซเี่ ซริ ฟ์ เวอร์, พนื้ ท่ี / สำหรับตงั้ เปน็ รู๊ทพาร์ติช่นั , พ้นื ที่ swap สำหรับทำสวอ๊ พพาร์ติชน่ั เป็นต้น 3.3 ขน้ั ตอนการติดต้งั Linux CentOS 7.0 (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อที่ 7) ระบบปฏบิ ัตกิ าร CentOS สามารถดาวโหลดไดจ้ ากลงิ ค์ http://isoredirect.centos.org/centos/7/isos/x86_64/CentOS-7-x86_64-DVD-1511.iso แล้ว ทำการเบิรน์ ลงแผ่น DVD จากนัน้ จึงนำมาใชใ้ นการตดิ ตั้ง CentOS 7.0 ซ่งึ มวี ิธีการดังตอ่ ไปนน้ี ี้ (ทม่ี า : http://www.linuxtechi.com/centos-7-installation-steps-screenshots/) 1) กำหนดค่าใน Bios ให้บทู คอมพิวเตอรจ์ ากแผ่น DVD 2) คอมพิวเตอรจ์ ะบูทเครือ่ งจากแผ่น DVD และปรากฏหน้าแรกข้ึนมา ใหเ้ ลือก Install CentOS 7 3) จะปรากฏหน้าต่าง Welcome ให้เลอื กภาษาที่ต้องการ และคลิกปุ่ม Continue ภาพที่ 7.13 แสดงหนา้ ตา่ ง Welcome และการเลือกภาษา 4) ในหนา้ ต่าง Installation Summary เปน็ การแสดงภาพรวมของการตดิ ตัง้ ซ่งึ โดย ปกติการตดิ ตง้ั จะทำการจดั พาร์ทชิ ่นั (Partitioning) อัตโนมตั ิบนฮาร์ดดิสก์ แตเ่ ราสามารถแกไ้ ขไดโ้ ดย คลิกท่ี \"Installation Destination\"
ภาพท่ี 7.14 แสดงหนา้ ตา่ ง Installation Summary 5) จากนน้ั จะปรากฏหน้าต่าง Installation Destination ให้คลกิ ฮารด์ ดิสก์ท่ี ต้องการตดิ ต้ัง และในกลมุ่ เมนู Other Storage Options ใหค้ ลกิ เลือก I will configure partitioning จากน้ันคลกิ ป่มุ Done ภาพท่ี 7.15 แสดงหนา้ ต่าง Installation Destination 6) จากนน้ั ใหส้ ร้างพารท์ ิช่ันท่ีตอ้ งการ แล้วคลกิ ปุ่ม Done
ภาพท่ี 7.16 แสดงการแบง่ พาร์ทิชน่ั 7) จะปรากฏหน้าต่าง Summary of Changes สรปุ การเปล่ียนแปลงท้งั หมด จากน้ันให้คลกิ ปมุ่ Accept changes ภาพท่ี 7.17 แสดงหนา้ ตา่ ง Summary of Changes 8) ปรากฏหนา้ ต่าง Date & Time ให้กำหนดวันที่และเวลาด้วยโซนท่ีต้องการ แลว้ คลิกปุม่ Done
ภาพที่ 7.18 แสดงหน้าต่าง Date & Time 9) ในหน้าตา่ ง Network & Hostname ให้กำหนดคา่ Network และ Hostname ที่ตอ้ งการ โดยกดท่ี + เพิม่ การกำหนด network แลว้ คลิกปุ่ม Configure… เพ่ือกำหนดค่าของ Network แลว้ คลกิ ปุม่ Done ภาพท่ี 7.19 แสดงหนา้ ตา่ ง Network & Hostname 10) เลอื ก Software ท่ีต้องการติดตั้ง ในหนา้ ต่าง Software Selection โดยคลิก เลือกกล่มุ Software หลักในช่อง Base Environment ดา้ นซา้ ย แล้วคลิกเลือกตัวเลือกย่อยในช่อง Add-Ons for Selected Environment ด้านขวามอื แลว้ คลกิ ปมุ่ Done
ภาพท่ี 7.20 แสดงหนา้ ต่าง Software Selection 11) หลงั จากกำหนดค่าท่ีจำเป็นเสร็จเรียบร้อย คลิกที่ Begin Installation เพ่อื เรม่ิ ตดิ ตั้ง ภาพที่ 7.21 แสดง Installation Summary และป่มุ เรม่ิ ตดิ ตั้ง 12) กำหนดค่า root password แลว้ คลกิ ปมุ่ Done
ภาพท่ี 7.22 แสดงการกำหนด Root Password 13) สรา้ ง User โดยกำหนดชือ่ ผู้ใช้ และรหสั ผา่ น แล้วคลิกปุม่ Done ภาพที่ 7.23 แสดงการสร้างผู้ใช้ 14) จากน้นั จะเร่ิมตดิ ตง้ั โปรแกรม ซึ่งสามารถดูความคืบหนา้ ได้จากแถบการตดิ ต้ัง ดา้ นล่าง
ภาพท่ี 7.24 แสดงความคืบหนา้ ของการตดิ ตงั้ 15) เมื่อติดตงั้ เสรจ็ ระบบจะตอ้ งรีบูทเครอ่ื งใหม่ ใหค้ ลิกปมุ่ Reboot 16) เมอ่ื Reboot เครอ่ื งแล้ว จะปรากฏหนา้ Log In สำหรบั เขา้ ใช้ CentOS คร้งั แรก ใหค้ ลกิ เครื่องหมาย / หน้า I accept the license agreement แลว้ คลิกปุ่ม Done 17) จากนั้นจะปรากฏหนา้ จอ Desktop ของ CentOS 7.0 ดา้ นทกั ษะ (ปฏิบตั )ิ (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7) 1.แบบฝกึ หดั ทา้ ยบทท่ี 7 2.กิจกรรมการเรยี นรู้ ด้านคณุ ธรรม/จรยิ ธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 1.การเตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์นักศึกษาจะตอ้ งทำความสะอาดห้องเรียน จดั เตรียมอปุ กรณ์ในการเรยี นรู้ ใหม้ คี วามพรอ้ มเพียงและเหมาะสมกบั เวลาท่ีใชใ้ นการเรยี น 2.ความมีเหตุมีผลในการปฏิบัตงิ าน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งนกั ศกึ ษาจะตอ้ งมี การใช้เทคนคิ การจดบันทกึ งาน การสืบค้นข้อมูล ก่อนการเรยี นรแู้ ละหลังเรยี นรูเ้ พื่อให้การเรียนรู้ เหมาะสมกับเวลา คุม้ คา่ และประหยดั 4. สมรรถนะรายบท 1.แสดงความรู้เกี่ยวกบั การตดิ ต้งั ระบบปฏบิ ตั กิ ารเครือข่าย 2.การติดต้งั ระบบปฏิบตั ิการเครือข่าย 5. การวิเคราะหต์ ามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 5.1 ความพอเพยี ง 3 คุณลกั ษณะ ไดแ้ ก่ 5.1.1 หลกั ความพอประมาณ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177