สวติ ชม์ คี วามสามารถในการทำงานมากกวา่ ฮับ โดยสวติ ชจ์ ะทำงานในการรับสง่ ขอ้ มลู ที่ สามารถสง่ ขอ้ มูลจากพอร์ตหนงึ่ ไปยงั เฉพาะพอร์ตปลายทางท่ีตอ้ งการสง่ ขอ้ มลู ไปเท่าน้นั ทำให้พอร์ตที่ เหลอื ทำการรบั สง่ ข้อมูลได้พรอ้ มกันในเวลาเดยี วกัน ทำให้สวิตช์มีการทำงานในแบบทีค่ วามเร็วในการ รับสง่ ขอ้ มลู จะไมข่ น้ึ อยูก่ ับจำนวนของคอมพวิ เตอรห์ รอื อุปกรณ์ท่เี ชอื่ มตอ่ อยกู่ ับสวติ ช์ ด้วยเหตุนีท้ ำให้ ในปัจจบุ นั สวติ ชจ์ ะได้รับความนิยมในการนำมาใช้งานในระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรม์ ากกว่าฮบั 1.5 เราทเ์ ตอร์ (Router) (จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมข้อที่ 5) เราทเ์ ตอร์ (Router) เป็นอปุ กรณท์ ี่ทำงานอยใู่ นช้ันกายภาพ ชัน้ เชอ่ื มโยงข้อมูล และชัน้ เครอื ขา่ ยขอ้ มูล โดยเราท์เตอรจ์ ะสรา้ งสัญญาณใหม่เม่อื ไดร้ ับสัญญาณทีถ่ ูกส่งเข้ามา แล้วตรวจสอบ เลขที่ของเครอ่ื งผ้สู ง่ และเครอ่ื งผ้รู ับท่ีส่งมาเพือ่ ส่งไปยงั เซก็ เมนตท์ ี่ถกู ต้อง และจะตรวจสอบไอพี แอดเดรสของผู้รับเพื่อเลอื กเสน้ ทางในการจัดสง่ ข้อมลู ให้ไปถึงปลายทางไดอ้ ย่างรวดเรว็ และถูกต้อง เราทเ์ ตอร์เปน็ อุปกรณ์ท่ีมีการทำงานซับซ้อนกวา่ บริดจ์ ทำหนา้ ที่เช่ือมต่อเครือข่ายคล้ายกับ สวิตช์ ไมว่ า่ จะเป็นการเชอื่ มตอ่ เครือข่ายแลนกบั เครอื ขา่ ยแลน หรอื การเชอ่ื มตอ่ เครือข่ายแลนกบั เครือขา่ ยแวน เราท์เตอรท์ ำหน้าท่กี ำหนดเสน้ ทางสำหรับรบั สง่ ขอ้ มูลระหวา่ งเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ท่ี เชือ่ มต่อกัน เราท์เตอร์สามารถกำหนดเส้นทางให้ขอ้ มูลถูกสง่ จากเครือข่ายหน่ึงไปยงั เครือขา่ ย ปลายทางได้อยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม รวมถึงความสามารถเปล่ียนเส้นทางรบั ส่งขอ้ มูล ในกรณีท่ี เส้นทางเดมิ ท่ีใช้งานอย่เู กดิ ขัดข้อง เราทเ์ ตอรจ์ ะอา่ นเลขท่อี ย่ขู องเครือ่ งผ้รู บั ปลายทางจากขอ้ มูล เพ่ือ ใชใ้ นการกำหนดหรือเลือกเสน้ ทางท่ีส่งขอ้ มูลนั้น เราทเ์ ตอร์เปน็ อุปกรณ์ท่ีทำงานด้วยโปรโตคอลเดียว ถา้ มกี ารเชอ่ื มต่อระหว่างเครอื ข่าย ทงั้ สองเครอื ข่ายจะต้องมโี ปรโตคอลในการเช่ือมตอ่ ที่เหมือนกนั เช่น เครือขา่ ยทั้งสองจะตอ้ งใชโ้ ปรโตคอล ไอพี (IP) หรอื โปรโตคอลไอพีเอ็กซ์ (IPX) แบบเดียวกัน การใช้เราท์เตอร์เชอ่ื มตอ่ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เข้าด้วนกนั จะทำใหป้ ริมาณการสง่ ข้อมลู ของแต่ละเครือขา่ ยย่อยแยกจากกันโดยเด็ดขาด ไมเ่ กิดการ รบกวนไปยังเครือข่ายอืน่ ทำใหก้ ารบั สง่ ข้อมูลทำไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และยังทำใหเ้ กิดความปลอดภยั ของ ระบบเครือข่ายด้วย แตเ่ ราท์เตอร์จะมรี าคาแพงกวา่ สวิตช์และฮบั 1.6 เกตเวย์ (Gateway) (จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 6) เปน็ อุปกรณท์ ่ีช่วยในการสอื่ สาร ขอ้ มูล ทำหนา้ ท่เี ช่ือมตอ่ เครอื ข่ายทีม่ ีลักษณะการเชอ่ื มตอ่ ทีแ่ ตกตา่ งกนั และมโี ปรโตคอลสำหรับการสง่ รบั ข้อมลู ตา่ งกัน เชื่อมตอ่ กันได้ เช่นการใชเ้ กตเวย์เช่อื มตอ่ เครือข่าย Ethernet ที่ใช้สายสง่ แบบ UTP เขา้ กบั เครอื ข่าย Token Ring หรือเครอื ขา่ ยแลนกับเครื่องคอมพวิ เตอรเ์ มนเฟรม หรอื ระหวา่ ง เครือขา่ ยแลนกบั เครอื ขา่ ยแวน
เกตเวย์เปน็ จดุ ต่อเชอื่ มของเครือข่ายทำหนา้ ท่ีเป็นทางเข้าสูร่ ะบบเครอื ขา่ ยต่าง ๆ บน อนิ เตอร์เน็ต อุปกรณท์ ท่ี ำหน้าท่ีเปน็ เกตเวยอ์ าจจะรวมเอาไฟรว์ อลล์ไว้ในตัวดว้ ยเพื่อปอ้ งกนั ไม่ให้ คอมพวิ เตอรท์ อ่ี ยูน่ อกเครอื ขา่ ยบกุ รุกได้ 1.7 เครื่องคอมพิวเตอรแ์ มข่ ่าย (Server) (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมข้อที่ 7) เป็นอปุ กรณท์ ี่ทำ หนา้ ทเ่ี ปน็ ผู้ใหบ้ รกิ ารต่าง ๆ ในเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ เมื่อมผี ู้ใช้งานขอใช้บริการ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ แม่ข่ายจะจัดสรรทรพั ยากรท่ีมอี ยใู่ นเคร่อื งเพือ่ ให้บริการในทันที โดยท่วั ไปเคร่ืองคอมพวิ เตอร์แม่ข่าย (Server) จะแบ่งเป็น 2 แบบคือ 1. แบบ Rack ที่มีลักษณะเป็นกล่องสเี หลีย่ มแบนยาว สามารถนำไปวางเรยี งในตู้ Rack ทำใหป้ ระหยัดเนือ้ ท่ีในการจัดเก็บและใชง้ านงา่ ย 2. แบบ Tower หน้าตาจะเหมือนกับเครอ่ื งคอมพิวเตอรท์ ั่ว ๆ ไป เครือ่ งคอมพวิ เตอร์แมข่ ่ายเป็นเครอื่ งคอมพิวเตอร์ท่ีมีความสามารถในการให้บริการท่สี งู เปน็ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ทใ่ี หบ้ ริการกับผ้ใู ช้งานในเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ทเี่ ขา้ มาขอใชบ้ รกิ าร นอกจากน้ันยงั สามารถนำมาใช้ในสำนักงานเพอ่ื ช่วยให้คอมพวิ เตอรท์ กุ ตวั สามารถใช้งานเคร่ืองพมิ พ์ หรอื ฮารด์ ดิสก์ ร่วมกนั ได้ 1.8 เคร่ืองคอมพิวเตอรล์ ูกขา่ ย (Client) (จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมขอ้ ที่ 8) เคร่ืองคอมพิวเตอร์ลกู ข่าย (Client) เป็นคอมพิวเตอรใ์ นเครอื ขา่ ยท่รี อ้ งขอบรกิ ารและเข้าถงึ ข้อมูลทจี่ ัดเกบ็ ในเคร่อื งคอมพิวเตอรแ์ มข่ า่ ย หรอื เปน็ คอมพวิ เตอร์ของผใู้ ช้ในระบบเครือข่าย เครื่องคอมพิวเตอร์ลกู ขา่ ยเป็นคอมพิวเตอร์ในเครือขา่ ยทผ่ี ู้ใช้สามารถเขา้ ไปใช้ทรัพยากรตา่ ง ๆ ของเครอื ขา่ ย เช่นเคร่ืองพมิ พ์ หรอื ฮารด์ ดิสก์ โดยขอใชบ้ ริการจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์แมข่ า่ ยได้ 1.9 โมเด็ม (Modem) (จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมข้อที่ 9) โมเด็ม (Modem) มาจากคำวา่ MOdulator/DEModulator เป็นอปุ กรณ์ที่ทำหนา้ ท่แี ปลง สญั ญาณดิจติ อลจากเครื่องคอมพวิ เตอรต์ ้นทางให้กลายเป็นสญั ญาณอะนาลอกเพื่อสง่ ไปตาม สายโทรศพั ท์ และทำหน้าที่แปลงสัญญาณอะนาล็อกที่ไดจ้ ากสายโทรศพั ทใ์ ห้กลับไปเป็นสัญญาณ ดิจติ อล เพือ่ สง่ ต่อไปยังเครื่องคอมพวิ เตอรป์ ลายทาง
โมเดม็ (Modem) เป็นอุปกรณ์ทที่ ำให้เคร่อื งคอมพิวเตอรส์ ามารถส่อื สารกบั เครอ่ื ง คอมพิวเตอรอ์ ืน่ ๆ ได้ดว้ ยคู่สายโทรศพั ท์โดยแปลงสญั ญาณดจิ ิตอลจากเคร่ืองคอมพิวเตอรใ์ ห้เป็น สัญญาณอะนาล็อกเพ่ือส่งไปตามสายโทรศพั ท์ 2. อปุ กรณ์รกั ษาความปลอดภยั ในระบบเครือขา่ ยนั้นมผี ใู้ ชเ้ ปน็ จำนวนมากทำให้มีรูปแบบการใชง้ านท่ีหลากหลายทัง้ ผู้ท่ี ประสงคด์ แี ละประสงค์รา้ ย ทำใหเ้ กิดการบริการขอ้ มูลทว่ั ไปและอาชญากรรมทางด้านเครอื ข่าย คอมพิวเตอร์ จึงต้องมอี ุปกรณท์ ใี่ ชร้ กั ษาความปลอดภัยในระบบเครือขา่ ยด้วย ดังน้ี 2.1 ไฟรว์ อลล์ (Firewall) (จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรมข้อท่ี 10) ไฟรว์ อลล์ (Firewall) หมายถึง ซอฟตแ์ วร์หรือฮาร์ดแวร์ท่ที ำหน้าท่ีตรวจสอบและควบคุม ระบบข้อมลู ทมี่ าจากอินเทอรเ์ นต็ หรือเครอื ข่าย โดยสามารถกำหนดได้วา่ ขอ้ มูลน้นั อนญุ าตใหใ้ คร เข้าถงึ ข้อมูลบ้าง รวมท้งั สามารถตรวจสอบผู้ใชก้ อ่ นเขา้ ถงึ ข้อมลู ได้ ไฟรว์ อลล์ช่วยป้องกันไมใ่ ห้ผ้บู ุกรุก หรือซอฟต์แวรอ์ นั ตรายโจมตี หรอื เขา้ ถงึ คอมพวิ เตอร์ นอกจากนี้ไฟร์วอลล์ยงั ช่วยปอ้ งกันไมใ่ ห้ คอมพวิ เตอรท์ ีเ่ ปน็ เหยอื่ มัลแวรส์ ง่ ซอฟตแ์ วร์อันตรายไปยงั คอมพิวเตอร์เคร่ืองอื่นอกี ด้วย ไฟรว์ อลลจ์ ึง เปน็ เหมือนกำแพงท่สี ามารถป้องกนั คอมพิวเตอรจ์ ากอนิ เทอร์เนต็ ได้ Internet Firewall ไฟร์วอลล์สามารถแบง่ ออกมาตามลักษณะการทำงาน ได้ 3 ประเภท คอื 1) Packet Filtering Firewall เป็นไฟร์วอลลท์ ่ีทำหนา้ ท่ตี รวจสอบแพ็กเกต็ ที่ผา่ นตัว มนั และจะทำการป้องกัน ในกรณที ่ีไมม่ สี ทิ ธิผ่าน ซึง่ จะทำงานไดอ้ ย่างรวดเร็ว แตม่ คี วามปลอดภัยต่ำ มาก ส่วนใหญ่จะอยบู่ นเราทเ์ ตอร์หรอื สวิทช์ ส่วนซอฟทแ์ วร์จะเปน็ IPTable ท่ที ำงานบน Linux เปน็ ต้น โดยจะพจิ ารณาจากขอ้ มูลส่วนที่อย่ใู นเฮดเดอรข์ องแพก็ เกต็ ที่ผา่ นเขา้ มา เทยี บกบั กฎท่ีกำหนดไว้ และตดั สินวาควรจะท้ิงแพ็กเกต็ นนไปหรือวา่ จะยอมใหแ้ พ็กเก็ตน้ันผา่ นไปได้ 2) Application Firewall หรือ Proxy ซง่ึ ถกู ออกแบบมาเพอ่ื แกจ้ ุดบกพร่องของ Packet Filtering Firewall โดย Application Firewall จะทำหนา้ ที่เหมอื นคนกลางท่ีคอยตดิ ตอ่ ระหวา่ งดา้ นในกบั ดา้ นนอกเครือข่าย ซ่ึงจะเพ่มิ ความปลอดภัยมากขึ้นเพราะผใู้ ช้ไมไ่ ด้ติดต่อกบั ภายนอกโดยตรง แต่มีข้อจำกดั ในเรอื่ งของความเร็วและ Application ที่รองรบั คือรองรบั Application ไดเ้ พียง HTTP, HTTPS, FTP เท่านน้ั เอง 3) Stateful Firewall ออกแบบมาเพ่อื แกไ้ ขขอ้ จำกัดในเร่ืองความปลอดภัยและ ความเร็ว โดยจะพจิ ารณาวา่ จะยอมใหแ้ พ็กเกต็ ผา่ นไป แทนที่จะดขู อ้ มลู จากเฮดเดอรเ์ พียงอยา่ งเดียว Stateful Inspection จะนาํ เอาส่วนข้อมลู ของแพก็ เก็ตและข้อมลู ทีไ่ ด้จากแพ็กเกต็ กอ่ นหน้านที้ ไี่ ดท้ ำ
การบนั ทึกเอาไว้นำมาพจิ ารณาดว้ ย จงึ ทำให้สามารถระบุได้วา่ แพก็ เก็ตใดเป็นแพก็ เก็ตที่ตดิ ตอ่ เขา้ มา ใหม่ หรอื ว่าเป็นสว่ นหนึ่งของการเชอื่ มต่อท่ีมอี ยแู่ ล้ว 2.2 AAA Server (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 11) AAA หมายถงึ Authenticate, Authorization และ Accounting เปน็ การเพมิ่ ความ ปลอดภยั ในการใช้งานแบบ Remote-Access VPN ซงึ่ เม่ือมีการเชอ่ื มต่อจาก Dial-up นั้นจะต้องผ่าน AAA Server ซง่ึ จะมีการตรวจสอบดังนี้คอื - คณุ เปน็ ใคร Who you are (authentication) - คณุ ไดร้ บั อนุญาตให้ทำอะไรบ้าง What you are allowed to do (authorization) - คณุ ทำอะไรไปบ้าง What you actually do (accounting) User Request AAA server AAA server Application Policy and event specific module repository Authentication คอื การตรวจสอบผูใ้ ช้บรกิ ารอนิ เตอรเ์ นต็ โดยตรวจสอบจาก username และ password ว่าถกู ตอ้ งหรือไม่ Authorization คือการตรวจสอบสิทธขิ องผู้ใชบ้ ริการอินเตอรเ์ นต็ ในเรอื่ งของเวลาการใช้งาน หรือความเรว็ ในการใช้งาน Accounting คือขบวนการท่ีใช้ในการบันทกึ ข้อมูลการใชอ้ ินเตอรเ์ น็ต การตั้งค่าการพสิ ูจน์ตัวตนบนอปุ กรณเ์ ครอื ข่ายรว่ มกับ AAA Server น้นั สามารถทีจ่ ะนำไปใช้ ได้หลายรปู แบบ เช่น ใช้กบั ผู้ใช้ของ Cisco VPN Client to Site ใชก้ บั การพสิ ูจนต์ วั ตนบนบน point- to-point เช่น pap หรอื chap ใช้ร่วมกับการตงั้ คา่ 802.1x ใช้ในการพิสูจนต์ ัวตนผ้ใู ชเ้ มอื่ ตอ้ งการ เขา้ ถึงตัวอปุ กรณเ์ ครอื ข่าย เปน็ ตน้ 3. อปุ กรณไ์ ร้สาย ระบบเครือข่ายไรส้ าย เปน็ ระบบการสอื่ สารขอ้ มูลท่ีนำมาใช้ทดแทน หรือเพ่ิมต่อกับระบบ เครือข่ายใช้สายแบบเดิม โดยใช้การสง่ คลน่ื ความถวี่ ิทยุ RF และคลื่นอินฟราเรด ในการรับและส่ง ขอ้ มูลระหวา่ งคอมพิวเตอรผ์ ่านทางอากาศทะลกุ ำแพง เพดาน หรอื สิง่ กอ่ สร้างอ่นื ๆ โดยปราศจากการ เดินสาย ผูใ้ ช้งานสามารถเชื่อมโยงเข้าระบบเครอื ข่ายจากท่ีใดก็ได้ ท่อี ยู่ในรัศมีของสัญญาณ สามารถ แกป้ ญั หาเรอ่ื งการติดตัง้ สายสญั ญาณในพ้นื ที่ที่ทำได้ยาก ทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนยา้ ยไปทำงานยงั ที่ ตา่ ง ๆ ได้ เครือข่ายไรส้ ายประกอบด้วยอุปกรณต์ ่าง ๆ ดังนี้ 3.1 Wireless NICs (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมขอ้ ที่ 12) Wireless network interface card เปน็ อุปกรณท์ ี่ใช้ในเชอื่ มตอ่ เครือข่ายแบบไรส้ าย โดยจะ มีลักษณะเหมอื นการด์ แลนทัว่ ไป ไม่มสี ายสัญญาณแตม่ เี สาอากาศไวใ้ ชใ้ นการเชอ่ื มต่อเครอื ขา่ ยแทน โดยรับเอาคล่นื วทิ ยทุ แ่ี พรก่ ระจายออกมาจากอุปกรณไ์ ร้สายอืน่ ๆ แปลงเป็นขอ้ มูลดจิ ิตอลส่งใหเ้ ครื่อง คอมพิวเตอรป์ ระมวลผล และทำการแปลงข้อมลู ดิจิตอลทไี ด้จากการประมวลผลของเคร่อื ง
คอมพวิ เตอรใ์ ห้เป็นคล่นื วทิ ยุแล้วส่งผ่านสายอากาศแพรก่ ระจายออกไป แลนการ์ดแบบไรส้ ายมีท้งั แบบ PCI, PCMCI, USB และCompact Flash เป็นตน้ 3.2 Wireless Access Points (จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมข้อที่ 13) Wireless Access Point หรือ WAP หรอื เรยี กวา่ AP หมายถงึ อปุ กรณ์ในเครือขา่ ย คอมพวิ เตอร์ ท่ีช่วยให้อุปกรณ์ไร้สายสามารถเชือ่ มต่อกบั เครือข่ายแบบมสี ายได้ AP เปน็ จุดกระจาย และเช่อื มตอ่ สัญญาณไร้สายเพือ่ เช่อื มต่ออุปกรณ์ไรส้ ายทุกชนดิ ที่ทำงานภายใต้มาตรฐานของ IEEE802.11 เข้าดว้ ยกัน Access Points สามารถนำไปประยุกตใ์ ช้งานแบบต่าง ๆ ได้ เช่น การใชง้ าน AP ขององค์กร โดยทว่ั ไปจะเป็นการตดิ ตัง้ AP หลายตวั เข้ากบั เครือขา่ ยแบบใชส้ าย เพ่ือให้อุปกรณ์ลกู ข่ายสามารถ ตดิ ต่อแบบไร้สายไปยงั ระบบแลนได้ การใช้งาน AP ในรูปแบบฮอตสปอตเป็นการใชง้ านสาธารณะ ท่วั ไป เชน่ รา้ นกาแฟ ห้องสมดุ และการใช้เปน็ เครือข่ายไร้สายภายในบา้ นที่มี AP เพียงตัวเดียวท่ีใช้ เชอื่ มต่อเครือ่ งคอมพิวเตอรท์ ัง้ หมดในบา้ น สว่ นใหญจ่ ะเปน็ เราตเ์ ตอรไ์ ร้สายท่ีรวมเอา AP, เราเตอร์ และสวิทช์ 3.3 Wireless Bridge (จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมขอ้ ที่ 14) Wireless Bridge เปน็ อปุ กรณ์เชื่อมต่อเครือขา่ ยแบบไร้สาย ท่ีสามารถนำไปใช้เช่อื มต่อระบบ เครอื ข่ายแลนระหว่างสำนักงาน หรือระหว่างอาคารส่วนใหญ่ แทนการใช้สายสัญญาณท่ีคอ่ นขา้ ง ย่งุ ยากและมีค่าใช้จา่ ยสูง มีลักษณะการเชือ่ มต่อมี 2 แบบ ดงั นี้ 1) การเชือ่ มตอ่ แบบจุดต่อจดุ (Point to Point) เปน็ การเช่อื มต่อระหวา่ งเครอื ข่าย เขา้ ดว้ ยกนั โดยใชอ้ ุปกรณ์ Wireless Bridge เช่นการเชอื่ มตอ่ เครือข่ายระหวา่ งอาคาร 2) การเช่ือมโยงแบบจุดไปหลายจุด (Point to Multi-Point) มีหลักการคล้ายแบบ จดุ ตอ่ จุด แต่ตอ้ งใช้ Wireless Bridge เพ่มิ ขนึ้ ตามจำนวนจุดที่ตอ้ งการเช่อื มโยงเข้าหากัน • ดา้ นทกั ษะ (ปฏิบัต)ิ (จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-14) 1.แบบฝกึ หดั ท้ายบทท่ี 2 2.กิจกรรมการเรยี นรู้
• ดา้ นคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1.การเตรยี มความพรอ้ มดา้ น วัสดุ อุปกรณ์นกั ศึกษาจะต้องทำความสะอาดห้องเรยี น จดั เตรียมอปุ กรณ์ในการเรยี นรู้ ให้มคี วามพรอ้ มเพยี งและเหมาะสมกับเวลาทีใ่ ชใ้ นการเรยี น 2.ความมีเหตุมีผลในการปฏบิ ัติงาน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งนกั ศกึ ษาจะต้องมี การใช้เทคนิคการจดบันทึกงาน การสบื คน้ ขอ้ มลู กอ่ นการเรยี นรแู้ ละหลงั เรียนร้เู พอ่ื ให้การเรยี นรู้ เหมาะสมกบั เวลา คุ้มค่าและประหยดั 4. สมรรถนะรายบท 1. แสดงความรูเ้ กี่ยวกับอปุ กรณ์ระบบเครอื ขา่ ย 5. การวเิ คราะห์ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 5.1 ความพอเพยี ง 3 คุณลกั ษณะ ได้แก่ 5.1.1 หลกั ความพอประมาณ พอประมาณในทุกอย่าง ความพอดีไม่มากหรือว่าน้อยจนเกินไปโดยต้องไม่ เบียดเบียนตนเอง หรอื ผู้อน่ื ใหเ้ ดือดรอ้ น 5.1.2 หลักความมเี หตผุ ล การตัดสินใจเกย่ี วกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเปน็ ไปอย่างมีเหตุผลโดย พจิ ารณาจากเหตุปัจจยั ทีเ่ กีย่ วข้อง ตลอดจนคำนึงถงึ ผลท่คี าดวา่ จะเกดิ ขึ้นจากการกระทำ น้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ 5.1.3 หลกั ภูมคิ ุ้มกัน การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านการต่างๆ ที่จะ เกดิ ข้นึ โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนในอนาคตทั้ง ใกลแ้ ละไกล 5.2 เง่ือนไข 2 เงื่อนไข ได้แก่ 5.2.1 เงอ่ื นไขคณุ ธรรม มคี วามรอบร้เู กยี่ วกบั วิชาการตา่ งๆที่เก่ียวข้องอย่างรอบดา้ น ความรอบคอบท่ีจะ นำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผน และความ ระมัดระวงั ในขนั้ ตอนปฏบิ ัติ คุณธรรมประกอบดว้ ย มีความตระหนกั ในคณุ ธรรม มีความ ซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต 5.2.2 เง่ือนไขความรู้ มคี วามตระหนกั ในคณุ ธรรม มคี วามซือ่ สัตยส์ ุจริตและมีความอดทน มคี วามเพียร ใชส้ ติปัญญาในการดำเนินชีวิต
5.3 การเช่อื มโยงสู่ 4 มิติ ได้แก่ 5.3.1 มติ ิสังคม ผเู้ รียน สร้างความสัมพนั ธ์อนั ดใี นกล่มุ ผเู้ รียนเพ่อื นร่วมงาน 5.3.2 มติ เิ ศรษฐกิจ ผู้เรียน มีการเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ อย่างคุ้มค่า เหมาะสม ไม่เสียหาย ทิ้งขวาง ฯลฯ 5.3.3 มติ ิวฒั นธรรม ผเู้ รยี น รกั ษาวัฒนธรรมอนั ดขี องไทย เช่น แบง่ ปัน มนี ำ้ ใจ เหน็ ใจผอู้ ืน่ ช่วยเหลือ ไหวท้ กั ทาย ขอบคณุ ฯลฯ 5.3.4 มิตสิ ง่ิ แวดลอ้ ม ผู้เรียน จัดเก็บ ทำความสะอาด บำรุงรักษา สิ่งของวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครอื่ งจกั ร ฯลฯ 6. การบรู ณาการกับคณุ ลักษณะ 3 D แก่ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรม 6.1 ดา้ นประชาธิปไตย (Democracy) มีความตระหนกั เหน็ ความสำคญั ศรัทธาและเชอ่ื มัน่ การปกครองระบบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมุข รวมท้งั รงั เกยี รตกิ ารทุจริต และตอ่ ต้านการซือ้ สิทธิ ขายเสยี ง 6.2 ด้านคุณธรรม จริยธรรมและความเปน็ ไทย (Decency) มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ความดีงาม รู้ผดิ ชอบชั่วดี มคี วามภาคภมู ิใจในความเป็นไทยและ ยึดถอื ปฏบิ ตั อิ ยู่ในวิถชี ีวิต 6.3 ดา้ นภูมคิ ุ้มกนั จากยาเสพติด (Drug - Free) รูจ้ ักหลกี เลย่ี งห่างไกลยาเสพติด 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรียนการสอนหรอื การเรยี นรู้ ขั้นตอนการสอนหรอื กจิ กรรมของครู ขน้ั ตอนการเรยี นรหู้ รือกิจกรรมของนักเรยี น 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรยี น (20 นาที) 1. ขั้นนำเข้าสูบ่ ทเรยี น (20 นาท)ี
1. ผสู้ อนแจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนของหน่วย 1. ผเู้ รยี นทำความเข้าใจเกี่ยวกบั จดุ ประสงคก์ าร เรียนท่ี 2 และขอให้ผู้เรียนรว่ มกนั ทำกจิ กรรมการเรียน เรยี นของหนว่ ยเรยี นท่ี 2 และการใหค้ วามร่วมมอื ในการ การสอน ทำกิจกรรม 2. ผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นแสดงความรู้ โดยตัง้ คำถาม 2. ผ้เู รียนแสดงความรู้ว่าพ้นื ฐานระบบเครือขา่ ย ว่าพนื้ ฐานระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์มีอะไรบ้าง คอมพวิ เตอร์มีอะไรบ้าง พรอ้ มให้เหตผุ ลประกอบ พร้อมให้เหตุผลประกอบ 2. ข้ันใหค้ วามรู้ (60 นาท)ี 2. ขน้ั ให้ความรู้ (60 นาท)ี 7. ผสู้ อนทดสอบความรู้ความเข้าใจเก่ยี วกบั 6. ผูเ้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน อุปกรณ์ระบบเครือข่าย โดยให้ผูเ้ รียนทำแบบทดสอบ 7. ผู้เรียนตอบคำถามจากผู้สอน เพือ่ แสดงความรู้ กอ่ นเรียน และความเขา้ ใจก่อนการเรยี น เรื่องอปุ กรณร์ ะบบ เครอื ข่าย ผเู้ รียนศกึ ษาบทเรียนวิชาเครอื ข่าย 8. ผสู้ อนอธิบายเนอื้ หาเก่ยี วกับบทเรยี นวิชา คอมพวิ เตอร์เบอ้ื งตน้ หน่วยท่ี 2 เร่อื งอุปกรณ์ระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอรเ์ บื้องต้น หนว่ ยท่ี 2 เร่อื ง เครอื ขา่ ย และศึกษาเอกสารประกอบการสอน หนว่ ยท่ี อปุ กรณร์ ะบบเครือขา่ ย และให้ผู้เรยี นศึกษาเอกสาร 2 ประกอบการสอน หนว่ ยท่ี 2 8. ผ้เู รยี นอธิบายและยกตัวอย่างถงึ อปุ กรณ์ระบบ 9. ผูส้ อนและผเู้ รยี นร่วมกันอธิบายพรอ้ ม เครือข่ายไดศ้ ึกษาจากบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน ยกตัวอยา่ งถึงอปุ กรณร์ ะบบเครอื ข่ายตามท่ีได้ศกึ ษา จากบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 3. ขั้นประยุกต์ใช้ (60 นาที) 3. ข้ันประยุกต์ใช้ (60 นาที) 4. ผู้สอนให้ผู้เรียนทำแบบฝกึ หดั ท้ายบทท่ี 2 4. ผ้เู รียนทำแบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี 2 4. ขัน้ สรุปและประเมินผล (40 นาท)ี 4. ขน้ั สรุปและประเมินผล (40 นาที) 1. ผสู้ อนและผู้เรยี นร่วมกันสรปุ เน้ือหาทไ่ี ด้เรียน 1. ผสู้ อนและผู้เรยี นรว่ มกนั สรปุ เน้ือหาทีไ่ ดเ้ รยี น เพอื่ ใหม้ คี วามเข้าใจในทิศทางเดียวกนั ใหม้ ีความเข้าใจในทิศทางเดียวกนั 2. ผู้เรยี นศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรยี น ดว้ ย 2. ผูส้ อนให้ผเู้ รียนศึกษาเพิม่ เติมนอกหอ้ งเรยี น บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนทจ่ี ัดทำข้ึน ดว้ ยบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนท่ีจัดทำขน้ึ (บรรลจุ ุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-7) (บรรลจุ ดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-7) (รวม 180 นาที หรอื 4 ชั่วโมงเรียน) 1. ขัน้ นำเข้าสู่บทเรียน (20 นาท)ี
1. ขนั้ นำเข้าสูบ่ ทเรยี น (20 นาที) 1. ผเู้ รยี นทำความเข้าใจเกีย่ วกับจุดประสงค์การ 1. ผ้สู อนแจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นของหน่วย เรียนของหนว่ ยเรยี นที่ 2 และการให้ความร่วมมือในการ เรยี นที่ 2 และขอให้ผูเ้ รียนร่วมกันทำกิจกรรมการเรียน ทำกจิ กรรม การสอน 2. ผเู้ รียนแสดงความรู้ว่าอปุ กรณ์ระบบเครือขา่ ย 2. ผ้สู อนใหผ้ เู้ รยี นแสดงความรู้ โดยตั้งคำถาม มอี ะไรบา้ ง พร้อมใหเ้ หตุผลประกอบ ว่าอุปกรณร์ ะบบเครือขา่ ยมอี ะไรบา้ ง พร้อมให้เหตผุ ล ประกอบ 2. ข้นั ใหค้ วามรู้ (60 นาที) 2. ขัน้ ใหค้ วามรู้ (60 นาที) 3. ผเู้ รยี นตอบคำถามจากผ้สู อน เพือ่ แสดงความรู้ 3. ผูส้ อนอธิบายเนอื้ หาเกีย่ วกับบทเรียนวิชา และความเขา้ ใจกอ่ นการเรยี น เรอ่ื งอปุ กรณ์ระบบ เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์เบ้อื งต้น หนว่ ยที่ 2 เร่ือง เครือขา่ ย ผู้เรียนศึกษาบทเรยี นวชิ าเครอื ข่าย อปุ กรณร์ ะบบเครอื ข่าย และให้ผู้เรยี นศกึ ษาเอกสาร คอมพวิ เตอรเ์ บื้องตน้ หน่วยที่ 2 เร่ืองอุปกรณ์ระบบ ประกอบการสอน หนว่ ยที่ 2 เครือขา่ ย และศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน หน่วยท่ี 4. ผูส้ อนและผเู้ รียนรว่ มกนั อธิบายพรอ้ ม 2 ยกตัวอยา่ งถึงอุปกรณ์ระบบเครอื ข่ายตามทไ่ี ด้ศึกษา 4. ผู้เรยี นอธิบายและยกตัวอย่างถึงอุปกรณร์ ะบบ จากบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน เครือข่ายได้ศึกษาจากบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน 3. ข้ันประยกุ ตใ์ ช้ (60 นาท)ี 3. ขนั้ ประยุกต์ใช้ (60 นาท)ี 2. ผู้เรยี นทำใบงานท่ี 2 2. ผู้สอนใหผ้ เู้ รียนทำใบงานที่ 2 4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล (40 นาที) 4. ขั้นสรปุ และประเมินผล (40 นาที) 1. ผูเ้ รยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน 1. ใหผ้ เู้ รยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน 2. ผสู้ อนและผู้เรียนรว่ มกันสรปุ เนือ้ หาท่ไี ด้เรียน 2. ผสู้ อนและผู้เรียนร่วมกันสรปุ เนื้อหาทไี่ ดเ้ รียน เพ่อื ให้มีความเข้าใจในทศิ ทางเดียวกนั ให้มคี วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกัน 3. ผเู้ รยี นศกึ ษาเพิ่มเตมิ นอกห้องเรียน ดว้ ย 3. ผสู้ อนใหผ้ ู้เรยี นศกึ ษาเพ่ิมเตมิ นอกห้องเรียน บทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนที่จัดทำขึ้น ด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนท่ีจัดทำขน้ึ (บรรลุจุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมขอ้ ที่ 8-14) (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 8-14) (รวม 180 นาที หรอื 4 ชวั่ โมงเรยี น) 8. สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ 8.1 สอื่ สิง่ พิมพ์
1. เอกสารประกอบการสอนวิชาเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์เบื้องตน้ (ใชป้ ระกอบการเรยี นการ สอนจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 1-14) 2. ใบความร้แู ละใบงาน 8.2 สอ่ื โสตทศั น์ 1. บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน เรอื่ งพน้ื ฐานระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ 2. สอ่ื ของจริง 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 เครอื่ งมอื ประเมนิ 9.1.1 แบบทดสอบกอ่ นเรยี นบทท่ี 2 9.1.2 แบบฝึกหัดท้ายใบความรทู้ ี่ 2 9.1.3 แบบประเมนิ การบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลักษณะอันพึง ประสงคใ์ นการเรยี นการสอนของวทิ ยาลัยเทคนคิ อา่ งทอง ตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี ง 9.1.4 แบบประเมินการพัฒนาผู้เข้ารับการฝึกอบรมด้านสุขภาพ ร่างกาย สติปัญญา อารมณแ์ ละสังคมในการเรียนการสอนของวิทยาลัยเทคนคิ อ่างทอง 9.2 วธิ ีการประเมิน 9.2.1 ผเู้ ข้ารับการฝกึ อบรมทำแบบทดสอบก่อนเรยี นบทที่ 2 9.2.2 ผเู้ ขา้ รับการฝกึ อบรมทำแบบฝึกหดั ท้ายใบความรทู้ ่ี 2 9.2.3 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อประเมินการบูรณา การคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการเรียนการสอนวิทยาลัยการ อาชีพชนแดน ตามหลักแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพยี ง 9.2.4 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อการพัฒนาผู้เข้ารับ การฝกึ อบรมด้านสุขภาพ รา่ งกาย สติปัญญา อารมณ์และสงั คม ในการเรียนการสอนของวทิ ยาลัยการ อาชพี ชนแดน 9.3 เกณฑก์ ารประเมิน 9.3.1 แบบทดสอบก่อนเรียน บทท่ี 2 เก็บผลคะแนนเปรยี บเทยี บกับแบบทดสอบหลัง เรยี น 9.3.2 แบบฝกึ หดั ทา้ ยใบความรทู้ ี่ 2 ผ้ผู า่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตอ้ งทำได้ รอ้ ยละ 60 ขึ้น ไป 9.3.3 แบบประเมนิ การบรู ณาการคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ในการเรียนการสอนวิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง ตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ถือเกณฑ์ ผ่านรอ้ ยละ 60 ข้ึนไป จากคะแนนรวม 20 คะแนนตลอดหลกั สตู ร 9.3.4 แบบประเมนิ การพฒั นาผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมด้านสขุ ภาพ รา่ งกาย สติปัญญา
อารมณ์และสังคม ในการเรียนการสอนของวิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง ร้อยละ 50 ขึ้นไป จากคะแนน รวม 10 คะแนนตลอดหลกั สตู ร
แผนการจดั การเรยี นรู้ วิชา เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบ้ืองต้น รหัสวชิ า 20204-2005 สอนครง้ั ที่ 4-6 บทท่ี 3 ช่ือบท ประเภทของเครอื ข่าย ช่วั โมงรวม 9 ชัว่ โมง ชอื่ เรือ่ ง ประเภทของเครือข่าย เวลา 9 ช่ัวโมง 1. สาระสำคญั การเชอื่ มต่อคอมพวิ เตอร์เปน็ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เปน็ การเช่อื มต่อคอมพวิ เตอร์ หลายเคร่อื งเข้าดว้ ยกันโดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื ใช้งานอุปกรณ์ ซอฟท์แวร์และข้อมูลร่วมกนั ตลอดจน สามารถทำงานรว่ มกันได้ในเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ เป็นการเพ่ิมความสามารถของระบบให้สูงขึน้ และ ลดต้นทุนของระบบโดยรวมลง ซ่ึงการเชือ่ มตอ่ ของระบบเครือข่ายยังรวมไปถงึ การเช่ือมต่ออปุ กรณ์ รอบข้าง มกี ารใชเ้ ครอื่ งบรกิ ารแฟม้ ข้อมูลเป็นทีเ่ ก็บรวบรวมแฟ้มขอ้ มลู มกี ารทำฐานข้อมลู กลาง มี หน่วยบรกิ ารใชเ้ ครือ่ งพิมพ์ และอุปกรณป์ ระกอบสำหรบั ทำงานเฉพาะอยา่ งใดอย่างหน่งึ 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ • จุดประสงคท์ ่วั ไป / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1.เพ่อื ใหม้ ีความรพู้ ืน้ ฐานเก่ยี วประเภทของเครือขา่ ย และมีทศั นคติที่ดี (ดา้ นความร้)ู 2.เพื่อใหม้ เี จตคติทีด่ ีต่อการเตรียมความพร้อมด้าน วสั ดุ อุปกรณ์ และการปฏิบัติงาน อยา่ งถกู ตอ้ ง สำเร็จภายในเวลาท่ีกำหนด มเี หตแุ ละผลตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม) •จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม / บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1.บอกความหมายเครือข่ายแลน ได้ (ด้านความรู)้ 2.บอกถงึ องค์ประกอบเครือข่ายแลน ได้ (ดา้ นความรู้) 3.บอกประเภทของเครือข่ายแลน ได้ (ด้านความรู้) 4.บอกถงึ มาตรฐานเครอื ข่ายแลน ได้ (ดา้ นความรู้) 5.บอกความหมายและรูปแบบการเช่ือมต่อ Ethernet ได้ (ดา้ นความรู้) 6.อธบิ ายวธิ กี ารเข้าใช้ตัวกลางของ Ethernet ได้ (ดา้ นความรู้) 7.บอกถงึ ประเภทมาตรฐานการเช่อื มตอ่ Ethernet ได้ (ดา้ นความรู้) 8.บอกความหมายของ Fast Ethernet ได้ (ด้านความร้)ู 9.บอกความหมายของ Gigabit Ethernet ได้ (ดา้ นความรู้) 10.บอกความหมายของเครอื ข่ายแลนไร้สาย ได้ (ด้านความร้)ู 11.บอกถงึ วิธีการจัดการระบบความปลอดภัยบนเครือขา่ ยไร้สายได้ 12.บอกถงึ มาตรฐานเครือขา่ ยแลนไรส้ าย ได้ (ดา้ นความร้)ู 13.บอกถงึ อุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการติดตอ่ เครือข่ายไรส้ าย ได้ (ดา้ นความร)ู้
14.บอกการประยกุ ต์ใชง้ านเครอื ข่ายแลน ได้ (ด้านความร)ู้ 15.บอกถึงลักษณะเครอื ขา่ ยโทเคน็ บสั ได้ (ดา้ นความร)ู้ 16.บอกถึงลักษณะเครอื ขา่ ยโทเค็นรงิ ได้ (ด้านความรู้) 17.บอกถึงลักษณะเครือข่าย FDDI ได้ (ด้านความรู้) 18.บอกถงึ ลักษณะเครือข่าย ATM ได้ (ด้านความรู)้ 19.อธิบายลักษณะการเชือ่ มตอ่ เครือข่ายเสมือน ได้ (ดา้ นความร้)ู 20.บอกความหมายเครอื ขา่ ยแวน ได้ (ดา้ นความร)ู้ 21.บอกความหมาย Leased Lines ได้ (ดา้ นความรู)้ 22.บอกความหมาย ISDN ได้ (ด้านความรู)้ 23.บอกความหมาย DSL ได้ (ดา้ นความร)ู้ 24.บอกความหมาย Frame Relay ได้ (ดา้ นความรู)้ 25.บอกความหมาย ATM ได้ (ด้านความรู)้ 26.บอกความหมาย IPSTAR ได้ (ด้านความร)ู้ 27.บอกความหมายของระบบดาวเทยี มได้ (ดา้ นความรู้) 28.บอกความหมายเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ ได้ (ด้านความร)ู้ 29.บอกความหมาย VPN ได้ (ด้านความรู)้ 30.บอกความหมาย Intranet and Extranet ได้ (ดา้ นความรู้) 31. การเตรียมความพรอ้ มดา้ นการเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ผเู้ รยี นจะตอ้ งกระจายงานได้ ทั่วถงึ และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มกี ารจดั เตรยี มสถานท่ี สอ่ื วัสดุ อุปกรณ์ ไวอ้ ย่างพรอ้ มเพรยี ง (ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง) 32. ความมีเหตุมผี ลในการปฏิบัตงิ าน ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผู้เรียน จะต้องมีการใช้หลักการเรยี นรู้และเวลาที่เหมาะสมกบั การเรียนรู้ (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/ บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง) 3. สาระการเรียนรู้ • ด้านความรู้ (ทฤษฎี) การเชอ่ื มตอ่ คอมพวิ เตอรเ์ ป็นเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ มีจุดประสงคเ์ พ่อื เพิ่มความสามารถของ ระบบคอมพิวเตอรใ์ ห้สงู ขึน้ และลดต้นทุนของระบบคอมพิวเตอรโ์ ดยรวมลง ซ่งึ การโอนย้ายข้อมลู ระหวา่ งเครอ่ื งคอมพิวเตอรใ์ นเครอื ข่ายจะทำใหร้ ะบบมีความสามารถเพิ่มมากขน้ึ มกี ารแบ่งการใช้ ทรพั ยากร เช่น หนว่ ยประมวลผล หนว่ ยความจำ หน่วยจดั เก็บข้อมูล โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และ อุปกรณต์ ่าง ๆ ทมี่ รี าคาแพงและไม่สามารถจัดหามาให้ทุกคนได้ ทำให้ลดต้นทนุ ของระบบคอมพวิ เตอร์ ลงได้ 1. เครือข่ายแลน (LAN)
ปจั จบุ นั องคก์ รต่าง ๆ มีการใชร้ ะบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกจิ เพือ่ ติดต่อสื่อสารและแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสารร่วมกนั ทำให้สามารถลดต้นทนุ ทางด้านฮารด์ แวร์และ ซอฟต์แวร์ อกี ทัง้ ยงั ช่วยเพมิ่ ความสามารถของระบบให้สูงขน้ึ ทำให้เกิดการทำงานร่วมกนั เปน็ กลุ่ม สามารถทำงานพร้อมกัน ใช้ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ รว่ มกนั ทำใหอ้ งคก์ ารไดร้ ับประโยชน์มากขน้ึ สามารถใช้ อุปกรณ์ไดค้ ้มุ คา่ ยง่ิ ข้นึ เครือข่ายแลนสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ภายในองคก์ ารต่าง ๆ ท้งั ภาครัฐและ เอกชน ไมว่ า่ จะเป็นด้านธรุ กจิ ดา้ นอตุ สาหกรรม ดา้ นการศึกษา ด้านสาธารณสุข และดา้ นการเงิน 1.1 ความหมายของเครือข่ายแลน (จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมข้อท่ี 1) เครือขา่ ยแลน (LAN) มาจากคำวา่ Local Area Network หมายถงึ ระบบเครอื ข่ายทมี่ ีการ เชอ่ื มโยงกนั ระหวา่ งเคร่ืองคอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณ์ ในลักษณะเปน็ กลุ่มขนาดเลก็ โดยมกี ารติดตง้ั และ ใชง้ านในบริเวณใกล้เคยี งกัน เช่น ภายในแผนกเดียวกัน ภายในสำนักงานเดียวกัน ภายในอาคาร เดยี วกนั หรือระหวา่ งอาคารทีอ่ ยู่ห่างไกลกนั ไม่มาก เช่น เครือข่ายภายในสถานศกึ ษา เป็นตน้ โดยมี วตั ถุประสงค์เพื่อให้บริการแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสารระหวา่ งกันและใชท้ รัพยากรรว่ มกนั เครือขา่ ยแลน ถูกจำกดั ด้วยขนาดและระยะทางที่สามารถใชอ้ ปุ กรณ์ทวนสญั ญาณได้ไมเ่ กนิ 4 ตัว ทำให้มีความยาว ของการเชือ่ มต่อทั้งหมดไม่เกนิ 925 เมตร ดงั นนั้ หากต้องการเช่ือมต่อเครือข่ายในระยะทางทไี่ กลกวา่ นี้ จึงไมส่ ามารถใชเ้ ทคโนโลยเี ครือขา่ ยแลนได้ เครือข่ายแลนเป็นการสือ่ สารขอ้ มูลที่มกี ารเชื่อมโยงเคร่อื งคอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณต์ า่ งๆ เขา้ ด้วยกนั เพอื่ แลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วสารและใช้ทรัพยากรบนเครอื ขา่ ยร่วมกันในบริเวณใกลเ้ คยี ง โดยมี ฮารด์ แวรแ์ ละซอฟตแ์ วรเ์ ป็นองค์ประกอบหลกั ทสี่ ำคญั ทถี่ กู กำหนดมาตรฐานโดยหน่วยงาน IEEE ภายใตโ้ ครงการ 802 ซ่งึ IEEE ได้แบง่ การทำงานของชน้ั เชอื่ มโยง (Data Link Layer) ออกเปน็ 2 ชั้น ย่อยคอื ชนั้ LLC(Logical Link Control) ทำหนา้ ทป่ี รับเฟรมข้อมลู ใหส้ ามารถรบั สง่ ผา่ นตวั กลางได้ และชน้ั MAC(Medium Access Control) ทำหน้าท่คี วบคุมการเข้าใช้ตวั กลางเพอ่ื ไม่ให้เกิดการชน กันของขอ้ มูล และตรวจสอบความผิดพลาดของเฟรมขอ้ มลู ในระหวา่ งการรับสง่ ข้อมูล 1.2 องคป์ ระกอบของเครอื ข่ายแลน (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 2) การเชอ่ื มตอ่ เครอื ข่ายแลน ประกอบดว้ ยองค์ประกอบท่ีสำคญั 2 สว่ น คือ 1.2.1 ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เป็นสว่ นประกอบของเครอื ข่ายที่สามารถมองเหน็ ได้ หรอื จบั ต้องได้ ประกอบดว้ ย 1) อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์ทนี่ ำมาใช้เชื่อมตอ่ เครือข่ายแลน เช่น เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ หรือเคร่อื งพมิ พ์ โดยเรยี กอุปกรณค์ อมพวิ เตอรเ์ หลา่ น้วี ่าสถานี (Station) หรอื โหนด (Node) โดยสถานีที่เชอ่ื มตอ่ เข้ากบั ระบบเครือข่ายแลนเพ่ือใชใ้ นการปฏิบัติงานตอ้ งมีการ์ด เครือขา่ ยติดตัง้ อยู่ภายในของแต่ละสถานดี ว้ ย การ์ดแลน เป็นอุปกรณท์ ่ีทำหน้าทีเ่ ชือ่ มตอ่ เครอื่ งคอมพิวเตอร์เข้ากับเครอื ข่ายที่เรยี กวา่ NIC(Network Interface Card) ทำหน้าท่ีแปลงข้อมลู ใหเ้ ปน็ สัญญาณทสี่ ามารถสง่ ผา่ นไปยงั ตวั กลาง ได้ ปัจจุบันการด์ เครอื ขา่ ยถกู ออกแบบสำหรบั ใชก้ ับเครอื ขา่ ยแลนประเภทตา่ ง ๆ จากภาพท่ี 3.2 แสดง ตวั อยา่ งการด์ แลนทใ่ี ช้กับสายคู่ตีเกลียว การด์ แลนบางชนิดมีความเร็วในการสง่ ผ่านข้อมูลในหนง่ึ
วนิ าทีเพียงคา่ เดียว การ์ดแลนบางชนดิ มีความเร็วในการส่งผ่านข้อมลู ในหนึ่งวินาทหี ลายระดับ เช่น การด์ แลนแบบ10/100 หมายความวา่ การ์ดแลนนี้ใช้ไดก้ บั เครือข่ายทมี่ คี วามเร็วในการสง่ ผ่านขอ้ มูล10 Mbps และ100 Mbps ซ่ึงการเลอื กการ์ดแลนทม่ี ีอตั ราความเรว็ เท่าไรนนั้ ข้ึนอยูก่ บั ฮับหรือสวิตซ์ท่ี สถานีนั้นเชือ่ มต่ออยู่ 2) ตัวกลางสื่อสารข้อมูล เปน็ อุปกรณท์ ีน่ ำมาใช้ในการเช่อื มต่อระหวา่ ง อปุ กรณเ์ ครือขา่ ยหรอื สถานี เพอื่ ใชเ้ ปน็ ตัวกลางในการรบั สง่ ขอ้ มลู ระหวา่ งสถานผี ู้รบั และผู้ส่ง ซ่งึ ตัวกลางในการสอื่ สารขอ้ มูลน้ีเป็นได้ท้ังแบบใชส้ ายเช่นสายคู่ตีเกลยี วหรือสายใยแกว้ นำแสง และแบบ ไร้สายไดแ้ ก่อากาศหรือสญุ ญากาศ เปน็ ต้น 3) อปุ กรณ์เชอ่ื มตอ่ เครือข่าย เปน็ อุปกรณ์ท่ีใชเ้ ช่ือมตอ่ ตวั กลางในการ สื่อสารข้อมูลเขา้ กับสถานี รวมทงั้ ใช้ในการเชอ่ื มต่อระหว่างกลุ่มเครือข่าย เช่น รพี ีทเตอร์ (Repeater) บรดิ จ์ (Bridge) ฮับ (Hub) สวติ ช์ (Switch) เราท์เตอร์ (Router) เกตเวย์ (Gateway) และมัลตเิ พล็ก เซอร์ (Multiplexer) เป็นตน้ 1.2.2 ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึงชดุ โปรแกรมทท่ี ำหนา้ ทค่ี วบคมุ การทำงาน ของเครือ่ งคอมพิวเตอร์และอปุ กรณท์ ่ีเชื่อมตอ่ อยู่บนระบบเครอื ข่าย ที่ช่วยใหผ้ ู้ใช้สามารถทำงานกับ อุปกรณค์ อมพิวเตอรใ์ นระบบเครือขา่ ยได้อยา่ งราบรื่น แบง่ ออก 3 ชนดิ ดงั น้ี 1) ซอฟตแ์ วร์ระบบปฏิบตั ิการเครือข่าย (Network Operating System Software) คือ ชุดโปรแกรมท่ที ำให้เครื่องคอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณ์ ในเครือขา่ ยสามารถส่ือสารขอ้ มลู ระหว่างกัน ผา่ นเครือขา่ ยแลนเดียวกันได้ โดยซอฟตแ์ วรร์ ะบบปฏบิ ตั ิการเครือขา่ ยนี้จะถกู ติดต้ังใน สถานีทีเ่ ปน็ เครื่องแมข่ า่ ย เพอ่ื ทำหนา้ ท่บี รหิ ารทรพั ยากรบนเครอื ขา่ ยแลนใหก้ บั สถานีที่เคร่ืองลกู ข่าย เชน่ Novell Netware, Windows 2000, UNIX, Linux เป็นต้น 2) ซอฟต์แวรร์ ะบบปฏิบัตกิ าร (Operating System software) คือ ชดุ โปรแกรมทีต่ ิดต้งั ในสถานีท่ีเปน็ เครอ่ื งลูกขา่ ย เพอ่ื ควบคุมการทำงานของเครอื่ ง เช่น Windows XP, Windows 7, Windows 8 และLinux เป็นต้น 3) ซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ (Application software) คือ ชุดโปรแกรมที่อำนวย ความสะดวกในการบริการการสื่อสารข้อมูลในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e- Mail) ระบบบรกิ ารฐานข้อมูล และระบบงานบญั ชี เป็นตน้ 1.3 ประเภทของเครือขา่ ยแลน (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมขอ้ ที่ 3) เครือข่ายแลนสามารถแบ่งตามการใชง้ านได้ 2 ประเภท คอื เครือขา่ ยแลนแบบไคลเอนต์ เซริ ์ฟเวอร์ (Client/Server) และเครอื ขา่ ยแลนแบบเพยี รท์ เู พียร์ (peer-to-peer) โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้ 1) เครือข่ายแลนแบบไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์ (Client/Server) เป็นเครอื ข่ายแลนที่ กำหนดให้หนง่ึ สถานหี รอื มากกว่าทำหนา้ ทเี่ ปน็ ผู้ให้บริการหรือเซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือเครือ่ งแม่ข่าย สว่ นสถานีอนื่ เป็นผใู้ ช้บรกิ ารหรอื ไคลเอนต์ (Client) หรือเครือ่ งลกู ขา่ ย โดยเคร่อื งแม่ข่ายทำหน้าท่ี
ให้บรกิ ารกบั เครื่องลกู ขา่ ย โดยปกติเครือขา่ ยแลนจะมเี ครือ่ งแม่ข่ายเพยี งหนง่ึ สถานี แต่ถ้ามีผใู้ ช้บริการ เปน็ จำนวนมาก อาจมีเครอ่ื งแม่ขา่ ยมากกวา่ หนงึ่ สถานไี ด้ กรณีทเ่ี ครือขา่ ยแลนท่มี ีเครื่องแม่ข่ายสถานเี ดียว เคร่อื งแม่ขา่ ยจะให้บรกิ ารตา่ ง ๆ แก่เครอ่ื ง ลูกข่ายทกุ เครื่องท่ีมกี ารรอ้ งขอบริการ File Server Client Mail Server Switch Client Server Print Server Client Client ภาพแสดงลักษณะเครือข่ายแลนแบบไคลเอนต์เซิรฟ์ เวอรแ์ บบเซริ ์ฟเวอร์เดยี ว สำหรับเครือขา่ ยอาจทม่ี ีเคร่อื งแมข่ า่ ยมากกวา่ หนึ่งสถานี โดยเครือ่ งแมข่ ่ายแตล่ ะสถานี รับผิดชอบงานในแต่ละด้าน เช่น Mail Server ทำหนา้ ทรี่ ับอเี มลม์ าจากเครื่องลูกขา่ ยและต้องทำงาน อยตู่ ลอดเวลา สว่ น File Server เป็นเครอ่ื งแมข่ า่ ยทีอ่ นญุ าตให้ผูใ้ ช้สามารถใช้แฟ้มข้อมลู ทีจ่ ดั เก็บอยู่ ในเคร่ืองแม่ข่ายได้ สว่ น Print Server เป็นเครอื่ งแมข่ ่ายทท่ี ำหนา้ ท่ีบริการการพิมพ์แกผ่ ู้ใช้ โดยช่วยให้ ผใู้ ช้สามารถใชเ้ คร่อื งพิมพ์รว่ มกันได้ File Server Client Switch Switch Client Mail Server Client Client Print Server ภาพท่ี 3.4 แสดงลักษณะเครือข่ายแลนแบบไคลเอนต์เซิรฟ์ เวอร์แบบหลายเซิรฟ์ เวอร์ 2) เครือขา่ ยแลนแบบเพียร์ทูเพียร์ (peer-to-peer) เปน็ เครอื ขา่ ยที่ทกุ สถานที ำ หนา้ ที่เปน็ ท้ังเครือ่ งแมข่ า่ ยและเครอ่ื งลูกข่าย ถ้าสถานีหนึ่งมกี ารขอใช้บริการสถานีนนั้ จะเปน็ เครือ่ งลูก ขา่ ย ส่วนสถานที ่ีถกู ร้องขอให้บริการจะเป็นเครอ่ื งแมข่ ่าย ดังน้ันแต่ละสถานีจะผลดั กนั เปน็ ท้ังเครอ่ื งแม่ ข่ายและเครอ่ื งลกู ข่าย
Client Client Switch Client Printer Client Client Client ภาพท่ี 3.5 แสดงลักษณะเครอื ข่ายแลนแบบไคลเอนต์เซริ ฟ์ เวอร์แบบหลายเซริ ์ฟเวอร์ ระบบเครอื ขา่ ยแลนแบบไคลเอนต์เซิรฟ์ เวอร์ เป็นระบบเครอื ขา่ ยท่มี ีประสิทธภิ าพดกี ว่า เครือขา่ ยแลนแบบเพียรท์ เู พยี ร์ เพราะเป็นระบบที่ดแู ลรกั ษางา่ ย สะดวกและมีความปลอดภยั สูง เนอ่ื งจากสามารถจัดการดา้ นการรักษาความปลอดภยั โดยใชเ้ ครอื่ งแม่ข่ายเพยี งเครอื่ งเดยี ว อีกทัง้ ยัง สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าใช้ทรพั ยากรตา่ งๆ ให้กับเครอื่ งลูกขา่ ยได้ โดยทว่ั ไปเครอื ขา่ ยแลนดแ์ บบ ไคลเอนตเ์ ซิร์ฟเวอรน์ ิยมใชก้ ับเครือข่ายท่ีมีจำนวนผู้ใช้มาก สว่ นเครือข่ายแลนด์แบบเพยี รท์ ูเพยี ร์เป็น เครอื ข่ายท่ีตดิ ตงั้ งา่ ย มกั นำมาใชเ้ ป็นเครือข่ายสำหรบั กล่มุ ผู้ใช้ขนาดเลก็ ทีต่ อ้ งการใช้ทรัพยากร บางอย่างร่วมกัน ทำให้ชว่ ยประหยดั ค่าใชจ้ ่าย 1.4 มาตรฐานเครอื ข่ายแลน (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมขอ้ ท่ี 4) การเชือ่ มตอ่ คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ เครือขา่ ยแลนมจี ุดมุ่งหมายเพอื่ ใหค้ อมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณ์ สามารถสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้ และถ้ามีอุปกรณค์ อมพวิ เตอร์ท่ีเชอื่ มต่อมจี ำนวนมากกจ็ ะทำให้เกดิ ความย่งุ ยากมากข้นึ ผ้พู ฒั นาจึงต้องหาวธิ ีการและเทคนคิ ในการเชือ่ มตอ่ เครือขา่ ยที่ทำให้การเช่ือมต่อ เครือขา่ ยงา่ ยขนึ้ โดยมีการกำหนดเทคโนโลยีท่ใี ช้ในการรับส่งขอ้ มูลภายในเครือขา่ ยแลนออกมาหลาย มาตรฐาน แต่ละมาตรฐานมขี อ้ กำหนดเฉพาะท่จี ะบ่งบอกลักษณะรปู แบบของข้อมลู คุณสมบัติทางการ เช่ือมตอ่ ตา่ งๆ ซง่ึ ข้อกำหนดเหลา่ น้ีผู้ผลิตและผพู้ ัฒนาจะตอ้ งสร้างใหส้ ามารถใชง้ านร่วมกนั สอ่ื สาร ระหว่างกนั ได้ หนว่ ยงาน IEEE ไดจ้ ัดตัง้ โครงการเพ่อื กำหนดมาตรฐานกลางทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับเครอื ขา่ ย แลน ชอ่ื วา่ โครงการ 802 มวี ัตถุประสงค์เพ่ือกำหนดมาตรฐานอปุ กรณท์ ี่ใช้ในระบบเครือข่ายใหเ้ ปน็ มาตรฐานเดยี วกนั เนอื่ งจากอปุ กรณเ์ ครือข่ายถกู ผลิตจากโรงงานผผู้ ลิตที่แตกต่างกัน นอกจากนนั้ โครงการ 802 ยังประกอบด้วยโครงการยอ่ ย เพือ่ ใชก้ ำหนดมาตรฐานเครอื ข่ายแลนแต่ละประเภทดังนี้ - IEEE 802.3 มาตรฐานเครือข่ายแลนแบบ Ethernet ที่ใช้การส่ือสารข้อมูลแบบ CSMA/CD - IEEE 802.4 มาตรฐานเครือข่ายแลนแบบ Token bus - IEEE 802.5 มาตรฐานเครอื ข่ายแลนแบบ Token ring - IEEE 802.6 มาตรฐานเครอื ข่าย MAN (Metropolitan Area Network) - IEEE 802.9 มาตรฐานเครอื ข่ายแลนแบบ Integrated Services (ส่งข้อมลู ท้งั ภาพและ เสียง) - IEEE 802.11 มาตรฐานเครอื ข่ายแลนแบบไร้สาย
- IEEE 802.12 มาตรฐานเครอื ข่ายแลนแบบ 100VG-AnyLAN (ความเรว็ สงู สดุ 100 Mbps ใช้สายตีเกลียวค่)ู 1.4.1 อีเธอรเ์ น็ต (Ethernet) (จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมข้อที่ 5) อเี ธอรเ์ น็ต (Ethernet) เปน็ เทคโนโลยีเครอื ข่ายแลนท่มี อี ัตราความเร็วในการรับสง่ ขอ้ มลู สงู สุด 10 Mbps ใชโ้ ปรโตคอล CSMA/CD ในการเข้าถงึ ตวั กลาง เป็นเครอื ข่ายแลนทีม่ อี ัตรา ความเรว็ ในการรบั ส่งขอ้ มลู สงู 1.4.1.1 รูปแบบการเชื่อมต่ออีเธอร์เน็ต อเี ธอร์เน็ต (Ethernet) เปน็ เทคโนโลยเี ครอื ข่ายแลนที่ใช้สำหรบั รบั ส่งขอ้ มูล ระหว่างเคร่อื งคอมพิวเตอร์ ถกู พฒั นาใหม้ คี ุณภาพมากข้นึ จนเป็นเทคโนโลยสี ่อื สารขอ้ มูลแบบแรกท่ีใช้ งานในเครือข่ายแลน ต่อมาหนว่ ยงาน IEEE ไดก้ ำหนดใหเ้ ปน็ มาตรฐานสากล และเรียกวา่ IEEE 802.3 มคี วามเร็วในการรบั สง่ ข้อมูลสูงสุด 10 Mbps ไดร้ บั การพัฒนาและปรบั ปรงุ อยา่ งต่อเนอื่ งเพอ่ื เพิ่ม ความเรว็ ในการสง่ ข้อมูลให้สูงข้นึ เปน็ อเี ธอร์เนต็ ความเรว็ สูง ได้แกฟ่ าสตอ์ ีเธอรเ์ นต็ (Fast Ethernet) มี ความเรว็ ในการรบั ส่งข้อมลู สูงสุด 100 Mbps กกิ ะบิตอีเธอรเ์ นต็ (Gigabit Ethernet) มีความเรว็ ใน การรับสง่ ข้อมูลสูงสดุ 1,000 Mbps และเทน็ กิกะบติ อีเธอร์เน็ต (10 Gigabit Ethernet) มีความเรว็ ใน การรบั ส่งข้อมลู 10 Gbps 1.4.1.2 วิธีการเข้าใช้ตัวกลางของอีเธอร์เน็ต (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมข้อที่ 6) การเช่อื มตอ่ เครือข่ายแลนจะตอ้ งใช้ตัวกลางการสื่อสารรว่ มกนั ดังน้ันจึง ต้องมวี ธิ กี ารควบคุมเพอ่ื ใหอ้ ปุ กรณค์ อมพิวเตอร์ทุกตวั สามารถเข้าใชต้ ัวกลางได้ ด้วยการใชโ้ ปรโตคอล CSMA/CD (Carrier Sense Multiple Access with Collision Detection) ซึง่ มีข้ันตอนการทำงาน ดงั น้ี 1) การตรวจจบั สัญญาณ (Carrier Sense) สถานใี ดทตี่ ้องการสง่ ขอ้ มลู จะตอ้ งมีการตรวจจับ สญั ญาณภายในตวั กลางว่าในขณะน้ันว่างหรอื ไม่ ก่อนทีจ่ ะส่งข้อมลู ถ้าตรวจจบั สญั ญาณแล้วพบวา่ ว่าง จึงจะสามารถสง่ ขอ้ มูลได้ แต่ถ้าตรวจจับสัญญาณแล้วไม่ว่าง สถานีนั้นตอ้ งคอยตรวจสอบสญั ญาณใหม่ จนกว่าจะวา่ ง จึงจะสง่ ขอ้ มลู ได้ Terminator Data Data Data Data Data Data Data Terminator Station A Station B Station C ภาพแสดงสถานี A ตรวจจับสญั ญาณกอ่ นสง่ ขอ้ มลู จากภาพ สถานี A ตอ้ งการสง่ ข้อมูลก็ตอ้ งมีการตรวจสญั ญาณบนตัวกลางก่อนว่าในขณะนนั้ วา่ งหรือไม่ ถา้ ว่างสถานี A สามารถใช้ตัวกลางเพอื่ สง่ ขอ้ มลู ไดท้ ันที เฟรมขอ้ มูลทสี่ ง่ ออกไปจะวงิ่ ผ่านไป
ตามตวั กลางไปถึงสถานี B และสถานี C ทำใหท้ งั้ สองสถานีได้รบั ขอ้ มูลนี้ แต่จะมีเพียงสถานีปลายทาง ทแ่ี ทจ้ ริงสถานีเดยี วเทา่ นน้ั ท่ีสามารถนำขอ้ มูลนีไ้ ปใช้งานได้ สว่ นสถานีอน่ื ต้องปล่อยข้อมลู นีไ้ ป สถานีทกุ สถานใี นเครือข่ายแลนสามารถเข้าใช้ตวั กลางไดท้ ันทีหากในขณะน้นั วา่ ง โดยไม่มีการ ให้อภสิ ทิ ธ์กิ ับสถานีใด เพื่อใช้ตัวกลางส่งขอ้ มูลไดเ้ สมอ และเรียกวิธีการเขา้ ใชต้ วั กลางร่วมกันใน ลกั ษณะนี้วา่ CSMA (Carrier Sense Multiple Access) collision Terminator Data Data Data Data Data Data Data Terminator Station A Station B Station C ภาพที่ 3.7 แสดงการใช้ตัวกลางพร้อมกนั ทำให้เกิดการชนกนั จากภาพท่ี 3.7 สถานี A มกี ารตรวจจบั สัญญาณบนตวั กลางพบว่าตวั กลางวา่ ง สถานี A จึงส่ง เฟรมขอ้ มลู ออกไป และในขณะเดียวกันสถานี C มีการตรวจจบั สัญญาณบนตัวกลางในขณะน้ันพอดี และพบว่าตัวกลางวา่ งอยเู่ ช่นกัน ทำให้ช่วงเวลานน้ั เกดิ การสง่ ข้อมูลผา่ นตวั กลางพรอ้ มกัน จึงทำให้ ข้อมูลท่ีส่งออกมาจากสถานี A และสถานี C เกดิ การชนกัน และทำให้ข้อมูลท่ีเกิดการชนกันนนั้ ไม่ สามารถใช้งานไดอ้ ีกตอ่ ไป จงึ ต้องมกี ารตรวจสอบการชนกนั ของข้อมลู แลว้ สง่ ใหม่ 2) การตรวจสอบการชนกันของข้อมลู (Collision Detection) เม่อื เกิดการชนกันของขอ้ มูล ขึ้นบนตัวกลาง สถานที ่ีสง่ ข้อมลู ออกมาต้องหยดุ ดำเนนิ การทันทีและหยดุ รอชวั่ ขณะหนึ่ง จากน้ันแต่ละ สถานจี ะมีการสมุ่ เวลารอบใหม่เพอ่ื ส่งข้อมูล โดยใหม้ เี วลาท่ีแตกต่างกัน ถา้ สถานใี ดนบั เวลาถอยหลัง จนครบเวลาท่ีสุ่มได้ สถานีนนั้ จงึ ส่งข้อมูลได้ ดงั น้ันสถานแี ต่ละสถานจี ะส่งเฟรมพร้อมกันไมไ่ ด้ ทำใหไ้ ม่ เกิดการชนกันของเฟรมขอ้ มลู ชุดเดิม 1.4.1.3 ประเภทของมาตรฐานการเชื่อมต่ออีเธอร์เน็ต (จุดประสงค์เชิง พฤติกรรมขอ้ ท่ี 7) มาตรฐาน 802.3 ของหน่วยงาน IEEE ไดแ้ บง่ รูปแบบการเชื่อมต่อของอี เธอร์เน็ตออกเป็น 4 ประเภท ตามชนิดของตัวกลาง วธิ ีการเชือ่ มต่อทางกายภาพ และรูปแบบการส่ง ข้อมูลบนตัวกลาง คอื 10Base5, 10Base2, 10BaseT และ10Base-FL มรี ายละเอียดดงั น้ี 1.4.1.3.1 อีเธอร์เน็ตแบบ 10Base5 เปน็ รูปแบบการเช่ือมตอ่ แบบ ด้ังเดมิ ของอีเธอร์เนต็ ทมี่ อี ตั ราความเรว็ ในการสง่ ข้อมูลสงู สดุ 10 Mbps ใช้การส่งสัญญาณข้อมลู แบบ เบสแบนด์ ใช้สายโคแอก็ เซียลแบบหนาเป็นตัวกลางในการรับสง่ ข้อมูล โดยเรยี กการเชื่อมตอ่ แบบน้ี วา่ ธกิ คอ์ เี ธอร์เนต็ (Thick Ethernet) หรือธิกค์เน็ต (Thicknet) โดยใชโ้ ทโพโลยีการเชอ่ื มต่อแบบบัสที่ มีความยาวของสายโคแอก็ เซยี ลสูงสุดไม่เกิด 500 เมตรตอ่ เซ็กเมนต์ แต่ละสถานตี อ้ งมีระยะหา่ งกนั
2.5 เมตร และภายในหนงึ่ เซก็ เมนตส์ ามารถเชอ่ื มต่อกันได้ไมเ่ กิน 100 เคร่อื ง โดยสามารถขยายได้ สูงสดุ 50 เซก็ เมนต์ ภาพแสดงการเชือ่ มตอ่ เครือข่ายอเี ธอร์เน็ตแบบ 10Base5 จากภาพ เปน็ การเชอ่ื มตอ่ เครอื ข่ายอเี ธอร์เนต็ แบบ 10Base5 ทจี่ ะต้องใช้อุปกรณ์สำหรบั เชื่อมตอ่ ต่างๆ ดงั นี้ - การด์ เครือข่ายพร้อมหัวตอ่ เอยไู อ (AUI connector) ขนาด 15 pin - ทรานซฟี เวอร์ (Transceiver) คือ อุปกรณร์ บั สง่ ข้อมลู ในเครอื ข่ายที่ตอ่ ยกู่ บั สายส่งข้อมูล หลัก - สายเคเบ้ิลเช่อื มตอ่ อุปกรณ์ทรานซีฟเวอร์ - แท็ป (Tap) เป็นอุปกรณ์ใช้ในการตอ่ หวั ตอ่ เอยไู อเข้าที่ด้านหลังของการด์ เครือข่ายเพื่อ เช่ือมตอ่ กบั ทรานซีฟเวอร์ - เทอร์มเิ นเตอร์ (Terminator) เปน็ อปุ กรณ์เพอ่ื ใชป้ ิดท่ีปลายสายทงั้ สองด้าน 1.4.1.3.2 อีเธอร์เน็ตแบบ 10Base2 เป็นมาตรฐานเครอื ขา่ ยอเี ธอร์ เนต็ ทีไ่ ด้รบั การพฒั นาจากอเี ธอร์เน็ตแบบ 10Base5 โดยใช้สายโคแอ็กเซยี ลแบบบางท่ีมีราคาถูกกวา่ สายโคแอ็กเซยี ลแบบหนาเปน็ ตวั กลางในการรบั ส่งขอ้ มูล จงึ ทำใหค้ ่าใชจ้ ่ายในการติดตัง้ ต่ำกวา่ แบบ 10Base5 โดยเรยี กการเชอื่ มต่อแบบน้วี ่าธนิ อเี ธอร์เนต็ (Thin Ethernet) หรือธินเน็ต (Thinnet) หรื อธนิ ไวร์อีเธอรเ์ น็ต (Thin–wire Ethernet) อีเธอรเ์ นต็ แบบ 10Base2 ใชโ้ ทโพโลยกี ารเชื่อมต่อแบบ บสั เชน่ เดยี วกบั 10Base5 แต่มคี วามยาวของสายโคแอ็กเซียลสงู สุดไดไ้ ม่เกนิ 200 เมตรตอ่ เซ็กเมนต์ และภายในหนง่ึ เซ็กเมนต์สามารถเช่อื มตอ่ กนั ได้ไมเ่ กิน 30 เครอ่ื งโดยสามารถขยายได้สงู สุด 5 เซ็ก เมนต์ อเี ธอร์เนต็ แบบ 10Base2 Terminator T-Connector ภาพ แสดงถึงการเช่อื มต่อเครอื ขา่ ยอีเธอร์เนต็ แบบ 10Base2
จากภาพ แสดงถงึ การเชือ่ มต่อเครอื ข่ายอเี ธอรเ์ น็ตแบบ 10Base2 ท่มี กี ารใช้สายโคแอ็กเซยี ลแบบบาง เป็นตัวกลางในการรบั สง่ ข้อมูล ตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์สำหรบั เชื่อมต่อแบบ 10Base2 ดังนี้ - การด์ เครือข่ายพรอ้ มด้วยหวั ตอ่ บเี อน็ ซี (BNC connector) - หัวต่อบีเอน็ ซี เป็นอุปกรณ์ทใ่ี ช้เชือ่ มต่อกับสายโคแอ็กเซยี ลกับอปุ กรณ์หัวตอ่ รูปตัวที - หัวต่อรปู ตวั ที เปน็ อุปกรณท์ ่ีใช้ในการเช่อื มต่อระหว่างการด์ เครือข่ายกบั สายโคแอก็ เซยี ล 1.4.1.3.3 อีเธอร์เน็ตแบบ 10Base-T เป็นรูปแบบการเช่อื มตอ่ อี เธอรเ์ น็ตทีใ่ ช้สายคู่ตีเกลียวเปน็ ตัวกลางในการรับส่งขอ้ มูล และใช้ฮบั เป็นศนู ย์กลางในการเช่อื มต่อ มี ความยาวของระยะทางมีการเชอื่ มตอ่ ระหว่างเซ็กเมนต์ตอ้ งไม่เกิน 100 เมตร และภายในหนึ่งเซ็ก เมนตส์ ามารถเช่อื มต่อกนั ไดไ้ ม่เกนิ 1,024 เคร่อื ง ใชโ้ ทโพโลยกี ารเชอื่ มตอ่ แบบดาว เช่อื มต่อ าย UTP ดว้ ยหวั RJ-45 Switch ภาพแสดงการเช่อื มต่อเครอื ข่ายอเี ธอรเ์ นต็ แบบ 10Base-T จากภาพ แสดงถงึ การเชอ่ื มต่อเครอื ข่ายอีเธอรเ์ น็ตแบบ 10Base-T ท่ีใช้สายคู่ตเี กลียวชนดิ ไม่ มฉี นวนหุ้ม (UTP) เปน็ ตวั กลางในการรับสง่ ขอ้ มลู และใชห้ ัวตอ่ RJ45 เชอ่ื มตอ่ สายคู่ตีเกลยี วเข้ากบั สวทิ ช์และการด์ เครือข่าย 1.4.1.3.4 อีเธอร์เน็ตแบบ 10Base-FL เป็นเครือข่ายอเี ธอรเ์ นต็ ที่ รองรบั การรับสง่ ข้อมลู ทคี่ วามเรว็ สูงสุด 10 Mbps ใช้สายใยแก้วนำแสงเปน็ ตวั กลางในการรับส่งข้อมลู โดยมรี ะยะทางในการเชอ่ื มตอ่ ยางสูงสดุ ถงึ 2 กิโลเมตร ด้วยคุณสมบัติของสายใยแกว้ นำแสงท่ีสามารถ รบั ส่งขอ้ มูลไดไ้ กล และป้องกันการรบกวนของสญั ญาณได้ แต่มรี าคาแพง จึงนำมาใช้เฉพาะกบั การ เชื่อมต่อท่ีสำคญั เท่านน้ั 1.4.1.3.5 อีเธอร์เน็ตความเร็วสูง เนื่องจากปจั จุบันมีการใช้งาน ข้อมลู แบบมัลตมิ ีเดียมากขนึ้ และดว้ ยอัตราความเร็วทีร่ ะดับ 10 Mbps จึงไมส่ ามารถรองรบั การใช้ งานในลกั ษณะเชน่ น้ีได้ หน่วยงาน IEEE จึงไดม้ ีการปรับปรุงอเี ธอรเ์ น็ตให้มีอัตราความเร็วในการรบั ส่ง ข้อมูลที่สูงขนึ้ กลายเป็นอเี ธอรเ์ นต็ ความเรว็ สูง ซึ่งสามารถแบ่งออกเปน็ 2 ระบบโดยมรี ายละเอียดดังน้ี 1) ฟาสต์อเี ธอรเ์ น็ต (Fast Ethernet) (จดุ ประสงคเ์ ชิง พฤตกิ รรมขอ้ ท่ี 8) เปน็ ระบบท่ีถูกออกแบบมาเพ่อื เพิม่ ประสทิ ธภิ าพการทำงานของอีเธอร์เนต็ โดยมี อตั ราความเรว็ ในการรับส่งขอ้ มูลสูงสดุ 100 Mbps มชี ื่อเรียกอยา่ งเป็นทางการวา่ มาตรฐาน IEEE 802.3u โดยไดแ้ บ่งรปู แบบการเช่ือมตอ่ ออกเปน็ 3 แบบตามชนดิ ของตัวกลาง วิธีการเช่อื มต่อทาง
กายภาพ และรูปแบบการสง่ ข้อมลู บนตัวกลาง คอื 100Base-TX, 100Base-FX และ 100Base-T4 โดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี - ฟาสต์อีเธอร์เน็ตแบบ 10Base-TX เปน็ แบบที่ ใช้สายค่ตู ีเกลียวตามมาตรฐาน UTP Cat 5 หรอื STP เป็นตัวกลางในการสง่ ขอ้ มลู ใชโ้ ทโพโลยกี าร เชือ่ มต่อแบบดาวและใช้วธิ กี ารเขา้ ใช้ตัวกลางแบบ CSMA/CD - ฟาสตอ์ ีเธอรเ์ นต็ แบบ 100Base-FX เปน็ แบบท่ี ใช้สายใยแกว้ นำแสงเปน็ ตัวกลางในการรบั ส่งขอ้ มูล ใช้โทโพโลยีการเช่อื มต่อแบบดาว นยิ มใช้เชอื่ มตอ่ เครือข่ายทมี่ ีระยะห่างกนั มากๆ - ฟาสต์อีเธอรเ์ นต็ แบบ 100Base-T4 เปน็ แบบที่ ใชโ้ ทโพโลยีการเช่อื มต่อแบบดาว และใช้สาย UTP ชนิด UTP Cat 5 หรอื ใช้สาย STP เป็นตวั กลางใน การรับสง่ ข้อมูล 2) กกิ ะบติ อีเธอร์เนต็ (Gigabit Ethernet) (จุดประสงค์ เชงิ พฤติกรรมขอ้ ที่ 9) เป็นเครือข่ายอเี ธอรเ์ นต็ มาตรฐาน IEEE 802.3z ทม่ี อี ตั ราความเรว็ 1,000 Mbps สามารถทำงานไดก้ ับอีเธอร์เนต็ ทมี่ ีความเร็วตำ่ กว่าได้ และใช้โปรโตคอล CSMA/CD โดยไดแ้ บ่ง รปู แบบการเชื่อมต่อออกเป็น 4 แบบ ตามชนดิ ของตวั กลาง คอื 1000Base-SX, 1000Base-LX, 1000Base-CX และ1000Base-T โดยมีรายละเอียดดงั นี้ - กกิ ะบติ อีเธอรเ์ นต็ แบบ 1000Base-SX เป็น แบบที่มีความเรว็ ในการรับส่งขอ้ มูลสงู สุด 1 Gbps โดยอกั ษร S มาจาก Short ที่หมายถงึ แสงทีม่ ีความ ยาวคล่ืนส้ัน เป็นคลนื่ แสงที่มีความยาวคล่นื 850 นาโนเมตร สายในแก้วนำแสงทีใ่ ช้เปน็ แบบมัลติโหมด ท่ีขนาด 50 ไมครอน และขนาด 62.5 ไมครอน ซ่งึ เปน็ ขนาดที่นำมาใช้ภายในอาคารท่ัวไป สามารถสง่ ข้อมลู ได้ไกลสดุ 550 เมตร สว่ นสายใยแก้วนำแสงแบบมัลตโิ หมดขนาด 62.5 ไมครอน สามารถส่ง ข้อมูลไดไ้ กลสูงสุด 250 เมตร - กิกะบติ อีเธอร์เน็ตแบบ 1000Base-LX เป็น แบบทมี่ คี วามเรว็ ในการรับส่งขอ้ มูลสงู สุด 1 Gbps โดยอักษร L มาจาก Long ทห่ี มายถึงแสงทม่ี คี วาม ยาวคลนื่ ยาวเปน็ คล่ืนแสงทมี่ ีความยาวคลนื่ 1,300 นาโนเมตร ถา้ ใชส้ ายใยแกว้ นำแสงแบบมัลตโิ หมด ขนาด 50 ไมครอน สามารถสง่ ขอ้ มลู ได้ไกลสูงสุด 550 เมตร แตถ่ ้าใช้สายใยแกว้ นำแสงแบบมัลตโิ หมด ขนาด 62.5 ไมครอน สามารถสง่ ขอ้ มลู ไดย้ าวสุดถึง 440 เมตร ส่วนถา้ ใช้สายใยแกว้ นำแสงแบบซงิ เกิล โหมด สามารถสง่ ขอ้ มลู ไดไ้ กลสุดถงึ 5 กโิ ลเมตร - กกิ ะบิตอีเธอร์เนต็ แบบ 1000Base-CX เปน็ แบบท่มี คี วามเร็วในการรับสง่ ขอ้ มูลสงู สุด 1 Gbps ใช้สายคู่ตีเกลยี วชนิด STP เปน็ ตวั กลางในการ รับสง่ ขอ้ มูล โดยมีความยาวสงู สุด 25 เมตร สำหรบั เช่ือมตอ่ สวติ ช์หรือเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ที่อยใู่ นหอ้ ง เดยี วกันแทนการใช้สายใยแกว้ นำแสงท่ีมีราคาแพงกวา่
- กิกะบติ อเี ธอรเ์ นต็ แบบ 1000Base-T เป็นแบบ ทถ่ี กู พัฒนาข้ึนภายใต้มาตรฐาน IEEE 802.3ab มีความเรว็ ในการรับส่งข้อมูลสงู สุด 1 Gbps ใช้สายคูต่ ี เกลียวชนิด UTP Cat 5 เป็นตัวกลางในการรับสง่ ข้อมูล กกิ ะบติ อเี ธอร์เนต็ แบบ 1000Base-T ตารางที่ 3.1 แสดงมาตรฐาน Ethernet มาตรฐาน มาตรฐานการ ความเรว็ ชนิดของสาย IEEE เดนิ สาย 802.3 10Base-5 10 Mbps Coaxial 10Base-2 802.3i 10Base-T 10 Mbps UTP CAT3 802.3u 100Base-TX 100 UTP CAT5 Mbps 802.3ab 1000Base-T 1000 UTP CAT5e Mbps UTP CAT6 802.3an 10GBase-T 10 Gbps UTP CAT6A UTP CAT7 1.4.2 เครือข่ายแลนไรส้ าย (Wirelles LAN) (จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 10) ระบบเครือข่ายไร้สาย(Wireless LAN) หรอื WLAN (Wireless Local Area Network) หรอื Wi-Fi ท่ยี อ่ มากจากคำว่า Wireless-Fidelity เปน็ เครอื ข่ายไรส้ ายภายใตม้ าตรฐาน IEEE 802.11 เพ่ือให้อปุ กรณ์คอมพิวเตอรส์ ามารถส่ือสารกนั ได้บนมาตรฐานการทำงานแบบเดยี วกัน ใชค้ ลื่นความถ่ี วิทยแุ ละคลนื่ ความถี่อนิ ฟาเรต 2.4 GHz ดว้ ยความเรว็ 11 Mbps ในการรับสง่ ข้อมูล จึงสามารถทะลุทะลวงกำแพงหรอื สง่ิ กดี ขวางได้ ระยะหา่ งประมาณ 300 ฟตุ ทำให้มีความคล่องตัว และสะดวกในการใชง้ าน สามารถเชื่อมตอ่ เขา้ สเู่ ครือขา่ ยไดท้ ุกที่ท่ีมีสญั ญาณ เครอื ข่ายแลนไรส้ ายจดั เปน็ ทางเลือกท่ีสะดวกในการเชื่อมต่อเครือขา่ ยของผู้ใช้ โดยไม่ตอ้ งใช้ สาย สามารถใช้งานตามบรเิ วณตา่ งๆ ที่อยภู่ ายในขอบเขตของคล่ืน ระบบเครือข่ายไร้สายเปน็ ระบบ เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ขนาดเลก็ ท่มี ีอุปกรณไ์ ม่มาก และมกั จะอยใู่ นอาคารเดียวกัน ซ่ึงมีรปู แบบการ เช่อื มต่อเครอื ข่ายไรส้ าย สามารถเชื่อมตอ่ ได้ 2 วธิ ี คือ 1. Ad-Hoc Mode เปน็ การเชือ่ มตอ่ แบบ Peer-to-Peer โดยที่แตล่ ะสถานีบน เครือข่ายจะเชือ่ มต่อกนั โดยตรงดว้ ยการด์ เครือข่ายไร้สาย เปน็ การชื่อมตอ่ คอมพวิ เตอร์ 2 เครอ่ื งเข้า ดว้ ยกนั ได้ การเช่ือมต่อด้วยวธิ ีน้ีเหมาะกับเครอื ขา่ ยขนาดเลก็ หรอื มสี ถานกี ารเชือ่ มตอ่ ไมเ่ กนิ 10 เคร่ือง โดยมจี ดุ ประสงคเ์ พ่อื แบ่งปนั ทรัพยากรเปน็ หลกั และไมม่ ุง่ เน้นดา้ นระบบความปลอดภัยมากนัก
ภาพที่ 3.15 แสดงการเชอ่ื มเครอื ข่ายไร้สายแบบ Ad-Hoc Mode 2. Infrastructure Mode การเชื่อมต่อดว้ ยวิธีนี้ นอกจากต้องมีการ์ดเครอื ข่ายไร้สาย แล้ว ยงั จำเปน็ ต้องมีอุปกรณ์ AP(Wireless Access Point) เปน็ จดุ รบั สง่ สญั ญาณ ซึ่งบนเครือขา่ ย สามารถมี AP ได้มากกวา่ 1 เครอ่ื ง ตามจดุ ตา่ งๆ รวมถึงยงั สามารถเช่ือมต่อ AP เข้ากบั เครือข่ายแบบมี สาย เพอ่ื ใช้งานร่วมกนั การเช่ือมต่อแบบ Infrastructure เหมาะกับองคก์ รท่ตี ้องการติดตั้งเครอื ข่ายไร้ สาย เพ่อื นำไปใช้งานร่วมกับคอมพวิ เตอรจ์ ำนวนมาก หรอื ต้องการควบคุมระบบเครอื ข่ายไดจ้ าก ศูนย์กลางผ่านเครือข่ายไรส้ าย รวมถึงมีระบบการจดั การความปลอดภัย 1.4.2.1 ระบบความปลอดภัยบนเครือขา่ ยไรส้ าย (จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรมขอ้ ท่ี 11) เครือขา่ ยไรส้ ายเปน็ การส่งสญั ญาณแพร่ไปตามอากาศ ทำให้ยากตอ่ การตรวจจบั การใช้งาน อกี ท้งั สญั ญาณข้อมูลท่ีส่งไปยงั ถกู ดักจบั สญั ญาณไดง้ ่าย ซึง่ เปน็ ช่องโหว่ที่เปดิ โอกาสให้ผไู้ ม่หวังดีเข้ามาบุกรุก ระบบได้ เครอื ข่ายแลนไร้สายจงึ ต้องมแี นวทางในการจัดการกบั ระบบความปลอดภยั ท่ีประกอบดว้ ย 1. ช่ือเครือขา่ ย หรือ SSID (Service Set Identification) มีขนาด 32 บิต ท่ีถกู บรรจใุ นเฮดเดอร์ของแตล่ ะแพก็ เกต็ เครื่องลกู ข่ายทตี่ อ้ งการเช่อื มตอ่ จะต้องกำหนดช่ือ SSID ให้ ตรงกนั จงึ สามารถเข้าถงึ เครือขา่ ยไรส้ ายได้ 2. การกลน่ั กรองหมายเลขแมคแอดเดรส ซง่ึ อุปกรณ์ AP สว่ นใหญจ่ ะมีฟังกช์ นั น้ี เพอื่ กำหนดบคุ คลท่ีสามารถเข้าถงึ เครอื ข่าย แต่ถ้าคอมพวิ เตอร์มกี ารเปลย่ี นการ์ดเครือข่ายใหมก่ ็ต้อง บันทึกเขา้ ไปใหม่ รวมถงึ ถ้ามกี ารรีเซต AP จะทำใหข้ อ้ มลู ท้ังหมดทบี่ ันทกึ ไวถ้ กู ลบท้ิงไปดว้ ย 3. การเข้ารหัส (Encryption) หรอื การเขา้ รหัสแพ็กเกต็ ขอ้ มลู โดยฝั่งส่งจะนำแพก็ เกต็ ขอ้ มูลมาผา่ นการเขา้ รหัสด้วยคีย์กอ่ นท่ีจะสง่ ผ่านไปยังเครอื ข่ายไรส้ าย ฝั่งรบั ก็จะมคี ีย์ทใี่ ชถ้ อดรหัส เพ่อื นำขอ้ มูลไปใชง้ านต่อไป การเขา้ รหัสมีด้วยกัน 2 วิธี คอื 1) Wire Equivalency Privacy (WEP) มาตรฐานการเข้ารหัสตามวิธี WEP จะใช้ อัลกอริทึมในการเข้ารหัสลับขนาด 64 บิต และปัจจบุ นั เพ่มิ เปน็ 128 บิต แต่ไม่สามารถเข้ารหัสได้ อยา่ งสมบูรณ์ เน่ืองจากเป็นวธิ ีท่ีทำงานอยบู่ นชนั้ กายภาพและชนั้ เชือ่ มโยงของแบบจำลอง OSI และ เป็นวิธีที่ใช้คีย์รหัสลบั เดยี วกันทกุ โหนดบนเครอื ขา่ ย ดังนน้ั หากรหัสลบั ถูกเปิดเผยให้กับผ้ไู มห่ วังดี จะ ทำให้สามารถถอดรหสั ขอ้ ความไปใชง้ านไดท้ นั ที
2) Wi-Fi Protected Access (WPA) เป็นวิธีการท่ีพัฒนาขน้ึ มาจากจดุ ออ่ นของการ เข้ารหัสแบบ WEP โดยการเข้ารหสั แบบ WPA นีเ้ ปน็ วธิ แี บบ Dynamic Encryption ทร่ี หัสจะออกให้ ต่อคนและตอ่ เซสชัน่ จงึ ทำใหถ้ อดรหสั ไดย้ ากขึ้น 1.4.2.2 มาตรฐานความเร็วของแลนไร้สาย (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 12) ตาม มาตราฐาน IEEE ซ่งึ มขี ้อกำหนดผลิตภัณฑ์ในเร่ืองความเร็วและส่อื นำสัญญาณ โดยมีการทำงานแบบ CSMA/CA ซงึ่ มคี วามคลา้ ยคลงึ กบั CSMA/CD ของมาตรฐาน IEEE 802.3 และมกี ลไกในการเขา้ รหสั ข้อมูลกอ่ นแพรก่ ระจายสญั ญาณไปบนอากาศ พรอ้ มกับมีการตรวจสอบผู้ใชง้ าน ซงึ่ แตล่ ะมาตราฐาน จะบอกถึงความเร็วและคลืน่ ความถท่ี ี่ใชใ้ นการตดิ ต่อสอื่ สารดงั นี้ 1) IEEE 802.11b รับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสงู สุดท่ี 11 Mbps ผา่ นคลน่ื วิทยุความถ่ี 2.4 GHz ซงึ่ อุปกรณท์ ่ีใช้กันอยู่ในปจั จุบนั จะใชเ้ คร่ืองหมายการค้าในนาม Wi-Fi 2) IEEE 802.11a รับส่งข้อมูลดว้ ยความเรว็ สูงสดุ ท่ี 54 Mbps แต่จะใช้คล่ืนวิทยทุ ่ี ความถี่ 5 GHz ซึง่ เป็นย่านความถีส่ าธารณะสำหรับใช้งานในประเทศสหรฐั อเมริกา ซึ่งในประเทศไทย สามารถนำมาใช้งานได้ และรัศมีของสัญญาณค่อนข้างส้นั ประมาณ 30 เมตร จึงไม่เปน็ ที่นิยม 3) IEEE 802.11g เปน็ มาตรฐานที่จะเขา้ มาทดแทนมาตรฐาน IEEE 802.11b ใช้ ช่องสญั ญาณวิทยคุ วามถี่ 2.4 GHz มีความสามารถในการรบั สง่ ขอ้ มูลด้วยความเรว็ สูงสดุ ที่ 54 Mbps โดยมีรศั มีสัญญาณจะอยูร่ ะหวา่ งอุปกรณ์ IEEE 802.11a และ IEEE 802.11b เนอ่ื งจากความถ่ี 2.4 GHz เป็นย่านความถสี่ าธารณะสากลและสามารถที่จะใช้งานร่วมกันกบั อุปกรณท์ ี่ใช้มาตรฐาน IEEE 802.11b ไดจ้ ึงทำใหไ้ ม่จำเป็นทจ่ี ะตอ้ งเปลี่ยนแปลงโครงสรา้ งพื้นฐานของระบบไรส้ ายที่ใชก้ นั อย่เู ดิม จงึ มีแนวโน้มจะไดร้ บั ความนิยมอยา่ งแพรห่ ลาย 4) IEEE 802.11e เป็นมาตรฐานทอ่ี อกแบบมาสำหรับการใช้งานแอพพลิเคชนั ทางดา้ นมัลตเิ มยี อย่าง VoIP (Voice over IP) เพื่อควบคุมและรบั ประกนั คุณภาพของการใช้งานตาม หลักการ QoS (Quality of Service) โดยการปรบั ปรุง MAC Layer ให้มีคณุ สมบัติในการรบั รองการ ใชง้ านใหม้ ีประสิทธภิ าพ 5) IEEE 802.11f มาตรฐานน้ีเปน็ ที่รู้จักกนั ในนาม IAPP (Inter Access Point Protocol) ซง่ึ เปน็ มาตรฐานทีอ่ อกแบบมาสำหรบั จดั การกับผู้ใชง้ านท่ีเคลอื่ นที่ขา้ มเขตการให้บรกิ าร ของ Access Point ตวั หนง่ึ ไปยัง Access Point เพ่ือใหบ้ รกิ ารในแบบโรมมงิ สญั ญาณระหว่างกัน 6) IEEE 802.11h มาตรฐานทอี่ อกแบบมาสำหรบั ผลิตภัณฑ์เครือขา่ ยไรส้ ายทใ่ี ชง้ าน ย่านความถ่ี 5 กกิ ะเฮิรตซ์ ให้ทำงานถกู ตอ้ งตามข้อกำหนดการใชค้ วามถ่ขี องประเทศในทวีปยโุ รป 1.4.2.3 อุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต่อเครือข่ายไร้สาย (จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 13) 1. WLAN Adapters เป็นอปุ กรณ์ท่ีทำหน้าที่พนื้ ฐานเหมือนแบบใช้สาย ซ่งึ มีการเช่ือมต่อแบบ PCMCIA, PCI, ISA, Cardbus และ USB มหี น้าท่ีทำให้ผใู้ ชง้ านสามารถเขา้ ถึง เครอื ข่ายแลนแบบใช้สายได้ โดยจะทำหนา้ ทีเ่ ช่อื มโยงระหว่างระบบปฏิบตั ิการของระบบเครือข่ายกบั เสาอากาศ เพือ่ จะสร้างการเช่ือมต่อไปยังเครอื ขา่ ยอน่ื ต่อไป
ภาพ แสดง WLAN PCI Adapter/AP 2. Wireless Access Point เปน็ อปุ กรณ์ท่ีทำหน้าทคี่ ลา้ ยฮบั ของระบบแลนแบบใช้สาย ซึ่ง มันจะรับสง่ ข้อมูลระหว่างเครอื ขา่ ยแลนไร้สายกับเครือข่ายแบบใช้สาย โดยใช้สายผ่านมาตรฐาน Ethernet และสอื่ สารกับอุปกรณไ์ รส้ ายผา่ นเสาอากาศ รศั มีของการเช่ือมตอ่ กับ Access Point มี ระยะอยทู่ ี่ 20 เมตรถึง 500 เมตร และสนบั สนนุ ผู้ใชง้ านได้ 15 ถึง 250 คน ภาพ แสดง Wireless Access Point 3. Outdoor Wireless Bridge เป็นอปุ กรณ์เช่อื มต่อระหวา่ งเครือขา่ ยกบั อาคารอืน่ ในท่ีที่มี สิ่งกีดขวาง และมีค่าใช้จ่ายในการเดินสายใยแก้วนำแสงระหว่างอาคารสงู เป็นอุปกรณท์ ี่มีอัตรารับส่ง ข้อมูลสูง ภาพ แสดง Outdoor Wireless Bridge 1.5 การประยุกต์ใชง้ านเครอื ขา่ ยแลน (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 14) องค์กรส่วนใหญ่จะตดิ ต้ังเครอื ข่ายแลน เพอื่ เพ่ิมความรวดเร็วในการติดต่อสอ่ื สาร เพิ่ม ประสทิ ธิภาพ และลดตน้ ทนุ การดำเนินงานหรือดำเนนิ ธรุ กรรมผา่ นระบบเครือขา่ ย ดังน้ันจงึ สามารถ นำเครือขา่ ยแลนไปประยกุ ต์ใช้งานในด้านตา่ ง ๆ ดงั นี้ 1) การประยกุ ต์เครอื ข่ายแลนดา้ นธุรกจิ การใช้เครือข่ายแลนในองคก์ รธรุ กจิ ทำให้ผใู้ ช้สามารถใช้ทรพั ยากรของบรษิ ทั รว่ มกนั การใช้ โปรแกรมประยุกต์ขนาดใหญ่ทต่ี ิดตง้ั ในเครื่องแม่ข่ายรว่ มกัน การใชแ้ ฟ้มขอ้ มูลและฐานข้อมลู ขนาด ใหญร่ ว่ มกัน พนักงานสามารถส่ือสารกันภายในสำนักงาน สง่ ผลทำให้เกิดความรวดเรว็ ในการ
ตดิ ตอ่ ส่อื สาร นอกจากนัน้ ยังสามารถตดิ ต่อกบั หนว่ ยงานภายนอกสำนักงานได้ โดยเชือ่ มตอ่ เครือข่าย แลนเขา้ กับเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ ได้อีกดว้ ย 2) การประยกุ ตเ์ ครือข่ายแลนดา้ นอุตสาหกรรม โรงงานอตุ สาหกรรมสามารถนำเครือข่ายแลนเข้าไปใช้ในกระบวนการผลติ แบบอัตโนมัติ โดย แต่ละขั้นตอนมีการควบคมุ จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทเ่ี ชอ่ื มตอ่ เข้ากบั ระบบเครือขา่ ยแลน นอกจากนนั้ ยังสามารถใชเ้ คร่อื งคอมพวิ เตอร์ทเ่ี ชอ่ื มตอ่ เข้ากับระบบเครอื ขา่ ยแลนช่วยงานดา้ นต่างๆ ของโรงงานโดยตรง เชน่ การจัดส่งสนิ คา้ ตามใบส่ัง การควบคมุ วสั ดุคงคลัง การจดั การผลิต และการ คดิ ราคาต้นทนุ สินคา้ เปน็ ตน้ 3) การประยุกตเ์ ครอื ขา่ ยแลนด้านการศึกษา สถานศึกษาสามารถนำระบบเครือขา่ ยแลนมาใช้ในการเรียนการสอน ผเู้ รียนสามารถเรยี นรู้ ผ่านเครือข่ายแลนผเู้ รียนสามารถสบื คน้ ข้อมูล หรือเรียนรว่ มกันหลายๆ วชิ า ผา่ นระบบเครอื ข่ายแลน นอกจากน้นั ยงั สามารถประยกุ ต์ใช้ในระบบบรหิ ารงานของสถาบนั การศกึ ษา เชน่ ระบบงานทะเบยี น การแจง้ ขา่ วสาร การสืบค้นขอ้ มูลของหนงั สือในหอ้ งสมดุ และการประกาศผลสอบ เปน็ ตน้ 4) การประยกุ ตเ์ ครือข่ายแลนดา้ นสาธารณสุข การบริหารงานดา้ นสาธารณสขุ สามารถนำเครอื ข่ายแลนมาใช้งานด้านตา่ งๆ เชน่ การ ลงทะเบยี นผปู้ ว่ ย การวนิ จิ ฉยั โรค แพทย์สามารถเรียกดูข้อมลู ผู้ป่วยผ่านระบบเครือข่ายแลน เพือ่ การ รกั ษาอยา่ งตอ่ เนื่อง และเม่ือรับการรกั ษาจากแพทย์แล้ว แผนกชำระเงินและแผนกยาสามารถเรยี กเกบ็ เงนิ และจา่ ยยาใหก้ บั ผ้ปู ่วยไดท้ นั ที รวมถงึ เจ้าหนา้ ทข่ี องโรงพยาบาลสามารถแลกเปล่ยี นข้อมลู และ ความคดิ เหน็ ระหวา่ งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใชเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์ท่เี ชื่อมต่อในระบบเครือขา่ ยแลน 5) การประยกุ ตเ์ ครือขา่ ยแลนดา้ นการเงิน สถาบันการเงนิ สามารถนำเครอื ขา่ ยแลนมาประยุกตใ์ ช้ เพือ่ อำนวยความสะดวกในการฝาก เงิน การถอนเงิน การโอนเงนิ ท่ใี หบ้ รกิ ารแกล่ กู ค้า และสามารถนำมาประยุกตใ์ ช้ในการดำเนนิ งานของ ธนาคาร ทำใหก้ ารปฏิบตั ิงานเป็นไปอยา่ งถกู ตอ้ ง สะดวก และรวดเร็ว 2. โทเค็น (Token) โทเค็น (Token) เป็นแพก็ เก็ตของข้อมลู ที่เดนิ ทางไปรอบเครือข่ายแบบโทเค็น ท่ีเดนิ ทางวน ไปตามโหนดต่างๆ บนเครือขา่ ย เพอื่ ใหโ้ หนดท่ีตอ้ งการสง่ ข้อมูลฝากขอ้ มูลไปยังโหนดผรู้ ับ การสง่ ผ่าน โทเคน็ เป็นกลไกควบคมุ การรบั ส่งขอ้ มูลเพ่ือไม่ใหเ้ กดิ การชนกนั ของเฟรมขอ้ มลู โดยโทเคน็ มีลักษณะ เปน็ เฟรมขนาดเล็กท่ีถูกส่งไปยงั แต่ละสถานีในลกั ษณะเวยี นไปเป็นตามลำดับที่ไดอ้ อกแบบไว้ สถานีใด ทีไ่ ดร้ ับโทเคน็ จะมสี ิทธใิ นการส่งขอ้ มูลหนง่ึ เฟรมหรือมากกว่าหน่ึงเฟรมจนกวา่ ขอ้ มลู ทส่ี ง่ หมด จากน้ัน จงึ จะปลอ่ ยโทเค็นให้สถานีอ่ืนทอ่ี ยูถ่ ัดไป 2.1 โทเค็นบัส (Token Bus) (จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรมขอ้ ท่ี 15) โทเค็นบสั (Token Bus) เป็นเครอื ข่ายแลนตามมาตรฐาน IEEE 802.4 ท่ใี ช้สายโคแอกเซียล เป็นตวั กลางในการรับส่งขอ้ มูล ด้วยอตั ราความเร็วหลายระดับ คอื 1 Mbps 5 Mbps หรอื 10 Mbps
โดยใชโ้ ทโพโลยกี ารเช่อื มตอ่ แบบบัส และใช้วิธีการเข้าใช้ตวั กลางโดยการส่งผ่านโทเค็น ซึ่งแตล่ ะสถานี ในเครือขา่ ยจะทราบค่าท่อี ยขู่ องสถานที อ่ี ยู่ทางซ้ายและขวาของตัวเอง โดยสถานที มี่ คี า่ ท่อี ยู่สงู สดุ จะ สามารถส่งเฟรมขอ้ มูลได้ และเมือ่ สง่ เฟรมขอ้ มลู แลว้ สถานนี ัน้ จะปล่อยโทเค็นใหก้ ับสถานที ี่มคี ่าอยรู่ อง ลงไป โดยการสง่ โทเคน็ เข้าไปในตัวกลางและระบุค่าท่อี ย่ปู ลายทางเปน็ สถานตี อ่ ไป สถานีท่ีได้รบั โทเค็นจะสามารถสง่ ข้อมูลไดแ้ ต่ถ้าสถานีนน้ั ไมม่ ีข้อมูลจะส่งก็จะสง่ โทเคน็ ไปให้สถานีท่ีมีค่าอยูถ่ ัดไป ดงั นั้นในชว่ งเวลาหน่งึ จะมีสถานีเดียวท่ีครอบครองโทเคน็ จงึ ไมเ่ กิดการชนกนั และเน่ืองจากผู้ผลติ อปุ กรณ์และโปรแกรมประยุกตท์ ่ีสนบั สนุนการใช้โทเค็นมีนอ้ ย อกี ทงั้ โปรโตคอลมีความซับซ้อน จงึ ทำ ให้โทเคน็ บัสไม่เป็นท่นี ยิ มใชง้ านในปจั จบุ ัน Station BToken Station D Station F Terminator 15 18 9 8 10 12 Terminator Station A Station C Station E ภาพ แสดงเส้นทางการเดินทางของโทเค็นบนเครือข่ายโทเค็นบสั จากภาพ แสดงถงึ การเชื่อมต่อแบบบัส ทม่ี ีรปู แบบการรับสง่ ข้อมลู เป็นวงแหวน ซ่งึ แตล่ ะ สถานจี ะถูกกำหนดให้มีเลขท่อี ยทู่ ี่แตกต่างกัน ซ่งึ แตล่ ะสถานจี ะรู้ค่าท่อี ย่ขู องสถานที ีอ่ ยทู่ างซ้ายและ ขวาของตัวเอง เมอ่ื วงแหวนถูกสร้างขึ้นสถานี D เปน็ สถานีทีม่ ีเลขทีอ่ ยู่สงู สดุ ดังนั้นสถานี D จะไดร้ ับ โทเคน็ ก่อนสถานอี ่ืน เม่ือสถานี D ส่งเฟรมขอ้ มูลเสรจ็ แลว้ จะสง่ โทเค็นไปใหก้ ับสถานีทม่ี เี ลขท่ีอยูร่ องลง ไปคือสถานี B เพอ่ื ให้สถานี B สามารถสง่ เฟรมขอ้ มูลได้ หากสถานี B ไมม่ ีข้อมูลส่งก็จะสง่ โทเค็นไป ให้กับสถานีทีม่ เี ลขทอ่ี ยูถ่ ัดไป คือสถานี E ถึงแมว้ า่ สถานีนัน้ จะอยหู่ ่างไกลออกไปก็ตาม 2.2 โทเคน็ ริง (Token Ring) (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 16) โทเคน็ รงิ (Token Ring) เปน็ เครือข่ายแลนตามมาตรฐาน IEEE 802.5 พฒั นาโดยบรษิ ัท ไอบีเอม็ (IBM) ใช้โทโพโลยกี ารเช่ือมต่อแบบดาว โดยมอี ุปกรณ์ศูนยก์ ลางท่ีเรียกวา่ MSAU (Multi– Station Access Unit) ใชว้ ิธกี ารเขา้ ใชต้ ัวกลางโดยการสง่ ผา่ นโทเคน็ ในสมัยก่อนโทเค็นริงไดร้ ับความ นยิ มอยา่ งมาก เพราะการเช่อื มต่อแบบโทเคน็ รงิ ไม่ทำให้เกิดการชนกนั ของขอ้ มลู ในเครือขา่ ย แต่มี อตั ราการส่งข้อมลู ต่ำ จึงไมไ่ ดร้ ับความนยิ มเท่ากับอเี ธอรเ์ นต็ ความเรว็ สงู Station A Station B Station C Token Station F Station E Station D
ภาพแสดงรปู แบบการเชือ่ มตอ่ แบบโทเคน็ ริง จากภาพ เมอ่ื สถานี D มกี ารสง่ ข้อมูลไปยังสถานผี ู้รับปลายทางเรียบรอ้ ยแลว้ สถานี D จะปล่อยโทเค็นไปยงั สถานี C แต่ถา้ สถานี C ไม่มขี อ้ มลู ทต่ี ้องการส่ง โทเค็นจะถกู สง่ ตอ่ ไปยงั เครอื่ ง ถัดไป Station A Station B Station C Data Station F Station E Station D ภาพแสดงการสง่ ข้อมลู ของสถานี C เมอ่ื ไดร้ ับโทเคน็ จากภาพ เมือ่ สถานี C ได้รบั โทเค็นและมขี อ้ มูลที่ต้องการส่งไปยงั สถานีปลายทาง และเมอ่ื สง่ ข้อมลู เสร็จแลว้ สถานี C จะส่งโทเคน็ ตอ่ ไปยงั สถานถี ัดไป เครือขา่ ยโทเคน็ รงิ ใช้ตัวกลางรว่ มกันในการ สง่ ข้อมลู ดังนัน้ หากในวงแหวนเกดิ มีตวั กลางขาดหรอื ชำรดุ เครอื ขา่ ยจะไมส่ ามารถดำเนนิ การต่อได้ 3. FDDI (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมขอ้ ท่ี 17) เครือขา่ ย FDDI (Fiber Distributed Data Interface) เปน็ เครอื ขา่ ยแลนทพ่ี ัฒนาโดยองคก์ ร กำหนดมาตรฐานของสหรัฐอเมรกิ า ANSI (America National Standard Institute) เพ่อื นำมาใช้ เปน็ เครอื ข่ายหลักสำหรบั เช่ือมต่อเข้ากับเครอื ขา่ ยอืน่ เครอื ขา่ ย FDDI เปน็ เครอื ขา่ ยท่มี ีอัตราเรว็ 100 Mbps ขน้ึ ไป ใชส้ ายใยแก้วนำแสงเป็นตวั กลางในการรบั ส่งข้อมลู โดยการส่งผ่านโทเค็นตามมาตรฐาน IEEE 802.5 สามารถรับส่งข้อมลู ระยะทางได้ไกลถงึ 200 กิโลเมตร และถา้ ใช้ตัวกลางเป็นสาย UTP จะเรยี กเครอื ข่ายชนิดน้วี ่า CDDI (Copper Distributed Data Interface) เครือขา่ ย FDDI มกี ารเชือ่ มตอ่ โดยใชโ้ ทโพโลยแี บบวงแหวน โดยมีเส้นทางการส่งข้อมลู เปน็ วง แหวน 2 วง ท่สี ่งข้อมูลสวนทางกัน คือวงแหวนหลัก (Primary Ring) และวงแหวนรอง (Secondary Ring) ที่ใช้เป็นเสน้ ทางสำรองเมอื่ วงแหวนหลักใช้งานไมไ่ ด้ โดยวงแหวนหนง่ึ จะรับสง่ ข้อมลู ในทศิ ทาง ตามเขม็ นาฬิกา และอกี วงแหวนหนงึ่ จะรบั สง่ ขอ้ มลู ในทศิ ทางทวนเขม็ นาฬิกา
ภาพแสดงเครือขา่ ย FFDI 2.3.1 มาตรฐานของเครอื ข่าย FDDI โปรโตคอลของเครือข่าย FDDI ทำงานอยูใ่ นชนั้ กายภาพและชน้ั เชื่อมโยงข้อมูล ตาม แบบจำลอง OSI โดยแบง่ ออกเปน็ 4 สว่ น เพ่ือให้โปรโตคอลที่อย่รู ะดับช้นั ทีเ่ หนอื กว่าสามารถรบั สง่ ข้อมลู ผา่ นสายใยแกว้ นำแสงได้ โดยสามารถอธบิ ายหนา้ ท่ขี องแต่ละโปรโตคอลได้ดงั นี้ 1) โปรโตคอล SMT(Station Management Protocol) เปน็ โปรโตคอลที่ กำหนดลกั ษณะการเชื่อมตอ่ สถานี ข้อกำหนดการควบคุมสถานีทเี่ ชอ่ื มต่อกบั วงแหวน เชน่ การเพิ่ม สถานี การนำสถานอี อกจากเครือข่าย 2) โปรโตคอล MAC (Media Access Control Protocol) เป็นโปรโตคอล ท่ีกำหนดการเข้าใช้ตัวกลางในการรับส่งข้อมลู และรวมไปถงึ รปู แบบของเฟรมข้อมลู การจัดการ เก่ียวกับโทเค็น หมายเลขทอ่ี ยู่การตรวจความผดิ พลาดของข้อมูล 3) โปรโตคอล PHY (Physical Layer Protocol) เปน็ โปรโตคอลที่กำหนด เกี่ยวกบั การเขา้ รหสั และถอดรหสั ข้อมูล สัญญาณนาฬิกาและการจัดเก็บขอ้ มลู 4) โปรโตคอล PMD Protocol (Physical Medium Dependent Protocol) เป็นโปรโตคอลท่ีกำหนดคุณสมบัตขิ องสายสัญญาณที่ใช้ ระดับของสญั ญาณสว่ นต่าง ๆ ของสายใยแกว้ นำแสง หวั เชอื่ มตอ่ ท่ีใช้ และอตั ราการเกิดข้อผิดพลาดในระบบเครอื ข่าย ภาพแสดงโปรโตคอลของเครือขา่ ย FFDI 2.3.2 ประเภทสถานีของเครือข่าย FDDI
เครอื ขา่ ย FDDI ไดม้ กี ารแบ่งประเภทของสถานีที่สามารถเชอื่ มต่อเข้ากบั เครือข่าย FDDI ออกเปน็ 3 ประเภท โดยมรี ายละเอียดดงั นี้ 1) สถานที่ประเภท DAS (Data Attachment Station) เปน็ สถานที ่ี เชื่อมต่อเข้ากบั เครือข่ายวงแหวนทงั้ สองวง โดยมจี ุดเชอื่ มตอ่ สองจุด ดังนน้ั หากมีการเปลีย่ นแปลง สถานะของสถานปี ระเภทน้ี จะส่งผลกระทบตอ่ การทำงานของเครือข่ายท้งั ระบบได้ เช่น เกิดการปิด เครอ่ื งหรือเครอื่ งหยดุ ไม่สามารถทำงานได้ เป็นต้น 2) สถานีประเภท DAC (Dual Attachment Concentrator) เป็นสถานที ี่ เช่ือมต่อเข้ากบั วงแหวนทัง้ สองวง ทำหนา้ ทีแ่ ทนสถานีประเภท SAS จะไมส่ ง่ ต่อระบบท้งั หมด นิยม นำมาใชเ้ ช่อื มต่อกับอปุ กรณ์ที่ต้องเปิดปิดบอ่ ย ๆ เช่นเคร่อื งคอมพิวเตอร์ เป็นตน้ หากสถานใี ดที่มี ความสำคัญต่อการทำงานของเครือขา่ ยมากและเช่ือมต่ออย่กู บั อุปกรณ์ DAC อย่างเช่นเราทเ์ ตอร์ หรือ เครื่องเซิรฟ์ เวอร์ ซึง่ หากอปุ กรณ์ดีเอซีเกดิ ชำรดุ จะทำให้สถานีเหล่าน้ันขาดการเชือ่ มต่อกับเครือข่าย ดังนนั้ วิธกี ารปอ้ งกัน คอื ใหเ้ ชอ่ื มสถานเี หล่านี้เข้ากับอปุ กรณ์ DAC มากกวา่ หน่งึ สถานี ถ้าอุปกรณ์ DAC เคร่ืองแรกมีปญั หา สถานเี หลา่ น้สี ามารถติดตอ่ กบั เครือขา่ ยโดยผ่านอุปกรณ์ DAC เครื่องอื่นทีม่ กี าร เชอ่ื มตอ่ อยู่ในขณะนนั้ แทนได้ 3) สถานีประเภท SAS (Single Attachment Station) เป็นสถานีท่ี เชอื่ มต่อเข้ากับเครือข่ายเพยี งวงแหวนเดียว โดยนำมาเชอื่ มตอ่ ผา่ นตัวเขื่อมท่ีเป็นสถานีประเภท DAC ดงั น้ันหากสถานปี ระเภทนี้ชำรดุ หรือมกี ารปิดเครื่องจะไมม่ ผี ลกระทบต่อระบบเครอื ขา่ ยท้ังระบบ 4) โปรโตคอล PMD (Physical Medium Dependent Protocol) เปน็ โปรโตคอลทกี่ ำหนดคุณสมบัตขิ องสายสญั ญาณ ระดับของสัญญาณส่วนต่างๆ ของสายใยแก้วนำแสง หวั เชือ่ มตอ่ ที่ใช้ และอัตราการเกิดขอ้ ผดิ พลาดในระบบเครือข่าย 4. เครือข่าย ATM (จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมขอ้ ท่ี 17) เครอื ขา่ ย ATM (Asynchronous Transfer Mode) เป็นเครือข่ายท่มี ีการพัฒนาเทคโนโลยี การส่งขอ้ มูลแบบใหมเ่ พ่ือตอบสนองในดา้ นความรวดเรว็ ในการรับสง่ ขอ้ มลู เครอื ข่าย ATM ประยุกต์ ได้หลายรูปแบบท้งั LAN หรือ WAN ใชก้ ับตวั กลางไดท้ งั้ แบบลวดทองแดงหรอื สายใยแก้วนำแสง เครอื ขา่ ย ATM เปน็ เครือข่ายทป่ี ระยุกต์ได้หลายรูปแบบท้ังแบบ LAN หรอื WAN ใช้ไดก้ ับตวั กลาง แบบลวดทองแดงหรอื สายใยแก้วนำแสง แต่โครงสร้างการเช่อื มโยงขอ้ มลู ระหวา่ งโหนดเป็นแบบสวิตซ์ ทเี่ รยี กวา่ ATM Switch การสง่ ผ่านข้อมลู แตล่ ะเซลจึงขึ้นกบั แอดเดรสท่ีกำหนด
ภาพแสดงเครอื ข่าย ATM เครอื ข่าย ATM เป็นเครือข่ายที่ใชเ้ ทคนิคการรับส่งขอ้ มลู แบบแบง่ แพก็ เกต็ ข้อมูลออกเปน็ ขนาดเลก็ แบบคงที่ เรียกวา่ เซลล์ โดยแต่ละเซลล์มขี นาด 53 ไบต์ แบง่ เป็นสว่ นหัว 5 ไบต์ ใชบ้ รรจุ หมายเลขเสน้ ทางระหวา่ งสวิตซ์ VIP (Virtual Path Identifier) และหมายเลขเสน้ ทางระหวา่ งตน้ ทาง และปลายทาง VCI (Virtual Circuit Identifier) และส่วนข้อมลู จำนวน 48 ไบต์ เซลลข์ ้อมูลนี้จะถูกส่งผา่ นไปตามเครือขา่ ยโดยผ่านทางอุปกรณ์สวติ ช่ิงขนาดเล็กของเครือข่าย เรียกว่าเซลลส์ วติ ชิ่ง หรอื สวติ ช่ิงเอทเี อ็ม อุปกรณ์เซลลส์ วิตชิ่งในเครอื ข่ายเอทีเอ็มจงึ เป็นเทคโนโลยที ี่ นำมาแทนเซอรก์ ิตสวิตช่งิ แบบดจิ ติ อลที่ใชอ้ ยู่ในระบบเครอื ข่ายโทรศพั ทแ์ บบเดิม 5. เครือขา่ ยแลนเสมือน (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 19) เครอื ข่ายแลนเสมือน หรือ VLAN (Virtual Area Network) หมายถึงเครอื ขา่ ยแลนจำลอง ยอ่ ยทถี่ ูกสร้างภายใต้เครือขา่ ยแลนจริง เพื่อทำให้กลุม่ ของคอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณส์ ามารถเช่อื มโยง กนั เป็นกลุ่มย่อยภายใต้ระเบียบการทำงานและนโยบายดา้ นการรักษาความปลอดภัยเดียวกนั เครอื ขา่ ยแลนเสมือนถูกสรา้ งขึ้นดว้ ยการใช้ซอฟต์แวรเ์ ข้ามาจัดการ สถานีใดที่ต้องการให้อยู่ใน เครือขา่ ยแลนเสมอื นเดยี วกันจะถกู กำหนดด้วยซอฟตแ์ วร์ โดยกลุ่มสถานีตามหลักเครอื ข่ายแลน เสมือนชว่ ยใหก้ ารปรับเปล่ียนโครงสร้างเครอื ข่ายทำไดต้ ามความตอ้ งการ มีการบรหิ ารจัดการทง่ี า่ ย และชว่ ยให้การรบั ส่งข้อมูลในเครือขา่ ยมีความปลอดภยั มากขน้ึ Switch Switch Switch Switch Switch Switch Station Station Station Station Station Station Subnet1 Subnet3 Station Station Station Subnet2 ภาพแสดงแลนทป่ี ระกอบด้วย 3 เครือข่ายย่อยที่เชือ่ มต่อกนั จากภาพแสดงถงึ เครอื ข่ายแลนที่ประกอบด้วย 3 เครือขา่ ยยอ่ ย โดยแต่ละเครอื ข่ายย่อยจะมี สายเชือ่ มตอ่ กบั สวิตช์ ส่งผลให้เกดิ การแบ่งเครือข่ายหลกั ออกเปน็ เครือข่ายยอ่ ยหรอื เซก็ เมนต์ โดย สถานที อ่ี ยใู่ นเซก็ เมนตเ์ ดียวกนั เชื่อมต่อกันดว้ ยฮบั ตัวเดยี วกัน ถา้ ต้องการย้ายสถานหี น่ึงใหไ้ ปอยูใ่ น เครอื ข่ายย่อยอ่นื จะเกดิ ความยงุ่ ยาก เครอื ขา่ ยแลนเสมือนชว่ ยจดั การเคร่ืองคอมพิวเตอรส์ ำหรบั กลุ่ม คนทำงานจากสถานใี นเครือขา่ ยย่อยใดๆ กไ็ ด้ โดยทีส่ ถานีทอ่ี ยู่ในเครือขา่ ยยอ่ ยเดียวกันไม่จำเปน็ ต้องมี
การเช่ือมตอ่ เป็นเครือข่ายย่อยเดียวกัน ทำใหไ้ มจ่ ำเปน็ ตอ้ งเปลีย่ นรปู แบบในการเชื่อมตอ่ ของแต่ละ สถานีใหม่ ดงั แสดงในภาพที่ 3.28 Switch Switch Switch Switch Switch Station Station Station VLAN1 Station Station Station Switch VLAN2 Station Station Station ภาพแสดงเครอื ข่ายแลนเสมือน การจัดกลมุ่ สถานีเดียวกนั ทำไดโ้ ดยการใชซ้ อฟต์แวร์เข้ามาชว่ ย สถานีทเ่ี ชือ่ มตอ่ กันทาง สัญญาณสามารถโยกยา้ ยไปยังเครือข่ายแลนเสมือนอ่ืนได้ สถานีใดถา้ อยู่ในเครือขา่ ยแลนเสมอื น เดยี วกนั จะได้รบั ข้อมูลในรูปแบบบรอดคาสต์ หรือการส่งขอ้ มูลไปหาทกุ สถานใี นเครือข่ายแลนเสมอื น เดยี วกัน การจดั กล่มุ สถานีใหอ้ ยูใ่ นเครือขา่ ยแลนเสมือนเดียวกัน สามารถทำไดโ้ ดยใช้หมายเลขพอรต์ แมคแอดเดรส และไอพีแอดเดรส มีรายละเอยี ดังตอ่ ไปน้ี 1) หมายเลขพอร์ต (Port Number) เป็นตัวกำหนดสมาชิกทีอ่ ยู่ในกลมุ่ เครอื ข่ายแลนเสมือน เดียวกัน เช่น การกำหนดให้กลมุ่ ของสถานีท่ีเช่ือมตอ่ กบั พอร์ตหมายเลข 1 หมายเลข 2 หมายเลข 5 หมายเลข 8 ใหร้ วมกนั เปน็ เครอื ขา่ ยแลนเสมือนกล่มุ ที่ 1 สว่ นสถานที ี่เชื่อมตอ่ กบั พอรต์ หมายเลข 4 หมายเลข 9 หมายเลข 13 เชอ่ื มต่อกันเปน็ เครอื ข่ายแลนเสมอื นกล่มุ ท่ี 2 เป็นตน้ 2) แมคแอสเดรส (MAC Address) เปน็ ตวั กำหนดสมาชกิ ทอ่ี ยใู่ นกลุม่ เครอื ขา่ ยแลนเสมอื น เดยี วกนั เชน่ การกำหนดให้สถานที ีม่ ี MAC Address หมายเลข E214542A5234 และ C2A123FDE341 อยู่ในเครอื ข่ายแลนเสมอื นกล่มุ ท่ี 1 3) ไอพีแอสเดรส (IP Address) เป็นตัวกำหนดสมาชกิ ทีอ่ ยใู่ นกล่มุ เครอื ข่ายแลนเสมือน เดียวกัน เช่น การกำหนดให้สถานที ม่ี ไี อพีแอสเดรสเท่ากับ 192.155.44.44, 192.155.44.69, 192.155.44.87 และ192.155.44.110 อยู่ในเครือข่ายแลนเสมือนกลุ่มที่ 1 การกำหนดกลุ่มสถานีในเครอื ขา่ ยแลนเสมือนสามารถใชท้ ุกวิธีรว่ มกนั ไดโ้ ดยตอ้ งใช้ซอฟตแ์ วร์ เข้ามาชว่ ยในการจดั การ และการกำหนดค่าต่างๆ ในการสรา้ งเครอื ข่ายแลนเสมอื น สามารถทำได้ 3 วธิ ี คอื 1) การกำหนดแบบแมนนวล (Manual) ผ้บู ริหารเครอื ข่ายจะต้องพิมพห์ มายเลขพอร์ต ไอพี แอสเดรส หรอื คณุ สมบัติอนื่ ๆ ทีต่ ้องการกำหนดผ่านซอฟต์แวรท์ ่ีจัดการเก่ยี วกบั เครอื ขา่ ยแสนเสมือน
ด้วยตวั เองเพื่อกำหนดว่าสถานีใดจะอยูใ่ นเครอื ข่ายแลนเสมือนหนง่ึ ผู้บริหารเครอื ข่ายกต็ อ้ งเปน็ ผู้ แก้ไขขอ้ มลู ด้วยตวั เอง 2) การกำหนดแบบก่งึ อัตโนมัติ (Semiautomatic) เปน็ การกำหนดค่าโดยเร่ิมตน้ ผู้บรหิ าร เครอื ขา่ ยจะตอ้ งเป็นผู้พมิ พค์ ่าตา่ ง ๆ เพ่ือกำหนดเครือข่ายเสมอื นด้วยตัวเอง และถา้ มีการโยกย้าย สถานไี ปอยู่เครือขา่ ยเสมอื นอ่นื ๆ ซอฟต์แวร์จะทำการเปลีย่ นค่าใหเ้ องโดยอตั โนมตั ิ 3) การกำหนดแบบอัตโนมัติ (Automatic) เป็นการใชซ้ อฟตแ์ วร์เขา้ มาชว่ ย ผู้บริหาร เครอื ข่ายจะกำหนดเกณฑท์ ใ่ี ชใ้ นการตดั สนิ ใจให้สถานีอยู่ในเครอื ขา่ ยแลนเสมือนใด เครอื ข่ายแลนเสมอื นเปน็ กลไกการบริหารจัดการเครือข่ายทง่ี ่ายที่สามารถทำให้กลมุ่ ผู้ใช้ เสมือนสามารถสอ่ื สารกนั ไดเ้ สมอื นอยู่ในเครอื ข่ายแลนเดยี วกนั อีกทงั้ ตอ้ งสามารถปรับเปลย่ี นกลุ่มของ การสอ่ื สารนใี้ ห้ไดต้ ลอดเวลาตามทีต่ อ้ งการ เครอื ขา่ ยแลนเสมือนมปี ระโยชน์อย่างมากสำหรับการ ดำเนินงานขององค์กร ซง่ึ สามารถสรปุ ไดด้ งั นี้ 1) การเพิม่ ประสิทธภิ าพของระบบเครือขา่ ย ในส่วนท่ีจำเปน็ จะตอ้ งใช้ขอ้ มูลร่วมกันอยู่ ตลอดเวลา ทำให้เกิดการทำงานเป็นทีมทง่ี า่ ยขน้ึ ชว่ ยลดการจราจรที่คับคงั่ บนเครอื ข่ายได้ 2) ความง่ายต่อการจัดการหรือปรับเปลยี่ นระบบเครอื ข่าย ระบบมคี วามยืดหยุ่น เสยี ค่าใช้จ่ายนอ้ ย สะดวกและรวดเรว็ ขึ้น ถ้าตอ้ งการเปลย่ี นโครงสร้างของเครอื ข่ายแลนเสมอื นทำได้ดว้ ย การกำหนดคา่ ต่าง ๆ ท่อี ุปกรณ์เครือขา่ ยใหม่ 3) การเพิม่ ความปลอดภยั ใหก้ บั ระบบ เพราะเมื่อต้องการติดตอ่ ข้ามเครอื ข่ายต้องมกี ารส่ง ขอ้ มูลผา่ นเราทเ์ ตอร์ เพอื่ ชว่ ยค้นหาเสน้ ทาง ทำใหร้ ะบบมคี วามปลอดภยั ข้นึ 6.เครือข่ายแวน (WAN) (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมขอ้ ท่ี 20) เครือขา่ ยแวน หรือ WAN (Wide Area Network) เปน็ เทคโนโลยีทใี่ ช้สำหรบั การเชื่อมต่อ เครือขา่ ยแลนท่ีอยู่ห่างไกลกัน และไมส่ ามารถเช่ือมตอ่ กนั โดยใชเ้ ทคโนโลยี LAN ระยะทางเปน็ ข้อจำกัดในการออกแบบเครือข่าย WAN เพราะเมื่อต้องส่งข้อมูลไปไกลๆ กำลังของสญั ญาณก็จะออ่ น ลงซึง่ มีผลตอ่ ประสิทธิภาพในการรับสง่ ขอ้ มูล เครือขา่ ย WAN จึงตอ้ งลดขนาดของแบนด์วิธเพอ่ื ให้ ระยะทางเพ่มิ ข้ึน ดงั นนั้ แบนดว์ ธิ ของเครือขา่ ย WAN จึงนอ้ ยกวา่ เครือขา่ ย LAN แต่สามารถรบั สง่ ขอ้ มลู ได้ระยะท่ีไกลข้นึ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็เป็นเครอื ข่าย WAN ที่ใหญ่ทส่ี ุดในโลก และเป็น เครอื ขา่ ยที่ครอบคลมุ ท่ัวโลก ซึง่ เทคโนโลยี WAN มอี งคป์ ระกอบทส่ี ำคญั ดังน้ี - ระบบสง่ สญั ญาณ (Transmission Facility) - อปุ กรณ์เครอื ขา่ ย เช่น เร้าทเ์ ตอร์ สวิตซ์ CSU/DSU - ระบบจดั การที่อยู่ (Internetwork Addressing) - โปรโตคอลจัดเส้นทาง (Routing Protocol)
ภาพแสดงลักษณะเครือข่าย WAN ระบบทใ่ี ชใ้ นการรับส่งสญั ญาณสำหรับเครอื ข่าย WAN นัน้ มีหลายประเภท ซึ่งจะแตกตา่ งกัน มากในเรื่องของลักษณะการส่งสัญญาณ ซ่ึงสามารถจำแนกระบบสง่ สญั ญาณเหล่านี้ออกเป็นสอง ประเภท คือ 1) ระบบสง่ สญั ญาณแบบวงจรสวิตซ์ (Circuit Switched Facility) เปน็ กลไกสือ่ สารขอ้ มูลที่ สรา้ งทางขอ้ มลู ระหวา่ งสถานีรับและสถานสี ง่ กอ่ นทจี่ ะสง่ ข้อมลู เมอ่ื เส้นทางดงั กลา่ วน้สี ร้างแล้วจะใช้ ในการสง่ ข้อมูลได้เฉพาะสถานนี เ้ี ท่าน้นั โดยเฟรมขอ้ มลู ที่ส่งแตล่ ะครง้ั จะถกู ส่งผา่ นเครือข่าย โดยใช้ เส้นทางเดยี วกัน ระบบที่ใชก้ ารส่งสญั ญาณแบบวงจรสวิตซไ์ ดแ้ ก่ระบบโทรศัพท์ 2) ระบบสง่ สัญญาณแบบแพ็กเก็ตสวติ ซ์ (Packet-Switched Facility) ระบบแพ็กเกต็ สวิตซ์ จะจัดเสน้ ทางนำส่งข้อมูลทีละแพ็กเกต็ ซ่งึ การรบั สง่ ขอ้ มลู แยกแบบนี้จะมคี วามยืดหยุ่นมากกวา่ เนอ่ื งจากสามารถจัดเสน้ ทางให้หลีกเลีย่ งเสน้ ทางที่ชำรุดในระหวา่ งการเช่อื มตอ่ ได้ 6.1 Leased Line (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมข้อท่ี 21) Leased Line หรอื สายเชา่ เปน็ ระบบส่งสญั ญาณแบบวงจรสวติ ซ์ (Circuit Switching) ที่ ทนทานและยืดหย่นุ มาก เปน็ ระบบที่ใชส้ ายสญั ญาณจากองค์กรท่ีให้บริการ สายเช่าเปน็ เพยี งเสน้ ทาง ข้อมลู หน่ึงท่ีจองไวใ้ ช้งานเฉพาะเท่านั้นไมไ่ ด้เป็นการเชื่อมตอ่ แบบจดุ ต่อจดุ โดยเส้นทางนอ้ี าจเดินผา่ น ชุมสายโทรคมนาคมหลายทซี่ ึง่ ไม่ใช่เปน็ การเช่ือมตอ่ โดยตรงระหว่างสถานรี ับและสถานสี ่ง ภาพแสดงลักษณะการเช่อื มตอ่ ด้วยสายเช่า(Leased Line) 6.2 ISDN (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมขอ้ ท่ี 22)
ISDN(Integrated Services Digital Network) เปน็ เทคโนโลยดี ิจติ อลทใ่ี ช้สายโทรศพั ทท์ ่ี รองรับเสยี งและขอ้ มลู ดจิ ติ อลบนสายสญั ญาณเดยี วกัน และในเวลาเดยี วกนั ได้ ระบบ ISDN เป็นการ แปลงสัญญาณโทรศพั ท์ใหเ้ ป็นสัญญาณดิจติ อล ทำให้สง่ ขอ้ มูลท่ีเป็นดิจิตอล เชน่ ไฟล์ ภาพกราฟิก วิดีโอ ไปบนสายโทรศพั ท์ได้ ISDNสามารถรองรับชอ่ งข้อมลู หลายช่อง โดยใชเ้ ทคนคิ TDM(Time Division Multiplexing) การให้บรกิ ารของ ISDN มสี องอัตรา คอื ตั ราพื้นฐานหรอื BRI(Basic Rate) มี แบนดว์ ิธ 144 kbps และอตั ราหลักหรอื PRI(Primary Rate) มีแบนดว์ ธิ 1.544 Mbps ภาพแสดงลักษณะการเชอื่ มตอ่ เครอื ข่าย ISDN 6.3 DSL (จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรมข้อท่ี 23) DSL (Digital Subscriber Line) หรือ xDSL เปน็ เทคโนโลยที ่ีให้บรกิ ารในการสอื่ สารขอ้ มูล ดิจติ อล โดยใชเ้ ครือข่ายสายโทรศพั ท์ที่มอี ยู่ DSLโดยปกติอตั ราขอ้ มูลในการดาวน์โหลดจะอยทู่ ี่ ประมาณ 128 kbps ไปจนถึง 24,000 kbps ขึ้นอยกู่ บั ประเภทของ DSL และระดบั การให้บรกิ าร สำหรบั ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Line) ส่วนอัตราข้อมูลในการอพั โหลดขอ้ มูลน้นั โดยส่วนใหญจ่ ะน้อยกวา่ ดาวน์โหลด และสำหรับ SDSL (Symmetric Digital Subscriber Line) จะ เท่ากนั ท้งั อัพโหลดและดาวน์โหลด ภาพแสดงลกั ษณะการเช่ือมตอ่ เครือข่าย DSL DSL เปน็ เทคโนโลยีทีเ่ ริม่ จากการเป็นสว่ นหนึง่ ของขอ้ กำหนดของ ISDN เพ่อื รับสง่ ขอ้ มลู ดจิ ิตอลโดยใช้ช่วงความถ่ีท่ีไม่ไดใ้ ชง้ านในระบบสายโทรศัพทท์ ่อี ยรู่ ะหวา่ งชุมสายโทรศัพท์และจุดเช่ือม ต่อของลกู คา้ DSLเปน็ เทคโนโลยกี ารรับสง่ ข้อมลู ดิจิตอลแบบความเร็วสงู ถงึ 8 Mbps และยังสามารถ ใช้โทรศัพท์ได้ตามปกติ ระบบโทรศัพท์จะใชบ้ างส่วนของชว่ งความถี่บนสายโทรศัพท์ ซง่ึ จะเปน็ ชว่ ง ความถ่ีตำ่ ไมเ่ กิน 4 kHz สว่ น DSL จะใชช้ ว่ งความถี่ทส่ี งู กวา่ นนั้
เทคโนโลยี DSLเปน็ เทคโนโลยีท่ีใชส้ ายเดียวกนั กบั สายโทรศพั ทใ์ นการรบั ส่งข้อมลู อัตรา ข้อมลู สงู สดุ จะข้นึ อยู่กับระยะทางจากจุดเช่ือมต่อไปยังชมุ สายโทรศัพท์ คุณภาพของสายสญั ญาณและ ประเภทของการใหบ้ ริการ DSL ซ่งึ บางทจี ะเรยี กวา่ xDSL ท่ีสามารถแบ่งชว่ งความถ่ีสัญญาณบน สายโทรศพั ท์ออกเป็นสามชว่ ง เพอ่ื ใช้ในการสง่ ขอ้ มลู ดังนี้ - ช่วงความถี่ต่ำ (0-4 kHz) จะใชส้ ำหรบั การรับส่งสัญญาณโทรศัพท์ - ช่วงความถี่ท่ีใช้สำหรบั การสง่ ขอ้ มูล หรือเรียกว่า upstream - ชว่ งความถใ่ี ช้สำหรับรบั ขอ้ มูล หรือเรยี กว่า downstream DSL แต่ละประเภทจะมีชว่ งความถ่ีในการรบั ส่งขอ้ มูลไม่เท่ากนั ทำให้อตั ราขอ้ มูลของแตล่ ะ ประเภทไม่เท่ากัน 6.4 X.25 X.25 เป็นโปรโตคอลมาตรฐานของเครอื ข่าย WAN ซงึ่ เปน็ มาตรฐานของ ITU-T ท่ีกำหนด ข้ันตอนการสรา้ งและคงไวข้ องการเชื่อมต่อกนั ระหว่างอุปกรณ์ของผใู้ ช้และอปุ กรณ์เครอื ขา่ ย X.25 เปน็ โปรโตคอลท่ีออกแบบมาเพ่ือให้ใชง้ านได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเช่ือมต่อเข้ากับระบบใดกต็ าม แต่สว่ นใหญ่จะนยิ มใชก้ ับระบบนำส่งข้อมลู สาธารณะ ภาพแสดงลกั ษณะเครือขา่ ย X.25 อปุ กรณท์ ใี่ ช้กับระบบเครอื ข่าย X.25 จะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คอื DTE(Data Terminal Equipment) เป็นอปุ กรณ์ท่ีต้องการรับสง่ ขอ้ มลู ผ่านเครอื ข่าย X.25 เชน่ คอมพิวเตอร์, เทอร์มนิ อล, เซริ ์ฟเวอร์ เป็นต้น DCE (Data Circuit Equipment) เป็นอุปกรณส์ ่ือสารท่ีเช่ือมต่อ DCE กับเครอื ข่ายและ PSE (Packet Switch Exchange) สว่ น PSE เปน็ กลุ่มของสวติ ช์ทเ่ี ช่ือมกันเป็น เครอื ข่าย X.25 และทำหนา้ ทีถ่ ่ายโอนขอ้ มูลจาก DTE หนึ่งไปยัง DTE หนึง่ โดยผา่ น PSN (Packet Switch Network) หรือระบบนำส่งขอ้ มูลสาธารณะ 6.5 เฟรมรีเลย์ (Frame Relay) (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 24) เฟรมรเี ลย์ (Frame Relay) เป็นเครือข่ายแบบแพ็กเกต็ สวิตซ์ทีน่ ิยมใช้ใน WAN มากใน ปจั จบุ นั เฟรมรีเลย์เปน็ เทคโนโลยีท่ีพฒั นาต่อจาก X.25 โดยการแก้ไขขอ้ บกพร่องของ X.25 และปรับ ไดเ้ ขา้ กบั สภาพของเทคโนโลยที ่ีเปล่ียนไป เฟรมรีเลย์จะเปน็ อกี ทางเลือกหนง่ึ สำหรับการอัพเกรดของ
ผู้ท่ีเคยใช้บริการ X.25 เนือ่ งจากเฟรมรเี ลย์จะเป็นระบบทถี่ กู ออกแบบสำหรบั เครอื ข่ายสมยั ใหม่ โดย ใชก้ ารส่งข้อมลู แบบดิจติ อลและเทคโนโลยีไฟเบอร์ออปตกิ และยงั ได้มีการพัฒนาโปรโตคอลโดยตัด ข้อมูลบางสว่ นทใ่ี ช้ในการตรวจสอบขอ้ ผดิ พลาด เพือ่ ใหไ้ ดค้ วามเร็วมากกวา่ ข้อดอี ีกอย่างของเฟรม รเี ลยค์ อื การรวมหลายการเชือ่ มตอ่ หรือวงจรเสมอื น ให้สามารถส่งข้อมลู ผ่านสายสัญญาณเส้นเดยี วกัน ได้ ภาพแสดงลกั ษณะเครอื ขา่ ย Frame Relay เฟรมรเี ลยเ์ ป็นโปรโตคอลทำหน้าที่ในเลเยอร1์ และ 2 ของแบบอา้ งองิ OSI เทา่ นัน้ ซ่งึ จะตา่ ง จาก X.25 ทีท่ ำงานถึงเลเยอร์ที่ 3 ผใู้ ช้ทตี่ อ้ งการเช่ือมตอ่ เข้ากบั เครือข่ายเฟรมรีเลย์จะเสียคา่ บริการคา่ เชา่ สาย Leased Line อุปกรณข์ องเครือขา่ ยเฟรมรีเลย์จัดได้เป็น 2 ประเภท คือ DTE (Data Terminal Equipment) และ DCE(Data Circuit Equipment) โดยท่ี DTE เป็นอปุ กรณ์ทเ่ี ป็นจดุ สิน้ สดุ ของ เครือขา่ ยเฟรมลีเลย์ เช่นคอมพวิ เตอร์ เราทเ์ ตอร์ เทอร์มนิ อล เปน็ ตน้ สว่ นใหญ่ DTE จะเปน็ อปุ กรณ์ ของผใู้ ชบ้ ริการ สว่ น DCE เป็นสวติ ซข์ องเครือขา่ ยเฟรมรีเลย์ ทำหน้าที่จัดการเก่ียวกับการรบั สง่ ขอ้ มูล ระหวา่ ง DTE ซง่ึ อุปกรณน์ ้จี ะเปน็ ของผู้ให้บรกิ ารเฟรมรเี ลย์ 6.6 ATM (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อท่ี 25) ATM (Asynchronous Transfer Mode) เปน็ มาตรฐานการสื่อสารขอ้ มูลดิจิตอลของ ITU-T โดยรวมเอาบริการหลายประเภท เช่น เสียง วดี ีโอ และขอ้ มูลเขา้ ไว้เป็นเซลลข์ นาดเล็กและคงที่ ATM เป็นเทคโนโลยีทเ่ี ปน็ ผลมาจากมาตรฐาน B-ISDN ซ่ึงเป็นกลไกในการรบั สง่ ข้อมลู แบบอะซิงโครนัสใน ระบบ SDN ภาพแสดงลักษณะการส่อื สารแบบ ATM เครือข่าย ATM มจี ดุ เดน่ ที่มีอตั ราการสง่ ผ่านขอ้ มูลสูงและเวลาในการเดนิ ทางของขอ้ มูลนอ้ ย และจัดว่าเป็นระบบเครอื ข่ายแบบแพ็กเก็ตสวติ ซ์ชนิดพเิ ศษ ท่ีมีคุณภาพของการให้บรกิ ารในการ รับรองอัตราขอ้ มูลขน้ั ต่ำและอัตราขอ้ มูลสูงสุดท่ีเครอื ข่ายสามารถรองรบั ได้
6.7 IPSTAR (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมขอ้ ท่ี 26) IPSTAR เป็นบรกิ ารอนิ เทอรเ์ นต็ ความเร็วสูงผ่านช่องสญั ญาณดาวเทยี มแบบสองทางท่มี กี าร เช่ือมต่อแบบตลอดเวลา IPSTAR เป็นดาวเทยี มส่งสญั ญาณทม่ี าจากสถานภี าคพื้นดนิ รองรบั เครอื ข่าย KU-Band ในการใช้งานทหี่ ลากหลายคล่นื ความถี่ ภาพแสดงลกั ษณะ IPSTAR การให้บริการอนิ เตอรเ์ น็ตความเร็วสงู ผ่านทางเครือขา่ ยดาวเทยี ม IPSTAR ผู้ใช้สามารถใช้ บรกิ ารในระดับความเร็วทส่ี ูงสดุ ตงั้ แต่ 256 ถึง 2,048 kbps ซ่ึงมขี ้อดีในเร่อื งการใหบ้ รกิ ารที่ ครอบคลมุ พน้ื ทีท่ ่วั ประเทศ ติดตั้งไดส้ ะดวกและรวดเรว็ 6.8 ระบบดาวเทยี ม (จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมข้อที่ 27) การสง่ สัญญาณระบบดาวเทยี ม นิยมสง่ สัญญาณในยา่ นความถ่ี C Band ทม่ี ีความถข่ี าลง ระหวา่ ง 3.4–4.8 GHz และยา่ นความถ่ี KU Band ท่ีมคี วามถ่ขี าลงระหวา่ ง 10.7 -12.3 GHz โดยรบั สญั ญาณจากดาวเทยี มประเภทค้างฟ้า ทั้งนกี้ ารรับสัญญาณจะต้องอาศัยเครื่องรับสญั ญาณดาวเทียม และชุดจานรับสัญญาณดาวเทยี มทม่ี คี ุณสมบัตแิ ตกต่างกันไป ตามแตร่ ปู แบบการส่งสัญญาณของแต่ละ สถานี ภาพแสดงลักษณะ IPSTAR การรับสัญญาณผ่านดาวเทยี ม ถา้ เป็นย่านความถี่ KU Band อาจมปี ัญหาภาพและเสียขาด หายเมอ่ื มฝี นตก เมฆคร้ึม เมฆหนา แตม่ ีความได้เปรียบด้านขนาดของจานรบั ทมี่ ีขนาดเล็ก ตดิ ตั้งงา่ ย 7. เครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมขอ้ ที่ 28)
อินเทอรเ์ น็ต (Internet) มาจากคำวา่ Interconnection Network เป็นการเชอื่ มตอ่ ระหว่าง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ทเ่ี ช่ือมต่อกนั ท่ัวโลก โดยมีมาตรฐานการรบั ส่งขอ้ มลู ระหว่างกันเปน็ แบบเดยี วกนั ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนข่าวสารไดอ้ ย่างอิสระโดยที่ระยะทางและเวลาไม่มีผลต่อการ แลกเปลี่ยนข้อมูล อินเทอรเ์ นต็ สามารถเชือ่ มแหล่งขอ้ มูลตา่ งๆ เข้าด้วยกนั ไม่ว่าจะเปน็ ในระดบั บคุ คล องค์การธรุ กิจ มหาวิทยาลยั และหน่วยงานรฐั บาล อินเทอรเ์ นต็ เปน็ เครือขา่ ยท่ีมคี วามปลอดภัย ค่อนข้างนอ้ ยเนอื่ งจากผู้ใชง้ านทกุ คนสามารถเขา้ ถึงขอ้ มลู ทุกอย่างท่แี ลกเปล่ยี นผา่ นอินเทอร์เน็ตได้ ภาพแสดงลกั ษณะการเช่ือมตอ่ เครือข่ายทั่วโลก อนิ เทอร์เน็ตเป็นเครอื ขา่ ยแวนแบบสาธารณะท่ไี ม่มเี จา้ ของโดยตรง โดยท่ัวไปเครอื ข่าย อินเทอร์เนต็ จะติดตอ่ ผ่านหน่วยงานทใ่ี ห้บรกิ ารอินเทอร์เนต็ หรอื ISP(Internet Service Provider) บริการทม่ี อี ยใู่ นอนิ เทอรเ์ น็ตจะเปน็ บรกิ ารที่ผูใ้ ชง้ านในอนิ เทอร์เน็ตเปน็ ผ้สู ร้างขน้ึ และอาจมกี ารคิดค่า ใชจ่ ่ายกับผเู้ ข้าใช้หรอื ไมก่ ไ็ ด้ ซง่ึ สามารถแบ่งบริการที่มีอยใู่ นระบบอินเทอรเ์ นต็ ได้ดังนี้ 1) บริการนำเสนอขอ้ มูลในระบบ WWW(World Wide Web) เป็นการนำเสนอข้อมลู ทีม่ ี ภาษา HTML(Hypertext Markup Language) เปน็ ภาษาสนับสนนุ การเผยแพรเ่ อกสาร หรอื เอกสาร เว็บจากเครื่องแม่ข่าย ไปยังสถานท่ตี ่าง ๆ ในระบบ ซึง่ การเผยแพรข่ ้อมูลทางอนิ เทอร์เน็ตผ่านสอ่ื ประเภทเว็บเพจเปน็ ท่ีนิยมกันอยา่ งสงู ในปัจจุบนั เพราะสามารถเผยแพรไ่ ด้ท้ังข้อมลู ตวั อักษร ขอ้ มูลภาพ ขอ้ มูลเสียงและภาพเคล่ือนไหว มลี กู เลน่ และเทคนคิ การนำเสนอที่หลากหลาย อกี ทง้ั ยัง สามารถเชื่อมโยงขอ้ มลู ไปยงั จุดอ่นื บนหน้าเวบ็ ได้ ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงไปยังเวบ็ อน่ื ๆ ในระบบ เครือข่าย อันเป็นท่ีมาของคำว่า Hypertext จึงมลี กั ษณะคล้ายกบั วา่ ผอู้ ่านเอกสารเว็บสามารถโต้ตอบ กบั เอกสารน้ัน ๆ ดว้ ยตนเอง ตลอดเวลาท่ีมกี ารใช้งานนั่นเอง 2) ไปรษณีย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic Mail) หรือ e-Mail เปน็ วธิ กี ารตดิ ต่อสื่อสารกันบน Internet ท่เี ปน็ มาตรฐานและเก่าแก่ทสี่ ุด โดยทสี่ ามารถจะสง่ เอกสารที่เป็นข้อความ แบบมัลตมิ เิ ดียท่ี มีทัง้ ภาพและเสยี งไปรอบโลก ในการใหบ้ ริการแบบน้ี ผู้ทีต่ ้องการสง่ และรบั จดหมาย อีเล็กทรอนิกส์ จะต้องมีบญั ชกี ารใช้บรกิ ารที่แน่นอน ซึง่ เรียกวา่ e-Mail Address 3) Social Network คือเว็บไซตท์ ี่เชอ่ื มโยงผ้คู นไว้ดว้ ยกัน ผา่ นอนิ เทอรเ์ นต็ ซงึ่ เปน็ เวบ็ ไซต์ ช่วยให้สอ่ื สารกบั คนทีม่ ีความช่นื ชอบในเร่ืองเดยี วกนั แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ หรอื รวมตัวกนั ทำ กิจกรรมท่ีมปี ระโยชน์ นอกจากน้ยี งั เปน็ แหล่งพบปะเพอื่ นท่ีไม่เคยเจอกันหรือเพ่ือนทอี่ ยู่ไกลกันได้ และ ด้วยความท่ี Social Network เข้าถงึ กลุม่ เป้าหมายไดร้ วดเร็วและเป็นช่องทางการสอ่ื สารไดต้ ลอดเวลา ด้วยเหตนุ ี้จึงมีการนำมาใช้ทางดา้ นธรุ กิจ โปรโมทตนเอง โปรโมทสนิ คา้ องคก์ ร หรอื บรษิ ัท รวมถึงใช้
เป็นชอ่ งทางสร้างความสมั พนั ธ์กบั ลกู ค้า สรา้ งกิจกรรม หรือพูดคุยตอบข้อซักถามถึงสนิ ค้าและบรกิ าร ทำให้เรามอี กี ช่องทางในการส่อื สารกับลูกค้าได้ เช่น Hi5, Facebook, MySpace.com, twitter เป็น ตน้ 4) บริการใช้เครอื่ งขา้ มเครอื ขา่ ยดว้ ยโปรแกรม Telnet เปน็ บริการทมี่ ีประโยชนแ์ ละประหยัด ค่าใช้จ่าย ทท่ี ำใหส้ ามารถใช้เครื่องคอมพวิ เตอรท์ ี่หา่ งไกลออกไปโดยเสมือนอยทู่ ่ีหนา้ เครอ่ื งนัน้ ผา่ น เครอื ข่ายอินเทอรเ์ น็ต เช่นการ Compile โปรแกรมหรือการสง่ั และการคำนวนท่ีไม่สามารถใช้เครื่อง คอมพิวเตอรส์ ่วนบุคคลท่วั ไป 5) บริการคดั ลอกข้อมูลข้ามเครือข่ายดว้ ย FTP (File Transfer Protocol) เปน็ บริการ คดั ลอกข้อมูลขา้ มเครือขา่ ย ทีส่ ามารถสง่ ขอ้ มูลจากเครือ่ งลูกขา่ ยไปยังเคร่ืองแมข่ ่าย ใช้ในการดาวน์ โหลดข้อมูลจากเคร่ืองแม่ขา่ ยมาไวท้ ่เี ครือ่ งลูกขา่ ย ซึง่ การใชบ้ ริการ FTP สามารถทำได้ท้ังผู้ทีเ่ ปน็ สมาชิก FTP Server และบคุ คลภายนอก ทไ่ี ม่ไดเ้ ปน็ สมาชกิ โดยสามารถเขา้ ไปใชบ้ ริการบางประเภท ในนาม anonymous ปจั จบุ ันการใชบ้ ริการ FTP สามารถทำไดท้ ้ังในรปู แบบ Text Mode ผ่าน Unix ด้วยคำส่ัง get, put หรอื Graphics Mode ผ่าน Microsoft Windows เชน่ การใช้โปรแกรม WinFTP, FileZilla หรอื CuteFTP เป็นต้น 6) บรกิ ารคน้ หาขอ้ มูลด้วยโปรแกรมคน้ หาหรอื Search Engine เปน็ โปรแกรมทชี่ ่วยในการ สืบคน้ หาขอ้ มูลบนอนิ เทอรเ์ น็ต ครอบคลมุ ทง้ั ข้อความ รปู ภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟตแ์ วร์ แผน ที่ ขอ้ มลู บุคคล กลมุ่ ขา่ วและอน่ื ๆ ซ่งึ จะคน้ หาขอ้ มูลจากคำสำคัญหรอื Key word ท่ีผใู้ ช้ปอ้ นเข้าไป จากน้ันจะแสดงรายการผลลัพธ์ทีม่ นั คิดว่าผู้ใช้นา่ จะตอ้ งการขึ้นมา เช่น Google, Bing และ Yahoo เป็นต้น 7) บริการค้นข้อมูลข้ามเครือข่าย เนือ่ งจากมคี วามพยายามทจ่ี ะจดั ตั้งระบบ Electronic Library หรือห้องสมุดเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จึงมีการพัฒนาระบบดังกลา่ ว เพ่ือทำเมนูในการค้นคว้า หาข้อมูลท่ีตอ้ งการ เช่น - Archie เป็นวิธกี ารที่จะคน้ หาสารสนเทศในลักษณะของ anonymous ftp พฒั นา จากมหาวทิ ยาลัย Mc Gill ในประเทศแคนาดา โปรแกรมนี้จะใชร้ ะบบอนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ ที่เก็บบญั ชี รายช่ือ เพอ่ื เผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศบนเครือข่าย เราสามารถสง่ คำถามไปยงั เคร่ืองท่บี รกิ ารดว้ ย e- Mail และเครอื่ งบริการกจ็ ะตอบคำถามกลับมา - Gopher พัฒนาจากมหาวิทยาลยั Minnesota เปน็ วิธีการซงึ่ สามารถท่ีจะคน้ หา และ รบั ข้อมลู แบบบนอนิ เทอร์เนต็ โดยสามารถรับข้อมูลได้หลายแบบ เช่น ข้อความ เสียง หรือภาพ ที่ทำงานผ่านเครอื ขา่ ยโดยอัตโนมตั ิ โดยมีตัวใหบ้ ริการอยทู่ วั่ ไปบนอินเทอรเ์ น็ต แต่ละตวั ใหบ้ ริการจะ เกบ็ ขอ้ มูลของตนเอง รวมถงึ การเชื่อมโยงไปยังตัวใหบ้ ริการอ่นื ๆ - Veronica มาจากคำวา่ Very Easy Rodent-Oriented Net-oriented Index to Computerized Archives ซ่ึงพฒั นาจากมหาวทิ ยาลยั แห่ง Nevada ซงึ่ การค้นหาจะใช้คำค้นในทุกตัว ให้บริการและทุกเมนู หรอื เรยี กอกี แบบหน่ึงไดว้ า่ เก็บดชั นีของทกุ ตัวให้บรกิ ารไวท้ ี่ Veronica
- WAIS มาจากคำวา่ Wide Area Information Sever ใชใ้ นการคน้ หาแหลง่ ข้อมลู โดยใช้ภาษาแบบปกติไม่ต้องใช้โปรแกรมภาษาพเิ ศษหรอื ภาษาของฐานข้อมูลในการคน้ WAIS ทำงาน โดยการรับคำร้องในการค้นและเปรยี บเทียบในเอกสารตน้ ฉบับวา่ เอกสารใด ตรงกบั ความตอ้ งการและ สง่ รายการท้งั หมดมายงั ผูท้ ่ตี ้องการ - Cloud Computing เป็นวธิ กี ารประมวลผลทอี่ ิงกับความตอ้ งการของผู้ใช้ โดยผู้ใช้ สามารถระบคุ วามตอ้ งการไปยงั ซอฟต์แวร์ของระบบ Cloud Computing จากนั้นซอฟต์แวร์จะร้อง ขอใหร้ ะบบจดั สรรทรัพยากรและบริการใหต้ รงกบั ความตอ้ งการผู้ใช้ ทง้ั นีร้ ะบบสามารถเพิ่มและลด จำนวนของทรพั ยากร รวมถงึ เสนอบริการให้พอเหมาะกับความต้องการของผ้ใู ช้ไดต้ ลอดเวลา โดยท่ี ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบเลยวา่ การทำงานหรือเหตุการณเ์ บื้องหลงั เปน็ เช่นไร 8. VPN (จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมข้อท่ี 29) VPN (Virtual Private Network) หมายถงึ เครอื ข่ายเสมือนส่วนตวั ทท่ี ำงานโดยใชโ้ ครงสรา้ ง ของเครอื ขา่ ยสาธารณะหรอื จะว่งิ บนเครือข่ายไอพกี ็ได้ แตย่ งั สามารถคงความเปน็ เครอื ข่ายเฉพาะของ องคก์ รได้ด้วยการเข้ารหสั ขอ้ มูลกอ่ นสง่ เพือ่ ใหข้ อ้ มลู มีความปลอดภัยมากขนึ้ VPN ถูกนำมาใชก้ ับองค์กรขนาดใหญท่ ่ีมีสาขาอยู่ตามทีต่ ่าง ๆ และตอ้ งการตอ่ เช่ือมเขา้ หากนั โดยยังคงสามารถรกั ษาเครอื ข่ายให้ใชไ้ ด้เฉพาะคนภายในองคก์ รหรอื คนทเี่ กีย่ วขอ้ งด้วย เทคโนโลยี VPN จะทำการเช่ือมต่อองค์ประกอบขอ้ มูลและทรัพยากรต่าง ๆ ของระบบเครอื ข่ายหนึ่งใหเ้ ขา้ กบั ระบบเครือข่ายหนึ่ง โดยจะให้ผู้ใช้งานสร้างทอ่ อุโมงค์เสมือนเพื่อใชใ้ นการรับส่งข้อมูลผา่ นระบบ เครอื ขา่ ยอนิ เตอรเ์ นต็ หรือการใช้งานอินเตอรเ์ นต็ ภาพแสดงลักษณะการเชื่อมตอ่ เครือข่าย VPN การสรา้ งวงจรเสมอื นผ่านเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ ซ่ึงจะเสยี คา่ เช่าวงจรเฉพาะท้องถิ่นและ คา่ บรกิ ารอินเทอรเ์ น็ตเท่านน้ั แตต่ ้องมีเราท์เตอร์ที่สนบั สนนุ โปรโตคอลแบบ VPN ได้ โดยมีการ เข้ารหสั ขอ้ มูลและบีบอดั ข้อมลู เขา้ ไว้ ทำให้ข้อมูลที่วิ่งไปในเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต ไดร้ ับการป้องกันและ รกั ษาความปลอดภยั ของขอ้ มูล โดยสรุปเครือข่าย VPN มีความสามารถต่าง ๆ ดงั น้ี 1) การสร้างวงจรเสมอื นผ่านเครือขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ ใชห้ ลักการให้เครอื ข่ายยอ่ ยเชอื่ มกันผา่ น ระบบอนิ เทอร์เน็ตซ่งึ จะเสยี ค่าเชา่ วงจรเฉพาะทอ้ งถ่ิน และค่าบริการอินเทอรเ์ น็ตเท่าน้ัน ทำให้เรา สามารถใช้งานอินเทอรเ์ นต็ ไดเ้ หมอื นเครือข่ายภายในองคก์ ร
2) มคี วามปลอดภยั ในการใช้งานค่อนข้างสูง เนื่องจาดการจะทำใหร้ ะบบ VPN ปลอดภัยน้ัน ประกอบไปดว้ ยหลายวธิ ี ดังนี้ - Firewalls เปน็ การสร้างความปลอดภยั ระหวา่ งระบบเครือขา่ ยกบั อินเตอร์เนต็ โดย เปน็ ตัวควบคมุ การเปิดปดิ พอร์ตต่าง ๆ ทำใหเ้ ราควบคุมไดว้ ่าตอ้ งการใหโ้ ปรโตคอลใดใช้งานได้ การ อนุญาตแพก็ เกตให้ผา่ นหรือไม่ และสามารถป้องกนั การบกุ รกุ จากพอร์ตท่ไี ม่ไดใ้ ชง้ านได้ - Encryption เป็นการเข้ารหัสของขอ้ มลู ท่ีจะทำการสง่ ไปยงั คอมพิวเตอรเ์ ครอ่ื งอื่น ซึ่งเม่อื ขอ้ มูลทผ่ี ่านการเข้ารหัสจะถกู ส่งไปถงึ ผรู้ ับ ผู้รบั จะต้องทำการถอดรหัสเพือ่ ใหไ้ ดข้ ้อมูลมา ทำให้ ข้อมูลมคี วามปลอดภัย - IPSec เปน็ โปรโตคอลท่มี คี วามปลอดภัย เมื่อนำมาใช้งานในการส่งขอ้ มูลผ่าน VPN - AAA Server เป็นการเพ่ิมความปลอดภัยในการใชง้ านแบบ Remote-Access VPN ซ่ึงเม่อื มกี ารเชือ่ มต่อจาก Dial-up นน้ั จะตอ้ งผา่ น AAA Server 9. Intranet and Extranet (จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมข้อที่ 30) 9.1 อนิ ทราเนต็ (Intranet) อินทราเน็ต (Intranet) คือระบบเครอื ข่ายภายในองค์การทเี่ ปิดบริการ และมีการเช่อื มตอ่ คอมพิวเตอร์เฉพาะภายในเครอื ข่ายของหนว่ ยงาน และเปิดให้ใช้เฉพาะสมาชดิ ในองค์การเท่านั้น เป็นการจำกัดขอบเขตการใช้งาน มีการจัดสร้างระบบบริการขอ้ มูลข่าวสารภายในองคก์ รและเปดิ บริการในรปู แบบเดยี วกับอินเทอร์เนต็ โดยมเี ปา้ หมายเพอ่ื ให้บรกิ ารแก่บุคลากรในองค์กรเทา่ นั้น ม่งุ จัดเตรียมข้อมูลและสารสนเทศภายในองคก์ าร ดว้ ยการจดั เตรยี มคอมพวิ เตอรเ์ ครื่องแมข่ า่ ยที่ ให้บริการข้อมลู ในรปู แบบเดียวกบั ทใี่ ชง้ านในอินเทอรเ์ น็ต และขยายเครือข่ายไปถึงบคุ ลากรทกุ หนว่ ยงาน ให้สามารถเรยี กคน้ ข้อมลู และส่ือสารถึงกนั ได้ ภาพแสดงลักษณะเครอื ข่ายอนิ ทราเนต็ (Intranet) อนิ ทราเนต็ จะช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการจดั การเอกสารจากเดมิ ทใ่ี ช้วธิ กี ารทำสำเนาแจกจ่าย ไม่ว่าจะเปน็ ข่าว ประกาศ รายงาน สมุดโทรศัพท์ภายใน ข้อมลู บุคลากร มาจัดทำให้อยใู่ นรปู อเิ ลก็ ทรอนิกส์แทน ผ้ใู ช้สามารถเรียกคน้ ข้อมลู ข่าวสารไดเ้ มอื่ ตอ้ งการ ช่วยทำใหก้ ารดำเนินงานเปน็ ไป ไดอ้ ย่างคล่องตัว และลดคา่ ใช้จ่ายขององค์การไดอ้ ย่างมาก หากมีการวางแผนงานและเทคโนโลยีที่
เหมาะสมก็จะชว่ ยเพม่ิ ประสิทธิภาพการดำเนินงานขององคก์ ารให้สูงขนึ้ ซ่ึงองคป์ ระกอบของ อนิ ทราเน็ตจะคลา้ ยคลงึ กับอนิ เทอร์เนต็ เน่อื งจากมกี ารนำเทคโนโลยีของอินเทอร์เนต็ มาใชน้ น่ั เอง ซึ่ง อินทราเนต็ ทดี่ ีควรประกอบดว้ ย 1. การใชโ้ ปรโตคอล TCP/IP เปน็ โปรโตคอลสำหรับติดตอ่ สอ่ื สารภายในเครอื ข่าย 2. ใชร้ ะบบ www และโปรแกรมบราวเ์ ซอร์ในการแสดงขอ้ มูลข่าวสาร 3. มรี ะบบอีเมล์สำหรับแลกเปลีย่ นข้อมลู ระหว่างบคุ ลากรในองคก์ ร รวมทง้ั มรี ะบบนวิ สก์ รุ๊ปส์ เพ่ือใช้ในการแลกเปลีย่ นความคดิ เหน็ และความรู้ของบคุ ลากร 4. ในกรณีทม่ี ีการเชอื่ มตอ่ ระบบอนิ ทราเนต็ ในองคก์ รเขา้ กับอินเทอร์เนต็ จะตอ้ งมีระบบไฟร์ วอลล์ (Fire wall) ซึง่ เป็นระบบปอ้ งกันอนั ตราย ชว่ ยกล่นั กรองให้ผู้ท่เี ข้ามาใชง้ านได้เฉพาะบรกิ ารและ พ้ืนท่ใี นสว่ นท่อี นุญาตไวเ้ ทา่ น้นั รวมทง้ั ชว่ ยป้องกนั นกั เจาะระบบทจ่ี ะทำการขโมยหรือทำลายขอ้ มูลใน เครือข่ายขององคก์ รดว้ ย ในปัจจบุ ันหนว่ ยงานทัง้ ภาครัฐและเอกชน ไดน้ ำเทคโนโลยีอินทราเนต็ มาประยุกต์ใช้ในองคก์ ร กันอยา่ งแพรห่ ลาย ซงึ่ เป็นการปฏิรปู และก่อใหเ้ กดิ ผลดีตอ่ กระบวนการและขัน้ ตอนการทำงานท้งั ใน ปจั จุบันและในอนาคตชว่ ยใหก้ ารดำเนนิ งานเปน็ ไปได้อย่างคลอ่ งตัว และลดคา่ ใช้จ่ายลงได้อย่างมาก หากมกี ารวางแผนงานและเทคโนโลยที เ่ี หมาะสมจะชว่ ยเพิม่ ประสิทธภิ าพการดำเนนิ งานขององค์กรให้ สูงขนึ้ 9.2 เอก็ ซท์ ราเน็ต (Extranet เอ็กซท์ ราเนต็ (Extranet) คอื ระบบเครอื ขา่ ยท่ีเชื่อมตอ่ เครือขา่ ยภายในองค์กรเขา้ กับระบบ คอมพวิ เตอร์ทอ่ี ยู่ภายนอกองค์กร ด้วยการเช่ือมต่อโดยตรงระหว่างจุด หรือการเช่ือมต่อแบบเครือข่าย เสมือนระหวา่ งเครือขา่ ยอนิ ทราเน็ตหลายเครอื ข่ายผ่านอินเทอรเ์ น็ตได้ เชน่ ระบบคอมพวิ เตอรข์ อง สาขาของผจู้ ดั จำหนา่ ย ลูกคา้ หรอื ระบบเครอื ขา่ ยของหอ้ งสมดุ แต่ละมหาวิทยาลยั ท่มี กี ารเชื่อมโยง ระหว่างกัน เป็นตน้ ภาพแสดงลักษณะเครอื ข่าย Extranet เครือข่ายแบบเอ็กซท์ ราเนต็ อนุญาตใหใ้ ชง้ านเฉพาะสมาชกิ ขององคก์ ร หรอื ผู้ทไ่ี ด้รบั สิทธิใน การใช้งานเท่านัน้ โดยผู้ใช้จากภายนอกที่เชอื่ มต่อเขา้ มาผา่ นเครอื ข่ายเอก็ ซท์ ราเนต็ อาจถกู แบ่งเป็น ประเภท เชน่ ผดู้ ูแลระบบ สมาชกิ ค่คู ้า หรือผู้สนใจทัว่ ไป เป็นตน้ ซึง่ ผูใ้ ชแ้ ต่ละกลมุ่ จะไดร้ ับสทิ ธิการใช้ งานเครือข่ายทีแ่ ตกต่างกันไป เครือข่ายเอ็กซท์ ราเนต็ เป็นระบบเครือขา่ ยทก่ี ำลงั ไดร้ ับความสนใจอย่าง มาก เน่อื งจากแนวโน้มการใชง้ านเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ ทีเ่ ร่ิมมกี ารนำมาใชใ้ นเชงิ พาณชิ ยม์ ากข้ึนเรอ่ื ย
ๆ จึงต้องมีระบบการจดั การการเช่ือมต่อเครือขา่ ยภายนอกและวธิ กี ารจดั การขอ้ มลู ทตี่ กลงใช้ร่วมกันท่ี มีประสทิ ธภิ าพและความปลอดภัยท่ีดีอย่างไรก็ตามเอก็ ซท์ ราเน็ตอาศยั โครงสร้างของอินทราเน็ตและ อินเทอร์เนต็ ในการทำงานสือ่ สารระหว่างองค์การ ซง่ึ ตอ้ งมกี ารป้อนรหัสเพอ่ื ขออนญุ าตเข้าใช้เครอื ข่าย มีระบบรกั ษาความปลอดภัยของขอ้ มูลในองค์การระหว่างกัน • ด้านทกั ษะ (ปฏบิ ตั )ิ (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-30) 1.แบบฝกึ หดั ทา้ ยบทท่ี 3 2.กจิ กรรมการเรียนรู้ • ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง 1.การเตรยี มความพร้อมดา้ น วัสดุ อุปกรณ์นกั ศึกษาจะตอ้ งทำความสะอาดห้องเรียน จดั เตรียมอปุ กรณ์ในการเรียนรู้ ใหม้ ีความพรอ้ มเพยี งและเหมาะสมกับเวลาทีใ่ ชใ้ นการเรียน 2.ความมีเหตุมีผลในการปฏบิ ัติงาน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนกั ศึกษาจะตอ้ งมี การใช้เทคนิคการจดบนั ทกึ งาน การสบื ค้นข้อมลู กอ่ นการเรียนร้แู ละหลงั เรียนรเู้ พ่อื ให้การเรียนรู้ เหมาะสมกับเวลา คมุ้ ค่าและประหยัด 4. สมรรถนะรายบท 1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั ประเภทของเครือข่าย 5. การวิเคราะห์ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 5.1 ความพอเพียง 3 คุณลักษณะ ไดแ้ ก่ 5.1.1 หลักความพอประมาณ พอประมาณในทุกอย่าง ความพอดีไม่มากหรือว่าน้อยจนเกินไปโดยต้องไม่ เบียดเบยี นตนเอง หรือผอู้ ่ืนใหเ้ ดือดรอ้ น 5.1.2 หลักความมเี หตผุ ล การตัดสินใจเกย่ี วกับระดับของความพอเพยี งน้นั จะตอ้ งเป็นไปอยา่ งมีเหตุผลโดย พจิ ารณาจากเหตปุ ัจจยั ท่เี ก่ยี วขอ้ ง ตลอดจนคำนงึ ถึงผลท่คี าดว่าจะเกดิ ขึ้นจากการกระทำ นน้ั ๆ อย่างรอบคอบ 5.1.3 หลกั ภมู คิ มุ้ กัน การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านการต่างๆ ที่จะ เกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเปน็ ไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ทค่ี าดว่าจะเกิดข้ึนในอนาคตทั้ง ใกลแ้ ละไกล 5.2 เงอื่ นไข 2 เงอ่ื นไข ไดแ้ ก่ 5.2.1 เงอื่ นไขคุณธรรม
มีความรอบรเู้ กีย่ วกับ วชิ าการตา่ งๆทเ่ี กีย่ วขอ้ งอยา่ งรอบด้าน ความรอบคอบที่จะ นำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผน และความ ระมดั ระวังในข้นั ตอนปฏิบตั ิ คณุ ธรรมประกอบดว้ ย มคี วามตระหนกั ในคณุ ธรรม มีความ ซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต 5.2.2 เงือ่ นไขความรู้ มีความตระหนักในคณุ ธรรม มีความซื่อสตั ย์สุจริตและมีความอดทน มคี วามเพียร ใช้สตปิ ญั ญาในการดำเนินชีวิต 5.3 การเชื่อมโยงสู่ 4 มิติ ได้แก่ 5.3.1 มิตสิ ังคม ผูเ้ รยี น สรา้ งความสมั พนั ธอ์ ันดใี นกลุม่ ผเู้ รียนเพ่อื นรว่ มงาน 5.3.2 มติ เิ ศรษฐกจิ ผู้เรียน มีการเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ อย่างคุ้มค่า เหมาะสม ไม่เสียหาย ทิ้งขวาง ฯลฯ 5.3.3 มติ ิวฒั นธรรม ผเู้ รียน รักษาวฒั นธรรมอนั ดีของไทย เช่น แบ่งปนั มนี ำ้ ใจ เหน็ ใจผอู้ นื่ ชว่ ยเหลือ ไหวท้ กั ทาย ขอบคุณ ฯลฯ 5.3.4 มิตสิ ง่ิ แวดลอ้ ม ผู้เรียน จัดเก็บ ทำความสะอาด บำรุงรักษา สิ่งของวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร ฯลฯ 6. การบรู ณาการกบั คณุ ลกั ษณะ 3 D แกผ่ ้เู ขา้ รบั การฝกึ อบรม 6.1 ดา้ นประชาธิปไตย (Democracy) มคี วามตระหนกั เหน็ ความสำคญั ศรัทธาและเชือ่ มนั่ การปกครองระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ รวมทัง้ รงั เกยี รตกิ ารทจุ ริต และต่อต้านการซอื้ สทิ ธิ ขายเสยี ง 6.2 ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและความเปน็ ไทย (Decency) มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ความดีงาม รู้ผดิ ชอบชวั่ ดี มคี วามภาคภูมิใจในความเป็นไทยและ ยึดถือปฏบิ ัติอยู่ในวิถีชวี ติ 6.3 ด้านภมู คิ ุ้มกนั จากยาเสพติด (Drug - Free) รู้จักหลกี เลี่ยงห่างไกลยาเสพติด 7. กิจกรรมการเรียนรู้
กิจกรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (20 นาท)ี 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (20 นาที) 1. ผสู้ อนแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนของหน่วย 1. ผเู้ รียนทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั จุดประสงคก์ าร เรียนที่ 3 และขอใหผ้ เู้ รียนร่วมกนั ทากิจกรรมการ เรียนของหน่วยเรียนท่ี 3 และการให้ความร่วมมอื ใน เรียนการสอน การทากิจกรรม 2. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนแสดงความรู้ โดยต้งั คาถาม 2. ผูเ้ รียนแสดงความรู้ว่าประเภทของเครือข่ายมี ว่าประเภทของเครือข่ายมอี ะไรบา้ ง พร้อมให้เหตุผล อะไรบา้ ง พร้อมให้เหตุผลประกอบ ประกอบ 2. ข้นั ให้ความรู้ (60 นาที) 2. ข้นั ให้ความรู้ (60 นาท)ี 10. ผ้สู อนทดสอบความรู้ความเข้าใจเก่ยี วกบั 9. ผ้เู รียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน 10. ผ้เู รียนตอบคาถามจากผ้สู อน เพือ่ แสดง ประเภทของเครือขา่ ย โดยให้ผ้เู รียนทาแบบทดสอบ กอ่ นเรียน ความรู้และความเข้าใจก่อนการเรียน เร่ืองประเภทของ เครือขา่ ย ผ้เู รียนศึกษาบทเรียนวชิ าเครือข่าย 11. ผ้สู อนอธิบายเนอื ้ หาเกย่ี วกบั บทเรียนวชิ า คอมพิวเตอร์เบือ้ งต้น หน่วยที่ 3 เรื่องประเภทของ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบือ้ งต้น หน่วยท่ี 3 เร่ือง เครือข่ายและศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน หนว่ ยท่ี ประเภทของเครือขา่ ย จดุ ประสงค์ 1-10 และให้ 3 ผ้เู รียนศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน หนว่ ยท่ี 3 11. ผ้เู รียนอธิบายและยกตวั อยา่ งถึงประเภทของ 12. ผ้สู อนและผ้เู รียนร่วมกนั อธิบายพร้อม เครือข่ายได้ศึกษาจากบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ยกตวั อยา่ งถึงประเภทของเครือขา่ ยตามทไี่ ด้ศึกษา จากบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 3. ข้นั ประยกุ ต์ใช้ (60 นาท)ี 5. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาแบบฝึกหัดท้าย 3. ข้นั ประยกุ ต์ใช้ (60 นาที) บทท่ี 3 ข้อ1-10 5. ผ้เู รียนทาแบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 3 ข้อ1- 10 4. ข้นั สรุปและประเมินผล (40 นาท)ี 4. ข้นั สรุปและประเมินผล (40 นาที) 1. เฉลยแบบฝึกหดั บทท่ี 3 ขอ้ 1-10 1. ผเู้ รียนร่วมเฉลยแบบฝึกหดั บทที่ 3 ขอ้ 1-10 2. ผูส้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาที่ได้ เรียนใหม้ ีความเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกนั
3. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนศึกษาเพ่มิ เตมิ นอก 2. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาที่ไดเ้ รียน ห้องเรียน ดว้ ยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนทีจ่ ดั ทา เพอ่ื ให้มคี วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกนั ข้ึน 3. ผเู้ รียนศกึ ษาเพิ่มเติมนอกหอ้ งเรียน ดว้ ย (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-10) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่จดั ทาข้นึ (รวม 180 นาที หรือ 4 ชวั่ โมงเรียน) (บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-10) 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (20 นาท)ี 1. ผสู้ อนแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนของหน่วย 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (20 นาที) 1. ผเู้ รียนทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั จดุ ประสงคก์ าร เรียนท่ี 3 จดุ ประสงค์ 11-20 และขอให้ผเู้ รียนร่วมกนั เรียนของหน่วยเรียนที่ 3 จดุ ประสงค์ 11-20 และการให้ ทากิจกรรมการเรียนการสอน 2. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนแสดงความรู้ โดยต้งั คาถาม ความร่วมมือในการทากิจกรรม 2. ผูเ้ รียนแสดงความรู้วา่ ประเภทของเครือขา่ ยมี วา่ ประเภทของเครือข่ายมอี ะไรบา้ ง พร้อมให้เหตุผล อะไรบา้ ง พร้อมใหเ้ หตุผลประกอบ ประกอบ 2. ข้นั ให้ความรู้ (60 นาท)ี 2. ข้นั ให้ความรู้ (60 นาที) 1. ผ้สู อนอธิบายเนือ้ หาเกีย่ วกบั บทเรียนวิชา 1. ผ้เู รียนตอบคาถามจากผ้สู อน เพ่ือแสดง เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบือ้ งต้น หนว่ ยท่ี 3 เร่ือง ความรู้และความเข้าใจก่อนการเรียน เร่ืองประเภทของ ประเภทของเครือข่ายและให้ผ้เู รียนศึกษาเอกสาร เครือขา่ ย ผ้เู รียนศึกษาบทเรียนวชิ าเครือขา่ ย ประกอบการสอน หนว่ ยที่ 3 คอมพิวเตอร์เบือ้ งต้น หนว่ ยที่ 3 เร่ืองประเภทของ เครือข่ายและศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน หนว่ ยท่ี 2. ผ้สู อนและผ้เู รียนร่วมกนั อธิบายพร้อม 3 ยกตวั อยา่ งถงึ ประเภทของเครือข่ายตามทไี่ ด้ศึกษา จากบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน 2. ผ้เู รียนอธิบายและยกตวั อย่างถึงประเภทของ 3. ข้ันประยุกต์ใช้ (60 นาท)ี เครือขา่ ยได้ศึกษาจากบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 1. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาแบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 3 3. ข้นั ประยุกต์ใช้ (60 นาที) ข้อ11-20 1. ผู้เรียนทาแบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 3 ข้อ 4. ข้นั สรุปและประเมินผล (40 นาท)ี 11-20 1. เฉลยแบบฝึกหัดบทที่ 3 ขอ้ 11-20 4. ข้นั สรุปและประเมนิ ผล (40 นาที)
2. ผูส้ อนและผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาทไ่ี ด้ 1. ผเู้ รียนร่วมเฉลยแบบฝึกหัดบทท่ี 3 ขอ้ 11-20 เรียนใหม้ คี วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกนั 2. ผสู้ อนและผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาทไ่ี ดเ้ รียน เพ่ือใหม้ คี วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกนั 3. ผสู้ อนให้ผูเ้ รียนศกึ ษาเพิม่ เติมนอก 3. ผเู้ รียนศกึ ษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน ดว้ ย หอ้ งเรียน ดว้ ยบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนท่ีจดั ทา บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนท่จี ดั ทาข้นึ ข้ึน (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 11-20) (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 11-20) (รวม 180 นาที หรือ 4 ชวั่ โมงเรียน) 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (20 นาท)ี 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (20 นาที) 1. ผสู้ อนแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนของหน่วย 1. ผเู้ รียนทาความเขา้ ใจเกี่ยวกบั จุดประสงคก์ าร เรียนที่ 3 จดุ ประสงค์ 21-30 และขอใหผ้ เู้ รียนร่วมกนั เรียนของหน่วยเรียนที่ 3 จดุ ประสงค์ 21-30 และการให้ ความร่วมมือในการทากิจกรรม ทากิจกรรมการเรียนการสอน 2. ผูเ้ รียนแสดงความรู้ว่าประเภทของเครือข่ายมี 2. ผูส้ อนให้ผเู้ รียนแสดงความรู้ โดยต้งั คาถาม วา่ ประเภทของเครือข่ายมอี ะไรบา้ ง พร้อมให้เหตุผล อะไรบา้ ง พร้อมให้เหตผุ ลประกอบ ประกอบ 2. ข้นั ให้ความรู้ (60 นาท)ี 2. ข้นั ให้ความรู้ (60 นาที) 1. ผ้สู อนอธิบายเนอื ้ หาเกีย่ วกบั บทเรียนวชิ า 1. ผ้เู รียนตอบคาถามจากผ้สู อน เพ่อื แสดง เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์เบือ้ งต้น หนว่ ยที่ 3 เรื่อง ความรู้และความเข้าใจก่อนการเรียน เรื่องประเภทของ ประเภทของเครือขา่ ยและให้ผ้เู รียนศกึ ษาเอกสาร เครือข่าย ผ้เู รียนศึกษาบทเรียนวิชาเครือข่าย ประกอบการสอน หนว่ ยท่ี 3 คอมพิวเตอร์เบือ้ งต้น หนว่ ยที่ 3 เร่ืองประเภทของ เครือขา่ ยและศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน หนว่ ยที่ 2. ผ้สู อนและผ้เู รียนร่วมกนั อธิบายพร้อม 3 ยกตวั อย่างถึงประเภทของเครือข่ายตามที่ได้ศึกษา จากบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 2. ผ้เู รียนอธิบายและยกตวั อยา่ งถงึ ประเภทของ เครือขา่ ยได้ศึกษาจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 3. ข้นั ประยกุ ต์ใช้ (60 นาที) 1. ผ้สู อนให้ผ้เู รียนทาใบงานท่ี 3 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาแบบฝึกหัดท้าย 3. ข้นั ประยกุ ต์ใช้ (60 นาท)ี 1. ผ้เู รียนทาใบงานท่ี 3 บทที่ 3 ข้อ21-30 2. ผู้เรียนทาแบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 3 ข้อ 21-30
4. ข้นั สรุปและประเมินผล (40 นาท)ี 4. ข้นั สรุปและประเมินผล (40 นาที) 1. ให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน 1. ผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน 2. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาท่ีได้ 2. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาทไี่ ดเ้ รียน เรียนให้มคี วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกนั เพ่อื ใหม้ คี วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดียวกนั 3. ผสู้ อนให้ผูเ้ รียนศึกษาเพม่ิ เตมิ นอก 3. ผเู้ รียนศกึ ษาเพิม่ เตมิ นอกห้องเรียน ดว้ ย หอ้ งเรียน ดว้ ยบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนทจ่ี ดั ทา บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนทจี่ ดั ทาข้นึ ข้นึ (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 21-30) (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 21-30) (รวม 180 นาที หรือ 4 ชวั่ โมงเรียน) 8. สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 ส่อื ส่งิ พิมพ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวิชาเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบ้ืองตน้ (ใชป้ ระกอบการ เรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-30) 2. ใบความรู้และใบงาน 8.2 สือ่ โสตทศั น์ 1. บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน เร่อื งพน้ื ฐานระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 2. สอ่ื ของจริง 9. การวดั และประเมินผล 9.1 เคร่อื งมอื ประเมิน 9.1.1 แบบทดสอบก่อนเรยี นบทที่ 3 9.1.2 แบบฝึกหัดท้ายใบความรทู้ ่ี 3 9.1.3 แบบประเมินการบรู ณาการคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอันพึง ประสงคใ์ นการเรียนการสอนของวิทยาลยั การอาชพี ชนแดน ตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง 9.1.4 แบบประเมินการพัฒนาผู้เข้ารับการฝึกอบรมด้านสุขภาพ ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคมในการเรยี นการสอนของวทิ ยาลัยการอาชีพชนแดน 9.2 วธิ กี ารประเมนิ 9.2.1 ผเู้ ขา้ รับการฝึกอบรมทำแบบทดสอบก่อนเรียนบทท่ี 3
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177