Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ม.2

ม.2

Published by Bunkaeo Koetkhwamsuk, 2019-06-22 01:01:01

Description: ม.2

Search

Read the Text Version

1 แบบฝึกพฒั นาการอ่านรู้เร่ืองและสอื่ สารไดต้ ามแนวการวัดผลนานาชาติ (PISA) สาหรับนกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ สถานการณ์ท่ี 1 คาชีแ้ จง ใหน฾ ักเรยี นอ฽านถ฾อยความ และตอบคาํ ถามตอ฽ ไปน้ี กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ช้า ประวตั ิทม่ี าของเร่อื ง กลอนดอกสร฾อยราํ พึงในปุาช฾ามาจากบทกวนี ิพนธแ เรื่อง Elegy Writen in a Country Churchyard ของทอมสนั เกรยแ (Thormas Gray) กวีอังกฤษ ผูม฾ ีชีวิตอยู฽ในช฽วงกลาง (กลางคริสตแศตวรรษที่ 18) Elegy หมายถงึ โคลงทกี่ ล฽าว ไวอ฾ าลยั หรือคร่ําครวญถึงผู฾ทจี่ ากไป โดยพระยาอุปกติ ศิลปะสาร (น่ิม กาญจนชีวะ) ไดป฾ ระพนั ธจแ ากตน฾ ฉบบั แปลของเสถียรโกเศศ เปน็ กลอนดอกสรอ฾ ย จํานวน 33 บท คุณค่า ม฽งุ แสดงความจรงิ เกีย่ วกับชีวติ โดยเสนอแนวคิดหลกั วา฽ มนุษยแทุกผ฾ู ทกุ นาม ไมว฽ า฽ จะเป็นบคุ คลสาํ คัญหรอื สามัญชน ไม฽มีผใ฾ู ดหลีกหนคี วามตายไปได฾ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กลอนดอกสรอ฾ ย ซ่ึงมีลักษณะเหมือนกลอนสภุ าพ เพยี งแต฽ขึน้ ต฾นดว฾ ย เอเย ลงท฾ายดว฾ ย เอย คณะ 1 บท มี 8 วรรค ความเอยเ ความรู฾ เปน็ เครอื่ งชูช้ที างสวา฽ งไสว หมดโอกาสทีจ่ ะชต้ี ฽อนีไ้ ป ละหว฽ งใยอยากรูล฾ งสดู฽ ิน อนั ความยากหากใหไ฾ ร฾ศกึ ษา ย฽นปใญญาความรู฾อยู฽แคถ฽ นิ่ หมกทุกขขแ ลุกแต฽กจิ คดิ หากิน กระแสวิญญาณงนั เพียงน้ันเอย

2 คาถามที่ 1 ถอ฾ ยความนี้ผูเ฾ ขียนต฾องการนําเสนอเรอ่ื งใดมากทส่ี ดุ 1. หมดโอกาสทจ่ี ะทํางาน 2. การศกึ ษาเพื่อให฾เรามีความรู฾ 3. เปน็ เครอ่ื งมือชี้นาํ ทางสว฽างไสว 4. ทําใหห฾ มดทุกขแแ ละทํามาหากินได฾ คาถามท่ี 2 ข฾อใดคือคําท่ีมาจากภาษาบาลี 1. ห฽วงใย 2. โอกาส 3. วญิ ญาณ 4. สว฽างไสว คาถามที่ 3 จากถอ฾ ยความขา฾ งต฾น ขอ฾ ความตอ฽ ไปนี้เปน็ ความจริงหรอื ไมเ฽ ปน็ ความจริง ข฾อความเปน็ ความจรงิ จงเขยี นเคร่ืองหมาย X ในชอ฽ ง “ใช”฽ ข฾อความไม฽เปน็ ความจรงิ จงเขยี นเครื่องหมาย X ในชอ฽ ง “ไมใ฽ ช฽ ขอ้ ความ ใช่ ไม่ใช่ 1. ครูคือผู฾ให฾ความร฾ู 2. ความร฾ูเปน็ เครอื่ งช้ีนําทางไปส฽คู วามกา฾ วหนา฾ 3. ความยากจนทําใหไ฾ ม฽ไดร฾ ับการศกึ ษา 4. ปใญญาและความร฾ูเกิดจากการศกึ ษา 5. ความร฾คู ฽กู บั ปญใ หา 6. เม่ือทาํ มาหากนิ ไดก฾ ท็ าํ ใหค฾ นหมดทกุ ขแ 7. วญิ ญาณเป็นคําสมาสระหว฽างคาํ ว฽าวิญโู + อาน 8. การศกึ ษาทําใหเ฾ ราสร฾างฐานะ 9. ทุกขแเป็นภาษาสนั สกฤต 10. สวา฽ งไสวเปน็ คาํ ตรงข฾ามกบั คาํ ว฽ายากไร฾

3 คาถามที่ 4 จากถอ฾ ยความขา฾ งตน฾ นกั เรยี นคิดว่าความร้เู กิดจากประสบการณใ์ ชห่ รือไมใ่ ช่ ให฾เลือกวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ใช”฽ “ไม฽ใช”฽ ทก่ี ําหนดใหแ฾ ลว฾ บอกเหตผุ ล จาํ นวน 2 ขอ฾ ใช่ ไม่ใช่ 1. ...................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... 2. ..................................................................................................................................... ........................................................................................................................................... คาถามที่ 5 การดารงชีวติ อยไู่ ดเ้ พราะความรู้ นักเรยี นคิดเห็นอย฽างไรกบั คําพูดขา฾ งต฾น ทําไมจึงคดิ เชน฽ นน้ั ใหใ฾ ช฾เหตผุ ลประกอบ คําอธบิ าย 1. ใหน฾ กั เรียนเลือกทําเครื่องหมายวงกลม ลอ฾ มรอบขอ฾ ความข฾างลา฽ งนี้ เพยี ง 1 ข฾อความ ความคิดเหน็ คล้อยตาม ความคิดเหน็ โต้แยง้ ความคิดเห็นคลอ้ ยตามและโตแ้ ย้ง 2. ให฾นักเรียนเขยี นอธิบายเหตุผล จาํ นวน 2 ขอ฾ ท่ีสอดคลอ฾ งความคิดการเลือกในขอ฾ 1 ความคดิ เห็นคล฾อยตาม ความคดิ เห็นโตแ฾ ยง฾ 1…............................................................. 1…............................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. 2............................................................... 2............................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

4 แบบฝึกการอา่ นรเู้ รอ่ื งและสอ่ื สารไดต้ ามแนวการประเมนิ ผลนานาชาติ (PISA) สาหรบั นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 สถานการณ์ท่ี 2 คาชแ้ี จง ให฾นักเรียนอา฽ นถ฾อยความ และตอบคาํ ถามต฽อไปนี้ จารึกท่ีเป็นวรรณคดี ในระยะหลังทมี่ นี กั วชิ าการหลายคนตงั้ ประเด็นปใญหาเรอื่ งสมัยทีส่ รา฾ ง และผูส฾ รา฾ งศลิ า จารกึ หลกั นวี้ ฽าน฽าจะเป็นผลงานหลังสมยั พ฽อขุนรามคําแหงมหาราช บ฾างวา฽ เป็นสมยั พญาลิไทยผ฾ู ทรงเปน็ พระนดั ดา (หลานปูุ) ของพอ฽ ขุนรามคําแหงมหาราช และบ฾างกว็ ฽าเป็นผลงานในสมัย รชั กาลท่ี 4 แห฽งกรุงรัตนโกสนิ ทรแนีเ้ อง อยา฽ งไรก็ตาม เมื่อพจิ ารณาเป็นฐานะท่ีเปน็ วรรณคดเี รอ่ื งหนึง่ เราจะเหน็ วา฽ ไม฽วา฽ ผู฾ บนั ทึกเหตุการณแในจารกึ นั้นจะเปน็ พอ฽ ขนุ รามคําแหงมหาราชหรือเปน็ ผู฾ใดกต็ าม ผ฾บู นั ทกึ ตอ฾ ง เป็นผท฾ู ี่มีความภมู ใิ จ ความชนื่ ชม และความปลื้มปิติ ซ่ึงล฾วนแต฽เป็นความประทบั ใจตอ฽ เร่อื งราว ของ พอ฽ ขุนรามคาํ แหงมหาราช และเหตุการณแรชั สมยั ของพระองคแ เมืองสโุ ขทยั ท่ีปรากฏตาม จารกึ คือ ภาพของเมอื งท่ีน฽าอย฽ู เพราะพระมหากษัตรยิ แทรงเป็นผก฾ู ลา฾ หาญและทรงธรรม ชาวเมอื งมั่นคงในพระพทุ ธศาสนา และบา฾ นเมืองอดุ มสมบรู ณแ ข฾อความทีว่ ฽า “เม่อื กูโตข้ึนไดส฾ ิบเกา฾ เข฾า ขุนสามชนเจ฾าเมืองฉอดมาตเี มอื งตาก พอ฽ กูไป รบขนุ สามชน หวั ซา฾ ยขนุ สามชนขับมา หัวขวาสามชนเกล่อื นเขา฾ ไพร฽ฟูาหน฾าใส พอ฽ กหู นี ญญ฽ายพายจแจน฾ ” (ด฾านท่ี 1 บรรทัดท่ี 3-7) คือ การบันทกึ เร่ืองราวเม่ือมกี ารต฽อสูก฾ บั เจา฾ เมอื ง ฉอด ไพร฽พลของพ฽อขนุ ศรอี นิ ทราทิตยแพากันหนีแตกพ฽าย แต฽พอ฽ ขนุ รามคําแหงไมท฽ รงหนี ผ฾ู บันทกึ เหตกุ ารณแ ในฐานะเจา฾ ชายผแู฾ กล฾วกล฾าองคนแ น้ั เลา฽ ว฽า “กบู ฽หนี กขู ชี่ า฾ งเบกพล กูขับเข฾า กอ฽ นพ฽อ กูต฽อช฾างด฾วยขุนสามชน ตนกูพ฽งุ ช฾างขนุ สามชนตวั ชือ่ สมาสเมอื งแพ฾ ขนุ สามชนพ฽าย (ด฾านท่ี 1 บรรทดั ที่ 7-9) แสดงใหเ฾ หน็ วา฽ ความภาคภูมิใจในวีรกรรม ซง่ึ กวีบนั ทกึ ไว฾ใน ประวตั ิศาสตรแตอนน้ี ความภาคภูมใิ จในฐานะที่เปน็ บตุ รท่ดี ีก็ปรากฏเมือ่ กวกี ลา฽ วถึงการปฏิบัติ ตนตอ฽ บดิ ามาดา เช฽น “เมื่อช่วั พ฽อกู กูบําเรอแกพ฽ ฽อกู กบู ําเรอแกแ฽ ม฽กู กูไดต฾ วั เนื้อตวั ปลา กูเอา หมากส฾มหมากหวาน อนั ใดกินอรอ฽ ยกนิ ดี กูเอามาแกพ฽ อ฽ กู” (ด฾านท่ี 1 บรรทัดที่ 10-13)

5 คาถามที่ 1 ถ฾อยความน้ีผ฾ูบันทึกตอ฾ งการนาํ เสนอเรอื่ งใดมากท่สี ดุ 1. เพ่อื แสดงความภูมใิ จ ประทบั ใจในสมัยพอ฽ ขุนรามคําแหง 2. เพื่ออวดความสามารถของตนเอง 3. เพื่อแสดงความม่งั ค่งั ในสมยั สโุ ขทัย 4. เพ่อื ใหเ฾ หน็ เหตกุ ารณแที่เกิดขึ้น คาถามท่ี 2 พระมหากษัตริยทแ ่ีทรงเปน็ ผูก฾ ลา฾ หาญและทรงธรรม ในที่นห้ี มายถงึ ใคร 1. พ฽อขุนศรอี ินทราทติ ยแ 2. พ฽อขนุ ผาเมือง 3. พญาลิไทย 4. พ฽อขุนรามคาํ แหง คาถามท่ี 3 จากถ฾อยความขา฾ งตน฾ ขอ฾ ความต฽อไปนี้เป็นความจรงิ หรือไม฽เปน็ ความจริง ข฾อความเป็นความจริง จงเขียนเคร่อื งหมาย X ในช฽อง “ใช”฽ ข฾อความไมเ฽ ป็นความจรงิ จงเขียนเครอื่ งหมาย X ในช฽อง “ไมใ฽ ช฽ ข้อความ ใช่ ไมใ่ ช่ 1. ผบ฾ู นั ทึกมคี วามประทบั ใจต฽อเร่ืองราวในเหตุการณแ 2. การต฽อส฾ูในคร้ังนี้ขุนสามชนพ฽าย หมายถึง ขุนสามชนแพ฾ 3. คาํ ว฽า “หนีญญ฽ายพ฽ายจะแจ฾น” หมายถึง ชลุ มุนวุ฽นวาย 4. ภาพเมืองท่นี ฽าอย฽ู หมายถึงเมืองสโุ ขทยั 5. หลักศิลาจารึกสร฾างในสมยั พญาลิไทย 6. เจา฾ ชายผ฾ูแกล฾วกลา฾ หมายถึง พ฽อขนุ รามคําแหง 7. พอ฽ ขนุ รามคําแหงต฽อสก฾ู บั เจ฾าเมืองฉอดเพ่อื ชงิ อํานาจ 8. ช฾างเบกพล คือ ชอื่ ช฾างทรงของพอ฽ ขนุ รามคําแหง 9. ในสมัยพอ฽ ขุนรามคําแหงบา฾ นเมืองอดุ มสมบูรณแ 10. กูเป็นสรรพนามบุรษุ ที่ 1 ทีต่ ฾องใช฾ในสมัยสโุ ขทัยจนถึงปใจจบุ นั

6 คาถามที่ 4 จากถ฾อยความขา฾ งต฾นนกั เรยี นคิดว฽า หลกั ศิลาจารึกคือเรือ่ งราวทบ่ี นั ทึกเหตกุ ารณ์ ใหเ฾ ลอื กวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ใช่” “ไมใ่ ช่” ทก่ี าํ หนดให฾ แลว฾ บอกเหตุผล จาํ นวน 2 ข฾อ ใหใ฾ ช฾ขอ฾ มลู จากเนือ้ เรอื่ งสนับสนุนคําตอบของนกั เรยี น ใช่ ไม่ใช่ 1...................................................................................................................................... ..................................................................................................................................... 2...................................................................................................................................... ..................................................................................................................................... คาถามที่ 5 หลักศิลาจารึก สอนความเปน็ มาทางประวตั ศิ าสตร์ นักเรยี นคดิ เห็นอย฽างไรกับคาํ พดู ขา฾ งต฾น ทําไมจงึ คดิ เชน฽ นัน้ ให฾ใช฾เหตุผลประกอบคาํ อธิบาย 1. ใหน฾ ักเรยี นเลือกทําเคร่ืองหมายวงกลม ลอ฾ มรอบขอ฾ ความข฾างลา฽ งน้ี เพียง 1 ขอ฾ ความ ความคิดเห็นคล้อยตาม ความคดิ เหน็ โต้แยง้ ความคดิ เห็นคล้อยตามและโตแ้ ยง้ 2. ใหน฾ ักเรียนเขยี นอธิบายเหตุผล จํานวน 2 ข฾อ ท่ีสอดคล฾องความคิดการเลือกในข฾อ 1 ความคดิ เหน็ คล฾อยตาม ความคิดเหน็ โตแ฾ ยง฾ 1…............................................................. 1…............................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. 2............................................................... 2............................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

7 แบบฝึกการอา่ นรู้เรอ่ื งและสอ่ื สารไดต้ ามแนวการประเมนิ ผลนานาชาติ (PISA) สาหรับนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 สถานการณ์ที่ 3 คาช้แี จง ใหน฾ ักเรียนอา฽ นถ฾อยความ และตอบคาํ ถามต฽อไปน้ี จารึกท่ีเป็นวรรณคดี โชคดี ท่มี ีภาษาไทย “ภาษาเปน็ เคร่อื งแสดงความคดิ เหน็ และเป็นความงาม ภาษาไทยเป็นสมบัติที่คนไทย ต฾องหวงแหนและรกั ษาไว฾ โดยเฉพาะในการออกเสียงและการใชค฾ าํ การออกเสยี งวรรณยุกตแ ทเี่ พย้ี นไป กบั การใชภ฾ าษาที่ฟุมเฟือยและไม฽ตรงกับความหมาย ทําให฾ภาษาเสอ่ื มไป คนไทย มภี าษาใชเ฾ อง เปน็ มรดกท่ีมีค฽าจากบรรพบุรุษ นบั เปน็ สง่ิ ที่ประเสรฐิ อย฽างย่ิงท่ีเราต฾องรกั ษาไว฾” “การอ฽านออกเขยี นไดเ฾ ป็นประโยชนใแ นการตดิ ต฽อทาํ กจิ การงานต฽างๆ ทําใหส฾ ามารถ เรยี นรู฾วิทยาการใหม฽ และทาํ ใหถ฾ า฽ ยทอดความร฾แู ละคณุ ธรรมให฾ผ฾อู นื่ ได฾”

8 พระราชดารสั ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั พระราชดาํ รัสองคแท่ี 1 .........ภาษาไทยนัน้ เป็นเครื่องมอื อย฽างหนึง่ ของชาติ ภาษาท้ังหลายเป็นเครื่องมือ ของมนุษยชแ นดิ หน่งึ คือ เป็นทางสาํ หรับแสดงความคดิ เห็นอย฽างหนง่ึ เป็นส่ิงทสี่ วยงาม อย฽างหนึ่ง เช฽น ในทางวรรณคดี เปน็ ตน฾ ฉะนั้นจึงจาํ เปน็ ตอ฾ งรักษาเอาไวใ฾ หด฾ ี ประเทศไทยน้นั มภี าษาของเราเอง ซง่ึ ตอ฾ งหวงแหน ประเทศใกล฾เคียงของเราหลายประเทศมีภาษาของตนเอง แต฽ว฽าเขาไม฽ค฽อยแข็งแรง เขาตอ฾ งพยายามหาทางท่ีจะสรา฾ งภาษาของตนไว฾ให฾มั่นคง เราโชคดีท่ีมี ภาษาของตนเองแต฽โบราณกาล จงึ สมควรอยา฽ งยิ่งท่จี ะรกั ษาไว฾ ปใญหาเฉพาะในด฾านรักษาภาษา นี้ ก็มีหลายประการ อย฽างหน่ึงตอ฾ งรกั ษาให฾บริสุทธิ์ในทางออกเสียง คือ ออกเสียงให฾ถกู ตอ฾ งชัดเจน อกี อยา฽ งหนงึ่ ต฾องรักษาให฾บรสิ ทุ ธ์ิในวิธีใช฾ หมายความว฽า วธิ ีใชค฾ าํ มาประกอบเป็นประโยค นบั เปน็ ปญใ หาที่สําคัญ ปใญหาท่สี าม คือ ความร่าํ รวยในคาํ ของภาษาไทย ซ่ึงพวกเรานึกว฽า ไม฽รํา่ รวยพอ จึงต฾องมีการบัญญัตศิ พั ทแใหม฽มาใช฾......การบญั ญตั ิศพั ทใแ หมก฽ ็เปน็ ส่ิงสาํ คญั เหมอื นกนั ...... พระราชดํารสั ในโอกาสเสดจ็ พระราชดําเนนิ พระราชทานกระแสพระราชดาํ ริ เร่อื ง ปใญหาการใช฾คําในการประชมุ ทางวชิ าการ ของ ชุมนมุ ภาษาไทย คณะอกั ษรศาสตรแ จฬุ าลงกรณมแ หาวิทยาลัย เม่อื 29 กรกฎาคม 2505

9 คาถามที่ 1 จากถ฾อยความที่อ฽าน มรดกทมี่ คี ฽าของไทย คือ ขอ฾ ใดตอ฽ ไปนี้ 1. วรรณคดี 2. ภาษาไทย 3. โบราณคดี 4. ประเพณี วัฒนธรรม คาถามที่ 2 การรักษาภาษาใหบ฾ รสิ ุทธใิ์ นการออกเสยี งหมายถึงข฾อใด 1. ใชภ฾ าษาทับศัพทแ 2. บญั ญตั คิ าํ ศัพทแใหมม฽ าใช฾ 3. ออกเสยี งใหถ฾ ูกต฾องชดั เจน 4. หาคําศัพทแจากภาษาอ่ืนมาเพิ่ม คาถามที่ 3 จากถอ฾ ยความข฾างตน฾ ข฾อความตอ฽ ไปน้ีเป็นความจรงิ หรือไมเ฽ ป็นความจริง ข฾อความเปน็ ความจรงิ จงเขยี นเคร่อื งหมาย X ในช฽อง “ใช”฽ ข฾อความไม฽เปน็ ความจริง จงเขียนเคร่ืองหมาย X ในช฽อง “ไมใ฽ ช฽ ขอ้ ความ ใช่ ไม่ใช่ 1. ภาษาไทยเป็นสมบตั ขิ องคนไทยท่ตี ฾องหวงแหนและรักษาไว฾ 2. เราตอ฾ งพยายามสรา฾ งภาษาของตนเองให฾มน่ั คง โดยการใช฾คําศพั ทแ ฟุมเฟอื ย 3. ภาษาเปน็ เครือ่ งมือของมนษุ ยชแ นดิ หนึ่ง 4. การออกเสยี งวรรณยกุ ตทแ ี่เพี้ยนไป ไมเ฽ ป็นปใญหาในการใช฾ภาษา 5. การออกเสยี งภาษาให฾ถูกต฾องชัดเจน คอื การรกั ษาภาษาให฾บริสุทธิ์ 6. การบัญญัติศัพทใแ หม฽มาใช฾แสดงออกถงึ ความรํ่ารวยคําในภาษา 7. การบัญญตั ศิ ัพทแใหม฽มาใช฾ถือเปน็ สง่ิ สําคญั 8. ภาษาเปน็ เครื่องมอื ในการชมความงามของธรรมชาติ 9. คนรน฽ุ ใหม฽แสดงความทันสมัย โดยการใช฾ภาษาแสลง 10. การเดินทางเข฾าปาุ แล฾วลมื มีดพร฾า เหมือกับการใช฾ภาษา ไม฽ถูกต฾อง

10 คาถามที่ 4 จากถอ฾ ยความขา฾ งตน฾ นกั เรียนคิดวา฽ คนไทยรักษาภาษาไทยไว้เป็นมรดกท่ีมีค่าจากบรรพบรุ ุษได้หรอื ไม่ ให฾เลอื กวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ได้” “ไม่ได”้ ท่กี าํ หนดให฾ แลว฾ บอกเหตุผล จาํ นวน 2 ขอ฾ ให฾ใชข฾ อ฾ มูลจากเนื้อเรอื่ งสนับสนุนคําตอบของนักเรยี น ได้ ไมใ่ ช่ 1...................................................................................................................................... ..................................................................................................................................... 2...................................................................................................................................... ..................................................................................................................................... คาถามท่ี 5 เราโชคดที มี่ ภี าษาตนเอง สมควรทีจ่ ะรักษาไว้ นักเรียนคิดเห็นอย฽างไรกบั คาํ พดู ข฾างต฾น ทําไมจงึ คิดเชน฽ นัน้ ให฾ใชเ฾ หตผุ ลประกอบคาํ อธบิ าย 1. ให฾นักเรยี นเลือกทําเคร่ืองหมายวงกลม ล฾อมรอบขอ฾ ความข฾างลา฽ งน้ี เพยี ง 1 ขอ฾ ความ ความคดิ เห็นคลอ้ ยตาม ความคิดเหน็ โต้แยง้ ความคิดเห็นคลอ้ ยตามและโต้แยง้ 2. ใหน฾ กั เรียนเขียนอธิบายเหตผุ ล จํานวน 2 ข฾อ ท่ีสอดคลอ฾ งความคิดการเลือกในข฾อ 1 ความคิดเห็นคล฾อยตาม ความคดิ เห็นโต฾แย฾ง 1…............................................................. 1…............................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. 2............................................................... 2............................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

11 แบบฝกึ การอ่านรู้เร่ืองและสอ่ื สารไดต้ ามแนวการประเมนิ ผลนานาชาติ (PISA) สาหรบั นกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 สถานการณ์ท่ี 4 คาชีแ้ จง ใหน฾ ักเรียนอา฽ นถ฾อยความ และตอบคาํ ถามต฽อไปนี้ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา อนั ชาตใิ ดไร฾ช฽างชํานาญศิลป฼ เหมือนนารินไร฾โฉมบรรโลมสงา฽ ใครใครเห็นไม฽เปน็ ทีจ่ ําเรญิ ตา เขาจะพากันเย฾ยใหอ฾ บั อาย ศิลปกรรมนาํ ใจใหส฾ ร฽างโศก ช฽วยบรรเทาทุกขใแ นโลกใหเ฾ หือดหาย จาํ เรญิ ตาพาใจให฾สบาย อกี ร฽างกายก็จะพลอยสุขสราญ คาถามที่ 1 ถอ฾ ยความนี้ ผปู฾ ระพนั ธเแ นือ้ เรือ่ งตอ฾ งการนาํ เสนอเร่อื งใดมากท่ีสุด 1. หญงิ สาวที่ไมม฽ ีความงาม 2. ผ฾ูหญงิ ท่ีไมเ฽ ป็นทต่ี ฾องตาต฾องใจของใคร 3. ศิลปะชว฽ ยทาํ ใหค฾ วามทุกขแหมด 4. ศิลปะส฽งผลให฾ร฽างกายแขง็ แรง คาถามที่ 2 ถ฾อยความใดเป็นสํานวนเปรยี บเทียบ 1. อนั ชาตใิ ดไร฾ช฽างชํานาญศิลป฼ 2. เหมอื นนารนิ ไรโ฾ ฉมบรรโลมสงา฽ 3. ใครใครเห็นไม฽เปน็ ทีจ่ ําเริญตา 4. ชว฽ ยบรรเทาทุกขแในโลกใหเ฾ หอื ดหาย ไก฽งามเพราะขนคนงามเพราะแตง฽ หมายถึง คนเราจะสวยได฾กด็ ว฾ ยการร฾ูจกั แต฽งตัว

12 คาถามที่ 3 จากถอ฾ ยความข฾างตน฾ ขอ฾ ความต฽อไปน้ีเปน็ ความจริงหรอื ไมเ฽ ป็นความจรงิ ข฾อความเป็นความจริง จงเขยี นเครอื่ งหมาย x ในช฽อง “ใช฽” ข฾อความไม่เปน็ ความจรงิ จงเขยี นเคร่อื งหมาย x ในชอ฽ ง “ไม฽ใช฽” ขอ฾ ความ ใช฽ ไมใ฽ ช฽ 1. ศลิ ปะช฽วยทําใหห฾ มดความทกุ ขแ ทําให฾จิตใจของเรามีความสขุ 2. ทะเลคือศิลปะท่ีมนุษยแจัดสร฾างขึน้ เพอ่ื ความสวยงาม 3. ศลิ ปกรรมชว฽ ยทําใหจ฾ ิตใจของคนเราคลายความเศร฾าได฾ 4. ศิลปะชว฽ ยทาํ ให฾คนเรามีสุขภาพกายและสขุ ภาพใจทดี่ ี 5. “ชาตใิ ดท่ปี ราศจากช฽างศลิ ป฼” แสดงว฽าชาตินั้นๆ ไม฽มกี ารเรยี นวิชาศิลปะ 6. “สรา฽ ง” และ “จําเรญิ ” เปน็ คาํ ยมื ท่ยี ืมมาจากภาษาบาลแี ละสันสกฤต 7. จากถอ฾ ยความขา฾ งต฾นตรงกับสาํ นวนเปรียบเทยี บว฽า “จะดูชา฾ งใหด฾ หู างจะดนู าง ใหด฾ แู ม฽” 8. เปรียบเสมอื นหญงิ สาวทีไ่ มม฽ ีความงามไม฽เปน็ ทีต่ ฾องตาตอ฾ งใจของใคร 9. หากเรามรี า฽ งกายทไ่ี มแ฽ ข็งแรงเราควรใช฾ศิลปะบาํ บัดรกั ษา จะทําให฾เกิดผลเร็ว 10. “จําเริญ” เปน็ คําท่ีออกเสยี งเพ้ียนมาจากคําว฽า “เจริญ” แบง่ เวลาใหถ้ ูกนะเพอ่ื น หากเราไมร่ ้เู วลาเรยี นหรอื มัว แต่ห่วงเล่นมากกว่าเรียน จะทาให้เราหมดอนาคตนะ.....

13 คาถามท่ี 4 จากถอ฾ ยความขา฾ งต฾น ศิลปกรรมชว่ ยทาใหจ้ ติ ใจผ่องใสได้หรือไม่ ให฾เลือกวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ได”฾ “ไม฽ได”฾ ท่ีกําหนดให฾ แล฾วบอกเหตุผล จํานวน 2 ขอ฾ ใหใ฾ ชข฾ อ฾ มลู จากเนอื้ เร่ืองสนบั สนุนคาํ ตอบของนักเรยี น ได้ ไม่ได้ 1...................................................................................................................................... ..................................................................................................................................... 2...................................................................................................................................... ..................................................................................................................................... ลองใชป้ ระสบการณ์ทนี่ ักเรียนเคยพบเห็น มาตอบคาถามก็ได้นะคะ........

คาถามท่ี 5 14 *ห งิ จะงามใช่วา่ งามทีใ่ บหน้า ดวงดาราหรอื จะงามเพราะตวั หนอ หากมใี ช่แสงอาทติ ย์ท่ีถกั ทอ สะทอ้ นพอปดบังเงาเจา้ ดวงเดอื น* http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=9584.0 นกั เรียนคิดเห็นอย฽างไรกบั คาํ พูดข฾างต฾น ทําไมจงึ คิดเชน฽ นั้น ใหใ฾ ช฾เหตผุ ลประกอบ คําอธิบาย 1. ให฾นกั เรียนเลอื กทําเคร่ืองหมายวงกลม ลอ฾ มรอบข฾อความขา฾ งลา฽ งนี้ เพยี ง 1 ข฾อความ ความคิดเห็นคล้อยตาม ความคิดเหน็ โต้แย้ง ความคิดเหน็ คลอ้ ยตามและโต้แย้ง 2. ใหน฾ กั เรียนเขยี นอธบิ ายเหตผุ ล จํานวน 2 ข฾อ ท่ีสอดคล฾องความคิดการเลือกในขอ฾ 1 ความคิดเหน็ คล฾อยตาม ความคิดเหน็ โตแ฾ ย฾ง 1…............................................................. 1…............................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. 2............................................................... 2............................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

15 แบบฝกึ การอา่ นรู้เรอื่ งและสอ่ื สารได้ตามแนวการประเมนิ ผลนานาชาติ (PISA) สาหรบั นกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 สถานการณ์ที่ 5 คาชี้แจง ใหน฾ กั เรียนอ฽านถอ฾ ยความ และตอบคาํ ถามตอ฽ ไปน้ี เคยสงสัยไหมว฽า ทาํ ไมใครๆถึงได฾คะย้ันคะยอให฾คุณพยายามด่ืมนาํ้ (อย฽างนอ฾ ย 8 แกว฾ ตอ฽ วนั )กนั นกั เหตผุ ลกเ็ พราะ นํา้ เป็นสารอาหารท่ีจาํ เป็นสาํ หรบั ชีวติ เซลลแทกุ เซลลลแ ฾วนมนี าํ้ เป็นสว฽ นประกอบ ถา฾ นบั รวม ๆ กันแลว฾ ในร฽างกายเรามนี ้ําอยถู฽ งึ 55-75%ของนํ้าหนกั ตัว ดังนนั้ ถ฾าร฽างกายขาดน้าํ เพยี งแค฽ 10 วนั เรากต็ ายแล฾ว (ขณะท่ีคุณสามารถขาดอาหารได฾ถึง 70 วนั ) น้าํ ในร฽างกายเราส฽วนใหญ฽มาจากน้าํ ท่ีเราด่ืม รวมทั้งในอาหาร ท่ีเรากนิ และเกิดจากกระบวนการเมตาโบลซิ ม่ึ ซง่ึ ทํางานอย฽ู ตลอดเวลา ประมาณ 2 ใน 3 ของน้าํ ในร฽างกายจะอยใ฽ู นเซลลแ และอีกส฽วนท่เี หลือจะอยู฽ในเลือดและของเหลวต฽างๆ นาํ้ ทาํ หน฾าท่สี ําคัญๆหลายอยา฽ ง เชน฽ ช฽วยย฽อยและดดู ซมึ อาหาร สําเลียงสารอาหาร และของเสียไปตามกระแสเลือด ชว฽ ยในการสร฾างปฏิกิริยาทางเคมขี องร฽างกาย ช฽วยหล฽อล่นื และรองรับการเคล่ือนไหวของเอ็นขอ฾ ต฽างๆ และชว฽ ยรกั ษาระดบั ของอุณหภูมใิ นร฽างกาย อย฽างไรก็ตาม รา฽ งกายของเราไมก฽ ักเก็บนํ้าเอาไว฾ แตล฽ ะวันจะมกี ารสูญเสยี นาํ้ ตลอดเวลา โดยการขับถา฽ ยทางปใสสาวะ อจุ จาระ ทางผวิ หนงั และทางปอด เฉล่ยี มกี ารสญู เสยี น้าํ ประมาณ 2.65ลติ รตอ฽ วนั เพราะเหตนุ จี้ ึงควรดื่มน้ําทดแทนสว฽ นที่เสยี ไป อย฽างน฾อยไมต฽ ่ํากว฽า 8 แกว฾ ตอ฽ วัน ปใญหาอยท฽ู ี่วา฽ คนสว฽ นใหญ฽ด่มื น้าํ ไมเ฽ พียงพอตอ฽ ความตอ฾ งการ เพราะมกั ดืม่ นํ้ากต็ อ฽ เมื่อ รสู฾ ึกกระหาย ความจริงแล฾วเม่อื คณุ กระหาย นั่นหมายความว฽าร฽างกายถึงข้ันเกิดภาวะขาดน้ํา เป็นสญั ญาณและอาการของภาวะขาดนํา้ คือ รสู฾ ึกกระหาย ปใสสาวะนอ฾ ยลง และปใสสาวะ เหลืองเขม฾ (โดยทั่วไปปสใ สาวะสอี ฽อนจะดีกวา฽ ) ท฾องผูก เหนอ่ื ย อ฽อนเพลีย ปวดหัว

16 เวยี นหัว หน฾ามดื ตาลาย เป็นตะคริว อณุ หภมู ริ า฽ งกายสูง และความดันเลอื ดสูงขึน้ มรี ายงานการวจิ ัยชิ้นใหม฽ที่พบว฽า การดื่มนา้ํ ให฾เพียงพอจะช฽วยลดความเส่ียงตอ฽ การเปน็ มะเร็งกระเพาะปใสสาวะด฾วย อยา฽ ลมื ว฽า นํ้าทําให฾กระบวนการทกุ อยา฽ งในร฽างกายทาํ หน฾าทีไ่ ดอ฾ ยา฽ งราบรื่น ฉะนั้น Drink up ด่มื น้าํ ซะ

17 คาถามท่ี 1 ถอ฾ ยความน้ีผูเ฾ ขียนต฾องการนาํ เสนอเรือ่ งใดมากท่ีสุด 1. นาํ้ มีหนา฾ ทีห่ ลายอย฽าง 2. น้าํ ช฽วยในการขบั ถา฽ ยของเสีย 3. นํ้าเป็นสารอาหารทจ่ี ําเป็นสําหรับชีวติ 4. นํ้าช฽วยยอ฽ ยอาหารที่เรารับประทานเขา฾ ไป คาถามท่ี 2 ข฾อใดเปน็ ประโยคความเดยี ว 1. ประชาดื่มน้ําวนั ละ 8 แก฾ว 2. นดิ รดนํ้าผกั ที่ปลูกในสวนทกุ วัน 3. ฉันใช฾น้ําประปาในการหงุ ตม฾ อาหาร 4. น้ําไม฽ไดม฾ ีความจําเป็นตอ฽ มนุษยแแ ละสตั วแ คาถามที่ 3 จากถอ฾ ยความขา฾ งตน฾ ขอ฾ ความตอ฽ ไปน้ีเปน็ ความจริงหรอื ไม฽เปน็ ความจรงิ ข฾อความเปน็ ความจรงิ จงเขยี นเครอื่ งหมาย X ในช฽อง “ใช”฽ ข฾อความไม฽เป็นความจรงิ จงเขียนเครอื่ งหมาย X ในช฽อง “ไม฽ใช฽ ข้อความ ใช่ ไมใ่ ช่ 1. เราต฾องดืม่ นาํ้ อย฽างน฾อยวนั ละ 8 แก฾ว 2. นํา้ ในรา฽ งกายของคนเราจะอยู฽ในเลอื ดมากกว฽าในเซลลแ 3. เราควรดื่มน้ําเมอื่ รส฾ู ึกกระหายเท฽านนั้ 4. น้ําทาํ หน฾าท่สี ําคญั คอื ชว฽ ยย฽อยและดดู ซมึ อาหาร 5. ร฽างกายของเราจะสญู เสยี น้ําด฾วยการขบั ถ฽าย ทางปใสสาวะ ทางผวิ หนัง ทางปอด 6. น้ําทําใหก฾ ระบวนการทุกอย฽างในร฽างกายทาํ หน฾าท่ี ได฾อยา฽ งราบรืน่ 7. เราควรด่ืมน้ําหลังรับประทานอาหารมาก ๆ เพ่อื ชว฽ ย ในการย฽อยอาหาร 8. ร฽างกายของเราขาดน้ําได฾นานเกนิ 10 วนั 9. ถา฾ ปใสสาวะของเรามีสีเหลืองเข฾มแสดงว฽ารา฽ งกายของเรา อยูใ฽ นภาวะขาดน้ํา 10. การด่ืมน้ํามาก ๆจะเส่ียงต฽อการเปน็ มะเร็งกระเพาะปใสสาวะ

18 คาถามท่ี 4 จากถอ฾ ยความขา฾ งต฾น นกั เรยี นคดิ ว฽า นักเรียนปฏบิ ตั ติ ามได้หรือไม่ ใหเ฾ ลอื กวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ได”฾ “ไมไ฽ ด”฾ ท่ีกาํ หนดให฾ แลว฾ บอกเหตผุ ล จาํ นวน 2 ขอ฾ ให฾ใช฾ขอ฾ มลู จากเน้ือเรอ่ื งสนับสนนุ คาํ ตอบของนักเรยี น ได้ ไมไ่ ด้ 1...................................................................................................................................... 2...................................................................................................................................... คาถามที่ 5 นา้ เปน็ สิ่งจาเป็นต่อร่างกาย นกั เรียนคดิ เหน็ อย฽างไรกับคาํ พูดขา฾ งต฾น ทําไมจงึ คดิ เช฽นน้นั ให฾ใช฾เหตุผลประกอบคาํ อธิบาย 1. ให฾นักเรยี นเลือกทําเคร่ืองหมาย วงกลมลอ฾ มรอบ ขอ฾ ความข฾างลา฽ งน้ี เพียง 1 ขอ฾ ความ ความคดิ เหน็ คลอ้ ยตาม ความคดิ เหน็ โต้แย้ง ความคดิ เหน็ คล้อยตามและโตแ้ ย้ง 2. ให฾นกั เรยี นเขยี นอธิบายเหตุผล จํานวน 2 ข฾อ ท่ีสอดคลอ฾ งความคดิ การเลือกในข฾อ 1 ความคิดเหน็ คล฾อยตาม ความคิดเหน็ โต฾แย฾ง 1…............................................................. 1…............................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. 2............................................................... 2............................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

19 แบบฝึกการอา่ นรู้เรื่องและสอื่ สารไดต้ ามแนวการประเมินผลนานาชาติ (PISA) สาหรบั นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 สถานการณท์ ่ี 6 คาชีแ้ จง ใหน฾ กั เรียนอ฽านถ฾อยความ และตอบคาํ ถามตอ฽ ไปน้ี เลอื กน้ามนั หมหู รอื นา้ มันพืช โดย pimchanok แม฾ไขมันจะไม฽ใชส฽ ง่ิ ท่ีรา฽ งกายต฾องการมากนกั แต฽\"ไขมนั \" กค็ อื 1 ใน 5 ของหมอ฽ู าหาร ท่ีจาํ เปน็ ตอ฽ ร฽างกาย (นอกเหนอื คารแโบไฮเดรต โปรตีน เกลือแร฽ วิตามนิ ) ดงั น้นั จึงหลีกเลี่ยงไม฽ได฾ ทีจ่ ะต฾องใหค฾ วามสาํ คญั ต฽อการเลือกไขมันหรอื นา้ํ มันเพือ่ บรโิ ภคในแต฽ละวัน น้ามันหมู เร่มิ กลับมาอย฽ูในความสนใจของผ฾บู รโิ ภคในการนํามาประกอบอาหารอกี ครงั้ หลังจากมีกระแสถกเถียงกันระหวา฽ งน้าํ มันหมกู ับนํ้ามันพชื บรรจุขวดผ฽านกรรมวิธี เราควรบริโภค นา้ํ มนั ประเภทไหนกนั แน฽ กลม฽ุ ทเี่ ช่อื ว฽า นํ้ามนั หมูดีต฽อสขุ ภาพมากกวา฽ นาํ้ มันพืช มเี หตผุ ลสําคญั ยนื ยันความเชอ่ื ของตนว฽า นํ้ามนั หมูมีกรรมวิธีการผลิตทปี่ ลอดภัยปราศจากการใช฾สารเคมี เพราะได฾มาจากไขมัน สตั วแโดยตรง ใกลเ฾ คยี งธรรมชาติท่สี ุด ให฾ความหอมในการปรงุ อาหารไดด฾ กี ว฽า แตกต฽างจากนาํ้ มนั พชื ผ฽านกรรมวิธี ที่ต฾องท้ังกล่นั (Refined) ฟอกสี (Bleached) และแต฽งกลน่ิ (Deodozied) และเม่อื นํามาปรงุ อาหารจะเกดิ การแตกตวั เป็นสารอนุมูลอิสระ ซง่ึ เปน็ อันตรายตอ฽ รา฽ งกายได฾ ส฽วนกลุ฽มทเ่ี ช่ือวา฽ น้ํามนั พืชดีตอ฽ สุขภาพมากกวา฽ ก็ยืนยนั ว฽าไขมันพืชเปน็ ไขมันไมอ฽ ิม่ ตัว มคี อเลสเตอรอลนอ฾ ยกวา฽ ไขมนั สตั วแ และข฾อกล฽าวหาท่วี ฽าแม฾นํ้ามนั พชื จะไม฽เป็นไขที่อุณหภมู ิ 25 องศาเซลเซียส แตเ฽ ม่ือเขา฾ ไปอยู฽ในร฽างกายทอี่ ุณหภมู ิ 37 องศาเซลเซยี สจะกลายเป็น กาวเหนียว เกาะตดิ ลําไส฾ ไม฽สามารถลา฾ งออกได฾ และเปน็ สาเหตุของโรคไขมนั อุดตันนั้น กเ็ ปน็ คํากล฽าวอ฾างทีไ่ ม฽มหี ลักฐานยนื ยนั สานักโภชนาการ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข ระบวุ า฽ เราควรบริโภคนํ้ามัน อยา฽ งหลากหลายในปริมาณเพยี งเลก็ น฾อย เพ่อี หลีกเลี่ยงภาวะไขมนั อุดตนั ในเส฾นเลือด โดยประมาณวา฽ ในจาํ นวนพลังงาน 2,000 กโิ ลแคลอรี ท่ีรา฽ งกายมนุษยตแ ฾องการตอ฽ วนั นัน้ ควรจะเปน็ ไขมันได฾ไม฽เกิน 25-30% ด฾าน ดร.เนตรนภสิ วัฒนสุชาติ ผ฾เู ชย่ี วชาญเฉพาะด฾านโภชนาการ สถาบนั คน฾ คว฾าและพัฒนา ผลิตภณั ฑแอาหาร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตรแ ไดอ฾ ธบิ ายว฽า ไม฽ว฽าจะเป็นน้ํามันพชื หรือนาํ้ มันหมู ตา฽ งก็เปน็ ไขมันที่ไม฽ควรบริโภคจํานวนมาก แต฽กค็ งเปน็ ส่งิ ทหี่ ลีกเล่ียงไม฽ได฾ ดงั นนั้

20 ทางทดี่ ีไม฽ควรเลอื กบรโิ ภคนํา้ มันชนิดใดชนดิ หนึ่งเพยี งชนิดเดยี ว เพราะ นํ้ามนั พชื มหี ลาย ประเภท อาทิ นาํ้ มันรําข฾าว นา้ํ มนั ถัว่ เหลอื ง นํ้ามันปาลมแ เป็นต฾น นา้ํ มันแตล฽ ะประเภทก็มคี ณุ สมบัตทิ ี่ เหมาะสมกับการปรุงอาหารทีแ่ ตกต฽างกัน ขณะที่ นํา้ มัน จากสตั วแ อาทิ น้ํามนั หมู ก็ไมไ฽ ดเ฾ ลวรา฾ ย เปน็ นา้ํ มันทางเลือกท่ีสามารถรับประทานไดเ฾ ปน็ คร้งั คราว ขอเพยี งพิจารณาการรับประทานไขมนั ให฾ เหมาะสมกับพลงั งานทร่ี ฽างกายตอ฾ งการในแต฽ละ วัน กจ็ ะไมเ฽ ป็นการสะสมไขมนั อันจะนําไปสู฽ โรคภยั ตา฽ ง ๆ ได฾ ขณะที่ สถาบนั อาหาร ไดแ฾ นะนาํ การเลอื กใช฾นํ้ามันใหเ฾ หมาะสมกับชนดิ และประเภท ของการปรงุ อาหาร เช฽น การผัด ซึ่งจะใช฾น้าํ มนั เพียงเลก็ น฾อย สามารถจะใช฾นํ้ามันชนิดใดกไ็ ด฾ เชน฽ นาํ้ มนั รําขา฾ ว นาํ้ มนั ถว่ั เหลือง นาํ้ มนั ทานตะวนั น้าํ มันข฾าวโพด นํ้ามันเมล็ดฝูาย สว฽ นการทอดอาหารที่ใชน฾ ้ํามนั ปรมิ าณมาก และใช฾ความร฾อนสูงในการประกอบอาหาร เพือ่ ใหไ฾ ดอ฾ าหารรสชาติดี กรอบ อร฽อย เชน฽ ทอดไก฽ ทอดปลา ทอดกลว฾ ยแขก ทอดปาท฽องโกเ หรอื ทอดโดนัท ควรใช฾ น้ํามันที่มกี รดไขมนั อ่ิมตวั สูง เช฽น น้ํามันปาลมแ หรอื นํ้ามันหมู เพราะหาก ไปใช฾ นํา้ มันราํ ข฾าว น้าํ มนั ถ่ัวเหลือง ซึง่ เปน็ น้ํามนั พืชท่มี กี รดไขมนั ไม฽อ่ิมตัวสูง จะก฽อใหเ฾ กิดควันไดง฾ ฽าย เหมน็ หืน และเกดิ ความหนดื จากสารพิษ \"โพลเี มอรแ\" ที่จะเกิดขึ้นตามมา ส฽วนการทํานา้ํ สลดั ประเภทต฽าง ๆ ต฾องใชน฾ าํ้ มนั พชื ที่ไมแ฽ ข็งตวั ใน อุณหภมู ติ า่ํ เปน็ น้าํ มันท่ีมีกรดไขมนั ไมอ฽ ่ิมตวั สงู เชน฽ นํ้ามนั มะกอก ไมว฽ ฽าจะเป็นนาํ้ มันชนิดไหน เพ่อื สขุ ภาพทดี่ ขี องรา฽ งกายควรเลือกรับประทานน้ํามนั ใหแ฾ ต฽เพียงน฾อย ทมี่ า: หนังสือพมิ พแประชาชาติธรุ กิจ ภาพประกอบจากอินเทอรแเน็ต

21 คาถามท่ี 1 จากถอ฾ ยความน้ี ผ฾เู ขียนต฾องการนาํ เสนอเรอ่ื งใด 1. น้าํ มันหมูดีตอ฽ สขุ ภาพมากกวา฽ นา้ํ มันพืช 2. นาํ้ มันพืชมคี อเลสเตอรอลน฾อยกว฽าน้าํ มันหมู 3. เลือกใช฾นาํ้ มนั ให฾เหมาะกบั ชนดิ และประเภทของการปรงุ อาหาร 4. ควรเลือกใชน฾ า้ํ มันให฾เหมาะกบั ชนดิ และประเภทของการปรงุ อาหาร คาถามท่ี 2 ประโยคในขอ฾ ใดเป็นประโยคความรวม 1. น้ํามนั หมูไดจ฾ ากไขมนั สัตวโแ ดยตรง 2. ในแต฽ละวันควรเลอื กบริโภคน้ํามันใหน฾ ฾อยท่สี ดุ 3. ไขมันพขื มคี อเรสเตอรอลนอ฾ ยกวา฽ ไขมันสัตวแ 4. การทอดปาทอ฽ งโกเ หรือโดนทั ควรใชน฾ ํามันทม่ี กี รดไขมันอม่ิ ตัวสงู คาถามที่ 3 จากถ฾อยความข฾างต฾น ข฾อความตอ฽ ไปน้ีเปน็ ความจรงิ หรือไมเ฽ ปน็ ความจรงิ ข฾อความเปน็ ความจริง จงเขียนเครอ่ื งหมาย X ในช฽อง “ใช”฽ ขอ฾ ความไม฽เปน็ ความจรงิ จงเขียนเคร่อื งหมาย X ในชอ฽ ง “ไม฽ใช฽ ขอ้ ความ ใช่ ไมใ่ ช่ 1. นํา้ มันหมูมกี รรมวิธกี ารผลิตทป่ี ราศจากสารเคมี 2. นํา้ มนั ทม่ี กี รดไขมันอ่ิมตวั สงู ไมค฽ วรนํามาปรุงอาหาร 3. ใน 1 วัน ร฽างกายมนุษยแต฾องการไขมันไมเ฽ กิน 25-30 % 4. เราควรใช฾น้ํามนั พชื ในการปรงุ อาหารประเภททอด 5. คนที่เปน็ โรคไขมันอุดตนั ในเสน฾ เลือด เพราะรับประทาน นํ้ามันหมูมาก 6. นาํ้ มนั พชื หรอื นํ้ามันหมูตา฽ งกเ็ ป็นไขมนั ทีไ่ มค฽ วรบริโภคมากเกนิ ไป 7. สารอนมุ ูลอสิ ระเกิดจากการนาํ น้าํ มนั พืชมาปรุงอาหาร 8. นาํ้ มนั งามีกรรมวิธีในการผลิตแตกตา฽ งจากนํ้ามันหมู 9. ไขมนั เปน็ หม฽ูอาหารท่มี ีความจําเปน็ ตอ฽ รา฽ งกายมากท่สี ุด 10. ผัดกะเพราเป็นอาหารท่คี วรรับประทาน เพราะใชน฾ ํ้ามนั น฾อยในการปรงุ

22 คาถามท่ี 4 จากถอ฾ ยความขา฾ งตน฾ นักเรยี นคิดวา฽ การปรุงอาหารใหอ้ ร่อยข้นึ อยกู่ ับการเลอื กใชน้ ามันใช่หรือไม่ ใหเ฾ ลอื กวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ใช”฽ “ไม฽ใช”฽ ที่กาํ หนดให฾ แลว฾ บอกเหตผุ ล จาํ นวน 2 ขอ฾ ให฾ใชข฾ ฾อมูลจากเนอ้ื เรอ่ื งสนบั สนุนคําตอบของนกั เรยี น ใช่ ไม่ใช่ 1...................................................................................................................................... 2...................................................................................................................................... คาถามท่ี 5 การปรุงอาหารด้วยนา้ มนั หมู อรอ่ ยกวา่ นา้ มนั พชื นกั เรียนคิดเห็นอย฽างไรกบั คาํ พดู ข฾างต฾น ทําไมจงึ คิดเชน฽ นั้น ให฾ใช฾เหตุผลประกอบคาํ อธิบาย 1. ใหน฾ ักเรยี นเลือกทําเคร่ืองหมายวงกลม ล฾อมรอบข฾อความขา฾ งลา฽ งนี้ เพียง 1 ข฾อความ ความคดิ เหน็ คล้อยตาม ความคดิ เห็นโตแ้ ยง้ ความคดิ เหน็ คล้อยตามและโต้แย้ง 2. ให฾นกั เรียนเขยี นอธิบายเหตผุ ล จํานวน 2 ข฾อ ที่สอดคล฾องความคิดการเลือกในข฾อ 1 ความคดิ เห็นคลอ฾ ยตาม ความคดิ เหน็ โต฾แยง฾ 1…............................................................. 1…............................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. 2............................................................... 2............................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

23 แบบฝกึ การอ่านรูเ้ ร่ืองและสอื่ สารได้ตามแนวการประเมินผลนานาชาติ (PISA) สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 สถานการณท์ ่ี 7 คาชแี้ จง ให฾นักเรยี นอ฽านถ฾อยความ และตอบคาํ ถามตอ฽ ไปน้ี คณุ รจู้ กั ออร์แกนกิ ดีแค่ไหน? โดย pimchanok พดู ถึง \"ออรแแ กนิก\" หลายคนคงนกึ ถึงอาหารสขุ ภาพทมี่ ีทั้งความสด สะอาด อร฽อย และรูเ฾ พยี งว฽ามคี ุณค฽าทางโภชนาการทส่ี ูง แต฽ ร฾ูหรอื ไม฽ว฽าในปใจจบุ ันออรแแ กนิกยังสามารถทาํ เงนิ ใหแ฾ ก฽ผูผ฾ ลิตที่สนใจสินคา฾ ออรแแกนิกไดอ฾ ย฽างมากมายมหาศาล ดว฾ ยการประยุกตแเป็นอาหารแปรรูป หรอื สนิ ค฾าอปุ โภคบรโิ ภคที่เป็นผลิตภัณฑแออรแแ กนกิ อาทเิ ชน฽ เนอ้ื สัตวแ นม เคร่ืองสําอาง เสือ้ ยดื กระเปา฻ ผา฾ เป็นตน฾ ผักออรแ์ กนิก ผกั ออรแแกนิกหรอื ผักเกษตรอนิ ทรยี แถือเปน็ อีกหน่งึ ทางเลอื กที่ดีต฽อคนรกั สุขภาพ เพราะ ผักออรแแ กนกิ นน้ั มากดว฾ ยคณุ ประโยชนแ คุ฾มค฽าสมราคา ปลูกข้ึนมาโดยไมผ฽ ฽านการใสย฽ าฆ฽าแมลง ป฻ยุ เคมี หรอื ฮอรแโมนสงั เคราะหแเข฾ามาปนเปอื้ น ซง่ึ บ฽อยคร้ัง ยังเขา฾ ใจกันผดิ ว฽าผักออรแแกนิกผัก ปลอดสาร ผกั อนามัย และผักไฮโดรโปนกิ สแ เปน็ ผักชนดิ เดยี วกัน มวี ธิ ีการปลูกทีเ่ หมือนกนั ขอ แจงว฽า ผกั ออรแแกนิกจะไม฽ใชส฾ ารเคมีใดๆ เลย เพียงแต฽มกี ารดัดแปลงวธิ ีการปลกู เช฽น ปุย฻ ในดิน การบํารงุ ดิน ความชนื้ น้าํ อากาศ ฯลฯ เพอ่ื ให฾พืชเติบโตด฾วยวิธแี บบธรรมชาติ 100% ไมเ฽ ปน็ พิษ

24 ต฽อสงิ่ แวดล฾อม และเน฾นใหผ฾ ลผลิตตา฽ งๆ ออกตามฤดูกาล ขณะทผี่ กั ปลอดสารจะใช฾สารเคมี ระหว฽างการปลกู แต฽จะไมใ฽ ชส฾ ารเคมกี ําจดั ศตั รูพืช และเมื่อถึงช฽วงเก็บเก่ียวผลผลิตจะเวน฾ การให฾ สารเคมี จึงจดั วา฽ เป็นผกั ที่ปลอดภัยจากสารเคมีที่ใช฾ฆา฽ แมลง ผกั อนามัยกใ็ ชว฾ ิธีปลกู ทีค่ ล฾ายกับผกั ปลอดสาร เชน฽ กนั แต฽ตา฽ งกนั ทผ่ี ักอนามยั มีการใชส฾ ารเคมปี ูองกนั และปราบศตั รูพืช สว฽ นผักไฮโดร โปนกิ สแ เป็นผกั ท่ีไร฾ดิน ใช฾วัสดุในการปลูก เช฽น นาํ้ ทราย กรวด ดินเผา เปน็ ต฾น ซ่ึงพืชจําเป็นตอ฾ ง พง่ึ พาสารเคมี ไม฽ว฽าจะทางนาํ้ หรอื ทางใบ ผลผลิตท่ไี ด฾อาจจะมสี ารพิษตกค฾างอย฽ูบ฾าง แต฽จะไม฽เกนิ มาตรฐานท่กี รมวชิ าการเกษตรกําหนดเทา฽ นนั้ เอง ใครทีช่ น่ื ชอบการทานเนื้อ นม ไข฽ อย฽ูเป็นประจาํ กไ็ ม฽ควรพลาดที่จะสร฾างสรรคเแ มนูใน จาน ใหม฾ ผี กั ผลไมอ฾ อรแแ กนกิ เสรมิ อยู฽ด฾วย เพราะนอกจากจะไดร฾ ับทั้งวิตามิน เกลอื แร฽ เอนไซมแ แลว฾ ยังสามารถชว฽ ยลดอตั ราเส่ียง โรคมะเรง็ โรคหวั ใจและความดนั ได฾ ผลิตภัณฑ์ออรแ์ กนกิ ปจใ จุบนั สนิ คา฾ ออรแแกนิกไมไ฽ ดม฾ เี ฉพาะกล฽ุมอาหารเท฽าน้นั แตข฽ ยายไลนสแ ินค฾าทต่ี รงตอ฽ ความต฾องการของตลาดมากขน้ึ เชน฽ สินคา฾ ประเภท ชา กาแฟ ผ฾าฝาู ย ท่ีนําไปทาํ เส้อื ผ฾าเด็กออ฽ น สนิ คา฾ บริการเช฽น ธุรกจิ สปา ร฾านอาหาร และเครื่องสําอาง สินค฾าสาํ หรบั ทาํ ความสะอาดบ฾าน เช฽น นํ้ายาล฾างพืน้ หอ฾ งนํา้ นาํ้ ยาถพู ืน้ น้ํายาซักผา฾ นํ้ายาซกั ชุดชั้นใน นาํ้ ยาลา฾ งจาน และนาํ้ ยาใช฾ สาํ หรบั เครือ่ งครวั เปน็ ตน฾ ซ่งึ ขบวนการผลิตท้ังหมดลว฾ นแลว฾ แต฽ใช฾วตั ถุดิบท่เี ป็นออรแแกนกิ 100% และปลอดภัย ไร฾สารสังเคราะหทแ ี่อันตรายตอ฽ สุขภาพ ทั้งนส้ี ินค฾าท่ีสามารถขอ ปดิ ฉลาก แบ฽งเป็น 2 ประเภท คือ สนิ คา฾ ทมี่ ีส฽วนผสมเป็นออรแแกนิก100% และสินค฾าที่มสี ฽วนผสมเปน็ ออรแแกนิกไมน฽ อ฾ ยกวา฽ ร฾อยละ 95 ส฽วนผลิตภัณฑแใดมีส฽วนประกอบท่เี ป็นออรแแกนกิ เพียง 70-95% จะไมส฽ ามารถติดฉลากว฽า เปน็ ผลติ ภณั ฑอแ อรแแ กนกิ แตส฽ ามารถระบุปรมิ าณส฽วนประกอบออรแแกนกิ บนฉลาก ได฾ เชน฽ ตัวอย฽างตรารบั รอง แม฾วา฽ สนิ ค฾าออรแแ กนกิ ในปใจจบุ นั ยังไมส฽ ามารถเขา฾ ถึงผบ฾ู รโิ ภคได฾ทกุ กลุม฽ แตเ฽ ราก็สามารถ เลือกส่งิ ท่ดี ี มีประโยชนแให฾กบั ตวั เองได฾ การกินอาหารและ ใช฾ผลติ ภณั ฑทแ ่ีเป็นออรแแกนิก จงึ เป็น อกี ทางเลือกหน่ึงท่ีเหมาะกับคนทกุ บ฾าน เพราะนอกจากจะสง฽ ผลดี ต฽อสุขภาพของทกุ คนแลว฾ ยงั สามารถดงึ ให฾คนเขา฾ มามสี ฽วนชว฽ ยด฾านสิ่งแวดลอ฾ ม เกษตรกร และพฒั นาสงั คมเศรษฐกิจ อย฽างยงั่ ยนื ไดโ฾ ดยปรยิ าย ทม่ี า: หนงั สอื พิมพมแ ติชนภาพประกอบจากอนิ เทอรแเน็ต

25 คาถามท่ี 1 สาระสาํ คัญของถ฾อยความน้ี คือข฾อใด 1. ผลิตภัณฑอแ อรแแ กนิกปลอดสารเคมี 2. ปลูกผักออรแแกนกิ เสรมิ รายได฾ลดรายจ฽าย 3. ผักปลอดสารพษิ ไม฽แตกตา฽ งจากผักออรแแ กนิก 4. ใช฾สินค฾าออรแแกนิกปลอดภัยต฽อชีวติ และสิ่งแวดลอ฾ ม คาถามท่ี 2 ประโยคข฾อใดมีคาํ ที่มาจากภาษาเขมร 1. สารเคมมี สี ฽วนในการทําลายหน฾าดิน 2. ผักออรแแ กนกิ มากดว฾ ยคุณประโยชนแ 3. สนิ ค฾าออรแแกนิกส฽งผลดีตอ฽ สิ่งแวดลอ฾ ม 4. ผลติ ภัณฑอแ อรแแกนกิ เป็นทางเลอื กหนึง่ ท่ีเหมาะกับคนทกุ บ฾าน

26 คาถามท่ี 3 จากถอ฾ ยความขา฾ งต฾น ข฾อความต฽อไปนี้เปน็ ความจรงิ หรือไมเ฽ ป็นความจริง ข฾อความเป็นความจรงิ จงเขยี นเคร่อื งหมาย X ในช฽อง “ใช”฽ ข฾อความไมเ฽ ป็นความจริง จงเขยี นเครอ่ื งหมาย X ในชอ฽ ง “ไมใ฽ ช฽ ข้อความ ใช่ ไมใ่ ช่ 1. รับประทาน ขนม ผกั ผลไม฾ ออรแแกนกิ ลดอตั ราเส่ียงโรคมะเรง็ โรคหัวใจ 2. การปลูกผกั ออรแแ กนกิ ทําให฾สุขภาพของเกษตรกรดขี ึน้ 3. การปลกู ผักโดยใชป฾ ฻ยุ จากทอ฾ งตลาด คอื การปลกู ผักออรแแกนิก 4. ผลิตภณั ฑอแ อรแแกนกิ มจี ําหนา฽ ยตามร฾านค฾าท่วั ไป 5. ผกั ออรแแ กนกิ ให฾คณุ ค฽าด฾านวติ ามิน เกลือแร฽ เอนไซมแ 6. การปลกู ผกั ออรแแ กนกิ เป็นการทําลายสงิ่ แวดลอ฾ ม 7. เกษตรกรส฽วนใหญ฽ของประเทศนยิ มผลิตสินคา฾ ออรแแ กนิก 8. คนไทยมีอัตราเส่ียงเปน็ โรคมะเร็งมาก เนือ่ งจากบริโภคสนิ คา฾ ทีใ่ ช฾ สารเคมี 9. ผบู฾ รโิ ภคสว฽ นใหญ฽ไม฽นิยมรับประทานผกั ออรแแ กนิก เพราะมีราคา แพงกว฽าผกั ท่ัวไป 10. เราควรปลกู ผักออรแแกนกิ ไว฾รับประทานเอง เพื่อลดรายจา฽ ย

27 คาถามที่ 4 จากถ฾อยความข฾างตน฾ นกั เรยี นคิดว฽า ปลูกผกั ออร์แกนกิ ไวร้ บั ประทานเองไดห้ รือไม่ ใหเ฾ ลือกวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ได”฾ “ไม฽ได”฾ ที่กําหนดให฾ แล฾วบอกเหตุผล จํานวน 2 ขอ฾ ให฾ใช฾ขอ฾ มูลจากเน้ือเร่ืองสนบั สนุนคําตอบของนกั เรียน ได้ ไม่ได้ 1...................................................................................................................................... 2...................................................................................................................................... คาถามที่ 5 กนิ ผักออร์แกนิก ปลอดภัยจากโรคมะเร็ง นกั เรยี นคิดเห็นอย฽างไรกบั คําพูดขา฾ งตน฾ ทําไมจึงคดิ เช฽นนั้น ให฾ใช฾เหตผุ ลประกอบ คาํ อธบิ าย 1. ใหน฾ กั เรียนเลอื กทําเครื่องหมายวงกลม ล฾อมรอบข฾อความขา฾ งลา฽ งนี้ เพยี ง 1 ขอ฾ ความ ความคดิ เห็นคลอ้ ยตาม ความคิดเหน็ โตแ้ ยง้ ความคิดเห็นคล้อยตามและโต้แย้ง 2. ใหน฾ ักเรยี นเขยี นอธบิ ายเหตผุ ล จํานวน 2 ข฾อ ที่สอดคลอ฾ งความคดิ การเลือกในข฾อ 1 ความคดิ เหน็ คลอ฾ ยตาม ความคิดเหน็ โต฾แย฾ง 1…............................................................. 1…............................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. 2............................................................... 2............................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

28 แบบฝึกการอา่ นรเู้ ร่อื งและสอ่ื สารไดต้ ามแนวการประเมินผลนานาชาติ (PISA) สาหรบั นกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 สถานการณ์ที่ 8 คาช้ีแจง ให฾นกั เรยี นอ฽านถ฾อยความ และตอบคาํ ถามต฽อไปนี้ ฟักขา้ ว..(Gac fruit) สมนุ ไพรประหลาด มหัศจรรย์ ฟกั ขา้ ว(Gac fruit) เปน็ สมุนไพรทีใ่ ชต฾ า฾ นโรคมะเร็ง มีขนาดลําต฾นเท฽ากับแขน ผลมีขนาด เท฽ากับลกู มะขวดิ เป็นไมเ฾ ถาเล้อื ยฟกใ ขา฾ วเป็นผลไม฾ ทีม่ ีประโยชนตแ ฽อสุขภาพดวงตาและภูมคิ ม฾ุ กัน (สารต฾านอนมุ ูลอสิ ระ) เยอื่ เมลด็ ของฟใกข฾าวมีปริมาณเบตา฾ แคโรทนี มากกว฽าแครอท 10 เท฽า มีไลโคพีนมากกว฽ามะเขือเทศ 70 เท฽า และมีกรดไขมันประมาณร฾อยละ 10 ของมวล การกนิ เบตา฾ แคโรทีนจากฟกใ ขา฾ วพบว฽าดูดซึมในรา฽ งกายได฾ดเี พราะละลายได฾ในกรดไขมันดงั กล฽าว ฟกใ ข฾าวนัน้ ช฽วยบํารุงสายตา แต฽ตอ฾ งกนิ ส฽วนมาจากเยื่อเมล็ดจะใหป฾ ระสทิ ธภิ าพสงู ฟกั ขา้ วมถี ิน่ กําเนิดในประเทศจนี พม฽า ไทย ลาว บังกลาเทศ มาเลเซียและฟลิ ิปปินสแ เป็นพชื ทชี่ าวเวียดนามใช฾ประกอบอาหารมาก ในชนบทมีปลกู กันเกอื บทกุ บ฾าน ฟใกข฾าวเป็นไม฾เถา เลื้อยพนั มีมอื เกาะ ใบเป็นใบเด่ียว เรียงแบบสลบั ใบรปู หัวใจหรอื รูปไข฽ กว฾างยาวเท฽ากัน ประมาณ 6-15 เซนติเมตร ขอบใบหยกั เวา฾ ลึกเป็นแฉก 3-5 แฉก ดอกเปน็ ดอกเด่ียวพบท่ีซอกใบ ต฾นแยกเพศอยค฽ู นละต฾น กลีบดอกสขี าวแกมเหลอื ง ตรงกลางมสี ีนาํ้ ตาลแกมม฽วง ใบประดบั มีขน ผลออ฽ นมีสีเขียวอมเหลอื ง เจริญได฾เองโดยไมต฽ ฾องถูกผสม เมอื่ ผลสกุ จะมีสแี ดง ขยายพนั ธแโุ ดยใช฾ เมล็ด

29 หรือแยกรากปลกู ฟกใ ข฾าวเริ่มมดี อกหลังแยกรากปลกู ประมาณ 2 เดือน เรม่ิ ผลิดอกราวเดอื น พฤษภาคมและให฾ดอกจนถึงราวเดอื นสิงหาคม ผลสุกใชเ฾ วลาประมาณ 20 วนั ทป่ี ระเทศเวียดนามมกั ปลูกฟกใ ขา฾ วพาดพ฾นไมร฾ ะแนงข฾างบ฾าน และเก็บเฉพาะผลสุก มาประกอบอาหาร แตเ฽ น่ืองจากฟกใ ขา฾ วให฾ผลดที ่ีสดุ ในชว฽ งฤดูหนาว ชาวเวียดนามจงึ ใชป฾ ระกอบ อาหารในเทศกาลปีใหม฽ และงานมงคลสมรสเทา฽ นั้น ฟกใ ขา฾ วมเี ปลือกหนา ผลสุกเนื้อในหนามีสีส฾ม ภายในมเี ยื่อสแี ดงใหเ฾ มล็ดเกาะ เนื้อผลสกุ กนิ ได฾ ที่ประเทศเวียดนามใช฾เยื่อสแี ดงและเมล็ด (มี นํา้ มัน) เป็นยา http://www.elib-online.com/doctors50/food_momordica001.html .. คาถามท่ี 1 จากถอ฾ ยความนีก้ ล฽าวถึงฟกใ ขา฾ วในดา฾ นใดมากทีส่ ุด 1. ใช฾เปน็ ยาสมุนไพร 2. วิธกี ารปลกู ฟกใ ขา฾ ว 3. ใช฾ปลกู เปน็ ไม฾ดอกไมป฾ ระดับ 4. ใช฾เปน็ ผักสาํ หรับประกอบอาหาร คาถามท่ี 2 ข฾อใดไมถ฽ ูกตอ฾ ง 1. ฟใกข฾าว ชว฽ ยบํารุงสายตา 2. ฟใกข฾าว เปน็ ไม฾เถาเล้ือย 3. ฟใกขา฾ ว มสี ารต฾านอนุมูลอสิ ระ 4. ฟใกข฾าว เป็นอาหารทีน่ ยิ มของชาวมาเลเซีย

30 คาถามที่ 3 จากถอ฾ ยความข฾างตน฾ ข฾อความต฽อไปนี้เป็นความจรงิ หรือไม฽เป็นความจริง ข฾อความเป็นความจรงิ จงเขยี นเครื่องหมาย X ในช฽อง “ใช”฽ ขอ฾ ความไม฽เปน็ ความจริง จงเขียนเครือ่ งหมาย X ในชอ฽ ง “ไม฽ใช฽ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่ 1. ฟกใ ข฾าว มีถ่นิ กาํ เนดิ ในเวียดนาม 2. นาํ้ มันในฟใกขา฾ วมีประโยชนทแ างยา 3. การรับประทานแครอท และมะเขอื เทศ ชว฽ ยบํารงุ สายตา 4. ฟใกข฾าวจะออกลกู ท้ังปี 5. ฟกใ ข฾าวเปน็ ไม฾ยืนตน฾ เน้อื แขง็ 6. ชาวเวียดนามใชฟ฾ ใกขา฾ วประกอบอาหารในเทศกาลสําคญั 7. ฟกใ ขา฾ วใหว฾ ติ ามินเอมากกวา฽ แครอท 8. เนื้อของฟใกขา฾ วมีคณุ ค฽าทางโภชนาการสูงสุด 9. ประหลาด เปน็ คาํ ควบกลา้ํ แท฾ 10. แครอท เป็นภาษาถิน่ คาถามท่ี 4 จากถ฾อยความขา฾ งตน฾ นักเรยี นคิดว฽า ฟกั ขา้ ว จัดเปน็ พชื ทม่ี คี ณุ ค่าตอ่ มนษุ ยไ์ ดห้ รือไม่ ให฾เลอื กวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ได”฾ “ไมไ฽ ด”฾ ที่กําหนดให฾ แล฾วบอกเหตผุ ล จาํ นวน 2 ขอ฾ ให฾ใช฾ข฾อมลู จากเนื้อเรื่องสนบั สนุนคําตอบของนักเรยี น ได้ ไมไ่ ด้ 1...................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………….………… 2...................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………….

คาถามท่ี 5 31 ฟักขา้ ว สมุนไพรประหลาด มหศั จรรย์ นกั เรียนคิดเห็นอย฽างไรกบั คาํ พดู ขา฾ งต฾น ทําไมจงึ คดิ เช฽นน้ัน ให฾ใช฾เหตุผลประกอบ คําอธบิ าย 1. ใหน฾ ักเรียนเลอื กทําเครื่องหมายวงกลม ลอ฾ มรอบข฾อความขา฾ งลา฽ งน้ี เพียง 1 ขอ฾ ความ ความคดิ เหน็ คล้อยตาม ความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ ความคิดเห็นคล้อยตามและโต้แยง้ 2. ให฾นกั เรยี นเขียนอธิบายเหตผุ ล จํานวน 2 ขอ฾ ทีส่ อดคล฾องความคิดการเลอื กในข฾อ 1 ความคดิ เหน็ คลอ้ ยตาม ความคิดเห็นโตแ้ ย้ง 1…............................................................. 1…............................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. 2............................................................... 2............................................................... .................................................................. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

32 แบบฝกึ การอา่ นร้เู รือ่ งและสอื่ สารไดต้ ามแนวการประเมินผลนานาชาติ (PISA) สาหรบั นักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 สถานการณ์ที่ 9 คาชี้แจง ใหน฾ ักเรียนอ฽านถ฾อยความ และตอบคําถามต฽อไปน้ี บนั ทกึ ท่องโลก : พระราชนพิ นธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ วันอาทติ ยแที่ 21 พฤศจิกายน 2536 “ ข฾าพเจา฾ เองยงั มคี วามร฾ูสึกวา฽ การสัมผัสสิง่ ใดส่งิ หน่ึง(รวมทั้งสถานท่ี)ดว฾ ย “อินทรยี แทัง้ 6” คือ ตา หู จมกู ล้นิ กายและใจ ยังมีความสําคญั ตอ฽ ความรู฾สึก ทําให฾เกิดความร฾ทู ่แี ทจ฾ รงิ รัฐบาลนิวซีแลนดสแ ามารถจดั ใหข฾ ฾าพเจ฾าไปแอนตารแกติกาได฾ แตต฽ อ฾ งเป็นเดอื นพฤศจกิ ายน ซ่ึงเป็น ตน฾ ฤดูรอ฾ นของเขา ถงึ แม฾จะรส฾ู ึกวา฽ ระยะเวลาน้ีเปน็ ช฽วงท่ีข฾าพเจา฾ นา฽ จะทํางานช฽วยบ฾านเมอื ง มากกว฽าจะไปตา฽ งประเทศ แตเ฽ มอื่ ไดค฾ ยุ กับทา฽ นเอกอัครราชทูตแล฾ว ก็รส฾ู กึ วา฽ การเดนิ ทางเชน฽ นี้ เป็นสิ่งทด่ี งึ ดูดใจ และทน “ความเย฾ายวน” นไ้ี ม฽ไหว....... “การผจญภัย” ครงั้ ยิ่งใหญข฽ องขา฾ พเจ฾าจึงเกดิ ข้ึน แมว฾ ฽าจะเทียบไม฽ได฾กับนกั สํารวจ เช฽น อามนั เสน หรอื กปั ตันสกอ็ ต (นกั สาํ รวจองั กฤษ) แมน฾ กั วิทยาศาสตรแของชาติต฽างๆ ท่ีทํางานอย฽ู ณ ท่ีนน้ั ในปใจจุบันจะมที ่ีพักที่ดีกว฽าเก฽า แต฽กน็ ับว฽ายังยากสาํ หรบั ข฾าพเจ฾า ซงึ่ เคยอย฽ูแตใ฽ นท่ี อากาศอบอน฽ุ และสบายในการเดนิ ทางไปแสวงหาความรูแ฾ ละประสบการณแทแ่ี อนตารแกติกา.....”

33 คาถามท่ี 1 จากถ฾อยความทอ่ี า฽ น ประโยคใดทม่ี ีคาํ สมาสทุกคาํ 1. ราชทูต ราชสุดา 2. ขา฾ พเจา฾ ผจญภัย 3. ท฽องเที่ยว ราชนิพนธแ 4. รฐั บาล พฤศจกิ ายน คาถามที่ 2 จากถอ฾ ยความที่อ฽าน ประโยคใดที่แสดงว฽ามกี ารพูดโน฾มน฾าว 1. “การผจญภัย” ครง้ั ยิ่งใหญ฽ของขา฾ พเจ฾าจึงเกดิ ข้นึ 2. รัฐบาลนิวซแี ลนดสแ ามารถจดั ใหข฾ ฾าพเจ฾าไปแอนตารกแ ติกาได฾ 3. ระยะน้เี ปน็ ชว฽ งท่ีข฾าพเจา฾ น฽าจะทํางานช฽วยบ฾านเมอื งมากกว฽าจะไปตา฽ งประเทศ 4. เม่ือไดค฾ ยุ กบั ท฽านเอกอคั รราชทูตแลว฾ กร็ ูส฾ ึกว฽าการเดินทางเช฽นน้ีเป็นส่งิ ท่ดี ึงดดู ใจ อ฽านและทําความเขา฾ ใจ กอ฽ นตอบคําถามนะคะ.....

34 คาถามท่ี 3 จากถอ฾ ยความขา฾ งตน฾ ข฾อความต฽อไปน้ีเปน็ ความจรงิ หรอื ไมเ฽ ป็นความจริง ข฾อความเปน็ ความจรงิ จงเขียนเครือ่ งหมาย X ในช฽อง “ใช”฽ ขอ฾ ความไมเ฽ ป็นความจรงิ จงเขียนเครอ่ื งหมาย X ในช฽อง “ไมใ฽ ช฽ ขอ฾ ความ ใช฽ ไม฽ใช฽ 1. ขา฾ พเจา฾ ในถอ฾ ยความท่ีอ฽านหมายถึงสมเดจ็ พระเทพราชสดุ าฯ 2. แต฽ละคนมีอนิ ทรียแทงั้ หกไม฽เทา฽ กัน 3. คําวา฽ “บ฾านเมอื ง” จากถอ฾ ยความที่อ฽านหมายถึงประเทศแอนตารกตกิ า 4. การพดู โนม฾ นา฾ วไดด฾ ีสามารถทําใหผ฾ ูฟ฾ งใ คล฾อยตามได฾ 5. การผจญภยั ครงั้ ยง่ิ ใหญ฽ของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯในครั้งนี้ เก่ยี วกบั เรอ่ื งการเดินทางท่ีลาํ บาก 6. สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ เสดจ็ พระราชดําเนนิ ไปเพอื่ ความสนุก 7. แอนตารกแ ตกิ ามอี ากาศทเ่ี ย็นสบายในเดอื นพฤศจิกายน 8. พระราชนพิ นธแของสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าสรปุ ได฾วา฽ พระองคทแ า฽ น ทรงโปรดในสถานที่ท่ีไดเ฾ สดจ็ 9. คาํ ว฽า “พูดคุย” คําราชาศัพทแคอื ประภาษ 10. สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ ทรงโปรดทพ่ี ักของนักสาํ รวจทม่ี ีอยู฽

35 คาถามท่ี 4 จากถอ฾ ยความข฾างต฾น การสมั ผัสสงิ่ ใดสง่ิ หน่ึงดว้ ยอินทรยี ์ทงั้ หก มคี วามสาคั ตอ่ ความรูส้ กึ ทาใหเ้ กดิ ความร้ทู แี่ ท้จรงิ แกท่ กุ คนเท่ากนั ไดห้ รือไม่ ให฾เลือกวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ได”฾ “ไมไ฽ ด”฾ ท่ีกาํ หนดให฾ แล฾วบอกเหตผุ ล จาํ นวน 2 ขอ฾ ให฾ใชข฾ อ฾ มูลจากเน้อื เรื่องสนับสนนุ คําตอบของนักเรยี น ได้ ไมไ่ ด้ 1...................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... 2...................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................

36 คาถามท่ี 5 “ อนิ ทรยี ท์ ้ังหก คอื ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ แต่ละคนมเี หมือนกนั แตไ่ ม่เท่ากัน ” นักเรียนคดิ เห็นอย฽างไรกบั คําพดู ข฾างต฾น ทําไมจงึ คิดเชน฽ นั้น ใหใ฾ ช฾เหตุผลประกอบคาํ อธบิ าย 1. ใหน฾ กั เรยี นเลอื กทําเครื่องหมายวงกลม ลอ฾ มรอบขอ฾ ความข฾างล฽างนี้ เพียง 1 ข฾อความ ความคิดเหน็ คลอ้ ยตาม ความคิดเห็นโตแ้ ย้ง ความคดิ เหน็ คลอ้ ยตามและโตแ้ ย้ง 2. ใหน฾ กั เรยี นเขียนอธิบายเหตผุ ล จํานวน 2 ข฾อ ท่ีสอดคลอ฾ งความคดิ การเลือกในขอ฾ 1 ความคิดเหน็ คลอ฾ ยตาม ความคดิ เห็นโตแ฾ ย฾ง 1. ............................................................. 1. ............................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. ................................................................. ................................................................. 2.................................................................. 2.................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

37 แบบฝกึ การอา่ นรเู้ ร่ืองและสอื่ สารไดต้ ามแนวการประเมนิ ผลนานาชาติ (PISA) สาหรบั นักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 สถานการณท์ ่ี 10 คาชี้แจง ให฾นกั เรียนอ฽านถ฾อยความ และตอบคาํ ถามต฽อไปน้ี บนั ทึกเหตุการณ์ : จารกึ บนแผ่นศิลา หรอื ศลิ าจารึกพอ่ ขนุ รามคาแหง พอ฽ กูชื่อศรอี ินทราทติ ยแ แม฽กูชอ่ื นางเสือง พีก่ ชู ื่อบานเมอื ง ตูมีน฾องทอ฾ งเดยี วห฾าคน ผู฾ชายสาม ผ฾ูหญงิ โสง พี่เผือผ฾อู ฾ายตายจากเผอื เตียมแต฽ยังเลก็ เมือ่ กูขนึ้ ใหญ฽ไดส฾ ิบเกา฾ เขา฾ ขุนสามชนเจ฾าเมอื งฉอดมาท฽เมอื งตาก พอ฽ กูไปรบขุนสามชน หัวซ฾ายขนุ สามชนขบั มา หวั ขวาขนุ สามชนเกลื่อนเขา฾ ไพรฟูาหนา฾ ใสพอ฽ กหู นีญญ฽ายพายจแจน฾ กูบห฽ นี กูขี่ช฾างเบกพล กูขบั เข฾ากอ฽ นพ฽อกู กูต฽อชา฾ งด฾วยขนุ สามชน ตนกพู ฽งุ ช฾างขนุ สามชนตัวช่อื มาสเมอื งแพ฾ ขุนสามชนพ฽ายหนี พอ฽ กูจงึ ขนึ้ ชือ่ กชู ื่อพระรามคาํ แหง เพอื่ กูพ฽งุ ชา฾ งขนสามชน เมอ่ื ชว่ั พ฽อกู กูบําเรอแกพ฽ ฽อกู กูบําเรอแกแ฽ มก฽ ู กูไดต฾ วั เนือ้ ตัวปลา กเู อามาแก฽พ฽อกู กไู ดห฾ มากสม฾ หมากหวานอันใดกนิ อร฽อยกนิ ดี กเู อามาแกพ฽ ฽อกู กูไปตีหนงั วงั ชา฾ งได฾ กเู อามาแกพ฽ ฽อกู กูไปท฽บ฾านท฽เมืองไดช฾ า฾ งไดง฾ วง ได฾ปใ่วได฾นาง ได฾เงอื นไดท฾ อง กูเอามาเวนแกพ฽ ฽อกู พ฽อกตู ายยังพกี่ ู กูพร่ําบาํ เรอแก฽พ่ีกดู ่ังบําเรอแกพ฽ ฽อกู พี่กตู ายจ่งึ ไดเ฾ มอื งแก฽กูทัง้ กลม

38 คาถามท่ี 1 จากถ฾อยความท่ีอ฽าน ‘ไพร฽ฟาู หนา฾ ใสพ฽อกูหนญี ญา฽ ยพายจแจ฾น .... กบู ห฽ นี’ ควรเติมคําในข฾อใดลงไปในชอ฽ งว฽าง เพือ่ ให฾เป็นประโยคความรวม 1. ซึง่ 2. แต฽ 3. อนั 4. ท่ี คาถามที่ 2. จากถ฾อยความที่อ฽าน นกั เรียนไดแ฾ นวคดิ ในขอ฾ ใดเพอ่ื นําไปใชแ฾ ก฾ปญใ หาในชวี ติ 1. เมื่อพ฽อกตู ายจงึ่ ได฾เมืองแกก฽ ูท้ังกลม 2. เมื่อช่วั พ฽อกู กูบําเรอแกพ฽ ฽อกู กบู าํ เรอแกแ฽ มก฽ ู 3. ไพร฽ฟาู หน฾าใสพ฽อกหู นีญญ฽ายพายจแจ฾น กูบ฽หนี 4. กขู ช่ี า฾ งเบกพล กขู ับเขา฾ ก฽อนพ฽อกู กตู ฽อช฾างด฾วยขนุ สามชน คาถามที่ 3 จากถอ฾ ยความข฾างต฾น ขอ฾ ความตอ฽ ไปนี้เป็นความจรงิ หรอื ไมเ฽ ป็นความจรงิ ขอ฾ ความเปน็ ความจรงิ จงเขียนเครอื่ งหมาย X ในช฽อง “ใช”฽ ขอ฾ ความไมเ฽ ป็นความจริง จงเขยี นเครอ่ื งหมาย X ในชอ฽ ง “ไมใ฽ ช฽ ขอ฾ ความ ใช฽ ไมใ฽ ช฽ 1. “ตูพ่นี ฾องทอ฾ งเดยี วกันห฾าคน” ตู ในท่ีน้หี มายถงึ เราทง้ั หลายท้ังผู฾พูดและ ผู฾ฟงใ 2. พอ฽ ขุนรามคําแหงตอ฾ งออกรบตั้งแตอ฽ ายุย฽างเขา฾ สิบเก฾าปี 3. พ฽อขุนรามคาํ แหงออกรบเพราะต฾องการอํานาจและเปน็ ใหญ฽ 4. “พอ฽ ขุนรามคาํ แหง” พระนามน้ีไดร฾ ับการขนานเม่ือรบชนะขุนสามชน 5. คําวา฽ “บําเรอ” หมายถึง ปรนเปรอ บํารงุ รกั ษา 6. “ตวั เนือ้ ตัวปลา” หมายถึง สตั วแนํ้าทง้ั หมด 7. “พกี่ ูตายจ่ึงไดเ฾ มอื งแก฽กูท้งั กลม” แสดงใหเ฾ ห็นวา฽ พ฽อขุนรามคาํ แหงเป็นคน ทรี่ ักและเคารพพ่ี 8. ศลิ าจารึกพอ฽ ขนุ รามคาํ แหงอ฽านแล฾วทําให฾เกดิ ความภาคภมู ใิ จ 9. บ฾านเมืองอุดมสมบูรณแ คือ บ฾านเมืองไม฽เปน็ เมอื งข้นึ ของใคร 10. พระมหากษัตริยใแ นสมัยสโุ ขทัยตอ฾ งรบเก฽งทุกพระองคแ

39 คาถามที่ 4 จากถอ฾ ยความข฾างตน฾ “พอ่ ขนุ รามคาแหงขึ้นครองราชย์กอ่ นพีไ่ ด้หรอื ไม่” ใหเ฾ ลอื กวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ได”฾ “ไมไ฽ ด”฾ ที่กําหนดให฾ แลว฾ บอกเหตผุ ล จาํ นวน 2 ขอ฾ ใหใ฾ ชข฾ อ฾ มูลจากเน้อื เร่อื งสนบั สนนุ คาํ ตอบของนักเรียน ได้ ไม่ได้ 1.............................................................................................................................. ............................................................................................................................. 2.............................................................................................................................. .............................................................................................................................

40 คาถามท่ี 5 “ก”ู ทใ่ี ช฾ในสมยั พอ฽ ขนุ รามคําแหง สามารถนํามาใชใ฾ นสมยั ปใจจุบันได฾ นักเรียนคดิ เห็นอย฽างไรกบั คําพดู ขา฾ งตน฾ ทําไมจึงคดิ เชน฽ น้นั ให฾ใช฾เหตผุ ลประกอบ คาํ อธิบาย 1. ใหน฾ ักเรียนเลอื กทําเครื่องหมายวงกลม ล฾อมรอบข฾อความขา฾ งล฽างน้ี เพยี ง 1 ข฾อความ ความคดิ เหน็ คลอ้ ยตาม ความคดิ เห็นโตแ้ ย้ง ความคดิ เห็นคลอ้ ยตามและโตแ้ ยง้ 2. ให฾นักเรยี นเขียนอธิบายเหตผุ ล จํานวน 2 ขอ฾ ที่สอดคลอ฾ งความคิดการเลือกในข฾อ 1 ความคิดเหน็ คลอ฾ ยตาม ความคิดเหน็ โต฾แย฾ง 1. ............................................................. 1. ............................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. 2.................................................................. 2.................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

41 แบบฝึกการอ่านรเู้ ร่ืองและสอื่ สารไดต้ ามแนวการประเมินผลนานาชาติ (PISA) สาหรบั นักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 สถานการณท์ ี่ 11 คาชแ้ี จง ให฾นกั เรียนอา฽ นถอ฾ ยความ และตอบคาํ ถามตอ฽ ไปน้ี บันทึกเหตกุ ารณป์ ระทับใจ ของ นางสาว อุไรลักษณ์ บุ รตั น์ “จากความขีล้ มื ของข฾าพเจ฾า ทําใหไ฾ ดร฾ ู฾ว฽าในโลกน้กี ็ยังมคี นดเี หลอื อยบ฽ู นโลก ซ่งึ เขาคน นัน้ ขา฾ พเจา฾ ไมเ฽ คยรจ฾ู กั มาก฽อน แต฽เขาก็ทําใหข฾ ฾าพเจ฾าไมส฽ ามารถลืมเขาไดเ฾ ลยตลอดชวี ิต เรื่องมันมีอยู฽ว฽า เมื่อประมาณ 5 ปี ทแี่ ลว฾ ตอนน้นั ข฾าพเจา฾ เรยี นอยปู฽ ี 2 ท่ีมหาวิทยาลัย แหง฽ หนงึ่ ทางภาคอสี าน วันท่เี กิดเหตุข฾าพเจ฾าจาํ ไดแ฾ ม฽นยํา ซึ่งตรงกบั วนั ท่ี 2 ธนั วาคม 2548 เวลาประมาณ 12.00 น. หลังจากกลบั จากเรียนข฾าพเจา฾ จอดรถจกั รยานยนตแ แลว฾ กไ็ ขกญุ แจ เข฾าไปภายในห฾องพัก พอเก็บของเสรจ็ ขา฾ พเจา฾ รส฾ู กึ หิวเลยจะออกไปซ้ืออะไรกินหนา฾ หอพกั พอจะหยบิ เงินจากกระเป฻าแตก฽ ห็ าไมเ฽ จอ แตย฽ งั ไม฽รูว฾ า฽ กระเป฻าเงินของตนเองหาย คิดว฽าน฽าจะ ลืมวางไว฾ ท่ีใดทห่ี นงึ่ ของห฾องจึงเดนิ หาอยน฽ู าน ค฾นทุกซอกทุกมุมภายในห฾อง ตามล้ินชกั เก็บของ ก็ไมเ฽ จอ เพราะขา฾ พเจ฾าเองชอบหลงวางไว฾อย฽ูเปน็ ประจํา หาได฾ระยะหนึง่ ก็ไม฽เจอ ก็พยายามนกึ วา฽ ..เอ฾ เราไปวางไว฾ทไ่ี หนน฾า พยายามนกึ อย฽นู านก็นกึ ไมอ฽ อก ขา฾ พเจ฾ากงั วลใจมากเพราะภายใน กระเปา฻ มเี งนิ อย฽ปู ระมาณ 3,000 บาท ซ่งึ เงินจํานวนนีแ้ ม฽เพง่ิ โอนมาให฾ เงนิ จํานวนนต้ี อ฾ งใช฾จ฽าย จํานวนหนง่ึ และตอ฾ งจ฽ายค฽าหอด฾วย ซ่งึ กาํ หนดจ฽ายเงนิ ค฽าหอพกั ก฽อนวันท่ี 5 ของทุกเดือน พอ เวลาประมาณ12.30 น. คิดวา฽ มันหายแนน฽ อน จงึ จะไปขอยืมเงนิ เพอื่ นมาไวใ฾ ช฾จา฽ ยกอ฽ น แล฾ว ค฽อยโทรบอกแมว฽ า฽ เงินหาย เม่ือขา฾ พเจ฾าเดินไปทร่ี ถเพ่อื จะไปหาเพื่อน และตอนนั้นเองข฾าพเจ฾า มองไปเห็นกระดาษ ใบหนึง่ มขี อ฾ ความว฽า \"คณุ ลมื กระเป฻าเงินไว฾ทร่ี ถ ตดิ ตอ฽ รบั กระเป฻าเงินที่ หอ฾ ง 2201 นะครับ หรือถ฾าผมไมอ฽ ยู฽โทรติดต฽อขอรบั กระเปา฻ เงนิ ได฾ท่ี 083-210xxxx ขา฾ พเจา฾ ดีใจมาก ตอนนัน้ ทเี่ หน็ ข฾อความหนา฾ ตะกรา฾ รถเขยี นโน฾ตขอ฾ ความไว฾ จึงโทรศพั ทภแ ายในห฾องขึ้นไป ที่หอ฾ ง 2201 ได฾ยินเสียงผ฾ูชายรับโทรศพั ทแ พดู ว฽า \" สวสั ดคี รับ \" ข฾าพเจ฾าจงึ พดู ว฽า\"มาติดตอ฽ ขอรับกระเปา฻ เงินคนื ค฽ะ\" ไดร฾ ับเสยี งตอบมาว฽า \"อ฾อไดค฾ รับ\" ข฾าพเจา฾ จึงขึ้นไปขอรบั กระเป฻า เงินคืน เขาถามขา฾ พเจ฾าก฽อนรบั กระเปา฻ เงินคืนว฽า \"กระเป฻าของคุณสอี ะไร\" ข฾าพเจา฾ ตอบไปวา฽ \"สฟี าู ลายโดเรมอน\" เขามคี วามรอบคอบดี เพราะตอนทเ่ี ขาเขียนโน฾ตไว฾ท่ีหน฾ารถ คนอื่นอาจ

42 จะมาอ฽านแลว฾ สวมรอยมารบั กระเป฻าเงินแทนตวั จริงได฾ หลงั จากกลบั จากวันพอ฽ ข฾าพเจ฾าตอบ แทนความดีของเขาดว฾ ยการซ้ือขนมโมจิมาฝากเพ่ือเป็นการขอบคุณ เรือ่ งนอี้ าจจะเป็นอทุ าหรณหแ รอื ตัวอยา฽ งสําหรับเพ่ือนๆ ได฾วา฽ ให฾ทกุ คนมีความระมดั ระวงั และรอบคอบมากกวา฽ น้ี ทุกคนอาจไมไ฽ มโ฽ ชคดเี หมือนข฾าพเจ฾าหรือถ฾ามเี หตุการณแแบบนเี้ กิดขน้ึ กบั ข฾าพเจ฾าอีก อาจจะไมโ฽ ชคดีเหมือนคร้ังน้ี สุดทา฾ ยตอ฾ งขอขอบคณุ เขามากๆ ข฾าพเจา฾ อยากนาํ ความดขี องเขามาเลา฽ ให฾เพ่ือนๆได฾รับร฾ู ว฽าในสังคมเราก็มคี นดมี นี ้ําใจแบบเขาอย฽ู ******************************************* https://www.l3nr.org/posts/392882 คาถามที่ 1 ถ฾อยความนี้ ผู฾แตง฽ ตอ฾ งการนําเสนอเรอ่ื งใดมากที่สดุ 1. ความขีล้ มื 2. ความรบั ผดิ ชอบ 3. ความรอบคอบ 4. ความซ่ือสตั ยแ คาถามท่ี 2 ขอ฾ ใดไมถ฽ กู ตอ฾ ง 1. ชายที่เกบ็ กระเป฻าสตางคแไดพ฾ ักอย฽หู ฾อง 2201 2. ผู฾เขียนซ้อื ขนมโมจิมาฝากชายใจดีเพื่อแสดงความขอบคณุ 3. ผู฾เขียนและเพอ่ื นขน้ึ ไปรับกระเปา฻ สตางคแท่หี อ฾ งชายใจดี 4. ผเ฾ู ขยี นเป็นคนข้ีหลงขี้ลืม

43 คาถามท่ี 3 จากถอ฾ ยความข฾างตน฾ ขอ฾ ความตอ฽ ไปนี้เปน็ ความจรงิ หรือไมเ฽ ปน็ ความจรงิ ข฾อความเปน็ ความจรงิ จงเขียนเครอ่ื งหมาย x ในชอ฽ ง “ใช฽” ข฾อความไม่เปน็ ความจริง จงเขียนเครอื่ งหมาย x ในชอ฽ ง “ไม฽ใช฽” ข้อความ ใช่ ไมใ่ ช่ 1. ผ฾เู ขยี นบันทึกเหตุการณปแ ระทบั ใจนเ้ี มอื่ พ.ศ. 2553 2. ผเ฾ู ขยี นทาํ กระเปา฻ สตางคแหลน฽ จากตะกรา฾ รถจกั รยานยนตแ 3. เงนิ ในกระเป฻ามีประมาณ 3,000 บาท 4. แม฽ของผู฾เขียนโอนเงนิ ให฾ผ฾เู ขียนผ฽านธนาคาร 5. คา฽ เช฽าหอจะเก็บเงินทุกวันที่ 5 ของเดือน 6. กระเปา฻ ของผแ฾ู ต฽งเปน็ ลายโปเกม฽อนสีฟาู 7. บนั ทกึ ข฾อความของชายใจดอี ยูใ฽ นตะกรา฾ หน฾ารถจกั รยานยนตแ 8. ผเู฾ ขยี นและชายใจดีเชา฽ อยู฽หอพักคนละแหง฽ 9. ผู฾แต฽งขอยมื เงนิ เพ่ือนเพ่อื จ฽ายคา฽ เชา฽ หอพกั 10. ผ฾แู ตง฽ ค฾นหากระเปา฻ สตางคนแ านครง่ึ ชวั่ โมงจงึ แน฽ใจว฽ากระเป฻าหาย

44 คาถามที่ 4 จากถอ฾ ยความข฾างต฾น อาจมีผู้สวมรอยไปรับกระเปา๋ สตางค์แทนเจา้ ของ ใหเ฾ ลือกวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ได”฾ “ไม฽ได฾” ทก่ี ําหนดให฾ แล฾วบอกเหตุผล จํานวน 2 ข฾อ ให฾ใช฾ขอ฾ มูลจากเนอื้ เร่อื งสนับสนุนคําตอบของนักเรียน ได้ ไม่ได้ 1.............................................................................................................................. ............................................................................................................................. 2.............................................................................................................................. .............................................................................................................................

คาถามท่ี 5 45 เกบ็ กระเปา๋ เงนิ ในงานบุ กฐินทวี่ ดั ได้ แล้วหาเจ้าของไม่พบควรนาเงินนัน้ ไป บริจาคให้วัดนะโยม นักเรียนคิดเห็นอย฽างไรกับคาํ พดู ข฾างตน฾ ทําไมจึงคดิ เชน฽ น้ัน ให฾ใช฾เหตผุ ลประกอบคําอธิบาย 1. ให฾นกั เรียนเลือกทําเครื่องหมายวงกลม ลอ฾ มรอบขอ฾ ความขา฾ งล฽างนี้ เพียง 1 ขอ฾ ความ ความคดิ เห็นคลอ้ ยตาม ความคดิ เห็นโต้แยง้ ความคดิ เหน็ คล้อยตามและโตแ้ ยง้ 2. ให฾นกั เรียนเขยี นอธิบายเหตผุ ล จํานวน 2 ขอ฾ ท่ีสอดคลอ฾ งความคดิ การเลือกในข฾อ 1 ความคดิ เห็นคล฾อยตาม ความคิดเห็นโตแ฾ ยง฾ 1. ............................................................. 1. ............................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. 2.................................................................. 2.................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. .................................................................. ..................................................................

46 แบบฝกึ การอา่ นรเู้ รอื่ งและสอื่ สารได้ตามแนวการประเมินผลนานาชาติ (PISA) สาหรบั นกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 สถานการณ์ท่ี 12 คาช้แี จง ใหน฾ ักเรียนอ฽านถ฾อยความ และตอบคาํ ถามต฽อไปน้ี บทสนทนา ลกู ผูช฾ าย...ตัวเกือบจริง: ชมยั ภร บางคมบาง (แสงกระจ฽าง) ประกอบการเรียน รายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาไทย วิวิธภาษา ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 บทท่ี 4 ........หลงั จากกนิ ขา฾ วกลางวนั แบบไมอ฽ รอ฽ ยทส่ี ดุ ในโลกแล฾ว อาจารยกแ ท็ ําโทษโดยใหเ฾ รา สามคนเดนิ เก็บขยะในโรงเรียน นกั เรยี นรนุ฽ พี่รุ฽นนอ฾ ง ร฽ุนเพือ่ น มองแล฾วกอ็ มยม้ิ กนั ใหญ฽ ผมกไ็ ม฽ว฽า อะไรมาเจบ็ ใจนดิ เดยี วตอนทนี่ อ฾ งก฾อยเดนิ มาพอดี ก็เด็กคนน้ผี มแอบชอบเขาอย฽ูนีน่ า พอเห็นเขา เทา฽ น้นั หวั ใจผมกห็ ลน฽ วบู ไปอย฽ทู ตี่ าต฽มุ เลยทีเดียว ผมรบี หลบเขา฾ หลังเจ฾าหนุ฽ม เจ฾าหนม฽ุ มนั รําคาญกผ็ ลกั ผมเซไป ผมก็เลยไปชนเจ฾าดาว เท฽านน้ั แหละเปน็ เร่อื งทนั ที เพราะเจา฾ ดาวตัวมันเลก็ ผมไปชนมนั เข฾า มนั กก็ ระเด็นไปชนถังขยะ ตอ฽ จากถังขยะก็ไมม฽ ใี ครให฾ชนแลว฾ มันก็เลยล฾มตึง เจ฾า ดาวเสยี หลกั ล฾มตามถังขยะไปอีกทีหนึ่ง ลองนกึ ภาพเอาเองกแ็ ลว฾ กันวา฽ มนั จะโกลาหลขนาดไหน แคเ฽ ดนิ เก็บขยะ คนเห็นบา฾ งไม฽ เหน็ บ฾าง ผมกอ็ ายใครตอ฽ ใครอย฽ูแลว฾ น่มี าถงั ขยะลม฾ แถมดว฾ ยเจ฾าดาวลม฾ ตาม และผมยงั เปน็ จําเลยทาํ เจ฾าดาวล฾มอีก ผมกเ็ ลยกลายเปน็ เปูาเด฽น ไมแ฽ ตน฽ ฾องกอ฾ ยเทา฽ น้นั ที่เห็นผม คนท้งั โรงเรยี นเลยครับ ไมเ฽ ว฾นแมแ฾ ต฽ครูและภารโรง ผมรีบเขา฾ ไปช฽วยเจา฾ ดาว จัดการหิ้วปกี มันข้นึ มา มองไปก็เห็นสายตาของน฾องก฾อยยิ้มเยาะ อย฽ู ผมกย็ ่ิงประสาท “นายประภานนทแ” นน่ั เป็นเสียงของอาจารยพแ ิเชษฐแ อาจารยแฝุายปกครองทเ่ี ขาลอื กันวา฽ ดุกว฽าเสอื ผมอยาก กระโดดหลบหลังเจา฾ หน฽มุ แตก฽ ็ไม฽สามารถทําได฾ ผมทําได฾อย฽างเดียวคือ เดินเซื่องๆออกไปหาจ฾า ของเสียงเหี้ยมน้ัน

47 “นน่ั เพื่อนผห฾ู ญิงนะ” อาจารยแชไี้ ปทเ่ี จ฾าดาวทยี่ นื ทําหน฾าพิลึกพลิ ่ัน “เธอไปแกล฾งเขาอย฽างน้ันไดอ฾ ยา฽ งไร” “ผมไมไ฽ ด฾แกล฾งนะครับ” ผมรบี ปฏิเสธ ไม฽ตอ฾ งปฏิเสธเลย ลกู ผชู฾ ายทาํ ผิดแลว฾ ต฾องรบั ผิด แค฽แกลง฾ ผ฾ชู ายดว฾ ยกันก็ผิดแล฾ว น่ยี งั แกลง฾ เพื่อนผหู฾ ญิงอกี อาจารยแเทวบี อกว฽า เธอแกล฾งดุจดาว ถงึ ได฾ถูกทําโทษ แล฾วน่รี ะหวา฽ งการทํา โทษ ยงั แกล฾งเขาต฽ออีก” ผมโดนข฾อหาฉกรรจแลว฾ นๆ “กไ็ ด฾ครบั ลกู ผชู฾ ายต฾องรบั ผดิ ” ผมนกึ อยใ฽ู นใจ แอน฽ อกขึน้ รบั ผดิ “ผมผดิ ครับ” ผมตะโกนออกไปเตม็ เสยี ง นอกจากเกบ็ ขยะคนเดยี วในวนั น้นั แลว฾ ในตอนเยน็ ผมยังต฾องชว฽ ยงานอาจารยแพิเชษฐใแ น เรอื นตน฾ ไม฾อีกเปน็ เวลาเดือนหน่งึ เตม็ ๆ เช่ือไหมครับ อาจารยพแ เิ ชษฐทแ ่วี ฽าดเุ ป็นเสอื แกชอบตน฾ ไม฾เสียจริงๆ ใหผ฾ มยกตน฾ ไม฾เขา฾ ยก ต฾นไมอ฾ อก ยกดนิ ยกปุ฻ย ยกบา฾ ยกบอ ยกอะไรนกั ไมร฽ ฾ู ลากสายยาง เปิดนํ้า หยอดฮอรโแ มน หยด เกสร โอ฿ย ! สารพัดแหละครับ จนค่าํ ยา่ํ เย็น พอกลบั ไปถึงบ฾าน แมก฽ ็ยืนหนา฾ ควํ่ารออย฽ู ผมกไ็ ม฽ กลา฾ บอกว฽าผมถกู ทําโทษ เอาแตบ฽ อกวา฽ ผมมกี ารบ฾านต฾องทําที่โรงเรียนทกุ วนั จนพไี่ กไ฽ ปกระซิบ บอกแม฽ว฽าอะไรก็ไมร฽ ู฾ แม฽ถงึ ไดเ฾ ลิกว฽าผม ผมมารอ฾ู ีกทีหนึ่งวา฽ เจา฾ ดาวแหละไปรายงานพี่ไก฽ พี่ไกก฽ ็ เลยไปรายงานแม฽ ทกุ อยา฽ งก็เลยสงบดี เปน็ อนั ว฽าเขารูก฾ ันหมดแล฾ววา฽ ผมถูกทําโทษ นับตงั้ แต฽ผมถกู ทําโทษ ผมมนึ ตงึ กบั เจา฾ ดาว เพราะมันเปน็ ต฾นเหตุให฾ผมอายผู฾หญิงท่ผี ม แอบชอบ มนั เคยตามผมมาทเ่ี รือนต฾นไม฾ แต฽ผมไล฽มนั กลับไป “แกไม฽ต฾องมายง฽ุ ” มนั ทําหนา฾ มุ฽ย “แกไมเ฽ ป็นลกู ผช฾ู าย ไลผ฽ ู฾หญิง” “แลว฾ แกล฽ะเป็นลูกผหู฾ ญงิ หรอื เปล฽า ไอบ฾ า฾ เอ฿ย”

48 มนั โมโหท่ีผมไปตถี กู ขนดหางมัน มันก็เลยกระแทกเท฾าปาฺ บๆจากไป อาจารยพแ ิเชษฐมแ า จากไหนไมร฽ ฾ู มายืนอย฽ูขา฾ งหลังผม พดู กับผมเบาๆวา฽ “ประภานนทแ ครรู ู฾นะว฽าเราไม฽ไดอ฾ ยากว฽าผูห฾ ญงิ ถงึ ขนาดน้นั แต฽ตอนเราอายุเท฽านี้ เรามัก ทาํ อะไรไม฽ถกู เพื่อนผห฾ู ญงิ บางคนกด็ เู ป็นผ฾หู ญิง บางคนกด็ ูเป็นเหมอื นเพ่อื นผ฾ชู าย เราแยกออก จากกนั ไมไ฽ ด฾ บางเวลาเรากอ็ ยากจะจบี ผ฾หู ญงิ บางเวลาเรากอ็ ยากจะปฏิบตั ติ ฽อผ฾หู ญิงเหมอื น ผ฾ูชาย” ผมมองหน฾าอาจารยพแ ิเชษฐแดว฾ ยความแปลกใจ อาจารยแทีว่ ฽าดุเปน็ เสือเอาเขา฾ จริงแลว฾ ก็ไม฽ เลวนกั หรอก “จรงิ ครับ บางทีผมก็ไม฽ร฾วู ฽าจะทําอย฽างไรดี เปน็ ผ฾ูชายนล่ี ําบากนะครับ” อาจารยแพิเชษฐแหวั เราะ “ผูห฾ ญิงเขาก็เปน็ เหมือนเราน่นั แหละ ตา฽ งคนต฽างลําบาก ค฽อยๆดูไป เดย๋ี วมันกจ็ ะดีไปเอง ไม฽ตอ฾ งรบี รอ฾ นเปน็ ลกู ผูช฾ ายหรอก แล฾วก็ไม฽ตอ฾ งหนีท่ีจะเปน็ ” ว฽าแล฾วอาจารยแพิเชษฐแก็หัวเราะหึๆ คําสอนและเสยี งหวั เราะของอาจารยพแ ิเชษฐแทาํ ให฾ผม ดขี น้ึ มากเลยครับ เวลาจะพดู เป็นลูกผู฾ชายก็เลยต฾องคดิ แล฾วคดิ อกี แล฾วก็ค฽อยๆเป็นแบบอาจารยแ ว฽า

49 คาถามท่ี 1 จากถอ฾ ยความที่อา฽ น เรื่องราวทเ่ี กดิ ข้นึ ท้งั หมดเพราะสาเหตุใด 1. ประภานนทเแ ป็นคนใจรอ฾ น 2. ประภานนทไแ มเ฽ ป็นลกู ผู฾ชาย 3. ประภานนทแแ กลง฾ เพอ่ื นผห฾ู ญงิ ช่ือดจุ ดาว 4. อาจารยแฝาุ ยปกครองเขา฾ ใจผดิ คดิ ว฽าประภานนทแแ กลง฾ ดุจดาว คาถามท่ี 2 จากถ฾อยความทอี่ ฽าน นักเรียนสรุปได฾วา฽ อย฽างไร 1. วยั รุน฽ เลือดร฾อน 2. วยั รุ฽นเข฾มแขง็ เดด็ เด่ยี ว 3. วัยรน฽ุ ตอ฾ งกลา฾ หาญ ยุตธิ รรม 4. วัยร฽นุ ต฾องค฽อยๆเรียนรู฾และปรบั ตนใหเ฾ หมาะสมกบั วัย ไม฽จาํ เปน็ ต฾องรีบร฾อน คาถามที่ 3 จากถ฾อยความข฾างตน฾ ขอ฾ ความต฽อไปนี้เปน็ ความจริงหรอื ไม฽เป็นความจริง ข฾อความ เป็นความจรงิ จงเขยี นเครอ่ื งหมาย x ในชอ฽ ง “ใช฽” ขอ฾ ความ ไม่เปน็ ความจรงิ จงเขียนเครอื่ งหมาย x ในชอ฽ ง “ไม฽ใช฽” ขอ฾ ความ ใช฽ ไมใ฽ ช฽ 1. ลูกผ฾ชู ายหมายถึงผ฾ูชายท่ีมีความรับผดิ ชอบ ซอ่ื สัตยแ ยุติธรรม เข฾มแข็ง 2. ลกู ผช฾ู ายต฾องมองคนในแง฽ดแี ละมีความรบั ผดิ ชอบ 3. คณุ ธรรมท่อี าจารยพแ ิเชษฐแขาดไปคือความเปน็ กลั ยาณมติ รท่คี รพู ึงมตี ฽อศิษยแ 4. วัยร฽นุ จะต฾องคอ฽ ยๆเรยี นรูแ฾ ละปรบั ตนใหเ฾ หมาะสมกบั วยั ไมจ฽ ําเป็นต฾องรบี ร฾อน 5. แมค฾ วามผดิ ทีเ่ ราไมไ฽ ดก฾ ระทาํ แต฽เพอ่ื แสดงความเป็นลูกผ฾ชู ายเรากต็ ฾องรับผิด 6. ประภานนทโแ กรธดุจดาวทง้ั ที่ดุจดาวไม฽ได฾ทําอะไรผิดเลย การกระทําเช฽นน้ีตรง กับสาํ นวนว฽า แพเ฾ ปน็ พระชนะเปน็ มาร 7. การพดู จาหยาบคาย ไมม฽ สี มบัตผิ ดู฾ ีจะมใี นวัยร฽นุ ทุกคน 8. คนที่ขาดความรับผิดชอบ คดโกง อ฽อนแอ ไม฽ยตุ ธิ รรม ไมใ฽ ชล฽ ูกผู฾ชาย 9. กัลยาณมิตรเป็นคําสมาสที่มีการสนธิ 10. ยตุ ิ+ธรรม เป็น ยตุ ิธรรม คือคาํ สมาส

50 คาถามที่ 4 จากถอ฾ ยความขา฾ งต฾น “ลูกผชู้ ายทาผดิ ได้หรอื ไม่” ใหเ฾ ลอื กวงกลมล฾อมรอบข฾อความ “ได”฾ “ไมไ฽ ด”฾ ท่กี าํ หนดให฾แลว฾ บอกเหตุผล จาํ นวน 2 ขอ฾ ให฾ใชข฾ ฾อมลู จากเนอื้ เรื่องสนบั สนุนคําตอบของนกั เรยี น ได้ ไม่ได้ 1....................................................................................................................................... ........................................................................................................................................ 2....................................................................................................................................... ........................................................................................................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook