73 มาตรฐานการศึกษา ระดับการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผูเ้ รียน 1.1 ผลสมั ฤทธทิ์ ำงวิชำกำรของผเู้ รยี น 1) มคี วำมสำมำรถในกำรอ่ำน กำรเขยี น กำรส่ือสำร และกำรคิดคำนวณ 2) มคี วำมสำมำรถในกำรคดิ วเิ ครำะห์ คดิ อยำ่ งมวี จิ ำรณญำณ อภิปรำยแลกเปล่ียน 3) ควำมคิดเหน็ และแกป้ ญั หำ 4) มคี วำมสำมำรถในกำรสร้ำงนวัตกรรม 5) มีควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสือ่ สำร 6) มีผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนตำมหลกั สตู รสถำนศึกษำ 7) มคี วำมรู้ ทกั ษะพืน้ ฐำน และเจตคตทิ ี่ดตี อ่ งำนอำชพี 1.2 คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงคข์ องผู้เรยี น 1) กำรมคี ณุ ลกั ษณะและคำ่ นิยมทีด่ ีตำมทสี่ ถำนศึกษำกำหนด 2) ควำมภูมิใจในทอ้ งถ่นิ และควำมเปน็ ไทย 3) กำรยอมรบั ท่จี ะอยรู่ ว่ มกนั บนควำมแตกตำ่ งและหลำกหลำย 4) สุขภำวะทำงร่ำงกำย และจิตสังคม มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ 2.1 มีเป้ำหมำยวิสยั ทัศนแ์ ละพันธกจิ ท่สี ถำนศกึ ษำก ำหนดชัดเจน 2.2 มรี ะบบบรหิ ำรจดั กำรคณุ ภำพของสถำนศกึ ษำ 2.3 ดำเนินงำนพัฒนำวิชำกำรที่เน้นคุณภำพผู้เรียนรอบด้ำนตำมหลักสูตรสถำนศึกษำและทุก กลมุ่ เป้ำหมำย 2.4 พฒั นำครแู ละบุคลำกรใหม้ คี วำมเช่ยี วชำญทำงวิชำชพี 2.5 จดั สภำพแวดลอ้ มทำงกำยภำพและสงั คมท่ีเอื้อต่อกำรจดั กำรเรยี นรอู้ ย่ำงมคี ุณภำพ 2.6 จดั ระบบเทคโนโลยสี ำรสนเทศเพ่อื สนับสนุนกำรบรหิ ำรจัดกำรและกำรจัดกำรเรยี นรู้ มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจดั การเรยี นการสอนทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ 3.1 จดั กำรเรียนรู้ผ่ำนกระบวนกำรคิดและปฏิบัตจิ ริง และสำมำรถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตได้ 3.2 ใชส้ ื่อ เทคโนโลยีสำรสนเทศ และแหล่งเรียนรู้ทเ่ี อ้อื ตอ่ กำรเรียนรู้ 3.3 มกี ำรบรหิ ำรจดั กำรช้นั เรียนเชงิ บวก 3.4 ตรวจสอบและประเมนิ ผ้เู รียนอย่ำงเปน็ ระบบ และนำผลมำพฒั นำผู้เรยี น 3.5 มกี ำรแลกเปลยี่ นเรยี นรแู้ ละใหข้ อ้ มูลสะท้อนกลบั เพ่ือพัฒนำและปรับปรงุ กำรจดั กำรเรยี นรู้
74 มาตรฐานการศกึ ษา ระดับการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน ศูนย์การศึกษาพิเศษ มาตรฐานท่ี 1 คุณภาพของผูเ้ รยี น 1.1 ผลกำรพฒั นำผูเ้ รยี น 1) มีพัฒนำกำรตำมศักยภำพของแต่ละบุคคลท่ีแสดงออกถึงควำมรู้ ควำมสำมำรถ ทักษะตำมที่ระบุ ไว้ในแผนกำรจดั กำรศกึ ษำเฉพำะบคุ คล หรือแผนกำรใหบ้ ริกำรชว่ ยเหลอื เฉพำะครอบครวั 2) มีควำมพร้อมสำมำรถเข้ำส่บู ริกำรชว่ งเช่ือมต่อหรือกำรส่งต่อเขำ้ สู่กำรศึกษำในระดับที่สูงขนึ้ หรือ กำรอำชพี หรอื กำรดำเนินชีวิตในสงั คมได้ตำมศกั ยภำพของแต่ละบคุ คล 1.2 คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ของผเู้ รยี น 1) มคี ุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ตำมทส่ี ถำนศึกษำกำหนด 2) มีควำมภูมิใจในท้องถิน่ และควำมเปน็ ไทย ตำมศกั ยภำพของผ้เู รียนแตล่ ะบุคคล มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ 2.1 มีเปำ้ หมำยวสิ ัยทศั นแ์ ละพนั ธกิจท่ีสถำนศกึ ษำกำหนดชดั เจน 2.2 มรี ะบบบริหำรจัดกำรคณุ ภำพของสถำนศึกษำ 2.3 ดำเนินงำนพัฒนำวิชำกำรท่ีเน้นคุณภำพผู้เรียนรอบด้ำน ตำมหลักสูตรสถำนศึกษำและทุก กลมุ่ เปำ้ หมำย 2.4 พฒั นำครแู ละบคุ ลำกรใหม้ คี วำมเชย่ี วชำญทำงวิชำชพี 2.5 จัดสภำพแวดลอ้ มทำงกำยภำพและสังคมท่ีเอื้อตอ่ กำรจัดกำรเรียนร้อู ย่ำงมคี ณุ ภำพ 2.6 จัดระบบเทคโนโลยสี ำรสนเทศเพ่ือสนบั สนนุ กำรบริหำรจัดกำรและกำรจัดกำรเรยี นรู้ มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจดั การเรยี นการสอนทีเ่ น้นผเู้ รียนเปน็ สาคญั 3.1 จดั กำรเรยี นร้ผู ่ำนกระบวนกำรคดิ และปฏิบัตจิ ริง และสำมำรถนำไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ได้ 3.2 ใชส้ ่อื เทคโนโลยีสำรสนเทศ และแหลง่ เรยี นรู้ท่เี อ้อื ตอ่ กำรเรยี นรู้ 3.3 มกี ำรบริหำรจดั กำรชน้ั เรียนเชิงบวก 3.4 ตรวจสอบและประเมินผู้เรียนอย่ำงเปน็ ระบบ และนำผลมำพฒั นำผู้เรียน 3.5 มีกำรแลกเปลี่ยนเรยี นรู้และใหข้ อ้ มูลสะท้อนกลบั เพ่ือพฒั นำและปรับปรงุ กำรจัดกำรเรยี นรู้
75 แนวทางในการประเมนิ คณุ ภาพของสถานศกึ ษา ตามกรอบมาตรฐานการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พ.ศ. 2561 แนวทำงในกำรประเมินคณุ ภำพของสถำนศึกษำ ตำมกรอบมำตรฐำนกำรศึกษำขัน้ พืน้ ฐำน พ.ศ. 2561 และกำรใหร้ ะดับคุณภำพของสถำนศึกษำ แบง่ คณุ ภำพของสถำนศึกษำออกเป็น 5 ระดับคุณภำพ คอื ระดับ “กาลังพัฒนา” “ปานกลาง” “ดี” “ดีเลิศ” และ “ยอดเยี่ยม” โดยสถำนศึกษำประเมิน ตนเอง ในลกั ษณะกำรประเมินแบบองค์รวม เน้นกำรประเมินท่ีมีขอ้ มูลหลกั ฐำนเชงิ ประจักษ์ มกี ำร บรรยำยคุณภำพตำมสภำพท่ีเป็นจรงิ โดยอำศัยหลกั ฐำน/ขอ้ มลู ทั้งเชงิ ปริมำณและคณุ ภำพควบคู่กัน สถำนศึกษำประเมินตนเองและจัดทำรำยงำนกำรประเมินตนเอง (Self-Assessment Report: SAR) ส่งให้ต้นสังกัด โดยสถำนศึกษำสำมำรถนำเสนอและจัดทำรำยงำนกำรประเมินตนเองให้สอดคล้อง กับบรบิ ท สภำพ และควำมต้องกำรของสถำนศึกษำ และไม่เน้นให้จัดทำเปน็ เอกสำรเสนอเปน็ จำนวน มำก แต่ให้สะท้อนผลคุณภำพของกำรดำเนินงำนของสถำนศึกษำ โดยโครงสร้ำงของรำยงำนกำร ประเมินตนเอง (SAR) มุง่ เน้นตอบคำถำมดังน้ี คือ 1) คณุ ภำพของสถำนศึกษำอยู่ในระดบั คุณภำพใด มีคณุ ภำพเปน็ อยำ่ งไร 2) สถำนศึกษำรู้ได้อย่ำงไรว่ำตนเองมีคุณภำพในระดับน้ัน มีข้อมูล หลักฐำน เอกสำรเชิงประจักษ์ อะไรบ้ำงท่จี ะสนับสนุน 3) สถำนศกึ ษำมีจดุ เดน่ จดุ ทีค่ วรพฒั นำ และขอ้ เสนอแนะเพอ่ื กำรพฒั นำคุณภำพใหด้ ีขึ้นต่อไปอยำ่ งไร การประเมินคุณภาพภายนอกแนวใหมร่ อบสี่ 1) ประเมิน เพือ่ ‘พัฒนำ’ ไมใ่ ชก่ ำรประเมินเพื่อรบั รองว่ำผำ่ นหรือไม่ผำ่ น เป็น 2 ระยะ 1.1 ระยะประเมิน โดย สมศ. ประเมินระดับสถำนศึกษำ (Institution) ไม่มีกำร “รับรอง” หรือ “ไม่ รับรอง” สถำนศึกษำแต่เป็นกำรประเมนิ เพ่อื พัฒนำ 1.2 ระยะติดตำมเพื่อพฒั นำ โดยต้นสังกัด สรุปกำรพัฒนำเปน็ 3 รูปแบบ โดยหลัก 3i ดงั นี้ 1.1.1 กำรแก้ไขประเด็นต่ำง ๆ ท่ีไม่เป็นไปตำมนโยบำยและมำตรฐำน (Internal Correction) 1.1.2 กำรปรับปรงุ ประเดน็ ต่ำง ๆ ใหด้ ขี ้ึน (Improvement) 1.1.3 กำรพัฒนำนวัตกรรมจำกประเดน็ ตำ่ ง ๆ (Innovation) 2) มีระดับคุณภำพ 5 ระดบั ในแต่ละระดับคุณภำพเป็นกำรตัดสินเชิงคุณภำพท่สี ะท้อนผลกำรดำเนินงำน ทีเ่ กดิ ขน้ึ จริง คอื “ดเี ยียม” “ดมี ำก” “ด”ี “พอใช้” และ “ปรบั ปรงุ ”
76 ขอ้ สอบกฎกระทรวงการประกันคณุ ภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 และมาตรฐานการศกึ ษา ขดี เส้นใต้เลอื กคาตอบต่อไปน้ี 1) มาตรฐานการศกึ ษา มกี ร่ี ะดับ (2 ระดบั / 3 ระดบั / 4 ระดับ / 5 ระดับ) 2) ระดับมาตรฐานการศกึ ษา ข้อใดตอ่ ไปนี้ไม่ใช่ (ระดบั ปฐมวัย / ระดับกำรศึกษำขน้ั พื้นฐำน /ระดับกำรศกึ ษำขนั้ พ้ืนฐำน ศูนยก์ ำรศกึ ษำพเิ ศษ / อุดมศึกษำ) 3) มาตรฐานการศึกษา “ระดบั ปฐมวัย” ข้อใดตอ่ ไปนี้ไมใ่ ช่ (คุณภำพของเดก็ / กระบวนกำรบริหำรและกำรจดั กำร / กำรจดั ประสบกำรณ์ที่เน้นผเู้ รียนเป็นสำคญั ) 4) การประเมินคุณภาพของสถานศึกษา ตามกรอบมาตรฐานการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. 2561 ให้ระดับ คุณภาพของสถานศกึ ษา แบง่ ออกเป็นกร่ี ะดบั คุณภาพ (3 ระดบั คุณภำพ / 4 ระดบั คุณภำพ / 5 ระดับคณุ ภำพ / 6 ระดับคณุ ภำพ) 5) ระดบั คณุ ภาพของสถานศกึ ษา ตามกรอบมาตรฐานการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน พ.ศ. 2561 ขอ้ ใดไม่ใช่ (กำลังพฒั นำ / ปำนกลำง / พอใช้ / ดี / ดีเลิศ /ยอดเยย่ี ม) 6) รายงานการประเมนิ ตนเอง คอื ขอ้ ใด (Self-Assessment Report / Self-Academic Report / Self-Assessment Research) 7) สถานศึกษาประเมินคุณภาพการศึกษาและจัดทารายงานการประเมินตนเอง โดยดาเนินการส่งให้ใคร เปน็ อนั ดับแรก (สพฐ. / ตน้ สังกดั / สมศ.) 8) การประเมนิ คุณภาพภายนอกแนวใหม่รอบสี่ เป็นการประเมินเพื่ออะไร (เพอ่ื พฒั นำ / เพอ่ื รบั รองคณุ ภำพ / เพ่ือประกนั คณุ ภำพ) 9) รูปแบบ 3i ในการประเมนิ คุณภาพภายนอกแนวใหม่รอบสี่ ขอ้ ใดไม่ใช่ (Internal Correction / Improvement / Institution / Innovation) 10) ระดับคุณภาพการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกแนวใหม่รอบสี่ มีกร่ี ะดบั (4 ระดบั / 5 ระดบั / 6 ระดบั / 7 ระดับ / 8 ระดับ)
77 สรุปภาพรวมกฎหมายที่ใชส้ อบครูผูช้ ่วย 62 ศรายุทธ ปานมะเริง, วภิ าสิณี ปานมะเรงิ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 พระมหำกษัตริย์ทรงเลือกและทรงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธำนองคมนตรีคนหนึ่ง และองคมนตรี อน่ื อกี ไม่เกิน 18 คน (ดังน้นั คณะองคมนตรีจึงมีได้ไม่เกิน 19 คน) ปัจจุบันมี พลเอก สรุ ยุทธ์ จุลำนนท์ เปน็ ผรู้ ักษำกำรประธำนองคมนตรี ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนำมรับสนองพระบรมรำชโองกำรแต่งตั้งประธานองคมนตรี หรือให้ ประธำนองคมนตรีพน้ จำกตำแหน่ง ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนำมรับสนองพระบรมรำชโองกำรแต่งต้ังองคมนตรีอ่ืนหรือให้ องคมนตรีอ่ืนพน้ จำกตำแหนง่ ในหมวดหน้าท่ีรัฐ รัฐต้องดำเนินกำรให้เด็กทุกคนได้รับกำรศึกษำเป็นเวลำ 12 ปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียน จนจบกำรศกึ ษำภำคบงั คับอย่ำงมคี ณุ ภำพโดยไมเ่ ก็บคำ่ ใช้จำ่ ย รฐั สภำประกอบดว้ ยสภาผู้แทนราษฎรและวฒุ ิสภา (สส. + สว.) ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร เปน็ ประธานรัฐสภา ประธานวฒุ ิสภา เป็นรองประธานรฐั สภา สภาผู้แทนราษฎรประกอบดว้ ยสมาชกิ จานวน 500 คน สมำชกิ ซงึ่ มำจำกกำรเลือกตั้งแบบแบง่ เขตเลือกตัง้ จานวน 350 คน สมำชิกซ่ึงมำจำกบัญชรี ำยช่อื ของพรรคกำรเมือง จานวน 150 คน เมื่อมีสมำชกิ สภำผู้แทนรำษฎรไดร้ บั เลือกต้ังถงึ รอ้ ยละ 95 ดำเนนิ กำรเรียกประชุมรฐั สภำได้ อำยุของสภำผแู้ ทนรำษฎรมกี ำหนดคราวละ 4 ปี นับแตว่ นั เลือกต้ัง อำยุของ สส. หมดลง ให้เลอื กต้ังใหม่ เป็นกำรเลือกตั้งทวั่ ไป ภายใน 45 วัน วุฒสิ ภำประกอบดว้ ยสมำชิกจานวน 200 คน อำยุของวฒุ สิ ภำมีกาหนดคราวละ 5 ปี ในปีหนง่ึ ใหม้ สี มัยประชุมสำมญั ของรฐั สภำ 2 สมยั แตล่ ะสมัยใหม้ กี าหนดเวลา 120 วนั พระมหำกษตั ริย์ทรงแตง่ ตง้ั นำยกรฐั มนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไมเ่ กิน 35 คน เป็นคณะรฐั มนตรี องคก์ รอิสระตำมรัฐธรรมนูญ จานวน วาระ 7 คน 7 ปี วำระเดยี ว องค์คณะ 3 คน 7 ปี วำระเดยี ว คณะกรรมกำรกำรเลือกตง้ั (กกต.) 9 คน 7 ปี วำระเดียว ผตู้ รวจกำรแผ่นดิน (ผผ.) 7 คน 7 ปี วำระเดยี ว คณะกรรมกำรป้องกนั และปรำบปรำมกำรทจุ ริตแห่งชำติ (ปปช.) 7 คน 7 ปี วำระเดยี ว คณะกรรมกำรตรวจเงนิ แผน่ ดิน (คตง.) คณะกรรมกำรสทิ ธมิ นุษยชนแห่งชำติ (กสม.)
78 ความรอบรเู้ ตรียมสอบ ภาค ก. ผู้รักษาการประธานองคมนตรี อำศัยอำนำจตำมควำมในมำตรำ 10 มำตรำ 11 มำตรำ 14 และมำตรำ 15 ของรัฐธรรมนญู แห่ง รำชอำณำจักรไทย พทุ ธศักรำช 2560 ทรงพระกรุณำโปรดเกลำ้ โปรดกระหม่อมแตง่ ตง้ั พลเอกสุรยุทธ์ จุลำนนท์ องคมนตรี เป็นผ้รู กั ษำกำร ประธำนองคมนตรี ตงั้ แต่วนั ท่ี 27 พฤษภำคม พุทธศักรำช 2562 แต่งตงั้ ประธานสภาผู้แทนฯ-ประธานวฒุ สิ ภา สภำผู้แทนรำษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 25 พฤษภำคม 2562 เลือกสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรให้เป็น ประธำนสภำผ้แู ทนรำษฎร สภำผู้แทนรำษฎรได้ลงมติเมื่อวันที่ 26 พฤษภำคม 2562 เลือกสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรให้เป็น ประธำนสภำผแู้ ทนรำษฎร ดงั น้ี 1. นำยชวน หลกี ภยั เปน็ ประธำนสภำ 2. นำยสชุ ำติ ตนั เจรญิ เป็นรองประธำนสภำคนท่หี นึ่ง 3. นำยศภุ ชัย โพธสิ์ ุ เปน็ รองประธำนสภำคนทส่ี อง จงึ แตง่ ตง้ั ให้ผมู้ นี ำมดงั กลำ่ วเปน็ ประธำนและรองประธำนสภำ ตำมควำมในมำตรำ 116 ของ รัฐธรรมนูญแหง่ รำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2560 ประกำศ ณ วันที่ 28 พฤษภำคม พ.ศ. 2562 เปน็ ปที ่ี 4 ในรชั กำลปัจจบุ นั วฒุ สิ ภำไดล้ งมติเมือ่ วันที่ 24 พฤษภำคม 2562 เลอื กสมำชิกวุฒิสภำใหเ้ ป็นประธำนและรองประธำน วฒุ ิสภำ ดงั นี้ 1. นำยพรเพชร วชิ ติ ชลชยั เปน็ ประธำนวุฒิสภำ 2. พล.อ. สงิ หศ์ ึก สงิ หไ์ พร เป็นรองประธำนวุฒสิ ภำคนที่หน่ึง 3. นำยศุภชยั สมเจริญ เป็นรองประธำนวฒุ ิสภำคนที่สอง จึงแต่งตงั้ ให้ผมู้ นี ำมดงั กล่ำวเป็นประธำนและรองประธำนสภำ ตำมควำมในมำตรำ 116 ของ รัฐธรรมนูญแหง่ รำชอำณำจักรไทย พ.ศ. 2560 ประกำศ ณ วนั ท่ี 28 พฤษภำคม พ.ศ. 2562 เปน็ ปีที่ 4 ในรัชกำลปัจจุบัน
79 สำหรบั พระบรมรำชโองกำรท้ัง 2 ฉบับ มี พล.อ. ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชำ นำยกรฐั มนตรี เป็นผู้ลงนำมรบั สนองพระบรมรำชโองกำร แตง่ ตัง้ นายกรฐั มนตรี คนท่ี 29 พระบำทสมเด็จพระปรเมนทรรำมำธบิ ดีศรสี ินทรมหำวชริ ำลงกรณ พระวชิรเกล้ำเจ้ำอยหู่ ัว มีพระบรมรำชโองกำรโปรดเกลำ้ ฯ ให้ประกำศวำ่ โดยท่ที ่ปี ระชมุ รว่ มกนั ของรัฐสภำไดล้ งมติเม่อื วนั ท่ี 5 มิถุนำยน 2562 เห็นชอบด้วยในกำรแต่งตั้ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชำ เป็นนำยกรัฐมนตรี ด้วย คะแนนเสียงมำกกว่ำกึ่งหนง่ึ ของสมำชกิ ท่ีท้งั หมดมีอย่ทู ้ังสองสภำ จงึ แตง่ ตั้งให้ พล.อ. ประยทุ ธ์ จันทร์โอชำ เป็นนำยกรัฐมนตรี ตำมควำมในมำตรำ 158 ของรฐั ธรรมนูญ แห่งรำชอำณำจักรไทย คนที่ 29 แต่ดำรงตำแหนง่ 2 วำระ ประกำศ ณ วนั ท่ี 9 มถิ ุนำยน พ.ศ. 2562 เป็นปที ี่ 4 ในรัชกำลปัจจุบนั ผรู้ บั สนองพระบรมรำชโองกำร นำยชวน หลกี ภยั ประธำนสภำผแู้ ทนรำษฎร ความสามารถในการแข่งขันของไทย ผลกำรจดั อนั ดบั ควำมสำมำรถในกำรแขง่ ขนั ของไทย ประจำปี 2562 จำก IMD ขยับขึน้ 5 อันดับ มำ อย่ทู ่ีอนั ดับ 25 สงิ คโปร์ เล่อื นข้นึ มำอยอู่ ันดับ 1 แทนทีส่ หรัฐฯ ภาพรวมความต้องการแรงงานในประเทศไทย ไตรมำสท่ี 1 งำนทมี่ ีควำมต้องกำรมำกที่สดุ 3 ดบั ดบั แรก ได้แก่ 1. โยธำ-ก่อสร้ำง 2. ช่ำงเทคนคิ 3. คอมพิวเตอร์-ไอที
80 การประกวดขา้ วโลกปี 2018 การประชุมสัมมนาขา้ วโลก (World Rice Conference 2018) ณ ประเทศเวยี ดนำม ผลกำร ประกวดปรำกฎวำ่ ข้ำวหอมมะลกิ ัมพชู ำมำลีอังกอร์ ไดอ้ ันดับ 1 ขำ้ วหอมมะลิไทย ไดอ้ ันดบั 2 ข้ำวหอมมะลิเวียดนำมพนั ธุ์ ST24 ไดอ้ ันดับ 3 การประชุมสุดยอดอาเซียน คร้งั ท่ี 34 กำรประชมุ สุดยอดอำเซยี นคร้ังท่ี 34 ในวันที่ 22-23 มิ.ย. 62 เจ้ำภำพ คือ กรุงเทพมหำนคร สถานการณจ์ ลาจล ฮอ่ งกง ชำวฮ่องกงรวมตัวประท้วงร่ำงกฎหมำยส่งผู้ร้ำยข้ำมแดนในคดีต่ำงๆ ไปตัดสินโทษยังจีน โดยผู้ชุมนุม นัดประท้วงใหญใ่ นวันนี้ 12 มิ.ย. 62 เพ่ือขัดขวำงกำรพจิ ำรณำวำระที่ 2 ของกำรประชมุ สภำฯ ประธำนสภำนิติบัญญัติฮ่องกง ประกำศเลื่อนกำรประชุมสภำฯ เพ่ือพิจำรณำวำระที่ 2 อย่ำงไม่มี กำหนด ควำมรุนแรงของกำรชุมนุมประท้วงเร่ิมยกระดับข้ึน ผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนตัวมำท่ีถนน Queensway และได้นำส่ิงกีดขวำงมำกั้นปิดถนนเพิ่มเติม รวมถึงนำสิ่งกีดขวำงมำก้ันเส้นทำงเดินรถรำง (tram) ส่งผลให้กำรเดินทำงโดยรถรำงในฮ่องกงเป็นอัมพำตชั่วครำว โดยผู้ชุมนุมประท้วงพยำยำมบุกฝ่ำเข้ำ ไปในตัวอำคำรสภำนติ ิบัญญัตฮิ อ่ งกง เริ่มใช้ธนบตั รยโู ร ยุโรปเริ่มใชธ้ นบตั รรำคำ 100 และ 200 ยโู รชุดใหม่ที่ปอ้ งกนั กำรปลอมแปลง นำยทอน รูส ผู้อำนวยกำรฝ่ำยธนบัตรของธนำคำรกลำงยุโรป หรือ ECB ระบุว่ำ ธนบัตรชุดนี้มีช่ือว่ำ “ยโู รปำ” ซง่ึ ตง้ั ตำมชอ่ื เจำ้ หญงิ ยโู รปำในเทพนยิ ำย
81 ผลติ ภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ไตรมาสที่ 1 ผลติ ภณั ฑ์มวลรวมในประเทศ ไตรมำสท่ี 1/2562 ขยำยตวั ร้อยละ 2.8 ปัจจยั หลักมำจำกกำรบรโิ ภคภำคครัวเรือนและภำครฐั บำลยังคงขยำยตวั ด้านการผลติ ภำคกำรเกษตรขยำยตวั รอ้ ยละ 0.9 ดขี นึ้ เล็กน้อยจำกร้อยละ 0.7 ผลการจัดอนั ดบั ขีดความสามารถ ผลกำรจดั อันดับขีดควำมสำมำรถในกำรแขง่ ขนั ของประเทศปี 2561 ประเทศไทยอยู่ในอนั ดับท่ี 48 ดีข้ึนกว่ำปี 2560 โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรพัฒนำสำธำรณูปโภคพื้นฐำนและโครงสร้ำงพื้นฐำน ด้ำน วทิ ยำศำสตร์ 1) ดัชนีชี้วัดควำมยำกง่ำยในกำรประกอบธุรกิจ ปี 2561 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 26 ดีข้ึนกว่ำปี กอ่ นหน้ำถงึ 22 อนั ดบั 2) ดชั นีโลจสิ ตกิ ส์ปรบั ตวั ดขี ้ึนเป็นอันดบั ท่ี 2 ของอำเซียน และเป็นอนั ดบั ที่ 32 ของโลกในปี 2561 3) ดชั นกี ำรพัฒนำเทคโนโลยสี ำรสนเทศ ในปี 2561 อยใู่ นอันดับท่ี 73 ของโลกดขี ึ้น 4 อันดบั 4) ดัชนนี วัตกรรมโลก ปี 2561 อยใู่ นอนั ดับ 44 ดีขึ้น 7 อันดบั เป็นต้น 5) ทไ่ี ด้มำเมื่อเชำ้ คือเรือ่ งเสรภี ำพ เศรษฐกจิ โลก ไทยดีขึ้น 10 อันดับ ไปดทู ่ีดี ๆ เยอะ 6) ธนำคำรโลกมน่ั ใจว่ำเศรษฐกิจเตบิ โตอย่ำงแขง็ แรง ประเทศไทยคำดกำรณ์อกี 2 ปีขำ้ งหน้ำกย็ ังคง แขง็ แกร่งอย่ำงตอ่ เนอ่ื ง ผลงานรฐั บาลปที ่ี 4 ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 ด้านความมั่นคง กำรปลดธงแดง ICAO (วนั ที่ 5 ตุลำคม 2560) ยกระดับมำตรฐำนกำรบินพลเรือนของไทย กำรปลดใบเหลอื ง IUU หรอื กำรทำประมงผิดกฎหมำย (วันที่ 8 มกรำคม 2562) โดยกำรแกไ้ ขปัญหำ ท้งั ระบบ ทำให้ปรมิ ำณสตั ว์นำ้ ทีจ่ บั ไดเ้ พิ่มมำกขน้ึ แกไ้ ขปัญหำกำรคำ้ มนุษย์ ทำให้ไทยไดร้ บั กำรปรบั สถำนะ TIP Report จำก Tier 3 มำเป็น Tier 2 แก้ไขปญั หำทรัพย์สินทำงปัญญำ โดยสหรัฐฯ ไดเ้ ล่ือนสถำนะกำรคุ้มครองทรัพย์สนิ ทำงปัญญำของ ไทยจำก Priority Watch List (PWL) เป็น Watch List (WL)
82 ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 ด้านการสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขัน (1) เรื่องพฒั นำระบบขนสง่ ทำงรำง จำกเดิมท่มี ีอยู่ 359 กโิ ลเมตร เร่งรัดกอ่ สรำ้ งรถไฟทำงคู่ 7 เสน้ ทำง 993 กิโลเมตร เชน่ ชว่ งฉะเชิงเทรำ-แกง่ คอยชุมทำงถนนจิระ - ขอนแกน่ เร่งรัดก่อสร้ำงรถไฟควำมเรว็ สงู 2 เส้นทำง 472 กโิ ลเมตร ชว่ งกรุงเทพฯ-นครรำชสมี ำ ถไฟควำมเรว็ สูงเชอื่ ม 3 สนำมบิน (สวุ รรณภมู ิ ดอนเมือง และอู่ตะเภำ) (2) พฒั นำโครงข่ำยถนน เรง่ รดั กอ่ สร้ำงมอเตอร์เวย์ 3 เสน้ ทำง 324 กิโลเมตร ไดแ้ ก่ สำยบำงปะอนิ -นครรำชสมี ำ บำงใหญ่- กำญจนบุรี พทั ยำ-มำบตำพุด พัฒนำทำงหลวง 4 ชอ่ งจรำจร 1,050 กิโลเมตร ปลีย่ นถนนลูกรงั เปน็ ถนนลำดยำง 3,365 กิโลเมตร (3) กำรพัฒนำทำ่ อำกำศยำน เพ่ิมศักยภำพท่ำอำกำศยำนหลัก คือ ท่ำอำกำศยำนสวุ รรณภูมิ ระยะท่ี 2 ทำ่ อำกำศยำนดอนเมือง ระยะท่ี 2 และ 3 ทำ่ อำกำศยำนอู่ตะเภำ พัฒนำท่ำอำกำศยำนภมู ิภำค 7 แห่ง ก่อสรำ้ งท่ำอำกำศยำน แหง่ ใหม่ คือ ทำ่ อำกำศยำนเบตง (4) กำรพัฒนำท่ำเรือ ผลักดนั ท่ำเรือแหลมฉบังสู่ท่ำเรอื ระดับโลก เปิดให้บริกำรเรือเฟอร์รี่พัทยำ-หัวหนิ เปิดสถำนีเรือในแมน่ ้ำเจ้ำพระยำ 19 แหง่ เพมิ่ ประสทิ ธิภำพกำรขนส่งในแม่น้ำปำ่ สกั และเจ้ำพระยำ (5) พฒั นำระบบขนส่งมวลชนในกรงุ เทพฯ เปิดให้บริกำรรถไฟฟ้ำเพ่ิมเติม 2 สำย 24 กิโลเมตร คอื สำยสีมว่ ง เตำปูน-บำงใหญ่ และสำยสีเขยี ว แบร่ิง-สำโรง เร่งรัดกอ่ สรำ้ ง 7 สำย 169.9 กิโลเมตร เช่น สำยสแี ดง บำงซ่ือ-รงั สติ สำยสชี มพแู ครำย-มีนบรุ ี ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการพฒั นาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพทรัพยากรมนษุ ย์ มเี ปำ้ หมำยเพ่อื พัฒนำคนทกุ ช่วงวยั ให้เป็นคนดี เกง่ และมคี ุณภำพในทุกดำ้ น โดย 1) พัฒนาการศึกษาชาติ กำรพัฒนำเด็กปฐมวัย เพื่อวำงรำกฐำนสู่กำรเติบโตอย่ำงมีคุณภำพ และพัฒนำคุณภำพกำรจัด กำรศึกษำของโรงเรียนให้เด็กทุกคนมีโอกำสได้รบั กำรศึกษำท่ีดเี ทำ่ เทยี มกัน โดยจัดทำมำตรฐำนสถำน พัฒนำเดก็ ปฐมวัยแหง่ ชำติ จดั ทำ School Mapping และร่ำง พ.ร.บ.กำรพฒั นำเด็กปฐมวยั
83 กำรลดควำมเหล่ือมล้ำด้ำนกำรศึกษำ โดยจัดตั้งกองทุนเพื่อควำมเสมอภำคทำงกำรศึกษำ สำมำรถ สนบั สนุนผขู้ ำดแคลนทนุ ทรพั ย์และดอ้ ยโอกำสไปแลว้ กว่ำ 4.3 ลำ้ นคน กำรยกระดับคุณภำพกำรศึกษำในทุกระดับ ท้ังกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน อำชีวศึกษำ และอุดมศึกษำ เพ่ือ ตอบโจทย์ด้ำนกำรพัฒนำอุตสำหกรรมในอนำคตของประเทศ เช่น จัดกำรศึกษำอำชีวะแบบทวิภำคี ร่วมกับสถำนประกอบกำร ริเริ่มโครงกำรโรงเรียนคุณภำพประจำตำบล รวมทั้งพัฒนำครูท้ังระบบ โดยเฉพำะโรงเรยี นขนำดเล็กต้องสร้ำงโรงเรียนท่ีมีคุณภำพ ตรงควำมต้องกำรของทอ้ งถ่นิ โดยเน้นผลิต ครูเพ่ือพัฒนำท้องถ่ิน ปรับหลักสูตรครูเหลือ 4 ปี พัฒนำให้เชื่อมโยงกับวิทยฐำนะควำมก้ำวหน้ำเพื่อ ตอบโจทยอ์ ตุ สำหกรรมของประเทศ 2) พัฒนาฝีมือแรงงานรองรับไทยแลนด์ 4.0 จดั ต้งั สถำบนั เทคโนโลยีช้นั สงู 12 แหง่ เปน็ ศนู ยฝ์ ึกอบรมฝีมอื แรงงำนด้ำนเทคโนโลยชี ั้นสงู รองรับ 10 อตุ สำหกรรมเป้ำหมำย รวมท้ังจัดตงั้ สถำบันพัฒนำบคุ ลำกรในอุตสำหกรรมยำนยนต์และช้นิ ส่วน อะไหล่ยำนยนต์ เป็นสถำบนั หลกั ในกำรพัฒนำแรงงำนดำ้ นนด้ี ว้ ยเพ่ือพัฒนำใหเ้ ท่ำทันกำรแข่งขนั ของ ตลำดแรงงำน 3) การดแู ลประชาชนระดบั ฐานราก กำรจดั ตัง้ กองทุนหมบู่ ้ำนและชุมชนเมือง รวมทัง้ สิน้ จำนวน 79,598 กองทุน เพ่อื เปน็ กำรสร้ำงรำยได้ ส่งเสริมกำรออม รวมท้ังกำรพัฒนำอำชีพและคุณภำพชีวิตใหเ้ กิดควำมมั่นคง กินดีอยู่ดีและมีควำมสขุ มำกยง่ิ ข้ึนเหลำ่ นใ้ี หไ้ ปเพ่ือสนบั สนุนกำรรวมกลุม่ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 4 ดา้ นการสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม มีเป้ำหมำยเพ่ือลดควำมเหล่ือมล้ำของคนไทย ส่งเสริมควำมเข้มแข็งของชุมชน ทำให้ประชำชน สำมำรถยนื อยู่ได้ดว้ ยตนเอง โดยรัฐสร้ำงหลกั ประกนั กำรเขำ้ ถึงบรกิ ำรและสวัสดกิ ำรทีม่ ีคุณภำพอยำ่ งเปน็ ธรรม และท่ัวถึง มโี ครงกำรทสี่ ำคัญ ๆ ได้แก่ 1) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับผู้มีรำยได้น้อย รำว 14.5 ล้ำนคน เป็นกลุ่มท่ีรัฐบำลต้องกำรดูแล ช่วยเหลืออย่ำงตรงจุด เพ่ือช่วยลดภำระค่ำใช้จ่ำยต่ำง ๆ ทั้งกำรซ้ือสินค้ำอุปโภคบริโภค ก๊ำซหุงต้ม ค่ำใช้จ่ำย รถโดยสำรสำธำรณะ และยังเพมิ่ สิทธิประโยชน์อื่น ๆ อำทิ (1) แบ่งภำษีมูลค่ำเพิม่ จำกกำรซือ้ สินคำ้ ที่จำเป็นกลบั คนื เข้ำกระเปำ๋ เงนิ ในบัตรสวัสดกิ ำรฯ (2) โอนเขำ้ บญั ชกี องทุนกำรออมแหง่ ชำติของผู้ถอื บัตร (3) เพม่ิ เงินให้แกผ่ ู้สงู อำยุทถี่ ือบตั ร (4) ผู้ถือบัตรยงั มโี อกำสกู้ซื้อบ้ำนในโครงกำรบ้ำนคนไทยประชำรัฐในอตั รำพเิ ศษ เพ่ือสนับสนุนให้ผ้มู ี รำยไดน้ อ้ ยมีบ้ำนเป็นของตนเอง
84 2) แก้ไขปญั หาหนนี้ อกระบบ แบบครบวงจร โดยพบว่ำผู้ลงทะเบยี นเพ่ือสวัสดกิ ำรแหง่ รฐั เป็นหนี้ นอกระบบ รำว 1.2 ล้ำนคน รฐั บำลจงึ ได้ (1) ดำเนนิ กำรกบั เจ้ำหนีเ้ ถือ่ น ออก พ.ร.บ.กำรทวงถำมหนี้ ปี 2558 และพ.ร.บ.ห้ำมเรียก ดอกเบ้ยี เกนิ อัตรำ ปี 2560 และเชิญชวนให้เจำ้ หนเี้ ถื่อนเข้ำระบบอย่ำงถูกต้อง (2) ไกลเ่ กลยี่ ประนอมหนี้ ได้มำกกวำ่ 335,000 รำย มลู หน้ี 61,000 ล้ำนบำท ไกล่เกลี่ยคืน โฉนดท่ดี นิ ใหล้ ูกหนไี้ ด้ 10,138 รำย รวมพืน้ ทโี่ ฉนด 25,964 ไร่ (3) เพิ่มช่องทำงเข้ำถึงแหลง่ ทุนในระบบเชน่ สนิ เชือ่ ฉุกเฉนิ และสินเชอื่ นำโนไฟแนนซ์ รำย ละไมเ่ กนิ 50,000 บำท (4) ฟนื้ ฟูศักยภำพกำรหำรำยไดใ้ หล้ กู หน้ีนอกระบบอย่ำงยง่ั ยืน เช่น สรำ้ งอำชีพเสริม เพม่ิ ทักษะฝมี ือแรงงำน ยงั รวมไปถงึ กำรทำงำนในระบบ นอกระบบ คนด้อยโอกำส คนทำงำนท่ีบ้ำน 3) แก้ปัญหาท่ดี นิ หลดุ มอื เกษตรกร โดยไดอ้ นมุ ตั ิ พ.ร.บ.คมุ้ ครองกำรขำยฝำกที่ดนิ ทำกำรเกษตรหรือ ท่ีอยู่อำศัย กำหนดให้เจ้ำหน้ำท่ีของรัฐเข้ำมำเป็นคนกลำงตรวจสอบกำรทำสัญญำทุกขั้นตอนอย่ำงละเอียด จนกระท่งั ถงึ กำรจำ่ ยเงินตำมสัญญำ กำหนดรำคำไถค่ นื ใหเ้ ปน็ ธรรมชดั เจน กำหนดอตั รำดอกเบย้ี ไมเ่ กินร้อยละ 15 ต่อปตี ำมกฎหมำย และป้องกนั ไม่ให้เจ้ำหนเี้ อำเปรียบ โดยหำ้ มไม่ให้บงั คบั ไถถ่ อนเร็วกว่ำ 1 ปี เปน็ ตน้ 4) จดั สรรทดี่ ินทากินให้ผยู้ ากไร้แบบแปลงรวม โดยมอบเอกสำรเข้ำทำกินในท่ีดินของรัฐ ทง้ั พนื้ ท่ีป่ำ ท่ียึดคืนมำได้และที่ดินของรัฐอ่ืน เช่น พ้ืนท่ีป่ำสงวนแห่งชำติ พื้นที่ ส.ป.ก. พื้นท่ีรำชพัสดุ รวมแล้วกว่ำ 310,000 ไร่ ซึ่งสำมำรถสง่ ต่อใหล้ ูกหลำนใชป้ ระโยชน์ต่อไปได้ กำรจัดสรรท่ดี ินทำกินและส่งเสรมิ กำรพฒั นำอำชีพ ใน 61 จงั หวัด จำนวน 46,674 รำย พื้นที่ 399,481 ไร่ กำรสง่ เสริมให้มีกำรผลิตสนิ ค้ำเกษตรให้สอดคล้องกบั ควำมต้องกำรของตลำด ผำ่ นกำรพัฒนำเกษตร แปลงใหญ่ 4,663 แปลง พน้ื ที่ 5.41 ลำ้ นไร่ 5) ปลดล็อกกฎหมายป่าไม้ แก้ไข พ.ร.บ.ป่ำไม้ในรอบ 77 ปี ให้ประชำชนสำมำรถใช้ประโยชน์หรือ ทำไม้จำกไม้มีค่ำในท่ีดินกรรมสิทธิ์ของตัวเอง เช่น ไม้สัก ไม้พะยูง ไม้ยำง รวม 58 ชนิด ส่งเสริมกำรปลกู ต้นไม้ ทำงอ้อมช่วยออมเงิน และช่วยเพ่ิมพ้ืนที่ป่ำให้กับประเทศ รวมท้ังยังสำมำรถนำไม้มีค่ำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำ ประกันทำงธุรกิจ หรือกู้ยืมเงินจำกสถำบันกำรเงินได้ด้วย นอกจำกน้ียังส่งเสริมให้เกิดกำรปลูกป่ำทำให้ลด ปัญหำโลกรอ้ นไดอ้ ีกดว้ ย 6) เพ่มิ สวสั ดกิ ารประชาชน เช่น โครงกำรเงนิ อดุ หนุนเพื่อกำรเล้ียงดเู ด็กแรกเกิด สำหรบั ครอบครัวผู้ มีรำยได้น้อย โดยเร่ิมให้เงินอุดหนุนแก่เด็กแรกเกิดเป็นครั้งแรก จำกคนละ 400 บำทต่อเดือน เป็นเวลำ 1 ปี และปรบั เพ่ิมเป็น 600 บำทต่อเดือน และให้เรือ่ ยไปจนถงึ อำยุ 3 ปี ปรบั เบี้ยยงั ชีพผู้สูงอำยุแบบข้ันบนั ได โดยผู้ ที่มีอำยุ 60-69 ปี จะได้รับเงิน 600 บำท/เดือน อำยุ 70-79 ปี 700 บำท/เดือน อำยุ 80-89 ปี 800 บำท/ เดือน และอำยุ 90 ปีขึ้นไป 1,000 บำท/เดือน เพิ่มเบ้ียยังชีพควำมพิกำร จำกคนละ 500 บำท/เดือน เป็นคน ละ 800 บำท/เดือน
85 7) เพิ่มโอกาสมีท่ีอยู่อาศัย เช่น โครงกำรบ้ำนประชำรัฐ สำหรับผู้มีรำยได้น้อยท้ังผู้มีรำยได้ประจำ และผู้ท่ีมีรำยได้ไม่แน่นอน หรืออำชีพอิสระ โครงกำรบ้ำนล้ำนหลัง สำหรับผู้มีรำยได้น้อย คนวัยทำงำน ผู้ท่ี กำลังเร่ิมต้นสร้ำงครอบครัว หรือผู้สูงวัย ที่ต้องกำรมีบ้ำนเป็นของตนเอง โครงกำรบ้ำนเคหะกตัญญู สำหรับ ผ้สู ูงอำยุ และโครงกำรบำ้ นพอเพียงในชนบท เป็นตน้ 8) ยกระดับท่ีอยู่อาศัยให้มีมาตรฐาน เช่น โครงกำรบ้ำนประชำรัฐริมคลอง สร้ำงท่ีอยู่อำศัยให้มี มำตรฐำนและปลอดภยั จัดระเบียบพ้ืนท่ีรุกล้ำคลองสำธำรณะใหเ้ ป็นระเบียบ มีส่ิงแวดล้อมที่ดี ตัวอย่ำงที่เหน็ ได้ชดั เจนคือ ชมุ ชนริมคลองลำดพร้ำว และปทมุ ธำนโี มเดล โครงกำรฟน้ื ฟูเมืองชุมชนดนิ แดง ลบภำพแฟลตดิน แดงที่ทรุดโทรม สร้ำงท่ีอยู่อำศัยใหม่ท่ีม่ันคง ได้มำตรฐำน และมีควำมปลอดภัย นอกจำกนี้มีกำรฟื้นฟูอนุรักษ์ คลองเปรมประชำกร ควำมสะอำด บำบดั นำ้ เสียสร้ำงท่ีพักให้มีคุณภำพ สมเด็จพระเจ้ำอยู่หวั รชั กำลที่ 10 ทรง หว่ งใยคคู ลองทงั้ ประเทศ 9) สรา้ งโอกาสทางเศรษฐกจิ ใหช้ มุ ชน ส่งเสริมสนิ ค้ำ OTOP และสินค้ำ GI ให้เป็นท่ีรจู้ กั ในระดบั นำนำชำติ จับค่ธู ุรกิจและนำ ผลติ ภัณฑ์ OTOP จำหนำ่ ยบนเครือ่ งบนิ ชว่ ยสร้ำงรำยได้จำก 98,000 ล้ำนบำท ในปี 2557 เปน็ 190,000 ล้ำนบำทในปี 2561 เพ่ิมขน้ึ เปน็ 10 เทำ่ มีกำรพฒั นำอยำ่ งต่อเน่อื ง มำตรกำรส่งเสริมควำมเป็นอยู่ของประชำชนผ้มู ีรำยได้นอ้ ยปล่อยสินเช่อื 60,000 ล้ำนบำท ใหแ้ ก่กองทนุ หมูบ่ ำ้ น มำตรกำรสง่ เสรมิ ควำมเป็นอยู่ระดับตำบล ตำบลละ 5 ลำ้ นบำท มำตรกำรกระตนุ้ กำรลงทนุ ขนำดเลก็ ทว่ั ประเทศวงเงิน 40,000 ล้ำนบำท จัดตงั้ กองทนุ หมบู่ ำ้ นและชุมชนเมืองรวม 79,598 กองทนุ ส่งเสริมกำรค้ำขำยออนไลน์ จัดตั้งร้ำนธงฟ้ำประชำรัฐและตลำดประชำรัฐ สร้ำงอำชีพและลด ภำระค่ำใช้จ่ำยให้กับประชำชนซ่ึงร้ำนธงฟ้ำ มีสินค้ำที่จำเป็นต่อกำรดำรงชีวิตไม่ต้องไปคำนึงว่ำจะเอื้อ ประโยชนห์ รือเปน็ ของใคร เป็นกำรช่วยเหลอื พ่นี ้องประชำชนใหไ้ ดใ้ ชเ้ งนิ ซ้ือสินคำ้ อุปโภค บริโภค 10) แกไ้ ขปัญหาหน้สี นิ เกษตรกร ไกล่เกลี่ยหนี้สินระหว่ำงเกษตรกรกับสถำบันกำรเงิน จนสำมำรถปรับโครงสร้ำงหน้ีสินได้ มำกกวำ่ 36,000 รำย ลดภำระหน้ีได้รำว 10,200 ลำ้ นบำท เพ่ิมประสิทธิภำพกำรผลิตสินค้ำเกษตร โดยจัดตั้งศูนย์เรียนรู้กำรผลิตสินค้ำเกษตรที่ถูกต้อง และเหมำะสมสำหรบั ชุมชน จำนวน 882 แหง่ มเี ครือขำ่ ย 10,523 แห่ง ครอบคลมุ กำรผลิตทำงกำรเกษตรทุก ดำ้ น 11) สง่ เสรมิ การออมเพือ่ วยั เกษยี ณ จดั ตัง้ กองทุนกำรออมแหง่ ชำติ เพอื่ ส่งเสริมใหผ้ ้ทู ีป่ ระกอบอำชีพ อิสระ หรืออยู่นอกระบบบำเหน็จบำนำญของรัฐ ได้ออมเงินเพ่ือใช้ในยำมเกษียณช่วยสร้ำงหลักประกันให้กับ ตนเอง โดยเมือ่ สน้ิ ปี 2561 มสี มำชิกแล้ว 610,683 คน เงินกองทุนรวม 3,805 ล้ำนบำท
86 12) พัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้คนไทยนอกสิทธิข้ำรำชกำร สิทธิประกันสังคม หรอื สิทธอิ ่ืน ๆ ทร่ี ัฐจัดให้ - สำมำรถไปรักษำฟรี ทง้ั ในโรงพยำบำลของรัฐและเอกชนท่ีเขำ้ ร่วมโครงกำร ซึ่งค้มุ ครองไปถึง ผู้ป่วยโรคจติ โรคเรือ้ รัง และผ้ตู ดิ ยำเสพติด - ขยำยสทิ ธกิ ำรรักษำ เชน่ เพม่ิ สทิ ธิฉีดวคั ซนี โรคคอตีบ ไอกรน บำดทะยกั เยือ่ หุม้ สมองอักเสบ ไวรสั ตับอกั เสบบี ปอ้ งกนั มะเร็งปำกมดลกู ตรวจคดั กรองมะเรง็ ลำไส้ - เขำ้ ถึงยำรำคำแพง 11 รำยกำร เช่น ยำรักษำมะเรง็ ยำไวรสั ตบั อักเสบซเี ร้อื รัง - เพ่ิมงบประมำณสนับสนุนกองทุนหลักประกันสุขภำพแห่งชำติ จำก 153,152 ล้ำนบำท ในปี 2558 เป็น 181,584 ล้ำนบำท ในปี 2562 ช่วยเพ่ิมคุณภำพกำรดูแลประชำชนรำยหัว ลดภำระค่ำ รักษำพยำบำล และลดจำนวนโรงพยำบำลของกระทรวงสำธำรณสขุ ที่มีปญั หำทำงกำรเงิน 13) ยกระดับบรกิ ารสาธารณสขุ “คลินกิ หมอครอบครัว” เนน้ ใหบ้ ริกำรสุขภำพปฐมภมู ิ เพ่ือส่งเสริมสุขภำพและป้องกนั โรค เบอ้ื งต้น ลดกำรรอคอยที่โรงพยำบำลใหญ่ไดถ้ งึ 60% ลดระยะเวลำรอคอยเฉล่ยี เกือบ 3 ชั่วโมง เหลอื เพยี ง ไม่ถึง 1 ชวั่ โมง และลดเดนิ ทำงไปโรงพยำบำลเฉล่ีย 1,655 บำทตอ่ คนต่อคร้งั กำรส่งเสรมิ อำสำสมัครสำธำรณสขุ ประจำหมบู่ ้ำน สนับสนุนกำรดำเนินงำนของ อสม. โดย เพิม่ ค่ำปว่ ยกำรเป็น 1,000 บำท กำรพฒั นำคุณภำพชวี ิตระดบั อำเภอ เพือ่ กำรพฒั นำคณุ ภำพชวี ิตทด่ี ีขนึ้ ในระดบั พ้ืนที่ ผำ่ น กำรขับเคล่ือนโดยคณะกรรมกำรพฒั นำคณุ ภำพชวี ิต (พชอ.) ทงั้ 878 อำเภอ นโยบำยเจบ็ ปว่ ยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธทิ ุกที่ (UCEP) เพื่อให้ผปู้ ่วยฉกุ เฉนิ วกิ ฤตเข้ำรับกำรรักษำที่ โรงพยำบำลรฐั หรอื เอกชนทอี่ ยูใ่ กลท้ ส่ี ุด โดยไม่ต้องจ่ำยค่ำรักษำพยำบำลใน 72 ช่วั โมงแรก ไมว่ ่ำสิทธใิ ดกต็ ำม เพม่ิ ค่ำป่วยกำรของ อสม. เป็น 1,000 บำท จัดตง้ั นักบรบิ ำลชมุ ชน ดูแลผูป้ ว่ ยตดิ เตยี งในแตล่ ะพ้ืนท่ี โดยให้ ชุมชนดูแลกนั เองผ้ทู ่ีมปี ัญหำตอ้ งติดต่อเจำ้ หนำ้ ท่ใี ห้ดแู ล อบต. อบจ. ตอ้ งมีกำรประสำนควำมรว่ มมือดแู ล จดั กำรกนั ภำยในชมุ ชน 14) เพิ่มสิทธิประโยชน์ประกันสังคม เช่น เพ่ิมสิทธิประโยชน์ยำรำคำสงู 4 ชนิด เพ่ิมวงเงินค่ำผำ่ ตัด เตรียมเส้นเลือดเพ่ือกำรฟอกไต เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตรจำกท่ีเบิกได้ไม่เกิน 2 ครั้งเป็นไม่จำกัด จำนวนคร้ัง ปรับปรุงสิทธิประโยชนด์ ้ำนทันตกรรม จำก 600 บำท เป็น 900 บำทต่อปี คืนสิทธิให้ผู้ประกันตน ตำมมำตรำ 39 ที่สิ้นสภำพ ให้กลบั สรู่ ะบบประกนั สงั คมไดอ้ ีกคร้ัง จำนวน 39,275 คน 15) เพิ่มโอกาสเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ผ่ำนโครงกำรเน็ตประชำรัฐ โดยติดต้ังโครงข่ำย อินเทอร์เน็ตในพ้ืนท่ี 74,987 หมู่บ้ำนทั่วประเทศ ท้ังในพื้นที่ปกติ และพื้นท่ีชำยขอบห่ำงไกล เพ่ือประโยชน์ใน ด้ำนกำรศึกษำ สรำ้ งอำชีพและรำยได้ กำรเข้ำถึงบรกิ ำรภำครัฐ และกำรดแู ลสุขภำพ ตดิ ตั้งแล้วเสร็จในปี 2560 จำนวน 24,700 หมู่บ้ำน ท่ีเหลืออยู่ระหว่ำงดำเนินกำรซึ่งในระยะแรกอำจมีปัญหำล่ำช้ำต้องมีกำรปรับปรุง ระบบพฒั นำเพมิ่ ศกั ยภำพขึ้นเร่ือย ๆ
87 16) เพ่มิ ประสิทธิภาพ “ศนู ย์ดารงธรรม” ระดบั จังหวดั และอำเภอทั่วประเทศ เพ่อื รบั เรื่องร้องเรียน จำกประชำชน โดยมีกำรขอรับบรกิ ำร 3.292 ลำ้ นเรือ่ ง สำมำรถยุติเร่อื งได้ 3.233 ล้ำนเร่ือง นอกจำกน้ี มีกำรจัดตง้ั ศนู ยด์ ำรงธรรมท่ดี นิ เพือ่ ให้คำปรกึ ษำร้องเรียนด้ำนทดี่ นิ เป็นกำรเฉพำะ มเี รื่องร้องเรยี น 3,624 เรอ่ื ง ยุติเรือ่ งได้ 3,002 เรื่อง และมปี ระชำชนขอรับบริกำรปรกึ ษำปัญหำดำ้ นที่ดินอ่นื ๆ ปีละกว่ำ 30,000 รำย ยุทธศาสตร์ท่ี 5 ดา้ นการสร้างการเตบิ โตบนคณุ ภาพชีวิตท่ีเปน็ มติ รกบั สิ่งแวดล้อม ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนกำรสร้ำงกำรเติบโตบนคุณภำพชีวิตท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีเป้ำหมำยเพื่อให้ เกิดกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยนื และสอดคล้องกันทุกดำ้ น ไมว่ ่ำจะเป็นเศรษฐกิจ สง่ิ แวดล้อม และคุณภำพชวี ติ ต่ำง ๆ หยดุ ย้ังกำรบกุ รุกทำลำยปำ่ รกั ษำพืน้ ท่ปี ำ่ ใหค้ งอยทู่ ี่ 102 ลำ้ นไร่ สร้ำงป่ำชุมชน รัฐบำลได้ออกกฎหมำยป่ำชุมชน เพื่อเปิดโอกำสให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในกำรดูแล ผืนป่ำและใช้ประโยชน์จำกป่ำไม้ได้ เดิมนี่เข้ำป่ำไปไม่ได้โดนจับหมด วันน้ีอย่ำไปจับเขำ ไปดูกฎหมำยพวกนี้ ด้วย ป่ำชุมชน เข้ำไปทำอะไรได้บ้ำง และเจ้ำหน้ำท่ีต่ำง ๆ ต้องเรียนรู้ด้วย ป่ำชุมชนเรำถือว่ำเป็นเหมือน “ซเู ปอรม์ ำรเ์ กตของหมู่บ้ำน” หรอื Food Bank ทสี่ มเดจ็ พระนำงเจำ้ ฯ พระบรมรำชินีนำถได้ทรงริเรม่ิ ไว้ ทจี่ ะ ชว่ ยลดรำยจำ่ ย และสร้ำงรำยได้เพิ่มให้ชำวบ้ำน เพรำะทกุ คนสำมำรถปลกู ต้นไม้ ปลกู ปำ่ ในพืน้ ทีป่ ่ำชมุ ชน แล้ว เก็บพืชผักสมุนไพรของป่ำ ออกมำใช้สอยในครัวเรือน หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนขำยได้โดยไม่ ผิดกฎหมำย พ้ืนท่ีป่ำชุมชนบำงแห่งมีแหล่งน้ำ ทำให้ชำวบ้ำนได้ทำอำชีพประมง และยังกลำยเป็นแหล่ง ทอ่ งเทีย่ วของชมุ ชนได้อีก กำจัดขยะมลู ฝอยและของเสียอันตรำย รัฐบำลส่งเสรมิ ใหห้ น่วยงำนภำครฐั เอกชน และประชำชน ลด ปริมำณขยะตั้งแต่ต้นทำง และกำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจัดกำรขยะมูลฝอยและของเสียอันตรำย อย่ำงถูกต้อง ท้องถ่ินนำไปกำจัด 15.76 ล้ำนต้น ขยะตกค้ำงในชุมชน 5.67 ล้ำนตัน และขยะท่ีนำไปรีไซเคิล 5.63 ลำ้ นตัน รวมท้ัง ยังมขี ยะรีไซเคิลทไ่ี ดจ้ ำกกำรแยก ณ สถำนทก่ี ำจดั ขยะอีก 180,000 ตัน ยุทธศาสตรท์ ่ี 6 ดา้ นการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนกำรปรับสมดุลและพัฒนำระบบกำรบริหำรจัดกำรภำครัฐ มีเป้ำหมำยเพื่อ ปรับเปลี่ยนภำครัฐให้ยึดหลัก “ภำครัฐของประชำชนเพ่ือประชำชนและประโยชน์ส่วนรวม” โดยปรับปรุง วธิ ีกำรทำงำนให้ทนั สมัย โดยขับเคลอื่ นระบบรำชกำร 4.0 ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เช่น ใช้ข้อมูลขนำดใหญ่ (Big Data) Agri map TP map ในกำรวเิ ครำะห์วำงแผนงำน ออกหนงั สอื ผ่ำนแดนดว้ ยระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ บรกิ ำร ด้ำนทะเบียนที่ดินด้วยระบบออนไลน์ ให้บริกำรข้อมูลดิจิทัลด้ำนผังเมือง รับชำระค่ำสำธำรณูปโภคโดยไม่ใช้ เงินสด ขอติดตั้งระบบสำธำรณปู โภคผ่ำนแอปพลิชัน ลดกำรใช้สำเนำเอกสำรในกำรติดต่อรำชกำร เรียกว่ำเรำ เป็นกำรพฒั นำดำ้ นออนไลนด์ จิ ทิ ัล เดนิ หนำ้ ตอ้ งใชเ้ วลำใชเ้ ครอื่ งมอื เชือ่ มโยงกับของเก่ำ
88 บทสรปุ ขณะน้ีประเทศไทยกำลังเดินหน้ำประเทศไปสู่ควำมมั่นคง ม่ังคั่ง ย่ังยืน ในระยะท่ี 1 คือ 5 ปีแรกของ ยุทธศำสตร์ชำติ แต่เรำในฐำนะท่ีเป็นส่วนหน่ึงของภูมิภำค เรำจะไม่ท้ิงใครไว้ข้ำงหลัง เพรำะฉะน้ันเรำมีไทย แลนด์+1 อำเซียน+1 ในปี 2562 น้ี ประเทศไทยดำรงตำแหน่งประธำนอำเซียน ซ่ึงจะมีบทบำทเชิงรุกอย่ำง สร้ำงสรรค์ผ่ำนแนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้ำวไกลและย่ังยืน” โดยผลักดันประเด็นต่ำง ๆ เช่น กำรรักษำควำม เป็นแกนกลำงของอำเซียนในภูมิภำคเพื่อสันติภำพ และกำรเช่ือมโยงกับภูมิภำคอื่น ในปีนี้เรำจะเป็นเจ้ำภำพ กำรประชุมสุดยอดอำเซียน 2 ครั้ง และกำรประชุมท่ีเก่ียวข้องอีกกว่ำ 170 วำระประชุม ประชุมใหญ่ 2 คร้ัง กลำงปี กบั ปลำยปี รัฐบำลได้จัดทำแผนกำรปฏิรูปประเทศ 11 ด้ำน เช่น ปฏิรูปตำรวจ เกี่ยวข้องกับใคร ตำรวจ อัยกำร ศำล กฎหมำยทเี่ กยี่ วขอ้ ง ปฏิรูปองค์กรภำยใน ใหก้ ำรบริกำรนอกพื้นท่ี แผนกำรปฏริ ปู ประเทศ 11 ด้ำน คือ 1) ดำ้ นกำรเมือง 2) กำรบรหิ ำรรำชกำร 3) กฎหมำย 4) ยุตธิ รรม 5) เศรษฐกจิ 6) ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละส่ิงแวดล้อม 7) สำธำรณสขุ 8) สอ่ื สำรมวลชนและเทคโนโลยีสำรสนเทศ 9) สังคม 10) พลงั งำน 11) กำรปอ้ งกนั และปรำบปรำมกำรทุจรติ และประพฤติมชิ อบ มรี ะยะเวลำดำเนนิ กำร 5 ปี และยังมแี ผนปฏิรปู ประเทศด้ำนกำรศึกษำและด้ำนกระบวนกำรยตุ ิธรรม ท่ีอยู่ระหวำ่ งดำเนนิ กำรดว้ ย สิ่งเหล่ำน้จี ะเป็นแนวทำงของกำรพัฒนำประเทศไทยในอนำคต
89 มาตรการพยงุ เศรษฐกจิ ในช่วงกลางปี 2562 1. มาตรการพยุงเศรษฐกจิ ในชว่ งกลางปี 2562 ผา่ นบตั รสวสั ดิการแห่งรัฐ มาตรการเพ่ิมเบี้ยคนพิการ เพ่ือช่วยเหลือผู้มีรำยได้น้อยท่ีเป็นผู้พิกำรให้ได้รับเบี้ยผู้พิกำรเพิ่มข้ึนจำก เดิม ซึ่งจะช่วยบรรเทำภำระค่ำใช้จ่ำยในชวี ิตประจำวนั เป็นจำนวนเงิน 200 บำทต่อคนต่อเดือน เป็น ระยะเวลำ 5 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภำคมถึงเดือนกันยำยน 2562 โดยจะต้องเป็นผู้มีรำยได้น้อยท่ีมี บัตรประจำตัวคนพิกำรเท่ำนั้น และสำมำรถใช้ซ้ือสินค้ำและบริกำรผ่ำนเครื่องรับชำระเงิน อิเลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic Data Capture: EDC) แอปพลเิ คชนั ถงุ เงินประชำรัฐ หรือถอนเงินสดจำก เครือ่ งถอนเงนิ อตั โนมัติได้ มาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่เกษตรกร เพื่อช่วยเหลือผู้มีรำยได้น้อยท่ีเป็นเกษตรกร ในชว่ งท่ีรำยไดเ้ กษตรกรหดตัว สำหรบั เปน็ คำ่ ใชจ้ ำ่ ยในกำรซื้อปุย๋ ยำฆำ่ แมลง และปจั จัยกำรผลิตอ่ืนๆ เป็นจำนวนเงิน 1,000 บำทต่อคน (ได้รับครั้งเดียว) ซึ่งผู้มีรำยได้น้อยสำมำรถใช้ซื้อสินค้ำผ่ำนเคร่ือง EDC แอปพลิเคชนั ถุงเงนิ ประชำรฐั หรอื ถอนเงินสดจำกเคร่อื งถอนเงินอัตโนมตั ิได้ มาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ช่วงเปิดปีการศึกษา เพื่อช่วยเหลือค่ำชุดนักเรียนและ อุปกรณ์กำรศึกษำช่วงเปิดปีกำรศึกษำเพ่ิมเติมจำกกำรช่วยเหลือของกระทรวงศึกษำธิกำรท่ีมีอยู่ เดิม ซง่ึ เปน็ กำรแบ่งเบำภำระค่ำใชจ้ ่ำยให้พ่อแม่ เป็นจำนวน 500 บำทต่อบุตร 1 คน (ไดร้ บั ครงั้ เดียว) โดย จะให้สิทธิตำมจำนวนบุตรผ่ำนแม่หรือพ่อที่ถือบัตรสวัสดิกำรแห่งรัฐ ซ่ึงผู้มีรำยได้น้อยสำมำรถใช้ซื้อ สินค้ำผ่ำนเครอื่ ง EDC แอปพลิเคชันถุงเงนิ ประชำรัฐ หรือถอนเงินสดจำกเคร่ืองถอนเงินอัตโนมัติได้ มาตรการพยงุ การบริโภคของผู้มีรายไดน้ ้อย เพ่ือชว่ ยเหลือคำ่ ครองชพี ให้แก่ผู้มรี ำยได้น้อยและรักษำ กำลงั ซ้ือของเศรษฐกจิ ฐำนรำก โดยเพม่ิ วงเงินซ้ือสนิ ค้ำบรโิ ภคอุปโภคจำเปน็ ในร้ำนธงฟ้ำประชำรัฐเป็น 500 บำท ตอ่ คนตอ่ เดอื น เท่ำกนั ทุกคน (เดมิ ได้ 300 บำท ให้เพม่ิ อีก 200 บำท หรอื เดิมได้ 200 บำท ใหเ้ พิ่มอกี 300 บำท) เปน็ ระยะเวลำ 2 เดอื น ต้ังแต่เดอื นพฤษภำคมถงึ เดือนมิถนุ ำยน 2562 2. มาตรการภาษเี พือ่ พยงุ เศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวท่ัวประเทศไทย ให้ลดหย่อนภำษีเงินได้บุคคลธรรมดำ สำหรับค่ำบริกำรท่ีจ่ำยให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ค่ำท่ีพัก โรงแรม ค่ำท่ีพักโฮมสเตย์ไทยที่ได้รับ กำรรับรองมำตรฐำนโฮมสเตย์ไทยจำกกรมกำรท่องเท่ียว กระทรวงกำรท่องเที่ยวและกีฬำ และค่ำ ท่ีพักในสถำนท่ีพักท่ีไม่เป็นโรงแรม สำหรับกำรเดินทำงท่องเท่ียวในเมืองหลัก ตำมจำนวนท่ีจ่ำยจริง แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บำท และสำหรับกำรเดินทำงท่องเที่ยวในเมืองรอง ตำมจำนวนที่จ่ำยจริง แต่รวมกันไม่เกิน 20,000 บำท ทั้งน้ี รวมกันทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 20,000 บำท ตั้งแต่วันท่ี คณะรฐั มนตรมี มี ตเิ ห็นชอบ ถงึ วนั ที่ 30 มิถุนำยน 2562
90 มาตรการภาษีเพ่ือกระตุ้นการซ้ือสินค้าเกี่ยวกับการศึกษาและกีฬา ลดหย่อนภำษีเงินได้บุคคล ธรรมดำสำหรับค่ำซ้ือสินค้ำเพ่ือกำรศึกษำและกีฬำท่ีจ่ำยให้แก่ผู้ประกอบกำรจดทะเบียน ภำษีมูลค่ำเพิ่มและได้รับใบกำกับภำษีตำมมำตรำ 86/4 แห่งประมวลรัษฎำกร ตำมจำนวนที่จ่ำยจริง แต่รวมกันไมเ่ กนิ 15,000 บำท ตง้ั แตว่ นั ท่ี 1 พฤษภำคม ถงึ 30 มิถุนำยน 2562 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทย ลดหย่อนภำษีเงินได้บุคคลธรรมดำสำหรับค่ำซ้ือสินค้ำ หน่ึงตำบลหน่ึงผลิตภัณฑ์ ซง่ึ เป็นสินคำ้ ทไ่ี ดล้ งทะเบยี นกับกรมกำรพฒั นำชุมชนแล้ว ตำมจำนวนท่ีจ่ำย จริง แต่รวมกนั ไม่เกนิ 15,000 บำท ต้ังแตว่ ันท่ีคณะรัฐมนตรมี ีมติเห็นชอบ ถงึ วันที่ 30 มิถนุ ำยน 2562 มาตรการภาษีเพ่ือส่งเสริมการอ่าน ลดหย่อนภำษีเงินได้บุคคลธรรมดำสำหรับค่ำซื้อหนังสือและ ค่ำบริกำรหนังสือท่ีอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่ำนระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book) ที่จ่ำยให้แก่ บริษัทหรือห้ำงหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอ่ืน ตำมจำนวนท่ีจ่ำยจริง แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บำท ต้ังแต่วันที่ 1 มกรำคม ถึงวันท่ี 31 ธันวำคม 2562 แต่เม่ือรวมค่ำซ้ือหนังสือและค่ำบริกำร e- Book ของมำตรกำรช็อปชว่ ยชำติ ตั้งแต่วันท่ี 1 – 16 มกรำคม 2562 แลว้ ตอ้ งไมเ่ กนิ 15,000 บำท มาตรการภาษีเพ่ือส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ลดหย่อนภำษีเงินได้บุคคลธรรมดำ สำหรับค่ำซื้ออสังหำริมทรัพย์ท่ีเป็นอำคำรพร้อมท่ีดินหรือห้องชุดในอำคำรชุดท่ีมีมูลค่ำไม่เกิน 5 ล้ำน บำท ตำมจำนวนที่จ่ำยจริง แตร่ วมกันไม่เกิน 200,000 บำท ต้ังแตว่ นั ที่คณะรัฐมนตรมี ีมตเิ ห็นชอบถึง วันท่ี 31 ธันวำคม 2562 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ให้บริษัทหรือห้ำงหุ้นส่วนนิติ บุคคลหักรำยจ่ำยเป็นจำนวน 2 เท่ำของรำยจ่ำยลงทุนเพื่อรองรับระบบภำษีอิเล็กทรอนิกส์ ที่จ่ำยไป ต้งั แต่วนั ที่คณะรฐั มนตรมี มี ตเิ หน็ ชอบถงึ วันที่ 31 ธนั วำคม 2562 สำหรับรำยจ่ำยลงทนุ ดงั ตอ่ ไปน้ี (1) เครื่องบันทึกกำรเก็บเงินและ (Point of Sale: POS) ระบบ POS ซึ่งเชื่อมโยงกับกำรรับชำระเงิน ทำงอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (2) กำรพัฒนำระบบหรือคำ่ บริกำรเก่ียวกับ e-Tax Invoice & e-Receipt (3) กำรพฒั นำระบบหรอื ค่ำบรกิ ำร e-Withholding Tax ท้ังน้ี กำรดำเนินนโยบำยในระยะนจ้ี ะมีตน้ ทุนของกำรดำเนินกำรท่ตี ่ำกวำ่ หำกเทียบกับกรณีที่ปล่อยให้ เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญควำมเสี่ยงจำกกำรชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเพ่ิมเติม อีกทั้งยังเป็นกำรบรรเทำภำระ ค่ำใช้จ่ำยให้แก่ผู้มีรำยได้น้อยและกระตุ้นให้เกิดบรรยำกำศกำรใช้จ่ำยภำยในประเทศ เพ่ือลดผลกระทบจำก ควำมไม่แน่นอนทำงเศรษฐกจิ อกี ด้วย สรุปมำตรกำรคลงั กระตนุ้ เศรษฐกิจ อุ้มคนจน-ลดหย่อนภำษเี ทีย่ ว-เรยี น-ช้อป ฯลฯ
91 ข้อสอบความรอบรู้
92 1. ผ้รู กั ษาการประธานองคมนตรี คือขอ้ ใด ก. นำยชวน หลกี ภยั ข. พลเอกประยุทธ์ จนั ทร์โอชำ ค. พลเอกสุรยุทธ์ จุลำนนท์ ง. พลเอกธนศักดิ์ ปฏมิ ำปกรณ์ 2. ประธานสภาผู้แทนราษฎร คอื ข้อใด ก. นำยสุชำติ ตนั เจริญ ข. นำยศุภชัย โพธิส์ ุ ค. นำยชวน หลกี ภัย ง. นำยพรเพชร วชิ ติ ชลชัย 3. ประธานวุฒิสภา คือข้อใด ก. นำยสชุ ำติ ตนั เจริญ ข. นำยศุภชยั โพธส์ิ ุ ค. นำยชวน หลีกภัย ง. นำยพรเพชร วิชติ ชลชัย 4. ผ้ลู งนามรับสนองพระบรมราชโองการ แต่งตงั้ ประธานสภาผ้แู ทนราษฎร คือใคร ก. นำยศภุ ชัย โพธสิ์ ุ ข. พลเอกประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชำ ค. นำยพรเพชร วชิ ิตชลชัย ง. นำยสชุ ำติ ตันเจรญิ 5. ผ้ลู งนามรับสนองพระบรมราชโองการ แตง่ ตงั้ ประธานวฒุ ิสภา คอื ใคร ก. นำยชวน หลกี ภัย ข. พลเอกประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชำ ค. พลเอกสรุ ยทุ ธ์ จุลำนนท์ ง. นำยพรเพชร วชิ ิตชลชัย 6. ตัวเลอื กใดต่อไปน้ี เปน็ ประธานรฐั สภา ก. นำยสชุ ำติ ตนั เจรญิ ข. นำยศภุ ชัย โพธ์ิสุ ค. นำยชวน หลกี ภยั ง. นำยพรเพชร วชิ ติ ชลชยั 7. พล.อ. ประยทุ ธ์ จันทรโ์ อชา เป็นนายกรฐั มนตรีคนปจั จุบัน นบั เป็นนายกรัฐมนตรีคนทเ่ี ทา่ ใด ก. คนท่ี 27 ข. คนท่ี 28 ค. คนที่ 29 ง. คนท่ี 30 8. การแต่งตัง้ นายกรฐั มนตรี อาศยั อานาจตามความในมาตราใดของรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ปีพุทธศักราช 2560 ก. มำตรำ 151 ข. มำตรำ 158 ค. มำตรำ 231 ง. มำตรำ 267 9. ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ โปรดเกลา้ ฯ แต่งตง้ั นายกรฐั มนตรี คอื ใคร ก. นำยสุชำติ ตนั เจริญ ข. นำยศภุ ชยั โพธิ์สุ ค. นำยชวน หลกี ภัย ง. นำยพรเพชร วิชิตชลชยั 10. ผลการจดั อันดับความสามารถในการแข่งขนั ของไทย ประจาปี 2562 จาก IMD ประเทศไทย อย่ใู นลาดับทีเ่ ทา่ ใด ก. อันดบั ที่ 25 ข. อันดบั ท่ี 26 ค. อันดบั ที่ 27 ง. อนั ดบั ที่ 28 11. ประเทศทม่ี ีอันดับความสามารถในการแข่งขัน ประจาปี 2562 จาก IMD ลาดบั ท่ี 1 คือขอ้ ใด
93 ก. สหรฐั อเมรกิ ำ ข. สิงคโปร์ ค. จนี ง. รสั เซีย 12. ภาพรวมความต้องการแรงงานในประเทศไทย ในไตรมาสที่ 1 ขอ้ ใดต่อไปนี้ไม่ใช่งานทม่ี ีความตอ้ งการ มากท่สี ดุ 3 ดบั ดับแรก ก. โยธำ-กอ่ สร้ำง ข. ช่ำงเทคนิค ง. คอมพวิ เตอร์-ไอที ง. ช่ำงยนต์ 13. การประชุมสัมมนาขา้ วโลก (World Rice Conference 2018) ณ ประเทศเวยี ดนาม ผลการ ประกวดข้าวชนิดใด และของประเทศใด ได้อันดบั 1 ก. ข้ำวหอมมะลกิ ัมพูชำมำลีอังกอร์ ข. ขำ้ วหอมมะลไิ ทย ค. ข้ำวหอมมะลเิ วยี ดนำมพนั ธ์ุ ST24 ง. ขำ้ วกรีนไลท์ของพมำ่ 14. สาเหตขุ องสถานการณ์จลาจล ที่ประเทศฮ่องกง คือขอ้ ใด ก. ประทว้ งรำ่ งกฎหมำยสง่ ผู้ร้ำยขำ้ มแดนในคดตี ่ำงๆ ข. ประท้วงผู้นำประเทศในกำรจบั มือเปน็ พนั ธมติ รกับสหรฐั อเมริกำ ค. ประท้วงกำรขึ้นรำคำผลผลิตทำงกำรเกษตร ง. ถกู ทกุ ขอ้ 15. ผลติ ภณั ฑ์มวลรวมในประเทศไทยในไตรมาสท่ี 1/2562 ขยายตัวร้อยละเท่าใด ก. ร้อยละ 2.4 ข. ร้อยละ 2.8 ค. ร้อยละ 3.2 ง. รอ้ ยละ 3.5 16. มาตรการภาษีเพ่อื สง่ เสริมและสนบั สนนุ ระบบภาษีอเิ ล็กทรอนิกส์ สาหรับรายจ่ายลงทุน ขอ้ ใดต่อไปนี้ ไม่ใช่ ก. เครื่องบนั ทึกกำรเก็บเงนิ และ (Point of Sale: POS) ระบบ POS ข. กำรพฒั นำระบบหรือค่ำบริกำรเกย่ี วกับ e-Tax Invoice & e-Receipt ค. กำรพัฒนำระบบหรือค่ำบริกำร e-Withholding Tax ง. กำรพฒั นำระบบจ่ำยตรง pay at post 17. ข้อใดตอ่ ไปน้ีไมใ่ ช่มาตรการผยงุ เศรษฐกจิ ผา่ นบัตรสวัสดิการแห่งรฐั ก. มำตรกำรเพ่ิมเบย้ี คนพิกำร ข. มำตรกำรบรรเทำภำระคำ่ ครองชีพใหแ้ กเ่ กษตรกร ค. มำตรกำรบรรเทำภำระค่ำใชจ้ ่ำยของพ่อแม่ชว่ งเปดิ ปกี ำรศกึ ษำ ง. มำตรกำรสินคำ้ ประชำรัฐ
94 18. มาตรการพยุงการบริโภคของผู้มีรายได้น้อย เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อยและรักษา กาลังซ้ือของเศรษฐกิจฐานราก โดยเพ่ิมวงเงินซ้ือสินค้าบริโภคอุปโภคจาเป็นในร้านธงฟ้าประชารัฐ เปน็ จานวนเทา่ ใดต่อคนตอ่ เดือน ก. เป็น 300 บำท ต่อคนต่อเดอื น ข. เปน็ 400 บำท ตอ่ คนต่อเดือน ค. เป็น 500 บำท ตอ่ คนต่อเดือน ง. เป็น 600 บำท ต่อคนต่อเดือน 19. มาตรการภาษีเพือ่ กระต้นุ การซอ้ื สนิ คา้ เกยี่ วกับการศกึ ษาและกีฬา ข้อใดกล่าวถกู ต้อง ก. ลดหยอ่ นภำษเี งินได้บุคคลธรรมดำสำหรับค่ำซ้ือสินค้ำเพ่ือกำรศึกษำและกีฬำท่ีจ่ำยให้แก่ผู้ประกอบกำร จดทะเบียนภำษมี ูลคำ่ เพมิ่ และได้รับใบกำกบั ภำษีตำมมำตรำ 86/4 แห่งประมวลรษั ฎำกร ข. ให้บริษัทหรือห้ำงหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรำยจ่ำยเป็นจำนวน 2 เท่ำของรำยจ่ำยลงทุนเพื่อรองรับระบบ ภำษีอิเลก็ ทรอนิกส์ ค. ลดหย่อนภำษีเงินได้บุคคลธรรมดำสำหรับค่ำซื้ออสังหำริมทรัพย์ที่เป็นอำคำรพรอ้ มที่ดินหรือห้องชุดใน อำคำรชดุ ทม่ี ีมูลคำ่ ไมเ่ กิน 5 ลำ้ นบำท ง. ให้ลดหย่อนภำษีเงินได้บุคคลธรรมดำสำหรับค่ำบริกำรท่ีจ่ำยให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ค่ำท่ีพัก โรงแรม ค่ำท่ีพักโฮมสเตย์ไทยท่ีได้รับกำรรับรองมำตรฐำนโฮมสเตย์ไทยจำกกรมกำรท่องเท่ียว กระทรวง กำรท่องเที่ยวและกีฬำ 20. “Food Bank” หมายถึงขอ้ ใด ก. ธนำคำรอำหำรกลำงอำเซยี น ข. ธนำคำรครวั มุสลมิ โลก ค. ป่ำชุมชน ง. คลงั อำหำรโลก
95 3 เสาหลักอาเซียน กำรรวมตัวกันทำให้เรำแข็งเกร่ง และทำประโยชน์มำกกว่ำประเทศเดียว แต่ก่อนจะไปถึง ที่หมำยตอ้ งผำ่ น 3 เสำหลกั อำเซียน ประกอบด้วย 1. ประชำคมกำรเมืองและควำมมั่นคงอำเซียน (ASEAN Political-Security Community–ASC) อำเซียนจะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ประเทศสมำชิกมีควำมพร้อมในกำรร่วมมือป้องกันและจัดกำร กับควำมขัดแย้งระหว่ำงกันมำกขึ้นโดยเฉพำะภัยข้ำมชำติในรูปแบบต่ำงๆ รวมทั้งจะจัดต้ังกลไก สทิ ธมิ นษุ ยชน เพือ่ สง่ เสรมิ แนวคดิ ประชำธิปไตยและสิทธมิ นษุ ยชนในภูมภิ ำค 2. ประชำคมเศรษฐกิจอำเซียน (ASEAN Economic Community-AEC) อำเซียนกำลังเร่งรวมตัว ทำงเศรษฐกจิ เพ่ือสร้ำงเขตกำรคำ้ เสรีอำเซียนและเขตกำรลงทุนอำเซียน เพื่อพฒั นำอำเซียน ซึง่ มี ประชำกรกวำ่ 567 ล้ำนคน และมที รพั ยำกรอุดมสมบูรณ์ใหเ้ ปน็ ตลำดและฐำนกำรผลติ ท่เี ป็นหนึ่ง เดียวภำยในปี 2558 ซ่ึงจะทำใหอ้ ำเซียนนำ่ สนใจและมอี ำนำจตอ่ รองทำงเศรษฐกจิ 3. ประชำคมสงั คมและวัฒนธรรมอำเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community-ASCC) อำเซียน กำลังมุ่งพัฒนำควำมร่วมมือในสำขำกำรศึกษำ วัฒนธรรม สำธำรณสุข พลังงำน สวัสดิกำรสังคม วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม รวมท้ังมีเป้ำหมำยให้ประชำชนในภูมิภำค รู้จักและ เขำ้ ใจกันมำกขน้ึ มีควำมรู้สึกเป็นส่วนหนึง่ ของประชำคมอำเซียนน้ี นอกจำกน้ี อำเซียนยังได้ร่วมมือร่วมใจกันจัดกำรกับปัญหำสังคมและภัยคุกคำมอ่ืนๆ ที่ เกิดข้ึนอย่ำงฉับพลันและเกินกว่ำท่ีจะควบคุม ดูแลได้เพียงลำพัง เช่น ปัญหำส่ิงแวดล้อม ปัญหำภัย พิบัติ ปญั หำโรคระบำด เป็นตน้
96 เลขาธกิ ารอาเซียนคนที่ 14 ลขำธิกำรอำเซียนได้รับกำรแต่งต้ังจำกท่ีประชุมสุดยอดอำเซียน (ASEAN Summit) จำกกำรเสนอชื่อ ของประเทศที่มีสิทธิในกำรเสนอชอ่ื ผู้สมัครใชห้ ลกั กำร เวียนตำมตัวอักษร ภำษำอังกฤษ ของประเทศ สมำชิก 10 ประเทศ ไดแ้ ก่ 1. ประเทศบรไู น (Brunei) 2. ประเทศกมั พชู ำ (Cambodia) 3. ประเทศอนิ โดนเี ซยี (Indonesia) 4. ประเทศลำว (Laos, PDR) 5. ประเทศมำเลเซยี (Malaysia) 6. ประเทศพมำ่ หรอื เมยี นมำร์ (Myanmar) 7. ประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines) 8. ประเทศสิงคโปร์ (Singapore) 9. ประเทศไทย (Thailand) 10. ประเทศเวียดนำม (Vietnam) นำยเล เลือง มนิ ห์ (Le Luong Minh) เลขำธกิ ำรอำเซยี นคนที่ 13 เปน็ ชำวเวยี ดนำม (Vietnam) และ เปน็ อดตี รฐั มนตรีว่ำกำรกระทรวงตำ่ งประเทศของเวยี ดนำม ดำรงตำแหน่งเป็นเลขำธกิ ำรอำเซยี นคนที่ 13 เปน็ วำระ 5 ปี ตัง้ แต่วันที่ 1 มกรำคม 2556 – 31 ธันวำคม 2560 ต่อจำก ดร.สรุ นิ ทร์ พศิ สวุ รรณ สำนักงำนเลขำธกิ ำรสมำคมประชำชำติแหง่ เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ (อำเซียน) ทำพิธีส่งมอบตำแหน่ง เลขำธิกำรอำเซียน คนท่ี 14 ให้แก่นำยดำโต๊ะ ปำดูกำ ลิม จ๊อก ฮอย (Dato Paduka Lim Jock Hoi) สัญชำติบรูไน อดีตปลัดกระทรวงกำรต่ำงประเทศและกำรคำ้ ของบรไู น โดยตำแหนง่ เลขำธกิ ำรอำเซียนจะวำระ 5 ปี สำนักงำนใหญข่ องอำเซียน ในกรุงจำกำร์ตำ
97 ประธานอาเซยี น 2562 อาเซียนกบั ประเทศไทย สานกั เลขาธกิ ารอาเซยี นแห่งชาติ สงั กดั กรมอำเซียน กระทรวงกำรตำ่ งประเทศ ตลอดช่วงระยะเวลำกว่ำ 50 ปีท่ีผ่ำนมำ สมำคมประชำชำติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออำเซียน ได้มีพัฒนำกำรมำเป็นลำดับ และไทยก็มีบทบำทสำคัญในกำรผลักดันควำมร่วมมือของอำเซียนให้มีควำม คืบหน้ำมำโดยตลอด โดยเม่ือเร่ิมก่อตั้งเม่ือปี พ.ศ. 2510 สภำพแวดล้อมในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มคี วำมตึงเครยี ด อันเปน็ ผลมาจากสงครามเย็น ซึง่ มคี วามขดั แย้งดา้ นอดุ มการณ์ระหวำ่ งประเทศทสี่ นับสนุน อดุ มกำรณ์เสรนี ยิ มประชำธิปไตยกบั ประเทศทย่ี ึดมั่นในอุดมกำรณ์สังคมนิยมคอมมิวนสิ ต์ ดร. ถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงกำรต่ำงประเทศของไทยในขณะน้ัน ได้มีบทบำทสำคัญ ในกำรเดินทำงไปเจรจำไกล่เกลี่ยควำมขัดแย้งระหว่ำงประเทศเพ่ือนบ้ำนเหล่ำนี้ และได้เชิญให้รัฐมนตรี ต่ำงประเทศของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีก 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์ มำหำรือร่วมกันที่แหลมแท่น จ. ชลบุรี อันนำมำสู่กำรลงนำมในปฏิญญำกรุงเทพ เพ่ือก่อต้ังอำเซียน ท่ีวังสรำญรมย์ เม่ือวันท่ี 8 สิงหำคม 2510 ไทยจึงถือเป็นทั้งประเทศผู้ร่วมก่อตั้งและเป็น ‘บ้ำนเกิด’ ของ อำเซยี น ประเทศทีร่ ว่ มก่อตงั้ อำเซียน ไทย มำเลเซีย อินโดนเี ซีย ฟิลปิ ปนิ ส์ และสงิ คโปร์ อำเซยี นได้ขยำยสมำชิกภำพขึน้ มำเปน็ ลำดับ โดย ประเทศที่ 6 เมื่อปี 2527 บรูไนดำรุสซำลำมไดเ้ ขำ้ เปน็ สมำชิก ประเทศที่ 7 เวยี ดนำม ประเทศที่ 8 สปป. ลำว ประเทศท่ี 9 เมียนมำ ประเทศท่ี 10 กัมพชู ำ ไดเ้ ขำ้ เป็นสมำชกิ จนครบ 10 ประเทศ เมือ่ ปี 2542 นอกจำกนี้ ประเทศไทย โดยท่ำนอดีตนำยกรัฐมนตรีอำนันท์ ปันยำรชุน ก็ได้มีบทบำทสำคัญใน กำรผลักดันควำมร่วมมือทำงเศรษฐกิจของอำเซียนให้มีควำมคืบหน้ำ โดยกำรริเริ่มให้มีการจัดตั้งเขตการค้า เสรีอาเซียน หรือ ASEAN Free Trade Area (AFTA) ข้ึนเม่ือปี 2535 โดยตกลงท่ีจะลดภำษีศุลกำกรระหว่ำง กันให้เหลือรอ้ ยละ 0-5 ในเวลำ 15 ปี ซง่ึ ต่อมำไดล้ ดเวลำลงเหลอื 10 ปี โดยประเทศสมำชกิ เก่ำ 6 ประเทศ ได้ ดำเนินกำรแล้วเสร็จในปี 2546 ในขณะที่ประเทศสมำชิกใหม่ 4 ประเทศ คือ กัมพูชำ สปป.ลำว เมียนมำ และ เวียดนำม ดำเนนิ กำรเสร็จสนิ้ ในปี 2551
98 3 เสาหลัก 3 เสำหลัก คอื 1) ประชำคมกำรเมอื งควำมม่ันคง 2) ประชำคมเศรษฐกจิ 3) ประชำคมสังคมและวัฒนธรรม เกิดจำก กำรประชุมสุดยอดอำเซียน คร้ังท่ี 14 ท่ีประเทศไทยเป็นเจ้ำภำพเม่ือเดือนกุมภำพันธ์ 2552 ได้รบั รองปฏิญญาชะอา-หัวหินวำ่ ด้วยแผนงำนสำหรับกำรจดั ตง้ั ประชำคมอำเซยี นในทั้ง 3 เสำหลัก ไทยในฐานะประธานอาเซียน แนวคิดหลัก แนวคิดหลักสำหรับกำรเป็นประธำนอำเซียนของไทย คือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้ำวไกล ย่ังยืน” ซึ่งมี องค์ประกอบ 3 ประกำร ดังน้ี 1. ‘การก้าวไกล’ (Advancing) โดยให้อำเซียนมองและก้ำวไปด้วยกันสู่อนำคตอย่ำงมีพลวัต ใช้ประโยชน์จำกวิวัฒนำกำรทำงเทคโนโลยีจำกกำรปฏิวัติอุตสำหกรรม ครั้งท่ี 4 และสร้ำงขีดควำมสำมำรถ ในกำรแข่งขันควบคู่ไปกับกำรสร้ำงระบบภูมิคุ้มกันจำกเทคโนโลยีก้ำวกระโดด และควำมท้ำทำยต่ำง ๆ ในอนำคต โดยเฉพำะสำหรับ MSMEs เพอ่ื ก้ำวไปสู่ดิจิทลั อำเซยี น (Digital ASEAN) 2. ‘การร่วมมือ ร่วมใจ’ (Partnership) ผ่ำนกำรส่งเสริมควำมเป็นหุ้นส่วนภำยในอำเซียนและกับ ประเทศคู่เจรจำและประชำคมโลกโดยกำรเสริมสร้ำงควำมร่วมมืออำเซียนบวกหน่ึง และโครงสร้ำง สถำปัตยกรรมในภูมิภำคที่มีอำเซียนเป็นแกนกลำงเพิ่มควำมร่วมมือทำงเศรษฐกิจกับนำนำประเทศ โดย คำนึงถึงควำมสมดุลและประโยชน์ต่อประชำชน และเพ่ิมบทบำทของอำเซียนในเวทีโลกเพ่ือช่วยแก้ไขปัญหำ สำคัญต่ำง ๆ เช่น กำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ ในกำรนี้ ตัวขับเคล่ือนสำคัญสำหรับอำเซียน คือ กำรส่งเสริมควำมเชื่อมโยงในทุกมิติ ทั้งในเร่ืองโครงสร้ำงพ้ืนฐำน กฎระเบียบ กำรเชื่อมโยงประชำชน โดยเฉพำะในบริบทของปีวัฒนธรรมอำเซียน ค.ศ. 2019 รวมถึงกำรเช่ือมโยงยุทธศำสตร์ควำมเช่ือมโยงต่ำง ๆ ในภูมภิ ำค เพอื่ ก้ำวไปสู่อำเซียนท่ีไรร้ อยต่อ (Seamless ASEAN) 3. ‘ความย่ังยืน’ (Sustainability) กล่ำวคือ กำรสร้ำงควำมยั่งยืนในทุกมิติ ไม่ว่ำจะเป็นควำมมั่นคง ที่ยั่งยืน ควำมยั่งยืนด้ำนกำรเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจ รวมถึงเศรษฐกิจสีเขียว และกำรพัฒนำที่ย่ังยืน ซ่ึงกำร จัดต้ังศูนย์อำเซียนเพ่ือกำรศึกษำและกำรหำรือด้ำนกำรพัฒนำที่ย่ังยืนและศูนย์อำเซียนเพ่ือผู้สูงวัยอย่ำง มีศกั ยภำพและมีนวัตกรรมจะมีบทบำทสำคัญในกำรบรรลุเปำ้ หมำยนี้
99 ตราสัญลักษณ์ “พวงมาลัย” เป็นแรงบนั ดำลใจในกำรออกแบบตรำสัญลักษณ์ จำกแนวคิดว่ำ คนไทยนยิ มใชพ้ วงมำลัยในงำนมงคล เป็น สญั ลักษณข์ องกำรต้อนรบั และใหเ้ กียรติผู้มำเยือน โดยกำร ออกแบบไดผ้ สมผสำนงำนศลิ ปะทส่ี ะทอ้ นถงึ ควำมเปน็ ไทยกบั มิติ ของควำมทนั สมัย “ดอกไม้” ซึ่งนำมำร้อยเรียงเป็น “พวงมำลัย” สื่อถึงประชำชนของประชำคมอำเซียน ท่ีมีควำม ร่วมมอื กลมเกลียวเปน็ หนึง่ เดยี วกนั “อุบะมำลยั ” เป็นตัวแทนของประเทศสมำชกิ อำเซยี น 10 ประเทศ สีหลักท่ีใช้ในผลงำนได้รับเเรงบันดำลใจมำจำกสีเปลือกมังคุดซึ่งเป็นสีโทนไทย และได้ปรับโทนสีให้มี ควำมทนั สมยั และเหมำะสมสำหรับกำรนำไปใช้งำน ประธานอาเซยี นคนปัจจุบัน พลเอกประยุทธ์ จันทรโ์ อชำ เลขาธกิ ารอาเซียนคนปจั จุบนั เลขำธิกำรอำเซียนไดร้ ับกำรแต่งตง้ั จำกทปี่ ระชุมสดุ ยอดอำเซียน (ASEAN Summit) จำกกำรเสนอช่ือ ของประเทศท่ีมีสิทธิในกำรเสนอช่ือผู้สมัคร ใช้หลักกำรเวียนตำมตัวอักษรภำษำอังกฤษของประเทศสมำชิก เลขำธิกำรอำเซียนจะดำรงตำแหน่งได้เพียง 1 สมัยและไม่สำมำรถต่ออำยุได้ (Non - renewable term) มรี ะยะเวลำกำรดำรงตำแหน่ง 5 ปี ปัจจุบัน ( พ.ศ. 2561 – 2565) คือ ดำโต๊ะ ปำดูกำ ลิม จ็อก ฮอย จำกบรูไนดำรงตำแหน่งเลขำธิกำร อำเซียนต่อจำกเวียดนำม นำยเล เลือง มินห์ การประชมุ อาเซียน ประชมุ ณ ศูนยก์ ำรประชุมและนิทรรศกำรซันเทค สงิ คโปร์ ครงั้ ที่ 33 ระหว่ำงวนั ท่ี 22 – 23 มิ.ย. 62 ประเทศไทย คร้งั ที่ 34
100 12 สาขา การรวมกล่มุ สินค้าและบริการ 11 สาขานารอ่ ง ตามประเทศท่ีรับผิดชอบ สำมำรถแบง่ ได้ ดังนี้ 1. พมำ่ สำขำผลิตภณั ฑเ์ กษตร และสำขำประมง 2. มำเลเซยี สำขำผลิตภัณฑ์ยำง และสำขำสิ่งทอ 3. อนิ โดนีเซยี สำขำยำนยนต์ และสำขำผลติ ภณั ฑ์ไม้ 4. ฟิลปิ ปนิ ส์ สำขำอิเล็กทรอนกิ ส์ 5. สงิ คโปร์ สำขำเทคโนโลยสี ำรสนเทศ และสำขำสุขภำพ 6. ไทย สำขำกำรท่องเทีย่ วและสำขำกำรบิน 7. เวียดนำม สำขำโลจสิ ตกิ ส์ แนวข้อสอบอาเซยี น 1. อาเซยี นมี 3 เสาหลกั ยกเว้นขอ้ ใด ก. ประชำคมกำรปกครองอำเซียน ข. ประชำคมกำรเมืองและควำมมนั่ คงอำเซยี น ค. ประชำคมเศรษฐกจิ อำเซยี น ง. ประชำคมสังคมและวฒั นธรรม 2. ข้อใดคือประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซยี น ก. (ASEAN Political-Security Community Blueprint) ข. (ASEAN Political and Security Community – APSC) ค. (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC) ง. (ASEAN Political-Security Community-AEC) 3. สิ่งใดเปรียบเสมือนธรรมนูญของอาเซียน ที่จะวางกรอบทางกฎหมายและโครงสร้างองค์กร เพื่อเพ่ิม ประสทิ ธิภาพของอาเซยี นหรอื ทาใหอ้ าเซียนมสี ถานะเปน็ นิตบิ คุ คล ก. กฎบตั รอำเซยี น ข. ปฏญิ ญำอำเซยี น ค. วสิ ยั ทศั นอ์ ำเซียน ง. สญั ลกั ษณ์อำเซียน 4. ข้อใดตอ่ ไปนกี้ ล่าวถกู ตอ้ งเก่ยี วกบั “กฎบัตรอาเซียน” ก. เปน็ ค่ำนยิ ม หลักกำร และแนวปฏบิ ัติ ข. เป็นกำรวำงกรอบทำงกฎหมำยและโครงสร้ำงองคก์ รให้กบั อำเซยี น ค. เป็นกำรกำหนดขอบเขตหนำ้ ท่คี วำมรับผิดชอบขององค์กรทสี่ ำคัญในอำเซียน ง. ไมม่ ขี อ้ ถูก 5. ผนู้ าอาเซยี นได้ลงนามรับรองกฎบัตรอาเซียน ในการประชุมสุดยอดยอดเซยี นคร้ังท่เี ทา่ ไร ก. คร้ังท่ี 11 ข. ครงั้ ท่ี 12 ค. ครง้ั ที่ 13 ง. ครงั้ ที่ 14
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164