Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน IS2

แผน IS2

Published by Puttiwan Chuangpitak, 2017-10-29 23:44:53

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา การสื่อสารและการนำเสนอ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2

Search

Read the Text Version

คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้ จัดทาขึ้นเพ่ือใช้เป็นแผนประกอบการจัดการเรียนรู้ รายวิชาการสื่อสารและการนาเสนอ รหัสวิชา I30202 ซึ่งรายวิชาดังกล่าวเป็นวิชาสาระการเรียนรู้เพ่ิมเติมทเ่ี ปดิ สอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ตามหลักสตู รการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน โรงเรียนชลกนั ยานุกลู การดาเนินการ ผจู้ ดั ทาได้ศึกษา วเิ คราะหห์ ลักสตู รการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี โรงเรียนชลกันยานุกูล และหลักสูตรโรงเรียนมาตรฐานสากล ศึกษาคาอธิบายรายวิชา มาตรฐานและผลการเรียนรู้ จัดทาโครงสร้างสาระการเรียนรู้ของรายวิชา และหน่วยการเรียนรู้ จากน้ัน ได้ศึกษา ค้นคว้า เน้ือหาความรู้เก่ียวกับสาระการเรียนรู้ จากหนังสือเอกสาร บทความ เว็บไซต์ต่าง ๆ ศึกษาหลักการจัดการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ ความแตกต่างระหว่างบุคคล และหลักการวัดผลประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง จากน้ัน ได้จัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ และการวัดผลประเมินผล ตามหลักการ ทฤษฎี และความรู้ท่ีได้ศึกษาค้นคว้า โดยกาหนดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้นักเรียนใช้ส่ือประสมอิเล็กทรอนิกส์รายวชิ าการสอื่ สารและการนาเสนอซ่งึ เป็นนวัตกรรมการศึกษาท่ีประกอบด้วยสื่อที่หลากหลายชนิด ท่ีผู้สอนจัดทาข้ึนเพ่ือใช้เป็นสื่อหลักให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง และใช้ระบบการจัดการห้องเรียนออนไลน์ (ClassStart) ชว่ ยในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า แผนการจัดการเรียนรู้ เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์สาหรับครู และผูส้ นใจศึกษา เพ่ือใช้เปน็ แนวทางในการจัดทาแผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าอน่ื ๆ ตอ่ ไป พฤทธวิ รรณ ช่วงพทิ กั ษ์

ประมวลรายวชิ า รายวิชาการส่ือสารและการนาเสนอ รหัสวิชา I30202 กลมุ่ สาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี โรงเรียนชลกนั ยานุกลู จังหวัดชลบรุ ีวสิ ยั ทัศน์ สง่ เสริมการเรียนร้สู ู่อาชพี ฝึกทกั ษะและการบูรณาการ พัฒนางานด้านเทคโนโลยีมีมาตรฐานสู่สากลพันธกจิ 1. พัฒนาทกั ษะและความรู้ด้านอาชีพแก่ผเู้ รยี น 2. พฒั นาผ้เู รยี นใหม้ ีคุณธรรมนาความรู้สูค่ วามพอเพียง 3. ส่งเสริมและเผยแพรภ่ ูมิปัญญาอาชีพของท้องถ่ิน 4. จัดใหม้ ีเทคโนโลยที ี่ทนั สมัยเอื้อต่อการเรยี นรู้ 5. พฒั นาศักยภาพของครใู ห้พรอ้ มตอ่ การจดั การเรยี นรู้ 6. พฒั นาการจดั การเรียนการสอนให้มีมาตรฐานสากลกลยุทธ์ 1. หอ้ งเรยี นคณุ ภาพ 2. คณุ ธรรมนาความรสู้ คู่ วามพอเพียง 3. สนับสนนุ ให้มกี ารจัดการเรียนการสอนเทียบเคียงมาตรฐานสากล 4. บริหารงานโดยใช้โรงเรยี นเป็นฐาน 5. สร้างเครอื ขา่ ยการเรยี นรู้โดยความรว่ มมือจากคณะบคุ คล ชุมชน องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 1 : การดารงชีวติ และครอบครัว มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทางาน มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการ ทางาน ทกั ษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแกป้ ัญหา ทักษะการทางานร่วมกัน และทกั ษะ การแสวงหาความรู้ มีคุณธรรมและลกั ษณะนสิ ัยในการทางาน มีจติ สานกึ ในการใช้พลงั งาน ทรพั ยากรและส่งิ แวดล้อม เพ่อื การดารงชวี ิตและครอบครัว สาระท่ี 2 : การออกแบบและเทคโนโลยี มาตรฐาน ง 2.1 เข้าใจเทคโนโลยแี ละกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสร้าง ส่งิ ของเคร่ืองใชห้ รอื วธิ กี ารตามกระบวนการเทคโนโลยอี ยา่ งมีความคิดสรา้ งสรรค์ เลอื กใช้ เทคโนโลยใี นทางสร้างสรรค์ต่อชวี ิต สงั คม สงิ่ แวดล้อมและมีส่วนรว่ มในการจัดการเทคโนโลยที ่ี ย่ังยืน สาระที่ 3 : เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร มาตรฐาน ง 3.1 เข้าใจ เห็นคณุ ค่าและใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการสืบค้นข้อมูล การเรยี นรู้ การสื่อสาร การแก้ปญั หา การทางานและอาชีพ อยา่ งมี ประสิทธภิ าพ ประสิทธิผล และมีคุณธรรม สาระท่ี 4 : การอาชพี มาตรฐาน ง 4.1 : เข้าใจ มีทักษะท่จี าเป็น มีประสบการณ์ เหน็ แนวทาง ในงานอาชีพ ใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอาชพี มีคุณธรรม และมีเจตคติท่ดี ตี ่ออาชีพที่มา : หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 กระทรวงศึกษาธกิ าร

คุณภาพผู้เรียนคณุ ภาพนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย เมือ่ จบช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 มดี ังนี้ 1. เข้าใจวิธกี ารทางานเพอื่ การดารงชีวติ สรา้ งผลงานอย่างมคี วามคิดสรา้ งสรรค์มที ักษะการทางานร่วมกัน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา และทักษะการแสวงหาความรู้ ทางานอย่างมีคณุ ธรรม และมีจิตสานึกในการใช้พลงั งานและทรัพยากรอยา่ งคุ้มคา่ และยั่งยนื 2. เข้าใจความสมั พันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกบั ศาสตร์อืน่ ๆ วเิ คราะห์ระบบเทคโนโลยีมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ในการแก้ปญั หาหรอื สนองความต้องการ สรา้ งและพฒั นาส่งิ ของเคร่อื งใชห้ รือวธิ ีการ ตามกระบวนการเทคโนโลยอี ยา่ งปลอดภัยโดยใชซ้ อฟทแ์ วรช์ ว่ ยในการออกแบบหรือนาเสนอผลงาน วิเคราะหแ์ ละเลือกใชเ้ ทคโนโลยที เี่ หมาะสมกับชีวิตประจาวันอยา่ งสร้างสรรค์ตอ่ชวี ิต สังคม สงิ่ แวดล้อม และมีการจดั การเทคโนโลยีดว้ ยวธิ ีการของเทคโนโลยีสะอาด 3. เขา้ ใจองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ องค์ประกอบและหลักการทางานของคอมพวิ เตอร์ ระบบสอ่ื สารขอ้ มูลสาหรับเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ คุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพว่ ง และมีทกั ษะการใช้คอมพิวเตอรแ์ ก้ปัญหา เขียนโปรแกรมภาษา พฒั นาโครงงานคอมพวิ เตอร์ ใชฮ้ ารด์ แวรแ์ ละซอฟต์แวร์ ติดต่อส่อื สารและค้นหาข้อมูลผ่านอนิ เทอร์เน็ต ใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผลขอ้ มูลใหเ้ ปน็ สารสนเทศเพ่ือการตดั สินใจ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศนาเสนองาน และใชค้ อมพวิ เตอรส์ ร้างช้ินงานหรือโครงงาน 4. เข้าใจแนวทางสู่อาชีพ การเลอื กและใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมกับอาชีพมปี ระสบการณ์ในอาชีพท่ีถนัดและสนใจ และมีคุณลักษณะทดี่ ตี ่ออาชพีทมี่ า : หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 กระทรวงศึกษาธิการ

คาอธบิ ายรายวชิ ารหสั วิชา I 30202 รายวิชาการสือ่ สารและการนาเสนอ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวน 1.0 หนว่ ยกิต เวลา 40 ชั่วโมง ภาคเรียนท่ี 2 ========================================================= ศึกษาเรียบเรียงและถ่ายทอดความคดิ อย่างสร้างสรรค์จากรายวิชา IS1 (Research andKnowledge Formation) เก่ียวกบั สถานการณ์ปจั จบุ ันและสังคมโลก โดยเขยี นโครงร่าง บทนา เนอ้ืเรอ่ื ง สรปุ ในรูปของรายงานการศกึ ษาค้นคว้าเชิงวิชาการเป็นภาษาไทยความยาว จานวน 4,000 คาหรือเปน็ ภาษาอังกฤษ ความยาว 2,000 คา มีการอ้างอิงแหลง่ เรียนรู้ท่เี ชือ่ ถือได้ ท้ังในประเทศและต่างประเทศ เรียบเรียงและถ่ายทอดสื่อสาร นาเสนอความคดิ อย่างชัดเจน เป็นระบบ มีการนาเสนอในรูปแบบเด่ียว (Oral Individual) หรือกลุ่ม (Oral panel presentation) โดยใช้สือ่ เทคโนโลยที ี่หลากหลายและมีการเผยแพร่ผลงานส่สู าธารณะ เพื่อใหเ้ กิดทกั ษะในการรายงานเชิงวิชาการ และทักษะการสื่อสารทีม่ ปี ระสิทธิภาพ เห็นประโยชน์และคุณค่าในการสร้างสรรคง์ านและถ่ายทอดสิง่ ที่เรยี นรูใ้ ห้เกดิ ประโยชนแ์ ก่สาธารณะผลการเรียนรู้ 1. สามารถเขยี นโครงร่างรายงานตามหลักเกณฑ์ องค์ประกอบและวิธกี ารเขียนโครงร่าง 2. เขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้าเชงิ วิชาการเปน็ ภาษาไทยความยาว 4,000 คา หรอื ภาษาอังกฤษ ความยาว 2,000 คา 3. นาเสนอข้อค้นพบ ข้อสรุปจากประเดน็ ที่เลอื กในรปู แบบเด่ียว (Oral Individual) หรอื กลุ่ม (Oral panel presentation) โดยใช้สือ่ เทคโนโลยีทหี่ ลากหลาย 4. เผยแพรผ่ ลงานส่สู าธารณะ โดยใช้การสนทนา วิพากษผ์ า่ นส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ เชน่ e-conference, social media online 5. เห็นประโยชน์และคณุ ค่าการสรา้ งสรรคง์ านและถ่ายทอดส่ิงที่เรียนรูใ้ ห้เป็นประโยชน์

สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น ในการพฒั นาผเู้ รียนตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน มุง่ พฒั นาผ้เู รียนให้มีสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เปน็ ความสามารถในการรับและสง่ สาร มวี ัฒนธรรมในการใชภ้ าษาถ่ายทอดความคดิ ความรูค้ วามเขา้ ใจ ความรู้สกึ และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลยี่ นขอ้ มูลขา่ วสารและประสบการณอ์ ันจะเป็นประโยชนต์ ่อการพัฒนาตนเองและสงั คม รวมทัง้ การเจรจาตอ่ รองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขดั แย้งตา่ ง ๆ การเลือกรับหรอื ไมร่ บั ขอ้ มูลข่าวสารด้วยหลกั เหตผุ ลและความถกู ต้อง ตลอดจนการเลอื กใชว้ ิธีการส่อื สาร ทมี่ ีประสิทธภิ าพ โดยคานึงถึงผลกระทบท่ีมีต่อตนเองและสงั คม 2. ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ การคดิ สงั เคราะห์การคดิ อยา่ งสรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ เพื่อนาไปสกู่ ารสรา้ งองค์ความรู้หรอื สารสนเทศเพ่ือการตดั สินใจเกย่ี วกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา เปน็ ความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรค ต่าง ๆ ท่ีเผชิญได้อย่างถกู ต้องเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลกั เหตผุ ล คณุ ธรรมและขอ้ มลู สารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพันธแ์ ละการเปล่ยี นแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความร้มู าใชใ้ นการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหา และมกี ารตดั สนิ ใจท่ีมีประสทิ ธภิ าพ โดยคานึงถึงผลกระทบทเ่ี กิดขนึ้ตอ่ ตนเอง สงั คมและสิง่ แวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ เป็นความสามารถในการนากระบวนการตา่ ง ๆ ไปใช้ในการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวัน การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง การเรยี นรู้อยา่ งต่อเนอ่ื งการทางาน และการอยรู่ ว่ มกันในสังคมดว้ ยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อนั ดีระหวา่ งบุคคล การจัดการปัญหาและความขดั แย้งตา่ ง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตวั ให้ทนั กบั การเปลีย่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม และการรู้จกั หลีกเลีย่ งพฤติกรรมไม่พงึ ประสงค์ ทสี่ ่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อน่ื 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใชเ้ ทคโนโลยดี ้านตา่ ง ๆ และมีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอื่ การพฒั นาตนเองและสงั คม ในดา้ นการเรยี นรู้การสอื่ สารการทางาน การแก้ปญั หา อยา่ งสรา้ งสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมคี ุณธรรม

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในการพัฒนาผเู้ รียนตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน มงุ่ พัฒนาผูเ้ รียนใหม้ ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่นื ในสงั คมได้อย่างมคี วามสุข ท้ังในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลก ดังนี้ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซอื่ สัตย์สุจรติ 3. มีวนิ ัย 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อยู่อยา่ งพอเพยี ง 6. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 7. รกั ความเปน็ ไทย 8. มีจิตสาธารณะค่านิยมไทย 12 ประการ 1. มีความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 2. ซื่อสัตย์ เสยี สละ อดทน 3. กตญั ญูต่อพอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครบู าอาจารย์ 4. ใฝ่หาความรู้ หม่นั ศึกษาเลา่ เรยี นทัง้ ทางตรง และทางอ้อม 5. รกั ษาวัฒนธรรมประเพณไี ทย 6. มศี ลี ธรรม รกั ษาความสัตย์ 7. เขา้ ใจเรยี นรู้การเป็นประชาธปิ ไตย 8. มีระเบยี บ วนิ ัย เคารพกฎหมาย ผ้นู ้อยรู้จกั การเคารพผู้ใหญ่ 9. มสี ติรู้ตัว รู้คิด รทู้ า 10. รูจ้ ักดารงตนอยู่โดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 11. มีความเข้มแข็งท้งั ร่างกาย และจติ ใจ ไม่ยอมแพต้ ่ออานาจฝา่ ยต่า 12. คานงึ ถงึ ผลประโยชนข์ องส่วนรวมมากกว่าผลประโยชนข์ องตนเอง

หนว่ ยการเรยี นรู้ การจดั การเรียนรูแ้ บ่งสาระการเรยี นรู้ออกเป็น 5 หนว่ ยการเรียนรู้ ดงั น้ี1. องค์ประกอบ 2. การเขียน ของรายงาน รายงานการศึกษาการศกึ ษาค้นคว้า ค้นคว้าเชงิ วิชาการ5. ประโยชน์และ 3. การนาเสนอ คุณค่าของการ ข้อค้นพบด้วยส่ือ สร้ างสรรค์ งาน เทคโนโลยี 4. การเผยแพร่ ผลงานสู่ สาธารณะ

โครงสรา้ งรายวิชารหัสวชิ า I 30202 รายวิชา การส่อื สารและการนาเสนอ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกิต ภาคเรียนท่ี 1ชื่อหน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา น้าหนักการเรียนรู้ ช.ม. คะแนน1.องคป์ ระกอบ 1.สามารถเขยี นโครงรา่ ง โครงร่างองคป์ ระกอบการเขียน 6 10ของรายงาน รายงานตามหลักเกณฑ์ รายงานหรือบทความทางวิชาการมี 3การศึกษาคน้ คว้า องคป์ ระกอบและวิธีการ สว่ น คือ ส่วนนา สว่ นเนื้อหา ส่วนสรปุ เขยี นโครงรา่ ง2.การเขยี น 2.เขยี นรายงานการศกึ ษา การเขยี นรายงานการศกึ ษาค้นควา้ เชงิ 12 40 8 20รายงาน ค้นควา้ เชิงวชิ าการเป็น วิชาการ มี 3 ส่วน คือ ส่วนนา สว่ นการศกึ ษาค้นคว้า ภาษาไทย ความยาว 4,000 คา เนอื้ หา ส่วนสรุป ซึ่งประกอบดว้ ยเชิงวชิ าการ หรือภาษาอังกฤษ ความยาว ช่ือเร่ือง ผู้จดั ทา บทคดั ยอ่ บทนา 2,000 คา จดุ ประสงค์ นยิ ามศัพท์ วิธกี าร ดาเนนิ งาน ผลการดาเนนิ งานสรปุ อภปิ รายผล กิตตกิ รรมประกาศ และ บรรณานกุ รม3.การนาเสนอขอ้ 3.นาเสนอข้อคน้ พบ ขอ้ สรุปจาก การรายงานผลการดาเนนิ งานคน้ พบด้วยสอื่ ประเด็นทเี่ ลือกในรูปแบบ เด่ยี ว ในการนาเสนอ สามารถจัดในรูปแบบเทคโนโลยี (Oral Individual) หรือกลมุ่ นิทรรศการ บอร์ดนาเสนอผลงาน (Oral panel presentation) ประกอบการบรรยายหรือใช้สื่อ โดยใช้ส่ือเทคโนโลยีที่ เทคโนโลยีในการนาเสนอผลงาน ไดแ้ ก่ หลากหลาย สื่อ PowerPoint Web site ไฟลว์ ดี ิ ทัศน์นาเสนอผลงาน

ชื่อหน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรยี นรู้ ช.ม. คะแนน 4.เผยแพรผ่ ลงานสู่สาธารณะ การเผยแพรผ่ ลงานสสู่ าธารณะ ดว้ ย 8 204.การเผยแพร่ โดยใช้การสนทนา วิพากษผ์ า่ น การทาเป็นสือ่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ในผลงานสู่ ส่ืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ เชน่ เครือขา่ ยออนไลน์ ไดแ้ ก่ Facebook,สาธารณะ e-conference, social media Twitter, Line, Web site, Blog, online Skype, social media online5. ประโยชนแ์ ละ 5.เห็นประโยชนแ์ ละคุณค่าการ การสรปุ ประโยชน์และคุณคา่ ของการ 4 10คุณคา่ ของการ สรา้ งสรรค์งานและถ่ายทอดส่งิ ที่ สร้างสรรคผ์ ลงานจากการศึกษาสรา้ งสรรค์งาน เรยี นรูใ้ หเ้ ปน็ ประโยชน์ คน้ ควา้ การวัดผลการเรียนรู้ (การทดสอบ/ช้นิ งาน) 2 รวมทั้งสน้ิ 40 100หมายเหตุ อตั ราส่วนคะแนน คะแนนระหวา่ งเรยี นกับการทดสอบ เท่ากบั 80 : 20

สาระการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เร่อื ง องคป์ ระกอบของรายงานการศึกษาค้นคว้า ศึกษาเก่ียวกับโครงรา่ งองคป์ ระกอบการเขยี นรายงานหรือบทความทางวชิ าการ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอื่ ง การเขยี นรายงานการศกึ ษาค้นควา้ เชงิ วชิ าการศกึ ษาเกี่ยวกับการเขียนรายงานการศึกษาค้นควา้ เชิงวชิ าการ มี 3 ส่วน คอื สว่ นนา สว่ นเนื้อหา ส่วนสรุป ซง่ึ ประกอบด้วย ชือ่ เร่ือง ผ้จู ัดทา บทคัดย่อ บทนา จุดประสงค์ นิยามศพั ท์ วธิ ีการดาเนนิ งานผลการดาเนนิ งานสรุปอภิปรายผล กิตตกิ รรมประกาศ และบรรณานกุ รม หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การนาเสนอข้อค้นพบดว้ ยสอื่ เทคโนโลยี ศกึ ษาเก่ียวกบั การรายงานผลการดาเนินงานในการนาเสนอ สามารถจดั ในรปู แบบนทิ รรศการ บอรด์ นาเสนอผลงานประกอบการบรรยายหรือใช้สื่อเทคโนโลยีในการนาเสนอผลงาน ไดแ้ ก่ ส่ือ PowerPoint Web siteไฟลว์ ีดิทัศน์นาเสนอผลงาน หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 เรื่อง การเผยแพร่ผลงานส่สู าธารณะ ศกึ ษาเก่ียวกบั การเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณะ ดว้ ยการทาเป็นสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ ในเครอื ข่ายออนไลน์ ได้แก่ Facebook, Twitter, Line,Youtube, Web site, Blog, Social media ตา่ งๆ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เร่ือง ประโยชน์และคุณคา่ ของการสรา้ งสรรค์งาน ศึกษาเกี่ยวกบั การสรุปประโยชนแ์ ละคณุ ค่าของการสรา้ งสรรค์ผลงานจากการศึกษาค้นคว้ากระบวนการจัดการเรียนรู้ 1. ครพู ูดคุย ซักถาม เกีย่ วกบั เรอ่ื งที่จะเรียนเพ่ือเตรยี มความพรอ้ ม หรือให้นักเรยี นศึกษาสื่อตวั อยา่ ง แล้วแจง้ ผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวังใหน้ ักเรียนทราบ ทดสอบก่อนเรยี น 2. นักเรียนศกึ ษาด้วยตนเอง จากสื่อประสมอิเล็กทรอนิกส์ วชิ าการสือ่ สารและการนาเสนอชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ซึ่งเป็นส่ือการเรียนรู้ในระบบการจัดการช้ันเรียนออนไลน์ (ClassStart) ที่อยใู่ นระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จัดทาโดย นางสาวพฤทธิวรรณ ช่วงพิทักษ์ (ใช้ทกั ษะการแสวงหาความรู้การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ) 3. นักเรียนปฏิบัตงิ านตามใบมอบหมายงานของหน่วยการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ การสรุปองค์ความรู้การทาแบบฝึกหดั การจดั ทาชิน้ งาน สง่ ให้ครตู รวจ และวดั ผลระหวา่ งเรยี น(ใช้ทกั ษะการคดิ การปฏิบตั ิ และกระบวนการทางาน) 4. เม่อื ศึกษาเนื้อหาครบถ้วนแล้ว นักเรียนวางแผนและจดั ทาช้ินงาน โดยครคู อยให้คาปรึกษาชี้แนะ และสนบั สนนุ การทางาน (ใช้ทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ คดิ สร้างสรรค์ การแก้ปัญหาและกระบวนการกลุ่ม)

5. นกั เรยี นนาเสนอผลงาน ครแู ละเพ่ือนร่วมชัน้ ประเมนิ ผลงาน นกั เรียนนา ข้อเสนอแนะไปปรบั ปรุงผลงาน และจัดสง่ ชนิ้ งานที่สมบรู ณ์ (ใช้ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปญั หา และกระบวนการกลุ่ม) 6. ใหน้ กั เรียนสรปุ ผลการเรยี นรู้ ครูใหข้ อ้ เสนอแนะการนาไปใช้ (ใช้ทักษะการคิดสงั เคราะห์) 7. ทดสอบหลงั เรยี นการวดั ผลและประเมินผล 1. อตั ราสว่ นคะแนนในการวัดผลการเรียนรู้ ระหวา่ งภาค : ปลายภาค คือ 80 : 20 รวม 100 คะแนน ก่อนกลางภาค : กลางภาค : หลังกลางภาค : ปลายภาค คอื 30 : 20 : 30 : 20 รวม 100 คะแนน 2. การวดั ผลการเรยี นรู้ การสังเกตการเรียนรู้ การมอบหมายชิน้ งาน การตรวจผลงาน การทดสอบตามผลการเรียนรู้ (การวัดผลการเรียนรเู้ นน้ การวัดผลและประเมินผลตามสภาพจรงิ ) 3. การประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน ในการประเมินชิน้ งาน กาหนดเกณฑใ์ นการประเมนิ ชิ้นงานตามระดบั คุณภาพและแนวการให้คะแนนผลงาน ดงั น้ี

เกณฑ์ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)การประเมิน สรุปเนื้อหาได้ สรุปเนอื้ หาได้ สรุปเนอื้ หาได้ สรปุ เนือ้ หาได้การสรุปองค์ความรู้ ถกู ต้องและ ถกู ต้องได้ 3ใน4 ถกู ต้องได้ ถกู ต้องนอ้ ยกว่า ครบถ้วนทกุ เร่ือง 2ใน4 2ใน4 ทุกคนมีความ ทุกคนมีความ ทกุ คนมคี วาม ขาดความ กระตือรือร้น รว่ ม กระตือรอื รน้ กระตือรือร้น กระตือรือร้น รว่ ม แรงร่วมใจ ทางาน ร่วมแรงรว่ มใจ ร่วมแรงรว่ มใจ แรงรว่ มใจ ในการกระบวนการกลุ่ม สาเร็จ ถกู ตอ้ ง ทางานสาเรจ็ ทางานสาเรจ็ ทางานสาเรจ็ ตามเวลาทกี่ าหนด ถกู ต้อง แตช่ า้ ผิดพลาดบ้าง ผดิ พลาดมากและ กวา่ เวลาท่ี และเสรจ็ ชา้ กว่า เสรจ็ ช้ากว่าเวลาที่ กาหนด เวลาทกี่ าหนด กาหนด เล็กน้อยแบบฝึกหัด ตอบถูกตอ้ ง ตอบถูกต้อง ตอบถูกต้องรอ้ ย ตอบถูกต้อง รอ้ ยละ 80 ข้นึ ไป ร้อยละ 70-79 ละ 60-69 นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ60 ชิน้ งานถกู ต้อง ชนิ้ งานถูกต้อง ช้นิ งานถูกต้อง ช้ินงานถูกต้อง สมบูรณต์ ามแบบ สมบูรณต์ ามแบบ สมบูรณ์ตาม สมบูรณ์ตามแบบชิน้ งาน ประเมนิ ส่ือ ประเมินสื่อ แบบประเมนิ ส่ือ ประเมนิ สอื่ อย่างน้อย 11 อยา่ งน้อย 9 อยา่ งน้อย 7 นอ้ ยกวา่ 7 รายการ รายการ จาก 15 รายการ จาก 15 รายการจาก 15 จาก 15 รายการ รายการ รายการ รายการ4. การประเมนิ ชิน้ งานรายบคุ คล เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1) ความถูกต้อง (รอ้ ยละ 20) 2) สาระดีมปี ระโยชน์ (ร้อยละ 20) 3) การวางรปู แบบการนาเสนอดา้ นศิลปะและเทคนิค (รอ้ ยละ 20) 4) ความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ (รอ้ ยละ 20) 5) การสง่ งานตรงต่อเวลา (ร้อยละ 20)

5. การประเมนิ ช้นิ งานรายกลุ่ม เกณฑ์การให้คะแนน 1) กระบวนการทางาน รว่ มมือวางแผน ทาโครงงาน เหมาะสม (รอ้ ยละ 20) 2) เน้ือหาสาระ ถกู ต้อง น่าสนใจ มปี ระโยชน์ (รอ้ ยละ 20) 3) องค์ประกอบภาพน่ิง ภาพเคลือ่ นไหว ข้อความ สวยงามนา่ สนใจ (รอ้ ยละ 20) 4) เทคนิคการออกแบบ ลาดับเรื่อง การโต้ตอบกับผใู้ ชเ้ หมาะสมง่าย สะดวก มคี วามคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ (รอ้ ยละ 20) 5) เสียงบรรยาย เสยี งประกอบ เหมาะสม ชดั เจน ถกู ต้อง สมบูรณ์ น่าสนใจ (ร้อยละ 20)6. เกณฑ์การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ระดับผลการเรียนรู้ การตัดสินผลการเรียนแบง่ เป็น 8 ระดับ ดังนี้ 4.0 เกณฑก์ ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ 3.5 3 คะแนนการวัดผลระหวา่ ง 80 ถึง 100 2.5 คะแนนการวดั ผลระหวา่ ง 76 ถึง 79 2 คะแนนการวัดผลระหว่าง 70 ถึง 75 1.5 คะแนนการวดั ผลระหว่าง 66 ถงึ 69 1 คะแนนการวดั ผลระหว่าง 60 ถงึ 65 0 คะแนนการวัดผลระหวา่ ง 56 ถงึ 59 ร คะแนนการวัดผลระหว่าง 50 ถงึ 55 มส คะแนนการวัดผลระหว่าง 0 ถึง 49 ไม่ส่งผลงานหรือไม่ได้วดั ผลในส่วนทสี่ าคัญ เวลาเรยี นน้อยกว่า รอ้ ยละ 80

การเรยี นร้/ู ส่ือการเรยี นรู้ 1. สือ่ การเรียนรู้ 1. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โรงเรียนชลกนั ยานุกูล 2. ระบบการจัดการช้ันเรยี นออนไลน์ (ClassStart) จัดทาโดย นางสาวพฤทธวิ รรณ ช่วงพทิ กั ษ์ 3. เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 4. เครอื่ งฉายโปรเจคเตอร์ 5. เครื่องขยายเสียงและไมโครโฟน 2. แหล่งเรยี นรู้ 1. ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ โรงเรยี นชลกันยานุกลู 2. เวบ็ ไซต์ www.chonkanya.ac.th เวบ็ ไซต์ โรงเรียนชลกันยานกุ ลู 3. เว็บไซตท์ ่ีเกี่ยวขอ้ งกบั วิชาการสื่อสารและการนาเสนอ 4. ห้องสมุดโรงเรียนชลกนั ยานุกูล

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง องค์ประกอบของรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า รหัสวิชา I30202รายวิชา การสื่อสารและการนาเสนอ กลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยีระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 2 ชั่วโมงโรงเรียนชลกันยานุกูล ผสู้ อน นางสาวพฤทธิวรรณ ช่วงพทิ ักษ์=========================================================มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ วางโครงร่างการเขยี นตามหลกั เกณฑ์ องคป์ ระกอบและวธิ กี ารเขียนโครงร่างสาระสาคญั /ความคิดรวบยอด โครงร่างองค์ประกอบการเขียนรายงานหรอื บทความทางวชิ าการ ประกอบด้วย ช่ือเร่ืองชื่อผูค้ น้ คว้า บทคดั ย่อ บทนา จดุ ประสงค์ นยิ ามศัพท์ วิธีการดาเนนิ งาน ผลการศกึ ษาค้นควา้ สรุปอภิปรายผล กิตตกิ รรมประกาศ บรรณานุกรม และภาคผนวกสาระการเรียนรู้ ความรู้ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง องค์ประกอบของรายงานการศึกษาค้นควา้ ประกอบดว้ ย 3 สว่ น คอื สว่ นหนา้ ส่วนเนื้อหาและสว่ นหลงั ซ่ึงมีรายละเอยี ด ประกอบด้วย ช่ือเร่ือง ช่ือผู้ค้นควา้ บทคัดย่อ บทนา จุดประสงค์นยิ ามศพั ท์ วิธีการดาเนินงาน ผลการศกึ ษาค้นควา้ สรปุ อภิปรายผล กิตตกิ รรมประกาศ บรรณานุกรมภาคผนวก ทักษะ/กระบวนการ 1) ทกั ษะการแสวงหาความรู้ ทักษะการทางานร่วมกนั ทักษะการใช้เทคโนโลยี 2) กระบวนการคิด : การคิดวิเคราะห์ การสรปุ ความรู้ กระบวนการกลมุ่ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1) ความสามารถในการคดิ 2) ความสามารถในการสอื่ สาร 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

16 คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ 1) มวี ินยั 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งมั่นในการทางาน 4) มคี วามรับผดิ ชอบ ค่านิยม 12 ประการ 1) มศี ลี ธรรม รกั ษาความสตั ย์ 2) รจู้ ักดารงตนอยู่โดยใช้หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 3) คานงึ ถึงประโยชน์ของส่วนรวมมากกวา่ ผลประโยชนข์ องตนเองชิ้นงาน/ภาระงาน ชิน้ งาน/ภาระงานระหวา่ งเรียน 1) คน้ ควา้ หาบทความทางวชิ าการหรือรายงานทางวิชาการ 2) การสรปุ องค์ความรูเ้ กีย่ วกับการวางโครงร่างการเขียนบทความวิชาการการวัดและการประเมินผล วิธีการ 1) การซักถาม 2) การทดสอบ 3) การสังเกต 4) การตรวจผลงาน เครื่องมือการวัดผล 1) แบบทดสอบ 2) แบบประเมินผลงาน เกณฑ์ 1) ระดบั พอใชข้ นึ้ ไป

17 แบบการประเมนิ ชน้ิ งานการสรุปองค์ความรู้ ประเดน็ ระดับคะแนน น้าหนกั การประเมิน จุดเน้น 4 32 11. เนือ้ หาสาระ 5 รายละเอียดของ รายละเอยี ดของ รายละเอียดของ รายละเอยี ดของ2. การสรปุ เป็น เนอื้ หา ถกู ตอ้ ง เน้อื หา ถกู ตอ้ ง เนอื้ หา ถกู ต้อง เนอ้ื หาไม่ครบถว้ นความเรียงขน้ั สูง ครบถว้ นลกึ ซง้ึ ครบถว้ นลกึ ซ้ึง ครบถ้วนแตไ่ ม่ และไมช่ ัดเจน ชดั เจนครอบคลุม ชัดเจน ชัดเจนเท่าท่คี วร เท่าทีค่ วร3. การจดั พมิ พ์ หัวข้อ ทีก่ าหนด การสรุปเน้อื หา ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง ไมป่ ฏิบัตติ าม 5 ถูกต้อง กระชับ จนเป็นนิสัย ตรงต่อ ตรงตอ่ เวลา ข้อตกลง ในการทา ชดั เจน มีการ เวลา รับผดิ ชอบ รับผดิ ชอบทางาน กจิ กรรมตา่ ง ๆ อ้างอิงแหล่งข้อมูล ทางานดว้ ยตนเอง ด้วยตนเอง แตต่ ้อง แตต่ อ้ งเตอื นเปน็ เตอื นบอ่ ยคร้ัง มขี อ้ ผิดพลาดในการ 5 การจดั พิมพ์คา บางคร้ัง จัดพิมพค์ อ่ นขา้ งมาก ถูกต้อง ขนาด การจัดพิมพ์คา ตวั อักษร และ การจดั พิมพ์คา ถกู ต้อง จดั รูปแบบหวั ขอ้ ถกู ตอ้ ง ขนาด ได้เหมาะสม ตวั อกั ษรเหมาะสมเกณฑ์การตดั สนิ /ระดับคุณภาพ คะแนน 46 – 60 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 31 – 45 หมายถงึ ดี คะแนน 16 – 30 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 – 15 หมายถึง ปรับปรงุเกณฑ์การผ่าน ตั้งแต่ระดับพอใช้ขึ้นไป แบบการประเมินการทาแบบฝกึ หดั /การทดสอบ ระดบั คณุ ภาพ ระดบั คะแนน4 (ดมี าก) ได้คะแนนการทดสอบ 8-10 คะแนน3 (ด)ี ไดค้ ะแนนการทดสอบ 7 คะแนน2 (พอใช)้ ไดค้ ะแนนการทดสอบ 6 คะแนน1 (ปรบั ปรุง) ได้คะแนนการทดสอบ 0-5 คะแนนเกณฑ์การผา่ น ต้งั แตร่ ะดับคุณภาพพอใช้ข้นึ ไป

18 แบบการประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประเดน็ ระดับคะแนน นา้ หนกั การประเมิน จดุ เน้น 4 32 11. มีวนิ ยั 1 ปฏบิ ัติตาม ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ไมป่ ฏิบตั ิตาม2. ใฝเ่ รียนรู้ ข้อตกลง จนเป็น จนเปน็ นิสยั ตรงตอ่ ตรงตอ่ เวลา ขอ้ ตกลง ในการทา นสิ ัย ตรงต่อเวลา เวลา รบั ผิดชอบ รบั ผดิ ชอบทางาน กิจกรรมต่าง ๆ3. มงุ่ มั่น รบั ผดิ ชอบทางาน ทางานด้วยตนเอง ด้วยตนเอง แตต่ ้องในการทางาน ด้วยตนเอง แต่ตอ้ งเตอื นเป็น เตือนบอ่ ยคร้งั บางครงั้4. มีความ สนใจศกึ ษาหารับผิดชอบ ความรอู้ ยา่ ง สนใจศกึ ษาหา สนใจศกึ ษาหา ศกึ ษาหาความร้เู ป็น 1 สม่าเสมอและ ความร้อู ยา่ ง ความรอู้ ยา่ ง บางครั้ง5.รกั ษส์ ิ่งแวดลอ้ ม สรปุ องคค์ วามรู้ สมา่ เสมอและ สรุป สม่าเสมอ เผยแพรแ่ ก่ผ้สู นใจ องค์ความรู้ ตง้ั ใจทางานดว้ ย ความขยนั อดทน ตง้ั ใจทางานด้วย ตงั้ ใจทางาน งาน ทางานตามทีไ่ ด้รบั 1 งานสาเร็จตาม ความขยัน อดทน สาเรจ็ ตามเป้าหมาย มอบหมาย เปา้ หมายและเป็น งานสาเร็จตาม แบบอยา่ งทีด่ ี เปา้ หมาย ทางานตามที่ได้รับ มอบหมายอยา่ งมี ทางานตามท่ีได้รบั ทางานตามที่ไดร้ ับ ทางานตามทไี่ ดร้ บั 1 คณุ ภาพ ครบทุก มอบหมายอยา่ งมี มอบหมายอยา่ งมี มอบหมาย สง่ งานไม่ 1 ชน้ิ และสง่ ตาม คุณภาพ ครบทุกชน้ิ คณุ ภาพ ขาดเพียง ครบ และไม่ส่งตาม กาหนดเวลา แตไ่ มส่ ง่ ตาม บางช้ิน และไมส่ ง่ กาหนดเวลา ใช้พลังงานอยา่ ง กาหนดเวลา ตามกาหนดเวลา ประหยดั และ ใช้พลงั งานอยา่ ง ใชพ้ ลังงานอย่าง ใช้พลงั งานอย่างไม่ คมุ้ ค่า มีการนา ประหยดั และค้มุ ค่า ประหยัดและคมุ้ คา่ ประหยดั และไม่ กลบั มาใชใ้ หม่ มี มีการนากลบั มาใช้ ค้มุ คา่ การประยกุ ตใ์ ช้ ใหม่ วัสดุท่ีมใี นท้องถนิ่เกณฑ์การตดั สิน/ระดบั คุณภาพ คะแนน 16 – 20 หมายถงึ ดีมาก คะแนน 12 – 15 หมายถงึ ดี คะแนน 10 – 11 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 – 9 หมายถงึ ปรับปรุงเกณฑ์การผา่ น ตัง้ แต่ระดบั พอใช้ขึ้นไป

19กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าสกู่ ารเรียน 1) ครูพบนักเรยี นสนทนา ซักถามเก่ยี วกบั การเรยี นร้วู ิชาการศกึ ษาคน้ คว้าทผี่ า่ นมาวา่ นกั เรียนเรียนรอู้ ะไรมาบ้างและนาความรู้ทไี่ ด้ไปใชอ้ ย่างไรบ้าง 2) จัดทาบัญชีรายช่ือนักเรยี นดว้ ยโปรแกรมประมวลผลการเรียน เพอื่ บนั ทึกเวลาเรยี นและการประเมินผลการเรยี นรู้ 3) ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 4) ครูนาเสนอตวั อย่าง บทความวิชาการ ตัวอยา่ งโครงงานให้นักเรียนได้ชม 5) ครแู นะนาเกี่ยวกับ รายวิชาการสอ่ื สารและการนาเสนอ และวธิ ีเรยี นร้ดู ้วยตนเองโดยการศกึ ษาจากระบบการจัดการชั้นเรยี นออนไลน์ (ClassStart) วชิ า การส่ือสารและการนาเสนอทอี่ ยูใ่ นระบบเครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต ซง่ึ จดั ทาโดย นางสาวพฤทธวิ รรณ ชว่ งพิทักษ์ 6) ครูแจ้งผลการเรียนรู้ ภาระงาน และวธิ กี ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ใหน้ กั เรยี นทราบ ขนั้ ศกึ ษาเรยี นรู้ 7) ผ้สู อนนาเสนอความรู้ โดยใชส้ อ่ื PowerPoint: unit1.1 เรื่อง การวางโครงร่างการเขียนบทความวิชาการ 8) นกั เรียนศึกษาความรู้ จากใบความรทู้ ี่ 1.1 เรื่อง การวางโครงร่างการเขียนบทความวิชาการ จากระบบการจดั การชัน้ เรยี นออนไลน์ (ClassStart) วชิ า การสอื่ สารและการนาเสนอ ตามความถนัดและความสนใจของนักเรยี น 9) ให้นักเรยี นทางาน ตามใบภาระงานท่ี 1.1 เรอื่ ง การวางโครงร่างการเขยี นบทความวชิ าการทไี่ ดร้ บั มอบหมาย ขัน้ สรุป 10) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ สาระสาคัญจากสาระการเรียนรู้ทศี่ ึกษา 11) ครแู ทรกคุณธรรม เร่อื ง การใฝ่รู้ ใฝ่เรยี น และความมุง่ มนั่ ในการทางาน สอื่ /แหลง่ เรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ 1) ส่อื PowerPoint: unit1.1 เรอ่ื ง การวางโครงร่างการเขียนบทความวิชาการ 2) ระบบการจดั การชนั้ เรยี นออนไลน์ (ClassStart) จดั ทาโดย นางสาวพฤทธวิ รรณ ชว่ งพทิ กั ษ์ 3) ใบความรู้ท่ี 1.1 เร่ือง การวางโครงรา่ งการเขยี นบทความวชิ าการ 4) ใบภาระงานที่ 1.1 เรื่อง การวางโครงรา่ งการเขียนบทความวิชาการ

20 5) เครื่องคอมพวิ เตอร์ 6) เคร่ืองฉายโปรเจคเตอร์ 7) เครื่องขยายเสียงและไมโครโฟนแหลง่ เรยี นรู้ 1) ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ โรงเรียนชลกนั ยานุกูล 2) เวบ็ ไซต์ www.chonkanya.ac.th เว็บไซต์ โรงเรยี นชลกันยานุกูล 3) เว็บไซต์ท่เี กีย่ วข้องกับ วชิ าการสื่อสารและการนาเสนอ 4) หอ้ งสมดุ โรงเรียนชลกนั ยานกุ ูลกจิ กรรมเสนอแนะ ใหผ้ ู้เรียนศึกษาคน้ ควา้ เพิ่มเติมเกี่ยวกบั การจัดทาการวางโครงร่างการเขียนบทความวชิ าการจากสอ่ื เวบ็ ไซต์ www.google.com โดยใช้คาสืบคน้ ว่า การเขยี นรายงาน บทความทางวิชาการ หรือวารสารวชิ าการการบูรณาการ การนาความรเู้ ร่ืองการกาหนดหวั ขอ้ การเขยี นรายงานทางวิชาการไปใช้ในการจดั ทารายงานวิชาอื่น ๆ ท่นี ักเรยี นได้รับมอบหมาย และนาความรจู้ ากศึกษาคน้ คว้าเทคโนโลยขี องแต่ละชาติในอาเซียน และการนามาใช้อานวยความสะดวกในการสอ่ื สารแลกเปลย่ี นในอาเซียน และเปรียบเทียบความเหลื่อมล้าทางด้านเทคโนโลยเี ฉพาะภายในประเทศสมาชิกแต่ละชาติและระหว่างประเทศสมาชกิ ไปใชใ้ นรายวชิ าอน่ื ๆ ด้วย และอาจมีการกาหนดหวั ข้อการศกึ ษาเกี่ยวกับพชื ศึกษาในกิจกรรมงานพืชสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียนก็ได้เชน่ กัน

สื่อ PowerPoint: unit1.1รหสั วชิ า I30202 วชิ า การสือสารและการนําเสนอ หนว ยการเรียนรู Communication and Presentation 1. องค์ประกอบ 2. การเขียน เรือง การวางโครงร่างการเขียนบทความวิชาการ ของรายงาน รายงานการศกึ ษา การศกึ ษาค้นคว้า ค้นคว้าเชงิ วชิ าการ 5. ประโยชน์และ 3. การนําเสนอ คุณค่าของการ ข้อค้นพบด้วยสอื สร้ างสรรค์ งาน เทคโนโลยี 4. การเผยแพร่ ผลงานสู่ สาธารณะโดย ครูพฤทธิวรรณ ชวงพทิ ักษ• ภาระงาน / ช้นิ งาน ชนั เรียนออนไลน์ – รายบคุ คล ศกึ ษาใบความรู ทํางานตามใบภาระงาน https://www.class หาตัวอยางบทความวิชาการ/รายงานวิชาการ start.org/classes/21916 – รายกลมุ รายงานวิชาการ โปสเตอร วดี ิโอ และการนําเสนอ• การวัดผลการเรียนรู – การทดสอบ 20 คะแนน – งานรายบุคคล 20 คะแนน – งานรายกลมุ 60 คะแนน การเตรยี มโครงรางบทความวชิ าการ การวางโครงรางการเขียนบทความวชิ าการ1. โครงเร่ืองบทความทางวิชาการ แบงเปน 3 สวนหลัก คือ วางเค้าโครงหวั ข้อหลกั และ กาํ หนดหวั ข้อหลกั และ เขียนรายละเอียดเนอื หาที หวั ข้อย่อยตา่ งๆ หวั ข้อย่อย 1) สว นนาํ ต้องการใสล่ งไป ในแตล่ ะ 2) เนอื้ เรื่อง หวั ข้อ 3) สรุป ทบทวนเพอื ดวู า่ ยงั ขาด กรณีบทความเป็น ข้อความอะไรมาเชือมโยง ภาษาไทยให้ใช้ศพั ท์เทคนิค ใช้คาํ ธรรมดาง่ายๆ แตล่ ะหวั ข้อเข้าด้วยกนั เท่าทจี ําเป็น ใช้ประโยคทกี ระชบั ไม่ เนอื หาเป็นปัจจบุ นั การใช้ตาราง และรูปภาพ กํากวม ประกอบในการเขียน บทความ

22

ใบความรู้ท่ี 1.1วชิ า การสือ่ สารและการนาเสนอ รหัสวชิ า I30202 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 2 ชว่ั โมงเรือ่ ง การวางโครงรา่ งการเขยี นบทความวิชาการการเตรยี มโครงร่างบทความวิชาการ โครงเรื่อง คือ เค้าโครงงานเขียน แสดงขอบเขตของเร่ือง แนวคิดหรือหัวข้อสาคัญ ก่อนลงมือเขียนบทความทางวิชาการทุกครั้งต้องเขียนโครงเรื่องก่อน เพราะการเขียนโครงเร่ืองเป็นการจัดความรู้ความคิดให้เป็นระบบ เป็นแนวทางเก็บรวมรวบข้อมูล และเป็นแนวทางนาเสนอเนอื้ หาให้เป็นสัดสว่ นเกยี่ วเนื่องสมั พนั ธก์ นั ครอบคลมุ ประเด็นสาคญั ได้ครบถว้ น โครงเรือ่ งบทความทางวิชาการ แบ่งเป็น 3 สว่ นหลัก คอื สว่ นนา เน้ือเรอ่ื ง และสรปุ ในสว่ นเน้ือเรื่องแบ่งเป็นประเด็นต่าง ๆ โดยจัดลาดับให้เป็นระบบ ในการจัดลาดับจัดได้หลายแบบแล้วแต่เทคนิคการนาเสนอ เช่น 1. จัดลาดบั จากเร่อื งกว้าง ๆ หรือเร่อื งทั่วไป ไปส่เู ร่อื งเฉพาะ 2. จัดลาดับจากเรือ่ งเฉพาะไปสู่เร่ืองกว้าง ๆ หรอื เร่ืองท่ัวไป 3. จัดลาดับตามความสาคญั 4. จัดลาดับตามเหตุการณห์ รือระยะเวลา 5. จัดลาดบั ตามเหตแุ ละผล 6. จัดลาดับตามสถานที่หรือทิศทาง ทัง้ น้ี ในการจัดลาดบั โครงเรอื่ ง แต่ละประเดน็ ต้องมีนา้ หนักสมดุลกนั และการแตกเปน็ ประเด็นยอ่ ย ต้องแตกเป็นลาดับขั้นอย่างเป็นระบบ ควรใชต้ ัวเลขหรือตัวอักษรกากับหัวข้อประเด็นต่าง ๆ ไม่ควรใช้เครื่องหมายขีดส้ัน (hyphen)

การวางโครงร่างการเขียนบทความวชิ าการ 1. วางเค้าโครงหัวข้อหลักและหัวข้อย่อยต่างๆ ที่ต้องการจะเขียนลงในเศษกระดาษก่อน โดยคานึงถึงจานวนหน้าท่ีถูกกาหนดให้เขียนเนื้อหาท้ังหมด ผู้เขียนต้องเขียนบทความอยู่ระว่าง 10-12หน้า A4 บทความที่ถูกกาหนดเอาไว้ ได้แก่ ส่วนแสดงชื่อเรื่อง ช่ือผู้แต่ง บทคัดย่อ บทนา วิธีการหรือกรอบแนวคดิ อภปิ รายผล บทสรปุ และข้อเสนอแนะ เอกสารอา้ งอิง เปน็ ตน้ ดงั ตัวอยา่ งในหนา้ ถดั ไป ภาพท่ี 1 ตัวอยา่ งการวางเค้าโครงหนา้ บทความกอ่ นเริ่มเขยี นบทความ 2. ควรมีการกาหนดหัวข้อหลักและหัวข้อย่อย เพื่อให้สะดวกและง่ายต่อการอ่าน การกาหนดหัวข้อหลักและหัวข้อย่อย ให้นึกถึงจุดสาคัญหรือประโยคสาคัญเขียนใส่ลงไปก่อน ควรจะเอาหัวข้อที่กลา่ วรวมๆ ขึน้ มากอ่ น แลว้ เกบ็ หวั ขอ้ ทเ่ี น้นรายละเอียดเอาไวท้ ีหลัง โดยเรียงลาดบั ความต่อเนื่องกัน

3. เขียนรายละเอียดเนื้อหาที่ตอ้ งการใส่ลงไป ในแต่ละหัวข้อ และควรมีคานาโปรยในตอนต้นเร่ืองสักเล็กน้อย ขยายแนวความคิดของแต่ละหัวข้อย่อยลงไปบนกระดาษ ไม่จาเป็นต้องเขียนเรียงตามลาดับหัวข้อ หัวข้อไหนที่ยากหรือยังนึกไม่ออกว่าจะเขียนอย่างไรใหเ้ ก็บไวก้ ่อน เขียนหัวข้อทีÉคิดว่าจะเขียนได้เร็วกอ่ น แลว้ จึงค่อยกลบั มาเขยี นหวั ขอ้ ทีÉเหลอื ในภายหลัง 4. ตรวจทานทบทวนเพื่อดูว่ายังขาดข้อความอะไรมาเชื่อมโยงแต่ละหัวข้อเข้าด้วยกัน ถ้ายังขาดอยใู่ หเ้ พิ่มขอ้ ความหรอื เพ่ิมหวั ข้อเข้ามาอีก โดยให้ข้อความของแตล่ ะหวั ข้อสมั พันธก์ นั อาจจะตอ้ งเพมิ่ หรือเปลี่ยนแปลงประโยคในตอนตน้ หรอื ตอนทา้ ยของแตล่ ะหัวข้อไปบ้างเพื่อความสอดคล้องกัน 5. กรณีบทความเป็นภาษาไทยให้ใช้ศัพท์เทคนิคเท่าที่จาเป็น และพยายามใชภ้ าษาอังกฤษให้น้อยท่ีสุด ศัพท์เทคนิคคาใดมีคาแปลเป็นภาษาไทยให้ ใช้ภาษาไทย โดยยึดจากพจนานุกรม แต่ถ้าแปลแล้วไมแ่ นใ่ จวา่ ผ้อู ่านจะเข้าใจได้ถูกต้องควรวงเลบ็ ภาษาองั กฤษไวด้ ้วย 6. พยายามใช้คาธรรมดาง่ายๆ ซ่ึงคนทวั่ ไปเขา้ ใจไดง้ า่ ยและยังคงความถูกต้องอยู่ได้ 7. ใช้ประโยคท่ีกระชับ ไม่กากวม พยายามหลีกเล่ียงการใช้ประโยคยาวๆ ท่ีดูยืดยาด และประโยคซ้อนประโยคท่ีอาจทาให้เข้าใจความหมายผดิ ไป 8. เน้ือหาเป็นปัจจุบัน ให้พิจารณาดูว่ามีข้อมูลใดท่ีอาจจะไม่เป็นจริงในปัจจุบัน เช่น ถ้าคุณเขียนบทความเกี่ยวกับดาวเคราะห์ในระดับสุริยะจักรวาล ต้องให้ ข้อมูลใหม่ว่า ดาวพลูโตเป็นดาวเคราะหแ์ คระ 9. การใช้ตาราง และรูปภาพประกอบในการเขียนบทความ จะช่วยให้การอธิบายต่างๆ ง่ายขึ้น ชัดเจนข้ึน และยังช่วยกระตุ้นความสนใจได้เป็นอย่างดี เช่น จากรูป 1.1 สถิติการพ้นสภาพของนักศกึ ษาคณะบริหารธุรกจิ ทมี่ า: http://www.sahavicha.com

ใบภาระงานท่ี 1.1วิชา การส่ือสารและการนาเสนอ รหัสวิชา I30202 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4เรือ่ ง การวางโครงรา่ งการเขียนบทความวชิ าการ เวลา 2 ชวั่ โมงผลการเรียนรทู้ ีค่ าดหวงัวางโครงร่างการเขยี นตามหลักเกณฑ์ องค์ประกอบและวธิ ีการเขียนโครงรา่ งเนือ้ หาสาระวชิ า 1. การวางโครงร่างการเขียนบทความการศกึ ษาคน้ ควา้ 2. องคป์ ระกอบของบทความการศกึ ษาคน้ ควา้งานท่ีมอบหมาย 1. ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ท่ี 1.1 วชิ า การส่อื สารและการนาเสนอ เรอ่ื ง การวางโครงร่างการเขยี นบทความวชิ าการ โดยสามารถศึกษาได้ท่ีหนา้ จอคอมพิวเตอรข์ องนักเรียน 2. ให้นักเรยี นสรุปองค์ความรู้เกยี่ วกบั การร่างโครงเรือ่ งการเขียนบทความวชิ าการ และนักเรยี นสง่ คาตอบทางจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ สต์ ามเวลาท่คี รูกาหนดกาหนดการส่งงาน นักเรียนมเี วลาในการทางานตามใบภาระงานที่ 1.1 เปน็ เวลา 2 ชว่ั โมง เมื่อสรุปองค์ความรู้เสรจ็ แล้วส่งคาตอบทางจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์การประเมนิ ผล1. นกั เรียนทางานเสรจ็ ตามเวลาท่กี าหนด2. นักเรยี นสรุปองค์ความร้ไู ด้ถูกต้อง ครบถ้วน อยา่ งนอ้ ยร้อยละ 80

บนั ทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้ส่วนที่ 1 ผลการเรียนรูข้ องนักเรียนและแนวทางการแก้ปัญหา 1.1 ผลการประเมนิ ด้านความรู้ จำนวนนกั เรียนท้งั หมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นรอ้ ยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนินกำรแก้ไขปัญหำนกั เรียนที่ไม่ผำ่ นเกณฑ์โดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 ผลการประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ จำนวนนกั เรยี นทงั้ หมด………..…..คน ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ............. ไมผ่ ำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเปน็ ร้อยละ………….…… ครไู ด้ดำเนนิ กำรแก้ไขปญั หำนกั เรียนทไี่ ม่ผ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 ผลการประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คดิ เปน็ ร้อยละ............. ไม่ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นร้อยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนนิ กำรแกไ้ ขปญั หำนกั เรยี นทีไ่ มผ่ ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………สว่ นท่ี 2 ข้อเสนอแนะในการพฒั นานักเรียน 2.1 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.4 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ …………………………………..……………………… ผู้สอน (นำงสำวพฤทธวิ รรณ ช่วงพทิ ักษ์) ……………/………………/………………

ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้ำกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..……………..…… (นำยสทุ ธศิ กั ด์ิ เคลือบสงู เนิน) หวั หนำ้ กลุม่ สำระกำรเรยี นรูก้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยีข้อเสนอแนะของฝ่ำยวิชำกำร (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………….………………..…… (นำงจนั ทร์ษำ ชยั วฒั นธรี ำกร) รองผู้อำนวยกำรโรงเรียนกลุ่มบรหิ ำรงำนวิชำกำรขอ้ คิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของหัวหนำ้ สถำนศึกษำ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ …………………………………..………………..…… (นำงสำวเฉิดเฉลำ แก้วประเคน) ผ้อู ำนวยกำรโรงเรียนชลกนั ยำนกุ ูล

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง องค์ประกอบของรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า รหัสวิชา I30202รายวิชา การสื่อสารและการนาเสนอ กลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยีระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 2 ชัว่ โมงโรงเรียนชลกันยานุกูล ผสู้ อน นางสาวพฤทธิวรรณ ช่วงพทิ ักษ์=========================================================มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ วางโครงร่างการเขียนตามหลกั เกณฑ์ องคป์ ระกอบและวธิ กี ารเขียนโครงร่างสาระสาคญั /ความคิดรวบยอด โครงร่างองค์ประกอบการเขียนรายงานหรอื บทความทางวชิ าการ ประกอบด้วย ช่ือเร่ืองชื่อผูค้ น้ คว้า บทคดั ย่อ บทนา จดุ ประสงค์ นยิ ามศัพท์ วิธกี ารดาเนนิ งาน ผลการศกึ ษาค้นควา้ สรุปอภิปรายผล กิตตกิ รรมประกาศ บรรณานุกรม และภาคผนวกสาระการเรียนรู้ ความรู้ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง องค์ประกอบของรายงานการศึกษาค้นควา้ ประกอบดว้ ย 3 สว่ น คอื สว่ นหนา้ ส่วนเนื้อหาและสว่ นหลงั ซ่ึงมีรายละเอยี ด ประกอบด้วย ช่ือเร่ือง ชอื่ ผู้ค้นควา้ บทคัดย่อ บทนา จุดประสงค์นยิ ามศพั ท์ วิธีการดาเนินงาน ผลการศกึ ษาค้นควา้ สรปุ อภิปรายผล กิตตกิ รรมประกาศ บรรณานุกรมภาคผนวก ทักษะ/กระบวนการ 1) ทกั ษะการแสวงหาความรู้ ทักษะการทางานรว่ มกนั ทักษะการใช้เทคโนโลยี 2) กระบวนการคิด : การคิดวิเคราะห์ การสรปุ ความรู้ กระบวนการกลมุ่ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1) ความสามารถในการคดิ 2) ความสามารถในการสอื่ สาร 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ 1) มวี นิ ยั 2) ใฝเ่ รียนรู้ 3) มุ่งมน่ั ในการทางาน 4) มีความรับผิดชอบ คา่ นยิ ม 12 ประการ 1) มศี ลี ธรรม รกั ษาความสตั ย์ 2) รจู้ กั ดารงตนอยโู่ ดยใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 3) คานึงถงึ ประโยชนข์ องส่วนรวมมากกวา่ ผลประโยชน์ของตนเองชิน้ งาน/ภาระงาน ช้ินงาน/ภาระงานระหวา่ งเรียน 1) ค้นคว้าหารายงานทางวิชาการ 2) การสรปุ องคค์ วามรู้เกย่ี วกับโครงร่างของการเขียนรายงานทางวชิ าการการวดั และการประเมินผล วิธีการ 1) การซักถาม 2) การสังเกต 3) การตรวจผลงาน เคร่ืองมือการวัดผล 1) แบบประเมนิ ผลงาน เกณฑ์ 1) ระดับพอใช้ขึ้นไป

แบบการประเมินชน้ิ งานการสรุปองคค์ วามรู้ ประเด็น ระดับคะแนน น้าหนกั การประเมนิ จดุ เน้น 4 32 11. เนื้อหาสาระ 5 รายละเอียดของ รายละเอียดของ รายละเอียดของ รายละเอยี ดของ2. การสรุปเปน็ เนอ้ื หา ถกู ต้อง เนือ้ หา ถกู ต้อง เนอ้ื หา ถกู ต้อง เนอ้ื หาไม่ครบถว้ นความเรยี งข้ันสูง ครบถว้ นลึกซง้ึ ครบถว้ นลกึ ซ้งึ ครบถ้วนแตไ่ ม่ และไมช่ ัดเจน ชดั เจนครอบคลุม ชดั เจน ชดั เจนเท่าที่ควร เท่าทีค่ วร3. การจดั พมิ พ์ หัวข้อ ท่ีกาหนด การสรปุ เน้ือหา ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ไม่ปฏิบัตติ าม 5 ถูกต้อง กระชบั จนเปน็ นสิ ัย ตรงต่อ ตรงต่อเวลา ขอ้ ตกลง ในการทา ชดั เจน มกี าร เวลา รับผิดชอบ รบั ผิดชอบทางาน กิจกรรมต่าง ๆ อา้ งองิ แหลง่ ขอ้ มูล ทางานดว้ ยตนเอง ดว้ ยตนเอง แต่ต้อง แต่ต้องเตือนเปน็ เตอื นบอ่ ยคร้งั มีขอ้ ผดิ พลาดในการ 5 การจัดพิมพค์ า บางคร้ัง จดั พิมพ์ค่อนข้างมาก ถกู ตอ้ ง ขนาด การจัดพิมพ์คา ตัวอักษร และ การจัดพมิ พ์คา ถูกต้อง จดั รูปแบบหวั ข้อ ถกู ตอ้ ง ขนาด ไดเ้ หมาะสม ตวั อักษรเหมาะสมเกณฑ์การตัดสิน/ระดบั คุณภาพ คะแนน 46 – 60 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 31 – 45 หมายถงึ ดี คะแนน 16 – 30 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 – 15 หมายถงึ ปรับปรงุเกณฑ์การผา่ น ต้งั แตร่ ะดบั พอใช้ขึ้นไป

แบบการประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ประเดน็ ระดับคะแนน นา้ หนัก การประเมนิ จดุ เนน้ 4 32 11. มีวินัย 1 ปฏบิ ตั ติ าม ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ไมป่ ฏบิ ัติตาม2. ใฝ่เรยี นรู้ ขอ้ ตกลง จนเป็น จนเป็นนิสยั ตรงต่อ ตรงตอ่ เวลา ขอ้ ตกลง ในการทา นสิ ัย ตรงต่อเวลา เวลา รบั ผิดชอบ รบั ผดิ ชอบทางาน กิจกรรมต่าง ๆ3. ม่งุ ม่นั รบั ผดิ ชอบทางาน ทางานด้วยตนเอง ด้วยตนเอง แตต่ ้องในการทางาน ดว้ ยตนเอง แต่ต้องเตอื นเป็น เตือนบอ่ ยครง้ั บางครั้ง4. มคี วาม สนใจศกึ ษาหารบั ผิดชอบ ความรูอ้ ยา่ ง สนใจศกึ ษาหา สนใจศกึ ษาหา ศกึ ษาหาความรู้เปน็ 1 สม่าเสมอและ ความรู้อยา่ ง ความรอู้ ยา่ ง บางครั้ง5.รักษ์ส่ิงแวดล้อม สรปุ องค์ความรู้ สม่าเสมอและ สรุป สมา่ เสมอ เผยแพร่แกผ่ สู้ นใจ องค์ความรู้ ตงั้ ใจทางานดว้ ย ความขยัน อดทน ตงั้ ใจทางานด้วย ตั้งใจทางาน งาน ทางานตามทไี่ ด้รบั 1 งานสาเร็จตาม ความขยัน อดทน สาเรจ็ ตามเป้าหมาย มอบหมาย เปา้ หมายและเป็น งานสาเร็จตาม แบบอยา่ งทด่ี ี เป้าหมาย ทางานตามทีไ่ ดร้ บั มอบหมายอยา่ งมี ทางานตามทีไ่ ดร้ ับ ทางานตามท่ไี ดร้ ับ ทางานตามทีไ่ ดร้ ับ 1 คุณภาพ ครบทุก มอบหมายอยา่ งมี มอบหมายอยา่ งมี มอบหมาย สง่ งานไม่ 1 ชน้ิ และส่งตาม คุณภาพ ครบทกุ ชนิ้ คณุ ภาพ ขาดเพยี ง ครบ และไม่สง่ ตาม กาหนดเวลา แต่ไม่ส่งตาม บางช้นิ และไมส่ ่ง กาหนดเวลา ใชพ้ ลังงานอย่าง กาหนดเวลา ตามกาหนดเวลา ประหยัดและ ใช้พลงั งานอยา่ ง ใชพ้ ลังงานอยา่ ง ใช้พลงั งานอยา่ งไม่ คุม้ คา่ มีการนา ประหยัดและคุม้ คา่ ประหยัดและคมุ้ คา่ ประหยัดและไม่ กลับมาใชใ้ หม่ มี มกี ารนากลับมาใช้ คมุ้ ค่า การประยกุ ตใ์ ช้ ใหม่ วสั ดุท่มี ใี นท้องถ่ินเกณฑ์การตดั สนิ /ระดับคุณภาพ คะแนน 16 – 20 หมายถึง ดีมาก คะแนน 12 – 15 หมายถงึ ดี คะแนน 10 – 11 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 – 9 หมายถงึ ปรบั ปรงุเกณฑ์การผ่าน ต้งั แตร่ ะดบั พอใช้ขน้ึ ไป

กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าสกู่ ารเรียน 1) ครพู บนักเรยี นสนทนา ซักถามเก่ยี วกบั การเรยี นรู้ เรื่อง องคป์ ระกอบของรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ ที่ผา่ นมา ว่านกั เรียนเรียนรอู้ ะไรมาบ้างและนาความรูท้ ่ีได้ไปใช้อยา่ งไรบา้ ง 2) ครบู ันทึกเวลาเรียนและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 3) ครแู จง้ ผลการเรยี นรู้ ภาระงาน และวธิ กี ารประเมินผลการเรยี นรใู้ ห้นกั เรียนทราบ ขน้ั ศึกษาเรยี นรู้ 4) ผู้สอนนาเสนอความรู้ โดยใชส้ ่ือ PowerPoint: unit1.2 เรอื่ ง การวางโครงรา่ งการเขยี นรายงานวิชาการ 5) นกั เรยี นศึกษาความรู้ จากใบความรทู้ ่ี 1.2 เรอ่ื ง การวางโครงร่างการเขียนรายงานวิชาการ จากระบบการจัดการช้ันเรยี นออนไลน์ (ClassStart) วชิ า การสอื่ สารและการนาเสนอ ตามความถนัดและความสนใจของนักเรยี น 6) ให้นกั เรยี นทางาน ตามใบภาระงานที่ 1.2 เร่อื ง การวางโครงร่างการเขยี นรายงานวชิ าการทไี่ ดร้ ับมอบหมาย 7) สรปุ องค์ความรู้ การวางโครงรา่ งการเขยี นรายงานวิชาการ ขนั้ สรุป 8) ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปสาระสาคัญจากสาระการเรียนรทู้ ีศ่ ึกษา 9) ใหน้ กั เรียนหาตัวอย่างรายงานวิชาการ หรือบทความวชิ าการที่สนใจ แลว้ นามาเสนอในคาบเรยี นถดั ไป 9) ครูแทรกคณุ ธรรม เร่ือง การใฝ่รู้ ใฝเ่ รยี น และความมุ่งมั่นในการทางาน สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้ 1) ส่อื PowerPoint: unit1.2 เร่ือง การวางโครงร่างการเขยี นรายงานวิชาการ 2) ระบบการจดั การช้นั เรยี นออนไลน์ (ClassStart) จดั ทาโดย นางสาวพฤทธวิ รรณ ชว่ งพิทกั ษ์ 3) ใบความรูท้ ี่ 1.2 เร่ือง การวางโครงร่างการเขยี นรายงานวิชาการ 4) ใบภาระงานที่ 1.2 เร่ือง การวางโครงรา่ งการเขียนรายงานวิชาการ 5) เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 6) เคร่ืองฉายโปรเจคเตอร์ 7) เครื่องขยายเสยี งและไมโครโฟน

แหลง่ เรียนรู้ 1) ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ โรงเรียนชลกนั ยานกุ ลู 2) เวบ็ ไซต์ www.chonkanya.ac.th เวบ็ ไซต์ โรงเรียนชลกนั ยานกุ ูล 3) เวบ็ ไซตท์ ่ีเกี่ยวข้องกับ วิชาการสื่อสารและการนาเสนอ 4) หอ้ งสมดุ โรงเรยี นชลกันยานุกูลกจิ กรรมเสนอแนะ ให้ผู้เรยี นศกึ ษาคน้ คว้าเพ่มิ เติมเกี่ยวกับการจัดทาการวางโครงรา่ งการเขียนรายงานวชิ าการจากสือ่ เว็บไซต์ www.google.com โดยใช้คาสบื ค้นวา่ การเขียนรายงาน บทความทางวิชาการ หรอืวารสารวิชาการการบรู ณาการ การนาความรู้เรื่องการกาหนดหวั ขอ้ การเขยี นรายงานทางวิชาการไปใชใ้ นการจัดทารายงานวิชาอนื่ ๆ ท่ีนักเรยี นไดร้ ับมอบหมาย และนาความรจู้ ากศกึ ษาค้นควา้ เทคโนโลยขี องแตล่ ะชาตใิ นอาเซยี น และการนามาใชอ้ านวยความสะดวกในการส่อื สารแลกเปลยี่ นในอาเซยี น และเปรยี บเทียบความเหลือ่ มล้าทางดา้ นเทคโนโลยีเฉพาะภายในประเทศสมาชิกแต่ละชาติและระหว่างประเทศสมาชิกไปใชใ้ นรายวิชาอ่ืน ๆ ด้วย และอาจมีการกาหนดหัวข้อการศกึ ษาเกี่ยวกบั พชื ศึกษาในกิจกรรมงานพชื สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นก็ไดเ้ ชน่ กัน

สอ่ื PowerPoint: unit1.2รหัสวชิ า I30202 วชิ า การสือสารและการนําเสนอ การวางโครงรา งการเขยี นรายงานวชิ าการ Communication and Presentation วางเค้าโครงหวั ข้อหลกั และ กําหนดหวั ข้อหลกั และ เขียนรายละเอียดเนอื หาที เรือง การวางโครงร่างการเขียนรายงานวชิ าการ หวั ข้อยอ่ ยตา่ งๆ หวั ข้อยอ่ ย ต้องการใสล่ งไป ในแตล่ ะ หวั ข้อ ทบทวนเพือดวู า่ ยงั ขาด กรณีบทความเป็น ใช้คาํ ธรรมดาง่ายๆ ข้อความอะไรมาเชือมโยง ภาษาไทยให้ใช้ศพั ท์เทคนิค แตล่ ะหวั ข้อเข้าด้วยกนั เท่าทีจําเป็น ใช้ประโยคทกี ระชบั ไม่ เนอื หาเป็นปัจจบุ นั การใช้ตาราง และรูปภาพ กํากวม ประกอบในการเขยี น บทความ โดย ครูพฤทธิวรรณ ชว งพทิ กั ษการวางโครงรา งการเขียนรายงานวชิ าการ สวนประกอบของรายงานวชิ าการ การกําหนด การกําหนด 1. สว นประกอบของรายงานวชิ าการ แบง เปน 3 สวนหลกั คอื หวั ข้อค้นคว้า โครงร่าง 1) สว นประกอบตอนตน 2) สว นประกอบตอนกลาง 3) สว นประกอบตอนทาย สว นประกอบตอนตน สว นประกอบตอนกลาง1. ปกนอก 1. บทนาํ2. ปกใน 2. สว นเนื้อหา3. คาํ นํา 3. บทสรุป4. สารบัญ5. สารบัญตาราง6. สารบัญภาพ

41 สวนประกอบตอนทา ย1. หนา บอกตอน2. บรรณานกุ รม3. ภาคผนวก4. ดชั นี

ใบความรทู้ ี่ 1.2วิชา การส่อื สารและการนาเสนอ รหัสวิชา I30202 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 เวลา 2 ช่ัวโมงเรอื่ ง การวางโครงรา่ งเรื่องการเขยี นรายงานวชิ าการการวางโครงรา่ งเรอื่ งการเขยี นรายงานวชิ าการ การเขียนโครงร่าง ผู้เรียนจะต้องแสดง ช่ือรายงาน สาระการเรียนรู้/วิชา ชื่อผู้ค้นคว้าหรือเจ้าของผลงาน ความสาคัญของหัวข้อเร่ืองที่ค้นคว้า วัตถุประสงค์ของการค้นคว้า ประโยชน์ท่ีได้รับจากการค้นคว้า การรวบรวมสรุปข้อมูลที่ไดจ้ ากการค้นควา้ พรอ้ มเอกสารอ้างอิง วิธีหรือแบบแผนการค้นคว้าการเก็บรวบรวมข้อมลู การวิเคราะห์ข้อมูล เปน็ ต้น การกาหนดหวั ขอ้ คน้ คว้า (Research Question) ช่ือเร่ืองจะต้องสะท้อนหรือช้ีวดั ใหเ้ หน็ ภาพของผลงาน ซ่ึงจะต้องเรียบเรียงเปน็ รปู คาถาม หรือประเด็นคน้ ควา้ ในทน่ี จี้ ะนาเสนอเป็นตัวอย่าง เชน่ 1. หัวข้อเรื่อง : การออกแบบโทรศพั ทม์ ือถอื สาหรับวัยร่นุ ไทย หัวขอ้ ค้นคว้า : องค์ประกอบสาคัญในการออกแบบโทรศัพท์มือถือสาหรบั วยั ร่นุ ไทย 2. หัวขอ้ เรื่อง : ความรุนแรงในครอบครัวไทย หัวขอ้ คน้ คว้า : ศกึ ษา/วิเคราะห์สาเหตุของความรุนแรงในครอบครวั ไทยและทางแกป้ ัญหา 3. หวั ข้อเรื่อง : ความขัดแยง้ ทางความคิดทางการเมอื งไทย หัวข้อค้นคว้า : ศึกษา/วิเคราะห์สาเหตุของความขัดแย้งระหว่างคนไทยสองกลุ่มและทางแก้ปัญหา ฯลฯ 4. หัวขอ้ เร่ือง : การใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด หวั ข้อค้นคว้า : ศกึ ษาผลกระทบท่ีเกดิ จากภาวะโลกร้อน

การกาหนดโครงร่าง ผลงานการเขียนรายงานผลการค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งการเรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องท่ีผเู้ รียนไดเ้ ลือกอยา่ งอิสระ จะต้องประกอบด้วยองคป์ ระกอบ 3 สว่ น ไดแ้ ก่ คานา (Introduction) เนื้อเรือ่ ง (Body/Development) และบทสรปุ (Conclusion) 1. คานา (Introduction) สาระจะตอ้ งประกอบด้วย 1.1 การใหเ้ หตุผลในการเลือกหวั ขอ้ เร่อื ง ความสาคญั และคุณค่าทไี่ ดจ้ ากการศึกษา 1.2 บอกความเป็นมาและความสาคัญของหัวข้อเร่อื ง 1.3 ระบหุ วั ข้อค้นควา้ (Research Question) ใหช้ ัดเจน 2. เน้อื เรอ่ื ง (Body/Development) เนื้อเร่ืองเป็นส่วนสาคัญของผลงานความเรียง ซึ่งผู้เขียนจะต้องลาดับเน้ือหาตามรูปแบบโครงสร้างท่ีถูกต้อง โดยจัดลาดับเนื้อหาเป็นหัวข้อใหญ่และหัวข้อย่อยตามธรรมชาติของเน้ือหาการลาดบั ความคดิ หลกั และความคิดรองเป็นต้น 3. บทสรุป (Conclusion) บทสรปุ จะตอ้ งมีลกั ษณะของการสรปุ การนาเสนอความคดิ รวบยอดทีเ่ กย่ี วเนื่องกบั หัวขอ้ เรื่องการอ้างอิงหลักฐานประกอบความคิด จบด้วยการเสนอและชี้นาประเด็นที่ค้นพบ รวมท้ังหัวข้อเรื่องประเดน็ /เรื่อง ทยี่ ังไม่ได้คน้ คว้าศึกษาในผลงานชิน้ นี้ แตค่ วรค่าแก่การค้นควา้ เปน็ ผลงานเรอื่ งตอ่ ไป ที่มา: www. docs.google.com

ใบภาระงานที่ 1.2วิชา การสื่อสารและการนาเสนอ รหัสวิชา I30202 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4เร่อื ง การวางโครงร่างการเขียนรายงานวชิ าการ เวลา 2 ชวั่ โมงผลการเรยี นรูท้ คี่ าดหวังวางโครงรา่ งการเขียนตามหลักเกณฑ์ องค์ประกอบและวิธีการเขียนโครงร่างเนอื้ หาสาระวิชา 1. การรา่ งโครงเรอื่ งการเขียนรายงานการศึกษาค้นควา้ 2. องคป์ ระกอบของรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้งานทม่ี อบหมาย 1. ให้นักเรยี นศึกษาใบความรู้ท่ี 1.2 วิชา การสอื่ สารและการนาเสนอ เรอ่ื ง การวางโครงร่างการเขียนรายงานวิชาการ โดยสามารถศึกษาไดท้ ีห่ นา้ จอคอมพิวเตอร์ของนักเรียน 2. ให้นักเรยี นสรุปองค์ความรู้เก่ยี วกบั การวางโครงร่างการเขยี นรายงานวิชาการ และนักเรยี นส่งคาตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนกิ สต์ ามเวลาท่คี รูกาหนด 3. ให้นกั เรียนหาตวั อย่างบทความวชิ าการ หรอื รายงานวชิ าการทน่ี กั เรยี นสนใจ คนละ 1เร่ือง แลว้ นามาเสนอในคาบเรยี นถดั ไปกาหนดการสง่ งาน นกั เรยี นมีเวลาในการทางานตามใบภาระงานท่ี 1.2 เป็นเวลา 2 ชัว่ โมง เมอ่ื สรปุ องค์ความรู้เสร็จแล้วสง่ คาตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์การประเมนิ ผล1. นกั เรียนทางานเสรจ็ ตามเวลาท่ีกาหนด2. นกั เรียนสรปุ องค์ความรไู้ ด้ถูกต้อง ครบถว้ น อยา่ งน้อยร้อยละ 80

บนั ทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้ส่วนที่ 1 ผลการเรียนรูข้ องนักเรียนและแนวทางการแก้ปัญหา 1.1 ผลการประเมนิ ด้านความรู้ จำนวนนกั เรียนท้งั หมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นรอ้ ยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนินกำรแก้ไขปัญหำนกั เรียนที่ไม่ผำ่ นเกณฑ์โดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 ผลการประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ จำนวนนกั เรยี นทงั้ หมด………..…..คน ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ............. ไมผ่ ำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเปน็ ร้อยละ………….…… ครไู ด้ดำเนนิ กำรแก้ไขปญั หำนกั เรียนทไี่ ม่ผ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 ผลการประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คดิ เปน็ ร้อยละ............. ไม่ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นร้อยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนนิ กำรแกไ้ ขปญั หำนกั เรยี นทีไ่ มผ่ ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………สว่ นท่ี 2 ข้อเสนอแนะในการพฒั นานักเรียน 2.1 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.4 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ …………………………………..……………………… ผู้สอน (นำงสำวพฤทธวิ รรณ ช่วงพทิ ักษ์) ……………/………………/………………

ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้ำกลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..……………..…… (นำยสทุ ธศิ กั ด์ิ เคลือบสงู เนิน) หวั หนำ้ กลุม่ สำระกำรเรยี นรูก้ ำรงำนอำชพี และเทคโนโลยีข้อเสนอแนะของฝ่ำยวิชำกำร (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ …………………………………….………………..…… (นำงจนั ทร์ษำ ชยั วฒั นธรี ำกร) รองผู้อำนวยกำรโรงเรียนกลุ่มบรหิ ำรงำนวิชำกำรขอ้ คิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของหัวหนำ้ สถำนศึกษำ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ …………………………………..………………..…… (นำงสำวเฉิดเฉลำ แก้วประเคน) ผ้อู ำนวยกำรโรงเรียนชลกนั ยำนกุ ูล

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรื่อง องค์ประกอบของรายงานการศกึ ษาค้นคว้า รหัสวิชา I30202รายวชิ า การสือ่ สารและการนาเสนอ กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยีระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลา 2 ชวั่ โมงโรงเรยี นชลกนั ยานกุ ลู ผู้สอน นางสาวพฤทธิวรรณ ช่วงพิทกั ษ์=========================================================มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ วางโครงรา่ งการเขยี นตามหลกั เกณฑ์ องค์ประกอบและวิธีการเขียนโครงรา่ งสาระสาคญั /ความคิดรวบยอด โครงร่างองค์ประกอบการเขยี นรายงานหรอื บทความทางวิชาการ ประกอบด้วย ชื่อเรื่องชอ่ื ผูค้ ้นคว้า บทคัดย่อ บทนา จดุ ประสงค์ นยิ ามศัพท์ วธิ ีการดาเนินงาน ผลการศกึ ษาค้นควา้สรปุ อภปิ รายผล กิตตกิ รรมประกาศ บรรณานุกรม และภาคผนวกสาระการเรียนรู้ ความรู้ สาระการเรยี นร้แู กนกลาง องค์ประกอบของรายงานการศึกษาคน้ ควา้ ประกอบดว้ ย 3 ส่วน คือ สว่ นหน้า สว่ นเน้ือหาและส่วนหลัง ซึ่งมรี ายละเอยี ด ประกอบดว้ ย ช่ือเรอื่ ง ชอ่ื ผู้ค้นคว้า บทคัดย่อ บทนา จดุ ประสงค์นิยามศพั ท์ วธิ กี ารดาเนนิ งาน ผลการศึกษาคน้ คว้า สรุปอภิปรายผล กิตติกรรมประกาศ บรรณานุกรมภาคผนวก ทักษะ/กระบวนการ 1) ทักษะการแสวงหาความรู้ ทักษะการทางานร่วมกัน ทักษะการใช้เทคโนโลยี 2) กระบวนการคิด : การคิดวิเคราะห์ การสรุปความรู้ กระบวนการกล่มุ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1) ความสามารถในการคิด 2) ความสามารถในการสอ่ื สาร 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1) มีวนิ ยั 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) ม่งุ มัน่ ในการทางาน 4) มีความรบั ผดิ ชอบ ค่านยิ ม 12 ประการ 1) มศี ีลธรรม รักษาความสตั ย์ 2) ร้จู กั ดารงตนอยูโ่ ดยใชห้ ลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3) คานงึ ถงึ ประโยชน์ของสว่ นรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองชนิ้ งาน/ภาระงาน ช้นิ งาน/ภาระงานระหว่างเรียน 1) คน้ คว้าหาบทความทางวิชาการหรอื รายงานทางวชิ าการการวดั และการประเมินผล วธิ ีการ 1) การซักถาม 2) การสังเกต 3) การตรวจผลงาน เครือ่ งมอื การวดั ผล 1) แบบประเมินผลงาน เกณฑ์ 1) ระดบั พอใชข้ ้นึ ไป

แบบการประเมนิ การนาเสนอ ประเดน็ ระดบั คะแนน นาหนักการประเมิน จดุ เนน้ 4 32 11. เนอื้ หาสาระ 5 รายละเอยี ดของ รายละเอยี ดของ รายละเอยี ดของ รายละเอยี ดของ 52. กระบวนการ เนอ้ื หา ถกู ตอ้ ง เนื้อหา ถกู ตอ้ ง เน้ือหา ถกู ต้อง เนอื้ หาไมค่ รบถ้วนทางาน ครบถ้วนลกึ ซ้งึ ครบถว้ นลึกซึง้ ครบถ้วนแตไ่ ม่ และไม่ชดั เจน 5 ชัดเจนครอบคลุม ชดั เจน ชัดเจนเท่าทีค่ วร เท่าทค่ี วร3. การนาเสนอ หวั ข้อ ทีก่ าหนด 5 มกี ารวเิ คราะหง์ าน มกี ารวิเคราะห์งาน มีการวิเคราะห์งาน มกี ารวเิ คราะห์งาน4. คุณประโยชน์ วางแผนในการ วางแผนในการ วางแผนในการ วางแผนในการ ทางาน ปฏบิ ัติตาม ทางาน ปฏบิ ตั ิตาม ทางาน ปฏบิ ัติตาม ทางาน แตไ่ ม่ปฏิบตั ิ แผนทว่ี างไว้ มกี าร แผนท่ีวางไว้ มกี าร แผนทีว่ างไว้ ตามแผนท่ีวางไว้ ประเมินผลการ ประเมินผลการ ทางานและนาผล ทางาน การจัดพิมพ์คา จากการประเมนิ ไป ถูกตอ้ ง การสะกดคา ปรบั ปรงุ งานให้ การใชส้ านวนภาษา การจดั พมิ พ์คา และไวยากรณ์ สมบูรณ์ย่ิงขนึ้ ดี ถูกตอ้ ง การสะกด ถูกตอ้ ง การสะกดคา ถกู ต้องพอใช้ การใช้สานวนภาษาดี คาและไวยากรณ์ และไวยากรณ์ ถูกตอ้ ง การสะกดคา ถกู ต้อง รูปแบบ ถูกต้อง สอื่ มีคุณประโยชน์ และไวยากรณ์ น่าสนใจ ต่อการเรียนรู้ น้อย ถกู ตอ้ ง ความสวยงาม นาเสนอเน้ือหาได้ รปู แบบน่าสนใจ พอใช้ ความสวยงาม การ สอื่ มคี ณุ ประโยชน์ สือ่ มคี ุณประโยชน์ ใช้ภาพประกอบ ตอ่ การเรียนรู้ ตอ่ การเรยี นรู้ เหมาะสม นาเสนอเนอ้ื หาได้ดี นาเสนอเน้อื หาได้ดี ส่อื มีคณุ ประโยชนต์ อ่ เหมาะสมกบั ผูเ้ รยี น การเรยี นรู้ นาเสนอ เนือ้ หาไดด้ เี หมาะสม กบั ผเู้ รียน สามารถ นาไปใช้งานไดอ้ ย่าง ดีเกณฑ์การตดั สิน/ระดับคุณภาพ คะแนน 61 – 80 หมายถงึ ดีมาก คะแนน 41 – 60 หมายถึง ดี คะแนน 21 – 40 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 – 20 หมายถึง ปรบั ปรุงเกณฑ์การผา่ น ตั้งแต่ระดบั พอใชข้ น้ึ ไป

แบบการประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ประเดน็ ระดบั คะแนน นา้ หนกั การประเมิน จดุ เน้น 4 32 11. มีวินัย 1 ปฏบิ ัติตาม ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง ไมป่ ฏิบัตติ าม2. ใฝเ่ รียนรู้ ขอ้ ตกลง จนเป็น จนเป็นนิสัย ตรงตอ่ ตรงต่อเวลา ข้อตกลง ในการทา 1 นิสัย ตรงตอ่ เวลา เวลา รบั ผดิ ชอบ รับผิดชอบทางาน กิจกรรมตา่ ง ๆ3. ม่งุ มนั่ รบั ผดิ ชอบทางาน ทางานด้วยตนเอง ดว้ ยตนเอง แตต่ อ้ ง 1ในการทางาน ดว้ ยตนเอง แต่ต้องเตอื นเปน็ เตือนบ่อยครง้ั ศึกษาหาความรูเ้ ป็น บางครั้ง บางครั้ง 14. มคี วาม สนใจศึกษาหารับผิดชอบ ความรู้อยา่ ง สนใจศกึ ษาหา สนใจศกึ ษาหา ทางานตามที่ไดร้ ับ 1 สมา่ เสมอและ ความรอู้ ยา่ ง ความรู้อยา่ ง มอบหมาย5.รกั ษส์ ิ่งแวดล้อม สรุปองค์ความรู้ สม่าเสมอและ สรุป สมา่ เสมอ เผยแพรแ่ ก่ผู้สนใจ องคค์ วามรู้ ทางานตามทีไ่ ดร้ บั ตงั้ ใจทางานด้วย มอบหมาย ส่งงานไม่ ความขยัน อดทน ตั้งใจทางานดว้ ย ตง้ั ใจทางาน งาน ครบ และไม่ส่งตาม งานสาเร็จตาม ความขยัน อดทน สาเร็จตามเปา้ หมาย กาหนดเวลา เป้าหมายและเปน็ งานสาเร็จตาม แบบอยา่ งท่ีดี เปา้ หมาย ใชพ้ ลังงานอยา่ งไม่ ทางานตามทีไ่ ดร้ บั ประหยดั และไม่ มอบหมายอยา่ งมี ทางานตามท่ีได้รับ ทางานตามทไี่ ด้รับ คมุ้ ค่า คณุ ภาพ ครบทกุ มอบหมายอยา่ งมี มอบหมายอยา่ งมี ช้นิ และสง่ ตาม คณุ ภาพ ครบทุกช้นิ คุณภาพ ขาดเพียง กาหนดเวลา แต่ไม่สง่ ตาม บางชิ้น และไมส่ ่ง ใช้พลังงานอยา่ ง กาหนดเวลา ตามกาหนดเวลา ประหยัดและ ใชพ้ ลังงานอยา่ ง ใช้พลงั งานอยา่ ง คุ้มคา่ มีการนา ประหยดั และคุม้ ค่า ประหยัดและคุ้มค่า กลบั มาใช้ใหม่ มี มกี ารนากลบั มาใช้ การประยกุ ต์ใช้ ใหม่ วสั ดทุ ี่มีในทอ้ งถ่ินเกณฑ์การตดั สิน/ระดับคุณภาพ คะแนน 16 – 20 หมายถึง ดมี าก คะแนน 12 – 15 หมายถึง ดี คะแนน 10 – 11 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 – 9 หมายถงึ ปรับปรุงเกณฑ์การผ่าน ตงั้ แต่ระดบั พอใช้ขนึ้ ไป

กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั นาเข้าสู่การเรยี น 1) ครพู บนักเรียนสนทนา ซักถามเก่ยี วกบั การเรยี นรู้ เรื่อง องค์ประกอบของรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า ทีผ่ ่านมา ว่านักเรียนเรียนรอู้ ะไรมาบ้างและนาความรทู้ ี่ได้ไปใช้อย่างไรบา้ ง 2) ครบู ันทึกเวลาเรียนและการประเมินผลการเรยี นรู้ 3) ครแู จ้งผลการเรยี นรู้ ภาระงาน และวธิ กี ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ ขน้ั ศกึ ษาเรยี นรู้ 4) ใหน้ ักเรียนทางาน ตามใบภาระงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง การวางโครงรา่ งการเขยี นบทความวิชาการ และรายงานวิชาการทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย 5) สรปุ องค์ความรแู้ ละนาเสนอผลงาน ขน้ั สรปุ 6) ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปสาระสาคญั จากสาระการเรียนรูท้ ี่ศกึ ษา 7) ครูแทรกคุณธรรม เร่ือง การใฝ่รู้ ใฝเ่ รียน และความมุ่งม่ันในการทางาน สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้ 1) ระบบการจดั การชั้นเรียนออนไลน์ (ClassStart) จดั ทาโดย นางสาวพฤทธวิ รรณ ช่วงพทิ ักษ์ 2) ใบภาระงานที่ 1.3 เรอ่ื ง การวางโครงรา่ งการเขยี นบทความวิชาการ และรายงาน วิชาการ 3) เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 4) เคร่อื งฉายโปรเจคเตอร์ 5) เครื่องขยายเสยี งและไมโครโฟน แหล่งเรียนรู้ 1) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โรงเรียนชลกนั ยานุกูล 2) เวบ็ ไซต์ www.chonkanya.ac.th เว็บไซต์ โรงเรียนชลกันยานุกูล 3) เวบ็ ไซต์ทเ่ี กี่ยวข้องกบั วิชาการสอื่ สารและการนาเสนอ 4) ห้องสมดุ โรงเรียนชลกันยานกุ ูล

กิจกรรมเสนอแนะ ให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดทาโครงร่างรายงานวิชาการจากส่ือเว็บไซต์www.google.com โดยใช้คาสืบค้นว่า การเขยี นรายงาน บทความทางวชิ าการ หรอื วารสารวิชาการการบรู ณาการ การนาความรู้เรื่องการกาหนดหัวข้อการเขียนรายงานทางวิชาการไปใช้ในการจัดทารายงานวิชาอ่ืน ๆ ที่นักเรียนได้รับมอบหมาย และนาความรู้จากศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีของแต่ละชาติในอาเซียน และการนามาใช้อานวยความสะดวกในการส่ือสารแลกเปล่ียนในอาเซียน และเปรียบเทียบความเหล่ือมล้าทางด้านเทคโนโลยีเฉพาะภายในประเทศสมาชิกแต่ละชาติและระหว่างประเทศสมาชิกไปใช้ในรายวิชาอนื่ ๆ ด้วย และอาจมีการกาหนดหัวข้อการศึกษาเก่ยี วกับพืชศึกษาในกิจกรรมงานพชื สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นกไ็ ด้เช่นกัน

ใบภาระงานที่ 1.3วชิ า การสื่อสารและการนาเสนอ รหัสวิชา I30202 ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4เร่ือง การวางโครงรา่ งการเขียนบทความวิชาการและรายงานวชิ าการ เวลา 2 ชั่วโมงผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวงัวางโครงร่างการเขยี นตามหลักเกณฑ์ องค์ประกอบและวิธีการเขียนโครงรา่ งเนอ้ื หาสาระวิชา 1. การร่างโครงเร่อื งการเขียนบทความวชิ าการ และรายงานวชิ าการ 2. องค์ประกอบของบทความวิชาการ และรายงานวิชาการงานทมี่ อบหมาย1. ใหน้ กั เรยี นนาบทความวชิ าการ หรอื รายงานวิชาการท่ีนักเรียนค้นควา้ มาวิเคราะห์2. นาเสนอบทความวิชาการ หรือรายงานวิชาการหนา้ ชน้ั เรียนกาหนดการส่งงานนกั เรียนมเี วลาในการทางานตามใบภาระงานท่ี 1.3 เป็นเวลา 2 ชัว่ โมงการประเมนิ ผล1. นักเรียนทางานเสรจ็ ตามเวลาที่กาหนด2. นักเรียนนาเสนอได้ถกู ต้องตามทก่ี าหนด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook