คำนำ เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ าการการคิดเชงิ สร้างสรรคเ์ พ่อื การพฒั นานวตั กรรม รหสั วิชา 4121113 นี้ไดเ้ รยี บเรียงขน้ึ อย่างเปน็ ระบบ ครอบคลุมเน้ือหาสาระวชิ า ตามหลักสูตรศึกษาหลักสูตร เทคโนโลยีบณั ฑติ สาขาวชิ าเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมงุ่ เน้นใหผ้ เู้ รยี นการฝึกปฏิบตั ิการพัฒนานวัตกรรม การ เลือกและการวางแผนสรา้ งนวัตกรรม การสร้างและพัฒนานวตั กรรม การหาประสิทธิภาพของ นวัตกรรมอาจารย์ผู้รับผิดชอบวชิ า หวังเป็นอย่างย่ิงว่า เอกสารฉบับนี้ จะใช้ประกอบในรายวิชา การ การคิดเชงิ สร้างสรรค์เพ่ือการพัฒนานวัตกรรม เพอ่ื ใหก้ ารจัดการเรียนรู้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้ และเป็นแนวทางทีส่ ามารถปรบั ปรงุ รูปแบบวิธีการเรียนรู้ใหส้ อดคลอ้ งกับผูเ้ รยี นได้เป็นอยา่ งดี อ.ดร.ชนนิ ทร์ ฐติ ิเพชรกุล 2563
สารบญั หนา้ คำนำ (1) สารบญั (3) สารบัญภาพ (5) สารบัญตาราง (7) บทท่ี 1 ความร้ทู วั่ ไปเก่ียวกับนวตั กรรมและเทคโนโลยี 1 1.1 ความหมายของการจดั การนวัตกรรมและเทคโนโลยี 1 1.2 แนวคดิ ของนวตั กรรม (Concept of Innovation) 5 1.3 มุมมองของนวัตกรรม (Innovation) 6 1.4 ความสำคญั ของนวัตกรรม 8 1.5 ววิ ฒั นาการนวัตกรรม 9 1.6 ลักษณะของนวัตกรรม 9 1.7 ขอ้ สังเกตเกย่ี วกับสิ่งที่ถือว่าเป็นนวตั กรรม 12 1.8 ประเภทของนวตั กรรม 14 1.9 ลกั ษณะของเทคโนโลยี 20 1.10 ระดับของเทคโนโลยี 21 1.11 ความแตกต่างระหวา่ งนวตั กรรมและเทคโนโลยี 23 บทสรปุ 18 คำถามทบทวน 19 25 เอกสารอ้างองิ 21 บทท่ี 2 ยุทธศาสตรว์ ิจัยและนวตั กรรมแห่งประเทศไทย 21 2.1 แนวคิดการเปลย่ี นแปลงของโลกดา้ นนวัตกรรม 29 2.2 ประเดน็ ยุทธศาสตร์การวจิ ยั และนวัตกรรม
4 บทสรปุ 35 คำถามทบทวน 35 เอกสารอา้ งองิ 35 บทท่ี 3 ความรูเ้ ก่ียวกบั ความคดิ เชงิ สรา้ งสรรค์ 36 3.1 ทฤษฎขี องความคิดสร้างสรรค์ 36 3.2 ความหมายของความคิดสรา้ งสรรค์ 38 3.3 กระบวนการของความคิดสร้างสรรค์ 39 3.4 ระดับของความคิดสรา้ งสรรค์ 40 3.5 ลกั ษณะความคิดสรา้ งสรรค์ 41 3.6 ประโยชนข์ องความคิดสร้างสรรค์ 41 3.7 อุปสรรคของการพฒั นาความคิดสร้างสรรค์ 42 3.8 ทฤษฎีของการพฒั นาความคิดสรา้ งสรรค์ 42 3.9 แนวคิดการพฒั นาความคิดสรา้ งสรรค์ 44 บทสรปุ 45 คำถามทบทวน 46 47 เอกสารอ้างอิง 48 หน่วยท่ี 4 กระบวนการพัฒนาความคดิ สรา้ งสรรค์ 68 4.1 องค์ประกอบของความคดิ สร้างสรรค์ 51 4.2 การคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking) 52 4.3 Mindsets ของการคดิ เชิงออกแบบ (Design Thinking Mindsets) 53 4.4 Mindset ของการคิดเชงิ ออกแบบทางปฏิบตั ิ (IDEO) 58 บทสรุป 58 คำถามทบทวน 59 เอกสารอ้างอิง
(5) 60 60 บทที่ 5 การพฒั นานวตั กรรมดว้ ยแนวคิดเชิงออกแบบ 89 5.1 กระบวนการคิดเชงิ ออกแบบ (Design Thinking) 64 5.2 ข้ันการสรา้ งความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง (Empathize) 67 5.3 ข้นั การตกี รอบปัญหา (Define) 71 5.4. การระดมความคิด (Ideate) 74 5.5 การสรา้ งตน้ แบบ (Prototype) 77 5.6 ข้ันการทดสอบ (Test) 77 บทสรปุ คำถามทบทวน 78 เอกสารอ้างองิ 79 79 บทที่ 6 การประเมนิ นวัตกรรมการเผยแพรน่ วตั กรรม 79 6.1 ความหมายของการทดสอบประสิทธิภาพ 78 6.2 การทดสอบประสทิ ธภิ าพของสือ่ 78 6.3 ความจำเป็นที่จะต้องหาประสทิ ธิภาพ 81 6.4 การตรวจสอบคุณภาพของนวัตกรรม 82 6.5 ข้ันตอนในการตรวจสอบคุณภาพ 83 6.6 การประเมินผลสื่อการเรียนรู้ 86 6.7 ขน้ั ตอนการตรวจสอบเกณฑ์ประสิทธภิ าพ 95 6.8 การยอมรบั และเผยแพร่นวัตกรรม 95 บทสรปุ 96 คำถามทบทวน 97 เอกสารอ้างอิง 97 101 บทที่ 7 การประเมนิ นวัตกรรมการเผยแพร่นวัตกรรม 7.1 ความรู้เบอ้ื งต้นเกย่ี วกับทรพั ย์สินทางปัญญา 7.2 ลขิ สทิ ธิ์และการใช้งานท่ีเป็นธรรม
6 102 105 7.3 พระราชบญั ญัติธรุ กรรมอิเล็กทรอนิกสใ์ นวถิ ดี จิ ทิ ัล 105 7.4 ครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons: CC) 106 7.5 ชนดิ ของสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ 106 7.6 สญั ลักษณ์ของสัญญาอนุญาตครเี อทฟี คอมมอนส์ 107 บทสรปุ 108 คำถามทบทวน เอกสารอา้ งอิง
สารบัญภาพ หนา้ ภาพท่ี 4 20 1.1 กิจกรรมพ้นื ฐานของอุตสาหกรรม 21 1.2 ลกั ษณะของเทคโนโลยีการประยคุ ใช้เทคโนโลยี 22 1.3 การเกยี่ วขา้ วโดยใชแ้ รงงานคนเป็นเทคโนโลยรี ะดับพ้ืนฐาน 23 1.4 การเกย่ี วข้าวโดยใชเ้ ครื่องจกั รท่นุ แรงเปน็ เทคโนโลยีระดับกลาง 29 1.5 หนุ่ ยนต์เปน็ เทคโนโลยรี ะดบั สูง 34 2.1 ตวั อย่างแนวโน้มโลกทีจ่ ะสง่ ผลกระทบต่อการพฒั นาบุคลากร 37 2.2 อตุ สาหกรรมเป้าหมายในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจของประเทศ 40 3.1 แสดงสว่ นสำคัญในการคดิ สร้างสรรค์ 45 3.2 ข้ันของความคดิ สร้างสรรค์ 45 3.3 การตอบโตร้ ะหวา่ งเด็กชาย 2 คนทีม่ ีความรู้สึกไวต่อปัญหาทร่ี ับรู้ 56 3.4 การคดิ ริเรมิ่ สรา้ งสรรค์และแสดงลกั ษณะพเิ ศษออกมาทางผลงาน 62 4.1 Mindset ของการคิดเชงิ ออกแบบทางวิชาการ 63 5.1 สเปกตรมั ผู้ใช้งาน 64 5.2 การจดั ลําดบั กระบวนการสัมภาษณ์ 66 5.3 แผนภมู แิ หง่ การสรา้ งความเข้าใจอย่างลึกซึ่ง (Empathy Map) 67 5.4 แบบแผนการสรา้ งตวั ละครสมมติ (Persona Template) 71 5.5 ตัวอย่างโครงสรางของแผนภูมิการเดนิ ทางของลกู คา้ 72 5.6 6 ผงั การจัดลาํ ดับความสาํ คญั ของไอเดีย 72 5.7 ระดบั ความแม่นยาํ ของต้นแบบ 73 5.8 บริบทต่างๆ ของตน้ แบบ 73 5.9 ตัวอย่างการสร้างต้นแบบ 74 5.10 การสรา้ งต้นแบบจากภาพบนกระดาษ 5.11 ตัวอย่างการสร้างต้นแบบผา่ นบทภาพ
(6) หนา้ สารบญั ภาพ (ต่อ) 79 91 ภาพท่ี 98 98 6.1 ภาพแสดงขัน้ ตอนการหาคณุ ภาพนวตั กรรม 99 6.2 อตั ราการยอมรบั นวตั กรรมในแตล่ ะช่วงเวลา 100 7.1 ตวั อยา่ งการจดสิทธบิ ตั รแต่ละประเภท 7.2 ตัวอย่างแบบผงั ภูมิของวงจรรวม 7.3 เปรียบเทียบเครื่องหมายการค้าแต่ละประเภท 7.4 สงิ่ บง่ ช้ที างภูมศิ าสตรข์ องแต่ละจังหวัด
สารบญั ตาราง (7) ตารางที่ หน้า 1.1 การพฒั นานวตั กรรมในยคุ ตา่ ง ๆ 9 1.2 ตัวอยา่ งของนวตั กรรมประเภทตา่ ง ๆ 14 1.3 การจำแนกประเภทนวัตกรรมตามชนิดของความรู้ท่ีใชใ้ นการสร้างนวัตกรรม 15 4.1 ข้อแตกต่างของ Mindset ในบริบททแี่ ตกต่าง 51 5.1 ตัวอยา่ งแบบฟอร์มการประเมินต้นแบบ 77 7.1 แสดงประเภทของการคุ้มครองทรัพยส์ ินทางปญั ญา 105
บทท่ี 1 ความรทู้ ั่วไปเกีย่ วกับนวตั กรรมและเทคโนโลยี นวัตกรรมและเทคโนโลยเี ปน็ แนวคิดที่เร่มิ เขา้ มามอี ิทธพิ ลต่อเศรษฐกิจและสังคมของมนุษยใ์ นยุค ปจั จุบนั อย่างมาก นวตั กรรมน้ันเปน็ การสรา้ งสรรค์สง่ิ ใหม่ ๆ และถือเป็นกลยุทธ์ทสี่ ำคญั ในการเพิ่มขดี ความสามารถขององค์การและการสรา้ งความได้เปรยี บในการแข่งขันอย่างยั่งยืน จงึ ทำให้นวัตกรรมและ เทคโนโลยีเปน็ ทยี่ อมรบั ขององค์การและธุรกจิ ต่าง ๆ ที่ได้นำเข้ามาใชเ้ พอ่ื สรา้ งความสำเร็จใหก้ ับองคก์ าร ความหมายของการจัดการนวตั กรรมและเทคโนโลยี นวัตกรรม (Innovation) มรี ากศัพทม์ าจาก innovare ในภาษาลาตินแปลว่าทำสง่ิ ใหม่ขึ้นมา ความหมายของนวตั กรรมในเชงิ เศรษฐศาสตรค์ ือการนำแนวความคิดใหม่หรือการใช้ประโยชน์จากสิง่ ทีม่ ีอยู่ แล้วมาใชใ้ นรูปแบบใหม่ เพ่ือทำใหเ้ กิดประโยชนท์ างเศรษฐกิจหรือกี่คอื การทำในสง่ิ ทีแ่ ตกตา่ งจากคนอ่นื โดย อาศยั การเปลีย่ นแปลงตา่ ง ๆ ที่เกิดขนึ้ รอบตัว ให้กลายมาเปน็ โอกาส (Opportunity) และถ่ายทอดไปสู่ แนวความคดิ ใหมท่ ี่ทำใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและสังคม สำนกั งานนวัตกรรมแห่งชาติ ไดใ้ ห้ความหมายของคำว่า นวัตกรรม (innovation) คอื ส่ิงใหม่ทีเ่ กดิ จากการใช้ความรแู้ ละความคิดสรา้ งสรรค์ทีม่ ปี ระโยชนต์ ่อเศรษฐกจิ และสังคม และหมายรวมถึงส่ิงที่เกิดขนึ้ จากความสามารถในการใช้ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะ และประสบการณท์ างเทคโนโลยหี รือการ จัดการ มาพฒั นาใหเ้ กดิ ผลติ ภณั ฑห์ รือกร่ี ะบวนการผลิต หรอื บริการใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ตลอดจนการปรบั ปรุงเทคโนโลยีการแพร่กระจายเทคโนโลยีการออกแบบผลิตภัณฑ์ และการฝกึ อบรมที่ นำมาใช้เพื่อเพ่ิมมลู ค่าทางเศรษฐกจิ และก่อให้เกดิ ประโยชน์ สาธารณะในรูปแบบของการเกดิ ธุรกิจ การลงทนุ ผปู้ ระกอบการหรือตลาดใหม่หรอื รายได้แหลง่ ใหม่ รวมทั้งการจ้างงานใหม่ นวัตกรรมจงึ เปน็ กระบวนการทเ่ี กดิ จากการนำความรู้ และความคิดสรา้ งสรรคม์ าผนวกกับความสามารถในการบริหารจัดการเพ่อื สรา้ งให้เกดิ เป็น ธรุ กจิ นวตั กรรมหรือธรุ กจิ ใหม่อันจะนำไปสู่การลงทุนใหมท่ ่ีสง่ ผลตอ่ การเพมิ่ ขีดความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศ ดร.เศรษฐชัย ชัยสนิท (2553) ใหค้ วามหมายของ นวัตกรรม (Innovation) หมายถึงการทำสิ่งตา่ ง ๆ ด้วยวิธีการใหม่ ๆ และยงั อาจหมายถึงการเปลีย่ นแปลงทางความคดิ การผลิตกระบวนการหรอื องค์กร ไม่ว่า การเปล่ียนัน้ นจะเกดิ ขึน้ จากการการพฒั นาต่อยอด การเปล่ียนแปลง การประยุกต์หรือกีร่ ะบวนการและใน
2 หลายสาขาเชอื่ ตรงกนั วา่ การท่ีสง่ิ ใดสิ่งหน่ึงจะเปน็ นวัตกรรมไดน้ ั้น จะต้องมีความใหม่อย่างเห็นได้ชดั และ ความใหม่นน้ั จะต้องเพิ่มมูลค่าส่ิงตา่ ง ๆ ได้อีกดว้ ย โดยูเป้าหมายของนวตั กรรมคือการเปลยี่ นแปลงในเชิงบวก เพ่อื ทำให้ส่ิงตา่ ง ๆ เกิดเปล่ยี นแปลงในทางทดี่ ีข้ึน นวตั กรรมกอ่ ให้ไดผ้ ลติ ผลเพ่ิมขึ้น และเปน็ ท่มี าสำคญั ของ ความมน่ั คงทางเศรษฐกิจและสงั คมของชาติ อจั ฉรา ส้มเขยี วหวาน (2549) ใหค้ วามหมายของนวตั กรรมวา่ นวัตกรรมคือความคดิ ีหรือการปฏิบัติ ใหม่ ๆ ท่ีผดิ แปลกไปจากสิ่งท่ีเคยปฏิบัติมาทงั้ หมดีหรอื การเปลยี่ นแปลงบางส่วนจากสง่ิ ท่ีเคยปฏบิ ตั มิ าก่อนท่ี เกดิ จากกระบวนการวิจยั ทีย่ งั ไม่เป็นส่วนหนึง่ ของระบบงานในปจั จบุ นั เพอ่ื จะนำมาใช้ในการปรบั ปรุง เปล่ียนแปลงการดำเนนิ งานต่าง ๆ ใหม้ ีประสิทธิภาพสูงย่ิงขึ้น สำนกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา (2546) นวัตกรรม (Innovation) หมายถึง วธิ กี ารใหม่ ๆ ที่ นำมาใช้ ซงึ่ ไม่เคยใชใ้ นหนว่ ยงาน้นั นมาก่อน อาจเปน็ วธิ กี ารใหมท่ ีใ่ ช้เป็นครัง้ แรก หรืออาจเป็นวิธีการใหมท่ ี่เคย ใชใ้ นหน่วยงานอื่นมาก่อน อำนวย เดชชัยศรี (2544) ให้ความหมายของนวตั กรรมไว้ว่า นวัตกรรมคือความใหม่ และทันสมัยซ่ึง ถกู คนพบโดยส่งิ นน้ั ไม่เคยมีมากอ่ นในโลกนเี้ พงิ่ จะมเี ป็นคร้ังแรก อีกประการหนง่ึ ส่งิ ท่ีถกู คน้ พบ ถูกเกบ็ ซ่อนไว้ โดยยงั ไมผ่ า่ นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เม่ือนำมาทดสอบหรือทดลองก็เปน็ นวัตกรรม โดยสรปุ แลว้ นวัตกรรมหมายถงึ ความคิดและกระบวนการใหม่ ๆ ท่ีไมเ่ คยมีมาก่อน หรอื การพัฒนา ดัดแปลงจากของเดิมให้ดีขึน้ และเมอื่ นำมาใช้ ทำให้งานมปี ระสิทธภิ าพมากขึน้ เทคโนโลยีคำว่า เทคโนโลยีตรงกบั ภาษาองั กฤษวา่ \"Technology\" ซงึ่ มาจากภาษากรีกว่า \"Technologia\" แปลว่า การกระทำที่ระบบ อย่างไรก็ตามคำวา่ เทคโนโลยีมักนยิ มควบคู่กับคำวา่ วิทยาศาสตร์ โดยเรยี กรวม ๆ ว่า\" วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย\"ี พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน (2539) ได้ใหค้ วามหมายของเทคโนโลยีคือวทิ ยาการท่ีเกย่ี วกับ ศิลปะในการนำเอาวิทยาศาสตร์ประยกุ ต์มาใชใ้ ห้เกิดประโยชนใ์ นทางปฏิบตั แิ ละอุตสาหกรรม ครรชิต มาลัยวงศ์ (2539) ได้ใหร้ ายละเอยี ดของคำว่าเทคโนโลยหี มายถงึ 1. องคค์ วามรดู้ ้านวิทยาศาสตร์ประยกุ ต์ 2. การประยุกตว์ ทิ ยาศาสตร์ 3. วสั ดุ เคร่อื งยนตก์ ลไกเครื่องมือ 4. กรรมวธิ แี ละวิธดี ำเนินงานทเี่ ก่ยี วกบั วทิ ยาศาสตรป์ ระยุกต์ 5. ศิลปะและทกั ษะในการจำแนกและรวบรวมวสั ดุ กล่าวอีกนยั หน่ึงเทคโนโลยี หมายถงึ ทุกสิ่งทกุ อยา่ งทีเ่ ก่ียวกบั การผลิตการสร้าง และการใชส้ ่งิ ของ กระบวนการหรืออุปกรณ์ทไี่ ม่ได้มใี นธรรมชาตินนั่ เอง
3 ธรรมนูญ โรจนะบุรานนท์ (2531) กลา่ ววา่ เทคโนโลยคี อื ความรวู้ ชิ าการรวมกับความร้วู ิธีการและ ความชำนาญที่สามารถนำไปปฏิบัตภิ ารกจิ ให้มีประสิทธภิ าพสงู โดยปกตเิ ทคโนโลยีน้นั มคี วามรู้วทิ ยาศาสตร์ รวมอยดู่ ว้ ย นั้นคอื วทิ ยาศาสตร์เปน็ ความรู้ เทคโนโลยเี ปน็ การนำความรู้ไปใช้ในทางปฏบิ ตั ิ จึงมกั นยิ มใชส้ อง คำดว้ ยกนั คือวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเน้นให้เข้าใจว่า ทั้งสองอยา่ งนต้ี ้องควบคู่กันไปจงึ จะมี ประสิทธิภาพ ชำนาญ เชาวกรี ตพิ งศ์ (2534) ใหค้ วามหมาย เทคโนโลยี หมายถงึ วชิ าที่ว่าด้วยการประกอบวัตถุเปน็ อุตสาหกรรมหรือวชิ าช่างอุตสาหกรรมหรอื การนำเอาวิทยาศาสตร์มาใชใ้ นทางปฏิบตั ิ สสวท (2544) เทคโนโลยี เป็นการนำความรู้ทกั ษะ และทรัพยากรทางเทคโนโลยมี าสรา้ งสงิ่ ของ เครอ่ื งใช้หรือวธิ ีการโดยผา่ นขบวนการเพื่อแกป้ ัญหาสนองความต้องการหรือเพม่ิ ความสามารถในการทำงาน ของมนุษย์ จากความหมายสรุปได้ว่า เทคโนโลยี หมายถึง วิชาทน่ี ำเอาวทิ ยาการทางวิทยาศาสตร์และศาสตร์ อนื่ ๆ มาประยุกตใ์ ชต้ ามความตอ้ งการของมนุษย์ ซง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั ทรงกลา่ วถึงความหมาย ของเทคโนโลยเี ป็นภาษางา่ ย ๆ วา่ หมายถงึ การรจู้ กั นำมาทำใหเ้ ป็นประโยชนน์ ่นั เอง พจนานุกรมราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2525 ไดใ้ ห้ความหมายของอุตสาหกรรมวา่ “การทำสง่ิ ของ เพื่อใหเ้ กดิ ผลประโยชน์เปน็ กำไร การประกอบธุรกจิ ขนาดใหญ่ท่ตี อ้ งใชแ้ รงงานและทุนมาก” พระราชบญั ญัติบรรษทั เงินทุนอตุ สาหกรรมแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. 2502 ใหค้ วามหมายของ อุตสาหกรรมวา่ “เป็นการประกอบอุตสาหกรรมรวมตลอดไปถึงการทำหตั ถกรรม การดำเนนิ กรรมวธิ ีและการ ซ่อมส่งิ ของ การทำเหมอื งแร่ การผลิต และการจำหนา่ ยพลังงานไฟฟา้ หรือพลังงานอย่างอ่ืน การขนส่ง อุตสาหกรรมการท่องเท่ียว การก่อสร้าง การปรับปรุงพื้นท่ีและเกษตรกรรมพาณชิ ย์” ญ่ีปนุ ซึง่ เปน็ ผนู้ ำดา้ นอุตสาหกรรมประเทศหนึ่งของโลกไดใ้ หค้ วามหมายของอุตสาหกรรมวา่ “เปน็ การงานที่เกี่ยวข้องกับการผลติ หรอื พฤติกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษยท์ ใี่ ช้แรงงานคนเข้ากระทำตอ่ ธรรมชาติ เพอื่ สร้าง และเพิ่มพูนมลู คา่ ใชส้ อยอนั ได้แก่ การเกษตร การเล้ยี งสตั ว์ การประมง การทำเหมืองแร่ การ พาณิชย์ อตุ สาหกรรมประกอบการการคา้ ระหวา่ งประเทศ เปน็ ต้น” อุตสาหกรรมเปน็ องค์กรทางธรุ กจิ ทีจ่ ดั ตั้งขน้ึ โดยมจี ุดม่งุ หมายเฉพาะและต้องพยายามท่จี ะมุ่งไปสู่ จดุ ม่งุ หมายน้นั โดยอาศยั การทำงานร่วมกนั ของกลุ่มคนซึ่งองค์กรทางธุรกจิ และอุตสาหกรรมอาจแบง่ ได้เปน็ องค์กรธรุ กจิ ทางด้านการผลิตสินคา้ และองค์กรธุรกิจทางด้านการใหบ้ รกิ ารู้องค์กรแตล่ ะประเภทดงั กลา่ ว อาจจะเป็นไดท้ ั้งองค์กรทีด่ ำเนินงานเพื่อมุง่ ผลกำไรหรืออาจจะไม่ม่งุี ผลกำไรก็เปน็ ไปได้ แต่ไม่ว่าจะเปน็ องค์กร ธรุ กจิ และอุตสาหกรรมประเภทใดจะต้องดำเนนิ ธรุ กจิ โดยมีกิจกรรมหรืองานพ้นื ฐานที่ตอ้ งดำเนินการ3 ประการได้แก่ การเงิน (finance) การผลติ หรอื การดำเนนิ การ(operations) และการตลาด (marketing)
4 ภาพที่ 1.1 กิจกรรมพืน้ ฐานของอุตสาหกรรม การดำเนนิ การหรอื การผลติ ของธุรกิจอุตสาหกรรมมหี ลายลักษณะทีแ่ ตกตา่ งกนั ดงั ต่อไปนี้ 1. ธรุ กจิ อตุ สาหกรรมท่ีมีลกั ษณะของการผลิต (production) สามารถจำแนกการผลิตไดห้ ลาย ลกั ษณะดังต่อไปน้ี 1.1 การผลิตสินค้า (goods producing) เช่น ทำฟาร์ม (farming) ทำเหมอื งแร่ก่อสรา้ ง โรงงาน อุตสาหกรรมการผลติ สินคา้ ชนิดตา่ ง ๆ องค์กรผลติ กระแสไฟฟ้า เป็นต้น 1.2 การผลติ งานดา้ นการบนั เทิง (entertainment) เช่น ธรุ กิใจเก่ียวกับวิทยุ-โทรทัศน์ คอนเสริ ต์ (concert) เกมโชว์ (game show) การบนั ทึก หรือห้องอัดเสียง เปน็ ตน้ ผลผลติ ทไี่ ดอ้ ย่ใู นรปู ของแผ่น บันทกึ เสียง รายการวิทยุ รายการโทรทศั น์ เป็นตน้ 1.3 การผลิตงานด้านติดต่อสื่อสาร (communication) เช่น หนังสอื พิมพ์ วทิ ยุ และโทรทัศน์ ดาวเทียม โทรศพั ท์ เป็นตน้ ผลผลติ เป็นไดท้ ้งั เคร่ืองมืออุปกรณ์ และวิธีการติดต่อสื่อสาร 2. ธุรกิจอตุ สาหกรรมที่มกี ารดำเนนิ การในลกั ษณะของการบริการ (service operation) (Stewenson, W. J., 1999, pp. 12 - 13) มีการบริการหลายลักษณะดงั ต่อไปนี้ 2.1 การบริการดา้ นการศึกษา (education) เชน่ โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย อาชีวศึกษา สถาบันฝกึ อบรม เปน็ ตน้ 2.2 การบรกิ ารสขุ ภาพ (health care) เช่น โรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิก ศนู ย์สขุ ภาพ สปาร์ (spar) เปน็ ต้น 2.3 การบริการรายบุคคล (personal services) เช่น ซกั อบรดี เสรมิ สวย ตกแตง่ สวน เปน็ ตน้ 2.4 ธรุ กิจการบรกิ ารเช่น บริการจดั สง่ จัดหางาน บรกิ ารข้อมูล เปน็ ตน้ 2.5 บริการดา้ นการเงิน (financial service) เช่น ธนาคาร ซื้อ-ขายหนุ้ (stock brokerages) การ ประกนั ภัย (insurance) เปน็ ต้น
5 2.6 ขายสง่ ขายปลกี (whole sale/retail) ได้แก่ ขายผา้ อาหาร เครอ่ื งใช้ไฟฟ้า ของเด็กเลน่ เครื่องเขยี น เป็นต้น 2.7 รฐั วิสาหกจิ หรอื รฐั บาล (government) ได้แก่องค์กรของรัฐบาลท่ีแบง่ เปน็ การบรหิ ารงานท่อี ยู่ใน พื้นท่สี ว่ นกลาง และการบริหารองค์กรทอี่ ยู่ในส่วนภมู ภิ าค เปน็ ต้น องค์กรธุรกจิ และอุตสาหกรรมนอกจากจะมีกิจกรรมหลกั 3 ประการได้แก่การเงนิ การผลติ / การ ดำเนินการและการตลาดแล้ว จากเหตุผลทอี่ งคก์ รทางดา้ นอุตสาหกรรมจะตองอยู่บนสภาวะของการแข่งขนั เพอ่ื ให้คงอย่ไู ด้ การผลติ /การดำเนินการไปสู่เป้าหมายขององค์กรจึงต้องมคี วามเกีย่ วข้องโดยตรงกับกจิ กรรม หรืองานตา่ ง ๆ อกี 7 ลักษณะได้แก่งานบัญชี (accounting)งานจัดซอ้ื (purchasing)งานจดั จำหนา่ ยและสง่ มอบ (distribution / delivery)งานวิศวกรรม (industrial engineering)งานซอ่ มบำรงุ (maintenance)งาน สังคมสัมพนั ธ์ (public relations) รวมท้ังงานบุคคล (personnel / human resources) ดังแสดง จากความหมายสรุปไดว้ ่า การจัดการนวตั กรรมและเทคโนโลยี เปน็ กระบวนการทำงานในองค์การการ จัดรูปแบบ การเปล่ียนแปลง การคิดสรา้ งสรรค์พฒั นาสงิ่ ที่ดกี ว่าของเดมิ ท่ีมีอยู่และสามารถนำไปใชป้ ระโยชน์ ได้ดีย่งิ ขนึ้ บรรลุตามเู ป้าหมายทว่ี ่างไว้ได้ในการประกอบธรุ กิจเพ่ือใหไ้ ดผ้ ลกำไรสงู สุดและสอดคล้องกบั ระบบ การทำงานในธรุ กจิ หรอื อุตสาหกรรมนั้น ๆ แนวคิดของนวตั กรรม (Concept of Innovation) นวตั กรรมเปน็ แนวคิดที่เรม่ิ เข้ามามีอิทธพิ ลต่อเศรษฐกิจและสังคมของมนษุ ย์ในยุคปจั จบุ ันอย่างมาก นวตั กรรมนน้ั เปน็ การสรา้ งสรรค์สงิ่ ใหม่ ๆ และถอื เปน็ กลยุทธท์ ส่ี ำคญั ในการเพิ่มขดี ความสามารถขององค์การ และการสรา้ งความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยง่ั ยนื จงึ ทำให้นวตั กรรมเป็นทย่ี อมรับขององคก์ ารและธรุ กิจ ต่าง ๆ ทไี่ ดน้ ำเขา้ มาใชเ้ พื่อสรา้ งความสำเรจ็ ใหก้ ับองค์การ ควนิ (Quinn, 2000) องค์การต้องพฒั นานวัตกรรมไมเ่ ช่นั้นนจะไมส่ ามารถอยูร่ อดได้ (Innovation or die) ในระหว่างปี ค.ศ. 1995- 2010 จะมีความคิดใหมป่ ระมาณ 2 พันลา้ นชนิดทีส่ ามารถนำมาพัฒนาเป็น นวัตกรรมของธรุ กจิ ได้ การเผชิญกบั วิกฤติการณ์เศรษฐกจิ คร้ังใหญ่ของธรุ กิจไทยเม่ือ 10 ปที ่ีผ่านมาสร้างความ เปลย่ี นแปลง และสง่ ผลอยา่ งมากมายในปัจจบุ ัน เกิดนิ ยามใหม่ตอ่ ธุรกจิ เศรษฐกจิ และอุตสาหกรรม 1. การนยิ ามอตุ สาหกรรมแต่ละอตุ สาหกรรมใหม่ 2. กำหนดตวั เองใหเ้ หนือแนวขอบของการเปลย่ี นแปลง 3. สร้างตลาดใหม่ 4. ประดษิ ฐ์ หรอื สรา้ งสรรค์ส่ิงประดิษฐ์ใหม่
6 5. กำหนดกฎการแข่งขนั ใหม่ 6. กลา้ ท้าทายและสวนกระแสกฎเกณฑเ์ ดิม เมือ่ รวมข้อความท้ัง 6 ข้อก็คือนวัตกรรมน่ นเอง ตวั อย่างนวัตกรรมของบริษทั 3 M ได้แก่ สกอ๊ ตซ์เทป (Scotch Tape) แต่เดมิ บรษิ ัท 3 M เปน็ บริษัทเหมืองแร่ และได้พฒั นาโดยการนำเมด็ ทรายมาทำ กระดาษทราย ซง่ึ การทำกระดาษทรายน้ันจำเปน็ ต้องใชก้ าว ดังนัน้ บรษิ ทั ท่ตี ้องหันมาทำการศึกษาและพัฒนา ผลติ ภณั ฑจ์ ากกาวและกระดาษ จนพัฒนาต่อเนื่องมาเป็น สกอ๊ ตซเ์ ทป ในปจั จบุ ันกลุ่มตลาดูเปา้ หมายมี 2 กลุ่ม คือกลมุ่ เี ปา้ หมายหลกั เป็นสำนักงาน และกลุม่ เี ป้าหมายรองเป็นครวั เรือน และสถานศกึ ษา มมุ มองของนวตั กรรม (Innovation) สามารถสรปุ ออกเปน็ 5 มุมมอง ได้ดังตอ่ ไปนี้ 1. มุมมองของความใหม่ มมุ มองของความใหม่ (New) นเี้ ปน็ การให้ความหมายมงุ่ เนน้ ไปยงั ความ ใหม่ ไม่ว่าจะเปน็ ผลติ ภัณฑ์หรอื กร่ี ะบวนการดังที่ Schumpeter (1961 : 6) ได้ให้คำจำกัดความของคำวา่ นวตั กรรม หมายถึง องค์ประกอบใหม่ 5 ประการดังน้ี (1) ผลติ ภัณฑใ์ หมห่ รอื คุณสมบตั ิใหม่ของผลิตภณั ฑเ์ ดิม (2) กระบวนการผลิตใหม่ที่เสนอเขา้ สู่อุตสาหกรรม (3) การเปิดตลาดใหม่ (4) การเปล่ียนแปลงองค์การใหม่ (5) การพฒั นาแหลง่ วัตถุดบิ หรอื ปจั จัยนำเขา้ ใหม่ โดยมีลกั ษณะเดน่ 2 ประการคอื ระดับ ความใหมแ่ ละมีมลู ค่าทางเศรษฐกิจสามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ นอกจากน้ี “นวัตกรรม” หมายถงึ การ นำเสนอส่ิงใหม่วธิ ีการใหม่ โดยนวัตกรรมคือการรวมตัว การผสมผสาน หรอื การสังเคราะหค์ วามรทู้ ี่มีอยู่หรอื ความรทู้ ไี่ ม่เคยมีมาก่อน ทัง้ ยังเป็นกระบวนการของการนำความคิดท่ีมีประโยชนแ์ ละเปล่ียนความคิดออกมา สรา้ ง และเพ่ิมคณุ คา่ ให้กับสินคา้ บรกิ ารและวธิ ีการดำเนนิ งาน Bijker. Hughes และ Pinch (1987: 17) ไดใ้ ห้ความหมายทีเ่ กย่ี วข้องกับการทดลองไว้ว่า เป็นการนำ วธิ ีการใหม่ ๆ มาปฏิบัติหลงั จากได้ผา่ นการทดลองหรอื ได้รบั การพฒั นามาเปน็ ขนั้ ๆ เริ่มตงั้ แต่การประดิษฐ์ การพัฒนาซึ่งอาจจะเป็นไปในรปู ของโครงการนำร่องแล้ว จงึ นำไปปฏิบตั ิจรงิ 2. มุมมองการปรับปรงุ มุมมองน้เี นน้ ที่การทำสง่ิ ทม่ี ีอย่เู ดิมใหเ้ ปน็ สิ่งใหมห่ รือเรียกว่าการปรบั ปรุง โดย Morton (1971 : 17) กลา่ วว่า นวตั กรรม หมายถงึ การปรบั ปรงุ ส่ิงเกา่ และพัฒนาศักยภาพของบุคลากร
7 ตลอดจนหน่วยงาน หรอื องค์การนวัตกรรมไม่ใชก้ ารขจดั หี รือล้มล้างสง่ิ เก่าให้หมดไป แต่เป็นการปรบั ปรุงเสรมิ แตง่ และพัฒนา ซึ่งสอดคล้องกบั ไชยยศ เร่อื งสุวรรณ (2521 : 14) ท่ีไดใ้ ห้ความหมายของนวตั กรรมไวว้ ่า หมายถงึ วิธกี ารปฏิบตั ใิ หม่ ๆ ทแี่ ปลกไปจากเดิมโดยอาจจะไดม้ าจากการคิดค้นพบวิธกี ารใหม่ ๆ ขน้ึ มาหรือมี การปรบั ปรงุ ของเกา่ ให้เหมาะสมและสิ่งทง้ั หลายเหลา่ นี้ได้รับการทดลอง พัฒนาจนเป็นที่น่าเชอื่ ถอื ได้แล้วว่า ได้ผลดใี นทางปฏิบตั ิ ทำใหร้ ะบบกา้ วไปส่จู ดุ หมายปลายทางได้อย่างมีประสิทธภิ าพ 3. มุมมองการรับร้ขู องบคุ คล นวตั กรรมนนั้ มีความหมายเมื่อบุคคลรับร้วู า่ สง่ิ น้นั เปน็ สง่ิ ใหม่ โดย Roger และShoemaker (1971: 13) ได้กลา่ วไว้วา่ นวตั กรรมเปน็ ความรวู้ ธิ ีปฏิบตั ทิ ี่ปัจเจกบคุ คลรับร้วู า่ เปน็ สงิ่ ใหม่สำหรับตนเอง ซึ่งคลา้ ยคลงึ กบั Roger (1983 : 15) ทใ่ี ห้ความหมายของนวัตกรรมไวว้ า่ คือความคดิ การ กระทำหรือวัตถใุ หม่ ๆ ซง่ึ ถูกรับรู้ และยอมรับว่าเป็นสง่ิ ใหม่ ด้วยตัวบคุ คลแตล่ ะคนหรอื หน่วยงานอื่น ๆ ส่วน Barnett (1953: 7) ได้ให้ความหมายไว้ซึ่งครอบคลมุ ส่ิงตา่ ง ๆ ท่นี อกเหนือจากวตั ถหุ รอื สง่ิ ประดษิ ฐ์ดว้ ย คือนวัตกรรมเป็นสงิ่ สามารถรบั ร้ไู ด้ดว้ ยประสาทสัมผัสทั้งหา้ เชน่ วฒั นธรรม แบบแผนพฤตกิ รรม ความเชอื่ ความศรัทธา ซ่งึ เปน็ ส่งิ ใหม่ทีเ่ กิดข้ึนในความคิดภายใต้จิตใจของ มนษุ ย์ 4. มุมมองทางเศรษฐกิจ นักวชิ าการกลุ่มน้ีจะเนน้ ว่านวัตกรรมเปน็ สงิ่ ทช่ี ว่ ยสร้างกำไรและช่วยเพิม่ การแขง่ ขนั ใหก้ ับองค์การตามท่ีKash (1989: 24) ไดก้ ล่าวว่า นวตั กรรม คือผลของข้ันตอนของการรวบรวม ความคดิ ออกแบบ พัฒนา ผลติ และใช้งาน ซ่ึงเป็นการแปลงความคิดไปส่คู วามเปน็ ไปไดจ้ ริงทางการตลาด ซึ่ง สอดคล้องกบั Vrakking (1990: 2) ทีใ่ ห้ความหมายของ คำว่านวัตกรรมไว้ว่า นวัตกรรมเป็นการสรา้ งส่งิ ใหม่ ๆ ที่มกี ารออกแบบ วางแผน และถูกสรา้ งขึน้ เพ่ือเปน็ จดุ แข็ง และความสามารถในการแข่งขันขององค์การใน ระยะยาว นอกจากน้ี Drucker (2002 : 95) ยงั ได้อธบิ ายเพิ่มเติมไว้วา่ นวตั กรรมเปน็ เคร่ืองมือท่ีมีความพเิ ศษ เฉพาะสำหรับการดำเนินกจิ การตา่ ง ๆ ขององค์การทั้งภาครัฐและเอกชน ธรุ กิจหรือกจิ การสว่ นตัว เพือ่ ให้ สามารถสร้างสรรคใ์ หเ้ กิดส่ิงใหมห่ รอื วิธกี ารใหม่ในการดำเนินกิจการต่าง ๆ โดยการใช้ทรพั ยากรท่ีมีอยู่ให้เกิด ประโยชนส์ ูงสดุ เพอ่ื ความมงั่ ค่ังในการดำเนนิ กจิ การซ่งึ สอดคล้องกับ Dundon (2002: 6) ทก่ี ล่าวว่า นวตั กรรม คือความสามารถในการสรา้ งผลกำไรจากการนำกลยุทธด์ า้ นความคิดสรา้ งสรรคไ์ ปปฏบิ ัตจิ รงิ 5. มุมมองต่อผู้บริโภค นวัตกรรมยงั มคี วามหมายเก่ยี วข้องกบั ผ้บู รโิ ภคตามท่ีAdair (1996 :1) ไดใ้ ห้ ความหมายไว้ว่า นวตั กรรมเป็นกระบวนการของทท่ี ำให้เกดิ ความคิดใหม่ ๆ เพ่ือตอบสนองความพึงพอใจของ ลกู คา้ ซ่งึ สอดคล้องกับแนวคิดของ Shepherd (1997 : 115 - 116) ที่ได้กลา่ วเอาไว้ว่า นวตั กรรมเป็นเสมอื น อุปทานที่ออกมาจากความคดิ สรา้ งสรรค์ และความฉลาดของผูป้ ระกอบการในการสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ท่ีมี ความหลากหลายและกา้ วหน้ำข้ึนให้กบั ผบู้ ริโภค และเป็นกิจกรรมทถี่ ูกคาดหวงั วา่ จะสามารถทำให้เกดิ ส่วนเกิน ของผู้บรโิ ภคสงู สดุ นวัตกรรมจึงรวมถงึ นยั ของความผันแปรใหเ้ กดิ ความทนั สมัยมากกว่าจะเปน็ เพยี งในลักษณะ
8 ของการสรา้ งขึ้นมาแล้วหยดุ น่ิง ความสำคัญของนวัตกรรม นวตั กรรมจะไมใ่ ช้สิ่งที่จำเป็นเลย ถ้าหากว่าการดำเนนิ ชีวติ ของ บุคคลไม่ประสบกบั ปญั หา ไมต่ ้องการ ในสิ่งทีด่ กี ว่าหรอื มคี วามพงึ พอใจในสิง่ ที่มีส่งิ ทเี่ ปน็ และการดำเนินงานขององค์การก็ไม่จำเป็นตอ้ งสรา้ งสรรค์ นวัตกรรมใด ๆ เลย ถา้ หากว่าไม่มีปัญหาอปุ สรรคในการดำเนนิ งาน หรือต้องการผลิตภัณฑ์ และบริการที่ ดกี ว่ามปี ระสทิ ธภิ าพสงู กวา่ ประหยดั เวลา ประหยดั ค่าใชจ้ า่ ย และสร้างผลกำไรไดม้ ากกว่า แต่การดำเนนิ ชวี ิต ของบุคคล และการดำเนนิ งานขององค์การต้องการสง่ิ ใหม่ทีด่ ีกว่าสิ่งเกา่ อยเู่ สมอ ความต้องการน้ีเองจงึ เป็น ปจั จยั ในการสรา้ งนวัตกรรมให้เกดิ ขึน้ พอรต์ เตอร์ (Michael Porter) ได้กล่าวถึงความจำเปน็ ที่ต้องมีนวตั กรรมไว้ว่า “Innovation is one step remove from today's prosperity. Innovation drives the rate of long run productivity growth enhance future competitiveness.” ซ่ึงอาจกลา่ วโดยสรุปไดว้ า่ “นวตั กรรมเป็นการกา้ วไปจาก ความม่งั ค่ังในปัจจุบนั อีกกา้ วหน่งึ และนวัตกรรมจะเปน็ สงิ่ ผลักดนั ให้มกี ารเตบิ โตของผลติ ภัณฑ์ในระยะยาว และสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั ในอนาคต” คำกล่าวของ Michael Porter ขา้ งต้นแสดงให้เหน็ วา่ สาเหตุ ของการเกดิ นวัตกรรมน้ัน นอกจากเกิดจากการผลักดันของการเปลีย่ นแปลงทเี่ กิดขึน้ ในระดบั มหภาค และ ระดบั จลุ ภาคแลว้ การแข่งขันในเชิงธุรกิจกเ็ ปน็ อีกปจั จยั ในการสร้างหรอื ก่อใหเ้ กดิ นวัตกรรมไดเ้ พราะการสร้าง นวัตกรรมถือได้ว่าเป็นจดุ แขง็ และเป็นโอกาสขององคก์ ารทีจ่ ะสร้างความไดเ้ ปรยี บเม่อื เปรยี บเทียบกับคแู่ ขง่ ขนั ในพนั ธกิจเดียวกัน ไม่ว่าจะเปน็ องค์การทแี่ สวงหาผลกำไรหรือองค์การไม่แสวงหาผลกำไร (องค์กรภาครัฐ และองคก์ รอน่ื ๆ) ววิ ัฒนาการนวตั กรรม นวตั กรรมเกดิ ข้นึ มาในสงั คมเศรษฐกิจของมนุษยม์ าเป็นเวลานานซง่ึ ได้มวี วิ ฒั นาการและการ เปลี่ยนแปลงในแตช่ ว่ งเวลาหรือยคุ สมัย เพ่ือใหเ้ กดิ ความเหมาะสม และเปน็ ประโยชน์สูงสดุ ในสภาพสังคมและ เศรษฐกิจ ซงึ่ Freeman และSoete (1997 : 153) ไดส้ รุปใหเ้ หน็ การเปลีย่ นแปลงของนวัตกรรมในยุคก่อน การปฏิวัติอตุ สาหกรรมจนถงึ ปัจจบุ นั โดยแบง่ ออกเปน็ 5 ยุค แสดงใหเ้ ห็นดงั นี้
9 ตารางท่ี 1.1 การพฒั นานวัตกรรมในยคุ ต่าง ๆ แหลง่ ท่ีมา : Freeman และSoete, 1997 : 153 ชว่ งเวลา การพฒั นานวัตกรรม ภาคอุตสาหกรรมท่ี ลกั ษณะขององคก์ ารทาง 1770 - 1840 เศรษฐกิจ 1840 - 1890 สำคญั ผปู้ ระกอบการขนาดเลก็ และ 1890 - 1930 บรษิ ทั ขนาดเล็ก 1930 - 1970 การพฒั นาระบบกลไก อุตสาหกรรมทอผา้ บริษทั ขนาดเล็ก และ เรม่ิ มีบริษัทขนาดใหญ่ ทางกลศาสตร์ บรษิ ทั ยกั ษใ์ หญ่ทั้งภาพ รฐั และเอกชน การพฒั นาพลังงานไอน้ำ อุตสาหกรรมขนสง่ การ บรษิ ัทข้ามชาติ บรษิ ทั ลงทนุ ขนาดใหญ่ เดนิ รถไฟ การพัฒนาอุตสาหกรรม อตุ สาหกรรมเหล็ก และไฟฟ้า เคมไี ฟฟ้า การพฒั นาอตุ สาหกรรม อุตสาหกรรมการผลิต การผลติ ขนาดใหญ่ รถยนต์ เครื่องบิน สินค้าอุปโภคบริโภค การสังเคราะหว์ ัตถุดบิ ลกั ษณะของนวัตกรรม เน่อื งจากนวตั กรรมเป็นสงิ่ ใหมท่ ีเ่ กดิ ขน้ึ จากการใช้ความรู้ และความคดิ สรา้ งสรรคท์ เ่ี ปน็ ประโยชนท์ ง้ั ในทางเศรษฐกจิ และสงั คมตอบุคคล และองค์การสิง่ ใหมน่ ้ีอาจเปน็ ความคิดการผลิตกระบวนการหรือองคก์ าร กไ็ ด้ สิ่งใหม่ทเ่ี กดิ ขน้ึ น้ีอาจเกดิ จากการเปลีย่ นอย่างชนดิ ท่ีไม่เคยเกดิ ข้นึ มาก่อน หรอื เกิดจากการพัฒนาใน ลักษณะต่อยอดจากความรู้ที่มอี ยเู่ ดิมกไ็ ด้ ดงั นัน้ เม่ือกลา่ วถึงนวตั กรรมจะมีลักษณะเฉพาะ ดังน้ี 1. เป็นสิง่ ใหมท่ เี่ กิดจากการใช้ความรู้ ความรเู้ ป็นสง่ิ ท่ีทำใหเ้ กดิ นวตั กรรม โดยอาจเป็นความรทู้ ีไ่ ด้รบั การถา่ ยทอดจากบคุ คลอน่ื เช่น การท่บี คุ คลได้รับความรู้ ความร้จู ากการปฏบิ ัตงิ าน การสอนงานของ ผูบ้ ังคับบญั ชา ความรู้เกิดจากประสบการณ์การทำงาน ความร้ทู ีไ่ ด้จากการวจิ ยั ทดลอง ความรจู้ ากการ ประดิษฐ์ คดิ ค้นสิง่ ใหมห่ รือความรู้ทีม่ ีปรากฏอยู่ในแหลง่ ความร้ภู ายนอกองคกร และองคก์ รไดน้ ำมาใช้ ความรู้จากแหล่งความรู้ตา่ ง ๆ ดงั กล่าวน้ีกอ่ ให้เกิดเป็นนวตั กรรมได้ 2. เป็นสิ่งใหม่ทเ่ี กิดจากการใชค้ วามคดิ สรา้ งสรรค์ เปน็ ความสามารถทางสมองอย่างหน่ึงของมนุษย์
10 เป็นความสามารถท่ีจะคิดไดท้ ั้งในมุมกวา้ ง และมุมลกึ หรือเปน็ ความคิดที่แตกต่าง ซง่ึ ลกั ษณะความคดิ เช่นน้ี จะนำไปสู่การคิดประดษิ ฐ์ สิ่งแปลกใหม่ รวมถึงการคดิ ค้นพบวิธีการแก้ปัญหาไดส้ ำเรจ็ อีกดว้ ย และความคดิ สรา้ งสรรค์น้ี จะประกอบดว้ ยความคล่องในการคิด (Fluency) ความคิดยดื หย่นุ (Flexibility) และความคดิ แปลกใหม่ (Originality) บคุ คลทมี่ ีความคิดสร้างสรรคจ์ ะต้องเปน็ คนกล้าคิดไมห่ วาดกลัวต่อการถูก วพิ ากษว์ ิจารณ์ และเป็นคนที่มีอิสระในการคิดซ่งึ นวตั กรรมมากมายที่เกดิ ขึน้ จาการสร้างสรรค์ของมนษุ ย์ 3. เปน็ สิ่งใหมท่ เ่ี กดิ ข้นึ เปน็ ประโยชนต์ ่อเศรษฐกจิ นวัตกรรมทพ่ี ัฒนาขึ้นจะต้องเปน็ สง่ิ ท่ีสามารถ นำไปใชป้ ระโยชนใ์ นทางเศรษฐกิจได้ สามารถสรา้ งสรรค์สง่ิ ทเ่ี ปน็ ผลิตภณั ฑ์ และบริการที่มีมูลคา่ เพิม่ ดว้ ย วธิ ีการต่าง ๆ เช่น การออกแบบ การหีบหอ่ บรรจภุ ณั ฑ์ คุณภาพของสนิ คา้ และบริการทม่ี ีความแตกตา่ ง และ ดกี ว่าคูแ่ ข่งได้ นวัตกรรมท่เี ป็นประโยชน์ตอ่ เศรษฐกจิ น้ี จะเป็นส่ิงจงู ใจให้เกดิ นวตั กรรมได้มากกวา่ 4. เป็นสงิ่ ใหม่ทเ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ สังคม นวตั กรรมทเ่ี กิดขนึ้ จะตอ้ งเป็นประโยชน์แก่คนในสังคมเป็น นวัตกรรมท่ีช่วยยกระดับมาตรฐานในการครองชพี ของคนในสังคมให้ดีข้นึ 5. เป็นสิ่งใหมท่ ่ีเป็นประโยชน์ตอบุคคล นวัตกรรมทเี่ กิดขน้ึ จะต้องเปน็ ประโยชนต์ อบุคคลท่ีจะทำให้ บคุ คลไดร้ ับความสะดวกสบายเพิ่มมากข้นึ และช่วยทำใหค้ นในสังคมมีคณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ขี ึ้น 6. เปน็ ส่ิงใหมท่ ่เี ปน็ ประโยชน์ตอ่ องค์การนวตั กรรมทเี่ กดิ ข้ึนจะตอ้ งชว่ ยใหก้ ารดำเนินงานขององค์การ มีประสิทธภิ าพมากขึ้น สามารถดำเนนิ งานไดบ้ รรลูุเป้าหมาย นวตั กรรมในลักษณะนี้ ไดแ้ ก่ การรอ้ื ปรับระบบ (re-engineering) การจดั การคณุ ภาพท่ัวท้งั องค์การ (Total Quality Management) เป็นตน้ 7. เป็นสิ่งใหม่ท่ีเปน็ นวัตกรรมทเ่ี ป็นความคิด เชน่ “วิถแี หง่ โตโยต้า” หรือ The Toyota Way เป็น ปรัชญาการทำงานพฤตกิ รรมนิยม และวฒั นธรรมการทำงานขององค์กร การปลูกฝงั จนให้กลายเป็น DNA (คำสัง่ พนั ธุกรรม ซ่งึ ถูกใช้ในพัฒนาการและการทำหนา้ ทขี่ องสงิ่ มชี ีวติ ทกุ ชนิด) ของพนักงานทุกคนมี หวั ใจ สำคัญ 5 ประการได้แก่ความทา้ ทาย (Challenge) ไคเซน็ (Kaizen) เก็นจิเกน็ บตุ ซึ (Genchi Genbutsu) การ ยอมรับนบั ถือ (Respect) และการทำงานเปน็ ทีม (Teamwork) 8. เปน็ สง่ิ ใหมท่ ีเ่ ปน็ การผลติ นวัตกรรม จะต้องเปน็ ผลิตภณั ฑ์ และบรกิ ารใหมท่ ีส่ ามารถผลติ ให้เกดิ ขน้ึ ได้ใชป้ ระโยชน์ได้ ทั้งในระดับบคุ คล และองค์การนวตั กรรมผลิตภณั ฑ์เป็นนวตั กรรมท่เี ก่ียวกับการพัฒนาและ นำเสนอผลิตภณั ฑใ์ หม่อาจเป็นด้านเทคโนโลยหี รือวธิ ีการใช้ใหม่ที่สะดวกมากกว่าใชไ้ ด้งา่ ยกว่า ตลอดจนการ ปรับปรุงผลติ ภัณฑห์ รอื บริการที่มีอยู่เดิมใหม้ ีคณุ ภาพ และประสิทธิภาพเพ่ิมสงู ขนึ้ เชน่ บริษทั Apple Inc. ผลติ สินคา้ เพือ่ การสือ่ สาร และการบนั เทิง เช่น iPhone iPad และiPod จำหนา่ ยในตลาดสนิ ค้าไอที เป็นต้น 9. เปน็ สิ่งใหม่ทเ่ี ปน็ กระบวนการอาจเปน็ กระบวนการดำเนินงานขององค์การหรือกร่ี ะบวนการ ปฏบิ ตั งิ านของบคุ ลากรกไ็ ด้ นวัตกรรมในลักษณะน้ี จะเกดิ จากการประยุกต์ใช้แนวคดิ วธิ กี ารหรอื กร่ี ะบวนการ ใหม่ท่ีทำใหก้ ระบวนการผลิต และการทำงานโดยรวมมีประสทิ ธภิ าพสูงขึ้น เช่น กระบวนการด้านการผลิต
11 สินค้าสำหรับการจำหน่ายในบริษทั เอ็มเคเรสโตรองต์ จำกัด ไดแ้ บ่งข้นั ตอนการทำงาน 5 ขั้น ตอน ได้แก่ 1) การวางแผนการผลติ โดยฝุ ่ายผลิตจดั ทำแผนการผลิตสินคา้ ตามความตอ้ งการทเ่ี กดิ ข้ึนใน แตล่ ะเดือน โดยแผนการผลติ จะทำการประมาณการล่วงหน้าเป็นปีตอ่ ปี และหากมคี วามต้องการเพ่ิมขึน้ ก็จะ ทำการปรับปรมิ าณสินค้าในแต่ละช่วงเวลา 2) เบิกวตั ถดุ บิ เข้าไลน์ผลิตฝา่ ยผลิตจะแจ้งจำนวนสนิ ค้าท่ตี ้องการใหฝ้ า่ ยคลงั สนิ ค้าทำการ เบกิ วัตถุดิบและสง่ ให้ฝา่ ยผลิต 3) ผลิตสนิ คา้ นำวตั ถดุ บิ ทเี่ บิกแลว้ เขา้ สกู่ ระบวนการผลติ ซึ่งมกี ารใช้ทรัพยากร ทัง้ เคร่ืองจักร และมนุษย์ในการผลติ สนิ คา้ ซึ่งขน้ั ตอนการผลิตสินคา้ น้ี จะขึ้นอยู่กับชว่ งการผลิตน้นั ๆ 4) ควบคุมคุณภาพสินค้าระหว่างดำเนินการกระบวนการผลิตสนิ คา้ จะมเี จา้ หนา้ ทฝี่ า่ ยควบ คุมคุณภาพคอยตรวจสอบในแตล่ ะขั้นตอน ตงั้ แต่คณุ ภาพวัตถดุ บิ ก่อนเขา้ สู่กระบวนการตลอดจนตรวจสอบ ความสมบรู ณ์ผลผลิตท่ีได้ในแตล่ ะขนั้ ตอน เพ่ือใหส้ นิ ค้าทถ่ี ึงมอื ผบู้ ริโภคมีคุณภาพทีด่ ีทส่ี ดุ 5) จัดเกบ็ สินค้าเขา้ คลัง หลังจากผลิตสินค้าได้ตามมาตรฐานท่ีกำหนดแลว้ ฝา่ ยผลิตจะสง่ สนิ คา้ เหล่าน้ไี ปยงั ฝุ ายคลังสินคา้ เพ่ือเข้าสู่กระบวนการจดั เก็บก่อนกระจายสินค้าไปสาขาต่าง ๆ กระบวนการ ดงั กล่าวน้ี ทำใหบ้ ริษัทแหง่ น้ี สามารถจดั สง่ สนิ คา้ และสามารถบริการลูกค้าดา้ นคณุ ภาพอาหาร และการ บริการในระดับคณุ ภาพทุกสาขาทว่ั ประเทศ 10. เปน็ สิ่งใหม่ท่เี ป็นองค์การนวัตกรรม ประเภทนี้ ได้แก่องคก์ ารในรูปแบบใหม่ เช่น องค์กร ภาครฐั บางแห่งอาจจดั ตั้งหน่วยบรกิ ารรูปแบบพิเศษ (องั กฤษ : Service Delivery Unit : SDU) ซึ่งมีองคป์ ระกอบ ของลักษณะงานที่ 1) มีลักษณะงานเป็นการใหบ้ ริการ 2) สามารถดำเนินการได้อยา่ งชัดเจนภายใตก้ รอบนนโยบายทก่ี ำหนดข้นึ 3) มีความสมั พันธเ์ ชื่อมโยง และสร้างภาระรบั ผดิ ชอบต่อหนว่ ยงานแมต่ น้ สังกดั ได้ 4) สามารถวดั ผลสมั ฤทธิ์ได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม 5) มขี นาดทเ่ี หมาะสมเพยี งพอตอ่ การแยกสว่ นออกมาจากหนว่ ยงานแม่ตน้ สงั กัด 6) ไม่มีผลกระทบอย่างมนี ยั สำคัญเก่ยี วกับการเปลยี่ นแปลงทางการเมือง 11. เป็นสิง่ ใหม่ที่เกดิ จากการเปล่ยี นแปลงอยา่ งชนดิ ท่ีไม่เคยเกดิ ขึ้นมาก่อน เปน็ นวัตกรรมทถ่ี ือไดว้ า่ เปน็ การปฏิวตั ิ โดยเปลีย่ นจากสิ่งทม่ี ีอยูเ่ ดิมเป็นส่ิงใหมท่ ่ีแตกต่างไปอย่างส้ินเชงิ เช่น การผลิตกล้องถา่ ยรูป ดจิ ิทลั ท่ีเปล่ยี นมาจากกลอ้ งถ่ายรปู ท่ใี ช้ฟลิ ์มที่เคยมีมาแต่เดิม 12. เปน็ สิง่ ใหม่ทเี่ กดิ จากการพัฒนาในลกั ษณะต่อยอดจากความรู้ทม่ี ีอยู่เดมิ เปน็ นวตั กรรมท่ีสรา้ งข้ึน โดยการเปลี่ยนแปลงจากการพฒั นาจากพนื้ ฐาน แนวคิดการออกแบบผลติ ภัณฑ์หรือกร่ี ะบวนการท่มี ีอยเู่ ดิม
12 เชน่ ระบบปรบั อากาศ Mitsubishi electric inverter multi spit system ของบริษทั มิตซูบิชอิ ิเลคทริคกังยง วฒั นา จำกดั ทใ่ี ชช้ ุดตดิ ตั้งภายนอกเพยี งชดุ เดยี วเชื่อมต่อกับชุดตดิ ตั้งภายในได้มากถึง 3 ยนู ติ ชว่ ยให้ประหยดั ไดม้ ากกวา่ เปน็ ต้น 13. เปน็ นวตั กรรมใหม่อย่างสิ้นเชิง (Radical Innovation) หมายถึง ขบวนการเสนอสิ่งใหม่ท่ีใหม่ อยา่ งแท้จริงสสู่ งั คม โดยการเปลย่ี นแปลงคา่ นยิ ม (value), ความเชือ่ (belief ) เดิม ตลอดจนระบบคุณคา่ (value system) ของสังคมอยา่ งส้ินเชิง ตวั อย่างเช่น อนิ เทอร์เนต็ (Internet) จัดว่าเป็นนวตั กรรมหนึง่ ในยคุ โลกขอ้ มูลข่าวสาร การนำเสนอระบบอินเทอร์เน็ต ทำใหค้ า่ นิยมเดิมท่ีเชื่อวา่ โลกขอ้ มลู ข่าวสารจำกดั อยใู่ นวง เฉพาะท้งั ในดา้ นเวลา และสถานทน่ี ้ันเปล่ยี นไป อนิ เทอร์เน็ตเปดิ โอกาส ให้ความสามารถในการเข้าถงึ ข้อมูลไร้ ขดี จำกัด ท้ังในดา้ นของเวลา และระยะทาง การเปล่ยี นแปลงในคร้ังนี้ ทำให้ระบบคุณค่าของข้อมูลขา่ วสาร เปลีย่ นแปลงไป 14. เปน็ นวตั กรรม ที่มลี กั ษณะค่อยเป็นค่อยไป เปน็ ขบวนการการคน้ พบ (discover) หรือคิดค้นสง่ิ ใหม่ (invent) โดยการประยุกตใ์ ชแ้ นวคดิ ใหม่ (new idea) หรือความรใู้ หม่ (new knowledge) ท่ีมีลักษณะ ต่อเนอ่ื งไมส่ นิ้ สดุ ของมนษุ ย์ และการคน้ ค้น เทคนคิ (technique) หรอื เทคโนโลยี (technology) ใหม่ นวตั กรรมท่ีมลี กั ษณะค่อยเป็นค่อยไป จึงมลี ักษณะของการสะสมการเรยี นรู้ (cumulative learning) อย่ใู น บรบิ ทของสังคมหนึ่ง ในปจั จุบันสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เพราะผลของขบวนการโลกาภิวัตน์ ทำให้ สังคมมลี ักษณะไร้ขอบเขต (borderless) เปน็ สงั คมของชาวโลกท่มี ีความหลากหลายทางด้านสังคมวฒั นธรรม และการเมืองสง่ ผลใหน้ วตั กรรม มีแนวโนม้ ทจ่ี ะเปน็ ขบวนการค้นพบใหม่อยา่ งต่อเน่ืองในระดบั นานาชาติ มากกว่าทจี่ ะเป็นนวตั กรรมใหม่โดยสน้ิ เชงิ สำหรับสังคมหนึง่ ขอ้ สังเกตเก่ียวกบั ส่ิงทถี่ ือวา่ เปน็ นวัตกรรม 1. เปน็ ความคิดและกระบวนการกระทำใหมท่ ้งั หมดหี รือปรับปรงุ ดดั แปลงจากที่สิง่ ทเ่ี คยมี นำมา ปรับปรุงใหมใ่ หด้ ียงิ่ ขน้ึ 2. ความคดิ ีหรอื การกระทำมีการพสิ ูจน์ดว้ ยการทดลองวจิ ัย ดำเนินงานมปี ระสิทธภิ าพสงู ขนึ้ 3. มีการนำวิธีระบบมาใช้อย่างชัดเจนโดยพิจารณาองคป์ ระกอบท้ัง 3 ส่วน คอื ข้อมลู กระบวนการ และผลลพั ธ์ 4. ยงั ไมเ่ ปน็ สว่ นหนึง่ สว่ นใดของระบบงานในปจั จุบนั หลัสำคญั ญในการพิจารณาวา่ เปน็ นวัตกรรมจาก ความหมายของคำว่านวตั กรรมจะเหน็ ว่านักการศึกษาแตล่ ะท่านไดใ้ หค้ วามหมายไว้ แตกตา่ งกนั แตพ่ อจะมี เกณฑ์ใหเ้ ราพิจารณาได้วา่ ส่ิงใดเป็นนวัตกรรมหรือไม่ โดย ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ ได้ให้เกณฑใ์ นการพิจารณาสิ่งท่ี
13 จะถือว่าเปน็ นวัตกรรมไวด้ ังน้ี 1) จะต้องเป็นสงิ่ ใหม่ทง้ั หมดีหรือบางส่วน 2) มีการนำวธิ ีการจัดระบบมาใช้ โดยพิจารณาองคป์ ระกอบทง้ั ส่วนข้อมลู ท่ีใส่เขา้ ไป กระบวนการ และผลลัพธ์ ใหเ้ หมาะสมกอ่ นทจี่ ะทำการเปลี่ยนแปลง 3) มีการพสิ ูจนด์ ้วยงานวจิ ัยว่าชว่ ยให้การดำเนินงานบางอย่างมปี ระสทิ ธิภาพสงู ข้ึน 4) ยงั ไม่เปน็ ส่วนหนงึ่ ของระบบงานในปจั จุบนั หากกลายเป็นสว่ นหนง่ึ ของระบบงานทีด่ ำเนนิ อย่ใู น ขณะน้ี ไมถ่ ือว่าเป็นนวัตกรรม หลสั ำคัญญในการนำนวตั กรรมเข้ามาใช้ในสถานที่ใดสถานท่หี น่งึ น้นั จำเป็นท่ี จะตอ้ งมีการพจิ ารณาอย่างรอบคอบถึงประโยชนท์ จี่ ะได้รับ ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ความคุ้มค่าของ การนำมาใช้โดยคำนึงถงึ สง่ิ ต่าง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี (กดิ านนท์ มลิทอง. 2541 :246) 1. นวตั กรรมท่ีจะนำมาใช้น้นั มีจดุ เดน่ ทเี่ หน็ ไดช้ ัดกี ว่าวสั ดุ อปุ กรณ์ หรือวิธีการทใ่ี ช้อยู่ในปัจจบุ นั มากน้อยเพยี งใด 2. นวัตกรรมนนั้ มคี วามเหมาะสมหรอื ไม่กับระบบหรือสภาพทเ่ี ป็นอยู่ 3. มีการวิจยั หรอื กี่รณีศึกษาทย่ี นื ยันแนน่ อนแลว้ วา่ สามารถนำมาใช้ไดด้ ใี นสภาวะการณท์ ่ีคลา้ ยคลึง กันนี้ 4. นวตั กรรมนัน้ มีความเกย่ี วข้องกับความต้องการของผใู้ ช้อยา่ งจริงจงั สถานะของนวัตกรรม 1. ความคดิ หี รอื การปฏิบตั ิใหมน่ ้ัน อาจเกา่ มาจากท่ีอ่นื และเหมาะทจี่ ะนำมาปฏบิ ัตกิ ับสถานทน่ี ี้ใน สถานการณ์ปจั จุบนั 2. ความคดิ ีหรอื การปฏบิ ตั ิใหม่น้นั ครงั้ หนึ่งเคยนามาใช้ แต่ไม่ไดผ้ ลและลม้ เลิกไปเนื่องจากเกิดปัญหา ต่าง ๆ และความไม่พร้อมในระยะน้นั แต่ในสภาพปัจจุบนั ความคิดหี รอื การปฏบิ ตั ิใหม่นน้ั เหมาะสมท่ีจะ นำมาใช้ อีกคร้ังหน่ึง 3. ความคดิ ีหรือการปฏิบตั ใิ หมน่ ั้นมีความสอดคล้องและเหมาะสมกับการปฏิบัติงาน เพื่อแก้ปัญหา บางอยา่ งและจะชว่ ยใหบ้ รรลตุ ามเู ป้าหมายทกี่ ำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. ความคดิ หี รือการปฏิบัติใหมน่ ั้นถกู ปฏเิ สธมาครั้งหน่ึงแล้ว อาจเนื่องมาจากผู้บรหิ ารไม่สนับสนนุ หรอื มเี จตคติทไี่ ม่ดีต่อความคิดีหรือการปฏิบตั ใิ หมน่ ้ัน ต่อมาผบู้ ริหารได้เปล่ยี นเจตคติไปในทางท่ดี หี รือมีการ เปลีย่ นแปลง ผบู้ ริหารใหม่ ทำใหค้ วามคดิ หี รือการปฏิบตั ใิ หมน่ ัน้ ไดร้ บั การสนบั สนุนนำกลับมาใช้
14 5. ความคดิ หี รือการปฏิบัติใหม่ทีไ่ ม่เคยมีใครคดิ หี รือปฏบิ ัติมาก่อน เปน็ สิ่งท่ไี ดร้ ับการคิดคน้ ได้เป็นคน แรก ประเภทของนวัตกรรม ตามปกติแลว้ สามารถจำแนกนวตั กรรมออกไดห้ ลายประเภท แล้วแต่ว่าใชส้ ง่ิ ใดเป็นเกณฑใ์ นการ จำแนกประเภท เชน่ การจำแนกประเภทของนวัตกรรมตามการนำไปใช้ การจำแนกโดยพจิ ารณาจากการใช้ นวัตกรรมเพ่ืออะไร และจำแนกตาระดบั บความแปลกใหม่ของนวัตกรรม 1. การจดั แบ่งประเภทนวตั กรรมตามการนำไปใช้ประโยชน์ สามารถแบง่ เป็น 3 ประเภท ได้แก่ นวตั กรรมด้านผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมด้านการบรกิ ารและนวัตกรรมดา้ นกระบวนการ 1.1 นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (product innovation) เป็นนวัตกรรมทีเ่ ป็นวตั ถุสิ่งของที่สามารถ จบั ต้องไดเ้ ชน่ โทรศัพทเ์ คล่อื นที่รถยนต์ เครอ่ื งเลน่ เพลงแบบพกพา เช่น iPod เปน็ ต้น 1.2 นวตั กรรมบริการ(service innovation) เปน็ นวตั กรรมทส่ี ร้างขนึ้ เพ่ือผู้ใหแ้ ละ ผรู้ บั บริการได้รบั บริการทส่ี ะดวกรวดเร็ว และใช้ประโยชนไ์ ด้กวา้ งขวางย่งิ ข้ึน เช่น เว็บไซต์ เครือข่าย ทาง สงั คม Face bookของมาร์ค ซัคเคอร์เบอร์ก 1.3 นวัตกรรมกระบวนการ(process innovation) นวัตกรรมประเภทน้ี เกดิ จากการพัฒนาระบบการ ดำเนนิ งานอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ เพื่อใหเ้ กิดประสิทธภิ าพในการดำเนินงาน เช่น การทเ่ี ฮนรี ฟอร์ด พฒั นา นวตั กรรมการประกอบรถยนตแ์ บบสายพานการผลิตแบบเคล่อื นทท่ี ำใหส้ ามารถผลิตรถยนตฟ์ อร์ดโมเดล ได้ จำนวนมากในระยะเวลาสน้ั ๆ ตารางที่ 1.2 ตัวอย่างของนวัตกรรมประเภทตา่ ง ๆ แสดงได้ ดงั ตารางต่อไปน้ี ประเภทนวัตกรรม นวตั กรรม ผู้สรา้ งนวัตกรรม ประเทศ ผลิตภณั ฑ์ -ไอพอด - ปเี ตอร์ วดู - อังกฤษ บริการ -ปากกาลกู ลื่น - มารค์ ซัคเคอรเ์ บอร์ก - สหรัฐอเมริกา - เวลโคร (ตีนต๊กุ แกทใี่ ช้ยึดผา้ ) - ทมิ เบอร์เนอร์ -ลี - อังกฤษ - เมาสค์ อมพวิ เตอร์ - เฮบิ เคลเนอร์ /อาร์ คิง - สหรฐั อเมรกิ า - การประกนั โทรศัพท์ - ปีเตอร์ วูด - องั กฤษ - เวบ็ ไซตเ์ ครือข่ายทางสงั คม - มาร์ค ซคั เคอร์เบอร์ก - สหรฐั อเมริกา
15 กระบวนการ - เวลิ ดไ์ วด์เว็บ - ทิม เบอรเ์ นอร์ -ลี - องั กฤษ - สายการบนิ ทต่ี ดั สง่ิ ฟุมเฟือย - เฮิบ เคลเนอร์ /อาร์ คงิ - สหรฐั อเมริกา (No Frills airline) - การประกอบรถยนต์แบบ - เฮนรี ฟอรด์ - สหรัฐอเมริกา สายการผลติ แบบเคลื่อนที่ - อลสิ แตร์ พลิ คงิ ตัน - องั กฤษ -กระจกโฟล๊ท (FLOAT GLASS) - เฟรด สมิธ - สหรัฐอเมรกิ า - การรวมศนู ยเ์ พ่ือประสาน - IBM/American - สหรัฐอเมรกิ า ระบบการขนส่ง Airlines - การสำรองท่นี ัง่ เครือ่ งบินผ่าน คอมพวิ เตอร์ 2. การจัดแบ่งประเภทนวัตกรรมตาระดับบความแปลกใหม่ของนวตั กรรม เฮนเดอร์ สนั และคารก์ กลา่ ววา่ การจะพัฒนานวตั กรรมได้นั้น เกดิ จากชนิดของความรู้ 2 ชนิด คือความรู้ทเี่ ป็นองค์ประกอบ (Component knowledge) ไดแ้ ก่ แนวคิดการออกแบบท่ีเปน็ แกน และความรูท้ เี่ ป็นระบบ (system knowledge) ไดแ้ ก่ ความรทู้ ี่เปน็ สถาปตั ยกรรม ซึ่งความรู้ทง้ั 2 ชนดิ นี้มีสว่ นสำคัญท่ใี ชใ้ นการสรา้ งนวตั กรรม เมื่อนำเอาความรู้ทง้ั 2 ชนิด ดังกลา่ วมาสร้างเป็นกรอบ เพ่ือใชใ้ นการจำแนกประเภทนวัตกรรมแล้ว สามารถ จัดแบง่ นวตั กรรมออกได้เป็น 4 ประเภท แสดงไดต้ ่อไปนี้ ตารางท่ี 1.3 การจำแนกประเภทนวตั กรรมตามชนิดของความรู้ท่ใี ชใ้ นการสร้างนวตั กรรม องค์ประกอบหรอื แนวคิดท่เี ป็นแกน ระบบ/ความเชื่อมโยง ไมเ่ ปลยี่ นแปลง การสนับสนนุ การทำลายล้าง นวัตกรรมสว่ นเพ่ิมหรอื นวตั กรรมทป่ี ระกอบด้วยหน่วย นวตั กรรมในลกั ษณะค่อยเปน็ แยกตา่ ง ๆ ท่สี ามารถรวมกนั ได้ ค่อยไป เปลย่ี นแปลง นวตั กรรมสถาปัตยกรรม นวตั กรรมเกดิ จากการ เปลย่ี นแปลงถงึ รากฐาน
16 จากตารางท่ี 1.3 สามารถแบง่ นวัตกรรมได้เปน็ 4 ประเภท ได้แก่ 1. นวตั กรรมสว่ นเพม่ิ (Incremental innovation) เปน็ นวัตกรรมท่ีเกือบจะไม่มกี ารเปลีย่ น แปลง หากมีการเปล่ยี นแปลงจะเกดิ ขึ้นในลกั ษณะคอ่ ยเปน็ ค่อยไป หรือการเปลย่ี นแปลงเลก็ น้อย เปน็ นวัตกรรมท่ีมี การพัฒนาหรือปรบั ปรงุ สนิ ค้าหรือบริการท่ีมอี ยู่แลว้ ให้ดีขนึ้ โดยไม่จำเป็นต้องพฒั นานวัตกรรมน้นั ๆ มากมาย นัก เช่น จากวินโดว์ 98 ไปเป็น วนิ โดว์ 2010 หรือเทคโนโลยี GPRS 144 kbps ไปเป็น EDGE+ เปน็ ต้น 2. นวตั กรรมทป่ี ระกอบด้วยหน่วยแยกต่าง ๆ ท่ีสามารถรวมกันได้ (Modular innovation) เป็น นวตั กรรมท่ีเกดิ ขึ้นในชว่ งทมี่ ีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในองค์ประกอบใดองคประกอบหน่ึงของผลิตภัณฑ์ แต่ โครงสร้างโดยรวมยังคงเดิมไม่เปล่ียนแปลง มกี ารนำเทคโนโลยีใหมเ่ ข้ามาเลย เช่น เปลย่ี นโทรศัพทจ์ ากแบบ หมุนเปน็ แบบกดปุม เปลี่ยนเฉพาะ Component โดยใช้กับ Architecture เดิมได้ ในโซน้นี มคี วามต้องการใน การเรียนรใู้ หม่ ๆ แตย่ งั อยู่ภายใต้กรอบทีช่ ดั เจน เช่น การใช้วตั ถดุ บิ ชนดิ ใหม่ในการทำโครงสร้างของเคร่อื งบิน หรือการใช้ระบบข้อมลู อเิ ล็กทรอนกิ ส์แทนการใช้กระดาษในงานธุรกรรมตา่ ง ๆ เปน็ ต้น 3. นวตั กรรมสถาปัตยกรรม (Architectural Innovation) เป็นนวตั กรรมท่ีเกิดขึ้นในช่วงท่มี คี วามท้า ทายในการประยุกตแ์ ละรวบรวมความรูท้ มี่ ีอยเู่ ดมิ หรือเป็นการรวมระหว่างความรูเ้ ดิมและความรู้ใหม่ นำมา บูรณาการเข้าด้วยกนั เพื่อสร้างผลติ ภณั ฑ์ภายใต้กรอบการดำเนนิ งานใหม่อกี ครงั้ เชน่ Low-cost airlinesการ ประกันภยั แบบสายตรง เป็นต้น 4. นวัตกรรมมลู ววิ ตั ิ (Radical innovation) ซ่ึงเปน็ การเปล่ียนแปลงนวตั กรรมท่ีเปลีย่ นถงึ รากฐาน การเปลยี่ นแปลงประเภทนนี้ ักวิชาการบางคนเรยี กวา่ Quantum innovation เช่น เทคโนโลยกี ล้องถ่ายรปู ที่ ใชฟ้ ลิ ม์ ไปสู่กล้องดิจิทลั ซ่งึ เป็นการเปล่ียนแปลงระบบสา่ รบันทกึ ภาพลงบนแผน่ ฟิลม์ ในรปู แบบอนาลอก (analog) เป็นระบบการจดั เก็บภาพในรูปแบบดจิ ิทลั (Digital) ซง่ึ เปน็ เทคโนโลยใี หมล่ ่าสดุ ให้ทำการ บันทกึ ภาพลงใน Hard disk ซง่ึ เป็นท่ีนยิ มมากในปจั จุบนั ง่ายต่อการใชง้ านดจิ ิทัล 3. การจัดแบ่งประเภทนวตั กรรมตามการจดั การ การจดั การองค์การจงึ เปน็ เร่ืองทเ่ี ก่ียวกบั กรรมวิธี ในการดำเนนิ งานขององค์การให้ประสบความสำเรจ็ งานท่ีองค์การจะดำเนินการให้ประสบความสำเรจ็ นนั้ ประกอบดว้ ยการจดั การการดำเนินงานตามพันธกิจ การจดั การทรพั ยากรมนุษย์ และการจัดการทางดา้ น การเงนิ ซึง่ การจดั การแตล่ ะด้านยอ่ มมีวิธีการและเทคนิค ในการดำเนินงานทซี่ ึ่งมลี ักษณะเฉพาะของตนเอง การจดั การงาน แตล่ ะด้านจะมนี วตั กรรมเฉพาะด้านอยู่ด้วย จากเหตผุ ลดงั กล่าวสามารถแบง่ นวัตกรรมการ จดั การออกเปน็ 3 ประเภทใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ นวตั กรรมทางดา้ นการดำเนินงาน ดา้ นการจดั การทรัพยากรมนุษย์ และด้านการจัดการการเงนิ นวตั กรรมทางด้านการดำเนินงานเป็นนวัตกรรมท่ีสร้าง และพฒั นาขึ้นโดยมี
17 เป้าหมายเพ่ือมุง่ เนน้ การเพมิ่ ขีดความสามารถในการดำเนินงานขององค์การซง่ึ เป็นการนำเคร่ืองมอื ทางการ จดั การทีม่ ีอยู่ในปัจจุบนั มาใช้ในการดำเนนิ งาน เช่น TQM (Total Quality Management), Six Sigma, Balance Scorecard, Benchmarking เป็นต้น 1. การจัดการคุณภาพโดยรวม เป็นระบบบรหิ ารคุณภาพที่มงุ่ เนน้ การให้ความสำคัญสงู สุดตอ่ ผรู้ ับบรกิ ารภายใต้ความร่วมมือของผู้ปฏบิ ัตงิ านทัว่ ทงั้ องค์กรท่ีจะปรับปรุงงานอยา่ งต่อเน่ือง เพ่ือให้สามารถ ตอบสนองต่อความต้องการได้ ระบบการจดั การคณุ ภาพโดยรวมเป็นระบบท่มี องภาพรวมทง้ั องค์การระบบนี้ ผรู้ บั บริการจะเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน หรอื ความต้องการเป็นระบบทปี่ รบั ปรุงการวางแผนการจดั องคก์ ารและ การทำความเข้าใจในกิจกรรมทเ่ี ก่ยี วข้องกบั บุคลากร แตล่ ะบคุ คลในแต่ละระดับ เพ่ือปรับปรงุ ประสทิ ธภิ าพให้ มีความยืดหยุน่ ในการดำเนนิ งานเพ่ือที่จะสามารถแข่งขนั ได้ประสทิ ธิภาพของการจัดการคณุ ภาพโดยรวมนี้ ขนึ้ อยู่กับการปฏบิ ตั ิตามบทบาทหน้าท่ขี องทุกคนในการนำองค์การไปสเู่ ป้าหมาย โดยท่ีทกุ คนในองคก์ ารมสี ว่ น ร่วมในการบริหารระบบคณุ ภาพ การสรา้ งความพึงพอใจของลกู ค้า และระบบการบริหารจัดการคุณภาพ 2. Six Sigma เป็นนวัตกรรมการจัดการท่ีม่งุ เนน้ ในการลดความผิดพลาด ลดความสูญเปล่า และลด การแก้ไขตัวชิน้ งาน และสอนใหผ้ ้ปู ฏบิ ัตงิ านรู้แนวทางในการทำงานอยา่ งมีหลกั การและจะไม่พยายามจดั การ กับปญั หา แต่จะพยายามกำจัดปัญหาท้งิ Six sigma จะได้ผลดีที่สุดเมอื่ ทุกคนในองค์การรว่ มมอื กนั ตัง้ แต่ ผ้บู รหิ ารองค์การไปจนถึงบุคลากรทัว่ ไปในองคก์ ารโดยหลักการแล้ว Six sigma เป็นการรวมกันระหวา่ ง ศกั ยภาพของ บุคคล (Power of people) และศกั ยภาพของกระบวนการ(Process Power) นวัตกรรมการ จัดการชนิดนี้ พฒั นาขึ้นโดยกล่มุ วิศวกรของบริษทั Motorola ภายใต้การนำของ Mikel Harry ซงึ่ ไดเ้ ปน็ ผู้ รเิ รม่ิ แนวคดิ น้ี และนำมาใช้กับการออกแบบผลิตภณั ฑ์ของบริษทั จนประสบความสำเร็จอย่างสงู ต่อมาบริษทั ต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริการกิ าริการกิ าริกา จึงไดน้ ำแนวคดิ การบรหิ ารจดั การแบบ Six sigma เข้ามาใช้ และ ประสบความสำเรจ็ สามารถลดค่าใชจ้ า่ ยของบรษิ ัทได้อย่างมาก Six sigma หมายถงึ โอกาสของการเกดิ ข้อผิดพลาดเพยี ง 3.4 ครงั้ ต่อล้านครัง้ ขอ้ ผดิ พลาดในทนี่ ีค้ ือส่งิ ใดก็ตามที่ไม่เปน็ ไปตามเู ปา้ หมายของ ขบวนการผลติ และบรกิ ารซงึ่ มงุ่ เน้นให้เกิดความพึงพอใจของลกู ค้าเปน็ หลัก Six sigma จงึ ถกู นำมาใช้เป็นช่อื เรยี กของวิธกี ารปรับปรงุ ประสทิ ธิภาพในขบวนการใด ๆ โดยมุง่ เนน้ การลดความไมแ่ น่นอน หรือ Variation และการปรับปรุงขีดความสามารถในการทำงานให้ไดต้ ามูเป้าหมายท่กี ำหนด เพ่ือนำมาซ่ึงความพอใจของลูกคา้ และผลท่ไี ด้รบั สามารถวัดเป็นจำนวนเงนิ ได้อย่างชดั เจน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรายไดห้ รือลดรายจา่ ยกต็ าม 3. Balance Scorecard ในอดีตทผี่ า่ นมามีองค์การภาคธรุ กิจขนาดใหญ่ต้องประสบปัญหาการ ขาดทนุ และกลายสภาพไปเป็นบริษทั ท่ีไมย่ ิง่ ใหญเ่ หมือนในอดีตทผี่ ่านมา เมอื่ ศึกษาสาเหตทุ ่ปี ระสบปัญหา ดังกลา่ วพบว่าองค์การเหลา่ น้ี มัน่ ใจในระบบการทำงานของตนในแบบเดิมมากเกินไปฐานะการเงินขององคก์ าร ในชว่ งรงุ่ เรอื่ งนัน้ ยังดีอยมู่ ากจึงไมต่ ระหนกี่ วา่ องค์การกำลังดำเนินไปในทางที่ตกตา่ ลง และไม่รู้จักเพ่ิมเติม
18 ปรบั ปรงุ และนำเทคโนโลยใี หม่ เช่น ระบบส่ารสนเทศมาใช้ในองค์การเน่ืองจากมีเหตกุ ารณ์ประเภทนี้เกดิ ข้นึ ซำ้ แล้วซำ้ เลา่ ใน พ.ศ. 2535 แคบแลน และนอร์ ตัน จาก Harvard Business School จึงตระหนก่ี วา่ เคร่ืองมือท่ีใช้วดั ประสิทธิภาพขององค์การท่ีใช้มาแต่เดิมนั้นมีจุดอ่อน และกำกวม เช่นิดแู ต่ตวั เลขสถานะ การเงนิ ขององค์การซ่ึงเปน็ แค่มมุ เดยี วของความสำเรจ็ และมักเป็นจากอดีตไม่ไดแ้ สดงถงึ ศกั ยภาพ และ แนวโน้มขององค์การในอนาคตท้ังสอง จงึ ได้พยายามคิดค้นเครื่องมือใหมท่ ่ีชว่ ยให้ผบู้ ริหารขององค์การเขา้ ใจ สถานะขององค์การในหลาย ๆ มุมมองได้อย่างถูกต้อง และกระชับซึง่ เครอื่ งมอื ใหม่ท่ีว่าก็คือบาลานซ์สกอร์ การ์ด (Balanced Scorecard) วิธกี ารก็ คือจะพยายามถ่วงดุลผลประโยชน์ขององค์การในทุก ๆ ด้าน เพ่อื ความสำเรจ็ อยา่ งย่ังยนื ทง้ั ปัจจบุ ัน และอนาคต ท่ามกลางสภาวะแวดลอ้ มทางการแขง่ ขันท่ีรุนแรงในปัจจบุ ัน บาลานซ์สกอร์การด์ เป็นนวัตกรรมการจดั การท่ีเปน็ ประโยชน์อยา่ งมากในการจดั การู้องคก์ ารการ ประเมนิ องค์การโดยใช้บาลานซส์ กอรก์ ารด์ จะใชว้ ิธกี ารวัดศกั ยภาพขององค์การใน 4 ด้าน (การเลือกที่จะวัด อะไร อย่างไร และมีูเป้าหมาย คืออะไร เปน็ หน้าทีข่ องผบู้ ริหาร และท่ปี รึกษาทางการจัดการ) ศักยภาพของ องค์การท้งั 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) แงม่ ุมดา้ นการเงิน (The Financial Perspective) เปน็ ตวั ช้ีวัดทผ่ี ้บู รหิ ารคุ้นเคยดี เช่น อัตราส่วน ทางการเงิน ลูกหน้ี กระแสเงินสด 2) แง่มุมด้านลูกคา้ (The Customer Perspective) ดูสิ่งท่ีมีผลกระทบต่อลูกค้าโดยตรง เช่น เวลา เฉลีย่ ในการให้บริการลกู ค้าอันดับขององคก์ าร 3) แง่มุมดา้ นกระบวนการและประสทิ ธภิ าพการทำงาน (The Business Process/Internal Operations Perspective) ดูสงิ่ ทมี่ ีผลกระทบต่อกระบวนการทำงานภายในธุรกิจ เชน่ เวลาเฉล่ยี ทีต่ อ้ งใชใ้ น การทำงานแตล่ ะอยา่ งจำนวนงานที่ต้องทำใหม่ ความสำเรจ็ ในการบุกเบิกธุรกิจใหม่ ๆ 4) แง่มุมด้านการเรียนรู้ และเติบโต (The Learning and Growth Perspective) เชน่ ราย ได้จาก สินคา้ ใหม่ ๆ การมสี ว่ นร่วมของพนักงานในการให้ข้อเสนอแนะ การฝกึ อบรมีพ้นื ักงานสำหรบั องค์การภาครัฐ เองก็ได้นำแนวคิดน้ี มาประยุกต์ใช้กับการประเมนิ ผลการดำเนินงานของส่วนราชการในการให้บรกิ ารแก่ ประชาชน โดยประเมนิ ประสิทธิผลขององค์การจาก 4 แง่มุม ได้แก่ การประเมนิ ประสิทธภิ าพ การประเมิน ประสิทธิผล การประเมนิ คณุ ภาพการใหบ้ ริการและการประเมนิ การพัฒนาองค์การนอกจากนย้ี ังมีนวัตกรรม อ่นื ๆ ท่ใี ช้เพ่ือประเมนิ องค์การภาครฐั เช่น การพฒั นาคณุ ภาพการบรหิ ารจดั การภาครัฐ (PMQA) เป็นตน้ นวัตกรรมทางด้านการจัดการการเงิน เชน่ นวัตกรรมทางด้านการบรหิ ารการคลังภาครฐั กระทรวงการคลงั ไดน้ ำนวตั กรรมการจัดทางบประมาณแบบม่งุ เนน้ ผลงานตามยุทธศาสตรม์ าใชแ้ ทนระบบ งบประมาณ ทเ่ี คยใช้มาแต่เดิมซงึ่ ทำให้เพ่ิมประสทิ ธิภาพในการบรหิ ารการคลังภาครัฐในส่วนของ การงบประมาณสูงขึน้ เปน็ อย่างมาก
19 นวัตกรรมการจัดการทรัพยากรมนษุ ย์เป็นส่ิงใหม่ท่ีเกดิ ขึน้ จากการใช้ความรู้ และความคดิ สรา้ งสรรคท์ ่ี เปน็ ประโยชน์ตอ่ ทรัพยากรมนษุ ย์ และองคก์ ารสงิ่ ใหม่น้ีอาจเป็นความคดิ การผลติ กระบวนการหรือองคก์ ารก็ ได้ ส่งิ ใหมท่ ีเ่ กดิ ขึ้นนี้อาจเกดิ จากการเปล่ยี นอย่างชนดิ ที่ไม่เคยเกิดขนึ้ มาก่อน หรอื เกิดจากการพฒั นาใน ลักษณะตอ่ ยอดจากความรู้ท่ีมอี ยู่เดมิ ก็ได้ ทงั้ น้นี วัตกรรมการจดั การทรัพยากรมนุษยจ์ ึงเป็นสิง่ ใหม่ท่ีเกิดข้ึนจาก การใชค้ วามรู้ และความคิดสร้างสรรค์ในดา้ นการจดั หา การพัฒนาการธำรงรักษา และการใช้ประโยชน์ก็ เช่นกันไดม้ ีการปรบั ปรงุ วธิ กี ารและเทคนิคตา่ ง ๆ ท่ีใช้ในการดำเนินภารกิจการจดั การทรัพยากรมนุษยอ์ ยู่ เสมอ เชน่ การสรรหา และการเลือกสรรทรพั ยากรมนุษย์มีนวตั กรรม ระบบข้าราชการผู้มีผลสมั ฤทธสิ์ ูง (HiPPS) การพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ มนี วัตกรรมการพัฒนาระบบสมรรถนะ การธำรงรกั ษาทรพั ยากรมนุษย์ ก็ มนี วัตกรรมระบบส่ารสนเทศทรัพยากรบุคคลระดับกรม (DPIS) คุณภาพชีวติ ในการทำงาน การใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรมนุษย์ มีนวตั กรรมระบบการบรหิ ารผลการปฏิบัติงาน เป็นตน้ 4. การจดั แบง่ ประเภทนวัตกรรมตามลกั ษณะในองค์การนวัตกรรมสามารถแบ่งออกได้เปน็ 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดงั น้ี 1. นวตั กรรมที่จบั ต้องได้ (Tangible Innovation) เป็นนวตั กรรมที่เนน้ ในสว่ นของนวตั กรรม ผลิตภณั ฑ์ (Product Innovation) แบง่ ได้เป็น 1.1 ผลติ ภณั ฑท์ ่ีจับตอ้ งได้ (Tangible product) เปน็ นวตั กรรมทีผ่ ู้ผลิตสร้างสรรค์ผลงาน ข้ึนมาและ ผู้ใช้สามารถเหน็ และสมั ผสั ได้ เช่น รถยนต์รนุ่ ใหม่ เครื่องเล่นดีวีดีรนุ่ ใหมโ่ ทรศัพทม์ ือถือระบบใหม่ เป็นต้น 1.2 ผลติ ภณั ฑท์ ี่จบั ตอ้ งไม่ได้ (Intangible Product) เป็นบริการ (Service) ท่ผี ู้ให้บริการ พยายามสรา้ งสรรค์สง่ิ ใหม่ ๆ ข้นึ มา เชน่ การใช้ Internet Banking ของธนาคาร การขาย Software ทางอนิ เตอร์เนต็ เป็นตน้ 2. นวตั กรรมที่จับตอ้ งไม่ได้ (Intangible Innovation) เป็นนวัตกรรมท่เี น้นในสว่ นของนวัตกรรม กระบวนการ(Process Innovation) เพราะทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ในองคก์ รมีการเปลย่ี นแปลง แบ่งได้ เป็น 2.1 นวตั กรรมขบวนการทางเทคโนโลยี (Technological Process Innovation) เป็นการ นำเอาเทคโนโลยใี หม่ ๆ มาพัฒนาทำให้กระบวนการและรูปแบบการทำงานในองค์มีการพฒั นามากขึ้น เช่น การนำหุน่ ยนต์ (Robot) มาใชใ้ นการผลติ รถยนต์ ธนาคารนำตถู้ อน-ฝากเงนิ อัตโนมัติ (ATM) มาใช้ เป็นตน้ 2.2 นวตั กรรมขบวนการทางองค์กร (Organization Process Innovation) เปน็ การ นำเอาระบบการบริหารงานรูปแบบใหมเ่ ข้ามาพัฒนากระบวนการและขดี ความสามารถทางการบริหารองค์กร ให้มปี ระสิทธภิ าพมากขน้ึ เช่น ระบบ Just In Time (JIT) ของโตโยต้า Six Sigma ของการบนิ ไทย Balanced
20 Scorecard (BSC) ของธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น 5. การจัดแบ่งประเภทนวัตกรรมตามลกั ษณะการทำงาน แบง่ ออกได้เป็น 2 ประเภท 1. นวตั กรรมทีเ่ ป็นรากฐาน (radical invention or incremental innovation) หมายถงึ นวัตกรรมที่ สรา้ งขน้ึ จากการประดิษฐค์ ดิ ค้นในการทำงานในองค์การสามารถเปลย่ี นแปลงหรือสรา้ งสรรค์อตุ สาหกรรมใหม่ เมอ่ื นำมาใชใ้ นองค์การสามารถเปล่ียนภาพลกั ษณ์การทำงานในองค์การได้ เช่นทรานซิสเตอรท์ ี่พัฒนาขน้ึ ใน ห้องปฏบิ ัติการของเบล (Bell Laboratories) เปน็ จุดเรม่ิ ตน้ ของการพฒั นาในอุตสาหกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส์ใน เวลาตอ่ มานบั นวตั กรรมทเี่ ปน็ กลไก (triggering) เริม่ ตน้ การพัฒนาในบริษัทตา่ ง ๆ อกี หลายแหง่ เปน็ ตน้ 2. นวัตกรรมทีเ่ กิดข้นึ ในการทำงาน (routine innovation) ได้แก่ นวตั กรรมใหมช่ นดิ ต่าง ๆ ท่นี ำเข้า มาใช้ในองคก์ ารซอ้ื มาจากต่างประเทศ เป็นต้น ลกั ษณะของเทคโนโลยี ลักษณะของเทคโนโลยสี ามารถจำแนกออกได้เปน็ 3 ลกั ษณะ คอื 1. เทคโนโลยใี นลกั ษณะของกระบวนการ(process) เป็นการใช้อยา่ งเปน็ ระบบของวธิ ีการทาง วทิ ยาศาสตร์หรือความรู้ตา่ ง ๆ ทีไ่ ดร้ วบรวมไวเ้ พ่อื นำไปสู่ผลในทางปฏิบัติโดยเชือ่ ว่าเปน็ กระบวนการท่ีเช่อื ถือ ได้และนำไปสกู่ ารแก้ปัญหาต่าง ๆ 2. เทคโนโลยีในลกั ษณะของผลผลติ (product) หมายถึงวสั ดแุ ละอุปกรณ์ท่เี ปน็ ผลมาจากการใช้ กระบวนการทางเทคโนโลยี 3. เทคโนโลยีในลักษณะผสมของกระบวนการและผลผลิต (process and product) เช่นระบบ คอมพิวเตอร์ซึง่ มีการทำงานเป็นปฏิสมั พันธร์ ะหวา่ งตัวเคร่ืองกับโปรแกรม
21 ภาพที่ 1.2 ลกั ษณะของเทคโนโลยกี ารประยคุ ใช้เทคโนโลยี การนำเทคโนโลยีมาใชก้ บั งานในสาขาใดสาขาหนึง่ น้นั เทคโนโลยจี ะมสี ่วนชว่ ยสำคัญ 3 ประการและ ถือเป็นเกณฑใ์ นการพิจารณานำเทคโนโลยมี าใช้ดว้ ย (ก่อสวัสดิัพาณชิ ย์ , 2517) คือ 1. ประสทิ ธิภาพ (Efficiency) เทคโนโลยีจะชว่ ยให้การทำงานบรรลุผลตามเู ปา้ หมายได้อย่างเท่ียงตรง และรวดเรว็ 2. ประสทิ ธผิ ล (Productivity) เป็นการทำงานเพื่อให้ไดผ้ ลผลต่ออกมาอยา่ งเต็มทีม่ ากท่สี ุดเทา่ ท่ีจะ มากได้ เพ่ือใหไ้ ด้ประสิทธผิ ลสงู สดุ 3. ประหยัด (Economy) เป็นการประหยัดท้งั เวลาและแรงงานในการทำงานดว้ ยการลงทุนน้อยูแ่ ต่ ไดผ้ ลมากกวา่ ทลี่ งทุนไป ระดบั ของเทคโนโลยี ระดบั ของเทคโนโลยีสามารถแบง่ ตามความรู้ทใี่ ช้ได้เป็น 3 ระดับ ดังน้ี 1. เทคโนโลยีระดับพ้นื ฐาน (Basic Technology) คือการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณง์ า่ ย ๆ ราคาไม่แพง หรอื เป็นการนำเสนอวัสดจุ ากธรรมชาตมิ าใช้โดยตรง เช่น การนำไม้ไผ่มาทำท่พี ักอาศยั หรอื อุปกรณต์ า่ ง ๆ ลกั ษณะแบบน้ีเรยี กวา่ \"ภูมิปญั ญาท้องถน่ิ \" ลกั ษณะงานเชน่ นี้ไม่จำเปน็ ต้องใช้วิศวกรที่มีความรูม้ าออกแบบจะ ใช้ประสบการณ์ หรอื ประมาณจากการประสบการณข์ องตนเอง
22 ภาพท่ี 1.3 การเก่ียวข้าวโดยใชแ้ รงงานคนเป็นเทคโนโลยรี ะดับพน้ื ฐาน 2. เทคโนโลยรี ะดบั กลาง (Intermediate Technology) เปน็ การใชเ้ คร่ืองมืออปุ กรณ์ท่ีมเี ทคโนโลยีที่ สงู ขึ้น มขี ั้นตอนการทำงานซับซอ้ น มกี ารคำนวณและมีการวางแผนในการทำงานลว่ งหนา้ กอ่ นการทำงาน และ ผู้ปฏบิ ตั ิงานกับเคร่ืองอุปกรณ์เหล่าน้จี ำเปน็ ตอ้ งมีความรู้พอสมควรและผลติ ภัณฑผ์ ลต่ออกมาก็มกี ารใช้วัสดุ สังเคราะหม์ ากขน้ึ จากเกษตรพ้นื บา้ นเปน็ เกษตรกรรมเมืองเทคโนโลยีในระดับน้ี เช่น การใช้เครือ่ งจกั รแทน คน การใชส้ ง่ิ อำนวยความสะดวกตา่ ง ๆ เป็นตน้ ภาพท่ี 1.4 การเกีย่ วขา้ วโดยใช้เครอ่ื งจักรทุน่ แรงเปน็ เทคโนโลยรี ะดบั กลาง 3. เทคโนโลยขี ้ันสูง (High Technology) เปน็ งานที่ตองอาศยั ความรูท้ างวศิ วกรรม การศึกษาวจิ ยั และการพัฒนาอยา่ งต่อเนอื่ ง โดยเฉพาะดา้ นข้นั สงู เชน่ หุ่นยนต์ อาคารหรอื ตกึ สูง ๆ เครอ่ื งบนิ โดยสาร ยาน อวกาศ รถไฟความเรว็ สูง รถแข่ง เป็นตน้ งานเหล่านตี้ ้องมีการคำนวณอย่างละเอียด มีการทดลองใช้งานเพ่อื
23 หาขอ้ ผิดพลาดก่อนการใชง้ านจรงิ ภาพท่ี 1.5 หุน่ ยนตเ์ ปน็ เทคโนโลยรี ะดับสูง สาขาของเทคโนโลยี เทคโนโลยเี ปน็ วิทยาศาสตร์ประยกุ ตท์ ี่ผูผ้ ลติ เทคโนโลยมี จี ุดมงุ่ หมายจะแกป้ ัญหาหรือสนองความ ต้องการของมนษุ ย์ในรปู แบบต่าง ๆ จงึ เกิดเปน็ เทคโนโลยีขน้ึ หลายสาขา ดงั น้ี 1. เทคโนโลยีผลิตภัณฑ์และการผลติ ใช้ในระบบการผลติ 2. เทคโนโลยกี ารควบคุม ใช้ควบคมุ การบริหารจดั การต่าง ๆ 3. เทคโนโลยชี ีวภาพ นำมาใช้ทางการแพทย์ ทางการเกษตรและอุตสาหกรรม 4. เทคโนโลยกี สาร ใชใ้ นการถนอมอาหารการแปรรปู อาหารบรรจภุ ณั ฑ์ การจดั จำหนา่ ยอาหาร และเพิ่มคุณค่าของอาหารตามหลกั โภชนาการ 5. เทคโนโลยีวัสดุ เป็นเทคโนโลยที มี่ ีความสำคัญในการผลักดันความก้าวหน้าด้านอุตสาหกรรมเปน็ อย่างมาก เทคโนโลยีวัสดุศาสตรเ์ นน้ การพฒั นาวัสดุ อุตสาหกรรมที่มสี มรรถนะสูง เชน่ การพฒั นาเซรามกิ เพ่ือ ใช้ในดา้ นอตุ สาหกรรม ซ่ึงเป็นไดท้ งั้ ตัวนำและฉนวน เป็นท้ังตวั ระบายความร้อนและฉนวนความร้อน และยัง เปน็ วสั ดุท่ีทนตอ่ การสกึ หรอไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เป็นต้น 6. เทคโนโลยีทางการขนสง่ เปน็ เทคโนโลยีทเี่ กย่ี วข้องกบั การขนส่งสนิ ค้า ทงั้ ทางบก ทางเรือและทาง อากาศ เช่น รถยนต์ รถไฟฟ้า เครือ่ งบิน เรือ เป็นตน้ 7. เทคโนโลยอี เิ ลก็ ทรอนิกส์ เป็นการประยุกต์ใชท้ ฤษฎแี ละหลักการทางวิทยาศาสตรส์ ำหรบั การ ออกแบบผลติ ติดตัง้ ทดสอบ บรกิ ารใชส้ อยและควบคุมชิ้นส่วนอปุ กรณ์ทเ่ี กย่ี วข้องกบั ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์ เช่น เคร่อื งมืออเิ ล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ การสอื่ สารด้วยระบบเลเซอร์ หุ่นยนต์ ซูปเปอร์คอนดักเตอร์ เป็นต้น
24 8. เทคโนโลยสี ิง่ ทอและเสื้อผา้ ใช้ในการออกแบบผลิตภณั ฑแ์ ละควบคมุ การผลิตผลิตภัณฑ์ 9. เทคโนโลยีสารสนเทศ ใชใ้ นการรวบรวมข้อมลู ประมวลผลข้อมลู และนำเสนอข้อมลู 10. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นการผสมผสานระหวา่ งเทคโนโลยสี ารสนเทศกับการ สื่อสาร 11. เทคโนโลยีการเกษตร คอื ความรู้วทิ ยาการเทคนคิ วธิ ีการเครือ่ งจักรกลท่ีเกษตรกรนำมาใช้ ปรับปรงุ หรือเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เช่น เทคโนโลยใี นการเพาะปลูก การขยายพนั ธพุ์ ืช การใสป่ ุ๋ย การ กำจดั ศตั รูพชื รวมถึงการเล้ียงสัตว์ เทคโนโลยีการเกษตรจะเชื่อมโยงสัมพนั ธ์กบั เทคโนโลยอี ื่น ๆ เช่น เทคโนโลยอี าหาร เทคโนโลยีอุตสาหกรรมอาหาร เทคโนโลยชี ีวภาพ เปน็ ต้น ความแตกตา่ งระหวา่ งนวัตกรรมและเทคโนโลยี สมุ ติ า บุญวาส (2546) ไดเ้ ปรียบเทียบความแตกตา่ งระหว่างนวตั กรรมและเทคโนโลยไี ว้ดังนี้ นวตั กรรมเป็นการวิจยั หาวสั ดุ อุปกรณ์ และวิธกี ารใหม่ ๆ หรอื ปรับปรุงของเกา่ ใหไ้ ด้ส่งิ ท่มี ีประสิทธิภาพ มากกวา่ เดิม ส่วนเทคโนโลยีคือการนำเอาวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชนใ์ นการดำเนนิ งานตา่ ง ๆ อย่างมี ระบบ อำนวย เดชชยั ศรี (2544) ไดเ้ ปรยี บเทยี บนวตั กรรมและเทคโนโลยไี วด้ ังน้ี นวตั กรรมเกดิ จากแนวคิดและความรูใ้ หม่ ๆ ทีเ่ กิดจากการคิดสร้างสรรค์ ส่วนเทคโนโลยีเกิดจากการ นำนวัตกรรมมาพสิ ูจน์ตามขนั้ ตอนทางวทิ ยาศาสตร์ ผลผลิตจากการพสิ ูจน์ได้ถูกนำมาใช้อยา่ งมรี ะบบเพอ่ื แก้ปัญหาต่าง ๆ ให้เกดิ ประสิทธภิ าพ อัจฉรา สม้ เขยี วหวาน (2006) ไดเ้ ปรียบเทียบนวตั กรรมและเทคโนโลยีไวด้ งั น้ี 1. นวตั กรรมเปน็ แนวคิด แนวปฏิบตั ิ หรือการกระทำใหม่ ๆ จะเปน็ ส่ิงใหม่ทั้งหมดีหรอื เพียงบางสว่ นก็ ไดแ้ ตเ่ ทคโนโลยีเป็นสงิ่ ทผี่ คู้ นส่วนใหญ่ยอมรับจนกลายเป็นแนวปฏบิ ัติ 2. นวตั กรรม อยใู่ นขัน้ การเอาไปใชใ้ นกลุ่มยอ่ ยเพียงบางสว่ นไม่แพร่หลายแต่เทคโนโลยีอยู่ ในขั้นการ นำเอาไปปฏิบัติกนั ในชีวิตประจำวนั จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา
25 เอกสารอา้ งองิ คำรณ ศรนี ้อย. 2549. การจดั การเทคโนโลยี. กรงุ เทพฯ : ธรรมดาเพรส. ไพฑรู ย์ ศรีฟา้ . (2546). การจัดนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ. กรงุ เทพฯ. สำนักงาน คณะกรรมการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร.นวตั กรรมและเทคโนโลยี http ://www.east.spu.ac.th/it/admin/knowledge/A307Innovation%20and%20 Technology.pdf การบรู ณาการกลยุทธด์ า้ นเทคโนโลยี http ://www.jba.tbs.tu.ac.th/files/Jba132/Article/\\ JBA132Pongpat.pdf กลยุทธก์ ารเป็นผูน้ ำด้านเทคโนโลยีhttp ://www.cisco.com/web/TH/technology /strategies.html การจัดการความรู้ http ://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd= 1&ved=0CB0QFjAAahUKEwjE5OWu6dnGAhXBG6YKHcfrBC4&url=http%3A%2F%2Fwww. kmckorat2.com%2Fkm%2Fdownload%2F1265947181_text_Knowledge_Management. doc&ei=N5WkVYTtC8G3mAXH15PwAg&usg=AFQjCNGrujl0YEYU_E_JCHVx50RYHpHT5g& sig2=znqiltmszOn98DW61LJfAw องค์กรแห่งการเรยี นรู้ http ://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd =2&ved=0CCMQFjABahUKEwjE5OWu6dnGAhXBG6YKHcfrBC4&url=http%3A%2F%2Fww w.fulbrightthai.org%2Fdata%2Farticles%2FKnowledge%2520Management%2520- 2520x.doc&ei=N5WkVYTtC8G3mAXH15PwAg&usg=AFQjCNG- ItltXPlz9c9IKiRraCB_SQnMg&sig2=zXNAq8-1vO3N9hVfOM_oLA การคิดสร้างสรรค์ http ://edt.kmutt.ac.th/bangkok/download/training_3/imagination.pdf
บทท่ี 2 ยุทธศาสตรว์ ิจัยและนวตั กรรมแหง่ ประเทศไทย การเปล่ยี นแปลงของโลกในปัจจบุ นั เกดิ ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ อยู่ในสภาวะ VUCA ซ่ึงมีความผนั ผวน (Volatility) ไม่แน่นอน (Uncertainty) ซบั ซ้อน (Complexity) และคลมุ เครือ (Ambiguity) การเปลี่ยนแปลง ในลกั ษณะนีม้ ล้วนแล้วแตท่ ำใหแ้ ตล่ ะประเทศทั่วโลกตอ้ งเผชญิ กบั ผลกระทบในหลายมติ ิทั้งด้านเศรษฐกจิ สังคม และทรัพยากรธรรมชาติ โดยได้มกี ารวิเคราะหว์ า่ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ จะมีการเปลย่ี นแปลงของโลก ท่ีมีนยั สำคัญ แนวคดิ การเปล่ียนแปลงของโลกดา้ นนวัตกรรม การเปลยี่ นแปลงของโลกเกิดจาก 5 ดา้ น ประกอบดว้ ย 1. การเปล่ียนแปลงทางโครงสร้างประชากร โดยมีจำนวนผสู้ ูงอายุมากข้ึน ในทางกลับกัน มจี ำนวน เด็กเกิดและจำนวนแรงงานลดลง สง่ ผลให้อตั ราการเติบโตของประเทศชา้ ลง การจะแก้ปัญหาดงั กล่าว จำเปน็ ต้องพัฒนาแรงงานใหม้ ีทักษะสงู ขนึ้ เพอื่ เพิ่มผลิตภาพแรงงานของประเทศ 2. ภมู ิรัฐศาสตร์ใหม่ โดยในอนาคต ส่วนแบ่งผลิตภณั ฑม์ วลรวมของโลกจะมาอยู่ทปี่ ระเทศในแถบ เอเชยี มากข้นึ โดยเฉพาะอย่างย่งิ ประเทศจนี อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตของประเทศจะข้ึนอยู่กับความมนั่ คง ทางเศรษฐกจิ และสงั คมโลก ควบคู่ไปกับการพฒั นาระบบคุณภาพและมาตรฐาน บทบัญญัติว่าดว้ ยการแข่งขัน ทางการค้า (Rules on competition) และบทบัญญตั วิ า่ ด้วยทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา (Rules on intellectualproperty) เพื่อให้สอดคล้องกบั กฎระเบยี บทางการค้าของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเดมิ อยา่ ง สหรัฐอเมรกิ าและยโุ รปซ่งึ ตองอาศัยบุคลากรทีม่ คี วามเช่ียวชาญเฉพาะด้านในการกำหนดกฎระเบียบ เพื่อให้ เกดิ การพัฒนาอย่างยั่งยนื 3. โลกาภวิ ตั น์ส่งผลใหแ้ ตล่ ะประเทศตอ้ งพงึ่ พาอาศยั กันมากขน้ึ ในขณะเดียวกนั ก็เพ่ิมความเสยี่ ง ใหก้ บั ทุก ๆ ประเทศด้วยเชน่ กัน ดงั จะเห็นไดจ้ ากกรณีท่สี หราชอาณาจกั รถอนตวั ออกจากสหภาพยโุ รปซง่ึ สง่ ผลกระทบไม่แต่เฉพาะประเทศในกลมุ่ สหภาพเอง แตย่ ังส่งผลถึงประเทศอื่นด้วย นอกจากการเช่อื มต่อกัน ทางเศรษฐกจิ ในดา้ นสังคมกย็ ังต้องพง่ึ ความรว่ มมอื กนั เพือ่ พัฒนาสินคา้ สาธารณะ (Public goods) อาทิ การ แก้ปญั หาโลกร้อนการขจัดความขดั แยง้ ในระดับต่าง ๆ และการเปิดเสรภี าพทางการค้า ซึ่งจะเปน็ ไปไดย้ าก หากประเทศต่าง ๆ มงุ่ เนน้ ึงผลประโยชน์ภายในประเทศเป็นหลัก ประเทศไทยจึงจำเป็นตอ้ งพัฒนาบคุ ลากรที่มี องค์ความรูใ้ นด้านภมู ิรฐั ศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ บรู ณาการร่วมกับองคค์ วามรู้ในด้านวิทยาศาสตรแ์ ละ
27 เทคโนโลยี เพอื่ วางแผน บริหารจัดการแก้ปัญหารวมไปถงึ จัดลำดบั ความสำคัญระหว่างประเดน็ เศรษฐกิจ การเมืองระดับโลก และระดบั ประเทศให้เหมาะสม 4. การบรหิ ารจัดการทรัพยากรธรรมชาตมิ คี วามทา้ ทายมากขึ้น ความตอ้ งกสารบางประเภทเพิ่มมาก ขน้ึ อัตราการใช้พลงั งานสงู ขนึ้ ในขณะเดยี วกนั ประเทศดังกลา่ วเผชญิ กบั ภาวะการณ์ขาดแู คลนพลงั งานต้อง พึ่งพาพลงั งานทางเลือกอน่ื ๆ นอกจากนี้ยังมปี ระเดน็ ทา้ ทายด้านการบรหิ ารจดั การน้ำและการป้องกนั ภัยพิบตั ิ ทางธรรมชาตติ า่ ง ๆ ซึง่ จำเป็นตองอาศยั บุคลากรที่มคี วามรูค้ วามเชยี่ วชาญในสาขาดังกล่าว 5. การพฒั นาเทคโนโลยีอยา่ งกา้ วกระโดด อาจทำใหเ้ กดิ ภัยคุกคาม เชน่ สงครามไซเบอร์ (Cyber war)ซง่ึ สง่ ผลกระทบต่อความมนั่ คงของประเทศ แต่ในขณะเดยี วกัน ความกา้ วหน้าทางเทคโนโลยีโดยควบรวม องค์ความรจู้ ากหลากหลายศาสตรเ์ ขา้ ด้วยกนั เกดิ เป็นเทคโนโลยพี ลกิ โฉมฉับพลัน (Disruptive technology) ทำใหต้ ้องมีการพฒั นาองค์ความรแู้ ละทักษะใหม่ตลอดเวลา ตวั อย่างเช่น อนิ เทอร์เน็ตเคล่อื นท(ี่ Mobile internet) การวางระบบอตั โนมตั ทิ ดแทนแรงงานคน รวมถงึ แรงงานทีม่ ีความรู้ (Automation of knowledge work) การเชื่อมต่อของสรรพสิง่ (Internet of Things) การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud computing) หุน่ ยนต์ ขั้นสูง (Advanced robotics) การถอดรหสั พนั ธุกรรม (Next-generation genomics) ยานยนต์ อัตโนมัติ (Autonomous vehicles) หน่วยเก็บพลังงาน (Energy storage) การพมิ พ์ 3 มิติ (3D printing) วสั ดขุ ้ันสงู (Advanced materials) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable energy) ส่งผลกระทบในเชิงบวก ต่อทุกภาคสว่ น ของไทย ท้งั เป็นการยกระดบั การดำเนนิ งานและกระตุ้นใหเ้ กิดการเตรยี มพร้อมรบั มือของภาค สว่ นท่ีเกย่ี วข้อง อาทิ 1. เพ่ิมประสิทธภิ าพและเพ่มิ ความโปรง่ ใสในการทำธุรกรรมและการใหบ้ ริการของภาครัฐและ ภาคเอกชน 2. เพม่ิ ขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการผา่ นการปรับโครงสร้างการผลติ โครงสร้างการแข่งขัน เพ่ิมผลิตภาพในภาคการเกษตร อุตสาหกรรมและบริการเปลย่ี นรปู แบบวัตถุดบิ และ ปจั จัยการผลิตลดตน้ ทุน ลดทรัพยากร ลดตวั กลางการทำธุรกรรม และเพม่ิ โอกาสใหแ้ กบูรษัทจดั ตงั้ ใหม่ (Startups) 3. เพิ่มความปลอดภยั และแก้ปญั หาการจราจร โดยภาครัฐตอ้ งปรับเปลย่ี นกฎระเบยี บและการ จัดการเพื่อรองรบั 4. ยกระดับด้านสขุ ภาพและการแพทย์ เพ่ิมอายุขยั ของประชากร ปรับเปลย่ี นระบบประกนั สุขภาพ ปรับปรงุ พนั ธ์ุพืชและสัตวท์ ี่ตอบโจทยเ์ ฉพาะ ซ่งึ ประเทศไทยต้องเตรยี มข้อกำหนดทางจริยธรรมและกฎหมาย รองรับ
28 5. เปล่ียนแปลงโครงสรา้ งการผลิตและการใช้พลงั งานหมุนเวยี นของโลก ลดต้นทนุ ในการผลิต พลังงาน และลดผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงสภาพภมู ิอากาศ กรณศี ึกษาดังกล่าวข้างต้นแสดงใหเ้ ห็นวา่ ในอนาคตการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีทำใหโ้ ครงสรา้ ง อุตสาหกรรมโครงสร้างการจา้ งงานของประเทศเปลี่ยนแปลงไป และเกิดอุตสาหกรรมใหมท่ ต่ี อ้ งการบุคลากรท่ี มีองค์ความรู้และทักษะทเ่ี ปลี่ยนแปลงไปจากเดมิ ทำใหค้ นตอ้ งพัฒนาคนเองใหม้ ีทกั ษะใหม่ตลอดเวลา และ ปรบั เปลีย่ นวถิ ีชีวิต ซึง่ นอกเหนือจากองคความรเู้ ฉพาะทางที่จำเป็นต้องมกี ารพัฒนาอยา่ งตอ่ เนื่องเพื่อรองรบั การเปลี่ยนแปลงแล้ว จำเปน็ ต้องมีองค์ความรแู้ ละทกั ษะอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและการทำงานรองรับ การกา้ วเขา้ สู่ศตวรรษที่ 21 ตัวอยา่ งเช่น องค์กร Partnership for ๒๑st Century Learning (เครือขา่ ย P ๒๑) ไดพ้ ัฒนากรอบแนวคิดการนำทักษะและองค์ความรู้ที่จำเป็นสำหรบั ศตวรรษท่ี 21 ผนวกเขา้ กับหลกั สตู ร การเรยี นการสอนสำหรบั ตัวอยา่ งทกั ษะทจ่ี ำเปน็ สำหรบั ศตวรรษท่ี 21 เช่น ดา้ นความสามารถทางความคิด (Cognitive ability) ความคดิ สร้างสรรค์ (Creativity) การคิดอยา่ งมตี รรกะ (Logical reasoning) โดยในดา้ น ความคดิ สร้างสรรคน์ ั้น ไม่ได้จำกดั อยู่แคท่ ่ีความคดิ อยา่ งเดยี ว แตร่ วมไปถงึ การทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ สามารถนำเสนอ ความคดิ ใหผ้ ู้อน่ื ได้อย่างชดั เจน มปี ระสิทธภิ าพ และเขา้ ใจว่าความคิดสร้างสรรค์ทท่ี ำใหเ้ กดิ นวตั กรรม น้ันจำเป็นตองอาศยั ความตัง้ ใจ และการยอมรับความผดิ พลาดทอ่ี าจจะเกิดข้นึ เป็นส่วนหน่ึงท่ที ำให้เกิดการ เรียนรแู้ ละพัฒนาไปสูค่ วามสำเรจ็ ได้ ในสว่ นขององคค์ วามรู้ท่ีจำเปน็ สำหรบั ศตวรรษที่ 21 จะมีลักษณะที่ เชื่อมโยงกนั ระหว่าง องค์ความรหู้ ลายสาขา เชน่ ความรดู้ า้ นสงิ่ แวดลอ้ ม (Environmental literacy) ซง่ึ ต้องการใหผ้ เู้ รยี นเข้าใจถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว พร้อมทั้งสามารถอาศัยการคิดวิเคราะหเ์ พ่อื หาทางแกไ้ ข ปัญหาส่ิงแวดล้อมทเี่ กิดข้ึนรอบตวั ได้ สำหรับประเทศไทยไดร้ ับผลกระทบจากแนวโนม้ การเปลีย่ นแปลงโลก ตามที่กล่าวมาข้างตน้ เช่นกัน ดงั นน้ั ทุกภาคส่วนจึงจำเป็นต้องปรบั ตัวเรียนร้เู พ่ือให้เข้าใจถงึ ผลกระทบทีค่ าดว่าจะเกดิ ขึ้น รวมไปถงึ การเตรยี มความพร้อมรองรบั การเปล่ยี นแปลงในอนาคต ในส่วนของผู้กำหนดนโยบายต้องปรบั เปล่ียนการวาง แผนการพัฒนาบุคลากรวจิ ัยและนวตั กรรมของประเทศให้ชัดเจน มีจดุ มุ่งเน้น และสามารถนำไปปฏบิ ัติได้ เพื่อ รองรับการเปล่ยี นแปลงท่คี าดว่าจะเกดิ ขน้ึ ในหลากหลายมติ ิไดอ้ ย่างทนั ทว่ งทแี ละเหมาะสม นำไปสู่การสรา้ ง ความม่นั คงม่งั ค่ังและยั่งยนื ของประเทศ สอดคล้องกับเป้าหมายยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี และเปา้ หมายประเทศ ไทย 4.0
29 ภาพที่ 2.1 ตวั อย่างแนวโนม้ โลกทจี่ ะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาบคุ ลากร ประเด็นยทุ ธศาสตร์การวจิ ยั และนวตั กรรม ภายใตว้ สิ ัยทศั น์ “ประเทศไทยมคี วามม่นั คง มง่ั คงั่ ยง่ั ยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้วดว้ ยการพัฒนาตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง” รฐั บาลได้กำหนดให้“ประเทศไทย 4.0” เปน็ โมเดลในการขบั เคลือ่ น ประเทศไทยให้หลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง (Middle income trap) กับดกั ความเหลื่มลำ้ (Inequality trap) และกับดักความไมส่ มดุลของการพฒั นา (Imbalance trap) โดยการพัฒนาคลัสเตอร์ เทคโนโลยแี ละอุตสาหกรรม เป้าหมายเปน็ 1 ใน 5 วาระหลกั ทสี่ ำคัญของแผนปฏบิ ตั กิ ารขับเคล่อื นประเทศ ไทย 4.0 ซง่ึ ประเทศไทยมคี วามไดเ้ ปรยี บเชิงเปรยี บเทียบเนื่องจากมคี วามหลากหลายทางชีวภาพและความ หลากหลายทางวฒั นธรรม เมื่อเทยี บกบั หลายประเทศ อยา่ งไรก็ดี ภายใต้การแขง่ ขนั ของระบบเศรษฐกิจโลก ในปัจจบุ นั ประเทศไทยจะต้องปรบั เปล่ยี นความได้เปรยี บเชิงเปรยี บเทียบเป็นความได้เปรียบเชงิ แข่งขนั ด้วย การวจิ ยั และนวตั กรรมท่ีตองอาศัยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และความคดิ สรา้ งสรรค์ ซึง่ สถานโยบายวจิ ยั และ นวตั กรรมแหง่ ชาติ (สวนช.) โดยคณะอนุกรรมการด้านนัโยบายและยุทธศาสตร์วจิ ยั และนวตั กรรม ได้จัดทำ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ การวจิ ัยและนวัตกรรม 20 ปี ( พ.ศ. 2560 - 2579) ซึ่งครอบคลมุ 4 ยุทธศาสตร์ ประกอบดว้ ย ยทุ ธศาสตร์ที่ 1 การวิจัยและนวตั กรรมเพื่อสร้างความมง่ั ค่ังทางเศรษฐกิจ ซึง่ มีประเดน็ ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วยประกอบดว้ ย 1. องค์ความรู้พืน้ ฐานและเทคโนโลยฐี าน
30 2.องคค์ วามร้พู นื้ ฐานทางสงั คมและความเป็นมนุษย์ 3. การวจิ ยั เพื่อความเป็นเลศิ ทางวิชาการ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 การพัฒนาโครงสรา้ งพื้นฐาน บคุ ลากร และระบบวิจยั และนวตั กรรมของประเทศ ซึง่ มี ประเด็นยทุ ธศาสตร์ ประกอบด้วย 1. การปรบั ระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ 2. บคุ ลากรและเครอื ขา่ ยการวิจยั และนวัตกรรม 3. ระบบบรหิ ารจัดการงานวจิ ัย 4. เขตเศรษฐกิจนวัตกรรม 5. ระบบแรงจูงใจ 6. โครงสร้างพืน้ ฐานคุณภาพแหง่ ชาติ 7. โครงสรา้ งพนื้ ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยเี พื่อต่อยอดอุตสาหกรรมการเกษตรและสุขภาพ ภายใตป้ ระเดน็ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 และ2 ไดร้ ะบุแผนงานวจิ ยั และนวัตกรรมสำคัญ (Spearhead research and innovation program) โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ยทุ ธศาสตร์ที่ 1 ซึง่ มแี ผนงานวิจยั และนวัตกรรมสำคัญและ สอดคลอ้ งกับ 10 อุตสาหกรรมตามเี ป้าหมายวาระขบั เคลื่อนประเทศไทย 4.0 ดงั นี้ การต่อยอด ๕ อตุ สาหกรรมเดิม (TheFirst S-Curve) เป็นอุตสาหกรรมซ่ึงมฐี านที่แขง็ แรงอย่แู ลว้ ในระดบั หนงึ่ แต่จำเป็นต้องต่อยอดใหม้ ีการวิจยั และพัฒนาเทคโนโลยี และรังสรี รค์นวตั กรรม เพ่ือสรา้ ง มูลคา่ เพิ่มและสามารถแขง่ ขันไดใ้ นเวทโี ลก ประกอบไปด้วย 1. อตุ สาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-generation automotive) ไดแ้ ก่ การผลิตเครอ่ื งยนต์ และชนิ้ สว่ นเครอื่ งยนต์ ผลิตชนิ้ สว่ นยานพาหนะทใ่ี ช้เทคโนโลยีขั้นสงู ผลิตช้ินส่วนความปลอดภยั และประหยัด พลงั งานผลตอ่ ุปกรณ์สำหรับรถยนต์ Hybrid, Electric Vehicles (EV) และPlug in Hybrid Electric Vehicles (PHEV) ผลติ ยางลอ้ ผลิตชิน้ สว่ นระบบเชอ้ื เพลิง ผลิตชน้ิ ส่วนระบบสง่ กำลงั ผลติ รถจกั รยานยนต์ (ยกเว้นทมี่ ีความจกุ ระบอกสูบต่ำกวา่ 248 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร) ยานยนตไ์ ฟฟา้ มีแผนงานวิจัยและนวัตกรรม สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยพี ลังงานสะอาด ลดการปลอ่ ยกา๊ ซเรือนกระจก และลดอุบัติเหตทุ าง การจราจร การพัฒนาระบบการกกั เกบ็ พลงั งานไฟฟา้ และเชื้อมโยงกบั ระบบพลงั งานใหม่ของสังคม การสรา้ ง ขีดความสามารถของหว่ งโซอ่ ุปทาน (Supply chain) และพัฒนาบุคลากรท่รี องรับอตุ สาหกรรมยานยนต์ สมยั ใหมร่ ะดบั โลก
31 2. อุตสาหกรรมอเิ ล็กทรอนกิ สอ์ ัจฉรยิ ะ (Smartelectronics) ได้แก่ การผลิตในกลุม่ ผลิตภณั ฑ์ใหม่ เช่น SSD, OLED/Flat panel display, Internet of Things/Smart home และWearable devices เป็น ตน้ กลุ่มผู้ลิตภณั ฑเ์ ดมิ เช่น HDD, Multilayer PCB และFlexible printed circuit เปน็ ตน้ และกลมุ่ กจิ การ ออกแบบทางอเิ ล็กทรอนิกส์ เช่น Embedded system design และIC design เป็นตน้ มีแผนงานการวิจัย และนวัตกรรมสำคัญ ได้แก่ การพฒั นาอิเล็กทรอนกิ สอ์ ัจฉริยะและเทคโนโลยีอปุ กรณ์ปลายทาง (Smart electronics and terminal endpoint technologies) มุ่งเน้นการพฒั นาและผลต่อปุ กรณอ์ ิเล็กทรอนิกส์ที่มี ความชาญฉลาดภายในตัวด้วยการตดิ ตงั้ ระบบฝังตวั (Embedded system) และเซนเซอรล์ งไปในอุปกรณ์ เพ่ือให้สามารถทำงานไดห้ ลายหน้าที่ลดขนาดและน้ำหนักเพ่อื การนำไปประยุกตใ์ ช้ เช่น ระบบโรงเรอื น อัจฉรยิ ะ การพฒั นาอปุ กรณ์ ด้านดิจิทลั แบบพกพา (Wearable devices) รวมถึงการจัดใหม้ กี ลไกสนับสนุน การใช้ผลิตภณั ฑ์อเิ ล็กทรอนิกส์อัจฉริยะที่มกี ารพฒั นาและใชง้ านภายในประเทศมากขน้ึ 3. อตุ สาหกรรมการท่องเท่ียวกลมุ่ รายไดด้ ีและการท่องเท่ยี วเชิงสุขภาพ (Affluent, medical and wellness tourism) มีแผนงานการวจิ ยั และนวตั กรรมสำคญั ได้แก่ 1. การท่องเทย่ี วเชงิ สุขภาพ (Wellness tourism) มงุ่ เนน้ วจิ ยั และพฒั นาเพ่ือเพ่ิมสดั ส่วนรายได้ของ ธรุ กิจบรกิ ารสขุ ภาพ ประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยดี ิจิทัลในการท่องเทยี่ วเชิงสขุ ภาพ ค้นหาและวเิ คราะหศ์ ักยภาพ ความพร้อมของพ้ืนทบ่ี ุคลากร กิจกรรม พัฒนามาตรฐานของสนิ คา้ และการบรกิ ารการพัฒนาบคุ ลากรใหม้ ี ความรู้และทักษะบริการเฉพาะด้าน 2. การอนุรักษส์ ิง่ แวดลอ้ มและวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมการผลตอ่ ยา่ งสรา้ งสรรค์และเสรมิ ีพลังท้องถนิ่ และชุมชนทอ่ งเทย่ี ว (Community-based Tourism : CBT) ม่งุ เน้นการศึกษาผลกระทบด้านการท่องเทย่ี ว ตอ่ ชมุ ชน การวจิ ัยรูปแบบการรัว่ ไหลและเชอ้ื มโยงการทอ่ งเที่ยวชุมชน (Leakages and linkages) การศกึ ษา ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงภมู อิ ากาศตอ่ การท่องเทยี่ ว การค้นหากลุ่มตลาดเป้าหมายในกล่มุ นักทอ่ งเทย่ี ว ชาวไทยและชาวตา่ งประเทศ พัฒนาตัวช้ีวัดและเกณฑป์ ระเมนิ ความสขุ ชุมชนและนักท่องเที่ยวในการบริหาร จัดการCBT และผลกระทบในด้านอ่นื ๆ และ 3. การท่องเทยี่ วทแี่ ข่งขนั ได้ มัน่ คง และย่ังยืน มงุ่ เน้นการศึกษาเพ่ิอการกระจายความเส่ียงในการ พง่ึ พานักท่องเทย่ี วตา่ งชาติ ผลกระทบของความเสย่ี งจากความไม่สงบต่อภาคเศรษฐกิจท่องเทีย่ วและแนว ทางการจดั การความเส่ียงการสรา้ งตัวชวี้ ดั เพื่อตดิ ตามทรัพยากรท่องเที่ยวหรอื สร้างตัวช้วี ดั เตือนภยั (Warning indicators) รวมไปถงึ ผลกระทบจากเทคโนโลยดี จิ ทิ ัล การเปล่ียนแปลงทางสงั คมทีม่ ตี ่อการทอ่ งเทีย่ ว เช่น เศรษฐกจิ แบง่ ปัน (Sharing economy) เปน็ ต้น 4. อตุ สาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชวี ภาพ (Agriculture & biotechnology) มแี ผนงาน การวจิ ยั และนวัตกรรมสำคญั ไดแ้ ก่ การเกษตรสมยั ใหม่ (Modern agriculture) เนน้ การใช้ขอ้ มูลและ
32 เทคโนโลยเี พื่อเพม่ิ ประสิทธภิ าพการบริหารจัดการให้ผลผลติ พชื ไร่ท่ีเปน็ วตั ถุดิบสำหรบั อุตสาหกรรมมีคุณภาพ และปรมิ าณสมำ่ เสมอ เทคโนโลยกี ารติดตามและคาดการณป์ ริมาณและคุณภาพผลผลติ การเปลยี่ นแปลง สภาพอากาศดนิ และนา้ คลังภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อการเกษตร ตลอดจนการแปรผลและการพฒั นาแบบจำลอง เพ่ือต่อยอดเปน็ ซอฟแวรห์ รอื บริการเกษตรรูปแบบใหม่ เป็นตน้ ในกล่มุ ผลติ ผลการเกษตรมูลค่าสงู มุ่งเนน้ การเพิ่มมลู คา่ ความปลอดภัย และการใช้ทรัพยากรอยา่ งคุ้มคา่ ดว้ ยการวิจัยต้นแบบสายพันธุพ์ ชื เศรษฐกิจ ลักษณะพิเศษเทคโนโลยเี ซนเซอรแ์ ละโรงเรือนอจั ฉริยะสำหรับพชื ผลเกษตรเมืองร้อนท่ีมีประสทิ ธิภาพสูง ต้นทุนต่ำการพฒั นาชดุ ตรวจด้านเกษตรและอาหาร การปรบั ปรงุ พันธุพ์ ืชและพันธ์ุสัตว์ใหม้ ีคุณสมบตั ิตามความ ต้องการของตลาดหี รือเพ่ืออุตสาหกรรมเฉพาะ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลอดภยั และเป็นมิตรกับส่ิงแวดลอ้ ม 5. อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Food for thefuture) ได้แกอ่ าหารและเครื่องดื่มเสรมิ สขุ ภาพ(Functional foods) อาหารทางการแพทย์ (Medical food) ผลติ ภัณฑ์เสริมอาหาร (Food supplement)นวัตกรรมอาหาร (Food innovation) เปน็ ต้น มีแผนงานการวจิ ัยและนวัตกรรมสำคัญ ไดแ้ ก่ อาหารมูลคา่ เพ่มิ สูงและสารออกฤทธ์เิ ชิงหน้าท(ี่ Functional food and functional ingredient) การพฒั นา สิ่งบง่ ชที้ างภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) ซงึ่ จะเพิ่มมลู คา่ ให้แกว่ ัตถุดิบทางการเกษตร ตลอดจนพัฒนามาตรการป้องกนั หรือปกป้องแหล่งสารออกฤทธเ์ิ ชงิ หนา้ ท่ีจากธรรมชาติท่ีเป็นของไทยจากการ ลักลอบศึกษาพชื พันธ์แุ ละสิง่ มชี ีวิตในไทยแล้วนำไปจดสิทธิบัตรโดยตา่ งชาติ การสรา้ ง 5 อุตสาหกรรมใหม่ (The New S-Curves) เพ่ือพัฒนาขีดความสามารถ ให้มีศกั ยภาพ รองรบั การแขง่ ขันในอนาคต ประกอบไปดว้ ย 1. อตุ สาหกรรมหุ่นยนต์เพอื่ การอตุ สาหกรรม (Robotics) ได้แก่ หนุ่ ยนตท์ ใ่ี ช้ในอตุ สาหกรรมต่าง ๆ เชน่ อุตสาหกรรมยานยนต์กระบวนการฉีดพลาสตกิ อตุ สาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หุน่ ยนตด์ า้ นการแพทย์ เปน็ ต้น มแี ผนงานการวิจยั และนวตั กรรมสำคัญ ไดแ้ ก่ เคร่ืองจกั รกลอตั โนมัติ (Automated Guided Vehicle :AGV) โมดูลดา้ นระบบอตั โนมัตทิ ่ีใชใ้ นอุตสาหกรรมการผลิตการพฒั นาห่นุ ยนต์บริการที่มีมูลคา่ สงู และหุ่นยนต์ เฉพาะทาง (High-value services robots) ทอี่ ำนวยความสะดวกในด้านตา่ ง ๆ และทำใหม้ ีคณุ ภาพชวี ติ ท่ีดี ข้ึน 2. อตุ สาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation & logistics) ไดแ้ ก่ กิจการสาธารณปโภคและ บรกิ ารเพื่อการขนสง่ ศนู ย์รวมกจิ การโลจิสตกิ ส์ทนั สมัย การบรกิ ารและซ่อมบำรงุ อากาศยาน (Maintenance, Repair and Overhaul : MRO) อตุ สาหกรรมการผลิตชน้ิ ส่วนอากาศยาน ธุรกจิ มูลค่าสูงทีต่ อ้ งการความเร็ว จากการขนสง่ ทางอากาศ (Time sensitive product) อากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle : UAV) การผลิตชนิ้ ส่วนอากาศยาน ระบบนำทางและซอฟแวรต์ ่าง ๆ และสถาบันการศกึ ษาและอบรมดา้ นการ บิน เปน็ ตน้ มีแผนงานการวิจยั และนวตั กรรมสำคัญ ได้แก่ 1. การบรหิ ารจัดการระบบโลจสิ ติกส์อจั ฉรยิ ะ (Smart logistics) โดยพฒั นาระบบโลจสิ ติกส์อจั ฉรยิ ะใหต้ อบสนองความต้องการของผูบ้ รโิ ภคในอนาคต พัฒนาเทคโนโลยกี ารผลิตใหเ้ ชื่อมต่อกบั สินค้าและเคร่ืองจักร รวมถึงการพัฒนาโครงขา่ ยความเชื่อมโยงของ
33 ระบบขนสง่ ภายในประเทศ ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ และการพฒั นา Intelligent logistics 2. อากาศยานไร้คนขบั (Unmanned Aerial Vehicle : UAV) ม่งุ เนน้ การวจิ ัยและนวตั กรรม UAV โดยเฉพาะ โดรน (Drone) รวมทัง้ การวิจัยเพ่ือปรับปรุงกฎหมาย ข้อบังคับ มาตรฐาน และการควบคุมและกำกบั ดูแล เพื่อใหเ้ กดิ ความปลอดภัย 3. เทคโนโลยีเพ่อื อุตสาหกรรมอวกาศ (Space industry technology) มงุ่ เน้นการ วิจยั และนวัตกรรมในดา้ นเทคโนโลยีอวกาศทค่ี รอบคลมุ ดาวเทยี มสำรวจโลก ดาวเทียมสื่อสาร และดาวเทยี ม เพ่ือความมนั่ คง รวมถงึ การออกแบบและพฒั นาดาวเทียม การวิจยั และสำรวจอวกาศ (Space exploration) การพัฒนาศนู ย์ทดสอบมาตรฐานและผลิตภัณฑ์ Aerospace การพฒั นาช้ินสว่ นอปุ กรณ์ของดาวเทยี มและ ระบบภาคพ้นื ดนิ 4. อตุ สาหกรรมการบิน (Aviation) มงุ่ เน้นการพัฒนาโครงสรา้ งพ้นื ฐานรองรับอุตสาหกรรม การบนิ ให้ได้มาตรฐาน การพัฒนาศูนย์ซอ่ มบำรงุ อากาศยาน (Maintenance Repair and Overhual : MRO) การออกแบบและพฒั นาอากาศยานขนาดเล็ก การวิจยั และพฒั นาเพื่อการผลติ ชนิ้ สว่ น รวมทง้ั การผลติ บคุ ลากร (นกั บนิ ชา่ งซอ่ มบำรงุ ) ท่มี มี าตรฐานในระดับนานาชาตแิ ละ 5. การขนส่งทางราง ผลักดนั ให้เกิดการ พฒั นาบคุ ลากร และเทคโนโลยีท่เี ก่ียวข้อง โดยมงุ่ เน้นการดูดซับและเรยี นรูเ้ ทคโนโลยจี ากต่างประเทศเพ่ือเป็น การตอ่ ยอดฐานความรู้และสงั่ สมีองค์ความรเู้ พ่ิมขึน้ ส่งเสรมิ การวิจยั นโยบาย การวิจยั พัฒนาระบบจดั การ ผ้โู ดยสาร ระบบจัดการเส้นทางและมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านระบบขนส่งทางราง 3. อตุ สาหกรรมเชื้อเพลงิ ชีวภาพและเคมีชวี ภาพ (Biofuels & biochemicals) ได้แก่อุตสาหกรรม เคมชี ีวภาพครบวงจร เคมีชีวภาพและพลาสติกชวี ภาพ (Bio-Chemical/Bioplastic) การพฒั นาเศรษฐกจิ ชีวภาพ (Bioeconomy) มแี ผนงานการวจิ ยั และนวัตกรรมสำคัญ ได้แก่ 1. เช้อื เพลิงชวี ภาพ (Biofuel) มงุ่ เน้น การวิจยั และพฒั นาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพอ่ื ลดต้นทุนต่อหนว่ ยในการผลติ เพ่ิมผลผลติ ตอ่ ไร่ของพันธพุ์ ชื ใช้ ในการผลติ และหาพืชทีม่ ีศักยภาพเหมาะสมเป็นวตั ถดุ ิบ รวมทั้งผลิตบุคลากรวิจยั และนวัตกรรมค่ขู นานไปกับ การวจิ ัยและพัฒนาด้านเชือ้ เพลิงชวี ภาพ 2. พลงั งานชีวภาพ (Bioenergy) มงุ่ เน้นการเพ่ิมศกั ยภาพการผลิต ไฟฟ้าจากกา๊ ซชีวภาพ เช้อื เพลงิ ชวี มวล การบริหารจัดการวัตถดุ บิ ทคี่ รอบคลมุ ถึงการผลิต การแปรรูป การ ขนสง่ การเก็บ ศูนย์ทดสอบ และมาตรฐานท่ียอมรับในระดับสากล 3. การเพิม่ ประสทิ ธิภาพการใช้พลงั งาน (Energy efficiency) ในแตล่ ะภาคส่วน และ 4. การกักเก็บพลงั งาน (Energy storage) มุง่ เนน้ การใชพ้ ลังงาน หมนุ เวียนของประเทศในประเด็นท่ีเรง่ ด่วน การพฒั นาระบบและวัสดุสำหรบั กักเก็บพลังงาน การพฒั นาระบบ จัดการแบตเตอรี่ รวมทั้งการพฒั นาบคุ ลากรวจิ ยั และพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน 4. อตุ สาหกรรมดจิ ทิ ลั (Digital) ได้แก่ สมองกลฝงั ตวั (Embedded software) ซอฟตแ์ วร์ชว่ ยในการ บริหารจดั การ (Enterprise software) เนอ้ื หาดจิ ทิ ัล (Digital content) ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (E- Commerce) การวเิ คราะหข์ ้อมูลของผบู้ ริโภค (Consumer insight analytics and data center) ระบบ ประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud computing) ระบบความปลอดภยั ในโลกไซเบอร์ (Cyber security) การ เชือ่ มต่อของสรรพสิง่ (Internet of Things) เมืองอจั ฉรยิ ะ (Smart city) สอ่ื และอนิเมช่ันสรา้ งสรรค์ (Creative media and animation) มแี ผนงานการวจิ ัยและนวัตกรรมสำคญั ไดแ้ ก่ 1. การเชอ่ื มต่อของสรรพ สง่ิ (Internet of Things: IoT) ข้อมลู ขนาดใหญ่ (Big data) และการเช่ือมโยง มุ่งเนน้ การพัฒนาอุปกรณ์และ
34 เคร่ืองมือเคร่ืองใชใ้ ห้สามารถเช่อื มต่อและส่ือสารกนั ได้ การพัฒนาโครงสร้างพ้นื ฐานเพ่ือรองรบั การจัดเก็บ ขอ้ มูล เรง่ รดั การพัฒนานักวทิ ยาศาสตรข์ ้อมูลและนักวิเคราะห์ข้อมลู 2. เนอ้ื หาดิจทิ ัล (Digital content) มุ่งเนน้ การพฒั นาองคค์ วามรู้ทบ่ี ูรณาการวิทยาการคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศเข้ากับองคค์ วามรู้ ด้านอื่นๆ พัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากรด้านการผลิตเน้ือหาดิจทิ ัล การจัดเกบ็ มรดกทางวฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญา ของไทยในรปู แบบดจิ ิทัล 5. อุตสาหกรรมการแพทยค์ รบวงจร(Medical hub) ได้แก่ การบริการทางการแพทย์ การแพทย์ ทางไกลผา่ นเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร (ICT) เพ่ือการติดตาม ปรึกษา วนิ ิจฉยั และรกั ษา การผลิต เครือ่ งมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์สำหรบั ผสู้ งู อายุ การผลิตยา ยาประเภทชีววัตถุต้นแบบ (Biologics) ชวี วัตถุ คล้ายคลึง (Biosimilars) และการผลติ ยาสมุนไพร มีแผนงานการวิจัยและนวตั กรรมสำคัญ ไดแ้ ก่ 1.เครื่องมอื แพทย์ (Medical devices) มุ่งเนน้ การวิจยั และพฒั นาเครื่องมือแพทย์ วัสดุและอปุ กรณ์ตรวจวินจิ ฉัยโรค การ ป้องกนั บุคลากรทางการแพทย์ การใชร้ ะบบสารสนเทศกับอปุ กรณ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยชี ีวภาพในการ ตรวจวนิ จิ ฉยั ทม่ี ีความจำเพาะสงู 2. สารชวี ภณั ฑห์ รอื ชวี วตั ถุ (Biologics) มงุ่ เนน้ การวจิ ัยและพัฒนาผลิตยาชวี วัตถคุ ล้ายคลึง (Biosimilars) โมโนโคลนอลแอนติบอดี และวคั ซนี พน้ื ฐาน การพัฒนาสตู ร การผลติ และการ วิเคราะห์ การทดสอบประสทิ ธภิ าพและความปลอดภัยในห้องปฏบิ ตั กิ ารและในสตั วท์ ดลอง ผา่ นกระบวนการ ที่มมี าตรฐานสากล และ 3. การบริการทางการแพทย์ (Medical services) มงุ่ เนน้ การวิจัยและพัฒนาและ จดั ระบบบริการทม่ี คี ุณภาพมาตรฐานที่ทำใหป้ ระชาชนสามารถเขา้ ถึงบรกิ ารทางการแพทย์ได้รวดเร็ว สะดวก ปลอดภยั และทั่วถึงทง้ั ในภาวะปกติและสาธารณภยั พฒั นาระบบการแพทย์ปฐมภมู ิและเครือขา่ ยระดับอำเภอ ภาพท่2ี .2 อตุ สาหกรรมเปา้ หมายในการขบั เคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทมี่ า: (รา่ ง) ยุทธศาสตร์การวิจยั และนวตั กรรม 20 ปี (พ.ศ. 2560- 2579)
35 กล่าวโดยสรปุ แลว้ การจะขบั เคล่อื นประเทศให้บรรลุเป้าหมายประเทศไทย ๔.๐ จะต้องอาศยั การมี ส่วนร่วม ทัง้ องคาพยพ ซึ่งหมายถงึ ทกุ ภาคส่วนต้องเข้ามามสี ่วนรว่ มในการพฒั นาบุคลากรวจิ ัยและนวัตกรรม เพือ่ เป็น ฐานในการขบั เคลื่อนประเทศใหเ้ กดิ ความมน่ั คง มง่ั คั่งและย่ังยืน ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และ เป้าหมายของไทยแลนด์ 4.0 เอกสารอา้ งองิ สวทน. (2559) ดชั นีวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2558 สวทน.(2559) ผลการสำรวจข้อมลู การวิจยั และพัฒนาของภาคเอกชน ประจำปี พ.ศ. 2559 เผยแพร่ในการสัมมนา CEO Innovation Forum ๒๐๑๗ สำนกั งานคณะกรรมการนโยบายวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวัตกรรมแหง่ ชาติ (2559) ผลการสำรวจข้อมลู การวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชน ประจำปี พ.ศ. 2559 เผยแพร่ในการสัมมนา CEO Innovation Forum 2017
บทที่ 3 ความร้เู กี่ยวกับความคดิ เชิงสรา้ งสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์ (Creative thinking) เป็นกระบวนการทางสมองท่ีมผี ลทำให้คิดได้กว้างไกลหลาย แงม่ ุม หรือเรยี กว่า ความคิดแบบอเนกันย ทำให้เกดิ ความคิดแปลกใหม่แตกต่างไปจากเดิม เปน็ ความสามารถ ของสมองในการเห็นความสัมพนั ธข์ องสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเกดิ การเรยี นรู้และเข้าใจ จนเกิดเปน็ ปฏิกิริยาตอบสนอง ให้เกดิ ความคิดเชิงจนิ ตนาการนำไปสู่การประดิษฐ์คิดค้นสิ่งแปลกใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการหรือเพ่ือ แก้ปัญหาที่เกดิ ข้ึน ทั้งในชีวิตประจำวัน การเรียน และการทำงาน โดยอาศยั ประสบการณ์และความรทู้ ่ีสง่ั สมมา ทฤษฎีของความคดิ สร้างสรรค์ Davis (กรมวิชาการ. 2544: 6-7; อ้างอิงจาก Davis. 1973) ได้รวบรวมแนวคิดเกี่ยวกับความคิด สร้างสรรค์ ของนักจิตวิทยาท่ไี ด้กล่าวถึงทฤษฎีของความคดิ สร้างสรรค์ โดยแบ่งเปน็ กลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 4 กลุ่ม 1. ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์เชงิ จิตวิเคราะห์ นักจิตวิทยาทางจิตวิเคราะห์หลายคน เชน่ ฟรอยด์ และคริส ได้เสนอแนวคดิ เก่ียวกับการเกิดความคิดสรา้ งสรรค์ว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นผลมาจากความขัดแย้ง ภายในจิตใต้สำนึกระหว่างแรงขับทางเพศ (Libido) กบั ความรู้สึกรับผิดชอบทางสังคม (Social conscience) สว่ น คไู บ และรัค ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาแนวใหม่ กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์นั้นเกิดข้นึ ระหวา่ งการ้รู สติกับจิตใต้ สำนึก ซ่งึ อยใู่ นขอบเขตของจิตสว่ นท่ีเรียกว่า จิตก่อนสำนึก 2. ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์เชิงพฤติกรรมนิยม นักจิตวิทยากลุ่มน้ีมีแนวความคิดเก่ียวกับเร่ืองความคดิ สร้างสรรค์ว่า เป็นพฤติกรรมที่เกดิ จากการเรียนรู้ โดยเน้นท่ีความสำคัญของการเสริมแรง การตอบสนองท่ี ถูกต้องกับสิ่งเร้าเฉพาะหรือสถานการณ์ นอกจากนี้ยังเนน้ ความสัมพนั ธ์ทางปัญญา คือการโยงความสัมพนั ธ์จาก สิ่งเร้าหน่ึงไปยังส่ิงเร้าต่าง ๆ ทำใหเ้ กิดความคิดใหม่ หรือสิ่งใหม่เกิดข้ึน 3. ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์เชงิ มนุษย์นิยม นักจิตวิทยาในกลุ่มน้ีมีแนวคิดว่าความคิดสร้างสรรค์ เป็น สงิ่ ที่มนุษย์มีตดิ ตวั มาตั้งแต่เกิด ผู้ทีส่ ามารถนำความคิดสร้างสรรค์ออกมาใชไ้ ด้คือผทู้ ่ีมีสัจการแห่งตน คือร้จู ัก ตนเอง พอใจตนเอง และใช้ตนเองเต็มตามศักยภาพของตนมนุษย์จะสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ของ ตนเองมาได้อยา่ งเต็มทน่ี ั้นขึ้นอยู่กับการสร้างสภาวะหรือบรรยากาศท่ีเอื้ออำนวย ได้กล่าวถึงบรรยากาศที่สำคัญ ในการสร้างสรรค์ ว่า ประกอบด้วยความปลอดภัยในเชิงจิตวิทยา ความมัน่ คงของจิตใจ ความปรารถนาทีจ่ ะเล่น ความคิดและการเปิดกว้างที่จะรบั ประสบการณ์ใหม่
37 4. ทฤษฎีอูต้า (AUTA) ทฤษฎีนเ้ี ป็นรปู แบบของการพัฒนาความคิดสร้างสรรคใ์ ห้เกดิ ขึ้นในตวั บุคคล โดยมีแนวคิดว่าความคิดสร้างสรรค์นัน้ มีอยู่ในมนุษย์ทุกคนและสามารถพัฒนาใหส้ ูงขนึ้ ได้ การพัฒนาความคิด สร้างสรรค์ตามรูปแบบอูต้าประกอบด้วย 4.1 การตระหนัก (Awareness) คือตระหนักถึงความสำคัญของความคิดสรา้ งสรรค์ที่มตี ่ ตนเองสงคม ท้งั ในปัจจบุ ันและอนาคต และตระหนักถึงความคดิ สร้างสรรค์ที่มีอยใู่ นตนเองด้วย 4.2 ความเข้าใจ (Understanding) คือมคี วามรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเร่ืองราวตา่ ง ๆ ท่ี เกย่ี วข้องกบั ความคดิ สร้างสรรค์ 4.3 เทคนิควิธี (Techniques) คือการรู้เทคนิคในการพัฒนาความคิดสร้างสรรคท์ ้ังท่ีเปน็ เทคนิคสว่ นบุคคล และเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน 4.4 การตระหนักในความจริงของส่ิงต่าง ๆ (Actualization) คือการรู้จัก หรือตระหนักใน ตนเอง พอใจในตนเอง และพยายามใช้ตนเองและพยายามใช้ตนเองเต็มศักยภาพ รวมท้ังการเปิดกว้างรับ ประสบการณ์ต่าง ๆ โดยมีการปรบั ตัวไดอ้ ย่างเหมาะสม การตระหนักถึงเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน การผลติ ผลงาน ดว้ ยตนเอง และมีความคิดที่ยืดหยุ่นเขา้ กับทกุ รปู แบบของชีวติ องคป์ ระกอบทั้ง 4 น้ี จะผลักดนั ให้บคุ คล สามารถดงึ ศักยภาพเชิงสรา้ งสรรคข์ องตนเองออกมาใช้ได้จากทฤษฎคี วามคิดสรา้ งสรรค์ทีก่ ล่าวมาแล้วทั้งหมด จะเหน็ ว่าความคิดสร้างสรรค์เปน็ ทักษะท่ีมีในตัวบคุ คลทุกคน และสามารถทีจ่ ะพฒั นาให้สงู ขนึ้ ได้โดยอาศัยการ เรยี นรู้และบรรยากาศทเี่ อื้ออำนวย ภาพที่ 3.1 แสดงสว่ นสำคัญในการคดิ สร้างสรรค์ ความหมายของความคดิ สรา้ งสรรค์
38 ความคิดสรา้ งสรรค์ คือปรากฏการณท์ ่ีบุคคลสร้างสรรค”์ สิ่งใหม”่ อาทิ ผลผลิตการแก้ปญั หา นวตั กรรม หรอื งานศิลปะ ฯลฯ ซง่ึ มีคณุ ค่า การจะตคี วามเกยี่ วกบั ” ความใหม่” ขนึ้ อยู่กับผสู้ ร้างสรรคห์ รือ สังคมหรือแวดวงที่สิง่ ใหมน่ ั้นเกดิ ข้ึน การประเมนิ คุณค่าก็ในทำนองเดียวกัน คณุ สมบัติท่มี ักใช้ในการตีความ “ความใหม่” ประกอบด้วย 1.สง่ิ ประดษิ ฐ์ที่ไมเ่ คยปรากฏมาก่อน 2.ส่ิงประดษิ ฐ์ที่อาจปรากฏอยู่ที่อื่น แต่มีผู้สรา้ งสรรค์ข้นึ ใหม่โดยอิสระ 3.การคิดวธิ ดี ำเนนิ การใหม่ 4.ปรบั กระบวนการผลผลิตเข้าสตู่ ลาดที่แตกต่างออกไป 5.คิดวธิ ีการใหม่ในการแก้ไขปัญหา 6.เปลย่ี นแนวคิดที่แตกตา่ งจากผู้อนื่ ความคิดสร้างสรรค์ คือความคิดใหม่ ๆ แนวทางใหม่ ๆ ทัศนคติใหม่ ๆ ความเขา้ ใจและการมอง ปัญหาในรปู แบบใหม่ ผลลัพธ์ของความคดิ สรา้ งสรรค์ท่ชี ดั เจน คอื ดนตรี การแสดง วรรณกรรม ละคร สง่ิ ประดิษฐ์ นวัตกรรมทางเทคนิค แต่บางครงั้ ความคิดสรา้ งสรรคก์ ม็ องไม่เหน็ ชดั เจน เช่น การต้ังคำถาม บางอย่างท่ชี ่วยขยายกรอบของแนวคดิ ซ่งึ ให้คำตอบบางอยา่ งหรอื การมองโลก หรือปญั หาในแนวนอกกรอบ ความคิดสร้างสรรค์ คือความคิดเชื่อมโยงที่พยายามหาทางออกหลาย ๆ ทาง ใช้ความคิดท่ี หลากหลายแสวงหาความเปน็ ไปได้ใหม่ ๆ และนอกกรอบ คัดสรรค์หาทางเลอื กใหม่ ๆ และพยายามปรับปรุง ใหด้ ีขึ้นเร่ือย ๆ ซึ่งมวี ิธีการอยู่ 6 ข้นั ตอน คือ 1.แสวงหาขอ้ บกพร่อง (Mess Finding) 2.รวบรวมข้อมลู (Data Finding) 3.มองปญั หาทุกด้าน (Problem Finding) 4.แสวงหาความคิดท่ีหลากหลาย (Idea Finding) 5.หาคำตอบท่ีรอบด้าน (Solution Finding) 6.หาขอ้ สรปุ ท่ีเหมาะสม (Acceptance Finding)9 กระบวนการของความคดิ สร้างสรรค์
39 เกดิ ข้นึ โดยบงั เอญิ หรือโดยความต้ังใจ ซงึ่ สามารถทำไดด้ ว้ ยการศกึ ษาการอบรมฝึกฝน การระดมสมอง (brain-storming) มากกวา่ คร่ึงหนึ่งของการคน้ พบทย่ี ิ่งใหญข่ องโลก เกดิ จากการค้นพบโดยบงั เอิญ (Serendity) หรือการค้นพบสิ่งหนง่ึ ซ่ึงใหม่ ในขณะท่ีกำลงั ต้องการค้นพบสิ่งอื่นมากกว่า การคิดเชงิ สรา้ งสรรค์ (Creative thinking) หมายถงึ ความสามารถในการมองเห็นความสมั พนั ธข์ อง สงิ่ ตา่ ง ๆ การขยายขอบเขตความคดิ ออกไปจาก กรอบความคิดเดมิ ทมี่ ีอยู่สคู่ วามคิดใหม่ ๆ ทไี่ มเ่ คยมีมาก่อน เพื่อ คน้ หาคำตอบทีด่ ีที่สดุ ให้กบั ปญั หาท่ีเกดิ ขน้ึ เป็นการสร้างสรรคส์ ง่ิ ใหม่ที่แตกตา่ งไปจากเดิม เปน็ ความคิดที่ หลากหลาย คดิ ได้กว้างไกล หลายแง่หลายมมุ เน้นทง้ั ปริมาณและคุณภาพ องคป์ ระกอบของความคดิ สรา้ งสรรค์ ไดแ้ ก่ ความคดิ น้ันตอ้ งเปน็ สิ่งใหม่ไม่เคยมีมาก่อน (New Original) ใช้การได้ (Workable) และมี ความเหมาะสม (Appropriate) การคิดเชงิ สร้างสรรค์จึงเป็นการคิดเพ่ือการเปลีย่ นแปลงจากส่งิ เดิมไปสสู่ ง่ิ ใหมท่ ่ีดีกว่า ซ่ึงจะได้ผลลัพธท์ ต่ี ่างไปโดยสนิ้ เชงิ หรอื ท่ีเรียกว่า \"นวัตกรรม\" (Innovation) ความคิดสรา้ งสรรค์ มีความหมายแยกไดเ้ ป็น 3 ประเดน็ หลกั คือ 1. เป็นความคดิ แงบ่ วก หรือ Positive thinking 2. เป็นการกระทำท่ีไม่ทำรา้ ยใคร หรือ Constructive thinking 3. เป็นการคิดสร้างสรรค์สง่ิ ใหม่ ๆ หรอื Creative thinking ระดับของความคดิ สร้างสรรค์ กระบวนการของความคิดสรา้ งสรรค์ อาจเกดิ ขน้ึ โดยบงั เอิญหรอื โดยความตงั้ ใจ ซ่ึงสามารถทำได้ด้วย การศึกษา การอบรมฝึกฝน การระดมสมอง (brain-storming) มากกวา่ ครึ่งหนึ่งของการค้นพบท่ีย่ิงใหญ่ของ โลก เกดิ จากการค้นพบโดยบงั เอญิ (Serendity) หรือการค้นพบสิง่ หนง่ึ ซงึ่ ใหม่ ในขณะท่ีกำลังตอ้ งการคน้ พบ สิ่งอื่นมากกวา่ ระดบั ของความคดิ สร้างสรรค์ แบง่ ออกได้เป็น 3 ระดบั คอื 1. ความคิดสร้างสรรคร์ ะดบั ต้น เป็นความคดิ ที่มอี ิสระ แปลกใหม่ ยงั ไม่คำนึงถึงคุณภาพและการนำไป ประยกุ ตใ์ ช้ 2. ความคิดสรา้ งสรรค์ระดบั กลาง เป็นความคิดที่เริ่มคำนึงถึงผลผลติ ทางคุณภาพ และสามารถนำไป ประยกุ ตใ์ ช้งานได้ 3. ความคดิ สรา้ งสรรคร์ ะดับสูง เป็นความคิดทเ่ี กดิ จากการสรุปส่ิงท่คี น้ พบเป็นรปู ธรรมนำไปใช้ในการ สรา้ ง หลักการทฤษฎที เี่ ปน็ สากลเพื่อนำไปสู่การประกอบอาชีพที่หลากหลาย
40 ภาพท่ี 3.2 ขน้ั ของความคดิ สร้างสรรค์ ลักษณะความคดิ สร้างสรรค์ ความคดิ สรา้ งสรรค์เปน็ ลักษณะความคดิ แบบอเนกนั ย (Divergent Thinking) คือการคิดหลาย ๆ แง่ หลาย ๆ ทาง คดิ ให้มากทส่ี ดุ เท่าที่จะนึกได้ เป็นการมองปัญหาในแนวกวา้ งเหมือนกบั แสงอาทิตย์ทแ่ี ผร่ ศั มีออ กรอบด้าน คนที่มี ความคิดสร้างสรรคน์ ั้นจะเป็น 1. คนท่ีมคี วามคดิ ริเร่ิม (Originality) คือมีความคดิ ท่ีแปลกใหมต่ ่างจากความคดิ ธรรมดาของคนทัว่ ๆ ไป 2. มคี วามคิดยดื หยุน่ (Flexibility) คือมคี วามสามารถในการคดิ หาคำตอบได้หลายทิศทางหลายแง่ หลายมุม 3. มคี วามคดิ คล้องแคล่ว (Fluency) คือสามารถคิดหาคำตอบได้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ ว่องไว รวดเร็ว และได้ คำตอบมากที่สุดในเวลาท่ีจำกดั 4. มีความคดิ ละเอยี ดลออ (Elaboration) คอื การคดิ ไดใ้ นรายละเอียดเพื่อขยาย หรอื ตกแตง่ ความคดิ หลกั ใหไ้ ด้ความหมายท่สี มบรู ณ์ยิง่ ขึน้ ประโยชนข์ องความคดิ สรา้ งสรรค์ ความคดิ สรา้ งสรรค์เปน็ ความสามารถในการคดิ ท่ีแปลกใหม่ โดยอาศยั ประสบการณ์ที่มีอยูใ่ นการ ดดั แปลงสงิ่ ต่าง ๆ เพื่อนำไปใชแ้ กป้ ัญหาได้อย่างรอบคอบและมีความถกู ต้อง ดังนัน้ ความคดิ สรา้ งสรรคจ์ ึงมี ประโยชน์ ดงั น้ี 1. ชว่ ยในการแก้ปัญหา
41 โลกปัจจบุ ันมีการเปลยี่ นแปลงทีร่ วดเร็ว และมคี วามสลับซับซอ้ มมากย่งิ ขน้ึ การแกป้ ญั หาดว้ ยวธิ กี าร เดิม ๆ มกั ใช้ไมไ่ ด้ผล ความคิดสร้างสรรค์จึงเขา้ มามีบทบาทสำคัญ ทง้ั ในระดับโลกระดับชาติ ระดับองคก์ ร ระดบั สถาบนั การศึกษา จนถึงระดบั ปจั เจกบุคคลโลกปัจจุบนั เป็น ความคดิ สรา้ งสรรค์ช่วยใหแ้ ก้ปญั หาเดิม ด้วยวธิ ีการใหมท่ ำใหไ้ ดส้ ิง่ ท่ีดีกวา่ เพราะในโลกความเป็นจริงไมม่ ีรูปแบบใด อยู่ในสภาพตายตัวตลอดเวลา ไม่ ว่าจะเป็นมติ ขิ องสถานที่หรอื เวลา แตม่ ีความแตกตา่ งซ่อนอยูเ่ สมอ เพราะ องคป์ ระกอบปลกี ยอ่ ยทีผ่ สมผสาน แตกตา่ งกัน ดังนัน้ การเรียนรู้แบบเปน็ “สูตร” จึงไมส่ ามารถใช้ได้ผลทกุ คร้งั ต้องเรียนรวู้ ิธีการยืดหยุ่น เพอื่ สามารถปรบั ตวั เขา้ กบั บรบิ ทท่ีแตกตา่ งกนั การเรียนรู้วธิ คี ิดสร้างสรรค์จะสามารถชว่ ยให้เราคิดได้อย่าง เหมาะสม สำหรับเรื่องหน่งึ ๆ ในเวลาหนง่ึ ๆ 2. ก่อให้เกิดนวัตกรรมท่ีไมห่ ยุดยัง้ เทคโนโลยใี นปจั จบุ ันมีการแข่งขันกันในด้านความสรา้ งสรรค์ เพอื่ ผลติ ส่ิงใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด สนิ ค้า รูปแบบเดมิ แม้ดูเหมือนตอบสนองความต้องการของผบู้ รโิ ภคไดใ้ นปัจจบุ นั แต่หากไม่มกี ารพัฒนาเท่ากับเปน็ การเดิน ถอยหลังไปเรื่อย ๆ เพราะเม่อื มสี ินคา้ ที่ดีกวา่ ใหม่กว่านา่ สนใจกว่าย่อมดึงดดู ใจผู้บริโภคได้มากกว่า สนิ คา้ รปู แบบเดมิ ๆ อาจหายไปจากตลาดได้ บคุ คลทสี่ ามารถพัฒนาความคิดสร้างสรรคเ์ พ่อื สรา้ งนวัตกรรมได้ นั้น มกั เป็นบคุ คลท่“ี ไม่ พึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมี” ซ่ึงความไมพ่ ึงพอใจน่เองท่ีทำใหค้ ิดค้นและพัฒนาสิง่ ตา่ ง ๆ ได้ 3. ชว่ ยเราไดส้ ่งิ ใหมท่ ี่ดกี วา่ สิ่งเดิม ๆ ความคิดสรา้ งสรรค์จะช่วยให้ประสบความสำเรจ็ ในการดำเนนิ ชีวิตได้ จากการพยายามพัฒนาตนเอง ใหด้ ีขึน้ พยายามมองปัญหาที่เกิดขน้ึ ในบรบิ ทท่ีเปน็ อยู่ เพ่ือแก้ปัญหาและพฒั นาอาชพี ตนเองได้อยา่ งตอ่ เนื่อง ใน ปัจจบุ ันแทบทุกอาชีพตอ้ งพ่งึ พาคนท่ีมีความคิดสร้างสรรค์ เพราะทุกองคกรต่างต้องพัฒนาตนเองเพ่ือก้าว ส่อู นาคต นอกจากนค้ี วามคิดสร้างสรรค์ยังช่วยยกระดบั ความสามารถ ความอดทนและความคิดริเรมิ่ ของผูน้ ำ ใหเ้ พม่ิ มากขน้ึ และยงั เป็นการพัฒนาความสนใจในงาน พัฒนาการใชเ้ วลาวางใหเ้ ป็นประโยชน์และพฒั นาชีวติ ใหท้ ันสมัยมากขน้ึ อุปสรรคของการพฒั นาความคิดสร้างสรรค์ การพฒั นาความคดิ สร้างสรรคจ์ ำเปน็ ต้องมีองคป์ ระกอบแวดลอ้ มทช่ี ว่ ยสง่ เสริม แต่อยา่ งไรก็ตาม ยังมี อปุ สรรคท่จี ะขดั ขวางการพัฒนาความคดิ สรา้ งสรรคห์ ลายประการดงั น้ี 1. การมีมโนทัศน์ (Concept) เดมิ คอื การที่บคุ คลมคี วามคิดีหรือการรับรูว้ ่าสิง่ ของ บุคคล สภาพการณ์ที่พบเห็นอยนู่ ัน้ มีมโนทัศน์เดิมเป็นอะไร มีหน้าท่ีอะไร และฝังใจแคเ่ พียงวา่ สิ่งนน้ั ต้องเป็นแบบ เดิม ตามที่ตนเองรบั รู้เท่านน้ั ทำให้ไม่สามารถคิดไดว้ ่าสง่ิ นั้นควรจะสามารถทำหน้าทใี่ นลักษณะอื่นได้อีก 2. การมีแนวคดิ ครอบงา (Dominant Idea) เม่ือต้องการคิดทำสิ่งใหม่หรือคดิ แกป้ ญั หา โดยทว่ั ไปจะ มแี นวคิดครอบงำในการแกป้ ัญหาน้ันอยู่แล้ว ทำให้คนท่วั ไปถกู แนวคิดครอบงานี้ ชกั จูงใหค้ ดิ แกป้ ัญหาไปใน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118