Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อ วิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา 20200-1001

สื่อ วิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา 20200-1001

Published by สุภาวดี สิงหลสาย, 2020-03-13 05:05:11

Description: สื่อ วิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น รหัสวิชา 20200-1001

Keywords: เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น 20200-1001

Search

Read the Text Version

หมายเหตุ การคานวณหาฟังชั่นการผลิตทาให้ผู้ลงทุน สามารถทราบขอ้ มลู ดังตอ่ ไปน้ี 1. คานวณหาสว่ นผสมในการผลิตต่อหนึ่งหน่วยการ ผลติ (คานวณหาต้นทุน/หนว่ ย) 2. คานวณเพื่อต้องการหาประสิทธิภาพในการผลิต ณ เวลานั้น (วดั ออกมาเป็นตวั เลขได้)

Y  f X1, X2 , X3,..., Xn  ฟังกช์ ันการผลิต X คือ จานวนปจั จัยการผลิตต่างๆ(input) ที่ใส่เข้าไปในการผลติ Y คอื จานวนผลผลิต(outputs) ที่ไดร้ ับจากการใช้ปจั จัยการผลิต

X (outputs) Y (outputs) ปัจปัจจจัยัยกากรผาลิตร(ผinpลuิตts) จานวนกระเป๋า 3 X1 = หนงั สัตว์ 4 เมตร ใบ X2 = คน 1 คน X3 = จกั ร 1 ตวั

8. การผลิตในระยะสน้ั และระยะยาว การผลิตในระยะสน้ั (Short-run production) หมายถึง ระยะการผลิตท่ีปัจจัยการผลิตบาง ประเภทไม่สามารถเปล่ียนแปลงได้ทันที (เพ่ิม หรือ ลด) เนอ่ื งจากการซอื้ ขายหรอื การสรรหาปจั จัย

Y  f  X1/ X2 , X3 ,..., Xn  จานวนผลผลิต(outputs) คือ ขา้ ว ปัจจยั ผันแปร คือ ปยุ๋ ปจั จัยคงท่ี คอื ทีด่ นิ ปัจจยั คงท่ี คอื รถไถ

การผลิตในระยะยาว (Lonr-run production) ห ม า ย ถึ ง ร ะ ย ะ ก า ร ผ ลิ ต ที่ ผู้ ผ ลิ ต ส า ม า ร ถ เปล่ียนแปลงปัจจัยการผลิตทุกอย่างให้มีจานวน ตามท่ีต้องการ (ปัจจัยการผลิตจะเป็นปัจจัยผันแปร อยา่ งเดยี ว)

Y  f X1, X2 , X3,..., Xn  จานวนผลผลติ (outputs) คือ ขา้ ว ปจั จยั ผันแปร คอื ป๋ยุ ปัจจยั ผนั แปร คอื ทีด่ ิน ปจั จยั ผันแปร คอื เมลด็ พันธ์

9. การผลิตในระยะส้ัน : กฎวา่ ด้วยผลตอบแทนไม่ได้สดั ส่วนกนั 1. ปัจจยั คงท่ี เทา่ เดมิ 2. ปัจจัยผันแปร เพิม่ เข้าไปทลี ะหนว่ ย 1,2,3,4.... 3. ผลผลิตทเี่ กดิ จะมี 2 แบบดังต่อไปนี้  มากขึ้นก็ต่อเม่ือ ปัจจยั คงทส่ี ามารถรบั ได้  ลดลงก็ต่อเม่อื ปจั จัยคงท่ีไมส่ ามารถรับได้

10. การผลติ ในระยะยาว : กฎวา่ ดว้ ยผลตอบแทนในการขยายขนาดการผลติ 1. ปจั จยั การผลติ ทุกๆ ตวั 10 % 2. ผลผลติ ก็จะเพ่มิ ข้ึน 10 % ตามกัน (เพราะปจั จัยทกุ ตวั คือปจั จยั ผนั แปร)

การบรโิ ภค (Consumption)

การบรโิ ภค (Consumption) 1.ความหมายของการบริโภค 2.ประเภทของการบริโภค 3.ปจั จยั ทีเ่ ปน็ ตัวกาหนดการบรโิ ภค 4.ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการบริภาค รายได้ การออม และการลงทุน 5.การวเิ คราะห์พฤติกรรมผบู้ ริโภคดว้ ยทฤษฎีอรรถประโยชน์ 6.การนากฎแหง่ การลดนอ้ ยถอยลงของอรรถประโยชน์

1.ความหมายของการบรโิ ภค การใช้ประโยชนจ์ ากสนิ ค้าและ บริการเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการ ของมนุษย์ท้งั ทางตรงและทางอ้อม เช่น การบรโิ ภคอาหาร การใชเ้ ครอื่ งอปุ โภค การรับบรกิ าร

2.ประเภทของการบริโภค แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คอื 1. การบรโิ ภคสินค้าไม่คงทน (อาหาร ยา น้า นา้ มนั ) 2. การบริโภคสนิ ค้าคงทน (บา้ น โทรทศั น์ รถยนต์ )

3.ปจั จัยทเี่ ป็นตวั กาหนดการบริโภค 1.รายได้ หมายถงึ รายได้สุทธิท่ีหกั ภาษี ประกันสงั คมแล้ว เป็นปัจจยั ท่สี าคญั ทส่ี ดุ ใน การกาหนดการบริโภค รายไดน้ ้อย การบริโภคนอ้ ย รายไดม้ าก การบริโภคมากขึน้ และทาใหเ้ งนิ ออมมากกว่าเดมิ

2.นสิ ัยการใชจ้ ่ายของผูบ้ รโิ ภค หมายถึง ผู้บริโภคจะมนี ิสัยแตกตา่ งกนั เชน่ นสิ ัยสุรยุ่ สรุ ่าย เงินออมก็จะไมม่ ี หนี้สนิ เพมิ่ มาก นสิ ัยประหยัด ใช้เงนิ ท่ตี นเองหามาได้ มเี งนิ ออมมาก

4.ความสมั พันธ์ Y = รายได้ C = ค่าใชจ้ ่ายในการ บรโิ ภค S = เงนิ ออม I = เงนิ ลงทุน

Y = C+S 1 รายได้ = คา่ ใช้จ่าย + เงินออม

Y = C+I 2 รายได้ = คา่ ใชจ้ า่ ย + เงินลงทนุ

Y = C+S 1 Y = C+I 2

C+S=C+I 3 S=I เงินออม = เงินลงทนุ

“อรรถประโยชน์”(utility)

5. การวเิ คราะหพ์ ฤติกรรมผบู้ รโิ ภค “อรรถประโยชน”์ (utility) แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท 1. อรรถประโยชน์รวม Total utility หรือ TU 2. อรรถประโยชนเ์ พิม่ marginal utility หรอื MU



7 – 4 / 2 - 1 = 3/1



6. การนากฎแหง่ การลดนอ้ ยถอยลง ของอรรถประโยชน์เพ่ิมไปใช้ แบ่งออกเป็น 3 กรณี 1. มีสินคา้ และบริการใหซ้ ื้อเพียงชนิดเดยี ว 2. มีสนิ ค้าและบริการให้ซ้ือ 2 ชนดิ และราคาเท่ากนั 3. มีสนิ คา้ และบริการให้ซ้อื 2 ชนดิ แต่มรี าคาต่างกัน

การตลาด (Market)

การตลาด (Market) 1.ความหมายการตลาด 2.ขนาดของตลาด 3.หนา้ ท่ีของตลาด 4.ประเภทของตลาด

1.ความหมายของตลาด การซ้ือขายสินค้าและบริการ อย่างใดอย่างหน่ึง หรือภาวะทาง การคา้

2.ขนาดของตลาด หมายถงึ ขอบเขตการคา้ ของสนิ ค้าใดสินคา้ หน่ึง ปัจจัยท่ีกาหนดขนาดของตลาดคือ 1. การคมนาคมและเทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร การคมนาคม = การขนส่งทส่ี ะดวก/ปลอดภยั /รวดเร็ว ราคาถกู จะสง่ ผลใหก้ ารตลาดกว้างข้ึน เทคโนโลยีการสื่อสาร = สะดวก/รวดเร็ว ทาให้ส่งสินค้า ไดม้ ากขนึ้ ตลาดมากขน้ึ

2. ลกั ษณะของสนิ คา้ ทที่ าใหต้ ลาดแคบ สินค้าที่เนา่ เสยี ง่าย (ผัก/ผลไม้) สินคา้ ท่ีแตกและเสียหายง่าย (เครื่องแก้ว/ กระเบ้อื ง) สนิ ค้าทมี่ ีค่าขนส่งแพง (เพชร) สินค้าท่ีมีน้าหนักมากและพื้นทมี่ าก (ทราย/หนิ /ฟาง)

3. นโยบายของรัฐบาล = การกาหนดโควตาการ สง่ ออก การข้นึ อตั ราภาษี 4. ความต้องการของสินค้า ตลาดกว้าง = สินคา้ ท่ที กุ คนต้องการอยา่ งแพร่หลาย (โทรศัพท์รุ่นใหม่/น้ามนั /สบู่/ข้าวสาร) ตลาดแคบ = เปน็ สนิ คา้ ทีเ่ ฉพาะกลุ่ม/เฉพาะพ้ืนที่ (เครือ่ งเพชร สะตอ หรือสินค้าย่หี อ้ ดงั จากตา่ งประเทศ)

3.หน้าท่ีของตลาด คือ ตลาดทาให้เกิดความต้องการซื้อและความ ตอ้ งการขาย แบ่งออกเปน็ 8 ขอ้ ดังต่อไปนี้ 1. การรวบรวมและจัดซื้อสินค้า = พ่อค้าคนกลางต้อง ประมาณความต้องการซอ้ื ของผบู้ รโิ ภค เพ่ือทีจ่ ะดาเนินการ รวบรวมสนิ คา้ มาให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค

2. การแปรรูป = การทาใหส้ ินคา้ อยูใ่ นรปู พรอ้ มจะ บริโภค เช่น ข้าวเปลอื ก เป็น ขา้ วสาร อ้อย เป็น น้าตาล แป้ง เป็น ขนมปัง

3. การเก็บรักษาสินค้า = สินค้าที่นามาจาหน่ายแก่ ผู้บริโภคนั้นมิได้จาหน่ายหมดในคราวเดียวกันเสมอ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภค พื้นที่ / ระยะเวลาในการจดั เก็บจึงไม่เหมอื นกนั เช่น หนิ ดิน ทราย = ใช้พ้นื ท่มี ากในการจดั เกบ็ เพชร/ทอง = ใช้พืน้ ท่นี ้อยในการจดั เกบ็ และสามารถอยู่ไดน้ าน สุรา/ไวท์ = ใชพ้ น้ื ที่ในการจัดเก็บรักษาไว้เพือ่ ใหม้ ี คุณภาพดี * การกกั ตนุ สนิ ค้า เพือ่ ตอ้ งการเก็งสินคา้ ใหไ้ ดก้ าไรยง่ิ ขึ้น เชน่ ทอง สุรา ใบยาสูบ เป็นตน้

4. การจดั มาตรฐานสินคา้ = การกาหนดรูปลกั ษณะ คณุ สมบัติ หรอื ขนาดตามประเภทสนิ คา้ เพอ่ื เปน็ การเป็นระดบั สินคา้ ในการกาหนดราคาขาย เชน่ ไข่ แบ่งขนาด เบอร์ 0 1 2 3 4 หนงั แบง่ เป็น เกรด A B C ขา้ วสาร แบ่งเปน็ 5% 10% 15%

5. การขาย = เปน็ หนา้ ทีข่ องตลาดทเี่ กี่ยวกบั การ โอนหรือเปล่ียนมือสนิ คา้ จาก ผขู้ าย ไปยงั ผบู้ ริโภค 6. การขนสง่ = เป็นการเปล่ยี นสถานทข่ี องสนิ ค้าท้ัง ทางบก ทางนา้ ทางอากาศ และทางทอ่ นา้ มนั /ก๊าช สนิ คา้ จากโรงงาน ไปยงั ผขู้ ายสง่ ผูข้ ายสง่ ไปยัง ผ้ขู ายปลีก ผู้ขายปลกี ไปยัง ผบู้ ริโภค

7. การเงิน = เป็นหน้าที่เก่ียวข้องกับทุกข้ันตอน เพราะทุกข้ันตอนจะต้องเก่ียวข้องกับการเงิน ถ้า พ่อค้าขาดเงินทุนหมุนเวียน จาเป็นต้องหาแหล่ง เงินทนุ เชน่ ธนาคารหรือสถาบนั ทางการเงินตา่ งๆ

8. การป้องกันการเสย่ี งภัย = เป็นการลดความเส่ียง ในระหวา่ งการซ้ือขายสินคา้ เชน่ การแตกหัก การเส่ือมสภาพ อัคคีภัย การโจรกรรม ราคาสินค้า ตกต่า (การประกันราคาสินค้า = รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือให้ ความคุมครองการเสี่ยง )

4.ประเภทของตลาด ตามหลักเศรษฐศาสตร์ แบ่งประเภทของตลาด ออกเปน็ 2 ประเภท คอื 1. ตลาดทม่ี กี ารแข่งขันอย่างสมบรณู ์ 2. ตลาดทีม่ ีการแข่งขันอย่างไมส่ มบรณู ์

1. ตลาดท่ีมีการแข่งขันอย่างสมบรูณ์ จะตอ้ งมี 4 ลกั ษณะ ดงั นี้ 1. มีผู้ซื้อและผู้ขายจานวนมาก คือ ไม่มีใคร สามารถกาหนดราคาสินค้าได้อย่างแท้จริง ข้ึนอยู่ กบั ความต้องการซอ้ื และความตอ้ งการขาย

2. สินค้าท่ีซ้ือขายมีลักษณะเหมือนกัน คือ สินค้ามี ลกั ษณะเหมอื นกันทุกประการ จนกระทัง้  ผ้ซู ้อื สามารถซอ้ื สนิ คา้ จากผู้ขายรายใดก็ได้  ผู้ขายไมส่ ามารถตง้ั ราคาขายสนิ ค้าในราคาที่สงู กว่าคูแ่ ขง่ (น้าดมื่ ข้าวสวย ข้าว/กว๋ ยเต๋ียวท่โี รงอาหาร)

3. ผู้ซ้ือและผู้ขายจะต้องมีความรอบรู้ในภาวะ ตลาดอย่างสมบรูณ์ คือ ผู้ซ้ือและผู้ขายจะต้อง ติดตามราคาสนิ คา้ นั้นๆ และจะต้องขายซือ้ ในราคา ณ ตอนน้นั (ทองคา ข้าวเปลอื ก ยางพารา นา้ มนั )

4. การติดต่อซ้ือขายกระทาได้อย่างสะดวก ไม่มี ข้อจากัด คือ สินค้าที่มีการซ้ือขายได้ทันที มีค่า ขนส่งน้อย ไมม่ ีผลกระทบตอ่ ราคา

1. ตลาดที่มีการแขง่ ขนั อยา่ งไมส่ มบรณู ์ สินค้าชนิดเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันในเรื่อง คณุ สมบัติ ลักษณะ กันบา้ งจะมากหรือน้อยกไ็ ด้ ทาใหเ้ กิด  ผ้ซู อ้ื รูส้ กึ ว่าสนิ คา้ ของผขู้ ายแต่ละรายไม่แตกตา่ งกนั  ผขู้ ายสามารถกาหนดราคาให้เหนือกว่าหรือถกู กว่าคู่แข่ง จงึ สามารถแบง่ ออกเป็น 3 ประเภทคือ

1. ตลาดกงึ่ แขง่ ขนั ก่งึ ผูข้ าด มี 2 ลักษณะคือ 1.1 ผซู้ อื้ และผ้ขู ายมจี านวนมาก 1.2 สนิ ค้าทซ่ี ้ือขายมลี กั ษณะแตกตา่ งกัน เช่น โทรศพั ทม์ อื ถอื สบู่ ยาสฟี ัน รถยนต์

2. ตลาดผู้ขายนอ้ ยราย มีลกั ษณะคอื  ผู้ขายมีจานวนนอ้ ย ผูซ้ ือ้ มีจานวนมาก  ผู้ขายรายหนึ่งขึ้นราคา ผู้ซื้อจะหันไปซื้อรายอ่ืน ทนั ที (นา้ มนั ก๊าชหุงตม้ )

3. ตลาดผู้ขายเพยี งรายเดยี ว มลี ักษณะคือ  ผขู้ ายมีรายเดียว ผู้ซอ้ื มจี านวนมาก  ผู้ขายขึน้ ราคา ผูซ้ ้ือก็จาเปน็ ต้องซอื้ (ไฟฟา้ ประปา บหุ ร่ี สลากกินแบง่ รัฐบาล)

อุปสงค์ (Demand) ความต้องการซ้อื

อุปสงค์ /Demand/ความตอ้ งการซ้อื 1.ความหมาย 5.การเปลีย่ นแปลงของอุปสงค์ 2.ตารางอปุ สงค์ 6.ความยดื หยุน่ ของอุปสงค์ 3.กฎอุปสงค์ 7.ความยดื หยุ่นของอุปสงค์ 4.ปจั จัยกาหนดอุปสงค์ 8.การวดั ความยืดหยุ่น ฟังกช์ ัน้ อุปสงค์