Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สพป นศ 4

คู่มือการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สพป นศ 4

Description: คู่มือการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สพป นศ 4

Search

Read the Text Version

ทสี่ ามารถนำสู่การปฏิบตั ิตามบรบิ ทของสำนกั งานเขตพ้นื ท่ี น้ำหนกั คะแนน 2.5 กษาและบรบิ ทความต้องการดา้ นระบบการดแู ลช่วยเหลือ 2.5 1 20 ดภัยในโรงเรยี นของสำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาอยา่ ง (30 คะแนน) านเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษา และการเสรมิ สร้างความปลอดภยั (5 คะแนน) ปลอดภยั อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 1 และความปลอดภัยอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพไปพฒั นางานอย่าง 2 และความปลอดภยั อยา่ งตอ่ เนือ่ ง 2 ะการเสริมสร้างความปลอดภัยในโรงเรียน (5 คะแนน) และความปลอดภยั ดว้ ยวิธกี ารที่ การเรียนร้ใู ห้โรงเรียนดา้ นระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรยี น 2 2 อนักเรียน และความปลอดภัยแก่โรงเรยี น ครูและบุคลากร 2 P a g e 86 | 91

ประเดน็ พิจารณา 2.3 การดำเนนิ การพัฒนา ผบู้ รหิ าร ครู และผู้รับผิดชอบระบบการดูแลชว่ ยเหลอื ของสำนกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา 2.3.1 มีการดำเนนิ งานพฒั นาผูบ้ ริหารต่อเนือ่ ง 3 ปี 2.3.2 มีการดำเนินงานพัฒนาครู และผ้รู ับผิดชอบ ต่อเน่ือง 3 ปี 2.3.3 มีการดำเนนิ งานพฒั นาบคุ ลากรทางการศกึ ษา ในเขตพื้นที่การศกึ ษาตอ่ เนื่อง 3 2.4 การส่งเสริมให้โรงเรียน ดำเนนิ การพฒั นาครู และบคุ ลากรทางการศึกษา เรอื่ ความปลอดภัยในโรงเรียน 2.4.1 ส่งเสริมใหม้ ีการขยายผลการพัฒนาครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาครบทกุ โรงเร 2.4.2 ส่งเสริมให้มีการขยายผลการพฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษาครบทกุ คนอ 2.5 การนิเทศ กำกบั ตดิ ตาม และประเมินผล การดำเนินงานระบบการดแู ลช่วยเห ในโรงเรียน 2.5.1 มีแผนการนิเทศ กำกบั ตดิ ตามการดำเนินงานระบบการดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน 2.5.2 มเี คร่ืองมือการนเิ ทศ กำกับ ตดิ ตามการดำเนนิ งานระบบการดูแลช่วยเหลอื นกั 2.5.3 มีการบูรณาการการนเิ ทศ กำกับ ติดตาม การดำเนนิ งานระบบการดแู ลช่วยเห 2.5.4 มีการนำผลการนเิ ทศ กำกบั ตดิ ตาม มาใชใ้ นการพัฒนาการดำเนนิ งานระบบก 2.6 การเสริมสรา้ งขวญั กำลงั ใจ เผยแพร่ และประชาสัมพนั ธ์ ผลการดำเนนิ งาน ความปลอดภยั ในโรงเรยี น 2.6.1 มีการเผยแพร่ และประชาสมั พนั ธ์ผลการปฏบิ ัติงานท่ีเป็นเลิศ (Best Practice 2.6.2 มีวิธกี ารเผยแพร่ และประชาสมั พนั ธด์ ้านระบบการดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี นและ คะแนนรวมประเดน็ ท่ี

นกั เรียน และการเสริมสร้างความปลอดภยั ในโรงเรียน นำ้ หนกั คะแนน (5 คะแนน) 3 ปี 1.5 องระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรยี นและการเสริมสรา้ ง 1.5 2 (5 คะแนน) รยี นอยา่ งตอ่ เนอื่ ง 2.5 อยา่ งตอ่ เนื่อง 2.5 หลือนกั เรยี น และการเสริมสร้างความปลอดภยั (5 คะแนน) น และความปลอดภัย 1 กเรยี น และความปลอดภยั 1 หลอื นกั เรยี น และความปลอดภัย 1 การดูแลชว่ ยเหลือนักเรียนและความปลอดภัยอย่างตอ่ เนื่อง 2 ระบบการดแู ลช่วยเหลอื นกั เรยี น และการเสรมิ สรา้ ง (5 คะแนน) es) ของโรงเรียนและสำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา 2.5 ะความปลอดภัย ทห่ี ลากหลาย 2.5 2 30 P a g e 87 | 91

ประเดน็ พจิ ารณา 3. การมสี ่วนรว่ ม ดำเนินงานระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียนและ ความปลอดภยั 3.1 การสร้างภาคีเครือข่าย ระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรียน และการเสรมิ สรา้ งค 3.1.1 มีวิธกี ารสรา้ งภาคีเครือขา่ ยอย่างหลากหลาย 3.1.2 มีวธิ กี ารดแู ล ดำรง รักษาภาคีเครือข่าย 3.1.3 มกี ารสร้างความตระหนัก ความรคู้ วามเข้าใจ ในบทบาทหน้าท่ขี องภาคเี ครอื ข่า 3.2 การดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น และการเสรมิ สร้างความปลอ ประสิทธภิ าพ 3.2.1 มีการดำเนนิ งานระหวา่ งสำนกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษากับภาคีเครือขา่ ยอย่างต่อ 3.2.2 มีการดำเนนิ งานระหว่างโรงเรียนกบั ภาคีเครอื ข่ายอยา่ งต่อเนือ่ ง 3.3.3 มกี ารสรปุ ผลการดำเนินงานร่วมกบั ภาคีเครือขา่ ยของสำนักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ คะแนนรวมประเดน็ ท่ี 4. ความสำเร็จของ การดำเนนิ งานระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น และการเสรมิ 4.1 ผลทีป่ รากฏกับนกั เรียน 4.1.1 นักเรยี นในโรงเรียนทกุ โรงเรียนได้รับการพฒั นา และการเสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ิต 4.1.2 นักเรียนทกุ โรงเรยี นได้รับการดแู ล ปกปอ้ ง ให้ไดร้ ับความปลอดภัยสอดคล้องก 4.1.3 นกั เรียนได้รบั การยกยอ่ ง ชมเชย และรางวัลทเ่ี ก่ียวกบั ระบบการดูแลช่วยเหลอื 4.1.4 นกั เรยี นไดร้ บั โอกาสและความเสมอภาค ในการศกึ ษาจนจบหลกั สตู ร 4.2 ผลทป่ี รากฏกบั โรงเรียน 4.2.1 โรงเรียนในสังกัดมีนวตั กรรมหรอื วิธีปฏิบตั ทิ ่ีเป็นเลิศ (Best Practices) 4.2.2 โรงเรียนมกี ารพฒั นาต่อยอด เผยแพร่นวตั กรรม หรือวิธปี ฏบิ ตั ิทเี่ ป็นเลิศ (Best

ย ในโรงเรยี นของภาคี เครือขา่ ย น้ำหนกั คะแนน ความปลอดภยั ในโรงเรียนท่ีมีคุณภาพ (20 คะแนน) (10 คะแนน) ายให้กับโรงเรียน อดภยั ในโรงเรยี น รว่ มกบั ภาคีเครือข่าย อย่างมี 3.5 อเนื่อง 3 กษาและโรงเรยี น 3.5 3 (10 คะแนน) มสรา้ งความปลอดภัยในโรงเรยี น 3.5 กับเปา้ หมาย ของสำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา 3.5 อนักเรยี นและความปลอดภยั 3 20 t Practices) (30 คะแนน) (10 คะแนน) 2.5 2.5 2.5 2.5 (10 คะแนน) 3.5. 3.5 P a g e 88 | 91

ประเด็นพิจารณา 4.2.3 โรงเรียนได้รับรางวัลทเ่ี ก่ียวกับระบบการดแู ลช่วยเหลอื นกั เรยี นและความปลอ 4.3 ผลทีป่ รากฏกับสำนักงาน เขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา 4.3.1 สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามีนวัตกรรมหรือวิธีปฏิบัติทีเ่ ปน็ เลิศ (Best Practi และความปลอดภยั 4.3.2 สำนกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษามกี ารพัฒนาตอ่ ยอด นวัตกรรมหรือวธิ ปี ฏิบัติ 4.3.3 สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาไดร้ ับรางวัลในระดับต่าง ๆ ท่เี กี่ยวกับระบบการด คะแนนรวมประเดน็ ที่ คะแนนรวมทง้ั 4 ประเด คิดเปน็ ร้อยละ

อดภยั นำ้ หนักคะแนน ices) ด้านการส่งเสริมระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียน 3 ดูแลชว่ ยเหลือนกั เรยี น และความปลอดภัย (10 คะแนน) 4 3.5 ด็น 3.5 3 30 100 100 P a g e 89 | 91

แบบรายงานผลการดำเนินงานระบบการดแู ลช่วยเหลอื นักเรียน ระดบั สำนกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 คำช้ีแจง 1. สำนกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษารายงานผลการดำเนนิ งานระบบการดแู ลช่วยเหลือนักเรียน 2. สำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาบันทึกข้อมูลรายละเอียดในแบบรายงานให้ถกู ตอ้ งครบถว้ น (เอกสารขอ้ มูล ไมเ่ กิน 20 หน้ากระดาษ A4) 3. แนบเอกสารหลกั ฐานประกอบ (ภาคผนวกไม่เกิน 20 หนา้ กระดาษ A4) ส่วนท่ี 1 ข้อมลู พื้นฐานของสำนักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษา ชอื่ สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา .............................................................................................................................. สังกดั สำนักงานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 4 สถานทต่ี ั้ง.................................................................................................................................................. โทรศพั ท.์ ..................................................................จำนวนโรงเรยี นในสงั กัด....................................แหง่ ชือ่ ผอู้ ำนวยการสำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษา......................................................................................... หมายเลขโทรศัพท์มือถือ........................................................................................................................ ส่วนท่ี 2 ผลงานดำเนนิ งานระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น (สำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประเมนิ ตามแบบประเมินผลการดำเนนิ งานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ระดับสำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษา และเขยี นรายงานผลการบริหารจัดการและการดำเนนิ งานระบบการ ดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (เป็นผลงานปีการศึกษา 256...– 256….) ครอบคลุมทั้ง 4 ประเด็นตอ่ ไปนี)้ ประเด็นที่ 1 การบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและความปลอดภัยในโรงเรียน ของสำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษา ประเด็นที่ 2 การดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและความปลอดภัยในโรงเรียน ของสำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ประเด็นที่ 3 การมีส่วนร่วมดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและความปลอดภัยในโรงเรยี น ของภาคีเครอื ข่าย ประเด็นที่ 4 ความสำเร็จของการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและความปลอดภัย ในโรงเรียน P a g e 90 | 91

สว่ นท่ี 3 สรุปและข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ............................. ...................................................................................................... .................................................... ............................................................................................................................. ............................. .......................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. ............................................................................................................................. ............................. ขอรบั รองว่าขอ้ มลู ขา้ งตน้ เปน็ ความจรงิ ทุกประการ (ลงช่ือ) ........................................................ (......................................................) ผอู้ ำนวยการสำนกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 4 .........../....................../................ เอกสารหลักฐานประกอบ/ภาคผนวก แนบเอกสารหลักฐานประกอบ/ภาคผนวก เชน่ 1. แบบประเมนิ ผลการดำเนนิ งานระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรียนระดับสำนกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษา 2. แผนภูมิการบริหารจดั การระบบการดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียนของสำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา 3. หลักฐานประกอบที่แสดงให้เหน็ วา่ โรงเรียนทุกโรงเรียน ได้รับการสนับสนุน ส่งเสริมให้สามารถดูแล ช่วยเหลือนักเรยี นทุกคนได้อยา่ งท่ัวถึงและใกลช้ ดิ 4. หลักฐานประกอบที่แสดงให้เห็นว่าครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ความ เข้าใจและทกั ษะในการดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรยี นอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 5. หลักฐานประกอบการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการดูแลช่วยเหลือ นักเรียน 6. หลักฐานประกอบการสง่ เสริมสนับสนุน เสริมสร้างขวัญกำลังใจ ติดตาม นิเทศ และประเมินผลการ ดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรียนของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาโรงเรยี นตามสภาพจรงิ 8. หลักฐานที่สะท้อนให้เห็นการบรหิ ารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรียนของสำนักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษา 9. ผลงานที่สะท้อนความสำเร็จที่เกิดจากการบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของ สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา P a g e 91 | 91

ภาคผนวก

แบบฟอรม์ และเอกสารทเ่ี กีย่ วข้อง 1. แบบหนงั สอื ให้ความยินยอม 2. ใบสง่ การรับคำปรึกษา 3. แบบบนั ทึกการส่งตอ่ นักเรยี น การบำบดั รักษา ทางจิตวทิ ยา (ภายใน) 4. แบบสรปุ การสง่ ต่อนกั เรียน 5. Case formulation 4 6. แบบฟอร์มรายงาน สพฐ. ปจั จัย (4 P’s) (เดือนมีนาคมและเดอื นตลุ าคม) 7. แบบฟอร์มการคุ้มครองและ 8. แบบบนั ทึกการคุ้มครองและ 9. แบบบันทกึ การใหค้ ำปรกึ ษา ช่วยเหลือเด็กนักเรยี น แบบ ฉก.01/1 ช่วยเหลือเดก็ นักเรียน แบบ ฉก.01/2 10. แบบรายงานแจง้ ผล 11. แบบรายงานผลการชว่ ยเหลือ 12. ตวั อย่าง บนั ทึกข้อความ และ การช่วยเหลอื นกั เรยี น แบบฟอร์มบันทกึ การส่งตอ่ นกั เรียน 13. ตวั อยา่ ง แบบบันทึกการใหค้ ำปรกึ ษา 14. ตวั อย่าง แบบบันทกึ การให้คำปรึกษา 15. ตวั อย่าง แบบบันทกึ การให้คำปรกึ ษา ในโรงเรียน (แบบท่ี 1-3) ในโรงเรยี น (แบบท่ี 2-3) ในโรงเรียน (แบบท่ี 3-3)

16. แบบสรปุ จำนวนผ้รู บั คำปรึกษา 17. ตัวอยา่ งเครื่องมอื การนเิ ทศ ตดิ ตาม 18. ตวั อยา่ งแบบนิเทศ ติดตาม จำแนกตามลักษณะของปัญหา การพัฒนาความเข้มแขง็ ระบบการดูแลฯ ระบบการดแู ลช่วยเหลือ 19. ตวั อย่างเคร่ืองมอื นิเทศ ตดิ ตาม 20. แบบประเมินผลการดำเนินงานระบบ 21. แบบประเมินผลการดำเนินงานระบบ ให้กรรมการตรวจสอบการดำเนนิ รายข้อแล้ว การดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียน ระดับโรงเรียน การดแู ลช่วยเหลือนกั เรียน ระดับโรงเรยี น ประเมินคะแนนรวม

หนว่ ยงานภาคเี ครอื ขา่ ยที่มสี ่วนร่วมในระบบการดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี น ร่วมกับสถานศึกษาและสำนกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 1.ชื่อหนว่ ยงาน บา้ นพักเด็กและครอบครัวจังหวดั นครศรีธรรมราช 1.1 ทีต่ ั้งหน่วยงาน 193 ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมอื ง อำเภอเมือง จงั หวดั นครศรธี รรมราช 80000 1.2 ชอ่ งทางการประสานงานของหนว่ ยงานนี้ (โทรศพั ท์ ไลน์ FB) เปน็ ตน้ - เบอรโ์ ทรศัพท์หน่วยงาน 075 357 990 - FBของหนว่ ยงาน

2. ช่อื หนว่ ยงาน สถานตี ำรวจภธู รอำเภอท่าศาลา 2.1 ที่ต้ังหน่วยงาน 160 ซอยข้างนิสสัน ตำบลท่าศาลา อำเภอทา่ ศาลา จังหวดั นครศรีธรรมราช 80160 2.2 ชอ่ งทางการประสานงานของหนว่ ยงานน้ี (โทรศัพท์ ไลน์ FB) เปน็ ตน้ - เบอร์โทรศพั ท์หน่วยงาน 075 521 009 - FB ของหนว่ ยงาน

3.ช่อื หน่วยงาน สถานีตำรวจภธู รอำเภอสิชล 3.1 ท่ตี ั้งหน่วยงาน สถานตี ำรวจภูธรสิชล หมู่ 5 ถนนศุภโยคพฒั นา ตำบลสิชล อำเภอสชิ ล จงั หวัดนครศรีธรรมราช 80120 3.2 ชอ่ งทางการประสานงานของหนว่ ยงานนี้ (โทรศัพท์ ไลน์ FB) เป็นต้น - เบอรโ์ ทรศพั ท์หน่วยงาน 0-7533-5503 - FB ของหนว่ ยงาน

4.ชื่อหนว่ ยงาน สถานตี ำรวจภธู รอำเภอขนอม 4.1 ทีต่ ั้งหน่วยงาน ทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข 4014 ตำบล ขนอม อำเภอ ขนอม จังหวดั นครศรีธรรมราช 80210 4.2 ช่องทางการประสานงานของหนว่ ยงานน้ี (โทรศัพท์ ไลน์ FB) เป็นต้น. - เบอรโ์ ทรศัพท์หนว่ ยงาน 075 529 086 - FB ของหน่วยงาน

5. ช่อื หนว่ ยงาน สถานีตำรวจภูธรอำเภอนบพิตำ 5.1 ท่ตี ั้งหน่วยงาน ต้งั อยู่หมู่ที่ 1 ถนนสายบ้านนบพิตำ-ท่าศาลา ตำบลนบพิตำ อำเภอทา่ ศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช 80160 5.2 ชอ่ งทางการประสานงานของหน่วยงานนี้ (โทรศัพท์ ไลน์ FB) เป็นต้น. - เบอรโ์ ทรศพั ท์หนว่ ยงาน - FB ของหนว่ ยงาน

6. ช่อื หน่วยงาน สถานตี ำรวจภูธรอำเภอพรหมคีรี 6.1 ท่ตี ้ังหน่วยงาน ตง้ั อยทู่ ี 2 ซอยสายบ้าน ปลายอวนล่าง ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี จงั หวัดนครศรธี รรมราช 80320 6.2 ชอ่ งทางการประสานงานของหนว่ ยงานน้ี (โทรศพั ท์ ไลน์ FB) เปน็ ตน้ . - เบอรโ์ ทรศัพท์หน่วยงาน 075 396 014 - FB ของหน่วยงาน

7. ช่อื หนว่ ยงาน ศนู ย์ส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั (กศน.) อำเภอท่าศาลา 7.1 ที่ตัง้ หนว่ ยงาน ต้งั อยทู่ ี่ ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จงั หวดั นครศรธี รรมราช 80160 7.2 ชอ่ งทางการประสานงานของหน่วยงานน้ี (โทรศพั ท์ ไลน์ FB) เป็นตน้ . - เบอรโ์ ทรศพั ท์หน่วยงาน 075330753 - FB ของหน่วยงาน

8. ช่อื หนว่ ยงาน ศนู ยส์ ง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย (กศน.) อำเภอสิชล 8.1 ที่ตั้งหน่วยงาน ตัง้ อยู่ที่ หมู่ 1 ตำบลสิชล อำเภอสชิ ล จังหวัดนครศรธี รรมราช 80210 8.2 ชอ่ งทางการประสานงานของหนว่ ยงานน้ี (โทรศัพท์ ไลน์ FB) เป็นต้น. - เบอรโ์ ทรศพั ท์หน่วยงาน 075335643 - FB ของหนว่ ยงาน

9. ช่อื หนว่ ยงาน ศนู ยส์ ่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย (กศน.) อำเภอขนอม 9.1 ทต่ี ัง้ หน่วยงาน ตง้ั อยู่ท่ี หมู่ 3 ตำบลขนอม อำเภอขนอม จังหวัดนครศรธี รรมราช 80210 9.2ช่องทางการประสานงานของหนว่ ยงานนี้ (โทรศัพท์ ไลน์ FB) เปน็ ตน้ . - เบอรโ์ ทรศัพท์หนว่ ยงาน 075529271 - FB ของหนว่ ยงาน

10.ชื่อหนว่ ยงาน ศนู ย์ส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั (กศน.) พรหมครี ี 10.1 ทตี่ ัง้ หน่วยงาน ตงั้ อย่ทู ่ี หมู่ท่ี 1 ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี จังหวดั นครศรธี รรมราช 80320 10.2 ชอ่ งทางการประสานงานของหน่วยงานน้ี (โทรศัพท์ ไลน์ FB) เป็นต้น. - เบอรโ์ ทรศพั ทห์ น่วยงาน 075338386 - FB ของหน่วยงาน

11.ชือ่ หนว่ ยงาน ศนู ยส์ ่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย (กศน.) อำเภอนบพิตำ 11.1 ต้ังหนว่ ยงาน ตั้งอยู่ท่ี หมู่ 1 ตำบลนบพิตำ อำเภอนบพิตำ จงั หวัด นครศรีธรรมราช 80160 11.2 ชอ่ งทางการประสานงานของหนว่ ยงานน้ี (โทรศพั ท์ ไลน์ FB) เป็นตน้ . - เบอร์โทรศพั ท์หน่วยงาน 075307002 - FB ของหนว่ ยงาน

12.ชื่อหน่วยงาน ทท่ี ำการปกครองอำเภอท่าศาลา 12.1 ที่ตง้ั หน่วยงาน ต้ังอยูท่ ่ี หมู่ท่ี 1 ถนนศรีทา่ ศาลา ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จังหวดั นครศรธี รรมราช 80160 12.2 ช่องทางการประสานงานของหนว่ ยงานนี้ (โทรศัพท์ ไลน์ FB) เปน็ ตน้ . - เบอรโ์ ทรศพั ท์หนว่ ยงาน 075 521 491 - FB ของหนว่ ยงาน

13.ช่อื หนว่ ยงาน ท่ที ำการปกครองอำเภอขนอม 13.1 ทตี่ ง้ั หนว่ ยงาน ต้งั อยู่ท่ี หมู่ท่ี 3 ถนน อคั รวถิ ี ตำบลขนอม อำเภอขนอม จงั หวัดนครศรีธรรมราช 80210 13.2 ช่องทางการประสานงานของหนว่ ยงานน้ี (โทรศพั ท์ ไลน์ FB) เป็นตน้ . - เบอรโ์ ทรศพั ท์หน่วยงาน 075529 013 - FB ของหนว่ ยงาน

14.ช่อื หนว่ ยงาน ท่ที ำการปกครองอำเภอสชิ ล 14.1 ทตี่ ง้ั หนว่ ยงาน ต้งั อยูท่ ่ี หมู่ท่ี 3 ถนน อัครวถิ ี ตำบลขนอม อำเภอสิชล จงั หวดั นครศรธี รรมราช 80210 14.2 ช่องทางการประสานงานของหนว่ ยงานน้ี (โทรศัพท์ ไลน์ FB) เปน็ ต้น. - เบอรโ์ ทรศพั ท์หนว่ ยงาน 075 529 013 - FB ของหนว่ ยงาน

15.ชื่อหนว่ ยงาน ที่ทำการปกครองอำเภอพรหมคีรี 15.1 ทต่ี ั้งหน่วยงาน ต้งั อยทู่ ่ี หมู่ที่ 1 ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมครี ี จังหวัดนครศรีธรรมราช 80210 15.2 ชอ่ งทางการประสานงานของหนว่ ยงานน้ี (โทรศพั ท์ ไลน์ FB) เปน็ ต้น. - เบอรโ์ ทรศพั ท์หนว่ ยงาน 075 396 102 - FB ของหน่วยงาน

16.ชื่อหน่วยงาน ท่ีทำการปกครองอำเภอนบพติ ำ 16.1 ท่ีตง้ั หนว่ ยงาน ต้ังอยูท่ ี่ เลขท่ี 246 หมู่ท่ี 1 ถนนทา่ ศาลา-โรงเหลก็ ตำบลนบพิตำ อำเภอนบพิตำ จังหวดั นครศรีธรรมราช 80160 16.2 ช่องทางการประสานงานของหน่วยงานน้ี (โทรศัพท์ ไลน์ FB) เป็นต้น. - เบอรโ์ ทรศพั ท์หน่วยงาน 075307260 - FB ของหนว่ ยงาน

กรณีศึกษาที่ 1 ปญั หาอารมณแ์ ละพฤติกรรม ขอ้ มูลส่วนตัวและครอบครวั ชอื่ เด็กชายตะวัน (นามสมมติ) อายุ 12 ปี กำลงั ศกึ ษาอยู่ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรียนวดั ตะวัน เรือง บิดาอายุ 34 ปี มารดา อายุ 29 ปี (จำคกุ ตงั้ แตน่ กั เรยี น อายุ 11 ปี) สถานภาพของบดิ า - มารดา หยา่ รา้ ง (ตั้งแต่นักเรยี นอายุ 3 ป)ี นักเรียนเป็นบตุ รคนเดยี ว ปจั จบุ ันอาศยั อยกู่ ับ ยาย น้าชาย และน้าสะใภ้ ขอ้ มลู ดา้ นการเรียน การอ่านและการเขยี นของนักเรียนอยู่ระดับ ป.3 (ข้อมูลจากครูประจำชั้น) ขณะเรียนลุกออกจาก หอ้ งบ่อยคร้งั เพ่ือไปเข้าหอ้ งน้ำและไปน่ังท่มี ้าหนิ ออ่ นกับนักเรียนมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 โดยสว่ นใหญจ่ ะเปน็ คาบ เรียนวิชาคณิตศาสตร์และภาษาไทยที่จะมีพฤติกรรมดังกล่าว และบางครั้งไม่เข้าเรียนเลย โดยจะไปนั่งใน ห้องสมุดสลับกับการไปนัง่ ทม่ี า้ หินออ่ นกับนกั เรยี นมัธยมศึกษาปีท่2ี (กล่มุ เดิม) และจะดกู ลุ่มดงั กลา่ วเลน่ เกม ในมือถือ การเรียนรู้ขณะอยู่ในห้องเรียนต้องมีครูประกบนั่งข้างๆ เพื่อกระตุ้นแรงจูงใจในการสนใจเรียน หนังสือในวิชาทุกวิชาที่ต้องใชท้ กั ษะในการอ่านและเขยี น ข้อมลู ด้านสงั คม ทางบ้านนักเรียนมักถูกทำร้ายร่างกายตั้งแต่เด็กมีแผลฟกช้ำมาที่โรงเรียนบ่อยครั้งตั้งแต่เรีย น อนุบาล แตช่ ่วงตง้ั แต่ มารดาของนักเรียนถูกจำคกุ ยายของนักเรยี นจงึ ย้ายมาอาศัยอยูด่ ว้ ย นักเรียนจึงมีแผล ฟกช้ำน้อยลง และจากการเยี่ยมบ้านของครปู ระจำชัน้ ยายเลา่ ว่าเมอ่ื ตอนนกั เรียนอาศัยอยกู่ ับมารดา มารดา มักทำรา้ ยรา่ งกายนกั เรียนด้วยการ ตี ทุบ หยกิ เพราะ นักเรยี นซนตัง้ แต่เด็กๆ และมารดาของนักเรียนเป็น คนใจร้อน และบางครั้งน้าชายก็จะตีนักเรยี นด้วย แต่เฉพาะเวลาที่นักเรยี นไม่ทำการบา้ น และเมื่อถูกตที ุก ครั้งก็จะวิง่ มาหายายที่บ้านฝัง่ ตรงข้าม (บ้านยายอยู่ฝัง่ ตรงข้าม แต่ปัจจุบันย้ายมาอยู่ด้วย เนื่องจากมารดา จำคกุ ) นักเรยี นจะสนทิ กบั ยายมากกว่านา้ ชาย และนา้ สะใภ้ (ข้อมูลจากครูประจำชน้ั ) ทางโรงเรยี น นกั เรยี นไม่มีเพอื่ นสนิทส่วนใหญ่จะเลน่ คนเดียวหรอื เดก็ ที่มอี ายมุ ากกว่าบางครั้งเล่น กับเพื่อนในวัยเดียวกันมักจะทะเลาะวิวาทด้วยการใช้กำลังและพูดจาหยาบคาย โดยทุกครั้งก่อนเกิด พฤติกรรมนจี้ ะมาจากสาเหตนุ กั เรยี นอยากเตะฟุตบอลหรอื เลน่ สนามเด็กเล่นกับเพอ่ื นในตอนพกั กลางวัน แต่ เพือ่ นไมใ่ ห้เล่นด้วย นกั เรยี นก็จะทะเลาะววิ าทกับเพอ่ื นและจะดา่ เพอื่ นดว้ ยคำพูดหยาบคาย

สภาพปัญหา นกั เรียนไมส่ ามารถอ่าน และเขยี นในระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ได้ และมพี ฤตกิ รรมต่อต้านการ เรยี น มพี ฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทงั้ รูปแบบการกระทำและวาจา กับเพ่อื นในระดบั ช้ันเดียวกัน การช่วยเหลอื แก้ไข 1. สอบถามขอ้ มลู ครูประจำชน้ั ขณะนักเรียนอยใู่ นชน้ั เรียน และนอกชน้ั เรยี น และการคัดกรอง เบื้องตน้ ของทางโรงเรียนพบวา่ นกั เรียนมีการแสดงออกทางพฤตกิ รรม อารมณ์ และการปรับตัวเข้ากับสังคม อยา่ งไรบา้ ง 2. สอบถามข้อมูลจากผปู้ กครองวา่ ขณะนักเรียนอยบู่ ้านมพี ฤตกิ รรมอย่างไร และอะไรที่ครอบครัว คิดว่าเปน็ ปัญหาที่ตอ้ งการแกไ้ ข และท่ีผ่านมาผปู้ กครองแก้ไขอยา่ งไรไปแลว้ บ้าง 3. ประเมนิ พฤติกรรมดว้ ยแบบประเมนิ SNAP-IV สำรวจหาปญั หาด้านสมาธิ ซน ไมน่ ่งิ และหุนหนั พลนั แลน่ ท้งั ฉบับครแู ละผ้ปู กครอง เพ่อื นำมาประกอบการช่วยเหลือต่อไป 4. ประเมินสมรรถนะการอ่าน และการเขียนเพอ่ื ทราบถงึ สมรรถนะท่ีแท้จรงิ ในปจั จุบันและ สามารถให้คำปรกึ ษากับครผู ู้ดแู ลตอ่ ได้ 5. ประเมินความฉลาดทางอารมณ์เพอ่ื ทราบจุดเด่น และจุดดอ้ ยด้านอารมณ์และสงั คมเพ่ือนำมา ประกอบการปรับพฤตกิ รรม รวบรวมข้อมลู จากผลการการประเมินเพ่ือเตรยี มการสง่ ต่อแพทยผ์ ู้เชย่ี วชาญ การประมวลผลกรณีศกึ ษา (Case formulation) 1. ปัจจยั เสยี่ ง (Predisposing Factors) - นกั เรยี นถูกใช้ความรนุ แรงโดยมารดาของตนเองบอ่ ยคร้ังส่งผลกระทบตอ่ สภาพจิตใจ และการทำงานของสมองส่วนหน้าและส่วนอารมณ์ - การตกอยใู่ นภาวะไมป่ ลอดภัย และการทผี่ ู้เล้ียงหลัก(มารดา)ทำรา้ ยนกั เรียนต้ังแต่ยงั เล็กทำ ให้การพัฒนาทางดา้ นอารมณ์ และสงั คมของนักเรียนเกดิ ความไมว่ างใจผอู้ น่ื ความละอาย และสงสยั ร้สู กึ ผดิ และมปี มดอ้ ย 2. ปจั จัยกระต้นุ ให้เกิดปัญหา (Precipitating Factors) - สภาพแวดล้อมรอบตัวนกั เรยี นเชน่ เพื่อนที่โรงเรียนทนี่ ักเรยี นศกึ ษาอยู่ในปัจจุบันไม่ให้นักเรียนเข้ากลุ่ม - การใช้ความรุนแรงในครอบครัว - การทค่ี รผู ู้สอนปลอ่ ยปะละเลยให้นกั เรียนไม่มีแรงจงู ใจในการเรียนและตอ่ ต้านการอา่ น และเขียนต้งั แต่ ป.3 ถงึ ปัจจบุ นั - การขาดสมาธิ และหุนหันพลนั แลน่

3. ปจั จยั ท่ีทำให้ปัญหายังอยู่ (Perpetuating Factors) - นกั เรยี นขาดทกั ษะทางสังคม - นักเรยี นขาดแรงจงู ใจในการเรยี นหนงั สอื - นักเรยี นขาดทักษะการควบคุมอารมณ์ และการจดั การอารมณ์ 4. ปจั จัยปกป้อง (Protective Factors) - ผ้ปู กครองท่ดี แู ลนักเรยี นในปัจจุบัน (ยาย) ไมใ่ ช้วิธกี ารทำโทษดว้ ยการใช้ความรนุ แรง - นักเรยี นได้รับการรกั ษาโรคสมาธสิ ั้น - ครูภาษาไทยชว่ ยสอนเสริมการอ่านและเขียนให้แกน่ ักเรียน ผลการชว่ ยเหลือและแก้ไข นกั เรียนได้รับการทดสอบระดบั เชาวน์ปญั ญาซ่ึงอยู่ในระดับเชาวนป์ ัญญาต่ำกวา่ เกณฑเ์ ฉล่ยี (Low Average, IQ = 85) และรับการรักษาสมาธิสนั้ จากแพทยโ์ ดยใชก้ ารปรับพฤติกรรม ร่วมกับการทาน ยา นักจิตวิทยาโรงเรียน สพท. จัดโปรแกรมปรับพฤติกรรม การเรียนในชั้นเรียนร่วมกับโรงเรียน และ ครอบครวั และเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ด้วยกระบวนการจิตวิทยาเชิงบวก ท้ังหมด 8 ครั้ง โดยเน้น การปรับตวั เขา้ สังคม การสอื่ สารเชงิ บวกกบั เพ่ือน และการจดั การอารมณ์โกรธ พบวา่ นักเรยี นไมม่ พี ฤติกรรม ออกจากห้องเรยี น รับผิดชอบงานในช้ันเรยี นได้ตอ่ เนือ่ ง เสร็จเรว็ ขน้ึ มีการปรบั ตัว สามารถส่ือสารกับเพ่ือน ได้ดี พฤติกรรมการใช้ความรุนแรง ทะเลาะวิวาทกับเพื่อนลดลง และให้ความร่วมมือกับครูประจำวิชา ภาษาไทยในการเรียนการอา่ น และการเขียนเพมิ่ เติม --------------------------------------------------------

กรณศี กึ ษาท่ี 2 ปญั หาพฤตกิ รรมใชค้ วามรนุ แรง และใชส้ ารเสพตดิ ประเภทยาบ้า ขอ้ มลู ส่วนตัวและครอบครัว ช่ือ เดก็ ชายอนุภัทร (นามสมมติ) อายุ 16 ปี กำลังศกึ ษาอยู่ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 มีประวัตกิ ารซ้ำ ชั้นเรียน 1 ปี เนื่องจากครอบครัวย้ายถิ่นฐาน นักเรียนเป็นบุตรคนเดียว บิดาและมารดา อายุ 32 ปี ปัจจุบันอาศัยอยกู่ ับมารดาเป็นหลัก บิดาประกอบอาชพี รับจ้างก่อสรา้ งที่ตา่ งจงั หวัด มารดาประกอบอาชีพ รับจ้างทวั่ ไป ขอ้ มูลด้านการเรียน ผลการเรียนอยู่ในระดับเกรดเฉล่ยี อยทู่ ี่ 1.00 มกั ไมค่ อ่ ยสนใจเรยี นเมอ่ื อยู่ในหอ้ งเรยี นจะพดู คุยเลน่ กับเพือ่ นบอ่ ยคร้งั และมพี ฤติกรรมโดดเรียนและขาดเรยี นบอ่ ย ขอ้ มูลด้านสงั คม เน่ืองจากบดิ าทำงานที่ตา่ งจังหวดั บดิ าจะกลับมาบา้ นกต็ ่อเมือ่ รับเหมาก่อสรา้ งเสร็จส้นิ ซง่ึ กจ็ ะไม่มี ความแน่นอน ทำให้นักเรียนไม่สนิทกับบิดา ส่วนมารดาดื่มสุราตอนเย็นทุกวนั จึงทำให้นักเรียนมักแยกตัว อยู่แต่ในห้องนอนของตนเองเปน็ ส่วนใหญ่ ทุกครั้งที่บิดากลบั บ้าน นักเรียนมักอยู่ในสถานการณ์ท่ีบิดา กับ มารดาทะเลาะวิวาทกัน บิดามักทำร้ายร่างกายของมารดา และเข้ามาทำร้ายนักเรียน เช่น ตบหัว และเตะ อยู่เสมอและทุกคร้ังทีบ่ ิดา มารดา มีการทะเลาะกัน บิดากับมารดาก็จะดื่มสุราทุกครั้ง โดยนักเรียนก็อย่ใู น สถานการณแ์ บบนี้มาต้ังแต่ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 5 (ข้อมลู จากครทู ่เี คยสอนนกั เรยี นตอน ป.5 วา่ นักเรยี นเร่ิม มีพฤติกรรมก้าวร้าว และโดดเรียนจากตอนนั้น) ซ่ึงสภาพแวดล้อมโดยรอบที่นกั เรียนอยูอ่ าศัยจะเป็นชุมชน แออัด เป็นพื้นที่ที่มีการค้ายาเสพติด นักเรียนเดินทางกลับบ้านด้วยรถโดยสาร ขณะเดินทางกลับบ้าน นักเรยี นมกั ทะเลาะววิ าทกับนกั เรียนต่างสถาบัน (จะเปน็ นักเรยี นกลุ่มเดิมที่ทะเลาะววิ าททุกคร้ัง เน่ืองจาก กลุ่มนี้เคยล้อเลียนกลุ่มเพื่อนของนักเรียน) นักเรียนมีเพื่อนสนิทในห้องเดียวกันรวมจำนวน 5 คน และมี ความถนดั ทางด้านดนตรสี ากลชอบรวมวงกับเพื่อนเลน่ ดนตรีอยู่เสมอ สภาพปัญหา มพี ฤติกรรมกา้ วร้าว มักทะเลาะววิ าทกบั นกั เรียนตา่ งโรงเรยี นโดยใชค้ วามรุนแรง เชน่ ชกต่อย เคย ทดลองใชย้ าบ้า กัญชาและTramadol โดยเร่มิ ใช้เม่อื 1 เดือนที่ผ่านมา อาทิตยล์ ะคร้ัง โดยการชักชวนของ รุ่นพ่ีแถวบา้ นใน 1 อาทิตยท์ ่ีผ่านมานักเรียนมพี ฤตกิ รรมทำรา้ ยตัวเองโดยการกดี แขน (ขอ้ มูลจากครพู ละที่ สนิทกับนักเรียน)

การช่วยเหลอื แกไ้ ข 1. สอบถามข้อมูลครปู ระจำช้ันขณะนกั เรยี นอยู่ในชัน้ เรยี น และนอกช้ันเรียน การคดั กรองเบือ้ งต้น ของทางโรงเรยี นว่านักเรียนมีแสดงออกทางพฤติกรรม อารมณ์ การปรับตัวเข้ากับสังคม อย่างไรบ้าง และ สอบถามขอ้ มูลจากผ้ปู กครองวา่ ขณะนกั เรียนอยู่บ้านมพี ฤติกรรมอย่างไร อะไรที่ครอบครัวคดิ ว่าเป็นปัญหาท่ี ต้องการแก้ไข ตลอดเวลาทีผ่ า่ นมาผปู้ กครองมีวิธีรบั มอื กบั ปญั หาอยา่ งไร 2. ประเมินพฤติกรรม อารมณ์ สังคม ด้วยแบบประเมนิ SNAP-IV สำรวจหาปัญหาด้านสมาธิ ซน ไมน่ งิ่ และหนุ หนั พลันแลน่ และแบบวัดภาวะซมึ เศร้า Center for Epidemiological Studies-Depression Scale (CES-D) ฉบบั ภาษาไทย เพ่ือนำมาประกอบการสง่ ตอ่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 3. ให้นักเรียนทำแบบคัดกรอง และส่งต่อผู้ป่วยที่ใช้ยา สารเสพติดเพื่อรับการบำบัดรักษา กระทรวงสาธารณสุข (บคก.กสธ.) V.2 เพอ่ื นำมาประกอบการส่งตอ่ แพทยผ์ ู้เชยี่ วชาญ 4. ประเมนิ ความฉลาดทางอารมณ์ เพอ่ื นำมาประกอบการสง่ เสริมและพัฒนา 5. ให้คำปรึกษาครูประจำชั้นในด้านการเสริมแรงให้เกิดแรงจูงใจในการเรียนของนักเรียนและ นักจติ วทิ ยา ร.ร. สพท. ใช้กระบวนการให้คำปรึกษาแบบกลมุ่ โดยประยุกตใ์ ช้จิต สงั คม บำบดั (ตามค่มู ือ จิต สังคมบำบัดในโรงเรียน ของกรมสุขภาพจิต) ร่วมกับ Art Feeling (เน้นการสะท้อนอารมณ์ของนักเรียน) ร่วมกบั การรกั ษาในระบบสาธารณสุข การประมวลผลกรณศี ึกษา (Case formulation) 1. ปจั จยั เสี่ยง (Predisposing Factors) - นักเรียนอยูใ่ นสถานการณท์ ่ีครอบครวั ใช้ความรุนแรง การถกู ทำรา้ ยร่างกายโดยบิดาส่งผล กระทบต่อสภาพจติ ใจ ทำให้การทำงานของสมองส่วนหนา้ สว่ นอารมณข์ องนักเรียน ไม่เปน็ ปกติ - การตกอยใู่ นภาวะไมป่ ลอดภัย การทเ่ี หน็ มารดาของตนเองถูกทำรา้ ยตงั้ แตต่ นเองอายุ 11 ปี ทำใหก้ ารพฒั นาทางด้านอารมณ์ สงั คมของนกั เรยี นเกิดความร้สู ึกมีปมดอ้ ย - สภาพแวดลอ้ มท่ีอยู่อาศัยเปน็ พนื้ ที่ท่มี กี ารใช้สารเสพติด 2. ปจั จยั กระตนุ้ ใหเ้ กดิ ปญั หา (Precipitating Factors) - สภาพแวดลอ้ มรอบตวั นกั เรยี น เช่น พแ่ี ถวบ้านชักชวนให้ใชย้ าเสพติด - การใช้ความรนุ แรงในครอบครวั - การขาดสมาธิ หนุ หันพลนั แลน่ 3. ปัจจยั ทที่ ำให้ปญั หายังอยู่ (Perpetuating Factors) - นกั เรยี นขาดทกั ษะทางสงั คม

- นักเรียนขาดแรงจงู ใจในการเรยี นหนังสือ - นกั เรียนขาดทกั ษะการควบคมุ อารมณแ์ ละการจดั การอารมณ์ - การใชส้ ารเสพตดิ อย่างตอ่ เน่อื ง 4. ปัจจัยปกปอ้ ง (Protective Factors) - นกั เรยี นได้รับการรกั ษาโรคซึมเศรา้ - นกั เรยี นมีความสามารถทางดนตรี มีความสนใจดา้ นนี้ ทำให้ง่ายตอ่ การสรา้ งคณุ ค่า ในตนเอง การมกี ิจกรรมสร้างสรรค์ - มารดาของนกั เรยี นรบั ทราบปญั หิพร้อมดูแลชว่ ยเหลือนักเรียนตามแพทย์สั่ง พรอ้ มทงั้ ให้ ความร่วมมอื กับทางโรงเรียนในการสง่ เสรมิ นกั เรียนด้านดนตรี และวางแผนย้ายทีอ่ ยูอ่ าศยั ไปอยู่ชุมชนอน่ื ผลการช่วยเหลือและแก้ไข นกั เรยี นไดร้ บั การวนิ จิ ฉัย โรคซมึ เศรา้ ไดร้ ับยา และหลังจากการให้คำปรกึ ษาแบบกลมุ่ โดย ประยุกต์ใช้จิต สังคม บำบดั ร่วมกบั Art Feeling จำนวน 17 ครง้ั สปั ดาห์ละ 2 คร้งั จำนวน 9 สัปดาห์ (ตามค่มู อื จิตสงั คมบำบัดในโรงเรยี น ของกรมสขุ ภาพจิต) พบวา่ นกั เรียนมแี รงจงู ใจในการเปล่ียนแปลง พฤติกรรมที่ดขี ึ้น และไมม่ กี ารใช้ยาเสพติดตลอดระยะเวลาที่เข้ากระบวนการ ในสว่ นการรกั ษาโรคซึมเศร้า นักเรยี นรกั ษาต่อเน่อื งและพฤตกิ รรมการทะเลาะววิ าทนอ้ ยลง ------------------------------------------------------------

กรณศี ึกษาท่ี 3 ปัญหาเดก็ ไมไ่ ปโรงเรียน ขอ้ มูลสว่ นตัวและครอบครัว ชือ่ เดก็ หญงิ ป๊กิ (นามสมมต)ิ อายุ 11 ปี เดมิ อาศัยอยูก่ บั บิดามารดารทีจ่ ังหวัดกรงุ เทพมหานคร ปัจจบุ ันยา้ ยถิน่ ฐานมาอาศยั กบั ตา ยา ป้า และน้องชาย ที่จงั หวัดศรีสะเกษ โดยบดิ ามารดาของนกั เรยี นยัง อาศัยอยู่ทจ่ี งั หวัดกรงุ เทพมหานคร ข้อมลู ด้านการเรยี น นกั เรียนไม่มีปัญหาดา้ นการเรียน สามารถเรยี นรู้เหมาะสมตามช่วงวยั ขอ้ มูลดา้ นสังคม ทางบ้าน เดิมนักเรียนอาศัยอยู่กับบิดา - มารดา เมื่ออยู่ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร นักเรียนมี ความสัมพันธ์ที่ไม่ดนี ักกับบิดาของตน เนื่องจากนักเรียนเล่าวา่ บิดามักจะดื่มสุราบ่อยครั้ง เมื่อมีอาการมนึ เมา บิดามกั จะพูจาไม่ดีกบั นกั เรยี น เมอ่ื นักเรยี นย้ายทอี่ ยู่อาศัยกลบั มาท่ีจงั หวดั ศรสี ะเกษ นกั เรยี นอาศยั อยกู่ บั ตา ยาย ปา้ และนอ้ งชาย จากการลงเยยี่ มบา้ นของนกั จติ วิทยาพบวา่ ความสมั พนั ธ์ของนักเรียนกบั ตา ยาย ปา้ และน้องชาย ไมแ่ นน่ แฟน้ ผู้ใหญใ่ นบ้านไมไ่ ดใ้ หค้ วามเอาใจใส่กับนกั เรยี น เห็นไดจ้ ากปญั หาการไม่มาโรงเรียนของนักเรียน แลว้ ผูป้ กครองนกั เรียนไมไ่ ด้สนใจทีจ่ ะกระตุน้ ใหน้ กั เรยี นเขา้ เรียน ทางโรงเรียน นักเรียนเขา้ กบั เพ่อื นได้ยาก แยกตัว ไมม่ ปี ฏสิ ัมพันธ์กบั เพื่อนร่วมหอ้ ง เม่อื สอบถาม ถงึ เพ่อื นสนทิ นักเรียนตอบวา่ มีเพ่ือนท่ีพอจะพูดคุยได้ 2 คนคือ เด็กชายโตน๋ กบั เด็กหญงิ ปลายฟา้ นกั เรียนใหข้ อ้ มูลวา่ เพือ่ นท่โี รงเรียนมักใช้คำพูดหยาบคาย ใช้คำพูดทำร้ายจิตใจนักเรยี น ลอ้ เลียน รูปร่างหนา้ ตาของนักเรยี น ซง่ึ เปน็ อีกหนงึ่ สาเหตุทที่ ำใหน้ กั เรยี นไม่อยากไปโรงเรียน สภาพปัญหา นักเรยี นมีพฤตกิ รรมขาดเรยี นบอ่ ยครั้ง ไมม่ าโรงเรียนตอ่ เน่อื งเป็นเวลานาน เก็บตวั เงียบขรมึ ไมม่ ี ปฏสิ ัมพันธก์ ับเพอื่ น นกั จิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาศรีสะเกษ เขต 1 ได้ลงพื้นท่ี เย่ียมบ้านนักเรียนและได้พดู คุยกบั นักเรยี น พบวา่ นักเรียนให้ความรว่ มมือดี พูดจาโตต้ อบได้ดี สื่อสารรู้เร่ือง แต่มักจะพูดเสียงเบา เมื่อพูดถึงเพือ่ น และบิดา นักเรียนจะมีท่าทางไม่สบายใจ เห็นได้จากการเงียบ หลบ สายตา ใช้เวลาในการตอบคอ่ นขา้ งนาน

นักเรยี นใหข้ อ้ มูลว่า นกั เรยี นรูส้ กึ กดดันท่คี นรอบข้างคาดหวงั และคาดคน้ั ให้นกั เรยี นไปโรงเรยี น นักเรียนมีความพึงพอใจกับสภาพความเป็นอยู่เดิม โดยนักเรียนให้ข้อมูลว่า เมื่อก่อนที่นักเรียน อาศัยอยู่ที่จงั หวดั กรุงเทพมหานคร นักเรียนได้รับความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต เช่น การเดินทาง ความ เป็นอยู่ สภาพแวดลอ้ มและสงั คม การชว่ ยเหลือแกไ้ ข - นักจิตวิทยาโรงเรยี นรวบรวมขอ้ มูลทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับการช่วยเหลือนกั เรยี นจากครปู ระจำช้นั ผ้ปู กครองและตวั นักเรียน - นกั จิตวทิ ยาใชเ้ ทคนคิ การใหค้ ำปรกึ ษาตามกระบวนการทางจติ วทิ ยาในการพดู คุยกบั นักเรียน - ใหค้ ำแนะนำผปู้ กครองในการดแู ลเอาใจใสน่ กเรียนใหม้ ากข้ึน และบอกความต้องการของ นกั เรยี นคอื ไม่ไดส้ มคั รใจท่ีจะกลับมาอย่บู ้านทจ่ี งั หวัดศรสี ะเกษและมีความต้องการย้ายโรงเรียน ใหม่เน่อื งจากไม่ชอบสภาพแวดล้อมของโรงเรยี น - สรา้ งข้อตกลงกับนักเรยี นเรอ่ื งการยา้ ยโรงเรียน โดยมขี ้อแม้ว่านักเรยี นจะต้องเข้าเรียนที่โรงเรียน ปัจจบุ ันจนครบเวลาเรียนและสอบผ่านในชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ปีการศกึ ษา 2563 - วเิ คราะหแ์ นวทางการช่วยเหลือโดยใช้หลัก 4Ps การประมวลผลกรณศี กึ ษา (Case formulation) 1. ปัจจยั เสย่ี ง (Predisposing Factors) - นักเรียนขาดแรงจงู ใจในการไปโรงเรยี นที่ศึกษาอย่ใู นปัจจบุ นั - นกั เรยี นถกู เพ่อื นทโ่ี รงเรียนกล่นั แกลง้ ทางวาจา (Bullying) 2. ปจั จัยกระตุ้นให้เกดิ ปัญหา (Precipitating Factors) - สภาพแวดลอ้ มรอบตัวนักเรียน เช่นเพ่ือนท่ีโรงเรยี นท่นี ักเรยี นศึกษาอย่ใู นปัจจบุ ันใชค้ ำพูดทำ รา้ ยจิตใจนักเรียน - ความพึงพอใจในการใช้ชีวติ กับสภาพความเป็นอยูใ่ นปจั จุบนั 3. ปจั จยั ทที่ ำให้ปัญหายังอยู่ (Perpetuating Factors) - ผูป้ กครอง (ตา ยาย ป้า) ไมใ่ ห้ความสนใจในการแกไ้ ขปัญหาการไมไ่ ปโรงเรยี นของนกั เรียน - นกั เรยี นขาดแรงจูงใจในการไปโรงเรียน 4. ปจั จัยปกปอ้ ง (Protective Factors) - ครปู ระจำชั้นดูแลเอาใจใสน่ ักเรียน - นกั เรียนมีเพอ่ื นที่พอจะพูดคุยได้ 2 คน คอื เดก็ ชายโต๋น และเดก็ หญิงปลายฟา้

ผลการชว่ ยเหลือและแกไ้ ข นักเรยี นได้รับความเอาใจใส่จากครปู ระจำช้นั ครูประจำช้นั เด็กชายโตน๋ และเด็กหญิงปลายฟ้า ชว่ ยกนั ดูแลนกั เรียนเมื่อนกั เรยี นมาเรยี นทโ่ี รงเรยี น นักเรียนเริ่มไปโรงเรียนอย่างตอ่ เน่อื ง เร่มิ ปรับตัว และยอมรบั ในการอยูใ่ นสภาพแวดล้อมใหม่ ผปู้ กครอง (ตา ยาย ป้า) เข้าใจปญั หาที่เกดิ ขึ้นของนกั เรียน การปรับเปลี่ยนวิธกี ารเล้ยี งดอู ย่าง เหมาะสม นักจติ วิทยาติดตามผลการชว่ ยเหลอื อย่างต่อเนอื่ ง ------------------------------------------------------------

กรณีศกึ ษาท่ี 4 ปัญหาการกระทำรนุ แรงต่อเดก็ จากบุคคลในครอบครวั ขอ้ มูลส่วนตัวและครอบครัว ชื่อ เด็กชายโป๊ป (นามสมมติ) อายุ 7 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 บิดาอายุ 38 ปี มารดา อายุ 37 ปี สถานภาพของบิดา-มารดา หย่าร้าง (ตั้งแต่นักเรียนอายุ 6 ปี) ปัจจุบันเด็กชายโป๊ป และนอ้ งสาวรว่ มบิดาอาศัยอย่กู ับแม่ พอ่ มคี รอบครัวใหม่อยู่ในพนื้ ทอี่ ีกอำเภอในจงั หวัดเดียวกัน แม่มีคนรัก ใหม่กลับมาอาศัยอยูท่ ่ีบา้ นเดมิ กบั ครอบครัวตา และยาย (แม่เล้ยี งของแม่) สขุ ภาพร่างกายของเด็กชายโป๊ปมี ความแข็งแรง พัฒนาการร่างกายเป็นปกติตามวัย บุคลิกภาพร่าเริงแจ่มใส มีลักษณะผูกพันกับแมม่ ากท่สี ดุ ครอบครัวค่อนข้างขัดสนเน่ืองจากตวั แมเ่ ปน็ ผเู้ ล้ียงดูหลกั โดยลำพังซึ่งไม่ได้มอี าชีพหลักทีม่ ่นั คงใดๆ ข้อมูลด้านการเรยี น ปัจจบุ ันเรยี นอยทู่ ี่โรงเรียนบา้ นหนองฝาง กำลังศกึ ษาอยรู่ ะดับชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ยังไมส่ ามารถ อา่ นออกเขยี นได้ดว้ ยตวั เอง อา่ นตามครอู อกเสียง ขอ้ มูลจากครปู ระจำช้ัน คอื นกั เรียนมกั ทำงานไมเ่ สรจ็ ตอ้ ง เรียกมานั่งใกล้ๆ หากปล่อยให้ทำงานลำพังจะไม่สามารถทำงานให้เสร็จด้วยตัวเองได้ ยกเว้นวิชาศิลปะท่ี ค่อนข้างชอบและมักทำจนเสร็จ มักทำวัสดุอุปกรณ์เครื่องเขียนหายทุกวัน แต่งกายไม่เรียบร้อยเสื้อผ้า หลุดลุ่ย ออกจากห้องเรียนโดยไม่ขออนุญาตบ่อยๆ ไปเดินบริเวณหน้าห้อง ปีนป่ายราวบันได ลงไปเดินเล่นชั้นล่าง อาคาร ครูต้องคอยเรียกคอยตามตัว ข้อมลู ด้านสงั คม ทางบ้าน บา้ นท่ีพักอาศัยปัจจุบนั มีสมาชิก 4 คน ประกอบด้วย แม,่ โป๊ป, พช่ี ายตา่ งบดิ าอายุ 11 ปี เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกนั , น้องสาวร่วมบิดาอายุ 3 ปี ซึ่งยังไม่เขา้ โรงเรยี น เด็กๆ ในบ้านเล่นกนั เป็นครง้ั คราว ไม่ได้สนิทกันเป็นพิเศษ พื้นที่บ้านบริเวณหน้าบ้านระยะห่างประมาณ 50 เมตร ขอบเขตรั้วเดียวกัน เป็นบ้านตากับยาย (แมเ่ ลี้ยงของแม่) ที่อยกู่ นั ตามลำพังโดยมกั รับหลานที่เปน็ ลกู ของเครือญาติยายซึ่งมีบ้าน อยู่ฝั่งตรงข้ามมาเลี้ยง สมาชิกทั้ง 2 บ้านในรั้วเดียวกนั เข้าออกบา้ นทั้งสองหลังเป็นปกติ ปัจจุบันแม่เป็นแม่ เลีย้ งเด่ียวเลิกกบั สามีทีเ่ ป็นพอ่ เด็กทกุ คนแต่มีแฟน ซ่งึ เดก็ ชายโป๊ปเรียกวา่ ‘ลงุ ชยั ’ และรบั รูว้ ่าเป็นแฟนของ แม่ที่มาบา้ นเปน็ บางคร้งั นานๆมาที ไมไ่ ดอ้ ยูป่ ระจำ เด็กชายโปป๊ รสู้ กึ ดีต่อลงุ ชยั ท่ใี จดีมกั ใหเ้ งนิ ไปซ้อื ขนม แม่ ไม่มีอาชีพที่แน่นอนไปรับจ้างรายวันบ้างเป็นบางวัน และมีลักษณะความสัมพันธ์คบหากับเพศตรงข้ามใน ระยะสั้นหลายคน มักปล่อยปละละเลยลูกทุกคน (ข้อมูลจากเครือญาติและครูในโรงเรียนที่สังเกตเห็น) มี ลกั ษณะของการพ่งึ พงิ ครอบครวั ตาและยายทั้งทางการเงินและการเลี้ยงลกู ยายมักดุดา่ วา่ กล่าวด้วยถ้อยคำ รุนแรง ทุบตีดว้ ยไม้แขวนเสอื้ มือ ไม้ หรืออุปกรณใ์ กล้ตวั ภายในบา้ นท่ีหยิบจับมาทำโทษได้ ซึ่งเด็กชายโป๊ป

จะถกู กระทำมากกว่าหลานคนอน่ื ๆ ที่ยายช่วยเลี้ยง โดยให้เหตผุ ลว่าเด็กชายโปป๊ ซุกซน ด้อื ไม่เช่ือฟัง ไม่ทำ ตามคำส่ังมากกว่าคนอน่ื ๆ และตัวยายไมช่ อบพอ่ ของเดก็ ชายโป๊ป ทางโรงเรียน สามารถเล่นกับเพื่อนในห้องได้ทุกกลุ่ม มีลักษณะสดใสร่าเริง เข้าหาเพื่อนๆ ชวน เพอ่ื นเลน่ กอ่ น ไม่เกบ็ ตัวเงียบขรึม ในการเล่นมกั แกล้งเพื่อนในห้องบอ่ ยคร้ังทำให้บางครง้ั เพอ่ื นไม่อยากเล่น ด้วย และทะเลาะตอ่ ว่ากันด้วยคำหยาบคาย ซึง่ หลังจากนัน้ เด็กชายโปป๊ กส็ ามารถเลน่ เองได้ตามลำพัง มักปนี ป่ายเครื่องเล่นบริเวณสนามเด็กเล่น ไม่เล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ การแสดงออกกับกับคุณครูเด็กชายโป๊ปมี น้ำใจมักช่วยเหลือคุณครูถือของด้วยการเข้ามาหา อาสาช่วยเหลือ ชอบเข้ามากอดครูประจำชั้นและเอ่ยวา่ “อยากเป็นลกู ครู” อยู่บอ่ ยคร้งั สภาพปญั หา เด็กชายโป๊ป (นามสมมติ) ถูกยาย (แม่เลี้ยงของแม่) กระทำรุนแรงทุบตีด้วยไม้แขวนเสื้อ, มือ, ไม้ หรอื อปุ กรณใ์ กล้ตวั ภายในบ้านที่หยิบจบั มาทำโทษได้ ซึ่งแม่เด็กรับรู้ภายหลังจากเหน็ ร่องรอยการถูกตี รวม ทั้งหมดสามครั้งที่พบเห็นร่องรอยกระทำรุนแรง และแม่ของเด็กชายโป๊ปทำได้เพียงทายาหม่องให้ทุกครั้ง บอกบดิ าของตน (ตาของเด็ก) ให้ตักเตอื นบา้ ง แตไ่ มส่ ามารถส่ือสารโดยตรงกับแม่เล้ียงให้หยุดการกระทำได้ เนื่องจากเกรงใจบิดาและกลัวมปี ัญหาครอบครัวจนไม่สามารถอาศัยอยูด่ ้วยได้เนือ่ งจากปัจจบุ ันแม่เด็กชาย โป๊ปพึง่ พิงครอบครวั ตาและยายท้ังทางการเงนิ และการเล้ยี งลูก นอกจากนี้ เด็กชายโป๊ปมีพฤติกรรมขาดสมาธิหุนหันพลันแล่น ไม่สามารถควบคุมตนเองในการ เรียนในห้องเรียน มักทำงานไม่เสร็จ แต่งกายไม่เรียบร้อยเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ออกจากห้องเรียนบ่อยครั้ง ทำ อปุ กรณก์ ารเรยี นหายเสมอ มีพฤตกิ รรมปีนป่าย ไม่อยูน่ งิ่ ครสู งสัยในภาวะสมาธิส้ัน การชว่ ยเหลือแกไ้ ข 1. รองผอู้ ำนวยการสำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาฯ ทีก่ ำกบั ดูแลกลุ่มสง่ เสริมการจัดการศกึ ษา กำกับดแู ล พื้นทีโ่ รงเรียน รับแจ้งเรื่องจากทางโรงเรียนโดยตรง แจ้งขอ้ มลู เบ้ืองต้นกับผู้อำนวยการกลุ่มสง่ เสริมการจัดการศึกษา ให้รับทราบ แล้วลงพื้นที่เร่งด่วนทันทีที่ทราบเร่ืองรว่ มกับนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ใหน้ กั จติ วทิ ยาฯ สงั เกตพูดคยุ กบั ตัวเดก็ ครูประจำชน้ั เพอื่ เก็บขอ้ มูลเบื้องต้น ก่อนนำเรยี นผู้อำนวยการสำนกั งานเขต พ้นื ทีก่ ารศกึ ษาฯ เพือ่ วางแผนดำเนนิ การลงพน้ื ที่เก็บข้อมูลเพมิ่ เตมิ และติดตามดูแลช่วยเหลือเด็กต่อไป 2. ศึกษาประวตั ิเด็กชายโป๊ป และครอบครัวในทกุ ๆ มติ ิ ดว้ ยการสมั ภาษณ์ครูประจำช้ัน ป.1 สมั ภาษณ์ ครูประจำชั้นอนุบาลเมื่อปีที่แล้วของเด็ก สัมภาษณ์ถึงพฤติกรรมขณะนักเรียนมาเรียน อยู่ในชั้นเรียน ในโรงเรียน, สัมภาษณ์แม่สัมภาษณ์พี่ชายต่างบิดาชั้น ป.5 เกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กชายโป๊ปขณะอยู่บ้านและพฤติกรรมของ ยาย (แม่เลี้ยงของแม่) ในการแสดงออกการปฏิบัติต่อกันที่บ้าน สัมภาษณ์หลานสาวยาย ซึ่งเรียนอยู่ระดับช้นั

ม. 2 โรงเรียนเดียวกัน อยู่บ้านฝั่งตรงข้ามถนนซึ่งยายนำน้องสาวอายุ 3 ขวบ (น้องสาวร่วมบิดาของเด็กชายโป๊ป) ไปเลยี้ งทบี่ ้านหลงั น้ีทุกวัน 3. ตรวจสอบแบบบันทึกเย่ียมบ้านท่ีทางโรงเรียนมี คอื แบบ นร. 01 ของ กสศ. เพื่อใหท้ ราบขอ้ มูล ร้จู กั ลักษณะบา้ นเบื้องตน้ ก่อนลงพ้ืนทเี่ ย่ียมบ้านจรงิ ตามความเหมาะสมในเวลาตอ่ ไป 4. บนั ทกึ การสงั เกตชั่วโมงเรยี นวิชาที่ชอบ (ศิลปะ) วชิ าท่พี ฒั นาการการเรียนช้า (ภาษาไทย, คณติ ศาสตร์ 5. สังเกตพฤตกิ รรมเดก็ ในชั่วโมงท่ีแยกสัมภาษณ์เด็กตามลำพัง 6.. ใชแ้ บบคดั กรอง แบบประเมินทางจิตวิทยา ได้แก่ SNAP-IV (Shot From) ซึง่ ให้แม่และคณุ ครทู ำ คา่ ออกมาเป็นเส่ียงขาดสมาธิ เสีย่ งซนไมอ่ ยู่นง่ิ แตไ่ มด่ ื้อตอ่ ต้าน 7. ประสานสง่ ตอ่ แผนกจติ เวชฯ โรงพยาบาลชุมชนในพืน้ ที่ เพอ่ื คดั กรอง – ประเมนิ ภาวะสมาธิสนั้ และประเมนิ พัฒนาการ 8. โรงพยาบาลชุมชน ส่งต่อโรงพยาบาลประจำจังหวัด เพ่อื พบจติ แพทย์ จิตแพทยว์ ินิจฉยั สมาธิสนั้ จา่ ยยา Rubifen ขนาด 10 mg. เป็นยากล่มุ กระตนุ้ ประสาทท่ีออกฤทธริ์ ะยะสั้น กนิ ครั้งละครง่ึ เมด็ หลังอาหาร วนั ละ 2 ครั้ง มือ้ เชา้ -กลางวัน 9. ประสานเจ้าหน้าทบ่ี ้านพกั เด็กและครอบครัวจงั หวัดฯ ใหท้ ราบข้อมลู เบ้ืองตน้ ตง้ั แต่ชว่ งแรก แต่เนือ่ งจากตัวแม่เด็กยังไม่ประสงค์ให้เจ้าหน้าท่ีจากบ้านพักเดก็ และครอบครัวจังหวัดฯ ลงพื้นท่ีเนื่องจากรู้สึกอึด อัดและกังวลว่าจะนำมาซึ่งปัญหาครอบครัวของตนเพราะแม่เด็กพึ่งพาตากับยาย (แม่เลี้ยง) หลายอย่าง จนในเวลา ต่อมายายได้ย้ายบ้านไปอยู่บ้านลูกและหลานฝ่ังตรงข้ามถนน นักจิตวิทยาโรงเรียนฯ จึงสร้างความเข้าใจกับแม่เด็ก แลว้ จึงประสานเจ้าหน้าท่ีบ้านพักเดก็ และครอบครวั จังหวัดฯ อีกคร้งั เพื่อลงพนื้ ทีเ่ ก็บข้อมูลเพิ่มเติม และพูดคุยสร้าง ความเข้าใจกับยายเพื่อป้องกันการกระทำรุนแรงกับเด็กซ้ำ โดยเป็นการลงพื้นที่ร่วมกันของนักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครวั จงั หวัดฯ และนักจติ วิทยาโรงเรียนประจำสำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา 10. ตดิ ตามพฤตกิ รรม เด็กชายโป๊ป (นามสมมต)ิ จากคุณครอู ยา่ งใกลช้ ิดทุกชอ่ งทางการติดตอ่ ตง้ั แต่เร่ิมตน้ กระบวนการจนจะยุติการตดิ ตามดูแล โดยส่ือสารสรา้ งความเขา้ ใจกับคุณครใู นโรงเรียนเกี่ยวกับ โรคสมาธิสั้นและความจำเป็นของการรับยา ทานยาอย่างต่อเนื่อง การปรับพฤติกรรม การจัดการเรียน การสอนทเ่ี หมาะสมกับตวั เด็ก 11. สื่อสารสรา้ งความเขา้ ใจกับแมเ่ ดก็ เกี่ยวกบั โรคสมาธสิ ้ันและความจำเปน็ ของการรบั ยา ทานยา อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการดูแลปรับพฤติกรรมขณะที่เด็กอยู่บ้านโดยมอบเอกสาร ‘เด็กสมาธิสั้น คู่มือสำหรับ พ่อแมผ่ ู้ปกครอง’ ทจ่ี ัดพมิ พโ์ ดยสถาบนั ราชานกุ ูล ให้ผปู้ กครองไว้ศกึ ษาเพ่ิมเตมิ 12. สอื่ สารสร้างความเขา้ ใจกับครปู ระจำช้นั เก่ยี วกบั โรคสมาธสิ ัน้ และความจำเปน็ ของการไป

รับยา ทานยา อย่างต่อเนื่อง (ซึ่งผู้ปกครองได้ฝากให้ครูดูแลป้อนยาเด็กในมื้อกลางวันทุกวัน ) ร่วมกับการดูแล ปรับพฤติกรรมขณะที่เด็กอยู่ที่โรงเรียน ให้คำแนะนำครูเกี่ยวกับชั่วโมงการเรียนการสอน การทำความเข้าใจ ในตวั เดก็ โดยมอบเอกสาร ‘เด็กสมาธิสัน้ ค่มู อื สำหรับครู’ ทจ่ี ัดพมิ พ์โดยสถาบนั ราชานุกูล ใหค้ รูไวศ้ กึ ษาเพ่ิมเตมิ 12. ประสานศึกษานิเทศก์ภายในสำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา ผรู้ ับผดิ ชอบพ้นื ทีโ่ รงเรียน แจง้ ลักษณะ ปัญหาเด็ก การดูแลช่วยเหลือและความเคลื่อนไหวการส่งต่อหน่วยงานตา่ งๆ การให้คำแนะนำครูเกี่ยวกับการเรยี น การสอนเด็กสมาธสิ ้ัน และให้ช่วยตดิ ตามสงั เกตเด็กและการสอนของครูเมื่อออกนิเทศการศึกษาในพื้นที่โรงเรียน 13. รายงานผลการดำเนนิ งาน และผลการตดิ ตามดูแลต่อผู้บงั คบั บัญชาตามลำดับ ผลการชว่ ยเหลือและแก้ไข ปญั หาการกระทำรนุ แรงตอ่ เด็กจากบุคคลในครอบครัวของเด็กชายโป๊ป ไดร้ บั การเฝา้ ระวังควบคุม จนไม่เกิดการกระทำซ้ำอีก โดยการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับตัวยายผู้กระทำรุนแรงกับเด็ก แม่ซึ่งเป็น ผู้ปกครองดูแลเดก็ ท้งั ในเรอ่ื งพฤตกิ รรมของตวั เดก็ โดยธรรมชาตปิ ระกอบภาวะสมาธิสั้นที่เด็กเปน็ กฎหมาย ที่เก่ยี วขอ้ งในการคมุ้ ครองเดก็ ซ่งึ ในระยะแรกหลงั เกดิ เหตุยายได้ย้ายบ้านไปอยู่บ้านลกู หลานฝ่ังตรงข้ามกอ่ น กลับเข้ามาอยู่บ้านกับตาตามเดิม ซึ่งตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาตัง้ แต่เกดิ เหตกุ ารณ์ครั้งลา่ สุด ครูประจำชั้นได้ ติดตามดูแล ยังไม่มีเหตุการณ์กระทำรุนแรงซ้ำใดๆ แต่ท่าทีของเด็กยังคงกลัวยายและยายยังมีลักษณะ หลีกเลยี่ งการขอ้ งเก่ยี วกบั ตัวเดก็ ชายโปป๊ เก่ียวกับภาวะสมาธสิ ั้นของเดก็ ชายโป๊ปท่ีแพทยว์ ินิจฉัยและจ่ายยา เด็กชายโป๊ปมคี วามสงบน่ิงขึ้น มีพฤติกรรมการอยใู่ นห้องเรียนดขี ้นึ ไมอ่ อกนอกห้องโดยไมข่ ออนญุ าต สามารถทำงานตามที่ครบู อกได้เสร็จ โดยมีสมาธิมากขึ้น จัดลำดับงานของตัวเองได้ดีขึ้น ส่งการบ้าน ไม่แกล้งเพื่อน ไม่ทำอุปกรณ์หาย แต่งกาย เรียบร้อยเสื้อผ้าไม่หลุดลุ่ยมากขึ้น โดยพฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นภายหลัง 2 สัปดาห์ของการ กินยา ซึ่งการตอบสนองการรักษาเป็นไปด้วยดีโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ จากยา ซึ่งแพทย์ยังคงจ่ายยา อยา่ งต่อเนื่อง การประมวลผลกรณศี ึกษา (Case formulation) 1. ปัจจัยเส่ยี ง (Predisposing Factors) - การเล้ยี งดทู ี่ปลอ่ ยปละละเลยของแม่ - ความยากจนขดั สน การไม่มอี าชีพ รายได้ทมี่ นั่ คงของแม่ทำใหต้ อ้ งมีภาวะพง่ึ พาผูอ้ ่นื โดยเฉพาะครอบครัวตาและยาย (แมเ่ ล้ยี งของแม่) ซึ่งเป็นผู้กระทำรนุ แรงตอ่ เด็ก 2. ปจั จยั กระตนุ้ ให้เกิดปัญหา (Precipitating Factors) - การซนไมอ่ ยู่น่งิ ขาดสมาธหิ นุ หนั พลนั แลน่ การมภี าวะสมาธสิ น้ั (ผ่านการวนิ ิจฉัยจากแพทย์)

- การทผี่ ปู้ กครองไม่เข้าใจวา่ เดก็ มภี าวะสมาธิสั้น ทำให้ขาดความเข้าใจในการเล้ียงดู ท่ีเหมาะสม - การทีค่ รูผสู้ อนไมเ่ ขา้ ใจวา่ เด็กมภี าวะสมาธสิ ั้น และจัดการเรยี นการสอนไม่เหมาะสม 3. ปจั จยั ทท่ี ำใหป้ ัญหายังอยู่ (Perpetuating Factors) - ปัจจัยกระตุน้ ทุกประการยงั คงอยูเ่ รอ้ื รัง 4. ปจั จัยปกปอ้ ง (Protective Factors) - การได้รบั ความช่วยเหลือจากสหวิชาชีพในการประเมินพฤตกิ รรมเด็ก ส่งตอ่ การรักษา การ สอ่ื สารสร้างความเข้าใจกับตัวผู้กระทำรุนแรงตอ่ เด็กและบคุ คลใกล้ชิด - นักเรียนได้รับการรกั ษาโรคสมาธสิ ัน้ - ยายทเี่ คยกระทำรุนแรง และยังอยใู่ กลช้ ดิ ในปัจจบุ ันไมก่ ระทำรนุ แรงกบั เดก็ อีก - แม่เด็กดูแลใสใ่ จเดก็ มากขึน้ พาไปพบแพทย์รบั ยาสมาธสิ น้ั อยา่ งตอ่ เน่ือง และระมดั ระวัง พฤตกิ รรมของเดก็ ท่จี ะสง่ ผลกระทบกับอารมณข์ องบคุ คลใกล้ชดิ - ครูผูส้ อนเรมิ่ สอนดว้ ยความเขา้ ใจในตัวเด็กและจัดรปู แบบการสอนทเี่ หมาะสม ------------------------------------------------------------------

กรณศี ึกษาที่ 5 ปญั หาลว่ งละเมิดทางเพศเขา้ ข่ายอนาจาร ข้อมูลสว่ นตัวและครอบครวั ชอื่ เดก็ หญิงอ้อมใจ (นามสมมต)ิ อายุ 11 ปี กำลงั ศกึ ษาอยชู่ ้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 บิดาอายุ 42 ปี (ปจั จบุ ันถูกจำคุกดว้ ยข้อหาเสพยาเสพตดิ ภายหลงั เกิดเหตกุ บั บุตรสาวได้เพยี ง 3 สัปดาห)์ มารดา อายุ 35 ปี เด็กหญิงออ้ มใจ มีพี่ชายร่วมบดิ ามารดาอายุ 15 ปี อยชู่ ้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 โรงเรยี นเดียวกนั ปัจจุบันอาศยั อยู่กับมารดา พี่ชาย ป้าและยายซึ่งปว่ ยเป็นอลั ไซเมอร์รายไดห้ ลักของครอบครวั มาจากมารดาและป้าท่ี ประกอบอาชีพรับจา้ งรายวันและทั้งสองคนต้องสลับกันไปรบั จ้าง เนื่องจากจะต้องสลับกันดูแลยายทีป่ ว่ ย เปน็ อลั ไซเมอร์ และบตุ รหลาน เด็กหญงิ อ้อมใจมีประวตั กิ ารเล้ียงดูช่วงแรกเกิดถึง 4 ปี อยู่กบั แม่ 5 ปี ถงึ 7 ปี อยกู่ ับปู่ (เร่มิ มปี ญั หาการอ่านการเขยี น การคำนวณ ที่ผู้ปกครองและครูสังเกตเหน็ ไดช้ ดั ) อายุ 8 ปี ถงึ ปัจจุบนั สลบั กันเล้ยี งดูระหว่างแม่ และปา้ เด็กหญงิ ออ้ มใจมสี ขุ ภาพรา่ งกายแขง็ แรงไม่มีโรคประจำตวั แตจ่ าก การสงั เกตของบคุ คลคลในครอบครวั สังเกตเหน็ ว่ามีการเรียนรชู้ า้ ไมส่ มวัย ซึง่ ในอดีตท่ผี า่ นมาครอบครัวไม่ เคยพาไปตรวจพัฒนาการใดๆ ข้อมูลด้านการเรียน ปจั จบุ นั เรียนอย่ทู ี่โรงเรียนบ้านป่าออ้ กำลงั ศึกษาอยูร่ ะดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 อ่านออกเขียนได้ เพียงเล็กน้อยไม่คลอ่ งแคล่ว มีลักษณะการจดจำคำอ่านเขียนเป็นบางคำเฉพาะคำทีค่ ุ้นเคย คำที่เห็นบ่อยๆ มีภาวะเรียนรู้ช้า ไม่สนใจเรื่องการเรียน ซึ่งปัจจุบันทางโรงเรียนทำการคัดกรองว่าเด็กมีภาวะบกพร่อง ทางการเรียนรู้ด้านการอ่าน เขียน คำนวณ (Learning Disabilities : LD) ซึ่งครูยังไม่เคยประสาน โรงพยาบาลชมุ ชนเพื่อให้ผ้ปู กครองพาไปตรวจวัดระดับสติปญั ญาหรือพฒั นาการใดๆ แตท่ างโรงเรียนมีการ แยกกลุม่ เดก็ ที่บกพรอ่ งทางการเรยี นรู้มาสอนเปน็ บางวิชากบั ครพู ี่เลยี้ งเดก็ พิเศษ ซง่ึ เด็กสามารถปรับตัวได้ดี ค่อยๆ มพี ัฒนาการจากการแยกสอนหรอื การสอนเสริมหลังเลกิ เรียน ขอ้ มลู ดา้ นสงั คม ทางบ้าน บ้านที่พักอาศัยปัจจุบันมีสมาชิก 4 คน ประกอบไปด้วย แม่ พี่ชาย ป้าและยายซึ่งป่วย เป็นอัลไซเมอร์ ก่อนพ่อถูกจำคุก พ่อเคยทำงานในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง จะกลับบ้านเป็นครั้งคราว เด็กจึง คอ่ นข้างใกลช้ ิดผูกพันกบั แมม่ ากที่สุด ถดั มาคอื ยายทปี่ ัจจุบนั ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ทางโรงเรียน เพื่อนในห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มักไม่ค่อยเล่นด้วย เด็กหญิงอ้อมใจมักไป เล่นกับน้องชั้น ป.1, ป.2 และอนุบาล โดยเฉพาะกับน้องระดับชัน้ อนุบาล ครูสังเกตเห็นวา่ เด็กหญิงอ้อมใจ ชอบใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด และดูมีความสุขที่ได้อยู่กับน้องๆ ดูการ์ตูน ฟัง-ฝึกอ่านนิทานกับน้องๆ พฤติกรรมที่โรงเรยี นมีการแสดงออกเรื่องเพศที่ไม่เหมาะสมกับเพศตรงข้ามหลายคน ซึ่งครูเปน็ ห่วง เพราะ

เด็กหญิงอ้อมใจมีความกล้าในการใช้คำพูด การแสดงท่าทางส่อไปในเรื่องเพศอย่างเปิดเผยกับเด็กผู้ชายใน โรงเรียน กระทั่งผู้ใหญ่เพศตรงข้ามที่เด็กหญิงอ้อมใจรู้สึกพึงพอใจก็มักจะเข้าหาก่อนเสมอและแสดงออก อยา่ งเปดิ เผย ครูให้ขอ้ มูลว่าเด็กซมึ ซบั พฤตกิ รรมเร่ืองเพศมาจากครอบครวั โดยเฉพาะแม่ (เป็นศิษย์เก่าของ ทางโรงเรียน) ทีค่ รสู งั เกตเห็นว่ามลี ักษณะพฤตกิ รรม การแสดงออกเรอ่ื งเพศไม่เหมาะสมและเป็นแบบอย่าง ที่ไม่ดีแกล่ กู สภาพปัญหา เกดิ เหตุการณถ์ กู ลว่ งละเมดิ ทางเพศเขา้ ข่ายอนาจาร โดยนายเย็น (นามสมมต)ิ อายุ 35 ปี ซ่ึงเป็นเพ่อื น เรียนรว่ มรนุ่ กับมารดาของเดก็ ในช่วงมธั ยมตน้ ลักษณะการเกิดเหตุ คือ นายเย็นไดโ้ ทรมาบอกแม่เด็กว่าขอ พาลกู ไปเที่ยวเดย๋ี วจะมารับ โดยแม่เด็กให้ข้อมลู ว่าไม่ได้อนุญาตแต่เดก็ แย่งโทรศพั ท์ไปพูดคุยต่อโดยเดินไกล ออกไป ซ่ึงวนั เกดิ เหตนุ ัน้ เปน็ วนั เตรียมทำบญุ เจ็ดวนั งานศพของตาเดก็ ทกุ คนในบ้านคอ่ นข้างยุง่ และคดิ ว่าไม่ มีอะไรจงึ ไม่ไดก้ ำชบั เดก็ เรื่องการออกไปไหน เด็กหญิงอ้อมใจ บอกกับครอบครวั ว่าจะปั่นจกั รยานไปซื้อขนมท่ี รา้ นคา้ ใกลๆ้ บา้ น ซง่ึ นายเย็นขี่มอเตอรไ์ ซต์มารับท่ีร้านคา้ แล้วพาไปบ้านเพอ่ื น คนในหมู่บ้านซ่ึงรู้จักกับพ่อแม่ เด็กผ่านมาพบจึงนำเด็กไปส่งที่บา้ น เด็กหญิงอ้อมใจให้ข้อมูลกับมารดา ครู และนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำ สำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา บอกเล่าเกี่ยวกับการถูกกระทำว่า ‘นายเยน็ จบั นอนตกั ใช้ปากจูบคอและเอา มือจับหน้าอกแตไ่ ม่ได้ถอดเสื้อ ไม่ได้ถอดกางเกง’ นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษา สงั เกตการรบั รู้การแสดงออก เด็กไม่มลี กั ษณะแสดงออกว่าหวาดกลวั ไม่เงียบขรึม - เศร้าซึมหรือเหม่อลอย ใดๆ มีท่าทีเขนิ อายเล็กนอ้ ยในการให้ขอ้ มูลบอกเลา่ เหตุการณ์ การชว่ ยเหลือแกไ้ ข 1. นักจติ วิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา รับแจง้ เรอ่ื งจากผู้อำนวยการโรงเรียนจึงแจ้ง ข้อมูลเบื้องต้นกับผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษาและรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯที่ กำกับดูแลกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา นำเรียนผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ เพื่อดำเนินการลง พ้นื ท่ี 2. สหวชิ าชพี โดยนกั จติ วิทยาโรงเรยี นประจำสำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา ลงพน้ื ทีร่ ่วมกบั เจา้ หนา้ ท่จี ากบ้านพักเด็กและครอบครวั จงั หวัดฯ และผ้ใู หญ่บา้ น สอบถามข้อมูลรายละเอยี ดวนั เกดิ เหตุจาก บิดามารดา ครู และตวั เด็กหญงิ ออ้ มใจ (แยกสัมภาษณ์) 3. เจ้าหนา้ ท่ีจากบ้านพักเด็กและครอบครัวจงั หวดั ฯ ประสานตำรวจในพ้ืนท่เี พอ่ื สอบถามเกยี่ วกับ การแจง้ ความลงบันทึกประจำวนั ของผูป้ กครองและตดิ ตามเก่ยี วกบั การดำเนินคดคี วาม 4. ใหค้ ำแนะนำเบ้อื งต้นกบั ตวั เด็กในการทำความเขา้ ใจเรือ่ ง สมั ผัสปลอดภัย-ไมป่ ลอดภัย

จากบุคคลแวดลอ้ มและการไม่ควรพาตัวเองไปอยูใ่ นสถานการณ์ต่างๆ ทเี่ สีย่ งภยั ซ่ึงตอ้ งตดิ ตามระดับความ เข้าใจในเร่ืองน้ีซ้ำและส่งตรวจวดั ระดับสตปิ ัญญาพร้อมกับประเมินการตีความเรื่องเพศตามพัฒนาการของ เด็ก เนื่องจากท่าทีเด็กที่สังเกตเห็นเบื้องต้น นอกจากไม่หวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เด็กยังมี ลกั ษณะการกล้าแสดงออก กล้าเขา้ หาผคู้ นแปลกหนา้ โดยเฉพาะเพศตรงข้ามทีเ่ พง่ิ เคยพบเจอ 5. สอบถามข้อมลู จากครูประจำช้นั เกย่ี วกับพฤตกิ รรมนกั เรยี นท่โี รงเรียน ท้ังในช้นั เรียน นอกหอ้ งเรยี น การคดั กรองเบ้อื งตน้ ของทางโรงเรียน พัฒนาการตามวยั ทงั้ ดา้ นรา่ งกาย อารมณแ์ ละสงั คม 6. สอบถามข้อมลู จากผูป้ กครองถึงพฤตกิ รรมขณะนกั เรยี นอยบู่ ้าน ปัญหาท่ีครอบครวั มองเห็น และกังวล การดูแลรับมอื ของผ้ปู กครอง 7. ทำการประเมนิ พฤตกิ รรม SNAP-IV โดยครูและผปู้ กครอง พบว่าเด็กไมม่ ีแนวโน้มสมาธิสน้ั 8. ทำการสำรวจพฒั นาการเด็กดว้ ยแบบ PDDSQ โดยผู้ปกครองและครู พบว่าเด็กมีแนวโนม้ ความ ผดิ ปกตเิ กีย่ วกับพฒั นาการในวยั เดก็ 9. จากการสงสยั ในระดับสตปิ ญั ญารวบรวมขอ้ มลู ท่ีเกยี่ วข้อง ผลจากแบบ PDDSQ ลกั ษณะ พฤตกิ รรมการแสดงออกท่ีครใู หข้ อ้ มลู และนกั จิตวทิ ยาโรงเรยี นฯ สังเกตเหน็ สง่ ตอ่ แผนกจิตเวชฯ โรงพยาบาลชมุ ชนเพอ่ื ตรวจวัดระดับสตปิ ญั ญา (IQ) และพัฒนาการรอบด้าน รวมท้ังใหข้ อ้ มลู รายละเอยี ด เหตุการณ์ล่วงละเมิดท่เี กิดขน้ึ กับเดก็ แจง้ ใหง้ านโรงพยาบาลและจิตแพทยท์ ราบเพ่อื เปน็ ข้อมูลประกอบการ ตรวจรกั ษาและการป้องกนั เหตใุ นลกั ษณะเดมิ ผ่านมุมมองของจติ แพทย์ 10. ประสานศกึ ษานิเทศก์ภายในสำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา ผูร้ ับผดิ ชอบพืน้ ท่ีโรงเรียน แจง้ ลักษณะ ปัญหาเด็ก การดูแลช่วยเหลือและความเคลื่อนไหวการส่งต่อหน่วยงานตา่ งๆ การให้คำแนะนำครูเกี่ยวกับการเรยี น การสอนเด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา และให้ช่วยติดตามสังเกตเด็กและการสอนของครูเมื่อออกนิเทศ การศึกษาในพนื้ ทีโ่ รงเรียน 11. รายงานผลการดำเนนิ งานและผลการติดตามดูแลต่อผู้บังคบั บัญชาตามลำดับ ผลการช่วยเหลอื และแก้ไข นักเรียนได้รับการทดสอบระดับระดับสติปัญญา ผลบกพร่องทางสติปัญญาอยู่ในช่วงระดับน้อย Mild Mental Retardation (อายจุ ริงขณะทดสอง 11 ปี 2 เดอื น 25 วนั มีอายุสมอง 6 ปี IQ 69) ซึง่ ปญั หา บกพร่องทางการเรียนรูด้ ้านการอ่าน การเขียน คำนวณที่ชัดเจนมีผลจากระดบั สติปัญญาของเดก็ และจาก ผลระดับสติปัญญาทำให้สร้างความเข้าใจกับครูในการจัดโปรแกรมการเรียนการสอนที่เฉพาะเจาะจงขึ้น สร้างความเขา้ ใจกบั ผ้ปู กครอง ในการดูแลเดก็ อยา่ งใกล้ชดิ รอบดา้ นมากขึ้น เน้นการสือ่ สารกบั เดก็ ดว้ ยภาษา ทส่ี ุภาพไม่ซับซอ้ น เหมาะสมกบั ความเข้าใจ ซึง่ ท้ังครแู ละผปู้ กครองดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสมมากข้นึ เด็ก

เชอื่ ฟงั และมพี ฤตกิ รรมที่เปลีย่ นแปลงไปในการระมดั ระวงั ดูแลตนเองมากข้นึ การแสดงออกเรอ่ื งเพศอย่างไม่ เหมาะสมลดลงอยา่ งเห็นไดช้ ัด การประมวลผลกรณีศกึ ษา (Case formulation) 1. ปจั จัยเสยี่ ง (Predisposing Factors) - การเลยี้ งดขู องแมท่ ี่เด็กผูกพันใกล้ชดิ มีลกั ษณะการแสดงออกเรื่องเพศท่ีไม่เหมาะสม - การเปล่ยี นคนเล้ียงดูแตล่ ะชว่ งวยั บอ่ ยครง้ั อาจทำใหเ้ ด็กสบั สนในการสรา้ งตวั ตนของเด็ก - ความยากจนของครอบครัว 2. ปจั จยั กระตนุ้ ให้เกดิ ปญั หา (Precipitating Factors) - เด็กมีภาวะบกพร่องทางสตปิ ัญญา - ผปู้ กครองไม่ทราบว่าเดก็ มีภาวะบกพร่องทางสตปิ ญั ญาทำให้ขาดความเข้าใจในการเลี้ยงดู การสื่อสารท่เี หมาะสม - ครผู ูส้ อนไม่ทราบว่าเด็กมภี าวะบกพร่องทางสติปัญญาทำให้การจัดโปรแกรมการเรยี น การสอน รวมท้งั การสอื่ สารกบั เดก็ ไมเ่ หมาะสม 3. ปัจจัยท่ที ำใหป้ ญั หายงั อยู่ (Perpetuating Factors) - ความพรอ้ มของคนในครอบครัวในการชว่ ยกันดแู ลเดก็ แมแ่ ละป้ายังต้องสลับไป รบั จ้างรายวัน 4. ปจั จัยปกป้อง (Protective Factors) - การได้รับความชว่ ยเหลือจากสหวิชาชพี ในการประเมนิ เหตกุ ารณ์เบือ้ งต้น การตดิ ตาม ดำเนินคดี และประเมนิ พฤติกรรมเดก็ สง่ ต่อการรกั ษากบั แพทยผ์ เู้ ชยี่ วชาญ - นกั เรียนได้รับการตรวจวดั ระดบั สติปัญญาท่ีชัดเจน ผู้ปกครองและครไู ดร้ บั คำแนะนำจาก จิตแพทยแ์ ละนกั จติ วทิ ยาโดยตรงเกี่ยวกับการดแู ลปรบั พฤตกิ รรมเด็ก สอื่ สารกบั เด็ก - เด็กได้รับการฝังเข็มคมุ กำเนดิ เพื่อปอ้ งกันความเสย่ี งจากการยังอยู่ในสภาพแวดล้อมเดมิ ที่ อาจเกิดเหตุซ้ำ เนอ่ื งจากภาวะบกพร่องทางสติปัญญาอาจทำให้เด็กเรียนร้ทู จี่ ะดูแลตนเอง ได้ไมท่ ันทว่ งที โดยแพทย์อธิบายสร้างความเขา้ ใจและทางเลอื กในการคุมกำเนดิ ตวั ลูกให้กบั แม่ ซึ่งแม่เลือกใหล้ กู ได้รับการฝงั เข็มคมุ กำเนิด (มีผล 5 ป)ี - ผูก้ อ่ เหตุกระทำอนาจารถกู ดำเนนิ คดี - แม่เด็กดูแลใสใ่ จเด็กมากขนึ้ พาไปพบแพทยต์ ามนดั หมาย - ครผู สู้ อนเรมิ่ สอนดว้ ยความเขา้ ใจในตัวเดก็ และจดั รูปแบบการเรียนการสอนทีเ่ หมาะสม -----------------------------------------------------

กรณีศึกษาที่ 6 ปัญหาพฒั นาการช้าและตดิ เกมตดิ สอ่ื อิเลก็ ทรอนิกส์ ขอ้ มลู สว่ นตัวและครอบครวั ช่อื เด็กชายวันชนะ (นามสมมติ) อายุ 8 ปี กำลงั ศึกษาอยู่ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2 บิดาไม่ระบุในใบ สตู ิบตั รและไมม่ ใี ครเคยเหน็ หรือทราบขอ้ มูลเกย่ี วกับผู้เปน็ บิดา มารดาเสียชีวติ ตอนเดก็ อายุ 7 ขวบ มีพ่ีชาย อายุประมาณ 26 ปี (ไมไ่ ดอ้ ยู่ในพ้นื ท่ีทำงานต่างจงั หวัด) พส่ี าวอายุประมาณ 20 ปี (อยู่บ้านบิดาตนในพ้ืนที่ ใกล้เคยี ง) ทง้ั สามคนล้วนตา่ งบิดา และไม่ไดเ้ ติบโตมาด้วยกันแตท่ ราบในความสมั พนั ธ์พ่นี อ้ ง เดก็ ชายวนั ชนะ เติบโตมาจากการเลี้ยงดูของแม่ตามลำพังก่อนที่แม่จะเสียชีวิต เด็กผูกพันใกล้ชิดกับมารดาเพียงคนเดียว ครอบครัวทีเ่ ลีย้ งดูเด็กปัจจุบนั ผู้ปกครองเด็กคือนางสาวน้ำคา้ ง อายุ 29 ปี (ศักดิ์เป็นน้าแตเ่ ด็กเรียกปา้ ส้ม) มี ความสัมพนั ธเ์ ครือญาตเิ ป็นลูกพลี่ ูกน้องของมารดาเด็ก มคี นในครอบครัวปจั จุบันรวมเด็กชายวันชนะ จำนวน 6 คน มีความเต็มใจในการเลี้ยงดูเดก็ เน่อื งจากมารดาของเด็กเคยชว่ ยเหลอื ครอบครวั ตน แตต่ อ้ งการได้รับการ สนับสนุนช่วยเหลือเด็กในด้านต่างๆ เด็กมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วยนอนโรงพยาบาล ชอบ เลน่ เกม และตดิ สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ในโทรศัพท์ต้ังแต่ชว่ งท่ีแมย่ ังไมเ่ สียชวี ิตซ่ึงแมม่ กั ให้อยู่กบั โทรศัพท์ ไม่ค่อย พาออกไปไหน และมกั ไม่ให้ไปเลน่ กับกลุ่มเด็กอื่นๆ ละแวกบา้ น ข้อมูลดา้ นการเรยี น ปัจจุบันเรียนอยู่ทีโ่ รงเรียนบ้านห้วยบง กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เด็กยังอ่านไม่ ออกเขียนไม่คล่อง เขียนได้เพียงชื่อ-สกุล มีภาวะเรียนรู้ช้าในทุกๆ วิชา ไม่สนใจเรื่องการเรียน คุณครู พยายามสอนโดยยังไม่คัดกรองว่าเด็กมีภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ และยังไม่เคยแนะนำให้ผู้ปกครองสง่ ตรวจกับทางโรงพยาบาลใดๆ การตอบคำถามของเด็กในเรื่องอื่นๆ มีลักษณะเหม่อคิด นึกคิด ค่อนข้างใช้ เวลาในการประมวลความคิดก่อนตอบคำถาม แสดงทา่ ทนี ึกคิดนานแต่พยายามตอบออกมาเมื่อถกู ถาม ข้อมลู ดา้ นสังคม ทางบ้าน บ้านที่พักอาศัยเป็นครอบครัวที่เลี้ยงดูเด็กในปัจจุบันมีสมาชิก 6 คน ประกอบไปด้วย ตัว เด็กชายวนั ชนะ ผปู้ กครองที่เป็นน้าแต่เด็กเรียกป้าส้ม แฟนปา้ ส้ม ยาย ลกู ของป้าส้มอีก 2 คน (อายุ 7 ปีและ 4 ป)ี เดก็ ชายวนั ชนะค่อนข้างกลวั ยายซงึ่ มีท่าทดี ุ เสียงดัง เดก็ ชายวันชนะเล่นกับน้องทัง้ สองคนเม่ืออย่บู ้านซึ่งส่วน ใหญ่มักพากันเล่นเกมและดูสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในโทรศัพท์ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง ตลอดทั้งวัน ไม่ค่อย ชกั ชวนกนั ไปเลน่ กลางแจ้ง ทางโรงเรียน ไมค่ อ่ ยเล่นกับเพอื่ นในหอ้ งเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 2 นัง่ เหมอ่ ลำพงั บอ่ ยๆ ครตู ้อง คอยเรียกชือ่ บ่อยครั้ง เพื่อนบางคนพยายามเล่นดว้ ยแตต่ วั เด็กชายวันชนะไม่ค่อยสนใจ หากมีโอกาสได้เลน่ เกม ได้เล่นโทรศัพท์ เด็กจะอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้มากกว่าโดยไม่สนใจเพื่อน และสังคมรอบข้างแต่หากมี

เพื่อนมาชวนเล่นเกม สื่ออิเล็คทรอนิคส์จากอุปกรณ์ต่างๆ ก็จะให้ความสนใจเพื่อนคนนั้นและรว่ มเล่นด้วย ซึ่งทางโรงเรียนกำชับผู้ปกครองที่ดูแลเด็กว่าไม่อนุญาตให้พกมาที่โรงเรียน ให้ช่วยดูแลพฤติกรรมการเล่น โทรศพั ท์เม่อื อยทู่ ่บี า้ น หากไมม่ ีอปุ กรณ์อิเล็กทรอนกิ ส์เดก็ ก็จะอยู่ลำพงั และนงั่ เหมอ่ ลอยมากกวา่ ท่ีจะเล่นกับ เพอ่ื น สภาพปญั หา มีลักษณะพัฒนาการช้า เรยี นรู้ช้า ตดิ เกม ตดิ สอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ นโทรศัพท์ ไม่มีทกั ษะสังคม การช่วยเหลอื แกไ้ ข 1. นักจติ วทิ ยาโรงเรยี นประจำสำนกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา รับแจ้งเร่อื งจากโรงเรียนจึงแจ้งขอ้ มลู เบื้องต้นกับผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษาและรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯที่กำกบั ดแู ลกลมุ่ ส่งเสริมการจัดการศึกษา นำเรยี นผอู้ ำนวยการสำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษาฯ เพือ่ ดำเนนิ การลงพ้ืนท่ี 2. สอบถามข้อมูลจากครูประจำชัน้ เก่ยี วกบั พฤตกิ รรมนกั เรียนทโ่ี รงเรยี น ทง้ั ในช้ันเรียน นอกหอ้ งเรยี น การคัดกรองเบือ้ งตน้ ของทางโรงเรียน พฒั นาการตามวยั ทั้งดา้ นร่างกาย อารมณ์ และสงั คม 3. สอบถามข้อมูลจากผปู้ กครองถึงพฤตกิ รรมขณะนกั เรียนอยบู่ ้าน ปญั หาที่ครอบครวั มองเหน็ และกังวล การดแู ลรับมือของผูป้ กครอง 4. พดู คุยกบั เด็กและสงั เกตพฤติกรรมในช่ัวโมงการพูดคยุ ในหอ้ งเรียน ในโรงเรยี น 5. การสำรวจพัฒนาการเด็กดว้ ยแบบ PDDSQ โดยผ้ปู กครองและครู พบวา่ เด็กมีแนวโน้ม ความผิดปกตเิ ก่ียวกับพฒั นาการในวยั เด็ก 6. ประเมินความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เพ่อื ทราบจดุ เดน่ จุดดอ้ ยดา้ นอารมณแ์ ละสังคมสำหรบั นำมาใช้ประกอบการปรบั พฤตกิ รรม 7. รวบรวมข้อมูลทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ผลจากแบบ PDDSQ ของผปู้ กครองและครู ผลการประเมนิ EQ ลักษณะพฤติกรรมการแสดงออกที่ครูให้ข้อมูลและนักจิตวิทยาโรงเรียนฯ สังเกตเห็น ส่งต่อแผนกจิตเวชฯ โรงพยาบาลชมุ ชนเพือ่ ตรวจพัฒนาการรอบด้าน 8. ประสานศึกษานิเทศกภ์ ายในสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา ผ้รู ับผดิ ชอบพนื้ ที่โรงเรียน แจ้งลักษณะ ปญั หาเด็ก การดแู ลช่วยเหลือ ความเคล่ือนไหวการส่งต่อหน่วยงานต่างๆ เพอื่ ให้ช่วยติดตามสังเกตเด็ก การสอนของ ครเู มอ่ื ออกนเิ ทศการศึกษาในพ้ืนท่ีโรงเรียน 9. รายงานผลการดำเนินงานและผลการติดตามดแู ล ต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดบั ผลการชว่ ยเหลอื และแกไ้ ข นักเรียนได้รบั การทดสอบระดับสตปิ ัญญาจากงานโรงพยาบาล ซ่ึงผลระดบั สติปญั ญาอยใู่ นระดับต่ำ กว่าเกณฑ์เฉลี่ย (Low Average, IQ = 80) สร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองและครูเกี่ยวกับภาวะระดับ

สติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของเด็ก ซึ่งจะมีการรับรู้ เรียนรู้ การเข้าใจทุกสิ่งรอบด้านช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ โดยเฉพาะการคิดวิเคราะห์ การคิดเชิงนามธรรม มีการตัดสินใจช้า มักมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ เหมาะสมตามวัยและมักมีปญั หาทางอารมณ์และการปรับตัวในสังคมตามมา และย่งิ เด็กไม่มีทักษะทางด้าน สงั คมและเลือกใชอ้ ุปกรณ์สื่ออิเล็กทรอนกิ ส์ ตดิ การเลน่ เกม อยู่กบั อปุ กรณต์ ามลำพงั ไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่น ยิ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ปัญหาพฤติกรรมการติดเกม ตดิ สื่ออเิ ล็กทรอนิกส์แกไ้ ขไดย้ าก ดังนั้นเดก็ จึงควรได้รับ การทำความเขา้ ใจจากคนใกล้ชิดในภาวะทเ่ี ด็กเปน็ กอ่ น และได้รบั การกระต้นุ พัฒนาการการเรียนรู้ควบคู่ไป กับการปรับพฤติกรรมรอบด้าน โดยนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจัดโปรแกรม ปรับพฤติกรรมการเรยี นในชัน้ เรยี นร่วมกบั โรงเรียนและครอบครัวและเสรมิ สร้างความฉลาดทางอารมณ์ด้วย กระบวนการจิตวิทยาเชิงบวกทั้งหมด 8 ครั้ง โดยเฉพาะที่บ้านและครอบครัวนั้น เน้นให้ผู้ปกครอง ปรับ พฤติกรรมการเล่นเกม การเล่นสื่ออิเล็คทรอนิคส์ โดยปรับเวลา ลดเวลา ไม่สั่งให้เด็กหยุดทันทีทันใดเพื่อ ไม่ให้เกิดการต่อต้าน กำหนดเวลาการเล่นที่เหมาะสม ลดลงเรื่อยๆ แนะนำให้ผู้ปกครองสื่อสารและปฏิบตั ิ เดด็ ขาด ไม่มีการตอ่ รองใดๆ และใหผ้ ูป้ กครองหากจิ กรรมใหเ้ ด็กๆ สมาชิกในบา้ นทำรว่ มกนั ใช้เวลาร่วมกัน กับผู้ใหญ่ในครอบครัวให้มากข้ึน พบว่าภายหลังการปรับพฤติกรรมในช่วงเวลาประมาณประมาณ 3 เดือน เด็กมีพฤตกิ รรมการเล่นเกมลดลง เร่ิมเลน่ กับเพอ่ื นในหอ้ งเรียน ในโรงเรยี นมากขึน้ สหี น้ายิ้มแย้มแจ่มใส มี ความสุข พูดถึงบคุ ลคลในบ้านมากขึ้น พูดถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำที่บ้าน ได้ออกไปนอกบ้านกับครอบครัว การเรียนตามรายวิชาในหอ้ งเรียนครูจัดกิจกรรมให้เรียนแบบเลน่ สนุกกับกลุ่มมากขนึ้ และเรียกเด็กมาเรียน เสริมหลงั เลิกเรียนกระตนุ้ พฒั นาการการอ่านเขียน ทำใหเ้ ดก็ มีพฒั นาการทด่ี ีข้ึน แม้ยังไมส่ ามารถเรยี น อ่าน เขียนไดท้ นั เพ่ือนๆ ในหอ้ งแต่เดก็ มคี วามตง้ั ใจ สนใจการเรียนมากข้ึน การประมวลผลกรณศี กึ ษา (Case formulation) 1. ปัจจัยเสย่ี ง (Predisposing Factors) - การเล้ียงดจู ากแม่กอ่ นเสยี ชีวติ ทม่ี ลี ักษณะมักให้อยู่กบั โทรศพั ท์ ไมค่ อ่ ยพาออกไปไหนและ มักไม่ใหไ้ ปเล่นกบั กล่มุ เด็กอื่นๆ ละแวกบา้ น - ความสูญเสยี แมท่ ีผ่ กู พนั ใกลช้ ดิ ทีส่ ดุ ซ่ึงมีเพียงคนเดยี ว ความเสยี ใจ ความเหงาและ การเปล่ียนครอบครวั คนเล้ียงดู 2. ปจั จยั กระตนุ้ ให้เกดิ ปัญหา (Precipitating Factors) - เดก็ มีระดบั สตปิ ญั ญาต่ำกว่าเกณฑเ์ ฉลย่ี - ผปู้ กครองไมท่ ราบว่าเดก็ มีระดับสติปญั ญาตำ่ กวา่ เกณฑเ์ ฉล่ยี ทำใหข้ าดความเขา้ ใจในการ เลย้ี งดู การส่ือสารที่เหมาะสม

- สภาพแวดลอ้ มของครอบครัวใหม่ทย่ี งั คงเล้ยี งเดก็ โดยปล่อยใหใ้ ช้เวลาอยูก่ ับโทรศพั ท์ อปุ กรณ์สื่ออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์อยา่ งอิสระและแทบตลอดเวลา - ครผู ู้สอนไมท่ ราบวา่ เด็กมีระดับสตปิ ัญญาตำ่ กวา่ เกณฑเ์ ฉลีย่ ทำให้การจัดโปรแกรมการเรียน การสอนรวมทั้งการส่ือสารกับเด็กไมเ่ หมาะสม 3. ปจั จยั ทท่ี ำใหป้ ญั หายังอยู่ (Perpetuating Factors) - นักเรยี นขาดทักษะสงั คม - นกั เรยี นขาดแรงจงู ใจในการเรยี นหนังสือการทำกจิ กรรมกบั เพ่ือน - สมาชิกในครอบครวั บางคนยงั ใชโ้ ทรศัพท์ อุปกรณ์ส่อื อเิ ล็กทรอนิกส์อย่างอิสระแทบ ตลอดเวลา ไมส่ ามารถเป็นแบบอย่างทชี่ ัดเจนเด็ดขาดใหเ้ ด็กได้ 4. ปจั จยั ปกปอ้ ง (Protective Factors) - นกั เรียนไดร้ ับการตรวจวัดระดับสตปิ ัญญาท่ชี ัดเจน ผ้ปู กครองและครูได้รับคำแนะนำจาก จิตแพทย์และนกั จติ วทิ ยาโดยตรงเกีย่ วกบั การดูแลปรบั พฤติกรรมเด็ก สอ่ื สารกบั เด็ก - ผปู้ กครองเด็กและครอบครัวดูแลใส่ใจเดก็ มากข้ึน ให้ความรว่ มมอื ในการปรบั พฤตกิ รรมการ เล่นเกม การเลน่ สื่ออเิ ล็คทรอนิคส์ ปรบั เวลา ลดเวลา ไมส่ ั่งใหเ้ ดก็ หยดุ ทนั ทีทันใดเพือ่ ไมใ่ ห้ เกิดการตอ่ ตา้ น กำหนดเวลาการเลน่ ทเี่ หมาะสม และดูแลพาไปพบแพทยต์ ามนัดหมาย - ครูผูส้ อนเริ่มสอนดว้ ยความเข้าใจในตัวเด็ก จัดรปู แบบการเรยี นการสอนทเ่ี หมาะสม