Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์

สิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์

Published by aun.sutthikan41, 2021-08-03 16:15:10

Description: สิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์

Keywords: ggnn

Search

Read the Text Version

บทท่ี 1 ส่งิ แวดลอ้ มและการอนรุ กั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล฾อมของโลกในทุกวันนี้กําลังเข฾าส฽ูวิกฤต ทั้งน้ีสาเหตุ สืบเน่ืองมาจากการกระทําของมนุษย์ เพื่อม฽ุงหวังจะพัฒนาทางด฾านเศรษฐกิจ โดยใช฾วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมาพัฒนาและนําทรัพยากรธรรมชาติมาใช฾ เป็นผลให฾ทรัพยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดล฾อมเสอื่ มคุณภาพอยา฽ งรวดเรว็ ขาดการอนุรกั ษ์และการทดแทน ก฽อให฾เกิดปัญหาส่ิงแวดล฾อม ต฽างๆ ตามมา การศึกษาทางด฾านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล฾อมจะเป็นการศึกษา ที่เก่ียวข฾องกับการเปล่ียนแปลงสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล฾อมและส฽งผลกระทบต฽อส่ิงแวดล฾อม ซึง่ ตอ฾ งทาํ ความเขา฾ ใจศาสตรท์ างดา฾ นสงิ่ แวดลอ฾ มและการอนุรักษ์ ศาสตรด์ ้านสงิ่ แวดล้อม พระราชบญั ญัติ ส฽งเสรมิ และรกั ษาคุณภาพส่ิงแวดล฾อมแห฽งชาติ พ.ศ. 2535 ได฾ให฾ความหมาย ของส่ิงแวดล฾อมไว฾ว฽า ส่ิงแวดล฾อม (Environment) หมายถึง สิ่งต฽าง ๆท่ีมีลักษณะทางกายภาพและ ชีวภาพท่อี ยู฽รอบตวั มนษุ ย์ ซ่งึ เกดิ ข้ึน (กรมส฽งเสรมิ คุณภาพสิ่งแวดลอ฾ ม. 2537: 2) ซิงค์ (Singh. 2006: 1) ได฾ให฾ความเห็นว฽า “โดยรวมแล฾วสิ่งแวดล฾อม คือ อิทธิพลและสภาพ ปัจจัยจากภายนอกที่ส฽งผลต฽อชีวิต ธรรมชาติ พฤติกรรม และการเจริญเติบโต หรือการพัฒนาของ สิ่งมีชีวิต” โดยสรุป ส่ิงแวดล฾อม (Environment) หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย฽างท่ีอยู฽รอบตัวเราแบ฽งเป็น 2 ประเภทตามเกณฑ์การกาํ เนิดขน้ึ คือ 1. ส่ิงแวดล฾อมทางธรรมชาติ (Natural environment) คือ ส่ิงแวดล฾อมที่เกิดข้ึนเอง ตามธรรมชาติ แบ฽งออกเป็นสิ่งมีชีวิต (Biotic) เช฽น มนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งไม฽มีชีวิต (Abiotic) หรือ สง่ิ แวดล฾อมทางกายภาพ เช฽น แรธ฽ าตุ อากาศ เสียง 2. สิ่งแวดล฾อมสรรค์สร฾าง (Built environment) คือ ส่ิงแวดล฾อมท่ีมนุษย์สร฾างข้ึน เพื่อให฾เหมาะสมกับกิจกรรมของมนุษย์ มีท้ังรูปธรรม เช฽น บ฾านเรือน ถนน สถาปัตยกรรม โครงสร฾าง พ้ืนฐานต฽างๆ เป็นต฾น และนามธรรม ได฾แก฽ ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรม ศาสนา ระบบ เศรษฐกิจ สงั คม การเมอื ง การศึกษา และวิทยาการตา฽ งๆ เปน็ ต฾น

ท้งั นี้ สมบัติเฉพาะตัวของสิ่งแวดลอ฾ ม มลี ักษณะดงั นี้ 1. สงิ่ แวดลอ฾ มมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 2. สง่ิ แวดล฾อมจะไม฽อยโ฽ู ดเดยี วในธรรมชาติ 3. สิ่งแวดลอ฾ มประเภทหน่ึงมีความต฾องการสิ่งแวดล฾อมอ่นื เสมอ 4. สิง่ แวดลอ฾ มจะอย฽ูเปน็ กลุ฽มและมคี วามสัมพนั ธ์ซงึ่ กันและกัน เรียกวา฽ ระบบนเิ วศ 5. สิ่งแวดลอ฾ มมีความเก่ยี วโยงและสัมพนั ธ์ต฽อเน่อื งกันเปน็ ลูกโซ฽ 6. ส่ิงแวดล฾อมแต฽ละประเภทมีลกั ษณะทนทานและเปราะต฽อการถูกกระทบแตกต฽างกนั 7. สิ่งแวดลอ฾ มมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาทเี่ ปล่ยี นไป นอกจากนี้ ศาสตร์ดา฾ นสิ่งแวดล฾อมมีประเด็นท่ีสาํ คัญ ดงั น้ี 1. มติ สิ ่งิ แวดล้อม มิติสง่ิ แวดล฾อม (Environmental dimension) หมายถึง การตีความหมายของสิ่งแวดล฾อมให฾ เปน็ จาํ นวน โดยแบ฽งเปน็ 4 มติ ิ คอื (เกษม จันทร์แกว฾ , 2547: 13-16) 1.1 มิติทางทรัพยากร (Resources dimension) เป็นองค์ประกอบที่สําคัญท่ีใช฾ใน การจัดการความย่ังยืนของระบบสิ่งแวดล฾อม แบ฽งออกเป็น 4 ด฾าน คือ ทรัพยากรกายภาพ ทรัพยากร ชวี ภาพ ทรัพยากรด฾านคณุ คา฽ การใชป฾ ระโยชนข์ องมนษุ ย์ และทรัพยากรด฾านคณุ ภาพชวี ิต 1.2 มิติทางเทคโนโลยี (Technology dimension) คือ สิ่งแวดล฾อมท่ีมีบทบาท หนา฾ ทเ่ี ปน็ เทคโนโลยี ประกอบดว฾ ย 3 กลุม฽ ได฾แก฽ เทคโนโลยีธรรมชาติ เทคโนโลยีเลียนแบบธรรมชาติ และเทคโนโลยสี รา฾ งข้ึน 1.3 มิติของเสียและมลพิษสิ่งแวดล฾อม (Waste and environmental pollution dimension) แบ฽งออกเป็น 4 กล฽ุม คือ ของแข็ง (เช฽น กากสารพิษ ขยะ ฝุนละออง ฯลฯ) ของเหลว (เช฽น น้ํามัน ไขมัน ฯลฯ) ก฿าซ (เช฽น คาร์บอนไดออกไซด์ ออกไซด์ของไนโตรเจน ฯลฯ) และ มลพิษ ทางฟิสกิ ส์ (เช฽น เสยี ง มลพษิ ของความรอ฾ น แสงสวา฽ ง รังส)ี 1.4 มิติมนุษย์หรือเศรษฐกิจสังคม (Human dimension) ได฾แก฽ ประชากร การศึกษา สาธารณสุข สภาวะทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ความเช่ือ ศาสนา และประเพณี การนนั ทนาการและการทอ฽ งเทยี่ ว มิติสง่ิ แวดล฾อมท้งั 4 มติ นิ ั้นมคี วามสมั พนั ธก์ นั และเกยี่ วขอ฾ งกบั มนุษย์ ดังภาพท่ี 1.1 รายวิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ฾ มเพ่ือชวี ติ GESC1104

ทรพั ยากร เทคโนโลยี ของเสีย ผลผลติ มนษุ ย์ ภาพท่ี 1.1 ความสัมพนั ธ์ของมติ สิ ่ิงแวดล฾อม 2. ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural Resources) เป็นส฽วนหนึ่งของสง่ิ แวดลอ฾ ม เกิดขนึ้ เองตาม ธรรมชาติโดยท่มี นุษย์ไม฽ไดส฾ ร฾างขนึ้ และมีประโยชนต์ อ฽ มนุษย์ ซง่ึ นักอนรุ ักษว์ ิทยาไดแ฾ บ฽งออกเปน็ 3 ประเภท คือ 1) ทรัพยากรธรรมชาติท่ีใชแ฾ ล฾วไมห฽ มดส้นิ ไดแ฾ ก฽ ดิน นาํ้ อากาศ 2) ทรพั ยากรธรรมชาติท่ใี ช฾แลว฾ ทดแทนได฾ ได฾แก฽ ปุาไม฾ สัตว์ปุา ทงุ฽ หญ฾า ชายฝัง่ 3) ทรพั ยากรธรรมชาติทีใ่ ช฾แลว฾ หมดส้นิ ไดแ฾ ก฽ แรธ฽ าตุ และ เช้ือเพลิงฟอสซลิ นิเวศวิทยาและระบบนิเวศ 1. นิเวศวทิ ยา (Ecology) นิเวศวิทยา หมายถึง การศึกษาปฏิกิริยาต฽อกันของส่ิงมีชีวิตด฾วยกันและระหว฽างสิ่งมีชีวิตกับ ส่ิงไม฽มีชีวิตในระบบนิเวศ หรือ การศึกษาโครงสร฾างและหน฾าที่ของธรรมชาติ (King and McCarthy. 2009: 32) โดยมีกฎนิเวศวิทยาที่นํามาอธิบายปรากฏการณ์ทางส่ิงแวดล฾อม 4 ข฾อสําคัญ (Barry Commoner) ดังน้ี กฎขอ฾ ท่ี 1 Everything is connected to everything else : ทกุ ส่งิ ทุกอยา฽ งในส่งิ แวดล฾อมเกย่ี วข฾องกันท้งั หมด กฎข฾อท่ี 2 Everything must go somewhere : ทกุ สง่ิ ไม฽สูญหายไปไหนแตเ฽ พียงยา฾ ยไปอย฽ูแหล฽งแหล฽งหน่ึง กฎขอ฾ ท่ี 3 Nature knows best : รายวิชาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ฾ มเพื่อชีวติ GESC1104

กฎขอ฾ ท่ี 4 ธรรมชาติร฾ดู ีท่สี ุด เม่อื ใดท่ีกจิ กรรมมนษุ ย์ หรือ ความเปล่ียนแปลงตาม ธรรมชาติเกดิ ข้นึ ธรรมชาติจะพยายามรักษาสมดุลเสมอ There is no such thing as a free lunch : ไม฽มสี ง่ิ ใดได฾มาฟรีๆ เสมอื นการได฾รบั เล้ียงอาหารกลางวัน หมายถงึ วา฽ ปรากฏการณ์ทางส่ิงแวดลอ฾ มเกิดขึน้ โดยมเี หตุและผล (Cause - effect Relationship) 2. ระบบนิเวศ (Ecosystems) ระบบนิเวศ หมายถึง การรวมกล฽ุมของส่ิงมีชีวิตท้ังพืช สัตว์ และจุลินทรีย์เผ฽าพันธ์ุต฽างๆ โดย ส่ิงมีชีวิตเหล฽านั้นต฽างมีความสัมพันธ์กันเองและมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล฾อมด฾วย โดยสิ่งแวดล฾อม ดังกล฽าวรวมถึงอุณหภูมิ ปริมาณนํ้าฝน ความชื้นในอากาศ และปัจจัยส่ิงแวดล฾อมทางด฾านเคมีและ ฟิสกิ สท์ ่ีสิง่ มชี ีวติ ต฾องสัมผัส (Nebel and Wright. 2001: 18) องค์ประกอบของระบบนิเวศแบ฽งเป็น 4 องค์ประกอบ คือ ผ฾ูผลิต ผ฾ูบริโภค ผู฾ย฽อยสลาย และผู฾สนับสนุน ถ฾าระบบนิเวศที่สามารถอยู฽ได฾ด฾วย ตัวเองรักษาตวั เองฟ้ืนฟูตัวเองได฾ จะมีสัดส฽วนระหว฽างกล฽ุมท้ัง 4 ได฾พอดีกันไม฽มีอะไรมากหรือน฾อยกว฽า กัน ความสมั พันธด์ ังภาพที่ 1.2 ผผู้ ลติ สง่ิ นาเขา้ ผูส้ นบั สนุน ผ้บู ริโภค สง่ิ นาออก ผู้ยอ่ ยสลาย ภาพที่ 1.2 โครงสร฾างของระบบนิเวศท่ีจาํ แนกตามบทบาทหน฾าที่ รายวิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ฾ มเพื่อชวี ิต GESC1104

การอนรุ ักษ์ การอนุรักษ์ (Conservation) หมายถึง การใช฾ประโยชน์ตามความต฾องการที่พอเหมาะและ ประหยดั เพื่ออนาคต หลกั การอนรุ ักษว์ ทิ ยา สรุปได฾ดงั น้ี หลักการที่ 1 การใช฾อย฽างยั่งยืน การใช฾อย฽างสมเหตุสมผล หรือใช฾อย฽างฉลาด เลือกใช฾ เทคโนโลยที เ่ี หมาะสม ไม฽กอ฽ ให฾เกิดของเสยี และมลพิษ หลักการที่ 2 การสงวนของหายาก ทรัพยากรท่ีกําลังจะสูญส้ิน ควรหลีกเล่ียงการนําไปใช฾ และทํานบุ ํารงุ หรือทาํ ให฾ทรัพยากรน้ันมีเพ่ิมขนึ้ หลักการท่ี 3 การทํานุบํารุงทรัพยากรที่เสื่อมโทรม จากไม฽สามารถนําไปใช฾ได฾ จนฟื้นสภาพ นาํ มาใช฾ได฾โดยมีวธิ ีการอนุรกั ษ์ 8 วิธี คือ 1. การใช฾อยา฽ งยั่งยนื 2. การเกบ็ กกั 3. การรักษา/ซ฽อมแซม 4. การฟน้ื ฟู 5. การพฒั นา 6. การปอู งกัน 7. การสงวน 8. การแบง฽ เขต วธิ กี ารอนุรักษ์ การใช้ เทคโนโลยี ทรัพยากรและ ผลผลติ การเก็บกัก สิง่ แวดล้อม การรกั ษา/ ของเสีย ซ่อมแซม การฟื้นฟู การกาจดั / มนษุ ย์ การพัฒนา บาบัด ภาพท่ี 1.3 หลักการและวิธีการอนุรกั ษ์ (ทมี่ า: ดัดแปลงจากเกษม จันทรแก฾ว. 2558: 87) รายวิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล฾อมเพ่ือชีวติ GESC1104

การพัฒนาอย่างยั่งยนื การพัฒนาอย฽างย่ังยืน (Sustainable development) คือ การพัฒนาเพ่ือตอบสนองต฽อ ความต฾องการของคนในรุ฽นปัจจุบัน โดยไม฽ทําให฾ความสามารถในการตอบสนองความต฾องการของคน ในรุ฽นต฽อไปต฾องเสียไป การพัฒนาแบบยั่งยืนเป็นการดําเนินการอย฽างมีแบบแผนในการใช฾ ทรัพยากรธรรมชาติพัฒนาโดยมิให฾เสียสมดุลของระบบนิเวศ และสิ่งแวดล฾อมที่จะพัฒนานั้ น จะต฾องเป็นทรัพยากรที่มีทดแทนได฾ และจะต฾องมีโอกาสให฾สิ่งแวดล฾อมนั้นฟื้นคืนสภาพเดิมได฾ โดยมีความสัมพันธ์ระหว฽าง สิ่งแวดล฾อม สังคม เศรษฐกิจ ภายใต฾กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ เพ่ือให฾มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย฽างย่ังยืน ดังภาพท่ี 1.4 สังคม สขุ ภาพ สงิ่ แวดล้อม การพฒั นาอย่าง ความยุตธิ รรม ย่งั ยนื ประสทิ ธภิ าพ เศรษฐกิจ ภาพที่ 1.4 ความสัมพนั ธข์ องการพฒั นาอย฽างยั่งยืน บทสรปุ สิง่ แวดลอ฾ ม คอื ทุกส่ิงที่อยูร฽ อบตวั เรา แบ฽งออกเปน็ สิง่ แวดล฾อมท่ีเกิดขน้ึ เองตามธรรมชาติและ สิ่งแวดล฾อมที่มนุษย์สร฾างข้ึน โดยส่ิงแวดล฾อมสามารถแบ฽งออกได฾เป็น 4 มิติ ได฾แก฽ มิติทางทรัพยากร มติ ิทางเทคโนโลยี มติ ขิ องเสียและมลพษิ สิง่ แวดล฾อม และมิติมนุษย์ ส฽วนทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง ส่ิงใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซ่ึงมนุษย์นําไปใช฾สนองความต฾องการได฾ ศาสตร์ทางส่ิงแวดล฾อม ขาดไม฽ได฾ท่ีจะต฾องศึกษาศาสตร์ด฾านนิเวศวิทยาและระบบนิเวศ และศาสตร์การอนุรักษ์ท่ีเป็นหัวใจ สําคัญเพื่อสร฾างจิตสํานึกแก฽มนุษย์ มนุษย์มีความจําเป็นท่ีจะต฾องเรียนรู฾ระบบส่ิงแวดล฾อมและระบบ นเิ วศตลอดจนแนวทางการอนุรักษ์เพ่อื การจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล฾อมที่เป็นทรัพยากร พน้ื ฐานของการพฒั นาประเทศใหด฾ าํ รงอยู฽อยา฽ งย่ังยนื รายวิชาทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล฾อมเพ่ือชีวิต GESC1104

กิจกรรมท่ี 1 สิง่ แวดลอ้ มและการอนรุ กั ษ์ 1. หลกั การ การศึกษาเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล฾อม จะเก่ียวกับสิ่งต฽างๆท้ังทางธรรมชาติและ สังคมทอ่ี ยู฽รอบๆมนุษย์ท้ังที่ดีและไม฽ดี ซ่ึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการกระทําของมนุษย์ และ ส฽งผลกระทบต฽อการเปล่ียนแปลงของสภาพแวดล฾อมหรือระบบนิเวศและจะส฽งผลกระทบต฽อสุขภาพ ชีวิตของมนุษย์ ดังนั้นผู฾ที่ศึกษาจะต฾องทําความเข฾าใจเบื้องต฾นเกี่ยวกับความหมายและหลักการสําคัญ ของคําต฽อไปน้ี ส่ิงแวดล฾อม มิติสิ่งแวดล฾อม ระบบนิเวศ การอนุรักษ์และการพัฒนาที่ย่ังยืน เพ่ือเป็น ฐานในการศกึ ษาต฽อไป 2. จดุ ประสงค์ 2.1 เพ่ือให฾เข฾าใจความหมายของคําต฽อไปน้ี สิ่งแวดล฾อม มิติสง่ิ แวดล฾อม ระบบนเิ วศ การอนุรกั ษ์ และการพัฒนาท่ียงั่ ยืน 2.2 เพื่อใหส฾ รา฾ งผังความคิด (Mind Mapping) ของความสมั พนั ธ์ในระบบนิเวศที่ศึกษา 3. วิธีปฏิบัตกิ จิ กรรม 3.1 ศกึ ษาจากเอกสาร 3.2 แบ฽งกลมุ฽ นักศึกษาสํารวจระบบนิเวศในมหาวิทยาลัยและเลอื กระบบนเิ วศท่ีต฾องการมา 1 ระบบ 3.3 วาดภาพจําลองบริเวณที่ต฾องการศกึ ษา 3.4 สร฾างผงั ความคดิ เกยี่ วกับระบบนิเวศที่ศึกษามาได฾ 4. ผลการศกึ ษา 4.1 วาดภาพจําลองระบบนเิ วศท่ตี ฾องการศกึ ษา รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล฾อมเพื่อชวี ิต GESC1104

4.2 สร฾างผงั ความคิดเกี่ยวกับระบบนเิ วศทต่ี ฾องการศึกษา 4.3 หน฾าท่ขี องสรรพส่งิ ในระบบนเิ วศ ระบบที่ศึกษา ผผู้ ลติ ผูบ้ รโิ ภค ผ้ยู อ่ ยสลาย ผ้สู นบั สนนุ สรปุ ผลการศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… รายวชิ าทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล฾อมเพ่ือชีวติ GESC1104

5. คาถาม 5.1 มติ สิ ง่ิ แวดล฾อม มคี วามสัมพนั ธก์ ันอย฽างไร จงอธบิ าย และยกตัวอย฽างให฾ชัดเจน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5.2 จงเขียนและยกตวั อยา฽ ง เรอ่ื ง คนกบั การอนุรักษ์ มา 1 เรอื่ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เอกสารอ้างองิ กรมส฽งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล฾อม. (2537). พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อม แหง่ ชาติ พ.ศ.2535 และกฎหมายท่ีเกย่ี วข้อง. กรงุ เทพมหานคร: ชวนพิมพ์. เกษม จันทร์แก฾ว. (2547). ความสาคัญที่ต้องศึกษาสิ่งแวดล้อมและมิติส่ิงแวดล้อม. หน่วยที่ 1. เอกสารการสอนชุดวิชา พื้นฐานความร฾ูสิ่งแวดล฾อม เล฽มท่ี 1 : หน฽วยที่ 1 -7. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาส฽งเสริมการเกษตรและสหกรณ์. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. ____________. (2558). วิทยาศาสตรส์ ่ิงแวดลอ้ ม. กรุงเทพมหานคร: อักษรสยามการพิมพ์. King, L., and McCarthy, D. (2009). Environmental Sociology: From Analysis to Action. New York: Rowman & Littlefield. Nebel, B. J. and Wright, R. T. (2001). Environmental Science: The Way the World Works. New Jersey: Prentice Hall. Singh, Y. K. (2006). Environmental Science. New Delhi: New Age International. รายวิชาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล฾อมเพ่ือชวี ิต GESC1104

บทท่ี 2 ปญั หาสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันสิ่งแวดล฾อมของโลกกําลังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยขึ้นอยู฽กับปัจจัย 2 ประเภทใหญ฽ ๆ ได฾แก฽ การเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ เช฽น การเกิดแผ฽นดินไหว สึนามิ พายุเฮอริเคน ภูเขาไฟระเบิด และการสูญพันธ์ุของสิ่งที่มีชีวิตที่ไม฽สามารถปรับตัวให฾เข฾ากับสิ่งแวดล฾อม และการ พัฒนาของมนุษย์ซ่ึงมีผลทําให฾เกิดการสูญเสียทรัพยากร สภาพส่ิงแวดล฾อมเสื่อมโทรมเกิดมลพิษ การ เปล่ียนแปลงทางคุณภาพสง่ิ แวดล฾อมส฽งผลใหเ฾ กิดวฤิ ตสงิ่ แวดล฾อมของโลก โดยเฉพาะ ภาวะโลกร฾อนซึ่ง สง฽ ผลกระทบต฽อสถานการณแ์ ละแนวโนม฾ ของทรพั ยากรธรรมชาติต฽าง ๆ เช฽น ปุาไม฾ พลังงาน แหล฽งนํ้า ทรัพยากรดิน และอน่ื ๆ วิกฤตสงิ่ แวดลอ้ ม วิกฤตสิ่งแวดล฾อม (Environmental crisis) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล฾อมซึ่ง เกิดข้ึนโดยไม฽เป็นไปตามปกติหรือธรรมชาติอันส฽งผลให฾เกิดปัญหาสิ่งแวดล฾อมต฽างๆ ตามมาเกินกว฽า สมรรถนะทจ่ี ะพึงมีได฾ของสิ่งแวดล฾อม โดยสาเหตุของวิกฤตส่งิ แวดลอ฾ ม มีดงั น้ี 1. การเพิ่มของประชากรอย฽างรวดเร็ว มีผลทําให฾ความต฾องการปัจจัยขั้นพ้ืนฐานใน การดํารงชีวิตเพมิ่ ขนึ้ จึงต฾องดัดแปลงและนําเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช฾เพ่ิมข้ึนมีผลทําให฾สิ่งแวดล฾อม เปลี่ยนแปลงและนาํ ไปสู฽ความเสือ่ มโทรมของสภาพแวดล฾อมโดยทั่วไป 2. ความเจรญิ กา฾ วหนา฾ ทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี การขยายตัวของเศรษฐกิจ และ ความก฾าวหน฾าทางด฾านเทคโนโลยีเป็นเหตุทําให฾มาตรฐานในการดํารงชีวิตสูงตามไปด฾วย นักวิชาการ สิ่งแวดล฾อมต฽างมีความเห็นตรงกับคํากล฽าวที่ว฽า มนุษย์น้ันเป็นตัวการสําคัญท่ีสุดในการทําลาย สิ่งแวดลอ฾ ม โดยมเี ทคโนโลยเี ปน็ ตัวเร฽งเพือ่ สนองความตอ฾ งการของมนษุ ย์ 3. การเมือง เพราะนโยบายการเมืองแต฽ละรัฐบาลจะไม฽เหมือนกัน ถ฾าหากมีการ เปลี่ยนแปลงบ฽อย ๆจะส฽งผลใหโ฾ ครงการพฒั นาตา฽ ง ๆ มกี ารเปลี่ยนแปลงได฾ นอกจากนี้หากการขัดแย฾ง ทางการเมืองรนุ แรงถึงขัน้ ต฾องใช฾กาํ ลังเข฾าประหัตประหารกันก็ย฽อมทาํ ใหเ฾ กดิ การทาํ ลายสง่ิ แวดล฾อม 4. พฤติกรรมการใช฾ทรัพยากรไม฽เหมาะสม พฤติกรรมดังกล฽าวดําเนินการต฽อเนื่อง จากความเคยชิน การตอ฾ งการความสะดวกสบาย แนวทางการบริโภคทรัพยากรที่ผิดวิธี จนในบางครั้ง ก฽อให฾เกิดพฤติกรรมและค฽านิยมที่ไม฽เหมาะสม เช฽น ค฽านิยมบริโภคผลิตภัณฑ์รูปแบบสวยงามท่ีจัดทํา ด฾วยโฟม การใช฾สารเคมีบางชนิดในการผลิตเครอื่ งสําอาง การบรโิ ภคอาหารประเภทยา฽ งสสี ดใส รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล฾อมเพ่ือชวี ติ GESC1104

5. อุบัติเหตุและภัยทางธรรมชาติ การอยู฽รวมกันของชุมชนจํานวนมากโอกาสท่ีจะ เกิด อุบัติเหตุซึ่งอาจจะเกิดจากความประมาท ความรู฾เท฽าไม฽ถึงการณ์ ผลก็คือทําให฾เกิดการสูญเสีย ทรัพยากรได฾ ตัวอยา฽ งเช฽น กรณอี ุบตั ิเหตุจากการระเบิดของโรงอบลําไย ที่จังหวัดเชียงใหม฽ ซึ่งเกิดจาก สารเคมีโพแทสเซียมคลอเรต ผลก็คือสารเคมีตกค฾างในส่ิงแวดล฾อม ในกรณีของภัยธรรมชาติ เช฽น แผน฽ ดินไหว ไฟไหมป฾ าุ อุทกภัย เป็นต฾น จากสาเหตทุ ที่ ําใหเ฾ กิดวิกฤตของสงิ่ แวดล฾อม ผลทตี่ ามมามีดังนี้ 1. สิ่งแวดล฾อมถูกทําลาย ผลก็คือทรัพยากรธรรมชาติหมดส้ินไป หรือ ไม฽สามารถ เอื้ออํานวยประโยชน์ได฾อย฽างยั่งยืน เช฽น พ้ืนท่ีปุาไม฾ลดลง ซ่ึงปุาไม฾เป็นแหล฽งกําเนิดของสรรพส่ิง ท้งั หลายบนโลก ดังนน้ั แหลง฽ วัตถดุ บิ ของโลกก็อาจจะหมดสน้ิ 2. ส่ิงแวดล฾อมเป็นพิษ เกิดการสะสมของสารพิษในสิ่งแวดล฾อม เช฽น น้ํา อากาศ ก฽อให฾เกิดมลพิษต฽างๆ ตามมา เช฽น มลพิษทางดิน มลพิษทางน้ํา มลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง และของเสียอนั ตราย เป็นต฾น 3. ปัญหาสง่ิ แวดล฾อมระดับโลก เพราะปัญหาส่ิงแวดล฾อมเกิดที่ใดก็จะส฽งผลกระทบ ต฽อกันเป็นลูกโซ฽ และกลายเป็นปัญหาส่ิงแวดล฾อมระดับโลก กลายเป็นวิกฤติส่ิงแวดล฾อมโลก เช฽น ปัญหาการลดลงของโอโซนในชั้นบรรยากาศ ภาวะโลกร฾อน และปัญหาสารพิษตกค฾างในสิ่งแวดล฾อม โดยสรปุ ไดด฾ งั ภาพที่ 2.1 ความเจริญก฾าวหน฾า การเพิ่มประชากรอย฽างรวดเร็ว พฤติกรรมการใช฾ ทางเศรษฐกจิ และเทคโนโลยี วกิ ฤตสิง่ แวดลอ้ ม ทรพั ยากรทไี่ ม฽เหมาะสม การเมือง อุบตั เิ หตุและภัย ธรรมชาติ สิ่งแวดล฾อมเส่อื มโทรม สงิ่ แวดล฾อมเปน็ พิษ ปญั หาส่ิงแวดลอ฾ มระดบั โลก ภาพที่ 2.1 สาเหตุและผลของวิกฤติส่ิงแวดลอ฾ ม รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล฾อมเพื่อชีวิต GESC1104

ประเดน็ ปญั หาส่งิ แวดลอ้ มที่สาคัญ ปัญหาส่ิงแวดล฾อมมีความหลากหลายและซับซ฾อน ซ่ึงนับวันจะทวีความรุนแรงและเกิดข้ึน บ฽อยในท่ัวทุกทวีปของโลก การจะแบ฽งว฽าเป็นประเด็นปัญหาสิ่งแวดล฾อมประเภทใดขึ้นอย฽ูกับเกณฑ์ท่ี จะใช฾ในการพิจารณา ดังตัวอย฽างเช฽น การเกิดปัญหาฝุนละอองขนาดเส฾นผ฽านศูนย์กลางเล็กกว฽า 10 ไมครอน เกินค฽ามาตรฐานในบริเวณเส฾นทางการจราจรย฽านหมอชิตใหม฽ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ก็จัดเป็นปัญหาสิ่งแวดล฾อมทางด฾านกายภาพ ขณะเดียวกันถ฾าฝุนละอองจํานวนมาก นี้ปกปิดใบพืชจนทําให฾พื้นท่ีใบ ท่ีใช฾ในการสังเคราะห์ด฾วยแสงของพืชลดลง พืชขาดการเจริญเติบ และตายกจ็ ะกลายเปน็ ปญั หาสิง่ แวดล฾อมทางด฾านชีวภาพตามมา และในทํานองเดียวกัน ถ฾าฝุนจํานวน มากน้ีส฽งผลให฾เด็กและคนชราปุวยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจเพ่ิมขึ้น จะส฽งผลต฽อคุณภาพชีวิตของ คนบรเิ วณนั้นกจ็ ะกลายเปน็ ปญั หาสิ่งแวดลอ฾ มทางด฾านคุณภาพชีวติ เปน็ ตน฾ นอกจากน้ีแล฾วปัญหาสิ่งแวดล฾อม ถ฾ากําหนดโดยขอบเขตของพ้ืนท่ี ซึ่งจะแบ฽งได฾เป็นปัญหา ส่ิงแวดล฾อมระดับท฾องถ่ินหรือชุมชน เช฽น ปัญหาขยะตกค฾างในชุมชนนครหลวง ปัญหาส่ิงแวดล฾อม ระดับภูมิภาค เช฽น ปัญหาภัยแล฾งในพ้ืนท่ีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหาไฟปุาของประเทศ อินโดนีเซีย ปัญหาภูเขาไฟระเบิดท่ีไอซ์แลนด์ และปัญหาสิ่งแวดล฾อมระดับโลก ซ่ึงเป็นปัญหาท่ีส฽งผล กระทบต฽อระบบนิเวศท่วั โลก เช฽น การเปลี่ยนแปลงสภาพภมู อิ ากาศของโลก ถึงแม฾จะแบ฽งปัญหาส่ิงแวดล฾อมด฾วยเกณฑ์อย฽างไรก็ตาม ไม฽ว฽าจะเกิดปัญหาส่ิงแวดล฾อมที่ใดก็ ตามจะส฽งผลกระทบตอ฽ กนั เป็นลกู โซ฽ และกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล฾อมระดับโลกท่ีทุกภาคส฽วนของโลก ตอ฾ งรว฽ มมอื แกไ฾ ขอยา฽ งจริงจงั โลกนับเป็นระบบนิเวศที่มีขนาดใหญ฽ สิ่งแวดล฾อมทุกอย฽างที่อย฽ูบนโลกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว สามารถเช่ือมโยงถึงกันได฾ตลอดเวลาในโลกปัจจุบัน เมื่อเกิดปัญหาส่ิงแวดล฾อมที่ซีกโลกหนึ่ง ก็ส฽งผล กระทบต฽อไปยังอีกซีกโลกหนึ่งได฾ ปัญหาสิ่งแวดล฾อมมากมายก฽อให฾เกิดการท฾าทายแก฽มนุษย์ ประเด็น ปัญหาสิ่งแวดล฾อมท่ีสําคัญ เช฽น การลดลงของโอโซนในช้ันบรรยากาศ โลกร฾อน หรือ ปรากฏการณ์ เรอื นกระจก 1. การลดลงของโอโซนในช้ันบรรยากาศ โอโซน คือ สารที่ประกอบด฾วยออกซิเจน 3 อะตอม มีสูตรทางเคมีว฽า O3 สถานะปกติ เป็นแก฿สไม฽มีสี มีจุดเดือด ประมาณ –111.9 องศาเซลเซียส พบน฾อยมากในบรรยากาศท่ีใกล฾ผิวโลก เพียง 0.02 ไมโครลิตรต฽อลิตร ช้ันบรรยากาศที่พบว฽ามีปริมาณแก฿สโอโซนมากที่สุด จะอย฽ูท่ีระดับ ความสูง 15 – 35 กิโลเมตรจากผิวโลก และโอโซนมีความเข฾มข฾นมากท่ีสุดที่ระดับความสูง ราว 25 กิโลเมตรจากผิวโลก ซ่ึงความเข฾มข฾นในบรรยากาศน้ีจะไม฽เกิน 10 ไมโครลิตรต฽อลิตร รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ฾ มเพ่ือชีวิต GESC1104

ถ฾าแก฿สโอโซนในบรรยากาศช้ันนี้ถูกอัดแน฽นเข฾าด฾วยกันที่ความดันของระดับน้ําทะเล ณ อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ช้ันของโอโซนจะมีความหนาเพียง 3 มิลลิเมตรเท฽านั้นท่ีห฽อห฾ุมโลกโดยรอบ ซ่ึงเรา เรยี กบรรยากาศชัน้ นว้ี า฽ สตราโทสเฟยี ร์ หรอื บรรยากาศช้ันโอโซน 1.1 การเกดิ ของโอโซนในบรรยากาศ แสงแดดท่ีส฽องมายังโลกทะลุผ฽านช้ันบรรยากาศที่ห฽อห฾ุมโลกไว฾ และเม่ือผ฽านเข฾า มาถึงชั้นบรรยากาศสตราโทสเฟียร์ ซ่ึงจะเต็มไปด฾วยโอโซนและออกซิเจน ออกซิเจนจะดูดซับรังสี อัลตราไวโอเลตคลื่นส้ันที่ความยาวคล่ืน 200 – 280 นาโนเมตร(UVC) ซึ่งพลังงานของรังสี อัลตราไวโอเลต ซี จะสามารถแยกโมเลกุลของออกซิเจนที่มี 2 อะตอม (O2) ออกเป็นออกซิเจน อะตอมเด่ยี ว (O) และออกซิเจนอะตอมเด่ยี วจะรวมตัวกับออกซเิ จนทีม่ ี 2 อะตอม กลายเป็นโอโซนที่มี ออกซิเจน 3 อะตอม (O3) ขบวนการดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลต ซี จนเกิดการแยกตัวของโมเลกุลของ ออกซิเจนเป็นอะตอมเดี่ยวและรวมตัวใหม฽ เป็นโมเลกุลโอโซนจะเกิดข้ึนอย฽างต฽อเนื่องตลอดเวลาใน บรรยากาศชน้ั สตราโทสเฟยี ร์ ขณะเดียวกันโอโซนประกอบด฾วยออกซิเจน 3 อะตอม สามารถดูดซับรังสี อัลตราไวโอเลตที่ช฽วงความยาวคล่ืน 280 - 320 นาโนเมตร (UVB) ทําให฾โมเลกุลโอโซนถูกแยก ออกเป็น ออกซิเจน 2 อะตอม และออกซิเจนอะตอมเดี่ยว ซึ่งออกซิเจนอะตอมเดี่ยวน้ีสามารถรวมกับ ออกเจน 2 อะตอมอืน่ และกลบั เปน็ โอโซนไดอ฾ ีก ภาวการณ์แยกและการรวมตัวของออกซิเจนเป็นโมเลกุลท่ีมีจํานวนอะตอมของ ออกซิเจนท่ีระดับต฽าง ๆ กันน้ัน อยู฽ในภาวะสมดุลเมื่อมีแสงอาทิตย์ส฽องมาชั้นบรรยากาศ สตราโทสเฟียร์ อันเป็นท่ีเกิดและคงอย฽ขู องชน้ั โอโซนในบรรยากาศ ดังภาพท่ี 2.2 O2 + UVC O+O O + O2 O3 O + O3 O2 + O2 O3 + UAB O + O3 ภาพที่ 2.2 ปฏกิ ริ ยิ าทเ่ี กดิ ขึน้ กบั ออกซเิ จนและโอโซนในบรรยากาศช้นั สตาโตสเฟยี ร์ (ท่มี า: Wright. 2005: 565-566) รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล฾อมเพ่ือชีวิต GESC1104

1.2 การทาลายโอโซน เป็นท่ียอมรับกันอย฽างแพร฽หลายแล฾วว฽าการลดลงของช้ันโอโซนในช้ันบรรยากาศ สาเหตุหลักเกิดจากถูกทําลายโดยสารประกอบพวกคลอโรฟลูออโรคาร์บอนท่ีมนุษย์ใช฾ใน รูปแบบต฽างๆ กัน เช฽น ใช฾ในการทําโฟมบรรจุอาหาร ใช฾เป็นสารทําความเย็นในต฾ูเย็นและ เครื่องปรับอากาศ ใช฾เป็นฉนวนกันความร฾อนในอาคาร ใช฾เป็นตัวทําละลายในการทําความสะอาด วงจรไฟฟูาและอื่นๆ ซึ่งสารซีเอฟซีเป็นสารที่สลายตัวได฾ยาก ไม฽ถูกทําลายในบรรยากาศชั้น โทรโปรสเฟียร์ และสามารถเข฾าส฽ูบรรยากาศช้ันสตราโทสเฟียร์อย฽างต฽อเน่ืองยาวนานไม฽น฾อยกว฽า 8 - 12 ปี ขณะทเี่ ดินทางอย฽ูนั้นถ฾ากระทบรังสีอัลตราไวโอเลตจะปลดปล฽อยอะตอมคลอรีน (Cl) อิสระ ออกมาและอะตอมคลอรีนอิสระน้ีจะทําปฏิกิริยากับโอโซนกลายเป็นออกซิเจน 2 อะตอม(O2) และ คลอรีนมอโนออกไซด์ (CIO) ซึ่งคลอรีนมอโนออกไซด์จะทําปฏิกิริยากับอะตอมของออกซิเจนเกิดเป็น คลอรีนและออกซิเจน 2 อะตอม คลอรีนตัวเดิมน้ีจะหลุดออกมาทําลายโอโซนต฽อไปอีก เท฽ากับว฽า คลอรีนเป็นตัวเร฽งปฏิกิริยาทําให฾โอโซนแตกตัวโดยตัวคลอรีนเองไม฽เปล่ียนแปลง ดังนั้น อะตอมของ คลอรนี เพียงอะตอมเดียวสามารถทําลายโมเลกุลโอโซนได฾เป็นแสนหรือมากกว฽าก฽อนจะหมดความไวที่ จะทําปฏิกิริยา ซ่ึงความไวของคลอรีนจะลดลงเม่ือคลอรีนทําปฏิกิริยากับสารอ่ืนเช฽น แก฿สมีเทน เกิด เป็นแกส฿ ไฮโดรเจนคลอไรด์ สว฽ นคลอรนี มอโนออกไซด์ จะหมดความไวเมื่อทําปฏิกิริยากับออกไซด์ของ ไนโตรเจนได฾สารประกอบคลอรนี ไนเตรต ซง่ึ แก฿สไฮโดรเจนคลอไรด์ และสารประกอบคลอรีนไนเตรต เปรียบเสมือนเป็นแหล฽งกักเก็บคลอรีนไว฾ชั่วคราวในบรรยากาศ เม่ือได฾รับแสงแดดจะปลดปล฽อย คลอรนี ออกมาอีกและขบวนการทําลายโอโซนก็จะเกิดข้ึนซํ้าแล฾วซํ้าอีกซึ่งเป็นขบวนการสําคัญที่ทําให฾ เกดิ \"รโู อโซน\" ดงั ภาพท่ี 2.3 CFCl CF + Cl สารซเี อฟซี Cl + O3 ClO + O2 O3 + O 2O2 ClO + O Cl + O2 Cl + O2 ภาพท่ี 2.3 การทําลายโอโซนโดยสารคลอโรฟลูออโรคารบ์ อน (ที่มา: Wright. 2005: 566) การทําลายโอโซนในปัจจุบันตรวจพบว฽าเป็นผลมาจากการใช฾สารซีเอฟซี ท่ีปล฽อยสู฽ บรรยากาศก฽อนหน฾าน้ี ไมน฽ อ฾ ยกว฽า 15 - 20 ปี และนกั วิทยาศาสตร์เชอ่ื ว฽าสารซีเอฟซีจะทําลายโอโซน สูงสุดในช฽วงใกล฾ปี ค.ศ. 2000 ณ เวลานี้ สารซีเอฟซีอีกเป็นจํานวนมากกําลังเดินทางเข฾าสู฽ช้ัน รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ฾ มเพื่อชวี ิต GESC1104

สตราโทสเฟียร์ และพร฾อมท่ีจะทําลายช้ันโอโซนอย฽ูตลอดเวลา นอกจากนี้มีการสํารวจวิจัยแน฽นอน แล฾วว฽าพบรูโอโซนในบริเวณข้ัวโลกใต฾ในช฽วงเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมของทุกปี อันเป็นผลมา จากการใช฾สารซเี อฟซี และจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกปีถ฾ายังยับยั้งไม฽ได฾ ทั้งน้ีเป็นเพราะบริเวณข้ัวโลก ใต฾มีฤดูหนาวยาวนาน สารซีเอฟซีจะถูกกักเก็บไว฾ในเกล็ดนํ้าแข็ง เม่ือซีกโลกใต฾หมุนเข฾าหาแสงอาทิตย์ ในช฽วงต฾นฤดูใบไม฾ผลิของซีกโลกใต฾ คลอรีนจะถูกปลดปล฽อยออกมาและขบวนการทําลายโอโซนจะ เร่ิมต฾นข้นึ อย฽างต฽อเน่ือง เกดิ เป็นชอ฽ งโหวโ฽ อโซน หรือรโู อโซน ดงั ภาพที่ 2.4 ภาพที่ 2.4 สถานการณโ์ อโซนของแอนตาร์กติกปี ค.ศ. 2014 (ทม่ี า: British Antarctic Survey. Online. 2014 อ฾างถงึ ใน ดวงพร กาซาสบิ. 2559: 17) นอกจากสารซีเอฟซีแล฾วยังมีแก฿สอื่นๆ เช฽น ออกไซด์ของไนโตรเจน มีเทน ซึ่งเกิด จากกิจกรรมต฽างๆ ที่มนุษย์กระทําข้ึน เช฽น จากโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต฽างๆ ที่ปล฽อยออกสู฽ บรรยากาศแลว฾ ทาํ ลายโอโซนอย฽างต฽อเน่ืองตลอดเวลาจนเป็นช฽องโหว฽ ทําให฾รังสีอัลตราไวโอเล็ตท่ีเป็น อนั ตรายต฽อสิ่งมีชีวติ สอ฽ งถงึ พ้ืนโลกได฾ รายวิชาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ฾ มเพ่ือชีวิต GESC1104

1.3 ผลกระทบทีเ่ กิดจากโอโซนถกู ทาลาย โอโซนปริมาณเพียงเล็กน฾อย แต฽มีความสําคัญมากต฽อส่ิงมีชีวิต ทั้งนี้เพราะ โอโซนมี บทบาทสําคัญมากในการดูดซับรังสีอัลตราไวโอเล็ตบีได฾ร฾อยละ 70-80 ถ฾าขาดโอโซนในชั้นสตราโทส เฟียร์จะทําให฾รังสีอัลตราไวโอเล็ตทะลุผ฽านมายังผิวโลกได฾ ซ่ึงจะเป็นอันตรายต฽อสิ่งมีชีวิต และส฽ง ผลกระทบดงั นี้ 1.3.1 ผลกระทบต฽อสขุ ภาพ 1) ทําให฾เกิดการผิดปกติท่ีผิวหนัง ในระยะส้ัน ผิวหนังไหม฾เกรียม (Sum Burn) และหากไดร฾ บั แสงอาทิตยร์ ฾อนแรงในระยะเวลานาน 9 - 12 ช่ัวโมง จะร฾ูสึกคัน อาจพอง เปน็ ตมุ฽ เล็ก มีน้าํ ใส ปวด ผวิ หนังอกั เสบติดเชื้อ หรอื อาจเปน็ เนื้องอก โรคมะเร็งผิวหนัง 2) ทําลายโปรตีน ดเี อน็ เอ ซง่ึ อาจมผี ลทางดา฾ นพันธกุ รรม 3) อันตรายตอ฽ ดวงตาเพ่ิมขน้ึ ท้ังนเี้ พราะดวงตามคี วามไวต฽อการรับ แสง การที่ดวงตาไดร฾ ับรงั สีในปริมาณมากและซํ้า ๆ จะทําลายกระจกตา แก฾วตา และเย้ือช้ันในสุดของ ลูกตาได฾ นอกจากนแี้ ล฾วโอโซนยังทําหน฾าท่ีในการรักษาสมดุลของอุณหภูมิที่ผิวโลกไว฾ โดยช฽วยดูดซับรังสีอินฟราเรตท่ีสะท฾อนจากผิวโลกไว฾ทําให฾อุณหภูมิที่ผิวโลกอ฽ุนข้ึนเหมาะกับ การดํารงชีวิตของส่ิงมีชีวิตบนโลก อีกท้ังยังเป็นแก฿สที่ปูองกันการเกิดภาวะเรือนกระจก ดังน้ัน การเปลย่ี นแปลงความเข฾มขน฾ ของโอโซนทกุ ระดับความสงู จะมีผลตอ฽ สงิ่ มชี ีวติ บนโลกทงั้ สนิ้ 1.3.2 ผลกระต฽อการเกษตรกรรม รังสีอัลตราไวโอเลต ไปทาํ ใหก฾ ารเจริญเติบโตของพืชท่ีปลูกขึ้นช฾าลง และจะ ไปทําลายฮอร์โมน และคลอโรฟิลส์ ทําให฾การสังเคราะห์ด฾วยแสงของพืชลดลง พืชโตช฾า ผสมเกสรไม฽ ตดิ และทําให฾ผลผลิตลดลงได฾ 1.3.3 ผลกระทบต฽อระบบนิเวศแหล฽งน้าํ รังสีอัลตราไวโอเลตจะส฽องผ฽านทะลุผิวนํ้า และทําลายสาหร฽ายเซลล์เดียวใน แหลง฽ น้ํา ทาํ ให฾ปลาทก่ี นิ สาหร฽ายเปน็ อาหารลดปริมาณ และแพลงก์ตอน สัตว์ขนาดเล็กๆ ก็จะตาย ซ่ึง จะเปน็ การทาํ ลายหว฽ งโซ฽อาหาร 1.3.4 ผลกระทบตอ฽ วสั ดุ รังสอี ัลตราไวโอเลตส฽งผลกระทบต฽อวัสดุต฽างๆ ทําให฾เส่ือมสภาพเร็วขึ้น เช฽น สีทาบ฾านจะซีดเร็วขนึ้ พลาสติกหรอื วสั ดสุ ังเคราะห์ เชน฽ ท฽อพวี ซี ีแตกและเปราะได฾ง฽ายยิง่ ข้ึน รายวิชาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ฾ มเพื่อชวี ติ GESC1104

1.3.5 ผลกระทบตอ฽ การเปลยี่ นแปลงอณุ หภูมิของผวิ โลก รังสีอัลตราไวโอเลตที่ส฽องผ฽านมายังโลกเพิ่มมากข้ึน ขณะเดียวกันการเกิด โอโซนในชั้นโทรโฟสเฟียร์ จะดูดซับรังสีไว฾ทําให฾อุณหภูมิของโลกโดยเฉล่ียเพิ่มสูงขึ้น ฤดูกาล เปลี่ยนแปลงไปและมีผลต฽อความหลากหลายทางชีวภาพของสง่ิ มีชีวิตลดลง 2. โลกร้อนหรือปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse effect) ความน฽าสะพรึงกลัวกําลังคืบคลานเข฾าหามวลมนุษยชาติ อย฽างไม฽หยุดยั้ง และนับวันจะทวี ความรุนแรงย่ิงข้ึน ธารนํ้าแข็งในเขตหนาวรวมท้ังหิมะบนยอดเขาท่ัวโลกกําลังหลอมละลาย การเกิด คล่ืนความร฾อนแผ฽กระจายออกไปทั่วในฤดูร฾อนปี 2003 ยุโรปกําลังเผชิญกับคล่ืนความร฾อนกําลังแรง ซ่ึงคร฽าชีวิตผู฾คนไปถึง 35,000 คน ทะเลสาบและแม฽นํ้าแข็งตัวช฾าลงทุกปี ภัยแล฾งแพร฽กระจายไปทั่ว ทุกพื้นท่ี และเกิดภัยพิบัติธรรมชาติไปท่ัวโลก ไม฽ว฽าจะเป็น วาตภัย อุทกภัย และภัยธรรมชาติใน รูปแบบอื่น ๆ ถ่ีขึ้น เกิดการอพยพย฾ายถิ่นของสัตว์นานาชนิดข้ึนสู฽พ้ืนที่สูงหรือบริเวณขั้วโลก เกิดโรค ระบาด และเชื้อโรคต฽าง ๆ แพร฽กระจายเป็นจํานวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการเปล่ียนแปลงของช้ัน บรรยากาศของโลกท่ีหนาขึ้น เน่ืองจากแก฿สคาร์บอนไดออกไซด์และแก฿สเรือนกระจกอื่น ๆ ท่ีมนุษย์ เป็นผ฾ูก฽อขึ้น ชั้นบรรยากาศที่หนาข้ึนน้ีจะเก็บกักความร฾อนเอาไว฾ ผลท่ีตามมาคืออุณหภูมิของ บรรยากาศโลก และมหาสมทุ รสูงขนึ้ จนอยูใ฽ นระดับอันตราย คณะกรรมการนานาชาติด฾านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเมินว฽าในศตวรรษที่ 21 นี้ อุณหภมู เิ ฉลีย่ บนผวิ โลกจะเพ่ิมข฾น 1.4-6.4 องศาเซลเซียส สูงกว฽าที่ประมาณการไว฾เมื่อ 5 ปีก฽อนถึง รอ฾ ยละ 50 จากขอ฾ มลู ในอดตี บ฽งชวี้ ฽าอุณหภมู ิทสี่ ูงข้ึนขนาดนี้อาจทาํ ใหร฾ ะบบนเิ วศเปล่ยี นแปลงคร้ังใหญ฽ เน่ืองจากอุณหภมู ิทสี่ งู ขนึ้ เพียง 5 องศาเซลเซียส ได฾ทําใหย฾ คุ นํา้ แข็งคร้ังล฽าสดุ สนิ้ สดุ มาแลว฾ 2.1 ปรากฏการณ์เรือนกระจก เมื่อพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่แผ฽เข฾าสู฽ชั้นบรรยากาศในรูปคล่ืนแสง เมฆ ฝุน และ พ้ืนผิว โดยเฉพาะพื้นผิวท่ีสว฽าง เช฽น น้ําแข็ง จะเป็นตัวสะท฾อนและกระจายรังสีดวงอาทิตย์กลับสู฽ อวกาศประมาณ ร฾อยละ 30 เมฆและไอน้ําในช้ันบรรยากาศจะดูดซับรังสีดวงอาทิตย์ไว฾ประมาณร฾อย ละ 20 และพ้ืนดินปุาไม฾ มหาสมุทร รวมทั้งส฽วนต฽าง ๆ บนพ้ืนผิวโลกจะดูดซับรังสีดวงอาทิตย์ไว฾อีก เกือบร฾อยละ 50 (ธารา บัวคําศรี, 2550, หน฾า 70) ซ่ึงในภาวะปกติ รังสีอินฟาเรดท่ีถูกแผ฽ออกไป บางส฽วนจะถกู ชัน้ บรรยากาศของโลกเกบ็ กักไว฾ตามธรรมชาติ ท่ีชั้นโทรโปสเฟียร์ซึ่งเป็นบรรยากาศช้ัน ลา฽ ง และจะมแี ก฿สเรอื นกระจกสะสมตัวอย฽ูซง่ึ ชว฽ ยใหอ฾ ุณหภมู ขิ องโลกอย฽ูในระดับพอเหมาะ แต฽เมื่อเราเพิ่มแก฿สเรือนกระจกเข฾าไปมากขึ้น แก฿สเรือนกระจกปริมาณมากท่ีสะสม อย฽ูในช้ันบรรยากาศของโลกจะไปลดความสามารถของแก฿สชนิดอื่น ๆ ที่อยู฽ในช้ันบรรยากาศ ในการ รายวิชาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล฾อมเพื่อชวี ิต GESC1104

แผ฽รังสีความร฾อนออกไปสู฽อวกาศ ส฽งผลให฾ช้ันบรรยากาศในช้ันโทรโพสเฟียร์มีอุณหภูมิเพ่ิมสูงข้ึน ขบวนการท่ีแก฿สเรือนกระจกเก็บกักความร฾อนไว฾ในลักษณะน้ีเรียกว฽า เรียกว฽า ปรากฏการณ์เรือน กระจก ดังภาพที่ 2.5 ภาพท่ี 2.5 การเกิดปรากฎการณเ์ รอื นกระจก (ที่มา: World Wide Fund for Nature Australia. Online. 2016) ตามทฤษฎีปรากฏการณ์เรือนกระจกนี้ นักวิทยาศาสตร์ได฾เปรียบเทียบโลกเหมือน เรือนเพาะชําที่มีกระจกอย฽ูทุกด฾าน ความโปร฽งใสของกระจกท่ีอยู฽รอบ ๆ ทําให฾แสงแดดสามารถส฽อง ผ฽านเข฾าไปในเรือนกระจกได฾ แต฽ความร฾อนที่เกิดจากแสงแดดน้ันถูกแผ฽นกระจกที่เป็นฉนวนก้ันความ ร฾อนให฾อย฽ูในเรือนเพาะชํานั้น ไม฽สามารถระบายไปท่ีอื่นได฾ สภาวะอากาศในเรือนเพาะชําจึงมีความ ร฾อนเพม่ิ ขนึ้ เร่อื ยๆ 2.2 แก๊สเรอื นกระจก แก฿สเรือนกระจกในช้ันบรรยากาศของโลกมีประโยชน์ คือ ช฽วยให฾โลกของเราอบอุ฽น ข้ึน แต฽ปัจจบุ ันปริมาณแกส฿ เรือนกระจกเพมิ่ มากข้ึน อันเป็นผลมาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ใช฾เชื้อเพลิง รายวชิ าทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ฾ มเพื่อชีวิต GESC1104

ประเภทฟอสซลิ เช฽น ถ฽านหิน นํ้ามัน เพ่ิมข้ึนเป็นจํานวนมากทําให฾แก฿สเรือนกระจกเหล฽านี้สะสมอยู฽ใน บรรยากาศ และแก฿สเรือนกระจกแต฽ละชนิดมีความสามารถในการก฽อให฾เกิดผลกระทบต฽อสภาพ ภมู ิอากาศต฽างกนั ซ่งึ นักวจิ ัยไดใ฾ ช฾หน฽วยการวัดท่ีเรียกวา฽ “ความสามารถในการเก็บกักความร฾อน” โดย วัดจากผลการเกิดภาวะเรือนกระจกและเวลาการคงอย฽ูในชั้นบรรยากาศ โดยเปรียบเทียบกับค฽า คารบ์ อนไดออกไซด์ ได฾ผลดังตารางที่ 2.1 ตารางท่ี 2.1 แกส฿ เรือนกระจกและศกั ยภาพของการทาํ ให฾เกิดโลกร฾อน ชนิดแกส฿ เรอื นกระจก แหล฽งกาํ เนดิ ผลตอ฽ การเกดิ ความสามารถในการ ระยะเวลา เก็บกักความรอ฾ น ทคี่ งอย฽ูใน ภาวะเรือนกระจก บรรยากาศ เทียบเทา฽ (ร฾อยละ) คาร์บอนไดออกไซด์ (ปี) 50-200 คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) วัฏจักรธรรมชาติ การหายใจ 53 1 การเผาปาุ ถ฽านหนิ นํา้ มนั แก฿สเชือ้ เพลงิ มเี ทน(CH4) พืน้ ทช่ี มุ฽ นํา้ การเผาไหม฾ 17 23-25 10 เชื้อเพลงิ มวลชีวภาพ ไนตรสั ออกไซด์ (N2O) ดิน ปุาเขตร฾อน ป฻ุย การใช฾ 5 200 150 ประโยชน์ทีด่ นิ โอโซนระดบั พนื้ ผวิ (O3) สารไฮโดรคารบ์ อน การเผา 13 2,000 ประมาณ ไหมเ฾ ชื้อเพลงิ มวลชีวภาพ สัปดาห์ คลอโรฟลูออโรคารบ์ อน เคร่ืองทําความเยน็ 12 มากกว฽า 10,000 60-100 (CFC) ละอองอากาศ โรงงานอุตสาหกรรม (ทีม่ า: ดดั แปลงจาก Comeau and Grant. Online. 2016: 4) จากตารางท่ี 2.1 แก฿สมีเทน มีระยะเวลาท่ีคงอย฽ูในบรรยากาศส้ันกว฽าแก฿ส คาร์บอนไดออกไซด์ แต฽มีความสามารถในการเก็บความร฾อนของมีเทนอยู฽ท่ีประมาณ 23 - 25 เท฽า เมื่อเปรียบเทียบกับความสามารถในการเก็บกักความร฾อนของคาร์บอนไดออกไซด์ซ่ึงมีค฽าเป็น 1 ซึ่งเป็นค฽าเทียบเท฽าของคาร์บอนไดออกไซด์และใช฾เป็นการประกอบการพิจารณาการปล฽อยแก฿ส เรือนกระจกเปน็ ภาพรวม เป็นกลุ฽ม หรอื ประเทศ รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล฾อมเพ่ือชวี ติ GESC1104

2.3 การเกดิ ภาวะโลกรอ้ น โลกร฾อน การเปลี่ยนแปลงในระดับโลกอันเป็นผลมาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ปล฽อย แก฿สเรือนกระจกที่สําคัญ คือ คาร์บอนไดออกไซด์สะสมหนาแน฽น อยู฽บริเวณบรรยากาศใกล฾ผิวโลกซึ่ง แก฿สคารบ์ อนไดออกไซดม์ คี วามสามารถคงตัวอยู฽ในบรรยากาศได฾นานถึง 50 - 200 ปี อีกทั้งยังยอมให฾ รังสีอัลตราไวโอเลต และรังสีอินฟราเรดจากดวงอาทิตย์ผ฽านทะลุมายังโลก ในขณะเดียวกันแก฿ส คาร์บอนไดออกไซด์ไม฽ยอมให฾พลังงานความร฾อนท่ีเกิดจากการเปลี่ยนแปลงรังสีทั้งสองชนิดสะท฾อน กลับออกจากโลกเขา฾ สู฽บรรยากาศแตจ฽ ะดดู ซบั พลังงานความรอ฾ นน้ันไว฾ จึงเท฽ากับว฽าโลกเราถูกห฽อห฾ุมไว฾ ด฾วยความร฾อนท่ีแก฿สคาร์บอนไดออกไซด์ดูดซับและสะสมไว฾ จึงทําให฾อุณหภูมิผิวโลกสูงข้ึน เกิดภาวะ โลกร฾อน สาเหตุท่ีแก฿สคาร์บอนไดออกไซด์ ซ่ึงเป็นแก฿สเรือนกระจกท่ีสําคัญท่ีสุดชนิดหน่ึง สะสมอยู฽ในบรรยากาศจํานวนมาก สืบเน่ืองมาจากการเผาไหม฾เชื้อเพลิงพวกฟอสซิล ซ่ึงอัตราการ ปล฽อยแก฿สคาร์บอนไดออกไซด์ของโลกเพิ่มข้ึน ท้ังน้ี การเปลี่ยนแปลงปริมาณการปล฽อยแก฿ส คาร์บอนไดออกไซด์ จะมีความสัมพันธ์กับการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิของโลก โดยปริมาณแก฿ส คาร์บอนไดออกไซดเ์ พ่มิ ขึน้ อุณหภูมขิ องโลกจะเพิม่ ขน้ึ ด฾วย ดงั ภาพที่ 2.6 ภาพที่ 2.6 กราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา฽ งปริมาณแกส฿ คารบ์ อนไดออกไซด์และอุณหภมู ิของโลก (ที่มา : ศนู ย์การเรยี นร฾ูวิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์ (LESA). ออนไลน์. 2559) 2.4 ผลกระทบท่ีเกิดจากโลกรอ้ น หากอุณหภูมโิ ลกรอ฾ นขน้ึ เรอื่ ยๆ สถานการณ์เลวร฾ายที่สุดก็คือ ระดับน้ําทะเลอาจจะ สูงกว฽าปจั จบุ ันมากถงึ 1 เมตร เมืองบรเิ วณชายฝง่ั ทะเลทม่ี ปี ระชากรจาํ นวนมหาศาลจะกลายเป็นเมือง รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล฾อมเพื่อชีวิต GESC1104

บาดาล ท้ังรัฐฟลอริดา แหล฽งอารายธรรมปากแม฽นํ้าไนล์ มัลดีฟส์ บังกลาเทศ พื้นท่ีบางส฽วนของจีน อินโดนีเซีย หรือแม฾กระท่ังประเทศไทยเองก็ตาม จังหวัดท่ีอย฽ูติดชายฝั่งทะเลต้ังแต฽ ตราด ชลบุรี กรุงเทพมหานคร ลงไปจนถึงชายฝั่งทะเล ภาคใต฾ ท้ังหมดจะหายไป โดยเฉพาะเกาะภูเก็ต ผลกระทบ ที่ตามมาคือ การหาทางอพยพผู฾คนจํานวนหลายแสนล฾านคนเพ่ือหนีภัยและแสวงหาถิ่นที่อย฽ูใหม฽ การ เกดิ สภาวการณ์ขาดอาหาร ขาดนา้ํ จืด ผ฾ูคนล฾มตาย เกิดสภาวะเครียด โดยที่รัฐบาลไม฽สามารถควบคุม และแก฾ไขได฾ เกิดความระสํ่าระสายไปทั่วโลก และในไม฽ช฾ามนุษย์ก็จะต฾องเผชิญกับหายนะอันย่ิงใหญ฽ อกี คร้ัง เมอื่ โลกพยายามปรบั ตวั เองเข฾าส฽สู มดลุ ผลกระทบทเ่ี กิดขึน้ จากโลกร฾อนและมหี ลกั ฐานท่ีปรากฏ ให฾เหน็ ได฾แล฾วดังน้ี 1) พายุทรงพลังที่พัดอย฽ูในมหาสมุทรแอตแลนติก และแปซิฟิกท่ีปรากฏถ่ี ข้ึนและมีกําลังแรงข้ึนถึงร฾อยละ50 ทั้งน้ีเป็นผลมาจากอุณหภูมิของน้ําในมหาสมุทรสูงขึ้น ทําให฾ ความเร็วลมสูง ความช้ืนในพายุหนาแน฽นมากขึ้นตามไปด฾วย จนเกินกว฽าระดับการเปล่ียนแปลงที่ เป็นไปตามวัฏจักรทางธรรมชาติ ซ่ึงมีรายงานว฽าเฮอร์ริเคนในระดับ 4 และ 5 ต฽างทวีจํานวนมากข้ึน (NASA. Online. 2016) ดงั ภาพที่ 2.7 ภาพที่ 2.7 เสน฾ ทางของพายุหมุนเขตรอ฾ นทวั่ โลก จากการรวบรวมขอ฾ มูลในช฽วง 150 ปี ทผี่ ฽านมา แตล฽ ะสีแสดงถึงระดบั ความแรงของพายุ (ท่ีมา: NASA. Online. 2016) รายวชิ าทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ฾ มเพ่ือชีวติ GESC1104

2) แผ฽นน้ําแข็งอาร์ติกละลายและลดลงอย฽างรวดเร็ว ทั้งนี้เป็นเพราะแผ฽น นาํ้ แขง็ ท่ีแอนตาร์กติกเปรยี บเสมอื นกระจกเงาบานใหญซ฽ ึ่งจะสะทอ฾ นรังสีสว฽ นใหญ฽ของดวงอาทิตย์กลับ ออกไป ขณะที่น้ําทะเลกลับดูดซับความร฾อนส฽วนใหญ฽เอาไว฾ เมื่อน้ําทะเลเริ่มอ฽ุนก็จะย่ิงทําให฾นํ้าแข็ง ละลายเร็วข้นึ เปรียบเสมือนน้าํ แข็งทีล่ อยอย฽ใู นนํา้ อุ฽น ดงั ภาพที่ 2.8 ซ่งึ สง฽ ผลกระทบโดยตรง ต฽อสัตว์ท่ี อยู฽อาศัยขั้วโลก เช฽น หมีขั้วโลก ท้ังยังมีผลต฽อระดับน้ําทะเลสูงข้ึน ตลอดจนส฽งผลต฽อระบบการ ไหลเวยี นของนํา้ ในมหาสมทุ ร ภาพที่ 2.8 สาเหตทุ ่ที ําใหน฾ ํา้ แขง็ ละลาย (ที่มา: อลั กอร,์ 2550: 145) รายวิชาทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล฾อมเพื่อชีวติ GESC1104

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในเมืองแอ฿บเบอริสไทธ์ เอ็กเซทเทอร์ และ สตอ฿ กโฮล์ม ไดท฾ าํ การวิจยั เก่ยี วกับการเปล่ียนแปลงของธารนา้ํ แข็ง ตลอดช฽วงเวลาหลายสิบปีท่ีผ฽านมา โดยศึกษาจากการเปลี่ยนแปลงของธารนํ้าแข็งใหญ฽กว฽า 270 แห฽งในชิลีและอาร์เจนตินา ตั้งแต฽ยุค น้ําแข็งย฽อย (ค.ศ.1650) เร่ือยมาและผลของการวิจัย พบว฽า ธารนํ้าแข็งบนโลกละลายเร็วขึ้น 10 - 100 เท฽า ตลอดระยะ 30 ปีที่ผ฽านมา ซ่ึงจากการละลายน้ําแข็งดังกล฽าวได฾ส฽งผลให฾ระดับน้ําทะเล สูงขึน้ อย฽างรวดเรว็ จนน฽าตกใจ และเพิ่มสูงขน้ึ เร็วท่ีสดุ ในรอบ 350 ปี โดยศาสตราจารย์นีล กลาสเซอร์ จากมหาวิทยาลัยแอ฿บเบอริสไทธ์ หัวหน฾า ทีมวจิ ยั ครัง้ นี้ได฾เปิดเผยว฽า ท่ผี ฽านมานัน้ นกั วทิ ยาศาสตร์สามารถศกึ ษาการเปล่ียนแปลงของธารน้ําแข็ง ย฾อนกลับไปได฾เพียง 30 ปีเท฽าน้ัน ด฾วยการใช฾ภาพถ฽ายดาวเทียม แต฽สําหรับงานวิจัยชิ้นใหม฽นี้ ทีมวิจัย ได฾ใช฾วิธีใหม฽ เพ่ือให฾สามารถศึกษาการเปลี่ยนแปลงของธารน้ําแข็ง และระดับนํ้าทะเลย฾อนกลับไปได฾ นานกวา฽ น้ัน ซง่ึ ก็ทาํ ใหส฾ ามารถคํานวณปริมาตรธารนํ้าแข็ง และการเปล่ียนแปลงของระดับนํ้าทะเลได฾ ชัดเจนขึ้น เช฽น ธารน้ําแข็งซานราฟาเอล ในพาทาโกเนีย ละลายหายไปกว฽า 8 กิโลเมตร เม่ือเทียบกับ ยคุ น้าํ แขง็ ย฽อยทโี่ ลกปกคลมุ ไปดว฾ ยนาํ้ แขง็ สูงสดุ ขณะเดยี วกนั ทางดา฾ นนกั วทิ ยาศาสตร์จากนาซ฽า ก็ได฾เปิดเผยผลการศึกษาที่ ไม฽ได฾ต฽างกันนัก โดยระบุว฽า อุณหภูมิที่สูงขึ้นได฾ทําให฾แผ฽นนํ้าแข็งท่ีปกคลุมกรีนแลนด์ และแถบข้ัวโลก ละลายหายไปอย฽างรวดเร็ว และจากการศึกษาการละลายของแผ฽นนํ้าแข็งเฉพาะปี 2006 ปีเดียว พบว฽าแผ฽นนํา้ แขง็ ใหญ฽ 2 แผ฽น ได฾ละลายกลายเป็นน้ําถึง 475,000 ล฾านตันเลยทีเดียว ซึ่งหากอุณหภูมิ โลกยังสงู เช฽นนต้ี อ฽ ไป แผ฽นน้ําแข็งก็จะละลายมากขึ้นเร่ือยๆ จนทําให฾ระดับน้ําทะเลเพ่ิมสูงขึ้นถึง 6 น้ิว ภายใน 40 ปขี า฾ งหน฾าก็เป็นได฾ ส฽วนทางด฾านทีมวิจัยจากศูนย์วิจัยเยอรมัน ร฽วมกับคณะกรรมการ วิทยาศาสตร์นานาชาติอาร์คติกได฾เปิดเผยว฽า ท่ีผ฽านมาพ้ืนท่ีนํ้าแข็งข้ัวโลกจะละลายหายไปประมาณ 1 - 2 เมตรต฽อปี แตต฽ อนน้ดี เู หมอื นจะเปน็ ไปได฾วา฽ น้ําแขง็ อาจจะละลายสูงถึง 10 - 30 เมตรต฽อปีในบาง พ้ืนที่ ซึ่งจะส฽งผลต฽อระบบนิเวศและการดํารงชีวิตของสัตว์หลายชนิด เช฽น ปลา นก สัตว์เลี้ยงลูกด฾วย นม ตลอดจนนกทะเลกว฽า 500 ลา฾ นตวั 3) นํ้าในมหาสมุทรมีความเป็นกรดสูงขึ้น ท้ังน้ีเน่ืองจากปริมาณแก฿ส คาร์บอนไดออกไซดท์ ี่เพ่ิมขึ้นในชน้ั บรรยากาศของโลก และทําให฾มหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต฽เพราะ แก฿สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปลดปล฽อยออกมา ประมาณ 1 ใน 3 จะจมลงมหาสมุทร ทําให฾เกิดการ เปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เกิดขึ้นในมหาสมุทร โดยกรดคาร์บอนิกที่เกิดจากแก฿สคาร์บอนไดออกไซด์จะ เปลี่ยนแปลงค฽าความเป็นกรดและด฽างของนํ้าในมหาสมุทร และเปลี่ยนไอออนของคาร์บอเนต และ ไฮโดรเจนคาร์บอเนต และสง฽ ผลกระทบตอ฽ ระดับความอิ่มตวั ของแคลเซียมคาร์บอเนตในมหาสมุทร ซึ่ง รายวชิ าทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ฾ มเพ่ือชีวิต GESC1104

เป็นองค์ประกอบหลักในการสร฾างโครงสร฾างแข็งของสัตว์ในมหาสมุทร เช฽น แนวปะการัง เปลือกหอย เปน็ ต฾น สง฽ ผลใหเ฾ กดิ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต฾ และแปซิฟิกได฾เพิ่ม ความถ่ีและความเข฾มขน฾ มากขน้ึ รายงานจากการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศแห฽งสหประชาชาติ ฉบับท่ี 4 ช้ีให฾เห็นว฽า การที่อุณหภูมิผิวน้ําทะเลเพ่ิมข้ึน 1 - 3 องศาเซลเซียส จะส฽งผลต฽อการเกิดปรากฏการณ์ ปะการังฟอกขาวที่บ฽อยครั้งขึ้น และการตายของปะการังท่ีจะขยายพื้นที่ไปท่ัว นอกจากน้ีแล฾วภายใน 30 ปี ข฾างหน฾า ปรากฏการณ์นี้มีแนวโน฾มจะเกิดขึ้นทุกปีในมหาสมุทรเขตร฾อนเกือบท้ังหมด ซ่ึง ความสมั พนั ธ์ระหว฽างอณุ หภมู ิท่เี พิม่ ขน้ึ และการฟอกขาวของปะการังดังภาพท่ี 2.9 ภาพท่ี 2.9 ปะการงั ฟอกขาว (ที่มา: กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั . ออนไลน์. 2559) 4) เกิดการสูญพันธ์ุ พลังงานจากดวงอาทิตย์เดินทางถึงโลกในรูปของ แสงแดด สว฽ นใหญ฽ถูกดูดซับโดยแผ฽นน้ําและแผ฽นดิน จากนั้นผิวโลกจะคายความร฾อนออกมาในรูปรังสี อินฟราเรด แล฾วส฽งกลับคืนส฽ูอวกาศ แก฿สเรือนกระจกเป็นส฽วนประกอบสําคัญของช้ันบรรยากาศโลก มานานแสนนาน ถ฾ามอี ย฽ใู นปริมาณทีเ่ หมาะสมจะเกบ็ กักรังสีอินฟราเรดบางส฽วนเอาไว฾ทําให฾โลกอบอุ฽น ขึน้ เหมาะกับการดาํ รงชีวิตของสิ่งมชี วี ติ บนโลก แตว฽ ันนีป้ ริมาณแก฿สเรือนกระจกในช้ันบรรยากาศโลก เพิ่มขึ้นอย฽างรวดเร็ว รังสีอินฟราเรดส฽วนท่ีควรจะสะท฾อนกลับนอกโลกกลับถูกดูดซับเอาไว฾ในช้ัน บรรยากาศ พลงั งานความร฾อนที่สะสมไว฾มากเกินไปนี่เองทําให฾อุณหภูมิของผิวโลกสูงขึ้น และสามารถ คร฽าชีวิตได฾ สํานักข฽าวต฽างประเทศรายงานว฽าสภาพภูมิอากาศทั่วโลกกําลังป่ันปุวนหนัก ฮังการีได฾ ประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดจากคล่ืนความร฾อน หลังจากมีผ฾ูปุวยและคนชราเสียชีวิตมากถึง 500 คน รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ฾ มเพื่อชีวติ GESC1104

นอกเหนือจากมีเหตุเพลิงไหม฾ถึง 3,000 คร้ัง ในโรมาเนีย มีผู฾เสียชีวิตจากอากาศร฾อน 39 คน อีกกว฽า 800 คน เป็นลมตามท฾องถนน ที่อิตาลีมีผ฾ูเสียชีวิตจากอากาศร฾อน 4 คน บ฾านเรือนหลายสิบหลังใน อิตาลีและอินโดนีเซียถูกไฟปุาเผาผลาญ ด฾านแอลเบเนียประสบปัญหาไฟดับท้ังประเทศ นอกจากน้ี โดยอณุ หภมู ทิ ่ีสงู ข้ึนส฽งผลกระทบต฽อวิถีชีวิตของชนเผ฽าอินูอิตทางตะวันออกของแคนาดา ท่ีไม฽สามารถ ใช฾รถเล่ือนหิมะหรือออกล฽าตามปกติได฾ ซึ่งได฾มีการแนะนําให฾ชนเผ฽าน้ีกลับไปใช฾รถลากเลื่อนสุนัขแบบ ด้ังเดิมแล฾ว ดร. อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู฾อํานวยการศูนย์เครือข฽ายวิเคราะห์วิจัย และฝึกอบรมการเปล่ียนแปลงของโลกแห฽งภูมิภาคเอเชีย กล฽าวว฽า สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ในอีก 30 ปีข฾างหน฾า จํานวนวันร฾อนท่ีอุณหภูมิสูงเกิน 33 องศาเซลเซียสมากขึ้นประมาณ 30-60 วัน ต฽อปี จากปกติ 20 วันต฽อปี และจังหวัดที่จะร฾อนที่สุด คือ จังหวัดอุทัยธานีเพราะอย฽ูในหุบเขา รองลงมาคอื จังหวัดนครสวรรค์ ทางด฾านทีมวิจัยจากสํานักงานการจัดการ ด฾านมหาสมุทรและบรรยากาศ นานาชาติ แคลิฟอร์เนีย ได฾เปิดเผยว฽า วิกฤตสภาพอากาศ ได฾ส฽งผลกระทบมหาศาลกับแหล฽งอาหาร และถน่ิ ท่อี ย฽ขู องสงิ่ มชี วี ิตหลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ท่ีอาศัยอยู฽บริเวณขั้วโลก เช฽น เพนกวิน หมีข้ัวโลก โดยรายงานระบุว฽า ปัจจุบันนี้เพนกวินต฾องอดตายเป็นจํานวนมาก เพราะก฾ุงคริลล์ที่พวกมันกินเป็น อาหารน้นั มีจํานวนลดลงกว฽าร฾อยละ 80 ทําให฾พวกมันต฾องแย฽งชิงก฾ุงคริลล์กับสัตว์เล้ียงลูกด฾วยนมชนิด อื่น และเมื่ออาหารลดลงและหายากข้ึนทุกวันแล฾ว พวกมันก็ต฾องอดตายในที่สุด และในปัจจุบันนี้ มรี ายงานว฽า ประชากรเพนกวนิ ในบรเิ วณแอนตาร์คติก เพนนินซูลา฽ และทะเลสก฿อตเทีย ที่ข้ัวโลกใต฾ มี จํานวนลดลงไปกวา฽ รอ฾ ยละ 50 แลว฾ เม่อื เทียบกับ 30 ปีกอ฽ น สว฽ นสตั วอ์ ีกชนดิ ที่ได฾รับผลกระทบไมน฽ อ฾ ยไปกวา฽ กนั นั่นก็คอื หมีข้ัวโลก โดย ก฽อนหน฾านี้ นักวิทยาศาสตร์ได฾ทําการศึกษาเร่ืองราวของหมีข้ัวโลก ในอลาสก฾า และแคนาดาซ่ึงมีอยู฽ กวา฽ 25,000 ตัว พบวา฽ ภาวะน้ําแข็งละลาย ทําให฾หมีขั้วโลกต฾องว฽ายนํ้าในระยะทางท่ีไกลข้ึนเพ่ือออก ล฽าแมวนํ้า โดยพวกมันต฾องว฽ายน้ําเป็นเวลากว฽า 10 วัน เป็นระยะทางกว฽า 680 กิโลเมตร เพ่ือออกหา อาหารและกลับเข฾าฝั่ง ซึ่งเมื่อว฽ายน้ํากลับเข฾าฝ่ัง ก็พบว฽าฝั่งท่ีพวกมันจากมามีระยะทางไกลข้ึนมาก เพราะนํ้าแขง็ ละลายกลายเปน็ นา้ํ หมด สดุ ทา฾ ย หมขี วั้ โลกหลายตัวก็ต฾องอดตายและจมนํ้าตายไปอย฽าง เลยี่ งไม฽ได฾ หรือหากรอดชวี ติ พวกมนั ก็ต฾องประสบปัญหาในการล฽าแมวนํ้าเพ่ือดํารงชีวิต จนทําให฾พวก มันมีร฽างกายผ฽ายผอมลงจนน฽าตกใจ และมีภูมิต฾านทานร฽างกายน฾อยลง อีกท้ังยังทําให฾สมรรถภาพใน การสืบพันธ์ุของมันด฾อยลงอีกด฾วย โดยนักวิทยาศาสตร์คาดว฽า หากพวกมันยังคงอดอยาก และเผชิญ กับปญั หานตี้ ฽อไป พวกมนั ก็จะลดจํานวนลงเรอ่ื ย ๆ และสูญพนั ธุไ์ ปในทสี่ ุด รายวชิ าทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ฾ มเพื่อชีวติ GESC1104

2.5 การแก้ไขปญั หาโลกรอ้ น เราสามารถช฽วยกนั แกไ฾ ขไดอ฾ ยา฽ งงา฽ ย ๆ เชน฽ ชว฽ ยกันสร฾างปอดให฾โลกโดยรักษาสภาพ ปุาให฾คงอยตู฽ ลอดไปและช฽วยกันฟื้นฟูสภาพปุาที่เสื่อมโทรมให฾กลับคืนมา ในขณะเดียวกันก็เร฽งพัฒนา พ้ืนที่สีเขียวให฾มากขึ้น แม฾แต฽การปลูกต฾นไม฾ในบริเวณบ฾าน และท่ีสําคัญเราต฾องเลิกพฤติกรรมการใช฾ สารซีเอฟซีโดยสิ้นเชิง นอกจากนั้นแล฾วเรายังต฾องมีการรณรงค์ ให฾ตระหนักถึงวิธีการนํา ทรัพยากรธรรมชาตมิ าใชโ฾ ดยยดึ หลกั การอนุรกั ษ์เป็นสาํ คัญกลา฽ วคือต฾องนําไปใช฾ให฾เกิดประโยชน์สูงสุด แตเ฽ กิดของเสียน฾อยทีส่ ดุ สงวนสรรพส่ิงทีค่ วรสงวน เพ่ือให฾เกิดผลย่ังยืนสืบต฽อไปและตลอดกาล มนุษย์ สรา฾ งโลกไดฉ฾ นั ใด มนุษย์ก็ทําลายโลกไดฉ฾ ันนั้น จากท่ีกล฽าวมาในเร่ืองการลดลงของโอโซนในชั้นบรรยากาศ ซ่ึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทํา ใหเ฾ กิดโลกรอ฾ น และส฽งผลกระทบต฽อระบบนเิ วศโลกดงั ภาพที่ 2.10 ภาพที่ 2.11 สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางการแก฾ไขโลกร฾อน รายวิชาทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล฾อมเพื่อชีวติ GESC1104

2.6 แนวคดิ หยดุ โลกร้อน จริงใจจริงจัง รวมพลังหยุดโลกร฾อน หยุดโลกร฾อน ทุกคนช฽วยได฾ โดยการบริโภค ความสะดวกสบาย ความฟุูงเฟูอ ฟุมเฟือยในชีวิตให฾น฾อยลง ใช฾ชีวิตอย฽างเพียงพอและพอเพียง เพราะการผลิตสินค฾าหรืออาหารและบริการต฽าง ๆ จําเป็นต฾องใช฾พลังงานซ่ึงมิได฾หมายถึงไฟฟูา หรือ นํ้าประปาเท฽าน้ัน แต฽คือมวลรวมของการได฾มาซ่ึงสาธารณูปโภค อุปโภคและบริโภคทั้งหมด ซึ่งมีท่ีมา จากการต฾องสูญเสียพ้ืนที่ปุาไม฾เพ่ือสร฾างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟูา ผ฾ูคน สัตว์ปุาที่ไร฾ที่อยู฽อาศัย ระบบ นเิ วศแปรปรวนและถูกทําลายลง เกี่ยวพนั กันเป็นลกู โซ฽ เมื่อมีการใช฾พลังงานมากแก฿สคาร์บอนไดออกไซด์ก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังน้ัน จิตสํานึกเล็ก ๆ ที่คิดจะเริ่มต฾นหยุดพฤติกรรม “ยึดความสะดวกสบายของตนเป็นที่ตั้ง” จึงอาจ ก฽อให฾เกิดคณุ ูปการอย฽างใหญห฽ ลวงตอ฽ การ หยุด...ภาวะโลกรอ฾ น ทุกคนเริม่ ตน฾ ได฾จากเรอื่ งใกล฾ตัว ลดการปล฽อยแก฿สคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการ ผลิตกระแสไฟฟูา อาทิ การใช฾พลังงานอย฽างมีประสิทธิภาพ เช฽น การใช฾หลอดไฟแบบประหยัด พลังงาน ใช฾เครื่องไฟฟูาประหยัดพลังงานเบอร์ 5 ลดการใช฾เครื่องปรับอากาศโดยการปลูกต฾นไม฾ใน พ้ืนท่วี ฽างเพือ่ เพ่มิ ความรม฽ ร่ืน ร฽มเงา ช฽วยลดความร฾อนท้ังเป็นแหล฽งดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่ม แก฿สออกซิเจนให฾กับบรรยากาศ ปิดสวติ ซเ์ คร่อื งใช฾ไฟฟาู และสวติ ซ์ไฟทกุ คร้ังเม่ือไมใ฽ ชง฾ าน ฯลฯ 10 วธิ งี า฽ ยๆ หยุดโลกรอ฾ นของมูลนิธโิ ลกสีเขยี ว (มูลนธิ โิ ลกสเี ขยี ว, 2550: 6) 1. ปิดสวิตซ์ให฾หมด โหมดสแตนบายของเคร่ืองใช฾ไฟฟูา อาจทําให฾ค฽าไฟฟูา ของแต฽ละบา฾ นสงู ขึน้ อกี ปีละ 4,000 บาท 2. ถอดปล๊ักให฾เกลี้ยง เนื่องจากจะกดปุมปิดแล฾ว แต฽ถ฾ายังเสียบปล๊ักค฾างไว฾ กระแสไฟฟูากย็ งั ไหลเขา฾ ไปวง่ิ เล฽นอยู฽ดี 3. สร฾างบ฾านพึ่งพาธรรมชาติ ด฾วยการสร฾างบ฾านขนาดกะทัดรัด ท่ีวาง ตําแหน฽งสอดคล฾องกับทิศทางของสายลมและแสงแดด และลงต฾นไมใ฾ หร฾ ฽มเงา 4. กินชะลอโลกร฾อน เลือกอาหารที่ผลิตภายในประเทศ ลดเน้ือสัตว์ เน฾น อาหารทไ่ี ดจ฾ ากพืช กินผกั ผลไมต฾ ามฤดกู าล หรือผลิตภัณฑ์เกษตรอนิ ทรีย์ 5. พกสติไปชอปป้ิง ซ้ือมาก จ฽ายมาก แล฾วจะสุขมากจริงหรือ? ชอปปิ๊ง สนิ ค฾าชิ้นไหนควรคิดให฾ถ฾วนถี่ก฽อนตดั สนิ ใจ พิจารณาว฽าคุณภาพดไี หม และปฏเิ สธถงุ พลาสติก 6. ยืดอายเุ สื้อผา฾ ร฾ูจกั เลอื กซอ้ื ร฾ูจักซอ฽ มแซม ยิ่งใส฽นาน ย่ิงใช฾งานคุ฾มค฽าก็ยิ่ง ประหยัดทรัพยากรในการผลิตเส้ือผ฾าชมุ ใหม฽ 7. บินแบบพอเพียง เคร่ืองบนิ ใช฾นา้ํ มันมหาศาล และปล฽อย CO2 ส฽ูทอ฾ งฟูา รายวิชาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ฾ มเพื่อชีวิต GESC1104

8. แยกขยะส฽งซาเล฾ง ซาเล฾ง คือ มือปราบภูเขาขยะท่ีจะพาพลาสติก กระดาษ โลหะ เข฾าส฽กู ระบวนการรีไซเคิล ลดภาระของหลุมฝังกลบขยะ และลดการใช฾วัตถุดิบสําหรับ การผลติ คร้งั ต฽อไป 9. ปลกู ผักสวนครัว บา฾ นไหนไม฽มรี ัว้ หยอ฽ นเมล็ดลงกระถางก็ได฾ ปลูกเอง กิน เองสบายใจ เพราะไมใ฽ ช฾สารเคมี 10. ปลูกต฾นไม฾ใช฾หนี้ เม่ือเบิก ถอน เช้ือเพลิงฟอสซิลมาใช฾มากไป ก็ควร ชดใชด฾ ฾วยการปลกู ต฾นไม฾ บทสรุป โลกเป็นระบบนิเวศขนาดใหญ฽โดยมีสรรพส่ิงต฽างๆ บนโลกเก่ียวโยงและสัมพันธ์กันเป็น ลูกโซ฽ เมอ่ื เกดิ ปัญหา ณ ท่ใี ดทห่ี น่ึงก็จะส฽งผลกระทบต฽อไปอีกท่ีหนึ่งที่อย฽ูไกลได฾ ปัญหาสิ่งแวดล฾อมโลก ที่สําคัญและมนุษย์บนโลกกําลังเผชิญอยู฽อย฽างหลีกเลี่ยงไม฽ได฾ประเด็นหนึ่งคือการเปลี่ย นแปลง บรรยากาศของโลก การทาํ ลายโอโซนในช้นั บรรยากาศ การเกิดภาวะโลกร฾อน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกดิ ข้นึ บอ฽ ย และมคี วามรนุ แรงขึ้นเปน็ อย฽างมาก เช฽น ปรากฏการณ์ เอลนินโญ เอลนินญ฽า แผ฽นดินไหว น้ําท฽วม ฝนแล฾ง พายุ และสึนามิ อันเป็นผลมาจากพ้ืนท่ีปุาไม฾เขตร฾อนท่ีอุดมสมบูรณ์ขาดความ หลากหลายทางชีวภาพลดลงอย฽างมาก สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล฾อมโลกเกิดขึ้นจากการกระทําของ มนุษย์ท้ังส้ิน ซึ่งส฽งผลต฽อการเปล่ียนแปลงของระบบนิเวศโลก เป็นผลทําให฾มนุษย์อาจต฾องเผชิญ มหนั ตภยั อยา฽ งรุนแรงขณะทีโ่ ลกพยายามปรับตัวเขา฾ สู฽สมดลุ อีกครัง้ “แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ตอ้ งลดการปล่อยปลด แกส๊ เรอื นกระจกจึงลดได้ไร้ปญั หา โลกรอ้ น รอ้ น จักผอ่ นคลายตามติดมา ทุกชวี าต้องเข้าใจแก้ไขจรงิ ” รายวิชาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล฾อมเพ่ือชีวติ GESC1104

กจิ กรรมท่ี 2 รับรปู้ ญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม 1. หลักการ มนุษย์ได฾สร฾างความเจริญก฾าวหน฾าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพ่ือพัฒนาส่ิงแวดล฾อมมา สนองความต฾องการของมนุษย์ โดยมนุษย์เช่ือมั่นว฽าส่ิงเหล฽าน้ีจะนําไปส฽ูความเป็นผู฾นําทางด฾าน เศรษฐกิจและสังคม โดยมองข฾ามถึงผลกระทบท่ีตามมา สรุปก็คือ ทรัพยากรธรรมชาติถูกทําลาย โดยเฉพาะอย฽างยิ่งการบุกรุกทําลายพื้นที่ปุาไม฾ซ่ึงเป็นสาเหตุหลักที่ทําให฾ธรรมชาติหลายอย฽างในโลก มนุษย์มีความผันแปรวิปริตแตกต฽างไปจากที่เคยเป็น นอกจากน้ี ยังทําให฾แหล฽งนํ้าเส่ือมโทรม พื้นดิน ขาดความอุดมสมบูรณ์ ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง เกิดการสะสมของสารพิษในสิ่งแวดล฾อม คณุ ภาพอากาศเปลย่ี นแปลงก฽อให฾เกดิ ปัญหามลพิษต฽างๆ ตามมาเป็นลูกโซ฽ และในที่สุดก็ส฽งผลกระทบ ตอ฽ คุณภาพชีวิตและกลายเปน็ ปัญหาส่งิ แวดลอ฾ มในระดับโลกทที่ ุกประเทศจะตอ฾ งรว฽ มมือกันแก฾ไข 2. วัตถปุ ระสงค์ 2.1 เพือ่ ใหเ฾ ขา฾ ใจปัญหาสิง่ แวดล฾อม 2.2 เพื่อวเิ คราะห์ปญั หาทางด฾านส่ิงแวดลอ฾ ม 3. การปฏิบัติกิจกรรม 3.1 ทาํ ความเข฾าใจเก่ยี วกับหลกั การและเนือ้ หา 3.2 ศกึ ษาจากวิดที ัศน์และวิเคราะห์ปัญหาสง่ิ แวดล฾อมที่กําหนดให฾ในประเด็น ปญั หา สาเหตุ ผลกระทบ แนวทางแก฾ไข 3.3ให฾วเิ คราะห์ปัญหาส่ิงแวดล฾อมในท฾องถนิ่ หรอื ชุมชนและนําเสนอ 4. ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม 4.1 ผลการวเิ คราะห์ปัญหาส่ิงแวดล฾อมที่กาํ หนดให฾ในประเด็น ปญั หา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… รายวิชาทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ฾ มเพื่อชวี ิต GESC1104

สาเหตุ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลกระทบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแก฾ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4.2 ผลการวิเคราะหป์ ญั หาสิง่ แวดลอ฾ มในท฾องถิน่ หรอื ชมุ ชน ปญั หา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สาเหตุ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ฾ มเพื่อชวี ติ GESC1104

ผลกระทบ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวทางแก฾ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. คาถาม 5.1โลกร฾อนเกดิ จากสาเหตุอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5.2 เราจะมสี ว฽ นช฽วยแก฾ไขปัญหาโลกร฾อนได฾อยา฽ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… รายวชิ าทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ฾ มเพ่ือชวี ิต GESC1104

เอกสารอ้างอิง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง. (6 กรกฎาคม 2559). ห่วงปะการังอ่าวไทย \"ฟอกขาว\" เจอ เอลนิโญร่ ุนแรงปีหนา้ . http://www.dmcr.go.th. ดวงพร กาซาสบิ. (2559). ความรู้เบ้ืองต้นด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. เอกสารประกอบการสอนรายวิชา ENVI 3302 การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล฾อม ฉบับปรับปรุงปี พ.ศ. 2559. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล฾อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัย ราชภฏั จนั ทรเกษม. ศนู ยก์ ารเรยี นรว฾ู ทิ ยาศาสตรโ์ ลกและดาราศาสตร์ (LESA) (23 สงิ หาคม 2559). ปรากฏการณ์โลก รอ้ น (Global Warming).สาํ นกั งานกองทนุ สนับสนนุ การวิจัย. http://portal.edu.chula. ac.th/lesa_cd/assets/document/lesa212/5/global_warming/global_warming/gl obal_warming.html. อัล กอร์. (2550). โลกร้อน: ฉบับคนรุ่นใหม่. แปลจาก An Inconvenient truth (Young adult version) โดย พลอยแสง เอกญาติ. กรงุ เทพมหานคร: มติชน. British Antarctic Survey. (22 July 2014). The Ozone Hole 2014. http://www. theozone hole.com/2014ozonehole.htm. Comeau, L. and Grant, T. (3 July 2016). The Greenhouse Effect.. http://www. oneworldjourneys.com/climate/pdf/greenhouse_effect.pdf NASA. (13 July 2016). Earth Observatory. http://www.nasa.gov World Wide Fund for Nature Australia. (23 June 2016). What is Global Warming?. http://www.wwf.org.au/our_work/people_and_the_environment/global_warmi ng_and_climate_change/science/what_is_global_warming/ Wright, R. T. (2005a). Environmental Science: Toward a Sustainable Future (9th edition). New Jersey: Prentice Hall. รายวิชาทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล฾อมเพื่อชวี ติ GESC1104

บทที่ 3 ทรัพยากรอากาศเพอ่ื ชวี ิต บรรยากาศของโลกประกอบไปด฾วยอากาศซ่ึงเป็นส่ิงจําเป็นสําหรับมีชีวิต นอกจากนั้นยังมี ความชื้น อุณหภูมิ และการเคล่ือนไหวของมวลอากาศ รวมเรียกว฽า ภูมิอากาศ (Climate) ซ่ึงมี ความสําคัญต฽อลักษณะของดิน พืชพันธุ์ และสภาพอ่ืน ๆ ของสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลก ดังนั้น บรรยากาศ จึงเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีผลต฽อทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ บรรยากาศจะหมุนเวียนเปล่ียนแปลง ตอ฽ เน่ืองกนั ไปอยา฽ งไมม฽ ที ี่สิ้นสุด บรรยากาศจัดอยู฽ในทรัพยากรธรรมชาติที่ใช฾ไม฽หมด ปัจจุบันในเมืองใหญ฽ มสี ภาวะอากาศเข฾าข้ันวิกฤตอันเนือ่ งมาจากสารมลพษิ ทางอากาศต฽าง ๆ ท่ีเกิดจากความแออัดของจํานวน ยานพาหนะท่ีเพ่ิมขึ้น กิจกรรมก฽อสร฾าง หรือปัญหาที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต฾น ดังน้ัน จึงมี ความจําเป็นท่ีนักศึกษาควรได฾เรียนรู฾และตระหนักถึงสภาพปัญหาและหาแนวทางเพื่อการลดการปล฽อย มลพิษส฽ูบรรยากาศของโลก ชั้นบรรยากาศของโลก บรรยากาศ (Atmosphere) หมายถึง อากาศท่ีห฽อห฾ุมรอบโลก ประกอบด฾วยแก฿สผสมต฽างๆ ท่ปี กคลมุ โลกไว฾ บรรยากาศของโลกมีลักษณะเฉพาะตัว องค์ประกอบของอากาศบริสุทธิ์และแห฾งจะมี องคป์ ระกอบแน฽นอนและมปี ริมาณคงทโ่ี ดยปรมิ าตร ท่รี ะดับใกลร฾ ะดบั นํ้าทะเล มีองค์ประกอบที่สําคัญ คือ แก฿สไนโตรเจน และ ออกซิเจน ส฽วนแก฿สอ่ืนๆ ท่ีรวมอย฽ูมีจํานวนน฾อยมาก เม่ือเทียบอัตรา ส฽วนผสมจะได฾ดงั น้ี ไนโตรเจนรอ฾ ยละ 78.08 ออกซเิ จนรอ฾ ยละ 20.94 อารก์ อนรอ฾ ยละ 0.93 และแก฿ส อ่ืนๆ ประมาณ 10 ชนิดอกี ร฾อยละ 0.4 ในทางปฏิบัติถือว฽าอัตราส฽วนจํานวนน้ีเหมือนกันตลอดทุกส฽วน ของโลก อากาศที่ห฽อหุ฾มโลกของเราอยู฽มีวิวัฒนาการมาเป็นเวลายาวนาน โดยมีการเปลี่ยนแปลงมา เป็นเวลาหลายพันล฾านปี ซึ่งแบ฽งเป็นระยะท่ีแตกต฽างกันในลักษณะของการเกิดบรรยากาศโลกได฾ 3 ระยะ แสดงดังภาพที่ 3.1 คอื 1. บรรยากาศโลกในระยะเริ่มต฾นเมื่อราว 4,600 ล฾านปีท่ีผ฽านมา ประกอบด฾วยแก฿ส ไฮโดรเจน (H2) ไอนํ้า (H2O) แอมโมเนีย (NH3) มีเทน (CH4) และเกิดการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศ โดยมีแสงเป็นปัจจัยสําคัญทําให฾เกิดเป็นแก฿สไนโตรเจน (N2) จากแอมโมเนียและแก฿ส คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากมีเทน นอกจากนี้แล฾วโลกยังเต็มไปด฾วยภูเขาไฟมากมายพ฽นแก฿สและ ความรอ฾ นมาตลอดเวลา รายวิชาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ฾ มเพ่ือชวี ิต GESC1104

2. เมื่อราว 4,400 ล฾านปี เม่ือโลกเย็นลงไอน้ําในอากาศก็กลั่นตัวกลายเป็นฝนตก หนักอย฽างต฽อเนื่องเกิดเป็นมหาสมุทรที่อุ฽นและและเต็มไปด฾วยแร฽ธาตุ โดยมี แก฿สมีเทน แก฿ส คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจนและแอมโมเนีย ได฾รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ เกิดปฏิกิริยาเคมีใน มหาสมุทร ทําใหเ฾ กิดสารประกอบพน้ื ฐานของส่ิงมีชีวติ และววิ ฒั นาการเป็นส่ิงมีชีวติ เซลลเ์ ดยี ว 3. เม่ือราว 10,000 ปี พืชสีเขียวเพ่ิมมากข้ึนแก฿สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศพืช นาํ ไปใช฾ในขบวนการสังเคราะหแ์ สงให฾แกส฿ ออกซิเจน(O2) เกิดข้ึนในบรรยากาศ และเมื่อได฾รับพลังงาน จากแสงอาทิตยท์ ําใหเ฾ กดิ เปน็ แก฿สโอโซน ช฽วยปูองกนั รงั สีอลุ ตราไวโอเลต ทําใหโ฾ ลกอบอนุ฽ ข้ึนเหมาะกับ การดาํ รงของส่งิ มีชีวิต หมายเหตุ (1) บรรยากาศของโลกเม่อื ระยะเริม่ ต฾น 4,600 ลา฾ นปี (2) เมื่อโลกเยน็ ลงเกดิ เปน็ มหาสมทุ ร 4,400 ล฾านปี (3) เม่ือมสี ่งิ มชี วี ิตเกดิ แก฿สออกซิเจนและชัน้ โอโซน 10,000 ปี ภาพที่ 3.1 การเกิดบรรยากาศของโลก (ทีม่ า: Arms. 1990: 62) บรรยากาศของโลกทเ่ี ราอาศัยอยน฽ู ้แี บง฽ ออก เป็น 4 ชนั้ ตามสมบัติและก฿าซองค์ประกอบ โดย แตล฽ ะชนั้ มีการเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิ และความดันบรรยากาศ แตกต฽างกัน (สํานักการจัดการคุณภาพ อากาศและเสยี ง. 2554: 3) 1. โทรโปสเฟียร์ เป็นช้ันบรรยากาศท่ีใกล฾ผิวโลกมากที่สุด และอย฽ูสูงขึ้นไปประมาณ 12 กิโลเมตร อุณหภูมิที่ ใกลผ฾ วิ โลกจะสงู และจะลดลงตามลาํ ดับเมอื่ เลอื่ นสูงข้ึนไป โดยเฉลี่ยอณุ หภูมิลดลง 1 องศาเซลเซียสต฽อ 100 เมตร การลดลงของอุณหภูมิตามความสูงที่เพิ่มขึ้นเรียกว฽า Lapse rate บรรยากาศในชั้นน้ีจะมี รายวิชาทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ฾ มเพื่อชวี ติ GESC1104

ความแปรปรวนมากและสําคัญมากต฽อส่ิงมีชีวิตบนโลก เมื่อเคล่ือนสูงขึ้นไปถึงระดับหนึ่งอุณหภูมิจะ คงที่ ซึง่ ประมาณ –60 องศาเซลเซยี สเรยี กจดุ น้วี า฽ โทรโปพอส 2. สตราโตสเฟียร์ เป็นช้ันบรรยากาศท่ีอยู฽สูงจากพ้ืนโลกตั้งแต฽ 7 - 50 กิโลเมตร (ข้ึนอย฽ูกับว฽าวัดจํากบริเวณใด ชั้นสตราโตสเฟียร์ไม฽สูง แต฽หนาบริเวณใกล฾ขั้วโลก) ซ่ึงอุณหภูมิจะเพ่ิมขึ้นตาม ระดับความสูง ปกติมี เฉพาะเคร่ืองบินไอพ฽นความเร็ว เหนือเสียงเท฽านั้นที่จะมีโอกาสได฾เข฾าไปสัมผัสชั้นล฽าง ของบรรยากาศ ช้ันนี้ เคร่ืองบินพาณชิ ย์ทใ่ี ช฾กันส฽วนมาก บินสงู สุดถึงเพียงรอยตอ฽ ระหว฽างช้ันโทรโพสเฟียร์กับ ชั้นสตรา โตสเฟียร์ 3. เมโสสเฟยี ร์ อยสู฽ ูงขน้ึ ไปถึง ระดับ 80 - 90 กโิ ลเมตรจากพื้นโลก โดยอุณหภูมิจะลดลง ตามระดับความสูง และพบอุณหภมู ิตํา่ สดุ ท่ชี ั้นน้ี เทอรโ์ มสเฟียร์ (Thermosphere) เป็น ชน้ั บรรยากาศที่มีการดูดซับคล่ืน รังสคี วามยาวคล่นื สน้ั โดยไนโตรเจน ออกซิเจนและอุณหภูมจิ ะเพิม่ ข้ึน ตามระดบั ความสูง 4. เอกโสสเฟียร์ เป็นช้ันบรรยากาศช้ันนอกสุด ซึ่งอย฽ูสูงจากพื้นโลกตั้งแต฽ 500 กิโลเมตรขึ้นไป ซ่ึงมีการหลุด ลอดของโมเลกลุ กา฿ ซออกจากแรงดึงดูดโลกได฾ มลพษิ ทางอากาศ มลพิษทางอากาศ (Air pollution) หมายถงึ ภาวะของอากาศที่มีการปนเปื้อนของสารมลพิษ ในปริมาณที่สามารถทําให฾อากาศเส่ือมสภาพ ก฽อให฾เกิดอันตรายต฽อมนุษย์ สัตว์ พืช ทั้งทางตรงและ ทางออ฾ ม 1. สารมลพษิ ในบรรยากาศ สารมลพิษในบรรยากาศ (Air pollutants) ไม฽ว฽าจะมาจากแหล฽งกําเนิดใด ถ฾าแบ฽งตาม ลักษณะทางกายภาพได฾ 2 ประเภท คอื สารมลพษิ ท่ีเปน็ อนุภาค และสารมลพษิ ทีเ่ ป็นแก฿ส สารมลพิษท่ีอยใ฽ู นบรรยากาศถ฾าพิจารณาจากแหลง฽ กําเนิดและการเปล่ียนแปลงในบรรยากาศ แบง฽ ได฾ 2 ประเภท คือ 1. สารมลพิษในอากาศแบบปฐมภูมิ (Primary air pollutants) คือ สารมลพิษ ทางอากาศที่เกิดและถูกระบายจากแหล฽งกําเนิดโดยตรง เช฽น CO CO2 SO2 NO NO2 เขม฽า ควนั และขี้เถ฾า ที่เกดิ จากการเผาไหม฾เปน็ ตน฾ รายวิชาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ฾ มเพื่อชวี ิต GESC1104

2. สารมลพิษในบรรยากาศแบบทุติยภูมิ (Secondary air pollutants) คือ สาร มลพิษทางอากาศที่เกิดข้ึนในบรรยากาศจากปฏิกิริยาเคมีระหว฽างสารมลพิษทางอากาศปฐมภูมิด฾วย กันเอง หรือปฏิกิริยาเคมีระหว฽างสารมลพิษอากาศปฐมภูมิกับสารประกอบอื่น ๆ ท่ีอยู฽ในบรรยากาศ เช฽น SO3 O3 H2SO3 H2O2 เปน็ ตน฾ ดงั ภาพที่ 3.2 ภาพที่ 3.2 สารมลพษิ ปฐมภมู แิ ละทตุ ยิ ภูมิ (ทีม่ า: Miller. 2002: 570) การวัดค฽าความเข฾มข฾นของสารมลพิษประเภทอนุภาค ปัจจุบันนิยมใช฾ในรูปของมวลของแก฿ส ต฽อปริมาตรอากาศ หน฽วยที่นิยมใช฾ ได฾แก฽ ไมโครกรัมต฽อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) หรือ มิลลิกรัมต฽อ ลูกบาศกเ์ มตร (mg/m3) ถา฾ เปน็ พวกแกส฿ จะใชใ฾ นรูปไมโครกรัมตอ฽ ลติ ร (µg/l) สารมลพษิ หลกั ในบรรยากาศอาจจาํ แนกไดด฾ งั ตารางท่ี 3.1 รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล฾อมเพ่ือชีวติ GESC1104

ตารางที่ 3.1 การแบ฽งจาํ พวกสารมลพษิ ในบรรยากาศ ชนิดสารมลพิษ ตวั อยา่ ง ออกไซดข์ องคาร์บอน คาร์บอนมอนออกไซด์ (CO) คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกไซด์ของซัลเฟอร์ ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ซลั เฟอร์ไตรออกไซด์ (SO3) ออกไซดข์ องไนโตรเจน ไนตริกออกไซด์ (NO) ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ไนตรสั ออกไซด์ (N2O) สารประกอบอินทรยี ์ระเหย มีเทน (CH4) โพรเพน (C3H3) เบนซนิ (C6H6) คลอโรฟลูออโรคารบ์ อน (CFCs) สารแขวนลอยในอากาศ อนภุ าคของแข็ง (ละออง เขม฽า ฝุน ตะกั่ว เกลอื ไนเตรทและซัลเฟต) หยดนาํ้ (กรดซัลฟรู ิคไดออกซิน สารฆ฽าศัตรูพืช สารออกซิไดซ์ และสัตว)์ สารกมั มันตรังสี โอโซน (O3) ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) อัลดไี ฮด์ สารพิษ เรดอน -222 ไอโอดีน-131 สตรอนเทยี ม-90 พลโู ตเนยี ม-239 (ท่ีมา: Miller, 2002: 570) สารพิษอย฽างนอ฾ ย 600 ชนิด และ 60 ชนดิ เป็นสารก฽อมะเร็ง สารมลพิษท่ีเป็นแก฿สในบรรยากาศท่ีทําการตรวจวัดมีดังน้ี (สํานักการจัดการคุณภาพอากาศและ เสียง. 2554: 10) 1.1 คาร์บอนมอนออกไซด์ (Carbon monoxide: CO) CO เปน็ แกส฿ ไมม฽ ีสี ไมม฽ กี ลิ่น ไม฽มรี ส แหล฽งกําเนดิ เกดิ จากการเผาไหมท฾ ไ่ี ม฽สมบรู ณ์ ทส่ี าํ คญั ไดแ฾ ก฽ รถยนต์ ผลกระทบ CO มีผลต฽อสุขภาพ จะลดการถ฽ายเทออกซิเจนในกระแสเลือด เนื่องจาก CO สามารถจับตัวกับเฮโมโกลบิน (Haemoglobin: Hb) ได฾ดีกว฽า O2 ประมาณ 200 เท฽า ดงั สมการ Hb + O2 Hb O2 Haemoglobin Oxyhaemahlobin CO + Hb O2 Hb CO + O2 Carboxy haemoglobin รายวิชาทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล฾อมเพ่ือชีวิต GESC1104

มผี ลทาํ ใหก฾ ารลาํ เลียง O2 ในเม็ดเลือดลดนอ฾ ยลง เปน็ สาเหตุใหเ฾ ซลลร์ า฽ งกายขาด O2 ทําให฾เกดิ การ งว฽ ง ซึม ปวดศีรษะ หมดสติ และตายได฾ (Landis and Yu. 1995: 135) 1.2 ไนโตรเจนออกไซด์ (Nitrogen oxide: NOX) แกส฿ ไนตริกออกไซด์ (NO) เปน็ แก฿สไม฽มีสี ไม฽มีกลนิ่ ละลายนํ้าไดเ฾ ลก็ น฾อย แก฿สไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) เป็นแก฿สทม่ี ีสีน้าํ ตาลแกมแดง มีกลิ่นฉนุ ละลายนํ้าได฾ดี แหล฽งกําเนิด เกิดจากการเผาไหม฾ที่ใช฾เช้ือเพลิงฟอสซิล ซึ่งมีความร฾อนสูงทําให฾ N2 และ O2 ทําปฏกิ ิริยากันในบรรยากาศ ได฾แก฿ส NO และ NO2 ดงั สมการ NO2 + O2 2NO 2NO + O2 2NO2 ผลกระทบของ NOX ตอ฽ สุขภาพ 1. ทําลายเนื้อเยื่อปอด ทางเดินหายใจอักเสบ และ แก฿สไนตริกออกไซด์ เม่อื เข฾าไปในปอดจะเปลยี่ นเป็นสารไนโตรซามีน ซ่งึ เปน็ สารกอ฽ มะเรง็ ทส่ี ําคัญ 2. แก฿สไนโตรเจนไดออกไซด์ ทาํ ลายเย่อื บทุ างเดินหายใจ เกิดอาการไอหรือ ผื่นแดงบรเิ วณสัมผัสจะเกิดอาการอกั เสบของทางเดนิ หายใจ 1.3 ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (Sulferdioxide : SO2) เปน็ แก฿สท่ีไม฽มสี ี มีกลิน่ ฉนุ มรี สฝาดหรอื ขม ไม฽ตดิ ไฟ ละลายน้ําไดด฾ ี แหล฽งกําเนิด เกิดจากการเผาไหม฾ของเชื้อเพลิงท่ีมีซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบ เช฽น ลิกไนต์ ท่ีสาํ คัญ ได฾แก฽ โรงผลิตไฟฟาู โรงงานอตุ สาหกรรม ผลกระทบ แกส฿ ซัลเฟอรไ์ ดออกไซด์สง฽ ผลตอ฽ สุขภาพ จะกอ฽ ให฾เกดิ การระคายเคืองเย่ือ บุทางเดินหายใจ ทําให฾เกิดอาการไอ แน฽นหน฾าอก ค฽าปกติร฽างกายสามารถทนได฾ท่ีความเข฾มข฾น 100 ppb เปน็ เวลา 15 นาที 1.4 โอโซน (Ozone: O3) เป็นแกส฿ ทป่ี ระกอบดว฾ ยธาตุออกซเิ จน 3 อะตอม มสี ีฟาู อ฽อน มีกลิ่นฉุน แหล฽งกําเนิด เกิดจากการแลกเปล่ียนมวลระหว฽างช้ันบรรยากาศโทรโปสเฟียร์และ สตราโทสเฟียร์ รายวิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ฾ มเพ่ือชีวติ GESC1104

การเกดิ O3 ช้นั สตราโทสเฟียร์ O2 O+O O + O2 O3 เกดิ จากปฏกิ ริ ยิ า Photochemical reaction ของสารมลพิษในบรรยากาศ ทําให฾ เกดิ ออกซเิ จน อะตอมอสิ ระ ซงึ่ จะไปรวมตวั กบั O2 อะตอมอน่ื ได฾แกส฿ O3 ตัวอย฽างเช฽น NO2 hγ NO + O O + O2 O3 NO2 + O2 NO + O3 ผลกระทบของแก฿สโอโซน ต฽อสุขภาพ 1. การสัมผัสโอโซนเข฾มข฾น 0.5 ไมโครลิตรต฽อลิตร เป็นเวลา 2 - 3 ช่ัวโมง สามารถทาํ ลายเยอ่ื บทุ างเดินหายใจเกดิ อักเสบอย฽างรนุ แรง 2. การสัมผัสโอโซนเข฾มข฾น 0.12 ไมโครลิตรต฽อลิตร เป็นเวลา 1 ช่ัวโมง สามารถเร฽งอาการแพต฾ อ฽ สารตอ฽ การกระต฾นุ การแพ฾ 1.5 สารอินทรีย์สารระเหยง฽าย (Volatile Organic Compounds: VOCS) แหล฽งกําเนิด เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมท่ีใช฾สารระเหย รถยนต์ที่ใช฾น้ํามันเป็น เช้ือเพลิง สารอนิ ทรยี ร์ ะเหยง฽ายสามารถทําปฏิกิรยิ าในบรรยากาศและเกดิ โอโซนได฾ สารประกอบอินทรีย์ที่ระเหยเป็นไอกระจายตัวไปในอากาศ ได฾ในท่ีอุณหภูมิและ ความดันปกติ โมเลกุลส฽วนใหญ฽ประกอบด฾วยอะตอมคาร์บอนและไฮโดรเจน อาจมีออกซิเจน หรือ คลอรีนร฽วมด฾วย สามารถระเหยเป็นไอได฾ท่ีอุณหภูมิห฾อง ในชีวิตประจําวันเราได฾รับ VOCs จาก ผลิตภัณฑ์หลายอย฽าง เช฽น สีทาบ฾าน ควันบุหร่ี น้ํายาฟอกสี สารตัวทําละลายในพิมพ์ จากอ฽ูพ฽นสี รถยนต์โรงงานอุตสาหกรรม นํ้ายาซักแห฾ง นํ้ายาสําหรับย฾อมผมและนํ้ายาดัดผม สารฆ฽าแมลง สารที่ เกิดจากเผาไหม฾ และปะปนในอากาศ น้ําด่ืม เครื่องดื่ม อาหาร สารอินทรีย์ ไอระเหยท่ีสะสมไว฾มาก นานๆ จะมีผลกระทบทางชีวภาพและเป็นอันตรายต฽อสุขภาพ ผลกระทบของสารอินทรีย์ระเหยง฽าย ตอ฽ สุขภาพ คอื เปน็ สารกอ฽ มะเรง็ ท่สี ําคญั รายวิชาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล฾อมเพ่ือชีวิต GESC1104

2. อนุภาคสารมลพิษ อนุภาคสารมลพิษ (Particulate pollutant) แบ฽งออกเป็น 2 ประเภท คือ อนุภาคที่เป็น ของแขง็ และอนภุ าคที่เปน็ ของเหลว แสดงดงั ตารางที่ 3.2 โดยแหล฽งท่ีมาของอนุภาคสารมลพิษ ได฾แก฽ 1. ยานพาหนะทางบก 2. การก฽อสรา฾ งประเภทต฽าง ๆ 3. การบรรทกุ และขนสง฽ วสั ดุกอ฽ สรา฾ ง 4. โรงงานอตุ สาหกรรม โรงไฟฟูา และสถานประกอบการตา฽ ง ๆ 5. เมรุเผาศพ และการเผาวสั ดุตา฽ ง ๆ ในทแี่ จ฾ง เช฽น การเผามูลฝอย ผลกระทบของอนุภาคสารมลพิษต฽อสุขภาพ จะก฽อให฾เกิดการระคายเคืองต฽อเย่ือบุทางเดิน หายใจ เกิดการอักเสบ ฝุนที่มีขนาดเล็กเมื่อเข฾าสู฽ระบบทางเดินหายใจจะทําให฾เกิดอาการปอดอักเสบ และทําใหเ฾ ปน็ มะเรง็ ได฾ ตารางที่ 3.2 อนุภาคของสารมลพิษท่ีสําคญั ชนิดของอนุภาค เส้นผ่านศนู ย์กลาง ลกั ษณะและคาจากัดความ ละอองไอ (Aerosol) (ไมครอน) ฝุน (Dust) ชว฽ งกวา฾ ง ใช฾เรียกอนภุ าคของแข็งและของเหลวที่เกิดจากกระบวนการในการทาํ ให฾ เถ฾าลอย (Fly ash) เกดิ อนภุ าคขนาดเล็ก เช฽น การบด (Crushing) การปนุ (Grinding) , และ ควัน (Smoke) หมอกนํา้ คา฾ ง (Mist) การระเบดิ (Blasting) รวมท้งั การอะตอมไมเซชัน (Atomization) แล฾ว ฟมู (Fume) สเปรย์ (Spray) แขวนลอยอยใู฽ นอากาศ 1.0 – 1,000 ละอองไอที่เปน็ ของแขง็ เกิดขึ้นจากการแตกตวั ของอนภุ าคขนาดใหญ฽ และแขวนลอยอยใู฽ นอากาศ โดยท่ัวไปฝุนจะมีองคป์ ระกอบที่แตกตา฽ งกัน (Heterogenous in Compositiomn) และมีขนาดอนภุ าคในชว฽ งกวา฾ ง (Wide Spectrum) 1.0 - 1,000 อนุภาคที่เหลอื จากการเผาไหม฾ของเชอ้ื เพลิงตา฽ ง ๆ 0.5 – 1.0 อนภุ าคของแข็งและของเหลว ท่เี กดิ จากกระบวนการเผาไหมท฾ ไี่ มส฽ มบรู ณ์ ของสารประกอบคารบ์ อนของเชอ้ื เพลิง หรือวสั ดสุ นั ดาปอ่นื ๆ 0.07 - 10 อนุภาคของเหลวท่ีเกิดจากการควบแนน฽ ของไอของเหลว (Liquid Vapour) หากมคี วามเขม฾ ขน฾ จะทําให฾เกิดเปน็ หมอก (Fog) 0.03 – 0.3 อนภุ าคของแขง็ เกิดขนึ้ จากการควบแน฽นของละอองไอซึ่งมแี กส฿ หรอื ไอ รวมอยด฽ู ว฾ ย เช฽น ฟูมจากการเชอ่ื มโลหะ เปน็ ตน฾ 10 – 1,000 อนภุ าคของเหลวทีเ่ กิดข้นึ จากการอะตอมไมเซชนั (ท่มี า: Wright. 2005: 578) รายวชิ าทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ฾ มเพื่อชีวิต GESC1104

ดัชนคี ณุ ภาพอากาศ การรายงานคุณภาพอากาศโดยท่ัวไปจะอยู฽ในรูปความเข฾มข฾นของสารมลพิษต฽อปริมาณ อากาศ โดยเปรียบเทียบกับค฽ามาตรฐาน ถ฾าเกินค฽ามาตรฐานก็แสดงว฽าเป็นอันตรายต฽อสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีการรายงานคุณภาพอากาศในรูปของดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index, AQI) ซ่ึงจะบอกถึงสถานการณ์ของภาวะมลพิษที่เกิดจากสารมลพิษแต฽ละชนิดในพ้ืนที่ต฽างๆ ท่ีทําการ ตรวจวัดคุณภาพอากาศว฽าอยู฽ในระดับใด และต฾องปฏิบัติอย฽างไร สําหรับในประเทศไทยกําหนดค฽า ดัชนีคณุ ภาพอากาศเฉพาะฝุนขนาดเล็ก (PM-10) เพยี งอยา฽ งเดียว ดังตารางที่ 3.3 ตารางท่ี 3.3 ค฽าดัชนีมาตรฐานและเทียบค฽าความเข฾มข฾นของฝุนละอองขนาดเล็กและผลกระทบ (ประเทศไทย) ค่าดชั นมี าตรฐาน (AQI) ค่าความเข้มข้นฝนุ่ ขนาดเล็ก คณุ ภาพอากาศ (μg/m3) 50 40 ดี 100 120 ปานกลาง 200 350 มผี ลกระทบต฽อสขุ ภาพ 300 420 มผี ลกระทบตอ฽ สุขภาพมาก 500 600 อันตราย (ท่มี า: กรมควบคุมมลพิษ. ออนไลน์. 2559) การท่ีประเทศไทยกําหนดเฉพาะ PM - 10 เน่อื งจากว฽าปรมิ าณความเขม฾ ขน฾ ของสารมลพิษ ทางอากาศที่เกินคา฽ มาตรฐานในเขตเมืองของประเทศไทย มเี ฉพาะ PM - 10 เทา฽ นนั้ ซึ่งในอนาคต อาจจะขยายตอ฽ ไปยงั สารมลพิษในบรรยากาศชนดิ อื่น ๆ ต฽อไป บทสรุป ทรัพยากรอากาศมีความสําคัญต฽อชีวิตมนุษย์ อากาศที่ห฽อหุ฾มโลกเราประกอบด฾วยแก฿สต฽างๆ ไดแ฾ ก฽ ไนโตรเจน ออกซิเจน และแก฿สอ่ืนๆ รวมกันเป็นองค์ประกอบของ ปัจจุบันทรัพยากรอากาศบน โลกไดถ฾ ูกปนเป้ือนด฾วยมลภาวะตา฽ ง ๆ ที่ส฽วนใหญ฽เกิดจากฝีมือของมนุษย์ โดยเฉพาะกิจกรรมทางด฾าน การคมนาคมขนส฽ง และอุตสาหกรรม ที่ก฽อสารมลพิษต฽างๆ มากมาย ที่เป็นอันตรายต฽อคุณภาพชีวิต มนุษย์ สารมลพิษทีส่ าํ คญั ไดแ฾ ก฽ แก฿สคารบ์ อนมอนอกไซด์ ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ โอโซน และอนุภาคสาร มลพิษ ซง่ึ มนษุ ยเ์ ราจําเป็นตอ฾ งเรียนร฾ูในการปูองกันการเกิดสารมลพิษเหล฽านี้เพ่ือปกปูองให฾ทรัพยากร อากาศบนโลกของเราคงอยอู฽ ยา฽ งยัง่ ยืนตลอดไป รายวชิ าทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล฾อมเพ่ือชีวติ GESC1104

กจิ กรรมที่ 3 ทรพั ยากรอากาศเพ่ือชีวติ 1. หลกั การ ทรัพยากรอากาศเป็นทรัพยากรในกลุ฽มที่ใช฾แล฾วไม฽หมดสิ้น แต฽คุณภาพอากาศ มีการ เปล่ียนแปลงอย฽ูเสมอ และมีแนวโน฾มจะแปรปรวนและรุนแรงมากขึ้น ซ่ึงเป็นผลจากการกระทําของ มนุษย์ ซ่ึงอากาศเป็นปัจจัยสําคัญในการดํารงชีวิตของส่ิงมีชีวิต ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดจะต฾องใช฾อากาศอยู฽ ตลอดเวลา ถา฾ อากาศมกี ารปนเป้ือนด฾วยสารมลพิษ จนเป็นอันตรายต฽อสิ่งมีชีวิต ย฽อมส฽งผลกระทบต฽อ มนษุ ยโ์ ดยตรง 2. จุดประสงค์ 2.1 เปรยี บเทยี บบรรยากาศของโลกได฾ 2.2 เพ่ือให฾นักศึกษาสามารถจําแนกประเภทมลพิษทางอากาศและผลกระทบของ สารมลพษิ ทางอากาศได฾ 2.3 วเิ คราะหแ์ ละสรปุ เกย่ี วกับสภาพการณ์ต฽างๆท่ีมีผลต฽อบรรยากาศ 3. วธิ ีปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 3.1 ศกึ ษาจากเอกสาร 3.2 ศกึ ษาจากวีดีทัศน์ 3.3 วเิ คราะหแ์ ละสรุปผลจากวีดที ศั น์ 4. ผลการศึกษา 4.1 จงเปรยี บเทียบบรรยากาศของโลก ในภาวะปกติและภาวะทีม่ ีโอกาสเกดิ ปัญหามลพษิ (โดยการวาดภาพ) บรรยากาศภาวะปกติ บรรยากาศภาวะไม฽ปกติ รายวิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล฾อมเพื่อชีวิต GESC1104

4.2 จาํ แนกประเภทของมลพิษทางอากาศ สารมลพิษทางอากาศทเ่ี ปน็ อนภุ าค สารมลพษิ ทางอากาศทเ่ี ป็นแก฿ส 4.3 จากการชมภาพยนตร์ “มลพิษทางอากาศ ไรพ฾ รมแดน” คณุ เข฾าใจวา฽ อยา฽ งไร และสาร มลพษิ ทสี่ าํ คัญ คืออะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. คาถาม 5.1 ท฽านคิดวา฽ จะมสี ว฽ นช฽วยในการลดปัญหามลพษิ ทางอากาศได฾อย฽างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… รายวชิ าทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ฾ มเพ่ือชีวติ GESC1104

เอกสารอา้ งองิ กรมควบคุมมลพิษ. (8 สิงหาคม 2559). ข้อมูลดัชนีคุณภาพอากาศ . http://aqmthai.com/ aqi_info.php สํานักการจัดการคุณภาพอากาศและเสียง. (2554). รู้รอบทิศ มลพิษทางอากาศ บทเรียน แนวคิด และการจัดการ. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล฾อม. Arms, K. (1990). Environmental Science. New York: Saunder College. Miller, G. T. (2002). Living in the environment. California: International Thomson. Landis, W. G. and Yu, M. H. (1995). Introduction to Environmental Toxicology. Florida: Lewis Publishers. Wright, R. T. (2005b). Environmental Science. New Jersey: Pearson Prentice Hall. รายวิชาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล฾อมเพ่ือชีวติ GESC1104

บทที่ 4 ทรพั ยากรดินเพอื่ ชีวิต ดินเป็นทรัพยากรธรรมชาติท่ีสําคัญอย฽างหน่ึงของมนุษย์ เพราะเป็นแหล฽งอาหาร ที่อย฽ูอาศัย เคร่ืองนุง฽ หม฽ และยารักษาโรค อันเป็นปัจจัยท่ีสําคัญในการดํารงชีวิตของมนุษย์ นอกจากน้ันมนุษย์ยัง ใช฾ดินเป็นแหล฽งรองรับของเสียต฽างๆ เช฽น การใช฾สารฆ฽าศัตรูพืช การใช฾ดินเป็นแหล฽งบําบัดขยะและสิ่ง ปฏิกลู จากชุมชน หรือโรงงานอุตสาหกรรม ซ่ึงทําให฾เกิดปนเปื้อนของสารพิษลงสู฽ดิน อันก฽อให฾เกิดเป็น มลพิษของดิน ดังน้ัน ในบทนี้จึงเน฾นความสําคัญถึงหลักการพื้นฐานที่เก่ียวข฾องกับทรัพยากรดิน ผลกระทบของทรัพยากรดินจากกิจกรรมต฽างๆ ของมนษุ ย์ รวมถงึ แนวทางการอนุรกั ษท์ รพั ยากรดนิ ความหมายและความสาคัญของดนิ ดิน หมายถึง เทหวัตถุธรรมชาติที่ปกคลุมผิวโลกอย฽ูบางๆ เกิดข้ึนจากผลของการแปรสภาพ หรือผุพงั ของหิน และแร฽ และอินทรียวัตถุผสมคลุกเคล฾ากัน (Raven, Berg and Hassenzahl. 2008: 336) ดิน หมายถึง เทหวัตถุท่ีเกิดตามธรรมชาติรวมกันข้ึนเป็นช้ัน (Profile) จากส฽วนผสมของแร฽ ธาตุต฽าง ๆ ที่สลายตัวเป็นช้ินเล็กช้ินน฾อยกับอินทรียวัตถุที่เปื่อยผุพัง อยู฽รวมกันเป็นช้ันบางๆห฽อห฾ุมผิว โลก และเมื่อมีอากาศและน้ําเป็นปริมาณท่ีเหมาะสมแล฾วจะช฽วยค้ําจุน พร฾อมทั้งช฽วยในการยังชีพและ การเจริญเตบิ โตของพืช ปจั จัยต฽าง ๆ ท่มี ีอทิ ธพิ ลตอ฽ ดนิ เช฽น สภาพภูมิอากาศ ลม นํ้า และสิ่งมีชีวิตอ่ืน ๆ ในสภาพพื้นท่ีใดพื้นที่หนึ่ง ตลอดช฽วงระยะเวลาหนึ่ง ทําให฾เกิดดินชนิดต฽าง ๆ มีลักษณะเด฽น เฉพาะตัว ดังนั้น การจะให฾ความหมายของดินขึ้นอย฽ูกับวัตถุประสงค์และประโยชน์ที่ได฾รับจาก การศกึ ษาดินเปน็ สาํ คญั ดินเป็นระบบนิเวศทม่ี ีความสาํ คญั ดังนี้ 1. ดนิ เป็นแหลง฽ กําเนดิ ของปัจจัย 4 ซง่ึ จาํ เปน็ ต฽อการดาํ รงชวี ิตของมนุษย์ 2. ดินเป็นตวั กลางที่ทําใหน฾ ้ํา แสงแดด และอากาศร฽วมกันสร฾างพืช โดยดินทําหน฾าท่ี ยดึ เกาะทเ่ี กบ็ น้าํ ให฾แรธ฽ าตุและอากาศแก฽พืช 3. ดินเป็นที่เกิดของทรัพยากรอ่ืน ๆ เช฽น สัตว์ปุา ปุาไม฾ พืช น้ํา และแร฽ธาตุต฽างๆ เป็นตน฾ 4. ดินเป็นแหล฽งกําจดั ของเสยี ท่ีสาํ คญั รายวิชาทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ฾ มเพ่ือชวี ิต GESC1104

กาเนดิ ของดนิ การกําเนิดของดินเป็นผลจากอิทธิพลต฽างๆ ท่ีอยู฽ในกระบวนการสร฾างดิน ที่มีต฽อส฽วนท่ี ขยายตัวผพุ งั ของดนิ และแร฽ โดยเกิดอยู฽กบั ท่หี รือถกู พัดพาไปทบั ถมในท่ีอ่ืนๆ ซึ่งจะช฾าหรือเร็วข้ึนอยู฽กับ ระยะหรอื ขนั้ ตอนกระบวนการตอ฽ ไปน้ี ข้ันท่ี 1 การสลายตัวผุพังของหินและแร฽และวัตถุอินทรีย์ท่ีมีอยู฽บนผิวโลก และการทับถม เพิ่มพนู ของส่งิ ทสี่ ลายตัวผพุ ังเปน็ วัตถตุ ฾นกําเนดิ ดนิ ขัน้ ท่ี 2 การผสมคลกุ เคล฾าของอินทรียวัตถุจากผิวหน฾า การผุพังสลายตัวของวัสดุอินทรีย์และ การเกดิ ลกั ษณะและชน้ั ดนิ ต฽างๆ เป็นหนา฾ ตดั ดนิ จากวัตถุต฾นกําเนิดดิน เม่ือเวลาผ฽านไปจะเข฾าส฽ูกระบวนการเกิดดิน แบ฽งได฾ 3 กระบวนการ ดงั น้ี 1. การผุพังอยู฽กับท่ี (Weathering) ของหินและแร฽ และการย฽อยสลายของ อินทรียว์ ตั ถุ ซึ่งให฾องคป์ ระกอบของดินบางส฽วนเปล่ยี นไปและถูกทําลาย บางส฽วนถกู สร฾างขึ้นมาใหม฽ 2. การย฾ายที่ (Translocation) ข้ึนลงภายในหน฾าตัดดินของวัสดุอนินทรีย์และวัสดุ อนิ ทรยี ์โดยมนี า้ํ เปน็ ปจั จัยสําคญั 3. การสะสม (Accumulation) ของวสั ดุดนิ ในชัน้ ดนิ (Soil horizon) ซึ่งอาจ เคลอื่ นย฾ายมาจากช้นั บนหรือลา฽ งของชนั้ ที่มีการสะสม กระบวนการสรา฾ งดนิ หรอื กาํ เนดิ ของดนิ ประกอบดว฾ ยขน้ั ตอนและกระบวนการตา฽ ง ๆ ดงั กลา฽ ว ซง่ึ อาจสรปุ ไดด฾ งั ภาพท่ี 4.1 การผุพัง หนิ และแร่ วตั ถตุ น้ กาเนดิ ดนิ ดนิ การเคลื่อนย้าย อินทรียว์ ตั ถุ ภาพที่ 4.1 กระบวนการสร฾างดนิ หรอื การเกดิ ดนิ รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ฾ มเพื่อชีวติ GESC1104

สว่ นประกอบของดนิ ดนิ มสี ฽วนประกอบหรอื องคป์ ระกอบทีส่ ําคัญซ่งึ มสี ว฽ นเกย่ี วข฾องกบั การเจรญิ เตบิ โตของพืชได฾ 4 สว฽ น คอื 1.อนินทรียว์ ตั ถุ (Mineral matter) เปน็ ส฽วนทเ่ี กดิ จากหินและแร฽ทเ่ี กิดการสลายตวั ทางเคมี ทางฟิสิกส์ และทางชวี เคมี มหี น฾าท่ีดงั นี้ 1.1 เป็นแหลง฽ กําเนิดของธาตุ หรอื อาหารพืช และเป็นแหลง฽ จุลนิ ทรีย์ในดนิ 1.2 เป็นสว฽ นควบคุมเนือ้ ดนิ 2. อินทรยี ์วัตถุ (Organic matter) เปน็ สว฽ นเน฽าเปื่อยผพุ งั หรือการสลายตัวของเศษ ของพืช มีหนา฾ ท่ีดังน้ี 2.1 เปน็ แหล฽งกาํ เนิดธาตุอาหารของดิน เช฽น ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั กาํ มะถนั 2.2 เป็นแหล฽งให฾พลงั งานแก฽จลุ นิ ทรยี ใ์ นดนิ 3. อากาศ เป็นชว฽ งว฽างระหวา฽ งก฾อนดนิ หรืออนุภาคดนิ ซึ่งมีอากาศอยู฽ มีหนา฾ ทดี่ ังนี้ 3.1 ให฾แก฿สออกซเิ จนให฾พืชและจุลนิ ทรีย์ใชใ฾ นการหายใจ 3.2 ให฾แก฿สไนโตรเจนซ่งึ เป็นประโยชน์ตอ฽ พชื และจลุ นิ ทรียบ์ างชนิด 4. น้าํ เปน็ ส฽วนท่ีพบอยู฽ในช฽องว฽างระหวา฽ งก฾อนดนิ หรืออนุภาคดิน ทาํ หน฾าทด่ี ังนี้ 4.1 ชว฽ ยละลายแรธ฽ าตุอาหารต฽างๆเป็นต฾น ทําให฾พชื สามารถนาํ ไปใช฾ได฾ 4.2 ให฾นา้ํ แก฽พชื และสง่ิ มชี ีวติ อืน่ ๆ ในดิน ดินท่ีเหมาะสมแก฽การเพาะปลูก มีส฽วนประกอบดังนี้ อนิ ทรยี ว์ ัตถุ ร฾อยละ 5 โดยปริมาตร 45 โดยปริมาตร อนนิ ทรยี ์วัตถุ (แรธ฽ าต)ุ รอ฾ ยละ 25 โดยปรมิ าตร 25 โดยปรมิ าตร อากาศ รอ฾ ยละ นา้ํ ร฾อยละ ซ่งึ อาจจะแยกไดเ฾ ป็น 2 สว฽ นใหญ฽ๆ คือ ส฽วนทีเ่ ป็นของแขง็ คือ อนิ ทรยี ์วตั ถุ และอนินทรีย์ วัตถุรอ฾ ยละ 50 โดยปรมิ าตร และส฽วนทีเ่ ป็นช฽องวา฽ ง และน้าํ รอ฾ ยละ 50 ดังภาพท่ี 4.2 รายวิชาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล฾อมเพื่อชีวติ GESC1104

ภาพท่ี 4.2 สว฽ นประกอบของดินโดยปริมาตรเหมาะสมตอ฽ การเพาะปลูก มลพษิ ในดิน มลพิษในดิน หรือ มลพิษทางดิน หรือ มลพิษของดิน หรือ ดินเสีย ซึ่งจะเรียกช่ือแตกต฽างกัน ออกไปแล฾วแต฽ความถนัดของแต฽ละคน แต฽จะมาจากคําภาษาอังกฤษที่เหมือนกัน คือ Soil pollution ทัง้ สน้ิ ในทน่ี ีจ้ ะขอใชค฾ ําว฽า มลพิษในดนิ มลพิษในดิน หมายถึง สภาวะท่ีดินหรือพื้นดินเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือปนเปื้อนโดยมลพิษ หรอื สารมลพษิ ซงึ่ ทาํ ให฾คุณภาพของดินเสอ่ื มโทรม (เกษม จันทรแ์ กว฾ . 2558: 162) มลพิษในดิน หมายถึง ภาวะการปนเปื้อนของดินด฾วยสารมลพิษมากเกินขีดจํากัดจนมี อนั ตรายตอ฽ สขุ ภาพอนามัยตลอดจนการเจริญเตบิ โตของส่ิงมชี วี ิตทง้ั พืชและสัตว์ อาจกล฽าวได฾ว฽ามลพิษในดิน หมายถึง ดินที่เส่ือมคุณค฽าไปจากสภาพเดิม มีการปนเปื้อนด฾วย สารมลพิษต฽างๆ เกินขีดจํากัดจนทําให฾เกิดอันตรายต฽อสุขภาพอนามัยตลอดจนการเจริญเติบโตและ เจริญพนั ธข์ องมนษุ ย์ สตั ว์ และ พชื หรอื ไมเ฽ หมาะสมที่จะนํามาใชป฾ ระโยชน์ 1. สาเหตุของการเกดิ มลพิษในดนิ มลพิษในดิน เกิดจากสาเหตุ 2 ประการ คือ 1.1 เกิดจากการเปล่ียนแปลงสภาพทางธรรมชาติ โดยเร่ิมจากวัตถุต฾นกําเนิดดินเม่ือ เกิดการผุพังสลายตัว และพัดพามาทับถมกันอยู฽ จะทําให฾มีลักษณะของดินแตกต฽างกันไปและยังอาจ เกดิ จาการเปลี่ยนแปลงสภาพภมู อิ ากาศของโลก รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ฾ มเพ่ือชวี ิต GESC1104

1.2 เกิดจากการกระทําของมนุษย์ ซึ่งเป็นผลจากการใช฾สารฆ฽าศตรูพืช เกิดการ ปนเป้ือนของโลหะหนกั ในดิน และการปนเปอื้ นของสารกมั มันตรังสีในดนิ เป็นตน฾ จากสาเหตุการเกิดมลพิษในดินดังกล฽าว เป็นผลให฾สมบัติของดินเปล่ียนแปลงและ กลายเป็นปัญหามลพิษในดนิ ในรูปแบบต฽าง ๆ 2. แหลง่ กาเนดิ ของสารมลพิษในดนิ สารมลพิษในดินมีแหล฽งกําเนิดมาจากกิจกรรมของมนุษย์ เช฽น ทางด฾านการเกษตร โรงงาน อตุ สาหกรรม มูลฝอย และนํ้าเสยี หรอื นํา้ ท้งิ จากชมุ ชน ดงั ตารางท่ี 4.1 ตารางท่ี 4.1 แหล฽งกําเนดิ ของมลพษิ ในดนิ และสารมลพิษในดนิ แหลง่ กาเนิด ดัชนีช้วี ัด สารมลพษิ ในดิน การเกษตร สารฆ฽าศตั รูพืช สารอนิ ทรยี ์ โลหะหนัก ธาตอุ าหาร เชน฽ ไนโตรเจน การอตุ สาหกรรม ปุ฻ย ฟอสฟอรัส โพเทสเซียม การกษัยการของดิน โลหะหนัก สารอินทรีย์ มูลฝอย กากของเสยี อันตราย บรรยากาศ น้ําทิ้งทปี่ นเป้ือนด฾วยสารพิษ สารกมั มันตรังสี สารแขวนลอย สารอินทรยี ์ ธาตอุ าหาร การกดั กรอ฽ นดนิ โดยนํา้ การกัดกรอ฽ นดินโดยลม ฟุงู กระจายของฝุน พายุฝนุ เศษอาหาร ซากพืช ซากสตั ว์ สารอนิ ทรีย์ เช้ือโรค เชน฽ ไขห฾ วดั นก มูลฝอยอนั ตราย โลหะหนกั ฝนกรด ซลั เฟอร์ไดออกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ 3. ปญั หามลพิษในดนิ 3.1 ดินกรด ดินกรด คือ ดินที่มีค฽าพีเอชต่ํากว฽า 7 ซึ่งอาจเกิดจากวัตถุต฾นกําเนิดดินที่มีแร฽ธาตุที่ สลายตัวแล฾วให฾กรดในปริมาณมาก เช฽น แร฽ไพไรท์ (Pyrite, FeS2) หรือแร฽อื่นๆ ที่มีกํามะถันเป็น องคป์ ระกอบ ดินท่ีเปน็ กรดจะพบมากในภาคกลางและบริเวณชายฝั่งตะวันออก ได฾แก฽ อยุธยา สระบุรี ปทุมธานี สุพรรณบุรี นครนายก และจันทบุรี โดยเฉพาะจังหวัดปทุมธานี แถบรังสิต และองครักษ์ จังหวดั นครนายก ดินเป็นกรดจดั มาก (มีค฽าพีเอชต่ํากว฽า 4) รายวชิ าทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล฾อมเพื่อชวี ติ GESC1104

3.2 ดนิ เคม็ ดนิ เคม็ คือ ดินที่มีเกลือของแคลเซียม แมกนีเซียม และโซเดียม อยู฽เป็นปริมาณมาก จนเป็นอันตรายต฽อพืช เกิดจากการสลายตัวหรือผุผังของหินและแร฽ท่ีมีสารประกอบที่มีเกลือเป็น องค์ประกอบ เกิดจากอิทธิพลของนํ้าทะเล ซึ่งลมทะเลจะพัดพาเอาเกลือมาตกบนพ้ืนแผ฽นดินและ สะสมกันนาน จนมจี ํานวณมากในพ้ืนท่ีนั้น เกิดจากใต฾ดินมีชั้นของหินเกลือ หรือเกลือท่ีอยู฽ในระดับนํ้า ใตด฾ นิ และอาจเกดิ จาการใส฽ปุย฻ เคมมี ากเกินไป (พลู สุข โพธริ กั ขิต-ปรัชญานุสรณ์. 2553: 115) ดนิ เคม็ มีค฽าการนําไฟฟูาของน้ําในดินที่อยู฽ในสภาพอิ่มตัวมากกว฽า 4 มิลลิซีเมนส์ ต฽อ เซนติเมตร ท่ี 25 องซาเซลเซียส มีค฽าพีเอชต่ํากว฽า 8.5 มีโซเดียมท่ีจะละลายได฾น฾อยกว฽า ครึ่งหน่ึงของ แคตอิออนท่ลี ะลายได฾ท้งั หมด โครงการแก้ปัญหาดนิ อนั เนื่องมาจากพระราชดาริ 1. ทฤษฎี \"แกลง้ ดนิ \" อันเนือ่ งมาจากพระราชดาริ พระบาทสมเด็จพระเจ฾าอยู฽หัวเสด็จ ฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาส ในปี พ.ศ. 2524 ทรงพบว฽า หลังจากมีการชักน้ําออกจากพ้ืนท่ีพรุ เพื่อจะได฾มีพื้นท่ีใช฾ทําการเกษตรและเป็นการ บรรเทาอุทกภัยนั้น ปรากฏว฽าดินในพื้นที่พรุแปรสภาพเป็นดินเปรี้ยวจัด ทําให฾เพาะปลูกไม฽ได฾ผล จึงมี พระราชดาํ ริให฾สว฽ นราชการต฽างๆ พิจารณาหาแนวทางในการปรับปรุงพ้ืนที่พรุท่ีมีนํ้าแช฽ขังตลอดปี ให฾ เกิดประโยชน์ ในทางการเกษตรมากท่ีสุดและให฾คํานึงถึงผลกระทบต฽อระบบนิเวศด฾วย การแปรสภาพ เป็นดินเปร้ียวจัด เน่ืองจากดินมีลักษณะเป็นเศษอินทรีย์วัตถุหรือซากพืชเน฽าเปื่อย อยู฽ข฾างบนและมี ระดับความลึก 1-2 เมตร เป็นดินเลนสีเทาปนน้ําเงิน ซึ่งมีสารประกอบกํามะถัน ท่ีเรียกว฽า สารประกอบไพไรท์อยู฽มาก ดังน้ันเม่ือดินแห฾งสารไพไรท์จะทําปฏิกิริยากับอากาศปลดปล฽อยกรด กาํ มะถันออกมา ทําใหด฾ นิ แปรสภาพเป็นดนิ กรดจัดหรอื เปรี้ยวจัด ศนู ย์ศกึ ษาการพัฒนาพิกุลทอง อัน เน่ืองมาจากพระราชดําริ จึงได฾ดําเนินการสนองพระราชดําริโครงการ \"แกล฾งดิน\" เพื่อศึกษาการ เปล่ียนแปลง ความเป็นกรดของดิน เริ่มจากวิธีการ \"แกล฾งดินให฾เปรี้ยว\" ด฾วยการทําให฾ดินแห฾งและ เปียกสลับกันไป เพ่ือเร฽งปฏิกิริยาทางเคมีของดิน ซ่ึงจะไปกระต฾ุนให฾สารไพไรท์ทําปฏิกิริยากับ ออกซิเจนในอากาศ ปลดปลอ฽ ยกรดกาํ มะถนั ออกมา ทําให฾ดินเป็นกรดจัดจนถึงข้ัน \"แกล฾งดินให฾เปรี้ยว สุดขีด\" จนกระท่ังถึงจุดที่พืชไม฽สามารถเจริญงอกงามได฾ จากนั้นจึงหาวิธีการปรับปรุงดินดังกล฽าวให฾ สามารถปลกู พืชได฾ วธิ ีการแกไ฾ ขปัญหาดินเปร้ยี วจดั ตามแนวพระราชดาํ ริ มีดังนี้ ควบคุมระดับน้ําใต฾ดิน เพ่อื ปูองกนั การเกิดกรดกาํ มะถัน จงึ ต฾องควบคุมน้ําใต฾ดินให฾อย฽ูเหนือชั้นดินเลนที่มีสารไพไรท์อยู฽ เพ่ือมิ ใหส฾ ารไพไรทท์ าํ ปฏกิ ิริยากบั ออกซเิ จนหรือถกู ออกซิไดซ์ (วิสาขา ภจ฽ู นิ ดา. 2556: 58-59) รายวิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ฾ มเพื่อชวี ิต GESC1104


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook