Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2562_3

2562_3

Published by lunda, 2019-03-13 06:26:29

Description: 2562_3

Keywords: 2563-3

Search

Read the Text Version

91 2.4 แนวคาถามในการสนทนากลุ่มหลงั เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่เนน้ ทักษะกระบวนการ 3. วิธีการศึกษา 3.1 สร้างเคร่ืองมือเกบ็ รวบรวมข้อมูล 1) แบบทดสอบความสามารถด้านการคดิ วเิ คราะห์ ผูว้ จิ ัยการดาเนนิ การดังน้ี - ศึกษาความหมายและองค์ประกอบของการคิดวิเคราะห์จากเอกสารและ งานวิจัยที่เก่ียวข้อง โดยแยกเป็นการวิเคราะห์ด้านการจาแนก การจัดหมวดหมู่ การเชื่อมโยง การสรุปความ และการพยาการณ์ และให้นิยามเชงิ ปฏิบัตกิ ารของแต่ละองค์ประกอบของการคดิ วิเคราะห์ - ศึกษาขอบเขตความสามารถในการคิดวิเคราะห์ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน โดย ผูเ้ รียนทเ่ี ป็นกลุม่ ตวั อย่างในการวจิ ัยคร้ังน้ี เป็นนักศึกษาพยาบาลศาสตรช้ันปที ี่ 2 - กาหนดประเด็นในการออกแบบการวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ท่ี ครอบคลมุ เนอื้ หาบทที่ 7-10 - นาข้อมูลที่ศึกษามารวบรวมและกาหนดเป็นแนวทางในการสร้าง แบบทดสอบ กาหนดจุดมุ่งหมายของการนาแบบทดสอบไปใช้ในการวัดความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ วิชาพยาธิสรีรวิทยา - เขียนข้อสอบให้ตรงกบั โครงสร้างของการวัด กาหนดตวั คาถามมาจากข้อมูล ส้ันๆ เกี่ยวกับผู้ป่วยท่ีมีความผิดปกติระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท ระบบหัวใจ ไหลเวียนโลหิต และ ระบบทางเดินอาหาร ส่วนคาตอบได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยพิจารณาจากข้อคาถามแต่ละข้อ โดยมี ตัวเลือกตอบชนิด 4 ตัวเลือก ส่วนการให้คะแนนมีการกาหนดเกณฑ์ ตอบถูกต้องตรงคาเฉลยได้ 1 คะแนน ถ้าตอบผดิ หรอื ไม่ตอบให้ 0 คะแนน 2) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาต่อการเรียนด้วยรูปแบบการเรียน การสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพ่ือส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ โดยศึกษาวิธีการสร้าง แบบสอบถามจากตาราการวัดผลทางการศึกษา และดาเนินการสร้างแบบสอบถามเป็นมาตราส่วน ประมาณค่า 5 ระดับ มีท้ังหมด 30 ข้อ ประกอบด้วย 4 ด้านได้แก่ 1) ด้านบทบาทผู้สอน จานวน 9 ข้อ 2) ด้านการจัดกระบวนการเรยี นรู้ จานวน 9 ข้อ 3) ด้านผู้เรียน จานวน 6 ข้อ 4) ด้านการสนับสนุนแหล่ง เรียนรู้ จานวน 6 ข้อ คาตอบมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ การให้คะแนนมีค่าระดับ 1 ถึง 5 โดย 5 หมายถงึ มีความพึงพอใจต่อการจดั การเรียนการสอนข้อนีใ้ นระดับมากทีส่ ุด 4 หมายถึง มคี วามพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนขอ้ นใ้ี นระดับมาก

92 3 หมายถงึ มีความพึงพอใจตอ่ การจัดการเรยี นการสอนข้อนใ้ี นระดบั ปานกลาง 2 หมายถงึ มีความพงึ พอใจต่อการจัดการเรียนการสอนข้อนใ้ี นระดับน้อย 1 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจตอ่ การจดั การเรียนการสอนข้อนใ้ี นระดับน้อยทสี่ ุด แปลความหมายของค่าคะแนนที่วัดได้ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการหาค่าเฉล่ีย (���̅���) และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D) (บุญชม ศรสี ะอาด. 2554: 102–103) ใหเ้ กณฑร์ ะดับความพงึ พอใจ ดงั นี้ 4.51 – 5.00 พงึ พอใจมากทส่ี ุด 3.51 – 4.50 พงึ พอใจมาก 2.51 – 3.50 พึงพอใจปานกลาง 1.51 – 2.50 พงึ พอใจน้อย 1.00 – 1.50 พงึ พอใจน้อยทส่ี ุด 3) แบบสอบถามความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ซ่ึงเป็นฉบับเดียวกับที่ผู้วิจัยได้ให้ กลุ่มตวั อยา่ งประเมนิ ตนเองก่อนเรียนด้วยรปู แบบการเรียนการสอนที่เนน้ ทักษะกระบวนการ 4) แนวทางการสนทนากลุ่ม หลังการพัฒนาการคิดวิเคราะห์ มีลักษณะแนวคาถาม ปลายเปิด 3.2 การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือเกบ็ รวบรวมข้อมลู 3.1 แบบทดสอบความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ ผู้วิจัยดาเนินการตรวจสอบ คุณภาพเครอ่ื งมือดงั น้ี 1) นาแบบทดสอบไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการวัดประเมินผล จานวน 3 ท่าน ตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา ความถูกต้องและความชัดเจนของภาษา โดยใช้ IOC (index of item objective congruence) ไดค้ ่าดชั นคี วามสอดคลอ้ งของข้อสอบระหว่าง 0.8-1.00 2) นาแบบทดสอบที่ผ่านการตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขแล้ว ไปทดลองใช้กับ นักศึกษาช้ันปีท่ี 2 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง และได้ผ่านการเรียนเน้ือหาน้ีมาก่อน จานวน 30 คน จากนั้นไป ตรวจให้คะแนนเป็นรายข้อ โดยมีเกณฑ์การตรวจให้คะแนนแบบตอบถูกให้ 1 ตอบผิดหรือไม่ตอบให้ 0 คะแนน 3) หาความยากง่ายของข้อสอบ (p) ซ่ึงพิจารณาความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.2- 0.8 และวิเคราะห์หาค่าอานาจจาแนก (r) ต้องมีค่าต้ังแต่ 0.2 ขึ้นไป ในงานวิจัยนี้ได้ค่าความยากง่าย เทา่ กบั 0.23 – 0.73 และค่าอานาจจาแนกเท่ากับ 0.20 – 0.80 (ภาคผนวก จ) 4) นาแบบทดสอบไปหาค่าความเช่ือมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ โดยใช้สูตร KR-20 ของคเู ดอร์ รชิ ารด์ สัน (Kuder Richardson Formula 20) ได้ค่าความเชอื่ มัน่ ทง้ั ฉบับเทา่ กบั 0.82

93 3.2 แบบสอบถามความพงึ พอใจ ผ้วู จิ ัยดาเนินการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือโดยนา แบบสอบถามความพึงพอใจ ให้ผู้เช่ียวชาญด้านการวัดและประเมินผล จานวน 3 ท่าน เพ่ือความ สอดคล้องระหว่างเน้ือหาและข้อคาถามโดยใช้ IOC (index of item objective congruence) ได้ค่า IOC ของแบบสอบถามอยู่ในช่วง 0.67 ถึง 1 (ภาคผนวก จ) 3.3 แนวคาถามในการสนทนากลมุ่ หลังการพัฒนาการคิดวิเคราะห์ ผู้วิจัยตรวจสอบ ความนา่ เช่อื ถือไดข้ องขอ้ มลู โดยการตรวจสอบสามเส้าด้านตา่ งๆ 1) ตรวจสอบปริมาณ ตรวจสอบข้อมูลจากการสนทนากลุ่มโดยพิจรณาจาก ข้อมูลที่ได้จากการจดบันทึกและการบันทึกเทปมีปริมาณเพียงพอ ครอบคลุมทุกประเด็นคาถาม และ ครบถ้วนตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หากข้อมูลไม่เพียงพอ ทาการเก็บข้อมูลเพ่ิมเติม จนได้ข้อมูลที่ตอบ วัตถุประสงค์การวิจยั ได้ 2) ตรวจสอบแหล่งข้อมูล เพ่ือตรวจสอบว่าเม่ือต่างบุคคลแล้ว ข้อมูลมีความ แตกต่างกันหรือไม่ ในการวิจัยนี้สนทนากลุ่มนักศึกษา 3 กลุ่มที่มีผลการเรียนในระดับเก่ง ปานกลาง และอ่อน กลมุ่ ละ 5 คน 3) ตรวจสอบขอ้ มลู กับเจา้ ของขอ้ มูล ผู้วิจัยตรวจสอบข้อมลู ดว้ ยการสอบถามซ้า ในประเด็นเดียวกนั เพ่อื ยนื ยนั ความเช่ือถือไดข้ องข้อมลู 3. การเก็บรวบรวมข้อมูลโดย หลังส้ินสุดการเรียนการสอน ให้กลุ่มตัวอย่างประเมิน ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์โดยทาแบบทดสอบ ตอบแบบสอบถาม และสนทนากลุ่ม (Focus group) แบ่งเป็น 3 กลุ่ม โดยคัดเลือกผรู้ ่วมสนทนากลุ่มที่มีลักษณะรว่ ม (Homogeneous) กล่าวคือ เป็น นักศึกษาที่มีผลการเรียนในระดับเก่ง ปานกลาง และอ่อน กลุ่มละ 9 คน ผู้วิจัยได้วางแผนการสนทนาโดย จัดเตรียม แนวคาถาม นัดหมาย จัดเตรียมสถานท่ี และก่อนสนทนากลุ่มได้แจ้งวัตถุประสงค์การวิจัย ขออนุญาติกลุ่มตัวอย่างในการบันทึกเทป และจดบันทึกข้อมูล และประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนต่อ การใช้รปู แบบการเรียนการสอนทเี่ นน้ ทกั ษะกระบวนการ 4. การวิเคราะห์ขอ้ มลู โดยนาคะแนนจากการทาแบบทดสอบวัดความสามารถด้านการ คดิ วิเคราะหเ์ ทยี บกบั เกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเตม็ เปรยี บเทยี บค่าเฉล่ยี ความสามารถดา้ นการคิด วิเคราะห์ก่อนและหลังใช้รูปแบบโดยใชส้ ถิติ t- test for dependent sample และวิเคราะหข์ ้อมลู เชิง คณุ ภาพโดย content analysis

94 สรุปขน้ั ตอนกำรดำเนนิ กำรวจิ ยั แตล่ ะระยะดังน้ี เชิงปรมิ าณ ระยะที่ 1 ศึกษาเอกสาร งานวิจยั และการศกึ ษาเชงิ สารวจวเิ คระห์ (แบบสอบถาม) R1D0 เชงิ คุณภาพ ศกึ ษาเอกสาร งานวิจัย สารวจ (Survey study) (สนทนากลุ่ม) กรอบแนวคิด ความสามารถดา้ นการคิดวเิ คราะห์ การสร้างรูปแบบ เทคนิควิธกี ารจัดการเรยี นการสอนที่ส่งเสริมการคิดวเิ คราะห์ ระยะท่ี 2 ออกแบบรปู แบบการเรียน การประเมนิ การใช้ R1D1 การสอนทเ่ี น้นทักษะ กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการ R2D1 ทดลองใชร้ ปู แบบ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผลการประเมินหลังเรียน (สนทนากลุ่ม) พฤติกรรมการคิด วเิ คราะหแ์ ละการทากล่มุ ปรบั ปรงุ รูปแบบ เพม่ิ กระบวนการกลมุ่ R2D2 ระยะท่ี 3 R3D2 นารูปแบบการจัดการเรยี นการสอนที่เนน้ กระบวนการคิดวเิ คราะห์ และกระบวนการกลุ่ม ไปใชก้ บั กลมุ่ ตวั อยา่ ง (วจิ ยั ก่ึงทดลอง) ระยท่ี 4 ประเมินประสิทธิผลของรปู แบบการเรยี นการสอนท่ีเน้นทกั ษะกระบวนการ ความพึงพอใจตอ่ การจดั การ ความสามารถ เรียนการสอนโดยใชร้ ปู แบบฯ ด้านการคิดวเิ คราะห์ ภาพที่ 2 สรุปขั้นตอนการดาเนนิ การวิจยั แต่ละระยะ

95 กำรพิทักษส์ ิทธิ์ของกลุ่มตวั อยำ่ ง การวจิ ัยครง้ั นไ้ี ด้รบั พิจารณารบั รองจากคณะกรรมการจรยิ ธรรมการวิจัยในมนษุ ย์ของวิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี เลขทจ่ี ว.4/2558 และขอคายนิ ยอมเปน็ ลายลกั ษณ์อักษรจากผู้ใหข้ ้อมูลโดย ลงนามในใบพิทักษ์สทิ ธิ์ เข้าร่วมหรือปฏิเสธการเขา้ รว่ มวิจัย การรายงานข้อมลู เปน็ ภาพรวมไม่เปดิ เผย ขอ้ มลู เปน็ รายบุคคล สรปุ การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการเพ่ือส่งเสริมความสามารถด้านการ คิดวิเคราะห์ สาหรับนกั ศึกษาพยาบาล วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี การวจิ ัยครงั้ นี้มวี ัตถุประสงค์ ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐานเพ่ือพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพ่ือ ทดลองใช้รูปแบบ และเพ่ือประเมินผลการใช้รูปแบบ ประชากรท่ีศึกษาเป็นนักศึกษาพยาบาล และ อาจารย์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี กลุ่มตวั อยา่ งเปน็ นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2 ทลี่ งทะเบียน เรียนวิชาพยาธิสรีรวิทยา ปีการศึกษา 2557 จานวน 118 คน เครื่องมือวิจัยได้แก่ เครื่องมือทดลอง คือ รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ ซ่ึงเครื่องมือท่ีนารูปแบบไปใชใ้ นการจดั การเรียนการ สอนประกอบด้วย คู่มือการจัดการเรียนการสอนสาหรับอาจารย์ และแผนสอน ส่วนเครื่องมือท่ีใช้ในการ เก็บรวบรวมข้อมลู ได้แก่ แบบสอบถามความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สภาพปจั จบุ ัน และความคาดหวัง ในการพัฒนาความสามารถดา้ นการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษา แบบทดสอบท่ีวัดความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์ แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการคิดวิเคระห์และการทากลุ่ม และแบบสอบถามความพึง พอใจต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ แนวคาถามการสนทนากลุ่ม สถิติท่ีใช้ ในการิวิเคราะห์ได้แก่ ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ร้อยละ ค่าแฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การหา ค่าความยาก (Difficulty: p) หาค่าอานาจ (Discrimination: r) ของแบบทดสอบรายข้อ และหาค่าความ เชอ่ื มัน่ (Reliability) ของแบบทดสอบความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ ท่ีเปน็ แบบปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 4 ตัวเลือก โดยใช้สูตรของ คูเดอร์ ริชาร์ดสัน KR-20 หาความเช่ือมั่นของแบบสอบถามความสามารถในการ คิดวิเคราะห์และแบบสอบถามความพึงพอใจ ท่ีเป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า โดยหาสมั ประสิทธ์ิแอลฟา (Coefficient- ) ของครอนบาค เปรียบเทียบคะแนนจากการทาแบบทดสอบวดั ความสามารถด้านการ คิดวิเคราะห์เทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์ ก่อนและหลังใช้รูปแบบโดยใช้สถิติ t- test for dependent sample และวิเคราะห์ข้อมูลเชิง คณุ ภาพโดย content analysis

บทท่ี 4 ผลการวจิ ยั การวิจัยคร้ังน้ีเป็นการวิจัยและพัฒนาโดยมีวัตถุประสงค์พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้น ทักษะกระบวนการเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัย พยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี และประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะ กระบวนการ ผู้วิจยั นาเสนอผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล โดยจาแนกเปน็ 3 ตอน ดังนี้ ตอนท่ี 1 ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน ความคาดหวังการพัฒนาการคิดวิเคราะห์ และ ความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ ของนกั ศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี 1. ผลการศกึ ษาสภาพปัจจุบันและความคาดหวังการพฒั นาการคิดวิเคราะห์ 2. ผลการศึกษาความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ 2.1 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู พนื้ ฐานของกล่มุ ตัวอยา่ ง 2.2 ผลการวิเคราะห์ความสามารถด้านการคิดวเิ คราะหข์ องนักศึกษา ตอนที่ 2 ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพ่ือส่งเสริม ความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ตอนท่ี 3 ผลการประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ เพื่อ สง่ เสริมความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ สาหรบั นกั ศึกษาพยาบาล วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี 1. ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลขณะใช้รูปแบบ 2. ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลภายหลังใช้รูปแบบ ความหมายและสญั ลกั ษณ์ทใี่ ชใ้ นการนาเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมลู มดี ังน้ี n หมายถงึ จานวนนักศึกษาทีเ่ รยี นดว้ ยรูปแบบการเรียนการสอนท่เี น้นทักษะกระบวนการ ���̅��� หมายถึง ค่าเฉล่ียเลขคณิต SD หมายถงึ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน t หมายถงึ สถติ ทิ ี p หมายถึง ค่าความนา่ จะเป็น df หมายถงึ องศาความเป็นอิสระ (Degree of Freedom)

97 ตอนท่ี 1 ผลการศึกษาสภาพปัจจุบนั ความคาดหวงั การพฒั นาการคิดวเิ คราะห์ และ ความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ ของนักศกึ ษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี 1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพปัจจุบัน ความคาดหวังการพัฒนาการคิดวิเคราะห์ของ นักศึกษา ผู้วิจัยสรุปคาตอบที่ได้จากคาถามปลายเปิดในแบบสอบถามพบว่า วิทยาลัยมีการจัดการเรียนการ สอนแบบคิดวิเคราะห์ค่อนข้างน้อย นกั ศกึ ษายังไม่ค่อยเขา้ ใจเกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ การเรียนการสอนเน้นที่ เนื้อหา ไม่ค่อยเน้นกระบวนการคิด นักศึกษาจาได้แต่เน้ือหา แต่นาความรู้ที่ได้จากเนื้อหาไปใช้ได้น้อย มีการ แบง่ กลุ่มศึกษาดว้ ยตนเองเพื่อจะได้ให้นักศึกษาสามารถวิเคราะห์ แตใ่ นความเป็นจริงไม่ไดว้ ิเคราะห์ ไดแ้ ต่อ่าน ไปตามเน้ือหาเท่าน้ัน บางวิชาให้สะท้อนคิด แต่ก็ไม่ได้วิเคราะห์ บางวิชาสอนให้คิดวิเคราะห์แต่ก็ยังไม่เข้าใจ กระบวนการคิดวิเคราะห์ และลักษณะของครูผู้สอนบางท่านไม่เอื้อให้นักศึกษาถาม หรือแสดงความคิดเห็น ทาให้นักศึกษาไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ขาดความม่ันใจในตัวเอง ครูส่วนใหญ่เป็นผู้ควบคุมการสอน สอน โดยการบรรยาย ยึดติดกับรูปแบบการสอนเดิมๆ มีสื่อไม่หลากหลาย ไม่กระตุ้นให้นักศึกษาเกิดการคิด วิเคราะห์ ไม่มีการจัดกิจกรรมที่ให้นักศึกษามีกระบวนการคิดวิเคราะห์เป็นลาดับข้ัน ในส่วนของนักศึกษาเอง ไม่มวี นิ ัยในตนเอง ไม่ค่อยอ่านหนังสือ ขาดความใส่ใจในการเรียน มีนกั ศกึ ษาท่ีมีความคิดว่าอาจารย์มีการ สอนท่ีทาให้เกิดการคิดวิเคราะห์จานวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 16.70 วิธีการสอนที่อาจารย์ใชม้ ากทสี่ ุดเป็น อันดับหน่ึง คือ การสอนแบบบรรยายท่ีเน้นเนื้อหา คิดเป็นร้อยละ 47.50 รองลงมา คือ อภิปรายกลุ่มย่อย คิดเป็นรอ้ ยละ 40 ความคาดหวังของนักศึกษาต่อการจัดการเรยี นการสอนเพื่อพัฒนาการคิดวเิ คราะห์ สรปุ เปน็ ดา้ นต่างๆ ดงั น้ี ด้านวธิ กี ารสอนของครูทชี่ ่วยส่งเสริมการคดิ วิเคราะห์สาหรับนักศึกษา ไดแ้ ก่ การวิเคราะห์ กรณีศึกษา ฝึกปฏิบัติจริง เรียนรู้จากสถานการณ์จริง เรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก สะท้อนคิด การตั้ง คาถาม และการเรียนการสอนแบบต่อภาพ (Jigsaw) นักศึกษาเสนอให้อาจารย์ควรมีการสอนก่อนว่า ข้ันตอนการคิดวิเคราะห์ต้องทาอย่างไร การทางานร่วมกับเพ่ือนช่วยกันคิด การใช้กระบวนการกลุ่ม วิเคราะห์สถานการณ์ การทากลุ่ม การต้ังคาถาม แสดงบทบาทสมมุติ ตั้งคาถามเป็นรายบุคคล ด้าน คุณลักษณะของผู้สอนท่ีส่งเสริมให้นักศึกษาพัฒนาการคิดวิเคราะห์ ได้แก่ มีการเล่าเร่ืองหรือยกตัวอย่าง ประกอบ ไม่ดุ ให้อิสระไมป่ ิดกั้นทางความคดิ อาจารยค์ อยช่วยให้แนวทางในการคิด และดา้ นสิง่ สนับสนุน การเรียนรู้ ได้แก่ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาการคิดวิเคราะห์ ควรมีการจัดกิจกรรมที่ สนกุ สนาน ผ่อนคลายและไมเ่ ครียดแตไ่ ดเ้ นอ้ื หา ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสนทนากลุ่มกับนักศึกษาพบว่า ปัจจัยท่ีส่งเสริมให้ นกั ศึกษาเกิดการเรยี นรู้ มีการคิดวเิ คราะหไ์ ดแ้ ก่

98 1.1 ลักษณะของอาจารย์ผู้สอน “ข้นึ อยู่กับอาจารย์ด้วย อาจารย์สอนเปน็ กันเอง พูดคาพดู ท่ีเขา้ ใจง่าย” นักศกึ ษาชัน้ ปีที่ 2 “อาจารยก์ ็มผี ลนะคะ่ ถ้าอาจารย์สอนแบบพดู ตามสไลด์ หนูก็เลยรูส้ ึกว่าเรยี นแบบนี้ มนั นา่ เบ่ือคะ่ ” นักศกึ ษาชั้นปที ี่ 2 1.2 กิจกรรมการเรียนการสอนท่ีกระต้นุ ให้คดิ “ชอบอาจารย์ทจ่ี ถ้ี าม มนั ทาใหเ้ ราไม่ง่วงนอนเลยนะค่ะ” นกั ศกึ ษาชน้ั ปที ี่ 2 “ชอบแบบมีกิจกรรมใหท้ าแบบมคี าถามมาเยอะๆ ค่ะ ไม่คอ่ ยงว่ งนอน เหมอื น พอเพือ่ นตอบเรากจ็ าไดด้ ว้ ยค่ะ” นักศึกษาช้นั ปที ี่ 2 “สอนแบบสนกุ สนาน มคี าถาม สอนแบบสนุกสนาน” นักศึกษาชั้นปที ่ี 2 “ชอบนะค่ะ เวลาอาจารยใ์ ห้งาน ไปศึกษาด้วยตนเอง เหมือนเราหาขอ้ มลู ดว้ ย ตนเอง เรากจ็ ะรู้ทุกอยา่ งว่า อ๋อ... มนั มาแบบนี้ นักศกึ ษาชั้นปีที่ 2 “ชอบที่อาจารยใ์ ห้ไปหาข้อมูลเอง เพราะวา่ ปกติเรยี นกไ็ ม่ค่อยเครยี ด อาจารย์ ใหง้ านมาก็ไปห้องสมดุ อา่ นหัวขอ้ ทเ่ี ราไดม้ นั คอื อะไร แล้วทาให้เราเขา้ ใจ” นกั ศกึ ษาชน้ั ปี2 “การทางานกลุม่ คอื สนกุ หนูชอบมนั ทาใหเ้ ราได้ฝกึ วิเคราะห์ดคี ะ่ พบเพื่อน ใหมๆ่ ได้ทางานร่วมกนั ” นักศกึ ษาชน้ั ปที ่ี 2 ผลการสนทนากลุ่มกับอาจารย์ในวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ผู้วิจัยสรุปได้ ดังน้ี ครตู ระหนักและเห็นความสาคญั ของการจัดการเรียนรเู้ พื่อพัฒนาทักษะการคดิ วิเคราะห์ เป็นทกั ษะที่ จาเป็นในการเรียนพยาบาล และการประกอบวิชาชีพพยาบาล รายวิชาทางการพยาบาลส่วนใหญ่สอนให้

99 นักศึกษาคิดวิเคราะห์มากข้ึน แต่รายวิชาพื้นฐานส่วนใหญ่ยังเป็นการสอนแบบบรรยาย เนื่องจาก มี ขอ้ จากดั ทผี่ ู้สอนเป็นอาจารยพ์ ิเศษจากภายนอก แต่เหน็ ว่าควรให้นกั ศึกษาไดฝ้ ึกทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ใน วิชาพ้ืนฐานกอ่ นก็จะทาใหน้ กั ศกึ ษาเรียนในวชิ าทางการพยาบาลได้ดขี ึน้ 2. ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ความสามารถดา้ นการคิดวิเคราะห์ ดงั แสดงในตารางท่ี 2-3 2.1 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลพนื้ ฐานของกลุ่มตวั อย่าง ดงั ตารางท่ี 2 ตารางท่ี 2 จานวนและร้อยละของนักศึกษาพยาบาลช้ันปีที่ 2 จาแนกตามลักษณะส่วนบุคคล ลักษณะส่วนบคุ คล จานวน ร้อยละ เพศ 111 5.90 หญิง 7 94.10 ชาย อายุ 48 40.70 19 ปี 69 58.50 20 ปี 1 0.80 21 ปี เกรดเฉลย่ี สะสม 20 16.90 3.07-3.70 72 61.00 2.43-3.06 26 22.00 1.79-2.42 จากตารางท่ี 2 แสดงให้เหน็ ว่านักศกึ ษาสว่ นใหญ่เป็นเพศหญงิ คิดเป็นร้อยละ 94.10 สว่ นใหญอ่ ายุ 20 ปี คิดเปน็ ร้อยละ 58.50 และเมื่อนาเกรดเฉลีย่ สะสมในปีที่ผา่ นมาจัดแบง่ เปน็ 3 กลุ่ม โดยใชพ้ ิสัยพบว่า นักศึกษาส่วนใหญม่ เี กรดเฉล่ียสะสมในปีท่ผี ่านมาอยู่ในชว่ ง 2.43-3.06 คิดเปน็ รอ้ ยละ 61.00 2.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี

100 ตารางที่ 3 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ โดยรวมและจาแนกเป็นรายด้าน ของนกั ศึกษาพยาบาลชน้ั ปีท่ี 2 ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ ���̅��� SD ระดับความสามารถ การจาแนก การจดั หมวดหมู่ 2.29 0.51 ตา่ การเช่ือมโยง การสรปุ ความ 2.33 0.57 ตา่ การประยุกต์ รวม 2.26 0.56 ตา่ 2.30 0.64 ตา่ 2.30 0.59 ตา่ 2.31 0.51 ตา่ จากตารางท่ี 3 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์ โดยรวมและจาแนกเป็นรายด้าน ของนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2 แสดงให้เห็นว่า นักศึกษามี ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์โดยรวมอยู่ในระดับต่า (���̅���= 2.31, S.D.= 0.51) เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า นักศึกษามีการคิดวิเคราะห์ทุกด้านอยู่ในระดับต่า ด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือด้านการจัดหมวดหมู่ (���̅���= 2.33, S.D.= 0.57) สว่ นด้านการเชอื่ มโยงมคี า่ เฉล่ยี ตา่ ทส่ี ุด (���̅���= 2.26, S.D.= 0.56) ตอนท่ี 2 การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนท่ีเนน้ ทักษะกระบวนการ เพื่อส่งเสริมความสามารถ ดา้ นการคดิ วิเคราะห์ ผู้วิจัยพัฒนรูปแบบการเรียนการสอน โดยสังเคราะห์จากข้อมูลจาก 2 ส่วนได้แก่ ส่วนท่ี 1 การศึกษาเอกสาร แนวคดิ ทฤษฎี งานวจิ ัยท่เี ก่ยี วข้องกับการจัดการเรียนการสอนทส่ี ่งเสริมการคดิ วิเคระห์ และการแนวคิดเกี่ยวกับรูปแบบการเรียนการสอน ส่วนท่ี 2 ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาสภาพปัจจุบัน ความคาดหวังการพัฒนาการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษา และความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของ นกั ศกึ ษา สว่ นท่ี 1 ผลการศึกษาเอกสารแนวคดิ ทฤษฎี งานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้องกบั การจดั การเรียนการ สอนทีส่ ่งเสริมการคดิ วิเคระห์ และการแนวคิดเกีย่ วกับรูปแบการเรยี นการสอน สรปุ ไดด้ งั น้ี ทักษะการคิดวิเคราะห์ Analytic thinking) เป็นทักษะสาคัญของกระบวนการ เรียนรู้ในระดับอุดมศึกษา บุคคลที่มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์จะมีความสามารถในด้านอ่ืนๆ ท้ังน้ี

101 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 24 ข้อ 2 กล่าวว่า “การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ สถานศึกษาและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องดาเนินการฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญ สถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ปัญหา” ตลอดจนแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2545-2559 ท่ีมีเป้าหมายให้คนไทยทุกคนมีทักษะและกระบวนการในการคิด การวิเคราะห์ และ แก้ปญั หา สามารถประยกุ ต์ใชค้ วามรูไ้ ด้อยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม สามารถพฒั นาตนเองได้อย่างตอ่ เนื่อง เต็ม ตามศักยภาพ นอกจากน้ีมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรีสาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ.2552 ให้ ความสาคัญด้านการคิดวิเคระห์ โดยกาหนดในมาตฐานผลการเรียนรู้ด้านทักษะทางปัญญา ให้ผู้เรียน สามารถสืบค้น วิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย คิดวิเคราะหอยางเปนระบบ โดยใชองค ความรูทางวิชาชีพและท่ีเก่ียวของ รวมทั้งใชประสบการณเปนฐาน เพื่อใหเกิดผลลัพธที่ปลอดภัยและมี คุณภาพ ในการใหบริการการพยาบาล นอกจากน้ีหลักสูตรพยาบาลศาตรบัณฑิต (หลักสูตรปรับปรุง) พ .ศ.2556 ได้กาหนดไว้ว่า บัณฑิตที่จบหลักสูตรเป็นผู้ท่ีมีการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ และแก้ปัญหา อย่างสรา้ งสรรค์ ท้ังทเี่ ก่ยี วกับการปฏิบัติการพยาบาล และสถานการณท์ ่ัวไป ประกอบกบั วิทยาลยั พยาบาลบรม ราชชนนี ชลบุรีได้มีการกาหนดอัตลักษณ์บัณฑิตวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรีซึ่งสอดคล้องกับอัต ลักษณ์บัณฑิตของสถาบันพระบรมราชชนก และได้กาหนดสมรรถนะบัณฑิตท่ีตอบสนองอัตลักษณ์ไว้ 3 ด้าน ซ่ึงหนึ่งในน้ันก็คือการคิดวิเคราะห์ นอกจากน้ีรายวิชาพยาธิสรีรวิทยาซึ่งเป็นวิชาในหมวดพ้ืนฐาน วิชาชีพ ได้กาหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ไว้ 5 ด้าน ในด้านที่ 3 ทักษะทางปัญญา ข้อ 3.2 นักศึกษาสามารถ สืบค้นและวเิ คราะห์ข้อมลู จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย อกี ท้ังการวดั ความรู้ในรายวชิ าน้ีมกี ารวดั ในระดับ ของการวิเคราะห์ ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนเพ่ือให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์น้ัน ผู้สอนต้อง จัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ ได้ลงมือปฏิบัติ โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมและการมี ปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียนมากท่ีสุด เป็นการสอนท่ีให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง จัดกิจกรรมเรียนรู้ท่ีเปิดโอกาสให้ ผู้เรียนมีบทบาทสาคัญในการเรียนรู้ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมเรียนรู้อย่างต่ืนตัว (Active participation) และได้ใช้กระบวนการเรียนรู้ต่างๆ อันจะนาผู้เรียนไปสู่การเกิดการเรียนรู้ท่ีแท้จริง (ทิศนา แขมมณี. 2557) การจัดการเรียนการสอนโดยเนน้ กระบวนการคิด (Thinking-Based instruction) ซง่ึ เป็นการสอน ที่ให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การจัดเป็นการจัดการเรียนการสอนที่ดาเนินการโดยผู้สอนใช้รูปแบบ วิธีการ และเทคนิคการสอนต่างๆ กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความคิดขยายต่อเน่ืองจากความคิดเดิมที่มีอยู่ในลักษณะใด ลักษณะหนึ่ง ทักษะการคิดวิเคราะห์ตามแนวคิดของมาร์ซาโนประกอบด้วย ทักษะการแยกแยะ จัด หมวดหมู่ การเชื่อมโยง การสรุปความ และการพยากรณ์ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นส่ิงท่ี ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ ถึงแม้ว่าความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์เป็น ความสามารถเฉพาะตัว เป็นความแตกต่างของแต่ละคน แต่ถ้ามีการแลกเปล่ียนความคิดร่วมกัน มีการ

102 อภิปรายให้ข้อเสนอแนะโดยใช้กระบวนการกลุ่มจะช่วยให้การคิดวิเคระห์กว้างข้ึน นอกจากน้ีการคิด วิเคราะห์เป็นกระบวนการทางสมอง การจัดการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาความสามารถทางปัญญา ควร ต้องเขา้ ใจกระบวนการทางานของสมอง เพ่อื ผ้สู อนจะไดพ้ ฒั นาผ้เู รียนได้เต็มศกั ยภาพ ส่วนท่ี 2 ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน ความคาดหวังและแนวทางการจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ เพ่ือพัฒนาความสามารถดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ สรปุ ได้เป็น 3 ด้านดังน้ี 1. ด้านผู้สอน ในสภาพปัจจุบันเป็นผู้ควบคุมการสอน นักศึกษาคาดหวังให้อาจารย์ เปิดโอกาส รับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา ไม่กดดันนักศึกษา ไม่ดุ ให้อิสระไม่ปิดกั้นความคิด และย้ิม แย้มแจ่มใสเปน็ กันเอง 2. ด้านวิธีการสอน ในสภาพปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นแบบบรรยาย ไม่มีกิจกรรมท่ี กระตุ้นให้นักศึกษาเกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์เป็นลาดับข้ัน นักศึกษาคาดหวังให้ปรับวิธีการสอนท่ี หลากหลายได้แก่ วิเคราะห์กรณีศึกษา ฝึกปฏิบัติจริง เรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก สะท้อนคิด การต้ัง คาถาม และกลมุ่ ยอ่ ย 3. ส่ิงสนบั สนนุ การจดั บรรยากาศในการเรยี นทผี่ ่อนคลายไมต่ ึงเครียด ผลการศึกษาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษา ซึ่งนักศึกษาประเมินตนเอง พบวา่ นกั ศึกษามีความสามารถด้านการคดิ วเิ คราะหโ์ ดยรวมอยูใ่ นระดบั ต่าโดยเฉพาะด้านการเชอื่ มโยง ซง่ึ การเชื่อมโยงเปน็ ความสามารถที่จะช่วยให้ผูเ้ รียนสร้างความหมายของสง่ิ ท่ีเรียน และเม่ือนาไปผสมผสาน กับความรู้ท่ีมีอยู่ การพัฒนาความสามารถด้านการเชื่อมโยงควรจัดการเรียนรูให้ผูเรียนสรางความเขาใจ เกี่ยวกับเรื่องใดเร่ืองหนึ่ง โดยการปรับใหเชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่มีสะสมไวอยูในสมอง ซึ่งการเชื่อมโยง ความคิดจะชวยใหผูเรียนสามารถสรางความหมาย ของส่ิงท่ีไดเรียนข้ึนได และเม่ือนาไปผสมผสานกับ ความรู้ทีม่ อี ยูแลวก็จะทาใหสามารถคดิ ตอเนื่อง ผู้วิจัยนาข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎี เกี่ยวกับกระบวนการคิดวิเคราะห์ การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ รวมถึงผลการศึกษาสภาพปัจจุบันและ ความคาดหวังในการพัฒนาความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษา มาเป็นแนวทางการพัฒนา รปู แบบการเรียนการสอนทเี่ น้นทักษะกระบวนการ เพ่ือสง่ เสรมิ ความสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะห์ สาหรบั นักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ในการจัดการเรียนการสอนวิชาพยาธิสรีรวิยา และ จากการการทบทวนแนวคิดเก่ียวกับรูปแบบการเรียนการสอน พบว่ารูปแบบการเรียนการสอนเปน็ ระบบ หรอื โครงสรา้ งท่ีสร้างข้นึ ภายใต้หลักการ แนวคิดทีส่ ัมพันธ์กบั ความต้องการที่จะพัฒนา และมกี ารทดสอบ พิสูจน ยอมรับวามีประสิทธิผล/มีความเหมาะสมท่ีจะพัฒนาประสบการณ การเรียนรู โดยมีการจัด กระบวนการที่เป็นระบบ เพ่ือนามาใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพ่ือให้บุคคลมี

103 พฤติกรรมตามความคาดหวัง การพัฒนารูปแบบแบงออกเปน 2 ข้ันตอน ไดแก 1) การสรางหรือพัฒนา รูปแบบ และ 2) การตรวจสอบความเป็นไปได้ของรูปแบบ นอกจากน้ีรูปแบบยังประกอบด้วย องคป์ ระกอบหลกั ที่สาคัญ 4 องค์ประกอบไดแ้ ก่ หลักการ วัตถปุ ระสงค์ กระบวนการจัดการเรยี นการสอน และการวัดและประเมินผล ผู้วิจัยจัดทาเป็นคู่มือจัดการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่ เน้นทักษะกระบวนการ องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ ประกอบด้วย 1) หลักการของรูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ 2) วัตถุประสงค์ของ รูปแบบ 3) กระบวนการเรยี นการสอน 4) การประเมนิ ผลรูปแบบ ซง่ึ มีรายละเอยี ดดังน้ี องคป์ ระกอบท่ี 1 หลกั การของรปู แบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ จากการท่ี ผู้วิจัยให้ความสาคัญกับการลงมือปฏิบัติเพื่อให้เกิดทักษะ และประยุกต์ใช้ได้ สาหรับทักษะการคิด วเิ คราะหม์ ีความสาคัญ อกี ท้ังเป็นทักษะท่สี าคัญที่ถูกระบไุ วใ้ นคุณลักษณะบัณฑิตที่พงึ ประสงค์ การพัฒนา รปู แบบการเรยี นการสอนท่ีเนน้ ทกั ษะกระบวนการภายใต้ทฤษฎีการจัดการเรียนการสอนทเ่ี น้นผู้เรยี นเป็น ศูนย์กลาง แบบเน้นกระบวนการ โดยผู้วิจัยวิเคราะห์กระบวนการเรียนรู้จากแนวคิดพ้ืนฐานหลัก 3 แนวคิดคือ แนวคดิ กระบวนการคดิ วิเคราะห์ กระบวนการกลุม่ และการใช้สมองเปน็ ฐาน องคป์ ระกอบท่ี 2 วัตถุประสงค์ของรปู แบบการเรยี นการสอนทเี่ น้นทักษะกระบวนการ 2.1 เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกคิดวิเคราะห์แต่ละขั้นตอนของกระบวนการคิดวิเคราะห์ผ่าน การจัดการเรยี นการสอนดว้ ยรูปแบบการเรียนการสอนทีเ่ นน้ ทกั ษะกระบวนการ 2.2 เพือ่ สง่ เสรมิ ความสามารถดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ของนกั ศึกษา 2.3 เพื่อให้นกั ศกึ ษาได้แลกเปลย่ี นความรู้ และมีใช้กระบวนการกลุ่มในการคดิ วิเคราะห์ องคป์ ระกอบที่ 3 กระบวนการเรยี นการสอน เปน็ องคป์ ระกอบทสี่ าคัญ เป็นการนาแนวคิด มาสูก่ ารปฏบิ ตั ิ (Implementation) และการวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้ การจดั การเรยี นการสอน ประกอบด้วย การกาหนดกจิ กรรม บทบาทผูส้ อน และบทบาทของผู้เรียน ผสู้ อนและผ้เู รยี นต้องเข้าใจ ตรงกัน การเรยี นร้เู ปน็ งานเฉพาะบุคคลทาแทนกนั ไม่ได้ ผูส้ อนเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนไดเ้ รยี นร้ดู ้วยตนเอง การเรยี นรู้ท่เี กิดกบั ผ้เู รียนเป็นกระบวนการทางสติปัญญาที่ต้องให้กระบวนการคดิ วิเคราะห์ สร้างความ เขา้ ใจ โดยผสู้ อนเป็นผ้กู ระตุ้นใหผ้ ูเ้ รียนใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ แต่การคดิ วิเคราะห์ในเร่อื งเดยี วกนั อาจคดิ ไดห้ ลายแง่มมุ ทาให้เกิดการขยายเติมเต็มข้อความรู้ ดงั นัน้ ผ้สู อนจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนให้ ผู้เรียนมปี ฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งผเู้ รียนและแหล่งข้อมูลตา่ งๆ และท่สี าคญั กิจกรรมตอ้ งสนุกสนาน หลุดพน้ จาก ความไมร่ ู้ไปสคู่ วามใฝ่รู้ โดยการตั้งคาถามทง้ั จากตัวผเู้ รยี นเอง เพอื่ กระตนุ้ ใหเ้ กิดความอยากรหู้ รือคบั ขอ้ งใจบา้ ง ผู้เรยี นจะหาคาตอบเพ่ือให้หลุดพน้ จากความข้องใจ กระบวนการเรยี นการสอนทเี่ น้นทักษะกระบวนการ เพื่อสง่ เสรมิ ความสามารถด้านการคดิ วเิ คราะหป์ ระกอบด้วยข้นั ตอน ดงั น้ี

104 1. ขน้ั เตรยี มการก่อนการจดั การเรยี นการสอน (Preparation) 1.1 ชี้แจงการจัดการเรยี นการสอน 1.2 ผ้สู อนทบทวนความรูเ้ ดิมเพื่อเสรมิ ความรูใ้ หม่ 1.3 แบง่ กลมุ่ นักศึกษาโดยพิจารณาจากเกรดเฉลี่ยนสะสม กลมุ่ ละ 7-8 คน จัดกลุ่ม แบบ คละผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เก่ง ปานกลาง ออ่ น ในลกั ษณะ 1:3:1 1.4 ผสู้ อนอธิบายลาดบั ข้นั การคดิ วิเคราะห์ 2. ข้ันจดั การเรยี นการสอนท่ีใช้แนวคิดกระบวนการคดิ วิเคราะห์และกระบวนการกลุ่ม ผู้วจิ ยั ออกแบบการจัดกจิ กรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ จดั กระทากบั สถานการณ์ในรูปแบบกรณีศึกษา มีเป้าหมายให้ เกิดการคิดวิเคราะห์ กระตุ้นให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการเรียนรู้ทางสติปัญญา ผ่านรูปแบบการเรียนท่ีเน้น ทักษะกระบวนการคิดวิเคราะหค์ วบคู่กบั กระบวนการกลมุ่ ผู้เรียนมกี ารฝึกคิดวิเคราะหข์ องตนเองดว้ ยการ ตั้งคาถาม และหาคาตอบด้วยตนเอง และสะท้อนความคิดผ่านกระบวนการกลุ่มด้วยการแลกเปลี่ยน ความรู้ ความคิดเห็น เชื่อมโยงความรู้ ความคิด ที่มีอยู่เดิมกับสิ่งที่เข้าไปใหม่เข้าด้วยกัน สู่การสรุป การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน ผู้วิจัยสรุปขั้นตอนการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะ กระบวนการคิดและกระบวนการกลุ่มภายใต้การจัดการเรียนรู้ที่ใช้สมองเป็นฐาน จากแนวคิดทั้ง 3 แนวคดิ เป็น 7 ขั้นตอนได้แก่ 2.1 รู้ฉัน- รู้เธอ มีจุดประสงค์ 1) เพ่ือให้ผู้เรียนมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ 2) สร้าง บรรยากาศการเรียนรู้ให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย โดยจัดกิจกรรมให้นักศึกษาก่อนเร่ิมเข้าสู่แต่ละข้ันตอน ของกระบวนการคิดวิเคราะห์ในแต่ละสัปดาห์ ให้นักศึกษาแนะนากลุ่มโดยใช้บทเพลงที่มีเนื้อหาส่ือถึง กรณศี ึกษาท่ีแต่ละกลุ่มได้รับ และขณะท่ีร้องเพลงให้สมาชิกในกล่มุ ทกุ คนแสดงท่าทางประกอบ จะช่วยให้ บรรยากาศในการเรียนไม่เครยี ด 2.2 ปลุกความคิด มีจุดประสงค์ 1) กระตุ้นให้เกิดกระบวนการคิด และการเช่ือมโยง ความรู้เดิม เพื่อจะเติมความรู้ใหม่ 2) กระตุ้นให้สมองเกิดการรับรู้ และใส่ใจในการเรียนรู้ จัดกิจกรรมโดย ผู้สอนนาเสนอกรณีศึกษาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินอาหารและระบบประสาท เปน็ ตวั กระตุน้ และเช่ือมโยงกบั องค์ความรู้เดิมเกย่ี วกบั สรรี วิทยา ของแต่ละระบบท่ีเกี่ยวข้อง อาการและอาการแสดงที่เก่ียวข้องกับความผิดปกติในแต่ละระบบ โดยให้ นักศึกษาแต่ละคนอ่านกรณีศึกษาตลอดเร่ืองอย่างละเอียดรอบคอบ และทาความเข้าใจ แต่ละข้อความท่ี ปรากฏในกรณีศึกษา การใชกรณีศึกษานั้นผูเรียนจะสามารถพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห (Analytical

105 Skill) โดยเปดิ โอกาสให้ผูเรียนไดพัฒนากระบวนการวิเคราะหอยางเปนระบบท้ังจากวเิ คราะหเชิงคุณภาพ และการวิเคราะหเชิงปริมาณ จากขอมลู ที่มีอยูอยางจากดั ขั้นตอนที่ 2.1 และ 2.2 ใช้หลักการการสอนโดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อกระตุ้นให้ ผเู้ รียนเกดิ การเรยี นรู้ 2.3 พนิ ิตไตรต่ รองมองหาความเชือ่ มโยง มจี ดุ ประสงค์ 1) เพื่อให้นักศกึ ษาสามารถ แยกแยะข้อมูล และจดั กลมุ่ ข้อมูลภายใตเ้ หตแุ ลผลท่ีถูกต้อง 2) เพื่อให้นกั ศึกษาเช่ือมโยงขอ้ มูลท่ีได้จัดกล่มุ แลว้ แตล่ ะกลุ่ม มีความสัมพนั ธโ์ ดยมีเหตผุ ลตามหลักวิชาการสนับสนุน จัดกจิ กรรมโดยให้นกั ศึกษาแตล่ ะคน แยกแยะข้อมูลจากกรณีศึกษาทีไ่ ด้ โดยจัดข้อมูลออกเป็นกลมุ่ ๆ ตามพยาธสิ รีรวิทยาของโรคซงึ่ ประกอบดว้ ย สาเหตุ อาการและอาการแสดง การตรวจเพ่อื การวินจิ ฉยั หลงั จากนนั้ พิจารณาหาความเช่ือมโยงของข้อมูล ทจ่ี ดั กลมุ่ อะไรทม่ี ีความสัมพันธ์หรอื เป็นเหตุเปน็ ผลกนั ขั้นตอนนเี้ ป็นการฝึกทักษะการจาแนกซง่ึ เป็น ความสามารถในการแยกแยะสว่ นย่อยต่างๆ ท้ังเหตกุ ารณ์ เรือ่ งราว เปน็ ส่วนยอ่ ยๆ ใหเ้ ขา้ ใจง่ายอยา่ งมี หลกั เกณฑ์ สามารถบอกรายละเอียดของสง่ิ ต่างๆ ได้ 2.4 สร้างข้อคาถาม (5W 1H) มีจุดประสงค์ 1) เพ่ือให้นักศึกษาฝึกการต้ังคาถามและหา คาตอบให้กับตัวเอง 2) เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจเนื้อหาท่ีจะวิเคราะห์ได้ชัดเจนดีขึ้น จัดกิจกรรมโดยให้ นักศึกษาฝึกต้ังคาถามที่ตนเองไม่รู้เก่ียวกับข้อมูลของกรณีศึกษา หลังจากนั้นให้สมาชิกแต่ละคนบอก คาถามท่ีตนเองอยากรู้และจะไปหาคาตอบให้กับตนเอง และมาเล่าให้สมาชิกในกลุ่มฟัง โดยให้เลขากลุ่ม จดคาถามของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม และให้นักศึกษาแต่ละคนไปศึกษาค้นคว้าเพ่ือหาคาตอบให้กับ คาถามของตนเอง โดยผสู้ อนคอยชีแ้ นะในกรณีทน่ี กั ศึกษาไม่เข้าใจ 2.5 ระดมสมอง มีจุดประสงค์ เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นของตนเอง แลกเปล่ียนกับสมาชิกในกลุ่ม ร่วมสะท้อน ความคิดเห็นหรือการอภิปรายร่วมกัน เกิดการคิดวิเคราะห์ที่ กว้างและหลากหลาย จัดกิจกรรมโดยให้นักศึกษานาเสนอข้อมูลที่แต่ละคนไปหามาแลกเปล่ียนและร่วมคิด กับสมาชิกภายในกลุ่ม และระดมสมอง คิดวิเคราะห์ร่วมกัน เน้นการใช้กระบวนการกลุ่ม โดยกาหนด โครงสร้างบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในกลุ่มให้ชัดเจน วางแผนกาหนดเป้าหมายการเรียนรู้ รับฟังความ คิดเห็นของสมาชิกทุกคนบนพ้ืนฐานของเหตุผล และปรับปรุงร่วมกัน ช่ืนชมในผลงานของกลุ่ม เน้นให้มี การเสนอความคิด และอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้ โดยผู้สอนเป็นผู้ส่งเสริมให้เกิดกระบวนการคิด วเิ คราะหใ์ นประเดน็ ต่างๆ 2.6 สรุปรวบยอด มีจุดประสงค์เพื่อให้นักศึกษาจับประเด็นจากข้อมูลในกรณีศึกษาและ สรุปข้อวินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง นาไปสู่การเกิดความคิดรวบยอด โดยนักศึกษาเป็นฝ่ายริเริ่ม และผู้สอนช่วยเติม

106 แต่งให้สมบูรณ์ จัดกิจกรรมโดยให้นักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์ สรุปข้อวินิจฉัยโรคจากข้อมูลและความรู้ที่ไป สืบค้นมา สนับสนุนข้อวินิจฉัยโรคแตล่ ะโรค และพิจารณาความเป็นไปได้ว่าจะเป็นโรคใดได้มากท่ีสดุ โดย มีหลกั ฐานมาสนบั สนุนความเปน็ ไปได้ 2.7 ถ่ายทอดความคิด มีจุดประสงค์เพื่อให้นักศึกษานาเอาการเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนใหม่ไปใช้ พยากรณโ์ รคได้ และสามารถถ่ายทอดกระบวนการทผี่ ่านการคิดวเิ คราะห์แตล่ ะขัน้ ตอน จัดกิจกรรมโดยให้ นักศึกษาแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการคิดผ่านแผนที่มโนทัศน์ มีการอภิปรายร่วมกันระหว่างผู้สอนและนักศึกษา การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับนักศึกษา และระหว่างเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน จะทาให้นักศึกษาขยาย ขอบเขตความคดิ ใหก้ วา้ งและชัดเจนขน้ึ องค์ประกอบที่ 4 การประเมินผลของรูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ สามารถวัดและประเมินผลได้จากการศึกษาประสทิ ธผิ ลของการใชร้ ูปแบบท่เี กดิ กบั ผเู้ รียน โดยพิจารณาได้ จากความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ซ่ึงประเมินจากคะแนนท่ีนักศึกษาได้จากการทาแบบทดสอบวัด ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ และแบบสอบถามที่ให้นักศึกษาประเมินตนเองภายหลังเรียนด้วย รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ และการประเมินพฤติกรรมการคิดวิเคราะห์และการ ทากลุ่ม โดยอาจารย์ประจากลุ่มประเมินขณะที่นักศึกษาทากิจกรรมการวิเคราะห์กรณีศึกษาในแต่ละ ข้ันตอนของการวิเคราะห์ เพ่ือสะท้อนให้เห็นว่านักศึกษาแต่ละคนเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ในแต่ละ ขั้นตอนหรือไม่ นอกจากน้ีการประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการจัดการเรียนการสอนด้วย รูปแบบโดยมขี อ้ มลู เชงิ ปริมาณทไ่ี ด้จากแบบสอบถามและข้อมลู เชิงคณุ ภาพท่ีไดจ้ ากหลักฐานคาพดู กล่าวโดยสรุปรูปแบบการเรียนการสอนทเ่ี นน้ ทักษะกระบวนการ ได้จากการวิเคราะห์ 3 แนวคิด ซึ่งรูปแบบประกอบด้วย 4 องค์ประกอบได้แก่ องค์ประกอบท่ี 1 หลักการของรูปแบบการเรียน การสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพ่ือส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคระห์ องค์ประกอบที่ 2 วัตถุประสงค์ของรูปแบบ องค์ประกอบที่ 3 กระบวนการเรียนการสอน องค์ประกอบท่ี 4 การประเมินผล รปู แบบ จากองคป์ ระกอบดงั กล่าว แสดงเปน็ ภาพรูปแบบการเรียนการสอนทีเ่ น้นทักษะกระบวนการ เพื่อ สง่ เสรมิ ความสามารถด้านการคดิ วิเคระห์ สาหรบั นกั ศึกษาพยาบาล วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี ดังภาพท่ี 3

107 1. หลกั การ 2. วตั ถุประสงค์ 4. การประเมินผล 1. การเรียนรโู้ ดยใชส้ มองเป็นฐาน 1.เพือ่ ให้นกั ศกึ ษาไดฝ้ ึกคิดวเิ คราะห์แตล่ ะข้นั ตอนของ 1. ความสามารถดา้ นการคิดวิเคราะห์ 2. กระบวนการคดิ วิเคราะห์ กระบวนการคดิ วิเคราะห์ 2. พฤตกิ รรมการคิดวเิ คราะหแ์ ละ 3. กระบวนการกลุม่ 2. เพือ่ สง่ เสรมิ ความสามารถดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ การทากล่มุ 3. เพ่ือให้นักศึกษาได้แลกเปลี่ยนความรู้ และใช้ 3. ความพึงพอใจต่อรูปแบบการเรียน บทบาทผ้เู รยี น กระบวนการกลมุ่ ในการคดิ วิเคราะห์ทีห่ ลากหลาย การสอนทเี่ นน้ ทักษะกระบวนการ 1. มีความพร้อมทจี่ ะเรียน 3. กระบวนการเรยี นการสอน 2. มกี ารแลกเปลยี่ นเรยี นรซู้ งึ่ กัน ขั้นเตรียมการกอ่ นจัดการเรยี นการสอน บทบาทผ้สู อน และกนั ชแ้ี จงการจัดการเรียนการสอน 3. พฒั นาความรู้ สบื ค้นขอ้ มลู ท่ี ทบทวนความรพู้ ืน้ ฐานท่ีจาเป็น 1. เปน็ ผ้อู านวย แบ่งกลมุ่ ผเู้ รยี น 2. สร้างบรรยากาศที่ดใี นการเรยี น น่าเชื่อถือ อธิบายลาดบั ข้นั การคิดวเิ คราะห์ 3. กระตุน้ และฝกึ ใหน้ กั ศกึ ษาคิด 4. ฝกึ คิดวเิ คราะห์ในแตล่ ะข้นั ตอนเกิด ตัง้ คาถาม ขัน้ จัดการเรียนการสอน 4. ไม่ชีน้ าหรือโนม้ น้าวความคิดของ การเรียนรู้ตามจดุ ประสงคท์ ี่ตงั้ ไว้ รู้ ฉนั รู้เธอ นักศกึ ษา 5. เปดิ ใจกวา้ งยอมรบั ความคิดเห็นของ ปลกุ ความคิด 5. กระต้นุ ใหน้ ักศกึ ษาเกิดความ กระตือรอื ร้น ผ้อู นื่ พินจิ ไตรต่ รอง มองหาความเชื่อมโยง 6. สนับสนนุ ใหน้ กั ศกึ ษาคดิ วเิ คราะห์ 6. มีความมานะพยายาม สร้างขอ้ คาถาม และหาคาตอบ สรปุ ผลการเรียนรู้ตามจดุ ประสงค์ 7. มีการประเมนิ ตนเองและพฒั นา ท่ตี ั้งไว้ ระดมสมอง 7. จัดสงิ่ แวดลอ้ มให้นกั ศึกษารู้สึก ตนเองอยู่เสมอ สรุปรวบยอด อบอนุ่ ปลอดภัย ถา่ ยทอดความคิด ภาพท่ี 3 รูปแบบการเรียนการสอนที่เนน้ ทักษะกระบวนการ เพือ่ สง่ เสรมิ ความสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะห์

108 ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการเรียนการสอนทีเ่ นน้ ทักษะกระบวนการ เพื่อ ส่งเสรมิ ความสามารถดา้ นการคิดวเิ คราะห์ สาหรบั นกั ศึกษาพยาบาล วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี โดยให้ผ้เู ช่ียวชาญจานวน 3 ทา่ น ซงึ่ มีผลการตรวจสอบดงั ตารางท่ี 4 ตารางที่ 4 คา่ เฉลี่ย สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับความเหมาะสมของรปู แบบการเรยี นการ สอนที่เนน้ ทักษะกระบวนการ เพ่ือสง่ เสริมความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ประเดน็ การประเมนิ ̅X ผลการประเมนิ S.D. ระดับการประเมิน 1. หลักการของรปู แบบการจัดการ 4.11 0.00 เหมาะสมระดับมาก 1.1 มคี วามเปน็ ไปได้ 3.67 0.58 เหมาะสมระดบั มาก 1.2 การนาไปใชจ้ ริง 4.33 0.58 เหมาะสมระดบั มาก 1.3 แนวคิดและทฤษฎีพน้ื ฐาน 4.33 0.58 เหมาะสมระดบั มาก 4.44 0.00 เหมาะสมระดับมาก 2. วตั ถปุ ระสงค์ของรปู แบบการจดั การเรียนการสอน 4.33 0.58 เหมาะสมระดบั มาก 2.1 มีความชดั เจน 4.67 0.58 เหมาะสมระดับมากท่ีสุด 2.2 มีความเปน็ ไปได้ 4.33 0.58 เหมาะสมระดับมาก 2.3 เหมาะสมกบั ผเู้ รียน 4.42 0.29 เหมาะสมระดบั มาก 4.00 0.00 เหมาะสมระดบั มาก 3. กระบวนการจดั การเรียนการสอน 4.67 0.58 เหมาะสมระดบั มากท่ีสุด 3.1 มีความชัดเจน 4.33 0.58 เหมาะสมระดบั มาก 3.2 เรียงตามลาดับขนั้ ตอน 4.67 0.58 เหมาะสมระดบั มากที่สุด 3.3 มีความเป็นไปได้ 4.56 0.00 เหมาะสมระดบั มากทส่ี ุด 3.4 เหมาะสมกับผูเ้ รียน 4.67 0.58 เหมาะสมระดับมากท่ีสุด 4.33 0.58 เหมาะสมระดบั มาก 4. การวัดและประเมนิ ผลรปู แบบ 4.67 0.58 เหมาะสมระดบั มากทสี่ ดุ 4.1 ตรวจสอบวัตถุประสงคข์ องรูปแบบได้ 4.38 0.15 เหมาะสมระดับมาก 4.2 ครอบคลมุ สิ่งที่ต้องการประเมิน 4.3 มีความเป็นไปได้ รวม

109 จากตารางที่ 4 แสดงให้เห็นว่า โดยภาพรวมรูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล วิทยลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี มีความเหมาะสมอยูใ่ นระดับมาก ( ���̅��� = 4.38, S.D.= 0.15) เมื่อพิจารณาแต่ละองค์ประกอบพบว่า องค์ประกอบการวัดและประเมินผลรูปแบบ มีความเหมาะสมในระดับมากท่ีสุด ส่วนองค์ประกอบ หลักการ องค์ประกอบวัตถุประสงค์ของรูปแบบ และองค์ประกอบกระบวนการเรียนการสอน มีความ เหมาะสมมาก แสดงว่ารูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการมีความเหมาะสม สามารถ นาไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอนเพ่ือส่งเสรมิ ความสามารถด้านการคดิ วิเคราะหส์ าหรบั นักศึกษาได้ ตอนท่ี 3 ผลการประเมนิ ประสทิ ธผิ ลของรูปแบบการเรียนการสอนที่เนน้ ทกั ษะกระบวนการ เพอื่ ส่งเสริมความสามารถดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ จากการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพื่อส่งเสริม ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ ผู้วิจัยมีการประเมินประสิทธิผลของรูปแบบ นาเสนอผลการวิเคราะห์ ข้อมลู ตามลาดับดังน้ี 1. ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการคิดวิเคราะหแ์ ละการทากลุ่ม ขณะทากจิ กรรมการ เรียนการสอน ทีใ่ ช้รูปแบบการเรยี นการสอนท่ีเน้นทกั ษะกระบวนการ ดังตารางที่ 5 2. ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลภายหลังใชร้ ปู แบบ ดงั ตารางที่ 6-8 2.1 เปรยี บเทยี บคะแนนจากการทาแบบทดสอบวดั ความสามารถดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ กับเกณฑร์ ้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม 2.2 เปรียบเทียบความสามารถด้านการคดิ วเิ คราะห์ กอ่ นและหลังใชร้ ูปแบบการเรียน การสอนทเ่ี น้นทักษะกระบวนการ 2.3 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ความพงึ พอใจของนกั ศกึ ษาต่อการจดั การเรยี นการสอนทใี่ ช้ รปู แบบการสอนท่ีเนน้ ทักษะกระบวนการ 2. 4 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู จาการสัมภาษณน์ ักศึกษา ภายหลงั เรียนด้วยรปู แบบการ เรยี นการสอนทเี่ น้นทักษะกระบวนการ 1. ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู พฤติกรรมการคิดวิเคราะห์และการทากลุ่มขณะทากจิ กรรมการเรียน การสอน โดยใช้รปู แบบการเรียนการสอนทเี่ น้นทักษะกระบวนการ เพือ่ ส่งเสรมิ ความสามารถดา้ นการคิด วิเคราะห์ ดงั ตารางท่ี 5

110 ตารางที่ 5 จานวนและร้อยละของนักศึกษาจาแนกตามระดับคะแนนพฤติกรรมการคดิ วิเคราะห์ และการทากลมุ่ ขณะเรยี นดว้ ยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนท่เี น้นทักษะกระบวน คะแนนพฤติกรรม ระดับ จานวน รอ้ ยละ นอ้ ยกวา่ 18 ปรับปรงุ 0 0 18-29 พอใช้ 8 6.78 30 ข้ึนไป ดี 110 93.22 จากตารางท่ี 5 จานวนและร้อยละของนักศึกษาจาแนกตามระดับคะแนนพฤติกรรมการใช้ กระบวนการคิดวิเคราะห์และกระบวนการกลุ่ม ขณะเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้น ทักษะกระบวนแสดงให้เห็นว่า นักศึกษาทั้งหมด 118 คน มีคะแนนพฤติกรรมอยู่ในระดับพอใช้จานวน 8 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 6.78 นกั ศกึ ษามคี ะแนนพฤติกรรมอยใู่ นระดบั ดจี านวน 110 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 93.22 2. ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ภายหลังใช้รปู แบบการเรยี นการสอนทเ่ี น้นทักษะกระบวนการ เพื่อ ส่งเสรมิ ความสามารถดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ 2.1 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู คะแนนจากการทาแบบทดสอบวัดระดับการคิดวิเคราะห์ของ นกั ศึกษา เทยี บกบั เกณฑ์รอ้ ยละ 70 ของคะแนนเตม็ ดงั ตารางท่ี 6 ตารางที่ 6 จานวนและร้อยละนกั ศึกษาท่ีมคี ะแนนสอบผ่านและไมผ่ า่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 70 จากการ ทาแบบทดสอบวัดความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ คะแนนการสอบ จานวน ร้อยละ ผา่ นเกณฑ์ 105 88.98 ไม่ผา่ นเกณฑ์ 13 10.02 จากตารางที่ 6 แสดงให้เหน็ ว่า นักศึกษาท้ังหมด 118 คน มนี ักศึกษาผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จานวน 105 คน คดิ เป็นร้อยละ 88.98 นักศึกษาไม่ผ่านเกณฑจ์ านวน 13 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 10.02

111 2.2 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู เปรยี บเทยี บความสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะห์ของนักศึกษา กอ่ นและหลงั ใชร้ ปู แบบการเรียนการสอนทีเ่ น้นทักษะกระบวนการดังตารางท่ี 7 ตารางท่ี 7 เปรียบเทยี บค่าเฉล่ยี สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และระดับความสามารถดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ของนกั ศึกษาพยาบาลชั้นปที ่ี 2 โดยรวมและจาแนกรายด้าน ก่อนและหลังเรยี นดว้ ยรูปแบบการ เรียนการสอนท่ีเนน้ ทักษะกระบวนการ (n = 118) ความสามารถด้านการคดิ วเิ คราะห์ ก่อนใช้รปู แบบ หลังใช้รูปแบบ t ���̅��� S.D. ระดับ ���̅��� S.D. ระดบั การจาแนก 16.53* การจัดหมวดหมู่ ความสามารถ ความสามารถ 26.09* การเช่ือมโยง 2.29 0.51 ตา่ 3.64 0.87 สูง 24.39* การสรปุ ความ 2.33 0.57 ตา่ 3.60 0.48 สงู 22.06* การประยุกต์ 2.26 0.56 ตา่ 3.59 0.46 สูง 23.30* รวม 2.30 0.64 ตา่ 3.66 0.49 สงู 27.60* 2.30 0.59 ตา่ 3.60 0.52 สูง * p< .05 2.31 0.51 ตา่ 3.64 0.43 สงู จากตารางที่ 7 ค่าเฉลย่ี ความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ของนักศึกษาโดยรวมและจาแนกราย ด้านพบว่า คา่ เฉล่ียความสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะหข์ องนักศึกษาภายหลังการเรียนดว้ ยรปู แบบการ เรยี นการสอนที่เนน้ ทักษะกระบวนการ สงู กว่าก่อนเรียนอยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ .05 โดยหลัง เรียนด้วยรูปแบบมคี า่ เฉลีย่ ความสามารถด้านการคิดวเิ คราะหใ์ นภาพรวมอยใู่ นระดับสูง (���̅���= 3.64, SD = 0.43) สว่ นคา่ เฉลีย่ ความสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะหก์ ่อนเรยี นอยใู่ นระดับตา่ (���̅���= 2.31, SD = 0.51) นอกจากนยี้ ังพบว่า หลงั เรยี นดว้ ยรูปแบบการเรียนการสอนทเ่ี น้นทักษกระบวนการ นักศึกษามีค่าเฉลีย่ ความสามารถด้านการคดิ วิเคราะห์เพ่ิมข้นึ ทุกด้าน และอยู่ในระดบั สูง ด้านที่มีคา่ เฉลยี่ สงู สดุ คือ ดา้ นการ สรปุ ความ (������= 3.66, SD = 0.49) ด้านท่ีมคี ่าเฉลย่ี ต่าทส่ี ดุ คือ ด้านการเช่ือมโยง (������= 3.59, SD = 0.46) 2.3 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลความพึงพอใจของนักศึกษาต่อรูปแบบการเรยี นการสอนท่ี เนน้ ทกั ษะกระบวนการ ดังตารางท่ี 8

112 ตารางท่ี 8 คา่ เฉลย่ี ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ระดับความพงึ พอใจรายดา้ นและโดยรวม ของ นกั ศึกษา ท่ีมตี ่อรปู แบบการจัดการเรียนการสอนทเ่ี น้นทักษะกระบวนการ (n = 118) ความพึงพอใจ ���̅��� S.D. ระดบั ด้านผสู้ อน 4.07 0.41 มาก ดา้ นกระบวนการเรียนรู้ 4.00 0.45 มาก ดา้ นผู้เรยี น 3.89 0.44 มาก ด้านการสนบั สนุนการเรียนรู้ 3.65 0.60 มาก รวม 3.90 0.40 มาก จากตารางที่ 8 พบว่านกั ศึกษามีความพึงพอใจต่อการใชร้ ูปแบบการจดั การเรียนการสอนท่เี นน้ ทักษะกระบวนการในภาพรวมอย่ใู นระดับมาก (���̅���= 3.90, SD = 0.40) ทั้งนี้นกั ศึกษามีความพึงพอใจดา้ น ผูส้ อนมากทสี่ ดุ (���̅���= 4.07, SD = 0.41) ส่วนด้านทีม่ ีคา่ เฉลีย่ ความพึงพอใจตา่ ทสี่ ดุ คือ ด้านการสนับสนนุ แหลง่ เรยี นรู้ (���̅���= 3.65, SD = 0.60) 2.4 จากการสัมภาษณน์ กั ศึกษา ทั้งกลุ่มเกง่ กลุ่มปานกลางและกลุม่ อ่อน ภายหลังส้ินสดุ การจดั การเรยี นการสอนโดยใชร้ ปู แบบการจัดการเรียนการสอนทเ่ี นน้ กระบวนการ พบวา่ ภายหลงั การ เรยี นรปู แบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวน นักศึกษาเกิดความร้สู ึกพงึ พอใจในตนเองที่สามารถ ผ่านกระบวนการคิดวเิ คราะห์ เกดิ ความรู้สกึ ว่าตนเองสามารถคน้ คว้าหาข้อมลู ได้ สามารถเช่อื มโยง ความสมั พันธข์ องขอ้ มูลได้ เกิดเปน็ ความเข้าใจในเน้ือหาสาระด้วยตนเอง ประกอบกบั นักศึกษาบางคนเกิด ความรูส้ ึกวา่ ตนเองไดร้ ับการยอมรับจากเพื่อนร่วมกลุ่ม ส่งเสริมใหน้ ักศึกษาเกดิ ความรูส้ ึกมีคณุ คา่ ใน ตนเอง พึงพอใจกับการพัฒนาทีเ่ กดิ ขึ้นกบั ตนเอง ดงั ตัวอยา่ งคาพดู ต่อไปน้ี 1) เกิดการเปลีย่ นแปลงพฤตกิ รรมการเรยี น พบว่านักศึกษามีการปรับตัว ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนของตนเอง ให้ เหมาะสมกับการเรียนรูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์หลายพฤติกรรม ได้แก่ มคี วามกระตือรือรน้ มากข้ึนเพ่ือให้ตนเองเกดิ ความรู้ความเข้าใจเหมือนเพ่ือนรว่ มกลุ่ม ขวนขวายหา ความรู้เพิ่มมากข้ึนท้ังจากหนังสือ ตาราในห้องสมุดและจากการนาเสนอของเพ่ือนหน้าชั้นเรียน มีการ เตรียมตัวก่อนเรียน จากเดิมท่ีไม่อ่านเน้ือหาก่อนเข้าเรียน เปล่ียนเป็นมีการเตรียมตัวศึกษาเน้ือหา หา

113 ข้อมูลก่อนเข้าชั้นเรียนเพื่อนาข้อมูลไปอภิปรายกับเพื่อนและอาจารย์ที่ปรึกษาประจากลุ่ม และมีความ ตง้ั ใจ ใส่ใจในการเรียนมากย่ิงข้ึนเพ่ือใหต้ นเองเกิดความเขา้ ใจในเนื้อหาอย่างแท้จริง ดงั ตวั อยา่ งคาพูดต่อไปน้ี “พอได้มาเรียนรูปแบบท่ีเรียนด้วยตัวเอง ด้วยกระบวนกลุ่ม เราต้องแอคทีฟตัวเอง ตลอดเวลา ต้องกระตือรือร้น อย่างหน่ึงคือเราต้องส่งงานอาจารย์ อันน้ีเป็นแรงผลักเราว่าเราต้องส่ง อาจารย์ เราต้องทานะ เพราะถ้าเราไม่ทาเราก็จะไม่ได้ความรู้ของเราเลย ก็คือเหมือนว่าอาจารย์ให้เรียน ด้วยตัวเองยังไงเราก็ต้องเอาความรู้ตรงน้ันไปใช้ แต่ถ้าสมมุติว่าเราไม่ทา เราอยู่เฉยๆ เราก็จะไม่ได้ความรู้ เลย ทาให้หนเู กดิ แอคทฟี มากกวา่ ทจี่ ะเรียนแบบบรรยาย” “ท่ีเรียนเป็นกลุ่ม อย่างแรกเลยก็ทาให้เราขวนขวายอะไรมากขึ้นจากการที่นั่งเรียน เฉย ๆ เราต้องตั้งใจ ส่วนของคนอื่นท่ีเพ่ือนนาเสนอก็พอรู้เร่ืองค่ะ แต่อาจจะไม่รู้เรื่องจนเข้าใจละเอียด เหมอื นทเ่ี ราทาเอง” “ตอนที่น่ังเรียนบรรยายคือก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจมาก แต่พอมารวมกลุ่มแล้ว มันเหมือน ตอ้ งตั้งใจมากขึ้น” “มันก็ทาให้เรากระตือรือร้น มันต้องใส่ใจเพราะถ้าไม่ใส่ใจ ไม่ทาเราก็จะทาไม่ได้ เพราะมนั เป็นงานของกลมุ่ ” “เราตอ้ งมขี ้อมลู ทเ่ี ราต้องไปหา แต่ถา้ เราหาไปไมไ่ ด้ หรือวา่ เราเฉอื่ ยชาใหค้ นอ่ืนไป หาแทน ก็กลัวว่าคนอ่ืนเขาจะมองว่าเราไม่กระตือรือร้น เราก็ต้อง active ตามกลุ่ม แล้วเราเองก็อยากมี ความรูด้ ว้ ยค่ะ ต้องชว่ ย ๆ กนั หาค่ะ” “ตอนเรียนแบบบรรยายเราไดเ้ อกสารมาก็ค่อยไปเรียนในช่วั โมง แล้วถ้าเรียนจบจะ อ่านหรือไม่อ่านก็อีกเรื่อง แต่เม่ือเป็นการเรียนแบบน้ีคือก่อนเรียนมันก็ต้องอ่านมาเยอะค่ะ เพราะว่ารวม ข้อมูลในห้อง มันก็ต้องมีอะไรมาพูดให้ข้อมูลมันชัดเจนขึ้น มันเป็นการกระตุ้นหนูเยอะมากค่ะ เพราะหนู ไมช่ อบอ่านก่อนเรียน แตต่ อนน้ตี อ้ งอา่ นคะ่ ” “การเรียนแบบนี้ ยังไงเราก็ต้องมีความรู้ มันเหมือนทาให้หนูมีความรู้ขึ้นมากๆ ค่ะ พอเวลาเพื่อนมา present เรารู้สึกสนใจมากกว่า แต่พอเรียนเล็คเชอร์ หนูชอบเหม่อสอนนิดนึงหนูกห็ ลุด ไปไกล บางคร้ังไม่ได้หลบั แต่ตาก็ลอย รสู้ ึกว่ามนั ได้ความรูม้ ากกวา่ แลว้ ก็รู้สึกว่าตวั เองแอคทีฟขน้ึ คะ่ ” นกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตร์ช้ันปที ่ี 2 2) เกิดการเรียนรู้มากกวา่ การเรียนแบบบรรยาย

114 พบว่าการเรยี นดว้ ยรปู แบบการเรียนการสอนทีเ่ นน้ ทกั ษะกระบวนการ สง่ ผลให้ นกั ศึกษาเกิดความร้สู ึกวา่ ตนเองได้เรียนรู้ ไดท้ าความเข้าใจกับเน้ือหาสาระมากกวา่ การเรยี นแบบ บรรยาย เน่อื งจากกระบวนการของการวิเคราะห์ทีฝ่ กึ ใหน้ ักศึกษารวบรวมปัญหา ตง้ั คาถาม หาคาตอบ ดว้ ยตนเอง ทาใหเ้ กิดการเรยี นรูใ้ นเน้ือหาสาระอยา่ งลึกซงึ้ แตกตา่ งกับการเรยี นแบบบรรยายทีน่ ักศึกษา เพียงฟังการบรรยาย และกลับไปทบทวนด้วยตนเองนอกห้องเรียน ดังตัวอย่างคาพูดต่อไปน้ี “หนวู า่ ได้คดิ มากกวา่ การเรียนเลคเชอรค์ ่ะ เหมอื นเราไม่มีความร้เู ร่อื งน้ีเลยค่ะ เราก็ ไปเปดิ หนังสอื ค้นควา้ หาคาตอบ เหมือนเราได้ทาความเขา้ ใจกับมนั มากกว่าท่ีเราไปนั่งฟังอาจารย์ บรรยาย เหมอื นเราไดเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเอง” “หนูคดิ วา่ เราได้คิดวิเคราะห์จากเดิมมากๆ คือจากเดิมเหมอื นมคี นป้อนขอ้ มูลใหเ้ รา ค่ะ แต่อยา่ งนีเ้ ราต้องหาเอง เราตอ้ งคิด ตอ้ งช่วยกันวเิ คราะหว์ า่ มนั จะเปน็ โรคอะไร ไดค้ ิดคะ่ ได้คิด มากกว่าการเรียนในห้องเรยี นท่ีน่ังฟงั เฉยๆ เรยี นแบบน้เี ราก็ไดไ้ ปหาข้อมูล ขอ้ มูลอนั นม้ี ันเชื่อมกบั อันนี้” “มันได้คดิ วิเคราะห์มาก ๆ เลยค่ะ คือถา้ น่ังฟังเลคเชอร์ อาจารย์บรรยายใหฟ้ งั มัน อาศัยความจาของเราถ้าเราแบบตงั้ ใจดี ๆ เราก็จะจาที่อาจารย์พดู ด้วย แต่ถ้าเราไม่ต้งั ใจเราก็จะจาไม่ได้ เลย แต่ว่าการท่ีให้ไปหาข้อมูล เราได้การคิดเราได้การวิเคราะห์ เราอา่ นผา่ นตาเรามาแล้ว พอเราน่ังอา่ น เองความรู้มันกเ็ ขา้ สมองได้เยอะกว่าทไ่ี ปนั่งฟงั อาจารยบ์ รรยายอย่างเดียว” “หนูมองวา่ มันได้อะไรมากกว่าเดิมเยอะค่ะ ถา้ เรียนเป็นเลคเชอร์กเ็ รียนไปเร่ือย ๆ ถ้าเรยี นแบบนีเ้ หมือนเราไดค้ ิดมากว่าเดมิ เยอะ เราได้ทางานกบั คนทีเ่ ราไม่คนุ้ เราไมเ่ คยรู้จกั หรอื สนิทกนั มาก่อน เราก็ได้มาทางานด้วยกัน แล้วก็ความรทู้ ่ีได้มนั ก็มากข้ึนค่ะ จากทเ่ี รียนเหมือนแบบเรือ่ ย ๆ ได้อะไร มากข้ึนกว่าเดิมคะ่ ” นกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตร์ช้นั ปีท่ี 2 3) ไดพ้ ฒั นารูปแบบการคดิ จนเกิดทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ พบว่าการเรียนด้วยรปู แบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทกั ษะกระบวนการ ส่งผลให้ นกั ศกึ ษาเกิดการพฒั นากระบวนการคิดของตนเอง เรม่ิ ต้นจากขั้นตอนการแยกแยะข้อมูล จาแนกข้อมูล จัดหมวดหมูข่ องข้อมูล เชื่อมโยงขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการศึกษาของเพ่อื นรว่ มกลุ่ม จนนามาสรุปออกมาเปน็ แผน ทมี่ โนทศั น์ กระบวนการดังกล่าวฝึกใหน้ ักศึกษาค้นหาคาตอบด้วยตนเอง จดั การกบั ความสงสัยทีเ่ กดิ ข้นึ

115 ส่งผลให้นกั ศึกษาเกดิ การพฒั นากระบวนการคดิ ของตนเอง และเกิดเปน็ ทักษะการคดิ วเิ คราะหท์ ่สี ามารถ นาไปใชใ้ นการฝกึ ภาคปฏบิ ัติตอ่ ไป ดงั ตัวอยา่ งคาพูดตอ่ ไปน้ี “สาหรับหนคู ือเรียนแบบน้ใี ห้ไปศกึ ษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง ก็คอื ฝึกการคิดจริงๆ เหมอื น ตอนแรกท่ีเราได้สถานการณ์มาก็งงวา่ จะต้องเร่ิมตรงไหนก่อน เพราะวา่ ความรู้พืน้ ฐานก็ไม่คอ่ ยเยอะ เท่าไหร่ เหมือนว่าตอ้ งไปเรม่ิ เอง แลว้ มันก็ทาให้ร้สู ึกงงๆ แต่พอศกึ ษาไปเรื่อยๆ มนั ก็เกดิ ความเขา้ ใจ” “หนใู ชเ้ วลากบั การศึกษาหนังสอื ในหอ้ งสมดุ คน้ จากอนิ เตอรเ์ น็ท เราตอ้ งเข้าใจเร่ืองของ เราได้ก่อน เราต้องวิเคราะห์ การตรวจนม้ี โี รคอะไรท่ตี อ้ งตรวจแบบน้ี การวนิ ิจฉยั โรคแบบนี้ มนั จะสง่ ผล ให้เกดิ โรคอะไร โดยมีอาจารย์คอยให้ขอ้ เสนอแนะ คอยต้งั คาถามให้เรา ทาให้เราไดค้ ดิ ต่อยอดเร่ือยๆมา ตอ้ งค้นควา้ เพิ่มเติมมนั ฝึกกระบวนการคิดเยอะเลยค่ะ เหมือนมันต่อยอดๆ หนูคดิ วา่ วธิ ีน้ีใชไ้ ดด้ ีเกีย่ วกับ โรคๆ หนงึ่ เหมอื นกบั เราเตรยี มขึ้นวอร์ดไดด้ ว้ ย เพราะเราก็ร้แู ลว้ ว่าโรคนีค้ อื โรคอะไร” “หนูคดิ ว่ามันไดฝ้ ึกตง้ั แต่ชั่วโมงแรกทเี่ ราได้ฝึกต้งั คาถาม เหมือนวา่ หาข้อมลู ท่ีจะไปโยง เขา้ กับประเดน็ ท่เี ราต้องการ เพราะฉะนนั้ เราก็เอาข้อมูลหลายๆ ขอ้ มูลมากแยกแยะ ประเดน็ นี้อยู่ในสว่ น ของประเดน็ นน้ี ะ ประเดน็ น้ีอยูใ่ นกลุ่มนน้ี ะ เหมอื นกับวา่ ให้ฝกึ แยกประเด็นว่าประเด็นไหนมนั สมควรจะ อยดู่ ว้ ยกัน เสร็จแลว้ เราก็จะไดล้ องมาเช่ือมโยงข้อมูลท่ีเรามีทง้ั หมด อันนีเ้ ป็นอันนี้แลว้ ทาใหเ้ กดิ อันน้ี ต่อๆ กนั ไป ได้ฝกึ เยอะเลยค่ะ” “มนั ได้กระบวนการคดิ เยอะมากเลยคะ่ พอเราตง้ั คาถามแลว้ เรากเ็ หมือนเราได้หาข้อมลู แลว้ ไดแ้ ยกแยะข้อมูล แล้วก็เวลาท่ีเราทา map อ่านข้อมลู มันกจ็ ะเชื่อมโยงข้อมลู อันน้ันอันนี้ หา ความสัมพนั ธ์กนั แล้วก็จะมองเห็นภาพ มันได้ฝึกกระบวนการคิดค่ะ” “การเรยี นแบบนีเ้ หมือนไดค้ ดิ วเิ คราะห์เอง ได้หาหนงั สือ หาขอ้ มลู หาไปเรอ่ื ยๆ เหมอื น ข้อมูลไม่มีที่สิน้ สดุ แลว้ เรยี นแบบน้ที าให้หนูได้เข้าใจในส่วนเร่อื งท่ีหนูไดร้ ับอย่างเขา้ ใจจริงๆ” “การจัดข้อมูลเป็นหมู่ ๆ คอื แบบวา่ ตอนแรกไม่รู้เร่ืองเลย ตอนแรกจดั สะเปะสะปะมาก อาจารย์ก็บอกว่าให้ช่วยๆ กนั แล้วก็ตงั้ คาถามมนั ต้องต้ังเกี่ยวกับโรค ซงึ่ หนวู ่ามันยาก มันตง้ั ไม่ได้ให้มนั เจาะจงมากๆ จากนน้ั มาชว่ ยกนั เรยี บเรียง จากท่ีมันวนุ่ วายไปหมดจัดเปน็ หมวดหมู่ ก็ทาใหเ้ ราเขา้ ใจโรคท่ี เราศกึ ษาได้ง่ายขนึ้ ” “เน้ือหามันกเ็ ยอะ แล้วตอ้ งมาสรปุ มันก็จะสรปุ ยังไงใหเ้ หลือแผ่นเดียว แลว้ พอเราอา่ น เยอะๆ มนั ก็จะมตี รงโนน้ ตรงน้เี ตม็ ไปหมด เวลาทีอ่ าจารย์ให้ไปอธบิ ายให้เพ่ือนฟัง ไม่รู้วา่ ต้องเอาแคไ่ หน

116 จะพดู ยังไงใหเ้ พ่ือนเขา้ ใจเทา่ ท่เี ราอา่ นมา บางทเี พ่ือนก็ไม่เข้าใจ มนั ทาใหเ้ ราต้องคดิ ต้องสรปุ ออกมาให้ ได”้ “การแยกข้อมลู เปน็ หมวดหมู่ทาให้รู้เร่อื ง ทาให้เข้าใจงา่ ยด้วยค่ะ ถ้าเราไม่ไดเ้ รยี นแบบนี้ เรากไ็ ม่รู้ ถ้าเราขึ้นวอร์ดไปหรือวา่ เราไปทางานจริง ๆ เราจะจดั เรยี งยังไง แต่อนั นี้เหมือนเป็นการปูพ้นื ฐาน ให้เรารู้จกั การวางแผน นาไปใชเ้ วลาข้ึนวอรด์ ไดด้ ้วยค่ะ” นกั ศึกษาพยาบาลศาสตรช์ ัน้ ปีที่ 2 4) ได้พฒั นาตนเองใหเ้ กิดการคดิ วเิ คราะห์จากการเรยี นดว้ ยกระบวนการกลุ่ม พบวา่ การเรยี นด้วยรปู แบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ ส่งผลให้ นักศึกษาได้เรียนรู้กระบวนการทางานเป็นทีม ฝึกการปรับตัวให้สามารถทางานร่วมกับเพื่อนที่ไม่เคย ทางานร่วมกัน ได้เรียนรู้ที่จะฟังเพื่อน แลกเปล่ียนความคิดเห็นเชิงวิชาการร่วมกัน นักศึกษาบางคนได้ เรียนรู้การทางานของเพื่อนแล้วนามาปรับใช้กับตนเอง เกิดความรู้สึกว่าตนเองได้พัฒนาการคิดวิเคราะห์ จากการเรยี นด้วยกระบวนกลุม่ ดังตัวอยา่ งคาพูดต่อไปนี้ “การเรียนแบบน้ีทาให้เราได้พฒั นาตนเองในหลายๆ อย่างคะ่ กระบวนการใน การวางแผนในการทางานกบั เพื่อน หรอื วา่ กระบวนการทีเ่ ราได้ไปสืบคน้ ข้อมูลเองมันทาให้เราไดเ้ รียนรู้ ตรงน้ีมากยิ่งข้ึนค่ะ” “พอมาทางานช่วงแรกมนั ก็มีปัญหาหนอ่ ย คือเหมือนยังคยุ กันไม่ค่อยรู้เรื่อง พอ ทางานไปเรื่อยๆ มันกป็ รบั เข้าหากนั ได้ จะคิดเองไดอ้ ัตโนมตั ิเลยว่า เกดิ ปญั หาอะไรข้นึ ถ้าเราไมค่ ุยกนั เรา กจ็ ะแบ่งงานกันไม่ได้ เราจะไมร่ เู้ ร่อื ง ทุกคนก็ไม่ไดแ้ บบรจู้ ริงทุกอยา่ ง ตอ้ งมาเรียนรู้รว่ มกัน” “การเรยี นแบบกลมุ่ เราเหมือนเราต้องขวนขวาย เราตอ้ งหาเองทุกอย่าง เหมือน แบบเราต้องเรมิ่ เรยี นด้วยตวั เองต้องไปหาเปิดอันนี้มันคืออะไร แล้วมนั ทายังไง มนั ก็เหน่ือยกวา่ การฟงั บรรยาย ถามวา่ มันได้ความรู้ไหม มันก็ได้มากกว่าค่ะ” “เรียนแบบน้ีกจ็ ะได้ความสามัคคี ไดเ้ ร่ืองแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ซ่งึ กันและ กัน เพื่อนต้องฟังเรา เราต้องฟังเพ่ือน นัดมาทารวมกันคนน้ันมาไม่ได้คนน้ีมาไมไ่ ด้ ก็ตอ้ งรอกนั มาทาให้ ครบ เพ่อื นบางคนเลขท่หี ่างกันไม่เคยทางานดว้ ยกันเลย แต่พอไดม้ าทางานกลุ่มด้วยกัน ก็โอเคได้เหน็ วา่ เคา้ เป็นยงั ไง”

117 “การเรียนเปน็ กลุ่มโดยจับกลุ่มคละกัน หนูคิดว่ามันไดค้ วามหลากหลายดีค่ะ จาก คนท่ีเราไมเ่ คยทางานร่วมกัน เอามาทางานร่วมกัน เราก็จะไดเ้ หน็ วา่ การทางานของเขาวา่ เปน็ ยงั ไง จากท่ี เราเฉื่อยชาอย่างน้ี เพ่ือนก็คอยกระตนุ้ เราใหเ้ ราทางาน หนูว่ามันก็ดีค่ะ” “หนรู ู้สึกพงึ พอใจกบั ผลงานที่ออกมา การท่ีหนไู ด้เรียนแบบน้ีหนูไดพ้ ัฒนาตวั เองหนู เองเยอะมาก เพราะวา่ จากทเี่ ราต้องรอแต่อาจารยอ์ ยา่ งเดยี ว เราก็มาทาเปน็ กรอบความคิดของตวั เองใน map ของตัวเองคะ่ เหมือนกับวา่ อาจารยก์ แ็ ค่บอกว่าตอ้ งทาอย่างไร แต่ในการสร้าง map ตวั เราเป็นคน สรา้ งเองค่ะ เพื่อเช่อื มโยงความเข้าใจของเราเพ่ือถ่ายทอดให้เพอ่ื นฟงั เหมือนกับว่าเราได้ฝกึ ความเขา้ ใจ ของตวั เราเอง คือมนั พัฒนาศักยภาพหนูมาก เพราะว่าเราต้องคดิ ว่าเราจะวางตรงไหน เพื่อที่เราจะโยงให้ มนั เข้าใจ แกไ้ ขถงึ 3 ครัง้ มนั ก็เหมอื นพฒั นาไปอีกข้นั ๆ ให้มันดีข้ึนเร่อื ยๆ ค่ะ” “หนพู ึงพอใจนะคะเพราะวา่ เหมือนวา่ มปี ัญหามาปัญหาหน่ึง เหมอื นวา่ เราได้ วิเคราะหป์ ญั หานน้ั เอง ได้แยกเองคอื แบบวา่ ปัญหานัน้ มีอย่างนี้ ๆ แล้วเราก็เอามาเชอื่ มโยงกัน หาคาตอบ ของปัญหานั้นได้เอง ถึงแม้วา่ จะมอี าจารย์มาชว่ ยบา้ งนิดหน่อย สุดท้ายแลว้ เราได้เปน็ คนเฉลยคาตอบ น้นั เอง มนั กร็ ู้สึกดี กร็ ูส้ ึกพอใจค่ะ” “หนกู ็รู้สึกตัวเองมีคุณคา่ มากขนึ้ คะ่ ก็คือตอนแรกที่เรียนแบบกลุม่ หนูคดิ ว่าหนูต้อง เปน็ จุดออ่ นของเพื่อน เพราะพน้ื ฐานวิชากายวภิ าคหนูไม่แน่น แลว้ พอมาต่อพยาธสิ รีรวิทยา หนคู ิดวา่ เรา ตอ้ งเป็นจดุ อ่อนของกลุ่มแน่ ๆ แตพ่ อทางานไปแล้ว เหมือนหวั หนา้ กลุ่มเขากเ็ ลือกทจ่ี ะชวนเราเพอื่ น ทางานด้วย เลือกท่ีจะเดนิ มาหาเราคนแรก ก็รูส้ ึกดขี ึน้ มากๆ เลยค่ะ” นักศกึ ษาพยาบาลศาสตรช์ นั้ ปีท่ี 2

บทท่ี 5 สรุปผล อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ วจิ ยั เร่ืองการพัฒนารปู แบบการเรยี นการสอนท่เี น้นทักษะกระบวนการ เพือ่ สง่ เสรมิ ความสามารถ ด้านการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน ความคาดหวังในการพัฒนาการคิดวิเคราะห์ และความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์ของนักศึกษาพยาบาล 2) เพ่ือพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพื่อ ส่งเสริมความาสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ และ 3) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการเรยี นการสอน ท่ีเน้นทักษะกระบวนการ ดาเนินการวิจัยตามแนวคิดการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ที่ผู้วิจัย สังเคราะห์ขึ้นจากแนวคิดการจัดการเรียนการสอนโดยเน้นกระบวน (Process- Based Instruction) ซ่ึง ประกอบดว้ ยกระบวนการคิดวเิ คราะห์ตามแนวคดิ ของมาร์ซาโน รว่ มกบั แนวคดิ กระบวนการกลุ่มของ Kurt Lawin ภายใต้แนวคิดการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สมองเป็นฐาน ร่วมกับกรอบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีกระบวนการวิจัยและพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเป็นระยะ ดังน้ีคือ ระยะที่ 1 การศึกษาสภาพปัจจุบัน และความคาดหวัง การพัฒนาความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์ของนักศึกษา รวมถึงประเมินระดับความสามารถด้านการคิดวเิ คราหข์ องนักศึกษาพยาบาลช้ันปี ที่ 2 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะ กระบวนการ ระยะท่ี 3 นารูปแบบการเรียนการสอนทเ่ี นน้ ทักษะกระบวนการไปใช้กับกลุ่มตวั อยา่ งซึ่งเป็น นักศึกษาพยาบาลช้ันปีท่ี 2 ที่ลงทะเบียนเรียนวิชาพยาธิสรีรวิทยา ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2558 จานวน 118 คน โดยมีแบบแผนการวิจัยเป็นแบบกลุ่มเดียววัดก่อนหลัง (One group Pretest-Posttest Design) ระยะที่ 4 ประเมินประสิทธิผลของรูปแบบ เร่ิมดาเนินการทดลองตั้งแต่วันท่ี 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ถึงวันท่ี 3 ธันวาคม 2558 เครื่องมือวิจัยได้แก่ เครื่องมือทดลอง คือรูปแบบการเรียนการสอนที่เนน้ ทักษะกระบวนการ โดยมีเคร่ืองมือท่ีนารูปแบบไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนประกอบด้วย คู่มือการ จัดการเรียนการสอนสาหรับอาจารย์ และแผนสอน เครื่องมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบสอบถามความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สภาพปัจจุบัน และความคาดหวังในการพัฒนา ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษา แบบทดสอบที่วัดระดับการคิดวิเคราะห์ในเน้ือหาพยาธิ สรีรวิทยาบทที่ 7-10 แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมการคิดวิเคระห์และการทากลุ่ม และแบบสอบถาม ความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ แนวคาถามการสนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้ในการิวิเคราะห์ได้แก่ ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ร้อยละ ค่าแฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

119 การหาค่าความยาก (Difficulty: p) หาคา่ อานาจ (Discrimination: r) ของแบบทดสอบรายข้อ และหาค่า ความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบทดสอบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ท่ีเป็นแบบปรนัยชนิด เลือกตอบ 4 ตัวเลือก โดยใช้สูตรของ คูเดอร์ ริชาร์ดสัน KR-20 หาความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม ความสามารถในการคิดวิเคราะห์และแบบสอบถามความพึงพอใจ ท่ีเป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า โดย หาสัมประสิทธ์ิแอลฟา (Coefficient- ) ของครอนบาค เปรียบเทียบคะแนนจากการทาแบบทดสอบวดั ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์เทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม เปรียบเทียบค่าเฉล่ีย ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ ก่อนและหลังใช้รูปแบบโดยใชส้ ถิติ t- test for dependent sample และวเิ คราะห์ขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพโดย Content analysis สรุปผลการวิจยั การวิจัยเรื่องการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ เพื่อส่งเสริม ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ผลการวิจยั มี 3 ตอน ดงั นี้ ตอนท่ี 1 การศึกษาสภาพปัจจุบันและความคาดหวัง การพัฒนาความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์ ของนักศกึ ษาพบวา่ วทิ ยาลัยมกี ารจัดการเรียนการสอนแบบคิดวเิ คราะห์ค่อนข้างน้อย นักศึกษายัง ไมค่ อ่ ยเข้าใจเกย่ี วกับการคิดวิเคราะห์ การเรยี นการสอนเน้นที่เน้ือหา ไม่คอ่ ยเน้นกระบวนการคิด นกั ศึกษาจา ได้แต่เน้ือหา แต่นาความรู้ท่ีได้จากเนื้อหาไปใช้ได้น้อย ครูส่วนใหญ่เป็นผู้ควบคุมการสอน สอนโดยการ บรรยาย ยดึ ตดิ กับรูปแบบการสอนเดิมๆ มีสอ่ื ไมห่ ลากหลาย ไมก่ ระตุน้ ใหน้ ักศึกษาเกิดการคิดวิเคราะห์ ไม่มี การจัดกิจกรรมท่ีให้นักศึกษามีกระบวนการคิดวิเคราะห์เป็นลาดับข้ัน วิธีการสอนท่ีอาจารย์ใช้มากท่ีสุดเป็น อันดับหนึ่ง คือ การสอนแบบบรรยายท่ีเน้นเน้ือหา คิดเป็นร้อยละ 47.50 รองลงมา คือ อภิปรายกลุ่มย่อยคิด เป็นร้อยละ 40 ความคาดหวังของนักศึกษาต่อการจัดการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาการคิดวิเคราะห์ สรุป เป็นด้านต่างๆ ดังน้ี ด้านวิธีการสอนของครูท่ีช่วยส่งเสริมการคิดวิเคราะห์สาหรับนักศึกษา ด้านคุณลักษณะ ของผู้สอนที่ส่งเสริมให้นักศึกษาพัฒนาการคิดวิเคราะห์ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้เพ่ือพัฒนาการ คิดวิเคราะห์ นกั ศึกษาเสนอให้อาจารย์ควรมีการสอนก่อนว่าขั้นตอนการคิดวเิ คราะห์ต้องทาอยา่ งไร ควรมี การจัดกจิ กรรมท่สี นุกสนาน ผอ่ นคลายและไม่เครยี ดแต่ไดเ้ นื้อหา การทางานร่วมกบั เพ่อื นชว่ ยกันคิด การ ใช้กระบวนการกลุ่ม วิเคราะห์สถานการณ์ การทากลุ่ม การตั้งคาถาม แสดงบทบาทสมมุติ ตั้งคาถามเป็น รายบคุ คล

120 ตอนท่ี 2 การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพื่อส่งเสริม ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ท่ี ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น มีกระบวนการพัฒนาโดยมีกรอบแนวคิดเช่ือมโครงสร้างที่มีแนวทางการจัดการเรียน การสอนภายใต้ทฤษฎีการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยมีแนวคิดพื้นฐานหลัก 3 แนวคิด ได้แก่ 1) แนวคิดการจัดการเรียนการสอนโดยเน้นกระบวนการคิด (Thinking-Based instruction) ซึ่งเป็นการสอนท่ีให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นการจัดการเรียนการสอนท่ีดาเนินการโดย ผู้สอนใชร้ ูปแบบ วิธกี าร และเทคนคิ การสอนต่างๆ กระตนุ้ ให้ผเู้ รียนเกดิ คดิ ขยายต่อเน่ืองจากความคิดเดิม ทีม่ อี ยู่ในลกั ษณะใดลักษณะหน่ึง ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ตามแนวคิดของมาร์ซาโนประกอบดว้ ย ทกั ษะการ แยกแยะ ทักษะการจัดหมวดหมู่ ทักษะการเชื่อมโยง ทักษะการสรุปความ และทักษะการพยากรณ์ 2) แนวคดิ กระบวนการกลุ่ม ซงึ่ ให้ความสาคญั ต่อการความแตกต่างของแต่ละคน ถงึ แม้ว่าความสามารถด้าน การคิดวิเคราะห์เป็นความสามารถเฉพาะตัว แต่ถ้ามีการแลกเปล่ียนความคิดร่วมกัน มีการอภิปรายให้ ข้อเสนอแนะโดยใช้กระบวนการกลุ่มจะช่วยให้การคิดวิเคราะห์กว้างข้ึน 3) แนวคิดการจัดการเรียนการ สอนท่ีใช้สมองเป็นฐาน เนื่องจากการคิดวิเคราะห์เป็นความสามารถทางปัญญา ต้องอาศัยกระบวนการ ทางสมอง การจัดการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาความสามารถทางปัญญา ควรต้องเข้าใจกระบวนการ ทางานของสมอง เพื่อผู้สอนจะได้พัฒนาผู้เรียนได้เต็มศักยภาพ ในส่วนของรูปแบบกาเรียนการสอนท่ี ผู้วิจัยพัฒนาข้ึนประกอบด้วย 4 องค์ประกอบได้แก่ องค์ประกอบที่ 1 หลักการของรูปแบบการเรียนการ สอน องค์ประกอบท่ี 2 วัตถุประสงค์ของรูปแบบการเรียนการสอน องค์ประกอบท่ี 3 กระบวนการเรียน การสอน ซึ่งขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนประกอบด้วย 7 ขั้นตอน ได้แก่ ข้ันรู้ฉัน- รู้เธอ ข้ัน ปลกุ ความคิด ขัน้ พนิ ติ ไตร่ตรองมองหาความเชื่อมโยง ขน้ั สรา้ งข้อคาถาม ขนั้ ระดมสมอง ข้ันสรุปรวบยอด และข้ันถ่ายทอดความคิด 4) องค์ประกอบการวัดและประเมินประสิทธิผลของรูปแบบ ผลการตรวจสอบ ความเหมาะสมของรูปแบบ โดยผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่านพบว่า รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะ กระบวนการ เพ่ือส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์มีความเหมาะสมในระบดับดี (���̅��� = 4.38, S.D.= 0.15) แสดงให้แเห็นว่า รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ มีความเหมาะสมเชิง ทฤษฎีและความเปน็ ไปไดใ้ นการนาไปใช้ ตอนท่ี 3 การประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพื่อ ส่งเสริมความสามารถด้านการคดิ วิเคราะห์ สาหรับนกั ศึกษา วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี

121 3.1 ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาพยาบาล ขณะทากจิ กรรมวเิ คราะห์ กรณีศึกษาตามลาดับข้ันการคิดวิเคราะห์ ประเมินจากคะแนนท่ีได้จากการสังเกตพฤติกรรมการคิด วิเคราะห์และการทากลุ่มของนักศึกษา พบว่า นักศึกษาทั้งหมด 118 คน นักศึกษามีคะแนนพฤติกรรมอยู่ ในระดับดจี านวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 93.22 สอดคลอ้ งกบั สมมตฐิ านท่ีตัง้ ไว้ มีนกั ศึกษาจานวน 8 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 6.78 ทีม่ คี ะแนนพฤตกิ รรมการคดิ วเิ คราะหแ์ ละการทากลุ่มอยู่ในระดบั พอใช้ 3.2 ผลการทดสอบความรู้ที่วัดความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ ภายหลังเรียนด้วย รูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ โดยใช้แบบทดสอบความรู้ในเน้ือหาวิชาพยาธิ สรีรวิทยาระบบทางเดินหายใจ พยาธิสรีรวิทยาระบบประสาท พยาธิสรีรวทิยาระบบหัวใจและไหลเวียน เลือด พยาธิสรีรวิทยาระบบทางเดินอาหาร พบว่า นักศึกษามีคะแนนสอบผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จานวน 105 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 88.98 สอดคลอ้ งกบั สมมตฐิ านทีต่ งั้ ไว้ มีนกั ศกึ ษาไม่ผ่านเกณฑจ์ านวน 13 คน คิด เป็นร้อยละ 10.02 3.3 ผลการประเมินความสามารถด้านการคิดวิเคราะหข์ องนักศึกษาโดยใช้แบบประเมิน ความสามารถด้านการวิเคราะห์ พบว่า ภายหลังใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ นักศึกษามีค่าเฉล่ียความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์โดยรวมสูงกว่าก่อนใช้รูปแบบการเรียนการสอนท่ี เน้นทักษะกระบวนการ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 โดยหลังเรียนด้วยรูปแบบมีค่าเฉลี่ย ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ในภาพรวมอยู่ในระดับสูง (���̅���= 3.64, S.D. = 0.43) ส่วนค่าเฉลี่ย ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ก่อนเรียนอยู่ในระดับต่า (���̅���= 2.31, S.D. = 0.51) เม่ือพิจารณาราย ด้านพบว่า หลังเรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษกระบวนการ นักศึกษามีค่าเฉล่ีย ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์เพ่ิมข้ึนทุกด้าน และอยู่ในระดับสูง ด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการ สรุปความ (������= 3.66, S.D. = 0.49) ด้านท่ีมีค่าเฉล่ียต่าที่สุดคือ ด้านการเชื่อมโยง (������= 3.59, S.D. = 0.46) 3.4 ผลการประเมนิ ความพึงพอใจของนักศึกษาท่มี ีตอ่ การเรียนดว้ ยรูปแบบการเรยี นการ สอนที่เน้นทักษะกระบวนการ พบว่า นักศึกษามีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรปู แบบการเรียนการสอน ทเ่ี นน้ ทกั ษะกระบวนการ ในภาพรวมอยู่ในระดบั ดี (���̅���= 3.90, SD = 0.40) สอดคล้องกบั สมมตฐิ านท่ตี ง้ั ไว้ ทั้งน้ีนักศึกษามีความพึงพอใจด้านผู้สอนมากท่ีสุด (���̅���= 4.07, SD = 0.41) ส่วนด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยความ พงึ พอใจตา่ ทส่ี ุดแตอ่ ยใู่ นระดับมาก คือ ดา้ นการสนบั สนุนแหลง่ เรียนรู้ (���̅���= 3.65, SD = 0.60)

122 อภปิ รายผลการวิยจัย การวิจัยเร่ืองการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ เพื่อส่งเสริม ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ผูว้ จิ ัยอภิปรายผลการวจิ ัยจากข้อค้นพบตามลาดับวตั ถปุ ระสงค์ดังนี้ 1. ศึกษาสภาพปัจจุบันและความคาดหวัง การพัฒนาความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ ของ นักศึกษาพบว่า วิทยาลัยมีการจัดการเรียนการสอนแบบคิดวิเคราะห์ค่อนข้างน้อย นักศึกษายังไม่ค่อยเข้าใจ เกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ การเรียนการสอนเน้นท่ีเนื้อหา ไม่ค่อยเน้นกระบวนการคิด นักศึกษาจาได้แต่เน้ือหา แต่นาความรู้ท่ีได้จากเนื้อหาไปใช้ได้น้อย ครูส่วนใหญ่เป็นผู้ควบคุมการสอน สอนโดยการบรรยาย ยึดติดกับ รูปแบบการสอนเดิมๆ มีสื่อไม่หลากหลาย ไม่กระตุ้นให้นักศึกษาเกิดการคิดวิเคราะห์ ไม่มีการจัดกิจกรรมที่ ให้นักศกึ ษามีกระบวนการคิดวิเคราะห์เป็นลาดับขนั้ สอดคล้องกับความคิดเห็นของนักวิชาการด้าน การศึกษาที่มีต่อสภาพการจัดการเรียนรู้ในสถาบันอุดมศึกษา สภาพปัจจุบัน ยังเป็นการสอนแยกเน้ือหา ผู้สอนเป็นตัวแทนของเน้ือหาวิชา สอนวิชา เน้นวิชา เน้นความรู้วิชา ผู้สอนคัดเลือกความรู้ให้ผู้เรียน ทา เอกสารความรู้ให้ ครูบอกขั้นตอนการทางานท้ังหมด เน้นบทบาทสอนตามตารา การวัดผลเน้นการตัดสนิ โดยการทดสอบความรู้ เทคนิคการสอนแบบบรรยาย ผู้สอนเป็นผู้กาหนดความรู้ การสอนด้วยวิธีการ บรรยาย ไม่ทาให้นักศึกษาเกิดทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ จะเห็นได้จาก Learning Pyramid ที่แสดงให เหน็ วาการเรียนรูแบบผู้เรยี นนั่งฟงั ผูส้ อน (Passive Learning) อัตราการเรียนรู (Retention Rate) เพียง ร้อยละ 5 ในทางตรงกันขามการสอนคนอ่ืนหรือลงมือทาโดยนาความรูมาใช้หรือลงมือทันที อัตราการ เรียนรูถึงร้อยละ 90 การเรียนโดยวิธีรับถายทอดความรูไดผลนอย เกิดการเรียนรูนอย การเรียนรูแบบสราง ความรูดวยตนเองผานการลงมือทาและคิด จะทาใหเกิดการเรียนรู อย่างแทจริงหรือเรียกวา Active Learning เพราะฉะนั้นครูต้องการให้ลูกศิษย์เรียนรู้อย่างแท้จริง ต้องให้เขาลงมือทาและไตร่ตรอง (Boulmetis, 2003) การบรรยายเฉพาะหลักการ แนวคิดและทฤษฎี เพียงอยางเดียวจึงมีขอจากัดที่ ผู เรียนซึ่งนอกจากจะไมเขาใจการประยุกตใชในสถานการณท่ีเหมาะสมแลว ผูเรียนยังอาจลืมหลักการ แนวคิดและทฤษฎีที่ไดฟงจากการบรรยายและไมสามารถนาไปใชในการแกไขปญหาตางๆ ท้ังนี้ เน่ืองมาจากการฟงบรรยายเพียงอยางเดียว แมจะพัฒนาทักษะทางการฟง และจดจาได แตไมเพียงพอ ตอการพัฒนาทักษะดานอ่ืนๆ อยางเต็มที่ เชน การคิดวิเคราะห การเรียนรู และการนาเสนอ เปนตน (สาคร สขุ ศรีวงศ, 2554: 1-6) จากการสารวจความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาก่อนใช้รูปแบบการเรียน การสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ พบว่า นักศึกษาพยาบาลช้ันปีท่ี 2 ประเมินความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์ของตนเองอยู่ในระดับต่า ปัญหาการพัฒนาการคิดของผู้เรียนคือ ครูผู้สอน ขาดความรู้

123 ความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการคิด ขาดความรู้ทางด้านทฤษฎี หลักการ แนวคิดที่เป็นพื้นฐาน ของการพัฒนาการคิด รวมไปถึงรูปแบบ วิธีการสอนหรือขั้นตอนการจดั การเรียนรู้เพื่อพัฒนาการคิด ทา ใหค้ รูขาดความมัน่ ใจและประสบปัญหาในการจัดกิจกรรมการเรียนรเู้ พอื่ พฒั นากระบวนการคิดของผู้เรียน จึงทาให้ผู้เรียนมีปัญหาในการพัฒนากระบวนการคิดซ่ึงรวมถึงการคิดวิเคราะห์ ส่งผลให้การคิดวิเคราะห์ อยใู่ นระดับท่ตี ้องปรับปรงุ (นงลักษณ์ และคณะ, 2547; สมศ., 2550) 2. พฒั นารปู แบบการเรยี นการสอนท่เี นน้ ทักษะกระบวนการเพอื่ สง่ เสรมิ ความสามารถด้านการ คิดวิเคราะห์ ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบจากผู้เชี่ยวชาญแสดงให้เหน็ ว่า รูปแบบการเรียน การสอนที่เน้นทักษะกระบวนการท่ีผสมผสานแนวคิดกระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการทางานของสมอง ที่เน้นให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติในแต่ละข้ันตอนของกระบวนการคิด วิเคราะห์ตามแนวคิดของมาร์ซาโน มีความเหมาะสมในการนาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ท้ังน้ีเป็น ผลมาจาก การนาข้อมูลที่ได้จากการศึกษาสภาพความเป็นจริงและความคาดหวังในการจัดการเรียนการ สอนเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์มาเปน็ แนวทางในการออกแบบรปู แบบ สอดคล้องกับ จอยซ์และเวล (Joyce & Weil, 2000) ที่กล่าวถึงการพัฒนาการเรียนการสอน ควรเริ่มจากการวิเคราะห์ ข้อมูลพ้ืนฐานต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการนามาพัฒนาเป็นรูปแบบการเรียนการสอน นาเสนอแนวคิด สาคัญของข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ มากาหนดหลักการและรายละเอียดขององค์ประกอบ นอกจากนี้ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมาจากการ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนา รูปแบบการเรยี นรแู้ ละแนวคดิ การจัดการเรียนท่ีเน้นทักษะกระบวนการคดิ วเิ คราะห์ ที่สง่ เสริมให้นกั ศึกษา รู้และเข้าใจหลักการคิดวิเคราะห์ และการบูรณาการในเนื้อหาวิชาพยาธิสรีรวิทยา โดยให้นักศึกษาลงมือ วิเคราะห์กรณศี กึ ษาทเี่ ปน็ สถานการณผ์ ้ปู ว่ ยแต่ละระบบ มคี วามเหมาะสมเป็นอย่างย่งิ เน่อื งจากเป็นวชิ าที่ มีเน้ือหาซับซ้อน และค่อนข้างยาก การฟังบรรยายเพียงอย่างเดียวนักศึกษาอาจมีการรับรู้ได้ไม่ครบถ้วน จากข้อจากดั ในการฟังเนื้อหาวชิ าติดต่อกัน การลดเนื้อหาการบรรยายให้น้อยลง ให้ผเู้ รียนมปี ฏสิ มั พนั ธก์ ัน มากขน้ึ ชว่ ยทาใหผ้ ู้เรียนมีความสนใจอย่างตอ่ เน่ือง (พัชราวดี ทองเนือ่ ง. 2553) รูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ไดแ้ ก่ องคป์ ระกอบหลกั การของรปู แบบ องคป์ ระกอบวตั ถปุ ระสงค์ของรปู แบบ องค์ประกอบกระบวนการ เรียนการสอน และองค์ประกอบการวัดประเมินผลรูปแบบ กระบวนการจัดการเรียนการสอน ประกอบด้วย 7 ข้ันตอน ได้แก่ ข้ันตอนที่ 1 รู้ฉัน รู้เธอ โดยทากิจกรรมแนะนากลุ่มก่อนเข้ากลุ่มทุกครั้ง นกั ศึกษาแตเ่ นื้อเพลงเพ่ือถา่ ยทอดกรณีศึกษาท่ีได้รบั ในแต่ละกลุ่ม และร้องเพลงให้เพื่อนต่างกลุ่ม ฟัง โดย ท่ีมีท่าทางประกอบ ทาให้นักศึกษาสนุก คลายความเครียด และดึงความสนใจให้จดจ่ออยู่กับกระบวนการเรยี น

124 จากการศึกษาทางประสาทวทิ ยาแสดงให้เห็นว่า อารมณ์ มอี ทิ ธพิ ลต่อการเรียนรู้และการให้ความสนใจต่อ ส่ิงเร้า (Ohman A et al., 2001) ข้ันตอนท่ี 2 ปลุกความคิด การกระตุ้นให้คิดโดยใช้กรณีศึกษาซ่ึงผู้วิจัย สร้างข้ึนตามสถานการณ์ผู้ป่วยที่เกิดข้ึนจริงบนหอผู้ป่วย จากการศึกษาของเลิฟวิงและวิลสัน (Loving & Wilson, 2000) ที่พบว่า จัดการเรียนการสอนท่ีสามารถกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการคิดวิเคราะห์ได้น้ันต้อง ประกอบด้วยกิจกรรท่ีสาคัญ คือ การใช้กรณีศึกษากระตุ้นให้เกิดการคิด ข้ันตอนท่ี 3 พินิตไตร่ตรอง มอง หาความเช่อื มโยง เปน็ ขัน้ ตอนทีผ่ ูเ้ รียนตอ้ งอาศัยความใสใ่ จในการรบั ข้อมูล ซึ่งจะชว่ ยเพิม่ ประสิทธิภาพใน การแยกแยะและจัดการกับสิ่งเร้า (Marzano, 2001). ข้ันตอนท่ี 4 สร้างข้อคาถาม และหาคาตอบ นักศึกษาฝึกเป็นรายบุคคล ผู้สอนให้นักศึกษาฝึกตั้งคาถามโดยใช้วิธีเทคนิค 5W1H (Who, What, Where, When, Why, How) และไปค้นควา้ หาคาตอบดว้ ยตนเอง กระตุ้นใหเ้ กิดการคิดวิเคราะห์ การต้ัง คาถามเพ่ือถามตัวเองในส่ิงท่ีไม่รู้จะทาให้ขยายทักษะความคิด เกิดการเช่ือมโยงระหว่างความคิดต่างๆ ส่งเสริมการอยากรู้ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยท่ีศึกษาความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษา พยาบาลโดยใช้เทคนิคจัดการเรียนรู้ KWLH (What you know, What you want to know, What you learned, How you learned more) ซ่งึ เปน็ การตั้งคาถามในเรื่องท่ีอา่ น และหาคาตอบในวชิ ากายวิภาค และสรรี วทิ ยา (ทองปาน, 2558, 49-58) ผลการวิจัยพบวา่ นักศกึ ษาพยาบาลมีคะแนนความสามารถด้าน การคิดวิเคราะห์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี .05 ข้ันตอนที่ 5 ระดมสมอง เป็นวิธีการ เรียนรู้โดยการใช้การมีปฏิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน สนทนาโต้ตอบกันเพ่ือแบ่งปันข้อมูล ความคิด ความคิดเห็น หรือความรู้สึก โดยทุกคนมีส่วน ร่วมกันในการเรียนรู้อย่างเต็มตัว เปิดโอกาสให้ ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นและได้เรียนได้แสดงความคิดเห็นและได้ค้นพบสิ่งท่ียังไม่รู้ การอภิปราย เกิดขึ้นเม่ือกลุ่มมาน่ังส่ือสารกันด้วยการพูด และการฟังในเรื่องท่ีมีความสนใจร่วมกัน (ชนาธิป, 2554: 152) ข้ันตอนท่ี 6 สรปุ รวบยอด ทัง้ สองขัน้ ตอนนี้ใช้กระบวนกลุ่มเพื่อให้สมาชิกกลุ่มได้แลกเปลี่ยนข้อมูล ภายใต้เหตุและผล ยึดหลักการฟังและแสดงความคิดเห็น ซ่ึงนักศึกษาปฏิบัติตามกติกากลุ่มได้ดี มี บรรยากาศการทางานกลุ่มท่ีสง่ เสริมการเรยี นรู้ อาจารยป์ ระจากลุ่มแสดงบทบาทเป็นผ้สู นับสนุนไม่ใช่การ ช้ีนา เปิดโอกาสให้ผู้เรียนนาเสนอข้อมูลที่แต่ละคนไปหามาแลกเปลี่ยนและร่วมคิดกับสมาชิกภายในกลุ่ม เพราะความคิดเห็นที่แตกต่างกันทาให้ผู้เรียนเกิดความขัดแย้งทางความคิดผู้เรียนจะพยายามหาข้อมูลมา ปรบั ความคิดใหม่ เกดิ การเรยี นร้ทู จี่ ะจดั การกบั ความคิดเห็นที่แตกตา่ งกันและร่วมมือกบั คนที่มีพฒั นาการ ในแต่ละระดับความคิดเห็น ทาให้มีการปรับปรุงความคิดของตนเอง และการอภิปรายกลุ่มมีผลต่อการ พัฒนาการคิดของผู้เรียน (Dennis, 1990, p. 3073). ขั้นตอนท่ี 7 การถ่ายทอดความคิด โดยใช้แผนท่ี มโนทัศน์ เป็นเทคนิคในการสง่ เสริมและพัฒนาความคิด ซึ่งประกอบด้วยความคิดและข้อมูลท่ีเช่ือมโยงใน รูปแบบต่างๆ ซึ่งทาให้เห็นโครงสร้างของความรู้ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้เรียนจัดข้อมูลได้เป็นระบบ

125 ระเบียบ เป็นเคร่ืองมือทางการคิดได้อย่างดี เน่ืองจากการสร้างความคิดมีลักษณะเป็นนามธรรม แผนท่ี มโนทศั น์เป็นรปู แบบของการแสดงออกของความคดิ ทีส่ ามารถมองเหน็ และอธบิ ายได้อย่างเป็นระบบและ ชัดเจน สอดคล้องกับงานวิจัยของ ศรเนตร อารีโสภณพิเชฐ (2557, 194-210) ท่ีพัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์ของผู้เรียนในการเรยี นการสอน โดยกาหนดให้ผู้เรียนใช้แผนที่มโนทัศน์เป็นเครื่องมือหลักในการ เรียนรู้และวิเคราะห์สาระตามบทเรียน และให้ผู้เรียนสรุปสาระท่ีได้จากการอ่านและการวิเคราะห์ข้อมูล จากเอกสารท่ีได้จากรายงานวิจัยและข้อมูลที่มาจากเว็บไซตม์ มาจัดทาเป็นแผนที่มโนทัศน์ ผลการวิจัย พบว่า นักเรียนมีความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์เพิ่มข้ึน เทคนิคการจัดกิจกรรมที่พัฒนาความสามารถ ด้านการคิด ได้แก่ แผนท่ีมโนทัศน์ (Concept Mapping Technique) เป็นกิจกรรมท่ีให้ผู้เรียนแสดง ความสัมพันธ์ของมโนทัศน์ของเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงอย่างเป็นระบบ และเป็นลาดับข้ัน แผนท่ีมโนทัศน์เป็น เครื่องมือสาคัญท่ีแสดงให้เห็นถึงกระบวนการคิดของนักศึกษา จนสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นภาพที่ อธบิ ายให้ผูอ้ นื่ เข้าใจได้ 3. ศกึ ษาประสิทธิผลของรปู แบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ เพอ่ื ส่งเสริมความสามารถ ด้านการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี พบว่าคะแนน พฤตกิ รรมการใช้การคดิ วิเคราะห์และการทากลุ่มของนักศึกษา ขณะเรยี นด้วยรูปแบบการจัดการเรยี นการ สอนทีเ่ นน้ ทกั ษะกระบวนการคิดและกระบวนการกลุม่ อย่ใู นระดบั ดรี อ้ ยละ 93.22 ซ่ึงสงู กวา่ เกณฑท์ ่ีตั้งไว้ อาจเป็นผลมาจากการศึกษาครั้งน้ีผู้วิจัยพัฒนารูปแบบภายใต้หลักการ แนวคิดท่ีเน้นให้นักศึกษาได้ฝึก ทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์เป็นลาดับข้ัน ซ่ึงเมื่อเข้าใจแล้วจะเกิดเป็นทักษะและนาไปประยุกต์ใช้ใน สถานการณ์ต่างๆได้ จากหลักการที่ว่า ต้องการให้ผู้เรียนเกิดทักษะใด ครูต้องช่วยให้ผู้เรียนดาเนนิ การคดิ ตามข้ันตอนหรือกระบวนการของความคิดน้ัน การที่ผู้สอนจัดการเรียนรู้สาระต่างๆ โดยบูรณาการ สอดแทรกการพัฒนาหรือทักษะการคิดควบคู่ไปกับการสอนเนื้อหาสาระต่างๆ ก็จะเกิดประโยชน์สองต่อ คือผเู้ รยี นจะได้มีโอกาสฝกึ ฝนพัฒนาทักษะการคดิ มากขนึ้ แลว้ ทกั ษะนั้นยงั สามารถช่วยให้ผเู้ รียนเกิดความ เข้าใจในสาระท่ีเรียนเพ่ิมข้ึน ส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีข้ึนด้วย (ทิศนา แขมมณี, 2554, 188- 204). นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ใช้แนวคิดกระบวนการกลุ่มมาเป็นแนวคิดในการสร้างรูปแบบการเรียนการสอน เพอื่ พัฒนาทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ การแบ่งผู้เรยี นออกเปน็ กลมุ่ ย่อย แบบคละผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนเป็น การรวมกลุ่มของบุคคลที่มีลักษณะแตกต่างกัน จะทาให้เกิดโครงสร้างของกลุ่มแต่ละกลุ่มแตกต่างกันไป ตามลักษณะของสมาชิกในกลุ่ม ทาให้เกิดการผลักดันหรือพลังของกลุ่มที่ทาให้การทางานเป็นไปได้ด้วยดี สอดคล้องกับงานวจิ ัยของ ยุทธนา กนั ตะบตุ ร (2553). ศึกษาผลการพัฒนาการคดิ วเิ คราะหโ์ ดยใชก้ จิ กรรม กลุ่มแสวงหา และค้นพบความรู้ด้วยตัวเอง ผลการศึกษาพบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการ แสวงหาและค้นพบความรู้ด้วยตนเอง มีคะแนนการคิดวิเคราะห์เฉลี่ยในแต่ละด้าน ได้แก่ด้านการจาแนก

126 ด้านการจัดหมวดหมู่ ด้านการสรุปอ้างอิง ด้านการประยุกต์ใช้ และด้านการคาดการณ์พยากรณ์สูงขึ้น อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ .01 นอกจากน้ีจากการศึกษาของวัชรี เล่าเรียนดี (2549) แสดงให้เห็นว่า แนวทางการจัดกิจกรรมเพ่ือส่งเสริมและพัฒนาการคิด ควรเป็นกิจกรรมแบบร่วมมือกัน ให้ทากิจกรรมท่ี สมาชิกสามารถพูดคุยได้ท่ัวถึง จัดกิจกรรมท่ีให้หาคาตอบได้หลากหลายมากกว่าการจัดกิจกรรมท่ีให้หา คาตอบเพยี งคาตอบเดียว จดั กจิ กรรมท่สี ่งเสริมการใช้แก้ปัญหา ใช้ความคิด ใชค้ าถามท่สี ่งเสรมิ ทักษะการ คดิ ระดับสงู การประเมินประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ โดยประเมิน ภายหลังส้นิ สุดการเรียนการสอนพบว่า นักศกึ ษาสอบผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 จานวน 105 คน คิดเปน็ ร้อยละ 88.98 สาหรับนักศึกษาท่ีมีคะแนนสอบไม่ผ่านเกณฑ์ มีคะแนนเท่ากับ 28 คะแนน จากคะแนนเต็ม 42 คะแนน คิดเป็นรอ้ ยละ 66.67 แสดงให้เห็นวา่ นกั ศกึ ษาสามารถทาแบบทดสอบที่วดั ความสามารถดา้ นการ คิดวิเคระห์ได้ดีขึ้น ซึ่งการคิดวิเคราะห์เป็นกระบวนการทางสมองในการจัดกระทากับข้อมูลท่ีเป็นลาดับ ข้ันตอนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ (Marzano, 2001: 11-12) เป็นกระบวนการทางสติปัญญาของบุคคล ซ่ึง พัฒนาได้ จากการศึกษาทางประสาทวิทยาการเชื่อมต่อของเซลประสาทในระบบประสาทซ่ึงเป็น กระบวนการที่ทาให้สมองเกิดการเรียนรู้ต่างๆ กระบวนการน้ีจะมีศักยภาพมากน้อยเพียงไร ขึ้นอยู่กับว่า ได้มีการใช้มากน้อยเพียงใด สมองจะเกิดการเรียนรู้เมื่อมีการลงมือทา การฝึกให้สมองได้เรียนรู้ในทักษะ ทางปญั ญาจะช่วยให้การเชื่อมต่อของสัญญาณประสาทมีประสิทธิภาพมากขน้ึ และสามารถไปประยุกต์ใช้ ในสถานการณ์ใหม่ได้ (นัยพินิจ คชภักดี, 2548) เช่นเดียวกับงานวิจัยท่ีใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ซ่ึงเป็น การวิจัยเชิงปฏิบัติการ 3 วงจร พัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 โดยผู้วิจัยทดสอบและประเมินพัฒนาการของ นักเรียน ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนมีคะแนนเฉล่ียจากการทาแบบทดสอบวัดความสามารถในการคิด วิเคราะห์ผา่ นเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ คอื ร้อยละ 70 และทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนวิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ คอื ร้อยละ 80 (จริยา ภสู ีฤทธ์ิ, 2549) จากผลการเปรียบเทียบความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ก่อนและหลังใช้รูปแบบ พบว่า ภายหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ ในวิชาพยาธิสรีรวิทยา นักศึกษามีความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ซึ่งสอดคล้องกับ คากล่าวของนักศกึ ษาทีไ่ ด้จากการสนทนากลุ่ม “หนูคิดว่ามันได้ฝึกต้ังแต่ชัว่ โมงแรกท่ีเราไดฝ้ ึกตัง้ คาถาม เหมือนว่าหาข้อมูลท่ีจะไปโยงเข้ากบั ประเด็นที่เราต้องการ เพราะฉะนั้นเราก็เอาข้อมูลหลายๆ ข้อมูลมากแยกแยะ ประเด็นนี้อยู่ในส่วนของ ประเด็นนี้นะประเด็นนี้อยู่ในกลุ่มน้ีนะ เหมือนกับว่าให้ฝึกแยกประเด็นว่าประเด็นไหนมันสมควรจะอยู่

127 ด้วยกัน เสร็จแล้วเราก็จะได้ลองมาเช่ือมโยงข้อมูลท่ีเรามีท้ังหมด อันนี้เป็นอันน้ีแล้วทาให้เกิดอันนี้ ต่อๆ กนั ไป ได้ฝึกเยอะเลยคะ่ ” “มันได้กระบวนการคดิ เยอะมากเลยค่ะ พอเราต้ังคาถามแล้วเรากเ็ หมือนเราได้หาข้อมูล แล้วได้ แยกแยะข้อมลู แลว้ ก็เวลาท่ีเราทา map อ่านข้อมูลมันกจ็ ะเช่ือมโยงข้อมลู อนั นัน้ อนั นี้ หาความสัมพันธ์ กนั แล้วก็จะมองเหน็ ภาพ มันไดฝ้ กึ กระบวนการคิดค่ะ” การท่ีนักศึกษามีความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์เพ่ิมขึ้นภายหลังเรียนด้วยรูปแบบการเรียน การสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ อาจเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนาทักษะ การคิดวิเคราะห์ท่ีผู้วิจัยสร้างข้ึน มีลาดับขั้นตอนการสอนท่ีเน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์ไว้อย่างชัดเจน ทาให้ได้ฝึกข้ันตอนการคิดวิเคราะห์จากกรณีศึกษา และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า หลังจากที่นักศึกษา เรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการ นักศึกษามีค่าเฉล่ียความสามารถด้านการ สรุปสูงท่ีสุด อาจเป็นเพราะการใช้กระบวนการกลุ่มที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็น การ สืบค้นข้อมูลเพื่อมาอภิปรายเหตุและผลในกลุ่ม ทาให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้ในการสร้างข้อสรุป สอดคล้องกับงานวิจัยของ เอ้ืออารี จันทร (2553) ท่ีศึกษาการจัดการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการ กลุ่มในรายวิชาระบบคอมพิวเตอร์ กับนักศึกษาชั้นปีที่ 1 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต ผลการวิจัยพบว่า การมสี ว่ นร่วมในกระบวนการกลุ่มตามบทบาทหน้าท่ีในกลุ่มช่วยเสริมสรา้ งความรว่ มมือในกลุ่ม การแสดง ความคิดเห็นในกลุ่ม และทักษะการสืบค้นข้อมูล นอกจากน้ียังพบว่า นักศึกษามีความพึงพอใจต่อการ เรียนโดยใชร้ ูปแบบการเรียนการสอนท่ีเนน้ ทักษะกระบวนการในภาพรวมระดับสูง และดา้ นทม่ี คี า่ เฉลี่ยสูง ทีส่ ดุ คือดา้ นผ้สู อน ซึง่ สอดคล้องกบั งานวจิ ยั ทแี่ สดงใหเ้ หน็ วา่ พฤติกรรมการสอนของครเู ป็นตัวแปรท่ีส่งผล ทางตรงและทางออ้ มตอ่ การคิดวิเคราะห์ (เบญ็ จพร ภิรมย์ และ สมศักดิ์ ลลิ า, 2554) สรุป รูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการท่ีผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยบูรณาการแนวคิด กระบวนการคิดวิเคราะหก์ ับกระบวนการกลุ่ม ทาให้ผเู้ รยี นมีความสามารถด้านการคดิ วเิ คราะห์เพิม่ ขน้ึ ซง่ึ รปู แบบท่ีใชเ้ นน้ ผู้เรียนได้ฝึกตามข้นั ตอนของการคิดวเิ คราะห์ เพื่อให้เขา้ ใจขั้นตอนท่ีถูกต้อง ไม่ใชเ่ พียงแต่ ให้สิ่งกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการคิด แต่ท่ีสาคัญผู้เรียนต้องเข้าใจกระบวนการคิดวิเคราะห์ เพื่อที่จะได้นาไป ปรับใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ได้ ถึงแม้ว่าการคิดวิเคราะห์เป็นเรื่องท่ีบุคคลดาเนินการด้วยตนเอง ไม่มีใคร แทนได้ แต่บุคคลอ่ืนหรือประสบการณ์ต่างๆ สามารถกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ ดังนั้นการใช้กระบวนการ

128 กลุ่มที่สมาชิกกลุ่มมีประสบการณ์ท่ีแตกตา่ งกัน ช่วยขับเคลือ่ นให้กระบวนการคิดวิเคราะห์มีประสทิ ธภิ าพ มากขน้ึ ข้อเสนอแนะการนาผลการวจิ ยั ไปใช้ 1. การนารูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการไปใช้ ผู้ใช้ควรคานึงถึงข้ันตอนการ สอนทั้ง 7 ข้ันตอน ทั้งตัวผู้สอนและนักศึกษาต้องเข้าใจกระบวนการ เน่ืองจากเป็นการบูรณาการ เนื้อหาวิชาเข้ากับทักษะกระบวนการ การสอนเน้นผู้เรียนให้เกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ ซึ่งเมื่อผู้เรียนเกิด ทักษะก็สามารถเช่ือมโยงเนื้อหา การสอนโดยใช้รูปแบบนี้ ครูมีส่วนสาคัญทุกข้ันตอน โดยเป็นผู้สนับสนนุ และสรา้ งความกระจา่ ง ไม่ใชผ่ ้ชู ีน้ า 2. ควรนารปู แบบนไี้ ปทดลองใช้ในการเพิ่มทักษะดา้ นอ่นื ๆ กับนกั ศกึ ษา 3. ในระหว่างการเรียนการสอน ครูควรเสรมิ แรงเป็นระยะๆ โดยเฉพาะแรงเสริมทางบวกแก่กล่มุ ท่ีมพี ฤติกรรมการใชก้ ระบวนการคิดวิเคราะหแ์ ละกระบวนการกลุม่ เปน็ อยา่ งดี เสริมความรว่ มมือในการ ทางานกล่มุ ข้อเสนอแนะในการทาวจิ ยั คร้ังตอ่ ไป 1. ควรวางแผนการวิจัยท่ีใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะกระบวนการในการจัดการ เรียนการสอนรายวิชาในชนั้ ปที ี่ 1 ทเี่ ปน็ วชิ าพื้นฐาน และจาเปน็ ในการเรียนวิชาทางการพยาบาล โดยเน้น กระบวนการคิดแต่ละข้ันตอน ไมใ่ ชเ่ นน้ เนอ้ื หา เพอื่ ใหน้ ักศึกษาฝึกทกั ษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ 2. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมการคิดวิเคราะห์และกระบวนการกลุ่มของนักศึกษา ระหว่างกลุ่มทผี่ สู้ อนจัดแบ่งกลมุ่ ให้ กับกลุ่มทแี่ บ่งตามความพอใจของผเู้ รียน

บรรณานกุ รม กรมวิชาการ. (2543). คู่มือการพัฒนาโรงเรียนเข้าสู่มาตรฐานการศึกษา: การสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็น ศูนย์กลาง. (พิมพค์ ร้งั ที่ 2). กรุงเทพฯ: มปท. กระทรวงศึกษาธิการ. (2544). หลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ: พัฒนา คุณภาพวชิ าการ (พว). กิตติมา พันธ์พฤกษา. (2555). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ที่เน้นวิธีการสอนโดยใช้ บริบทเพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์และการนาความรู้ไปใช้สาหรับนักศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย. ดุษฎีนิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต, สาขาวิชาวิทยาศาสตรศึกษา. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. เกรยี งศกั ด์ิ เจรญิ วงศ์ศักด.ิ์ (2553). การคิดเชิงวิเคราะห์= Analytical thinking. กรุงเทพฯ: ซคั เซสมเี ดยี . คมเพชร ฉตั รศุภกลุ . (2546). กจิ กรรมกลุม่ ในโรงเรียน. (พมิ พค์ รัง้ ท่ี 5). กรุงเทพฯ: บรษิ ัท ธนธชั การพมิ พ์. คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สานักนายกรัฐมนตรี. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแกไ้ ขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2545. กรงุ เทพฯ: พรกิ หวานกราฟฟิค. คณาพร คมสนั . (2540). การพฒั นารปู แบบการเรียนรู้ด้วยการนาตวั เองในการอ่านภาษาองั กฤษเพื่อความ เข้าใจสาหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย. ดุษฎีนิพนธ์ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต, สาขาหลกั สตู รและการสอน. กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. จินต์ จิระริยากุล. (2556). ศึกษาผลของกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบสอบโดยใช้โปรแกรม Tinker Plots เร่ืองสถติ ิ ท่ีมีต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และการแกป้ ัญหาคณติ ศาสตร์ ของนกั เรยี นช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 3. สารนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชาการมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. จริยา ภูสีฤทธิ์. (2549). การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนระดับมัธยมปีท่ี 3 โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร มหาบัณฑิต, สาขาวชิ าหลักสตู รและการสอน, ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ชนกนารถ ชื่นเชย. (2550). รูปแบบการจัดการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน. ดุษฎีนิพนธ์ศึกษา ศาสตรดุษฎบี ัณฑิต, สาขาการศกึ ษาผู้ใหญ่. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. ชนาธิป พรกุล. (2554). การออกแบบการสอน การบูรณาการอ่าน การคิดวิเคราะห์และการเขียน. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . ชาตรี สาํ ราญ. (2548). สอนให้ผู้เรียนคดิ วเิ คราะหอ์ ย่างไร. สานปฏิรูป. 8(83), 40-41.

130 ชุมพล เสมาขันธ. (2552). รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R & D). วารสารวทิ ยาศาสตร์, 10, 93- 97. ชชู ีพ เยาวพฒั น.์ (2553). กิจกรรม: Activity. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. ญาณภัทร สีหะมงคล (2552) . การวิจยั และพัฒนา. คน้ เมื่อ 28 มีนาคม 2559 จาก http://www.ntc.ac.th /news /ntc_50/research/20/res ณรงค์ กาญจนะ. (2553). เทคนิคและทักษะการสอนเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 1). สงขลา: จรัลสนิทวงศ์ การพมิ พ์ จํากดั . ดิลก ดิลกานนท์. (2543). การสร้างแบบฝึกทักษะการคิด เพ่ือส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย ศรนี ครินทรวโิ รฒ. ถาดทอง ปานศุภวัชร. (2556). การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษาครู ช้ันปีท่ี 2 มหาวทิ ยาลยั ราช ภฏั สกลนคร. (รายงานวิจัย). สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภฏั สกลนคร. ทองปาน บุญกุศล. (2558). ผลของการใช้เทคนิคการจัดการเรียนรู้ KWLH ต่อความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์ของนักศึกษาพยาบาลในวิชากายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา. วารสารมหาวิทยาลัย นราธวิ าสราชนครนิ ทร์, 7(3), 49-58. ทิพย์อาภา ฉิมสุวรรณ์. (2552). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนภาษาไทยและความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 ระหว่างกลุ่มท่ีได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ โครงงานกับการจัดการเรียนรูปแบบโมเดลซิปปา. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาการ จดั การเรียนรู้. พระนครศรอี ยธุ ยา, มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา. ทิศนา แขมมณี. (2554). ทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างสรรค์ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ: การบูรณาการในการจดั การเรยี นร.ู้ วารสารราชบัณฑิตยสถาน, 36(2), 188-204. ทิศนา แขมมณี. (2558). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. (พมิ พค์ รง้ั ท1ี่ 8) กรงุ เทพฯ: บริษัทด่านสุทธาการพมิ พ์ จํากัด. ธิติยา พงศ์ศิริไพศาล และ ชัยวัฒน์ วารี. (2558). การเปรียบเทียบความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ที่สอนด้วยเทคนิคการคิดแบบ หมวก 6 ใบ กับการสอนแบบปกติ. การประชุมวิชาการและนําเสนอผลงานวิจัยระดับชาติและ นานาชาติ ครง้ั ท่ี 6 กลุ่มระดบั ชาติดา้ นการศึกษา, 3(6), 252-262.

131 นงลักษณ์ วิรัชชัย, สุวิมล ว่องวานิช และอวยพร เรืองตระกูล. (2547). การประเมินผลการปฏิรูปการ เรียนรู้ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: สํานักงานเลขาธิการสภา การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. นัยพินิจ คชภักดี. (2548). การเรียนรโู้ ดยใช้สมองเปน็ ฐาน: จากภาคทฤษฎสี ภู่ าคปฏิบตั ิ. ค้นเม่ือ 5 ตุลาคม 2558. จาก http://neuroscience.mahidol.ac.th/NBBC2009/NK_ BrainBasedLearning_ Jan2005_Thai.pdf. นัดดา อังสุโวทัย. (2550). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนวิชาเคมีที่เน้นกระบวนการเรียนรู้แบบนา ตนเองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตศึกษา, มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. บญุ ชม ศรสี ะอาด. (2545). การวจิ ัยเบอื้ งตน. (พิมพครง้ั ที่ 7). กรงเทพฯ: สวุ ีริยาสาสน. เบ็ญจพร ภิรมย์ และ สมศกิัด์ ลิลา. (2554). ปัจจัยเชิงสาเหตุท่ีส่งผลต่อความสามารถการคิดวิเคราะห์ ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 1 สังกดั สาํ นกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาศรีสะเกษ เขต 1.วารสาร มหาวิทยาลัยนครพนม, 1(1), 63-70. ประพันธศ์ ริ ิ สเุ สารัจ. (2551). การพฒั นาการคิด. (พมิ พค์ รง้ั ที่ 2). กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ห้างหนุ้ สว่ นจาํ กัด เทคนิคพริ้นตง้ิ . หน้า 53 พัชราวดี ทองเนื่อง. (2553). ผลของการใชร้ ปู แบบการเรียนการสอนทเี่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สําคัญต่อความรู้และ การพัฒนาผู้เรียนในรายวิชาพยาธิสรีรวิทยาสําหรับนักศึกษาพยาบาล. Princess Naradhiwas University Journal, 2(1), 73-89. ไพฑูรย์ ศรีฟ้า. (2546). การจัดนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ. กรุงเทพฯ: สํานักงานคณะกรรมการ อุดมศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ. ภัทราพร เกษสังข์. (2552). การพัฒนาศักยภาพด้านการวิจัยของครู สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาเลย เขต 1 โดยการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม. การประชุมทางวิชาการการวิจัยทางการศึกษา ระดับชาติ คร้งั ที่ 13. กรงุ เทพฯ : สาํ นกั งานการศึกษา, หนา้ 380- 388. มาลินี ศิริจารี. (2545). การเปรียบเทียบความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์และความสามารถทาง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยบทเรียน ไฮเปอร์เท็กซ์และบทเรียนสื่อประสมในวิชาโครงงานวิทยาศาสตร์. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร มหาบัณฑติ , สาขามธั ยมศกึ ษา. กรงุ เทพฯ, มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ.

132 ยุทธนา กันตะบุตร. (2553). การศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5โดยใช้รูปแบบวัฏจักรการเรียน 5 E ร่วมกับเทคนิค KWLH. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต, สาขาการสอนวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ, มหาวิทยาลัย รามคําแหง. รัชนี ทาเหล็ก. (2556). ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคจิ๊กซอว์ เรื่องเส้นขนานท่ีมีต่อ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ปริญญา การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชาการมัธยมศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. รัชนี ศิลปศร. (2542). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิการฝึกอ่านออกเสียงร้อยกรองของนักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา ท่ีเรียนโดยใช้วิธีสอนแบบกระบวนการกลุ่ม และวิธีการสอนปกติ. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาการสอนภาษาไทย, บัณฑติ วิทยาลยั , มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. ลักขณา สริวัฒน.์ (2558). การรู้คิด (Cognition). กรงุ เทพฯ: โอ เอส พริ้นติ้ง เฮ้าส.์ วาโร เพง็ สวัสดิ์. (2552). การวิจัยพัฒนารปู แบบ. วารสารมหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร, 2(4), 2-14. วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี. (2556). หลักสูตรพยาบาศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรปรับปรุง) พ.ศ. 2556: วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี. (อดั สําเนา). วมิ ล ทองผวิ . (2556). การพฒั นาทักษะการคิดวิเคราะห์โดยใช้รูปแบบการสอนผังกราฟิก สาหรบั นักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาเทคโนโลยีการวจิ ัยและพัฒนา หลักสูตร, บัณฑิตวิทยาลยั , มหาวิทยาลยั ราชมงคลธัญบุรี. วีระ สุดสงั ข์. (2550). การคดิ วิเคราะหค์ ดิ อย่างมีวิจารณญาณและคดิ สร้างสรรค.์ กรงุ เทพมหานคร: สุวีริยาสาสน์. วัชรา เล่าเรียนดี. (2549). เทคนิคและยุทธวิธีพัฒนาทักษะการคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็น สาคัญ. นครปฐม: โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. วัฒนาพร ระงบั ทกุ ข.์ (2542). แผนการสอนทเ่ี น้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ: ม.ป.พ. ศรเนตร อารีโสภณภิเชฐ. (2557). กลยุทธ์การเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์: แผนท่ี มโนทัศน์. วารสารครศุ าสตร์, 42(3), 194-210. ศิริสัญญ์ แก้วสกุล .(2554). ผลการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์และความพึงพอใจต่อการ เรียนรู้ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง ท่ีได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบมี ส่วนร่วมในรายวิชาหลักการตลาด. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาหลักสูตร และการสอน. นครปฐม, มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครปฐม.

133 สมคิด พรมจุย้ . (2555). การเขยี นรายงานการวจิ ยั . นนทบุร:ี จตุพร ดไี ซน์. สาคร สขุ ศรวี งศ.์ (2554). เรยี นบรหิ ารผ่านกรณีศึกษา. กรุงเทพฯ: จี.พี.ไซเบอร์พรินท์. สิทธิพล อาจอินทร์. (2554). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นการคิดวิเคราะห์ กลุ่มสาระการ เรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์. วารสารวจิ ยั มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ , 16(1), 74-82. สุปาณี วงั กานนท์, ประสาท เนืองเฉลมิ และปาริชาติ ประเสริฐสงั ข.์ (2559). พัฒนาชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เพ่ือแก้ปัญหาการคิดวิเคราะห์ตามหลักการของ Marzano สําหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 2. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 10 (1), 200-210. สวุ ัฒน์ วิวฒั นานนท์. (2552). ทกั ษะการอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขยี น. กรงุ เทพฯ: ซซี ี.นอลลิดจล์ ิงคส์. สุวิมล ว่องวาณิช. (2548). การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน. (พิมพ์คร้ังที่ 8). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . สุวิมล ว่องวาณิช. (2549). บทที่ 3 แบบตรวจสอบรายการประเมิน: วิธีวิทยาและเครื่องมือประเมิน. ใน สวุ มิ ล วอ่ งวาณชิ (บรรณาธิการ), การประเมนิ อภิมาน: วิธวี ิทยาการประยุกต์ใช้. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์ แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . สุวิทย์ มลู คาํ . (2548). กลยุทธ์การสอนคิดวิเคราะห์. (พมิ พคร้ังที่ 3). กรุงเทพมหานคร: ดวงกมลสมัย. สวุ ทิ ย์ มลู คาํ และอรทยั มูลคาํ . (2552). 19 วธิ กี ารเรยี นร้:ู เพอ่ื พัฒนาความรแู้ ละทักษะ. (พมิ พค์ ร้ังที่ 8). กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ภาพพิมพ์ สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สํานักนายกรัฐมนตรี. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติพ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี2) พ.ศ.2545. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . สาํ นกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา. (2550). กรอบแผนอดุ มศึกษาระยะยาว 15 ปฉี บับท่ี 2 (พ.ศ. 2551 – 2565). กรงุ เทพฯ : โรงพิมพแ์ ห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั หฤทัย อภิชาตพงศ.์ (2550). กิจกลุ่มในโรงเรียน. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒประสานมติ ร. อเนก พ. อนุกลู บุตร. (2547). การคดิ วิเคราะห์. วงการครู, 2(8), 62-63. อาร์ม โพธพิ ัฒน.์ (2550). การศกึ ษาผลสมั ฤทิธ์ทางวิทยาศาสตร์และความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี3 ท่ีได้รับการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเขียนแผนผังมโนมติ. วิทยานพิ นธ์ศึกษามหาบัณฑติ , สาขาวชิ าการ. กรงุ เทพฯ, มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒประสานมติ ร. อมั พร พงษ์กังสนานันท์. (2550). การพัฒนารปู แบบการจัดการศึกษานอกระบบในสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพ่ือส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต .ดุษฏีนิพนธ์ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต, สาขาวิชา การศกึ ษาผู้ใหญ่. กรงุ เทพฯ, มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมติ ร.

134 เออื้ อารี จนั ทร. (2553). การจัดการเรียนการสอนโดยใชก้ ระบวนการกลุ่มในรายวชิ าระบบคอมพวิ เตอร์. วทิ ยานพิ นธ์ศกึ ษาศาสตร์มหาบณั ฑติ . กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนดสุ ิต. Bloom, B. S. (1971). Handbook on Formative and Summative Evaluation of Student Learning. New York: McGraw-Hill. Bloom, B. S. (1956). Taxonomy of Educational Objectives, Handbook 1: Cognitive Domain. Addison-Wesley Publishing Company. Borg, W. R., & Gall, M. D. (1989). Education Research. (5th ed.). New York: Longman. 784-785. Boulmetis, J. (2003). Learning Pyramid. Instructor, 113(3), 9. Caine, R., & Caine, G. (1 9 9 8 ) Building a bridge between neurosciences and education: Cautions and possibilities. NASSP Bulletin, 82 (598), 1-6. Dillon, J.T. (1984). Research on Questioning and Discussion. Educational Leadership, 42 (3), 50-56. Dennis J A. (1990). The Influence of Cognitive Monitoring Instruction on Academic Task Performance. [Dissertation]. Abstracts International. 48 (12): 3073. Eisner, E. (1976). Education Connoisseurship and Criticism: Their Form and Functions in Educational Evaluation. Journal of Aesthetic Education. 1976, 192-193. Elder, L. & Paul, R. (2007). The thinkers’ guide to Analytic thinking. [e-book]. California: Dillon Beach. Retrieved October 15, 2016, from www.criticalthinking.org. Good, C. V. (1973). Dictionary of Education. New York: McGraw-Hill Book. Joyce, B. R., & Weil, M. (2000). Model of teaching. (6th ed.). Massachusetts: Allyn & Bacon. Lewin, K. (1951). “Field. Theory and Leaning” Ind. Cartwright Field theory in Social Science: Selected Theoretical. New York: Harper and Row. Loving G, Wilson J. (2000). Infusing critical thinking into the nursing curriculum through faculty development. Journal Neural Eng. 25(2): 70-4. Marzano, R.J. (2001). Designing a new Taxonomy of Educational Objective. Thousand Oaks, California: Cowin Press, Inc. Maker, C. J. (1982). Teaching Models in Education of the Gifted. Taxas: PRO-ED. Ohman A, Flykt A, Esteves F. Emotion drives attention: Detecting the snake in the grass. Journal Exp Psychol Gen.2001; 130: 466–478.

135 Prasart Nuangchalerm. (2009). Cognitive Development, Analytical Thinking and Learning Satisfaction of Second Grade Students Learned through Inquiry-based Learning. Asian Social Science. 5(10). www.ccsenet.org/journal.html . Takington, S.A. (1989). Improving Critical Thinking Skills Using Paideia Seminars in a sevenGrade Literature Curriculum. Doctoral Dissertation. University of San Diego.

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก รายนามผู้เชย่ี วชาญตรวจเคร่อื งมือวจิ ยั

138 ผ้เู ช่ยี วชาญตรวจสอบคู่มือการจดั การเรยี นการสอน และแผนสอน โดยใชร้ ูปแบบการเรยี น การสอนทเ่ี นน้ ทกั ษะกระบวนการ 1. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ดร.พูลพงศ์ สขุ สวา่ ง 2. ดร.อัญชนา จลุ ศริ ิ 3. ดร.องั คณา กลุ นภาดล ผู้เชี่ยวชาญตรวจเคร่อื งมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล 1. ดร.กนก พานทอง 2. ผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกนุช นรวรธรรม 3. ดร.ทุติยรัตน์ ร่ืนเริง

ภาคผนวก ข - ตวั อยา่ งค่มู ือการจดั การเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่เนน้ ทักษะ กระบวนการ เพ่ือสง่ เสริมความสามารถด้านการคดิ วิเคราะห์ สาหรบั นกั ศึกษาพยาบาล - ตัวอยา่ งแผนสอน

ตวั อยา่ ง คู่มือการจัดการเรยี นการสอน โดยใชร้ ปู แบบการเรยี นการสอนที่เนน้ ทกั ษะกระบวนการ เพื่อส่งเสรมิ ความสามารถด้านการคดิ วเิ คราะห์ สาหรบั นักศกึ ษาพยาบาล วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ี จัดทาโดย ดร.ลดั ดา เหลอื งรตั นมาศ ปกี ารศึกษา 2558 วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook