สารบัญ หนา้ 1 ตอนที่ 1 หลักการ แนวคดิ และทฤษฎแี ละวตั ถปุ ระสงค์ของรูปแบบ 1 หลักการ แนวคดิ และทฤษฏี 6 วตั ถปุ ระสงคข์ องรปู แบบ 7 7 ตอนท่ี 2 กระบวนการจัดการเรยี นการสอน 8 การจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการคิด 8 แนวทางการสอนใหน้ ักเรียนเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ 9 การจัดการเรยี นการสอนโดยเน้นกระบวนการกลุม่ 11 รูปแบบการจัดการเรยี นการสอนทเ่ี น้นทักษะกระบวนการ 13 เนื้อหาโดยสงั เขป 17 บทบาทผ้สู อนและบทบาทผู้เรียน 19 ตารางการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน 26 กรณีศึกษา 30 31 ตอนท่ี 3 การวดั และประเมินผลความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ บรรณานุกรม ภาคผนวก แผนสอน เอกสารประกอบการสอน
ตอนที่ 1 หลักการ แนวคิดและทฤษฎีและวัตถปุ ระสงค์ของรูปแบบ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์การคิดวิเคราะห์ (Analytic thinking) เป็นทักษะสาคญั ของกระบวนการ เรียนรูใ้ นระดบั อดุ มศึกษา บุคคลทม่ี คี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์จะมีความสามารถในดา้ นอ่นื ๆ ท้ังน้ี พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 24 ข้อ 2 กล่าวว่า “การจดั กระบวนการเรยี นรู้ให้ สถานศึกษาและหน่วยงานที่เก่ยี วขอ้ งดาเนนิ การฝึกทกั ษะ กระบวนการคดิ การจดั การ การเผชญิ สถานการณ์ และการประยุกตค์ วามรู้มาใช้เพอ่ื ป้องกนั และแกป้ ญั หา” ตลอดจนแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2545-2559 ท่ีมีเป้าหมายให้คนไทยทุกคนมที ักษะและกระบวนการในการคดิ การวเิ คราะห์ และ แกป้ ญั หา สามารถประยุกต์ใช้ความรูไ้ ด้อย่างถูกต้อง เหมาะสม สามารถพฒั นาตนเองได้อยา่ งต่อเนื่อง เตม็ ตามศักยภาพ นอกจากน้ีมาตรฐานคณุ วุฒริ ะดับปรญิ ญาตรสี าขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ.2552 ให้ ความสาคญั ดา้ นการคดิ วเิ คระห์ โดยกาหนดในมาตฐานผลการเรยี นรดู้ า้ นทกั ษะทางปัญญา ให้ผเู้ รียน สามารถสบื คน้ วเิ คราะหข์ ้อมูลจากแหลง่ ข้อมลู ทีห่ ลากหลาย คิดวิเคราะหอยางเปนระบบ โดยใชองค ความรูทางวิชาชพี และที่เกี่ยวของ รวมทัง้ ใชประสบการณเปนฐาน เพอ่ื ใหเกดิ ผลลพั ธท่ปี ลอดภยั และมี คณุ ภาพ ในการใหบริการ การพยาบาล นอกจากนีห้ ลกั สูตรพยาบาลศาตรบัณฑติ (หลักสตู รปรับปรุง) พ .ศ.2556 ได้กาหนดไวว้ า่ บัณฑิตท่ีจบหลักสูตรเป็นผทู้ ีม่ ีการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ และแก้ปัญหา อย่างสรา้ งสรรค์ ทงั้ ทเ่ี ก่ียวกบั การปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล และสถานการณ์ท่วั ไป ประกอบกบั วิทยาลยั พยาบาลบรม ราชชนนี ชลบรุ ีไดม้ กี ารกาหนดอตั ลกั ษณ์บณั ฑติ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบรุ ีซงึ่ สอดคล้องกบั อัต ลักษณ์บัณฑติ ของสถาบันพระบรมราชชนก และไดก้ าหนดสมรรถนะบัณฑติ ที่ตอบสนองอัตลกั ษณ์ไว้ 3 ด้าน ซ่ึงหน่งึ ในนนั้ ก็คือการคดิ วเิ คราะห์ ผู้วิจัยได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการเพ่ือส่งเสริมความสามารถ ด้านการคิดวิเคราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี จากการศึกษา เอกสารและวิเคราะห์ขอ้ มลู ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของนักศกึ ษา และความคดิ เห็นของนกั ศกึ ษา สภาพปัจจุบันและความคาดหวังการพัฒนาการคิดวิเคราะห์ของนักศึกษามาออกแบบรูปแบบการเรียน การสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ มีองค์ประกอบของรูปแบบ 4 องค์ประกอบได้แก่ 1) หลักการของ รูปแบบ 2) วตั ถปุ ระสงคข์ องรปู แบบ 3) กระบวนการจัดการเรียนการสอน 4) การประเมินผลรูปแบบ หลักการ แนวคิดและทฤษฎีการจดั การเรียนการสอนทเ่ี นน้ ทกั ษะกระบวนการ ทฤษฎกี ารจัดการเรียนการสอนท่เี นน้ ผู้เรยี นเป็นศูนย์กลาง โดยมีแนวคิดพืน้ ฐาน 3 แนวคดิ ไดแ้ ก่ การเรียนรู้โดยใช้สมองเปน็ ฐาน กระบวนการคิดวเิ คราะห์ และกระบวนการกลุ่ม หลักการ ของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนนจ้ี ึงให้ความสาคญั กับทักษะกระบวนการ ท้งั กระบวนการทางสมอง
ตวั อยา่ งแผนสอน
วิทยาลัยพยาบาลบ แผนการสอน วิชา พยาธิสรีรวิทยา รหัสวิชา พว. 1209 จานวน 3 หนว่ ยกติ (2-2-5) บทที่ บทที่ 7 พยาธสิ รีรภาพระบบทางเดินหายใจ 7.1 อาการและอาการแสดง 7.2 การตรวจเพ่อื การวินิจฉัยโรคระบบทางเดินหายใจ บทท่ี 8 พยาธิสรีรภาพระบบประสาท 8.1 อาการและอาการแสดง 8.2 การตรวจเพอ่ื การวนิ ิจฉยั โรคระบบประสาท บทที่ 9 พยาธิสรรี ภาพระบบหวั ใจและไหลเวยี นโลหติ 9.1 อาการและอาการแสดง 9.2 การตรวจเพอ่ื การวินจิ ฉัยโรคระบบหวั ใจและไหลเวยี นโลห บทท่ี 10 พยาธิสรีรภาพระบบทางเดินอาหาร 10.1 อาการและอาการแสดง 10.2 การตรวจเพ่ือการวนิ จิ ฉัยโรคระบบทางเดินอาหาร วนั ท่ีสอน วนั ท่ี 29 ตลุ าคม 2558 เวลา 9.00-12.00 น. จานวน 3 ชวั่ โม สาหรบั นกั ศกึ ษาหลักสตู รพยาบาลศาสตรบณั ฑิต ชั้นปที ่ี 2 รนุ่ ท่ี 37 จานวน 1 อาจารย์ผูส้ อน อาจารย์ดร.ลดั ดา เหลอื งรัตนมาศ แนวคิด บทที่ 7 พยาธิสรีรภาพระบบทางเดินหายใจ
บรมราชชนนี ชลบุรี นภาคทฤษฎี หิต มง 118 คน
ความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ มีสาเหตุทั้งจากการติดเช้อื และไ ควบคุมการทางานของระบบทางเดินหายใจ รวมถึงกล้ามเน้ือทเ่ี กีย่ วข้องกบั การหายใจ ส วนิ จิ ฉัยไดจ้ ากการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจพิเศษ จะช่วยทาให้วนิ ิจฉัย บทที่ 8 พยาธสิ รีรภาพระบบประสาท ความผิดปกตใิ นระบบประสาทจะปรากฏอาการแสดงท่บี ่งช้ีถึงการทางา รบั ความรู้สกึ และการทางานของอวยั วะต่างๆ ที่ควบคุมโดยระบบประสาท โรคร โดยมีสาเหตใุ หญ่ๆ จากการติดเชือ้ และไมต่ ดิ เช้ือ ซ่งึ สง่ ผลให้การทางานของระบ ในร่างกาย ดงั นน้ั เม่ือเกดิ ความผิดปกตใิ นระบบประสาทเกิดข้นึ จะสง่ ผลให้การท บทท่ี 9 พยาธิสรีรภาพระบบหัวใจและไหลเวยี นโลหติ ระบบไหลเวยี นเลือดประกอบด้วยหวั ใจและหลอดเลอื ด เมื่อเกดิ ความผดิ ปก หน้าท่ขี องหวั ใจ และทาใหเ้ กิดภาวะหวั ใจลม้ เหลวในท่ีสดุ นอกจากนก้ี ารทหี่ วั ใจบ กา๊ ซท่ปี อด ยังต้องอาศยั การทางานร่วมกนั กบั ระบบไหลเวยี นเลอื ด ดังนนั้ ถ้าระบ องค์ประกอบภายในเลือด หรอื ผนังหลอดเลือด จะส่งผลตอ่ การทางานของหัวใจ บทท่ี 10 พยาธสิ รีรภาพระบบทางเดนิ อาหาร ความผิดปกติของกระบวนการยอ่ ยและการดดู ซมึ ไมว่ า่ จะสาเหตใุ ดๆ หรอื เก ทางานของระบบตา่ งๆ ผดิ ปกติตามมาได้ อวยั วะชว่ ยยอ่ ยซึ่งไดแ้ กต่ บั ตับออ่ นและทา อวยั วะชว่ ยย่อยอาจเกิดจากการตดิ เช้อื และไม่ติดเช้ือจะสง่ ผลกระทบทางตรงและทาง มาตรฐานผลการเรยี นรู้ (Learning Outcome) 1. มคี วามรับผดิ ชอบต่อการกระทาของตนเอง (1.4) 2. มีระเบยี บวนิ ยั และซอ่ื สัตย์ (1.5) 3. มคี วามร้แู ละความเขา้ ใจในสาระสาคญั ของศาสตร์ทเี่ ป็นพ้ืนฐานชวี ติ แ 4. สามารถสืบคน้ และวเิ คราะหข์ อ้ มูลจากแหล่งข้อมูลท่ีหลากหลาย (3.
149 ไม่ติดเชื้อ ซึง่ เกิดกับอวยั วะในระบบทางเดนิ หายใจโดยตรงหรือระบบประสาทที่ สง่ ผลให้เกิดอาการหายใจลาบาก เกดิ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการหายใจ การ ยโรคได้ถูกตอ้ ง านท่บี กพร่องของสมองได้แก่ การส่งสญั ญาณประสาทบกพร่อง สญู เสยี ทัง้ การ ระบบประสาทเกดิ ข้นึ ได้ทั้งในระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทส่วนปลาย บบประสาทบกพร่องไป และระบบประสาทควบคมุ การทางานของอวัยวะต่างๆ ทางานของระบบต่างๆ ผิดปกติตามมาได้ กติของงคป์ ระกอบต่างๆ ของระบบไหลเวยี นเลอื ด จะส่งผลกระทบตอ่ การทา บีบตวั เพ่ือนาเลือดออกไปเล้ียงส่วนต่างๆ ของรา่ งกายและไปทาการแลกเปล่ียน บบไหลเวียนเลือดทางานผดิ ปกติ ไมว่ ่าจะมีสาเหตจุ ากความผดิ ปกติของ จ กดิ ทีส่ ว่ นใดของทางเดนิ อาหารจะสง่ ผลใหร้ า่ งกายเกดิ ภาวะขาดสารอาหาร ทาให้การ างเดนิ นา้ ดี กม็ ีส่วนสาคัญต่อการทางานของระบบยอ่ ยอาหารซงึ่ ความผดิ ปกติของ งออ้ มต่อหน้าท่ขี องระบบทางเดนิ อาหาร และพื้นฐานทางวิทยาศาสตรส์ ขุ ภาพ (2.1) .2)
5. มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี ต่อสังคม และพฒั นาตนเอง วิชาชีพ องคก์ รแ 6. สามารถส่ือสารภาษาไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งการพูด การฟัง ภาษาอังกฤษอย่างเข้าใจ (5.3) วตั ถุประสงค์ท่ัวไป 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั การ 2. เห็นความสาคัญของประเด็นจรยิ ธรรมการวจิ ยั ในมนุษย์ 3. นาความรเู้ กี่ยวกับอาการ อาการแสดง และการตรวจเพ่ือการวนิ จิ ฉยั ไป ประสาท ระบบหวั ใจและไหลเวียนเลือด ระบบทางเดินอาหาร
150 และสงั คมอย่างต่อเนื่อง (4.4) ง การอ่าน การเขียนและการนาเสนอ รวมท้ังสามารถอ่านวารสาร และตารา ปใช้ในการวเิ คราะห์โรคในผปู้ ่วยทมี่ ีความผิดปกติของระบบหายใจ ระบบ
วัตถปุ ระสงค์ เนอื้ หา กิจกรร เชิงพฤติกรรม บทนา ข้ันนา เม่ือเรียนจบ แล้วนกั ศกึ ษา รปู แบบการเรยี นการสอนท่เี น้นกระบวนการคดิ และ - ครูท สามารถ กระบวนการกลุ่ม เปน็ การสอนท่อี าศยั ส่ิงเร้า การฝกึ - ครอู ธ ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ ตามแนวคดิ ของมารซ์ าโน สอนทเี่ ประกอบด้วย 5 ดา้ นยอ่ ย คือ ด้านการจาแนก จดั กลุ่ม วิเคราะ ขององค์ประกอบย่อยของข้อมูลหรือสถานการณแ์ ละ มขี น้ั ตอ การเชือ่ มโยง ด้านการสรุปความ ด้านการประยกุ ต์ และ ความค ด้านการคาดการณส์ ถานการณท์ จี่ ะเกดิ ข้ึน สว่ น ความเช กระบวนการกลุม่ จดั การเรยี นการสอนในลกั ษณะทเ่ี น้น และหา ผูเ้ รยี นเป็นสาคญั เน้นขั้นตอนกระบวนการ วธิ ีการหรือ 4) ระด พฤติกรรมต่างๆ ทจี่ ะชว่ ยใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้เปน็ กระบว ลาดับข้ันตอน โดยอาศยั การสร้างความสัมพนั ธท์ ด่ี ี ยอด6) ระหวา่ งสมาชิกในกลุ่ม เกดิ การแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ รู้จกั (Conc การเรียนรู้ด้วยตนเองและช่วยใหก้ ารดาเนนิ งานของกลมุ่ ยกตัวอ เปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ โดยใชห้ ขน้ั ตอน กระบว
151 รมการเรยี นการสอน สื่อการสอน เวลา วิธกี ารประเมนิ ผล 10 นาที ทกั ทายนักศึกษา ธบิ ายวิธกี ารจดั การเรียนการ เน้นกระบวนการคิด ะหแ์ ละกระบวนการกลุ่ม ที่ อน 6 ขั้นตอนได้แก่ 1) ปลุก คิด 2) พนิ ิตไตร่ตรอง มองหา ชอื่ มโยง 3) สรา้ งข้อคาถาม าคาตอบ (5W1H) ดมสมอง (เน้นทกั ษะ วนการกล่มุ ) 5) สรปุ รวบ ) ถ่ายทอดความคดิ cept Mapping) และ อย่างวิเคราะหส์ ถานการณ์ หลกั การคิดวิเคราะห์ทั้ง 5 นของมารซ์ าโน และแนะนา วนการกลมุ่ ที่มีประสทิ ธิภาพ
วัตถปุ ระสงค์ เนอื้ หา กจิ กรร เชงิ พฤติกรรม ข้ันสอ ครนู า บอกอาการและ อาการและอาการแสดงระบบทางเดินหายใจ ความร ตอบหน อาการแสดงถึง 1. อาการไอ (cough) เปน็ กลไกการตอบสนองของ หายใจ และหล ความผดิ ปกติใน รา่ งกายจาก visceral reflex เพื่อป้องกนั ตนเองโดย ทางเดิน เกี่ยวก ระบบทางเดนิ กาจดั เสมหะ เชื้อโรค หรอื สิ่งแปลกปลอมออกจาก ความผ หายใจ หายใจได้ ทางเดินหายใจ สาเหตขุ องการไอ เกิดได้จากหลาย และหล ทางเดิน สาเหตุทัง้ จากความผดิ ปกติของระบบทางเดินหายใจ บอกได ระบบ ได้แก่การติดเชื้อ การอดุ ก้นั ของหลอดลม มะเร็งปอด มี - ครูส ความ สาเหตจุ ากอวยั วอื่นๆ ไดแ้ ก่ หัวใจล้มเหลว ตดิ เช้อื ใน วินจิ ฉ โพรงจมกู ระบบยอ่ ยอาหารทางานผดิ ปกติ ยาบางชนิด 2. อาการไอปนเลือด (hemoptysis) เปน็ อาการไอท่ี มเี ลือดปน มีลกั ษณะเป็นฟอง (frothy sputum) มี สาเหตจุ ากความผดิ ปกติท่ีปอด หรือหลอดลม พบในผู้มี ประวัติเป็นโรควณั โรค 3. อาการหายใจลาบาก (dyspnea) เป็นภาวะทต่ี อ้ ง ใช้ความพยายาม หรือใช้แรงในการหายใจ อาจเกดิ ข้ึนเมอ่ื ผูป้ ว่ ยหายใจเร็ว (tachypnea) หรอื หายใจชา้ (bradypnea)
152 รมการเรียนการสอน ส่ือการสอน เวลา วธิ ีการประเมนิ ผล อน 10 นาที การมสี ว่ นร่วมใน าเขา้ สูบ่ ทเรียนโดยทบทวน การแสดงความ ร้เู ดิมโดยให้นักศกึ ษาชว่ ยกนั คดิ เหน็ นา้ ที่ของระบบทางเดิน จ ระบบประสาท ระบบหวั ใจ ลอดเลือด และระบบ นอาหาร และถามนกั ศึกษา กบั อาการ อาการแสดถึง ผิดปกติในระบบทางเดิน จ ระบบประสาท ระบบหัวใจ ลอดเลือด และระบบ นอาหาร และการตรวจที่ ดว้ ่ามีความผดิ ปกติของแตล่ ะ สรปุ อาการ อาการแสดงถึง Power point 60 นาที มผิดปกติ วิธกี ารตรวจเพ่ือ อาการและอาการ ฉยั โรค ในระบบทางเดิน แสดง การวนิ จิ ฉยั
วตั ถุประสงค์ เนอ้ื หา กิจกรร เชงิ พฤติกรรม 4. อาการหายใจลาบากรุนแรงมาก ผปู้ ่วยอาจต้องนัง่ หายใจ ระบุวธิ กี าร (orthopnea) เพราะจะทาให้การหายใจสะดวกขน้ึ เกิด หวั ใจแ ตรวจเพอื่ จากเม่ือนอนราบเลือดในทรวงอกเพม่ิ ขึน้ รว่ มกบั การดนั ทางเด วินจิ ฉยั โรคใน ข้ึนของกะบงั ลมในท่านอนหงาย จะรบกวนการ ระบบทางเดิน แลกเปลี่ยนแก๊สท่ีหลอดเลือดฝอยของหลอดลม พบใน หายใจได้ ภาวะหวั ใจซีกซา้ ยวาย ผู้ปว่ ยหอบหดื COPD 5. อาการเหน่ือยฉบั พลนั ขณะหลับ (paroxysmal nocturnal dyspnea) เกิดข้ึนขณะผู้ป่วยนอนหลับ อยๆู่ กต็ น่ื ข้ึนมากระทนั หนั เพราะรู้สึกเหน่ือย การวินิจฉยั โรคโรคในระบบทางเดนิ หายใจ 1. การตรวจรา่ งกาย 1.1 Clubbing of finger 1.2 Cyanosis 2. การตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการ 2.1 การตรวจเสมหะ ได้แก่ sputum exam, sputum culture, sputum AFB 2.2 การตรวจน้าจากช่องเย่ือห้มุ ปอด เพ่ือแยก ระหวา่ ง transudate กับ exudate
153 รมการเรียนการสอน สื่อการสอน เวลา วธิ ีการประเมนิ ผล จ ระบบประสาท ระบบ โรคในระบบหายใจ การตอบคาถาม และหลอดเลือด และระบบ ระบบหัวใจและ ของนักศึกษา ดนิ อาหาร หลอดเลอื ด ระบบ ประสาท และระบบ ทางเดินอาหาร
วัตถุประสงค์ เนอ้ื หา กิจก เชงิ พฤติกรรม 2.3 การตรวจก๊าซในเลอื ดแดง (arterial blood gas) 3. การตรวจพเิ ศษ 3.1 Chest X-ray 3.2 Bronchoscopy 3.3 Spirometry บอกอาการและ อาการแลอาการแสดงความผิดปกตใิ นระบบประสาท อาการแสดงถงึ 1. อาการปวดศรี ษะ (headache) มสี าเหตุทั้งจาก ความผดิ ปกตใิ น ความผดิ ปกติในระบบประสาทและนอกระบบประสาท ระบบประสาทได้ 2. อาการชกั (seizure) เป็นอาการทเ่ี กิดจากเซลล์ สมองทางานผิดปกติ การเปล่ียนแปลงกระแสไฟฟา้ ใน สมองอย่างกระทันหนั สาเหตุส่วนใหญ่จากการมี แผลเป็นทสี่ มอง 3.อาการเซ (ataxia) เป็นภาวะท่ีกล้ามเนื้อเสยี การ ประสานงานในขณะท่มี ีการเคลือ่ นไหวแบบตั้งใจ 4.กล้ามเนอื้ อ่อนแรง 5.การเปลี่ยนแปลงระดบั การรู้สติ (alternative of conscious)
กรรมการเรียนการสอน สือ่ การสอน 154 เวลา วธิ กี ารประเมนิ ผล
วัตถปุ ระสงค์ เนื้อหา กจิ กรร เชงิ พฤติกรรม 6. ความผดิ ปกติของการเคล่ือนไหวและการรบั ความรู้สกึ 7. อาการทแ่ี สดงความดันในกระโหลกศรี ษะเพ่มิ (increase intracranial pressure) ระบวุ ิธีการตรวจ การวินิจฉยั โรคโรคในระบบประสาท เพอ่ื วนิ จิ ฉัยโรค 1. การตรวจร่างกาย ได้แก่ การตรวจการทางานของ ในระบบประสาท ระบบประสาทสว่ นกลาง ระบบประสาทสว่ นปลาย และ ได้ ระบบประสาทอัตโนมัติ 2.การตรวจทางห้องปฏบิ ตั ิการ: การตรวจน้าไขสันหลงั การตรวจภูมติ ้านทานโรค (autoantibody) 3. การตรวจพเิ ศษ ได้แก่ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การตรวจด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า การตรวจเส้นประสาทและ กล้ามเนือ้ ดว้ ยกระแสไฟฟ้า บอกอาการและ อาการและอาการแสดงความผดิ ปกตใิ นระบบหัวใจ อาการแสดงถงึ และไหลเวยี นโลหิต ความผิดปกตใิ น 1. อาการแนน่ หนา้ อก (chest pain) สว่ นใหญ่เกดิ ระบบหวั ใจและ จากกลา้ มเนื้อหวั ใจขาดเลอื ด ไหลเวียนโลหติ ได้ 2. อาการเขยี วคล้า (cyanosis) จาแนกได้เป็น
รมการเรยี นการสอน ส่ือการสอน 155 เวลา วธิ กี ารประเมนิ ผล การตอบคาถาม ของนักศึกษา
วัตถุประสงค์ เน้อื หา กจิ กรร เชิงพฤติกรรม peripheral cyanosis และ central cyanosis 3. อาการบวม (edema) พบได้ทงั้ บวมเฉพาะทีแ่ ละ บวมท่ัวตวั 4. อาการเหน่ือย พบได้ในผ้ปู ่วยท่ีมีภาวะหัวใจลม้ เหลว ภาวะโลหติ จาง ระบุวิธีการตรวจ การวนิ จิ ฉยั โรคในระบบหัวใจและไหลเวยี นโลหิต เพ่ือวนิ ิจฉัยโรค 1. การตรวจร่างกาย: ดตู าแหน่งท่ีมีอาการเขียวคลา้ โรคในระบบหัวใจ ฟังเสียงและอตั ราการเต้นของหวั ใจ การวัดความดนั โลหิต และไหลเวยี น 2. การตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร ได้แก่ การตรวจ โลหติ ได้ ความดนั ก๊าซในเลอื ดแดง การตรวจ cardiac enzyme และ cardiac marker 3. การตรวจพเิ ศษ ได้แก่ การตรวจคล่ืนไฟฟา้ หัวใจ (Electrocardiogram), Echocardiogram, Ultrasound บอกอาการและ อาการและอาการแสดงความผิดปกตใิ นระบบ อาการแสดงถึง ทางเดินอาหาร ความผิดปกติใน 1. อาการกลืนลาบาก (dysphagia) มีความผิดปกตขิ อง
รมการเรยี นการสอน ส่ือการสอน 156 เวลา วธิ กี ารประเมนิ ผล การตอบคาถาม ของนักศึกษา
วตั ถปุ ระสงค์ เน้อื หา กิจกรร เชงิ พฤติกรรม การรับรูใ้ นการกลืนทั้งของแข็งและของเหลว สาเหตุจาก ระบบทางเดนิ การอุดตันของทางเดนิ อาหารหรอื ความผิดปกติของการ อาหารได้ บบี ตวั ของทางเดนิ อาหาร 2. อาการท้องอืด ท้องเฟอ้ มีแก๊ส (flatulence) เป็นอาการท่ีรูส้ ึกแน่นอึดอัดในชอ่ งท้อง เน่อื งจากมลี มใน กระเพาะอาหารมาก 3. อาหารไมย่ ่อย (dyspepsia) อาการที่พบได้แก่ ปวดทอ้ งหรอื อดึ อัด อาหารไม่ย่อย ไม่สบายทอ้ ง อาการ ปวดทอ้ งตรงบริเวณกลางท้องส่วนบนเหนือระดับสะดือ อาการปวดอาจร้าวไปถึงดา้ นบนขวาหรอื ดา้ นบนซา้ ย ลกั ษณะของการปวดท้องมีได้หลายรูปแบบ 4. เบอื่ อาหาร (anorexia) เปน็ อาหารที่ไม่เฉพาะเจาะจง เกดิ ได้จากสาเหตุทางกายและทางจิตใจ 5. คลน่ื ไส้ ( nausea) ความรู้สึกไม่สุขสบาย ผะอืดผะอม 6. อาเจียน (vomiting) เปน็ อาการท่ีเกิดจากมีการ บีบตัวของกระเพาะอาหารอย่างรนุ แรง ส่งผลให้เกดิ แรงขับดันให้อาหารหรือน้าย่อยที่อยใู่ นกระเพาะอาหาร พุ่งออกมาจากกระเพาะอาหาร
รมการเรียนการสอน สื่อการสอน 157 เวลา วธิ กี ารประเมนิ ผล
วตั ถปุ ระสงค์ เนื้อหา กิจกรร เชงิ พฤติกรรม 7. อาเจยี นเป็นเลอื ด (hematemesis) เปน็ อาการ ทเี่ กดิ จากความผิดปกตขิ องทางเดินอาหารส่วนบน 8. ทอ้ งเสยี (diarrhea) เปน็ อาการท่มี จี านวนครงั้ ของการถ่ายอจุ าระมากกวา่ ปกติ 9. ถ่ายเป็นเลอื ด (melena) เป็นลกั ษณะของอจุ จาระ ที่มสี ดี าเหลวข้น คลา้ ยน้ามนั มีกลิ่นเหม็นท่ีจาเพาะ เกิด จากการทาปฏิกิรยิ าระหวา่ งฮีโมโกลบิน (hemoglobin) กบั กรดและแบคทเี รีย 10. ทอ้ งผูก เป็นอาการผดิ ปกติของการขบั ถ่าย อจุ จาระมลี ักษณะแข็ง การถา่ ยอุจจาระลาบาก สาเหตุ เกิดจากรับประทานอาหารท่ีไมม่ ีเส้นใย ระบวุ ิธกี ารตรวจ การวนิ ิจฉยั โรคในระบบทางเดนิ อาหาร เพือ่ วนิ จิ ฉยั โรค 1. การรตรวจร่างกาย การตรวจชอ่ งปาก ท้องและ โรคในระบบ ทวารหนกั ทางเดินอาหารได้ 2. การตรวจทางหอ้ งปฏิบตั กิ าร ไดแ้ ก่การตรวจ การทางานของตับ การตรวจอุจจาระ 3. การตรวจพิเศษได้แก่ การตรวจทางรงั สี การ สอ่ งกลอ้ ง การตรวจชน้ิ เนือ้
รมการเรยี นการสอน ส่ือการสอน 158 เวลา วธิ กี ารประเมนิ ผล การตอบคาถาม ของนักศึกษา
วตั ถปุ ระสงค์ เนื้อหา กิจกรร เชงิ พฤติกรรม บทที่ 7 พยาธสิ รีรวิทยาระบบทางเดินหายใจ ขน้ั สอ มีพฤติกรรม ความผิดปกติท่ีเกิดขึ้นในระบบทางเดินหายใจ พบได้ - ครแู ความ กลุ่ม ก รับผิดชอบใน หลายรูปแบบ ได้แก่ GPA) การ 1. ความผิดปกติของโครงสร้างระบบหายใจ กลุ่ม เกิดขน้ึ (anatomical abnormality) ได้แก่ Tracheal agenesis, กลุ่ม abnormal fissure or abnormal lobe, heterotrophic เกดิ ขน้ึ tissue in lung, pulmonary hypoplasia, กลมุ่ pulmonary agenesis เกิดขน้ึ ไหลเว 2. ความผดิ ปกตขิ องการหายใจ (Ventilation กล่มุ ท Pathology) ได้แก่ การรบกวนศูนย์ควบคุมการหายใจ เกิดข้ึน โครงสรา้ งของระบบทางเดินหายใจถูกจากดั 3. ความผิดปกตขิ องการแลกเปลี่ยนแกส๊ (Diffusion Pathology) ได้แก่ ปอดเน้ือพังผืด ปอดบวมน้า หลอด เลือดสปู่ อดอดุ ตนั 4. ภาวะหายใจลม้ เหลว (respiratory failure) บทที่ 8 พยาธสิ รีรวิทยาระบบประสาท 8.1 การเปลีย่ นแปลงของเซลลป์ ระสาทเมื่อได้รบั
159 รมการเรียนการสอน สือ่ การสอน เวลา วิธกี ารประเมนิ ผล อน - ใบงาน 20 นาที พฤติกรรมที่ แบ่งนกั ศึกษาออกเป็น 10 ประกอบด้วยคา นักศึกษา กลุ่มละ 7-8 คน (โดยคละ ช้ีแจงข้ันตอนการคิด แสดงออกขณะ วเิ คราะห์ เขา้ กลุม่ มท่ี ๑-๓ ความผิดปกตท่ี กรณีศึกษาและ นในระบบทางเดนิ หายใจ กระบวนการกลมุ่ มที่ ๔-๙ ความผิดปกตทิ ี่ - แบบฟอรม์ แบบ นในระบบประสาท ประเมินพฤติกรรม มท่ี ๑๐- ๑๒ ความผดิ ปกติท่ี กระบวนการคดิ นในระบบหวั ใจและ วิเคราะหแ์ ละ วยี นเลอื ด กระบวนการกลมุ่ ท่ี ๑๓-๑๕ ความผิดปกตทิ ่ี นในระบบทางเดนิ อาหาร
วัตถุประสงค์ เนือ้ หา กจิ กรร เชิงพฤติกรรม บาดเจบ็ ไดแ้ ก่ความพกิ ารต้ังแตก่ าเนดิ การทาลายปลอก - ครแู แยกแยะข้อมลู ไมอลิ ิน โรคอัลไซเมอร์ Parkinson disease คาชแ้ี ของกรณีศึกษา 8.2 ความผิดปกติของสมดุลสมอง สมองบวม ความดัน กรณีศ ท่ไี ด้รบั ได้ เพ่ิมในกระโหลก เกิดได้จากการตดิ เชื้อในสมอง สมองบวม การวดั ถูกต้อง 8.3 ความผิดปกติของการรับรู้ - ครูให 8.4 ความผิดปกติของการรบั ความรู้สึก อาจาร 8.5 ความผิดปกติของการเคล่ือนไหว กาหน 8.6 ความผิดปกตขิ องรอยต่อประสาทและกลา้ มเนื้อ - อาจ บทที่ 9 พยาธสิ รีรวิทยาระบบหัวใจและไหลเวียนโลหิต เลือกป กาหน 9.1 ความผิดปกติของเลือดที่มาเล้ียงหัวใจ ได้แก่ โรค กรณศี หลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease: CAD), กลุ่ม หวั ใจขาดเลือด กล้ามเนือ้ หัวใจตาย - อาจ แตล่ ะ 9.2 ความผิดปกติที่หัวใจได้แก่ ลิ้นหัวใจพิการ ล้ิน ละเอยี หัวใจร่ัว หวั ใจพกิ ารแต่กาเนิด หัวใจเต้นผิดปกติ กลมุ่ ข ความ 9.3 ความดันโลหิตสูง วินิจฉ 9.4 ภาวะหวั ใจล้มเหลว บทท่ี 10 พยาธิสรีรวิทยาระบบทางเดินอาหาร 10.1 ความผิดปกตเิ กี่ยวกบั การเคลื่อนไหว
160 รมการเรยี นการสอน ส่ือการสอน เวลา วิธกี ารประเมินผล แจกใบงานให้นกั ศึกษาอ่าน ใบงานกรณีศึกษา แจงขนั้ ตอนการวเิ คราะห์ กลมุ่ ท่ี ๑-๓ ความ ศึกษา และกระบวนการกลมุ่ ผิดปกตท่ีเกิดข้นึ ใน ดและประเมินผล ระบบทางเดนิ หน้ ักศกึ ษาแตล่ ะกลุ่มเข้าพบ หายใจ รย์ประจากล่มุ ตามสถานที่ กล่มุ ท่ี ๔-๙ นด ความผิดปกตทิ ี่ จารยป์ ระจากลมุ่ ให้นกั ศึกษา เกิดขึน้ ในระบบ 5 นาที ประธาน เลขากลมุ่ และ ประสาท นดกติกากลุ่ม และแจก กลมุ่ ที่ ๑๐- ๑๒ ศึกษาให้นักศึกษาทกุ คนใน ความผิดปกติท่ี เกดิ ขน้ึ ในระบบ จารย์ประจากลุ่มใหน้ ักศึกษา หวั ใจและไหลเวยี น 15 นาที การนาเสนอการ วเิ คราะห์ ะคนอา่ นกรณศี ึกษาอยา่ ง เลือด กรณศี ึกษาในแต่ ละกลุ่ม ยด แยกแยะข้อมูลและจัด กล่มุ ท่ี ๑๓-๑๕ ข้อมูลที่เก่ยี วข้องกนั โดยนา ความผดิ ปกติท่ี มรใู้ นเรื่องอาการและการ เกิดข้นึ ในระบบ ฉยั โรคมาใช้ในการพิจารณา ทางเดินอาหาร
วตั ถปุ ระสงค์ เนอื้ หา กิจกรร เชิงพฤติกรรม - จดั กลุ่มขอ้ มูล 10.2 ความผิดปกตเิ กย่ี วกับการหลง่ั นา้ ยอ่ ย - อาจา ของกรณีศึกษา 10.3 ความผิดปกตเิ กยี่ วกับการย่อยและการดดู ซมึ ช่วยก ทไ่ี ด้รบั ได้ 10.4 ความผิดปกตขิ องอวัยวะช่วยย่อย มีควา ถกู ต้อง กลุ่มเป - เช่อื มโยง - อาจา ข้อมลู ของ แตล่ ะค กรณีศึกษาท่ีมี ประเด ความสัมพันธ์ ท่ีปราก กันได้ถูกต้อง คาถาม - อาจา - สบื ค้นขอ้ มูล แต่ละค จากแหล่งข้อมูล คนใหเ้ พ ที่นา่ เชื่อถือได้ กลุ่มจด ถกู ต้อง - อาจา นักศกึ ษ คาตอบ และสร
161 รมการเรยี นการสอน สื่อการสอน เวลา วิธกี ารประเมนิ ผล 15 นาที ารย์ประจากลุ่ม ให้นักศึกษา - กระดานและ 15 นาที กันสรุปขอ้ มลู ในกรณศี ึกษาที่ ปากกา ามเกย่ี วข้องกนั โดยเลขา 15 นาที ปน็ ผู้เขียนข้นึ กระดาน 5 นาที ารยป์ ระจากลมุ่ ให้นกั ศึกษา คนตั้งคาถามให้กบั ตนเองใน ด็นทีย่ งั ไม่ร้เู ก่ียวกบั ข้อความ กฏในกรณศี ึกษาโดยใช้ ม 5W1H ารย์ประจากลุ่มให้นกั ศึกษา คนแจ้งคาถามของแต่ละ พ่ือนในกล่มุ ฟังโดยมเี ลขา ดบนั ทึก ารย์ประจากลมุ่ มอบหมายให้ ษาแตล่ ะคนไปคน้ คว้า บให้กับคาถามของตนเอง รปุ สง่ เป็นรายบุคคล โดยมี
วัตถุประสงค์ เนื้อหา กจิ กรร เชิงพฤติกรรม เอกสา เปน็ คา สรปุ ข้ันสรุป การใช้กรณีศึกษาเชื่อมโยงกับองค์ความรูเ้ กีย่ วกับพยาธิ - อาจา สรีรวิทยาของแตล่ ะระบบ โดยใหน้ ักศึกมคี วามรู้ในเรอื่ ง นกั ศึกษ อาการและการตรวจวินิจฉัยแตล่ ะระบบ แล้วนาความรู้ - อาจ มาเปน็ พืน้ ฐานในการคดิ วเิ คราะห์ ซ่งึ เร่มิ กระบวนการคิด เรยี นก วเิ คราะห์จากปลุกความคิด โดยใช้กรณีศึกษาเปน็ ตวั เรา้ คนเอา และกระตุ้นใหน้ ักศกึ ษาคดิ เป็นรายบคุ คล ตามดว้ ยการ กลุม่ แ พนิ ติ ไตร่ตรอง มองหาความเชอ่ื มโยง ข้อมลู ใน ประกอ กรณีศึกษาแตล่ ะระบบ และการสรา้ งข้อคาถามเพ่ือหา ใหเ้ พ่ือ คาตอบ โดยให้ฝึกตง้ั คาถามแล้วหาคาตอบของตนเอง
162 รมการเรยี นการสอน สือ่ การสอน เวลา วิธกี ารประเมนิ ผล 10 นาที ารอา้ งอิงเน้อื หาทนี่ ามาใช้ าตอบแตล่ ะคาถาม ป ารย์ประจากลุม่ เปดิ โอกาสให้ ษาซักถาม จารยป์ ระจากลมุ่ ชี้แจงการ การสอนในครั้งท่ี ๒ ให้แต่ละ าคาตอบมาแลกเปลย่ี นใน และเตรียมเพลงพร้อมท่าทาง อบเพื่อถ่ายทอดกรณีศึกษา อนกล่มุ อื่นไดร้ จู้ ัก
ภาคผนวก ค - เครือ่ งมอื ประเมนิ ความเหมาะสมของการใชร้ ูปแบบการเรียนการสอนทเี่ นน้ ทกั ษะกระบวนการ เพอื่ สง่ เสริมความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ สาหรับนักศึกษาพยาบาล - เครอ่ื งมือประเมนิ ความเหมาะสมของแผนสอน
164 แบบประเมนิ ความเหมาะสมขององค์ประกอบของรปู แบบการการเรยี นการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพ่ือสง่ เสริมความสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะห์ คาชแ้ี จง โปรดเขียนเครือ่ งหมาย ลงในชอ่ งทผี่ ูป้ ระเมนิ เห็นว่ามรี ะดับความเหมาะสมตรงกับความ คดิ เหน็ ของทา่ นมากท่สี ดุ ระดบั การประเมนิ 5 หมายถึง มีความเหมาะสมมากท่ีสดุ ระดบั การประเมนิ 4 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมมาก ระดับการประเมนิ 3 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมปานกลาง ระดบั การประเมนิ 2 หมายถงึ มีความเหมาะสมน้อย ระดบั การประเมิน 1 หมายถึง มคี วามเหมาะสมน้อยที่สดุ องคป์ ระกอบของรูปแบบ ระดับการประเมิน 54321 1. หลกั การของรปู แบบการจัดการ 1.1 มคี วามเป็นไปได้ 1.2 การนาไปใช้จรงิ 1.3 แนวคดิ และทฤษฎพี ้ืนฐาน 2. วัตถปุ ระสงคข์ องรปู แบบการจดั การเรยี นการสอน 2.1 มคี วามชดั เจน 2.2 มีความเปน็ ไปได้ 2.3 เหมาะสมกับผ้เู รียน 3. กระบวนการจัดการเรยี นการสอน 3.1 มคี วามชัดเจน 3.2 เรยี งตามลาดับขน้ั ตอน 3.3 มีความเปน็ ไปได้ 3.4 เหมาะสมกบั ผเู้ รยี น 4. การวดั และประเมนิ ผลรปู แบบ 4.1 ตรวจสอบวตั ถปุ ระสงค์ของรปู แบบได้ 4.2 ครอบคลุมส่ิงท่ีตอ้ งการประเมิน 4.3 มีความเปน็ ไปได้
165 แบบประเมินความเหมาะสมของแผนสอน คาช้ีแจง โปรดเขยี นเครอื่ งหมาย ลงในช่องทผี่ ้ปู ระเมินเห็นว่ามรี ะดบั ความเหมาะสมตรงกบั ความ คิดเหน็ ของท่านมากทีส่ ดุ ระดบั การประเมิน 5 หมายถึง มคี วามเหมาะสมมากทีส่ ดุ ระดบั การประเมิน 4 หมายถึง มีความเหมาะสมมาก ระดับการประเมิน 3 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมปานกลาง ระดับการประเมิน 2 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมน้อย ระดบั การประเมนิ 1 หมายถึง มีความเหมาะสมน้อยที่สุด รายการประเมิน ระดบั การประเมิน 543 2 1 1. แนวคดิ สอดคล้องกับจดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมและเน้อื หา 2. วัตถุประสงค์ครอบคลุมพฤตกิ รรมการเรียนรดู้ ้านพุทธพิสัย ทกั ษะพิสยั และจติ พิสัย 3. กจิ กรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์และเนื้อหาสาระ 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ส่งเสรมิ กระบวนการคิดวเิ คราะห์ของ นักศึกษา 5. กาหนดเนื้อหาเหมาะสมกับเวลา 6. สอื่ การเรียนรูม้ คี วามเหมาะสมสอดคล้องกบั กิจกรรม การเรียนการสอน 7. สอื่ การเรยี นรู้เหมาะสมกบั ความสามารถของผเู้ รียน 8. มกี ารวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรยี นรู้ 9. การใช้ภาษาไดใ้ จความ ไม่สับสน 10. มเี กณฑก์ ารวดั และประเมินผลทช่ี ดั เจน เขา้ ใจงา่ ย
ภาคผนวก ง เครื่องมอื ท่ใี ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู
167 แบบสอบถาม ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ สภาพ ความคาดหวงั และแนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนรูเ้ พ่อื พฒั นาการคิดวิเคราะห์ สาหรบั นกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตร์ .............................................................................................................................................. คาชี้แจง แบบสอบถามชุดน้ี มีวัตถปุ ระสงค์เพื่อสอบถามความคดิ เหน็ เกย่ี วกับความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์ของตนเอง และความคิดเหน็ เก่ยี วกับสภาพ ความคาดหวงั และแนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เพ่ือ พฒั นาการคิดวเิ คราะห์ การคิดวิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เป็นความสามารถในการพิจารณา แยกแยะสว่ นย่อยๆ ของเหตุการณ์ เรื่องราว หรือเนน้ เรอ่ื งต่างๆ อย่างมเี หตผุ ลบนพน้ื ฐานความร้เู ดิม และ พิจารณาได้ว่าส่วนย่อยๆ ท่ีสาคัญของเหตุการณ์นั้นแต่ละเหตุการณ์เกี่ยวพันกันอย่างไร อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผล และเก่ียวพันกันโดยอาศัยหลักการใด ซึ่งจะทาให้เราได้ข้อเท็จจริงที่เป็นพ้ืนฐานในการ ตัดสินใจแก้ปัญหา ประเมินและตัดสินใจเร่ืองต่างๆ ได้ถูกต้อง ซ่ึงประกอบด้วย 5 ทักษะ ได้แก่ การจาแนก การจดั กลุ่ม การเช่อื มโยง การสรุป และการพยากรณ์ แบบสอบถามน้ีประกอบดว้ ยข้อคาถาม 3 สว่ น ดงั น้ี ส่วนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไป ส่วนที่ 2 ความคิดเหน็ ของนักศกึ ษาต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของตนเอง สว่ นท่ี 3 ความคิดเห็นเกย่ี วกับสภาพ ความคาดหวงั และแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรเู้ พ่อื พฒั นาการคดิ วเิ คราะห์ ขอ้ มลู จากแบบสอบถามน้ีใช้สาหรับการวิจยั เท่านัน้ การวิเคราะห์ข้อมลู จะวเิ คราะห์ในภาพรวม จงึ ไม่มีผลกระทบใด ๆ กบั ผใู้ ห้ข้อมูลเปน็ รายบุคคล 1. แบบสอบนเี้ ปน็ การสอบถามความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนกั ศึกษา ไม่ใชแ่ บบวัดหรือ แบบทดสอบจงึ ไม่ตอ้ งกงั วลว่าจะได้คะแนนน้อยหรือคะแนนมาก 2. แบบสอบถามน้จี ะมีคณุ ค่าและเกดิ ประโยชน์ตอ่ เม่ือตอบตามความเป็นจรงิ เท่าน้นั พึง ระมดั ระวังอยา่ งประเมนิ ต่ากวา่ หรือสูงกวา่ ความเป็นจริง สว่ นที่ 1 ข้อมูลท่วั ไป กรณุ าใสเ่ คร่ืองหมาย ลงในช่อง ทีต่ รงกับขอ้ มลู ของท่านและเติมข้อความลงในชอ่ งว่างที่กาหนด 1. ทา่ นกาลงั เรยี นอยู่ในชั้นปที ่ี……… 2. เพศ ชาย หญิง 3. อายุ ................ ปี 4. เกรดเฉลี่ยในปีการศึกษาท่ีผ่านมา …………………………
168 สว่ นที่ 2 ความคดิ เห็นของนักศึกษาต่อความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ของตนเอง ขอใหท้ า่ นพิจารณาวา่ ท่านมีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์อยู่ในระดบั ใดและทาเคร่ืองหมาย ลงในช่องทต่ี รงกับความคิดเห็นของท่านมากท่สี ดุ ดังตวั อย่าง ความสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะห์ การรบั รู้ 54321 1. มีความอยากร้อู ยากเหน็ ช่างซกั ถาม ระดับความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ให้คะแนนดงั นี้ 5 หมายถึง ทา่ นเหน็ วา่ ท่านมีความสามารถในข้อน้ันระดับดีมาก 4 หมายถงึ ทา่ นเห็นวา่ ท่านมีความสามารถในข้อน้นั ระดบั ดี 3 หมายถึง ท่านเห็นวา่ ทา่ นมีความสามารถในข้อนนั้ ระดบั ปานกลาง 2 หมายถึง ทา่ นเหน็ ว่าท่านมีความสามารถในข้อน้นั ระดับตา่ 1 หมายถงึ ท่านเหน็ วา่ ท่านมีความสามารถในข้อนัน้ ระดับตา่ มาก หรือไม่มเี ลย ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ 5 ความคดิ เห็น 1 432 1. เมอื่ ท่านอา่ นเหตุการณห์ รือเรื่องราวตา่ งๆ ทา่ นสามารถแยกเรอื่ งราว และเหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ออกเป็นสว่ นยอ่ ย ๆ ได้ 2. ทา่ นสามารถแยกแยะประเด็นสาคญั ข้อเท็จจริงและความคิดเห็นจาก เร่ืองท่ีอา่ นได้ 3. ทา่ นมคี วามสามารถในการค้นหาสิ่งท่ีมคี วามหมายหรือความสาคญั ของเรื่องราว ในแง่มุมต่างๆ จากเรอ่ื งทท่ี า่ นอ่าน 4. ท่านสามารถแยะแยะหรือ ค้นหาเจตนา ความคดิ ทีซ่ ่อนแฝงอยู่ใน 5. ทา่ นเป็นคนชา่ งสังเกต มองเห็นรายละเอียดของส่ิงตา่ งๆ ทคี่ นอ่ืนมองไมเ่ ห็น 6. ท่านมกั จดั ระบบ จดั หมวดหมู่ ของข้อมลู /เหตุการณ/์ สถานการณ์ ตา่ งๆ ไว้เป็นกลุ่มเดยี วกนั เพ่ือสะดวกต่อการทาความเข้าใจ 7. เม่ือทา่ นอา่ นขอ้ ความหรือเรื่องต่างๆ ท่านจะนาข้อมลู หรอื สง่ิ ต่างๆ มาจัด ให้เปน็ ระเบียบในลักษณะใดลักษณะหนึ่งเพ่ือใหง้ า่ ยกับ ความเขา้ ใจ 8. ท่านสามารถจดั กล่มุ ของข้อมูลหรือเหตุการณ์ตามกฎเกณฑ์ทีก่ าหนดได้ 9. เมอื่ ท่านอา่ นเหตุการณ์/สถานการณ์ ทา่ นสามารถบอกได้วา่ อะไร เป็นสาเหตุและอะไรเปน็ ผลท่เี กดิ ข้นึ 10. ท่านสามารถวเิ คราะหเ์ ร่อื งราวและสิ่งตา่ ง ๆ วา่ มีสิ่งใดเป็นตัว เชอื่ มโยงสิง่ ย่อย ๆ เหล่าน้นั
169 ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ 5 ความคดิ เหน็ 1 432 11.ท่านชอบซักถามหรือตัง้ คาถามทเ่ี ป็นเหตเุ ป็นผล เช่น หากทาอยา่ งนี้ แล้วจะเกดิ อะไรขึ้น 12. ท่านมคี วามสามารถในการวเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธ์ของเรื่องราวต่างๆ ดว้ ยความเป็นเหตุเป็นผล 13. ท่านสามารถชี้ประเดน็ ความเก่ียวข้องกันของเหตุการณ์ต่างๆ ได้ 14. ท่านสามารถจดั ลาดบั เหตุการณ์ของเรอื่ งท่ีทา่ นอา่ นได้ 15. ทา่ นสามารถสรปุ สาระสาคัญของเรื่องที่อ่านเพอื่ ถา่ ยทอดใหผ้ ู้อืน่ เขา้ ใจได้ 16. ทา่ นมักจะสรปุ หรือตดั สนิ ใจในเร่ืองใดเรื่องหนึ่งภายใตเ้ หตุและผล 17. ทา่ นใหค้ วามคิดเหน็ ในเรื่องใดเรอ่ื งหน่ึงโดยการเช่ือมโยง และ อ้างอิงจากความรหู้ รอื ประสบการณเ์ ดมิ หรือจากข้อมลู อน่ื ๆ 18. ทา่ นจะหาข้อมลู ทเ่ี ช่ือถอื ไดม้ าสนับสนนุ ขอ้ สรุปหรือคาตอบของท่าน 19. ท่านสามารถวเิ คราะห์ วิจารณ์ ความสมเหตสุ มผล ความน่าเช่อื ถือ ลาดับความและความเปน็ ไปได้ของเร่ืองที่อ่าน 20. ท่านสร้างความรู้ของตนเองจากการทาความเข้าใจเชอื่ มโยงข้อมลู ใหม่ 21. ท่านสามารถคาดเดาคาตอบของเรื่องราวหรือเหตุการณ์ใดๆ ท่ีเกิดข้ึน ภายใตข้ ้อมูลทปี่ รากฏในเหตุการณน์ ั้น โดยเชอื่ มโยงกับความรู้ตาม หลกั วชิ าการ 22. ท่านตัดสนิ ใจเลือกคาตอบภายใต้ข้อมูลและหลักฐานที่เช่อื ถือได้ สว่ นท่ี 3 สภาพ ความคาดหวงั และแนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นร้เู พ่ือพฒั นาการคิดวิเคราะห์ 1. ทา่ นคดิ วา่ สภาพการจดั การเรยี นการสอนใหเ้ กดิ การคดิ วิเคราะหใ์ นปัจจบุ ันของวิทยาลัยเปน็ อยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ท่านมคี วามคาดหวงั การจดั การเรียนการสอนให้เกดิ การคดิ วิเคราะห์อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ท่านมคี วามคิดเหน็ อยา่ งไรในการพัฒนาความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………
170 4. แนวทาง/ กิจกรรมที่พฒั นาการคิดวเิ คราะห์ทท่ี า่ นต้องการคอื ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ทา่ นคดิ วา่ ครทู ่ีส่งเสรมิ ให้นักศึกษามีการคดิ วเิ คราะห์ควรมลี ักษณะอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ควรจดั สง่ิ แวดล้อมอยา่ งไรท่สี นับสนุนใหน้ ักศึกษาเกดิ การคิดวเิ คราะห์ ………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอบคุณที่ใหข้ อ้ มลู ที่เป็นประโยชน์
171 แบบสงั เกตพฤติกรรมกระบวนการคดิ วิเคราะห์และการทากลุ่ม รายวชิ าพยาธสิ รรี วิทยา คาชแ้ี จง แบบสังเกตพฤติกรรมการคิดวิเคราะห์ฉบับนี้เป็นเคร่ืองมือท่ีสร้างข้ึน เพ่ือให้อาจารย์ประจากลุ่มให้ คะแนนพฤติกรรมการคิดวิเคราะห์และการทากลุ่มของนักศึกษาเป็นรายบุคคล ขณะนักศึกษาดาเนินการ วิเคราะห์กรณีศึกษาท่ีกาหนดให้ โดยให้อาจารย์ประจากลุ่มกาเคร่ืองหมาย ลงในช่องระดับคุณภาพของ พฤติกรรมทีส่ งั เกตได้แต่ละขอ้ ตามเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน หากมขี ้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ กเ็ ขยี นลงในชอ่ งเสนอแนะ รายการประเมนิ ระดับคุณภาพ ดี ปานกลาง ปรับปรุง 1. การจาแนกแยกแยะรายละเอียดของสว่ นประกอบตา่ งๆ ของ สถานการณ์ทว่ี เิ คราะห์ตามเกณฑท์ ี่กาหนด 2. การจดั หมวดหมู่ข้อมลู ตามเกณฑ์ท่ีกาหนด 3. มีการต้ังคาถามอยา่ งสร้างสรรค์สอดคล้องกบั เน้อื หา 4. มกี ารตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ ง มีเหตุผลมาสนับสนุนชัดเจนสอดคล้องกับ กรณีตวั อยา่ งท่กี าหนด 5. เชอื่ มโยงให้เห็นถึงสาเหตุหรือผลทเ่ี กดิ จากสถานการณ์ตา่ งในกรณตี ัวอย่าง 6. การสรุปความ 7. การประยุกต์ 8. การถา่ ยทอดความคดิ ทผี่ ่านการวิเคราะหเ์ ชอ่ื มโยง 9. ความกระตอื รือรน้ ในการทากิจกรรม 10. การมสี ว่ นร่วมในการแสดงความคิดเหน็ 11. การยอมรบั ความคิดเห็นของผู้อืน่ 12. ความรับผดิ ชอบในหน้าที่ ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................
172 เกณฑ์การให้คะแนนพฤตกิ รรมการใช้กระบวนการคิดวเิ คราะห์และกระบวนการกลุ่ม พฤติกรรม คาอธบิ ายระดับพฤตกิ รรม การจาแนก ดี (3 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ปรับปรงุ (1คะแนน) แยกแยะข้อมูล - สามารถจาแนกรายละเอียด - สามารถจาแนกรายละเอยี ด - สามารถจาแนก การจดั หมวดหมู่ ขอ้ มลู ตามเกณฑ์ ของสว่ นประกอบตา่ งๆ ของ ของส่วนประกอบต่างๆ ของ รายละเอียดของ ท่กี าหนด สถานการณ์ท่วี เิ คราะห์ได้ สถานการณ์ท่วี เิ คราะห์ได้ ส่วนประกอบตา่ งๆ ของ มีการต้งั คาถาม อย่างสร้างสรรค์ - มีหลักเกณฑใ์ นการจาแนก - มหี ลักเกณฑใ์ นการจาแนก สถานการณ์ที่วิเคราะห์ได้ สอดคล้องกับ เน้อื หา - จาแนกไดค้ รบตามเกณฑท์ ่ี แตไ่ ม่ครบตามเกณฑท์ ่ีกาหนด แตย่ งั ไม่มหี ลกั เกณฑ์ใน การตอบคาถาม ไดถ้ ูกตอ้ ง มี กาหนด การจาแนก เหตุผลมา สนบั สนุนชดั เจน - สามารถจัดหมวดหมูไ่ ด้ตรง - สามารถจัดหมวดหมู่ได้ตรง - สามารถจัดหมวดหมไู่ ด้ สอดคลอ้ งกบั กรณศี ึกษาที่ ตามเกณฑ์ท่ีกาหนด สามารถ ตามเกณฑท์ ี่กาหนดแต่ไม่ แตไ่ ม่ตรงตามเกณฑ์ท่ี กาหนด ระบุเหตุผลของการจดั กลุ่มของ สามารถระบุเหตุผลของการ กาหนด ข้อมลู ไดถ้ ูกต้อง จดั กลุม่ ได้ สามารถต้งั คาถามได้อยา่ ง สามารถตั้งคาถามได้ - สามารถตั้งคาถามไดแ้ ต่ สรา้ งสรรค์สอดคล้องกบั เนื้อหา สอดคล้องกบั เนื้อหาและ ยงั ไม่สามารถส่อื และส่ือสารความหมายให้ผู้ฟัง สือ่ สารความหมายใหผ้ ฟู้ งั เข้าใจ ความหมายให้ผู้ฟังเข้าใจได้ เข้าใจได้อยา่ งชดั เจน ไดอ้ ย่างชัดเจน - หาข้อมูลเพ่ือตอบคาถาม - หาข้อมลู เพื่อตอบคาถาม - หาขอ้ มลู เพื่อตอบคาถาม - ข้อมูลที่นามาสนบั สนุน - ขอ้ มลู ทน่ี ามาสนบั สนนุ แตย่ งั ไม่ถูกต้อง ความคดิ ถูกต้องแตย่ ังไม่ ความคิดถูกต้องแตย่ ังไม่ สอดคลอ้ งกับกรณศี ึกษาที่ สอดคล้องกับกรณีศึกษาที่ กาหนด กาหนด
173 เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรมการใช้กระบวนการคดิ วิเคราะหแ์ ละกระบวนการกลมุ่ พฤติกรรม คาอธิบายระดบั พฤตกิ รรม เชอ่ื มโยงใหเ้ ห็น ถึงสาเหตหุ รือผล ดี (3 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ปรบั ปรงุ (1คะแนน) ที่เกดิ จากความ ผดิ ปกติใน - สามารถเช่ือมโยงข้อมลู ที่จัดกลมุ่ ได้ - สามารถเชือ่ มโยงข้อมลู ที่ - สามารถเช่ือมโยง กรณศี ึกษา - บอกเหตุผลของความสัมพันธข์ อง จดั กลมุ่ ข้อมูลทจี่ ัดกลุ่มแต่ การสรปุ ความ ขอ้ มลู ท่จี ัดกลุ่มได้ - บอกเหตุผลของความสัมพนั ธ์ อธบิ ายเหตุผลของ การประยุกต์ - อธบิ ายความเป็นเหตุเปน็ ผลของ ของขอ้ มูลท่ีจดั กล่มุ ได้ชดั เจน ความสมั พนั ธ์ของขอ้ มูล การถ่ายทอด ความคิดที่ผ่าน ข้อมลู และความผดิ ปกติใน แตย่ ังไมส่ ามารถอธิบายความ ไม่ชดั เจน การวเิ คราะห์ เชื่อมโยง กรณีศึกษาได้ เป็นเหตุเปน็ ผลข้อมลู ใน กรณศี ึกษา - รวบรวมความคิดความเข้าใจของ รวบรวมความคดิ ความเขา้ ใจ - รวบรวมความคดิ ความ ตนเอง ของตนเอง เขา้ ใจของตนเองแตย่ ัง - สามารถโยงเข้ากับเน้อื หาวิชาได้ - สามารถโยงเขา้ กบั เน้ือหาวชิ า ไมส่ ามารถเช่ือมโยง อย่างถูกต้องและมเี หตผุ ลทีช่ ัดเจน ได้แต่ยงั ไม่ถกู ต้อง เข้ากับเนื้อหาวิชาได้ - สามารถนาความรูม้ าพยากรณ์ สามารถนาความรู้มาพยากรณ์ - สามารถนาความรมู้ า โรคของกรณีศึกษาได้ และอธิบาย โรคของกรณีตวั อย่างได้ แตย่ งั พยากรณ์โรคของกรณี เหตแุ ละผลของการตดั สนิ ใจที่ ไม่ถูกตอ้ ง แตย่ ังไมส่ ามารถ ตวั อยา่ งได้ แตย่ งั ไม่ สอดคล้องกับการเปลยี่ นแปลงทาง อธิบายให้เหน็ ถึงความ ถูกต้อง พยาธสิ รีรวทิ ยาของโรค สอดคลอ้ งกบั การเปลี่ยนแปลง ทางพยาธสิ รรี วิทยาของโรค สามารถถา่ ยทอดความคิดทเ่ี กิด สามารถถ่ายทอดความคดิ ที่ สามารถถา่ ยทอดความรู้ จากการวิเคราะหเ์ ช่อื มโยงเน้ือหา เกดิ จากการวิเคราะหเ์ ชื่อมโยง ตามเนือ้ หาท่มี ีในตาราได้ กบั กรณีศึกษาได้อยา่ งถกู ต้อง เนอื้ หากับกรณีศึกษาแต่ยงั ไม่ แตย่ งั ไม่สามารถถ่ายทอด สมเหตุสมผล ถกู ต้อง ความคิดทีเ่ กดิ จากการ เช่อื มโยงเนื้อหากับ กรณศี ึกษาได้
174 เกณฑ์การให้คะแนนพฤติกรรมการใช้กระบวนการคิดวิเคราะหแ์ ละกระบวนการกล่มุ พฤติกรรม คาอธิบายระดบั พฤตกิ รรม ดี (3 คะแนน) ปานกลาง (2 คะแนน) ปรับปรุง (1คะแนน) ความ - ต้งั ใจปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการ ตง้ั ใจปฏิบตั ิกจิ กรรมการ ต้ังใจปฏิบัติกจิ กรรมการ กระตือรอื รน้ เรยี นรจู้ นสาเรจ็ เรียนรู้ เรยี นรู้เป็นบางครง้ั ในการทา -รับผดิ ชอบงานทไี่ ดร้ ับ -รับผิดชอบงานทไ่ี ด้รับ -รบั ผดิ ชอบงานที่ไดร้ ับ กจิ กรรม มอบหมายทกุ คร้งั มอบหมาย มอบหมายบางครง้ั - ทางานเสร็จทนั เวลาที่ - ทางานเสร็จทันเวลาที่ - ทางานเสรจ็ ไมท่ นั เวลาที่ กาหนดและส่งงานตรงเวลา กาหนดและสง่ งานไมต่ รง กาหนดและสง่ งานไม่ตรง เวลา เวลา การมีส่วนร่วม - มกี ารแสดงความคดิ เห็น มกี ารแสดงความคิดเหน็ มกี ารแสดงความคิดเหน็ ในการแสดง อยา่ งสรา้ งสรรค์ มีเหตผุ ล สอดคลอ้ งกับเนื้อหา/ แตไ่ ม่สอดคล้องกบั ความคิดเห็น สนบั สนุนสอดคล้องกบั กิจกรรม เนอื้ หา/กิจกรรม เนอื้ หา/กจิ กรรม การยอมรบั - ยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นท่ีดี ยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ท่ีดี ไม่ยอมรับฟังความคดิ เห็น ความคดิ เห็น และมีเหตผุ ลของผอู้ น่ื ทุกครงั้ และมเี หตผุ ลของผ้อู นื่ บ้างแต่ ของผู้อ่ืน มักยึดความ ของผู้อนื่ ไม่ยดึ ความคดิ เหน็ ของตนแต่ บางครง้ั จะยึดความคิดเหน็ คดิ เหน็ ของตนแต่ฝ่าย ฝา่ ยเดยี ว ของตน เดียว ความรบั ผิดชอบ - ทาหน้าทที่ ี่ไดร้ บั มอบหมาย - บางคร้งั ทาหนา้ ที่ท่ีไดร้ บั - หลีกเล่ียงการขอรบั งาน ในหน้าท่ี ดว้ ยความเตม็ ใจและครบถว้ น มอบหมาย และขอรับงานท่ี พยายามให้ผู้อ่ืนทาแทน ไมย่ าก
175 ตวั อยา่ งแบบทดสอบวชิ าพยาธิสรรี วิทยา คาชแ้ี จง 1. แบบทดสอบนีเ้ ปน็ สว่ นหนึง่ ของวิจัยเรื่องการพัฒนารปู แบบการเรยี นการสอนท่ีเนน้ ทักษะ กระบวนการ เพอ่ื สง่ เสริมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ 2. แบบทดสอบน้สี ร้างข้นึ เพ่อื วดั ความรใู้ นเน้ือหาวชิ าพยาธิสรรี วทิ ยาระบบหัวใจและหลอด เลือด ระบบทางเดนิ หายใจ ระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาท โดยวดั ในระดบั การคิดวเิ คราะห์ สาหรบั นักศึกษาชั้นปที ี่ 2 ภายหลังเรียนวชิ าพยาธิสรรี วทิ ยา โดยใช้รูปแบบการเรยี นการสอนทเ่ี นน้ ทักษะ กระบวนการ 3. แบบทดสอบฉบบั น้ีเป็นข้อคาถามแบบปรนยั ประกอบดว้ ย 4 ตวั เลือกคือ ก, ข, ค และ ง จานวน ข้อ ขอ้ ละ 1 คะแนน รวมคะแนนทั้งสิ้น คะแนน 4. ขอใหน้ ักศึกษาไดศ้ ึกษาแบบทดสอบ 5. กรณุ าเลือกคาตอบที่ถกู ต้องทสี่ ุด และใส่เคร่ืองหมาย X ลงในขอ้ ก, ข, ค, หรือ ง ลงใน กระดาษคาตอบ พยาธิสรรี วทิ ยาระบบหวั ใจและไหลเวียนโลหติ หญิงไทยมาโรงพยาบาลด้วยอาการปวดศีรษะบริเวณท้ายทอย ตาพร่า มัว มองไม่ค่อยชัด แรกรับวดั BP = 170/ 110 mmHg ตรวจปสั สาวะ พบมี Albumin 2+ ผล Echocardiogram มี left ventricular hypertrophy จากกรณีศกึ ษาจงตอบคาถามขอ้ 1-5 1. ข้อใดจัดเป็นอาการท่ีบ่งชถ้ี ึงความผดิ ปกติของผู้ป่วยรายนี้ ก. ปวดศีรษะบริเวณทา้ ยทอย, ตรวจปสั สาวะพบมี Albumin 2+ ข. มองไม่คอ่ ยชัด , BP = 170/ 110 mmHg ค. ตาพร่ามวั , มองไม่ค่อยชดั ง. Left ventricular hypertrophy, ตาพรา่ มัว 2. ข้อใดมสี ่วนเก่ยี วข้องกบั การเกดิ left ventricular hypertrophy ในผู้ปว่ ยรายนี้ ก. ตรวจปัสสาวะ พบมี Albumin 2+ ข. ปวดศีรษะบรเิ วณท้ายทอย ค. ตาพร่ามวั มองไม่ค่อยชดั ง. BP = 170/ 110 3. เพราะเหตุใดการตรวจปัสสาวะในผปู้ ว่ ยรายนี้ จึงพบ Albumin 2+ ก. เลือดไปท่ีไปเพ่ิมขน้ึ ทาให้อัตราการกรองที่ไตเพ่ิมขึน้ ข. มี permeability ของหลอดเลือดเพ่ิมขึ้น Albumin จึงเคล่ือนที่ออกจากหลอดเลือด ค. เลือดไปเลยี้ งไตลดลง ทาใหป้ ระสิทธภิ าพการทางานของไตลดลง ง. Hydrostatic pressure ในเลอื ดสงู ทาให้มกี ารเคลื่อนที่ของ albumin ออกมานอกหลอดเลือด
176 4. ขอ้ ใดอธิบายกลไกการเกดิ ventricular hypertrophy ในผ้ปู ว่ ย ก. การเพ่ิม preload ของหวั ใจ ข. ปรมิ าณเลือดมาเลยี้ งหวั ใจลดลง ค. การเพิ่ม afterload ง. End diastolic volume เพ่มิ ข้นึ 5. จากข้อมลู ผ้ปู ว่ ยรายนี้น่าจะเป็นโรคใดมากที่สดุ ก. กลา้ มเน้ือหัวใจตาย ข. ไตวาย ค. ความดนั โลหิตสงู ง. หลอดเลือดสมอง ชายไทยอายุ 55 ปี มอี าการอ่อนเพลยี รสู้ ึกเจ็บแนน่ บริเวณหน้าอก แรกรบั ผปู้ ่วยมสี หี น้าวิตก กังวล ผวิ หนังซดี เย็น วัดความดนั โลหติ = 90/60 mmHg ชพี จร= 90 ครั้งต่อนาที เบาและไม่สม่าเสมอ ผู้ป่วยมปี ระวัตสิ ูบบุหรี่ติดตอ่ กันมาประมาณ 20 ปี เปน็ คนมงุ่ มนั่ ทางาน ชอบรบั ประทานอาหารจานดว่ น ออกกาลังกายแต่ไม่สม่าเสมอ และเมอื่ 6 เดอื นทแี่ ล้วเริ่มมีอาการไม่ค่อยมีแรง เหนอ่ื ยขณะเดนิ หรือขึ้น บันได แพทยใ์ หก้ ารวินจิ ฉัยเบื้องตน้ วา่ เปน็ Artherosclerosis ตรวจเลอื ดพบ ค่า Troponin-T มากกว่า 272 ng/ml ตรวจคลนื่ ไฟฟ้าหวั ใจพบมี ST elevate ท่ี lead II จากกรณศี กึ ษาจงตอบคาถามข้อ 6-10 6. ข้อใดเปน็ ปัจจัยเสยี่ งของการเกดิ โรคในผปู้ ่วยรายนี้ ก. สบู บุหรตี่ ดิ ต่อกันมาประมาณ 20 ปี ข. ไม่ค่อยมีแรง เหนอ่ื ยขณะเดินหรอื ขนึ้ บนั ได ค. ค่า Troponin-T มากกว่า 272 ng/ml ง. ความดนั โลหติ = 90/60 mmHg 7. ขอ้ ใดเป็นข้อมูลท่ีใช้อธิบายสาเหตุของการเจบ็ แนน่ หน้าอกในผู้ป่วยรายนี้ ก. ความดันโลหติ = 90/60 mmHg ข. ไมค่ ่อยมแี รง ค. ST elevate ที่ lead 2 ง. ผวิ หนงั ซีด เย็น 8. การตรวจเลือดพบ Troponin-T มากกว่า 272 ng/ml อธบิ ายได้ว่าอยา่ งไร ก. มีไขมนั ในเลอื ดสูง ข. มี Hypertrophy ของกลา้ มเนอ้ื หัวใจ ค. มกี ารตายของกล้ามเน้ือหวั ใจ ง. มภี าวะหวั ใจลม้ เหลว
177 9. ถ้าตอ้ งการทราบสาเหตุของการเกิดโรคให้ชัดเจนขึ้น ควรตรวจวินจิ ฉยั อะไรเพิ่มเติม (การสรุป) ก. เจาะเลอื ดหาคา่ ระดับไขมนั ในเลือด ข. ทา Echocardiogram ค. ทา Cardiac Catheterization ง. ถกู ทกุ ขอ้ 10. จากข้อมลู ผปู้ ่วยรายน้ีนา่ จะเป็นโรคใดมากที่สดุ ก. Ischemic Heart disease ข. Hypertension ค. Myocardial infraction ง. Congestive Heart Failure พยาธิสรรี วทิ ยาระบบทางเดินหายใจ ชายไทยอายุ 28 ปี ประสบอบุ ัตเิ หตุขับรถปคิ อพั คว่าเอง ร้ตู วั ดี แน่นหน้าอกหายใจไมส่ ะดวก ขณะ หายใจเข้าจะรู้สึกเจ็บบริเวณทรวงอกข้างขวา ทรวงอกขา้ งขวาเคลือ่ นไหวน้อยลง ฟังปอดขา้ งขวาเสยี งเบา หายใจ ตื้นๆ RR= 50 ครง้ั / นาที HR = 138 ครั้ง / นาที ผลการฉายรงั สที ่ปี อด พบ Rt lung atelactasis ผูป้ ่วยหายใจ เหนอ่ื ย เจาะ ABG ผล pH= 7.23 PO2= 94.3.7 mmHg PCO2 = 48.7 mmHg HCO3-= 24.7 mEq/L จากกรณีศึกษาจงตอบคาถามขอ้ 11-15 11. ข้อใดทเี่ ป็นอาการแสดงความผดิ ปกติของระบบทางเดินหายใจ ก. แนน่ หน้าอก, ฟงั ปอดขา้ งขวาเสียงเบา ข. หายใจเหนือ่ ย แน่นหนา้ อก ค. ทรวงอกขา้ งขวาเคลื่อนไหวน้อยลง, หายใจต้นื ๆ ง. ผลการฉายรงั สีท่ีปอด พบ Rt lung atelectasis, เจ็บบรเิ วณทรวงอกขา้ งขวา 12. ขอ้ ใดเป็นสาเหตขุ องการเกิดอาการหายใจเหน่ือยในผปู้ ่วยรายนี้ ก. ทรวงอกข้างขวาเคลือ่ นไหวนอ้ ยลง ข. ฟังปอดข้างขวาเสียงเบา ค. ผลการฉายรงั สที ป่ี อด พบ Rt lung atelectasis ง. ขณะหายใจเข้าจะร้สู ึกเจบ็ บริเวณทรวงอกขา้ งขวา 13. ขอ้ ใดเปน็ ความผดิ ปกติที่เกิดข้ึนในผู้ปว่ ยรายน้ี ก. การระบายอากาศลดลง ข. การแลกเปลยี่ นก๊าซลดลง ค. ปรมิ าณเลอื ดทมี่ าทาการแลกเปลย่ี นก๊าซลดลง ง. การอดุ กลนั้ ของท่อทางเดินหายใจ
178 14. จากผล ABG ผู้ป่วยเกดิ ภาวะใด ก. Hypoxia ข. Hypercapnia ค. Respiratory acidosis ง. Respiratory Alkarosis 15. จากข้อมูลผู้ป่วยรายนี้น่าจะเป็นโรคใดมากท่สี ุด (พยากรณ์) ก. Pneumoconiosis ข. Pulmonary fibrosis ค. Pneumothorax ง. Emphysema
179 แบบสอบถามความพึงพอใจของนกั ศึกษาตอ่ การเรยี นด้วย รปู แบบการเรียนการสอนท่ีเน้นทักษะกระบวนการ เพอ่ื ส่งเสริมความสามารถด้านการคดิ วเิ คราะห์ ตอนที่ 1 ขอ้ มูลท่ัวไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม คาชแ้ี จง โปรดทาเครื่องหมาย ลงในชอ่ ง หน้าขอ้ ความทตี่ รงกบั ความเป็นจรงิ ของนกั ศกึ ษา หรอื เตมิ ในช่องว่างใหส้ มบูรณ์ตามความเป็นจริง 1. เพศ ชาย ห หญงิ 2. อายุ ................................... ปี 3. เกรดเฉลีย่ สะสมของปกี ารศึกษาที่ผา่ นมา ............................. ตอนท่ี 2 ความคดิ เหน็ เกย่ี วกับความพงึ พอใจต่อรปู แบบการจัดการเรียนการสอนวชิ าพยาธิสรีรวิทยาที่ เน้นทกั ษะกระบวนการ คาชีแ้ จง โปรดทาเครื่องหมาย ลงในช่องท่ตี รงกับความคดิ เห็นของทา่ นต่อการจัดการเรียนการสอนวิชา พยาธิสรรี วทิ ยา โดยจาแนกระดับความคิดเหน็ เปน็ 5 ระดับดังนี้ 5 หมายถงึ มีความพึงพอใจต่อรปู แบบการเรยี นการสอนในข้อนร้ี ะดับมากทสี่ ดุ 4 หมายถงึ มีความพึงพอใจต่อรปู แบบการเรียนการสอนในข้อนี้ระดับมาก 3 หมายถึง มีความพึงพอใจต่อรปู แบบการเรยี นการสอนในข้อนรี้ ะดับปานกลาง 2 หมายถงึ มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเรยี นการสอนในข้อนร้ี ะดบั นอ้ ย 1 หมายถึง มีความพึงพอใจต่อรปู แบบการเรียนการสอนในข้อนี้ระดบั นอ้ ยทีส่ ุด หัวข้อประเมนิ 5 ระดับความพึงพอใจ 1 432 ด้านผู้สอน 1. ความชดั เจนของการแนะนาจุดประสงค์การเรยี นรู้ กจิ กรรมการ จัดการเรยี นการสอน และเกณฑก์ ารประเมินผล 2. อธิบายให้นกั ศึกษาเข้าใจวธิ ีการคิดวิเคราะห์และกระบวนการกลุ่ม 3. สง่ เสริมให้นกั ศึกษาไดศ้ ึกษา/เรียนรู้จากกรณีศกึ ษา 4. สง่ เสรมิ ให้นักศึกษาฝกึ การคิดวิเคราะห์ การใช้ความคดิ เพ่ือหาเหตผุ ล
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214