Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore KWL Plus

KWL Plus

Published by krupatcharaporn, 2020-04-01 10:43:38

Description: KWL Plus

Search

Read the Text Version

87 แผนภูมิ 3 ขRนั ตอนการสร้างแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและ การเขียนสรุปความ ศึกษาหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขRนั พRืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ศึกษาทฤษฎี หลกั การเขียนและวธิ ีการสร้างแบบทดสอบ กาํ หนดจุดประสงคก์ ารสอบ กาํ หนดตารางเนRือหาขอ้ สอบ สร้างแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจ และการเขียนสรุปความ เสนอแบบทดสอบใหผ้ เู้ ช?ียวชาญ 5 ท่านเพ?ือตรวจสอบความถูกตอ้ งและแกไ้ ขปรับปรุง หาค่าดชั นีความสอดคลอ้ งของเคร?ืองมือ IOC โดยแบบทดสอบทุกขอ้ มีค่า IOC เท่ากบั 1.00 นาํ แบบทดสอบไปใชก้ บั นกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 1 โรงเรียนแม่เมาะวทิ ยา ภาคเรียนท?ี 2 ในปี การศึกษา 2552 จาํ นวน 30 คน นาํ ผลการทดสอบของแบบทดสอบมาวเิ คราะห์รายขอ้ หาค่าความยากง่าย ซ?ึงมีระหวา่ ง 0.33-0.67 และค่าอาํ นาจจาํ แนก มีค่าระหวา่ ง 0.38-0.88 หาค่าความเช?ือมน?ั ของแบบทดสอบ โดยวธิ ีของ Kuder – Richardson – KR 20 ไดเ้ ท่ากบั 0.90

88 มมมมมมม 6.3 การสร้างแบบทดสอบระหว่างเรียน มมมมมมม การสร้างแบบทดสอบระหวา่ งเรียน มีวธิ ีการดงั นRี มมมมมมม 6.3.1 ศึกษาผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ และสาระการเรียนรู้ วิธีวดั และ ประเมินผลในแผนการจดั การเรียนรู้ และนาํ มาศึกษาวิเคราะห์ หาเทคนิควิธีการเพ?ือพิจารณาแบ่ง เนRือหาตามลาํ ดบั ความยากง่ายเหมาะสมกบั นกั เรียน และให้สอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรสถานศึกษาขRนั พRืนฐาน โรงเรียนแม่เมาะวิทยา โดยผูศ้ ึกษาไดใ้ ชเ้ นRือหาในเร?ือง มาสร้างแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธeิ ทางการเรียน เพื?อใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลในครRังนRี มมมมมมม 6.3.2 ศึกษาเทคนิคการเขียนแบบทดสอบที?ดี และวิธีการวิเคราะห์ขอ้ สอบจากหนงั สือ วัดผล การศึกษา สมนึ ก ภัททิ ยธนี (2546, ห น้า 98-154 ) และห นังสื อการวิจัยเบRื องต้น บุญชม ศรีสะอาด (2543, หนา้ 50-63 ) มมมมมมม 6.3.3 กาํ หนดจาํ นวนขอ้ สอบการอ่านเพ?ือความเขา้ ใจชนิดเลือกตอบ 4 ตวั เลือก และ ข้อสอบชนิดเขียนสรุปความท?ีเขียนทRังหมดและต้องการใช้จริง แล้วทําการเขียนข้อสอบ ให้ สอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ เพื?อใชเ้ ป็นแบบทดสอบวดั ผลระหวา่ งเรียน ขอ้ สอบการอ่านเพ?ือความเขา้ ใจ จาํ นวน 60 ขอ้ ตอ้ งการใชจ้ ริง 30 ขอ้ และขอ้ สอบชนิดเขียนสรุปความ จาํ นวน 6 ขอ้ ตอ้ งการใชจ้ ริง 3 ข้อ และใช้เกณฑ์การคะแนนโดยปรับเกณฑ์การให้คะแนนการเขียนสรุปความของ Rinehart, S.D.stahl, S.A., & Erickson, L.G. (1986, pp.422-438) ดงั ปรากฏในตาราง 7

89 ตาราง 7 แบบประเมินความสามารถดา้ นการเขียนสรุปความ องค์ประกอบ คะแนน ระดบั ความ เกณฑ์ สามารถ ด้านใจความ 4 ดีมาก มีใจความสาํ คญั ครบถว้ นสมบูรณ์ สาํ คญั 3 ดี มีใจความสาํ คญั ครบถว้ นเกือบสมบูรณ์ 2 พอใช้ มีใจความสาํ คญั แต่ไม่ครบถว้ นสมบูรณ์ 1 ปรับปรุง มีใจความสาํ คญั นอ้ ยมาก ด้านใจความ 4 ดีมาก มีใจความสนับสนุนสําคญั สอดคลอ้ งกบั ใจความสําคญั และ ส นั บ ส นุ น ไม่มีรายละเอียดทีFไม่สาํ คญั สาํ คญั 3 ดี มีใจความสนับสนุนสําคญั สอดคลอ้ งกบั ใจความสําคญั และ แต่มีรายละเอียดทFีไม่สาํ คญั 2 พอใช้ มีใจความสนบั สนุนทีFไม่ค่อยสาํ คญั หรือเป็ นรายละเอียดบา้ ง แต่สอดคลอ้ งกบั ใจความสาํ คญั 1 ปรับปรุง มีใจความสนับสนุนทีFไม่ค่อยสําคัญและไม่สอดคล้องกับ ใจความสาํ คญั การไม่กล่าว 4 ดีมาก ไม่มีประโยคหรือขอ้ มูลทีFมีความหมายซJาํ ซอ้ น ซJาํ 3 ดี ไม่มีประโยคหรือขอ้ มูลทีFมีความหมายซJาํ ซอ้ นหรือมีนอ้ ยมาก 2 พอใช้ มีประโยคหรือขอ้ มูลทFีมีความหมายซJาํ ซอ้ นอยบู่ า้ ง 1 ปรับปรุง มีประโยคหรือขอ้ มูลทีFมีความหมายซJาํ ซอ้ นอยคู่ ่อนขา้ งมาก ด้านการแต่ง 4 ดีมาก แต่งประโยคขJึนเองทJงั หมด โดยทีFมีความหมายถูกตอ้ ง ไม่มี ประโยคใหม่ ประโยคทีFลอกมาจากบทอ่านเลย 3 ดี แต่งประโยคขJึนเองทJงั หมด โดยทFีมีความหมายถูกตอ้ ง มี ประโยคทFีลอกมาจากบทอ่านบา้ ง 2 พอใช้ แต่งประโยคขJึนเองบา้ ง แต่ความหมายไม่ค่อยสมบูรณ์หรือ ไม่ไดล้ อกมาจากบทอ่านทJงั หมด แต่มีบางส่วนเหมือนกบั บทอ่านบา้ ง 1 ปรับปรุง ไม่ไดแ้ ต่งประโยคขJึนเอง ลอกมาจากบทอ่านทJงั หมด

90 ตาราง (ต่อ) ระดบั ความ เกณฑ์ องค์ประกอบ คะแนน สามารถ ประโยคทFีแต่งถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา มีความบกพร่องนอ้ ย ด้านความถูก 4 ดีมาก มาก เช่น การใช้ Tense การใชค้ าํ หน้าทีFต่าง ๆ ในประโยค ต้องตามหลัก ถูกต้อง หรือผิดน้อยมาก การใช้เครืFองหมายวรรคตอน ภาษาและการ ดี ถูกตอ้ งหรือบกพร่องนอ้ ยมาก ใ ช้ เ ค รFื อ ง พอใช้ ประโยคทีFแต่งถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา มีความบกพร่องบา้ ง หมายวรรค 3 เช่น การใช้ Tense หรื อการใช้หน้าทFีของคําต่าง ๆ ใน ตอน ปรับปรุง ประโยค การใชเ้ ครFืองหมายวรรคตอนต่าง ๆ บกพร่อง ประโยคทีFแต่งไม่ค่อยถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา บกพร่องใน 2 การใช้ Tense หน้าทีFของคาํ ต่าง ๆ ในประโยค แต่พอสFือ ความ ห ม ายได้บ้าง การใช้เครืF องห ม ายวรรคตอน 1 ต่าง ๆ บกพร่องบา้ ง ประโยคทีFแต่งไม่ค่อยถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา แต่สามารถสFือ ความไดบ้ า้ ง การใช้หน้าทีFของคาํ ต่าง ๆ ในประโยค และ การใชเ้ ครืFองหมายวรรคตอนต่าง ๆ บกพร่องมาก มมมมมมม 6.3.4 นําแบบทดสอบระหว่างเรียน ท?ีผ่านการประเมินดชั นีความสอดคลอ้ งระหว่าง ขอ้ สอบกบั ผลการเรียนรู้ที?ผูเ้ ช?ียวชาญดา้ นเนRือหา ภาษา และการวดั ผล และผ่านการหาคุณภาพของ แบบทดสอบ การหาค่าความยาก และค่าอาํ นาจจาํ แนกเป็ นรายขอ้ เรียบร้อยแลว้ โดยคดั เลือกจาก ขอ้ สอบทRงั หมด 60 ขอ้ ท?ีมีค่าความยากง่ายตRงั แต่ 0.33 ถึง 0.76 ค่าอาํ นาจจาํ แนกตRงั แต่ 0.25 ถึง 0.75 เพ?ือใชส้ ร้างเป็ นแบบทดสอบระหว่างเรียน 3 หน่วยการเรียนรู้ โดยแต่ละหน่วยการเรียนจะประกอบ ไปดว้ ย ขอ้ สอบการอ่านเพ?ือความเขา้ ใจ จาํ นวน 10 ขอ้ และขอ้ สอบชนิดเขียนสรุปความ จาํ นวน 1 ขอ้ มมมมมมม 6.3.5 นาํ แบบทดสอบทRงั 3 หน่วยการเรียนรู้ ไปใช้ทดสอบระหว่างเรียนให้นักเรียน เลือกคาํ ตอบขอ้ ท?ีถูกท?ีสุด เพียงคาํ ตอบเดียว ถา้ ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผิด หรือไม่เลือกตอบได้ 0 คะแนน นาํ คะแนนผลรวม ซ?ึงสามารถนาํ ไปใชใ้ นการหาประสิทธิภาพ ดา้ นกระบวนการ (E1) ของ วธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั

91 มมมมมมมม6.4. แบบวัดเจตคติของนักเรียนทEีมีต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอนทEีใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบลิ ยู แอล พลสั มมมมมมมมแบบวดั เจตคติของนักเรียนที?มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอนที?ใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เป็ นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั (Rating scale) จาํ นวน 15 ขอ้ ซ?ึงสอบถามความคิดเห็นของผเู้ รียนท?ีมีต่อการจดั การเรียนรู้โดยใชว้ ิธีสอนแบบเค ดบั เบิลยู แอล พลสั ดา้ นต่าง ๆ จาํ นวน 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) ดา้ นบรรยากาศการเรียน 2) ดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้ และ 3) ดา้ น เนRือหา มมมมมมมมขRนั ตอนในการสร้างแบบวดั เจตคติของนกั เรียนท?ีมีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใช้ วธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีวธิ ีการดาํ เนินการดงั นRี มมมมมมมม 6.4.1 ศึกษาหลกั การ รูปแบบ เกณฑแ์ ละวิธีการสร้างแบบวดั เจตคติจากเอกสารการ วดั และประเมินผล และงานวจิ ยั ที?เกี?ยวขอ้ ง มมมมมมมม 6.4.2 สร้างแบบวดั เจตคติของนักเรียนที?มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอนท?ีใช้วิธี สอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เป็ นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั (Rating scale) โดยมีเกณฑก์ าํ หนดค่าระดบั ความคิดเห็น ดงั ตาราง 8 ตาราง 8 เกณฑก์ ารกาํ หนดค่าระดบั ความคิดเห็น ระดบั ความคดิ เห็น ค่าคะแนนเชิงนิมาน (Positive) เห็นดว้ ยมากท?ีสุด 5 เห็นดว้ ยมาก 4 เห็นดว้ ยปานกลาง 3 เห็นดว้ ยนอ้ ย 2 เห็นดว้ ยนอ้ ยท?ีสุด 1 มมมมมมมมการให้ความหมายของค่าเฉลี?ยความคิดเห็นท?ีวดั ได้ ผูศ้ ึกษาแปลความหมายค่าระดบั ความคิดเห็นตามแนวคิดของ Best (1981, p.182) ดงั ตาราง 9

92 ตาราง 9 เกณฑก์ ารแปลความหมายของค่าเฉลี?ยเจตคติ ค่าเฉลยีE เจตคติ ความหมาย 4.50– 5.00 มีเจตคติท?ีดีมากต่อวชิ าภาษาองั กฤษ 3.50– 4.49 มีเจตคติท?ีดีต่อวชิ าภาษาองั กฤษ 2.50 – 3.49 มีเจตคติปานกลางต่อวชิ าภาษาองั กฤษ 1.50 – 2.49 มีเจตคติไม่ดีต่อวชิ าภาษาองั กฤษ 1.00 – 1.49 มีเจตคติไม่ดีมากต่อวชิ าภาษาองั กฤษ มมมมมมมม 6.4.3 นาํ แบบวดั เจตคติของนกั เรียนท?ีมีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอน แบบ เค ดับเบิลยู แอล พลสั ไปให้ผูเ้ ชี?ยวชาญ 5 ท่าน ตรวจสอบหาค่าความเที?ยงตรงเชิงเนRือหา (Content Validity) แลว้ นาํ มาหาค่าดชั นีความสอดคลอ้ ง (IOC) ไดค้ ่า IOC เท่ากบั 1.00 (รายละเอียด ในผนวก จ ตารางที? 28 หนา้ 186) มมมมมมมม 6.4.4 ปรับปรุงแบบวดั เจตคติตามคาํ แนะนาํ ของผเู้ ชี?ยวชาญ (รายละเอียดในผนวก ง หนา้ 169-170) หลงั จากนRนั นาํ แบบทดสอบไปทดลองใชก้ บั นกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 ปี การศึกษา 2552 ของโรงเรียนแม่เมาะวทิ ยา ตาํ บลแม่เมาะ อาํ เภอแม่เมาะ จงั หวดั ลาํ ปาง มมมมมมมม 6.4.5 หาความเชื?อม?ันของแบบวดั เจตคติโดยใช้สัมประสิทธิสหสัมพันธ์อัลฟา (Alpha Coefficient) ของ Cronbach มีค่าเชื?อมน?ั เท่ากบั 0.98 มมมมมมมม 6.4.6 นาํ แบบวดั เจตคติของนกั เรียนที?มีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอน แบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ไปใชเ้ ป็นเครื?องมือในการทดลอง มมมมมมมมขRนั ตอนการสร้างแบบวดั เจตคติของนกั เรียนที?มีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธี สอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ดงั แผนภูมิ 5 5

93 แผนภูมิ 4 ขRนั ตอนการสร้างแบบวดั เจตคติของนกั เรียนท?ีมีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ธิ ีสอน แบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ศึกษาหลกั การ รูปแบบ เกณฑแ์ ละวธิ ีสร้างแบบวดั เจตคติของนกั เรียนที?มีต่อการเรียน โดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั สร้างแบบวดั เจตคติของนกั เรียนท?ีมีต่อการเรียน โดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั นาํ ไปใหผ้ เู้ ชี?ยวชาญ 5 ท่าน ตรวจสอบหาค่าความเที?ยงตรงเชิงเนRือหา (Content Validity) แลว้ นาํ มาหาค่าดชั นีความสอดคลอ้ ง (IOC) ไดค้ ่า IOC เท่ากบั 1.00 ปรับปรุงแกไ้ ขแบบวดั เจตคติของนกั เรียนท?ีมีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอน ที?ใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ตามคาํ แนะนาํ ของผเู้ ช?ียวชาญ นาํ แบบวดั เจตคติไปทดลองใชก้ บั นกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 ปี การศึกษา 2552 ของโรงเรียนแม่เมาะวทิ ยา ตาํ บลแม่เมาะ อาํ เภอแม่เมาะ จงั หวดั ลาํ ปาง หาความเช?ือมน?ั ของแบบวดั เจตคติโดยใชส้ มั ประสิทธิสหสมั พนั ธ์อลั ฟา (Alpha Coefficient) ของ Cronbach มีค่าเชื?อมนั? เท่ากบั 0.98 นาํ แบบวดั เจตคติไปใชเ้ ป็นเคร?ืองมือในการทดลองโดยใหน้ กั เรียนตอบแบบวดั เจตคติ นRีหลงั จากสิRนสุดการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั

94 7. การวเิ คราะห์ข้อมูล มมมมมมมมในการวเิ คราะห์ขอ้ มูลจะแบ่งการวเิ คราะห์ขอ้ มูลออกเป็น 3 ส่วนคือ มมมมมมมม1. การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเพื?อตรวจสอบคุณภาพเคร?ืองมือ มมมมมมมม 1.1 ความตรง (Validity) ของชุดการสอนท?ีใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธeิทางดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ โดย หาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคาํ ถามกับจุดประสงค์ โดยนําเคร?ืองมือท?ีสร้างขRึนไปให้ ผเู้ ช?ียวชาญเนRือหา จาํ นวน 5 คน แต่ละคนพิจารณาลงความเห็นและใหค้ ะแนนดงั นRี +1 เมื?อแน่ใจวา่ ขอ้ คาํ ถามนRนั สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ 0 เมื?อไม่แน่ใจวา่ ขอ้ คาํ ถามนRนั สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ -1 เมื?อแน่ใจวา่ ขอ้ คาํ ถามนRนั ไม่สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ มมมมมมมม นาํ คะแนนท?ีไดม้ าแทนค่าในสูตร ดงั นRี IOC = åR N มมมมมมมม เมื?อ IOC หมายถึง ดชั นีความสอดคลอ้ ง มมมมมมมม åR หมายถึง ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผเู้ ชี?ยวชาญเนRือหาทRงั หมด มมมมมมมม N หมายถึง จาํ นวนผเู้ ชี?ยวชาญ มมมมมมมม ถา้ ที?คาํ นวณไดต้ Rงั แต่ 0.5 – 1.00 ขอ้ คาํ ถามนRนั เป็ นตวั แทนของกลุ่มพฤติกรรมนRนั ถา้ ขอ้ คาํ ถามนRนั มีค่าดชั นีต?าํ กวา่ 0.50 ขอ้ คาํ ถามนRนั จะถูกตดั ออกไปหรือนาํ ไปปรับปรุงแกไ้ ข

95 มมมมมมมม 1.2 ความเชื?อมั?น (Reliability) ของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธeิทางด้านการอ่าน ภาษาอังกฤษเพ?ือความเข้าใจและการเขียนสรุปความ โดยวิธีของคูเดอร์ ริชาร์ดสัน 20 (Kuder- Richardson) KR-20 กาญจนา วฒั ายุ (2548, หนา้ 196) =r åsttN ïíì1 - pq üï N -1 ïî ý 2 ïþ 1 มมมมมมมม N หมายถึง จาํ นวนขอ้ มมมมมมมม p หมายถึง สดั ส่วนของคนท?ีทาํ ถูกแต่ละขอ้ มมมมมมมม q หมายถึง สดั ส่วนของคนที?ทาํ ผดิ ในแต่ละขอ้ = 1-p มมมมมมมม s2 หมายถึง ความแปรปรวนของคะแนนทRงั ฉบบั 1 มมมมมมมม 1.3 ความยากง่าย (Difficulty) ของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธeิทางด้านการอ่าน ภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ สาํ หรับแบบทดสอบแบบปรนยั เลือกตอบ โดย ใชส้ ูตร ดงั นRี ลว้ น สายยศ และองั คณา สายยศ (2538, หนา้ 180) สูตร P = R N มมมมมมมม เม?ือกาํ หนดให้ มมมมมมมม P แทน ความยากง่ายของแบบทดสอบ มมมมมมมม R แทน จาํ นวนคนที?ทาํ ขอ้ นRนั ถูก มมมมมมมม N แทน จาํ นวนคนที?ทาํ ขอ้ นRนั ทRงั หมด

96 มมมมมมมม 1.4 อาํ นาจจาํ แนก (Discrimination) ของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธeิทางดา้ นการอ่าน ภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ โดยใชส้ ดั ส่วนของความแตกต่างระหวา่ งกลุ่มสูง กลุ่มต?าํ มีสูตร ดงั นRี ลว้ น สายยศ และองั คณา สายยศ (2538, หนา้ 181) r= Ru - Re n 2 มมมมมมมม เมื?อกาํ หนดให้ มมมมมมมม r หมายถึง ค่าอาํ นาจจาํ แนกเป็นรายขอ้ มมมมมมมม Ru หมายถึง จาํ นวนขอ้ ที?ตอบถูกในขอ้ นRนั ของกลุ่มเก่ง มมมมมมมม Re หมายถึง จาํ นวนขอ้ ที?ตอบถูกในขอ้ นRนั ของกลุ่มอ่อน มมมมมมมม n หมายถึง จาํ นวนคนในกลุ่มตวั อยา่ ง มมมมมมมม2. การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดการสอนท?ีใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั โดยนําคะแนนที?ได้จากการทาํ แบบฝึ กหัดและคะแนนที?ได้จากแบบทดสอบหลงั เรียน มา คาํ นวณหาคะแนนเฉลี?ยและค่าร้อยละแลว้ นาํ ไปวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) และ ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ (E2) ตามเกณฑ์ E1/E2 ตRงั เกณฑไ์ วท้ ี? 80/80 มมมมมมมม2.1 การหาประสิทธิภาพของกระบวนการใชส้ ูตรดงั นRี ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ (2539, หน้า 495) E1 = èæçç åX ÷öø÷ ´100 n A

97 มมมมมมมม เม?ือกาํ หนดให้ มมมมมมมม E1 หมายถึง ประสิทธิภาพของกระบวนการ มมมมมมมม å X หมายถึง คะแนนรวมของแบบฝึกหดั หรืองานของนกั เรียนแต่ละคน มมมมมมมม A หมายถึง คะแนนเตม็ ของแบบฝึกหดั หรืองานทุกชิRนรวมกนั มมมมมมมม n หมายถึง จาํ นวนผเู้ รียน มมมมมมมม2.2 การหาประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ใชส้ ูตรดงั นRี ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ (2539, หนา้ 495) E2 = çèæç åF ö÷ø÷ ´100 n B มมมมมมมม เม?ือกาํ หนดให้ มมมมมมมม E2 หมายถึง ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ มมมมมมมม åF หมายถึง คะแนนรวมของผลลพั ธ์หลงั เรียนของนกั เรียนแต่ละคน มมมมมมมม B หมายถึง คะแนนเตม็ ของแบบทดสอบหลงั เรียน มมมมมมมม n หมายถึง จาํ นวนผเู้ รียน มมมมมมมม3. การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเพื?อทดสอบสมมติฐาน มมมมมมมม2 3.1 เปรียบเทียบผลสมั ฤทธeิทางการเรียนทางดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจ และการเขียนสรุปความ ก่อนและหลงั เรียนโดยใช้วิธีสอนแบบ เค ดับเบิลยู แอล พลสั โดยการ ทดสอบค่า ที (t-test) กาญจนา วฒั ายุ (2548, หนา้ 99) t = åD nå D2 - (å D)2 n -1

98 มมมมมมมมเม?ือกาํ หนดให้ มมมมมมมมt หมายถึง การตรวจสอบความแตกต่างคะแนนก่อนเรียนและหลงั เรียน มมมมมมม åD หมายถึง ผลรวมความแตกต่างระหวา่ งคะแนนก่อนเรียนและหลงั เรียนของแต่ละ คน มมมมมมม åD2 หมายถึง ผลรวมกาํ ลงั สองผลรวมของผลต่างของคะแนนหลงั เรียนกบั ก่อนเรียน มมมมมมม (åD)2หมายถึง ผลรวมความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลงั เรียนทRงั หมดยก กาํ ลงั สอง มมมมมมมมn หมายถึง จาํ นวนนกั เรียน มมมมมมมม 3.2 การหาค่าเฉล?ียผลสัมฤทธeิทางการเรียนทางดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความ เขา้ ใจและการเขียนสรุปความ ก่อนและหลงั เรียนโดยวิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีสูตร ดงั นRี ลว้ น สายยศ และองั คณา สายยศ (2538, หนา้ 73) X= åX n มมมมมมมมเมื?อกาํ หนดให้ มมมมมมมม X หมายถึง คะแนนเฉลี?ย มมมมมมมม å X หมายถึง ผลรวมทRงั หมดของคะแนน มมมมมมมมn หมายถึง จาํ นวนตวั อยา่ ง มมมมมมมม 3.3 การหาค่าส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) มีสูตร ดงั นRี ลว้ น สายยศ และองั คณา สายยศ (2538, หนา้ 73) S.D. = nå X 2 - (å X )2 n(n -1)

99 มมมมมมมมเมื?อกาํ หนดให้ มมมมมมมมS.D. หมายถึง ส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐาน มมมมมมมมX หมายถึง คะแนนดิบ มมมมมมมมn หมายถึง จาํ นวนนกั เรียนในกลุ่มตวั อยา่ ง มมมมมมมม 3.4 เปรียบเทียบผลการวิเคราะห์เจตคติของนกั เรียนหลงั จากท?ีไดร้ ับการสอนโดยใช้ วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั โดยการทดสอบค่า ที (t-test) หาค่าเฉล?ีย ( X ) และส่วนเบ?ียงเบน มาตรฐาน (S.D.) เป็นรายขอ้ รายดา้ น และโดยภาพรวม มมมมมมมมการวเิ คราะห์ขอ้ มูลทRงั หมดนRี ใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์สาํ เร็จรูป

100 บทท$ี 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล สัญลกั ษณ์และอกั ษรย่อทใีE ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูลและเสนอผล ปปปปปปป ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากผลการทดลองและแปลความหมายจากผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ผศู้ ึกษาไดใ้ ชส้ ญั ลกั ษณ์และอกั ษรยอ่ ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ดงั นRี ปปปปปปป n แทน จาํ นวนนกั เรียนในกลุ่มตวั อยา่ ง ปปปปปปป E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ ปปปปปปป E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลพั ธ์ ปปปปปปป t แทน อตั ราส่วนวกิ ฤตในการแจกแจงแบบที ปปปปปปปป X แทน ค่าเฉลี?ยของคะแนน ปปปปปปป S.D. แทน ส่วนเบ?ียงเบนมาตรฐานของคะแนน ปปปปปปป åD แทน ผลรวมของผลต่างของคะแนนหลงั การทดลองกบั ก่อนการทดลอง ปปปปปปป åD2 แทน ผลรวมกาํ ลงั สองผลรวมของผลต่างของคะแนนหลงั เรียนกบั ก่อนเรียน มมมมมมม (åD)2หมายถึง ผลรวมความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลงั เรียนทRงั หมดยก กาํ ลงั สอง ปปปปปปป C.V. แทน ค่าสมั ประสิทธeิการกระจายใชใ้ นการตรวจสอบคุณภาพการสอน ปปปปปปป การวเิ คราะห์ขอ้ มูลจากผลการศึกษา สรุปไดด้ งั นRี ปปปปปปป ตอนที? 1 สถานภาพของกลุ่มตวั อยา่ ง ปปปปปปป ตอนท?ี 2 ผลการสร้างชุดการสอนท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ปปปปปปป ตอนที? 3 ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของชุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั แบบทดสอบและค่าสมั ประสิทธeิ ความเชื?อมน?ั ของแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธeิดา้ นการอ่าน ภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ และแบบวดั เจตคติของนกั เรียนที?มีต่อการเรียน โดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั

101 ตอนที? 4 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจ และการ เขียนสรุปความ ก่อนเรียนและหลงั เรียนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ของนกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 1 ปปปปปปปปตอนที? 5 ผลการวิเคราะห์ค่าเฉล?ีย ส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐาน การวดั เจตคติของนกั เรียน ที? ไดร้ ับการสอนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ตอนทีE 1 สถานภาพของกล่มุ ตวั อย่าง ปปปปปปปปสถานภาพกลุ่มตวั อยา่ ง สรุปไดด้ งั นRี ปปปปปปปป1.1 ประชากร เป็ นนกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 1 โรงเรียนแม่เมาะวิทยา อาํ เภอแม่เมาะ จังหวดั ลาํ ปาง ท?ีเลือกเรียนสาระการเรียนรู้เพ?ิมเติม รายวิชา ภาษาองั กฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) ภาคเรียนที? 1 ปี การศึกษา 2553 จาํ นวน 4 หอ้ งเรียน รวมทRงั สิRน 143 คน ปปปปปปปป1.2 กลุ่มตวั อย่าง เป็ นนักเรียนชRันมธั ยมศึกษาปี ที? 1 โรงเรียนแม่เมาะวิทยา อาํ เภอ แม่เมาะ จังหวดั ลําปาง ท?ีเลือกเรียนสาระการเรียนรู้เพ?ิมเติม รายวิชา ภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) ในภาคเรียนท?ี 1 ปี การศึกษา 2553 จาํ นวน 1 ห้องเรียน จาํ นวน 36 คน ซ?ึงไดม้ าโดยใชว้ ิธี เลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยพิจารณาว่าเป็ นนักเรียนที?ผูศ้ ึกษาทาํ การสอนและมีค่า คะแนนเฉลี?ยจากการทดสอบก่อนเรียนอยรู่ ะดบั ปานกลาง ผูศ้ ึกษาจดั แบ่งนกั เรียนออกเป็ นกลุ่ม คือ กลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลาง และกลุ่มอ่อน โดยมีวธิ ีการดงั นRี ปปปปปปปป 1.2.1 ทาํ การทดสอบนกั เรียนทRงั 36 คน โดยใชแ้ บบทดสอบวดั ผลสัมฤทธeิดา้ นการ อ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ ก่อนเรียน (Pretest) ปปปปปปปป 1.2.2 นาํ คะแนนของนกั เรียนทRงั หมดมาจดั เรียงลาํ ดบั คะแนนสูงสุดไปหาต?าํ สุด ปปปปปปปป 1.2.3 แบ่งนกั เรียนออกเป็น 3 กลุ่ม ตามระดบั ความสามารถทางสติปัญญา กลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลาง และ กลุ่มอ่อน โดยใชอ้ กั ษร A ถึง I เริ?มตน้ ดว้ ยอกั ษร A ท?ีชื?อผทู้ ี?ไดค้ ะแนนสูงสุดและ ไล่จนถึงอกั ษร I จากนRนั ไล่ลาํ ดบั กลบั อีกครRัง โดยเร?ิมท?ี I – A สลบั ไปมาจนครบ 36 คน สามารถจดั ผูเ้ รียนเขา้ กลุ่มไดจ้ าํ นวน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเก่ง จาํ นวน 9 คน กลุ่มปานกลาง จาํ นวน 18 คน และ กลุ่ม อ่อน จาํ นวน 9 คน การศึกษาครRังนRีมีนกั เรียน 36 คน จดั ให้มีกลุ่มยอ่ ยกลุ่มละ 4 คน จึงมี 9 กลุ่ม โดย ดาํ เนินการตามแนวคิดของ กาญจนา วฒั ายุ (2548, หน้า 12 ) คละความสามารถเก่ง ปานกลาง และ อ่อน คละกนั ด้วยสัดส่วน 1:2:1 จดั กลุ่มละ 4 คน ได้ 9 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบด้วย นักเรียนท?ีมี ระดบั ความสามารถสูง 1 คน นักเรียนท?ีมีระดบั ความสามารถปานกลาง 2 คน นักเรียนที?มีระดบั ความสามารถต?าํ 1 คน

102 ปปปปปปปปตอนทEี 2 ผลการสร้างชุดการสอนทใีE ช้วธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบลิ ยู แอล พลสั ปปปปปปปปไดช้ ุดการสอนที?ใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั :ซ?ึงประกอบดว้ ย แผนการ จดั การเรียนรู้ท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั แบบฝึกท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั จาํ นวน 14 เร?ือง 3 หน่วยการเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน/หลงั เรียน มีจาํ นวน 3 ชุด เป็นแบบปรนยั ชุด ละ 10 ขอ้ แบบเขียนสรุปความชุดละ 1 ขอ้ แบบฝึ กทาํ กิจกรรมระหวา่ งเรียน และแบบทดสอบวดั ผล สมั ฤทธeิทางการเรียนสาํ หรับสอบปลายภาค เป็นแบบปรนยั 50 ขอ้ ชุดการสอนที?ใช้วิธีสอนแบบ เค ดับเบิลยู แอล พลัส โดยแสดงกรอบแนวคิดใน การศึกษา ดงั ปรากฏในแผนภูมิ 5 แผนภูมิ 5 ชุดการสอนท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั โดยแสดงกรอบแนวคิดในการศึกษา การสอนภาษาอังกฤษอ่ าน-เขียนโดยใช้ วิธีสอนแบบเค ผ ล สั ม ฤ ท ธTิ ด้ าน ก าร อ่ าน ดบั เบิลยู แอล พลสั มีขRนั ตอนดงั นRี ภ าษ าอังกฤษ เพืE อความ เข้ าใจ 1. การเตรียมความพร้อมและใหค้ วามรู้พJืนฐานดา้ นการอ่าน และการเขียนสรุปความ ของ และการเรียนรู้ตามขJนั ตอนของวิธีสอนแบบเค ดับเบิลยู นักเรียนชRันมธั ยมศึกษาปี ที? 1 แอล พลสั (ท?ี เลื อกเรี ยนสาระการเรี ยนรู้ 2. การฝึกปฏิบตั ิโดยนกั เรียนร่วมกนั กบั ครู มี 5 ขJนั ตอน เพิ?มเติม รายวิชา ภาษาองั กฤษ อ่าน-เขียน (อ 21202) ขJนั ทFี 1 กิจกรรมก่อนการอ่าน เรียกว่า ขJนั K (What you know) นกั เรียนมีความรู้อะไรบา้ งเกีFยวกบั เรืFองทFีจะอ่าน เจตคติของนักเรียนทEีมีต่อการ เรียนโดยใช้ชุดการสอนทEีใช้วธิ ี ขJันทีF 2 กิจกรรมระหว่างการอ่าน เรี ยกว่า ขJัน W สอนแบบ เค ดับเบิลยู แอล (What you want to know) นั กเรี ยน ต้องการจะรู้ อะไร พ ลั ส ข อ ง นั ก เรี ย น ชRั น เกFียวกบั เรFืองทีFอ่าน มธั ยมศึกษาปี ที? 1 ขJนั ทีF 3 กิจกรรมหลงั การอ่าน เรียกว่า ขJนั L1 (What you have learned) นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเรFืองทีF อ่าน ข7นั Plus ขJันทFี 4 ขJัน L2 กิจกรรมการสร้างผังสัมพันธ์ทาง ความหมาย (Semantic Mapping) ขJันทFี 5 ขJัน L3 การเขียนสรุ ปเรืF องจากการอ่าน (Summarizing) 3. การวดั และประเมินผลและใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั

103 8ตอนทีE 3 ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของชุดการสอนทีEใช้วิธีสอนแบบ เค ดับเบิลยู แอล พลัส แบบทดสอบ และค่าสัมประสิทธTิความเชืEอมEันของแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธTิด้านการอ่าน ภาษาอังกฤษเพืEอความเข้าใจและการเขียนสรุปความ และแบบวัดเจตคติของนักเรียนทEีมี ต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอนทใีE ช้วธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ปปปปปปปป3.1 ชุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ผูศ้ ึกษาไดส้ ร้างชุดการสอน และแบบฝึกที?ใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั จาํ นวน 15 แผน รวม 30 ชว?ั โมง ความสอดคลอ้ ง ของเนRือหากบั วตั ถุประสงค์ ไดค้ ่า IOC เท่ากบั 1.00 ปปปปปปปป3.2 แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและการเขียน สรุปความ ผูศ้ ึกษานําแบบทดสอบไปให้ผูเ้ ช?ียวชาญ จาํ นวน 5 คน ประเมินความสอดคลอ้ งของ แบบทดสอบกับจุดประสงค์ ได้ค่า IOC เท่ากับ 1.00 จากนRันได้นําไปทดลองใช้กับนักเรียนชRัน มธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 จาํ นวน 30 คน แลว้ นาํ ผลมาวเิ คราะห์รายขอ้ หาค่าดชั นีความยากง่าย ไดค้ ่าความยาก ง่าย (p) อยรู่ ะหว่าง 0.33-.67 และวิเคราะห์หาค่าอาํ นาจจาํ แนก ไดค้ ่าอาํ นาจจาํ แนก (r) มีค่าเฉล?ียอยู่ ระหวา่ ง 0.38-0.88 และวเิ คราะห์หาค่าสมั ประสิทธeิ ความเช?ือมน?ั ของแบบทดสอบ ไดค้ ่าความเช?ือมน?ั เท่ากบั 0.90 ปปปปปปปป3.3 แบบทดสอบระหว่างเรียน ก่อนการเรียน (Pretest) และ หลงั การเรียน (Posttest) ผู้ ศึกษานาํ แบบทดสอบไปให้ผูเ้ ช?ียวชาญ จาํ นวน 5 คน ประเมินความสอดคลอ้ งของแบบทดสอบกบั จุดประสงค์ ได้ค่า IOC เท่ากับ 1.00 จากนRันได้นําไปทดลองใช้กับนักเรียนชRันมธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 จาํ นวน 30 คน จากนRันนาํ มาวิเคราะห์หาค่าความยากง่าย และค่าอาํ นาจจาํ แนก ไดค้ ่าความยากง่าย ตRงั แต่ 0.33 3- 0.76 ค่าอาํ นาจจาํ แนกตRงั แต่ 0.25 - 0.75 ปปปปปปปป3.4 แบบวดั เจตคติของนกั เรียนที?มีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ผศู้ ึกษาไดน้ าํ แบบวดั เจตคติของนกั เรียนท?ีมีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ธิ ี สอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ไปให้ผูเ้ ช?ียวชาญ 5 ท่าน ตรวจสอบหาค่าความเที?ยงตรงเชิงเนRือหา (Content Validity) แลว้ นาํ มาหาค่าดชั นีความสอดคลอ้ ง (IOC) ไดค้ ่า IOC เท่ากบั 1.00 และหาความ เชื?อมน?ั ของแบบวดั เจตคติโดยใชป้ ระสิทธิสหสัมพนั ธ์อลั ฟา (Alpha Coefficient) ของ Cronbach มีค่า เช?ือมน?ั เท่ากบั 0.98

104 ตอนทีE 4 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธTิด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพืEอความเข้าใจ และการเขียน สรุปความ ก่อนเรียนและหลงั เรียนโดยใช้ชุดการสอนทีEใช้วธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ของนักเรียนชLันมธั ยมศึกษาปี ทEี 1 มมมมมมมมผศู้ ึกษาไดน้ าํ คะแนนผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจ และการเขียน สรุปความ ก่อนเรียนและหลงั เรียนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ของ นักเรียนชRันมัธยมศึกษาปี ท?ี 1 ซ?ึงทําการทดสอบด้วยแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธeิด้านการอ่าน ภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ จาํ นวน 1 ฉบบั แบ่งเป็ น 2 ตอน ไดแ้ ก่ ตอนที? 1 ทดสอบดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจ เป็ นแบบทดสอบปรนัยแบบเลือกตอบ ชนิด 4 ตวั เลือก จาํ นวน 30 ขอ้ และตอนที? 2 แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธeิการเขียนสรุปความ เป็นแบบทดสอบ ปรนัยแบบเลือกตอบ ชนิด 4 ตวั เลือก จาํ นวน 20 ขอ้ โดยทาํ การทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน (Pretest - Posttest) แลว้ นาํ คะแนนมาคาํ นวณเพ?ือเปรียบเทียบโดยใชก้ ารทดสอบค่าที (t-test) ซ?ึงผล การวเิ คราะห์ปรากฏผลในตาราง 10 ดงั นRี ตาราง 10 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธeิด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพ?ือความเข้าใจ และด้าน การเขียนสรุปความ ก่อนเรียนและหลงั เรียนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิล ยู แอล พลสั การทดสอบ จาํ นวน คะแนน คะแนน åD å D2 t-test นักเรียน เตม็ รวม X การอ่านเพ*ือความเข้าใจ 36 30 473 13.14 435 5,601 -23.10** ก่อนเรียน หลงั เรียน 36 30 908 25.22 การเขยี นสรุปความ ก่อนเรียน 36 40 576 16.00 893 22,387 -32.12** หลงั เรียน 36 40 1,179 32.75 รวมทLงั 2 ทกั ษะ 36 70 1,049 29.14 1,038 30,842 -33.87** ก่อนเรียน หลงั เรียน 36 70 2,087 57.97

105 ** มีนยั สาํ คญั ทางสถิติที?ระดบั .01 ปปปปปปปปจากตาราง 10 แสดงให้เห็นว่า ผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจ และการเขียนสรุปความ ของนักเรียนชRันมธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 โรงเรียนแม่เมาะวิทยา มีค่าเฉลี?ยของ 2 ทักษะ ก่อนการทดลอง มีค่าเฉลี?ย 29.14 และหลงั การทดลองมีค่าเฉล?ีย 57.97 ค่า åD เท่ากับ 1,038 ค่า åD2 เท่ากบั 30,842 และ เมื?อทดสอบความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลงั เรียน ดว้ ยการทดสอบค่าที (t-test) พบว่า ค่าที เท่ากบั -33.87 ซ?ึงมีนยั สําคญั ทางสถิติท?ีระดบั .01 แสดงให้ เห็นว่าผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจ และการเขียนสรุปความโดยใชช้ ุดการ สอนท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน มมมมมมมมเม?ือพิจารณาดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจ พบว่า ผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่าน ภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจก่อนเรียน (Pretest) และหลงั เรียน (Posttest) ของนกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษา ปี ท?ี 1 ที?เลือกเรียนสาระการเรียนรู้เพ?ิมเติม รายวิชา ภาษาองั กฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) โดยใชช้ ุดการ สอนท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีค่าเฉลี?ยหลงั การทดลองสูงกวา่ ค่าเฉลี?ยก่อนการทดลอง โดยก่อนการทดลอง มีค่าเฉล?ีย 13.14 คะแนน และหลงั การทดลองมีค่าเฉล?ียเท่ากบั 25.22 ค่า åD เท่ากบั 435 ค่า åD2 เท่ากบั 5,601 เม?ือทดสอบความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลงั เรียน ดว้ ยการทดสอบค่าที (t – test) พบวา่ ค่าที เท่ากบั -23.10 ซ?ึงมีนยั สาํ คญั ทางสถิติที?ระดบั .01 ปปปปปปปปผลสัมฤทธeิดา้ นการเขียนสรุปความ ก่อนเรียน (Pretest) และหลงั เรียน (Posttest) ของ นกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 ท?ีเลือกเรียนสาระการเรียนรู้เพิ?มเติม รายวิชา ภาษาองั กฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) โดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีค่าเฉล?ียหลงั การทดลองสูงกว่า ค่าเฉลี?ยก่อนการทดลอง โดยก่อนการทดลอง มีค่าเฉล?ีย 16.00 และหลงั การทดลองมีค่าเฉลี?ยหลงั การ ทดลอง เท่ากบั 32.75 มีค่า åD เท่ากบั 893 ค่า åD2 เท่ากบั 22,387 เม?ือทดสอบความแตกต่าง ของคะแนนก่อนเรี ยนและหลังเรี ยนด้วยการทดสอบค่าที (t – test) พบว่า ค่าที เท่ ากับ -32.12 แสดงให้เห็นว่า ผลสัมฤทธeิดา้ นการเขียนสรุปความหลงั เรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอน แบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั สูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติท?ีระดบั .01 ปปปปปปปปซ?ึงกล่าวไดว้ ่า คะแนนผลการเรียนรู้ก่อนเรียน (Pretest) และหลงั เรียน (Posttest) ของ นักเรียนชRันมธั ยมศึกษาปี ท?ี ที?เลือกเรียนสาระการเรียนรู้เพิ?มเติม รายวิชา ภาษาองั กฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) โดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ทRงั ดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษ เพื?อความเขา้ ใจ และการเขียนสรุปความ คะแนนผลการเรียนรู้หลงั เรียน (Posttest) สูงกว่า ก่อนเรียน (Pretest) อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติท?ีระดบั .01

106 ปปปปปปปปดงั นRนั แสดงว่าผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจ และการเขียนสรุป ความของนกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 ท?ีเลือกเรียนสาระการเรียนรู้เพิ?มเติมรายวชิ า ภาษาองั กฤษอ่าน- เขียน (อ 21202) โดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั หลงั เรียนสูงกว่า ก่อน เรียนอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติที?ระดบั .01 ซ?ึงเป็นไปตามสมมติฐานท?ีตRงั ไว้ ปปปปปปปปจากตารางผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจ และการเขียนสรุปความ โดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ของนกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 1 ที?เรียน วิชาภาษาองั กฤษอ่าน-เขียน (อ. 21202) ขา้ งตน้ นRี ผูศ้ ึกษาไดน้ าํ ไปวิเคราะห์คุณภาพการสอนของครู ดว้ ยค่า C.V. (ค่าสัมประสิทธeิการกระจายหรือสัมประสิทธeิการแปรผนั ) กาญจนา วฒั ายุ (2548, หนา้ 117) สูตรการคาํ นวณค่า C.V. C.V. = S.D.´100 X ซ?ึงกาํ หนดค่า C.V. ที?แสดงค่าระดบั คุณภาพการสอนของครู ดงั นRี C.V. ต?าํ กวา่ 10% แสดงวา่ คุณภาพการสอนอยใู่ นระดบั ดี C.V. ระหวา่ ง 10 – 15% แสดงวา่ คุณภาพการสอนอยใู่ นระดบั ปานกลาง C.V. สูงกวา่ 15 % แสดงวา่ คุณภาพการสอนอยใู่ นระดบั ปรับปรุง ปปปปปปปปผลสมั ฤทธeิการอ่านดา้ นภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและดา้ นการเขียนสรุปความ ก่อน และหลงั จากไดร้ ับการสอนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชแ้ บบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เป็นค่าเฉลี?ย ค่า เบี?ยงเบนมาตรฐาน และค่าสมั ประสิทธeิการกระจายหรือค่าสมั ประสิทธeิการแปรผนั ปรากฏค่าดงั นRี ตาราง 11 ค่าเฉล?ีย ค่าเบี?ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธeิการกระจายผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่าน ภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ ของนักเรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 ก่อนและหลงั จากไดร้ ับการสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั การทดสอบ n X S.D. C.V. ก่อนเรียน หลงั เรียน 36 29.14 4.66 - 36 57.97 4.21 7.26 %

107 ปปปปปปปปจากตาราง 11 พบว่า ค่าเฉล?ียผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและ การเขียนสรุปความโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ก่อนเรียนมีค่าเท่ากบั 29.14 (S.D. = 4.66) ส่วนค่าเฉล?ียผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจและการเขียน สรุปความโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั หลงั เรียนมีค่าเท่ากบั 57.97 (S.D. = 4.21) เม?ือวิเคราะห์คุณภาพการสอนของครูดว้ ยค่า C.V. พบว่า C.V. = 7.26 ซ?ึงถือว่าคุณภาพ การสอนของครูอยใู่ นระดบั ดี ตาราง 12 ค่าเฉลี?ย ค่าเบี?ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธeิการกระจายผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่าน ภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจ ของนกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 1 ก่อนและหลงั จากไดร้ ับการ สอนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั การทดสอบ n X S.D. C.V. ก่อนเรียน 36 13.14 2.66 - 36 หลงั เรียน 25.22 2.06 8.17 % ปปปปปปปปจากตาราง 12 พบว่า ค่าเฉลี?ยผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจโดย ใช้ชุดการสอนท?ีใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ก่อนเรียนมีค่าเท่ากบั 13.14 (S.D. = 2.66) ส่วนค่าเฉลี?ยผลสัมฤทธeิทางการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั หลงั เรียนมีค่าเท่ากบั 25.22 (S.D. = 2.06) เมื?อวิเคราะห์คุณภาพการสอนของ ครูดว้ ยค่า C.V. พบวา่ C.V. = 8.17 ซ?ึงถือวา่ คุณภาพการสอนของครูอยใู่ นระดบั ดี ตาราง 13 ค่าเฉล?ีย ค่าเบี?ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธeิการกระจายผลสัมฤทธeิดา้ นการเขียน สรุปความ ของนักเรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 ก่อนและหลงั จากไดร้ ับการสอนโดยใชช้ ุด การสอนที?ใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั การทดสอบ n X S.D. C.V. ก่อนเรียน 36 16.00 2.66 - 36 หลงั เรียน 32.75 2.55 7.79 %

108 ปปปปปปปปจากตาราง 13 พบวา่ ค่าเฉล?ียผลสัมฤทธeิดา้ นการเขียนสรุปความโดยใชช้ ุดการสอนที?ใช้ วิธีสอนแบบ เค ดับเบิลยู แอล พลัส ก่อนเรียนมีค่าเท่ากับ 16.00 (S.D. = 2.66) ส่วน ค่าเฉลี?ย ผลสัมฤทธeิทางการเขียนสรุปความโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั หลงั เรียนมีค่าเท่ากบั 32.75 (S.D. = 2.55) เม?ือวิเคราะห์คุณภาพการสอนของครูดว้ ยค่า C.V. พบวา่ C.V. = 7.79 ซ?ึงถือวา่ คุณภาพการสอนของครูอยใู่ นระดบั ดี ตอนทีE 5 ผลการวิเคราะห์ค่าเฉลEีย ส่วนเบีEยงเบนมาตรฐาน การวัดเจตคติของนักเรียน ทีEได้รับการ สอนโดยใช้ชุดการสอนทใEี ช้วธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบลิ ยู แอล พลสั ปปปปปปปปหลงั การทดลอง ผศู้ ึกษาไดน้ าํ แบบวดั เจตคติของนกั เรียนท?ีไดร้ ับการสอนโดยใชช้ ุดการ สอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ซ?ึงมีลกั ษณะเป็ นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จาํ นวน 1 ฉบับ 15 ขอ้ แบ่งเป็ น 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านบรรยากาศการเรียน 2) ด้าน กิจกรรมการเรียนรู้ และ 3) ดา้ นเนRือหา โดยกาํ หนดเกณฑด์ งั นRี เห็นดว้ ยมากท?ีสุด = ให้ระดบั 5, เห็น ดว้ ยมาก =ใหร้ ะดบั 4, เห็นดว้ ยปานกลาง = ใหร้ ะดบั 3, เห็นดว้ ยนอ้ ย = ใหร้ ะดบั 2, และเห็นดว้ ยนอ้ ย ท?ีสุด = ให้ระดบั 1 ผศู้ ึกษานาํ ขอ้ มูลมาวิเคราะห์ ค่าเฉลี?ย ( X ) และค่าส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ไดผ้ ลการวเิ คราะห์ ดงั นRี ตาราง 14 ผลการวเิ คราะห์ค่าเฉลี?ย ส่วนเบ?ียงเบนมาตรฐาน การวดั เจตคติของนกั เรียนที?ไดร้ ับการ สอนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เจตคตขิ องนักเรียนในแต่ละด้าน X S.D. ระดบั เจตคติ อนั ดบั ค่าเฉลยีE ด้านบรรยากาศการเรียน 3.59 0.86 ดี 3 ด้านกจิ กรรมการเรียนรู้ 4.05 0.95 ดี 2 ด้านเนืLอหา 4.19 0.78 ดี 1 3.94 0.90 ดี ปปปปปปปปจากตาราง 14 แสดงใหเ้ ห็นผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี?ย ส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐาน การวดั เจต คติ ของนกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 1 โรงเรียนแม่เมาะวิทยา ท?ีไดร้ ับการสอนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใช้ วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีค่าเฉล?ีย ส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐาน โดยเรียงอนั ดบั ค่าเฉล?ียจาก

109 มากไปหาน้อย ไดด้ งั นRี ดา้ นเนRือหา X = 4.19 (S.D. = 0.78) ดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้ X = 4.05 (S.D. = 0.95) และดา้ นบรรยากาศการเรียน X = 3.59 (S.D. = 0.86) ตาราง 15 ผลการวิเคราะห์ค่าเฉล?ีย ส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐาน การวดั เจตคติของนักเรียนท?ีไดร้ ับการ สอนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ดา้ นบรรยากาศการเรียน จาํ แนกเป็นรายขอ้ ข้อความวดั เจตคตขิ องนักเรียนทไีE ด้รับ X S.D. ระดบั เจตคติ อนั ดบั การสอนโดยใช้ชุดการสอนทใEี ช้วธิ ีสอน ค่าเฉลยEี 3.47 0.94 แบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั 3.71 0.77 ปานกลาง 5 ด้านบรรยากาศการเรียน 3.53 0.94 ดี 1 1. ฉนั ตRงั ใจเวลาครูสอนวชิ าภาษาองั กฤษ 3.53 0.87 ดี 3 2. ฉนั อารมณ์ดีเมื?อเรียนวชิ าภาษาองั กฤษ ดี 3 3. หอ้ งเรียนวชิ าภาษาองั กฤษน่าเรียน 3.71 0.85 3.59 0.86 ดี 1 4. ฉนั มีความสุขในการทาํ งานกิจกรรม ดี 3 วชิ าภาษาองั กฤษร่วมกบั เพ?ือน 5. ฉนั มีความสุขขณะเรียนภาษาองั กฤษ รวม ปปปปปปปปจากตาราง 15 เจตคติของนักเรียนชRันมธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 ท?ีเลือกเรียนสาระการเรียนรู้ เพ?ิมเติม รายวิชา ภาษาองั กฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) โดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ดา้ นบรรยากาศการเรียน พบว่า มีระดบั เจตคติอยู่ในระดบั ดี 4 ประเด็นโดยเรียงลาํ ดบั ค่าเฉลี?ยจากมากไปหานอ้ ย ไดด้ งั นRี ฉนั มีความสุขขณะเรียนภาษาองั กฤษ ( X = 3.71, S.D. = 0.85 ) มี ค่าเฉล?ียเท่ากบั ฉนั อารมณ์ดีเม?ือเรียนวชิ าภาษาองั กฤษ ( X = 3.71, S.D. = 0.77 ) ฉนั มีความสุขในการ ทาํ งานกิจกรรมวิชาภาษาองั กฤษร่วมกบั เพ?ือน ( X = 3.53, S.D. = 0.87 ) มีค่าเฉล?ียเท่ากบั ห้องเรียน วิชาภาษาองั กฤษน่าเรียน ( X = 3.53, S.D. = 0.94) และในระดบั ปานกลาง 1 ประเด็น คือ ฉันตRงั ใจ เวลาครูสอนวชิ าภาษาองั กฤษ ( X = 3.47, S.D. = 0.94 ) และเม?ือดูภาพรวมของเจตคติของนกั เรียน ที? ไดร้ ับการสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ดา้ นบรรยากาศการเรียน พบวา่ มีค่าเฉล?ียสูงเป็นลาํ ดบั ท?ี 3 ( X = 3.59, S.D. = 0.86 ) ของการวดั เจตคติของนกั เรียนดา้ นต่าง ๆ ในจาํ นวน 3 ดา้ น เมื?อพิจารณา

110 ค่าส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐานในทุกขอ้ แลว้ มีค่านอ้ ยกวา่ 1.00 แสดงวา่ นกั เรียนมีความคิดเห็นสอดคลอ้ ง กนั และแสดงว่าในภาพรวมนกั เรียนท?ีไดร้ ับการสอนโดยใชโ้ ดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีเจตคติที?ดีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั และเห็นวา่ เกิดบรรยากาศการเรียนท?ีดีในการเรียนดว้ ยวธิ ีนRี ตาราง 16 ผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี?ย ส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐาน การวดั เจตคติของนักเรียนท?ีไดร้ ับการ สอนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้ จาํ แนกเป็นรายขอ้ ข้อความวดั เจตคตขิ องนักเรียนทไEี ด้รับ X S.D. ระดบั เจตคติ อนั ดบั การสอนโดยใช้ชุดการสอนทใีE ช้วธิ ีสอน ค่าเฉลยีE 3.24 0.97 แบบ เค ดบั เบลิ ยู แอล พลสั 3.35 0.93 ปานกลาง 5 4.59 0.51 ปานกลาง 4 ด้านกจิ กรรมการเรียนรู้ 4.47 0.62 1 6. ฉนั รู้สึกสนุกเมื?อร่วมทาํ กิจกรรมวชิ า 4.59 0.51 ดีมาก 3 ภาษาองั กฤษในชRนั 4.05 0.69 ดี 1 7. กิจกรรมวชิ าภาษาองั กฤษในชRนั เรียน 2 ทาํ ใหฉ้ นั เขา้ ใจบทเรียนไดด้ ี ดีมาก 8. ฉนั รู้สึกกระตือรือร้นเม?ือทาํ กิจกรรม ดี กิจกรรมวชิ าภาษาองั กฤษในชRนั 9. ฉนั มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนวชิ า ภาษาองั กฤษในชRนั 10. ฉนั ชอบตอบเมื?อครูถามคาํ ถามในชRนั เรียน รวม ปปปปปปปปจากตาราง 16 เจตคติของนักเรียนชRันมธั ยมศึกษาปี ที? 1 ที?เลือกเรียนสาระการเรียนรู้ เพิ?มเติม รายวิชา ภาษาองั กฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) โดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้ พบวา่ มีเจตคติอยใู่ นระดบั ดีมาก 2 ประเด็น คือ ฉนั ชอบตอบเม?ือ ครูถามคาํ ถามในชRันเรียน ( X = 4.59, S.D. = 0.51 ) มีค่าเฉลี?ยเท่ากบั ฉันรู้สึกกระตือรือร้นเมื?อทาํ กิจกรรมกิจกรรมวิชาภาษาองั กฤษในชRนั ( X = 4.59, S.D. = 0.51) ในระดบั ดี 1 ประเด็น คือ ฉันมี

111 ส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนวชิ าภาษาองั กฤษในชRนั ( X = 4.47, S.D. = 0.62 ) ในระดบั ปานกลาง 2 ประเด็น คือ กิจกรรมวิชาภาษาองั กฤษในชRนั เรียนทาํ ให้ฉันเขา้ ใจบทเรียนไดด้ ี ( X = 3.35, S.D. = 0.93) และฉันรู้สึกสนุกเมื?อร่วมทาํ กิจกรรมวิชาภาษาองั กฤษในชRนั ( X = 3.24, S.D. = 0.97) เมื?อดู ภาพรวมของเจตคติของนกั เรียน ท?ีไดร้ ับการสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่ามีค่าเฉลี?ยสูงเป็ นลาํ ดบั ที? 2 ( X = 4.05, S.D. = 0.69) ของการวดั เจตคติของนกั เรียนดา้ นต่าง ๆ ในจาํ นวน 3 ดา้ น และเม?ือพิจารณาค่าส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐานในทุกขอ้ แลว้ มีค่านอ้ ยกวา่ 1.00 แสดงวา่ นกั เรียนมีความคิดเห็นสอดคลอ้ งกนั และแสดงวา่ ในภาพรวมนกั เรียนที?ไดร้ ับการสอนโดยใชว้ ธิ ีสอน แบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีเจตคติท?ีดีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั และเห็นวา่ เป็นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที?ดีในการเรียนดว้ ยวธิ ีนRี ตาราง 17 ผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี?ย ส่วนเบ?ียงเบนมาตรฐาน การวดั เจตคติของนักเรียนท?ีไดร้ ับการ สอนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ดา้ นเนRือหา จาํ แนกเป็ น รายขอ้ ข้อความวดั เจตคตขิ องนักเรียนทไEี ด้รับ X S.D. ระดบั เจตคติ อนั ดบั การสอนโดยใช้ชุดการสอนทใีE ช้วธิ ีสอน ค่าเฉลยีE 4.65 0.49 แบบ เค ดบั เบลิ ยู แอล พลสั ดีมาก 1 ด้านเนืLอหา 3.94 0.66 11. ฉนั รู้สึกเพลิดเพลินเม?ืออ่าน 3.82 0.95 ดี 3 3.94 0.83 ดี 5 ภาษาองั กฤษ 4.59 0.51 4.19 0.78 ดี 3 12. ฉนั รู้สึกภูมิใจท?ีเขียนภาษาองั กฤษได้ ดีมาก 2 13. ฉนั มีความรู้เพิ?มมากขRึนในการอ่าน ดี 1 และเขียนภาษาองั กฤษ 14. ฉนั รู้สึกสนุกเม?ือเรียนรู้คาํ ศพั ทใ์ หม่ 15. การเรียนวชิ าภาษาองั กฤษมีประโยชน์ ต่อตวั ฉนั รวม ปปปปปปปปจากตาราง 17 เจตคติของนักเรียนชRันมธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 ท?ีเลือกเรียนสาระการเรียนรู้ เพ?ิมเติม รายวิชา ภาษาองั กฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) โดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู

112 แอล พลสั ด้านเนRือหา พบว่า อยู่ในระดับท?ีดีมาก 2 ประเด็น ได้แก่ ฉันรู้สึกเพลิดเพลินเม?ืออ่าน ภาษาองั กฤษ ( X = 4.65, S.D. = 0.49 ) และการเรียนวิชาภาษาองั กฤษมีประโยชน์ต่อตวั ฉัน ( X = 4.59, S.D. = 0.51 ) อยใู่ นระดบั ดี 3 ประเด็น ไดแ้ ก่ ฉนั รู้สึกภูมิใจที?เขียนภาษาองั กฤษได้ ( X = 3.94, S.D. = 0.66 ) มีค่าเฉลี?ยเท่ากบั ฉนั รู้สึกสนุกเม?ือเรียนรู้คาํ ศพั ทใ์ หม่ ( X = 3.94, S.D. = 0.83) และ ฉนั มีความรู้เพิ?มมากขRึนในการอ่านและเขียนภาษาองั กฤษ ( X = 3.82, S.D. = 0.95 ) และเม?ือดูภาพรวม ของเจตคติของนกั เรียน ท?ีไดร้ ับการสอนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ด้านเนRือหา พบว่า มีค่าเฉล?ียสูงเป็ นลาํ ดับท?ี 1 ( X = 4.19, S.D. = 0.78 ) ของการวดั เจตคติของ นักเรียนในจาํ นวน 3 ดา้ น เมื?อพิจารณาค่าส่วนเบ?ียงเบนมาตรฐานในทุกขอ้ แลว้ มีค่าน้อยกว่า 1.00 แสดงวา่ นกั เรียนมีความคิดเห็นสอดคลอ้ งกนั และแสดงวา่ ในภาพรวมนกั เรียนท?ีไดร้ ับการสอนโดย ใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีเจตคติท?ีดีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนที? ใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั และเห็นว่าเนRือหาที?อ่านมีความสนุกสนานเหมาะสมและ นาํ ไปสู่การเขียนสรุปไดด้ ี

113 บทที$ 5 สรุป อภปิ รายผล และ ข้อเสนอแนะ ปปปปปปปปการศึกษาเรื?อง การใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เพื?อส่งเสริม ผลสัมฤท ธe ิ ด้าน การอ่ าน ภาษ าอังกฤษ เพื? อความเข้าใจและการเขี ยน ส รุ ป ความของนักเรี ยน ชR ัน มธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 ผศู้ ึกษาไดด้ าํ เนินการอยา่ งมีลาํ ดบั ขRนั ตอน มีรายละเอียด ดงั นRี วตั ถุประสงค์ของการศึกษา ปปปปปปปป1. เพื?อสร้างชุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั และหาประสิทธิภาพ ของชุดการสอนที?ใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ปปปปปปปป2. เพื?อเปรียบเทียบผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจและการเขียน สรุปความของนกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 ก่อนเรียนและหลงั เรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอน แบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ที?สร้างขRึน ปปปปปปปป3. เพื?อศึกษาเจตคติของนกั เรียนที?มีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั วธิ ีดาํ เนินการศึกษา ปปปปปปปป1. กลุ่มตัวอย่าง เป็ นนักเรียนชRันมัธยมศึกษาปี ท?ี 1 โรงเรียนแม่เมาะวิทยา อาํ เภอ แม่เมาะ จังหวดั ลําปาง ที?เลือกเรียนสาระการเรียนรู้เพิ?มเติม รายวิชา ภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) ในภาคเรียนที? 1 ปี การศึกษา 2553 จาํ นวน 1 ห้องเรียน จาํ นวน 36 คน ซ?ึงไดม้ าโดยใชว้ ิธี เลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยพิจารณาว่าเป็ นนักเรียนท?ีผูศ้ ึกษาทาํ การสอนและมีค่า คะแนนเฉล?ียจากการทดสอบก่อนเรียนอยรู่ ะดบั ปานกลาง ผศู้ ึกษาทาํ การทดสอบก่อนเรียน (Pretest) นกั เรียนทRงั 36 คน โดยใชแ้ บบทดสอบวดั ผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและ การเขียนสรุปความ เพื?อใชเ้ ป็นเกณฑใ์ นการแบ่งนกั เรียนออกเป็น 3 กลุ่ม คละความสามารถเก่ง ปาน กลาง และอ่อน ไดจ้ าํ นวน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเก่ง จาํ นวน 9 คน กลุ่มปานกลาง จาํ นวน 18 คน และ กลุ่ม อ่อน จาํ นวน 9 คน การศึกษาครRังนRีมีนกั เรียน 36 คน จดั ใหม้ ีกลุ่มยอ่ ยกลุ่มละ 4 คน จึงมี 9 กลุ่ม

114 ปปปปปปปป2. เครEืองมือทใEี ช้ในการศึกษา ประกอบดว้ ย ปปปปปปปป2.1 ชุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั จาํ นวน 15 ชุด รวม 30 ชวั? โมง เป็ นชุดการสอนท?ีประกอบดว้ ย แผนการจดั การเรียนรู้ที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั และ แบบฝึกท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ที?ผศู้ ึกษาไดส้ ร้างขRึนโดยมีขRนั ตอนการสร้างคือ ศึกษา หลกั สูตร กาํ หนดอธิบายรายวชิ าและผลการเรียนรู้ การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนตามวธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ให้สอดคลอ้ งและเหมาะสมกบั เนRือหา ผลการเรียนรู้และวิธีการเรียน และผา่ น การตรวจความตรงจากผเู้ ช?ียวชาญทางดา้ นเนRือหาแลว้ จาํ นวน 5 คน ปปปปปปปป2.2 แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและการเขียน สรุปความ จาํ นวน 1 ฉบบั ที?ผศู้ ึกษาไดส้ ร้างขRึน มีค่าความเช?ือมนั? ของแบบทดสอบ เท่ากบั 0.90 ปปปปปปปป2.3 แบบทดสอบระหว่างเรียน ก่อนการเรียน (Pretest) และ หลงั การเรียน (Posttest) ผู้ ศึกษานาํ แบบทดสอบไปให้ผูเ้ ช?ียวชาญ จาํ นวน 5 คน ประเมินความสอดคลอ้ งของแบบทดสอบกบั จุดประสงค์ ได้ค่า IOC เท่ากบั 1.00 จากนRันได้นําไปทดลองใช้กบั นักเรียนชRันมธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 จาํ นวน 30 คน จากนRนั นาํ มาวิเคราะห์หาค่าความยาก และค่าอาํ นาจจาํ แนก ไดค้ ่าความยากง่ายตRงั แต่ 0.33 ถึง 0.76 ค่าอาํ นาจจาํ แนกตRงั แต่ 0.25 ถึง 0.75 ปปปปปปปป2.4 แบบวดั เจตคติของนกั เรียนท?ีมีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั จาํ นวน 1 ฉบบั ท?ีผศู้ ึกษาไดส้ ร้างขRึนมีค่าเช?ือมน?ั เท่ากบั 0.98 ปปปปปปปป3. การวเิ คราะห์ข้อมูล ปปปปปปปป3.1 วิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจ และการ เขียนสรุปความ ก่อนเรียนและหลงั เรียนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั โดยการทดสอบค่าที (t-test) ปปปปปปปป3.2 วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั โดยการหาค่าประสิทธิภาพ E1/E2 ปปปปปปปป3.3 วเิ คราะห์เจตคติของนกั เรียนท?ีไดร้ ับการสอนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั โดยหาค่าเฉลี?ย ( X ) และค่าส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

115 สรุปผลการศึกษา ปปปปปปปปสรุปผลการศึกษาพบวา่ ปปปปปปปป 1. ไดช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีประสิทธิภาพอยใู่ นระดบั มากที?สุด และมีความเหมาะสมกบั ระดบั ความรู้ความสามารถของผเู้ รียนและค่าประสิทธิภาพของชุด การสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากบั 82.65/82.50 ซ?ึงเป็ นไปตามท?ี เกณฑ์ 80/80 ปปปปปปป 2. ผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ ของ นกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 หลงั เรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั พบวา่ สูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติที?ระดบั .01 ปปปปปปปป 3. เจตคติของนกั เรียนที?มีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลัส ระดับเจตคติทRัง3 ด้าน โดยรวมอยู่ในระดับดี เมื?อพิจารณารายด้าน พบว่าด้านท?ีมี ค่าเฉลี?ยพลสั เรียงลาํ ดับจากมากไปหาน้อยได้ดังนRี ด้านเนRือหา ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ และด้าน บรรยากาศการเรียน อภปิ รายผล ปปปปปปปปจากผลการวจิ ยั ในครRังนRี สามารถอภิปรายผลไดด้ งั นRี ปปปปปปปป 1. ไดช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีประสิทธิภาพอยใู่ นระดบั มากท?ีสุด และมีความเหมาะสมกบั ระดบั ความรู้ความสามารถของผเู้ รียนและค่าประสิทธิภาพของชุด การสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากบั 82.65/82.50 ซ?ึงเป็ นไปตามที? เกณฑ์ 80/80 สืบเน?ืองมาจากสาเหตุสาํ คญั ดงั นRี ปปปปปปปป ประการแรก ชุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ไดร้ ับการพฒั นามา อย่างเป็ นระบบ มีการศึกษารายละเอียดของพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติพุทธศกั ราช 2542 หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขRนั พRืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 การจดั สาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการ เรียนรู้ภาษาต่างประเทศ หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนแม่เมาะวิทยา สาระการเรียนรู้ทRงั 4 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชRีวดั และสาระการเรียนรู้ที?เกี?ยวขอ้ งกบั การอ่านและการเขียน ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เอกสารเก?ียวกบั ทกั ษะการอ่านเพ?ือความเขา้ ใจ การเขียนสรุปความ การจดั การเรียนรู้ดว้ ยวิธี สอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั รวมทRงั บทอ่านที?ไดค้ ดั เลือกมาและเขียนขRึนนRนั เหมาะสมกบั ความรู้ ความสามารถของผเู้ รียน มีการเพ?ิมรายละเอียดเพ?ืออธิบายความหมายของคาํ ศพั ทย์ าก เพื?อใหส้ ิ?งที?อ่าน เป็นตวั ป้อนทางภาษาที?สามารถเขา้ ใจได้ ซ?ึงสอดคลอ้ งกบั ทฤษฎีการเรียนรู้ภาษาของ Krashen (1991, p23) ท?ีกล่าวว่า วิธีท?ีจะรับรู้ภาษาไดม้ ีเพียงวิธีเดียว คือ โดยการรับตวั ป้อนทางภาษาท?ีเขา้ ใจได้ ถา้ ตวั

116 ป้อนประกอบดว้ ยรูปแบบและโครงสร้างท?ีอยใู่ นระดบั ภาษาของผูเ้ รียน หรือสูงกว่าระดบั ภาษาของ ผเู้ รียนเลก็ นอ้ ย ปปปปปปปปประการที?สอง กิจกรรมการเรียนการสอน ในชุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ช่วยพฒั นาความสามารถทางการอ่านและช่วยเพิ?มพูนความเขา้ ใจในการอ่านของผูเ้ รียน กล่าวคือ ในขRนั กิจกรรมก่อนการอ่าน ผูเ้ รียนไดร้ ะดมความคิดและประสบการณ์เดิมของตนเองที? เก?ียวขอ้ งกบั เนRือหาที?จะอ่าน อภิปราย แสดงความคิดเห็นร่วมกบั เพ?ือนภายในกลุ่มยอ่ ย และในกลุ่ม ใหญ่ร่วมกนั กบั ครู กิจกรรมนRีผเู้ รียนดึงประสบการณ์ที?มีอยมู่ าเช?ือมโยงกบั หวั ขอ้ ของเร?ืองที?จะไดอ้ ่าน ทRงั นRีเพราะการอ่านเป็ นกระบวนการท?ีซบั ซอ้ น หวั ใจของการอ่านอยทู่ ี?การเขา้ ใจความหมายของคาํ ท?ี ปรากฏอยใู่ นขอ้ ความ ซ?ึงจะตอ้ งอาศยั ความคิด จินตนาการ และประสบการณ์เดิม ตลอดจนทกั ษะทาง ภาษาท?ีสะสมไวเ้ ป็นตวั ชRีแนะแนวทางในการทาํ ความเขา้ ใจส?ิงที?อ่าน ซ?ึงสอดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ยั ของ อมรศรี แสงส่องฟ้า (2545, หน้า 18) ท?ีกล่าวว่า ผูอ้ ่านตอ้ งมีพRืนฐานการอ่านในดา้ นประสบการณ์ เก?ียวกบั เร?ืองท?ีอ่านมากพอสมควร เพื?อให้สามารถเขา้ ใจและตีความ หรือเชื?อมโยงความคิดที?ปรากฏ ในเร?ืองให้เขา้ กบั ความคิดของตน เมื?อผูอ้ ่านไดอ้ ่านมากก็จะมีประสบการณ์เพ?ิมมากขRึนดว้ ยทาํ ให้ เขา้ ใจเนRือความไดต้ ลอดโดยกระจ่างแจง้ นอกจากนRียงั สอดคลอ้ งกบั ผลการวิจยั ของ เกียรติชยั ยานะ รังสี (2540, หนา้ 4) ที?พบวา่ นกั เรียนจะตอ้ งใชค้ วามรู้และประสบการณ์เดิมของตนเองเพื?อตีความ ทาํ ความเขา้ ใจกบั เร?ืองท?ีอ่าน ดงั นRนั ประสบการณ์เดิมจึงเป็ นส่วนสาํ คญั ที?ทาํ ให้ผลสัมฤทธeิทางการอ่าน สูงขRึน และสอดคลอ้ งกบั แนวคิดของ ผจงกาญจน์ ภู่วิภาดาวรรธน์ (2534, หนา้ 88) ที?กล่าวไวว้ ่า การ อ่านเรื?องนRัน ๆ ผูอ้ ่านต้องใช้ความรู้ ทักษะ ทัศนคติ และประสบการณ์เดิมของตนเองที?มีอยู่ใน ขณะนRนั ไปช่วยตีความเนRือเรื?องที?อ่าน ปปปปปปปปประการท?ีสาม กิจกรรมในขRนั ตอนการทาํ แบบฝึ กหดั เพ?ือตรวจสอบความเขา้ ใจในการ อ่านและการเขียนสรุปความทา้ ยบทเรียน ช่วยใหช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีประสิทธิภาพและส่งเสริมความสามารถทางการอ่านและการเขียนสรุปความของผเู้ รียนไดเ้ ป็นอยา่ ง ดี ในขRนั นRีผเู้ รียนจะไดแ้ ลกเปลี?ยนความคิดเห็น และทาํ ความเขา้ ใจเร?ืองท?ีอ่านเพิ?มขRึน ผเู้ รียนที?เก่งไดม้ ี ส่วนช่วยเหลือผทู้ ?ีเรียนอ่อนทาํ ใหบ้ รรยากาศในการเรียนรู้ดาํ เนินไปอยา่ งเป็ นธรรมชาติเหมือนกบั ใน สังคมจริง สอดคลอ้ งกบั ผลการวิจยั ของ บุปผชาติ ทฬั หิกรณ์ (2540, หนา้ 36, อา้ งใน นิรันดร์ ตRงั เมธี กุล, 2546, หน้า 59) ท?ีกล่าวว่า การปลูกฝังและส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความสามารถในการสร้าง สัมพนั ธภาพระหว่างบุคคลเป็ นสิ?งท?ีผูส้ อนสามารถทาํ ไดโ้ ดยการเลือกใชว้ ิธีสอนและกิจกรรมการ เรียนการสอน ที?เอRือต่อการพฒั นาความสามารถในการสร้างสัมพนั ธภาพระหว่างบุคคลของผูเ้ รียน ดงั นRนั กิจกรรมในส่วนของแบบฝึ กหัดจึงเป็ นการช่วยส่งเสริมความเขา้ ใจในการอ่านและการเขียน สรุปความ และทาํ ใหช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีประสิทธิภาพมากขRึน

117 ปปปปปปป 2. ผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพ?ือความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ ของ นกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 1 หลงั เรียนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั พบวา่ สูงกวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติท?ีระดบั .01 ปปปปปปปปผลการศึกษาดังกล่าวมีความสอดคล้องกับความคิดเห็นของ สมศักดeิ ภู่วิภา ดาวรรธน์(2544, หนา้ 75) และ สุวิทย์ มูลคาํ และ อรทยั มูลคาํ (2545, หนา้ 75) ท?ีกล่าวไวใ้ นทาํ นอง เดียวกนั วา่ การจดั การเรียนรู้โดยใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เป็นกระบวนการเรียนรู้ที?เนน้ ให้ผูเ้ รียนมีทกั ษะกระบวนการอ่าน และทกั ษะกระบวนการคิดอย่างรู้ตวั ว่าตนเองคิดอะไร มีวิธีคิด อยา่ งไร สามารถตรวจสอบความคิดของตนเองได้ และสามารถปรับเปล?ียนกลวิธีการคิดของตนเอง โดยผเู้ รียนจะไดร้ ับการฝึกใหต้ ระหนกั ในกระบวนการทาํ ความเขา้ ใจ มีการจดั ระบบขอ้ มูล เพ?ือการดึง มาใชภ้ ายหลงั อยา่ งมีประสิทธิภาพ ซ?ึงการจดั การเรียนรู้โดยใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เป็ นวิธีการสอนอ่านควบคู่กับการสอนเขียนอย่างเป็ นระบบ และมีกรอบในการคิดเช?ือมโยง ต่อเนื?องกนั อยา่ งเป็ นขRนั ตอน นกั เรียนไดพ้ ฒั นาความสามารถดา้ นการอ่านและการเขียน ฝึ กการตRงั คาํ ถาม ฝึ กการแสวงหาคาํ ตอบจากเร?ืองท?ีอ่าน การจดั ลาํ ดับขอ้ มูลความรู้และการเขียนเช?ือมโยง ความสัมพนั ธ์ของขอ้ มูลท?ีไดจ้ ากการอ่านโดยการทาํ แผนภูมิรูปภาพความคิดและมีการเขียนสรุป ความจากแผนภูมิรูปภาพความคิด ทาํ ให้นักเรียนเกิดความคิดรวบยอด การจดั การเรียนรู้โดยใชว้ ิธี สอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีกรอบในการคิดคือ ปปปปปปปปขRนั K (What you know) ให้ระบุสิ?งท?ีเรียนรู้หรือเร?ืองที?รู้เก?ียวกบั หัวเรื?องท?ีกาํ หนด เป็ น ขRนั ตอนท?ีครูใชค้ าํ ถามเพ?ือกระตุน้ ใหน้ กั เรียนคิดทบทวนถึงส?ิงท?ีเคยรู้มาก่อน เพื?อเชื?อมโยงไปสู่เรื?องที? จะเรียน เช่น ครูกระตุน้ ให้นกั เรียนบอกถึงความรู้เกี?ยวกบั กีฬาที?ช?ืนชอบ หรือถามนกั เรียนในวิธีที?จะ ช่วยชาติในการประหยดั พลงั งาน นกั เรียนระดมพลงั สมองและอภิปรายภายในกลุ่มเก?ียวกบั หัวเร?ือง ของตนเองว่ามีความรู้มากน้อยเพียงใด แล้วนําขอ้ มูลเหล่านRันเขียนลงใน “Column K” เป็ นการ กระตุน้ ประสบการณ์เดิมของนกั เรียนวา่ มีความรู้ในหวั ขอ้ หรือเนRือเร?ืองท?ีอ่านอยา่ งไร นกั เรียนไดใ้ ช้ ความรู้และประสบการณ์เดิมเพ?ือทาํ ความเขา้ ใจเรื?องที?อ่าน ซ?ึงเป็นไปตามทฤษฎีประสบการณ์เดิมของ Barlette (1932, cited in Anderson and Pearson, 1984 อา้ งถึงใน เกียรติชยั ยานะรังษี, 2540, หนา้ 23) ท?ีกล่าววา่ ความรู้และประสบการณ์เดิมจะใชไ้ ดม้ ากในการคาดคะเน ตีความ แปลความขอ้ มูลใหม่ให้ เขา้ กบั ขอ้ มูลเดิมและนาํ ขอ้ มูลนRนั ไปใช้ ซ?ึงสอดคลอ้ งกบั ผลการวิจยั ของ เกียรติชยั ยานะรังสี (2540, หนา้ 47) ท?ีพบวา่ ประสบการณ์เดิมเป็ นส?ิงสาํ คญั ที?ส่งเสริมให้นกั เรียนพฒั นาการคิด ความรู้เดิมไปสู่ ความรู้ใหม่ นอกจากนRียงั สอดคลอ้ งกบั ความเห็นของ อมรศรี แสงส่องฟ้า (2545, หนา้ 84) ที?กล่าววา่ การกระตุน้ ความรู้เดิมเป็ นส?ิงสําคญั มากในการจดั กิจกรรมก่อนการอ่าน เป็ นการเตรียมนกั เรียนใน การเรียนรู้เนRือหาใหม่ ช่วยสร้างความหมายในการอ่านไดด้ ี

118 ปปปปปปปปขRนั W (What you want to know) ใหร้ ะบุสิ?งที?อยากรู้ เป็นขRนั ที?นกั เรียนตอ้ งการจะทราบ อะไรเกี?ยวกบั เร?ืองที?นกั เรียนกาํ ลงั อ่านโดยใหน้ กั เรียนตRงั คาํ ถามที?นกั เรียนสนใจจากคาํ ที?ครูนาํ เสนอลง ใน “Column W” เป็ นขRนั ตอนที?ส่งเสริมให้ตRงั เป้าหมายในการอ่าน และเป็ นการตRงั วตั ถุประสงคข์ อง การอ่านจากนกั เรียนเอง คาํ ถามเหล่านRีอาจจะเป็ นคาํ ถามจากขอ้ มูลที?ไดจ้ ากการอภิปราย หรืออาจจะ เป็นคาํ ถามที?ไดจ้ ากการพิจารณาถึงหวั ขอ้ หลกั ท?ีคาดวา่ จะพบในบทอ่านกไ็ ด้ ในขRนั ตอนแรกนกั เรียน จะตRงั คาํ ถามร่วมกบั ครู ต่อไปจึงตRงั คาํ ถามภายในกลุ่มและตามลาํ พงั เม?ือถึงขRนั กิจกรรมการอ่าน นกั เรียนจะหยดุ อ่านเพ?ือตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเอง โดยตรวจสอบคาํ ตอบจากคาํ ถามท?ีตRงั ไว้ การตRงั คาํ ถามของนกั เรียนทาํ ให้นกั เรียนสามารถกาํ หนดเป้าหมายการอ่านไดเ้ อง เป็ นผลให้นกั เรียน มุ่งจดจ่ออยกู่ บั บทอ่านและตรวจสอบตนเองในขณะเรียนรู้ ครูเป็นเพียงผทู้ ี?คอยกระตุน้ และแนะนาํ ให้ นักเรียนในการตRงั คาํ ถามและในการหาคาํ ตอบ ซ?ึงสอดคลอ้ งกับผลงานวิจยั ของ วิจิตรา นรสิงห์ (2540, หน้า 87) ที?พบว่า การตRงั คาํ ถามทาํ ให้นกั เรียนมีจุดมุ่งหมายในการอ่าน มีใจจดจ่อกบั บทอ่าน เพ?ือตรวจสอบความรู้ของตนเอง ในขRนั การตRงั คาํ ถามผูเ้ รียนจะไดร้ ับการกระตุน้ และแนะนาํ ให้ตRงั คาํ ถามใหห้ ลากหลายครอบคลุมดา้ นต่าง ๆ เช่น การบอกรายละเอียด การจดั ลาํ ดบั เหตุการณ์ การบอก ความสัมพนั ธ์ การบอกความสําคญั การสรุปใจความสําคญั ทRงั นRีเพ?ือให้นักเรียนใช้คาํ ถามนRีเป็ น จุดหมายท?ีจะอ่านหาคาํ ตอบในขRนั ต่อไป ปปปปปปปปขRนั L (What you have learned) ใหร้ ะบุส?ิงที?เรียนรู้แลว้ เป็นขRนั ท?ีนกั เรียนไดเ้ รียนรู้อะไร จากการอ่านเร?ืองและคน้ หาคาํ ตอบจากคาํ ถามท?ีไดต้ Rงั ไว้ แลว้ บนั ทึกส?ิงท?ีไดเ้ รียนรู้จากการอ่านลงใน ตาราง และตรวจสอบว่าคาํ ถามที?นักเรียนตRงั ไว้ คาํ ถามใดท?ียงั ไม่ไดค้ าํ ตอบและหาคาํ ตอบให้ครบ นักเรียนเขียนขอ้ มูลท?ีไดจ้ ากการอ่านลงใน “Column L” ซ?ึงขอ้ มูลนRีไดม้ าจากการตอบคาํ ถามของ ขอ้ มูลใน “Column W” ทาํ ให้นักเรียนมีสมาธิ สนใจและมีใจจดจ่ออยู่กบั บทอ่าน ปปปปปปปปขRนั Plus เป็นขRนั ที?เพิ?มความเขา้ ใจในการอ่าน นกั เรียนตอ้ งสรุปความของเรื?องที?อ่านโดยทาํ ผงั สมั พนั ธ์ทาง ความหมายใหม้ ีความเช?ือมโยงสมั พนั ธ์กนั แลว้ ใชผ้ งั สมั พนั ธ์ทางความหมายเป็นแนวทางในการเขียน สรุปความดว้ ยภาษาของตนเองในขRนั สุดทา้ ย ซ?ึงถือเป็นองคค์ วามรู้ใหม่ท?ีนกั เรียนไดร้ ู้ สอดคลอ้ งกบั ผลงานวิจยั ของ พชั รินทร์ แจ่มจาํ รูญ (2547, หน้า 81) ที?พบว่า การสอนโดยให้นักเรียนทาํ แผนภูมิ รูปภาพความคิดเพ?ือสรุปเรื?องที?อ่านจะช่วยให้เกิดความเขา้ ใจในเนRือเรื?องท?ีอ่านดีขRึน เพราะทาํ ให้ สามารถมองเห็นใจความสาํ คญั รวมทRงั รายละเอียดของเร?ืองที?อ่าน ตลอดจนช่วยให้นกั เรียนแยกแยะ ใจความสาํ คญั ในเนRือหาไดง้ ่าย และเป็ นระบบ มองเห็นภาพพจน์ ความคิดรวบยอดและภาพรวมของ เนRือหาไดเ้ ร็ว ชดั เจน สามารถเขา้ ใจเนRือเร?ืองไดด้ ี สอดคลอ้ งกบั Stauffer (1980, p.75) ที?กล่าวไวใ้ น ทาํ นองเดียวกนั ว่า การสอนโดยการทาํ ผงั สัมพนั ธ์ทางความหมายเป็ นกิจกรรมที?ผูเ้ รียนตอ้ งวิเคราะห์ อยา่ งมีเหตุผลในการแยกแยะใจความสาํ คญั และรายละเอียดต่าง ๆ ในเนRือหา มองเห็นความสัมพนั ธ์

119 ของรายละเอียดในเนRือหานRันได้อย่างชัดเจนมีระบบ เป็ นลาํ ดับขRนั ตอน และยงั ช่วยให้นักเรียน สามารถวิเคราะห์เนRือหาไดง้ ่ายและดีขRึน นอกจากนRี ผจงกาญจน์ ภู่วิภาดาวรรธน์ (2534, หนา้ 68) ได้ กล่าวสรุปในเร?ืองนRีไวว้ า่ การสรุปความคิดในรูปของแผนภูมิหรือแผนผงั จะช่วยให้นกั เรียนสามารถ วิเคราะห์จดั กลุ่มความคิดได้ และจะเป็ นแนวทางในการสรุปใจความสําคญั อีกดว้ ย หลงั จากการทาํ แผนภูมิรูปภาพความคิดแลว้ ในขRนั ต่อมาจึงให้นกั เรียนเขียนสรุปความซ?ึงเป็ นกิจกรรมที?ส่งเสริมให้ นกั เรียนเขา้ ใจส?ิงท?ีอ่านมากขRึน และนกั เรียนไดเ้ รียนรู้วิธีการเรียบเรียงภาษาท?ีมาจากความเขา้ ใจโดย นาํ ขอ้ มูลจากแผนภูมิรูปภาพความคิดมาเรียบเรียงเป็ นใจความสําคญั ดว้ ยภาษาของตนเอง แผนภูมิ รูปภาพความคิดเป็ นเสมือนโครงร่างในการเขียนสรุปความ ซ?ึงสอดคลอ้ งกบั ผลการวิจยั ของ วิจิตรา นรสิงห์ (2540) ที?สรุปวา่ การสรุปความคิดในรูปแผนภูมิหรือแผนผงั สามารถส่งเสริมความสามารถ ในการอ่านเพ?ือความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความของผเู้ รียนได้ ปปปปปปปปจากผลการวิจยั ดงั กล่าวแสดงใหเ้ ห็นวา่ การใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ในการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ เป็ นชุดการสอนท?ียึด ผู้เรียนเป็ นสําคัญ เป็ นวิธีการที?มุ่งเน้นความสามารถของนักเรียน อีกทRังเป็ นกิจกรรมท?ีสร้าง ปฏิสัมพนั ธ์ต่อกันระหว่างผูเ้ รียนกับผูเ้ รียน ผูเ้ รียนกับครูผูส้ อน และผูเ้ รียนกับบทอ่าน ส่งผลให้ นักเรี ยนมีทักษะในการอ่านและการเขียนสรุ ปความดีขRึน เพราะนักเรี ยนได้ใช้ความรู้และ ประสบการณ์เดิมในการอ่าน การตRงั คาํ ถามก่อนอ่านและระหว่างอ่าน การจดบนั ทึกขอ้ มูลในทุก ขRนั ตอนของการอ่าน และการเขียนผงั สัมพนั ธ์ทางความหมายเพื?อสรุปเร?ืองที?อ่านช่วยให้เกิดความ เขา้ ใจในเนRือเร?ืองและเป็ นแนวทางในการเขียนสรุปความ ทาํ ให้นกั เรียนประสบความสําเร็จในการ อ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ ซ?ึงสอดคลอ้ งกบั ผลการวิจยั ของ Carr & Ogle (1987, pp. 626-631) ท?ีไดศ้ ึกษาวิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เพื?อพฒั นาความสามารถใน การเข้าใจและการสรุปความโดยทดลองกับนักเรียนระดับชRันมัธยมศึกษา ซ?ึงเป็ นนักเรียนที?มี ผลสัมฤทธeิทางการเรียนต?าํ และนักเรียนที?อยู่ในโครงการสอนซ่อมเสริมโดยใช้วิธีการสังเกตและ สัมภาษณ์อยา่ งไม่เป็ นทางการ ผลการศึกษาพบวา่ นกั เรียนสามารถถ่ายโอนความเขา้ ใจในการอ่านที? ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ไปสู่สถานการณ์การอ่านเร?ืองใหม่ได้ รวมทRงั มีความเขา้ ใจเร?ือง จากการอ่าน ตลอดจนมีทกั ษะการเขียนสรุปความดีขRึน และ นอกจากนRีผลงานวิจยั ของ เกียรติชยั ยา นะรังสี (2540) , วิไลวรรณ สวสั ดิวง ( 2547) และดุสิตา แดงประเสริฐ(2549) ท?ีไดศ้ ึกษาวิธีการสอน แบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ในรายวชิ า ภาษาองั กฤษ และ ภาษาไทย กใ็ หข้ อ้ คน้ พบในทาํ นองเดียวกนั คือพบวา่ คะแนนเฉลี?ยหลงั เรียนของนกั เรียนสูงขRึนอยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติท?ีระดบั .01 ปปปปปปปปค่าประสิทธิภาพของชุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากบั 82.65/82.50 เป็นไปตามที?เกณฑ์ 80/80 ซ?ึงเป็นไปตามเกณฑท์ ี?ตRงั ไว้ เพราะ ชุดการสอนท?ีใชว้ ธิ ี

120 สอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ท?ีสร้างขRึนโดยผวู้ ิจยั ไดศ้ ึกษา คน้ ควา้ และดาํ เนินการสร้างอยา่ งเป็ น ระบบและครบกระบวนการตามขRนั ตอน คือ ศึกษาวิเคราะห์เอกสารและงานวิจยั ท?ีเก?ียวขอ้ ง วิเคราะห์ สาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ท?ีคาดหวงั การกาํ หนดจุดประสงคก์ ารเรียนรู้และการกาํ หนดเนRือหา ขRนั ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ สื?อการเรียนรู้และการวดั และประเมินผล หลงั จากนRนั นาํ เสนอต่อ ผเู้ ช?ียวชาญดา้ นการสอนภาษาองั กฤษ ดา้ นเนRือหา ภาษา และดา้ นการวดั และประเมินผล แลว้ นาํ ไปหา ประสิทธิภาพรายบุคคลเพื?อตรวจสอบขอ้ บกพร่อง ดาํ เนินการปรับปรุงแกไ้ ขขอ้ ผิดพลาดก่อนนาํ ไป หาประสิทธิภาพแบบกลุ่มเลก็ ซ?ึงไดค้ ่าประสิทธิภาพเท่ากบั 80.12/81.78 แลว้ นาํ มาปรับปรุงแกไ้ ขอีก ครRังก่อนที?จะนาํ ไปใชจ้ ริงกบั กลุ่มตวั อย่างที?ใชใ้ นการศึกษา โดยมีการปรับคาํ ศพั ท์ ไวยากรณ์และ ประโยคคาํ ส?ังให้เหมาะสมกบั นกั เรียนมากขRึน ปรับสํานวนเนRือหาให้ง่ายขRึน ปรับขนาดเนRือหาให้ สRันลงเพื?อจะไดเ้ หมาะสมกบั เวลา พร้อมกบั บอกความหมายของคาํ ศพั ท์ยากให้กบั นักเรียนในใบ ความรู้ ปรับปรุงเร?ืองการพิมพ์ การเวน้ ช่วงห่างของบรรทดั ใหด้ ูสวยงามชดั เจน ปรับปรุงรูปแบบของ ใบงานและใบความรู้ใหด้ ูน่าสนใจมากขRึน และมีการตรวจสอบความถูกตอ้ งของไวยากรณ์ ภาษาและ การพิมพ์ ซ?ึงนอกจากขRนั ตอนในการสร้างดาํ เนินการอยา่ งเป็นระบบแลว้ ยงั มีการจดั การเรียนรู้โดยใช้ วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ซ?ึงเป็ นวิธีสอนที?ส่งเสริมความสามารถและพฒั นาการอ่านควบคู่ กบั การเขียนสรุปความไดอ้ ยา่ งเป็นขRนั ตอน ทาํ ใหช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ที?สร้างขRึนมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที?ตRงั ไว้ สอดคลอ้ งกบั ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ (2539, หน้า 495) ท?ี กล่าววา่ เม?ือสร้างเสร็จแลว้ จาํ เป็นอยา่ งยงิ? ท?ีจะตอ้ งนาํ ไปทดสอบประสิทธิภาพเพ?ือเป็นหลกั ประกนั วา่ ชุดการสอนที?ใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั นRนั มีประสิทธิภาพในการนาํ ไปใชจ้ ดั การเรียนรู้ ปปปปปปปป3. เจตคติของนกั เรียนที?มีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั สพบว่า ระดบั เจตคติทRงั 3 ดา้ น โดยรวมอยใู่ นระดบั ดี เม?ือพิจารณารายดา้ น พบว่าดา้ นที?มี ค่าเฉล?ียเรียงลาํ ดบั จากมากไปหานอ้ ยไดด้ งั นRี ดา้ นดา้ นเนRือหา ( X = 4.19) ดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้ ( X = 4.05) และดา้ นบรรยากาศการเรียน ( X = 3.59) ปปปปปปปปดา้ นเนRือหา พบว่า นกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 1 ท?ีเลือกเรียนสาระการเรียนรู้เพิ?มเติม รายวิชา ภาษาองั กฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) มีเจตคติท?ีดีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอน แบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เม?ือดูภาพรวมดา้ นเนRือหา พบวา่ มีค่าเฉล?ียสูงเป็ นลาํ ดบั ที? 1 ( X = 4.19) ของการวดั เจตคติของนกั เรียนในจาํ นวน 3 ดา้ น เมื?อพิจารณารายขอ้ พบวา่ ระดบั เจตคติอยใู่ นระดบั ท?ีดี มาก 2 ประเด็น ได้แก่ ฉันรู้สึกเพลิดเพลินเม?ืออ่านภาษาอังกฤษ ( X = 4.65) และการเรียนวิชา ภาษาองั กฤษมีประโยชน์ต่อตวั ฉนั ( X = 4.59) อยใู่ นระดบั ดี 3 ประเด็น ไดแ้ ก่ ฉนั รู้สึกภูมิใจที?เขียน ภาษาองั กฤษได้ ( X = 3.94) มีค่าเฉล?ียเท่ากบั ฉันรู้สึกสนุกเมื?อเรียนรู้คาํ ศพั ทใ์ หม่ ( X = 3.94) และ ฉันมีความรู้เพิ?มมากขRึนในการอ่านและเขียนภาษาองั กฤษ ( X = 3.82) และ เมื?อพิจารณาค่าส่วน

121 เบี?ยงเบนมาตรฐานในทุกขอ้ แลว้ มีค่านอ้ ยกวา่ 1.00 แสดงวา่ นกั เรียนมีความคิดเห็นสอดคลอ้ งกนั และ แสดงว่าในภาพรวมนกั เรียนที?ไดร้ ับการสอนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีเจตคติท?ีดีและเห็นวา่ เนRือหาที?อ่านมีความสนุกสนานเหมาะสมและนาํ ไปสู่การเขียนสรุปไดด้ ี ปปปปปปปปจากผลของขอ้ มูล เจตคติของนกั เรียนดา้ นเนRือหา มีค่าเฉล?ียในภาพรวมอยใู่ นอนั ดบั ที? 2 แสดงให้เห็นว่านกั เรียนเห็นประโยชน์ท?ีไดร้ ับจากการจดั การเรียนรู้โดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอน แบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ทRงั นRีอาจเป็ นเพราะว่าการจดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชช้ ุดการสอนที?ใช้ วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั นRนั เป็ นการสอนการเรียนรู้อยา่ งเป็ นระบบ เป็ นขRนั ตอนและช่วย ให้นักเรียนมีเป้าหมายในการอ่านมากขRึน นักเรียนไดร้ ะดมสมองและให้ความร่วมมือในการระดม สมองเพื?อคน้ หาส?ิงท?ีนักเรียนรู้มาก่อนเกี?ยวกบั เรื?องท?ีจะอ่านเป็ นพิเศษ การระดมสมองเป็ นการเปิ ด โอกาสใหน้ กั เรียนไดค้ ิดอยา่ งอิสระ สอดคลอ้ งกบั สุวิทย์ มูลคาํ และอรทยั มูลคาํ (2547, หนา้ 111) ท?ี กล่าวว่า การระดมสมองเป็ นการเปิ ดโอกาสให้นักเรียนทุกคนได้แสดงความคิดเห็นหรือให้ ขอ้ เสนอแนะอย่างเสรี ทาํ ให้มีความสบายใจทาํ นายเหตุการณ์ของเร?ือง นักเรียนไดต้ Rงั คาํ ถาม ตอบ คาํ ถาม ร่วมอภิปรายแลกเปลี?ยนความคิดเห็นในกลุ่มและในชRนั เรียน สร้างแผนภูมิรูปภาพความคิด เพ?ือเป็ นแนวทางในการเขียนสรุปความ จึงส่งผลให้ชุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลัส ช่วยส่งเสริมและพฒั นาทักษะการอ่านเพ?ือความเข้าใจและทักษะการเขียนสรุปความของ นักเรียนได้ นอกจากนRี นักเรียนสามารถนํากระบวนการนRีไปประยุกต์ใช้ในวิชาอื?นๆและใน ชีวติ ประจาํ วนั ได้ ปปปปปปปปเจตคติของนกั เรียนดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้ พบวา่ นกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 1 ท?ีเลือก เรียนสาระการเรียนรู้เพ?ิมเติม รายวิชา ภาษาองั กฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) มีเจตคติท?ีดีต่อการเรียนโดย ใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เม?ือดูภาพรวมของเจตคติของนกั เรียน ดา้ น กิจกรรมการเรียนรู้ พบวา่ มีค่าเฉลี?ยสูงเป็ นลาํ ดบั ที? 2 ( X = 4.05) ของการวดั เจตคติของนกั เรียนดา้ น ต่าง ๆ ในจาํ นวน 3 ดา้ น โดยมีเจตคติอยใู่ นระดบั ดีมาก 2 ประเดน็ คือ ฉนั ชอบตอบเมื?อครูถามคาํ ถาม ในชRันเรียน ( X = 4.59) ซ?ึงมีค่าเฉล?ียเท่ากับ ฉันรู้สึกกระตือรือร้นเม?ือทํากิจกรรมกิจกรรมวิชา ภาษาองั กฤษในชRนั ( X = 4.59) เจตคติในระดบั ดี 1 ประเด็น คือ ฉนั มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียน วิชาภาษาองั กฤษในชRนั ( X = 4.47) ในระดบั ปานกลาง 2 ประเด็น คือ กิจกรรมวิชาภาษาองั กฤษใน ชRันเรียนทําให้ฉันเข้าใจบทเรียนได้ดี( X = 3. 35) และฉันรู้สึกสนุกเมื?อร่วมทํากิจกรรมวิชา ภาษาองั กฤษในชRนั ( X = 3.24) และเม?ือพิจารณาค่าส่วนเบี?ยงเบนมาตรฐานในทุกขอ้ แลว้ มีค่านอ้ ย กวา่ 1.00 แสดงวา่ นกั เรียนมีความคิดเห็นสอดคลอ้ งกนั และแสดงวา่ ในภาพรวมนกั เรียนที?ไดร้ ับการ สอนโดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีเจตคติท?ีดีและเห็นว่าเป็ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท?ีดีในการเรียนดว้ ยวธิ ีนRี

122 ปปปปปปปปจากผลขอ้ มูล เจตคติของนกั เรียนดา้ นกิจกรรมการเรียนรู้โดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ธิ ีสอน แบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั อยู่ในระดบั เห็นดว้ ยมากแสดงให้เห็นว่านักเรียนมีเจตคติท?ีดี ทRงั นRีอาจ เน?ืองมาจากในการจดั การเรียนรู้โดยใช้ชุดการสอนท?ีใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เปิ ด โอกาสให้นกั เรียนระดมสมองเพ?ือคน้ หาส?ิงท?ีนกั เรียนรู้มาก่อนเกี?ยวกบั เรื?องที?จะอ่าน ตRงั คาํ ถามและ คน้ หาคาํ ตอบในส?ิงท?ีอยากรู้ ไดค้ ิดและแสดงความคิดเห็น เป็ นวิธีการสอนอ่านควบคู่กบั การสอน เขียนอยา่ งเป็ นระบบ และมีกรอบในการคิดเชื?อมโยงต่อเน?ืองกนั อยา่ งเป็ นขRนั ตอน นกั เรียนไดม้ ีการ ฝึ กคิด ฝึ กปฏิบตั ิกิจกรรมตามขRนั ตอน ทาํ ให้นกั เรียนสามารถเรียนรู้และปฏิบตั ิกิจกรรมตามขRนั ตอน การจดั การเรียนรู้ได้ มีการอภิปรายแลกเปล?ียนความคิดเห็น จะไม่มีคาํ ตอบท?ีผิดหรือถูกตอ้ งคาํ ตอบ เดียวทําให้นักเรียนเกิดความมั?นใจในการแสดงความคิดเห็น ซ?ึงสอดคล้องกับผลงานวิจัยของ ปรารถนา เกษนอ้ ย (2540, หนา้ 55) ท?ีกล่าววา่ การอภิปรายร่วมกนั เพ?ือแสดงความคิดเห็น จะทาํ ใหน้ าํ เรียนได้รับความรู้ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มาอ้างอิง และได้แนวคิดที?หลากหลายจากการโต้แยง้ แลกเปล?ียนความคิดเห็นซ?ึงกนั และกนั ปปปปปปปปเจตคติดา้ นบรรยากาศการเรียน นักเรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ท?ี 1 ที?เลือกเรียนสาระการ เรียนรู้เพิ?มเติม รายวิชา ภาษาองั กฤษอ่าน-เขียน (อ 21202) มีเจตคติท?ีดีต่อการเรียนโดยใชช้ ุดการสอน ที?ใช้วิธีสอนแบบ เค ดับเบิลยู แอล พลสั โดยภาพรวมของเจตคติของด้านบรรยากาศการเรียนมี ค่าเฉลี?ยสูงเป็ นลาํ ดบั ที? 3 ( X = 3.59) ของการวดั เจตคติของนักเรียนดา้ นต่าง ๆ ในจาํ นวน 3 ดา้ น และพบว่า มีระดบั เจตคติอยใู่ นระดบั ดี 4 ประเด็นโดยเรียงลาํ ดบั ค่าเฉลี?ยจากมากไปหาน้อย ไดด้ งั นRี ฉันอารมณ์ดีเมื?อเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ( X = 3.71) มีค่าเฉล?ียเท่ากับฉันมีความสุขขณะเรียน ภาษาองั กฤษ ( X = 3.71) ฉนั มีความสุขในการทาํ งานกิจกรรมวิชาภาษาองั กฤษร่วมกบั เพ?ือน ( X = 3.53) มีค่าเฉล?ียเท่ากับห้องเรียนวิชาภาษาองั กฤษน่าเรียน ( X = 3.53) และในระดับปานกลาง 1 ประเด็น คือ ฉันตRังใจเวลาครูสอนวิชาภาษาองั กฤษ ( X = 3.47) เมื?อพิจารณาค่าส่วนเบ?ียงเบน มาตรฐานในทุกขอ้ แลว้ มีค่านอ้ ยกวา่ 1.00 แสดงวา่ นกั เรียนมีความคิดเห็นสอดคลอ้ งกนั และแสดงวา่ ในภาพรวมนกั เรียนท?ีไดร้ ับการสอนโดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มี เจตคติท?ีดีและเห็นวา่ เกิดบรรยากาศการเรียนที?ดีในการเรียนดว้ ยวธิ ีนRี ปปปปปปปปจากขอ้ มูลเจตคติดา้ นบรรยากาศการเรียน จะเห็นว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในการ เรียนรู้โดยใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั และทาํ งานร่วมกบั ผูอ้ ื?น เนื?องจาก การจดั การเรียนรู้โดยใชช้ ุดการสอนท?ีใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ส่งเสริมการเรียนรู้ดว้ ย วิธีการต่าง ๆ เพื?อใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีปฏิสัมพนั ธ์กนั ในการแลกเปลี?ยนความคิดเห็นกนั ร่วมมือกนั ทาํ งาน ทาํ ให้นักเรียนพึงพอใจในการทาํ กิจกรรมการเรียนรู้ตามขRนั ตอนการสอน และมีความสุขที?จะเรียน ภาษาองั กฤษ

123 ปปปปปปปปกล่าวโดยสรุป การใชช้ ุดการสอนที?ใชว้ ิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เพื?อส่งเสริม ผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ ไม่เพียงแต่จะส่งผลให้ ผลสมั ฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความดีขRึน ยงั ส่งเสริมการเรียน การสอนท?ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาํ คญั เพราะในแต่ละขRนั ตอนนกั เรียนเป็นผดู้ าํ เนินกิจกรรมดว้ ยตนเอง เช่น การระดมความคิด การตRงั คาํ ถาม การคน้ หาคาํ ตอบของคาํ ถาม การเขียนแผนภูมิ การเขียนสรุปความ ตลอดจนการหาความรู้เพ?ิมเติมจากแหล่งความรู้อื?น ซ?ึงสอดคลอ้ งกบั การจดั การเรียนรู้ตามหลกั สูตร แกนกลางการศึกษาขRนั พRืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ที?มุ่งเนน้ ใหจ้ ดั การศึกษาและจดั กระบวนการเรียนรู้ ใหเ้ กRือหนุนบุคคลสามารถเรียนรู้เพื?อพฒั นาคุณภาพชีวติ อยา่ งต่อเน?ืองตลอดชีวติ ปปปปปปปปจากการศึกษาเร?ือง การใช้ชุดการสอนที?ใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เพ?ือ ส่งเสริมผลสัมฤทธeิดา้ นการอ่านภาษาองั กฤษเพื?อความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความของนกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 1 โรงเรียนแม่เมาะวิทยา อาํ เภอแม่เมาะ จงั หวดั ลาํ ปาง ในครRังนRีเป็ นประโยชน์ต่อ บุคคลหลาย ๆ ฝ่ าย ดงั นRี ปปปปปปปป1. เป็ นประโยชน์ต่อนักเรียน ในการพฒั นาทกั ษะการอ่านและการเขียนภาษาองั กฤษ โดยเฉพาะทกั ษะการอ่านเพ?ือความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ Hadley (1996, p.195-200) ไดก้ ล่าว ไวว้ า่ การฝึ กหดั ทกั ษะการอ่านยงั เป็ นเรื?องจาํ เป็ นสาํ หรับนกั เรียนท?ีเรียนภาษาองั กฤษเป็ นภาษาที?สอง หรือภาษาต่างประเทศ วิธีการเรียนการสอนแบบ เค ดับเบิลยู แอล พลัส เป็ นกลวิธีการอ่าน ภาษาองั กฤษท?ีทาํ ให้การอ่านของนักเรียนเขา้ ใจไดง้ ่ายขRึน เน?ืองจาก เป็ นลกั ษณะของการเรียนการ สอนแบบเน้นนักเรียนเป็ นสําคญั เป็ นกลวิธีท?ีให้ความสําคญั กบั ความรู้ ประสบการณ์ของผูเ้ รียน ช่วยให้ผูเ้ รียนรู้จกั ดึงความรู้และประสบการณ์เดิมที?มีอยู่มาโยงเขา้ กบั ขอ้ มูลใหม่ที?พบในบทอ่าน ผลการวิจัยของ Carr & Ogle (1987, p.626-631) ได้ทําการพัฒนาการอ่านโดยใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั และทดลองสอนกบั นกั เรียนระดบั มธั ยมศึกษา 3 แห่ง ซ?ึงเป็นนกั เรียนที?เรียนอ่อน และนักเรียนที?อยู่ในคลินิกซ่อมเสริม จากการสังเกตแบบไม่เป็ นทางการและจากการพูดคุยกับ นกั เรียนปรากฏวา่ นกั เรียนสามารถถ่ายโอนการอ่านแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ไปสู่สถานการณ์การ อ่านอื?น ๆ ได้ และการอ่านแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ทาํ ใหน้ กั เรียนมีความเขา้ ใจสนใจการอ่าน และ การยอ่ ใจความดีขRึน ซ?ึงสอดคลอ้ งกบั ผลการวิจยั ของ อมรศรี แสงส่องฟ้า (2545, หนา้ 83-84) พบว่า นกั เรียนท?ีไดร้ ับการสอนอ่านดว้ ยวิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั กบั นกั เรียนท?ีไดร้ ับการสอน อ่านตามคู่มือครู มีความเขา้ ใจในการอ่านภาษาองั กฤษแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สําคญั ทางสถิติท?ีระดบั .05 โดยนักเรียนท?ีไดร้ ับการสอนอ่านดว้ ยวิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีความเขา้ ใจในการ อ่านภาษาองั กฤษมากกวา่ กลุ่มที?ไดร้ ับการสอนอ่านตามคู่มือครู และสอดคลอ้ งกบั ผลงานวจิ ยั ของ ทิพ สร มีปิ? น (2539) และวิไลวรรณ สวสั ดิวงศ์ (2547) ที?พบว่า นกั เรียนที?ไดร้ ับการจดั การเรียนรู้ดว้ ยวิธี

124 สอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั มีทกั ษะการอ่านสูงขRึนในดา้ นการวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และประเมิน ค่าจากเร?ืองท?ีอ่าน ปปปปปปปป2. เป็ นประโยชน์ต่อครูผูส้ อน ในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ ย?ิ ง ขRึ น โ ด ย เฉ พ า ะ ก า ร ส อ น ทั ก ษ ะ ก า ร อ่ า น แ ล ะ ทั ก ษ ะ ก า ร เขี ย น ซ?ึ ง สุ นั น ท์ ประสาทสอน (2544, หน้า 5) ไดก้ ล่าวไวว้ ่า ปัญหาการอ่านนRันสาเหตุหน?ึงเกิดจากครูบางส่วนไม่ สามารถจดั กิจกรรมการเรียนการสอนใหน้ กั เรียนเกิดความเขา้ ใจในการอ่านได้ ทRงั นRีเพราะผสู้ อนขาด ความรู้ ความมนั? ใจในการใชก้ ระบวนการที?หลากหลาย ผสู้ อนบางส่วนรู้เฉพาะเนRือหาแต่ไม่รู้เทคนิค กระบวนการเพื?อแก้ปัญหาการเรียนการสอน ซ?ึงสอดคล้องกับ ชะลอ รอดลาย (2538, หน้า 46) กล่าวถึงปัญหาและสาเหตุของการท?ีนกั เรียนอ่านหนงั สือแลว้ สรุปความไม่ไดว้ า่ มีสาเหตุหน?ึงมาจาก ตวั ครูและวิธีการสอนของครู ดงั นRนั ผูส้ อนควรปรับปรุงวิธีการจดั การเรียนการสอนโดยนาํ เทคนิค วิธีการจดั การเรียนรู้มาพฒั นาส่งเสริมความสามารถของนักเรียน Carr & Ogle (1987, p.626 – 631) กล่าววา่ วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เป็นวิธีสอนที?ช่วยกระตุน้ นกั เรียนใหเ้ ป็นนกั คิดในขณะที? อ่าน โดยที?นกั เรียนจะทาํ นายเหตุการณ์ในเรื?องท?ีจะอ่าน ก่อนท?ีจะเร?ิมอ่านเรื?องท?ีกาํ หนด นกั เรียนจะ พิจารณาความรู้ความเขา้ ใจของตนเองท?ีมีต่อเร?ืองท?ีจะอ่าน ในขณะท?ีอ่านนักเรียนจะตรวจสอบ เหตุการณ์ในเรื?องวา่ เป็นไปตามที?นกั เรียนไดท้ าํ นายไวห้ รือไม่ และสรุปความคิดรวบยอดหลงั การอ่าน เสร็จสิRน ซ?ึงกลวิธีในการจดั การเรียนการสอนดงั กล่าว เป็ นแนวทางให้ครูผูส้ อนในการปรับปรุง กิจกรรมการเรียนการสอนภาษาองั กฤษใหม้ ีประสิทธิภาพยงิ? ขRึน ปปปปปปปป3. เป็ นประโยชน์ต่อวงการศึกษา โดยเป็ นแนวทางแก่ผสู้ นใจท?ีจะศึกษาคน้ ควา้ เกี?ยวกบั การนําวิธีสอนแบบ เค ดับเบิลยู แอล พลัส ไปพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ?ือส่งเสริม ความสามารถของนกั เรียนในดา้ นต่าง ๆ พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พทุ ธศกั ราช 2542 มาตรา 22 สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (2548, หนา้ 19 - 21) กล่าวถึง การจดั การศึกษาตอ้ งยดึ หลกั ผเู้ รียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองและถือวา่ ผเู้ รียนสาํ คญั ที?สุด และมาตรา 24 ตอ้ งจดั เนRือหาสาระและกิจกรรมให้สอดคลอ้ งกบั ความสนใจและความถนดั ของผเู้ รียน โดยคาํ นึงถึง ความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึ กทักษะ กระบวนการคิด การจดั การ การเผชิญสถานการณ์ และ ประยกุ ตค์ วามรู้มาใชเ้ พ?ือป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา จดั กิจกรรมใหเ้ รียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึ กการ ปฏิบตั ิ ใหท้ าํ ได้ คิดเป็นทาํ เป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่ รู้อยา่ งต่อเนื?อง ซ?ึงสอดคลอ้ งกบั ผลงานวิจยั ของ ทิพสร มีปิ? น (2539) ที?ไดศ้ ึกษาการเปรียบเทียบความเขา้ ใจในการอ่านและเจตคติต่อการอ่าน ภาษาไทย ของนักเรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 3 ท?ีเรียนโดยการสอนอ่านแบบปฏิสัมพนั ธ์ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั กบั การสอนอ่านตามคู่มือครู พบว่า แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติที?ระดบั .01 และ เจตคติต่อการอ่านภาษาไทยของนกั เรียนท?ีเรียนโดยการสอนอ่านแบบปฏิสัมพนั ธ์ดว้ ยวิธี เค ดบั เบิลยู

125 แอล พลสั ก่อนการทดลองและหลงั การทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคญั ทางสถิติท?ีระดับ .01 เช่นเดียวกบั สุมาลี ธนวุฒิคติวรกุล (2541) ที?ไดศ้ ึกษาการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน การ เขียน และความสนใจในการเรียนภาษาองั กฤษของนกั เรียนชRนั มธั ยมศึกษาปี ที? 2 พบวา่ ความสามารถ ในการอ่านภาษาองั กฤษของนกั เรียน ท?ีไดร้ ับการสอนอ่านดว้ ยกลวิธี เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ประกอบ กบั กลวิธีการเสริมต่อการเรียนรู้กบั การสอนอ่านตามคู่มือครู แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติท?ี ระดบั .05 และ ความสามารถในการเขียนภาษาองั กฤษของนกั เรียนที?ไดร้ ับการสอนอ่านดว้ ยกลวิธี เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ประกอบกบั กลวิธี การเสริมต่อการเรียนรู้กบั การสอนอ่านตามคู่มือครูแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติที?ระดบั .01 และยงั สอดคลอ้ งกบั ผลการศึกษาของ จินตนา มงคลไชยสิทธeิ (2548) ที?ไดศ้ ึกษาการพฒั นาบทเรียนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ร่วมกบั บทอ่านท?ีไดร้ ับการเพ?ิมเติม รายละเอียดเพื?อเพิ?มพูนความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษ กับกลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชRัน มธั ยมศึกษาปี ท?ี 4 พบวา่ ความเขา้ ใจในการอ่านภาษาองั กฤษ ความสามารถในการเรียนรู้คาํ ศพั ท์ และ เจตคติต่อการเรียนภาษาองั กฤษของนกั เรียนสูงขRึน หลงั จากไดร้ ับการสอนแบบเค ดบั เบิลยู แอล พลสั ร่วมกบั บทอ่านท?ีไดร้ ับการเพ?ิมเติมรายละเอียด ข้อเสนอแนะ ปปปปปปปปจากผลการศึกษาในครRังนRี ผูศ้ ึกษามีขอ้ เสนอแนะบางประการท?ีอาจเป็ นประโยชน์ต่อ การศึกษาในครRังต่อไป ดงั นRี ปปปปปปปป1. ขอ้ เสนอแนะทว?ั ไป ปปปปปปปป 1.1 ก่อนนาํ ไปใชส้ อนตอ้ งศึกษาขRนั ตอนใหเ้ ขา้ ใจชดั เจน เมื?อนาํ ไปใชส้ อนจะทาํ ให้ บรรลุวตั ถุประสงคท์ ?ีตRงั ไว้ ปปปปปปปป 1.2 ครูควรนาํ วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ไปเป็ นแนวทางในการจดั การ เรียนรู้เพื?อพฒั นาความสามารถดา้ นการอ่านเพื?อความเขา้ ใจใหก้ บั นกั เรียนใหก้ วา้ งขวางยงิ? ขRึน ปปปปปปปป 1.3. ครูควรฝึ กฝนให้นกั เรียนทาํ แบบทดสอบอตั นยั ให้มากขRึนกว่าเดิม รวมถึงการ เพิ?มกิจกรรมและระยะเวลาในการฝึ กฝนทกั ษะการเขียนควบคู่กบั ทกั ษะการอ่านอย่างต่อเน?ืองและ สม?าํ เสมอ ปปปปปปปป 1.4. ครูไม่ควรรีบสรุปหรือเฉลยเสียก่อนท?ีนกั เรียนจะไดใ้ ชค้ วามคิด ตลอดจนครูควร ให้การเสริมแรงด้วยคาํ ชมเชยเพื?อให้นักเรียนมีกาํ ลงั ใจและมีความมนั? ใจในตนเองในการแสดง ความคิดมากย?ิงขRึน ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนมีเจตคติที?ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษ สนุกและ กระตือรือร้นเม?ือทาํ กิจกรรมวิชาภาษาองั กฤษในชRนั ดงั นRนั ครูควรอธิบายขRนั ตอนการเรียนรู้แบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั และการบนั ทึกขอ้ มูลลงในตาราง KWLอยา่ งละเอียดทุกขRนั ตอนโดยเฉพาะขRนั K

126 ครูควรเน้นยRาํ นกั เรียนว่าเป็ นเพียงการคาดเดาเหตุการณ์ของเรื?องจากประสบการณ์เดิมของนกั เรียน และในขRนั W เป็ นการตRงั คาํ ถามท?ีนกั เรียนอยากรู้ จึงไม่ควรกงั วลใจวา่ คาํ ถามหรือคาํ ตอบจะผิด ทRงั นRี ในการสอนครRังแรกครูควรยกตวั อยา่ งการคาดเดาเหตุการณ์ของเรื?องใน ขRนั K และการตRงั คาํ ถามใน ขRนั W ใหน้ กั เรียนเพื?อเป็นตวั อยา่ งและกระตุน้ ใหน้ กั เรียนเดาเหตุการณ์และตRงั คาํ ถามเพ?ิมในภายหลงั ดา้ นบรรยากาศ นกั เรียนมีเจตคติที?ดีต่อวิชาภาษาองั กฤษ มีความสุขท?ีไดเ้ รียนและไดท้ าํ งานร่วมกบั เพ?ือน ดงั นRนั ครูควรส่งเสริมและกระตุน้ ใหน้ กั เรียนเห็นความสาํ คญั ของการมีความรับผดิ ชอบในการ ทาํ งาน พูดกระตุน้ ถึงความรับผิดชอบและยกยอ่ งชมเชยให้รางวลั กบั กลุ่มท?ีมีความรับผิดชอบสูง ซ?ึง จะส่งผลต่อการปฏิบตั ิงานของกลุ่มใหป้ ระสบผลสาํ เร็จมากขRึน ปปปปปปปป2. ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ยั ครRังต่อไป ปปปปปปปป 2.1 ควรมีการศึกษาวิจยั การนําการจดั การเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ไปใช้เพื?อพฒั นาทักษะด้านอ?ืน ๆ เช่น การสรุปความจากการฟัง และการอ่านนิทาน เกี?ยวกบั ทอ้ งถิ?น ปปปปปปปป 2.2 ควรมีการศึกษาวิจยั การนาํ การจดั การเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั ไปใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อ?ืน และระดบั ชRนั อื?น ปปปปปปปป 2.3 ควรมีการศึกษาวิจยั เพ?ือพฒั นาการอ่านเพื?อความเขา้ ใจและการเขียนสรุปความ ท?ีจดั การเรียนรู้โดยใชว้ ธิ ีสอนแบบ เค ดบั เบิลยู แอล พลสั เปรียบเทียบกบั วธิ ีสอนแบบอ?ืน

127 บรรณานุกรม กณั หา คาํ หอมกลุ . (2548). การพฒั นาความสามารถในการเขยี นสรุปความของนักเรียนชLัน ประถมศึกษาปี ทีE 6 ด้วยวธิ ีการจดั การเรียนรู้แบบแผนผงั ความคดิ . วทิ ยานิพนธ์ ศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาหลกั สูตรและการนิเทศ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. กาญจนา วฒั าย.ุ (2548). การวจิ ยั เพEือพฒั นาคุณภาพการศึกษา. กรุงเทพฯ:ธนพรการพิมพ์ เกียรติชัย ยานะรังษี. (2540). ผลการสอนแบบ KWL-PLUS ทีEมีต่อความเข้าใจในการอ่านและ ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทีE 5. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. จงกลนี ธุปพงษ์. (2536). ผลของการเรียนโดยใช้วิธี เอส ที เอ ดี ทีEมีต่อผลสัมฤทธTิในการอ่าน ภาษาอังกฤษและการให้ความร่วมมือของนักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทEี4. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. จาํ รูญ เหลืองขจร. (2543). การพฒั นารูปแบบการเรียนการสอนแบบมีส่วนร่วม. วชิ าการ 3, 2(2), 35- 49 . จิตรา ชยั อมฤต. (2539). การเปรียบเทียบผลขอการสอนเขียนย่อเรืEองกับการสอนให้นักเรียนตLัง คําถามเองทEีมีต่อความเข้าใจในการอ่านและการเขียนย่อเรEืองภาษาอังกฤษ. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. จินตนา เดชะประทุมวนั . (2548). การสอนอ่านทEียึดรูปแบบการเรียนรู้ของนักเรียนเพEือเพEิมพูน ความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษและเจตคติต่อการอ่านของนักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทีE 6. วทิ ยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. จินตนา มงคลไชยสิทธeิ. (2548). การพฒั นาบทเรียนแบบ KWL-Plus ร่วมกบั บทอ่านทไEี ด้รับการ เพมEิ เตมิ รายละเอยี ด เพืEอเพมิE พูนความเข้าใจในการอ่านภาษาองั กฤษ. วทิ ยานิพนธ์. ศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการสอนภาษาองั กฤษ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์. (2542). การอ่านและการส่งเสริมการอ่าน. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพโ์ สภณ การพิมพ์

128 เฉลิมพล ณ เชียงใหม่. (2547). การใช้แผนภูมมิ โนทศั น์เพืEอส่งเสริมความสามารถในการอ่าน ภาษาองั กฤษและการเขยี นสรุปความของนักเรียนชLันมธั ยมศึกษาปี ทีE 4 . วทิ ยานิพนธ์ ศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการสอนภาษาองั กฤษ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ชนิดา ศรีสองเมือง. (2549). การใช้กลวธิ ีการเรียนแบบพี แอล เอ เอน็ เพEือส่งเสริมความเข้าใจในการ อ่านภาษาอังกฤษและความสามารถในการเขียนย่อความของนักเรียนชLันมัธยมศึกษา ปี ทีE 4. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาการสอนภาษาองั กฤษ บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ชะลอ รอดลอย. (2538). ทักษะการสรุปความเป็ นพRืนฐานของการศึกษาที?จาํ เป็ น. สารพัฒนา หลกั สูตร 13, 117, 28. ชัชวาล มันเทศสวรรค์. (2552). การใช้ กลวิธีอภิปัญญาเพEือส่ งเสริมความเข้าใจในการอ่าน ภาษาอังกฤษและความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนระดับกําลัง พัฒนา. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาองั กฤษ บณั ฑิต วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ชยั ยงค์ พรหมวงศ.์ (2539). ชุดการสอนระดบั ประถมศึกษาใน เอกสารประกอบการสอนชุดวชิ าสEือ การสอนระดบั ประถมศึกษาหน่วยทEี 8-15, 459-500. กรุงเทพมหานคร: มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. ดรุณี บริจาค. (2551). การใช้แนวการสอนภาษาแบบองค์รวมเพEือส่งเสริมความเข้าใจในการอ่าน ภาษาองั กฤษ ความสามารถในการเขียนสรุปความและความมEันใจในตนเองของนักศึกษา ระดบั ประกาศนียบัตรวชิ าชีพชLันสูง. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาวิชาการ สอนภาษาองั กฤษ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ดรุณี เรือนใจมน?ั . (2546). การพัฒนาแบบฝึ กการอ่านเพืEอพัฒนาความสามารถในการอ่านเอกสาร จริงสําหรับนักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทEี 5 โรงเรียนศรีประจันต์ \"เมธีภิมุข\" อําเภอศรี ประจันต์ จังหวดั สุพรรณบุรี. วทิ ยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิตสาขาวชิ าการ สอนภาษาองั กฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. ดุสิตา แดงประเสริฐ. (2549). การพฒั นาทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ และ ทกั ษะการเขยี นสรุปความ ของ นักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทEี 2 ทีEจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL-PLUS. วิทยานิพนธ์ ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิตสาขาวิชาหลกั สูตร และ การนิเทศ ภาควิชาหลกั สูตร และ วธิ ีสอน บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร.

129 ทวีพร สุขแสง. (2545). การใช้จินตภาพเพืEอส่งเสริมความสามารถในการอ่าน-เขียนภาษาองั กฤษและ เจตคติของนักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทีE 1. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาวิชา การสอนภาษาองั กฤษ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ทิพสร มีปิ? น. (2539). การเปรียบเทียบความเข้าใจในการอ่านและเจตคติต่อการอ่านภาษาไทยของ นักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทีE 3 ทีEเรียนโดยการสอนอ่านแบบปฏิสัมพันธ์ KWL-Plus กับ การสอนอ่านตามคู่มือครู. วทิ ยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบณั ฑิตสาขาวชิ ามธั ยมศึกษา บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร. ทิศนา แขมมณี. (2550). ศาสตร์การสอน องค์ความรู้ เพืEอจัดกระบวนการเรียนรู้ทีEมีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: สาํ นกั พิมพแ์ ห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . นันทิยา แสงสิน. (2540). กลวิธีการสอนอ่านเพEือความเข้าใจภาษาอังกฤษในระดับมัธยมศึกษา. เชียงใหม่: ภาควชิ ามธั ยมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. นิรันดร์ ตRงั เมธีกุล. (2546). การสอนแบบ KWLH ด้วยการเรียนผ่านสืEออิเลกทรอนิกส์เพืEอส่งเสริม ความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษ พฤติกรรมด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคคลและด้าน กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตร มหาบณั ฑิต (การสอนภาษาองั กฤษ) เชียงใหม่: มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. บญั ชา อmึงสกลุ . (2541). การเสริมสร้างการเรียนการสอนภาษาองั กฤษในโรงเรียน. วารสารวชิ าการ, 2, 68. บนั ลือ พฤกษะวนั . (2534). มิติใหม่ในการสอนอ่าน = The New Dimensions in the Teaching of Reading. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพานิช. บุญชม ศรีสะอาด . (2543). การวจิ ยั เบืLองต้น. กรุงเทพฯ: สุวรี ิยาสาส์น. บุญเรียง ขจรศิลป์ . (2539). วธิ ีวจิ ยั ทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: หจก. พี. เอน็ . การพมิ พ.์ บุญส่ง นิลแกว้ . (2535). ประสิทธิภาพของการจดั การศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษาในเขต ภาคเหนือตอนบน. เชียงใหม่: สถาบนั วจิ ยั สงั คมและคณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ประคอง กรรณสูตร. (2538). สถติ เิ พืEอการวจิ ยั ทางพฤตกิ รรมศาสตร์. กรุงเทพฯ: วฒั นพานิช. ปรารถนา เกษนอ้ ย. (2540). ผลการเรียนแบบร่วมมือในวิชาสังคมศึกษาทีEมีต่อผลสัมฤทธTิทางการ เรียนและความสามารถในการวเิ คราะห์ของนักเรียนชLันมัธยมศึกษาตอนต้น. วทิ ยานิพนธ์ ปริญญาครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการสอนสงั คมศึกษา บณั ฑิตวิทยาลยั จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั .

130 ผจงกาญจน์ ภู่วิภาดาวรรธน์. (2534). การอ่านแบปฏิสมั พนั ธ์ดว้ ยวิธี เค ดบั เบิลยู แอล พลสั (KWL- Plus). ศึกษาศาสตร์สาร, 68-9. พนิตนนั ท์ บุญพามี. (2542). เทคนิคการอ่านเบืLองต้นสําหรับบรรณารักษ์. นครราชสีมา: สถาบนั ราชภฏั นครราชสีมา. พรทิพย์ ตันติเวสส. (2540). ผลของ Semantic Mapping ต่อความเข้าใจ Expository Text ของ นักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทEี 4. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบณั ฑิต สาขาวิชาการ มธั ยมศึกษาบณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. พรรณี ช. เจนจิต. (2538). จติ วทิ ยาการเรียนการสอน. พิมพค์ รRังที? 4. กรุงเทพฯ: ตน้ ออ้ . พรสวรรค์ สีป้อ. (2550). สุดยอดวิธีสอนภาษาอังกฤษนําไปสู่การจัดการเรียนรู้ของครูยุคใหม่. กรุงเทพฯ : อกั ษรเจริญทศั น.์ พชั รินทร์ แจ่มจาํ รูญ. (2547). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธTิทางการอ่านจับใจความของนักเรียนชLัน มัธยมศึกษาปี ทEี 2 โรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี ทEีได้รับ การสอนอ่านแบบปฏิสัมพนั ธ์ด้วยวธิ ี KWL - Plus กบั วธิ ีสอนอ่านแบบปกติ.วิทยานิพนธ์ ปริ ญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาไทยบัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. พิพฒั น์ งอกเสมอ. (2539). ผลของกิจกรรมผังความสัมพันธ์ของความหมายทีEมีต่อความสามารถ และความคิดเห็นในการเขียนบ่อความภาษาอังกฤษของนักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทีE 5. วทิ ยานิพนธ์ ศษ.ม. (การสอนภาษาองั กฤษ) เชียงใหม่: มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. พิมพส์ ุดา เอ?ียมสกุล. (2549). ผลสัมฤทธTิและเจตคติในการอ่านของนักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทีE 1 ทีE เรียนโดยใช้กิจกรรมส่ งเสริมการอ่าน. ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอน ภาษาไทย บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ไพรถ เลิศพิริยกมล. (2543). การย่อความ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพส์ ุรีวยิ าสาส์น. ภูดิท จุลโพธeิ. (2551). การสอนโดยใช้กลวธิ ีปฏิสัมพนั ธ์ร่วมกบั การสอนออนไลน์เพEือส่งเสริมความ เข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษ ความสามารถในการเขียนสรุปความและการเรียนรู้ด้วย ตนเองของผู้เรียน. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาองั กฤษ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. แม่เมาะวทิ ยา. (2548). เอกสารรายงานผลการประเมนิ ค◌ุ ณภาพการศึกษา โรงเรียนแม่เมาะวทิ ยา.

131 รัตนา วาทะวฒั นะ. (2537). ผลการสอนตามรูปแบบเอริกาทมีE ตี ่อความเข้าใจในการอ่านภาษาองั กฤษ โครงสร้างความรู้และเจตคติของนักเรียนชLัน มัธยมศึกษาปี ทEี 5. วิทยานิพนธ์ศึกษา ศาสตรมหาบณั ฑิต บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ลว้ น สายยศและ องั คณา สายยศ. (2538). หลกั การวจิ ยั ทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: ศึกษาพร. ________. (2543). เทคนิคการวดั ผลการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: ชมรมเดก็ . วชั รา เล่าเรียนดี. (2547). เทคนิคการจัดการเรียนรู้สําหรับครูมืออาชีพ. นครปฐม: มหาวิทยาลยั ศิลปากร. ________. (2548). เทคนิคและยุทธวธิ ีพฒั นาทักษะการคดิ การจัดการเรียนรู้ทีEเน้นผู้เรียนเป็ นสําคญั . นครปฐม : มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. วชั รี บูรณสิงห์และนิรมล ศตวุฒิ. (2542). การอ่านเชิงวิเคราะห์วิจารณ์ด้านหลักสูตรและการสอน. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั รามคาํ แหง. วจิ ิตรา นรสิงห์. (2540). การเปรียบเทยี บความสามารถในการอ่านและเจตคตติ ่อการอ่าน ภาษาองั กฤษของนักเรียนชLันมธั ยมศึกษาปี ทEี 3 ทไีE ด้รับการสอนอ่านด้วยกลวธิ ี KWL - Plus กบั การสอนอ่านตามคู่มือครู. วทิ ยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบณั ฑิต สาขาวชิ า การมธั ยมศึกษา บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒประสานมิตร. วฑิ ูรย์ ตRงั พงษ.์ (2536). ผลของการใช้กจิ กรรมผงั ความสัมพนั ธ์ของความหมายทEีมีต่อผลสัมฤทธTิใน การอ่านเพEือความเข้าใจในภาษาอังกฤษของนักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทEี5. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. วิไลลกั ษณ์ วงศว์ จั นสุนทร. (2551). การใช้เทคนิค เค ดับเบิลยู แอล พลสั เพืEอพัฒนาความสามารถ ในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทีE 6 โรงเรียนสันทรายวิทยาคม จังหวัด เชียงใหม่. วทิ ยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการสอนสงั คม บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. วิไลวรรณ สวสั ดิวงศ์. (2547). การพัฒนาทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชLัน ประถมศึกษาปี ทEี 6 ทีEจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL - Plus. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษา ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการนิเทศ บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัย ศิลปากร. วิสิฏฐา แรงเขตรการ. (2551). การสอนแบบ เค ดับเบิลL ยู แอล พลัส เพEือเพEิมพูนทักษะการอ่านและ การเขียนภาษาอังกฤษ ของนักเรียนระดับต้น. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการสอนภาษาองั กฤษ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่.

132 ศึกษาธิการ, กระทรวง. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: พริก หวานกราฟฟิ ค. ________. (2551). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขLนั พืนL ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพ ฯ:โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. ________. (2552). แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขLัน พืLนฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพ ฯ: โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศ ไทย. สมนึก ภทั ทิยธนี. (2546). การวดั ผลการศึกษา. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ.์ สมศกั ดeิ ภู่วิภาดาวรรธน์. (2544). การยึดผู้เรียนเป็ นศูนย์กลางและการประเมินตามสภาพจริง. เชียงใหม่ : The Knowledge Center. สมุทร เซ็นเชาวณิช. (2540). เทคนิคการอ่านภาษาอังกฤษเพEือความเข้าใจ. กรุงเทพฯ: สาํ นกั พิมพ์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. ________. (2542). เทคนิคการอ่านภาษาองั กฤษ. กรุงเทพฯ: สาํ นกั พิมพม์ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. สมุทร เซ็นเชาวนิช และ อาํ นาจ บุญศิริวิบูลย.์ (2539). เอกสารการสอนชุดวชิ าการอ่านภาษาองั กฤษ. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. สุนนั ท์ ประสาทสอน. (2544). ผลของการใช้กลวธิ ีชีLนําการอ่านและการคดิ ระดบั สูงทมEี ตี ่อ ความสามารถในการอ่านภาษาไทยอย่างมวี จิ ารณญาณ ของนักเรียนชLันประถมศึกษาปี ทEี 4. วทิ ยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการสอนภาษาไทยบณั ฑิต วทิ ยาลยั จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . สุนนั ทา มน?ั เศรษฐวทิ ย.์ (2542). หลกั และวธิ ีสอนอ่านภาษาไทย. กรุงเทพฯ:โรงพิมพไ์ ทยวฒั นา พานิช. สุมาลี ธนวฒุ ิคติวรกลุ . (2541). การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน การเขียน และความสนใจ ในการเรียนภาษาองั กฤษของนักเรียนชLันมธั ยมศึกษาปี ทีE 2 ทไEี ด้รับการสอนอ่านด้วยกลวธิ ี เค ดบั เบิลยู แอล-พลสั (KWL-Plus) ประกอบกบั กลวธิ ีการเสริมต่อการเรียนรู้กบั การสอน อ่านตามคู่มือครู. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การสอนภาษาองั กฤษ) กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมิตร. สุรางค์ โคว้ ตระกลู . (2541). จติ วทิ ยาการศึกษา. พิมพค์ รRังท?ี 4. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . สุวทิ ย์ มูลคาํ . (2547). กลยุทธ์….. การสอนคดิ วเิ คราะห์. กรุงเทพฯ: หา้ งหุน้ ส่วนจาํ กดั ภาพพิมพ.์ สุวิทย์ มูลคาํ และ อรทยั มูลคาํ . (2545). 21 วิธีจัดการเรียนรู้เพืEอพัฒนากระบวนการคิด. กรุงเทพฯ : หา้ งหุน้ ส่วนจาํ กดั ภาพพิมพ.์

133 หิรัญญา อุปถมั ภ.์ (2541). การพฒั นาทกั ษะการอ่านเพEือความเข้าใจในระดบั มธั ยมศึกษาปี ทีE 1 ด้วย การสอนแบบOK5R. วทิ ยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิต, บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. อมรศรี แสงส่องฟ้า. (2545). การเปรียบเทียบความเข้าใจ และ แรงจูงใจในการอ่านภาษาองั กฤษของ นักเรียนชLันมัธยมศึกษาปี ทีE 3 โรงเรียนวดั ทะเลบก อาํ เภอกาํ แพงแสน จังหวดั นครปฐม ทEี ได้รับการสอนด้วยวิธี KWL-PLUS กับการสอนอ่านตามคู่มือครู.วิทยานิพนธ์ ปริญญา ศึกษาศาสตร์มหาบณั ฑิตสาขาการสอนภาษาองั กฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ บณั ฑิต วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. อจั ฉรา วงศโ์ สธร. (2538). แนวทางการสร้างข้อสอบภาษา. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณมหาวทิ ยาลยั อารีย์ วาศน์อาํ นวย. (2545 ). การพัฒนาแบบฝึ กเสริมทักษะการอ่านเพืEอความเข้าใจตามแนวการ สอนภาษาอังกฤษเพืEอการสEือสาร สําหรับนักเรียนชLันประถมศึกษาปี ทEี 5. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลกั สูตรและการนิเทศ บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศิลปากร. อารีวรรณ เอ?ียมสะอาด. (2546). คู่มือการพัฒนาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ช่วงชLันทีE 3 (ม.1-ม.3) ในหลกั สูตรการศึกษาขLนั พืนL ฐาน พทุ ธศักราช 2544. กรุงเทพ: บุค๊ พอยท.์ ไอริณ สิงห์ดา. (2544). เจตคติการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชLันมัธยมศึกษา ตอนต้น โรงเรียนบ้านทุ่งพร้าว (เพ็คกีฮL ิทค็อก) อําเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย. การ คน้ ควา้ แบบอิสระ ศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. Alderson, J.C. & Urquhart, A. H. (1984). Reading in a foreign language. In Candlin, C.N. (Ed). Applied Linguistics and Language Study. London: Longman. Anderson, Richard C. (1985). Role of the Reader's Schema in Comprehension, Learning and Memory. Theoretical models and process of reading. Edited by Harry Singer and Robert B. Ruddle. Deleware: International Reading Association. Best, John W. (1981). Research In Education. (4th ed.) Englewood Cliffs, NJ: Prentice – Hall. Burmeister, L. E. (1974). Reading strategies for secondary school teachers. Massachusetts: Addison-Wesley. Carr, E and D Ogle. (1987). KWL-Plus : A Strategy of Comprehension and Summarization. Journal of Reading, 30, 626-631.

134 Carrell, P.L, and Eisterhold, J.C. (1983). Schema Theory and ESL Reading Pedagogy. TESOL Quarterly, pp.554-573 Carrell, Patricia L.(1985). The Effects of Rhetorical Organization on ESL Readers. TESOL Quarterly, p.18. D'Angelo, F.J. (1980). Process and Thought in Composition. Massachusettes : Winthrop Publishers Davis, Zephaniah T. and Michael D. McPherson. (1989). Story Map Instruction : A Reading Map for Reading Comrehension. The Reading Teacher. 12, 10 (October 1989) :232- 242. D.Lapp and J.Flood. (1992). Teaching Reading to Every Child. (3rd ed.). New York : Macmillan. Finocchiaro, M. & Sako, S. (1983). Foreign Language Testing : A Practical Approach. New York Regents. Gambrell, L. B., Krapinus, B. A. & Wilson, R. M. (1987). Using mental imagery and summarization to achieve independence in comprehension. Journal of Reading. 30 (7). Gasson, Ruth. (2005). “Writing Summaries”. http://www.english.uiuc.edu/cws/workshop/advice /writingsummaries.htm. Grabe, William. (1991). Reading in the Language Classroom. London : Macmillan. Hadley, Alice Omagio. (1996). Teaching Language in Context. Massachusetts : Heinle & Heinle. Harris, A. and Sipay, E. (1990). How to increase reading ability : A guide to development & remedial methods. New York : Longman. Harris, A.J. & Sipay, E. (1979). How to Teach Reading : A Competency-Based Program. New York : Longman. 317-318. Heimlich, Joan E.and Suasan D.Pittleman. (1996). Semantic Mapping : Classroom Application. New York : International Reading Association. Huang, Tengmui. (1993). Teaching and assessing reading comprehension. A distant Education TEFL Programmer Pilot Material: Module Two, 33-34. Singapore. SEMEO Regional Language Center. Jakobovits, Leon A. (1971). Foreign language learning : A psycholinguistic analysis of the issues. Massachusetts: Newbury House.

135 Kirkland, M.R., & Saunders, M.A.P. (1991). Maximizing student performance in summary writing: Managing cognitive load. TESOL Quaterly, 25(1), 105-121. Krashen, Stephen D. (1981, June 15). The case for narrow reading. TESOL Newsletter, p.23. Leu, Donald J. (1995). Effective Reading Instruction, K - 8. New Jersey: A Simon & Schuster Company. Nuttall, C. (1996). Teaching Reading Skills in a Foreign Language. Heinemann. Pearson, P.D0 & Johnson, D. (1978). Teaching reading comprehension. New York: Holt, Rinehart, and Winston. Raimes, Ann. (1983). Techniques in Teaching Writing. New York: Oxford University Press. Rinehart, S.D.stahl, S.A., & Erickson, L.G. (1986). Some effects of summarization training on reading and studying. Reading Research Quarterly, 21(4), 422-438 Rokeach, M. (1970). Beliefs, attitudes and values. San Francisco : Jossey-Bass. Rubin, D. (1993). A Practical Approach to Teaching Reading. MA: Allyn and Bacon. Ruddell, Robert B. and Martha, Rapp. Ruddell. (1995). Teaching Children to Read and Write :Becoming an Infuential Teacher. Massachusetts: Allyn and Bacon. Rumelhart, D.E. (1981). Schemata: The Building Block of Cognition. Comprehension and Teaching Research Review. New York: International Reading Association. Sebranek, P., Meyer,V.,Lb Kemper, D. (1990). Write source 2000. Wisconsin Educational Publishing House. Sinatra,. Et al. (1984). Improving Reading Comprehension of Disabled though Semantic Mapping. The Reading Teacher. 38, 10 (October 1984): 4-14. Smith, F. (1978). Reading. Cambridge: Cambridge University Press. Stauffer, Russell. (1980). Teaching Reading as a Thinking Process. New York : Row Publishers. Taylor, K. K. (1986). Summary Writing by Young Children. Reading Research Quaterly. 21, 8

136 ภาคผนวก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook