Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมแผนบูรณาการ

รวมแผนบูรณาการ

Published by Guset User, 2021-12-22 10:16:33

Description: รวมแผนบูรณาการ

Search

Read the Text Version

เครอ่ื ง Difference Engine ของ Charles Babbage จากน้นั ประมาณปี ค.ศ. 1886 Dr.Herman Hollerith ไดพ้ ฒั นาเครอ่ื งจดั เรยี งบตั รเจาะรู แบบ electromechanical ข้ึนซึง่ ทางานโดยใช้พลังงานไฟฟ้าและสามารถทาการ จดั เรยี ง (sort) และ คดั เลือก (select) ขอ้ มลู ได้ ต่อมาในปี ค.ศ. 1896 Hollerith ได้ทาการก่อตัง้ บรษิ ัทสาหรับเครอื่ งจักรในการ จดั เรยี งชื่อTabulating Machine Company และในปี ค.ศ.1911 Hollerith ได้ขยายกิจการโดยเข้าหุ้นกบั บริษทั อน่ื อกี 2 บรษิ ัทจดั ต้งั เป็นบริษัท Computing -Tabulating-Recording-Company ซึง่ ประสบ ความสาเร็จเปน็ อย่างมาก และในปี ค.ศ. 1924 ไดเ้ ปล่ยี นช่ือเปน็ International Business Corporation หรือ ท่ีรจู้ ักกนั ต่อมาในช่ือของบริษัท IBM นนั่ เอง เครื่องจัดเรียงบัตรเจำะรูของ Dr. Her Hollerith ในปี ค.ศ.1939 Dr. Howard H. Aiken จาก Harvard University ได้ร่วมมอื กบั บริษัท IBM ออกแบบ คอมพวิ เตอรโ์ ดยใชท้ ฤษฎีของBabbageและในปี ค.ศ.1944 Harvard mark I ก็ได้ถือกาเนิดขึน้ เปน็ คอมพวิ เตอร์เครอื่ งแรก ซึง่ มีขนาดยาว 5 ฟตุ ใช้พลังงานไฟฟ้าและใช้ relay แทนเฟอื งแต่ยงั ทางานได้ช้าคือใช้ เวลาประมาณ 3-5 วินาทีสาหรับการคณู การพัฒนาท่สี าคญั กับ Mark I ไดเ้ กิดขน้ึ ปี 1946 ดดย Jonh Preper Eckert, Jr. และ Dr. Jonh W.Msuchly จาก University of Pennsylvniaไดอ้ อกแบบสร้าง เคร่ือง ENIAC ( Electronic Numeric Integator and Calcuator ) ซึ่งทางานไดเ้ ร็วอยู่ในหน่วยของหน่งึ ส่วน ล้านวินาทีในขณะที่ Mark Iทางานอยูใ่ นหนว่ ยของหนึง่ สว่ นพันล้านเท่า โดยหวั ใจของความสาเรจ็ นีอ้ ยู่ที่การใช้ หลอดสูญญากาศมาแทนที่ relay นั่นเองและถดั จากนน้ั Mauchly และ Eckert กท็ าการสร้าง UNIVAC ซง่ึ เปน็ คอมพวิ เตอรอ์ ิเล็กทรอนิส์เพื่อการค้าเครื่องแรกของโลก แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 35

เครอ่ื ง ENIAC สงู 10 ฟุต กว้ำง 10 ฟตุ และยำว 10 ฟุต การพฒั นาท่สี าคัญได้เกิดข้ึนมาอีก เมื่อ Jonh von Neumann ซงึ่ เป็นทป่ี รึกษาของโครงการ ENIAC ได้ เสนอแผนสาหรับคอมพิวเตอรเ์ ครือ่ งแรกทีจ่ ะทาการเก็บโปรแกรมไวใ้ นหน่วยโปรแกรมไว้ในหนว่ ยความจาที่ เหมอื นกบั ทเี่ กบ็ ขอ้ มูลซ่ึงพฒั นาการนท้ี าให้สามารถเปลยี นวงจรของคอมพวิ เตอร์ได้โดยอัตโนมัติแทนทจี่ ะตอ้ ง ทาการเปลย่ี นสวทิ ต์ด้วยมือเหมอื นชว่ งก่อน นอกจากน้ี Dr. Von neumann ยังไดน้ าระบบเลขฐานสองมาใช้ ในคอมพวิ เตอร์ซึง่ หลักการตา่ งๆเหล่านี้ได้ทาให้เครื่อง IAS ทสี่ ร้างโดย Dr. von Neumann เป็นเคร่ือง คอมพวิ เตอร์เอนกประสงค์เคร่ืองแรกของโลกเป็นการเปิดศักราชของคอมพิวเตอรอ์ ย่างแทจ้ ริงและยังได้เปน็ บิดาคอมพวิ เตอรค์ นท่ี 2 ยคุ ของคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มีการพฒั นาอย่างตอ่ เน่ือง สามารถ แบ่งออกได้โดยแบง่ สว่ นประกอบของฮาร์ดแวร์ (Hardward ) เป็น 5 ยุคด้วยกนั ยุคท่ี 1 (The First Generation)ปี ค.ศ. 1951 – 1958คอมพิวเตอร์ในยุคแรกน้ี ใช้หลอดสญู ญากาศใน วงจรอิเลก็ ทรอนกิ สข์ องเครือ่ งคอมพิวเตอร์ ทาใหต้ ้องการกาลังไฟฟ้าเลี้ยงวงจรท่ีมีปริมาณมากและทาใหม้ ี ความรอ้ นเกดิ ขึ้นมากจึงต้องติดตั้งเคร่อื งในห้องปรบั อากาศ ความเร็วในการทางานเปน็ วนิ าที เคร่ือง คอมพวิ เตอร์มีขนาดใหญ่ สอ่ื ท่ใี ชใ้ นการเก็บข้อมูล คือ บตั รเจาะรู ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใชใ้ นการเขียนโปรแกรมเพ่ือควบคมุ การทางาน คือ ภาษาเครื่องซึ่งเป็นภาษาทใี่ ช้รหสั เลขฐานสอง ทาให้เข้าใจยาก แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 36

สรปุ อุปกรณ์ : ใชห้ ลอดไฟสญู ญากาศและวงจรไฟฟา้ หน่วยวดั ควำมเร็ว : วัดเป็นวนิ าที ( Second) ตวั อยำ่ งภำษำคอมพวิ เตอร์ : ภาษาเครอ่ื ง (Machine Language) ตัวอย่ำงเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ : Univac I, IBM 650, IBM 700, IBM 704, IBM 705, IBM 709 และ MARK I MARK I ยุคที่ 2 (The Second Generation) ปี ค.ศ. 1959 – 1964เครอื่ งคอมพวิ เตอร์มีขนาดเล็กลง กนิ ไฟนอ้ ยลง ราคาถกู ลง เพราะมีการประดิษฐท์ รานซิสเตอร์ขนึ้ มาใช้แทนหลอดสญู ญากาศ ทาให้ทางานได้เรว็ ข้นึ ความเร็ว ในการทางานเท่ากบั 1/103 วินาที (มลิ ลเิ ซคค่นั ) และไดผ้ ลลพั ธท์ ่ถี กู ต้องมากกวา่ ใชห้ ลอดสูญญากาศ ทรานซสิ เตอร์มีขนาดเล็กกว่าหลอดสญู ญากาศ 200 เทา่ และไดม้ ีการสรา้ งวงแหวนแม่เหลก็ (Magnetic core) มาใชแ้ ทนดรัมแมเ่ หลก็ (Magnetic drum) เป็นหนว่ ยความจาภายในซง่ึ ใชใ้ นการเก็บข้อมูลและ ชุดคาสั่ง ภาษาคอมพวิ เตอร์ที่ใช้เขียนโปรแกรมในยุคท่ี 2 นี้ คือ ภาษาแอสแซมบลี้ (Assembly) ซึง่ เปน็ ภาษาทีใ่ ช้ สญั ลักษณ์แทนคาสัง่ ต่าง ๆ ทาให้เขียนโปรแกรมได้งา่ ยกวา่ ภาษาเครอ่ื งเครื่องคอมพิวเตอรใ์ นยคุ น้ี เช่น IBM 1620,IBM 401, Honeywell สรุป อปุ กรณ์ : ใชท้ รานซสิ เตอร์(Transistor) แทนหลอดไฟสูญญากาศ หน่วยวัดควำมเร็ว : วัดเป็นมิลลิวินาที ( Millisecond) ตวั อยำ่ งภำษำคอมพวิ เตอร์ : ภาษาแอสแซมบลี (Assembly) , ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN) แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 37

ตัวอยำ่ งเคร่ืองคอมพิวเตอร์ : IBM 1620, IBM 1401, CDC 6600, NCR 315 , Honey Well Honey Well ยคุ ท่ี 3 (The Third Generation) ปี ค.ศ. 1965 – 1970 เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ทถ่ี กู พัฒนามาใช้ในยุคน้ี เปน็ วงจรรวม หรือ เรียกวา่ ไอซี (IC : Integrated Circuit) ซ่ึงเป็นวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ทถ่ี ูกบรรจุลงในแผน่ ซลิ คิ อน (silicon) บาง ๆ ที่ เรยี กว่า ซิป (Chip) ในซปิ แตล่ ะตวั จะประกอบดว้ ยวงจรอิเล็กทรอนิกส์หลายพนั ตวั จงึ ทาใหค้ อมพิวเตอรม์ ีขนาดเล็ลงกว่าเดมิ แต่ความเร็วในการทางานสูงขึ้น ความเร็วในการทางานเป็น 1/106 วนิ าท่ี (ไมโครเซคคั่น) กนิ ไฟน้อยลง ความรอ้ นลดลงปละประสทิ ธิภาพในการทางานเพิ่มขน้ึ แตก่ ่อนทค่ี อมพวิ เตอร์จะเป็นวงจรรวม คอมพิวเตอรจ์ ะถูกออกแบบเพ่อื ใช้กับงานแต่ละอยา่ ง เช่น ใชใ้ นงาน คานวณหรอื ใชก้ ับงานธรุ กิจ เม่อื คอมพิวเตอร์ถกู พฒั นามาใช้วงจรรวมก็สามารถใช้กับงานที่ซบั ซอ้ นไดม้ ากขน้ึ IBM 360 เปน็ หน่งึ ในคอมพวิ เตอรท์ ่ใี ชว้ งจรรวมทสี่ ามารถทางานไดท้ ้ังการประมวลผลแฟ้มขอ้ มลู และ วเิ คราะหค์ า่ ทางคณติ ศาสตร์ ตอ่ มาบริษัท DEC (Digital Equiptment Corporation) ไดห้ นั มามงุ่ ผลติ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เพอื่ หลกี เล่ียงการแข่งขันกบั IBM มินคิ อมพิวเตอร์ (Minicomputer) จงึ ถูกพัฒนาขึน้ เป็นคร้ังแรก ในช่วงยุคที่ 2 และนิยมใชก้ นั แพร่หลาย DEC ได้แนะนามินิคอมพิวเตอร์เครื่องแรก และ PDP1 เปน็ หนึ่งในมินิคอมพิวเตอร์ยุคแรกท่นี ยิ มใช้กนั แพรห่ ลายโดยเฉพาะในกลุม่ ของนกั วิทยาศาสตร์ นกั วศิ วกร และนกั วจิ ยั ตามมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยที างดา้ นซอฟตแ์ วร์ก็เกดิ ข้ึน โปรแกรมมาตรฐานได้ถูกเขียนขน้ึ เพ่ือใช้ งานกบั คอมพวิ เตอร์ท่ีเป็นวงจรรวม และใช้เครือ่ งมาหลังจากที่ได้มกี ารปรบั ปรุงทางด้านฮารด์ แวร์ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 38

สรปุ อุปกรณ์ : ใชว้ งจรแบบไอซี (IC) ซึ่งเปน็ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ทถ่ี ูกบรรจลุ งในแผน่ ซิลกิ อน ( Silicon)ที่ เรยี กวา่ Chip หนว่ ยวัดควำมเร็ว : วัดเปน็ ไมโครวินาที ( Microsecond) ตวั อยำ่ งภำษำคอมพวิ เตอร์ : COBOL , PL/1 , RPG , BASIC ตัวอยำ่ งเครื่องคอมพิวเตอร์ : IBM 360 , CDC 3300 , UNIVAC 9400 BURROUGH 7500 , PDP1 UNIVAC ยคุ ท่ี 4 (The fourth Generation) ปี ค.ศ. 1971 ในยคุ นไ้ี ด้มีการพฒั นาเอาวงจรรวมหลาย ๆ วงจรมา รวมเปน็ วงจรขนาดใหญ่ เรยี กวา่ LSI (Large Scalue Integrated) ลงในซปิ แต่ละอัน บริษทั อนิ เทล (Intel) ได้ สร้างไมโครโปรเซสเซอร์ (Microprocessor) ซง่ึ เป็นซปิ 1 อัน ท่ีประกอบด้วยวงจรทงั้ หมดท่ตี อ้ งใช้ในการ ประมวลผลโปรแกรม ไมโครโปรเซสเซอร์ซปิ ทีใ่ ชใ้ นเครอื่ งพซี ี (PC : Personal Computer) มขี นาดกระทดั รดั ประกอบด้วย ส่วนประกอบของ ซีพียู (CPU) 2 ส่วน คือ หน่วยควบคุม (Control Unit) และ หน่วยคานวณและตรรก (Arithmetic / Logic Unit) ปจั จุบันไดม้ ีการสร้างวงจรอเิ ล็กทรอนิกสห์ ลายหมนื่ วงจรรวมอยู่ในซิปเดยี ว เป็นวงจร LSI (Large Scalue Integrated) และ VLSI (Very Large Scale Integrated) ในยคุ น้ีได้มีการสรา้ งเครื่องคอมพิวเตอร์ทง้ั ขนาด เล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ได้แก่ ไมโครคอมพวิ เตอร์ มินิคอมพวิ เตอร์ เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ และ ซปุ เปอร์คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ ไดร้ ับความนิยมมากเพราะมีขนาดเล็ก กระทัดรัด และราคาถูกแตม่ ปี ระสิทธิภาพเพิ่มข้นึ ทางานเร็วขน้ึ ความเรว็ ในการทางานเปน็ 1/109 วินาที (นาโนเซคค่นั ) และ 1/1012 วนิ าที (พโิ คเซคคน่ั ) นอกจากนี้วงจร LSI ยังไดถ้ ูกนาไปใช้กับเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เป็น การลด คา่ ใชจ้ า่ ยพร้อมกบั เพิ่มประสทิ ธิภาพในการทางาน แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 39

สรปุ อุปกรณ์ : ใชร้ ะบบ LSI ( Large Scale Integrated ) ซึ่งเป็นวงจรท่ีประกอบด้วยทรานซสิ เตอร์หลายพันตัว และต่อมาไดร้ บั การพัฒนาปรับปรงุ เป็น VLSI ซ่งึ ก็คือ Microprocessor หรอื CPU หน่วยวัดควำมเร็ว : วัดเปน็ นาโนวินาที ( Nanosecond) และพโิ ควินาที (Picosecond) ตัวอย่ำงภำษำคอมพวิ เตอร์ : ภาษาปาสคาล (PASCAL) , ภาษาซี (C) ตัวอย่ำงเครือ่ งคอมพิวเตอร์ : IBM 370 เนือ่ งจากการเพมิ่ ความจุของหน่วยบันทกึ ข้อมลู สารองน่ีเอง ซอฟต์แวร์ชนิดใหม่ได้พัฒนาขึ้น เพือ่ ให้สามารถเกบ็ รวมรวบและบนั ทึกแก้ไขขอ้ มลู จานวณมหาศาลท่ีถกู จดั เกบ็ ไว้ นัน่ คอื ซอฟรแ์ วร์ ฐานข้อมูล (Data base ) นอกจากนี้ ยังมกี ารถือกาเนดิ ข้นึ ของเคร่ืองคอมพิวเตอร์สว่ น บุคคลในปี 1975 คอื เคร่ือง Altair ซง่ึ ใช้ชฟิ intel 8080 และถัดจากนั้นก็เป็นยุคของเคร่ือง และ ตามลาดบั ใน ส่วนของซอฟต์แวรก์ ไ็ ด้มกี ารพัฒนาใหเ้ ปน็ มิตรกับผใู้ ช้ มขี นาดใหญ่และซบั ซ้อนมากขึน้ เร่ือย ๆ รวมทงั้ มีการนา เทคนิคต่าง ๆ เชน่ OOP (Object-Oriented Programming) และ Visual Programming มาเป็นเครื่องมือ ช่วยในการพัฒนา การพัฒนาทสี่ าคญั อน่ื ๆในยุคท่ี 4 คอื การพัฒนาเคร่ือข่ายคอมพิวเตอรค์ วามเรว็ สงู ทาให้ คอมพิวเตอรส์ ามารถเชื่อมโยงและแลกเปลยี่ นกันได้ โดยการใช้งานภายในองคก์ รนัน้ ระบบเคร่อื ขา่ ยท้องถ่นิ (Local Araa Networks) ซง่ึ นิยมเรยี กว่า แลน (LANs) จะมีบทบาทในการเชื่องโยงเครื่องนับรอ้ ยเข้าด้วยกัน ในพ้นื ที่หา่ งไกลกันนกั สว่ นระบบเครือ่ งข่ายระยะไกล ( Wide Area Networks ) หรอื แวน (WANs) จะทา หน้าท่ีเชอ่ื มโยงเคร่ืองคอมพิวเตอรท์ ี่อยู่ห่างไกลคนละซกี โลกเข้าด้วยกนั IBM 370 แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 40

ยคุ ที่ 5 (The Fifth Generation) ต้งั แต่ปี ค.ศ. 1980 - 1989 ในยุคท่ี 4 และยคุ ท่ี 5 ก็จัดเป็นยคุ ของคอมพวิ เตอร์ในปัจจบุ ันแตใ่ นยุคที่ 5 น้ีมกี ารใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อ ช่วยการจัดการและนามาใช้สนับสนนุ การตัดสนิ ใจของผู้บริหารจงึ เกิดสาขา MIS (Management Information System) ขน้ึ ในปี ค.ศ 1980 ญี่ปนุ่ ได้พยายามทจี่ ะสรา้ งเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สามารถคดิ และ ตัดสินใจได้เอง โดยสรา้ ง เคร่อื งคอมพิวเตอรใ์ ห้มี “สติปัญญา” เพอ่ื ใชใ้ นการตดั สินใจแทนมนุษย์จึงเกดิ สาขาใหม่ขน้ึ เรียกวา่ สาขา ปญั ญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) สาขาปญั ญาประดษิ ฐเ์ ปน็ สาขาทเี่ นน้ ถึงความพยายามในการ นาเอากระบวนการทางความคิดของมนุษย์มาใชใ้ นการ แก้ปญั หาดว้ ยระบบคอมพิวเตอร์ นอกจากน้ีมีการ ตนื่ ตวั ในการจัดเก็บข้อมูลเปน็ ระบบฐานข้อมูล (Database) การนาคอมพวิ เตอรม์ าใชก้ ับงานทางด้านกราฟิก และมีการพฒั นาซอฟต์แวร์ (Software) เพอ่ื ใชก้ บั งานเฉพาะอยา่ ง เช่น งานการเงิน งานงบประมาณ งาน บัญชี งานสต๊อกสินค้า เปน็ ต้น ยุคท่ี 6 (Sixth Generation) ปี ค.ศ. 1990- ปัจจุบัน ทผี่ า่ นมาทง้ั 5 ยุค พัฒนาการของคอมพวิ เตอร์จะเปน็ ไปในทางการปรบั ปรุงการผลิต และการ เสรมิ สร้าง ความสามารถทางด้านการคานวณของคอมพิวเตอร์ เป็นส่วนใหญ่ ซ่งึ เป็นการจากัด ความสามารถทางด้านการปอ้ นข้อมลู ในปจั จุบนั ความต้องการทางด้านการ ปอ้ นข้อมูลอย่างอสิ ระ โดยใชเ้ สยี งและภาพ ซึง่ ถอื เป็น การป้อนข้อมลู โดยธรรมชาตินัน้ สูงข้ึนเรอื่ ยๆ ความตอ้ งการคอมพิวเตอร์รนุ่ ใหม่ท่ีไม่เปน็ เพยี งแต่เครอื่ งคานวณ จึงสูงขน้ึ เรอ่ื ย ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ความต้องการ ประยกุ ต์ใช้คอมพวิ เตอรใ์ นการแกป้ ญั หาสงั คม เศรษฐกจิ อุตสาหกรรม เทคโนโลยี การติดตอ่ ระหวา่ งประเทศ และอื่น ๆ ในช่วงทศวรรษปี 1990 เชน่ 1) การพฒั นาด้านการผลิตของอุตสาหกรรม การตลาด ธุรกิจ 2) การพฒั นาทางด้านการติดต่อสอ่ื สารระหวา่ งประเทศ 3) การชว่ ยเหลือทางดา้ นการประหยดั พลงั งาน 4) การแกไ้ ขปัญหาของสงั คม การศึกษา การแพทย์ ความสามารถทีค่ อมพิวเตอร์ยุคที่ 6 ควรจะมี อาจแบ่งได้ดังนี้ 1) การพฒั นาปัญญาใหค้ อมพิวเตอร์ เพ่อื ที่จะสามารถนาไปใชเ้ ปน็ ผ้ชู ว่ ยของมนษุ ย์ได้ สาหรับการพัฒนาด้าน ปญั ญาของคอมพิวเตอร์หรือที่เรียกว่า AI (artificial intelligence) อาจกลา่ วไดว้ า่ เป็นการพัฒนาด้านการปอ้ น ขอ้ มลู ดว้ ยเสียงและภาพ ความสามารถในการโต้ตอบด้วยภาษาพูด ความสามารถในการเก็บข้อมลู ในด้าน ความรแู้ ละการนาความรู้ไปใช้ การคน้ หาความรูจ้ ากข้อมูลมหาศาสล และอนื่ ๆ 2) การลดความยากลาบากในการผลติ ซอฟตแ์ วร์ เป็นการพัฒนาทางดา้ นการเขียนโปรแกรม พฒั นา ภาษาของ โปรแกรมให้ง่ายข้นึ วธิ ีการติดต่อกบั ผใู้ ช้ และอื่น ๆ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 41

แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 42

ใบงำนที่ 3 แบบทดสอบเร่ืองประวตั คิ อมพวิ เตอร์ 1. สิ่งใดคือต้นกาเนดิ ของคอมพวิ เตอร์ ก. ลูกคดิ ข. ก้อนหิน ค.คอมพิวเตอร์ ง. เครอ่ื งบวกเลข 2. .ใครไดร้ ับยกยกว่าเป็นบิดาของคอมพิวเตอร์ ก. แบลส ปาสคาล ข. ชารล์ แบบเบจ ค. โฮเวิร์ด ไอเคน ง.เฮอรแ์ มน ฮอนเลอริท 3.เทคโนโลยีใดถูกนามาใชใ้ นคอมพวิ เตอร์ในยุคที่1 ก. ไอซี ข. ทรานซสิ เตอร์ ค. หลอดสญู ญากาศ ง.วงจรรวมขนาดใหญ่ 4.เทคโนโลยใี ดถูกนามาใชใ้ นคอมพวิ เตอร์ในยุคท่ี 2 ก. ไอซี ข. ทรานซิสเตอร์ ค. หลอดสูญญากาศ ง.วงจรรวมขนาดใหญ่ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 43

5.เทคโนโลยีใดถกู นามาใช้ในคอมพวิ เตอร์ในยคุ ที่ 3 ก. ไอซี ข. ทรานซสิ เตอร์ ค. หลอดสูญญากาศ ง.วงจรรวมขนาดใหญ่ 6.เทคโนโลยีใดถูกนามาใช้ในคอมพิวเตอร์ในยคุ ท่ี 4 ก. ไอซี ข. ทรานซิสเตอร์ ค. หลอดสูญญากาศ ง.วงจรรวมขนาดใหญ่ 7.คอมพวิ เตอร์ยุคปจั จบุ ันมนุษยพ์ ยายามนามาเพื่อช่วยในด้านใด ก. การพมิ พ์ ข.การคดิ คานวณ ค. การนับข้อมูล ง.การตดั สินใจและการแกปญั หาให้ดยี ิ่งขนึ้ 8. ขอ้ ใดคือประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ในดา้ นการศึกษา ก. ดหู นัง ข.ฟังเพลง ค. พมิ พร์ ายงาน ง.เล่นเกมสส์ นกุ ๆ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 44

9. ข้อใดคือโทษของคอมพวิ เตอร์ทีเ่ กิดกบั รา่ งกายผู้ใช้ ก. ทาให้เสยี เวลา ข.ทาให้เสียเงนิ ค.ทาใหเ้ สยี สายตา ง.ทาใหเ้ สียกาลังใจ 10. นักเรียนควรใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอรเ์ น็ตในดา้ นใดมากที่สุด ก. คน้ หาเพื่อนคยุ ข.ค้นหาข้อมลู ทารายงาน ค.คน้ หาเพลงและหนังสนุกๆ ง.เลน่ เกมส์เพ่ือฝึกทักษะการใช้คอมพวิ เตอร์ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 45

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้คร้งั ท่ี 4 (กำรเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง) กลุ่มสำระกำรพัฒนำสังคม รำยวชิ ำ เทคโนโลยเี พื่อกำรเรียนรู้ รหสั ทร 23010 จำนวน 3 หน่วยกติ ระดับมัธยมศกึ ษำตอนตน้ เร่อื ง บอกประเภทส่วนประกอบกำรทำงำนและกำรดแู ลเคร่อื งคอมพิวเตอรไ์ ด้ จำนวน ………. ชั่วโมง สอนวนั ท่ี .... เดอื น ............... พ.ศ. 2564 ภำคเรยี นท่ี …… ปกี ำรศกึ ษำ ……….. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ระดบั มีความรคู้ วามเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคติทด่ี ีต่อการใชแ้ หล่งเรียนรู้ ตวั ชวี้ ัด 1. บอกประวัตคิ วามเป็นมาและววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ได้ 2. บอกประเภทส่วนประกอบการทางานและการดูแลรักษาเคร่ืองคอมพิวเตอร์ได้ 3. บอกวิธกี ารเชื่อมต่อระบบเครือข่ายได้ สำระกำรเรยี นรู้ 1. ประวตั คิ วามเป็นมาของคอมพิวเตอร์ได้ 2. วิวฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ 3. ประเภทของคอมพวิ เตอร์ 4. การทางานของคอมพวิ เตอร์ คณุ ธรรม 1. ขยัน 2.ประหยัด 3.สามัคคี กจิ กรรมกำรเรยี นรูต้ อ่ เน่ือง - ใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาใบความรู้ และสรปุ เน้อื หา ส่ือและแหล่งเรียนรู้ - ใบความร/ู้ หนงั สือเรยี น กำรวัดและประเมนิ ผล - การสง่ งานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 46

แหล่งกำรเรยี นรู้/สบื คน้ ข้อมูลเพมิ่ เตมิ 1.หอ้ งสมดุ ประชาชน 2.แหล่งข้อมูลสารสนเทศ Internet 3. ภูมิปญั ญา/แหล่งเรยี นรู้ ควำมคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของผบู้ ริหำรสถำนศึกษำ พจิ ารณาแลว้ ......................................................................................................................................... (นางจรี ะภา วัฒนกสกิ าร) ผอู้ านวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอโชคชยั แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 47

บนั ทกึ หลังกำรสอน ความสาเร็จในการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ปัญหา / อุปสรรค ในการจัดการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................ แนวทางการแกป้ ญั หา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.......................................ครูผู้สอน (..............................................) คร.ู ........................................... วนั ท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ. ........................ ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ ผบู้ งั คับบญั ชา (นางจีระภา วฒั นกสกิ าร) ผูอ้ านวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอโชคชัย แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 48

ใบงำนท่ี 4 ควำมหมำยและควำมสำคัญของเทคโนโลยี มนษุ ยม์ คี วามตอ้ งการปจั จัยพน้ื ฐานในการดารงชีวิต และมีปัญหาใหแ้ ก้ไขอยตู่ ลอดจึงไดม้ ี การประยุกต์นาความรู้ทางด้านวทิ ยาศาสตรม์ าใชใ้ นการคิดคน้ และพัฒนาวธิ กี าร วัสดุ อุปกรณแ์ ละเครื่องมือ เพอื่ สนองความต้องการและแก้ปญั หาต่างๆ โดยสิ่งท่ีคดิ ค้นและพัฒนาขึ้นมาน้ี เรียกวา่ เทคโนโลยี ควำมหมำยของเทคโนโลยี เทคโนโลยี (Technolge) หมายถงึ สิ่งที่มนษุ ยส์ รา้ งหรือพัฒนาข้นึ มา เชน่ วิธีการ วสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ โดยประยุกตใ์ ชค้ วามร้ทู างวิทยาศาสตร์และสาขาวชิ าอื่นๆ ที่เก่ยี วข้อง เพอื่ ตอบสนองความ ต้องการพ้ืนฐานในการดารงชีวติ ช่วยเพ่ิมประสิทธภิ าพในการทางาน และแก้ปญั หาต่างๆ ควำมสำคัญของเทคโนโลยี เทคโนโลยมี คี วามสาคญั หลายด้าน ดงั น้ี 1. สรา้ งคุณภาพชีวติ ท่ีดี เม่ือใชเ้ ทคโนโลยี เชน่ เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าต่างๆภายในบ้าน ใชร้ ถยนต์ สว่ นตัวในการเดินทางแทนการเดินหรือนัง่ รถระจาทาง ใชเ้ ครือ่ งปรับอากาศแทนพดั ลม เมอื่ อากาศรอ้ น มนุษย์ จะมีความสะดวกสบาย ไมเ่ หน็ดเหน่อื ยจากการทางานบา้ นและการเดินทาง มีเวลาทากิจกรรมตา่ งๆทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ สขุ ภาพ สุขภาพจติ เชน่ การออกกาลงั กาย การทากิจกรรมนันทนาการ การทางานอดิเรกท่ีชอบ ซึ่งบง่ บอกถงึ การมีคณุ ภาพชวี ิตท่ดี ขี ้ึน 2. เกิดการสือ่ สารไร้พรมแดน เมื่อใช้เทคโนโลยีโทรคมนาคม เช่น โทรศัพท์ โทรสาร อินเทอร์เน็ต ดาวเทยี ม มนษุ ย์ทัว่ โลกจะสามารถติดต่อสอ่ื สารแลกเปลย่ี นขอ้ มลู กันได้ทุกท่ี ทุกเวลา จึงเกดิ ความเสมอภาค กันในด้านการศกึ ษา และการรับรูข้ า่ วสารต่างๆ การเรยี นทางไกลผ่านดาวเทยี ม การใช้ Skype และอินเตอรเ์ นต็ ในการตดิ ต่อ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 49

3. ปอ้ งกนั ความเสียหายของชีวติ และทรัพย์สิ้น เม่ือใช้เทคโนโลยเี พอื่ ความปลอดภัย เช่น ภาพถา่ ยดาวเทียม เครือ่ งมอื วดั อุณหภูมิของอากาศ ซง่ึ ชว่ ยเตือนภัยจากธรรมชาติ หรอื กลอ้ งโทรทศั น์วงจรปดิ ซงึ่ ช่วยป้องกันภัยท่ี เกิดจากมจิ ฉาชีพได้ ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงการเกดิ คล่ืนสนึ ามแิ ละกล่องโทรทัศนว์ งจรปดิ ชว่ ยสอดสอ่ งผกู้ ระทาผิด แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 50

ใบงำนท่ี 4 ควำมหมำยและควำมสำคัญของเทคโนโลยี 1. จงอธิบายความหมายและความสาคญั ของเทคโนโลยี มาพอสงั เขป ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2. เทคโนโลยมี คี วามสาคญั หลายดา้ น จงยกตวั อยา่ ง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. ปัจจบุ ันสามารถแบง่ ระดบั เทคโนโลยีได้กี่ประเภท อะไรบา้ ง ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................... ..................... ............................................................................................................. ................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................ .................................. ................................................................................................ .............................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................... ............................................... แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 51

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ครั้งท่ี 5 (กำรเรียนร้ดู ้วยตนเอง) กลุ่มสำระกำรพัฒนำสงั คม รำยวชิ ำ เทคโนโลยเี พอื่ กำรเรียนรู้ รหัส ทร 23010 จำนวน 3 หน่วยกิต ระดับมธั ยมศกึ ษำตอนต้น เร่ือง บอกวธิ ีกำรเชอื่ มต่อระบบเครือข่ำยได้ จำนวน ………. ช่ัวโมง สอนวนั ที่ ....... เดอื น ............ พ.ศ. 2564 ภำคเรียนท่ี ……….. ปกี ำรศึกษำ ………………... มำตรฐำนกำรเรียนร้รู ะดบั มีความรู้ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคติท่ีดีต่อการใชแ้ หล่งเรยี นรู้ ตวั ช้ีวัด 1. บอกประวตั คิ วามเป็นมาและววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ได้ 2. บอกประเภทส่วนประกอบการทางานและการดแู ลรกั ษาเคร่อื งคอมพิวเตอร์ได้ 3. บอกวธิ ีการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายได้ สำระกำรเรยี นรู้ 1. ประวตั คิ วามเปน็ มาของคอมพิวเตอร์ได้ 2. ววิ ัฒนาการของคอมพวิ เตอร์ 3. ประเภทของคอมพวิ เตอร์ 4. การทางานของคอมพวิ เตอร์ คุณธรรม 1. ขยัน 2.ประหยัด 3.สามคั คี กิจกรรมกำรเรยี นร้ตู อ่ เนอื่ ง - ใหผ้ ้เู รียนศึกษาใบความรู้ และสรุปเนอื้ หา ส่อื และแหล่งเรยี นรู้ - ใบความร/ู้ หนังสอื เรียน กำรวัดและประเมนิ ผล - การสง่ งานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 52

แหล่งกำรเรยี นรู้/สบื คน้ ข้อมูลเพมิ่ เตมิ 1.หอ้ งสมดุ ประชาชน 2.แหล่งข้อมูลสารสนเทศ Internet 3. ภูมิปญั ญา/แหล่งเรยี นรู้ ควำมคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของผบู้ ริหำรสถำนศึกษำ พจิ ารณาแลว้ ......................................................................................................................................... (นางจรี ะภา วัฒนกสกิ าร) ผอู้ านวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอโชคชยั แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 53

บนั ทกึ หลังกำรสอน ความสาเรจ็ ในการจัดการเรยี นการสอน ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. ปัญหา / อปุ สรรค ในการจัดการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................ แนวทางการแกป้ ญั หา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .......................................ครผู สู้ อน (..............................................) คร.ู ........................................... วันที่..........เดอื น..........................พ.ศ. ........................ ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ ผบู้ งั คับบญั ชา (นางจรี ะภา วัฒนกสิการ) ผ้อู านวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอโชคชัย แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 54

ใบควำมรู้ที่ 5 1. ควำหมำยและพัฒนำกำรของกำรส่ือสำรข้อมูล การสอ่ื สาร (communication) หมายถงึ การสง่ ข้อมูลจากฝา่ ยหน่ึง ไปยังอีกฝา่ ยหนง่ึ ขอ้ มลู (data) หมายถงึ ข้อเท็จจรงิ หรือสงิ่ ทถี่ ือวา่ เปน็ ข้อเท็จจรงิ สาหรับใช้เป็นหลักในการหาความจริง โดยใน ทีน่ ้ขี อ้ มูลจะอยใู่ นรปู เลขฐานสอง ทีค่ อมพิวเตอร์เขา้ ใจและสามารถทางานได้ การสื่อสารข้อมลู (data communication) หมายถึง กระบวนการถ่ายโอน หรอื แลกเปล่ียน ข้อมลู ในรูปแบบเลขฐานสอง ของอุปกรณ์หรือเครือ่ งคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เคร่อื งขึ้นไป ผ่านตัวกลางในการ สอื่ สารข้อมูล การสื่อสารข้อมูลมจี ุดประสงค์เพื่อติดต่อ และเปลี่ยนข้อมลู ข่าวสาร เพอื่ ให้ผสู้ ง่ และผู้รับเกดิ ความเข้าใจซ่ึงกนั และกัน 2. เครือขำ่ ยคอมพิวเตอร์ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ (computer network) เป็นการเชอ่ื มต่อคอมพิวเตอรแ์ ละอุปกรณ์ต่อพว่ งเขา้ ดว้ ยกนั เพ่ือให้สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลซ่งึ กันและกนั ได้ เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งออกไดต้ า สภาพการเชือ่ มโยงเป็น 4 ชนดิ ดงั น้ี 2.1 เครือขำ่ ยส่วนบุคคล เครือขา่ ยสว่ นบุคคล หรอื แพน (personal area network : PAN) เป็นเครือขา่ ยเชอ่ื มตอ่ ไร้สายส่วน บุคคลทม่ี รี ะยะใกล้ๆ เช่น การเช่อื มต่อคอมพวิ เตอณ์กับโทรศพั ท์มือถือ เชอ่ื มต่อโทรศพั ท์มือถอื กับหูฟังบลูธูท เชอ่ื มต่อระหวา่ งโทรศัพท์มือถือเขา้ ดว้ ยกัน เป็นตน้ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 55

2.2 เครือขำ่ ยเฉพำะที่ เครือข่ายเฉพาะท่ี หรอื แลน (local area network : LAN) เปน็ การเชอ่ื มต่อเครอื ขา่ ยขนาด เล็ก ทีเ่ ชอื่ มโยงอปุ กรณ์ตา่ งๆ หรอื คอมพวิ เตอร์ในบรเิ วณใกลๆ้ กัน เข้าด้วยกัน เช่น ภายในห้อง ภายในอาคาร ระหวา่ งอาคาร โดยมอี ปุ กรณ์สาหรับเชื่อมโยงเครอื ข่าย เช่น สวติ ช์ ฮับ เปน็ ต้น โดยการเชอื่ มตอ่ อาจจะเป็น แบบใช้สาย หรือแบบไร้สายก็ได้ 2.3 เครือข่ำยนครหลวง เครอื ข่ายนครหลวง หรือแมน (metropolitan area network : MAN) เป็นเครือขา่ ย เชือ่ มโยงท่อี ยหู่ ่างไกลกัน เชน่ ภายในตาบล หรอื อาเภอ ระยะเชอื่ มโยงประมาณ 5-40 กิโลเมตร โดยการ เชือ่ มต่อจะเปน็ แบบสายสัญญาณ เช่น สายใยแกว้ นาแสง (fiber optic), สายโคแอกเชยี ล (coaxial) 2.4 เครือข่ำยวงกว้ำง เครอื ขา่ ยวงกวา้ ง หรือแวน (wide area network : WAN) เปน็ เครือข่ายคอมพิวเตอรข์ นาดใหญ่ที่ เช่อื มโยงในระยะที่ไกลมากๆ มกี ารติดต่อสอื่ สารกันในบรเิ วณกว้าง เชน่ เชื่อมโยงระหวา่ งจงั หวดั หรือระหวา่ ง ประเทศ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 56

3. โพรโทคอลและอุปกรณส์ ื่อสำรในระบบเครอื ข่ำยคอมพวิ เตอร์ การส่อื สารผา่ นเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ อาจจะมีการใช้งานอุปกรณเ์ ครือข่ายต่างชนิดกนั ซึ่งไม่ สามารถเชื่อมตอ่ กนั ได้โดยตรง ดังนั้นจงึ ต้องมีการเปล่ียนแปลงรูปแบบของข้อมลู ทส่ี ง่ และกาหนดมาตรฐาน เพ่อื ให้อุปกรณ์ท่ีสามารถติดต่อสอื่ สารกันได้ 3.1 โพรโทคอล โพรโทคอล (protocol) คอื ข้อตกลง รูปแบบท่ีคอมพิวเตอรจ์ ะติดต่อเพื่อรับขอ้ มูลขา่ วสาร ระหวา่ งกนั ซ่งึ โพรโทคอลจะมหี ลายมาตรฐาน การติดต่อสื่อสารข้อมูลผ่านเครอื ข่าย จาเปน็ จะต้องมีโพรโทคอลทเ่ี ป็นขอ้ กาหนดตกลงในการ ส่อื สาร เพ่ือให้ระบบท่ีแตกต่างกันสามารถสื่อสารกันได้ โพรโทคอลทีใ่ ช้ในการส่ือสารมีหลายประเภท เช่น 1) โพรโทคอลเอชทีทพี ี (hyper text transfer protocol) เป็นโพรโทคอลหลักท่จี ะใชง้ านเวิลดไ์ วดเ์ วบ็ ใช้แลกเปลย่ี นภาษาเอชทีเอ็มแอล (hyper text markup language : html) ใชร้ ้องขอหรือตอบกลับระหวา่ ง เครื่องลกู ข่าย ทใ่ี ชโ้ ปรแกรมค้นดูเว็บกบั เครื่องแม่ขา่ ย โดยทางานอย่บู นโพรโทคอลทีซีพี (transfer control protocol : tcp) แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 57

2) โพรโทคอลทซี ีพ/ี ไอพี (transfer control protocol / internet protocol : tcp/ip) เปน็ โพรโท คอลท่ีใชใ้ นการสือ่ สารในระบบอินเตอรเ์ น็ต โดยมกี ารระบุผรู้ บั ผูส้ ่งในเครอื ข่าย และแบ่งขอ้ มูลออกเปน็ แพ็ก เก็จสง่ ผา่ นไปทางอนิ เตอร์เนต็ ซ่งึ หากมีการสง่ ข้อมูลเกิดความผิดพลาดจะมีการร้องขอให้สง่ ขอ้ มูลใหม่ 3) โพรโทคอลเอสเอ็มทีพี (simple mail transfer protocol : smtp) คอื โพรโทคอลสาหรบั ส่ง ไปรษณีย์อิเลก็ ทรอนิกส์ (electronic mail) หรอื email ไปยังจุดหมายปลายทาง 4) บลธู ทู (bluetooth) โพรโทคอลท่ีใชค้ ลนื่ วทิ ยุความถี่ 2.4 GHz ในการรบั สัง่ ขอ้ มูล คล้ายกับระบบ แลนไร้สาย เพื่อใหผ้ ูใ้ ชง้ านคอมพิวเตอร์สามารถติดตอ่ สื่อสารกับอปุ กรณต์ ่อพว่ งไรส้ าย เช่น เคร่อื งพมิ พ์ เมาส์ คยี บ์ อรด์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หูฟัง เป็นต้น ปจั จุบันมโี พรโทคอลอีกมากมายนอกจากที่กล่าวมาข้างตน้ เช่น การโอนยา้ ยแฟม้ ขอ้ มลู ระหวา่ งกนั (file transfer protocol : ftp), การโอนย้ายข่าวสารระหวา่ งกันใชโ้ พรโทคอลเอ็นเอ็นทพี ี (network news transfer protocol : nntp) เปน็ ต้น 3.2 อุปกรณส์ ื่อสำรในระบบเครือข่ำยคอมพิวเตอร์ หนา้ 58 แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้

การเช่อื มตอ่ คอมพิวเตอร์ใหเ้ ป็นระบบเครือข่ายได้น้ัน จะต้องอาศยั อุปกรณ์สอ่ื สารในระบบเครือขา่ ย คอมพิวเตอร์ (network device) ซงึ่ ทาหน้าท่ีรบั -สง่ ขอ้ มลู โดยมีอปุ กรณ์ ดังน้ี 1) เคร่อื งทวนสัญญาณ (repeater) เป็นอุปกรณ์ท่ีทาหน้าทร่ี ับสญั ญาณดิจิทัล แล้วส่งต่อไปยังปลายทาง ใชใ้ นกรณีเม่ือมีการสง่ สญั ญาณไปในระยะทางที่ไกลๆ จะทาใหแ้ รงดันสญั ญาณอ่อนลง อุปกรณ์ดงั กลา่ วจะรบั สัญญาณแล้วสง่ ต่อสญั ญาณเพ่ือให้สามารถส่งสญั ญาณไปถึงปลายทางได้ 2) ฮบั (hub) เปน็ อุปกรณท์ ท่ี าหน้าทรี่ วมสัญญาณ ที่มาจากอปุ กรณ์รับ-สง่ หรอื เครือ่ งคอมพิวเตอร์ หลายๆ เครื่องเข้าดว้ ยกัน สญั ญาณท่สี ง่ มจากฮบั จะกระจายไปยังทุกเครื่องท่ตี ่ออยู่กับฮบั 3) บรดิ จ์ (bridge) ใช้ในการเชือ่ มต่อเครือข่ายหลายเครอื ขา่ ยเขา้ ดว้ ยกนั โดยจะต้องเป็นเครอื ขา่ ยที่ใช้ โพรโทคอลตวั เดียวกัน สามารถกรองข้อมลู ท่ีจะส่งตอ่ ได้ โดยทาการตรวจสอบวา่ ข้อมูลที่จะส่งน้ันมปี ลายทาง อย่ทู ี่ใด บรดิ จ์กจ็ ะสง่ ข้อมลู ไปยังปลายทางอยเู่ ท่านน้ั ทาให้การจดั การกับความหนาแนน่ ของขอ้ มูลได้อยา่ งมี ประสิทธภิ าพมากขึ้น แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 59

4) อุปกรณ์จดั เส้นทาง (router) สามารถกรองข้อมูลไดเ้ ชน่ เดียกบั บรดิ จ์ แต่จะมีความสามารถมากกว่า ตรงทสี่ ามารถเสน้ ทางในการส่งข้อมูล (data packet) ไปยังเครอ่ื งปลายทางในระยะทางทส่ี ้นั ท่สี ดุ 5) สวทิ ช์ (switch) จะมคี วามสามารถคล้ายกับฮบั และบริดจ์รวมกนั แต่การรับสง่ ขอ้ มลู จะไมก่ ระจาย เหมือนกบั ฮับ เพราะการรับ-ส่งขอ้ มลู สวทิ ชจ์ ะทาการตรวจสอบก่อนว่าขอ้ มูลเปน็ ของคอมพวิ เตอร์เครื่องใด และจะส่งขอ้ มลู ไปเฉพาะเคร่ืองคอมพวิ เตอรเ์ ป้าหมาย ซ่ึงจะชว่ ยลดปญั หาความคับค่งั ของข้อมูล แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 60

6) เกตเวย์ (gateway) เป็นอปุ กรณท์ าหนา้ ทีเ่ ชอ่ื มต่อเครอื ข่ายตา่ งๆ เข้าดว้ ยกัน ไม่ว่าเครอื ขา่ ยนนั้ จะใช้ โพรโทคอลใดก็ตาม เนื่องจากเกตเวยส์ ามารถปรับเปล่ียนรูปแบบขอ้ มลู ของธพรโทคอลหน่งึ ไปยงั โพรโทคอลห นึง่ ได้ ทาให้สามารถเชอื่ มต่อเครือข่ายอน่ื ๆ ไดอ้ ย่างไม่จากัด แต่ในปจั จุบันได้รวมการทางานของเกตเวย์ไว้ใน อปุ กรณจ์ ัดเส้นทาง (router) แล้ว 4. เทคโนโลยรี ับส่งข้อมลู ในเครือขำ่ ยคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยกี ารรบั -ส่งข้อมูลในเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ดังนี้ 4.1 เทคโนโลยกี ำรรบั สง่ ขอ้ มูลแบบใช้สำย เทคโนโลยีการรับสง่ ข้อมูลแบบใชส้ าย แบ่งออกตามชนิดของสายสื่อสารได้ 3 ชนดิ คอื 1) สายตเี กลียวคู่ หรือสายคบู่ ิดเกลียว (twisted pair cable) ประกอบดว้ ยเส้นลวดทองแดง 2 เส้นบิด กนั เป็นเกลียว เพ่ือลดการรบกวนจากคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าจากสายข้างเคียงกันหรือจากภายนอก โดยทวั่ ไปใช้สง่ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 61

ขอ้ มลู ดิจิทลั ความเร็วในการรับ-ส่งขอ้ มูลอยทู่ ่ี 100 เมกะบิตต่อวินาที ในระยะทางไมเ่ กิน 100 เมตร เนอื่ งจาก มรี าาไม่แพงมาก จงึ มกี ารใชง้ านอย่างกว้างขวาง สายตเี กลียวค่แู บ่งออกเปน็ 2 ชนิดคือ 1.1 สายตีเกลียวคแู่ บบไมป่ ้องกนั สัญญาณรบกวนหรอื ชนิดไมห่ ุม้ ฉนวน (un-shielded twisted pair : utp) เป็นสายชนดิ ทไ่ี ม่มีฉนวนหมุ้ สาย ทาใหส้ ะดวกในการโคง้ งอ และราคาถูก 1.2 สายตเี กลยี วคแู่ บบปอ้ งกนั สัญญาณรบกวนหรือชนิดหมุ้ ฉนวน (shielded twisted pair : stp) เป็นสายชนิดท่มี ฉี นวนหุ้มสาย รองรับความถไี่ ด้มากกวา่ สายแบบไม่มีฉนวนหมุ้ แต่มีราคาแพงกว่า 2) สายโคแอกซ์ (coaxial cable) เปน็ สายลกั ษณะเดียวกบั สายท่ตี อ่ มาจากเสาอากาศ ประกอบดว้ ย ลวดทองแดงทเี่ ปน็ แกนหลกั หุ้มฉนวนชนั้ หนึง่ สายโคแอกช์ทั่วไปมี 2 ชนดิ คอื 50 โอหม์ ซงึ่ จะใช้ส่งข้อมลู สญั ญาณดจิ ิทลั และชนิด 75 โอหม์ ซึง่ สง่ สญั ญาณขอ้ มูลอนาล็อก 3) สายใยแก้วนาแสง (fiber optic cable) หรือเสน้ ใยนาแสง แกนกลางของสายประกอบด้วยเส้นใย แก้วหรือเสน้ พลาสติกขนาดเล็กภายในกลวงจานวนมาก เส้นใยแต่ละเสน้ จะมเี สน้ ใยอกี เส้นหอ่ หุ้ม การส่งผา่ น ข้อมลู จะใชเ้ ลเซอรว์ ิง่ ผ่านชอ่ งกลวงของเส้นใยแต่ละเส้น และอาศัยการหักเหของแสง โดยใชเ้ สน้ ใยชัน้ นอกเป็น ตวั สะท้อนแสง สามารถสง่ ผา่ นขอ้ มูลได้สงู มาก ไม่มีการก่อกวนของคืล่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า ข้อเสียของสายชนดิ น้ี คอื เมื่อสายมีการบดิ งอจะมีปัญหาในการสง่ ผา่ นข้อมลู แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 62

4.2 เทคโนโลยกี ำรรับสง่ ข้อมูลแบบไร้สำย เทคโนโลยีการรับสง่ ข้อมลู แบบไร้สาย อศัยคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟา้ เป็นสื่อกลางนาสญั ญาณ ซึง่ สามรถแบง่ ความถข่ี องคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าได้ 4 ชนดิ ดงั นี้ 1) อินฟราเรด (infrared) เป็นคลน่ื ทีใ่ ช้สง่ ขอ้ มูลระยะใกล้มากๆ ในชว่ งความถี่ทแ่ี คบมากๆ ใชช้ ่องทาง ส่อื สารนอ้ ย การส่ือสารข้อมลู เป็นในแนวตรง ไม่ควรมสี ่ิงกีดขวางระหวา่ งตวั ส่งและตวั รบั สัญญาณ ระยะทางไม่ เกิน 1-2 เมตร ความเรว็ ประมาณ 4-16 เมกกะบิตต่อนาที เช่น การสง่ สัญญาณจากรีโมทคอนโทรลไปยัง โทรทัศน์ 2) คล่ืนวทิ ยุ (radio frequency) โดยใชต้ วั กระจายสัญญาณสง่ ไปในอากาศ และมตี ัวรบั สัญญาณ จะ เปน็ คลืน่ วิทยใุ นช่วงความถีต่ า่ งๆ กัน มคี วามเรว็ ต่าประมาณ 2 เมกกะบติ ตอ่ นาที เชน่ การส่ือสารในระบบวิทยุ เอฟเอ็ม เอเอ็ม, การส่อื สารโดยใช้ระบบไรส้ าย (Wi-Fi) 3) ไมโครเวฟ (microwave) จะมสี ถานนสี ง่ สัญญาณคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้าไปตามอากาศ พร้อมกบั ข้อมูลท่ี ตอ้ งการส่ง จะมีสถานรี ับ-สง่ ข้อมลู เปน็ ระยะๆ ส่งต่อข้อมลู กันเป็นทอดๆ ระหวา่ งสถานีต่อสถานี จนกว่าจะถึง สถานปี ลายทาง เนื่องจากคลื่นไมโครเวฟจะเดนิ ทางเป็นเส้นตรงไมส่ ามารถเลยี้ วโค้งได้ สถานีรับ-ส่งขอ้ มลู มักจะอยใู่ นที่สูง เชน่ ดาดฟ้าอาคาร, ยอดเขา, เพ่ือหลกี เลี่ยงการชนสิง่ กดี ขวาง 4) ดาวเทยี ม (satellite) เป็นสถานีรบั สง่ สัญญาณไมโครเวฟบนท้องฟา้ ซง่ึ พฒั นาข้ึนมาเพ่ือหลีกเลี่ยง ข้อจากดั ของสถานีรบั -ส่งไมโครเวฟบนพืน้ โลก แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 63

5. ประโยชนข์ องกำรส่อื สำรขอ้ มูลผำ่ นเครอื ขำ่ ยคอมพิวเตอร์ 1. ความสะดวกในการจดั เก็บข้อมูล 2. ความถูกต้องของข้อมูล 3. ความเรว็ ของการทางาน 4. ประหยดั ตน้ ทนุ ของการสอื่ สารขอ้ มลู 5. สามารถจดั เกบ็ ข้อมูลเป็นศูนยก์ ลาง 6. การใชท้ รัพยากรของระบบร่วมกันได้ 7. การทางานแบบกล่มุ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 64

ใบงำนท่ี 5 1. จงอธิบายบอกวธิ ีการเช่ือมต่อเครือข่ายและการเชอื่ มต่อระบบคอมพิวเตอร์ มาพอสังเขป .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................................................... ......... ......................................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................ ...................... ............................................................................................................ .................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................... ................................... ............................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................. ................................................ .................................................................................. ............................................................................................ 2. เครอื ขา่ ยเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์มีก่ีประเภท ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................... ........... ....................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ .......................................................................................................... .................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 65

แผนกำรจัดกำรเรยี นรคู้ รั้งที่ 6 (กำรเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง) กลมุ่ สำระกำรพัฒนำสงั คม รำยวชิ ำ เทคโนโลยเี พื่อกำรเรียนรู้ รหัส ทร 23010 จำนวน 3 หนว่ ยกติ ระดบั มัธยมศกึ ษำตอนต้น เรอ่ื ง กำรใช้เมำส์ กำรใช้แป้นพมิ พ์ จำนวน ………. ชวั่ โมง สอนวนั ที่ .... เดือน ............... พ.ศ. 2564 ภำคเรียนท่ี …………. ปกี ำรศกึ ษำ ……………….. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ระดับ มคี วามรคู้ วามเข้าใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ่ีดตี ่อการใช้แหลง่ เรยี นรู้ ตัวชว้ี ดั 1. มคี วามสามารถในการใชเ้ มาสใ์ นการปฎบิ ัติงานได้อยา่ งคลอ่ งแคล่ว 2. มีความสามารถในการใช้แปน้ พมิ พ์เพือ่ การพิมพง์ านท้ังภาษาไทยและภาษาองั กฤษ สำระกำรเรียนรู้ 1. การใชเ้ มาส์ 2. การฝกึ ใช้งานแป้นพิมพ์เพอ่ื การพิมพ์ คุณธรรม 1. ขยนั 2.ประหยัด 3.สามัคคี กิจกรรมกำรเรียนรตู้ อ่ เนอ่ื ง - ให้ผูเ้ รียนศึกษาใบความรู้ และสรุปเนอื้ หา สื่อและแหล่งเรยี นรู้ - ใบความร/ู้ หนงั สอื เรยี น กำรวัดและประเมนิ ผล - การส่งงานท่ไี ด้รับมอบหมาย แหลง่ กำรเรียนรู้/สืบค้นขอ้ มูลเพิม่ เติม 1.หอ้ งสมุดประชาชน 2.แหล่งข้อมูลสารสนเทศ Internet 3. ภูมปิ ัญญา/แหล่งเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 66

ควำมคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของผูบ้ รหิ ำรสถำนศึกษำ พิจารณาแลว้ ......................................................................................................................................... (นางจีระภา วัฒนกสกิ าร) ผู้อานวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอโชคชยั แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 67

บันทกึ หลังกำรสอน ความสาเร็จในการจดั การเรยี นการสอน ....................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หา / อปุ สรรค ในการจัดการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................ แนวทางการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.......................................ครผู สู้ อน (..............................................) คร.ู ........................................... วันท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ. ........................ ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ผู้บังคับบัญชา (นางจีระภา วฒั นกสกิ าร) ผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอโชคชัย แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 68

ใบควำมรทู้ ี่ 6 เมำส์ (mouse) คืออุปกรณ์ที่ใชใ้ นการควบคมุ การใช้งานในคอมพิวเตอร์ชิ้นหน่งึ ซ่ึงออกแบบ เพื่อใหพ้ อดกี บั การใชง้ านโดยสว่ นโค้งและสว่ นเว้าโค้งเข้าตามกบั อุง้ มือของผู้ใช้ โดยภายด้านใต้ของเมาส์จะมี อปุ กรณ์ซึง่ ตรวจจับการเคลอ่ื นไหวของเมาส์ โดยส่งสญั ญาณไปท่ีคอมพวิ เตอรเ์ พ่ือแสดงผลของเคอร์เซอรบ์ น หน้าจอคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท 1.แบบทางกล (Mechanical) เมาส์จะมีล้อยางเปน็ ลูกกลิ้งอยูด่ ้านล่าง เมื่อผู้ใชเ้ มาส์เลอ่ื นเมาส์ไปบนแผ่นรองเมาส์ (Mouse pad) หรอื พืน้ โตะ๊ จะทาใหล้ กู กลิ้งด้านลา่ งหมนุ และทาให้แกนภายในของเมาส์หมนุ กจ็ ะส่งสัญญาณเป็นพิกดั ในการ เลอื่ นตาแหน่งชี้ (Mouse Pointer) ของเมาส์ไปยังตาแหน่งที่ตอ้ งการบนจอภาพ เม่ือต้องการเลอื กส่งต่าง ๆ บนจอภาพ ทาไดโ้ ดยการกดปุ่มซ้ายหรอื ขวา 1 ครงั้ (Click) หรือ 2 คร้ัง (Double Click) การทางานของเมาส์ น้ีจะตอ้ งควบคมุ ด้วยโปรแกรมท่ีเรยี กวา่ Mouse Driver 2.แบบใช้แสง (Optical mouse) อาศัยหลักการสง่ แสงจาก Mouse ลงไปบนแผ่นรอง Mouse แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 69

3.แบบไรส้ าย (Wireless Mouse) เป็น Mouse ท่มี ีการทางานเหมือน Mouse ท่ัวไปเพียงแต่ไม่มีการใชส้ ายไฟต่อออกมาจากตวั Mouse ซง่ึ Mouse ชนิดนี้จะมตี ัวรับและตวั ส่งสญั ญาณซ่ึงทางด้านตัวรบั สญั ญาณอาจจะเป็นหวั ต่อแบบ PS/2 หรือ แบบ USB ท่เี รียกวา่ Thumb USB receiver ซงึ่ ใชค้ วามถ่วี ิทยุอยทู่ ่ี 27MHz และปจั จุบันใช้แบบ Nano receiver ซง่ึ ใชค้ วามถวี่ ิทยุที่ 2.4 GHz การใชแ้ ปน้ พิมพ์ ไมว่ า่ คณุ จะเขยี นจดหมายหรือคานวณขอ้ มลู ตวั เลข คยี บ์ อรด์ ของคุณเปน็ วธิ หี ลักในการใส่ขอ้ มลู ลงใน คอมพวิ เตอร์ของคุณ แตค่ ุณทราบแล้วใชไ่ หมว่าคณุ ยงั สามารถใช้แป้นพิมพ์ของคุณเพ่อื ควบคมุ คอมพิวเตอร์ได้ ดว้ ย การเรยี นรูค้ าสงั่ แปน้ พมิ พ์ง่ายๆ ไม่ก่ีอย่าง(คาแนะนาเพื่อใช้งานคอมพวิ เตอร์ของคุณ) สามารถชว่ ยให้คุณ ทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิง่ ข้ึน วิธกี ำรจดั ระเบียบแปน้ แปน้ บนแป้นพิมพ์ของคณุ สามารถแบ่งไดห้ ลายกลุ่มตามฟังก์ชนั ดงั น้ี  แป้นสำหรบั พิมพ์ (ตัวอกั ษรและตัวเลข) แป้นเหลา่ นี้ประกอบดว้ ยตัวอักษร หมายเลข เคร่ืองหมาย วรรคตอน และแปน้ สัญลักษณ์แบบเดียวกับที่มีอยบู่ นเครื่องพิมพด์ ดี แบบเกา่  แปน้ ควบคมุ แป้นเหล่านีใ้ ชแ้ ป้นเดยี วหรอื ใชร้ ่วมกบั แป้นอ่ืนเพ่ือดาเนนิ การบางอย่าง แป้นควบคมุ ท่ี ใช้บอ่ ยท่ีสดุ คือ Ctrl, Alt, แป้นโลโก้ Windows , และ Esc  แป้นฟงั ก์ชัน แป้นฟังกช์ นั ใช้สาหรับการทางานบางอย่าง แป้นเหล่าน้ีมชี อื่ กากบั ตั้งแต่ F1, F2, F3 ไป จนถึง F12 ฟงั กช์ ันการทางานของแปน้ เหล่านแี้ ตกต่างกันออกไปในแต่ละโปรแกรม  แปน้ นำทำง แป้นเหล่านี้จะใช้เพ่อื เลื่อนไปตามตาแหนง่ ตา่ งๆ ของเอกสารหรือเวบ็ เพจ รวมถงึ แก้ไข ขอ้ ความได้ ซึ่งไดแ้ ก่ แปน้ ลกู ศร, Home, End, Page Up, Page Down, Delete และ Insert  แปน้ พมิ พต์ วั เลข แป้นตวั เลขมีประโยชนเ์ มอื่ ต้องการป้อนหมายเลขอย่างรวดเรว็ แปน้ เหลา่ นีจ้ ัดไว้ เป็นบล็อกเดยี วกันแบบเดียวกับเคร่อื งคดิ เลขที่ใช้กนั ปกติหรือเครื่องบวกเลข แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 70

ภาพประกอบต่อไปน้แี สดงวิธีการจัดเรียงแป้นเหล่านบ้ี นแป้นพิมพ์ทว่ั ไป เค้าโครงแปน้ พิมพ์ของคุณอาจ แตกตา่ งกนั กำรพมิ พ์ข้อควำม เม่ือใดก็ตามทค่ี ุณตอ้ งการพิมพ์บางสง่ิ ในโปรแกรม ข้อความอเี มล หรอื กล่องขอ้ ความ คณุ จะเห็น เสน้ แนวตัง้ กะพรบิ ( ) เรียกว่าเคอรเ์ ซอร์หรอื จุดแทรก ซึ่งจะแสดงตาแหนง่ เริม่ ตน้ ของข้อความทค่ี ุณพิมพ์ คุณ สามารถย้ายเคอรเ์ ซอร์ โดยคลิกในตาแหน่งทต่ี ้ังท่ตี ้องการโดยใช้เมาส์ หรือใช้แปน้ นาทาง (ดูส่วน \"การใช้แป้น นาทาง\" ในบทความนี)้ นอกเหนือจากตัวอักษร ตวั เลข เครื่องหมายวรรคตอนและสญั ลกั ษณต์ ่างๆ แลว้ แป้ สาหรบั พมิ พย์ ังมี Shift, Caps Lock, Tab, Enter, Spacebar และ Backspace ด้วย ชือ่ แปน้ วิธีการใช้ Shift กด Shift พร้อมกบั ตวั อกั ษรเพ่ือพิมพ์ตัวพิมพ์ใหญ่ กด Shift พร้อมกับแปน้ อ่ืนเพื่อพิมพส์ ัญลักษณ์ท่ีแสดงอยู่ด้านบนของ แป้นนัน้ Caps Lock กด Caps Lock หนึ่งครั้งเพอื่ พมิ พ์ตวั อักษรทงั้ หมดเปน็ ตวั พมิ พใ์ หญ่ กด Caps Lock อีกครงั้ เพื่อปิดฟังก์ชนั น้ี แปน้ พิมพ์ ของคณุ อาจมีไฟแสดงว่า Caps lock เปิดอยู่ Tab กด Tab เพือ่ ย้ายเคอรเ์ ซอร์ไปขา้ งหน้าโดยเว้นระยะห่างจานวนมาก คณุ ยังสามารถกด Tab เพ่อื ย้ายไปยังกล่องขอ้ ความ ถดั ไปบนแบบฟอรม์ ได้ Enter กด Enter เพือ่ ยา้ ยเคอร์เซอร์ไปยงั ตาแหนง่ เรมิ่ ต้นของบรรทดั ถดั ไป ในกล่องโต้ตอบ กด Enter เพ่อื เลือกปุ่มไฮไลต์ Spacebar กด Spacebar เพ่ือเลื่อนเคอรเ์ ซอรไ์ ปขา้ งหนา้ หนึ่งช่องวา่ ง Backspace กด Backspace เพือ่ ลบอักขระข้างหน้าเคอร์เซอร์ หรือข้อความท่ีเลือก แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 71

กำรใช้แป้นพิมพ์ลัด แปน้ พิมพล์ ดั เป็นวิธดี าเนินการท่ีใชแ้ ปน้ พมิ พ์ของคุณ ซึ่งเรียกวา่ ทางลัดเนื่องจากแป้นเหลา่ นี้ชว่ ยให้ คุณทางานได้เรว็ ขึ้น ตามความเปน็ จริงแล้ว การดาเนิการหรอื คาสง่ั ท่ีคุณสามารถทาไดด้ ้วยเมาส์เกอื บทกุ อยา่ ง สามารถทาได้เรว็ ขึ้นโดยใชแ้ ป้นหนง่ึ แป้นหรือหลายแป้นบนแป้นพิมพข์ องคุณ ในหัวข้อวิธีใช้ เคร่อื งหมายบวก (+) ทค่ี ่ันระหวา่ งแปน้ สองแป้นข้นึ ไปหมายความว่า ให้กดแปน้ เหล่านัน้ รว่ มกัน ตัวอยา่ งเชน่ Ctrl + A หมายถึง ใหก้ ด Ctrl ค้างไวแ้ ล้วกด A ส่วน Ctrl + Shift + A หมายความว่า ให้กด Ctrl และ Shift คา้ งไว้ แลว้ กด A คน้ หำทำงลดั ของโปรแกรม คณุ สามารถทาสิ่งต่างๆ ในโปรแกรมส่วนใหญ่ได้ โดยใช้แปน้ พิมพ์ เมื่อต้องการดูคาสั่งที่มีแปน้ พมิ พล์ ดั ให้เปดิ เมนู ทางลัด (หากมี) จะแสดงถดั จากรายการเมนู แปน้ พิมพล์ ัดแสดงถัดจำกรำยกำรเมนู เลือกเมนู คำส่ัง และตัวเลือก คุณสามารถใชแ้ ป้นพิมพ์เพื่อเปดิ เมนู เลือกคาสั่งและตวั เลือกอนื่ ๆ ได้ ในโปรแกรมทเ่ี มนูมีตัวอกั ษรทขี่ ีดเสน้ ใต้ ให้กด Alt และตวั อักษรท่ีขดี เสน้ ใตเ้ พือ่ เปดิ เมนูทสี่ อดคล้องกัน กดตัวอักษรท่ีขีดเสน้ ใต้ในรายการเมนเู พื่อเลือก คาส่ังดงั กล่าว สาหรับโปรแกรมที่ใช้ Ribbon เช่น Paint และ WordPad ให้กดแป้น Alt ทับ (แทนตัวอักษรที่ ขดี เสน้ ใต้) ตัวอักษรท่กี ดได้ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 72

กดแป้น Alt + F เพ่ือเปิดเมนูไฟล์ จากน้ันกด P เพอ่ื เลือกคาส่งั พิมพ์ เทคนิคนี้ทางานในกลอ่ งโต้ตอบด้วยเช่นกนั เมือ่ ใดกต็ ามที่คุณเห็นตัวอกั ษรท่ขี ีดเส้นใต้อยู่กบั ตวั เลือกในกลอ่ ง โตต้ อบ หมายความว่า คุณสามารถกดแปน้ Alt กับตัวอักษรนั้นเพอ่ื เลือกตัวเลอื กน้ันได้ ทำงลดั ท่ีมปี ระโยชน์ ตารางต่อไปน้คี ือแปน้ พมิ พล์ ัดบางส่วนทีม่ ีประโยชน์มากทีส่ ุด สาหรับรายละเอยี ดเพมิ่ เติม ดู แป้นพมิ พ์ลดั กด เมื่อต้องการทาเช่นนี้ แป้นโลโก้ Windows เปิดเมนูเร่มิ ต้น Alt + Tab สลับไปมาระหว่างโปรแกรมหรือหน้าตา่ งทีเ่ ปดิ อยู่ Alt + F4 ปดิ รายการทีใ่ ชง้ านอยู่ หรอื ออกจากโปรแกรมท่ีใช้งานอยู่ Ctrl + S บนั ทกึ ไฟลห์ รือเอกสารปจั จุบัน (ใช้งานได้ในโปรแกรมส่วนใหญ)่ Ctrl + C คัดลอกรายการที่เลือก Ctrl + X ตัดรายการท่เี ลือก แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 73

กด เมื่อต้องการทาเช่นน้ี Ctrl + V วางรายการที่เลอื ก Ctrl + Z ยกเลกิ การดาเนินการ Ctrl + A เลือกทุกรายการในเอกสารหรือหน้าตา่ ง F1 แสดงวิธใี ชข้ องโปรแกรมหรือ Windows แป้นโลโก้ Windows + F1 แสดงวิธใี ช้และการสนบั สนนุ Windows Esc ยกเลกิ งานปัจจบุ ัน แป้นที่ใช้กับแอปพลิเคช่นั เปดิ เมนูคาสัง่ ทเ่ี กีย่ วข้องกับสิ่งที่ตอ้ งการเลอื กในโปรแกรม แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 74

ใบงำนท่ี 6 1.จงอธิบำยกำรใชแ้ ป้นพิมพ์ มำพอสงั เขป ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.จงอธิบำยกำรใช้เมำส์ มำพอสงั เขป ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 75

แผนกำรจัดกำรเรยี นรคู้ รง้ั ท่ี 7 (พบพลุ่ม) กลมุ่ สำระกำรพัฒนำสงั คม รำยวชิ ำ เทคโนโลยเี พ่ือกำรเรียนรู้ รหสั ทร 23010 จำนวน 3 หน่วยกติ สำระทกั ษะกำรเรียนรู้ รำยวิชำเทคโนโลยเี พือ่ กำรเรยี นรู้ รหสั วชิ ำ ทร23010 ระดับมัธยมศึกษำตอนตน้ เรอ่ื ง โปรแกรม ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ XP (Microsoft Windows XP) เวลำสอน 6 ชั่วโมง สอนวันท่ี ........... เดือน ........................ พ.ศ. 2564 ภำคเรยี นที่ …… ปีกำรศกึ ษำ …………….. มำตรฐำนกำรเรยี นร้รู ะดบั มาตรฐานท่ี 1.2 มคี วามรูค้ วามเข้าใจ ทักษะ และเจตคตทิ ่ีดีตอ่ การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ ตัวช้ีวดั 1.บอกโครงสร้างของ ระบบปฏิบตั ิการ Window และการใชง้ าน Window XP ได้ 2.สามารถใชง้ านตามระบบ ได้ครบถว้ นทุกเมนู จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1.บอกโครงสรา้ งของ ระบบปฏิบตั ิการ Window และการใช้งาน Window XP ได้ 2.ฝกึ ปฏบิ ัติการใชง้ านตามระบบ ได้ครบถว้ นทกุ เมนู เนอื้ หำ (ครสู ำมำรถปรับตำมยุคสมยั ไดต้ ำมควำมเหมำะสม) โปรแกรม ไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์ XP (Microsoft Windows XP) 1.ระบบปฏบิ ตั กิ าร Window การเรมิ่ ใชง้ าน Window XP สว่ นประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรม 2.การปรับแตง่ หนา้ จอให้สวยงาม 3.การเปล่ียนรูปแบบ Start Menu การปรับวนั เวลาให้เปน็ ปัจจบุ ัน การ สลับภาษาไทยอังกฤษการ ใชโ้ ปรแกรม คิดเลข 4.การสร้างปุม่ ลัดหรอื Shortcut 5.การเขา้ สู่ My Computer การจดั เตรียมพน้ื ทีใ่ ห้แผ่น ดสิ ก์เกตต์ (Format) การก๊อปปีแผ่นดสิ ก์ เกตต์ การจดั การกับไฟล์และ โฟลเดอร์ 6.การดูหนังฟงั เพลง 7.การเรยี กใชโ้ ปรแกรมวาด ภาพ การ บันทึกงาน การนารูปวาดขึ้นบน เดสก์ทอป การติดตง้ั เคร่ือง พิมพ์ การ พิมพง์ านออกทางเคร่ืองพมิ พ์ ถอน การตดิ ตั้งโปรแกรม การติดตงั้ ฟอนต์ การเชค็ สเป็คเครอื่ ง การ เรยี กใช้ โปรแกรม Notepad การบีบอัดไฟล์ การขยายไฟล์ทถี่ ูกบบี อดั คณุ ธรรม 1. เพอื่ พัฒนาตนเอง 2. เพอ่ื พฒั นาการทางาน 3. เพือ่ พฒั นาการอยู่ร่วมกันในสังคม 4. เพอ่ื การพฒั นาประเทศชาติ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 76

ขน้ั ตอนกำรจัดกระบวนกำรเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 กำรกำหนดสภำพ ปัญหำ ควำมต้องกำรในกำรเรยี นรู้ (O : Orientation) (30 นำท)ี -ครูทบทวนเนอ้ื หาครงั้ ทแ่ี ล้วกับผู้เรียนและชแี้ จงจุดประสงค์การเรียนรตู้ ามแผนการเรยี นรู้ เร่ือง โปรแกรม ไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์ XP (Microsoft Windows XP) -หลงั จากนนั้ ครูชวนพูดชวนคยุ เก่ียวกบั เรือ่ งความจาเป็นในการใชโ้ ปรแกรม ไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์ XP (Microsoft Windows XP) โดยให้ผูเ้ รียน ชมคลิปวดิ ีโอ เรื่อง เชอื มต่อ คอมพิวเตอร์ กับ สมองมนุษย์ เข้า ไกล้ความจรงิ จาก https://www.youtube.com/watch?v=zanUmm-2FyY (5 นาท)ี และชมคลิปสปอย หนังเรื่อง เม่ือใกล้ตาย เขาได้อพั โหลดสมองเพื่อเป็น Ai สปอยหนัง | Transcendence | จาก https://www.youtube.com/watch?v=hUSGwEi27pA (20 นาที) โดยให้ผูเ้ รยี นตอบคาถามเป็นรายบุคคล จานวน 2-3 คน ตามความสมัครใจ ในประเด็น “หลงั จากท่ผี ้เู รียนฟงั ชมคลปิ วีดโี อแล้ว ทา่ นคิดว่า ถ้าเราไม่เป็นคอมพิวเตอร์จะเป็น อย่างไร จากนน้ั ผูเ้ รียนและครสู รุปส่ิงทไี่ ดเ้ รียนรเู้ รื่อง โปรแกรม ไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์ XP (Microsoft Windows XP) ข้ันท่ี 2 กำรแสวงหำข้อมูล และกำรจดั กำรเรียนรู้ (N : New Way of learning) ( 60 นำท)ี แบง่ กลุม่ ผู้เรียน ออกเป็นกลมุ่ ละ 2-3 คน และใหผ้ ู้เรยี นชมคลปิ วดิ ีโอ เรือ่ ง Windows XP | ตานานแห่งโลกไอที - Nanandmic567 [EP.2] จาก https://www.youtube.com/watch?v=NqW-G7bKEpw ( 14 นาท)ี และเร่ือง วิธใี ช้ my computer บน windows XP จาก https://www.youtube.com/watch?v=G0tMwooG- 60 ( 27 นาที) โดยให้แต่ละกลุ่มตอบคาถาม และให้แต่ละกลุ่มส่งผู้แทนออกมานาเสนอต่อกลุ่มใหญ่ จานวน 5 ประเด็น ดังน้ี 1.ระบบปฏิบตั กิ าร Window การเรม่ิ ใช้งาน Window XP ส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของโปรแกรม 2.การปรับแต่งหน้าจอให้สวยงาม 3.การเปลยี่ นรูปแบบ Start Menu การปรับวนั เวลาใหเ้ ป็นปจั จบุ นั การ สลบั ภาษาไทยองั กฤษการ ใชโ้ ปรแกรม คดิ เลข 4.การสรา้ งปุ่มลัดหรอื Shortcut 5.การเขา้ สู่ My Computer การจัดเตรียมพืน้ ทีใ่ ห้แผน่ ดสิ ก์เกตต์ (Format) การก๊อปปีแผน่ ดิสก์ เกตต์ การจัดการกับไฟล์และ โฟลเดอร์ หลังจากน้ันผู้เรยี นและครสู รปุ สิง่ ทไี่ ดป้ ระเด็นที่ 1 – 5 รว่ มกนั ข้นั ที่ 3 กำรปฏิบัติและกำรนำไปประยกุ ตใ์ ช้ (I : Implementation) (60 นำที) ให้ผู้เรียนแตล่ ะคนไดฝ้ กึ ปฏบิ ัตกิ ารใชง้ าน My Computer (ครูสามารถปรบั ตามยุคสมัยได้ตามความ เหมาะสม) โดยให้พมิ พง์ าน หรอื ปฏบิ ัตงิ านอ่ืนๆ ตามที่ครูบอก 2. ผู้เรียนและครูสรปุ ร่วมกนั แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 77

ข้นั ที่ 4 กำรประเมินผล (E : Evaluation) ( 45 นำที) 1. ให้ผู้เรยี นตอบคาถามเป็นรายบคุ คล จานวน 2-3 คน ตามความสมัครใจ ในประเดน็ “ผ้เู รียนจะนาความรู้ทไี่ ด้รบั จากการเรียนรเู้ ร่ือง โปรแกรม ไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์ XP (Microsoft Windows XP) ไปใช้ในชวี ติ ประจาวันของตนเอง ไดอ้ ยา่ งไร 1. ครูและผเู้ รียนสรปุ สงิ่ ทเ่ี รยี นรู้รว่ มกนั 2. ทาแบบทดสอบจาก Google From 3. ใหผ้ ู้เรยี นเรียนรู้ดว้ ยตนเองเรื่อง -การดูหนงั ฟงั เพลง -การเรียกใช้โปรแกรมวาด ภาพ การ บนั ทึกงาน การนารปู วาดข้ึนบน เดสกท์ อป การติดต้งั เครอื่ ง พิมพ์ การ พิมพ์งานออกทางเคร่ืองพิมพ์ ถอน การติดตงั้ โปรแกรม การตดิ ตัง้ ฟอนต์ การ เชค็ สเปค็ เครอ่ื ง การเรยี กใช้ โปรแกรม Notepad การบีบอัดไฟล์ การขยายไฟลท์ ี่ถกู บีบอัด ส่ือกำรเรยี นรู้ 1.คลปิ วดิ ีโอ เรือ่ ง เชือมต่อ คอมพิวเตอร์ กบั สมองมนุษย์ เข้าไกล้ความจริง จาก https://www.youtube.com/watch?v=zanUmm-2FyY (5 นาท)ี 2.คลปิ สปอยหนังเรือ่ ง เม่ือใกล้ตาย เขาได้อพั โหลดสมองเพื่อเปน็ Ai สปอยหนัง | Transcendence | จาก https://www.youtube.com/watch?v=hUSGwEi27pA (20 นาที) 3.คลิปวดิ โี อ เรื่อง Windows XP | ตานานแห่งโลกไอที - Nanandmic567 [EP.2] จาก https://www.youtube.com/watch?v=NqW-G7bKEpw ( 14 นาท)ี 4.คลปิ วดิ โี อ เร่ือง วิธีใช้ my computer บน windows XP จาก https://www.youtube.com/watch?v=G0tMwooG-60 ( 27 นาท)ี 5.หนังสือเรยี นวชิ า เทคโนโลยีเพอื่ การเรียนรู้ รหสั วิชา ทร23010 6.แบบทดสอบจาก Google From กำรวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมในการแลกเปล่ียนเรยี นรู้ ความสนใจ ความต้ังใจ 2. ผลงาน 3. แบบทดสอบจาก Google From กำรเรยี นรตู้ อ่ เน่อื ง ( ๓ ช.ม.) กจิ กรรมเพ่อื เสริมสร้ำงนิสัยใฝร่ ้ใู ฝเ่ รียน ให้ผเู้ รยี นฝกึ ทักษะการใชโ้ ปรแกรม ไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์ XP (Microsoft Windows XP) 1. ใบงาน เร่ืองโปรแกรม ไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์ XP (Microsoft Windows XP) จากหนงั สือเรยี น 2. ใหผ้ เู้ รยี นเรยี นรู้ดว้ ยตนเองเร่ือง -การดหู นังฟังเพลง -การเรยี กใชโ้ ปรแกรมวาด ภาพ การ บนั ทึกงาน การนารปู วาดข้ึนบน เดสก์ทอป การติดตั้ง เคร่อื ง พมิ พ์ การ พิมพ์งานออกทางเครอ่ื งพมิ พ์ ถอน การติดตง้ั โปรแกรม การตดิ ตงั้ ฟอนต์ การ เช็คสเป็คเครื่อง การเรยี กใช้ โปรแกรม Notepad การบบี อัดไฟล์ การขยายไฟล์ท่ีถกู บีบอัด 3. ใบงาน 4 แบบทดสอบ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 78

ควำมคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ำรสถำนศกึ ษำ พจิ ารณาแลว้ ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... .................. ลงชื่อ (นางจรี ะภา วฒั นกสิการ) ผู้อานวยการศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอโชคชยั วนั ท.่ี ........เดอื น.........................พ.ศ........... แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 79

บนั ทกึ หลังกำรสอน ความสาเร็จในการจัดการเรยี นการสอน ...................................................................................................................................................... ........................ ........................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................ .................................. ................................................................................................. ............................................................................. ปญั หา / อุปสรรค ในการจัดการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................ แนวทางการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ .......................................ครูผสู้ อน (..............................................) คร.ู ........................................... วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ. ........................ ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ ผบู้ ังคับบญั ชา (นางจรี ะภา วฒั นกสกิ าร) ผ้อู านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอโชคชยั แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 80

ใบควำมรู้ E book วิชำเทคโนโลยเี พ่อื กำรเรียนรู้ ม.ต้น หนังสือเรียนวชิ ำเทคโนโลยีเพอ่ื กำรเรียนรู้ ม.ต้น แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 81

ใบงำน 1.ระบบปฏิบัติการ Window การเร่ิม ใช้งาน Window XP สว่ นประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรม 2.การปรับแตง่ หนา้ จอให้สวยงาม 3.การเปลยี่ นรูปแบบ Start Menu การปรบั วัน เวลาให้เป็นปัจจุบัน การ สลับภาษาไทยอังกฤษการ ใช้โปรแกรม คดิ เลข 4.การสรา้ งปมุ่ ลัดหรือ Shortcut 5.การเขา้ สู่ My Computer การจัดเตรียมพื้นทีใ่ ห้แผน่ ดิสกเ์ กตต์ (Format) การก๊อปปีแผน่ ดสิ ก์เกตต์ การ จัดการกับไฟลแ์ ละ โฟลเดอร์ 6.การดหู นังพงั เพลง 7.การเรียกใช้โปรแกรมวาด ภาพ การ บนั ทึกงาน การนารูปวาดขน้ึ บน เดสก์ทอป การติดตัง้ เครื่อง พิมพ์ การ พิมพ์งานออกทางเคร่ืองพมิ พ์ ถอน การตดิ ต้งั คำชแี้ จง ใหผ้ เู้ รียนฝกึ ทกั ษะปฏิบตั ดิ งั น้ี โปรแกรม การตดิ ตั้งฟอนต์ การเช็คสเปค็ เครื่อง การเรยี กใช้ โปรแกรม Notepad การบีบอัดไฟล์ การขยาย ไฟลท์ ่ีถูกบีบอดั แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 82

แบบทดสอบ หนา้ 83 1. คอมพวิ เตอร์คืออะไร ก. ระบบโปรแกรมการทางาน ข. การคานวณ ค. เครอ่ื งจกั รอเิ ลก็ ทรอนิกส์ที่ทางานตามขัน้ ตอนของโปรแกรม ง. อุปกรณ์ทปี่ ระกอบขึ้น 2. ฮำร์ดแวร์คอมพวิ เตอร์คอื อะไร ก. อุปกรณท์ ี่ประกอบขึน้ เปน็ เครือ่ งคอมพิวเตอร์ ข. การคานวณ ค. เครือ่ งจกั รอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ที่ทางานตามขั้นตอนของโปรแกรม ง. ระบบโปรแกรมการทางาน 3. ซอฟต์แวรค์ อมพิวเตอรค์ ืออะไร ก. อปุ กรณ์ที่ประกอบขน้ึ เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ข. โปรแกรมหรอื ชดุ คาสง่ั ทีส่ ่ังใหค้ อมพวิ เตอรท์ างาน ค. เคร่อื งจกั รอิเลก็ ทรอนิกส์ทท่ี างานตามขั้นตอนของโปรแกรม ง. ระบบโปรแกรมการทางาน 4. RAM คอื อะไร ก. หนว่ ยความจาถาวรท่ตี ดิ ตั้งมาพร้อมกบั แผงเมนบอรด์ ข. หน่วยความจาเสมือน ค. หน่วยความจาทที่ างานแทนเมนบอร์ด ง. หนว่ ยความจาชั่วคราวท่สี ามารถอ่านและเขียนข้อมลู ได้ 5. ROM คอื อะไร ก. หนว่ ยความจาถาวรทต่ี ิดต้ังมาพร้อมกบั แผงเมนบอร์ด ข. หนว่ ยความจาเสมอื น ค. หนว่ ยความจาทที่ างานแทนเมนบอรด์ ง. หนว่ ยความจาชวั่ คราวทีส่ ามารถอ่านและเขยี นข้อมูลได้ 6. ข้อมูล คืออะไร ก. ขอ้ มูลท่ีได้รบั การกรอง และเรยี บเรยี ง ท่สี ามารถนาไปใช้งานได้ ข. ขอ้ มลู ท่ีประมวลผลแลว้ ค. ความเป็นจริงท่ียังเปน็ ข้อมูลดิบซ่งึ ไมไ่ ด้ผา่ นการประมวลผลใด ๆ ง. ผลลัพท์ของการทางาน 7. ขอ้ มูลสำรสนเทศ คืออะไร ก. ข้อมูลที่ได้รับการกรอง และเรยี บเรยี ง ทีส่ ามารถนาไปใชง้ านได้ ข. ข้อมลู ทปี่ ระมวลผลแลว้ ค. ความเป็นจริงทีย่ งั เป็นข้อมูลดบิ ซึง่ ไมไ่ ดผ้ า่ นการประมวลผลใด ๆ ง. ผลลพั ทข์ องการทางาน แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้

8. ขอ้ ใดไม่ใชร่ ะบบปฏิบตั กิ ำร ก. Microsoft Windows98 ข. Microsoft Windows ME ค. Microsoft Windows XP ง. Microsoft Office 9. MOUSE คอื อะไร ก. เครอ่ื งพิมพ์ ข. อุปกรณน์ าเขา้ ข้อมลู เพื่อให้เราสามารถป้อนคาสง่ั ต่าง ๆ ได้ ค. อุปกรณ์ส่อื สาร ง. อปุ กรณแ์ สดงผล 10. คำส่งั ใดที่ใชใ้ นกำรลบไฟล์ ก. Delete ข. Rename ค. Open ง. Save 11. คำสง่ั ใดทใี่ ช้ในกำรเปลี่ยนชอ่ื ไฟล์ ก. Delete ข. Rename ค. Open ง. Save 12. คำสง่ั ใดทใี่ ช้ในกำรเปิดใช้งำนไฟล์ ก. Delete ข. Rename ค. Open ง. Save 13. คำสง่ั ใดทใ่ี ชใ้ นกำรเปิดบันทึกไฟล์ ก. Save ข. Rename ค. Open ง. Delete 14. โปรแกรมใดทใ่ี ช้ในกำรวำดภำพ และตดั ตอ่ ภำพเบอื้ งต้น ก. NotePad ข. ScanDisk ค. Paint ง. WordPad แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 84


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook