Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนวัดท่าบุญมี

หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนวัดท่าบุญมี

Published by Chotika Sueapin, 2022-08-15 06:40:39

Description: หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนวัดท่าบุญมี

Search

Read the Text Version

... ง๑๕๑๐๑ การงานอาชพี คาอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี เวลา ๔๐ ชว่ั โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ศึกษาเหตุผลในการทางานแต่ละข้ันตอนตามกระบวนการทางาน การใช้ทักษะการจัดการในการทางาน อย่างเป็นระบบ ประณีต และมีความคิดสร้างสรรค์ การปฏิบัติตนอย่างมีมารยาทในการใทางานกับสมาชิก ในครอบครัว ตลอดจนการมีจิตสานึกในการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่า การสารวจข้อมูล ที่เก่ยี วกบั อาชีพต่าง ๆ ในชุมชน รวมถึงการระบุความแตกต่างของอาชีพ มำตรฐำน/ตวั ช้วี ดั ง ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ ง ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ รวม ๒ มาตรฐาน ๖ ตวั ชี้วดั หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวัดท่าบญุ มี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๙๕

... ง๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชพี เวลา ๔๐ ชว่ั โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ศึกษาแนวทางในการทางานและปรับปรุงการทางานแต่ละขั้นตอน การใช้ทักษะการจัดการในการทางาน และมีทักษะการทางานร่วมกัน การปฏิบัติตนอย่างมีมารยาทในการทางานกับครอบครบั และผู้อนื่ และการสารวจ ตนเองเพอื่ วางแผนในการเลือกอาชีพ การระบุความรู้ ความสามารถ และคณุ ธรรมทส่ี มั พนั ธก์ บั อาชพี ท่ีสนใจ มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ดั ง ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ง ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒ รวม ๒ มาตรฐาน ๕ ตวั ชี้วัด หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดทา่ บุญมี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๙๖

... คาอธบิ ายรายวิชา กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดทา่ บุญมี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๙๗

... อ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ คาอธิบายรายวชิ าพน้ื ฐาน ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ เวลา ๑๖๐ ชว่ั โมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ ปฏิบัติตามคาส่ังง่าย ๆ ที่ฟัง ระบุตัวอักษรและเสียง อ่านออกเสียง และสะกดคาง่าย ๆ ถูกต้องตามหลัก การอ่าน เลือกภาพตรงตามความหมายของคาและกลมุ่ คาท่ีฟัง ตอบคาถามจากการฟังเร่ืองใกลต้ ัว การพูดโตต้ อบ ด้วยคาสั้น ๆ ง่าย ๆ ในการส่ือสารระหว่างบุคคลตามแบบที่ฟัง การใช้คาส่ังง่าย ๆ ตามแบบที่ฟัง บอกความต้องการ ง่าย ๆ ของตนเองตามแบบที่ฟัง การพูดขอและให้ข้อมูลง่าย ๆ เกี่ยวกับตนเองตามแบบที่ฟัง การพูดให้ข้อมูล เก่ียวกับตนเองและเร่อื งใกล้ตัว การพูดและทาท่าประกอบตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา บอกช่ือและคาศัพท์เก่ียวกับเทศกาลสาคัญ ของเจา้ ของภาษา การเขา้ รว่ มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมทเ่ี หมาะสมกับวัย การระบตุ ัวอกั ษรและเสยี งอกั ษร ของภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และภาษาไทย บอกคาศัพท์ท่ีเกย่ี วข้องกับกล่มุ สาระการเรียนร้อู ่ืน การฟัง/พูดในสถานการณ์ง่าย ๆ ท่ีเกิดขึ้นในห้องเรียน การใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) เพื่อรวบรวม คาศพั ทท์ เ่ี กีย่ วขอ้ งใกลต้ ัว มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ดั ต 1.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4 ต 1.2 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4 ต 1.3 ป.1/1 ต 2.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3 ต 2.2 ป.1/1 ต 3.1 ป.1/1 ต 4.1 ป.1/1 ต 4.2 ป.1/1 รวม ๘ มาตรฐาน ๑๖ ตวั ชวี้ ัด หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๙๘

... อ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ คาอธิบายรายวชิ าพืน้ ฐาน ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ เวลา ๑๖๐ ชั่วโมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ปฏิบัติตามคาส่ัง และคาขอร้องง่าย ๆ ท่ีฟัง ระบุตัวอักษรและเสียง อ่านออกเสียงคา สะกดคา และอ่าน ประโยคง่าย ๆ ถูกต้องตามหลักการอา่ น เลือกภาพตรงตามความหมายของคา กลุ่มคา และประโยคที่ฟัง ตอบคาถาม จากการฟังประโยค บทสนทนา หรือนิทานง่าย ๆ ที่มีภาพประกอบ พูดโต้ตอบด้วยคาสั้น ๆ ง่าย ๆ ในการส่ือสาร ระหว่างบุคคลตามแบบที่ฟัง ใช้คาสั่งและคาขอร้องง่าย ๆ ตามแบบที่ฟัง บอกความต้องการง่าย ๆ ของตนเอง ตามแบบท่ฟี ัง พดู ขอและใหข้ อ้ มลู งา่ ย ๆ เก่ียวกบั ตนเองตามแบบท่ฟี งั พูดให้ข้อมูลเกยี่ วกบั ตนเองและเรือ่ งใกลต้ วั พูดและทาท่าทางประกอบตามวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา บอกช่ือและคาศัพท์เกี่ยวกับเทศกาลสาคัญของเจา้ ของ ภาษา เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมท่ีเหมาะสมกับวัย ระบุตัวอักษรและเสียงอักษรของ ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) และภาษาไทย บอกคาศัพท์ท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั กลุม่ สาระการเรียนร้อู น่ื ฟัง/พดู ในสถานการณ์ง่าย ๆ ที่เกดิ ขน้ึ ในห้องเรียน ใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) เพ่อื รวบรวมคาศัพท์ที่ เกยี่ วขอ้ งใกล้ตัว มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั ต 1.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4 ต 1.2 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4 ต 1.3 ป.2/1 ต 2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3 ต 2.2 ป.2/1 ต 3.1 ป.2/1 ต 4.1 ป.2/1 ต 4.2 ป.2/1 รวม ๘ มาตรฐาน ๑๖ ตวั ช้ีวดั หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวดั ท่าบุญมี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๙๙

... อ๑๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ คาอธิบายรายวิชาพ้นื ฐาน ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ เวลา ๑๖๐ ชัว่ โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ปฏิบัติตามคาส่ังและคาขอร้องที่ฟังหรืออ่าน อ่านออกเสียงคา สะกดคา อ่านกลุ่มคา ประโยค และบทพูด เข้าจังหวะ (chant) ง่าย ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน เลือก/ระบุภาพหรือสัญลักษณ์ตรงตามความหมายของกลุ่มคา และประโยคที่ฟัง ตอบคาถามจากการฟังหรืออ่านประโยค บทสนทนา หรือนทิ านง่าย ๆ พูดโตต้ อบด้วยคาส้ัน ๆ งา่ ย ๆ ในการสื่อสารระหว่างบุคคลตามแบบที่ฟัง ใช้คาส่ังและคาขอร้องง่าย ๆ ตามแบบที่ฟัง บอกความต้องการง่าย ๆ ของตนเองตามแบบทฟ่ี ัง พูดขอและให้ขอ้ มูลง่าย ๆ เก่ียวกับตนเองและเพ่อื นตามแบบทฟี่ ัง บอกความรสู้ ึกของตนเอง เกยี่ วกบั สิ่งตา่ ง ๆ ใกล้ตวั หรือกจิ กรรมต่าง ๆ ตามแบบทฟี่ ัง พดู ให้ขอ้ มลู เกีย่ วกับตนเองและเรื่องใกลต้ ัว จัดหมวดหมู่ คาตามประเภทของบคุ คล สตั ว์ และส่ิงของตามท่ฟี ังหรอื อ่าน พูดและทาท่าประกอบตามมารยาทสังคม/วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา บอกช่ือและคาศัพท์ง่าย ๆ เก่ียวกับ เทศกาล/วันสาคญั /งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของภาษา เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม ท่ีเหมาะสมกับวัย บอกความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คา กลุ่มคา และประโยคง่าย ๆ ของภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) และภาษาไทย บอกคาศัพทท์ ี่เกย่ี วขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื ฟัง/พูดในสถานการณ์ง่าย ๆ ที่เกิดข้ึนในห้องเรียน ใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) เพ่ือรวบรวมคาศัพท์ ทเี่ ก่ยี วขอ้ งใกลต้ วั มำตรฐำน/ตวั ชว้ี ดั ต 1.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4 ต 1.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5 ต 1.3 ป.3/1, ป.3/2 ต 2.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3 ต 2.2 ป.3/1 ต 3.1 ป.3/1 ต 4.1 ป.3/1 ต 4.2 ป.3/1 รวม ๘ มาตรฐาน ๑๘ ตวั ช้วี ัด หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดท่าบญุ มี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๐๐

... อ๑๔๑๐๑ ภาษาองั กฤษ คาอธบิ ายรายวชิ าพืน้ ฐาน ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ ปฏิบัติตามคาส่ัง คาขอร้อง และคาแนะนา (instructions) ง่าย ๆ ที่ฟังหรืออ่าน อ่านออกเสียงคา สะกดคา อา่ นกลมุ่ คา ประโยค ขอ้ ความง่าย ๆ และบทพูดเข้าจังหวะ ถกู ต้องตามหลกั การอา่ น เลอื ก/ระบุภาพหรอื สญั ลกั ษณ์ หรือเครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยคและข้อความสั้น ๆ ที่ฟังหรืออ่าน ตอบคาถามจากการฟังหรือ อ่านประโยค บทสนทนา และนิทานง่าย ๆ พูด/เขียนโต้ตอบในการส่ือสารระหว่างบุคคล ใช้คาส่ัง คาขอร้อง และ คาขออนุญาตง่าย ๆ พูด/เขียนแสดงความต้องการของตนเอง ขอความช่วยเหลือในสถานการณ์ง่ายๆ พูด/เขียน เพ่ือขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพ่ือน และครอบครัว พูดแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเรอ่ื งต่าง ๆ ใกล้ตัว หรือกิจกรรมต่าง ๆ ตามแบบท่ีฟัง พูด/เขียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเร่ืองใกล้ตัว พูด/วาดภาพแสดงความสัมพันธ์ ของสง่ิ ตา่ ง ๆ ใกล้ตัวท่ีฟังหรอื อ่าน พดู แสดงความคดิ เหน็ งา่ ย ๆ เกย่ี วกับเรอื่ งต่าง ๆ ใกลต้ ัว พูดและทาท่าประกอบอย่างสุภาพตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ตอบคาถามเก่ียวกับ เทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยู่ง่าย ๆ ของเจ้าของภาษา การเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและ วฒั นธรรมท่ีเหมาะสมกบั วัย บอกความแตกต่างของเสียงตวั อกั ษร คา กลุ่มคา ประโยค และข้อความของภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และภาษาไทย บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหวา่ งเทศกาลและงานฉลองตามวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษากบั ของไทย ค้นคว้า รวบรวมคาศัพท์ท่ีเกี่ยวขอ้ งกับกลุ่มสาระการเรยี นร้อู ่ืน และนาเสนอด้วยการพูด/การเขียน ฟังและพดู / อา่ นในสถานการณท์ ่ีเกดิ ข้ึนในหอ้ งเรียนและสถานศึกษา ใชภ้ าษาตา่ งประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ในการสืบคน้ และรวบรวม ขอ้ มลู ต่าง ๆ มาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั ต 1.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 ต 1.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4, ป.4/5 ต 1.3 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 ต 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 ต 2.2 ป.4/1, ป.4/2 ต 3.1 ป.4/1 ต 4.1 ป.4/1 ต 4.2 ป.4/1 รวม ๘ มาตรฐาน ๒๐ ตวั ชี้วัด หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๐๑

... อ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ คาอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ เวลา ๘๐ ชัว่ โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ปฏิบัติตามคาส่ัง คาขอร้อง และคาแนะนาง่าย ๆ ที่ฟังหรืออ่าน อ่านออกเสียงประโยค ข้อความ และบท กลอนส้ัน ๆ ถกู ตอ้ งตามหลักการอา่ น ระบ/ุ วาดภาพ สญั ลกั ษณ์ หรือเครอื่ งหมายตรงตามความหมายของประโยคและ ขอ้ ความส้ัน ๆ ท่ีฟงั หรอื อา่ น บอกใจความสาคัญและตอบคาถามจากการฟงั หรืออ่านบทสนทนา และนทิ านงา่ ย ๆ หรือ เรื่องส้นั ๆ พูด/เขยี นโต้ตอบในการสอื่ สารระหวา่ งบุคคล ใชค้ าสงั่ คาขอรอ้ ง คาขออนญุ าตและให้คาแนะนาง่าย ๆ พูด/ เขียนแสดงความต้องการ ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ง่าย ๆ พูด/ เขียนเพ่ือขอและให้ข้อมูลเก่ียวกับตนเอง เพ่ือน ครอบครัว และเร่ืองใกล้ตัว พูด/เขียนแสดงความรู้สึกของตนเอง เก่ียวกับเรื่องตา่ ง ๆ ใกล้ตัว และกิจกรรมต่าง ๆ พร้อมทั้งให้เหตุผลสน้ั ๆ ประกอบ พูด/เขียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง และเรอื่ งใกลต้ ัว เขยี นภาพ แผนผงั และแผนภูมิแสดงขอ้ มลู ต่าง ๆ ตามท่ีฟงั หรอื อ่าน พูดแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับ เรอื่ งต่าง ๆ ใกล้ตัว ใช้ถ้อยคา น้าเสียง และกิริยาท่าทางอย่างสุภาพตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ตอบคาถาม/บอกความสาคัญของเทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยู่ง่าย ๆ ของเจ้าของภาษา การเข้าร่วมกจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างการออกเสียง ประโยคชนิดต่าง ๆ การใช้เครอื่ งหมายวรรคตอน และการลาดบั คา (order) ตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และภาษาไทย บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างเทศกาลและงานฉลอง ของเจ้าของภาษา กบั ของไทย ค้นควา้ รวบรวมคาศพั ท์ทีเ่ กี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรอู้ น่ื และนาเสนอด้วยการพูด/การเขียน ฟัง พูด และอ่าน/เขียนในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในห้องเรียนและสถานศึกษา ใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ในการสืบค้นและรวบรวมขอ้ มลู ต่าง ๆ มำตรฐำน/ตวั ชีว้ ดั หน้า ๑๐๒ ต 1.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 ต 1.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 ต 1.3 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3 ต 2.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3 ต 2.2 ป.5/1, ป.5/2 ต 3.1 ป.5/1 ต 4.1 ป.5/1 ต 4.2 ป.5/1 รวม ๘ มาตรฐาน ๒๐ ตวั ช้วี ดั หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวดั ทา่ บุญมี พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)

... อ๑๖๑๐๑ ภาษาอังกฤษ คาอธิบายรายวชิ าพื้นฐาน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ เวลา ๘๐ ชั่วโมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ปฏิบัติตามคาส่ัง คาขอร้อง และคาแนะนาท่ีฟังและอ่าน อ่านออกเสียงข้อความ นิทาน และบทกลอนส้ัน ๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน เลือก/ระบุประโยค หรือข้อความส้ัน ๆ ตรงตามภาพ สัญลักษณ์ หรือเคร่ืองหมายท่ีอ่าน บอกใจความสาคัญ และตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นิทานง่าย ๆ และเร่ืองเล่า พูด/เขียนโต้ตอบ ในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้คาส่ัง คาขอร้อง คาขออนุญาต และให้คาแนะนา พูด/เขียนแสดงความต้องการ ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความชว่ ยเหลือในสถานการณ์ง่าย ๆ พดู และเขยี นเพ่ือขอและให้ข้อมูล เก่ียวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล้ตัว พูด/เขียนแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว กิจกรรมต่าง ๆ พร้อมทั้งใหเ้ หตุผลส้นั ๆ ประกอบ พูด/เขียนให้ข้อมูลเก่ียวกับตนเอง เพ่ือน และส่ิงแวดล้อมใกล้ตัว เขียนภาพ แผนผัง แผนภูมิ และตารางแสดงข้อมูลต่าง ๆ ตามท่ีฟังหรืออ่าน พูด/เขียนแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ เรือ่ งตา่ ง ๆ ใกลต้ วั ใช้ถ้อยคา น้าเสียง และกิริยาท่าทางอย่างสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาท สังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษา ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลอง/ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของภาษา การเข้าร่วมกิจก รรม ทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างการออกเสยี งประโยคชนิดต่าง ๆ การใช้เคร่ืองหมายวรรคตอน และการลาดับคาตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และภาษาไทย เปรียบเทียบความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างเทศกาล งานฉลองและประเพณีของเจ้าของภาษา กบั ของไทย ค้นคว้า รวบรวมคาศัพท์ท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนจากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอด้วย การพูด/การเขียน ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา ใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ในการสบื ค้นและรวบรวมข้อมลู ตา่ ง ๆ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดท่าบญุ มี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๐๓

... มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั ต 1.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4 ต 1.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5 ต 1.3 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3 ต 2.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3 ต 2.2 ป.6/1, ป.6/2 ต 3.1 ป.6/1 ต 4.1 ป.6/1 ต 4.2 ป.6/1 รวม ๘ มาตรฐาน ๒๐ ตวั ช้วี ดั หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั ท่าบญุ มี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๐๔

... คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม วชิ าภาษาอังกฤษเพื่อการสอ่ื สาร หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนวดั ท่าบญุ มี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๐๕

... คาอธิบายรายวิชาเพิม่ เตมิ อ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่อื การสือ่ สาร ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ อ่านและเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษ เข้าใจและใช้ประโยคคาสั่งที่ใช้ในห้องเรียน การอ่านออกเสียงคา กลุ่มคา ประโยค ข้อความ บทอ่าน บทสนทนา การพูดให้ข้อมูลเก่ียวกับตนเองและเรื่องใกล้ตัว การขอบคุณ ขอโทษ และการใช้ภาษาท่าทาง การใช้ภาษาในการฟัง พูด ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรยี นโดยใช้กระบวนการเรียนรู้ เพื่อการสื่อสาร ฝึกการใช้ภาษา เพ่ือให้มีความรู้ เข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีทักษะทางภาษา เห็นประโยชน์ ในการเรยี นรภู้ าษาอังกฤษ และนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้อยา่ งเหมาะสม ผลกำรเรยี นรู้ ๑. อ่านและเขยี นตวั อกั ษรภาษาองั กฤษ ออกเสยี งคาศัพทไ์ ด้ถูกต้อง ๒. ใชค้ าทักทาย ขอบคุณ ขอโทษ รวมถงึ คาส่งั งา่ ย ๆ เปน็ ภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง ๓. ใช้ภาษาอังกฤษสอ่ื สารและใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั เรอ่ื งใกลต้ ัวไดอ้ ย่างเหมาะสม ๔. ใช้ภาษาสือ่ สารได้ตามวัยอย่างม่ันใจ และกล้าแสดงออก ๕. ใชภ้ าษาไดต้ ามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนวัดท่าบุญมี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๐๖

... คาอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเตมิ อ๑๒๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพอื่ การสอื่ สาร ๒ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๒ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ เข้าใจและใช้ประโยคคาสั่งง่าย ๆ ในห้องเรียน คาขอร้อง อ่านและเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษ คาศัพท์ส้ัน ๆ ง่าย ๆ เข้าใจความหมายคา กลุ่มคา และประโยคสัน้ ๆ ท่ีมีความหมายสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ ใกล้ตัว เข้าใจบทอ่าน บทสนทนาง่าย ๆ และนิทานท่ีมีภาพประกอบ ใหข้ ้อมูลและความต้องการเกย่ี วกับตนเองสั้น ๆ เช่น การพดู แนะนา ตนเอง ขอบคุณ ขอโทษ เรยี นรู้คาศพั ทเ์ กี่ยวกับเทศกาล ขนบธรรมเนียม ประเพณี เทศกาล งานฉลอง โดยใชก้ ระบวนการ เรียนรู้เพอื่ การสอื่ สาร ฝึกการใชภ้ าษาเพื่อให้มคี วามรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา เห็นประโยชนใ์ นการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ และนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันไดอ้ ย่างเหมาะสม ผลกำรเรยี นรู้ ๑. อา่ นและเขยี นตวั อกั ษรภาษาองั กฤษ และคาศพั ท์ง่าย ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง ๒. ใช้ภาษาอังกฤษในการแนะนาตนเอง ขอบคุณ ขอโทษ ขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง และเร่ืองใกล้ตัวได้อย่าง เหมาะสม ๓. บอกความหมายของคา กลุม่ คา และประโยคส้ัน ๆ ได้ถกู ตอ้ ง ๔. ตอบคาถามจากการฟังหรืออา่ นเร่ืองง่าย ๆ หรือนิทานท่ีมภี าพประกอบไดถ้ กู ต้อง ๕. ใช้ภาษาอังกฤษได้ตามมารยาททางสังคมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา รวมทง้ั หมด ๕ ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั ท่าบุญมี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๐๗

... คาอธิบายรายวชิ าเพิม่ เตมิ อ๑๓๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพอ่ื การส่ือสาร ๓ กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ เวลา ๔๐ ชั่วโมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ อ่านออกเสียงคาและประโยคง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว บอกความหมายของคา ตอบคาถามจากการฟัง หรืออ่านได้ สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารระหวา่ งบคุ คลได้เหมาะสมตามวัย ใช้ภาษาในการพูดและทาทา่ ประกอบตามมารยาทสงั คม วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา ใชบ้ ทสนทนา การทกั ทายได้ถูกต้องตามเวลาและถูกกาลเทศะ แนะนาตนเองได้ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง บอกลักษณะของบุคคลรอบตัว พูดประโยคบอกความชอบและไม่ชอบ บอกความต้องการของตนเองเกี่ยวกับเรื่องกีฬา งานอดเิ รก บอกสถานที่ตา่ ง ๆ รอบตวั และตาแหน่งของสถานทีต่ ่าง ๆ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้เพื่อการส่ือสาร ฝึกการใช้ภาษาเพื่อให้มีความรู้ เข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีทักษะ ทางภาษา เหน็ ประโยชนใ์ นการเรียนรู้ภาษาองั กฤษ และนาไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม ผลกำรเรียนรู้ ๑. อ่านออกเสียงคาและประโยคง่าย ๆ ทเ่ี กย่ี วกบั เรื่องใกลต้ วั ๒. บอกความหมายของคาและตอบคาถามจากการฟงั หรืออ่านได้ ๓. ใช้ภาษาอังกฤษในการส่ือสาร สนทนา ทักทายและแนะนาตนเอง และใช้ภาษาท่าทางประกอบการพูด ได้ เหมาะสม ๔. ให้ข้อมูลเกีย่ วกบั ตนเอง และอธบิ ายเกย่ี วกับส่งิ ต่าง ๆ ใกลต้ วั โดยใช้ภาษาองั กฤษอยา่ งง่ายได้ ๕. ใชภ้ าษาอังกฤษได้ตามมารยาททางสังคมและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา รวมทงั้ หมด ๕ ผลการเรยี นรู้ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๐๘

... คาอธบิ ายรายวชิ าเพม่ิ เตมิ อ๑๔๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่ือการสอ่ื สาร ๔ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ เข้าใจคาส่ัง คาขอร้อง คาแนะนาเร่ืองราว บทสนทนา นิทาน สามารถถ่ายโอนเป็นภาพหรือสัญลักษณ์ อ่านออกเสียงคา กลุ่มคา ประโยค ข้อความ บทอ่านได้ถูกต้องตามหลักการออกเสียง และใช้ถ้อยคา น้าเสียงได้ เหมาะสม ใช้ภาษาอังกฤษในการส่ือสารระหว่างบุคคล ใช้คาส่ัง คาขอร้อง และให้คาแนะนาแสดงความต้องการ แสดงความรู้สกึ แสดงความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ ในสถานการณ์ง่าย ๆ พูดและเขียนเพื่อขอและใหข้ ้อมูล เก่ยี วกับตนเอง เพือ่ น ครอบครวั และเรือ่ งใกล้ตัวซ่ึงอยใู่ นทอ้ งถนิ่ ของตน โดยใชก้ ระบวนการเรียนรูเ้ พื่อการสอื่ สาร ฝึกการใช้ภาษาเพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา เห็นประโยชน์ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม ผลกำรเรียนรู้ ๑. ปฏิบตั ิตามคาส่งั คาขอร้อง และคาแนะนางา่ ย ๆ ตามท่ฟี ังและอา่ นไดถ้ ูกต้อง ๒. เขา้ ใจเรื่องราว บทสนทนา นทิ าน สามารถถ่ายโอนเปน็ ภาพหรือสญั ลักษณไ์ ด้ ๓. พดู /อ่านออกเสยี งคา วลี ประโยค ข้อความสนั้ ๆ บทสนทนาได้ถกู ต้องตามหลักการออกเสียง ๔. ใชภ้ าษาองั กฤษในการสอ่ื สารระหว่างบุคคล ให้คาแนะนา แสดงความรสู้ ึก ตอบรับและปฏเิ สธในสถานการณ์ง่าย ๆ ขอ และใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกับตนเองและเรอ่ื งใกล้ตวั ๕. ใช้ภาษาอังกฤษไดต้ ามมารยาททางสงั คมและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั ท่าบุญมี พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๐๙

... คาอธิบายรายวชิ าเพิม่ เตมิ อ๑๕๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่อื การสอื่ สาร ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ เวลา ๔๐ ช่วั โมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ เข้าใจคาสั่ง คาขอร้อง คาแนะนา เข้าใจความหมายของคา กลุ่มคา และประโยค รูปประโยคและโครงสร้าง ประโยค โดยสามารถตอบคาถามจากการฟังหรืออ่านขอ้ ความ บทสนทนา เรอื่ งส้นั เร่ืองเลา่ นทิ าน บทกลอนสัน้ ๆ อ่านออกเสียงคา กลุ่มคา ประโยค ข้อความ บทอ่านได้ถูกต้องตามหลักการออกเสียง และการใช้ถ้อยคา น้าเสียง การพูดและเขียนโต้ตอบในการส่ือสารระหว่างบุคคล ใช้คาส่ัง คาขอร้อง และให้คาแนะนา แสดงความต้องการ แสดงความรู้สึก ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ ในสถานการณ์ง่าย ๆ พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล เกี่ยวกับตนเอง เพ่ือน ครอบครัว และเร่ืองใกล้ตัวซึ่งอยู่ในท้องถ่ินของตน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ เพ่ือการสื่อสาร ฝึกการใช้ภาษาเพ่ือให้มีความรู้ เข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีทักษะทางภาษา เห็นประโยชน์ในการเรียนรู้ ภาษาองั กฤษ และนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม ผลกำรเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ตั ติ ามคาส่งั คาขอรอ้ ง และคาแนะนางา่ ย ๆ ตามทฟ่ี ังและอ่านไดถ้ ูกตอ้ ง ๒. พูด/อา่ นออกเสียงคา วลี ประโยค ขอ้ ความส้ัน ๆ บทสนทนา บทอา่ น ไดถ้ ูกตอ้ งตามหลักการอา่ นออกเสยี ง ๓. ใชป้ ระโยคภาษาอังกฤษในการสอื่ สารระหว่างบุคคล และแลกเปลย่ี นข้อมลู ตา่ ง ๆ ไดถ้ กู ต้อง ๔. ตอบคาถามจากการฟงั หรอื อา่ นข้อความ บทสนทนา เรอ่ื งส้นั เร่อื งเลา่ นทิ าน บทกลอนสน้ั ๆ ไดถ้ กู ต้อง ๕. ใช้ภาษาองั กฤษไดต้ ามมารยาททางสังคมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา รวมทง้ั หมด ๕ ผลการเรียนรู้ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั ทา่ บญุ มี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๑๐

... คาอธบิ ายรายวชิ าเพมิ่ เตมิ อ๑๖๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่ือการสอ่ื สาร ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ เวลา ๔๐ ช่วั โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ เข้าใจคาส่ัง คาขอร้อง รูปประโยคและโครงสร้างประโยค คา กลุ่มคา และประโยค วิเคราะห์และสรุปเรอ่ื งราว บทอ่าน บทสนทนา เรื่องสั้น เรื่องเลา่ นิทาน บทกลอนสั้น ๆ สานวนที่ใช้ในเทศกาล การพูดและการเขียนโต้ตอบ ในการส่อื สารระหว่างบคุ คล ใช้คาสงั่ คาขอร้อง และใหค้ าแนะนา แสดงความต้องการ แสดงความรสู้ กึ ขอความช่วยเหลอื ตอบรับและปฏิเสธ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ขอและให้ข้อมูลเก่ียวกับตนเอง เพ่ือน ครอบครัว และเร่ืองใกล้ตัวซ่ึงอยู่ใน ท้องถิ่นของตน โดยใช้กระบวนการเรยี นรเู้ พอ่ื การส่ือสาร ฝึกการใช้ภาษาเพื่อให้มีความรู้ เข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษา มีทกั ษะทางภาษา เหน็ ประโยชน์ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม ผลกำรเรยี นรู้ ๑. วิเคราะหเ์ ร่ืองและสรุปความเรือ่ งที่ฟังและอ่านได้ ๒. ใช้ประโยคคาสง่ั คาขอรอ้ ง การขออนญุ าต ประโยคบอกเลา่ ประโยคคาถาม ประโยคปฏเิ สธ ตามโครงสร้างประโยคได้ ๓. ใชภ้ าษาอังกฤษในการขอและให้ข้อมลู เกีย่ วกบั ตนเอง เพ่ือน ครอบครวั และเรอ่ื งใกลต้ ัวซึ่งอยู่ในท้องถิน่ ของตนได้ ๔. ใช้ภาษาองั กฤษในการพดู และเขียนโตต้ อบและส่อื สารตามสถานการณต์ า่ ง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ๕. ใช้ภาษาได้ตามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา รวมทงั้ หมด ๕ ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนวัดทา่ บุญมี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๑๑

... คาอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม วชิ าหนา้ ท่ีพลเมอื ง หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั ทา่ บญุ มี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๑๒

... ส๑๑๒๐๒ หน้าทพ่ี ลเมอื ง ๑ คาอธบิ ายรายวิชาเพิม่ เตมิ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษาฯ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม การคิดแยกแยะ ระบบ คิดฐาน ๒ ระบบคิดฐาน ๑๐ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การทาการบ้าน การทาเวร การสอบ กิจกรรมนักเรยี น STRONG/จติ พอเพียงต่อต้านการทุจริต ความพอเพียง ความโปร่งใส ต้านทุจริต ความเอื้ออาทร รู้หน้าทขี่ องพลเมืองและรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ความหมายบทบาทและสทิ ธิ การเคารพสทิ ธิหนา้ ทีต่ อ่ ตนเองและผู้อนื่ ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย ความรับผิดชอบ (ต่อตนเองกับต่อผู้อื่น) ความเป็นพลเมืองในการต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทาโครงงานกระบวนการเรียนรู้ ๕ ข้ันตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนักและ เห็นความสาคัญของการต่อตา้ นและการปอ้ งกนั การทุจริต ผลกำรเรียนรู้ ๑. มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม ๒. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจริต ๓. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับ STRONG/จติ พอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ รติ ๔. มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับพลเมอื งและมีความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม ๕. สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ๖. ปฏิบัติตนเปน็ ผลู้ ะอายและไมท่ นตอ่ การทจุ ริตทกุ รปู แบบ ๗. ปฏบิ ัติตนเป็นผูท้ ่ี STRONG/จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจรติ ๘. ปฏบิ ัตติ นตามหนา้ ทพี่ ลเมอื งและมีความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ๙. ตระหนกั และเหน็ ความสาคญั ของการตอ่ ต้านและป้องกนั การทจุ รติ รวมทงั้ หมด ๙ ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดท่าบุญมี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๑๓

... ส๑๒๒๐๒ หน้าที่พลเมือง ๒ คาอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเตมิ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษาฯ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม การคิดแยกแยะ ประโยชน์ ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม ระบบคิดฐาน ๒ ระบบคิดฐาน ๑๐ ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การทาการบ้าน การทาเวร การสอบ กิจกรรมนักเรียน STRONG/จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ความพอเพียง ความโปร่งใส ต้านทุจริต ความเอื้ออาทร รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อสังคม เรื่องการเคารพสิทธิหน้าที่ ต่อตนเองและผู้อื่น การเคารพสิทธิหน้าที่ต่อชุมชนและสังคม ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย ความรับผิดชอบ (ต่อห้องเรียน) คุณลักษณะของพลเมืองที่ดี หน้าท่ีของพลเมืองท่ีดีในการต่อต้านการทุจริตโดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝกึ ปฏบิ ตั ิจรงิ การทาโครงงานกระบวนการเรยี นรู้ ๕ ขั้นตอน (๕ STEPs) การอภปิ ราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนักและเห็นความสาคัญของการต่อต้าน และการป้องกันการทุจรติ ผลกำรเรียนรู้ ๑. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๒. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต ๓. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั STRONG/จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ ริต ๔. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั พลเมอื งและมีความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม ๕. สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ๖. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผลู้ ะอายและไมท่ นต่อการทุจรติ ทุกรูปแบบ ๗. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผ้ทู ี่ STRONG/จิตพอเพียงตอ่ ต้านการทจุ รติ ๘. ปฏบิ ัติตนตามหนา้ ท่ีพลเมืองและมีความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ๙. ตระหนักและเหน็ ความสาคญั ของการตอ่ ต้านและป้องกนั การทจุ รติ รวมทัง้ หมด ๙ ผลการเรยี นรู้ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั ทา่ บญุ มี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๑๔

... ส๑๓๒๐๒ หน้าทพี่ ลเมือง ๓ คาอธบิ ายรายวิชาเพมิ่ เตมิ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ กล่มุ สาระการเรียนร้สู งั คมศกึ ษาฯ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม การคิดแยกแยะ ระบบ คิดฐาน ๒ ระบบคิดฐาน ๑๐ ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การทาการบ้าน การทาเวร การสอบ การแต่งกาย กิจกรรมส่งเสริมความถนัดและความสนใจ STRONG/จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ความพอเพียง ความโปร่งใส ต้านทุจริต ความเอ้ืออาทร พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม เรื่องการเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและผู้อ่ืน ที่มีต่อชุมชน เรื่องการเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและผู้อื่นที่มีต่อประเทศชาติ ระเบียบ ก ฎ กติกา กฎหมาย ความรับผิดชอบ (ตอ่ โรงเรียน) ความเปน็ พลเมืองในการตอ่ ตา้ นการทุจริตโดยใช้กระบวนการคิด วเิ คราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทาโครงงานกระบวนการเรยี นรู้ ๕ ขั้นตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแกป้ ัญหา ทกั ษะการอ่านและการเขียน เพือ่ ใหม้ ีความตระหนักและเห็นความสาคัญของการตอ่ ต้านและการป้องกัน การทจุ รติ ผลกำรเรียนรู้ ๑. มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวม ๒. มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจรติ ๓. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับ STRONG/จติ พอเพียงตอ่ ต้านการทจุ ริต ๔. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับพลเมืองและมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ๕. สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ๖. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผลู้ ะอายและไมท่ นตอ่ การทุจรติ ทุกรปู แบบ ๗. ปฏบิ ัติตนเป็นผทู้ ี่ STRONG/จติ พอเพียงตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ๘. ปฏบิ ตั ิตนตามหนา้ ทพี่ ลเมอื งและมีความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม ๙. ตระหนักและเหน็ ความสาคัญของการตอ่ ตา้ นและป้องกนั การทุจรติ รวมทัง้ หมด ๙ ผลการเรยี นรู้ หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดท่าบุญมี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๑๕

... ส๑๔๒๐๒ หน้าทพี่ ลเมือง ๔ คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเตมิ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษาฯ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ ศึกษาเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม การคิดแยกแยะ ระบบคิด ฐาน ๒ ระบบคดิ ฐาน ๑๐ ความแตกต่างระหวา่ งจรยิ ธรรมและการทุจริต ประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การทาการบ้าน การทาเวร การสอบ การแต่งกาย กิจกรรมนักเรียน (ภายในโรงเรียน) การเข้าแถว STRONG/จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต การดารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ความโปร่งใส ความตื่นรู้/ความรู้ ต้านทุจริต มุ่งไปข้างหน้า ความเอ้ืออาทร พลเมืองกับความรับผิดชอบ ต่อสังคม เร่ืองการเคารพสิทธหิ น้าที่ต่อตนเองและผู้อื่นที่มีต่อครอบครัว ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย ความรับผิดชอบ (ต่อชุมชน) ความเป็นพลเมืองในการต่อต้านการทุจริตโดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึก ปฏิบัติจริง การทาโครงงานกระบวนการเรียนรู้ ๕ ข้ันตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทกั ษะการอ่านและการเขยี น เพือ่ ให้มคี วามตระหนักและเห็นความสาคัญของการต่อตา้ นและการปอ้ งกนั การทจุ ริต ผลกำรเรยี นรู้ ๑. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม ๒. มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ ริต ๓. มีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับ STRONG/จิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทุจริต ๔. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั พลเมอื งและมีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม ๕. สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน กบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ ๖. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผลู้ ะอายและไม่ทนต่อการทุจรติ ทุกรปู แบบ ๗. ปฏบิ ัตติ นเป็นผทู้ ี่ STRONG/จิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ รติ ๘. ปฏิบตั ติ นตามหนา้ ทีพ่ ลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ๙. ตระหนักและเห็นความสาคัญของการตอ่ ตา้ นและปอ้ งกนั การทุจริต รวมทัง้ หมด ๙ ผลการเรยี นรู้ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดท่าบุญมี พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๑๖

... ส๑๕๒๐๒ หนา้ ทีพ่ ลเมอื ง ๕ คาอธบิ ายรายวชิ าเพิม่ เตมิ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ กลุม่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษาฯ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ศึกษาเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม การคิดแยกแยะ ระบบ คิดฐาน ๒ ระบบคิดฐาน ๑๐ ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมและการทุจริต ประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์สว่ นรวม การขัดกันระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ผลประโยชน์ทับซ้อน ความละอายและความไมท่ น ต่อการทุจริต การทาการบ้าน การทาเวร การสอบ การแต่งกาย กิจกรรมนักเรียน (ในห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน) การเข้าแถว STRONG/จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ความพอเพียง ความโปร่งใส ความต่ืนรู้/ความรู้ ต้านทุจริต มุ่งไปข้างหน้า ความเอื้ออาทร พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม เร่ืองการเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและผู้อ่ืน ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย ความรับผิดชอบ (ต่อสังคม) ความเป็นพลเมืองในการต่อต้านการทุจริตโดยใช้ กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทาโครงงานกระบวนการเรียนรู้ ๕ ขั้นตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสบื สอบ การแก้ปญั หา ทกั ษะการอ่านและการเขียน เพอื่ ใหม้ คี วามตระหนักและเห็น ความสาคัญของการต่อตา้ นและการป้องกันการทุจริต ผลกำรเรยี นรู้ ๑. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน กบั ผลประโยชน์ส่วนรวม ๒. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ๓. มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับ STRONG/จิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ รติ ๔. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั พลเมืองและมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ๕. สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน กับผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๖. ปฏิบตั ติ นเปน็ ผลู้ ะอายและไมท่ นต่อการทุจริตทุกรปู แบบ ๗. ปฏิบตั ิตนเป็นผู้ที่ STRONG/จิตพอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ ริต ๘. ปฏิบตั ติ นตามหนา้ ทพ่ี ลเมอื งและมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ๙. ตระหนักและเห็นความสาคัญของการตอ่ ต้านและป้องกนั การทุจริต รวมทั้งหมด ๙ ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนวดั ท่าบุญมี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๑๗

... ส๑๖๒๐๒ หน้าท่พี ลเมือง ๖ คาอธิบายรายวชิ าเพิม่ เตมิ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลุม่ สาระการเรียนร้สู ังคมศกึ ษาฯ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ศึกษาเกยี่ วกบั กรแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชน์สว่ นรวม การคดิ แยกแยะ ระบบคิด ฐาน ๒ ระบบคิดฐาน ๑๐ ความแตกตา่ งระหวา่ งจริยธรรมและการทุจริต ประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม การ ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ผลประโยชน์ทับซ้อน รูปแบบของผลประโยชน์ทับซ้อน ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต การทาการบ้าน การทาเวร การสอบ การแต่งกาย กิจกรรมนักเรียน (ในห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน สังคม) การเข้าแถว STRONG/จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต การสร้างจิตสานึก ความพอเพียงต่อต้านการทุจริต ความโปร่งใส ความต่ืนรู้/ความรู้ ต้านทุจริต มุ่งไปข้างหน้า ความเอื้ออาทร พลเมอื งกบั ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม เรือ่ งการเคารพสิทธหิ น้าทตี่ อ่ ตนเองและผู้อ่ืนท่ีมีตอ่ ประเทศชาติ ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย ความรับผิดชอบ (ต่อประเทศชาติ) ความเป็นพลเมืองในการต่อต้านการทุจริตโดยใชก้ ระบวนการคดิ วเิ คราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบตั ิจรงิ การทาโครงงานกระบวนการเรยี นรู้ ๕ ข้ันตอน (๕ STEPs) การอภปิ ราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนักและเห็นความสาคัญของการต่อต้าน และการปอ้ งกันการทุจริต ผลกำรเรยี นรู้ ๑. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๒. มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจริต ๓. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับ STRONG/จติ พอเพียงตอ่ ต้านการทจุ รติ ๔. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั พลเมอื งและมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ๕. สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กบั ผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๖. ปฏบิ ัตติ นเป็นผลู้ ะอายและไม่ทนต่อการทจุ ริตทุกรูปแบบ ๗. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผทู้ ี่ STRONG/จติ พอเพียงตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ๘. ปฏิบตั ติ นตามหนา้ ท่ีพลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ๙. ตระหนักและเหน็ ความสาคัญของการตอ่ ต้านและปอ้ งกนั การทุจริต รวมท้งั หมด ๙ ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนวัดท่าบุญมี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๑๘

... กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งให้ผู้เรียนได้ พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพ่ือความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ ท้ังร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสรา้ งใหเ้ ปน็ ผูม้ ศี ลี ธรรม จรยิ ธรรม มีระเบยี บวนิ ัย ปลกู ฝังและสร้างจิตสานึกของการทาประโยชน์ เพือ่ สังคม สามารถจัดการตนเองได้ และอยู่รว่ มกบั ผ้อู ืน่ อยา่ งมีความสุข กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้ใช้ความรู้ ทักษะและเจตคติ จากการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระการ เรียนรู้ และประสบการณ์ของผู้เรียนมาปฏิบัติกิจกรรมเพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคัญ อันได้แ ก่ ความสามารถในการสือ่ สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะ ชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ซง่ึ จะสง่ ผลในการพฒั นาผู้เรียนใหม้ คี ณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มีทกั ษะ การทางานและอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมีความสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก อันได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิต สาธารณะ หลักการจดั กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนมีหลักการสาคัญดังน้ี ๑. มีการกาหนดเป้าหมายของการจดั กิจกรรมทีช่ ดั เจนเปน็ รปู ธรรมและครอบคลมุ ผเู้ รยี นทกุ คน ๒. เป็นกจิ กรรมทีผ่ ู้เรยี นไดพ้ ฒั นาตนเองอย่างรอบดา้ นเตม็ ตามศกั ยภาพ ตามความสนใจ ความถนัด ความต้องการ และเหมาะสมกับวัยและวุฒภิ าวะ ๓. เปน็ กิจกรรมท่ีปลกู ฝังสง่ เสรมิ จิตสานึกในการบาเพญ็ ตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ตอ่ สังคมในลกั ษณะตา่ งๆท่ี สอดคลอ้ งกับวถิ ชี วี ิต ประเพณี และวัฒนธรรม อย่างตอ่ เนอื่ งและสม่าเสมอ ๔. เป็นกิจกรรมที่ยดึ การมสี ่วนรว่ ม โดยเปดิ โอกาสให้ครู พอ่ แม่ ผู้ปกครอง ผู้นาชมุ ชน ปราชญ์ชาวบา้ น องคก์ ร และหนว่ ยงานอ่นื มีสว่ นรว่ มในการจดั กจิ กรรม เป้าหมาย กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งให้ผู้เรียนเกิดเกิดสมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ ได้แก่ ความสามารถในการ ส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ ไดแ้ ก่ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซือ่ สัตย์ สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่ันในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ ตามหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นตามหลักสตู รของโรงเรยี นวดั ทา่ บุญมี ประกอบด้วย ๓ กิจกรรมดังนี้ ๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกจิ กรรมทีส่ ง่ เสริมและพฒั นาผู้เรียนใหร้ ู้จักตนเอง รรู้ ักษส์ ิง่ แวดลอ้ ม สามารถคิดตดั สนิ ใจ คดิ แกป้ ญั หา กาหนด เป้าหมาย วางแผนชีวติ ท้ังดา้ นการเรียน และอาชพี สามารถปรับตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนีย้ ังชว่ ยใหค้ รรู ู้จัก และเขา้ ใจผูเ้ รยี น ทั้งยงั เป็นกิจกรรมทช่ี ่วยเหลือและให้คาปรึกษาแกผ่ ปู้ กครองในการมีสว่ นรว่ มพฒั นาผเู้ รยี น หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดทา่ บุญมี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๑๙

... ๒. กิจกรรมนกั เรียน เปน็ กจิ กรรมทีม่ ุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินยั ความเปน็ ผูน้ าผตู้ ามทีด่ ี ความรบั ผดิ ชอบ การทางานรว่ มกัน การร้จู กั แก้ปัญหา การตัดสนิ ใจทเ่ี หมาะสม ความมีเหตผุ ล การชว่ ยเหลือแบง่ ปนั กัน เอื้ออาทร และสมานฉนั ท์ โดย จดั ใหส้ อดคลอ้ งกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผเู้ รยี น ใหไ้ ดป้ ฏบิ ตั ิด้วยตนเองในทุกข้ันตอน ได้แก่ การศึกษาวเิ คราะห์วางแผน ปฏบิ ตั ิตามแผน ประเมนิ และปรับปรุงการทางาน เนน้ การทางานร่วมกันเป็น กลมุ่ ตามความเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั วุฒภิ าวะของผเู้ รยี น บริบทของสถานศกึ ษาและทอ้ งถนิ่ กิจกรรม นกั เรยี นประกอบดว้ ย ๒.๑ กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ๒.๒ กจิ กรรมชุมนุม ๓. กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถ่ินตามความ สนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรบั ผดิ ชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มีจิตสาธารณะ เชน่ กิจกรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ กิจกรรมสรา้ งสรรค์สงั คม โครงสร้างกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น โครงสรา้ งเวลาการจัดกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นในแต่ละระดบั ชนั้ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษา ขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ระดับประถมศกึ ษา ป๖ . ๔๐ ๑. กจิ กรรมแนะแนว ป๑ . ป๒ . ป๓ . ป๔ . ป๕ . ๔๐ ๒. กจิ กรรมนกั เรยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๓๐ - กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ - กิจกรรมชุมนมุ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๔กิจกรรมเพ่ือสงั คมและ . สาธารณประโยชน์ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ เวลาเรยี นรวม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว เปน็ กิจกรรมทสี่ ่งเสรมิ และพฒั นานกั เรียนใหพ้ ัฒนาตนเองอย่างเตม็ ศกั ยภาพ รกั และเหน็ คณุ ค่าในตนเอง และผอู้ ื่น พึ่งตนเอง มีทักษะในการเลอื กแนวทางการศึกษาการงานและอาชีพ ชวี ติ และสงั คม มีสขุ ภาพจิตท่ีดี และ มจี ิตสานึกในการทาประโยชน์ต่อครอบครวั สงั คม และประเทศชาติ นกั เรียนทุกคนต้องเข้ารว่ มกิจกรรมแนะแนว ๔๐ ชว่ั โมงตอ่ ปีการศึกษา (ระดับประถมศึกษา) ผลการเรยี นรู้กิจกรรมแนะแนว ๑.เพอื่ ให้ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ ร้จู ัก เข้าใจ รักและเห็นคณุ ค่าในตัวเองและผอู้ ่นื ๒.เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนเรียนรแู้ ละสามารถวางแผนการเรยี น ๓.ผเู้ รยี นสามารถสรา้ งอาชพี เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รยี นสามารถวางแผนการเรยี นรวมทั้งดาเนนิ ชวี ติ และสงั คม ปรับตวั ไดเ้ หมาะสม หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๒๐

... แนวการจัดกจิ กรรมแนะแนว ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑-๓ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง กจิ กรรม / เนอ้ื หา เวลา (ชัว่ โมง) กจิ กรรมที่ ๑ การรจู้ กั เขา้ ใจ และเห็นคณุ ค่าในตนเองและผอู้ ่ืน กจิ กรรมอารมณ์ของหนู ๒ กจิ กรรมสขุ ใจอะไรเอ่ย ๒ กจิ กรรมร้ทู นั คน ๒ กจิ กรรมใชเ่ ลยฉันและเธอ ๒ กิจกรรมอะไรเอย่ ทหี่ นูชอบทา ๒ กิจกรรมราลึกอดตี ๒ กิจกรรมอยากได้อะไรเอ่ย ๒ กจิ กรรมที่ ๒ กจิ กรรมการแสวงหาและใช้ข้อมูลสารสนเทศ กิจกรรมหนูนอ้ ยนักสารวจ ๒ กิจกรรมบทเรยี นของบญุ มา ๒ กิจกรรมเชอื่ หรอื ไม่ ๒ กิจกรรมที่ ๓ กิจกรรมการตดั สนิ ใจและแก้ปญั หา กิจกรรมใช้ปัญญาแกป้ ญั หาให้ตน ๓ กิจกรรมคดิ ดไี ด้ดี ๓ กิจกรรมท่ี ๔ กิจกรรมการปรับตัวและการดารงชีวติ กจิ กรรมกาลงั ใจ ๒ กจิ กรรมวาดจามคาบอก ๒ กจิ กรรมใจประสานใจ ๒ กจิ กรรมจกุ จา๋ เทย่ี วสระ ๒ กจิ กรรมคิดดว้ ยชว่ ยทา ๒ กจิ กรรมรว่ มคิดร่วมทา ๒ กิจกรรมสามัคคีคอื พลงั ๒ ๔๐ รวม หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวัดทา่ บญุ มี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๒๑

... แนวการจัดกจิ กรรมแนะแนว ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔-๖ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง กจิ กรรม / เน้อื หา เวลา (ชัว่ โมง) กจิ กรรมท่ี ๑ การรูจ้ ัก เข้าใจ และเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผู้อ่ืน กจิ กรรมหนูทาเพราะอะไร ๑ กจิ กรรมเลือกไว้ด้วยใจรกั ๑ กิจกรรมความต้องการของฉนั ๒ กิจกรรมกระจกเงา ๒ กจิ กรรมจากกลุ่มสาระสู่อาชพี ๒ กิจกรรมเดนิ ถกู ทาง ๒ กจิ กรรมฉนั เปน็ คนเกง่ และคนดี ๒ กจิ กรรมคณุ คา่ ของชวี ิต ๒ กิจกรรมที่ ๒ กจิ กรรมการแสวงหาและใชข้ อ้ มลู สารสนเทศ กิจกรรมนกั แสวงหา ๒ กิจกรรมข่าวสาร ข้อมลู อาหารสอง ๒ กิจกรรมเลือกอยา่ งไร ๒ กิจกรรมท่ี ๓ กจิ กรรมการตดั สินใจและแก้ปญั หา กจิ กรรมฉนั ทาได้ ๒ กจิ กรรมทาอย่างไรฉันจะเรียนได้ดี ๒ กจิ กรรมคิดทั้งทคี ิดทาได้ ๒ กิจกรรมที่ ๔ กิจกรรมการปรบั ตวั และการดารงชีวติ กจิ กรรมนา้ เอยน้าใจ ๑ กจิ กรรมงามอย่างไทย ๒ กจิ กรรมเธอคือคนสาคญั ๑ กิจกรรมผกู มิตรไว้ด้วยไมตรี ๒ กจิ กรรมใช้ปัญญาพัฒนาอารมณ์ ๒ กจิ กรรมฟังหนอ่ ยนะ ๒ กิจกรรมวางแผนดมี ปี ระโยชน์ ๒ กิจกรรมผ้นู า ผู้ตาม สาคัญไฉน ๒ ๔๐ รวม การประเมินผลการจดั กิจกรรม ในการประเมินผลการจดั กิจกรรมแนะแนว ครูผู้รับผิดชอบการจดั กิจกรรแนะแนว ผู้เรียน และผู้ปกครอง มภี ารกิจต้องรบั ผิดชอบ ดงั นี้ ๑. ครผู ูจ้ ัดกจิ กรรมแนะแนว ๑.๑ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ตามท่ี สถานศกึ ษากาหนด และตามสภาพความตอ้ งการของปญั หาของผูเ้ รียน หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดท่าบญุ มี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๒๒

... ๑.๒ รายงานเวลาและพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ๑.๓ ศึกษา ตดิ ตาม และพฒั นาผเู้ รยี นในกรณที ่ีผเู้ รียนไมเ่ ขา้ ร่วมกจิ กรรม ๑ ๔.ประเมินผลผเู้ รยี น โดยดูจากพัฒนาการของผู้เรียนตามวตั ถปุ ระสงคท์ กี่ าหนดเปน็ สาคัญ ในกรณี ที่ผลการประเมินยังไม่ผ่าน ให้ครูผู้จัดกิจกรรมดาเนินการซ่อมเสริม โดยให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมซ้าหรือปฏิบัติ กิจกรรมเพ่มิ เตมิ จนกระทัง่ ผู้เรียนบรรลคุ ุณลักษณะตามวตั ถุประสงคข์ องกิจกรรมหรือผา่ นการประเมินตามเกณฑ์ ทีส่ ถานศกึ ษากาหนด ๑.๕ บนทึกผลการติดตามและประเมินผลผเู้ รยี นไวเ้ ป็นหลักฐานั ๒ผู้เรยี น . ๒ ๑.มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนวตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด โดยมีหลักฐานแสดงเวลาการ เข้าร่วมกจิ กรรม ๒๒.ปฏิบัติกิจกรรมตามที่ครูผู้สอนรับผิดชอบมอบหมาย ถ้าไม่ผ่านให้ปฏิบัติกิจกรรมซ้าหรือปฏิบัติ กจิ กรรมเพม่ิ เติม และมีช้ินงาน/ผลงาน/คุณลกั ษณะตามที่ผสู้ อนกาหนด ๓ผ้ปู กครอง . ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการประเมินผลพัฒนาการของผู้เรียน และมีการบันทึกสรุปพัฒนาการและ การปฏบิ ัติกจิ กรรมของผู้เรียน เกณฑ์การผา่ นการประเมนิ ผลกจิ กรรมแนะแนว ๑. เรียนมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมแนะแนวตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากาหนด ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละผู้ 80 ๒. ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมผ่านเกณฑ์การประเมนิ กจิ กรรม กิจกรรมนกั เรยี น เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้ได้เข้าร่วมกิจกรรมตามความถนัด ความสนใจ โดยเน้นเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม ไม่เห็นแก่ตัว มีระเบียบวินัย มีความเป็นผู้นาผู้ตามท่ีดี มีความรับผิดชอบ การทางานร่วมกัน รจู้ ักการแกป้ ญั หา การตัดสนิ ใจ ความมีเหตุผล การชว่ ยเหลือแบ่งปัน เอือ้ อาทรและสมานฉนั ท์ ผลการเรยี นรู้ กิจกรรมนกั เรยี น ๑. เพื่อพฒั นาผเู้ รยี นให้มรี ะเบียบวินยั มีความเป็นผู้นาผู้ตามท่ดี มี ีความรบั ผิดชอบ ๒. เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการทางานร่วมกันรู้จักแก้ไขปัญหามีเหตุผลตัดสินใจท่ีเหมาะสม ชว่ ยเหลือแบง่ ปนั เพอ่ื อาทรและสมานฉันท์ ๓. สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นมคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและคณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ ๔. สง่ เสรมิ และสนับสนุนให้ผู้เรยี นไดป้ ฏบิ ัติกจิ กรรมตามความถนัดและความสนใจ กจิ กรรมนกั เรยี นประกอบไปด้วย ๑กจิ กรรมลกู เสอื . เนตรนารี นกั เรียนทกุ คนตอ้ งเข้ารว่ มกิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี ๔๐ ชวั่ โมงตอ่ ปกี ารศึกษา (ระดบั ประถมศกึ ษา)๒๐ ชว่ั โมงต่อภาคเรยี น (ระดบั มธั ยมศกึ ษา) หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั ท่าบญุ มี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๒๓

... แนวการจดั กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี พระราชบัญญัติลูกเสือ ๒๕๕๑พ.ศ ๘มาตรา ได้กาหนดวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมเพ่ือพัฒนา ลูกเสอื ทงั้ ทางกาย สติปญั ญา จิตใจ และศีลธรรมใหเ้ ป็นพลเมืองดี มีความรับผดิ ชอบ และช่วยสร้างสรรค์สงั คม เพ่ือให้เกิดความสามัคคี และความเจริญก้าวหน้า ทั้งน้ีเพื่อความสงบสุข และความม่ังคงของประเทศชาติตาม แนวทางดังต่อไปนี้ ๑. ใหม้ นี สิ ยั ในการสงั เกต จดจา เช่อื ฟัง และพึง่ ตนเอง ๒ .ให้มคี วามซือ่ สัตยส์ ุจรติ มีระเบียบวนิ ัย และเหน็ อกเห็นใจผอู้ ื่น ๓ .ใหร้ จู้ ักบาเพญ็ ตนเพ่อื สาธารณประโยชน์ ๔ .ให้รจู้ กั ทาการฝีมอื และฝึกฝนการทากิจกรรมตา่ งๆตามความเหมาะสม ๕ .ให้รู้จักรกั ษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม และความมั่งคงชองชาติ แนวการจัดกจิ กรรมลูกเสือสารอง สาหรับนักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๑-๓ กจิ กรรม เนือ้ หา เวลา (ชัว่ โมง) เตรียมลูกเสอื สารอง ๑.นทิ านเรอ่ื งเมาคลีและประวัติการเรมิ่ กิจการของ ๒ ลกู เสือสารอง ดาวดวงที่ ๑ ๒.แกรนด์ฮาวล์ และระเบียบแถวเบอื้ งต้น ๒ ดาวดวงที่ ๒ ๓.การทาความเคารพรายบคุ คลและคติพจนข์ อง ๒ ดาวดวงท่ี ๓ ลูกเสือ ๔.คาปฏิญาณและกฎของลกู เสอื ๒ ๑.อนามยั ๒ ๒. ความสามารถ ๒ ๓.การสารวจ ๓ ๔. การคน้ หาธรรมชาติ ๓ ๕.ความปลอดภัย ๒ ๖.บริการ ๔ ๗.ธงและประเทศต่างๆ ๒ ๘.การฝีมือ ๒ ๙.กิจกรรมกลางแจ้ง ๔ ๑๐. การบันเทงิ ๓ ๑๑. การผกู เงอื่ น ๓ ๑๒.คาปฏิญาณและกฎของลกู เสือ ๒ รวม ๔๐ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั ท่าบุญมี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๒๔

... แนวการจัดกจิ กรรมลูกเสอื สารอง สาหรับนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑-๓ กจิ กรรม เนื้อหา เวลา (ชัว่ โมง) ลกู เสือตรี ๑.ประวัติของลอรด์ เบเดลโพเอล ๒ ๒.ประวัติของรชั กาลท่ี ๖ ๔ ๓.ววิ ฒั นาการของลกู เสือไทยและลูกเสือโลก ๕ ๔.คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสือ ๔ ๕. กิจกรรมกลางแจง้ ๑๕ ๖. ระเบยี บแถว ๑๐ รวม ๔๐ ลกู เสอื โท ๑.การรจู้ ักดูแลตนเอง ๓ ๒. การชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื ๕ ๓.การเดินทางไกล ๑๐ ๔. ทกั ษะในวชิ าลูกเสอื ๑๔ ๕.งานอดเิ รกและเรอื่ งที่สนใจ ๔ ๖.คาปฏิญาณและกฎของลูกเสอื ๔ รวม ๔๐ ลกู เสือเอก ๑. การพึ่งตนเอง ๒ ๒. การบรกิ าร ๕ ๓. การผจญภัย ๑๕ ๔. วิชาการของลกู เสอื ๑๐ ๕. ระเบียบแถว ๘ รวม ๔๐ เกณฑ์การผา่ นการประเมินผลกจิ กรรมลกู เสอื ๑. ผเู้ รียนมเี วลาเขา้ ร่วมกิจกรรมลกู เสอื ตามเกณฑท์ ่สี ถานศึกษากาหนด ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ๒. ผู้เรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ผลกิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี เป็นกระบวนการทดสอบ ความสามารถและพัฒนาการดา้ นตา่ งๆ ของผูเ้ รียนลูกเสือ เนตรนารี ๒. กิจกรรมชมุ นมุ เป็นกจิ กรรมที่ผเู้ รยี นรวมกลุ่มกันจัดขึ้นตามความสามารถ ความถนดั และความสนใจของผเู้ รียน เพ่อื เติม เต็มความรู้ ความชานาญ ประสบการณ์ ทักษะ เจตคตเิ พอ่ื พฒั นาตนเองตามศกั ยภาพ หลักการ กจิ กรรมชุมนมุ มหี ลกั การ ดงั น้ี ๑.เปน็ กิจกรรมท่ีเกิดความสรา้ งสรรค์และออกแบบกิจกรรมของผเู้ รยี นตามความสมัครใจ ๒.เปน็ กิจกรรมทผี่ ู้เรียนรว่ มกนั เปน็ ทีม ช่วยกันคดิ เพอ่ื กระทาและชว่ ยกันแก้ปัญหา ๓.กจิ กรรมท่ีส่งเสริมและพฒั นาศกั ยภาพของผเู้ รยี น ๔.เป็นกจิ กรรมที่เหมาะสมกบั วัยวุฒภิ าวะของผู้เรียนทั้งบรบิ ทของสถานศกึ ษาและชุมชนทอ้ งถ่ิน หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๒๕

... วัตถุประสงค์ .๑เพื่อใหผ้ ู้เรียนได้ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนดั และความต้องการของตน .๒เพือ่ ให้ผู้เรียนได้พฒั นาความรู้ ความสามารถดา้ นการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์ ใหเ้ กิดประสบการณ์ ท้ังทางวชิ าการและวชิ าชีพตามศักยภาพ .๓เพือ่ ส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นใช้เวลาใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อตนเองและส่วนรวม .๔เพื่อให้ผู้เรยี นทางานรว่ มกบั ผู้อื่น ได้ตามวถิ ีประชาธปิ ไตย แนวการจัดกจิ กรรมชมุ นมุ ของโรงเรยี นวัดท่าบญุ มี โรงเรียนวัดทา่ บญุ มี มีชุมนมุ ทีจ่ ดั ให้นกั เรยี นเลือกเรียนดังตอ่ ไปนี้ ๑. ชมุ นุมกีฬา ๒. ดนตรีไทย การประเมนิ ผลกจิ กรรมชมุ นมุ การประเมินผลกิจกรรม เป็นกระบวนการทดสอบความสามารถและพัฒนาการด้านต่างๆ ซึ่งนอกจาก พิจารณาความรู้ตามทฤษฎีแล้ว ยังต้องพิจารณาด้านความประพฤติ พฤติกรรมการเข้าร่วม กิจกรรมท่ีเน้นทักษะ และการปฏิบัติต่างๆ ด้วยวิธีการประเมินที่หลากหลายและการประเมินตามสภาพจริง โดยกาหนดเกณฑ์การ ประเมนิ เป็น ”ผา่ น” และ “ไมผ่ า่ น“ ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงานตามเกณฑ์ท่ี สถานศกึ ษากาหนด ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ไม่ผ่านการปฏบิ ัติกิจกรรมหรือมีผลงาน ไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนด กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ หลักการ เป็นกิจกรรมท่ีต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ โดยคานึง ความแตกต่างระหว่างบุคคล และพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสาคัญทั้งความรู้ และคุณธรรม จริยธรรม จัด กิจกรรมโดยให้ผู้เรียนคิด สร้างสรรค์ ออกแบบกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์อย่างหลากหลายรูปแบบเพื่อแสดงถึง ความรบั ผิดชอบต่อสังคมในลักษณะจติ อาสา วัตถุประสงค์ ๑ .เพอ่ื ให้ผู้เรยี นบาเพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชน์ตอ่ ครอบครวั โรงเรียน ชมุ ชน สังคม และประเทศชาติ .๒เพื่อให้ผู้เรียนออกแบบกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความถนัดและ ความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร .๓เพื่อให้ผู้เรียนพฒั นาศกั ยภาพในการจัดกิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชนไ์ ดอ้ ย่างมี ประสทิ ธิภาพ .๔เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรมตาม คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ .๕เพื่อใหผ้ ้เู รยี นมจี ิตสาธารณะและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดท่าบญุ มี พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๒๖

... แนวการจัดกจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ๑จดั กิจกรรมในลกั ษณะบูรณาการใน ๘ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ . ๒. จัดกจิ กรรมในลักษณะโครงการของโรงเรียน ๓. จัดกจิ กรรมเฉพาะตามความสนใจของแตล่ ะหอ้ งเรียนทม่ี จี ิตอาสาร่วมกัน การประเมนิ ผลกิจกรรม การประเมนิ ผลกิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ผเู้ รียนตอ้ งเข้ารว่ มกิจกรรมใหค้ รบตามกรอบ เวลาในโครงสรา้ งของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ดังน้ี ระดบั ประถมศึกษา (ป.๑– ป๖) มเี วลาเข้ารว่ มกิจกรรม ๖๐ ช่ัวโมง. ผา่ น หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมครบตามเกณฑ์ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและมผี ลงานตามเกณฑท์ ี่ สถานศึกษากาหนด ไมผ่ ่าน หมายถึง ผ้เู รียนมเี วลาเข้ารว่ มกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ไมผ่ ่านการปฏิบตั กิ ิจกรรมหรอื มผี ลงาน ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากาหนด ในกรณที ีผ่ ู้เรยี นไม่ผ่าน ครทู ปี่ รึกษาตอ้ งให้ผเู้ รียนซอ่ มเสรมิ การทากจิ กรรมใหค้ รบตามกรอบเวลาทีก่ าหนด ในโครงสร้างของหลักสูตร ระเบียบการวัดผลและประเมินผลการเรยี นรแู้ ละการจบหลกั สตู ร การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการคือ การประเมินเพื่อ พัฒนาผู้เรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ประสบผลสาเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวช้ีวัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะ สาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซ่ึงเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุก ระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และระดับชาติ การวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศท่ี แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสาเร็จทางการเรยี นของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการ ส่งเสรมิ ให้ผูเ้ รียนเกดิ การพัฒนาและเรียนรอู้ ยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ โรงเรียนวัดทา่ บุญมี ไดจ้ ดั ทาหลกั เกณฑแ์ ละแนวปฏบิ ัตใิ นการวดั และประเมินผลการเรียน เพื่อให้บคุ ลากร ทุกฝ่ายถือปฏิบัติร่วมกันและเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับช้ันเรียน ระดับ สถานศึกษา ระดบั เขตพ้นื ทกี่ ารศึกษา และระดบั ชาติ ดังนี้ ๑การประเมินระดับช้ันเรียน . เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน ดาเนินการเป็นปกติและสม่าเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การ ซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินช้นิ งานภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การ / ใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพื่อน ผ้ปู กครองร่วมประเมนิ ในกรณที ไ่ี มผ่ ่านตัวชี้วดั ใหม้ กี ารสอนซ่อมเสริมการประเมินระดับชัน้ เรยี นเป็นการตรวจสอบ วา่ ผ้เู รยี นมีพัฒนาการความกา้ วหนา้ ในการเรยี นรู้ อันเปน็ ผลมาจากการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนหรอื ไม่ และ มากน้อยเพียงใด มีส่ิงที่จะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงและสง่ เสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ ปรบั ปรุงการเรยี นการสอนของตนดว้ ย ทงั้ นีโ้ ดยสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ๒การประเมินระดับสถานศึกษา . เป็นการประเมินท่ีสถานศึกษาดาเนินการเพื่อตัดสินผลการเรียนของ ผู้เรียนเป็นรายปีรายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และ/ กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน นอกจากนี้เพื่อใหไ้ ด้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั การจดั การศึกษาของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนวดั ท่าบุญมี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๒๗

... ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนาผลการเรียนของผู้เรียนใน สถานศกึ ษาเปรียบเทยี บกบั เกณฑ์ระดบั ชาติ ผลการประเมินระดบั สถานศึกษาจะเปน็ ขอ้ มลู และสารสนเทศเพือ่ การ ปรบั ปรงุ นโยบาย หลกั สตู ร โครงการ หรือวธิ ีการจดั การเรียนการสอน ตลอดจนเพ่อื การจดั ทาแผนพัฒนาคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัดการศึกษาต่อ คณะกรรมการสถานศึกษา สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ผู้ปกครองและชมุ ชน ๓การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา . เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา ตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพ่ือใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการพัฒนา คุณภาพการศึกษาของเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดยประเมินคุณภาพ ผลสัมฤทธ์ิของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานท่ีจัดทาและดาเนินการโดยเขตพ้ืนท่ีการศึกษา หรือด้วยความร่วมมือ กบั หน่วยงานต้นสงั กัด ในการดาเนนิ การจดั สอบ นอกจากน้ยี งั ได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมลู จากการประเมิน ระดับสถานศึกษาในเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา ๔การประเมินระดับชาติ . เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน สถานศกึ ษาต้องจดั ใหผ้ เู้ รียนทกุ คนทเ่ี รยี น ในช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๓ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษา ในระดับต่าง ๆ เพื่อนาไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนการ ตดั สินใจในระดบั นโยบายของประเทศ วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล อตั ราสว่ นคะแนน ๑สดั สว่ นคะแนน . ระหวา่ งเรยี น ปลายป/ี ภาค กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๗๐ ๓๐ ๑.ภาษาไทย ๒. คณติ ศาสตร์ ๗๐ ๓๐ ๓. วทิ ยาศาสตร์ ๔. สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๗๐ ๓๐ ๕. สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๖. ศิลปะ ๗๐ ๓๐ ๗. การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๘. ภาษาต่างประเทศ ๘๐ ๒๐ ๘๐ ๒๐ ๘๐ ๒๐ ๗๐ ๓๐ ๒รูปแบบและวธิ ีการประเมินแต่ละองค์ประกอบ . ๒๑ กลุ่มสาระการเรียนร้ทู งั้ ๘ กล่มุ . ๑. การประเมนิ ผลก่อนเรียน การประเมินผลก่อนเรียน เปน็ หน้าที่ของครผู ูส้ อนในแต่ละรายวชิ า ทุกกล่มุ สาระการเรียนรู้ทีต่ อ้ ง ประเมนิ ผลกอ่ นเรียน เพอื่ หาสารสนเทศของผู้เรียนในเบือ้ งต้น สาหรับนาไปจดั กระบวนการเรยี นร้ทู เี่ นน้ ผเู้ รียนเป็น สาคัญ แต่จะไม่นาผลการประเมนิ นไ้ี ปใช้ในการพจิ ารณาตดั สินผลการเรียน การประเมินผลก่อนเรียนประกอบดว้ ย การประเมินดังนี้ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดทา่ บญุ มี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๒๘

... ๑๑.การประเมินความพรอ้ มและพ้นื ฐานของผเู้ รียน เป็นการตรวจสอบความรู้ ทักษะ และความพร้อมต่างๆ ของผู้เรียนที่เป็นพื้นฐานของเรอื่ ง ใหม่ๆ ที่ผู้เรียนต้องเรียนโดยใช้วิธกี ารที่เหมาะสม เพ่ือจะได้ทราบว่าผู้เรียนมีความพร้อมและพืน้ ฐานท่ีจะเรียนทกุ คนหรือไม่ แล้วนาผลการประเมินมาปรับปรุง ซ่อมเสริม หรือตระเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมและพ้ืนฐาน พอเพยี งทุกคน ๑๒.การประเมนิ ความรอบรใู้ นเรอ่ื งท่จี ะเรยี นกอ่ นการเรยี น เปน็ การประเมนิ ผู้เรียนในเรอื่ งที่จะทาการสอน เพ่ือตรวจสอบวา่ ผเู้ รียนมคี วามรแู้ ละทกั ษะ ในเร่อื งท่จี ะเรียนน้นั มากน้อยเพยี งไร เพื่อนาไปเป็นขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ของผเู้ รียนแต่ละคนว่าเรมิ่ ต้นเรียนเร่ืองนั้นๆ โดย มีความรู้เดิมอยู่เท่าไรจะได้นาไปเปรียบเทียบกันผลการเรียนภายหลังการเข้าร่วมกิจกรรม การเรียนตามแผนการ เรียนรู้แล้ว ว่าเกิดพัฒนาการหรือเกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้นหรือไม่เพียงไร ซ่ึงจะทาให้ทราบถึงศักยภาพในการเรียนรู้ ของผู้เรียนและประสิทธิภาพในการจัดกิจกรรมการเรียน ซึ่งจะใช้เป็นประโยชน์ในการสนองตอบการเรียนรู้ของ ผู้เรียนแต่ละคน แต่ละกลุ่มต่อไป การประเมินความรอบรู้ก่อนเรียนมีข้ันตอนการปฏิบัติเหมือนกับการประเมิน ความพร้อม ต่างกนั เฉพาะความรู้ ทกั ษะทีจ่ ะประเมนิ เท่านั้น ๒. การประเมนิ ระหวา่ งเรียน เป็นการประเมินเพื่อมุ่งตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียนว่าบรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ตาม แผนการจัดการเรียนรู้ที่ครูได้วางแผนไว้หรือไม่ เพ่ือนาสารสนเทศท่ีได้จากการประเมินไปสู่การปรับปรุงแก้ไข ข้อบกพรอ่ งของผู้เรียน และสง่ เสรมิ ผเู้ รยี นใหม้ คี วามรู้ ความสามารถและเกดิ พัฒนาการสูงสดุ ตามศักยภาพ ๓. การประเมนิ เพ่อื สรปุ ผลการเรยี น เป็นการประเมินเพื่อมุ่งตรวจสอบความสาเร็จของผู้เรียน เม่ือผ่านการเรียนรู้ช่วงเวลาหน่ึง หรือ สิ้นสดุ การเรยี นรายวชิ าปลายปปี ระกอบดว้ ย ๓ ๑.การประเมินหลงั เรียน เป็นการประเมินผเู้ รียนในเรือ่ งทไ่ี ด้เรยี นจบแลว้ เพ่ือตรวจสอบวา่ ผเู้ รียนเกดิ การเรียนรู้ตาม ผลการเรียนที่คาดหวังหรือไม่ เม่ือนาไปเปรียบเทียบกับผลการประเมินก่อนเรียนว่าผู้เรียนเกิดพัฒนาการข้ึนมาก น้อยเพียงไร ทาให้สามารถประเมินได้ว่าผู้เรียนมีศักยภาพในการเรียนรู้เพียงไร และกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีจัดข้ึนมี ประสิทธิภาพในการพัฒนาผู้เรียนเพียงไร ข้อมูลจากการประเมินภายหลังการเรียน สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ มากมาย ได้แก่ ๓ ๑.๑.ปรบั ปรุงแกไ้ ขซ่อมเสรมิ ผเู้ รียนใหบ้ รรลุผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั หรอื จุดประสงคข์ องการเรยี น ๓ ๑.๒.ปรบั ปรงุ แกไ้ ขวิธเี รียนของผูเ้ รียนให้มีประสทิ ธิภาพยง่ิ ข้ึน ๓ ๑.๓.ปรับปรุงแก้ไขและพฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๓ ๒.การประเมนิ ผลการเรยี นปลายป/ี ปลายภาค เป็นการประเมินผลเพื่อตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในการเรียนรายวิชาต่างๆตามผล การเรียนรทู้ ี่คาดหวังรายปี การประเมินผลน้ีนอกจากจะมีจุดประสงค์เพ่อื การสรปุ ตดั สนิ ความสาเรจ็ ของผู้เรียนใน การเรียนสาระการเรียนรู้รายปีเป็นสาคัญแล้ว ยังใช้เป็นข้อมูลสาหรับปรบั ปรุงแก้ไข ซ่อมเสริมผเู้ รยี นท่ีไม่ผ่านการ ประเมนิ ผลการเรียนร้ทู ค่ี าดหวงั ของรายวชิ า ให้เกิดพัฒนาการและมผี ลการเรียนตามผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวงั อย่าง ครบถว้ นสมบรู ณ์ดว้ ย หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดท่าบุญมี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๒๙

... การให้ระดับผลการเรยี นรายวชิ า มี ๘ ระดบั ไดแ้ ก่ ๔ หมายถึงผลการเรียนดเี ยี่ยม ได้คะแนนร้อยละ๘๐– ๑๐๐ ๓๕. หมายถึงผลการเรียนดีมาก ไดค้ ะแนนร้อยละ๗๕ – ๗๙ ๓ หมายถึงผลการเรียนดี ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๗๐ – ๗๔ ๒๕. หมายถงึ ผลการเรยี นค่อนข้างดี ไดค้ ะแนนร้อยละ๖๕ – ๖๙ ๒ หมายถงึ ผลการเรยี นปานกลาง ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ๖๐ – ๖๔ ๑๕. หมายถึงผลการเรยี นพอใช้ ได้คะแนนรอ้ ยละ๕๕ – ๕๙ ๑ หมายถงึ ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินข้นั ต่า ได้คะแนนรอ้ ยละ๕๐ – ๕๙ ๐ หมายถึง ผลการเรียนไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ได้คะแนนรอ้ ยละ ๐ – ๔๙ การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมท่ีโรงเรียนต้องจัดให้ผู้เรียนในทุกช่วง ชั้นการศึกษาได้พัฒนา ความสามารถของตนเองตามความถนัดและความสนใจให้เต็มศักยภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์รวมของความ เป็นมนุษย์ท้ังด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโรงเรียน จะต้องดาเนินการ อย่างมีเป้าหมาย มีรูปแบบ และวิธีการที่เหมาะสม ผู้เรียนต้องผา่ นเกณฑก์ ารประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามที่ โรงเรยี นกาหนด จึงจะผ่านเกณฑ์การประเมินชว่ งชัน้ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน แบ่งเปน็ 2 ลักษณะ คือ ๑ .กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของผู้เรียนให้เหมาะสมตามความ แตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตน เสรมิ สร้างทกั ษะชวี ิต วุฒิภาวะทางอารมณ์ การ เรียนรู้ในเชิงพหุปัญญา และการสร้างสัมพันธภาพที่ดี ซึ่งครูทุกคนต้องทาหน้าท่ีแนะแนวให้คาปรึกษาด้านชีวิต การศึกษาต่อและการพฒั นาตนเองส่โู ลกอาชีพและการมงี านทา ๒ .กิจกรรมนกั เรยี น เป็นกิจกรรมที่ผ้เู รียนเป็นผู้ปฏิบตั ิดว้ ยตนเองอย่างครบวงจร ต้งั แต่วเิ คราะห์ วางแผน ปฏบิ ตั ติ ามแผน ประเมิน และปรบั ปรุงการทางาน โดยเนน้ การทางานรว่ มกนั อย่างเป็นกล่มุ เชน่ โครงงาน กจิ กรรม ตามความสนใจ ชมุ นมุ วิชาการ กิจกรรมรักการอ่าน กิจกรรมสาธารณประโยชน์ ลกู เสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด และผู้ บาเพ็ญประโยชน์ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนทั้ง ๒ลักษณะ โรงเรียนจัดให้มีการประเมินทุกภาคเรียน และทาการ ประเมินการเข้าร่วมกจิ กรรมของผู้เรียนเปน็ รายกิจกรรม โดยมแี นวการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน ดงั นี้ ๑ .การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นรายกจิ กรรม ๑.๑ผู้รับผิดชอบกิจกรรมประเมินการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนจุดประสงค์ของแต่ละกิจกรรม โดยประเมนิ จากพฤติกรรมการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดว้ ยวธิ ีการหลากหลายตามสภาพจรงิ ๑.๒ผู้รับผิดชอบกิจกรรมตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนว่าเป็นไปตามเกณ ฑ์ท่ี โรงเรียนกาหนดไว้หรือไม่ ๑ ๓.เมือ่ สนิ้ ภาคเรยี นแรกผูร้ บั ผดิ ชอบกจิ กรรมควรจัดให้มีการประเมินการปฏิบัติกจิ กรรมผู้เรียน เพ่ือสรุปความก้าวหน้าและสภาพของการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนระยะหนึ่งก่อน เพ่ือการปรับปรุงแก้ไขหรือ ส่งเสริมการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนให้เป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และรายงานผลการประเมินให้ ผู้ปกครองทราบ โดยทาการประเมินตามจุดประสงค์สาคัญของกิจกรรม และนาผลการประเมินน้ันไปรวมกับผล การประเมินการร่วมกิจกรรมในภาคเรียนทีสอง เพ่ือตัดสินผลการประเมินการผ่านจุดประสงค์สาคัญของกิจกรรม เมือ่ ส้ินสดุ ปีการศึกษา หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนวดั ทา่ บุญมี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๓๐

... ๑ ๔.ตัดสินให้ผู้เรียนที่ผ่านจุดประสงค์สาคัญของกิจกรรม และมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตาม เกณฑ์ให้เป็นผู้ผ่านการประเมินผลการร่วมกิจกรรม ผู้เรียนท่ีมีผลการประเมินบกพร่องในเกณฑใ์ ดเกณฑ์หนึ่งหรือ ทง้ั สองเกณฑ์ จะเปน็ ผู้ไมผ่ ่านการประเมนิ ผลการรว่ มกิจกรรมจะตอ้ งซอ่ มเสรมิ ขอ้ บกพร่องให้ผา่ นเกณฑ์ก่อน จงึ จะ ไดร้ ับการตดั สนิ ใจให้ผ่านกิจกรรม ๒ .การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นผ่านช่วงชั้น เปน็ การประเมินสรุปผลการผ่านกจิ กรรมตลอดช่วงชน้ั ของผู้เรยี นแตล่ ะคนเพือ่ นาผลไปพิจารณาตัดสนิ การผ่านชว่ งชั้น โดยมีขั้นตอนปฏิบตั ิ ดงั น้ี ๒.๑กาหนดให้มีผูร้ ับผิดชอบ ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการรว่ มกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นทุกคน ตลอดช่วงชั้น ๒.๒ผู้รับผิดชอบสรุปและประเมินผลการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นรายบุคคลตามเกณฑ์ท่ี โรงเรียนกาหนด กมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้ .เรียน ประกอบด้วยกิจกรรมตามระเบียบว่าด้วยการ จัดกิจกรรมนักเรียนของสถานศึกษาเลือกลงทะเบียนเรียนและกิจกรรมแนะแนวในแต่ละกิจกรรมไม่น้อยกว่ารอ้ ย ละ ๘๐ ของเวลาจัดกจิ กรรมท้งั หมดของแตล่ ะภาคเรยี น/ปี ขผา่ นการประเมินตามผลการเรียนร้ทู ่คี าดหวงั ทีส่ าคญั ของแตล่ ะกจิ กรร .มตามทก่ี าหนด ครอบคลมุ ทง้ั ดา้ นความรู้ ทกั ษะ กระบวนการและคุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ ๒ ๓.นาเสนอผลการประเมนิ ต่อคณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตร และวชิ าการเพอ่ื ใหค้ วามเห็นชอบ ๒.๔เสนอผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณาตัดสินและอนุมัติผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผ่านช่วงชัน้ ตอ่ ไป .๓ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เป็นการประเมินด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอ่ืน ๆ ที่โรงเรียนกาหนดขึ้นสาหรับ พัฒนาผู้เรียนเป็นกรณีพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาหรือสร้างเอกลักษณ์เกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์อื่น ๆ ให้แก่ผู้เรียน โรงเรียนและชุมชนของโรงเรียน การประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เปน็ การประเมินเชงิ วนิ ิจฉัย มีแนวทางในการดาเนินงานดงั นี้ ๓ ๑.แต่งต้ังคณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียน ประกอบด้วยผู้แทนครู ผู้ปกครอง และชุมชน โดยคณะกรรมการจะมีหน้าที่กาหนดแนวทางการพัฒนา แนว ทางการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ และแนวทางการปรับปรุงซ่อมเสริมผเู้ รียน ๓ ๒.กาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียน คณะกรรมการพัฒนาและประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์กาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรียนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาความ จาเป็น และความต้องการของโรงเรียนและชุมชน โดยคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน อาจจะซ้าหรือแตกต่างจาก คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรหรือมาตรฐานการเรียนรู้ กลุ่มสาระการ เรียนรูช้ ่วงช้นั ก็ได้ ๓ ๓.กาหนดแนวทางการพัฒนา มี ๒ ลกั ษณะ ดังนี้ ๓ ๓.๑.การพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในห้องเรียนมอบหมาย ให้ผู้สอน ดาเนนิ การพัฒนา ประเมินผล และแกไ้ ขปรับปรงุ ผู้เรยี นในระหวา่ งการจัดกจิ กรรมการเรียนรตู้ า่ งๆ ๓ ๓.๒.การพฒั นาคุณลักษณะอันพงึ ประสงคน์ อกหอ้ งเรยี น ให้บคุ ลากรของโรงเรียนและ ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนา ประเมินผลและปรับปรุงแก้ไขผู้เรียนอย่างต่อเน่ืองตลอดเวลาทั้งในลักษณะของ การร่วมกจิ กรรมตา่ งๆ หรอื การดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั ท้ังในและนอกโรงเรยี น หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวดั ทา่ บญุ มี พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๓๑

... ๓.๔ดาเนินการประเมินผู้เรียนรายภาค เมื่อสิ้นสุดภาคเรียนแต่ละภาค ผู้สอนหรือบุคลากรท่ี เก่ียวข้องกับการพัฒนาและประเมินผลด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดาเนินการประเมินผู้เรียนตามแนวทางท่ี คณะกรรมการกาหนด ซึ่งสามารถเลือกใช้เคร่อื งมือและวิธกี ารได้อยา่ งหลากหลาย ได้แก่ การสังเกตพฤติกรรมใน การดาเนินชีวิตประจาวันท้ังในและนอกห้องเรียน การสัมภาษณ์ การบันทึกเหตุการณ์ การรายงานตนเอง ฯลฯ ท้ังน้ี จะต้องเหมาะสมกับกจิ กรรมและคุณลกั ษณะทจี่ ะประเมิน ๓๕ ผูร้ ับผิดชอบทาการประเมนิ และรวบรวมขอ้ มลู จากการประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม . และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์จากหลายฝา่ ย เชน่ จากผ้สู อน ผู้เรยี น ผปู้ กครอง และผเู้ กีย่ วข้องใหค้ ณะกรรมการฯ ประกอบการพจิ ารณาตัดสนิ ผลการประเมินคุณลักษณะแตล่ ะประกา ๓๖ ผู้เรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ให้บันทึกข้อมูล ดีเย่ียม ดี หรือผู้เรียนท่ีไม่ผ่านเกณฑ์การ. ประเมินหั้นทึกข้อมูล “ควรปรับปรุง” และแจ้งให้ผู้เรียนและผู้ปกครองทราบ และจัดกิจกรรมซ่อมเสริมเพื่อ ปรับปรุงแกไ้ ขใหผ้ ู้เรียนพฒั นาคุณลักษณะอนั พึงประสงคท์ ่ีตอ้ งปรบั ปรงุ ตามแนวทางท่ีคณะกรรมการกาหนด ระดับปฏิบตั ิ ๓ หมายถงึ ปฏิบัติเป็นประจา ๒ หมายถงึ ปฏบิ ัตเิ ป็นบางครงั้ ๑ หมายถงึ ปฏิบัตนิ อ้ ยครั้ง ๐ หมายถงึ ไม่ปฏิบัติเลย เกณฑก์ ารผ่าน คณุ ภาพ ๓ ผลการประเมินดเี ย่ยี ม คุณภาพ ๒ ผลการประเมินดี คณุ ภาพ ๑ ผลการประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ คุณภาพ ๐ ผลการประเมนิ ไมผ่ า่ นเกณฑ์ ในกรณีประเมินเปน็ คะแนนใหเ้ ทยี บเปน็ ระดับคุณภาพก่อนจากคะแนนเตม็ ๑๐๐ ๘๐– ๑๐๐ ระดับคณุ ภาพ ๓ ผลการประเมนิ ดเี ยยี่ ม ๗๐– ๗๙ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผลการประเมนิ ดี ๕๐– ๖๙ ระดบั คุณภาพ ๑ ผลการประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ ๐– ๔๙ ระดบั คุณภาพ ๐ ผลการประเมนิ ไม่ผา่ นเกณฑ์ ๔. ประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนส่ือความเป็นการประเมินศักยภาพของผู้เรียนในการอ่าน หนังสือ เอกสารและสื่อต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง คล่องแคล่ว แล้วนามาคิดสรุปเป็นความรู้ความเข้าใจของตน ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์เน้ือหาสาระของเรื่องที่อ่าน ซ่ึงนาไปสู่การสังเคราะห์สรา้ งสรรค์ และแสดงความ คิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ และความสามารถในการถ่ายทอดความคิดเหล่าน้ันด้วยการเขียนสื่อความ ที่สะท้อ งถึง สติปัญญา ความรู้ความเข้าใจ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ แก้ปัญหา และสร้างสรรค์จินตนาการ อย่างเหมาะสมและมีคณุ คา่ พร้อมด้วยประสบการณ์และทักษะในการเขียนที่มีสานวนภาษาถูกต้อง มีเหตุผล และ ลาดบั ขนั้ ตอนในการนาเสนอ ขั้ น ต อ น ด า เ นิ น ก า ร ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ก า ร อ่ า น คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห์ แ ล ะ เ ขี ย น มี ดั ง นี้ ขน้ั ท่ี ๑ คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและวิชาการของโรงเรียนกาหนดมาตรฐานการอ่าน การคิด หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๓๒

... วิเคราะห์ และเขียนพร้อมท้ังตัวชี้วัดแนวทางการประเมินกาหนดแนวทางและวิธีการประเมินท่ีเหมาะสม เช่น ความสามารถจริงของผู้เรียนในการปฏิบัติกิจกรรมทางการเรียนในรายวิชาต่าง ๆ ในส่วนท่ีเกี่ยวกับการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน โดยการสังเกตของผู้สอนการมอบหมายให้ผู้เรียนไปศึกษาค้นคว้า แล้วเขียนเป็นรายงาน ผลงานเชิงประจกั ษ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการอ่าน การคิดวิเคราะห์และการเขียนที่รวบรวม และนาเสนอในรูปของแฟม้ ส ะ ส มง า น กา ร ทด ส อ บโด ย ใ ช้แบบทด ส อ บ แ บ บ เขี ย น ต อ บ หรื อกา ร ใ ห้ ผู้เ รีย น เ ขี ย น ควา มเรียง เกณฑ์การตัดสินคุณภาพการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการเขียนตามความเหมาะสมและเขียนแนวทางการซ่อม เสริมปรบั ปรุงผู้เรียนท่ยี ังไมไ่ ดค้ ุณภาพตามมาตรฐานขั้นต่าของโรงเรียน ข้ันท่ี ๒ประกาศแนวทาง และวิธีการประเมิน ดังกล่าวข้างต้น ให้ผู้เก่ียวข้องได้รับทราบอย่างสม่าเสมอ และชแ้ี จงใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ ขัน้ ที่ ๓ โรงเรียนแต่งตัง้ คณะกรรมการดาเนนิ การประเมินการอา่ น การคิดวิเคราะห์ และการเขียน เพ่อื ทา หน้าที่ในการจัดทาเครอื่ งมอื ประเมนิ สรปุ รวบรวมขอ้ มูล และตัดสนิ ผลการประเมิน ขั้นที่ ๔ กรรมการดาเนินการประเมิน และนาเสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและ วิชาการของโรงเรียน เพ่ือใหค้ วามเห็นชอบและเสนอผู้บริหารอนุมตั ผิ ลต่อไป แนวปฏบิ ตั ใิ นการประเมนิ ปลายปแี ละการประเมนิ การผ่านช่วงชั้นมกี ารดาเนนิ การดังนี้ ๔๑ แนวทาง.การประเมนิ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนของผเู้ รยี นเม่ือจบ การศึกษาแต่ละช่วงชน้ั เป็นการประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนส่ือความของผเู้ รียนเมอ่ื เรียนจบช่วงชั้น เพ่ือพิจารณาตัดสินผู้เรียนผ่านช่วงชั้นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด โดยยึดถือผลการประเมิน ปลายปีในปีสุดทา้ ยของช่วงช้ันเป็นการประเมนิ เพื่อตดั สินการผา่ นชว่ งช้ัน โดยดาเนินการดังน้ี ๔ ๑.๑.ผู้มีหน้าท่ีประเมิน ทาการตรวจสอบหรอื ประเมนิ ผูเ้ รียนในความรบั ผิดชอบ ตามวธิ ีการและเครือ่ งมอื ท่กี าหนดใหไ้ ดข้ ้อมลู ความสามารถของผเู้ รยี นด้านการอา่ น การคิดวเิ คราะห์ และการเขียน ส่ือความอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ตามศักยภาพของผู้เรียน รายงานคณะกรรมการ ดาเนินการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น ๔ ๑.๒.คณะกรรมการดาเนินการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนพจิ ารณา ตัดสินการผ่านมาตรฐานตามเกณฑท์ โ่ี รงเรียนกาหนดดงั นี้ ๔.๑.๒.๑ ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวังเก่ียวกับความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขยี นส่ือความทใ่ี ช้ในการประเมิน ประกอบดว้ ย ๑เข้าใจและใช้กระบวนการการอ่าน สร้างความรู้และความคิดไปใช้ในการตัดสินใจวางแผนดาเนินการ . หรือแก้ปญั หา หรือสรา้ งสรรค์ ผลงานท่เี กิดจากการเรียนร้ใู นโอกาสตา่ งๆ อย่างมวี จิ ารณญาณ และอย่างสรา้ งสรรค์ ๒เข้าใจและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับส่ิงท่ีได้อ่านอย่างมีวิจารณญาณ และสะท้อนความรู้ความคิด . ความร้สู กึ ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ๓ สามารถใช้กระบวนการเขียน เขียนส่ือสารแสดงถึงความเข้าใจในการคิดวิเคราะห์ .สังเคราะห์ส่ิงท่ีได้ อา่ นหรือสงิ่ ท่ไี ด้ดาเนนิ งานด้วยการนาเสนอออกมาในรปู แบบของการเขยี นอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ๔๒ ระดบั คณุ ภาพทแี่ สดงถงึ การพฒั นา.ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน กาหนด เปน็ ๓ ระดับ คอื ระดับพ่ึงพาหรือ ๐ , ๑ หมายถงึ ผ้เู รยี นสามารถแสดงความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียนสอ่ื ความได้โดยมีผูช้ ีแ้ นะแลว้ ทาตามจนเกิดความสาเร็จ ระดบั อสิ ระหรอื ๒ , ๓ หมายถึง ผเู้ รยี นสามารถแสดงความสามารถในการอา่ น หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๓๓

... คดิ วิเคราะห์ และเขียนสอื่ ความไดโ้ ดยคิดเอง ไมไ่ ด้อาศยั ผอู้ ่ืนช้แี นะ ระดับพฒั นาหรอื ๔ หมายถงึ ผู้เรยี นสามารถแสดงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนสอื่ ความไดด้ ้วยตนเอง และสามารถแนะนาหรอื อธิบายใหผ้ ูอ้ นื่ ทาได้ ๔๓ วิธีการวดั และประเมินผล เพ่อื ตัดสนิ การอา่ นใหพ้ ิจารณาจากผลการตัดสนิ จากการวัดผล. ปละเมินผลของครผู สู้ อนใน ๘ สาระการเรยี นรู้ ผลการตดั สินมาจากการมอบหมายงานใหป้ ฏิบัตเิ ป็นกล่มุ ในลกั ษณะโครงงานหรอื โครงการตา่ งๆ ในการสง่ เสริมความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ผลการตัดสนิ จากการประเมนิ ของผู้ปกครองตามผลการเรยี นรูท้ ี่ใช้ในการประเมนิ ผลการตดั สนิ จากการทดสอบวัดความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน ผลการตัดสนิ จากผลการประเมนิ ของอาจารยท์ ่ปี รกึ ษาหรือนกั เรียนประเมนิ เอง ๔๔ การประเมนิ ผลใหพ้ ิจารณาจากผลการประเมินในข้อ ๔.๒ แลว้ พจิ ารณาโดยภาพรวมว่า. ผู้เรยี นอยู่ในระดับใดเปน็ สว่ นมากจึงตดั สนิ การผ่านความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน เกณฑก์ ารผา่ น คณุ ภาพ ๓ ผลการประเมนิ ดเี ย่ยี ม คุณภาพ ๒ ผลการประเมนิ ดี คณุ ภาพ ๑ ผลการประเมินผา่ นเกณฑ์ คุณภาพ ๐ ผลการประเมนิ ไมผ่ ่านเกณฑ์ ในกรณีประเมนิ เป็นคะแนนใหเ้ ทียบเปน็ ระดับคณุ ภาพกอ่ นจากคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน ๘๐– ๑๐๐ ระดบั คุณภาพ ๓ ผลการประเมนิ ดเี ย่ยี ม ๗๐– ๗๙ ระดับคุณภาพ ๒ ผลการประเมินดี ๕๐– ๖๙ ระดับคณุ ภาพ ๑ ผลการประเมนิ ผา่ นเกณฑ์ ๐ – ๔๙ ระดับคุณภาพ ๐ ผลการประเมนิ ไม่ผา่ นเกณฑ์ ๔.๔.๑ ดาเนินการซอ่ มเสรมิ ปรบั ปรุงแกไ้ ข ผู้เรียนทไ่ี มผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ แลว้ ประเมนิ ใหม่อีกคร้งั ใหผ้ ลการประเมนิ ไม่เกิน ”ผ่านเกณฑ์การประเมนิ “ ๔๔.๒ จดั ส่งผลการประเมนิ เสนอคณะกรรมการบริหารหลักสตู รและวชิ าการของ. สถานศึกษาใหค้ วามเห็นชอบ เพื่อนาเสนอผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาอนมุ ัตผิ ลการตัดสินการผา่ นชว่ งชั้น การสอนซอ่ นเสรมิ การสอนซอ่ มเสรมิ เป็นสว่ นหน่ึงของกระบวนการจัดการเรยี นร้แู ละเปน็ การให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้มเี วลา เรยี นรสู้ ่ิงต่างๆ เพม่ิ ข้ึน จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ัดทก่ี าหนดไว้ การสอนซอ่ มเสริมเป็นการ สอนกรณพี ิเศษนอกเหนอื ไปจากการสอนตามแผนการจดั การเรียนรปู้ กติเพอ่ื แก้ไขข้อบกพรอ่ งท่พี บในผเู้ รียน โดย จดั กระบวนการเรียนรู้ท่หี ลากหลายและคานงึ ถงึ ความแตกต่างระหว่างบุคคลของผูเ้ รยี น การสอนซอ่ มเสริมสามารถดาเนนิ การไดใ้ นกรณีดงั ต่อไปน้ี ๑. ผู้เรียนมคี วามรู้/ทกั ษะพ้นื ฐานไม่พียงพอทจี่ ะศึกษาในแตล่ ะรายวชิ านั้น ควรจดั การซอ่ มเสรมิ ปรับ ความร้/ู รายวชิ าพื้นฐาน ๒. การประเมินระหวา่ งเรยี นผเู้ รียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรอื เจตคต/ิ คณุ ลักษณะ ทีก่ าหนดไวต้ ามมาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชวี้ ดั หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดท่าบุญมี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๓๔

... ๓. ผลการเรียนไมถ่ งึ เกณฑ์และ/หรือตา่ กว่าเกณฑ์การประเมิน โดยผเู้ รยี นได้ระดับผลการเรียน ”๐“ต้อง จัดการซอ่ มเสริมกอ่ นใหผ้ เู้ รยี นสอบแกต้ ัว ๔. ผเู้ รยี นมีผลการเรียนไม่ผา่ น สามารถจดั สอนซ่อมเสรมิ ในภาคฤดูร้อน ทัง้ นใี้ หอ้ ยูใ่ นดลุ ยพินจิ ของ สถานศกึ ษา การเทยี บโอนผลการเรยี น ๑. การเตรยี มเอกสารให้นักเรยี นกรณยี า้ ยสถานศกึ ษา - ระเบียบแสดงผลการเรยี น (ปพ.๑) - แบบรายงานผลการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียนรายบคุ คล - แบบบันทกึ ผลการเรยี นประจารายวชิ า - ระเบยี นสะสม - ใบรบั รองผลการเรียนและเวลาเรยี น - หลักฐานอนื่ ๆ ที่สถานศกึ ษากาหนด ๒การตรวจสอบคุณสมบัติผู้เรียนกรณรี ับยา้ ย . สถานศึกษาสามารถเทยี บโอนผลการเรียนของผ้เู รียนในกรณตี า่ งๆได้แก่ การย้ายสถานศกึ ษา การเปลีย่ น รปู แบบการศกึ ษา การยา้ ยหลักสูตร การออกกลางคนั และขอกลับเขา้ รับการศกึ ษาตอ่ การศกึ ษาจากตา่ งประเทศ และขอเขา้ ศึกษาตอ่ ในประเทศ นอกจากนี้ ยงั สามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณจ์ ากแหลง่ การเรียนรู้ อนื่ ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบนั การฝกึ อบรมอาชีพ การจดั การศกึ ษาโดยครอบครวั การเทียบโอนผลการเรยี นควรดาเนินการในชว่ งก่อนเปดิ ภาคเรยี นแรก หรอื ต้นภาคเรยี นแรก ท่ี สถานศึกษารบั ผขู้ อเทยี บโอนเปน็ ผเู้ รียน ทงั้ น้ี ผเู้ รยี นท่ีไดร้ บั การเทยี บโอนผลการเรียนตอ้ งศึกษาตอ่ เนือ่ งใน สถานศกึ ษาทร่ี บั เทียบโอนอยา่ งนอ้ ย ๑ ภาคเรยี น โดยสถานศกึ ษาท่ีรบั ผูเ้ รยี นจากการเทียบโอนควรกาหนด รายวชิ าจานวนหนว่ ยกติ ทจ่ี ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทยี บโอน สามารถดาเนนิ การได้ ดังน้ี ๑พจิ ารณาจากหลักฐานการศกึ ษา และเอกสารอ่ืนๆ ทีใ่ หข้ อ้ มูลแสดงความรู้ ความสามารถขอ .งผเู้ รียน ในด้านต่างๆ ๒ พจิ ารณาจากความรู้ .ประสบการณ์ตรงจากการปฏบิ ตั ิจริง การทดสอบ การสมั ภาษณ์ เปน็ ต้น ๓พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏบิ ตั จิ รงิ . ๔. ในกรณีมีเหตุผลจาเป็นระหวา่ งเรยี น นักเรยี นสามารแจง้ ความจานงขอไปศึกษาบางรายวิชาใน สถานศึกษา/สถานประกอบการอื่น แลว้ นามาเทียบโอนได้ โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู ร และวชิ าการของสถานศึกษา ๕. การเทยี บโอนผลการเรียนให้ดาเนนิ การในรูปของคณะกรรมการการเทยี บโอน จานวนไม่นอ้ ยกวา่ ๓ คน แต่ไมค่ วรเกนิ ๕ คน ๖. การเทียบโอนให้ดาเนนิ การ ดงั น้ี ๖๑ กรณี.ผูข้ อเทยี บโอนมผี ลการเรยี นมาจากหลกั สูตรอ่นื ให้นารายวิชาหรอื หน่วยกติ ทม่ี ีตัวช้วี ัด/ มาตรฐานการเรยี นร้/ู ผลการเรยี นรูท้ คี่ าดหวัง/จดุ ประสงค/์ เน้อื หา ทีส่ อดคล้องกันไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๖๐ มาเทยี บ โอนผลการเรยี นและพจิ ารณาให้ระดับผลการเรียนใหส้ อดคลอ้ งกับหลักสตู รท่รี บั เทียบโอน ๖) ๒ กรณีการเทยี บโอนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ให้พจิ ารณาจากเอกสารหลกั ฐาน.ถา้ มีโดยให้มกี ารประเมนิ ดว้ ยเครอื่ งมอื ที่หลากหลายและใหร้ ะดบั ผลใหส้ อดคลอ้ งกับหลกั สตู รทีร่ บั เทยี บโอน ( หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๓๕

... ๖๓ กรณกี ารเทยี บโอนท่ีนกั เรียนเข้าโครงการแลกเปล่ียนตา่ งประเทศ ใหด้ าเน.ินการประกาศ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารเรอื่ งหลกั การและแนวปฏบิ ตั ิการเทียบช้นั การศกึ ษาสาหรับนักเรยี นท่ีเขา้ ร่วมโครงการ แลกเปลย่ี น ท้ังน้ี วธิ กี ารเทียบโอนผลการเรียนใหเ้ ปน็ ไปตามประกาศของกระทรวงศกึ ษาธิการและแนวปฏบิ ัติที่ เกย่ี วข้อง เกณฑก์ ารจบหลักสตู ร เอกสารหลักฐานการศึกษา ๑เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทีก่ ระทรวงศกึ ษาธกิ ารกาหนด . ๑ ๑ ระเบยี นแสดงผลการเรยี น (ปพ.๑).เป็นเอกสารแสดงผลการเรยี นและรบั รองผลการเรยี นของ ผ้เู รยี นตามรายวชิ า ผลการประเมนิ การอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน ผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของ สถานศกึ ษา และผลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น สถานศกึ ษาจะตอ้ งบันทึกข้อมูลและออกเอกสารนี้ใหผ้ ู้เรียน เป็นรายบุคคล เมอ่ื ผู้เรยี น -จบการศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา (ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖) -จบการศึกษาภาคบังคับ (ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓) -จบการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน (ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖)หรือเมอื่ ลาออกจากสถานศกึ ษาในทกุ กรณี ระเบยี นแสดงผลการเรยี น (ปพ.๑)นาไปใช้ประโยชน์ ดงั น้ี -แสดงผลการเรยี นของผูเ้ รยี นตามโครงสร้างหลกั สตู รของสถานศึกษา -รับรองผลการเรียนของผเู้ รยี นตามข้อมลู ทีบ่ ันทึกในเอกสาร -ตรวจสอบผลการเรยี นและวฒุ ิการศกึ ษาของผเู้ รียน -ใชเ้ ปน็ หลักฐานการศึกษาเพอื่ สมคั รเข้าศึกษาตอ่ สมคั รงาน หรือขอรับสทิ ธปิ ระโยชน์อนื่ ใดที่พงึ มีพงึ ได้ตามวุฒิการศึกษาน้ัน ๑ ๒ ประกาศนยี บตั ร (ปพ.๒).เปน็ เอกสารแสดงวฒุ กิ ารศึกษาเพอื่ รบั รองศักดิ์และสทิ ธ์ขิ องผจู้ บ การศกึ ษา ท่สี ถานศึกษาให้ไวแ้ กผ่ ู้จบการศกึ ษาภาคบังคบั และผ้จู บการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐานตามหลักสตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกาศนียบตั ร (ปพ.๒) ใชเ้ ปน็ หลกั ฐานแสดงและตรวจสอบวุฒกิ ารศกึ ษาเพอ่ื สมัครเขา้ ศึกษาตอ่ สมัครงาน หรือขอรบั สิทธิประโยชนอ์ ื่นใดทพ่ี ึงมีพงึ ได้ตามวุฒกิ ารศึกษาน้ัน แห่งประกาศนยี บัตรนัน้ ๑ ๓ แบบรายงานผสู้ าเร็จการศกึ ษา (ปพ.๓).เปน็ เอกสารอนมุ ตั กิ ารจบหลกั สตู รโดยบนั ทึกรายช่อื และขอ้ มลู ของผจู้ บการศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา (ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๖)ผู้จบการศกึ ษาภาคบังคับ ช้ัน) (มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓และผูจ้ บการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี)่ ๖( แบบรายงานผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา (ปพ.๓)นาไปใชป้ ระโยชน์ ดงั น้ี - ใช้ตดั สนิ และอนมุ ตั ิผลการเรยี น - แสดงรายชอื่ ผู้จบหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานแต่ละระดับชัน้ ที่ได้รับการรับรอง วุฒิจากการทรวงศึกษาธิการ - ใช้สาหรับตรวจสอบ ค้นหา พสิ จู น์ ยืนยันและรบั รองวฒุ ิ หรือผลการศึกษาของผู้จบ หลักสูตรการศึกษา หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวดั ท่าบญุ มี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๓๖

... ๒ เอกสารหลกั ฐานการศึกษาท่สี ถานศกึ ษากาหนด . เป็นเอกสารทส่ี ถานศกึ ษาจดั ทาขนึ้ เพ่ือบนั ทกึ พฒั นาการ ผลการเรยี นรู้ และข้อมูลสาคญั เกย่ี วกับผเู้ รียน เชน่ แบบรายงานประจาตัวนักเรียน แบบบันทกึ ผลการเรียนประจารายวชิ า ระเบยี นสะสม ใบรับรองผลการ เรียน และ เอกสารอน่ื ๆ ตามวัตถุประสงค์ของการนาเอกสารไปใช้ ๒๑ แบบบนั ทึกผลการเรียนประจะรายวชิ า. เป็นเอกสารที่สถานศกึ ษาจัดทาขน้ึ เพ่อื ให้ครผู ู้สอนบันทกึ พฒั นาการ ผลการเรียนรู้ กิจกรรม พัฒนาผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน สาหรบั การพจิ ารณาตัดสนิ ผลการ เรยี นแตล่ ะรายวชิ าเปน็ รายหอ้ ง แบบบันทกึ ผลการเรียนประจะรายวชิ า นาไปใชป้ ระโยชน์ไดด้ ังน้ี - ใช้บนั ทกึ พฒั นาการ ผลการเรียนรู้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น และผลการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนของผเู้ รียนแตล่ ะรายวชิ า - ใช้เป็นหลกั ฐานสาหรบั การตรวจสอบ รายงาน และรับรองข้อมลู เกยี่ วกบั พัฒนาการ และ ผลการเรียนรูข้ องผเู้ รยี น ๒๒ แบบรายงานประจาตวั นกั เรยี น. เปน็ เอกสารที่สถานศกึ ษาจดั ทาขึ้นเพือ่ บันทกึ ข้อมลู ผลการเรียนรายวชิ า พฒั นากรดา้ นต่างๆ ของ ผู้เรยี นแตล่ ะคนตามเกณฑ์การตดั สิน การผ่านระดบั ช้ันของหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั ฐาน รวมทั้งขอ้ มูลดา้ น อ่ืนๆ ของผเู้ รยี นทีบ่ า้ นและสถานศึกษา โดยจดั ทาเปน็ เอกสารรายบุคคล เพื่อใชส้ าหรบั สอื่ สารให้ผ้ปู กครองของ ผ้เู รียนแตล่ ะคนได้รับทราบผลการเรยี นและพฒั นาการด้านต่างๆ ของผเู้ รยี นอย่างต่อเนือ่ ง แบบรายงานประจาตวั นักเรยี น นาไปใช้ประโยชน์ได้ดงั น้ี - รายงานผลนกั เรยี น ความประพฤติ และพฒั นาการของนกั เรียนใหผ้ ปู้ กครองได้รับทราบ - เปน็ เอกสารสื่อสาร ประสานงาน เพอ่ื ความรว่ มมอื ในการพฒั นาและปรับปรงุ แก้ไขผเู้ รียน - เปน็ เอกสารหลกั ฐานสาหรบั ตรวจสอบ ยนื ยนั และรับรองผลการเรยี น และพัฒนาการตา่ งๆ ของผูเ้ รียน ๓ระเบียบสะสม . เป็นเอกสารหลักฐานที่สถานศึกษาจดั ทาข้นึ เพอ่ื บันทกึ ขอ้ มูลเก่ยี วกบั พัฒนาการของผเู้ รยี นในดา้ นต่างๆ เป็นรายบคุ คล โดยจะบันทกึ ข้อมูลผเู้ รยี นอยา่ งต่อเนอื่ ง ตลอดชว่ งระยะเวลาการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน ๑๒ ปี ระเบยี บสะสม สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้ดังนี้ - ใชเ้ ป็นขอ้ มูลในการแนะแนวทางการศึกษาและการประกอบอาชพี ของผเู้ รยี น - ใช้เปน็ ขอ้ มลู ในการพัฒนาปรับปรงุ บุคลกิ ภาพ ผลการเรียน และการปรบั ตวั ของผู้เรยี น - ใชต้ ดิ ตอ่ สอ่ื สาร รายงานพฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รียนระหวา่ งสถานศกึ ษากบั ผู้ปกครอง - ใชเ้ ปน็ หลักฐานสาหรับการตรวจสอบ รับรอง และยนื ยันคุณสมบตั ขิ องผเู้ รยี น ๔ใบรบั รองผลการเรยี น . เปน็ เอกสารหลกั ฐานทีส่ ถานศกึ ษาจัดทาขึ้นเพอื่ ใชเ้ ป็นเอกสารสาหรับรับรองความเปน็ นักเรียนหรือผลการ เรยี นของผเู้ รียนเปน็ การชว่ั คราวตามทผ่ี เู้ รียนขอร้อง ท้งั กรณีที่ผเู้ รียนกาลังศกึ ษาอยใู่ นสถานศึกษาและเม่ือจบ การศกึ ษาไปแล้ว หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดทา่ บุญมี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๓๗

... เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการเรียน ๑. การตดั สนิ การให้ระดับและการรายงานผลการเรียน ๑ ๑.การตดั สนิ ผลการเรยี น ในการตัดสนิ ผลการเรยี นของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี น คณุ ลกั ษณะ อนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นนน้ั ผสู้ อนตอ้ งคานึงถึงการพฒั นาผเู้ รยี นแตล่ ะคนเป็นหลัก และต้องเกบ็ ขอ้ มูลของผู้เรยี นทกุ ดา้ นอยา่ งสมา่ เสมอและต่อเนอ่ื งในแต่ละภาคเรียน รวมทง้ั สอนซ่อมเสรมิ ผเู้ รยี นให้พัฒนาจนเต็ม ตามศักยภาพ ระดับประถมศกึ ษา (๑) ผ้เู รียนตอ้ งมีเวลาเรยี นไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้งั หมด (๒) ผู้เรียนต้องไดร้ บั การประเมินทุกตัวชวี้ ัด และผา่ นตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนด ๓) ผ) ้เู รียนต้องไดร้ ับการตดั สินผลการเรยี นทกุ รายวชิ า (๔) ผเู้ รียนต้องได้รบั การประเมิน และมีผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษา กาหนด ในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น การพจิ ารณาเล่อื นชั้นระดบั ประถมศกึ ษา ถ้าผเู้ รยี นมขี ้อบกพรอ่ งเพยี งเลก็ นอ้ ย และสถานศกึ ษา พิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอนซอ่ มเสริมได้ ใหอ้ ยใู่ นดลุ พินิจของสถานศึกษาทจี่ ะผอ่ นผันให้เลอื่ นชนั้ ได้ แต่หากผเู้ รียนไมผ่ ่านรายวชิ าจานวนมาก และมแี นวโนม้ ว่าจะเปน็ ปญั หาตอ่ การเรยี นในระดับช้ันทส่ี ูงข้ึน สถานศกึ ษาอาจตงั้ คณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รยี นซา้ ชนั้ ได้ ทงั้ น้ใี ห้คานึงถงึ วฒุ ิภาวะและความร้คู วามสามารถของ ผู้เรียนเป็นสาคญั ๑.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรยี น ระดบั ประถมศึกษาในการตดั สนิ เพอ่ื ใหร้ ะดับผลการเรยี นรายวชิ า สถานศกึ ษาสามารถใหร้ ะดับผลการเรยี นหรอื ระดับคณุ ภาพการปฏิบตั ิของผเู้ รียน เป็นระบบตวั เลขโดยใหใ้ ชต้ วั เลขแสดงระดับผลการเรยี นเป็น ๘ ระดับ การประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียน และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคน์ ้ัน ให้ระดบั ผลการ ประเมนิ เป็นดเี ยยี่ ม ดี และผา่ น การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน จะต้องพจิ ารณาท้ังเวลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรม การปฏิบัตกิ จิ กรรม และผลงานของผเู้ รยี น ตามเกณฑท์ ่สี ถานศกึ ษากาหนด และใหผ้ ลการเข้ารว่ มกิจกรรมเปน็ ผา่ น และไม่ผ่าน ๑๓ การรายงานผลการเรยี น. การรายงานผลการเรยี นเปน็ การสอื่ สารใหผ้ ้ปู กครองและผู้เรียนทราบความก้าวหนา้ ในการเรยี นรู้ ของผเู้ รียน ซง่ึ สถานศึกษาตอ้ งสรปุ ผลการประเมนิ และจดั ทาเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบภาคเรยี นละ ๑ คร้งั การรายงานผลการเรยี นสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏบิ ัตขิ องผเู้ รยี นทีส่ ะท้อนมาตรฐาน การเรยี นรู้กลมุ่ สาระการเรียนรู้ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดท่าบญุ มี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๓๘

... ๒. เกณฑ์การจบการศกึ ษา หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน กาหนดเกณฑก์ ลางสาหรับการจบการศกึ ษาเปน็ ๓ระดบั คือ ระดับประถมศึกษา ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ และระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย เกณฑก์ ารจบการศึกษาระดับประถมศึกษา ๑) ผู้เรยี นเรยี นรายวิชาพนื้ ฐานจานวน๕,๐๔๐ชวั่ โมงและรายวิชาเพม่ิ เตมิ /กจิ กรรมเพมิ่ เตมิ จานวน๒๔๐ ช่ัวโมง ๒ (ผเู้ รยี นตอ้ งมผี ลการประเมินรายวชิ าพื้นฐานผา่ นทกุ รายวิชา ๓) ผู้เรยี นมผี ลการประเมินการอ่านคดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี นระดบั \"ผ่าน\" ข้ึนไป ๔) ผเู้ รียนมีผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ระดบั \"ผา่ น\" ขึน้ ไป ๕) ผู้เรียนเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนและมผี ลการประเมินระดบั \"ผา่ น\" ทุกกจิ กรรม เกณฑ์การจบการศึกษา การกาหนดเกณฑก์ ารจบการศกึ ษาของโรงเรยี นวดั ท่าบุญมี มีความสอดคลอ้ งกบั หลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ในระดับประถมศกึ ษา ดังนี้ ๑. ผเู้ รียนเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานจานวน ๕,๗๖๐ ชว่ั โมง และรายวชิ าเพิ่มเติมจานวน ๓๖๐ ชว่ั โมง และมผี ลการประเมนิ รายวชิ าพน้ื ฐานผา่ นทุกรายวชิ า ๒ ผเู้ รยี นตอ้ งมผี ลการประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี นระดับ .“ผา่ น”ข้นึ ไป ๓ ผู้เรยี นตอ้ งมผี ลการประเมนิ คณุ ภาพลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั .“ผ่าน”ขนึ้ ไป ๔ ผ้เู รียนตอ้ งเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น และได้รับการตัดสนิ ผลการเรยี น .“ผ่าน”ทุกกจิ กรรม หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนวดั ท่าบญุ มี พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๓๙

... ภาคผนวก หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พทุ ธศักราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หนา้ ๑๔๐

... หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๔๑

... หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๔๒

... หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดทา่ บุญมี พุทธศกั ราช ๒๕๖๕ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) หน้า ๑๔๓


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook