99 พระชนมายปุ ระมาณ. / กสฺสปสฺส - พระนามวา่ กสั สปพุทธเจา้ / ภกิ ขฺ เว - ดกู ่อนภิกษุทง้ั หลาย / ภคว โต- ของพระผมู้ พี ระภาค / อรหโต - ผเู้ ป็นพระอรหันต์ / สมมฺ าสมฺพทุ ธฺ สฺส - ผู้ตรัสรูเ้ องโดยชอบ / วี สติวสฺสสหสฺสานิ - ๒๐,๐๐๐ ปี / อายปุ ปฺ มาณํ อโหสิ - มีพระชนมายปุ ระมาณ. / มยหฺ ํ - ของเรา / ภิกฺขเว - ดกู ่อนภิกษุทัง้ หลาย / เอตรหิ - บัดน้ี / อปปฺ กํ- นอ้ ย / อายุปฺปมาณํ- มอี ายปุ ระมาณ / ปริตฺตํ - เลก็ น้อย / ลหุกํ - นิดหนอ่ ย /; โย - ผใู้ ด / จริ ํ - นาน / ชวี ติ - จะเปน็ อยู่ / โส - ผู้นน้ั / วสฺสสต-ํ ก็จะเปน็ อย่เู พียง ๑๐๐ ปี / อปปฺ ํ วา ภยิ ฺโย. - หรอื เกินไปอีกเล็กน้อย / ๘. “วิปสสฺ ี - พระนามวา่ วิปสั สพี ทุ ธเจา้ / ภิกฺขเว - ดกู ่อนภิกษทุ ัง้ หลาย / ภควา - พระผู้มี พระภาค / อรหํ - ผูเ้ ปน็ พระอรหันต์ / สมมฺ าสมฺพทุ โฺ ธ - ผตู้ รัสรู้เองโดยชอบ / ปาฏลยิ า มูเล - ท่ีควง ตน้ แคฝอย / อภสิ มฺพุทโฺ ธ - ตรสั รู้. / สิขี - พระนามว่าสขิ ีพุทธเจ้า / ภิกฺขเว - ดูก่อนภกิ ษุท้ังหลาย / ภควา - พระผู้มพี ระภาค / อรหํ - ผูเ้ ป็นพระอรหันต์ / สมมฺ าสมฺพุทโฺ ธ - ผ้ตู รสั ร้เู องโดยชอบ / ปุณฑฺ รีกสสฺ มูเล - ท่ีควงต้นมะมว่ ง / อภิสมพฺ ทุ ฺโธ - ตรัสรู้. / เวสสฺ ภู - พระนามวา่ เวสสภูพุทธเจ้า / ภิกขฺ เว - ดกู ่อนภิกษทุ ง้ั หลาย / ภควา - พระผมู้ ีพระภาค / อรหํ - ผเู้ ป็นพระอรหันต์ / สมฺมาสมฺพุทฺโธ - ผตู้ รสั รู้ เองโดยชอบ / สาลสสฺ มูเล - ท่ีควงตน้ สาละ / อภิสมพฺ ุทโฺ ธ - ตรสั ร.ู้ / กกุสนฺโธ - พระนามวา่ กกุสนั ธ พทุ ธเจ้า / ภิกฺขเว - ดูกอ่ นภกิ ษุท้งั หลาย / ภควา - พระผมู้ ีพระภาค / อรหํ - ผเู้ ปน็ พระอรหันต์ / สมฺ มาสมฺพุทโฺ ธ - ผตู้ รสั รเู้ องโดยชอบ / สริ สี สสฺ มูเล - ที่ควงตน้ ซกึ / อภสิ มฺพุทฺโธ - ตรัสรู้. / โกนาคมโน - พระนามวา่ โกนาคมนพทุ ธเจ้า / ภิกขฺ เว - ดกู ่อนภิกษุทั้งหลาย / ภควา - พระผมู้ ีพระภาค / อรหํ - ผู้ เปน็ พระอรหนั ต์ / สมฺมาสมฺพุทฺโธ - ผูต้ รสั รเู้ องโดยชอบ / อุทุมฺพรสฺส มเู ล - ทค่ี วงตน้ มะเดอ่ื / อภสิ มฺ พุทโฺ ธ - ตรสั ร.ู้ / กสฺสโป - พระนามว่ากัสสปพุทธเจ้า / ภิกฺขเว - ดูกอ่ นภกิ ษุทง้ั หลาย / ภควา - พระผู้ มีพระภาค / อรหํ - ผ้เู ป็นพระอรหันต์ / สมมฺ าสมพฺ ุทฺโธ - ผู้ตรัสรเู้ องโดยชอบ / นิคฺโรธสสฺ มูเล - ท่ี ควงตน้ ไทร / อภิสมฺพทุ ฺโธ - ตรัสรู้. / อหํ - เรา / ภิกขฺ เว - ดกู อ่ นภกิ ษทุ งั้ หลาย / เอตรหิ - บัดนี้ / อรหํ - ผูเ้ ป็นอรหนั ต / สมฺมาสมพฺ ุทฺโธ - ผ้ตู รัสรู้เองโดยชอบ / อสสฺ ตฺถสฺส มเู ล - ทคี่ วงต้นอสั สตั ถะ / อภสิ มฺพุทโฺ ธ - ตรัสร้.ู ๙. “วปิ สฺสสิ สฺ - พระนามวา่ วิปสั สีพทุ ธเจา้ / ภกิ ขฺ เว - ดกู ่อนภิกษทุ งั้ หลาย / ภควโต - ของ พระผู้มีพระภาค / อรหโต - ผู้เปน็ พระอรหันต์ / สมฺมาสมฺพุทธฺ สฺส - ผู้ตรัสร้เู องโดยชอบ / ขณฺฑตสิ สฺ ํ นาม - ไดแ้ ก่ พระขนั ฑะ และ พระติสสะ / สาวกยุคํ - คู่พระอัครสาวก / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแล้ว / อคฺคํ - เปน็ คู่เลศิ / ภทฺทยุคํ - คู่เจรญิ . / สขิ ิสฺส - พระนามว่าสขิ ีพทุ ธเจ้า / ภิกฺขเว - ดกู ่อนภกิ ษทุ ้ังหลาย / ภควโต - ของพระผู้มีพระภาค / อรหโต - ผ้เู ป็นพระอรหันต์ / สมมฺ าสมพฺ ทุ ธฺ สฺส - ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ / อภิภูสมฺภวํ นาม - ไดแ้ ก่ พระอภิภแู ละพระสัมภวะ / สาวกยคุ ํ - คพู่ ระอัครสาวก / อโหสิ - ไดเ้ ปน็ แลว้ / อคคฺ ํ - เป็นคู่เลิศ / ภทฺทยคุ ํ - คู่เจริญ. / เวสสฺ ภสุ สฺ - พระนามว่าเวสสภพู ุทธเจา้ / ภกิ ฺขเว - ดกู ่อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย / ภควโต - ของพระผู้มีพระภาค / อรหโต - ผ้เู ปน็ พระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมฺพทุ ฺธสฺส - ผู้ตรสั ร้เู องโดยชอบ / โสณตุ ตฺ รํ นาม - ไดแ้ ก่ พระโสณะและพระอตุ ตระ / สาวกยคุ ํ - คู่พระอคั ร สาวก / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแล้ว / อคฺคํ - เป็นคเู่ ลศิ / ภททฺ ยุคํ - คูเ่ จริญ. / กกสุ นฺธสฺส - พระนามว่ากกุ สนั ธพุทธเจ้า / ภกิ ขฺ เว - ดกู ่อนภิกษทุ งั้ หลาย / ภควโต - ของพระผมู้ ีพระภาค / อรหโต - ผูเ้ ป็นพระ
100 อรหันต์ / สมฺมาสมฺพทุ ธฺ สฺส - ผ้ตู รสั ร้เู องโดยชอบ / วธิ ุรสญฺชวี ํ นาม - ไดแ้ ก่ พระวธิ รุ ะและพระสญั ชวี ะ / สาวกยคุ ํ - คู่พระอัครสาวก / อโหสิ - ไดเ้ ปน็ แล้ว / อคฺคํ - เป็นคูเ่ ลศิ / ภททฺ ยุคํ - คู่เจรญิ . / โก นาคมนสฺส - พระนามวา่ โกนาคมนพุทธเจา้ / ภกิ ขฺ เว - ดูก่อนภกิ ษทุ ้ังหลาย / ภควโต - ของพระผ้มู ี พระภาค / อรหโต - ผ้เู ป็นพระอรหนั ต์ / สมฺมาสมฺพุทฺธสสฺ - ผตู้ รัสรูเ้ องโดยชอบ / ภยิ ฺโยสตุ ตฺ รํ นาม - ได้แก่ พระภยิ โยสะและพระอุตตระ / สาวกยุคํ - คูพ่ ระอัครสาวก / อโหสิ - ได้เป็นแล้ว / อคคฺ ํ - เป็น ค่เู ลศิ / ภททฺ ยคุ ํ - คเู่ จรญิ . / กสฺสปสฺส - พระนามว่ากัสสปพทุ ธเจ้า / ภกิ ฺขเว - ดกู อ่ นภิกษุท้งั หลาย / ภควโต - ของพระผมู้ ีพระภาค / อรหโต - ผู้เป็นพระอรหันต์ / สมฺมาสมฺพุทธฺ สฺส - ผตู้ รัสรเู้ องโดยชอบ / ตสิ ฺสภารทฺวาช-ํ นาม - ไดแ้ ก่ พระติสสะและพระภารทวาชะ / สาวกยคุ ํ - คู่พระอัครสาวก / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแล้ว / อคฺคํ - เปน็ คู่เลิศ / ภททฺ ยุคํ - คเู่ จรญิ . / มยหฺ ํ - ของเรา / ภิกขฺ เว - ดกู ่อนภิกษทุ ง้ั หลาย / เอตรหิ - บัดนี้ / สารปิ ุตฺตโมคคฺ ลลฺ านํ นาม - ไดแ้ ก่ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ / สาวกยคุ ํ - สาวกยุคํ - คูพ่ ระอัครสาวก / อโหสิ - ได้เป็นแลว้ / อคฺคํ - เป็นค่เู ลิศ / ภทฺทยุคํ - คเู่ จริญ. / ๑๐. “วปิ สสฺ สิ ฺส - พระนามว่าวิปัสสีพุทธเจา้ / ภิกขฺ เว - ดกู ่อนภิกษุท้ังหลาย / ภควโต - ของ พระผมู้ ีพระภาค / อรหโต - ผเู้ ป็นพระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมฺพุทฺธสสฺ - ผ้ตู รัสรู้เองโดยชอบ / ตโย - ๓ ครง้ั / สาวกานํ / สนฺนปิ าตา - การประชุมพระอัครสาวก / อเหสุ - ได้มแี ล้ว. / เอโก - ครงั้ ท่ี ๑ / สาว กานํ สนนฺ ิปาโต - การประชุมพระสาวก / อโหสิ - ไดม้ ีแล้ / อฏฐฺ สฏฐฺ ิภิกขฺ ุสตสหสสฺ ํ - มภี ิกษุ ๑๖๘,๐๐๐ รปู / เอโก- อีกคร้ัง / สาวกานํ - สนฺนิปาโต - การประชมุ พระสาวก / อโหสิ - ได้มีแลว้ / ภกิ ขฺ ุสตสหสฺสํ - มีภกิ ษุ ๑๐๐,๐๐๐ รูป / เอโก - อกี คร้ัง / สาวกานํ สนฺนปิ าโต - การประชุมพระสาวก / อโหสิ - ไดม้ แี ลว้ / อสตี ิภกิ ฺขสุ หสฺสานิ - มีภกิ ษุ ๘๐,๐๐๐ รูป. / วิปสสฺ ิสฺส - พระนามว่าวปิ ัสสพี ุทธ เจา้ / ภกิ ฺขเว - ดูก่อนภิกษุทง้ั หลาย / ภควโต - ของพระผู้มีพระภาค / อรหโต - ผเู้ ปน็ พระอรหันต์ / สมฺมาสมพฺ ุทธฺ สสฺ - ผตู้ รสั รูเ้ องโดยชอบ / อิเม- เหลา่ นี้ / ตโย - ทั้ง ๓ คร้ัง / สาวกานํ สนนฺ ปิ าตา - การประชุมพระสาวก / อเหสุ - ได้มีแล้ว / สพฺเพสํเยว ขีณาสวานํ - ลว้ นแตเ่ ป็นพระขณี าสพ. “สิขิสสฺ - พระนามวา่ สขิ ีพทุ ธเจ้า / ภิกฺขเว - ดกู ่อนภิกษทุ ้ังหลาย / ภควโต - ของพระผมู้ ีพระ ภาค / อรหโต - ผเู้ ป็นพระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมฺพุทฺธสสฺ - ผตู้ รสั ร้เู องโดยชอบ / ตโย - ๓ ครง้ั / สาว กานํ สนฺนิปาตา - การประชมุ พระสาวก / อเหสุ - ได้มีแลว้ . / เอโก- ครงั้ ที่ ๑ / สาวกานํ สนนฺ ิปาโต - การประชมุ พระสาวก / อโหสิ - ได้มีแลว้ / ภิกฺขสุ ตสหสฺสํ - มภี ิกษุ ๑๐๐,๐๐๐ รูป / เอโก- อีกครัง้ / สาวกานํ / สนฺนปิ าโต - การประชุมพระสาวก / อโหสิ - ไดม้ ีแลว้ / อสตี ิภิกขฺ ุสหสสฺ านิ - มีภิกษุ ๘๐,๐๐๐ รปู / เอโก- อกี คร้งั / สาวกานํ สนฺนิปาโต - การประชุมพระสาวก / อโหสิ - ไดม้ แี ล้ว / สตฺตติภิกฺขุสหสฺสานิ - มีภกิ ษุ ๗๐,๐๐๐ รูป. / สิขิสฺส - พระนามว่าสขิ พี ุทธเจา้ / ภิกขฺ เว - ดูก่อนภกิ ษุ ทง้ั หลาย / ภควโต - ของพระผูม้ พี ระภาค / อรหโต - ผู้เป็นพระอรหนั ต์ / สมฺมาสมฺพุทธฺ สฺส - ผูต้ รสั รู้ เองโดยชอบ / อิเม - เหลา่ น้ี / ตโย - ท้ัง ๓ คร้ัง / สาวกานํ สนนฺ ปิ าตา - การประชมุ พระสาวก / อเห สุ - ได้มแี ล้ว / สพฺเพสเํ ยว ขีณาสวานํ - ลว้ นแต่เปน็ พระขีณาสพ. “เวสสฺ ภสุ สฺ - พระนามว่าเวสสภพู ุทธเจา้ / ภกิ ขฺ เว - ดกู ่อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย / ภควโต - ของพระ ผมู้ ีพระภาค / อรหโต - ผ้เู ปน็ พระอรหันต์ / สมฺมาสมฺพุทธฺ สฺส - ผ้ตู รสั รู้เองโดยชอบ / ตโย - ๓ ครง้ั /
101 สาวกานํ สนฺนิปาตา - การประชมุ พระสาวก / อเหสุ - ได้มีแล้ว. / เอโก- คร้ังท่ี ๑ / สาวกานํ สนนฺ ิปา โต - การประชมุ พระสาวก / อโหสิ - ไดม้ ีแล้ว / อสตี ิภกิ ฺขุสหสฺสานิ - มภี กิ ษุ ๘๐,๐๐๐ รปู / เอโก - อีกคร้ัง / สาวกานํ / สนฺนปิ าโต - การประชมุ พระสาวก / อโหสิ – ไดม้ แี ล้ว / สตฺตตภิ กิ ขฺ ุสหสสฺ านิ - มี ภิกษุ ๗๐,๐๐๐ รูป / เอโก- อีกครงั้ / สาวกานํ / สนนฺ ปิ าโต - การประชุมพระสาวก / อโหสิ – ไดม้ ี แลว้ / สฏฺฐภิ ิกฺขสุ หสสฺ านิ. - มภี กิ ษุ ๖๐,๐๐๐ รปู / เวสสฺ ภุสสฺ - พระนามว่าเวสสภพู ุทธเจ้า / ภกิ ฺขเว - ดกู อ่ นภิกษุท้งั หลาย / ภควโต - ของพระผู้มพี ระภาค / อรหโต - ผู้เป็นพระอรหันต์ / สมฺมาสมฺพทุ ธฺ สฺส - ผตู้ รสั รเู้ องโดยชอบ / อเิ ม - เหลา่ น้ี / ตโย - ทั้ง ๓ คร้ัง / สาวกานํ สนนฺ ปิ าตา - การประชุมพระ สาวก / อเหสุ - ไดม้ ีแล้ว / สพฺเพสํเยว ขณี าสวานํ - ล้วนแตเ่ ป็นพระขีณาสพ. “กกสุ นธฺ สฺส - พระนามวา่ กกุสนั ธพทุ ธเจา้ / ภิกขฺ เว - ดกู อ่ นภกิ ษุทัง้ หลาย / ภควโต - ของ พระผูม้ ีพระภาค / อรหโต - ผเู้ ป็นพระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมพฺ ุทธฺ สสฺ - ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ / เอโก - ครง้ั เดยี ว / สาวกานํ สนฺนิปาโต - การประชมุ พระสาวก / อโหสิ - ได้มีแล้ว / จตฺตาลสี ภกิ ฺขสุ หสสฺ านิ - มี ภกิ ษุ ๔๐,๐๐๐ รูป. / กกุสนฺธสฺส - พระนามว่ากกสุ ันธพุทธเจา้ / ภกิ ขฺ เว - ดกู ่อนภิกษทุ ั้งหลาย / ภคว โต - ของพระผู้มพี ระภาค / อรหโต - ผู้เป็นพระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมฺพทุ ฺธสสฺ - ผู้ตรัสรูเ้ องโดยชอบ / อยํ - นี้ / เอโก - ครงั้ เดยี ว / สาวกานํ สนนฺ ิปาโต- การประชมุ พระสาวก / อโหสิ - ไดม้ แี ล้ว / สพเฺ พสํ เยว ขีณาสวานํ - ลว้ นแต่เปน็ พระขีณาสพ. “โกนาคมนสสฺ - พระนามวา่ โกนาคมนพุทธเจ้า / ภิกขฺ เว - ดูกอ่ นภิกษทุ ้ังหลาย / ภควโต - ของพระผูม้ ีพระภาค / อรหโต - ผู้เป็นพระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมพฺ ุทธฺ สสฺ - ผู้ตรัสรเู้ องโดยชอบ / เอโก- คร้ังเดยี ว / สาวกานํ สนฺนปิ าโต - การประชุมพระสาวก / อโหสิ - ได้มีแลว้ / ตสึ ภกิ ขฺ สุ หสสฺ านิ- มี ภกิ ษุ ๓๐,๐๐๐ รปู . / โกนาคมนสสฺ - พระนามว่าโกนาคมนพุทธเจ้า / ภกิ ฺขเว - ดูกอ่ นภิกษทุ ้งั หลาย / ภควโต - ของพระผู้มีพระภาค / อรหโต - ผ้เู ป็นพระอรหันต์ / สมมฺ าสมพฺ ทุ ธฺ สสฺ - ผูต้ รัสรู้เองโดยชอบ / อยํ - นี้ / เอโก - ครงั้ เดยี ว / สาวกานํ สนฺนิปาโต - การประชมุ พระสาวก / อโหสิ - ไดม้ ีแล้ว / สพฺ เพสํเยว ขณี าสวานํ - ล้วนแต่เป็นพระขณี าสพ. “กสฺสปสฺส - พระนามวา่ กัสสปพทุ ธเจา้ / ภกิ ขฺ เว - ดกู อ่ นภิกษทุ ง้ั หลาย / ภควโต - ของพระผู้ มพี ระภาค / อรหโต - ผเู้ ป็นพระอรหนั ต์ / สมฺมาสมฺพทุ ธฺ สฺส - ผู้ตรัสรเู้ องโดยชอบ / เอโก- ครั้งเดียว / สาวกานํ / สนฺนปิ าโต - การประชุมพระสาวก / อโหสิ - ไดม้ แี ล้ว / วีสตภิ ิกขฺ ุสหสฺสานิ - มภี กิ ษุ ๒๐,๐๐๐ รูป. / กสสฺ ปสฺส - พระนามวา่ กัสสปพทุ ธเจ้า / ภกิ ขฺ เว - ดูกอ่ นภิกษุทั้งหลาย / ภควโต - ของพระผ้มู ีพระภาค / อรหโต - ผูเ้ ป็นพระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมพฺ ทุ ฺธสสฺ - ผู้ตรัสรเู้ องโดยชอบ / อยํ - นี้ / เอโก - คร้งั เดียว / สาวกานํ สนนฺ ปิ าโต - การประชมุ พระสาวก / อโหสิ - ไดม้ ีแลว้ / สพเฺ พสํเยว ขีณาสวานํ - ล้วนแต่เป็นพระขีณาสพ. “มยฺหํ - ของเรา / ภกิ ขฺ เว - ดูก่อนภิกษทุ งั้ หลาย / เอตรหิ - บัดนี้ / เอโก - ครง้ั เดียว / สาว กานํ สนฺนิปาโต - การประชุมพระสาวก / อโหสิ - ได้มีแลว้ / อฑฺฒเตฬสานิ ภกิ ขฺ สุ ตานิ - มภี ิกษุ ๑,๒๕๐ รปู . / มยฺหํ - ของเรา / ภิกฺขเว - ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย / อยํ - น้ี / เอโก - ครั้งเดียว / สาว
102 กานํ สนฺนิปาโต - การประชมุ พระสาวก / อโหสิ - ได้มีแลว้ / สพฺเพสํเยว ขณี าสวานํ - ลว้ นแต่เปน็ พระขณี าสพ. ๑๑. “วิปสฺสสิ ฺส - พระนามวา่ วปิ ัสสพี ทุ ธเจา้ / ภิกขฺ เว - ดูก่อนภกิ ษทุ ้ังหลาย / ภควโต - ของ พระผู้มีพระภาค / อรหโต - ผเู้ ปน็ พระอรหันต์ / สมฺมาสมพฺ ุทธฺ สฺส - ผตู้ รัสรเู้ องโดยชอบ / อโสโก นาม - ชือ่ ว่าอโสกะ / ภกิ ขฺ ุ - ภิกษุ / อปุ ฏฺฐาโก - เปน็ อปุ ฏั ฐาก / อโหสิ - ไดเ้ ปน็ แลว้ / อคฺคุปฏฺฐาโก - เป็น อคั รอปุ ฏั ฐาก. / สิขสิ สฺ - พระนามวา่ สขิ พี ุทธเจ้า / ภิกฺขเว - ดูก่อนภกิ ษุทัง้ หลาย / ภควโต - ของพระผู้ มพี ระภาค / อรหโต - ผเู้ ปน็ พระอรหนั ต์ / สมฺมาสมฺพทุ ฺธสฺส - ผูต้ รสั รูเ้ องโดยชอบ / เขมงฺกโร นาม - ชอื่ ว่าเขมังกร / ภิกฺขุ - ภกิ ษุ / อุปฏฐฺ าโก - เปน็ อุปัฏฐาก / อโหสิ - ได้เป็นแล้ว / อคคฺ ปุ ฏฺฐาโก - เป็น อคั รอปุ ัฏฐาก. / เวสฺสภุสสฺ - พระนามวา่ เวสสภูพุทธเจ้า / ภิกขฺ เว - ดูก่อนภิกษุท้งั หลาย / ภควโต - ของพระผู้มีพระภาค / อรหโต - ผเู้ ปน็ พระอรหนั ต์ / สมฺมาสมพฺ ทุ ฺธสฺส - ผ้ตู รัสรเู้ องโดยชอบ / อุปสนฺ โต นาม - ชือ่ วา่ อุปสันตะ / ภิกขฺ ุ - ภกิ ษุ / อปุ ฏฺฐาโก - เป็นอปุ ฏั ฐาก / อโหสิ - ไดเ้ ปน็ แลว้ / อคฺ คปุ ฏฐฺ าโก - เปน็ อัครอุปัฏฐาก. / กกสุ นฺธสสฺ - พระนามวา่ กกสุ ันธพทุ ธเจา้ / ภกิ ฺขเว - ดกู ่อนภกิ ษุ ทง้ั หลาย / ภควโต - ของพระผู้มีพระภาค / อรหโต - ผูเ้ ปน็ พระอรหันต์ / สมมฺ าสมฺพุทธฺ สฺส - ผู้ตรสั รู้ เองโดยชอบ / พทุ ธฺ โิ ช นาม - ช่อื ว่าพทุ ธิชะ / ภกิ ฺขุ - ภกิ ษุ / อุปฏฺฐาโก - เป็นอปุ ัฏฐาก / อโหสิ - ได้ เป็นแล้ว / อคฺคปุ ฏฺฐาโก - เป็นอัครอุปฏั ฐาก. / โกณาคมนสฺส - พระนามว่าโกนาคมนพุทธเจ้า / ภกิ ขฺ เว - ดกู อ่ นภิกษทุ ั้งหลาย / ภควโต - ของพระผู้มีพระภาค / อรหโต - ผเู้ ปน็ พระอรหันต์ / สมมฺ าสมฺ พทุ ฺธสฺส - ผูต้ รสั รู้เองโดยชอบ / โสตฺถโิ ช นาม - ชอื่ ว่า โสตภิชะ / ภิกฺขุ - ภกิ ษุ / อุปฏฐฺ าโก - เป็น อปุ ฏั ฐาก / อโหสิ - ไดเ้ ปน็ แล้ว / อคฺคุปฏฐฺ าโก - เปน็ อคั รอุปัฏฐาก. / กสฺสปสสฺ - พระนามวา่ กัสสป พุทธเจา้ / ภิกขฺ เว - ดกู อ่ นภกิ ษุทงั้ หลาย / ภควโต - ของพระผ้มู พี ระภาค / อรหโต - ผู้เป็นพระ อรหนั ต์ / สมมฺ าสมฺพุทฺธสสฺ - ผตู้ รัสรู้เองโดยชอบ / สพพฺ มิตฺโต นาม - ชอื่ ว่าสัพพมิตตะ / ภกิ ฺขุ - ภิกษุ / อปุ ฏฐฺ าโก - เป็นอุปัฏฐาก / อโหสิ - ได้เป็นแลว้ / อคฺคปุ ฏฐฺ าโก - เป็นอคั รอุปฏั ฐาก. / มยฺหํ - ของ เรา / ภิกฺขเว - ดกู ่อนภิกษุท้งั หลาย / เอตรหิ - บัดนี้ / อานนโฺ ท นาม - ชอื่ วา่ อานนท์ / ภกิ ฺขุ - ภิกษุ / อปุ ฏฐฺ าโก - เป็นอปุ ฏั ฐาก / อโหสิ - ได้เปน็ แลว้ / อคคฺ ปุ ฏฺฐาโก - เปน็ อคั รอปุ ฏั ฐาก. ๑๒. “วิปสฺสสิ ฺส - พระนามว่าวปิ ัสสพี ุทธเจ้า / ภิกฺขเว - ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย / ภควโต - ของ พระผูม้ ีพระภาค / อรหโต - ผูเ้ ป็นพระอรหันต์ / สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส - ผู้ตรสั รู้เองโดยชอบ / พนธฺ ุมา นาม - พระนามว่าพันธมุ า / ราชา - พระราชา / ปติ า - เป็นพระบดิ า / อโหสิ - ไดเ้ ปน็ แล้ว. / พนธฺ มุ ตี นาม - พระนามว่าพันธุมดี / เทวี - พระเทวี / มาตา - เปน็ พระมารดา / อโหสิ - ได้เป็นแลว้ / ชเนตตฺ ิ - ผู้ใหก้ ําเนดิ . / พนฺธุมสฺส - พระนามวา่ พันธมุ า / รญฺโญ - ของพระราชา / พนฺธุมตี นาม - ช่ือว่าพันธุ มดี / นครํ - พระนคร / ราชธานี - เป็นราชธานี / อโหสิ - ไดเ้ ปน็ แล้ว. - “สขิ สิ ฺส - พระนามวา่ สิขีพทุ ธเจ้า / ภกิ ฺขเว - ดกู ่อนภิกษทุ ้ังหลาย / ภควโต - ของพระผมู้ ีพระ ภาค / อรหโต - ผู้เป็นพระอรหนั ต์ / สมฺมาสมพฺ ุทธฺ สสฺ - ผตู้ รสั รเู้ องโดยชอบ / อรโุ ณ นาม - พระนาม ว่าอรุณ / ราชา - พระราชา / ปิตา - เป็นพระบดิ า / อโหสิ - ได้เปน็ แลว้ . / ปภาวตี นาม - พระนาม ว่าปภาวดี / เทวี - พระเทวี / มาตา - เป็นพระมารดา / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแลว้ / ชเนตฺติ - ผ้ใู ห้กําเนิด. /
103 อรุณสฺส - พระนามวา่ อรณุ ะ / รญฺโญ - ของพระราชา / อรุณวตี นาม - ชือ่ วา่ อรุณวดี / นครํ - พระ นคร / ราชธานี - เป็นราชธานี / อโหสิ - ได้เป็นแล้ว. “เวสฺสภุสสฺ - พระนามว่าเวสสภูพุทธเจา้ / ภิกฺขเว - ดูก่อนภิกษุท้งั หลาย / ภควโต - ของพระ ผู้มีพระภาค / อรหโต - ผู้เปน็ พระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมฺพทุ ฺธสฺส - ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ / สุปปฺ ตโิ ต นาม - พระนามวา่ สุปปตติ ะ / ราชา - พระราชา / ปติ า - เป็นพระบดิ า / อโหสิ - ไดเ้ ปน็ แล้ว. / วสสฺ วตี นาม - พระนามว่าวัสสวดี / เทวี - พระเทวี / มาตา - เปน็ พระมารดา / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแล้ว / ชเนตฺติ - ผใู้ ห้ กําเนิด. / สุปฺปตติ สสฺ - พระนามว่าสปุ ปตติ ะ / รญโฺ ญ - ของพระราชา / อโนมํ นาม - ชอ่ื ว่าอโนมะ / นครํ - พระนคร / ราชธานี - เป็นราชธานี / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแล้ว. - “กกุสนฺธสสฺ - พระนามว่ากกุสนั ธพุทธเจ้า / ภกิ ขฺ เว - ดกู ่อนภกิ ษุทัง้ หลาย / ภควโต - ของ พระผู้มีพระภาค / อรหโต - ผเู้ ปน็ พระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมฺพุทฺธสสฺ - ผูต้ รัสรูเ้ องโดยชอบ / อคคฺ ิทตฺโต นาม - ชือ่ ว่าอัคคิทตั / พฺราหฺมโณ - พราหมณ์ / ปิตา - เป็นบิดา / อโหสิ - ได้เป็นแลว้ . / วสิ าขา นาม - ช่ือว่าวสิ าขา / พฺราหฺมณี - นางพราหมณี / มาตา - เป็นมารดา / อโหสิ - ไดเ้ ปน็ แล้ว / ชเนตฺติ - ผใู้ หก้ ําเนดิ . / เตน โข ปน ภิกขฺ เว สมเยน - ดกู ่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ โดยสมยั นั้นแล / เขโม นาม - พระ นามวา่ เขมะ / ราชา - พระราชา / อโหสิ. - ได้มีแลว้ / เขมสฺส - พระนามวา่ เขมะ / รญฺโญ - ของ พระราชา / เขมวตี นาม - ชอ่ื ว่าเขมวดี / นครํ - พระนคร / ราชธานี - เปน็ ราชธานี / อโหสิ - ได้เปน็ แลว้ . “โกณาคมนสสฺ - พระนามว่าโกนาคมนพุทธเจ้า / ภิกขฺ เว - ดูกอ่ นภกิ ษทุ ั้งหลาย / ภควโต - ของพระผ้มู ีพระภาค / อรหโต - ผ้เู ปน็ พระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมฺพุทธฺ สฺส - ผตู้ รสั รเู้ องโดยชอบ / ยญญฺ ทตโฺ ต นาม - ชื่อว่ายญั ญทัต / พรฺ าหฺมโณ - พราหมณ์ / ปิตา - เป็นบิดา / อโหสิ. - ไดเ้ ปน็ แล้ว / อุตตฺ รา นาม - ชื่อว่าอุตตรา / พรฺ าหฺมณี - นางพราหมณี / มาตา - เป็นมารดา / อโหสิ - ได้เปน็ แลว้ / ชเนตฺติ. - ผูใ้ ห้กําเนดิ / เตน โข ปน ภกิ ขฺ เว สมเยน - ดูก่อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ก็ โดยสมัยนน้ั แล / โสโภ นาม - พระนามวา่ โสภะ / ราชา - พระราชา / อโหสิ. - ไดม้ แี ลว้ / โสภสสฺ - พระนามวา่ โสภะ / รญฺ โญ - ของพระราชา / โสภวตี นาม - ชอ่ื ว่าโสภวดี / นครํ - พระนคร / ราชธานี - เป็นราชธานี / อโหสิ - ได้เปน็ แลว้ . “กสสฺ ปสฺส - พระนามวา่ กสั สปพุทธเจ้า / ภิกขฺ เว - ดูกอ่ นภิกษทุ ้งั หลาย / ภควโต - ของพระผู้ มพี ระภาค / อรหโต - ผ้เู ป็นพระอรหนั ต์ / สมฺมาสมฺพทุ ฺธสฺส - ผตู้ รัสรู้เองโดยชอบ / พรฺ หมฺ ทตโฺ ต นาม - ชอื่ ว่าพรหมทัต / พรฺ าหมฺ โณ - พราหมณ์ / ปิตา - เปน็ บดิ า / อโหสิ. - ได้เปน็ แล้ว / ธนวตี นาม - ช่ือว่าธนวดี / พฺราหมฺ ณี - นางพราหมณี / มาตา - เปน็ มารดา / อโหสิ - ชเนตตฺ ิ. / ผใู้ ห้กําเนดิ / เตน โข ปน ภิกขฺ เว สมเยน- ดูกอ่ นภิกษุทง้ั หลาย ก็ โดยสมยั น้ันแล / กกิ ี นาม - พระนามวา่ กิกี / ราชา - พระราชา / อโหสิ. - ไดม้ ีแล้ว / กิกสิ สฺ - พระนามว่ากิกี / รญฺโญ - ของพระราชา / พาราณสี นาม - ชอ่ื ว่าพาราณสี / นครํ - พระนคร / ราชธานี - เปน็ ราชธานี / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแลว้ . - “มยฺหํ - ของเรา / ภิกฺขเว - ดูกอ่ นภกิ ษุท้งั หลาย / เอตรหิ - บัดนี้ / สทุ โฺ ธทโน นาม - พระ นามว่าสทุ โธทนะ / ราชา - พระราชา / ปิตา - เป็นพระบิดา / อโหสิ - ได้เปน็ แลว้ . / มายา นาม -
104 พระนามวา่ มายา / เทวี - พระเทวี / มาตา - เปน็ พระมารดา / อโหสิ - ได้เป็นแลว้ / ชเนตตฺ ิ – เป็น ผใู้ หก้ าํ เนิด. / กปิลวตถฺ ุ นาม - ชอ่ื ว่ากบลิ พัสดุ์ / นครํ - พระนคร / ราชธานี - เป็นราชธานี / อโหสิ - ไดเ้ ปน็ แลว้ / ”ติ. - ว่าดงั น้ี / อทิ มโวจ- ไดต้ รสั เร่อื งน้ีแลว้ / ภควา - พระผมู้ ีพระภาค / อิทํ - เร่ืองนี้ / วตวฺ าน- คร้นั ตรสั แลว้ / สคุ โต - พระสคุ ต / อุฏฺฐายาสนา - เสดจ็ ลุกจากพุทธอาสน์ / วหิ ารํ - สู่พระ วิหาร / ปาวิสิ.- ได้เสดจ็ เข้าไป ๑๓. อถ โข - ครั้งนัน้ แล / เตสํ - เหล่านัน้ , ภกิ ขฺ ูนํ – แก่ภิกษุทง้ั หลาย / อจิรปกฺกนฺตสฺส- เสด็จจากไปไม่นานแลว้ / ภควโต - เมือ่ พระผู้มีพระภาค / อยํ – นี้, อนตฺ รากถา – ถอ้ ยคําในระหวา่ ง / อุทปาทิ - ได้เกิดข้นึ แล้ว / วา่ / “อจฺฉริยํ - นา่ อศั จรรยจ์ รงิ / อาวุโส - ท่านผ้มู อี ายุ / อพฺภตุ ํ - ไมเ่ คยปรากฏแลว้ / อาวโุ ส - ทา่ นผ้มู ีอายุ / ตถาคตสสฺ มหทิ ฺธกิ ตา มหานภุ าวตา.- ที่พระตถาคต ทรง มฤี ทธ์ิมาก ทรงมีอานภุ าพมาก / ยตฺร หิ นาม - ข้อท่ี / ตถาคโต - พระตถาคตเจ้า / อตีเต - ในอดตี กาล / พุทเฺ ธ - พระพุทธเจ้าทั้งหลาย / ปรนิ ิพพฺ ุเต - ผูป้ รินพิ พานแลว้ / ฉินนฺ ปปญเฺ จ - ผู้ตัดธรรม เคร่อื งเนิ่นชา้ ได้แลว้ / ฉินนฺ วฏุเม - ผ้ตู ัดทางไดแ้ ล้ว / ปรยิ าทินฺนวฏเฺ ฏ - ผูต้ ดั วฏั ฏะได้แล้ว / สพพฺ ทกุ ขฺ วีติวตฺเต - ผลู้ ว่ งทกุ ขท์ ้ังปวงได้แล้ว / ชาติโตปิ - ทั้งโดยพระชาติ / อนุสฺสริสฺสติ - ทรงระลึกถงึ / นาม โตปิ - พระนาม / อนสุ สฺ ริสสฺ ติ – ทรงระลึกถึง / โคตฺตโตปิ - พระโคตร / อนสุ สฺ รสิ สฺ ติ - ทรงระลกึ ถงึ / อายุปปฺ มาณโตปิ - พระชนมายุ / อนสุ ฺสริสสฺ ติ - ทรงระลกึ ถึง / สาวกยคุ โตปิ - คู่พระอคั รสาวก / อนุสสฺ รสิ ฺสติ - ทรงระลึกถงึ / สาวกสนนฺ ปิ าตโตปิ - การประชุมพระสาวก / อนสุ สฺ ริสสฺ ติ - ทรงระลึก ถงึ / ‘เอวํชจฺจา - จึงมีพระชาติอยา่ งน้ี / เต – เหล่าน้ัน, ภควนฺโต - พระผมู้ ีพระภาค / อเหสุ – ได้มี แลว้ / อิตปิ ิ - แมเ้ พราะเหตุน้ี / เอวํนามา - จงึ มีพระนามอย่างน้ี / เอวํโคตฺตา - จึงมพี ระโคตรอย่างนี้ / เอวํสีลา - จงึ ทรงมีศีลอย่างน้ี / เอวํธมมฺ า- จึงทรงมีธรรมอยา่ งนี้ / เอวํปญฺญา - จงึ ทรงมีปัญญาอย่าง น้ี / เอวํวหิ ารี - จงึ ทรงมธี รรมเป็นเครื่องอยู่อย่างน้ี / เอวํวมิ ุตฺตา - จงึ ทรงมีธรรมเป็นเคร่ืองหลดุ พ้น อย่างนี้ / เต – เหลา่ นน้ั , ภควนโฺ ต - พระผมู้ ีพระภาค / อเหสุ - ไดม้ แี ลว้ / อติ ปิ ิ - แมเ้ พราะเหตนุ ้ี”’ / อติ ิ. - ดงั น้ี / “กึ นุ โข - เป็นอยา่ งไรหนอ / อาวโุ ส - ทา่ นผูม้ อี ายุ / ตถาคตสเฺ สว นุ โข เอสา ธมฺมธาตุ สปุ ปฺ ฏิวิทธฺ า - เพราะพระตถาคตทรงมีปัญญาแทงตลอด ธรรมธาตุนี้ / ยสฺสา ธมมฺ ธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺ ตา - เพราะพระตถาคตทรงมีปญั ญาแทงตลอด / ตถาคโต - พระตถาคตเจา้ / อตีเต - ในอดตี กาล / พุทเฺ ธ - พระพุทธเจ้าท้ังหลาย / ปรินิพฺพุเต - ผู้ปรินพิ พานแลว้ / ฉนิ นฺ ปปญเฺ จ - ผู้ตัดธรรมเครอ่ื งเน่ิน ชา้ ไดแ้ ลว้ / ฉินนฺ วฏเุ ม - ผตู้ ัดทางได้แล้ว / ปรยิ าทินฺนวฏเฺ ฏ - ผตู้ ดั วัฏฏะไดแ้ ล้ว / สพฺพทุกขฺ วีตวิ ตฺเต - ผลู้ ว่ งทุกข์ท้งั ปวงไดแ้ ลว้ / ชาติโตปิ - ทั้งโดยพระชาติ / อนสุ สฺ ริสสฺ ติ - ทรงระลึกถึง / นามโตปิ - พระนาม / อนุสฺสรสิ ฺสติ – ทรงระลกึ ถึง / โคตฺตโตปิ - พระโคตร / อนุสสฺ ริสฺสติ - ทรงระลึกถึง / อา ยปุ ปฺ มาณโตปิ - พระชนมายุ / อนสุ ฺสริสสฺ ติ - ทรงระลกึ ถึง / สาวกยคุ โตปิ - คู่พระอคั รสาวก / อนสุ สฺ ริสสฺ ติ- ทรงระลกึ ถึง / สาวกสนฺนปิ าตโตปิ - การประชุมพระสาวก / อนุสฺสรสิ สฺ ติ - ทรงระลึกถึง / ‘เอวชํ จจฺ า - จงึ มพี ระชาตอิ ย่างน้ี / เต- เหล่านั้น, ภควนโฺ ต - พระผมู้ ีพระภาค / อเหสุ – ได้มแี ล้ว / อิติปิ - แม้เพราะเหตนุ ี้ / เอวํนามา - จงึ มพี ระนามอยา่ งน้ี / เอวโํ คตฺตา - จงึ มีพระโคตรอยา่ งน้ี / เอวํสี
105 ลา- จึงทรงมีศีลอยา่ งน้ี / เอวธํ มมฺ า - จึงทรงมธี รรมอย่างนี้ / เอวํปญญฺ า - จงึ ทรงมีปญั ญาอย่างนี้ / เอวํวหิ ารี - จงึ ทรงมีธรรมเป็นเคร่อื งอยูอ่ ย่างน้ี / เอวํวิมุตฺตา - จงึ ทรงมีธรรมเป็นเครือ่ งหลุดพ้นอยา่ งนี้ / เต – เหล่าน้ัน, ภควนฺโต - พระผูม้ ีพระภาค / อเหสุ – ไดม้ แี ลว้ / อติ ปิ ิ – แมเ้ พราะเหตุน้ี / อติ ิ.- ว่า ดงั นี้ / อุทาหุ - หรอื / เทวตา- เหลา่ เทวดา / ตถาคตสฺส - แด่พระตถาคต / เอตมตฺถํ - ความข้อนี้ / อาโรเจสุ - ได้กราบทลู / เยน- จึงเป็นเหตุให้ / ตถาคโต - พระตถาคตเจ้า / อตีเต - ในอดีตกาล / พทุ ฺ เธ - พระพทุ ธเจา้ ท้ังหลาย / ปรนิ ิพพฺ เุ ต - ผู้ปรนิ พิ พานแล้ว / ฉนิ นฺ ปปญเฺ จ - ผู้ตัดธรรมเครอื่ งเน่นิ ชา้ ได้ แล้ว / ฉนิ นฺ วฏเุ ม - ผตู้ ัดทางไดแ้ ล้ว / ปรยิ าทินนฺ วฏเฺ ฏ - ผตู้ ดั วัฏฏะได้แลว้ / สพพฺ ทุกฺขวีติวตเฺ ต - ผู้ ล่วงทกุ ขท์ ้ังปวงได้แล้ว / ชาตโิ ตปิ - ทง้ั โดยพระชาติ / อนสุ ฺสริสสฺ ติ - ทรงระลกึ ถึง / นามโตปิ - พระ นาม / อนุสฺสรสิ สฺ ติ - ทรงระลึกถึง / โคตตฺ โตปิ - พระโคตร / อนสุ ฺสริสฺสติ - ทรงระลึกถงึ / อายุปปฺ มาณโตปิ - พระชนมายุ / อนุสสฺ รสิ ฺสติ - ทรงระลึกถึง / สาวกยคุ โตปิ - คพู่ ระอคั รสาวก / อนุสฺสริสสฺ ติ - ทรงระลึกถงึ / สาวกสนฺนปิ าตโตปิ - การประชมุ พระสาวก / อนุสฺสริสฺสติ - ทรงระลึกถึง / ‘เอวชํ จฺ จา - จงึ มพี ระชาติอยา่ งนี้ / เต – เหลา่ น้นั , ภควนโฺ ต - พระผมู้ ีพระภาค / อเหสุ – ไดม้ ีแล้ว / อิตปิ ิ - แม้เพราะเหตุน้ี / เอวนํ ามา - จึงมีพระนามอยา่ งนี้ / เอวํโคตฺตา - จึงมพี ระโคตรอย่างน้ี / เอวสํ ีลา - จงึ ทรงมีศลี อย่างนี้ / เอวธํ มมฺ า - จงึ ทรงมีธรรมอยา่ งน้ี / เอวปํ ญญฺ า - จงึ ทรงมปี ญั ญาอย่างน้ี / เอววํ ิ หารี - จึงทรงมีธรรมเป็นเคร่อื งอย่อู ย่างน้ี / เอววํ ิมตุ ตฺ า - จงึ ทรงมีธรรมเป็นเครื่องหลดุ พน้ อย่างนี้ / เต – เหลา่ นนั้ , ภควนฺโต / พระผู้มพี ระภาค / อเหสุ – ได้มีแล้ว / อิตปิ ิ - แมเ้ พราะเหตุน้ี”’ / อิติ. - ว่า ดังน้ี / อยญจฺ หทิ ํ -เตสํ ภิกขฺ ูนํ อนตฺ รากถา วปิ ฺปกตา โหต.ิ - ภิกษุเหลา่ น้ันสนทนาเร่ืองค้างไว้ เท่านี้ / ๑๔. อถ โข - ครงั้ นน้ั แล / ภควา - พระผมู้ ีพระภาค / สายนฺหสมยํ - ในเวลาเย็น / ปฏสิ ลลฺ า นา - จากการหลีกเร้น / วฏุ ฺฐโิ ต - เสด็จออกแลว้ / เยน กเรรมิ ณฺฑลมาโฬ - หอนง่ั ใกล้กเรรมิ ณฑป อยู่ทิสาภาคใด / เตนุปสงกฺ มิ; - เขา้ ไปยงั หอนัง่ ใกล้กเรริมณฑป โดยทิสาภาคนน้ั / อปุ สงฺกมิตฺวา - คร้ันเสด็จเข้าไปแล้ว / ปญญฺ ตเฺ ต - ทีป่ ูลาดไวแ้ ลว้ / อาสเน - บนพทุ ธอาสน์ / นิสีท.ิ - ประทับน่งั / นสิ ชชฺ โข - คร้นั ประทบั นั่งแล้วแล / ภควา - พระผ้มู ีพระภาค / ภิกขฺ ู - ดูก่อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย / อามนฺ เตสิ - ตรสั ถาม / “กายนตุ ฺถ ภกิ ขฺ เว เอตรหิ กถาย สนนฺ สิ นิ นฺ า - ดูกอ่ นภกิ ษุท้ังหลาย บัดน้ี เธอ ท้งั หลายน่ังประชมุ สนทนากันดว้ ยเร่ืองอะไร; / กา จ ปน โว อนตฺ รากถา วิปฺปกตา อิติ? - วา่ เร่อื ง อะไรท่เี ธอทงั้ หลายสนทนากันค้างไว้ ดงั นี้ เอวํ - อย่างนี้ / - วตุ ฺเต - เม่ือพระผูม้ ีพระภาคตรสั - / เต - เหล่านน้ั , ภกิ ฺขู - ภิกษุ- / ภควนฺตํ - พระผูม้ ีพระภาค- / เอตทโวจุ - จึงได้กราบทูล / ว่า / “อธิ – ในทน่ี ้ี / ภนฺเต - ข้าแต่ พระองคผ์ เู้ จริญ / อมหฺ ากํ - ข้าพระองค์ท้ังหลาย / อจิรปกฺกนฺตสสฺ - เสดจ็ จากไปไมน่ าน / ภควโต – เมอื่ พระผมู้ ีพระภาค - / อยํ - ตอ่ ไป / อนตฺ รากถา - เรือ่ งท่ีค้างไว้ / อทุ ปาทิ - ไดส้ นทนา / ดงั น้วี า่ / ‘อจฉฺ ริยํ - น่าอัศจรรย์จรงิ / อาวโุ ส - ท่านผู้มอี ายุ / อพภฺ ุตํ - ไม่เคยปรากฏ / อาวโุ ส - ทา่ นผูม้ อี ายุ / ตถาคตสสฺ มหิทธฺ ิกตา มหานุภาวตา. - ท่พี ระตถาคต ทรงมฤี ทธม์ิ าก ทรงมีอานภุ าพมาก / ยตฺร หิ นาม - ขอ้ ที่ / ตถาคโต - พระตถาคตเจ้า / อตเี ต - ในอดตี กาล / พุทเฺ ธ - พระพุทธเจ้าท้ังหลาย / ปริ นพิ พฺ ุเต - ผู้ปรินพิ พานแล้ว / ฉินฺนปปญเฺ จ - ผ้ตู ัดธรรมเครือ่ งเนิน่ ชา้ ไดแ้ ล้ว / ฉนิ นฺ วฏเุ ม - ผูต้ ดั ทางได้
106 แลว้ / ปรยิ าทินฺนวฏเฺ ฏ - ผู้ตัดวฏั ฏะไดแ้ ล้ว / สพพฺ ทุกขฺ วีติวตเฺ ต - ผลู้ ว่ งทุกขท์ ้ังปวงได้แลว้ / ชาติโตปิ - ทัง้ โดยพระชาติ / อนสุ สฺ ริสฺสติ - ทรงระลึกถงึ / นามโตปิ - พระนาม / อนสุ สฺ ริสฺสติ - ทรงระลกึ ถงึ / โคตฺตโตปิ - พระโคตร / อนสุ ฺสริสฺสติ - ทรงระลึกถงึ / อายุปฺปมาณโตปิ - พระชนมายุ / อนุสสฺ ริสฺสติ - ทรงระลึกถงึ / สาวกยุคโตปิ - คู่พระอัครสาวก / อนุสสฺ ริสฺสติ - ทรงระลกึ ถึง / สาวกสนฺนปิ าตโตปิ - การประชุมพระสาวก / อนสุ ฺสรสิ สฺ ติ - ทรงระลึกถงึ / ‘เอวํชจจฺ า - จงึ มพี ระชาตอิ ย่างน้ี / เต - เหล่านน้ั , ภควนโฺ ต - พระผู้มีพระภาค / อเหสุ – ไดม้ แี ลว้ / อติ ิปิ - แม้เพราะเหตุน้ี / เอวํนามา - จงึ มี พระนามอย่างนี้ / เอวํโคตฺตา - จึงมีพระโคตรอย่างนี้ / เอวํสลี า - จึงทรงมศี ลี อย่างน้ี / เอวํธมฺมา - จึง ทรงมธี รรม๕อย่างนี้ / เอวปํ ญฺญา - จึงทรงมีปญั ญาอย่างนี้ / เอววํ ิหารี - จึงทรงมธี รรมเป็นเคร่ืองอยู่ อยา่ งนี้ / เอววํ มิ ตุ ฺตา - จึงทรงมีธรรมเปน็ เครอื่ งหลุดพ้นอยา่ งน้ี / เต - เหล่านัน้ , ภควนฺโต - พระผมู้ ี พระภาค / อเหสุ – ได้มีแลว้ / อติ ิปิ - แมเ้ พราะเหตุน้ี”’ / อติ ิ. - ดังน้ี / กึ นุ โข เป็นอยา่ งไรหนอ / อาวโุ ส - ทา่ นผู้มีอายุ / ตถาคตสฺเสว นุ โข เอสา ธมฺมธาตุ สปุ ฺปฏิวิทธฺ า - เพราะพระตถาคตทรงมี ปัญญาแทงตลอด ธรรมธาตนุ ้ี / ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปปฺ ฏวิ ิทธฺ ตตฺ า - เพราะพระตถาคตทรงมีปัญญา แทงตลอด / ตถาคโต - พระตถาคตเจา้ / อตเี ต - ในอดีตกาล / พุทฺเธ - พระพุทธเจ้าทัง้ หลาย / ปริ นิพพฺ ุเต - ผู้ปรนิ ิพพานแล้ว / ฉนิ ฺนปปญเฺ จ - ผ้ตู ดั ธรรมเครอ่ื งเนนิ่ ช้าได้แล้ว / ฉินนฺ วฏเุ ม - ผตู้ ัดทางได้ แลว้ / ปริยาทินฺนวฏฺเฏ - ผู้ตัดวัฏฏะไดแ้ ลว้ / สพพฺ ทุกขฺ วีติวตเฺ ต - ผลู้ ว่ งทกุ ขท์ ั้งปวงได้แล้ว / ชาติโตปิ - ทงั้ โดยพระชาติ / อนุสสฺ รสิ ฺสติ - ทรงระลึกถึง / นามโตปิ - พระนาม / อนุสสฺ รสิ ฺสติ - ทรงระลกึ ถงึ / โคตตฺ โตปิ - พระโคตร / อนสุ ฺสริสฺสติ - ทรงระลึกถึง / อายุปฺปมาณโตปิ - พระชนมายุ / อนสุ สฺ รสิ ฺสติ - ทรงระลกึ ถึง / สาวกยคุ โตปิ - คพู่ ระอคั รสาวก / อนสุ ฺสริสฺสติ- ทรงระลึกถึง / สาวกสนนฺ ปิ าตโตปิ - การประชมุ พระสาวก / อนสุ ฺสรสิ ฺสติ - ทรงระลึกถงึ / ‘เอวํชจฺจา - จึงมีพระชาติอย่างนี้ / เต – เหลา่ นนั้ , ภควนโฺ ต - พระผู้มีพระภาค / อเหสุ – ไดม้ ีแลว้ / อิติปิ - แม้เพราะเหตุน้ี / เอวนํ ามา - จึงมี พระนามอย่างน้ี / เอวํโคตฺตา - จงึ มพี ระโคตรอยา่ งน้ี / เอวสํ ีลา - จึงทรงมศี ีลอยา่ งน้ี / เอวธํ มมฺ า - จึง ทรงมีธรรมอย่างน้ี / เอวปํ ญฺญา - จึงทรงมปี ัญญาอยา่ งนี้ / เอววํ หิ ารี - จงึ ทรงมธี รรมเป็นเครือ่ งอยู่ อยา่ งนี้ / เอววํ ิมตุ ฺตา - จงึ ทรงมีธรรมเปน็ เครอื่ งหลุดพน้ อยา่ งนี้ / เต – เหล่านน้ั , ภควนโฺ ต - พระผมู้ ี พระภาค / อเหสุ / อิติปิ - แมเ้ พราะเหตนุ ้ี”’ / อติ ิ. - ดงั น้ี / อุทาหุ - หรือ / เทวตา - เหลา่ เทวดา / ตถาคตสฺส - แดพ่ ระตถาคต / เอตมตถฺ ํ - ความข้อนี้ / อาโรเจสุ – ได้กราบทลู แล้ว / เยน - จึงเป็นเหตุ ให้ / ตถาคโต - พระตถาคตเจ้า / อตเี ต - ในอดีตกาล / พุทฺเธ - พระพุทธเจ้าทั้งหลาย / ปรินิพพฺ ุเต - ผูป้ รินพิ พานแล้ว / ฉนิ ฺนปปญฺเจ - ผู้ตัดธรรมเครอ่ื งเน่ินช้าไดแ้ ลว้ / ฉินนฺ วฏุเม - ผู้ตัดทางได้แล้ว / ปริ ยาทินฺนวฏเฺ ฏ - ผู้ตดั วฏั ฏะได้แล้ว / สพพฺ ทกุ ฺขวีตวิ ตฺเต - ผลู้ ว่ งทุกขท์ งั้ ปวงไดแ้ ล้ว / ชาติโตปิ - ทงั้ โดย พระชาติ / อนุสฺสริสฺสติ - ทรงระลกึ ถึง / นามโตปิ พระนาม / อนสุ ฺสริสฺสติ - ทรงระลึกถึง / โคตตฺ โตปิ - พระโคตร / อนุสสฺ รสิ ฺสติ - ทรงระลกึ ถงึ / อายุปปฺ มาณโตปิ - พระชนมายุ / อนุสสฺ รสิ สฺ ติ - ทรง ระลึกถึง / สาวกยุคโตปิ - คู่พระอัครสาวก / อนุสสฺ รสิ ฺสติ - ทรงระลึกถึง / สาวกสนฺนิปาตโตปิ - การ ประชมุ พระสาวก / อนุสฺสรสิ สฺ ติ - ทรงระลึกถงึ / ‘เอวํชจฺจา - จงึ มีพระชาติอยา่ งน้ี / เต- เหลา่ นัน้ , ภควนฺโต - พระผมู้ ีพระภาค / อเหสุ – ไดม้ ีแล้ว / อติ ปิ ิ - แม้เพราะเหตุนี้ / เอวํนามา - จงึ มพี ระนาม
107 อย่างนี้ / เอวโํ คตตฺ า - จึงมีพระโคตรอย่างน้ี / เอวํสีลา - จงึ ทรงมีศีลอย่างนี้ / เอวํธมฺมา - จึงทรงมี ธรรมอยา่ งนี้ / เอวปํ ญญฺ า - จึงทรงมีปญั ญาอย่างนี้ / เอวํวหิ ารี - จึงทรงมีธรรมเป็นเคร่อื งอยอู่ ย่างน้ี / เอววํ มิ ุตฺตา - จงึ ทรงมีธรรมเป็นเครอื่ งหลดุ พ้นอยา่ งน้ี / เต - เหลา่ นน้ั , ภควนโฺ ต - พระผูม้ ีพระภาค / อเหสุ – อติ ปิ ิ - แม้เพราะเหตุนี้”’ / อิติ. - ดงั นี้ / อยํ โข โน ภนเฺ ต อนฺตรากถา วปิ ปฺ กตา อถ ภควา อนปุ ฺปตโฺ ต”อติ ิ. - เรื่องนแี้ ลท่ีพวกขา้ พระองค์สนทนาคา้ งไว้ กพ็ อดีพระผมู้ ีพระภาคเสด็จมาถึง พระพทุ ธเจา้ ขา้ / ๑๕. “ตถาคตสเฺ สว – อันพระตถาคตเจา้ นนั่ เทียว / เอสา – นนั่ / ภิกขฺ เว – ดูก่อนภกิ ษุ ท้งั หลาย / ธมฺมธาตุ – ธรรมธาตุ / สปุ ปฺ ฏิวทิ ฺธา - ทรงแทงตลอดด้วยดแี ลว้ / ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปปฺ ฏิวทิ ฺธตตฺ า - เพราะความท่ี แห่งธรรมธาตุ ใด เปน็ (อันพระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ทรงแทงตลอดแลว้ / ตถาคโต - พระตถาคตเจ้า / อตเี ต - ผ้ลู ว่ งไปแลว้ / พทุ ฺเธ - ซ่งึ พระพทุ ธเจา้ ท. / ปรินพิ ฺพุเต - ผู้ ปรนิ พิ พานแล้ว / ฉินนฺ ปปญเฺ จ – ผตู้ ัดธรรมเครอื่ งเนิ่นชา้ ได้แล้ว / ฉนิ นฺ วฏเุ ม - ผตู้ ัดทางไดแ้ ล้ว / ปริ ยาทนิ ฺนวฏฺเฏ - ผู้ตัดวัฏฏะได้แล้ว / สพฺพทกุ ฺขวตี ิวตเฺ ต - ผลู้ ว่ งทุกขท์ ้งั ปวงได้แลว้ / ชาตโิ ตปิ - โดยพระ ชาติบ้าง / อนุสสฺ รติ - ยอ่ มทรงระลึกถึง / นามโตปิ – โดยพระนามบ้าง / อนุสสฺ รติ - ย่อมทรงระลกึ ถงึ / โคตตฺ โตปิ - โดยพระโคตรบ้าง / อนสุ สฺ รติ - ยอ่ มทรงระลกึ ถึง/ อายุปปฺ มาณโตปิ - โดยประมาณแหง่ พระชนมายบุ ้าง / อนุสฺสรติ - ยอ่ มทรงระลึกถึง / สาวกยุคโตปิ - โดยคู่แหง่ พระอคั รสาวกบา้ ง / อนสุ ฺ สรติ - ยอ่ มทรงระลึกถึง / สาวกสนฺนปิ าตโตปิ - โดยการประชุมแห่งพระสาวกบา้ ง / อนุสสฺ รติ - ย่อม ทรงระลึกถึง / ‘เอวํชจจฺ า - ทรงเป็นผมู้ พี ระชาตอิ ยา่ งนี้ / เต ภควนโฺ ต - พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ท. เหล่านนั้ / อเหสุ’ - ไดเ้ ป็นแล้ว / อิติปิ. - แม้เพราะเหตุนี้ / ‘เอวํนามา – ทรงเปน็ ผู้มีพระนามอย่างน้ี / เอวํโคตฺตา - ทรงเปน็ ผูม้ ีพระโคตรอย่างน้ี / เอวสํ ีลา - ทรงเป็นผูม้ ีศลี อย่างน้ี / เอวธํ มฺมา – ทรงเปน็ ผมู้ ีพระธรรมอย่างน้ี / เอวปํ ญฺญา - ทรงเปน็ ผ้มู ีพระปญั ญาอย่างนี้ / เอววํ หิ ารี – ทรงเปน็ ผู้มพี ระธรรม เครือ่ งอยอู่ ย่างนี้ / เอวํวิมตุ ตฺ า – ทรงเปน็ ผูม้ พี ระธรรมเคร่ืองพน้ วเิ ศษอย่างน้ี / เต ภควนโฺ ต - พระผ้มู ี พระภาคเจ้า ท. เหลา่ นัน้ / อเหสุ’ - ไดเ้ ป็นแล้ว/ อติ ปิ ตี ิ. – แมเ้ พราะเหตนุ ี้ / “เทวตาปิ - แม้ เทวดา ท. / ตถาคตสสฺ – แกพ่ ระตถาคตเจ้า / เอตมตฺถํ - ซ่งึ เน้ือความ น่ัน / อาโรเจสุ - กราบทูลแลว้ / เยน - / ตถาคโต - พระตถาคตเจ้า / อตเี ต - ผูล้ ว่ งไปแล้ว / พทุ ฺเธ - ซ่งึ พระพุทธเจ้า ท. / ปรินิพฺพุเต - ผู้ ปรินพิ พานแล้ว / ฉนิ ฺนปปญฺเจ – ผตู้ ดั ธรรมเครือ่ งเนิ่นชา้ ได้แล้ว / ฉนิ นฺ วฏุเม – ผตู้ ัดทางไดแ้ ล้ว / ปริ ยาทนิ นฺ วฏฺเฏ - ผูต้ ัดวัฏฏะได้แลว้ / สพพฺ ทุกฺขวตี ิวตเฺ ต - ผู้ลว่ งทกุ ข์ทง้ั ปวงไดแ้ ล้ว / ชาตโิ ตปิ - โดยพระ ชาติบ้าง / อนุสฺสรติ - ยอ่ มทรงระลึกถึง / นามโตปิ - โดยพระนามบ้าง / อนสุ สฺ รติ - ย่อมทรงระลึก ถงึ / โคตตฺ โตปิ – โดยพระโคตรบ้าง / อนสุ ฺสรติ - ย่อมทรงระลึกถงึ / อายปุ ปฺ มาณโตปิ - โดยประมาณแห่งพระชนมายุบา้ ง / อนุสสฺ รติ - ย่อมทรงระลกึ ถงึ / สาวกยคุ โตปิ - โดยคู่แห่งพระ อัครสาวกบา้ ง / อนสุ ฺสรติ - ย่อมทรงระลกึ ถึง / สาวกสนฺนปิ าตโตปิ - โดยการประชมุ แห่งพระสาวก บา้ ง/ อนสุ สฺ รติ - ย่อมทรงระลึกถึง / ว่า / ‘เอวชํ จจฺ า - ทรงเปน็ ผ้มู ีพระชาติอยา่ งน้ี / เต ภควนฺโต - พระผมู้ ีพระภาคเจ้า ท. เหลา่ น้นั / อเหสุ’ - ได้เป็นแลว้ / อิตปิ ิ. - แม้เพราะเหตุนี้ / ‘เอวํนามา - ทรงเปน็ ผู้มพี ระนามอยา่ งน้ี / เอวํโคตตฺ า - ทรงเป็นผู้มพี ระโคตรอย่างน้ี / เอวสํ ีลา - ทรงเป็นผู้มีศลี
108 อยา่ งน้ี / เอวํธมฺมา - ทรงเป็นผูม้ ีพระธรรมอยา่ งน้ี / เอวปํ ญญฺ า - ทรงเปน็ ผมู้ พี ระปญั ญาอย่างนี้ / เอววํ หิ ารี - ทรงเป็นผ้มู ีพระธรรมเครือ่ งอยู่อย่างน้ี / เอวํวิมุตฺตา - ทรงเป็นผ้มู ีพระธรรมเครอ่ื งพ้น วิเศษอย่างนี้/ เต ภควนโฺ ต - พระผูม้ ีพระภาคเจา้ ท. เหลา่ น้นั / อเหสุ’ - ได้เปน็ แล้ว / อติ ิปี”ติ. – แมเ้ พราะเหตนุ ้ี “อจิ เฺ ฉยฺยาถ - ยอ่ มปรารถนา / โน - หรือไม่ / ตมุ ฺเห - เธอทัง้ หลาย / ภกิ ฺขเว – ดูก่อนภิกษุ ท้งั หลาย / ภยิ ฺโยโส มตตฺ าย – โดยยิ่ง โดยประมาณ / ปุพฺเพนิวาสปฏิสยํ ุตฺตํ - อันเกีย่ วกับบุพเพนวิ าส / ธมฺมึ กถํ - ซง่ึ ธรรมกี ถา / โสตุ”นฺติ? - เพ่ือจะฟัง ดงั น้ี / “(อยํ กาโล - กาลนี้) / เอตสสฺ (ปพุ ฺเพนวิ าส ปฏิสยํ ุตฺตสฺส ธมมฺ กี ถสฺส กรณภาวสสฺ ) - แห่งการกระทาํ ธรรมีกถา อันเก่ียวกับบพุ เพนวิ าส นัน่ / ภควา - ข้าแตพ่ ระผูม้ ีพระภาค / กาโล - เปน็ เวลา / (โหติ - ย่อมเปน็ ); / (อยํ กาโล - กาลน้)ี / เอตสสฺ (ปุพฺ เพนิวาสปฏิสํยตุ ฺตสฺส ธมฺมีกถสสฺ กรณภาวสฺส) - แหง่ การกระทําธรรมีกถา อันเกีย่ วกับบุพเพนิวาส น่นั / สุคต - ขา้ แตพ่ ระสุคตเจา้ / กาโล - เปน็ เวลา / (โหติ - ย่อมเปน็ ) ; / ยํ - ใด / ภควา – พระผู้มีพระ ภาค / ภยิ โฺ ยโสมตฺตาย - โดยยง่ิ โดยประมาณ / - ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยตุ ตฺ ํ - อันเกีย่ วกับบุพเพนวิ าส / ธมมฺ ึ กถํ - ซ่งึ ธรรมีกถา / กเรยยฺ - พึงกระทาํ / ภควโต - จากพระผ้มู พี ระภาค / สุตฺวา - ฟังแล้ว / ภกิ ขฺ ู - ภิกษทุ ง้ั หลาย / ธาเรสฺสนตฺ ี”ต.ิ - จักทรงจาํ ไว้” ดงั นี้ / (ภควา - พระผู้มีพระภาค / อาห - ตรัสแลว้ ) / วา่ / “เตน หิ - ถา้ อยา่ งนัน้ / ภิกฺขเว - ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย / (ตุมเฺ ห – เธอท้ังหลาย) / สณุ าถ - จงฟงั / สาธกุ ํ - ใหด้ ี / มนสกิ โรถ - จงใสใ่ จ / ภาสสิ สฺ ามี”ต.ิ – เรา จักกลา่ ว ดงั น้ี / “เอวํ - อย่างนัน้ หรอื / ภนเฺ ต”ติ - พระเจา้ ขา้ ดังนี้ / โข - แล / เต – เหล่านนั้ / ภิกขฺ ู - ภกิ ษุทง้ั หลาย / ภคว โต - ของพระผู้มีพระภาค / ปจจฺ สฺโสสุ. - ทลู รบั สนองพระดํารสั แลว้ / ภควา - พระผูม้ ีพระภาค / เอตทโวจ - ได้ตรสั แล้ว ซ่งึ เรอื่ งนนั่ / ๑๖. “อโิ ต (กปฺปโต) - แตก่ ปั นี้ / โส - พระองคน์ ้นั (วิปสฺสี ภควา - พระผู้มีพระภาค พระ นามวา่ วปิ สั สี) / ภกิ ฺขเว - ภกิ ษทุ ้งั หลาย / เอกนวุตกิ ปเฺ ป - ใน ๙๑ กัป / ยํ - ใด / วปิ สฺสี - พระนามวา่ วิปสั สี / ภควา - พระผู้มพี ระภาค / อรหํ - ผู้เป็นพระอรหันต์ / สมฺมาสมฺพทุ ฺโธ - ตรสั รเู้ องโดยชอบ / โลเก - ในโลก / อทุ ปาทิ - ได้เสดจ็ อบุ ัติข้ึนแล้ว. วิปสฺสี - พระนามว่าวิปสั สพี ทุ ธเจา้ / ภกิ ฺขเว – ดูกอ่ น ภิกษทุ ง้ั หลาย / ภควา - พระผู้มีพระภาค / อรหํ – ผูเ้ ป็นพระอรหันต์ / สมฺมาสมพฺ ุทฺโธ – ผ้ตู รัสรโู้ ดย ชอบดว้ ยพระองคเ์ อง / ขตตฺ ิโย ชาตยิ า - มีพระชาติเปน็ กษัตรยิ ์ / อโหสิ – ได้เปน็ แลว้ / ขตฺตยิ กุเล - ในตระกูลกษัตรยิ ์ / อุทปาทิ - ไดเ้ สดจ็ อบุ ัติข้นึ . วิปสสฺ ี - พระนามว่าวิปัสสพี ทุ ธเจ้า / ภกิ ขฺ เว – ดกู ่อน ภกิ ษทุ ้ังหลาย / ภควา - พระผู้มีพระภาค / อรหํ – ผเู้ ป็นพระอรหันต์ / สมฺมาสมฺพุทโฺ ธ - ผู้ตรสั รูโ้ ดย ชอบดว้ ยพระองค์เอง / โกณฺฑญฺโญ โคตฺเตน มีพระโคตรว่าโกณฑญั ญะ / อโหสิ – ได้เป็นแลว้ . วิปสฺ สิสสฺ - พระนามว่าวิปัสสพี ุทธเจ้า / ภกิ ขฺ เว - ดกู ่อนภิกษทุ ้ังหลาย / ภควโต - ของพระผู้มีพระภาค / อรหโต - ผู้เป็นพระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมฺพุทธฺ สสฺ - ผ้ตู รสั รูเ้ องโดยชอบ / อสีติวสฺสสหสฺสานิ - ๘๐,๐๐๐ ปี / อายุปฺปมาณํ อโหสิ - มีพระชนมายุประมาณ. วปิ สฺสี - พระนามว่าวิปสั สพี ุทธเจ้า / ภิกฺขเว - ดูก่อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย / ภควา - พระผู้มีพระภาค / อรหํ - ผู้เปน็ พระอรหันต์ / สมมฺ าสมฺพุทฺโธ - ผตู้ รัสรู้ เองโดยชอบ / ปาฏลิยา มูเล - ท่คี วงต้นแคฝอย / อภสิ มพฺ ุทฺโธ - ตรัสร.ู้ วปิ สสฺ สิ สฺ - พระนามว่าวปิ สั สี
109 พุทธเจา้ / ภกิ ฺขเว - ดูกอ่ นภิกษทุ ัง้ หลาย / ภควโต - ของพระผมู้ พี ระภาค / อรหโต - ผเู้ ปน็ พระ อรหันต์ / สมมฺ าสมฺพทุ ธฺ สฺส - ผูต้ รสั รู้เองโดยชอบ / ขณฺฑติสฺสํ นาม - ได้แก่ พระขันฑะ และ พระติส สะ / สาวกยคุ ํ - คพู่ ระอัครสาวก / อโหสิ - ได้เปน็ แลว้ / อคฺคํ - เป็นคูเ่ ลศิ / ภททฺ ยุคํ - คู่เจรญิ . วปิ สฺ สสิ สฺ - พระนามว่าวปิ ัสสพี ุทธเจ้า / ภกิ ขฺ เว - ดกู ่อนภกิ ษทุ ั้งหลาย / ภควโต - ของพระผมู้ ีพระภาค / อรหโต - ผู้เป็นพระอรหนั ต์ / สมฺมาสมฺพุทธฺ สฺส - ผ้ตู รสั รเู้ องโดยชอบ / ตโย - ๓ ครง้ั / สาวกานํ / สนฺ นิปาตา - การประชุมพระอัครสาวก / อเหสุ - ได้มีแลว้ . / เอโก - ครั้งท่ี ๑ / สาวกานํ สนฺนิปาโต - การประชุมพระสาวก / อโหสิ - ได้มีแล้ / อฏฺฐสฏฐฺ ภิ ิกขฺ สุ ตสหสฺสํ - มภี กิ ษุ ๑๖๘,๐๐๐ รปู / เอโก- อีก คร้งั / สาวกานํ - สนนฺ ิปาโต - การประชมุ พระสาวก / อโหสิ - ไดม้ แี ล้ว / ภกิ ฺขุสตสหสฺสํ - มีภกิ ษุ ๑๐๐,๐๐๐ รูป / เอโก - อีกครง้ั / สาวกานํ สนนฺ ิปาโต - การประชุมพระสาวก / อโหสิ - ไดม้ แี ลว้ / อสตี ิภิกฺขสุ หสฺสานิ - มภี กิ ษุ ๘๐,๐๐๐ รปู . / วปิ สฺสิสฺส - พระนามว่าวปิ ัสสพี ุทธเจา้ / ภิกฺขเว - ดกู ่อน ภิกษุท้งั หลาย / ภควโต - ของพระผูม้ ีพระภาค / อรหโต - ผู้เป็นพระอรหันต์ / สมมฺ าสมพฺ ุทธฺ สฺส - ผู้ ตรสั ร้เู องโดยชอบ / อิเม- เหลา่ น้ี / ตโย - ทั้ง ๓ คร้งั / สาวกานํ สนนฺ ิปาตา - การประชมุ พระสาวก / อเหสุ - ได้มีแล้ว / สพเฺ พสํเยว ขีณาสวานํ - ล้วนแตเ่ ปน็ พระขณี าสพ. / วิปสฺสิสสฺ - พระนามวา่ วิปสั สี พทุ ธเจา้ / ภิกฺขเว - ดูก่อนภิกษทุ ้งั หลาย / ภควโต - ของพระผ้มู พี ระภาค / อรหโต - ผูเ้ ป็นพระ อรหันต์ / สมฺมาสมฺพทุ ฺธสฺส - ผู้ตรสั ร้เู องโดยชอบ / อโสโก นาม - ชือ่ ว่าอโสกะ / ภิกฺขุ - ภิกษุ / อุปฏฺฐาโก - เป็นอปุ ฏั ฐาก / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแล้ว / อคคฺ ปุ ฏฺฐาโก - เป็นอคั รอุปฏั ฐาก. วปิ สสฺ ิสฺส - พระ นามว่าวิปสั สพี ทุ ธเจ้า / ภกิ ฺขเว - ดูกอ่ นภิกษุท้ังหลาย / ภควโต - ของพระผูม้ ีพระภาค / อรหโต - ผู้ เป็นพระอรหนั ต์ / สมมฺ าสมฺพุทธฺ สฺส - ผ้ตู รสั รเู้ องโดยชอบ พนฺธมุ า นาม - พระนามวา่ พันธมุ า / ราชา - พระราชา / ปติ า - เปน็ พระบิดา / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแล้ว. / พนฺธุมตี นาม - พระนามว่าพันธมุ ดี / เทวี - พระเทวี / มาตา - เปน็ พระมารดา / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแล้ว / ชเนตตฺ ิ - ผูใ้ ห้กําเนดิ . / พนฺธุมสฺส - พระ นามว่าพันธมุ า / รญฺโญ - ของพระราชา / พนธฺ ุมตี นาม - ช่ือว่าพันธุมดี / นครํ - พระนคร / ราชธานี - เปน็ ราชธานี / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแลว้ . โพธสิ ตฺตธมฺมตา - กฎธรรมดาของพระโพธสิ ตั ว์ ๑๗. “อถ โข - ครัง้ นั้นแล / ภิกขฺ เว - ดูก่อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย / วปิ สฺสี – พระนามวา่ วปิ ัสสี / โพธิสตฺโต - พระโพธสิ ตั ว์ / ตสุ ิตา กายา – จากสวรรคช์ ้ันดุสิต / จวิตฺวา – ทรงจตุ ิแลว้ / สโต - ทรงมี สติ / สมปฺ ชาโน – มสี ัมปชัญญะ / มาตุกจุ ฺฉึ – ส่พู ระครรภข์ องพระมารดา / โอกฺกมิ. – เสด็จก้าวลง แล้ว / อยเมตถฺ ธมมฺ ตา. – ขอ้ นี้เปน็ กฎธรรมดาในเรื่องน้ี / ๑๘. “ธมมฺ ตา – เป็นกฎธรรมดา / เอสา – ขอ้ น้ี / วา่ / ภิกฺขเว - ดกู ่อนภกิ ษุทง้ั หลาย / ยทา – ในกาลใด / โพธสิ ตโฺ ต – พระโพธสิ ัตว์ / ตสุ ิตา กายา – จากสวรรคช์ ้นั ดสุ ิต / จวิตวฺ า – ทรงจุติแลว้ / มาตุกจุ ฺฉึ - สู่พระครรภ์ของพระมารดา / โอกฺกมติ.- ยอ่ มเสด็จก้าวลง / อถ - ในกาลน้ัน / สเทวเก - พรอ้ มทั้งเทวโลก / โลเก – ในโลก / สมารเก – ทงั้ มารโลก / สพรฺ หมฺ เก – ท้งั พรหมโลก / สสฺสมณพฺ ราหมฺ ณยิ า - พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ / ปชาย – ในหมสู่ ตั ว์ / สเทวมนสุ สฺ าย – ท้ังเทวดาและมนษุ ย์ / อปปฺ มาโณ - หาประมาณมิได้ / อุฬาโร – อันเจิดจ้า / โอภาโส - แสงสว่าง / ปาตุภวติ – ย่อมปรากฏ
110 ขนึ้ / อติกฺกมเฺ มว – ก้าวล่วงแล้ว นัน่ เทียว / เทวานํ - ของเหล่าเทพ / เทวานุภาว.ํ – ซง่ึ เทวานุภาพ / - ยาปิ ตา โลกนฺตรกิ า – แม้ในช่องว่างระหว่างโลก / อฆา อสํวตุ า - ซ่ึงไมม่ ีอะไรคัน่ / อนฺธการา อนฺ ธการติมสิ า - มสี ภาพมืดมิด / ยตถฺ ปิเม จนฺทมิ สรู ิยา – หรอื ทที่ ดี่ วงจันทรแ์ ละดวงอาทิตย์ / เอวํมหทิ ธฺ ิ กา - ซึง่ มีฤทธิม์ าก / เอวมํ หานภุ าวา - มีอานุภาพมาก / อาภาย นานุโภนฺติ - ส่องแสงไปไม่ถึง / ตตถฺ ปิ – แม้ในท่นี ั้น / อปฺปมาโณ – หาประมาณมิได้ / อฬุ าโร – เจดิ จา้ / โอภาโส – ก็มีแสงสว่าง / ปาตุภวติ - ปรากฏข้นึ / อติกฺกมเฺ มว – ล่วง / เทวานํ - ของเหล่าเทพ / เทวานภุ าวํ. – เทวานุภาพ / เยปิ - แมเ้ หล่าใด / ตตถฺ - ในทีน่ นั้ / สตตฺ า - เหลา่ สตั ว์ / อปุ ปนฺนา - เกิดขนึ้ แลว้ / เตปิ - แม้สัตว์ เหลา่ นั้น / เตโนภาเสน - เพราะแสงสว่างนนั้ / อญฺญมญฺญํ – กนั และกนั / สญฺชานนฺติ – กย็ ่อมร้จู ัก / ‘อญเฺ ญปิ - แม้เหลา่ อนื่ / กิร - ได้ยนิ วา่ / โภ – ทา่ นผ้เู จริญ / สนฺติ - มีอยู่ / สตฺตา - เหล่าสตั ว์ / อิ ธูปปนฺนา’ต.ิ - เกดิ ขนึ้ ในท่นี ้ี ดังน้ี / อยญจฺ ทสสหสฺสี – และหม่นื โลกธาตนุ ้ี / สงฺกมปฺ ติ – ยอ่ มสัน่ / สมปฺ กมฺปติ – ย่อมสะเทอื น / สมฺปเวธติ. – ยอ่ มเล่อื นลน่ั / อปปฺ มาโณ จ – ทง้ั หาประมาณมไิ ด้ / อฬุ าโร - เจิดจ้า / โอภาโส - แสงสวา่ ง / โลเก - ในโลก / ปาตุภวติ – กป็ รากฏขึน้ / อติกกฺ มเฺ มว – ลว่ ง / เทวานํ – ของเหลา่ เทพ / เทวานุภาว.ํ - เทวานุภาพ / อยเมตถฺ ธมฺมตา.- ข้อนเี้ ป็นกฎธรรมดา ในเร่ืองน้ี ๑๙. “ธมฺมตา – เปน็ กฎธรรมดา / เอสา – ข้อน้ี / ภิกฺขเว - ดูกอ่ นภิกษุทงั้ หลาย / ยทา - ใน กาลใด / โพธิสตฺโต – พระโพธิสัตว์ / มาตกุ ุจฺฉึ - สูพ่ ระครรภ์ของพระมารดา / โอกฺกนโฺ ต - เป็นผู้ เสด็จก้าวลงแลว้ / โหติ – ย่อมเปน็ / จตฺตาโร - ๔ องค์ / นํ (โพธสิ ตตฺ )ํ – ซ่ึงพระโพธสิ ัตวน์ นั้ / เทวปตุ ฺ ตา - เทพบตุ รท้งั หลาย / จตทุ ทฺ ิสํ – สู่ทิศ ท้ัง ๔ / รกขฺ าย – เพ่อื อารกั ขา- อปุ คจฺฉนฺติ – ย่อมเขา้ ไป / ดว้ ยตัง้ ใจวา่ - ‘มา – อย่า / นํ โพธิสตฺตํ วา – ซ่ึงพระโพธสิ ัตวน์ น้ั หรือ / โพธสิ ตตฺ มาตรํ วา - หรือวา่ ซงึ่ พระมารดาของพระโพธสิ ตั ว์ / มนุสโฺ ส วา - มนษุ ย์ หรือ / อมนุสโฺ ส วา – หรือวา่ อมนุษย์ / โกจิ วา - หรือว่า ใครๆ / วิเหเฐสี’ต.ิ - เบียดเบยี นแลว้ ดงั นี้ / อยเมตฺถ ธมฺมตา. - ข้อนเี้ ปน็ กฎธรรมดาในเรอื่ งนี้ ๒๐. “ธมมฺ ตา – เป็นกฎธรรมดา / เอสา – ขอ้ นี้ / ภิกฺขเว - ดกู ่อนภิกษุทงั้ หลาย / ยทา - ใน กาลใด / โพธสิ ตฺโต – พระโพธิสัตว์ / มาตกุ จุ ฉฺ ึ - สู่พระครรภข์ องพระมารดา / โอกกฺ นโฺ ต – เปน็ ผู้ เสด็จกา้ วลงแลว้ / โหติ - ย่อมเปน็ / ปกตยิ า – โดยปกติ / สลี วตี – เปน็ ผมู้ ีศีล / โพธิสตตฺ มาตา - พระมารดาของพระโพธสิ ัตว์ / โหติ – ยอ่ มเปน็ / วริ ตา ปาณาตปิ าตา - เป็นผเู้ วน้ จากการฆ่าสัตว์ / วริ ตา อทินนฺ าทานา - เป็นผูเ้ ว้นจากการถือเอาสง่ิ ของท่ีเจา้ ของเขาไม่ได้ให้ / วิรตา กาเมสมุ ิจฺฉาจารา - เปน็ ผู้เวน้ จากการประพฤตผิ ดิ ในกาม / วริ ตา มสุ าวาทา - เป็นผเู้ ว้นจากการพูดเท็จ / วิรตา สรุ า เมรยมชฺชปฺปมาทฏฺฐานา. – เป็นผเู้ วน้ จากการเสพของมนึ เมาคือสรุ าและเมรยั อันเป็นเหตุแหง่ ความ ประมาท / อยเมตฺถ ธมฺมตา. - ข้อนี้เป็นกฎธรรมดาในเร่ืองน้ี ๒๑. “ธมฺมตา – เป็นกฎธรรมดา / เอสา – ข้อน้ี / ภกิ ขฺ เว - ดกู ่อนภกิ ษุท้งั หลาย / ยทา - ใน กาลใด / โพธสิ ตโฺ ต – พระโพธิสัตว์ / มาตกุ จุ ฺฉึ - สู่พระครรภข์ องพระมารดา / โอกกฺ นฺโต - เป็นผู้เสด็จ กา้ วลงแล้ว / โหติ – ย่อมเปน็ / น โพธสิ ตฺตมาตุ ปรุ เิ สสุ มานสํ อปุ ปฺ ชฺชติ กามคณุ ูปสํหิตํ - ความรู้สึก ทางกามารมณ์ ในบุรุษทัง้ หลาย ยอ่ มไมเ่ กิดข้ึน แก่พระมารดาของพระโพธสิ ัตว์ / อนตกิ ฺกมนยี า จ โพธิ
111 สตตฺ มาตา โหติ เกนจิ ปรุ ิเสน รตตฺ จิตฺเตน. – และพระมารดาของพระโพธสิ ตั ว์ เป็นผู้ทบี่ รุ ุษผู้มีจติ กาํ หนดั ใด ๆ ไม่สามารถล่วงเกินได้ / อยเมตฺถ ธมมฺ ตา. – ขอ้ น้เี ปน็ กฎธรรมดาในเร่ืองน้ี ๒๒. “ธมมฺ ตา – เป็นกฎธรรมดาดงั นี้ / เอสา – ข้อนี้ / ภิกฺขเว - ดูกอ่ นภิกษทุ งั้ หลาย / ยทา - ในกาลใด / โพธิสตฺโต – พระโพธสิ ตั ว์ / มาตุกจุ ฺฉึ - สู่พระครรภข์ องพระมารดา / โอกฺกนฺโต – เป็นผู้ เสดจ็ กา้ วลงแลว้ / โหติ - ย่อมเป็น / (ตทา – ในกาลน้นั ) / ลาภนิ ี - เป็นผู้มีปกตไิ ด้ / โพธสิ ตฺตมาตา – พระมารดาของพระองค์ / โหติ – ยอ่ มเปน็ / ปญจฺ นฺนํ กามคณุ านํ. – ซง่ึ กามคุณ ๕ / สา - พระมารดา ของพระองค์น้ัน / ปญฺจหิ กามคเุ ณหิ - ด้วยกามคณุ ๕ / สมปปฺ ิตา – เป็นผู้เอิบอ่ิม / สมงคฺ ีภตู า – เป็นผู้พรัง่ พร้อม / ปริจาเรติ. – ยอ่ มไดร้ บั การบาํ เรอ / อยเมตถฺ ธมฺมตา. – ข้อน้ี เปน็ กฎธรรมดาใน เรื่องนี้ ๒๓. “ธมมฺ ตา – เป็นกฎธรรมดาดังนี้ / เอสา – ขอ้ น้ี / ภิกฺขเว - ดกู ่อนภกิ ษุทงั้ หลาย / ยทา - ในกาลใด / โพธสิ ตฺโต – พระโพธสิ ัตว์ / มาตุกุจฺฉึ - สูพ่ ระครรภ์ของพระมารดา / โอกฺกนฺโต – เป็นผู้ เสด็จกา้ วลงแลว้ / โหติ - ย่อมเปน็ / (ตทา – ในกาลนนั้ ) / น – หามิได้ / โพธิสตฺตมาตุ - แก่พระ มารดาของพระโพธิสตั ว์ / โกจิเทว - ใด ๆ / อาพาโธ - ความเจ็บปว่ ย / อปุ ปฺ ชฺชติ. - ย่อมเกดิ ขน้ึ / สุขนิ ี - เปน็ ผู้มีความสขุ / โพธิสตตฺ มาตา - พระมารดาของพระโพธสิ ตั ว์ / โหติ - ยอ่ มเปน็ / อกลิ นฺตกา ยา - เป็นผ้ไู ม่ลําบากพระวรกาย / โพธสิ ตตฺ ญจฺ - ซึ่งพระโพธิสัตว์ดว้ ย - โพธสิ ตฺตมาตา - พระมารดา ของพระโพธิสัตว์ - ตโิ รกุจฺฉคิ ตํ - ผู้อยู่ภายในพระครรภ์ / ปสฺสติ – ยอ่ มทอดพระเนตรเหน็ / สพพฺ งฺคปจจฺ งฺคึ - ผมู้ ีพระอวัยวะสมบรู ณ์ / อหีนนิ ทฺ ฺรยิ ํ. - ผมู้ ีพระอนิ ทรีย์ไมบ่ กพร่อง / เสยยฺ ถาปิ - แม้ ฉันใด / ภิกฺขเว - ดูกอ่ นภิกษุท้งั หลาย / มณิ เวฬุริโย – แก้วไพฑูรย์ / สุโภ – อนั งดงาม / ชาตมิ า – ตามธรรมชาติ / อฏฺฐโํ ส - มแี ปดเหล่ยี ม / สปุ ริกมมฺ กโต - ทเี จียระไนดแี ลว้ / อจฺโฉ - สุก / วิปปฺ สนโฺ น – ใส / อนาวโิ ล – เป็นประกาย / สพฺพาการสมฺปนฺโน. - ได้สัดสว่ น / ตตฺราสสฺ - ขา้ งในแหง่ แก้วมณี นน้ั / สตุ ตฺ ํ – มดี า้ ย / อาวุตํ - รอ้ ยอยู่แล้ว / นีลํ วา - สีเขยี วหรอื / ปีตํ วา - หรอื วา่ สีเหลอื ง / โลหติ ํ วา – สีแดง หรือ / โอทาตํ วา- หรอื ว่า สีขาว / ปณฑฺ ุสุตฺตํ วา. - หรือว่า สีนวล / ตเมนํ จกขฺ ุมา ปุ ริโส หตฺเถ กรติ วฺ า – บรุ ษุ ผูม้ ตี าดี หยิบแก้วไพฑูรยน์ ัน้ วางไวใ้ นมือแลว้ - ปจฺจเวกเฺ ขยฺย – พงึ่ พจิ ารณา รูว้ ่า / ‘อยํ โข มณิ เวฬรุ ิโย – แกว้ ไพฑรู ยน์ ้ี แล / สุโภ – อันงดงาม / ชาติมา – ตามธรรมชาติ / อฏฐฺ ํ โส - มีแปดเหลีย่ ม / สุปริกมฺมกโต - ทีเจียระไนดีแลว้ / อจฺโฉ - สุก / วิปฺปสนฺโน – ใส / อนาวิโล – เปน็ ประกาย / สพฺพาการสมฺปนฺโน. - ได้สดั สว่ น / ตตรฺ ิทํ สุตตฺ ํ – ข้างในแกว้ มณนี ัน้ มดี ้าย / อาวุตํ - ร้อยอยูแ่ ลว้ / นีลํ วา - สีเขยี วหรือ / ปีตํ วา - หรอื วา่ สีเหลอื ง / โลหิตํ วา – สีแดง หรือ / โอทาตํ วา - หรอื ว่า สีขาว / ปณฑฺ สุ ุตฺตํ วา’ต.ิ - หรือวา่ สีนวล’ ดังน้ี / เอวเมว โข - ฉันนัน้ เหมือนกัน แล / ภิกฺข เว - ดกู ่อนภกิ ษทุ ้งั หลาย / ยทา - ในกาลใด / โพธิสตโฺ ต – พระโพธิสตั ว์ / มาตุกุจฺฉึ - สพู่ ระครรภข์ อง พระมารดา / โอกฺกนฺโต – เปน็ ผเู้ สดจ็ ก้าวลงแล้ว / โหติ - ย่อมเปน็ / (ตทา – ในกาลนน้ั ) / น โพธิ สตฺตมาตุ โกจเิ ทว อาพาโธ อุปฺปชฺชติ. - ความเจบ็ ป่วยใด ๆ ย่อมไม่เกดิ ข้นึ แก่พระมารดาของพระ โพธิสตั ว์ / สขุ ินี - เป็นผมู้ ีความสุข / โพธสิ ตฺตมาตา - พระมารดาของพระโพธสิ ัตว์ / โหติ - ยอ่ มเปน็ / อกลิ นฺตกายา - เปน็ ผไู้ มล่ าํ บากพระวรกาย / โพธิสตตฺ ญฺจ - ซงึ่ พระโพธิสัตว์ดว้ ย / โพธิสตตฺ มาตา -
112 พระมารดาของพระโพธิสัตว์ / ติโรกจุ ฺฉิคตํ - ผอู้ ยภู่ ายในพระครรภ์ / ปสสฺ ติ – ยอ่ มทอดพระเนตรเห็น / สพฺพงคฺ ปจฺจงฺคึ - ผู้มพี ระอวัยวะสมบรู ณ์ / อหนี ินฺทฺริยํ. - ผูม้ ีพระอินทรีย์ไม่บกพร่อง / อยเมตฺถ ธมมฺ ตา. – ข้อน้ี เปน็ กฎธรรมดาในเร่ืองนี้ ๒๔. “ธมฺมตา – เป็นกฎธรรมดาดังนี้ / เอสา – ขอ้ นี้ / ภิกฺขเว - ดูกอ่ นภกิ ษทุ ้งั หลาย / สตฺ ตาหชาเต - ประสตู ิได้ ๗ วนั / โพธสิ ตฺเต – เม่อื พระโพธสิ ัตว์ / โพธสิ ตฺตมาตา – พระมารดาของพระ โพธสิ ัตว์ / กาลงกฺ โรติ – ก็สวรรคต / ตุสติ ํ กายํ - ในสวรรค์ชน้ั ดสุ ิต / อุปปชฺชติ. – ย่อมไปเกดิ / อย เมตถฺ ธมมฺ ตา. - ข้อน้ีเป็นกฎธรรมดาในเรื่องน้ี ๒๕. “ธมมฺ ตา – เป็นกฎธรรมดาดงั น้ี / เอสา – ข้อนี้ / ภกิ ฺขเว - ดูกอ่ นภิกษทุ ง้ั หลาย / ยถา - อญฺญา – เหลา่ อน่ื / อติ ถฺ ิกา – หญงิ ท้ังหลาย / นว วา – ๙ เดือน หรอื / ทส วา – หรอื วา่ ๑๐ เดือน / มาเส – ตลอดเดอื นทั้งหลาย / คพฺภํ – ครรภ์ / กจุ ฺฉินา – ดว้ ยท้อง / ปรหิ ริตฺวา – บรหิ าร / วชิ ายนฺ ติ – ย่อมคลอด / น – หามไิ ด้ / เหวํ - สว่ น ฉันนน้ั / โพธิสตฺตํ พระโพธิสัตว์ / โพธิสตฺตมาตา - พระ มารดาของพระโพธสิ ัตว์ / วชิ ายติ. –ยอ่ มประสตู ิ / ทเสว มาสานิ – ครบ ๑๐ เดือนนั่นเทียว / โพธิสตฺตํ – ซ่งึ พระโพธสิ ัตว์ / โพธสิ ตตฺ มาตา – พระมารดาของพระโพธิสตั ว์ / กจุ ฺฉนิ า – พระครรภ์ / ปรหิ รติ ฺวา – บริหาร / วิชายติ. – ยอ่ มประสตู ิ / อยเมตฺถ - ขอ้ น้ี ในเรื่องน้ี / ธมมฺ ตา. - เปน็ กฎ ธรรมดา ๒๖. “ธมมฺ ตา – เป็นกฎธรรมดาดังนี้ / เอสา – ข้อนี้ / ภิกขฺ เว - ดูกอ่ นภิกษุท้ังหลาย / ยถา - อญญฺ า – เหล่าอ่ืน / อิตถฺ ิกา – หญิงท้ังหลาย / นิสนิ นฺ า วา – นงั่ หรือ / นิปนนฺ า วา – หรอื ว่านอน / วิชายนฺติ – ย่อมคลอด / น – หามไิ ด้ / เหวํ - สว่ น ฉันนัน้ / โพธิสตฺตํ พระโพธิสัตว์ / โพธสิ ตฺตมาตา - พระมารดาของพระโพธสิ ัตว์ / วิชายต.ิ –ย่อมประสูติ / ฐติ าว – ประทบั ยนื / โพธิสตฺตํ – ซึ่งพระ โพธสิ ัตว์ / โพธิสตฺตมาตา - พระมารดาของพระโพธิสัตว์ / วิชายติ. – ยอ่ มประสูติ / อยเมตฺถ - ขอ้ น้ี ในเรอื่ งนี้ / ธมฺมตา. - เปน็ กฎธรรมดา ๒๗. “ธมมฺ ตา – เป็นกฎธรรมดาดังนี้ / เอสา – ข้อนี้ / ภิกฺขเว - ดูก่อนภกิ ษุทง้ั หลาย / ยทา - ในกาลใด / โพธิสตฺโต – พระโพธสิ ตั ว์ / มาตุกุจฺฉิมหฺ า - จากพระครรภ์ของพระมารดา / นกิ ฺขมติ – ยอ่ มประสูติ / (ตทา – ในกาลน้ัน) / เทวา – เหล่าเทพ / ปฐมํ - ในตอนแรก / ปฏคิ คฺ ณฺหนตฺ ิ - จะทํา พิธีต้อนรับ / ปจฉฺ า - หลังจากนนั้ / มนุสสฺ า. - มนษุ ยท์ ั้งหลาย / (ปฏคิ ฺคณหฺ นฺติ – ก็จะทาํ พธิ ีตอ้ นรับ) / อยเมตถฺ - ขอ้ น้ี ในเรอื่ งน้ี / ธมมฺ ตา. - เป็นกฎธรรมดา ๒๘. “ธมฺมตา – เป็นกฎธรรมดาดังน้ี / เอสา – ข้อนี้ / ภกิ ขฺ เว - ดูก่อนภิกษทุ ัง้ หลาย / ยทา - ในกาลใด / โพธิสตโฺ ต – พระโพธิสตั ว์ / มาตุกุจฺฉมิ หฺ า - จากพระครรภข์ องพระมารดา / นกิ ฺขมติ – ย่อมประสูติ / (ตทา – ในกาลนน้ั ) / อปฺปตโฺ ตว – เป็นผู้ยงั ไม่ทันสมั ผัส / โพธสิ ตโฺ ต - พระโพธสิ ัตว์ / ปถวึ – ซง่ึ แผ่นดนิ / โหติ – ยอ่ มเป็น / จตฺตาโร - ๔ องค์ / นํ (โพธสิ ตฺตํ) - ซง่ึ พระโพธิสัตวน์ นั้ / เท วปตุ ตฺ า – เทพบุตรทงั้ หลาย / ปฏคิ ฺคเหตฺวา – ชว่ ยกันประคองแลว้ / มาตุ - ของพระมารดา / ปุรโต – เบือ้ งพระพักตร์ / ฐเปนตฺ ิ – ยอ่ มวางไว้ / แล้วกราบทูลว่า ‘อตตฺ มนา – จงเป็นผู้พอพระทยั เถดิ / เท วิ – ข้าแต่พระเทวี / (ตวฺ ํ – พระองค)์ / โหหิ; - จงเป็น / มเหสกฺโข – เป็นผ้มู ีศกั ดิ์ใหญ่ / เต – ของ
113 พระองค์ / ปุตฺโต – พระราชโอรส / อปุ ฺปนฺโน’ติ. - เสดจ็ อบุ ตั ขิ ึน้ แลว้ ดงั นี้ / อยเมตฺถ - ข้อนี้ ในเรื่องน้ี / ธมมฺ ตา. - เปน็ กฎธรรมดา ๒๙. “ธมฺมตา – เป็นกฎธรรมดาดงั นี้ / เอสา – ขอ้ นี้ / ภกิ ฺขเว - ดูกอ่ นภิกษทุ ง้ั หลาย / ยทา - ในกาลใด / โพธสิ ตฺโต – พระโพธิสตั ว์ / มาตุกุจฺฉมิ หฺ า - จากพระครรภข์ องพระมารดา / นิกฺขมติ – ยอ่ มประสูติ / (ตทา – ในกาลน้ัน) / วสิ โทว นกิ ขฺ มติ - เสดจ็ ออกโดยง่าย / อมกฺขโิ ต – ไมแ่ ปดเปอ้ื น แล้ว / อเุ ทน – ดว้ ยนาํ้ / อมกฺขโิ ต - ไม่แปดเป้ือนแล้ว / เสมเฺ หน – ดว้ ยเมือก / อมกฺขิโต - ไม่แปด เปอื้ นแล้ว / รหุ ิเรน – ดว้ ยเลอื ด / อมกฺขิโต - ไมแ่ ปดเปอ้ื นแล้ว / เกนจิ อสุจนิ า - ดว้ ยสงิ่ ไม่สะอาดใด ๆ / สทุ ฺโธ - เปน็ ผู้สะอาด / วิสโท. – เป็นผู้บริสุทธ์ิ / เสยฺยถาปิ – แมฉ้ ันใด / ภิกขฺ เว - ดูกอ่ นภิกษุ ท้งั หลาย / มณริ ตนํ – แก้วมณี / กาสิเก วตฺเถ - ในผ้ากาสิกพสั ตร์ / นกิ ฺขติ ตฺ ํ – ท่บี คุ คลวางไว้แลว้ / เนว - หามไิ ด้เลย / มณริ ตนํ - แก้วมณี / กาสิกํ วตฺถํ – ซง่ึ ผา้ กาสิกพสั ตร์ / มกเฺ ขติ - ย่อมแปดเปอ้ื น / นาปิ - แมก้ ็หามิได้ / กาสิกํ วตถฺ ํ - ซ่ึงผ้ากาสกิ พัสตร์ / มณิรตนํ - แกว้ มณี / มกเฺ ขติ. - ยอ่ มแปดเปือ้ น / ตํ กสิ สฺ เหตุ? - ข้อน้นั เพราะเหตุไร / อุภินฺนํ สทุ ธฺ ตตฺ า. - เพราะสงิ่ ท้ังสองเป็นของสะอาดบรสิ ทุ ธ์ิ / เอวเมว โข - ฉันนั้นเหมือนกนั แล / ภิกขฺ เว - ดูกอ่ นภิกษทุ งั้ หลาย / ยทา - ในกาลใด / โพธสิ ตฺโต – พระโพธสิ ัตว์ / มาตกุ ุจฺฉิมหฺ า - จากพระครรภ์ของพระมารดา / นกิ ฺขมติ – ย่อมประสูติ / (ตทา – ใน กาลน้นั ) / วิสโทว นกิ ฺขมติ - เสด็จออกโดยง่าย / อมกขฺ ิโต – ไมแ่ ปดเปื้อนแลว้ / อเุ ทน – ด้วยนาํ้ / อมกฺขโิ ต - ไมแ่ ปดเปื้อนแลว้ / เสมเฺ หน – ดว้ ยเมือก / อมกฺขโิ ต - ไม่แปดเป้ือนแล้ว / รุหิเรน – ด้วย เลอื ด / อมกฺขิโต - ไมแ่ ปดเปือ้ นแล้ว / เกนจิ อสุจินา - ด้วยสงิ่ ไม่สะอาดใด ๆ / สทุ โฺ ธ - เปน็ ผู้ สะอาด / วิสโท. – เป็นผบู้ รสิ ุทธ์ิ / อยเมตถฺ - ขอ้ นี้ ในเร่ืองน้ี / ธมฺมตา. - เป็นกฎธรรมดา ๓๐. “ธมฺมตา – เป็นกฎธรรมดาดงั นี้ / เอสา – ข้อนี้ / ภิกฺขเว - ดกู อ่ นภิกษุท้ังหลาย / ยทา - ในกาลใด / โพธิสตโฺ ต – พระโพธสิ ัตว์ / มาตุกุจฺฉมิ ฺหา - จากพระครรภ์ของพระมารดา / นิกฺขมติ – ยอ่ มประสูติ / (ตทา – ในกาลนั้น) / ทเฺ ว อุทกสฺส ธารา – ธารนาํ้ ๒ สาย / อนตฺ ลิกฺขา - ในอากาศ / ปาตภุ วนฺติ / ย่อมมีปรากฏ / เอกา สตี สสฺ - คือ ธารน้าํ เยน็ / เอกา อณุ หฺ สสฺ - และธารนาํ้ อนุ่ / เยน – ดว้ ยน้ําใด / โพธิสตตฺ สฺส – พระโพธิสตั ว์ / อทุ กกจิ จฺ ํ กโรนฺติ – เพื่อชาํ ระลา้ ง / มาตุ จ. - และพระ มารดา / อยเมตฺถ - ข้อน้ี ในเรือ่ งน้ี / ธมฺมตา. - เป็นกฎธรรมดา ๓๑. “ธมมฺ ตา – เป็นกฎธรรมดาดงั นี้ / เอสา – ข้อนี้ / ภิกฺขเว - ดกู อ่ นภิกษทุ ้ังหลาย / สมฺปติ ชาโต - ประสูติไดแ้ ลว้ ครู่หน่งึ / โพธิสตฺโต - พระโพธิสัตว์ / สเมหิ - ที่เสมอกัน / ปาเทหิ - ด้วยพระ บาททงั้ สอง / ปตฏิ ฺฐหติ วฺ า - ทรงยนื ได้อยา่ งม่ันคง / อตุ ฺตราภิมโุ ข - ทรงผนิ พระพักตร์ไปทางทิศเหนือ / สตตฺ ปทวตี ิหาเรน – ดว้ ยการกา้ วย่าง ๗ กา้ ว / คจฺฉติ – ย่อมทรงดาํ เนินไป / เสตมฺหิ ฉตเฺ ต – ครั้น เมื่อเศวตฉัตร / (เทวตาหิ – อนั หมูเ่ ทวดา / อนธุ ารยิ มาเน – กั้นตามเสดจ็ อยู่ / สพฺพา จ ทสิ า - ยงั ทศิ ต่าง ๆ / อนวุ ิโลเกติ – ยอ่ มทรงทอดพระเนตรไป / อาสภึ วาจํ - พระอาสภวิ าจา (วาจาอย่างองอาจ) / ภาสติ – ยอ่ มทรงเปล่ง ‘อคฺโคหมสมฺ ิ โลกสสฺ - เราเป็นผเู้ ลศิ ของโลก / เชฏฺโฐหมสมฺ ิ โลกสสฺ - เราเป็น ผู้เจรญิ ทีส่ ุดของโลก / เสฏฺโฐหมสมฺ ิ โลกสฺส - เราเป็นผปู้ ระเสรฐิ ทส่ี ดุ ของโลก / อยมนตฺ ิมา ชาติ -
114 ชาตนิ เี้ ป็นชาตสิ ดุ ทา้ ย / นตถฺ ิทานิ ปนุ พฺภโว’ต.ิ - บัดนภี้ พใหม่ไมม่ ีอีกแล้ว ’ ดังน้ี / อยเมตถฺ - ขอ้ น้ี ใน เรอื่ งนี้ / ธมฺมตา. - เปน็ กฎธรรมดา ๓๒. “ธมฺมตา – เป็นกฎธรรมดาดงั นี้ / เอสา – ข้อนี้ / ภิกฺขเว - ดูกอ่ นภกิ ษทุ ั้งหลาย / ยทา - ในกาลใด / โพธสิ ตฺโต – พระโพธสิ ตั ว์ / มาตุกจุ ฺฉิมหฺ า - จากพระครรภข์ องพระมารดา / นิกฺขมติ – ยอ่ มประสตู ิ / อถ - ในกาลนัน้ / สเทวเก - พร้อมทัง้ เทวโลก / โลเก / ในโลก / สมารเก – พร้อมทัง้ มารโลก / สพฺรหมฺ เก – พรอ้ มทงั้ พรหมโลก / สสฺสมณพฺราหฺมณิยา - พรอ้ มทง้ั สมณพราหมณ์ / ปชาย – ในหมู่สตั ว์ / สเทวมนสุ ฺสาย – พรอ้ มท้ังเทวดาและมนษุ ย์ / อปปฺ มาโณ – หาประมาณมไิ ด้ / อุฬา โร – เจิดจา้ / โอภาโส – แสงสวา่ ง / ปาตุภวติ – ยอ่ มมปี รากฏขน้ึ / อติกฺกมฺเมว – กา้ วลว่ งแลว้ นัน่ เทยี ว / เทวานํ - ของเหลา่ เทพ / เทวานภุ าว.ํ – ซง่ึ เทวานุภาพ / ยาปิ -แมใ้ ด / ตา – น้นั / โลกนฺ ตริกา - ภายในช่องว่างระหวา่ งโลก / อฆา อสํวตุ า – เป็นท่ีไมม่ อี ะไรค่นั / อนฺธการา อนธฺ การตมิ ิสา – เป็นที่มีสภาพมืดมิด / (โหติ – ยอ่ มเป็น) / ยตถฺ – ในสถานท่ใี ด / ปเิ ม จนทฺ มิ สูริยา – ดวงจันทรแ์ ละ ดวงอาทติ ย์ เหลา่ นี้ / เอวมํ หทิ ฺธกิ า – มฤี ทธ์ิมาก อยา่ งนี้ / เอวํมหานภุ าวา – มอี านภุ าพมาก อยา่ งน้ี / อาภาย / ด้วยแสงสว่าง / นานุโภนตฺ ิ – ยอ่ มสอ่ งแสงไปไม่ถงึ / ตตถฺ ปิ – แม้ในสถานท่นี ้ัน / อปปฺ มาโณ – หาประมาณมิได้ / อุฬาโร – อนั เจดิ จา้ / โอภาโส – แสงสวา่ ง / ปาตุภวติ – ย่อมปรากฏขน้ึ / อติกฺกมฺเมว – ก้าวลว่ งแล้วนน่ั เทยี ว / เทวานํ - ของเหล่าเทพ / เทวานุภาว.ํ – ซง่ึ เทวานภุ าพ / เยปิ - แม้เหลา่ ใด / ตตถฺ - ในทีน่ นั้ / สตฺตา - เหลา่ สัตว์ / อุปปนฺนา - เกดิ ขึ้นแล้ว / เตปิ - แม้สัตว์เหล่านน้ั / เตโนภาเสน - เพราะแสงสว่างนนั้ / อญฺญมญญฺ ํ – กันและกนั / สญชฺ านนตฺ ิ – ก็ยอ่ มรู้จัก / ‘อญฺเญปิ - แม้เหลา่ อืน่ / กริ – ได้ยินว่า / โภ – ทา่ นผเู้ จริญ / สนฺติ - มอี ยู่ / สตตฺ า - เหล่าสตั ว์ / อิธปู ปนนฺ า’ติ. – เกดิ ขึ้นในทีน่ ี้ ดังนี้ / อยญฺจ ทสสหสสฺ ี โลกธาตุ – อนง่ึ หมื่นโลกธาตุ น้ี / สงฺกมฺปติ – ย่อมส่นั / สมฺ ปกมฺปติ – ย่อมสะเทือน / สมฺปเวธติ. – ย่อมเลอื่ นล่ัน / อปฺปมาโณ – หาประมาณมิได้ / จ – อน่ึง / อุฬาโร – อันเจิดจ้า / โอภาโส - แสงสวา่ ง / โลเก - ในโลก / ปาตุภวติ – ยอ่ มปรากฏข้ึน / อติกฺกมฺ เมว – กา้ วล่วงแลว้ นน่ั เทยี ว / เทวานํ - ของเหลา่ เทพ / เทวานภุ าว.ํ – ซง่ึ เทวานุภาพ / อยเมตฺถ - ข้อนี้ ในเร่ืองน้ี / ธมฺมตา. - เปน็ กฎธรรมดา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกขฺ ณา - ลกั ษณะของมหาบรุ ุษ ๓๒ ประการ ๓๓. “ชาเต โข - ประสตู ิแล้ว แล / ปน - ก็ / ภกิ ขฺ เว - ดกู ่อนภกิ ษทุ ้งั หลาย / วปิ สสฺ ิมฺหิ กุ มาเร - เม่ือพระวิปัสสีราชกุมาร / (อมจฺจา – พวกอํามาตย์) / พนธฺ ุมโต รญโฺ ญ – แด่พระเจ้าพนั ธุมา / ปฏเิ วเทสุ – ไดก้ ราบทลู แลว้ / วา่ ‘ปตุ โฺ ต – พระราชโอรส / เต – ของพระองค์ / เทว - ขอเดชะ / ชา โต - ประสูตแิ ล้ว / ตํ - ซึ่งพระราชโอรสนนั้ / เทโว - พระองคผ์ ู้สมมตเิ ทพ / ปสฺสต’ู ติ. – ขอจง ทอดพระเนตรเถิด ดงั น้ี / อทฺทสา โข - ไดท้ อดพระเนตรแล้ว แล / ภิกฺขเว - ดกู อ่ นภกิ ษทุ ั้งหลาย / พนฺธมุ า ราชา - พระเจ้าพันธมุ า / วปิ สสฺ ึ กุมารํ - ซึ่งพระวิปสั สีราชกุมาร / ทสิ ฺวา - คร้ันทอดพระเนตร แลว้ / เนมิตเฺ ต พรฺ าหฺมเณ – ซง่ึ พราหมณ์โหราจารย์ / อามนฺตาเปตฺวา – รับสัง่ ให้เชิญแลว้ / เอตทโวจ – ไดต้ รัสคาํ นั่น วา่ / ‘ปสสฺ นตฺ ุ - จงทํานาย / โภนฺโต - ท่านผูเ้ จรญิ ทั้งหลาย / เนมิตตฺ า พรฺ าหมฺ ณา - พราหมณโ์ หราจารย์ / กมุ าร’นตฺ .ิ – ซง่ึ วปิ สั สีราชกมุ าร ดังนี้ / อททฺ สสํ ุ โข – ไดท้ อดพระเนตรเห็นแล้ว
115 / ภกิ ฺขเว - ดูก่อนภิกษุทงั้ หลาย / เนมิตฺตา พรฺ าหฺมณา – พวกพราหมณโ์ หราจารย์ / วปิ สฺสึ กมุ ารํ – ซง่ึ พระวิปสั สีราชกมุ าร / ทสิ ฺวา - ครั้นเห็นแล้ว / พนฺธุมนตฺ ํ ราชานํ – กะพระเจา้ พนั ธุมา - เอตทโวจุ - ไดก้ ราบทูลแล้ว ซง่ึ คํานั่น วา่ / ‘อตตฺ มโน - โปรดพอพระทัยเถดิ / เทว - ขอเดชะ / (ตวํ – พระองค์) / โหหิ – จงเป็น / มเหสกโฺ ข - เปน็ ผมู้ ศี กั ดิ์ใหญ่ / เต – ของพระองค์ / ปุตฺโต – พระราชโอรส / อุปฺปนฺ โน – เสดจ็ อุบัติข้ึนแลว้ / ลาภา – ลาภอันประเสริฐ / (ตสฺส) เต - แก่พระองค์ นั้น / มหาราช – ข้าแต่ มหาราชเจา้ / (โหติ – ยอ่ มมี) / สลุ ทธฺ ํ – ส่งิ ทหี่ าไดง้ า่ ย / (ตสสฺ ) เต - แก่พระองค์ น้ัน / มหาราช – ขา้ แตม่ หาราชเจ้า / (โหติ – ยอ่ มมี) / ยสสฺ เต – ของพระองค์ ใด / กุเล – ในตระกลู / เอวรูโป – ผู้มี รปู อยา่ งนี้ / ปุตฺโต – พระราชโอรส / อุปปฺ นโฺ น. – เสด็จอบุ ัติขนึ้ แลว้ / อยญฺหิ – น้ี แล / เทว – ขา้ แต่ สมมติเทพ / กุมาโร – พระราชกุมาร / (เตห)ิ ทวฺ ตตฺ สึ มหาปุริสลกขฺ เณหิ - ดว้ ยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ / สมนนฺ าคโต – เป็นผู้สมบูรณ์แลว้ / (โหติ – ย่อมเปน็ ) / เยหิ (ทฺวตตฺ ึสมหาปรุ สิ ลกฺขเณหิ) – ดว้ ยลกั ษณะมหาบรุ ุษ ๓๒ ประการ ใด / สมนนฺ าคตสสฺ – ผสู้ มบูรณ์แลว้ / มหาปรุ สิ สฺส – แด่พระมหา บุรษุ / ทฺเวว คติโย – คติ ๒ ประการ / ภวนตฺ ิ – ย่อมมี / อนญฺญา. – หามีโดยประการอน่ื ไม่ / สเจ - ถา้ วา่ / (อยํ กมุ าโร - พระราชกุมารนี้) / อคารํ - ซึ่งเรอื น / อชฌฺ าวสติ - ย่อมอยู่ครอง / ราชา - เป็น พระราชา / โหติ – ยอ่ มเปน็ / จกกฺ วตตฺ ี - ผ้จู กั รพรรดริ าชย์ / ธมมฺ โิ ก - ผู้ประกอบด้วยธรรม / ธมมฺ ราชา - เปน็ ธรรมราชา / จาตุรนโฺ ต - ทรงเปน็ ใหญ่ในแผน่ ดินมีมหาสมทุ รท้ังสีเ่ ปน็ ขอบเขต / วิชิตาวี - ทรงได้รับชัยชนะ / ชนปทตถฺ าวรยิ ปปฺ ตโฺ ต - มพี ระราชอาณาจกั รม่ันคง / สตฺตรตนสมนฺนาคโต. / สมบรู ณด์ ้วยแก้ว ๗ ประการ / ตสสฺ ิมานิ - เหล่านี้ – แก่พระราชกุมารนนั้ / สตฺตรตนานิ - แกว้ ๗ ประการ / ภวนตฺ .ิ - ย่อมปรากฎ / เสยยฺ ถิทํ – คือ / จกกฺ รตนํ - (๑) จกั รแกว้ / หตถฺ ิรตนํ - (๒) ช้าง แก้ว / อสฺสรตนํ - (๓) ม้าแกว้ / มณริ ตนํ - (๔) มณแี ก้ว / อิตถฺ ริ ตนํ - (๕) นางแก้ว / คหปติรตนํ - (๖) คหบดแี ก้ว / ปริณายกรตนเมว - (๗) ปริณายกแกว้ / สตฺตมํ. - เป็นท่ี ๗ / ปโรสหสสฺ ํ โข - บรุ ษุ ๑ พัน แล / ปนสฺส (กุมารสฺส) - ก็ ของพระราชกมุ ารน้นั / ปุตฺตา - เปน็ พระราชโอรส / ภวนฺติ - ยอ่ ม เป็น / สรู า - เปน็ ผกู้ ล้าหาญ / วรี งคฺ รปู า – เป็นผู้มรี ปู ทรงสมเป็นวีรกษตั ริย์ / ปรเสนปฺปมททฺ นา. - เปน็ ผูส้ ามารถยํ่ายรี าชศตั รูได้ / โส – พระองค์ / อิมํ ปถวึ – ซง่ึ แผ่นดนิ นี้ / สาครปริยนตฺ ํ - มสี าครเป็น ขอบเขต / อทณเฺ ฑน - ไมต่ ้องใชอ้ าชญา / อสตเฺ ถน - ไม่ต้องใชศ้ สั ตรา / ธมเฺ มน – โดยธรรม / อภิวิ ชิย – ทรงชนะแล้ว / อชฌฺ าวสติ. – ย่อมทรงครอบครอง / สเจ โข - ถ้าว่า แล / ปน - ก็ / อคารสมฺ า – จากพระราชวงั / อนคารยิ ํ ปพฺพชติ – ยอ่ มทรงผนวชเป็นบรรพชติ / อรหํ – เปน็ พระอรหนั ต์ / โหติ – ยอ่ มเป็น /สมมฺ าสมฺพุทโฺ ธ – เป็นผู้ตรสั รู้เองโดยชอบ / โลเก – ในโลก / ววิ ฏจฉฺ โท. – เป็นผไู้ ม่มี กเิ ลส ๓๔. ‘กตเมหิ – อะไรบ้าง / จายํ - ก็ น้ี / เทว - ขา้ แตพ่ ระองค์ผสู้ มมตเิ ทพ / กมุ าโร - พระ ราชกมุ าร / (เตห)ิ ทวฺ ตตฺ สึ มหาปุริสลกฺขเณหิ - ด้วยลักษณะมหาบรุ ุษ ๓๒ ประการ เหลา่ น้ัน / สมนฺ นาคโต – เปน็ ผู้สมบูรณ์แล้ว / (โหติ – ยอ่ มเปน็ ) / เยหิ (ทฺวตตฺ สึ มหาปุริสลกขฺ เณหิ) - ด้วยลกั ษณะ มหาบุรุษ ๓๒ ประการ เหลา่ ใด / สมนฺนาคตสสฺ – ผ้สู มบูรณแ์ ลว้ / มหาปรุ ิสสสฺ – แดพ่ ระมหาบุรษุ / ทฺเวว คตโิ ย – คติ ๒ ประการ / ภวนฺติ – ยอ่ มมี / อนญฺญา. – หามโี ดยประการอ่นื ไม่ / สเจ - ถ้าว่า /
116 (อยํ กุมาโร - พระราชกมุ ารนี้) / อคารํ - ซง่ึ เรอื น / อชฌฺ าวสติ - ย่อมอยู่ครอง / ราชา - เปน็ พระราชา / โหติ – ย่อมเป็น / จกฺกวตฺตี - ผจู้ ักรพรรดิราชย์ / ธมฺมิโก - ผ้ปู ระกอบด้วยธรรม / ธมมฺ ราชา - เป็น ธรรมราชา / จาตุรนฺโต - ทรงเป็นใหญใ่ นแผ่นดนิ มีมหาสมุทรท้งั ส่เี ป็นขอบเขต / วิชติ าวี - ทรงได้รบั ชัยชนะ / ชนปทตถฺ าวรยิ ปฺปตฺโต - มีพระราชอาณาจักรมนั่ คง / สตฺตรตนสมนนฺ าคโต. / สมบรู ณด์ ้วย แก้ว ๗ ประการ / ตสสฺ ิมานิ - เหล่าน้ี – แก่พระราชกุมารนั้น / สตตฺ รตนานิ - แก้ว ๗ ประการ / ภวนฺ ติ. - ยอ่ มปรากฎ / เสยยฺ ถทิ ํ – คอื / จกกฺ รตนํ - (๑) จกั รแก้ว / หตถฺ ิรตนํ - (๒) ชา้ งแก้ว / อสฺสรตนํ - (๓) ม้าแก้ว / มณิรตนํ - (๔) มณแี ก้ว / อิตฺถริ ตนํ - (๕) นางแกว้ / คหปตริ ตนํ - (๖) คหบดีแกว้ / ปรณิ ายกรตนเมว - (๗) ปริณายกแก้ว / สตตฺ มํ. - เปน็ ที่ ๗ / ปโรสหสสฺ ํ โข - บรุ ษุ ๑ พัน แล / ปนสสฺ (กุมารสสฺ ) - ก็ ของพระราชกุมารนั้น / ปุตฺตา - เป็นพระราชโอรส / ภวนฺติ - ย่อมเป็น / สรู า - เป็นผู้ กลา้ หาญ / วีรงฺครูปา – เป็นผู้มรี ปู ทรงสมเปน็ วีรกษัตรยิ ์ / ปรเสนปปฺ มทฺทนา. - เป็นผสู้ ามารถยาํ่ ยีราช ศัตรูได้ / โส – พระองค์ / อิมํ ปถวึ – ซง่ึ แผน่ ดนิ นี้ / สาครปริยนตฺ ํ - มีสาครเปน็ ขอบเขต / อทณฺเฑน - ไมต่ อ้ งใช้อาชญา / อสตเฺ ถน - ไม่ต้องใช้ศสั ตรา / ธมเฺ มน – โดยธรรม / อภวิ ิชิย – ทรงชนะแล้ว / อชฺฌาวสติ. – ย่อมทรงครอบครอง / สเจ โข - ถ้าวา่ แล / ปน - ก็ / อคารสมฺ า – จากพระราชวัง / อนคาริยํ ปพฺพชติ – ย่อมทรงผนวชเปน็ บรรพชติ / อรหํ – เปน็ พระอรหนั ต์ / โหติ – ยอ่ มเปน็ / สมฺ มาสมพฺ ุทโฺ ธ – เป็นผตู้ รัสรู้เองโดยชอบ / โลเก – ในโลก / วิวฏจฺฉโท. – เป็นผไู้ มม่ กี เิ ลส ๓๕. ‘อยญฺหิ -จรงิ อยู่ นี้ / เทว - ข้าแต่พระองค์ผู้สมมตเิ ทพ / กมุ าโร - พระราชกุมาร / สุปฺ ปติฏฺฐิตปาโท. – เปน็ ผู้มฝี า่ พระบาทราบเสมอกนั / (โหติ – ย่อมเปน็ ) / ยํ - ใด / ปายํ - แมน้ ้ี / เทว - ขา้ แต่พระองค์ผสู้ มมตเิ ทพ / กุมาโร - พระราชกุมาร / สุปปฺ ตฏิ ฺฐติ ปาโท. – เป็นผู้มีฝา่ พระบาทราบ เสมอกนั / (โหติ – ย่อมเปน็ ) / อิทมปฺ ิสฺส - แมข้ ้อท่ีพระราชกุมารมฝี ่าพระบาทราบเสมอกันนี้ นน้ั / มหาปรุ สิ สฺส - ของมหาบุรษุ / มหาปุริสลกฺขณํ – เปน็ ลกั ษณะของมหาบรุ ษุ / ภวต.ิ - ย่อมเปน็ ‘อมิ สฺส - นี้ / เทว - ขา้ แต่พระองค์ผสู้ มมติเทพ / กมุ ารสฺส - ของพระกุมาร / เหฏฺฐา - ในภายใต้ / ปาทตเลสุ – ท่พี ้ืนฝ่าพระบาทท้ังสอง / จกกฺ านิ - จกั รทัง้ หลาย / ชาตานิ - เกดิ มีแล้ว / สหสสฺ ารานิ - มกี ําขา้ งละ ๑,๐๐๐ ซ่ี / สเนมิกานิ - มีกง / สนาภกิ านิ - มดี มุ / สพพฺ าการปริปรู านิ. - มีส่วนประกอบครบทุกอย่าง / ยมฺปิ - แม้ใด / อิมสฺส - นี้ / เทว - ข้าแต่พระองค์ผ้สู มมติเทพ / กมุ ารสฺส - ของพระกมุ าร / เหฏฺฐา - ในภายใต้ / ปาทตเลสุ - ท่ีพน้ื ฝา่ พระบาททั้งสอง / จกฺกานิ - จกั รทั้งหลาย / ชาตานิ - เกดิ มีแล้ว / สหสสฺ ารานิ - มกี าํ ขา้ งละ ๑,๐๐๐ ซ่ี / สเนมกิ านิ - มกี ง / สนาภิกานิ - มดี ุม / สพฺพาการปรปิ รู านิ – มีส่วนประกอบครบทุกอยา่ ง / อิทมฺปสิ สฺ - ข้อท่ีพื้นฝา่ พระบาททงั้ สองของพระราชกุมารน้ี นน้ั / มหาปรุ สิ สฺส – ของมหาบุรุษ / มหาปรุ ิสลกฺขณํ – เป็น ลักษณะมหาบุรุษ / ภวติ. - ย่อมเป็น ‘อยญฺหิ – น้ี แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองค์ผู้สมมติเทพ / กุมาโร – พระราชกมุ าร / อายตปณฺหี - มีส้นพระบาทย่นื ยาวออกไป ฯเปฯ – (อิทมปฺ สิ สฺ - ขอ้ ทีส่ น้ พระบาทย่ืนยาวออกไปของพระราชกมุ าร น้ี นน้ั / มหาปุรสิ สฺส – ของมหาบุรุษ / มหาปุริสลกฺขณํ – เปน็ ลกั ษณะมหาบุรุษ / ภวติ. – ย่อมเปน็ )
117 ‘อยญฺหิ – นี้ แล / เทว – ขา้ แต่พระองค์ผสู้ มมตเิ ทพ / กมุ าโร – พระราชกมุ าร / ทฆี งคฺ ลุ ี - มี พระองคุลียาว / (อิทมปฺ ิสฺส - ข้อท่ีพระราชกุมารมีพระองคุลยี าวนั้นน้ี / มหาปุริสสฺส – ของมหาบุรุษ / มหาปรุ สิ ลกขฺ ณํ – เป็นลักษณะมหาบรุ ษุ / ภวต.ิ – ยอ่ มเป็น) ‘อยญหฺ ิ – น้ี แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองค์ผูส้ มมติเทพ / กมุ าโร – พระราชกุมาร / มุทุต ลนุ หตถฺ ปาโท - มีพระหัตถ์และพระบาทออ่ นนุ่ม / (อิทมฺปิสฺส - ขอ้ ท่ีพระราชกุมารมีพระหัตถ์และ พระบาทอ่อนนุ่มนนั้ นี้ / มหาปุริสสสฺ – ของมหาบรุ ษุ / มหาปรุ สิ ลกขฺ ณํ – เป็นลักษณะมหาบุรุษ / ภว ติ. – ย่อมเปน็ ) ‘อยญฺหิ – นี้ แล / เทว – ขา้ แต่พระองคผ์ ู้สมมตเิ ทพ / กมุ าโร – พระราชกุมาร / ชาลหตฺถปา โท… - ฝ่าพระหตั ถ์และฝ่าพระบาทมีเส้นทข่ี ้อพระองคุลจี ดกนั เปน็ รปู ตาข่าย -(อทิ มปฺ สิ ฺส - ข้อท่ีพระ ราชกุมารมีฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีเสน้ ท่ีข้อพระองคลุ ี จดกนั เป็นรปู ตาข่ายนนั้ น้ี / มหาปุรสิ สสฺ – ของมหาบุรุษ / มหาปรุ ิสลกฺขณํ – เปน็ ลักษณะมหาบรุ ุษ / ภวต.ิ – ย่อมเปน็ ) ‘อยญฺหิ – น้ี แล / เทว – ขา้ แต่พระองค์ผสู้ มมติเทพ / กุมาโร – พระราชกมุ าร / อสุ ฺสงฺขปา โท - มขี อ้ พระบาทสูง / (อทิ มฺปิสสฺ - ข้อที่พระราชกุมารมีข้อพระบาทสูงนัน้ นี้ / มหาปรุ สิ สฺส – ของ มหาบุรษุ / มหาปุริสลกฺขณํ – เป็นลกั ษณะมหาบรุ ุษ / ภวติ. – ยอ่ มเปน็ ) ‘อยญหฺ ิ – น้ี แล / เทว – ข้าแต่พระองคผ์ สู้ มมตเิ ทพ / กุมาโร – พระราชกุมาร / เอณชิ งฺ โฆ… - มพี ระชงฆเ์ รยี วดจุ แข้งเน้อื ทราย / (อทิ มปฺ สิ สฺ - ข้อที่พระราชกุมารมีพระชงฆเ์ รียว ดุจแข้งเนื้อ ทรายนนั้ นี้ / มหาปรุ ิสสสฺ – ของมหาบุรุษ / มหาปุรสิ ลกฺขณํ – เปน็ ลักษณะมหาบรุ ุษ / ภวต.ิ – ย่อม เป็น) ‘อยญฺหิ – นี้ แล / เทว – ข้าแต่พระองค์ผสู้ มมติเทพ / กุมาโร – พระราชกมุ าร / ฐติ โกว – ผู้ ประทบั ยนื เทียว / อโนนมนฺโต – ไมต่ ้องน้อมพระองคล์ งอยู่ / อุโภหิ ปาณิตเลหิ – ด้วยฝ่าพระหตั ถท์ ้ัง สอง / ชณณฺ กุ านิ – ซง่ึ พระชานุ / ปริมสติ – ยอ่ มทรงลบู / ปรมิ ชชฺ ติ – ย่อมทรงคลาํ / (อิทมปฺ ิสสฺ - ข้อท่ีพระราชกุมารเมอื่ ประทับยืน ไมต่ อ้ งนอ้ มพระองคล์ งก็ทรงลูบคลําถึงพระชานดุ ้วยฝ่าพระหัตถท์ ง้ั สองได้นั้นน้ี / มหาปรุ สิ สฺส – ของมหาบุรษุ / มหาปุรสิ ลกขฺ ณํ – เป็นลกั ษณะมหาบรุ ุษ / ภวต.ิ – ยอ่ ม เป็น) ‘อยญฺหิ – นี้ แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองค์ผู้สมมตเิ ทพ / กุมาโร – พระราชกุมาร / โกโส หติ วตฺถคยุ โฺ ห… - มีพระคุยหฐานเร้นอยูใ่ นฝัก / (อทิ มปฺ สิ ฺส - ขอ้ ท่ีพระราชกุมารมพี ระคุยหฐาน เร้น อย่ใู นฝกั นัน้ นี้ / มหาปรุ สิ สฺส – ของมหาบุรุษ / มหาปรุ ิสลกขฺ ณํ – เปน็ ลกั ษณะมหาบุรุษ / ภวต.ิ – ยอ่ มเปน็ ) ‘อยญหฺ ิ – น้ี แล / เทว – ข้าแต่พระองค์ผูส้ มมติเทพ / กุมาโร – พระราชกมุ าร / สวุ ณณฺ วณฺ โณ - มพี ระฉวสี ีทอง / กญฺจนสนนฺ ภิ ตตฺ โจ - มพี ระฉวเี ปลง่ ปลัง่ ดุจทองคํา / (อิทมฺปสิ ฺส - ขอ้ ที่พระราช กุมาร มีพระฉวสี ีทอง มีพระฉวีเปลง่ ปล่งั ดุจทองคําน้ันน้ี / มหาปรุ ิสสฺส – ของมหาบรุ ษุ / มหาปรุ ิ สลกฺขณํ – เป็นลกั ษณะมหาบุรษุ / ภวต.ิ – ย่อมเปน็ )
118 ‘อยญฺหิ – น้ี แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองค์ผสู้ มมตเิ ทพ / กมุ าโร – พระราชกมุ าร / สุขุมจฺฉวี; - เปน็ ผู้มพี ระฉวีละเอียด / (โหติ – ย่อมเปน็ ) / สุขุมตตฺ า ฉวยิ า – เพราะความทีแ่ หง่ พระฉวีมคี วาม ละเอยี ดอ่อน / รโชชลฺลํ – ละอองธลุ ี / กาเย – ซึ่งพระวรกาย / น อปุ ลิมปฺ ติ – ย่อมไม่อาจติด / (อทิ มปฺ สิ สฺ - ขอ้ ท่ีพระราชกุมารมพี ระฉวีละเอยี ดจนละอองธุลีไม่อาจติดพระวรกายได้นัน้ น้ี / มหาปุ ริสสสฺ – ของมหาบุรุษ / มหาปรุ ิสลกฺขณํ – เป็นลกั ษณะมหาบรุ ุษ / ภวติ. – ยอ่ มเป็น) ‘อยญหฺ ิ – นี้ แล / เทว – ขา้ แตพ่ ระองค์ผูส้ มมติเทพ / กมุ าโร – พระราชกุมาร / เอเกกโลโม; - มพี ระโลมชาติเดีย่ ว / เอเกกานิ - เส้นหนึ่งๆ / โลมานิ – พระโลมชาติ / โลมกูเปสุ – ในหลุมแหง่ ขุม ขน / ชาตานิ - เกิดแล้ว / (อิทมปฺ สิ ฺส - ข้อท่ีพระราชกุมารมพี ระโลมชาตเิ ด่ียว คือ ในแต่ละขมุ มีเพียง เส้นเดียวนนั้ น้ี / มหาปุรสิ สฺส – ของมหาบรุ ุษ / มหาปรุ ิสลกฺขณํ – เปน็ ลักษณะมหาบุรุษ / ภวต.ิ – ยอ่ มเป็น) ‘อยญฺหิ – น้ี แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองคผ์ สู้ มมตเิ ทพ / กุมาโร – พระราชกุมาร / อุทธฺ คคฺ โล โม; - เปน็ ผู้มพี ระโลมชาติปลายงอนขึ้น / (โหติ – ย่อมเป็น) / อุทธฺ คฺคานิ – มีปลายงอนข้นึ / โลมานิ – พระโลมชาติ / ชาตานิ – เกิดแล้ว / นีลานิ – สีครามเข้ม / อญฺชนวณณฺ านิ - ดงั ดอกอญั ชัน / กณุ ฑฺ ลาวฏฺฏานิ - ดังกุณฑล - ทกฺขิณาวฏฺฏกชาตานิ… - มขี อดเป็นวงเวียนขวา / (อิทมฺปิสฺส - ขอ้ ท่ีพระราช กุมารมีพระโลม ชาตปิ ลายงอนขึน้ คอื พระโลมชาติขอดเป็นวงเวียนขวาดังกณุ ฑล สีครามเข้มดังดอก อญั ชนั น้ันนี้ / มหาปุริสสฺส – ของมหาบุรษุ / มหาปรุ ิสลกขฺ ณํ – เปน็ ลกั ษณะมหาบรุ ุษ / ภวต.ิ – ยอ่ ม เป็น) ‘อยญฺหิ – น้ี แล / เทว – ขา้ แต่พระองค์ผู้สมมตเิ ทพ / กุมาโร – พระราชกมุ าร / พรฺ หมฺ ชุ ุคตฺ โต… - เป็นผู้มพี ระวรกายต้ังตรงดจุ กายพรหม / (โหติ – ย่อมเปน็ ) / (อิทมปฺ สิ ฺส - ข้อท่ีพระราชกุมารมี พระวรกาย ต้งั ตรงดุจกายพรหมน้นั นี้ / มหาปุรสิ สฺส – ของมหาบุรุษ / มหาปุรสิ ลกขฺ ณํ – เปน็ ลกั ษณะ มหาบุรษุ / ภวติ. – ย่อมเปน็ ) ‘อยญหฺ ิ – นี้ แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้สู มมติเทพ / กมุ าโร – พระราชกมุ าร / สตตฺ สุ ฺสโท - เป็นผู้มพี ระมังสะในที่ ๗ แห่ง เตม็ บรบิ รู ณ์ / (โหติ – ย่อมเป็น) / (อิทมฺปิสฺส - ขอ้ ที่พระราชกุมารมี พระมังสะในที่ ๗ แห่งเต็มบริบูรณน์ ้ันนี้ / มหาปรุ ิสสสฺ – ของมหาบุรุษ / มหาปุรสิ ลกฺขณํ – เป็น ลกั ษณะมหาบุรุษ / ภวติ. – ยอ่ มเปน็ ) ‘อยญฺหิ – น้ี แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองค์ผสู้ มมตเิ ทพ / กุมาโร – พระราชกมุ าร / สหี ปุพพฺ ทธฺ กาโย… - เป็นผู้มพี ระวรกายทุกสว่ นบรบิ ูรณ์ดุจลําตัวท่อนหนา้ ของราชสีห์ / (โหติ – ย่อมเปน็ ) / (อิทมฺปิสฺส - ข้อท่ีพระราชกุมารมพี ระวรกายทุกสว่ นบรบิ รู ณ์ดุจลาํ ตวั ท่อนหน้าของราชสหี น์ ้ันน้ี / มหา ปรุ สิ สสฺ – ของมหาบรุ ุษ / มหาปุริสลกฺขณํ – เป็นลักษณะมหาบรุ ุษ / ภวติ. – ย่อมเป็น) ‘อยญฺหิ – น้ี แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองค์ผูส้ มมตเิ ทพ / กมุ าโร – พระราชกมุ าร / จิตนตฺ รโํ ส … - เปน็ ผู้มรี อ่ งพระปฤษฎางค์เตม็ เสมอกัน / (โหติ – ย่อมเปน็ ) / (อิทมฺปิสฺส - ขอ้ ที่พระราชกุมารมี รอ่ งพระปฤษฎางค์เต็มเสมอกันน้ี เป็นลกั ษณะมหาบรุ ุษของมหาบุรษุ นั้นนี้ / มหาปรุ ิสสสฺ – ของมหา บรุ ุษ / มหาปรุ ิสลกฺขณํ – เปน็ ลกั ษณะมหาบุรุษ / ภวติ. – ยอ่ มเป็น)
119 ‘อยญหฺ ิ – น้ี แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองค์ผสู้ มมติเทพ / กมุ าโร – พระราชกุมาร / นิคฺโรธ ปรมิ ณฑฺ โล – เปน็ ผู้มพี ระวรกายเป็นปริมณฑล / (โหติ – ย่อมเป็น) / ยาวตกฺวสฺส – ของตน้ ไทรนั้น มี ประมาณเพยี งใด / กาโย – ลําต้น / ตาวตกฺวสฺส – ของพระวรกายของพระราชกุมารนั้น กม็ ีประมาณ เพียงน้ัน / พฺยาโม – ความสงู / ยาวตกฺวสสฺ – แหง่ ลาํ ตน้ ของต้นไทรนนั้ มีประมาณเพยี งใด / พฺยาโม – ความสงู / ตาวตกวฺ สสฺ – ของพระราชกมุ ารนน้ั กม็ ปี ระมาณเพยี งนน้ั / กาโย - พระวรกาย / (โหติ – ยอ่ มเปน็ ) / (อิทมฺปสิ สฺ - ขอ้ ท่ีพระราชกุมารมีพระวรกายเป็นปริมณฑลดจุ ปริมณฑลของต้นไทร พระวรกายสงู เทา่ กบั ๑ วาของพระองค์ ๑ วาของพระองค์เทา่ กบั สว่ นสงู พระวรกายนัน้ นี้ / มหาปุ ริสสฺส – ของมหาบุรษุ / มหาปุริสลกฺขณํ – เป็นลกั ษณะมหาบุรษุ / ภวติ. – ย่อมเปน็ ) ‘อยญหฺ ิ – นี้ แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองคผ์ ู้สมมตเิ ทพ / กมุ าโร – พระราชกุมาร / สมวฏฏฺ กฺขนฺโธ… - เปน็ ผู้มลี ําพระศอกลมเท่ากันตลอด / (โหติ – ยอ่ มเป็น) / (อิทมปฺ ิสฺส - ข้อที่พระ ราชกมุ ารมลี าํ พระศอ กลมเท่ากนั ตลอดนน้ั น้ี / มหาปรุ ิสสสฺ – ของมหาบรุ ุษ / มหาปรุ สิ ลกขฺ ณํ – เป็น ลักษณะมหาบรุ ุษ / ภวติ. – ยอ่ มเปน็ ) ‘อยญหฺ ิ – น้ี แล / เทว – ขา้ แต่พระองคผ์ สู้ มมติเทพ / กมุ าโร – พระราชกุมาร / รสคฺคสคฺคี… - เป็นผู้มีเส้นประสาทรบั รสพระกระยาหารได้ดี / (โหติ – ยอ่ มเป็น) / (อิทมฺปิสฺส - ขอ้ ท่ี พระราชกุมารมเี ส้นประสาทรับรสพระกระยาหารได้ดนี ้ันนี้ / มหาปุริสสสฺ – ของมหาบรุ ุษ / มหาปรุ ิ สลกขฺ ณํ – เปน็ ลักษณะมหาบุรษุ / ภวต.ิ – ย่อมเป็น) ‘อยญฺหิ – นี้ แล / เทว – ขา้ แตพ่ ระองค์ผสู้ มมติเทพ / กุมาโร – พระราชกมุ าร / สีหหนุ… - เปน็ ผู้มพี ระหนุดจุ คางราชสีห์ / (โหติ – ย่อมเป็น) / (อิทมฺปิสสฺ - ขอ้ ท่ีพระราชกมุ ารมีพระหนุดจุ คาง ราชสีหน์ ้นั น้ี / มหาปรุ ิสสสฺ – ของมหาบรุ ษุ / มหาปุริสลกขฺ ณํ – เป็นลักษณะมหาบรุ ุษ / ภวต.ิ – ย่อม เป็น) ‘อยญฺหิ – นี้ แล / เทว – ขา้ แต่พระองคผ์ ้สู มมติเทพ / กมุ าโร – พระราชกมุ าร / จตฺตา ลีสทนโฺ ต - เปน็ ผู้มีพระทนต์ ๔๐ ซ่ี / (โหติ – ยอ่ มเป็น) / (อิทมฺปิสฺส - ขอ้ ทีพ่ ระราชกุมารมีพระทนต์ ๔๐ ซ่ี นัน้ นี้ / มหาปุรสิ สสฺ – ของมหาบรุ ษุ / มหาปรุ ิสลกฺขณํ – เปน็ ลกั ษณะมหาบรุ ุษ / ภวต.ิ – ยอ่ ม เป็น) ‘อยญฺหิ – นี้ แล / เทว – ขา้ แต่พระองค์ผสู้ มมตเิ ทพ / กมุ าโร – พระราชกมุ าร / สมทนฺโต - เปน็ ผู้มพี ระทนต์เรยี บเสมอกัน / (โหติ – ยอ่ มเปน็ ) / (อิทมฺปิสฺส - ข้อท่ีพระราชกมุ ารมพี ระทนต์เรียบ เสมอกันน้ันนี้ / มหาปรุ ิสสฺส – ของมหาบรุ ุษ / มหาปุริสลกขฺ ณํ – เปน็ ลักษณะมหาบุรุษ / ภวต.ิ – ย่อมเปน็ ) ‘อยญหฺ ิ – นี้ แล / เทว – ขา้ แตพ่ ระองค์ผู้สมมตเิ ทพ / กุมาโร – พระราชกมุ าร / อวิรฬทนฺ โต… - เปน็ ผู้มพี ระทนตไ์ มห่ า่ งกนั / (โหติ – ยอ่ มเป็น) / (อิทมปฺ สิ ฺส - ขอ้ ที่พระราชกุมารมพี ระทนตไ์ ม่ ห่างกนั นนั้ นี้ / มหาปุริสสฺส – ของมหาบุรษุ / มหาปรุ สิ ลกขฺ ณํ – เป็นลกั ษณะมหาบรุ ุษ / ภวต.ิ – ย่อม เป็น)
120 ‘อยญฺหิ – น้ี แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองคผ์ ู้สมมติเทพ / กมุ าโร – พระราชกมุ าร / สุสุกกฺ ทาโฐ… - เปน็ ผู้มีพระเข้ยี วแกว้ ขาวงาม / (โหติ – ย่อมเป็น) / (อิทมฺปิสฺส - ขอ้ ท่ีพระราชกมุ ารมีพระ เข้ียวแก้วขาวงามนน้ั น้ี / มหาปุรสิ สสฺ – ของมหาบุรษุ / มหาปรุ สิ ลกขฺ ณํ – เป็นลกั ษณะมหาบุรษุ / ภว ติ. – ยอ่ มเป็น) ‘อยญฺหิ – น้ี แล / เทว – ขา้ แต่พระองค์ผ้สู มมติเทพ / กมุ าโร – พระราชกุมาร / ปหูตชวิ ฺ โห… - เป็นผู้มพี ระชิวหาใหญ่ยาว / (โหติ – ยอ่ มเปน็ ) / (อิทมฺปิสสฺ - ข้อที่พระราชกุมารมีพระชิวหา ใหญ่ยาวนน้ั นี้ / มหาปรุ ิสสฺส – ของมหาบรุ ุษ / มหาปุรสิ ลกขฺ ณํ – เป็นลักษณะมหาบรุ ุษ / ภวต.ิ – ย่อมเปน็ ) ‘อยญหฺ ิ – น้ี แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองคผ์ ู้สมมตเิ ทพ / กมุ าโร – พระราชกมุ าร / พรฺ หฺมสฺสโร - / กรวกี ภาณี… - เปน็ ผู้มีพระสรุ เสยี งดจุ เสียงพรหม ตรสั ดุจเสยี งรอ้ งของนกการเวก / (โหติ – ย่อม เป็น) / (อิทมปฺ สิ สฺ - ขอ้ ท่ีพระราชกุมารมีพระสุรเสยี งดจุ เสียงพรหม ตรัสดจุ เสยี งร้องของนกการเวกน้ัน นี้ / มหาปรุ สิ สฺส – ของมหาบุรุษ / มหาปุรสิ ลกขฺ ณํ – เป็นลักษณะมหาบุรุษ / ภวติ. – ย่อมเป็น) ‘อยญฺหิ – น้ี แล / เทว – ขา้ แต่พระองค์ผ้สู มมติเทพ / กมุ าโร – พระราชกมุ าร / อภินลี เนตฺ โต… - เปน็ ผู้มีพระเนตรดําสนทิ / (โหติ – ยอ่ มเปน็ ) / (อิทมปฺ ิสสฺ - ข้อที่พระราชกุมารมีพระเนตรดาํ สนิทน้นั นี้ / มหาปรุ ิสสฺส – ของมหาบรุ ุษ / มหาปุรสิ ลกขฺ ณํ – เปน็ ลักษณะมหาบุรุษ / ภวต.ิ – ยอ่ ม เป็น) ‘อยญฺหิ – นี้ แล / เทว – ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้สู มมติเทพ / กมุ าโร – พระราชกุมาร / โคปขุโม… - เปน็ ผู้มีดวงพระเนตรแจม่ ใสดุจตาลูกโคเพิง่ คลอด / (โหติ – ยอ่ มเป็น) / (อิทมฺปสิ ฺส - ขอ้ ทีพ่ ระราช กุมาร มีดวงพระเนตรแจม่ ใสดจุ ตาลูกโคเพ่ิงคลอดนัน้ น้ี / มหาปุรสิ สสฺ – ของมหาบรุ ษุ / มหาปรุ ิ สลกขฺ ณํ – เปน็ ลักษณะมหาบุรุษ / ภวต.ิ – ย่อมเปน็ ) อิมสฺส – น้ี / เทว – ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ / กมุ ารสฺส – ของพระราชกุมาร / อุณฺณา – พระอุณณาโลม / ภมุกนฺตเร – ในระหวา่ งพระโขนง / ชาตา – เกดิ แลว้ / โอทาตา – มีสขี าวอ่น / มทุ ุ ตูลสนฺนิภา. - เหมือนปุยนุ่น / ยมปฺ ิ – แม้น้ี / อิมสสฺ – น้ี / เทว – ข้าแตพ่ ระองคผ์ ู้สมมติเทพ / กมุ ารสฺส – ของพระราชกุมาร / อุณณฺ า – พระอณุ ณาโลม / ภมกุ นตฺ เร – ในระหว่างพระโขนง / ชาตา – เกดิ แล้ว / โอทาตา – มสี ีขาวอน่ / มุทุตูลสนนฺ ิภา. - เหมือนปยุ นนุ่ / อิทมฺปมิ สฺส (กุมารสฺส) – ขอ้ ที่พระราชกมุ ารมีพระอุณาโลมระหว่างพระโขนงสขี าวอ่อนเหมือนปยุ นุน่ แมน้ ี้ / มหาปุรสิ สสฺ – ของมหาบรุ ุษ / มหาปรุ สิ ลกฺขณํ – เปน็ ลกั ษณะมหาบรุ ุษ / ภวต.ิ – ยอ่ มเปน็ ‘อยญหฺ ิ – นี้ แล / เทว – ขา้ แต่พระองคผ์ ้สู มมตเิ ทพ / กุมาโร – พระราชกมุ าร / อณุ ฺหสี สโี ส. – เป็นผู้มพี ระเศียรดจุ ประดับด้วยกรอบพระพักตร์ / (โหติ – ยอ่ มเป็น) / ยํ ปายํ – น้ี แม้ใด / เทว – ขา้ แต่พระองคผ์ ูส้ มมตเิ ทพ / กมุ าโร – พระราชกุมาร / อณุ ฺหีสสีโส. – เปน็ ผู้มีพระเศยี รดุจประดับด้วย กรอบพระพกั ตร์ / (โหติ – ยอ่ มเป็น) / อิทมปฺ สิ สฺ (กุมารสฺส) – ข้อที่พระราชกุมารมีพระเศยี รดจุ ประดบั ด้วยกรอบพระพักตร์นี้ / มหาปรุ ิสสสฺ – ของมหาบุรุษ / มหาปุรสิ ลกฺขณํ – เป็นลกั ษณะมหา บุรษุ / ภวต.ิ – ยอ่ มเป็น
121 ๓๖. ‘อเิ มหิ โข - เหลา่ น้ี แล / อยํ - นี้ / เทว - ข้าแต่พระองค์ผู้สมมตเิ ทพ / กมุ าโร – พระ ราชกุมาร / (เตหิ) ทวฺ ตตฺ ึสมหาปรุ ิสลกฺขเณหิ - ดว้ ยลักษณะมหาบรุ ษุ ๓๒ ประการ / สมนฺนาคโต – เปน็ ผู้สมบรู ณ์แล้ว / (โหติ – ยอ่ มเป็น) / เยหิ (ทวฺ ตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ) – ดว้ ยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ ใด / สมนนฺ าคตสฺส – ผสู้ มบูรณ์แล้ว / มหาปรุ ิสสฺส – แดพ่ ระมหาบุรุษ / ทฺเวว คตโิ ย – คติ ๒ ประการ / ภวนตฺ ิ – ยอ่ มมี / อนญญฺ า. – หามีโดยประการอืน่ ไม่ / สเจ - ถ้าว่า / (อยํ กุมาโร - พระ ราชกุมารน)ี้ / อคารํ - ซง่ึ เรือน / อชฺฌาวสติ - ย่อมอยู่ครอง / ราชา - เป็นพระราชา / โหติ – ย่อม เป็น / จกฺกวตตฺ ี - ผู้จักรพรรดิราชย์ / ธมฺมิโก - ผ้ปู ระกอบด้วยธรรม / ธมมฺ ราชา - เป็นธรรมราชา / จาตรุ นโฺ ต - ทรงเป็นใหญ่ในแผ่นดนิ มีมหาสมทุ รท้ังสเี่ ปน็ ขอบเขต / วชิ ิตาวี - ทรงไดร้ ับชัยชนะ / ชนปทตฺถาวริยปฺปตโฺ ต - มีพระราชอาณาจักรม่ันคง / สตฺตรตนสมนนฺ าคโต. / สมบูรณด์ ว้ ยแก้ว ๗ ประการ / ตสฺสิมานิ - เหล่าน้ี – แกพ่ ระราชกุมารนั้น / สตตฺ รตนานิ - แก้ว ๗ ประการ / ภวนฺต.ิ - ยอ่ มปรากฎ / เสยฺยถิทํ – คอื / จกกฺ รตนํ - (๑) จกั รแกว้ / หตฺถิรตนํ - (๒) ชา้ งแก้ว / อสฺสรตนํ - (๓) ม้าแกว้ / มณริ ตนํ - (๔) มณีแกว้ / อิตฺถริ ตนํ - (๕) นางแก้ว / คหปตริ ตนํ - (๖) คหบดีแก้ว / ปรณิ ายกรตนเมว - (๗) ปริณายกแกว้ / สตตฺ มํ. - เปน็ ท่ี ๗ / ปโรสหสสฺ ํ โข - บรุ ษุ ๑ พัน แล / ปนสฺส (กมุ ารสฺส) - ก็ ของพระราชกุมารนนั้ / ปุตฺตา - เป็นพระราชโอรส / ภวนตฺ ิ - ยอ่ มเป็น / สูรา - เป็นผู้ กลา้ หาญ / วีรงฺครปู า – เป็นผู้มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตรยิ ์ / ปรเสนปฺปมทฺทนา. - เปน็ ผู้สามารถยาํ่ ยรี าช ศัตรูได้ / โส – พระองค์ / อมิ ํ ปถวึ – ซง่ึ แผ่นดินน้ี / สาครปริยนตฺ ํ - มีสาครเป็นขอบเขต / อทณฺเฑน - ไมต่ อ้ งใชอ้ าชญา / อสตเฺ ถน - ไมต่ ้องใช้ศัสตรา / ธมฺเมน – โดยธรรม / อภวิ ิชิย – ทรงชนะแลว้ / อชฺฌาวสติ. – ยอ่ มทรงครอบครอง / สเจ โข - ถ้าว่า แล / ปน - ก็ / อคารสฺมา – จากพระราชวงั / อนคารยิ ํ ปพพฺ ชติ – ยอ่ มทรงผนวชเป็นบรรพชิต / อรหํ – เป็นพระอรหนั ต์ / โหติ – ยอ่ มเปน็ / สมฺ มาสมฺพุทฺโธ – เป็นผูต้ รสั รู้เองโดยชอบ / โลเก – ในโลก / วิวฏจฺฉโท’ต.ิ – เป็นผู้ไมม่ ีกเิ ลส ดังนี้ วิปสฺสีสมญญฺ า - เหตทุ ีท่ รงได้พระสมญาวา่ วปิ สั สี / (นิฏฐฺ ิโต – จบแล้ว) ๓๗. “อถ โข - ครั้งนนั้ แล / ภกิ ฺขเว - ดกู อ่ นภกิ ษุทั้งหลาย / พนฺธมุ า ราชา - พระเจา้ พันธุ มา / เนมติ เฺ ต พรฺ าหมฺ เณ - ยังพวกพราหมณ์โหราจารย์ / อหเตหิ วตเฺ ถหิ - ดว้ ยผ้าใหม่ / อจฉฺ าทาเปตฺ วา - ใหน้ ุ่งห่มแล้ว / สพพฺ กาเมหิ - ด้วยสิง่ ทตี่ อ้ งการทุกอยา่ ง / สนฺตปเฺ ปสิ. - ทรงเลี้ยงดูให้อิ่มหนําแล้ว / อถ โข - คร้ังนนั้ แล / ภิกฺขเว - ดกู อ่ นภิกษุทั้งหลาย / พนธฺ ุมา ราชา - พระเจ้าพันธมุ า / วปิ สสฺ สิ สฺ กมุ ารสฺส - แก่พระวิปัสสีราชกมุ าร / ธาติโย - ซ่ึงพวกพ่เี ลย้ี งนางนม / อปุ ฏฐฺ าเปสิ. – รบั สง่ั ให้ตงั้ แลว้ / คือ / อญฺญา - หญิงพวกหนึ่ง / ขีรํ ปาเยนตฺ ิ - ใหพ้ ระราชกุมารเสวยน้าํ นม / อญญฺ า - พวกหนงึ่ / นฺ หาเปนตฺ ิ - ใหท้ รงสนาน / อญฺญา – พวกหนงึ่ / ธาเรนตฺ ิ – ยอ่ มคอยอภิบาล / อญญฺ า - พวกหน่ึง / องเฺ กน ปรหิ รนตฺ ิ. – ยอ่ มคอยอ้มุ / ชาตสฺส โข - ประสตู แิ ล้ว แล / ปน - ก็ / ภิกฺขเว - ดูกอ่ นภกิ ษุ ท้ังหลาย / วิปสฺสิสสฺ กุมารสสฺ / เม่ือพระวิปสั สีราชกมุ าร / (ราชปรุ สิ า - พวกราชบุรุษ) / เสตจฺฉตตฺ ํ – เศวตฉัตร / ธารยติ ถฺ – คอยก้ันแลว้ / ทวิ า เจว – ทง้ั กลางวัน / รตฺติญฺจ – ท้ังกลางคนื / ด้วยตงั้ ใจวา่ / ‘มา นํ สีตํ วา อณุ หฺ ํ วา ติณํ วา รโช วา อุสสฺ าโว วา พาธยิตถฺ า’ต.ิ – ความหนาวหรือ หรือวา่ ความ รอ้ น หญา้ หรอื หรือว่าละออง หรือวา่ นา้ํ ค้าง จงอยา่ ไดเ้ บยี ดเบยี น ซง่ึ พระราชกมุ ารนน้ั ดังน้ี / ชาโต
122 โข - ประสตู ิแลว้ แล / ปน - ก็ / ภกิ ฺขเว - ดกู ่อนภกิ ษทุ ้ังหลาย / วิปสฺสี กุมาโร - พระวปิ สั สรี าชกมุ าร / พหุโน - เปน็ อันมาก / ชนสสฺ - ของชน / ปโิ ย - เปน็ ที่รัก / อโหสิ - ได้เป็นแล้ว / มนาโป. – เป็นท่ี เจริญใจ / เสยฺยถาปิ - แม้ฉันใด / ภิกฺขเว – ดกู ่อนภกิ ษุท้ังหลาย / อปุ ปฺ ลํ วา - ดอกอบุ ลหรอื / ปทมุ ํ วา – หรอื วา่ ดอกปทุม / ปณุ ฺฑรีกํ วา - หรือว่า ดอกบณุ ฑรกิ / พหโุ น - เปน็ อันมาก / ชนสฺส – ของ ชน / ปิยํ - เป็นทร่ี ัก / มนาปํ; เปน็ ที่เจรญิ ใจ / (โหติ – ย่อมเปน็ ) / เอวเมว โข - ฉนั น้ันเหมอื นกัน แล / ภกิ ฺขเว - ดูก่อนภกิ ษุทัง้ หลาย / วปิ สสฺ ี กมุ าโร - พระวปิ ัสสรี าชกุมาร / พหโุ น - เป็นอนั มาก / ชนสฺส – ของชน / ปโิ ย - เป็นท่รี ัก / อโหสิ - ไดเ้ ป็นแล้ว / มนาโป. – เปน็ ที่เจริญใจ / สฺวาสสฺ ุทํ - นยั ว่า พระวปิ สั สรี าชกมุ ารนัน้ - องเฺ กเนว องฺกํ ปรหิ ริยติ. - ไดร้ ับการผลดั เปลี่ยนกนั อุ้มใส่สะเอวอยู่ เสมอ ๆ ๓๘. “ชาโต โข - ประสูติแลว้ แล / ปน - ก็ / ภกิ ขฺ เว - ดูกอ่ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย / วิปสฺสี กมุ าโร - พระวปิ ัสสีราชกมุ าร / มญฺชุสสฺ โร จ – ทรงเปน็ ผ้มู ีพระสรุ เสยี งดจุ เสียงพรหม ด้วย / อโหสิ / ไดเ้ ป็น แล้ว / วคคฺ ุสสฺ โร จ – ทรงเป็นผู้มีพระสุรเสียงไพเราะ ด้วย / มธุรสสฺ โร จ – ทรงเปน็ ผู้มีพระสรุ เสยี ง อ่อนหวาน ดว้ ย / เปมนิยสฺสโร จ. – ทรงเป็นผู้มพี ระสรุ เสยี งกลมกล่อมจับใจ ด้วย / เสยยฺ ถาปิ – แม้ ฉันใด / ภิกขฺ เว - ดกู อ่ นภิกษุท้ังหลาย / หิมวนฺเต ปพฺพเต - ทีภ่ ูเขาหิมพานต์ / กรวีกา นาม – นามว่า การเวก / สกุณชาติ – ชาตนิ ก / มญชฺ ุสฺสรา จ – เป็นสตั วม์ สี าํ เนยี งดจุ เสียงพรหม ด้วย / วคฺคุสฺสรา จ – เป็นสตั วม์ สี ําเนียงไพเราะ ด้วย / มธุรสสฺ รา จ – เปน็ สัตว์มีสําเนียงอ่อนหวาน ดว้ ย / เปมนยิ สฺสรา จ; - เป็นสตั วม์ ีสําเนยี ง กลมกล่อมจับใจ / (โหนฺติ – ยอ่ มเป็น) / เอวเมว โข - ฉันนน้ั เหมอื นกัน แล / ภิกขฺ เว - ดูก่อนภิกษุทง้ั หลาย / วปิ สสฺ ี กุมาโร - พระวิปัสสรี าชกุมาร / มญชฺ สุ สฺ โร จ – ทรงเป็นผมู้ พี ระ สรุ เสยี งดุจเสียงพรหม ดว้ ย / อโหสิ / ไดเ้ ป็นแล้ว / วคคฺ ุสฺสโร จ – ทรงเปน็ ผ้มู ีพระสุรเสยี งไพเราะ ดว้ ย / มธุรสฺสโร จ – ทรงเปน็ ผูม้ ีพระสรุ เสียงออ่ นหวาน ดว้ ย / เปมนิยสสฺ โร จ. – ทรงเป็นผู้มีพระสุ รเสยี งกลมกล่อมจบั ใจ ดว้ ย ๓๙. “ชาตสสฺ โข - ประสตู ิแล้ว แล / ปน - ก็ / ภิกขฺ เว - ดูก่อนภกิ ษุทั้งหลาย / วิปสสฺ ิสสฺ กุมารสฺส - เม่อื พระวิปสั สีราชกมุ าร / กมฺมวิปากชํ - อันเกดิ จากวิบากกรรม / (ต)ํ ทิพฺพจกฺขุ – ทิพยจักษุ นนั้ / ปาตรุ โหสิ – ไดม้ ีปรากฎแล้ว / เยน (ทพิ ฺพจกขฺ นา) – ด้วยทิพยจกั ษุใด / สุทํ – ไดย้ นิ วา่ / สมนฺตา - โดยรอบ / โยชนํ - ตลอด ๑ โยชน์ / ปสฺสติ – ยอ่ มมองเหน็ / ทวิ า เจว – ทัง้ กลางวัน / รตฺติญฺจ. – ทัง้ กลางคนื ๔๐. “ชาโต โข - ประสูติแลว้ แล / ปน - ก็ / ภิกฺขเว - ดกู อ่ นภกิ ษทุ ้ังหลาย / วปิ สสฺ ี กมุ าโร – พระวปิ สั สรี าชกมุ าร / อนมิ ิสนฺโต เปกฺขติ – ยอ่ มทรงเพง่ ไมก่ ะพริบพระเนตร / เสยฺยถาปิ – แม้ฉนั ใด / เทวา – เทวดา / ตาวตึสา. – ชนั้ ดาวดึงส์ / (อนมิ ิสนตฺ า เปกขฺ นฺติ – ยอ่ มทรงเพ่งไม่กะพรบิ ตา) / (เอวเมว – ฉนั น้ันนั่นเทียว) / ‘อนมิ สิ นโฺ ต – ไมท่ รงกะพริบพระเนตร / กุมาโร – พระราชกมุ าร / เปกขฺ ตี’ติ – ย่อมทรงเพง่ ดงั น้ี / โข –แล / ภิกฺขเว – ดูก่อนภิกษทุ ้ังหลาย / วิปสฺสิสฺส กุมารสสฺ – แก่ พระวปิ ัสสรี าชกุมาร / ‘วปิ สฺสี – วิปสั สี / วิปสสฺ ี – วปิ สั สี ’ / ตเฺ วว – ดังนี้น่นั เทียว / สมญญฺ า – สมญั ญา / อุทปาทิ. – ได้เกิดขึ้นแล้ว
123 ๔๑. “อถ โข - ตอ่ มา / ภกิ ฺขเว - ดกู อ่ นภกิ ษทุ ั้งหลาย / พนธฺ ุมา ราชา – พระเจา้ พันธุมา / อตฺถกรเณ - ในศาลตัดสินคดี / นิสนิ โฺ น – ประทับนงั่ / วิปสฺสึ กมุ ารํ – ทรงยังพระวปิ สั สีราชกมุ าร / องเฺ ก – บนพระเพลา / นสิ ีทาเปตวฺ า - ใหป้ ระทบั น่ังแล้ว / อตฺเถ – ซง่ึ คดี / อนสุ าสติ – ย่อมทรง พจิ ารณา / ตตรฺ - ในศาลตดั สินคดีนนั้ / สุทํ - นัยว่า / ภกิ ขฺ เว - ดูกอ่ นภกิ ษุทั้งหลาย / วิปสฺสี กมุ าโร – พระวปิ สั สีราชกุมาร / ปติ อุ งเฺ ก – บนพระเพลาของพระชนก / นิสินโฺ น – ประทบั น่ังแลว้ / วิเจยฺย – ทรงวินจิ ฉยั แลว้ / วเิ จยฺย – ทรงวินิจฉยั แล้ว / อตฺเถ ปนายติ ญาเยน. – ทรงยงั คดใี หด้ ําเนนิ ไปด้วย พระญาณ / วิเจยยฺ - ทรงวนิ ิจฉัยแลว้ / วิเจยฺย - ทรงวนิ จิ ฉยั แลว้ / กมุ าโร – พระราชกุมาร / อตฺเถ – ทรงยังคดี / ปนายติ – ให้ดําเนินไป / ญาเยนาติ โข –ดว้ ยพระญาณ ดงั น้ี แล / ภกิ ฺขเว - ดกู อ่ นภกิ ษุ ทงั้ หลาย / วปิ สฺสสิ ฺส กุมารสสฺ – แกพ่ ระวปิ สั สรี าชกมุ าร / ภิยโฺ ยโสมตตฺ าย - มีปริมาณมากข้นึ / ‘วปิ สฺสี – วปิ ัสสี / วิปสฺสี – วปิ สั สี ’ / ตฺเวว – ดังนี้ น่นั เทียว / สมญฺญา – พระสมญั ญา / อทุ ปาทิ. – ได้เกิดข้ึนแลว้ ๔๒. “อถ โข – ต่อมา / ภิกขฺ เว - ดกู อ่ นภกิ ษุท้ังหลาย / พนฺธมุ า ราชา – พระเจา้ พันธุมา / วปิ สสฺ สิ ฺส กุมารสฺส - สาํ หรบั พระวิปสั สีราชกุมาร / ตโย ปาสาเท การาเปสิ - โปรดให้สร้างปราสาท ๓ หลงั / เอกํ วสฺสกิ ํ - หลงั หนง่ึ สําหรบั ประทบั ในฤดูฝน / เอกํ เหมนฺตกิ ํ - หลังหน่งึ สําหรับประทบั ในฤดู หนาว / เอกํ คิมฺหิกํ; - หลังหนึง่ สําหรับประทับในฤดรู ้อน / ปญจฺ กามคุณานิ อุปฏฐฺ าเปสิ. - โปรดให้ บาํ รงุ พระราชกุมารดว้ ยกามคุณ ๕ / ตตรฺ – นัน้ / สุทํ – ได้ยนิ ว่า / ภิกขฺ เว - ดูกอ่ นภิกษุทั้งหลาย / วปิ สสฺ ี กุมาโร - พระวิปสั สรี าชกุมาร / วสฺสิเก ปาสาเท - ในปราสาทสาํ หรับประทบั ในฤดูฝน / จตฺตา โร มาเส - ตลอด ๔ เดอื น / นปิ ปฺ ุริเสหิ – ทไ่ี ม่ปะปนดว้ ยบุรุษ / ตูรเิ ยหิ – ดว้ ยดนตรี / ปรจิ ารยมาโน – ทรงไดร้ บั การบํารุงบาํ เรอ / น เหฏฐฺ าปาสาทํ โอโรหตี”ติ. – ย่อมไม่ไดเ้ สด็จลงมาชั้นลา่ งปราสาท ดงั น้ี ปฐมภาณวาโร - ภาณวารที่ ๑ -- ชิณณฺ ปรุ ิโส - คนชรา ๔๓. “อถ โข - ครั้งนน้ั แล / ภิกฺขเว - ดูกอ่ นภกิ ษุทั้งหลาย / วิปสสฺ ี กมุ าโร – พระวปิ สั สรี าช กุมาร / พหนู ํ วสฺสานํ – หลายปี / พหนู ํ วสฺสสตานํ - หลายร้อยปี / พหูนํ วสฺสสหสฺสานํ - หลายพันปี / อจจฺ เยน – โดยเวลาลว่ งไป / สารถึ – ซ่ึงนายสารถี / อามนเฺ ตสิ - รับสงั่ เรียกมาแล้ว / ‘โยเชหิ – เธอจงเทียม / สมฺม สารถิ - สหายสารถี / ภทฺทานิ ภททฺ านิ - คนั งาม ๆ / ยานานิ – ซง่ึ ยานพาหนะ / อยุ ยฺ านภูมึ – สอู่ ทุ ยาน / คจฺฉาม – พวกเรา จะไป / สุภมู ทิ สฺสนายา’ต.ิ – เพ่ืออนั ชมภมู ปิ ระเทศท่ี สวยงาม ดงั นี้ / ‘เอวํ – อยา่ งนั้น / เทวา’ติ โข – ขอเดชะ ดังน้ี แล / ภกิ ฺขเว – ดูกอ่ นภิกษุท้งั หลาย / สารถิ – นายสารถี / วปิ สสฺ ิสสฺ กุมารสฺส – ของพระวิปสั สีราชกมุ าร / ปฏิสสฺ ุตฺวา – รบั พระบญั ชาแลว้ / ภทฺทานิ ภทฺทานิ – คนั งามๆ / ยานานิ – ซึ่งยาน / โยเชตวฺ า – เทยี มไปแลว้ / วปิ สฺสสิ สฺ กุมารสสฺ – ของพระวิปัสสรี าชกุมาร / ปฏิเวเทสิ – ฟังคําตอบแล้ว ‘ยุตตฺ านิ โข – เทยี มแล้ว แล / เต – อนั พระองค์ / เทว – ข้าแตพ่ ระองค์ผู้สมมตเิ ทพ / (ตานิ – เหล่านน้ั ) / ภทฺทานิ ภทฺทานิ – คันงามๆ / ยา
124 นานิ – ยานพาหนะ / ยสฺส (ยานสฺส) – แห่งยานใด / ทานิ – ในกาลน้ี / กาลํ – ซงึ่ เวลา / มญฺญสี’ติ – จงกาํ หนด ดงั น้ี / อถ โข – ครั้งนั้น แล / ภิกฺขเว – ดูกอ่ นภกิ ษทุ ้ังหลาย / วปิ สฺสี กมุ าโร – พระวปิ สั สี ราชกมุ าร / ภทฺทํ ภทฺทํ – คนั งามๆ / ยานํ – ยานพาหนะ / อภริ ุหติ ฺวา – เสด็จข้ึนแล้ว / ภทฺเทหิ ภทฺ เทหิ – คันงามๆ / ยาเนหิ – ดว้ ยยานพาหนะ / อุยฺยานภมู ึ – สู่อุทยาน / นิยยฺ าสิ. – เสด็จไปแล้ว
125 Note
DNII Suttantapiṭake Dīghanikāyo (Dutiyo bhāgo) Mahāvaggo Namo tassa bhagavato arahato sammā sambuddhassa. Mahāpadānasuttaṃ Evaṃ me sutaṃ: ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme karerikuṭikāyaṃ. Atha kho sambahulānaṃ bhikkhūnaṃ pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantānaṃ karerimaṇḍalamāḷe sannisinnānaṃ sannipatinānaṃ pubbenivāsapaṭisaṃyuttā dhammī kathā udapādi: 'itipi pubbe nivāso, itipi1 pubbe nivāso'ti.Assosi kho bhagavā dibbāya sotadhātuyā visuddhāya atikkantamānusikāya tesaṃ bhikkhūnaṃ imaṃ kathāsallāpaṃ. Atha kho bhagavā uṭṭhāyāsanā yena karerimaṇḍalamāḷo tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi: \"kāyanu'ttha bhikkhave etarahi kathāya sannisinnā? Kā ca pana vo antarā kathā vippakatā?\"Ti. Evaṃ vutte te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ: \"idha bhante amhākaṃ pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantānaṃ karerimaṇḍalamāḷe sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ pubbenivāsapaṭisaṃyuttā dhammī kathā udapādi: 'itipi pubbenivāso, itipi pubbenivāso'ti. Ayaṃ kho no bhante antarā kathā vippakathā. Atha bhagavā anuppatto\"ti. \"Etassa bhagavā kālo, etasusa sugata kālo, yaṃ bhagavā pubbenivāsapaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ kareyya. Bhagavato sutvā bhikkhu dhāressantī\"ti. \"Tena hi bhikkhave suṇātha, sādhukaṃ manasikarotha, bhāsissāmī\"ti. \"Evambhante\"ti kho te bhikkhu bhagavato paccassosuṃ, bhagavā etadavoca:
127 In the basket of Collection of discourse/ the Long Discourses/ (The second Part)/ The Great Division/ Homage/to that Fortunate One/ to the Noble One/to the Worthy One/ to the Fully Enlightened One Great Discourse of the Liange Thus/by me/ heared/one time/the Fortunate One/at savatthi/stay/in jetavana/of anatha pindika/in the monastery/kareri/in the hut/then indeed/to many/to monks/ after meals/alms gathering/to returing/in kareri/ cottage/in the yard/toseated/to assembled/prior/living/combined/of dhamma/talk/arose/ thus/earlier/living/thus/earlier/living/heard/indeed/the Fortunate One/with divine/ear/element/with pure/ surpassing of/ human being/of those/monks/this/talk/conversation/then/the Fortunate One/having arisen/ from the seat/where/karerimandala is/there/approached/having approached/ prepared/seat/ sat/ sitting down/indeed/the exaltedone/ monks/ addressed/what have/oh monks/at this time/by talk/being seated/what/yet/by you/mutual/talk/left unfinished/ Thus/said/they/monks/to the the Fortunate One/ this/said/here/reverend sir/to us/after meals/alms offering/returing/kareri/cottage/in the yard/to seated/to assembled/earlier/living/ connected/ dhamma/talk/arose/thus/earlier/living/thus/earlier living/this/ indeed/ by us/sir/ mutual talk/left/unfinished/then/the the Fortunate One/approached/wish/do you/oh monks/earlier living/ connected/Dhamma/talk/to listen/ To that/the Fortunate One/time/to that welfare/time/which/the the Fortunate One/former living/connected/dhamma/talk/if done/from the the Fortunate One/having heared/monks/will hold/if so/monks/listen/well/fix thought/will speak/thus/reverend sir/indeed/those/monks/to the the Fortunate One/assented/theexaltedone/said thus/
128 Ito so bhikkhave ekanavutokappo1 yaṃ vipassī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Ito so bhikkhave ekatiṃsokappo2 yaṃ sikhī bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Tasmiññeva kho bhikkhave ekatiṃse kappe vessabhū bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi, imasmiññeva kho bhikkhave bhaddakappe kakusandho bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Imasmiññeva kho bhikkhave bhaddakappe koṇāgamano bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Imasmiññeva kho bhikkhave bhaddakappe kassapo bhagavā arahaṃ sammāsambuddho loke udapādi. Imasmiññeva kho bhikkhave bhaddakappe ahaṃ etarahi arahaṃ sammāsambuddho loke uppanno. Vipassī bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho khattiyo jātiyā ahosi, khattiyakule udapādi. Sikhī bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho khattiyo jātiyā ahosi, khattiyakule udapādi. Vessabhū bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho khattiyo jātiyā ahosi, khattiyakule udapādi. Kakusandho bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho brāhmaṇo jātiyā ahosi, brāhmaṇakule udapādi. Koṇāgamano bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho brāhmaṇo jātiyā ahosi, brāhmaṇakule udapādi. Kassapo bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho brāhmaṇo jātiyā ahosi, brāhmaṇakule udapādi. Ahaṃ bhikkhave etarahi arahaṃ sammā sambuddho khattiyo jātiyā ahosiṃ, khattiyakule uppanno. Vipassī bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho koṇḍañño gottena ahosi. Sikhī bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho koṇḍañño gottena ahosi. Vessabhū bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho koṇḍañño gottena ahosi. Kakusandho bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho kassapo gottena ahosi.Koṇāgamano bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho kassapo gottena ahosi. Kassapo bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho kassapo gottena ahosi. Ahaṃ bhikkhave, etarahi arahaṃ sammāsambuddho gotamo gottena1.
129 To that/the Fortunate One/time/to that welfare/time/which/the the Fortunate One/former living/connected/dhamma/talk/if done/from the the Fortunate One/having from/there/oh monks/one/ninety/aeon/who/vipassi/the Fortunate One/worthy/perfect/enlightened one/in the world/arose/from here/oh monks/thirty one aeon/who/sikhi/the Fortunate One /worthy/perfect/ enlightened one /in the world/arose/in that also/indeed/oh monks/thirty one aeon/vessabhu/the Fortunate One/worthy one/perfect/enlightened one/in the world arose/in this itself/indeed/oh monks/in the good aeon/kakusandha/the Fortunate One/worthy one/perfect/ enlightened one/in the world arose/in this also/indeed/oh monks/in the good aeon/konagamona/ the Fortunate One/worthy one/perfect/ enlightened one/in the world arose/in this also/indeed/oh monks/in the good aeon/kassapa/ the Fortunate One/worthy one/perfect/ enlightened one/in the world arose/in this also/indeed/Oh monks/in the good aeon/I /at present/worthy/perfect/ enlightened/in the world/arose/ vipassi/oh monks/the Fortunate One/worthy/perfect/ enlightened one/khattiya/of birth was/in khattiya class/arose/sikhi/ oh monks/the Fortunate One/worthy/perfect/ enlightened one/khattiya/of birth/was/khattiya class arose/vessabhu /w/ oh monks/the Fortunate One/w orthy/perfect/ enlightened one/khattiya/ofbirth/was/in khattiya class/arose/kakusandha/ oh monks/the Fortunate One/worthy fully enlightened one/brahamana/by birth was//brahamin class/arose/konagamana/oh monks/the Fortunate One/worthy/ fully enlightened one/brahamana/by birth was//brahamin class/arose/kassapa/oh monks/the Fortunate One/worthy/fully enlightened one//brahamana/by birth was//brahamin class/arose/I oh monks/at present/worthy/perfect/enlightened/khattiya by birth was/ in khattiya class/arose/ vipassi/oh monks/the Fortunate One/worthy/perfect/enlightened one/kondanna/clan/was/sikhi/oh monks/the Fortunate One/worthy/ perfect/enlightened one/kondanna/clan/was/vessabhu/oh monks/the Fortunate One/worthy/ perfect/enlightened one/kondanna/clan/was /kakusandho/ohmonks/the Fortunate One/worthy/perfect/enlightened one/ kassapa/clan/was/ konagamana/oh monks/the Fortunate One/worthy/perfect/enlightened one/ kassapa/clan/ was/kassapa/oh monks/the Fortunate One/ worthy/ perfect/
130 enlightened/kassapa/clan/was/I/oh monks/at present/worthy/perfect/enlightened/gotama/by clan/ Vipassissa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa asīti vassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Sikhissa bhikkhave bhagavato arahato sammā sambuddhassa sattativassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Vessabhussa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa saṭṭhivassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Kakusandhassa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa cattālīsa vassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Koṇāgamanassa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tiṃsavassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Kassapassa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa vīsati 4vassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Mayhaṃ bhikkhave, etarahi appakaṃ āyuppamāṇaṃ parittaṃ lahukaṃ yo ciraṃ jīvati so vassasataṃ appaṃ vā bhiyyo. Vipassī bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho pāṭaliyā mūle abhisambuddho. Sikhī bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho puṇḍarīkassa mūle abhisambuddho. Vessabhū bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho sālassa mūle abhisambuddho. Kakusandho bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho sirīsassa mūle abhisambuddho. Koṇāgamano bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho udumbarassa mūle abhisambuddho. Kassapo bhikkhave, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho nigrodhassa mūle abhisambuddho. Ahaṃ bhikkhave, etarahi arahaṃ sammāsambuddho assatthassa mūle abhisambuddho. Vipassissa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa khaṇḍatissaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Sikhissa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa abhibhūsambhavaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Vessabhussa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa soṇuttaraṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Kakusandhassa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa vidhurasañjīvaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Koṇāgamanassa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa bhiyyosuttaraṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Kassapassa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tissabhāradvājaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Mayhaṃ bhikkhave, etarahi arahato sammāsambuddhassa sāriputtamoggallānaṃ nāma sāvakayugaṃ hoti aggaṃ bhaddayugaṃ.
131 of vipassi/oh monks/of exalted/of worthy/of perfect/of enlightened one/eighty/years/thousand/life span/was/of sikhi/oh monks/of exalted/of worthy/of perfect/of enlightened oneseventy/years/thousand/ life span/was/of vessabhu/ oh monks/of exalted/of worthy/of perfect/of enlightened one/sixty years/thousand/ life span/was/of kakusandha/oh monks/of exalted/of worthy/ of perfect/of enlightened/forty years/thousand/life span/was/of konagamana/oh monks/ofthe Fortunate One/of worthy/ of perfect/of enlightened/thirty years/thousand/life span was/of kassapa/oh monks/ofthe Fortunate One/of worthy/of perfect/of enlightened /twenty/years/thousand/was/of me/ oh monks/at present/ little/life span/small/little/who ever/long time/live/he/years/hundred/little or more/ Vipassi/oh monks/the Fortunate One/worthy one/perfect/enlightened/of trumpet flower tree/at foot/[attained]complete/understanding/sikhi/oh monks/ the Fortunate One/worthy one/perfect/enlightened/ofwhite mango/at foot/ complete/understanding/vessabhu/oh monks/the Fortunate One/worthy one/perfect/enlightened/of sala/at foot/complete understanding/kakusandha/oh monks/the Fortunate One/worthy one/perfect/enlightened /mahari/at foot/complete understanding/konagamana/oh monks/the Fortunate One/worthy one/perfect/enlightened/wood apple/ at foot/complete understanding/kassapa/oh monks/ the Fortunate One/worthy one/perfect/enlightened/of banyan tree/at foot/complete understanding/I/O monks/at present/worthy one/perfect enlightened/of asatthui/at foot/complete understanding/ To vipassi/oh monks/to thethe Fortunate One/totheworthy/perfect/to enlightened one/khanda-tissa name/disciple/pair/was/topmost/good/pair/tosikhi/ohmonks/to the exalted/one/to worthy/ perfect/to enlightened one/abhibhu/sambhavam/name/disciple pair/was/to pmost/good/pair/to vessabhu/ohmonks/to the the Fortunate One/toworthy/perfect/toenlightened one/sona/uttara name/disciple/was/topmost/good/pair/to kakusandha/oh monks/to the exalted/one/worthy/perfect/to enlightened one/vidhura/ sanjiva/name/ disciple/ pair/ was /to pmost/good/pair/to konagamana/oh monks/to the exalted/one/to worthy/perfect/to enlightened one/bhiyyos/ uttaram/name/ disciple/pair/ was/to pmost/good pair/to kassapa/oh monks/to the Fortunate One/to worthy/perfect/to enlightened one/tissa/bharadvaja/name/disciple/ pair/was/topmost/good pair/to me/oh
132 monks/atpresent/to worthy/perfect/enlightened one/sariputta/moggalana/Name/disciple pair/is/topmost/good pair/ Vipassissa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi bhikkhusatasahassaṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi asītibhikkhusahassāni. Vipassissa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa ime tayo sāvākānaṃ sannipātā ahesuṃ sabbesaṃ yeva khīṇāsavānaṃ. Sikhissa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ: eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi bhikkhu satasahassaṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi asīti bhikkhusahassāni. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sattati bhikkhusahassāni. Sikhissa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa ime tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ sabbesaṃ yeva khīṇāsavānaṃ. Vessabhussa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi asīti bhikkhusahassāni. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sattati bhikkhusahassāni. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi saṭṭhi bhikkhusahassāni. Vessabhussa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ime tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ sabbesaṃ yeva khīṇāsavānaṃ. Kakusandhassa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi cattālīsa bhikkhusahassāni. Kakusandhassa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ayaṃ eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sabbesaṃ yeva khīṇāsavānaṃ. Koṇāgamanassa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi tiṃsa bhikkhusahassāni koṇāgamanassa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa ayaṃ eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sabbesaṃ yeva khīṇāsavānaṃ kassapassa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi vīsati bhikkhusahassāni. Kassapassa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa ayaṃ eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sabbesaṃ yeva khīṇāsavānaṃ.
133 To vipassi/ohmonks/to the exalted/toworthy/perfect/toenlightened one/three/disciples/assemblies Were/one/ofdisciples/assembly/was/sixty eight/monks/hundred thousand one/of disciples/assembly/was/monks/hundred thousand/one of disciples/assembly/was/eighty /monks/thousand/to vipassi/Oh monks/to the the Fortunate One/totheworthy perfect toenlightened one/these /three/ofdisciples/assembly/was/all/also arahants/sikhi/oh monks/to the the Fortunate One/to the worthy/perfect/to enlightened one/three/of disciple/assembly/was/one/of disciple/assembly/was/monks/hundred/thousand/one/of disciple/assembly/was/eighty/ thousand/ one/ of disciple/assembly/was/seventy/thousand/monks/of sikhi/Oh monks/to the exalted one/to the worthy one/perfect/to enlightenedone/these three/of desciples/ assembly/ was/ all/also/arahants/were/to vessabhu/ohmonk /to the exalted/worthy/one perfect/to theenlightened one/three/of disciples/assemblies were/one/of disciples/assembly/was/eighty/ monks/ thousand/ one/of disciples/assembly/was/seventy/monks/thousand/one/of disciples/ assembly/ was /sixity/monks/thousand To vessabhu/oh monks/to theexalted/worthy/perfect/to the enlightened one/these/three/of monks/assemblies /were/all/also/arahants/one/ofdisciples/assembly/was/forty/monks/thousan d/to kakusandha/oh monks/to the exalted/ one/to the worthy one//perfect/totheenlightened one /this/one/ofdisciples/assembly/was/all/also/arahants/to konagamana/oh monks/to the exalted/ one/totheworthyone/perfect/to the enlightened one/one of disciples/assembly/was/timsa bhikkhu sahassani.thirty /monks/thousand/To konagamana/oh monks/to the exalted/ one/ all /also/bhikkhave the Fortunate One/to the worthy perfect/to the enlightened one/one of disciples/assembly/was/twenty/monks/thounsand/to kassapa/oh monks/to the Fortunate One/totheworthy/perfect/toenlightened one/this/one/ofdisciples/assembly/was//all/also/arahants/
134 Mayhaṃ bhikkhave, etarahi arahato sammāsambuddhassa eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi aḍḍhateḷasāni bhikkhusatāni. Mayhaṃ bhikkhave ayaṃ eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi sabbesaṃ yeva khīṇāsavānaṃ.Vipassissa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa asoko nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Sikhissa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa khemaṅkaro nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko vessabhussa bhikkhave, bhagavato arahato sammāsambuddhassa upasanto nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Kakusandhassa bhikkhave, bhagavato arahato sammā sambuddhassa buddhijo nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko.Koṇāgamanassa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa sotthijo nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Kassapassa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa sabbamitto nāma bhikkhū upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Mayhaṃ bhikkhave etarahi arahato sammāsambuddhassa ānando bhikkhu upaṭṭhāko hoti aggupaṭṭhāko. Vipassissa bhikkhatva bhagavato arahato sammāsambuddhassa bandhumā nāma rājā pitā ahosi. Bandhumatī nāma devī mātā ahosi janetti. Bandhumassa rañño bandhumatī nāma nagaraṃ rājadhāni ahosi. Sikhissa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa aruṇo nāma rājā pitā ahosi. Pabhāvatī nāma devī mātā ahosi janetti. Aruṇassa rañño aruṇavatī nāma nagaraṃ rājadhāni ahosi. Vessabhussa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa suppatīto3 nāma rājā pitā ahosi. Yasavatī nāma devī mātā ahosi janetti. Suppatītassa rañño anomaṃ nāma nagaraṃ rājadhāni ahosi. Kakusandhassa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa aggidatto nāma brāhmaṇo pitā ahosi. Visākhā nāma brāhmaṇī mātā ahosi janetti. Tena kho pana bhikkhave samayena khemo nāma rājā ahosi. Khemassa rañño khemavatī nāma nagaraṃ rājadhāni ahosi.
135 to me/oh monks/at present/one/ofdisciples/assembly/was/half ofthirteen/hundred monks/to me/oh monks/this/one/ofdisciples/assembly/was/all/also/arahants/One/to the worthy one/perfect/ enlightened one/asoka/name/monk/attendant/was/chief attendant/tosikhi/oh monks/to the exalted/one/totheworthyone/perfect/enlightened one/khemakara/ name/monk/attendant/was/chief attendant/tovessabhu/oh monks/tothethe Fortunate One/to kakusandha /ohmonks/totheexalted/ one/to the worthy one/perfect/enlightened one/buddhigo/name/monk/attendant/was/chief attendant/to konagamana/oh monks/to the exalted/ one/to the worthy one/perfect/enlightened one/sotthijo/name/monk/attendant/was/chief attendant/To kassapa/oh monks/to the Fortunate One/to the worthy one/perfect/enlightened one/sabbamitta/name/monk/attendant/ was/chief attendent/to me/oh monks/at present/ananda/monk/attendant/chief attendant/ to/vipassi/ oh monks/totheblessed one/to the worthy one/perfect/enlightened one/bandhuma/ name/king/father/was/bandhumati/name/queen/mother/was/genitor/of theking/bandhumati name/ city/the kingdom/was/to sikhi /oh monks/to the Fortunate One/to the worthy one/perfect/enlightened one/aruna/name/king/father/was/pabhavati/name/queen/mother/ was/genitor/to aruna/king/arunavati/name/city/kingdom /was/to vessabhu/oh monks/to the Fortunate One/to worthy one/to perfect one/to fully enlightened one/supatito/name/king/father/was/yasavati/name/queen/mother/was/genit or to suppatita/king/ anoma/name/city/kingdom/was/to kakusanda/oh monks/to the blessed one/to the worthy one/perfect/enlightened one/aggidatta/name/brahamin/father/was/visakha/name/brahamani/ mother was/genitor/atthat/oh monks/time/khemo/
136 Koṇāgamanassa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa yaññadatto nāma brāhmaṇo pitā ahosi. Uttarā nāma brāhmaṇī mātā ahosi janetti. Tena kho pana bhikkhave samayena sobho nāma rājā ahosi. Sobhassa rañño sobhāvatī nāma nagaraṃ rājadhāni ahosi. Kassapassa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa brahmadatto nāma brāhmaṇo pitā ahosi. Dhanavatī nāma brāhmaṇī mātā ahosi janetti. Tena kho pana bhikkhave samayena kikī nāma nāma 4 rājā ahosi. Kikissa rañño bārāṇasī nāma nagaraṃ rājadhāni ahosi. Mayhaṃ bhikkhave etarahi arahato sammāsambuddhassa suddhodano rājā pitā ahosi, māyādevī mātā janetti. Kapilavatthu nāma nagaraṃ rājadhānī\"ti.Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvā sugato uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi. atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ acirapakkantassa bhagavato ayamantarā kathā udapādi: \"acchariyaṃ āvuso tathāgatassa mahiddhikatā mahānubhāvatā, yatra hi nāma tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarissati, nāmatopi anussarissati,Gottatopi anussarissati, āyuppamāṇatopi anussarissati, sāvakayugatopi anussarissati, sāvakasannipātatopi anussarissati: 'evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipīti. Kinnu kho āvuso tathāgatasseva nu kho esā dhammadhātu suppaṭividdhā, yassā dhammadhātuyā suppaṭividdhattā tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkha vītivatte jātitopi anussarati, nāmatopi anussarati, gottatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugato pi anussarati, sāvakasannipātato pi anussarati: 'evaṃ jaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipīti', udāhu devatā tathāgatassa etamatthaṃ ārocesuṃ yena tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarati, nāmatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugatopi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati: 'evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā evaṃgottā evaṃsīlā evaṃdhammā evaṃpaññā evaṃvihārī evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipīti\" ayañca hidaṃ tesaṃ bhikkhūnaṃ antarā kathā vippakatā hoti.
137 Konagamana/oh monks/to theblessed one/to theworthy one/perfect/enlightened one/yannadatta/ name/Brahmin/was/father/uttara/name/brahamani/mother/was/genitor/atth at/ohmonks/time/sobho/name/king/was/to sobha/king/sobhavati/name/city/kingdom/was/to kassapa/ohmonks/to the Fortunate One/worthyone/perfect/enlightened one/brahmadatta/ name/ brahamin/father/ was/Dhanavati/name mother/ was/janitor/at that /ohmonks/time/kiki/name/king/was/to/kiki/to king/ king/baranasi/name/city/kingdom/was/to/me/ohmonks/at that/to the worthy one/perfect/ enlightened one/ suddhodana/ king/ father/ was/ maya/ queen/ mother/janitor/ kapilavatthu by name/the kindom/this was said/the Fortunate One/this/having said/the Well Gone One/being risen from the seat/to the monastery/has entered/then indeed/to those/to monks/before long/ofgoing/of the the Fortunate One/this/mutual/talk/arose/marvelous/friend/of the enlightened one/great accomplishment/great/super natural power/asindeed/name/ the enlightened one/in the past/Buddha/when passed away/cut off/impediments/cut off/path/exhausted/cyc le ofexistence/all suffering when over comebirth/also/will recollect/name/also/will recollect/clan /also/will/recollect/life time too/ recollect/disciples/twofold/also/will recollect/disciple/ assembly too/will recollect/ thus/ births/they/the Fortunate Ones/were/thus/too/thus name/ thus/clan/ thus/ virtue/ thus/dhamma/thus/wisdom/thus/living/thus/freed/they/the Fortunate Ones/were/ It/indeed/friend/to the Fortunate One/what is it/this/dhamma/element/well comprehended/of which/of dhamma element/wellcomprehension/the Fortunate One/in the past/Buddha/when passed away/cut off/jmpediments/cut off/path/exhausted/cycle of birth/all suffering/when overcome/cycle of existence/recall/name/too recall/clan too/recall/life time too/recollect/disciple pair/too/recollect/disciple/assembly/to/recollect/thus/births/they/the Fortunate One/were/in this manner/thus/name/thus/clan/thus/virtue/thus/dhamma/thus wisdom/thus/living/thus freed/ they/ the Fortunate Ones /thus too/or/gods/to the the Fortunate Ones/this/meaning/informed/by which/the the Fortunate One/in/the/past/Buddha/when passed away/cut off impediments/cut off path/exhausted/cycle of births/all suffering/when overcome/existence/recall/name/too/recall/life time too/recollect/disciple
138 pair/recollect/disciple assembly/too/recollect/thus/births/they/the Fortunate One/were/in/this manner/thus/name/ thus/clan/thus/virtue/thus/dhamma/thus wisdom/ thus living/thus freed/they/the Fortunate Ones/were/ Itipīti\" ayañca hidaṃ tesaṃ bhikkhūnaṃ antarā kathā vippakatā hoti. Atha kho bhagavā sāyanhasamayaṃ patisallānā vuṭṭhito yena, karerimaṇḍalamāḷo tenupasaṅkami. Upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi: \"kāyanu'ttha bhikkhave etarahi kathāya sannisinnā? Kā ca pana vo antarā kathā vippakathā?\" Ti. Evaṃ vutte te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ: \"idha bhante amhākaṃ acirapakkantassa bhagavato ayamantarā kathā udapādi:'Acchariyaṃ āvuso abbhutaṃ āvuso tathāgatassa mahiddhikatā mahānubhāvatā, yatra hi nāma tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinna vaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarissati, nāmato pi anussarissati, gottato pi anussarissati, āyuppamāṇato pi anussarissati, sāvakayugato pi anussarissati, sāvakasannipātato pi anussarissati: 'evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā, evaṃgottā, evaṃsīlā, evaṃdhammā, evaṃpaññā, evaṃvihārī, evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipīti. Kinnu kho āvuso tathāgatasseva nu kho esā dhammadhātu suppaṭividdhā yassā dhammadhātuyā suppaṭividdhattā tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātito pi anussarati, nāmato pi anussarati. Gottato pi anussarati, āyuppamāṇato pi anussarati, sāvakayugato pi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati: evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā, evaṃgottā, evaṃsīlā, evaṃdhammā, evaṃpaññā, evaṃvihārī, evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipīti? Udāhu devatā tathāgatassa etamatthaṃ ārocesuṃ yena tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātito pi anussarati, nāmatopi anussarati, gottatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugato pi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati: 'evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā, evaṃgottā, evaṃsīlā, evaṃdhammā, evaṃpaññā, evaṃvihārī, evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ iti'pīti?
139 thus/too//this/and/this/to them/to the monks/mutual talk/left unfinished/then/indeed/the/the Fortunate One/evening/time/from seclusion/arisen/by which/kareri/cottage/through that/approached/having approached/prepared/on the seat/sat/seated/indeed/blessed one/ monks/addressed/what/here/oh monks/at that time/by talk/seated/ what/ yet/by you/mutual/talk/left unfinished/Thus said/they/monks/to/the Fortunate One/ thus/said /here/sir/our/before long/of the/enlightened one/mutual talk/ arose/ marvelous/ friend/ wonderful/friend/of the enlightened/ one/great accomplishment/great super natural power/as indeed/enlightened one/in the past/the Buddha /when passed away/impediments cut off/cut off path/suffering/when overcome/birth too/recollects/name too/recollects/clan too/recollects/too recollects/disciple/pair/too/recollects/disciple/assembly/thus bitths/they/the Fortunate Ones/ thus/dhamma/thus wisdom/thus living/thus freed/they/the Fortunate Ones/were/thus too/ it/ What is friend /to the Fortunate One/what is it/dhamma element/well comprehended/of which/dhamma element/comprehension/thethe Fortunate One/in the past/Buddha/when passed away/cut off impediments/cut off path/ exhausted/cycle of birth/all suffering/when overcome/birth also /recollects/name also/recollects/clanalso/recollects/life time/too/ recollects/ disciple pair/too/recollects/thus births/they/the Fortunate Ones/were/in this manner/thus name/thus clan/thus virtue/thus dhamma/thus wisdom/thusliving/thusfreed/they/the Fortunate Ones were/thus too/or/gods/to the the Fortunate Ones/this meaning/informed/by which/the the Fortunate One/in the past/Buddha/when passed away/cut off/impediments/cut off path/exhausted /cycle of birth/all suffering/whenovercome/cycle of existence/recollect/name too recollect/clan too/recollects/life time too recollects/disciple pair too/recollects/disciple pair/too recollects/disciple assembly/recollects/thus/births/they/the Fortunate Ones/were thus/thus name/thus clan thus virtue/thus dhamma/thus wisdom/thus living/thus freed/they/the Fortunate Ones/were/thus too/
140 \"Tathāgatassevesā bhikkhave dhammadhātu suppaṭividdhā yassā dhammadhātuyā suppaṭividdhattā tathāgato atīte buddhe parinibbute chinnapapañce chinnavaṭume pariyādinnavaṭṭe sabbadukkhavītivatte jātitopi anussarati, nāmatopi anussarati, gottatopi anussarati, āyuppamāṇatopi anussarati, sāvakayugatopi anussarati, sāvakasannipātatopi anussarati: evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā, evaṃgottā, evaṃsīlā, evaṃdhammā, evaṃpaññā, evaṃvihārī, evaṃvimuttā te bhagavante ahesuṃ itipī'ti. Devatā pi tathāgatassa etamatthaṃ ārocesuṃ evaṃjaccā te bhagavanto ahesuṃ itipi, evaṃnāmā, evaṃgottā, evaṃsīlā, evaṃdhammā, evaṃpaññā, evaṃvihārī, evaṃvimuttā te bhagavanto ahesuṃ itipī'ti. Iccheyyātha no tumhe bhikkhave bhiyyosomattāya pubbenivāsapaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ sotunti?\" \"Etassa bhagavā kālo, etassa sugata kālo. Yaṃ bhagavā bhiyyosomattāya pubbenivāsappaṭisaṃyuttaṃ dhammiṃ kathaṃ kareyya bhagavato sutvā bhikkhū dhāressantī\"ti. \"Tena hi bhikkhave suṇātha, sādhukaṃ manasikarotha, bhāsissāmī\"ti. 'Evaṃbhante'ti kho te bhikkhu bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca: \"Ito so bhikkhave ekanavuto kappo1. Yaṃ vipassī bhagavā arahaṃsammāsambuddho loke udapādi. Vipassī bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho khattiyo jātiyā ahosi, khattiyakule udapādi. Vipassī bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho koṇḍañño gottena ahosi. Vipassissa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa asītivassasahassāni āyuppamāṇaṃ ahosi. Vipassī bhikkhave bhagavā arahaṃ sammāsambuddho pāṭaliyā mūle abhisambuddho. Vipassissa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa khaṇḍatissaṃ nāma sāvakayugaṃ ahosi aggaṃ bhaddayugaṃ. Vipassissa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ: eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi aṭṭhasaṭṭhibhikkhusatasahassaṃ.
141 To this the Fortunate One/itself/these/oh monks/element of dhamma/well comprrrehension/of which/element of dhamma/well/comprehension/the the Fortunate One/in the past/Buddha/when passed away/cutoff impediments/exhausted /cycle of birth/all suffering/when over come/birth alsorecollects/name alsorecollects/clan also/recollects/life time too recollects/disciple pair too/recollects/disciple pair too/recollects/thus births/they/the Fortunate Ones/were/in this manner/ thus clan/thus virtue/ thus dhamma/thus wisdom/thus living/thusfreed/the Fortunate Ones/were/thus too/gods too/to the the Fortunate One/this/ manner/ informed/thus/births/they/exaltedones/were/thus name/thus clan/thusvirtue/thus dhamma/thus wisdom/thus living/thus freed/they/the Fortunate Ones/were/thus too/wish/not/do you/oh monks/exceedingly/early living connected dhamma talk to listen/ To that/blessed one/time/to that welfare/time/which/the Fortunate One/exceedingly/Earlier living/connected/dhamma talk/if does/from the Fortunate One/having heard/monks/will hold/if so/oh monks/listen/well/fix thought/will speak/thus sir/indeed /they/ From here/he/oh monks/one/ninety/aeon/who/vipassi/the Fortunate One/worthy one/fully enlightened/in the world/arose/vipassi/oh monks/the the Fortunate One/worthy one/fully enlightened one/khattiya/by birth was/khattiya clan/arose/vipassi/oh monks/the Fortunate One/worthy one/fully enlightened one/kondanna clan/was/of vipassi/oh monks/of the exalted/ one/of the worthy one/of fully enlightened/one/eightened one eighty/years/thousand/ life span /was/vipassi/oh monks/the Fortunate One/worthy one/perfect/enlightened/ofpatali/at root/highest enlightenement/to vipass/oh monks/to the Fortunate One/worthy one/perfect /to enlightened one khanda tissa /nama/disciples/two fold/was/chief/best/pair/of vipassi/oh monks/of the the Fortunate One/of the worthy one/perfect/of enlightened one/three/of disciples/assemblies/were/one/of disciples/assembly/was sixty eight/monks/hundred/ thousand/
142 Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi bhikkhusatasahassaṃ. Eko sāvakānaṃ sannipāto ahosi asītibhikkhusatasahassāni. Vipassissa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa ime tayo sāvakānaṃ sannipātā ahesuṃ sabbesaṃ yeva khīṇāsavānaṃ. Vipassissa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa asoko nāma bhikkhu upaṭṭhāko ahosi aggupaṭṭhāko. Vipassissa bhikkhave bhagavato arahato sammāsambuddhassa bandhumā nāma rājā pitā ahosi. Bandhumatī nāma devī mātā ahosi janetti. Bandhumassa rañño bandhumatī nāma nagaraṃ rājadhāni ahosi. Atha kho bhikkhave vipassī bodhisatto tusitā kāyā cavitvā sato sampajāno mātukucchiṃ okkami. Ayamettha dhammatā.
143 One/of disciples/assemblage/was/monks/hundred thousand/one/of disciples/assemblage/was/ eighty/monks/hundred thousand/of vipassi/oh monks/of the the Fortunate One/worthy one/perfect/enlightened one/these/three/of disciples/assembly/were/all/even/of arahants/to vipassi/ oh monks/to the exaltedone/to the worthy one/perfect/enlightened one/asoka/ name/ monk/attendant/ was/chief attendant/to vipassi/oh monks/to the the Fortunate One/to the worthy one/perfect /enlightened one/bandhuma/Name/king/father/was/bandhumati/ name/queen/ mother/ was/mother/to bandhuma/king/bandhumati name /city/ Then/indeed/oh monks/vipassi/bodhisatta/from tusita/body/having passed away/mindful/ thoughtful/ mothers/womb/Enter/this/here/nature/
144 Note
บทที่ 4 พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย ปาฎิกวรรค (ปาตกิ วรรค) พระไตรปฎิ ก ฉบบั แปล เลม่ 11 พระสูตร เลม่ 3 นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สม̣มาสมพ̣ ุท̣ธสส̣ . ขอนอบนอ้ ม แดพ่ ระองค์นน้ั พระผ้มู ีพระภาค พระผ้บู รรลุอรหัตผลแล้ว พระผตู้ รัสรูช้ อบด้วยพระองค์ เอง (ขอนอบน้อม พระผ้มู ีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นนั้ ) บทนา พระสูตร เลม่ 3 ในบทน้ี คอื พระไตรปฎิ ก ฉบับแปล เล่ม 11 เรียกชื่อว่าพระสุตตันตปิฎก ทีฆ นิกาย ปาฎิวรรค ดังที่กล่าวมาแล้วในบทต้น ๆ คาว่า “พระไตรปิฎก” ซึ่งเป็นชื่อเรียกในภาษาไทย ก็ คือ เตปิฏก (Tepiṭaka) ในปาฬิ (ภาษาบาลี) หมายถึง คาสอนของพระพุทธเจ้าท่ีเรียกว่า พระพุทธ พจน์ การศึกษาพระพุทธพจน์ ถ้าจัดแบ่งโดยตอน ท่านผู้รู้นิยมแบ่งเป็น 3 ตอน คือ ปฐมพุทธพจน์ มัชฌิมพุทธพจน์ และปัจฉิมพุทธพจน์ ซ่ึงปฐมพุทธพจน์ คือ พระอุทานที่พระพุทธเจ้าตรัสเปล่งออก ครั้งแรก ขณะที่พระองค์ตรัสรู้ใหม่ ๆ ณ มหาโพธิบัลลังก์ มัชฌิมพุทธพจน์ คือ พระสัทธรรมที่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ตลอดเวลา 45 พระวัสสา เป็นพระพุทธพจน์ ที่อยู่ระหว่างกลางปฐมพุทธ พจน์และปัจฉิมพุทธพจน์ ซึ่งหมายถึง คาสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนครั้งสุดท้าย เม่ือทรงบรรทมอยู่ ระหวา่ งต้นรงั ทงั้ คู่ ก่อนท่จี ะเสด็จปรินิพพาน นอกจากมีการจัดการจัดหมวดหมู่ของพระพุทธพจน์ออกเป็น 3 ตอนแล้ว พระพุทธพจน์ ทั้งหมดยังมีการจัดหมวดหมู่โดยปิฎก (ตะกร้า, หมวดหมู่) โดยจัดเป็น 3 ปิฎก คือ วินัยปิฎก สตุ ตนั ตปิฎก และอภิธรรมปฎิ ก ดังได้กลา่ วอธิบายแลว้ ในบทก่อนหนา้ น้ี ยังมีการจัดหมวดหมู่พระพุทธ พจน์ โดยแบ่งหรือจัดตามนิกาย (หมวดหมู่) โดยเฉพาะให้กับการจัดพระสุตตันตปิฎก ออกเป็น 5 นิกาย คือ ทีฆนิกาย มชั ฌมิ นกิ าย สงั ยตุ ตนิกาย และ ขุททกนกิ าย บางท่านจัดแบ่งหมวดหมู่ตาม องค์ (Añga - ส่วน) ออกเป็น 9 องค์ คือ สุตตะ เคยยะ เวยยา กรณะ คาถา อุทานะ อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภตู ธมั มะ และเวทัลละ
146 บางท่านจัดแบ่งหมวดหมู่ตาม ขันธ์ (Khandha – กอง) คือ ธรรมขันธ์ ได้จัดเป็น 84,000 ธรรมขนั ธ์ ในนิทานพจน์ 18 ได้กล่าวถึงการจัดหมวดหมู่พระพุทธพจน์ ไว้ว่า “พระพุทธพจน์น้ัน แม้จะ ได้บัญญัติให้มีชื่อต่าง ๆ เช่นนั้น ท่ีจะเป็นเพียงสมมุติตามโลกโวหาร เพ่ือประโยชน์และสะดวกในการ เรียกขานตามความประสงค์ของชาวโลกเท่าน้ัน ส่วนอรรถสาระแห่งพระพุทธพจน์น้ัน ยังคงความยืด ประกาศอมตธรรม เป็นอนั หน่ึงเดียวกัน มิได้เปล่ียนแปลงไปตามสมมุติโวหารน้ัน ๆ ในนามเหล่านั้นท่ี นยิ มเรียกกันเปน็ สว่ นมาก เปน็ ที่รจู้ ักกันดีอย่างแพร่หลายในวงพุทธศาสนิกทั่วไปน้ันในนามว่า เตปิฎก หรอื พระไตรปฎิ ก” 18 อารัมภบท ใน มหาจุฬาเตปิฏก สุตฺตน̣ตปิฏก ทีฆนิกาเย ปาฏิวค̣คปาลิ ไทย-รฏฺเฐ มหา จฬุ าลงก̣ รณราชวทิ ยาลเยน ปกาสติ า อนุส̣สรณีย พุท̣ธวส̣เส ๒๕๐๐ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า พระพุทธพจน์ คือ พระไตรปิฎก มีคุณค่ายิ่งกว่าสิ่งอ่ืนใดเพราะเป็นเหตุปัจจัยให้สามารถบรรลุถึงผลอันสุดยอด คือ นิพพาน จึงเป็นส่ิงจาเป็นท่ีชาวพุทธทุกคนจะพึงช่วยกันเทิดทูนและรักษาไว้เป็นอย่างดี ในส่วนที่เป็น การศึกษาพระไตรปฎิ ก เรียกวา่ คนั ถธุระ และในส่วนที่เป็นการปฏิบัติ เรียกว่า วิปัสสนาธุระ และเป็น สว่ นที่เป็นมรดกตกทอดสบื มาจนถึงปจั จุบัน เนื่องจาก พระไตรปิฎก คือ พระพุทธพจน์ใช้ปาฬิ (ใช้ในภาษาไทยว่าบาลี) ซ่ึงเป็นภาษาท่ี พระพุทธเจ้าทรงเลือกภาษาท่ีใช้พูดในแคว้นมคธสมัยนั้น เป็นภาษาท่ีทรงเทศนาสั่งสอนชาวโลก การ เรียนรู้พระไตรปิฎกต้องทาความเข้าใจความหมายของปาฬิ (ภาษาบาลี) ให้ถูกต้องก่อนที่จะเรียนรู้ให้ แตกฉานและเชี่ยวชาญด้วยการเรียนรู้อรรถกถา ซึ่งเป็นคัมภีร์อธิบายความของพระไตรปิฎกน้ันต่อไป ในคู่มือฉบับนี้ เป็นการนาเสนอถึงการทาความเข้าใจความหมายของปาฬิ เป็นเบื้องต้น โดยการเสนอ ความหมายของแต่ละศัพท์ท่ีบรรจุในพระไตรปิฎก หรือ พระพุทธพจน์ ในลักษณะการให้ความหมาย (อาจเรยี กว่า การแปลง) แบบคาต่อคา (Word by Word translation) ให้ผู้เรียนรู้ให้เข้าใจก่อน แล้ว ตอ่ จากนนั้ จงึ จะสามารถตอ่ ยอดการเรยี นร้เู พ่ือใหแ้ ตกฉานด้วยการเรยี นรู้อรรถกถาตอ่ ไปได้ พระสตุ ตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎกิ วรรค พระสตุ ตันตปิฎก ทีฆนกิ าย ปาฎิกวรรค เปน็ พระไตรปฎิ กเล่มท่ี 11 ของพระไตรปิฎก จานวน 45 เล่ม ฉบับมหาจุฬาเตปิฏก และนับเป็นคัมภีร์เล่มที่ 13 ของทีฆนิกายของพระสุตตันตปิฎก ซ่ึงพระ สุตตนั ตปฎิ กทีฆนิกาย จะมี 3 เลม่ คอื เล่มท่ี 1 พระสุตตนั ตปฎิ ก ทีฆนิกาย สลี ขนั ธวรรค ซ่ึงเป็นพระไตรปิฎกเล่มท่ี 9 เล่มท่ี 2 พระสุตตนั ตปิฎก ทีฆกาย มหาวรรค จัดเป็นพระไตรปิฎกเล่มท่ี 10 เล่มที่ 3 พระสตุ ตนั ตปฎิ ก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค เป็นพระไตรปิฎกเลม่ ท่ี 11
147 พระสุตตนั ตปิฎก ทฑี นิกาย ปาฎิกวรรค ซึ่งเป็นคัมภีร์พระสูตรเล่มที่ 3 และเป็นพระไตรปิฎก เล่มท่ี 11 น้ัน หมายถึง หมวดหมู่ที่ว่าด้วยปาฎิกสูตร ซึ่งเป็นสูตรท่ี 1 ของพระสุตตันตปิฎกเล่มน้ี เมื่อ พิจารณาถึงจานวนของพระสูตรท่ีปรากฏในพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกายฉบับน้ี เป็นพระไตรปิฎกท่ี บรรจุพระสูตรทั้งหมด 11 สูตร คือ 1. ปาฎิกสูตร 2. อทุ ุมพรกิ สตู ร 3. จกั กวัตตสิ ูตร 4. อคั คัญญสตู ร 5. สมั ปสาทนยี สูตร 6. ปาสาทกิ สูตร 7. ลกั ขณสตู ร 8. สงิ คาลกสตู ร 9. อาฎานาฎยิ สตู ร 10. สงั คีติสตู ร 11. ทสตุ ตรสตู ร ท่มี าของชื่อพระสตู รในพระสุตตนั ตปฎิ ก ทีฆนิกาย ปาฎกิ วรรค ทว่ี ่าดว้ ยปาฎิกสูตร เม่ือพิจารณาถึงที่มาของชื่อ พระสูตรท่ีปรากฏในพระสูตรเล่มที่ 3 ของพระสุตตันตปิฎก ทีฆ นิกาย หรือเล่มท่ี 11 ของพระไตรปิฎก นี้ ท่ีมาของแต่ลพระสูตรของจานวน 11 สูตร ได้มีการแปลชื่อ ของพระสูตรแต่ละสตู รไวด้ งั นี้ ๑. ปาฎิกสตู ร – พระสตู รว่าดว้ ยนักบวชเปลอื ยชื่อปาฎิกบตุ ร ๒. อุทมุ พรกิ สูตร – พระสตู รวา่ ด้วยการบันลอื สหี นาทท่ีอทุ ุมพริการาม ๓. จักกวตั ติสตู ร – พระสูตรวา่ ด้วยพระเจ้าจกั รพรรดิ ๔. อัคคัญญสตู ร – พระสูตรวา่ ด้วยตน้ กาเนิดของโลก ๕. สมั ปสาทนียสตู ร – พระสูตรว่าด้วยความเลือ่ มใสในพระผู้มีพระภาค ๖. ปาสาทกิ สตู ร – พระสตู รวา่ ด้วยเหตใุ ห้เกิดความเล่ือมใส ๗. ลักขณสตู ร – พระสตู รว่าด้วยลักษณะมหาบรุ ุษ 32 ประเภท ๘. สิงคาลกสูตร – พระสตู รว่าด้วยสงิ คาลกมาณพผู้ทาการไหว้ทิศ ๙. อาฎานาฎิยสูตร – พระสูตรว่าด้วยมนตเ์ ครอื่ งรักษาช่ือ อาฎานาฏยิ ะ ๑๐.สังคตี ิสูตร – พระสตู รวา่ ดว้ ยสังคายนา (โดยพระสารบี ตุ ร) ๑๑.ทสุตตรสตู ร – พระสูตรวา่ ด้วยธรรม 1 ถงึ 10 ประการ สาหรบั ตัวอย่างของบทแปลท่ีคัดมาแสดงไว้ในคู่มือฉบับนี้เป็นตัวอย่างจากบทแปลพระสูตรท่ี 1 ของคมั ภีรเ์ ลม่ ท่ี 11 น้ี คอื ปาฎกิ สตู ร ซงึ่ แปลวา่ พระสูตรว่าด้วยนกั บวชเปลือยช่ือปาฎิกบุตร ปาฎิก บุตรเปน็ ชอื่ ของนักบวชเปลือยคน 1 ใน 3 คนที่ปรากฏชื่อในพระสูตรน้ี นักบวชเปลือยทั้ง 3 คือ โกรัก ขัตติยะ กฬารมัธฌกะ และ ปาฏิกบุตร ซึ่งเป็นชื่อของพระสูตรท่ีได้คัดตอนมาแสดงเป็นการแปล ตัวอย่างในบทนี้ และเป็นช่ือที่พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเอ่ยถึงไว้ในพระสูตร เป็นช่ือนักบวชเปลือยท่ีได้
148 สาคัญว่าตนก็เป็นพระพุทธเจ้าได้รู้สัพพัญญตญาณ (ญาณวาท) จึงท้าให้พระพุทธเจ้ามาแสดง ปาฏิหาริย์ เหนือธรรมดามนุษย์แข่งกับตน เป็นช่ือที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเอ่ยถึงจากการที่ทรงแสดง ปาฎิกสตู รใหแ้ ก่ภคั ควโคตรปริพาชก ณ อารามของปริพาชกนี้ ซ่ึงตั้งอยู่ในเขตอนุมิยนิคม แคว้นมัลละ โดยทรงปรารภคาทูลถามของภัคควโคตรปริพาชกเร่ืองเจ้าสุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตรลาสิกขา ไม่อยู่อุทิศ พระผู้มีพระภาคอีกต่อไปในพระสูตรนี้ ได้ทรงเล่าถึงสาเหตุที่สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร ลาลิกขาให้ภัคคว โคตรปรพิ าชกฟัง ซงึ่ เป็นชื่อปาฎิกบุตร เป็น 1 ใน 3 นักบวชเปลือยท่ีเจ้าสุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร นับถือ ว่าเป็นพระอรหันต์ชั้นดีทง้ั 3 คน เนอ้ื หาที่ปรากฏในพระสูตรบทแปล ในปาฎกิ สูตร เนอื้ หาสาคญั ของพระสูตรน้ี เป็นเร่ืองที่พระอานนท์ได้เล่าถึงเหตุการณ์คร้ังหนึ่ง ท่พี ระพทุ ธเจา้ ได้เสด็จประทบั อยทู่ ีอ่ นุปยิ นิคม ไดเ้ สดจ็ เขา้ ไปบณิ ทบาตในเมอื งนั้น แต่ทรงเห็นว่ายังเช้า อยู่ จงึ เสดจ็ ไปทอ่ี ารามของภคั ควโคตรปริพาชก ซ่ึงถวายการต้อนรับพระผู้มีพระภาคอย่างดีและได้ทูล ว่า เจ้าสนุ กั ขัตตะลจิ ฉวีบุตร เมอื่ กอ่ นบวชในพระพุทธศาสนาไดเ้ ป็นสหายของภัคควโคตรปริพาชกที่ไป มาหาสู่กันอยูเ่ สมอทัง้ ก่อนบวชและระหวา่ งบวช จนกระท่ังตอนลาสิกขาก็ได้มาหาภัคควโคตรปริพาชก และไดเ้ ลา่ วา่ ตนได้ลาสิกขาแล้ว ไม่อยู่อุทิศพระผู้มีพระภาค (ภควน̣ต อุท̣ทิสฺส – คาแสดงเจดจานงขอ ผ้บู วชวา่ “พระผู้มพี ระภาคเป็นศาสดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะปฏิบัติตามพระโอวาทของพระผู้ มพี ระภาคเจ้า”) อกี ตอ่ ไป เมื่อภัคควโคตรปริพาชกทูลถามว่าที่เจ้าสุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตรมาบอกตนว่า ได้ลาสิกขาแล้ว ไม่อยู่อุทิศพระผู้มีพระภาคอีกต่อไปแล้ว เป็นความจริงหรือไม่ ทรงตอบว่า จริง และ ทรงเล่าให้ฟังว่า เจ้าสุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร ซ่ึงตอนเป็นพระภิกษุเคยทาหน้าท่ีอุปัฏฐากพระองค์อยู่ ระยะหน่ึงน้ัน ได้มาเฝา้ เพ่อื ทลู ลาสิกขา โดยอ้างเหตผุ ล 2 ประการ คอื 1) เพราะพระองค์ไม่ทรงแสดงอทิ ธิปาฎหิ ารยิ ์ให้ดู 2) เพราะไม่ทรงประกาศทฤษฎีว่าด้วยตน้ กาเนิดของโลก ซ่ึงในกรณนี ้ี พระผู้มพี ระภาคไดท้ รงเล่าให้ภัคควโคตรปริพาชก ฟงั ถึงพฤติกรรมและความคดิ ของเจา้ สุนักขัตตะ ลิจฉวีบตุ รท่ที ลู ลาสกิ ขาวา่ 1) เร่ืองการบอกคืนสิกขาไม่อยู่อุทิศพระองค์ ทรงถามเจ้าสุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร ว่าทรง ขอร้องให้มาอุทิศพระองค์หรือไม่ เมื่อเขาทูลว่า ไม่ทรงขอร้อง จึงตรัสสรุปว่า เม่ือไม่ทรง ขอร้อง กไ็ มใ่ ชเ่ รือ่ งทีจ่ ะมาบอกคืน 2) เรอื่ งการแสดงอิทธปิ าฎิหาริย์ ทรงถามวา่ ทรงเคยให้สญั ญาหรอื ไม่ว่า ถ้าอยู่อุทิศพระองค์ จะทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้ดู เม่ือเจ้าสุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร ตอบว่า ไม่เคยทรงให้ สัญญา และตนก็ไม่ได้ขอคาสัญญา จึงตรัสสรุปว่า ก็ไม่ใช่เร่ืองที่จะมาบอกคืน ซึ่งได้ทรง ถามเจ้าสุนักขัตตะ ต่อไปอีกว่า พระธรรมท่ีทรงแสดงจะช่วยพ้นทุกข์หรือไม่ ทูลตอบว่า
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196