Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือบรรลุธรรมในธรรมชาติตนเอง

คู่มือบรรลุธรรมในธรรมชาติตนเอง

Published by pakamas3008, 2020-02-11 01:24:57

Description: คู่มือบรรลุธรรมในธรรมชาติตนเอง

Keywords: ธรรม

Search

Read the Text Version

การบรรลุธรรม แท้จริงไม่มีการบรรลุอะไร หรือทำาอะไรให้ได้บรรลุธรรม กลุ่มสะเก็ดกาว ผู้เขยี น .. ตวั เหีย้ ..ท่มี อี สิ ระแลว้



บรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ...บรรลุธรรม เป็นเพียงค�ำกล่าวลอยๆ โดยธรรมชาติเดิมแท้ที่เป็นจริงตลอดเวลาน้ัน มีเพียงความรู้สึก สู่ ความรู้สึกเท่าน้ัน มีความรู้สึกที่มีร่วมกันอย่างมีอิสระตลอดเวลา กลมกลืนกันในธรรมชาติตรงน้ัน ท่ีไม่มีใครเป็นเจ้าของ ธรรมชาติจึงไม่มีเร่ืองราว ให้บรรลุอะไรในเร่ืองราวตรงนั้น มีเพียงความจริงท่ีมีอยู่ เหมือนสิ่งที่มีแต่ไม่มีเรื่องราวใดๆ เพราะต่างมีอิสระร่วมกัน จึงไม่แตะต้องกันและกัน เปรียบเหมือน บรรลุธรรม ที่ไม่ต้องบรรลุอะไร หรือท�ำอะไร ให้ได้บรรลุธรรม... ผูเ้ ขยี น .. ตัวเห้ยี ..ท่มี ีอสิ ระแลว้

ค�ำน�ำ ผเู้ ขยี นไดเ้ ขยี นหนงั สอื เลม่ นจ้ี ากประสบการณ์ ขอมอบใหเ้ ปน็ วทิ ยาทาน เปน็ ธรรมทาน แดน่ กั เดนิ ทางทกุ ทา่ น ทแ่ี สวงหาสจั จะตนเอง และบคุ คลในกลมุ่ สะเก็ดดาว เนื้อหาท้ังหมดเป็นเพียงค�ำกล่าวลอยๆ เท่าน้ัน “ธรรมใดเกิดแต่ เหตุ” ค�ำว่า “เหตุ” ในธรรมนัน้ เปน็ ประสบการณท์ ต่ี นเองไดท้ ดสอบ ทดลอง จงึ สามารถเขา้ ถงึ ตน้ เหตใุ นธรรมชาตติ นเองได้ การเขา้ ถงึ ธรรมชาตทิ เ่ี ปน็ เหตุ จงึ ไม่มีผลตามมาให้เชื่อมโยงในเรอ่ื งราวใดๆ อกี จึงไม่มรี ่องรอยตนเองให้ค้นหา ผเู้ ขียนไดเ้ ดนิ ทางเข้าไปสู่ตน้ เหตุของเรอ่ื งราวตนเองในอดตี “เพราะ ความไม่รู้ในขณะนั้นจึงไปเล่นในเหตุ ท�ำให้ติดแน่นเหนียวหนึบอยู่ในผลจาก เหตุตรงน้ัน” แรกๆ ก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหน โดนธรรมชาติ รอบตนเองนน้ั เขา้ มาทดสอบ บบี ค้นั กดดนั ปดิ กั้นขดั ขวางตลอดทาง แตด่ ว้ ย ศรัทธาที่ม่ันคง หนักแน่น เด็ดขาด และยอมตายเพื่อแลกในศรัทธาตนเอง ผู้เขียนก็ได้ธรรมชาติมาเป็นครูด้วยพร้อมกัน ที่คอยอบรมส่ังสอนและเกื้อกูล ให้ในธรรมชาติ ธรรมชาติจึงเป็นทั้งผู้ท�ำลายและผู้ให้ หากผู้รับน้ันม่ันคง หนักแน่น เดด็ ขาด และยอมตายเพือ่ ศรทั ธาของตนเอง 4

คู่มอื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ความส�ำเร็จของผู้เขียนจึงไม่ได้มีความส�ำคัญอะไรกับตนเองอีก เพราะไมส่ งสยั อะไรในธรรมชาติแลว้ เห็นถงึ ประโยชนส์ งู สดุ กบั ผู้ทยี่ ังแสวงหา ในสัจธรรมของผู้อื่น ท่ีต้องการค้นหาธรรมชาติเดิมแท้ของตนเองคืออะไร เดนิ ทางแบบไหนท่จี ะเขา้ ใจ เขา้ ถงึ ในธรรมชาตติ นเองได้ จากทบ่ี รรยายเปน็ คลิปเสียงไว้ให้คนในกลุ่มสะเก็ดดาวได้ฟัง และเขียนเป็นคู่มือหนังสือเล่มน้ี เพอื่ มอบให้เปน็ วิทยาทานเป็นธรรมทานแก่ทุกคน โดยไม่ไดห้ วังผลตอบแทน ใดๆ จากใคร ไม่ต้องการลาภยศสรรเสรญิ ใดๆ หากใครจะตอบแทน ก็ขอการ ตอบแทนสูงสุด คือเดินทางเข้าสู่เน้ือหาตนเองให้ได้ หมดสงสัยในธรรมชาติ ตนเองให้ได้ คอื สงิ่ ตอบแทนท่ผี เู้ ขยี นตอ้ งการ หากใครทำ� ไม่ไดไ้ ปไมถ่ ึงกถ็ อื ว่า โมฆะธรรมกนั ไป เพราะผเู้ ขยี นไมไ่ ดเ้ ปน็ อะไรใหใ้ ครยดึ มน่ั ถอื ครอง ไมไ่ ดเ้ ปน็ ครู ไมไ่ ดเ้ ปน็ อาจารย์ ไม่ไดเ้ ป็นทีพ่ ่ึงใดๆ ให้ใคร เน้อื หาท่ีชีแ้ ละสะกิดในคู่มอื เล่ม นเ้ี ปน็ เพยี งแนวทาง ทท่ี กุ คนตอ้ งแสวงหาในเรอ่ื งราวตนเอง ตอ้ งทำ� ดว้ ยตนเอง เข้าถึงใหไ้ ดใ้ นเร่ืองราวตนเอง เป็นผู้รูเ้ องในเร่อื งราวของตนเอง ประจักษ์แจ้ง ในธรรมด้วยตนเอง และหมดสงสัยในธรรมชาติตนเอง เป็นที่พึ่งพาตนเอง เท่านนั้ ถึงจะสำ� เรจ็ ประโยชน์ ต้นเหตแุ ห่งธรรมชาติ คอื ไม่มีเร่ืองราวในเหตุ เปน็ สิ่งทไ่ี มม่ ีเกดิ ดับ ในธรรมชาติตนเอง ต้นเหตแุ ห่งธรรมชาติ คอื ไมม่ ีเรือ่ งราวในเหตุ ความหมายในคำ� กล่าว ลอย ๆ ตรงนี้ คือเรอ่ื งราวท่ีทุกคนต้องค้นหาความจรงิ ของตนเองให้เจอ อยา่ ตดิ อยใู่ นตวั หนงั สอื ทอี่ า่ นในคมู่ อื เลม่ นี้ หากท่านตดิ อยแู่ คค่ วามจำ� ในตัวหนงั สือ ตรงน้ี ก็หลงกล ติดบว่ งในธรรมชาตติ นเองไปแล้ว 5

คูม่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง เนอ้ื ธรรมทผี่ เู้ ขยี นไดเ้ ขยี นบรรยายไวใ้ นหนงั สอื เลม่ น้ี มเี รอ่ื งราวเนอื้ หา ในความรสู้ กึ จรงิ ๆ ของตนเองอยเู่ พยี งประมาณ 20 % ทไี่ ดเ้ ดนิ ทางไปถงึ ทสี่ ดุ แลว้ นบั วา่ เป็นเปอร์เซน็ ต์ทีต่ �่ำมากในความจริงของตนเอง อ่านแล้วกอ็ ย่าไปตดิ ใน กบั ดกั เนอ้ื หาเรอ่ื งราวใดๆ ในภาษา หรอื ความหมายใดๆ ของตวั หนงั สอื เลม่ น้ี ท่านต้องพยายามฟังและอ่านอย่างช้าๆ ในเน้ือหาที่ผู้เขียนบรรยาย แล้วน้อมน�ำเร่ืองราวตนเองข้ึนมาแทนที่ในเนื้อหาที่ผู้เขียนชี้และสะกิดให้ดู ความจริงในธรรมชาติตนเองแบบของใครของมัน ดูเร่ืองราวภายในตนเอง ท่ีรู้สึกอยู่ตลอดเวลา ตรงนั้นคือต้นเหตุของท่านเองเป็นความจริง การหมด สงสยั ในธรรมชาตคิ ือหมดสงสยั ในเน้ือหาธรรมชาติตนเอง จงึ ไม่ตอ้ งสนใจใน เน้ือหาของผู้อื่นโดยเด็ดขาด เพราะไม่มีใครช่วยใครได้จริงๆ หรอก ผู้เขียน ขอยนื ยนั มตี นเองเทา่ นน้ั ทเ่ี ปน็ ทพ่ี ง่ึ ของตนเอง ทจ่ี ะชว่ ยตนเองไดต้ ลอดรอดฝง่ั จะต้องผา่ นบททดสอบในเนื้อหาของตนเอง มธี รรมชาติรอบตัวของตนเองอกี เช่นกันท่ีเป็นผู้มาทดสอบ ไม่ได้มีเร่ืองราวใดๆ ในต�ำราที่เคยจ�ำและแบกไว้ ไม่มีเรื่องราวของผู้เขียน ในขณะท่ีท่านเดินทาง มีแต่เรื่องราวของท่านล้วนๆ ทตี่ อ้ งดแู ละรู้ ในเนือ้ ตรงน้ันให้ถ่องแท้ ประจักษแ์ จ้ง ทุกขณะในการเดนิ ทาง อิสระเดิมแท้ท่ีหมดสงสัยในธรรม ท่านจึงคิดเอาเองไม่ได้ คาดคะเน อุปมานแทนค่าไม่ไดใ้ นภาษา ในความจำ� ในคำ� พูด จึงไมต่ อ้ งใชภ้ าษาและคำ� พูดไปกล่าวถึง “อิสระเดิมแท้ที่หมดสงสัยในธรรม” ตนเองเท่านั้นที่จะเข้าไป ดแู ละรดู้ ว้ ยตนเองในสง่ิ ๆ น้ี เปน็ การพสิ จู นธ์ รรมชาตติ นเองทไี่ มต่ อ้ งไปอธบิ าย หากไดเ้ ขา้ ถงึ แทจ้ รงิ จะรไู้ ดเ้ ฉพาะตน วา่ ไมส่ ามารถพดู และกลา่ วคำ� ใดๆ แทน คา่ สิ่งๆ น้ีไดเ้ ลย ผู้เขียนขอเป็นก�ำลังใจให้กับทุกท่าน ที่เป็นนักเดินทางที่มีความเด็ด เดยี่ ว หา้ วหาญ เดด็ ขาด มคี วามปรารถนาสงู สดุ ในการแสวงหาสจั ธรรมตนเอง 6

ค่มู ือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง เพ่ือเข้าถึงธรรมชาติแท้จริงของตน จงมีศรัทธาในตนเอง เช่ือมั่นในตนเอง ไม่หว่ันไหวกับธรรมชาติรอบตัวท่ีจะมาทดสอบมาพิสูจน์ในศรัทธาของท่าน อย่าลงั เลในขณะเดนิ ทาง ต้องเดด็ ขาดหา้ วหาญ เป็นนักรบทีพ่ ร้อมจะตายใน สนามรบ ไม่มถี อยหนใี นอุปสรรคทีก่ ีดขวาง มีสจั จะทมี่ งุ่ มั่นรักษาในศรัทธาที่ เดด็ เดย่ี ว มคี วามเพยี ร ไมย่ อมแพก้ บั ธรรมชาตทิ มี่ าทดสอบ อดทนตอ่ อปุ สรรค ตา่ งๆ ทป่ี ระดังเขา้ มา ทา่ นจะต้องชนะกบั ธรรมชาติตนเองก่อน ถึงจะเข้าใจใน ต้นเหตุของตน ว่าแท้จริงคืออะไร เดี๋ยวก็รู้ หากท่านไม่ท้อแท้ในตนเอง เสยี กอ่ น เนื้อหาในการเดินทางของผู้เขียนในคู่มือบรรลุธรรม ในธรรมชาติ ตนเอง แบ่งเป็น 3 ช่วงในการเดินทาง ช่วงแรกคือ เปรียบเน้ือหาที่มีอยู่ ภายในตนเองเปน็ มหาสมทุ รทีก่ วา้ งใหญ่ ตามงมหาเขม็ ในมหาสมทุ รภายใน ธรรมชาตติ นเอง ชว่ งที่สอง พบเขม็ เจอเขม็ แล้วแตก่ ย็ งั เล่นอยู่กับเข็ม และช่วง ที่สามช่วงสุดท้ายเบื่อหน่ายในเข็มท่ีเจอที่เล่นอยู่ จึงทิ้งเข็มท่ีเจอกลับคืนสู่ มหาสมุทรภายในธรรมชาติตนเอง ปลอ่ ยให้เปน็ อสิ ระร่วมกัน ไดเ้ ข้าใจความ จริงในธรรมชาติตนเอง ไม่เคยเป็นเจ้าของในธรรมชาติใดๆ คือเหตุ ไม่มี เหตุในธรรมน้ัน ผลทงั้ หลายกห็ ายไป.. สุดท้ายตรงน้ี ผเู้ ขยี นขอขอบใจกบั กลุ่มสะเกด็ ดาวทีท่ ำ� ใหห้ นังสอื เลม่ นส้ี ำ� เรจ็ ลงได้ และกต็ อ้ งขออภยั หากการเขยี นคำ� สะกดคำ� ในภาษาผดิ พลาดไป เพราะตนเองไมม่ ปี ระสบการณใ์ นการเขยี นหนงั สอื ใชค้ วามรสู้ กึ ตนเองถา่ ยทอด ออกมา ข้อความอาจต้องมีตกหล่นบ้าง จึงขออภัยทา่ นผ้อู า่ นทกุ ท่าน ...โชคดี...% 7

สารบัญ ช่วงแรก งมหาเขม็ ในมหาสมุทรท่กี ว้างใหญ่ภายในธรรมชาตติ นเอง ............................................. 10 จะพบเข็มได้ตอ้ งสร้างก�ำลงั ใจหา้ วหาญเดด็ เดย่ี ว ............................................................................................ 12 ท�ำความเข้าใจเรือ่ งวงเวยี นแห่งชีวติ แบบธรรมชาติตนเอง รูส้ กึ ได้แต่แตะตอ้ งไมไ่ ด้ ....... 16 เร่ิมเขา้ สู่ชว่ งที่สอง พบเข็ม ในมหาสมุทรภายในธรรมชาติตนเอง .................................................... 21 ตามมาดสู งิ่ กระทบทท่ี า่ นรสู้ กึ ตลอดเวลาแตแ่ บกกนั ตลอดเวลา มตี น้ เหตมุ าจากอะไร ...... 24 ปจั จุบนั ซอ้ นปจั จบุ ันที่รสู้ กึ ข้ามปจั จุบนั ท่เี ปน็ เดิมแทต้ นเอง ................................................................. 27 ความซับซ้อนในการเดนิ ทางย้อนทวนกลับไปสตู่ ้นตอในเหตตุ นเอง ............................................. 30 ช้แี ละสะกิด ใหด้ คู วามจรงิ การยอ้ นทวนเน้อื หาตนเอง .............................................................................. 34 เจอเข็มแตแ่ ตะตอ้ งเออื้ มจบั เขม็ ไม่ได้ ดูและรเู้ ทา่ นัน้ .................................................................................. 38 ธรรมชาตสิ อนธรรมชาตติ นเอง ........................................................................................................................................ 43 ร้คู วามจริงของธรรมชาติตนเองเหมอื นเป็นสิง่ ๆ เดยี ว ............................................................................... 46 นมิ ิตท่ีเกิดข้นึ เองตามธรรมชาติทีไ่ ม่รูต้ ัว .................................................................................................................. 48 ทง้ิ ตัวตนลงแล้วความมีทกุ อย่างหายไป .................................................................................................................... 52

ท้ิงเข็มกลบั คืนลงสมู่ หาสมทุ รในธรรมชาติของตนเอง ................................................................................. 54 ธรรมชาติและตนเองเปน็ สง่ิ เดียวกัน .......................................................................................................................... 57 ชว่ งทส่ี าม ทงิ้ เขม็ กลบั คืนสูม่ หาสมุทรในธรรมชาติตนเอง ....................................................................... 60 ธรรมชาติท่เี ดนิ ทางไปถึง หมนุ ทวนเข็มยอ้ นกลับ ............................................................................................ 63 เพราะความเชื่อตามผูร้ เู้ รอ่ื งราว จึงเข้าไม่ถึงธรรมชาตติ นเอง .............................................................. 65 ธรรมชาติเดิมแทม้ อี สิ ระตลอดเวลา .............................................................................................................................. 68 ธรรมชาตเิ ดิมแท้ จึงเป็นคำ� ลอยๆ ต้องพิสูจนค์ วามจรงิ ............................................................................ 72 ดู และ รู้ คืออะไร 76.......................................................................................................................................................................... ฝึกวนิ ยั ใหเ้ ปน็ นิสัย ดว้ ยกำ� ลงั ใจภายในตนเอง ................................................................................................ 78 ความเขา้ ใจท่ไี หลตามธรรมชาติ คอื ความจำ� ของตนเอง ........................................................................... 82 เหตุแหง่ ธรรมเมอ่ื เขา้ ถึงไมม่ ีผลแหง่ ธรรม .............................................................................................................. 86 ความจำ� มีอิสระในตนเอง ไม่มใี ครเป็นเจ้าของเชน่ กัน ................................................................................. 91 สงิ่ ทีม่ ีเหมอื นไมม่ ใี นธรรมชาติ ไม่มีใครไดเ้ ปน็ เจ้าของความมีหรอื ไม่มใี ดๆ ......................... 100 อยกู่ บั รู้ตามธรรมชาติ 109............................................................................................................................................................. ตนเองเป็นตัวเหี้ย จงึ ไมร่ ู้ว่าอรหนั ตเ์ ป็นตวั อะไร ........................................................................................... 115 บทสดุ ทา้ ย งมเขม็ เจอเขม็ ปลอ่ ยเขม็ ทีม่ เี ฉพาะตัว ................................................................................. 117

เกร่ินน�ำ ค้นหาตนเองได้เจอ ก็เข้าถึงธรรมชาติเดิมแท้ ผู้เขียนขออนุญาตโยงใยเรื่องราวความเป็นมาของตนเองก่อนจากเร่ิม ตน้ จนถงึ วนั ทห่ี มดสงสยั ธรรมชาตติ นเอง ใชเ้ วลาเดนิ ทาง 15 ปกี วา่ ชว่ ง 5 ปแี รก กง็ มหาเข็มในมหาสมทุ รภายในธรรมชาตติ นเอง ปีท่ี 6 ถงึ ปที ่ี 15 เจอเข็มใน มหาสมุทรก็ติดอยู่ตรงนั้น ช่วง 4 เดือนสุดท้าย จึงเข้าใจว่าเข็มท่ีเจอนั้นเป็น เพยี งธรรมชาตทิ มี่ อี ยแู่ ตค่ รอบครองไมไ่ ด้ จงึ พบสจั ธรรมตนเอง เปรยี บเหมอื น มีแต่ไมม่ เี จ้าของ เปน็ อิสระแทจ้ ริงในธรรมชาติ ในอดีตผู้เขียนก็หลงทาง ไม่มีต้นแบบไม่มีความรู้อะไร แต่อยากจะ หมดสงสัย อยากจะเป็นอรหันต์ ไม่รู้ความหมายว่าคืออะไร รู้สึกว่าหากเป็น ได้จริงๆ คงวิเศษมากกับตนเอง ค้นหาตนเองอยู่หลายปีก็ยังสงสัยตนเองอยู่ แบบนน้ั จนมานงั่ ถามตนเอง “ตนเองคอื ใคร” กต็ อบตนเองไมไ่ ดไ้ มร่ วู้ า่ ตนเอง คือใครในตอนนนั้ การว่ิงไลจ่ บั ตนเองแบบไม่รนู้ ัน้ ไมใ่ ชท่ างออกที่จะนำ� ผู้เขียน ไปสู่อิสระในตนเองได้ แล้วอะไร? ที่จะพาผู้เขียนไปถึงที่สุดในการหมด สงสัยธรรมชาติได?้ 10

ธรรมชาติเดิมแท้ของตนเองท่ีมีน้ัน ไม่เคยเปล่ียนแปลงเนื้อหาเร่ืองราว สิ่งท่ีเปลี่ยนแปลงไปในความรู้สึก คือเรื่องราวตนเองที่ปรุงแต่งกับธรรมชาติ จึงเกิดเนื้อหาเร่ืองราวตนเองที่ปรารถนา อยากได้ อยากมี อยากเป็น ยึดมั่น ครอบครอง เนื้อหาเร่ืองราวความอยากตนเอง จึงมีความสงสัยกับตนเองตลอดเวลา 11

คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ช่วงแรก งมหา “เข็ม” ในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ภายในธรรมชาติตนเอง การเดินทางเร่ิมต้นของผู้เขียนน้ันยากล�ำบากเหมือนต้องทดสอบ ทดลอง พิสูจน์ ท้าทายตนเองในเน้ือหาต่างๆ ตลอดเวลาเพื่อหาค�ำตอบให้ ตนเอง “ธรรม” คืออะไร อะไรและอะไร ? การเป็นคนโง่ขี้สงสัยของผู้เขียนน้ีก็มีส่วนดี ส่วนดีก็คือ มีศรัทธากับ ตนเอง มีสัจจะ มคี วามเพียร มีความอดทน ทใ่ี ช้เป็นแรงกระตุ้นผลักดนั ค้นหา คำ� ตอบในความจริงของธรรมชาตทิ ่ีเป็นธรรมชาตเิ ดมิ แท้ คืออะไร ? เรม่ิ ตน้ จากศรัทธาตนเองลว้ นๆ ท่อี ยากรูค้ �ำว่า ตรสั รู้ คอื อะไร ธรรม คืออะไร และผูร้ ู้ตาม จะท�ำไดอ้ ย่างไร ความสงสัยส่วนตัวของผ้เู ขียนก็เหมอื น เด็กนิสยั ไมด่ ชี อบนนิ ทาและลบหล่สู ่ิงสูงสดุ ในตอนนัน้ เพราะความไมร่ ู้ และ งงบวกความสงสัยกับเรื่องแบบนี้ ว่าจะเริ่มต้นจากอะไรก่อนหลัง อ่านค�ำภีร์ พระไตรปิฎกก็ใช้ภาษาที่ยากอ่านแล้วไม่เข้าใจ ฟังเสียงการเทศน์การสอน ธรรมะกเ็ ขา้ ไมถ่ งึ ใจ รสู้ กึ เหมอื นการเรม่ิ ตน้ ทจ่ี ะหมดสงสยั ในธรรมชาตติ อนนนั้ คงไม่มโี อกาส เพราะระเบียบการยาวเป็นหางวา่ ว... ชาตนิ ค้ี งไมม่ ีทางไปถึงได้ ผเู้ ขยี นยอมรบั เลยวา่ ไมร่ อู้ ะไรจรงิ อะไรไมจ่ รงิ ไมเ่ ขา้ ใจตนเอง ขบวนการขนั้ ตอน การเดนิ ทางทยี่ ่งุ ยากและซับซอ้ นมากเกินไป ได้ศึกษาเรื่องราวประสบการณ์จากผู้รู้เรื่องราวทั้งหลายที่เดินทางจน ส�ำเรจ็ ตนเองกด็ ูเป็นแนวทาง อ่านต�ำรา หา “วล”ี เดด็ ๆ เพิม่ ก�ำลงั ใจตนเอง 12

คูม่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง รู้วา่ ตนเองไม่สามารถเดมิ ตามแบบใครได้ เหมือนว่าแต่ละคนมีบคุ ลิก มีสไตล์ มีแนวทาง มีรูปแบบเฉพาะตน ผู้เขียนเพียงจ�ำแนวทางมาปรับใช้ให้เข้ากับ ตนเองและเรมิ่ คน้ หาตนเองอยา่ งจรงิ ๆจงั ๆ แบบเอาเปน็ เอาตาย ไมถ่ อยฟาดฟนั กบั ความรู้สกึ อยู่อยา่ งนนั้ ผดิ ก็เรม่ิ ใหม่ ผดิ ก็เรม่ิ ใหม่ ผิดกเ็ ริม่ ใหม่ เริ่มใหม่จน จำ� ไมไ่ ด้วา่ มากมายขนาดไหน แต่ได้วัดความอดึ ความอดทนของตนเอง ก�ำลงั ใจเกินร้อยไม่มีถอย มีศรัทธาเต็มเปี่ยม มีสัจจะท่ีต้องการจะพิสูจน์ความจริง ของตนเองและผ้รู ู้ทงั้ หลายวา่ เขาร้อู ะไร ความเพียรทจ่ี ดจอ่ ไม่ยอมแพ้ ความ อดทนมีมากมายกับแรงบีบคั้นของธรรมชาติที่มาคอยทดสอบก�ำลังใจอยู่ ตลอดเวลา ใชเ้ วลาในการคน้ หาแนวทางอยนู่ านกบั การงมหาเขม็ ในมหาสมทุ รท่ี กว้างใหญ่มากภายในธรรมชาติตนเองอยู่ 5 ปี เป็นช่วงที่มึนงง และสงสัยใน ธรรมชาติมากมาย ตอนนนั้ กย็ ังไม่ร้ดู ้วยซ้�ำวา่ งมหาเขม็ อยู่ มาเข้าใจเรือ่ งราว ตรงนก้ี ต็ อนทที่ งิ้ เขม็ ไปแลว้ ไดก้ ลบั มานง่ั ทบทวนจากสงิ่ ทไ่ี มม่ ลี งมาสจู่ ดุ เรมิ่ ตน้ ถึงไดบ้ รรยายเนอื้ หาตรงน้ไี ด้ แบบทที่ า่ นได้อ่านในขณะน้ี ผู้เขียนค้นหาเส้นทางตนเองเจอในความจริงของธรรมชาติเดิมแท้ ทเ่ี ปน็ อสิ ระตลอดเวลาของตนเอง ความเปน็ อสิ ระตรงนน้ั แทนคา่ ดว้ ยภาษา แบบนไี้ ม่ได้ ร้สู ึกเพยี งว่าสง่ิ ๆ น้อี าศัยอยภู่ ายในร่างกายแต่ไม่เก่ยี วข้องกัน มอี ิสระต่อกนั พ่ึงพาอาศัยร่วมกนั เท่าน้ัน ผู้เขียนจะพาไปดูเนื้อหารายละเอียดที่ตนเองเดินทางไปถึงเรื่องราว ธรรมชาติเดมิ แท้ เพื่อชี้และสะกิดให้ทา่ นในกลุ่มสะเก็ดดาว และบคุ คลอน่ื ท่ีมี โอกาสได้พบหนังสือเล่มนี้ได้เดินตามมาอย่างถูกวิธี ทุกรายละเอียดตรงนี้ พวกท่านทกุ คนจะตอ้ งทำ� เอง เดนิ เอง เปน็ เอง รเู้ อง เขา้ ถึงเอง และหมดสงสยั ด้วยตนเอง ทุกขนั้ ตอนของการเดนิ ทางของพวกท่านนักเดนิ ทางท้ังหลายจะ ตอ้ งเดนิ ทางดว้ ยตนเอง เข้าไปดเู ร่อื งราวภายในเนื้อหาตนเองท่ีมอี ย่ภู ายใน ที่ เปน็ อสิ ระอยูต่ ลอดเวลา 13

คู่มอื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง จะพบเข็มได้ต้องสร้างก�ำลังใจห้าวหาญเด็ดเดี่ยว กอ่ นอนื่ ทา่ นจะตอ้ งมคี วามสบายใจกอ่ น ทำ� ใจใหส้ บายและสรา้ งกำ� ลงั ใจตนเองให้เข้มแข็งห้าวหาญเด็ดขาดพร้อมท่ีจะเผชิญเรื่องราวของตนเองใน ธรรมชาติที่จะมาทดสอบทุกขณะ การสร้างก�ำลังใจตนเองตามธรรมชาติที่ ผู้เขยี นจะช้ใี ห้ดูตรงน้ี คือการสร้างก�ำลงั ใจจากภายในท่เี ป็นอิสระอยู่แล้ว และ ผู้เขียนทำ� มาแลว้ คอื ต้องมีศรัทธาตนเอง ตอ้ งมสี จั จะตนเองใหม้ ่ันคงจนกว่า จะหมดสงสัยใหไ้ ด้ในชาติน้ี ตอ้ งมคี วามเพยี รพยายามสุดก�ำลัง ตอ้ งมีความ อดทนตอ่ การทดสอบของธรรมชาตทิ เี่ ขาจะทดสอบทา่ นตลอดเวลา เพราะเมอ่ื ทา่ นกลา้ ประกาศสจั จะตนเองออกไป “อยากหมดสงสยั ในธรรม” กต็ อ้ งเตรยี ม ตัวให้พร้อมรับแรงกระแทกจากธรรมชาติของตนเองโดยตรง สิ่งท่ีต้องมีใน การสร้างก�ำลงั ใจของตนเอง มี 4 หวั ขอ้ หลัก ท่ีต้องม่นั คงทำ� จนเป็นนิสัยเกดิ วินัยกบั ตนเองตลอดการเดินทาง *ศรทั ธาตนเอง ทา่ นจะต้องทิ้งเรอื่ งราวทีเ่ คยศรัทธาในอดตี ทั้งหลาย ออกไปก่อน เพราะศรัทธาอย่างอื่นไม่สามารถช่วยท่านให้หมดสงสัยได้ใน ธรรมชาติตนเอง หากทา่ นยงั หลงใหลในความเชอ่ื ในอดตี ในค�ำกล่าวลอยๆ ใน ต�ำราที่ยังจ�ำอยู่ และยังศรัทธาเรื่องราวค�ำสอนต่างๆ ที่ตนเองยังเข้าไปไม่ถึง แล้วยึดมั่น แบบน้ัน ก็เสียประโยชน์เปล่า “ศรัทธาแท้จริงคือศรัทธาตนเอง 14

คู่มือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ตรงนี้ ต้องเชื่อว่าตนเป็นผู้อาศัยที่มีอิสระอยู่แล้วตลอดเวลา เป็นผู้รู้ความ จริงในธรรมชาติตนเอง ท่ีต้องค้นหา และกลับมาเป็นส่ิงน้ีให้ได้” จึงต้อง เชื่อไวก้ ่อนในศรัทธาตรงนี้ เพราะเปน็ ธรรมชาติเดมิ แท้ตนเองตลอดเวลา *มีสัจจะ การประกาศสัจจะตนเองที่จะท�ำตนเองให้หมดสงสัยใน ธรรมชาติ เพ่ือรักษาโครงสร้างที่แข็งแรงเกื้อหนุนในศรัทธาท่ีมีของตน ท่ีจะ ท�ำให้หมดสงสัยได้ตอ้ งกล้าเผชิญกบั การทดสอบ การพสิ จู น์ *มคี วามเพียร เพอ่ื สร้างรากฐานทแี่ ข็งแกร่งม่งุ ม่นั เสริมโครงสรา้ งให้ สัจจะมน่ั คงแข็งแรงไม่ส่ันคลอนขณะเดินทาง *มคี วามอดทน เหมอื นเปน็ เสาเขม็ ทตี่ อกลงไปลกึ กลางแกน่ ตนเอง ใช้ ต่อกรฟาดฟันกับความรู้สึกทุกขณะของธรรมชาติตนเองท่ีเข้ามาทดสอบ กำ� ลงั ใจตลอดเวลา โดนบบี คนั้ กดดนั สารพดั อยา่ งในธรรมชาตติ นเองทต่ี อ้ งการ วดั กำ� ลงั ใจท่าน โดยหลักการขอ้ กำ� หนดตรงนี้ ท่านจะตอ้ งมใี ห้ครบทัง้ 4 ข้อ ตามที่ผู้ เขียนก�ำหนด หากขาดข้อใดข้อหนึ่งไปคุณธรรมจะไม่เก้ือหนุนท่าน เพราะ การจะหมดสงสัยในธรรมชาติตนเองนั้นหากท่านประกาศในก�ำลังใจตนเองที่ ลกึ สดุ ของความรสู้ กึ ภายในขณะนนั้ ขณะเดยี ว จะรสู้ กึ ถงึ แรงบบี คน้ั ของธรรมชาติ ตนเองทันที เพราะสิ่งๆ นี้คือส่ิงท้าทายเป็นเรื่องท่ีย่ิงใหญ่ในธรรมชาติตนเอง ถา้ มน่ั ใจว่าอยากจะหมดสงสยั จรงิ ก็ตอ้ งกลา้ ประกาศตนเองในความรู้สึกตรง นนั้ และรกั ษาสจั จะตรงนน้ั ของตนเองใหไ้ ด้ เดย๋ี วรเู้ อง เพราะเมอ่ื ประกาศแลว้ กต็ อ้ งท�ำให้ไดด้ ว้ ย การเดินทางไปสู่ความส�ำเร็จนั้นท�ำได้อย่างไร เร่ิมต้นท่านต้องท�ำใจ ใหส้ บาย หายใจใหล้ ึกๆ ผ่อนลมหายใจคลายความกังวลลง เพอ่ื สรา้ งก�ำลังใจ 15

คู่มอื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง จากภายในตนเองใหเ้ ขม้ แขง็ ไปเรอื่ ยๆ จนมคี วามหา้ วหาญเดด็ ขาดมน่ั คง *ตาม เคร่ืองหมายนี้ ท่านต้องท�ำให้ชินให้คุ้นเป็นนิสัยและมีวินัยกับตนเองตลอด เวลา การชแี้ ละสะกดิ รายละเอยี ดของผเู้ ขยี นในการเดนิ ทางสธู่ รรมชาตใิ หเ้ กดิ ผลสำ� เรจ็ กบั ทา่ นเองกจ็ ะไดผ้ ลแนน่ อน ทา่ นจะตอ้ งทำ� อยา่ งเครง่ ครดั และมวี นิ ยั กบั ตนเองตลอดเวลาดว้ ย เพราะทกุ ขณะของการเดนิ ทางของทา่ นนน้ั ธรรมชาติ ภายในของท่านเองจะมาทดสอบก�ำลังใจท่านตลอดเวลา บางคร้ังท�ำให้หลง ท�ำให้ฟุ้ง ท�ำให้มึนงง ธรรมชาติภายในของท่านที่ซ้อนทับกันอยู่ในความจ�ำที่ จ�ำไว้มากมายจะมาบิดความรู้สึกท่านให้ไปคนละทางกับเรื่องราวความจริง ของตนเองตรงน้ัน เขามีวิธีท่ีจะหลอกล่อท่านได้ทุกทาง พร้อมปิดกั้นความ จริงไม่ให้ท่านเข้าถึงสภาวะความจริงท่ีซ้อนกันอยู่ของความรู้สึกของท่าน ธรรมชาติภายในท่ีซ้อนทับกัน ขบกันอยู่ เขาเก่งมาก มีอุบายสารพัดอย่าง สารพัดวิธี เพ่ือทำ� ลายก�ำลงั ใจท่านในขณะเดินทาง เพราะจะหมดสงสัยไดจ้ รงิ ก็ตอ้ งผ่านบททดสอบของจรงิ ในธรรมชาติตนเองแบบของใครของมนั สำ� หรับ ผู้เขยี นเดินทางผ่านเร่ืองราวแบบนีม้ าแลว้ และส่ิงทเ่ี ขียนบรรยายตรงนก้ี เ็ ป็น ประสบการณข์ องตนเองในการเดินทางสคู่ วามส�ำเรจ็ ในธรรมชาติตนเอง สิ่งท่ีท่านได้พบได้รู้สึกตลอดเวลานั้นคือธรรมชาติความจริงของ ตนเอง จะรู้สึกที่กายท่ีใจก็เป็นความจริงตามธรรมชาติ แต่ธรรมชาติเดิมแท้ ของชีวิตน้ันเป็นเพียงเร่ืองราวที่เป็นอิสระร่วมกันอยู่ตลอดเวลาไม่มีใครเป็น เจา้ ของใคร เป็นเพียงสง่ิ ท่พี ง่ึ พาอาศยั อยูร่ ่วมกนั เพราะไม่รจู้ งึ เดินเข้าไปไม่ถงึ เร่ืองราวตนเองทีซ่ อ้ นทบั กันในเนอ้ื หาตนเอง ติดกบั ดกั ธรรมชาตติ นเองที่วาง ล่อไวข้ ้างทางตลอดเวลา ธรรมชาติทเี่ ปน็ ธรรมชาตเิ ดิมแทน้ นั้ ไม่มีเรอ่ื งราวใน ตนเอง อุปมาเป็นส่ิงๆเดียวกัน มีความรู้สึกแบบที่เป็น แบบที่เป็นตรงนี้ไม่ สามารถอธบิ ายเป็นภาษาแทนความรูส้ ึกได้ แต่ช้ีให้ดูได้ รสู้ กึ ได้ เขา้ ใจได้ แต่ 16

ค่มู ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง เมอื่ ดแู ลว้ เขา้ ใจแลว้ รสู้ กึ แลว้ กต็ อ้ งปลอ่ ยกลบั คนื สธู่ รรมชาติ ทา่ นจะครอบครอง ใดๆ ในส่ิงท่ีดูและรู้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะธรรมชาติแห่งการหมดสงสัยใน ธรรมชาตติ นเอง คอื ไม่มเี ร่อื งราวในตนเอง แต่ความไมม่ ีน่นั แหละคือตน้ เหตุ ที่ทุกท่านจะว่ิงไล่จับ พอไล่จับต้นเหตุความไม่มีปุ๊บ ธรรมชาติในความรู้สึก ตนเองในขณะนัน้ จะไหลลงไปสู่ผลของปลายเหตุเลย ซอ้ นกนั เรว็ มาก กลาย เปน็ มเี รื่องราวตรงน้นั ทนั ที ปรงุ แต่งเรยี บร้อยกับความไม่มไี ปเลย ธรรมชาติแห่งการหมดสงสัยในธรรมชาติคือไม่มีเรื่องราวในตนเอง การอธิบายข้อความตรงนี้ท่านต้องหยั่งลงไปให้ได้ การหย่ังน้ันท่านต้อง จับความรู้สึกภายในตนเอง สร้างก�ำลังใจตนเองให้แนบแน่นในศรัทธา คือ ตวั ผอู้ าศยั ทเี่ ปน็ อสิ ระอยแู่ ลว้ จบั ความรสู้ กึ อยตู่ รงนนั้ แลว้ มาดคู ำ� อธบิ ายตรงนี้ “การหมดสงสยั คอื ไม่มเี ร่อื งราวในตนเอง คำ� วา่ “ไมม่ ีเร่อื งราวในตนเอง” อปุ มาส่ิงๆ นนั้ เคยมเี ร่ืองราวเนือ้ หาอยู่กอ่ น แต่เร่ืองราวเน้อื หาตรงน้นั เม่ือ เดนิ ทางไปถงึ ไดด้ รู ายละเอยี ดในเรอ่ื งราวตรงนน้ั แลว้ รคู้ วามจรงิ ในเนอื้ หา เรื่องราวตรงนั้นแล้ว แท้จริงเป็นเพียงธรรมชาติในสิ่งที่มีตามธรรมชาติ ขณะหนงึ่ แคน่ น้ั ไมม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของเนอ้ื หาเรอ่ื งราวของความมใี นธรรมชาติ ตรงน้ัน จึงเห็นความจริงตามธรรมชาติ วางธรรมชาติความมีไว้ที่เดิม ท้ิง ความมีตรงนั้นไว้กับธรรมชาติตามเดิม จึงมีเหมือนไม่มีเร่ืองราวตนเองอยู่ อุปมา..การหมดสงสยั วางเหตุธรรมชาตติ นเองแบบนี”้ 17

คูม่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ท�ำความเข้าใจเรื่อง วงเวียนแห่งชีวิตแบบธรรมชาติตนเอง รู้สึกได้แต่แตะต้องไม่ได้ ผู้เขียนหมดสงสัยในธรรมชาติก็เพราะเข้าถึงความจริงของธรรมชาติ ในตน้ เหตแุ หง่ ธรรมชาติตนเอง เม่ือประจกั ษแ์ จง้ ในเหตุแห่งตน จึงเหน็ สภาวะ หมนุ วนในเนอ้ื หาสภาวะธรรมชาตติ นเองขณะนนั้ ธรรมชาตเิ ดมิ แทข้ องตนเอง เป็นเพียงผู้อาศัยท่ีอยู่อาศัยร่วมกันตามธรรมชาติตลอดเวลา ตนเองไม่เคย เปน็ เจา้ ของในธรรมชาตใิ ดๆ เลย ไมม่ ตี นเองในธรรมชาตติ ามภาษา ไมม่ ตี นเอง ในส่ิงปรุงแต่งใดๆ ไม่มีเนื้อธรรมใดท่ีตนเองเป็นเจ้าของ เม่ือไม่มีเรื่องราวใน ธรรมใดก็ไม่มีการปรงุ แตง่ ในธรรมนน้ั เมื่อการปรุงแต่งไม่มกี ไ็ ม่มคี วามจ�ำ เม่อื ความจ�ำไม่มีก็ไม่มีความคิด เร่ืองราวทุกอย่างก็หายไป ความหมายจึงไม่มี ความรสู้ กึ วา่ ยงั มตี นเองอยกู่ ไ็ มม่ ตี นเองอยใู่ นความมี เรอื่ งราวทกุ อยา่ งกม็ แี บบที่ มี แตม่ ตี รงนัน้ ไม่ไดม้ ีตนเองเปน็ ผู้มเี พราะตนเองก็ไมม่ ีแล้ว เมื่อไมม่ ีตนเองจงึ ไม่มีใครเป็นเจ้าของในความมีท้ังหลาย ทุกอย่างในธรรมชาติตรงน้ันจึงเป็น เนื้อเดยี วกันกลมกลืนกบั ธรรมชาตเิ ดมิ แทไ้ ปเลย ผเู้ ขยี นจงึ ประจกั ษแ์ จง้ ในความมี ความมนี นั้ คอื ตน้ เหตแุ หง่ ทกุ สรรพสง่ิ ท่ีเคยจำ� ไว้ เมอื่ เหน็ ต้นเหตแุ ห่งทกุ สรรพส่ิงก็ปล่อยให้ทุกสรรพส่ิงตรงหน้านั้น 18

คูม่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง หมนุ วนไปในความมตี รงนน้ั ดแู ละรไู้ มแ่ ตะตอ้ งไมเ่ ขา้ ไปขอ้ งเกยี่ วในสงิ่ ๆ นนั้ อกี อุปมาเปรียบเสมือนได้วางต้นเหตุตนเองลงไปตามธรรมชาติความจริงของ ตนเองตรงน้นั เมื่อไมม่ ตี ้นเหตผุ ลก็ไมม่ ใี นตนเอง จบภารกจิ ในธรรมชาติขณะ นัน้ หมดสงสัยในธรรมชาตติ นเอง ผู้เขียนจึงมาช้ีและสะกิดให้ดูในเรื่อง วงเวียนแห่งชีวิตแบบธรรมชาติ ตนเอง ตรงน้ี เพราะเรอ่ื งราวการเดนิ ทางของทกุ ชีวิตกค็ อื ความจรงิ ที่รูส้ ึกอยู่ ในวงเวียนตรงน้ี การค้นหาตนเองของผู้เขียนก็ประจักษ์แจ้งในวงเวียนชีวิต น่ีแหละ เนอื้ หาในวงเวยี นชวี ติ ประกอบไปด้วย *1. ศรัทธา สจั จะ ความเพยี ร ความอดทน ท่านจะตอ้ งมคี วามแนบ แนน่ กับภายในตนเองจับความร้สู กึ ตนเองให้มนั่ คงเป็นฐานไวค้ ือเปน็ ผู้อาศยั ที่ เปน็ อิสระอยตู่ ลอดกาล ดูและรู้ไมแ่ ตะตอ้ งใดๆ ในสิ่งทดี่ ูและรู้ นค่ี อื ความเชอ่ื ทที่ า่ นต้องยึดม่ันเป็นธงชยั ไวก้ อ่ น *2. ความรสู้ กึ ทมี่ เี รอื่ งราวของตนเองอยตู่ ลอดเวลาทง้ั ภายนอกและ ภายใน มีการปรุงแต่งตัวเองอยู่ตลอดไม่มีท่ีสิ้นสุดคือมีตัวตนเป็นผู้มีและ จดจำ� มาทง้ั นน้ั ธรรมชาตติ รงนจี้ ะเปน็ ผทู้ ดสอบกำ� ลงั ใจทา่ นเองตลอดเวลา *3. เรื่องราวท่ีรู้สึกต่างๆ ในข้อ 2. นั้นไม่ใช่เร่ืองของเรา เราไม่ได้ เป็นเจา้ ของในความมีและความจำ� ตรงนนั้ ความรู้สึกในการเดินทางของทา่ น ทา่ นจะร้สู กึ ถึงเร่อื งราวในวงเวยี น แห่งชวี ิตตรงน้ตี ลอดเวลาในข้อ 2. จงึ ต้องมศี รทั ธาตนเองอยตู่ ลอดเวลาในขอ้ 1. “เปน็ ผอู้ าศยั ทเี่ ปน็ อสิ ระอยตู่ ลอดเวลา” คอื ดแู ละรเู้ ทา่ นน้ั เนอื้ หาทที่ า่ นตอ้ ง เผชญิ คอื มตี วั ตนทย่ี งั เหน็ ไมไ่ ดใ้ นความมี มาวางรองรบั สงิ่ กระทบทร่ี สู้ กึ ทกุ ขณะ ของตนเองในชวี ติ ประจำ� วนั จงึ มเี รอ่ื งราวปรงุ แตง่ เปน็ ธรรมชาตติ ลอดเวลา ผู้เขียนจึงมีทางหนีทางหลบให้ท่านในขณะเดินทางท่ีรู้สึกถึงความมี ตรงนั้น เม่ือท่านรู้สึกถึงส่ิงปรุงแต่งในขณะนั้นมีตัวตนเข้าไปปรุงแต่งในเรื่อง 19

คมู่ อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ราวตนเอง ก็ให้หนีออกมา เพราะสิ่งที่รู้สึกตรงนั้นไม่ใช่เร่ืองของเรา เราไม่ได้ เป็นเจ้าของการปรุงแต่ง เราแค่ดูและรู้เท่านั้น วงเวียนก็หมุนวนกลับมาตาม ธรรมชาตใิ หท้ ่านกลับมาเป็นอิสระในเนือ้ หาตรงนน้ั กลบั มาเปน็ ผูอ้ าศยั ทเ่ี ป็น อิสระตามเดิม คือดูผ่าน รู้ผ่าน ธรรมชาติของชีวิตมีการหมุนเวียนอยู่ในวง เวียนธรรมชาติอยู่แบบน้ีไม่มีส้ินสุด จนกว่าท่านจะเข้าใจเห็นประจักษ์แจ้งใน ธรรมชาตเิ ดมิ แทต้ นเองไดจ้ รงิ ๆ หมดสงสยั ในความมขี องตนเองแทจ้ รงิ วงเวยี น ท่หี มนุ เวยี นตรงน้กี จ็ ะหายไปในธรรมชาตขิ องทา่ น ความรู้สึกท่ีมากระทบท่านแล้วเกิดการปรุงแต่งทุกขณะนั้น แท้จริง คือธรรมชาติตนเองที่ยังไม่รู้ต้นเหตุ จึงมาทดสอบก�ำลังใจตนเองอย่างน้ัน หากทา่ นเอะใจไดใ้ นสง่ิ ทีม่ ากระทบนน้ั แล้วฟงุ้ ซ่านอย่หู าท่จี บไมล่ ง ก็ให้นึกถงึ เรืิ่องที่รู้สึกตรงน้ันไม่ใช่เร่ืองของเรา ความรู้สึกขณะนั้นที่ฟุ้งซ่านก็จะดับหาย ไปช่วั ขณะ ท่านจะกลับมาเป็นผูอ้ าศัยที่เป็นอสิ ระได้ในชว่ งสนั้ ๆ ขณะตรงนน้ั การสร้างก�ำลังใจในการเดินทางน้ันที่ผู้เขียนบอกว่าท่านต้องท�ำให้ชิน ต้องท�ำให้คุ้นเป็นนิสัย เพราะธรรมชาติของตนเองท่ียังไม่รู้ต้นเหตุจะซ้อน ความรู้สึก วางกับดักธรรมชาติให้ตนเองหลงอยู่อย่างน้ี จึงต้องสร้างก�ำลังใจ ภายในตนเองให้เข้มแข็งมีวินัยอยู่ตลอดเวลา ส�ำหรับของผู้เขียนเม่ือก่อนก็ สรา้ งอบุ ายจากภายในโดยเกาะตวั อสิ ระไวท้ กี่ ลางหนา้ อกตนเองทกุ ขณะ ไมท่ งิ้ ก�ำลังใจให้ถอยห่างจากหน้าอกตนเองเลย มีความต้ังมั่นเกาะติดอารมณ์อยู่ ตรงกลางอกแบบนนั้ ทำ� ใหช้ นิ ทำ� ใหค้ นุ้ เปน็ นสิ ยั ตนเอง พอมสี ง่ิ กระทบใดๆ ผา่ น มากร็ สู้ กึ ทห่ี นา้ อกกอ่ นทกุ ครง้ั แตส่ ำ� หรบั ตอนนผ้ี เู้ ขยี นปลอ่ ยเปน็ อสิ ระไปเลยไม่ เกาะกับอะไรแล้วเพราะหมดสงสัยตนเองแล้ว ความรู้สึกทุกครั้งในสิ่งที่มา กระทบน้ันบางคร้ังมันทะลอุ อกไปเลย หมดเรือ่ งราวไปเลย ตอนนค้ี วามรู้สึก ของผู้เขียนเหมือนเป็นเนื้อเดียวกันกับธรรมชาติรอบตัว ประจักษ์แจ้งว่าไม่มี ใครเป็นเจ้าของใคร เพียงพึ่งพาอาศัยอยู่ร่วมกันเท่าน้ัน แต่พวกท่านยังเดิน ทางมาไม่สุดเส้นทางตนเองจึงรู้สึกแบบผู้เขียนไม่ได้ แต่หากท่านท้ังหลาย 20

คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง สรา้ งกำ� ลงั ใจไดถ้ กู วธิ ตี ามทชี่ แี้ ละสะกดิ ตรงน้ี ทา่ นจะเขา้ ใจในธรรมชาตใิ นแบบ ฉบบั ตนเอง ตนเองนั่นแหละเป็นส่งิ ๆเดียวกนั กบั ธรรมชาติจรงิ ๆ แตต่ อนน้ยี งั กลับไปเป็นไม่ได้เพราะธรรมชาติตนเองท่ีแบกธรรมชาติตนเองไว้ แต่มองไม่ เห็นจงึ วางจึงทิง้ เน้ือหาตนเองไม่ได้ ผูเ้ ขียนจงึ ต้องชี้และสะกดิ ให้ทกุ คนคอ่ ยๆ เหน็ ค่อยๆ ถอดถอนความมีออกไปในเนอื้ หาตนเอง ความมที ั้งหลายทม่ี กี ค็ อื มตี วั ตนเปน็ ผมู้ ี คอื เชอ่ื วา่ เรอ่ื งราวทกุ อยา่ งในชวี ติ ตง้ั แตเ่ กดิ นนั้ มเี ราเปน็ เจา้ ของ อยู่ เพราะตนเองบนั ทกึ จดจำ� มาตลอดแตม่ องไมเ่ หน็ หาตน้ เหตใุ นความมขี อง ตนเองไมเ่ จอจงึ ไมร่ จู้ ะทำ� อยา่ งไรกเ็ ลยปรงุ แตง่ กบั สงิ่ ทจ่ี ดจำ� มาไปเรอื่ ยๆ ถงึ แม้ เจอตน้ เหตุกย็ งั เกบ็ เงียบไว้อีก ไมร่ ู้จะท้ิงหรอื วางตน้ เหตุตัวตนที่มไี ด้อยา่ งไร ความมีก็คือธรรมชาติของตนเองที่ซ้อนกันเองอยู่ในธรรมชาติตนเอง วางกบั ดกั ให้กบั ธรรมชาตติ นเองอยอู่ ยา่ งนัน้ หากทิ้งกบั ดักตนเองได้ และเป็น สิ่งเดียวกนั ไดเ้ มอื่ ไหรก่ ็หมดเร่ืองราวในตนเอง จึงไม่เกย่ี วกบั เนอ้ื หาใดๆ ในค�ำ สอน ค�ำกลา่ วต่างๆ หรือเร่อื งราวใดๆ ของผ้อู ืน่ เลย ท่านลองตั้งค�ำถาม ถามตนเองดูกอ่ น แท้จริงตน้ เหตแุ ห่งทกุ ข์คอื ใคร หากผู้เขียนช้ีให้ดูก็ต้องชี้ไปท่ีตัวตนท่ีมีท่านนั้นเองคือต้นเหตุแห่งทุกข์ของ ความมี สิ่งท่ีมีตวั ตนท่านจงึ มีความมมี ากมายตามมาแต่ไม่รู้สกึ ว่ามี เม่ือมตี ัว ตนทา่ นเกดิ ขนึ้ กม็ รี ปู ทรงตา่ งๆ ตามมา มชี ายมหี ญงิ มที รพั ยส์ มบตั ิ มคี รอบครวั มกี จิ การงาน มีบริวาร มี มี มี มากมายจนพรรณนาความมีในต้นเหตคุ วามมี ได้ไม่หมด หากผู้เขียนชี้ให้ดูความมีแบบท่ีมีแต่ไม่มีในสิ่งที่มีตรงนั้นท่านจะ หยั่งลงไปได้หรอื เปลา่ ตรงนี้ ทา่ นอยา่ ลมื ตนเองตามท่ีผเู้ ขียนบอกและเน้นย�้ำ ท่านคือผู้อาศัยท่ีเป็นอิสระตลอดเวลา อย่าลืม อย่าลืม และอย่าลืม หน้าที่ ท่านเป็นเพียงผู้ดูและรู้ ห้ามแตะต้องใดๆ ในสิ่งท่ีดูและรู้ แต่ตอนน้ีท่านยัง กลบั ไปเป็นผดู้ ูและรู้แบบถาวรไมไ่ ด้ เพราะทา่ นยังหยัง่ คำ� วา่ ดูและรู้ ใหไ้ ปถึง ก้นบึง้ แหง่ หัวใจตนเองไม่ได้ 21

อิสระในธรรมชาติของตนเองเปรียบเหมือนขอนไม้ ส่ิงต่างๆ ท่ีมีในธรรมชาติ มีเรื่องราวต่างๆ ท่ีรู้สึกร่วมกันตลอดเวลา สิ่งท่ีมีร่วมกันตามธรรมชาติ จึงเป็นสิ่งพึ่งพาอาศัย เพ่ือความเป็นอยู่ร่วมกันเท่านั้น ไม่มีใครเป็นเจ้าของใดๆ ในธรรมชาติท่ีมีร่วมกัน เป็นเหตุแห่งธรรม ที่ไม่มีผลรองรับในธรรมชาติ

เริ่มเข้าสู่ช่วงท่ีสอง พบเข็ม ในมหาสมุทรภายในธรรมชาติตนเอง ผู้เขียนจะชี้และสะกิดให้ดูในความรู้สึกซ้อนความรู้สึกและข้ามความ จรงิ ในความรสู้ กึ เดมิ แทต้ นเองไปเลย (ปจั จบุ นั ซอ้ นปจั จบุ นั เลยปจั จบุ นั ตนเอง) ขณะท่ีท่านอ่านเน้ือหาตรงนี้ต้องเกาะติดก�ำลังใจภายในตนเองไว้ ตลอดเวลา การเป็นอิสระแท้จริงคือการหมดสงสัยในธรรมชาติตนเอง ตนเป็นที่ พง่ึ แหง่ ตนถงึ จะสำ� เรจ็ ประโยชนต์ นเองได้ ทา่ นพง่ึ พาอาศยั ผเู้ ขยี นไมไ่ ด้ ผเู้ ขยี น ไมไ่ ดเ้ ปน็ ทพ่ี งึ่ พาอาศยั ใหใ้ คร ไมไ่ ดเ้ ปน็ ครเู ปน็ อาจารยใ์ หใ้ คร หนา้ ทขี่ องผเู้ ขยี น คอื ชใ้ี หเ้ ห็นความจรงิ ในเนอื้ หาธรรมชาติเดิมแทข้ องทา่ นเอง ทา่ นจะต้องเดิน ตามมา มาดเู รือ่ งราวตนเอง ไม่ใชม่ าดเู ร่อื งราวของผเู้ ขยี น ผู้เขยี นสะกดิ ใหต้ น่ื จากความเชื่อท่ียดึ ไวแ้ บบเงียบๆ และลึกๆ ช้ีให้ดูเร่ือง “ขอนไม้กลางน้�ำ” ขอให้ท่านมีจินตนาการนึกภาพตาม มา ขอนไม้อดีตน้ันก็เคยเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีชีวิตอยู่ มีล�ำต้นอยู่ในน้�ำ 23

ค่มู ือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ใตน้ ำ้� กม็ สี ตั วอ์ าศยั รว่ มกนั อยู่ เหนอื พน้ื นำ้� กม็ สี ตั วอ์ าศยั อยู่ มธี รรมชาตริ อบตวั ที่ รสู้ กึ ได้ ตน้ ไมใ้ หญ่นี้ อปุ มาคอื รา่ งกายเดมิ แทข้ องท่านเองตามธรรมชาติอย่าง ทเ่ี ปน็ มอี งคป์ ระกอบในลำ� ตน้ เชน่ กง่ิ กา้ น ใบ ดอก ผลฯ คอื เรอื่ งราวความมี ของต้นไม้ใหญ่นั้นเอง แต่เร่ืองราวทม่ี ใี นองค์ประกอบต่างๆ ของต้นไมน้ ้ันกไ็ ม่ ไดร้ สู้ กึ กบั การปรงุ แตง่ บนลำ� ตน้ ตวั เองเลย เพยี งรสู้ กึ ถงึ ตนเองในธรรมชาตติ รงนนั้ ท่ีรู้สกึ ตอ้ งพ่งึ พาอาศยั องคป์ ระกอบต่างๆ เพือ่ การมีชวี ิตอยู่ร่วมกันเท่านนั้ เอง เนอ้ื หาตรงนค้ี อื ธรรมชาตทิ เ่ี ปน็ ธรรมชาตเิ ดมิ แทข้ องชวี ติ ทา่ น คอื ไมส่ งสยั อะไร ในสิง่ รอบตัวธรรมชาตติ นเอง เรยี กวา่ หมดสงสยั ในธรรมชาตติ นเอง เนื้อหาท่ีผู้เขียนจะช้ีให้ดูไม่ใช่เร่ืองชีวิตของต้นไม้ใหญ่แต่จะช้ีลงลึกไป อกี ชั้นในความรู้สกึ สมมตวิ า่ ต้นไม้ใหญ่นนั้ ตายลงแล้วกก็ ลายเป็นขอนไมห้ รือ ไม้ยืนต้นตายกลางน�้ำ ขอนไม้ของต้นไม้น้ีอุปมาคือผู้อาศัยท่ีอยู่ภายในท่ีเป็น อสิ ระอยแู่ ล้ว เปน็ ผ้รู เู้ รือ่ งราวต่างๆ โดยรอบ ขอนไม้นน้ั รสู้ กึ กระทบอยู่ตลอด เวลาท้ังใต้น�้ำและบนผิวน้�ำการกระทบนั้นรู้สึกพร้อมกันท้ังบนผิวน�้ำและภาย ใต้น�้ำ สิ่งท่ีกระทบนั้นคือต้นเหตุของความมี ความรู้สึกท่ีขอนไม้รู้สึกถึงสิ่งที่ กระทบเหมือนเป็นอะไรบางอย่างท่ีรู้สึกตลอดเวลาแต่ไม่ได้วิ่งไล่จับความรู้สึก ตรงนั้น เหมือนดูและรู้ถึงต้นเหตุในความมีไม่เข้าไปแตะต้องความรู้สึกท่ี กระทบ “ส่ิงที่กระทบน้ันคือต้นเหตุ” ในความรู้สึกของขอนไม้น้ันไม่ได้มี ความมีตนเองในความรสู้ กึ ถงึ สง่ิ ท่ีกระทบ เมื่อความรสู้ ึกว่าไม่มตี นเองจึงไม่มี ผู้รองรับในความรู้สึกถึงส่ิงท่ีกระทบในขณะนั้น จึงทิ้งต้นตอในเหตุตรงน้ัน เมื่อไม่มีต้นเหตุของความมี ผลในความรู้สึกท่ีมีท้ังหมดก็หายไป ขอนไม้รู้ สภาวะที่กระทบความรู้สึกของตนเองท่ีดูและรู้นั้นยังมีอยู่ แต่ไม่แบกความมี ปลอ่ ยคนื ตามธรรมชาตไิ ปในขณะนนั้ “เปน็ ธรรมชาตริ ธู้ รรมชาตติ นเอง” ทเ่ี ปน็ อสิ ระร่วมกัน พ่งึ พาอาศยั กันเพอื่ การเปน็ อยู่เทา่ น้ันเอง 24

คู่มอื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง แต่ในอีกมุมมองของผู้เขียนจะชี้ให้ท่านหยั่งลงไปดูกับเน้ือหาตนเอง ตรงนี้ ก็ต้องยมื เรือ่ งขอนไมน้ แี่ หละ หากเปรยี บขอนไมค้ อื ตวั ตนทา่ นเอง เร่ือง ราวต่างๆ ทั้งใต้น�้ำและบนผิวน้�ำคือความมีทั้งหลายของท่าน ความมีรอบตัว ทา่ นน้นั เปน็ ธรรมชาตทิ ่ีมี และธรรมชาติในความมีทีม่ โี ดยรอบตรงนี้นแ่ี หละที่ จะมาทดสอบกำ� ลงั ใจทา่ นเอง บททดสอบของธรรมชาตทิ ค่ี อยปดิ กนั้ บบี คนั้ ความรสู้ กึ ทา่ น คอื ธรรมชาตติ นเอง ทซ่ี อ้ นความรสู้ กึ ในขณะหนงึ่ ซอ้ นทบั ใน ความรสู้ กึ ทเ่ี ปน็ เดมิ แทจ้ งึ เกดิ ตวั ตนขนึ้ มาในความมี และขา้ มความจรงิ ในความ รสู้ กึ เดมิ แทต้ นเองไปเลย เปน็ ปจั จบุ นั ซอ้ นปจั จบุ นั ขา้ มปจั จบุ นั ตนเองทมี่ องไมเ่ หน็ แต่โดยในแก่นท่ีอยู่ด้านในของขอนไม้คือตัวอิสระที่เป็นอิสระอยู่ ตลอดเวลา ที่ดูและรู้ความรู้สึกท่ีมากระทบขอนไม้ตามผิวนั้นคือเรื่องราว ปรุงแต่งในตัวตนทา่ น ผิวของขอนไม้ทีอ่ ยใู่ ตน้ �้ำกม็ ตี ะไครน่ ้�ำมาเกาะมีปลามา เล็ม สะทอ้ นภาพของอารมณ์ท่ีทา่ นรสู้ กึ ทีก่ ายหากมแี มลงมาไตต่ อมทผี่ ิวกาย ท่านจะเกิดความร�ำคาญ เกิดรู้สึกข้ึนทันที หากท่านแตะในสิ่งท่ีดูและรู้ใน ขณะนนั้ ความรสู้ กึ ทกี่ ระทบรา่ งกายตรงนน้ั จะเกดิ ความมที นั ที ทา่ นจะปรงุ แตง่ กับความมีมารองรับในอารมณ์ตรงน้นั ไปเลย และเร็วด้วย ความรู้สึกของขอนไม้นั้นรู้สึกพร้อมกันทั้งใต้น�้ำและบนผิวน�้ำความ รู้สึกเป็นธรรมชาติรู้ธรรมชาติท่ีเป็นอิสระร่วมกัน อุปมา มีตัวตนท่านรู้สึก พรอ้ มกนั ทต่ี า ทหี่ ู ทกี่ าย ในสง่ิ ทเ่ี หน็ กม็ เี รอ่ื งราว สง่ิ ทไ่ี ดย้ นิ กม็ เี รอ่ื งราว สงิ่ ทร่ี บั สมั ผสั ทก่ี ายกม็ เี รอ่ื งราว ไมเ่ ปน็ ธรรมชาตริ ธู้ รรมชาตติ นเอง กลบั แบกธรรมชาติ ตนเองในความมีตรงนั้นท่ีกระทบแล้วเก็บส่ิงที่กระทบนั้นลงใส่เป้แบกไว้กับ ตนเองแบบนน้ั ทา่ นจะมองไมเ่ หน็ กบั การทดสอบปดิ กนั้ ของธรรมชาตใิ นความ มีตรงนี้ จงึ รสู้ ึกว่าของในเปม้ ันหนกั ขึ้นไปเรือ่ ย หนักข้นึ ไปเรื่อย ฟุ้งซา่ นไปเลย ตอนนี้ทา่ นเดนิ ตามผูเ้ ขยี นทันนะ (หากไมท่ นั กย็ กมือดักกวกั มอื เรียก) 25

คู่มือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ตามมาดูสิ่งกระทบที่ท่านรู้สึกตลอดเวลา แต่แบกกันตลอดเวลา มีต้นเหตุมาจากอะไร ความรู้สึกเดิมแท้ของธรรมชาติแท้จริงเป็นเพียงสิ่งพ่ึงพาอาศัยอยู่ ร่วมกันเหมือนเป็นสิ่งๆ เดียวกันกลมกลืนกันไปเลย ผู้เข้าถึงจะโล่งจะเบาใน ความรู้สึกตลอดเวลา ไม่มีตัวตนเป็นเจ้าของจึงไม่มีสิ่งใดต้องแบกให้หนัก ส�ำหรับท่านท่ียังแบกกันอยู่มากแต่ไม่รู้ว่าแบกด้วย แบกเงียบๆ แบกลึกๆ เพราะมีตวั ตนเป็นผูแ้ บกอยู่ ธรรมชาตเิ ขาเก่งมากในการบังความรู้สกึ ให้ทา่ น เข้าไม่ถึงเนื้อหาตนเอง ซ้อนทับความรู้สึกให้มีไปเลยและครอบครองความมี ไปเรยี บรอ้ ยและเนยี นมาก ผเู้ ขยี นผา่ นเนอื้ หาตรงนมี้ าแลว้ รแู้ ละเขา้ ใจธรรมชาติ ถงึ แกน่ ในความรา้ ยกาจของธรรมชาตทิ เี่ ขา้ มาทดสอบ เปน็ หนา้ ทข่ี องธรรมชาติ อยู่แล้วที่จะต้องทดสอบก�ำลังใจทุกคนตลอดเวลาในการเดินทางตามผู้เขียน เพอื่ วัดความอดทน ความเพยี ร สัจจะ และศรทั ธาว่าแข็งแกรง่ พอหรือยัง 26

คูม่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ส่ิงท่ีผู้เขียนจะช้ีให้ดูต้นเหตุในความรู้สึกท่ียึดไว้ที่ครอบครองไว้แบบ ไม่รู้ คือส่ิงท่ีรับสัมผัสท่ีตาเห็น หูได้ยิน กายสัมผัสนั้นจะปรุงแต่งทันที ตาที่ เห็น เห็นในรูป ท่านเช่ือหรือไม่หากผู้เขียนบอกว่า รูปที่เห็นน้ันมีการบันทึก เป็นความจ�ำมาก่อนแลว้ หไู ด้ยิน ได้ยินเป็นรปู เสียง รูปเสยี งนนั้ กม็ ีการบนั ทึก เป็นความจ�ำมาก่อน กายทร่ี บั สัมผสั ก็บันทึกเป็นความจำ� มากอ่ น การบันทึกในสิ่งที่รู้สึกครั้งแรกน้ันท่านจะไม่รู้สึกตนเองเลยว่ามีการ บันทึกและจดจ�ำไว้ในส่วนที่ลึกสุดในความรู้สึกตนเองเรียบร้อยแล้ว เรียกว่า ความจ�ำ แตใ่ นขณะทท่ี า่ นมาร้สู กึ ท่ีตา ทห่ี ู ทกี่ ายนั้น เร่ืองราวในส่ิงทรี่ บั รตู้ รง นนั้ ปรุงแต่งเป็นก้อนแทง่ ขนึ้ มาเลยในความรู้สึก แต่ไมเ่ หน็ ต้นตอของสิ่งที่รับรู้ ขณะนนั้ วา่ มตี น้ เหตเุ รม่ิ จากตรงไหน ทา่ นจงึ วางตน้ เหตแุ ทจ้ รงิ ไมไ่ ด้ ผลจากสง่ิ ที่ รับสัมผสั ทต่ี า ที่หู ที่กาย จงึ ขยายเนื้อหาในเร่ืองราวตรงน้ัน เกิดเป็นเหตุตวั ใหมล่ งสผู่ ลของเหตุตัวใหมอ่ ีก เกิด ดับ เกดิ ดบั อยู่แบบน้ี แล้วก็เกบ็ เร่อื งราว ลงเป้แบกไว้เหมือนเดิม ค้นหาในต้นเหตุไม่เจอก็จะวางต้นเหตุตรงน้ันไม่ได้ เรือ่ งราวจึงมตี อ่ ไปเรื่อยๆ ความรสู้ ึกท่ีทา่ นแตะในสิ่งทีด่ ูและรู้ สิ่งทด่ี ูและรูน้ ้ัน คือต้นเหตุ ต้นเหตุในสิ่งท่ีดูและรู้ที่เรายังหยั่งลงไปไม่ถึงว่า รู้เร่ิมต้นมาจาก ตรงไหน ต้นเหตุท่ีดูและรู้ตรงนั้นที่ท่านแตะจะไหลลงสู่ผลในเรื่องราวความมี ตนเองทนั ที เกิดเป็นเหตุตามดตู ามรู้ในเนอื้ หาที่เกบ็ บนั ทกึ ใหม่ และลงสู่ผลใน ส่ิงทตี่ ามดูตามรไู้ ม่มีทีส่ นิ้ สุดอย่อู ยา่ งน้นั ผู้เขียนต้องมาสะกิดกันใหม่ ให้ต่ืนจากความหลง หลงในความคิด หลงในอารมณ์ ฟุ้งซา่ นเกนิ ไป มาดูความจริงวา่ ต้นตอของเหตทุ ่ีเป็นธรรมชาติ ตนเองจุดเร่ิมต้นเป็นมาอย่างไร ความรู้สึกท่ีท่านรู้สึกนั้นท่านอาจจะเช่ือว่า เกดิ จากความเขา้ ใจ มคี วามคดิ มอี ารมณ์ มคี วามหมายเกดิ เปน็ เรอื่ งราว ทำ� ให้ ท่านรู้สึกปรุงแต่งอยู่กับสิ่งที่ตามดูตามรู้ในธรรมชาติท่ีซ้อนความจริงท่ีเป็น 27

คมู่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง เดิมแท้ของท่านเองแต่ไม่รู้ (ตรงนี้ต้องยอมรับตนเอง) จึงพยายามจะเข้าไป วางความคิด คิดเอาเองว่าถ้าไม่มีความคิดแล้วจะไม่มีเร่ืองราวในความหมาย ตามมา วางท่ีปลายเหตุกเ็ กดิ เรื่องราวอยู่ดี ผู้เขียนต้องช้ีให้ท่านดูความจริงที่เป็นธรรมชาติเดิมแท้ที่เป็นอิสระอยู่ ตลอดเวลาแต่ไม่รู้ ในเร่ืองวงเวียนแห่งชีวิตท่ีรู้สึกได้ด้วยตนเองแต่แตะต้อง อะไรไมไ่ ด้ หากทา่ นแตะในตน้ เหตจุ ะลงสผู่ ลในเหตตุ รงนนั้ เกดิ ดบั จนฟงุ้ ไปเลย เพราะตน้ เหตนุ น้ั ไมม่ เี กดิ ดบั คอื เปน็ ธรรมชาตทิ เี่ ปน็ ธรรมชาตติ รงนน้ั พอทา่ น รูส้ ึกถึงตน้ เหตตุ รงน้นั ท่านพยายามจะหาคำ� อธิบายในตน้ เหตุนนั้ ต้นเหตนุ น้ั จะกลายเป็นเร่ืองใหม่ท่ีท่านปรุงแต่งจากความไม่รู้ของตนเองในธรรมชาติ ขณะนั้นซ้อนธรรมชาติเดิมแท้ตรงน้ีทันที เม่ือต้องการจะท�ำอะไรในต้นเหตุ จะเกิดผลลัพธ์โดยทันที เพราะต้นเหตุคือธรรมชาติท่ีพึ่งพาอาศัยอยู่ร่วมกัน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ท่านเพียงรู้สึกแค่ดูผ่านรู้ผ่าน หากความรู้สึกของท่าน อยากเป็นเจ้าของในต้นเหตสุ งิ่ ทด่ี ผู า่ นจะเกิดการตามดเู รื่องราวมาแทน และ ตามรู้เร่ืองราวตรงนั้น มีตัวตนท่านรองรับในเรื่องราว จึงลงสู่ผลเกิดมีตัวเอง ซอ้ นข้นึ มาเกดิ ดับในเรอ่ื งราวไม่รูจ้ บกับเนื้อหาที่ตามดูตามรู้ไปเลย 28

คูม่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ปัจจุบันซ้อนปัจจุบันที่รู้สึก ข้ามปัจจุบันท่ีเป็นเดิมแท้ตนเอง มาท�ำความเข้าใจในการเดินทางของความรู้สึกขณะเดียวที่เร็วแทบ จะไมร่ สู้ กึ ตวั สง่ิ ทผี่ เู้ ขยี นบรรยายตรงนเี้ พอื่ แสดงภาพความรสู้ กึ ขณะเดยี วจาก ประสบการณ์ของผู้เขียนเอง เพื่อช้ีและสะกิดให้ท่านได้เห็นรายละเอียดและ หยง่ั ลงไปดใู นเรอื่ งราวตนเอง ในธรรมชาตคิ วามมที ตี่ นเองแบกไวแ้ ละธรรมชาติ เดมิ แทท้ ่เี ปน็ อสิ ระ ผู้อาศัยที่เป็นอิสระอยู่แล้วคือผู้รู้ มีหน้าที่ดูผ่านรู้ผ่านในเร่ืองราวแต่ ไม่แตะตอ้ งใดๆ ในเรอ่ื งราว ส่ิงที่รับสัมผัสคร้ังแรกมีการบันทึกไว้แล้วเรียกความจ�ำ คือธรรมชาติ ความมตี นเองท่เี ริม่ แบกคอื ตน้ เหตุ ความเข้าใจ ความคิด อารมณ์ ความหมาย ปรุงแต่ง เร่ืองราว (ความ มตี วั ตนรองรับในธรรมชาตขิ องตน้ เหต)ุ 29

ค่มู ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ทุกขณะท่ีท่านรู้สึกตลอดเวลานั้นจะเกิดความจ�ำข้ึนมาก่อนแต่ท่าน จะไม่รู้สึกถึงขอ้ น้ี สิ่งทรี่ ้สู ึกได้คอื เนื้อหาที่ความเขา้ ใจในสิง่ ท่ีกระทบไปเลย มี ความคิด คิดต่อมอี ารมณค์ รอบความคิดทนั ที เกดิ ความหมาย เกิดความรสู้ ึก เกดิ เรอ่ื งราวปรงุ แตง่ ทันที นีเ่ ป็นภาพช้าๆ ทผี่ ู้เขียนพยายามจะสื่อใหท้ า่ นได้ เห็นในความรู้สึกขณะเดียว แต่ความเป็นจริงของท่านน้ันรู้สึกคร้ังเดียวมา พร้อมกันไม่สามารถแยกความรู้สึกได้ จึงหย่ังลงไปสู่ต้นเหตุท่ีแท้ของตนเอง ไมไ่ ด้ เรยี กวา่ ธรรมชาตคิ วามมซี ้อนธรรมชาติเดมิ แท้ท่ไี ม่มี ธรรมชาติความมี จะบดิ ความรสู้ กึ ของทา่ นใหเ้ ลน่ กบั สภาวะตนเองจนฟงุ้ จนหลง จนไมส่ ามารถ จะกลับไปสู่ผู้อาศัยท่ีเป็นอิสระอยู่แล้วคือธรรมชาติเดิมแท้ได้เลย เรียกว่า ธรรมชาติความมีซ้อนธรรมชาติเดมิ แทต้ นเอง ผู้เขียนจึงสร้างวงเวียนแห่งชีวิตท่ีรู้สึกได้ด้วยตนเองแต่แตะต้องอะไร ไม่ได้ เพื่อให้ทุกคนมีทางออกกลับไปสู่สภาวะธรรมชาติตนเอง มีศรัทธาเชื่อ วา่ ตนเองเปน็ อสิ ระอยแู่ ลว้ มสี จั จะมน่ั คงเพอื่ เสรมิ ศรทั ธา มคี วามเพยี รแรงกลา้ มีความอดทนต่อแรงบีบคั้นของธรรมชาติตนเอง เพื่อเข้าถึงความรู้สึกท่ีมี เรอ่ื งราวของตนเองอยตู่ ลอดเวลาทงั้ ภายนอกและภายใน มกี ารปรงุ แตง่ ตวั เอง อย่ตู ลอดไมม่ ที ีส่ ิน้ สุดคือมีตัวตนเป็นผูม้ ี ต้องถอดถอนเรอ่ื งทร่ี สู้ ึกตา่ งๆ ตรงที่ ขีดเส้นใต้นน้ั ออก เหน็ ใหไ้ ด้ด้วยกำ� ลงั ใจทีแ่ นบแน่นว่า “สง่ิ ท่รี ้สู กึ ตรงนน้ั ไมใ่ ช่ เรื่องของเรา เราไมไ่ ดเ้ ปน็ เจา้ ของความม”ี การวางเหตุเบื้องตน้ นักเดินทางทุกคนที่อยากจะค้นหาต้นเหตุของธรรมชาติตนเองว่าคือ อะไร กต็ อ้ งใชเ้ นอ้ื หาทกุ อยา่ งทบ่ี รรยายมานนั้ เปน็ เครอ่ื งมอื เปน็ เขม็ ทศิ นำ� ทาง เพอื่ กลบั ไปสคู่ วามจรงิ ของตนเอง ทา่ นฟงั คลปิ เสยี งของผเู้ ขยี นมามากในเนอื้ หา ตรงนแ้ี ลว้ การอธบิ ายเปน็ ภาษาเขยี นกจ็ ะทำ� ใหท้ า่ นไดท้ บทวนเรอ่ื งราวการเดนิ ทางของตนเองไดด้ ยี ง่ิ ข้ึน 30

คูม่ อื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง การเดินทางกลับไปสู่ต้นเหตุแท้จริงของตนเองนั้น คือการย้อนทวน จากความมีไปสู่ความไม่มี เรียกว่า ธรรมชาติความมีซ้อนธรรมชาติเดิมแท้ ตนเอง และปลดปล่อยธรรมชาตทิ ซ่ี อ้ นตรงนั้นให้เปน็ สิง่ ๆ เดียวกัน ธรรมชาติที่ไมม่ ีคือความเปน็ อสิ ระเดมิ แท้ท่ดี ูผา่ นรู้ผา่ น ธรรมชาติความมีคือมีตัวตนรองรับในเหตุและตามดูตามรู้ในเร่ืองราว ตรงนนั้ ในความมี จงึ เกดิ เปน็ ผลในส่ิงท่ีตามดู ตามรขู้ องเหตใุ นความมี ตรงนนั้ แตเ่ มอื่ เหน็ ความจรงิ ถึงตน้ เหตใุ นตนเองในความมตี า่ งๆ นนั้ แทจ้ ริงก็ เป็นธรรมชาติที่มีอยู่ร่วมกันเพียงดูและรู้ ไม่มีใครมีตัวตนรองรับในความมี เหตุในความมีตรงนั้นก็วางก็ท้ิงเร่ืองราวในสิ่งท่ีมี ให้ความมีนั้นด�ำรงอยู่ใน ธรรมชาตติ ามเดมิ ไมต่ อ้ งตามดตู ามรใู้ นความมอี กี แลว้ แคด่ ผู า่ นรผู้ า่ นเรอื่ งราว ตรงน้ัน ปลอ่ ยให้เป็นอสิ ระร่วมกันท่เี ปน็ ธรรมชาตเิ ดิมแท้ ไมม่ ีใครเป็นเจา้ ของ เมื่อท่านประจักษ์แจ้งตรงน้ันจริงๆ จึงท้ิงจึงวางต้นตอในเหตุให้กลับ คืนในธรรมชาติตนเองท่ีดูและรู้ตามความเป็นจริง “ความมีไปสู่ความไม่มี ไมม่ คี อื สงิ่ ทเ่ี คยมแี ตไ่ มแ่ ตะตอ้ งในสง่ิ ทมี่ ี สง่ิ ทม่ี จี งึ ไมม่ ใี นสงิ่ ทด่ี แู ละรตู้ รงนนั้ หมดสงสัยในธรรม” ไม่ต้องเก็บใส่เป้อีกแล้ว ความรู้สึกก็เบาขึ้นโล่งขึ้นเป็น ธรรมชาตแิ บบน้ีหมดสงสัยในเหตจุ งึ ไม่มผี ลตามมา ง่ายมากนะส�ำหรับผเู้ ขยี น ทไ่ี ดป้ ระสบการณต์ รงน้ี แตเ่ ชอ่ื เถอะวา่ ไมง่ า่ ยกบั พวกทา่ นเลยอา่ นแลว้ อาจจะ ไมร่ เู้ รอ่ื งไปเลย... 31

คูม่ อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ความซับซ้อนในการเดินทางย้อนทวนกลับ ไปสู่ต้นตอในเหตุตนเอง ความซับซ้อนในส่ิงท่ีท่านรู้สึกในขณะหน่ึงและเข้าใจไปเลยตรงนั้นยัง มเี รือ่ งราวอยู่ ความเข้าใจท่เี ขา้ ใจตรงนั้นเปรียบเหมือนดาบ 2 คม คมดาบที่หนึ่ง จะฟันคอตนเองให้ขาดและติดอยู่ในกับดักธรรมชาติ ตนเองตรงน้ัน ค้างอยู่แบบน้ัน ไปต่อไม่ได้เพราะมีตัวตนท่ีตามดูตามรู้อยู่ ตลอดเวลาและปรงุ แตง่ ไม่รูจ้ บแบบไมร่ ู้ คมดาบท่ีสอง จะฟนั คอตนเองใหข้ าดแต่เดินขา้ มกับดกั ในธรรมชาติ ตนเองตรงนั้นมา เห็นธรรมชาติเดิมแท้ตนเองที่ไม่มีเร่ืองราวในตนเอง จน เขา้ ใจในเนอ้ื หาตรงน้ี “ความมีไปสคู่ วามไมม่ ี ไม่มีคือสงิ่ ท่เี คยมแี ต่ไม่แตะตอ้ ง ในสิง่ ทมี่ ี ส่งิ ทมี่ จี งึ ไมม่ ีในสง่ิ ทีด่ แู ละร้ตู รงน้ัน หมดสงสยั ในธรรมทีต่ อ้ งร”ู้ หาก ใครเข้าถึงความจริงตรงนี้ได้จะเข้าใจเลยว่าภาษาแทนความรู้สึกท่ีเป็นจริงไม่ ได้เลย ดาบทสี่ องตอ้ งเด็ดขาดแบบน้ี สิ่งที่ท่านรู้สึกและเข้าใจไปเลยตรงน้ันยังมีเร่ืองราวอยู่จึงมีความสงสัย ในความเข้าใจตรงนั้น ก็ไม่รู้จะหาทางออกแบบไหน หลงทาง หาทางเดิน กลับไมเ่ ป็น... “อย่าไปไล่จับ อย่าไปเป็นเจ้าของ อย่าครอบครองเร่ืองราวท่ีรู้สึก ตรงน้นั แค่นี้เอง” เดินออกมาแบบน้ี 32

คมู่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง คมดาบทห่ี นง่ึ และสอง เกดิ ขนึ้ ในความรสู้ กึ ภายในพรอ้ มกนั ขน้ึ อยกู่ บั ก�ำลังใจท่านเท่านั้น ที่ต้องตัดสินใจทันทีในความรู้สึกขณะนั้น ถ้าพลาดก็ เริ่มใหม่ จนกว่าจะเหน็ ความจรงิ ตนเองได้ อุปมา ความเข้าใจเปรียบเหมือนสัตว์น�้ำท่ีว่ายอยู่ในน�้ำ เดิมแท้ไม่มี ภาษา มีแต่ความรู้สึกที่รู้สึกถึงกัน ไม่มีค�ำอธิบายอะไรไปสู่อะไร ท่านเกิดเห็น “สตั วน์ �้ำทว่ี ่ายอย”ู่ เกิดสงสัยสิ่งๆ นน้ั วา่ คอื อะไรจงึ เอามือจบั สตั วน์ �ำ้ ทวี่ ่ายอยู่ ก็รู้สึกถึงสิ่งกระทบรู้สึกถึงรูปทรงรายละเอียดของสัตว์น�้ำที่จับอยู่ (ท่านต้อง หยั่งดูรายละเอียดตรงนี้ท่ีผู้เขียนจะชี้ให้ดูความจริงท่ีมี) เหมือนธรรมชาติ ตรงน้ันกลืนความรู้สึกท่านไปเลยเป็นส่ิงๆ เดียวกัน ความมีที่รู้สึกแต่ไม่ แบกในความมี มอื ท่ีจบั สัตว์น้ำ� ทว่ี า่ ยอยู่ร้สู กึ ถงึ ส่ิงกระทบที่รู้สกึ ถึงรูปทรงราย ละเอยี ดของสัตว์นำ้� ทจี่ ับอย่เู ป็นธรรมชาตทิ ี่กลมกลนื ตรงน้นั ไม่มภี าษา ไม่มี ปรงุ แตง่ รูส้ กึ เป็นธรรมชาติเดมิ แท้ที่พึง่ พากันเท่าน้นั ขณะนั้นความรู้สึกท่ีเร็วมากของความรู้สึกเกิดข้ึนมีตัวตนท่านขึ้นมา เกิดสงสัย อยากรู้ “อยากรู้เร่ืองสัตว์น�้ำท่ีจับได้” เมื่อสงสัยเกิดอยากรู้ตรงนี้ จึงเกิดตามดูตามรู้ความอยากขึ้น เท่ากับท่านติดกับดักธรรมชาติตนเองใน ความมไี ปแลว้ ไดแ้ ตะตน้ เหตตุ นเองในเนอ้ื หาความอยากตรงนเี้ รยี บรอ้ ย เกดิ มี ตวั ตนรองรับในสิง่ ทต่ี ามดูตามรู้ทนั ที ตอ่ มาเกดิ ความจำ� ทไ่ี มร่ ้วู ่าเคยจ�ำไว้และ เขา้ ใจไปเลยมคี วามคดิ เขา้ มาที่สตั วน์ �้ำ มีอารมณช์ อบไม่ชอบถกู ใจครอบความ คิดทันที เกิดความหมายในเน้ือหาปรุงแต่งความรู้สึกถึงรายละเอียดในสิ่งน้ัน เกิดเรื่องราว มีชื่อสัตว์ มีเกล็ด มีชนิด มีสั้นยาว มีสีสัน มีๆๆๆๆ ท่านเป็น เจ้าของในเรื่องราวความอยากตรงนเี้ รียบร้อยแบบเงียบๆ แตไ่ มร่ สู้ ึกตวั ความรู้สึกของท่านหากมีก�ำลังใจท่ีแนบแน่นที่ดี ท่านลองย้อนทวน ดวู า่ ความรสู้ กึ ของทา่ นขณะนที้ า่ นอายเุ ทา่ ไรกต็ าม ทา่ นรสู้ กึ ถงึ เนอื้ หาทผี่ เู้ ขียน ช้ีให้ดูเรื่องสัตว์น้�ำที่จับได้ หากท่านย้อนกลับไปได้ในขณะตอนแรกเกิดของ 33

คูม่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง ทา่ นเอง สงิ่ ทท่ี า่ นรสู้ กึ ในขณะนแ้ี ละความรสู้ กึ ในขณะแรกเกดิ ของทา่ นกส็ งสยั เหมอื นกนั แตค่ วามรสู้ กึ ของทา่ นตอนนไ้ี ดเ้ ขยี นบนั ทกึ ทบั ตนเองมามากมายใน ผู้อาศัยท่ีเป็นอิสระอยู่แล้ว “เขียนเร่ืองราวท่จี ดจำ� ทบั ตนเองจนมองไมเ่ หน็ ตัวอิสระของตนแล้ว” ตัวอิสระคือสิ่งที่เป็นอิสระอยู่ตลอดเวลา ท่านเขียน บนั ทกึ ความจำ� ทบั ความจรงิ ของตนเองมาทกุ ขณะ ทกุ วนิ าทเี ปน็ นาทเี ปน็ ชว่ั โมง เป็นวันเป็นเดือนเป็นปี แต่ในขณะท่ีท่านเป็นเด็กแรกเกิดก็มีบันทึกความจ�ำ เชน่ กนั การบนั ทกึ ขณะนน้ั ไมม่ เี รอื่ งราวมแี ตส่ งิ่ ทร่ี สู้ กึ เทา่ นน้ั สง่ิ ทรี่ สู้ กึ ตรงนน้ั เขยี น บนั ทกึ เรม่ิ แรกไมม่ กี ารปรงุ แตง่ ในสงิ่ ทเี่ ขยี น การบนั ทกึ ซำ�้ ทบั ลงในบนั ทกึ ครง้ั แรก นนั้ คอื ท่านเริ่มโตข้นึ จึงมคี วามเขา้ ใจมภี าษาเกิดข้นึ เร่ิมจดจ�ำและบันทกึ ความ จำ� ทนั ที ภาษาทเ่ี กดิ ขนึ้ นน้ั มกี ารเรยี นรใู้ หจ้ ดจำ� ของผมู้ าสอนทา่ น ทา่ นจงึ เขยี น บนั ทกึ ลงในความจำ� ตรงนน้ั ซอ้ นทบั ความจำ� ซำ้� ลงอกี ของรายละเอยี ดในเรอื่ งราว สงิ่ ทีร่ ู้สกึ เห็นของรปู ทรงนั้น จงึ มีชื่อและเรอ่ื งราวปรุงแต่งเงียบๆ ตลอดเวลา เมอ่ื เวลาผา่ นมาเรอื่ ยๆสง่ิ ทถี่ กู บนั ทกึ นน้ั เปน็ ความจำ� ทจี่ ำ� ไดต้ ลอดเวลา จนเติบโตขึ้นมีการเขียนบันทึกความจ�ำทับเนื้อหาตนเองเพ่ิมอีก สิ่งที่รับรู้ของ ความรสู้ กึ ทก่ี ระทบจงึ เหมอื นไมร่ สู้ กึ ตนเองเลยวา่ สง่ิ ๆนน้ั ไดเ้ คยจดจำ� ไวใ้ นบนั ทกึ ตนเองมาแลว้ เกดิ ความเขา้ ใจไปเลยทนั ที และคดิ ทนั ทเี ปน็ ความรสู้ กึ มากมายใน เรอ่ื งราวขณะน้นั ท่ีเขียนบันทกึ ทบั ตนเองมา การจดจำ� ทไ่ี ด้เรยี นรู้มาตงั้ แตเ่ กิด ของท่านนั่นเองท่ีเขียนทบั ตนเองมาตลอดจนถงึ ปจั จุบันแต่มองไม่เหน็ จงึ ลงสู่ ความเขา้ ใจ มคี วามคดิ มอี ารมณ์ มคี วามหมาย เกดิ ความรสู้ กึ เกดิ เรอื่ งราวทเ่ี ขา้ ใจ กแ็ บกความเขา้ ใจใสเ่ ป้ตนเองมาเรอื่ ยๆ ท่านจะไม่รถู้ ึงความเขา้ ใจทแ่ี บกไวเ้ ลย ไลจ่ บั ความเขา้ ใจตนเองทเี่ ปน็ ตน้ เหตทุ กุ ครงั้ จงึ ลงสผู่ ลในเหตตุ รงนนั้ ไมร่ ทู้ ส่ี น้ิ สดุ ทงั้ ทตี่ น้ ตอความประจกั ษแ์ จง้ เดมิ แทข้ องธรรมชาตติ นเองทเ่ี ปน็ ตน้ เหตุ ทา่ นหยง่ั ลงไปไม่ถงึ จึงร้สู กึ วา่ ยิ่งเข้าใจยิ่งร้กู ย็ ิง่ หนกั รู้ หรืออยู่กบั รู้กย็ งิ่ หนกั ยง่ิ รู้มากก็ แบกไวม้ ากในสง่ิ ทรี่ ู้ สงิ่ ทท่ี า่ นรนู้ นั้ เปน็ รทู้ ไี่ หลตามความเชอื่ ของรเู้ กบ็ เงยี บเอาไว้ 34

คมู่ อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง แตก่ ารรแู้ จง้ ในธรรมชาตนิ นั้ เปน็ รทู้ ย่ี อ้ นทวนตนเอง คอื รแู้ บบทไี่ มต่ อ้ งรู้ ไมไ่ ลจ่ บั ไมเ่ ป็นเจ้าของ ไม่ครอบครอง รแู้ ล้วปลอ่ ยกลับคนื ส่คู วามจรงิ ท่รี ู้ให้อยตู่ รงน้ัน อุปมาเหมอื นสัตว์น้ำ� ที่จับได้ หากท่านเปน็ เดก็ แรกเกดิ มีความสงสยั เหมอื นทา่ นตอนอายเุ ทา่ นี้ แตค่ วามสงสยั ในวยั เดก็ แรกเกดิ ของทา่ นไดจ้ บั สตั วน์ ำ้� ข้ึนมาดูก็รู้สึกถึงสิ่งท่ีสงสัย ที่มีการกระทบในรูปทรงและการเคลื่อนไหวของ สตั วน์ ำ�้ นน้ั ตอนแรกเกดิ เดก็ กร็ สู้ กึ ถงึ ธรรมชาตติ รงนน้ั ไมม่ ภี าษา ไมต่ อ้ งเขา้ ใจ อะไร ไม่ตอ้ งอธิบายเน้อื หาเร่ืองราวตรงนนั้ “รธู้ รรมชาตทิ รี่ สู้ กึ ถึงธรรมชาติ เดิมแท้” เมื่อหายสงสัยในสิ่งที่จับได้ ก็ปล่อยสัตว์น้�ำกลับคืนสู่ธรรมชาติไป ในนำ�้ ตามเดมิ จบเร่ืองราวตนเอง ไมแ่ บกในรู้ตนเองในวยั นน้ั ท่ียังไม่จบคือความรู้สึกปัจจุบันตนเองขณะนี้ เพราะตอนนี้ท่าน เปล่ียนแปลงมาตามอายุ ความรู้สึกจึงมีเร่ืองราวร้อยรัดตนเองไว้ให้ติดอยู่ใน ความรทู้ ีร่ �่ำเรยี นมาท้งั ชวี ติ และยอมรบั กับเนอ้ื หาท้ังหมดไว้แลว้ สัตวน์ ้�ำทจ่ี บั ได้ตอนน้ีจึงมีชื่อของสัตว์ มีชนิด มีองค์ประกอบต่างๆ ท่ีสรุปผลลัพธ์ใน ความรู้สึกตนเองเรียบร้อย ยึดสิ่งๆ นี้จนเขา้ ใจไปเลยวา่ คอื อะไร น่คี อื ความมี ของธรรมชาติตนเองที่ทดสอบก�ำลังใจตนเองแต่มองไม่เห็น ธรรมชาติตนเอง ในความมจี ะบดบงั บบี คน้ั ยอมรบั ความรสู้ กึ ตรงนใี้ หม้ ไี ปเลย ทา่ นจงึ มองไมเ่ หน็ และหยงั่ ลงไปในความจริงในธรรมชาติเดมิ แท้ตนเองไม่ได้ ทางแกก้ ค็ อื มวี นิ ยั ในตนเอง ทำ� ความเขา้ ใจในเรอื่ งวงเวยี นแหง่ ชวิี ติ ที่ผู้เขียนอธิบายไว้แล้วว่า “รู้สึกได้แต่แตะต้องไม่ได้” หรือเฉลียวใจได้ใน ขณะนน้ั วา่ “เรอื่ งราวทร่ี สู้ กึ ตรงนไี้ มเ่ กยี่ วกบั เรา เราไมไ่ ดเ้ ปน็ เจา้ ของ” กป็ ลอ่ ย กลบั คนื ความรสู้ กึ ในธรรมชาตติ รงนน้ั ไป ความรสู้ กึ มที ตี่ นเองครอบครองเนอื้ หา ท้งั หลายจะคลายตัวลง อุปมา...ของในเปท้ เ่ี คยแบกเร่ืองราวแบบน้ไี ว้กห็ ายไป เอง ท่านจะรู้สึกว่าเบาข้ึน โล่งข้ึน เป็นอิสระในธรรมชาติตนเองที่รู้สึกได้ ความร้สู ึกมที ่ีไม่แบกความมกี ็จะกลบั มาเปน็ ผอู้ าศัยทเี่ ปน็ อิสระอีกครัง้ 35

ค่มู ือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ช้ีและสะกิด ให้ดูความจริง การย้อนทวนเนื้อหาตนเอง ในอดีตผู้เขียนก็เป็นนักเดินทางเช่นกันช่วงแรกเหมือนงมเข็มใน มหาสมุทร เจอเขม็ แลว้ ตอนนนั้ ก็ยังเดนิ ทางไปไม่ถึงทสี่ ดุ ไม่รวู้ ่าที่สุดคอื อะไร แตม่ คี วามมงุ่ ม่นั แบบใจกลา้ บ้าบ่นิ อยากจะพิสูจน์ให้รวู้ า่ ท่สี ดุ คอื อะไร กท็ ำ� ทกุ อย่างตามต�ำราตามค�ำสอนแต่สุดท้ายท�ำได้บ้างไม่ได้บ้าง จึงเล่นอยู่กับเข็มท่ี เจอแบบนั้น ทา้ ยทส่ี ุดจงึ ร้วู า่ แทจ้ รงิ เข็มทีเ่ จอนนั้ ไมเ่ คยมีเข็มจริงๆ การยอ้ นทวนเนื้อหาตนเองตรงน้สี �ำคัญมาก เมื่อเข้าใจเข็มที่เจอนั้นมี เหมอื นไมม่ เี ขม็ จงึ ปลอ่ ยเขม็ ทงิ้ เขม็ ไวต้ รงนน้ั จงึ หมดสงสยั ในธรรมชาตติ นเอง ความรู้สึกในเน้ือหาตนเองในการเดินทางในเร่ืองราวตรงนี้ หากจะถ่ายทอด เร่ืองราวตนเองในการเดินทางไปถึงท่ีสุด เหมือนตอนทิ้งเข็มลงสู่ธรรมชาติ ตนเองในขณะนั้น ใหผ้ อู้ น่ื เดนิ ตามได้ถกู ต้อง ควรจะเริม่ ตรงไหน ? ผู้เขียนก็น่ังดูก�ำลังใจตนเองท่ีภายใน ความรู้สึกถึงส่ิงท่ีมีภายในไม่รู้ จะตงั้ ชอื่ วา่ อะไร จะบอกวา่ จติ เหมอื นในตำ� รากไ็ มใ่ ชเ่ พราะเวลาอยกู่ บั สง่ิ ๆ นก้ี ็ ไมบ่ อกวา่ เปน็ จติ ความรสู้ กึ เดมิ แทข้ องผเู้ ขยี นรสู้ กึ ในความอสิ ระมากกวา่ คำ� วา่ จติ หากจะเปรียบสิ่งๆ นจี้ ริงๆ ตามความรู้สกึ ของผเู้ ขยี นทรี่ ู้สกึ ไดเ้ หมอื นเปน็ “ผู้ อาศยั ทมี่ อี ยภู่ ายในทเี่ ปน็ อสิ ระในตวั เอง” ผู้เขยี นจึงใชช้ อ่ื นเ้ี พราะรูส้ ึกแบบนั้น จรงิ ๆ ผอู้ าศยั ทมี่ อี ยภู่ ายในทเ่ี ปน็ อสิ ระในตวั เอง จงึ เปน็ บทเรม่ิ ตน้ ของความรสู้ กึ 36

คูม่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง จากน้ันนึกย้อนทวนในเนื้อหาตนเองท่ีเดินทางมาในแต่ละช่วงเวลา ว่าจะสอนคนอ่ืนใหเ้ ข้าใจไดอ้ ยา่ งไร ผเู้ ขยี นก็ยอ้ นมองความรูส้ กึ ตรงนอี้ ีก หาก ใชค้ ำ� ว่าสอนคนฟงั กจ็ ะติดกบั ดักคำ� สอนอกี เหมอื นตนเองกเ็ คยตดิ ในค�ำสอน มากอ่ น มองรายละเอยี ดในเนอื้ ธรรมชาตทิ ตี่ นเองเขา้ ไปถงึ ในความรสู้ กึ ตนเอง เหมอื นแคด่ แู ละรู้ กเ็ กดิ ภาพในใจตนเอง ตอ้ งใชค้ ำ� วา่ “ชแี้ ละสะกดิ ” ใหค้ นอน่ื เดนิ ตามมาเหน็ เรอื่ งราวตนเองทผี่ เู้ ขยี นเพยี งดแู ละรจู้ นสำ� เรจ็ คนอนื่ จะได้ไม่ติด ในค�ำสอนหรอื คำ� กลา่ วในตำ� รา ผเู้ ขยี นเขา้ ใจในความรสู้ กึ ทต่ี ดิ กบั ดกั ธรรมชาติ ตรงน้นั เองว่า หากมีการสอน สิ่งท่ีสอนนนั้ จะมีเร่อื งราวไมร่ ู้จบ คนเดินตามจะ ปรงุ แต่งคำ� สอนไปเรื่อยๆ ไม่สามารถเข้าถึงความจริงภายในตนเองได้ การย้อนทวนของผู้เขียนในสภาวธรรมท่ีไปถึงก็ผุดข้ึนในใจมาเรื่อยๆ นกึ ยอ้ นทวนถงึ ตนเองวา่ ตนเรมิ่ ตน้ จากอะไร เปน็ เหตใุ นการเดนิ ทาง ตนเองเรม่ิ ต้นจากศรทั ธา และศรัทธานัน้ คือศรทั ธาตนเองจรงิ ๆ จงึ น�ำตนเองมาถึงตรงน้ี เหมอื นไดป้ ระกาศตนเองในความร้สู ึกในขณะนั้น เกิดสจั จะในใจท่ีตอ้ งรกั ษา ไมใ่ หบ้ กพรอ่ ง มคี วามเพยี รพยายามสดุ กำ� ลงั ใชค้ วามอดทนอดกลน้ั รอโอกาส มคี วามหวัง รอจงั หวะทจ่ี ะได้เห็นธรรมชาติเดิมแทจ้ รงิ ของตนเอง การเดินทางตลอดเส้นทางนั้นพบอุปสรรคตลอดเวลา การจะท�ำให้ ตนเองหมดสงสัยน้ันจะโดนธรรมชาติตนเองมาทดสอบก�ำลังใจมากมาย แต่ ผู้เขียนกผ็ า่ นมาได้ ความแปลกประหลาดในใจก็ผดุ ความรู้ต่างๆ ใหเ้ ห็นสภาพ ความจรงิ ของธรรมชาตติ นเอง หากตนเองจะชแ้ี ละสะกดิ ใหผ้ อู้ น่ื เดนิ ตามมาได้ ต้องให้บุคคลน้ันมองความจริงโดยรอบตนเองให้กระจ่างในจุดเร่ิมต้น ความรู้สึกทุกขณะน้ันมีขบวนการอย่างไร ผู้เขียนเห็นความรู้สึกในใจเกิดเป็น ภาพวงเวียนขึ้นมา วงเวียนท่ีเกิดข้ึนในใจตอนน้ันก็ไม่รู้จะใช้ช่ืออะไร แต่มอง เน้ือหาในวงเวียนแล้วเห็นเรื่องราวที่หมุนวนของชีวิตในธรรมชาติตนเอง มี เร่ืองราวเหมอื นกนั หมดของทกุ ชวี ติ ผเู้ ขยี นจงึ ตง้ั ชอ่ื ในใจตอนนน้ั วา่ “วงเวยี น 37

คู่มือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง แห่งชีวิต รู้สึกได้ แต่แตะต้องไม่ได้” ความรู้ต่างๆ เกิดข้ึนในใจตนเองแบบ ธรรมชาตขิ องผู้เขียนนนั้ เห็นรายละเอียดความเป็นจริงแบบแปลกๆ ในความ รู้สึกตนเอง ภาพที่เกิดขึ้นในใจเป็นภาพที่เกิดข้ึนตามธรรมชาติ ไม่ได้สร้าง หรือท�ำข้ึน แต่เหมือนธรรมชาติโดยรอบตัวน้ันสร้างให้ผู้เขียนได้เห็นแบบน้ัน การช้ีและสะกิดของผู้เขียนก็น�ำเรื่องราวที่ธรรมชาติสร้างให้เห็นในใจผู้เขียน มาบรรยายในความจรงิ โดยธรรมชาตทิ เ่ี ปน็ ของทกุ ชวี ติ การบรรยายของผเู้ ขยี น จงึ ไมต่ อ้ งไปลอกใครหรอื เดนิ ตามใคร บรรยายตามสภาพธรรมชาตแิ ทจ้ รงิ ทผี่ ดุ ในใจตนเอง เนอ้ื หาตา่ งๆ ทบ่ี รรยายนนั้ เปน็ ประสบการณโ์ ดยตรงของผเู้ ขยี นเอง ความแปลกประหลาดตา่ งๆ เมื่อปลอ่ ยเขม็ ทงิ้ เข็มไวต้ รงนน้ั ในธรรมชาติ ตนเองทเี่ ปน็ จงึ หมดสงสยั ในธรรมชาตติ นเอง เรอ่ื งราวตา่ งๆ ทเ่ี คยเดนิ ทางผา่ น มากลบั ตดิ อยใู่ นใจตนเอง เหมอื นเนอื้ หาตา่ งๆ หมนุ วนกลบั มาใหมใ่ หผ้ เู้ ขยี นเหน็ อกี การเห็นน้ันกับเห็นรายละเอียดในเน้ือธรรมที่ลึกกว่ามาก เข้าใจถ่องแท้ ใน ความจรงิ ทเี่ ปน็ ธรรมชาตเิ ดมิ แทต้ ามทเ่ี ขยี นบรรยายตรงนี้ ทา่ นจะคดิ เอง รสู้ กึ เอง หรอื ตีเทยี บเอาเองไม่ได้วา่ หมดสงสยั สง่ิ ๆ นห้ี ากไปไมถ่ งึ ทา่ นจะสงสยั ในความมี ตนเอง จะมเี รอื่ งราวในคดิ ในรสู้ กึ ในการตเี ทยี บซงึ่ หาคำ� ตอบใหต้ นเองไมไ่ ด้ และ มองไมเ่ หน็ ศตั รแู ทจ้ รงิ ในธรรมชาตติ นเอง กค็ อื ธรรมชาตขิ องตนเอง แปลกไหม ? การท�ำก�ำลังใจที่แนบแน่นของผู้เขียน เกิดผุดความรู้ข้ึนเอง ได้เห็น ความรู้สึกในช่วงการเดินทางพบเรื่องราวแปลกมากบ้ามากส�ำหรับผู้เขียน รู้สึกแบบน้ีจริงๆ ผู้อ่ืนที่เดินทางไปถึงหรือก�ำลังเดินทางจะไปถึงเขาจะพูด ว่าอัศจรรย์ใจ แต่ส�ำหรับผู้เขียนกับรู้สึกว่ามันบ้าและแปลก เพราะไม่เคยเข้า ถึงจริงๆ จึงไม่รู้ว่าคืออะไรมาก่อน แต่พอไปถึงก็ไม่สนใจกับความวิเศษใดๆ ตรงนั้น รู้สึกเป็นปกติมาก แต่ไม่สงสัยในเน้ือหาต่างๆ ท่ีครูบาอาจารย์ท่ีเดิน ทางไปถึงและรสู้ ภาวะต่างๆ ทไ่ี ปถงึ ตรงนัน้ เขารู้ไดอ้ ย่างไรอกี แล้ว เม่ือผเู้ ขยี น เดนิ ทางไปถึงจริงๆ จึงเข้าใจไม่สงสยั ในความรูข้ องครบู าอาจารยเ์ หล่านอี้ กี 38

ดู และ รู้ ..คือความจริงธรรมชาติเดิมแท้ที่ไม่มีการปรุงแต่ง ตามดู ..คือการปรุงแต่งความไม่จริงให้มีเนื้อหาในธรรมชาติ ตามรู้ ..คือท�ำให้วนเวียนอยู่ในเรื่องราวที่ปรุงแต่ง ธรรมชาติเดิมแท้ เพียงดูผ่าน รู้ผ่าน เป็นอิสระตลอดเวลา ไม่มีเร่ืองราวให้วนเวียนอยู่ในการปรุงแต่งตนเอง 39

คมู่ อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง เจอเข็มแต่แตะต้องเอื้อมจับเข็มไม่ได้ ดูและรู้เท่าน้ัน การฝึกก�ำลังใจท่ีผู้เขียนท�ำก็ใช้ความรู้สึกภายในจับความรู้สึกภายใน โดยก�ำหนดจุดใหญ่ในภายในที่รู้สึกได้ชัดเจนท่ีสุดแล้วจับความรู้สึกตรงน้ันให้ เป็นฐานท่ีมั่น ใช้ความรู้สึกภายใน ดูและรู้อยู่ในท่ีมั่นฐานตรงนั้นไม่ปล่อยให้ เลือ่ นลอยเกาะติดไว้ตรงน้นั ตลอดเวลา แรกๆ กม็ ีหลุดบ้าง ตอ้ งฝกึ ให้เปน็ วนิ ยั ทเี่ ข้มงวดกบั ตนเอง ทำ� ให้มันชนิ ทำ� ใหม้ ันคุน้ เคยจนเปน็ นิสยั ของตนเอง ก�ำลัง ใจจึงดีขึ้นเป็นข้ันตอน และที่ส�ำคัญเรียกว่าเป็นหัวใจเลยก่อนจะเร่ิมท�ำต้องมี ความสบายใจเป็นพ้ืนฐานในขณะนั้น ต้องท้ิงความกังวล ความอยากรู้ต่างๆ ในนิสัยเดิมๆ ทิ้งไปก่อน ไม่เช่นนั้นจะเป็นตัวขวางความรู้สึกในการท�ำก�ำลัง ใจตนเอง ใชค้ วามรู้สกึ ทตี่ ้ังมั่นตรงนน้ั ดแู ละรูใ้ นความจริงในธรรมชาตขิ ณะน้นั ไม่ไหลไปตามธรรมชาติเหมือนท่ีผ่านมา ต้องท้ิงความเช่ือในส่ิงท่ีจดจ�ำใน ธรรมชาติตนเองทม่ี บี นั ทึกไว้และหลงใหล อยากได้ อยากมี อยากเปน็ ตัวอะไร ก็ไม่รู้เอาไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นธรรมชาติภายในตนเองจะลวงล่อให้ติดกับดักใน ธรรมชาติตนเองอยู่แบบน้ัน หลงใหลวนเวียนอยู่กับสิ่งท่ีไหลตามความรู้สึก ธรรมชาตติ รงนน้ั ไปเลย ในการเดินทางของผู้เขยี นใชค้ วามรู้สึกทภ่ี ายในดูและ รู้ความรู้สึกแบบธรรมชาติ ไม่แตะต้องกับสิ่งต่างๆ ท่ีเกิดในความรู้สึกภายใน ปล่อยสิง่ ท่ปี รากฏในขณะนั้นใหเ้ ปน็ ไปตามความจรงิ ของความรสู้ ึก แคด่ ผู ่าน 40

คูม่ อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง รผู้ า่ นในเรอ่ื งราวทเี่ ขา้ มาและผา่ นไป ไมไ่ ปตามดตู ามรกู้ บั เรอื่ งราวตรงนนั้ หาก แตะตอ้ งในสงิ่ ทด่ี แู ละรู้ ความรสู้ กึ จะไหลตามธรรมชาตติ รงนนั้ ไปเลย เกดิ เปน็ เรอื่ งราวตามดตู ามรขู้ นึ้ มาแทนปรงุ แตง่ ทนั ทแี ละฟงุ้ ซา่ นไปเลย ท่านต้องระวัง ธรรมชาติภายในตนเองท่ีเขาเช่ียวชาญหลอกล่อพลิกเหตุการณ์ในขณะน้ันให้ ทา่ นตดิ กบั ดกั ตนเองไดใ้ นทนั ทกี บั ความรสู้ กึ ทซี่ อ้ นๆ กนั ในขณะตรงนนั้ กำ� ลงั ใจ ทดี่ แี ละถกู ตอ้ งนนั้ ตอ้ งมศี รทั ธาในตนเอง ใหใ้ ชค้ วามรสู้ กึ ภายในดแู ละรเู้ รอ่ื งราว ภายในแบบดผู า่ นรผู้ า่ นในความรสู้ กึ ในทม่ี นั่ ตรงฐาน ดแู ละรใู้ นธรรมชาตติ นเอง ตรงนั้น อย่าไปไหลตามกับเคร่ืองล่อที่เป็นกับดักในธรรมชาติตรงนั้นก็พอ ไม่ตอ้ งก�ำหนดอะไรในความรสู้ ึก ปลอ่ ยเปน็ อสิ ระตามธรรมชาติ จะลืมตาหรือ หลับตากเ็ อาตามท่ีชอบ ผูเ้ ขียนถนดั ลืมตามากกว่า ดคู วามจริงรอบตัวตลอด แต่จับความรู้สึกภายในที่ดูและรู้ให้ลึกท่ีสุดในที่ม่ันตรงนั้น สิ่งท่ีพบเจอใน ธรรมชาติตนเองก็เกิดขึ้นเองในธรรมชาติตรงนั้น เหมือนเป็นบททดสอบของ ธรรมชาตภิ ายในตนเองทมี่ าทดสอบกำ� ลงั ใจอยทู่ กุ ขณะ สรา้ งภาพสรา้ งเรอ่ื งราว วางอุบายหว่านล้อมความรู้สึก วางกับดักสารพัด เพ่ือให้ความรู้สึกภายใน ตรงน้นั เปลีย่ นเป็นโดนครอบงำ� จากธรรมชาตติ นเอง ส�ำหรับผู้เขยี นชว่ งแรกๆ ก็โดนแบบน้ี แต่ในขณะช่วงเวลานไ้ี มม่ คี วามอยากจะเปน็ เจ้าของอะไร ความ รสู้ กึ ทมี่ กี ำ� ลงั ใจดตี รงนชี้ ว่ ยตนเองไดม้ าก เหน็ ขบวนการทไ่ี หลตามของธรรมชาติ ที่วางล่อไว้อย่างละเอียดจึงไม่ตกหลุมพรางของธรรมชาติ กลับกลายเป็นว่า ธรรมชาตมิ าสอนใหท้ วนดูเร่อื งราวแทน ส่ิงท่ีผู้เขียนจะเล่าตรงน้ีไม่ใช่ความวิเศษวิโสอะไรเลย เป็นธรรมชาติ ภายในที่ดูและรธู้ รรมชาตภิ ายในเทา่ นน้ั ที่ต้องผ่านบททดสอบของธรรมชาติ ตนเองท่มี าทดสอบกำ� ลังใจทกุ ขณะในความรู้สึกตรงนั้น วา่ อยากมี อยากเปน็ อยู่หรือเปลา่ เทา่ นัน้ หากยังมีในความอยากก็จะไหลตามในสง่ิ ท่ดี แู ละรู้ กลาย 41

คมู่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง เป็นเรื่องราวตามดู ตามรู้ ในเรื่องราวที่รู้สึกภายในตนเองในขณะน้ันทันที ฟุ้งซ่านไปเลย ส�ำหรับผู้เขียนดูผ่านรู้ผ่าน ไม่แตะต้องใดๆ ในส่ิงที่ดู ในสิ่งที่รู้ ในธรรมชาติตนเองก็แปลกใจ กลับกลายเป็นว่าธรรมชาติตรงน้ันมาอบรม บ่มเพาะผูเ้ ขียนให้เข้าถึงธรรมชาตเิ ดิมแทต้ นเอง ความรสู้ กึ ในตอนนั้นกย็ ังมนึ ยงั งง และยงั สงสัยธรรมชาตทิ ่ดี ูและรู้อยูแ่ บบน้นั คร้ังหน่ึงที่ผู้เขียนน่ังดูธรรมชาติรอบตัวจนรู้สึกร่างกายหายไปมีความ รูส้ กึ ภายในอย่างเดยี ว เกิดความประหลาดใจในความรู้สกึ ตรงนนั้ ธรรมชาตทิ ี่ รสู้ กึ ภายในมภี าพตนเองเกดิ ขน้ึ ในใจ ในขณะนน้ั ไดเ้ หน็ ภาพตนเองแยกออกจาก กนั เปน็ 4 ภาพในความรสู้ กึ ภายในตรงนน้ั เปน็ รปู ทรงตนเองนงั่ ขดั สมาธลิ อ้ มเปน็ วงกลม ผเู้ ขยี นแปลกใจมากในความรสู้ กึ ทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั ภาพนนั้ ทปี่ รากฏในภายใน ธรรมชาติตนเองข้ึนมา ก็แค่ดูในความรู้สึก และรู้ไปกับความรู้สึกตรงนั้น ปล่อยให้ธรรมชาติด�ำเนินไปเอง แถมได้ยินธรรมชาติภายในตนเองขณะนั้น อธิบายให้ฟังจากความรู้สึกภายในด้วย ว่าแต่ละภาพมีช่ือ กาย เวทนา จิต ธรรม (เปน็ คำ� กลา่ วลอยๆ) ตอนนน้ั ผเู้ ขยี นนง่ั ดแู บบงงๆ รสู้ กึ บา้ บอในความรสู้ กึ เพราะไมเ่ คยมปี ระสบการณแ์ บบนม้ี ากอ่ น แตก่ ไ็ มร่ วู้ า่ เปน็ อะไรไดแ้ ตส่ งสยั กบั ส่ิงๆ นั้น แต่ก็ไม่แตะต้องกับความรู้สึกในขณะน้ันปล่อยไปตามธรรมชาติ น่ังดูและรู้ในธรรมชาติตรงนั้น ธรรมชาติภายในตนเองก็อธิบายให้ผู้เขียนฟัง รายละเอยี ดในภาพทรี่ สู้ กึ อยตู่ รงนนั้ แลว้ ภาพทเี่ ปน็ กาย กค็ อ่ ยๆ หลดุ รอ่ นปลวิ ไปในอากาศสลายหายไป ตอ่ มาภาพ เวทนา กค็ อ่ ยๆ หลดุ รอ่ นปลวิ ไปในอากาศ สลายหายไปเชน่ กนั ภาพจิตเช่นกันอีก เหลอื เพยี งภาพ ธรรม ที่คงอยแู่ บบนน้ั ผู้เขียนก็ไม่เข้าใจว่าธรรมชาติตรงน้ันจะสอนอะไร ก็ไม่ได้สนใจในความรู้สึก ตรงน้นั ไดแ้ ตเ่ กบ็ ความสงสยั ในความรสู้ กึ แปลกๆ ทอ่ี ธบิ ายไมถ่ กู ไวแ้ บบนน้ั ทง้ิ เรอ่ื งราวไวต้ รงนั้นไมแ่ บกไมเ่ กบ็ ไว้ ดูผ่านรู้ผ่านไปไม่เกบ็ เก่ยี วใดๆ เลย 42

คมู่ อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง หลงั จากนน้ั กเ็ กิดภาพตนเองขนึ้ มาอีกอยู่ในทา่ นอนอยบู่ นพ้ืน ผ้เู ขียน ได้ยินธรรมชาติภายในตนเองบอกอีก “หาตนเองดูว่าอยู่ตรงไหน” ผู้เขียน แปลกใจขน้ึ อกี ธรรมชาตจิ ะสอื่ อะไร? ขา้ งรปู ทปี่ รากฏ มมี ดี วางอยดู่ ว้ ย ผเู้ ขยี น ลองทำ� ตามทีธ่ รรมชาติบอก เอามีดผา่ ตนเองในรปู ทรงนั้น ความรสู้ ึกท่ีร้สู ึกใน ภายในตรงน้ันเสมอื นจริงมาก ยิ่งแปลกใจเพมิ่ ขึ้น เอามดี เลาะเนอื้ ตง้ั แตศ่ ีรษะ จนถึงเท้า น้�ำสีแดงๆ เลอะผู้เขียนไปหมดรวมถึงเลอะพื้นไปท่ัว เห็นรูปทรง ตนเองมเี นอ้ื ทโ่ี ดนเลาะออกจนมองเหน็ กระดกู หมดทง้ั ตวั แตค่ วามรสู้ กึ ยงั มอง ไมเ่ หน็ ตนเองอยดู่ ี ผเู้ ขยี นไมเ่ ขา้ ใจความรสู้ กึ ของธรรมชาตติ รงนน้ั มคี วามสงสยั ในธรรมชาติตรงน้ันมาก ธรรมชาติต้องการจะสอนอะไรให้ผู้เขียน ก็ยังงงอยู่ สงสยั อยใู่ นความรสู้ กึ ตรงนนั้ แตก่ ไ็ มส่ นใจทง้ิ เรอ่ื งราวไวต้ รงนน้ั อกี ถอนกำ� ลงั ใจ ออกมาจากความรสู้ กึ ตรงนนั้ กลบั มานง่ั มองดธู รรมชาตริ อบตวั ใหม่ ความรสู้ กึ ของผู้เขียนก็อดยอ้ นคดิ ในความรสู้ ึกตรงนั้นไมไ่ ด้ มันแปลกๆดี ผเู้ ขยี นรสู้ ึกถงึ กำ� ลงั ใจตนเองมนั ดขี น้ึ เรอ่ื ยๆ ความแนบแนน่ ในความรสู้ กึ เกดิ ทไี ร เหมอื นตวั ตน รา่ งกายหายไป ทงั้ ๆ ทก่ี ล็ มื ตาอยู่ ความรสู้ กึ ทต่ี ากเ็ หน็ เรอื่ งราวทต่ี าแตไ่ มป่ รงุ แตง่ ได้ยินเสียงท่ีหูก็ไม่ปรุงแต่ง เหมือนตามันบอดแต่รู้สึกเห็น หูมันบอดแต่รู้สึก ได้ยิน สภาวะภายนอกรับรู้ได้หมดแต่เหมือนไม่มีเรื่องราวท่ีสัมผัสมากระทบ ร่างกายตัวตนก็ท�ำหน้าท่ีการงานไปด้วยพร้อมกัน ภายในก็ท�ำหน้าท่ีภายใน แต่แยกขาดจากกันในความรู้สึก ต่างฝ่ายต่างท�ำเหมือนเป็นอิสระต่อกัน ใน ความรสู้ กึ ตอนนน้ั ของผเู้ ขยี นกย็ งั สงสยั อยใู่ นเนอื้ หาตรงนนั้ ไมเ่ ขา้ ใจวา่ ธรรมชาติ ก�ำลังทดสอบอะไร และสอนอะไร ผา่ นมา ทนี เ้ี ปน็ ความรสู้ กึ ทมี่ ากระทบภายนอก ความร้สู กึ ทร่ี สู้ ึกในรูป ทรงทเ่ี ปน็ ธรรมชาติ ผเู้ ขยี นนง่ั ลมื ตาดธู รรมชาตริ อบๆ ตวั ดคู วามจรงิ อยแู่ บบนนั้ ความรสู้ ึกราวกับวา่ ภายในและภายนอกแยกขาดจากกนั แตร่ สู้ กึ ได้พร้อมกัน 43

คมู่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง ส่ิงที่มากระทบตาในขณะนั้นเหลือบไปก็เห็นงูใหญ่ตัวสีด�ำมันวาวยาวหลาย เมตร เลื้อยผ่านตรงหน้าของผู้เขียน ตาที่มองเห็นงูน้ันกลับรู้สึกถึงอะไรบาง อย่างในสิง่ ทม่ี ากระทบท่ีตา ความรู้สึกภายในก็รสู้ ึกไปพรอ้ มกันด้วย แต่ความ รู้สึกภายในกลับรู้สึกเป็นธรรมชาติมาก ได้ดูและรู้ในเรื่องราวท่ีเห็นภายนอก ไมต่ กใจหรอื กงั วลใจเลย เหมือนภายในเป็นอิสระในตัวเอง ไม่แบกในรูปทรง ตรงท่ีรู้สึกเห็นดว้ ยตา สว่ นตาทีเ่ หน็ งกู ม็ องดงู อู ยู่แบบน้นั แต่ความรู้สกึ ภายใน กลับเห็นความรู้สึกท่ีซ้อนความรู้สกึ ภายนอก และภายในทีร่ ู้สกึ กเ็ ห็นเร่ืองราว ทีซ่ อ้ นๆ กนั ในสงิ่ ท่ีเคยบันทึกความจ�ำไว้ในเน้อื หาตามธรรมชาติตรงนน้ั รสู้ ึก ถึงเร่ืองราวของงูทเ่ี ล้ือยผา่ นอย่างละเอียด เห็นถึงพฤตกิ รรมของงู รสู้ กึ วา่ งกู ็มี มารยาทมาก เล้ือยช้าๆ นุ่มนวล เหมือนด่ังว่างูเป็นมิตรกับตนเอง แต่ยังไม่ เข้าใจได้ถ่องแท้ในธรรมชาติตรงน้ันว่าจะสอนอะไรหรือทดสอบอะไร ผู้เขียน จงึ ยงั สงสยั อยใู่ นธรรมชาตทิ แี่ ปลกตรงน้ี รายละเอยี ดในสง่ิ ทดี่ แู ละรใู้ นขณะนนั้ เหมือนธรรมชาตมิ ีบางอย่างท่ีผู้เขียนรสู้ ึกดว้ ยตนเอง แต่ยงั ไม่สามารถอธิบาย ได้ โดยสว่ นลกึ แลว้ เหมอื นธรรมชาตติ รงนั้นจะบอกอะไรทล่ี กึ มาก แตต่ นเอง ยังไปไม่ถงึ ในความร้สู กึ ตรงนน้ั งูใหญ่ตัวสีด�ำมันวาวเล้ือยกลับมาหาอกี คร้งั ผ่านขาผู้เขียนในขณะที่ นั่งดูธรรมชาติ แต่ครั้งน้ีความรู้สึกผู้เขียนกลับไม่รู้สึกถึงรูปทรงงูใหญ่ท่ีเล้ือย ผา่ นตรงนัน้ แตก่ ลบั รสู้ ึกว่าสงิ่ ๆ นั้นเป็นอะไรบางอยา่ งในธรรมชาตทิ ใี่ ชภ้ าษา แทนความรสู้ กึ ไมไ่ ดว้ า่ คอื อะไร ขณะทนี่ ง่ั อยไู่ ดร้ สู้ กึ ถงึ กำ� ลงั ใจทม่ี อี ยา่ งแนบแนน่ เหมอื นมนั ไมไ่ ด้รใู้ นสิ่งท่รี บั รตู้ รงนัน้ ว่าคืออะไร เปน็ ความรสู้ กึ ทซี่ อ้ นความรสู้ ึก ภายในที่แปลกมากข้ึนไปอีก ซ่ึงไม่สามารถท่ีจะอธิบายได้ เพราะยังสงสัยใน ความมีที่รู้สึกตนเองอยู่ แต่ภายในความรู้สึกอิ่มเอมในตัวเองท่ีเป็นอิสระอยู่ อยา่ งนน้ั อารมณต์ อนนน้ั เหมอื นเปน็ อะไรบางอยา่ งทม่ี อี ยรู่ ว่ มกนั แตไ่ มเ่ กยี่ วขอ้ ง กนั ในธรรมชาตติ รงนนั้ 44

คมู่ ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง ธรรมชาติสอนธรรมชาติตนเอง เรื่องราวเน้ือหาตรงน้ีผู้เขียนได้ธรรมชาติความจริงเป็นครู เหมือน บังเอิญแต่แท้จริงไม่ได้บังเอิญ ธรรมชาติท่ีจะมาทดสอบก�ำลังใจนักเดินทาง อยา่ งผู้เขยี นในตอนนน้ั เหมอื นเตรียมเรอื่ งราวรอไวแ้ ลว้ หากสนใจในขณะนั้น ก็ได้ของดี หากไม่สนใจก็พลาดช่วงเวลาน้ันไป ชว่ งเชา้ ของวันหนง่ึ ผู้เขยี นเดิน เข้าไปในครัวทันใดน้ันได้เหลือบไปเห็นหนูตัวเล็กๆ ก�ำลังนอนคุดคู้อยู่กับพื้น จึงแปลกใจว่าหนูตัวน้ีเข้ามาได้อย่างไรแล้วมานอนน่ิงอยู่ตรงน้ีท�ำไม ลองเอา ไม้กวาดแตะๆ ดู แต่เจ้าหนูตวั นน้ั ไม่ขยับตัว ผูเ้ ขยี นมีความร้สู ึกวา่ เจ้าหนูนอ้ ย ตายแลว้ กห็ ยิบท่ีตกั ขยะและกวาดใส่น�ำออกไปทง้ิ ทใี่ ตต้ ้นมะลทิ ่ปี ลกู ไวใ้ กล้ๆ ตรงนั้น เดินกลับเข้ามาในครัว สักพักดูเหมือนกับว่าธรรมชาติได้มาสะกิด ความรู้สึกตนเองให้ย้อนมองกลับไปดูหนูอีกคร้ัง และแล้วผู้เขียนก็เกิดความ รู้สึกแปลกใจมาก ท่ีเห็นหนูที่นึกว่าตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมาและค่อยๆ ลุกขึ้น แบบหมดแรง คลานช้าๆ ข้ึนไปบนฝากระป๋องสีพลาสตกิ ขนาดใหญ่ทวี่ างอยู่ ใกล้ๆ ตรงนั้น ผู้เขียนได้มองดูแบบใจจดใจจ่อ ดูอาการของหนูน้อยตัวน้ัน แบบไม่ละสายตาเลย ความรู้สึกท้ังภายนอกและภายในจับจ้องรวมตัวอยู่ใน รปู ทรงหนตู รงน้นั จดจ่อดรู ายละเอยี ดอยา่ งชา้ ๆ ของหนูทีแ่ สดงให้เหน็ ตั้งแต่ พยายามลุกข้ึนและคลานทีละก้าว ไม่ได้ลุกข้ึนยืน ด้วยซ้�ำ ค่อยๆ คืบคลาน 45

คู่มือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง แบบไม่มีแรง ความรู้สึกทั้งภายนอกที่เห็นและภายในที่ดูเรื่องราวในขณะน้ัน เหมือนรวมตัวกันเองจับจ้องกับส่ิงท่ีรู้สึกในความรู้สึกท่ีเป็นธรรมชาติของหนู ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ในความรสู้ กึ ของเขา ผเู้ ขยี นเหน็ ความรสู้ กึ ของหนทู กี่ ำ� ลงั พยายาม รวบรวมพละก�ำลังของร่างกายตนเอง และเห็นความรู้สึกภายในของหนูใน ขณะนั้น รสู้ กึ ถงึ ความพอใจในสภาพตนเองทีไ่ ม่สนใจกับรา่ งกาย สิ่งท่ีปรากฏ ในความรู้สึกตรงน้ันท�ำให้ได้เข้าใจสภาพธรรมชาติท่ีต้ังใจจะสอนตนเองเลย ความเป็นธรรมชาติของชีวิตในขณะหน่ึงเป็นเพียงสิ่งที่พึ่งพาอาศัยอยู่ร่วม กันเอง รา่ งกายก็พอใจในร่างกาย ความรสู้ ึกก็พอใจในความร้สู กึ ไม่มใี ครต้อง แบกใคร หนูพอใจท่ีรู้ว่าร่างกายตนเองไม่สามารถจะท�ำอะไรได้ ความรู้สึก ของหนโู ดยภายในกไ็ มส่ นใจกบั ร่างกาย เพียงแต่พยายามขยับเขยื้อนรา่ งกาย ให้รู้สึกสบายเท่านั้นเอง ไม่ได้สนใจว่าขณะน้ันตัวเองจะมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ ความรู้สึกของผู้เขียนกลับเห็นรายละเอียดของหนูเหมือนหนูน้ีก�ำลังสอนให้ เข้าใจธรรมชาติในชีวิตของผู้เขียนเอง อุปมาเหมือนตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของ ธรรมชาตใิ นรปู ทรงรา่ งกาย ความรสู้ กึ ทรี่ สู้ กึ อยกู่ ไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ เจา้ ของในความรสู้ กึ แค่รู้สึกถึงความสบายท่ีรูปทรงต้องการตรงน้ัน และรู้สึกถึงความสบายใน ความรู้สกึ ตรงนนั้ ที่ไม่ไดเ้ ปน็ เจ้าของในสิง่ ที่ร้สู ึกเลย เกดิ แปลกใจกบั ธรรมชาติ ตนเองมาก เหมอื นตาทมี่ ดื ไดพ้ บแสงสวา่ งโดยบงั เอญิ ความสงสยั ในธรรมชาติ ตรงน้ีจะสอนอะไรกับตนเองมันผุดความรู้สึกขึ้นมาแบบน้ัน ก็ดูเร่ืองราวของ หนตู รงนนั้ ไป ความรสู้ กึ เหมอื นสภาวะตนเองในขณะนน้ั มนั หายวาบไป เขา้ ไป อยู่ในส่ิงท่ีเห็นและรับรู้ตรงน้ันไปเลย เหมือนกลายเป็นหนูไปเลย เห็นราย ละเอยี ดของหนหู ยดุ อยใู่ จกลางฝากระปอ๋ งสี คอ่ ยๆ นอนคดุ คอู้ ยผู่ อ่ นลมหายใจ เข้าออกทช่ี ้ามาก จนรู้สึกถงึ ลมหายใจสุดทา้ ยที่ออกมาเพียงนิดเดียวแลว้ หมด ลมตรงน้ัน ร่างกายค่อยๆ ขยับแบบช้ามากท่ีผู้เขียนรู้สึก จากนั่งคุดคู้ค่อยๆ ตะแคงตัว และอยู่ในท่านอนหงายตัวสงบนิ่ง ความรู้สึกของผู้เขียนมันโพล่ง 46

คูม่ ือบรรลธุ รรม ในธรรมชาตติ นเอง วาบไปเลยในตอนนน้ั ไมเ่ คยรู้สกึ อะไรแบบนี้มาก่อนเลย น่ีเป็นประสบการณ์ ครั้งแรกที่ได้พบ เห็นสภาวะตอนจะตายท่ีรู้รายละเอยี ดธรรมชาตติ รงนนั้ จงึ เขา้ ใจไปเลยในเรอ่ื งสงิ่ ทเี่ กดิ ดบั ตามธรรมชาตทิ ไี่ มม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของ ความรสู้ กึ ภายในตนเองที่ดูและรู้สึกอยู่ตอนนั้น เหมือนเห็นธงชัยตนเองท่ีจะได้เข้าถึง ความจริงตนเองแล้ว ผู้เขียนจึงอธิษฐานในความรู้สึกตรงนั้นให้เกิดเป็นนิมิต ตดิ ในความรสู้ ึกตนเองภายในเพ่ือใชส้ รา้ งก�ำลังใจตนเอง หลงั จากนน้ั ก็ดแู ละรู้ ในความรู้สึกของหนู จะเดินจะนั่งจะขับรถหรือท�ำงานอะไร ก็ใช้ความรู้สึก ภายในดูภาพหนูให้เห็นรายละเอียดทุกขณะของหนูตัวนั้น อยากดูมุมไหน ภาพกห็ มนุ ไดต้ ามความรสู้ กึ ของตน ธรรมชาตขิ องหนตู วั นจ้ี งึ เปรยี บเสมอื นเปน็ ครูของผู้เขียนไปเลยในธรรมชาติตอนน้ัน ดูและรู้กับเรื่องราวต่างๆ ของหนู ทั้งร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึกของหนูที่แยกขาดจากกันขณะยังมีชีวิตและ กำ� ลงั จะตายดอู ยแู่ บบนนั้ อยตู่ ลอดเวลาในความรสู้ กึ รถู้ งึ การเกดิ ดบั ในธรรมชาติ ทเี่ ปน็ ธรรมชาตติ รงนนั้ แตผ่ เู้ ขยี นไมส่ ามารถอธบิ ายเกดิ ดบั ไดใ้ นขณะนน้ั ผเู้ ขยี น ยงั สงสยั อยู่ พยายามหาสาเหตตุ น้ เหตใุ นธรรมชาตติ นเองแตย่ งั หาไมเ่ จอ ความ ร้สู กึ ภายในท่ดี ูและรู้ในเร่ืองราวหนนู ัน้ ลกึ มากขึน้ ไปเร่อื ยๆ เหน็ ในความรสู้ ึกที่ เป็นธรรมชาติของหนูที่ไม่มีความกังวลหรือวิตกในอารมณ์ตนเองไม่สะทก สะทา้ นทจ่ี ะตอ้ งตาย อารมณข์ องหนเู หมอื นมอี ารมณเ์ ดยี วคอื พอใจในสง่ิ ทพี่ อใจ ในความรสู้ กึ ตรงนน้ั แลว้ ผเู้ ขยี นจะทำ� อารมณพ์ อใจแบบนนั้ ไดอ้ ยา่ งไรในความ รู้สึกภายในที่ดูรู้ในขณะนั้น เหมือนหนูไม่มีปรุงแต่งใดๆ ในเร่ืองราวตรงน้ัน เลย มีแต่ความพอใจไม่วา่ อยูห่ รือตายก็พอใจตรงน้นั ความรสู้ ึกตนเองจึงย้อน กลับมาในเนอ้ื หาธรรมชาติตนเองอีก ผเู้ ขียนจะปรบั สภาพตนเองแบบไหนให้ เกิดสมดุลย์ตามธรรมชาติแบบหนูนี้ จะท�ำอย่างไรกับธรรมชาติตนเองตรงน้ี ก็ยังงงๆ ในสิ่งทธ่ี รรมชาตมิ าสอน และธรรมชาติมาทดสอบภายในตนเองด้วย 47

ค่มู ือบรรลุธรรม ในธรรมชาติตนเอง รู้ความจริงของธรรมชาติตนเองเหมือนเป็นสิ่งๆ เดียว ส่ิงที่ธรรมชาติมาทดสอบทุกครั้งกับผู้เขียนก็เหมือนเป็นการมาสอน และบอกทางเดนิ ใหต้ นเองไดเ้ ดนิ ถกู ทางตามความเปน็ จรงิ ดว้ ย หากวา่ ผเู้ ดนิ ทาง นนั้ มศี รทั ธามงุ่ มน่ั เอาจรงิ กต็ อ้ งเจอของจรงิ จะตอ้ งมคี วามเพยี รและมคี วามอดทน อยา่ งมาก หากการมาทดสอบใดของธรรมชาตทิ เ่ี ขา้ มาตอนนน้ั ตนเองไมพ่ รอ้ มก็ พลาดไป ตอ้ งรอโอกาสใหมแ่ ตก่ ไ็ มร่ วู้ า่ จะมาตอนไหนหรอื มาในรปู แบบใด ทา่ น ไมส่ ามารถจะคาดเดาไดเ้ ลยในธรรมชาติของตนเอง ตนเองจงึ ต้องพร้อมตลอด เวลาในความรู้สึกทุกขณะที่เตรียมตัวเตรียมใจรับบททดสอบของธรรมชาติให้ ได้ ตอ้ งทนกบั แรงบบี ค้ันกดดันในความรู้สึกของธรรมชาตติ รงนั้น หากผา่ นแรง บีบคัน้ กดดนั ในความรสู้ กึ มาได้ ต่อไปธรรมชาติตรงนนั้ จะเรม่ิ สอน เร่ิมอบรม บ่มเพาะ ในความรู้ตรงนนั้ ให้แข็งแกรง่ ขึ้น รลู้ กึ มากขนึ้ ไปเองตามธรรมชาตเิ ลย การท่ีผเู้ ขียนใช้ความร้สู ึกดูความรู้สึกทั้งภายนอกและภายใน ใช้ความ รู้สึกรู้ความรู้สึกท้ังภายนอกและภายใน ไม่แตะต้องใดๆ ในส่ิงท่ีดูและรู้ ในการดคู วามรูส้ กึ ของหนตู วั นอ้ ยนั้น เปน็ การสร้างก�ำลงั ใจตนเองใหด้ ีขึ้นมา เรือ่ ยๆ จนเห็นถึงการเกดิ ดับ ตามธรรมชาติ แต่ตอนนนั้ ไม่สามารถกล่าวถึง หรืออธบิ ายเร่ืองราวเกดิ ดบั คอื อะไร เพราะยังสงสยั ในความร้สู กึ ตนเองอยู่ ชว่ งจงั หวะทผี่ เู้ ขยี นทำ� งาน กม็ คี วามรสู้ กึ ซอ้ นเขา้ มาในความรสู้ กึ ภายใน เกดิ มมี โนภาพปรากฏเกดิ ขนึ้ จๆู่ นกึ ถงึ แกงคว่ั ผกั บงุ้ หมสู ามชนั้ หรอื แกงเทโพ หมสู ามชน้ั ทแี่ มเ่ คยทำ� ใหก้ นิ ตอนสมยั ยงั มชี วี ติ อยู่ ความรสู้ กึ ภายในในขณะนั้น เหมือนรู้ว่าตัวตนร่างกายหายไป ความรู้สึกภายในก็หายไปด้วย แต่ก็รู้สึกถึง สภาพร่างกายทที่ ำ� งานอยไู่ ดเ้ ปน็ ปกติ เหมือนร่างกายใชส้ ่งิ ทบี่ นั ทึกจดจำ� เร่ือง 48

ค่มู อื บรรลธุ รรม ในธรรมชาติตนเอง ราวทจ่ี ำ� ไวแ้ ละทำ� ไปโดยใชส้ ญั ชาตญาณตนเองทจี่ ดจำ� และบนั ทกึ ไว้ ความรสู้ กึ ทเ่ี หน็ รา่ งกายทำ� กร็ สู้ กึ อยู่ ไมม่ เี รอ่ื งราวทไ่ี ปปรงุ แตง่ ในสงิ่ ทท่ี ำ� ความรสู้ กึ ตนเอง มันแปลกมาก ร้วู า่ รา่ งกายทำ� งานแบบไมป่ รุงแต่ง ทำ� งานโดยใชค้ วามจ�ำท่ีจำ� ได้ว่าต้องท�ำอย่างไร เป็นสัญชาตญาณไปโดยธรรมชาติตรงน้ัน ในความรู้สึก ภายในและความรสู้ กึ ภายนอกทหี่ ายไป กลบั เหน็ รา่ งกายทำ� งานอยู่ มนั แปลกๆ ดี ความร้สู ึกภายในและภายนอกที่หายไปกลับไปอยู่ในมโนภาพท่ีเกิดขึน้ เป็น แกงคั่วผกั บงุ้ เหมอื นสิง่ นน้ั กลืนกบั ผูเ้ ขยี นไปเลยในขณะนั้น เปน็ เรอื่ งราวแกง ควั่ ตรงนนั้ ไป ไดร้ สู้ กึ ถงึ รายละเอยี ดตา่ งๆ ในสว่ นประกอบ และขบวนการจัดการ ทำ� ท่ีประกอบขนึ้ มาเปน็ รูปทรงของแกงคัว่ ทีส่ ำ� เร็จ ตักใส่ชามวางไว้บนโต๊ะ มี กล่นิ หอมละมุนมาก ความรูส้ ึกของผเู้ ขียนเพียงรู้สึกแคว่ ่าอยากชิมในรสชาติก็ เกิดปรากฏรสชาติในปากของตนในทันที ราวกับว่าได้รับสัมผัสท่ีปลายน้ิวใน รสชาตติ รงน้ัน ความรสู้ กึ ภายในท่นี ่งิ และดิง่ ลกึ ลงไปในรสชาตติ รงนั้นเป็นส่งิ ทแ่ี ปลกมากสำ� หรบั ตนเอง ความรสู้ กึ ภายในของผเู้ ขยี นไหลลงไปลกึ มากจนแทบ ไมร่ สู้ กึ ตนเองเลย รสชาตแิ กงคว่ั ทร่ี บั รสตรงนน้ั กบั ความรสู้ กึ ภายในเหมอื นเปน็ สิ่งๆ เดียวกัน กลมกลืนกันเลยในตอนนั้น เป็นความรู้สึกที่ละเอียดและเล็ก มากในภายในตรงน้นั จนแทบไมร่ ูส้ กึ เลยว่าความรู้สกึ ตรงน้ันอยู่ตรงไหน ธรรมชาตทิ ผ่ี เู้ ขยี นเดนิ ทางมาตรงนจี้ งึ เกดิ ความเขา้ ใจในธรรมชาตติ นเอง แบบที่เป็นจริง เหมอื นความรู้สกึ ท่ีเกดิ ซอ้ นกนั ในขณะตรงนน้ั เปน็ ธรรมชาติที่ มอี ยรู่ ว่ มกนั ทง้ั ภายนอกทร่ี สู้ กึ อยแู่ ละทำ� งานอยรู่ ว่ มกนั ตา่ งกพ็ ง่ึ พากนั ตามความ เปน็ จริงทำ� อะไรไดพ้ รอ้ มกนั อยา่ งอสิ ระ ภายในกม็ อี สิ ระรสู้ กึ ถงึ สง่ิ ทซ่ี อ้ นความรสู้ กึ ได้แบบอิสระ และส่ิงท่ีรู้สึกภายในที่ซ้อนน้ันก็ไม่เก่ียวข้องกัน มีอิสระเช่นกัน ในความรสู้ กึ เหมอื นเปน็ สง่ิ ๆ เดยี วกนั แตแ่ ยกขาดกนั ในความรสู้ กึ ทม่ี อี ยรู่ ว่ มกนั แตไ่ มม่ ใี ครเปน็ เจา้ ของในความรสู้ กึ ตรงนนั้ ความรสู้ กึ ทไ่ี หลลกึ กบั รสชาตแิ กงคว่ั นนั้ ผเู้ ขยี นใชเ้ ปน็ กำ� ลงั ใจตนเองในการเดนิ ทางตอ่ มา ดแู ละรอู้ ยกู่ บั ความรสู้ กึ ตรงนน้ั 49

คู่มอื บรรลุธรรม ในธรรมชาตติ นเอง นิมิตท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติที่ไม่รู้ตัว นับเป็นชว่ งเวลาประมาณไม่ถึง 2 เดอื นกอ่ นท่ผี ้เู ขียนได้พบความจรงิ ในธรรมชาตทิ ห่ี มดสงสยั เกดิ เรอื่ งราวทธี่ รรมชาตมิ าทดสอบสดุ กำ� ลงั เหมอื นกนั เปน็ ชว่ งเสน้ ทางสดุ ทา้ ยทตี่ อ้ งวดั กำ� ลงั ใจกนั สดุ ๆ ธรรมชาตติ อ้ งสรา้ งภาพมายา ล่อลวง สร้างเรื่องราวท่ีซับซ้อนปิดกั้นขัดขวางทุกทาง หากผู้เดินทางท่ีชอบ ของลอ่ ของแถมในเนอ้ื หาเรอื่ งราวทเ่ี จอชว่ งนแี้ ลว้ เขา้ ไปแตะสมั ผสั ครอบครอง จะติดกบั ดกั ในธรรมชาติตนเองทันที ภาพที่เป็นธรรมชาติที่เกิดเองในความรู้สึกของผู้เขียนในตอนน้ัน ได้มี ภเู ขาใหญล่ กู หนง่ึ ลอยเขา้ มาในความรสู้ กึ ของผเู้ ขยี นทร่ี สู้ กึ ไดใ้ นภายใน เหน็ ภเู ขา สดี ำ� ทะมนึ กลมกลนื ไปกบั ธรรมชาตจิ นมองแทบไม่เหน็ เลยในช่วงแรก แตร่ สู้ กึ มี อะไรบางอยา่ งทต่ี งั้ อยู่ เปน็ ภาพของภเู ขาลกู ใหญท่ ง้ั ลกู ทโ่ี ดยรอบภเู ขาเปน็ เนอื้ ที่ ว่างเปล่า ความรู้สึกเหมือนจริงมากที่เกิดข้ึนเองในความรู้สึกขณะนั้น ผู้เขียน นกึ คดิ เอาเองวา่ เปน็ อปุ ทานมาลอ่ ลวงหลอกตนเองแน่ แตก่ ไ็ มไ่ ดส้ นใจปลอ่ ยเปน็ อสิ ระอย่แู บบนัน้ ไมแ่ ตะตอ้ งใดๆ ในความร้สู กึ ตรงน้นั แปลกใจมากในสง่ิ ทีร่ ูส้ กึ ตรงนี้ไม่ได้สร้างขึน้ ในความรสู้ กึ ไมไ่ ด้บังคับอารมณ์ไม่นกึ ไม่คดิ ถงึ มาก่อนด้วยซ้ำ� จ่ๆู ก็มาปรากฏเอง ชว่ งแรกๆ ผู้เขียนไม่ได้สนใจอะไรนกึ วา่ คิดเอาเอง แต่ความ ร้สู ึกไม่ว่าจะท�ำอะไรภเู ขาลูกน้ีกต็ ิดอยใู่ นความรสู้ ึกภายในตลอด ไมเ่ สอื่ มไมห่ าย ไปไหนตงั้ อยแู่ บบนน้ั เวลาผา่ นไปทกุ ขณะไมว่ า่ ผเู้ ขยี นจะทำ� อะไรภเู ขาลกู นก้ี ป็ รากฏ ซอ้ นอยใู่ นความรู้สึกตลอดเวลา แปลกใจมากแต่กไ็ ม่ได้กงั วลอะไรในความรู้สกึ ตนเองไม่คดิ อยากไดอ้ ยูแ่ ล้ว ไมต่ อ้ งการสง่ิ ใดๆ ในความรสู้ ึกเลย แตย่ ง่ิ แปลกใจ 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook