ภาคผนวก ง ประมวลภาพการประชุม ของคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั
ประมวลภาพการประชมุ คณะกรรมาธกิ าร
ภาคผนวก จ ประมวลภาพการประชุม ของคณะอนุกรรมาธกิ าร
ประมวลภาพการประชมุ คณะอนุกรรมาธกิ ารศกึ ษาการส่งเสริมความสมดลุ ของ ระบบนเิ วศในเขตป่าอนุรักษ์เพ่ือรองรบั ประชากรช้างป่าอย่างย่ังยนื
ประมวลภาพการประชุม คณะอนุกรรมาธกิ ารศึกษาการป้องกนั แกไ้ ขปญั หา ช้างปา่ บุกรุกทที่ ากินและเยยี วยา
ประมวลภาพการประชมุ คณะอนกุ รรมาธิการศึกษาปรบั ปรงุ แก้ไขกฎหมายและระเบยี บท่ีเป็น อปุ สรรคตอ่ การแกไ้ ขปญั หาช้างป่า และศกึ ษาผลงานวิจัย นวัตกรรมที่เก่ยี วขอ้ ง
ภาคผนวก ฉ สรปุ ประเดน็ ความคิดเห็น ของพีน่ อ้ งประชาชนผูป้ ระสบภยั ชา้ งปา่
๙๗/๙ หมู่ ๔ ต.วงั ใหม่ อ.นายายอาม จ.จันทบรุ ี ๒๒๑๗๐ ๑ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ เรื่อง รายงานผลการรวบรวมความคิดเหน็ ของผ้ปู ระสบภัยจากชา้ งปา่ เรียน ประธานคณะกรรมาธิการวสิ ามัญพจิ ารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า สภาผู้แทนราษฎร สงิ่ ท่ีส่งมาดว้ ย ๑. เอกสารสรุปประเด็นความคิดเห็นฯ จานวน ๑ ชดุ ๒. รายชือ่ ผู้ร่วมแสดงความคิดเหน็ ฯ จานวน ๑ ชุด ดว้ ยกรรมาธิการฯ ได้จดั ตั้งกลมุ่ ผ่านแอปพเิ คช่ันไลน์ ชือ่ \"แกป้ ญั หาชา้ งปา่ กบั กมธ.\" เพือ่ เป็นชอ่ งทาง ในการระดมความเห็นของผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาช้างป่านั้น ดิฉัน นางณิชชา สุวรรณาคะ ที่ปรึกษา คณะกรรมาธิการฯ ได้รับมอบหมายจาก สส.นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ผู้ดูแลกลุ่มไลน์(Admin)ดังกล่าว มีสมาชิก ๓๗๒ คน เป็นผู้ประสบภัยช้างป่าที่อยู่ในกลุ่มป่าตะวันออก กลุ่มป่าแก่งกระจาน และกลุ่มป่า ตะวนั ตก ผลจากการสารวจความคิดเห็นของประชาชนในพนื้ ท่ปี ระสบภยั ชา้ งป่า สภาพปญั หาการแกป้ ัญหา ของราษฎรและภาครัฐ สิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐแก้ปัญหาช้างป่า ระยะเวลาในการสารวจความคิดเห็นเดือน กมุ ภาพนั ธ์ - ๓๑ สงิ หาคม ๒๕๖๔ ผลการสารวจความคดิ เห็นดังเอกสารท่ีแนบมาดว้ ย จึงเรียนมาเพื่อทราบและโปรดนาข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาเพ่ือประโยชน์ต่อการทางานของ กรรมาธกิ ารฯ ดว้ ย จักเปน็ พระคุณยิง่ ขอแสดงความนบั ถือ (นางณิชชา สุวรรณาคะ) ท่ีปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ พิจารณาศึกษาและแก้ปญั หาช้างป่า สภาผูแ้ ทนราษฎร โทร. ๐๘๕ ๐๕๒ ๖๒๕๖
สรุปประเดน็ ความคดิ เหน็ ของพ่ีนอ้ งประชาชนผู้ประสบภัยช้างปา่ ๑. ช้างปา่ เร่มิ บกุ รกุ เขา้ มาในพื้นทท่ี ากิน ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ – ปัจจุบนั ชา้ งปา่ บกุ รกุ ท่ที ากินทม่ี โี ฉนดที่ดิน นส.๓ สปก. ๔-๐๑ และอื่นๆ ๒. ผลกระทบทรี่ าษฎรไดร้ ับจากภยั ช้างป่า ๑.ช้างป่าบุกรุก ที่อยู่อาศัย ทท่ี ากนิ ๒.คนในครอบครัวบาดเจบ็ หรือเสียชีวติ จากการถูกช้างป่าทาร้าย (ไม่รวมกรณีที่ถูกชา้ งปา่ ทาร้ายในเขต ปา่ อนุรกั ษ์ ๓.พชื ผลทางการเกษตรถกู ช้างป่าทาลายไดแ้ ก่ ดังนี้ มะละกอ มะมว่ ง ปาลม์ นา้ มัน มะพร้าว ทเุ รยี น กลว้ ย ขนุน ลองกอง ไผ่ มนั สาปะหลงั ปาล์มฟอกเทล สบั ปะรด ขา้ ว มะขาม มะนาว และอื่นๆ ๔.ตอ้ งเสียเวลาเกบ็ ของในครวั ให้มดิ ชดิ ไมใ่ ห้ชา้ งได้กล่นิ เพราะช้างกินของในครัว ดังนี้ ข้าวสาร ผงชรู ส น้าปลา เกลือ กาแฟ แป้ง น้าตาล และอนื่ ๆ ๕.ทรัพยส์ ิน ทอี่ ยู่อาศัย ถูกช้างป่าทาลาย ดังน้ี สิ่งปลูกสร้างท่ีอยอู่ าศยั ,เคร่ืองมือทางการเกษตร, เครื่อง สูบนา้ , เสาไฟฟ้า, ทอ่ นา้ , รถยนต์, ของใช้ส่วนบุคคล และอ่ืนๆ ๖.เกิดความหวาดวติ กกังวลถงึ ความปลอดภัยในชวี ิตและทรัพย์สนิ ไมร่ ูช้ ้างป่าจะเขา้ มาในพ้ืนทที่ ากนิ วนั ไหน ๗.เกิดความหวาดระแวงไมก่ ลา้ ออกไปทางานในเวลากลางคืน สูญเสียโอกาสในการสรา้ งรายได้เลี้ยง ครอบครวั ๘.ก้เู งินมาลงทนุ ทาการเกษตร ถึงเวลาทจี่ ะขายได้เงนิ ชา้ งป่ามาทาลาย ขาดทุน เป็นหนี้ ๙.หมดทางทามาหากนิ ขายที่ดนิ ย้ายทอ่ี ยู่ ๑๐.สญู เสียเงนิ ในการหาวิธปี อ้ งกันชา้ งป่าเขา้ ทาลายทรัพยส์ ิน และพืชผลทางการเกษตรจานวนมาก ๑๑.ชาวบา้ นไมม่ ีแรงงานช่วยทางานสวน เพราะกลวั ช้างปา่ เหยียบตาย ๑๒.ต้องโค่นพชื ผลทางการเกษตรท่ชี ้างปา่ ชอบกินทิ้ง เชน่ ขนนุ มะละกอ อน่ื ๆ เพราะจะเปน็ ตัวดึงดดู ให้ ชา้ งป่าเข้าพื้นท่ที ากนิ และท่อี ยูอ่ าศัยอกี ๑๓.ในพนื้ ท่ชี มุ ชนเกิดกลุม่ คนรกั ช้างให้อาหารช้าง และต่อต้านกลุ่มจิตอาสาผลกั ดันช้างป่า ทาใหช้ ้าง ไมไ่ ปไหน วนเวียนหากินอยู่ในชุมชน ๑๔.ช้างปา่ มจี านวนเพ่ิมขนึ้ ในชุมชนสร้างความหวาดวติ กใหก้ ับประชาชน ๑๕.ถูกกล่าวหาว่า “ไปบุกรุกทหี่ ากินของชา้ งป่า” ท้ังทช่ี ้างปา่ พึ่งปรากฏในพนื้ ท่ชี ุมชน ๑๐ ปที ผี่ ่านมา ๑๖.คนในครอบครัวต้องไปเป็นจิตอาสาผลกั ดนั ชา้ งปา่ มีผลกระทบ ๑. พกั ผ่อนไม่เพียงพอ เพราะต้องทา อาชีพหลักของตนด้วย ๒. มีความเส่ยี งต่อการบาดเจบ็ และเสยี ชวี ิต ๓. ใชเ้ งนิ ส่วนตวั จดั หาเคร่ืองมอื อุปกรณ์ ทกุ อยา่ งในปฏบิ ตั งิ าน ๔. ไมม่ ีค่าตอบแทน และสวสั ดิการใดๆ
๓. ปญั หาการตดิ ตอ่ กับภาครฐั เม่ือประสบภัยจากชา้ งป่า ๑. แจ้งเจา้ หนา้ ท่เี ข้ามาดูความเสียหาย แล้วกก็ ลบั ไป แกป้ ัญหาไม่ได้ ไม่มีงบ ไม่รู้จะนาชา้ งป่าไปที่ไหน ๒. แจง้ เจา้ หนา้ ท่ีแล้ว ไม่ไดร้ ับการตอบสนองไม่มีการดาเนนิ การใดๆ ๓. ไมแ่ จง้ เจา้ หนา้ ท่ี เพราะเสียเวลาดาเนินการ เงินค่าเยยี วยาไมค่ ้มุ ค่า ๔. ไมเ่ คยได้รบั การเยยี วยาและชดเชยจากภาครฐั เพราะทากนิ ในพ้ืนท่ที ี่ไมม่ ีเอกสารสิทธ์ิ ๕. เขา้ ถึงเงนิ เยยี วยายาก ไมค่ รอบคลุม ข้ันตอนเยอะ ใชเ้ วลานานกวา่ จะได้เงิน ๖. เงนิ เยยี วยาไม่สอดคล้องกบั ความเสียหายที่ไดร้ บั ๗. ความเสยี หายไม่เข้าหลักเกณฑก์ ารประกาศเขตภัยพบิ ัติช้างปา่ ทจ่ี ะได้รับเงินเยียวยา ๔. ราษฎรมีวธิ ีแก้ปญั หา การปกปอ้ งชวี ิต ทรพั ย์สนิ และพืชผลทางการเกษตรของตนเองดงั น้ี ๑. ใชว้ ิธกี ารสังเกตและเฝ้าระวังโดยไมจ่ าเปน็ ต้องดาเนนิ การใดๆ เป็นพเิ ศษ ๒. ตดิ ต้ังรัว้ ไฟฟ้า รัว้ คูกนั ขา้ ง ล้อมรอบท่ีทากิน ๓. ผูกถงุ พลาสติก หอ้ ยขวดนา้ พลาสติก ไวห้ น้าบ้าน ๔. ติดกลอ้ งวงจรปดิ รอบบา้ นหรือสวน/ไร่ พอชา้ งป่าเข้ามาก็ออกไปผลกั ดันออกนอกพื้นท่ี ๕. ทาหุน่ ไล่ชา้ งป่า หลอกชา้ งไว้นอกเขตรวั้ เปิดไฟให้สว่าง ๖. ปลูกสารพดั รั้ว เช่น ชะอม มะขาม ตน้ ยางพารา ไผ่หนาม พืชท่มี กี ล่ินฉุน ท่ชี า้ งปา่ ไม่ชอบ ๗. นาแอมโมเนยี ชบุ ผ้าไปวางไว้ ๘. ติดตงั้ เสาไฟแสงสวา่ งใช้แบบโซลา่ ร์เซลล์ เพ่อื ให้มีแสงสว่าง ๙. ใช้ลวดทารั้วกันช้างปา่ โดยปลอ่ ยกระแสไฟผ่านหมอ้ แปลง ๑๐. เปลีย่ นชนิดพืชการเพาะปลกู ทไี่ มเ่ ปน็ อาหารของชา้ งป่า ๑๑. เฝา้ ชา้ งปา่ ปล่อยใหก้ นิ พชื ผลทางการเกษตร พออ่ิม จะกลับไปเอง ๑๒. แจง้ ทมี อาสาผลักดันชา้ งของชุมชนมาผลักดันชา้ งปา่ ออกจากสวนและบ้าน ๑๓. ชาวบา้ นทกุ หมูบ่ ้านรวมตัวกนั เปน็ จิตอาสา ชว่ ยกนั แจ้งเม่ือชา้ งปา่ เข้าหมบู่ ้านแล้วช่วยกนั ผลกั ดันออก นอกหมบู่ ้าน ๑๔. ใช้วิธีตะโกน เคาะถาด หม้อ ถงั นา้ มันให้เกิดเสียงดัง ๑๕. ใชร้ ะเบิดปิงปอง ปนื ผลักดันชา้ งปา่ ออกจากบ้านและทที่ ากนิ ๕. ภาครัฐได้เขา้ มาแกป้ ญั หา ดงั น้ี ๑. จดั การอบรมความรเู้ ร่ืองชา้ งผลที่ได้ ลดความสูญเสียชวี ิต ทราบวธิ เี อาตวั รอดจากช้างป่าแตไ่ มส่ ามารถ ลดความสญู เสยี จากช้างป่าได้ชาวบา้ นยงั คงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาช้างปา่ ๒. ปญั หาทพ่ี บการจดั ตั้งทมี อาสาผลักดันชา้ งป่าในแตล่ ะพื้นท่ี ๓. ภาครฐั ไม่มีงบประมาณในการดูแลทีมอาสาผลกั ดนั ช้างปา้ ๔. ผลักดนั ช้างป่ากลับเขา้ ป่าไปแลว้ ชา้ งปา่ กลับมาหากนิ ในทีช่ ุมชนอกี
๕. ผลกั ดนั ช้างป่าออกนอกพน้ื ที่ของตนเท่านนั้ ผลกั ดนั ช้างปา่ กนั ไป-มา ทาให้เกิดความขัดแย้งแกป้ ญั หา ไม่ได้ ๖. ชาวบา้ นไมย่ ินยอมให้ผลักดนั ชา้ งป่าผา่ นพน้ื ทเ่ี พราะความเสยี หายจะเกดิ ขึ้นในทิศทางที่ผลักดัน ๗. ทีมอาสาผลกั ดนั ชา้ งตอ้ งได้รบั คาสั่งจากผ้บู ังคับบญั ชาและความยนิ ยอมจากทกุ ภาคสว่ นทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบจากการผลักดันช้างป่าถงึ จะผลักดันได้ ๘. ปัญหาทพี่ บจากการทารั้วรงั ผึ้งป้องกนั ชา้ งป่า (๑) ร้ัวรงั ผึ้งปอ้ งกันชา้ งปา่ ไดเ้ พยี งเปลี่ยนเส้นทางเดินของชา้ งป่า (๒) ผ้ึงหนีและตายยกรัง ถา้ สวนข้างเคียงรัศมี ๕ กโิ ลเมตร ใชส้ ารเคมี (๓) พื้นทไี่ มม่ ีดอกไม้ทเี่ ป็นอาหารของผ้งึ เลี้ยงผ้ึงไม่ได้ (๔) การเลีย้ งผ้งึ ต้องดแู ลใกลช้ ิด วางแนวยาวหลายกิโลเมตรเปน็ ไปไดย้ าก (๕) เล้ียงผึง้ ใช้เคร่อื งเสียง ใช้ลาโพงวางไว้ท่ัวสวน พอเขา้ สวนผง้ึ ตอ่ ย ไม่ฉีดยาฆา่ แมลง เพ้ียลง ท้ังสวน (๖) คลนื่ สัญญาณการกระพือปีกของผง้ึ ปอ้ งกันช้างไม่ได้ ช้างไม่กลวั ไม่มีอันตรายบกุ รุกสวน เหมอื นเดิม ๙. ปัญหาท่ีพบสร้างร้วั ไฟฟา้ แรงดนั สงู รว้ั คูก้ันชา้ ง ไมใ่ ห้ช้างปา่ ออกจากป่าอนรุ ักษ์ (๑) รั้วและคกู น้ั ชา้ ง ไมส่ ามารถป้องกันช้างป่าไม่ให้ออกจากป่าอนุรักษ์ได้ (๒) ทารั้วชดิ ตลงิ่ เสาไม่ได้หล่อในดนิ ช้างป่าเข้า ดงึ ดัน มุด แหวก พังรว้ั ลม้ ระเนระนาด ช้างออกจากปา่ (๓) ขุดคู ทาร้ัว ไม่ตดิ ต้ังท่อระบายน้า ฝนตกลงมา ทัง้ คูทงั้ รวั้ พัง ชา้ งออกจากปา่ (๔) รวั้ และคูกันชา้ งแบบผสมผสาน สามารถปอ้ งกนั ช้างป่าไม่ออกจากป่าอนรุ ักษ์ได้ แต่ต้อง ดแู ลซ่อมแซมอยู่เสมอ ๖. สิ่งที่ต้องการใหภ้ าครฐั แก้ปัญหาช้างปา่ (๑) ยกเลิกแนวคิด \"คนกับช้างป่าอยูด่ ้วยกันอยา่ งสมดลุ \" เพราะคนกับช้างป่าอยู่ร่วมกันในพ้ืนที่ เดียวกนั ไม่ได้ (๒) แยกช้างป่าไปอยู่ในท่ีปลอดภยั ช้างปา่ ตัวไหนเกเร หาควาญช้างมาปรับพฤติกรรม ระหว่างรอ แนวกันช้างป่าที่แข็งแรงถาวรสร้างเสรจ็ (๓) มีแนวกนั ช้างป่าที่แข็งแรงถาวร สามารถกันชา้ งปา่ ไม่ให้ออกจากป่าอนุรักษ์ได้จริง แต่สตั วเ์ ล็กๆ เขา้ ออกได้ (๔) จัดพื้นท่ีให้ชา้ งป่าอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ และคนอย่ใู นพ้ืนที่ชุมชนอยา่ งปลอดภยั (๕) ควบคุมประชากรช้างป่า ท่ีเพ่ิมข้ึนทุกปี (๖) แก้กฎหมายทีเ่ กี่ยวข้องกับชา้ งปา่ เพื่อให้มีการแก้ปัญหาช้างอย่างเปน็ รูปธรรม (๗) สง่ เสริมใหเ้ ป็นสถานทที่ ่องเที่ยวมาดูชา้ งปา่ เกษตรกรปลกู พืชท่ชี า้ งกินขายนักท่องเท่ียว
(๘) ปรบั ปรุงหลักเกณฑ์การเยียวยาและการชดเชย แก่ผู้ประสบภัยจากชา้ งป่าอย่างเปน็ ธรรม รายชื่อผรู้ ่วมแสดงความคิดเห็น และสนบั สนนุ ความคดิ เหน็ เรื่องการแกป้ ญั หาช้างป่า มดี งั น้ี ๑. นางณิชชา สวุ รรณาคะ ๙๗/๙หมู่ ๔ต.วงั ใหม่ อ.นายายอาม จ.จนั ทบุรี โทร.๐๘๕๐๕๒๖๒๕๖ เปน็ เกษตรสวนไผ่ และกล้วย ๒. นางสาวเนตรนิล ศิรภิ ัทร ๔๒/๕ หมู่ ๔ ซ.โชคดี บ้านใหม่ ต.โปง่ นา้ ร้อน อ.โป่งน้าร้อน จ.จันทบุรี เป็นเกษตรกรทาสวนผลไม้ และไรส่ ับปะรดภูชวา ๓. นางสาวศุลี ชยั กฤษ ๒หมู่๒ต.เขาวงกต อ.แกง่ หางแมว จ.จันทบรุ ี ๒๒๑๖๐ โทร.๐๘๙๘๓๒๒๗๙๘ ๔. นาย นภสั กรณ์ ตาดมว่ ง พนักงานราชการ (พิทักษ์ป่า).. ๕. นาย ทนงศกั ด์ิ จรจัด อยู่บ้านเลขท่ี ๔๗ ม.๑๒ ต.แก่งหางแมว อ.แก่งหางแมว จ.จนั ทบรุ ี ๒๒๑๖๐ โทรศพั ท์ ๐๖๒-๒๕๙๙๖๙๓ ๖. คุณทองใบ เจริญดง ศูนยข์ อ้ มลู อนรุ ักษ์ช้างป่าแกง่ กระจาน ณ ปา่ ละอู หมู่ท่ี๑ ตาบลหว้ ยสัตวใ์ หญ่ อาเภอหัวหนิ จังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ ๗๗๑๑๐ โทร ๐๙๒๓๓๘๖๓๙๕ ๗. นายเผด็จ ลายทอง ผอ.สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มจังหวดั ปราจีนบรุ ี ๘. นายประจวบ มะลิแย้ม บ้านเลขที่ ๒๙/๒.ม.๓ .ต.ชาฆอ้ .อ.เขาชะเมา.จ.ระยอง อาชพี เกษตรกร ๙. นายอานาจ ยอ่ งใย ๑๒๖/๓ หมู่ ๔ ต.กองดนิ อ.แกลง จ.ระยอง ๒๒๑๖๐ ๑๐.นายวุฒิ ปะสง่ิ ชอบ ๑๐๗ ม.๑ ต.นา้ เปน็ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง โทร. ๐๙๔๙๔๙๙๒๑๕ ๑๑.นายสกุล แสงดาว๔๘/๖ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง.. ๒๑๒๑๐ โทร. ๐๘๗๑๔๓๖๒๘๕ ๑๒.นายวสนั ต์ สุจิรัตน์ กานัน ต.ชอ่ งสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โทร.๐๘๑๗๗๓๓๘๕๗ ๑๓.นายดารงค์ อ่อนนอ้ ม ๘๐ ม.๑ ต.วงั จันทร์ อ.วงั จันทร์ จ.ระยอง โทร.๐๙๔๓๖๙๑๖๙๖ ๑๔.นายสมพงษ์ จันทรุทัย ๖/๑๖ หมู่๘ ต.พวา อ.แก่งหางแมว จ.จนั ทบรุ ี ๑๕.นายพิเชษฐ กลัดเจริญ ๒๘๐ ม.๖ ต.ธาตุทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี โทร.๐๘๗๖๐๖๓๘๐๓ ๑๖.นางสาวโสภา ปลอ้ งทองคา ๑๘๐ ม.๖ ต.ธาตทุ อง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี โทร.๐๘๓๖๘๖๔๗๐๙ ๑๗.นางสาวพิชภณ์ ชิ า กวางทอง ๔๐/๘ ม.๘ ต.ทับไทร อ.โปง่ น้าร้อน จ.จันทบุรี ๒๒๑๔๐ โทร.๐๙๙๐๘๐๕๕๕ ๑๘.นางมาลัย พนากุล ๘๕ หมู่ ๖ ต.หอ้ ยทับมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง ๒๑๑๑๐ โทร.๐๘๕๒๘๗๗๔๐๘ ๑๙.วินัย ทวีกลั ป์ ๕๙ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วังจนั ทร์ จ.ระยอง ๒๐.มาลี ทวีสุข ๔๙ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๒๑.นพรัตน์ ชิดย้อยแสง ๔๙/๑ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๒๒.บวั ทอง ปลมื้ หอม ๔๙/๑ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วังจนั ทร์ จ.ระยอง ๒๓.ศักดด์ิ า ลจี อ้ ย ๔๙/๑ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วงั จันทร์ จ.ระยอง
๒๔.สมประสงค์ ชัยมี ๕๙ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๒๕.สมพร ชิดยอ้ ยแสง ๔๙/๑ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ๒๖.ช่อทิพย์ ชิดยอ้ ยแสง ๔๙/๑ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จันทร์ จ.ระยอง ๒๗.วารินท์ ชิดยอ้ ยแสง ๔๙/๑ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๒๘.เคย๊ี บ พรมวิชยั ๕๙ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๒๙.ดนุพร นามโคตร ๕๙ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จันทร์ จ.ระยอง ๓๐.วราพร พรมวชิ ยั ๕๙/๗ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๓๑.สพุ รรณ พรมวิชยั ๕๙/๕ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๓๒.สวุ รรณ สงวนนาม๒๐๐ ม๔ ต.ชมุ แสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๓๓.นติ ะวัน วงค์พงค์ ๒๐๐ ม.๔ ต.ชมุ แสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ๓๔.สมประสงค์ ชยั มี ๕๙/๙ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วังจนั ทร์ จ.ระยอง ๓๕.มวลตา ชัยมี ๕๙/๒ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ๓๖.สุพจ ชดิ ยอ้ ยแสง ๔๙/๒ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๓๗.สายสมร มณีสุข ๔๙/๓ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วงั จันทร์ จ.ระยอง ๓๘.มาลี มณสี ุข ๔๙/๒ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ๓๙.วลั ณา สนิ พร ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๔๐.ไกรศร สนิ พร ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ๔๑.ชตุ ิมา โทมี ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จันทร์ จ.ระยอง ๔๒.แจม่ จนั ทร์ สินพร ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วังจนั ทร์ จ.ระยอง ๔๓.สมหมาย อริยะสัจ ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วังจนั ทร์ จ.ระยอง ๔๔.ทศพล ช่างสกุล ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วังจนั ทร์ จ.ระยอง ๔๕.อาพล ช่างสกุล ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ๔๖.นติ ยา สนุ ทรพจน์ ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๔๗.ซิม แตม้ พงษ์ ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วังจนั ทร์ จ.ระยอง ๔๘.ปรารภ แสงดาว ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ๔๙.ประกติ แสงดาว ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ๕๐.จาลอง ศรีบุตร ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ๕๑.พสั กรณ์ อนุศร ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชุมแสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๕๒.กชกรณ์ อนุศร ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๕๓.บญุ รัตน์ ออ่ นมา ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วังจนั ทร์ จ.ระยอง ๕๔.กนั ทมิ า แสงดาว ๔๘/๖ ม.๖ ต.ชมุ แสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๕๕.นายประนัย คชเดช ๓๐/๔๑ ม.๘ ต.พวา อ.แกง่ หางแมว จ.จนั ทบุรี ๕๖.นางสาวจุฑามาศ วรรณพิทักษ์ สวนเกษตร หมู่ ๖ ต.น้าเปน็ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง
๕๗.นายสวาท ยาตรี ๖๙ หมู่ ๗ ต.สามพ่นี ้อง อ.แกง่ หางแมว จ.จันทบุรี ๕๘.นายอมรชยั ปิ่นเจริญ ๑๐ หมู่ ๓ ต.ก้อนแก้ว อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา ๒๔๐๐๐ โทร.๐๖๓๘๙๓๖๙๒๔ ๕๙.นายประภาศน์ เจียมศิริ ๑/๖๗ หมู่ ๑ ต.ชุมแสง อ.วงั จนั ทร์ จ.ระยอง ๒๑๒๑๐ ๖๐.นายประทุม นลิ บ่อ ๓๑/๘๖ หมู่ ๕ ต.พวา อ.แกง่ หางแมว จ.จันทบุรี ๖๑.นางสาล่ี ชัยกฤษ ๘๗/๖ หมู่ ๒ ต.เขาวงกต อ.แกง่ หางแมว จ.จนั ทบรุ ี ๒๒๑๖๐ โทร. ๐๙๐๓๙๕๙๖๔๑ ๖๒.นายกิตตศิ ักดิ์ ภัทรกจิ ลอื ชัย ๘๗/๑๑ หมู่ ๒ ต.เขาวงกต อ.แกง่ หางแมว จ.จนั ทบรุ ี โทร. ๐๘๓๑๗๘๗๙๒๙ ๖๓.นภัสนันท์ ภัทรกิจลอื ชยั ๓/๓ หมู่ ๒ ต.เขาวงกต อ.แกง่ หางแมว จ.จันทบรุ ี โทร.๐๙๙๔๒๑๙๖๖๔ ๖๔.บรรเจิด ทรัพยอ์ รัญ เลขที่ ๑ ซ.ชลบุรี-บ้านบึง ๑๓ ต.บ้านบึง อ.บา้ นบงึ จ.ชลบรุ ี ๖๕.นายจกั รพงษ์ ภัทรกจิ ลอื ชัย ๘๗/๙ หมู่ ๒ ต.เขาวงกต อ.แกง่ หางแมว จ.จันทบุรี โทร.๐๙๒๔๖๓๘๘๒๑ ๖๖.ภัทรพล บญุ นา ๕๙/๒ หมู่ ๑ ต.ทรายขาว อ.สอยดาว จ.จนั ทบุรี ๒๒๑๘๐ ๖๗.นายจีรพล บญุ ต้งั แต่ง ๑๒/๓ หมู่ ๒ ต.เขาวงกต อ.แกง่ หางแมว จ.จนั ทบุรี โทร.๐๙๒๕๙๘๑๔๘๘
ภาคผนวก ช ข้อมูลเพิ่มเตมิ ของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั
ตัวเลขคาดการณ์จานวนประชากรชา้ งปา่ ทไี่ ดจ้ ากการคานวณคดิ จากอัตราการเพม่ิ ป โดยคานวณจากข้อมลู ของกร กลมุ่ ป่า ขนาดพืน้ ท่ีป่า ประชากรช้างป่าที่รองรบั ได้ ๒๕๕๙* อนุรักษ์ (ตอ่ ความเหมาะสมใน ๑.ตะวันตก (ตร.กม)* ปจั จุบนั )* ๖๔๒-๗๓๔ ๑๘,๒๘๒ ๒,๔๖๓ ๒.แก่งกระจาน ๔,๘๓๘ ๖๐๑ ๔๘๗-๕๐๐ ๓.ดงพญาเยน็ -เขาใหญ่ ๖,๑๙๗ ๘๘๕ ๕๓๓-๕๘๖ ๔.ภูเขยี ว-นา้ หนาว ๗,๖๗๕ ๑,๑๑๙ ๔๙๒-๔๙๓ ๕.ตะวันออก ๒,๔๕๓ ๓๑๓ ๔๒๓ ๖.ฮาลา-บาลา ๒,๒๓๖ ๗๕ ๑๐๐-๑๔๐ ๗.เขาหลวง ๑,๘๕๔ ๑๕๖ ๗๐-๑๐๐ ๘.ภเู ม่ียง-ภทู อง ๕,๐๒๒ - ๖๐-๑๐๐ ๙.คลองแสง-เขาสก ๕,๕๘๔ ๖๓๘ ๑๐๐ ๑๐.ลมุ่ นา้ ปาย-สาละวนิ ๑๐,๖๒๖ - ๕๐ ๑๑.แม่ปิง-อมก๋อย ๔,๒๓๖ ๓๕๓ ๕๐ ๑๒.ภพู าน ๒,๖๖๗ - ๕๕-๕๘ ๑๓.ศรลี านนา-ขุนตาล ๗,๑๕๖ - ๓๖ ๑๔.พนมดงรัก-ผาแต้ม ๓,๐๑๐ - ๓๐ ๑๕.ดอยภูคา-แมย่ ม ๘,๒๘๘ - ๒๐ ๑๖.ชมุ พร ๒,๓๐๘ - ๒๐ รวม ๙๒,๔๓๒ ๖,๖๐๓ ๓,๑๖๘-๓,๔๔๐ หมายเหตุ : *อา้ งอิงจากข้อมูลคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั พจิ ารณาศกึ ษาและแก้ไขปัญหาชา้ อัตราการเพม่ิ ประชากรช้างป่า ๘.๒ เปอร์เซน็ ต์ต่อปี
ประชากรช้างป่า ๘.๒ เปอรเ์ ซ็นตต์ อ่ ปี ของกลุ่มป่าต่างๆ ต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๗๒ รมอุทยานฯ เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ จานวนประชากรชา้ งป่าทไี่ ดจ้ ากการสารวจและได้จากการคานวณ ๒๕๖๔** ๒๕๖๖** ๒๕๖๘** ๒๕๗๐** ๒๕๗๒** ๙๕๒-๑,๐๘๙ ๑,๑๑๕-๑,๒๗๔ ๑,๓๐๕-๑,๔๙๒ ๑,๕๒๘-๑,๗๔๗ ๑,๗๘๙-๒,๐๔๕ ๗๒๒-๗๔๑ ๘๔๖-๘๖๘ ๙๙๐-๑,๐๑๖ ๑,๑๕๙-๑,๑๙๐ ๑,๓๕๗-๑,๓๙๓ ๗๙๐-๘๖๙ ๙๒๕-๑,๐๑๗ ๑,๐๘๓-๑,๑๙๑ ๑,๒๖๘-๑,๓๙๔ ๑,๔๘๕-๑,๖๓๒ ๗๓๐-๗๓๑ ๘๕๔-๘๕๖ ๑,๐๐๐-๑,๐๐๒ ๑,๑๗๑-๑,๑๗๓ ๑,๓๗๑-๑,๓๗๓ ๖๒๗ ๗๓๔ ๘๖๐ ๑,๐๐๗ ๑,๑๗๘ ๑๔๘-๒๐๘ ๑๗๔-๒๔๓ ๒๐๓-๒๘๕ ๒๓๘-๓๓๓ ๒๗๙-๓๙๐ ๑๐๔-๑๔๘ ๑๒๒-๑๗๔ ๑๔๒-๒๐๓ ๑๖๗-๒๓๘ ๑๙๕-๒๗๙ ๘๙-๑๔๘ ๑๐๔-๑๗๔ ๑๒๒-๒๐๓ ๑๔๓-๒๓๘ ๑๖๗-๒๗๙ ๑๔๘ ๑๗๔ ๒๐๓ ๒๓๘ ๒๗๙ ๗๔ ๘๗ ๑๐๒ ๑๑๙ ๑๓๙ ๗๔ ๘๗ ๑๐๒ ๑๑๙ ๑๓๙ ๘๒-๘๖ ๙๕-๑๐๑ ๑๑๒-๑๑๘ ๑๓๑-๑๓๘ ๑๕๓-๑๖๒ ๕๓ ๖๓ ๗๓ ๘๖ ๑๐๐ ๔๔ ๕๒ ๖๑ ๗๑ ๘๔ ๓๐ ๓๕ ๔๑ ๔๘ ๕๖ ๓๐ ๓๕ ๔๑ ๔๘ ๕๖ ๔,๖๙๘-๕,๑๐๑ ๕,๕๐๐-๕,๙๗๒ ๖,๔๓๙-๖,๙๙๒ ๗,๕๓๙-๘,๑๘๖ ๘,๘๒๖-๙,๕๘๓ างป่าฯ บทท๔ี่ **ตวั เลขคาดการณ์จานวนประชากรช้างปา่ ท่ีได้จากการคานวณคิดจาก
(รา่ ง) บญั ชีรายละเอียดคา่ ทดแทนต้นไม้และไม้ผลท่ถี กู ช้างป่าทาลาย บญั ชมี าตรฐานกรมชลประทาน จานวน ลาดับ รายการตน้ ไม้ ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง อ่ืนๆ ต้นต่อไร่ หมาย เหตุ หรือมีผล หรอื ไม่มผี ล (โดยประมาณ) (บาท/ตน้ ) (บาท/ต้น) ๑. กล้วย ๑๕๐ ๗๕ ๒. ขนุนพนั ธดุ์ ี ๓,๐๐๐ ๒,๐๐๐ ๒๕ ๓. ขนนุ พนั ธพุ์ นื้ เมอื ง ๘๘๐ ๔๔๐ ๒๕ ๔ ข้าวเจา้ (ข้าวนาป)ี (ไรล่ ะ) ๑๒,๗๓๕ ๕ ขา้ วโพด (ไร่ละ) ๗,๘๓๓ ๑๒,๐๐๐ ๖ ขา้ วโพดหวาน (ไร่ละ) ๘,๑๐๐ ๑๑,๐๐๐ ๗ ขา้ วเหนยี ว (ไรล่ ะ) ๘,๔๐๐ ๘ เงาะพนั ธ์ดุ ี ๓,๕๐๐ ๒,๐๐๐ ๒๕ ๙ เงาะพนั ธุ์พน้ื เมือง ๑,๖๔๐ ๑,๑๓๔ ๒๕ ๑๐ ทเุ รยี นพนั ธุด์ ี ๘,๐๐๐ ๔,๐๐๐ ๒๕ ๑๑ ทเุ รยี นพันธุพ์ ้นื เมือง ๒,๐๒๐ ๑,๓๘๖ ๒๕ ๑๒ ปาล์ม ปาล์มน้ามัน ก.ขนาดเล็ก อายุไมถ่ ึง ๑ ปี ๒,๐๐๐ ข.ขนาดกลาง อายุตั้งแต่ ๑ ปี ข้นึ ไป แต่ไมถ่ งึ ๓ ปี ๓,๐๐๐ ค.ขนาดใหญ่ อายุต้งั แต่ ๓ ปี ขน้ึ ไป ๕,๐๐๐ ๑๓ ปาลม์ แดง ก.ขนาดเลก็ (อายุ ๑ - ๒ ปี) ๓๐๐ ข.ขนาดกลาง (อายุ ๒ - ๓ปี) ๕๐๐ ค.ขนาดใหญ่(อายุ ๓ ปี) ๑,๐๐๐ ๑๔ ปาลม์ ฟอกซเ์ ทล ก.ลาต้นมขี นาดเส้นผา่ ศนู ย์กลาง ไมถ่ ึง ๔ น้ิว ๓๐๐ ข.ลาตน้ มขี นาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔ นวิ้ ขนึ้ ไป ๖๐๐ ๑๕ ปาลม์ แว๊กอว้ น ๔๐๐
บญั ชมี าตรฐานกรมชลประทาน จานวน ลาดบั รายการตน้ ไม้ ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง อ่นื ๆ ต้นตอ่ ไร่ หมาย หรอื มผี ล หรือไม่มผี ล (โดยประมาณ) เหตุ (บาท/ตน้ ) (บาท/ตน้ ) ก.ลาตน้ มีขนาดเสน้ ผ่าศนู ย์กลาง ไมถ่ ึง ๔ นว้ิ ข.ลาตน้ มขี นาดเส้นผา่ ศูนย์กลาง ๔ น้วิ ขนึ้ ไป ๘๐๐ ๑๖ ไผ่ตง ไผ่บง ไผ่สสี ุก (กอละ) ไผ่ต่างๆ ก.ความสงู เฉลย่ี ไม่ถึง ๓ ม. ๖๐๐ คดิ เปน็ ข.ความสูงเฉล่ยี ตง้ั แต่ ๓ ม.ขึ้นไป ๑,๒๐๐ กอ ถ้า ๑๗ ไผ่ปา่ ไผท่ วั่ ไป กอใดเกนิ ก.ความสงู เฉลี่ยไมถ่ ึง ๑.๕๐ ม. ๑๒๕ กว่า ๑๒ ข.ความสงู เฉลีย่ ต้งั แต่๑.๕๐ ม. ข้นึ ไป ๒๕๐ ลา ใหค้ ดิ ๑๘ ไผเ่ ป๊าะ (กอละ) ๑,๖๕๗ ๗๓๔ เป็น ๑ กอ เศษ ๑๙ ไผ่รวก ไผล่ ามะลอก (กอละ) ของ ๑๒ ลาถา้ ถงึ ก.ความสงู เฉลย่ี ไม่ถงึ ๑.๕๐ ม. ๓๐๐ ๖ ลา ให้ คดิ เปน็ ข.ความสงู เฉลี่ยตัง้ แต่ ๑.๕๐ ม. ขึ้นไป ๖๐๐ ๑ กอ ๒๐ ไผเ่ ลย้ี ง (กอละ) ก.ความสงู เฉลย่ี ไมถ่ งึ ๑.๕๐ ม. ๒๕๐ ข.ความสงู เฉล่ียต้งั แต่ ๑.๕๐ม.ขึ้นไป ๕๐๐ ๒๑ ไผ่สที อง (กอละ) ก.ความสูงเฉล่ยี ไม่ถึง ๑ ม. ๑๐๐ ข.ความสูงเฉล่ียตงั้ แต่ ๑ ม. ข้ึนไป ๒๐๐ ๒๒ ฝรัง่ พันธ์ุดี ๑,๕๗๐ ๖๑๐ ๑๕๐ ๒๓ ฝรั่งพันธพุ์ ื้นเมือง ๔๐๐ ๒๐๐ ๑๕๐ ๒๔ มะนาว ๑,๒๐๐ ๗๕๐ ๔๕๐ ๖๐ ๒๕ มะพรา้ ว ๒,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๒๕ ๒๖ มะพรา้ วตัดยอด ๑๕๐ ๗๕ ๒๗ มะพรา้ วนา้ หอม ๑,๒๐๐ ๘๐๐ ๔๕ ๒๘ มะพร้าวหนกั ๗๕๖ ๓๗๘ ๒๕ ๒๙ มะม่วงปา่ ๕๐๐ ๒๕๐ ๔๕ ๓๐ มะมว่ งพนั ธด์ุ ี ๔,๔๔๐ ๑,๖๓๘ ๔๕
บญั ชีมาตรฐานกรมชลประทาน จานวน ลาดบั รายการต้นไม้ ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง อน่ื ๆ ต้นต่อไร่ หมาย เหตุ หรือมผี ล หรือไม่มผี ล (โดยประมาณ) (บาท/ตน้ ) (บาท/ต้น) ๓๑ มะมว่ งพันธุ์พ้ืนเมือง ๑,๐๐๘ ๗๕๖ ๔๕ ๓๒ มะม่วงละมุด ๖๐๐ ๓๐๐ ๔๕ ๓๓ มะม่วงหิมพานต์ ๒,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๓๔ มะละกอ ๒๐๐ ๑๐๑ ๓๕ มนั สาปะหลงั (ไรล่ ะ) ๘,๘๕๐ ๓๖ ยางพาราพนั ธ์ดุ หี รือพนั ธุ์ต่างประเทศ ๒,๕๒๐ ๒,๒๙๐ ๑,๑๒๐ ๙๐ ๓๗ ยางพาราพันธพ์ุ ืน้ เมือง ๒,๐๐๐ ๑,๐๐๐ ๓๘ ลองกอง ๕,๐๐๐ ๒,๔๐๐ ๖๐ ๓๙ ลางสาด ๓,๑๗๐ ๒,๕๔๐ ๖๐ ๔๐ ลาไย ๒,๒๐๐ ๑,๒๖๐ ๒๕ ๔๑ ลาไยพนั ธดุ์ ี ๓,๕๒๘ ๒,๐๑๖ ๒๕ ๔๒ สบั ปะรด (ตน้ ละ) ๖ ๔ ๔๓ สับปะรด(บรรจุกระป๋อง) (ไร่ละ) ๘,๘๒๐ ๗,๒๐๐ ๔๔ ออ้ ยกนิ (๕ ลาต่อ ๑ กอ) (กอละ) ๔๕ ๔๕ อ้อยพันธน์ุ ้าตาล (ไร่ละ) ๑๐,๐๐๐ ก.ปแี รก (ไรล่ ะ) ๑๐,๘๘๐ ข.ปีสอง (ไรล่ ะ) ๗,๖๑๖ ค.ปสี าม (ไร่ละ) ๓,๕๓๖ หมายเหตุ : ข้อเสนอคณะกรรมาธิการวิสามญั อ้างอิงอัตราในบัญชรี ายละเอียดคา่ ทดแทนต้นไม้และไมผ้ ล ที่ถกู เขตชลประทาน ของกรมชลประทาน ฉบบั พิมพเ์ ดือนพฤศจกิ ายน ๒๕๖๐
ความเห็นของเครอื ข่ายเสียงคนเสียงช้าง (ภายใตก้ ารสนับสนุนของ สานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)) ต่อขอ้ หารอื ของกรรมาธกิ าร ฯ วันที่ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๖๔ ณ ห้องประชุม YT-๑๐๗ ชน้ั ๑ อาคาร สวทช. (โยธ)ี กระทรวงการอดุ มศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม -------------------------------------------------------------------------- ๘ ขอ้ หารือจากคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ พิจารณาศกึ ษาและแกป้ ัญหาชา้ งปา่ ๑. รปู แบบการอยู่รว่ มกนั ของคนและชา้ งป่าทเ่ี หมาะสม และมีความเปน็ ไปได้มากน้อยเพยี งใด ทางเครือข่ายเสียงคนเสียงช้าง ด้วยการสนับสนุนจาก สานักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวง อุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรม (อว.) ได้นาเสนอว่า มีความเป็นไปได้ แต่ตอ้ งใชเ้ คร่ืองมือในการ บริหารจัดการ ซ่ึงแนวโน้มในการจัดการระดับนานาชาติ ต่างมีแนวโน้มการจัดการเพื่อการอยู่ร่วม (Human- Elephant Coexistence) โดยงานวิจัยของเครือข่ายเสียงคนเสียงช้าง อยู่ในข้ันตอนการวิจัยและพัฒนา ระบบการอยูร่ ่วมกันระหว่างคนกบั ช้าง โดยมีเคร่ืองมอื การบรหิ ารเพ่ือการอยูร่ ว่ ม ๖ แนวทาง ได้แก่ ๑.๑ การบริหารจดั การความปลอดภยั (Safety Management) เหตุผล จากงานวิจัย พิเชฐ นุ่นโต และคณะ (๒๕๖๑) ประชาชนต้องการความปลอดภัยเป็นอันดับแรก และความตอ้ งการสูงสดุ คอื การป้องกันพชื ผล ทรัพย์สิน และชวี ิตของชุมชน วิจัยและพัฒนาระบบเฝ้าระวังและป้องกันช้างป่า ท่ีปลอดภัยท้ังคนและช้างป่า และไม่ใช้ ความรุนแรง พัฒนาเป็นข้ันตอนปฏิบตั ิที่มมี าตรฐาน มเี ช็คลสิ ต์อุปกรณ์ วธิ ีการ องค์ความรู้และการวัดผล ความสาเร็จ โดยขณะน้ีกาลังวิจัยและพัฒนาในพื้นท่ีอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น และเขต รักษาพันธสุ์ ัตวป์ ่าภหู ลวง การป้องกันโดยร้ัว คู หรือโครงสร้างแข็ง ควรมีการประเมินติดตาม และการบริหารจัดการ อย่างมีสว่ นรว่ ม รว่ มกับท้องถ่ิน ๑.๒ วิถปี รับตัวอยู่ร่วม (Adaptive Livelihood) เหตุผล ประชาชนบางกลุ่มต้องการปรับเปลี่ยน หรือหาแนวทางเสริมในการบริหารจัดการช้าง ใน แนวทางการใช้ประโยชนส์ ัตว์ป่า หรือปรบั ตวั เพ่ือลดผลกระทบ มากกวา่ การใช้วธิ ีการเชิงป้องกันเฝ้า ระวัง พิเชฐ นุ่นโต และคณะ (In progress) พัฒนาการท่องเท่ียวดูสัตว์ป่าบนฐานชุมชน กาลังมีการดาเนินการภายใต้งานวิจัยในพ้ืนท่ี ตาบลวังหมี อ.ภูเขียว จ.นครราชสีมา ซ่ึงแนวทางนี้ต้องมีการประเมินทรัพยากรการ ท่องเท่ียวและความพรอ้ มชมุ ชน การปรับเปล่ียนวิถีเกษตร เกตรกรในเครือข่ายวิจัย กาลังพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชที่ทนต่อ การทาลายช้างป่า เช่น พืชสมุนไพร พืชหัวใต้ดิน ซึ่งจะสามารถสร้างตลาดผลิตภัณฑ์มิตร
ช้างป่า หรือผลิตภัณฑ์มิตรสัตว์ป่าได้ หากทางานร่วมกันเป็นเครือข่าย ซ่ึงจะส่งมอบตลาด สนิ ค้าใหช้ มุ ชน เพื่อเปน็ ต้นทุนในการปรับตัวใหก้ บั ชุมชนได้อกี ทาง งานวิจัยหรือนโยบายที่หนุนเสริมการปรับเปลี่ยนวิถี ควรมีการสนับสนุน เพ่ือให้ทางออก จากความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างมีแนวทางท่ีหลากหลาย รับมือการปรับเปลี่ยน พฤตกิ รรมชา้ งป่า ๑.๓ การทาความเขา้ ใจและพฒั นาศกั ยภาพ (Understanding and Empower) เหตุผล “ชา้ งท่ีออกมารบกวนเป็นช้างปลอ่ ย” “คนจะอยู่ร่วมกับช้างได้อย่างไร” “คนรกุ ทช่ี า้ ง ช้าง รุกทค่ี น” โดยคุณสุวิชาณ สุวรรณนาคะ ได้เสนอว่าควรค้นหาจะอยู่ร่วมกันอย่างไร และอยากให้พิจารณาถึง คาว่า “อยู่ร่วมกนั อยา่ งเพอ่ื นบ้าน” ซงึ่ ก็คือ การแยกกันอย่บู า้ นใครบ้านมนั เพยี งแต่วา่ ในช่วงของการแยกนั้น การสร้างความเข้าใจให้กับชุมชนถึงการท่ีต้องดารงชีวติ อยู่ในระบบนิเวศคนกับช้างป่าก็มีความจาเป็นเช่นกนั อย่างไรก็ตาม ใชว่ ่าทกุ พ้นื ท่ีจะสามารถแบ่งแยกหรืออยู่แบบเพื่อนบ้านกนั อย่างนน้ั ได้ ดังนัน้ การสรา้ งความรู้ ความเข้าใจและพัฒนาศักยภาพของชมุ ชนต่อการอยรู่ ว่ มกันอย่างเพื่อนบ้านจะทาใหช้ มุ ชนสามารถอยรู่ ่วมกับ ช้างป่าได้ดีข้ึนในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยชุมชนสามารถเรียนรู้ผ่านกระบวนการส่งต่อองค์ความรู้ของระบบ เครือข่ายเพอื่ การอยรู่ ่วมกันระหว่างคนกับช้างป่าที่กาลงั ทดลองอย่รู ะหวา่ งพ้ืนทภ่ี ูหลวงไปสู่พื้นทภี่ เู รือ จังหวดั เลย ยกตัวอย่างกิจกรรมท่ีใช้คือเพื่อนเก่าพบเพื่อนใหม่ ที่เป็นการส่งต่อแนวทางการเฝ้าระวังช้างป่าของชุด อาสาเฝ้าระวงั ชา้ งป่าภหู ลวงสูพ่ นื้ ทภ่ี ูเรือ โดยสง่ ตอ่ องคค์ วามรดู้ า้ นการเรยี นรู้พฤติกรรมชา้ งปา่ ทสี่ าคัญต่อการ เฝ้าระวังช้างป่า และการจัดการภายในกลุ่มเฝ้าระวัง เช่น แนวทางการจัดหาทุน การปรับเปล่ียนพืชเกษตร และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ๑.๔ นโยบายและการจดั การรว่ ม (Co-management & Policy) เหตุผล จากงานวิจัย พิเชฐ นุ่นโต และคณะ (๒๕๖๑) ท่ีระบุว่า ข้อเสนอใหม่ของชุมชนเพ่ือการ แก้ปัญหาช้างป่าคือรองลงมาจากการป้องกันคือ “การเพ่ิมการมีส่วนร่วม” ซึ่งเป็นที่มาของการจัดการร่วม ระหว่างชุมชนกับภาครัฐและรวมไปถึงหน่วยงานเอกชนหรือสถาบันทางการศึกษาท่ีเก่ียวข้องในการจัดการ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกบั ชา้ งในพนื้ ท่ี งานวิจัยการจัดการร่วมของเครือข่ายเสียงคนเสียงช้างที่กาลังดาเนินการอยู่ ณ ขณะนี้คือ การสร้าง ความเข้าใจและปรับปรุงระบบการเยียวยาความเสียหายทางเกษตรกรรมจากช้างป่าในอาเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และการจัดการและประเมินประสิทธิภาพรั้วอย่างมีส่วนร่วมของชุมชนบริเวณเขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี งานวิจัยทั้ง ๒ กิจกรรมยังอยู่ในระหว่างการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อ นาเสนอการจดั การเชงิ นโยบายของพน้ื ท่ีอนรุ กั ษ์ถดั ไป
๑.๕ การจดั การเชิงนิเวศ และพืน้ ท่ี (Ecological & Spatial Management) เหตุผล การปรับปรุงแหล่งนา้ แหล่งอาหารหรือการปลูกพืชอาหารช้างปา่ ท่ผี า่ นมาในหลายพ้ืนท่ีของ ประเทศไทยยังไม่มีรายงานความเปล่ียนแปลงของผลกระทบท่ีเกิดขึ้นหลังการทดลอง ดังน้ัน ในงานวิจัยนี้ นอกจากที่จะส่งเสริมให้ชุมชนได้ทดลองเปล่ียนชนิดพืชจากพืชที่เป็นอาหารของช้างป่าเป็นพืชที่ไม่ดึงดูด ช้างแล้ว ยังเสริมกระบวนการติดตามและประเมินผลกระทบของการเปลี่ยนพืชต่อการเคลื่อนที่และการ กระจายของช้างป่าในระดับหม่บู ้านหรือท้องถน่ิ ซึ่งจะทาใหเ้ ห็นวา่ กระบวนการปรบั ปรงุ พ้ืนทใี่ นระดับจุลภาค หรือชุมชนจะส่งผลต่อการเคล่ือนท่ีของช้างป่าอย่างไรบ้าง และหากขยายพ้ืนท่ีการจัดการเชิงนิเวศให้ใหญ่ขน้ึ ไปอีกในอนาคต จะสามารถนาข้อมูลท่ีมีอยู่จากงานวิจัย ณ ปัจจุบัน ไปทานายการกระจายตัวของช้างป่า ต่อการเปล่ียนแปลงพ้นื ท่ีในอนาคต ๑.๖ การติดตามและประเมนิ ผล (Monitoring and Evaluation) เหตุผล นอกจากกระบวนการติดต้ังองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพของชุมชนทั้งการปรับตัวเพื่ออยู่ ร่วมในพ้ืนท่ีคนกับช้างปา่ และการเฝ้าระวังป้องกันทรัพย์สินน้ันก็จาเป็นท่ีจะต้องมีการประเมินและติดตามผล อย่างเป็นระบบ เพ่ือประเมินทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดาเนินการจัดการต่าง ๆ ในแต่ละพื้น ที่ว่าเป็นอย่างไร ทางเครือข่ายเสียงคนเสียงช้างกาลังสร้างระบบติดตามและประเมินผลในพื้นท่ีวิจัยตาม ศักยภาพของแต่ละพ้ืนท่ี เพ่ือเก็บข้อมูลพ้ืนฐานของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างป่า ตรวจสอบและ ประเมินผลของวิธีการจัดการช้างป่าในรูปแบบต่าง ๆ ของแต่ละพ้ืนที่ผ่านการแบบจาลองทางคณิตศาสตร์ และสังเคราะห์ผลวจิ ัยออกมาเป็นภูมิทัศน์มิตรช้างปา่ หรือรูปแบบพ้ืนที่ที่เหมาะสมต่อการอยู่รว่ มกันระหวา่ ง คนกับชา้ งป่าทจ่ี ะไม่มคี นหรอื ช้างป่าบาดเจบ็ และเสยี ชวี ิต ๒. ประสิทธิภาพของคันก้ันช้างพร้อมถนนตรวจการณ์ ตามแบบของกรรมาธิการฯ โดยประเมิน ประสิทธิภาพ ความพงึ พอใจของประชาชน และผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม เครอื ข่ายเสยี งคนเสยี งชา้ งขอเสนอมีการพิจารณา ๓ แนวทางก่อน หากมคี วามประสงค์ทีจ่ ะสร้าง คอื ๑) ใหม้ ีการประชาพจิ ารณ์ รบั ฟงั ความเห็นจากประชาชน ๒) จัดทารายงานการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและส่ิงแวดล้อม (EHIA) ของโครงการในพื้นท่ี ทดลองก่อนการดาเนินการสร้างคันก้ันช้าง เพ่ือตรวจสอบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งในด้าน ของส่ิงแวดลอ้ ม ระบบนเิ วศ เศรษฐศาสตร์ และความเปน็ อยขู่ องคนในพืน้ ที่ ๓) สร้างระบบติดตามและประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของคันกั้นช้างดังกล่าว ผ่านกระบวนการมสี ่วนร่วมของชุมชน เพ่อื ให้ชมุ ชนได้มสี ว่ นในการรบั รูแ้ ละศึกษาความสามารถ ในการลดผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างของคันกั้นช้างอย่างมีส่วนร่วม และได้ เหน็ ผลความสามารถในการลดปญั หาคนกบั ชา้ งเชงิ ประจักษ์จากกระบวนการดงั กลา่ ว
อย่างไรก็ตาม หากผ่าน ๓ ขั้นตอนดังกล่าวแล้ว ก็ควรมีการทดลองสร้างพื้นที่ทดลองขนาดเล็ก (pilot study area) ของคันก้ันช้างพร้อมถนนตรวจการณ์ตามแบบของกรรมาธิการฯ นาเสนอ โดยพื้นทท่ี ดลองสร้างควรเป็นจุดทม่ี ีชุมชนหนาแน่น และเป็นจดุ เสี่ยง เชน่ มีโรงเรียน โรงพยาบาล ฯ ๓. จานวนพ้นื ท่ีทเี่ หมาะสมตอ่ การดารงชวี ติ ของช้างป่า ๑ ตวั ทางเครือข่ายเสียงคนเสียงช้างยังไม่มีงานวิจัยเพื่อหาคาตอบน้ี แต่หากพิจารณาถึงงานวิจัยของ นักวิจัยช้างเอเชียในประเทศพบว่า พ้ืนท่ีอาศัย (Home range) ของช้างเอเชียจะข้ึนอยู่กับฤดูกาล เพศ ช่วง อายุ และพืชพรรณในพื้นท่ีน้ัน ๆ ยกตัวอย่างการศึกษาพ้ืนท่ีอาศัยของช้างเอเชยี เพศผใู้ นประเทศมาเลเซียอยู่ ที่ ๒๑๑-๓๗๕ ตารางกิโลเมตร ส่วนช้างโขลงจะมีขนาดพื้นที่อาศัย ๖๕๐ ตารางกิโลเมตร (Baskaran, Kanakasabai & Desai, ๒๐๑๘) ทางด้านประเทศอินเดีย (Sukumar, ๑๙๙๓) มีการศึกษาที่ระบุว่าช้างเพศ ผูใ้ ช้พื้นที่หากนิ ๑๙๐-๓๒๐ ตารางกิโลเมตร ในขณะท่ีช้างโขลงจะอยู่ท่ี ๑๐๕-๑๑๕ ตารางกิโลเมตร อยา่ งไร ก็ตาม ขนาดพื้นท่ีอาศัย (home range) นั้นยังไม่ใช่ขนาดพื้นที่หากิน (foraging range) หรือพื้นที่อาณาเขต (territory) ซึ่งน่าจะมีขนาดเล็กกว่าตามที่ระบุมา ดังน้ัน ควรมีการศึกษาวิจัยในช้างไทย เพื่อให้ได้ ค่าประมาณการของพ้นื ทเ่ี หมาะสมในช้างไทย ๔. ภัยช้างป่า ทาให้สูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้ ประเมินความสูญเสียโอกาสในการสร้าง รายไดข้ องประชาชนท่ีไดร้ ับผลกระทบจากปญั หาช้างปา่ ความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าส่งผลไม่เพียงแต่ทางด้านของทรัพย์สินและสุขภาพเท่านั้น ผลกระทบทางอ้อมที่เกิดข้ึนต่อชุมชนหรือบุคคลที่ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ระบบนิเวศคนกับช้างป่ายังรวมไปถึง ผลกระทบต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ สถานะทางสังคมและผลกระทบต่อรายได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่าง งานวิจยั ของประเทศอินเดยี ที่พบว่า ปัญหาคนกับชา้ งและช้างป่าทาลายพชื ไรน่ ั้นทาใหช้ ุมชนมีปว่ ยทางจิตเวช มากข้ึน และย่ิงทาให้คนท่ีมีปัญหาทางด้านจิตใจอยู่แล้วมีปัญหาหนักกว่าเดิม (Jadhav & Barua, ๒๐๑๒) หรือแม้กระทั่งทาให้ขาดรายได้ มีสภาพความเป็นอยู่ที่แย่ลง หรือยากจนอย่างรุนแรงได้เช่นกัน (Barua, Bhagwat & Jadhav, ๒๐๑๓ และ Ogra, ๒๐๑๘) และยิ่งไปกว่านั้น งานวิจัยในพ้ืนท่ีบริเวณเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรีได้ระบุอีกด้วยว่า ผลกระทบที่เกิดข้ึนทั้งทางตรงและทางอ้อมน้ีก็จะยิ่ง ส่งผลให้การอยู่ร่วมกันระหวา่ งคนกับช้างได้รับการสนับสนนุ น้อยลงไปอีกในกล่มุ ที่เคยมีประสบการณ์ด้านลบ กับช้างป่า (Water & Matteson, ๒๐๑๘) ดังน้ัน จึงเป็นเร่ืองสาคัญอย่างย่ิงท่ีควรจะเพ่ิมระดับการยอมรับ ปัญหาได้ (tolerance level toward human-elephant conflict) หรือสร้างแนวทางการเยียวยาที่กระชบั และสมเหตุสมผลเพ่ือช่วยให้ชุมชนมีมุมมองทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างป่ามากขึ้น และมี ระดบั การยอมรบั ไดต้ อ่ ปญั หาชา้ งป่าทีส่ ูงยิง่ ขึ้น ขณะนี้ ทางเครือข่ายเสียงคนเสียงช้าง ได้มีการเก็บข้อมูลผลกระทบทางอ้อมเบ้ืองต้น แต่ควรมีการ สนับสนุนให้เกิดการวิจัยในเรื่องผลกระทบทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้เกิดการออกมาตรการช่วยเหลือ เยยี วยาไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม
๕. อัตราการเพม่ิ ของจานวนชา้ งป่า แนวทางการคานวณหาจานวนชา้ งป่า ณ ปัจจุบนั ในภาพรวมของประเทศไทย ประชากรช้างป่ามีแนวโน้มว่าจะมีจานวนเพิ่มข้ึน แต่หากอ้างจาก การศกึ ษาของคุณไสว และคณะ (๒๕๕๐) ทีส่ ารวจประชากรช้างป่าในพ้นื ท่ีเขตรกั ษาพนั ธ์ุสตั วป์ า่ เขาอา่ งฤาไน จากกองมูล พบว่า ช้างป่าเพ่ิมข้ึนจากปี ๒๕๔๔ จนถึงปี ๒๕๕๐ ร้อยละ ๑๔.๒๘ หรือเพ่ิมข้ึนปีละร้อยละ ๒.๓๘ แต่การเพมิ่ ข้ึนของช้างป่ายังมีข้อถกเถยี งในเชงิ วชิ าการ เนอ่ื งจากวธิ กี ารสารวจต่างกนั ในชว่ งท่ีผ่านมา ซ่ึงช้ีให้เห็นถึงความสาคัญของการประเมินประชากรช้างป่า ที่ต้องมีการสนับสนุนและอาจให้หน่วยงานวิจัย อื่นๆได้เข้ามาช่วยกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ เน่ืองจากเป็นงานที่ต้องใช้ทรัพยากรบุคคลมาก ใช้งบประมาณสูง และตอ้ งการการตดิ ตามประชากรช้างปา่ อย่างตอ่ เน่ือง อาจทาทุก ๓ หรือ ๕ ปี ในกลุม่ ป่าท่ีมีความสาคญั ๖. คา่ ชดเชยทเี่ หมาะสมทผ่ี ู้ประสบภยั ช้างปา่ ควรได้รับ แนวทางการหาคา่ ชดเชยทเี่ หมาะสมและ เป็นธรรม สอดคล้องกับความเป็นจริงตอ่ ผู้ประสบภัยจากช้างป่า จากข้อมูลแนวทางการเยียวยาผู้ประสบภัยช้างป่าที่ทางเครือข่ายเสียงคนเสียงช้างร่วมกับมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ได้รวบรวมมาในพื้นท่ีทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พบข้อสังเกตที่ทาให้เกิดปัญหาในด้าน การเยียวยาคือ การระบุความเสียหายอย่างสิ้นเชิง ซ่ึงทาให้ผู้ได้รับผลกระทบไม่เข้าเกณฑ์ได้รับการเยียวยา ผู้ประสบภัยจากช้างป่า เกณฑ์ราคาเยียวยาพืชเกษตรท่ีได้รับผลกระทบก็ต่ากว่าราคาตลาดจริง และ นอกจากนี้ กระบวนการตรวจสอบความเสียหายก็ใช้เวลานาน ซ่ึงไม่ทันต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ดังน้ัน การปรับท้ังกระบวนการเยียวยาผู้ประสบภัยให้เหมาะสมกับราคาตลาด และทาให้การดาเนินการรวดเร็ว เท่าทนั ปญั หาช้าง อย่างไรก็ตาม เบื้องตน้ ทาง คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั พิจารณาศกึ ษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า ได้นาเสนอการประกนั ภยั ใหป้ ระชาชนโดยการอดุ หนนุ ผา่ นกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ ๗. ประเมนิ ผลกระทบของการสร้างอ่างเก็บนา้ คลองวงั โตนดต่อวิถกี ารดารงชีวติ ของช้างปา่ และ แนวทางการแกป้ ญั หาเพ่อื ใหเ้ กิดสมดุลระหว่างคนและช้างปา่ เครือข่ายเสียงคนเสียงช้างยังไม่มีข้อมูลการกระจายของชา้ งป่าในบรเิ วณพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้าคลอง วังโตนด แตไ่ ด้หารอื และรบั ฟังข้อสงั เกตจากคณุ ธรรมนูญ เต็มไชย หัวหน้าศนู ย์ศกึ ษาและวจิ ัยอทุ ยานแห่งชาติ จังหวัดเพชรบุรีถึงเรื่องการกระจายตัวของช้างป่าในอุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้นและพื้นที่ซ้อนทับกับการ สร้างอ่างเก็บน้าคลองวังโตนด และเครือข่ายเสียงคนเสียงช้างก็ได้เข้าร่วมในเวที “เสนอผลพิจารณารายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของอ่างเก็บน้าคลองวังโตนด” โดยกรมชลประทานทาง Zoom Application ในวันท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้ให้ความเห็นว่า “ไม่เห็นด้วยกับรายงานผลกระทบด้าน ส่ิงแวดล้อม การสร้างอ่างเก็บน้า” และ “ขอให้ทบทวนรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกคร้ังหนึ่ง โดยเฉพาะเส้นทางการสารวจสัตว์ป่า และผลกระทบต่อสัตว์ป่าในพ้นื ที่ รวมท้งั แนวทางการจัดการผลกระทบ จากปัญหาคนกับช้างป่า” ซึ่งทางคุณพิเชฐ ไม่ได้คัดค้านการสร้างอ่างเก็บน้า แต่อยากให้พิจารณาทางเลือก การจัดการรูปแบบอ่ืน หรือลดขนาดพ้ืนท่ีท่ีสร้างในป่าอนุรักษ์ เพื่อลดผลกระทบต่อสัตว์ป่า รวมถึงไม่
ก่อให้เกิดปัญหาที่อ่างเก็บน้าทับท่ีช้าง ซึ่งจากข้อมูลงานวิจัยของ คุณธรรมนูญ เต็มไชย ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้ม เม่ือช้างสูญเสียถ่ินท่ีอยู่อาศัย จะทาให้ช้างป่าออกมาท่ีชุมชนมากข้ึน เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับ ช้างตามมา ๘. แนวทางการจัดการแหล่งน้า แหล่งอาหาร โป่งเทียม ท้ังการพัฒนาแหล่งเดิมและสร้างใหม่ ใหเ้ พียงพอตอ่ การดารงชวี ติ ของชา้ งป่า รวมทัง้ กระบวนการทจี่ ะนาไปสคู่ วามสาเร็จ เช่นเดียวกันกับการจัดการช้างป่าในระดับพ้ืนที่ การจัดการแหล่งน้า แหล่งอาหารและโป่งเทียมนั้น ควรมีการศึกษาผลกระทบและติดตามประเมินผลของการดาเนินอย่างเป็นระบบ เพ่ือให้ได้หลักฐานเชิง ประจักษ์ของการเปลี่ยนแปลงความถ่ีการใช้ประโยชน์ของช้างป่า และผลกระทบที่เกิดข้ึนโดยรอบพ้ืนท่ี ดงั กล่าว โดยเฉพาะพ้นื ทท่ี ่ีมีการปรับปรงุ แหล่งน้าแหล่งอาหารใกล้กับพ้ืนที่เกษตรกรรมที่เคยไดร้ ับผลกระทบ จากการบุกรุกของช้างป่า ซ่ึงข้อมูลตรงน้ีในรูปแบบของงานวิจัยก็ยังเป็นช่องว่างสาหรับทาการศึกษาได้อีก ต่อไปเช่นกัน ซงึ่ ทางคณุ พิเชฐ ไดแ้ ลกเปล่ียนกับนักวจิ ัยจากทางมาเลเซยี และอนิ เดยี พบวา่ งานวจิ ยั เรื่องการ จัดการแหล่งน้าแหล่งอาหารให้ช้างป่า ยังมีช่องว่างขององค์ความรู้แม้กระทั่งในระดับสากล ดังนั้นประเด็น การสร้างแหล่งอาหารเพื่อลดผลกระทบจากช้างป่า ยังคงต้องการงานวิจัยมาสนับสนุนและหารูปแบบที่ เหมาะสมในการจัดการถิน่ อาศยั สัตว์ปา่ เพ่ือความยงั่ ยนื ของคนและช้าง ความเห็นและข้อมูลท่ีได้จากการหารือในวันน้ี จะนาไปบันทึกเป็นบันทึกข้อสังเกต ในรายงานของ คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่าสภาผู้แทนราษฎร ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธ์พุ ชื และกระทรวงอดุ มศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวตั กรรม ไดทาขอตกลงรวมกัน เพ่อื ให เกิดการศกึ ษาวิจัยในประเดน็ ดงั กล่าวอยา่ งเป็นรปู ธรรมต่อไป
ภาคผนวก ซ รายงานคณะทางานศึกษาการผลกั ดันชา้ งป่า ออกจากชมุ ชนสู่ป่า
คณะทางานศึกษาการผลักดันชา้ งปา่ ออกจากชุมชนสู่ป่าอนุรักษ์ ข้อหารือจากคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ พิจารณาศึกษาและแก้ไขปญั หาชา้ งป่า (๑) คณะกรรมาธิการได้ตั้งคณะทางานศึกษาการผลักดันช้างป่าออกจากชุมชนสู่ป่าอนุรักษ์ โดยมรี ายชื่อ ดงั น้ี ประธานคณะทางาน (๑) นายบญั ญตั ิ เจตนจนั ทร์ (๒) รองศาสตราจารยร์ ตั นวัฒน์ ไชยรัตน์ รองประธานคณะทางาน ฝา่ ยวิชาการ (๓) ผชู้ ่วยศาสตราจารยก์ ฤษณรักษ์ ธีรรัฐ รองประธานคณะทางาน ฝ่ายบรหิ ารแผน (๔) นายพิทกั ษ์ ยง่ิ ยง รองประธานคณะทางาน ฝา่ ยปฏิบัตกิ าร (๕) นายมานะ ชนะสิทธ์ิ รองประธานคณะทางาน จังหวดั จนั ทบรุ ี (๖) นายโนชญ์ ชาญด้วยกิจ รองประธานคณะทางาน จงั หวดั ระยอง (๗) นายสมศกั ดิ์ เดชอดุ มไพศาล รองประธานคณะทางาน จังหวัดชลบุรี (๘) นายอมรชัย ปน่ิ เจรญิ รองประธานคณะทางาน จงั หวดั ฉะเชิงเทรา (๙) นายละลวย วนั ดี รองประธานคณะทางาน จังหวัดสระแก้ว (๑๐) นายกติ ติธชั ไชยอรรถ รองประธานคณะทางาน จังหวดั ตราด (๑๑) นายดิเรก จอมทอง รองประธานคณะทางาน จังหวดั ประจวบคีรีขันธ์ (๑๒) นายจารกึ ศรีอ่อน ทป่ี รกึ ษาคณะทางาน (๑๓) พนั ตารวจโท ฐนภัทร กิตติวงศา ที่ปรกึ ษาคณะทางาน (๑๔) นางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน ที่ปรกึ ษาคณะทางาน (๑๕) นายไพรนิ ทร์ หนมู าก ท่ีปรกึ ษาคณะทางาน (๑๖) นายศริ ศิ ักดิ์ ร่วมพฒั นา คณะทางาน (๑๗) นายสวุ ิชาณ สวุ รรณาคะ คณะทางาน (๑๘) นายสมศกั ด์ิ สนุ ทรนวภัทร คณะทางาน (๑๙) นายวุฒิ ปะสิ่งชอบ คณะทางาน (๒๐) นายศภุ กิจ วินติ พรสวรรค์ คณะทางาน (๒๑) นายทวิ ฒั น์ รัตนเกตุ คณะทางาน (๒๒) นายวนั เผดจ็ เตชะนันทวณิช คณะทางาน (๒๓) นายภทั รพล มณอี ่อน คณะทางาน (๒๔) นายปราโมทย์ วงษ์เจรญิ สมบัติ คณะทางาน (๒๕) นายสรุ ินทร์ สินรัตน์ คณะทางาน (๒๖) นางสมหญิง ทัฬหกิ รณ์ คณะทางาน (๒๗) ดาบตารวจ วเิ ชยี รยุต จันทร์เขยี ว คณะทางาน (๒๘) นายสมพงษ์ คูทรพั ยท์ วี คณะทางาน (๒๙) นายประจวบ มะลิแย้ม คณะทางาน
(๓๐) นายดารงค์ ออ่ นนอ้ ม คณะทางาน (๓๑) นางณิชชา สวุ รรณาคะ คณะทางาน (๓๒) นายนพพล ศรที า คณะทางาน (๓๓) นายบุญสิน จันทะสอน คณะทางาน (๓๔) นางนภาภรณ์ แพทยพ์ ันธุ์ คณะทางาน (๓๕) นายกวพี ัฒน์ พิจารณ์ คณะทางาน (๓๖) นางสาววัลทนา จาปาทอง คณะทางาน (๓๗) ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมั พันธ์ จนั ทร์ดา เลขานกุ ารคณะทางาน (๒) ความเป็นมาของคณะทางานศึกษาการผลกั ดนั ช้างปา่ ออกจากชุมชนสู่ป่าอนุรักษ์ เน่ืองจากมีช้างป่าออกนอกพ้ืนท่ีป่าอนุรักษ์เข้ามาทาร้ายประชาชนจนทาให้เกิดการเสียชีวิต จึงนาไปสู่แนวความคิดทาอย่างไรที่จะนาช้างป่าไปไวใ้ นที่ควบคุมเพ่ือความปลอดภัยท้ังช้างป่าและคน เพ่ือรอ เวลาการจัดการท่ีเหมาะสม ซ่ึงเป็นเร่ืองสาคัญและเร่งด่วนที่จะต้องเคล่ือนย้ายช้างป่าที่มีพฤติกรรมเกเรออก จากพ้ืนท่ีโดยเร่งด่วน ซ่ึงคณะทางาน ฯ ประกอบด้วย บุคลากรด้านวิชาการ และผู้มีประสบการณ์ในการ เคลอ่ื นยา้ ยชา้ งป่ามาเป็นคณะทางาน การทางานของคณะทางาน ฯ จงึ เป็นเรื่องเฉพาะกจิ กรณีเกดิ ช้างป่าเข้า มาในชมุ ชนและมีพฤติกรรมเกเรหรือพฤติกรรมทารา้ ย จะต้องเคล่อื นย้ายโดยเร่งดว่ น ดงั นั้นกรอบการทางาน ของคณะทางาน ฯ จึงไม่ไปกระทบต่อการดาเนินงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช ซ่ึงดูแล ช้างป่าท้ังประเทศ (๓) กรอบแนวทางการดาเนินงาน ศึกษาแนวทางการเคลื่อนย้ายช้างป่าเข้ามาในชุมชนและมีพฤติกรรมเกเรหรือพฤติกรรมทาร้าย ประชาชน ตอ้ งเคลอ่ื นยา้ ยโดยเรง่ ด่วน (๔) รายงานผลการปฏิบตั ิการของโครงการพาชา้ งกลบั ป่า จังหวัดจนั ทบรุ ี ๑) ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ - สานกั งานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจนั ทบรุ ี ๒) วตั ถปุ ระสงค์ - เพ่ือผลักดนั ชา้ งกลับเข้าสู่เขตป่าอนรุ ักษจ์ านวน ๒ ฝูง ประมาณ ๒๗ ตวั ในพื้นที่อาเภอท่าใหม่ และพื้นที่อาเภอเขาคิชฌกูฏ ออกจากเหตุชุมชนกลับคืนสู่ป่าอนุรักษ์ และเพ่ือให้ประชาชนในพ้ืนที่เสี่ยงภัย จากช้างป่าสามารถดารงชีพได้ตามปกติ มีความปลอดภัยจากการถูกช้างป่าทาลายทรัพย์สินและทาร้ายบาดเจ็บ เสียชวี ติ ๓) ระยะเวลาดาเนินโครงการ - ระหวา่ งวนั ที่ ๑๑ ถงึ ๑๔ มถิ ุนายน ๒๕๖๔ ๔) งบประมาณ - รายจา่ ยประจาปีงบประมาณ พ. ศ. ๒๕๖๔ จานวน ๑๒๘,๑๐๐ บาท งบประมาณคงเหลือ ๑๗,๕๐๐ บาท ผู้เข้าร่วมโครงการเป็นเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครพิทักษ์ช้างป่าจานวน ๑๘๕ คน ใชย้ านพาหนะสาหรบั ในการปฏิบัตงิ านจานวน ๒๒ คัน ๕) ปัญหาและอุปสรรค ๑. ขณะท่ีดาเนินโครงการฝูงช้างมีการแยกย้ายกระจายตัวออกหาพ้ืนท่ีต่างๆ จึงต้องมีการ วางแผนเปลีย่ นการใชก้ าลงั เจา้ หนา้ ท่ี
๒. เส้นทางท่ีช้างป่าฝูงนี้เลือกเดินกลับสู่ป่าอนุรักษ์มีทางที่มีอุปสรรคโครงสร้าง เช่น อ่างเก็บน้า ทางน้าล้น เปน็ ตน้ ๓. ฝูงชา้ งป่าท่รี วมตวั กนั ในพื้นที่สวนสหมิตร ตาบลเขาแกว้ อาเภอทา่ ใหม่ มพี ฤตกิ รรมหลบ ซ่อนเจ้าหน้าที่ ๖) ข้อเสนอแนะ ๑. หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องต้องเข้าไปบริหารจัดการพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ให้พร้อมสาหรับให้ช้างป่า แต่ละโขลงอยอู่ าศัย ๒ ปัญหาท่ีเกิดข้ึนหลังจากช้างป่าเข้าสู่ป่าแล้ว ช้างป่าที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ติดต่อกับเขต ชุมชนยังมีโอกาสออกรบกวนชาวบ้านในพื้นท่ีได้เช่นเดิม ดังนั้นจึงเสนอให้สร้างแนวก้ันช้างรอบพื้นที่ป่า อนุรักษ์ ๗) ขอ้ สังเกต หลังจากดาเนินโครงการแล้วเสร็จปรากฏว่ายังมีโขลงช้างป่าบริเวณพื้นที่ข้างเคียงวนเวียน ออกมาหากินอยู่ในพื้นที่สวนสหมิตร ตาบลเขาแก้ว อาเภอท่าใหม่ และพื้นท่ีอ่ืนติดต่อกัน ณ วันท่ี ๒๒ มิถนุ ายน ๒๕๖๔ เจ้าหน้าทข่ี องสานกั บรหิ ารพ้ืนท่อี นุรักษท์ ่ี ๒ (ศรรี าชา) ยงั คงพบช้างปา่ จานวน ๓ ฝงู โดยฝงู ท่ี ๑ วนเวียนหากินอยู่ในพ้ืนท่ีเขาป้อม เขากลอย ตาบลขุนซ่อง อาเภอแก่งหางแมว ติดกับเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จานวน ๔ ตัว ฝูงที่ ๒ อยู่ในพ้ืนท่ีสวนจิตตะภาวัน อาเภอคลองขลุง อาเภอเขาคิชฌกูฏ จานวน ๔ ตัวและฝูงที่ ๓ อยู่ในสวนสหมิตร ตาบลเขาแก้ว อาเภอท่าใหม่จานวน ๔ ตัว จึงมีความจาเป็นท่ี เจ้าหน้าท่ีต้องเฝ้าระวังสาหรับฝูงช้างป่าท่ีถูกผลักดันตามโครงการไปท่ีเขาตะเคียนทอง ตาบลตะเคียนทอง อาเภอเขาคิชฌกูฏ ในเขตรักษาพันธ์ุสตั ว์ป่าเขาสอยดาว จานวน ๑๕ ตัว ปัจจุบันเจา้ หนา้ ที่ปฏิบัติการปอ้ งกัน รักษาป่า สานักบริหารพ้ืนท่ีอนุรักษ์ท่ี ๒ (ศรีราชา) ร่วมกับฝ่ายปกครองอาเภอเขาคิชฌกูฏ ผู้นาท้องท่ีและ อาสาสมัครพิทักษ์ช้างป่าในพ้ืนท่ีร่วมกันผลักดันช้างป่าเข้าไปในหน่วยพิทักษ์ป่าคลองตาร้ิว หมู่ท่ี ๒ ตาบล จนั ทเขลม อาเภอเขาคชิ ฌกฏู ในเขตรักษาพันธ์สุ ัตวป์ ่าเขาสอยดาว ซึง่ เปน็ พ้ืนท่ที ่มี แี หลง่ น้า และแหลง่ อาหาร ดังนัน้ พฤติกรรมของช้างปา่ ไมว่ ่าอย่ใู นป่าอนรุ ักษ์หรืออยู่ในพนื้ ทชี่ มุ ชนกส็ ร้างปญั หาและผลกระทบท่ีใกล้เคียง กนั โดยเฉพาะชา้ งป่าที่เปล่ยี นพืน้ ท่หี ากนิ ไปเร่ือยๆ เมอ่ื พื้นท่ีเดมิ เรม่ิ เส่อื มสภาพ จงึ เหน็ ได้วา่ .โครงการพาชา้ ง กลับป่า จังหวัดจันทบุรี เป็นไปได้จริงและใช้งบประมาณน้อย แต่การแก้ไขปัญหายังไม่เบ็ดเสร็จเนื่องจาก กาลังคนที่ผลักดันช้างหมดแรงก่อน ไม่มีการตรึงกาลังท่ีขอบป่า และหากมีแบริเออร์ก้ันช้างป่า จะทาให้ช้างป่า ไมส่ ามารถออกจากปา่ ได้ การสร้างแบรเิ ออร์จงึ เปน็ เรอ่ื งท่สี าคัญท่ีจะแก้ไขปญั หาชา้ งออกจากปา่ ได้ (๕) ข้อเสนอแนะและข้อสงั เกตของคณะทางาน ๑) กรณีปัญหาช้างป่าออกจากปา่ อนุรักษ์ หากจะเปรยี บเทยี บกับปัญหาอุทกภยั ภาครัฐพยายามให้ ประชาชนเข้าใจถงึ พฤติกรรมของชา้ งป่าและเสนอใหป้ รับเปลี่ยนการประกอบอาชพี ถ้าเปรยี บเทียบแล้วจะให้ ประชาชนเรียนรู้การเกิดอุทกภัย ท่ีผ่านมาภาครัฐไม่ได้ดาเนินการเช่นนั้น แต่มีการแก้ปัญหาอุทกภัยโดยการ ระบายน้าออกจากชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการสูบ ขุดลอกคูคลอง เปรียบเทียบการก็คือ เป็นการนาช้างป่าออก จากชุมชน สาหรับการกักเก็บน้าไว้ใช้ในฤดูแล้ง ก็มีการสร้างเข่ือนเก็บกักน้า เช่นเดียวกัน ควรจะต้องมีการ สร้างคันกน้ั ชา้ งเพ่อื ไม่ใหช้ า้ งปา่ ออกจากปา่ อนุรักษ์ เปน็ การเปรยี บเทียบการแก้ไขปัญหาใหเ้ ห็นอย่างชดั เจน ๒) กรอบการทางานแบบเร่งด่วน คือ เคล่ือนย้ายช้างท่ีมีพฤติกรรมเกเรออกจากชุมชนก่อน ไม่ว่า จะเป็นการเคลื่อนย้ายโดยใช้ยานพาหนะ และยิงยาสลบ ต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช ซ่ึงระยะเวลาในการขออนุญาต อาจไม่ทันต่อความเสียหาย ดังนั้น จึงควรแก้ไขให้เป็น
อานาจของผู้ว่าราชการจังหวัดในการอนุญาตการเคลื่อนย้ายช้างป่าได้ เพ่ือแก้ไขปัญหาช้างป่าเข้าสู่ชุมชนได้ อย่างรวดเรว็ ๓) การเคลื่อนย้ายช้างป่าด้วยภาคพื้นดิน โดยการเดินเท้า ต้องใช้กาลังคน และได้รับความร่วมมือ จากฝ่ายปกครองของภาครัฐท่ีเก่ียวข้อง เพราะการต้อนช้างป่ากลับป่าต้องผ่านหลายหมู่บ้าน และต้องมี คณะกรรมการประสานงาน ซ่ึงวิธีนี้สามารถทาได้จริง เช่น โครงการพาช้างกลับป่าอนุรักษ์ที่จังหวัดจันทบุรี ซ่ึงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เฝ้าระวังช้างป่าไม่ไห้ข้ามถนน ไม่ให้เข้า ไปในชุมชน แตไ่ มไ่ ด้ผลกั ดันช้างปา่ กลับสูป่ า่ อนุรักษ์ เนื่องจากอัตราจานวนเจา้ หนา้ ท่ีของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช มีจานวนน้อย จากกรณีตัวอย่าง การเคลื่อนย้ายช้างป่าท่ีจังหวัดระยอง ซ่ึงผ่านไปช่วง ระยะเวลาเพียง 10 วนั ช้างปา่ ก็กลับมายังที่เดิมได้อีก ๔) กรณีมีผู้เสียชีวิตจากช้างป่าทาร้าย ต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน สาหรับกรณีช้างป่าทาลายพืชผล ทางการเกษตรเสียหายแม้จะไม่ใช้กรณีฉุกเฉิน แต่ก็ต้องได้รับการแก้ไขเช่นกัน ดังน้ัน การผลักดันช้างป่า กลบั สู่ปา่ อนรุ กั ษต์ ้องผลักดนั โดยใช้กาลังคน ๕) โครงการพาช้างกลับป่าอนุรักษ์จะสาเร็จได้นั้น จะต้องผลักดันไปท่ีป่าอุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง เนื่องจาก ช้างป่ากินอาหารจานวนตัวละ 9 ตันต่อเดือน ดังน้ัน การผลักดันช้างกลับสู่ป่าจึงต้องมีเจ้าหน้าที่ ตรึงกาลังไว้ เพ่อื ไมใ่ ห้ช้างป่าออกนอกป่าอนุรักษ์อีก รวมทง้ั มีแบริเออร์ที่แข็งแรงปอ้ งกันชา้ งปา่ ออก ๖) การเคล่ือนย้ายช้างป่า อาศัยอานาจตามกฎหมายในการดาเนินการประกอบด้วย พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๖๘ กาหนดให้เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครอง บารุง ดูแล และรักษาเขตห้ามล่าสัตว์ป่าให้หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าจัดให้มีแผนการอนุรักษ์และคุ้ม ครอง พื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า มาตรา ๖๙ เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่าในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหน้าท่ี ดังต่อไปน้ี (๑) ดูแลรักษาฟื้นฟูสัตว์ป่า แหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งหากินของ สัตว์ป่าให้เกิดความย่ังยืน (๒) ติดตามและเฝ้าระวงั เพ่ือกาหนดมาตรการในการป้องกันหรอื แก้ไขผลกระทบท่ี เกิดจากสัตว์ป่า (๓) ให้ความรู้แก่ประชาชนในการอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่า และ มาตรา ๗๐ กาหนดให้ ในกรณีมีความจาเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์ในการจัดการกับสัตว์ป่าท่ีอยู่นอกเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าหรือเขต ห้ามล่าสัตวป์ ่าที่ก่อให้เกดิ ผลกระทบหรือสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนหรือเพื่อการอนุรักษ์สตั ว์ปา่ ชนิดที่ ใกล้สูญพันธุ์หรือมีความสาคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างย่ิง ให้อธิบดีมีอานาจกาหนดให้บริเวณดังกล่าวเป็น พ้ืนที่ควบคุมเพ่ือการจัดการสัตว์ป่าชนิดหรือประเภทน้ันได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีแผนที่ แสดงแนวเขตแนบท้ายประกาศด้วย และในวรรคท้ายกาหนดว่าในพื้นท่ีควบคุมเพ่ือการจัดการสัตว์ป่า ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอานาจเข้าไปดูแลรักษาพื้นท่ี และกาหนดมาตรการควบคุมหรือออกคาส่ังห้ามกระทา กิจกรรมใด ๆ ในพ้ืนที่ควบคุมเพื่อการจัดการสัตว์ป่านั้นได้ตามความจาเป็นและเหมาะสม และหากพ้ืนที่ ดังกล่าวมีผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองอยู่โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้อธิบดีดาเนินการให้มีการจ่าย คา่ เสียหายหรือคา่ ชดเชยแก่ผู้นัน้ ด้วย จากกฎหมายฉบบั ดังกล่าวไมม่ บี ทลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปละละเลยการปฏบิ ัตหิ น้าที่ ในกรณี ไม่ดาเนินการเคลื่อนย้ายช้างป่าออกจากชุมชนโดยเร็ว สร้างความเสียหายและเดือดร้อนให้กับประชาชน จึงเสนอให้พิจารณาประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าท่ีโดยมชิ อบ เพือ่ ให้เกดิ ความเสียหายแกผ่ ้หู นงึ่ ผใู้ ด หรอื ปฏบิ ตั หิ รอื ละเว้นการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีโดยทจุ รติ ต้อง ระวางโทษจาคุกต้ังแต่หน่ึงปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือท้ังจาทั้งปรับ และ เม่ือได้รับแจ้งเร่ืองช้างป่าออกนอกป่าอนุรักษ์ เจ้าหน้าท่ีจะต้องมีการจัดทาบันทึกข้อความการรับแจ้งเรื่อง ดังกล่าว เป็นไปตาม พระราชบัญญัติการอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558. มาตรา 7 ในกรณีที่มีกฎหมายกาหนดให้การกระทาใดจะต้องได้รับอนุญาต ผู้อนุญาตจะต้อง
จัดทาคู่มือสาหรับประชาชน และมาตรา 8 ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าท่ีในการรับคาขอ จะต้องตรวจสอบคาขอและรายการเอกสารหรือหลักฐานทย่ี ่นื พร้อมคาขอให้ถูกต้องครบถว้ น ๗) แผนเร่งด่วน ควรเร่งดาเนินการเคล่ือนย้ายช้างป่าที่สร้างความเดือดร้อนต่อชุมชน เนื่องจาก ในปัจจุบันจากข้อมูลกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช จานวนประชากรช้างป่าประมาณ 3,000 - 3,500 ตัว และพื้นท่ีป่าอนุรักษ์ในประเทศไทย จานวนร้อยละ 40 จะสามารถรองรับจานวนประชากร ช้างปา่ จานวน 1,700 ตัวเศษ ชา้ งเพ่มิ มากขึน้ จึงได้วเิ คราะห์ปัญหาว่า ปจั จยั ปา่ ตะวันออกมกี ารเปลย่ี นแปลง ไปมาก ทาให้พื้นที่ด้านนอกที่ไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของช้างป่า มีความเหมาะสมมากข้ึน และจากการ สอบถามประชาชนในพน้ื ที่ ช้างป่าในปา่ ตะวนั ออกในหว้ งระยะเวลา 5 – 10 ปีทผ่ี า่ นมา แนวโนม้ ชา้ งป่าออก จากป่ามากข้ึนทาให้ทรัพย์สินประชาชนเสียหาย แนวโน้มดังกล่าวน้ัน แม้ว่าจะมีมาตรการในการย้ายช้างป่า แบบเร่งด่วน ช้างจะกลับออกมาอีก เพราะไม่มีแบริเออร์ และป่าตะวันออกเป็นที่ราบต่อเนื่อง ทาอย่างไร ถึงจะจากัดความเหมาะสมให้น้อยลง และผลักดันช้างเข้าป่า ลดโอกาสที่ช้างออกนอกป่า ส่วนใหญ่ช้าง จะออกมาตามแหล่งพืชอาหาร สาหรับป่าตะวันออก แหล่งน้าไม่ใช่ปัญหาของสัตว์ป่า ปัญหาหลักคือ แหล่ง อาหาร ๘) จากการคาดการณ์จานวนประชากรช้างป่าที่เพ่ิมขึ้นอัตราร้อยละ 8.2 ในปี 2564 มีช้างป่า จานวน 4,698 -5,101 ตัว เกินพ้ืนที่รองรับจานวน 10 กลุ่ม ดังน้ี 1.กลุ่มป่าาาลา - บาลา 2.กลุ่มป่า ตะวันนออก 3.กลุ่มป่าภูเมี่ยง - ภูทอง 4.กลุ่มป่าลุ่มน้าปาย – สาละวิน 5. กลุ่มป่าภูพาน 6.กลุ่มป่าศรีลาน นา – ขุนตาล 7.กลุ่มป่าพนมดงรัก – ผาแต้ม 8.กลุ่มป่าดอยภูคา – แม่ยม 9.กลุ่มป่าชุมพร และ 10. กลุ่ม ป่าแก่งกระจาน จากกลุ่มป่าท้ังหมด 16 กลุ่มป่า และจากการคาดการณ์จานวนประชากรช้างป่าที่เพ่ิมข้ึน อัตราร้อยละ 8.2 ในปี 2572 จะมีจานวนประชากรช้างป่าจานวน 8,826 - 9,138 ตัว จะเกินพื้นที่ รองรับจานวน 13 กลุ่มป่า และกลุ่มป่าจานวน 3 กลุ่มป่า ที่มีจานวนประชากรชา้ งปา่ ไม่เกินพ้ืนทีป่ ่าอนรุ ักษ์ ดังน้ี 1. กลุ่มปา่ ตะวันตก 2.กลุ่มป่าคลองแสง – เขาสก และ 3. กลุ่มปา่ แมง่ ปิง – อมกอ๋ ย ๙) เสนอให้มีการจัดต้ังคณะทางานศึกษาการผลักดันช้างป่าออกจากชุมชนสู่ป่าอนุรักษ์ หากจะมี การดาเนินการในอนาคต เพ่ิมเติมว่า ควรมีจานวน 2 คณะ คือ 1. คณะท่ีผลักดันช้างป่ากลับเข้าป่าโดยใช้ ยาสลบ เป็นการย้ายท่ีถาวร และ 2. คณะทางานที่ผลักดันโดยนาช้างบ้านไปผลักดันช้างป่า ช้างบ้านจะค่อย ๆ ประคองชา้ งปา่ กลบั มา 1๐) การเคล่ือนย้ายช้างป่า เม่ือผลักดันช้างป่ากลับสู่ป่าอนุรักษ์แต่ไม่มีการจัดโซนพ้ืนที่ให้ช้างอยู่ เช่น ที่ตาบลน้าเป็น จังหวัดระยอง ช้างป่าเมื่อเคลื่อนย้ายกลับสู่ป่าอนุรักษ์แล้วก็ยังกลับมาที่เดิม จึงเสนอให้ เร่งการสร้างศูนย์กักกันช้างป่าชั่วคราวในแต่ละจังหวัด เพื่อนาช้างป่าไปไว้ในศูนย์ สาหรับช้างป่าตัวที่ดุร้าย เสนอใหน้ าไปไว้ทศ่ี ูนยก์ ักกนั ชา้ งป่าเขาตะกรุบ จงั หวดั สระแก้ว
แผนเร่งดว่ นเพือ่ ทาการเคลื่อนย้ายช้างป่าทีส่ รา้ งความเดอื ดรอ้ นตอ่ ชุมชน เม่ือพิจารณาถึงสภาพปัญหาช้างป่าในห้วงระยะเวลา ๑๐ ปีที่ผ่านมาแล้ว ช้างป่ามีจานวนมากข้ึน เกินกว่าจานวนพื้นท่ีป่าอนุรักษ์ท่ีรองรับได้ ช้างป่าท่ีออกนอกป่ากลายเป็นช้างประจาถิ่นและขยายพันธุ์ ไปเรื่อย ๆ คณะทางานศึกษาการผลักดันช้างป่าออกจากชุมชนสู่ป่าอนุรักษ์ ขอเสนอแผนเร่งด่วนเพ่ือทาการ เคลื่อนยา้ ยช้างป่าทส่ี ร้างความเดอื ดรอ้ นต่อชมุ ชน ดงั น้ี ๑. สภาพปญั หาและข้อเสนอของประชาชน จากปญั หาความเดอื ดร้อนจากชา้ งป่าทั้งต่อทรัพยส์ นิ และชีวิตของประชาชน เพอ่ื ใหป้ ญั หาเหล่านี้ได้รับ การแก้ไขอย่างทันท่วงทีและย่ังยืน ทางคณะกรรมธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า สภาผู้แทนราษฎร จึงได้เดินทางศึกษาดูงาน เร่ือง “การพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า กลุ่มป่าภาค ตะวันออก” และได้รับฟังการสะท้องปัญหาจากประชาชน และจัดกลุ่มปัญหา เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการ กาหนดมาตรการในการแกป้ ญั หา ดังน้ี ๑.๑ มาตรการเรง่ ดว่ น ๑.๑.๑ จดั จาแนกช้างทมี่ ีปญั หารายตัวเพื่อให้งา่ ยต่อการจัดการ ๑.๑.๒ ใหพ้ ื้นท่มี ีอานาจในการตดั สนิ ในเคลอ่ื นย้ายช้าง ๑.๑.๓ จัดสร้างพ้ืนที่กักกันช้างชั่วคราว โดยการคัดเลือกพ้ืนที่ท่ีเหมาะสม เช่น เขาตะกลุบ เขาวง หน่วยพิทกั ษป์ า่ คลองร้อย โป่งน้ารอ้ ง คลองตาชัน เป็นต้น ๑.๑.๔ จับตดิ อปุ กรณ์ติดตามตัวพร้อมเคลอ่ื นย้ายชา้ งออกจากชมุ ชนไปอยู่ในพนื้ ทท่ี ปี่ ลอดภยั ๑.๒ มาตรการระยะกลาง ๑.๒.๑ มีการจัดสวัสดิการให้กับชุดผลักดันช้างที่เหมาะสม เช่น บุคลากร อุปกรณ์ งบประมาณ และระยะเวลา ๑.๒.๒ แก้ไขระเบียบให้ท้องถิ่นสามารถดาเนินการจ่ายสวัสดิการให้กับชุดเฝ้าระวังช้าง และ ค่าชดเชยใหป้ ระชาชนท่ีเดือนร้อน ๑.๒.๓ จัดตง้ั กองทนุ และผูม้ ีหน้าทใี่ นการจัดการปญั หาชา้ งปา่ ในชุมชนท่ีชัดเจน ๑.๒.๔ สารวจประชากรของช้างให้ถกู ตอ้ งและเปน็ ปจั จุบนั มากทีส่ ุด ๑.๓. มาตรการระยะยาว ๑.๓.๑ ออกกฎหมายคุ้มครองประชาชนจากปัญหาช้าง ๑.๓.๒ สง่ เสริมใหพ้ ื้นทรี่ องรบั ชา้ งเปน็ แหลง่ ท่องเที่ยว ๑.๓.๓ ขยายพ้ืนทีเ่ ขตรักษาพันธุส์ ัตวป์ า่ เพื่อรองรบั ชา้ งป่าในจังหวัดตราด ๑.๓.๔ ปรุงกฎหมายลูกใน พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.๒๕๖๒ ให้สอดคล้องกับ แนวทางการแกไ้ ขปัญหาช้างป่า
๒. การจดั ทาแผนการเคล่อื นยา้ ยและการจดั เตรยี มพืน้ ท่รี องรับชา้ ง จากสภาพปัญหาข้างต้นจึงควรมีการจัดทาแผนการเคล่ือนย้ายช้างป่าและการจัดการพ้ืนที่เพื่อ รองรับช้างเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างช้างและชุมชนท่ีเป็นมาตรการเร่งด่วนให้สอด คล้องกับข้อเสนอ ของประชาชน ดงั น้ี ๒.๑. การดาเนินการเคลื่อนย้ายช้าง ๒.๑.๑ สารวจและจัดทาประวัตชิ ้างที่สรา้ งความเดือดร้อนต่อชมุ ชน ๒.๑.๒ จัดตงั้ ชดุ ปฏิบัตกิ ารจบั และขนยา้ ยช้าง พร้อมอปุ กรณ์ ๒.๑.๓ การจดั สรา้ งอปุ กรณป์ ้องกันการหลบหนีออกจากพื้นทรี่ องรับมารบกวนประชาชน ๒.๒ การจัดเตรียมพน้ื ทร่ี องรับชา้ ง ๒.๒.๑ สารวจพ้นื ทเี่ หมาะสมในการรองรบั ช้าง ๒.๒.๒ ปรบั ปรงุ แหลง่ ทีอ่ ยอู่ าศัย แหลง่ อาหาร แหลง่ นา้ เพ่ือรองปรับช้าง ๒.๓ การดูแลหลังการนาช้างเข้าพ้ืนทรี่ องรบั ช้าง ๒.๓.๑ การจัดเตรยี มอปุ กรณ์และเวชภัณฑ์ในการดแู ลรกั ษาช้าง ๒.๓.๒ จดั ชุดดูแลชา้ งภายหลงั เขา้ มาในพ้นื ท่ีรองรับช้าง ๒.๓.๓ การจดั หาแหลง่ อาหารเพอ่ื รองรับช้างในพ้นื ท่ี ๒.๓.๔ การฝึกและปรับพฤติกรรมก่อนปล่อยเขา้ สู่พ้ืนที่รองรบั ชา้ ง
สรุปแนวทางการเคลื่อนย้ายและดูแลช้างเพื่อแก้ปญั หาความขัดแยง้ ระหว่างชุมชนและช้าง การดาเนินการเคล่อื นย้ายช้าง 1. สารวจและจดั ทาประวตั ิช้างท่สี ร้างความเดอื ดร้อนต่อชุมชน 2. จัดตงั้ ชุดปฏิบตั ิการจบั และขนย้ายช้าง พร้อมอุปกรณ์ 3. การจัดสร้างอุปกรณ์ป้ องกนั การหลบหนีออกจากพนื้ ท่รี องรับมา รบกวนประชาชน งบประมาณ การเคล่ือนย้าย การจัดเตรียมพืน้ ท่รี องรับ และดูแลช้าง ช้าง 1. สารวจพืน้ ท่เี หมาะสม ในการรองรับช้าง 2. ปรับปรุงแหล่งท่ีอยู่ อาศัย แหล่งอาหาร แหล่ง นา้ เพ่ือรองปรับช้าง การดูแลหลงั การนาช้างเข้าพนื้ ท่รี องรับช้าง 1. การจดั เตรียมอุปกรณ์และเวชภณั ฑ์ในการดูแลรักษาช้าง 2. จัดชุดดแู ลช้างภายหลงั เข้ามาในพนื้ ท่รี องรับช้าง 3. การจดั หาแหล่งอาหารเพ่ือรองรับช้างในพนื้ ท่ี 4. การฝึ กและปรับพฤติกรรมก่อนปล่อยเข้าสู่พืน้ ท่รี องรับช้าง 5. การตดิ ตามภายหลงั การปล่อยช้างป่ าเข้าพนื้ ท่รี องรับ
๓. วิธีการดาเนินการตามแผนเร่งด่วนเพ่ือทาการเคล่ือนย้ายช้างป่าที่สร้างความเดือดร้อนต่อ ชมุ ชน ๑. ประชุมซกั ซอ้ มแผนการเคล่ือนย้ายชา้ ง ๒. คัดเลือกพืน้ ทีร่ องรับชา้ ง ๓. ค้นหาและสารวจเส้นทางเดนิ ของช้าง ๔. ทาการวางยาซึมเพ่ือเตรยี มการเคล่ือนย้าย ๕. ทาการเคลอื่ นย้ายชา้ งขน้ึ รถ ๖. เคลื่อนย้ายชา้ งไปพนื้ ท่ีรองรับ ๗. ตดิ ตามอาการของช้างและแผนปฐมพยาบาลหากเกิดปญั หาขณะเคลอื่ นย้าย ๘. ขนย้ายช้างลงจากรถเพื่อนาเข้าพ้ืนทร่ี องรับ ๙. การติดตามอาการและแผนปฐมพยาบาลหากเกดิ ปัญหาหลงั การเคล่อื นย้าย ๑๐. การให้อาหารและสังเกตพฤติกรรมขณะกักตัวในพน้ื ที่รองรับ ๔. ระยะเวลาดาเนนิ การ ๒ เดือน เดือนท่ี กิจกรรม ๑๒ ๑ ๒๓๔๑๒๓๔ ๑. ประชุมซักซอ้ มแผนการเคลอ่ื นย้ายช้าง ๒. คัดเลือกพน้ื ที่รองรับชา้ ง ๓. ค้นหาและสารวจเส้นทางเดนิ ของชา้ ง ๔. ทาการวางยาซมึ เพือ่ เตรียมการเคลื่อนย้าย ๕. ทาการเคลื่อนยา้ ยชา้ งข้นึ รถ ๖. เคลือ่ นย้ายช้างไปพื้นทีร่ องรับขณะเคลื่อนย้าย ๗. ตดิ ตามอาการของชา้ งและแผนปฐมพยาบาลหากเกิดปัญหา ๘. ขนยา้ ยช้างลงจากรถเพื่อนาเข้าพน้ื ทร่ี องรบั ๙. การติดตามอาการและแผนปฐมพยาบาลหากเกดิ ปญั หาหลงั การเคล่ือนย้าย ๑๐. การให้อาหารและสงั เกตพฤติกรรมขณะกักตวั ในพื้นท่ีรองรับ
๕. งบประมาณ ราคา (บาท) รายการ ๑,๐๐๐ ๑๐,๐๐๐ ๑. ค่าเบยี้ เลย้ี งเพอ่ื ประชุมซักซ้อมแผนการเคล่ือนย้ายช้าง ๑๐,๐๐๐ ๒. การเตรียมพ้นื ท่รี องรบั ชา้ ง ๑๐,๐๐๐ ๓. เบย้ี เลีย้ งในการสารวจเส้นทางเดินของชา้ ง ๒,๐๐๐ ๔. อปุ กรณ์และสารเคมีในการวางยาซมึ ๑๐,๐๐๐ ๕. อุปกรณ์และสารเคมีในการปฐมพยาบาล ๑๐,๐๐๐ ๖. คา่ น้ามนั รถในการติดตามชา้ ง ๑๐,๐๐๐ ๗. คา่ เบี้ยเลย้ี งชุดวางยาและเคลือ่ นย้ายช้าง ๕,๐๐๐ ๘. คา่ นา้ มนั รถในการขนย้ายชา้ งจากโรงพยาบาลชา้ ง จ.นครปฐม ๒๐,๐๐๐ ๙. ค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าที่พักคนขับรถเคล่ือนยา้ ยชา้ ง ๑๒,๐๐๐ ๑๐. ค่าอาหารชา้ ง ๑๑. ค่าเบ้ยี เล้ียงเจ้าหน้าท่ตี ดิ ตามชา้ งหลงั การปล่อย ๑๐๐,๐๐๐ รวม
ภาคผนวก ฌ การเดินทางศึกษาดูงาน ของคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั
ภาพกิจกรรม การเดินทางไปศึกษาดงู าน เกี่ยวกบั การพิจารณาศึกษาและแกไ้ ขปัญหาชา้ งปา่ กล่มุ ปา่ ตะวนั ออก ระหว่างวนั ศกุ รท์ ี่ ๑๙ ถงึ วนั เสาร์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ จงั หวดั ระยอง และจังหวัดจนั ทบุรี
ประมวลภาพการลงพ้ืนทีศ่ กึ ษาดงู านเก่ียวกับ การพิจารณาศึกษาและแกไ้ ขปัญหาชา้ งปา่ กลุ่มปา่ ตะวันออก ระหว่างวนั ศกุ ร์ที่ ๑๙ ถงึ วันเสารท์ ่ี ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ จงั หวัดระยอง
ประมวลภาพการลงพน้ื ที่ศึกษาดงู าน รับฟงั สถานการณ์สภาพปัญหาช้างปา่ บุกรกุ ณ ศูนยเ์ ฝ้า ระวังและผลักดันชา้ งป่าบ้านทุ่งกรา่ ง หมู่ที่ ๔ ตาบลโปง่ น้าร้อน อาเภอโปง่ น้าร้อน จงั หวดั จนั ทบุรี
ประมวลภาพการลงพ้ืนทศี่ ึกษาดูงาน รับฟังสถานการณ์สภาพปัญหาชา้ งป่าบกุ รกุ ณ ศนู ย์เฝา้ ระวงั และ ผลักดนั ชา้ งป่าบา้ นทุ่งกรา่ ง หมูท่ ่ี ๔ ตาบลโปง่ น้ารอ้ น อาเภอโปง่ น้าร้อน จังหวัดจนั ทบุรี(ต่อ)
ประมวลภาพการลงพ้ืนทศี่ กึ ษาดูงาน รบั ฟังสถานการณ์สภาพปัญหาชา้ งป่าบุกรุก ณ ศูนยเ์ ฝา้ ระวงั และ ผลักดนั ชา้ งป่าบา้ นทุ่งกร่าง หมทู่ ี่ ๔ ตาบลโปง่ น้าร้อน อาเภอโป่งนา้ ร้อน จังหวดั จนั ทบุรี (ต่อ)
ประมวลภาพการลงพื้นท่ศี กึ ษาดงู านรบั ฟังสภาพปัญหาชา้ งปา่ บุก จงั หวดั จนั ทบรุ ี
ประมวลภาพศกึ ษาดูงานร้ัวกนั ช้าง ณ หม่บู า้ นคลองครก หมู่ ๑๐ ตาบลพวา อาเภอแก่งหางแมว จงั หวดั จนั ทบรุ ี ประมวลภาพศึกษาดงู านรว้ั กันช้าง
ประมวลภาพศึกษาดูงานรั้วกันช้าง ณ หมู่บา้ นคลองครก หมู่ ๑๐ ตาบลพวา อาเภอแกง่ หางแมว จงั หวัดจนั ทบรุ ี (ตอ่ )
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 526
Pages: