เล่ม 5 (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

ประมวลภาพการเดนิ ทางไปศกึ ษาดูงานเกีย่ วกบั การพิจารณาศึกษาและแกไ้ ขปญั หา ช้างป่า กลุ่มปา่ ตะวนั ตก จังหวดั ประจวบคีรีขันธ์

ประมวลภาพการเดินทางไปศึกษาดงู านเกี่ยวกับ การพิจารณาศึกษาและแก้ไขปญั หา ช้างปา่ กลุ่มปา่ ตะวนั ตก จังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ (ตอ่ )

การเดนิ ทางไปศกึ ษาดงู านเกีย่ วกับ การพิจารณาศึกษาและแกไ้ ขปัญหาช้างปา่ กลุ่มปา่ ตะวนั ตก จงั หวดั กาญจนบรุ ี

การเดนิ ทางไปศกึ ษาดงู านเกี่ยวกับ การพิจารณาศึกษาและแกไ้ ขปญั หาชา้ งปา่ กล่มุ ปา่ ตะวันตก จงั หวดั กาญจนบรุ ี (ต่อ)

การเดินทางไปศกึ ษาดงู านของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพจิ ารณาศกึ ษาและแก้ไขปญั หาช้างป่า สภาผู้แทนราษฎร รว่ มกบั คณะอนกุ รรมาธิการศกึ ษาการสง่ เสรมิ ความสมดุลของระบบนิเวศในเขตปา่ อนุรักษ์ เพอ่ื รองรับประชากรชา้ งปา่ อยา่ งย่ังยนื ระหว่างวันศุกรท์ ่ี ๘ ถึงวนั เสารท์ ่ี ๙ ตลุ าคม ๒๕๖๔ ณ จงั หวดั เพชรบุรี และจังหวดั ประจวบคีรขี นั ธ์ วนั ศุกร์ที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ ณ อทุ ยานแหง่ ชาติแก่งกระจาน คณะกรรมาธิการ ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการได้รับฟังสภาพปัญหาในการบริหารจัดการช้างป่า การขาดแคลนท่ีอยู่อาศัย แหล่งนา้ แหลง่ อาหาร การจดั ทาหรอื ก่อสร้างร้วั กึ่งถาวร และการควบคุมประชากร ช้างป่า รวมทั้งแนวทางในการแก้ไขปัญหา และข้อเสนอแก้ไขปัญหาช้างป่า ร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัด เพชรบุรี นายอาเภอแก่งกระจาน ผู้อานวยการสานักบริหารพ้ืนท่ีอนุรักษ์ท่ี ๓ สาขาเพชรบุรี ผู้แทน ผู้อานวยการสานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้แทนผู้อานวยการ สานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเพชรบุรี หัวหนา้ อทุ ยานแห่งชาติแก่งกระจาน และผแู้ ทนหัวหนา้ อทุ ยานแหง่ ชาตกิ ยุ บุรี ขอ้ มลู ถ่ินทีอ่ ยู่อาศัยของช้างป่าในพ้ืนที่อุทยานแห่งชาติแกง่ กระจาน อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทย สารวจติดตามการ กระจายของประชากรช้างป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานทั่งทั้งบริเวณพ้ืนท่ีท่ีเหมาะสม ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ – ๒๕๖๒ ช้างป่าอทุ ยานแห่งชาติแก่งกระจานโดยรวมแบ่งออกเปน็ ๒ กลมุ่ ใหญ่ รวมประมาณ ๒๓๐ – ๒๕๐ ตวั กลุ่มท่ี ๑ อาศัยอยู่บริเวณพ้ืนท่ีโซนกลาง ต้นแม่น้าเพชรบุรี ห้วยแม่เสลียง บ้านกร่าง ห้วยคมกฤต และกระจายขน้ึ ไปทางด้านทิศเหนอื บางกลอยบน รวมประมาณ ๕๐ – ๗๐ ตวั

กลุ่มท่ี ๒ อาศัยบริเวณพ้ืนที่โซนใต้ ท้องที่ตาบลป่าเด็ง อาเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ตาบล ห้วยสัตว์ใหญ่ ตาบลหนองพลับ ตาบลบึงนคร อาเภอหัวหิน รวมประมาณ ๑๕๐ – ๑๘๐ ตัว และเกิดปัญหา ความขัดแยง้ ระหวา่ งคนกบั ชา้ งปา่ การแก้ไขปญั หาช้างปา่ ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ๑. แนวรวั้ ป้องกันช้างป่า ๑) แนวร้ัวป้องกันช้างป่าท่ีดาเนินการแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ – ๒๕๖๒ มีความยาวท้ังส้ินประมาณ ๒๕ กโิ ลเมตร ครอบคลุมพืน้ ที่ดา้ นตะวนั ออก ๒) แนวรั้วป้องกันช้างป่าแบบผสมผสานที่อยู่ระหว่างดาเนินการ คือ ด้านทิศตะวันตกของตาบล ป่าเด็ง อาเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของตาบลห้วย สัตว์ใหญ่ อาเภอหวั หนิ จังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ ระยะทาง ๔๓.๒๖ กิโลเมตร ๓) แนวรั้วป้องกันช้างป่าแบบผสมผสานยังไม่ได้ดาเนินการ ระยะทางทั้งหมด ๑๔๒.๔ กิโลเมตร บริเวณพื้นท่ีท่ไี ดร้ ับผลกระทบจากช้างป่าในตาบลห้วยสัตว์ใหญ่ ตาบลหนองพลบั ตาบลบึงนคร อาเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตาบลป่าเด็ง ตาบลห้วยแม่เพรียง อาเภอแก่งกระจาน และตาบลเขากะปุก อาเภอท่า ยาง จังหวัดเพชรบุรี โดยใช้งบประมาณในการสร้างรั้วป้องกันช้าง (กิโลเมตรละประมาณ ๒.๑๐ ล้านบาท) แบง่ เป็น ระยะเรง่ ด่วน ระยะทาง ๗๕.๒๖ กิโลเมตร เป็นเงิน ๑๕๘,๐๔๖,๐๐๐ บาท ระยะปกติ ระยะทาง ๖๗.๑๔ กิโลเมตร เปน็ เงนิ ๑๔๐,๙๙๔,๐๐๐ บาท

๒. การสร้างแหล่งนา้ แหลง่ อาหารให้สตั วป์ ่า ๑) แปลงหญา้ อาหารชา้ ง จานวน ๖๐๐ ไร่ ๒) ฝายตน้ นา้ แบบผสมผสาน จานวน ๓๕๒ ฝาย ๓) โป่งเทยี ม จานวน ๔๒๘ โป่ง ๔) ขุดลอกปรับปรุงแหลง่ นา้ ธรรมชาติ (เดิม) จานวน ๗๑ แหง่ สภาพปัญหาอทุ ยานแหง่ ชาตกิ ุยบุรี อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ปัจจุบัน (๒๕๖๔) มีประชากรช้างป่าประมาณ ๓๕๐ ตัว (ในปี ๒๕๕๙ มีช้างป่า จานวน ๒๓๗ ตวั ) จากการสารวจจานวนประชากรช้างป่าดว้ ยการตรวจตัวอยา่ ง DNA จากมูลชา้ งปา่ จานวน ๔๐๐ ตัวอย่าง เป็นช้างปา่ เพศเมียโตเตม็ วยั จานวน ๑๐๙ ตวั ในระยะ ๕ ปี อตั ราการเพิ่มประชากรชา้ งป่าใน อุทยานแห่งชาติกุยบุรีคิดเป็นร้อยละ ๑.๓ ช้างป่าอาศัยและกระจายตัวโดยรอบพ้ืนที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี โดยจะมีช้างป่าทั้งฝูงขนาดใหญ่และขนาดเล็กอาศัยอยู่ในบริเวณพ้ืนที่หน่วยพิทักษ์ฯ ที่ กร.๑ (ป่ายาง) และ พ้ืนที่โครงการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดาริ ซึ่งเป็น พ้ืนที่ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีได้ดาเนินการจัดสร้างแหล่งน้า แหล่งอาหาร และมีช้างป่าบางส่วนออกหากิน นอกพน้ื ทีอ่ นุรักษ์ประมาณ ๕๐ ตวั การแก้ไขปัญหา ๑. การจัดการแหล่งน้า แหล่งอาหาร ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติกุยบุรี (๒๕๖๔) ดาเนินการจัดทาแปลง หญ้า บอ่ นา้ และกระทะนา้ โป่งเทียมไปแล้ว ดงั นี้ ๑) แปลงหญ้า ดาเนินการจัดทาไปแล้ว จานวน ๑๒ แปลง รวมพ้ืนท่ี ๑,๗๓๐ ไร่ มีเป้าหมาย จานวน ๓,๐๐๐ ไร่ โดยมีการแบ่งการจัดทาปีละ ๒๐๐ ไร่ ซึ่งจะจัดทาในพ้ืนที่ที่มีระยะห่างจากพื้นท่ีเกษตร ของราษฎรประมาณ ๓ กโิ ลเมตร ๒) บ่อน้าและกระทะน้า ดาเนินการจัดทาไปแล้วจานวน ๑๖ บ่อ และกระทะน้า จานวน ๔๓ กระทะ ซึ่งมีจานวนเพียงพอสาหรับการรองรับการใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่า แต่จาเป็นต้องมีการดูแล บารุงรักษาอย่างต่อเนื่อง เพือ่ คงประสทิ ธภิ าพ ๓) โป่งเทียม ดาเนินการจัดทาไปแล้ว จานวน ๗๓ โป่ง โดยจะมีการจัดทาอย่างน้อย ๑ โป่ง/แปลง หญ้า ๕๐ ไร่ ดังน้ัน จึงมีความต้องการเพิ่มอีกประมาณ ๓๐ โป่ง ซ่ึงจาเป็นต้องมีการดูแล บารุงรักษาอย่าง ต่อเนอ่ื ง เพื่อคงประสทิ ธภิ าพ ๒. การป้องกันชา้ งปา่ ออกนอกพื้นท่ีป่า ๑) การสร้างร้ัวกันช้าง ในปี ๒๕๕๙ มีการสร้างแนวรั้วก่ึงถาวร (Semi-PermanentFence) ด้วยงบประมาณของกลุ่มราษฎร บริเวณด้านหน้าที่ทาการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ระยะทาง ๒๐๐ เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้ช้างป่าเข้ามาในเขตชุมชน และพื้นที่เกษตรกรรม โดยเสาร้ัวทาจากท่อใยหินขนาด ๑๓ นิ้ว

ตอ่ กนั จานวน ๓ ทอ่ สงู ประมาณ ๑๘๐ เซนตเิ มตร และใช้เหล็กเส้นเชอื่ มต่อกนั ระหวา่ งเสา (ตน้ แบบจากบ้าน ปา่ เดง็ ) ๒) คูกันช้าง ในปี ๒๕๖๐ มีการขุดคูกันช้างขนาดกว้าง ๒ เมตร ต้ังแต่หน่วยพิทักษ์ ท่ี กร. ๕ (ห้วยลึก) – หน้าโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่า บริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี อันเน่ืองมาจาก พระราชดาริ (กุญชร) วันเสาร์ท่ี ๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ ณ ศูนย์บริการการท่องเที่ยวและจาหนา่ ยผลิตภัณฑ์ ตาบลหว้ ยสตั ว์ใหญ่ (ศูนย์ OTOP) คณะกรรมาธิการ ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการ ร่วมเสวนาเวทีชาวบ้านรับฟังปัญหาและข้อเสนอ จากชาวบ้านผไู้ ด้รบั ผลกระทบจากภยั ช้างป่า สรุปได้ ดังนี้ ๑. งบประมาณในการเยียวยาผู้ประสบภยั จากช้างป่ามีอยู่อย่างจากัด ไม่เพียงพอ เช่น งบซ่อมบารุง บา้ นเรือนประชาชน ๒. ขาดแคลนงบประมาณในการซ่อมบารุงรั้วกันช้างท่ีชารุดทรุดโทรม และงบประมาณในการสร้าง แหลง่ นา้ แหล่งอาหารใหแ้ ก่ชา้ งปา่ ๓. ควรสนบั สนุนงบประมาณในการเยียวยาและการสร้างร้วั กันช้าง ๔. จดั ตั้งกองทุนเยยี วยาระดับตาบล เพอ่ื เยียวยาประชาชนเบอื้ งต้นดว้ ยความรวดเรว็ ๕. ควรปลูกต้นมะขามตามแนวร้ัวกันช้าง เพ่ือสร้างความแข็งแรงแก่ร้ัวกันช้าง แต่ยังขาดหน่วยงาน ดแู ลรับผิดชอบ ๖. การเยียวยากรณีพชื ผลทางการเกษตรเสียหายจากกรณีช้างป่าออกหากินนอกเขตป่าอนรุ กั ษ์ยังไม่ เพยี งพอ ไม่ครอบคลุมความเสียหายท่ีแท้จริง ๗. ควรสนับสนุนงบประมาณแก่ชดุ เฝ้าระวังช้างปา่

๘. ขาดแคลนงบประมาณในการดูแลรักษา แปลงหญ้า เพราะเม่ือเวลาผ่านไปจะมีหญ้าอื่นขึ้นมา แซมทาให้แปลงหญ้าที่จัดทาไว้เดิมหายไปและชา้ งป่า ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ จึงขอให้มีงบประมาณใน การดูแลรกั ษาแปลงหญา้ อย่างนอ้ ยทกุ ๒ ปี ๙. ขาดแคลนงบประมาณสาหรับเพ่ิมแรธ่ าตุ ที่ จ า เ ป็ น แ ก่ สั ต ว์ ป่ า ใ น โ ป่ ง เ ที ย ม ซ่ึ ง ต้ อ ง มี ก า ร บารุงรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ ๘,๐๐๐ บาท/๑ โปง่ สาหรับโป่งเทียม ๔๕๐ ลกู บาศก์ เมตร ซึ่งคา่ ใชจ้ า่ ยประกอบด้วยค่าวสั ดุ คา่ แร่ธาตุต่าง ๆ ๖,๐๐๐ บาท และค่าแรงงาน ๒,๐๐๐ บาท ๑๐. แนวร้ัวกันช้างระหว่างหมู่ ๕ และหมู่ ๑๑ ไม่ต่อกัน โดยขาดไปประมาณ ๕๐๐ เมตร ซ่ึงทา ให้ช้างป่าเขา้ มาในบ้านหมู่ ๑๑ ๑๑. ควรสรา้ งร้ัวกันช้างบริเวณหมู่ ๕ และหมู่ ๘ ตาบลหนองพลบั จังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ ๑๒. ควรสร้างรั้วกนั ช้าง ความยาว ๒๔ กโิ ลเมตร ด้านทศิ เหนอื ต้ังแต่คา่ ย ๗๑๒ ถงึ สานกั สงฆ์เขาถ้า ด้านทิศใต้ ต้ังแต่ค่าย ๗๑๒ จรดลาหว้ ย เนื่องจากมชี ้างปา่ อาศัยอยู่รอบบริเวณหมู่ ๓ ตาบลห้วยสัตว์ใหญ่ โดย ใช้เสาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑ เมตร และใช้เหล็กรางรถไฟคาด ๔ ชั้น นอกจากนี้ ควรสนับสนุนงบ ประมาณในการปรับภมู ิทศั นเ์ พ่อื ให้ผู้สัญจรสามารถมองเหน็ ชา้ งปา่ ได้จากระยะไกล ๑๓. ควรปรับปรุงแหล่งน้าสาหรับสัตว์ป่าทุก ๕ ปี เน่ืองจากเกิดการตื้นเขิน ทาให้ปริมาณความจุ ของแหล่งนา้ ลดลง ๑๔. ควรปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณเส้นทางเขาตายายถึงตาบลห้วยสัตว์ใหญ่ โดยการถางวัชพืชห่าง จากถนนออกไปประมาณ ๔๐ - ๕๐ เมตร เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ ถนนสามารถมองเห็นช้างป่าได้ ชัดเจนจากระยะไกล รวมทั้ง ส ร้ า ง แ น ว ร้ั ว กั น ช้ า ง แ ล ะ สะพานเชื่อมต่อเพื่อให้ช้าง สามารถเดินทางไปมาระหว่าง ดา้ นทศิ ใต้และทิศเหนอื

ช่วงบา่ ย คณะกรรมาธกิ าร ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการ ลงพ้นื ที่ศกึ ษาดูงานการทาโปง่ เทยี ม และ การเตมิ แร่ธาตุลงในโปง่ เทียม ตาบลห้วยสตั ว์ใหญ่ อาเภอหัวหนิ จงั หวัดประจวบครี ีขนั ธ์

ศกึ ษาดงู านแนวกอ่ สร้างรั้วกันชา้ งแบบผสมผสาน บรเิ วณอ่างเกบ็ น้ากรา่ ง ๓ ตาบลปา่ เดง็ อาเภอแก่งกระจาน จังหวดั เพชรบุรี

รายงานผลการเดินทางศกึ ษาดูงาน ของคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาชา้ งปา่ สภาผูแ้ ทนราษฎร รว่ มกับคณะอนุกรรมาธกิ ารศกึ ษาการสง่ เสรมิ ความสมดุลของระบบนิเวศ ในเขตปา่ อนุรกั ษ์ เพอ่ื รองรับประชากรชา้ งป่าอย่างย่ังยืน ระหวา่ งวันอังคารท่ี ๒๖ ถึงวันพุธท่ี ๒๗ ตลุ าคม ๒๕๖๔ ณ จังหวัดนครราชสมี า วนั องั คารท่ี ๒๖ ตลุ าคม ๒๕๖๔ ณ วดั หมูสี คณะกรรมาธิการ และคณะอนุกรรมาธิการเดินทางถึงวัดหมูสี อาเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อรับฟังปัญหาจากผู้แทนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาช้างป่าออกนอกป่าอนุรักษ์และบุกรุก ท่ีดินทากนิ ของราษฎร สรุปได้ ดังนี้ ๑. ควรมีการติดปลอกคอ GPS ช้างป่าที่มีพฤติกรรมชอบออกหากินนอกเขตปา่ อนุรักษ์ โดยเฉพาะ ช้างป่าที่บุกรุกท่ีดินทากินทาให้พืชผลทางการ เกษตรของประชาชนในพน้ื ทีเ่ สยี หาย ๒. ควรเพ่ิมแหล่งน้า แหล่งอาหารให้เพียงพอ แก่ช้างป่าภายในเขตป่า เพื่อไม่ให้ช้างป่าออกหา กินพืชผลทางการเกษตรของประชาชน ๓. ควรมีการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจาก ชา้ งป่าทเ่ี หมาะสม รวมถงึ พ้ืนทที่ ี่ไมม่ ีเอกสารสิทธิ ๔. ควรมีเจ้าภาพดูแลความเดือดร้อนของ ประชาชนผูไ้ ด้รับผลกระทบจากช้างปา่ ๕. ควรมีการดูแลและสนับสนุนอุปกรณ์ที่ใช้ในการ ผ ลัก ดัน ช้า ง ป่า ใ ห้แ ก่ทีม อ า ส า เ ฝ้า ระวังและผลักดัน ชา้ งป่า ๖. ปัจจุบันมีช้างป่า ๕ ตัว (เบี่ยงเล็ก เบ่ียงใหญ่ พลาย น้องใหม่ และยอดชาย) ออกหากินบริเวณบ้านเขาวง ตาบลหนองน้าแดง อาเภอปากช่อง โดยพลายแคระเป็น ช้างปา่ ท่ีนาชา้ งปา่ ท้งั ๔ ตัว เขา้ มาในพนื้ ที่ ๗. อาเภอวังน้าเขียวมีการจัดตั้งกลุ่มทัง้ ในระดับตาบลและระดบั อาเภอเปน็ ทีมอาสาเฝา้ ระวงั และผลกั ดันชา้ ง ปา่ ประมาณ ๔๐ คน ควรเพ่มิ จานวนอาสาสมคั ร เพื่อให้มกี ารสบั เปลย่ี นหมนุ เวียนทาหนา้ ที่

๘. ควรจัดอบรมอาสาสมัคร ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และผลักดัน ช้างป่าอย่างถูกวิธีและปลอดภัยแก่ อาสาสมัครและช้างปา่ ๙ . ค ว ร มี ห อ ดู ช้ า ง เ พื่ อ สังเกตการณ์และเตือนภัยหากมีช้าง ป่าเขา้ มาในพน้ื ที่ ๑๐. ควรปลูกต้นไม้ริมขอบ อุทยานแห่งชาติรอบเขตต้ังแต่เขา ใหญ่ถึงวังน้าเขียว โดยเป็นพันธุ์ไม้ ขนาดใหญ่มีหนาม ปลูกถ่ี และสลับ ฟันปลา ๑๑. ควรจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอตามแผนการจัดการช้างป่าของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพชื ๑๒. ควรจัดให้มีแสงสว่างที่เพียงพอ รวมทั้ง จัดทาป้ายระวังช้างป่าตามเส้นทางท่ีประชาชนใช้ สญั จรเพือ่ ใชใ้ นการสังเกตและระวงั ช้างปา่ หลังจากน้ัน นายอดิศักด์ิ ภูสิทธ์ิวงศานุยุต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้ให้ข้อสังเกตถึง แนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกป่าอนุรักษ์ และบุกรุกท่ีดินทากินของราษฎรว่า ควรทาสถานที่ กักกันช้างป่าที่ออกนอกป่าอนุรักษ์ (ปัจจุบันมี ประมาณไม่เกิน ๒๐ ตัว) โดยย้ายช้างป่าท่ีรบกวน ประชาชนเข้าไปอยู่ในสถานที่กักกัน เพราะหากใช้ วิธีการเคลื่อนย้ายช้างป่าไปไว้พื้นที่อ่ืนช้างป่าจะ สามารถกลับสู่ถิ่นที่อยู่อาศัยเดิมได้ ทั้งนี้ พ้ืนท่ี เหมาะสมสาหรับเป็นสถานท่ีกักกัน คือ ๑) พ้ืนที่ป่า เสื่อมโทรม ๒) พ้ืนท่ี ส.ป.ก. ๓) พ้ืนที่ป่าไม้ ๔) พ้ืนที่ อ่ืน ๆ ที่มีความเหมาะสม โดยสร้างแหล่งน้า แหล่ง อาหารธรรมชาติ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมช้างป่าให้ลืมรสชาติอาหารท่ีเป็นพืชผลทางการเกษตร โดยลด จานวนพืชผลทางการเกษตรลงเร่อื ย ๆ หลังจากนนั้ จึงพิจารณานาชา้ งปา่ กลบั คืนส่ปู า่ อนุรกั ษ์

หลังจากนั้น คณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการ ได้เดินทางไปดูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จากช้างป่าบุกรุกท่ีดินทากิน และสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร ณ บ้านเขาวง ตาบลหนองนา้ แดง อาเภอปากช่อง จงั หวดั นครราชสมี า

วันพธุ ที่ ๒๗ ตลุ าคม ๒๕๖๔ ณ อทุ ยานแหง่ ชาตเิ ขาใหญ่ คณะกรรมาธิการ และคณะอนุกรรมาธิการปรึกษาหารือร่วมกับรองผู้ราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้อานวยการสานักบริหารพื้นท่ีอนุรักษ์ท่ี ๗ (นครราชสีมา) หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หัวหน้าอุทยาน แห่งชาติทับลาน ปลัดอาเภอปากช่อง ผู้กากับการสถานีตารวจภูธรหมูสี กานันผู้ใหญ่บ้านตาบลหมูสี ตาบล หนองนา้ แดง และตาบลโป่งตาลอง ณ อทุ ยานแห่งชาติเขาใหญ่ สรปุ ได้ ดงั นี้ ๑. หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เสนอให้มี ส ถ า น ที ่ก ัก ก ัน ช ้า ง ป่ า ที่ มี พฤ ติ ก ร ร ม สร้ างความ เสียหายแก่ทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตรใน ระยะเร่งด่วนชั่วคราว เช่น เช่นพ้ืนที่ขององค์การ อุตสาหกรรมปา่ ไม้ หรอื องค์การสวนสตั ว์ เป็นตน้ ๒. ผู้อานวยการสานักบริหารพ้ืนที่อนุรักษ์ที่ ๗ แสดงความเห็นว่า ควรมกี ฎหมายที่ครอบคลุมสัตว์ ป่าทุกชนิดที่มีพฤติกรรมสร้างความเสียหายแก่ ทรพั ยส์ ินและพชื ผลทางการเกษตร ไมค่ วรเนน้ เฉพาะช้างป่า ๓. หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลานแสดงความเห็นว่า ปัจจุบันปัจจัยท่ีทาให้ช้างป่าออกนอกป่า อนุรักษ์คือ การเปลี่ยนสภาพของป่า แหล่งน้าในป่าไม่ขาดแคลน แต่ขาดแคลนแหล่งอาหาร เพราะเม่ือป่า ได้รับความชุ่มชื่นป่าเปลี่ยนสภาพจากเดิมที่เป็นป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณซ่ึงมีต้นไผ่มากและเป็นอาหารของ ช้างป่า เม่ือป่าเปลี่ยนสภาพจากป่าเบญจพรรณเป็นป่าดงดิบทาให้ต้นไผ่ถูกเถาวัลย์ล้อมและไม่ได้รับแสงแดดจึง ล้มตายลง จึงควรให้ความสาคัญกับการสร้างแหล่งอาหารให้แก่ช้างป่า ๔. ผู้กากับการสถานีตารวจภูธรหมูสี แสดงความเห็นว่า ควรตรวจสอบกฎหมาย หรือระเบียบที่ เก่ียวข้องกับมาตรการในการคุ้มครองดูแลช้างเลี้ยง เพราะหลายครั้งพบว่า เจ้าของช้างที่เขาใหญ่ปล่อยปละ ละเลยไม่มีการใช้ความระมัดระวังดูแลช้างอย่าง เพียงพอตามมาตรฐาน เพื่อป้องกันมิให้ช้าง ออกไปทาร้ายประชาชน นอกจากนี้ ยังมี ประเด็นข้อหว่ งกงั วล

คือ การปล่อยให้ช้างป่าท่ีอาจเข้ามา ผสมพันธ์ุกับช้างเลี้ยง อีกท้ัง ควรมี ระเบียบการเยียวยาผู้ประสบภัยจาก ช้างป่าโดยตรง เพื่อ ไม่ให้เกิดการ ตีความความเสียหายโดยส้ินเชิง โดยให้ เป็นการเยียวยาตามความเสียหายท่ี แท้จริง ๕. ควรมีการจัดอบรมอาสาเฝ้าระวัง และผลักดันช้างป่า และควรแบ่งเขต ความรับผิดชอบในแต่ละตาบล เพราะ แต่ละเขตแต่ละตาบลมีวิธีการทางานที่แตกต่างกัน และควรทาประกันชีวิตแก่อาสาทุกคน นอกจากนี้ ควร จัดทาป้ายระวังช้างป่าและจัดให้มีแสงสว่างท่ีเพียงพอตามถนนท่ีประชาชนใช้สัญจร หลังจากน้ัน คณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการแสดงความเห็น สรุปได้ ดังน้ี ๑. การจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณถัดไปต้องให้ความสาคัญกับการสร้างแหล่งอาหาร ให้แก่ช้างป่า โดยการสร้างแหล่งอาหารต้องค่อย ๆ ถอยร่นเข้าไปในป่าทุก ๆ ปี เพื่อให้ช้างป่าทยอย กลับคืนสู่ป่าอนุรักษ์ ๒. การเคลื่อนย้ายช้างเกเร ๔ – ๕ ตวั ควรหาพ้นื ท่ที เ่ี หมาะสม (ถ้ามี) ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถ้าไม่สามารถดาเนินการได้ให้หัวหน้า อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เสนอวิธีการท่ี เป็นไปได้และเหมาะสมไปยังกรม อทุ ยานแห่งชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ืช ๓. การนาช้างป่าผสมพันธุ์กับช้าง บ้านจะทาให้เกิดความผูกพันระหว่าง พ่อแม่ลูกช้างทาให้ช้างป่าเพศผู้พาโขลง ลงมาหาช้างบ้านเพศเมียและลูก และ เกิดปัญหาอืน่ ๆ ตามมา ๔. การประกาศเขตการให้ความ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเพื่อชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาช้ างป่าออกหากิน และทาลายพืชผลทางการเกษตร ควรกาหนดให้มีการชดเชยเยียวยาทุกพื้นที่ที่ประสบภัยโดยไม่ จาเป็นต้องเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ การชดเชยเยียวยาควรรวมถึงการทาให้ ทรัพย์สินท่ีอยู่อาศัยเสียหายด้วย

ช่วงบ่าย คณะกรรมาธิการ และคณะอนุกรรมาธิการลงพื้นที่ศึกษาดูงานวิธีการทาโป่งเทียม และ การเพ่มิ แร่ธาตุในโปง่ เทยี มเพื่อเปน็ อาหารให้แกช่ ้างป่า บริเวณหนองผักชี อุทยานแห่งชาตเิ ขาใหญ่

การศึกษาดูงาน คณะกรรมาธิการวิสามญั พจิ ารณาศึกษาและแกไ้ ขปญั หาชา้ งป่า สภาผแู้ ทนราษฎร รว่ มกับ คณะอนกุ รรมาธิการศกึ ษาการป้องกนั แกไ้ ขปัญหาชา้ งปา่ บุกรกุ ทท่ี ากินและเยียวยา ในคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญพจิ ารณาศึกษาและแกไ้ ขปัญหาช้างปา่ สภาผแู้ ทนราษฎร ระหวา่ งวันอาทติ ยท์ ่ี ๓ ตลุ าคม ถึงวันจันทรท์ ่ี ๔ ตลุ าคม ๒๕๖๔ ณ อาเภอกยุ บุรี จงั หวัดประจวบคีรีขนั ธ์ การเดนิ ทางไปศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาช้างป่า สภาผูแ้ ทนราษฎร ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการป้องกันแก้ไขปัญหาช้างป่าบุกรุกที่ทากินและเยียวยาผลกระทบจากภัย ช้างป่าอย่างเป็นธรรม เกี่ยวกับการพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า ระหว่างวนั อาทิตย์ท่ี ๓ – วันจันทร์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ ณ อาเภอกุยบุรี จังหวดั ประจวบคีรีขันธ์ สรุปไดด้ ังน้ี วันอาทิตย์ท่ี ๓ ตุลาคม ๒๕๖๔ เดินทางศึกษาดูงาน ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณจุดตรวจ ห้วยลึก บ้านรวมไทย รับฟังรายงานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี สรุปได้ว่า เม่ือปี ๒๕๖๔ อุทยานแหง่ ชาติกยุ บรุ ี มีประชากรชา้ งป่าประมาณ ๓๕๐ ตวั (การสารวจ DNA ๒๕๕๙ มชี า้ งป่า ๒๓๗ ตัว) พบวา่ ชา้ งป่ารวมฝูงทงั้ ฝงู ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ปัจจบุ นั คาดว่าในพน้ื ท่ีอุทยานแห่งชาติกุยบรุ ีมชี ้างป่า ไม่น้อยกว่า ๓๐๐ ตัว และมีช้างป่าออกหากินนอกพ้ืนท่ีประมาณ ๕๐ ตัว ซึ่งอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้มีการ แกป้ ัญหาชา้ งปา่ ดังนี้ (๑) การจัดการแหล่งน้า แหล่งอาหาร โดยจัดทาแปลงหญ้า จานวน ๑๒ แปลง รวมเป็นพ้ืนท่ี ๑,๗๓๐ ไร่ จดั ทาแหล่งน้า จานวน ๑๖ บ่อ จดั ทากระทะนา้ จานวน ๔๓ จุด จดั ทาโปง่ เทียม จานวน ๗๓ แหง่ (๒) จดั สรา้ งจุดเฝา้ ระวังชา้ งป่า โดยจดั สรา้ งจุดเฝ้าระวัง จานวน ๔ จุด ครอบคลุมพน้ื ท่ีในหมทู่ ่ี ๗ บา้ นรวมไทย และหมูท่ ่ี ๙ บ้านย่านซอ่ื ตาบลหาดขาม อาเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบครี ีขนั ธ์ (๓) จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังช้างป่า ด้วยระบบเตือนภัยล่วงหน้าในพ้ืนท่ีอุทยานแห่งชาติกุยบุรี (Kuiburi SMART Early Warning System) (๔) จัดทาเส้นทางตรวจการณ์ ระยะทาง ๕ กิโลเมตร ตั้งแต่บริเวณ โค้งอ่างหิน –ท้ายซอย ๖ ท้องทีห่ มู่ ๗ บา้ นรวมไทย ตาบลหาดขาม อาเภอกยุ บรุ ี จงั หวดั ประจวบคีรขี ันธ์ (๕) การติดปลอกคอสัญญาณดาวเทียม (GPS Collar) ช้างป่าท่ีได้ทาการติดปลอกคอสัญญา ดาวเทียม จานวน ๑ เส้น เป็นช้างเพศผู้ อุทยานแหง่ ชาติกยุ บรุ ี มีแผนการจัดการชา้ งป่า ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๖๗ คือ (๑) เพ่ิมประสิทธิภาพการป้องกันและการจัดการช้างป่า โดยสารวจจัดทาฐานข้อมูล เพือ่ ดารงความหลากหลายทางพนั ธุกรรม และพัฒนาศกั ยภาพถน่ิ ทอี่ ยู่อาศยั (๒) การควบคุมความเสียหายและความสูญเสีย โดยเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังป้องกัน ดว้ ยการจัดทาหรือสร้างสิง่ กีดขวาง ปอ้ งกันช้างปา่ ออกนอกพน้ื ทีป่ ่าอนุรักษ์

(๓) การใช้มาตรการเครือข่ายความร่วมมือ โดยการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการ แก้ไขปญั หาชา้ งปา่ ทาการประชาสมั พนั ธแ์ ละใหค้ วามรแู้ ก่ชุมชนในการป้องกันเฝา้ ระวังช้างป่า (๔) การบังคับใช้ระเบียบ กฎหมายและข้อบังคับ โดยมีการกากับดูแล ติดตามและตรวจสอบ การบังคบั ใชก้ ฎหมายให้มีผลทัว่ ถงึ และเท่าเทียม (๕) การส่งเสริมอาชีพและความเป็นอยู่ของชุมชน โดยการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการแก้ไขปญั หาช้างป่า (๖) การประยกุ ต์ใชเ้ ทคนคิ และนวัตกรรมปอ้ งกนั ช้างปา่ โดยการใชก้ ลอ้ ง Real time camera trap นอกจากน้ี อุทยานแหง่ ชาติกุยบุรียังมีการดาเนินสารวจเพ่ือการจัดทาหรือสรา้ งสิ่งกีดขวางป้องกัน ช้างป่าออกนอกพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ในพ้ืนที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ระยะทางสารวจ ๑๙๑ กิโลเมตร บรเิ วณตาบลกุยบรุ ี อาเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรขี นั ธ์ การดาเนนิ งานในการปฏิบัติงานเฝ้าระวังชา้ งป่า พบปญั หาและอปุ สรรค คือ (๑) เจา้ หนา้ ทมี่ ไี ม่เพียงพอในการเฝา้ ระวังชา้ งปา่ เพราะว่าต้องปฏิบัติงานลาดตระเวนควบคู่กัน ท้ังกลางวัน – กลางคนื (๒) สัญญาณโทรศพั ท์ ไมค่ รอบคลมุ ทุกพนื้ ที่ (๓) ไม่มเี ส้นทางการตรวจการณ์ เพอื่ เขา้ ดาเนนิ การผลกั ดันชา้ งปา่ เข้าสปู่ ่า วนั จนั ทรท์ ่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ ลงพื้นทพี่ บชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า ณ ที่ทาการอุทยาน แห่งชาติกุยบุรี หมู่ ๙ ตาบลหาดขาม อาเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีชาวบ้านท่ีได้รับผลกระทบ จากชา้ งป่าจานวนหลายหมู่บ้านเข้าร่วมให้ข้อมลู โดยคณะกรรมาธิการได้แจง้ กับชาวบา้ นวา่ คณะกรรมาธิการ ได้ศึกษาแนวกันช้างที่เชื่อว่ากันช้างได้ ๑๐๐% คือคันกันช้างพร้อมถนนตรวจการณ์มีการดาดคอนกรีตหนา ๘ เซนติเมตร ที่คันกันช้าง ด้านบนจะทาเป็นถนนท่ีมีการบดอัด ๙๕% ใช้เป็นถนนตรวจการณ์ หากการ ก่อสร้างกระทบท่ีดินทากินของประชาชน จะมีการชดใช้ค่าเสียหายตามลักษณะของพืชท่ีปลูก โดยจะใช้ หลักการชดใช้ค่าเสียหายตามแบบของกรมชลประทาน ซ่ึงจะจ่ายในราคาท่ีเป็นธรรมกับชาวบ้านที่สุด ซ่ึงได้ เปิดให้ชาวบ้านได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มท่ี โดย ด.ต.ประเจียด ปานทอง หนึ่งในชาวบ้านท่ีได้รับ ผลกระทบ กล่าวว่าถึงเวลาน้ีชาวบ้านต้องการให้ภาครัฐลงมาช่วยเหลืออย่างจริงจัง จะใช้วิธีสร้างแบริเออร์ หรอื รวั้ ถาวรกต็ าม แคอ่ ยากให้มกี ารลงมือทา ไม่หายไปเหมือนกับอดตี ทผ่ี า่ นมา นอกจากน้ี นายจารึก ศรีอ่อน ประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง มีความเห็นว่า ควรนา สรุปผลการศึกษาดูงานเกี่ยวกับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเสนอต่อคณะกรรมาธิการ เพ่ือนามาใช้ ประกอบการพิจารณาในการจัดทารายงานคณะกรรมาธิการ และขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานท่ี เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนต่อไป เนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน จากช้างป่าเพ่ิมข้ึนทุกวัน อีกท้ังยังไม่มีการช่วยเหลืออย่างจริงจัง จึงคาดว่าชาวบ้านจะต้องได้รับความ ชว่ ยเหลืออยา่ งเรง่ ด่วนและเป็นธรรม ตอ่ ไป

ประมวลภาพในการเดินทางไปศึกษาดงู านเกยี่ วกบั การพิจารณาศึกษาและแก้ไขปญั หาช้างป่า ระหว่างวนั อาทติ ยท์ ี่ ๓ ตุลาคม ถึงวนั จันทร์ที่ ๔ ตลุ าคม ๒๕๖๔ ณ อาเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ประมวลภาพในการเดนิ ทางไปศกึ ษาดงู านเก่ยี วกับการพิจารณาศึกษาและแกไ้ ขปญั หาช้างป่า ระหวา่ งวันอาทิตยท์ ่ี ๓ ตุลาคม ถงึ วันจันทร์ท่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ ณ อาเภอกุยบุรี จงั หวัดประจวบคีรขี นั ธ์ (ตอ่ )

การศกึ ษาดงู านของคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั พิจารณาศึกษาปัญหาชา้ งป่า สภาผ้แู ทนราษฎร ร่วมกบั คณะอนกุ รรมาธกิ ารศึกษาการป้องกันแกไ้ ขปัญหาช้างปา่ บุกรุกทที่ ากนิ และเยยี วยาผลกระทบจากภัยช้างปา่ อย่างเป็นธรรม เร่ือง “การพจิ ารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างปา่ ” ณ จังหวดั สระแกว้ ระหวา่ งวันอังคารท่ี ๒๖ - วันพธุ ท่ี ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๔ ------------------------------------------------------------------------------ จ า ก ก า ร เ ดิ น ท า ง ไ ป ศึ ก ษ า ดู ง า น ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม า ธิ ก า ร วิ ส า มั ญ พิ จ า ร ณ า ศึ ก ษ า แ ล ะ แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า ชา้ งปา่ สภาผแู้ ทนราษฎร ร่วมกบั คณะอนกุ รรมาธิการศึกษาการป้องกันแก้ไขปัญหาช้างปา่ บกุ รกุ ท่ีทากินและ เยียวยาผลกระทบจากภัยช้างป่าอย่างเป็นธรรม เกี่ยวกับการพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า ระหว่าง วันอังคารท่ี ๒๖ ถงึ วันพุธท่ี ๒๗ ตลุ าคม ๒๕๖๔ ณ จังหวดั สระแกว้ สรปุ ผลการศึกษาดูงานได้ ดงั น้ี วันอังคารที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๔ เดินทางศึกษาดูงาน ณ โครงการจัดการช้างป่าออกนอก พ้ืนที่อนุรักษ์ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ตาบลทุ่งมหาเจริญ อาเภอวังน้าเย็น จังหวัดสระแก้ว รับฟังรายงานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ตรวจสภาพภูมิประเทศ และการก่อสร้างเพนียดคอนกรีตเสริมเหล็กในโครงการจัดการช้างป่าออกนอกพ้ืนท่ีอนุรักษ์ สรุปได้ว่า โครงการจัดการช้างป่าออกนอกพ้ืนที่อนุรักษ์ มีพื้นที่ประมาณ ๒,๔๐๐ ไร่ มีระยะทางแนวการสร้าง เครอ่ื งกดี ขวางแนวกันชา้ งป่าประมาณ ๑๒ กิโลเมตร ซง่ึ กาลงั ดาเนินการสรา้ งแนวกันช้างปา่ เพนียดคอนกรีต เสริมเหลก็ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตวป์ า่ และพนั ธุ์พชื ไดอ้ อกแบบไว้เม่อื ปี ๒๕๕๘ มลี ักษณะเป็นแท่งคอนกรีต อัดแรง ยาว ๕ เมตร กว้างด้านละ ๐.๔๐ เมตร ปักลงในดินโดยการตอกด้วยป้ันจ่ัน ลึกลงไปในดิน ๒ เมตร พ้นผวิ ดินขึน้ มา ๓ เมตร แท่งคอนกรตี แต่ละต้นปักห่างกัน ๐.๕๐ เมตร ในระยะ ๑ กิโลเมตร ใช้แทง่ คอนกรีต จานวน ๑,๐๐๐ ต้น ใช้งบประมาณในการก่อสรา้ ง กโิ ลเมตรละ ๔.๕ ล้านบาท ดาเนนิ การก่อสรา้ งในช่วงแรก ๓ กิโลเมตร แบ่งเป็นโซนย่อยๆ ๓ โซน ใช้งบประมาณจากสานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๒ (ศรีราชา) จานวน ๔๘,๘๒๒,๘๐๐ บาท พบว่า ขณะที่กาลังก่อสร้างน้ีมีแท่งคอนกรีตบางส่วนเอียงเอน พื้นดินแตกร้าว มชี อ่ งวา่ งบริเวณระหว่างแท่งคอนกรีตกับพ้นื ดนิ มคี วามสงู ตา่ ไม่เทา่ กนั มแี นวโน้มที่แทง่ คอนกรีตจะเอียงเอน และอาจจะล้มเพ่ิมอีก เนื่องจากสภาพดินมีความแข็ง - อ่อนแตกต่างกัน ซ่ึงจะทาให้ไม่สามารถกันช้างป่าได้ จึงแนะนาให้ก่อสร้างคันก้ันช้างพร้อมถนนตรวจการณ์ (แบบของคณะกรรมาธิการ) ผสมผสานลงไปในบริเวณ ที่เป็นดินอ่อนขุดคูตามแนวเพนียดคอนกรีตด้านในป่า เพื่อช้างป่าที่จะดันแท่งคอนกรีตมีระดับสูงต่าของ ขาหน้าและขาหลังไม่เท่ากัน ทาให้แรงผลักของช้างป่าลดลง ซึ่งแนวการก่อสร้างที่ยังเหลืออีกประมาณ ๙ กิโลเมตร ให้นาคันกั้นช้างพร้อมถนนตรวจการณ์ไปดาเนินการก่อสร้างต่อจากเพนียดคอนกรีต คาดว่า จะแล้วเสรจ็ ก่อนฤดเู กบ็ เก่ียวผลไม้ในปีตอ่ ไป และพฒั นาเป็นแหล่งท่องเท่ียวธรรมชาติดูชา้ งป่าต่อไป โดยช่วย สร้างมลู ค่าทางเศรษฐกจิ ชุมชนถือวา่ เป็นสว่ นหนึง่ ของการเยยี วยาผู้ไดร้ บั ผลกระทบจากภยั ชา้ งปา่ ได้ดว้ ย

วันพุธท่ี ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๔ เดินทางไปยังห้องประชุมบูรพา ชั้น ๔ ศาลากลางจังหวัด สระแก้ว เพ่ือรับทราบสภาพปัญหา การแก้ปัญหาช้างป่าของจังหวัดสระแก้ว รวมทั้งรับฟังความเห็นของ ส่วนราชการที่มีต่อผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการด้วย สรุปได้ว่า จังหวัดสระแก้วมีสถิติช้างป่า ตายในปี ๒๕๖๔ จานวน ๒ ตัว เกิดขึ้นท่ีบ้านท่าเต้น ตาบลพระเพลิง อาเภอเขาฉกรรจ์ จานวน ๑ ตัว และมี ช้างป่าท่ีเคล่ือนย้ายมาจากอาเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี เข้าในพ้ืนท่ีโครงการจัดการช้างป่าออกนอกพ้ืนที่ อนุรักษ์ (เขาตะกรุบ) เสียชีวิตอีก ๑ ตัว โดยไม่มีข้อมูลการเสียชีวิตจากช้างป่าของประชาชนในจังหวัด สระแก้ว มคี วามเสียหายทเ่ี กิดกับพืชผลทางการเกษตร ต้งั แต่ ปี ๒๕๖๒ - ๒๕๖๔ ดังนี้ ปี ๒๕๖๒ ปี ๒๕๖๒ ปี ๒๕๖๓

ปี ๒๕๖๔ ข้อมูล ตามประกาศพืน้ ทป่ี ระสบสาธารณภัยจังหวัดสระแกว้ จังหวดั สระแก้ว เป็นพน้ื ที่ดาเนนิ โครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ ดาเนนิ การฟ้ืนฟูป่า สร้างแหลง่ น้า แหล่ง อาหารและโป่งเทียม สร้างจุดพักช้าง เพ่ือนาช้างป่ากลับเข้าสู่ป่า สร้างแนวเขตกันชนบริเวณรอยต่อป่า กับพ้ืนที่ชุมชน จัดระบบติดตามเฝ้าระวังช้างและชุดเคล่ือนท่ีเร็ว สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน ปรับเปลี่ยนและพัฒนาอาชีพและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกองทุนในพ้ืนที่ (จากรายได้จากการขาย ยางพารา กิโลกรัมละ ๐.๕ บาท) จังหวัดสระแก้ว จัดสรรงบประมาณจากงบจังหวัด ประจาปี ๒๕๖๔ จานวน ๑๙,๒๐๐,๐๐๐ บาท เพ่ือปรับปรุงคูกั้นช้างท่ีเป็นแนวเดิมและสร้างแนวร้ัวใหม่ ระยะทาง ๑๒ กิโลเมตร โดยที่ประชุมเห็นด้วยกับผลการศึกษาการแก้ปัญหาช้างป่าของคณะกรรมาธิการ ท้ังรูปแบบ คันกันช้างพร้อมถนนตรวจการณ์ การเยียวยาผู้ประสบภัยท่ีได้รับบาดเจ็บพิการ ทุพพลภาพ เสียชีวิตได้รับ ความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยจากช้างป่า รายละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท และการชดเชยความเสียหาย ท่ีเกิดกับพืชผลทางการเกษตรท่ีอิงตัวเลขการชดเชยจาก “บัญชีรายละเอียดค่าทดแทนต้นไม้และไม้ผลท่ีถูก เขตชลประทาน” ช่วงบ่าย เดินทางไปพบประชาชนท่ีบ้านท่าเต้น หมู่ท่ี ๙ ตาบลพระเพลิง อาเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัด สระแกว้ เพ่อื รับฟังสภาพปัญหา ข้อเสนอการแกป้ ญั หาและความเห็นทมี่ ีต่อผลการศกึ ษาการแกป้ ัญหาช้างป่า ของคณะกรรมาธิการ สรุปได้ว่า ประสบปัญหาการรบกวนจากช้างป่า แต่ไม่มีผลกระทบท่ีรุนแรง มีการตั้ง กองทุนโดยเก็บจากรายได้ท่ีขายยางพารา บริจาคเข้ากองทุน กิโลกรัมละ ๐.๕๐ บาท และรวมกลุ่มเพ่ือเฝ้า ระวัง ผลักดันช้างป่า ปัญหาที่พบคือ กลุ่มอาสาสมัครเฝ้าระวังช้างป่า ขาดแคลนงบประมาณสนับสนุน