Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

(4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2020-07-09 07:20:32

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 12-13 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันที่ 15-16 กรกฎาคม 2563

Search

Read the Text Version

๒๖ ชอ่ื ระบบ ฟังก์ชัน ๓. ระบบบริหารการประชุม งานลงทะเบยี นเขา้ ประชุมสภา รัฐสภา ๑) สืบคน้ ระเบยี บวาระการประชุม ๒) บนั ทกึ การลงทะเบยี นเขา้ ประชุม เวลาท่ีลงทะเบียน ๓) การลงทะเบยี นด้วยบตั รแสดงตน การสแกนลายนว้ิ มอื ๔) การตรวจสอบและนบั จานวนองคป์ ระชมุ ก่อนเริ่มประชมุ ๕) สืบคน้ ขอ้ มลู ประวตั ิการลงทะเบยี นเขา้ ประชมุ ๖) ปิดการลงทะเบยี นเขา้ ประชมุ งานลงทะเบียนและจ่ายเบ้ียประชุม สาหรับคณะกรรมาธิการ และกรรมการ ๑) บนั ทึกลงทะเบียนเข้าประชุม เวลาทมี่ าประชมุ ๒) สืบค้นและแสดงผงั ที่นัง่ ในการประชมุ ๓) อัตราคา่ เบีย้ ประชมุ ๔) คานวณเบ้ียประชมุ ๕) การรบั เบี้ยประชมุ งานสือ่ สารบนบลั ลังก์ ๑) รับส่งข้อความในการประชุมระหว่างประธาน รองประธาน เลขาธิการ เจ้าหน้าท่ีสานักการประชุม และเจ้าหน้าท่ีสานักงาน ประธาน ในระหว่างการประชมุ สภา ๒) ทางานกบั คอมพิวเตอรห์ นา้ จอสมั ผัส ๓) แสดงข้อมลู ขอ้ บงั คับการประชุม รฐั ธรรมนูญ ๔) แสดงเอกสารขั้นตอนการประชุม งานลงคะแนนด้วยการขานชอ่ื และลงมตลิ บั ๑) การจัดการข้อมูลประชุม (รายช่ือสมาชิก รายชื่อพรรค หัวขอ้ การลงมติ) ๒) การออกเสยี งลงคะแนนด้วยวธิ ขี านชอื่ ๓) การเช่ือมโยงผลการลงคะแนนจากระบบการออกเสียงลงมติ ดว้ ยอปุ กรณ์โสตฯ (เสยี บบตั ร) แบบเปดิ เผย และแบบลบั ๔) การบันทึกผลการออกเสียงลงมติ แบบเป็นความลับ (ไม่ผ่าน อุปกรณ์โสตฯ) ๕) การจัดทารายงานผลการลงมติ งานประมวลผลข้อมูลลงมติ ๑) การจัดการข้อมลู การลาของสมาชกิ รัฐสภา ๒) สรุปขอ้ มูลการลงมติ ๓) การประมวลผลการลงมติ

๒๗ ชื่อระบบ ฟงั ก์ชนั ๔. ระบบเผยแพร่ข้อมูล ๑) เวบ็ ไซต์สาหรับเผยแพร่ข้อมลู การประชุม การประชุมรฐั สภา ๒) การคน้ หาข้อมลู การประชุม ๓) การทางานผ่าน Smart Device สาหรับเผยแพร่ข้ อ มูล การประชุม ๕. ระบบบริหารการประชุม ๑) ข้อมูลการประชมุ รัฐสภาระหวา่ งประเทศ รฐั สภาระหวา่ งประเทศ ๒) แจ้งความประสงค์เข้าร่วมประชุมรัฐสภาระหว่างประเทศ ๓) จดั ทาบัตรผู้เขา้ ร่วมประชุมรัฐสภาระหว่างประเทศ ๔) ลงทะเบียนเข้าประชุม กลุ่มระบบสารสนเทศบรหิ ารทรัพยากรรัฐสภา ๖. ระบบบันทึกการลงเวลา ๑) งานบันทึกการลงเวลาปฏบิ ตั ิราชการ ปฏบิ ัตริ าชการ ๒) งานประมวลผลเพ่อื ออกรายงานลงเวลาปฏบิ ตั ริ าชการ ๓) งานสว่ นผูด้ แู ลระบบ และข้อมูลหลัก ๗. ระบบบริหารจัดการบัตร ๑) งานแจง้ ขอจัดทาบัตร/ต่ออายบุ ตั ร รฐั สภา ๒) งานจัดทาบัตร ๓) งานบันทกึ ข้อมูลลายนวิ้ มือ ๔) งานจดั ทาบตั ร/อายัดบัตร/บตั รหาย ๕) งานสืบค้นและออกรายงานงานแจ้งขอจัดทาบัตรแสดงตน/ ตอ่ อายุบตั ร ๖) งานจดั ทาบัตรแสดงตน ๗) งานบันทกึ ข้อมูลลายนว้ิ มือ ๘) งานออกบตั ร/อายดั บตั ร/บัตรหาย กลุ่มระบบสารสนเทศบริหารสานักงาน ๘. ระบบจัดการข้อมูลป้าย ๑) งานส่วนผู้ขอใช้บริการขอประชาสมั พันธ์ผ่านระบบป้ายประกาศ ประกาศดจิ ิทัล ดจิ ิทลั ๒) งานสาหรบั ผูด้ แู ลอนุมตั ิการขอประชาสัมพนั ธ์ ๓) งานแจ้งปัญหาการประชาสมั พนั ธ์ผา่ นระบบป้ายประกาศดิจิทัล ๔) งานตรวจสอบผลการขอประชาสมั พนั ธ์ ๕) งานแจ้งเตอื นผู้ดแู ล ผขู้ อใช้ ๖) การทางานรว่ มผา่ น Smart Device ๙. ระบบบริหารจัดการไฟล์ ๑) การจดั เก็บไฟล์เอกสารต่าง ๆ อจั ฉริยะ ๒) การสบื คน้ เอกสาร ๓) การเรียกใช้งานเอกสาร ๔) ประวัติการใช้งานเอกสาร ๕) การใชง้ านผ่าน Smart Device

๒๘ ชอ่ื ระบบ ฟังก์ชัน ๑๐. ระบบศูนย์แลกเปลี่ยน ๑) ขอ้ มลู รา่ งกฎหมาย แลกเปลี่ยนกบั สานักเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี ข้อมลู รัฐสภา และสานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒) ข้อมูลรายงานการประชุม ข้อมูลรายชื่อ สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้บริการกับหน่วยงาน ภายนอก ๒.๒.๔ ระบบการรกั ษาความปลอดภัยของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ กล่มุ กจิ การร่วมค้าสงบ ๑๐๕๑ ได้ทาการออกแบบไว้ มีดงั นี้ ๑) การออกแบบระบบรกั ษาความปลอดภยั อาคารรัฐสภา กลุ่มกิจการร่วมค้าสงบ ๑๐๕๑ ได้ทาการศึกษาระบบรักษาความปลอดภัย ของหน่วยงานราชการในสหรัฐอเมริกา เช่น กระทรวงกลาโหม (DOD) กระทรวงความม่ันคงและ มาตุภูมิ (DHS) California’s Office of Emergency Services Headquarters และสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจาประเทศไทย เป็นต้น เพ่ือนาข้อมูลมาใช้ศึกษาและวิเคราะห์ประเมินความเส่ียงภัยและออกแบบ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ให้มีอุปกรณ์และระบบรักษาความปลอดภัยท่ีมีความเหมาะสม รวมทั้ง คาแนะนาสถาปนิกในการออกแบบด้านกายภาพเพื่อให้ประหยัดเงินลงทุน และคานึงถึงการบริหาร จัดการงานรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการทั้งด้านการวางผัง การติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยี และ กาลังคนที่เหมาะสม การออกแบบครอบคลุมถึงความปลอดภัยต่อบุคคลทุกระดับ ตั้งแต่ประชาชน ข้าราชการ จนถึงผู้บริหารสูงสุดของประเทศ ทรัพย์สิน และสาธารณสถาน ตลอดจนออกแบบอาคาร โดยพิจารณาถึงข้อกาหนดเร่ืองความปลอดภัยของการใช้อาคารโดยอ้างอิงมาตรฐานระดับสากล Life Safety Code เพ่ือรองรับกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้และกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ภายใต้แนวความคิด “บริหารความปลอดภยั อย่างเข้มงวด ภายใต้ความสะดวกสบาย” (๑) การออกแบบดา้ นกายภาพ และการวางผังอาคาร การออกแบบด้านกายภาพ และการวางผังอาคารใชห้ ลักการป้องกัน (Deter) ตรวจสอบ (Detect) หนว่ งเวลา (Delay) ของบริเวณทั้งหมด ทั้งในและนอกอาคารรัฐสภา ดงั นี้ (๑.๑) การควบคุมเข้า-ออก (Access Control) ความปลอดภัยบริเวณ โดยรอบ เน่ืองจากพื้นท่ีโครงการได้พิจารณาแล้วว่าจะไม่ก่อสร้างร้ัวล้อมรอบ จึงจาเป็นต้องออกแบบอุปสรรคในพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้ทั้งคนและยานพาหนะผ่านได้ปกติ ได้แก่ การสร้างคลองรอบบริเวณเป็นส่วนใหญ่ การออกแบบให้มีช่องว่างเพ่ือทาให้เกิดระยะห่างระหว่าง ตัวอาคารกับพ้ืนที่รอบอาคารรัฐสภา และรอบ ๆ ตัวอาคารที่ไม่ใช่เป็นทางเข้า-ออกปกติ จะมีช่องว่าง ทาให้เกิดระยะห่างจากตัวอาคารจากัดจานวนทางเข้า-ออกจากทางสาธารณะที่เข้าสู่พื้นท่ีโครงการและ เขา้ สตู่ ัวอาคาร

๒๙ - เส้นทางเข้า-ออกที่จาเป็นที่ได้ออกแบบให้มีนั้น ได้ออกแบบ ให้ใช้เครื่องป้องกันและบันทึกข้อมูลการผ่านเข้า-ออกของยานพาหนะ และได้แยกเส้นทางเข้าสาหรบั ยานพาหนะของบุคคลภายนอกไว้เฉพาะทั้งสองด้าน คือ ถนนสามเสน และถนนทหาร และออกแบบ ให้เป็นหลุมลึกลงไปจากระดับพื้นที่ใกล้เคียงประมาณ ๑ เมตร เพื่อความปลอดภัยขณะตรวจค้นและ เปน็ การชะลอความเร็วรถได้ - เส้นทางเข้า-ออกสาหรับยานพาหนะ จากถนนสามเสน และ ถนนทหาร จะมีระดับต่ากว่าตัวอาคารรัฐสภาที่ระดับช้ัน ๑ และการเข้าถึงต้องขับยานพาหนะ เลีย้ วออ้ มวงเวียนเพื่อลดความเร็วได้ - ลานประชาชนท่ีมีคนท่ัวไปจานวนมาก ได้ออกแบบให้แยกห่าง ออกไปจากตวั อาคาร และจากดั เส้นทางเขา้ -ออกระหว่างลานประชาชนและตวั อาคารรัฐสภา - รอบ ๆ ตัวอาคารท่ีไม่ใช่เป็นทางเข้า-ออกปกติ ตาแหน่งท่ีเป็น ช่องกระจกประตูหน้าต่างบริเวณช้ันที่ ๑ ท่ีอาจถูกทาลายได้ง่าย ได้ออกแบบให้มีช่องว่างทาให้เกิด ระยะหา่ งถึงตัวอาคารประมาณ ๖ เมตร (๒) การดูแลตรวจตรา (Surveillance) - กาหนดตาแหน่งของประตูและหน้าต่าง ให้มองเหน็ ได้อย่างชดั เจน - ระวังให้มีพ้นื ที่ที่เปน็ จดุ บอดนอ้ ยท่สี ุด - กาหนดโซนสาหรับบริเวณพน้ื ท่ีสาธารณะ และพนื้ ทค่ี วบคุมใหช้ ัดเจน - ภมู ทิ ศั น์ และแนวรั้วตอ้ งหลกี เลีย่ งการบดบงั สายตา และมุมกลอ้ งโทรทัศน์ วงจรปดิ - บริเวณพ้ืนท่ีสาธารณะ (เชน่ หอ้ งน้า) ต้องงา่ ยตอ่ การสังเกตการณ์ - แสงสวา่ งต้องออกแบบให้เป็นธรรมชาติเหมาะสมกับการดแู ลตรวจตรา - มโี คมไฟสอ่ งสว่างชว่ งเวลากลางคืน ให้เพยี งพอตอ่ การบนั ทกึ (๓) ระบบป้องกันระเบิด (Blast Protection) - ระบบโครงสรา้ งไดอ้ อกแบบให้ป้องกันหรอื ชะลอการวบิ ตั ิของอาคาร - ต้านหรือระบายความดันและแรงสั่นสะเทือนของการระเบิดโดยใช้ โครงสรา้ งอาคาร - ใชฟ้ ลิ ์มพิเศษติดกระจกเพือ่ ปอ้ งกันระเบดิ หรอื กระสนุ - หลีกเลยี่ งการประดับตกแต่งภายนอกอาคารท่ีง่ายต่อการแตก/แยก/ร้าว (๔) การป้องกันรังสี ก๊าซชีวภาพ และสารเคมี (Chemical, Biological, Radiological protection) - ให้มีท่อนาเข้าอากาศบริสุทธ์ิมาจากส่วนบนของอาคารหรือจากพ้ืนที่ ควบคุมเพื่อไมใ่ ห้ผไู้ ม่มีหน้าท่ีเกี่ยวข้องเข้าพืน้ ท่ีบรเิ วณท่อนาเข้าอากาศบรสิ ุทธิ์ - แยกพื้นทหี่ ้องพัสดแุ ละไปรษณยี ์ และตดิ ต้งั เครอื่ งมอื ตรวจสอบ

๓๐ (๕) สายไฟฟา้ แรงสูงและสายนาสัญญาณสอ่ื สาร - ให้มีการแยกทางเข้าของสายไฟฟ้าแรงสูง และสายนาสัญญาณส่ือสาร จากรมิ ถนนอยา่ งน้อยสองทางท่ีมีแหล่งจ่ายจากสองแห่งที่เปน็ อิสระต่อกนั โดยตดิ ตง้ั ด้วย Duct Bank ฝ่ังใต้ดิน นอกจากนี้ ยังมีเครื่องกาเนิดไฟฟ้าและการสารองน้ามันในกรณีไฟฟ้าดับนานได้ประมาณ ๑ สปั ดาห์ กรณีระบบจา่ ยไฟฟา้ แรงสูงจากการไฟฟ้านครหลวงล้มเหลว ๒) ด้านการบริหารบุคลากร การออกแบบได้พิจารณาถึงการใช้กาลังคนอย่างมีประสิทธิภาพ และ การทางานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าท่ีตารวจรัฐสภาในหลายสถานการณ์ เชน่ การสนธิกาลังเมื่อเกดิ เหตุฉุกเฉนิ การเฝา้ ระวังในภาวะฉุกเฉิน และตรวจตราในภาวะปกติ รวมทั้ง การทางานของเจ้าหน้าที่ในหลายชว่ งเวลา เชน่ ช่วงเวลาทางานปกติ ช่วงเยน็ หลงั เลกิ งาน ช่วงวนั หยุด สุดสัปดาห์ และช่วงวันหยุดระยะยาว เป็นต้น ครอบคลุมถึงภัยต่าง ๆ เช่น การประท้วง การขู่วางระเบิด การประทุษร้าย การจลาจล ไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน เพื่อให้ง่ายต่อการวางแผน และกาหนดวิธีปฏิบัติ เช่น บริหารเหตุฉุกเฉิน การตรวจตราวัตถุและบุคคลต้องสงสัย การป้องกันอารักขาบุคคลสาคัญ การปอ้ งกันตัวและการจับกุม และการสื่อสารในเหตุการณฉ์ ุกเฉินและภาวะปกติ การตดิ ตั้งเครื่องอ่านบัตร และกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ทาให้สามารถติดตามเหตุการณ์และบุคคลที่เก่ียวข้องได้ ทั้งขณะเกิดเหตุ และติดตามสืบสวนภายหลังการเกิดเหตุ ด้วยการออกแบบได้จัดให้มีศูนย์รักษาความปลอดภัย (Security Command Center) และศูนย์สงั่ การดับเพลิง (Fire Command Center) ไว้รวมกันที่ชั้น ใต้ดิน ๑ ด้วย การกั้นแยกด้วยผนังทนไฟออกจากพื้นที่ข้างเคียงด้วยอัตราการทนไฟ ๒ ช่ัวโมง หากสถานการณ์เกิดลุกลามจนเป็นอันตรายต่อการทางานของเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอด ภัย และผู้ปฏิบัติงานในศูนยฯ์ ก็กาหนดให้มีท่ีต้ังของศูนย์ สามารถอพยพหนีออกจากศูนย์ฯ และออกจาก ชั้นใต้ดินได้หลายเส้นทางและปลอดภัย ในศูนย์ฯ เป็นท่ีตั้งอุปกรณ์ควบคุมระบบฉุกเฉินทั้งหมดของ อาคาร ห้องทางานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และตารวจของรัฐสภา และมีห้องประชุม สาหรับบริหารเหตุฉุกเฉิน (War Room) ท่ีสามารถติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานช่วยเหลือจากภายนอก ได้สะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ ได้จัดเตรียมห้องรักษาความปลอดภัยย่อย (Monitor Room) อีกจานวน ๔ ห้อง บนชั้นท่ี ๑ โดยการแบ่งโซนพื้นท่ีรับผิดชอบและทาให้สามารถแก้ไขเหตุการณ์ ฉุกเฉินที่เกิดข้ึนได้อย่างรวดเร็ว โดยได้ติดต้ังแผงแสดงผลเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ในห้องดังกล่าวด้วย การออกแบบได้กาหนดให้มีห้องเคร่ืองสาหรับอุปกรณ์ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นการเฉพาะ เพื่อป้องกันช่างเทคนิคหรือผู้ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงอุปกรณ์และระบบได้โดยง่าย และมีความสะดวก ในการดูแลรกั ษาและงานซอ่ มบารุง ๓) ดา้ นเทคโนโลยี จัดให้มีศูนย์รักษาความปลอดภัย (Security Command Center) และ ศูนย์สั่งการดับเพลิง (Fire Command Center) ได้ออกแบบให้รวมกันอยู่เป็นศูนย์เดียวกัน เพื่อการใช้กาลังคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในศูนย์มีอุปกรณ์และระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย ควบคุมการทางานด้วยซอฟแวร์ท่ีมีขีดความสามารถในการจัดการข้อมูล บันทึก แสดงผล และ ควบคุมอุปกรณ์ ระบบอุปกรณ์ออกแบบให้ติดตั้งตามพ้ืนท่ีเสี่ยงภัย เพ่ือการตรวจตรา การควบคุม

๓๑ และการป้องกนั เช่น ประตูหนีไฟทางข้ึนมาจากชน้ั ใต้ดิน ทางเขา้ – ออก บรเิ วณโถงลิฟต์ ช่องทางเดนิ ทีจ่ อดรถ และหอ้ งที่มีความสาคญั เช่น บรเิ วณทางเข้าห้องทางานผบู้ ริหาร ห้องเคร่ือง ศนู ยค์ อมพิวเตอร์ หอ้ งมนั่ คง เปน็ ต้น การออกแบบได้จัดให้มีระบบรักษาความปลอดภัยสาหรับยานพาหนะ ภายหลังการแลกบตั รประชาชนหรอื ตรวจสอบบคุ คลแล้ว โดยแบ่งได้ ดังน้ี (๑) การตรวจสอบรถก่อนเขา้ อาคาร (๑.๑) ตรวจวตั ถุตอ้ งสงสยั สาหรบั รถบคุ คลภายนอก - รถขับผา่ นเครื่องตรวจตราใตท้ ้องรถ - ให้แสดงบัตรต่อเครื่องอ่านบัตร เพื่อเปิดไม้กั้น (Arm Gate) และกลอ้ งโทรทศั น์บันทึกภาพ - คนขับรถ และหมายเลขทะเบียนรถ - ให้นารถเข้าสู่ช่องตรวจค้นรถใน Sunken ทั้งคันภายในพ้ืนที่ ควบคุมและอาจใชก้ ระจกโคง้ - ส่องตรวจกรณจี าเป็น - หากตรวจประมวลผลการตรวจวัตถุต้องสงสัยในรถแล้วผ่าน ให้นารถเขา้ สู่เส้นทางชนั้ จอดรถใตด้ นิ (๑.๒) ตรวจวตั ถุตอ้ งสงสัยใตท้ อ้ งรถสาหรับขา้ ราชการ ส.ส. และ ส.ว. - รถขับผ่านเคร่ืองตรวจตราใต้ท้องรถหรืออาจใช้กระจกโค้ง ส่องตรวจกรณีจาเปน็ - แสดงบัตรต่อเคร่ืองอ่านบัตร เพื่อเปิดไม้ก้ัน (Arm Gate) และ กล้องโทรทศั นบ์ นั ทกึ ภาพ - คนขบั รถ และหมายเลขทะเบียนรถ - หากตรวจประมวลผลการตรวจวตั ถุต้องสงสัยใต้ทอ้ งรถแล้วผ่าน ให้รถผ่านเขา้ สู่เส้นทางชน้ั จอดรถใต้ดิน หมายเหตุ - ในช่องทางเข้าน้ีถัดเข้าไปประมาณ ๑๐ เมตร ได้ออกแบบให้มีเครื่องกีดขวางรถยนต์ (Non-penetrable Barrier) ป้องกันการขับรถแบบระเบิดพลีชีพ สงั่ ใหท้ างานโดยเจา้ หน้าทท่ี ่ีป้อมยามรักษาการณ์เม่ือพบยานพาหนะท่ตี ้องการฝ่าฝนื การตรวจค้น (๑.๓) ป้อมรักษาการณ์ - ออกแบบให้กะทัดรัด เป็นป้อมขนาดเล็กท่ีมองเห็นได้เกือบ ๓๖๐ องศา - มีจอแสดงภาพและผลการตรวจจากระบบกล้องถ่ายภาพ ใต้ทอ้ งรถ - มีระบบควบคุมสาหรับการบริหารจัดการบุคคลภายนอก (Visitor Management System)และจอแสดงผลประวตั ขิ อ้ มูลของคนขับและยานพาหนะ - มีระบบควบคมุ การเปิด-ปดิ ไม้ก้ัน (Arm Gate) - มีระบบควบคมุ การเปดิ -ปิดประตู

๓๒ (๑.๔) ช่องทางออก - มีเครื่องกีดขวางรถยนต์ (Non-penetrable Barrier) ป้องกัน การขับรถแบบระเบดิ พลีชพี - มีเคร่ืองอ่านบัตรให้แสดงบัตรต่อเครื่องอ่าน บุคคลภายนอก ใหค้ นื บตั ร แล้วไมก้ น้ั จึงเปิดออกเพ่อื ออกจากรัฐสภาได้ (๒) ระบบรกั ษาความปลอดภัยภายนอกอาคาร เน่ืองจากพื้นที่ดินของรัฐสภาไม่มีรั้วหรือกาแพงด้านหน้าถนนสามเสน และด้านถนนทหาร ซ่ึงเป็นแนวความคิดด้านงานสถาปัตยกรรม เพ่ือความสง่างามและทาให้เกิด ความรู้สึกถึงความใกล้ชิดกับประชาชน นอกจากการออกแบบให้มีอุปสรรคในการเข้าถึงในตาแหน่ง ที่ไม่สามารถควบคุมตรวจตราได้ตลอดเวลา เช่น คลอง พ้ืนที่ต่างระดับ จึงออกแบบให้มีอุปกรณ์ระบบ รักษาความปลอดภัยเพ่มิ เพ่ือให้การรกั ษาความปลอดภยั มคี วามสมบรู ณ์ขน้ึ ดงั นี้ (๒.๑) มีกล้องโทรทัศน์แบบ PAN/TILT/ZOOM ติดตั้งบนเสาสูงท่ัวบริเวณ จุดท่ไี กลและไมส่ ะดวกตอ่ การตรวจตรา เพ่ือการตรวจตราและบันทกึ ภาพ (๒.๒) ระบบตรวจจับการบุกรุกรอบบริเวณ (Perimeter Intrusion Detection System) เป็นเสมือนรว้ั ทม่ี องไมเ่ ห็น ได้ออกแบบอุปกรณต์ รวจจบั แบบฝังใต้ผวิ ดนิ และบน กาแพงรั้ว เพ่ือตรวจจับการเคลื่อนไหวบริเวณที่มีความเสี่ยงสูงและเป็นช่องทางที่สามารถเข้าสู่ ตัวอาคารไดง้ ่าย และให้ทางานรว่ มกับกลอ้ งโทรทัศนว์ งจรปดิ (๒.๓) มีเครื่องกีดขวางรถยนต์ (Non-penetrable Barrier) หรือเสาปิด กั้นถนน (Bollard) ตดิ ตั้งตรงทางเขา้ ประตูดา้ นหนา้ ของรัฐสภา (๓) ระบบรกั ษาความปลอดภยั ภายในอาคารทจ่ี อดรถใตด้ ิน (๓.๑) มีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ตามเส้นทางที่มองเห็นหน้า รถยนตใ์ นตาแหน่งท่สี าคญั เพือ่ บันทกึ ภาพหนา้ รถยนตจ์ ะทาให้เห็นท้ังคนขับและหมายเลขทะเบียนรถ (๓.๒) มีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตามประตูห้องเมนเคร่ืองไฟฟ้า หอ้ งเคร่อื งสูบน้าประปาและดบั เพลิง ห้องเคร่ืองปรบั อากาศ (๓.๓) ระบบการแจ้งเตือนเม่ือมีการใช้ประตูหนีไฟ สาหรับประตูหนีไฟ ต่าง ๆ และระบบควบคุมการเข้า–ออก (Access Control) ใช้สาหรับเจ้าหน้าที่ประจา ส่วนบุคคลภายนอก จะควบคุมให้เข้าออกได้เฉพาะทางเท่าน้ัน เพ่ือทาการตรวจสอบบุคคลอีกครั้งก่อนเข้าสู่ภายในบริเวณ ทท่ี าการรฐั สภา (๓.๔) มีระบบส่ือสารแบบสองทางฉุกเฉิน (Two-way Communication System) เพ่ือใชต้ ดิ ต่อสื่อสารกบั ศูนย์รักษาความปลอดภัยไดโ้ ดยตรงและรวดเรว็ กรณเี กิดเหตุฉุกเฉิน ภายในบริเวณจอดรถ (๓.๕) ออกแบบโครงสร้างอาคารเพ่ือป้องกันการถล่มของอาคาร แบบเสาพงั ทลายตอ่ เน่ืองกัน (Progressive Collapse) โดยการเสรมิ โครงสร้างเสาและใช้ฟลิ ์มป้องกัน แรงระเบิดติดตั้งท่ีผนังและประตูกระจกที่ก้ันแยกระหว่างที่จอดรถกับห้องประชุมสัมมนา และห้อง อาคาร เพ่ือลดความเสียหายและการบาดเจ็บ รวมทง้ั วธิ กี ารระบายความดันจากแรงระเบิดออกจากพ้ืนท่ี เกิดเหตุ

๓๓ (๔) ระบบรักษาความปลอดภยั ภายในอาคาร (๔.๑) จัดให้มีระบบรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการ (Integrated Security System) ก. อุปกรณ์ควบคุมระบบการเข้า-ออก (Access Control) ออกแบบ ตดิ ตงั้ ตามบริเวณตา่ ง ๆ ดงั น้ี - ทางเข้า-ออกระหว่างพื้นที่ท่ัวไปกับสานักงาน พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด หอเกียรตปิ ระวัติ - ทางเขา้ -ออกระหว่างพื้นที่สาธารณะกบั พ้นื ทีไ่ มส่ าธารณะ - ทางเขา้ -ออกระหวา่ งสานกั งานกบั สานักงาน - ทางเข้า-ออกระหวา่ งสานกั งานกับห้องมน่ั คง - ประตูเขา้ -ออกบันไดหนีไฟแตล่ ะชั้น - ทางเข้า-ออกของโถงลิฟตโ์ ดยสาร และลฟิ ต์บริการ ข. ระบบป้องกันการบกุ รุก ออกแบบติดตงั้ ตามบรเิ วณ ดังนี้ - ห้องมนั่ คง - หอเกียรตยิ ศ - ห้องสมดุ - พพิ ธิ ภณั ฑ์ ค. ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ออกแบบติดตั้งตามบริเวณ ดังนี้ - เส้นทางเดินภายในอาคาร - โถงลิฟต์โดยสาร และลฟิ ต์บริการ - หนา้ ประตูทางเข้าบนั ไดหนีไฟ - หน้าประตทู างเข้าหอ้ งเครือ่ งหลกั ชนั้ ใต้ดิน - ทางเข้า-ออกห้องประชมุ ใหญ่ สส. และ สว. (๔.๒) จัดให้มีเคร่ืองตรวจจับโลหะแบบเอ็กซ์เรย์ (X-Ray Machine) สาหรับกระเป๋าหรือสัมภาระ เครื่องตรวจจับโลหะในตัวบุคคลแบบเดินผ่านตามจุดทางเข้าของอาคาร และฟิลม์ กันแรงระเบิดบานกระจกท่ีสาคัญ (๔.๓) จัดให้มีศูนย์รักษาความปลอดภัยรวมท่ีชั้นใต้ดิน ๑ เพื่อการ บริหารเหตฉุ ุกเฉินและเฝา้ ระวงั อย่างมปี ระสิทธภิ าพ (๕) บูรณาการงานระบบรกั ษาความปลอดภัย การออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการ หมายถึง การใช้ ทรัพยากรท่ีมีอยู่ทั้งอปุ กรณจ์ ากทกุ ระบบประกอบอาคาร กาลงั คน และขีดความสามารถของซอฟแวร์ อย่างเต็มท่ี การออกแบบได้กาหนดให้จัดหาโปรแกรมสาเร็จรูปเพื่อการบริหารจัดการรักษาความ ปลอดภัย (Security Management System) เพื่อให้เกิดการทางานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพท้ัง Visitor Management System, Video Management System, Access Control System และ Intrusion Detection and Alarm System ระบบอุปกรณ์ทั้งหมดได้ออกแบบให้วางบนเครือข่าย

๓๔ ของสายไฟเบอร์ออปติค (Fiber Optic) ที่ได้แยกเป็นอิสระจากระบบสื่อสารอ่ืน ๆ ภายในอาคาร ตั้งแต่ Core Switch, Distribution Switch และ Access Switch ได้กาหนดให้ติดต้ังในห้องควบคุมสาหรับ ระบบรักษาความปลอดภยั โดยเฉพาะ โดยอุปกรณ์หลกั ท้งั หมดและฐานขอ้ มูลท่ีมีความสาคัญจะติดต้ัง ในศูนย์รักษาความปลอดภัยท่ีชั้นใต้ดิน ๑ ระบบอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัย ที่ได้รับการพิสูจน์ด้วยการใช้งานจริงจนเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะขีดความสามารถของกล้องโทรทัศน์ วงจรปิด สามารถตรวจจับภาพเคลื่อนไหว (Motion detection) ได้ รวมทั้งสามารถรองรับการเพ่ิม ขีดความสามารถในการทา Video Analytic ได้สาหรับกล้องบางชุดที่ติดตั้งในบริเวณที่สาคัญในอนาคต ได้ ทัง้ น้ี การบูรณาการระบบรกั ษาความปลอดภัยมกี ารทางาน มีดงั น้ี (๕.๑) เมื่ออุปกรณ์ตรวจจับการบุกรุกทางาน หรือมีการเปิด-ปิดประตู ท่ีมีการควบคุมการเข้า-ออก หรือมีการเคลื่อนไหว ภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่กาหนดในบริเวณนน้ั จะถูกบันทึกด้วยความละเอียดของภาพมากข้ึนและทาการแสดงภาพและเสียงเตือนบนจอแสดงภาพ ในศูนย์รกั ษาความปลอดภัยทนั ที (๕.๒) การแสดงผลขอ้ มูลภาพแบบ Real Time หรอื ย้อนหลัง เพือ่ เรียก ข้อมูลประวัติของเจ้าหน้าที่ รูปภาพ ทะเบียนรถได้ทันที เม่ือมีการแสดงตนที่เครื่องอ่านบัตรเครื่องใด เครอื่ งหน่งึ หรอื เม่ือต้องการข้อมลู โดยการแสดงผลหรือรายงานได้ตามทกี่ าหนด (๕.๓) เม่ือเกิดเพลิงไหม้และได้รับสัญญาณจากระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ระบบควบคุมการเข้า-ออกในโซนนั้น ๆ และโซนใกลเ้ คยี งหรือทุกโซน จะทาการปลดลอ็ กประตเู พ่ือให้ หนีไฟได้สะดวก และกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณน้ัน ๆ จะแสดงภาพบนจอแสดงภาพในศูนย์รักษา ความปลอดภัยทนั ที (๕.๔) บัตรประจาตัวใช้เทคโนโลยี RFID ได้ออกแบบให้เป็น Proximity Smart Card สามารถบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลและใช้งานแสดงตน ตั้งแต่การควบคุมการเข้าออก อาคาร การเข้าออกพ้ืนท่ีควบคุม การโหวตออกเสียงการลงคะแนน การยืมหนังสือจากห้องสมุด และ กจิ กรรมอื่น ๆ ในอาคารไดใ้ นบัตรเดียวกัน (๕.๕) ซอฟแวร์สามารถปรับต้ังโปรแกรมไว้ล่วงหน้าได้ ทาให้ระดับความ เข้มงวดของการรักษาความปลอดภัยไม่เทา่ กันในแต่ละช่วงเวลาหรือในแต่ละวัน เช่น ช่วงเวลาทางาน ปกติช่วงเวลาเลกิ งาน ชว่ งเวลาในวนั หยดุ ชว่ งเวลาวนั หยดุ ยาว และช่วงเวลาเกิดเหตฉุ กุ เฉิน ๒.๒.๕ ระบบ Green Building ของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ แนวคิดในการออกแบบระบบ Green Building กลุ่มกิจการร่วมค้าสงบ ๑๐๕๑ (ผู้ออกแบบ) ซึ่งประกอบด้วยบริษัทสถาปนิก ๕ บริษัท และบริษัทออกแบบ จานวน ๒๑ บริษัท รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิและเช่ียวชาญในสาขาต่าง ๆ จะต้องทาการออกแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ ตามยุทธศาสตร์และขอบเขต การจ้างงาน (TOR) ซ่งึ กาหนดให้ต้องออกแบบเปน็ อาคารสถาปัตยกรรมเขยี ว (Green Architecture) และการพัฒนาท่ีย่ังยืน (Sustainable Development) ผู้ออกแบบจึงได้กาหนดเป้าหมายในการ ออกแบบให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานได้ประมาณร้อยละ ๕๐ ตามตัวอย่างการออกแบบ ของกระทรวงพลังงานได้เคยออกแบบไว้ และมีดรรชนีการใช้พลังงานไม่เกิน ๑๐๐ กิโลวัตต์ชั่วโมง

๓๕ ต่อตารางเมตรต่อปี ซึ่งเป็นการคานวณตามภาวะปกติของการใช้พลังงาน วันละประมาณ ๙ - ๑๐ ช่ัวโมง แต่ยังไม่ครอบคลุมกรณีมีการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยมีเป้าหมายและ ผลลัพธ์ คือ เป็นอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อมระดับดีเด่น ตามเกณฑ์ ท่ีกระทรวงพลังงานกาหนดซ่ึงหากเทียบเคียงกับมาตรฐาน U.S. Green Building Council อยู่ใน ระดับโกลด์ (Gold) ยุทธศาสตรใ์ นการออกแบบ (Design Strategies) เพื่อมุง่ ไปสู่ Green Building และ การพฒั นาที่ย่งั ยืน มีดงั น้ี ๑. การพัฒนาสถานที่ตั้งเพื่อความย่ังยืน (Sustainable Site and Development) ประกอบดว้ ย - Preserve Top Soil - Balance Cut and Fill - Preserve Existing Trees - Maximize Open Space - Heat Island Effect/ Increase Green Area - Storm Water Design - Water Efficient Landscaping - Alternative Transportation - Light Pollution Reduction - Construction Activity Pollution Reduction ๒. การอนรุ ักษพ์ ลงั งาน ประกอบด้วย - Energy Conservation - Microclimate Modification - Building Shading by Trees - Wind Barrier to Reduce Infiltration - Reduce Hardscape - Self Shading - Court - OTTV ต่ากวา่ ๒๕ w/sq.m. - RTTV ตา่ กวา่ ๕ w/sq.m. - Natural Ventilation - Daylighting - Low LPD ๓. วัสดุและทรพั ยากร (Materials and Resource) ประกอบด้วย - Regional Materials - Construction Waste Management - Low Embodied Energy Materials

๓๖ ประกอบด้วย - Recycle Materials - Low Maintenance ๔. น้า (Water Efficiency) ประกอบดว้ ย - Water Use reduction - Water Recycle - Rain Water Storage - Waste Water Technology - Water Efficient Landscaping ๕. คุณภาพของสภาพแวดล้อมภายในอาคาร (Indoor Environment Quality) - Low-Emitting Materials - Indoor Chemical & Pollutant Source Control - Thermal Comfort - Daylight and Visual Comfort - View - Background Noise Control ๒.๓ กฎหมาย และแผนที่เก่ียวข้อง ๒.๓.๑ พระราชบัญญตั กิ ารรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ปัจจุบันการให้บริการหรือการประยุกต์ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โครงข่ายโทรคมนาคม หรือการให้บริการโดยปกติของดาวเทียมมีความเส่ียงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ อันอาจกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังน้ัน เพื่อให้สามารถ ป้องกนั หรือรบั มอื กบั ภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อยา่ งทนั ท่วงที จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติการรักษา ความม่ันคงปลอดภยั ไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้นึ การรกั ษาความม่นั คงปลอดภยั ไซเบอร์ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นกฎหมาย ที่ตราขึ้นเพ่ือให้ประเทศไทยมีมาตรการป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความม่ันคงทางทหาร และความสงบ เรียบร้อยภายในประเทศ ซึ่งเป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ บัญญัติว่า “การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคล ต้องเปน็ ไปตามเงื่อนไขที่บัญญัตไิ ว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณที ี่รฐั ธรรมนญู มิได้บัญญตั เิ งื่อนไขไว้ กฎหมาย ดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิม่ ภาระหรือจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกนิ สมควรแก่เหตุ และจะกระทบต่อศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลมิได้ รวมท้ังต้องระบุเหตุผลความจาเป็นในการ จากดั สิทธแิ ละเสรภี าพไว้ดว้ ย

๓๗ กฎหมายตามวรรคหนึ่ง ต้องมีผลใช้บังคับเป็นการท่ัวไป ไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับ แกก่ รณใี ด กรณีหน่ึงหรอื แกบ่ ุคคลใดบคุ คลหนึ่งเปน็ การเจาะจง” พระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสาคัญคือ กาหนดแนวทางในการจัดการ การป้องกัน การรับมือ และการลดความเสี่ยงทางไซเบอร์ มีการประสานความร่วมมือระหว่างผู้เก่ียวข้อง พัฒนา ความรคู้ วามสามารถของบุคคลากรและผเู้ ชยี่ วชาญ รวมถึงการให้ความร้แู ละความตระหนักถึงภยั ไซเบอร์ และมคี ณะกรรมการทีเ่ ก่ียวขอ้ ง ไดแ้ ก่ ๑. คณะกรรมการการรักษาความม่ันคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือ กมช. (National Cyber Security Committee : NCSC) ซ่ึงมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีหน้าที่เสนอ นโยบาย จัดทาแผนแม่บท กาหนดมาตรฐานและแนวทางส่งเสริม พัฒนา ยกระดับทักษะความรู้ของ เจ้าหน้าท่ี ประสานงานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมไปถึงการติดตามและประเมินผลการ ปฏิบตั ิตามนโยบายทีไ่ ด้ถกู กาหนดแลว้ ๒. คณะกรรมการกากับดูแลด้านความม่ันคงปลอดภัยไซเบอร์ หรือ กกม. ซ่ึงมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นประธาน มีหน้าที่ดาเนินการตามนโยบาย และแผนว่าด้วยการรักษาความม่ันคงปลอดภัยไซเบอร์ ดูแลและดาเนินการรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ กากับดูแลการดาเนินงานเพ่ือเป็นศูนย์กลางการประสานงานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบ คอมพิวเตอร์แห่งชาติ (ThaiCERT) และการเผชิญเหตุและนิติวิทยาศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ กาหนด ประมวลแนวทางปฏิบัติและกรอบมาตรฐานด้านการรักษาความม่ันคงปลอดภัยไซเบอร์ สาหรับหน่วยงาน ของรัฐและหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสาคัญทางสารสนเทศ ประสานงานและใหค้ วามร่วมมือในการ จัดต้ังหน่วยงานเฝ้าระวังภยั คุกคามทางไซเบอร์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ และร่วมประสานงาน กับหน่วยงานอื่น ๆ ในการกาหนดกรอบความรว่ มมือท่ีเกี่ยวข้อง กาหนดระดับภัยคุกคามทางไซเบอร์ พรอ้ มรายละเอยี ดของมาตรการป้องกนั รบั มอื ประเมนิ ปราบปราม และระงบั ภยั คุกคามทางไซเบอร์ ในแตล่ ะระดบั ๓. คณะกรรมการบริหารสานักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ไซเบอร์ หรอื กบส. ซึง่ มรี ัฐมนตรีว่าการกระทรวงดจิ ิทลั เพื่อเศรษฐกิจและสังคมเปน็ ประธาน ทาหน้าท่ี ดแู ลงานดา้ นการบริหารงานท่ัวไป คณะกรรมการทั้งสามคณะจะทาหน้าท่ีดูแลโครงสร้างพ้ืนฐานสาคัญทาง สารสนเทศ ๘ ด้าน ตามทกี่ าหนดไว้ในมาตรา ๔๙ ไดแ้ ก่ ๑) ดา้ นความม่นั คง ๒) ด้านการเงนิ ๓) ดา้ นการขนส่งและโลจิสตกิ ส์ ๔) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม ๕) ดา้ นพลังงานและสาธารณูปโภค ๖) ดา้ นบรกิ ารภาครฐั ทส่ี าคัญ ๗) ด้านสาธารณสขุ ๘) ดา้ นอืน่ ตามท่ีคณะกรรมการประกาศกาหนดเพ่ิมเติม

๓๘ การรับมอื กับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ในกรณีที่เกิดหรือคาดว่าจะเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อระบบสารสนเทศซ่ึงอยู่ใน ความดูแลรับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสาคัญทางสารสนเทศใด ใหห้ น่วยงานนนั้ ดาเนินการตรวจสอบข้อมูลที่เกยี่ วข้องกับข้อมลู คอมพวิ เตอร์และระบบคอมพวิ เตอร์ ของหน่วยงานน้ัน รวมถึงพฤติการณ์แวดล้อมของตน เพ่ือประเมินว่ามีภัยคุกคามทางไซเบอร์เกิดขน้ึ หรือไม่ หากผลการตรวจสอบปรากฏวา่ เกดิ หรือคาดว่าจะเกิดภัยคกุ คามทางไซเบอร์ข้ึนใหด้ าเนินการ ป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ตามแนวปฏิบัติด้านการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ของหน่วยงานนน้ั และแจ้งไปยงั สานกั งานและหนว่ ยงานควบคมุ หรอื กากับดูแลของ ตนโดยเร็ว ทั้งนี้ เม่ือปรากฏแก่หน่วยงานควบคุมหรือกากับดูแล หรือเม่ือหน่วยงานควบคุมหรือ กากับดูแลได้รับแจ้งเหตุ ให้หน่วยงานควบคุมหรือกากับดูแลร่วมกับหน่วยงานซึ่งทาหน้าท่ีเป็นศูนย์ ประสานงานเพ่ือความมั่นคงและความปลอดภัยทางไซเบอร์ (CSA) และหรือศูนย์ปฏิบัติการไซเบอร์เพ่ือ เฝ้าระวังภัยคุกคาม (CERT) รวบรวมขอ้ มูล ตรวจสอบ วิเคราะห์สถานการณ์ และประเมินผลกระทบ เก่ียวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพ่ือสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงานของรัฐหรือ หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสาคัญทางสารสนเทศที่อยู่ในการควบคุมหรือกากับดูแลของตน และ ให้ความร่วมมอื และประสานงานกบั สานกั งานในการป้องกัน รบั มอื และลดความเส่ยี งจากภยั คุกคาม ทางไซเบอร์และแจ้งเตือนหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานโครงสร้างพ้ืนฐานสาคัญทางสารสนเทศ ที่อยู่ในการควบคุมหรือกากับดูแลของตน รวมท้ังหน่วยงานควบคุมหรือกากับดูแลหน่วยงานของรัฐ หรือหนว่ ยงานโครงสร้างพน้ื ฐานสาคัญทางสารสนเทศอืน่ ท่เี ก่ียวข้องโดยเร็ว ลกั ษณะของภยั คุกคามทางไซเบอร์ แบง่ ออกเปน็ สามระดับ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ระดับไม่ร้ายแรง หมายถึง ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับที่อาจก่อให้เกิดความ เสียหาย แต่ยังไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อบุคคล ทรัพย์สิน หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องท่ีสาคัญในระดับ ร้ายแรง หรือเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีความเสี่ยงทาให้ระบบคอมพิวเตอร์หรือการให้บริการ ด้อยประสิทธภิ าพลง (๒) ระดบั ร้ายแรง หมายถงึ ภัยคกุ คามในระดับรา้ ยแรงที่มีลกั ษณะดังตอ่ ไปน้ี (ก) เป็นภัยคุกคามท่ีก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะทาให้เกิดความเสียหาย ต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลอื่นท่ีเก่ียวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือ การใหบ้ รกิ ารของโครงสรา้ งพ้นื ฐานสาคัญทางสารสนเทศ (ข) เป็นภัยคุกคามที่ก่อให้เกิดความเส่ียงภัยจนอาจทาให้คอมพิวเตอร์ระบบ คอมพิวเตอร์ที่ให้บริการของโครงสร้างพ้ืนฐานสาคัญทางสารสนเทศท่ีเกี่ยวข้องกับภัยคุกคาม ต่อความมั่นคงของรฐั การปอ้ งกันประเทศ ความสัมพันธ์ระหวา่ งประเทศ เศรษฐกจิ การสาธารณสุข ความปลอดภัยสาธารณะ หรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน ถูกแทรกแซงอย่างมีนัยสาคัญหรอื ถูกระงบั การทางาน (ค) เป็นภัยคุกคามที่มีความรุนแรงท่ีก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเส่ียงภัยหรือ ความเสียหายต่อบุคคล หรือต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลอ่ืนที่เก่ียวข้อง กบั ระบบคอมพวิ เตอรท์ ส่ี าคญั หรือมจี านวนมาก

๓๙ (๓) ระดับวิกฤต หมายถึง ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับวิกฤตที่มีลักษณะ ดังตอ่ ไปน้ี (ก) เป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์หรือเหตุการณ์ที่เก่ียวข้องกับความมั่นคงปลอดภัย ไซเบอร์ที่ฉุกเฉิน เร่งด่วน ที่ใกล้จะเกิดและส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานสาคัญทางสารสนเทศ สาธารณปู โภคขน้ั พนื้ ฐาน ความม่ันคงของรฐั หรอื ชวี ติ ความเปน็ อยูข่ องประชาชน (ข) เปน็ ภยั คุกคามทางไซเบอร์ที่ฉุกเฉิน เร่งด่วน ทีใ่ กลจ้ ะเกิดอนั อาจเป็นผลให้ บุคคลจานวนมากเสียชีวิต หรือระบบคอมพิวเตอร์จานวนมากถูกทาลายในวงกว้างในระดับประเทศ (ค) เป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์อันกระทบหรืออาจกระทบต่อความสงบ เรียบร้อยของประชาชนหรือเป็นภยั ต่อความม่ันคงของรฐั หรืออาจทาให้ประเทศหรือส่วนใดส่วนหน่งึ ของประเทศตกอยู่ในภาวะคับขันหรือมีการกระทาความผิดเก่ียวกับการก่อการร้ายตามประมวล กฎหมายอาญา การรบหรือการสงคราม ซ่ึงจาเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาไว้ซ่ึงการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เอกราชและบูรณภาพแห่งอาณาเขต ผลประโยชน์ของชาติ การปฏิบัติตามกฎหมาย ความปลอดภัย ของประชาชน การดารงชวี ิตโดยปกติสขุ ของประชาชน การคุม้ ครองสทิ ธิเสรภี าพ ความสงบเรยี บร้อย หรือประโยชน์ส่วนรวม หรือการป้องปัดหรือแก้ไขเยียวยาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะอันมีมา อยา่ งฉุกเฉินและรา้ ยแรง พระราชบัญญัติการรักษาความมน่ั คงปลอดภัยไซเบอร์ ใหอ้ านาจเจา้ หน้าท่ีรัฐในการ ตรวจสอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้ที่อาจมีข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามด้วย พร้อมทั้งมีการกาหนด บทลงโทษผูท้ ่ีฝา่ ฝืนหรือไม่ให้ความร่วมมือ โดยมที ัง้ โทษปรบั และจาคุก ในขณะเดียวกัน กม็ ีบทลงโทษ หน่วยงานโครงสร้างพ้ืนฐานสาคัญทางสารสนเทศที่ย่อหย่อนในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย เช่น หาก หน่วยงานฯ ละเลยไม่รายงานเหตุภัยคุกคามโดยไม่มีเหตุอันควร มีโทษปรับไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นต้น ทั้งนี้ ในเชิงปฏิบัติสาหรับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์นั้น ไม่เพียงแต่เฉพาะ หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสาคัญทางสารสนเทศเท่านั้นท่ีจะต้องตระหนักและปฏิบัติตามแนวทาง ท่ีคณะกรรมการกาหนด แต่เป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่ต้องช่วยกันเฝ้าระวังภัย ให้ข้อมูลที่เป็น ประโยชน์ช่วยอานวยความสะดวกต่อการทางานของรัฐ รวมถึงให้เบาะแสเพ่ือการป้องกันแก้ไข อย่างทันท่วงทีและเป็นการปิดช่องโหว่ท่ีอาจส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ บา้ นเมอื ง ศูนย์ประสานการรักษาความม่ันคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย (Thailand Computer Emergency Response Team : ThaiCERT) ศูนย์ประสานการรักษาความม่ันคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย หรือ ไทยเซิร์ต (ThaiCERT) จัดต้ังข้ึนในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ (ชื่อเดิม ศูนย์ประสานงานรักษาความปลอดภัย คอมพวิ เตอร์ ประเทศไทย) โดยศูนยเ์ ทคโนโลยีอิเลก็ ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ภายใตส้ ังกัดของ สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในปัจจุบัน ภารกจิ ของไทยเซริ ์ตถูกโอนย้ายมาสังกัดอยู่ภายใต้ สานักงานพฒั นาธรุ กรรมอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) และ เปลีย่ นช่ือเปน็ “ศนู ยป์ ระสานการรักษาความม่ันคงปลอดภยั ระบบคอมพิวเตอรป์ ระเทศไทย”

๔๐ ThaiCERT มีภาระหน้าท่ีหลักเพ่ือตอบสนองและจัดการกับเหตุการณ์ความมั่นคง ปลอดภัยคอมพิวเตอร์ (Incident Response) และให้การสนับสนุนท่ีจาเป็นและคาแนะนาในการ แก้ไขภัยคุกคามความม่ันคงปลอดภัยทางด้านคอมพิวเตอร์ รวมทั้งติดตามและเผยแพร่ข่าวสารและ เหตุการณ์ทางด้านความม่ันคงปลอดภัยทางด้านคอมพิวเตอร์ต่อสาธารณชน ตลอดจนทาการศึกษา และพฒั นาเคร่ืองมือและแนวทางต่าง ๆ ในการปฏบิ ตั ิเพ่ือเพิ่มความม่ันคงปลอดภยั ในการใช้คอมพิวเตอร์ และเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ต ในฐานะที่เป็นสมาชิกขององค์กรด้านการรักษาความม่ันคงปลอดภัยคอมพิวเตอ ร์ ทั้งในระดับภูมิภาค (APCERT/Asia Pacific Computer Emergency Response Team) และระดับ สากล (FIRST/Forum of Incident Response and Security Teams) ไทยเซริ ต์ จงึ มบี ทบาทในการ ประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างประเทศท่ีเป็นสมาชิกขององค์กรเหล่านี้กับหน่วยงานในประเทศ ทั้งภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย ผู้ให้บริการอินเทอรเ์ น็ต หรือผู้เก่ียวข้องในการตอบสนองและจดั การ กับเหตุการณค์ วามมัน่ คงปลอดภัยทไ่ี ดร้ ับแจง้ รูปแบบภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์ (สานักเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร สานกั งานเลขาธิการวฒุ สิ ภา, ๒๕๖๓) ๑. มลั แวร์ (Malware) คอื ความไมป่ กติทางโปรแกรม ทสี่ ญู เสยี C (Confidentiality) I (Integrity) และ A (Availability) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมด สูญเสียความลับทางข้อมูล สูญเสีย ความไม่เปลี่ยนแปลงของขอ้ มลู สูญเสยี เสถยี รภาพของระบบปฏบิ ัติการ ๒. ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) เป็นซอฟต์แวร์ประเภทที่มีเจตนาร้ายแฝง เข้ามาในระบบคอมพวิ เตอรโ์ ดยจะตรวจพบไดย้ าก ๓. หนอนคอมพิวเตอร์(Computer worm) หนอนคอมพิวเตอร์จะแพร่กระจายโดย ไม่ผ่านการใช้งานของผูใ้ ช้ โดยมันจะคัดลอกและกระจายตวั มนั เองข้ามเครือข่าย เช่น ระบบเครือข่าย หรอื อนิ เทอรเ์ น็ต เปน็ ต้น ๔. ม้าโทรจัน (Trojan horse) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ท่ีถูกบรรจุเข้าไปในคอมพิวเตอร์ เพ่ือเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น เช่น ข้อมูลช่ือผู้ใช้รหัสผ่าน เลขท่ีบัญชีธนาคาร และข้อมูล สว่ นบุคคลอ่ืน ๆ โดยสว่ นใหญแ่ ฮกเกอร์จะส่งโปรแกรมเขา้ ไปในคอมพวิ เตอร์เพ่ือดักจับข้อมูลดังกล่าว แล้วนาไปใช้ในการเจาะระบบ ๕. สปายแวร์ (Spyware) ประเภทโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บันทึกการกระทาของ ผู้ใช้บนเคร่ืองคอมพิวเตอร์และส่งผ่านอินเทอร์เน็ตโดยที่ผ้ใู ช้ไม่ได้รับทราบโปรแกรมแอบดักข้อมูลนัน้ สามารถรวบรวมขอ้ มลู สถิติการใช้งานจากผูใ้ ชไ้ ด้หลายอย่างข้นึ อยู่กบั การออกแบบของโปรแกรม ๖. ประตูหลัง (Backdoor) รูรั่วของระบบรักษาความม่ันคงปลอดภัยคอมพิวเตอร์ ท่ีผู้ออกแบบหรือผู้ดูแลระบบจงใจทิ้งไว้โดยเป็นกลไกลับทางซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ใช้ข้ามผ่าน การควบคุมความม่ันคงปลอดภัย แต่อาจเปิดทางให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถเข้ามาในระบบและ ก่อความเสียหายได้ ๗. Rootkit โปรแกรมท่ีออกแบบมาเพ่ือซ่อนอ็อบเจ็กต์ (Object) ต่าง ๆ เช่น กระบวนงาน ไฟล์ หรือข้อมูล แม้จะเป็นโปรแกรมท่ีอาจไม่เป็นอันตรายเสมอไป แต่ก็ถูกนามาใช้ ในการซอ่ นกจิ กรรมทเี่ ปน็ อันตรายมากข้ึน

๔๑ ๘. การโจมตีแบบ DoS/DDoS ความพยายามโจมตีเพ่ือทาให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ปลายทางหยุดทางาน หรือสูญเสียเสถียรภาพ หากเคร่ืองต้นทาง (ผู้โจมตี) มีเครื่องเดียวเรียกว่า การโจมตแี บบ Denial of Service (DoS) แต่หากผูโ้ จมตีมีมากและกระทาพร้อม ๆ กนั ไมว่ า่ จะโดยต้ังใจ หรอื ไม่ต้งั ใจ จะเรียกว่า การโจมตแี บบ Distributed Denial of Service (DDoS) ๙. BOTNET ภัยคุกคามทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้วยมัลแวร์ทั้งหลายท่ีกล่าว ในตอนตน้ ต้องการตัวนาทางเพื่อตอ่ ยอดความเสยี หาย และทาใหย้ ากแกก่ ารควบคมุ มากขน้ึ ตัวนาทาง ท่ีว่าน้ีก็คือ Botnet ซ่ึงก่อให้เกิดภัยคุกคามที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เอง เช่น Spam, DoS/DDoS และ Phishing เป็นตน้ ๑๐. Spam Mail หรอื อีเมลข์ ยะ เป็นขยะออนไลน์ที่ส่งตรงถึงผรู้ บั โดยท่ีผูร้ ับสารนั้น ไม่ต้องการ และสร้างความเดอื ดร้อนราคาญใหก้ ับผู้รับได้ในลกั ษณะของการโฆษณาสินค้าหรือบริการ การชักชวนเข้าไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งอาจมีภัยคุกคามชนิด Phishing แฝงเข้ามาด้วย ด้วยเหตุน้ี จึงควรติดตั้งระบบ Anti Spam หรือหากใช้ฟรีอีเมล์ เช่น Hotmail, Yahoo ก็จะมีโปรแกรมคัดกรอง อีเมล์ขยะในช้นั หนง่ึ แล้ว ๑๑. Phishing คอื การหลอกลวงทางอินเทอรเ์ น็ตเพ่ือขอข้อมูลทส่ี าคัญ เช่น รหัสผา่ น หรือหมายเลขบัตรเครดิตโดยการส่งข้อความผ่านทาง E-mail หรือ Messenger ตัวอย่างของการ Phishing เช่น การบอกแก่ผู้รับปลายทางว่าเป็นธนาคารหรือบริษัทที่น่าเช่ือถือและแจ้งว่ามีสาเหตุ ทาให้คุณตอ้ งเขา้ สู่ระบบและใสข่ ้อมูลที่สาคัญใหมโ่ ดยเว็บไซตท์ ีล่ ิงกไ์ ปน้นั จะมีหนา้ ตาคลา้ ยคลึงกับเว็บ ทก่ี ล่าวถงึ Phishing ๑๒. Sniffing เป็นการดักข้อมูลท่ีส่งจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหน่ึง หรือจากเครอื ขา่ ยหนึ่งไปยงั อกี เครือขา่ ยหนึง่ เปน็ วิธีการหน่งึ ทีน่ กั โจมตรี ะบบนยิ มใช้ ๑๓. ข้อมูลขยะ (Spam) ภัยคุกคามส่วนใหญ่ท่ีเกิดจากอีเมล์หรือเรียกว่า อีเมล์ขยะ เปน็ ขยะออนไลนท์ ส่ี ่งตรงถึงผรู้ ับ โดยท่ผี ู้รับสารน้นั ไม่ต้องการและสรา้ งความเดือดร้อนราคาญให้กับผู้รบั ๑๔. Hacking เป็นการเจาะระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะกระทาด้วยมนุษย์ หรืออาศัยโปรแกรมแฮ็กหลากรูปแบบท่ีหาได้ง่ายในโลกอินเทอร์เน็ตแถมยังใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องเป็น ผู้เช่ยี วชาญคอมพวิ เตอร์ก็สามารถเจาะระบบได้ ๑๕. ผบู้ ุกรกุ (Hacker) หมายถงึ ผ้ทู ีไ่ ม่ได้รับอนุญาตในการใชง้ านระบบ แตพ่ ยายาม ลักลอบเข้ามาใช้งานด้วยวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเพ่ือโจรกรรมข้อมูล ผลกาไร หรือความพอใจ ส่วนบุคคลก็ตาม ความเสียหายจากผบู้ ุกรกุ เปน็ ภยั คุกคามทห่ี นกั ๒.๓.๒ พระราชบญั ญัติคุ้มครองข้อมูลสว่ นบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ เน่ืองจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทาให้การเก็บ รวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลสามารถทาได้โดยง่าย สะดวก และรวดเร็ว อันอาจ นามาซ่ึงความเดอื ดรอ้ นหรอื ความเสียหายในกรณที ี่มีการนาไปแสวงหาประโยชนห์ รือเปดิ เผยโดยไม่ได้ รับความยินยอมหรือแจ้งล่วงหน้า ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวม จึงได้มีการตรา พระราชบัญญัติดังกล่าวข้ึนมา เพื่อกาหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมท้ัง

๔๒ กาหนดหลักเกณฑ์ กลไก หรือมาตรการกากับดูแลเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่ีเปน็ หลักการท่ัวไป สามารถสรปุ ประเด็นสาคญั (ธรรมนติ ิ, ม.ป.ป.) ดังนี้ ๑) กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลธรรมดาเท่าน้ัน ข้อมูลบุคคล เป็นข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซ่ึงทาให้สามารถระบุตัวบุคคลน้ันได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึง ข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ดังน้ัน จึงหมายถึงข้อมูลช่ือ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบตั รประชาชน อีเมล์ ลายน้วิ มือ IP address Cookie ฯลฯ ของบคุ คลทัว่ ไป และไมค่ ุ้มครอง ถึงขอ้ มลู ของนติ บิ คุ คล ๒) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องยินยอมก่อน การท่ีเก็บข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ เพื่อ นาไปรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยขอ้ มูลตอ่ ไปนนั้ ต้องเกบ็ จากเจ้าของข้อมูลโดยตรง และไดร้ ับการยนิ ยอม โดยตรงจากเจ้าของข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรหรือผ่านระบบออนไลน์ตามรูปแบบท่ีกาหนด ดังน้ัน ก่อนทีจ่ ะยินยอมเจา้ ของข้อมลู ต้องอ่านรายละเอียดให้ดีก่อน รวมถึงเกบ็ ข้อมูลว่าได้ยินยอมให้เปิดเผย ขอ้ มูลไปกับหน่วยงานใดบ้าง ๓) ผู้เกบ็ ขอ้ มูลต้องแจ้งวตั ถุประสงค์ของการเก็บข้อมูล การใชข้ อ้ มลู การเปิดเผย ข้อมูล ระยะเวลาท่ีเก็บเง่ือนไขต่าง ๆ ให้เจ้าของข้อมูลอย่างชัดเจน ท่ีสาคัญข้อมูลรายละเอียดใน การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลต้องแยกส่วนออกมากจากข้อความอ่ืนอย่างชัดเจน อ่านเข้าใจง่าย เพอ่ื ใหเ้ จา้ ของข้อมลู อา่ นและทาความเขา้ ใจกอ่ นท่จี ะยินยอมให้เกบ็ ข้อมลู ๔) ผู้มีสิทธ์ิเด็ดขาดคือเจ้าของข้อมูล ข้อมูลส่วนบุคคลท่ีให้ไว้น้ัน เจ้าของข้อมูล สามารถยกเลิกการเก็บข้อมูล การนาไปใช้ แก้ไขและลบข้อมูลออกจากระบบได้ โดยท่ีผู้เก็บข้อมูล ไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังน้ัน ผู้เก็บข้อมูลต้องเตรียมการให้การยกเลิกทาได้สะดวกเช่นเดียวกับ การยอมรับ ซึ่งการคุ้มครองน้ีรวมถึงข้อมูลส่วนตัวท่ีส่งไปเพื่อสมัครงาน ผู้สมัครสามารถแจ้งให้บริษัท ส่งข้อมูลกลับหรือทาลายข้อมูลส่วนตัว เช่น สาเนาบัตรประชาชน สาเนาทะเบียนบ้าน รูปถ่าย เอกสารการศึกษา ฯลฯ หลงั จากการสมคั ร เพอื่ ป้องกนั ไม่ให้ข้อมลู ส่วนตัวสาคัญเหลา่ นี้ร่ัวไหลออกไป ๕) ผู้เก็บต้องรักษาข้อมูลให้ปลอดภัยเป็นความลับ ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล จะต้องมีหน้าท่ีรักษาความม่ันคงปลอดภัยของข้อมูล มิให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยผู้ท่ีไม่ใช่ เจ้าของของข้อมูลหรือเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบ และดูแลไม่ให้เกิดการสูญหาย ซึ่งเรื่องน้ีทาง ผู้ประกอบการหรือองค์กรท่ีเก็บข้อมูลต้องมีการวางระบบ วิธีการ คณะทางาน ทีมงานท่ีรับผิดชอบ ในการดูแลข้อมูลให้ปลอดภัยมากที่สุด แต่หากข้อมูลเกิดร่ัวไหลหรือถูกขโมยไป ผู้เก็บข้อมูลต้องแจ้ง ใหเ้ จ้าของข้อมูลทราบใน ๗๒ ชั่วโมงนบั แต่ทราบเหตุ ๖) ครอบคลุมผู้เก็บ-ใช้-เปิดเผยข้อมูลท้ังในและนอกประเทศ พระราชบัญญัติ ข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับกับการเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยองค์กรหรือผู้ประกอบการ ในประเทศ ไมว่ า่ การเกบ็ การใชห้ รอื การเปิดเผยข้อมูล จะเกิดขนึ้ ในประเทศหรือนอกประเทศ หากผู้เก็บ ใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลอยู่นอกประเทศจะควบคุมเมื่อการมีเสนอสินค้าหรือบริการและการเฝ้า ติดตามพฤติกรรมของเจ้าของขอ้ มลู สว่ นตัวท่ีอยใู่ นประเทศไทย

๔๓ ๗) เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้ Outsource ได้ เจ้าหน้าที่คุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งมีหน้าท่ีให้คาแนะนาในการปฏิบัติ ตรวจสอบการดาเนินการให้ถูกต้อง ประสานงานเมื่อมีปัญหา และรักษาความลับอาจเป็นพนักงานขององค์กรหรือเป็นผู้รับจ้างให้บริการ ตามสญั ญากไ็ ด้ ๘) การฝ่าฝืนมีโทษจาคุก ปรับเงินสูงสุด ๕ ล้านบาท และมีโทษท้ังทางอาญา ทางแพ่ง และทางปกครอง สาหรับโทษทางอาญาหากมีการฝ่าฝืนมีโทษจาคุกไม่เกิน ๖ เดือนถึง ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ ถึง ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจาท้ังปรับ ส่วนระวางโทษปรับทางปกครอง ไมเ่ กนิ ๕๐๐,๐๐๐ ถึง ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๓.๓ ปฏิญญาว่าด้วยการเปิดกว้างของรัฐสภา (Declaration on Parliamentary Openness) (Opening Parliament.org, ม.ป.ป.) การเปิดกว้างของรัฐสภา การประชุมรัฐสภาโลก (World e-Parliament) กรุงโรม ประเทศอิตาลี วันท่ี ๑๕ กันยายน ค.ศ. ๒๐๑๒ ได้มีการประกาศ “ปฏิญญาว่าด้วยการเปิดกว้างของ รัฐสภา (Declaration on Parliamentary Openness)” เป็นการเรียกร้องให้รัฐสภาและสภานิติบัญญัติ เพิ่มความมุ่งมั่นต่อความโปร่งใส การเปิดกว้าง และการมีส่วนร่วมของพลเมืองในการดาเนินงาน ของรฐั สภาและสภานิตบิ ัญญัติ หลักการในปฏิญญาว่าด้วยการเปดิ กว้างของรัฐสภาสามารถสรุปได้ภายใต้ หวั ขอ้ หลัก ๔ ประการ ตอ่ ไปนี้ ๑. การสง่ เสริมวัฒนธรรมการเปิดกว้าง - ข้อมลู รัฐสภาเป็นของสาธารณะ ข้อมูลรฐั สภา จะต้องสามารถนามาใชซ้ ้าหรือเผยแพร่ซ้าโดยประชาชนโดยมีข้อจากัดตามที่กฎหมายกาหนด รัฐสภา จะต้องออกมาตรการเพื่อให้แน่ใจเร่ืองการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยรวมและประชาสังคมเสรี เพื่อทาให้สามารถตรวจสอบรัฐสภาอย่างมีประสิทธิภาพ และเพ่ือปกป้องสิทธิเหล่าน้ีอย่างจริงจัง ผา่ นบทบาทการกากบั ดูแล รฐั สภาจะต้องรับรองวา่ ประชาชนมสี ิทธไิ ลเ่ บยี้ ตามกฎหมายเพ่ือบังคบั ใช้สิทธิ ในการเข้าถึงข้อมูลรัฐสภา รัฐสภามีหน้าท่ีเพ่ือส่งเสริมความเข้าใจของประชาชนเก่ียวกับการทางาน ของรัฐสภาและแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีกับรัฐสภาอื่น ๆ เพื่อเพิ่มการเปิดกว้างและความโปร่งใส รัฐสภาจะทางานร่วมกันกับองค์กรตรวจสอบรัฐสภาและประชาชนเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลรัฐสภา มีความสมบูรณถ์ กู ต้องและทนั เวลา ๒. ทาให้ข้อมูลรัฐสภาโปร่งใส – รัฐสภาจะใช้นโยบายท่ีทาให้แน่ใจว่ามีการเผยแพร่ ข้อมูลรัฐสภาในเชิงรุกและจะทบทวนนโยบายเหล่านี้เป็นระยะเพื่อใช้ประโยชน์จากการพัฒน า แนวปฏิบัติท่ีดี ข้อมูลรัฐสภาประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทและหน้าท่ีของรัฐสภาและข้อมูล ทีเ่ กิดข้นึ ตลอดกระบวนการทางกฎหมาย รวมถงึ ข้อความของกฎหมายทแ่ี นะนาและการแก้ไขเพิ่มเติม การลงคะแนนเสียง วาระการประชุมของรัฐสภา การบันทึกการประชุมและการดาเนินการของ คณะกรรมการ ข้อมูลประวัติศาสตร์ และข้อมูลอ่ืน ๆ ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของบันทึกของรัฐสภา เช่น รายงานที่สร้างขึ้นสาหรับหรือโดยรัฐสภา รัฐสภาจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารและการจัดการของ รัฐสภา พนักงานรัฐสภา และข้อมูลงบประมาณ รัฐสภาจะต้องให้ข้อมูลเก่ียวกับภูมิหลัง กิจกรรมและ กิจการของสมาชิก รวมถึงข้อมูลท่ีเพียงพอสาหรับประชาชนในการตัดสินอย่างรอบคอบเกี่ยวกับ การมีสานึกและปฏิบัติท่ีถูกต้องดงี ามและความซื่อสตั ย์ และความขดั แยง้ ทางผลประโยชนท์ ่ีอาจเกดิ ข้ึน

๔๔ ๓. ทาให้การเข้าถึงข้อมูลรัฐสภาง่ายข้ึน – รัฐสภาจะต้องทาให้ม่ันใจได้ว่าประชาชน ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างกว้างขวางผ่านช่องทางหลากหลายโดยไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึง การสังเกตการณ์ ส่ือสิ่งพิมพ์ วิทยุและการถ่ายทอดสด การออกอากาศตามความต้องการ และสตรีมมิ่ง ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงรัฐสภาภายใต้ข้อจากัดด้านพื้นที่และความปลอดภัย ด้วยนโยบาย ท่ีกาหนดไว้อย่างชัดเจนและเปิดเผยต่อสาธารณชน ข้อมูลรัฐสภาต้องมีให้บริการฟรี ในหลายภาษา และผ่านหลายเครื่องมือ เช่น บทสรุปภาษาง่าย ๆ ที่ช่วยให้ม่ันใจได้ว่าประชาชนสามารถเข้าใจข้อมลู ของรฐั สภา ๔. การเปิดใช้งานการส่ือสารทางอิเล็กทรอนิกส์ของข้อมูลรัฐสภา – ข้อมูลรัฐสภา จะเผยแพร่ออนไลน์ในรูปแบบเปิด (Open) และในรูปแบบท่ีมีโครงสร้างท่ีอนุญาตให้ประชาชนนาไป วิเคราะห์และใช้ซ้าโดยใช้เคร่ืองมือเทคโนโลยี ข้อมูลรัฐสภาจะเช่ือมโยงกับข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องและ สามารถค้นหาได้ง่าย รวมทั้งสามารถดาวน์โหลดได้จานวนมาก เพ่ือสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี ใหม่สาหรับการสารวจ เว็บไซต์รัฐสภาใช้สื่อสารกับประชาชน แม้ในสังคมที่มีการจากัดการเข้าถึง อินเทอร์เน็ต โดยอานวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลไปยังคนกลางซึ่งสามารถเผยแพร่ข้อมูล ให้ประชาชนเพิ่มเติม เว็บไซต์ของรัฐสภาจะพยายามใช้เครื่องมือเชิงโต้ตอบเพื่อดึงดูดพลเมืองและ เสนอบริการแจ้งเตือนหรือบริการโทรศัพท์มือถือ รัฐสภาจะให้ความสาคัญกับการใช้รูปแบบที่ไม่ใช่ กรรมสิทธ์ิและซอฟต์แวร์เสรีและโอเพนซอร์ซ (Open Source) รัฐสภามีหน้าท่ีรับรองความสามารถ ในการใช้ขอ้ มลู เทคโนโลยขี องรฐั สภาในขณะท่ีรบั ประกนั ความเปน็ สว่ นตวั สาหรบั ผ้ทู ่ีเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ๒.๓.๔ แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๗ – ๒๕๖๓ (คณะกรรมการจดั ทาแผนพัฒนา Digital Parliament ของรฐั สภา, ๒๕๖๐, น. ๑๗) แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารของรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๗ – ๒๕๖๓ เป็นเครื่องมือท่ีสาคัญสาหรับการวางกรอบนโยบายและทิศทางในการขับเคล่ือนรัฐสภา เพื่อมุ่งไปสู่การเป็น Smart Parliament ให้สัมฤทธ์ิผลตามวัตถุประสงค์ท่ีได้วางไว้ ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการพัฒนาสถาบัน นิติบญั ญตั เิ พ่อื มุ่งสู่การเป็น Smart Parliament ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๓” จะมียทุ ธศาสตร์ในการขับเคลื่อน ๕ ยุทธศาสตร์ ประกอบดว้ ย ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ Smart Infrastructure หมายถึง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของรัฐสภาท้ังในส่วนของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์หรือ ระบบงาน ระบบเครือข่ายให้มีความพร้อมต่อการใช้งาน รองรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ท่ีเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความเป็นมิตรกับสิง่ แวดล้อม ยุทธศาสตร์ที่ ๑ น้ี เปรียบเสมือนการวางรากฐาน สาคัญ (Necessary Foundation) เพ่อื รองรบั ยทุ ธศาสตรท์ ่เี หลอื ทั้งหมด ยุทธศาสตร์ท่ี ๒ Smart Integration หมายถึง เพื่อให้การใช้ระบบโครงสร้าง พน้ื ฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของรฐั สภาเกิดประโยชน์สูงสุด สานักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎรและสานักงานเลขาธิการวุฒิสภาจาเป็นจะต้องผลักดันการบูรณาการฐานข้อมูล นิติบัญญัติและเช่ือมโยงระบบงานสารสนเทศเข้าด้วยกัน เพ่ือให้เกิดการแลกเปล่ียนและใช้ข้อมูล สารสนเทศรว่ มกันและลดความซา้ ซอ้ นของระบบงาน

๔๕ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ Smart Security หมายถึง การใช้งานระบบโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภา ท้ังในด้านฮาร์ดแวร์ ระบบงานและระบบฐานข้อมูล ระบบ เครือข่าย จาเป็นจะต้องมีการบริหารจัดการให้ระบบโครงสร้างพ้ืนฐานให้มีความพร้อมต่อการใช้งาน ตลอดเวลา มคี วามมน่ั คงปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานสากล ยุทธศาสตร์ที่ ๔ Smart People หมายถึง ในการผลักดันรัฐสภาให้บรรลุ เป้าหมายเพ่ือมุ่งไปสู่การเป็น Smart Parliament จาเป็นท่ีจะต้องมีการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากร ของรฐั สภา ใหม้ ีความรู้ ความสามารถในการใชร้ ะบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารได้อย่างสร้างสรรค์ มีประสิทธิภาพ มีความเป็นมืออาชีพ และเป็นต้นทุนมนุษย์ (Human Capital) ของรัฐสภา ยุทธศาสตร์ท่ี ๕ Smart Services หมายถึง การพัฒนาระบบบริการข้อมูลด้าน นิติบัญญัติทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Services) เพ่ือให้บริการข้อมูลสารสนเทศสอดคล้องกับความ ต้องการและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการ ท้ังในส่วนของบุคลากรของรัฐสภาและประชาชน ทั่วไป นอกจากน้ี จะต้องมีการบริการที่รองรับกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งการท่ีจะขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ท่ี ๕ ให้ประสบผลสาเร็จจาเป็นจะต้องอาศัยยุทธศาสตร์ที่ ๒ คือการบูรณาการระบบและ ฐานข้อมูล ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การบริหารจัดการระบบ ให้มีความพร้อมและมีความมั่นคงปลอดภัย ต่อการใชง้ าน และยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ การมบี ุคลากรที่ความรู้ ความสามารถ ๒.๓.๕ แผนพัฒนา Digital Parliament ของรัฐสภา ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕) (คณะกรรมการจดั ทาแผนพัฒนา Digital Parliament ของรัฐสภา, ๒๕๖๐, น. ๑๒๓ - ๑๒๔) รัฐสภาในฐานะองค์กรนิติบัญญัติมีหน้าท่ีหลักในการตรากฎหมายได้เล็งเห็น ความสาคัญของการนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการส่วนราชการในสังกัด จึงได้มีการ จัดทาแผนพัฒนา Digital Parliament ของรัฐสภา ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๕) ภายใต้วิสัยทัศน์ “รัฐสภาดิจิทัล (Digital Parliament) หมายถึง องค์กรที่สามารถสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์จาก เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพในการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐาน นวัตกรรม ข้อมูล ทุนมนุษย์ และทรพั ยากรอืน่ ใด เพอื่ สนับสนนุ งานด้านนติ ิบญั ญัติ” โดยมปี ระเด็นยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ ดงั น้ี ยุทธศาสตร์ท่ี ๑ พัฒนาระบบและบูรณาการฐานข้อมูลมุ่งสู่การเป็น Digital Parliament ประกอบด้วย ๒ กลยทุ ธ์ คอื ๑. พฒั นาระบบและบูรณาการขอ้ มูลมุ่งสูก่ ารเปน็ Digital Parliament ๒. พัฒนาระบบบริการด้านสารสนเทศ ให้มีข้อมูลท่ีถูกต้อง ทันสมัย รองรับความ ตอ้ งการของผู้บริการและประชาชน เปา้ ประสงค์เชงิ ยุทธศาสตร์ ๑. ระบบข้อมูลและสารสนเทศของรัฐสภามีการเช่ือมโยงและบูรณาการเพ่ือ ให้บรกิ ารอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ๒. ผู้รับบริการและประชาชนได้รับข้อมูลสารสนเทศของรัฐสภาท่ีถูกต้อง รวดเร็ว และทันสมัย ตรงกับความตอ้ งการ

๔๖ ยุทธศาสตร์ท่ี ๒ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบความม่ันคงปลอดภัย ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารให้เปน็ ไปตามมาตรฐานสากล ประกอบดว้ ย ๒ กลยทุ ธ์ คอื ๑. พัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของรัฐสภา ๒. พัฒนาระบบความม่ันคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานสากลรองรบั การใหบ้ ริการไดอ้ ยา่ งทว่ั ถงึ และเท่าเทียม เป้าประสงคเ์ ชงิ ยุทธศาสตร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารของรัฐสภา มปี ระสิทธิภาพ และมีความมั่นคงปลอดภยั เป็นไปตามมาตรฐานสากล ยุทธศาสตร์ที่ ๓ ส่งเสริมและสนับสนุนให้สมาชิกรัฐสภา และบุคคลในวงงานรัฐสภา มีความรู้ความสามารถ และทักษะในการประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ประกอบดว้ ย ๓ กลยุทธ์ คือ ๑. พัฒนาสมรรถนะบุคลากรของรัฐสภาด้านการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ๒. ส่งเสริม สนับสนุนให้สมาชิกรัฐสภาและบุคลากรในวงงานของ รัฐสภา ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารอย่างสร้างสรรค์ ๓. ส่งเสริม สนับสนุน บุคลากร ให้มีการศึกษา วิจัย และพัฒนาทางด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยี รองรับความต้องการของผรู้ บั บรกิ ารและประชาชน เป้าประสงคเ์ ชิงยุทธศาสตร์ สมาชิกรัฐสภาและบุคลากรในวงงานรัฐสภารู้เท่าทัน สามารถใช้ระบบเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์รองรับความตอ้ งการของผู้รับบริการและประชาชน ดังน้ัน แผนพัฒนา Digital Parliament ของรัฐสภา ระยะ ๕ ปีที่รัฐสภาจัดทาขึ้น เพ่ือใช้เป็นกรอบแนวทางการดาเนินงานพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการ ของท้ังสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสานักงานเลขาธิการวุฒิสภา จะสามารถใช้ในการ ติดตามประเมินผล หรือให้การสนับสนุนส่งเสริมการดาเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน มีการ เช่ือมโยงและบูรณาการภารกิจในกระบวนการนิติบัญญัติร่วมกันของส่วนราชการรัฐสภาเพ่ือมุ่งไป สู่ Digital Parliament และเพื่อให้สอดรับกับวิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี “ประเทศไทย มีความม่ันคง มั่งคั่ง ย่ังยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง” รวมทั้งตามนโยบายเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของรัฐบาลที่มุ่งให้เกิดการนาเทคโนโลยี ท่ีทันสมัยและหลากหลายมาเปล่ียนเป็นวิธีการดาเนินธุรกิจ การดาเนินชีวิตของประชาชน และ การดาเนนิ งานของภาครัฐ

๔๗ ๒.๓.๖ แผนการขับเคล่อื นแผนพัฒนา Digital Parliament ของสานักงานเลขาธกิ าร สภาผแู้ ทนราษฎร (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) แผนการขับเคล่ือนแผนพัฒนา Digital Parliament ของสานักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎรใช้เป็นกรอบในการปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายตามท่ีแผนพัฒนา Digital Parliament ของรัฐสภา ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ภายใต้วิสัยทัศน์“รัฐสภาดิจิทัล (Digital Parliament) หมายถึง องค์กรที่สามารถสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจทิ ัลได้อยา่ งเต็ม ศักยภาพในการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐาน นวัตกรรม ข้อมูล ทุนมนุษย์และทรัพยากรอื่นใด เพื่อสนับสนุนงานด้านนิติบัญญัติ” โดยให้การขับเคลื่อนการดาเนินงานของรัฐสภามีความสอดคล้อง และเป็นไปตามแนวคิดของการออกแบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับการก้าวสู่การเป็น รฐั สภาดจิ ิทัล (Digital Parliament) ทั้ง ๕ มิติ ๑. แนวคิดของการออกแบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือรองรับการก้าวสู่การ เป็นรัฐสภาดิจิทัล (คณะกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนา Digital Parliament ของรัฐสภาระยะ ๕ ปี, ๒๕๖๑, น. ๘ - ๙ ) ๑) การบรหิ ารจัดการประชุมท่ีทันสมัยและครบวงจร การบริหารและการจัดการกระบวนงานที่เก่ียวข้องกับการประชุมถือเป็น ภารกิจหลักที่สาคัญของสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสานักงานเลขาธิการวุฒิสภา เนอ่ื งจากมีหน้าท่ีหลักในการสนบั สนุนกระบวนงานของสถาบันนิติบัญญตั ิตามบทบัญญัติของรฐั ธรรมนูญ เพอื่ ใหก้ ารบริหารจัดการกระบวนงานที่เกี่ยวข้องกบั การประชุมได้รบั การบูรณาการในการออกแบบและ พัฒนาให้สามารถรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้อย่างครบวงจร รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลที่ เกี่ยวข้องกับการประชุมตั้งแต่ก่อนเริ่มมีการประชุม ระหว่างการประชุม จนเสร็จส้ินการประชุมทาให้ สมาชิกรัฐสภาและเจ้าหน้าท่ีสามารถสืบค้น เรียกดูข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผ่าน อุปกรณ์ Smart Device ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ๒) การประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีดิจทิ ลั ท่เี หมาะสม การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลท่ีเหมาะสมกับกระบวนการทางานของ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสานักงานเลขาธิการวุฒิสภาสามารถผลกั ดันการก้าวสู่การ เป็นรัฐสภาดิจิทัล (Digital Parliament) ให้ประสบความสาเร็จได้ เช่น เทคโนโลยีการรู้จดจาเสียง เพ่ือสนับสนุนงานด้านการจัดทารายงานการประชุม เทคโนโลยีการรู้จดจาภาพและใบหน้า (Image and Facial Recognition) เพ่ือสนับสนุนงานด้านการรักษาความปลอดภัย เทคโนโลยีสมาร์ตการ์ด และ Biometric เพื่อรองรับกระบวนงานด้านการประชุม เทคโนโลยีการประมวลผลและวิเคราะห์ ข้อมูล (Big Data) เพ่ือรองรับการประมวลผลและวเิ คราะห์ข้อมูลด้านงบประมาณแผ่นดิน เทคโนโลยี การบรหิ ารจัดการไฟล์และการแกไ้ ขเอกสารรว่ มกนั ๓) การเผยแพร่ขอ้ มูล การเผยแพร่ข้อมูลสู่ภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นส่วน ทีส่ าคัญสาหรับแนวคดิ การออกแบบรฐั สภาดจิ ทิ ลั (Digital Parliament) เพ่อื สง่ เสริมและสนับสนุนให้ ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง และเผยแพร่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข ข้อมูลทไ่ี ด้รับอนุญาตให้มีการเผยแพร่ต้องเป็นข้อมูลทีม่ ีความถูกต้อง

๔๘ และเป็นปัจจุบัน มีศูนย์กลางการเผยแพร่และการให้บริการข้อมูลเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึง ข้อมูลได้จากแหลง่ เดยี ว นอกจากนี้ สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Social Media เพื่อเผยแพร่ข้อมูล สู่ภาคประชาชนอีกชอ่ งทางหน่ึง ๔) การใหบ้ ริการสมาชิกรัฐสภา เจา้ หนา้ ที่ และประชาชน การให้บริการสมาชิกรัฐสภา เช่น การเข้าถึงข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับการ ประชุม การให้บริการแก่เจ้าหน้าท่ีเพ่ือให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ การให้บริการประชาชน รวมถึงหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องถือเป็นส่วนสาคัญของการก้าวสู่การเป็นรัฐสภา ดจิ ิทลั (Digital Parliament) ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภาจะต้องสามารถรองรับการให้บริการ ตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และมีประสิทธภิ าพ ๕) การใช้งาน Smart Device สามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการได้จากทุกที่ ทุกเวลา และมีความปลอดภัย ปัจจุบันอุปกรณ์ Smart Device เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวัน โดย สามารถเข้าถึงข้อมูลการบริการต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตได้จากทุกที่และทุกเวลาผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ จะเห็นได้ว่าการเข้าถึงข้อมูลและบริการต่าง ๆ ไม่ได้ถูกจากัดอยู่บนการใช้งานเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เท่านั้น ดังน้ัน ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภาจึงต้องสามารถรองรับการเข้าถึงข้อมูล และ บริการต่าง ๆ ได้จากหลากหลายอุปกรณ์ท้ังเคร่ืองคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ Smart Devices และ สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่และทุกเวลาด้วยการเช่ือมต่อที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ซึ่งจากกรอบ แนวคิดดงั กล่าวจงึ มีความสมั พนั ธก์ ับยุทธศาสตรข์ องแผนพฒั นา Digital Parliament ๒. เป้าหมายการขับเคล่ือนแผนพัฒนา Digital Parliament ของสานักงาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (คณะกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนา Digital Parliament ของรัฐสภา ระยะ ๕ ปี, ๒๕๖๑, น. ๑๘) สาหรับการขับเคลื่อนแผนพัฒนา Digital Parliament เพ่ือรองรับการปฏิบัติงาน ของอาคารรฐั สภาแห่งใหม่ ซงึ่ มกี รอบระยะเวลาการดาเนินการ ๕ ปี มกี ารพฒั นาระบบงาน ประกอบด้วย ระยะแรก (ระหว่างปีที่ ๑ - ๒) จะมีการจัดหาอุปกรณ์ระบบโครงสร้างพ้ืนฐาน ดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารท่ที ันสมยั สนับสนุนภารกจิ หลัก และการบริหารจัดการของ สานักงานฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดหาระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสารท่ีทันสมัย ตอบสนองและจัดการกับเหตุการณ์ความม่ันคงปลอดภัย ด้านสารสนเทศ (Incident Response) เพิ่มความม่ันคงปลอดภัยและสร้างความเข้มแข็งของระบบ สารสนเทศและโครงสร้างพืน้ ฐานภายในที่สาคัญ รวมทั้งการพัฒนาระบบสารสนเทศใหม่และจะมีการ โอนย้ายระบบงานเดิมไปยงั ศูนยข์ อ้ มลู หลกั อาคารรฐั สภาแห่งใหม่ ระยะท่ี ๒ (ระหว่างปที ี่ ๒ - ๕) เน้นการพฒั นาระบบสารสนเทศใหมแ่ ละการบรู ณาการ สารสนเทศและฐานขอ้ มลู ระยะที่ ๓ (ระหว่างปีท่ี ๔ - ๕) ดาเนินการบารุงรักษาระบบงานที่ได้ดาเนินการ พัฒนาระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือจัดเก็บรวบรวมข้อมูลในการขับเคลื่อน องค์กรด้วยข้อมูลสารสนเทศ โดยขับเคลื่อนองค์กรด้วย Big data เพ่ือมุ่งหน้าสู่ Paperless อย่างเต็ม รูปแบบ เพ่ือให้สานักงานฯ สามารถลดการใช้กระดาษโดยส้ินเชิง และมีเป้าหมายในการพัฒนา

๔๙ บุคลากรของหน่วยงานโดยเน้นพัฒนาทักษะและสมรรถนะของบุคลากรด้านการใช้ระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ การส่งเสริมสนับสนุนบุคลากรให้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างสร้างสรรค์ รวมท้ัง ส่งเสริมสนับสนุนบุคลากรให้มีการศึกษา วิจัย และพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี รองรับความ ตอ้ งการของผู้รับบรกิ ารและประชาชนตามเป้าหมายการขับเคล่ือน ๒.๔ แนวทางการดาเนินการของตา่ งประเทศ ๒.๔.๑ แนวทางการเผยแพรเ่ อกสารของรัฐสภาสหราชอาณาจักร (ฐติ มิ า ธรรมบารุง, ๒๕๖๓) การเผยแพร่ เอกสาร ควรค านึ งถึ งรู ปแบบทางเลื อกของการเผยแพร่ เ อ ก ส า ร เพื่อรองรับผู้ใช้งานท่ีหลากหลาย ยกตัวอย่างกรณี National Archives ของสหราชอาณาจักร (https://www.nationalarchives.gov.uk/) เสนอรูปแบบทางเลือกของการเผยแพร่เอกสารคาส่ัง และเอกสารสภาสามัญชนซึ่งเป็นสภาล่างในรัฐสภาแห่งอังกฤษ (House of Commons) ได้แก่ เวอร์ชันพิมพ์ขนาดใหญ่ที่มีขนาดตัวอักษร ๑๖ พอยต์ขึ้นไป เวอร์ชันอ่านง่าย หมายถึง เขียนเน้ือหา หลักของเอกสารใหม่เพื่อใหอ้ ่านและเข้าใจง่ายย่ิงข้นึ วดิ ีโอภาษามอื เวอรช์ ันอักษรเบรล เวอรช์ ันเสยี ง รูปแบบข้อความแบบเปิด หรือ Open text (โดยท่ัวไปคือ เอกสาร Word แต่สามารถเปิด ในซอฟต์แวร์ประมวลผลคาท่ีไม่ใชข่ อง Microsoft) นอกจากนี้ National Archives ของสหราชอาณาจักร ระบุว่า เอกสารท่ีเผยแพร่ ใน GOV.UK หรือเว็บไซต์อื่น ๆ ของภาครัฐ จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานการเข้าถึงได้ง่าย เพ่ือให้ เอกสารดังกล่าวสามารถใช้งานได้โดยคนจานวนมากที่สุดเท่าท่ีจะเป็นไปได้รวมถึงผู้พิการ โดยมี แนวทางการทาใหเ้ อกสารเผยแพร่ไปตามมาตรฐานการเข้าถงึ ได้ง่าย ดังนี้ ๑. การเขียนเอกสารท่ีสามารถเข้าถึงได้ การเสนอให้เผยแพร่เอกสารเป็นเว็บเพจ HTML ซ่ึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงได้ง่าย ขณะท่ีเอกสารเช่น PDF ทาให้การค้นหา การใช้ และ การดูแลเนื้อหายากขึ้น บ่อยคร้ังที่ PDF มีปัญหาเร่ืองการใช้งานร่วมกับโปรแกรมอ่านหน้าจอสาหรับ ผู้พิการ การเขียนเอกสารควรเขียนด้วยภาษาที่ง่ายท่ีสุด ภาษาท่ีง่ายทาให้ผู้ท่ีมีความบกพร่องทาง สติปัญญาและการเรยี นรูส้ ามารถเข้าถึงเอกสารได้ และผู้คนส่วนใหญ่ชอบภาษาท่ีเรียบงา่ ย เพราะช่วย ให้เข้าใจข้อมูลโดยเรว็ ๒. การทาให้เอกสารง่าย เช่น การตั้งช่ือเอกสารท่ีมีความหมาย การสร้างประโยค และย่อหน้าที่กระชับ การตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อความจัดชิดซ้ายหน้ากระดาษ การหลีกเล่ียงการขดี เส้นใต้ยกเว้นลิงก์ การตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการอธิบายอย่างชัดเจนว่าลิงก์จะไปท่ีใด สิ่งน้ีมี ความสาคัญเน่ืองจากผู้ใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอบางคนสแกนลิงก์ในหน้าเอกสารทีละหน้าเพื่อค้นหา สิ่งท่ีต้องการ ๓. การใช้ตารางสาหรับข้อมูล การทาให้ตารางง่ายโดยหลีกเลี่ยงการแยกหรือรวม เซลล์ หากใชร้ ูปภาพหรือแผนภูมิ ควรพิจารณาว่าผทู้ ี่มีความบกพร่องทางสายตาสามารถเข้าถึงเน้ือหา ไดอ้ ยา่ งไร การหลีกเลย่ี งภาพทีม่ ขี อ้ ความเนอื่ งจากไมส่ ามารถปรบั ขนาดข้อความในภาพได้

๕๐ ๔. การพัฒนาโครงสร้างเอกสาร หมายถึง การใช้สัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อย การใช้ หมายเลขเพ่ือแสดงถึงลาดบั ข้ันตอน การใช้สไตล์ในการเขียนเพ่ือสร้างลาดับช้ันของเนือ้ หาที่นาเสนอ: หัวเร่ือง ๑, หัวเร่ือง ๒ เป็นต้น ด้วยวิธีน้ีโปรแกรมอ่านหนา้ จอจะจดจาการจัดรูปแบบและอ่านเน้ือหา ไดอ้ ย่างถูกต้อง ๕. การบันทึกเอกสารเป็น PDF / A การบันทึกเอกสารที่สามารถเข้าถึงได้เป็น PDF / A หมายความวา่ เอกสารจะยังคงทางานเป็นเวลานานหลงั จากที่เผยแพร่ แมว้ ่าส่ิงต่าง ๆ เชน่ แบบอกั ษร ท่ใี ช้ในการสร้างเอกสารจะไมไ่ ด้รับการสนับสนุนอีกต่อไป ๖. การสร้าง PDF จากเอกสารที่สแกน หากกาลังสร้าง PDF โดยการสแกนเอกสาร ที่เป็นกระดาษให้ใช้ Optical Character Recognition (OCR) เพ่ือให้ผู้ใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอ สามารถเข้าถงึ PDF อย่างไรกต็ าม พบวา่ การทา OCR สาหรับเอกสารภาษาไทยยงั คงมปี ญั หา ๗. การแปลงหรืออัปโหลดเอกสาร หากเป็นไปได้ให้สร้างเน้ือหาในหน้า HTML หากต้องการเผยแพร่เอกสารในรูปแบบอื่นควรเป็นเอกสารเพิ่มเติมจากเวอร์ชัน HTML การตรวจสอบ การเข้าถงึ PDF ในการตรวจสอบวา่ PDF ท่สี รา้ งสามารถเข้าถึงไดห้ รือไม่นั้น สามารถใช้ Adobe Reader หรือ Adobe Acrobat Pro ในการทดสอบ รวมถงึ ควรทดสอบด้วยการใชโ้ ปรแกรมอา่ นหน้าจอ โปรแกรม Adobe Reader สามารถใช้ Adobe Reader เพ่ือตรวจสอบว่าเอกสาร PDF มีการจัดโครงสร้างอย่าง ถูกต้องหรือไม่ ผู้ท่ีใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอจาเป็นต้องใช้ส่ิงเหล่านเ้ี พื่อให้สามารถเข้าถึงเอกสาร โดยไปที่ คาสั่ง ‘Edit’ จากน้ัน ‘Accessibility’ และเลือก ‘Quick check’ ทั้งน้ี ในการแก้ไขปัญหาของเอกสาร ท่ีพบจะต้องแก้ไขเอกสารต้นฉบับใน Word หรือใช้ Adobe Acrobat Pro โดยปฏิบัติตามคาแนะนา ของ Adobe เกี่ยวกับการใช้ Acrobat Pro เพื่อตรวจสอบว่าเอกสาร PDF ท่ีสร้างสามารถเข้าถึง ได้หรือไม่ (https://helpx.adobe.com/acrobat/using/create-verify-pdf-accessibility.html) ท้ังนี้ ควรผา่ นการตรวจสอบอย่างสมบูรณส์ าหรับ WCAG ระดับ AA โดยไมม่ ีคาเตือนใด ๘. ตรวจสอบด้วยโปรแกรมอ่านหน้าจอ โดยขอใหผ้ ูใ้ ชโ้ ปรแกรมอ่านหนา้ จออ่านไฟล์ เอกสาร PDF ว่าสามารถเข้าถึงได้หรือไม่ อย่างไร ตัวอย่างโปรแกรมอ่านหน้าจอ เช่น Non Visual Desktop Access (NVDA) โปรแกรมอ่านหน้าจอ Open Source สาหรับ Windows สามารถติดตั้ง กับเดสก์ทอ็ ปหรือเรยี กใชจ้ ากไดรฟ์ USB แบบพกพา ๙. การตรวจสอบเอกสาร Microsoft Office สาหรับการเข้าถึง เม่ือทาตามขั้นตอน เพื่อให้เอกสารสามารถเข้าถึงได้ให้ตรวจสอบก่อนที่จะเผยแพร่ สามารถรับประกันการเข้าถึงจานวน มากได้โดยการทดสอบอัตโนมัติในเอกสาร หากต้องการตรวจสอบว่าสามารถเข้าถึงเอกสาร Word, Excel และ Microsoft Office อื่น ๆ ได้หรือไมใ่ ห้ สามารถใช้ตวั ตรวจสอบการช่วยสาหรบั การเข้าถึงของ Office (https://support.office.com/en-us/article/improve-accessibility-with-the-accessibility -checker-a๑๖f๖de๐-๒f๓๙-๔a๒b-๘bd๘-๕ad๘๐๑๔๒๖c๗f?ui=en-US&rs=en-US&ad=US) Digital preservation ข้อมลู การประชุมสภา การประชุมของหน่วยงานหรือคณะทางานใด ๆ มักมีการบันทึกรายละเอียดหรือ สาระของการประชุม ท้ังความคิดเห็นท่ีเป็นสาระสาคัญและเก่ียวข้องกับประเด็นของเรื่องท่ีมีการ พิจารณากนั อยู่ของผู้มาประชุม ผเู้ ข้าร่วมประชุม มตขิ องทป่ี ระชุม เพ่อื ชว่ ยความทรงจา เปน็ หลกั ฐาน อ้างอิง เป็นหลักฐานและเคร่ืองมือติดตามการปฏิบัติงาน หรือเป็นข้อมูลข่าวสาร เช่นเดียวกับการ

๕๑ ประชมุ ของรฐั สภา ที่มกี ารพจิ ารณาร่างกฎหมาย การให้ความเห็นชอบเรื่องตา่ ง ๆ ท่กี ฎหมายกาหนด การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน การตั้งกระทู้ถาม และการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นต้น ซึ่งนับว่ามีข้อมูลและเนื้อหาสาคญั ต่อการบรหิ ารราชการ การศกึ ษาและค้นคว้าวจิ ยั รัฐสภาอังกฤษพัฒนาระบบค้นหารายงานการประชุมทางราชการของรฐั สภาอังกฤษ (https://hansard.parliament.uk/) ที่ผู้สนใจท่ัวไปสามารถค้นหาสมาชิกสภา การมีส่วนร่วมของ สมาชกิ สภา การอภิปราย การร้องเรียน และการออกเสียงลงคะแนนในรฐั สภาจากรายงานการประชุม ทางราชการของรัฐสภาอังกฤษ ย้อนหลังไปกว่า ๒๐๐ ปี เพื่อเป็นแนวทางในการสงวนรักษาเน้ือหา ในการประชุมเพื่อการเข้าถงึ และการค้นคืนในอนาคต ในอดีตรายงานการประชุมทางราชการของรัฐสภาอังกฤษ จัดเอกสารตีพิมพ์ฉบับ พิมพ์ (Hard copy) ปัจจุบันได้เพ่ิมเอกสารฉบับออนไลน์ให้บริการแก่ผู้สนใจ เพ่ือให้สามารถเข้าถึง และดาวน์โหลดรายงานการประชุมออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ ท้ังในรูปแบบ HTMP PDF และ Text โดยการดาเนินการน้ีเป็นโครงการต่อเน่ือง แรกเริ่มเม่ือเปิดตัวเว็บไซต์ ผู้สนใจสามารถเข้าถึงรายงาน การประชุม ต้ังแต่ปี ๒๐๑๐ จนถึงปัจจุบัน แต่ปัจจุบันน้ีสามารถเข้าถึงรายงานการประชุม ย้อนหลัง ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ ๑๙ งานในอนาคตจะรวมฐานข้อมูลประวัติสมาชิกและการเชื่อมโยงข้อความ รายงานการประชุมกับเนอ้ื หาท่ีอยูใ่ นรปู แบบเสยี ง

๕๒ ท้ังนี้ เน้อื หาในเว็บไซต์ แบ่งเปน็ ๒ กลมุ่ หลัก คอื ๑. รายงานการประชุมทางราชการของสภาสามัญชน หรือ คณะสามัญชนผู้ทรง เกียรตแิ หง่ สหราชอาณาจกั รบรเิ ตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (House of Commons Hansard) ๒. รายงานการประชุมทางราชการของสภาสูงหรือสภาขุนนางหรือคณะขุนนาง ฝ่ายศาสนจักรและอาณาจักรผู้ทรงเกียรติแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (House of Lords Hansard) โดยที่ผ้เู ข้าเวบ็ ไซต์สามารถดาเนินการได้ ดงั นี้ ๑. สามารถไล่เรียง (Browse) รายงานการประชุม ตามวัน เดือน ปีที่มีการประชุม โดยระบบแสดงปฏิทินวันที่มีการประชมุ และมีการแสดงเนื้อหาการประชุมท้ังในรูปแบบ HTMP PDF และ Text อกี ท้ังสามารถกดแชรเ์ นื้อหาทต่ี ้องการได้ ๒. สามารถค้นหาการอภิปราย โดยการระบุคาค้น ช่วงวัน เดือน ปีที่มีการประชุม โดยระบบแสดงเน้อื หาเป็น HTMP และ Text only อีกทั้งสามารถกดแชร์เนอื้ หาทีต่ อ้ งการได้ ๓. สามารถค้นหา (Find) การออกเสียงลงคะแนน โดยการระบุคาคน้ ชว่ งวนั เดอื นปี ท่ีมีการประชุม โดยระบบแสดงชื่อคนและช่ือพรรค พร้อมการออกเสียงรายบุคคล โดยแสดงผลเป็น HTMP และ CSV ๔. สามารถค้นหา (Find) สมาชิกสภา โดยการระบุคาค้น สถานภาพของการเป็น สมาชิก (สมาชิกในปัจจุบันหรือสมาชิกในอดีต) โดยระบบแสดงภาพ ช่ือนามสกุล พรรค และช่วงที่ ดารงตาแหน่งสมาชิกสภา เมื่อคลิกไปที่สมาชิกแต่ละคน ระบบจะแสดงข้อมูลสิ่งที่พูดเสนอข้อความ ที่เขียนและตอบการลงคะแนน ๒.๔.๒ แนวทางการใช้โซเชียลมเี ดีย (Social media) สาหรับรัฐสภาของสหราชอาณาจกั ร Social media สร้างโอกาสใหม่ ๆ สาหรับสภานิติบัญญัติและสมาชิกรัฐสภา เช่น การสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลเก่ียวกับกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐสภา เช่น การอภิปรายในสภา การประชุมคณะกรรมการ กิจกรรมพิเศษ และการเยี่ยมชม การมีส่วนร่วมกับประชาชนโดยการเป็น ช่องทางในการแจ้งและการเชื่อมต่อกับประชาชนเพื่อร้องขอการส่งและสร้างความสนใจในกิจการ ด้านกฎหมาย การให้คาปรึกษาด้านกฎหมายโดยตรงกับประชาชนเกี่ยวกับกฎหมายและนโยบายและ กลยุทธ์เพื่อให้ประชาชนมีสว่ นร่วมโดยตรงในการทางานของฝ่ายนิติบญั ญัติ การเผยแพร่งานวิจยั และ สิ่งพิมพ์ของรัฐสภา รวมถึงทรัพยากรทางการศึกษาและแหล่งข้อมูลอ่ืน ๆ การส่งเสริมความโปร่งใส และการเชื่อมโยงการกับภาคประชาสังคม ชุมชน และกลุ่มอ่ืน ๆ เพื่อเพ่ิมความสามารถในการเข้าถึง รัฐสภาของประชาชน แต่การใช้ Social media ในรัฐสภาต้องมีความเหมาะสมและสมดุล Inter- Parliamentary Union (IPU) โดย Andy Williamson (๒๐๐๓) แนะนาแนวทางสาหรับสมาชิกและ เจ้าหน้าท่ีรัฐสภาท่ีต้องการใช้ Social media เพ่ือเผยแพร่ข้อมูล แบ่งปันมุมมอง และการมีส่วนร่วม กับสาธารณะ ในประเด็นตา่ ง ๆ ดงั นี้

๕๓ ขอ้ ดีของ Social media สาหรับรฐั สภา มีดังนี้ ๑. สรา้ งพนื้ ท่ีการสอ่ื สารและสนทนา รวมถงึ การรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของประชาชน ๒. ผลักดนั ให้รัฐสภาใกล้ชิดกับประชาชนมากขน้ึ ๓. สนบั สนุนความโปรง่ ใสมากขน้ึ ๔. เสนอโอกาสสาหรับการเผยแพรแ่ ละการสนับสนุนโดยบุคคลทส่ี าม ๕. ตน้ ทนุ ต่า ๖. ความเรว็ ในการส่งและการเผยแพร่ข้อมลู ขอ้ จากดั ของ Social media สาหรับรฐั สภา มีดังนี้ ๑. โปรโตคอล (Protocol) ตา่ งจากสอ่ื อ่นื ๆ ๒. มีโอกาสทจ่ี ะเคลอ่ื นท่อี ย่างรวดเร็วและอยนู่ อกเหนอื การควบคุม ๓. ตอ้ งใชเ้ นอื้ หาที่ปรบั แต่งอย่างระมดั ระวัง ท้ังน้ี มี Social media หลากหลายประเภทและหลายแพลตฟอร์มท่ีสร้างขึ้นเพ่ือ ให้บรกิ ารแก่ผู้ใช้ ดงั น้ี การเลอื กแพลตฟอรม์ มีหลกั เบ้ืองตน้ ๒ ข้อ เพ่ือชว่ ยในตัดสนิ ใจ คอื ๑. แพลตฟอรม์ นั้นตรงหรือเหมาะสมกับความต้องการมากทสี่ ดุ เช่น - YouTube เพ่ือเสนอภาพยนตรอ์ ธิบายการทางานและประวตั ิศาสตร์ของรัฐสภา - Instagram และ Flickr เพอ่ื เสนอภาพกจิ กรรม เหตุการณ์ หรอื อาคารของรฐั สภา - Twitter เพือ่ ติดตามความเคลอื่ นไหวของสิ่งที่เกิดขน้ึ ในรัฐสภา ๒. แพลตฟอร์มทก่ี ลมุ่ เปา้ หมายตอ้ งการส่ือสารใชง้ านอยู่แลว้ อย่างไรก็ตาม Social media ไม่ใช่ปลายทางสุดท้ายสาหรับการสื่อสารและการมีส่วนร่วม การสร้างเว็บพอร์ทัล (Web portal) ท่ีเชื่อมโยงกับ Social media เป็นส่ิงท่ีต้องให้ความสาคัญ เช่นเดียวกัน

๕๔ Digital preservation เว็บไซตแ์ ละบญั ชโี ซเชยี ลมีเดีย (Social media) Digitisation หรือ การแปลงส่ือเป็นดิจิทัล กับ Digital preservation หรือ การ สงวนรักษาแบบดิจิทัลนั้นแตกต่างกัน โดย Digitisation น้ัน หมายความถึงกระบวนในการสร้างไฟล์ ดิจิทัลจากวัตถุหรือสื่อท่ีมีอยู่ เช่น การสแกนเอกสารหรือภาพถ่ายด้วยเคร่ืองสแกนเนอร์ และการ ถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายภาพดิจิทัล เป็นต้น เพื่อสร้างไฟล์ดิจิทัล โดยไฟล์ดิจิทัลดังกล่าวจะต้องมีการ สงวนรกั ษาไว้เพื่อการเข้าถึงและใช้งานในอนาคต ขณะท่ี Digital preservation หรือ การสงวนรักษา แบบดิจิทัล หมายความถึงกระบวนการในการสงวนรักษาไฟล์ดิจิทัลไม่ว่าจะได้มาจาก Digitisation หรือ Born-digital คือสื่อที่เกิดจากและอยู่ในรูปแบบของดิจิทัลตั้งแต่แรก เช่น อีเมล์ ไฟล์ภาพถ่ายท่ี เกิดจากการถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพดิจิทัล ไฟล์เอกสารสานักงานสร้างด้ว ยโปรแกรม Word processor และเว็บไซต์ เป็นตน้ ซ่ึงมีแนวโนม้ ของจานวนเพ่ิมมากขึ้นตามความสามารถของเครื่องมือ ในการสร้างและการเผยแพร่ รัฐสภาอังกฤษ (UK Parliament) ได้พัฒนา Web Archive โดย UK Parliament Web Archive นี้ คือ Collection “snapshot” ที่รวบรวมเน้ือหาของเว็บไซต์และบัญชีโซเชียลมีเดีย ของรัฐสภาอังกฤษ ณ จุดหรือช่องทางตา่ ง ๆ ในชว่ งเวลาท่ผี ่านมา (ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ. ๒๐๐๙ ถึงปัจจุบัน โดยกาหนดความถี่ของการ snapshot ๓ คร้ังต่อปี) ทั้งนี้ เพื่อทาให้มั่นใจได้ว่ารัฐสภา อังกฤษมีบันทึกข้อมูลและรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของรัฐสภา และ เพ่อื ให้แน่ใจว่าข้อมูลเหล่าน้ีจะยังคงสามารถค้นหา เขา้ ถึง และใชป้ ระโยชน์ โดยนกั วิจยั นกั ประวตั ิศาสตร์ และสาธารณะชนต่อไป แม้เว็บไซต์บางเวบ็ ไซต์อาจถูกปิดหรอื เน้ือหาจะถูกย้ายไปยังเวบ็ ไซตอ์ ื่นก็ตาม ท้ังน้ี UK Parliament Web Archive ไม่รวมลิงก์ภายนอก (เช่นลิงก์ไปยังเว็บไซต์ท่ีไม่ใช่ของรัฐสภา) เนือ่ งจากอยู่นอกขอบเขตของการรวบรวม (http://webarchive.parliament.uk/) UK Parliament Web Archive ประกอบด้วย ๑. Website หรอื Web Archives รวบรวมหน้าเวบ็ ไซต์ แบง่ เปน็ ๕ กลมุ่ คือ House of Commons, House of Lords, Social pages, Facilities และ External sites โดยจัดขอ้ มูลเปน็ ลักษณะปฏิทิน ปี เดือน วัน เม่ือคลิกไปยังปี เดือน วันท่ีมีการอัปเดตเว็บไซต์ก็จะแสดงข้อมูลและ เนื้อหาเว็บไซต์ ณ วันดังกล่าว ๒. Twitter สามารถค้นหาโพสต์จากปีท่ีเผยแพร่ โดยจะแสดงข้อความ วัน เดือน ปี และเวลาท่โี พสต์ ๓. YouTube สามารถค้นหาโพสต์จากปีที่เผยแพร่ โดยจะแสดงช่ือเร่ือง คาอธิบาย และ Meta Data (วันเดือนปีและเวลาทีเ่ ผยแพร่ และ Original URL) ๔. Instagram สามารถค้นหาโพสต์จากปีท่ีเผยแพร่ โดยจะแสดงคาอธิบาย และ Meta Data (วันเดอื นปแี ละเวลาทเ่ี ผยแพร่) ๕. Flickr สามารถค้นหาโพสต์จากปีที่เผยแพร่ โดยจะแสดงชื่อเรื่อง คาอธิบาย และ Meta Data (วนั เดือนปีและเวลาท่ีเผยแพร่ และ Original URL)

๕๕ นอกจากน้ี ยงั มอี งค์กรอน่ื ๆ ท่ีดาเนินการ Web Archive ตัวอย่างที่นา่ สนใจ ไดแ้ ก่ ๑. British Library http://www.webarchive.org.uk/ukwa/ ๒. National Archives http://www.nationalarchives.gov.uk/webarchive/ ๓. The Internet Archive https://archive.org/web/

๕๖ ๒.๔.๓ ตัวอย่างการใช้ Social media ของรัฐสภาต่างประเทศ (สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, ตรินิแดดและโตเบโก) ๑) รัฐสภาสหราชอาณาจักร (UK Parliament) ใช้ YouTube เพ่ือเผยแพร่บันทึก การตอบคาถาม การอภิปราย และการลงคะแนนเสียงในรฐั สภา เพอ่ื เผยแพร่ส่ือความรแู้ นะนารัฐสภา โครงสรา้ ง หนา้ ทีแ่ ละการทางานของรฐั สภา และเพ่ือเผยแพรค่ วามรเู้ กยี่ วกับอาคารรัฐสภา Youtube (https://www.youtube.com/UKParliament)

๕๗ ๒) รัฐสภาออสเตรเลีย (Parliament of Austraria) ใช้Facebook เพื่อเผยแพร่ ข้อมูล ภาพและวิดีโอเกี่ยวกับข้อมูล ภาพและวิดีโอเก่ียวกับรัฐสภา กิจกรรม และเหตุการณ์ภายใน รัฐสภา และเปดิ โอกาสให้ผู้อนื่ สามารถโพสต์ แสดงความคดิ เห็น และแบ่งปนั เน้ือหาได้ Facebook (https://www.facebook.com/aboutthehouseau/)

๕๘ ๓) รัฐสภาตรินิแดดและโตเบโก (Parliament of Trinidad and Tobago) ใช้ Twitter เพอื่ เสนอความเคลอ่ื นไหวตา่ ง ๆ ท่ีเกดิ ขึ้นในรฐั สภา Twitter (https://twitter.com/ttparliament)

บทที่ ๓ ผลการพิจารณาศกึ ษา ๓.๑ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของอาคารรัฐสภาแหง่ ใหม่ ๓.๑.๑ ระบบการแสดงตนและการลงคะแนนดว้ ยระบบ Smart card จากการพิจารณาปัญหาการใช้บัตรแสดงตนและลงคะแนนของสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรในปจั จบุ นั พบปัญหาโดยสรุป ดงั น้ี ๑) ปัญหาระบบการลงคะแนนไม่มีระบบบนั ทึกข้อมลู ย้อนหลงั ปั จ จุ บั น อา คา ร รั ฐ ส ภ า อยู่ ร ะห ว่ า ง กา ร ก่ อส ร้ า ง แ ล ะ ใ น ส่ ว น ข อง ห้ อง ป ร ะชุ ม ส ภ า ผู้แทนราษฎรยังดาเนินการไม่แล้วเสร็จ (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม ๒๕๖๒) การประชุมสภา ผู้แทนราษฎรจึงต้องใช้ห้องประชุมอาคารวุฒิสภาเป็นห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปก่อน ซ่ึงห้อง ประชุมวุฒิสภาออกแบบมาเพ่ือรองรับสมาชิกจานวน ๓๕๐ ที่น่ัง เม่ือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีจานวน ๕๐๐ คน จึงทาให้เกิดปัญหาจานวนท่ีน่ังและเคร่ืองลงคะแนนไม่เพียงพอกับจานวนสมาชิก เป็นผลให้การลงคะแนนโหวตแต่ละครั้งสมาชิกไม่สามารถลงคะแนนพร้อมกันในแต่ละที่น่ังได้ และ พบว่ามีสมาชิกกดบัตรลงคะแนนแทนกัน แม้ว่าระบบการลงคะแนนจะแสดงผลการลงคะแนน บนหนา้ จอคอมพวิ เตอร์ทม่ี ีการมอนเิ ตอร์อยู่ โดยแสดงชื่อและตาแหน่งทีน่ งั่ ของสมาชิกซง่ึ สามารถระบุ ได้ว่าบัตรน้ันถูกกดลงคะแนนจากตาแหน่งใด แต่ไม่ได้มีการบันทึกข้อมูลการลงคะแนนไว้หลังจากที่มี การลงคะแนนแล้ว ทาให้มีข้อเสียคือ ไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลบันทึกผลการลงคะแนนของสมาชิก เป็นรายบุคคล รวมทั้งไม่มีหลักฐานสาหรับการตรวจสอบภายหลังกรณีที่มีสมาชิกกดบัตรลงคะแนน แทนกัน ๒) ปญั หาจานวนบัตรประจาตัวสมาชิกมจี านวนหลายใบ ซึง่ ทาใหไ้ ม่สะดวกในการใช้งาน และเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณในการจัดทาบัตร เน่ืองจากปัจจุบันสานักงานเลขาธิการสภา ผูแ้ ทนราษฎรได้จดั ทาบัตรประจาตวั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวน ๓ ใบ ประกอบดว้ ย (๑) บัตรประจาตัวเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ซ่ึงออกตามพระราชบัญญัติบัตรประจาตัว เจา้ หน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๖ กาหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ออกบัตรประจาตัว เจ้าหน้าที่ของรัฐ สาหรับตาแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองในสภา ผู้แทนราษฎร โดยรายละเอียดบัตรปรากฏรูปถ่าย ชื่อ - สกุล ตาแหน่ง เลขประจาตัวประชาชน วันทีอ่ อกบัตร วันที่บัตรหมดอายุ (๒) บัตรแสดงตนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ออกตามระเบียบรัฐสภา ว่าด้วยการ รักษาความปลอดภัยของรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๙ ข้อ ๒๑ ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ออกบัตร แสดงตนสาหรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยรายละเอียดบัตรปรากฏรูปถ่าย ชื่อ - สกุล ตาแหน่ง พรรคการเมืองท่ีสังกัด ซึ่งใช้เป็นบัตรสาหรับแสดงตนเวลาที่อยู่ในพื้นที่รัฐสภา ด้านหลังบัตรระบุ

๖๐ “ให้ติดบัตรน้ีตลอดเวลาที่อยู่ในพ้ืนท่ีรัฐสภา” รวมท้ังเป็นบัตรสาหรับใช้ลงทะเบียนเข้าประชุมสภา และเป็นบัตรสมาชิกห้องสมุดรฐั สภาสาหรบั ใช้บรกิ ารของห้องสมดุ รัฐสภา (๓) บัตรแสดงตนและลงคะแนน เป็นบัตรสาหรับการแสดงตนและลงคะแนน ซ่ึงระบบชุดการลงคะแนนเป็นระบบบัตรสมาร์ตการ์ด มี Chip card เป็นหน่วยข้อมูลสาคัญในการ บรรจฐุ านข้อมูลของสมาชกิ ๓) การเผยแพร่ข้อมูลการประชุม บันทึกออกเสียงลงคะแนน รวมท้ังฐานข้อมูลอ่ืน ๆ ของสมาชิก เชน่ ประวตั สิ มาชิก การมาประชุม การลงคะแนนโหวตต่าง ๆ ยงั มขี อ้ จากดั เร่ืองระเบียบของ ทางราชการ ในกรณีท่ีจะเผยแพร่บนเว็บไซต์จะต้องมีลายมือชื่อหัวหน้าส่วนราชการกากับ รวมทั้ง ผู้บริหารที่มีอานาจอนุมัติไม่ได้กาหนดนโยบายเร่ืองการเผยแพร่ชุดข้อมูลต่าง ๆ ในรูปแบบที่สามารถ นาไปใช้ประโยชน์ต่อได้ตามแนวทางและมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ จึงทาให้ประชาชนไม่ได้ รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการลงคะแนนของสมาชิกรายบุคคลในการประชุมแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นการ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสในการทาหน้าท่ีของสมาชิก และไม่ส่งเสริมวัฒนธรรมการเปิดกว้าง ข้อมูลของรัฐสภา ระบบการแสดงตนและการลงคะแนนของสมาชิกเป็นหมวดงาน ๑ ใน ๗ หมวดของ การจ้างงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารของโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อม อาคารประกอบ (หมวดงานที่ ๘.๓) ดาเนินการติดต้ังโดยบริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมช่ันเทคโนโลยี จากดั (มหาชน) (AIT) กระบวนการและเงือ่ นไขการใชบ้ ัตรลงคะแนนของสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรในปจั จบุ นั บตั รลงคะแนน ๑) บัตรลงคะแนน (บัตรจริง) ข้อมูลในบัตรจะมี ช่ือ นามสกุล เลขท่ีประจาตัว และพรรค ทสี่ มาชกิ สงั กัด (สมาชิกจะเป็นผเู้ ก็บรักษา) ๒) บัตรลงคะแนนสารอง ข้อมูลในบัตรจะมี ช่ือ นามสกุล เลขที่ประจาตัว และพรรค ท่ีสงั กดั (เจา้ หน้าทกี่ ล่มุ งานบรหิ ารทัว่ ไป สานกั การประชุม เป็นผ้เู ก็บรกั ษา) เงอ่ื นไขของบตั รลงคะแนน ๑) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละท่านจะมีบัตรลงคะแนน (บัตรจริง ๑ ใบ บัตรสารอง ๑ ใบ เท่าน้ัน) โดยบัตรลงคะแนนจริง และบัตรลงคะแนนสารอง จะมีข้อมูลสมาชิกและรหัสของบัตร เหมอื นกนั ๒) เคร่ืองอ่านบัตรลงคะแนนจะทาการอ่านค่าบัตรลงคะแนนของสมาชิกแต่ละท่าน ในการลงคะแนนแต่ละครง้ั ได้คร้งั ละหนึ่งบัตรเท่าน้ัน ๓) ในกรณสี มาชกิ นาบัตรลงคะแนนจรงิ และบตั รลงคะแนนสารองมาเสียบใช้พร้อมกัน เคร่ืองอ่านบัตรลงคะแนนจะทาการอ่านค่าบัตรลงคะแนนที่เสียบใบแรกเท่านั้น (ไม่ว่าจะเป็นบัตร ลงคะแนนจริงหรือบัตรลงคะแนนสารอง) บัตรลงคะแนนที่มีข้อมูลและรหัสบัตรเหมือนกันจะนามา เสียบซ้าไม่ได้ เนอ่ื งจากเคร่ืองอ่านบัตรลงคะแนนจะไมอ่ า่ นค่าบตั รลงคะแนนทเ่ี สยี บซ้าซ้อน

๖๑ ๔) ในกรณีสมาชิกทาบัตรลงคะแนนชารุดหรือสูญหาย สมาชิกจะแจ้งขอทาบัตร ลงคะแนนใหม่ เจ้าหน้าท่ีจะออกบัตรลงคะแนนโดยกาหนดรหัสของบัตรใหม่ และเม่ือทาบัตร ลงคะแนนใหม่แล้วระบบข้อมูลในบัตรลงคะแนนใบเก่าท่ีแจ้งชารุดหรือสูญหายจะถูกยกเลิก ไมส่ ามารถนากลับมาใช้ได้ ท้ังน้ี การออกบัตรลงคะแนนใหม่ รหัสบัตรจะต้องเหมือนกันท้ังบัตรลงคะแนนจริง และบตั รลงคะแนนสารอง การใช้บตั รลงคะแนน ๑) บัตรลงคะแนน สาหรับให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ใช้ลงคะแนนในห้องประชุมสภา บางครั้งสมาชิกลืมบัตรลงคะแนนไว้ เจ้าหน้าท่ีก็จะเก็บไว้ให้ และส่งคืนให้สมาชิกในช่วงเช้าของ วันถดั ไป ดงั นัน้ สมาชิกจะต้องตรวจสอบว่าไดน้ าบัตรลงคะแนนมาดว้ ยหรือไม่ เพือ่ จะได้ไมต่ ้องขานชื่อ ดว้ ยวาจา ๒) บัตรลงคะแนนสารอง สาหรับให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ใช้ลงคะแนน ในห้องประชมุ สภา ในกรณที ี่สมาชกิ ไมไ่ ด้นาบตั รลงคะแนนมาในวันประชุมน้ัน ๆ สมาชิกจะขอยมื บัตร ลงคะแนนสารองท่ีเจ้าหน้าที่เก็บรักษาไปใช้ลงคะแนน โดยสมาชกิ จะต้องลงลายมือชื่อยืมในแบบฟอร์ม ขอใชบ้ ัตรลงคะแนนสารองไวเ้ ปน็ หลักฐาน การลงมติเม่ือสมาชิกไม่ได้นาบัตรลงคะแนน (บัตรจริง) และบัตรสารองมาเสียบ จะใช้ วิธีการขานชือ่ โดยเจา้ หน้าท่ีชวเลขจะต้องไปแก้ไขบันทึกการลงคะแนนว่าสมาชิกออกเสยี งลงคะแนน โดยวิธขี านชอื่ ปัญหาของระบบการเสียบบัตรในปัจจุบัน (ชุดอุปกรณ์การลงคะแนน ๑ ชุด จะมี ไมโครโฟน ๑ ตัว และมีช่องเสียบบัตร ๒ ช่อง) เนื่องจากทั้งสองช่องจะต้องทางานสัมพันธ์กัน หากกรณี การใช้งานช่องใดช่องหนึ่งมีการเสียบบัตรผิด ช่องเสียบบัตรท้ังสองช่องจะไม่อ่านค่าบัตร เป็นผลให้ สมาชิกจะไม่สามารถกดลงคะแนนได้ทั้งสองช่อง วิธีการแก้ไขคือ สมาชิกจะต้องดึงบัตรออกท้ังสองช่อง แล้วทาการเสียบบัตรใหม่ให้ถูกต้อง ซึ่งทาให้เป็นภาระงานของเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปดูแลสมาชิก ในแตล่ ะแถวทุกคร้ังทีม่ ีการนบั องค์ประชุมหรือมีการลงมติ หน่วยงานที่รบั ผดิ ชอบการประมวลผลการลงคะแนน สานักประชาสัมพันธ์ กลุ่มงานโสตทศั นปู กรณ์ มภี ารกิจหน้าทห่ี ลกั ในการควบคุมระบบ โสตทัศนูปกรณ์ในห้องประชุมสภา ระบบการประมวลผลการออกเสียงลงคะแนนของเคร่ืองอ่านบัตร ประกอบด้วย งานระบบถา่ ยทอดสด ระบบเสยี ง และระบบลงคะแนนในหอ้ งประชมุ สภา สานักรายงานการประชุมและชวเลข รับผดิ ชอบการจดั ทารายงานบนั ทึกการออกเสียง ลงคะแนน และบันทกึ ถอ้ ยคาของสมาชิก นอกจากน้ี ยังมีเจ้าหน้าที่ของสานักอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้องและต้องปฏิบัติงานร่วมกัน เช่น สานักการประชุมและสานักบริหารงานกลาง มีหน้าที่ตรวจสอบรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมืองทสี่ มาชิกสังกัด และเลขที่บัตรสมาชกิ ให้ตรงกัน การทดสอบชุดอปุ กรณ์การลงคะแนน ก่อนการใช้บัตรบัตรอิเล็กทรอนิกส์เจ้าหน้าท่ีจะมีการตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนที่ จะนามาใช้งานให้กับสมาชิก เพื่อให้ม่ันใจว่าได้มีการทดสอบและผ่านการตรวจสอบแล้วก่อนใช้งาน

๖๒ จริงและเนื่องจากห้องประชุมสภาเป็นระบบชุดประชุมขนาดใหญ่ มีความยุ่งยากซับซ้อนสูง และ ชุดอุปกรณม์ ีความเสย่ี งสูง ดงั นัน้ สานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจึงมีความจาเปน็ ต้องจดั จ้างผู้ให้ บรกิ ารภายนอก (Outsource) มาดาเนินการบารงุ รักษาระบบและรับผิดชอบงานดา้ นระบบเสียง รว่ มกับ เจ้าหน้าท่ีของสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่เริ่มประชุมจนถึงเวลาเลิกประชุม รวมท้ัง ทดสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์บัตรลงคะแนนในแต่ละที่นั่งร่วมกับเจ้าหน้าท่ีสานักการประชุม ก่อนและหลังเลกิ ประชมุ ทกุ ครัง้ ข้ันตอนการทดสอบระบบก่อนการประชุมสภา เจ้าหน้าท่ีโสตทัศนูปกรณ์ และบริษัท ผู้รับจ้างภายนอก (Outsource) จะดาเนินการตรวจสอบระบบก่อนการประชุม โดยใช้วิธีการเปิด ฟังก์ชันโหวตเพ่ือตรวจสอบไฟสถานะ ปุ่มกด และอุปกรณ์ Card reader ทุกแถวท่ีน่ังว่าสามารถใช้ งานได้หรือไม่ โดยลาดับแรกตรวจสอบจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไฟสัญลักษณ์หรือไฟสถานะการ ทางาน โดยทดสอบต้ังแต่ขั้นตอนการลงคะแนนตามลาดับคือ การแสดงตน การลงคะแนนเห็นด้วย/ ไม่เห็นด้วย/งดออกเสียง รวมท้ังการทดสอบโดยการสุ่มกดและตรวจสอบข้อมูลที่ส่งไปประมวลผล ในระบบว่ามกี ารประมวลผลถกู ต้องตามจรงิ หรือไม่ เมื่อห้องประชุมสุริยันมีความพร้อมใช้งานแล้ว ซึ่งท่ีน่ังประมาณ ๘๐๐ ท่ีน่ัง และ สมาชิกแต่ละคนมีท่ีนั่งประจา สานักงานฯ จะทาการเปลี่ยนบัตรลงคะแนนใหม่ให้กับสมาชิกเพื่อใช้ แทนบตั รชั่วคราวท่ีใช้อยู่ในปัจจบุ ัน โดยบัตรลงคะแนนใหม่จะมีรปู สมาชิก ชอื่ -สกุล เลขท่สี มาชกิ และ พรรคการเมืองทสี่ ังกัด ความเหน็ และข้อเสนอของคณะอนกุ รรมาธิการ การยกระดับสภาผู้แทนราษฎรไปสู่ความเป็น Digital Parliament ระยะ ๕ ปี รัฐสภา จะต้องมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลท่ีเหมาะสมกับกระบวนการทางานของรัฐสภา โดยมีข้อเสนอ ดงั นี้ ๑. จัดทาบัตรสมาร์ตการ์ด (Smart card) ประจาตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยบูรณาการบัตรประจาตัวสมาชิกท้ัง ๓ ใบ ในรูปแบบใบเดียวเบ็ดเสร็จ เพ่ือให้เกิดความสะดวก ในการใช้งานและเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณในการจัดทาบัตร และนาระบบสแกนลายนิ้วมือ (Finger Print) มาใชใ้ นการยืนยันตวั ตน อนึ่ง คณะอนุกรรมาธิการมีข้อสังเกตว่าเน่ืองจากระบบการแสดงตนและลงคะแนน ของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ได้มีการออกแบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศไว้ล่วงหน้า ซ่ึงระบบ การลงคะแนนการประชุมเป็นหน่ึงในระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีได้ดาเนินการติดตั้งแล้ว หากจะทาการเปลี่ยนระบบการลงคะแนนโดยใช้บัตรสมาร์ตการ์ดและใช้การสแกนลายนิ้วมือ เพื่อยืนยันตัวตน หรือการยืนยันตัวตนโดยผ่านสองขั้นตอน (Two Factor Authentication) ในอนาคตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบริษัทผู้ติดต้ังระบบยืนยันว่าสามารถทาได้ แต่จาเป็นต้องใช้ ระยะเวลาดาเนินการศึกษาและทดสอบระบบก่อน ส่วนกรณีบัตรที่มีลักษณะเป็นแบบ RFID กับ Smart Card ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีเทคโนโลยีต่างระบบหากจะปรับเปล่ียนรูปแบบการใช้งาน จาเปน็ ต้องศกึ ษารายละเอียดขอ้ ผิดพลาดของการใชง้ านแตล่ ะแบบเพ่ิมเติมเชน่ เดียวกัน

๖๓ ๒. แม้ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ห้องสุริยัน) จะมีระบบชุดลงคะแนนเพียงพอกับ จานวนสมาชิกก็ตาม แต่เพ่ือเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเสยี บบตั รแทนกันของสมาชิก ระบบ การลงคะแนนจะต้องสามารถบันทึกได้ว่าบัตรลงคะแนนของสมาชิกถูกเสียบและลงคะแนนจากท่ีนั่ง ตาแหน่งใด เพราะหากพบว่ามีการเสียบบัตรลงคะแนนจากที่น่ังเดียวกันจากบัตรลงคะแนนจานวน หลายใบ จะเป็นข้อสังเกตว่ามีความผิดปกติในการลงคะแนนครั้งนั้น และสภาจะต้องมีการตรวจสอบ ต่อไป ดังนั้น คณะอนุกรรมาธิการขอเสนอให้ติดต้ังโปรแกรมการบันทึกผลการลงคะแนน โดยการ บันทึกหน้าจอคอมพิวเตอร์ (Screen Capture) ผลการลงคะแนนแบบเรียลไทม์ (Real time) และ เผยแพร่บันทึกวิดีโอหลังจากการประชุมเพ่ือประกอบเป็นหลักฐานในการตรวจสอบย้อนหลังต่อไป โดยเผยแพร่ในช่องทาง YouTube เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและประหยัดพื้นท่ีความจุ ข้อมูลของระบบ เช่น ตัวอย่างของรัฐสภาสหราชอาณาจักร (UK Parliament) ซึ่งใช้ YouTube เพือ่ เผยแพร่บนั ทกึ การตอบคาถาม การอภปิ ราย และการลงคะแนนเสียงในรัฐสภา ๓. เปิดเผยข้อมูลการลงคะแนนของสมาชิกรายบุคคลในรูปแบบไฟล์ csv เพ่ือ ประโยชน์ในการนาไปใช้งานต่อได้ พร้อมทั้งกาหนดนโยบายเก่ียวกับชุดข้อมูลที่รัฐสภาจะเปิดเผย เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติท่ีชัดเจนและเพ่ือให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการบริหารงานและ การให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมท้ังกาหนดสิทธ์ิในการเข้าถึงข้อมูลแต่ละ ประเภ ท ด้ว ย รว มทั้ง เปิดเผยข้อมูลในรูปแบบ Common Standard Open API (Application Programming Interface) เพ่ือใหเ้ กิดการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหวา่ งระบบอ่ืน ๆ ทั้งหน่วยงาน ภาครฐั ด้วยกนั หรือเอกชน ภายใตก้ ารเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ที่กาหนดไวไ้ ด้โดยสะดวก ๔. ควบคุมและจัดทามาตรฐานระบบการรักษาความปลอดภัยของระบบหลังบ้าน (Back office) เช่น การล็อกอิน (Log in) เข้าระบบควบคุมการลงคะแนนและการแก้ไขข้อมูล เพอ่ื ปอ้ งกันชา่ งเทคนิคหรือผไู้ มเ่ ก่ยี วขอ้ งสามารถเข้าถงึ อุปกรณ์และระบบไดโ้ ดยง่าย ๕. ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) เพ่ือเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ในหอ้ งประชุมสภาและเป็นหลกั ฐานประกอบการตรวจสอบกรณีเกดิ ความผดิ ปกตใิ นการลงคะแนน ๓.๑.๒ ระบบความปลอดภัยไซเบอรข์ องรัฐสภา และการค้มุ ครองข้อมูลสว่ นบคุ คล ในปัจจบุ นั การใหบ้ ริการหรือการประยุกต์ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ อนิ เทอร์เน็ต โครงข่าย การสื่อสารและโทรคมนาคม มีความเส่ียงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ซึ่งอาจกระทบต่อความม่ันคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังนั้น เพ่ือให้สามารถป้องกันหรือรับมือกับภัยคุกคาม ทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที ทั้งหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชนจะต้องมีการป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงในด้านต่าง ๆ ไม่ว่า ในสถานการณท์ ่วั ไปหรอื สถานการณอ์ ันเปน็ ภยั ต่อความมั่นคงอย่างร้ายแรงกต็ าม อาคารรัฐสภาแห่งใหม่เป็นอาคารขนาดใหญ่ถูกบริหารจัดการด้วยระบบสารสนเทศ ครอบคลุมด้วยระบบเครือข่ายภายใต้ระบบรักษาความม่ันคงปลอดภัยสารสนเทศและระบบรักษาความ ม่นั คงปลอดภัยทางกายภาพที่เขม้ งวด รวมทงั้ เปน็ องค์กรหลกั ด้านนิตบิ ญั ญตั ิซงึ่ เปน็ แหลง่ ขอ้ มูลที่สาคัญ ของประเทศ ดังนั้น การดูแลระบบสารสนเทศและโครงข่ายส่ือสารของรัฐสภาจาเป็นต้องเพิ่ม มาตรการระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลควบคู่ไปด้วยอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ ดังน้ัน

๖๔ องค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการป้องกันและตรวจสอบการเข้าใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศโดยไม่ได้ รับอนุญาต ขั้นตอนการป้องกันภัยคุกคามจากผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ รวมทั้งการป้องกันจากภัยคุกคามต่าง ๆ จากอาชญากรรมคอมพวิ เตอร์ จึงมคี วามสาคญั ต่อผ้ใู ช้งานและผดู้ แู ลระบบคอมพวิ เตอร์ของรฐั สภา ภัยคุกคามตอ่ ระบบคอมพิวเตอร์ ภัยคุกคามในประเทศไทยพบว่าส่วนใหญ่ระบบเว็บไซต์ถูกแฮ็ก (Hack) โดยในช่วง ๔ ปี ที่ผ่านมา จากการรวบรวมข้อมูลของ ThaiCERT พบสถิติของการแฮ็กเว็บไซต์หน่วยงานราชการไทย จานวนมาก ซ่ึงภัยคุกคามต่อระบบคอมพิวเตอร์ครอบคลุมทั้งการคุกคามทางระบบฮาร์ดแวร์ ระบบ ซอฟต์แวร์ และข้อมูล โดยสาเหตุของภัยคุกคามอาจจะมาจากทางกายภาพ เช่น อัคคีภัย ปัญหา วงจรไฟฟ้า ระบบส่ือสาร ความผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ ความผิดพลาดของซอฟต์แวร์ หรือภัยคุกคาม ที่เกดิ จากคนหรอื ผใู้ ช้ระบบ เชน่ การบุกรกุ จากผทู้ ไ่ี ม่ได้รับอนุญาต หรือผูใ้ ช้ไม่เขา้ ใจระบบทาให้ระบบ เกดิ ความเสียหาย ภัยคุกคามเหล่าน้ีเป็นสาเหตุให้ข้อมูลในระบบเสียหาย สญู หาย ถกู ขโมย หรือแก้ไข บดิ เบือน การดาเนนิ การรับมอื กบั ภยั คกุ คามของ ThaiCERT การปฏิบัติงานของศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ ประเทศไทย (ThaiCERT) จะมีลักษณะเป็นการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในลักษณะของการ แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน กล่าวคือ เมื่อหน่วยงานต่างประเทศพบภัยคุกคามท่ีเกิดขึ้นจาก ประเทศไทย หน่วยงานต่างประเทศจะประสานมายัง ThaiCERT ซง่ึ เป็นหน่วยงานกลางของประเทศไทย สาหรับรูปแบบของการทางานเม่ือได้รับการแจ้งเหตุ ThaiCERT จะดาเนินการประสานรับมือแล้วแจ้ง เหตุไปยังหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เช่น ประเทศสมาชิกแจ้งว่าหน่วยงานราชการหน่วยงานหนึ่งมีภัย คุกคามหรือระบบคอมพิวเตอร์ถูกโจมตี ทีมงาน ThaiCERT จะดาเนินการสืบค้น เม่ือพบว่าเป็น หนว่ ยงานใดกจ็ ะมีการประสานให้ข้อมูลกับหน่วยงานนน้ั ๆ โดยตรง รวมถงึ ให้ขอ้ แนะนาในการรับมือ ภยั คกุ คามกรณตี ่าง ๆ ดว้ ย ซง่ึ จะพิจารณาเป็นรายกรณีไป การดาเนินการรับมือภัยคุกคามของ ThaiCERT ดาเนินการหลากหลายรูปแบบ เช่น การเข้าไปตดิ ต้งั อุปกรณ์เพื่อเฝา้ ระวงั การเข้าไปคัดเลอื กข้อมูลกิจกรรมการใชง้ าน เพ่ือให้ข้อมูลเก่ียวกับ ความผิดปกติและบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องเว็บไซต์ แล้วนาข้อมูลมาประมวลผลท่ีศูนย์ปฏิบัติการ CSOC (Cyber Security Operation Center) ของ ThaiCERT ซ่ึงมีผู้ปฏิบัติงานเฝ้าระวังเหตุตลอด ๒๔ ชั่วโมง ท้ังนี้ รูปแบบการเฝ้าระวังหรือการป้องกันขึ้นอยู่กับหน่วยงานแต่ละแห่งจะพิจารณาระดับ ภัยคุกคามแล้วแจ้งให้ดาเนินการรับมือในรูปแบบใด ซ่ึง ThaiCERT จะมีกลไกในการดูแลให้ตลอด ๒๔ ช่ัวโมง รวมทั้งการเข้าไปสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข่าวในเครือข่ายต่างประเทศหรือในหน่วยงานที่ทางาน รว่ มกนั ด้วย โครงการ “Government Monitoring System” เป็นกระบวนการในการเฝ้าระวังเหตุ ภัยคุกคามให้กับหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะ แต่ไม่ได้บังคับให้ทุกหน่วยงานต้องเข้าร่วมโครงการ โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ ๒๕๐ หน่วยงาน รวมถึงหน่วยงานของรัฐสภาด้วย ซึ่งเป็น การจัดเตรียมเคร่ืองมือ กระบวนการ และบุคลากรสาหรับการรับมือกรณีเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้กับ หน่วยงานต่าง ๆ นอกจากน้ี ThaiCERT พยายามจะดาเนนิ การจัดกจิ กรรมซกั ซ้อมการรับมือภัยคุกคาม ดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารกบั หนว่ ยงาน หรอื การซอ้ มรบั มือให้กับหน่วยงานภาครัฐที่อยู่

๖๕ ในโครงการทุก ๆ ปี แต่ด้วยข้อจากัดทางทรัพยากรและงบประมาณ ในแต่ละปีจึงได้มีการแบ่งการซักซ้อม ให้กับหน่วยงานที่เก่ียวข้อง โดยในส่วนของรัฐสภา ThaiCERT ได้มีการประสานงานและเฝ้าระวังอยู่ ท้ังน้ี เม่ือรัฐสภาแห่งใหม่แล้วเสร็จ ThaiCERT จะประสานงานเพ่ือเพ่ิมมาตรการดูแลและเฝ้าระวัง ตอ่ ไป ระบบการรกั ษาความปลอดภยั ไซเบอรข์ องรฐั สภา ปัจจุบันระบบสารสนเทศใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลักในการเก็บรักษาข้อมูลและใช้ระบบ เครือข่ายเป็นส่ือกลางในการติดต่อสื่อสาร การนาระบบสารสนเทศเข้ามาใช้จึงต้องเพ่ิมในเรื่องของ ระบบการรกั ษาความปลอดภยั ของข้อมูลควบคไู่ ปดว้ ยอยา่ งหลีกเล่ยี งไม่ได้ ดงั นน้ั องคก์ รต่าง ๆ จงึ ให้ ความสาคัญในด้านความม่ันคงปลอดภัยไซเบอร์มากขึ้น โดยหนึ่งในการดาเนินการหลักท่ีองค์กรควร พิจารณา คือ การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการไซเบอร์ (Security Operations Center – SOC หรือ Cyber Security Operations Center – CSOC ) เพ่ือเป็นศูนย์กลางในการเฝ้าระวังและรับมือภัยคุกคาม ทางไซเบอร์ขององค์กร โดย SOC ท่ีมีประสิทธิภาพจะช่วยให้องค์กรสามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ ภัยคุกคามต่าง ๆ ในเครือข่ายของตนได้อย่างครอบคลุมและสามารถระบุถึงเหตุการณ์ผิดปกติได้อย่าง รวดเร็วและแม่นยา รวมถึงตอบสนองต่อเหตุการณ์นั้นได้ทันท่วงที นอกจากน้ี SOC ยังสามารถ ทาหน้าท่ีอื่น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การตรวจสอบหาช่องโหว่ในระบบ และการสร้างความ ตระหนกั รใู้ หก้ ับเจ้าหนา้ ทใ่ี นองค์กร ระบบเครือข่ายไร้สายเป็นระบบท่ีมีความเส่ียงต่อการโจมตีได้โดยง่ายเนื่องจาก ใช้คล่ืนสัญญาณท่ีอยู่ในอากาศ ซ่ึงผู้ไม่ประสงค์ดีจะสามารถลักลอบโจมตีหรือเจาะระบบเข้าใช้งาน ได้ตลอดเวลา ระบบเครือข่ายไร้สายของรัฐสภาจึงต้องมีระบบเพ่ือตรวจจับและป้องกันการถูกโจมตี ผ่านเครือข่ายไร้สายโดยเฉพาะ โดยใช้อุปกรณ์ Access Point ท่ีติดตั้งกระจายครอบคลุมพ้ืนที่เพื่อช่วย ตรวจจับการโจมตีผ่านอากาศ และทาการรายงาน และยับย้ังการเชื่อมต่อท่ีไม่ปลอดภัยได้ ท้ังน้ี การรักษาความปลอดภยั ของระบบเครือข่ายไร้สาย Wireless LAN ของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ กาหนดให้ ผู้ใชง้ านระบบ Wireless LAN ต้องผา่ นการพสิ ูจนต์ วั ตน (Authentication) กอ่ นเข้าใชง้ านทุกครั้ง การดแู ลรักษาระบบเครือข่ายขนาดใหญ่จาเป็นจะต้องมีเคร่ืองมือหรือซอฟต์แวร์ที่ช่วย ในการบริหารจัดการระบบ เพ่ือให้สามารถตรวจสอบการทางานของระบบ และแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบเครือข่ายไร้สาย Wireless LAN สาหรับอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จะมี คณุ สมบตั ดิ ้านการบริหารจัดการทีช่ ่วยใหผ้ ดู้ แู ลระบบสามารถมองเหน็ สถิติการใช้งานเครือข่ายในรูปแบบ กราฟกิ ได้ ทงั้ แบบ Wireless Management System และ Wireless Location Tracking สาหรับระบบรักษาความปลอดภัยของรัฐสภาแห่งใหม่จะมีการรักษาความปลอดภัย ๒ ช้ัน โดยมีห้องศูนย์ปฏิบัติการเครือข่าย (Network Operation Center : NOC) และศูนย์ปฏิบัติการ การรักษาความม่ันคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Security Operation Center : SOC) ซ่ึงเป็นระบบ Security บนพ้ืนฐานของระบบ Network โครงการจ้างงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่ือสารโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ แต่อย่างไรก็ตาม รัฐสภา ยังต้องอาศัยความรว่ มมอื จาก ThaiCERT และ CAT Telecom ในการเฝ้าระวังภัยคุกคาม

๖๖ ความร่วมมอื ระหว่างรัฐสภากบั ThaiCERT เนื่องจากระดับความเข้มข้นของโครงสร้างพื้นฐานสาคัญทางสารสนเทศ (CII) แต่ละ หน่วยงานไม่เท่ากัน ข้ึนอยู่กับโครงสร้างและภารกิจ เช่น หน่วยงานของรัฐสภาระดับความเข้มข้น จะไมเ่ ท่ากับหนว่ ยงานความมน่ั คงของรฐั หรือหน่วยงานท่ีให้บริการสาธารณะอื่น ๆ ที่หากมีภัยคุกคาม ต่อระบบคอมพิวเตอร์จะมีผลกระทบต่อระบบในวงกว้างมากกว่า เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรคมนาคม หรือสาธารณสุข ท้ังน้ี ความร่วมมือระหว่างรัฐสภากับ ThaiCERT ท่ีผ่านมา สานักงานเลขาธิการสภา ผ้แู ทนราษฎรได้มกี ารสง่ เจา้ หน้าที่ไปฝกึ อบรมเรอ่ื งการเฝ้าระวังภัยในระดับผู้ดูแลระบบ (Admin) หรือ การเข้าไปติดตามดูเหตุการณ์ผิดปกติ โดยชื่อแอดมินทุกคนจะอยู่ในบัญชีของ ThaiCERT เมื่อมี เหตุการณ์ผิดปกติระดับขั้นวิกฤตจะมีการประสานงานทางโทรศัพท์ทันที แต่หากกรณีไม่ถึงข้ันวิกฤต หรือสามารถรอได้จะใช้วิธีการส่งอีเมล์แจ้ง นอกจากน้ี สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะให้เจ้าหน้าที่คอยติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์ของ ThaiCERT และแจ้งข่าวสารการโจมตีต่าง ๆ อยู่เปน็ ระยะ ส่วนแนวนโยบายและแนวทางปฏิบัติของสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สาหรับการรักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันได้จัดทาและประกาศใช้นโยบายและ แนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศของรัฐสภา แผนรองรับสถานการณ์ ฉุกเฉินระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารของรัฐสภาและแผนสารองข้อมูลของรัฐสภา (Backup Plan) รวมทั้งมีการจัดเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์โดยบริษัท กสท โทรคมนาคม จากัด (มหาชน) เพื่อคอยแจ้งเตือนเวลามีเหตุการณ์ที่ผิดปกติทางคอมพิวเตอร์และการสืบหาข้อมูลกรณี ทเี่ วบ็ ไซตถ์ กู โจมตีเพ่ือดาเนนิ คดตี อ่ ไป ด้านการประเมินความเสี่ยง สานักสารสนเทศ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดทาแผนประเมินความเสี่ยงทุกสองปี เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ โดยประเมินทั้งทางด้าน กายภาพและส่ิงแวดล้อม การจัดวางตาแหน่งของห้องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและอุปกรณ์ส่ือสาร ส่วนระบบการรกั ษาความปลอดภยั ได้มีการตดิ ตัง้ ระบบเพื่อป้องกนั การโจมตีไวรัสท่วั ไป เช่น Firewall, IDS (Intrusion Detection Systems) และ IPS (Intrusion Prevention Systems) เปน็ ต้น ทง้ั น้ี เพอื่ บรู ณาการแนวนโยบายและแนวปฏิบัตใิ นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสาหรับ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคล่ือนแผนดิจิทัลของสานักงาน เลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎรและสานกั งานเลขาธิการวุฒสิ ภา เพื่อใหก้ ารทางานเปน็ เอกภาพ ความเห็นและขอ้ เสนอของคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๑. เนื่องจากระบบเครือข่ายไร้สายเป็นระบบที่มีความเส่ียงต่อการโจมตีได้โดยง่าย เพราะใช้คล่ืนสัญญาณที่อยู่ในอากาศ ทาให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถลักลอบโจมตีหรือเจาะระบบเข้าใช้ งานได้ตลอดเวลา ดังน้ัน ระบบเครือข่ายไร้สายของรัฐสภาจึงต้องมีระบบเพ่ือตรวจจับและป้องกัน การถูกโจมตีผ่านเครือข่ายไร้สายโดยเฉพาะ โดยการเพิ่มมาตรการตรวจสอบและยืนยันสิทธิการเข้า ระบบบัญชีผู้ใช้งานใหส้ อดคลอ้ งกับความจาเป็นในการเข้าถึงระบบและข้อมูล โดยต้องผ่านการพิสูจน์ ตัวตนอย่างน้อย ๒ ช้ัน (Two Factor Authentication) ก่อนเข้าใช้งานทุกครั้ง และเพิ่มมาตรการ ปอ้ งกันเว็บไซต์สาคญั ดว้ ยระบบการป้องกันการโจมตี เชน่ Web Application Firewall หรอื DDoS

๖๗ ๒. การประสานงานกับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง (ThaiCERT) เพื่อยกระดับมาตรการดูแล และเฝ้าระวังภยั คุกคามจากระบบคอมพิวเตอร์ให้สอดคล้องกบั ระดับการรักษาความปลอดภยั ของอาคาร รัฐสภาแหง่ ใหม่ ๓. การสื่อสารภายในองค์กรระหว่างเจ้าหน้าที่และบุคคลในวงงานรัฐสภา ควรพัฒนา ระบบการรับส่งข้อมูล โดยการเปลี่ยนมาใช้การส่ือสารภายในผ่านการเข้ารหัสหรือระบบการรักษา ความปลอดภัยภายในหรือเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ Instant Message (IM) หรือช่องทางส่ือสารจาก ผ้ใู ห้บรกิ ารภายนอก ๔. การขับเคล่ือนรัฐสภาเพ่ือมุ่งสู่การเป็น Digital Parliament สานักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎรและสานักงานเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนของรัฐสภา จะต้อง บูรณาการแนวทางการทางานร่วมกันโดยมีการบริหารจัดการการใช้งานระบบโครงสร้างพ้ืนฐาน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภาท้ังในด้านฮาร์ดแวร์ ระบบซอฟต์แวร์ ระบบฐานข้อมูล และ ระบบเครือข่าย เพื่อให้มีความพร้อมต่อการใช้งานตลอดเวลา รวมทั้งเพ่ือให้มีความมั่นคงปลอดภัย เป็นไปตามมาตรฐานสากล ตามแนวทางยุทธศาสตร์ที่ ๒ ของ Digital Parliament ของรัฐสภา ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2561 – 2565) ๕. ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรของรัฐสภาให้มีความรู้ ความสามารถในการใช้ระบบ โครงสรา้ งพ้นื ฐานดา้ นเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ มีประสทิ ธภิ าพ มคี วามเปน็ มืออาชพี และเปน็ ต้นทุน มนุษย์ (Human Capital) ของรัฐสภา เช่น การส่งบุคลากรเข้าร่วมฝึกอบรมกับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง โดยตรงเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกรณีการเกิดเหตุการณ์ที่ผิดปกติหรือเหตุการณ์วิกฤตต่าง ๆ ตลอดจนพฒั นาแผนงานใหส้ อดคลอ้ งกบั แผนระดับชาติว่าดว้ ยการรกั ษาความมั่นคงปลอดภยั ไซเบอร์ ๓.๑.๓ ระบบ SMART/Green Building, ระบบป้ายข้อมูลดิจิทัล (Digital Signage) และระบบการรักษาความปลอดภยั ของอาคารรัฐสภา ระบบ SMART/Green Building ของอาคารรัฐสภาแหง่ ใหม่ กลุ่มกิจการร่วมค้าสงบ ๑๐๕๑ ได้ทาการออกแบบระบบปรับอากาศและระบาย อากาศบริเวณทางเดิน (Corridor) อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในลักษณะตู้กับข้าว ภายใต้แนวคิด ผสมผสานระหว่าง Active Design และ Passive Design ซ่ึงใช้ประโยชน์จากปัจจัยธรรมชาติ ท่ีสอดคล้องสภาพแวดล้อมบริเวณที่ต้ังอาคาร เพื่อให้เกิดสภาวะความน่าสบายของผู้ใช้งาน ประกอบ กับอาคารรัฐสภามีข้อได้เปรียบด้านพ้ืนท่ีตั้งซึ่งติดกับแม่น้าเจ้าพระยา มีทิศทางลมท่ีเหมาะสม และ มีแนวคิดในการเพิ่มพื้นท่ีสีเขียว พร้อมทั้งมีการเจาะช่องลมบริเวณโดยรอบอาคาร ทั้งนี้ เพ่ือให้มีการ ใช้พลงั งานในระบบปรับอากาศในระดับต่้าสดุ และเพื่อให้มรี ะบบปรบั ความเย็นแบบธรรมชาติ โดยให้ อากาศเย็นเข้าทางดา้ นลา่ งอาคารและพดั พาความร้อนลอยตัวขน้ึ สู่ด้านบนอาคาร จึงใช้หลกั การดังกล่าว ออกแบบระบบปรับอากาศและระบายอากาศบริเวณทางเดิน โดยไม่ติดเครื่องปรับอากาศ เนื่องจาก อาคารรัฐสภามีพ้ืนท่ีบริเวณทางเดินโดยรอบอาคารและมีขนาดพ้ืนท่ีกว่า ๔๒๔,๐๐๐ ตารางเมตร หากติดเครื่องปรับอากาศทั้งหมดจะท้าให้ต้องเสียค่าไฟฟ้าเป็นจ้านวนมาก พร้อมท้ังผู้ใช้งานควรมี พฤตกิ รรมการใชง้ านทีส่ อดคล้องกบั อาคารทีอ่ อกแบบมา

๖๘ ต่อมาส้านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้มีหนังสือถึงกลุ่มกิจการร่วมค้าสงบ ๑๐๕๑ แจ้งความประสงคเ์ พื่อขอติดตง้ั เครอื่ งปรบั อากาศบรเิ วณทางเดิน (Corridor) เพอื่ อ้านวยความ สะดวกให้กับสมาชิกรัฐสภาและบุคลากรในวงงานรัฐสภา กลุ่มกิจการร่วมค้าสงบ ๑๐๕๑ จึงได้ ด้าเนินการออกแบบระบบปรับอากาศใหม่ในรูปแบบผสมผสาน กล่าวคือ สามารถท้าการปิด - เปิด เคร่ืองปรับอากาศได้ข้ึนอยู่กับสภาวะอากาศ พร้อมท้ังได้มีหนังสือเสนอความเห็นถึงคณะกรรมการ ตรวจการจ้างวา่ เห็นด้วยกับการติดเคร่ืองปรับอากาศบริเวณพื้นที่ห้องโถงข้างลา่ ง แต่บริเวณทางเดนิ ช้ัน ๗, ๘, และ ๙ ซ่ึงเป็นห้องท้างานของสมาชิกรัฐสภาไม่ควรติดเครื่องปรับอากาศ เน่ืองจากมีการ ออกแบบให้มีช่องระบายอากาศที่ดี ตั้งอยู่บริเวณมุมอาคารจ้านวน ๔ มุม ซึ่งมีอากาศถ่ายเทตลอด จงึ ไมม่ คี วามจ้าเป็นตอ้ งตดิ เคร่ืองปรบั อากาศ เพราะอาจท้าใหม้ คี ่าใชจ้ ่ายในส่วนค่าไฟฟ้าเพ่ิมขนึ้ กลุ่มกิจการร่วมค้าสงบ ๑๐๕๑ ได้ทาการออกแบบการบรหิ ารจัดการด้านระบบปรับ อากาศ และระบบไฟฟ้าแบบการจัดการแบบรวมศูนย์ (Centralized Management) ซ่ึงได้ทาการ ติดตั้งระบบไว้ที่ศูนย์ข้อมลู หลัก (Data Center) โดยมรี ะบบควบคุมอัตโนมัตซิ ึ่งสามารถทาการปิด - เปิด ระบบลิฟต์ ระบบปรับอากาศ ระบบไฟ และสามารถแสดงภาพ Monitor การใช้ลิฟต์ และระบบอื่น ๆ ได้ผ่านห้องควบคุม ต่อมาส้านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ว่าจ้างบริษัท เมอร์ลินส์ โซลูช่ันส์ อินเตอร์แนช่ันนัล จ้ากัด ด้าเนินการออกแบบรายละเอียดของการติดต้ังระบบควบคุมอัตโนมัติต่าง ๆ ที่ จ ะ ร อ ง รั บ ก า ร ใ ช้ ง า น ภ า ย ใ น อ า ค า ร รั ฐ ส ภ า ซ่ึ ง ร ว ม อ ยู่ ใ น ง า น ด้ า น เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ แ ล ะ การส่ือสาร (ICT) ในส่วนของระบบโสตทัศนูปกรณ์ โดยมีห้องแสดงภาพ Monitor ๒ แบบ ได้แก่ แบบ MCR (Master Room) ซ่ึงเป็นห้องหลัก และแบบ LCR ซึ่งติดตั้งบริเวณพื้นที่ฝ่ังอาคารวุฒิสภา และฝั่งอาคารสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ังละ ๒ ห้อง รวมท้ังมีระบบด้านพลังงานให้มีระบบตรวจเช็ค โดยติดต้ังหม้อแปลงไฟในแต่ละช้ันและสามารถตรวจวัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ว่าชั้นไหนใช้มากน้อย กว่ากนั ตลอดจนมมี าตรการในการประหยดั พลังงานตามเกณฑ์ทก่ี ระทรวงพลังงานกาหนด นอกจากนี้ ได้ทาการออกแบบให้มีระบบการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) ไว้ แต่ไมไ่ ดด้ าเนนิ การกอ่ สร้างตามแบบเน่ืองจากถูกตัดงบประมาณในสว่ นดังกล่าว แนวทางการดาเนนิ การดา้ นรักษาความปลอดภยั ของอาคารรัฐสภาในปัจจบุ ัน ปัจจุบันการดาเนินการด้านรักษาความปลอดภัยของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้มีการ ติดต้ังกล้อง CCTV บริเวณพ้ืนที่จอดรถและพ้ืนที่บางส่วนท่ีก่อสร้างแล้วเสร็จ ยังเหลือบริเวณของการ ก่อสร้างที่ยังไม่แล้วเสร็จซ่ึงเก่ียวข้องกับงานระบบสายสัญญาณ (ท่อ สาย และเต้ารับ) ซ่ึงหากงาน ท่อร้อยสายด้าเนินการไม่แล้วเสร็จ จะไม่สามารถท้าการเช่ือมต่อระบบกล้อง CCTV ได้ เน่ืองจาก ไม่สามารถส่งข้อมูลจาก Client ไปยัง Server เพ่ือเชื่อมต่อไปยังการบริหารจัดการกล้อง CCTV นอกจากน้ี ยังไม่มีการติดต้ังเคร่ืองตรวจใต้ท้องรถ ส่วนของเคร่ืองตรวจจับวัตถุระเบิดแบบ X-RAY และเครื่องตรวจจับโลหะแบบเดินผ่าน(Walk through metal detector) ซึ่งติดตั้งบริเวณประตู ทางเขา้ ยงั เป็นของเดิมจากอาคารรัฐสภา (อูท่ องใน) นอกจากนี้ ได้มีการจัดท้าแผนเตรียมความพร้อมเพ่ือรองรับกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน บริเวณอาคารรฐั สภาแหง่ ใหม่ ซง่ึ ส้านักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎรไดจ้ ดั ท้าแผนต่าง ๆ ดังน้ี (๑) แผนเก็บกู้วตั ถรุ ะเบดิ (๒) แผนปอ้ งกนั และระงบั อคั คีภัย

๖๙ (๓) แผนการจบั ตัวประกัน (๔) แผนกรณเี กดิ เหตุชุลมนุ ในห้องประชมุ (๕) แผนการกอ่ วนิ าศกรรม โดยส้านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรร่วมกับบริษัท ซิโน - ไทย เอ็นจีเนียร่ิง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จ้ากัด (มหาชน) ได้มีซักซ้อมแผนระงับอัคคีภัย แผนเคล่ือนย้ายผู้ป่วยไปยัง โรงพยาบาล และแผนกรณีเกิดเหตุชุลมุนในห้องประชุมและจะท้าการรอบประเมินทุกรอบระยะเวลา ๓ เดือน และ ๖ เดือน แนวทางการดา้ เนนิ การด้านรกั ษาความปลอดภยั ของอาคารรัฐสภาในอนาคต สา้ หรับระบบเทคโนโลยีท่ีน้ามาใช้ในการรักษาความปลอดภัยของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ในอนาคต คาดว่าจะมีการติดต้ังกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) บริเวณโดยรอบอาคารรัฐสภา เนื่องจากพ้ืนที่บริเวณโดยรอบนอกพื้นท่ีต้งั ของอาคารหลักออกแบบมาไม่มีร้ัวกั้น ยกเว้นพื้นท่ีที่ติดกบั บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จ้ากัด ดังนั้น จึงต้องมีการติดต้ังกล้อง CCTV เพ่ือให้มีการบันทึกความ เคล่ือนไหว เฝ้าระวัง และการป้องกันเหตุ เพ่ือเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยห้องควบคุม กลอ้ ง CCTV ต้งั อยู่ในบริเวณพ้นื ที่ ๒ ส่วน ไดแ้ ก่ บรเิ วณชนั้ ใต้ดิน B๑ ของฝ่ังอาคารสภาผูแ้ ทนราษฎร และฝั่งอาคารวุฒิสภา ซึ่งห้องควบคุมภาพรวมของอาคารรัฐสภาต้ังอยู่ในฝ่ังอาคารสภาผู้แทนราษฎร ใกล้กับห้อง Data Center และมีระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลได้ภายใน ๓๐ วัน และจะท้าการบันทึก ซ้าอัตโนมัติ แต่ไม่สามารถเรียกดูข้อมูลย้อนหลังได้ อีกทั้งมีการติดเครื่องกั้นทนแรงชนบริเวณทางเขา้ เพื่อป้องกันการโจมตีของยานพาหนะ และลดความเส่ียงจากการบุกรุกหรือพุ่งชน ในส่วนของบัตร เข้า-ออกอาคารรัฐสภาและบัตรส้าหรับยานพาหนะของสมาชิกรัฐสภาจะใช้บัตร RFID ส่วนบุคคลท่ัวไป ที่มาติดต่อราชการต้องท้าการแลกบัตร RFID ที่กองรักษาการณ์ ซ่ึงจะจ้ากัดสิทธิให้เข้าได้เฉพาะพื้นท่ี ที่มาติดต่อราชการเท่าน้ัน ดังน้ัน ในอนาคตระบบบัตร RFID จะน้ามาใช้ในการเข้า-ออกบริเวณอาคาร รัฐสภาแห่งใหม่ โดยจะท้าการติดตั้งเคร่ืองอ่านบัตร RFID บริเวณประตูทางเข้าระหว่างชั้น ตลอดจน มีห้องประชุมส้าหรับบริหารเหตุฉุกเฉิน (War Room) เพื่อใช้ในการบริหารจัดการกรณีเกิดเหตุการณ์ ไม่ปกติหรือภาวะวกิ ฤต โดยต้ังอยใู่ นสว่ นของสา้ นักรักษาความปลอดภัย บริเวณช้ันใตด้ นิ B๑ ระบบป้ายข้อมลู ดิจทิ ัล (Digital Signage) ระบบป้ายข้อมูลดิจิทัล (Digital Signage) เป็น ๑ ใน ๗ หมวดงานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสือ่ สารโครงการก่อสรา้ งอาคารรัฐสภาแหง่ ใหม่ พร้อมอาคารประกอบ (หมวดงาน ๘.๓.๔) อปุ กรณ์ท่ีเกยี่ วข้อง ประกอบด้วย ๑) โทรทศั น์ (TV) ใช้สา้ หรับเผยแพร่ประชาสมั พันธข์ อ้ มลู ตา่ ง ๆ เก่ียวกับรฐั สภา จ้านวน ๙๗ เครอ่ื ง และใช้สา้ หรับการเผยแพรป่ ระชาสัมพนั ธ์รายละเอียดหอ้ งประชุม จา้ นวน ๒๘๐ เคร่ือง ๒) ตู้คีออส (Kiosk) จ้านวน ๕๐ ชุด ติดตั้งบริเวณหน้าห้องประชุมคณะกรรมาธิการ เพื่อแสดงผลเกี่ยวกับข้อมูลการประชุม ประกอบด้วย ช่ือคณะ ระเบียบวาระการประชุม รายชื่อ ผู้เข้าร่วมประชุม และเวลาการประชุม และตู้ Kiosk ซึ่งติดตั้งบริเวณทางเข้า เพ่ือแสดงข้อมูลระบบ น้าทางไปยังสถานท่ีหรือห้องประชุมต่าง ๆ ภายในอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ประกอบด้วย โทรทัศน์ (TV) และใช้ส้าหรับเป็นจุดให้บริการประชาสัมพันธ์ ส้าหรับตู้ Kiosk ออกแบบมาเพื่อให้สมาชิกแต่ละคน

๗๐ ท้าการสแกนบัตรประจ้าตัว RFID ซ่ึงเจ้าหน้าที่จะจัดเตรียมไว้ให้ โดยจะแสดงผลข้อมูลตารางการ ประชุมและกิจกรรมของสมาชิกในแต่ละวัน แต่ระบบการท้างานของตู้ Kiosk ดังกล่าว ยังไม่ครอบคลุม ถงึ การปล่อยสัญญาณในลักษณะระบบ Beacon บน Smart phone ระบบ Digital Signage ส่ วนของการออกแบบระบบ Integrated Software ประกอบด้วย การแสดงผลข้อมูลระบบการจองห้องประชุม ระบบค้าขอสื่อโฆษณา และระบบป้ายแสดง การเรียกลงมติ (IP Meeting call) ในรูปแบบป้ายไฟ ซึ่งติดต้ังภายในห้องประชุมคณะกรรมาธิการ ทั้งฝ่ังอาคารวุฒสิ ภาและสภาผู้แทนราษฎร และขณะน้ีอยู่ระหว่างการพัฒนา Application ท่จี ะติดตั้ง บนจอประชาสัมพันธ์ ซึ่งปัญหาและอุปสรรคขณะน้ีคือเรื่องความพร้อมของพื้นท่ีติดตั้งและการติดตั้ง บางสว่ นทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั งานท่อรอ้ ยสาย ความเห็นและขอ้ เสนอของคณะอนกุ รรมาธิการ ๑. เนื่องจากปัจจุบันอุปกรณ์ Smart Device เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวัน โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลการบริการต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตได้จากทุกที่และทุกเวลา ดังนั้น ระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐสภาจึงต้องสามารถรองรับการเข้าถึงข้อมูล และบริการต่าง ๆ ได้จาก หลากหลายอุปกรณ์ท้ังเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ Smart Devices และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่และ ทุกเวลาด้วยการเช่ือมต่อท่ีปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ดังน้ัน ข้อมูลการประชุมและกิจกรรมของ สมาชิกรัฐสภาในแต่ละวันที่แสดงผลบนตู้ Kiosk ต้องสามารถเชื่อมโยงผ่านอุปกรณ์ Smart Devices ในลักษณะการปล่อยสัญญาณแบบระบบ Beacon เพ่ือให้สมาชิกรัฐสภาสามารถเข้าถึงข้อมูลและ บรกิ ารต่าง ๆ ไดอ้ ย่างสะดวกและรวดเร็ว ๒. พิจารณาใช้ระบบ Video Conference ในการประชุมชั้นการพิจารณาของ คณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ เพ่ือให้ หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องสามารถช้ีแจงงบประมาณผ่านระบบ Video Conference ต่อคณะกรรมาธิการได้ อันจะเป็นการแก้ไขปัญหาเร่ืองพ้ืนท่ีจอดรถและจานวนห้องประชุมที่ใช้สาหรับรองรับหน่วยงานที่มา ชแ้ี จงภายในอาคารรฐั สภา รวมทง้ั เพอื่ เป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการการเดินทางมาชี้แจง งบประมาณของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนเพื่อให้การบริหารจัดการมาตรการรักษาความ ปลอดภัยภายในอาคารรัฐสภาให้มีประสิทธิภาพย่งิ ขึ้น ๓. ควรบรรุจุ SD Card ไว้ในกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อสารองข้อมูลกรณี เกิดเหตุขัดข้อง หรือทาการติดตั้งระบบบันทึกข้อมูลสารองไว้ในฐานข้อมูลอ่ืน เช่น ในระบบ Cloud เพ่อื ปอ้ งกันขอ้ มลู สญู หาย และสามารถเรียกดูข้อมลู ได้ตลอดเวลา ๔. จัดเตรียมห้องสารองอาหารกรณีเกิดภาวะวิกฤตหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ภายใน อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เพือ่ ใหผ้ ู้ที่ตดิ คา้ งภายในอาคารมีอาหารสารองไวเ้ ลี้ยงชพี ๓.๑.๔ หอสมดุ รัฐสภา พพิ ธิ ภัณฑ์ และจดหมายเหตุรฐั สภา หอสมุดรัฐสภาและบริการสารสนเทศของรฐั สภา ระบบบริการสารสนเทศของหอสมุดรัฐสภาได้พัฒนาข้ึนเพื่อสนับสนุนข้อมูลสารสนเทศ ท่ีจาเป็นต่อการปฏิบัติหน้าท่ีของสมาชิกรัฐสภาและบุคคลในวงงานรัฐสภา ในการตรากฎหมาย

๗๑ ตามกระบวนการนิติบัญญัติ ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน การให้ความเห็นในเรื่องสาคัญ ๆ เกีย่ วกบั ประเทศ อันเป็นไปตามบทบัญญตั ขิ องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและเกิดประโยชนส์ ูงสุดแกป่ ระเทศชาตแิ ละประชาชน บรกิ ารสารสนเทศอิเลก็ ทรอนิกส/์ ดิจทิ ัล ของหอสมดุ รัฐสภาในปัจจุบนั ๑. บริการเว็บไซต์หอสมุดรัฐสภา (E-Library) เป็นการให้บริการสารสนเทศของห้องสมุด และสานักวิชาการท่ีได้รวบรวมและเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ (https://www.parliament.go.th/library) เพอื่ ประโยชน์ในการสนับสนุนกระบวนการนิติบญั ญตั ิ ประกอบด้วยสารสนเทศ ดงั นี้ ๑.๑ บริการสบื คน้ ทรัพยากรห้องสมุด (OPAC Search) การคน้ หาทรัพยากรสารสนเทศ แบบตัวเล่มในรูปแบบรายการบรรณานุกรม อาทิ หนังสือท่ัวไป หนังสือกฎหมาย หนังสืออ้างอิง สงิ่ พมิ พร์ ฐั บาล วิทยานพิ นธ์ งานวิจยั วารสาร นติ ยสาร และโสตทัศนวัสดุ ๑.๒ บริการฐานข้อมูลออนไลน์ต่างประเทศ ท่ีสามารถเข้าใช้ได้เฉพาะภายในเครือข่าย รัฐสภา ไดแ้ ก่ Westlaw, Lexis Advance, Pro Quest และ Kasikorn Research ๑.๓ ข้อมูลสนับสนุนการประชุมสภา ประกอบด้วย เอกสารการประชุมสภา (เอกสาร ระเบียบวาระการประชุมสภา เอกสารประกอบการพิจารณา) ประมวลข้อมูลการประชุมสภาชุดต่าง ๆ ประมวลข้อมูลรายงานการประชุมท่ีเกี่ยวกับการอภิปรายในรัฐสภา ประมวลสารสนเทศเฉพาะเร่ือง (กฎหมายที่น่าสนใจสาหรับสมาชิกรัฐสภา รัฐธรรมนูญ กฎหมายท่ีผ่านสภา เอกสารรายงานวาระต่าง ๆ สภาปฏิรูปแหง่ ชาติ การแถลงนโยบายของคณะรฐั มนตรตี ่อรฐั สภา ประกาศ และคาสงั่ คสช.) ๑.๔ ข้อมูลวิชาการและการวิจัย (E-Book) ประกอบด้วย บทความและผลงานวิชาการ ของบุคลากรสานักวิชาการ (เอกสารวิชาการ Academic Focus บทความวิชาการ Hot Issue ผลงานวิจัยของรฐั สภา สาระสังเขปหนังสือ สาระสงั เขปบทความวารสาร) ๒. บริการคลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ (Legislative institutional Repository of Thailand : LIRT) เป็นการให้บริการสารสนเทศของห้องสมุดรัฐสภา ในรูปแบบห้องสมุดดิจิทัล ท่ีจัดเก็บรวบรวมให้สามารถสืบค้น ดาวน์โหลด เปิดอ่านแบบออนไลน์ ออฟไลน์ ผู้ใช้สามารถจัดการ ช้ันหนังสือส่วนตัวได้ สามารถใช้บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ https://dl.parliament.go.th และให้บริการบนแอปพลิเคชัน สามารถดาวน์โหลดติดตั้งใช้งานได้ทั้งในระบบ IOS และ Android ประกอบด้วยทรัพยากร ๔ กลมุ่ หลัก ดังน้ี ๒.๑ เอกสารตามบทบาท หน้าที่และอานาจของรัฐสภา ได้แก่ ร่างรัฐธรรมนูญ ร่างพระราชบัญญัติ กระทู้ถาม ญัตติ ระเบียบวาระการประชุม บันทึกการประชุม รายงานการประชุม เอกสารประกอบการพจิ ารณา รายงานของคณะกรรมาธกิ าร และเอกสารแนบระเบยี บวาระอน่ื ๆ ๒.๒ ผลงานของรัฐสภาและบุคคลในวงงานรัฐสภา ได้แก่ สรุปผลงานสภา ผลงานของ สมาชิกรัฐสภา ผลงานของบุคลากรในสังกัดรัฐสภา วารสารและจุลสารของรัฐสภา และสารสนเทศ ทีไ่ ดร้ ับการสนบั สนุนจากรัฐสภา ๒.๓ สารสนเทศสนบั สนุนภารกิจของรฐั สภา ได้แก่ สิง่ พมิ พท์ ว่ั ไป ส่ิงพมิ พ์เผยแพร่เฉพาะ วงงานรัฐสภา วารสาร หนังสอื พมิ พ์ และกฤตภาคข่าว

๗๒ ๒.๔ กฎหมายท่ีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้แก่ รัฐธรรมนูญและธรรมนูญการ ปกครอง พระราชบญั ญัติ พระราชกาหนด พระราชกฤษฎีกา ประกาศ ระเบยี บ คาส่งั กระทถู้ าม และ คาวินจิ ฉัย ๓. บริการห้องสมุดบนระบบไลน์ (LibraryonLINE) เป็นการให้บริการห้องสมุดผ่านโปรแกรม สนทนาแบบตอบกลับอัตโนมัติ (Chatbot) เข้าใช้งานโดยการเพิ่มเพื่อนในระบบไลน์ เป็นการนา สารสนเทศไปถงึ มอื ผใู้ ชบ้ รกิ ารผ่านทาง Mobile Messaging Application และ Social Media ทาให้ ผู้ใช้บริการได้รับบริการสารสนเทศท่ีต้องการผ่านโทรศัพท์มือถือของทุกคน เสมือนมีผู้ช่วยด้านการ บริการสารสนเทศอยตู่ ิดกับตัวตลอดเวลา โดยสามารถติดต่อส่ือสารและรบั บริการจากห้องสมุดรัฐสภา ได้แบบเรียลไทม์ (Real time) ท้ังการค้นหาข้อมูลด้วยตนเอง และการโต้ตอบกับระบบสนทนา อัตโนมตั ิ (Chatbot) ท่หี อ้ งสมุดไดจ้ ดั เตรียมประมวลขอ้ มลู ที่เก่ียวข้องและจาเปน็ ไวแ้ ล้ว ท้ังน้ี สารสนเทศท่ีให้บริการ ประกอบด้วย บริการแจ้งสารสนเทศใหม่ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติที่เสนอใหม่ตามระเบียบวาระการประชุมสภา บทความ Hot Issue เอกสาร Academic Focus การติดตามเอกสารประกอบการพิจารณา การติดตามเอกสารการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ บริการสืบค้นสารสนเทศใน คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ และข้อมลู ติดต่อสอบถามการให้บริการและช่วยสืบค้นสารสนเทศ ๔. บริการตอบคาถามและแนะนาบริการสารสนเทศ เป็นบริการสนทนากับบรรณารักษ์ เก่ียวกับการสมัครสมาชิก แนะนาการใช้งาน การสืบค้นสารสนเทศผ่านโปรแกรมสนทนาอัตโนมัติ (Live Chat) ท่ีให้บริการในคลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ รวมถึงการให้บริการตอบคาถาม ผา่ นทางจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ และทางโทรศพั ท์ ปัญหาและอปุ สรรคดา้ นการบริการสารสนเทศอิเลก็ ทรอนิกส/์ ดจิ ทิ ัล ๑. ปญั หาเกยี่ วกับระบบสารสนเทศของสานกั งาน ไดแ้ ก่ ๑.๑ ไม่สามารถรวบรวมเอกสารในวงงานรัฐสภาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์และต่อเนื่อง เน่ืองจากการไหลเวียนเอกสารยังขาดการประสานงานเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ อีกท้ังหน่วยงาน ราชการภายในมีแหล่งรวบรวมและเผยแพร่สารสนเทศเอง ทาให้เอกสารของวงงานรัฐสภาไม่ได้รับ การจดั เก็บและสงวนรักษาอย่างถาวรและไดม้ าตรฐาน ๑.๒ ข้อจากัดและความยุ่งยากซับซ้อนในการสืบค้นข้อมูลและเข้าถึงทรัพยากร สารสนเทศท่ีต้องการ เช่น ต้องเข้าสืบค้นจากหลากหลายแหล่งข้อมูล ระบบยังไม่เช่ือมโยงกัน และ ประสิทธิภาพการสบื คน้ ๒. ปัญหาในการเข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศผ่านระบบคลังสารสนเทศของนิติบัญญัติ (Legislative Institute Repository of Thailand: LIRT) ซึ่งจ้ากัดเฉพาะสมาชิกรัฐสภา บุคลากร ในวงงานรัฐสภา และข้าราชการที่มีบัญชี Account โดยสามารถสืบค้นข้อมูลสารสนเทศผ่าน หนา้ จอคอมพิวเตอรเ์ ทา่ นน้ั แต่ไมส่ ามารถคดั ลอกหรือส่ังพิมพอ์ อกมาได้ ๓. ปัญหาเก่ยี วกับโครงสรา้ งการดาเนนิ งานหอสมดุ รฐั สภา การดาเนินงานของหอสมุดรัฐสภาในปัจจุบัน เป็นไปตามอานาจหน้าท่ีและโครงสร้าง การแบ่งส่วนราชการของสานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๔๕ ซ่ึงหอสมุดรัฐสภาอยใู่ น ความรับผิดชอบของกลุ่มงานห้องสมุด และกลุ่มงานพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศ ลักษณะโครงสร้าง

๗๓ ดังกล่าวทาให้การดาเนินงานด้านการบริหารจัดการงานหอสมุดทั้งระบบไม่คล่องตัว ส่งผลต่อการพัฒนา และจัดเตรียมบริการสารสนเทศให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และไม่ทันต่อความ ต้องการของผู้ใช้บริการในปัจจุบัน นอกจากน้ี หน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละกลุ่มท่ีกาหนดไว้ยังไม่ สอดคลอ้ งกบั ลกั ษณะงานท่ีดาเนินงานอยู่ในปจั จบุ ัน แผนงานและแนวทางการพัฒนาการบริการสารสนเทศของหอสมดุ รัฐสภา แผนงานระยะสัน้ (พ.ศ. ๒๕๖๓) ๑. ปรับปรุงบรกิ ารแอปพลเิ คชันคลงั สารสนเทศของสถาบันนติ บิ ัญญัติ ๒. โครงการรวบรวมทรัพยากรสารสนเทศดิจทิ ัลของรัฐสภา ซึง่ อยรู่ ะหวา่ งดาวน์โหลดขอ้ มูล จากแหลง่ อ่นื ทไี่ ม่ไดส้ ่งให้หอสมดุ รัฐสภา ๓. โครงการบูรณาการข้อมูลกฎหมายด้วยดับลินคอร์เมทาดาทาของคลังสารสนเทศสถาบัน นติ บิ ญั ญัติ ๔. โครงการคลังปญั ญาของรฐั สภา เป็นการรวบรวมทรัพยากรการประเมินของขา้ ราชการในการ เลือ่ นขนั้ /ประเมิน ๕. โครงการพัฒนาคลงั คาถาม - คาตอบด้านบรกิ ารสารสนเทศ ๖. โครงการบริการสารสนเทศเฉพาะเร่อื ง ๗. การพฒั นา/ปรับปรุงเวบ็ ไซต์สานกั วิชาการใหท้ นั สมยั และเหมาะสมกับการใชง้ าน ๘. โครงการติดตามการนาไปใช้ประโยชน์ทรัพยากรสารสนเทศดิจิทัล เพื่อแชร์สถิติข้อมูล การใช้ทรัพยากรสารสนเทศให้กับหน่วยงานที่ส่งมาให้หอสมุด เพื่อให้หน่วยงานนั้น ๆ นาข้อมูลสถิติ ไปพฒั นาปรับปรงุ ต่อไป ๙. โครงการรวบรวมแหล่งเรยี นรู้ออนไลน์ ๑๐. โครงการส่งเสริมการเรยี นร้สู ารสนเทศ (Information Literacy) แผนงานระยะยาว (พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๖๕) หอสมุดรัฐสภามีแผนงานดาเนินการด้านการบริการสารสนเทศเพื่อรองรับรัฐสภาใหม่ ใน “โครงการพัฒนาระบบบริการหอสมุดรัฐสภา พิพิธภัณฑ์ และจดหมายเหตุดิจิทัล สานักงาน เลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร” ประกอบดว้ ย ๑. เพิ่มประสิทธิภาพระบบห้องสมุดอัตโนมัติ (Integrated Library System) โดยเพ่ิม ระบบการเช่ือมโยงคลังข้อมูลภาครัฐ และนาระบบ RFID มาใช้ในการบริการทรัพยากร เช่น การยืม คนื อตั โนมตั ิ ๒. พัฒนาระบบคลังข้อมูลดิจิทัล (Digital Repository System) โดยขยายขีดความสามารถ ของการจัดเกบ็ และให้บริการส่ือความรูห้ ลากหลายรูปแบบ ๓. พัฒนาระบบบริหารจดั การเน้อื หาเว็บ (Content Management System) ๔. พัฒนาระบบค้นหาจากจุดเดียว (Single Search) เชื่อมโยงบูรณาการระบบการค้นหา ได้จากจดุ เดยี วและใหผ้ ลการสบื ค้นที่แม่นยา ๕. พัฒนาระบบบญั ชผี ู้ใช้กลางให้มรี ะบบที่จดั เกบ็ บญั ชีและรหัสผ่านเพยี งระบบเดียว

๗๔ ๖. พัฒนาระบบ Mobile Application ให้สามารถรองรับบริการสารสนเทศผ่านอุปกรณ์ Smart Device ๗. พฒั นาระบบพิพธิ ภณั ฑแ์ ละจดหมายเหตดุ จิ ิทลั ทั้งน้ี เพือ่ รองรับการให้บริการของหอสมดุ รัฐสภามีความทันสมัยอย่างเต็มรูปแบบ ณ ที่ทาการ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ด้วยรูปแบบของ SMART Service ที่ผู้รับบริการสามารถยืมทรัพยากร สารสนเทศได้ด้วยตนเองผ่านโทรศัพท์มือถือ มีตู้รับบริการคืนทรัพยากรสารสนเทศในพื้นที่ส่วนกลาง ภายนอกหอสมุดรัฐสภา ส่งเสริมการอ่านแบบออนไลน์เพ่ือให้เกิดการเรียกใช้ทรัพยากรสารสนเทศ อย่างคุ้มค่าและสมประโยชน์ การบริหารและจัดการบริการทรัพยากรสารสนเทศผ่านอุปกรณ์ อ่านคล่ืนวิทยุ (RFID) ได้ด้วยความสะดวกรวดเร็วและสามารถเก็บข้อมูลการใช้บริการเพื่อนามา วิเคราะห์และตอ่ ยอดเพื่อเพิม่ ประสิทธภิ าพหรือสรา้ งสรรค์นวตั กรรมการใหบ้ รกิ ารในอนาคต พพิ ธิ ภณั ฑแ์ ละจดหมายเหตุรฐั สภา พิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุรัฐสภา เป็นแหล่งเรียนรู้และสืบค้นเร่ืองราวด้านการเมือง การปกครองไทยท่ีสาคัญของรัฐสภา สร้างจิตสานึก ความคิดสร้างสรรค์ และการมีส่วนร่วม ของประชาชนตามแนวทางของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การดาเนนิ การดา้ นการจัดแสดงพิพิธภณั ฑ์และจดหมายเหตุทผี่ า่ นมา การจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ ณ อาคารรัฐสภา ถนนอู่ทองใน เร่ิมขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ โดยได้จดั แสดงพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวบริเวณใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๗ จากน้ันได้มีการส่งมอบให้สถาบันพระปกเกล้านาไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถนนหลานหลวง หลังจากนั้นได้มีการ ปรับเปลี่ยนเป็นการจัดแสดงพิพธิ ภัณฑ์รฐั สภา โดยได้ดาเนนิ การมาอย่างต่อเน่ือง จนกระทัง่ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ปดิ การจดั แสดงและงดเขา้ ชม เนอ่ื งจากมกี ารปดิ อาคารรัฐสภา ถนนอู่ทองใน และขณะนี้อยู่ ระหว่างเตรียมดาเนินการจัดแสดง ณ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ (เกียกกาย) ส่วนการดาเนินการด้าน จดหมายเหตุ ไดเ้ ร่ิมดาเนินการตั้งแตป่ ี พ.ศ. ๒๕๔๑ และไดด้ าเนินการอยา่ งต่อเนื่อง ณ ห้องจดหมายเหตุ สานักวิชาการ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถนนประดิพัทธิ์ โดยมีการรับมอบเอกสาร วเิ คราะห์และประเมนิ คณุ คา่ จัดเรียง จดั เก็บ และการอนรุ ักษ์เอกสาร และการให้บริการตามหลักการ จดหมายเหตุ การดาเนินการด้านพิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุที่ผ่านมาพบว่า ด้านการแสดงพิพิธภัณฑ์ รัฐสภา ณ อาคารรัฐสภา ถนนอู่ทองใน รวมถึงห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวรรัฐสภาไทย ณ อาคาร ราไพพรรณี ถนนหลานหลวง ที่ได้จัดแสดงร่วมกับพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นระยะเวลากว่า ๑๐ ปี นับว่าประสบความสาเร็จเป็นอย่างดี ผู้เข้าชมประกอบด้วยคณะนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป รวมถึงคณะจากต่างประเทศ ตลอดจนคณะบุคคลที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภานามาเข้าชม ในปีหน่ึง ๆ มีสถิติการเข้าชมประมาณสองหมื่น กว่าคน ส่วนการดาเนินการด้านจดหมายเหตุ มีหน่วยงานต่าง ๆ ส่งมอบเอกสารการดาเนินงาน ของรัฐสภาท่ีส้ินกระแสการปฏิบัติงานแล้วเพื่อมาจัดเก็บ และให้บริการเอกสารจดหมายเหตุ ซึ่งปจั จบุ ันมกี ารส่งมอบและขอใชบ้ ริการเปน็ จานวนมากขึน้ เปน็ ลาดบั

๗๕ การเตรยี มการรองรับงานดา้ นพิพิธภัณฑแ์ ละจดหมายเหตุ ณ อาคารรัฐสภาแหง่ ใหม่ กลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุ ได้รับการจัดสรรพื้นท่ี ณ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณช้ันลอยใต้ดิน ๑ ให้เป็นส่วนปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ี ซึ่งตรงกับยอดพระบรมราชานุสาวรีย์ โดยชั้น ๑ เป็นส่วนจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ประชาธิปไตย (พิพิธภัณฑ์รัฐสภา) และชั้น ๘ เป็นส่วน ปฏิบัติงานจดหมายเหตุ ซึ่งกลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุได้เข้าสารวจพ้ืนท่ีเพื่อติดตามความ คืบหน้าและขอทราบรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อนามาออกแบบแนวคิดสาหรับการจัดแสดงและ การดาเนินการที่เก่ียวข้อง จานวน ๒ คร้ัง คร้ังแรกเม่ือวันท่ี ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑ และคร้ังล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ พบว่า มีความคืบหน้าในการดาเนินการบางส่วน โดยกลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และ จดหมายเหตุ ได้มีการประสานและหารือกับที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เปน็ ระยะ แนวทางการพัฒนาพิพธิ ภณั ฑ์และจดหมายเหตุรฐั สภา แบง่ เปน็ ๓ ระยะ ดงั น้ี ระยะที่ ๑ การเตรียมการ การดาเนินการในส่วนการเตรียมการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์รัฐสภา บริเวณชั้น ๑ กลุ่มงาน พิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุ ได้ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูล และกาหนดแผนการดาเนินการสาหรับการจัด แสดงพิพิธภัณฑ์ ณ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมท้ังกาหนดขอบเขตและกรอบเนื้อหา และออกแบบ แนวคดิ จัดการแสดงไว้ในเบ้ืองตน้ แลว้ เพ่อื นาไปสกู่ ารออกแบบและผลติ สื่อจัดแสดง รวมทง้ั การติดตั้ง และจัดแสดงต่อไป ขณะนี้อยู่ในข้ันตอนการจัดเน้ือหาข้อมูลสาหรับการจัดแสดงให้เป็นไปตามกรอบ แนวคิดท่ีกาหนดไว้ เนื้อหาข้อมูลดังกล่าวท่ีจัดทาขึ้นจะสอดคล้องกับเหตุการณ์และบริบทด้าน ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทยและการดาเนินการของรัฐสภาต้ังแต่อดีตโดยย้อนไป ต้ังแต่สมัยรัชกาลท่ี ๕ รัชกาลท่ี ๖ และรัชกาลที่ ๗ จนนามาสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ รวมท้ังข้อมูลการดาเนินการของรัฐสภาท่ีเก่ียวเน่ือง โดยคงยึดแนวทางเดิมของการจัดแสดง พิพิธภัณฑ์รัฐสภาท่ีผ่านมา และปรับปรุงข้อมูลและรูปแบบการจัดแสดงให้ทันสมัยมากข้ึน เพ่ือความ น่าสนใจต่อการเรียนรู้ โดยมุ่งหวังให้พิพิธภัณฑ์รัฐสภาแห่งใหม่เป็นแหล่งเรียนรู้สาคัญทาง ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของประเทศไทยที่มีคุณค่าแก่การศึกษาเรียนรู้ของรัฐสภา อีกทั้ง การจดั แสดงสิ่งของที่ระลกึ ท่ไี ด้รับมอบจากประเทศตา่ ง ๆ เพ่อื ให้ประชาชนไดเ้ ข้าชม สาหรับพ้ืนที่ในส่วนของการบริหารจัดการด้านจดหมายเหตุ บริเวณพื้นท่ีชั้น ๘ จะแบ่งเป็น พื้นที่ใช้สอยเป็นห้องและส่วนต่าง ๆ ให้สอดคล้องและรองรับการปฏิบัติงานด้านจดหมายเหตุ ในแต่ละขั้นตอน เร่ิมต้ังแต่การรับมอบเอกสาร การวิเคราะห์และประเมินคุณค่า การจัดเรียงเอกสาร การจัดเก็บ การซ่อมแซม การสงวน การอนุรักษ์ และการให้บริการ ซึ่งพื้นท่ีในส่วนน้ีการออกแบบ การใชส้ อยจะเป็นไปตามแบบของการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่กาหนดไว้แลว้ เม่อื การกอ่ สร้าง และสง่ มอบพ้นื ที่แล้ว สามารถเขา้ ไปดาเนินการตามขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิงานไดต้ ่อเนือ่ งทนั ที ท้ังนี้ ในปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทาแผนดาเนินการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ณ อาคาร รัฐสภาแห่งใหม่ เพื่อเป็นแนวทางสาหรับการจัดแสดงให้เป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมทาการสารวจ ส่ิงของและวัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์รัฐสภา และเอกสารจดหมายเหตุ รวมทั้งวัสดุครุภัณฑ์ต่าง ๆ เ พื่ อ น า ม า ก า ห น ด แ ล ะ จั ด ท า แ ผ น ก า ร เ ค ล่ื อ น ย้ า ย จ า ก ส า นั ก ง า น เ ล ข า ธิ ก า ร ส ภ า ผู้ แ ท น ร า ษ ฎ ร ถนนประดพิ ัทธ์ มายังอาคารรัฐสภาแหง่ ใหม่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook