Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

(4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2020-07-09 07:20:32

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 12-13 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันที่ 15-16 กรกฎาคม 2563

Search

Read the Text Version

๗๖ ระยะท่ี ๒ การจดั แสดงและใหบ้ รกิ าร ได้แก่ - การจัดแสดงพิพธิ ภัณฑ์ และใหบ้ ริการนาชม - การจดั การด้านจดหมายเหตแุ ละให้บริการเอกสาร - การจัดแสดงนทิ รรศการในโอกาสสาคญั ๆ ของรัฐสภา และของสานกั งานเลขาธกิ ารสภา ผแู้ ทนราษฎร - การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ตามแนวทางการดาเนินงานของพิพิธภัณฑ์และ จดหมายเหตุ - การรว่ มกิจกรรมกับเครือข่ายด้านพิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุในโอกาสตา่ ง ๆ ระยะท่ี ๓ การพัฒนา ไดแ้ ก่ - การเปดิ กวา้ งสูส่ าธารณะ ชมุ ชน และกลุม่ เปา้ หมาย - การจัดกจิ กรรมรว่ มกับชุมชนและใหช้ ุมชนมีส่วนร่วม - การพัฒนาสู่การเป็นพพิ ธิ ภัณฑ์ที่เสมอื นจริง - การพัฒนาสกู่ ารเป็นพิพธิ ภณั ฑแ์ ละจดหมายเหตุดิจิทัล - การจัดทาโครงการพัฒนาระบบบริหารหอ้ งสมุด พพิ ิธภัณฑ์และจดหมายเหตุ ความเห็นและขอ้ เสนอของคณะอนกุ รรมาธิการ หอสมุดรฐั สภาและบรกิ ารทรพั ยากรสารสนเทศ ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยีอย่างรวดเรว็ ทาให้ความต้องการสารสนเทศและความคาดหวัง ของผู้ใช้บริการห้องสมุดแบบด้ังเดิมท่ีต้องการเพียงการสืบค้นข้อมูลและยืมหนังสือจากห้องสมุด เปล่ียนมาเป็นความต้องการการใช้บริการห้องสมุดและทรัพยากรสารสนเทศ แบบดิจิทัลที่บุคคล ทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงโดยง่าย รวมทั้งการบริการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนและหลากหลายแง่มุม มากขึ้น รวมทั้งความต้องการพื้นท่ีทางกายภาพในแนวคิดที่ว่าห้องสมุด ไม่ใช่ท่ีเก็บหนังสือหรือ ห้องอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่เปล่ียนเป็นแหล่งการเรียนรู้ ในลักษณะพื้นท่ีที่ใช้ทางานร่วมกัน พ้นื ที่ทีใ่ ชใ้ นการสรา้ งแรงบนั ดาลใจ คณะอนกุ รรมาธกิ ารจึงมขี ้อเสนอเพื่อการพฒั นา ดังนี้ ๑. ดา้ นทรพั ยากรและบริการสารสนเทศ - ส่งเสริมให้มีส่ือทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดหรือ Open Material ให้ผู้ใช้บริการ สามารถเข้าถงึ ใช้งาน แก้ไข เปลี่ยนแปลง และเผยแพรข่ ้อมูลได้ โดยไมม่ ขี อ้ จากดั ในการใชง้ าน - ด้าเนินการจัดท้าข้อตกลง (MOU) ร่วมกับสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานต้นสังกดั เจ้าของข้อมูล รวมท้ังหน่วยงานอื่น เพ่ือให้มีการเช่ือมโยงข้อมูลและสามารถเผยแพร่ผลงานวิชาการ และงานวจิ ยั ไปสู่สาธารณะได้ ๒. ด้านกายภาพ - ปรับปรุงพื้นท่ีอ่านหนังสือให้เป็นรูปแบบพื้นท่ีทางานร่วมกัน (Co-working space) พน้ื ทสี่ าหรับการปรึกษาหารือ พ้นื ทศ่ี ึกษาวิจยั ซึ่งมีเจ้าหน้าทห่ี ้องสมุดคอยให้คาแนะนาปรึกษา รวมทั้ง เป็นพืน้ ทีท่ างานส่วนตัวของผใู้ ชบ้ ริการพรอ้ มอปุ กรณ์อานวยความสะดวก - ลดจานวนชั้นวางหนังสือและปริมาณการจัดซื้อหนังสือในรูปแบบเล่ม โดยเพ่ิมการ ให้บริการทรัพยากรสารสนเทศแบบอิเล็กทรอนิกส์เพ่ือรองรับผู้ใช้บริการออนไลน์และรองรับกลุ่ม ผู้ใชบ้ ริการทีม่ ีความบกพรอ่ งทางสายตา เพ่ือปรบั เปลยี่ นและยกระดบั ให้เป็นห้องสมุดดจิ ิทัล

๗๗ - แบ่งโซนพื้นที่ให้บริการสาหรับผู้สูงอายุ โดยมีการจัดวางหนังสือที่มีเน้ือหาสาระ เก่ียวกับผู้สูงอายุ มีบริการอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพเบ้ืองต้นให้แก่ผู้สูงอายุ เช่น เครื่องวัดความดัน เคร่ืองวัดสว่ นสูง และเคร่ืองช่ังนา้ หนัก เป็นต้น ๓. ดา้ นการพฒั นาบคุ ลากร - ควรมีการจัดอบรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะให้แก่บุคลากรเพ่ือให้เกิดความ ชานาญและมีการส่งเสริมให้มีการนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการปฏิบั ติงานเพ่ือให้เกิด ความรวดเร็ว - ส่งเสรมิ ใหม้ แี ผนดาเนินการเพมิ่ ทักษะให้ขา้ ราชการและประชาชนมีทักษะดา้ นความ ฉลาดทางดิจิทัล (Digital Intelligence Quotient) เพื่อให้สามารถใช้เคร่ืองมือดิจิทัลในการเข้าถึง แหล่งข้อมูล วิเคราะห์และประเมินคุณภาพของแหลง่ ข้อมูล รวมถึงการสร้างสรรค์เน้ือหาโดยคานึงถึง ความรบั ผิดชอบต่อสงั คม พิพธิ ภณั ฑแ์ ละจดหมายเหตุรัฐสภา ๑. การจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ ควรมุ่งเน้นนาเสนอถึงเร่ืองการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยการนาเสนอและเผยแพร่ความรู้เก่ียวกับรัฐสภาในฐานะองค์กรที่ทาหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ รวมท้ัง ด้านการเรียนรู้ความเป็นประชาธิปไตย เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ตระหนักถึงความสาคัญของการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยเพื่อนาไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจให้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน ประเทศไปสู่การพัฒนาต่อไป โดยดาเนินการร่วมกับผู้เช่ียวชาญด้านการออกแบบพิพิธภัณฑ์ท้ังด้าน เนื้อหาและการจดั แสดง ๒. พัฒนาบคุ ลากรใหม้ ีความเชย่ี วชาญเฉพาะดา้ นจดหมายเหตุ ๓.๒ ระบบบรกิ ารสารสนเทศในวงงานรัฐสภา ๓.๒.๑ ระบบบริหารจัดการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และระบบบริหารจัดการ เอกสารอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (E-document) การพัฒนาระบบงานสารสนเทศและการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศตามกระบวนงานนิติบัญญัติ ของสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสานักงานเลขาธิการวุฒิสภาท่ีผ่านมา ดาเนินการ ในลักษณะที่เป็นอิสระต่อกัน ไม่มีนโยบายท่ีชัดเจนในเรื่องของการประสานการแลกเปลี่ยนข้อมูล สารสนเทศเพื่อใช้งานร่วมกัน ทาให้ในข้ันตอนการออกแบบ การกาหนดคุณลักษณะทางเทคนิค ในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของระบบมีความแตกต่างกัน ซึ่งได้ส่งผลให้รูปแบบการจัดเก็บและ การนาข้อมูลสารสนเทศจากฐานข้อมูลออกมาใช้ทาด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน ทาให้การแลกเปล่ียน และใช้ข้อมูลสารสนเทศร่วมกันระหว่างท้ังสองสานักงานไม่สามารถทาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไมเ่ อื้ออานวยต่อการบูรณาการฐานข้อมลู นิตบิ ญั ญัติโดยองค์รวม ปัจจุบันสานักสารสนเทศได้มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อรองรับการใช้งานภายใน อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยได้ท้าการออกแบบระบบฐานข้อมูลให้เป็นแบบ Active Directory (AD) ให้สามารถรองรับการใช้งานที่เพ่ิมมากข้ึน เมื่อมีการวางระบบ AD เสร็จเรียบร้อยแล้วจะท้าการย้าย ข้อมลู จากฐานข้อมูล LDAP (Lightweight Directory Access Protocol) ไปยงั ฐานขอ้ มูล AD ขณะน้ี

๗๘ อยู่ระหว่างรอบริษัทแอ๊ดว๊านซ์ อินฟอร์เมช่ัน แอนด์ เทคโนโลยี จ้ากัด (มหาชน) ด้าเนินการพัฒนา แอปพลิเคชัน (Application) และโปรแกรมที่เกี่ยวข้อง รวมท้ังพัฒนา Application บุคลากรของ ระบบบริหารงานกลาง โดยสา้ นกั สารสนเทศจะเป็นผู้ก้าหนด Username และ Password และก้าหนด สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานระบบ ซึ่งคาดว่าแต่ละระบบด้าเนินการจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี ถึงปลายปี พ.ศ. ๒๕๖๓ และเม่ือติดต้ังแอปพลิเคชันและโปรแกรมท่ีเกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว จะท้าการ ยา้ ยข้อมูลจากฐานข้อมลู LDAP ไปยังฐานขอ้ มลู AD และทา้ การทดสอบระบบก่อนเปิดใชง้ านต่อไป ส่วนการส้ารองข้อมูลมีระบบ Centralized backup ซ่ึงติดตั้งอยู่ที่ Data Center หรือ มีการส้ารองข้อมูลแบบรวมศูนย์ ส้าหรับการรับประกันเสถียรภาพเนื่องจากมีระบบส้ารองข้อมูลอยู่ แลว้ ดงั นนั้ หากระบบขดั ขอ้ งกส็ ามารถก้ขู อ้ มลู คืนได้ ระบบบรหิ ารจดั การจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-mail) ระบบ E-mail ของส้านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อยู่ภายใต้โดเมน (Domain) @parliament.go.th โดยใช้ระบบปฏิบัติการ Linux ฐานข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานระบบ e-mail (User account) เป็นประเภท LDAP (Lightweight Directory Access Protocol) เน่ืองจากระบบ E-mail ของสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรใช้งานมาเป็นระยะ เวลานานทาให้เหลือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลน้อย และมีข้อจากัดในการส่งไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งพื้นท่ีใน การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลบนระบบ E-mail ของแต่ละบัญชีมีพ้ืนที่ประมาณ ๕๐ เมกะไบต์ (MB) เท่านั้น ทาให้ไม่สะดวกและเป็นอุปสรรคในการใช้งาน บุคลากรส่วนใหญ่จึงนิยมใช้การส่งจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์จากผู้ให้บริการภายนอกมากกว่า ดังน้ัน สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจึงมี แนวคิดในการพัฒนาระบบ E-mail ใหม่ เพ่ือทดแทนระบบเดิมที่ล้าสมัย โดยได้จัดทาแผนงานเพ่ือ กาหนดรายละเอียดเก่ียวกับระบบ E-mail ใหม่ ให้สามารถรองรับการใช้งานเมื่อย้ายมาที่อาคาร รัฐสภาแห่งใหม่และได้มีการเสนอแผนพร้อมคาของบประมาณเพ่ือดาเนินการแล้ว แต่เน่ืองจาก งบประมาณได้ถูกตัดในชั้นการพิจารณาของกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งกระทรวงได้มี ข้อเสนอให้ใช้ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางเพ่ือการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐ (MailGoThai) แทนระบบเดิม จึงทาใหป้ ัจจบุ นั ยงั ไม่สามารถดาเนนิ การพัฒนาระบบใหมไ่ ด้ ส้าหรับบัญชีผู้ใช้งานระบบ E-mail ของสมาชิกรัฐสภา ส้านักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎรได้ด้าเนินการเปิดบัญชผี ู้ใช้งานแล้ว ซ่ึงระบบสามารถรองรับการสง่ ต่อข้อมูล (Forward) ไปยังจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ภายนอก เช่น Gmail, Hotmail ส่วนบุคคลได้ ส่วนการเช่ือมต่อ โปรแกรม Email Client หรือโปรแกรมส้าหรับจัดการข้อความเพื่อเปิดเช็คดูข้อมูลต่าง ๆ จากการ รบั /ส่งอเี มล์ จากผู้ใหบ้ รกิ ารตา่ ง ๆ แทน Web Browser ขณะน้ียังไม่สามารถท้าได้ ความเห็นและข้อเสนอของคณะอนกุ รรมาธิการ ๑. ก้าหนดระยะเวลาการเข้าถึงข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานของสมาชิกรัฐสภาที่พ้นสภาพจากการ เป็นสมาชิกแล้วโดยให้มีระบบการลบบัญชีผู้ใช้งานแบบอัตโนมัติ เน่ืองจากข้อมูลของผู้ใช้งาน จะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา การรบั ส่งขอ้ มลู ระหว่างบญั ชีผู้ใช้งานเดมิ กบั บญั ชีผูใ้ ช้งานใหม่

๗๙ ๒. บริหารจัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลระบบ E-mail ให้สามารถรองรับปริมาณข้อมูลและ จ้านวนผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น โดยการเปลี่ยนวิธกี ารส่งข้อความที่ต้องแนบไฟล์ขนาดใหญ่ ไปใช้วิธีการ ฝากไฟลข์ ้อมลู ไว้ในระบบอื่น และสง่ ข้อมลู เฉพาะขอ้ ความและลิงกท์ ่ีต้องการใหเ้ ชอื่ มต่อเท่านน้ั เพ่อื ให้ ผู้รับสามารถกดจากลิงก์เพื่อดูข้อมูล เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องพื้นท่ีการจัดเก็บข้อมูลที่มีจ้ากัด และรองรับ สามารถส่งไฟลข์ ้อมูลขนาดใหญ่ได้ ๓. ส่งบัญชีผู้ใช้งาน (Account) ของสมาชิกรัฐสภา พร้อมคู่มือวิธีการใช้งาน เช่น วิธีการ Forward mail ไปยังบัญชีผู้ใช้งานภายนอกอื่น ๆ และข้อจ้ากัดของการใช้งาน เช่น จ้านวนพื้นท่ี ในการจัดเก็บข้อมูล รวมทั้งจัดเจ้าหน้าท่ีประจ้าบริเวณหน้าห้องประชุมสภา เพ่ือให้ค้าแนะน้าการใช้งาน และรับฟังปญั หาอุปสรรคของการใช้งานเพ่ือปรับปรงุ ระบบใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพต่อไป ระบบบริหารจดั การเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Document Management System) งานสารบรรณเป็นงานท่ีเก่ียวกับการบริหารงานเอกสารเร่ิมตั้งแต่การจัดทา การรับ การส่ง การเก็บรักษา การยืม จนถึงการทาลาย โดยพิจารณาจากระเบียบสารบรรณ ประกอบด้วย ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ และภาคผนวก ๖ หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติ ในการรับส่งข้อมูลข่าวสารและหนังสือราชการด้วยระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ มีกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับอื่น ๆ ที่ใช้ในการพิจารณาอ้างอิงเพื่อการจัดทามาตรฐานกระบวนการ ประกอบด้วย พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ระเบียบว่าด้วยการรักษา ความลับของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ พระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยธุรกรรมทางอเิ ล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ พระราชกฤษฎีกากาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๔๙ และพระราชบัญญัติหอจดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ (สานักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์, ๒๕๕๘, น. ๑-๑) ระบบสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ (e-Correspondence Management System : e-CMS) เป็นระบบท่ีพัฒนาข้ึนในลักษณะของ Web Services ซึ่งใช้ระบบกลางสาหรับในการบริหารจัดการการรับ-ส่งเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยรับ - ส่ง รายการข้อมูลในรูปแบบของ XML ซ่ึงเป็นไปตามหมวดมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Data Exchange Specification) ตามกรอบแนวทางการเชื่อมโยงอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ หรือ “Thailand e-Government Interoperability Framework: TH e-GIF” โดยไม่มีข้อจากัดในเร่ืองของเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ของผู้พัฒนาระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของแต่ละหน่วยงาน (สานักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์, ๒๕๕๘, น. ๒-๑) การบรหิ ารจดั การเอกสารอิเลก็ ทรอนิกส์ของสา้ นักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบบบริหารจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-document) เป็นระบบ Back Office ของสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เริ่มพัฒนาตง้ั แต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยบริษทั เอ็มเวบ็ ไทยแลนด์ ปัจจุบันมีบริษัทผู้รับจ้าง คือ บริษัท ไซคอร์ป จากัด และมีการปรับปรุงระบบมาแล้ว ๓ ครั้ง เริ่มใช้งานมาต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เพ่ือบริหารจัดการเอกสาร ได้แก่ การจัดเก็บ การสืบค้น ให้ผู้ใช้งาน สามารถสืบค้นผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ http://edoc.parliament.go.th ทาให้ได้ข้อมูล

๘๐ เอกสารท่ีรวดเรว็ ทนั ตอ่ ความตอ้ งการ ลดเวลาและขัน้ ตอนในการปฏิบัติงาน อีกท้งั เพื่อใหก้ ารจัดเก็บ เอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (เอกสารท่ีเกิดจากการสแกนและไฟล์ข้อมูล) เป็นระบบระเบียบ มากข้ึน รวมถึงการอนุญาตสิทธิในการจัดการเอกสาร เช่น สิทธิในการจัดเก็บ การสืบค้น การแก้ไข การลบ เปน็ ต้น ซ่งึ เปน็ สง่ิ สาคญั ด้านความปลอดภยั ในการจดั การเอกสาร ทาใหส้ ามารถตรวจสอบการ เข้าใช้งานระบบหรือกระทาการใด ๆ กับเอกสารท่ีมีอยู่ในระบบ โดยมีผู้ดูแลระบบ (Admin) ในภาพรวม ได้แก่ สานักสารสนเทศและผู้ปฏิบัติงานของแต่ละสานักที่เกี่ยวข้องทาหน้าที่ในการ นาข้อมูลเข้าระบบ แต่สิทธิในการจัดการเอกสาร เช่น การเข้าถึง การแก้ไข การลบ การนาเข้า และ การนาออกเอกสารจะแตกตา่ งกันตามภารกิจ ต่อมามีระบบสืบค้นข้อมูลการประชุมผ่าน Tablet เป็นระบบปฏิทิน โดยระบบนี้จะมีการ เชื่อมโยงข้อมูลกับระบบ E-document เฉพาะข้อมูลในส่วนระเบียบวาระการประชุมและเอกสาร ประกอบการประชุม ซ่ึงประชาชนสามารถติดต้ัง Application “ข้อมูลการประชุม” แล้วเข้ามาใช้งาน และสืบค้นปฏิทนิ การประชมุ และดาวนโ์ หลดไฟล์ Pdf ได้ ภาพรวมการทางานของระบบ แบ่งตามหน้าท่ีการทางาน ประกอบด้วย Web Services, Data Entry, Security Management, Reporting, Search Engine, Backup System, Indexing, Data Access และ Fax/E-mail Service ภาษาและองค์ประกอบในการเขียนโปรแกรมมีลักษณะ ดงั น้ี - พฒั นาเปน็ Web Application โดยใช้เทคโนโลยี ASP.NET - HTML5 เพื่อให้สามารถใช้งานผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น Computer PC, Notebook, Tablet และ Smartphone ทใ่ี ช้ระบบปฏิบัติการ Window Android และ iOS ได้ - CSS 3 เปน็ ตวั กาหนดรูปแบบในการแสดงเน้อื หาหรือข้อมูลบนหนา้ เพจ - JavaScript สาหรับการประมวลผลเพอ่ื ทีจ่ ะทาให้เนอ้ื หาแสดงในรปู แบบ Dynamic - โปรแกรม jQuery ชว่ ยในการออกแบบกราฟ และไดอะแกรมตา่ ง ๆ - AJAX ชว่ ยทาใหเ้ พ่มิ การตอบสนอง ความรวดเร็ว และการใช้งานโดยรวม - XML ใช้ในส่วนการจัดเก็บข้อมูลบางส่วน เพื่อสร้างความสะดวกในการนาไปใช้งานใน ระบบอื่น ๆ ความสามารถรองรบั ระบบตา่ ง ๆ มดี งั น้ี - มีระบบฐานข้อมูลแบบ Microsoft SQL Server และระบบปฏิบัติการเป็น Windows Server - มโี ปรแกรมชว่ ยนาเขา้ ข้อมลู ชือ่ e-doc client - มีระบบรายงานสถิติการใช้งานระบบ รายงานปริมาณข้อมูลที่นาเข้าในระบบ และสถิติ คาค้น - มีระบบจัดการวาระการประชุม สาหรับผู้ปฏิบตั ิงานในการนาเข้าระเบียบวาระการประชุม สภาผูแ้ ทนราษฎร - มรี ะบบสารองขอ้ มลู - มี Web Services ท่ีสามารถค้นหา จัดเก็บข้อมูล รองรับให้ระบบงานอื่นเชื่อมต่อ แลกเปล่ยี นข้อมูล

๘๑ - มีคมู่ ือการใชง้ านสาหรับผู้ดูแลและผู้ปฏบิ ัตงิ านนาข้อมลู เขา้ ส่รู ะบบ และผ้ใู ช้งานท่วั ไป - การสืบค้นขอ้ มลู ผ่าน Search Engine ใชแ้ บบ Lucene การนาเข้าเอกสารจะนาเข้าตามหมวดหมเู่ อกสารที่กาหนดไว้ในรูปแบบ PDF ซง่ึ บุคคลทั่วไป ไม่สามารถนาเอกสารต่าง ๆ เข้าสู่ระบบ E-document จากัดสิทธิเฉพาะผู้ปฏิบัติงานท่ีมี Account และมีหน้าท่ีรับผิดชอบเท่านั้น เนื่องจากระบบดังกล่าวจะใช้ในการบริหารจัดการเอกสารภายใน สานักงานฯ ส่วนบุคคลทั่วไปและบุคลากรในวงงานรัฐสภาสามารถเข้าดูเอกสารในหมวดต่าง ๆ ที่เผยแพรไ่ ด้ผ่าน http://edoc.parliament.go.th กระบวนการในการจัดท้าดัชนีเพื่อสืบค้นเอกสาร ก่อนน้าเอกสารเข้าสู่ระบบจะท้าการ สแกนเอกสารโดยใช้เครื่องมือ OCR (Optical Character Recognition) เพื่อแปลงไฟล์ให้เป็นไฟล์ ขอ้ ความตวั อักษรเพอื่ จัดเก็บเปน็ ดชั นีที่สามารถสืบค้นได้โดยงา่ ยและรวดเร็ว วิธีการน้าเข้าข้อมูลสู่ระบบบริหารจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-document) ผ่าน http://edoc.parliament.go.th สามารถด้าเนินการได้ ๒ วิธี คือ น้าเข้าผ่าน Web Browser และ โปรแกรมระบบ E-document ซึ่งเข้าใช้งานได้เฉพาะภายในอาคารส้านักงานฯ เท่านั้น การน้าเข้า ข้อมูลจะน้าเข้าโดยผู้ปฏิบัติงานท่ีมีบัญชีการใช้งานของแต่ละส้านักที่เก่ียวข้อง โดยส้านักสารสนเทศ จะท้าหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบในภาพรวม (Admin) ซึ่งสิทธิในการจัดการเอกสาร ได้แก่ การเข้าถึง การแก้ไข การลบ การน้าเข้า และการน้าออกเอกสารจะแตกต่างกัน ท้ังนี้ ผู้ปฏิบัติงานต้องน้าข้อมูล เขา้ ตามหมวดหม่เู อกสารทกี่ า้ หนดไว้ ดงั นี้ - การประชุมสภาปฏิรูปแหง่ ชาติ - ข้อมลู คณะกรรมาธกิ าร - ข้อมูลดา้ นต่างประเทศ - คา้ ส่งั /ประกาศ /ระเบยี บ - บริการทางวิชาการ - ระเบียบวาระการประชมุ รว่ มกันของรัฐสภา - ระเบียบวาระการประชมุ สภาขับเคลอ่ื นการปฏริ ปู ประเทศ - ระเบยี บวาระการประชุมสภาผแู้ ทนราษฎร - สภาขับเคลอื่ นการปฏิรปู ประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๘ - สภาปฏิรปู แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗ - สภารา่ งรัฐธรรมนญู พ.ศ. ๒๕๔๙ - ส้านักพฒั นาบุคลากร - หน่วยงานสงั กดั ส้านกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร - หมวดหม่สู ้าหรบั การฝกึ อบรม แผนงานท่จี ะพัฒนาในอนาคต เนื่องจากการพัฒนาระบบงานสารสนเทศและการจัดเก็บข้ อมูลสารสนเทศ ตามกระบวนงานนิติบัญญัติของสานักงานเลขาธิการสภาผู้ แทนราษฎรและสานักงานเลขาธิการ วุฒิสภาที่ผ่านมา ดาเนินการในลักษณะที่เป็นอิสระต่อกัน ไม่มีนโยบายท่ีชัดเจนในเร่ืองของการ ประสานการแลกเปล่ียนข้อมูลสารสนเทศเพื่อใช้งานร่วมกัน ทาให้ในขั้นตอนการออกแบบ

๘๒ การกาหนดคณุ ลักษณะทางเทคนิคในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของระบบมีความแตกต่างกัน ส่งผลให้ รูปแบบการจัดเก็บและการนาข้อมูลสารสนเทศจากฐานข้อมูลออกมาใช้ทาด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน ทาให้การแลกเปลี่ยนและใช้ข้อมูลสารสนเทศร่วมกันระหว่างทั้งสองสานักงานไม่สามารถทาได้อย่างมี ประสิทธิภาพและไม่เอ้ืออานวยต่อการบูรณาการฐานข้อมูลนิติบัญญัติโดยองค์รวม ดังน้ัน จึงได้มีการ วางแผนบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่างส้านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและส้านักงานวฒุ ิสภา รวมทงั้ รฐั สภาในรูปแบบ “การบริหารจดั การไฟลอ์ จั ฉริยะ” เพ่ือใช้สาหรับอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ระบบบริหารจัดการไฟล์อจั ฉริยะ ประกอบด้วย ๑) การจัดเก็บไฟล์เอกสารต่างๆ ๒) การสบื ค้นเอกสาร ๓) การเรยี กใชง้ านเอกสาร ๔) ประวัติการใชง้ านเอกสาร ๕) การใชง้ านผ่าน Smart Device ท้ังนี้ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีแผนการย้ายระบบงานสารสนเทศและ การจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศจาก Data Center ไปยัง Cloud เพื่อให้ระบบสามารถรองรับการให้บริการ ได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ และมีการเตรียมการรองรับการเช่ือมต่อกับระบบงานใหม่ โดยการพัฒนาระบบเว็บเซอร์วิส (Web Services) ทั้งในส่วนการนาเข้าข้อมูลและการสืบค้นข้อมูล รวมท้ังการบารุงรักษาระบบเคร่ืองคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่ให้บริการระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกัน ความเสียหายที่อาจจะเกิดข้ึนและอาจมีผลกระทบต่อการให้บริการระบบ โดยมีเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ที่เก่ยี วข้อง ดงั นี้ ๑) Web Server สาหรับใหบ้ ริการเว็บไซต์ของระบบ ๒) Database Server สาหรบั จดั เก็บฐานข้อมลู ของระบบ ๓) SAN สาหรับจัดไฟลเ์ อกสารและข้อมูลสาคัญของระบบ โดยใหผ้ ูป้ ฏบิ ตั ิงานทาการสแกนข้อมลู ส่วนบุคคล รวมทงั้ ข้อมลู เกย่ี วกับการปฏบิ ตั งิ านและ จดั เก็บไว้ในระบบ E-document เพื่อลดภาระในการขนย้ายเอกสารไปยงั อาคารรฐั สภาแห่งใหม่ ความเหน็ ของคณะอนกุ รรมาธกิ าร คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาเห็นว่า ระบบ E-document ของสานักงานเลขาธิการ สภาผ้แู ทนราษฎร มีข้อจากัดและปญั หาหลายประการ ดงั นี้ ๑. ปัญหาการบูรณาการระหวา่ งหน่วยงานภายในรัฐสภา เนื่องจากหน่วยงานไม่ได้กาหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน แม้สานักสารสนเทศจะเป็น ผูด้ แู ลระบบ (Admin) แต่การนาเข้าขอ้ มูลตา่ ง ๆ เป็นลักษณะตา่ งคนตา่ งทาโดยผปู้ ฏิบัติงานของสานัก ที่รบั ผิดชอบเฉพาะเรื่อง เชน่ สานกั การประชุม จะรบั ผดิ ชอบขอ้ มลู เกย่ี วกับระเบียบวาระการประชุมสภา สานักวิชาการ จะรับผิดชอบข้อมูลเก่ียวกับเอกสารประกอบการพิจารณาของสภา อีกทั้งยังไม่มีระบบ ฐานขอ้ มลู กลาง (Centralized Database) จึงทาใหก้ ารสืบค้นขอ้ มลู ทาไดย้ ากและไมส่ ะดวก ๒. ปัญหาการบูรณาการระหวา่ งหน่วยงานภายนอก การบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายนอกในปัจจุบันใช้วิธีการประสานงานเป็น หนังสือโต้ตอบระหว่างหน่วยงานแต่ละหน่วยงาน โดยในส่วนของงานระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์

๘๓ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้มีการทา MOU แล้วกับบางหน่วยงานเท่านั้น เช่น สานักงาน เลขาธิการวุฒิสภา สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสถาบัน พระปกเกล้า แต่ยังไม่มีการบูรณาการข้อมูลของกับหน่วยงานรัฐอื่น ๆ รวมทั้งสานักหอจดหมายเหตุ แหง่ ชาตดิ ว้ ย เน่ืองจากข้อมูลทีจ่ ดั ส่งให้สานักหอจดหมายเหตแุ ห่งชาตจิ ะต้องจัดส่งเอกสารลายลักษณ์ อักษร ๓. ปัญหาเร่ืองกฎระเบียบท่ีเก่ียวข้อง กล่าวคือ การบริหารจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ยังดาเนินการไม่สอดคล้องกับระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ และ ท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ เน่ืองจากระบบได้มีการพัฒนามาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ซ่ึงขณะน้ันระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรีฯ ที่แกไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ยงั ไม่ไดบ้ ังคบั ใช้ ๔. ปัญหาเรือ่ งข้อจากัดในการสบื ค้นข้อมลู เนอื่ งจากระบบ E-document มีระบบปฏิเสธ โปรแกรมค้นหา Search Engine เพื่อป้องกันปัญหาการรบกวนระบบ และจากัดสิทธ์ใิ ห้เรียกดูเฉพาะ เอกสารท่เี ผยแพรเ่ ท่านนั้ ๕. ปัญหาด้านงบประมาณสาหรับการพัฒนาระบบ เช่น ไม่สามารถพัฒนาระบบให้รองรับ การใชง้ านสาหรับผพู้ ิการทางสายตาได้ ข้อเสนอของคณะอนกุ รรมาธกิ าร การบริหารจัดการเอกสารราชการจะต้องคานึงถึงกฎหมายและระเบียบท่ีเก่ียวข้อง เช่น ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ อีกทั้งกระบวนการจัดทามาตรฐานสารบรรณ อิเล็กทรอนิกส์ จะตอ้ งเปน็ ไปตามพระราชบัญญัติข้อมลู ข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ระเบยี บวา่ ด้วย การรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ดงั น้นั เพ่ือให้การบรหิ ารจัดการเอกสารอเิ ล็กทรอนิกส์มีมาตรฐาน และเปน็ ไปตามระเบียบทเ่ี ก่ียวข้อง ควรมกี ารดาเนนิ การ ดังน้ี ๑. บูรณาการข้อมูลในระบบ E-document ของรัฐสภาร่วมกับส้านักหอจดหมายเหตุ แหง่ ชาติ เพือ่ ลดความซ้าซอ้ นในการปฏบิ ัติงาน ๒. ใช้โปรแกรมการแปลงไฟล์ จาก Word เปน็ PDF แบบ Commercial Software หรือ ซอฟต์แวร์ฟรีอ่ืน ๆ อย่างไรก็ตาม ก่อนการใช้งานต้องท้าการทดสอบประสิทธิภาพในการใช้งานด้วย ทงั้ นี้ เพ่อื ลดความผิดพลาดในการแปลงไฟล์จากต้นฉบบั ให้สามารถแปลงไฟล์ไดอ้ ยา่ งถูกต้องแมน่ ยา้ ๓. ใช้ระบบการค้นหาข้อมูล Search Engine ให้เข้าถึงระบบ E-document เพื่อการ สืบค้นข้อมูลได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งเพื่อเผยแพร่เอกสารเก่ียวกับวงงานรัฐสภาให้แก่ ประชาชนท่ัวไป ตลอดจนบคุ ลากรในวงงานรฐั สภาได้รบั ทราบ ๔. ด้าเนินการตรวจสอบ QR code ภายในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซ่ึงเมื่อ ส ม า ชิ ก ส ภ า ผู้ แ ท น ร า ษ ฎ ร ท้ า ก า ร ส แ ก น แ ล้ ว จ ะ ป ร า ก ฏ ร ะ บ บ ชั้ น ว า ง เ อ ก ส า ร อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ (E-Bookshelf) ว่าอยู่ภายใต้โดเมนของส้านักงานฯ หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบเรื่องความปลอดภยั ของ ขอ้ มลู ดงั กลา่ วดว้ ย ๕. น้าเข้าเอกสารประกอบการพิจารณา (อพ.) ที่จัดท้าโดยส้านักวิชาการเข้าสู่ระบบ E-document เพ่ือความสะดวกในการสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับการประชุมสภาของสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร เพอ่ื การอ้านวยความสะดวกและลดระยะเวลาสืบคน้ ข้อมลู

๘๔ ๖. พิจารณาความเสี่ยงท่ีเกี่ยวข้องกับระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ และกาหนด มาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงดังกล่าว พรอ้ มทั้งพิจารณาและกาหนดมาตรการในการป้องกันการเข้าถึงทางระบบคอมพวิ เตอร์และจดั เตรียม แผนการก้คู นื ข้อมูลในกรณีทเี่ กิดเหตุการณฉ์ ุกเฉนิ ตามระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ สารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความม่ันคงปลอดภัยจากภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่าง ๆ และสามารถรับมือต่อเหตกุ ารณ์ฉกุ เฉนิ ได้ ๓.๒.๒ เวบ็ ไซตร์ ฐั สภา ชอ่ งทางการมีส่วนร่วมของประชาชน และการเปดิ เผยขอ้ มลู ของ รฐั สภา ในระบอบประชาธิปไตยการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับการ ดาเนินงานต่าง ๆ ของรัฐอย่างกว้างขวางเป็นสิ่งจาเป็น เพ่ือที่ประชาชนจะได้สามารถแสดงความ คิดเห็นและใช้สิทธิทางการเมืองได้โดยถูกต้องตรงตามความเป็นจริง อันจะเป็นการส่งเสริมให้รัฐบาล มกี ารบรหิ ารท่ีมีประสทิ ธิภาพ โปร่งใส และเป็นไปเพอ่ื ประชาชนมากยง่ิ ขึน้ รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ไดบ้ ญั ญัตริ ับรองสทิ ธิการรับรู้ของ ประชาชนและมีบทบัญญัติเพ่ิมเติมเก่ียวกับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน โดยให้เป็นหน้าท่ี ของรัฐในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะแก่ประชาชนด้วย ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๕๙ “รัฐต้อง เปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานของรัฐ ที่มิใช่ข้อมูลเก่ียวกับความ ม่ันคงของรัฐหรือเป็นความลับของทางราชการตามท่ีกฎหมายบัญญัติ และต้องจัดให้ประชาชนเข้าถึง ข้อมูลหรือข่าวสารดังกล่าวได้โดยสะดวก” จะเห็นได้ว่า การรับรองสิทธิรับรู้ของรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๕๙ มีเจตนารมณ์ให้เป็นหน้าท่ีของรัฐท่ีต้องเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะ ในครอบครองของตน โดยประชาชนไม่ต้องเป็นฝา่ ยใชส้ ทิ ธิขอข้อมลู จากหน่วยงานของรฐั เพียงฝ่ายเดียว นอกจากสิทธิของประชาชนในการรับรู้ข้อมลู ข่าวสารของราชการและหน้าท่ีของรัฐในการ เปิดเผยข้อมูลสาธารณะตอ่ ประชาชนแล้ว ในส่วนท่ีเกี่ยวกับหน้าที่และอานาจของรัฐสภา รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๒๐ วรรคส่ี บัญญัติว่า รายงานการประชุมและบันทึกการออกเสียง ลงคะแนนของสมาชิกแต่ละคนต้องเปิดเผยใหป้ ระชาชนทราบได้ท่ัวไป เว้นแต่การประชุมลับหรือการ ออกเสียงลงคะแนนเป็นการลับ รวมทั้งมาตรา ๑๒๙ วรรคหก ให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เปิดเผยบันทึกการประชุม รายงานการดาเนินการ รายงานการสอบหาข้อเท็จจริง หรือรายงาน การศกึ ษา แล้วแตก่ รณี ของคณะกรรมาธกิ ารให้ประชาชนทราบ เว้นแต่สภาผแู้ ทนราษฎรหรอื วุฒิสภา แลว้ แต่กรณี มีมติมิใหเ้ ปดิ เผย นอกจากน้ี รัฐธรรมนูญ มาตรา ๗๗ วรรคสอง วางหลักไว้ว่า ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่าง รอบด้านและเป็นระบบ รวมท้ังเปิดเผยผลการรบั ฟังความคดิ เห็น และการวิเคราะหน์ น้ั ต่อประชาชน และ นามาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกข้ันตอน ซ่ึงการรับฟังความคิดเห็นของ ผู้มีส่วนเก่ียวข้องก่อนการออกกฎหมายเพื่อใช้บังคับนั้น เป็นมิติใหม่ของกระบวนการตรากฎหมาย ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับร่างกฎหมาย และเข้ามามีส่วนร่วม

๘๕ ในกระบวนการตรากฎหมาย หากกฎหมายนั้นกระทบต่อสิทธิของตนก็สามารถใช้สิทธิใช้เสียง แสดงความคิดเห็นในร่างกฎหมายน้ัน ๆ ได้ ส่งผลให้รัฐสภาในฐานะองค์กรด้านนิติบัญญัติ โดยมีสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีภารกิจหลักในการสนับสนุนการดาเนินการ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและคณะกรรมาธิการ ต้องดาเนินการจัดทาร่างกฎหมายให้สอดคล้อง กับบทบัญญัติมาตรา ๗๗ วรรคสอง ทั้งน้ี เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและตามหลักการมีส่วนร่วม ของประชาชน เว็บไซตร์ ฐั สภาและชอ่ งทางการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน สานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎรมหี นา้ ที่ในการดแู ลเว็บไซต์ของรัฐสภาภายใต้โดเมน www.parliament.go.th ซ่ึงปัจจุบันมีเว็บไซต์ย่อยภายใต้เว็บไซต์ของรัฐสภา จานวน ๓๗๖ เว็บไซต์ พัฒนาดว้ ยระบบบรหิ ารจัดการเวบ็ ไซต์ CMS (Content Management System) Easy Web Time ระบบปฏิบัติการ Windows Server ๒๐๑๖ พัฒนาด้วยภาษา PHP ระบบฐานข้อมูล mysql Version ๕.๕.๓ และ Apache ๒.๔ โดยมีพื้นท่ีความจุท้ังหมด ๘๐๐ GB และใช้ไป ๕๘๓ GB (ข้อมลู ณ เดอื นมกราคม ๒๕๖๓) เว็บไซต์รัฐสภามีเว็บย่อยหลัก ๆ ๕ เว็บ ได้แก่ สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา สานักงาน เลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร และสานักงานเลขาธกิ ารวุฒสิ ภา ซ่ึงเป็นการแบ่งตามโครงสรา้ งหลักของ หน่วยงานภายใต้สังกัดรัฐสภา นอกจากน้ี ยังมีเว็บไซต์ย่อยท่ีแยกออกมาบริหารจัดการโดยยังไม่ได้ บูรณาการการทางานร่วมกัน โดยหน่วยงานเจ้าของข้อมูลดาเนินการเผยแพร่ข้อมูลในส่วนงานของ ตนเอง เช่น สานักงานงบประมาณรัฐสภา, สานักกฎหมาย, สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทศั น์ รัฐสภา, รัฐสภาระหว่างประเทศ, หอสมุดรัฐสภา, ศูนย์ประชาคมอาเซียน, ศูนย์ข้อมูลข่าวราชการ สานกั งานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร, ศนู ย์รับเรื่องราวรอ้ งทุกข์, เพจการเข้าช่อื เสนอกฎหมาย เป็นต้น ปัจจุบันสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ดาเนินเปิดช่องทางการรับฟังความคิดเห็น ร่างพระราชบัญญัติตามมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญผ่านเว็บไซต์รัฐสภาไทย เพื่อให้ประชาชน ผู้ท่ีเกี่ยวข้องได้รับรู้และเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติท่ีได้รับ ผลกระทบหรืออาจได้รับผลกระทบหรือมีส่วนได้เสียกับเรื่องท่ีเปิดรับฟังความคิดเห็น ซ่ึงสอดคล้อง ตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ มีระบบการเข้าช่ือเสนอกฎหมาย ตามมาตรา ๑๓๓ (๓) ของรัฐธรรมนูญ โดยหน่วยงานท่ีรับผิดชอบ คือ กลุ่มงานเข้าช่ือเสนอกฎหมาย สานัก การประชุม เป็นรูปแบบการรวบรวมรายช่ือด้วยการส่งเอกสารท่ีส่งมายังรัฐสภา เพ่ือรองรับการเสนอ กฎหมายโดยภาคประชาชน หรือเป็นระบบรองรับการนาเข้าข้อมูลหมายเลขบัตรประชาชนและ สถานะของเอกสารแนบ สาหรับกรองข้อมูลท่ีไม่ถูกต้อง โดยระบบจะแสดงจานวนรายการที่ได้นาเขา้ สาหรับให้ผู้นาเข้าข้อมูลตรวจสอบยอดผู้เสนอร่างกฎหมายให้เป็นไปตามเง่ือนไขของกฎหมาย ทก่ี าหนดไว้ ซง่ึ ผนู้ าเข้าขอ้ มลู จะประสานกับผู้ท่ีเก่ียวข้อง กรณยี อดผูเ้ สนอกฎหมายไม่ครบตามเง่ือนไข ซ่ึงเมื่อได้รับแจ้งจากผู้นาเข้าข้อมูลว่าข้อมูลครบถ้วนแล้ว จากนั้นผู้ดูแลระบบจะส่งออกข้อมูลสาหรับ นาส่งตรวจสอบตัวตนและสิทธ์ิเลือกตั้งกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เม่ือได้ข้อมูลกลับ มาแลว้ ผดู้ แู ลระบบจะนาเขา้ ขอ้ มูลท่ไี ด้รับสูร่ ะบบและประมวลผลรายงานสาหรับปิดประกาศต่อไป

๘๖ อย่างไรก็ตาม การรับฟังความคิดเห็นร่างกฎหมายบนเว็บไซต์รัฐสภาไทย มีข้อจากัด ในรูปแบบการแสดงความคิดเห็นท่ีประชาชนเสนอต่อร่างพระราชบัญญัติที่เปิดรับฟังความคิดเห็น โดยเป็นลักษณะการส่งความเห็นทางอินบ็อกซ์ (Inbox) หรือส่งข้อความไปท่ีแอดมินท่ีควบคุมระบบ หลังบ้าน (Back office) โดยตรง ซึ่งประชาชนท่ัวไปจะไม่สามารถมองเห็นข้อความที่แสดงความคิดเห็น ผ่านหน้าเว็บไซต์รัฐสภาได้ เป็นผลให้ประชาชนที่แสดงความคิดเห็นไม่สามารถนาความคิดเห็นนั้น เปิดเผยต่อสาธารณะ ทาให้ความเห็นน้ันไม่ได้ถูกนาไปขยายหรือต่อยอดโดยประชาชนคนอื่น ๆ ท่ีอาจจะสนบั สนุนหรือไมส่ นับสนนุ ความเหน็ นัน้ การเปิดเผยขอ้ มลู ของรฐั สภา ข้อมูลจัดเป็นทรัพย์สินที่สาคัญในการดาเนินงานของหน่วยงาน ภาครัฐจึงได้ให้ ความสาคัญกับการนาข้อมูลมาใช้สนับสนุนการขับเคล่ือนนโยบายเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลให้กับ ทกุ ภาคสว่ น แต่ในปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐยังประสบกับปัญหาและอุปสรรคในการดาเนินงานด้านต่าง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องกับข้อมูล ซ่งึ เป็นประเด็นปัญหาเชิงนโยบายและปฏิบตั ิ เช่น ปญั หาความซ้าซ้อนของข้อมูล ปัญหาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ปัญหาคุณภาพของข้อมูล ปัญหาการเปิดเผยข้อมูล เป็นต้น ประเด็นปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้อาจเป็นผลมาจากการบริหารจัดการข้อมูลท่ีไม่ครอบคลุมและ ไม่ชัดเจนของหน่วยงาน ปัญหาความซ้าซ้อนของข้อมูล ปัญหาความม่ันคงปลอดภัยของข้อมูล เช่น การรักษาความลับ การเข้าถึงข้อมูล การรักษาความเป็นส่วนบุคคล ปัญหาคุณภาพของข้อมูล เช่น ความถูกต้อง ความครบถ้วน ความเป็นปัจจุบันของข้อมูล เป็นต้น ซึ่งปัญหาคุณภาพของข้อมูลน้ี สว่ นใหญ่มาจากกระบวนการการแปลงไฟล์ท่ีใมส่ มบูรณ์ รวมทั้งขอ้ มลู ทไ่ี ด้มาจากหนว่ ยงานราชการอ่ืน ซึ่งไม่สามารถหาต้นฉบับได้ หรือไม่สามารถควบคุมแหล่งข้อมูลท่ีรับมาได้ ปัญหาการเปิดเผยข้อมูล เช่น หน่วยงานเจ้าของข้อมูลไม่อนุญาตให้เข้าถึงข้อมูล กระบวนการขอใช้ข้อมูลซับซ้อนและ ใช้เวลานาน ข้อมูลไม่อยู่ในรูปแบบที่ใช้งานต่อได้ง่าย และยังไม่มีการนาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ อย่างเป็นรูปธรรม ดังน้ัน จึงจาเป็นต้องให้หน่วยงานภาครัฐมีมาตรการและแนวปฏิบัติเพื่อบริหาร จัดการข้อมลู ที่มีประสิทธิภาพและประสทิ ธิผล จากการสารวจเอกสาร PDF ท่ีเผยแพร่ในเวบ็ ไซต์รัฐสภา ในชว่ งเดือนมกราคม-กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๓ เอกสาร PDF ทเ่ี ผยแพร่ในเวบ็ ไซตร์ ฐั สภา https://www.parliament.go.th/ พบวา่ เอกสาร ส่วนใหญอ่ ยูใ่ นรปู แบบท่ีไมพ่ รอ้ มต่อการใชง้ านซ้าในอนาคต เน่ืองจาก ๑. เอกสาร PDF ท่ีเกิดจากการสแกน ไม่สามารถคัดลอกขอ้ ความได้ ๒. เอกสาร PDF แบบ Secured ไม่สามารถคัดลอกข้อความได้ ๓. เอกสาร PDF ทเี่ กิดจากการ convert แตม่ ปี ญั หากบั สระ วรรณยุกตบ์ างตัว ๔. เอกสาร PDF ทเ่ี กดิ จากการ convert แตม่ ปี ัญหาพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ต์บางตวั

๘๗ (ภาพดา้ นลา่ งแสดงตวั อยา่ งเอกสาร PDF ทเ่ี ผยแพร่ในเว็บไซต์รฐั สภา ท่ไี ม่พร้อมใชง้ านซา้ ในอนาคต)

๘๘

๘๙ แต่อย่างไรก็ตาม พบระบบสารสนเทศด้านนิติบัญญัติ สานักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร https://lis.parliament.go.th/index/index.php ที่มีการเผยแพร่เอกสารมากกว่า ๑ ฟอร์แมต คือ PDF (ท่ีพร้อมใช้งานซ้าในอนาคต) Word และ Excel เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้งาน (ตามภาพทแี่ สดงดา้ นล่าง)

๙๐ ส่วนการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐผ่านระบบ API ของระบบสารสนเทศของอาคารรัฐสภา แห่งใหม่ ในเบ้ืองต้นจะเป็นการเช่ือมโยงข้อมูลภายในและเชื่อมโยงกับหน่วยงานภายนอกที่เป็น หน่วยงานราชการด้วยกันเฉพาะหน่วยงานที่มีการทาข้อตกลงระหว่างกันเท่าน้ัน ส่วนการเปิดเผย ข้อมูลให้กับประชาชนทั่วไปจะขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้บริหารในการกาหนดประเภทชุดข้อมูลให้กับ ประชาชนนาข้อมลู ไปใช้ประโยชนต์ อ่ ไปหนว่ ยงานของรฐั จะต้องเปิดเผยข้อมูลดิจิทัล ความเหน็ และขอ้ เสนอของคณะอนกุ รรมาธกิ าร การขับเคลื่อนการด้าเนินงานของรัฐสภาให้มีความสอดคล้องและเป็นไปตามแนวคิดของ การออกแบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับการก้าวสู่การเป็นรัฐสภาดิจิทัล ( Digital Parliament) ตามแผนพัฒนา Digital Parliament ของรัฐสภา ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๕) ประการสาคัญหนง่ึ คอื การเผยแพรข่ อ้ มูลสูภ่ าคประชาชนและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง อันเป็นสว่ นสาคญั สาหรับแนวคิดการออกแบบรัฐสภาดิจิทัล (Digital Parliament) เพ่ือส่งเสริมและสนับสนุน ให้ประชาชนมีสว่ นร่วมทางการเมือง และเผยแพร่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ข้อมูลที่ได้รับ อนุญาตให้มีการเผยแพร่ต้องเป็นข้อมูลท่ีมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน มีศูนย์กลางการเผยแพร่และ การให้บริการข้อมูลเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากแหล่งเดียว นอกจากน้ี สามารถ ประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยี Social Media เพ่ือเผยแพรข่ อ้ มลู สู่ภาคประชาชนอกี ชอ่ งทางหนง่ึ เน่ืองจากข้อมูลของรัฐสภาท้ังหมดมาจากประชาชนซึ่งเป็นผู้เสียภาษีอากร รัฐสภาจึงมี หน้าที่ต้องเปิดเผยตามหลักการ “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น” และจากการศึกษาประเด็น “การเปิดกว้างของรัฐสภา” ในการประชุมรัฐสภาโลก (World e-Parliament) ณ กรุงโรม ประเทศ อิตาลี ซ่ึงได้มีการประกาศปฏิญญาว่าด้วยการเปิดกว้างของรัฐสภา (Declaration on Parliamentary Openness) โดยเรียกรอ้ งใหร้ ัฐสภาเพ่ิมความมุ่งมั่นตอ่ ความโปร่งใส การเปิดกว้าง และการมีส่วนรว่ ม ของพลเมืองในการดาเนินงานของรัฐสภา โดยเห็นว่าข้อมูลรัฐสภาเป็นข้อมูลสาธารณะ ซึ่งจะต้อง

๙๑ สามารถนามาใช้ซ้าหรือเผยแพร่ซ้าได้โดยประชาชนตามข้อจากัดที่กฎหมายกาหนด ท้ังน้ี ข้อมูล รัฐสภาประกอบด้วย ข้อมูลเก่ียวกับบทบาทและหน้าท่ีของรัฐสภา ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการตรา กฎหมายหรอื กระบวนการนิติบญั ญัติ การลงคะแนนเสียง วาระการประชุมของรฐั สภา การบันทึกการ ประชุมและการดาเนินการของคณะกรรมาธิการ ข้อมูลงบประมาณ ข้อมูลประวัติศาสตร์ และข้อมูล อื่น ๆ ซ่ึงเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกของรัฐสภา รวมทั้งข้อมูลการบริหารและการจัดการของรัฐสภา บคุ ลากรของรฐั สภา ตลอดจนข้อมูลเกย่ี วกับภูมิหลัง กจิ กรรม และกจิ การของสมาชิก ทง้ั น้ี ข้อมลู ของ รฐั สภาจะตอ้ งมีความสมบูรณ์ ถกู ต้องและทันเวลา โดยรฐั สภาจะตอ้ งดาเนินการเพื่อให้ทกุ คนสามารถ เข้าถึงข้อมูลได้อย่างกว้างขวางผ่านช่องทางหลากหลายโดยไม่เลือกปฏิบัติภายใต้ข้อจากัดด้านพ้ืนท่ี และความปลอดภัยโดยรับประกันความเป็นส่วนตัวสาหรับผทู้ ่ีเข้าถึงข้อมูล และจะต้องมีให้บริการฟรี ในหลายภาษาและผ่านหลายเคร่ืองมือ เช่น บทสรุปโดยใช้ภาษาท่ีประชาชนสามารถเข้าใจข้อมูลของ รัฐสภาไดง้ า่ ย นอกจากนี้ ข้อมูลรฐั สภาจะตอ้ งเผยแพร่ออนไลน์ในรูปแบบเปิด (Open) และในรปู แบบ ที่อนุญาตให้ประชาชนสามารถนาไปวิเคราะห์และใช้ซ้าโดยใช้เครื่องมือเทคโนโลยี (Machine readable) สามารถค้นหาได้ง่าย และสามารถดาวน์โหลดได้จานวนมาก รวมท้ัง การ Open Source ใหภ้ าคประชาชนสามารถพัฒนาต่อยอดได้อย่างเสรีภายใตข้ ้อจากดั ของกฎหมาย โดยการใช้ซอฟตแ์ วร์ รูปแบบท่ไี มใ่ ช่กรรมสทิ ธ์ิ (Open source) โดยคณะอนุกรรมาธิการมขี ้อเสนอ ดังน้ี ๑. ปจั จัยที่นาไปสู่มาตรฐานของการเปดิ เผยขอ้ มลู ภาครัฐ คือ ๑) ต้องเข้าถึงได้ง่าย จากการศึกษาแนวทางการเผยแพร่เอกสารของ National Archives ของสหราชอาณาจักร ให้เผยแพร่เอกสารเป็นเว็บเพจ HTML ซึ่งเป็นวิธีท่ีดีที่สุดในการ เขา้ ถงึ ไดง้ ่าย เนอื่ งจากเอกสารท่ีเผยแพรใ่ นรูปแบบ PDF ทาใหก้ ารคน้ หา การใช้ และการดูแลเนื้อหายาก และมปี ญั หาเร่ืองการใช้งานรว่ มกบั โปรแกรมการอา่ นหนา้ จอสาหรบั ผู้พิการ รวมทั้งการใช้ภาษาท่ีง่าย ที่สุดเพื่อทาให้ผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาและการเรียนรู้สามารถเข้าถึงเอกสารได้ และหาก จาเป็นต้องเผยแพร่ในรปู แบบ PDF ควรมีการตรวจสอบว่า PDF ท่สี ร้างสามารถเขา้ ถงึ ไดห้ รือไมโ่ ดยใช้ Adobe Reader หรือ Adobe Acrobat Pro ในการทดสอบ รวมถึงควรทดสอบด้วยการใช้โปรแกรม อา่ นหนา้ จอดว้ ย ๒) การเปิดเผยขอ้ มลู ในลักษณะ Machine readable หรอื ข้อมูลในรูปแบบท่ีสามารถ นาไปประมวลผล วิเคราะห์หรือใช้ซ้าโดยใช้เคร่ืองมือเทคโนโลยี ท้ังน้ี กระบวนการแปลงไฟล์เอกสาร จะต้องมีความถูกต้องแม่นยาสามารถนาไปใช้ประโยชน์ต่อได้โดยไม่มีข้อจากัด เช่น สร้างเอกสาร ในเว็บเพจ HTML โดยหากต้องการเผยแพร่เอกสารในรูปแบบอื่นควรทาเป็นเอกสารเพ่ิมเติมจาก เวอร์ชัน HTML ๓) มมี าตรฐานกลางในการแลกเปลีย่ นข้อมลู ระหวา่ งหน่วยงานรัฐดว้ ยกนั และระหว่าง หน่วยงานรัฐกับเอกชน ภายใต้ระดับการเข้าถึงท่ีกาหนดไว้และได้รับการยินยอมในการแลกเปลี่ยน ข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลและหน่วยงานที่เก็บข้อมูล หรือ Web API ซึ่งจะทาให้ระบบฐานข้อมูล ที่แต่ละหน่วยงานสามารถพัฒนาต่อยอดระบบฐานข้อมูล (Database) เดิม หรือในการพัฒนาระบบ ฐานข้อมูลใหม่ให้สามารถเชื่อมโยงกันได้ตามมาตรฐานกลางท่ีกาหนดไว้ได้ ซึ่งจะทาให้ระบบใหม่ สามารถส่งข้อมูลไปยังระบบเดิมท่ีเก่ียวข้องได้โดยหนว่ ยงานภาครฐั ไม่ต้องทางานซา้ ซ้อนในการนาเข้า

๙๒ ข้อมูลซ้า และหน่วยงานภายนอกท้ังหน่วยงานรัฐด้วยกันหรือเอกชนมีความเข้าใจและพัฒนาระบบ ที่สามารถดึงข้อมูลเปิด เพื่อนาข้อมูลนั้นไปพัฒนาต่อยอดหรือช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจาก Big Data ไดส้ ะดวกและมีประโยชน์มากยิง่ ขึ้น ๓. หน่วยงานเจ้าของข้อมูลจะต้องกาหนดชุดข้อมูลที่จะให้เปิดเผย ตามพระราชบัญญัติ การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนการเข้าถึงข้อมูลจะต้อง กาหนดสิทธ์ิผู้อนุมัติการเข้าถึงข้อมูลแต่ละประเภทและแต่ละข้ันตอน รวมท้ังจัดทาข้ันตอนและ กระบวนการใหช้ ดั เจน ๔. การจัดทาเว็บไซต์อย่างน้อยควรทาตามมาตรฐานขั้นต่าของ WCAG คือ เมื่อมีการนา ข้อมูลทุกประเภทข้ึนเว็บไซต์หรือการอัปโหลดลิงก์ต่าง ๆ ข้ึนบนเว็บไซต์ จะต้องมีการตรวจสอบว่า เป็นไปตามมาตรฐานสากลท่ีอานวยประโยชน์ให้แก่การเข้าถึงของประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ผู้พิการหรือบุคคลท่ัวไปให้สามารถเข้าถึงเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้โดยสะดวกและเท่าเทียมกัน (Web Accessibility) เพ่ือพฒั นาไปถงึ ระดับมาตรฐาน AAA ของ WCAG ๕. จัดกลุ่มข้อมูลเก่ียวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในด้านนิติบัญญัติ เช่น การรับฟัง ความคิดเห็นตามมาตรา ๗๗ และการเข้าช่ือเสนอกฎหมายโดยประชาชนตามมาตรา ๑๓๓ (๓) ของรัฐธรรมนูญบนหน้าเว็บไซต์รัฐสภาให้อยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน โดยแยกเป็นสองกระบวนงาน คือ การเสนอความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติ และการริริเริ่มเสนอกฎหมายโดยประชาชน เพ่ือให้ ประชาชนสามารถเข้าถึงกฎหมายได้ง่ายและสะดวกยิ่งข้ึน อันจะเป็นการตอบโจทย์ของประชาชน ทเี่ ขา้ เวบ็ ไซต์รัฐสภาซง่ึ ต้องการค้นควา้ ขอ้ มลู ดา้ นนติ ิบญั ญตั ิและการมสี ่วนรว่ มในกระบวนนิติบัญญัติ ๖. การรับฟงั ความคิดเห็นร่างพระราชบญั ญตั ิตามมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญบนเว็บไซต์ รัฐสภาไทยควรเปดิ สถานะความคิดเห็นของประชาชนซ่ึงแสดงความเหน็ ต่อร่างพระราชบัญญัติให้เป็น สาธารณะ (Public) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเห็นข้อความท่ีแสดงความคิดเห็นหรือ คอมเม้นต์ (Comment) ต่าง ๆ รวมท้ังแนวโน้มและประเด็นที่มีการสนทนา เพื่อส่งเสริมหลักการ เปิดกวา้ งของรฐั สภา (Open Parliament) ๗. การ Open Source ระบบโดยเปิดเผย Source code เพ่ือเปิดโอกาสประชาชนหรือ ภาคเอกชนสามารถเข้ามาพัฒนาต่อยอดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้ เน่ืองจากงบประมาณของ ภาครัฐได้รับการจัดสรรเป็นรายปีและอาจจะไม่มีความต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยี สารสนเทศมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซ่ึงการพัฒนาระบบอาจจะไม่สอดคล้องกับงบประมาณ ที่ได้รับ ทาให้เทคโนโลยีท่ีใช้อยู่เดิมมีความล้าสมัยและยากต่อการใช้งาน ดังน้ัน การเปิดเผย Source code จะทาให้ภาคเอกชนซ่ึงมีความเชยี่ วชาญเฉพาะในดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศมากกวา่ จะสามารถ ชว่ ยหน่วยงานของรัฐในการพัฒนาตอ่ ยอดระบบใหท้ ันสมัยและตอบโจทย์ประชาชน โดยไมจ่ าเปน็ ต้อง พง่ึ พางบประมาณจากภาครัฐ ๘. การจัดกิจกรรมให้นักพัฒนาแอปพลิเคชัน มาร่วมพัฒนาแอปพลิเคชัน เพื่อเป็น เคร่ืองมือเทคโนโลยีท่ีใชพ้ ฒั นาการทางานในวงงานของรัฐสภา และ การมีสว่ นรว่ มของประชาชน อาทิ การจัดกิจกรรมการออกแบบเพื่อสร้างต้นแบบแพลตฟอร์มการมีส่วนร่วมของประชาชนในรูปแบบ ออนไลน์ ท่ีเรียกว่า แฮกกาธอน (Hackathon) หรือการพัฒนาต้นแบบเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมาสภาผู้แทนราษฎรโดยคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการ

๙๓ มีส่วนร่วมของประชาชน สภาผ้แู ทนราษฎร ได้จัดกจิ กรรม Parliament Hackathon : Participation Platform เพื่อเปิดโอกาสให้นักพัฒนาแอปพลิเคช่ัน และประชาชนท่ัวไป มาร่วมกิจกรรมเพื่อสร้าง ต้นแบบเครื่องมือดิจิทัล ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ในสามหัวข้อ คือ ๑) แพลตฟอร์มกฎหมาย (Law Platform) ๒) แพลตฟอร์มงบประมาณ (Budget Platform) และ ๓) แพลตฟอร์มเรื่องร้องเรียน (Complaint Platform) ซึ่งกิจกรรมรูปแบบน้ีสามารถนามาจัด ในประเด็นอน่ื ๆ เพื่อการมีสว่ นรว่ มในการพัฒนาระบบบรกิ ารสารสนเทศในวงงานรัฐสภา ๓.๒.๓ โซเชยี ลมีเดีย (Social Media) ของรฐั สภา โซเชียลมีเดีย (Social Media) เป็นส่ือสังคมออนไลนท์ ี่มีการตอบสนองทางสงั คมไดห้ ลาย ทิศทางโดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โซเชียลมีเดียสาหรับรัฐสภาเป็นการสร้างพื้นที่การสื่อสาร การเผยแพร่ข้อมลู เกีย่ วกับกจิ กรรมต่าง ๆ ของรฐั สภา เช่น การอภปิ ราย การประชมุ คณะกรรมาธิการ คณะต่าง ๆ ภารกิจของสมาชิกรัฐสภา ตลอดจนเป็นช่องทางในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ทาให้รัฐสภาใกล้ชิดกับประชาชนมากข้ึน ซ่ึงการใช้สื่อโซเชียลมีเดียสามารถทาได้หลากหลายช่องทาง การเผยแพร่ข้อมูลมีความรวดเร็ว กระจายวงกว้างและใช้ต้นทุนต่า แต่ขณะเดียวกันการใช้โซเชียล มีเดียมีข้อจากัดในเร่ืองความเป็นทางการ และการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะที่ควบคุมได้ยาก ดังนน้ั การใช้โซเชยี ลมเี ดยี ในแตล่ ะประเภทจะต้องพิจารณาความเหมาะสมและความสมดุลดว้ ย โซเชยี ลมเี ดยี (Social Media) ของรัฐสภาในปจั จบุ นั สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา เป็นสื่อหลักของรัฐสภาในการเป็น ส่ือกลางระหว่างรัฐสภากับประชาชนในบทบาทเป็นส่ือสาธารณะ เพ่ือสนับสนุนภารกิจการส่งเสริม ความรู้ด้านนิติบัญญัติและเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐสภากับประชาชน ทั้งด้านการถ่ายทอด การประชุมสภา การถ่ายทอดการสัมมนาและการร่วมผลิตรายการกับองค์กรเครือข่ายท้ังภายในและ ภายนอก โดยมีภารกิจที่ส้าคัญ คือ ด้าเนินการถ่ายทอดการประชุมรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และ ด้าเนินการเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่สาระความรู้ ข่าวสารเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย กระบวนการด้านนิติบัญญัติ และกิจกรรมของรัฐสภาและสภาผู้แทนราษฎร ทางสถานวี ิทยุกระจายเสยี งรัฐสภา และสถานวี ิทยโุ ทรทัศน์รฐั สภา เพือ่ ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างสมาชิกรัฐสภา กบั ประชาชน ส่ือหลักของรัฐสภาซึ่งเป็นช่องทางการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์รายการของสถานี วิทยุกระจายเสียงและวิทยโุ ทรทัศน์รฐั สภา ประกอบด้วย สถานีวิทยุกระจายเสยี งรัฐสภา และสถานีวิทยุ โทรทศั นร์ ัฐสภา สถานีวิทยกุ ระจายเสียงรฐั สภา (Thai Parliament Radio) สถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา ก่อต้ังเม่ือวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๓๗ ปัจจุบันด้าเนินการ มาเป็นระยะเวลา ๒๖ ปี มีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมเผยแพร่ความรู้ด้านการเมืองการปกครองระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีภารกิจหลักในการถ่ายทอดการประชุม สภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา และการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ตลอดจนเผยแพร่กิจกรรม และผลการดา้ เนินงานของรฐั สภาไปสปู่ ระชาชนในรูปแบบรายการและขา่ ว

๙๔ ปัจจุบันสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา ส่งกระจายเสียงระบบ FM คลื่นความถี่ ๘๗.๕๐ MHz สถานแี มข่ ่ายกรุงเทพมหานคร และสถานเี ครือข่ายสว่ นภูมภิ าค ๑๔ จงั หวัด และระบบ AM คล่ืนความถี่ ๑๐๗๑ KHz ด้าเนินการออกอากาศทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๕.๐๐ – ๒๒.๐๐ นาฬิกา โดยการออกอากาศ ทั้ง ๒ ระบบ ครอบคลุมร้อยละ ๒๖ ของพ้ืนที่ทั่วประเทศ ซ่ึงสถานีเครือข่ายส่วนภูมิภาค ๑๔ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี (๑๐๖.๒๕ MHz) จังหวัดระยอง (๘๗.๗๕ MHz) จังหวัดนครราชสีมา (๘๗.๕๐ MHz) จังหวัดอุดรธานี (๘๗.๕๐ MHz) จังหวัดสกลนคร (๘๗.๗๕ MHz) จังหวัดอุบลราชธานี (๘๗.๕๐ MHz) จังหวัดชัยนาท (๙๖.๒๕ MHz) จังหวัดพิษณุโลก (๙๒.๒๕ MHz) จังหวัดเชียงใหม่ (๑๐๖.๗๕ MHz) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (๘๙.๒๕ MHz) จังหวัดภูเก็ต (๙๙.๒๕ MHz) จังหวัด สุราษฎร์ธานี (๘๗.๕๐ MHz) จังหวัดสงขลา (๑๐๓.๒๕ MHz) และจังหวัดยะลา (๘๙.๐๐ MHz) ท้ังนี้ ไม่สามารถขยายเครือข่ายได้ เน่ืองจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไมอ่ นุญาตใหใ้ ชค้ ลืน่ ความถี่ สถานวี ทิ ยโุ ทรทศั นร์ ัฐสภา (Thai Parliament Television : TPTV) ชอ่ ง ๑๐ สถานีวทิ ยโุ ทรทัศน์รัฐสภา กอ่ ตง้ั เม่ือวันท่ี ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๙ ในระบบดาวเทยี ม ตอ่ มา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ไดว้ างแผนการด้าเนนิ งานด้านกจิ การโทรทัศนส์ าธารณะในระบบดจิ ิทลั เพอ่ื รองรับ และเตรียมการส้าหรับขอใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการกิจการโทรทัศน์สาธารณะ และได้รับใบอนุญาต ประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล บริการสาธารณะประเภทท่ีสาม มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อการกระจายข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลกับประชาชนและรัฐสภา กับประชาชน และได้รับใบอนุญาตใช้คลื่นความถ่ีและประกอบกิจการโทรทัศน์จาก กสทช. เมื่อวันท่ี ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ ควบคู่กับการออกอากาศในระบบสัญญาณดาวเทียม และเคเบิลทีวี ปัจจุบันได้รับ การต่ออายุใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ คร้ังท่ี ๑ เม่ือวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ และใบอนุญาตจะสิ้นสุดอายุในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๗๓ สถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาได้ปรับเปล่ียนจากระบบอนาล็อก (Analog) เป็นระบบดิจิทัล นับต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ หลังจากได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. เพื่อประกอบกิจการโทรทัศน์ โดยเริ่ม ออกอากาศครั้งแรกในระบบดจิ ทิ ัล ช่อง ๑๐ เมือ่ วนั ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และได้มีการปรับเปล่ียน เน้ือหาของรายการตามผังรายการที่ก้าหนดโดย กสทช. ซึ่งจะเน้นการน้าเสนอข่าวสารเนื้อหาสาระ ความรู้ ประมาณร้อยละ 70 นอกจากนี้ ได้มีการจัดท้าข่าวเกี่ยวกับวงงานรัฐสภาเพื่อติดตามผลการ ด้าเนินงานของสมาชิกรัฐสภา ส่วนการด้าเนินการของคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ จะมีผู้ส่ือข่าวติดตาม ความเคลื่อนไหวเพ่ือนา้ เสนอให้กบั ประชาชนไดร้ ับทราบ สา้ หรับรายการสนทนาเก่ยี วกบั การเมืองการปกครอง เศรษฐกจิ และสงั คม ไดแ้ ก่ รายการ “มองรัฐสภา” จะออกอากาศในภาคเช้าเปน็ การน้าเสนอรายการโดยเชิญสมาชิกรัฐสภามาแลกเปลีย่ น ความรู้ ใช้เวลาออกอากาศประมาณ 55 นาที ควบคกู่ บั ชอ่ ง 11 (NBT) ของกรมประชาสมั พนั ธ์ และได้มกี าร แบ่งสัดส่วนรายการเพื่อให้สมาชิกรัฐสภาสับเปล่ียนมาให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน ดังน้ี วันจันทร์ เป็นสัดส่วนของพรรคฝ่ายค้าน วันอังคารและวันพุธเป็นสัดส่วนของพรรคฝ่ายรัฐบาล และวันพฤหัสบดี และวันศุกร์เป็นสัดส่วนของสมาชิกวุฒิสภา ส่วนรายการ “Zoom In” จะออกอากาศภาคค้่าเฉพาะ ทางสถานวี ทิ ยุโทรทัศน์รฐั สภา ชอ่ ง 10

๙๕ รายการของสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาจะด้าเนินการออกอากาศทุกวันตลอด ๒๔ ช่ัวโมง แบ่งเป็นออกอากาศตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ – ๒๔.๐๐ นาฬิกา เป็นการน้าเสนอเน้ือหาสาระและองค์ความรู้ ผ่านรายการ และตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ – ๐๘.๐๐ นาฬิกา เป็นเพจความรู้ด้านกฎหมายและองค์ความรู้ ดา้ นนิตบิ ัญญตั ิ การประเมินผลการด้าเนินงานท่ีผ่านมาพบว่า จ้านวนผู้เข้าชมและเข้ามาแสดงความ คิดเหน็ ซ่ึงจะมจี ้านวนมากหรือน้อยขนึ้ อยู่กับเนื้อหา (Content) ทนี่ า้ เสนอ กล่าวคือ หากเปน็ ประเด็น ข่าวทอ่ี ยูใ่ นความสนใจจะมีผ้เู ขา้ มารบั ชมและแสดงความคดิ เห็นเปน็ จ้านวนมาก เน่ืองจากปัจจุบันมีบุคคลหลากหลายกลุ่มวัยให้ความสนใจข่าวสารการเมืองการปกครอง เช่น กลุ่มผู้ใหญ่จะสนใจรับชมผ่านส่ือหลัก คือ สถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา ส่วนกลุ่มเด็กยุคใหม่ (Gen-Y) จะสนใจติดตามผ่านส่ือโซเชียลมีเดีย (Social Media) ดังนั้น สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ รัฐสภาจึงได้ผลิตส่ือใหม่ (New Media) เป็นการเพ่ิมช่องทางในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์รายการ และข้อมูลข่าวสารด้านนิติบัญญัติ เพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ผู้รับชม เรียกรวมว่า TP Channel ได้แก่ ๑. Website : TPchannel.org การใช้ Domain name TPchannel.org เนื่องจากสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุ โทรทัศน์รฐั สภาอยภู่ ายใต้การก้ากับดูแลของสา้ นักงานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎรและเป็นหนว่ ยงาน กลางท่ีมีหน้าท่ีความรับผิดชอบครอบคลุมทั้งรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ซึ่งอยู่ในระบบ ราชการ และเป็นดิจิทัลทีวีในแพลตฟอร์มเดียวกับสื่อช่องหลักต่าง ๆ อีกประมาณ ๒๖ สถานี ที่จะต้องด้าเนินการตามกฎ ระเบียบ และประกาศท่ีก้าหนดโดย กสทช. มีบทบาทเป็นสื่อสาธารณะ ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพ่ือ “เสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่าง รัฐสภากับประชาชน” ดังน้ัน การใช้ TPchannel.org จึงสามารถส่ือถึงความเป็นองค์กรด้านส่ือที่มี ความเป็นอิสระของวิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา และแสดงบทบาท “ความเป็นกลางทางการเมือง” อันเปน็ หลักการทีส่ ้าคัญขององคก์ รนติ บิ ัญญตั ิ ๒. Social Media ได้แก่ - Facebook : วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา ปัจจุบันมีผู้ติดตามประมาณ 200,000 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ท่ีสนใจข่าวสารการเมือง ความเคล่ือนไหวของเพจจะมีการ Live การประชุมสภา ผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทุกครั้งการประชุม รวมทั้งมีการ Live รายการโทรทัศน์รัฐสภา เช่น รายการ “มองรัฐสภา” รายการ “รัฐสภาของประชาชน” และมีการ Live รายการวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา เชน่ รายการ “Inside รฐั สภา” ควบคไู่ ปด้วย นอกจากน้ี บนเพจ Facebook ยังมีการน้าเสนอประเด็น ข่าวสาระความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย และประเด็นข่าวสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในปัจจุบัน รวมทง้ั มีแชร์ลิงก์ (Link) ข่าวที่จดั ทา้ ขน้ึ ไปยงั หนา้ เว็บไซต์ TP Channel เพอ่ื เป็นชอ่ งทางใหป้ ระชาชน ท่วั ไปไดเ้ ลือกติดตามรับชม - Twitter : @TPchannel10 ปัจจบุ นั มจี ้านวนผตู้ ดิ ตามประมาณ 1๖0,000 คน - YouTube : TPchannel ปัจจุบันมีจ้านวนผู้ติดตามประมาณ 7,000 คน น้าเสนอ รายการที่ทางสถานีฯ ผลิตข้ึนมา และน้ามาเผยแพร่ซ้า (Rerun) เพื่อให้ผู้รับชมสามารถติดตาม ยอ้ นหลงั ได้

๙๖ - Instagram : tpchannel10 ปัจจบุ ันมีจ้านวนผ้ตู ดิ ตามประมาณ ๑,๐๐๐ คน ๓. Mobile Application : TPchannel ความเห็นและข้อเสนอของคณะอนกุ รรมาธกิ าร ประเดน็ การใชส้ ื่อโทรทศั น์รัฐสภาและสอื่ วทิ ยุรฐั สภา ๑. กาหนดเป้าหมายและพันธกิจโดยมุ่งเน้นใหป้ ระชาชนเข้าถึงข่าวสารได้อย่างทั่วถึง และ เกิดการมีส่วนร่วม เช่น การจัดกิจกรรม การจัดรายการสนทนาโดยเชิญบุคคลที่มีความรู้เฉพาะด้าน มาร่วมสนทนาให้ความรู้ในประเด็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรัฐสภา ประวัติศาสตร์ การเมือง และความเช่ือ เนื่องจากข้อมูลเหล่าน้ีเป็นข้อมูลเฉพาะองค์กรนิติบัญญัติ ท่ีประชาชนจะไม่สามารถรับชมได้ จากหน่วยงานหรอื ช่องสถานอี ่ืน เพือ่ ให้เกิดความแตกตา่ งและดงึ ดดู ความสนใจ ๒. ลดการผลติ สือ่ ทห่ี มดความจาเป็น โดยเปลยี่ นเปน็ การเพมิ่ ประสิทธิภาพและทักษะของ บุคลากรในการดาเนินงานด้านมีเดียอื่น ๆ รวมทั้งฝึกอบรมบุคลากร แลกเปลี่ยนวิธีการหรือเทคนิค การทางานร่วมกบั หน่วยงานพันธมิตร ๓. บูรณาการการเผยแพร่ข้อมูลของสมาชิกแบบรายบุคคลให้เผยแพร่อยู่ใน Platform เดียวกัน เพือ่ ใหส้ ะดวกต่อการสบื ค้น ๔. สนับสนุนให้มีสื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการตรากฎหมาย การเลือกตั้ง และการ มีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนิติบัญญัติ เน่ืองจากเป็นข้อมูลท่ีตรงกับภาระหน้าที่ขององค์กร ฝ่ายนติ ิบญั ญตั ิ ๕. การนาเสนอเน้ือหาข่าวของสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาควรลด รปู แบบความเปน็ ทางการ และเพมิ่ การนาเสนอในรูปแบบที่แตกตา่ งและน่าสนใจให้กับบุคคลหลากหลาย กลุ่มมากขึ้น เช่น Animation โดยศึกษารูปแบบและวิธีการนาเสนอผ่านส่ือต่าง ๆ จากรัฐสภา ของตา่ งประเทศ เปน็ ต้น ๖. เนื่องจากส่ือวิทยุกระจายเสียงระบบ AM ซึ่งรองรับการให้บริการแก่ประชาชน โดยเฉพาะพ้นื ท่ีในต่างจังหวัด และระบบ FM ยังไม่ครอบคลมุ พน้ื ทีท่ ั่วประเทศ ดังน้ัน ในพื้นที่ที่ยงั ไม่มี สถานีเครือข่ายเห็นควรขยายความร่วมมือกับสถานีวิทยุในเครือข่ายของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หรอื สถานวี ิทยุในเครือข่ายของกรมประชาสัมพนั ธ์ และช่องทางหอกระจายขา่ วในชมุ ชนตา่ ง ๆ เพอ่ื ให้ ประชาชนสามารถตดิ ตามรบั ฟังการประชมุ สภาไดอ้ ย่างต่อเนื่อง ๗. จัดเก็บข้อมูลการถ่ายทอดสดการประชุมสภาอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ เพ่ือการสืบค้นข้อมูลย้อนหลังได้อย่างสะดวก รวดเร็ว โดยศึกษาวิธีการในการใช้โปรแกรมการแปลง เสียงเป็นอักษร (Speech to Text) เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ต่อยอด และประโยชน์ในการจัดทา รายงานการประชุมของเจ้าหน้าท่ชี วเลขใหม้ คี วามรวดเรว็ ย่งิ ขนึ้ ประเด็นทค่ี วรพิจารณาในการใช้ Social media เน่ืองจาก Social media มีความเปิดกว้างมากกว่าสื่อประเภทอืน่ แตม่ คี วามเป็นทางการ น้อยกว่าและสามารถควบคุมได้ยาก ดังนั้น การใช้ Social media ของรัฐภาจาเป็นต้องมีการกาหนด แนวทางการใช้อย่างชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าท่ีและบุคลากรในวงงานรัฐสภาทุกคนตระหนักถึงบทบาท

๙๗ และความรับผิดชอบของตน รวมท้ังเข้าใจถึงวิธีการใช้และการจัดการ Social media ซ่ึงมีประเด็น ทค่ี วรพิจารณา ดงั นี้ ๑. การอนุญาตให้ใช้ Social media การใช้งาน Social media อย่างเป็นทางการ ในชื่อบัญชีของรัฐสภาโดยเจ้าหน้าที่ ควรจากัดเฉพาะผู้ท่ีได้รับอนุญาตให้เผยแพร่เน้ือหา แสดงความ คิดเหน็ และตอบกลับ อีกทง้ั รฐั สภาควรแจง้ ใหเ้ จา้ หน้าท่ีทราบถึงจรรยาบรรณกบั การใช้ Social media ๒. ผู้มีอานาจที่จะเปิดเผยข้อมูล ให้อนุญาตเฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นท่ีสามารถ โพสตบ์ น Social media บัญชีของรัฐสภา ๓. การใช้ Social media ส่วนตัว เจ้าหน้าที่ของรัฐสภาอาจใช้บัญชีส่วนตัวเพ่ือแสดง ความคิดเห็นในเรื่องของรัฐสภา แต่รัฐสภาควรมีแนวทางที่ชัดเจนในการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทุกคน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับรัฐสภาใน Social media แต่ต้องคานึงถึงประเด็น ตา่ ง ๆ เช่น มสี ว่ นร่วมในกิจกรรมออนไลน์ท่ีอาจตีความไดว้ ่านารฐั สภาไปสู่การเสียช่ือเสียง ใช้โซเชยี ล มีเดียเพ่ือโจมตีหรือทาผิดกฎ โพสต์ความคิดเห็นที่เส่ือมเสียหรือแสดงความไม่พอใจในเวทีใด ๆ หรอื บรบิ ทใด ๆ สนบั สนุนหรอื แสดงความคดิ เห็นสาหรับหรอื ตอ่ ตา้ นพรรคการเมือง ๔. การใช้ Social media ในสภา รัฐสภาหลายแห่งยอมรับว่าสมาชิกจะโพสต์ใน Social media เมื่ออยู่ในสภา อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจากัดในการพิจารณา เช่น การแสดงความคิดเห็นผ่าน ข้อความอาจเหมาะสม ต่างจากวิดีโอหรือภาพถ่ายท่ีอาจไม่เหมาะสม แม้ว่าจะไม่มีหลักท่ีเป็นสากล เก่ียวกับการใช้เทคโนโลยีโดยสมาชิกในสภา แต่การใช้งาน Social media ภายในรัฐสภาจาเป็นต้อง ได้รับการพิจารณาในบรบิ ทตา่ ง ๆ เช่น กลยุทธ์การส่ือสารและการมีสว่ นรว่ ม นโยบายความปลอดภัย นโยบายการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร และระเบียบปฏิบัติของรฐั สภาด้วย การปฏบิ ตั ิตามกฎระเบยี บและกฎหมาย ไดแ้ ก่ ๑. การสร้างความมั่นใจแก่ผู้ที่ไม่ได้มีส่วนร่วม โดยเจ้าหน้าที่รัฐสภาจะต้องมีความเป็น กลางทางการเมือง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด การโพสต์ผ่าน Social media จะต้องไม่สนับสนุนตาแหน่งทาง การเมืองหนึ่งเหนืออีกตาแหนง่ หนึ่ง ๒. ลิขสิทธ์ิทรัพย์สินทางปัญญาและสัญญาอนุญาต รัฐสภาและหน่วยงานราชการหลายแหง่ กาลังส่งเสริมการใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Common License) สาหรับ สิ่งพิมพ์และเน้ือหาของรัฐสภา เพ่ือส่งเสริมการใช้และการแบ่งปันเนื้อหาของรัฐสภาโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย ภายใต้เง่ือนไขการใช้งานท่ีปกป้องสิทธิ์ของรัฐสภาจากการขโมย การแก้ไข หรือการดัดแปลง ผลงานทีก่ าหนดได้ ๓. ความเป็นส่วนตัวและความลับ รัฐสภาต้องปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่ประชาชนให้ไว้ โดยเฉพาะเมื่ออยภู่ ายใตก้ ฎหมายความเป็นส่วนตัวหรือการค้มุ ครองข้อมูลสว่ นบคุ คล ๔. การเขา้ ถึงข้อมูลสาธารณะ การเขา้ ถงึ ข้อมูลจะตอ้ งได้รบั การพิจารณาเมือ่ ใช้ Social media โดยเฉพาะอย่างย่ิงการพิจารณาว่าเนื้อหาท่ีโพสต์จะถูกเก็บถาวรอย่างไรและจะสามารถให้บริการ ได้อย่างไรหากมกี ารรอ้ งขอทางกฎหมาย ๕. รัฐสภาต้องกาหนดนโยบายสาหรับการจัดการเนือ้ หาทีเ่ ป็นการล่วงละเมิด ลามกอนาจาร หรือทาให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เนื้อหาท่ีหยาบคาย หรือเป็นการหมิ่นประมาท ไม่เป็นท่ียอมรับและอาจผิด กฎหมายอย่างมีประสิทธภิ าพ

๙๘ การวางแผนในการใช้ Social media จะตอ้ งกาหนดแผนงาน โครงการ และวัตถุประสงค์ ของการมีส่วนรว่ มและสือ่ สารกับผู้ที่เก่ียวข้องทุกคน ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการอย่างชัดเจน เพ่ือการจัดสรร ทรัพยากร (คน เทคโนโลยี และงบประมาณ) รวมท้ังกาหนดตัวชี้วัดการประเมินผลรวม และพิจารณา ความสอดคล้องเชื่อมโยงของ Social media กับแพลตฟอร์มช่องทางอ่ืน ๆ รวมทั้งแนวทางการ สื่อสารและการมีส่วนร่วมกับผู้รับบริการที่มีปัญหาด้านภาษา การรู้หนังสือ การเข้าถึง และการใช้ อนิ เทอรเ์ น็ตของกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนอานาจการตดั สินใจปดิ ระบบโซเชียลมีเดียแตล่ ะแพลตฟอร์ม ทั้งนี้ การกาหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์สาหรับการใช้ Social media จะต้องศึกษาข้อกาหนดการ ใช้งานของ Social media แต่ละแพลตฟอร์มก่อน และเลือกแพลตฟอร์มที่จะสื่อสารตาม ก ลุ่ ม เ ป้ า ห ม า ย เ พื่ อ ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม ข อ ง ส า ธ า ร ณ ะ แ ล ะ ผ ล ส ะ ท้ อ น ที่ ไ ด้ จ า ก ก า ร สื่ อ ส า ร แต่ขณะเดียวกันจะต้องให้ความสาคัญกับผู้ท่ีไม่ได้เข้าถึงโซเชียลมีเดียแบบออนไลน์ด้วย ท้ังน้ี จะต้อง ยอมรบั ใหก้ ารส่อื สารหรือการสง่ ข้อมูลจะต้องสามารถทาได้ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ (รวมถงึ เสียงและวิดีโอ) โดยไม่จาเป็นต้องพิมพ์หรือส่งสาเนาไปรษณีย์ สาหรับข้อมูลท่ีเกี่ยวกับความลับ ก้าวร้าว หรือ ไม่เหมาะสม จะต้องมีวิธกี ารจดั การในลักษณะออฟไลน์ ทง้ั นี้ ภายหลงั การใช้ Social media ต้องประเมินประสิทธิผลกับเกณฑท์ ี่กาหนดไวใ้ นการ วางแผน และต้องเผยแพร่การวัดผลด้วย โดยการวัดประสิทธิภาพการใช้ Social media จะต้อง คานงึ ถึงประเดน็ ตอ่ ไปน้ี ๑. ความหลากหลายของกลมุ่ ทส่ี ่อื สาร ๒. อัตราส่วนของการเผยแพร่ต่อการมีส่วนร่วมออนไลน์ และจานวนอัตราการสื่อสาร แบบสองทาง ๓. แนวโน้มท่ีจะถูกทวีตหรือแชร์สิ่งที่โพสต์ซ้าเป็นอย่างไร และการถูกทวีตหรือแชร์ส่ิงที่ โพสต์ซา้ นน้ั เกดิ จากผ้คู นจานวนมากทมี่ าจากที่ต่าง ๆ หรอื เป็นผ้ตู ิดตามกล่มุ เดิม ๆ ๔. เน้อื หากระจายไปทัว่ Social media ไกลแค่ไหน ๕. ขอ้ มูลการถูกเพ่มิ ในรายการและมีการติดตามรายการหรือไม่ ๖. จานวนผูต้ ิดตามใหม่ในช่วงเวลาหน่งึ ๆ และจานวนผู้ตดิ ตามท่หี ายไปในช่วงเวลาดังกล่าว ๗. การวิเคราะห์ความเชื่อม่ัน เป็นเร่ืองเก่ียวกับการระบุสิ่งท่ีถูกพูด แง่บวกหรือแง่ลบ ในการอภิปราย ผคู้ นเหน็ ดว้ ยหรอื ไมเ่ หน็ ดว้ ย สนับสนุนหรอื คดั คา้ นส่งิ ท่พี ูดหรอื ไม่ ๘. แบบสารวจผู้ใช้ การสัมภาษณ์ และการทบทวนภายใน หมายถึง การพิจารณาใช้แบบ สารวจสั้น ๆ เพ่ือทาความเข้าใจเก่ียวกับการทางานของ Social media ที่มีประสิทธิภาพสาหรับ ผู้มีสว่ นได้เสีย การถามคาถามเกย่ี วกบั ประสบการณ์ ระดบั การมีสว่ นรว่ ม และข้อเสนอแนะ ตลอดจน การนาขอ้ มลู ดังกล่าวเพื่อใชต้ รวจสอบการดาเนนิ การภายในของผทู้ ี่เกย่ี วขอ้ ง รายการตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้ Social media ๑. ความคาดหวังในการใช้ Social media และ Social media จะมีประโยชน์ต่อรัฐสภา อยา่ งไร ๒. จะบูรณาการ Social media กับกิจกรรมและการสือ่ สารอ่ืน ๆ ของรฐั สภาอย่างไร

๙๙ ๓. สามารถเสนออะไรในแง่ของทรัพยากรและสิ่งจูงใจเพ่ือส่งเสริมให้ประชาชนเช่ือมต่อ และมีส่วนรว่ มกับรฐั สภาผา่ น Social media ๔. ตอ้ งการให้ผใู้ ช้ Social media ทาอะไรเมื่อเช่ือมตอ่ กบั รัฐสภาผา่ น Social media ๕. Social media แพลตฟอร์มใดทีเ่ ก่ยี วข้องและเปน็ ทีน่ ยิ มมากทสี่ ดุ ๖. เครื่องมือออนไลน์และออฟไลน์ใดท่ีจะสนับสนุนวัตถุประสงค์ ผู้มีส่วนได้เสีย และ กรอบเวลาการทางานต่าง ๆ ของรัฐสภาได้ดที ่สี ดุ ๗. ตรวจสอบงบประมาณและทรัพยากรท่ีไดร้ บั จัดสรร ๘. หน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคประชาสังคมอ่ืน ๆ รวมถึงพรรคการเมือง ใช้ Social media อย่างไร และโปรโมตตัวเองไดอ้ ยา่ งไร ๙. ใครคือผู้ทรงอิทธิพลใน Social media ในสาขาท่ีเก่ียวข้อง รัฐสภาเช่ือมต่อกับผู้ทรง อทิ ธพิ ลดงั กลา่ วเพอ่ื โปรโมตตนเองแล้วหรือไม่ อย่างไร ๑๐.ใหค้ วามสนใจกบั การทางานของเครอื ขา่ ยท่ตี ่างกนั ๑๑. ตั้งค่าบัญชีและหน้าเพจที่ดูเป็นมืออาชีพและมีเน้ือหาเพียงพอท่ีจะสามารถสร้าง แรงผลกั ดนั ๑๒. แบรนด์ ข้อความ และรูปภาพใดที่ต้องการใช้ พิจารณารูปถ่ายของผู้คน อาคาร วิดีโอ โลโก้ และลิงก์ไปยังเน้อื หาดจิ ิทลั ที่มอี ยู่ ๑๓. เน้อื หาต้องเปน็ แบบสองภาษาหรือหลายภาษา และมีการตรวจสอบว่าเน้ือหาท่ีมีความ อ่อนไหวและละเอียดอ่อน เช่น เพศ ศาสนา วัฒนธรรม และสัญชาติ รวมทั้งมีการทดสอบการเข้าถึง สาหรับคนพิการ ๑๔. ทาให้ผู้คนสามารถเช่ือมต่อกับ Social media ของรัฐสภาได้ง่าย ตั้งค่าการทางาน ร่วมกันระหว่าง Social media เช่น ระหว่าง Facebook และ Twitter และมองหาการเช่ือมต่อ Social media กับแหล่งข้อมูลดจิ ิทลั อนื่ ๆ ของรัฐสภา ๑๕. ใช้เครือข่ายและช่องทางการส่ือสารท่ีมีอยู่ เพื่อโปรโมตการปรากฏตัวของ Social media ของรฐั สภา ๑๖. มีความกระตอื รือร้นในการพฒั นาเนือ้ หาอย่างต่อเน่ือง ๑๗. เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน และใช้คาติชมเพ่ือช่วยปรับปรุง Social media ของรัฐสภา ๑๘. สร้างเครือข่ายด้วยการแบ่งปันเน้ือหาของผู้อ่ืนที่มีความเกี่ยวข้องและตามความ เหมาะสม ซึง่ จะทาให้เครือขา่ ยผทู้ ีเ่ กย่ี วขอ้ งแบ่งปันเนื้อหาของรัฐสภาเช่นกนั ๑๙. สง่ เสริมการมสี ว่ นรว่ มและสนับสนุนใหผ้ คู้ นแสดงความคดิ เหน็ ๒๐. ใช้เคร่ืองมือภายใน Social media เพื่อให้บุคคลที่เชื่อมต่อกับ Social media ของรฐั สภา ไดร้ บั ข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับสง่ิ ท่ีรฐั สภากาลังดาเนินการ ๒๑. ใช้เคร่อื งมอื วเิ คราะห์เพอื่ วดั กจิ กรรมบน Social media ของรฐั สภา ๒๒. หม่ันศึกษาแนวคิดและวิธีการใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของรัฐสภา เนือ่ งจากเทคโนโลยี Social media มีการเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และตลอดเวลา

บทท่ี ๔ บทสรปุ ข้อสงั เกตและขอ้ เสนอแนะ คณะอนุกรรมาธิการพัฒนาระบบบริการสารสนเทศอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และ พัฒนาดาเนินงานของสภาผู้แทนราษฎร มุ่งที่จะศึกษาในเร่ืองระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ๒ ส่วนหลัก ด้วยกันคือ การพัฒนาระบบสารสนเทศของอาคารรัฐสภาใหม่ ตามท่ีบริษัทผู้รับจ้างดาเนินการ ค ว บ คู่ กั บ ก า ร ก่ อ ส ร้ า ง อ า ค า ร รั ฐ ส ภ า แ ห่ ง ใ ห ม่ แ ล ะ ร ะ บ บ บ ริ ก า ร ส า ร ส น เ ท ศ ใ น ว ง ง า น รั ฐ ส ภ า ที่เก่ียวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการทางานในวงงานรัฐสภา การเผยแพร่ข้อมูล สู่สาธารณะ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ท้ังน้ี คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาปัญหา ของระบบบริการสารสนเทศ และศึกษาแนวทางการปรับปรุงเพื่อยกระดับและพัฒนาระบบบริการ สารสนเทศของรัฐสภา โดยศึกษาจากเอกสารข้อมูลจากหน่วยงานที่เก่ียวข้อง กฎหมาย แผน ตลอดจน ความเห็นและขอ้ เสนอแนะจากผแู้ ทนของหน่วยงานทเี่ กยี่ วข้อง โดยมีบทสรุปและข้อเสนอแนะ ดังนี้ ๔.๑ บทสรปุ จากการศึกษาแนวคิดการออกแบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารของอาคารรัฐสภา แห่งใหม่ แผนงานและกฎหมายท่ีเก่ียวข้อง รวมท้ังปัญหา อุปสรรคท่ีเกี่ยวข้องกับระบบบริการ สารสนเทศของรัฐสภาในปัจจุบัน ตลอดจนแนวโน้มของการดาเนินการของรัฐสภาในระดับสากล สามารถสรปุ ผลการศึกษา ดังน้ี ๔.๑.๑ การมุ่งสู่ SMART and Open Parliament แนวโน้มของการดาเนินการของรัฐสภาในระดับสากลได้มุ่งท่ีจะสร้างการดาเนินงาน ทโี่ ปร่งใส การเปดิ กวา้ ง และการมสี ว่ นรว่ มของพลเมือง โดยมีหลกั การดังนี้ ๑) การสง่ เสริมวัฒนธรรม การเปดิ กวา้ ง เนือ่ งจากข้อมูลรัฐสภาเปน็ ข้อมูลของสาธารณะ ๒) ทาใหข้ อ้ มลู รฐั สภาโปร่งใส ๓) ทาให้ การเข้าถึงข้อมูลรัฐสภาง่ายข้ึน ๔) การเปิดใช้งานการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ของข้อมูลรัฐสภา โดยข้อมูลรัฐสภาจะเผยแพร่ออนไลน์ในรูปแบบเปิด (Open) และในรูปแบบโครงสร้างท่ีอนุญาต ใหป้ ระชาชนนาไปวิเคราะหแ์ ละใชซ้ ้าโดยใช้เครอ่ื งมอื เทคโนโลยี แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารของรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๖๓ ซ่ึงเป็นเคร่ืองมือสาคัญสาหรับการวางกรอบนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนรัฐสภาเพื่อมุ่งไปสู่การ เป็น Smart Parliament ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้บรรลุวิสัยทัศน์ “รัฐสภาดิจิทัล (Digital Parliament) หมายถึง องค์กรท่ีสามารถสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่าง เต็มศักยภาพในการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐาน นวัตกรรม ข้อมูล ทุนมนุษย์ และทรัพยากรอื่นใด เพ่ือสนับสนุนงานด้านนิติบัญญัติ” โดยมียุทธศาสตร์ขับเคลื่อนคือ ๑) Smart Infrastructure ๒) Smart Integration ๓) Smart Security ๔) Smart People ๕) Smart Services ท้ังนี้ การขับเคลื่อน แผนพัฒนา Digital Parliament ของรัฐสภา ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕) จะต้องมี ความสอดคล้องและเป็นไปตามแนวคิดของการออกแบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับ

๑๐๑ การก้าวสู่การเป็นรัฐสภาดิจิทัล ดังน้ี ๑) การบริหารจัดการประชุมที่ทันสมัยและครบวงจร ๒) การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีดิจิทัลท่เี หมาะสม ๓) การเผยแพรข่ อ้ มลู ๔) การใหบ้ ริการสมาชกิ รัฐสภา เจ้าหน้าที่ และประชาชน ๕) การใช้งาน Smart Device สามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการได้จากทุกท่ี ทุกเวลา และมคี วามปลอดภัย ๔.๑.๒ ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ การศึกษาในหัวข้อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศอาคารรัฐสภาแห่งใหม่อยู่ในช่วง ระหว่างการก่อสร้างอาคารรัฐสภา ซึ่งระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ยังดาเนินการไม่แล้วเสร็จ โดยสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้จัดจ้าง บริษัท แอ๊ดวานซ์ อินฟอร์เมช่ัน เทคโนโลยี จากัด (มหาชน) (AIT) ดาเนินงานตามสัญญาจ้างงานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ เลขที่ ๑๓๕/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๓ วงเงิน งบประมาณ ๓,๓๕๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยมีระยะเวลาดาเนินการ จานวน ๕๔๐ วัน ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ – วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งผู้รับจ้างได้มีการดาเนินการตามแผนงานร้อยละ ๘๖.๕๗ และมีความสาเร็จที่ทาได้จริงร้อยละ ๔๖.๒๖ จากเน้ืองานทั้งหมด (ข้อมูลจากการช้ีแจง ของบรษิ ัทผู้รบั จ้าง (AIT) เมือ่ เดอื นธนั วาคม ๒๕๖๒) ดังน้ัน การศึกษาในประเด็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการบริการสารสนเทศ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จึงเป็นการศึกษาในส่วนท่ีเป็นโครงการที่กาลังดาเนินการติดตั้งอุปกรณ์และ พฒั นาระบบ รวมท้งั ปัญหาจากระบบที่ดาเนินการติดต้ังเสรจ็ แลว้ และมีการใชง้ านจรงิ ดังน้ี ๑) ระบบการแสดงตนและการลงคะแนนด้วยระบบ Smart card ปัจจุบันอาคารรัฐสภาอยู่ระหว่างการก่อสร้างและในส่วนของห้องประชุมสภา ผู้แทนราษฎรยังดาเนินการไม่แล้วเสร็จ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องใช้ห้องประชุมอาคาร วุฒิสภาเป็นห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปก่อน ซ่ึงห้องประชุมวุฒิสภาออกแบบมาเพื่อรองรับ สมาชิกจานวน ๓๕๐ ทนี่ ่ัง เมอ่ื สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรมีจานวน ๕๐๐ คน จึงทาให้เกิดปญั หาจานวน ทน่ี ่งั และเคร่อื งลงคะแนนไมเ่ พียงพอกับจานวนสมาชิก เปน็ ผลใหก้ ารลงคะแนนโหวตแตล่ ะครง้ั สมาชิก ไม่สามารถลงคะแนนพร้อมกันจากแต่ละที่นั่งได้ และพบว่ามีกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กดบัตรลงคะแนนแทนกันจนนาไปสู่การร้องเรียนและมีการสอบสวน แม้ว่าระบบการลงคะแนน จะแสดงผลการลงคะแนน แตม่ ขี อ้ เสียคอื ไมม่ รี ะบบบันทึกข้อมลู การลงคะแนนของสมาชิกไว้หลังจาก ที่มีการลงคะแนนแล้ว ทาให้ไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลบันทึกการลงคะแนนของสมาชิกเป็นรายบุคคล รวมทั้งไม่มีหลกั ฐานสาหรับการตรวจสอบภายหลังกรณที ม่ี ีสมาชกิ กดบตั รลงคะแนนแทนกนั นอกจากนี้ การเผยแพร่ข้อมูลการประชุม บันทึกออกเสียงลงคะแนน รวมทั้ง ฐานข้อมูลอ่ืน ๆ ของสมาชิก เช่น ประวัติสมาชิก การมาประชุม การลงคะแนนโหวตต่าง ๆ ยังมีข้อจากัด เรอ่ื งระเบียบของทางราชการ ในกรณีท่ีจะเผยแพร่บนเว็บไซต์จะต้องให้หวั หน้าสว่ นราชการลงลายมือชื่อ กากับเอกสาร รวมทั้งผู้บริหารท่ีมีอานาจอนุมัติไม่ได้กาหนดนโยบายเร่ืองการเผยแพร่ชุดข้อมูลต่าง ๆ ในรูปแบบท่ีสามารถนาไปใช้ประโยชน์ต่อได้ตามแนวทางและมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ

๑๐๒ จึงทาให้ประชาชนไม่ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการลงคะแนนของสมาชิกรายบุคคลในการประชุม แต่ละครั้ง ซ่ึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสในการทาหน้าท่ีของสมาชิก และไม่ส่งเสริม วฒั นธรรมเรือ่ งการเปดิ กวา้ งขอ้ มลู ของรัฐสภา ๒) ระบบความปลอดภัยไซเบอร์ของรฐั สภา และการคมุ้ ครองข้อมูลส่วนบุคคล การให้บริการหรือการประยุกต์ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โครงข่ายการ ส่ือสารและโทรคมนาคม มีความเส่ียงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และข้อมลู ทีส่ าคญั โดยเฉพาะอาคารรฐั สภาแหง่ ใหม่เป็นอาคารขนาดใหญ่ รวมท้งั เปน็ องคก์ รหลักด้าน นิติบัญญัติซ่ึงเป็นแหล่งข้อมูลท่ีสาคัญของประเทศ ดังน้ัน การดูแลระบบสารสนเทศและโครงข่าย ส่ือสารของรัฐสภาจาเป็นต้องเพิ่มมาตรการระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลควบคู่ไปด้วย อย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ ท้ังนี้ การขับเคล่ือนรัฐสภาเพื่อมุ่งสู่การเป็น Smart Parliament รัฐสภาโดยการ สนับสนุนของสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสานักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะต้องบูรณาการ แนวทางการทางานร่วมกัน โดยการบริหารจัดการการใช้งานระบบโครงสร้างพ้ืนฐานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศของรัฐสภาท้ังในด้านฮาร์ดแวร์ ระบบงานและระบบฐานข้อมูล ระบบเครือข่าย เพื่อให้มี ความพร้อมต่อการใช้งานตลอดเวลา รวมทั้งเพ่ือให้มีความม่ันคงปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานสากล ตลอดจนประสานงานกับหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เช่น ThaiCERT เพ่ือยกระดับมาตรการดูแลและเฝ้าระวัง ภัยคุกคามจากระบบคอมพิวเตอร์ให้สอดคล้องกับระดับการรักษาความปลอดภัยของอาคารรัฐสภา แหง่ ใหม่ ๓) ระบบ SMART/Green Building, ระบบป้ายข้อมูลดิจิทัล (Digital Signage) และ ระบบการรกั ษาความปลอดภยั ของอาคารรัฐสภา อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้รับการออกแบบให้เป็นอาคารประหยัดพลังงาน และ มีการวางระบบสารสนเทศเพ่ือบริหารอาคาร อย่างไรก็ตาม เม่ือมีการปรับงบประมาณในการก่อสรา้ ง จึงได้มีการปรับลดคุณสมบัติของการเป็นอาคารอัจฉริยะลง เช่น แผงผลิตพลังงานไฟฟ้าจาก แสงอาทติ ย์ เซ็นเซอร์ (Sensor) ตรวจจบั การใชพ้ ลงั งาน เป็นต้น อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้ออกแบบระบบบริการข้อมูลข่าวสารภายในอาคาร เช่น ตารางการใช้ห้องประชุม การบอกเส้นทาง สถานที่ต่าง ๆ ภายในอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ในรูปแบบ จอภาพแสดงผลข้อมูลหรอื Digital Signage ท่ตี ดิ ต้งั ตามหอ้ งต่าง ๆ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่จะต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการท้ังด้าน การวางผัง การติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม ครอบคลุมความปลอดภัยต่อบุคคลทรัพย์สิน และสาธารณะตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งมีการจัดเตรียมแผนเผชิญเหตุสาหรับเหตุการณ์ต่าง ๆ และเตรียมนาเคร่ืองมือทางเทคโนโลยี เช่น ระบบบัตร RFID ระบบท่ีจอดรถอัจฉริยะมาใช้ในระบบ รักษาความปลอดภัย ๔) หอสมดุ รัฐสภา พพิ ิธภณั ฑ์ และจดหมายเหตรุ ฐั สภา เน่ืองจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วทาให้ความต้องการสารสนเทศ และความคาดหวังของผู้ใช้บริการห้องสมุดแบบดัง้ เดิมท่ีต้องการเพียงการสบื ค้นข้อมูลและยืมหนังสือ จากห้องสมุด เปลี่ยนมาเป็นความต้องการใช้บริการพื้นที่ตามแนวคิดที่ว่าห้องสมุดไม่ใช่ที่เก็บหนังสือ หรือห้องอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นแหล่งการเรียนรู้ท่ีสร้างบันดาลใจและพ้ืนท่ีทางาน

๑๐๓ ร่วมกัน และความต้องการใช้ทรัพยากรสารสนเทศแบบดิจิทัลที่บุคคลทุกกลุ่มรวมทั้งผู้พิการหรือ มีความบกพร่องสายตาสามารถเข้าถึงสะดวก รวมทั้งการบริการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนและ หลากหลายแง่มุมมากขึ้น ส่วนพิพิธภัณฑ์และจดหมายเหตุรัฐสภา ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้และสืบค้นเร่ืองราว เกี่ยวกับการเมืองการปกครองไทยท่ีสาคัญของรัฐสภา การสร้างจิตสานึก ความคิดสร้างสรรค์ และ การมีส่วนร่วมของประชาชนตามแนวทางของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข จาเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนท้ังในด้านเน้ือหาและรูปแบบการจัดแสดงให้ทันสมัย สอดคล้องกับแนวคิดและอัตลักษณ์ของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เพื่อให้พิพิธภัณฑ์รัฐสภาเป็นแหล่ง เรียนรู้สาคัญระดับชาติทางประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของประเทศไทยท่ีมีคุณค่า แก่การศกึ ษาเรียนรู้ของคนรุน่ หลงั ต่อไป ๔.๑.๓ ระบบบรกิ ารสารสนเทศในวงงานรัฐสภา ๑) เว็บไซต์รัฐสภา ช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชน และการเปิดเผยข้อมูล ภาครฐั การเผยแพร่ข้อมูลสู่ภาคประชาชนและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ถือเป็นประเด็น ท่ีสาคัญสาหรับแนวคิดการออกแบบรัฐสภาดิจิทัล (Digital Parliament) เพ่ือส่งเสริมและสนับสนุน ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองและเผยแพร่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ท้ังน้ี ข้อมูลท่ีได้รับอนุญาตให้มีการเผยแพร่ต้องเป็นข้อมูลที่มีความ ถกู ตอ้ งและเปน็ ปจั จุบนั มศี นู ย์กลางการเผยแพร่และการให้บริการข้อมูลเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึง ข้อมูลได้จากแหล่งเดียว และต้องให้ความสาคัญกับการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ เพ่ือส่งเสริมกระบวนการ มีส่วนร่วมของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย รัฐจึงมีหน้าท่ีต้องเปิดเผยข้อมูลตามหลักการ “เปดิ เผยเป็นหลกั ปกปิดเปน็ ข้อยกเวน้ ” ๒) ระบบบริหารจัดการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และระบบบริหารจัดการ เอกสารอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (E-document) การพัฒนาระบบงานสารสนเทศและการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศตามกระบวนงาน นิติบัญญัติของสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสานักงานเลขาธิการวุฒิสภาท่ีผ่านมา ดาเนินการในลักษณะท่ีเป็นอิสระต่อกัน ไม่มีนโยบายท่ีชัดเจนในเรื่องของการประสาน การแลกเปล่ียนข้อมูลสารสนเทศเพื่อใช้งานร่วมกัน ส่งผลให้รูปแบบการจัดเก็บและการนาข้อมูล สารสนเทศจากฐานข้อมูลออกมาใช้ทาด้วยวิธีการท่ีแตกต่างกัน ทาให้การแลกเปลี่ยนและใช้ข้อมูล สารสนเทศร่วมกันระหว่างท้ังสองสานักงานไม่สามารถทาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เอื้ออานวย ต่อการบูรณาการฐานข้อมลู นิติบญั ญตั ิโดยองคร์ วม ระบบบริหารจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-document) เป็นระบบ Back Office ของสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เร่ิมใช้งานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อบริหาร จัดการเอกสาร ได้แก่ การจัดเก็บ การสืบค้น ให้ผู้ใช้งานสามารถสืบค้นผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เนต็ ท่ี http://edoc.parliament.go.th ทาใหไ้ ดข้ อ้ มูลเอกสารทีร่ วดเร็ว ทันตอ่ ความตอ้ งการ

๑๐๔ ลดเวลาและข้ันตอนในการปฏิบัติงาน อีกท้ังเพ่ือให้การจัดเก็บเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (เอกสารทเี่ กิดจากการสแกนและไฟล์ข้อมลู ) เปน็ ระบบระเบยี บมากขึน้ รวมถึงการอนุญาตสิทธิในการ จดั การเอกสาร ระบบ E-mail ของสำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร อยู่ภำยใต้โดเมน (Domain) @parliament.go.th ซ่ึงใช้งานมาเป็นระยะเวลานานทาให้ปัจจุบันเหลือพื้นท่ีจัดเก็บข้อมูลน้อย โดยมี พื้นท่ีในกำรจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลบนระบบ E-mail ของแต่ละบัญชีมีพื้นท่ีประมำณ ๕๐ เมกะไบต์ (MB) เท่าน้นั และยังมขี อ้ จากัดในการส่งไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ ทาให้ไม่สะดวกและเป็นอุปสรรคในการ ใช้งาน บุคลากรของรัฐสภาส่วนใหญ่จึงนิยมใช้การส่งจดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์จากผ้ใู ห้บริการภายนอก มากกว่า ซึ่งสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้มีแนวคิดในการพัฒนาระบบ E-mail ใหม่ เพอ่ื ทดแทนระบบเดิมที่ลา้ สมยั และได้มกี ารเสนอแผนงานพร้อมคาของบประมาณเพ่ือดาเนินการแล้ว แต่เนื่องจากงบประมาณได้ถูกตัดในชั้นการพิจารณาของกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม ซึง่ กระทรวงได้มีขอ้ เสนอให้ใช้ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางเพ่ือการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐ (MailGoThai) แทนระบบเดิม จงึ ทาใหป้ จั จบุ ันยังไม่สามารถดาเนนิ การพัฒนาระบบใหม่ได้ ปัจจุบัน การบูรณาการฐานข้อมูลนิติบัญญัติโดยองค์รวม สานักงานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎรและสานักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้มีการวางแผนบูรณาการข้อมูลร่วมกันของรัฐสภา เพื่อใช้สาหรับอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในรูปแบบ “การบริหารจัดการไฟล์อัจฉริยะ” ประกอบด้วย ๑) การจัดเก็บไฟล์เอกสารต่าง ๆ ๒) การสืบค้นเอกสาร ๓) การเรียกใช้งานเอกสาร ๔) ประวัติ การใช้งานเอกสาร และ ๕) การใชง้ านผ่าน Smart Device ๓) ช่องทางการมสี ่วนรว่ มของประชาชน เว็บไซต์ และโซเชยี ลมีเดยี (Social Media) ของรัฐสภา การเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดาเนินงานต่าง ๆ ของรัฐอย่างกว้างขวางเป็นสิ่งจาเป็น เพื่อที่ประชาชนจะได้สามารถแสดงความคิดเห็นและใช้สิทธิ ทางการเมืองได้โดยถูกต้องตรงตามความเป็นจริง อันจะเป็นการส่งเสริมให้รัฐบาลมีการบริหารงาน ที่มีประสิทธภิ าพ โปรง่ ใส และเปน็ ไปเพอ่ื ประโยชนข์ องประชาชนมากยิง่ ขนึ้ โซเชียลมีเดีย (Social media) เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคม ไดห้ ลายทิศทางโดยผ่านเครือขา่ ยอินเตอร์เน็ต โซเชยี ลมเี ดียเปน็ การสรา้ งโอกาสใหม่ ๆ สาหรบั รัฐสภา และสมาชิกรัฐสภา เป็นการสร้างพ้ืนท่ีการส่ือสาร การเผยแพร่ข้อมูลเก่ียวกับกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐสภา เช่น การอภิปราย การประชุมคณะกรรมาธิการ ภารกิจของสมาชิกรัฐสภา เป็นช่องทางการเช่ือมต่อกับ ประชาชนในการรับฟังความคิดเห็น การสร้างความสนใจในเรื่องกฎหมายและนโยบายการทางาน ของฝ่ายนิติบัญญัติ การเผยแพร่งานวิจัยและสิ่งพิมพ์ของรัฐสภา รวมถึงทรัพยากรทางการศึกษาและ แหล่งข้อมูลอ่ืน ๆ เพื่อการส่งเสริมความโปร่งใส และการเช่ือมโยงกับภาคประชาสังคม ชุมชน และ กล่มุ อน่ื ๆ เพ่ือเพมิ่ ความสามารถในการเขา้ ถงึ รฐั สภาของประชาชน ซง่ึ การใชส้ ือ่ โซเชยี ลมเี ดยี สามารถ ทาได้หลากหลายช่องทาง การเผยแพร่ข้อมูลมีความรวดเร็ว กระจายวงกว้างและใช้ต้นทุนต่า แต่ขณะเดียวกันมีข้อจากัดในเร่ืองความเป็นทางการ และการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะท่ีควบคุม ได้ยาก ดังนั้น การใช้โซเชียลมีเดียแต่ละประเภทสาหรับรัฐสภาจะต้องพิจารณาความเหมาะสมและ ความสมดุลดว้ ย

๑๐๕ ๔.๒. ขอ้ สังเกตและขอ้ เสนอแนะ จากการศึกษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และ ระบบบริการสารสนเทศในวงงานรัฐสภา คณะอนุกรรมาธิการได้นามาประมวลจัดทาเป็นข้อสังเกต และข้อเสนอแนะ โดยแบ่งออกเป็น เรื่องที่สามารถดาเนินการได้โดยไม่จาเป็นต้องใช้งบประมาณ เร่ืองที่ต้องใช้งบประมาณในการดาเนินการ และเร่ืองที่จาเป็นต้องกาหนดนโยบายหรือแก้ไขระเบียบ ท่ีเก่ยี วข้องกอ่ นดังนี้ ๔.๒.๑ เรื่องทีส่ ามารถดาเนนิ การโดยไมจ่ าเป็นตอ้ งใช้งบประมาณ ๑) การตดิ ต้งั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศของอาคารรัฐสภาใหม่ - ผู้รับจ้างต้องเร่งรัดดาเนินการติดต้ังงานระบบสายสัญญาณ (ท่อ สาย เต้ารับ) ของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ให้สามารถดาเนนิ การติดต้งั อุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ ต่อไปได้ เพือ่ ใหง้ านสาเร็จตามแผนทว่ี างไว้ ๒) ระบบการแสดงตนและการลงคะแนนด้วยระบบ Smart card - การติดตั้งโปรแกรมการบันทึกหน้าจอคอมพิวเตอร์ (Screen Capture) เพ่ือบันทึกหน้าจอผลการลงคะแนนแบบเรียลไทม์ (Real time) และเผยแพร่บันทึกวิดีโอภายหลัง การประชุมเพือ่ ประกอบเปน็ หลกั ฐานในการตรวจสอบต่อไป - การเปิดเผยข้อมูลบันทึกการลงคะแนนของสมาชิกรายบุคคลในรูปแบบไฟล์ CSV เพ่ือประโยชน์ในการนาไปใช้งานต่อ พร้อมท้ังกาหนดนโยบายให้นาไปสู่การปฏิบัติท่ีชัดเจนเกี่ยวกับ ชุดข้อมูลที่จะให้เปิดเผย เพ่ือให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐ ผา่ นระบบดจิ ิทลั พ.ศ. ๒๕๖๒ - ควบคุมและจัดทามาตรฐานระบบการรักษาความปลอดภัยของระบบหลังบ้าน (Back office) เช่น การลอ็ กอิน (Log in) เขา้ สู่ระบบควบคุมการลงคะแนน เพ่ือปอ้ งกนั ชา่ งเทคนคิ หรือ ผู้ไมเ่ กีย่ วข้องสามารถเขา้ ถงึ อุปกรณ์และระบบได้โดยงา่ ย ๓) ระบบความปลอดภยั ไซเบอรข์ องรัฐสภา และการคุ้มครองข้อมูลสว่ นบุคคล - ประสานงานกับหน่วยงานที่เก่ียวข้อง (ThaiCERT) เพ่ือยกระดับมาตรการดูแล และเฝ้าระวังภยั คุกคามจากระบบคอมพิวเตอร์ใหส้ อดคล้องกบั ระดับการรักษาความปลอดภยั ของอาคาร รัฐสภาแห่งใหม่ - เพ่ิมมาตรการตรวจสอบและยืนยันสิทธิการเข้าระบบบัญชีผู้ใช้งาน ให้สอดคลอ้ งกับความจาเปน็ ในการเข้าถงึ ระบบและข้อมลู ก่อนเขา้ ใช้งานทุกครั้ง รวมทงั้ เพิ่มมาตรการ ป้องกนั เว็บไซตด์ ว้ ยระบบการป้องกันการโจมตี เชน่ Web Application Firewall, DOS, DDoS เปน็ ตน้ - ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรของรัฐสภาให้มีความรู้ ความสามารถในการใช้ระบบ โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอย่ำงสร้ำงสรรค์ มีประสิทธิภำพ มีควำมเป็นมืออำชีพ และเป็นต้นทุน มนุษย์ (Human Capital) ของรัฐสภำ เช่น การส่งบุคลากรเข้าร่วมฝึกอบรมกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง โดยตรงเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกรณีการเกิดเหตุการณ์ที่ผิดปกติหรือเหตุการณ์วิกฤตต่าง ๆ ตลอดจนพัฒนาและทบทวนแผนงานให้สอดคล้องกับแผนระดับชาติว่าด้วยการรักษาความม่ันคง ปลอดภัยไซเบอร์

๑๐๖ ๔) หอสมุดรัฐสภา พพิ ิธภณั ฑ์ และจดหมายเหตุรฐั สภา - ส่งเสริมให้มีสื่อทรัพยากรการศึกษาแบบเปิด (Open Material) ให้ผู้ใช้บริการ สามารถเข้าถึง ใช้งาน แกไ้ ข เปลยี่ นแปลง และเผยแพร่ขอ้ มลู ได้ โดยไม่มขี ้อจากัด - ส่งเสริมให้มีแผนดาเนินการให้ข้าราชการ บุคลากรในวงงานรัฐสภา และ ประชาชนมีทกั ษะดา้ นความฉลาดทางดจิ ทิ ัล (Digital Intelligence Quotient) - จัดอบรมเพ่ือเพ่ิมพูนความรู้และทักษะให้แก่บุคลากรเพ่ือให้เกิดความชานาญ และมีการส่งเสริมให้มีการนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความ รวดเรว็ ยง่ิ ขน้ึ ๕) เวบ็ ไซตร์ ัฐสภา ช่องทางการมีสว่ นร่วมของประชาชน และการเปิดเผยข้อมลู ภาครฐั - เว็บไซต์รัฐสภาจะต้องดาเนินการตามมาตรฐานของการเปิดเผยข้อมูลภาครฐั คือ (๑) ต้องเข้าถึงได้ง่าย โดยจะต้องรองรับการใช้งานร่วมกับโปรแกรมการอ่านหน้าจอสาหรับผู้พิการ มีการใช้ภาษาท่ีง่ายที่สุดเพื่อทาให้ผู้ท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญาและการเรียนรู้สามารถเข้าถึง เอกสารได้ (๒) สามารถนาไปประมวลผล วิเคราะห์ หรือใช้ซ้าโดยใช้เคร่ืองมือเทคโนโลยี (Machine Readable) โดยกระบวนการแปลงไฟล์เอกสารจะต้องมีความถูกต้องแม่นยา สามารถนาไปใช้ ประโยชน์ต่อได้โดยไม่มีข้อจากัด (๓) มาตรฐานกลางในการแลกเปล่ียนข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐ ด้วยกัน และระหว่างหน่วยงานรัฐกับเอกชน ภายใต้ระดับการเข้าถึงที่กาหนดไว้และได้รับการยินยอม ในการแลกเปล่ียนข้อมูลจากเจ้าของข้อมูลและหน่วยงานที่เก็บข้อมูล (Web API : Application Programming Interface) เพ่ือนาข้อมูลนั้นไปพัฒนาต่อยอดหรือช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจาก Big Data ได้สะดวกและมีประโยชนม์ ากย่งิ ขึน้ - การนาข้อมูลทุกประเภทขึ้นเว็บไซต์หรือการอัปโหลดลิงก์ต่าง ๆ ขึ้นบนเว็บไซต์ จะต้องมกี ารตรวจสอบว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่อานวยประโยชน์ใหแ้ ก่การเข้าถึงของประชาชน ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการหรือบุคคลทั่วไปให้สามารถเข้าถึงเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้โดยสะดวกและ เทา่ เทยี มกัน (Web Accessibility) เพื่อพฒั นาเว็บไซตใ์ หเ้ ป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่าของ WCAG และ วางเปา้ หมายการพัฒนาไปถงึ ระดบั มาตรฐาน AAA ของ WCAG - จัดกลุ่มข้อมูลช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในด้านนิติบัญญัติ ได้แก่ ช่องทางการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๗๗ และการเข้าช่ือเสนอกฎหมายโดยประชาชน ตามมาตรา ๑๓๓ (๓) ของรัฐธรรมนูญบนหน้าเว็บไซต์รฐั สภาให้อยใู่ นแพลตฟอร์มเดยี วกัน - เปิดสถานะความคิดเห็นของประชาชนซึ่งได้แสดงความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติ ใหเ้ ป็นสาธารณะ (Public) เพือ่ ให้ประชาชนทวั่ ไปสามารถมองเห็นข้อความท่ีมีการแสดงความคิดเห็น หรือคอมเมนต์ (Comment) และรวมทัง้ แนวโน้มประเดน็ ทม่ี ีการสนทนา เพือ่ สง่ เสรมิ หลักการ Open Parliament - เปิดเผย Source code ให้ภาคเอกชนซ่ึงมีความเช่ียวชาญเฉพาะในด้านเทคโนโลยี สารสนเทศช่วยพัฒนาต่อยอดระบบเว็บไซต์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์ประชาชน โดยไม่จาเป็นต้อง พึง่ พางบประมาณจากภาครฐั

๑๐๗ ๖) ระบบบริหารจัดการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และระบบบริหารจัดการ เอกสารอเิ ล็กทรอนิกส์ (E-document) - กำหนดระยะเวลำกำรเข้ำถึงข้อมูลบัญชีผู้ใช้งำนของสมำชิกรัฐสภำท่ีพ้นสภำพ จำกกำรเปน็ สมำชกิ แล้วโดยใหม้ รี ะบบกำรลบบัญชผี ้ใู ช้งำนแบบอัตโนมตั ิ - บริหารจัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลระบบ E-mail ให้สามารถรองรับปริมาณข้อมูล และจานวนผู้ใช้งานที่เพิ่มมากข้ึน โดยการเปล่ียนวิธีการส่งข้อความที่ต้องแนบไฟล์ขนาดใหญ่ ไปใช้ วิธกี ารฝากไฟลข์ อ้ มลู ไวใ้ นระบบอ่ืน - ส่งบัญชีผู้ใช้งาน (Account) ให้กับสมาชิกรัฐสภา พร้อมคู่มือแนะนาวิธีการใช้งาน - ทาใหโ้ ปรแกรมคน้ หา Search Engine เขา้ ถงึ ข้อมลู ในระบบ E-document ๗) ช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชน เว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย (Social Media) ของรฐั สภา - กาหนดเปา้ หมายและพนั ธกจิ โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนเขา้ ถึงข่าวสารได้อยา่ งทั่วถึง และเกิดการมสี ่วนร่วม - ลดการผลิตส่ือท่ีหมดความจาเป็น โดยเปล่ียนเป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพและ ทักษะของบุคลากรในการจัดทาสื่อมีเดียอ่ืน ๆ รวมท้ังฝึกอบรมบุคลากร แลกเปล่ียนวิธีการหรือ เทคนคิ การทางานรว่ มกบั หน่วยงานพันธมิตร - บูรณาการข้อมูลการเผยแพร่ข้อมูลของสมาชิกแบบรายบุคคลให้เผยแพร่อยู่ใน Platform เดยี วกัน ๔.๒.๒ เร่อื งทต่ี อ้ งใช้งบประมาณในการดาเนนิ การ ๑) ระบบการแสดงตนและการลงคะแนนด้วยระบบ Smart card - จัดทาบัตรสมาร์ตการ์ด (Smart card) ประจาตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบใบเดียวเบ็ดเสร็จ เพ่ือให้เกิดความสะดวกในการใช้งานและเพ่ือเป็นการประหยัดงบประมาณใน การจัดทาบตั ร และนาระบบสแกนลายนวิ้ มือ (Finger Print) มาใชใ้ นการยนื ยันตัวตน - เปิ ดเผยข้ อมู ลในรู ปแบบ Common Standard Open API (Application Programming Interface) ในการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบอื่น ๆ ทั้งหน่วยงานรัฐ ดว้ ยกนั หรอื เอกชน ภายใต้การเขา้ ถงึ ข้อมูลที่กาหนดไว้ไดโ้ ดยสะดวก - ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ภายในห้องประชุมสภาและเพ่ือเป็นหลักฐานประกอบการตรวจสอบกรณีเกิดความผิดปกติในการ ลงคะแนน ๒) ระบบความปลอดภัยไซเบอรข์ องรัฐสภา และการค้มุ ครองขอ้ มลู สว่ นบุคคล - พัฒนาระบบการรับส่งข้อมูลหรือการส่ือสารภายในองค์กรระหว่างเจ้าหน้าท่ีและ บุคคลในวงงานรัฐสภา โดยใช้ระบบการส่ือสารภายในผ่านการเข้ารหัสหรือระบบการรักษาความ ปลอดภัยภายใน เพื่อหลีกเล่ียงการใช้ Instant Message (IM) หรือช่องทางส่ือสารจากผู้ให้บริการ ภายนอก

๑๐๘ - ติดตั้งระบบตรวจจับและป้องกันการถูกโจมตีผ่านเครือข่ายไร้สายของรัฐสภา โดยการเพ่ิมมาตรการตรวจสอบและยืนยันสิทธิการเข้าระบบบัญชีผู้ใช้งานให้สอดคล้องกับความจาเป็น ในการเข้าถึงระบบและข้อมูล โดยต้องผ่านการพิสูจน์ตัวตนอย่างน้อย ๒ ช้ัน (Two Factor Authentication) ก่อนเข้าใช้งานทุกครั้ง เพ่อื ปอ้ งกนั การลักลอบโจมตีหรือการเจาะระบบคอมพิวเตอร์ โดยผ่ายเครือขา่ ยไร้สาย ๓) ระบบ SMART/Green Building - ติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดการใช้พลังงานไฟฟ้า การใช้น้า และ การสร้าง มลพิษของอาคารรัฐสภาใหม่ เพ่ือให้อาคารรัฐสภาใหม่มีข้อมูลในการวางแผนประหยัดพลังงาน และ มุ่งส่กู ารเปน็ “Smart and Green Parliament” ๔) หอสมุดรัฐสภา พิพธิ ภัณฑ์ และจดหมายเหตรุ ฐั สภา - ปรับปรุงพ้ืนท่ีให้เป็นรูปแบบพื้นท่ีทางานร่วมกัน (Co-working space) พื้นที่ สาหรับการปรึกษาหารือ พ้ืนท่ีศึกษาวิจัยซ่ึงมีเจ้าหน้าท่ีห้องสมุดคอยให้คาแนะนาปรึกษา รวมทั้งเป็น พื้นที่ทางานส่วนตัวของผู้ใช้บริการพร้อมอุปกรณ์อานวยความสะดวก และแบ่งโซนพื้นที่ให้บริการ สาหรบั ผสู้ งู อายุ โดยมกี ารจัดวางหนังสอื ทมี่ ีเนือ้ หาสาระเกี่ยวกบั ผ้สู ูงอายุโดยเฉพาะ - การจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ของรัฐสภา ควรดาเนินการร่วมกับผู้เช่ียวชาญด้าน การออกแบบพิพิธภัณฑ์ทั้งด้านเนื้อหาและรูปแบบการจัดแสดง โดยมุ่งเน้นในการให้ประชาชนเข้ามา มีส่วนร่วมนาเสนอและเผยแพร่ความรู้เก่ียวกับรัฐสภาในฐานะองค์กรท่ีทาหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ รวมทัง้ ด้านการเรยี นร้คู วามเป็นประชาธิปไตย ๕) ระบบบริหารจัดการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และระบบบริหารจัดการ เอกสารอเิ ล็กทรอนิกส์ (E-document) - พัฒนาระบบให้รองรับการใช้งานสาหรับผพู้ ิการทางสายตา - บูรณาการข้อมูลในระบบ E-document ของร่วมกับสานักหอจดหมายเหตุ แห่งชาติ เพอื่ ลดความซา้ ซ้อนในการปฏิบตั งิ าน - ใช้โปรแกรมการแปลงไฟล์เอกสารจาก Word เป็น PDF แบบ Commercial Software หรอื ซอฟต์แวร์ฟรีอ่ืน ๆ โดยทาการทดสอบประสิทธิภาพกอ่ นการใช้งานระบบ ๖) ช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชน เว็บไซต์รัฐสภาและโซเชียลมีเดีย (Social Media) ของรัฐสภา - สนับสนุนให้มีการจัดทาสื่อการเรียนรู้เก่ียวกับกระบวนการตรากฎหมาย การเลือกต้ัง และการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนิติบัญญัติ รวมท้ังเพ่ิมการนาเสนอ ในรปู แบบ Animation เพ่อื ใหเ้ กดิ ความแตกตา่ งและเพ่ิมความน่าสนในในการนาเสนอขา่ ว - ติดต้ังโปรแกรมการแปลงเสียงเป็นอักษร (Speech to Text) เพ่ือดาเนินการ แปลงเสียงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นอักษร ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ต่อยอด และ การจดั ทารายงานการประชุมสภาให้มคี วามรวดเร็วย่งิ ข้ึน - การจัดกิจกรรมเพื่อให้นักพัฒนาแอปพลิเคชัน และประชาชนท่ัวไปท่ีสนใจ มาร่วมออกแบบ และพัฒนาต้นแบ ระบบบริการสารสนเทศในวงงานรัฐสภาที่ตรงกับความต้องการ ของผู้ใช้งานสารสนเทศของรฐั สภาในทกุ กลุ่ม

๑๐๙ ๔.๒.๓ เรอ่ื งที่จาเป็นตอ้ งกาหนดเป็นนโยบาย หรือแกไ้ ขระเบียบที่เก่ยี วขอ้ ง การขับเคล่ือนรัฐสภาไปสู่ Digital and Smart Parliament เพ่ือนาไปสู่การปฏิบัติ ใหเ้ กดิ ผลสาเรจ็ เป็นรูปธรรม จาเปน็ จะต้องกาหนดแนวนโยบายท่ชี ัดเจน และแก้ไขระเบียบทเ่ี ก่ียวข้อง ดังน้ี ๑) ระบบ SMART/Green Building, ระบบปา้ ยขอ้ มูลดิจทิ ลั (Digital Signage) และ ระบบการรกั ษาความปลอดภยั ของอาคารรฐั สภา - กาหนดนโยบายการลดการใช้พลังงาน ลดขยะ และลดการก่อมลพิษในอาคาร รัฐสภาใหม่ เช่น การลดการใช้กระดาษ การควบคุมระบบปรบั อากาศ เป็นต้น ๒) ช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชน เว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย (Social Media) ของรัฐสภา - กาหนดนโยบายเกี่ยวกับชุดข้อมูลของรัฐสภาที่จะให้มีการเปิดเผยตาม พระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้นาไปสู่ การปฏิบตั ิท่ชี ดั เจน - กาหนดนโยบายการ Open Source ระบบ โดยเปิดเผย Source code เพื่อเปิด โอกาสให้ภาคเอกชนสามารถเข้ามาพัฒนาต่อยอดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัยและตอบโจทย์ ประชาชน โดยไมจ่ าเป็นต้องพงึ่ พางบประมาณจากภาครัฐ ๓) ระบบบริหารจัดการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และระบบบริหารจัดการ เอกสารอเิ ล็กทรอนิกส์ (E-document) - จัดทาระบบฐานข้อมูลกลาง (Centralized Database) ของรัฐสภา และ กาหนดผู้รับผิดชอบหลักในการนาเข้าข้อมูล และผู้ดูแลระบบให้ชัดเจน เพื่อบูรณาการระบบบริหาร จดั การเอกสารอิเลก็ ทรอนิกส์ (E-document) ของหน่วยงานภายในรัฐสภา - จัดทาข้อตกลง (MOU) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพ่ือใช้ระบบสารบรรณ อิเล็กทรอนิกส์ร่วมกันในการส่งข้อมูลเอกสารหรือหนังสือตดิ ต่อราชการ - ดาเนินการจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ให้สอดคล้องกับระเบียบสานัก นายกรัฐมนตรวี ่าดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘

บรรณานกุ รม หนังสอื ทั่วไป สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผูแ้ ทนรำษฎร. (๒๕๕๓). รัฐสภาแห่งใหม่. กรุงเทพฯ: แปลน โมทิฟ. สำนักงำนรัฐบำลอิเล็กทรอนิกส์. (๒๕๕๘). มาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบ สารบรรณอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Correspondence System Interoperability Standard). กรงุ เทพฯ: พ.ี เอ็ม.มเี ดีย พริน้ ท.์ คณะอนุกรรมกำรศึกษำช่องทำงกำรรับฟังควำมเห็นและเพิ่มกำรมีส่วนร่วมของประชำชน. (๒๕๖๒). การพัฒนาช่องทางการรับฟังความเห็นและเพ่ิมการมีส่วนร่วมของประชาชนในรูปแบบ ออนไลน์ (Online). กรุงเทพฯ: ม.ป.ท. รำชกจิ จำนเุ บกษำ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช ๒๕๖๐, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔ ตอนท่ี ๔๐ ก (๖ เมษำยน ๒๕๖๐) น. ๑. พระรำชบัญญตั ิคุม้ ครองขอ้ มูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒, ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๙ ก (๒๗ พฤษภำคม ๒๕๖๒) น. ๕๒. พระรำชบัญญัติกำรรักษำควำมม่ันคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๖๙ ก (๒๗ พฤษภำคม ๒๕๖๒) น. ๒๐. เอกสำรประกอบกำรประชมุ กลุ่มกิจกำรร่วมค้ำสงบ ๑๐๕๑. (๒๕๖๓). โครงการประกวดแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่พร้อมอาคาร ประกอบ. ในกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำศึกษำโครงกำรก่อสร้ำงอำคำร รัฐสภำแห่งใหม่สภำผู้แทนรำษฎร ครั้งท่ี ๒ วันอังคำรท่ี ๗ มกรำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ วำระพิจำรณำรำยละเอียดแบบก่อสร้ำงโครงกำรอำคำรรัฐสภำแห่งใหม่ พร้อมอำคำร ประกอบ, อำคำรรฐั สภำ (เกยี กกำย). ท่ีปรึกษำบริหำรโครงกำรก่อสร้ำงอำคำรรัฐสภำแห่งใหม่. (๒๕๖๒). ข้อมูลโครงการก่อสร้าง อาคารรัฐสภาแห่งใหม่. ในกำรประชุมคณะกรรมำธิกำรวิสำมัญพิจำรณำศึกษำโครงกำร ก่อสร้ำงอำคำรรัฐสภำแห่งใหม่สภำผู้แทนรำษฎร คร้ังที่ ๓ วันจันทร์ที่ ๑๓ มกรำคม พ.ศ. ๒๕๖๓ วำระพิจำรณำภำพรวมควำมเป็นมำและควำมคืบหน้ำโครงกำรก่อสร้ำง อำคำรรัฐสภำแห่งใหม่ พร้อมอำคำรประกอบ, อำคำรรฐั สภำ (เกยี กกำย). ฐำนข้อมูลออนไลน์ กรมเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชำชำติ, สหภำพรัฐสภำระหว่ำงประเทศ และห้องสมุด IFLA. (๒๐๑๒). เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในห้องสมุดรัฐสภา (Information and Communication Technologies ParliamentaryLibraries). สืบค้นเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภำพนั ธ์ ๒๕๖๓ จำก, https://www.ifla.org/publications/information-and- communication-technologies-in-parliamentary-libraries-.

๑๑๑ คณะกรรมกำรจัดทำแผนพัฒนำ Digital Parliament ของรัฐสภำ. (๒๕๖๐). แผนพัฒนา Digital Parliament ของรัฐสภา ระยะ ๕ ปี (พ.ศ.๒๕๖๑-๒๕๖๕). สืบค้นเมื่อ วันท่ี ๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓, จำก https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_dl_link php?nid=๔๔๔๐๓. คณะกรรมกำรขับเคลือ่ นแผนพฒั นำ Digital Parliament ของรัฐสภำระยะ ๕ ปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕. แผนการขบั เคลอ่ื นแผนพฒั นา Digital Parliament ของสานกั งานเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕). สืบค้นเม่ือ วันที่ ๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓, จำก https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_dl_lin k.php?nid=๔๗๒๓๙&filename=gennews_section๙. คณะอนุกรรมกำรศึกษำกำรพัฒนำระบบสำรสนเทศเพื่อสนับสนนุ กระบวนกำรนิติบัญญัติ. (๒๕๖๒). รายงานสรปุ ผลการดาเนนิ งานของคณะอนุกรรมการศึกษาการพัฒนาระบบสารสนเทศเพ่อื สนบั สนุนกระบวนการนิตบิ ญั ญัติ. สบื ค้นเม่ือวันท่ี ๖ กุมภำพนั ธ์ ๒๕๖๓, จำก http://pubhtml๕.com/oqlx/otko/basic. ฐะปะนีย์ จุฬำรมย์. (๒๕๖๓). สัปปายะสภาสถาน. สืบค้นเม่ือ วันที่ ๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓, จำก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=สัปปำยะสภำสถำน. ฐิตมิ ำ ธรรมบำรงุ . (กมุ ภำพันธ์ ๒๔๖๓). Openness และการเผยแพร่เอกสาร กรณี National Archives (UK). สืบค้นเม่ือวนั ท่ี ๒๒ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓, จำก http://www.thailibrary.in.th/ ๒๐๒๐/๐๒/๒๔/openness-uk-national-archives/. ธรรมนิติ. (ม.ป.ป.). ๘ ประเด็นสาคัญจาก พ.ร.บ. ค้มุ ครองขอ้ มลู ส่วนบุคคล. สบื ค้นเมอ่ื วันท่ี ๑๖ กมุ ภำพนั ธ์ ๒๖๖๓, จำก https://www.dharmniti.co.th/law-digital- personaldataprotectionlaw/ ฝ่ำยเลขำนุกำรโครงกำรก่อสร้ำงอำคำรรัฐสภำแห่งใหม่. (๒๕๕๙). ความเป็นมาของโครงการ. สืบค้น เมอื่ วนั ที่ ๕ กมุ ภำพันธ์ ๒๕๖๓, จำก https://www.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/parliament_parcy/ewt_news.p hp?nid=๓๓๘๑๙&filename=index. บริษัท ธำรำ คอนซัลแตนท์ จำกดั . (๒๕๕๔). รายงานการวิเคราะหผ์ ลกระทบสิ่งแวดลอ้ ม โครงการ ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ . สืบค้นเม่ือวันที่ ๖ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓, จำก http://www.jba.tbs.tu.ac.th/files/APA_Style.pdf. สหภำพระหว่ำงรัฐสภำ (IPU) และสหพันธ์สมำคมห้องสมุดและสถำบันระหว่ำงประเทศ (IFLA). (๒๐๑๕). แนวทางการให้บริการวิจัยของรัฐสภา. สืบค้นเม่ือวันท่ี ๒๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓, จำก https://www.ifla.org/publications/node/๙๗๕๙. สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร. (๒๕๖๐). แผนยุทธศาสตร์สานักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๔. สืบค้นเมือ่ วนั ที่ ๙ กมุ ภำพนั ธ์ ๒๕๖๓, จำก http://intranet.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/group๐๐/ewt_dl_link. php ?nid=๓๖๙.

๑๑๒ สำนักงำนพัฒนำรัฐบำลดิจิทัล. (มกรำคม ๒๕๖๓). ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ. สืบค้นเมื่อวันท่ี ๑๒ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓, จำก https://dga.or.th/th/profile/๒๑๖๑/ สำนกั เทคโนโลยแี ละกำรส่ือสำร. (กรกฎำคม ๒๕๕๙). การปอ้ งกนั ภยั คุมคามทางคอมพิวเตอร์. สบื ค้น เม่ือวันที่ ๑๐ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓, จำก https://www.senate.go.th/assets /portals /๔๙/files/handbook/files/handbook/km๑๑-๕๙.pdf. หอจดหมำยเหตแุ ห่งชำติสหรำชอำณำจกั ร. (ม.ป.ป.). รูปแบบทางเลือกของการเผยแพร่เอกสารคาส่ัง และ เอกสารสภาสามญั ชนซึ่งเปน็ สภาลา่ งในรัฐสภาแห่งอังกฤษ (House of Commons). สบื คน้ เมือ่ วนั ที่ ๑๖ กมุ ภำพนั ธ์ ๒๕๖๓, จำก https://www.nationalarchives.gov.uk/. Cuninghame, Keith. (๒๐๐๙). แนวทางสาหรบั ห้องสมดุ กฎหมาย (Guidelines for Legislative Libraries). สบื คน้ เมื่อวนั ท่ี ๒๑ กุมภำพนั ธ์ ๒๕๖๓ จำก, https://www.ifla.org/ publications/node/๒๐๑๙. House of Commons Library. (๒๐๒๐). Accessibility statement for the Commons Library website Retrieved. สื บ ค้ น เ มื่ อ วั น ที่ ๒ ๑ กุ ม ภ ำ พั น ธ์ ๒ ๕ ๖ ๓ จ ำ ก , https://commonslibraryparliament.uk/accessibilitystatement/?fbclid=IwAR๒in๐zZF XOJwAdXWgjXBYeMMSgkMF๙ qnvcCbYkm_Fecs๗j๒U๐hXn_Lr_O๔. Heide, Martijn, ณัฐ โ ช ติ ดุสิตำนนท์ , และเสฏ ฐ วุฒิ แสนนำม. (พฤศจิกำยน ๒๕๕๙). Botnet of Things - ภัยคุกคามจาก Internet of Things และแนวทางการรับมือ. สืบค้นเมื่อวันท่ี ๘ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓, จำก https://www.thaicert.or.th/papers /general/๒๐๑๖/pa๒๐๑๖ge๐๐๑.html. Opening Parliament.org. (ม.ป.ป.). ปฏญิ ญาว่าด้วยการเปิดกว้างของรัฐสภา. สบื คน้ เมื่อวนั ท่ี ๒๒ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๓, จำก https://openingparliament.org/declaration/. Williamson, Andy. (August ๒๐๑๓). Social Media Guidelines for Parliaments. สืบค้นเม่ือ วั น ท่ี ๒ ๒ กุ ม ภ ำ พั น ธ์ ๒ ๕ ๖ ๓ , จ ำ ก http://www.ipu.org/PDF/publications/ SMG๒๐๑๓EN.pdf.

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก ประกาศคณะกรรมาธกิ ารกิจการสภาผ้แู ทนราษฎร







ภาคผนวก ข โครงการจา้ งงานดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศและ การสื่อสารโครงการกอ่ สร้างอาคารรฐั สภาแห่งใหม่ พร้อมอาคารประกอบ

โครงการจา้ งงานดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร โครงการกอ่ สร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พรอ้ มอาคารประกอบ

ภาคผนวก ค - สัปปายะสภาสถาน - พิพธิ ภัณฑ์ประชาธิปไตยและพิพธิ ภัณฑช์ าติไทย - การอนุรักษ์พลังงานและการรักษาสงิ่ แวดลอ้ ม

สปั ปายะสภาสถาน พิพธิ ภัณฑป์ ระชาธปิ ไตย และพิพธิ ภัณฑช์ าติไทย การอนรุ ักษพ์ ลงั งาน และการรกั ษาสิ่งแวดล้อม

ภาคผนวก ง THAI PBS NEW MEDIA

THAI PBS NEW MEDIA

ภาคผนวก จ ประมวลภาพการประชมุ คณะอนกุ รรมาธกิ ารฯ

ภาพการประชมุ คณะอนกุ รรมาธกิ ารพฒั นาระบบบริการสารสนเทศอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และพฒั นาการดาเนนิ งานของสภาผู้แทนราษฎร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook