Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

(4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2020-06-11 06:40:51

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันที่ 18 มิถุนายน 2563

Search

Read the Text Version

๒ ต้งั แต่รองสารวตั รสอบสวนขึน้ ไป และผ้บู ัญชาการตำรวจแห่งชาติ จเรตำรวจแหง่ ชาติ รองผบู้ ัญชาการ ตำรวจแห่งชาติ ผู้ชว่ ยผูบ้ ญั ชาการตำรวจแหง่ ชาติ และรองจเรตำรวจแห่งชาติ ผู้ชว่ ยพนกั งานสอบสวนมีหนา้ ท่แี ละอำนาจในการชว่ ยเหลือพนักงานสอบสวน ในการดำเนนิ การสืบสวนหรือการสอบสวน หรือในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีตามท่ีพนักงานสอบสวนมอบหมาย และตอ้ งอยูภ่ ายใต้การกำกบั ดูแลของพนักงานสอบสวน ท้ังนี้ ตามหลกั เกณฑ์และวิธีการทกี่ ำหนด ในกฎ ก.ตร. มาตรา ๖ ให้ข้าราชการตำรวจในสายงานปอ้ งกนั และปราบปราม สายงานวิชาชพี เฉพาะ และสายงานอ่นื มหี นา้ ที่และอำนาจในการช่วยเหลอื และสนับสนุนพนักงานสอบสวนในการสืบสวน หรอื การสอบสวน ตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารท่ีกำหนดในกฎ ก.ตร. นอกจากหน้าทแ่ี ละอำนาจตามวรรคหน่ึง ใหข้ า้ ราชการตำรวจในสายงานปอ้ งกนั และปราบปรามมหี นา้ ทแี่ ละอำนาจในการสบื สวนตามที่พนักงานสอบสวนรอ้ งขอเป็นการเฉพาะดว้ ย มาตรา ๗ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการบริการประชาชนและดำเนินการให้เกดิ ประสิทธิภาพ และรวดเรว็ ใหพ้ นกั งานสอบสวนในทกุ ท้องทีม่ ีหนา้ ทแี่ ละอำนาจรบั คำรอ้ งทกุ ข์หรือคำกล่าวโทษท่มี ี ผู้รอ้ งทกุ ข์หรอื กลา่ วโทษตอ่ ตน ณ ท่ีทำการทตี่ นปฏบิ ตั ิหนา้ ทีอ่ ยู่ ไม่ว่าเหตจุ ะเกิดขึน้ ในท้องที่ใด และเม่ือรบั คำร้องทุกขห์ รือคำกลา่ วโทษแล้ว ใหม้ ีหนา้ ท่ีสอบสวนเบือ้ งตน้ เท่าที่จะพงึ ทำได้ และไม่ก่อใหเ้ กดิ ความเดือดร้อนหรอื ภาระแก่ผูท้ ่ีเกย่ี วข้องเกินความจำเป็น แล้วรบี สง่ คำร้องทุกข์ หรือคำกล่าวโทษพร้อมดว้ ยเอกสาร หลักฐาน ทไี่ ด้จากการสอบสวนเบือ้ งต้นไปยังพนกั งานสอบสวน ซง่ึ มเี ขตอำนาจตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาโดยเร็ว โดยให้ถอื ว่าการร้องทกุ ข์ การกล่าวโทษ และการสอบสวนดงั กลา่ วเป็นการชอบดว้ ยกฎหมายแลว้ และใหแ้ จง้ ให้ ผรู้ อ้ งทุกขห์ รอื กลา่ วโทษทราบดว้ ยวา่ จะส่งเรื่องไปยงั พนักงานสอบสวนซง่ึ มีเขตอำนาจแห่งใด ใหน้ ำความในวรรคหน่งึ ไปใช้บังคบั กบั การแจ้งการสญู หายหรอื เสยี หายของทรัพย์สนิ หรือการแจง้ ไวเ้ ป็นหลักฐานด้วยโดยอนุโลม แตใ่ นกรณที เ่ี ป็นการแจ้งการสูญหายหรอื เสียหาย ของเอกสารหรือหลักฐานทห่ี นว่ ยงานของรฐั เปน็ ผ้อู อกให้ เพื่อใช้เป็นหลกั ฐานในการขอออกเอกสาร หรือหลักฐานใหม่ ใหผ้ ู้แจง้ ไปแจ้งโดยตรงตอ่ เจา้ หนา้ ท่ีของหน่วยงานของรัฐท่เี ปน็ ผู้ออกเอกสาร หรอื หลักฐานน้ัน และให้ถอื เป็นหน้าทขี่ องเจา้ หน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐดังกล่าวทจ่ี ะต้องรบั แจง้ และออกเอกสารหรือหลักฐานใหแ้ กผ่ แู้ จง้ แต่ทงั้ นี้ ไมห่ า้ มพนกั งานสอบสวนทจี่ ะรบั แจง้ เมื่อไดร้ บั คำร้องทุกขห์ รือคำกลา่ วโทษตามวรรคหน่งึ หรือรบั แจง้ ตามวรรคสองแล้ว ใหพ้ นักงานสอบสวนออกใบรับให้ผู้ร้องทุกข์หรือกลา่ วโทษ หรอื ผู้แจ้ง โดยพลัน และให้แจ้งให้ ผู้รอ้ งทกุ ขห์ รอื กล่าวโทษทราบถงึ ความคืบหนา้ ตามระยะเวลาท่ีระเบยี บ ก.ตร. กำหนด โดยการแจ้ง ดงั กล่าวจะแจง้ ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์กไ็ ด้ เร่ืองใดท่ีมผี ู้มาร้องทุกข์หรือกล่าวโทษและพนักงานสอบสวนเหน็ วา่ มิใช่เป็นคำร้องทุกข์ หรอื คำกลา่ วโทษตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา หรือเปน็ เร่อื งซึง่ แนะนำให้ผู้แจง้ ไปแจง้ โดยตรงต่อเจ้าหนา้ ทขี่ องหนว่ ยงานของรฐั ตามวรรคสอง ใหพ้ นกั งานสอบสวนหรือผทู้ ี่ได้รบั มอบหมาย จากพนักงานสอบสวนบนั ทึกสรปุ ไวใ้ นรายงานประจำวนั และให้ผูม้ าร้องทุกข์หรือกลา่ วโทษหรือผแู้ จ้ง ลงลายมอื ชื่อไว้เป็นหลักฐาน

๓ ความในมาตราน้ีไมเ่ ปน็ การตัดหน้าท่ีและอำนาจของตำรวจทีม่ ิใชพ่ นักงานสอบสวน ในการรับคำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา แต่ตำรวจที่รบั คำร้องทกุ ขห์ รือคำกล่าวโทษดังกล่าวต้องปฏิบตั ิตามบทบัญญตั ิแหง่ มาตราน้ี มาตรา ๘ ในกรณีที่พนกั งานสอบสวนต่างทอ้ งทใ่ี นเขตกองบงั คับการหรือจังหวัด เดยี วกันมอี ำนาจสอบสวนความผดิ อาญาเดียวกัน หรอื ไมป่ รากฏว่าเหตุเกิดในท้องทใ่ี ดในเขต ของกองบังคับการหรือจงั หวดั น้นั หรือเมอื่ มเี หตุอนั สมควรที่จะให้พนักงานสอบสวนคนใดคนหน่งึ หรอื หลายคนสอบสวนคดีใดคดีหนึ่งเปน็ การเฉพาะ ผู้บงั คบั การสอบสวนมอี ำนาจสั่งให้ พนักงานสอบสวนคนใดหรือหลายคนในกองบงั คับการนนั้ หรือพนักงานสอบสวนซง่ึ มีเขตอำนาจ คนใดคนหนึ่งในจงั หวัดนั้นเป็นผู้รบั ผิดชอบการสอบสวนความผิดอาญาน้ันได้ โดยคำนงึ ถึง ความสะดวกของพยาน ประสิทธิภาพ และความรวดเรว็ ในการดำเนนิ การประกอบกัน โดยผู้บงั คบั การสอบสวนจะส่ังก่อนเริ่มดำเนนิ การสอบสวนหรอื ในระหว่างการสอบสวนก็ได้ ในกรณที ี่มกี ารกระทำความผิดอาญาในรถไฟหรอื ยานพาหนะขนส่งสาธารณะ ให้ผเู้ สียหายหรอื เจา้ หน้าทข่ี องหนว่ ยงานของรฐั ซง่ึ เปน็ เจา้ ของหรือควบคมุ ดูแลรถไฟหรอื ยานพาหนะ ขนส่งสาธารณะมสี ิทธิร้องทุกข์หรอื กลา่ วโทษต่อพนกั งานสอบสวนในทกุ ท้องท่ี ไมว่ า่ เหตุจะเกดิ ข้นึ ในท้องทใ่ี ด และเม่ือพนักงานสอบสวนรบั คำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษแล้ว ใหพ้ นกั งานสอบสวนนน้ั มีหน้าทแ่ี ละอำนาจดำเนนิ การสอบสวนได้ และเพอื่ ประโยชนใ์ นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน หรือเพื่อประสทิ ธิภาพในการสอบสวน พนกั งานสอบสวนซึ่งรับคำร้องทุกข์หรอื คำกล่าวโทษไว้ ผู้บงั คับการสอบสวนหรือผู้บญั ชาการสอบสวนซึ่งเป็นผบู้ ังคบั บญั ชาของพนักงานสอบสวนนัน้ หรือผู้บญั ชาการตำรวจแหง่ ชาติ จะสัง่ ใหส้ ่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนกั งานสอบสวนอน่ื เพอื่ ดำเนนิ การสอบสวนต่อไปกไ็ ด้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทกี่ ำหนดในกฎ ก.ตร. ในกรณีการกระทำความผิดตามวรรคสองมใิ ช่เปน็ ความผดิ อันยอมความได้ ผ้ใู ดจะเป็นผกู้ ลา่ วโทษตามวรรคสองก็ได้ ใหน้ ำความในมาตรา ๗ วรรคห้า มาใชบ้ งั คับกับการรับคำร้องทุกขห์ รือคำกลา่ วโทษ ตามมาตรานี้ของตำรวจทีม่ ิใช่พนักงานสอบสวนด้วยโดยอนุโลม มาตรา ๙ ในกรณีที่พนักงานสอบสวนตา่ งท้องท่ีและตา่ งจังหวัดหรือต่างกองบงั คบั การ มีอำนาจสอบสวนความผดิ อาญาเดยี วกัน หรอื ยังไมป่ รากฏหลักฐานชดั แจง้ ว่าความผดิ อาญาเกิดข้นึ ในท้องทใ่ี ด หรอื เมอ่ื มีเหตุอนั สมควรทจี่ ะให้พนักงานสอบสวนคนใดคนหนง่ึ หรือหลายคนสอบสวน คดใี ดคดหี น่ึงเป็นการเฉพาะ ผู้บัญชาการสอบสวนมีอำนาจส่ังใหพ้ นกั งานสอบสวนคนใดคนหน่ึง หรอื หลายคนซง่ึ ปฏบิ ตั หิ น้าที่ในเขตอำนาจของตนทำการสอบสวนได้ ในการพิจารณาสั่งการดงั กลา่ ว ให้นำความในมาตรา ๘ มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม ใหผ้ บู้ ัญชาการตำรวจแห่งชาติมีอำนาจสง่ั ให้พนักงานสอบสวนคนใดคนหน่ึง หรือหลายคนมีอำนาจสอบสวนคดีใดคดหี นึ่งเปน็ การเฉพาะได้ไม่ว่าเหตุจะเกดิ ในท้องท่ีใด และในกรณีทม่ี ีพนักงานสอบสวนหลายคนมอี ำนาจสอบสวนคดเี ดยี วกันหรือเก่ยี วเนอื่ งกัน หรือมีปัญหาวา่ พนักงานสอบสวนคนใดมีอำนาจในการสอบสวนคดีใด ให้เป็นอำนาจของผู้บัญชาการ ตำรวจแหง่ ชาตเิ ป็นผู้ชี้ขาด

๔ ในการสงั่ การตามวรรคหน่งึ และวรรคสอง ใหร้ ะบพุ นักงานสอบสวนผู้รบั ผิดชอบ ใหช้ ดั เจน เมอื่ ไดร้ ับคำสงั่ ตามวรรคหนึง่ หรือวรรคสองแล้ว ให้พนักงานสอบสวนซง่ึ ไดร้ ับคำส่ัง มอี ำนาจสอบสวนความผดิ อาญานั้นได้ มาตรา ๑๐ การสอบสวนต้องกระทำโดยมุ่งให้ทราบขอ้ เทจ็ จริงและพฤติการณ์ ตา่ ง ๆ อันเกีย่ วกบั ความผิดที่ผตู้ ้องหาถูกกล่าวหาเพ่ือให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องตามความจรงิ ท่ีเกิดขึ้น ไม่วา่ จะเปน็ คุณหรือเป็นโทษตอ่ ผ้ตู ้องหา และเพื่อจะไดร้ ตู้ ัวผกู้ ระทำผิดและพสิ ูจน์ ใหเ้ หน็ ความผดิ หรือความบรสิ ุทธ์ิของผู้ต้องหา ให้เป็นหนา้ ทข่ี องพนักงานสอบสวนทีจ่ ะเป็นผู้รวบรวมพยานหลกั ฐาน แต่ในกรณีท่ี ผู้ตอ้ งหาหรือผู้เสียหายอ้างพยานหลักฐานใด และนำพยานหลกั ฐานมามอบใหพ้ นักงานสอบสวน โดยสมัครใจ หรือในกรณเี ปน็ พยานบุคคลไดน้ ำพยานบุคคลมาใหถ้ อ้ ยคำแก่พนักงานสอบสวน ใหพ้ นักงานสอบสวนสอบสวนพยานและรวบรวมพยานหลกั ฐานนนั้ ไวใ้ นสำนวนการสอบสวนดว้ ย ในกรณีตามวรรคสอง ถ้าพนักงานสอบสวนเหน็ ว่าพยานหลักฐานหรือพยานบุคคล ท่ีผ้ตู ้องหาหรือผเู้ สียหายนำมา ไม่เกี่ยวกบั คดหี รือมลี กั ษณะเป็นการประวงิ คดี พนักงานสอบสวน จะไมร่ บั ไว้ในสำนวนหรอื ไม่สอบพยานบุคคลนัน้ หรือสอบสวนเฉพาะในสว่ นที่เกี่ยวกบั คดีกไ็ ด้ และให้บันทึกพฤติการณ์ดังกลา่ วไวใ้ นสำนวนการสอบสวน ในกรณีท่ีผตู้ ้องหาหรือผู้เสียหายอ้างพยานหลกั ฐานหรือพยานบคุ คลอ่ืน แต่ไม่สามารถนำมามอบหรือมาใหถ้ ้อยคำกับพนักงานสอบสวนได้ ใหพ้ นกั งานสอบสวน ออกหมายเรยี กพยานหลักฐานหรอื พยานบุคคลนน้ั ตามทผ่ี ู้ต้องหาหรือผ้เู สียหายร้องขอ และถ้าพนักงานสอบสวนไม่ได้พยานหลักฐานตามที่มหี มายเรยี กหรือพยานบคุ คลไม่มาภายในเวลา ทีพ่ นักงานสอบสวนกำหนด ใหบ้ นั ทึกไว้ในสำนวนการสอบสวน และให้นำความในวรรคสาม มาใชบ้ งั คบั ด้วยโดยอนุโลม การดำเนนิ การตามวรรคสอง วรรคสาม และวรรคส่ี ไมเ่ ป็นเหตุให้พนกั งานสอบสวน ตอ้ งรอการสอบสวนไวก้ อ่ น เว้นแตพ่ นกั งานสอบสวนจะเหน็ วา่ พยานหลกั ฐานหรือพยานบุคคลที่ ผู้ตอ้ งหาหรือผ้เู สยี หายนำมาหรอื อ้างอิงจะมีผลสำคัญต่อการสอบสวน จะรอการสอบสวนไว้ก่อนก็ได้ แต่ต้องบันทึกเหตุผลของการรอการสอบสวนไว้ในสำนวนการสอบสวนด้วย เพอ่ื ประโยชน์แหง่ ความเป็นธรรม ในกรณที ผ่ี วู้ า่ ราชการจงั หวัดหรือนายอำเภอ ผูบ้ งั คบั บัญชาของพนักงานสอบสวน หรอื หัวหนา้ สถานีตำรวจได้รบั ข้อเทจ็ จรงิ หรอื พยานหลกั ฐาน เกย่ี วกับการกระทำความผิดอาญาในเร่อื งใด ใหม้ หี น้าท่ีส่งข้อเทจ็ จริงหรือพยานหลกั ฐานน้ัน ใหแ้ ก่พนักงานสอบสวน และให้เป็นหน้าทีข่ องพนักงานสอบสวนนัน้ ที่จะต้องพิจารณาขอ้ เท็จจรงิ หรือพยานหลักฐานน้ันประกอบการสอบสวนและรวมหลกั ฐานการส่งข้อเทจ็ จริงหรือพยานหลักฐาน ดังกลา่ วไวใ้ นสำนวนการสอบสวนดว้ ย ในกรณที ่ีพนักงานสอบสวนได้รบั แจ้งตามวรรคหกภายหลงั จากทส่ี ่งสำนวน ใหพ้ นกั งานอยั การแล้ว ให้พนักงานสอบสวนสง่ ข้อเท็จจรงิ หรอื พยานหลักฐานทไ่ี ดร้ บั แจง้ ไปให้ พนักงานอยั การเพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินคดีตอ่ ไปโดยถอื เปน็ สว่ นหน่ึงของสำนวนการสอบสวน และในกรณจี ำเปน็ และเห็นสมควรกอ่ นทพ่ี นักงานอยั การจะย่นื ฟ้องคดีตอ่ ศาล พนักงานอยั การ

๕ จะดำเนินการสอบสวนเพมิ่ เติมเกยี่ วกบั ข้อเทจ็ จริงหรือพยานหลกั ฐานดังกล่าว โดยจะสอบสวนเอง หรอื สัง่ ให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพม่ิ เติมภายในเวลาท่ีกำหนดก็ได้ ในกรณีท่ีพนักงานอัยการไดร้ ับข้อเทจ็ จรงิ หรือพยานหลกั ฐานตามวรรคหกภายหลงั จากยื่นฟ้องคดีแล้ว ถ้าพนักงานอยั การเหน็ ว่าข้อเทจ็ จรงิ หรือพยานหลักฐานน้ันเช่อื ถือได้และแสดง ความบรสิ ุทธ์ขิ องจำเลย ไม่วา่ ในเวลาใด ๆ กอ่ นมคี ำพิพากษา ใหพ้ นักงานอัยการมีหน้าท่ีเสนอ ข้อเท็จจรงิ หรือพยานหลักฐานนนั้ ต่อศาลเพอ่ื พจิ ารณาต่อไป แต่ทัง้ นี้ไม่เปน็ การตดั อำนาจของ พนักงานอัยการในการถอนฟ้องตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑ เพอ่ื ประโยชน์ในการอำนวยความยุตธิ รรม หนว่ ยงานใดของสำนกั งาน ตำรวจแหง่ ชาติมอี ตั รากำลงั เพยี งพอ ก.ตร. จะกำหนดใหก้ ารสอบสวนบางคดสี ำหรบั หน่วยงานน้ัน ต้องดำเนินการเปน็ คณะก็ได้ โดยองคป์ ระกอบของคณะ ประเภทของคดี และวิธปี ฏบิ ตั งิ านเปน็ คณะ ใหเ้ ป็นไปตามระเบยี บ ก.ตร. มาตรา ๑๒ ในสถานีตำรวจ ใหพ้ นักงานสอบสวนผเู้ ป็นหวั หน้าของพนักงานสอบสวน ในสถานตี ำรวจนนั้ เป็นพนกั งานสอบสวนผรู้ บั ผิดชอบในการสอบสวน ในหนว่ ยงานอื่นข้าราชการ ตำรวจที่ดำรงตำแหน่งในสายงานสอบสวนตำแหน่งใดจะเป็นพนักงานสอบสวนผู้รบั ผิดชอบในการ สอบสวน ให้เปน็ ไปตามระเบียบสำนกั งานตำรวจแหง่ ชาติ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการปฏบิ ัติหนา้ ทใ่ี ห้เกดิ ประสิทธภิ าพ รวดเร็ว และเปน็ ธรรม ใหห้ ัวหน้าพนักงานสอบสวนในระดับผู้กำกับการสอบสวนมีอำนาจมอบหมายให้รองผู้กำกับการสอบสวน เป็นพนกั งานสอบสวนผู้รบั ผิดชอบในการสอบสวน โดยจะมอบหมายตามประเภทหรือลักษณะของคดี หรอื มอบหมายในลกั ษณะเป็นการทัว่ ไปก็ได้ แตใ่ นการมอบหมายใหค้ ำนงึ ถึงการให้รองผูก้ ำกบั การสอบสวน ทุกคนได้แบ่งเบาภาระงานของผกู้ ำกบั การสอบสวน แต่ไม่ว่าจะไดร้ ับการมอบหมายดังกล่าวหรือไม่ ไม่เปน็ การตัดหน้าท่ีของรองผู้กำกับการสอบสวนในการสอบสวน ให้นำความในวรรคสองมาใช้บังคบั กบั การมอบหมายอำนาจของหวั หนา้ พนกั งานสอบสวน ในระดับที่สูงกว่าผกู้ ำกบั การให้กบั ผ้ดู ำรงตำแหน่งรองของผู้ดำรงตำแหนง่ นน้ั ดว้ ยโดยอนุโลม ตามระเบียบทสี่ ำนักงานตำรวจแหง่ ชาติกำหนด เพื่อประโยชนใ์ นการเรง่ รดั การดำเนนิ การสอบสวนหรอื ให้เกดิ ประสิทธิภาพ ในการสอบสวน ผู้บัญชาการตำรวจแหง่ ชาตมิ ีอำนาจมอบหมายให้พนักงานสอบสวนคนหน่ึง เป็นพนกั งานสอบสวนผรู้ บั ผดิ ชอบในการสอบสวนคดีใดคดีหนึง่ หรือประเภทใดประเภทหนึ่งกไ็ ด้ ตามระเบยี บทส่ี ำนกั งานตำรวจแห่งชาติกำหนด ให้พนักงานสอบสวนผู้เป็นหวั หนา้ ของพนกั งานสอบสวนในสถานีตำรวจ หรือในหนว่ ยงานอ่ืน มีหน้าที่กำกับดูแลและรับผิดชอบงานด้านการสอบสวนของพนกั งานสอบสวน ภายในสถานีตำรวจหรือหนว่ ยงานนน้ั และมีอำนาจสัง่ ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวน เพ่ิมเติมไดเ้ ม่ือมเี หตุอนั ควร มาตรา ๑๓ เพ่ือประโยชน์ในการสืบสวนหรือสอบสวนการกระทำความผิด ตามกฎหมายใด พนักงานสอบสวนอาจขอให้พนักงานเจ้าหน้าทีห่ รือเจ้าพนักงานตามกฎหมายนั้น หรือเจ้าหน้าที่อนื่ ของรัฐ ให้ความชว่ ยเหลือ สนบั สนุน หรอื เขา้ รว่ มปฏบิ ัติหน้าที่ไดต้ ามความจำเปน็

๖ ในกรณที ี่พนกั งานเจา้ หนา้ ทห่ี รือเจ้าพนักงานตามกฎหมายใดมีฐานะเป็น พนกั งานฝา่ ยปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญแ่ ละมีอำนาจสอบสวนความผิดตามกฎหมายน้ัน ตามทบ่ี ญั ญัตไิ ว้ในพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา ๖ วรรคสาม แหง่ พระราชบญั ญตั ิ ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... หากปรากฏว่ามกี ารกระทำความผิดอื่นทมี่ ิได้อยู่ในหน้าท่ีและอำนาจ ของพนักงานเจา้ หนา้ ทีห่ รือเจ้าพนักงานตามกฎหมายนั้น พนกั งานเจ้าหน้าทีห่ รือเจ้าพนักงานดงั กลา่ ว จะโอนสำนวนการสอบสวนในสว่ นทีต่ นได้สอบสวนไว้แล้วไปใหพ้ นักงานสอบสวนตามพระราชบญั ญัตินี้ เพ่ือดำเนินการสอบสวนในส่วนท่ีเก่ยี วกับความผดิ อนื่ ท่ียังมิได้ดำเนนิ การสอบสวนก็ได้ โดยใหถ้ ือว่า สำนวนการสอบสวนของพนักงานเจ้าหนา้ ท่หี รือเจ้าพนักงานดงั กลา่ วเปน็ ส่วนหนง่ึ ของสำนวนการ สอบสวนของพนักงานสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนมีอำนาจส่งั ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจา้ พนักงาน ดงั กลา่ วสอบสวนเพิม่ เตมิ หรอื จะสอบสวนเพิม่ เติมเองก็ได้ ทั้งน้ี ให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่ีตกลงรว่ มกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่พนักงานเจา้ หน้าทีห่ รือเจ้าพนักงาน ดังกล่าวสงั กัดอยู่ มาตรา ๑๔ ในการแจ้งข้อหา พนกั งานสอบสวนจะแจง้ ขอ้ หาโดยยงั มไิ ดม้ หี ลักฐาน พอสมควรทแี่ สดงว่าผตู้ อ้ งหานา่ จะได้กระทำความผดิ ตามข้อหานั้นมิได้ มาตรา ๑๕ การถามคำให้การหรอื สอบปากคำผตู้ ้องหาในคดที ่มี ีข้อหาความผิด ซง่ึ กฎหมายกำหนดอัตราโทษอยา่ งตำ่ ไว้ใหจ้ ำคุกตงั้ แตห่ า้ ปีข้ึนไปหรอื โทษสถานทห่ี นกั กว่านั้น ใหพ้ นักงานสอบสวนจดั ให้มีการบันทกึ ภาพและเสียงซ่ึงสามารถนำออกถ่ายทอดไดอ้ ย่างต่อเนื่องไว้ เป็นพยานหลกั ฐานและรวมไว้ในสำนวนการสอบสวน เว้นแต่เป็นกรณีเรง่ ดว่ นหรือมีเหตุจำเปน็ อน่ื อนั ไม่อาจดำเนินการได้ ก็ให้พนักงานสอบสวนน้ันบนั ทึกเหตุดงั กลา่ วไว้เปน็ หลักฐานในสำนวนการ สอบสวน มาตรา ๑๖ เพ่อื ประโยชน์แห่งความยุติธรรม เม่ือพนักงานสอบสวนดำเนินการ สอบสวนคดดี งั ต่อไปน้ี และได้แจ้งขอ้ หาให้ผตู้ อ้ งหาทราบแล้ว ให้แจ้งใหพ้ นกั งานอัยการทราบ ภายในสามวนั นบั แตว่ นั ที่แจ้งขอ้ หาดังกล่าว (๑) คดีความผดิ อาญาที่มีอัตราโทษขั้นต่ำใหจ้ ำคกุ ตั้งแต่สิบปีข้ึนไปหรือโทษ สถานหนักกวา่ นน้ั (๒) คดีตามกฎหมายว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงนิ และกฎหมาย วา่ ดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (๓) คดอี ่นื ตามท่ีคณะรฐั มนตรีกำหนด เมอ่ื ได้รับแจง้ จากพนักงานสอบสวน ให้พนกั งานอัยการมีอำนาจไปเข้าร่วมสอบสวน กบั พนักงานสอบสวน ณ ที่ทำการของพนักงานสอบสวนหรือสถานที่อืน่ ท่ีพนักงานสอบสวนแจง้ ให้ทราบ หรือขอให้พนักงานสอบสวนแจง้ ความคืบหน้าในการสอบสวนใหท้ ราบเป็นระยะ หรอื ขอให้ตรวจสอบ พยานหลกั ฐานหรือประเดน็ ใดเพ่มิ เติมเป็นการเฉพาะก็ได้ การสอบสวนที่พนักงานสอบสวนได้ ดำเนนิ การไปโดยมไิ ด้มีพนักงานอยั การเข้ารว่ มสอบสวน ให้เป็นอันใชไ้ ด้ ในการสอบสวนร่วมกันตามวรรคสอง หรือในกรณีทพ่ี นักงานสอบสวนเหน็ ว่าควร ได้รบั คำปรึกษาแนะนำจากพนักงานอยั การ เม่ือพนักงานอัยการเหน็ สมควร ให้พนักงานอัยการปฏิบตั ิ

๗ หน้าทรี่ ่วมกบั พนักงานสอบสวนเพอ่ื ใหค้ ำแนะนำหรือตรวจสอบพยานหลักฐานตง้ั แต่ชนั้ เร่ิมการ สอบสวน โดยใหพ้ นักงานสอบสวนปฏิบตั ิตามคำแนะนำของพนักงานอยั การในเรื่องทเ่ี กี่ยวกบั การ สอบสวนคดี แต่ในกรณที ่ีพนักงานสอบสวนไม่เห็นดว้ ยกับคำแนะนำนั้นหรือมเี หตุขดั ข้องไม่อาจปฏบิ ัติ ตามคำแนะนำนัน้ ได้ ให้พนักงานสอบสวนบนั ทึกการไม่เหน็ ด้วยหรอื เหตุขัดข้องพรอ้ มดว้ ยเหตผุ ลน้นั ไวใ้ นสำนวนการสอบสวน ในการดำเนินการตามวรรคสองและวรรคสาม ให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขท่อี ัยการสูงสดุ และผู้บญั ชาการตำรวจแห่งชาติร่วมกันกำหนด ในระหว่างทยี่ งั มิได้ มีการกำหนดหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงื่อนไขดังกลา่ ว ให้พนักงานสอบสวนดำเนนิ การไปตามที่ พนกั งานอยั การแจ้งให้ทราบตามหลักเกณฑแ์ ละเง่ือนไขที่อัยการสูงสุดกำหนด ในการแจ้งหรือติดต่อประสานงานกันตามมาตรานี้ จะแจง้ หรอื ติดต่อกนั ทางอเิ ล็กทรอนิกส์ก็ได้ มาตรา ๑๗ ในการสอบสวน พนกั งานสอบสวนตอ้ งคำนงึ ถึงสิทธิของผูต้ ้องหา ทจ่ี ะไดร้ ับการสอบสวนดว้ ยความรวดเร็ว ตอ่ เนอ่ื ง และเป็นธรรม และต้องไม่กระทำการใดอันเปน็ การ ขัดต่อสทิ ธมิ นุษยชนหรอื เป็นการเผยแพร่ขอ้ มลู ในลักษณะที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าผู้นนั้ เป็นผกู้ ระทำความผดิ แลว้ ในช้นั จับกมุ หรือระหวา่ งสอบสวน ห้ามมใิ ห้เจ้าพนักงานผจู้ ับหรือรบั ตวั ผถู้ กู จบั หรือพนักงานสอบสวนนำผู้ถูกจับหรอื ผตู้ อ้ งหาออกแถลงขา่ วหรือจดั ให้บุคคลดงั กล่าวให้สัมภาษณ์ ต่อส่อื มวลชน เจ้าพนักงานหรอื พนักงานสอบสวนต้องไม่เผยแพร่ภาพหรือเสยี งของผเู้ สยี หาย ผูถ้ กู จับหรอื ผ้ตู ้องหาต่อสาธารณชนหรอื ยนิ ยอมใหบ้ คุ คลซ่ึงมใิ ชเ่ จา้ หนา้ ท่ีบันทึกภาพหรือเสียง ของผู้เสยี หาย ผู้ถกู จับหรือผ้ตู ้องหา หรอื กระทำการอ่ืนใด ทงั้ น้ี อันมลี ักษณะเปน็ การประจาน ผเู้ สยี หาย ผู้ถกู จบั หรอื ผตู้ อ้ งหา แตก่ ารนำผตู้ ้องหาไปทำแผนประทุษกรรมประกอบการรับสารภาพ เพียงเทา่ ทจ่ี ำเป็นแหง่ คดี มใิ ห้ถอื ว่าเปน็ การประจาน ความในวรรคสามไมใ่ ช้บงั คับกับการเผยแพร่ภาพหรือเสยี งของผตู้ ้องหา เพื่อประโยชนใ์ นการจบั กุมตามหมายจบั หรือเพ่ือประโยชนใ์ นการสืบสวนหรอื การสอบสวนในกรณีท่ี ยงั มไิ ด้มกี ารจับกมุ หรอื คุมขงั ผถู้ ูกจับหรอื ผูต้ ้องหา มาตรา ๑๘ ในการคน้ ไมว่ า่ จะมีหมายค้นหรอื ไม่ ห้ามมใิ ห้เจา้ พนกั งาน หรอื พนักงานสอบสวนแจง้ หรือเผยแพร่ให้บคุ คลอ่ืนใดที่ไม่มีหนา้ ทีใ่ นการค้นทราบ หรือยินยอม ให้บุคคลซง่ึ ไม่มีหน้าที่ดังกล่าวเข้าไปในสถานท่ที ี่ค้นหรือบันทกึ ภาพหรือเสียงในการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าพนักงานหรือพนักงานสอบสวน เวน้ แต่ผถู้ กู คน้ หรอื เจ้าของหรือผคู้ รอบครองสถานทที่ ค่ี ้น จะเป็นผบู้ นั ทึกภาพหรือเสยี งหรือยนิ ยอมให้บุคคลอ่ืนน้ันบันทึกภาพหรือเสียง มาตรา ๑๙ บคุ คลใดซึ่งมสี ่วนเกี่ยวข้องหรือร่วมในการกระทำความผิดกับผูต้ ้องหา หากมีกรณดี ังต่อไปนี้ พนักงานสอบสวนจะเสนอต่อพนักงานอัยการเพื่อกันบคุ คลน้ันเปน็ พยานก็ได้ (๑) ถ้าไม่มีคำให้การของบุคคลดังกล่าว จะไม่มีพยานหลักฐานอื่นเพียงพอที่จะลงโทษ ผกู้ ระทำความผิดที่เป็นตัวการสำคัญ

๘ (๒) บคุ คลทจี่ ะกันเป็นพยานไม่ใชเ่ ปน็ ตวั การสำคัญในการกระทำความผดิ และ (๓) คำให้การของบุคคลน้ันจะเปน็ ประโยชน์ในการลงโทษผูต้ ้องหาอนื่ ซ่ึงเป็นตัวการ สำคัญได้ (๔) บคุ คลนั้นแจ้งข้อมูลหรือข้อเทจ็ จริงต่อพนักงานสอบสวนด้วยความสมัครใจ เม่ือพนกั งานอัยการเห็นด้วยกับความเหน็ ของพนักงานสอบสวน ให้พนักงานอยั การมี คำส่ังไมฟ่ ้องบุคคลน้นั และสง่ั ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนบุคคลนั้นในฐานะเป็นพยานต่อไป หรอื นำพยานน้ันไปศาลเพื่อดำเนนิ การให้ศาลสบื พยานนั้น และใหศ้ าลสบื พยานนั้นทนั ทโี ดยไมต่ ้องรอผล การสอบสวน โดยให้นำความในมาตรา ๒๓๗ ทวิ แหง่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาใช้ บงั คับกบั การดำเนินการสืบและการรับฟังพยานดังกล่าวด้วยโดยอนุโลม การกนั บุคคลไว้เป็นพยานตามวรรคหนง่ึ ให้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไข อื่นที่อยั การสงู สดุ และผบู้ ญั ชาการตำรวจแหง่ ขาติร่วมกันกำหนด มาตรา ๒๐ ในกรณีผ้ตู ้องหาถูกขังอยู่หรืออย่ใู นระหว่างท่ีศาลสง่ั ปล่อยตัวผู้ตอ้ งหา ชั่วคราว ให้พนักงานสอบสวนดำเนนิ การสอบสวนใหแ้ ลว้ เสรจ็ และส่งสำนวนการสอบสวนไปยัง พนักงานอัยการภายในกำหนดเวลาดังตอ่ ไปนี้ (๑) ในกรณีความผดิ อาญาซ่งึ มีอัตราโทษจำคกุ อย่างสงู เกนิ หกเดือนแต่ไม่ถึงสิบปี หรือปรับเกินหา้ ร้อยบาท หรือทัง้ จำทั้งปรบั ให้ส่งสำนวนไม่น้อยกวา่ เจด็ วนั ก่อนวนั ครบกำหนดทศ่ี าล อาจสง่ั ขังผ้ตู ้องหาได้ตามกฎหมาย (๒) ในกรณีความผิดอาญาซง่ึ มีอตั ราโทษจำคุกอย่างสงู ตงั้ แตส่ ิบปขี ึ้นไป จะมีโทษ ปรบั ดว้ ยหรอื ไม่กต็ าม ใหส้ ง่ สำนวนไมน่ ้อยกวา่ สบิ สวี่ ันก่อนวนั ครบกำหนดท่ีศาลอาจสง่ั ขังผ้ตู อ้ งหาได้ ตามกฎหมาย ในกรณที ่ีมีเหตขุ ัดขอ้ งอนั สำคัญและจำเปน็ ท่ีไมส่ ามารถส่งสำนวนภายในระยะเวลา ตามวรรคหนึ่ง หรือมีเหตุอื่นใดท่ีทำให้ระยะเวลาในการขังผูต้ ้องหาเปลย่ี นแปลงไป ให้พนักงานสอบสวน รีบแจง้ ไปยงั พนักงานอัยการเพ่ือประสานการดำเนนิ คดี และขอคำแนะนำในการดำเนินคดีดังกลา่ ว เพอื่ ให้สามารถดำเนินการสง่ สำนวนการสอบสวนได้อย่างครบถว้ นโดยเร็ว ท้ังนี้ ต้องมเี วลา ไม่นอ้ ยกว่าห้าวนั ก่อนวนั ครบกำหนดทศี่ าลอาจสั่งขังผตู้ ้องหาได้ตามกฎหมาย ในกรณที ี่พนกั งานอยั การเหน็ ว่าสำนวนการสอบสวนทพ่ี นักงานสอบสวนส่งให้ ยงั ไมค่ รบถว้ นสมบรู ณใ์ ห้แจ้งให้พนกั งานสอบสวนรับสำนวนคืนไปเพือ่ ดำเนนิ การให้ครบถ้วนสมบรู ณ์ โดยใหแ้ จง้ ให้พนักงานสอบสวนทราบถงึ ข้อที่ไม่สมบูรณไ์ วใ้ ห้ชัดแจ้งภายในเวลาไมช่ า้ กว่ายสี่ บิ สีช่ วั่ โมง หรือจะรบั ไว้ก่อนเพื่อดำเนินการต่อไปตามมาตรา ๒๑ ก็ได้ การสอบสวนหรอื ส่งสำนวนที่มไิ ด้เปน็ ไปตามวรรคหน่งึ หรือวรรคสอง ไม่ทำให้ การสอบสวนน้นั ต้องเสียไป การดำเนนิ การตามวรรคสองและวรรคสาม สำนักงานตำรวจแหง่ ชาติและสำนกั งาน อัยการสงู สดุ จะรว่ มกันกำหนดหลกั เกณฑ์และวิธีการใหพ้ นักงานสอบสวนและพนักงานอัยการปฏบิ ตั ิ กไ็ ด้ มาตรา ๒๑ เมอ่ื ได้รับความเหน็ และสำนวนจากพนักงานสอบสวนแล้ว พนกั งานอัยการมีอำนาจสง่ั ให้พนกั งานสอบสวนดำเนนิ การสอบสวนเพ่ิมเติมหรือส่งพยานมาให้

๙ ซกั ถามหรือสง่ พยานหลักฐานอ่ืนมาใชป้ ระกอบสำนวน ในการน้ีพนักงานอัยการ จะไปรว่ มสอบสวนเพ่มิ เติมกบั พนกั งานสอบสวน หรือในกรณที ่ีเหน็ สมควร จะดำเนนิ การสอบสวน เพ่ิมเติมเอง กอ่ นมีคำสัง่ ฟ้องหรอื ไม่ฟ้องก็ได้ ในกรณีเช่นนั้น ใหพ้ นักงานอัยการมีอำนาจเชน่ เดยี วกบั พนกั งานสอบสวนโดยให้พนักงานสอบสวนใหค้ วามรว่ มมือและชว่ ยเหลอื พนักงานอยั การตามทร่ี ้องขอ ให้นำความในมาตรา ๑๐ วรรคหนงึ่ มาใชบ้ ังคับแก่การสอบสวนของพนักงานอยั การ ด้วยโดยอนุโลม มาตรา ๒๒ ในการพจิ ารณาสำนวนการสอบสวน หากปรากฏข้อเทจ็ จรงิ และ พยานหลักฐานในสำนวนหรือผู้มีส่วนได้เสียร้องโดยมีพยานหลักฐานตามสมควรว่ามบี ุคคลอ่นื ใด มสี ่วนรว่ มในการกระทำความผิดในสำนวนใด ให้พนกั งานอัยการแจง้ ให้พนักงานสอบสวนทราบ เป็นหนงั สือเพ่ือพนกั งานสอบสวนดำเนินการตามหนา้ ท่ีและอำนาจต่อไปโดยเรว็ มาตรา ๒๓ ในกรณที ่ีพนักงานอัยการมีคำสงั่ ไม่ฟ้องและคำสง่ั นั้นไมใ่ ช่ของ อยั การสงู สดุ ให้พนักงานอยั การสง่ สำนวนการสอบสวนพร้อมคำสง่ั ให้ผบู้ ังคับการสอบสวนพจิ ารณา ถ้าผูบ้ ังคบั การสอบสวนไม่แย้งคำสง่ั ดังกล่าวภายในหนง่ึ ร้อยแปดสิบวันนับแตว่ นั ได้รบั สำนวน ใหถ้ ือตามความเห็นของพนักงานอัยการ ถ้ามคี วามเห็นแยง้ คำสัง่ ของพนักงานอัยการ ให้สง่ สำนวน พร้อมกับความเหน็ ทแี่ ย้งไปยังอยั การสูงสุดเพ่ือชีข้ าด แต่ถ้าคดจี ะขาดอายุความหรือมเี หตอุ ยา่ งอน่ื อันจำเป็นจะต้องรบี ฟ้อง กใ็ ห้ฟอ้ งคดนี ั้นตามความเห็นของผูบ้ งั คบั การสอบสวนไปก่อน ความเหน็ ของอัยการสูงสุดใหเ้ ปน็ ที่สดุ ในกรณีตามวรรคหนึง่ สำหรับกรงุ เทพมหานคร ให้อำนาจของผู้บงั คบั การสอบสวน ในการแยง้ คำส่ังของพนักงานอัยการ เปน็ อำนาจของผบู้ ญั ชาการสอบสวน ถ้าผ้ดู ำรงตำแหนง่ ผู้บัญชาการสอบสวนขึ้นไปเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผดิ ชอบ ใหอ้ ำนาจของผ้บู งั คับการตามวรรคหน่ึง เปน็ อำนาจของผู้บญั ชาการตำรวจแหง่ ชาติ ถ้าผบู้ ญั ชาการตำรวจแห่งชาตเิ ป็นพนักงานสอบสวน ผูร้ ับผิดชอบ ให้อำนาจการสัง่ ฟอ้ งหรือไมฟ่ ้องของพนักงานอัยการเปน็ อำนาจของอัยการสงู สดุ และคำสั่งของอัยการสูงสุดดงั กล่าวใหเ้ ป็นทส่ี ุด ในกรณตี ามวรรคหน่ึงสำหรับจังหวัดอื่นนอกจากกรงุ เทพมหานคร ถา้ ผู้บงั คับการสอบสวน เป็นพนกั งานสอบสวนผรู้ ับผิดชอบ อำนาจของผ้บู ังคบั การสอบสวนในการแย้งคำส่งั ของพนักงานอัยการ ใหเ้ ป็นอำนาจของผ้บู ัญชาการสอบสวน ถา้ ผู้ดำรงตำแหน่งสงู กวา่ ผู้บังคับการสอบสวนเป็นพนกั งานสอบสวน ผู้รบั ผิดชอบ ให้อำนาจของผู้บังคบั การตามวรรคหนงึ่ เปน็ อำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถา้ ผู้บญั ชาการตำรวจแห่งชาติเปน็ พนกั งานสอบสวนผู้รบั ผดิ ชอบ ใหอ้ ำนาจการส่ังฟ้องหรือไม่ฟ้อง ของพนกั งานอยั การเปน็ อำนาจของอยั การสูงสุด และคำสงั่ ของอัยการสงู สดุ ดังกล่าวให้เป็นทส่ี ุด ใหน้ ำความในวรรคหน่ึง วรรคสอง และวรรคสาม เว้นแต่ในส่วนที่เกี่ยวกับระยะเวลา หนึ่งร้อยแปดสิบวัน มาใช้บังคับกบั การแย้งคำสั่งไมอ่ ุทธรณห์ รือไมฎ่ ีกา และการถอนฟ้อง ถอนอุทธรณ์ หรอื ถอนฎีกาดว้ ยโดยอนุโลม โดยในการดำเนนิ การดังกล่าวให้ผทู้ ่ีเกยี่ วข้องคำนึงถงึ ระยะเวลา ในการอุทธรณห์ รอื ฎกี าตามท่ีกฎหมายกำหนดดว้ ย พนักงานสอบสวนซ่ึงดำรงตำแหนง่ ทม่ี ีอำนาจทำความเห็นแยง้ ตามมาตรานี้ จะมอบ อำนาจให้ผดู้ ำรงตำแหนง่ รองคนหน่งึ หรือหลายคนเป็นผู้ทำความเห็นแยง้ แทนก็ได้ และในกรณีท่เี ป็น

๑๐ อำนาจของผ้บู ัญชาการตำรวจแหง่ ชาติ จะมอบอำนาจใหผ้ ู้ดำรงตำแหน่งผ้ชู ว่ ยเปน็ ผู้ทำความเห็นแย้ง แทนดว้ ยกไ็ ด้ ความในวรรคส่ไี ม่ใช้บังคับกบั การไม่อทุ ธรณห์ รือไม่ฎีกาท่ีพนกั งานอัยการเหน็ ว่า ไมม่ ีเหตุทจ่ี ะต้องอทุ ธรณ์หรือฎีกาเพราะศาลไดพ้ ิพากษาวา่ จำเลยกระทำความผดิ ตามที่พนกั งาน อัยการฟอ้ งแลว้ มาตรา ๒๔ เมื่อมีคำส่ังเดด็ ขาดไม่ฟ้องคดหี รือยตุ กิ ารดำเนินคดีหรอื มีคำพิพากษา ถึงทส่ี ุดให้ยกฟ้อง ให้พนักงานอัยการแจ้งให้กองทะเบยี นประวัตอิ าชญากร สำนกั งานตำรวจแหง่ ชาติ ทราบดว้ ย ในกรณีทมี่ ีผู้ขอตรวจสอบประวัติของบุคคลนั้นหา้ มมใิ ห้ระบุการดำเนนิ คดีดังกลา่ ว ลงในทะเบยี นประวัติของบคุ คลน้ัน หรอื หากมเี หตุจำเป็นจะต้องระบุการดำเนินคดี ตอ้ งบันทึก คำสัง่ เด็ดขาดไม่ฟ้องคดีหรือยุติการดำเนนิ คดีหรอื คำพิพากษาถึงท่ีสุดใหย้ กฟ้องไวใ้ นประวตั ิ ของบุคคลน้นั ดว้ ย มาตรา ๒๕ ในการปฏิบัตกิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ให้อัยการสงู สดุ มอี ำนาจ ออกกฎหรอื ระเบียบเพ่ือกำหนดรายละเอยี ดเก่ียวกับวธิ ปี ฏบิ ัติของพนักงานอยั การ และผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติมอี ำนาจออกกฎหรอื ระเบียบเพ่อื กำหนดรายละเอยี ดเก่ียวกับวิธปี ฏบิ ัตขิ องขา้ ราชการ ตำรวจ และในกรณีทเี่ ป็นการปฏบิ ตั หิ นา้ ทรี่ ว่ มกนั ระหว่างพนกั งานอยั การและขา้ ราชการตำรวจ อัยการสูงสดุ และผู้บัญชาการตำรวจแหง่ ชาตจิ ะออกกฎหรอื ระเบยี บรว่ มกันก็ได้ ท้งั นี้ เทา่ ทไี่ ม่ขัด หรือแย้งกบั พระราชบญั ญตั ิน้ี การออกกฎหรอื ระเบียบตามวรรคหนึง่ จะกำหนดให้ใช้วิธกี ารทางอิเลก็ ทรอนิกส์ หรือสอ่ื เทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใด ในการแจง้ การสื่อสารระหว่างกนั หรือการปฏบิ ัติหน้าท่ีอนื่ ใด ตามพระราชบัญญัตนิ ี้กไ็ ด้ ในกรณที ่ีมีการกำหนดให้การแจ้งหรือการสื่อสารระหวา่ งกนั หรือการ ปฏบิ ตั ิหน้าท่อี ืน่ ใดต้องทำเป็นหนังสือหรอื ทำเปน็ เอกสาร ใหถ้ ือวา่ การดำเนนิ การทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศอน่ื ดงั กล่าว เปน็ การทำเปน็ หนังสือหรอื ทำเปน็ เอกสารแล้ว มาตรา ๒๖ บทบญั ญตั มิ าตรา ๑๕ มใิ หใ้ ช้บงั คบั แกส่ ถานตี ำรวจ หรอื หนว่ ยอนื่ ใดท่ีมีหน้าทแี่ ละอำนาจทำการสอบสวน ทีย่ งั ไม่ได้รบั การจัดสรรงบประมาณ เพ่อื ดำเนนิ การจดั หาเครือ่ งมือหรืออปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการบันทึกภาพและเสยี ง ให้คณะรฐั มนตรีดำเนินการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไดร้ ับการจดั สรรงบประมาณ เพอ่ื ดำเนินการใหส้ ถานีตำรวจหรอื หนว่ ยอืน่ ใดที่มีหนา้ ท่ีและอำนาจทำการสอบสวนมเี ครื่องมือหรอื อปุ กรณ์ตามวรรคหน่งึ ภายในสองปนี ับแต่วันที่พระราชบัญญัตนิ ใ้ี ช้บงั คับ มาตรา ๒๗ ให้ ก.ตร. สำนกั งานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอยั การสูงสดุ ดำเนินการออกกฎและระเบยี บเพือ่ ปฏบิ ตั ิการตามพระราชบัญญตั ินี้ใหแ้ ล้วเสร็จภายในหนึง่ รอ้ ย แปดสิบวันนับแต่วนั ถดั จากวันทพี่ ระราชบญั ญตั ินี้ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา และดำเนินการ ฝกึ อบรมให้แก่เจ้าหน้าทท่ี ี่เกย่ี วข้องภายในเก้าสบิ วันนับแตว่ ันทก่ี ฎและระเบียบดงั กล่าวใช้บงั คับ

๑๑ ในกรณที ่ีไม่อาจดำเนินการได้ทันภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนงึ่ คณะรัฐมนตรี จะขยายระยะเวลาการดำเนินการออกไปได้อีกไม่เกินเก้าสบิ วัน กไ็ ด้ แต่คณะรัฐมนตรีต้องกำหนด มาตรการในการเร่งรดั และการลงโทษไว้ในมติคณะรัฐมนตรีด้วย ในระหวา่ งทีย่ งั ไม่มกี ฎหรือระเบยี บตามวรรคหนึง่ หรือวรรคสอง ใหก้ ารดำเนินการ ตามพระราชบัญญตั นิ ีใ้ ห้เปน็ ไปตามกฎหรือระเบยี บของสำนักงานอยั การสูงสุดหรอื อัยการสงู สุดหรือ กฎหรอื ระเบยี บของสำนกั งานตำรวจแหง่ ชาติ ผบู้ ัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือของ ก.ตร.ในสว่ นที่ เกี่ยวข้องทใี่ ช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันทีพ่ ระราชบญั ญัตนิ ใ้ี ช้บังคบั แล้วแต่กรณีไปพลางก่อน มาตรา ๒๘ ใหน้ ายกรัฐมนตรีรกั ษาการตามพระราชบญั ญัตินี้ ผู้รบั สนองพระบรมราชโองการ ......................................... นายกรัฐมนตรี

ภาคผนวก ค รายงานการศึกษาการปฏริ ูประบบสอบสวนคดอี าญา ตามมาตรฐานสากล โดย ดร.น้าแท้ มบี ุญสล้าง

Investigation Reform in Thailand Dr. Namtaee Meeboonsalang Abstract The Thailand’s criminal justice systems are in crisis and considered under international standards in term of the rule of law. According to the current Thai criminal procedure law, merely police officer is in charge for collecting all evidence at the crime- screen and through the course of the investigation process starting from crime-screen examination, arresting the suspect, seeking criminal warrant, accusation, interrogation and investigation. As such a monopoly system resulting in significant evidences are easily contaminated. Evidence distortions by officers are routinely executed. All the prosecutor can do is just waiting for the submitted file. It have been said that Thai prosecutor is in charge for reading novel or story made by police. These cost innocent people have been accused and convicted for the crimes they did not commit. On the other hand, criminals are at large. The police system is considered in crisis as well. Now a day, polices execute their duty under the high pressures coming around. They need a lot of money to materialize their higher promotion. Bribery from illegal businesses is the vital source of money. Not only under money pressure, but police also must to perform their duty in favor of politician because politician is responsible for police’s remove and promotion. As a result, Thailand criminal justice system needs to be reformed. Prosecutors must be in charge for all investigation process at the beginning of the case as well. Empowering prosecutors to collect all needed evidence by themselves, checking the arrest of the suspect, approval for seeking criminal warrant, responsible for accusation and charge, involving in interrogation and investigation are vital processes in order to check and

balance police’s performance together with preventing evidence tampering at the crime- screen. Furthermore, prosecutor’s knowing of evidence of the case can prevent evidence distortion which might be order or pressure from political influence. Without political pressure and influence of money, polices can execute their jobs independently and finally justice will be served.

การปฏิรปู ระบบสอบสวนคดีอาญาตามมาตรฐานสากล ดร. น้าแท้ มีบญุ สล้าง หวั ใจสาคญั ของการอานวยความยตุ ธิ รรมทางอาญาคอื “การทาความจรงิ ใหป้ รากฏ” ดงั นนั้ ปรชั ญาพน้ื ฐานในคดอี าญาทงั้ ระบบไต่สวนและระบบกลา่ วหาคอื หลกั การ “ค้นหาความ จริง” โดยระบบไต่สวนรฐั มภี าระหน้าทใ่ี นการรวบรวมพยานหลกั ฐานเพ่อื คน้ หาความจรงิ แบบไม่ มกี ารตอ่ สคู้ ดรี ะหวา่ งโจทกแ์ ละจาเลย สว่ นระบบกลา่ วหานนั้ เป็นการคน้ หาความจรงิ โดยผา่ นการ ต่อสคู้ ดรี ะหว่างโจทก์และจาเลยทต่ี ่างฝ่ายต่างมภี าระการนาพยานหลกั ฐานเขา้ สบื ตามขอ้ อา้ งขอ้ เถยี งของตน การสบื สวนสอบสวนเป็นกระบวนการคน้ หาความจรงิ ของรฐั ทงั้ เพอ่ื การป้องกนั มใิ หเ้ กดิ อาชญากรรมและการปราบปรามเมอ่ื เกดิ อาชญากรรมหรอื การกระทาผดิ แลว้ การสอบสวนคดเี ป็น การแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐานเมอ่ื เกดิ การกระทาความผดิ เพอ่ื พสิ จู น์ความจรงิ แหง่ คดี โดยพนักงานสอบสวนทาหน้าท่ีเป็ นผ้ชู ่วยและอานวยความสะดวกแก่พนักงานอยั การใน ก า ร แ ส ว ง ห า พ ย า น ห ล ัก ฐ า น เ พ่ือ ใ ห้ พ นั ก ง า น อ ัย ก า ร ใ น ฐ า น ะ ผู้ ด า เ นิ น ค ดีแ ท น ร ัฐ ไ ด้ ร ับ พยานหลกั ฐานทถ่ี ูกตอ้ งครบถว้ นในการอานวยความยุตธิ รรมตงั้ แต่ชนั้ การพจิ ารณาสงั่ คดแี ละนา พยานหลกั ฐานนนั้ ไปสกู่ ารพจิ ารณาคดพี สิ จู น์การกระทาความผดิ ของจาเลยใหป้ ราศจากขอ้ สงสยั ในชนั้ ศาลเพ่อื ไดม้ าซ่งึ คาพพิ ากษาลงโทษ ดงั นนั้ ขนั้ ตอนสาคญั ของการอานวยความยตุ ธิ รรมใน ชนั้ สอบสวนคอื จะทาอยา่ งไรใหพ้ นกั งานอยั การไดร้ บั พยานหลกั ฐานท่สี มบรู ณถูกตอ้ งแทจ้ รงิ เพอ่ื นา “ความจรงิ ” ไปสกู่ ารพจิ ารณาคดใี นชนั้ ศาล การสบื สวนสอบสวนเป็นกระบวนการชนั้ ตน้ ในการใชอ้ านาจรฐั ท่กี ระทบต่อสทิ ธเิ สรภี าพ ชวี ิต ร่างกาย และทรพั ย์สนิ ของประชาชน จาเป็นอย่างยงิ่ จะต้องมีการกาหนดมาตรฐานการ ปฏบิ ตั เิ พอ่ื จากดั ขอบเขตและกาหนดขนั้ ตอนเพอ่ื ควบคุมตรวจสอบวธิ กี ารปฏบิ ตั ขิ องเจา้ หน้าทท่ี งั้ จากสายการบังคับบัญชาภายในหน่วยงานเองและจากหน่วยงานภายนอกเพ่ือป้ องกัน

ผูบ้ งั คบั บญั ชาในหน่วยงานท่รี บั ผลประโยชน์และช่วยปกปิดบิดเบือนขอ้ เท็จจรงิ โดยกาหนด ขนั้ ตอนต่างๆไว้ในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บางคนกล่าวท่ีว่า “ระบบกฎหมายวิธี พจิ ารณาความของไทย ย่อมมคี วามเหมาะสมกบั สภาพสงั คมไทยแลว้ ไม่จาเป็นจะต้องปรบั ปรุง กฎหมายใหไ้ ดต้ ามระดบั มาตรฐานสากล” นับว่าเป็นความคลาดเคล่อื นและขาดความเขา้ ใจใน ปรัชญาและหลักการพ้ืนฐานแห่งกฎหมายสารบญั ญัติทางอาญาและกฎหมายวิธีสบญั ญัติ กลา่ วคอื กฎหมายสารบญั ญตั ิทางอาญาเป็นเร่อื งของการตรากฎหมายเพ่อื กาหนดให้การกระทา ใดเป็นความผดิ และมโี ทษในทางอาญา(Criminalization) เช่น กญั ชา การพนัน การคา้ ประเวณีฯ มีความจาเป็นอย่างย่ิงท่จี ะต้องมีความสอดคล้องกบั ศีลธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีและ วฒั นธรรม ประวตั ศิ าสตรค์ วามเป็นมาและการปกครองของแต่ละทอ้ งถนิ่ ทม่ี กี ารตราและบงั คบั ใช้ กฎหมายนนั้ ส่วนกฎหมายวิธีสบญั ญตั ิ เป็นเร่อื งวธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย เช่น การจบั การ แจง้ ขอ้ หา การคน้ การขงั การดาเนินคดี การสบื พยาน การพจิ ารณาพพิ ากษาฯ ซ่งึ อาจละเมดิ และกระทบต่อสทิ ธิ เสรภี าพ ชวี ติ ร่างกาย ทรพั ยส์ นิ และความเป็นอยู่ของประชาชนจงึ ตอ้ งมวี ธิ ี ปฏบิ ตั ทิ ม่ี มี าตรฐานการควบคุมตรวจสอบในระดบั ท่สี อดคลอ้ งกบั มาตรฐานและหลกั การสากลท่ี ไดร้ บั การยอมรบั จากนานาอารยประเทศ เช่น ปฏญิ ญาสากลว่าด้วยสทิ ธมิ นุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรอื UDHR) และกตกิ าระหวา่ งประเทศว่าดว้ ยสทิ ธพิ ลเมอื งและ สทิ ธทิ างการเมอื ง (International Covenant on Civil and Political Rights หรอื ICCPR) ในอดตี ความดอ้ ยมาตรฐานทางกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาของประเทศไทยตามจารตี นครบาล ทใ่ี ช้ วธิ กี ารทรมาน บบี ขมบั ตอกเลบ็ ฯ เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่งึ คารบั สารภาพในการดาเนินคดี ไม่ไดร้ บั การ

ยอมรบั จากนานาประเทศ และทาใหเ้ กดิ ปัญหาการเสยี สทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขต (extraterritorial right) โดยทร่ี ฐั ไทยตอ้ งใหส้ ทิ ธพิ เิ ศษทางกฎหมาย ตามขอ้ กาหนดในสนธสิ ญั ญาเบาวร์ งิ (Bowring Treaty)1 ใหแ้ ก่ประเทศสหราชอาณาจกั ร (United Kingdom) ลงนามเม่อื 18 เมษายน พ.ศ. 2398 (1855) โดยเซอร์จอห์น เบาว์ริง ราชทูตท่ไี ดร้ บั การแต่งตงั้ จากสมเดจ็ พระบรมราชนิ ีนาถ วกิ ตอเรยี แห่งองั กฤษ โดยประเทศไทยตอ้ งยนิ ยอมใหป้ ระเทศสหราชอาณาจกั รสามารถบงั คบั ใช้ วิธีการต่างๆตามกฎหมายของสหราชอาณาจกั รต่อบุคคลสญั ชาติของตนในศาลของประเทศ สหราชอาณาจกั ร (ภายในสถานกงสุล) แมบ้ ุคคลนนั้ กระทาความผดิ ทม่ี โี ทษอาญาในดนิ แดนของ ประเทศไทย ก่อนจะมกี ารววิ ฒั นาการเป็นหลกั การสากลทป่ี รากฏอย่ใู นกฎหมายระหว่างประเทศและ กฎหมายของประเทศสาคญั ๆต่างๆนัน้ รากฐานแห่งปรชั ญาในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และแนวความคดิ ต่างๆทใ่ี หค้ วามสาคญั กบั คุณค่าความเป็นมนุษยไ์ ดค้ ่อยๆถูกพฒั นามาจากนัก คดิ นักปรชั ญาคนสาคญั ๆของโลก เช่น Aristotle (384–322 BC) นักปรชั ญาคนสาคญั ในสมยั 1 Treaty of Friendship and Commerce between Siam and Great Britain (Signed at Bangkok, April 18, 1855) Article II “The interests of all British subjects coming to Siam shall be placed under the regulation and control of a Consul, who will be appointed to reside at Bangkok. He will himself conform to, and will enforce the observance by British subjects of all the provisions of this Treaty, and such of the former Treaty negotiated by Captain Burney in 1826 as shall still remain in operation. He shall also give effect to all rules or regulations that are now or may hereafter be enacted for the government of British subjects in Siam, the conduct of their trade, and for the prevention of violations of the laws of Siam. Any disputes arising between Siamese and British subjects shall be heard and determined by the Consul, in conjunction with the proper Siamese officers; and criminal offences will be punished, in the case of English offenders, by the Consul, according to English laws, and in the case of Siamese offenders, by their own laws, through the Siamese authorities. But the Consul shall not interfere in any matters referring solely to Siamese, neither will the Siamese authorities interfere in questions which only concern the subjects of Her Britannic Majesty….”

กรีก-โรมนั ได้ยืนยนั ความสาคญั ของหลกั กฎหมายธรรมชาติในเร่ืองความเท่าเทียมของ มนุษยชาติ โดยกล่าวว่า “บุคคลจะมอี สิ ระหรอื เป็นทาสก็แต่โดยกฎหมายกาหนด ในความเป็น มนุษยแ์ ลว้ ไมม่ คี วามแตกต่างใดๆเลยในลกั ษณะของมนุษยชาต”ิ 2 ในยุคสมยั กรกี -โรมนั น้ียงั ได้มวี วิ ฒั นาการของหลกั การใหค้ วามเป็นธรรมท่เี ท่าเทยี มกนั ของบุคคลท่เี รยี กว่า “หลกั ฟังความสองฝ่าย” (The audi alteram partem Rule) ทม่ี แี นวคดิ พน้ื ฐานวา่ จะไมม่ ใี ครทถ่ี ูกพพิ ากษาโดยไมม่ กี ารรบั ฟังขอ้ โตแ้ ยง้ และพยานหลกั ฐานอยา่ งเป็นธรรม และตอ้ งใหโ้ อกาสในการไดถ้ ามตอบโตพ้ ยานหลกั ฐานท่ใี หก้ ารเป็นปฏปิ ักษ์ต่อผนู้ นั้ แนวความคดิ เช่นน้ีต่อมาถูกพฒั นาและใชใ้ นการพจิ ารณาคดี เชน่ ในปี 1676 Sir Mathew Hale หวั หน้าผู้ พพิ ากษาแหง่ King’s Bench ไดว้ างหลกั การในการใหค้ วามเป็นธรรม 18 ขอ้ โดยในขอ้ ท่ี 63 เป็น หลกั การฟังความสองฝ่ายทงั้ น้ีเพ่อื ใหเ้ กดิ ความรอบคอบ ปราศจากอคตแิ ละเพ่อื การตดั สนิ ท่อี ยู่ บนพน้ื ฐานของขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ กฎหมายทค่ี รบถว้ น หลกั การฟังความสองฝ่ายไดร้ บั การยอมรบั อย่างแพร่หลายและค่อยๆพฒั นาสู่หลกั การสากลต่างๆต่อเน่ืองอีกหลายประการ เช่น การ พจิ ารณาคดอี ย่างเป็นธรรมต่อหน้าจาเลย โดยจาเลยจะตอ้ งมาปรากฏตวั ท่ศี าลและจะไดโ้ อกาส ถามคา้ นพยานท่ีใหก้ ารเป็นปฏปิ ักษ์กบั ตน เพ่อื มโี อกาสต่อสู้คดอี ย่างเต็มท่จี าเลยจะต้องได้รบั ความชว่ ยเหลอื ทางดา้ นกฎหมายและลา่ มในการแปลภาษา และปรากฏวา่ ไดร้ บั การยอมรบั อยา่ ง 2 Aristotle was the first one in asserting the idea of natural law, in his work “Politics” saying: “a person becomes slave or free only by law, human beings do not differ at all by the nature of mankind.” 3Sir Mathew Hale, the Chief Justice of King’s Bench (1671-76), set out 18 tenets for dispensing of justice. The sixth tenet read as follows, “That I suffer not myself to be possessed with any judgment at all till the whole business of both parties be heard.”

กวา้ งขวางในนานาอารยะประเทศปรากฏตามท่บี ญั ญตั ไิ วใ้ นอนุสญั ญาก่อตงั้ ศาลสทิ ธมิ นุษยชน แหง่ สหภาพยโุ รป The European Court of Human Rights4 ดงั นัน้ ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญาของไทยมาตรา 1655 ท่บี ญั ญตั ิว่า “จาเลยไมม่ อี านาจนาพยานมาสบื ในชนั้ ไต่สวนมลู ฟ้อง” และคาพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 1574/2532 ; คดชี นั้ ไตส่ วนมลู ฟ้องนนั้ เป็นเรอ่ื งระหวา่ งศาลกบั โจทก์ จาเลยยงั มไิ ดเ้ ขา้ มาสฐู่ านะเป็นคคู่ วาม ไม่ เปิดโอกาสใหจ้ าเลยนาพยานหลกั ฐานมาแสดงก่อนรบั คดไี วพ้ จิ ารณาเป็นกรณีฟังความฝ่ายโจทก์ เพยี งขา้ งเดยี ว กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาของไทยมาตรา 165 จงึ ขดั ต่อปรชั ญารากฐาน และหลกั การสากลและมคี วามจาเป็นจะตอ้ งไดร้ บั การปรบั ปรงุ แกไ้ ขอยา่ งยง่ิ Sir Willam Blackstone6 (1765) กลา่ ววา่ “การปล่อยคนผิด 10 คนหลบหนีดีกว่าทา ให้ผ้บู ริสุทธ์ิ 1 คนต้องเดือดร้อน” อาจอธิบายได้ว่าการท่ีผู้กระทาผิดหลบหนีจาก กระบวนการยุติธรรมได้วนั นี้ พรุ่งนี้ก็สามารถอาจจะจบั ตวั หรือมีพยานหลกั ฐานเพียง พอท่ีจะดาเนิ นคดีได้ แต่การเอาทรพั ยากรของรฐั ไปดาเนิ นคดีคนบริสุทธ์ิย่อมไม่อาจจะ เยยี วยาร่างกายและจิตใจ ช่ือเสียงเกียรติยศเขาให้กลบั ส่สู ถานะเดิมได้เลย แนวคดิ น้ีไดร้ บั การยอมรบั และตอ่ มาไดว้ วิ ฒั นาการต่อเน่ืองโดยมหี ลกั การสากลทร่ี บั รองและสอดคลอ้ งต่อมา เช่น ในยุคสมยั โบราณประเทศต่างๆในยุโรปฝ่ายรฐั มกั ใชว้ ธิ กี ารกล่าวหาผทู้ ่ีกระดา้ งกระเด่อื งขดั ขนื 4 The European Convention on Human Rights (ECHR) 1953 Article 6 Rights to a fair trial….. 5 มาตรา 165 ในคดซี ง่ึ พนกั งานอยั การเป็นโจทก์ ในวนั ไต่สวนมลู ฟ้อง ใหจ้ าเลยมาหรอื คุมตวั มาศาล ใหศ้ าล ส่งสาเนาฟ้องแก่จาเลยรายตวั ไป เมอ่ื ศาลเชอ่ื วา่ เป็นจาเลยจรงิ แลว้ ใหอ้ ่านและอธบิ ายฟ้องใหฟ้ ัง และถามวา่ ไดก้ ระทาผดิ จรงิ หรอื ไม่ จะใหก้ ารต่อสอู้ ยา่ งไรบา้ ง คาใหก้ ารของจาเลยใหจ้ ดไว้ ถา้ จาเลยไมย่ อมใหก้ ารกใ็ ห้ ศาลจดรายงานไว้ และดาเนินการต่อไป จาเลยไมม่ อี านาจนาพยานมาสบื ในชนั้ ไต่สวนมลู ฟ้อง แต่ทงั้ น้ไี มเ่ ป็นการตดั สทิ ธใิ นการทจ่ี าเลยจะมี ทนายมาชว่ ยเหลอื 6 Sir Willam Blackstone 1765 “Berter that ten guilty persons escape than that one innocent suffer”

หรอื มแี นวความคิดต่อต้านการปกครองท่ีกดขข่ี ่มเหงประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม รฐั บาลจะใช้ เจา้ หน้าทก่ี ลนั่ แกลง้ กล่าวหาโดยการทรมานผถู้ ูกกลา่ วหาเพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่งึ คารบั สารภาพเพ่อื สรา้ ง ความชอบธรรมแก่คาพพิ ากษาลงโทษ วิธีการเช่นน้ีทาให้ผู้บริสุทธิม์ ากมายต้องตายหรือถูก ลงโทษระหว่างการสอบสวนอย่างเห้ยี มโหด ต่อมาภายหลงั การปฏวิ ตั ฝิ รงั่ เศสในปี 1789 ใน เอกสารประกาศสทิ ธมิ นุษยชนและสทิ ธพิ ลเมอื งของประเทศฝรงั่ เศส7 ขอ้ 9 ไดร้ บั รองวา่ มนุษยท์ ุก คนยอ่ มไดร้ บั การสนั นิษฐานว่าเป็นผบู้ รสิ ุทธจิ ์ นกว่าจะพสิ ูจน์วา่ เป็นผกู้ ระทาความผดิ การจบั กุม ตวั จะต้องไม่ใชว้ ธิ กี ารทร่ี ุนแรงป่าเถ่อื น8 และต่อมาหลกั การสนั นิษฐานว่าเป็นผบู้ รสิ ุทธจิ ์ นกว่าจะ พสิ ูจน์ว่าเป็นผกู้ ระทาความผดิ เพอ่ื ป้องกนั มใิ หร้ ฐั ใชว้ ธิ กี ารป่าเถ่อื นบงั คบั ใหร้ บั สารภาพอนั จะถอื เป็นการลงโทษก่อนการพิสูจน์ความผิด ก็ได้รับการรับรองในองค์การสหประชาชาติทงั้ ใน ปฏญิ ญาสากลวา่ ดว้ ยสทิ ธมิ นุษยชน9และกตกิ าสากลว่าดว้ ยสทิ ธพิ ลเมอื งและสทิ ธทิ างการเมอื ง10 หลกั การน้ีนาไปสหู่ ลกั การในเรอ่ื งภาระการพสิ จู น์ (Burden of proof) ทฝ่ี ่ายกลา่ วหาจะมภี าระการ นาพยานหลกั ฐานต่างๆเขา้ สบื เพอ่ื พสิ จู น์ความผดิ ของจาเลยใหส้ น้ิ สงสยั 7 FRENCH DECLARATION OF HUMAN AND CIVIC RIGHTS (26 August 1789) Article 9 As every man is presumed innocent until he has been declared guilty, if it should be considered necessary to arrest him, any undue harshness that is not required to secure his person must be severely curbed by Law. 8 VAN BOCKEL, Willem Bastiaan, The Ne Bis in Idem Principle in EU Law, Kluwer Law International, 2010 http://cadmus.eui.eu/handle/1814/14641 9 Universal Declaration of Human Rights 1948 Article 11 (1) Everyone charged with a penal offence has the right to be presumed innocent until proved guilty according to law in a public trial at which he has had all the guarantees necessary for his defence. 10 International Covenant on Civil and Political Rights Article 14 (7) No one shall be liable to be tried or punished again for an offence for which he has already been finally convicted or acquitted in accordance with the law and penal procedure of each country.

การป้องกนั มใิ หผ้ ู้บรสิ ุทธติ ์ ้องเดอื ดรอ้ นเจบ็ ปวดจากการดาเนินคดตี ามแนวทางของ Sir Willam Blackstone น้ีไดส้ อดคลอ้ งกบั หลกั การสากลว่าบคุ คลย่อมไม่ถกู ดาเนิ นคดีในการ กระทาใดถึงสองครงั้ (Ne bis in idem หรือ Double jeopardy) หลกั การนี้มีวตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือมิให้เจ้าหน้าท่ีใช้อานาจรฐั กลนั่ แกล้งสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนตามอาเภอใจ อย่างไร้ขอบเขต การดาเนินคดกี บั ผูใ้ ดจะต้องมขี อ้ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐานแน่นหนาเพยี ง พอทจ่ี ะไดม้ าซง่ึ คาพพิ ากษาลงโทษ ในประเทศสหราชอาณาจกั ร การทพ่ี นักงานอยั การจะสงั่ ฟ้อง ดาเนินคดผี ใู้ ดจะตอ้ งผา่ การพจิ ารณาสองประเดน็ สาคญั คอื 1. จะตอ้ งมพี ยานหลกั ฐานแน่นหนาท่ี จะยนื ยนั พสิ ูจน์ความผดิ ของผตู้ อ้ งหาได้ และ 2. การดาเนินคดดี งั กลา่ วจะตอ้ งปรากกวา่ เป็นการ ดาเนินคดที เ่ี ป็นประโยชน์ต่อสาธารณะดว้ ย11 หากแมน้ มพี ยานหลกั ฐานแน่นหนาทจ่ี ะดาเนินคดี จาเลยไดแ้ ต่หากมขี อ้ เทจ็ จรงิ ว่าการฟ้องดาเนินคดดี งั กล่าวจะไม่เกดิ ประโยชน์ใดๆต่อสาธารณะ หรอื เกดิ ผลรา้ ยยง่ิ กวา่ พนกั งานอยั การจะไมด่ าเนินคดตี อ่ ไปกไ็ ด้ อยั การในฐานะตัวแทนรฐั จะต้องพิจารณาพยานหลกั ฐานอย่างละเอียดและสงั่ สอบสวนเพิ่มเติมจนสิ้นสงสยั (Beyond Reasonable Doubts) ว่าผูท้ ่ตี นจะดาเนินคดเี ป็น ผกู้ ระทาความผดิ อยา่ งแทจ้ รงิ และมพี ยานหลกั ฐานมนั่ คงพอทจ่ี ะไดม้ าซง่ึ คาพพิ ากษาลงโทษ หาก พยานหลักฐานไม่แน่นหนาเพียงพอท่ีจะได้มาซ่ึงคาพิพากษาลงโทษแล้วอัยการจะต้องไม่ ดาเนินคดตี ่อไป ไมว่ า่ จะเป็นคดอี าญารา้ ยแรงเพยี งใดกต็ าม12 การจะสงั่ ใหพ้ นกั งานสอบสวนสอบ 11 Code for Crown Prosecutors UK The Full Code Test 1. The Full Code Test has two stages: (i) the evidential stage; followed by (ii) (ii) the public interest stage 12 Code for Crown Prosecutors UK

เพม่ิ เตมิ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพอยั การจะตอ้ งรบั ทราบขอ้ เทจ็ จรงิ แหง่ คดอี ยา่ งครบถว้ นโดยไม่ถูก ปกปิดบิดเบือนเท่านัน้ ทงั้ น้ี เพ่อื ป้องกันความเสียหายแก่ประชาชนผู้บรสิ ุทธทิ์ ่ีจะต้องถูกรฐั ดาเนินคดอี ย่างไม่เป็นธรรม หากพยานหลกั ฐานไม่แน่นหนาเพยี งพอทจ่ี ะไดม้ าซ่งึ คาพพิ ากษา ลงโทษแลว้ ย่อมก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายและสูญเสยี ต่อระบบกระบวนการยุตธิ รรมอยา่ งรา้ ยแรง แม้ต่อมาศาลมีคาพิพากษายกฟ้องเพราะเหตุยกประโยชน์แห่งความสงสยั ให้จาเลยก็ตาม กลา่ วคอื หากจาเลยเป็ นผ้บู ริสุทธ์ิจริง เท่ากบั ไดใ้ ชอ้ านาจและบุคลากรของรฐั รงั แกละเมดิ สทิ ธิ มนุษยชนประชาชนคนบรสิ ุทธแิ ์ ละกรณีจะยงิ่ เลวร้ายกว่าหากคนบรสิ ุทธนิ์ ัน้ ต้องตดิ คุกสูญเสยี ชอ่ื เสยี ง สทิ ธเิ สรภี าพในชวี ติ ความเป็นอยรู่ ะหว่างการสอบสวนและพจิ ารณาคดีหรอื อาจถงึ ขนั้ ถูก ประหารชวี ติ แต่หากจาเลยคือผ้กู ระทาผิดตวั จริง การยกฟ้องย่อมหมายถงึ การเสยี หายสูญ เปลา่ ของทรพั ยากรของรฐั และเป็นความลม้ เหลวในการควบคุมอาชญากรรมเพ่อื รกั ษาความสงบ เรยี บรอ้ ยของสงั คม เท่ากบั เป็นการปล่อยอาชญากรลอยนวลไปก่อกรรมกบั ประชาชนต่อไปและ ใชก้ ระบวนการสอบสวนฟ้องรอ้ งทไ่ี ม่รอบคอบน้ีฟอกตวั อาชญากรเพราะไม่อาจจะดาเนินคดใี น ความผดิ เดมิ ไดอ้ กี เพราะขดั ต่อหลกั การสากลวา่ บคุ คลยอ่ มไมถ่ ูกดาเนินคดใี นการกระทาใดถงึ สอง ครงั้ หลกั การรบั ฟังพยานหลกั ฐานจนสิ้นสงสยั (Beyond Reasonable Doubts) นอกจาก ใชใ้ นชนั้ การดาเนินคดขี องอยั การแลว้ ยงั เป็นหลกั ทใ่ี ชใ้ นการพพิ ากษาคดขี องศาล กล่าวคอื หา้ มมิ ให้ลงโทษจนกว่าจะเช่ือว่าจาเลยเป็ นผู้กระทาความผิดจริง และหากโจทก์ไม่สามารถนา 4.4 Prosecutors must be satisfied that there is sufficient evidence to provide a realistic prospect of conviction against each suspect on each charge. They must consider what the defence case may be, and how it is likely to affect the prospects of conviction. A case which does not pass the evidential stage must not proceed, no matter how serious or sensitive it may be.

พยานหลกั ฐานมาพสิ ูจน์การกระทาความผดิ ของจาเลยให้ส้นิ สงสยั แล้วให้ศาลยกฟ้องโดยยก ประโยชน์แหง่ ความสงสยั ใหจ้ าเลย ระบบการดาเนินคดีอาญาแบบระบบกล่าวหา (Adversarial system) ทใ่ี ชใ้ นประเทศ กล่มุ Common law เชน่ ประเทศสหรฐั อเมรกิ า องั กฤษ และระบบไตส่ วน (Inquisitorial system) ทใ่ี ชใ้ นประเทศกลุ่ม Civil law เชน่ ฝรงั่ เศส เยอรมนั ฯ มคี วามแตกต่างในดา้ นหลกั การและวธิ ี พจิ ารณาความในชนั้ ศาล กลา่ วคอื ระบบกล่าวหาท่มี คี วามเช่อื ว่า คู่ความเท่านัน้ จะทาหน้าท่รี กั ษาผลประโยชน์ในทางคดี ของตนไดด้ ที ส่ี ดุ ดงั นนั้ การพจิ ารณาคดใี นชนั้ ศาลจะเป็นการต่อสรู้ ะหวา่ งฝ่ายโจทกแ์ ละฝ่ายจาเลย ทม่ี หี น้าทใ่ี นการนาพยานหลกั ฐานมานาสบื ประกอบขอ้ อา้ งขอ้ ต่อสูข้ องตนโดยศาลจะวางตนเป็น กลางเสมอื นกรรมการในคดี มกี ารถามคา้ นพยานทใ่ี หก้ ารเป็นปฏปิ ักษ์กบั ตนและถามตงิ ไม่จากดั จานวนครงั้ จนกว่าจะส้นิ สงสยั เพ่อื สทิ ธใิ ์ นการต่อสูค้ ดอี ยา่ งเต็มท่ี (แต่กฎหมายประเทศไทยโดย หลกั ใหถ้ ามไดค้ รงั้ เดยี ว) ความผดิ พลาดบกพร่องทางเทคนิคเร่อื งระยะเวลาหรอื การไม่นาเสนอ ขอ้ เท็จจริงใดๆในคดีท่นี าไปสู่การแพ้ชนะกนั ล้วนเป็นความรบั ผิดชอบและความเสียหายของ คคู่ วามฝ่ายนนั้ ๆเอง ส่วนในระบบไต่สวนเช่อื ว่ารฐั เท่านัน้ ท่จี ะมคี วามเป็นกลางท่จี ะให้ความเป็นธรรมแก่ คู่กรณีอย่างแท้จรงิ และเพ่อื ป้องกนั การใช้คดอี าญาในการกล่าวหากลนั่ แกลง้ กนั ระบบไต่สวน ไมใ่ ชร่ ะบบทค่ี พู่ พิ าทตอ่ สกู้ นั ในศาลแต่เป็นระบบการแสวงหาความจรงิ โดยรฐั เจา้ หน้าทข่ี องรฐั ทงั้ ศาลและอยั การจะทาหน้าท่แี สวงหาความจรงิ ในการเรยี กพยานหลกั ฐานต่างๆเขา้ สู่การพจิ ารณา ระบบไต่สวนน้ีจะไม่มีคาพิพากษาท่ีโยนความผิดให้ฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงว่าบกพร่องนาสืบ

พยานหลกั ฐานพสิ จู น์ขอ้ เทจ็ จรงิ ไดไ้ ม่สมบรู ณ์เพราะเป็นหน้าทข่ี องศาลเองโดยตรงท่จี ะทาความ จรงิ ใหป้ รากฏ จงึ จะไมม่ กี ารพพิ ากษายกฟ้องงา่ ยๆในคดโี ดยใหเ้ หตุผลการยกฟ้องในทางเทคนิค โดยไม่คานึงถงึ ความยุตธิ รรมและความจรงิ แหง่ คดี การอานวยความยุตธิ รรมในระบบไต่สวนจงึ เป็นภารกจิ และความรบั ผดิ ชอบโดยตรงของรฐั ท่จี ะต้องทาความจรงิ ใหป้ รากฏไม่ได้มองว่าเป็น หน้าท่หี รือภาระของคู่ความในคดี เป็นต้น อย่างไรก็ตามระบบไต่สวนจะมขี อ้ วิจารณ์ว่าความ ยตุ ธิ รรมจะอยบู่ นความไวใ้ จฝ่ายรฐั มาก หากเจา้ หน้าทร่ี ฐั ทงั้ ศาล อยั การมอี คตเิ อนเอยี งหรอื ทุจรติ คอรปั ชนั่ แลว้ จะเกดิ ความเสยี หายต่อความยตุ ธิ รรมอยา่ งรา้ ยแรงไมอ่ าจแกไ้ ขได้ แมจ้ ะมคี วามแตกตา่ งในปรชั ญาในการอานวยความยตุ ธิ รรมในชนั้ พจิ ารณาคดขี องศาล แต่ ทงั้ ประเทศทใ่ี ชร้ ะบบกล่าวหาและระบบไต่สวนลว้ นมปี รชั ญาและแนวทางการควบคุมตรวจสอบ การสอบสวนรวบรวมพยานหลกั ฐาน การคุม้ ครองสทิ ธผิ ์ ูต้ ้องหาท่เี ป็นไปในมาตรฐานเดยี วกนั กล่าวคอื ประเทศส่วนใหญ่ท่ใี ชร้ ะบบกล่าวหาและระบบไต่สวนเหน็ ว่ากระบวนการยุตธิ รรมเป็น เร่อื งความสงบเรยี บรอ้ ยของสงั คมจงึ มอบภาระใหฝ้ ่ ายรฐั เท่านัน้ ท่มี ภี ารกิจในการอานวยความ ยุติธรรมทางอาญาและไม่อนุญาตให้ผูเ้ สยี หายใช้เงนิ ว่าจ้างทนายความในการรเิ รม่ิ ดาเนินคดี อาญาเพ่อื ป้องกนั การใชค้ ดอี าญาในการกล่าวหากลนั่ แกลง้ กนั นาไปสู่ความเดอื ดรอ้ นวุ่นวายของ สงั คม รฐั ซ่ึงมสี ถานะอานาจและอาณาเขตเป็นหน่ึงเดียวแบ่งแยกไม่ได้ เม่อื รฐั โดยพนักงาน อยั การในฐานะผแู้ ทนรฐั ประสงคจ์ ะดาเนินคดตี ่อจาเลย หมายความว่า เป็นการใช้อานาจรฐั ท่ีมี สถานะเป็นหน่ึงเดยี วทวั่ ประเทศ การแบง่ พน้ื ทก่ี ารสอบสวนของสถานีตารวจเป็นเพยี งการบรหิ าร จดั การภารกิจหน้าท่ีในทางคดีเท่านัน้ ไม่ใช่การแบ่งแยกอานาจรัฐ จึงไม่อาจจะมีกรณีการ สอบสวนไมช่ อบเพราะเหตุทาการสอบสวนผดิ ทอ้ งทแ่ี ละสง่ ผลใหอ้ ยั การไมม่ อี านาจฟ้องและปลอ่ ย อาชญากรลอยนวลแต่อย่างใด กรณีตามคาพพิ ากษาฎกี าท่ี 1381/2555 เหตุเกดิ ตาบลนาโคก

อาเภอ เมอื งสมุทรสาคร ซ่งึ อยใู่ นเขตอานาจสอบสวนของ สถานีตารวจภูธรบางโทรดั แต่ผจู้ บั นา ผตู้ อ้ งหาส่งสถานีตารวจภูธรเมอื งสมุทรสาครทาการสอบสวนและสรุปสานวนส่งพนกั งานอยั การ ดาเนินคดี ศาลพพิ ากษาว่าเป็นการสอบสวนท่ไี ม่ชอบ พนักงานอยั การไม่มอี านาจฟ้อง จงึ เป็น กรณีตวั อยา่ งทก่ี ารยกฟ้องโดยใชเ้ ขตพน้ื ทก่ี ารบรหิ ารจดั การมาเป็นเหตุผลสาคญั กว่าการอานวย ความยตุ ธิ รรมใหป้ รากฏ จงึ เป็นกรณีท่ีมคี วามจาเป็นจะตอ้ งมกี ารสรา้ งความเขา้ ใจในปรชั ญาการ ดาเนินคดใี หน้ กั กฎหมายไทยไดเ้ ขา้ ใจตอ่ ไป ระบบการดาเนิ นคดีของประเทศต่างๆทงั้ ระบบกล่าวหาและระบบไต่สวน จะมี ปรชั ญาวิธีคิดในการสืบสวนสอบสวนและขนั้ ตอนการแสวงหาข้อเท็จจริงท่ีเหมือนกนั กล่าวคือ จะทาอย่างไรให้อยั การสามารถได้รบั พยานหลกั ฐานที่ถกู ต้องครบถ้วนเพื่อทาให้ ความยตุ ิธรรมปรากฏตงั้ แต่ชนั้ เร่ิมคดี ดงั นี้ 1. เม่ือเกิดเหตุอาชญากรรมในประเทศฝรงั่ เศสเจ้าหน้าท่ีตารวจจะต้องแจ้งเหตุ อาชญากรรมทนั ทตี ่อสานกั งานอยั การทอ้ งทเ่ี กดิ เหตุ ฝ่ายปกครองและหน่วยงานพสิ ูจน์หลกั ฐาน13 13 The Criminal Procedure Code of the French Republic Article 19 Judicial police officers are required to notify the district prosecutor forthwith of the felonies, misdemeanours and petty offences of which they have knowledge. As soon as their operations are concluded, they must send him the original copy as well as a certified copy of the official records they have drafted. Any document or other instrument related to the offence is sent to him at the same time; the articles seized are held at his disposal. Official records must state the capacity as officer of the judicial police of the person who drew them up. Article 21-2 Without prejudice to the duty to account to the mayor which they owe under article 21, municipal police agents must immediately report any felony, misdemeanour or petty offence of

(เป็นดุลยพนิ ิจของฝ่ ายพสิ ูจน์หลกั ฐานว่ามคี วามจาเป็นจะต้องเก็บหลกั ฐานอย่างไร ไม่ใช่ดุลย พนิ ิจของพนกั งานสอบสวน) เมอ่ื เจา้ หน้าทต่ี ารวจดาเนินการเสรจ็ แลว้ จะตอ้ งส่งเอกสารตน้ ฉบบั ท่ี ไดจ้ ดั ทาขน้ึ สง่ มอบต่ออยั การโดยเรว็ เพอ่ื ใหท้ งั้ สานักงานอยั การทอ้ งทเ่ี กดิ เหตุ ฝ่ายปกครองและ หน่วยงานพสิ จู น์หลกั ฐานไดท้ ราบและบรู ณาการปฏบิ ตั หิ น้าทใ่ี นทเ่ี กดิ เหตุทนั ท1ี 4ตามสว่ นภารกจิ ท่ีตนต้องรับผิดชอบเพ่ือป้ องกันมิให้เจ้าหน้าท่ีฝ่ ายใดโดยลาพังสามารถทาการบิดเบือน พยานหลกั ฐานเพ่อื บรรลุเป้าหมายในการอานวยความยุตธิ รรมทแ่ี ทจ้ รงิ กรณีเป็นเช่นเดยี วใน ประเทศเยอรมนั ท่พี นักงานสอบสวนฝ่ ายตารวจจะต้องส่งเอกสารการสอบสวนต่อพนักงาน อยั การทนั ทที ม่ี กี ารสอบสวนความผดิ อาญา15 ระบบกระบวนการยุตธิ รรมทใ่ี หห้ ลายหน่วยงานเขา้ รเู้ หน็ ตรวจสอบการเกบ็ รวบรวมพยานหลกั ฐานโดยเรว็ เชน่ น้ีจะป้องกนั เจา้ หน้าท่ีกระทาการทุจรติ which he is informed to any judicial police officer of the national police or of the gendarmerie territorially competent. They simultaneously send their reports and official records without delay to the mayor and, through the officers of the judicial police mentioned in the previous subsection, to the district prosecutor. 14The Criminal Procedure Code of the French Republic Article 21-2 Without prejudice to the duty to account to the mayor which they owe under article 21, municipal police agents must immediately report any felony, misdemeanour or petty offence of which he is informed to any judicial police officer of the national police or of the gendarmerie territorially competent. They simultaneously send their reports and official records without delay to the mayor and, through the officers of the judicial police mentioned in the previous subsection, to the district prosecutor. 15 Code of Criminal Procedure of German Section 163 (Duties of the Police) (1) The authorities and officials in the police force shall investigate criminal offences and shall take all measures that may not be deferred… (2) The authorities and officials in the police force shall transmit their records to the public prosecution office without delay.

และป้องกันอานาจการแทรกแซงจากฝ่ ายการเมืองได้เพราะจะไม่สามารถแก้ไข ดดั แปลง บดิ เบอื นพยานหลกั ฐานทแ่ี ทจ้ รงิ แหง่ คดเี พอ่ื เรยี กรบั ผลประโยชน์ได้ โดยพนักงานสอบสวนจะสง่ สานวนการสอบสวนโดยไม่ต้องเสนอความเหน็ ใดๆใหอ้ ยั การพจิ ารณาเพราะอยั การไดร้ ่วมรบั รู้ และสงั่ การในการรวบรวมพยานหลกั ฐานตัง้ แต่เรม่ิ คดแี ลว้ จงึ ไมม่ กี ารสอบสวนท่ปี ิดบงั อาพราง บดิ เบอื นพยานหลกั ฐานหรอื ทางานแบบขดั แยง้ ขดั แขง้ ขดั ขาแบบการสอบสวนในประเทศไทย กรณีในประเทศสหราชอาณาจกั ร (UK)16 เจา้ หน้าท่ตี ารวจสามารถท่จี ะเขา้ พบพนักงาน อยั การตงั้ แต่เรมิ่ ต้นการสอบสวนเพ่อื ขอคาปรกึ ษาถึงพยานหลกั ฐานใดบา้ งท่พี นักงานอยั การ ตอ้ งการใหม้ กี ารรวบรวมเพ่อื ความหนกั แน่นเพยี งพอท่จี ะใชใ้ นการพจิ ารณาสงั่ คดเี พอ่ื ดาเนินคดี ต่อในชนั้ ศาล อย่างไรก็ตามในการสอบสวนสาหรบั คดีท่ีมีการตาย คดีท่เี ก่ียวกับการกระทา ความผดิ ทางเพศเจา้ หน้าทต่ี ารวจตอ้ งเขา้ ปรกึ ษาพนกั งานอยั การทุกกรณี 2. การดาเนินคดีอาญาอย่บู นพืน้ ฐานหลกั การพิสจู น์ความจริงแห่งคดี โดยเจา้ หน้าท่ี ทุกฝ่ ายทัง้ สานักงานอัยการ ฝ่ ายปกครองและหน่วยงานพิสูจน์หลักฐานมีหน้าท่ีรวบรวม พยานหลกั ฐานและนาเสนอขอ้ เท็จจริงทุกชนิดท่ีจะพสิ ูจน์ความจรงิ แห่งคดีเพ่อื อานวยความ ยตุ ธิ รรมใหท้ งั้ ฝ่ายผเู้ สยี หายและฝ่ายผตู้ อ้ งหาไม่ใหเ้ กดิ ความไดเ้ ปรยี บเสยี เปรยี บ ตามมาตรา 2 ของประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาของมลรฐั Texas อยั การเป็นผแู้ ทนแห่งรฐั ในการ ดาเนินคดอี าญาในศาล หน้าท่สี าคญั สูงสุดของอยั การไม่ใช่เพยี งเพ่อื การได้มาซ่งึ การพพิ ากษา 16 The police may approach the CPS for early investigative advice during their investigation. This will happen in all cases involving a death, rape or other serious sexual offence but can also occur in any case where a police supervisor considers it would be of assistance in helping to determine the evidence that will be required to support a prosecution or to decide if a case can proceed to court. https://www.cps.gov.uk/victims-witnesses

ลงโทษแต่คอื การอานวยความยุตธิ รรมใหบ้ งั เกดิ ขน้ึ 17 โดยอยั การจะต้องเปิดเผยพยานหลกั ฐาน ใดๆทอ่ี าจจะแสดงความบรสิ ุทธขิ ์ องผถู้ ูกกลา่ วหาดว้ ย นอกจากน้ี The Committee of Ministers of the Council of Europe ระบุแนวทางการทาหน้าท่ขี องพนักงานอยั การตามไวใ้ น Rec (2000)1918 ดงั น้ี ขอ้ 26 อยั การจะตอ้ งระวงั ตนในการปฏบิ ตั หิ น้าทโ่ี ดยใหค้ วามเสมอภาคแก่ผตู้ อ้ งสงสยั ใน ทุกสถานการณ์ไมใ่ หเ้ กดิ ความไดเ้ ปรยี บหรอื เสยี เปรยี บเกดิ ขน้ึ ขอ้ 28 อยั การจะตอ้ งไมน่ าเสนอพยานหลกั ฐานทต่ี นรหู้ รอื ควรจะรวู้ ่าไดม้ าโดยวธิ กี ารทไ่ี ม่ ชอบด้วยกฎหมาย หากเกิดความไม่แน่ใจจะต้องร้องขอต่อศาลให้ตรวจสอบการว่าเป็ น พยานหลกั ฐานทร่ี บั ฟังไดห้ รอื ไม่ (admissibility of evidence) 17 Chapter 2, ART. 2.01., Code of Criminal Procedure of Texas, the duties of District Attorneys: Each district attorney shall represent the State in all criminal cases in the district courts of his district and in appeals therefrom, except in cases where he has been, before his election, employed adversely. When any criminal proceeding is had before an examining court in his district or before a judge upon habeas corpus, and he is notified of the same, and is at the time within his district, he shall represent the State therein, unless prevented by other official duties. It shall be the primary duty of all prosecuting attorneys, including any special prosecutors, not to convict, but to see that justice is done. They shall not suppress facts or secrete witnesses capable of establishing the innocence of the accused. 18The Committee of Ministers of the Council of Europe Rec (2000)19 26 Public prosecutors should ensure equality before the law, and make themselves aware of all relevant circumstances including those affecting the suspect, irrespective of whether they are to the latter’s advantage or disadvantage. 28 Public prosecutors should not present evidence against suspects that they know or believe on reasonable grounds was obtained through recourse to methods which are contrary to the law. In cases of any doubt, public prosecutors should ask the court to rule on the admissibility of such evidence. 29 Public prosecutors should seek to safeguard the principle of equality of arms, in particular by disclosing to the other parties – save where otherwise provided in the law − any information which they possess which may affect the justice of the proceedings.

ขอ้ 29 อยั การจะตอ้ งทาหน้าทป่ี กป้องหลกั การ the principle of equality of arms กลา่ ว โดยเฉพาะอยั การจะตอ้ งเปิดเผยขอ้ มลู ต่างๆทต่ี นเองมอี ยทู่ อ่ี าจสง่ ผลเสยี ต่อความยตุ ธิ รรม มนี ักกฎหมายและนักอาชญาวทิ ยาไทยหลายๆท่านกล่าวว่าฝ่ายรฐั มที รพั ยากรทงั้ ตารวจ และหน่วยงานอ่นื ๆทท่ี าหน้าทเ่ี ป็นผชู้ ว่ ยและเป็นเคร่อื งมอื ใหฝ้ ่ายอยั การไดม้ ปี ระสทิ ธภิ าพในการ ดาเนินคดไี ดเ้ ปรยี บจาเลยมาก จงึ จาเป็นจะตอ้ งเสรมิ ประสทิ ธภิ าพในการตอ่ สคู้ ดใี หแ้ ก่ฝ่ายจาเลย ซง่ึ เป็นอาชญากรใหม้ คี วามสามารถเทา่ เทยี มกบั ฝ่ายรฐั ในการต่อสคู้ ดตี ามหลกั the principle of equality of arms นับเป็นความเขา้ ใจทผ่ี ดิ พลาดคลาดเคล่อื นอยา่ งรา้ ยแรง เพราะเท่ากบั รฐั จะไป ลงทุนสนับสนุนอาชญากรเพ่ือให้หลุดพ้นโทษทางอาญาตามกฎหมาย ทงั้ ๆท่ีหลกั สากลจะ แกป้ ัญหาความไม่เท่าเทยี มน้ีโดยวางแนวทางใหพ้ นักงานอยั การทาหน้าทใ่ี หค้ วามเป็นธรรมใน การดาเนินคดกี บั ทงั้ ฝ่ ายผูเ้ สยี หายและฝ่ ายจาเลยอย่างเท่าเทยี มกนั โดยอยั การจะต้องเปิดเผย ขอ้ มูลต่างๆท่ตี นเองมอี ยู่ท่อี าจส่งผลเสียต่อความยุตธิ รรม อยั การต้องควบคุมตรวจสอบไม่ให้ ตารวจใช้วธิ กี ารท่ไี ม่ชอบหรอื ละเมดิ สทิ ธปิ ระชาชนในการรวบรวมพยานหลกั ฐานโดยอยั การมี หน้าท่รี อ้ งขอต่อศาลใหต้ รวจสอบว่าเป็นพยานหลกั ฐานท่รี บั ฟังได้หรอื ไม่ด้วย ตามหลกั การท่ี บญั ญตั ใิ นขอ้ 26, 28 และ 29 ของ The Committee of Ministers of the Council of Europe ดงั กลา่ วไวข้ า้ งตน้ 3. การแจ้งข้อกล่าวหาและสถานะภาพการตกเป็ นผ้ตู ้องหา ตามหลกั การดาเนินคดี จะต้องเป็นไปดว้ ยความรวดเรว็ ก่อนการใชก้ าลงั จบั กุมผใู้ ดเจา้ หน้าทต่ี ารวจจะต้องแจง้ ใหผ้ นู้ ัน้ ทราบถงึ สทิ ธแิ ละขอ้ เทจ็ จรงิ ทจ่ี ะตอ้ งถกู จบั กุม (ไมใ่ ชก่ ารแจง้ ขอ้ หาหรอื ฐานความผดิ ) ดว้ ยเหตุผล วา่ ไม่มผี ตู้ อ้ งถูกจบั คนใดจะรูแ้ ละเขา้ ใจขอ้ กฎหมายอยา่ งถูกตอ้ งครบถว้ น การแจง้ ขอ้ เทจ็ จรงิ ใน

ชนั้ เจา้ หน้าทต่ี ารวจน้ีเพยี งเพอ่ื ใหบ้ ุคคลผจู้ ะต้องถูกจบั ไดท้ ราบถงึ พฤตกิ ารณ์ วนั เวลา สถานท่ที ่ี อา้ งว่าตนไดก้ ระทาความผดิ เพ่อื ใหผ้ ูต้ อ้ งถูกจบั เขา้ ใจและและมโี อกาสในการใหก้ ารอย่างเต็มท่ี เท่านัน้ เม่อื ผูถ้ ูกจบั ถูกนาตวั มาท่คี ุมขังและอยั การต้องมาตรวจสอบการจบั โดยทนั ที หาก พยานหลกั ฐานหนกั แน่นวา่ เป็นผกู้ ระทาความผดิ และการจบั มีเหตุอนั สมควร (Probable cause) โดยใชก้ าลงั ในการจบั พอสมควรแก่เหตุและมคี วามจาเป็นทต่ี อ้ งควบคุมตวั ไมม่ กี ารทารา้ ย ขเู่ ขญ็ ผตู้ ้องถูกจบั แลว้ ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า อยั การจะตรวจสอบพยานหลกั ฐานทนั ทแี ละเป็นผทู้ า หน้าทแ่ี จง้ ขอ้ หาและฐานความผดิ เฉพาะกรณีทอ่ี ยั การจะมคี าสงั่ ฟ้องภายในเวลา 72 ชวั่ โมง19และ ผถู้ ูกจบั จงึ จะมสี ถานะตกเป็นผตู้ อ้ งหาทนั ทีเฉพาะกรณีทอ่ี ยั การสงั่ ฟ้องคดเี ทา่ นัน้ จะไม่มกี รณีท่ี ประชาชนตอ้ งมสี ภาพตกเป็นผตู้ อ้ งหาก่อนในทุกๆคดแี ละมารอลุน้ ว่าอยั การจะสงั่ ฟ้องคดหี รอื ไม่ แบบประเทศไทย สถานะการเป็นผตู้ อ้ งหาภายหลงั จากอยั การแจง้ ขอ้ หาหรอื ฐานความผดิ แลว้ น้ี เป็นกรณีเชน่ เดยี วกบั ประเทศนอรเ์ ว20เพ่อื มใิ หฝ้ ่ายจบั กุมใชอ้ านาจยดั ขอ้ หาตามอาเภอใจ โดย กฎหมายของประเทศสหรฐั อเมรกิ ากาหนดใหอ้ ยั การจะตอ้ งฟ้องคดหี ลงั การจบั กุมภายในเวลา 30 วนั 21 ในขณะทป่ี ระเทศญป่ี ุ่นจะใหเ้ วลาในการฟ้องคดผี ตู้ อ้ งสงสยั เพยี ง 10 วนั ภายหลงั การจบั กุม22 19 The U.S. Constitution Amendment VI “In all criminal prosecutions, the accused shall enjoy the right to a speedy and public trial…” After arrest, typically require the prosecutor to decide within 72 hours which charges, if any, will be filed. Many states adhere to this 72-hour limit. 20 Criminal Procedure Act Of NORWAY Section 83 ; Once investigations for a case are completed, the prosecuting authority files charges when it believes that the person charged should be tried for the actions he is charged for. At that time, the person is given the status of accused in the case. 21 18 U.S. Code § 3161 – Time limits and exclusions

เนื่องจากโดยทวั ่ ไปในประเทศยุโรป อเมริกาและเอเชีย เช่น ฝรงั ่ เศส เยอรมนั อเมริกา ญี่ป่ นุ เกาหลีใต้ฯ พนกั งานอยั การจะไดร้ บั แจง้ และทราบเหตุอาชญากรรมทนั ทตี งั้ แต่วนั เกดิ เหตุ และไดม้ โี อกาสรเู้ หน็ พยานหลกั ฐานตงั้ แต่วนั แรก โดยอยั การจะเป็นผรู้ บั รองความจาเป็นในการไป ขออนุมตั หิ มายจบั จากศาล จงึ ใชร้ ะยะเวลาไม่มากในการฟ้องคดหี ลงั จากการจบั กุมและอยั การ แจ้งขอ้ กล่าวหาแล้ว จาเลยท่ถี ูกอยั การพจิ ารณาพยานหลกั ฐานก่อนตงั้ แต่วนั ควบคุมตวั และ รบั รองความจาเป็นในขอออกหมายเพ่อื การควบคุมตวั จะถูกฟ้องคดคี ่อนขา้ งแน่นอน ต่างจาก ประเทศไทยทใ่ี ห้ตารวจร้เู หน็ พยานหลกั ฐานโดยลาพงั ใช้กาลงั จบั กมุ ตามลาพงั แจ้งข้อหา เองตามลาพงั และขอศาลเพื่อออกหมายควบคมุ ประชาชนได้เอง 84 วนั โดยไม่มีการ ตรวจสอบจากอยั การตงั้ แต่เริ่มคดี หากอยั การมีคาสงั ่ เดด็ ขาดไม่ฟ้องคดีผ้ตู ้องหาที่ถกู ควบคมุ ตวั จะติดคกุ เสียเสรีภาพโดยไม่ได้รบั ค่าทดแทนใดๆ กระบวนการยตุ ธิ รรมของไทย จงึ เป็นระบบท่เี อาเสรภี าพของประชาชนมาเสย่ี งภยั จากการใหถ้ ูกคุมขงั ไวก้ ่อนแลว้ จงึ ส่งสานวน เพอ่ื ใหอ้ ยั การพจิ ารณาพยานหลกั ฐานว่าจะฟ้องคดหี รอื ไม่ จงึ ไมไ่ ดม้ าตรฐานสากลทโ่ี ดยหลกั การ จะตอ้ งไมม่ กี ารขงั ก่อนการฟ้องรวมถงึ การขงั ระหวา่ งรอการพจิ ารณาคดตี ่อศาล23หรอื หากจะมกี าร ขงั ระหวา่ งพจิ ารณากต็ อ้ งดว้ ยเหตุผลจาเป็นอยา่ งทส่ี ุด (b) Any information or indictment charging an individual with the commission of an offense shall be filed within thirty days from the date on which such individual was arrested or served with a summons in connection with such charges. 22 The Code of Criminal Procedure of Japan Article 208 “When a public prosecutor has not instituted prosecution against a suspect regarding a case in which the suspect was detained pursuant to the provisions of the preceding Article within ten days of the request for detention, he/she shall immediately release the suspect..” 23 International Covenant on Civil and Political Rights Adopted in 1966 Article 9 “It shall not be the general rule that persons awaiting trial shall be detained in custody….”

4. การขอหมายอาญา เพอ่ื คมุ้ ครองสทิ ธเิ สรภี าพและป้องกนั ประชาชนจากการใชอ้ านาจรฐั ในการคน้ การจบั การ ขงั โดยมชิ อบ การออกหมายอาญาต่างๆจะต้องผา่ นการตรวจสอบและอนุมตั จิ ากหน่วยงานอ่นื ๆ กล่าวคอื ก่อนจะไปขออนุมตั ิจากศาล เจ้าหน้าท่ีตารวจจะต้องได้รบั การรบั รองจากอยั การ ในฐานะผ้แู ทนรฐั 24และมีหน้าท่ีรบั ผิดชอบในการสงั ่ คดีเพื่อตรวจสอบเหตุอนั สมควร (Probable cause) ในการใชอ้ านาจไปรบกวนสทิ ธเิ สรภี าพของประชาชนเสยี ก่อน โดยประเทศ สหรฐั อเมริกาอยั การจะต้องพจิ ารณาจากพยานหลกั ฐานว่ามเี พยี งพอท่จี ะพจิ ารณาว่ามเี หตุอนั สมควรเพอ่ื การขอหมายอาญาหรอื ไม่25 เชน่ เดยี ว กบั ประเทศญ่ีป่ นุ ภายหลงั การจบั กุมตวั ผตู้ อ้ ง สงสยั อยั การจะตอ้ งพจิ ารณาวา่ ไม่สามารถดาเนินการฟ้องคดไี ดท้ นั และเป็นสถานการณ์ทไ่ี ม่อาจ หลกี เล่ยี งไดแ้ ละมคี วามจาเป็นทจ่ี ะต้องควบคุมตวั ผตู้ ้องสงสยั ไว้ อยั การสามารถขอหมายขงั ต่อ 24 Federal Rules of Criminal Procedure TITLE II. PRELIMINARY PROCEEDINGS, Rule 4. Arrest Warrant or Summons on a Complaint 1. a) Issuance. If the complaint or one or more affidavits filed with the complaint establish probable cause to believe that an offense has been committed and that the defendant committed it, the judge must issue an arrest warrant to an officer authorized to execute it. At the request of an attorney for the government… 2. “Warrants may not be issued except on probable cause,\" and prior approval of the prosecutor is required.” 3. “The procedures used by prosecutors to insure that warrants are issued only on sufficient evidence…” 25 Frank William Miller and Lawrence P. Tiffany Prosecutor Dominance of the Warrant Decision: A Study of Current Practices, Washington University Law Review, Volume 1964, Issue 1

ศาลไดโ้ ดยตอ้ งแสดงพยานหลกั ฐานทแ่ี น่นหนาเพยี งพอ (Prima facie evidence)26 ตามกฎหมาย วิธีพิจารณาความของเกาหลีใต้ อัยการเท่านัน้ ท่ีจะมีหน้าท่ีในการขอหมายอาญาต่อศาล เจา้ หน้าท่ตี ารวจจะตอ้ งรอ้ งขอเพ่อื ใหอ้ ยั การพจิ ารณารบั รองก่อนการขอออกหมายอาญาต่อศาล เสมอเพอ่ื คุม้ ครองสทิ ธเิ์ สรภี าพของประชาชนตารวจในฐานะผบู้ งั คบั ใชจ้ งึ ไปขอหมายเองต่อศาล โดยตรงไมไ่ ด2้ 7 5. การจบั ด้วยเหตซุ ่ึงหน้า ตามปฏญิ ญาสากลวา่ ดว้ ยสทิ ธมิ นุษยชน (Universal Declaration of Human Rights หรอื UDHR) ขอ้ 9 บญั ญตั มิ ใิ หม้ กี ารจบั กุมและคุมขงั ผใู้ ดตามอาเภอใจ28 การตรวจสอบป้องกนั มใิ ห้ บุคคลถูกเจ้าหน้าท่ีใช้อานาจจบั กุมและคุมขงั ตามอาเภอใจน้ีสอดคล้องกบั หลกั การแห่งกติกา ระหว่างประเทศว่าดว้ ยสทิ ธพิ ลเมอื งและสทิ ธทิ างการเมอื ง (International Covenant on Civil and Political Rights หรอื ICCPR) ซง่ึ เป็นสนธสิ ญั ญาพหุภาคดี า้ นสทิ ธมิ นุษยชน ขอ้ 9 บญั ญตั ิ ว่า ผใู้ ดก็ตามทถ่ี ูกจบั หรอื ควบคุมตวั จะตอ้ งถูกนาตวั ส่งผพู้ พิ ากษาหรอื อยั การในทนั ท่ี ซ่งึ ในทาง 26 The Code of Criminal Procedure of Japan Article 206 (1) When unavoidable circumstances prevent a public prosecutor or a judicial police officer from complying with the time limitations set forth in the preceding three Articles, a public prosecutor may, showing prima facie evidence, request a judge to detain the suspect. 27Only the prosecutor has the authority to request the issuance of a warrant to the court. Thus, the judicial police officer must submit a request for the issuance of a warrant to the prosecutor, not directly to the court. http://www.moj.go.kr/HP/ENG/eng_02/eng_2040.jsp , November 28, 2018 28 The Universal Declaration of Human Rights 1948 Article 9. No one shall be subjected to arbitrary arrest, detention or exile.

ระบบกฎหมายฝรงั่ เศสนนั้ อยั การถอื เป็นเจา้ หน้าทผ่ี ใู้ ชอ้ านาจตุลาการ29 โดยอยั การจะตรวจสอบ การใชก้ าลงั จบั กุมวา่ มพี ฤตกิ ารณ์ทส่ี มควรแก่เหตุ มกี ารทารา้ ยร่างกายหรอื ไม่ ตรวจสอบว่ามกี าร บงั คบั ขเู่ ขญ็ เพอ่ื ใหร้ บั สารภาพหรอื ไม่ มพี ยานหลกั ฐาน ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื คาใหก้ ารใดๆทต่ี อ้ งการจะ ใหห้ รอื ไม่ ทาใหอ้ ยั การมโี อกาสทราบเหตุและสามารถแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ เพอ่ื ป้องกนั การบดิ เบอื น พยานหลกั ฐานได้ทนั ทีและท่สี าคญั ก็เพ่อื การคุม้ ครองสทิ ธเิ์ สรีภาพของประชาชนได้ทนั ท่วงที ในทางปฏบิ ตั เิ จา้ หน้าทต่ี ารวจจะตอ้ งแจง้ และรายงานใหพ้ นักงานอยั การทราบทนั ทที ม่ี กี ารจบั และ ควบคุมตวั ผูต้ ้องสงสยั โดยอยั การจะส่งเจ้าหน้าท่หี รอื ไปตรวจสอบการควบคุมตวั ผูถ้ ูกจบั ดว้ ย ตนเอง ณ สถานท่ีควบคุมตวั เม่ือไรก็ตามท่ีอัยการเห็นว่าจาเป็นและสมควร30 การจบั ตาม หมายจับในประเทศญ่ีปุ่นจะต้องนาตัวผู้ถูกจบั พร้อมเอกสารรายงานบนั ทึกการจบั กุมส่งให้ พนักงานอัยการทันที31 ในประเทศสหรฐั อเมริกาเม่ืออยั การตรวจสอบการจบั ว่าชอบด้วย 29 International Covenant on Civil and Political Rights 1966 Article 9 (3). Anyone arrested or detained on a criminal charge shall be brought promptly before a judge or other officer authorized by law to exercise judicial power 30 The Criminal Procedure Code of the French Republic Article 41 The district prosecutor supervises police custody measures. He visits the places where persons are held whenever he considers this to be necessary…. Article 63 A judicial police officer may, where this is necessary for an inquiry, arrest and detain any person against whom there exist one or more plausible reasons to suspect that they have committed or attempted to commit an offence. At the beginning of the arrest and detention he informs the district prosecutor. The person so placed in custody may not be held for more than twenty-four hours. However, the detention may be extended for a further period of up to twenty-four hours on the written authorisation of the district prosecutor. The district prosecutor may make this authorisation conditional on the prior production before him of the person detained. 31 The Code of Criminal Procedure of Japan Article 202

กฎหมายและรบั รองการควบคุมตวั แลว้ อยั การจะมเี วลาเพยี ง 72 ชวั่ โมงในการแจง้ ขอ้ กลา่ วหา พรอ้ มฐานความผดิ และภายหลงั จากการจบั และควบคุมตวั พนักงานอยั การจะมรี ะยะเวลาเพยี ง 30 วนั ในการพจิ ารณาวา่ จะสงั่ ฟ้องคดหี รอื ไม่32ในประเทศเกาหลใี ต้อยั การสามารถใช้อานาจใน การจบั ผตู้ อ้ งหาได้ ในกรณีการจบั ในความผดิ ซ่งึ หน้า อยั การจะต้องรอ้ งขอหมายต่อศาลภายใน 48 ชวั ่ โมง33 6. การสอบสวนโดยหลายหน่วยงานที่มีหน้าท่ีบงั คบั ใช้กฎหมายและการสอบสวน โดยอยั การเม่ือมีความจาเป็น ประเทศต่างๆท่มี รี ะบบกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญาได้มาตรฐานสากล จะต้องมกี าร ตรวจสอบถว่ งดุลการแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื การสอบสวนรวบรวมพยานหลกั ฐานเพอ่ื ป้องกนั การ ทจุ รติ บดิ เบอื นความยตุ ธิ รรมโดยการบดิ เบอื นทาลายพยานหลกั ฐานจรงิ และสรา้ งพยานหลกั ฐาน When a public prosecutor's assistant officer or a judicial police constable has arrested a suspect upon an arrest warrant, the former shall immediately bring the suspect to a public prosecutor Article 203 “When a judicial police officer has arrested a suspect upon an arrest warrant ……shall carry out the procedure of referring the suspect together with the documents and articles of evidence to a public prosecutor within 48 hours of the suspect being placed under physical restraint when he/she believes that it is necessary to detain the suspect..” 32 18 U.S. Code § 3161 - Time limits and exclusions (b) Any information or indictment charging an individual with the commission of an offense shall be filed within thirty days from the date on which such individual was arrested or served with a summons in connection with such charges. 33 If the prosecutor arrests a suspect without a warrant, the prosecutor must file a request for a warrant within 48 hours, or the prosecutor must release the suspect immediately. http://www.moj.go.kr/HP/ENG/eng_02/eng_2040.jsp , November 28, 2018

เท็จ การให้อยั การหรอื หน่วยงานต่างๆท่มี หี น้าท่บี งั คบั ใชก้ ฎหมายเฉพาะของตน เช่น ป่ าไม้ ศุลกากร กรมเจา้ ท่าฯ สามารถสอบสวนแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ และพยานหลกั ฐานและสง่ สานวนตรง ต่ออยั การไดเ้ องจะช่วยป้องกนั การผกู ขาดความยุตธิ รรมโดยหน่วยงานใดเพยี งหน่วยงานเดยี ว ป้องกนั การใชอ้ านาจตามอาเภอใจ ในประเทศต่างๆจงึ ใหอ้ ยั การสามารถรเิ รม่ิ การสอบสวนไดเ้ ม่อื เหน็ วา่ มคี วามจาเป็น เชน่ คดกี ลา่ วหาเจา้ หน้าทต่ี ารวจวา่ ปฏบิ ตั หิ น้าทม่ี ชิ อบหรอื คดอี าชญากรรม ทส่ี าคญั หรอื คดที ม่ี ปี ระชาชนรอ้ งเรยี นขอความเป็นธรรม เป็นตน้ ในบทน้ีผเู้ ขยี นเสนอตวั อยา่ ง การทาหน้าทส่ี อบสวนของอยั การในประเทศสหรฐั อเมรกิ า เกาหลใี ต้ ญ่ปี ุ่นและสวเี ดนพอสงั เขป ดงั น้ี การสอบสวนของอยั การสหรฐั อเมริกา ภายหลงั จากเจา้ หน้าทต่ี ารวจอเมรกิ นั ส่งรายงานการสอบสวนโดยไมต่ อ้ งเสนอความเหน็ ใหอ้ ยั การแลว้ หากอยั การเจา้ ของสานวนพบวา่ มพี ยานหลกั ฐานทส่ี าคญั และจาเป็นต่อคดบี างสว่ น ขาดหายไปหรอื ไมไ่ ดร้ วบรวมไวใ้ นสานวนหรอื มคี วามจาเป็นอ่นื ใดกส็ ามารถสงั่ สอบสวนเพมิ่ เตมิ ได้ โดยอาจจะมอบหมายใหเ้ จา้ หน้าทส่ี บื สวนสอบสวนประจาสานักงานอยั การนัน้ ๆดาเนินการ รวบรวมพยานหลกั ฐานและถอ้ ยคาเหล่านนั้ โดยไมจ่ าเป็นตอ้ งแจง้ เจา้ หน้าทต่ี ารวจแหง่ ทอ้ งทท่ี ส่ี ง่ รายงานการสอบสวนนนั้ กไ็ ด้ ถงึ กระนนั้ กต็ าม อยั การกย็ งั คงมอี านาจทจ่ี ะสงั่ ใหเ้ จา้ หน้าทต่ี ารวจผู้ สง่ รายงานการสอบสวนดาเนินการสบื สวนสอบสวนเพมิ่ เตมิ เพอ่ื รวบรวมพยานหลกั ฐานเชน่ วา่ นนั้ กไ็ ด้ ในคดสี าคญั ๆทก่ี ระทบต่อความสงบเรยี บรอ้ ยของประชาชนในอเมรกิ าเป็นส่วนรวม หรอื คดใี ดๆท่เี จา้ หน้าท่ตี ารวจละเลยไม่ดาเนินการสบื สวนสอบสวนซ่ึงอาจเกิดจากการใช้อทิ ธพิ ล ทอ้ งถน่ิ ของผตู้ อ้ งหาหรอื กรณีทเ่ี จา้ หน้าทต่ี ารวจพยายามใหค้ วามช่วยเหลอื แก่ผตู้ อ้ งหาหรอื เป็น

ผกู้ ระทาความผดิ เสยี เอง หากมกี ารรอ้ งขอจากผเู้ สยี หายหรอื อยั การทราบเหตุดงั กลา่ วดว้ ยตนเอง อยั การประจาท้องถ่ิน ของอเมริกามีอานาจท่ีจะริเร่ิมการสืบสวนสอบสวนเองได้โดยการ สงั ่ ให้เจ้าหน้าท่ีสืบสวนสอบสวนประจาสานักงานอยั การไปดาเนิ นการสืบสวนสอบสวน เพ่ือรวบรวมพยานหลกั ฐานใดๆท่ีจาเป็ นต่อคดีโดยไม่ต้องรอให้เจ้าหน้ าท่ีตารวจส่ง รายงานการสอบสวนก็ได้ ในการสบื สวนสอบสวนน้ีเจ้าหน้าท่สี บื สวนสอบสวนของอยั การมี อานาจในการพกพาอาวุธปืนและมอี านาจในการจบั กุมผูก้ ระทาความผดิ เช่นเดยี วกบั เจา้ หน้าท่ี ตารวจ ถ้าอยั การต้องการให้พยานบุคคลใดให้ถ้อยคาในศาล แต่พยานบุคคลนัน้ ไม่ให้ความ รว่ มมอื อยั การอาจจะดาเนินการใหไ้ ดม้ าซง่ึ Subpoena ก่อนทจ่ี ะมกี ารออกคาสงั่ การสงั่ ฟ้อง โดย การรอ้ งขอต่อเสมยี นประจาทอ้ งถนิ่ (District Clerk) เพ่อื ออก Subpoena (หมายเรยี ก) การออก Subpoena เป็นอานาจหน้าทข่ี องอยั การโดยเสมยี นประจาทอ้ งถน่ิ (District Clerk) ไมม่ อี านาจใน การปฏเิ สธ โดย Sheriff จะทาหน้าสง่ Subpoena ใหแ้ ก่พยานเหลา่ นนั้ การสอบสวนของอยั การประเทศเกาหลีใต้ เม่ือมีความผดิ อาญาเกิดข้นึ ถ้าเป็นคดีอาญาโดยทวั่ ไปแล้วโดยปกติ ตารวจจะเป็นผู้ เรม่ิ ตน้ การสอบสวนภายใตก้ ารควบคมุ ของอยั การ34 เช่น คดลี กั ทรพั ย์ ทารา้ ยร่างกาย หรอื จราจร แล้วทาความเหน็ สรุปสานวนเสนออยั การ โดยอยั การจะทาการสอบสวนต่อไปโดยอาจจะถาม ปากคาผู้ต้องหา หรือพยานท่ีเก่ียวข้องเพม่ิ เติมด้วยตนเองก็ได้ ส่วนในคดีท่ีมคี วามยุ่งยาก ซบั ซอ้ น เชน่ คดเี ก่ยี วกบั การทุจรติ ของเจา้ หน้าท่ี ความผิดเก่ยี วกบั ยาเสพตดิ ความผดิ เก่ยี วกบั 34 The judicial police officer can investigate cases under the supervision of the prosecutor. There are two different judicial police officers: general judicial police officers, who deal with criminal cases in general; special judicial police officers, who handle the specific types of cases set out in the relevant laws. http://www.moj.go.kr/HP/ENG/eng_02/eng_2040.jsp

องค์กรอาชญากรรม ภาษีอากร คดกี ล่าวหาเจ้าหน้าท่ตี ารวจปฏบิ ตั ิหน้าท่โี ดยมชิ อบ โดยปกติ อยั การจะใชอ้ านาจในการสอบสวนดว้ ยตนเองโดยไมใ่ ชพ้ นกั งานสอบสวนฝ่ายตารวจ35 อยั การเกาหลีใต้แต่ละคนมีอานาจในการสบื สวนสอบสวนคดอี าญาได้อย่างอิสระ โดย สามารถเรม่ิ คดไี ดด้ ว้ ยตวั เอง หรอื จะเขา้ ไปรว่ มในคดที พ่ี นกั งานสอบสวนทาอยกู่ ไ็ ด้ ซง่ึ ในประมวล กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาของเกาหลใี ต้ มาตรา 196 ไดบ้ ญั ญตั ไิ วว้ ่า เจา้ หน้าท่ตี ารวจมี อานาจสบื สวนสอบสวน ภายใตก้ ารกากบั ดแู ลของพนกั งานอยั การ นอกจากน้ี พนักงานอยั การยงั มีอานาจออกหมายเรียก ผู้ต้องหา หรือพยาน เพ่ือมาสอบสวนด้วยตนเองและมีอานาจเข้า ตรวจสอบสถานทเ่ี กดิ เหตุ สาหรบั ในคดที ม่ี คี วามสาคญั มคี วามซบั ซอ้ น เชน่ คดที ก่ี ระทบต่อความมนั่ คงของชาติ คดี ท่ีกระทบต่อผลประโยชน์ของสาธารณะและมีผู้เสียหายเป็นจานวนมาก อาชญากรรมทาง เศรษฐกจิ ทางการเงนิ คดเี กย่ี วกบั นักการเมอื ง หรอื องค์กรอาชญากรรม อยั การของเกาหลใี ต้มี อานาจเร่มิ ต้นการสอบสวนสวนได้ด้วยตนเอง โดยในสานักงานอยั การสูงสุดจะมหี น่วยงานท่ี เรยี กว่า สานักงานสอบสวนกลางทาหน้าท่สี อบสวนคดพี เิ ศษท่มี ีความสาคญั โดยอยั การจะมี เจา้ หน้าทห่ี รอื ผชู้ ว่ ยพนักงานอยั การทาหน้าทช่ี ว่ ยในการสอบสวน ในคดคี วามผดิ เกย่ี วกบั อาชญากรรมทางคอมพวิ เตอร์ มหี น่วยงานทอ่ี ยใู่ นสานกั งานอยั การ เรยี กวา่ ศนู ยต์ รวจพสิ จู น์ทางคอมพวิ เตอร์ (Digital Forensic Center) มอี ุปกรณ์การตรวจสอบการ กระทาความผดิ อุปกรณ์ในการวเิ คราะห์ตรวจสอบขอ้ มูลทางคอมพวิ เตอร์ อุปกรณ์ในการตรวจ คน้ และดกั ฟัง เป็นตน้ 35 In the case of complex offenses and white-collar crimes, such as corruption of public officers, economic offenses, narcotics offenses, environmental offenses, organized crimes, tax evasions, and police misconducts, the prosecutor normally initiates the investigation ex officio or without prior investigation by the judicial police officer. http://www.moj.go.kr/HP/ENG/eng_02/eng_2040.jsp

การสอบสวนของอยั การประเทศญี่ป่ นุ โดยปกตเิ จา้ พนักงานตารวจของญ่ปี ุ่นสามารถรเิ รมิ่ การสอบสวนคดอี าญาไดท้ ุกประเภท และในทางปฏบิ ตั จิ ะเป็นภาระหน้าทข่ี องตารวจในการสอบสวนเสมอ เวน้ แต่คดบี างประเภท เช่น คดเี ก่ยี วกบั ความปลอดภยั ทางทะเล คดยี าเสพติด คดคี ุม้ ครองแรงงาน เจ้าพนักงานที่ปฏิบตั ิ หน้าท่ีบงั คบั ใช้กฎหมายในสงั กดั ของหน่วยงานต่าง ๆ เหล่านัน้ มีอานาจสืบสวนสอบสวน ส่งสานวนโดยตรงต่ออยั การได้โดยไม่ต้องส่งให้ตารวจแต่อยา่ งใดเพราะมีความเช่ียวชาญ และชานาญในกฎหมายนัน้ กว่าเจ้าหน้าที่ตารวจอย่แู ล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญาของประเทศญ่ีปุ่นไม่ได้บญั ญตั ิเป็นการ บงั คบั ใหอ้ ยั การตอ้ งทาการสอบสวนทุกคดี แต่หากเหน็ ว่ามคี วามจาเป็นอยั การสามารถทาการ สอบสวนไดด้ ว้ ยตนเองในความผดิ ทุกประเภท กล่าวไดว้ ่าอยั การมอี านาจหน้าทใ่ี นการสอบสวน อย่อู ย่างไม่จากดั แต่ในทางปฏบิ ตั อิ ยั การมกั จะสอบสวนเฉพาะคดที ่สี าคญั เช่น คดฉี ้อราษฎร์บงั หลวง คดภี าษอี ากร และคดกี ารกระทาความผดิ เก่ยี วกบั เศรษฐกิจ นอกจากน้ีเจา้ พนักงานธุรการ ประจาสานกั งานอยั การ (Public prosecutor’s assistant officer) สามารถทาการสอบสวนไดเ้ ม่อื ไดร้ บั คาสงั่ ใหท้ าหน้าทส่ี อบสวนจากอยั การ เน่ืองจากอยั การมอี านาจสอบสวนเองคดจี งึ สามารถ เขา้ สู่การดาเนินการของอยั การไดท้ งั้ จากการส่งสานวนจากพนักงานสอบสวนและจากการร้อง ทุกข์ กล่าวโทษโดยตรงจากผเู้ สยี หาย หรอื จากการทอ่ี ยั การรบั รูก้ ารกระทาความผดิ อาญาดว้ ย ตนเอง เม่ือมีความจาเป็ นในการปฏิบตั ิหน้าที่สอบสวนของอยั การสามารถออกคาสงั่ เพื่อให้ตารวจให้ความร่วมมือช่วยเหลือในการสอบสวนได้ซึ่งตารวจจะต้องปฏิบตั ิตาม คาสงั่ นัน้

เจ้าพนักงานตารวจและเจ้าพนักงานผู้มีอานาจสอบสวนอ่ืน ๆ จะต้องส่งสานวนการ สอบสวนไปยงั พนกั งานอยั การภายใน 48 ชวั่ โมง หลงั จากจบั ตวั ผตู้ อ้ งหา จากนนั้ อยั การจะตอ้ งมี คาสงั่ ฟ้องคดภี ายใน 10 วนั 36 หากสานวนการสอบสวนยงั ไม่สมบูรณ์เพยี งพออยั การจะสงั่ ให้ เจา้ หน้าท่เี หล่านัน้ ทาการสอบสวนต่อไป ในกรณีทอ่ี ยั การเหน็ ว่าคดมี คี วามสาคญั จาเป็นจะต้อง สอบปากคาผตู้ อ้ งหาหรอื พยานหรอื ตรวจสอบพยานหลกั ฐานต่าง ๆ ดว้ ยตนเองพนกั งานอยั การ สามารถดาเนินการไดก้ อ่ นทจ่ี ะมคี าสงั่ ในทางคดตี อ่ ไป การสอบสวนของอยั การประเทศสวีเดน ในคดอี าญาปกตทิ วั่ ไปท่ไี ม่ใช่อาชญากรรมท่ีมโี ทษรา้ ยแรง เช่น คดจี ราจร คดลี กั ขโมย ทวั่ ไปตารวจจะทาหน้าทส่ี อบสวนโดยลาพงั แต่เม่อื ไรกต็ าม เม่อื เกดิ เหตุอาชญากรรมไดร้ ายงาน ต่อพนักงานอยั การแล้วเป็นคดที ่มี กี ารใช้อานาจจบั กุมหรอื ควบคุมตวั ผูต้ ้องสงสยั หรอื เป็นคดี อาชญากรรมร้ายแรงหรอื เหย่อื มอี ายุต่ากว่า 18 ปี อยั การจะต้องลงมาทาหน้าท่ีควบคุมการ สอบสวนทันที หากอัยการพิจารณาว่าคดีไม่มีความจาเป็ นต้องมีการควบคุมตัวผู้ต้องหา 36 The Code of Criminal Procedure of Japan Article 208 “When a public prosecutor has not instituted prosecution against a suspect regarding a case in which the suspect was detained pursuant to the provisions of the preceding Article within ten days of the request for detention, he/she shall immediately release the suspect..” Article 214 “When any person other than a public prosecutor, a public prosecutor's assistant officer or a judicial police official has arrested a flagrant offender, the arrester shall immediately deliver him/her to a public prosecutor of a district or local public prosecutors office or to a judicial police official.”

เจา้ หน้าทต่ี ารวจจะตอ้ งปล่อยตวั ผถู้ ูกจบั ทนั ทแี ละเป็นหน้าทข่ี องตารวจทจ่ี ะทาการสอบสวนคดี ดงั กลา่ วต่อไป37 7. ค่าชดเชยแก่ผ้ตู ้องหาในกรณีอยั การมีคาสงั ่ ไม่ฟ้องตามกตกิ าสากลว่าดว้ ยสทิ ธิ พลเมอื งและสทิ ธทิ างการเมอื ง ขอ้ 9 (5) บญั ญตั วิ ่า ผใู้ ดกต็ ามท่ถี ูกจบั และควบคุมตวั โดยมชิ อบ ยอ่ มมสี ทิ ธไิ ดร้ บั ค่าทดแทน38เช่นเดยี วกบั มาตรฐานทางปฏบิ ตั ขิ องประเทศฝรงั ่ เศส39 อย่างไรก็ ตามในประเทศไทยกรณีท่อี ยั การมีคาสงั่ เดด็ ขาดไม่ฟ้องคดี ผู้ต้องหาท่อี ยู่ระหว่างการฝากขงั ควบคุมตัวก่อนอยั การมีคาสงั่ ไม่ฟ้องคดีจะไม่ได้รบั การชดเชยเยียวยาใดๆเลยเพราะตาม พระราชบญั ญตั คิ ่าตอบแทนผูเ้ สยี หายและค่าทดแทนและค่าใชจ้ ่ายแก่จาเลยในคดอี าญา พ.ศ. 37The Swedish Prosecution Authority, the prosecutor leads the preliminary investigation: The prosecutor conducts the criminal investigations when the victim is less than 18 years old or it is a case of serious crime, for example murder or an offence against a close relative. The prosecutor is always in charge of the preliminary investigation when a suspect has been deprived of his/her liberty, or in other words has been arrested or detained. If the arrest or detention is reversed and the suspect is released, the police will take over responsibility for leading the preliminary investigation. https://www.aklagare.se/en/the-legal-process/the-role-of-the-prosecutor/preliminary- investigation/police-or-prosecutor/ 38International Covenant on Civil and Political Rights 1966 Article 9 (5.) Anyone who has been the victim of unlawful arrest or detention shall have an enforceable right to compensation. 39 French Republic ; Compensation for detention Article 149 ; Without prejudice to the application of the provisions of the second and third paragraphs of article L.781-1 of the code of judicial organisation, a person who has been remanded in custody during the course of proceedings ended by a decision to drop the case or a discharge or acquittal decision that has become final has, at his request, the right to full compensation for any material or moral harm that this detention has caused him.

254440 บญั ญตั ิให้จ่ายเฉพาะกรณีท่อี ยั การมีคาสงั่ ฟ้องแล้วและจาเลยถูกคุมขงั ในระหว่างการ พจิ ารณาคดี ต่อมาปรากฏหลกั ฐานชดั เจนว่าจาเลยมไิ ดเ้ ป็นผกู้ ระทาความผดิ และมกี ารถอนฟ้อง ในระหวา่ งดาเนินคดี หรอื ปรากฏตามคาพพิ ากษาอนั ถงึ ทส่ี ุดในคดนี ัน้ วา่ ขอ้ เทจ็ จรงิ ฟังเป็นยตุ วิ ่า จาเลยมไิ ดเ้ ป็นผกู้ ระทาความผดิ หรอื การกระทาของจาเลยไมเ่ ป็นความผดิ เทา่ นนั้ กล่าวโดยสรุป แม้ประเทศไทยจะมกี ฎหมายสารบญั ญตั ิท่ดี ีเพยี งใดแต่หากเจา้ หน้าท่ี สามารถทุจริตบดิ เบอื นคดีเพ่อื ช่วยเหลือนักการเมอื ง คนจ่ายส่วยสินบนหรอื ผลประโยชน์ได้ กฎหมายทด่ี กี ไ็ มอ่ าจบรรลวุ ตั ถุประสงคใ์ นการยบั ยงั้ อาชญากรรม ดงั นนั้ กระบวนการยุตธิ รรมทาง อาญาท่ไี ดม้ าตรฐานสากลนัน้ จะต้องมรี ะบบตรวจสอบ ควบคุมการปฏบิ ตั ิหน้าท่ีในชนั้ สบื สวน สอบสวนรวบรวมพยานหลกั ฐานเพ่อื ป้องกนั การบดิ เบอื นหรอื ทาลายพยานหลกั ฐานโดยมรี ะบบ อยั การทาหน้าทท่ี งั้ ใหค้ าปรกึ ษา ตรวจสอบและควบคุมพนกั งานสบื สวนสอบสวนใหป้ ฏบิ ตั หิ น้าท่ี อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ การปฏิรูประบบกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญาของประเทศไทยให้ได้ มาตรฐานเช่นนานาอารยประเทศนั้น จึงต้องมีระบบท่ีพนักงานอัยการสามารถได้รับ พยานหลกั ฐานท่สี มบูรณ์ถูกต้องแทจ้ รงิ เพ่อื นา “ความจรงิ ” ไปสู่การพจิ ารณาพพิ ากษาคดใี นชนั้ ศาลนัน้ เรม่ิ ตงั้ แต่การใหเ้ จา้ หน้าท่แี จง้ เหตุอาชญากรรมทนั ทที ่เี กดิ เหตุต่อสานักงานอยั การและ ฝ่ายปกครองในทอ้ งท่เี กดิ เหตุอาชญากรรมเพ่อื เปิดโอกาสให้พนักงานอยั การและฝ่ ายปกครอง 40 มาตรา ๒๐ จาเลยทม่ี สี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ ทดแทนและคา่ ใชจ้ า่ ยตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ตอ้ ง (๑) เป็นจาเลยทถ่ี กู ดาเนนิ คดโี ดยพนกั งานอยั การ (๒) ถกู คุมขงั ในระหวา่ งการพจิ ารณาคดี และ (๓) ปรากฏหลกั ฐานชดั เจนว่าจาเลยมไิ ด้เป็นผู้กระทาความผดิ และมกี ารถอนฟ้องในระหว่าง ดาเนินคดี หรอื ปรากฏตามคาพพิ ากษาอนั ถงึ ทส่ี ุดในคดนี นั้ ว่าขอ้ เทจ็ จรงิ ฟังเป็นยตุ วิ ่าจาเลยมไิ ดเ้ ป็นผกู้ ระทา ความผดิ หรอื การกระทาของจาเลยไมเ่ ป็นความผดิ

สามารถแสวงหาพยานหลกั ฐานและขอ้ เทจ็ จรงิ แห่งคดโี ดยการไปตรวจสอบสถานทเ่ี กดิ เหตุเพ่อื เก็บรวบรวมพยานหลกั ฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ท่ีสุดและป้องกนั มิให้หน่วยงานใดโดยลาพงั สามารถบดิ เบอื นหรอื ทาลายพยานหลกั ฐานในทเ่ี กดิ เหตุไดต้ ามอาเภอใจ และทาใหอ้ ยั การมเี วลา เพยี งพอในการพจิ ารณาพยานหลกั ฐานก่อนการสงั่ คดเี พ่อื ความยุตธิ รรมแก่ทงั้ ฝ่ายผตู้ ้องหาและ ผเู้ สยี หาย การใหอ้ ยั การเป็นผตู้ รวจสอบความชดั เจนของพยานหลกั ฐานตงั้ แต่ก่อนทจ่ี ะมกี ารแจง้ ขอ้ กล่าวหาเพ่อื ป้องกนั ประชาชนมใิ หถ้ ูกกลนั่ แกลง้ ตกเป็นผตู้ อ้ งหางา่ ยๆโดยไม่เป็นธรรม โดยการ เขา้ ตรวจสอบพฤตกิ ารณ์การใชอ้ านาจจบั กุมทนั ทีทม่ี กี ารจบั เพ่อื คุม้ ครองสทิ ธเิ สรภี าพประชาชน และตรวจสอบเหตุผลความจาเป็นและพยานหลกั ฐานของพนกั งานสอบสวนก่อนการไปขอหมาย อาญาทงั้ หมายคน้ หมายจบั และหมายขงั ตอ่ ศาล จะช่วยป้องกนั การจบั และคุมขงั ผบู้ รสิ ุทธโิ์ ดยมิ ชอบและช่วยป้องกนั ปัญหาท่ปี ระชาชนถูกพนักงานสอบสวนแจ้งขอ้ กล่าวหาผดิ พลาดหรอื แจง้ ขอ้ หาจานวนมากและหนักเกนิ กว่าฐานความผดิ ทอ่ี ยั การจะสงั่ ฟ้องดาเนินคดจี รงิ ๆ หากอยั การมี คาสงั่ เดด็ ขาดไม่ฟ้องคดตี ามขอ้ กล่าวหาของเจ้าหน้าท่ตี ารวจนัน้ หรอื ฟ้ องในฐานความผดิ ท่เี บา กวา่ จะเกดิ ความเสยี หายตอ่ ประชาชนทจ่ี ะตอ้ งสูญเสยี อสิ รภาพจากการถูกคุมขงั นานเกนิ กว่าฐาน ความผดิ ทอ่ี ยั การจะฟ้องดาเนินคดตี ่อศาลจรงิ ๆ (excessive pretrial detention) ประเทศไทยเป็น ประเทศเดยี วทเ่ี อาประชาชนไปขงั ก่อนไดน้ านถงึ 84 วนั แลว้ ส่งสานวนใหอ้ ยั การพจิ ารณาสงั่ คดี ภายหลงั หากอยั การมคี าสงั ่ เดด็ ขาดไมฟ่ ้อง ประชาชนคนบรสิ ทุ ธอิ ์ าจถูกขงั ฟรๆี กลา่ วไดว้ า่ ระบบ วธิ พี จิ ารณาความอาญาทล่ี า้ หลงั ของประเทศไทยเป็นสาเหตุใหม้ กี ารละเมดิ สทิ ธมิ นุษยชนอยา่ ง รา้ ยแรงในกระบวนการยตุ ธิ รรม การใหอ้ ยั การสามารถตรวจสอบการสอบสวนและรเิ รมิ่ คดไี ดเ้ ม่อื ประชาชนรอ้ งขอความ เป็นธรรมหรอื กรณพี บวา่ เจา้ หน้าทเ่ี ป็นผกู้ ระทาความผดิ เสยี เอง จะสามารถแกป้ ัญหาความไมเ่ ป็น

ธร ร ม ใน ค ดีของปร ะ ชาชน ได้ทัน ทีแ ละ แ ก้ปั ญหา การ ละ เ ว้น การ ดาเนิ น ค ดีพว กเ ดียว กัน เ พ่ือ ชว่ ยเหลอื เจา้ หน้าทผ่ี กู้ ระทาความผดิ ส่งผลใหส้ ามารถลดจานวนอาชญากรรมทม่ี าจากการกระทา ของเจา้ หน้าทร่ี ฐั ไดใ้ นทส่ี ดุ ------------------------------------------------------------------

ประเทศไทย ป.วิ.อ. มาตรา 87 ระยะเวลาควบคมุ ผูถ้ กู จบั การจบั (ป.ว.ิ อ.มาตรา 83) ต้องนาตัวทีท่ าการทนั ทแี ตน่ าไปเซฟเฮา้ ส์ซอ้ มทรมาน ทาร้าย บงั คับรบั สารภาพ ระยะเวลาการ ุคมตัว แจ้งข้อหาต่อ สร้างพยานหลักฐานเท็จ ทาลาย บิดเบือนพยานหลักฐาน ระ ผู้ตอ้ งหา อย่างไร้การตรวจสอบเพื่อยัดข้อหาแล้วไปขอศาลออกหมาย ขงั อย่างไรก้ ารตรวจสอบ ยะ เว ลา 84 วัน คดีท่ีมีการเรียกผลประโยชน์เจ้าหน้าท่ีตารวจเจตนาส่งสานวนพนักงานอัยการพิจารณาในเวลา กระชั้นชิด เช่น ก่อน 1-2 วนั บางครั้ง 3 ช่วั โมง เพอ่ื ไมใ่ หพ้ นักงานอัยการมโี อกาสจบั ทุจรติ พนักงานอยั การต้อง พนักงานอยั การส่ัง พนักงานอัยการไม่ทราบ สง่ั ฟอ้ งคดีไปกอ่ น สอบเพ่ิมไม่ทัน เสมอเพราะไม่รู้ / จะสอบข้อหาอะไรเพ่มิ เตมิ ความจริงนอก แ ม้ ห ลั ก ฐ า น ไ ม่ เ พี ย ง พ อ สานวน และเกรงจะหมด เวลาควบคมุ ตวั ที่มา: ดร.น้าแท้ มบี ุญสลา้ ง (2563) .รายงานการพจิ ารณาศกึ ษาเรอื่ ง “การปฏริ ูปกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญาในชนั สอบสวนของ คณะกรรมาธกิ ารการกฎหมาย การยตุ ธิ รรมและสทิ ธิมนษุ ยชนสภาผแู้ ทนราษฎร ฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนสภาผแู้ ทนราษฎร

ระยะเวลาการคุมตัว 10-30 ัวนระยะการควบคมุ ผู้ถกู จบั ตามมาตรฐานสากล เชน่ สหรัฐอเมริกา สาธารณรฐั ฝรงั่ เศส สาธารณรฐั เยอรมนั ญ่ปี นุ่ และสาธารรัฐเกาหลีใต้ 1 กรณกี ารจับซง่ึ หนา้ เมื่อเกิดอาชญากรรมพนักงานตารวจแจ้งเหตุอาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยแจ้ง สานักงานอัยการทอ้ งที่เกิดเหตุ แจ้งหน่วยงานทางปกครอง แจง้ สานักงานพิสูจนห์ ลกั ฐาน ตารวจนาตัวผู้ถูกจบั มาท่ที าการโดยทนั ที / เจ้าหนา้ ทีส่ านกั งานอัยการหรอื อัยการมาตรวจสอบ การจับของเจ้าหน้าท่ีตารวจทันทีท่ีสถานีตารวจ หากเป็นคดีท่ีมีคนตายอัยการต้องไปตรวจ สถานที่เกิดเหตุทุกคดี/พิสูจน์หลักฐานเก็บพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์/ฝ่ายปกครอง ดแู ลความเรียบรอ้ ยทกุ ขส์ ุขประชาชน พนกั งานอยั การมีอานาจในการตรวจสอบเหตุจับ / การใช้กาลังสมควรแก่เหตหุ รอื ไม่/มีการทา ร้ายร่างกาย/ตรวจสอบว่าพยานหลักฐานกระทาความผิดจริงไหม/ ตรวจสอบพยานหลักฐาน วา่ มคี วามหนกั แนน่ เป็นเหตใุ ห้อัยการจะฟ้องอยา่ งแน่นอน พนกั งานอัยการเซ็นอนมุ ตั ิหมายควบคุมตัวผ้ถู กู จับและฟอ้ งคดภี ายใน 10-30 วนั ท่ีมา ดร.น้าแท้ มีบุญสล้าง (2563) .รายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง “การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในชันสอบสวนของ คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยตุ ิธรรมและสทิ ธมิ นษุ ยชนสภาผู้แทนราษฎร

จับแ ้ลวควบ ุคมตัวไป ้ฟอง ัทน ีทระยะการควบคุมผูถ้ กู จับตามมาตรฐานสากล เชน่ สหรัฐอเมริกา สาธารณรฐั ฝรั่งเศส สาธารณรัฐเยอรมัน ญ่ปี ุ่น และสาธารรฐั เกาหลีใต้ 2 กรณีจับตามหมายจบั เมื่อเกิดอาชญากรรมพนักงานตารวจแจง้ เหตอุ าชญากรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยแจ้งสานักงาน อัยการทอ้ งทเ่ี กิดเหตุ แจง้ หน่วยงานทางปกครอง แจง้ สานกั งานพสิ จู น์หลักฐาน พนกั งานอัยการรู้เห็นการสบื สวนสอบสวนมาโดยตลอด /ควบคุมตรวจสอบการสืบสวนสอบสวน ดว้ ยตนเอง /สอบสวนจนได้พยานหลักฐานครบถ้วน พนักงานอัยการม่ันใจจะฟ้องดาเนนิ คดีจึงเซน็ อนมุ ัตใิ หอ้ อกหมายจบั ตอ่ ศาล พนักงานอัยการสามารถรับรู้การจับผู้ต้องหาจากพนักงานตารวจโดยตลอด พนักงานอัยการร่าง ฟ้องรอเพ่อื ฟ้องผู้ต้องหาตอ่ ศาลได้ทันทีทจ่ี บั ตวั มา ที่มา ดร.นา้ แท้ มบี ญุ สลา้ ง (2563) .รายงานการพจิ ารณาศึกษาเร่ือง “การปฏริ ูปกระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญาในชนั สอบสวนของ คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยตุ ิธรรมและสทิ ธิมนุษยชนสภาผแู้ ทนราษฎร

ภาคผนวก ง แนวทางคา้ ช้ขี าดความเหน็ แยง้ ของอยั การสงู สดุ






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook