รายงานการพจิ ารณาศึกษา เรื่อง “การปฏิรูปกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญาในช้ันสอบสวน” ของ คณะกรรมาธกิ ารการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนษุ ยชน สภาผแู้ ทนราษฎร กลุม่ งานคณะกรรมาธกิ ารการกฎหมาย การยุตธิ รรมและสทิ ธิมนุษยชน สานกั กรรมาธิการ ๒ สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร
nni$munwgs nuud~a~GwSw6yilw nwu. m o d 0 0 n'aui uiuisa%uc n i4aw3 p4 n i n I 6 \" ~ o a i a e n e i n n i ~ ~ 4 u n ~ ~ius i~\"~5~ni ai ~\" u d d i?uainu bdbb n a a ~ u n ~ i a d ~ s ~ u n n i ~ ~ ~Ywndu b5 ai w'3;g ~m nRd m d (aaiuniGydsa-iid nfsdnos) ?uW5d un3inu b d b m i ~ 5 a ~ u ~ M a u v a uui~s~n:kasu~ ?fliqnd~fl3vB ~ ~ u n - a - a u i \" 5 n i $ l u n ~ z n ~ ~ u i \" 5 n i ~ nnii~ yn R~ ~s~9 suui unarh5uywuvMu~TTII~&J uiu9uyn5 Lbadnunqa ~ ~ a a u 1 ~ ~ 1 a w 3 3 f i3f1l l%f ~~ 6 ~ ~ u ~ l n d l ~ b ~ ~bsa bqu~niGau~S6ub~d bnmi d ww Mjd naanssuidnisnisng~ulunisyGss3uaarBvl\"5uywuvul 6 f i 0 i ~ a i R n w i m ~ d ~ ~ d n 5 a u a u n i 5 yiisssuniaoiyilu~unouaau~ n u o i ~ u ~ ~ i d ~ ~ a a ~ i u i 0 ~ i u ~ a 9 1 \" s ~ u n i ~ d ~ w.n. b&b 61do (a)
ก รายนามคณะกรรมาธิการ รายนามคณะกรรมาธกิ ารการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธมิ นษุ ยชน ดังนี้ ๑. นายสุทศั น์ เงินหม่นื รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทหี่ นึ่ง ๒. นายชวลติ วชิ ยสทุ ธิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทีส่ อง ๓. นายสริ ะ เจนจาคะ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนท่ีสาม ๔. นายวสิ ิทธ์ิ พทิ ยาภรณ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่หี ้า ๕. นายคมเดช ไชยศิวามงคล รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนที่หก ๖. นายศาสตรา ศรปี าน โฆษกคณะกรรมาธิการ ๗. นายรังสิมนั ต์ โรม โฆษกคณะกรรมาธกิ าร ๘. ร้อยตารวจเอก อรณุ สวัสดี โฆษกคณะกรรมาธกิ าร ๙. นายนริ มติ สจุ ารี โฆษกคณะกรรมาธกิ าร ๑๐. นายจลุ พนั ธ์ อมรววิ ัฒน์ กรรมาธิการ ๑๑. นายอาดิลนั อาลอี สิ เฮาะ กรรมาธกิ าร ๑๒. นางศรีสมร รศั มีฤกษเ์ ศรษฐ์ กรรมาธกิ าร ๑๓. นายกมลศักดิ์ ลวี าเมาะ เลขานุการคณะกรรมาธกิ าร
ข รายนามคณะอนกุ รรมาธิการ รายนามคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ในคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสทิ ธิมนุษยชน ดังน้ี ๑ นายสริ ะ เจนจาคะ ประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร ๒. นายศาสตรา ศรีปาน รองประธานคณะอนกุ รรมาธิการ คนที่หนง่ึ ๓. นายวสิ ทิ ธ์ิ พทิ ยาภรณ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนท่สี อง ๔. รอ้ ยตารวจเอก อรุณ สวสั ดี รองประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร คนทส่ี าม ๕. นายวรเทพ สกุลพชิ ยั รัตน์ รองประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร คนที่สี่ ๖. นายปกป้อง ศรสี นิท อนุกรรมาธิการ ๗. นายพิชญป์ กรณ์ ศรปี รางค์ อนุกรรมาธกิ าร ๘. วา่ ท่ีร้อยตรี อภิชาต พงษส์ วัสดิ์ อนุกรรมาธกิ าร ๙. นายสมชาย วชิรสกุลชยั อนกุ รรมาธกิ าร ๑๐. นายสรุ จติ บุญยบุ ล อนุกรรมาธิการ ทปี่ รกึ ษาประจาคณะอนกุ รรมาธกิ ารฯ ๑. นายสทุ ัศน์ เงนิ หมื่น ๒. พนั ตารวจเอก วิรตุ ม์ ศริ สิ วัสดิบุตร ๓. นายนาแท้ มีบญุ สลา้ ง ๔. นายกติ ติเดช กิจมโนมัย ๕. นางสาวพรเพญ็ คงขจรเกียรติ ๖. นางสาวศยามล ไกยรู วงศ์ ๗. นายประจวบ ชูใหม่ ๘. นายกมล อรชร ๙. พนั ตารวจเอก วิจิตร นันทวงศ์ ๑๐. นางสลลิ โรจน์ รงุ่ สมบรู ณ์ ๑๑. พนั ตารวจโท ปญั จวฒุ ิ ดาวลอ้ มจันทร์ ๑๒. นายรชั ฏะ สมรทันกร ๑๓. นายทปี กร โกมลพนั ธ์พร ๑๔. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ๑๕. นายภากร ชัชวาลวงศ์ ๑๖. นายพรชัย ชลวาณิชกุล ๑๗. นายมนตรี ชนกนาชยั ๑๘. นายรัชฏะ สมรทินกร
ค บทสรปุ ผู้บรหิ าร คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน มีหน้าที่และอานาจตาม ข้อบงั คับการประชมุ สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๐ (๑) กระทากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจรงิ หรือ ศึกษาเร่ืองใด ๆ ที่เก่ียวกับการดาเนินการตามแนวนโยบายด้านกฎหมาย การยุติธรรม สิทธิมนุษยชน สิทธชิ มุ ชน สิทธใิ นกระบวนการยตุ ิธรรม และความเป็นธรรมในระยะเปล่ียนผ่าน ดังนั้น การพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ท่ีเกี่ยวกับการดาเนินการ ตามแนวนโยบายด้านกฎหมาย และการยุติธรรมจึงเป็นหนึ่งในภารกิจสาคัญของคณะกรรมาธิการ ซึ่งการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในชั้นสอบสวน ถือเป็นเร่ืองสาคัญและมีความจาเป็นเร่งด่วน เน่ืองจาก การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ด้านระบบการสอบสวนทางอาญา เป็นประเด็นท่ีเกี่ยวข้องกับความ เดือดร้อนในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนโดยตรง การสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จึงมีความสาคัญเป็นอย่างยิ่งในการทาความจริงให้ปรากฏเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และให้อัยการได้รับ พยานหลักฐานทีถ่ กู ต้องครบถว้ นและนาคดีไปดาเนนิ การในช้ันศาลต่อไป คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน จึงได้มอบหมายเร่ืองดังกล่าว ให้คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมดาเนินการศึกษา และพิจารณารายงานข้อเสนอ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ของสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) เพ่ือใช้ประกอบใน การศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และได้เชิญหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องมาให้ข้อมูล อีกทั้งได้รับร่าง พระราชบัญญัตแิ ก้ไขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... ของคณะกรรมการ ปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม และร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... ใน ชั้นกฤษฎีกา มาประกอบการพิจารณา อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ระบบการสอบสวนแสวงหาความจริงในคดีอาญา ในประเทศไทยมีเอกภาพและมีมาตรฐานเดียวกัน คณะกรรมาธิการฯ เหน็ วา่ ร่างพระราชบัญญัติการสอบสวน คดีอาญา พ.ศ. .... จะสร้างความสับสนในระหว่างผู้ปฏิบัติงานและประชาชนอย่างมาก จึงเห็นควรนา ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม มาเป็นแนวทางในการพิจารณา โดยได้นาหลักการ และแนวทางแห่งบทบัญญัติดังกล่าวที่สมควรจะพิจารณา และสอดคล้องกับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ทางอาญาในช้ันสอบสวนมาปรับปรุง เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมสามารถสร้างความเป็นธรรมในสังคมและ อานวยความยตุ ธิ รรมทีแ่ ทจ้ รงิ แก่ประชาชนตามมาตรฐานสากลและอานาอารยประเทศ คณะกรรมาธิการฯ จึงได้จัดทารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปฏิรูปกระบวนการ ยุติธรรมทางอาญาในชน้ั สอบสวน เพื่อการปฏิรูปกระบวนการยตุ ิธรรมชั้นสอบสวนอย่างเร่งด่วน โดยมุ่งเน้นใน ด้านกระบวนการสอบสวนทางอาญาระหว่างพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนควรเป็นกระบวนการ เดียวกนั ทพ่ี นกั งานอัยการสามารถตรวจสอบถ่วงดุลการรวบรวมพยานหลักฐานช้นั ต้นของพนักงานสอบสวนได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ดังน้ัน พนักงานอัยการควรเข้ามามีบทบาทท่ีสาคัญต้ังแต่ขั้นตอนแรกในกระบวนการ สอบสวน ภายใต้หลักการท่ีว่า “ต้องให้ความจริงทั้งหมดเข้าสู่การพิจารณาในช้ันศาล และพยานหลักฐาน ท้ังหมดต้องเข้าสู่การพิจารณาของอัยการและเจ้าหน้าท่ีอ่ืน ๆ โดยไม่ถูกบิดเบือนแก้ไขหรือถูกทาลายไป อีกท้ัง ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเสมอภาคตามหลักนิติรัฐ (The Rule of Law) และ เออ้ื อานวยให้ประชาชนเขา้ ถึงกระบวนการยุตธิ รรมได้โดยสะดวก
สารบัญ หน้า รายนามคณะกรรมาธิการ ก รายนามอนุกรรมาธิการ ข บทสรุปผู้บริหาร ค สารบัญ ๑. การดาเนินการ ๒ ๒. วิธกี ารพจิ ารณาศกึ ษา ๓ ๓. หน่วยงานและเอกสารท่เี ก่ียวข้อง ๔ ๓.๑ หน่วยงานทีเ่ ก่ยี วข้อง ๔ ๓.๒ เอกสารท่เี กีย่ วข้อง ๕ ๔. ผลการพจิ ารณา ๕ ๔.๑ ความเป็นมาและสภาพปัญหา ๕ ๔.๒ ประเด็นการพจิ ารณา ๖ ๕. ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ ๑๘ ภาคผนวก ภาคผนวก ก รา่ งพระราชบัญญตั แิ ก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... ของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ดา้ นกระบวนการยุติธรรม ภาคผนวก ข ร่างพระราชบญั ญตั ิการสอบสวนคดอี าญา พ.ศ. .... ในช้นั กฤษฎีกา ภาคผนวก ค รายงานการศึกษาการปฏริ ูประบบสอบสวนคดอี าญาตามมาตรฐานสากล โดย ดร.น้าแท้ มีบญุ สล้าง ภาคผนวก ง แนวทางคาช้ขี าดความเหน็ แยง้ ของอยั การสงู สดุ ภาคผนวก จ รายงานขอ้ เสนอการปฏริ ูปกระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา (ชั้นสอบสวน) ของสมาคมสทิ ธเิ สรีภาพของประชาชน (สสส.) ภาคผนวก ฉ เอกสารที่เกี่ยวข้อง
รายงานการพิจารณาศึกษา เรอื่ ง “การปฏิรูปกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญาในช้ันสอบสวน” ของ คณะกรรมาธกิ ารการกฎหมาย การยุตธิ รรมและสทิ ธมิ นษุ ยชน สภาผู้แทนราษฎร --------------------------------------- ตามท่ีท่ีประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ ปีท่ี ๑ ครั้งท่ี ๒๑ (สมัยสามัญประจาปีคร้ังท่ีหนึ่ง) วันพุธท่ี ๑๑ กันยายน ๒๕๖๒ ท่ีประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติต้ังคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและ สทิ ธมิ นุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพอ่ื ใหม้ หี น้าที่และอานาจตามข้อบังคับการประชุมสภาผูแ้ ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๐ (๑) คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน มีหน้าที่และอานาจกระทากิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ท่ีเกี่ยวกับการดาเนินการตามแนวนโยบายด้านกฎหมาย การยุติธรรม สิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และความเป็นธรรมในระยะเปล่ียนผ่าน น้ัน คณะกรรมาธกิ ารฯ คณะนี้ ประกอบด้วย ๑. นายปิยบุตร แสงกนกกุล ประธานคณะกรรมาธิการ ๒. นายสุทัศน์ เงินหมื่น รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่หี นง่ึ ๓. นายชวลิต วชิ ยสุทธ์ิ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทส่ี อง ๔. นายสิระ เจนจาคะ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม ๕. นางสาวพรรณกิ าร์ วานชิ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนท่สี ี่ ๖. นายวิสทิ ธ์ิ พทิ ยาภรณ์ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทหี่ ้า ๗. นายคมเดช ไชยศิวามงคล รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทห่ี ก ๘. นายพรี ะพนั ธ์ุ สาลีรฐั วภิ าค ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ ๙. นายศาสตรา ศรีปาน โฆษกคณะกรรมาธกิ าร ๑๐. นายรังสมิ ันต์ โรม โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๑. รอ้ ยตารวจเอก อรณุ สวสั ดี โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๒. นายนิรมิต สุจารี โฆษกคณะกรรมาธิการ ๑๓. นายจลุ พนั ธ์ อมรวิวฒั น์ กรรมาธิการ ๑๔. นายอาดลิ ัน อาลีอสิ เฮาะ กรรมาธิการ ๑๕. นายกมลศกั ดิ์ ลวี าเมาะ เลขานุการคณะกรรมาธกิ าร ต่อมา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมาธิการ ต้ังแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ และในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีท่ี ๑ ครั้งท่ี ๑๘ (สมัยสามัญประจาปี คร้ังท่ีสอง) วันพุธท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๖๓ ท่ีประชุมเห็นชอบให้ต้ัง นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ เป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน หลังจากนั้น นายปิยบุตร แสงกนกกุล และนางสาวพรรณิการ์ วานิช ไดพ้ ้นจากตาแหน่งเม่อื วันศุกรท์ ี่ ๒๑ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓ บัดนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้ดาเนินการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปกระบวนการ ยุติธรรมทางอาญาในชั้นสอบสวน เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอรายงานผลการศึกษาเรื่อง ดังกล่าวต่อ สภาผูแ้ ทนราษฎร ดังน้ี
๒ ๑. การดาเนินการ คณะกรรมาธิการฯได้มีมติต้ังคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพ่ือทาหน้าท่ี พิจารณาปัญหาอันอยู่ในหน้าที่และอานาจของคณะกรรมาธิการฯ หรือกิจการอื่นท่ีคณะกรรมาธิการฯมอบหมาย ท้งั น้ี ตามขอ้ บงั คับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๙๖ ซ่งึ อนกุ รรมาธิการฯคณะนี้ ประกอบดว้ ย ๑ นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๒. นายศาสตรา ศรปี าน รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนท่ีหนงึ่ ๓. นายวิสิทธ์ิ พทิ ยาภรณ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร คนทส่ี อง ๔. ร้อยตารวจเอก อรุณ สวัสดี รองประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร คนที่สาม ๕. นายวรเทพ สกุลพิชัยรตั น์ รองประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร คนท่สี ่ี ๖. นายปกปอ้ ง ศรสี นิท อนุกรรมาธิการ ๗. นายพชิ ญ์ปกรณ์ ศรปี รางค์ อนุกรรมาธิการ ๘. ว่าท่รี ้อยตรี อภิชาต พงษส์ วสั ด์ิ อนกุ รรมาธิการ ๙. นายสมชาย วชริ สกลุ ชัย อนกุ รรมาธกิ าร ๑๐. นายสรุ จติ บญุ ยุบล อนกุ รรมาธกิ าร ท่ีปรึกษาประจาคณะอนกุ รรมาธิการฯ ๑. นายสทุ ัศน์ เงนิ หมืน่ ๒. พนั ตารวจเอก วิรุตม์ ศริ สิ วสั ดิบุตร ๓. นายน้าแท้ มีบุญสล้าง ๔. นายกติ ตเิ ดช กิจมโนมยั ๕. นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกยี รติ ๖. นางสาวศยามล ไกยรู วงศ์ ๗. นายประจวบ ชใู หม่ ๘. นายกมล อรชร ๙. พนั ตารวจเอก วจิ ติ ร นันทวงศ์ ๑๐. นางสลลิ โรจน์ รงุ่ สมบรู ณ์ ๑๑. พันตารวจโท ปญั จวุฒิ ดาวลอ้ มจันทร์ ๑๒. นายรชั ฏะ สมรทนั กร ๑๓. นายทปี กร โกมลพนั ธพ์ ร ๑๔. นายสามารถ เจนชยั จติ รวนชิ ๑๕. นายภากร ชชั วาลวงศ์ ๑๖. นายพรชยั ชลวาณิชกุล ๑๗. นายมนตรี ชนกนาชยั ๑๘. นายรชั ฏะ สมรทินกร
๓ ในการนี้ คณะกรรมาธิการฯเห็นควรเสนอรายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปกระบวนการ ยุติธรรมทางอาญาในชั้นสอบสวน ซึ่งเป็นเรื่องสาคัญและมีความจาเป็นเร่งด่วน เนื่องจาก การปฏิรูปกระบวนการ ยุติธรรม ด้านระบบการสอบสวนทางอาญา เป็นประเด็นท่ีควรนามาศึกษาและเกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนในชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนโดยตรง ซ่ึงการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลกั ฐานต่าง ๆ มีความสาคัญเป็นอย่างย่ิงใน การทาความจริงให้ปรากฏเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้พนักงานอัยการได้รับพยานหลักฐานที่ถูกต้องครบถ้วน และนาคดไี ปดาเนนิ การในช้นั ศาลตอ่ ไป รวมถงึ การศกึ ษาปัญหา อุปสรรคของหนว่ ยงานในกระบวนการยตุ ิธรรม เพอื่ หาแนวทางพัฒนาและปรับกระบวนการทางาน เช่น ตารวจ อัยการ และทนายความ เป็นต้น เพ่ือเป็นการพัฒนา กระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติกฎหมายเพื่อให้สอดรับกับระบบวิธีพิจารณา ความอาญาตามมาตรฐานสากลของนานาอารยประเทศดว้ ย บัดนี้ คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสทิ ธิมนุษยชน โดยคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการ ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ได้ดาเนินการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในช้ันสอบสวน เพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพจิ ารณา ๒. วธิ กี ารพจิ ารณาศึกษา ค ณ ะ อ นุ ก ร ร ม า ธิ ก า ร ศึ ก ษ า ก า ร ป ฏิ รู ป ก ร ะ บ ว น ก า ร ยุ ติ ธ ร ร ม ใ น ค ณ ะ ก ร ร ม า ธิ ก า ร ก า ร ก ฎ ห ม า ย การยตุ ิธรรมและสิทธมิ นษุ ยชน ไดพ้ ิจารณาศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญาในชนั้ สอบสวน โดยมกี าร ประชุมของคณะอนกุ รรมาธกิ ารฯ จานวน ๘ ครั้ง ดงั นี้ ครั้งที่ ๑ วนั พธุ ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ครั้งท่ี ๒ วันพฤหสั บดที ี่ ๑๙ ธนั วาคม ๒๕๖๒ ครง้ั ที่ ๓ วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ธนั วาคม ๒๕๖๒ คร้งั ท่ี ๔ วนั พฤหัสบดีท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ ครั้งท่ี ๕ วันพฤหัสบดที ี่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓ ครั้งท่ี ๖ วนั พฤหสั บดีท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๖๓ ครง้ั ท่ี ๗ วนั พฤหสั บดที ี่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ครง้ั ท่ี ๘ วนั พฤหัสบดที ี่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ท้ังน้ี คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ได้รับมอบหมายจาก คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ให้พิจารณารายงานข้อเสนอการปฏิรูปกระบวนการ ยุติธรรมทางอาญา ของสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) เพ่ือใช้ประกอบในการศึกษาการปฏิรูป กระบวนการยุติธรรม โดยเชิญสานักงานกิจการยุติธรรม และสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน มาให้ข้อมูลและ ความเห็น เม่ือวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ ต่อมา คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ศึกษาและพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ จึงได้ ข้อสรุปให้นาประเด็นเรื่อง การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในชั้นสอบสวน มาพิจารณาเป็นลาดบั แรก โดย ได้เชิญหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สานักงานอัยการสูงสุด สานักงานตารวจแห่งชาติ และสานักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา มารว่ มพิจารณาและได้รบั รา่ งพระราชบญั ญัติแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม และร่างพระราชบัญญัติการ สอบสวนคดอี าญา พ.ศ. .... ในชัน้ กฤษฎีกา มาประกอบการพจิ ารณา เม่อื วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ดังนั้น คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมพิจารณาแล้วเห็นว่าระบบการ สอบสวนแสวงหาความจริงในคดีอาญาในประเทศไทยควรมีเอกภาพและมีมาตรฐานเดียวกัน ดังนั้น
๔ ร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... จะสร้างความสับสนในระหว่างผู้ปฏิบัติงานและประชาชน อย่างมากจึงเห็นควรนาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. .... ของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ดา้ นกระบวนการยุตธิ รรม มาเปน็ แนวทางในการพิจารณา โดยไดน้ าหลักการและ แนวทางแห่งบทบัญญัตดิ ังกล่าวทส่ี มควรจะพจิ ารณา และสอดคล้องกับการปฏิรูปกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญาใน ชั้นสอบสวนมาปรับปรงุ เพอ่ื ใหก้ ระบวนการยตุ ิธรรมสามารถสรา้ งความเป็นธรรมในสงั คมและอานวยความยุติธรรม ทแี่ ท้จริงแกป่ ระชาชนตามมาตรฐานสากลอานาอารยประเทศ ๓. หน่วยงานและเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง คณะอนุ ก รร ม าธิ ก าร ศึ ก ษา ก าร ปฏิ รู ป ก ร ะบว น ก ารยุ ติ ธ รร ม ใ นค ณ ะ ก รร ม าธิ กา ร ก า ร ก ฎ ห ม า ย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ได้ดาเนินการโดยเชิญผู้แทนหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องมาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงและ ประกอบการพจิ ารณา ดงั นี้ ๓.๑ หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ๑) สานักงานกิจการยุตธิ รรม ๑. นายวลั ลภ นาคบัว ผอู้ านวยการสานักงานกจิ การยุตธิ รรม ๒. นายวฒั นากร ส้นั น้ยุ นติ กิ รชานาญการพเิ ศษ ๓. นางสาวรุง่ นภา ศรตี ะปัญญะ นักวิชาการยตุ ธิ รรมชานาญการ ๔. นายพีรพงษ์ บญุ ฉมิ ๒) สมาคมสทิ ธิเสรภี าพประชาชน - นางสาวศยามล ไกยรู วงศ์ กรรมการสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน ๓) สานักงานอยั การสงู สดุ - ร้อยตารวจโท อุทยั อาทิเวช อยั การพเิ ศษฝ่ายพฒั นากฎหมาย รักษาการในตาแหน่งรองอธิบดีอยั การ สานกั งานการสอบสวน ๔) สานกั งานตารวจแหง่ ชาติ 1. พลตารวจโท ชัยพร พานิชอัตรา ผู้บญั ชาการจเรตารวจ สานักงานจเรตารวจ 2. พนั ตารวจเอก ฤทธชิ ัย ชา่ งคา ผกู้ ากบั การ (สอบสวน) กลมุ่ งานสอบสวน กองบังคบั การสบื สวนสอบสวน กองบัญชาการตารวจนครบาล 3. พนั ตารวจเอก ประสาน จังพานิช ผู้กากับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคบั การสืบสวนสอบสวนตารวจภธู รภาค 7 4. พันตารวจเอก นา้ เพชร ทรัพยอ์ ุดม ผู้กากบั การ (สอบสวน) สถานตี ารวจนครบาลโชคชัย ๕) สภาทนายความ - นายภากร ชชั วาลวงศ์ เหรญั ญิกและผชู้ ว่ ยเลขาธิการสภาทนายความ ๖) สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา 1. นายสุชัย งามจติ รเอื้อ ผอู้ านวยการกองกฎหมายไทย 2. นางสาวอนษิ า เกษมสันต์ ณ อยธุ ยา ผ้แู ทนสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 3. นางสาวพจนา โสภาเจริญวงศ์ ผู้แทนสานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า
๕ ๗) ผูแ้ ทนสถาบันเพ่ือการปฏิรปู กระบวนการยุตธิ รรม (สปยธ.) - นางสมศรี หาญอนันตสขุ ๘) ผ้แู ทนชมรมพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง ๑. นายศกั ดสิ์ ิทธิ์ โพธ์แิ พง ๒. นายปาณัท สภุ าสัย ๓. นายพงศกร ชาติชยวงษ์ ๔. นายโรจธรณ์ เกตุแกว้ ๓.๒ เอกสารที่เก่ียวขอ้ ง ๑) ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา ๒) ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของคณะกรรมการปฏิรปู ประเทศ ดา้ นกระบวนการยุติธรรม (ภาคผนวก ก) ๓) ร่างพระราชบญั ญตั กิ ารสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... ในช้นั กฤษฎีกา (ภาคผนวก ข) ๔) รายงานการศึกษาการปฏริ ูประบบสอบสวนคดีอาญาตามมาตรฐานสากล โดย ดร.นา้ แท้ มบี ญุ สล้าง (ภาคผนวก ค) ๕) แนวทางคาชี้ขาดความเหน็ แย้งของอยั การสงู สุด (ภาคผนวก ง) ๖) รายงานข้อเสนอการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา (ช้ันสอบสวน) ของสมาคม สิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) (ภาคผนวก จ) ๗) เอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ ง (ภาคผนวก ฉ) ๔. ผลการพจิ ารณา คณะกรรมาธิการฯ ได้จัดทารายงานผลการพิจารณาศึกษา เร่ือง การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทาง อาญาในชั้นสอบสวน ปรากฏผลการดาเนินการ ซง่ึ สรุปไดด้ งั น้ี ๔.๑ ความเป็นมาและสภาพปัญหา กระบวนการยตุ ิธรรมชั้นกอ่ นการพจิ ารณาในชั้นศาลมีความสาคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นกระบวนการที่ เจ้าพนกั งานต้องค้นหาพยานหลักฐานเพ่ือทราบความจริง การปฏริ ปู กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา เพอ่ื สรา้ งระบบ การสอบสวนท่ีมีประสิทธิภาพเป็นกลไกในการรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนรอบด้านเพ่ือให้ความจริงปรากฏ ต่อพนักงานอัยการและถูกนาไปใช้ในช้ันพิจารณาของศาลอย่างครบถ้วน นอกจากความสาคัญของการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานแล้ว กระบวนการและวิธีการปฏิบัติในช้ันจับกุม การควบคุมตัว ขัง การปล่อยช่ัวคราว การ ชนั สูตรพลิกศพ และไตส่ วนมูลฟอ้ ง ลว้ นเปน็ ขัน้ ตอนท่ีมคี วามสาคญั ในการคน้ หาความจรงิ และพยานหลกั ฐาน ดงั น้นั พนกั งานอัยการ และพนักงานเจ้าหนา้ ท่ีของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ เชน่ กรมปา่ ไม้ กรมศลุ กากร เปน็ ตน้ ทมี่ อี านาจหน้าท่ี รักษาการตามกฎหมายของตนจะต้องมีอานาจริเริ่มการสอบสวนดาเนินคดีได้เองและสามารถส่งสานวนสอบสวนให้ พนักงานอัยการได้โดยตรงไม่ต้องผ่านฝ่ายพนักงานสอบสวนตารวจ เพื่อทาหน้าท่ีตรวจสอบถ่วงดุลการปฏิบัตหิ นา้ ที่ ของเจ้าหนา้ ท่ตี ารวจสามารถป้องกันการผูกขาดความจริงแหง่ คดีอยา่ งไร้การตรวจสอบ โดยกาหนดใหเ้ จ้าพนกั งานที่ มีอานาจหน้าท่ีรักษาการตามพระราชบัญญัติต่าง ๆ เช่น ป่าไม้ ศุลกากร อุตสาหกรรม สานักงานป้องกันและ ปราบปรามยาเสพติด ฯ เป็นต้น สามารถมีอานาจรับคาร้องทุกข์กล่าวโทษและสอบสวนริเร่ิมดาเนินคดีในความผิด ตามกฎหมายท่ีตนรักษาการ และดาเนนิ คดีในความผิดอนื่ ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งเสนอพนักงานอัยการได้ในคราวเดียว เพอื่ สร้าง
๖ ระบบตรวจสอบถ่วงดุลป้องกันการบิดเบือนทาลายพยานหลักฐานและเป็นการ สนับสนุนการกระจายอานาจและ แบง่ เบาภาระหน้าที่ในการสอบสวนฝ่ายตารวจทมี่ ีความร้จู ากดั ในกฎหมายตา่ งๆดังกลา่ ว ทั้งน้ี เพื่อให้การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในด้านการสอบสวนเป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม สร้างระบบ การรวบรวมพยานหลักฐานในช้ันต้นได้มีการตรวจสอบซึ่งกันและกัน อย่ างนานา อารย ะปร ะเ ทศ ให้มีประสิทธิภาพและมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งข้ึน คณะอนุกรรมาธิการฯ จึงได้ศึกษาเร่ืองการปฏิรูปกระบวนการ สอบสวนทางอาญา โดยคานึงถึงความยุติธรรมท่ีประชาชนจะได้รับ ต้ังแต่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น โดยเฉพาะอย่างย่ิงในการตรวจสอบการรวบรวมพยานหลักฐานในชั้นตน้ ตงั้ แตก่ ารตรวจสอบการจับกุมเพ่ือคุ้มครอง ชีวิตร่างกายผู้ถูกจับ เพื่อให้พนักงานอัยการได้รับพยานหลักฐานและทราบความจริงท่ีถูกต้องครบถ้วน จึงต้องมี ระบบการสอบสวนที่ให้พนักงานอัยการมีโอกาสรู้เห็นและรวบรวมพยานหลักฐานด้วยตนเอง ดังนั้น การสอบสวน และการสั่งคดีจึงต้องเป็นกระบวนการในขั้นตอนเดียวกัน องค์กรท่ีมีอานาจตรวจสอบความจริงช้ันเจ้าพนักงาน ต้องร่วมมือและตรวจสอบการทางานกันและกัน ซึ่งการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดจะเป็น หลักประกันความยุติธรรมของประชาชน เพ่ือนาไปพิจารณาคดีในช้ันศาล แต่หากมีหน่วยงานเดียวผกู ขาดการรูเ้ หน็ พยานหลักฐานในพื้นทเ่ี กดิ เหตุ อาจมคี วามบกพร่องหละหลวมสญู หายถกู บิดเบือนทาลาย ท้ังเกดิ จากการต้งั ใจทุจริต ของเจ้าหน้าท่ีหรือขาดความรอบคอบ ซ่ึงมีปัญหาเห็นได้มากมาย จากปัญหาในปัจจุบันที่พนักงานอัยการไม่เคยเหน็ พยานหลักฐาน ไม่เคยเห็นสถานทเี่ กดิ เหตุ ไมเ่ คยพบผู้ตอ้ งหาหรอื พยานจนกระท่งั วนั สบื พยาน ทาให้พนกั งานอยั การ อยูใ่ นสภาพทีถ่ กู หลอกใชเ้ ป็นเครือ่ งมือในการส่งั คดีผ้บู ริสุทธ์ิหรือสงั่ ไม่ฟ้องอาชญากรได้อย่างง่ายดาย นับเป็นจดุ อ่อน และหายนะของกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างมาก จึงต้องมีหลายฝ่ายเข้ามาช่วยดูแลและการรวบรวม พยานหลักฐานซ่ึงจะทาให้ความจริงได้ปรากฏ เช่น กาหนดให้พนักงานอัยการมีโอกาสรู้เห็นและอยู่ในกระบวนการ ข้ันตอนการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต้ังแต่เร่ิมคดี เป็นต้น ท้ังน้ี เพ่ือให้กระบวนการสอบสวนมีมาตรฐานสากล ดั ง เ ช่ น น า น า อ า ร ย ป ร ะ เ ท ศ ที่ เ ปิ ด โ อ ก า ส ใ ห้ ห ล า ย ฝ่ า ย เ ข้ า ม า มี ส่ ว น ใ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ก า ร ร ว บ ร ว ม พยานหลักฐานต้ังแต่ช้ันต้น ซ่ึงจะทาให้การเก็บพยานหลักฐานชั้นต้นเป็นไปอย่างรัดกุมไม่สูญหายหรือถูกบิดเบือน ทาลายอย่างเสรี ไร้การตรวจสอบ ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯ จึงเห็นควรให้มีการพิจารณาแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา โดยคานึกถึงการบูรณาการการปฏริ ูปกระบวนการสอบสวนใหร้ อบด้าน และลดการออกกฎหมายใหม่ที่ ไม่จาเปน็ ๔.๒ ประเด็นการพิจารณา ๔.๒.๑ รา่ งพระราชบัญญตั ิที่เก่ยี วขอ้ ง (๑) บทวเิ คราะห์ร่างพระราชบญั ญัตกิ ารสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... ในชนั้ กฤษฎีกา ปัจจุบันได้ ดาเนินก ารต าม รัฐ ธ รร มนูญ แห่ งราช อ าณ าจั กร ไท ย มาตรา 258 ง. ด้านกระบวนการยุติธรรม (2) ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ปรับปรุงระบบการสอบสวนคดีอาญาให้มีการตรวจสอบและ ถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวน กับพนักงานอัยการอย่างเหมาะสม กาหนดระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าท่ีของ เจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้องทุกฝ่ายให้ชัดเจนเพ่ือมิให้คดีขาดอายุความ และสร้างความเช่ือม่ันในการปฏิบัติหน้าที่ของ พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการในการสอบสวนคดีอาญา รวมทัง้ กาหนดให้การสอบสวนต้องใช้ประโยชน์จาก นติ ิวทิ ยาศาสตร์ และจัดใหม้ บี รกิ ารทางด้านนติ ิวิทยาศาสตรม์ ากกว่าหน่ึงหน่วยงานที่มีอสิ ระจากกนั เพือ่ ให้ประชาชน ได้รับบริการในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างมีทางเลือก” และต่อมารัฐบาลได้เสนอร่างพระราชบัญญัติการสอบสวน คดีอาญา พ.ศ. ... ซ่ึงขณะนี้อยู่ในระหว่างการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และร่างพระราชบัญญัติฯดังกล่าว ไม่ได้ขดั หรือแยง้ กับประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญาโดยมสี าระสาคญั ที่มงุ่ เน้นเก่ียวกบั การปฏิบตั ิหน้าที่ของ
๗ พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการในการสอบสวนคดีอาญา เพื่อให้ระบบการสอบสวนคดีอาญาสามารถอานวย ความยุติธรรมได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 258 ง.ด้านกระบวนการยุตธิ รรม (2) ทงั้ นี้ สามารถสรปุ สาระสาคัญของร่างพระราชบัญญัตกิ ารสอบสวนคดอี าญา พ.ศ. ... ไดด้ ังนี้ 1. มีการกาหนดกระบวนการ วิธีการทางาน ขั้นตอน การบังคับบัญชา และภาระหน้าท่ีของ พนักงานสอบสวนให้มีความเหมาะสม เพื่อให้ระบบการสอบสวนคดีอาญาสามารถอานวยความยุติธรรมได้อย่าง ถกู ตอ้ ง รวดเรว็ และมีประสิทธิภาพมากยง่ิ ขึ้น 2. มีการกาหนดหลักการว่า ในคดีท่ีมีความสาคัญให้พนักงานอัยการเข้ามามีส่วนร่วมในชั้น สอบสวนเพอื่ เปน็ การถว่ งดุล และมีบทบาทในการชว่ ยเหลอื การทางานของพนักงานสอบสวน 3. ประชาชนจะได้รับความสะดวกในการไปแจ้งความร้องทุกข์หรือกล่าวโทษยังสถานีตารวจ ท่ีใดก็ได้ โดยให้พนักงานสอบสวนในทุกท้องที่มีหน้าที่และอานาจรับคาร้องทุกข์หรือคากล่าวโทษที่มีผู้ร้องทุกข์หรือ กลา่ วโทษตอ่ ตน ณ ทท่ี าการที่ตนปฏิบัตหิ น้าที่อยู่ ไมว่ ่าเหตจุ ะเกดิ ขึ้นในท้องท่ีใด อย่างไรก็ตาม เมื่อคณะกรรมาธิการฯ ได้ศึกษาร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวแล้ว เห็นว่า การ ปฏิรูปกระบวนการสอบสวนทางอาญาควรพิจารณาหลักการว่า “ ต้องให้ความจริงท้ังหมดเข้าสู่การพิจารณาในช้ันศาล และพยานหลักฐานต้องเข้าสู่การพิจารณาของเจ้าหน้าที่ท่ีเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมโดยไม่ถูกบิดเบือนหรือแก้ไข อีกท้งั ผบู้ ังคับใช้กฎหมายต้องปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเสมอภาค และเอ้ืออานวยให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ได้โดยสะดวก ซ่ึงแท้จริงแล้ว ปัญหาในกระบวนการสอบสวนทางอาญาเกิดขึ้นจากการที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่นใน กระบวนการยุติธรรม การปฏิรูปกระบวนการสอบสวนทางอาญา จึงควรให้ความสาคัญกับการรวบรวมพยานหลักฐานโดย ต้องมีความถูกต้อง และครบถ้วนสมบูรณ์ และการกาหนดให้พนักงานอัยการมีบทบาทในการเป็นผู้ช่วยเหลือการทางาน ของพนักงานสอบสวนน้ันเป็นความไม่เข้าใจระบบกฎหมายอย่างย่ิง เพราะตามมาตรฐานสากลตารวจต้องเป็นผู้ช่วยและ ปฏิบัติตามคาส่ังพนักงานอัยการในการรวบรวมพยานหลักฐานเพ่ือให้พนักงานอัยการได้พยานหลักฐานที่แท้จริงไป ดาเนินคดีในชั้นศาล โดยพนักงานอัยการจะทาหน้าที่ตรวจสอบการรวบรวมพยานหลักฐานของตารวจตั้งแต่ในที่เกิดเหตุ ใหค้ รบถว้ นเพื่อความรอบคอบและเพ่ือป้องกันการบิดเบือนทาลายพยานหลักฐานไปในคราวเดียวกัน เปน็ ต้น ดังน้ัน เม่ือพิจารณาถึงสภาพปัจจุบัน พบว่า มีการออกกฎหมายอาญาอยู่ในรูปแบบของ พระราชบัญญัติอ่ืน ๆ จานวนมาก คณะกรรมาธิการฯ จึงเห็นควรนาสาระสาคัญของร่างพระราชบัญญัติการสอบสวน คดีอาญา พ.ศ. ... ไปปรับปรุงหรือแก้ไขเพ่ิมเติมในร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. …. เน่ืองจากการออกกฎหมายหลายฉบับท้ังพระราชบัญญัติและประมวลกฎหมายอาจทาให้ ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการเขา้ ถึงกระบวนการยตุ ิธรรม (๒) บทวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... ของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ดา้ นกระบวนการยตุ ธิ รรม ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. .... ของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม สามารถสรุปสาระสาคัญของ ร่างพระราชบัญญัติดังกลา่ วไดด้ งั น้ี ๑. ห้ามนาผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาออกแถลงข่าวหรือจัดให้บุคคลดังกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อ ส่ือมวลชน เพ่ือเคารพศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ และไม่สร้างความเสียหายแก่บุคคลเกินสมควรเมื่อเทียบกับความ จาเปน็ ของรัฐ
๘ ๒. ในกรณีท่ีผู้ต้องหาหรือจาเลยหลบหนีในระหว่างปล่อยตัวชั่วคราว มิให้นับระยะเวลาที่ ผู้ต้องหาหรือจาเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ และกาหนดโทษของผู้ต้องหาหรือจาเลยท่ีหลบหนีใน ระหวา่ งปลอ่ ยตัวช่ัวคราว ๓. กาหนดใหส้ ามารถร้องทุกขน์ อกเขตอานาจของพนกั งานสอบสวนท่ีรับคาร้องทกุ ขไ์ ด้ และ ให้พนกั งานสอบสวนสง่ คาร้องทกุ ขด์ ังกล่าวไปยังพนักงานสอบสวนทีม่ ีอานาจโดยเร็ว ๔. กาหนดให้มีการร่วมสอบสวนระหว่างพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการในคดี บางประเภท ๕. ในคดีท่ีพนักงานสอบสวนไม่รับคาร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ เม่ือผู้เสียหายหรือผู้กล่าวหา ร้องขอ พนักงานอัยการท่ีมีเขตอานาจในการสอบสวนคดีอาจแจ้งพนักงานสอบสวนดาเนินการตามอานาจหน้าท่ี หรอื รบั ทาการสอบสวนเอง โดยอาจแจ้งให้พนกั งานสอบสวนเข้ารว่ มทาการสอบสวนคดีน้ันได้ ๖. กาหนดให้พนักงานสอบสวนจัดให้มีการบันทึกภาพและเสียงซึ่งสามารถนาออกถ่ายทอด ได้ อย่างต่อเน่ืองไว้ ในการถามคาให้การหรือสอบปากคาผู้ต้องหาในคดีท่ีมีข้อหาความผิดซ่ึงกฎหมายกาหนดอัตรา โทษอยา่ งตา่ ไวใ้ หจ้ าคกุ ตงั้ แตห่ า้ ปขี ้ึนไปหรอื โทษสถานที่หนักกว่านนั้ ๗. กาหนดให้พนกั งานสอบสวนอาจเสนอความเห็นต่อพนักงานอัยการในการกันผู้ต้องหาคน หนึ่งคนใดไว้เป็นพยาน หรือในกรณีที่พนักงานอัยการเห็นสมควร เพ่ือเป็นการตรวจสอบถ่วงดุลการสอบสวน และ เพ่ือให้มีพยานหลักฐานนาไปสู่การดาเนินคดีกับผ้รู ่วมกระทาความผิดคนอื่นทไ่ี ด้กระทาความผิดท่ีมีอัตราโทษสูงกวา่ ผบู้ งการหรือตวั การสาคญั ๘. ให้พนักงานสอบสวนสง่ สานวนการสอบสวนไปยงั พนกั งานอัยการในกรณีอัตราโทษอยา่ ง สูงเกินกว่าหกเดือนแต่ไม่ถึงสบิ ปี หรือปรบั เกนิ กว่าหา้ ร้อยบาท หรือท้ังจาท้ังปรบั ใหส้ ง่ สานวนไม่น้อยกว่าสบิ สองวัน ก่อนวนั ครบกาหนดขังผตู้ อ้ งหาครั้งสดุ ทา้ ย และในกรณีอตั ราโทษอยา่ งสงู ต้ังแตส่ ิบปีข้นึ ไป จะมโี ทษปรบั ด้วยหรือไม่ก็ ตาม ให้ส่งสานวนไม่น้อยกว่าย่ีสิบสี่วันก่อนครบกาหนดขังผู้ต้องหาคร้ังสุดท้าย เพ่ือให้สามารถดาเนินคดีได้อย่างมี ประสิทธภิ าพมากยิง่ ข้ึน ๙. ให้พนักงานอัยการมีอานาจส่ังให้พนักงานสอบสวนดาเนินคดีกับบุคคลอ่ืนที่มีส่วนรว่ มใน การกระทาความผิดหรือท่ีมีส่วนเก่ียวข้องกับการกระทาความผิดของผู้ต้องหา และกาหนดให้ในกรณีปรากฏ พยานหลักฐานและขอ้ เท็จจริงในสานวนหรือผู้มสี ว่ นไดเ้ สียร้องขอโดยมีพยานหลักฐานว่ามีบุคคลอื่นมีสว่ นร่วมในการ กระทาความผิดในสานวนใด ให้พนกั งานอัยการมีอานาจสั่งให้พนักงานสอบสวนทาการสอบสวนบุคคลนั้นซ่ึงปรากฏ ตามสานวนวา่ เปน็ ผู้มสี ว่ นรว่ มในการกระทาความผดิ เปน็ ผูต้ อ้ งหาเพม่ิ เติมในสานวนนน้ั ได้ ๑๐. กาหนดหลักเกณฑ์เก่ียวกับการฟ้องและการดาเนินคดีอาญาในกรณีท่ีราษฎรเป็นโจทก์ กรณีใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริตหรือโดยบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อกล่ันแกล้งหรือเอาเปรียบจาเลยหรือโดยมุ่งหวังผล อย่างอนื่ ยง่ิ กวา่ ประโยชน์ทพี่ งึ ไดโ้ ดยชอบ คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาสาระสาคัญของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว สะท้อนให้เห็น ถึงหลักการในการพฒั นากระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ การปฏริ ปู กระบวนการสอบสวนทางอาญา จะต้อง คานึงถึงผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสาคัญ ต้ังแต่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในชั้นต้น ช้ันจับกุม และ การรวบรวมพยานหลักฐาน ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯ จึงเห็นควรให้มีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา โดยคานึงถึงการบูรณาการการปฏิรูปกระบวนการสอบสวนให้รอบด้าน และลดการออก กฎหมายใหมท่ ฟี่ มุ่ เฟือยโดยไม่จาเปน็
๙ ๔..๒.๒ ผลการพิจารณา บทวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัตแิ กไ้ ขเพ่มิ เติมประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่เก่ียวข้องรวมถึงรับฟังความคิดเห็นจาก หน่วยงานต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรม เห็นควรมีการปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยให้ความสาคัญกับการปฏิรูปกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญาในช้ันสอบสวน มุ่งเน้นในด้านกระบวนการสอบสวน ทางอาญาระหว่างพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนควรเป็นกระบวนการเดียวกันท่ี พนักงานอัยการสามารถ ตรวจสอบถ่วงดุลการรวบรวมพยานหลักฐานช้ันต้นของพนักงานสอบสวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังน้ัน พนักงาน อัยการควรเข้ามามีบทบาทท่ีสาคัญตั้งแต่ข้ันตอนแรกในกระบวนการสอบสวน ภายใต้หลักการท่ีว่า “ต้องให้ความ จริงทั้งหมดเข้าสู่การพิจารณาในชัน้ ศาล และพยานหลักฐานทั้งหมดตอ้ งเข้าสูก่ ารพิจารณาของอัยการและเจา้ หน้าท่ี อ่ืน ๆ โดยไม่ถูกบิดเบือนแก้ไขหรือถูกทาลายไป” อีกท้ังผู้บังคับใช้กฎหมายต้องปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเสมอภาค ตามหลักนิติรัฐ (The Rule of Law) และเอื้ออานวยให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวก สอดรับ กบั แนวทางการปฏิรูปของสถาบนั เพ่ือการปฏิรปู กระบวนการยุตธิ รรม (สปยธ.) และผแู้ ทนเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง ผู้แทนสถาบันเพ่ือการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สปยธ.) ได้เสนอแนวทางในการแก้ไข เพ่มิ เตมิ ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา เก่ียวกบั การสอบสวนใหเ้ ปน็ มาตรฐานสากล ดงั นี้ ๑. ในการตรวจค้นและจับบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทาผิดซึ่งหน้า หรือจับตามหมายจับ ต้องการบันทึกภาพและเสียงเป็นหลักฐานทุกคร้ัง เว้นแต่มีเหตุจาเป็นท่ีไม่สามารถกระทาได้ ก็ให้บันทึกเหตุน้ันไว้ให้ ชดั เจน ๒. กระทรวง ทบวง กรมที่เป็นเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบตามกฎหมายใด ให้มีอานาจสอบสวน ความผิดนั้นด้วย โดยไม่ตัดอานาจของพนักงานสอบสวนฝ่ายตารวจหน่วยต่าง ๆ ท่ีจะดาเนินการสอบสวนไปตาม อานาจหน้าที่ของตน ๓. การออกหมายเรียกบุคคลมาแจ้งข้อหา หรือเสนอศาลออกหมายจับ ต้องได้รับความ เห็นชอบจากพนักงานอัยการในการตรวจพยานหลักฐานและแน่ใจว่า เม่ือจับตัวมาแล้ว จะสามารถฟ้องพิสูจน์ ความผิดให้ศาลลงโทษได้เทา่ นนั้ ๔. กรณีมีคนถูกฆ่าตาย ให้พนักงานสอบสวนมีหน้าท่ีรายงานให้พนักงานอัยการ และ นายอาเภอทราบเพอ่ื รว่ มชนั สตู รพลกิ ศพและตรวจทเ่ี กิดเหตขุ ึ้นทุกคดี ๕. คดีท่ีมีโทษจาคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป ให้พนักงานสอบสวนมีหน้าท่ีรายงานให้พนักงานอัยการ ทราบเหตุโดยทันทีเพ่ือตรวจสอบการสอบสวน และหากพนักงานอัยการสั่งการเป็นหลักฐานในสานวนการสอบสวน ไวอ้ ย่างไร ให้มีหนา้ ที่ปฏบิ ตั ติ ามน้ัน ๖. คดีที่มีผู้ร้องเรียนว่า พนักงานสอบสวนไม่รับคาร้องทุกข์ หรือไม่รับคากล่าวโทษ หรือไม่ ได้รับความเป็นธรรมจากการสอบสวน ให้พนักงานอัยการมีอานาจเข้าตรวจสอบการสอบสวน และบันทึกสั่งเป็น หลักฐานใหพ้ นักงานสอบสวนดาเนินการสอบสวนตามกฎหมายให้ครบถ้วน ๗. การสอบปากคาบุคคลไม่ว่าจะเป็นผู้ร้องทุกข์ ผู้กล่าวโทษ พยาน หรือผู้ต้องหา ให้มีการ บนั ทกึ ภาพและเสยี งไว้อยา่ งต่อเนือ่ ง เพอ่ื ให้พนักงานอยั การและศาลสามารถเรยี กตรวจสอบได้เมอื่ จาเปน็ ทุกคดี
๑๐ ผู้แทนชมรมพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง ได้เสนอแนวทางการปฏิรูปการสอบสวน ทางอาญา ดังน้ี ๑. ไม่เหน็ ดว้ ยกับร่างพระราชบญั ญตั ิการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... เนื่องจากจะสง่ ผลกระทบ กบั การทางานของฝ่ายปกครอง และลดอานาจหนา้ ที่ของฝา่ ยปกครองลง ๒. เห็นด้วย กับแนวทางการปฏิรูปการสอบสวนทางอาญา โดยการแก้ไขเพิ่มเติมประมวล กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ๓. ขอให้พิจารณา มาตรา ๑๔๕/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยฝ่าย ปกครองเห็นว่า เป็นการลดอานาจผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง และให้อานาจแก่องค์กรตารวจมากข้ึน ซึ่งจะ เป็นผลเสียตอ่ ระบบถ่วงดลุ อานาจในการพิจารณาคดีอาญา ดังนั้น เมื่อคณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... ในช้ันกฤษฎีกา และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของคณะกรรมการปฏิรปู กระบวนการยตุ ิธรรม และการรบั ฟงั ความคิดเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ ประกอบกับรายงาน การศกึ ษาการปฏริ ปู ระบบสอบสวนคดีอาญาตามมาตรฐานสากล โดย ดร.น้าแท้ มบี ญุ สล้าง และเอกสารทเ่ี กย่ี วข้อง คณะกรรมาธิการฯ จึงได้ยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ขึ้นมาฉบับหนึง่ ท้ังน้ี คณะกรรมาธิการฯ ได้ยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณา ความอาญา (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... เพื่อแกป้ ญั หาการปฏิบตั ิงานต้ังแต่การที่พนกั งานสอบสวนบางส่วนไม่รับคาร้องทุกข์ หรือกล่าวโทษจากประชาชนคนยากจน ไม่มีอานาจหรือด้อยสถานภาพทางสังคม ไม่ออกไปตรวจสถานที่เกิดเห ตุ หรือไปตรวจสถานท่ีเกิดเหตุล่าช้า มีการเลือกปฏิบัติในการให้บริการ การทาสานวนล่าช้า และไม่แจ้งความคืบหน้า ทางคดีให้ผเู้ สยี หายทราบ ซง่ึ จากสภาพปญั หาดงั กล่าว จาเป็นต้องมกี ารปฏริ ูปวธิ ีปฏบิ ตั งิ านสอบสวนในดา้ นกฎหมาย เพื่อพัฒนากลไกในการปฏิบัติงาน การนาเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทางานและการให้บริการ ประชาชน ดังนั้น จึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขเพ่ิมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยอาศัย หลักการให้พนักงานอัยการเข้าทาการตรวจสอบการสอบสวน เพื่อให้ทางเลือกแก่ประชาชนและได้รับการอานวย ความยุติธรรมจากกระบวนการสอบสวนอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว เป็นธรรม และมีความเป็นสากล โดยมี สาระสาคญั ดังน้ี ๑. มาตรา ๓ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๓/๑ และมาตรา ๑๓/๒ แห่งประมวลกฎหมาย วธิ ีพจิ ารณาความอาญา เป็นดงั นี้ “มาตรา ๑๓/๑ ในการจับหรือค้น ให้เจา้ พนักงานผจู้ ับหรือค้นจัดให้มีการบันทึกภาพและเสียง ซ่ึงสามารถนาออกถ่ายทอดได้อย่างต่อเน่ืองไว้ เว้นแต่เป็นกรณีเร่งด่วนหรือมีเหตุจาเป็นอ่ืนอันไม่อาจดาเนินการได้ ก็ให้ เจ้าพนักงานน้ันบนั ทกึ เหตุดังกล่าวไวเ้ ป็นหลักฐานในบนั ทึกการจับหรือบนั ทกึ การคน้ แลว้ แตก่ รณี ภาพและเสียงอนั ได้จากการจับกุมหรือตรวจค้น หา้ มมใิ หเ้ ผยแพรต่ ่อสาธารณชน” “มาตรา ๑๓/๒ ในช้ันจับกุมหรือระหว่างสอบสวน ห้ามมิให้เจ้าพนักงานนาผู้ถูกจับหรือ ผตู้ ้องหาออกแถลงขา่ วหรอื จัดให้บคุ คลดังกลา่ วใหส้ ัมภาษณต์ ่อสื่อมวลชน ห้ามมิให้เจ้าพนักงานตามวรรคหน่ึงเผยแพร่ภาพหรือเสียงของผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาต่อ สาธารณชนหรอื ยินยอมให้บุคคลซงึ่ มิใช่เจา้ หน้าทีบ่ ันทกึ ภาพหรือเสียงของผถู้ ูกจับหรือผตู้ ้องหาหรอื กระทาการอ่ืนใด อันมลี ักษณะเปน็ การประจานผถู้ กู จับหรอื ผู้ต้องหา”
๑๑ ประเด็นการพจิ ารณาของคณะกรรมาธกิ าร คอื ๑. เพ่ือให้การจับและการค้นมพี ยานหลกั ฐานเปน็ ภาพและเสยี ง เป็นหลักประกนั ว่าเจ้าพนักงาน ได้ปฏิบตั ิไปโดยชอบตามกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้ ๒. เพ่ือเป็นหลักประกันว่าผูต้ ้องหาไม่ถูกละเมิดสิทธแิ ละกระทาการอ่ืนใดอันมีลักษณะเป็นการ ประจาน ๓. การบันทึกภาพและเสียงมาตรา ๑๓/๑ ระบุถึงการจับหรือค้น โดยให้เจ้าพนักงานผู้จับหรือ ค้นจัดให้มีการบันทึกภาพและเสียงซึ่งสามารถนาออกถ่ายทอดได้อย่างต่อเนื่องไว้ อาจเป็นเหตุให้ภาพและเสียงท่ีบันทึก ดงั กล่าวถกู เผยแพรส่ สู่ าธารณะได้ ด้วยเหตนุ ้จี งึ จาเป็นตอ้ งเพิ่มข้อความในวรรคสองดงั กลา่ ว ๔. มาตรา ๑๓/๒ เป็นบทบัญญัติที่ตราข้ึนเพื่อห้ามมิให้มีการเผยแพร่ภาพหรือเสียงของผู้ถูก จบั หรอื ผู้ตอ้ งหาอันมีลักษณะเป็นการประจาน โดยอา้ งว่ามีความจาเปน็ หรือเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนหรือติดตาม จบั กุม ๒. มาตรา ๔ ให้แก้ไขวรรคท่ีหน่ึงของมาตรา ๘๔ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา เป็นดงั น้ี “มาตรา ๘๔ เจ้าพนักงานหรือราษฎรผู้ทาการจับต้องเอาตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทาการของ พนกั งานสอบสวนตามมาตรา 83 และแจ้งพนกั งานอัยการมาตรวจสอบการจบั กุมโดยทันที และเมือ่ ถงึ ท่นี ั้นแลว้ ให้ ส่งตัวผู้ถูกจับแก่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจของที่ทาการของพนักงานสอบสวนดังกล่าว เพื่อดาเนินการ ดังต่อไปน้ี...” ประเด็นการพจิ ารณาของคณะกรรมาธกิ ารฯ คอื แมป้ ระมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญาจะบัญญตั ิใหผ้ จู้ ับกุมนาตัวผู้ถูกจบั ไปสถานตี ารวจ ทันที แต่หากเจ้าหน้าท่ีกลับนาตัวผู้ถูกจับไปซ้อมทรมานก็ไม่มีระบบตรวจสอบที่จะช่วยผู้ถูกจับได้ทันทีและไม่มีระบบที่ จะรวบรวมพยานหลักฐานเพ่ือดาเนินคดีเจ้าหน้าที่ท่ลี ะเมิดทาร้ายประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมาธิการฯ เหน็ ว่า เพื่อให้เป็นไปตามหลักการให้พนักงานอัยการเข้าทาการตรวจสอบการสอบสวน จึงเห็นควรให้พนักงานอัยการมา ตรวจสอบการจับกุมทันที ท้ังน้ี เพอ่ื ให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรภี าพและไดร้ ับความยุตธิ รรมจากกระบวนการ สอบสวนอยา่ งแท้จริง ๓. มาตรา ๕ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๑๗/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา เป็นดังน้ี “มาตรา ๑๑๗/๑ ในกรณีที่ผ้ตู ้องหาหรอื จาเลยหลบหนีไปในระหว่างไดร้ ับอนุญาตให้ปล่อย ชั่วคราว มิให้นับระยะเวลาท่ีผู้ต้องหาหรอื จาเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ หรือระยะเวลาการควบคมุ ตัวตามกฎหมาย ในกรณีมีคาพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจาเลย ถ้าจาเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคา พพิ ากษาถึงทส่ี ุดให้ลงโทษ มใิ หน้ าบทบัญญตั ิมาตรา ๙๘ แหง่ ประมวลกฎหมายอาญามาใช้บงั คบั ” ประเด็นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ คอื คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า เน่ืองจากมีการหลบหนี นอกจากหลบหนีไปในระหว่างได้รับ อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้ว อาจเกิดกรณีการหลบหนีระหว่างท่ียังไม่ครบระยะเวลาฝากขังหรือระยะเวลาการ ควบคุมตัวด้วยเช่นกัน จึงมีความจาเป็นต้องบัญญัติเพ่ิมเติมว่า “ระยะเวลาการควบคุมตัวตามกฎหมาย” ในมาตรา ๑๑๗/๑ วรรคหนึง่ ตอนท้าย เพื่ออดุ ช่องว่างของกฎหมายดงั กล่าว
๑๒ ๔. มาตรา ๖ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๒๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๑๒๑/๑ ในคดีดังต่อไปนี้ ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้พนักงานอัยการเข้า ตรวจสอบการสอบสวนกบั พนกั งานสอบสวน (๑) คดที ี่มอี ตั ราโทษจาคุกตง้ั แตห่ ้าปขี ้ึนไป (๒) คดที ่ีผูม้ ีส่วนไดเ้ สียในคดีรอ้ งขอ (๓) คดีอ่ืนตามทีก่ าหนดไว้ในกฎกระทรวงหรอื ขอ้ บังคับของสานกั งานอยั การสงู สดุ เม่ือไดร้ บั แจง้ ตามวรรคหนง่ึ หากพนกั งานอยั การเห็นสมควร ใหพ้ นกั งานอยั การเขา้ ทาการ ตรวจสอบการสอบสวนหรือตรวจสอบพยานหลักฐานตั้งแตช่ ้ันเร่มิ การสอบสวน โดยให้พนักงานสอบสวนปฏิบัตติ าม คาสงั่ ของพนักงานอยั การในเรื่องทเี่ ก่ยี วกบั การสอบสวนคดนี ั้น หลักเกณฑ์และวิธีการในการดาเนินการตามวรรคหน่ึงและวรรคสอง ให้เป็นไป ตามท่ี กาหนดไว้ในกฎกระทรวงหรอื ข้อบงั คับของสานกั งานอยั การสงู สุด ในระหวา่ งท่พี นักงานอัยการยังมิได้เข้าทาการตรวจสอบการสอบสวน ให้พนกั งานสอบสวน มอี านาจสอบสวนไปพลางก่อน และถือวา่ การสอบสวนดงั กล่าวชอบดว้ ยกฎหมาย การสอบสวนตามมาตราน้ี ใหพ้ นักงานสอบสวนเป็นพนักงานสอบสวนผูร้ บั ผดิ ชอบ” ประเด็นการพิจารณาของคณะกรรมาธกิ ารฯ คอื ๑. คณะกรรมาธกิ ารฯ เหน็ ควร ให้พนกั งานอยั การรเู้ หน็ พยานหลักฐานในการสอบสวนกับ พนักงานสอบสวนโดยการเข้าตรวจสอบการสอบสวนโดยทันที เพ่ือให้เกิดความเป็นธรรมป้องกันการผูกขาดหรือ บิดเบือนทาลายพยานหลักฐานตามอาเภอใจ อันเป็นเจตนารมณ์ของคณะกรรมาธิการฯ ที่ต้องการให้พนักงาน อัยการสามารถได้รับความจริงแห่งคดีอย่างครบถ้วนจึงเห็นควรให้อัยการเข้าไปดาเนินการตรวจสอบการรวบรวม พยานหลักฐานและตรวจสอบการสอบสวนต้ังแต่เริ่มคดี รวมถึงการตรวจพยานหลักฐานในสานวนการสอบสวน เพอื่ ให้สานวนการสอบสวนถกู ตอ้ ง ครบถว้ นและเปน็ ธรรม ๒. คณะกรรมาธกิ ารฯ เหน็ ควร กาหนดบทบญั ญัติ มาตรา ๑๒๑/๑ (๒) เป็น “คดที ีผ่ ูม้ ีสว่ น ได้เสียในคดีร้องขอ” เน่ืองจากต้องการให้ประชาชนหรือผู้มีส่วนได้เสียได้รับความเป็นธรรมจากการสอบสวนของ พนักงานสอบสวน โดยให้พนักงานอัยการเข้าตรวจสอบการสอบสวนและพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน เพื่อใหเ้ กิดความรอบคอบตลอดจนได้พยานหลกั ฐานครบถว้ นสมบูรณ์ตามความจริงตั้งแต่เริ่มตน้ คดี ๓. คณะกรรมาธิการฯ เห็นควร กาหนดบทบัญญัติ มาตรา ๑๒๑/๑ (๓) คดีอ่ืนตามท่ี กาหนดไว้ในกฎกระทรวงหรือข้อบังคับของสานักงานอัยการสูงสุด เนื่องจากต้องการเปิดกว้างให้คดีตามมาตรา ๑๒๑/๑ (๓) ซึ่งเป็นคดีที่อาจมีปัญหาในอนาคต ซึ่งจะสามารถกาหนดโดยกฎกระทรวงและข้อบังคับของสานักงาน อัยการสูงสุดได้ ๔. คณะกรรมาธิการฯ เห็นควร กาหนดบทบัญญัติ มาตรา ๑๒๑/๑ วรรคสอง เพื่อให้ พนักงานอัยการได้รับรู้พยานหลักฐานจากการสอบสวนพร้อมกับพนักงานสอบสวน รวมทั้งให้คาแนะนาหรือสั่งการ สอบสวนได้ตั้งแต่เริ่มคดี เพ่ือให้การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเป็นไปอย่างครบถ้วน เกิดความยุติธรรมอย่าง แทจ้ ริง ๕. คณะกรรมาธิการฯ เห็นควร กาหนดบทบัญญัติ มาตรา ๑๒๑/๑ วรรคสาม เพื่อให้ อัยการสูงสุดสามารถกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาของการสอบสวนในคดีบาง ประเภทท่ีอาจเกดิ ขึน้ ในอนาคต
๑๓ ๕. มาตรา ๗ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๒๑/๒ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา เป็นดังน้ี “มาตรา ๑๒๑/๒ ในคดีท่ีพนักงานสอบสวนไม่รับคาร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ หรือสอบสวน ล่าช้าเมื่อผู้เสียหาย หรือผู้กล่าวหา หรือผู้ต้องหาร้องขอพนักงานอัยการที่มีเขตอานาจอาจแจ้งให้พนักงานสอบสวน พิจารณาดาเนนิ การตามอานาจหน้าที่ หรอื อาจรับทาการสอบสวนเองก็ไดต้ ามท่เี ห็นสมควร ในกรณีท่ีพนักงานอัยการรับทาการสอบสวนตามวรรคหน่ึง ให้พนักงานอัยการมีอานาจ หน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานสอบสวนและเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ โดยอาจแจ้งให้พนักงานสอบสวน เข้าร่วมทาการสอบสวนได้ ทั้งนี้ ให้พนักงานอัยการเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจชั้นผู้ใหญ่ โดยในการค้น การจับ และการคุมขัง อาจร่วมกับเจ้าพนักงานตารวจ หรือเจ้าพนักงานอื่น หรือแจ้งให้เจ้าพนักงานตารวจ หรือ เจา้ พนกั งานอื่นดาเนนิ การก็ได้” การสอบสวนตามมาตรานใี้ หพ้ นักงานอัยการเป็นพนักงานสอบสวนผรู้ ับผิดชอบ เมื่อพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบในการสอบสวนเห็นว่าการสอบสวนเส ร็จส้ินแล้วให้ทา ความเห็นตามมาตรา ๑๔๐ มาตรา ๑๔๑ หรอื มาตรา ๑๔๒ พร้อมเสนอสานวนไปยังพนักงานอัยการซงึ่ มีอานาจตาม มาตรา ๑๔๓ และมาตรา ๑๔๔” ประเดน็ การพจิ ารณาของคณะกรรมาธิการฯ คือ คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องพนักงานสอบสวนไม่รับคาร้องทุกข์หรือ คากล่าวโทษออกเลขคดีอาญาเข้าสาระบบราชการ หรือไม่ได้ดาเนินการสอบสวนตามกฎหมาย ก่อให้เกิดความ เดือดร้อนต่อประชาชน และเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง จึงควรเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถ รอ้ งทกุ ข์หรือกลา่ วโทษตอ่ พนักงานอยั การที่มเี ขตอานาจดาเนินการสอบสวนแทนได้ ๖. มาตรา ๘ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคท้ายของมาตรา 123 แห่งประมวลกฎหมาย วิธีพจิ ารณาความอาญา เป็นดงั น้ี “การร้องทุกข์ตามวรรคหนึ่ง ผู้เสียหายสามารถร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในเขตท้องที่ ใดก็ได้ ถ้าความผิดท่ีร้องทุกข์มิได้อยู่ในเขตอานาจของพนักงานสอบสวนน้นั ก็ให้รีบจัดการส่งคาร้องทุกข์ดังกล่าวไป ยงั พนักงานสอบสวนท่มี ีอานาจโดยเร็ว” ประเดน็ การพจิ ารณาของคณะกรรมาธกิ ารฯ คือ คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า การเพ่ิมความในวรรคท้ายของมาตรา ๑๒๓ เพื่อให้ประชาชน ไดร้ ับความสะดวกในการรอ้ งทกุ ข์หรือกล่าวโทษ ใหร้ ฐั ดาเนินคดกี บั ผู้กระทาผดิ โดยไมจ่ าเป็นต้องแจง้ ความ ณ สถานี ตารวจทเี่ กดิ เหตุเช่นปัจจบุ นั ซ่ึงก่อใหเ้ กิดความสับสนและความไม่สะดวกต่อประชาชนอยา่ งยิ่ง ๗. มาตรา ๙ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๒๔/๒ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา เปน็ ดังน้ี “มาตรา 124/2 การยื่นหรือส่งคาร้องทุกข์ในลักษณะน้ีอาจดาเนินการโดยทางไปรษณีย์ อเิ ลก็ ทรอนิกสห์ รอื สอ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศอื่นใดก็ได้ ทงั้ น้ี ตามหลกั เกณฑ์และวิธีการที่ได้กาหนดไวใ้ นกฎกระทรวง”
๑๔ ประเด็นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ คอื คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า คาร้องทุกข์หรือคากล่าวโทษ รวมทั้งเอกสาร หลักฐานต่าง ๆ ที่ เก่ียวข้อง ปัจจุบันสามารถส่งทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือส่ือเทคโนโลยีสารสนเทศอ่ืนด้วยความสะดวกเป็นการลด ภาระของประชาชนในการที่ต้องเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน เพ่ือย่ืนคาร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือหลักฐานเอกสาร ต่าง ๆ เกี่ยวกบั คดี ซ่ึงอาจอยู่ห่างไกล ๘. มาตรา ๑๐ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๓๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๑๓๖ การถามคาให้การหรือสอบปากคาผู้ร้องทุกข์ ผู้กล่าวโทษ และผู้ต้องหาใน คดีที่มีข้อหาความผิดซึ่งกฎหมายกาหนดอัตราโทษอย่างต่าไว้ให้จาคุกต้ังแต่ห้าปีข้ึนไป ให้พนักงานสอบสวนจัดให้มี การบันทึกภาพและเสียงซ่ึงสามารถนาออกถ่ายทอดได้อย่างต่อเน่ืองไว้ เว้นแต่เป็นกรณีเร่งด่วนหรือมีเหตุจาเป็นอน่ื อันไมอ่ าจดาเนนิ การได้ ก็ใหพ้ นักงานสอบสวนน้นั บนั ทึกเหตดุ งั กลา่ วไว้เปน็ หลกั ฐานในสานวนการสอบสวน” ประเด็นการพจิ ารณาของคณะกรรมาธกิ ารฯ คือ คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า การบันทึกภาพและเสียงในการสอบปากคาบุคคลเป็นหัวใจ สาคัญในการรวบรวมพยานหลักฐาน การพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธ์ิของผู้ต้องหาในคดีอาญา จึงจาเป็นต้อง สร้างหลักประกันว่าได้บันทึกอย่างครบถ้วนถูกต้อง ไม่ผิดพลาด หรือคลาดเคล่ือนไปจากการให้ถ้อยคาของบุคคล รวมทั้งอาจบันทึกไปโดยไม่สุจริตผิดไปจากข้อเท็จจริงในการให้การ รวมท้ังสมควรเพ่ิมให้ครอบคลุมถึงผู้ร้องทุกข์ และผู้กล่าวโทษดว้ ย ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม เพ่อื ให้สอดคล้องกับบทบญั ญัตใิ นมาตรา ๑๓/๑ ที่วา่ “การจับ การ ค้น ให้เจา้ พนกั งานจับหรือค้น จดั ใหม้ กี ารบนั ทึกภาพและเสยี ง ซ่งึ สามารถถา่ ยทอดได้อย่างต่อเนื่อง โดยมไิ ด้กาหนด อัตราโทษขั้นต่าไว้แต่อย่างใด” ทั้งนี้ การสอบปากคา ผู้ต้องหา หรือ ผู้เสียหายก็มีความสาคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า การจับและการค้น ฉะนั้น เพ่ือให้เกิดการสอดคล้องกับบทบัญญัติในมาตรา ๑๓/๑ ดังกล่าว จึงสมควรท่ีจะตัด ข้อความว่า “ ในคดีท่ีมีข้อหาความผิดซ่ึงกฎหมายกาหนดอัตราโทษอย่างต่าไว้ให้จาคุกต้ังแต่ห้าปีขึ้นไป” ออกจาก มาตรา ๑๓๖ ดังกล่าว นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ เห็นควรเพิ่ม “ ผู้ร้องทุกข์ ผู้กล่าวโทษ ” ในมาตรา ๑๓๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพ่ือให้มีการบันทึกภาพและเสียงในการสอบปากคาผู้ร้องทุกข์ ผู้กล่าวโทษด้วย โดยกาหนดอัตราโทษข้ันต่าไว้เพียง “จาคุกตั้งแต่ห้าปีข้ึนไป” เพ่ือประโยชน์แห่งความยุติธรรมต่อ ประชาชน ๙. มาตรา 1๑ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๓๖/1 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา เป็นดังน้ี “มาตรา 136/1 ในคดีความผิดที่กฎหมายกาหนดอัตราโทษอย่างต่าไว้ให้จาคุกต้ังแต่สิบปี ขึน้ ไปหรือคดีท่ีมีความสาคัญโดยประการอื่น และพนกั งานสอบสวนเห็นว่า ข้อเทจ็ จริงในคดีมีความสลับซบั ซ้อนและ ยากลาบากต่อการแสวงหาพยานหลักฐานเพ่ือพิสูจน์ถึงการกระทาความผิด หากปรากฏว่ามีผู้ต้องหาคนหน่ึงคนใดให้ การรับสารภาพและให้ข้อมูลสาคัญอันเป็นประโยชน์ต่อการดาเนินคดีหรือพิสูจน์ความผิดของผู้บงการหรือผู้กระทา ความผิดอ่ืนซึ่งเป็นตัวการสาคัญ พนักงานสอบสวนอาจเสนอความเห็นต่อพนักงานอัยการว่าควรกันผู้ต้องหานั้นไว้
๑๕ เปน็ พยานในการดาเนนิ คดีกบั ผบู้ งการ หรือผู้กระทาความผิดอนื่ น้นั ซึ่งเปน็ ตัวการสาคัญเมื่อพนักงานอัยการเห็นชอบ ใหจ้ ดั การดังต่อไปนี้ (๑) ให้พนักงานสอบสวนส่งสานวนการสอบสวนผู้ต้องหาน้ันไปยังพนักงานอัยการ เพื่อฟอ้ งตอ่ ศาล (๒) ให้พนักงานอัยการบรรยายฟ้องใหศ้ าลทราบด้วยว่า จาเลยจะเป็นพยานสาคัญในคดีที่ จะฟ้องผบู้ งการ ตัวการสาคญั หรือผู้รว่ มกระทาความผดิ คนอ่นื (๓) ให้ศาลรอการกาหนดโทษจาเลยผู้นั้นไว้ก่อน จนกว่าจาเลยน้ันจะไปเป็นพยานในคดีที่ ผู้บงการ ตัวการสาคัญ หรือผู้ร่วมกระทาความผิดคนอ่ืนถูกฟ้องเป็นจาเลยแล้ว และหากศาลเห็นว่าคาเบกิ ความของ จาเลยนนั้ เป็นข้อมลู สาคัญและเป็นประโยชน์อยา่ งย่ิงจนส่งผลให้ศาลในคดดี ังกลา่ วสามารถพิจารณาพิพากษาลงโทษ บคุ คลเหลา่ นั้นได้ ศาลจะลงโทษจาเลยผนู้ น้ั นอ้ ยกวา่ อตั ราโทษขั้นต่าท่ีกาหนดไวส้ าหรบั ความผดิ นั้นกไ็ ด้ ในกรณที พี่ นักงานอยั การเห็นสมควรให้กนั ผู้ต้องหาเป็นพยานให้นาความในวรรคหนึ่งมาใช้ บังคบั โดยอนุโลม” ประเดน็ การพจิ ารณาของคณะกรรมาธกิ ารฯ คอื คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า บทบัญญัติน้ีเป็นหลักการที่ถูกต้องในเรื่องหลักความรับผิดทาง อาญาที่ผู้กระทาผิดต้องถูกลงโทษตามพฤติการณ์แห่งการกระทาความผิดและความสานึกต่อการกระทาน้ัน โดยให้ การกันบุคคลผู้ร่วมกระทาผิดเป็นพยานกระทาได้เท่าท่ีจาเป็นอย่างแท้จริง เพ่ือประโยชน์ท่ีสาคัญกว่าของรัฐในกา ร ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมท่ีสาคัญและมีความสลับซับซ้อน โดยผ่านความเห็นชอบจากพนักงานอัยการ และนาเสนอขอ้ เท็จจริงนัน้ ต่อศาลในการพิจารณาลงโทษจาเลยผู้ถูกฟ้องคดีและเปน็ พยานในคดนี ั้น และมเี งอ่ื นไขใน การลดโทษหลังจากศาลรอการกาหนดโทษ คือ คาเบิกความของจาเลยเป็นประโยชน์อย่างย่ิงจนส่งผลให้ศาลลงโทษ ผู้กระทาผิดท่เี ป็นตวั การสาคัญได้ โดยศาลจะลงโทษผู้กระทาผิดทีใ่ ห้การเปน็ พยานนั้นน้อยกวา่ อัตราโทษขนั้ ต่าก็ได้ ๑๐. มาตรา 1๒ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๔๒/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา เปน็ ดงั นี้ “มาตรา 142/1 ให้พนักงานสอบสวนส่งสานวนการสอบสวนในกรณีผู้ต้องหาถูกขังอยู่ ตามมาตรา ๑๔๒ วรรคสามไปยงั พนกั งานอยั การ ดงั นี้ (1) ในกรณีความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงเกินกว่าหกเดือนแต่ไม่ถึงสิบปี หรือปรับ เกินกวา่ ห้าร้อยบาท หรือทั้งจาทัง้ ปรับ ให้ส่งสานวนไม่นอ้ ยกว่าสิบสองวันก่อนวันครบกาหนดขังผู้ต้องหาคร้ังสดุ ท้าย (2) ในกรณีความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป จะมีโทษปรับด้วยหรือ ไม่กต็ าม ให้สง่ สานวนไม่นอ้ ยกวา่ ย่สี บิ สีว่ ันก่อนวันครบกาหนดขงั ผู้ตอ้ งหาครงั้ สุดท้าย ในกรณีท่ีมีเหตุขัดข้องอันสาคัญและจาเป็นท่ีไม่สามารถทาการสอบสวนเสร็จสิ้นภายใน ระยะเวลาตามวรรคหน่ึง หรือมีเหตุอ่ืนใดที่ทาให้ระยะเวลาในการขังผู้ต้องหาเปลี่ยนแปลงไป ให้พนักงานสอบสวน รีบแจ้งไปยังพนักงานอัยการเพื่อเข้าทาการตรวจสอบการสอบสวนทันที และขอคาแนะนาในการดาเนินคดีดังกล่าว เพื่อให้สามารถดาเนินการส่งสานวนการสอบสวนไดอ้ ย่างครบถ้วนโดยเรว็ ” ประเดน็ การพจิ ารณาของคณะกรรมาธิการฯ คอื คณะกรรมาธิการฯ เห็นวา่ เป็นบทบัญญตั ิทีด่ ีระดบั หนึง่ ในการแก้ปัญหาพนกั งานสอบสวน สรุปสานวนเสนอพนักงานอัยการใกล้ครบเวลาผัดฟ้องฝากขังคร้ังสุดท้าย ซึ่งทาให้พนักงานอัยการไม่มีเวลาเพียงพอ ในการตรวจพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนสั่งคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่ังฟ้องหรือกรณีมีความจาเป็นต้องส่ังสอบ
๑๖ เพิ่มเติมก็ไม่มีเวลาเพียงพอท่ีจะดาเนินการให้ความเป็นธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพแท้จริง ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อการส่ังคดขี องพนกั งานอัยการสร้างความเดือดร้อนและไม่เป็นธรรมต่อประชาชนตลอดมา ๑๑. มาตรา 1๓ ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๔๓/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา เปน็ ดังน้ี “มาตรา 143/1 ในกรณีปรากฏพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงในสานวนหรือผู้มีส่วน ได้เสียร้องขอโดยมีพยานหลักฐานว่ามีบุคคลอื่นมีส่วนร่วมในการกระทาความผิดในสานวนใด หรือกระทาความผิด ฐานอื่น ให้พนักงานอัยการมีอานาจสั่งให้พนักงานสอบสวนทาการสอบสวนบุคคลนั้นซ่ึงปรากฏตามสานวนว่าเป็น ผู้มีส่วนร่วมในการกระทาความผิดหรือกระทาความผิดฐานอ่ืนเป็นผู้ต้องหาเพ่ิมเติมในสานวนน้ันหรือเป็นอีกสานวน หน่ึงแลว้ แต่กรณี” ประเด็นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ คอื คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาแล้ว เห็นว่า เป็นบทบัญญัติท่ีเป็นประโยชน์ต่อการดาเนินคดี กับผู้ร่วมกระทาความผิดคนอื่น ซ่ึงพนักงานสอบสวนอาจละเลยหรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต ไม่ดาเนินการแจ้ง ขอ้ หาสอบสวนดาเนนิ คดี โดยให้พนักงานอัยการมีอานาจสั่งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบดาเนินคดีกับผู้รว่ มกระทา ความผิดดังกลา่ วได้ ๑๒. มาตรา 1๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 143/2 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา เปน็ ดังน้ี “มาตรา 143/2 ในกรณีพนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนดาเนินการสอบสวน เพิ่มเติมตามมาตรา 143 วรรคสอง (ก) น้ัน หากพนักงานสอบสวนไม่ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมภายในกาหนด ระยะเวลา และเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่การดาเนินคดี ให้พนักงานอัยการมีอานาจดาเนินการสอบสวนเพ่ิมเติม คดีนน้ั ได้ ทง้ั นี้ ตามทเ่ี ห็นสมควร” ประเด็นการพจิ ารณาของคณะกรรมาธิการฯ คอื คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า ถ้อยคาในมาตรานี้ ท่ีระบุว่ามาตรา 143 วรรคสอง (๑) ที่ถูกต้องน่าจะเป็นมาตรา 143 วรรคสอง (ก) ซ่ึงหมายถึงการพนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนดาเนินการ สอบสวนเพม่ิ เตมิ เปน็ สาคัญ การท่ีกาหนดให้พนักงานอัยการมีอานาจดาเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเองได้ หากพนักงาน สอบสวนไม่ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมภายในกาหนดระยะเวลาน้ัน เป็นเรื่องที่ถูกต้องเพื่อให้การสอบสวนเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอันเน่ืองมาจากพนักงานสอบสวนไม่สอบสวนตามระยะเวลาท่ี พนักงานอัยการกาหนด ๑๓. มาตรา 1๕ ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๖๑/๑ แห่งประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๑๖๑/๑ ในกรณีทร่ี าษฎรเปน็ โจทก์ หากความปรากฏต่อศาลว่า โจทก์ใช้สิทธฟิ ้อง คดีโดยไม่สุจริตหรือโดยบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อกล่ันแกล้งหรือเอาเปรียบจาเลยหรือโดยมุ่งหวังผลอย่างอ่ืนยิ่งกว่า ประโยชน์ทพี่ ึงได้โดยชอบ ศาลจะมคี าสัง่ ยกฟอ้ งหรือไมป่ ระทับฟ้องนน้ั ก็ได้ และหา้ มโจทกย์ ่ืนฟ้องคดีนน้ั อกี คาสงั่ เช่นว่านไ้ี ม่ตดั อานาจพนักงานอัยการท่จี ะย่นื ฟ้องคดีนั้นใหม่”
๑๗ ประเด็นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ คือ คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า เป็นบทบัญญัติที่ดีเป็นหลักประกันมิให้บุคคลฟ้องคดีโดยมี เจตนาไม่สจุ รติ กล่นั แกลง้ ใหผ้ ้ถู กู ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนในชัน้ พิจารณาโดยมิได้มุ่งหวงั ต่อผลคดีท่ีจะนาไปสู่การ ลงโทษจาเลยอย่างแทจ้ รงิ โดยให้ศาลมีอานาจส่งั ยกฟ้องหรอื ไมป่ ระทับฟอ้ งได้ อย่างไรก็ตาม ควรกาหนดเพิ่มเติมว่า คาส่ังยกฟ้องหรือไม่ประทับฟ้องนั้นต้องระบุ ขอ้ เท็จจรงิ เกยี่ วกบั การฟ้องคดีโดยไม่สุจริตหรอื หวงั ผลทม่ี ชิ อบดงั กล่าวไว้อย่างชัดเจนด้วย ๑๔. ใหแ้ ก้ไขความในมาตรา ๑๔๕ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา เป็นดงั นี้ “มาตรา ๑๔๕ ในกรณีที่มีคาส่ังไม่ฟ้อง และคาส่ังนั้นไม่ใช่ของอัยการสูงสุดให้รีบส่ง สานวนการสอบสวนพร้อมกับคาส่ังไปเสนออัยการสูงสุดหรือผู้ท่ีอัยการสูงสุดมอบหมายเพื่อตรวจสอบและมีคาส่ัง แต่ทั้งน้ี มิไดต้ ดั อานาจพนกั งานอยั การทจ่ี ะจัดการอยา่ งใดแก่ผ้ตู อ้ งหาดงั บญั ญัตไิ วใ้ นมาตรา ๑๔๓ บทบัญญัติในมาตรานี้ ให้นามาบังคับในการที่พนักงานอัยการจะไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา หรือ ถอนฟอ้ ง ถอนอุทธรณแ์ ละถอนฎีกาโดยอนโุ ลม” ประเดน็ การพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงอานาจทาความเห็นแย้งจากผู้ว่าราชการ จงั หวดั ไปเป็นผู้บญั ชาการตารวจภธู รภาคตามประกาศคณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ ท่ี ๑๑๕/๒๕๕๗ ก่อให้เกดิ ความ ไม่สะดวกและความไม่เป็นธรรมต่อประชาชน เนื่องจากกองบัญชาการตารวจภาคอยู่ห่างไกลจากพื้นท่ี ประชาชน ติดต่อหรือร้องขอความเป็นธรรมได้ยากกว่าภายในจงั หวัดและมีการรอ้ งเรยี นมากมายวา่ หากเหน็ ว่าไม่อาจแย้งคาส่ัง ไม่ฟอ้ งของอัยการได้ จะมีตารวจภาคตกี นิ โดยไปเรยี กเงินจากผู้ต้องหาเพื่อไม่แยง้ คาส่งั อัยการ อกี ทงั้ ในการตรวจสอบ และพิจารณาสานวนการสอบสวนคดีท่ีพนักงานอัยการจังหวัดสง่ั ไม่ฟ้อง ควรถูกตรวจสอบถ่วงดุลจากฝ่ายอ่ืนที่ไม่ใช่ หน่วยตารวจ ตามหลักการเดิมในการร่างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงโดย ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยไม่ได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยท่ีเกี่ยวข้องอย่างรอบด้านและ ก่อให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติมากมายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระยะเวลาในการพิจารณาซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาได้รวดเร็วกว่า เน่ืองจากไม่ได้มีการรวมศูนย์แบบกองบัญชาการตารวจภาค รวมไปถึงการมีความเห็นแย้ง คาส่ังไม่ฟ้องของอัยการจังหวัด เพื่อปกป้องตารวจฝ่ายจับกุมหรือสอบสวนที่สรุปสานวนเสนอให้อัยการสั่งฟ้องโดย ปราศจากหลักฐานเพยี งพอในการพสิ จู น์ความผดิ ใหศ้ าลลงโทษผตู้ ้องหา อยา่ งไรกต็ าม คณะกรรมาธกิ ารเหน็ ว่า คดีที่พนักงานอัยการสงั่ ไม่ฟอ้ งไม่ว่าจะเป็นจังหวัด อ่ืนหรอื กรงุ เทพมหานคร ควรไดร้ บั การตรวจสอบเหตผุ ลในการส่ังไม่ฟ้องจากอัยการสงู สดุ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายซ่ึง เปน็ ผมู้ คี วามรแู้ ละความเช่ยี วชาญทางกฎหมายมากกวา่ ท้งั ผวู้ า่ ราชการจังหวัด และผบู้ ญั ชาการตารวจภาค รวมไปถงึ ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ จึงเสนอให้มีการลดข้ันตอนและระยะเวลาการแย้งไปแย้งมาจึงให้แก้ไขอานาจในการ ตรวจสอบคาส่ังไมฟ่ อ้ งดงั กล่าวโดยอัยการสงู สุดท้ังหมด ๑๕. ใหย้ กเลิก ๑๔๕/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ประเดน็ การพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า เม่ือมีการแก้ไขความในมาตรา ๑๔๕ แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้ส่งสานวนคดีที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องไปยังอัยการสูงสุดเพ่ือ ตรวจสอบและมีคาส่ังแทนผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตารวจภธู รภาคตามที่ปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบัน แลว้ จงึ ไมจ่ าเป็นตอ้ งมีบทบัญญตั ิมาตรา ๑๔๕/๑ อกี ตอ่ ไป
๑๘ ๕. ข้อสงั เกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ จากการศึกษากฎหมาย และรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมอาญาใน ทุกมติ แิ ลว้ เห็นว่า มีความจาเป็นอย่างเร่งดว่ นในการปฏิรูปกระบวนการยตุ ธิ รรมชนั้ สอบสวน โดยให้พนกั งานอัยการ มอี านาจตรวจสอบควบคุมการสอบสวนคดสี าคญั หรือเมื่อมีการร้องเรียนตัง้ แต่เร่ิมคดี ท้งั นี้ เพอ่ื ใหพ้ นักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนแท้จริง ป้องกันการบิดเบือน ทาลาย ทาให้สูญหายหรือสร้างพยานหลักฐาน เท็จ สร้างหลักประกันให้กระบวนการยุติธรรมทางอาญามีการปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความสุจริตและมี ประสิทธิภาพ มีความเสมอภาคเท่าเทียมกันตามหลักนิติรัฐ (The Rule of Law) สอดคล้องกับการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตยอย่างแทจ้ ริง คณะกรรมาธิการฯ จึงได้จัดทารายงานการพิจารณาศึกษา เรอ่ื ง การปฏิรูปกระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา ในชั้นสอบสวน พร้อมแนบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อเสนอสภาผ้แู ทนราษฎรพิจารณาต่อไป กมลศักดิ์ ลีวาเมาะ (นายกมลศักดิ์ ลวี าเมาะ) เลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร
ร่าง พระราชบญั ญัติ แก้ไขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. .... --------------------------------- ................................... .................................. ................................................................................................................................................... .................................................................................................................................... โดยทีเ่ ป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................... มาตรา ๑ พระราชบญั ญัติน้ีเรยี กวา่ “พระราชบัญญัติแก้ไขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมาย วิธพี ิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....” มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั ิน้ใี หใ้ ชบ้ ังคบั ตั้งแตว่ ันถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๓/๑ และมาตรา ๑๓/๒ แห่งประมวลกฎหมาย วิธีพจิ ารณาความอาญา “มาตรา ๑๓/๑ ในการจับหรือค้น ใหเ้ จ้าพนักงานผู้จับหรือค้นจัดให้มีการบันทึกภาพและเสยี ง ซึง่ สามารถนาออกถ่ายทอดได้อยา่ งต่อเนื่องไว้ เว้นแต่เป็นกรณีเรง่ ด่วนหรือมเี หตุจาเป็นอ่ืนอันไม่อาจดาเนินการได้ ก็ให้เจา้ พนักงานนั้นบันทึกเหตุดังกลา่ วไว้เป็นหลักฐานในบันทึกการจับหรือบันทึกการค้น แล้วแต่กรณี ภาพและเสียงอันได้จากการจับกุมหรือตรวจค้น ห้ามมิใหเ้ ผยแพรต่ ่อสาธารณชน” “มาตรา ๑๓/๒ ในช้ันจบั กุมหรือระหว่างสอบสวน ห้ามมิให้เจ้าพนักงานนาผู้ถูกจับหรือผตู้ ้องหา ออกแถลงข่าวหรือจัดใหบ้ ุคคลดงั กลา่ วใหส้ ัมภาษณ์ต่อส่ือมวลชน หา้ มมิให้เจ้าพนักงานตามวรรคหน่งึ เผยแพรภ่ าพหรือเสียงของผูถ้ กู จับหรือผูต้ ้องหาต่อสาธารณชน หรอื ยินยอมให้บุคคลซึ่งมิใช่เจา้ หน้าทบ่ี ันทึกภาพหรือเสยี งของผูถ้ ูกจับหรือผตู้ ้องหาหรือกระทาการอน่ื ใดอันมี ลักษณะเป็นการประจานผู้ถูกจับหรือผ้ตู ้องหา” มาตรา ๔ ให้เพมิ่ ความต่อไปน้ีเปน็ มาตรา ๘๔ แห่งประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา “มาตรา ๘๔ เจา้ พนกั งานหรือราษฎรผ้ทู าการจับตอ้ งเอาตัวผ้ถู ูกจบั ไปยังที่ทาการของ พนักงานสอบสวนตามมาตรา 83 และแจง้ พนักงานอัยการมาตรวจสอบการจับกมุ โดยทันที และเม่ือถงึ ท่ีน้ัน แล้ว ใหส้ ่งตวั ผถู้ ูกจับแก่พนักงานฝา่ ยปกครองหรือตารวจของทีท่ าการของพนักงานสอบสวนดังกล่าว เพ่อื ดาเนินการดงั ต่อไปน้ี”
2 มาตรา ๕ ให้เพ่มิ ความตอ่ ไปน้ีเปน็ มาตรา ๑๑๗/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณา ความอาญา “มาตรา ๑๑๗/๑ ในกรณีท่ผี ู้ต้องหาหรือจาเลยหลบหนีไปในระหวา่ งได้รับอนุญาตใหป้ ล่อย ช่ัวคราว มใิ ห้นบั ระยะเวลาท่ีผู้ตอ้ งหาหรอื จาเลยหลบหนรี วมเปน็ ส่วนหนง่ึ ของอายคุ วาม หรือระยะเวลาการ ควบคุมตัวตามกฎหมาย ในกรณีมีคาพพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ ให้ลงโทษจาเลย ถ้าจาเลยหลบหนไี ปในระหว่างต้องคาพิพากษา ถึงทสี่ ดุ ให้ลงโทษ มิใหน้ าบทบัญญัตมิ าตรา ๙๘ แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ” มาตรา ๖ ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เปน็ มาตรา ๑๒๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา “มาตรา ๑๒๑/๑ ในคดดี งั ต่อไปนี้ ให้พนักงานสอบสวนแจง้ ให้พนักงานอยั การเข้าตรวจสอบ การสอบสวนกบั พนกั งานสอบสวน (๑) คดีท่ีมอี ตั ราโทษจาคุกต้งั แต่หา้ ปขี น้ึ ไป (๒) คดีทผ่ี ู้มีส่วนได้เสียในคดีร้องขอ (๓) คดีอนื่ ตามที่กาหนดไวใ้ นกฎกระทรวงหรือข้อบังคับของสานักงานอัยการสูงสดุ เมื่อไดร้ ับแจ้งตามวรรคหนึง่ หากพนักงานอยั การเหน็ สมควร ใหพ้ นักงานอยั การเข้าทาการ ตรวจสอบการสอบสวนหรอื ตรวจสอบพยานหลกั ฐานตัง้ แต่ชัน้ เริม่ การสอบสวน โดยให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติ ตามคาสัง่ ของพนักงานอัยการในเรือ่ งท่เี กี่ยวกับการสอบสวนคดนี น้ั หลักเกณฑ์และวธิ กี ารในการดาเนนิ การตามวรรคหน่ึงและวรรคสองใหเ้ ป็นไปตามทีก่ าหนดไว้ ในกฎกระทรวงหรอื ข้อบงั คับของสานักงานอัยการสูงสุด ในระหวา่ งท่ีพนักงานอัยการยังมไิ ด้เข้าทาการตรวจสอบการสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนมี อานาจสอบสวนไปพลางก่อน และถือว่าการสอบสวนดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย การสอบสวนตามมาตราน้ี ให้พนักงานสอบสวนเปน็ พนักงานสอบสวนผ้รู บั ผิดชอบ” มาตรา ๗ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเปน็ มาตรา ๑๒๑/๒ แห่งประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา “มาตรา ๑๒๑/๒ ในคดีท่ีพนักงานสอบสวนไมร่ ับคาร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ หรือสอบสวน ล่าชา้ เมอ่ื ผ้เู สยี หาย หรอื ผกู้ ลา่ วหา หรอื ผูต้ อ้ งหาร้องขอพนักงานอยั การทีม่ เี ขตอานาจอาจแจ้งให้พนักงาน สอบสวนพิจารณาดาเนนิ การตามอานาจหนา้ ที่ หรอื อาจรับทาการสอบสวนเองก็ไดต้ ามที่เหน็ สมควร ในกรณที ี่พนักงานอยั การรบั ทาการสอบสวนตามวรรคหนง่ึ ให้พนักงานอัยการมีอานาจหน้าท่ี เชน่ เดียวกบั พนกั งานสอบสวนและเป็นพนักงานสอบสวนผรู้ บั ผดิ ชอบ โดยอาจแจง้ ให้พนักงานสอบสวนเข้ารว่ ม ทาการสอบสวนได้ ท้ังนี้ ให้พนกั งานอัยการเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรอื ตารวจช้นั ผใู้ หญ่ โดยในการคน้ การ จับ และการคุมขัง อาจรว่ มกับเจา้ พนกั งานตารวจ หรอื เจา้ พนักงานอ่นื หรือแจง้ ใหเ้ จ้าพนักงานตารวจ หรอื เจา้ พนักงานอน่ื ดาเนินการก็ได้” การสอบสวนตามมาตรานีใ้ ห้พนักงานอัยการเปน็ พนักงานสอบสวนผู้รบั ผดิ ชอบ เมอ่ื พนกั งานอยั การผูร้ บั ผิดชอบในการสอบสวนเห็นว่าการสอบสวนเสรจ็ สน้ิ แลว้ ให้ทา ความเห็นตามมาตรา ๑๔๐ มาตรา ๑๔๑ หรอื มาตรา ๑๔๒ พร้อมเสนอสานวนไปยังพนักงานอัยการซง่ึ มี อานาจตามมาตรา ๑๔๓ และมาตรา ๑๔๔” คณะกรรมาธกิ ารการกฎหมาย การยตุ ธิ รรมและสิทธมิ นษุ ยชน สภาผแู้ ทนราษฎร
3 มาตรา ๘ ให้เพิม่ ความต่อไปนี้เป็นวรรคท้ายของมาตรา 123 แห่งประมวลกฎหมาย วิธีพจิ ารณาความอาญา “การรอ้ งทุกขต์ ามวรรคหนึ่ง ผเู้ สยี หายสามารถร้องทกุ ข์ต่อพนกั งานสอบสวนในเขตท้องที่ใดก็ ได้ ถา้ ความผิดท่ีรอ้ งทุกขม์ ิได้อย่ใู นเขตอานาจของพนักงานสอบสวนน้นั ก็ใหร้ ีบจดั การส่งคารอ้ งทุกข์ดังกล่าวไป ยังพนักงานสอบสวนทีม่ ีอานาจโดยเรว็ ” มาตรา ๙ ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เปน็ มาตรา ๑๒๔/๒ แห่งประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา “มาตรา 124/2 การยืน่ หรอื ส่งคาร้องทุกข์ในลักษณะน้ีอาจดาเนินการโดยทางไปรษณยี ์ อเิ ลก็ ทรอนิกสห์ รือส่ือเทคโนโลยสี ารสนเทศอืน่ ใดกไ็ ด้ ทงั้ น้ี ตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารท่ีไดก้ าหนดไว้ใน กฎกระทรวง” มาตรา ๑๐ ใหเ้ พม่ิ ความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๓๖ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา “มาตรา ๑๓๖ การถามคาให้การหรือสอบปากคาผู้ร้องทุกข์ ผู้กลา่ วโทษ และผ้ตู ้องหาในคดีท่ี มขี ้อหาความผิดซึ่งกฎหมายกาหนดอัตราโทษอย่างต่าไวใ้ ห้จาคกุ ตงั้ แต่ห้าปขี ้นึ ไป ใหพ้ นักงานสอบสวนจดั ใหม้ ี การบนั ทึกภาพและเสยี งซึ่งสามารถนาออกถา่ ยทอดได้อยา่ งตอ่ เนือ่ งไว้ เวน้ แตเ่ ปน็ กรณีเร่งดว่ นหรือมีเหตุ จาเป็นอ่ืนอนั ไม่อาจดาเนินการได้ ก็ให้พนักงานสอบสวนนนั้ บันทกึ เหตดุ งั กลา่ วไวเ้ ป็นหลักฐานในสานวนการ สอบสวน” มาตรา 1๑ ให้เพ่ิมความต่อไปนีเ้ ป็นมาตรา ๑๓๖/1 แหง่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา “มาตรา 136/1 ในคดีความผิดท่ีกฎหมายกาหนดอัตราโทษอยา่ งต่าไว้ใหจ้ าคุกต้ังแตส่ บิ ปีข้นึ ไป หรอื คดที ี่มคี วามสาคัญโดยประการอืน่ และพนักงานสอบสวนเห็นว่า ข้อเท็จจรงิ ในคดีมีความสลับซบั ซ้อนและ ยากลาบากต่อการแสวงหาพยานหลักฐานเพอ่ื พสิ ูจน์ถงึ การกระทาความผิด หากปรากฏว่ามผี ูต้ ้องหาคนหน่ึงคนใด ให้การรบั สารภาพและใหข้ ้อมูลสาคัญอนั เป็นประโยชนต์ ่อการดาเนินคดีหรือพสิ ูจน์ความผดิ ของผู้บงการหรือ ผู้กระทาความผิดอ่ืนซ่ึงเป็นตัวการสาคัญ พนักงานสอบสวนอาจเสนอความเห็นต่อพนักงานอยั การว่าควรกัน ผตู้ อ้ งหานนั้ ไวเ้ ป็นพยานในการดาเนินคดีกับผู้บงการ หรือผู้กระทาความผดิ อน่ื นนั้ ซ่ึงเป็นตัวการสาคัญเมื่อ พนักงานอยั การเหน็ ชอบ ใหจ้ ัดการดังต่อไปนี้ (๑) ให้พนักงานสอบสวนส่งสานวนการสอบสวนผตู้ ้องหาน้ันไปยังพนักงานอยั การ เพื่อฟ้องต่อศาล (๒) ให้พนักงานอัยการบรรยายฟ้องให้ศาลทราบดว้ ยวา่ จาเลยจะเปน็ พยานสาคัญในคดีที่จะฟอ้ ง ผบู้ งการ ตัวการสาคัญ หรือผรู้ ว่ มกระทาความผิดคนอื่น (๓) ให้ศาลรอการกาหนดโทษจาเลยผ้นู ้นั ไวก้ ่อน จนกวา่ จาเลยน้นั จะไปเป็นพยานในคดที ่ีผู้บง การ ตวั การสาคัญ หรือผูร้ ่วมกระทาความผิดคนอน่ื ถูกฟ้องเป็นจาเลยแลว้ และหากศาลเหน็ ว่าคาเบิกความของ จาเลยนั้นเป็นข้อมลู สาคญั และเปน็ ประโยชน์อยา่ งย่ิงจนส่งผลให้ศาลในคดดี งั กลา่ วสามารถพิจารณาพิพากษา ลงโทษบุคคลเหล่านั้นได้ ศาลจะลงโทษจาเลยผู้นนั้ น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่าท่ีกาหนดไว้สาหรับความผิดน้ันก็ได้ ในกรณีที่พนกั งานอัยการเหน็ สมควรให้กนั ผูต้ ้องหาเป็นพยานให้นาความในวรรคหนึ่งมาใช้บงั คบั โดยอนุโลม” คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุตธิ รรมและสิทธิมนษุ ยชน สภาผู้แทนราษฎร
4 มาตรา 1๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เปน็ มาตรา ๑๔๒/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา “มาตรา 142/1 ให้พนกั งานสอบสวนสง่ สานวนการสอบสวนในกรณีผ้ตู ้องหาถูกขังอยูต่ าม มาตรา ๑๔๒ วรรคสามไปยังพนกั งานอัยการ ดังนี้ (1) ในกรณีความผิดอาญาซึง่ มอี ตั ราโทษอย่างสงู เกนิ กว่าหกเดือนแต่ไมถ่ ึงสิบปี หรือปรบั เกนิ กว่าหา้ ร้อยบาท หรือทง้ั จาทง้ั ปรบั ใหส้ ง่ สานวนไมน่ อ้ ยกว่าสิบสองวนั กอ่ นวันครบกาหนดขงั ผู้ต้องหาครั้ง สุดท้าย (2) ในกรณีความผิดอาญาซ่ึงมอี ตั ราโทษอย่างสงู ตง้ั แต่สิบปีข้ึนไป จะมโี ทษปรับด้วยหรือไม่ก็ ตาม ใหส้ ่งสานวนไม่น้อยกว่าย่สี บิ ส่วี นั กอ่ นวนั ครบกาหนดขงั ผู้ตอ้ งหาครง้ั สดุ ท้าย ในกรณีที่มเี หตุขัดขอ้ งอันสาคัญและจาเปน็ ที่ไม่สามารถทาการสอบสวนเสรจ็ สนิ้ ภายใน ระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง หรือมเี หตอุ ื่นใดที่ทาให้ระยะเวลาในการขงั ผตู้ ้องหาเปลยี่ นแปลงไป ใหพ้ นักงาน สอบสวนรีบแจง้ ไปยังพนักงานอัยการเพอ่ื เขา้ ทาการตรวจสอบการสอบสวนทนั ที และขอคาแนะนาในการ ดาเนินคดีดังกลา่ ว เพ่ือให้สามารถดาเนนิ การส่งสานวนการสอบสวนได้อยา่ งครบถ้วนโดยเรว็ ” มาตรา 1๓ ใหเ้ พมิ่ ความต่อไปน้เี ปน็ มาตรา ๑๔๓/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา “มาตรา 143/1 ในกรณปี รากฏพยานหลกั ฐานและข้อเท็จจรงิ ในสานวนหรอื ผูม้ สี ่วนไดเ้ สีย รอ้ งโดยมพี ยานหลักฐานวา่ มีบุคคลอนื่ มีส่วนรว่ มในการกระทาความผดิ ในสานวนใด ให้พนักงานอยั การมีอานาจ สั่งใหพ้ นกั งานสอบสวนทาการสอบสวนบคุ คลนน้ั ซง่ึ ปรากฏตามสานวนว่าเป็นผูม้ สี ่วนร่วมในการกระทา ความผดิ เปน็ ผตู้ อ้ งหาเพิม่ เตมิ ในสานวนน้นั หรือเปน็ อีกสานวนหน่งึ ก็ได”้ มาตรา 1๔ ใหเ้ พ่ิมความต่อไปนเี้ ปน็ มาตรา 143/2 แหง่ ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา “มาตรา 143/2 ในกรณีพนักงานอยั การสง่ั ให้พนักงานสอบสวนดาเนนิ การสอบสวนเพ่ิมเตมิ ตามมาตรา 143 วรรคสอง (ก) นัน้ หากพนกั งานสอบสวนไมส่ ่งผลการสอบสวนเพม่ิ เติมภายในกาหนด ระยะเวลา และเพ่ือมิใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกก่ ารดาเนินคดี ให้พนักงานอยั การมีอานาจดาเนินการสอบสวน เพิม่ เติมคดีนน้ั ได้ ท้ังน้ี ตามท่ีเห็นสมควร” มาตรา 1๕ ใหเ้ พิ่มความต่อไปนี้เปน็ มาตรา ๑๔๕ แหง่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา ดังน้ี “มาตรา ๑๔๕ ในกรณีทม่ี คี าส่ังไม่ฟ้อง และคาสั่งนัน้ ไมใ่ ช่ของอยั การสูงสุดใหร้ ีบส่งสานวนการ สอบสวนพร้อมกับคาสง่ั ไปเสนออยั การสูงสดุ หรอื ผูท้ ่ีอัยการสูงสุดมอบหมายเพ่ือตรวจสอบและมคี าสง่ั แต่ทง้ั น้ี มไิ ด้ตดั อานาจพนกั งานอยั การทจี่ ะจดั การอย่างใดแกผ่ ้ตู อ้ งหาดังบญั ญัติไวใ้ นมาตรา ๑๔๓ บทบญั ญตั ใิ นมาตรานี้ ใหน้ ามาบังคับในการที่พนักงานอยั การจะไม่อุทธรณ์ ไม่ฎกี า หรือถอนฟ้อง ถอนอุทธรณ์และถอนฎกี าโดยอนุโลม” มาตรา 1๖ ให้ยกเลกิ มาตรา ๑๔๕/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา คณะกรรมาธกิ ารการกฎหมาย การยตุ ธิ รรมและสิทธมิ นุษยชน สภาผแู้ ทนราษฎร
5 มาตรา ๑๗ ใหเ้ พ่มิ ความต่อไปนเี้ ป็นมาตรา ๑๖๑/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา “มาตรา ๑๖๑/๑ ในกรณีท่ีราษฎรเปน็ โจทก์ หากความปรากฏตอ่ ศาลว่า โจทก์ใชส้ ทิ ธิฟ้องคดี โดยไมส่ ุจริตหรอื โดยบิดเบือนข้อเทจ็ จริงเพ่ือกลั่นแกล้งหรอื เอาเปรียบจาเลยหรอื โดยมุ่งหวงั ผลอยา่ งอ่ืนยงิ่ กวา่ ประโยชน์ทพี่ ึงได้โดยชอบ ศาลจะมคี าสงั่ ยกฟ้องหรือไม่ประทบั ฟ้องน้ันก็ได้ และห้ามโจทก์ยืน่ ฟ้องคดนี น้ั อีก คาสั่งเช่นวา่ นีไ้ มต่ ดั อานาจพนักงานอัยการที่จะยืน่ ฟ้องคดนี ้ันใหม่” ผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ ....................................... นายกรฐั มนตรี คณะกรรมาธกิ ารการกฎหมาย การยุตธิ รรมและสิทธิมนษุ ยชน สภาผูแ้ ทนราษฎร
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก ร่างพระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพมิ่ เติมประมวลกฎหมาย วธิ พี ิจารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... ของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ดา้ นกระบวนการยุตธิ รรม
รา่ ง พระราชบัญญัติ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... --------------------------------- ................................... .................................. ................................................................................................................................................... .................................................................................................................................... โดยท่ีเป็นการสมควรแก้ไขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................... มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมาย วธิ ีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. ....” มาตรา ๒ พระราชบัญญตั นิ ้ีใหใ้ ช้บงั คบั ตัง้ แต่วันถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๓/๑ และมาตรา ๑๓/๒ แห่งประมวลกฎหมาย วิธพี จิ ารณาความอาญา “มาตรา ๑๓/๑ ในการจับหรือค้น ให้เจ้าพนักงานผู้จับหรือค้นจัดให้มีการบันทึกภาพและเสียงซ่ึง สามารถนาออกถ่ายทอดได้อย่างต่อเนื่องไว้ เว้นแต่เป็นกรณีเร่งด่วนหรือมีเหตุจาเป็นอ่ืนอันไม่อาจดาเนินการได้ ก็ให้เจา้ พนักงานนั้นบนั ทกึ เหตุดงั กล่าวไวเ้ ป็นหลกั ฐานในบนั ทกึ การจับหรอื บันทึกการคน้ แล้วแตก่ รณี” “มาตรา ๑๓/๒ ในชั้นจับกุมหรือระหว่างสอบสวน ห้ามมิให้เจ้าพนักงานผู้จับหรือรับตัวผู้ถูก จับหรือพนักงานสอบสวนนาผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาออกแถลงข่าวหรือจัดให้บุคคลดังกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อ ส่อื มวลชน เจ้าพนักงานหรือพนักงานสอบสวนตามวรรคหน่ึงต้องไม่เผยแพร่ภาพหรือเสียงของผู้ถูกจับ หรอื ผ้ตู ้องหาตอ่ สาธารณชนหรือยินยอมให้บคุ คลซ่ึงมิใช่เจา้ หน้าท่ีบนั ทึกภาพหรือเสียงของผู้ถูกจับหรือผตู้ ้องหา หรือกระทาการอื่นใดอันมีลักษณะเป็นการประจานผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหา แต่ทั้งน้ี มิให้รวมถึงการกระทาตาม ความจาเปน็ และสมควรเพื่อประโยชนแ์ กก่ ารสอบสวนหรือติดตามจบั กุมผกู้ ระทาความผิด” มาตรา ๔ ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๑๗/๑ และมาตรา ๑๑๗/๒ แห่งประมวล กฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา “มาตรา ๑๑๗/๑ ในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจาเลยหลบหนีไปในระหว่างได้รับอนุญาตให้ปล่อย ชั่วคราว มิให้นับระยะเวลาท่ผี ู้ต้องหาหรือจาเลยหลบหนรี วมเป็นส่วนหน่งึ ของอายุความ เอกสารแก้ไขในท่ีประชุมครง้ั ท่ี 28/2561 วันท่ี 9 สงิ หาคม 2561
-๒- ในกรณีมีคาพิพากษาถึงท่ีสุดให้ลงโทษจาเลย ถ้าจาเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคาพิพากษา ถึงท่สี ุดให้ลงโทษ มิใหน้ าบทบญั ญัติมาตรา ๙๘ แหง่ ประมวลกฎหมายอาญามาใชบ้ งั คบั ” “มาตรา ๑๑๗/๒ ผ้ตู ้องหาหรือจาเลยทหี่ ลบหนไี ปในระหว่างท่ไี ดร้ บั อนุญาตให้ปลอ่ ยช่วั คราว ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินหกเดอื น หรอื ปรับไมเ่ กนิ หนึ่งหมน่ื บาท หรอื ท้งั จาท้ังปรบั ถ้าการกระทาผดิ ตามวรรคหนงึ่ เป็นการกระทาในระหว่างที่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจากศาล ใหศ้ าลท่ีมีคาสัง่ เช่นว่านนั้ มอี านาจไตส่ วนและลงโทษผู้กระทาผิดไดโ้ ดยมิต้องฟ้อง ความผิดตามวรรคหน่ึงไม่ระงับไปเพราะเหตุที่คดีของผู้ต้องหาหรือจาเลยนั้นมีการส่ังไม่ฟ้อง ยกฟอ้ ง จาหน่ายคดี หรอื ถอนฟอ้ ง” มาตรา 5 ใหเ้ พมิ่ ความตอ่ ไปนี้เป็นมาตรา ๑๒๑/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา “มาตรา ๑๒๑/๑ ในคดีดังต่อไปน้ี ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้พนักงานอัยการร่วมทาการ สอบสวนกบั พนกั งานสอบสวน (๑) คดที ี่มอี ตั ราโทษอยา่ งต่าให้จาคุกต้งั แตส่ บิ ปขี ึน้ ไป หรอื โทษสถานทห่ี นกั กวา่ น้นั (๒) คดีท่ีผ้มู ีสว่ นได้เสยี ในคดีรอ้ งขอให้พนกั งานอยั การเข้ารว่ มทาการสอบสวน (๓) คดที พ่ี นักงานสอบสวนเห็นว่าควรได้รับคาปรึกษาแนะนาจากพนักงานอัยการ (๔) คดอี ื่นตามทีก่ าหนดไวใ้ นกฎกระทรวง เมื่อได้รับแจ้งตามวรรคหนึ่ง หากพนักงานอัยการเห็นสมควร ให้พนักงานอัยการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้คาแนะนาหรือตรวจสอบพยานหลักฐานตั้งแต่ชั้นเร่ิมการสอบสวน โดยให้ พนักงานสอบสวนปฏิบตั ิตามคาแนะนาของพนักงานอยั การในเร่ืองท่ีเกย่ี วกับการสอบสวนคดีนน้ั หลักเกณฑ์และวิธกี ารในการดาเนินการตามวรรคหนึง่ และวรรคสองให้เป็นไปตามที่กาหนดไว้ ในกฎกระทรวง ในระหว่างที่พนักงานอัยการยังมิได้เข้าร่วมการสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนมีอานาจ สอบสวนไปพลางก่อน และถือว่าการสอบสวนดงั กล่าวชอบดว้ ยกฎหมาย การสอบสวนตามมาตรานี้ ให้พนักงานสอบสวนเปน็ พนกั งานสอบสวนผูร้ ับผิดชอบ” มาตรา 6 ให้เพิ่มความตอ่ ไปนี้เป็นมาตรา ๑๒๑/๒ แห่งประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา “มาตรา ๑๒๑/๒ ในคดที ีพ่ นกั งานสอบสวนไมร่ ับคาร้องทุกขห์ รือกล่าวโทษ เมอื่ ผู้เสียหายหรือ ผู้กล่าวหาร้องขอ พนักงานอัยการที่มีเขตอานาจอาจแจ้งให้พนักงานสอบสวนพิจารณาดาเนินการตามอานาจ หน้าท่ี หรอื อาจรับทาการสอบสวนเองก็ไดต้ ามที่เห็นสมควร ในกรณที ีพ่ นักงานอัยการรับทาการสอบสวนตามวรรคหนง่ึ ให้พนกั งานอัยการมีอานาจหน้าท่ี เช่นเดียวกับพนกั งานสอบสวนและเป็นพนักงานสอบสวนผรู้ ับผดิ ชอบ โดยอาจแจ้งให้พนักงานสอบสวนเข้าร่วม ทาการสอบสวนได้ ทั้งนี้ ให้พนักงานอัยการเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจช้ันผู้ใหญ่ โดยในการค้น การจบั และการคุมขงั อาจร่วมกับเจ้าพนกั งานตารวจ หรือเจา้ พนกั งานอ่นื หรือแจ้งให้เจา้ พนกั งานตารวจ หรือ เจา้ พนักงานอน่ื ดาเนนิ การก็ได้” การสอบสวนตามมาตราน้ใี ห้พนักงานอัยการเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผดิ ชอบ เอกสารแกไ้ ขในท่ีประชมุ ครง้ั ท่ี 28/2561 วนั ท่ี 9 สิงหาคม 2561
-3– เม่ือพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบในการสอบสวนเห็นว่าการสอบสวนเสร็จส้ินแล้วให้ทา ความเห็นความเหน็ ตามมาตรา ๑๔๐ มาตรา ๑๔๑ หรือมาตรา ๑๔๒ พร้อมเสนอสานวนไปยังพนกั งานอัยการ ซงึ่ มอี านาจตามมาตรา ๑๔๓ และมาตรา ๑๔๔” มาตรา 7 ให้เพิ่มความต่อไปน้ีเป็นวรรคท้ายของมาตรา 123 แห่งประมวลกฎหมาย วิธีพจิ ารณาความอาญา “การร้องทุกข์ตามวรรคหน่ึง ผู้เสียหายสามารถร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในเขตท้องท่ีใด ก็ได้ ถ้าความผิดท่ีร้องทุกข์มิได้อยใู่ นเขตอานาจของพนักงานสอบสวนนัน้ ก็ให้รีบจัดการสง่ คาร้องทุกข์ดังกล่าว ไปยงั พนักงานสอบสวนที่มอี านาจโดยเร็ว มาตรา 8 ใหเ้ พ่มิ ความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๒๔/๒ แห่งประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา “มาตรา 124/2 การยื่นหรือส่งคาร้องทุกข์ในลักษณะนี้อาจดาเนินการโดยทางไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์หรือส่ือเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใดก็ได้ ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีได้กาหนดไว้ใน กฎกระทรวง” มาตรา 9 ใหเ้ พมิ่ ความตอ่ ไปน้ีเป็นมาตรา ๑๓๖ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา “มาตรา ๑๓๖ การถามคาให้การหรือสอบปากคาผู้ต้องหาในคดที ่ีมขี ้อหาความผดิ ซ่ึงกฎหมาย กาหนดอัตราโทษอย่างต่าไว้ให้จาคุกต้ังแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านน้ั ให้พนักงานสอบสวนจัดให้มี การบันทึกภาพและเสียงซึ่งสามารถนาออกถ่ายทอดได้อย่างต่อเนื่องไว้ เว้นแต่เป็นกรณีเร่งด่วนหรือมีเหตุ จาเป็นอื่นอันไม่อาจดาเนินการได้ ก็ให้พนักงานสอบสวนน้ันบันทึกเหตุดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานในสานวนการ สอบสวน” มาตรา 10 ให้เพ่ิมความต่อไปน้ีเป็นมาตรา ๑๓๖/1 แหง่ ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา “มาตรา 136/1 ในคดีความผดิ ที่กฎหมายกาหนดอัตราโทษอย่างต่าไวใ้ ห้จาคุกตั้งแตส่ ิบปีขึ้นไป หรือคดีท่ีมีความสาคัญโดยประการอื่น และพนักงานสอบสวนเห็นวา่ ข้อเท็จจริงในคดีมีความสลับซับซ้อนและ ยากลาบากต่อการแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ถึงการกระทาความผิด หากปรากฏว่ามีผู้ต้องหาคนหน่ึงคนใด ให้การรับสารภาพและให้ข้อมูลสาคัญอันเป็นประโยชน์ต่อการดาเนินคดีหรือพิสูจน์ความผิดของผู้บงการหรือ ผู้กระทาความผิดอื่นซึ่งเป็นตัวการสาคัญ พนักงานสอบสวนอาจเสนอความเห็นต่อพนักงานอัยการว่าควรกัน ผู้ต้องหานั้นไว้เป็นพยานในการดาเนินคดีกับผู้บงการ หรือผู้กระทาความผิดอ่ืนน้ันซึ่งเป็นตัวการสาคัญ เมื่อพนกั งานอยั การเห็นชอบ ใหจ้ ดั การดงั ต่อไปน้ี (๑) ให้พนักงานสอบสวนส่งสานวนการสอบสวนผู้ต้องหานั้นไปยังพนักงานอัยการ เพื่อฟอ้ งตอ่ ศาล (๒) ให้พนักงานอัยการบรรยายฟ้องให้ศาลทราบด้วยว่า จาเลยจะเป็นพยานสาคัญในคดี ท่ีจะฟอ้ งผ้บู งการ ตวั การสาคญั หรอื ผรู้ ว่ มกระทาความผดิ คนอื่น (๓) ใหศ้ าลรอการกาหนดโทษจาเลยผู้นั้นไว้ก่อน จนกวา่ จาเลยน้ันจะไปเป็นพยานในคดีที่ ผบู้ งการ ตัวการสาคญั หรอื ผรู้ ว่ มกระทาความผิดคนอื่นถูกฟ้องเปน็ จาเลยแลว้ และหากศาลเห็นว่าคาเบิกความ ของจาเลยนั้นเป็นข้อมูลสาคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งจนส่งผลให้ศาลในคดีดังกล่า วสามารถพิจารณา พิพากษาลงโทษบุคคลเหล่านั้นได้ ศาลจะลงโทษจาเลยผู้น้ันน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่าท่ีกาหนดไว้สาหรับ ความผิดนน้ั ก็ได้” ในกรณีท่ีพนักงานอัยการเห็นสมควรให้กันผู้ต้องหาเป็นพยานให้นาความในวรรคหนึ่งมาใช้ บังคับโดยอนโุ ลม เอกสารแกไ้ ขในท่ีประชุมคร้งั ที่ 28/2561 วนั ท่ี 9 สงิ หาคม 2561
-4– มาตรา 11 ให้เพ่มิ ความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๔๒/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา “มาตรา 142/1 ให้พนักงานสอบสวนส่งสานวนการสอบสวนในกรณีผู้ต้องหาถูกขังอยู่ตาม มาตรา ๑๔๒ วรรคสามไปยงั พนักงานอัยการ ดังนี้ (1) ในกรณีความผิดอาญาซ่ึงมีอัตราโทษอย่างสูงเกินกว่าหกเดือนแต่ไม่ถึงสิบปี หรือปรับเกิน กวา่ หา้ ร้อยบาท หรอื ทั้งจาท้ังปรบั ให้สง่ สานวนไมน่ ้อยกว่าสิบสองวันก่อนวนั ครบกาหนดขังผูต้ ้องหาคร้ังสุดท้าย (2) ในกรณีความผิดอาญาซ่ึงมีอัตราโทษอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป จะมีโทษปรับด้วยหรือไม่ก็ ตาม ให้ส่งสานวนไม่นอ้ ยกวา่ ยส่ี บิ ส่วี นั กอ่ นวันครบกาหนดขงั ผ้ตู ้องหาครัง้ สดุ ท้าย ในกรณีที่มีเหตุขัดข้องอันสาคัญและจาเป็นท่ีไม่สามารถส่งสานวนภายในระยะเวลาตามวรรคหน่ึง หรือมีเหตุอื่นใดท่ีทาให้ระยะเวลาในการขังผู้ต้องหาเปล่ียนแปลงไป ให้พนักงานสอบสวนรีบแจ้งไปยังพนักงาน อัยการเพ่ือประสานการดาเนินคดี และขอคาแนะนาในการดาเนินคดีดังกล่าว เพ่ือให้สามารถดาเนินการส่ง สานวนการสอบสวนได้อยา่ งครบถว้ นโดยเรว็ ” มาตรา 12 ให้เพ่ิมความตอ่ ไปน้ีเปน็ มาตรา ๑๔๓/๑ แหง่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา “มาตรา 143/1 ในกรณีปรากฏพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงในสานวนหรือผู้มีส่วนได้เสีย ร้องโดยมีพยานหลักฐานวา่ มบี คุ คลอื่นมีส่วนร่วมในการกระทาความผดิ ในสานวนใด ให้พนักงานอยั การมีอานาจ ส่ังให้พนักงานสอบสวนทาการสอบสวนบุคคลนั้นซึ่งปรากฏตามสานวนว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทา ความผดิ เป็นผตู้ อ้ งหาเพ่มิ เตมิ ในสานวนน้ันหรอื เปน็ อกี สานวนหน่งึ ก็ได้” มาตรา 13 ใหเ้ พมิ่ ความต่อไปนเ้ี ป็นมาตรา 143/2 แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา “มาตรา 143/2 ในกรณีพนกั งานอัยการส่ังให้พนักงานสอบสวนดาเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ตามมาตรา 143 วรรคสอง (1) นั้น หากพนักงานสอบสวนไม่ส่งผลการสอบสวนเพ่ิมเติมภายในกาหนด ระยะเวลา และเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่การดาเนินคดี ให้พนักงานอัยการมีอานาจดาเนินการสอบสวน เพ่มิ เติมคดนี ั้นได้ ทัง้ น้ี ตามทเ่ี ห็นสมควร” มาตรา 14 ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๖๑/๑ และมาตรา ๑๖๕/๑ แห่งประมวล กฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา “มาตรา ๑๖๑/๑ ในกรณที ร่ี าษฎรเป็นโจทก์ หากความปรากฏต่อศาลวา่ โจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดี โดยไม่สุจริตหรือโดยบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อกลั่นแกล้งหรือเอาเปรียบจาเลยหรือโดยมุ่งหวังผลอย่างอ่ืนย่ิงกวา่ ประโยชน์ที่พึงได้โดยชอบ ศาลจะมคี าสงั่ ยกฟ้องหรือไม่ประทบั ฟ้องน้นั ก็ได้ และห้ามโจทก์ยน่ื ฟ้องคดีนนั้ อีก คาสั่งเช่นว่านี้ไม่ตัดอานาจพนักงานอัยการท่ีจะยื่นฟ้องคดีนั้นใหม่” ผู้รบั สนองพระบรมราชโองการ ....................................... นายกรฐั มนตรี เอกสารแก้ไขในทป่ี ระชุมครง้ั ท่ี 28/2561 วนั ที่ 9 สิงหาคม 2561
ภาคผนวก ข รา่ งพระราชบญั ญตั ิการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... ในช้ันกฤษฎีกา
รา่ งฯ ทจ่ี ดั ใหม้ กี ารรบั ฟังความคิดเห็น บนั ทกึ หลักการและเหตผุ ล ประกอบรา่ งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดอี าญา พ.ศ. .... หลกั การ ใหม้ ีกฎหมายว่าดว้ ยการสอบสวนคดีอาญา เหตผุ ล โดยท่ีมาตรา ๒๕๘ ง. ดา้ นกระบวนการยตุ ิธรรม (๒) ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้ดำเนนิ การปฏิรูปประเทศในดา้ นกระบวนการยุติธรรมใหเ้ กดิ ผล โดยปรบั ปรุงระบบการสอบสวนคดอี าญาให้มีการตรวจสอบและถ่วงดลุ ระหว่างพนักงานสอบสวน กับพนักงานอยั การอยา่ งเหมาะสม กำหนดระยะเวลาในการปฏบิ ัตหิ น้าท่ขี องเจา้ หน้าทท่ี ่ีเกีย่ วขอ้ ง ทุกฝ่ายใหช้ ดั เจนเพ่ือมิใหค้ ดีขาดอายุความ และสรา้ งความเชอื่ ม่ันในการปฏบิ ัติหนา้ ที่ของ พนกั งานสอบสวนและพนักงานอยั การในการสอบสวนคดีอาญา และเพื่อให้ระบบการสอบสวน คดีอาญาสามารถอำนวยความยตุ ธิ รรมไดอ้ ย่างถูกต้อง รวดเรว็ และมีประสิทธภิ าพ สมควรให้มี กฎหมายกลางว่าด้วยการสอบสวนคดอี าญาของข้าราชการตำรวจ เพอื่ พัฒนาระบบการบรหิ ารงาน สอบสวนร่วมกันระหว่างองค์กรทีเ่ ก่ียวข้อง และยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนท่ดี ีและมมี าตรฐาน จงึ จำเป็นตอ้ งตราพระราชบัญญัติน้ี
ร่าง พระราชบัญญตั ิ การสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... .......................................... .......................................... .......................................... ............................................................................................................................. ....... .......................................... โดยท่ีเปน็ การสมควรมีกฎหมายวา่ ดว้ ยการสอบสวนคดีอาญา ............................................................................................................................. ....... .......................................... มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกวา่ “พระราชบญั ญัติการสอบสวนคดอี าญา พ.ศ. ....” มาตรา ๒ พระราชบัญญตั นิ ี้ใหใ้ ช้บังคับเม่อื กฎและระเบียบท่ีออกตามมาตรา ๒๗ มผี ลใช้บงั คบั แต่ต้องไมช่ า้ กว่าสองรอ้ ยเจด็ สิบวนั นบั แตว่ นั ทพ่ี ระราชบัญญัตนิ ปี้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแตม่ าตรา ๒๗ ให้ใช้บงั คับตงั้ แตว่ ันถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นตน้ ไป มาตรา ๓ การสบื สวนและการสอบสวนของข้าราชการตำรวจ ให้ดำเนนิ การ ตามพระราชบญั ญตั ิน้ี เวน้ แต่ในเร่ืองใดมิได้กำหนดไว้ในพระราชบญั ญัตนิ ้ี ให้ดำเนินการตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญตั ิน้ี “ก.ตร.” หมายความวา่ คณะกรรมการตำรวจแหง่ ชาติตามกฎหมายวา่ ด้วยตำรวจ แหง่ ชาติ “พนักงานสอบสวน” หมายความวา่ พนกั งานสอบสวนตามมาตรา ๕ “ผู้ชว่ ยพนกั งานสอบสวน” หมายความวา่ ขา้ ราชการตำรวจซ่งึ ดำรงตำแหนง่ ผู้ช่วยพนักงานสอบสวนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยตำรวจแห่งชาติ มาตรา ๕ อำนาจในการสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา ในสว่ นทเี่ กี่ยวกับขา้ ราชการตำรวจ ให้เปน็ อำนาจของขา้ ราชการตำรวจในสายงานสอบสวนตำแหน่ง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168